เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์
คู่ที่ 3 : #วิลเลี่ยมเชิดวุธ [คู่ฮา]
เขียนโดย : +Memew+
+CHAPTER 05 : ดอกไม้ กับชายปริศนา
เช้าวันที่ 2 ผมได้ดอกไม้เหมือนเดิม แต่รูปแบบเปลี่ยนไป พ่อบ้านออกไปรับ มีการ์ดใบเล็ก ๆ เขียนตัวหนังสือแบบเดิมไว้
I Love You
ทุกคนเริ่มพากันงง
วันที่ 3 ก็ถูกส่งมาอีก คนส่งคนเดิม เวลาเดิม คำพูดเดิม ๆ จนพวกเราในบ้านชักกลัว ๆ ให้คนไปสืบว่าใครเป็นคนส่ง จนในที่สุดเราก็รู้ว่าเป็นร้านไหน แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าใครส่ง เพราะลูกค้าโทรสั่งของมาทางโทรศัพท์ ไม่ได้แจ้งชื่อหรือรายละเอียดอะไรไว้ นอกจากสั่งให้ไปส่งดอกไม้ให้ผมทุกวัน วันละช่อ เป็นเวลาสองอาทิตย์ และช่อดอกไม้ห้ามซ้ำแบบกันด้วย จ่ายเงินล่วงหน้าให้ครบหมดแล้ว
ถึงทุกคนในบ้านจะรู้อยู่แล้วว่าผมจะได้ดอกไม้แบบนี้ทุกวันเป็นเวลาสองอาทิตย์ แต่ทุกคนก็อดตื่นเต้นไม่ได้เวลาที่ได้ยินเสียงกริ่งดังหน้าบ้าน โดยเฉพาะผม แรก ๆ พ่อบ้านจะออกไปรับให้ครับ พอครบอาทิตย์ผมก็เป็นคนออกไปรับด้วยตัวเอง จะว่าเพราะพี่คนส่งหน้าตาดีก็ได้
เข้าวันที่ 10 ผมอาบน้ำแต่งตัวหล่อเฟี้ยวลงมารอข้างล่างเหมือนเดิม
“แหม ไม่เตรียมพร้อมเลยนะ อยากรู้จังว่าสาวไหนส่งมาให้”
ผมเชิดหน้าขึ้นนิดหนึ่ง ยักคิ้วให้คนพูด
“คนมันหล่อครับท่านผู้ชม”
ได้ยินเสียงกริ่ง ผมดีดตัวลุก วิ่งจู๊ดออกไปหาพี่พนักงานส่งดอกไม้หน้าตาดีคนนั้น
“คุณเชิดวุธนะครับ”
“ครับ” เขาก็จำหน้าผมได้นะ แต่ไม่รู้จะย้ำชื่อไปทำไมทุกวัน ผมรับมาถือ เขาหันหลังก้าวขึ้นมอเตอร์ไซค์ขับจากไป
ผมอุ้มดอกไม้ช่อนั้นเดินเข้าบ้าน ก้มหอมดอกไม้ช่อนั้นนิดหนึ่ง ไม่รู้ว่าใครส่งมาให้ แต่มันทำให้ผมรู้สึกดีใจจริง ๆ
“หน้าเป็นกระด้งเลยนนเชิดวุธ บางทีอาจเป็นดอกไม้ผสมพิษบนเกสร หรือสาว ๆ โรคจิตก็ได้”
“อิจฉาอะดิ” ผมยักคิ้วกลับ พี่ชาติพี่ชายแม่เดียวกับผมเบ้หน้านิดหนึ่ง ห้องผมล้นไปด้วยดอกกุหลาบที่มันยังคงสดอยู่ ผมเลยเอาดอกไม้ช่อนั้นไว้ในห้องรับแขกนั่นแหละ จัดใส่แจกันไว้
“ดีนะแค่สองอาทิตย์ ถ้าส่งมาทุกวัน เราคงต้องเช่าโกดังเก็บดอกไม้แน่ ๆ” ใครสักคนแซว ผมไม่ใส่ใจ ก้มหอมดอกไม้นั้นเบา ๆ หยิบแค่การ์ดมาเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ
ไม่รู้ว่าใครล่ะ ที่ส่งมา มันทำให้ผมรู้สึกดีจริง ๆ
แอบเสียดายนิด ๆ ที่เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่วัน
และวันนี้ผมไม่รอให้กริ่งดัง ผมออกไปรอดอกไม้ของผมหน้าบ้านทันที วันนี้วันที่ 13 แล้วครับ พรุ่งนี้ก็วันสุดท้ายแล้ว
“ออกมารอเลยเหรอครับคุณวุธ” แหม มีแซว ๆ เดี๋ยวนี้ไม่ถามชื่อแล้วเหรอ
“จริง ๆ เอามาให้ทีเดียว 14 ช่อเลยก็ได้” ผมบอก คนส่งดอกไม้ส่ายหน้า
