Chapter 09: ได้เสียเป็นคู่สอง
เมื่อครั้งดวงจิตสุดท้ายใกล้จะดับสูญ ระตูจรกา เจ้าเมืองเล็กๆ ผู้เฒ่าชราก็ยังมิอาจปล่อยวางความแค้นดั่งไฟสุมทรวงลงได้ ทุกครั้งที่หลับตา ภาพใบหน้าของนางอันเป็นที่รักก็พร่างพราย ก้อนดวงใจพองโตทุกครั้งที่นึกถึงดวงหน้าแฉล้มยามยิ้มสรวล แต่แล้วก็ห่อเหี่ยวดั่งบุปผชาติร่วงโรยเมื่อมีภาพของหนึ่งบุรุษคลอเคล้าคลอเคลียปรากฏให้เห็น
จรกาขบกรามแน่น อดตัดพ้อไม่ได้ว่าแม้ตนใกล้จะสิ้นใจอยู่รอมร่อ เจ้าศัตรูหัวใจที่ช่วงชิงนางอันเป็นที่รักไปก็ยังมิวายมาตามราวี
แค้น...
แค้นอย่างแสนสาหัส...
ความแค้นนี้บันดาลให้เกิดเป็นแผลพุพองในใจมาตลอดหลายสิบปี แม้ใคร่จะตายก็คงตายตาไม่หลับเป็นแน่แท้ หากไม่ได้ชำระแค้นแล้วเอานางบุษบากลับคืนมาแล้วไซร้ เห็นทีดวงวิญญาณคงไม่ได้ไปผุดไปเกิดกระมัง
อิเหนา... เจ้ากับข้า ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจอยู่ร่วมโลกกันได้ แม้ว่าชาตินี้ข้าจะถูกเจ้าช่วงชิงน้องบุษบาไป แต่ชาติหน้าฉันใด ขอให้กงเกวียนกำเกวียนหนุนนำให้ข้าได้นางกลับคืน
โอ้...องค์เทวดาเจ้าขา หรือปีศาจอสุรกายตนใด หากได้ยินคำขอของข้าแล้วไซร้ โปรดเห็นใจดลบันดาลให้ข้าได้สมปรารถนา
จรกาตั้งจิตอธิษฐาน ความแค้นอาฆาตทำให้เหล่าเทวดาทั่วไท้มิอาจประทับบนประแท่นอย่างเป็นสุขได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์ประตาระกาหลาอันเป็นต้นวงศ์เทวาของอิเหนา เมื่อครั้นถูกรบกวนกายาก็เสด็จลงมาประทับข้างร่างกายของชายชราที่กำลังหายใจรวยริน
‘ความปรารถนาของเจ้า ขอให้สมดั่งใจในชาติหน้า เกิดชาติหน้าฉันใดขอให้เจ้าจำนางได้ ต่อให้ไม่ได้พบพานในชาติใหม่ ลูกหลานสืบสันดานของเจ้าก็จะสานต่อปณิธาน ไปเถิดจรกา เบื้องหน้าจะมีเทวดาแนะนำเจ้าว่าควรทำเช่นไร’
สิ้นเสียงก็นำน้ำอมฤตป้อนให้ระตูจรกาดื่ม
หยดน้ำหลั่งไหลลงสู่ลำคอ หยาดน้ำตาของจรกาก็หลั่งริน ก่อนที่ลมหายใจห้วงสุดท้ายจะหายไปดั่งเปลวเทียนที่ถูกพระพายพัดไหวจนดับสิ้น
สิ้นแล้วระตูจรกา...
เกิดชาติหน้าฉันใดขอให้ได้สมปรารถนาดั่งใจ
เฮือก!
ผมผวาเฮือกลุกขึ้นมานั่ง มองไปรอบๆ กาย พลันประมวลผลก็พอจะเข้าใจได้ตอนนี้ตัวเองมาอยู่ในห้องของพี่อินทร์ เออ ห้องของเขากับพี่บุศย์นั่นแหละ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ผมกำลังทบทวนความจำอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น
ก่อนหน้านั้นพี่อินทร์เดินชนป้าย ผมทำแผลให้ แล้วก็...
…ถะ...ถูกจูบ!
