อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ
บทที่ 1
iw Sny n N m nwn
iw irty n N m HwtHr
iw msdr n N m wp-wAwt
iw fnd n N m xnty-xAs
iw spty n N m inp
iw ibHw n N m srqt
iw nHbt n N m ist
iw awy n N m ba-nb-ddt
iw Sna n N m nt nb(t) saw
iw psd n N m stS
iw Hnn n N m wsir
iw wfw n N m nbw Xr-ahA
iw Snbt n N m aA-Sfyt
iw Xt iat n N m sxmt
iw xpdwy n N m irt-Hr
iw mnty ssty N m nwt
iw tbty n N m [ptH]
iw Dbaw sAHw n N m arwt anxw
The hair of N is the hair of Nun, the eyes those of Hathor
The ears of Wepwawet, the nose of Khentkhas
The lips of Anubis, the teeth of Serqet
The neck of Isis, the arms of Banebdjedet
The upper breast of Neit, lady of Sais, the back is that of Seth
The phallus is that of Osiris, the flesh is that of the lords of Kheraha
The lower breast is that of the Great of Dignity
The stomach and spine are those of Sekhmet
The buttocks are those of the Eye of Horus, the thighs and legs those of Nut,
The feet are those of Ptah, the fingers and toes of living cobras
ยู เซนี เอ็น เอ็น เอ็ม นูน
ยู เยรที เอ็น เอ็น เอ็ม ฮูทเฮร
ยู เมสเดร เอ็น เอ็น เอ็ม เว็พวาเว็ท
ยู เฟเน็ด เอ็น เอ็น เอ็ม เค็นทีคาส
ยู เซ็พที เอ็น เอ็น เอ็ม เย็นปู
ยู เย็บฮู เอ็น เอ็น เอ็ม เซรเก็ท
ยู เน็คเบ็ท เอ็น เอ็น เอ็ม เยเซ็ท
ยู อ๋าวี เอ็น เอ็น เอ็ม บาเน็บเจเด็ท
ยู เซนา เอ็น เอ็น เอ็ม เน็ท เน็บเบ็ท สาอู
ยู เปเซ็ด เอ็น เอ็น เอ็ม เซเทส
ยู เฮเน็น เอ็น เอ็น เอ็ม เวซิร
ยู เวฟู เอ็น เอ็น เอ็ม เนบู เครอ๋าฮา
ยู เซ็นเบ็ท เอ็น เอ็น เอ็ม อ๋าอาเซ็ฟเย็ท
ยู เค็ท ยาท เอ็น เอ็น เอ็ม เซ็คเม็ท
ยู เคเปดูวี เอ็น เอ็น เอ็ม เยเร็ทเฮร
ยู เม็นที เซ็สที เอ็น เอ็ม นูท
ยู เท็บที เอ็น เอ็น เอ็ม พทาห์
ยู เจบ๋าว ซาฮู เอ็น เอ็น เอ็ม อ๋ารูท อ๋าเนคู
หนทางยาวไกลช่างมืดมิดหดหู่ สองข้างทางเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตาหากแต่ร่างอันไร้กายหยาบยังเดินแถวเรียงเดี่ยวก้าวตามกันไม่
ขาดช่วงบนทางเดินแคบเพื่อก้าวเข้าสู่ประตูบานใหญ่สีทองอยู่ในความมืดสลัว ไร้การพูดคุยนอกจากเสียงพร่ำบ่นสวดมนต์บูชาคณะเทพ
พิพากษาชีวาหลังความตาย
ร่างอันสั่นเทาร่างหนึ่งตัวสั่นงันงกกับสิ่งที่เห็นเบื้องหน้า บัลลังก์ใหญ่สีทองอร่ามสว่างจ้ากลางสถานที่มืดมิดปรากฏกายบุรุษ
เพศส่องแสงสีเขียวเรืองรองพันกายด้วยผ้าป่านสีขาวและศีรษะสวมมงกุฎสีขาวแซมด้วยขนนกกระจอกเทศมือข้างหนึ่งถือธารพระกรยอด
งอกับอีกข้างยึดจับไม้นวดข้าวไว้ ดวงตาฉายแววปรานียามประทับนั่งมองลงมา
ตึง!
