Ai Adore You.
#ขอรักแค่คุณ
ตอนที่ 15
“เป็นยังไงบ้างครับพี่ อาหารเป็นพิษใช่มั้ย” พิชช์ฌานขยับเข้าไปถามหมอทันทีที่นายแพทย์ฉัตรินตรวจคนไข้เสร็จ คนบนเตียงนอนหน้าซีดหน้าเซียวยกมือขึ้นกุมท้องเอาไว้แน่น
“น่าจะใช่ ทั้งอ้วกทั้งถ่ายขนาดนี้ แถมมาไข้ขึ้นอีก เดี๋ยวฉันจะให้ยาฆ่าเชื้อกับน้ำเกลือก่อนนะ” ฉัตรินตอบเรียบๆ “ขอมือหน่อยนะครับคุณอัยย์ ผมจะแทงน้ำเกลือให้”
อัยย์หน้าจ๋อยเหลือบมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ปลายเตียงแวบหนึ่ง
“ไม่เจ็บหรอก เข็มเล็กนิดเดียว” พิชช์ฌานพูดเสียงอ่อนกว่าปกติ “ไม่งั้นก็ไม่หายนะ”
“ให้นายฌานจับมือไว้อีกข้างไว้ก็ได้เอ้า” หมอพูดเนิบๆ
พิชช์ฌานขยับเข้ามานั่งบนเตียงข้างตัว กุมมืออีกข้างของอาคิราห์เอาไว้ เจ้าของมือไม่ได้ดึงมือออกแต่กลับบีบตอบแน่น ใบหน้าเรียวหวานหันหนีไปซุกใต้ผ้าห่มจะได้ไม่ต้องเห็นปลายเข็มที่แทงเข้าไปที่หลังมือ
“ใกล้เสร็จแล้ว อย่าดึงมือออกนะครับเดี๋ยวเลือดออก” คุณหมอพูดเสียงนุ่มเหมือนปลอบเด็ก จัดการต่อสายน้ำเกลือและยาให้เรียบร้อยแล้วก็ลุกถอยออกมาจากห้อง
ปอยผมสีน้ำตาลเข้มยุ่งเหยิงโผล่พ้นผ้าห่มออกมาตามด้วยดวงตากลมโตเหล่มองหลังมือของตัวเองที่มีสายน้ำเกลือต่ออยู่
“เสร็จแล้ว นอนให้น้ำเกลือนิ่งๆ อย่าดึงเข็มออกเองล่ะ” เจ้าของห้องที่ยังนั่งอยู่ข้างๆพูดขึ้น
“ผมไม่ดึงหรอกน่า ปล่อยมือผมได้แล้ว” อาคิราห์ดึงมือของตัวเองออกจากการเกาะกุม นายพิษฌานไม่ได้ว่าอะไรอีก ขยับลุกขึ้นจากเตียง
“ฉันจะออกไปส่งคุณหมอ เธอนอนพักไปก่อนนะ”
“รีบกลับมานะ” เสียงงึมงำเบาๆแทบไม่ได้ยินดังมาจากคนที่นอนหน้ายู่บนเตียง
“ว่าไงนะ” คิ้วเข้มเลิกสูง รอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตาคม “คิดถึงฉันหรือไง”
“เปล่า ผมปวดท้อง จะได้มาพาเข้าห้องน้ำ” อาคิราห์ตอบแบบไม่มองหน้า
“อะไรกัน เห็นฉันมีค่าแค่คนพาเข้าส้วมเองหรอ” พิชช์ฌานพูดพลางโคลงศีรษะ ก้าวยาวๆออกไปจากห้องนอนของตัวเอง คุณหมอฉัตรินเพื่อนรุ่นพี่ของเขายืนรออยู่ก่อนแล้วข้างนอกห้อง
“ผมรู้ว่าพี่จะพูดอะไร แต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ผมเองก็ไม่รู้ตัวเลยตอนที่กัดเค้า”
“ฉันแค่แปลกใจ นึกว่าคืนนั้นนายจะแค่ช่วยเค้าปลดปล่อยจากฮีทเฉยๆเท่านั้น” ฉัตรินตอบเนิบๆ มองหน้ารุ่นน้องอย่างพินิจพิจารณา “แล้วพ่อแม่นายไม่ว่าเหรอ คำทำนายอะไรนั่น” เขาสนิทกับครอบครัวของอีกฝ่ายมากพอที่จะรู้ตื้นลึกหนาบางอยู่พอสมควร
“แม่โกรธ แต่พ่อน่าจะยังไม่รู้” พิชช์ฌานตอบเรียบๆ “พี่อย่าเพิ่งบอกใครนะ”