คิดถึงตรงนี้ ใบหน้าก็ร้อนผะผ่าวขึ้นมา ผมมั่นใจด้วยว่าการถูกจูบครั้งนี้ไม่ใช่การแสร้งทำเพื่อให้คนอื่นเข้าใจผิด แต่เป็นความรู้สึกที่มาจากใจของพี่อินทร์จริงๆ
ความรู้สึกอะไรน่ะเหรอ?
ก็เขาชอบผมไง! เขาบอกว่าชอบผมอ้ะ!
ถึงจะไม่บอกตรงๆ แต่ผมก็ไม่ได้โง่พอที่จะไม่เข้าใจ เพราะหลังจากนั้น ผมก็ตกใจจนเป็นลม
แม่ง เป็นใครจะไม่ตกใจวะ จู่ๆ คนที่โคตรจะเกลียดขี้หน้าเลยมาบอกชอบไม่พอ ยังจะจูบอีก เป็นใครก็ต้องช็อกแหละ แต่ตอนนี้ผมว่าผมควรไปตั้งหลักก่อน เหมือนว่าจะนอนอยู่บนเตียงด้วย
ไม่เหมือนอะ มันใช่เลย เดาว่าตอนผมเป็นลม พี่อินทร์คงจะพากลับมานอนพักที่หอก่อน พอตั้งสติได้ ผมก็รีบลุก กะว่าจะวิ่งลงไปตั้งหลักข้างล่างก่อนแล้วค่อยคิดต่อว่าจะทำยังไงต่อดี แต่ยังไม่ได้ขยับตัว ก็มีเสียงร้องทักดังมาจากทางห้องน้ำแล้ว
“เอ้า รู้สึกตัวแล้วเหรอจิ”
พะ...พี่อินทร์
ผมมองเขาที่สวมเสื้อกล้ามและกางเกงบอลขาสั้น เดาว่าเขาน่าจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ขณะที่เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ส่วนผมก็มองเขาด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่รู้ว่าควรจะทำสีหน้ายังไงดี
ก็คนมันเพิ่งจูบกันมานะเว้ย จะทักทายหรือพูดคุยแบบปกติ มันทำได้ที่ไหนกันเล่า!
ผมเลยหลุบตาลงต่ำ ตอบรับเสียงแผ่วไปก่อน “คะ...ครับ”
“นอนซะนานเลย ก็นึกว่าเป็นอะไรหนัก เกือบจะพาตัวไปส่งโรง’บาลแล้วเนี่ย”
เขาว่าขำๆ แต่ผมไม่ขำด้วย ได้แต่เหลือบมองเขาที่เดินไปยังตู้เย็น
“ดื่มอะไรไหม”
“ไม่...ไม่ครับ”
“หิวหรือเปล่า”
“มะ...ไม่ครับ”
ผมปฏิเสธลูกเดียว พี่อินทร์ก็เลยปิดประตูตู้เย็น เดินกลับมายืนกอดอกอยู่ที่ปลายเตียง
“แล้วจะกลับหอเลยไหม พี่จะได้ไปส่ง หรือจะนอนค้างที่นี่ ถ้านอนค้าง พี่จะได้โทรบอกไอ้บุศย์ไว้ว่าน้องรหัสมันจะมาค้างด้วย”
ผมเพิ่งรู้สึกตัวเอาในตอนนี้ว่าพี่บุศย์ยังไม่กลับห้อง แต่มันจะสำคัญอะไรล่ะนอกจากการที่ในหัวผมยังคงคิดถึงเรื่องจูบก่อนหน้านั้นไม่หยุดเลย
ลมหายใจอุ่นๆ...
ริมฝีปากนุ่มๆ...
รสจูบที่แค่สัมผัสก็รู้ว่าเชี่ยวชาญแค่ไหน...
มันทำให้ผมแทบจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว!
สาบานเลยว่าไม่ได้บ้าเพราะหลงเสน่ห์มัน อาจจะมีนิดๆ แต่สิ่งที่ทำให้ผมบ้ายิ่งกว่าก็คือ...หลังจากจูบ ผมถูกไอ้อิเหนามันปู้ยี่ปู้ยำทำระยำตำบอนอะไรไว้หรือเปล่านี่สิ!
