ห้วงรักเสน่หา + เกียรติยศ กบฏหัวใจ โดย Rain-at-Rose
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ห้วงรักเสน่หา + เกียรติยศ กบฏหัวใจ โดย Rain-at-Rose  (อ่าน 310527 ครั้ง)

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
โอ้ววววววววววววววว เข้ากันได้

*ดีใจมากอ่ะ*

คุณหมอกำลังจะหายดีใช่ไหม

กำลังใจอยู่ห่างจัง  เข้มแข็งนะหมอ

pupper

  • บุคคลทั่วไป
ปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้นจริงๆแล้ว โล่งอก
แต่ใครก็ได้ขจัดผู้พันชาเนนไปซะที

ออฟไลน์ RN

  • Global Moderator
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1650/-14
เย่ๆๆ แบบนี้ต้องฉลอง :mc4:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
เกียรติยศ กบฏหัวใจ 32 Once Time Last Night / แค่คืนหนึ่ง (PART1)

แสงยามเย็นๆค่อยๆอ่อนลง ธีรเดชเปิดประตูหลังจากได้ยินเสียงเคาะประตูเรียกห็นสายของกิ่งไผ่ยิ้มอ่อนๆ

“ผมติดต่อทางกรมฯของคุณไปแล้ว เขาบอกว่าจะส่งคนมารับในวันนี้”

ธีรเดชทำหน้าโล่งใจ หันมองไปยังร่างของกิ่งไผ่ซึ่งหลับสนิท

“ขอบคุณครับ”

พอสายของกิ่งไผ่รายงานเสร็จก็ขอตัวกลับ ธีรเดชเดินไปยังเตียงซึ่งกิ่งไผ่ซุกกายใต้ผ้าห่ม ดวงตาปิดสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอ ธีรเดชนั่งมองดวงหน้าผ่อนคลาย ยกมือแตะข้างแก้มเบาๆกันไม่ให้อีกฝ่ายตื่น คนที่ไวสัมผัสลืมตาขึ้นปัดมืออก ธีรเดชกุมท่อนแขนอย่างเจ็บปวด ดวงตากิ่งไผ่ตกใจ

“ขอโทษที่กวนคุณตอนหลับ”

ชายหนุ่มกล่าวเสียงอ่อนเบา กิ่งไผ่ถอนใจเฮือก

“มีอะไร?”

เขามองเข้าไปในดวงตา ดูเหมือนว่าธีรเดชจะมีเรื่องพูดกับเขา

“อีกไม่นานจะมีคนมารับ เรา ”

กิ่งไผ่มีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจจนถอนใจหนักหน่วงแทน เขารู้ว่ามันต้องเป็นแบบนี้แต่อดไม่ได้ที่จะอ่อนล้า

“ต้องเตรียมตัว”

กิ่งไผ่ลงจากเตียงเดินเซเล็กน้อย ธีรเดชรู้สึกอึดอัดที่สุด มันเหมือนมีอะไรมาจุกตรงคอหอย ที่เขากลัวมันกำลังเป็นจริง เขาต้องผลักไสกิ่งไผ่สู่การเป็นเชลย กิ่งไผ่เดินกลับมาใบหน้าชุ่มฉ่ำ หยดน้ำไหลรวมกันตรงคาง ทำให้เส้นแนวโค้งแถวคางดูละมุนละไม สายตาสีดำมองใบหน้าเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ ยิ้มเจือจาง

“มันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ”

กิ่งไผ่เอ่ยราวกับล่วงรู้ความในใจของชายหนุ่ม ใบหน้าก้มลง เผยให้เห็นความอึดอัด

“ผม..”

ธีรเดชพูดไม่ออก ไม่อยากโกหก ดวงตาสีดำสนิทยิ้มอ่อนเบาเช่นเคยแต่หากมองลึกๆมันเจ็บปวดไม่น้อย

“ที่ผ่านมาขอบคุณคุณมาก”

“ขอบคุณหรือ?”

ธีรเดชงุนงง มองใบหน้าผงกลงเชื่องช้า

“ใช่ ขอบคุณในทุกสิ่งที่ผ่านมา....”หันมองยังประตู

“ผมต่างหากล่ะที่ต้องขอบคุณคุณ”

ธีรเดชว่า ไม่รู้ถึงความนัย กิ่งไผ่ทำหน้านิ่วเหมือนคิดอะไรบางอย่างได้ ในที่สุดชายหนุ่มก็เอื้อนเอ่ยออกมา

“รู้อะไร คุณเป็นคนนอกคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกไว้วางใจและก็....รู้สึกอบอุ่น ผมอยากพูดมาตลอด มันเป็นความรู้สึกเหลือเชื่อ...ใช่เหลือเชื่อ”

ดวงตาของกิ่งไผ่มีร่องรอยเคลิ้มฝัน ทั้งรอยจูบ ทั้งอ้อมกอด และความทรมานที่อีกฝ่ายไม่ได้รักก็ตาม หยุดความรู้สึกนี้ไว้

“ที่ผ่านมาผมอึดอัดใจทุกครั้งที่ต้องทนในสิ่งที่ตัวเองต้องรับผิดชอบ”

ธีรเดชรับฟังอย่างไม่เข้าใจนัก มองเสี้ยวหน้าซึ่งถูกเรือนผมล้อมกรอบ ริมฝีปากขยับเขยื้อนเปล่งเสียงราวกับมาจากห้วงฝัน

“ผ...ผมไม่เข้าใจ”

ใช่...ธีรเดชไม่เข้าใจหรอก เพราะในสิ่งที่เขาทำลงไปเพราะอะไร และชายหนุ่มก็ตอบสนองเพราะคิดว่าเป็นตัวแทนของใครสักคนเท่านั้น แม้จะเศร้าสร้อยขนาดไหน เขาก็ต้องทน

“คุณไม่เข้าใจหรอกในเมื่อสักวันเราต้องจากกัน”

ธีรเดชได้ยินคำพูดเหล่านั้นคว้าจับมือทันใด ไม่อยากให้ตัดใจ ทำไมกันนะ ทั้งๆที่ไม่คิดจะเกี่ยวข้องกันอีกแท้ๆ

“แต่ว่าผมไม่เคยทำอะไรให้คุณต้อง...”

“ธี...คุณไม่รู้หรอก”ลมหายใจที่เหลือเพียงแผ่วเบา มันอยู่เพื่อคนอื่นแต่ไม่ใช่ตัวเอง

“นั่นเป็นเพราะสิ่งที่คุณถูกบีบให้หนีมาใช่ไหม?”

