6
“ตั้งใจเรียนกันนะเด็กๆ” พี่พามลดกระจกรถลงแล้วตะโกนออกมา ผมหันไปยิ้มตอบ ส่วนพี่หันไปชูนิ้วกลาง บ้านนี้สอนให้พี่น้องรักกันแบบเพื่อน ถ้ามาเห็นตอนทะเลาะกันแบบจริงจังนิ้วกลางนี่เด็กๆไปเลยครับ ตอนนั้นทะเลาะกันเรื่องเนื้อบนเตาร้านหมูกระทะ ฮึบไว้จากที่ร้านแล้วมาต่อยกันที่บ้านเพราะกลัวต่อยกันร้านพังแล้วโดนแม่โกรธ ยอมใจความยอมแม่ของลูกชายบ้านนี้
ผมเดินเข้าโรงเรียนโดยไม่ลืมหันไปไหว้ลุงยาม บรรยากาศตอนเช้าในโรงเรียนชายล้วนมันก็จะวุ่นวายหน่อยครับ เสียงดังรอเข้าแถว สำหรับผมการเดินเข้าประตูโรงเรียนพร้อมกับพี่นี่มันเป็นหนึ่งสิ่งที่ทำให้อยากมาโรงเรียนเลยก็ว่าได้ครับ ไม่ว่าจะอีกกี่รั้ว อีกกี่ลุงยาม อีกกี่สถานที่ในอนาคต ก็ยังอยากเดินพร้อมพี่มันอยู่ดี
“หญิง วันนี้ซ้อมบาสใช่ป่ะ”
“อื้อ”
“เค เดี๋ยวกูไปรับหน้าห้อง”
“อื้อ” มือใหญ่ตะปปป้าปลงมากลางหัวผมพร้อมกับยีฟูจนพอใจก็หัวเราะแล้ววิ่งขึ้นตึกตัวเองไป ปล่อยให้ผมยืนใจเต้นอยู่คนเดียว โอ๊ยหัวใจ ขยันอ่อยนักไอ้หมีดำ แค่นี้ก็สามารถอารมณ์ดีไปได้ทั้งวันแล้วเนี่ย!!!
จึ้ก!!
“อย่าขยับนี่คือการปล้น” โจรจีนแดงมาอีกแล้ว ผมได้แต่กรอกตาบน กูรู้ตั้งแต่เสียงแล้วป่ะไอ้พี่โจร
“คุณโจรสามร้อยจะปล้นอะไรดีหล่ะครับวันนี้ หมดตัวแล้ว”
“หมดตัวแล้วหรอวะ”
“ใช่”
“งั้นปล้นใจแทนก็ได้ เชี่ยยยยยยยยยย เขินว่ะ โคตรได้อ่ะมึง กูจดแป๊ป มุกนี้เล่นแล้วสาวเขินแน่ มึงเขินไหมหญิง” มองหน้าเหม็นตีนกันนิดแล้วพี่จะรู้ว่าไกลจากคำว่าเขินไปมาก มีผู้ชาย(ที่มีงานอดิเรกคือคุยกับถั่วงอก)มาเล่นมุกโจรปล้นใจนี่กูต้องเขินจริงๆหรอ
“งานประธานนักเรียนมันหนักขนาดนั้นเลยหรอวะพี่”
“ไม่เท่าไหร่ แต่กูเล่นหุ้น อันนั้นหนักกว่า”
“พี่เล่นหุ้นหรอ?”
“หุ้นย๊นต์”
อืม.. เหน่อสุพรรณเพื่อเสียง
“พี่เป้พี่ มุกชักเริ่มแห้งเหมือนไอ้ซันแล้วนะ”
“โหหญิง ด่ากูขนาดนี้ เอาส้นตีนมาแนบหน้ากูเลยดีกว่า” ผมรีบถอดรองเท้าทันทีหวังจะได้แนบหน้าคนเสียหน่อยแต่ยังไม่ทันได้ถอดข้างขวาออก จู่ๆก็มีรองเท้าปริศนาลอยมากระแทกหัวพี่เป้ดังปั้ก ฉิบหาย ลอบปองร้ายกันในรั้วโรงเรียนเลยหรอวะ!!
