( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58  (อ่าน 485212 ครั้ง)

ออฟไลน์ wwll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ก่อนอื่นต้องบอกว่า มันดีมากค่ะ :katai2-1:

คือปกติเป็นคนไทยที่อ่านหนังสือเฉลีี่ยปีละ8บรรทัด
ไม่ค่อยชอบอ่านบรรยาย อ่านบทพูดกันยาวๆ บางทียาวมากก็ข้ามๆไป
แต่แบบคือเรื่องนี้เราอ่านทุกตัวอักษรจริงๆ บางทีอ่านซ้ำๆด้วยซ้ำ

ชอบความคิดของทุกตัวละคร ชอบตรรกะ ชอบวิธีการพูด
คือบางคนตรรกะดี แต่ถ้าเรียบเรียงไม่ดี มันก็จะไม่สุด
บางคนพูดยาวไป บางคนพูดสั้นไป
แต่อันนี้มันไม่ใช่แบบนั้น มันพอดี มันต้องเท่านี้จริงๆ

ตอนได้ยินคำว่า ''ร่าน'' จากอาฟ สภาพคือ :z6:
ไรเนี่ยเหี้ยพี่อาฟ (จับมาเขย่าๆๆๆๆๆๆ) ไม่คูลเลย
แบบเห้ยเจ้าของผับนะเว้ย (แต่ก็ลืมไปว่านางก็ยังเป็นแค่เด็กมหาลัย)
 (แล้วก็จำขึ้นมาได้ว่าเรื่องบัญชี รายรับรายจ่ายอะไรนางยังเคยไม่สนใจเลย กะอีแค่กร่างใส่เซลไม่ซื้อเว้ยจบมั้ยทำไมจะทำไม่ได้)
เอาเรื่องส่วนตัวมาปนแบบนี้เลยหรอวะ เมดคือแบบพยายามจะปกป้องภาพลักษณ์ความเป็นเจ้าของผับให้อยู่นะ
(แต่ก็ลืมไปว่านางคือพี่อาฟอ่ะ ต้องการอะไรจากนางหรอ)

ขอบคุณน้องวิวจริงๆ น้องวิวไม่ได้แค่เตือนสติเมด แต่เตือนสติคนอ่านด้วย
คือแยกความผิดส่วนความผิด ในส่วนที่เมดพูดก็เอามาวิเคราะห์แล้วที่เหลือก็ให้เมดไปคิดเอง
มันดีอ่ะ คือมันแบบเออว่ะ แบบคล้อยตามเลย ความโกรธคือลงเลย
แบบยังโกรธ(อินนึกว่าตัวเองเป็นเมด) แต่แบบเออในส่วนความคาดหวังต่ออาฟก็แบบต้องมีทบทวนกันใหม่จริง

"สำหรับตอนนี้ ไรท์ท็อปฟอร์มมากค่ะ'' อิอิ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ถ้าน้องวิวไม่พูดเราก็ไม่คิดในมุมนั้นเหมือนกันว่าเมดก็มีส่วนผิดที่คาดหวังกับอาฟแล้วเหมือนตัดใจง่ายๆ ดีที่เมดกับอาฟมีเพื่อนๆน้องๆคอยช่วยให้คำปรึกษา ผงเข้าตาตัวเองมันเขี่ยไม่ได้ o13 ปรับความเข้าใจขอโทษกันก็ดีแล้ว

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ไม่ดราม่าแล้ว

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
อาฟกับเมดโชคดีมีเพื่อนมีน้องดีเป็นกาวใจให้ :mc3:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ร้องไห้เลยค่ะ คนหัวร้อนกับคนคาดหวัง

เจวิวมอบโล่เลยนะคะ วิวพูดถูกนะ
ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง เลยมองออกมากกว่า

อาฟพลาดไปแล้ว แล้วเจก็ช่วยชีวิตได้
แต่ที่ให้มากกว่าคือน้องเดย์ค่ะ วันนี้น้องเดย์มาแรง  o13

มาเกี่ยวก้อยกัน แบบคืนดี แต่ไม่ใช่สัญญานะ
มาพยายามไปด้วยกัน ทีมนี้เค้ามีเพื่อนดี

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
โอ้ยใจหายใจคว่ำ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ดีนะที่คืนดีกันได้เร็ว ยกความดีให้เจ, วิว และน้องเดย์ไปเลย  o13

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อาฟ เมด ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกัน  ดีกันแล้ว  เย้ๆๆๆๆ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
รู้คิด กับเรื่องที่พูดจาทำร้ายจิตใจกัน ขอโทษกัน  สุดยอดดดดด

วิว ยอดเยี่ยมมาก  :katai2-1:
แทนที่จะเข้าข้างพี่ตัวเองอย่างคนทั่วไป
กลับเป็นที่ปรึกษาปัญหาเรื่องความรักได้เต็มร้อย    :mew1:
เดย์ ก็เช่นกัน มีคำพูดที่ทั้งด่าอาฟ แนะนำอาฟ ได้ดีมากๆ  :katai2-1:

ไรท์ เก่งมากๆ ขอปรบมือให้เลย  :m4: :m4: :m4:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
อาฟอย่าปากพล่อยอีกละกัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ทำไมรู้สึกเข้าใจฮาฟอ่ะ
หรือเป็นคนที่หึงรุนแรง

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เกี่ยวก้อยดีกันแล้วๆ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ดีแล้วที่เข้าใจกันได้ ต้องขอบคุณวิว เจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้องเดย์ที่พูดเตือนสติพี่อาฟ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ทีมสนับสนุนคือดีงามม

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
เกือบไปละ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :mc4: คว่ำชามมาม่าแล้ว

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ตรงอาฟขอเกี้ยวก้อยนั่งยิ้มเป็นคนบ้าเลย เข้าใจกันก็ดีแลัวพยายามปรับตัวกันนะจะได้อ่านตอนหวานๆเยอะๆดีนะที่ทั้งอาฟเมดมีคนให้ปรึกษาไม่งั้ยได้กินมาม่ายาวแน่ ขอมอบรางวัลให้เจ-วิว-เดย์ o13

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
คุณอารยะเขาก็มีมุมแบบนี้นะเออ
ดีงามตรงที่โกรธกันไม่ทันข้ามคืนก็ดีกันแล้ว
ตอนนี้ต้องขอปรบมือรัวๆ ให้กับสามกูรูของเรามาก ไหนจะน้อยงเดย์ที่วันนี้ท็อปฟอร์มมากลูก
มาให้จุ๊บเหม่งเป็นรางวัลซิ
นานๆ จะเป็นผู้เป็นคนกับเขาสักที
ต่อไปเราต้องติดแท็กอันนี้ให้กับคุณอารยะมั้ย
#หงอกับเมียhereกับเพื่อน
ถ้าจะใช้เดี๋ยวไปขอคุณทักรี่ของน้องกุ้งมาให้

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ P.S.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ขุ่นพระ! เอามือทาบอก เลิกซึนได้แล้วนะคุณอาฟ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
ตบมือค่ะ


มีเพื่อนดีน้องดี เป็นอะไรที่ดีมากๆแล้ว


เวลาทำผิด มีคนว่ากล่าวตักเตือน พูดให้คิดได้  ย่อมดีกว่าคนที่เข้าข้างทุกอย่างแม้ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่ผิด


กอดดคร่าาา

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
เคลียร์กันแล้ว ดีใจมากกกก
มีเพื่อนพี่น้องที่ดีกันนะ คอยปลอบ คอยให้สติกัน
ขอให้อารยะและมินเมดค่อยๆปรับกันไปได้ด้วยดีนะ

ออฟไลน์ tipppppp

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อาทิตย์นี้จะมามั๊ยน้อออออ คิดถึงงงงง

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ตอนที่ 37

ที่โต๊ะหน้าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ผมนั่งมองบรรยากาศโดยรอบอย่างเรื่อยเปื่อยเพื่อฆ่าเวลารออาฟที่กำลังขับรถมารับเพราะวันนี้อีกฝ่ายก็มีเรียนเหมือนกันเลยไม่ได้มานั่งรอกันเหมือนปกติ

เอาเข้าจริง บางทีผมก็คิดว่าตัวเองเหมือนย้ายกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ตอนเช้าคุณพ่อมาส่ง แล้วพอตอนเย็นคุณพ่อก็มารับกลับแต่ถ้าถามว่าชอบมั้ยกับการใช้ชีวิตแบบนี้เอาจริงๆมันก็กึ่งๆ ก็ชอบเพราะผมไม่ต้องขับรถเอง แถมการอยู่กับอาฟก็เป็นอะไรที่ผมมีความสุขและสบายใจอยู่แล้ว

แต่ที่ไม่ดีก็คงเป็นในเรื่องที่ว่า ตัวผมเริ่มชินกับการใช้ชีวิตในแบบนี้เข้าไปทุกที ชีวิตแบบที่ไม่ต้องขับรถไปไหนเอง ไปไหนมาไหนเราก็ไปด้วยกัน มีอาฟมีผม จนกลายเป็นว่า รถที่เคยขับได้แต่ไม่คล่อง ล่าสุด ก็คือไม่คล่องยิ่งกว่าเดิม ส่วนรถที่เคยอยากได้มาตลอด ตอนนี้ก็ถูกจอดทิ้งไว้เฉยๆ จนกลัวว่าสักวันเครื่องมันจะพังเอา

[ ติดไฟแดงอยู่ ] เสียงเตือนจากมือถือทำให้ผมที่กำลังคิดอะไรเพลินๆก้มหน้าลงไปมอง หน้าจอฉายข้อความแชทที่ถูกส่งเข้ามาจากคนที่ผมกำลังคอยอยู่

วันก่อนผมเปลี่ยนชื่อแชทของอาฟจาก AFTER ธรรมดาด้วยการใส่ หัวใจห้อยท้ายไปตัวนึงแล้วก็ปักหมุดไว้บนสุด เพราะเราไม่ค่อยได้คุยกันผ่านแชทเท่าไหร่เลยกลายเป็นว่า แชทของอาฟชอบตกไปอยู่ข้างล่างตลอด แต่พอมานั่งคิดว่า เพราะเราอยู่ด้วยตลอด แชทเลยไม่ใช่อะไรที่จำเป็นมันก็ชวนให้ยิ้มออกมามากกว่าเก่า

[ กูก็คอยมึงอยู่ ] ยิ้มตอนที่พิมพ์ข้อความตอบกลับมันไป อาฟก็ส่งกลับมาอีกครั้ง

[ หิว ]

[ กูก็หิว ]

[ เบื่อ ]

[ เบื่ออะไร ] ผมถามมันพร้อมกับส่งสติกเกอร์หน้ากระต่ายงงไปให้ [ เรื่องที่เรียนมันยากเหรอวะ หรือว่ามีสอบแล้วทำไม่ได้ แต่แบบนั้นไม่ใช่เพราะมึงโง่เองเหรอวะ ]

[ ยังอยากจะให้กูไปรับมั้ย ]

[ น้องเมดก็ล้อพี่อาฟเล่นเฉยๆเองครับ ] หลุดหัวเราะกับคำที่พิมพ์ คิดถึงหน้าอีกคนออกเลยว่าคงกำลังยิ้มอยู่เหมือนกันแน่ๆ

[ เบื่อติดไฟแดง ]

[ มันก็ปกติ มึงทำเหมือนปกติมันไม่ติด ]

[ ที่กูเบื่อเพราะไม่มีมึง ] ผมยิ้มกว้างก่อนจะคว่ำหน้าจอมือถือลงทันทีตอนที่อ่านจบ

เอาจริงๆบางทีก็เกลียดความรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน เป็นวินาทีที่หัวใจของผมมันชารวมถึงมือหรือเท้าก็มีอาการเดียวกันไปหมด จะหุบยิ้มกว้างๆของตัวเองก็ไม่ได้ ยิ่งอยู่ต่อหน้าก็ไม่รู้ว่าจะเอาตาไปมองที่ไหนได้แต่ถอนหายใจออกมาซ้ำๆ เป็นอาการของคนที่ใจถูกเล่นงานเข้าอย่างจัง

ผมพลิกหน้าจอมือถือขึ้นมามองอีกครั้ง เป็นช่วงเวลาดีๆที่อยากจะส่งสติกเกอร์น่ารักให้มันสักตัวแต่ว่าอีกฝ่ายก็ส่งข้อความกลับมาก่อน [ เบื่อที่ไม่มีเสียงบ่นเป็นหมีกินผึ้งของมึง ] แล้วนั่นก็คือ อารยะ ..