“ฉันจะบอกทำไม พวกนายแต่งงานกันจะจับคู่สร้างพันธะกันก็ไม่แปลก เพียงแต่ฉันแค่แปลกใจว่าคนอย่างนายพิชช์ฌานเนี่ยนะยอมสร้างสัมพันธ์กับโอเมก้า นี่ถ้าไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเองก็คงไม่เชื่อ” นายแพทย์พูด “แต่คุณอัยย์ก็น่ารักจริงๆ”
“น่าปวดหัวมากกว่า พี่ไม่รู้อะไร ก่อนหน้านี้เขาเอาแต่ขโมยหมอนผ้าห่มของผมไปซุกในตู้ เล่นเอาหัวหมุนไปเลย ไม่รู้ทำไมถึงชอบทำอะไรบ๊องๆนัก ผมล่ะเบื่อจริงๆวุ่นวาย” คนพูดพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าตรงข้ามกับคำว่าเบื่อโดยสิ้นเชิง
“จริงเหรอ” ฉัตรินหัวเราะ “น่ารักดีออกนะ เขาทำไปทำไมล่ะ แกล้งนายงั้นเหรอ”
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เขาบอกว่าติดกลิ่นผมน่ะ ไม่ได้กลิ่นแล้วนอนไม่หลับ” พิชช์ฌานยืดตัวขึ้นเล็กน้อยด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก รู้แต่ว่าเขากำลังยิ้มกว้างอยู่แน่ๆ “ผมก็รำคาญ ชอบเอาหมอนผมไปกอด เสื้อผ้าผมก็เอามาม้วนกองเอาไว้เลอะเทอะเต็มเตียงไปหมด ตอนที่พี่มานี่ผมให้เคลียร์ไปครึ่งแล้วนะ ไม่งั้นไม่มีที่นอน”
“ขนาดนั้นเชียว เป็นเอาหนักแฮะ”
“ใช่มั้ยครับ”
“หมายถึงนายนั่นแหละ”
“หืม? อ๋อใช่...ผมรำคาญจะตายถึงได้บ่นให้ฟัง” พิชช์ฌานกระแอม คุณหมอหัวเราะเบาๆ
“สงสัยจะมีลุ้นแล้วมั้ง”
“ลุ้นอะไรครับ”
“ก็ลุ้นลูกไง ลงสร้างรังขนาดนี้แล้วล่ะก็”
“สร้างรัง?” พิชช์ฌานเลิกคิ้วแล้วก็ตามทันอย่างรวดเร็ว “พี่หมายถึงกองผ้าห่มของบู้บี้น่ะเหรอครับ” เขาหลุดชื่อเรียกของอีกคนออกมาเพราะความตกใจ
“ใช่” คนฟังยิ้มขำ “บู้บี้...ชื่อตลกดี ทำไมไปเรียกเขาอย่างนั้นล่ะ”
“เรียกตามหน้าตาน่ะครับ บู้บี้น่าเกลียดออก”
“ถ้าอย่างนั้นเรียกน่าเกลียด ก็คงไม่มีใครน่ารักอีกแล้วในประเทศนี้” ฉัตรินหัวเราะหึๆ “เตรียมตัวเป็นพ่อคนได้แล้วมั้ง”
“อัยย์ท้องเหรอครับ” คนฟังตาเหลือก
“จะไปรู้เหรอ ยังไม่ได้ตรวจฉี่เลย แค่สงสัยเฉยๆเห็นสร้างรัง แต่ปกติโอเมก้าก็สร้างรังได้จากหลายสาเหตุอยู่แล้ว แค่ไม่สบายใจนิดหน่อยก็สร้างรังแล้วไม่จำเป็นต้องท้องเสมอไป เพียงแต่ว่าถ้าท้องก็จะต้องสร้างรังแน่ๆ”
“เค้าจะท้องได้ยังไงครับในเมื่อกินยาคุมไปแล้ว” คนพูดเริ่มร้อนใจขึ้นมาเพราะโดนหมอทัก
“ไม่ได้ป้องกันสินะ”
พิชช์ฌานหน้าซีดลงเล็กน้อย
“ฮีทครั้งแรกจะไม่ท้องไม่ใช่เหรอครับ”
“เค้าฮีทครั้งแรกหรือเปล่าล่ะ” คนเป็นหมอเลิกคิ้ว “ไม่มีอะไรตายตัวในทางการแพทย์อยู่แล้ว”
คนฟังครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด ...ไม่ใช่ อาคิราห์เคยฮีทมาก่อนแล้ว แต่บ้าน่า...ไม่น่าใช่
“หมอช่วยตรวจได้ไหมครับว่าเค้าท้องหรือเปล่า” นักการเมืองหนุ่มพูด “แต่วันนั้นผมคิดว่าไม่น่าท้อง”