“โทษทีวะ มือกูลื่น” ผมมองขึ้นตึกไปก็พบเจ้าของรองเท้าที่คุ้นเคย ไอ้พี่ยืนกอดอกทำหน้ายักษ์อยู่ริมระเบียงห้อง
“พี่!!”
“อะไร มือกูลื่นจริงๆนะหญิง!!!” มือลื่นยังไงให้มันเป็นรองเท้าวะ ขาหน้างี้หรอ!!
“กูไม่เป็นไร” พี่เป้ลูบหัวตัวเองยิ้มๆก้มลงไปหยิบรองเท้าพี่ขึ้นมาถือก่อนจะเขวี้ยงกลับไปสุดแรง กระแทกหน้าพี่ไปเต็มๆเพราะพี่มันมัวแต่มองมาที่ผม
“ไอ้สัด!!!”
“โทษทีว่ะ มือกูก็ลื่นเหมือนกัน แบบว่าหล่อลื่นอ่ะ”
“ไอ้เป้!!”
“ว่าไงไอ้พี่” เห้ยๆ ท่าไม่ดีแล้ว ยิ่งพี่หดหัวกลับไปแบบนี้แสดงว่ากำลังวิ่งลงมาแน่ๆ อะไรของพวกพี่มันวะเนี่ย
“พี่เป้พี่ ผมขอโทษแทนพี่ด้วย อย่าตีกันเลยพี่” แล้วไอ้พี่เป้นี่ก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรเลยนะครับ ยังยกยิ้มสบายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“โทษว่ะหญิง ลูกผู้ชายหยามได้...”
“...”
“แต่บางนาไม่ได้ ไกลไป ลูกผู้ชายตังค์ไม่พอค่าบีทีเอส”
คือต้องตบมุกว่านั่นสยามหรือตบหัวพี่มึงก่อนดีเนี่ย กำลังเครียดกลัวต่อยกันก็ยังจะมาเล่นมุกโง่ๆ ไม่ทันแล้วครับ หันไปอีกทีไอ้พี่ก็ลงมาถึงตัวแล้ว สภาพก็รองเท้าหายไปข้างหนึ่งแต่ไปอยู่ในมือแทน
“สัดเป้” มาก็เอาเลย ผมรีบรั้งแขนพี่ไว้
“เห้ยพี่ ไม่เอาดิ”
“มึงมือลื่นมาก่อนเองนะ กูก็ลื่นกลับ หัวร้อนทำไม” พี่เป้ยกแขนขึ้นกอดอดและยังคงทำหน้าไม่สนใจโลกเหมือนเดิม ตัดภาพกล้องสองมาที่ไอ้พี่ รายนี้พร้อมต่อยมากครับ
“พวกพี่ไม่ตีกันดิวะ เดี๋ยวจะเข้าแถวแล้วเนี่ย” หาได้ฟังไม่ครับ หมีขาวหมีดำต้องหน้ากันอย่างเป็นเอาเป็นตาย
“ไอ้พี่ ของสำคัญเวลาอยู่ในมืออ่ะ ถือมันไว้แน่นๆ”“พี่เป้...”