“เขาบอกให้ส่งให้ทุกวันวันละช่อครับ เราต้องทำตามคำสั่ง”
ผมรับมาถือ
“ส่งให้แต่คนอื่น เคยได้รับเองบ้างไหมเนี่ย” ผมแซวเขายิ้ม ๆ
“ไม่ละครับ ผมถนัดส่งมากกว่า”
ผมพยักหน้าไม่ใส่ใจ เขากระชับหมวกแก๊ปบนหัว คล้ายกับจะทำความเคารพนิดหนึ่ง ขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์ขับจากไป ผมหันหลัง เดินเข้าบ้าน ก้มดมดอกไม้มาตลอดทาง แอบเสียดายนิด ๆ ครับที่พรุ่งนี้มันจะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้แล้ว
กระทั่งวันรุ่งขึ้น ผมรีบตื่นแต่เช้า แต่งตัวด้วยชุดที่คิดว่าน่ารักที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะอะไรบอกไม่ถูกเหมือนกัน แค่มีอะไรมาสะกิดใจว่าผมควรทำ อย่างน้อยก็เพื่อให้คนส่งดอกไม้เห็นแล้วหน้าชื่นบ้าง
วันนี้ผมไม่ได้ออกไปยืนคอย แต่นั่งอยู่ในบ้านนั่นแหละ
“อ้าว วันนี้ไม่ออกไปรอหน้าบ้านเหรอ”
“เดี๋ยวเขาก็มา” ผมตอบ ทุกคนมองขำ ๆ จนเวลาผ่านไป ผมเหลือบมองนาฬิกาบ่อยมาก เริ่มกระสับกระส่ายเพราะยังไม่มีเสียงกริ่งอะไรหน้าบ้านเลย
“นี่ คนส่งดอกไม้ยังไม่มาอีกเหรอ” ผมถามพ่อบ้าน เขาส่ายหน้า
“ยังไม่ได้ยินเสียงอะไรครับ”
ผมเริ่มร้อนใจ สองอาทิตย์ไม่ใช่เหรอ เมื่อวานแค่สิบสามวันเอง
ผมรอกระทั่งผ่านไปเกือบชั่วโมง พี่เชนทร์ออกไปทำงานแล้ว ชยันต์ก็ไปโรงเรียนแล้ว ผมคอยทุกคนทยอยกันออกจากบ้าน ผมนั่งไหล่ตกจนบรรดาแม่ ๆ ที่มีอาชีพแค่แม่บ้านเดินมาลูบหัวผมเบา ๆ
“คนส่งดอกไม้คงมาเลท ถ้าชอบขนาดนั้น แม่สั่งให้เขาส่งให้ทุกวันยังได้”
“เหมือนกันที่ไหนเล่าแม่แหม่ม” ผมบอกแม่ของพี่ชายคนโต คนนี้ใจป้ำเสมอ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมปล่อยให้พ่อมีเมียได้อีกตั้งสามคน
ที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือ บรรดาแม่ ๆ รักใคร่สนิทสนมกลมเกลียวกันดีครับ ไม่มีตีไม่มีทะเลาะกัน อาจมีเง้างอนกันบ้างตามประสาผู้หญิง แต่ส่วนใหญ่จะอยู่กันอย่างพี่สาวน้องสาวมากกว่า อายุก็ไล่เลียงกันตามลำดับเลย
ผมนั่งหงอยเพราะดอกไม้ช่อสุดท้ายของผมไม่มีมาจริง ๆ ผมตัดใจบอกลาบรรดาแม่ ๆ หวังเดินกลับห้อง แต่เดินขึ้นบันไดไปได้แค่สองสามก้าวเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น ผมชะงักกึกหันขวับไปมอง พอ ๆ กับบรรดาแม่ ๆ หัวใจผมไหวแรงด้วยความดีใจ รีบหันหัวเรือจากเดินขึ้นห้องไปเป็นหน้าบ้านทันที
ผมทำเป็นเดินใจเย็นทั้งที่ใจจริงอยากวิ่งไปหาแทบแย่ นอกประตูรั้วเห็นใครคนหนึ่งยืนถือดอกไม้ช่อโตไว้อยู่
“ทำไมมาช้าจังวันนี้” ผมถามไปกึ่งงอน เขาไม่ตอบ ขยับปีกหมวกที่บังหน้าลงต่ำ วันนี้มาแปลกแฮะ ชุดน่ะเหมือนเดิม คือใส่แจ็กเก็ต แต่คนละแบบกับที่ร้าน ไม่มีโลโก้ร้านด้วย แต่เท่กว่า ตัวสูงใหญ่กว่ามาก