ธีรเดชถาม เขาอยากในตอบออกมา ในเมื่ออีกฝ่ายยอมเอ่ยแบบนี้ก็แสดงว่ายอมรับตัวเขาหรือ

“มันก็ถูกส่วนหนึ่ง”

“ไผ่...คุณมีหลายด้านที่ยังไม่รู้จัก เปิดให้กับผมได้ไหม?”ธีรเดชร้องขอ

กิ่งไผ่ขยับปากถาม“เพื่ออะไร? เพื่อประโยชน์ของคุณหรือ?”

ธีรเดชเงียบงัน คิดถึงอ้อมกอดนั่นเหลือเกิน แม้ว่าที่ผ่านมามันจะมีแต่ความไม่ไว้วางใจก็ตามแต่

“ใช่”ธีรเดชผงกหัว

กิ่งไผ่เงียบงัน คนที่ไว้ใจกลับ....ธีรเดชเบือนหน้าหนีอย่างเจ็บปวด กิ่งไผ่ก็รู้นับตั้งแต่ก้าวตามชายหนุ่มมายังเขตแดน

“รู้ไหมว่าทำไมผมถึงตามคุณมา”

ธีรเดชส่ายหน้า

“นั่นก็เพื่อให้ทางฝ่ายคุณได้เข้ามาช่วยเหลือคนสำคัญของผม ช่วยโดยที่ผมไม่ต้องทำอะไรเลย ช่วงชิงในสิ่งที่ผมเสียไปคืนกลับมา”

ดวงตาของกิ่งไผ่แข็งกร้าวขึ้น

“เป็นผลประโยชน์ที่ทั้งสองฝ่ายต่างได้ใช่ไหมล่ะ?”

ริมฝีปากของธีรเดชเม้มแน่นก่อนคลาย มันเป็นความจริงจะโกรธเคืองไปก็ใช่ว่าจะดีขึ้น ก้มหน้าลงอย่างยอมจำนน เงยหน้าจะพูดออกไป

“...”

พูดออกไปไม่ได้ ธีรเดชสลด เขาควรจะพูดดีกว่านี้

“บอกผมเพื่ออะไร ทั้งๆที่มันไม่จำเป็น”

กิ่งไผ่ไม่ได้ตอบอะไร ลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าขึ้นมา ท่าทางเหนื่อยล้าและจำนน

“นั่นสิ...”

ธีรเดชนิ่งงันคำพูดเพียงคำเดียวทำให้เขาเจ็บลึก

“บอกคุณไป เผื่อสักวันที่เราต้องจากกัน ในเมื่อถึงวันนั้นผมคงต้องเสียใจที่ไม่พูด”

กิ่งไผ่ผละจาก ธีรเดชนั่งทื่อ...เผื่อสักวันที่เราจากกัน มันช่างทำให้ธีรเดชรวดร้าวอยู่ลึกๆ แล้วต้องเงยหน้าขึ้น เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ธีรเดชลุกขึ้น พบกับรอยยิ้มของร้อยเอกภานุ ธีรเดชนิ่งงัน หันมองคนที่เดินออกมา เรือนผมหนาปรกคลุมเสี้ยวหน้าซีกหนึ่ง พอหันมาร้อยเอกภานุและนายทหารคนอื่นๆต่างนิ่งงัน มองใบหน้างดงามแฝงด้วยความเย็นชา

“ผมได้รับข่าวจากว่าคุณอยู่ที่นี่”

ธีรเดชยิ้มโล่งใจออกมา

“ผมถูกเขาช่วยเหลือมาน่ะ นั่นกิ่งไผ่ เขาเป็นคนช่วยผมออกมาจากฝั่งพม่า กิ่งไผ่นี่คนที่จะช่วยเหลือคุณ”

พอกิ่งไผ่เข้ามาใกล้ ภานุก็สังเกตเห็นความแตกต่างได้ ช่างเป็นคนที่งดงามเปี่ยมด้วยความเข้มแข็ง กิ่งไผ่ก้มหัวเนิบๆให้แก่คณะทหารจากฝั่งไทย

“เอ่อ ผู้กองภานุบาดเจ็บคงไม่เป็นอะไร?”

ภานุยิ้มบอกว่าตัวเองสบายดี ระหว่างการเดินทาง กิ่งไผ่อยู่ในการควบคุมของเหล่าทหาร ธีรเดชก็อยู่กับกิ่งไผ่ไม่ห่าง ฝ่ายภานุซักเรื่องราว ธีรเดชตอบไปทุกถ้อยความ เล่าถึงการพบกับกิ่งไผ่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่

“เดี๋ยวผู้กองธีคงได้รู้ครับ”

ภานุตอบ มองใบหน้างามที่เม้มริมฝีปากแน่น หากเปรียบเทียบกับคนรักของเขา...ต้นธาราคงสวยเยือกเย็นเหมือนดอกมะลิขาว แต่คนๆนี้คงจะเป็นกุหลาบแดงแฝงด้วยความรู้สึกที่ยากจะบ่งบอก และภานุก็รู้ว่าสายตาของหนุ่มหน้าสวยจ้องเขาเขม็ง เคยเห็นที่ไหนนะ? ภานุพยายามนึก

“ว่าแต่ผู้กองมานี่ได้อย่างไร?”

ภานุหันกลับมาสนใจธีรเดช ตอบไปก็พยายามนึกในความทรงจำรางเลือน เคยเจอที่ไหน?

“ผมได้รับคำสั่งจากท่านนายพลอรุณให้ตามเรื่องของคุณและก็เงื่อนงำการถุกลอบโจมตี เห็นคุณบอกว่าเขาเกี่ยวข้องด้วยก็จะได้สะดวกขึ้น อ้อ จริงสิ เรามีคนประสานงานเรื่องนี้จากทางฝ่ายพม่าด้วย คือผู้พันชานเนน”

ชื่อผู้พันหนุ่มหลุดจากปาก กิ่งไผ่เม้มปากแน่นทันที ธีรเดชมองเห็นพอดี เคลือบแคลงใจแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก

“เอ่อ...แล้วผู้พันชานเนนนั่น...”ธีรเดชอยากถามที่มาที่ไปของพันเอกจากพม่า

“อ้อ เป็นนายพลพิภพติดต่อมาน่ะ เห็นว่าต้องการความรวมมือ ท่านเลยติดต่อมา”

ขณะนั่งอยู่บนรถ ธีรเดชก็ยังไม่หยุดชะถาม ผิดกับกิ่งไผ่นั่งเงียบๆอยู่ทางเบื้องหลัง ในใจของธีรเดชดูมืดมนจากความรู้สึกที่ว่ากิ่งไผ่ต้องรุ้จักผู้พันชานเนน มันอึดอัดเหมือนที่กิ่งไผ่บอกว่าจะจากไป เกรงกลัวอย่างบอกไม่ถูก

“ธารเป็นอย่างไรบ้าง?”