คิดแล้วก็เสียวสันหลังวูบวาบ เผลอตัวเอื้อมมือไปคลึงๆ กดๆ ที่สะโพกตัวเองเพื่อพิสูจน์ว่าเจ็บหรือเคล็ดขัดยอดตรงไหนไหม
เออ...ไม่เจ็บ แต่ก็ไม่น่าไว้วางใจอะ ยิ่งพี่อินทร์มองมาที่ผมอย่างขำๆ แล้วทรุดตัวนั่งยังปลายเตียงแล้วด้วย ผมก็เผลอถอยกรูดไปติดหัวเตียงด้วยความระแวง
“เฮ้ย ไม่ต้องตกใจขนาดนั้น พี่ไม่ทำอะไรเราหรอกน่า” เขาก็ดูท่าทางน่าจะรู้ว่าผมหวาดระแวงอะไรถึงได้พูดแบบนี้ ยิ่งพอถูกผมมองหน้า เขาก็ว่าออกมาอีก “จูบไปครั้งเดียวเอง ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้”
ครั้งเดียวที่ไหน นับตอนอยู่ต่อหน้าไอ้วิหยาสะกำด้วยก็สอง มีหอมแก้มด้วยอีกหนึ่ง รวมเป็นสามแล้วโว้ย!
แต่ผมกล้าพูดไหมล่ะ? หึ ไม่กล้าอะ กลัวมันบอกว่า ‘สามแล้วก็เอาให้ครบสิบไปเลยเนอะ’ อะไรแบบนี้ ยิ่งไม่ใช่คนปกติเหมือนชาวบ้านอยู่ด้วย ผมเซฟตัวเองไว้ก่อนดีกว่า และที่สำคัญต้องรู้ให้ได้ก่อนว่า...นอกจากจูบ ผมถูกทำอะไรอย่างอื่นไปหรือเปล่า
“พี่อินทร์”
“หืม?”
“จิมีเรื่องจะถามหน่อยครับ”
ตัดสินใจพูดออกไปจนได้ พี่อินทร์เลิกคิ้วสูง ยืดตัวขึ้นเล็กน้อย
“ว่ามาสิ”
“คือพี่อินทร์...จูบจิไปครั้งเดียวใช่ไหม”
คนถูกถามพยักหน้า ผมเม้มริมฝีปากแน่น คำถามเมื่อกี้ ผมก็รู้คำตอบอยู่แล้วล่ะ แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่คำถามถัดไปมากกว่า
“ละ...แล้ว...”
“แล้ว?”
“หลังจากที่จิเป็นลม พี่อินทร์ได้ทำอะไรต่อไหมครับ”
ผมกลั้นใจถาม ในใจก็ลุ้นระทึกเป็นอย่างยิ่ง กลัวเหลือเกินว่าจะได้ยินคำตอบ ‘อ๋อ เสร็จพี่เป็นคู่ผัวตัวเมียแล้วเรียบร้อย’ อะไรทำนองนี้เป็นอย่างมาก ขณะที่พี่อินทร์ร้องอ๋อยาว
“ก็นึกว่าจะถามอะไร ที่แท้ก็กังวลเรื่องนี้”
ผมพยักหน้ารับรัวๆ
ใช่ๆ ผมกังวลเรื่องนี้แหละ แค่เผลอตัวเผลอใจไปจูบกับอิเหนาเข้า แถมครั้งนี้ปฏิเสธไม่ได้ด้วยว่าเต็มใจเพราะผมดันไม่หนีและเขาก็ไม่ได้บังคับ ผมก็รู้สึกผิดกับบุษบาจนไม่มีหน้าไปเจออยู่แล้ว ขืนมีอะไรเกินเลยไปกว่านี้อีก มีหวังผมคงไม่กล้าไปเจอหน้าพี่บุศย์อีกแน่ ได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้มีอะไรนอกจากจูบนั่นเลยก็แล้วกัน
แต่ทว่าคำตอบของพี่อินทร์กลับทำให้ผมย่นคิ้ว
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก จิไม่พลาดโอกาสทองอย่างแน่นอน เพราะพอจิเป็นลม พี่ก็จัดการต่อเลย พามาขึ้นรถ ถอดเสื้อผ้า ซุกไซ้ซอกคอ โลมเลียไปทั่วทุกสัดส่วน โอบรัดกอดกระหวัด ส่งเสียงครางอย่างสุขสม อื้อ... เยี่ยมสุดๆ ไปเลย อื้อ...อร๊าง~”
กูกังวลว่าจะได้เสียกับมึงนี่แหละ ไม่ได้กังวลว่าจะไม่ได้โว้ยไอ้บ้า!