“ถ้าทำหลุดมือไป ไม่ใช่ทุกครั้งที่มึงจะได้คืนหรอกนะ” มาเป็นคำคมเฟสบุ๊คจนไม่แน่ใจว่าพี่เป้มันคิดว่ารองเท้านักเรียนแพงขนาดนั้นหรือเปล่า นี่เบรกเกอร์ไม่ใช่ไนกี้ แต่ถึงอย่างนั้นไอ้พี่มันก็นิ่งไปเลยครับ พี่เป้หันมายิ้มให้ผมก่อนจะหันหลังวิ่งออกไปเพราะใกล้จะได้เวลาเข้าแถวแล้ว ส่วนใหญ่ประธานนักเรียนต้องคอยยืนอยู่หน้าสุดแถว
“ไปเข้าแถวกันเถอะพี่”
“เดี๋ยว”
“หือ?” พี่ขมวดคิ้วแล้วดึงผมเข้าไปใกล้ มือใหญ่ขยี้ลงมาบนหัวผมแรงจนฟูไปหมด อารมณ์ไหนของพี่มันเนี่ย
“ขยี้ทับรอยไอ้เป้” พูดจบก็วิ่งไปเข้าแถว ผมเกลียดในความพูดไม่คิดของพี่มันพอๆกับชอบที่พี่มันทำอะไรแบบนี้โดยที่ไม่คิด คนแอบชอบเนี่ย คงต้องชินกับความมีความสุขชั่วคราวแบบนี้แหล่ะครับ ผมยกมือขึ้นแตะหัวตัวเอง นี่แหน่ะ ทับรอยไอ้พี่ แน่จริงมาขยี้ไปตลอดชีวิตสิวะ!
จบจากการเข้าแถวยามเช้า สังเคราะห์แสงกันจนพอใจก็แยกย้ายกันขึ้นห้อง วิชาแรกมาก็ชีวะเลย ชีวะนี่ผมโคตรเกลียดเลยครับแต่ไอ้ตั๋งดันชอบ หน้าตามันก็ดูเอ๋อๆมึนๆแต่ดันฉลาดวิทย์คณิตมากนะครับ เห็นว่าอยากเป็นหมอไม่ก็ทันตะ ส่วนไอ้ซันนี่หน้าบวกกับส่วนสูงนี่เถื่อนๆแต่ดันมาสายศิลปะ กระดาษคำตอบนี่มันต้องวาดรูปลงไปสักสองสามรูปไม่งั้นส่งไม่ได้ ส่วนผมก็ยังเอาแน่เอานอนอะไรกับมหาลัยไม่ได้ ว่าไงดีหล่ะครับ ผมไม่มีสิ่งที่ชอบมากแบบอยากเรียนคณะนี้เท่านั้น แล้วก็ไม่มีสิ่งที่ถนัดหรือทำได้ดีจนควรเรียนอะไรที่เจาะจง นึกอิจฉาพวกหาตัวตนตัวเองเจอเร็วเหมือนกันนะครับ มาเป็นจับฉ่ายแบบผมนี่คลำทางไม่ถูกเลย
“มึง เมื่อวานกูโคตรปวดแขนเลยว่ะ ฮือออ พี่เป้แม่งหลอกเรา ไหนว่าไปนั่งเฉยๆไง” ไอ้ตั๋งนั่งเอาคางถูโต๊ะพร้อมกับร้องหงิงๆให้ไอ้ซันนวดแขนให้
“จริงมึง กูก็ปวดหน่อยๆ”
“กูแบบกลับบ้านไปภาพตัดเลยอ่ะ”
“ภาพตัดนี่ใช้โฟโต้ชอปป่ะ”
“...”