ชายหนุ่มนึกถึงคุณหมอขึ้นมาได้ สีหน้าภานุอ่อนลงเมื่อกล่าวถึงคุณหมอ

“ธารน่ะรึ ตอนนี้ฟักฟื้นอยู่หลังจากผ่าตัดเปลี่ยนไขกระดูกสำเร็จ”

“”ผ่าตัด?”ธีรเดชงุนงง

“ครับ ธารเข้ารับการรักษาระหว่างที่ผู้กองธีไม่อยู่ ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”

ธีรเดชมองดวงตาเหมือนคนได้ชัยชนะ

“ใครเป็นบริจาคไขกระดูก”ธีรเดชถามเสียงแผ่ว ไม่อยากเชื่อเลย...

“ผมเอง”

คำพูดของภานุทำให้ธีรเดชงุนงง ไม่อยากเชื่อว่าผู้กองภานุจะเป็นคนบริจาค เขาจากต้นธาราไปนานจนทั้งคู่ก้าวหน้าในความสัมพันธ์ที่เขาคาดไม่ถึงแล้วรึ?

“ผมกับเขาดีกันแล้ว”

คำกระซิบบอกทำให้ธีรเดชเหมือนถูกทุบหัว อ้าปากค้าง คนที่นั่งฟังอยู่เงียบๆได้ยินทุกถ้อยคำพูดแม้จะรู้สึกเศร้าแต่ในใจก็อดสงสารไม่ได้

“ธารน่ะรึ”

ธีรเดชพึมพำ ภานุไม่ได้สนใจ พาทั้งคู่กลับไปถึงค่าย จนพบกับท่านนายพลทั้งสองต้อนรับ ผู้พันชานเนนยืนอยู่เบื้องหลังพิศมองเสี้ยวหน้ากิ่งไผ่ที่อยู่เบื้องหลังธีรเดช

“ผมดีใจที่คุณกลับมาผู้กอง”

นายพลอรุณเอ่ย ธีรเดชปราายตามองไปทางนายพลพิภพ สายตาของนายพลเฒ่ามองทส.เก่าของตน

“ฉันดีใจที่แกกลับมาธี”นายพลพิภพกล่าว

ธีรเดชยิ้มให้แก่ผู้ใหญ่ทั้งสอง แล้วท่านก็ให้ความสนใจกับคนที่อยู่เบื้องหลัง

“นั่นเป็นคนที่ผู้กองภานุรายงานมาสินะ?”

ทุกสายตาจับจ้องมายังกิ่งไผ่เป็นจุดเดียว กิ่งไผ่เมื่อรู้ว่าโดนจับจ้องเขาไม่แสดงอารมณ์ใดๆทั้งนั้น

“ขอเชิญไปคุยที่ห้องหน่อย”

นายพลอรุณกล่าว พันเอกชานเนนมองดูร่างที่ยืนทรนง

“เชิญครับ”

กิ่งไผ่ได้รับคำเชื้อเชิญเป็นภาษาบ้านเกิดของตัวเองก็ก้าวตามไปในห้อง ธีรเดชจะก้าวตามก็ถูกภานุดึงไหล่ไว้

“ผู้กองธีพักดีกว่าครับ”

“แต่ว่า...”

เขาชี้นิ้วไปทางกิ่งไผ่ ซึ่งใบหน้างามหันมองใบหน้าร้อนรนของเขาเอง อยากจะตามไป ใบหน้านั้นเมินหนี ธีรเดชเหมือนถูกทิ้ง

“ไม่ต้องห่วงเขาหรอกครับผู้กองธี เขาน่ะ ไม่ใช่คนกระจอกๆหรอก ไม่อย่างงั้นท่านนายพลไม่ต้อนรับดีแบบนี้แน่”

ธีรเดชงุนงง“ยังไงครับ?”

“เขาเป็นบุตรชายคนเดียวของนายพลแห่งเวียงวนรัฐะ พ่อถูกโค่นอำนาจจากน้องชายแท้ๆ ต้องการกำลังพลเลยซ่องสุ่มกำลังพล ร่วมมือกับทางนายกฤษดาพ่อค้ายาเสพติด เพื่อเงินที่นำมาใช้ในกองกำลัง ตอนที่เราถูกโจมตี เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยต้องสอบสวนดู”

“แต่ผมว่าไผ่ไม่ได้ทำแบบนั้นแน่ เพราะตัวเขาถูกถามล่า”ธีรเดชเถียงอย่างร้อนใจ

“ผู้กองธีครับจะผิดหรือถูกเดี๋ยวเขาก็พิจารณากันอีกที ผู้กองไปฟังก่อนเถอะ”

ภานุเอ่ยบังคับกรายๆ ธีรเดชยืนมองอย่างอึดอัดใจก่อนต้องถอยหนีเมื่อภานุพูดซ้ำ

“เอาไว้ผมได้ข่าวอะไรจะเรียนผู้กองธี ดีไหมครับ”

ธีรเดชถูกกันออกมาโดยสมบรูณ์ ทั้งๆที่คิดจะช่วยกิ่งไผ่แท้ๆ ภานุถอนใจดูท่าผู้กองธีจะมีอะไรเกินกว่าความเป็นเพื่อนกับหนุ่มรูปงามแน่ๆ ร่างสูงก้าวเข้าห้อง แปลกใจเล็กน้อยที่คนหน้าสวยราวกับอิสตรีนั่นจะเป็นถึงชั้นเจ้าแต่ต่ำแหน่งนั้นก็ถูกเด็ดปีกรวงหล่นสู่พื้นเสียแล้ว

“กองกำลังคุณมีส่วนร่วมกับขบวนค้ายาเสพติดหรือไม่”

พันเอกชานเนนคุย กิ่งไผ่เม้มปาก ภานุได้รับข่าวมาบ้างว่าคนๆนี้เป็นหัวหน้ารองในกองโจรกู้แผ่นดิน ยืนฟังคำสอบสวนเงียบๆ ร่างโปร่งนั่งตัวตรง เรือนผมยาวแผ่กระจายเต็มหลัง ยิ่งทำให้ดูบอบบางไม่เหมือนกับคนที่แบกรับภาระอันหนักอึ้งไว้กับตัว

“เราไม่ส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนั้น”กิ่งไผ่ตอบ วางท่าได้งามสง่าดั่งชนชั้นสูง

“แล้วทางคุณลอบโจมตีคนในกองทัพเราหรือ?”

“คิดว่าเราโจมตี คนของท่านจะรอดมาจนถึงปานนี้หรือ ท่านก็รู้นี่ท่านผู้พัน เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆเลย!”