“วิญญาณ จงอย่างได้ช้า!”
สะดุ้งพลันกับเสียงอาวุธกระแทกกับพื้นเพื่อเตือนสติ ร่างบางเบานั้นได้แต่เหลือบตามองบุรุษอีกผู้หนึ่งที่ปรากฏกายอยู่ใกล้
เพียงแค่เอื้อมมือคว้า หากแต่บุรุษผู้นี้กลับมีศีรษะเป็นสุนัขในที่พบเห็นได้ในทะเลทรายแห้งแล้ง เวิ้งว้าง ท่อนล่างพันกายด้วยผ้าป่านทอ
หากแต่ด้านบนสวมใส่เกราะสีทองแวววาวรับกับแผงหน้าอกที่อุดมด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรง
สบตากับดวงตานิ่งคล้ายกับไม่เคยสัมผัสกับอารมณ์ใดๆ ร่างบางเบาจึงตัดใจใช้มือควักไปที่หน้าอกข้างซ้ายพร้อมกับหัวใจ
ของตนยื่นออกมา บุรุษผู้มีศีรษะเป็นหมาในใช้คทาในมือเกี่ยวหัวใจนั้นก่อนจะวางไว้บนตาชั่งด้านหน้า
ยิ่งเงียบงันขึ้นอีกเมื่อต่างรอรับคำตัดสิน ตาชั่งทั้งสองข้างที่ฝั่งหนึ่งเป็นหัวใจกับอีกฝั่งเป็นเพียงขนนกสีขาววางอยู่กำลังขยับ
ราวกับตัดสินใจ และแค่เพียงอึดใจข้างฝั่งที่เป็นหัวใจจึงลอยสูงและฝั่งที่เป็นขนนกกลับต่ำลงมา
“เมื่อมีชีวิตวิญญาณทำความดี”
รอยยิ้มบังเกิดทันที ประธานแห่งคณะพิพากษาเผยรอยยิ้มอ่อนโยนส่งให้
“วิญญาณ เจ้าจะได้รับรางวัลเป็นชีวิตอันเป็นนิรันดร์”
“โอ ขอบคุณเทพโอซิริส ขอบคุณ”
ละล่ำละลักด้วยความยินดี กระทั่งมีร่างบุรุษรับใช้พาออกไปทางด้านหลัง แสงสว่างพลันกระจ่างเมื่อวิญญาณนั้นก้าวเข้าไป
“วิญญาณต่อไป”
“ไม่เหน็ดเหนื่อยบ้างรึ อนูบิส”
เทพโอซิริสเอ่ยสัพยอก
“ทำแต่งานจนไม่ได้พักผ่อนแล้วหลานรัก”
บุรุษศีรษะหมาในหันมาค้อมลงอย่างเคารพ
“งานของหลานมิได้เหน็ดเหนื่อยปานนั้นหรอกขอรับท่านลุง วิญญาณที่รอคำตัดสินยังมีอีกมากมายนัก”
“งาน งาน และงาน เมื่อใดหลานรักของลุงจึงจะได้มีเวลาหาคู่ครองดังเช่นเทพอื่นบ้างเล่า”
คลับคล้ายจะมีรอยยิ้มเพราะคำจากเทพโอซิริสผู้เป็นลุง เทพอนูบิสหันกลับไปยังวิญญาณที่รออยู่หน้าประตูและส่งสัญญาณ
ให้ก้าวเข้ามา
ดวงตาของวิญญาณร่างใหม่กรอกหลุกหลิก เทพอนูบิสเฝ้ามองเมื่อมือนั้นควักหัวใจส่งให้ คทาด้ามยาวรับมาวางบนตาชั่งดั่ง
เช่นเดิม หากแต่คราวนี้เมื่อตาชั่งสั่นไหวฝั่งที่มีขนนกวัดความดีของเทพีมาอัตกลับดีดตัวสูงทันที
“มันเป็นวิญญาณที่ทำกรรมชั่ว อัมมุท จัดการมัน!”