อ้าว พนักงานคนใหม่เหรอ ผมเปิดประตูเล็กออก
“พนักงานใหม่เหรอ มิน่ามาส่งช้า” ผมติงไป เขาไม่พูดอะไร ไม่เงยหน้ามอง ใส่แว่นตาดำด้วย
อะไรวะ มาช้าแล้วยังมาทำปิดหน้าปิดตา ไม่พูดไม่จาทำตัวน่าสงสัยนะมึง เดี๋ยวกูโทรไปสั่งเจ้าของร้านให้เลิกจ้างซะนี่
ผมเดินเข้าไปชิด กลิ่นน้ำหอมนี้มันคุ้น ๆ แฮะ
“ผมชื่อเชิดวุธ ของผมใช่ไหม เอามาสิ” ผมยื่นมือออกไปรับ แต่เขาไม่ส่งให้ ก้มหน้าอยู่อย่างนั้น
อะไรวะ
“นี่คุณ” ผมถาม เขาไม่พูดอะไร กระชากดึงตัวผมเข้าไปชิด ผมเบิกตากว้างเงยหน้ามอง
ผมชะงักค้าง มองดวงตาภายใต้แว่นตาดำขนาดใหญ่และหมวกที่ปิดบังหน้าตานั้น
ผมลืมไปได้ยังไงกัน
กลิ่นตัวแบบนี้ คางแบบนี้ ริมฝีปากแบบนี้ ความใหญ่โตของเรือนร่างสูงใหญ่ขนาดนี้
ผมยืนช็อกค้างอยู่ภายในอ้อมแขนเขา
ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองตาค้าง เหมือน ๆ กับดวงตาผมกำลังคลอด้วยอะไรบาง หัวใจไหวแรง ปากแห้งผากไปหมด
“มีคนส่งข้อความมาบอกคุณว่า I LOVE YOU” เสียงกระซิบนั้นดังชัดเจนข้างหู ข้อความครั้งนี้มันไม่ได้มาเป็นตัวหนังสือ แต่มาเป็นน้ำเสียงแทน
ผมไม่ชอบคำนี้ ผมไม่อยากฟังคำนี้ แต่นี่ตอนนี้ คำคำนี้ เรียกน้ำตาคนร้องไห้ยากแบบผมได้ กลีบปากเซ็กซี่นั้นคลี่ยิ้มกว้าง
“ฉันรักเธอ” เขายิ้มอีกรอบ ถอดแว่นออก เผยดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่แสนคุ้นเคย ปากเขาก็ก้มลงมาประกบปากผมไว้
ความจริงหรือความฝันกันแน่ ผมรีบโอบรอบลำคอแกร่งไว้ ยึดไว้เพื่อให้แน่ใจว่ามันคือความจริงไม่ใช่ความฝัน
มันคือความจริง ปากร้อนบดเบียดนวดคลึง
มันเป็นปากที่ผมแสนโหยหา
“คิดถึงนะ” เขาละปากออกมาพูด
“คิดถึงบ้าอะไรของคุณ ไหนว่ารักนักรักหนา หายหัวต๋อมเนี่ยนะรัก” ผมต่อว่าทั้งน้ำตา เขาหัวเราะหึ ๆ
“ก็อยากจะดูว่าคนใจแข็งจะรู้สึกอะไรบ้างไหมถ้าฉันไม่อยู่”
“คุณมันบ้า คุณมันไอ้เกย์ขี้โกหก” ผมด่าไปร้องไห้ไป เขาหัวเราะอีกรอบ เกลี่ยน้ำตาออกให้เบา ๆ
“ฉันไม่เคยโกหกอะไรนะ ฉันรักเธอ รักมาก”
“รักมากอะไร แล้วทำไมไม่ติดต่อกลับมาบ้าง”
เขายิ้ม
“แล้วทำไมไม่คิดจะติดต่อฉันกลับบ้าง ที่อยู่ เบอร์ติดต่อ เมลอะไรก็ให้ไปแล้ว จดหมายสักฉบับก็ไม่มี”
ผมเม้มปากแน่น
“ก็แล้วทำไมคุณไม่ติดต่อมาบ้าง ทำไมผมต้องติดต่อคุณไปก่อน”
“ใครว่าฉันไม่ติดต่อ”
ผมทำหน้างง
“ตรงไหน ไม่เห็นมีอะไรโผล่มาสักอย่าง”
เขายกดอกไม้ให้ดู
“ของฉัน ถึงเธอโดยตรง นี่ฉันก็เขียนเองกับมือเลยนะ” เขายื่นการ์ดให้ดู ผมอึ้งไป
“ฉันจริงใจมากกว่าที่เธอคิดนะ”
ผมร้องไห้โฮออกมาอีกรอบ กอดคอเขาแน่น เขากอดตอบโยกตัวเบา ๆ
“ฉันรักเธอ” ได้ยินคำรักอีกรอบ ผมสะอื้นฮัก ยอมรับว่าชอบฟังคำนี้จากปากคนคนนี้จริง ๆ