“อ่อ นั่นตัดภาพ ฮ่ะๆ”
ในอนาคตตอนรับน้องมหาลัย คนจะโดนรุ่นพี่กระทืบน่าจะเป็นมึงเนี่ยแหล่ะซัน กูหล่ะเป็นห่วงจริงๆ ไอ้ตั๋งก็ทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีช่วยหัวเราะแห้งๆให้เป็นกำลังใจก่อนจะหันหน้ามาหาผม
“เออไอ้หญิง กูได้ข่าวมาจากน้องสาวกูว่าพี่มึงกำลังคุยอยู่กับแก็งนางฟ้าคอนแวนต์หรอวะ” หือ? ไอ้พี่พี่เนี่ยนะ
“ไม่น่านะมึง”
“เอ แต่กูว่าคนชื่อพี่นี่ก็น่าจะมีคนเดียวในโรงเรียนเรานะ น้องกูคอนเฟิร์มว่าชื่อพี่อยู่ม.ห้าโรงเรียนเรา“
“น้องมึงมั่วหรือเปล่าตั๋ง” ซันลุกขึ้นมาเกี่ยวคอตั๋งไว้แน่น
“สัด มึงรัดคอกูทำไมเนี่ยยย ไม่มั่วนะมึง น้องสาวกูบอกว่าน้องผู้หญิงอัพรูปแชทด้วย โอ๊ยยย ไอ้ซันกูเจ็บ ไอ้เหี้ย หูกู”
“กูไปเข้าห้องน้ำนะ”
...ให้ตายเถอะแม่ง
ปวดหนึบไปหมดทั้งใจทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจริงไหมด้วยซ้ำ
ไม่น่าจริง ไม่ดิ ต้องไม่จริงอยู่แล้ว พี่ไม่เคยบอกผมเรื่องนี้นี่หว่า ไม่สิ ต้องใช้คำว่าไม่เคยมีเรื่องไหนที่พี่ไม่บอกผม มันต้องไม่จริงอยู่แล้วแหล่ะ ผมบอกตัวเองอยู่ร้อยรอบพร้อมกับกวักน้ำขึ้นสาดหน้า ใช่สิ มันไม่มีทางเป็นเรื่องจริงได้หรอก
มันคงไม่จริงหรอก
ใช่ไหม... ใช่ไหมวะ ต้องใช่สิวะ
“เปียกไปทั้งตัวแล้วน้องหญิง” ผมสะดุ้งเฮือกกับเสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลัง หันไปก็เป็นพี่ปอนด์กำลังยื่นทิชชู่มาให้ผมอยู่ โผล่มาได้เวลาเหมือนรู้ตัวว่าไม่ต้องการ
“ขอบคุณครับพี่”
“หงุดหงิดอะไรมาเนี่ย เปียกโชกเลย” อยากตอบแบบไม่สุภาพไปดังๆแต่สุดท้ายก็ได้แต่กลืนความหงุดหงิดลงท้องแล้วยิ้มแห้งๆออกมา
“พอดีอากาศร้อนอ่ะครับ”
“อ้อ”
“ขอตัว-“
“คิดว่าหัวร้อนเรื่องแฟนใหม่ไอ้พี่เสียอีก”
ไม่รู้ว่าควรตกใจเรื่องไหนมากกว่ากัน ระหว่างเรื่องที่โดนเดาถูกว่าหัวร้อนเรื่องอะไรหรือจะเรื่องที่ใช้คำว่าแฟนใหม่พี่ แต่ที่แน่ๆผมรับรู้ได้ถึงออร่าความตัวร้ายของพี่ปอนด์ได้อย่างดี
“พี่ปอนด์รู้เรื่องนี้ด้วยหรอครับ”
“หญิงชอบไอ้พี่ใช่ไหม”
“เห้ยพี่ ผมไม่...” คำปฏิเสธเตรียมตัวจะออกมาจากปากผมแต่กลับโดนหยุดไว้เพราะผมเห็นสีหน้าพี่ปอนด์ที่มองมา
“ใช่ครับ หญิงชอบพี่” ผมจ้องหน้าพี่ปอนด์กลับ ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ได้เลย วันที่ได้มามีศัตรูกับผู้ชายด้วยกันเพราะเรื่องผู้ชายในห้องน้ำชายเนี่ย ผมโคตรหงุดหงิดเพราะแทนที่พี่ปอนด์มันควรจะทำหน้าตัวร้ายให้สุดแต่พี่มันก็ทำแค่ยกยิ้มบางๆขึ้น ตัวร้ายสายแบ๊วหรอวะ จะร้ายทั้งทีไม่ร้ายแบบปานธนพรแต่ร้ายแบบลุลา ควรรับมือยังไงดีเนี่ย
“จริงๆพี่รู้มานานแล้วแหล่ะ”
“ที่พี่ปอนด์ชอบพี่ ผมก็รู้มานานแล้วเหมือนกันครับ”
“เห้ยๆ พี่ไม่ได้มาหาเรื่องนะ ไม่ต้องกำหมัดขนาดนั้นก็ได้” พี่ปอนด์หัวเราะออกมาเบาๆ
“พี่ปอนด์จะพูดอะไรก็พูดมาเลยดีกว่าครับ” ยิ่งหัวเราะ ยิ่งยิ้มผมยิ่งหงุดหงิด
“พี่ชอบไอ้พี่จนเลิกชอบไปแล้ว นับถือใจหญิงที่ยังชอบมันได้นานขนาดนั้นต่างหาก”
“ห๊ะ?”