ทันทีที่สิ้นเสียงคำสั่งก็มีสิ่งหนึ่งกระโจนมาจากความมืดและเงียบงันใต้ตาชั่ง อสุรกายสีดำมืดยิ่งกว่าความมืดอันมีนามว่า
“อัมมุท” กัดกินวิญญาณนั้นท่ามกลางสายตาของเทพโอซิริสและเหล่าผู้รับใช้ที่มองอย่างเป็นเรื่องปกติ
“อิ่มอีกแล้วสินะอัมมุท”
เทพโอซิริสกล่าวกับอสุรกายที่ลดกายลงหมอบต่ำเมื่อกัดกินวิญญาณชั่วหมดสิ้น เทพอนูบิสเอื้อมมือลูบมันเบาๆ
“ทำดีมากอัมมุท กลับไปนอนต่อได้แล้ว”
ร่างดำมืดหดหายกลับไปใต้ตาชั่งดังเดิม เทพอนูบิสลอบถอนหายใจบางเบา
ดินแดนหลังความตายก็มีเพียงเท่านี้ ตัดสินวิญญาณจากความดีที่ได้กระทำมาเมื่อครั้งยังมีลมหายใจ หากใครทำดีก็ได้มีชีวิต
อีกครั้งกับดินแดนนิรันดร หากใครประพฤติชั่วก็จะถูกอัมมุทกัดกินจนเรียกได้ว่าตายเป็นครั้งที่สอง และจะไม่มีโอกาสอีกแล้วสำหรับชีวิต
ใหม่
สำหรับเขา เทพอนูบิส หน้าที่จึงมีเพียงนำวิญญาณมาสู่โลกแห่งความตายและพิพากษาความดีต่อหน้าเทพโอซิริสผู้เป็นลุงที่
ปกครองดินแดนแห่งนี้หลังจากที่อนูบิสช่วยเหลือชุบชีวิตให้พ้นความตาย แต่อนูบิสไม่เคยคิดน้อยใจที่เทพโอซิริสต้องมาปกครองดิน
แดนที่เคยอยู่ในการดูแลของเขา เพราะอนูบิสนั้นเคารพเทพโอซิริสยิ่งกว่าบิดาเสียอีก
อันที่จริงก็ต้องบอกว่าเขาเคารพเทพโอซิริสผู้เป็น “บิดาที่แท้จริง” ต่างหาก แม้ว่าจะพูดอะไรไม่ได้มากกว่านี้ก็ตาม
“วิญญาณต่อไปเข้ามา”
เทพอนูบิสเช่นเขาก็คงจะมีแต่งานและงานดังเช่นเทพโอซิริสหยอกเย้า แต่เทพอนูบิสก็มิได้เดือดร้อนกับความอ้างว้าง เรียก
ได้ว่าเขาคุ้นชินกับภาวะเช่นนี้เสียมากกว่า เขาถอนหายใจเพียงบางเบาก่อนหันความสนใจไปที่วิญญาณที่ก้าวมาใหม่
วิญญาณใหม่ในร่างบุรุษช่างมีดวงตาแข็งกร้าวยามเผชิญหน้า ไม่มีวี่แววของความหวาดกลัวสับสนดังเช่นวิญญาณอื่น มือ
เหี่ยวย่นนั้นควักหัวใจของตัวเองออกมาแล้วส่งให้เทพอนูบิสใช้คทาเกี่ยวรับไปอย่างมั่นใจ
เทพอนูบิสจับตามองไม่ว่างเว้นแม้ยามตาชั่งวัดความดีกำลังสั่นไหว พลันข้างขนนกดีดตัวสูงอย่างรวดเร็ว
เทพอนูบิสจึงสั่งเสียงดังลั่น
“อัมมุท!”