พันเอกชานเนนผงกศีรษะ

“ร้อยเอกภานุรายงานที่คุณช่วยเหลือคนของกองทัพไทยแล้ว”

กิ่งไผ่นิ่งเงียบ

“แล้วการที่ท่านหนีออกมาเป็นเพราะสาเหตุใด”

“เราถูกนายกฤษดาทรยศ ค่ายของเราถูกยึด”

ฟังคำตอบที่แสนเย็นชา นายพลชานเนนปรึกษาเรื่องนี้กับนายพลอรุณและนายพลพิภพ

“แล้วบิดาคุณล่ะ?”

“ไม่ทราบ เราถูกถล่มจนต้องแยกกันหนี”ตอบด้วยสายตาเศร้าๆ

ภานุมองเห็นก็รู้สึกชอบใจ สายตาหยิ่งผยอง...เคลือบด้วยรอยเศร้า มันสวยงามและน่าชื่นชมในคราเดียวกัน

“งั้นรึครับ”

ผู้พันชานเนนสืบสวนเพียงเท่านี้ ก่อนสั่งให้คนพากิ่งไผ่ไปพัก ร่างโปร่งยืดตัวตรง สายตาของกิ่งไผ่ก็ปะทะกับคนที่ดูแลมองหน้าร้อยตรีอานุภาพ เหมือนกับคุ้นเคย นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก คุ้นๆหน้าคุ้นตา ร้อยตรีอานุภาพเห็นกิ่งไผ่ ครั้นแรกก็ชะงักก่อนปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

“เป็นเกียรติเหลือเกินครับที่ผมได้ดูแลดีขนาดนี้”

“นั่นเป็นเพราะศักดิ์ของท่านเป็นเจ้าเมือง”

กิ่งไผ่ยิ้มขันๆราวกับจะหยันในโชคชะตาของตัวเอง

“มันก็แค่อดีตเท่านั้นแหละ”

ตอบไปขณะก้าวตามร้อยตรีอานุภาพที่แนะนำตัวเอง สายจากิ่งไผ่ลอบมองเสมอไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว

“ผู้กองธีล่ะ”

เอ่ยถามหาธีรเดช ร้อยตรีอานุหันมามองอย่างพิศวงที่ได้ยินคำพูดภาษไทยชัดเจน

“เอ่อ ตอนนี้กำลังพักผ่อนอยู่”

กิ่งไผ่หยุดนิ่ง เดินไปหาท่านนายพลที่กำลังเดินออกมาก่อน

“หากเราต้องการเปลี่ยนคนดูแลเป็นธีรเดชได้หรือไม่ ผมไว้ใจเขา”

กิ่งไผ่เอ่ยตรงๆ นายพลอรุณเงียบไปก่อนจะอนุญาต

“จะจัดการให้ทีหลัง”กิ่งไผ่กล่าวขอบคุณก่อนตามร้อยตรีอานุภาพไป

ธีรเดชดูไม่สบายใจเท่าไรนัก ชายหนุ่มมองผู้กองภานุเดินมาหาตนก็รีบออกไปต้อนรับ

“ว่าอย่างไรบ้างครับ?”

“ผู้กองมีหน้าที่ดูแลเขาครับเห็นเขาบอกว่าเชื่อใจคุณ”

ธีรเดชโล่งใจที่กิ่งไผ่ยังเชื่อใจเขาอยู่

“ขอบคุณ”ชายหนุ่มมองหน้าร้อยเอกภานุ

“เอ่อ ที่บอกว่าธารเข้ารับการผ่าตัด...”

“เขาสบายดีครับ ตอนนี้กำลังอยู่ในห้องปลอดเชื้อ คุณไม่ต้องห่วง”

“ผมอยากพบเขา”

“คุณหมอธารพักรักษาตัวอยู่ที่กรุงเทพครับ”

“ผมอยากไปเยี่ยมเขา”

ภานุเกาต้นคอ“ถ้าเป็นเช่นนั้นผู้กองธีต้องขึ้นกรุงเทพแล้วล่ะครับ เดี๋ยวผมพาไปพบเอง”

ดวงตาธีรเดชดูอบอุ่นเมื่อนึกถึงใบหน้าของต้นธารา ซึ่งภานุเห็นแล้วรู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลย

“วันพรุ่งนี้น่าจะได้”

ธีเดชกล่าวขอบคุณ มองภานุที่เดินจากไปด้วยความรู้สึกคล้ายกับพ่ายแพ้....

------------------------------------------------

การลาในครั้งนี้แม้จะทำให้ท่านนายพลพิภพอึดอัดใจต่อการที่ภานุขึ้นไปหาบุตรชายตนอีกครั้ง แต่ท่านก็พูดอะไรออกไปไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายเป็นคนให้ชีวิตลูก ทั้งยังเป็นคนที่บุตรชายรัก แต่ท่านก็ชังเหลือแสน

“ครั้งนี้ท่านจะขึ้นไปดูธารด้วยใช่ไหมครับ?”

ธีรเดชถามอดีตนายเก่า นายพลผงกหัว

“อื้ม...”

นายพลอรุณก็แทรกขึ้น

“งั้นก็ไปกันหมดนี่สิ จะได้ประหยัด เยี่ยมเสร็จจะได้กลับมาทำงานต่อ”

คนที่ทำสีหน้าขัดใจคือท่านนายพลพิภพ ท่านเก็บความหงุดหงิดเอาไว้ให้เงียบที่สุด

“ผมดีใจที่คุณหนูธารพ้นจากขีดอันตราย”

ธีรเดชเอ่ยขึ้น ท่านยนายพลยิ้มให้แก่อดีตทส.

“ฉันก็ดีใจ...”

ดวงตาของคนเป็นพ่อเปี่ยมด้วยความสบายใจ ภานุที่มองดูเงียบๆก็รู้สึกซึ้งดีอยู่หรอก หากพ่อตาไม่เอื้อมิตรภาพให้เสียเลย หากไปเยี่ยมด้วยกันเกรงจะทำให้ธารลำบากใจจริงๆ นั่น...คือสิ่งที่ภานุอยากจะหลีกเลี่ยงที่สุด

------------------------------------------------

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ระหว่างทางที่เดินทางไปยังกรุงเทพในเวลาเช้ามืด ภานุเป็นฝ่ายนั่งเงียบแถมยังนั่งห่างคนที่เป็นพ่อตาเสียอีก ฝ่ายพ่อตาก็ไม่สนใจ นั่งนิ่งเงียบจนกระทั่งถึงบ้านของท่าน ซึ่งกำหนดพักเพียงหนึ่งคืนเท่านั้น ท่านรีบไปโรงพยาบาลทันทีที่มาถึง คณะที่มาเยี่ยมเลยตามติดไปด้วย

“ท่านนายพลามาถึงเมื่อไรคะ”

ป้าสมที่มาดูแลคุณหนูธารลุกขึ้นต้อนรับผู้เป็นนาย นายพลพิภพยิ้มเครียดๆ

“ธารล่ะเป็นไง?”