“เออ จริงๆ ไม่ต้องกำหมัดหรอก”
เอ้า หักมุม ผมได้แต่ทำหน้าหมองง แบบที่รู้เลยว่าคงต้องออกมาดูงงมากๆ เพราะพี่ปอนด์เล่นขำไม่หยุดเลย งงสิครับ นี่ตอนแรกเตรียมคิดหาทางแก้ปัญหาจัดการตัวร้ายไว้ในหัวตั้งเยอะแล้ว
“อ่ะ เอ่อ ขอโทษด้วยพี่ปอนด์ ผม...”
“เห้ย ไม่เป็นไรๆ เข้าใจๆ เห็นมองพี่ตาขวางมาตั้งตลอด ว่าจะหาเวลาพูดอยู่เหมือนกัน”
“และ แล้ว เออ่”
“เลิกชอบแล้วจริงๆ พี่มึงอ่ะใจดีไปเรื่อย ขี้เกียจหึงในความคิดว่ะ เหนื่อย ถึงบอกว่านับถือใจที่อดทนมาได้ขนาดนี้ไง” โห เข้าใจฟีลเลยว่ะ ผู้ชายของสังคม ใจดีเยี่ยงโรงทานเคลื่อนที่ ผมได้แต่ยิ้มแหยๆตอบกลับไป บรรยากาศอึดอัดมากจริงๆครับ ถึงต่อให้พี่ปอนด์จะเลิกชอบไปแล้วจะจริงหรือไม่ก็ตาม แต่ก็นับเป็นศัตรูในระบบความคิดผมมาเป็นปีอยู่ดีถึงจะมาก็เถอะ
“ว่าแต่พี่ปอนด์ ที่บอกว่าแฟนใหม่พี่นี่หมายความว่าไงหรอ...ครับ”
“อ้าว มันไม่ได้บอกหญิงหรอ”
ที่บอกว่ามาดีเมื่อกี้ขอขีดฆ่าทิ้งครับ
กวนตีนน้อยเสียที่ไหน ถ้ามันบอกจะมาถามอยู่ตอนนี้ไหม บทพี่สาวซินเดอเรลล่าชัดๆ!!!
