•2•
คุณเกรย์ถูกส่งถึงมือหมอแล้ว เจ้าหน้าที่ให้ผมกรอกเอกสารเกี่ยวกับประวัติคุณเกรย์ที่เคาท์เตอร์ เสียแต่ผมไม่รู้เกี่ยวกับคุณเกรย์มากนักจึงได้แต่ตอบเท่าที่ได้
ก่อนหน้านั้นผมโดนคุณหมอจับฉีดยากันบาดทะยักและพิษสุนัขบ้าเมื่อรู้ว่าผมไม่ใช่เจ้าของคุณเกรย์ และไม่ทราบว่าคุณเกรย์เป็นใครมาจากไหน ทำให้ต้องป้องกันไว้ก่อน เพราะแผลเล็กๆที่โดนคุณเกรย์ข่วนครั้งนั้นไปเตะตาคุณหมอเข้า
“สีเทา!” เสียงผู้ชายดังขึ้นมาทำให้ผมสะดุ้งเฮือก หันไปมองตามต้นเสียง ภาพปรากฏเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ไว้ผมยาวมัดไว้ลวกๆข้างหลัง ผมสีเข้มรับกับหน้าตาทำให้ดูเป็นคนดุ วิ่งออกมาจากข้างหลังเคาท์เตอร์ และมุ่งหน้าไปยังทิศทางห้องฉุกเฉิน เสียแต่มีพี่ผู้หญิงมาบังทางไว้
“คราม อย่าเสียงดัง”
“ขอโทษครับ แต่สีเทาอยู่ห้องนี้จริงๆหรือครับ” ผู้ชายตัวใหญ่ถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ส่วนฝ่ายพี่ผู้หญิงเองพอเห็นว่าคนอื่นๆเริ่มหันมามองทางนั้นจึงได้แต่ค่อยๆพาคนตัวใหญ่เดินหลบมุมไปไกลๆ
“จ้ะ เมื่อครู่มีคนเอาแมวมาเข้าห้องฉุกเฉิน หน้าเหมือนสีเทาของครามเลย”
“ผมเข้าไปได้ไหม...” เสียงบทสนทนาของทั้งคู่เบาลงเรื่อยๆ
“ตอนนี้หมอวิศดูแลอยู่ แต่ถ้าจะเข้าไป..”จนไม่ได้ยิน
ผมหันหน้ากลับมาทางพนักงานที่บริการอยู่ตรงเคาท์เตอร์ที่เธอเองก็หันหน้ากลับมาพร้อมผมเช่นกัน เดาว่าเมื่อครู่คงหันไปมองเหตุการณ์วุ่นวายทางนั้นเหมือนกันกับผม เธอยิ้มแหยให้ส่วนผมเอ่ยถาม
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
“เปล่าหรอกค่ะ แค่น้องเกรย์หน้าตาคล้ายกับแมวของเขาน่ะค่ะ เลยรีบออกมาดู ขอโทษด้วยนะคะ”
“อ่อ.....ครับ”
ผมไม่ได้ว่าอะไรต่อแม้ว่าจะเกิดคำถามมากมายอยู่ภายในใจ สุดท้ายผมก็ได้แต่นั่งรอคุณเกรย์อยู่ที่ส่วนรับรอง ผมนั่งเหม่อ ไม่ได้กดโทรศัพท์เล่นอย่างที่ปกติชอบทำ เพราะมีความคิดเรื่อยเปื่อยมากมายอยู่ในหัวผม
‘สีเทา’ งั้นหรอ เป็นไปได้ไหมว่าคนตัวใหญ่คนนั้นอาจจะเป็นเจ้าของคุณเกรย์จริงๆก็ได้ สีหน้าของขาเองก็ดูกระวนกระวายไม่น้อยแต่ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมถึงได้ฉีกป้ายประกาศหาออกกันนะ แล้วตอนนี้คุณเกรย์จะเป็นยังไงบ้างนะ แต่ถึงมือหมอแล้วคงจะปลอดภัยแล้วใช่ไหม ผมไม่รู้ว่าแผลของคุณเกรย์หนักหนาสาหัสเท่าไหร่เพราะไม่เชี่ยวชาญ แต่เลือดออกขนาดนั้นคงเป็นไม่ใช่น้อย ใจผมเสียขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้คุณเขาไปถูกทำอะไรมา โดนใครตีหรือหมาจรตัวไหนกัดรึเปล่า
