1st Sunday#เรื่องของคนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่คุณสุปราณีจะมาทำงานในออฟฟิศแทนใจมองไปยังรุ่นพี่เลขาคนเก่งของหัวหน้าแผนก ที่น้ำตาซึมตอนที่เก็บของราวกับว่าโดนปลดออกจากการเป็นพนักงาน ทั้งที่ความจริงเจ้าตัวแค่ท้องแก่มากแล้ว หัวหน้าแผนกเลยมีความเห็นว่าควรจะลาคลอดแล้วพักฟื้นยาวๆ ไปเลยจนกว่าร่างกายของเธอจะพร้อมกลับมาทำงานอีกครั้ง
บริษัทของพวกเขาเป็นบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ ซึ่งตัวแทนใจอยู่แผนกเซลล์ คนในแผนกรักกันดีมีทะเลาะกันบ้างแต่ก็ช่วยเหลือกัน เพราะฉะนั้นการที่คุณสุปราณีจะหายไปมันเลยทำให้หลายคนเสียดาย
น่าจะรวมถึงคุณกฤติด้วยเช่นกัน
ในสายตาของแทนใจ เซลล์โคฯต๊อกต๋อยในแผนกนี้ คุณกฤติคือหัวหน้าแผนกที่เพอร์เฟ็คท์
คุณกฤติมีรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าเรียบนิ่งที่อยู่ใต้แว่นสี่เหลี่ยมนั้นมักจะดูเคร่งขรึมและจริงจังตลอดเวลา อาจจะเพราะชุดสูทที่เจ้าตัวชอบใส่ ยิ่งทำให้ดูเป็นทางการมากเข้าไปอีก แม้กระทั่งวันที่สบายๆ คุณกฤติยังคงแต่งตัวเหมือนกับพร้อมจะเข้าประชุมตลอดเวลา
ครั้งแรกที่แทนใจเจอคุณกฤติ เด็กหนุ่มตัวสั่นราวกับว่าตัวเองเป็นกระต่ายตัวเล็กที่ถูกโยนเข้าไปในกรงเสือ แต่เมื่ออีกคนหนึ่งเผยรอยยิ้มที่ดูใจดีออกมา แทนใจก็ผ่อนคลายลง ถ้าไม่งั้นเขาก็คงไม่ทำงานที่นี่แน่ๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าเขากลัวหัวหน้ามากเกินไปจนไม่สามารถทำงานได้
จนในปัจจุบัน คุณกฤตินั้นถือว่าเป็นหนึ่งในคนที่แทนใจรู้สึกว่า ‘เท่มากๆ อยากเป็นแบบนี้ให้ได้จังเลยนะ’ ทั้งในเรื่องการวางตัวและการทำงาน ถึงแม้เด็กหนุ่มจะไม่เห็นว่าหัวหน้าควงใครไปไหนมาไหนอย่างเปิดเผย แต่เขาเชื่อว่าคนแบบคุณกฤตินั้น ต้องมีผู้หญิงดีๆ รอสร้างครอบครัวด้วยอย่างแน่นอน
ยิ่งเห็นคุณสุปราณีปาดน้ำตาเด็กหนุ่มยิ่งรู้สึกตื้นตันแทนเข้าไปอีก คุณกฤติต้องเป็นหัวหน้าที่ดีมากๆ จนลูกน้องที่จะลาคลอดยังรู้สึกเสียดายที่จะไม่ได้เจอหน้าเขาเป็นเดือน ถ้าเป็นเขาก็คงเสียดายมากๆ เลยล่ะ
ทั้งที่ความจริงแล้ว สุปราณีหลั่งน้ำตาเพราะรู้สึกว่าตัวเธอรอดแล้วจากการทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง อย่างน้อยก็สามสี่เดือนล่ะนะ