[ สัด ] เปลี่ยนใจจากทุกอย่างแล้วส่งไปแค่คำนั้น ทุกความรู้สึกจบลงแค่นั้น ผมคว่ำมือถือลงตอนที่คิดถึงหน้าคนส่งที่ตอนนี้คงนั่งยกยิ้มแล้วหัวเราะกันอยู่ “ ชอบกวนตีนกูจริงๆ ไอ้แฟนเหี้ย ”

ผ่อนลมหายใจลงอีกครั้งผมฟุบหน้านอนบนกระเป๋าของตัวเองก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดหน้าจอเฟสบุ๊คเล่นแก้เซ็ง เลื่อนหน้าจอขึ้นไปเรื่อยๆเพื่ออัพเดทเรื่องราวชีวิตของเพื่อนร่วมสังคม ก่อนจะกดเข้าไปที่ปุ่มแจ้งเตือน ที่มีทั้งคนมาไลค์แล้วก็การแจ้งเตือนให้อวยพรวันเกิดให้เพื่อนสมัยมัธยมคนนึง

‘ จะว่าไปก็ใกล้วันเกิดอาฟแล้วนี่หว่า ’  พูดกับตัวเองในใจก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เอาเข้าจริงก็นึกขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และก็นั่งคิดไม่ตกเลยว่า ของขวัญที่ดีสำหรับคนแบบนั้นควรจะเป็นอะไร ลำพังการ์ดตามคำขอใบเดียวคงไม่พอ ขนาดอาฟยังให้รองเท้าผมมาเป็นของขวัญเลย แล้วตัวผมเองก็อยากจะให้มันเหมือนกันด้วย แต่ติดตรงที่ว่า ไม่รู้เลยว่าจะให้อะไร

“ เมด ” เงยหน้าขึ้นจากกระเป๋าตอนได้ยินเสียงทัก จิงที่เดินผ่านมายิ้มให้ผมที่ก็นิ่งไปก่อนจะส่งยิ้มจางๆแบบที่ไม่อยากจะยิ้มกลับไปให้มันตามมารยาท “ ยังไม่กลับเหรอวะ ”

“ ยัง มึงก็ยังไม่กลับเหรอ ” จิงนิ่งไปตอนที่ผมถามกลับ เหมือนไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้ อีกคนพยักหน้ารับแล้วยิ้มกว้าง “ พอดีกูรอสอนคณิตน้องคนนึงที่สยามแต่ขี้เกียจไปนั่งในร้านนานๆเลยคิดว่านั่งทำงานที่มหาลัยดีกว่า ใกล้ถึงเวลาก็ค่อยไป ”

“ อื้ม ”

“ กูไปนะ มึงก็กลับบ้านดีๆละ ” จะไปไหนก็ไปเถอะ ผมตอบอีกคนในใจก่อนจะพยักหน้ารับแล้วมองแผ่นหลังนั้นเดินไปนั่งตรงโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลจากผมเท่าไหร่ แล้วโต๊ะนั่นก็มียีนส์นั่งอยู่ข้างบิน

ผมนิ่งตอนที่เห็นว่ายีนส์มองมาทางผมก่อนจะหันไปยิ้มคุยกับบินด้วยความตั้งใจที่อยากจะให้ผมเห็น เผลอยกยิ้มออกมาตอนที่เห็นท่าทางอวดแบบงี่เง่านั้น และอยากจะถามมันที่กำลังยิ้มอยู่ด้วยคำถามสั้นๆแค่ว่า ‘ มันมีอะไรให้น่าอวดวะ ’

[ หน้ามหาลัย ] ข้อความสั้นๆจากอาฟที่แจ้งเตือนขึ้นบนหน้าจอมือถือของผมอีกครั้ง ยิ้มกว้างออกมาตอนที่เห็นมันก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายบ่า ใจจริงตอนแรกก็คิดว่าจะยืนรออยู่ตรงนี้นิ่งๆแต่พอนึกถึงหน้าของไอ้ยีนส์เมื่อครู่แล้ว มันก็ทำให้นึกคิดสนุกขึ้นมา

ผมเดินเข้าไปตรงแถวโต๊ะที่พวกมันนั่งอยู่ แล้วหยุดยืนอยู่บนฟุตปาธด้านหน้าตรงนั้น ก่อนที่รถซูปเปอร์คาร์สีดำอย่าง GTR จะจอดเทียบลงตรงหน้า เอื้อมมือไปเปิดประตูรถ ผมหันไปยิ้มให้พวกมันก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ ตอนที่ปิดประตูลงผมคิดว่า อะไรแบบนี้มากกว่าที่มันน่าอวด

“ ออกรถสิมึง ” ผมหันไปหาอาฟที่ก็หันมามองผมด้วยสายตายิ้มๆแบบที่รู้ทันว่าเมื่อกี้ผมคิดอะไรอยู่ “ ออกรถเถอะ กูหิวข้าวแล้ว ”

“ ขี้อวด ” อาฟพูดแค่นั้นสั้นๆ ผมก็ได้แต่ยิ้มแล้วพิงตัวเองเข้ากับเบาะที่ก็นั่งดึงสายรัดนิรภัยมารัดก่อนจะมองคนพวกนั้นผ่านจากในรถ

“ ก่อนมึงจะมาไอ้ยีนส์นั่งยิ้มให้กูเหมือนจะอวดว่าบินนั่งข้างมันแล้วก็เป็นของมัน แต่คือมึง กูถามจริงๆ แม่งมีอะไรให้อวดวะ มันน่าภูมิใจตรงไหนกับการไปแย่งของคนอื่นมา แล้วกับคนนิสัยแบบนั้นอีก กูละงง ”

“ มันคงคิดว่ามันชนะมึง ”

“ ชนะด้วยการได้เหี้ยไปอะนะ ” ผมหันไปถามอาฟยิ้มๆ “ คิดก่อนดีมั้ยวะ อย่างไอ้บินมีใครอยากได้บ้าง ”

“ แต่อย่างน้อยครั้งนึงมันก็มีคนเสียใจที่ถูกแย่งไป ” อาฟหันมามองผมก่อนจะยักคิ้วให้ “ หรือมึงว่าไม่จริง ”

“ แต่ก็ไม่ใช่ตอนนี้ ” เพราะตอนนี้กูมีมึงอยู่แล้ว  มันเป็นคำพูดที่อยากจะพูดต่อออกไป ก็กลัวว่าอีกคนจะไม่เข้าใจ แต่คงไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมคิดว่าอาฟเข้าใจดี เพราะตอนนี้มันดึงตัวเองเข้ามาจูบผม เป็นจูบบนริมฝีปากเบาๆแล้วตอนที่ผละออก เราก็สบตากันก่อนที่ผมจะเอ่ยบอก “ หิวข้าวแล้ววะ ”

“ จะหัดกวนตีนเหมือนกูถูกมั้ย..” อาฟบอกก่อนจะหันกลับไปขับรถหลังจากที่จอดนิ่งอยู่นาน “ แล้วจะกินอะไร ”

“ ไปกินอาหารไทยกันมั้ย กูอยากจะกินข้าวผัด กับแกงจืดอร่อยๆ ”

“ เลือกร้านมา ” พูดแค่นั้นสั้นๆ ผมก็หยิบมือถือขึ้นมาดูรีวิวทันทีสำหรับมื้อเที่ยงของเราในวันนี้

ผมยังยืนยันว่าอะไรแบบนี้มันน่าอวดมากกว่า ถึงมันจะมีเรื่องให้ทะเลาะอย่างเมื่อต้นอาทิตย์แต่พอมาคิดดีๆก็เป็นอย่างที่วิวบอก ความรักมันต้องค่อยๆปรับตัวเข้าหากัน เพิ่มบ้าง ลดบ้าง เดี๋ยวมันก็เข้ากันได้พอดี

ช่วงบ่ายสามครึ่งที่ภายในผับกำลังถูกจัดเตรียมร้าน ผมกลับมาจากกินข้าวกับอาฟได้สักพักแล้วและตอนนี้ก็กำลังนั่งอยู่ที่โซนของบาร์ข้างๆเด็กผู้หญิงตัวเล็กในวัยอนุบาลสองที่ก็กำลังระบายสีลงบนการบ้านที่คุณครูให้มาอย่างขะมักเขม้น ‘ น้องคิดดี ’ เป็นหลานสาวของพี่ซองผู้จัดการร้าน เห็นบอกว่าวันนี้คุณแม่น้องติดงานกลับช่วงห้าโมงเย็น เลยวานให้พี่ซองไปรับเธอจากโรงเรียนมาที่นี่ก่อนเพราะน้องเลิกบ่ายสาม

“ คิดดีครับ อาเมดช่วยมั้ย ”

“ ขอบคุณค่ะอาเมด แต่ว่าคุณครูบอกว่าคิดดีต้องทำเองเพราะเป็นการบ้านของคิดดี ” เด็กน้อยตากลมถักเปียสองข้างหันมาบอกผมเสียงเจื้อยแจ้ว เผลอยิ้มออกมากับท่าทางนั้นอดใจไม่ไหวจนต้องก้มไปแอบหยิกแก้มกลมนั่นเบาๆ หมั่นเขี้ยวเอามากเด็กอะไร แก้มแดงน่าหยิก “ อาเมดอยากระบายสีเหรอคะ ”

“ ทำไมคิดดีถึงคิดอย่างงั้นละครับ ”

“ ก็อาเมดบอกว่าจะช่วยคิดดีระบายสี คิดดีเลยคิดว่า อาเมดต้องอยากระบายสีแน่นอนเลย ” น้องหันมาบอกก่อนจะเปิดกระเป๋าที่วางอยู่ข้างๆ แล้วหยิบสมุดขึ้นมา มันเหมือนสมุดวาดรูปที่กระดาษจะดูแข็งหน่อยแต่ฉีกได้เป็นแผ่นๆ “ คิดดีให้อาเมดระบายสีนะ นี่สี อาเมดใช้ได้เลย คิดดีไม่หวง ”

“ ใจดีสุดๆ ขอบคุณนะครับ ” รับกระดาษนั้นมา เอาจริงๆก็ไม่ได้อยากจะวาดหรอก แค่นั่งว่างๆไม่มีอะไรทำเลยอยากจะช่วยน้องสักหน่อยเท่านั้น แต่พอได้กระดาษมาแล้วก็คิดขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ทำการ์ดขอพรอะไรนั่นให้อาฟเลย เพราะงั้นต้องงัดวิชาศิลปะจัดให้แบบสวยๆสักหน่อย

 “ สาวสวยคนนั้น ใช่น้องคิดดีของพี่เดย์รึเปล่าน้า ” เสียงของคนมาใหม่ดังมาจากประตูทางเข้าสต๊าฟ เด็กน้อยเจ้าของชื่อหันไปมองก่อนจะยิ้มกว้างออกมาแล้วกระโดดลงจากเก้าอี้ทันทีตอนที่เห็นร่างหนาเดินเข้ามาใกล้ สองขาเล็กวิ่งเข้าไปสู่อ้อมกอดของอีกคนก่อนจะกอดกันไว้แน่น ซึ่งแน่นอน ภาพนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นกับคุณอารยะ เพราะน้องคิดดีกลัวมันจนเอาแต่หลบอยู่หลังพี่ซองตลอดตอนที่เห็นหน้า

ผมแอบขำเวลาเห็นแววตากลมๆนั่นมองลอดผ่านซอกขาคุณอาตัวเองเพื่อดูว่าอาฟกำลังมองตัวเองอยู่มั้ยด้วยท่าทางกลัวๆ แบบชนิดที่ว่าเธอจะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้นและจะขอให้พี่ซองอุ้มตลอดถ้าอาฟยังอยู่ตรงนี้ จนผมต้องขอให้คนน่ากลัวขึ้นไปเล่นเกมส์ที่ห้องก่อนในระหว่างนี้ เพราะไม่งั้นพี่ซองคงไม่ได้เริ่มทำงานแน่นอน

“ พี่เดย์ ไปโรงเรียนมาเหรอคะ ”

“ ใช่ครับผม คิดถึงคิดดีจังเลย เราไม่เจอกันมากี่วันแล้วนะ ” คำถามที่ทำให้เด็กน้อยยกมือเล็กๆขึ้นมานับก่อนจะตอบ

“ ตั้งห้าวันเลยค่ะ ”

“ งั้นขอหอมห้าทีเลย ” โดนหอมแก้มซ้ายขวาอยู่นาน ก่อนที่น้องเดย์จะอุ้มคิดดีมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมแล้วก้มลงมองในสมุด “ โอ้โห คิดดีระบายสีสวยจังเลยครับ ”

“ อันนี้เป็นการบ้านค่ะพี่เดย์ คุณครูให้คิดดีระบายสีตรงนี้ ”

“ เก่งจังครับ ” อีกคนบอกก่อนจะเดินเข้าไปในส่วนของบาร์ด้านใน ผมเหลือบมองอีกคนยิ้มๆ น้องเดย์ก็หันมาจ้องผม “ มองอะไรครับพี่เมดสุดที่น่ารักของน้องเดย์ ”

“ ไม่ๆ อาเมดไม่ใช่ของพี่เดย์นะ ” คิดดีที่นั่งอยู่ยกมือปฎิเสธเราสองคน “ อาเมดเป็นของอาอาฟ ”

“ ไปเอามาจากไหนเนี้ย ” หันไปมองน้องพูดออกมาแบบสายตาซื่อๆผิดกับผู้ใหญ่อีกคนที่ชมออกมา

“ ทำดีมากคิดดี ถ้าอาอาฟได้ยินเอาไปเลยสามร้อย ” พูดจบก็ยกนิ้วโป้งให้น้องอีก ส่วนผมที่หันมองเด็กน้อยก็ได้แต่ปิดปากหัวเราะไม่ตอบอะไร

“ คิดดี ไม่พูดแบบนี้นะรู้มั้ย ”

“ ทำไมคะอาเมด มันไม่ใช่เรื่องจริงเหรอ อาเมดไม่ใช่ของอาอาฟเหรอ ”

“ โกหกเด็กไม่ดีน้า ” เสียงน้องเดย์ขัดผมด้วยเสียงล้อเลียนพร้อมกับสายตายิ้มๆ

“ ไม่ใช่แบบนั้นครับ คือมันก็จริงนั่นแหละ ” รู้สึกหูแดงไปหมดตอนที่พูดคำนั้น ถึงขั้นต้องเงียบไปสักพักเพราะว่าเขิน “ แต่ว่านะคำพูดนี้เด็กเค้าไม่พูดกัน น้องคิดดียังเป็นเด็ก พูดไม่ได้นะ ”

“ งั้นคิดดีจะพูดว่าอะไรถ้าจะบออกว่าอาเมดเป็นของอาอาฟ ”

“ เอ่อ..”