ท่านนายพลตามอดีตแม่นมของลูกชายไปยังห้องปลอดเชื้อ

คุณหมอธารที่ยังอยู่ในห้องปลอดเชื้อ เขาหันมองป้าสมที่จ้องมาอย่างนึกห่วง ชายหนุ่มมองผ่านกระจกออกไป พบกับร่างของภานุและธีรเดช เอ่ยเรียกเสียงอดีตผู้ดูแลเวียงแผ่ว

“ธี...”

ผุดลุกขึ้นจากเตียงทว่าสายน้ำเกลือและเลือดกลับรั้งไว้ ธีรเดชกำมือแน่น เข้าไปเยี่ยมไม่ได้ในตอนนี้ ภานุมองท่าที่ของชายหนุ่มแล้วกระแอม ธีรเดชรู้ว่าตัวจริงคงจะหวง เขาจึงถอยห่างเสียดีกว่า แล้วท่านนายพลก็เข้ามาแทนที่

“พ่อ...”

ต้นธาราอุทานแผ่วนายพลพิภพซึ่งขอเยี่ยมลูกเป็นพิเศษนั่นได้แต่งตัวด้วยชุดปลอดเชื้อเข้าไปหาท่ามกลางสายตาอิจฉาของภานุ

“ธารขอโทษที่พ่อไม่ได้อยู่ข้างๆลูกตอนนี้”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ”

ต้นธาราขยับริมฝีปากตอบ คนเป็นพ่อลูบศีรษะบุตรอย่างถนอม

“ลูกพ้นขีดอันตรายแล้ว พ่อดีใจเหลือเกิน”

ต้นธารายิ้มบางๆ

“ต้องขอบคุณผู้กองภานุด้วยครับ”

“เออ ต้องขอบใจมันด้วย”ท่านเอ่ยด้วยน้ำเสียงห้วนๆ มองไปยังคนที่จ้องผ่านกระจก

“ผมดีใจที่พ่อมาหาครับ”ต้นธาราเอ่ย

“พ่อเพิ่งเสร็จงานลูก ธีเขากลับมาพอดีเลยวุ่นๆ ”

“ดีจังเลยครับ ธีกลับมาแล้ว”

รอยยิ้มอ่อนล้าของคุณหมอผุดขึ้น คนเป็นพ่อยิ้มเช่นกัน

“พ่อก็ดีใจ...เสร็จงานนี้จะได้อยู่กับลูก”นายพลพิภพกล่าว

ต้นธาราทำหน้าเหมือนนึกอะไรออกได้

“พ่อครับผมอยากย้ายตัวเองไปรักษาตัวอยู่ที่เชียงรายน่ะครับ”

ท่านนายพลพิภพนิ่ง สีหน้าเปลี่ยนไปทันใด

“ธารที่นั่นการแพทย์ไม่พร้อม อีกอย่างลูกก็ไม่สมควรที่จะเดินทางไกล ลูกอยู่พักที่นี่เถอะ”

“เอาไว้ผมออกจากโรงพยาบาลก็ได้ครับพ่อ ผมไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาลที่กรุงเทพฯคนเดียว ผมขอโทษที่เอาแต่ใจครับ แต่...”

มือของนายพลชรากำเข้าหากันแน่น

“ธาร...”ท่านกล่าวเสียงอ่อนอยากให้บุตรชายยอมเชื่อฟัง

“พ่อครับ ผมขอร้อง”

ในที่สุดท่านก็ถอนใจเฮือก

“เอาไว้ลูกออกจากห้องปลอดเชื้อก่อนแล้วเราค่อยพูดถึงเรื่องนี้กัน”ท่านเอ่ย

ต้นธารายิ้มออกมา มองพ่ออย่างขอบคุณสำหรับท่านที่ยอมให้เอาแต่ใจ

------------------------------------------------


ออฟไลน์ RN

  • Global Moderator
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1650/-14
สงสารกิ่งไผ่

ธีรเดช ช่วยดีกับกิ่งไผ่ ได้มั้ยยยยยยยยยยยยย :beat:

 :กอด1:กิ่งไผ่

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
^
^

มิ้อนี้มาก่อนเราว้อยยยย

---------------------------

อยากให้หมอธารแข็งแรงๆ แล้วย้ายไปรักษาต่อที่เชียงรายจัง

ส่วนธี...ดูแลกิ่งไผ่ดีๆ หน่อย เค้าเหลือคุณคนเดียว

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
แอร๊ยยยยยยยยยยส์ มาดันค่ะ  :laugh:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
+เป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ+

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Asahi

  • บุคคลทั่วไป
 :oo1: :oo1: :oo1:

ยังไม่ได้อ่านแต่ขอประทับรอยรักไว้ก่อนนะครับ

สงสารกิ่งไผ่จัง  :o7:

เมื่อไหร่หนอจะสมหวังกับเค้าสักที

 :pig4:

ออฟไลน์ RN

  • Global Moderator
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1650/-14
รอคนสวย มาโพสๆๆ จงมาๆๆ :call:

Asahi

  • บุคคลทั่วไป
 :m19: :m19: :m19:

อ่านจบแล้วก็ยังสงสารกิ่งไผ่อยู่ดี

แต่ว่ามันก็แหม่ง ๆ นะ

จากการสันนิฐานขอสรุปว่า ร้อยตรีอานุภาพ เป็นสายให้นายกฤษดา confirm  o8

ปล.นู๋จะโดนแจ้งจับข้อหาหมิ่นประมาทหรือโดนฟ้อง 50 ล้านไม๊อ่ะถ้านู๋ตอบผิด  :try2:

 :pig4:

TinaJunior

  • บุคคลทั่วไป
เอาใจช่วยกิ่งไผ่คับ

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
55 Asahi โดนฟ้องแน่ๆ 50 ล้านเลย  พี่หน้าเลือด  :laugh:
ส่วน Tina เพิ่งเคยเห็นชื่อในกระทู้ครั้งแรกนะเนี่ย รอติดตามจนจบแล้วกันน้า
19NT ยังไงๆก็ต้องเร็วกว่าป้าแป๋วอยู่แล้ว  ป้าแกแก่แล้ว 55 ทำใจดีกว่า
ขอบคุณคุณเคนแล้วก็หนึ่งจ้า ที่คอยให้กำลังใจตลอด  น้องเรนคงดีใจ