“มีการ Knotting มั้ย” หมอถามตรงจนคนฟังหน้าแดง แต่ชายหนุ่มก็รับโดยไม่ปิดบัง
“มีครับ”
“งั้นก็มีโอกาสที่จะท้องอยู่แล้ว” หมอพูดเนิบๆ “ลองนับอายุครรภ์ดู อยากตรวจก็ได้ แต่วันนี้ฉันไม่ได้เตรียมที่ตรวจครรภ์มาด้วยหรอกนะ”
“ถ้าอย่างนั้น...ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมให้คนไปซื้อมาให้ รอสักครู่นะครับ” พิชช์ฌานยกโทรศัพท์ขึ้นกดโทรหามือขวาคนสนิท เจนภพประหลาดใจไม่น้อยที่จู่ๆเจ้านายก็ให้วิ่งไปหาซื้อชุดตรวจครรภ์มาให้
“คุณอัยย์ท้องเหรอครับ”
“ฉันก็ยังไม่รู้” เจ้านายตอบด้วยเสียงเครียดจัด รับชุดตรวจครรภ์เดินดุ่มๆหายเข้าไปในห้องนอน นายแพทย์หนุ่มโคลงศีรษะ เดินตามหลังเข้าไปในห้องนอนด้วย เขาพบว่าพิชช์ฌานกำลังยืนหน้านิ่งอยู่ปลายเตียง จ้องคนป่วยที่หลับสนิทไปแล้ว
“หลับไปแล้ว” พูดจบชายหนุ่มก็หมุนตัวเดินกลับออกมาจากห้องนอน ฉัตรินตามออกมาด้วยงงๆ
“ก็ปลุกขึ้นมาสิ” คุณหมอแนะยิ้มๆ “ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน เผื่อยังไงจะได้ให้ไปฝากครรภ์เสียเลย ท้องอ่อนๆต้องระวัง รีบกินวิตามินบำรุงเสียเนิ่นๆ”
“ให้นอนพักไปก่อน เพลียมากเดี๋ยวงอแงคุยกันไม่รู้เรื่อง” พิชช์ฌานว่า “แล้วถ้าสมมตว่าเค้าท้องขึ้นมาจริงๆ ที่เค้าป่วยคราวนี้จะมีผลอะไรไหมครับ”
“นายหมายถึงแบบแท้งหรืออะไรแบบนี้ใช่ไหม ตอบไม่ได้หรอกต้องรอดูไปก่อน แต่ได้ยาฆ่าเชื้อไปแล้วน่าจะดีขึ้นนะ” คนฟังมีสีหน้ากังวล “นี่ถ้ากังวลมากก็เข้าไปปลุกขึ้นมาตรวจให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยสิ เผื่อฉันจะได้นัดไปอัลตราซาวน์ด้วยเลย”
“พี่กลับไปก่อนก็ได้ครับ ไว้ได้ผลยังไงผมจะบอกไปอีกที” จู่ๆ พิชช์ฌานก็ไล่หมอกลับดื้อๆ
ฉัตรินจุ๊ปากไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ยอมกลับไปก่อนโดยดี ทิ้งให้ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เดินกลับไปกลับมาข้างหน้าห้องนอนอย่างเคร่งเครียดคนเดียว
ถ้าหมอไม่ทักขึ้นเขาก็คงจะไม่เอะใจแน่ๆ นี่ก็ผ่านมาเกินครึ่งเดือนแล้ว ถ้าท้องก็คงจะตรวจเจอ แต่ว่า...คำทำนายทายทักที่เคยได้คนในตระกูลเตือนมาจากรุ่นสู่รุ่นว่าห้ามข้องเกี่ยวกับโอเมก้าเพราะจะนำความหายนะมาให้นั้นทำให้ชายหนุ่มกังวลในส่วนลึก
ไหนจะความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมารดาที่ยังไม่คืนดีกันอีก ถ้าแม่รู้ว่ากำลังจะได้หลานจากโอเมก้า... คงอกแตกตายแน่ สายเลือดของโอเมก้าคู่ควรกับอัศวลักษณ์แล้วเหรอ
พิชช์ฌานยกมือขึ้นนวดขมับของตัวเอง
ใจเย็นๆก่อน เขาไม่ควรตื่นตูมไปเอง บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ ก็แค่อาคิราห์ไม่สบายที่ต้องจากบ้านมาก็เลยทำรัง ก็แค่นั้น....