“ ก็พูดว่าอาเมดเป็นแฟนอาอาฟสิครับ ” น้องเดย์บอกในตอนที่ผมใบ้กินเพราะไม่รู้จะตอบอะไร หันไปมองหน้าคนตอบที่ก็ยักคิ้วให้แบบไม่ได้รู้ว่าผิดอะไร

“ งั้นอาเมดเป็นแฟนอาอาฟ ” ว่าสรุปแบบนั้นก่อนจะหันไปนั่งระบายสีต่อแบบสบายใจ ปล่อยให้ผมนั่งหูแดงอยู่คนเดียวแบบที่มีเสียงหัวเราะถูกใจของอีกคนเป็นเสียงพื้นหลัง

“ เด็กมันยังรู้เลยคิดดูว่าความรักมันชัดเจนขนาดไหน ” น้องเดย์ว่าก่อนจะยื่นเอาน้ำหวานใส่แก้วมาให้อีกคนที่ก็ยกมือไหว้พร้อมกับยิ้มเฉ่งให้แบบน่ารัก “ พี่เมดเอาด้วยมั้ยสักแก้ว ”

“ ไม่ครับ ขอบคุณมาก ” ส่ายหน้าปฎิเสธแล้วนั่งมองคนถามยืนมองนั่งน้องคิดดีด้วยสายตายิ้มๆ “ เอาจริงๆ ไม่คิดเลยว่าน้องเดย์จะมีมุมรักเด็กกับเค้าด้วย ”

“ มีสิครับพี่เมด เพราะเด็กคนไหนน่ารักน้องเดย์ก็รักหมด จะม.ปลาย หรือปีหนึ่ง ก็ได้หมดเลยนะ ” ยักคิ้วให้หลังพูดจบก่อนจะยกยิ้มมองกัน “ แต่ถ้าเป็นพี่เมด ไม่เด็กก็รักนะครับ ”

“ หมายถึงเด็กเล็กๆสิว่ะ ”

“ ก็น้องคิดดีน่ารักอะ จริงๆน้องเดย์อยากมีน้องสาว แต่แม่บอกปิดอู่ไปตั้งแต่วันคลอดน้องเดย์แล้ว ” ผมยิ้มออกมาตอนที่อีกคนเอื้อมมือมาหยิกแก้มเด็กผู้หญิงข้างๆ

“ งั้นถ้ามีน้องสาวต้องชื่อ ทูมอโร่อะดิ ”

“ ทำไมวะ ”

“ ก็มีอาฟเตอร์เดย์แล้วก็ต้องมีทูมอโร่สิ ” คนฟังนิ่งไปก่อนจะขมวดคิ้วงงๆ เหมือนกำลังนึกว่า ‘ ได้เหรอวะ ’  สำหรับคำพูดของผมที่น้องได้ยิน

“ แน่ใจนะ ว่าไม่ได้เอามาจากหนังเรื่อง the day after tomorrow วิกฤติวันสิ้นโลกอะไรนั้น ”

“ ไม่รู้ว่ะ ก็อยู่ๆชื่อนี้มันโผล่เข้ามาในสมอง แต่ก็เข้าดีนะ ” คิดสภาพว่าเกิดมาสองคนยังแสบกันทั้งพี่ทั้งน้อง มีสามขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ดับเบิ้ลขึ้นไปอีก แล้วแบบนั้นจะไปต่างอะไรกับสิ่งที่เรียกว่า วิกฤติว่ะ

“ เออ ได้ก็ได้วะ ”  พยักหน้ารับงงๆ ผมก็ยิ้มก่อนจะก้มหน้าลงหยิบดินสอมาร่างการ์ดที่จะทำลงบนกระดาษ ตั้งใจว่าจะระบายขอบสวยๆ แล้วค่อยเอาไปตัดให้เป็นอันเล็กๆขนาดเท่านามบัตร จะได้เป็นขนาดเดียวกันกับที่อาฟเคยให้ผม “ แล้วนี่คิดได้ยังว่าจะซื้ออะไรเป็นของขวัญวันเกิดให้ไอ้สัดพี่ ”

“ ต่อหน้าเด็กเล็กนะ ไม่พูดคำหยาบสิครับน้องเดย์ ”

“ แล้วพี่เมดจะซื้ออะไรให้พี่อาฟละครับ ”

“ อยากอัดเสียงไปให้อาฟมันฟังมาก มันต้องดีใจแน่นอน “ หลุดหัวเราะก่อนจะยิ้มแซวอีกคน แต่ถึงอย่างงั้นคนฟังก็ได้แค่ถอนหายใจออกมา

“ เอาจริงๆ บางทีน้องเดย์ก็แอบคิดว่า พี่เมดก็เริ่มจะกวนตีน ”

“ ฮ่าๆ “ ผมหัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบให้คำถามของอีกคน “ ยังไม่รู้เลย แล้วน้องเดย์ซื้ออะไร ”

“ ไม่ซื้ออะ บอกสุขสันต์วันเกิดเฉยๆ เพราะคนให้ของสัดพี่เยอะมากทุกปีอยู่แล้ว น้องเดย์เลยไม่รู้จะซื้ออะไร ส่วนของที่มันอยากได้มันก็มีหมดแล้วอะ ”

“ คนให้ของขวัญอาฟเยอะมากเหรอวะ ” น้องพยักหน้ารับกับคำถามของผม “ ก็เจ้าของผับอะพี่เมด มันก็มีทั้งเพื่อนร่วมธุรกิจ แล้วก็เพื่อนในแวววงเดียวกัน เค้าก็เอาของขวัญมาให้เป็นปกติอยู่แล้ว ไหนจะของพ่อกับแม่อีกละ ”

“ แล้วอาฟไม่มีของที่ชอบเหรอวะ ”

“ พี่เมด ”

“ หื้ม ? ” ยกคิ้วถามคนที่เรียกผม แต่น้องเดย์ก็แค่ยิ้มกว้าง

“ ของที่สัดพี่ชอบ ก็คือพี่เมดไง ”

“ เอามุกนั่นไปกดทิ้งลงชักโครกได้แล้วไป ” ผมบอกปัดแต่ก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกร้อนหน้าจนหูแดงไปหมด

“ แต่ก็เขินเนอะ ”

“ เงียบไปเลย ”

“ งั้นถ้าอาอาฟชอบอาเมด อาเมดก็เอาริบบิ้นมาผูกไว้ที่ตัวสิค่ะ แล้วก็ให้อาอาฟไปเลย อาอาฟต้องดีใจแน่นอน ” เบิกตาให้กับความคิดของเด็กน้อยที่นั่งข้างกันตอนที่ทั้งผมทั้งน้องเดย์ต่างพากันหันไปมองน้อง

 ทั้งๆที่มันเป็นความคิดใสซื่อของเด็กที่ก็คงคิดไม่คิดอะไรมาก แต่มันไม่ใช่กับผู้ใหญ่ใจบาปที่ก็แน่นอนว่าทั้งผมทั้งน้องเดย์ไม่คิดแน่ๆว่า การผูกโบว์ที่ตัวจะจบลงที่อะไรน่ารักๆแบบหอมแก้มสักฟอด เพราะขนาดผมเองยังคิดไปถึงเตียงกว้างกับร่างกายเปลืองเปล่า แล้วคนอย่างน้องเดย์จะไม่คิดได้ยัวไง มันคงยิ่งกว่านั้น เพราะดูจากท่าทางตอนนี้ที่หายใจเข้าออกจนจมูกกว้างแต่ก็ยังปรบมือถูกใจ

“ ยอดเยี่ยมครับน้องคิดดี ความคิดสุดยอดไปเลย ฉลาดสุดๆ ฉลาดมากๆ อาอาฟได้ยินนี่ไม่ใช่สามร้อยแล้ว งานนี้ต้องสามพัน ” ยื่นมือมาจับมือน้องที่ก็ยิ้มกว้างกับคำชมนั้น  ส่วนผมก็ได้แต่ถอนหายใจในตอนที่เจ้าน้องชายหันมาบอก “ พี่เมด จัดการเลยเอาแบบนี้แหละ เด็ดสุดแล้ว ”

“ ไม่เอาเว้ย ”

“ น่า มันเด็ดนะคือพอคิดถึงตอนแกะของขวัญ.. ” ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันก่อนจะเหลือบตาขึ้นด้านบน ท่าทางเหมือนคนหื่นสมกับที่กำลังคิดถึงเรื่องอย่างว่า

“ เลิกคิดอะไรแบบนั้นเลยน้องเดย์ ” ผมบอกอีกคนที่จ้องหน้ากันเซ็งๆ “ มันไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นหรอก เอาอะไรที่เป็นสิ่งของสิวะ ”

 “ สิ่งของเหรอวะ ” น้องเดย์ทำท่านึกอยู่สักพัก “ คิดออกแค่รถอะ พวกของแต่งรถ แบบว่า รถ ล้อแม็ก อะไรพวกนั้น ”

“ แล้วล้อแม็กแพงมากมั้ยวะ ” น้องเดย์ยิ้มตอนที่ผมถาม

“ เอาเป็นว่า ไม่ต้องซื้อหรอกครับพี่เมด จริงๆ แค่บอกว่า สุขสันต์วันเกิดนะอาฟ กอดมันจากด้านหลัง แล้วก็หอมแก้มซ้ายหอมแก้มขวาเท่านี้ก็พอแล้ว เชื่อน้องเดย์ไม่ต้องคิดมากเลย สัดพี่มันไม่อะไรกับของขวัญหรอก เพราะมันเคยบอกว่าถ้าซื้อของให้มัน ให้เงินมันดีกว่า ซึ่งระดับเจ้าของผับอย่างมัน เราจะให้เงินมันไปทำไม เอาไปแค่คำอวยพรนั่นแหละดีแล้ว  แต่ถ้าพี่เมดคิดมากก็ให้สัดพี่จิ้มสักทีสองที มันก็โอเคแล้ว เชื่อน้องเดย์เถอะครับ ” พูดจบคนให้ปรึกษาก็เดินไปเช็คเหล้าอีกฝั่งของโซนบาร์ ปล่อยให้ผมนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นคนเดียวกับความคิดที่ยังว่างเปล่า

ก็อยากจะให้ของขวัญไง ไอ้คำตอบที่ว่า ไม่ต้องซื้ออะไรให้หรอก ผมไม่ได้อยากจะฟังเท่าไหร่เลย ก็รู้แหละว่าวันเกิดเจ้าของผับดังทั้งทีมันต้องมีคนให้ของขวัญเยอะแยะ แล้วพ่อแม่รวยระดับนั้นเงินที่ให้ก็คงไม่ใช่น้อย แต่เพราะเป็นแฟนไง การที่เดินเข้าไปอวยพรเฉยๆ ไม่ใช่อะไรที่ผมอยากจะทำเลย ก็แค่อยากจะมีของขวัญสักชิ้นที่พออีกคนได้รับ มันจะดีใจมากๆเหมือนกับผมที่เคยดีใจมากๆตอนที่อาฟให้ของขวัญกัน 

ถอนหายใจออกมาอีกครั้งกับสมองที่ยังว่างเปล่าซึ่งความคิดดีๆ ผมก้มหน้าลงมองกระดาษที่แต่งแต้มสียังไม่เสร็จ ผมนิ่งมองมันอยู่แบบนั้นเสียนานจนคนข้างๆทัก

“ อาเมดอยากจะซื้อของขวัญวันเกิดให้อาอาฟเหรอคะ ”

“ ใช่ครับ ” ผมหันไปยิ้มให้อีกคนที่มองกันตาแป๋ว “ แต่อาเมดไม่รู้จะซื้ออะไรนะสิ อาเมดอยากซื้อของที่อาอาฟเห็นแล้วจะดีใจ ”

“ แต่พี่เดย์บอกว่า อาอาฟชอบอาเมด ” ถอนหายใจออกมากับคำพูดใสซื่อนั่น อยากจะหยิบมีดแทงไอ้คนพูดจริงๆ กวนกันจนได้เรื่อง

“ แต่ของขวัญมันให้เป็นคนไม่ได้ครับคิดดี  เราต้องซื้อมันเป็นสิ่งของ ”

“ อาเมดก็เป็นเด็กดีของอาอาฟสิค่ะ ” น้องบอกผมแบบนั้นก่อนจะหันมายิ้มกว้าง “ ตอนวันเกิดคิดดีนะ คิดดีก็ถามคุณแม่เหมือนกันว่าคุณแม่อยากจะได้อะไร แต่คุณแม่ก็บอกว่าคิดดีแค่ว่า คุณแม่ไม่ได้อยากได้อะไร ขอให้คิดดีเป็นเด็กดีก็พอแล้ว ”

“ แบบนั้นนี่เอง ”

“ ใช่แล้ว อาเมดก็ต้องเป็นเด็กดีของอาอาฟนะ ไม่ดื้อไม่งอแง ”

“ ฮ่าๆ แต่อาเมดไม่ดื้อนะ อาอาฟต่างหากที่ชอบดื้อกับอาเมดประจำ ดื้อมากๆด้วย ”

“ งั้นรอถึงวันเกิดอาเมด อาเมดก็บอกให้อาอาฟเป็นเด็กดีสิค่ะ อาอาฟจะได้ไม่ดื้อกับอาเมด ” ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ครับ ผมอยากจะตอบน้องแบบนั้นแต่ก็ทำได้แค่ยิ้มกว้างแล้วเออออไปตามเรื่องตามราว

“ จริงด้วยนะ ”

ก็พอรู้ว่าอาฟก็คงคิดแบบที่น้องคิดดีบอกผมหรือแม้แต่น้องเดย์บอก ถ้าเกิดถามก็คงบอกว่าไม่อยากจะได้อะไรทั้งนั้น และของขวัญที่ดีที่สุดก็คือการกระทำที่ทำให้กันทุกวัน แต่ถึงอย่างงั้นในใจก็ยังคิดไม่ตกอยู่ดี ไม่ว่ายังไงก็อยากจะให้อะไรสักอย่างกับอาฟ ผมคิดว่ามันต้องมีสักอย่างที่ผมสามารถซื้อได้และอาฟก็ต้องดีใจที่ได้มัน

แต่ตอนนี้ไม่ว่ายังไงก็คิดไม่ออก...