“เดี๋ยวเย็นนี้ใครไม่มีรถติดมากับนุ่นได้นะ รถนุ่นมีแค่นุ่นกับใหม่สองคนเอง”
เสียงคุณนุ่นที่เป็นหนึ่งในบรรดาเซลล์โคฯพูดออกมาเรียกความสนใจของทุกคนได้ ทุกคนเปลี่ยนการทำงานในวันศุกร์สิ้นเดือนเป็นการคุยกันเรื่องที่ว่าวันนี้จะไปกินเลี้ยงส่งสุปราณีกันอย่างไร เป็นบรรยากาศการทำงานที่ครึกครื้นคล้ายกับว่าจะมีปาร์ตี้วันคริสต์มาส แต่ก็เจือความเศร้าเอาไว้ในเวลาเดียวกัน
“ทุกคนตกลงเรื่องรถกันได้แล้วนะครับ”
เสียงของกฤติ หัวหน้าแผนกคนเก่งของหลายๆ คนพูดขึ้นมา ใบหน้าเรียบนิ่งมีรอยยิ้มประดับอยู่เล็กน้อย ซึ่งหลายคนมองแล้วรู้สึกแหยงๆ เพราะเป็นรอยยิ้มเดียวกับตอนที่กฤติทวงงานเวลาที่ต้องการงานเร่งส่ง แต่บางคนก็รู้สึกว่ามันคือรอยยิ้มใจดี เช่นพนักงานที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเขาอย่างแทนใจ เป็นต้น
“งั้นผมฝากจอง…”
“ร้านเขาสวนกวาง ตอน 19.30 น. จองเรียบร้อยแล้วครับ”
เสียงที่พูดแทรกขึ้นมาก่อนที่กฤติจะพูดจบเรียกให้ทุกคนหันไปมอง รวมถึงกฤติด้วย ผู้ชายตัวสูงท่าทางภูมิฐานเช่นเดียวกับกฤติพูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม
“ขอบคุณครับ… คุณโน้ต”
เจ้าของชื่อยิ้มรับ ผู้ชายคนนี้ที่เคยเป็นเซลล์โคฯเหมือนกับแทนใจและคนอื่นๆ จะมารับตำแหน่งเลขาของกฤติแทนคุณสุปราณี และเห็นได้ชัดว่าเขาทำงานได้รวดเร็ว
เร็วเกินไปด้วยซ้ำ
กฤติขยับแว่นเล็กน้อยตอนที่มองสบตาคมคู่นั้น เขาเหยียดยิ้มในแบบที่คนอื่นมองแล้วแหยงกว่าเดิม (อาจจะยกเว้นแทนใจ เด็กหนุ่มกำลังตีกับเพื่อนข้างๆ ที่แกล้งดึงแก้มตัวเองอยู่) เลขาคนเก่งที่เพิ่งถูกแต่งตั้งอย่างเป็นทางการไปหมาดๆ เมื่อวานยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่ออกจะดูกวนประสาทสำหรับกฤติสักหน่อย
ไม่สิ..
กวนประสาทมากๆ เลยด้วย
“ยินดีครับ… หัวหน้า”
กวนประสาท!
.
.
.
การที่ โน้ต นริทร์ ได้เป็นเลขานั้นไม่ใช่ความบังเอิญ
ในตอนที่ตัดสินใจเรื่องสุปราณีเรียบร้อยแล้วนั้น กฤติคิดแล้วว่ายังไงเขาก็ต้องการเลขาคนใหม่ เพราะด้วยตัวเนื้องานแล้วเขาไม่มีเวลามากพอที่จะไปใส่ใจเรื่องหยุมหยิมอย่างการเบิกค่าน้ำมันรถ หรือจำวันประชุมกับลูกค้าได้ดีเพียงพอ เขาทำได้ แต่ทำไมต้องทำเองในเมื่อเรามีเลขา?