“เอ่อ…” ได้ยินเสียงใครสักคนพูดขึ้น ผมค่อย ๆ ละสายตาจากอกแกร่งหันมองเข้าไปภายในรั้วบ้าน เห็นบรรดาแม่ ๆ และพ่อบ้านคนสวนออกมายืนอ้าปากตาค้างมองกันอยู่
ผมตัวชาวูบ
เอาล่ะกู มายืนกอดผู้ชายอยู่หน้าบ้าน
บ้านแตกแน่ ๆ
วิลเลี่ยมดันตัวผมออกเบา ๆ พยักหน้าบอกให้ผมพาเข้าบ้าน ผมอ้ำอึ้ง พาเขาเดินเหนียม ๆ เข้าบ้าน
เอาไงดีวะกู จะแก้ตัวไง พี่ชายไปกับพี่กวินทร์ พี่เชนทร์ไปกับชยันต์ นี่ผมยังพาผัวฝรั่งเข้าบ้านอีกเหรอ
“สวัสดีครับ มิสซิสมารีย์ มิสซิสดวงนภา มิสซิสคาร่า มิสซิสบีน่า ผมบิลล์ วิลเลี่ยม แต่นี้ไปขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนในครอบครัวด้วย ผมรักและต้องการดูแลเชิดวุธจริง ๆ”
บรรดาแม่ ๆ ผมพากันอ้าปากค้าง
แล้วหลังจากนั้น ผมก็ถูกฟอกจนขาวสะอาด ซึ่งแน่นอนว่าคนตรงแบบวิลเลี่ยมก็พูดออกมาตรง ๆ ถึงที่มาที่ไปว่าเหตุไฉนเล่าผมถึงได้ผ่าเหล่ามาถูกเขาเสพได้
ในระหว่างที่แม่ผมฟอกวิลเลี่ยม พ่อบ้านหัวเห็ดของเราก็เอาชื่อเขาไปโจรกรรมข้อมูลมายื่นให้ พอพวกท่านเห็นและอ่านเท่านั้นก็พากันอึ้ง
คือทำไมเหรอ เขาเป็นเจ้าของบริษัทธรรมดาไม่ใช่เหรอ โอเค อาจใหญ่หน่อย แล้วมันน่าตกตะลึงตรงไหน
“คุณแน่ใจนะว่ารักเชิดวุธจริง ๆ”
“ด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย”
“เคยมีแฟนมาแล้วกี่คน”
“ไม่เคยมีใครทำให้หัวใจผมหวั่นไหวได้เท่าเชิดวุธหรอก Love at the first sight ผมรักเขาตั้งแต่แวบแรกที่เห็น ยิ่งได้รู้จัก ยิ่งได้สัมผัสยิ่งได้พูดคุย ผมยิ่งรัก”
“ลูกเราไม่ใช่เกย์”
“ผมรู้ครับ ต่อให้เขาเป็นหรือไม่เป็น ขอให้เป็นเชิดวุธ เขาจะเป็นคนที่ผมรัก” พวกบรรดาแม่ ๆ ผมพากันปลื้มกันใหญ่ แน่นอนวาจาปานอมน้ำตาลไว้สิบกระสอบขนาดนั้น
หลังจากนั้นข่าวการตกเป็นเมียชาวบ้านของผมก็กระพือออกไปให้บรรดาพี่น้องทุกคนรู้รวมถึงพ่อด้วย พ่อผมแทบเป็นลมอีกรอบ แต่พอเห็นประวัติวิลเลี่ยมก็เปลี่ยนท่าทีไปทันที
อะไรนักหนาวะ(ผมยังไม่ได้ดูเลย)
และเย็นนั้น บ้านเราก็จัดงานฉลองต้อนรับลูกเขยคนใหม่ของบ้าน แน่นอนว่าทุกคนถูกเรียกตัวมากันหมด ไม่เว้นแม้แต่พี่ชายกับพี่กวินทร์ บ้านเราพูดภาษาอังกฤษกันได้ทุกคน เพราะงั้นบ้านเราวันนี้จึงมีสองภาษาสลับกัน เวลาจะนินทาก็ภาษาไทยครับ พูดกับเขาก็ภาษาอังกฤษ
“ขอบคุณสำหรับชุดน่ารัก ๆ ที่ซื้อให้เชิดวุธ เธอน่ารักมาก” วิลเลี่ยมหันไปคุยกับชยันต์ ต่อมหึงผมทำงานทันที เพราะชยันต์น่ารักมาก เขาอาจเปลี่ยนใจไปชอบก็ได้ ผมรีบกระชากแขนเขาไว้พอ ๆ กับพี่เชนทร์ที่ดึงชยันต์ขึ้นไปนั่งเกยบนตัก
ทุกคนพากันหัวเราะร่วนกับสิ่งที่ผมกับพี่เชนทร์ทำ ชยันต์คล้องคอพี่เชนทร์ไว้ทันที หอมแก้มฟอดใหญ่
“หึงเหรอ”