 “ จะนั่งจ้องหน้ากูอีกนานมั้ย ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นขัดความเงียบนั้นทำให้ผมที่นั่งจ้องหน้าอาฟอยู่นานอย่างไม่รู้ตัว เบือนสายตาหนีไปทางอื่นก่อนจะหันกลับมามองงานตัวเองแล้วเริ่มกดนู้นกดนี่ไปเรื่อยอย่างไม่รู้จะทำอะไร “ มึงมีอะไร ”

“ เปล่า ไม่มี มีอะไรเลยมึง ”

“ กูไม่ได้อยากจะได้อะไรเป็นพิเศษนะ” อาฟบอกแบบนั้นผมก็เงยหน้ามองหน้ามันที่ก็จ้องหน้าผมอยู่ “ ถ้ามึงกำลังคิดไม่ตกเรื่องของขวัญวันเกิดกู ก็ไม่ต้องคิด เพราะกูไม่ได้อยากได้อะไร ”

“ ใครบอกกูคิด กูไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นสักหน่อย” ทำทีเป็นเหล่มองมันด้วยสายตาที่เหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังหลงตัวเองแบบสุดๆ แต่อาฟก็แค่ยกยิ้มตอนที่เห็น มันลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะของผมแล้วหยิบเอากระดาษการ์ดของผมที่ระบายสีไว้เสร็จแล้วขึ้นมา

“ เอาแค่อันนี้ก็พอ ” อีกคนบอกก่อนจะยื่นมันกลับมาให้ผมที่ก็เอื้อมมือไปรับมันไว้

“ มึงกูถามอะไรหน่อย ”

“ ว่า ”

“ มีของอะไรบ้างวะที่มึงอยากได้เป็นของขวัญวันเกิด ” อาฟมองผมตอนที่ถามออกไปแบบนั้น สายตาล้อเลียนของมันเหมือนจะบอกกันว่า ที่มันเดาไว้ตั้งแต่ต้นก็ไม่ผิดจากที่พูดเท่าไหร่ ผมกำลังคิดเรื่องนั้นอยู่จริงๆ  “ กูก็แค่ถามดู ไหนๆก็คุยกันเรื่องนี้แล้วไง ทีมึงตอนนั้นยังถามกูตรงๆเลยว่าอยากจะได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิด”

“ อยากได้ลัมโบกินี อเวทาดอร์ เอส 2018 น่ะ ที่คันนึงสิบกว่าล้าน ” หันมามองหน้าผมยิ้มๆก่อนจะยักคิ้วให้

“ ไปขอพ่อมึงนะอาฟ ”

“ ฮ่าๆ ” คนฟังหลุดหัวเราะผมก็ได้แต่ถอนหายใจ

“ เอาอะไรที่มันถูกกว่านั้นสิ มึงจะให้ที่แค่หนี้แสนเดียวยังไม่มีเงินจ่าย ซื้อรถเป็นสิบล้านให้มึง มึงจะบ้าเหรอ นอนแล้วฝันเอามั้ย ”

“ งั้นของบแต่งรถแล้วกัน ”

“ เท่าไหร่ๆ ”

“ ห้าแสน ” ถอนหายใจออกมาตอนที่ได้ฟัง

“ ถ้าสักสามพัยยังจะพอโอเค ”

“ ค่าพวงมาลัยดอกมะลิไม้หน้ารถเหรอ สามพัน ”  ถอนหายใจออกมาผมหยิบปากกาสีดำในที่ใส่บนโต๊ะมาเขียนลงบนการ์ดตามใจหนึ่งวันของตัวเองที่ทำไว้ ผมเขียนเหมือนกับที่อาฟเคยให้ผม แต่ก็แอบเขียนเพิ่มเติมไป ‘ บัตรขอพร ขอได้หนึ่งข้อ มีอายุการใช้งานหนึ่งวันในวันเกิด **พรที่ขอต้องได้รับการยินยอมจากผู้ถูกขอเท่านั้น ’ 

“ งั้นมึงก็เอาไปแค่นี้พอ ” ยื่นการ์ดให้มัน อาฟก้มลงดูมันยิ้มๆ

“ ไม่แน่จริงนี่หว่า ”

“ อะไรไม่แน่จริง ” การ์ดที่ยื่นให้ถูกยกขึ้นมาอ่าน

“ พรที่ขอต้องได้รับการยินยอมจากผู้ถูกขอเท่านั้น  ทำไม ? กลัวโดนให้ใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่บ้านทั้งวันเหรอ ” คนถามมองกันยิ้มๆเหมือนจะแซว ผมก็ได้แต่นิ่งก่อนจะตอบออกไปเสียงดังฟังชัด

“ เออ! ” อาฟหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังตอนที่ผมพูดแบบนั้นและยิ่งหัวเราะดังขึ้นไปอีกตอนที่เห็นหน้าผมงอใส่ “ก็มึงมันไว้ใจไม่ได้ คิดจะทำอะไรกับกูก็ไม่รู้ กูก็ต้องเซฟตัวเองสิว่ะ ”

“ คิดว่าผมจะทำอะไรคุณเหรอครับ คุณมินเมด ” ใบหน้าคมดึงเข้ามาใกล้พร้อมกับการยกยิ้มแบบที่ชอบแกล้งกัน สบสายตาคนที่จ้องมองมา ทำทีเป็นไม่รู้สึกอะไรที่โดนขู่แบบนั้น “ ไม่เคยรู้สึกอยากจะให้วันเกิดปีไหนมาถึงเร็วเท่าปีนี้เลย ”

“ ถามจริง มึงคิดจะทำอะไรกู ” คำถามที่ทำให้อาฟยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะกระซิบข้างหู

“ ความลับ ”

“ มีแผนชั่วแน่ๆ ไอ้สัด ” ผมบอกตอนที่อีกคนดึงตัวเองกลับมาเผชิญหน้ากัน

“ กูดูเลวขนาดนั้นเชียว ”

“ มันยิ่งกว่านั้น ” อาฟพยักหน้ารับตอนที่ผมบอกก่อนทำทีเป็นคิดอะไรอยู่สักพักแล้วเอียงหน้าถามแบบนิ่งๆ

“ ว่าแต่มึงชอบแบบขรุขระมั้ย อันใหญ่ หรือ อันเล็ก แล้วความลั่นระดับที่ชอบคือระดับไหนวะ ”  นิ่งมองมันไม่ได้ตอบอะไร แต่สีหน้าผมคงอยู่ในระดับที่คนแกล้งคงพอใจไม่น้อย อาฟเลยหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างงั้น

“ กวนตีนนะมึง ” ผมบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา “ แล้ววันเกิดมึงปีนี้คิดว่าจะทำอะไรบ้าง ”

“ มึงคิดสิ ”

“ วันเกิดมึงแล้วเกี่ยวอะไรกับกู มึงอยากจะทำอะไรมึงก็คิด ” ขมวดคิ้วบอกมันก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ มึงจะไปทำบุญ ปล่อยปลา ปล่อยนก ให้อาหารปลา หรือว่าจะไปไหว้แม่ กินข้าวกับครอบครัว อะไรก็ว่าไป ”

“ มีมึงอยู่ในอันไหนก็เอาอันนั้น ” อาฟบอก “ แต่ไม่เห็นต้องทำอะไรให้มันพิเศษมาก กูโอเคกับทุกวันที่เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ” ผมได้แต่นิ่งเขินตอนที่อีกคนพูดประโยคที่เหมือนจะธรรมดานั้น มันเหมือนกับอาฟจะบอกว่าทุกวันนี้ที่เรามีกันอยู่มันก็พิเศษมากพออยู่แล้ว และมันไม่ได้ต้องการอะไรมากมายกว่านั้น

“ แล้วของขวัญอะไรที่มึงดีใจที่สุดตั้งแต่เคยได้มาในชีวิต ” คำถามทำลายความเงียบของผม อาฟที่คิดอยู่นานก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ ไม่มี ”

“ ไม่มีเลยเหรอวะ ”

“ ตั้งแต่เข้าม.ต้น พ่อกับแม่ให้ของขวัญกูเป็นเงินตลอด อยากจะได้อะไรก็เอาเงินไปซื้อ ส่วนตอนเด็กๆกูจำไม่ได้ แต่ก็คงเป็นอะไรที่สมัยนั้นฮิตๆมั้ง ”

“ ก็บ้านมึงรวยอะนะ อยากได้อะไรพ่อแม่ก็คงซื้อให้อยู่แล้ว ก็ไม่แปลกที่มึงจะไม่มีอะไรที่อยากจะได้เป็นพิเศษเลย ”

“ มันก็มีของที่กูอยากจะได้ ” อาฟบอกผมก็เงยขึ้นมองหน้ามัน “ แต่แค่มันใช้เงินซื้อไม่ได้ ต้องรอเท่านั้น ” ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าแต่ผมรู้สึกถึงความรู้สึกบางอย่างที่ออกมาจากสายตานั้นที่มองกัน แต่อาฟก็แค่ยิ้มก่อนจะลุกเดินออกไปจากห้อง “ กูจะลงไปคุยงานกับไอ้เจข้างล่างหน่อย มึงก็ทำงานให้เสร็จ อย่ามัวแต่คิดไร้สาระ ”

“ ไม่ใช่เรื่องไร้สาระสักหน่อย ” บ่นเบาๆตอนที่อีกคนเดินออกไปผมก็ผ่อนตัวเองพิงกับเก้าอี้ที่นั่ง “ นี่เป็นวันเกิดของมึงเลยนะ มันจะไม่สำคัญสำหรับกูได้ยังไงว่ะ ”

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27

นั่งอยู่ในร้านอาหารร้านนึงที่ห้างใหญ่ใจกลางเมือง ผมผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่พยายามคิดถึงสิ่งที่ตัวเองพอจะซื้อได้และภายในไม่กี่ชั่วโมงนี้ผมต้องคิดให้ออก เพราะพรุ่งนี้จะเป็นวันเกิดของอาฟแล้ว ซึ่งการที่สมองของผมยังว่างเปล่าแบบนี้ทำให้อาหารที่วางอยู่ข้างหน้าไม่ค่อยอร่อยสักเท่าไหร่ มันเซ็งไปหมด

“ ทำหน้าเหมือนคนขี้ไม่ออกเลยพี่เมด ก็แล้วทำไมไม่ลองเขียนสิ่งที่พี่อาฟชอบทำลงไปในกระดาษแล้วก็ลองดูว่าซื้ออะไรได้บ้างละ ” วิวที่นั่งอยู่ข้างหน้าผมในตอนนี้เอ่ยบอก วันนี้ผมไม่มีเรียนส่วนอาฟก็ออกไปเรียนช่วงบ่าย ประจวบเหมาะกับวิวที่โทรชวนผมออกมากินข้าวพอดีก็เลยจัดการรวบหัวรวมหางอีกคนมาช่วยกันคิดของขวัญที่จะซื้อแต่เหมือนแม้แต่วิวเองก็ยังไม่มีความคิดที่ดี

 “ กูทำแล้ว แต่เหมือนไม่มีอะไรในตัวอาฟที่กูรู้เลยวะ ” ยิ้มแห้งๆให้น้องชายก่อนจะยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นมากิน “ กูรู้แค่ว่ามันชอบกินคาราเมลมัคคิอาโต้ ส่วนอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรที่กูรู้แล้ว จะซื้อเสื้อสักตัวกูยังไม่รู้เลยว่ามันชอบแบบไหนไม่ชอบแบบไหน ขนาดของกินมันยังกินตามกูเลย กูอยากกินอะไรมันก็กินได้หมด ไม่มีเคยพูดเลยว่า ไม่อยากกิน ”

“ เชื่อเค้าเลยว่ะ ตามใจกันสุดๆ ” วิวบอกยิ้มๆก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา “ กูถามลุงให้มั้ย ”

“ เออๆลองถามเจดู เผื่อมันมีอะไรแจ๋มๆ ”

“ แต่กูไม่เห็นลุงแม่งจะซื้ออะไรเลยนะ เอาจริงๆถ้าพี่เมดไม่บอกวิวก็ไม่รู้หรอกว่าวันเกิดพี่อาฟ ” น้องชายผมบอกก่อนจะก้มหน้าลงหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์อยู่สักพัก