ตำแหน่งนี้ไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้
อย่างแทนใจที่น่ารักแต่มักจะลืมนั่นลืมนี่ตัดทิ้งไป หรือซุกซน พนักงานอีกคนในแผนกที่ทำงานดีแต่เสียงดังโวยวายตลอดเวลานั่นก็น่ารำคาญมากเกิน เขาต้องการคนที่สามารถคุยกันรู้เรื่อง เป็นผู้ใหญ่ และรู้จักเขา ‘ดี’ พอที่จะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างใกล้ชิด
รับคนใหม่งั้นเหรอ? ตัดไปเลย กฤติยังไม่มีอารมณ์จะสัมภาษณ์ใครอะไรในตอนนี้ แค่เป้าหมายของแผนกที่ตอนนี้ยังไม่ได้ตามเป้าก็เครียดมากพอแล้ว แถมเขายังไม่อยากรับพนักงานจากแผนกอื่นเข้ามาร่วมผลาญงบแผนกทำงานด้วย ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ดี แต่การย้ายคนข้ามแผนกนั้น หลายครั้งมันก็สร้างปัญหาได้
ในที่ทำงานเก่า กฤติเคยทำงานเป็นผู้ช่วยแผนกการตลาดมาก่อน แต่ผลงานเขาดันไปถูกใจแผนกการขาย และตัวเขาเองก็อยากจะลองงานด้านอื่นดูบ้าง จึงได้ตกปากรับคำย้ายแผนกทันทีที่ได้รับการทาบทาม ซึ่งเรื่องที่เหมือนจะเล็กน้อยแบบนี้ ทำให้บริษัทเกิดสงครามเย็นระหว่างสองแผนก สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกที่จะลาออก เพราะรู้สึกว่ามันประสาทเสียที่จะต้องมาโดนหัวหน้าเก่าจิกกัดทุกครั้งที่เดินสวนกัน
ตำแหน่งนี้จึงควรจะเป็นคนในแผนกเท่านั้น
กฤติมองลอดแว่นไล่ดูพนักงานของตัวเองแต่ละคน จนไปจบที่โน้ต นรินทร์ เซลล์โคฯอาวุโสที่มีทั้งอายุงานในบริษัท และอายุจริงของเจ้าตัวมากกว่าเขาอยู่สองสามปี ผู้ชายที่แก่ประสบการณ์ เก๋าเกมในการคุยกับลูกค้า และจัดการปัญหาเฉพาะหน้าเก่งชนิดหาตัวจับได้ยากจึงถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ณ ขณะนั้น
ถ้ามองแค่เรื่องงาน โน้ต นรินทร์ จัดว่าเก่งมาก และเมื่อเป็นเรื่องส่วนตัวแล้ว โน้ต นรินทร์ ก็จัดเป็นคนที่เก่งมากเช่นเดียวกัน
กวนประสาทเขาเนี่ย เก่งเหลือเกิน
“ไหนๆ ร้านจองแล้วอะไรก็แล้ว กลับไปทำงานต่อได้แล้วมั้งครับ โบนัสอยากได้กันใช่ไหมครับ?”
หลังจบคำพูดนั้น กลุ่มพนักงานที่กำลังคุยกันอย่างออกรสก็แตกฮือเหมือนผึ้งที่แตกรัง ส่วนใหญ่รีบกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ บางส่วนก็แก้เขินด้วยการเดินไปห้องน้ำ และบางคนก็ทำเป็นเหมือนไม่ทุกข์ร้อนกับคำขู่เมื่อครู่เท่าไหร่ และคนนั้นคือนรินทร์นั่นเอง
ชายหนุ่มเพียงแค่ส่งยิ้มให้กับหัวหน้าเหมือนทุกครั้ง ซึ่งสิ่งที่ได้กลับไปคือสายตาเรียบนิ่งพร้อมการเลิกคิ้วคล้ายกับว่า ‘คุณยิ้มหาอะไร?’
ซึ่งคำตอบของนรินทร์มีเพียงแค่การยักไหล่เท่านั้น
------- Sunday We Meet -------
“ชนครับพี่น้องครับ โช้นนนน”
“ซุกซนทำไมต้องเสียงดังด้วย คิดว่าคนอื่นเขาหูอื้อกันหรือไงนะ นิสัยไม่ดีเลยจริงๆ”
“แล้วมึงจะทำไมฮะไอ้อ๊อง!! มานี่เลยนะ มาให้กูบิดแก้มมึงเดี๋ยวนี้!!”