ผมถึงกับปวดหัวตุ้บๆ เลย สุดท้ายก็หนีไม่พ้นถูกแกล้งอีกจนได้ พี่อินทร์ก็หัวเราะใหญ่เลยเมื่อเห็นว่าผมเบ้หน้า
“แน่ะๆ ทำหน้ากระรอกเหม็นบูด สงสัยจะอารมณ์ไม่ดี”
“...”
“ฮั่นแน่ เงียบๆ ยังเงียบอยู่ หงุดหงิดแน่ๆ ใช่ไหมคนดี?”
“...”
ผมไม่ตอบ ไม่อยากคุยด้วยแล้ว แต่เหมือนจะไม่ช่วยอะไร เพราะจู่ๆ พี่อินทร์ก็คว้าเอาโทรศัพท์ไปเปิดเพลงแดนซ์แนวๆ รถบั๊มพ์ จากนั้นก็ลุกขึ้นไปยืน
“ไหนๆ ขอเสียงคนหนีผัวมาเที่ยวหน่อยเร็ววว! เฮ้ๆๆ!”
แล้วก็เต้นๆๆ ผมย่นคิ้วมองพี่อินทร์ที่จู่ๆ ก็สวมวิญญาณดีเจไทบ้าน ขณะที่เขายังคงพากย์ไม่หยุด
“เอ้า~ ส่ายไปๆ ส่ายเอวได้ผัว ส่ายหัวได้กิ๊ก ส่ายทั้งเอวทั้งหัว ได้ทั้งผัวทั้งกิ๊ก วู้ววว~”
มึงไปเที่ยวมาบ่อยสินะ ก่อนจะมาเป็นเดือนมหา’ลัย มึงเคยเป็นเด็กแว้นซ์ใช่ไหม!
ไม่ใช่แค่ทำท่าเหมือนดีเจเปิดแผ่นอย่างเดียว ยังเต้นบ้าเต้นบอไม่หยุด พากย์ก็ไม่หยุด เอาตรงๆ มันก็ขำอยู่หรอก ผมก็พยายามกลั้นหัวเราะอยู่ที่เห็นเขาทำแบบนี้ เกือบจะหายหงุดหงิดแล้ว แต่พอมาถึง...
“ไหนๆ ใครมีผัวแล้ว ครางชื่อผัวหน่อยซิ”
จากนั้น...
“อื้อ~ จิ...จิระ...คุณจิระขา อร๊างงงง~”
ผมก็แทบจะลุกขึ้นไปกระโดดถีบยอดหน้า
มึงมันกวนตี๊น!
ครางชื่อใครไม่คราง ครางชื่อผมเสียอย่างนั้นอะ จากที่ว่าจะไม่หงุดหงิดแล้วนะ ตอนนี้หมดไปละไอ้อารมณ์นั้น มีแต่หัวเสียอย่างเดียวจนผมต้องแหวขึ้นมาเมื่อเห็นพี่อินทร์เดินไปเกาะตู้เย็นแล้วก็เต้นด๊อกๆ แด๊กๆ อยู่ตรงนั้น
“พอได้แล้วพี่อินทร์ จิตาจะบอดแล้ว!”
พี่อินทร์ชะงัก หันมาหัวเราะร่วน “เอ้า ก็เห็นอารมณ์เสียเลยทำให้อารมณ์ดีขึ้น”
แต่มึงจะมาเป็นดีเจรถบั๊มพ์อย่างนี้ไม่ได้!
ผมยกมือขึ้นลูบหน้าเลย พี่อินทร์ยิ่งหัวเราะใหญ่ เดินมานั่งที่ปลายเตียงเหมือนเดิม
“ตกลงหายโกรธพี่แล้วเนอะ”
“จะหายโกรธก็ได้ แต่พี่อินทร์ปิดเพลงสักทีครับ จิปวดหัว”
พี่อินทร์ยอมปิดเพลงในโทรศัพท์แต่โดยดี พลันยิ้มกว้างให้ผม “ปิดแล้ว”
เออ ค่อยยังชั่ว แล้วมึงก็อย่าลุกขึ้นไปเต้นครางเรียกชื่อผัวอีกนะ ชาตินี้ชาติไหนก็อย่าทำอีก โดยเฉพาะชื่อผัวมันเป็นชื่อกูเนี่ย!
“แล้วตกลงพี่อินทร์กับจิได้ทำอะไรกันนอกจาก...เอ่อ...”