“ ลุงบอกว่ามันแค่เลี้ยงเหล้า ” ผมผ่อนลมหายใจออกมาตอนได้ฟัง คือมึงเลี้ยงเหล้าเพื่อนมึงที่ก็เป็นเจ้าของผับแถมเหล้าที่เลี้ยงก็ได้ราคาพิเศษของพนักงานอะนะ

“ สมกับที่เป็นเพื่อนสนิทกัน ” ไม่ต้องอะไรมาก ง่ายๆ ชิลๆ

“ ไอ้เชี้ยลุงบอกให้พี่เมดซื้อถุงยางไปให้พี่อาฟวันเกิด ”

“ บอกมันว่าไอ้สัด ” วิวหลุดหัวเราะออกมาก่อนจะพิมพ์ลงไปในมือถือ มันคุยกับในจอนั่นสักพัก ส่วนผมก็หันไปมองรอบๆอยากซื้ออะไรสักอย่างที่อาฟใช้จริงๆ แล้วก็จะดีมากถ้ามันจะได้ใช้ทุกวัน  ผ่อนลมหายใจออกมาเซ็งๆด้วยความเบื่อหน่ายก่อนจะหยุดสายตาลงกับร้านเค้กที่มีคนจำนวนนึงนั่งอยู่ในนั้น เหมือนผมจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เมื่อเห็นพนักงานเดินเอามาเสิร์ฟชายคนนึง ‘ ก็โง่อยู่ตั้งนาน ’ 

“ กูถามจริง ”

“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับกับน้องชายตัวเองตอนที่เรายืนอยู่ที่โซนขายแก้วในห้าง ผมตัดสินใจเลือกแก้วมัคสีขาวสำหรับกินกาแฟเป็นของขวัญวันเกิดให้อาฟ แต่อยากจะทำให้มันพิเศษหน่อยด้วยการวาดรูปลงไปบนแก้วนั่นจะได้เป็นแก้วใบเดียวในโลก แต่ที่ตอนนี้กำลังลังเลก็คือ “ มึงว่าระหว่างแก้วที่สกีนลายตัวเอ กับ แก้วสีขาวธรรมดา อะไรดีกว่ากันวะ ”

“ พี่เมดคือก่อนอื่นนะ วิวอยากจะเตือนว่า พี่มึงไม่มีความสามารถทางศิลปะ ” ผมนิ่งไปตอนที่น้องชายบอก มันยิ้มแห้งๆให้ผม “ ตอนสมัยม.ปลาย ขนาดวาดวงกลมมันยังออกมาเป็นวงรีเลยนะ ”

“ แต่มันอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้นะเว้ย ”

“ เปลี่ยนไปได้ไง มึงไม่เคยฝึก ” เสียงถอนหายใจของคนข้างๆ ผมก็แอบคิดเหมือนกันว่าถ้ามันเละแล้วผมจะทำยังไง “ แล้วทำไมถึงซื้อแก้ว ไม่ซื้ออย่างอื่นอะแบบว่า เสื้อมั้ย ”

“อยากมีแก้วที่อาฟจะได้ใช้คนเดียวทุกวัน เพราะกูเองก็ชงกาแฟให้มันกินอยู่คนเดียวทุกวัน ” ผมยิ้มตอนที่คิดอะไรปัญญาอ่อนแบบนั้น “ คือแบบ..”

“ แบบ..” วิวถามย้ำผมก็ยกมือเกาแก้มแบบเขินๆ

“ อย่าไปบอกใครนะ ”

“ เออน่า ”

“ ก็แบบ กาแฟของกู แก้วของกู เพื่อมัน ที่เป็นแฟนกู อะไรแบบนั้น ”

“ โอ้แหมมมมม หมั่นไส้เจอจ้า ” วิวบอกพร้อมกับยิ้มกว้างออกมา “ ยังไงน้องก็ขอตัวไปอ้วกแปปน้า ”

“ อย่าดิ มึงว่ามันโอเคมั้ยวะ กูไม่รู้อะ มันก็มีแต่อะไรแบบนี้ที่กูทำได้ แพงกว่านี้กูก็ไม่มีตังค์ซื้อแล้ว ”

“ งั้นก็แค่ซื้อ ” คนข้างกันบอก “ ในเมื่อมันไม่มีออะไรที่ดีกว่านี้ แล้วพี่เมดก็คิดว่า อยากจะให้อะไรแบบนี้แหละ งั้นก็แค่ซื้อ ”

“ งั้นเอาแบบไหนดี ” ผมถามก่อนจะชี้ไปที่แก้วข้างหน้า “ แบบมีลาย กับ แบบไม่มีลาย ”

“ แบบมีลาย แต่ไม่เอาตัวเอนะ เอาตัวเอ็มไปสิ ”

“ เอาตัวเอ็มทำไม อาฟเตอร์มันตัวเอ ”

“ ก็ไหนบอกแก้วของพี่มึง ถ้าแก้วของพี่มึงก็ต้องตัวเอ็มสิ ” ผมนิ่งไปกับความคิดของวิว สลับกับการคิดถึงหน้าของอาฟที่ยกแก้วที่เป็นตัวเอ็มขึ้นกิน ความรู้สึกแปรปวนในท้องมันวุ่นวายไปหมดจนผมได้แต่ส่ายหน้า

“ ไม่เอาอะ เอาตัวเอนี่แหละ กูเขิน ”

“ เอาจริงๆ มึงควรจะเขินตั้งแต่คิดอะไรที่โคตรเลี่ยนแบบนั้นได้แล้วต่างหาก ” วิวที่พูดออกมาเสียงเบา ส่วนผมก็เลือกแก้วสกรีนลายตัวเองแบบสวยๆหนึ่งใบ เน้นเลือกขอบปากที่ไม่หนามากผมรู้สึกแก้วแบบนั้นกินกาแฟอร่อยกว่าแก้วที่มีขอบปากหนาๆ

“ เอาใบนี้ ” หยิบขึ้นมาจากชั้นวางก่อนจะมองหน้าพนักงานคิดเงิน “ พอคิดเงินเสร็จก็ไปซื้อปากกามานั่งวาด ”

“ แล้วก็จะตายที่ตรงนั้นแหละ ” วิวพูดผมก็หันไปมองมันแล้วถอนหายใจเซ็งๆ

“ อย่ามาดูถูกกูน่า ”

“ กูไม่ดูผิดหรอก ”

แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆอย่างที่วิวบอก มันดูไม่ผิดจริงๆ ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในห้องที่คอนโดคนเดียวแบบเงียบๆ หลังจากแยกย้ายกับวิวตอนที่ซื้อปากกาเสร็จเรียบร้อย ก่อนนั้นในระหว่างทางตอนนั่งรถไฟฟ้าผมคิดมาอย่างดีว่าจะวาดรูปอะไรบ้าง ผมลองหาวิธีวาดง่ายๆจากในเน็ต แต่พอเอาเข้าจริง.. ก็อย่างที่วิวบอก วงกลมยังไม่กลมเลย แล้วปากกาเขียนแล้วลบไม่ได้ด้วย..แล้วพอยิ่งแก้ทุกอย่างก็เหมือนจะเละไปหมด

“ ชิบหายไปเลยไอ้สัด ” ผ่อนลมหายใจออกกมามองแก้วของตัวเองที่ตอนนี้ดูรกรุงรังไปหมด สัตว์สี่ขาที่ดูไม่ออกมาว่าเป็นหมาหรือแมว ดาวที่มีหลายๆแฉก มันยิ่งกว่าผลงานของเด็กอนุบาลซะอีก “ ก็น่าจะซื้อมาสักสองสามใบไว้แก้มือ ”

ผ่อนลมหายใจออกมารอบที่ล้าน ผมพยายามขีดเขียนทุกอย่างลงไปอย่างต่อเนื่องด้วยความรู้สึกที่ว่า ‘ รกไปรกมาเดี๋ยวมันก็สวยเอง ’ เขียนภาษาอังกฤษเป็นคำบอกรักลงไปบนนั้น ผมยิ้มอยู่กับตัวเอง ตอนที่เห็นว่าแก้วขาวเมื่อครู่มันแทบไม่มีพื้นที่ว่างเหลืออยู่เลย แล้วพอมันแห้ง ผมก็จำกัดความมันได้สั้นๆแค่ว่า “ โคตรเหี้ย ”

กริ้ง กริ้ง กริ้ง

เสียงกริ่งตรงประตูทำให้ผมที่นั่งเซ็งๆกับผลงานของตัวเองลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความตกใจ หันไปมองหน้าประตูเป็นอย่างแรกก่อนจะหันมองนาฬิกาเป็นอย่างที่สอง สมองประมวลผลในตอนนั้นว่าอาฟคงกลับมาแล้ว และสิ่งแรกที่ผมหยิบนั่นคือแก้วที่ผมวาด มองซ้ายมองขวาอย่างไม่รู้จะซ่อนที่ไหนจนสุดท้ายก็เอาไปยัดในเค้าเตอร์บนซิงค์ล้างจานแล้ววินาทีที่ปิดตู้ลง ประตูห้องมันก็ถูกเปิดออก

“ อยู่แล้วทำไมไม่เปิดประตู ”

“ กู.. กำลังจะไปเปิด ” ผมบอกก่อนจะยิ้มแห้งๆให้คนที่เดินเข้ามาใหม่ ถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเม้มริมฝีปากแล้วทำทีเป็นหยิบแก้วน้ำที่อยู่แถวนั้นเดินมากดน้ำที่หน้าตู้เย็นขึ้นกิน “ มึงกลับมาเร็วจังว่ะ เรียนเป็นไงบ้างวันนี้ ”

“ กูกลับสายนะ ” อาฟบอกก่อนจะเชิดไปที่นาฬิกา “ เลทจากปกติครึ่งชั่วโมง ”

“ อ้อเหรอ “ ผมทำทีเป็นตกใจก่อนจะหันมองนาฬิกาบ้าง “ กูแม่งก็บ้าสับสนไปหมดละ ”

“ มึงทำอะไรอยู่ ”

“ เปล่าทำ ไม่ได้ทำอะไรเลย ” ส่ายหน้าให้มันก่อนจะยกน้ำขึ้นกิน “ กูแค่หิวน้ำเลยลุกขึ้นมากินน้ำก็เท่านั้น ”

“ อื้ม ” อาฟพยักหน้ารับ ก่อนจะเหลือบไปที่โต๊ะกินข้าวที่ยังมีปากกาสีสำหรับเขียนแก้ววางอยู่เพราะผมยังไม่ทันที่จะเก็บ “ แล้วนี่คือ..”

“ อ้อ กูกำลังวาดรูปน่ะ พอดีช่วงนี้กู.. กูกำลังอินกับงานศิลปะ ”

“ งั้นเหรอว่ะ ”

“ ช่ายยย เค้าบอกวาดรูปจะทำให้อารมณ์ดี เมื่อกี้ออกไปห้างกับวิวขากลับก็เลยลองซื้อสีมาวาดรูปดู ไม่มีอะไรเลยมึง ”

“ อื้ม “ อาฟพยักหน้ารับยิ้มๆ ก่อนจะเดินเข้ามาหาผมที่ก็ยังทำทีเป็นไม่รู้เรื่องอะไร ผมคิดว่าตัวเองไม่น่าจะมีพิรุธหรอก แต่ตอนนั้นอาฟก็แค่ดึงตัวเองเข้ามาใกล้แล้วกระซิบลงข้างหูเบาๆ “ ตอแหลไม่เนียน ”

“ ไอ้สัด ”ผมจิ๊ปากตอนที่มันดึงตัวเองมามองหน้ากันยิ้มๆ

“ ก็เผื่อมึงไม่รู้ ”

.........................................................

 นั่งมองนาฬิกาที่ฉายอยู่มุมข้างของหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ตัวเองกำลังทำงาน ใกล้จะหมดวันเข้ามาทุกทีแล้ว ผมนึกถึงของขวัญที่ตัวเองเอาไปซ่อนเพราะรู้สึกอยากจะทำใหม่เหลือเกินแต่ก็คงเป็นได้แค่ฝันเพราะมันก็คงไม่ทันแล้ว

 “ กลับบ้านได้ละ ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นขัดกับความเงียบรอบตัวของเรา ผมเงยดูเวลาที่ยังไม่ทันจะเข้าวันใหม่ก่อนจะมองคนที่ลุกขึ้นเต็มความสูงยิ้มๆ

“ รีบจังว่ะ ทำไม ? กลัวจะใช้การ์ดที่กูให้ไม่คุ้มเหรอ ” แซวมันเหมือนกับที่แซวผมแต่อีกคนก็ตอบออกมาตรงๆ

“ ใช่ ” อาฟบอกก่อนจะเชิดหน้ามาที่หน้าจอคอมของผม “ มึงเสร็จรึยัง ถ้าเสร็จก็ปิดคอม จะได้กลับบ้าน ”

“ เสร็จแล้วครับผม จะปิดเดี๋ยวนี้แหละครับคุณเจ้านาย ” จัดการปิดคอมของตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมกับหยิบกระเป๋าขึ้นมา พลางเช็คดูว่ารอบห้องไม่มีอะไรที่เปิดทิ้งไว้ แล้วหลังจากเดินออกไปผมก็ล็อคมันเรียบร้อย

“ จะกลับกันแล้วเหรอวะ ” เสียงของเจทักเราตอนที่เห็นเดินลงมาชั้นล่าง อาฟพยักหน้ารับ “ งั้นยังไงก็สุข..”