“อุ๊กอนนนนนน เอ่บบบบบบบ” (ซุกซนนนนนน เจ็บบบบบบบ)
เสียงโหวกเหวกโวยวายที่ดังมาจากซุกซนกับแทนใจ พนักงานอายุน้อยในแผนก เด็กสองคนนี้มักจะมีการเล่นกันที่ทำให้คนรอบข้างรู้สึกคิดถึงวัยเด็กของตัวเองเสมอ อันนี้อาจจะนับรวมกับกฤติไม่ได้นัก วัยเด็กของเขาไม่ได้มีอะไรที่น่าจดจำเป็นพิเศษเท่าไหร่
“เสียงดังขนาดนี้เดี๋ยวร้านเขาก็เก็บตังเพิ่มหรอก”
เสียงจากสุปราณี เลขาคนสำคัญของหัวหน้าแผนกดังขึ้นขำๆ บรรยากาศการเลี้ยงส่งเต็มไปด้วยความรื่นเริง ทั้งดนตรี อาหาร แอลกอฮอล์ ทุกอย่างทำให้ความรู้สึกเศร้าโศกที่จะต้องลาจากกันละลายเหมือนน้ำแข็งกลางเดือนเมษายน
“ถ้าเก็บเพิ่มเดี๋ยวให้พี่โน้ตจ่าย”
คนที่ถูกพาดพิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยท่าทางที่กฤติแอบหันไปเบ้ปากข้างหลัง แล้วพูดต่อทันทีเหมือนไม่ได้คิดอะไรเยอะแยะ
“งั้นเดี๋ยวพี่ให้หัวหน้ารับผิดชอบ”
กฤติคิ้วกระตุกเล็กน้อยท่ามกลางเสียงโห่แซวของพนักงานคนอื่นที่เหมือนจะถูกใจกับคำพูดนั้นเสียจริงทั้งที่ไม่มีอะไรเลย เขาพามาเลี้ยงเขาก็ต้องเป็นคนจ่ายอยู่แล้ว
แต่ในเมื่อมาขนาดนี้ ขอสวนกลับเสียหน่อยแล้วกัน
“ถ้างั้นผมเอาโบนัสพวกคุณมาจ่ายแล้วกันนะครับ”
“โห่ยพี่ ไม่เอาความจริงมาล้อเล่นสิครับบบบบบ”
“ซุกซนครับ ให้ผมพูดถึงออเดอร์เมื่อวานที่ตอบลูกค้าช้าจนลูกค้าโวยวาย…”
“พอแล๊ววววววววววววว”
ทุกคนหัวเราะเมื่อพนักงานตัวสร้างสีสันทำท่าปิดหูราวกับว่าตัวเองกำลังได้ยินเรื่องราวน่ากลัวสุดขั้วหัวใจ กฤติเองก็ร่วมวงหัวเราะไปด้วยเช่นกัน
หากให้พูดตามจริง กฤติค่อนข้างที่จะรักลูกน้องทุกคน ไม่อยากเสียใครในทีมไปทั้งนั้นถ้าไม่จำเป็น แต่ถ้าหากพูดว่าเขาเอ็นดูใครมากเป็นพิเศษ กลุ่มนั้นก็คงไม่พ้นซุกซนที่ชอบโวยวาย และแทนใจที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไรแน่นอน สองคนนี้เหมือนสัตว์เล็กที่แค่เห็นก็น่าเอ็นดู
ส่วนอีกคนหนึ่งนั้น…
เขาหันไปมองหน้าเลขาคนเก่งที่กำลังเรียกพนักงานมาเพื่อสั่งของทานเล่นเพิ่ม ใบหน้าด้านข้างของผู้ชายวัยเลขสามยังคงดูดีเหมือนทุกครั้งที่เห็น คิ้วหนาของเจ้าตัวรับกับสันกราม ผิวที่ออกแทนนิดหน่อยนั้นไม่ได้ทำให้อีกคนดูดีน้อยลงเลยสักนิด
“พี่กฤติเอาหน่อยมั้ยคะ? เดี๋ยวใหม่ชงให้”