ต่อเลยแล้วกันน้า ไว้ตามอ่านกันเอาเองเน้อ  :กอด1:

+++++++++++++++++++++++++++++++++

เกียรติยศ กบฏหัวใจ 33 Once Time Last Night / แค่คืนหนึ่ง (PART2)



ภานุที่ไม่อาจเข้าเยี่ยมได้หงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อยทีเดียว คนที่ปลอบนั่นคือธีรเดช มันไม่ทำให้ผู้กองหนุ่มอารมณ์ดีขึ้นมาเลยกลับยิ่งรู้สึกแย่ลงเสียด้วยซ้ำ

“เดี๋ยวอีกอาทิตย์คุณหมอก็จะออกมาอยู่ห้องพักฟื้น ถึงคราวนั้นผู้กองก็ไปเยี่ยมก็ได้”

นั่นเป็นสิ่งที่ผู้กองภานุไม่อยากได้ยินเป็นที่สุด

“คุณหนูธารเป็นอย่างไรบ้างครับ?”

ธีรเดชลุกขึ้นเมื่อท่านนายพลออกมาจากห้องปลอดเชื้อ

“ดูแข็งแรงดี”ท่านว่าอย่างขรึมๆ สายตาจับจ้องยังผู้กองหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ห่างๆ

“เฮ้อ คุณพระคุ้มครอง”ท่านนายพลอรุณเอ่ย

“อืม”

นายพลพิภพกล่าวสั้นๆเดินไปหาหมอที่ดูแลต้นธารา ภานุไม่ได้เดินตามไปด้วย เขาลุกขึ้นมองตรงเข้าไปในห้องปลอดเชื้อ สายตาของชายหนุ่มเป็นห่วงจน คนอยู่ในห้องปลอดเชื้อรู้สึกถึงสายตามองตรงมา ดวงตาสีน้ำตาลจับจ้องตรงประตูเห็นเป็นภานุก็ยิ้มแย้ม รอยยิ้มมอบให้เป็นสัญญาณรู้ว่าชายหนุ่มมาเยี่ยม ภานุเผยรอยยิ้มออกมาเช่นกัน ถึงจะเข้าไปไม่ได้ อย่างน้อยๆขอให้อยู่เป็นกำลังใจตรงนี้ “หายไวๆนะ ผมรักคุณ”ภานุเอ่ย ต้นธาราอ่านริมฝีปากขยับเขยื้อน เขายิ้มอย่างมีความสุข

“ผู้กองภานุครับ ท่านนายพลเรียก”

ธีรเดชมาตามชายหนุ่ม ภานุหันมอง เขาไม่อยากไปเลยแต่ก็ต้องไป คนภายในห้องปลอดเชื้อเห็นร่างสูงเดินจากจะรั้งก็รั้งไว้ไม่ได้ การที่ภานุเดินห่าง มันทำให้รู้สึกอ้างว้าง นอนนิ่งๆ บอกตัวเองให้อดทนเสีย แต่การที่เขาต้องอยู่ภายในนี้พร้อมกับความเงียบเหงาและเจ็บปวด ต้นธารามองเพดาน มองสิ่งที่ยึดร่างตัวเองไว้ หากไม่มีสิ่งเหล่านี้คงได้อยู่ด้วยกัน สายตาสีน้ำตาลรื้นขึ้น เขาหันมองเมื่อเสียงประตูเปิด ร่างสูงคุ้นเคยก้าวเข้ามาในชุดเขียวด้าน

“ภานุ”อุทานแผ่ว

ร่างของภานุหยุดอยู่ข้างเตียง เขากุมมือคนรักแน่น ใบหน้ากร้านอ่อนลง

“เข้ามาได้เสียที ตื๊ออยู่ตั้งนาน”ภานุบ่นพึม หงุดหงิดที่กว่าจะเข้ามาได้ก็ต้องพูดแทบตาย ดีที่ได้ท่านนายพลอรุณหนุนจึงทำให้เขาเข้ามาเยี่ยมต้นธาราได้อย่างสะดวก

“ลำบากแย่”

ต้นธารางึมงำ เขาถอนใจอย่างเป็นสุขเมื่อมือหนาลูบผมเพียงแค่แป๊ปเดียวก็หยุด เท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับต้นธารา

“ลำบากผมก็ต้องทน เพื่อคุณ”คำกล่าวมันช่างหวานละมุน

“ธาร...คุณบอกว่าจะย้ายไปรักษาตัวอยู่ที่เชียงรายหรือ คุณจะไปอยู่กับผมหรือธาร?”ภานุถามอย่างตื่นเต้น

“อืม”ต้นธาราตอบเบาๆ

“พ่อบอกหรือ?”

ชายหนุ่มผงกหัว“ใช่และท่านให้มาบอกคุณว่าท่านยอมให้ย้ายไปหลังธารออกจากห้องปลอดเชื้อ”

ริมฝีปากซีดเซียวคลี่ยิ้ม“อื้ม”

ดีใจ...เหลือเกิน ภานุพยายามจะไม่ยิ้มมากแต่ก็อดฉีกยิ้มไม่ได้กับความสุขที่คนรักจะขึ้นไปอยู่ทางเชียงรายด้วยกัน

“แล้วอาการคุณละธาร เห็นท่านนายพลคุยกับแพทย์ว่าธารต้องรักษาตัวน่ะ แพทย์ทางนั้นไม่เจริญสักเท่าไร ธารทนได้หรือครับ”

ต้นธาราพยายามเอื้อมมือมากุมภานุไว้

“ผมอยากไปอยู่กับพ่อ อยากไปอยู่กับคุณ ผมจะอดทน”

ภานุบีบมือแน่น สีแดงริ้วปรากฏบนใบหน้าซีดเมื่อภานุก้มหน้าลงคล้ายกับจะจูบแต่ชะงักงัน ธีรเดชเดินมาตามผู้กองภานุนั้นต้องชะงักเมื่อเห็นภาพตรงหน้าตัวเอง หลบแทบไม่ทัน ใจหายกับการที่ตัวเองไม่อยากเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของคนทั้งสองเลย

“ธารเดี๋ยวใกล้หมดเวลาเยี่ยมแล้ว ผมจะมาหาคุณใหม่นะ”ภานุเอ่ยอย่างเสียดายนิดๆ

“อื้ม”

ต้นธารารับคำ ปรายตามองอย่างหงอยๆ ภานุเห็นแล้วปวดใจยิ่งนัก เขาต้องตัดใจเดินออกมาโดยมีสายตาโหยหาตามติดไม่ห่าง