ชายหนุ่มกลับเข้าไปในห้องนอน จัดการธุระส่วนตัวด้วยความเงียบกว่าปกติเพราะกลัวคนหลับจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน พิชช์ฌานเปลี่ยนชุดนอนแล้วก็สอดตัวเข้ามาใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับอาคิราห์ เขาดึงเจ้าโอเมก้าเข้าหาตัวเหมือนทุกคืน
อาคิราห์ขยับตัวยุกยิกแล้วก็ซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกของเขา นักการเมืองหนุ่มลอบถอนหายใจยาวแอบยกมือขึ้นลูบหน้าท้องแบนราบใต้เสื้อนอนของคนหลับเบาๆ มันนุ่มนิ่มเหมือนเดิมไม่มีทีท่าว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอะไรข้างในนั้น
บางทีเขาคงจะคิดมากไป
ไม่น่าใช่....ขอให้ไม่ใช่ด้วยเถอะ
พิชช์ฌานนอนหลับสนิทไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบ เขามาสะดุ้งตื่นเพราะถูกใครบางคนเขย่าตัวปลุกอย่างแรง ชายหนุ่มลืมตาขึ้น เห็นคนป่วยลุกขึ้นนั่งหน้าตาตื่น
“เป็นอะไรไป” เขาถาม
“พาผมไปห้องน้ำหน่อย...ข้าศึกบุกแล้ว” อัยย์พูดเร็วปรื๋อ คว้าแขนเขาเอาไว้แน่น
“ทำไมล่ะ ก็ไปสิ”
“ผมหยิบขวดน้ำเกลือไม่ถึง”
พิชช์ฌานแกล้งถอนหายใจแรงๆแล้วลุกขึ้นจากเตียงเดินมาจับขวดน้ำเกลือที่แขวนกับราวผ้าม่านมาถือไว้ให้
เจ้าโอเมก้าเดินตรงดิ่งไปหาห้องน้ำ
“คุณรอข้างนอก” อาคิราห์หันมาเบรกผู้ชายที่จะเดินตามเข้ามาในห้องน้ำด้วย นายพิษฌานเลิกคิ้ว
“อ้าว แล้วจะแขวนน้ำเกลือยังไง”
“เดี๋ยวผมถือเอาไว้”
“ถือต่ำๆเลือดมันก็ไหลย้อนเอาสิ”
“ผมจะชูขึ้นเหนือหัวเลย” อัยย์พูด บิดตัวไปมาเพราะปวดมวนในท้อง
“ไม่เอา ลองหาที่แขวนดู..” พิชช์ฌานซ่อนยิ้ม พิศดูสีหน้าบิดเบ้เพราะปวดท้องแต่พยายามกลั้นเอาไว้สุดชีวิตของเจ้าโอเมก้าอย่างสนุกสนาน
“โอย ช่างมันเถอะ ผมไม่ไหวแล้ว”
อัยย์หมดความอดทน หันขวับพุ่งตัวเข้าไปที่ชักโครกอย่างรวดเร็วจนพิชช์ฌานก้าวตามแทบไม่ทัน เจ้าตัวถอดกางเกงพรืดนั่งลงบนโถแล้วยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองเอาไว้
พิชช์ฌานยกมือขึ้นบีบจมูกตัวเองเงยหน้าขึ้นมองหาที่แขวนขวดน้ำเกลือ ทว่าราวตากผ้าในห้องน้ำก็อยู่ไกลเกินกว่าสายน้ำเกลือจะยาวถึง ครั้นจะให้เจ้าของถือเองอีกฝ่ายก็นั่งคู้ตัวปิดหน้าปิดตาไม่ยอมรับรู้เสียแล้ว
“อัยย์ ฉันรู้สึกเหมือนโดนรมแก๊สพิษ” นักการเมืองหนุ่มพูดขึ้นเสียงอู้อี้เพราะบีบจมูกตัวเองอยู่ “ใกล้หมดหรือยัง”
“คุณออกไปก่อนเลย ทิ้งผมไว้ในนี้แหละ” เสียงงึมงำดังลอดฝ่ามือที่ปิดหน้าตัวเองเอาไว้ “บอกแล้วว่าอย่าเข้ามาไม่เชื่อ”
พิชช์ฌานก้มลงมองเสี้ยวหน้าแดงก่ำของคนที่เอื้อมมือไปกดชักโครกแล้วกลับมาปิดหน้าตัวเองใหม่นั้นอย่างขันๆ เขารู้ว่าอาคิราห์อายมากๆที่ต้องมาเข้าห้องน้ำต่อหน้าเขาแบบนี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จะลุกหนีออกจากห้องน้ำก็ไม่ได้ ทำได้แค่ยกมือปิดหน้าเอาไว้เท่านั้น