เสียงของนุ่น หญิงสาวอีกคนในแผนกพูดขึ้นมาขัดความคิดของชายหนุ่ม เขาเพียงแค่ส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธเท่านั้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหน้าเสียไปเล็กน้อยที่โดนปฏิเสธน้ำใจ หัวหน้าคนเก่งเลยรีบพูดต่อ
“ขอบคุณนะครับ แต่ผมเอารถมา ไม่อยากเมา”
“นิดเดียวเองนะพี่”
“อย่าเลย ดื่มกันเถอะ เดี๋ยวผมคอยเก็บศพพวกคุณให้”
กฤติพูดเสริมความมั่นใจอีกคนที่ทำท่าเหมือนอยากจะให้ชายหนุ่มกิน ท่าทางเธอน่าจะกำลังกึ่ม (เหมือนกับซุกซนและแทนใจที่โหวกเหวกโวยวายอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ) เลยอยากให้หัวหน้าได้ดื่มด้วยช่วยกันเมา
“เอางั้นก็ได้ค่ะ ถ้างั้นขวดนี้หมดพี่กฤติไม่ได้กินใหม่ไม่รู้ด้วยนะคะ”
“ฮ่าๆ ตามสบายเลยครับ”
ชายหนุ่มยกน้ำอัดลมของตัวเองขึ้นมาจิบ บรรยากาศงานเลี้ยงเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ บางคนเล่นมุก บางคนนั่งคุยกันเรื่องละคร บางคนก็นั่งทำงาน (กฤติยังคงต้องตอบอีเมลลูกค้า แม้ว่าเขาจะออกมาแฮ้งเอาท์ก็ตาม) และบางคนก็นั่งเล่นโทรศัพท์
และบางคน ที่มาวอแวคนอื่นโดยที่ไม่จำเป็น
“คุณกฤติครับ ไม่กินเหล้าเหรอครับ? อร่อยนะ อร่อยกว่าลาเต้อีก เอ๊ย ไม่สิเดี๋ยวร้านกาแฟเสียใจ อร่อยพอๆ กันกับลาเต้เลย กินสิครับคุณกฤติ อร่อยจริงๆ นะ”
แทนใจที่ท่าทางจะเริ่มกึ่มเล็กน้อยเดินเข้ามาหาหัวหน้าแผนกอย่างเขาพร้อมพูดอะไรไร้สาระตามปกติของเจ้าตัว เด็กคนนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่เขาอยากเก็บเอามาเลี้ยงที่บ้าน แทนใจเป็นคนหน้าตาน่ารัก และด้วยนิสัยช่างพูดนู่นนี่ ทำให้เด็กหนุ่มเป็นที่เอ็นดูของหลายๆ คน
“ไม่ล่ะ เรากินให้เต็มที่เถอะ ในบริษัทกินแบบนี้ไม่ได้นะ”
“แต่คุณกฤติต้องดื่มบ้างนะครับ อย่าทำแต่งานซี่”
ในขณะที่เขากำลังคุยกับแทนใจ อยู่ดีๆ ก็มีเสียงทุ้มแทรกขึ้นมา
“มาซนอะไรตรงนี้เนี่ย?”
กฤติกลอกตาทันทีเมื่อได้ยินว่าใครเป็นคนที่เดินเข้ามา ร่างสูงใหญ่ของผู้ชายที่เขาเหม็นขี้หน้าปรากฏขึ้นมาให้เห็นในชุดเสื้อบริษัทและกางเกงยีน ดูแตกต่างจากพวกเขาที่ต้องนั่งอยู่ในออฟฟิศตลอดเวลา ส่วนมากเลยใส่ชุดที่ค่อนข้างจะเป็นทางการมากกว่า
“คุณพี่เมฆ! งานเสร็จแล้วเหรอครับ?”