------------------------------------------------

แม้ว่าภานุจะเสียดายที่ไม่มีเวลาอยู่กับต้นธารามากนัก เขาก็มีความสุข เฝ้าคิดถึงอนาคตในวันข้างหน้า สีหน้ามีความสุขของเขาทำให้ใครบางคนอิจฉาได้โดยไม่รู้ตัว ธีรเดชรู้ว่าใจของตัวเองริษยาผู้กองภานุอยู่ก็พยายามหักห้ามอารมณ์ที่จะปะทุขึ้นทุกครา ชายหนุ่มมองใบหน้าคมกร้าว ในสายตาคู่ดุดันเปี่ยมประกายความสุข

“ผู้กองครับ ตอนนี้ท่านนายพลกำลังรออยู่รีบหน่อยครับ”

ธีรเดชกล่าว สุดท้ายก็เผลอเสียงห้วนจนได้ ภานุจ้องธีรเดชเขม็ง ผุ้กองธีรีบทำหน้ากลบเกลื่อน ภานุตามไปโดยไม่พูดอะไรทั้งสิ้น พออกจากโรงพยาบาลชายหนุ่มตกอยู่ในภวังค์ ภานุมองออกไปข้างนอกตลอดเวลา

“ผู้กองดูท่าจะใจลอยไปถึงคุณหมอจริงๆนะครับ”

ภานุยิ้ม แน่ล่ะก็คนรักนี้...หากชายหนุ่มไม่ได้พูดออกไปแบบนั้น

“เห็นว่าคุณหมอจะขึ้นมารักษาตัวอยู่เชียงรายนี่ครับ”ธีรเดชคุยต่อ

“ใช่ครับ ธารจะขึ้นมาพักรักษาตัวที่เชียงราย เห็นว่าเป็นความต้องการของตัวธารเอง “

ในใจธีรเดชปวดแปลบ เขาไม่อาจทนรับรู้ถึงความรักของคนทั้งสองได้เลย

------------------------------------------------

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ท้องฟ้าที่อยู่ไกลลิบตา สายตาสีดำที่มองดูมัน สลับกับคนที่นั่งเฝ้า ในใจของกิ่งไผ่คิดถึงพ่อ เขาเบือนหน้ามายังคนที่นั่งเฝ้า

“ผู้กองธีไปไหน?”

“เอ่อ...ขึ้นไปยังกรุงเทพครับ”

กิ่งไผ่ถอนใจเฮือก รู้ดีว่าธีรเดชไปหาใคร แผ่นหลังพิงเก้าอี้ ความเงียบเหงาค่อยๆโอบล้อม...ทั้งๆที่รักแต่ก็พูดออกไปไม่ได้ กลัวใจตัวเองเจ็บ เฝ้าอดทนให้มันเป็นแบบนี้ไปตลอดงั้นหรือ มันน่าเศร้าใจยิ่งนัก

“แต่ดูเหมือนว่าจะกลับมาแล้วนะครับ”

กิ่งไผ่ช้อนตาขึ้นมองร่างสูง ซึ่งมองตรงมายังเขาเช่นกัน ผู้กองหนุ่มไล่ทหารที่เฝ้าออกไป เหลือเพียงตัวเขาและกิ่งไผ่เท่านั้น สายตาจับจ้องใบหน้าที่วางบนเข่า กลุ่มผมที่ได้รับการสระอย่างดีทิ้งตัวปกคลุมแผ่นหลัง

“ไปดูเขาแล้วสินะ?”

กิ่งไผ่ถามหลังจากทราบว่าธีรเดชหายไปไหน เบือนหน้ามองธีรเดชที่ทำหน้าขรึมๆ

“ครับ”

“แล้วอาการของเขาเป็นอย่างไรบ้างล่ะ”

แม้แปลกใจที่กิ่งไผ่ถาม ชายหนุ่มก็ตอบไปตามตรง

“ดีขึ้นแล้วครับ”

“เป็นอะไรนะ? ลูคีเมียใช่ไหม?”กิ่งไผ่เอ่ย ทำหน้าครุ่นคิด

“ใช่ ใครบอกคุณกัน”

“ก็คุยกันในรถไง ผมได้ยินน่ะ น่าสงสารนะทั้งๆที่ครั้งหนึ่งเขาเคยช่วยผมจากคนที่ยิงผมแท้ๆ”กิ่งไผ่เอ่ยอย่างไร้อารมณ์ กอดตัวเองแน่น

“ใครยิงคุณกัน?”

“ฝีมือผู้กองภานุ แต่ช่างเถอะผมก็ไม่ได้แค้นเคืองอะไร มันเป็นหน้าที่นี่นะ”

ธีรเดชอ้าปากค้าง“ว่าอะไรนะ?”ชายหนุ่มสืบเท้าเข้ามาใกล้

“แสดงว่าคุณอยากรู้...”มุมปากยกขึ้น สายตาเหม่อลอย

“ผมถูกผู้กองภานุยิง บาดเจ็บหนัก คุณหมอมาช่วยผม แต่มันทำให้ผู้กองนาคีต้องตาย ทั้งๆที่ทิ้งไว้ก็ดีแล้วแท้ๆ”

ใบหน้าของกิ่งไผ่ดูขื่นขม บางทีเขาอาจเหนื่อยก็ได้ที่ทำให้เขาหลุดปากไป กิ่งไผ่หาข้อแก้ตัวให้ตัวเอง ทั้งๆที่ในใจลึกๆแล้วไม่ใช่แบบนั้นเลย

“ผู้กองภานุน่ะหรือยิงคุณ?”ธีรเดชถามอย่างไม่เชื่อเท่าไร

“ว่าแต่คุณเถอะ ไปเยี่ยมเขามาแล้วทำสีหน้าเจ็บปวดแสดงว่ามีบางอย่างไม่ตรงกับใจสิน่ะ”เอ่ยทิ่มจิตใจของธีรเดฃเข้าเต็มๆ
“ก็เล่นทำหน้าดูอารมณ์เสียมา เขาคนที่คุณรักทำอะไรให้เจ็บปวดใจกันล่ะ?”

ทั้งๆที่ท้องฟ้าในยามนี้สดสวย ในใจกลับรู้สึกเศร้าสลด

“หึ...พูดไปก็เหมือนกับหนามแทงใจผมดี คนที่ผมรัก ผมไม่อาจครอบครอง”

ธีรเดชพรูออกมา ชายหนุ่มรู้สึกริษยาจนทนไม่ไหวจึงโพลงออกมา กิ่งไผ่ทำหน้าเย้ยหยันแต่พอรู้สึกตัว เขาเองก็คงไม่ต่างกับชายหนุ่มสักเท่าไร

“ทั้งๆที่ผมรักมานานเขาแต่ผม...”