“เจ้าของน้องเกรย์ครับ”
ผมสะดุ้งเมื่อถูกเรียกชื่อที่แม้ว่าจะไม่ใช่ชื่อของผมก็ตาม ผมลุกขึ้นยืนรับคำ คุณหมอเดินมาทางผมพร้อมบอก
“ตอนนี้น้องปลอดภัยแล้วนะครับ โดนกัดเป็นแผลนิดหน่อยแต่ไม่ถึงอันตราย แผลเองก็ไม่ได้ลึกมาก แต่เค้าเหนื่อยและอ่อนเพลียมากกว่า ทางที่ดีให้นอนโรงพยาบาลสักสองสามวันดูอาการก่อนนะครับ”
“อ่า ได้ครับ” คุณเกรย์ไม่เป็นไรแล้ว ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก
“คนไหนหรอ”
“นั่นไงที่นั่งตรงนั้น เสื้อนักศึกษาอ่ะ”
บทสนทนาของคนสองคนลอยเข้าหูผมมาอย่างห้ามไม่ได้ ผมคงไม่ใส่ใจถ้าคนในเสื้อนักศึกษาในตอนนี้มีแค่ผม เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นร่างคนตัวโตคนนั้นเดินเข้ามาหาผมที่กำลังนั่งรอชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่
ร่างสูงใหญ่ยืนตรงหน้าผมแสดงท่าทีอึกอัก เขาตัวโตแต่ไม่ใช่เพราะไขมัน หากแต่เพราะโครงร่างเหมือนเป็นคนกระดูกใหญ่ รวมถึงกล้ามเนื้อเยอะทำให้ดูตัวใหญ่ เขายึกยักอยู่สักพักก่อนเอ่ย
“น้อง...เป็นเจ้าของแมวตัวนั้นหรือครับ”
“เอ่อ..ไม่ใช่ครับ มันหลงมา..ผมเพิ่งเจอมันเมื่อสี่ห้าวันก่อนนี่เอง” ผมตอบตามความจริง แม้ไม่ใช่คนช่างพูดกับคนแปลกหน้าแต่ก็พยายามให้ข้อมูลเขาไป
“จริงหรอ เจอที่ไหนอ่ะ”
“แถวXXน่ะครับ เจออยู่ในซอยสาม”
“แล้ว...เจอเค้าได้ยังไงหรอครับ”
“บังเอิญน่ะครับ เห็นระหว่างทางออกจากหอผม ตอนแรกที่เจอมันขนยุ่งมากเลย มอมแมมมากด้วย มาขอทาโร่จากมือผม หลังจากนั้นอีกสองสามวันผมก็เอาอาหารไปให้คุณเกรย์กินบ่อยๆ ผมเห็นป้ายประกาศนะแต่ไม่ทันได้โทรไปซะที พอจะโทรมันก็ถูกเอาออกไปแล้วล่ะครับ” ผมอธิบายเขายืดยาว และคาดว่าเป็นประโยคที่ยาวเสียจนผมเหนื่อย
“...คุณเกรย์.....งั้นหรอ”
“เอ่อ..ผมหมายถึง....แมว..เป็นของพี่หรอครับ” ผมเผลอเรียกคุณเกรย์ตามความเคยชินและเพราะเค้าเรียกผมน้อง ผมถึงกล้าเรียกเค้าว่าพี่กลับไป ถึงอย่างไรผมก็คิดว่าผมเด็กกว่าคนตรงหน้าอยู่ดี ผมเรียนอยู่ปีสองแต่เค้าน่าจะเป็นนักศึกษาสัตวแพทย์ที่ฝึกงานอยู่
“....อืม ใช่ครับ แมวพี่เองไม่ผิดตัวแน่ ขอบคุณมากนะที่ช่วยดูแล”