“ไม่อ่ะ พี่เทลูกค้าแล้วรีบขับรถมาหาเรา”
“ฮื่อ นิสัยไม่ดีเลย”
คุณพี่เมฆของแทนใจคือแฟนหนุ่มคนละแผนกของเจ้าตัว กฤติรู้จักกับเมฆมาตั้งแต่เข้าทำงานได้ไม่นาน เมฆเป็นหนึ่งในผู้ชายที่เขาจัดเข้าไว้ในประเภทกวนประสาท เมฆเกลียดกฤติ และกฤติก็เกลียดเมฆ แต่พวกเขาสนิทกัน เพราะเกลียดขี้หน้ากันนั่นแหละ
“นี่งานแผนกขายนะครับ โปรเจกต์เมเนเจอร์จะมาเดินเพ่นพ่านทำไม”
เขาแขวะคนต่างแผนกไปทีด้วยความหมั่นไส้ เมฆเป็นโปรเจกต์เมเนเจอร์ที่ชอบมาวุ่นวายตรงนี้จนน่ารำคาญ แต่อันที่จริง ต่อให้เมฆไม่ทำอะไรเขาก็รำคาญมันอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้คือมากอดกับแฟนตรงหน้าเขาด้วยความตั้งใจจะกวนประสาทอีกเนี่ย มันคืออะไรที่โคตรน่ารำคาญ
“เป็นบ้าเหมือนเดิมเลยนะครับคุณแว่น”
“บ้าแค่กับคุณนี่แหละ กับคนอื่นผมมารยาทดี สงสัยเพราะคุยกับคนบ้า”
“บ้าอะไร ผมออกจะใส่ซื่อบริสุทธิ์”
“เอาไปหลอกแฟนคุณเถอะครับ อะไรไร้สาระแบบนี้”
“ผมเกี่ยวไรง่ะ?”
เจ้าเด็กหน้ากลมที่เคยหันมองซ้ายทีขวาทีระหว่างเขากับไอ้โปรเจกต์เมเนเจอร์ถามขึ้นมา แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบอะไร แฟนหนุ่มของเด็กน้อยก็ก้มลงฟัดแก้มอีกคนจนแทนใจหัวเราะคิกคัก ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่คนต่างแผนกก็ยังหันมายักคิ้วกวนประสาทเขาได้
น่ารำคาญ!
กฤติหันหน้าหนีคู่แฟนตรงหน้า เมื่อมองไปรอบๆ เขาก็สังเกตว่าตอนนี้คนไม่ได้เยอะเหมือนเดิมแล้ว อาจจะเพราะบางคนขอตัวกลับก่อน แล้วก็หลายคนเดินออกไปสูบบุหรี่กันข้างนอก แต่ส่วนใหญ่จะยังคงนั่งคุยกันถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้เสียมากกว่า
การที่เห็นพนักงานในปกครองผ่อนคลาย ทำให้กฤติยิ้มออกมาเล็กน้อย
การเป็นหัวหน้าคนไม่ใช่เรื่องง่าย นี่เป็นความคิดแรกตั้งแต่ที่ตัวเขาได้เป็น senior แล้วมีทีมที่ต้องดูแลสองคน ยิ่งตำแหน่งสูง ความรับผิดชอบเพิ่ม ลูกทีมเพิ่ม ความกดดันยิ่งมากขึ้น บางครั้งจำเป็นต้องแข็ง บางเวลาจำเป็นต้องยอมอ่อนเพื่อรักษาคนเอาไว้
หากถามกฤติ การปกครองคนคืองานที่ยากและหาทางออกลำบากที่สุดแล้ว
ท่ามกลางคนที่นั่งกันอยู่นั้น สิ่งที่ขัดความคิดของกฤติได้ คือเลขาคนเก่งของเขาที่กำลังกก้มหน้าจิ้มโทรศัพท์อยู่ ใบหน้าคมมีรอยยิ้มเล็กๆ เหมือนกับว่าเจ้าตัวรู้สึกพึงพอใจกับสิ่งที่เห็นผ่านหน้าจอนั่น