ผมกลับเข้าเรื่องอีกครั้ง แต่ก็ไม่กล้าพูดว่าเราทำอะไรกันออกไปอีก มีแต่พี่อินทร์ที่เสริมให้อย่างหน้าชื่นตาบาน
“จูบ”
เท่านั้นผมก็ร้อนวูบที่ใบหน้า ไม่กล้ามองหน้าเขาอีกแล้ว ปล่อยให้เขาขยับเข้ามาใกล้ ตะแคงหัวมองหน้าผมที่กำลังก้มอยู่
“เขินเหรอ”
ผมเหลือบมองเขาแล้วเบนสายตาหนี
มะ...ไม่ได้เขินสักหน่อย แต่มันประดักประเดิดต่างหากเว้ย ลองคิดดูนะ จรกาจูบกับอิเหนา... แม่งเอ๊ย ขนลุกซู่เลย
แต่พี่อินทร์คงไม่รู้ว่าผมคิดอะไร เขาว่าออกมาหน้าตาเฉย
“ไม่เห็นจะต้องเขินเลย จิไม่เคยได้ยินเหรอว่าอายครูไม่รู้วิชา อายภรรยาไม่มีบุตร ฉะนั้นก็ไม่ต้องอายพี่หรอก”
ตกลงมึงจะเป็นภรรยาใช่ไหม โพสิชันเปลี่ยนบ่อยจังนะมึง!
แต่ว่านะ ใครมันจะไปทำเรื่องอย่างนั้นกับมึงกันเล่าไอ้พี่อินทร์!
ผมถลึงตาใส่เขาเลย พี่อินทร์ก็ยังคงยิ้ม...ยิ้มอยู่นั่นแหละ ไม่รู้ว่ายิ้มอะไรนักหนา เหมือนกับว่าพอเห็นผมโกรธแล้ว เขารู้สึก...
“น่ารัก”
...รู้สึกว่าผมน่ารัก
เอ๊ะ เดี๋ยว...
ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ มือของเขาก็มาบีบๆ จับๆ ที่แก้มผมแล้ว
“เวลาโกรธแล้วทำหน้าเหมือนกระรอก จิโคตรน่ารักเลย”
ผมมองหน้าเขา พยายามจะจับต้นชนปลายว่าเขาคิดจะทำอะไร แต่ไม่ทันไรก็ต้องหยุดคิดเมื่อพี่อินทร์ว่าออกมาอีก
“เข้าใจหรือยังว่าทำไมพี่ถึงชอบแกล้งเรา” แล้วก็ใช้มืออีกข้างมาดึงแก้มผมให้ยืด “น่ารักแบบนี้ ใครจะอดใจไม่แกล้งได้ไหว”
“อี้อินทร์อ่อยอิอ๊ะ อิเอ็บ! (พี่อินทร์ปล่อยจินะ จิเจ็บ!)”
ผมร้องท้วง พี่อินทร์คลายแรงออก แต่ก็ไม่หยุดหัวเราะ ปล่อยให้ผมได้ลูบแก้มตัวเองป้อยๆ
“น่ายักกิงๆ ยัยตัวเย็ก”
เสียงสองมาอีกแล้ว ผมค้อนเขาขวับเลย แม่ง แกล้งตลอด แกล้งไม่หยุดเลย จากหงุดหงิดจะกลายเป็นปลงชีวิตแล้วนะ
แต่แล้วก็หายหงุดหงิดทันควันเมื่อจู่ๆ พี่อินทร์ก็พูดออกมา
“แต่ถ้าจิไม่ชอบให้พี่แกล้ง พี่ก็จะไม่แกล้งแล้ว ขอโทษนะ”
หะ...หา?
ใช่ ยอมรับว่าผมตกใจที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้
อิเหนาบอกว่าจะไม่แกล้งผมเนี่ยนะ หูฝาดไปหรือเปล่า?
“ใครจะไปกล้าแกล้งคนที่ตัวเองชอบได้อะเนอะ น่าสงสารจะตาย”
มึงนั่นแหละตัวดีเลย คำพูดในตอนนี้ย้อนแย้งกับการกระทำก่อนหน้ามากเลยนะไอ้อิเหนา!
ทว่าผมก็ไม่ได้ดีใจหรอกที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ตกใจยิ่งกว่าเดิมมากกว่าที่ได้ยินเขาย้ำคำ
ชอบผม...
ชอบจริงๆ แบบว่าในเชิงชู้สาวน่ะเหรอ?
“พะ...พี่อินทร์หมายความว่ายังไงครับที่ว่าชอบจิ”
ผมค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นไปในเชิงชู้สาว แต่เอาเพื่อความชัวร์ก็ต้องถามอีกครั้ง
“ก็หมายความว่าชอบไง” พี่อินทร์ว่า ก่อนถามต่อ “ไม่เชื่อเหรอ”
ก็ไม่ใช่ไม่เชื่อหรอก แต่อิหลักอิเหลื่อแปลกๆ ผมก็พูดด้วยไม่ได้ใช่ไหมล่ะว่าอิเหนาจะมามีใจให้จรการไม่ได้ ถ้ามีใจให้ แล้วบุษบาล่ะ ลืมไปแล้วเหรอว่าเคยรัก?
จริงๆ คิดดูอีกมุมมันก็ดีอยู่นะที่เขามาชอบผม ไม่มีใจให้บุษบาอีก เพราะผมจะได้ช่วงชิงเอาบุษบากลับคืนมา แต่ก็นะ...ชอบผม แม่งเอ๊ย กลับตาลปัตรไปหน่อยแล้ว!
พอเห็นผมไม่พูดอะไร พี่อินทร์ก็ขยับเข้ามาใกล้ รู้สึกตัวอีกที เขาก็มานั่งอยู่ตรงหน้าแล้ว ผมมองหน้าเขาด้วยความตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว ขณะที่พี่อินทร์ถามอีกครั้ง
“หืม? ว่าไง ไม่เชื่อที่พี่บอกเหรอ”
ผมส่ายหน้ารัวทันที “มะ...ไม่ใช่อย่างนั้นครับ”
“แล้วถามทำไม”
“กะ...ก็...”
“กลัวโดนแกล้งอีก?”
ผมพยักหน้ารับ พี่อินทร์หัวเราะในลำคอ ก่อนใช้สองมือมาประคองหน้าผมเอาไว้ให้สบตากับเขา
“งั้นพี่จะบอกช้าๆ ชัดๆ อีกทีโอเคไหม เราจะได้เชื่อ”
ไม่...ไม่โอเคเลย เพราะผมรู้ว่าเขากำลังจะบอกอะไร
แต่ก็ไม่ทันแล้ว เขาพูดออกมาก่อนแล้ว
“พี่ชอบเรานะ...จิระ”
เท่านั้นก็เสมือนมีฟ้าผ่าดังเปรี้ยงดังเข้ามาในหัว ผมเงอะงะทำอะไรไม่ถูกไปในทันที ยิ่งสายตาของพี่อินทร์ดูจริงจังด้วยแล้ว ผมก็มั่นใจเลยทีเดียวว่าเขาไม่ได้โกหกอย่างแน่นอน ถึงมันจะเป็นเรื่องที่ดีเพราะผมจะได้ไม่ต้องมีคู่แข่งแย่งนางบุษบา แต่มันไม่ดีเมื่อพี่อินทร์พูดจบก็เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ แวบเดียวปลายจมูกเขาก็ฝังลงมาที่แก้มผมแล้ว
มึงจะมาตีเนียนหอมแก้มไม่ได้นะเว้ย!