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมถามจากพี่เองก็ได้” ว่าแล้วผมก็หันตัวขึ้นห้องทันที ใจครึ่งดวงก็รู้สึกโล่งที่ศัตรูหายไปหนึ่งแต่ดันมาเพิ่มอีกหนึ่ง มีเรื่องให้ต้องคิดตลอดเวลา จริงๆผมก็เข้าใจนะครับทำไมพี่มันถึงป๊อปนัก อย่างแรกเลยถึงหน้าจะดูหงุดหงิดตลอดเวลาแต่มันก็ได้โควต้าหล่อที่เปลี่ยนจากคนขี้หงุดหงิดเลยกลายเป็นผู้ชายสายแบดแทน หุ่นก็ดี นิสัยถึงจะเสื่อมไปบ้างบางทีแต่ก็พึ่งพาได้ตลอดเวลา
คนที่ตกหลุมรักพี่เพราะหน้าตาอยู่ไม่นานหรอกครับ แต่ถ้าตกหลุมรักเพราะนิสัยยังไงก็หนีไม่รอด
... เช่นผมนี่ไง
การเรียนที่ว่ายากทวีความยากไปอีกเท่าตัวเมื่อคำว่าแฟนใหม่พี่ยังคงหมุนวนไปมาอยู่ในหัว หลอนยิ่งกว่าการท่องไซน์คอสแทนข้ามฉากชิดฉากข้ามชิด พอเลิกเรียนสิ่งแรกที่ผมทำคือโกยทุกอย่างลงกระเป๋ารีบพุ่งตัวออกไปนอกห้องเตรียมจะไปวิ่งไปสนามบอล แต่ก็ต้องหยุดตัวเองไว้เสียก่อน เมื่อไอ้คนที่ผมกำลังจะวิ่งไปหามายืนกดโทรศัพท์รออยู่แล้วหน้าห้อง
“เด็กไม่ดี กูเห็นนะว่าหลับในห้อง” มือใหญ่ข้างเดิมแปะลงมาบนหัวผมแล้วขยี้เบาๆ
“มานานแล้วหรอ”
“มาตั้งแต่มึงเริ่มเอนหัวซบไหล่เพื่อนอ่ะ” อ๋อ หมายถึงไหล่ไอ้ตั๋ง ผมเหลือบตามองไปที่ไอ้ตั๋งเจ้าของไหล่ มันสะดุ้งเฮือกแล้วดึงแขนไอ้ซันวิ่งหนีไปทันที
“พี่คุยไลน์กับใครอ่ะ”
“หือ? อ๋อ เพื่อน”
“เพื่อนผู้ชายหรือ...เปล่า ไม่มีอะไรแล้ว รีบไปเถอะ เดี๋ยวหญิงโดนพี่เป้ด่า”
“ลองมันด่ามึง เดี๋ยวกูด่ากลับให้” ว่าแล้วพี่ก็กวาดมือล็อคคอผมลากไปตลอดทาง ผมได้แต่เนียนๆซุกไหล่พี่มัน มือข้างหนึ่งของพี่ล็อคคอของผมไว้แน่นแต่อีกข้างก็กดมือถือไม่หยุด ไม่กล้าถามเพราะกลัวคำตอบ รู้สึกแย่จังนะ
วันนี้ผมได้ซ้อมแค่นิดๆหน่อยๆเป็นพวกตัวจริงซ้อมกันซะส่วนใหญ่ ผมก็แค่มารับๆส่งๆลูกกับซันตั๋งเล่นรอเวลาพี่ซ้อมเสร็จ ไม่ค่อยมีกะจิตกะใจจะซ้อมนัก ถ้าผมมีหูตอนนี้หูผมคงจะพับหางก็ตก เปิดโหมดแมวซึมไปแล้วแน่ๆ
ซ้อมเสร็จก็เดินไปรอพี่พามด้วยกันเหมือนเดิม ผมได้แต่ถอนหายใจรอบที่สามร้อยกว่าของวัน ไม่มีนมแบบผู้หญิงแต่ก็หนักอกหนักใจได้เหมือนกัน พี่ก็เหมือนจะรู้ว่าผมไม่อยากคุย มันก็เงียบไม่พูดอะไรไปเหมือนกัน บรรยากาศค่อนข้างอึมครึมหนักจนพี่พามต้องเปิดเพลงดับความเงียบ รถจอดถึงบ้านผม ผมก็รีบลาพี่พามแล้วเปิดประตูลงจากรถพร้อมกับประตูอีกข้างที่เปิดออกพร้อมกัน
“เอาหล่ะไอ้หมวย กูปล่อยให้มึงน้ำลายบูดมาได้สักพักแล้ว มีอะไรก็พูด” ถามจริง ชื่อกลางพี่มึงคืออับดุลป่ะวะ นอกจากจะรู้ความคิดแล้วยังเสือกรู้ไทม์มิ่งอีก
“อะไรของพี่”
“อะไรของมึง”
“หญิงเปล่า”
“พี่ก็เปล่า”
“อย่าแทนตัวว่าพี่ได้ป่ะ ขนลุก” พี่มันยิ้มแฉ่งออกมาทันที
“วันนี้อยู่ดีๆกูก็โดนงอนไม่มีสาเหตุ กูควรได้รู้เหตุผลที่มึงนั่งหน้าเป็นอาหมวยหงอย เห้ย หมวยหงอยที่ถ้าผวนนี่ได้เลยอ่ะ ไม่ดิ ต้อง หมวยสอย...”