“ มึงไม่ต้องพูด ” อาฟยกมือขึ้นห้ามเพื่อนตัวเองที่ก็อ้าปากค้างไปทันที “ กูไม่ได้อยากจะได้ยินจากมึงเป็นคนแรก ”

“  ไอ้สัด ” ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆกับคำสบถของเจ เอาเข้าจริงถ้าเป็นกูจะทำยิ่งกว่านั้น อาจจะบออกว่า ‘ ไปตาย ’ ก็เป็นได้ มีอย่างที่ไหนเพื่อนจะอวยพรวันเกิด แม่งบอกไม่ต้องพูด

“ เจอกัน ” อาฟบอกเจแบบนั้นก่อนจะเดินนำผมออกไปที่ผับ มันกดปุ่มปลดล็อครถแล้วตอนที่เราทั้งคู่เข้าไปนั่งในรถอีกคนก็แค่สตาร์ทรถแต่กลับไม่ขยับปรับเกียร์เพื่อขับไปไหน

“ ทำไมไม่ออกรถวะ ” หันไปถามอีกคนที่ก็แค่หยิบมือถือแล้วยื่นมาให้ผม บนหน้าจอนั้นฉายเวลาที่บอกกันว่าตอนนี้เราเข้าสู่วันใหม่แล้วเรียบร้อย

“ ถ้ามึงพูดตอนนี้ มึงจะเป็นคนแรกนะ ” ผมกลั้นยิ้มตอนที่ถูกเชิญชวนจากเจ้าของวันเกิด อาฟที่กำลังหูแดงมันไม่ได้หันมามองผมแต่กลับเอาแต่มองไปข้างนอก  “ ยังทันนะ ยังไม่มีใครพูด ”

“ ไอ้เจจะพูดเมื่อกี้ แต่มึงเสือกไม่ได้มันพูดเองไม่ใช่เหรอวะ ”

“ อยากให้เป็นมึง ”

“ มึงแม่งแบบ.. ” ผ่อนลมหายใจออกมาพร้อมกับยิ้มกว้างที่กลั้นไว้ไม่ไหว ก็เป็นซะแบบนี้แล้วจะให้ไม่มีความสุขตอนที่อยู่กับมึงได้ยังไงว่ะอาฟ

ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงบอกกับเจว่า ตัวมันไม่อยากฟัง เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงบอกออกไปว่า ไม่อยากจะฟังจากเจเป็นคนแรก เพราะอะไรแบบนั้นมันกำลังเว้นว่างไว้ให้ผม ได้พูดกับมันเป็นคนแรกในวันนี้

“ สุขสันต์วันเกิดนะครับคุณอารยะ มีความสุขมากๆ ขอให้ผับเจริญรุ่งเรืองรายได้เยอะกว่านี้อีกสองสามเท่า กิจการยิ่งใหญ่เกรียงไกร สุขภาพแข็งแรง ลดความเหี้ยลงบ้าง เพิ่มความหวานขึ้นก็ดี แล้วความปากแข็งก็ขอให้ลดๆลงหน่อย ” อาฟหันมามองหน้าผมที่ก็ยักคิ้วให้มัน “ จะเอาอะไรอีก เดี๋ยวจะอวยพรให้ ”

“ คำอวยพรใครมันให้คนถูกอวยพรขอบ้างละไอ้สัด ”

“ ทีมึงยังบอกให้กูอวยพรได้เลย ” เถียงมันกลับไปเราที่มองหน้ากัน ผมมีความคิดถึงแล่นข้ามาให้หัว “ กูต้องกอดมึงมั้ย ”

“ จูบด้วยก็ดี ”

“ โอเค งั้นมา ” ดึงตัวเองเข้าไปกอดอีกคนไว้แน่น ผมผ่อนลมหายใจออกมาในตอนที่ซบลงที่ไหล่อีกคน “ มีความสุขมากๆนะอาฟ เป็นเด็กดีของกูนะรู้มั้ย ”  เสียงหัวเราะของอีกคนดังขึ้นผมก็ดึงตัวเองออกห่างจากมัน เอียงหน้าจูบที่ริมฝีปากนั้นตามคำขอเป็นแค่จูบสั้นๆที่ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรแต่อาฟกลับมองผมด้วยสายตายิ้มๆจนผมต้องหันหน้าไปทางอื่นเพราะรู้สึกว่าแก้มร้อนไปหมด

“ แล้วของขวัญ ” มือที่ยื่นมาตรงหน้า ผมก็ขมวดคิ้ว

“ ก็ให้ไปแล้วไง การ์ดตามใจที่กูทำให้ ”

“ แค่นั้น ”

“ จะต้องมีอะไรมากกว่านั้น มึงบอกเองว่าไม่อยากจะได้อะไร ” ผมบอกอีกคนก็พยักหน้ารับเหมือนจะเข้าใจแต่ถึงอย่างงั้นก็พูดออกมาเบาๆคล้ายจะจับผิด

“ ก็คิดว่าวันนี้ที่ออกไปกับไอ้วิว มึงจะได้อะไรติดมือมาให้กูสักชิ้น ”

“ ไม่มี กูแค่ไปกินข้าวกับน้องเฉยๆ ” ก็หวังว่าคำพูดปฎิเสธของผมจะไม่เสียงสูงเกินไปจนหลุดพิรุธออกมาอีกครั้ง

กลับมาถึงห้องเราจัดการอาบน้ำกันเรียบร้อยก่อนจะนั่งดูทีวีรอบดึกกันแบบเงียบๆโดยที่ไม่มีใครพูดกับใคร ก่อนที่หนังจะตัดจบไปแล้วผมก็นึกขึ้นมาได้ในตอนที่กำลังจะเอนตัวลงนอน

“ พรุ่งนี้ตักบาตรกันมั้ยมึง ” ผมถามอาฟที่ก็หันมามองกันด้วยสีหน้าที่บอกว่า ขี้เกียจแบบสุดๆ

“ ถ้ากูบอกว่าไม่ ”

“ ทำเถอะ ปีเดียวทำสักครั้งก็ยังดี ตายไปจะได้บอกยมบาลในนรกได้ว่ามึงก็ทำบุญเหมือนกัน ”

“ กูนี่เลวขนาดนั้นเลย ”

“ ไม่เอาน่า อย่าถามคำถามที่มึงก็รู้อยู่แก่ใจตัวเองอยู่แล้วสิว่ะ ” ยิ้มให้มันก่อนจะยักคิ้วอีกฝ่ายก็แค่ถอนหายใจออกมายิ้มๆ

“ กวนตีน ”

“ แล้วตกลงมึงจะขออะไร ” ผมเอ่ยถามอีกคนตอนที่ขยับตัวมานั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้า อาฟที่หันมามองเหมือนมันจะลืมไป “ การ์ดตามใจที่กูให้ไง อย่าบอกนะว่ามึงลืม ”

“ อ้อ.. ” มันว่าก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเงินของตัวเองออกมาแล้วหยิบการ์ดนั้นขึ้นมา มันยิ้มก่อนจะยื่นให้ผม “ ขอให้เหมือนเดิม ”

“ ห๊ะ ? ” ถึงขั้นสบถออกมาด้วยความงงหลังจากฟังจบ “ หมายความว่าไงวะ ”

“ ก็ขอให้เหมือนเดิม เหมือนอย่างทุกวันที่เป็นอยู่ กูขออะไรแค่นั้น ”

ผมรู้สึกได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเองดังอยู่เพียงอย่างเดียวในห้องนี้ นั่งมองการ์ดที่ถูกยื่นมาให้ผมกับคำขอที่วนอยู่ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ‘ ขอให้เหมือนเดิม ’

“ ไม่อยากจะได้อะไรมากกว่านี้แล้วเหรอวะ ” ผมถามมันอีกคนก็แค่ส่ายหน้าไปมา “ ก็ไหนบอกว่าจะให้กูใส่ผ้ากันเปื้อนอะไรแบบนั้นก็ไม่อยากให้ทำเหรอวะ แล้วเรื่องที่ขู่กูอีก ”

“ มึงอยากทำ ? ” อาฟถามผมก็ส่ายหน้า

“ เปล่า แต่กูว่ามันน้อยไป ตอนกูยังขอให้มึงไม่เป็นตัวเองเลย แล้วคนอย่างมึงก็ควรแกล้งกูไม่ใช่เหรอวะ ” สายตาคมที่มองหน้าผมตอนที่พูดออกมาแบบนั้น อาฟยิ้มมันเป็นยิ้มที่ชวนให้หัวใจของผมพองโตอย่างบอกไม่ถูกเหมือนเครื่องปั้มลมที่อัดอากาศเข้ามาในลูกโป่ง มันล่องลอย

“ มึงว่าน้อยเหรอ แต่กูว่าที่กูขอมันก็เยอะนะ ” มันยืนยันอย่างงั้น “ ตื่นเช้าขึ้นมาอาบน้ำก่อนกู บีบยาสีฟันไว้ให้กู จัดชุดให้กู ชงกาแฟให้กู ออกไปข้างนอกกับกู นั่งกินข้าวกับกู เลือกของกินเผื่อกู นั่งบ่นตอนรถติดเป็นเพื่อนกู หัวเราะไปกับกู แล้วกู อยู่ข้างๆกู ”

“ มึงแม่ง..” ผมก้มหน้าลงตอนที่ได้ฟัง หัวใจพองโตจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก แล้วตอนที่เงยหน้าขึ้นมามองหน้ามัน มือที่เอื้อมกอดอาฟไว้ก็ทำได้แค่กอดมันแน่นไว้แบบนั้น “ มันเหี้ยมากเลยที่กูรู้สึกดีจนอยากจะร้องไห้เพราะคำพูดของมึงไอ้สัดอาฟ ”

“ อย่ามางอแง ”

“ ก็มันมีความสุข มึงโจมตีหัวใจกูรู้มั้ย ” ผมบอก “ แล้วจะเอาแค่นี้จริงๆเหรอวะ ” ถามย้ำตอนที่ดึงตัวเองออกห่างจากมัน

“ หรือมึงจะให้กูขอให้มึงใส่ผ้ากันเปื้อนชิ้นเดียวแล้วเดินไปเดินมาในห้อง แบบนั้นก็ได้นะ กูชอบอยู่แล้ว ”

“ ไม่! ” ผมตะโกนขึ้นมาก่อนจะรีบหันไปหยิบปากกาขึ้นมาเขียนลงไปบนการ์ดว่าใช้แล้ว แล้วตอนที่ยื่นให้มันคืออาฟก็เอาเก็บไว้ในกระเป๋าเงินตามเดิม “ ก็น่าจะขออะไรที่มันสนุกๆหน่อย เช่นขอให้กูทำอะไรที่มันไม่เป็นตัวเอง ”

“ กูชอบมึงแบบนี้ แล้วกูจะอยากให้มึงเป็นอย่างอื่นไปทำไม ”

“ ถามจริง มึงถนัดทำให้กูใจเต้นแรงรึเปล่าอาฟ ” แล้วเหมือนจะทะลุออกมานอกอกด้วยในตอนนี้

“ หึ ” อาฟยกยิ้มก่อนจะยักคิ้วให้

“ แล้วพอมาคิดว่าตอนวันเกิดกู กูขอให้มึงเป็นอย่างอื่น ” ผมพูดเสียงเบาๆ “ มันเหมือนว่ากูไม่ได้ชอบมึงแบบที่มึงเป็นเลย ”

“ วันนั้นมึงก็แค่กวนตีนกูไม่ใช่รึไง  ” อาฟบอกก่อนจะดึงตัวเองลงนอน มันปิดไฟที่หัวเตียงจนทั้งห้องมืดสนิท แล้วท่ามกลางความเงียบในตอนนั้นมันก็เอื้อมมือมาจับมือผมดึงลงไปนอนในอ้อมกอดของมัน “ ถ้ามึงไม่ชอบ แล้วเราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ได้ยังไง คิดอะไรโง่ๆ ”

ก็คงจะจริงอย่างงั้น ผมกอดอาฟไว้ในตอนที่คิดว่า ตอนนั้นตัวผมเองก็แค่หงุดหงิดที่มันชอบพูดกวนตีนกันทุกวันจนอยากจะแกล้งให้มันพูดเพราะๆแล้วก็ลองไม่กวนตีนผมดูบ้าง แต่สุดท้ายก็เหมือนจะเป็นตัวผมเองที่บอกให้หยุด เพราะรับไม่ได้ที่ต้องเห็นอีกคนเป็นอะไรในแบบที่ไม่ชินตา ก็ต้องมีมุมที่ปากหมาและกวนตีนจนน่ารำคาญนั่นแหละ มันถึงเป็นอารยะ คนที่วันนั้นผมตอบรับรักไป


ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27

สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ก่อนจะเบิกตาขึ้นด้วยความตกใจผมพบว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่ควรตักบาตรอย่างที่วางแผน เพราะตอนนี้มันเก้าโมงเช้าเข้าไปแล้ว ผมผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความเซ็งแต่ก็คงโทษใครไม่ได้เพราะเสือกลืมตั้งนาฬิกาปลุกเอง

“ ส้นตีน ” ได้แต่บ่นออกมาแบบนั้นก่อนจะหันไปมองคนที่นอนหลับสนิทชนิดที่ว่า ต่อให้แผ่นดินไหวอาฟก็จะไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาเด็ดขาดคงนอนตายอยู่ในซากตึกถล่มนี้