“คือ...” คำตอบไม่ได้ต่างจากที่ผมคาดนัก แต่พอมีคำพูดมายืนยันก็ทำให้ผมตกใจเล็กน้อย ถึงแม้จะไม่กี่วันที่ผมได้เจอคุณเกรย์ อาจเป็นความผูกพันในระยะเวลาสั้นๆแต่ก็รู้สึกรักเค้าขึ้นมาเหมือนแมวตัวเอง
“ขอบคุณน้องมากจริงๆอีกทีนะ พี่ตามหามันทั่วเลย ทั้งแปะประกาศทั้งแชร์ในโซเชี่ยล สีเทาไม่ค่อยคุ้นคน ไม่ยอมให้ใครจับถ้าไม่รู้จัก อยู่ก็แต่ในบ้านทำอะไรไม่ค่อยสมกับเป็นแมวพี่เลยห่วงมันมากจริงๆ แถมมาเจอมันตอนโดนกัดซะเยิน นี่ถ้าไม่ได้น้องต้องแย่แน่ๆ”
“อ่อ..ไม่เป็นไรครับ” สีเทา...หรอ
“เดี๋ยวพี่ออกค่ารักษาเอง ละก็ถ้ายังไงก็อยากเลี้ยงขอบคุณน่ะ พอจะว่างไหม”
“เอ่อ...จริงๆแล้วไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเต็มใจ ถ้าคุณ..เอ่อ ผมหมายถึงสีเทาได้เจอเจ้าของก็ดีแล้วล่ะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกไม่ต้องเกรงใจ พี่อยากขอบคุณน้องจริงๆนะ ให้พี่เลี้ยงเถอะ”
“คือ...” ผมปฏิเสธคนไม่เก่ง ยิ่งเป็นคนแก่กว่าแล้วด้วย แถมพี่คนนี้ทั้งแก่กว่าทั้ง...หน้าดุ แค่ผมสบตาเขาแวบเดียวก็ต้องก้มหลบ เหมือนโดนขู่ให้ไปถูกเลี้ยงข้าวซะดีๆอย่างไงอย่างงั้น
“งั้นเอางี้ เย็นนี้ว่างมั้ย พี่เลิกสี่โมงครึ่งถ้าไม่ติดอะไรล่ะก็น้อง...เอ่อ...”
“ปายครับ..”
“น้องปาย ไปทานข้าวด้วยกันนะครับ”
เย็นนี้ผมว่าง แต่เกรงใจเขาจริงๆที่ต้องมาเลี้ยงข้าวทั้งที่จริงๆแล้วผมช่วยอะไรไม่มาก ผมควรจะโทรหาเขาตามประกาศตั้งแต่วันแรกแล้วแต่ดันโง่เอง
“ที่จริง...ไม่ต้องเลี้ยงข้าวผมก็ได้ แต่ช่วงที่คุณเกรย์..เอ้ย สีเทาอยู่ที่นี่ผมขอเข้าไปเยี่ยมเค้าได้มั้ยครับ”
“ได้สิ แน่นอนอยู่แล้ว แต่ยังไงให้พี่เลี้ยงสักมื้อเถอะนะ อยากขอบคุณจริงๆ”
ผมอึดอัดอยู่ไม่น้อยเพราะเข้ากับคนแปลกหน้าไม่เก่ง แต่ไม่อยากทำให้เค้าไม่สบายใจจึงพยักหน้าตกลงไป เอาวะ แค่มื้อเดียวจะเป็นไร
“ถ้างั้นรอพี่แปปนึงนะครับ สะดวกนั่งตรงนี้มั้ยหรืออยากไปนั่งรอข้างใน” ข้างในที่เค้าว่าคงเป็นโซนของบรรดาหมอๆทั้งหลาย ผมส่ายหน้าปฏิเสธไม่อยากรบกวน ย้ำเขาอีกครั้งว่าสะดวกที่จะนั่งตรงนี้ คนตรงหน้าถึงยอมละจากผมออกไปทำงานที่คั่งค้างไว้
ผมนั่งเล่นมือถือ ไถหน้าจอตรงหน้ารับรู้เรื่องราวของเพื่อนๆในโลกโซเชี่ยล จนกระทั่งมีเสียงเรียกหนึ่งขึ้น ทำให้ผมละจากหน้าจอใสเงยหน้ามองตามต้นเสียง
“น้องปาย ป่ะ ไปกัน”
คนตัวสูงใหญ่ยืนหยุดอยู่ตรงหน้าผมเว้นระยะห่างไม่ไกลไม่ใกล้ทำให้ไม่อึดอัด ผมพยักหน้ารับก่อนลุกขึ้นยืนบ้าง
“เอ้อลืมบอก พี่ชื่อครามนะ”