“พะ...พี่อินทร์”
ผมดันไหล่เขาให้ออกห่าง ทว่าพี่อินทร์กลับไม่ขยับเลยสักนิด ได้แต่เหลือบมองผมอย่างกรุ้มกริ่ม
“ชู่ว์ ไม่เป็นไร ไม่แกล้งๆ”
แค่คำพูดประโยคเดียวกับน้ำเสียงนุ่มๆ ฟังดูอบอุ่นเท่านั้น ก็ทำให้ผมตัวแข็งเป็นหินไปเลย สายตาของเขาที่มองมามันมีอำนาจมหัศจรรย์จริงๆ ถึงผมจะไม่ชอบเขา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอิเหนามีเสน่ห์เหลือล้น
ตอนนี้เขากำลังหว่านเสน่ห์ให้ผมหลงใหลเขาล่ะ แล้ว...ดูเหมือนจะได้ผลเสียด้วย เพราะหลังจากนั้น พี่อินทร์ก็ทำลายความเงียบ
“ขอแก้ตัวอีกครั้งได้ไหม แต่จิห้ามเป็นลมนะ”
ผมไม่ได้ตอบเป็นคำพูด ไม่ได้พยักหน้า ทำแค่กะพริบตาปริบๆ จากนั้น...ริมฝีปากของผมก็ถูกทาบทับ
ริมฝีปากของพี่อินร์อบอุ่นมาก รสจูบเหมือนจะดุดันแต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน ผมเผลอตัวเผยอริมฝีปากตอบรับการรุกรานของเขา เกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นอย่างเงอะงะเมื่อเขาดุนดันลิ้นอ่อนนุ่มเข้ามา
มีเสียงหัวเราะน้อยๆ ดังขึ้นเมื่อผมเริ่มหายใจไม่ทัน แต่ก็ยังไม่ถอนริมฝีปากออกไป ละเลียดกลืนกินริมฝีปากผมอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งผมเริ่มทนไม่ไหวถึงได้ทุบหน้าอกเขาเบาๆ เขาผละออกเล็กน้อย ว่าด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ
“ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยเป็นค่อยไป เดี๋ยวพี่สอน”
แล้วเราสองคนก็จูบกันอีกครั้ง ผมสับสนอยู่ไม่น้อยที่ยอมให้เขาจูบอีกในรอบนี้ ความรู้สึกผิดต่อบุษบาอะไรนั่นก็ยังมีอยู่ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถผลักไสความปรารถนาที่จะถูกคนตรงหน้าสัมผัสได้เลยแม้แต่น้อย
มันเรื่องบ้าอะไร...
ไม่มีใครให้คำตอบได้ทั้งนั้น แม้แต่ผมก็ให้คำตอบตัวเองไม่ได้เลย ได้แต่ปล่อยให้เขาสอนจูบอยู่อย่างนั้น จนพี่อินทร์พอใจ เขาถึงเป็นฝ่ายผละออกมา เอาหน้าผากโนๆ ของตัวเองมาชนกับหน้าผากผม ว่าพลางยิ้มกว้าง
“จิน่ารักมาก”
“...”
“พี่ชอบจินะ ชอบมากๆ”
“...”
ถึงจะไม่พูดอะไร แต่เดาได้เลยว่าตอนนี้หน้าผมคงแดงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ไม่รู้ด้วยว่าจะทำยังไงต่อไปดีที่ปล่อยให้เลยเถิดมาขนาดนี้ ขณะที่จู่ๆ พี่อินทร์ก็เม้มปาก แล้วก็...
“ชักจะอดใจไม่ไหวแล้วสิ”
ฮะ?
ผมเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามเขา เขาไม่ตอบด้วยคำพูด แต่จับผมเอนลงนอนบนเตียงแทน
เฮ้ย! เดี๋ยวๆๆ ไอ้ที่บอกว่าไม่ไหวนี่เรื่องนี้เองเรอะ!?
ไม่ต้องให้ใครมาอธิบายแล้วว่าอดใจไม่ไหวเรื่องอะไร ยิ่งเขาโถมตัวมาคร่อมไว้ ถอดเสื้อกล้ามตัวเองออก โชว์ซิกส์แพ็คให้เห็นเต็มๆ สองตา แค่นี้ก็ชัดเลย
ได้เสียเป็นคู่สองกับมันแน่ๆ มึงคืออิเหนานะ ไม่ใช่อิหื่น ตั้งสติหน่อยโว้ย!
จรกาได้ฟันดาบโช้งเช้งกับอิเหนาก็ครั้งนี้แหละ!
----------------------------------
นอกจากจะเป็นอิเหนาแล้ว พี่อินทร์ยังเป็นอิแรด อิบ้า ล่าสุดเป็นอิหื่นด้วย 555 อย่าทำน้องงงง พี่อินทร์อย่าทำน้องโว้ยยยย XD
ใครอ่านเรื่องนี้อยู่ อยากติดตามพูดคุยในช่องอื่นๆ หนูแดงมีแฟนเพจกับทวิตนะคะ ตามไปที่นี่ได้เลยเน้อ
แฟนเพจ:
https://www.facebook.com/NooDangzzz/ทวิตเตอร์:
https://twitter.com/NooDangzzใครอยากหวีดเฉยๆ ก็ไปที่แฮชแท็ก #จรกาคนงาม นะคะ
ตอนหน้ารอก่อนเน้อ