พี่เชนทร์หน้าเสีย คงรู้ว่าทำไปแบบไม่รู้ตัว รีบคลายปล่อยชยันต์ออก แต่เมื่ออ้อยเข้าปากช้างแล้ว อย่าหวังว่าอ้อยจะออกจากปากช้างง่าย ๆ ชยันต์กระชับกอดคอพี่เชนทร์แน่นขึ้น ซบหน้ากับอกกว้างไปเนียน ๆ ผมเองก็รีบคลายปล่อยมือจากแขนวิลเลี่ยมเหมือนกัน ปากได้รูปนั้นยิ้มเหมือนพอใจในปฏิกิริยาของผม
“หึงเหรอ”
“เปล่า” ผมตอบปฏิเสธตามสไตล์
“โกหก” เขาก้มหอมแก้มผมฟอดใหญ่ให้อับอายเล่น พ่อกระแอมไอ แล้วทุกคนก็กลับมาคุยกันต่อ พี่ชายไม่สนใจใครนั่งหน้าหงิกบ่นว่าชวนมาทำไมเสียเวลากดพี่กวินทร์ รายนั้นโดนพี่กวินทร์บิดแขนไปที พี่ชายชี้หน้าคาดโทษ
ไม่รู้จริง ๆ ว่าคู่นี้ใครเหนือใครกันแน่
คืนนี้เขากลับไปพักที่โรงแรมก่อน ผมแอบอาลัยอาวรณ์นิด ๆ เพราะอยากตามไปด้วยหรือไม่ก็ให้เขาค้าง แต่ผมถูกสั่งห้ามไว้ก่อนเพราะมีเรื่องให้ทุกคนซักเป็นการส่วนตัว
หลังจากเขากลับโรงแรมไปผมก็ตัวขาววอกจากการซักฟอกของทุกคน สภาพไม่ต่างกับพี่ชายหรือพี่เชนทร์ตอนรู้ความจริงนั่นแหละ
“ที่ฉันมีลูกเยอะนี่ไม่ได้มีไว้เพื่อให้ไปรักกับเพศเดียวกันนะ” พ่อตำหนิ ผมหน้าเศร้า
“แต่พ่อก็รู้ว่าเรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นได้ เอาเถอะ ถ้ามีความสุขก็ทำไป เพราะพี่ชายของแกคนเดียว” เอาล่ะ พ่อกับพี่ชายนี่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่รักกัน แต่เจอกันทีไรก็กัดกันตลอด พวกเราพากันส่ายหัว
ชยันต์หาว พี่เชนทร์เลยชวนเด็กน้อยเดินขึ้นห้อง พี่ชายลากพี่กวินทร์เข้าห้องตัวเองเหมือนกัน ในขณะที่บรรดาแม่ ๆ ก็พากันแยกย้ายเข้าห้องตัวเอง ส่วนพ่อผมเขาจะเข้าห้องแบบเรียงวันครับ สลับกันสี่คน วันนี้เวรใครมิอาจรู้ได้ ตอนนี้เหลือแค่พ่อกับผมสองคนเท่านั้น
“ขอโทษนะ ผมทำพ่อผิดหวังเรื่องงานแล้วยังมาผิดหวังเรื่องนี้อีก”
พ่อลูบหัว
“เอาเถอะ พ่อก็ใช่จะดีนักหนา เอาล่ะ ไปนอนเถอะ พ่อง่วงแล้ว”
ผมพยักหน้าเดินขึ้นห้อง อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็ว ๆ จัง
ได้ยินเสียงมือถือดังเบา ๆ ใครนะโทรมา นี่มันดึกมากแล้วนะ ผมรับมากดแนบหู
“ครับ” เบอร์ไม่คุ้นเลย
“เชิดวุธ”
วิลเลี่ยม!
ผมรีบเด้งตัวจากที่นอนทันที
“วิลเลี่ยม! ทำไมโทรมาดึกขนาดนี้”
“นอนไม่หลับ คิดถึงเธอ” ผมหน้าร้อนผ่าว ผู้ชายคนนี้ขยันทำให้ผมเขินได้จริง ๆ พับผ่า
“ก็หลับ ๆ ไปเถอะน่า”
“ไม่มีเธอนอนเคียงข้าง มันหลับลำบาก อยากฉุดเธอมานอนเคียงข้าง แต่รู้ว่าไม่ควร พอคิดถึงเธอแล้วนอนไม่หลับ อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็ว ๆ”
ผมนิ่งไป ก่อนอ้อมแอ้มตอบ
“ผมก็เหมือนกัน” ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไงเพราะไม่เห็นหน้า
“ราตรีสวัสดิ์ แค่นี้ฉันว่าฉันน่าจะนอนได้แล้ว” แล้วสายก็ถูกตัดไป ผมลดโทรศัพท์จากหูมามองงง ๆ
อะไรวะ โทรมาทำให้ใจเต้นแล้ววางสายไปแค่เนี่ย
อีตาบ้าเอ๊ย!