“ไอ้พี่พี่” โหมดจังทีไรอยากกระโดดเตะพี่มันทุกที
“เร็วบอกมา” พี่เดินมาบีบปากผมไปมา เงยหน้ามองพี่มันในระยะประชิดแล้วอดไม่ได้ที่จะใจเต้นรัวจริงๆแหล่ะ
“อื้อ เปล่า ก็แค่น้อยใจ มีแฟน แล้ว... ไม่บอกกันเลย” ถ้าไม่ติดไอ้คีมเหล็กที่หนีบปากอยู่ผมคงก้มหน้าแทบชิดอกไปแล้วแน่ๆ
“ใครมีแฟน กูหรอ?”
“อือ สาวคอนแวนต์ ไอ้ตั๋งบอกมา”
“เห้ย แค่คุย ยังไม่ได้เป็นแฟน”
ถ้าเป็นในการ์ตูนญี่ปุ่น ฉากนี้จะมีเสียงดังฉึกครับ มันคือเสียงธนูที่ปักเข้ากลางตัวผมจังๆ
“อื้อ นั่นแหล่ะ”
“อะไรวะ กูแค่คุยเฉยๆ เขาทักมากูก็ตอบตามมารยาท น้องหญิงน้อยใจพี่พี่หรอครับ เอ็นดูว่ะ” กวนตีน ผมปัดมือไอ้พี่ออก นี่จริงจังนะโว้ยยังจะมาเล่นอยู่ได้ หัวใจเหลวเป็นขี้นกไปหลายรอบแล้วเนี่ย
“น่ารักป่ะ”
“ใคร กูหรอ?”
“...” กล้ามเท่าเสายังมีหน้ามาถาม
“เห้อ มึงน่ารักกว่าร้อยเท่า อย่างน้อยมึงก็ไม่รัวสติ๊กเกอร์มาเวลากูตอบช้า รำคาญ” ผมแอบยิ้มเล็กน้อยไม่ใช่เพราะผมไม่เคยรัวสติ๊กเกอร์เวลาพี่ตอบช้าหรอกนะครับ แต่เพราะพี่ไม่เคยตอบผมช้าต่างหาก เนี่ยๆ มันเป็นเสียแบบนี้!!
“อือ”
“อืออะไร”
“ก็อือไง อือ เออ รู้แล้ว”
“มึงนี่มันน่าบีบให้แก้มหลุด มาองมาอือ” คีมเหล็กหนีบป้าปเข้ามาอีกรอบ ให้ผมต้องส่ายหัวหนี ชอบก็ชอบนะครับแต่แรงพี่มันบีบเข้าก็เจ็บอยู่เหมือนกัน ผมเงยหน้ามองพี่ที่ตอนนี้กำลังยิ้มจนตาปิดเพราะบีบปากผมจนแก้มแทบชิด ให้ตายเถอะ อย่ายิ้มให้ผู้หญิงคนนั้นแบบนี้ได้ไหม
...น้องข้างบ้านมีสิทธิขอร้องได้ถึงแค่ไหนวะ ---
มาสั้นๆ 555555555555555555
ช่วงนี้ติดสอบมิดเทอมและวิจัยค่ะ ไม่ว่างเลยจริงๆ ;__;
อีกนิดเดียวก็จะปลดตำแหน่งพี่น้องข้างบ้านแล้วค่ะ ฮึบ ฮึบบบบ
เดี๋ยวพี่จะฉลาดขึ้นแล้วค่ะ วอนอย่าย้ายเรือ ฮือ