เกาหัวตัวเองเซ็งๆเอาเป็นว่าค่อยออกไปถวายสังฆทานก็แล้วกัน ผมพาตัวเองลุกขึ้นไปอาบน้ำใส่เสื้อยืดธรรมดากับกางเกงขายาว แล้วก็จัดการเสื้อผ้าให้อาฟเหมือนปกติ ก่อนจะค่อยๆย่องออกไปนอกห้อง ผมคิดว่าเมื่อคืนห้องเดย์คงไม่กลับห้องเพราะไม่มีรองเท้าวางอยู่หน้าห้อง และเมื่อเช็ครอบข้างอย่างดีแล้ว มือก็ค่อยๆเอื้อมไปเปิดตู้ด้านบนแล้วหยิบแก้วที่ตัวเองทำเอาไว้ออกมาดู ผมถอนหายใจใส่มัน กำลังนั่งคิดว่าจะเอาใส่กล่องผูกโบว์เป็นของขวัญให้อีกคนดีมั้ย แต่ของขวัญหน้าตาแบบนี้ ถ้าให้เหมือนจะดูถูกผู้รับมั้ยวะ

หยิบมือถือตัวเองขึ้นมาเปิดกล้อง ในเมื่อคิดเองก็ไม่ได้ก็ต้องถามคนที่จะให้คำปรึกษาได้ ผมถ่ายแก้วแบบทุกมุมอยู่สองสามรูปก่อนจะส่งไปให้วิว ในโปรแกรมแชทแต่แน่นอนว่าตอนนี้ยังเช้าอยู่อีกคนก็ไม่น่าจะตื่นเหมือนกัน

[ มึงดูแก้วกู มึงว่าให้ดีมั้ย หรือว่าไม่ให้ดี มันน่าเกลียดอะมึง กูว่านะ ]  ส่งข้อความออกไปถาม ผมวางมือถือลงบนโต๊ะก่อนจะเดินไปหยิบกล่องของขวัญมาใส่แก้วไว้เรียบร้อย แล้วจัดการยัดใส่ลงไปในเป้ของตัวเอง ผมคิดจะให้มันหลังจากที่รอคำตอบของวิวก่อน

“ ทำอะไร ” สะดุ้งสุดตัวตอนที่หันไปมองต้นเสียงที่เอ่ยทัก อาฟยืนอยู่ที่หน้าห้องและยังคงใส่ชุดนอนตัวเดิมอยู่
 
“ ตกใจหมดไอ้เชี้ย ” ผมบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา ทำทีเป็นดึงกระเป๋าตัวเองออกมาตั้งไว้บนเก้าอี้ “ แล้วยังไม่อาบน้ำอีกเหรอวะ ”

“ แล้วไหนตักบาตรของมึง ”

“ ลืมตั้งนาฬิาปลุก ” บอกแบบนั้นอาฟก็หลุดยิ้มออกมาก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ “ แต่ค่อยไปถวายสังฆทานกันที่วัดก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก ”

“ อื้ม ” ขานรับกันสั้นๆ ก่อนจะเดินมายืนช้อนกันจากข้างหลังแล้วใช้สองมือกอดเอวผมเอาไว้แน่น ใบหน้าคมนั้นซบลงที่ไหล่อาฟจูบที่ข้างแก้มของผม เอาเข้าจริงก็โคตรเกลียดช่วงแบบนี้เลย หัวใจที่เต้นแรงแทบทะลุอก ไม่นับรวมอาการทำตัวไม่ถูกที่ไม่รู้จะเอามือไปตั้งไว้ตรงไหน ปากก็เหมือนจะใบ้กินไป ผมยืนนิ่งๆที่ให้อีกคนหอมแก้มอยู่แบบนั้นซ้ำๆ แม้จะโดนจูบเบาๆที่ต้นคอ ก็ไม่ได้เปล่งเสียงห้ามปรามใดออกมา “ ไม่มีของขวัญสำหรับกูจริงๆเหรอ ”

“ ไหนมึงบอกว่าไม่อยากได้อะไรไง ”

“ ก็เผื่อฟลุ๊คคิดว่ามึงจะซ่อนมันไว้ในกระเป๋า ”

“ ไม่มีหรอก ถ้ามีก็ต้องให้แล้วจริงมั้ย ” หันไปยิ้มให้มันอาฟไม่ได้ตอบอะไร นอกจากแค่ก้มลงมาจูบผมก่อนที่มันจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอน แล้วตอนนั้นผมก็คิดขึ้นมาได้ว่า ‘ หรือว่ามันจะเห็น ’ แต่ไม่หรอกน่า เพราะถ้าเห็นก็ต้องบอกให้เอาออกมาให้แล้ว ไม่น่าจะแค่หลอกถามกัน

ออกจากคอนโดในช่วงบ่ายเพราะวันนี้เราไม่มีเรียนด้วยกันทั้งคู่ แวะถวายสังฆทานในวันเกิดที่วัดใกล้คอนโด วันนี้ผมได้ขอพรให้อาฟด้วยเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้ขอพรแบบจริงจังเท่านัก เราแวะกินอาหารญี่ปุ่นในร้านที่เคยมาตั้งแต่รู้จักกันแรกๆแถมนี่ยังเป็นครั้งแรกที่อาฟเอ่ยปากชวนผมทั้งๆที่ปกติมันจะเป็นคนให้ผมเลือกว่าจะกินอะไร

“ ไปกินอาหารญี่ปุ่นนะ กูอยากกิน ”

“ แล้วจะขัดเจ้าของวันเกิดได้ยังไงวะ มันต้องได้อยู่แล้ว ” เลือกกินข้าวหน้าปลาไหลกันคนละจาน พร้อมด้วยเซ็ตซูซิหน้ารวมที่ขอบอกเลยว่า อร่อยอย่างที่สุด แต่จะว่าไปวันนี้ดูเหมือนวันธรรมดาเกินไปจนแทบไม่รู้สึกเลยว่า จะเป็นวันสำคัญของคนข้างๆกัน

“ แม่งธรรมดาไปเปล่าวะ ” เหมือนผมจะเผลอพูดคำนั้นออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัวจนคนขับรถที่นั่งนิ่งๆถึงกับหันมามอง

“ ยังคิดอะไรไร้สาระอยู่อีกนะมึง ”

“ กูก็แค่รู้สึกว่ามันธรรมดาไป ”

“ มึงก็แค่เอาความพิเศษใส่ลงไปในวันธรรมดาวันนึง แล้วก็คิดอยู่ตลอดว่า มันต้องพิเศษ ทั้งๆที่มันก็ไม่มีอะไรพิเศษ เวลาเดินเท่าเดิม แล้วเราก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม ” อาฟหันมามองบอก “ สำหรับกูวันเกิดก็แค่วันที่บอกกูว่า กูแก่ขึ้นอีกปีแล้วก็แค่นั้น ”

“ ความคิดมึงก็ผู้ใหญ่เกินไปนะ เหมือนเกิดมาแล้ว 59 ปี แล้ววันนี้ก็คือวันครบรอบวันเกิดปีที่ 60 แซยิดพอดี ”

“ กวนตีนจังนะ ” เอื้อมมือมาหยิกแก้มแบบหมั่นเขี้ยวก่อนจะลูบอยู่แบบนั้นเบาๆ

“ แต่สำหรับคนเป็นแฟนมันสำคัญนะ มึงอาจจะมองว่าไม่สำคัญ แต่มึงจะเถียงกูเหรอวะ ว่าตอนวันเกิดกู มึงไม่ได้คิดว่าจะทำอะไรให้กูมีความสุข แล้วมึงก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นวันธรรมดาแบบวันเกิดมึงด้วย มึงคิดว่ามันเป็นวันพิเศษของกู วันที่กูควรมีความสุขไปทั้งวัน ” อาฟนิ่งไปตอนที่ผมบอก มันไม่ได้ตอบอะไรออกมา แล้วผมก็คิดว่ามันคงจะคิดแบบเดียวกับที่ผมพูด “ กูก็แค่อยากจะให้แฟนกูมีความสุขที่สุดในวันพิเศษของเค้า ไม่ต่างจากมึงในวันนั้นหรอก ”

“ ขอบคุณครับ ” อาฟตอบผมสั้นๆ ก่อนจะดึงตัวเองมาจูบลงที่ริมฝีปาก

“ ขอบคุณทำไมเป็นแฟนกูเหรอ ” ผมแกล้งมันตอนที่อีกคนดึงตัวเองออกห่าง อาฟยิ้มกว้างออกมาเพราะคงไม่คิดว่าผมจะพูดออะไรแบบนี้

“ กูชื่ออาฟเตอร์ อารยะ ใช่แฟนมึงมั้ยละ ” เราที่ยิ้มให้กันในตอนนั้น ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างก็หลุดหัวเราะกันออกมา

“ งั้นก็ใช่ ”

“ กวนตีน ” บอกกันแบบนั้นก่อนจะดึงมือผมไปจับแล้วจูบเบาๆที่หลังฝ่ามือ เรากุมมือกันไปแบบนั้นในระหว่างเดินทางบนถนนเส้นที่ติดบ้างและโล่งบ้างเหมือนปกติที่ชอบทำอย่างเช่นทุกที

.....................................................................

ช่วงเวลาสามทุ่มที่ภายในผับค่อนข้างคึกคักเป็นพิเศษ วันนี้เป็นวันเกิดของเจ้าของผับ อาฟไม่ได้จัดงานวันเกิดอะไรเหมือนอย่างที่ผมคิดว่ามันคงจัดเหมือนกับเจ้าของผับที่มันกับเจเคยไป แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังมีทั้งเพื่อนในวงการผับเข้ามาให้ของขวัญมัน ซึ่งของส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเหล้าแบรนด์ต่างๆที่ค่อนข้างแพง 

“ ให้เหล้าโคตรเยอะ ” ผมพูดเสียงเบาๆกับน้องอัยย์ที่ตอนนี้ทั้งผมแล้วก็น้องกำลังเช็คเหล้ามาใหม่ในบาร์กันอยู่ “ นี่ถ้าให้เหล้าเท่ากับแช่งพรุ่งนี้ไอ้อาฟไม่น่ารอด ”

“ คงไม่รอดตั้งแต่คืนนี้ ” น้องบอกก่อนจะเชิดหน้ามาข้างหน้า “ เยอะจนล้นบาร์ตรงที่เฮียนั่งเลย ”

“ ขนกลับยังไงวะนั่น ”

“ ขาย ” น้องหันมากระซิบ “ เฮียไม่เอากลับ เฮียเก็บไว้ขาย แล้วก็กินนิดๆหน่อยๆวันละแก้วสองแก้วตามอารมณ์ ”

“ เหรอ ”

“ ไม่ต้องกังวลนะ น้องรู้ว่าพี่เมดก็คือห่วงเฮียในใจลึกๆ ” ผมถอนหายใจออกมาตอนที่อีกคนพูด “ แต่น้องอัยย์ไม่ได้โกหกจริงๆนะ เฮียกินไม่หมดหรอกครับพี่เมด กินหมดคงตับแข็งตายพอดี เชื่อน้องอัยย์ เฮียเน้นขาย เฮียเน้นสร้างรายได้ ”

“ ยังไม่ได้บอกเลยว่าไม่เชื่อ ” ผมบอกอีกคนก่อนจะหันไปมองขวดเหล้าที่ตั้งอยู่ไม่ไกล แต่ละขวดที่ดูถึงผมจะไม่ใช่พวกกินเหล้า ก็พอดูออกว่ามันเหมือนจะมีแต่ของแพงๆทั้งนั้น

“ ของขวัญวันเกิดเฮียมีแต่ของดีๆแพงๆทั้งนั้น แต่มันก็เหมาะสมกับฐานเค้าอะนะ เจ้าของผับให้เจ้าของผับมันจะให้ของไม่ดีได้ไง ” เหลือบมองคนพูดที่ก็ก้มหน้าเช็คเหล้าที่อยู่ตรงหน้าต่อเหมือนกับแค่บ่นออกมา ผมเหลือบมองอาฟที่กำลังยิ้มรับกับคำอวยพรแล้วก็คำทักทายของหลายคนที่เข้ามาอวยพรมัน “ แล้วพี่เมดซื้ออะไรให้เฮียวันเกิดเหรอ ”

“ ไม่ได้ซื้อหรอก ”

“ อ้าว ” ยิ้มให้ตอนที่อีกคนเหมือนสบถออกมา

“ ก็อาฟบอกไม่ต้องซื้อ พี่เมดก็เลยไม่ซื้อ ไม่รู้จะซื้ออะไรด้วย ” ผมหันไปมองของขวัญที่วางเรียงอยู่บนเค้าเตอร์บาร์ที่อีกคนนั่งก่อนจะหันมาบอกน้องแบบยิ้มๆ “ ไม่มีตังค์ ”

“ ฮ่าๆ ” น้องอัยย์หัวเราะก่อนจะพยักหน้ารับ “ แต่พวกเราก็ไม่ได้ให้หรอก แค่อวยพรเฮียเฉยๆ เพราะเฮียไม่ชอบให้ใครซื้อของขวัญให้ เฮียบอกว่ามันไร้สาระ ซื้อมาก็ไม่รู้จะชอบมั้ย เปลืองเงินเปล่าๆ ”

“ ก็จริงนะ ”

“ อันนี้เหล้าใหม่ตัวสุดท้ายแล้วพี่เมด ”

“ โอเค ” จดรายละเอียดลงไปในไอแพตที่กำลังถือ

“ ดูท่าว่าพรุ่งนี้ก็น่าจะต้องมามาทำสต๊อกกันอีกว่ะพี่เมด ดูจากกองเหล้าที่ได้ คือบอกเลยว่า หนัก ”