“ครับ” ผมพยักหน้าหงึกหงักอีกครั้งเมื่อได้รู้จักชื่อคนตรงหน้า คนตัวใหญ่หรือพี่ครามเดินออกจากโรงพยาบาลสัตว์เล็กก่อนหันมาถามผมอีกรอบ
“ว่าแต่กินอะไรดี ปายอยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”
ผมส่ายหน้า “แล้วแต่พี่เลยครับ ผมทานได้หมด”
พี่ครามโยกหัวน้อยๆ ก่อนบอก “งั้นอาหารไทยมั้ย พี่รู้จักร้านนึงไม่ไกลเท่าไหร่ นั่งรถไฟฟ้าไปสถานีเดียวถึง”
“ได้ครับ” ผมตอบรับพี่เขา คนตัวใหญ่ส่งยิ้มออกมา หันหลังเดินนำไป
ผมเดินต้อยๆ ตามพี่เขาไปอย่างเกร็งๆ ผมคุยกับคนไม่เก่ง ไม่รู้จะชวนคุยอะไรถึงแม้จะมีประเด็นหัวข้อน่าสนใจหลายอย่างให้เริ่มบทสนทนาก็ตาม ผิดกับเขาที่แม้จะดูตัวใหญ่น่ากลัวแต่กลับชวนคุยไม่หยุด ผมพยักหน้าส่งเสียงตอบรับเป็นพักๆเมื่อเค้าเล่าเกี่ยวกับร้านอาหารที่เรากำลังจะไปกันนั้น พี่ครามมีพี่สาวชื่อกลีบบัวที่แต่งงานไปแล้ว และไปเปิดกิจการร้านอาหารอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลที่พี่ครามฝึกงานเท่าไหร่นัก ทำให้พี่เขาชอบไปฝากท้องร้านนั้นประจำ
พี่ครามมาจากชื่อเมฆครามที่เป็นชื่อสีของไทยรวมถึงพี่บัวที่มาจากกลีบบัว เพราะอย่างนี้แหละคุณเกรย์ถึงได้ชื่อว่าสีเทาที่เป็นชื่อสี อันที่จริงแม่พี่ครามตั้งว่านวลเทาเพื่อให้เข้ากับพี่ครามและพี่บัว แต่ครามมักจะเรียกว่าสีเทาบ่อยๆ เหตุผลก็เพราะมันดูมาดแมนกว่า
ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเกรย์เป็นตัวผู้
อันที่จริงไม่ได้คิดหรือคาดเดาว่าคุณเขาจะเป็นเพศไหน แต่ความรู้ใหม่ก็ทำให้ผมสนใจไม่น้อย
จนกระทั่งมาถึงร้าน ทันทีที่พี่ครามเปิดประตูกระจกใสเข้าไปในร้านก็มีเสียงของผู้หญิงดังขึ้น
“แหน่ะ ไอ้คราม มาอีกแล้ว บอกแล้วให้ไปกินที่อื่นบ้างเดี๋ยวร้านฉันเจ๊งพอดี”
“ว่าไปหน่าบัว ครามก็จ่ายค่าอาหารตลอด”
“ค่าอาหารที่ฉันลดครึ่งราคาน่ะสิ ละพาใครมาด้วยล่ะนั่น”
“อ่อ น้องปายน่ะ เพิ่งรู้จักกัน น้องเค้าเจอสีเทาเลยพามาเลี้ยง”
“จริงหรอ เจอที่ไหน อ่ะนั่งก่อนๆ อยากกินอะไรเลือกได้เลยเดี๋ยวพี่ช่วยเลี้ยงด้วยนะ”
พี่บัวว่าพลางนำเมนูมาให้ผมดู ผมพยักหัวรับกล่าวคำขอบคุณเบาๆ พี่บัวเป็นผู้หญิงผมสั้น ผมบ็อบยาวเลยคางมาเล็กน้อยและย้อมสีอ่อนทำให้ใบหน้าพี่บัวดูสดใสไม่เหมือนคนแต่งงานแล้วเลย ผิวพี่บัวขาวไม่เหมือนพี่ครามที่ผิวเข้ม กว่าแต่หน้าตาทั้งคู่ไม่ได้ต่างกันมากนัก ทำให้พอมองออกว่าเป็นพี่น้องกัน
“สั่งได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ”
พี่ครามว่า ผมหลบหน้าเขามุดเข้าไปในเมนูด้วยความจนใจ ราคาอาหารแพงกว่าปกติเล็กน้อย คงเพราะค่าที่และบรรยากาศร้านที่ดูดีกว่ามาตรฐานทั่วไป ผมไม่ได้แปลกใจ เพียงแต่ไม่รู้จะสั่งอะไร
“พ..พี่ครามแนะนำหน่อยครับ” ผมโผล่หน้าไปบอกกับคนตรงหน้าที่พูดคุยกับพี่สาวตนเองเรื่องคุณเกรย์อย่างออกรส หลังจากที่ผมมุมดอยู่ในเมนูอยู่นานและไม่สามารถตัดสินใจได้เสียที “คือ..ผมไม่รู้จะสั่งอะไร”
สองคนหันมายิ้มให้ผมพร้อมกัน รอยยิ้มพี่สาวน้องชายไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่ดูมีเสน่ห์ไปคนละแบบ สุดท้ายเมนูอาหารทั้งหมดพี่ครามเป็นคนสั่ง ผมนั่งดูดน้ำเงียบๆจวบจนพี่บัวลุกออกไปคิดเงินทำให้คู่สนทนาของพี่ครามกลายมาเป็นผมอย่างช่วยไม่ได้
“จะว่าไป...ปายเรียกสีเทาว่าคุณเกรย์หรอ”
“อ่ะ ครับ...เห็นมันตัวสีเทา หน้าตาไม่เหมือนแมวไทยเท่าไหร่...” ผมบอกเขาไปตามความจริง แวบแรกที่ผมเห็นคุณเกรย์ ชื่อนี้ก็โผล่มาทันที
“น่ารักดี” คนตรงหน้าว่าพร้อมกดยิ้ม “หมายถึงชื่อน่ะ ตั้งออกมาคล้ายกับสีเทาเลย”
“ครับ..จริงด้วย”
“ปายเรียกเจ้าเทาว่าคุณเกรย์ต่อก็ได้นะ น่ารักดี เหมือนมันเลื่อนขั้นจากแมวสามัญชนเป็นแมวขุนนาง”
ผมหัวเราะกับความคิดของพี่เขา ขุนนางที่ไหนเยินขนาดนั้น แต่ถ้าดูตามในรูปแล้วคุณเกรย์เองก็ดูเป็นแมวพันธุ์ดีเลยทีเดียว ถึงแม้ผมจะไม่เชี่ยวชาญเรื่องสายพันธุ์แมวมากนักก็ตาม ผมนึกภาพคุณเกรย์เป็นขุนนาง ต้องเป็นขุนนางที่เย่อหยิ่งแน่ๆ วันๆคงสั่งเก็บภาษีปลาทาโร่เป็นของตัวเอง คิดได้อย่างนั้นก็ขำกับความคิดตัวเองจนเผลอยิ้มออกไปไม่หยุด
“ยิ้มแล้ว”
ผมหันไปตามเสียงตรงหน้า พี่ครามจ้องมองผมพร้อมอมยิ้มน้อยๆ
“ตอนแรกทำหน้าเหมือนจะโดนพี่หลอกมาขาย ตอนนี้ยิ้มแล้วพี่ค่อยยังชั่วหน่อย”
“เอ่อ...”
ผมไม่ได้ตอบอะไรเพื่อต่อบทสนทนาอาหารก็มาเสิร์ฟตรงหน้า พี่ครามยิ้มอีกครั้งก่อนบอกให้ลงมือทาน จากนั้นผมจึงเอาแต่ก้มหน้ากินไม่เงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้าอีก
⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹
เจ้าของคุณเกรย์ก็โผล่มาง่ายๆ อย่างงี้แหละ
ปล.ปกติแล้วโรงพยาบาลสัตว์จะไม่ได้รับฉีดวัคซีนให้คนนะคะ แต่ให้เป็นกรณีเป็นพิเศษ แหะๆ
หรือถ้าใครทราบว่ามีโรงพยาบาลสัตว์ที่ไหนรับฉีดก็บอกกันได้นะคะ เพราะเรายังไม่เคยเจอ ^^''