อสุรกายดำมืดที่เพิ่งจะกลับเข้าไปก่อนหน้ากระโจนออกมาทันที หากแต่เหตุการณ์ที่ไม่บังควรเกิดขึ้นในแดนหลังความตาย
กลับบังเกิดโดยไม่มีผู้ใดคาดคิด
วิญญาณนั้นกระโจนตอบโต้ ร่างกายนั้นแปรเปลี่ยนเป็นอสุรกายสีดำไม่แพ้อัมมุท มันแยกเขี้ยวเห็นฟันแหลมคมวาววับเข้า
ต่อสู้กับอัมมุท เทพโอซิริสขยับกายเพ่งมองด้วยความกังวลอยู่บ้าง แต่เทพอนูบิสย่อมไม่ปล่อยให้เรื่องนี้รุนแรง
เทพโอซิริสมั่นใจในฝีมือของผู้เป็นหลาน
บุรุษผู้มีศีรษะเป็นหมาในตั้งคทาขื้นเมื่อเห็นว่าวิญญาณร้ายนั้นกำลังได้เปรียบอัมมุท เขาปรี่เข้าไปหาและกวาดคทาเข้าใส่เพื่อ
ต่อสู้ เทพอนูบิสต้อนให้มันก้าวถอยหลังเข้าใกล้ตาชั่งขึ้นเรื่อยๆ และสิ่งเลวร้ายที่เลวร้ายยิ่งกว่ากลับเกิดขึ้น
อสุรกายตนนั้นเอื้อมมือคว้าขนนกสีขาวของเทพีมาอัตจากตาชั่งพลันหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับลอยละลิ่วหนีไปในทันที
ท่ามกลางสายตาตกตะลึง เทพโอซิริสรีบออกคำสั่ง
“อนูบิส รีบไป ไปเอาขนนกกลับมาให้ได้”
ไม่ต้องสั่งก็รู้ เทพอนูบิสกระโจนตามไปติดๆพร้อมกับอัมมุท เขามองเห็นร่างสีดำมืดนั่นหนีไปไม่ห่าง เทพอนูบิสยิ่งเร่ง
ความเร็วเข้าไปใช้คทาต่อสู้อยู่บนฟากฟ้ากลางแผ่นดินอียิปต์จนท้องฟ้าสะเทือนเลื่อนลั่น อสุรกายฝีมือไม่ด้อยไปกว่าเขามากนัก มันสู้
อย่างไม่ระย่อจนเทพอนูบิสเริ่มเป็นกังวล
โอ เทพอามอนราแห่งสุริยเทพ
เทพแห่งเทพทั้งปวง
โปรดช่วยอำนวยพรให้หลานผู้ต่ำต้อยชิงขนนกแห่งเทพีมาอัตกลับคืนมาสำเร็จด้วยเทอญ
แผ่นฟ้าคำรามร้องเมื่อทั้งคู่ต่อสู้กันจนถึงเสาโอเบลิสก์คู่หนึ่งที่สูงผงาดฟ้า เสาโอเบลิสก์ที่เป็นสัญลักษณ์บูชาเทพแห่งสุริยะ
วงแหวนสว่างวาบเป็นวงกลมอยู่เหนือยอดเสาโอเบลิสก์ทั้งสอง พลันดูดร่างของปีศาจร้ายและอนูบิสรวมถึงอัมมุทให้ลอยเข้าไปใน
วงแหวน
วงแหวนแคบลงจนสิ้นสุด ท้องฟ้าหยุดวิปริตแปรปรวนราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นรวมทั้งการต่อสู้ระหว่างเทพและปีศาจร้ายทั้ง
สอง
มีต่ออีกนิด...