“ งั้นก็กองไว้ตรงนั้นก่อนไม่ต้องไปเลื่อนมันแค่นับไว้ว่ามีกี่ขวด แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เรามาแยกสต๊อกกัน เผื่ออาฟมันจะเก็บไว้บางขวดก็ไม่แน่ ” เงยหน้าบอกน้องก่อนจะปิดหน้าจอไอแพตที่ทำงานเสร็จแล้วลง “ งั้นสต๊อกวันนี้ก็เสร็จแล้วนะ ”

“ ครับผม ”

“ พี่เมดขึ้นไปทำงานเอกสารต่อก่อนแล้วกันนะ ”

“ ครับผม สู้ๆนะ คุณเลขา ” น้องอัยย์บอกผมก็ยิ้มก่อนจะเดินออกไปจากส่วนของบาร์

เดินขึ้นไปบนชั้นสามก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเอง หยิบมือถือขึ้นมาดูผมพบว่ามันมีข้อความแจ้งเตือนมาจากน้องชาย มันเป็นคำตอบของคำถามที่ผมถามไปเมื่อเช้า [ ให้ไปเลย ของที่มาจากพี่เมดยังไงพี่อาฟก็ต้องชอบ ไม่ชอบก็ด่ามันเลยว่าไม่ลึกซึ้งทางศิลปะ ]
 
“ เหรอวะ ” ผมพูดกับตัวเองตอนที่อ่านข้อความนั้น ก่อนจะหันไปมองกระเป๋าที่ตั้งอยู่ข้างๆผมหยิบกล่องของขวัญออกมาแล้วก็มองมันอยู่แบบนั้น คิดถึงของขวัญที่กองอยู่ตรงโซนบาร์ข้างล่างแล้วผมคิดว่าไม่ให้น่าจะดีกว่า ให้ไปก็น่าอายเปล่าๆ อาฟเห็นก็น่าจะขำมากกกว่าจะชอบมันด้วย ถอนหายใจออกมาเซ็งๆนิด ผมเปิดกระเป๋าก่อนจะยัดมันกลับเข้าไปแต่ยังไม่ทันจะเก็บเรียบร้อยประตูห้องก็เปิดออกแบบที่ไม่เคาะให้สัญญาณกันเลยสักนิด

“ นั่นอะไร ” ผมรีบยัดกล่องนั้นเข้าไปในกระเป๋าทันทีตอนที่อีกคนถามส่ายหน้าไปมาก่อนจะถามกลบเกลื่อน

“ มึงแม่งเข้ามาก็ไม่เคาะประตูนะ ”

“ เอามาให้กูดู ”  อาฟเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะคว้าเอากระเป๋าของผมที่ก็ตอนนี้ผมเองก็จับมันไม่ยอมปล่อย

“ มันไม่มีอะไร ”

“ กูเห็นเหมือนกล่องของขวัญ ”

“ มึงอยากได้ของขวัญจากกูจนตาฟาดแล้วอาฟ ” ผมบอกปัดมันอีกคนก็เอาแต่จ้องตากันไม่ยอมหลบไปไหน

“ ถ้าไม่มีอะไรอย่างที่มึงพูดก็ปล่อยมือ เพราะกูจะดู มึงคงรู้ว่ายิ่งยื้อ กูก็ยิ่งไม่ปล่อย  ” จ้องหน้าอีกคนก็พอรู้ว่ามันต้องเป็นแบบนั้น แล้วเมื่อสุดหนทางจริงๆผมก็ต้องปล่อยมือ อาฟเปิดกระเป๋าผมขึ้นมาแล้วแน่นอนว่ากล่องของขวัญมันก็ตั้งอยู่ในนั้น อีกคนหยิบออกมามันเป็นกล่องสีขาวที่คาดโบว์สีน้ำเงิน มันยิ้มตอนที่เห็นก่อนจะเอ่ยถามกัน “ ไหนบอกไม่ซื้อ ”

“ ก็แค่เดินผ่านแล้วเห็น กูไม่ได้ตั้งใจจะซื้อสักนิด ”

“ งั้นเหรอ ” อีกคนพยักหน้ารับก่อนจะยื่นกล่องของขวัญนั้นกลับมาให้ผม “ ยื่นให้กูหน่อยสิ ”

“ มึงก็เอาไปแล้วจะให้ทำพิธีรีตองอะไรให้มากความว่ะ ” บ่นแบบนั้นแต่ก็รับกล่องของขวัญนั่นมา ผมยื่นให้อาฟที่นั่งอยู่บนโต๊ะตรงหน้ากัน “ สุขสันต์วันเกิดนะมึง ”

“ ขอบคุณครับ ” อาฟที่รับของขวัญไปมันก้มหน้าลงมองกล่องนั้นอยู่สักพัก ก่อนจะเอามือลูบโบว์อยู่สองสามทีด้วยรอยยิ้มจางๆ มันดูมีความสุขจนผมยังรู้สึกใจเต้นแรง “ มึงผูกเองมั้ยไอ้โบว์นี่ ”

“ อื้ม ” พยักหน้ารับกับอีกคน

“ ไม่อยากแกะละ ”

“ อย่ามาประสาท แกะไปเถอะน่า ” อาฟยกยิ้มก่อนเอียงซ้ายเอียงขวาดูโบว์นั่นว่าจะแกะออกยังไง “ มึงก็แค่ดึงตรงนี้ ” ผมชี้อีกคนก็ดึงออก ต่อด้วยฝากล่องกระดาษสีขาวก็ถูกเปิดออกมา แก้วกาแฟวางอยู่ในนั้น ตอนแรกที่เห็นอาฟมองมันด้วยความแปลกใจแล้วตอนที่มันหยิบขึ้นมาอีกคนก็ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะหัวเราะ

“ นี่มันเหี้ยอะไรว่ะ ฮ่าๆ ”

“ ไม่ต้องมาหัวเราะเลย ไม่ชอบก็เอาคืนมา มึงแม่งเสียมารยาท เห็นของขวัญของคนอื่นแล้วหัวเราะ ” ผมบอกแบบนั้นแต่เหมือนอีกคนก็แค่เบี่ยงตัวหลบไม่ให้ผมเอื้อมมือไปแย่งแก้วใบนั้นคืนมาได้ มันมองภาพที่ผมวาดพวกนั้นทีละภาพ

“ นี่มึงวาดเอง ”

“ อื้ม ”

“ นี่หมาหรือแมววะ ” มันชี้ไปที่ไอ้ตัวกลมๆที่ดูไม่ออกว่าเป็นตัวอะไร

“ ไม่ต้องแซวเลยสัด ”

“ มีสายรุ้งด้วย ก้อนเมฆ ต้นไม้ ฮ่าๆ ถามจริงที่ชั่วโมงศิลปะตอนอนุบาลเหรอวะ ”

“ ก็กูมีปัญญาทำให้มึงได้แค่นี้นี่ไอ้สัด ถ้ารวยก็จะซื้อเหล้าแพงๆให้มึงเหมือนกัน แต่ไม่มีตังค์ เลยให้มึงได้แค่นี้.. ” เสียงของผมที่หยุดไปเพราะมือข้างนึงที่ดึงใบหน้าผมเข้าไปจูบราวกับจะให้หยุดพูดออะไรพวกนั้น แล้วตอนที่ผละออกคนตรงหน้าก็แค่ยิ้ม

“ แล้วกูบอกเหรอ ว่าอยากได้ของแพงๆจากมึง ” ส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบ อาฟก็ปล่อยมือจากตัวผมแล้วก้มลงไปมองแก้วใบนั้นอีกครั้ง มันมองภาพทุกภาพที่ผมวาดด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมันทำกับของชิ้นไหน ดูมีความสุขเหมือนเป็นแก้วใบเป็นแสนที่มันอยอากจะได้เอามากๆ ทั้งๆที่รวมทุกอย่างแล้วยังไม่ถึงห้าร้อยด้วยซ้ำ

“ อันนี้จริงรึเปล่า ” ชี้ไปที่ตัวอักษรภาษาอังกฤษสี่ตัวอย่าง LOVE มันหันมามองกัน

“ จริงสิว่ะ ”

“ แล้วทำไมซื้อแก้วกาแฟ ”

“ ก็จะได้เอาไว้ชงกาแฟให้มึงกินทุกวันเลยไง ”

“ งั้นต้องชงให้กูกินทุกวันนะ ห้ามไปไหนซะละ ” อาฟหันมาบอก ผมก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับก่อนจะบ่นเบาๆ

“ มึงอยากกินให้ได้ทุกวันก็แล้วกัน ”

“ จะท้าแข่งกันได้ไม่มีปัญหานะ ” มองอีกคนที่มองกันแบบท้าทายด้วยการส่งยักคิ้วล้อๆมาให้ ผมผ่อนหายใจออกมาในตอนที่มองดูมันที่ยังคงจดจ้องกับของขวัญที่ผมให้อยู่นั้น   “ ของขวัญมันอยู่ที่คนให้ ” อาฟบอกผม “ สำหรับกู ถ้าเป็นมึง ให้อะไรกูก็ชอบทั้งนั้น ”

ลุกขึ้นจากโต๊ะที่นั่ง อาฟเดินออกไปจากห้องทันทีด้วยท่าทางที่ดีใจเหมือนเด็กหลังจากที่พูดจบ ผมเห็นอาฟวิ่งลงไปชั้นล่าง ผ่านกล้องวงจรปิดที่ฉายอยู่ในห้อง ตอนแรกผมไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่อาฟพูดเท่าไหร่แต่ภาพที่เห็นก็เหมือนจะไขคำตอบของความสงสัยได้ดี

อาฟวิ่งลงไปหาเจที่นั่งอยู่บาร์ มันสะกิดอีกคนก่อนจะยื่นแก้วใบที่ผมให้เป็นของขวัญให้เพื่อนสนิทตัวเองดู ทุกคนที่หัวเราะมันแต่มันก็ยังแค่ยิ้มในแบบของตัวเองอย่างมีความสุข พลางตีมือเพื่อนหรือใครๆที่กำลังเอื้อมมือมาแตะต้องแก้วใบนั้นที่ผมให้มันเป็นของขวัญ แก้วที่ใช้ศิลปะงี่เง่าของผมบรรจงวาดลงไปเพราะอยากจะทำอะไรสักอย่างให้มันแค่คนเดียวที่มีของชิ้นนี้
 
ของขวัญ ค่าของมันอยู่ที่ว่าใครเป็นคนให้ เพราะยิ่งมีความสำคัญกับใจของคนรับเท่าไหร่ ของขวัญชิ้นนั้นก็ยิ่งมีค่ามากเท่านั้น แล้วแก้วใบนั้นสำหรับอาฟก็เป็นอะไรแบบนั้น มันสำคัญเพราะผมเป็นคนให้มัน

ก็ลองคิดแค่ว่า ถ้ารองเท้าคู่ที่ใส่อยู่เป็นแค่รองเท้านันยางที่มีรูปหัวใจสีแดงที่อาฟวาดให้ ผมก็คงดีใจไม่ต่างอะไรกับที่ได้รับรองเท้าคู่แพงนี้ เพราะมันไม่ได้อยู่ที่ราคา มันอยุ่ที่ว่า อาฟเป็นคนให้มันกับผมต่างหาก

“ เมดทำให้กู ” ปากที่ขยับอวดเพื่อนของอาฟในหน้าจอทีวีของก้องวงจรปิด ชวนให้ผมถอนหายใจออกมายิ้มๆ ถึงจะน่าอายที่อีกคนเล่นเอาไปอวดโชว์ราวกับจะประจานความสามารถพิเศษทางศิลปะของผมก็เถอะ แต่จะยกโทษให้สักวันแล้วกัน

“ เห็นว่าเป็นวันพิเศษของมึงหรอกนะอาฟ ”
............................................................................
สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณอารยะ
ชอบความอาฟเมดที่แกล้งกัน แซวกัน มันน่ารักดี
ในพาสนี้ก็คือเคยเขียนถึงวันเกิดเมดไปไง แล้วทั้งอาฟทั้งเมดเกิดในเดือนเดียวกัน ไม่เขียนก็จะกลายเป็นว่า ไม่รักพี่อาฟกันหรือยังไง แม้จะผ่านเดือนสิงหามาแล้วก็เถอะ เอาน่าแค่วันเดียว ก็เมื่อวานมันไม่เสร็จอะเนอะ 555

ตอนนี้มาช้าไปหน่อย เพราะเราไม่สบายเลยคิดนิยายไม่ค่อยออก ตอนนี้เลยไม่รู้จะออกมางงๆรึเปล่า
แต่อยากจะเขียนหวานๆ คลายเครียดกันสักนิด
และมีเรื่องจะประกาศนิดนึงนะคะ ศุกร์นี้หนมจะงดอัพนิยายนะคะ เจอกันในศุกร์หน้าเลย
เพราะว่าไม่สบายหนักมาก เลยคิดว่าศุกร์นี้ไม่น่าจะอัพทันแน่นอน ไม่มีสต๊อกนิยายด้วย
เพราะงั้นเจอกันในศุกร์ถัดไปนะคะ ขอไปพักผ่อนเอาแรงนิดนึง
สุดท้ายนี้ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ todiefor

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 204
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
พักผ่อนน้าาา จะได้หายไวๆ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
อาฟน่ารักกับเมดมาก

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด