Only You EP.5 :: [75%]เพราะมหาวิทยาลัยผมไม่ได้อยู่ในเมืองกรุงฯ เลยใช้เวลาในการเดินทางระยะหนึ่ง เราสองคนเลยนั่งนิ่งๆ เงียบๆ ราวกับรับรู้กันเองว่าควรรอจังหวะเวลาเคลียร์กันแค่สองคนโดยไม่มีคนอื่นอยู่ ผมเลยนอนซบอกเขาไปอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้เขาลูบหัว ลูบแขนจนผล็อยหลับไป รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่โดนเขาสะกิดเรียกเบาๆ ว่าถึงหน้าประตูโรงแรมแล้ว ประตูรถเลื่อนเปิดออกช้าๆ การ์ดสองคนด้านหลังเดินลงจากรถไปก่อน ผมทำท่าจะลุกขึ้นจากตักเขา แต่วิคเตอร์กระชับอ้อมแขนโอบร่างผมไว้แน่น ค่อยๆ กระเถิบก้นออกจากเบาะนุ่มๆ ของรถตู้ โดยที่พยายามอุ้มผมไว้ด้วย
“ผมเดินเองได้” ผมบอกเขาเสียงนิ่ง
“แต่ฉันจะอุ้ม อย่าดื้อนะ ไม่งั้นฉันทุ่มนายลงพื้นแน่” เขาขู่สีหน้าโหดนิดๆ ผมได้แค่ทำหน้าขัดใจเงียบๆ และปล่อยให้เขาอุ้มลงจากรถไปยืนบนพื้น ผมแอบหันหน้าออกจากอกเขาไปมอง พนักงานโรงแรมยืนต้อนรับกันเป็นทิวแถว พอเห็นว่ามีคนเยอะผมเลยมุดหน้าหนีแนบเข้ากับอกวิคเตอร์จนได้ยินเสียงเขาหัวเราะทุ้มหนัก
ผมปล่อยให้เขาอุ้มเข้าไปด้านในโรงแรม เดินไปเรื่อยๆ โดยที่ผมยังคงซุกหน้าเข้ากับอกเขา มือซ้ายยกขึ้นมาดึงเสื้อยืดสีขาวที่เขาใส่ไว้แน่น ไม่รู้ว่ามีใครมองบ้างรึเปล่า แต่ผมเริ่มใจไม่ดีอีกแล้ว เมื่อคิดได้ว่านี่มันประเจิดประเจ้อไปมั้ยสำหรับพระเอกฮอลลีวูดผู้มีชื่อเสียง แม้อาจจะยังไม่ดังทั่วโลก แต่เดี๋ยวพอหนังเขาฉาย ผมกล้าคอนเฟิร์มเลยว่า เขาจะเป็นที่รู้จักวงกว้างกว่านี้แน่นอน แต่ถึงตอนนี้ยังไม่ดังวงกว้าง แต่ชื่อวิคเตอร์ เรย์มอนด์ก็ได้รับความสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะประเด็นเรื่องผม มันเพิ่งสงบไป ผมไม่แน่ใจว่าการที่ทำแบบนี้ จะมีประเด็นข่าวหลุดลอด เล็ดลอดออกไปให้สื่อต่างประเทศมากน้อยแค่ไหน เอาแค่สื่อไทย ผมยังภาวนาว่าอย่าเพิ่งรู้เลย ถ้ารู้ก็จงรู้แค่ว่าเขามาไทยเท่านั้น ไม่ได้มาหาผม
“Austin—could you find some chocolate for him? (ช่วยหาช็อคโกแล็ตให้เขาทานหน่อยได้มั้ยออสติน)”
“เขาชอบทานแบบไหนครับ” เสียงของการ์ดหัวเกรียนถามตอนที่เรากำลังรอลิฟต์อยู่
“แบบไหนก็ได้ ขอแค่เป็นช็อคโกแล็ตเขาชอบกินหมดนั่นแหละ” ผมแอบเอาหน้าออกจากหน้าอกเขา เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหนวดเคราดกหนากว่าเดิม เขาก้มลงมามองผมพร้อมรอยยิ้ม
“บอดี้การ์ดคุณหรอ” ผมถามและแอบชำเลืองมองไปทางออสตินหัวเกรียนหน้าดุ ที่ยืนมองผมกลับมาด้วยความนิ่งสงบ ท่าทางจะถูกฝึกมาอย่างดีแฮะ
“ใช่ ค่ายหนังเขาบอกว่าฉันควรมีคนดูแลและคุ้มครอง ถึงจะเป็นผู้ชายก็เถอะ”
“แปลก คุณยอมให้คนอื่นเข้าใกล้คุณด้วยเหรอเนี่ย”
“ออสตินเป็นพวกที่ไม่ยุ่งวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของฉัน เขาเลยอยู่ได้ เรียกง่ายๆ ว่าเขาไม่จุ้นจ้านแบบนาย” เขายิ้มทะเล้น ผมแอบย่นคิ้วและส่งสายตาจิกกัดไปให้เขา
“ผมอยากจุ้นจ้านกับคุณจังแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะหน้าที่เด็กฝึกงาน ผมไม่ทำหรอก”
“ดีแล้วที่นายจุ้นจ้าน ไม่งั้นฉันจะรักนายเหรอ” ผมรู้สึกถึงความร้อนบนใบหน้า เลยได้ทำแก้มป่องน้อยๆ วิคเตอร์ยิ้มอย่างร้ายกาจและก้าวเท้าเดินเข้าไปในลิฟต์ ออสตินยื่นบัตรคีย์การ์ดมาให้ ผมเลยอาสายื่นมือซ้ายออกไปรับ แล้วเขาก็หมุนตัวเดินกลับออกไปทางเดิม คงไปหาซื้อช็อคโกแล็ตมาให้ แถวนี้คงมีเซเว่นให้เขานะ
“นี่ ไม่เมื่อยรึไง เดี๋ยวผมลงไปยืนเองก็ได้” ผมว่าหน้ามุ่ย รู้สึกหมั่นไส้กับความเจ็นเทิลแมนของเขานิดหน่อย ทำมาเป็นโชว์แมนอุ้มไม่ยอมวาง
“สองเดือนที่ผ่านมา ฉันอุ้มแต่ไมเคิลกับฟอกซ์ ให้ฉันได้อุ้มนายบ้างเถอะ” พอได้ยินชื่อเจ้าสองตัวนั้น ผมก็มองเขาตาแป๋วด้วยความคิดถึงทันที
“พวกมันเป็นยังไงบ้าง” เสียงลิฟต์ดังขึ้นเมื่อมาถึงชั้นที่ยี่สิบของตึก ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของตึกฝั่งที่วิคเตอร์อยู่ เขาก้าวเท้าเดินออกไปบนทางปูพรมพร้อมกับพูดถึงเจ้าสองพี่น้องนั่นให้ผมฟัง
“มันคิดถึงนายกันนะ โดยเฉพาะไมเคิล มันไม่เห่าก่อนกินข้าวอีกเลยตั้งแต่นายกลับมาที่ไทย”
“ผมก็คิดถึงพวกมัน” ผมบอกเสียงหงอยๆ นึกถึงหน้าตาน่ารัก ตัวอ้วนๆ จ้ำม่ำของเจ้าสองพี่น้องแล้วก็อยากกอดมันจัง
“แล้วไม่คิดถึงฉันบ้างรึไง” ผมทำหน้างอใส่เขาทันที ประเด็นนี้ยังไม่เคลียร์ เดี๋ยวต้องมีสักตุบสองตุบ เอาให้หายหงุดหงิดใจ วิคเตอร์หัวเราะน้อยๆ ให้กับสีหน้าที่ผมแสดงออก วิคเตอร์หยุดยืนที่ประตูสีน้ำตาลบานหนึ่ง ผมเลยยื่นคีย์การ์ดไปเสียบและดึงออกเร็วๆ ไฟสัญญาณสีเขียวขึ้นกระพริบเป็นการบอกว่าประตูปลดล็อคแล้ว ผมเลยจับที่เปิดประตู หักลงและดันเข้าไป วิคเตอร์เดินเข้าไปในห้อง ผมเอื้อมมือเสียบคีย์การ์ดเพื่อเปิดไฟและแอร์ วิคเตอร์ใช้เท้าปิดประตูตามหลัง ผมมองไปรอบห้องอันใหญ่โตโอ่อ่า รับรู้ได้ทันทีว่านี่คือห้องสูทขนาดใหญ่สุดของโรงแรมแน่นอน ด้านนอกเป็นห้องนั่งเล่น ไว้ทานข้าว ดูทีวี นั่งทำงาน ทำได้หมด ส่วนห้องนอนน่าจะอยู่หลังประตูบานใหญ่ที่ปิดเอาไว้อยู่
“คุณเช่าห้องใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ผมถามทั้งที่ตายังคงมองสำรวจความหรูหราของห้องสูทชุดใหญ่ของโรงแรม
“เปล่า ฉันเช่าทั้งชั้นนี้และชั้นล่าง” เขาบอกในขณะที่พาผมนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ยาว ผมเบิกตากว้างอย่างตะลึงหันไปมองเขาที่เลิกคิ้วขึ้นมองกลับมาอย่างงุนงง ประมาณว่ามีอะไรผิดแปลกงั้นเหรอ
“ผมรู้ว่าคุณรวย แต่ไม่เห็นจำเป็นต้องเสียเงินเยอะแบบนี้เลย”
“ก็ฉันไม่ชอบความวุ่นวาย ชั้นล่างเลยให้พวกการ์ดคนไทยอยู่ตามใจชอบ ชั้นบนมีแค่ฉัน ห้องตรงข้ามก็ห้องของออสติน” ผมเอียงคอเล็กน้อย มองเขาด้วยความเอ๋อเหรอ วิคเตอร์ยิ้มกริ่ม โน้มหน้ามาหอมแก้มขวาผมแรงๆ แล้วผละออก ก่อนจะยกตัวผมขึ้น ทำอย่างกับผมเป็นตุ๊กตา จับผมให้นั่งคร่อมตักเขาไว้ และใช้สองแขนโอบรอบเอวผมไว้แน่น ผมใช้สองมือยกขึ้นมาจับที่ไหล่กว้างของเขา
“แล้วถ้างั้นวันนี้คุณจะไปหาผมที่มหาวิทยาลัยทำไม รู้ทั้งรู้ว่าที่นั่นมันจะต้องวุ่นวาย”
“ก็นายจะไม่ยอมมาดูแลฉัน ตามที่ฉันขอมา ฉันเลยต้องมารับตัวนายเอง” เขาว่าด้วยสีหน้าตึงเครียด
“แล้วทำไมคุณไม่มาหาดีๆ ไม่มาหาแบบปกติทั่วไป ทำไมต้องเอาเรื่องงานมาอ้าง” เขานิ่ง มองผมด้วยสายตาสั่นไหวเล็กน้อย ใบหน้าเขามีแววหวาดกลัวติดอยู่
“ก็ฉันกลัวว่านายไม่อยากเจอฉัน กลัวว่านายจะบ่ายเบี่ยง แต่ถ้าเป็นเรื่องงาน นายต้องมาแน่ๆ ยิ่งเป็นงานใหญ่ขนาดนี้ นายต้องมา แต่นายกลับไม่มา ทั้งที่ฉันให้ทีมงานหลอกนายว่าจ่ายค่าตัวฉันมาหมดแล้ว” ผมน้ำตาเอ่อคลอ มองเขาด้วยความโกรธ ความน้อยใจ ยกมือขึ้นทุบอกเขาดังตุบตับทันที พร้อมกับพูดเสียงดังทั้งน้ำตา
“ไอ้ยักษ์ ไอ้บ้า ไอ้หนวด คิดมาได้ยังไงว่าผมไม่อยากเจอ รู้มั้ยว่าผมรอคุณทุกวัน แต่คุณก็ หาย! หัว! ไป! ไหน! มา?!!” ผมทุบไหล่และอกเขาตามจังหวะคำที่พูดท่อนท้าย วิคเตอร์นั่งนิ่งให้ผมทุบตีโดยที่ไม่ปกป้องตัวเองแม้แต่น้อย เขามองผมด้วยสายตารู้สึกผิด ผมร้องไห้สะอึกสะอื้น และค่อยๆ หยุดทุบตีเขา