“อื้อหือ คราวนี้ปลาหมึกแน่ๆ”
“คุณหยุดพูดเสียทีเถอะน่า” อาคิราห์หน้าร้อนผ่าวจนแทบจะรู้สึกถึงไอร้อนที่ระเหยออกมาจากสองข้างแก้ม นึกหงุดหงิดนายพิษฌานขึ้นมาเต็มที บอกให้รอข้างนอกก็ไม่ยอมรอ โยกโย้แกล้งกันอยู่นั่น ดูซิสุดท้ายเขาเลยทนไม่ไหว เกือบราดหน้าห้องน้ำแล้วไหมล่ะ
ยังจะมาพูดอะไรบ้าๆบอๆน่าอับอายอีก ต้องมานั่งชักโครกให้คนอื่นดูก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว
“แล้วจะล้างก้นยังไงล่ะทีนี้ มือเธอมีเข็มน้ำเกลืออยู่นี่” นายสารพัดพิษฌานถามมาอีกด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
อาคิราห์อยากจะกัดลิ้นตัวเองตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
“ผมจัดการเองได้” เขาพูดเสียงห้วน
“ถ้าไม่เกลี้ยงฉันไม่ยอมให้นอนเตียงฉันนะ” พิชช์ฌานยังแหย่ต่อไม่เลิก ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายมากๆแต่เขาก็ยังอยากก้าวก่ายอยู่ดี
“คุณจะล้างให้ผมหรือไงเล่า” อาคิราห์กระแทกเสียง เงยหน้าขึ้นถลึงตาใส่อย่างโกรธๆ
“ฉันก็เคยล้างให้เธอมาแล้วนี่” คำตอบของพิษฌานทำให้คนฟังหลบสายตา ยกมือขึ้นปิดหน้าตามเดิมแทบไม่ทัน
“คุณออกไปเลยนะ ไม่ต้องมายุ่งกับผม”
ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอดังมาอีก ร่างสูงใหญ่ไม่ขยับเขยื้อนออกห่างจากที่เขานั่งอยู่เลยสักนิด อาคิราห์แอบมองผ่านร่องนิ้วที่ยกขึ้นปิดหน้าเอาไว้ก็เห็นอีกฝ่ายยืนถือขวดน้ำเกลือเอาไว้นิ่งๆเงยหน้าขึ้นมองเพดานเฉย รอจนกระทั่งเขาเสร็จธุระ
คนบ้าอะไรยืนเฝ้าคนเข้าส้วม ประสาทที่สุด
“หมดไส้หมดพุงแล้วเหรอ” เสียงห้าวๆถามหลังจากได้ยินเสียงกดชักโครกรอบสุดท้าย
“ไม่ต้องถาม” เจ้าโอเมก้าตวาดแว้ด เอื้อมมือไปจับสายชำระมาทำความสะอาดตัวเองด้วยมือข้างเดียวอย่างทุลักทุเล พอมือใหญ่ขยับจะเข้ามาช่วยก็แทบจะขู่ฟ่อใส่ทั้งที่หมดเรี่ยวหมดแรงเต็มที
พิชช์ฌานเลยต้องถอยมายืนที่เดิม อดทนรอจนเจ้าตัวจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยในที่สุด อาคิราห์แทบไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำตอนที่ล้างมือจนสะอาดเอี่ยมแล้วเดินตุปัดตุเป๋กลับไปที่เตียง
“ไม่ต้องมาแตะตัวผม”
“ถ้าหน้าทิ่มลงไป ฉันขี้เกียจทำพรมใหม่” นายพิษฌานตอบหน้าตาย เอื้อมมือไป ‘หิ้วปีก’ คนป่วยพากลับเตียง
พอหัวถึงหมอนปุ๊บ อาคิราห์ก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความเพลียจัด พิชช์ฌานส่ายหน้าอย่างระอาเอื้อมมือไปจับเชือกกางเกงที่เอวของอีกฝ่ายมาผูกให้ใหม่
แค่นี้ก็น่าเบื่อจะตายอยู่แล้ว อย่าท้องเลยนะ ได้โปรด
.............................................................