โชคดีที่ที่นั่งของเขากับเลขาห่างกันไม่มากเท่าไหร่ ถ้าพูดให้ชัดก็คือเขานั่งอยู่ ตรงข้าม กับเลขาคนเก่งนั่น (ที่ตรงนั้นเคยเป็นของสุปราณี ทีขอตัวกลับบ้านไปเมื่อราวครึ่งชั่วโมงก่อน หลังจากนั้นนรินทร์ก็อัญเชิญตัวเองมานั่งแทน) การมองเห็นสีหน้าท่าทางของอีกคนตอนตอบแชทไม่ใช่เรื่องยากเลย
น่าจะคุยกับลูก
ในตอนนั้นเอง คนที่กฤติคิดว่ากำลังสนใจโทรศัพท์ก็เงยหน้าขึ้นมา เขาเลิกคิ้วเมื่ออีกฝ่ายส่งยิ้มมุมปากน้อยๆ มาให้ ถ้าคิดว่าเขาจะเขินอายเหมือนเด็กมัธยมเพิ่งมีความรักละก็ ผิดถนัด
“คุณกฤติครับ คุณกฤติสั่งแซลม่อนเบิร์นอีกที่ได้มั้ยครับ ซุกซนกินของผมไปหมดเลยอ่ะ นิสัยไม่ดีเลยจริงๆ”
แทนใจที่บ่นอะไรงุ้งงิ้งอยู่ข้างๆ ไม่ได้เข้าหูกฤติเท่าไหร่นัก ตามปกติกฤติไม่ใช่คนที่จะเก็บเรื่องไร้สาระมารกสมอง ซึ่งแทนใจนั้นถึงแม้จะน่าเอ็นดู แต่ถ้าพูดอะไรที่ไร้สาระเมื่อไหร่เขาก็พร้อมที่จะใช้ฟังก์ชันปิดการฟังเพื่อดูแค่หน้าอย่างเดียวเท่านั้น
“ครับ”
“ครับนี่คือสั่งได้ใช่มั้ย? ผมไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่”
“ครับ”
กฤติพยักหน้าแล้วก็ยิ้มให้เหมือนกับตอนที่เล่นกับลูกหมา หนึ่งคือเพราะแทนใจดูน่ารักดี และสอง เขาไม่อยากหันไปฝั่งตรงข้าม ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ช่วยให้อีกคนห่างออกไปเท่าไหร่นัก นั่นเป็นเรื่องที่น่ารำคาญมาก
กฤติยกมือขึ้นมาคลายเนกไทตรงคอออกเล็กน้อย ตามปกติแล้วเขามักจะผูกเนกไทชิดคอเสมอ มันเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือในช่วงแรก และกลายเป็นความเคยชินในเวลาต่อมา
ไลน์!
คุณโน้ต: ปลดเนกไท
คุณโน้ต: คุณคิดว่าคุณกำลังจะทำอะไร?
กฤติ: ผมทำอะไร?
กฤติ: นั่งคุยกับแทนใจเฉยๆ
คุณโน้ต: คุณแม่ง
คุณโน้ต: รู้ทั้งรู้ว่าผมแม่งโคตรอยากมัดคุณเลย
คุณโน้ต: กลับกันเถอะ
กฤติ: ผมยังไม่อิ่ม
คุณโน้ต: คุณแม่ง จะทำให้ผมบ้าให้ได้เลยใช่ป้ะ?
ไลน์จากอีกคนทำให้แววตาใต้แว่นเต็มไปด้วยความรื่นรมย์ หัวหน้าแผนกที่มักจะดูเงียบขรึมอยู่เสมอในสายตาพนักงานกลับทอประกายสนุกสนาน เขายกแขนขึ้นมาเพื่อปลดเนกไทสีน้ำเงินที่ได้เป็นของขวัญเมื่อปีที่แล้วออก พยักหน้านิดหน่อยเมื่อแทนใจที่ยังบ่นนั่นนี่อยู่ใกล้ๆ ถามว่าเขาร้อนหรือเปล่า ถึงได้ถอดเนกไทแบบนี้ กฤติไม่ได้ตอบอะไรแม้มุมปากจะเหยียดยิ้ม
ร้อนทั้งที่ไม่ได้แตะแอลกอฮอลล์สักหยดน่ะหรือ? ไม่มีทาง!