ผมตีหมอนแทนหน้าหล่อ ๆ นั้นไปที
รุ่งขึ้นเราก็เห็นแขกไม่ได้รับเชิญโผล่มากินข้าวด้วยแต่เช้า ผมไม่ได้เตรียมตัวด้วยซ้ำ เดินหัวฟูลงมาในชุดเสื้อแขนยาวสุดเอ็กซ์ของชยันต์นั่นแหละ คือกะจะไปอ่อย
เอ่อ ไม่ใช่ กะจะไปหาวิลเลี่ยมที่โรงแรม แต่ไม่คิดว่าเขาจะโผล่มาแบบนี้
ผมทำตัวแทบไม่ถูก หมอก็กลมกลืนกับคนในครอบครัวผมเหลือเกิน พี่ชายนั่งกินข้าวหน้าเบี้ยว พี่กวินทร์ดูเพลีย ๆ ชยันต์หน้าตาเบิกบาน พี่เชนทร์ก็ดูเหนื่อย ๆ
“ใครเชิญ” ผมกวน
“ไม่มี พอดีเป็นลูกเขยบ้านนี้แล้ว เลยมาเอง” เขากวนกลับบ้าง
หลังมื้อเช้าพอทุกคนแยกย้ายกันไปทำงาน ผมก็ลากเขาขึ้นห้องครั้งแรก แอบตื่นเต้นครับ เขากวาดมองไปรอบ ๆ ห้องผม ใหญ่พอควรตามฐานะ
“รกจัง”
“อ้าว” ผมถลกแขนเสื้อทันทีอย่างนักเลง “มันอาชีพผมนะคู้ณ รับไม่ได้ก็ลาออกจากการเป็นลูกเขยบ้านนี้ไปเลย”
“ไม่ละ อดทนมาตั้งสองเดือน เรื่องไรจะกลับง่าย ๆ” ผมยังไม่ได้คุยกับเขาเลยว่าถ้าตกลงคบกันแบบนี้จะเอายังไงกับคู่ของเรา
ต่างคนต่างอยู่ ผมไปอยู่กับเขา หรือเขาจะมาอยู่กับผม แต่อย่างหลังนี่ท่าจะยาก ต่างคนต่างอยู่ผมก็อดคิดถึงเขาไม่ได้ แค่นี้ก็คิดถึงจะตาย ให้ไปอยู่กับเขา ผมก็ไม่อยากไปไหน ติดครอบครัวด้วย
“เอาไงกับเรื่องของเรา” ผมเปิดอกทันทีอย่างอัดอั้น
“เธอย้ายไปอยู่กับฉันที่นู่น”
ผมอ้าปากค้าง
“ไม่ไป ผมติดครอบครัว”
“โอเค งั้นฉันจะย้ายมาอยู่ที่นี่”
“เดี๋ยวครับคุณบิลล์ วิลเลี่ยม คุณจะพูดง่ายไปไหมครับ งานคุณล่ะ บริษัทคุณล่ะ ครอบครัวคุณล่ะ”
“นี่” เขาดึงผมเข้าไปชิดขณะทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียง ผมยืนอยู่ระหว่างซอกขาเขา เขาโอบสองขาผมไว้หลวม ๆ ผมมองดวงตานั้น
“ฉันใช้ชีวิตอย่างอิสระมาตลอดนะ ครอบครัวฉันไม่มีใครให้ผูกพันมากมายเหมือนครอบครัวเธอ ส่วนงานฉันทำที่ไหนก็ได้ อาจขรุขระหน่อยถ้าจะย้ายสำนักงานมาทำที่ไทย แต่คงไม่เป็นปัญหาเพราะมีเครื่องบินส่วนตัว เงินฉันก็มีมากพอ ใช้ชาตินี้ยันชาติหน้าซื้อประเทศหรือเกาะให้เธอทั้งเกาะก็ยังได้”
ผมอ้าปากค้าง รวยขนาดนั้นเลย?
“แต่ฉันทิ้งทุกอย่าง เพื่อมาอยู่กับเธอ แค่นี้พอจะยืนยันคำพูดฉันได้รึยังว่าฉันรักเธอมาก” ผมเม้มปากแน่น ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำถึงขนาดนี้
“ผม”
“ฉันรักเธอนะ บอกฉันสักคำสิ มันคุ้มค่าพอไหม ที่ฉันจะเสียสละทุกอย่างพาหัวใจมาฝากไว้กับเธอ”
“ผม”
“ไม่ถนัดคำพูด ภาษาร่างกายก็ได้นะ” เขาให้ทางเลือก
แม่ง ขอกูซึ้งหน่อยเหอะ
“รีบตอบเร็ว ๆ ฉันจะระเบิดแล้ว”
ผมกะพริบตาปริบ ๆ มองเขางง ๆ
“อะไรระเบิด” ผมพาซื่อถาม เขาเบ้หน้าคล้ายคนกำลังทรมานจริง ๆ จับมือผมลงไปจับบางส่วนของตัวเองด้านล่างไว้
ผ่างงงงง
อืมไม่ได้ยินซาวน์แบบนี้มาสองเดือนได้แล้วมั้ง
“สองเดือนเชิดวุธ สองเดือนที่ฉันไม่ได้ปลดปล่อยเลย”
ผมอ้าปากค้าง
“ทะ ทำไม มือก็ได้ หนุ่ม ๆ ก็มี”
ผมถาม เขาส่ายหัว
“เราเคยพูดกันไว้ว่าไง ฉันจะไม่นอกใจเธอ จนกว่าเราจะเลิกกัน”
ผมน้ำตาแทบไหล ไม่คิดว่าเขาจะจริงจังกับผมขนาดนี้
“อย่าเพิ่งซึ้งเชิดวุธ ช่วยกันก่อน”
นี่มึง ให้เวลากูซึ้งหน่อย แม่ง ผมต่อว่ามันไปทางสายตา
“จะให้ช่วยอะไร”
ผมอ้ำอึ้งถาม ไม่ได้ไม่ประสา แต่แบบให้เริ่มตรงไหน บอกกูหน่อย กูเริ่มไม่ถูก
ปากมึงก็น่ากิน แผงกล้ามอกมึงก็น่ากอด ไอ้นั่นของมึงก็น่าจับ
หมอไม่พูดพร่ำทำเพลงครับ จับกางเกงผมถอดพรืดเหลือไว้แค่เสื้อของชยันต์ ปลดน้องตัวเองออก จับผมนั่งคร่อมบนตักทันที ผมตาโต
“นี่!!” มาถึงมึงก็จะจับเสียบเลยเหรอ
มันเข้าไม่ได้หรอกครับ เพราะห่างไปร่วมสองเดือน เขาเบ้หน้า
“นี่ไม่ได้นอนกับใครเลยเหรอ ทำไมคับแบบนี้”
“บ้า ผมไม่ใช่เกย์จะได้เที่ยวไปนอนกับชาวบ้านเขาไปทั่ว”
เขาไม่พูดอะไรอีกเลื่อนนิ้วเข้ามาเบิกทางก่อน ผมว่าเขาก็ใจเย็นกับผมเรื่องนี้พอควรนะ ต้องการจนตัวสั่นไปหมด ร่างคงแทบระเบิดจริง ๆ แต่ก็ยังอดทนไม่เสียบพรวดเข้ามาให้ผมบาดเจ็บ
“พอเถอะเข้ามาได้แล้ว”
ผมร้องขอเสียงสั่น เพราะต้องการเขาจะแย่แล้ว
“ยัง”
เขาบอกเสียงสั่น
จริง ๆ มันต้องสลับบทกันพูดไม่ใช่เหรอมึง = =
“ของฉันมันใหญ่นะเชิดวุธ ฉันไม่อยากให้เธอบาดเจ็บ”
อยากร้องไห้ ทำไมผัวกูช่างเป็นคนดีแบบนี้ ผมนอนราบจนมันผ่อนคลายได้ที่ เขาถึงได้ค่อย ๆ จับส่วนนั้นค่อย ๆ แทรกเขามา ช้า ๆ เป็นจังหวะ สภาพเหมือนวันที่เขาพรากจิ้นผมนั่นแหละ
“อืม น่ารักมาก” เขาออกปากชม ผมกำที่นอนแน่น พยายามผ่อนคลายให้มากที่สุด พอเข้ามาได้จนสุดเขาก็ยิ้ม
“แรก ๆ จะวิ่งช้า ๆ แต่หลัง ๆ จะเร่งเครื่องนะ”
โห มีการบอกไว้ก่อนด้วย ผมพยักหน้า เขาขยับเบา ๆ ผมครางออกมาทันที
ให้ตาย ทำไมมันรู้สึกดีขนาดนี้
“เชิดวุธ ฉันรักเธอ”
เขาครางบอก ผมชักจะชินและชอบสิ่งที่เขาสารภาพตอนมีอะไรกันซะแล้ว
ลีลาเขาเคยเร้าใจยังไง ตอนนี้ก็ยังคงเร้าใจอยู่ไม่เปลี่ยน เขาเหวี่ยงตัวไปนั่งข้างเตียง แล้วจับผมนั่งน้องเขาไว้ กอดผมไว้แนบอก
มาแล้วเจ้าพ่อท่ามาก
“เอ่อ…วันแรกเอาเบสิกก็พอ”
เขามองตาผม
“นี่แหละเบสิกแล้ว”
เบสิกพ่อง!!
เขาดันตัวผมไปด้านหลังนิด ๆ แล้วจับสะโพกให้ขยับกลืนกิน ให้ตาย อะไรจะท่ามาก ท่ายากเยอะแยะขนาดนี้!!
สามชั่วโมงผ่าน…
พระอินทร์พยายามเรียกตัวผมไปเฝ้าแต่พ่อเจ้าพระคุณทูนหัววิลเลี่ยม ยังไม่คิดจะปล่อยผมไปง่าย ๆ ตอนนี้ร่างกายของเราเปลือยเปล่า บางส่วนยังแทรกอยู่ด้านหลัง แผงอกกว้างแนบติดอยู่กับหลังผม สะโพกแกร่งขยับเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ
“ไม่ไหวแล้ว วิลเลี่ยมพอเถอะ”
ผมร้องขอ
“ถ้าง่วงก็หลับไป ฉันขอกอดเธอหน่อย คิดถึง ไม่ได้ทำมาตั้งสองเดือน ขอทดแทนส่วนที่ขาดหายไปก่อน”
แล้วผมก็นอนครางจนเสียงแหบยันเช้า
เอวเดี้ยงครับ…
ผมลุกไม่ขึ้นในขณะที่เตียงข้าง ๆ ว่างไปแล้ว วิลเลี่ยมคงลงไปข้างล่าง จนเที่ยง ผมถึงได้กลิ่นอาหารหอม ๆ ลอยมาแปะจมูก หันไปมองถึงได้เห็นว่าวิลเลี่ยมเดินถือถาดอาหารเดินเข้ามา ผมขยับลุกกินข้าวที่เขาเอามาให้
หลังจากป้อนข้าวป้อนน้ำผมเสร็จเขาก็ให้ผมนอนต่อ แต่ก็ยังไม่วายเล็มเล็กเล็มน้อยกัดแทะกิน บางทีมีเสียบเลย
สามวันครับ สามวันที่มันกินผมแบบไม่ให้ลุกออกจากห้อง มันไม่เกรงใจเลยว่านี่คือบ้านผม วันที่สี่ผมลุกได้เพราะวิลเลี่ยมมีงานต้องไปจัดการ ผมไม่รู้ว่าเขาไปทำที่ไหนอะไรยังไง ไม่ได้สนใจด้วย ลุกจากที่นอน อาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อยืดเน่า ๆ ย้วย ๆ ลงไปข้างล่าง เห็นแม่นั่งจัดดอกไม้กันอยู่
“อ้าว ฟื้นแล้วเหรอลูก กำลังลุ้นเลยว่ากี่วันจะลุกได้”
“ไม่ไหว” ผมโบกมือ “อึดเกินคน ผมจะตายเอา” พวกท่านพากันหัวเราะ ไอ้สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกเพราะพ่อผมก็มหาอึดเหมือนกัน
“เขาบอกว่าลูกสาวมักหาสามีที่เหมือนพ่อ ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง”
“เดี๋ยวครับแม่ ผมผู้ชาย”
“ก็พาลูกเขยเข้าบ้านก็เหมือนเป็นลูกสาวนั่นแหละ”
ผมไม่อยากจะเถียง หลังจากลงมาหาอะไรกิน เดินเล่นนิดหน่อย ก็กลับไปนอนพัก กว่าหมอจะกลับก็ดึก กลับมาก็ทำเอาผมแทบลุกไม่ขึ้น จนครบหนึ่งอาทิตย์ เขาก็ได้กำหนดเดินทางกลับประเทศ โดยสัญญาว่าจะดำเนินการเพื่อย้ายมาอยู่ไทยกับผม
จริง ๆ ผมก็เห็นแก่ตัวนะ เพราะผมย้ายไปอยู่กับเขาน่าจะดีกว่า แต่ก็นั่นแหละ ถ้าผมย้ายไปอยู่กับเขา มันก็ง่ายไป วันใดวันหนึ่งเกิดเขาเบื่อผมขึ้นมา เขาคงเฉดหัวผมทิ้ง
ในระหว่างเขาดำเนินการเดินทางไปกลับเพื่อย้ายฐานที่มั่นอีกส่วนมาไว้ที่นี่ ผมก็มีเดินทางไปกับเขาบ้าง แต่ผมไม่ค่อยไปหรอก เพราะไปก็เหมือนไปเป็นอีหนูให้หมอมากกว่า หื่นมากจริง ๆ ทำการทำงานอยู่ก็ไม่เว้น
หมอรวยมากจริง ๆ เวลามาก็บินมาด้วยเครื่องบินส่วนตัวครับไม่ได้นั่งเครื่องรวมมากับคนอื่น ๆ (แต่ตอนที่มาเที่ยวเขาจงใจนั่งเครื่องรวมมาเพราะมาในฐานะนักท่องเที่ยว) วันนี้ผมติดเครื่องไปทำงานกับเขาด้วย
ต้องยอมรับว่าเวลาเขาทำงานกับช่วงเวลาปกติต่างกันนิดหน่อย
เวลางานหน้าจะดุ ลูกน้องกลัวกันหัวหด แต่เวลาส่วนตัว โดยเฉพาะเวลาอยู่กับผมจะกลายเป็นคนโรแมนติก น่ารัก เสียงนุ่ม
“ทำไมคุณถึงเป็นเกย์”
ผมยกไวน์ขึ้นจิบ ถามคนตรงหน้า เขามองหน้าผม
“ไม่รู้สิ รู้ตัวอีกทีก็เกิดอารมณ์กับผู้ชาย แต่เฉย ๆ กับผู้หญิง”
ผมพยักหน้าหงึก ๆ เข้าใจ คงให้อารมณ์เหมือนผมที่ผมเกิดอารมณ์กับผู้หญิงแต่ไม่ได้เกิดกับผู้ชายละมั้ง
“แล้วเคยเกิดอารมณ์กับผู้หญิงไหม”
เขาส่ายหน้า
“เคยคบใครมาก่อนไหม”
เขาส่ายหน้าอีก
“โกหกหรือเปล่า หน้าตาฐานะอย่างคุณนี่ไม่เคยคบใครได้ไง ท่าทางก็ออกโรแมนติกเป็นสุภาพบุรุษ”
ผมพูดตามจริง
“คนที่รักฉันน่ะมีเยอะ แต่คนที่ฉันรักมีแค่เธอคนเดียว”
ผมมองหน้าเขา ใจก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่ผมก็รู้ว่าเขาพูดจริง
“ขอบคุณ”
“เอาล่ะที่รัก” เขาเรียก “ได้เวลาแล้ว”
“เวลาอะไร”
“เวลากิน”
ผมมองหน้าเขา กินอะไรก็กินกันอยู่ เขาดึงขอบกางเกงตัวเองลง
ผ่าง!!!
โอเคครับ ได้เวลากินไส้กรอกแล้ว ผมขอตัวไปกินก่อนนะ
The END...
จบแล้วววววว ครบทุกคู่แล้วนะคะ จริงๆ แผลนไว้ว่าจะแต่งต่ออีก 3 คู่ แต่น่าจะเป็นหมันเพราะคิวยาวเหลือเกิน เพราะงั้นเอาไปแค่นี้ก่อน ซียูนะค่าาา ฝากเรื่อง Love me จับเพื่อนทำเมีย กับ หงส์ซานด้วยยย
Book & ebook :
https://goo.gl/aJFpH5