“ผมพยายามใช้ชีวิตตามปกติ แต่มันก็ไม่ปกติตั้งแต่มีคุณเข้ามา คุณทำให้มันพิเศษแล้วคุณก็เงียบหายไป คุณทำได้ยังไง ไอ้ยักษ์นิสัยไม่ดี…” ผมน้ำตานองหน้า สะอึกสะอื้นอย่างไม่อาจห้ามได้ พยายามเข้มแข็งแล้ว แต่ก็อ่อนแอเพราะเขาอีกตามเคย
“อย่าร้องไห้สิ…” เขายกมือขึ้นมาปาดน้ำตาให้ แต่ผมปัดมือเขาออก
“จะให้หัวเราะรึไงเล่า!” วิคเตอร์ยิ้มหล่อ หน้าหนวดๆ เคราๆ นั่นดูอารมณ์ดี ไอ้นี่! เห็นคนน้ำตาไหลแล้วยังจะมายิ้มกริ่มอีก
“อย่างน้อยก็ยิ้มดีใจหน่อยสิที่เห็นหน้าฉัน”
“ถ้าเมื่อช่วงอาทิตย์แรกๆ หลังจากกลับมาไทย ผมจะยิ้มอยู่หรอก” ผมว่าเสียงอู้อี้ ติดอาการสะอื้นในอกแผ่วเบา
“นี่ นายจะไม่ให้ฉันใช้ชีวิตฉันเลยเหรอ ฉันรักนายก็จริง แต่ชีวิตฉันก็มีอย่างอื่นต้องทำนะ” ผมรู้นะว่านั่นมันเป็นเรื่องจริง แต่พอเขาพูดตรงๆ ออกมาในสภาวะที่จิตผมกำลังรวนอย่างนี้ก็อดแบะปากร้องไห้ไม่ได้
“ฮือออ” วิคเตอร์ถึงกับทำหน้าตกใจแบบคนทำอะไรไม่ถูกที่เห็นผมร้องไห้โฮเหมือนเด็กๆ
“ก็รู้แล้วอ่ะว่าคุณก็ต้องใช้ชีวิต แต่คุณหายไปเลย คุณปล่อยให้ผมคิดถึงคุณอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ติดต่อ ไม่ส่งข่าวหาผมบ้างเลย จะใช้ชีวิตยุ่งอะไรขนาดนั้นอ่ะ ฮือออ” วิคเตอร์อ้าปากค้างไปนิดหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเสียงทุ้ม นั่นทำให้ผมที่กำลังร้องไห้สะอื้นถึงกับหยุดชะงักมองไอ้ยักษ์ที่กำลังยิ้มกว้างอารมณ์ดีพร้อมเสียงหัวเราะ
“หัวเราะอะไร นี่มันไม่ตลกนะ!” ผมบอกหน้าง้ำหน้างอ พยายามตีหน้าจริงจัง แต่เหมือนจะยังทำได้ไม่ดีเพราะวิคเตอร์ยังคงหัวเราะ ถึงจะพยายามหยุดแล้วก็เถอะ
“Giant! (ยักษ์!)” ผมเบะปากใส่เขา ทำท่าจะร้องไห้อีก วิคเตอร์เลยพยายามหยุดหัวเราะ แต่ก็ยังมีรอยยิ้มขำๆ ติดอยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั่นอยู่
“คิดไปเองน่ะสิว่าคิดถึงฉันอยู่ฝ่ายเดียว”
“ก็ถ้าคุณคิดถึงผม…”
“…ยังไม่ได้บอกเลยนะว่าฉันคิดถึงนาย” เขาสวนกลับขึ้นมายิ้มๆ ทำเอาใจผมหล่นวูบ ก่อนจะเบะกัดริมฝีปากล่างแน่นด้วยความหมั่นไส้
ตุบ! ทุบไปสักที ทำหน้าจุกไปเลย สมน้ำหน้า!
“นี่ไม่ได้เจอกันแค่แปบเดียว นายมีวิวัฒนาการในการต่อกรกับฉันขึ้นนะเอเลี่ยน” เขาหรี่ตามองคล้ายจับผิด แต่ริมฝีปากเขาก็บิดเป็นรอยยิ้มน้อยๆ
“แปบเดียวของคุณกับของผมมันไม่เหมือนกันสักหน่อย” ผมว่าหน้าบู้ ยังติดสะอื้นอยู่เล็กน้อย สองมือยกมาป้ายน้ำตาป้อยๆ เหมือนเด็ก แววตาสีน้ำผึ้งข้นของวิคเตอร์มองสำรวจหน้าผมไปมา ก่อนที่ริมฝีปากสีแดงหม่นของเขาจะค่อยๆ คลี่ยิ้มละมุนละไมออกมา เขาโน้มหน้ามาจูบหน้าผากผมหนักๆ หนึ่งทีแล้วผละออก เปลี่ยนเป็นหอมแก้มซ้าย แก้มขวาแรงๆ และปิดท้ายการจุ๊บปากหนึ่งที
“คิดถึง ฉันคิดถึงนายจะตายอยู่แล้ว”
“แต่คุณก็เงียบหายไป ผมนึกว่าคุณเสียชีวิตแต่ลืมแจ้งตายกับทางการไปแล้วซะอีก” วิคเตอร์ส่งเสียงหัวเราะน้อยๆ ยกมือขวาขึ้นมาลูบหัวผมแผ่วเบา
“ฉันขอโทษ แต่ฉันต้องรู้จริงๆ ว่าฉันจะเป็นยังไง ถ้าไม่มีนายอยู่ข้างกัน…” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเหงาๆ พอๆ กับสีหน้าและแววตาที่แสดงออกถึงความเหงาออกมา เห็นแบบนั้นผมก็นึกใจอ่อน เลยโน้มหน้าจุ๊บหน้าผากเขาเบาๆ ผละออกมามองหน้าเขาก็เห็นว่าเขายกยิ้มที่มุมปากขึ้นด้วยความพอใจ
“ฉันคิดถึงสัมผัสนี้มากนะรู้มั้ย” เขาลดมือขวาลงมาไว้ที่เอวผมตามเดิม ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปสัมผัสกับแก้มสากเพราะหนวดเคราของเขา ลูบสองมือไปมาอย่างแผ่วเบา
“ทำไมไม่รู้จักโกนหนวดบ้าง ในนิยายที่ผมอ่าน พระเอกไม่ต้องไว้หนวดเครายาวขนาดนี้นี่นา” เขายิ้มอบอุ่นเอียงหน้าซ้ายขวาน้อยๆ เพื่อถูไปกับฝ่ามือของผมเหมือนกับกำลังอ้อน ผมเลยยิ้มบางๆ และถูมือไปมากับแก้มเขา
“รอให้นายโกนให้” เขายิ้มกริ่ม ผมก็ถูมือสองข้างไปมาบนแก้มเขาด้วยความมันเขี้ยวและหมั่นไส้ผสมกัน โดยที่ไม่ทันได้รู้สึกถึงส่วนอื่นนอกจากมองหน้าเขาไว้ มือใหญ่ๆ แต่ไม่สากของเขาทั้งสองมือก็เลื่อนเข้าไปอยู่ใต้เสื้อนักศึกษาของผม และกำลังลูบๆ บีบๆ หน้าอกทั้งสองข้างของผมอยู่ พอรู้ตัวผมก็เลยจิกตาใส่อีกฝ่ายที่ยิ้มเจ้าเล่ห์กลับมา
“ไม่เอา…” ผมบอกเสียงสั่นๆ และพยายามดึงมือเขาออกจากร่างกายตัวเอง นี่กระดุมถูกปลดมาถึงครึ่งตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย
“เอา” เขาว่าง่ายๆ สองมือลูบไล้ไปทั่วร่างกายใต้เนื้อผ้า แล้วมือที่ผมส่งไปสู้ดึงออกนี่ทำอะไรไม่ได้เลยใช่มั้ย
“วิคเตอร์!” ผมเรียกชื่อเขาเสียงดุ แต่เจ้าของชื่อกลับทำหน้ามึน
“นายไม่รู้หรอกว่าฉันต้องนึกถึงหน้านายบ่อยแค่ไหนตอนช่วยตัวเอง” สีหน้าเขาดูบริสุทธิ์ใจที่พูดประโยคนั้นมาก ราวกับเรื่องการช่วยตัวเองเป็นทอปปิคที่สลักสำคัญจริงๆ
แต่ผมก็ไม่ดีใจหรอก กลับหน้าบึ้งใส่เขา เพราะอะไรน่ะเหรอ?!