ถึงแม้จะพูดกับแทนใจ แต่สายตากฤตินั้นกลับวางไว้ที่อีกคน รีแอคชันนั้นค่อนข้างน่าประทับใจ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามขบกรามแน่น เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่สบตากัน นรินทร์ก็พลั้งปากเรียกอีกคนออกไปทันที
“คุณกฤติครับ…”
“แทนใจ เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ ผมได้ยินไม่ชัด”
กฤติพูดแทรกนรินทร์ที่ส่งเสียงเรียกเขามาจากฝั่งตรงข้าม แล้วหันไปให้ความสนใจลูกน้องที่จ้อไม่หยุดทันที เลขาคนเก่งต้องการอะไรชายหนุ่มรู้ดี เขาเองก็ต้องการเหมือนกัน การที่อีกฝ่ายนั่งกระดกเบียร์ด้วยท่าทางแบบนั้น มันดีมากเลย ให้ตาย
แทบจะรอคืนนี้ไม่ไหวแล้ว
กฤติดึงสายตาตัวเองออกจากคนฝั่งตรงข้าม เอาไปวางไว้ตรงหน้าแป้นๆ ของแทนใจที่พูดไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อกี้แทน เขาคิดว่าเจ้าตัวคงเหงาเพราะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว แฟนของเจ้าตัวเดินออกไปคุยโทรศัพท์เรื่องงานด้านนอกร้าน แถมซุกซนเพื่อนสนิทเมากอดทาวเวอร์เบียร์อยู่ไม่ไกล
“เมื่อกี้ผมบอกว่า…”
ก่อนที่แทนใจกำลังจะได้ทวนประโยคยาวๆ ของตัวเองอีกครั้ง คนที่เมื่อครู่นั่งตรงข้ามกฤติ ย้ายตัวเองมายืนอยู่หลังชายหนุ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“น้องแทนใจครับ” นรินทร์พูดพร้อมส่งยิ้มใจดีแบบที่แทนใจคุ้นชิน “ช่วยไปเรียกเมฆให้พี่หน่อยสิ คุณกฤติเขามีเรื่องอยากถามน่ะ”
กฤติถลึงตาใส่อีกฝ่ายทันทีที่ได้ยินชื่อตัวเองหลุดออกมาจากปากเลขา หากแต่แทนใจไม่ได้คิดสงสัยอะไร พนักงานคนเก่งที่หน้าเริ่มแดงรับคำขันแข็ง แล้วเดินหายออกไปทิศหน้าประตูทันทีโดยไม่ได้หันหลังกลับมา ทิ้งกฤติเอาไว้กับเลขาคนสนิทเท่านั้น
.
.
.
“อ้าว หายไปไหนอ่ะ?”
แทนใจพูดออกมาด้วยความงงงวย เมื่อเดินมาที่เดิมแล้ว แต่ดันไม่มีแม้แต่เงาของคนที่คุยด้วยเมื่อครู่ เหลือเพียงแค่ถังน้ำแข็งที่ละลายไปกว่าครึ่ง และพวกกับแกล้มที่กระจัดกระจาย และซุกซนที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นนอนฟุบกับโต๊ะแทบทาวเวอร์เบียร์ที่มีพนักงานมาเก็บไปแล้ว
“คุณพี่เมฆ! เมื่อกี้พวกคุณกฤติกับคุณโน้ตอยู่ตรงนี้จริงๆ นะครับ”
“ครับ?”
เมฆทวนคำแฟนหนุ่ม เมื่อกี้แทนใจเดินออกมาบอกเขาว่ามีคนอยากคุยด้วยให้เข้ามาข้างในร้าน ซึ่งพอเขาเข้ามาก็เจอเพียงเศษซากซุกซนที่นอนกรน กับแฟนแก้มกลมที่ทำหน้างงอยู่เท่านั้น
“เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้เลยนี่น่า…”
คุณกฤติกับคุณโน้ตหายไปไหนกันอ่ะ?
.
.
.
---------------------- ต่อด้านล่างค่ะ -------------------------