“อย่ามาโกหก คุณคบกับอันเดรียนาไม่ใช่รึไง แล้วนี่ก็คือหนึ่งในการใช้ชีวิตของคุณสินะ” วิคเตอร์ชะงักกึก สีหน้าสะดุด มือที่กำลังบีบเค้นไปทั่วตัวผมค่อยๆ คลายออก ผมทำหน้านิ่ง แล้วถอนหายใจออกมา ท่าทีแบบนี้ก็บอกได้แล้วว่าข่าวที่เขียนนั้นเป็นเรื่องจริง ถึงจะไม่มีภาพหรือแหล่งข่าวยืนยันที่ชัดเจน แต่ผมได้รับรู้จากเจ้าตัวนี่ไง
“ไม่ได้คบสักหน่อย แค่ลองคุยกันเฉยๆ” เขาตอบเสียงอ้อมแอ้ม ก้มหน้าเพื่อให้ปีกหมวกแก็ปบดบังสายตาเขาไว้ ผมก้มหน้าตามไปจ้องเขา แล้วตัดสินใจดึงหมวกออก ผมเขาสั้นลงกว่าเดิม ดูเข้ารูปเข้าทรงมากขึ้น น่าจะเพราะบทบาทในหนังบังคับให้เขาต้องตัดผม จำได้ว่าเดี๋ยวภาคสองสามผมจะสั้นกว่านี้อีก และภาคสี่จะเริ่มกลับมายาว ส่วนภาคห้านี่ยาวจนมัดได้ แล้วค่อยกลับมาสั้นอีกทีก่อนจบเรื่อง วิคเตอร์เงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสีหน้าและสายตาเหมือนคนที่ทำผิดและไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แต่ผมเชื่อเขานะว่าเขาไม่ได้คบกับเธอจริงๆ
ใช่ ไม่ได้คบหรอก แต่ระดับวิคเตอร์ มีหรอจะแค่คุยๆ กัน
“คุณนอนกับเธอรึเปล่า” ผมถามเขาเสียงปกติ คือจริงๆ ผมก็พอรู้อยู่แล้วล่ะ แค่อยากได้ยินคำตอบชัดเจนจากเจ้าตัว สิ่งที่ผมคิดและถาม มันเป็นสิ่งที่ทำร้ายใจผมเอง แต่ผมก็อยากถาม คนถูกถามเงยหน้าขึ้นมาเต็มหน้า สบตากับผมด้วยแววตาจ๋อยๆ เล็กน้อย ก่อนจะตอบเสียงอ่อย
“แมท คือฉัน…”
“ไม่ต้องแก้ตัวหรอกครับ ผมถามเฉยๆ ถึงยังไงในตอนนั้นเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน คุณมีสิทธิ์ที่จะทำอยู่แล้ว” วิคเตอร์คลี่ริมฝีปากบางแทบจะเป็นเส้นตรง เขาเบี่ยงหน้าหลบผม ส่วนผมมองหน้าเขาไว้ แต่ไม่ได้มองแบบกดดันใดๆ ทั้งสิ้น แค่มองแบบที่ตัวเองก็ลืมละสายตาไปเหมือนกัน สุดท้ายวิคเตอร์หันกลับมาพร้อมกับถอนหายใจและยักคิ้วสองข้างขึ้นเร็วๆ พูดด้วยเสียงแผ่วเบาแทบจะเป็นกระซิบ
“นอน” ผมเม้มปาก ถึงจะเตรียมใจว่าคำตอบเขาต้องเหมือนที่คิดแน่ๆ แต่ก็แอบวูบๆ ไหวๆ เหมือนกันนะ อย่างที่บอกกับเขาไปว่าตอนนั้นเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน เขาขอเวลาเพื่อทบทวนตัวเอง ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สิทธิ์ยุ่งกับใคร
ก็เหมือนผมไง แฮะๆ เพราะแบบนี้ผมถึงไม่โกรธเขาเป็นฟืนเป็นไฟหรือหึงหน้ามืดตามัว ก็กลัวว่าถ้าพูดอะไรไป หรือดราม่าอะไร มันก็จะย้อนเข้าตัวเองน่ะสิ
“ฉันนอนกับเขา แต่ฉันไม่ได้รักเขา มันแค่ความสัมพันธ์ทางร่างกายเท่านั้น” เขาสบตาผมด้วยความจริงจังกับประโยคที่เขาพูดออกมา เขาไม่หลบตาผมสักนิดและแทบไม่กระพริบตา ราวกับจะบอกว่าเขาหมายความตามนั้นจริงๆ ผมเชื่อเขานะว่าเขาคิดแบบนั้นจริงๆ เพราะไม่งั้นเขาคงไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าผมอยู่แบบนี้หรอก
“ผมเข้าใจ ไม่เป็นไรนะครับ แค่อย่ามีอีกก็พอ…” เข้าส่ายหัวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฉันไม่ชอบสัญญานะ แต่ฉันเชื่อว่าจะไม่มีอีกแล้ว” ผมนึกหวั่นใจว่าเขาจะทำได้จริงมั้ย เพราะสำหรับวิคเตอร์ รักกับเซ็กส์แทบจะเป็นเรื่องเดียวกัน เขาไม่เคยลงหลักปักใจรักกับใครอย่างจริงจัง และเขาไม่เคยคบใครแบบจริงจังสักคนอย่างนาตาชาก็อย่าเรียกว่าคบเลย เขาแค่ทำไปเพราะอยากเอาชนะอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าเขาจะชินกับการที่มีผู้หญิงใหม่เรื่อยๆ อยู่หรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยิ้มขอบคุณเขา วิคเตอร์ยิ้มตอบกลับมา เขาก้มลงมาจูบที่ปลายจมูกผมอย่างอารมณ์ดี
“งานนี้ถือว่าเราเท่าเทียมกันก็แล้วกันนะครับ” ผมยิ้มแหยๆ เห็นว่าเขากำลังยิ้มเลยโพล่งไปเลยแล้วกัน รอยยิ้มวิคเตอร์หายไปจากใบหน้า แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้างุนงง แววตามีความไม่เข้าใจ ผมยิ้มเหงือกแห้ง กระแอมคอให้โล่ง โน้มตัวไปด้านหลังนิดหน่อย มองหน้าเขาที่กำลังมองกลับมาอย่างสงสัย
“ผมคิดว่าคุณคงไม่มาหาผมแล้ว ผมเลยลองคุยๆ กับผู้ชายคนอื่นดู…” แทบจะฉับพลันทันทีที่หน้าเขาตึงนิ่งสนิท เล่นเอาผมเสียววาบ บรรยากาศคล้ายกับผู้คุมวิญญาณกำลังลอยอยู่รอบตัวเต็มไปหมด
TBC.
ไอ้ยักษ์โดนทุบตุ้บตั้บ แต่ยังไม่โดนด่าหนำใจเนาะ 555555
เหมือนเกมส์จะพลิก กลายมาเป็นแมทโดนไล่ล่าเลยแฮะ -.,-