ธีรเดชหยุดไป กุมมือเข้าหากันแน่น รู้สึกหายใจไม่ออก ก้มหน้าลงโศกสลด

“คุณก็ไม่ใช่คนที่เขาเลือกใช่ไหม?”กิ่งไผ่กล่าว

สายตาคมมองหน้า ดวงตาสีดำฉายความรู้สึกล้ำลึก

“คุณเจ็บปวดกับการที่เขาไม่เลือก โวยวายกับผมแล้วมันได้อะไร ทำไมคุณไม่แย่งเขามา การที่คุณเป็นสุภาพบุรุษก็สมควรแล้วล่ะที่จะโง่!”

ธีรเดชได้ฟังเขารู้สึกโกรธที่กิ่งไผ่เอ่ยเช่นนั้น ชายหนุ่มคิดว่าจะเล่าความรู้สึกในใจให้คนที่เข้าไว้ใจได้แท้ๆ

“โง่...ที่สุด”มือกำแน่นคลายออก

“ผมทำแบบนั้นไม่ได้ ผมทำให้ธารเจ็บปวดไม่ได้”

เสียงหัวเราะเสียดสี ยิ่งฟังมากเท่าไรยิ่งเจ็บเท่านั้น

“แสนดีมาก...แสนดีจนต้องน่าหัวเราะให้ฟันหักเสียจริง!”

กิ่งไผ่หยัน มือกำเข้าหากันแน่นขึ้นเรื่อยๆ คำพูดเพียงแค่นั้น...เป็นการทำร้ายจิตใจกันอีกครั้ง ทั้งๆที่พยายามไม่คิดอะไร มันก็เพิ่มความชิงชังให้กับคนที่เป็นผู้มีพระคุณ สายตาของธีรเดชมีแต่คนๆนั้นอยู่เต็มหัวใจ รักเพียงข้างเดียวแล้วยังมานั่งฟังคำรำพัน ไม่คิดหรือว่าใจเขาจะเจ็บไปด้วย...แต่ชายหนุ่มยังไม่รู้สิน่ะว่าเขารู้สึกเช่นไร

“ทั้งๆที่ผมคิดว่าคุณจะ...”ธีรเดชพึมพำ มองใบหน้าและดวงตาทอแววชอกช้ำ

“ให้ผมมานั่งฟังคำรำพันทั้งๆที่คุณไม่เคยทำอะไรนะหรือ มีแต่คนโง่เท่านั้นล่ะที่ทำ คนโง่ๆ...”

มองกระจก เงาที่สะท้อนมากลับเป็นตัวเขาเองที่เปราะบาง น่าสมเพช คนที่โง่ก็เป็นเขาเช่นกัน โง่ที่ไม่ยับยั้งช่างใจเอาไว้จนต้องเจ็บปวด ธีรเดชมองเสี้ยวหน้าของกิ่งไผ่ มันช่างไร้อารมณ์หากบาดหัวใจลึกเมื่อพิศเข้าไปในแววตาสีดำที่ร้าวรานไม่แพ้เขา

“ผมอาจจะเป็นคนโง่ คุณไม่รู้ความรู้สึกของผม...”

“ไม่รู้หรือ? ถ้าไม่รู้ผมจะมานั่งรับฟังคุณอยู่แบบนี้รึไง? คุณต่างหากที่ไม่รู้อะไรเลย เป็นคนเห็นแก่ตัวและขี้ขลาดที่สุด”

เสียงเพี๊ยะดังขึ้น กิ่งไผ่ไม่คาดว่าธีรเดชจะตบหน้าเขา ชา...เจ็บแปลบในอก ช้อนสายตาขึ้นมอง

“เจ็บใจสินะครับที่คุณนะ...ที่ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากพูด”

ธีรเดชมองมือตัวเอง เขาถูกอารมณ์ชั่ววูบครอบงำ ไม่ฟังคำที่กิ่งไผ่เอ่ยประชด คนอ่อนใจทรุดนั่งลง หลับตาแน่นสะกดกลั้นน้ำตา

“ไผ่”

ธีรเดชเตรียมขอโทษ กิ่งไผ่ยกมือห้าม

“หยุดกับนิสัยแบบนั้นของคุณได้แล้ว ผมเกลียด ไม่อยากฟังมันถ้าคุณจะขอโทษ รู้ไหมผู้กองธีรเดช เวลาคุณทำอะไรผิดคุณมักจะขอโทษ...ผมรู้ว่ามันดีต่อคนอื่น สำหรับผมแล้วมันให้ความรู้สึกน่าสมเพชมากกว่า”

ธีรเดชนิ่ง มองสีหน้าเหน็ดเหนื่อย

“คนที่คุณรักทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีปัญญาจะรักก็ยังรักเอาคนอื่นมาเป็นตัวแทน สำหรับคุณมันคงไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยมั้ง มีความสุขไหมที่ได้ตัวปลอมปลอบขวัญ”

กิ่งไผ่กัดริมฝีปากล่าง หลับตาลง...เคยได้รับอ้อมกอดแกร่ง มาบัดนี้มันกัดกร่อนทำลายความรู้สึกให้ร่วงกราว พังลงช้าๆ กิ่งไผ่มองท้องฟ้าอยู่ชั่วครู่ด้วยสีหน้าเศร้าล้ำลึก ก่อนหันมองใบหน้าแกร่งตรงๆ

“ที่ผมพูดกับคุณก่อนที่จะมาที่นี่คุณไม่เข้าใจเลย หรือว่าผมต้องการจะสื่ออะไรทั้งๆที่ผมคิดจะอดทนเก็บความรู้สึกไว้ เพราะสักวันเราต้องจากกัน ธีผมรู้ว่าสิ่งที่คุณทำกับผมก็เพื่อผลประโยชน์ แต่ผมก็อดรู้สึกเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่า...ว่าในใจของคุณจะมีผมบ้างแต่ก็เปล่าเลย ผม...บ้าไปเองที่คาดหวัง”เอ่ยออกไป ในเมื่อเจ็บปวดจนทนไม่ไหวได้แต่ตัดด้ายที่เกี่ยวพันใจให้ขาด

“ผมน่าจะพูดไปตรงๆนะว่าผมรู้สึกอิจฉาคนที่คุณรัก”

ธีรเดชได้ฟัง ชายหนุ่มก็อึ้งไป สีหน้าและดวงตาไม่เปลี่ยน มีเพียงสายตาเท่านั้นที่อ่อนลง

“นั่นเพราะอะไรรู้ไหม เป็นเพราะผมรักคุณ!”

บอกความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจออกไปก่อนรับความผิดหวัง ไม่น่ากลัวสำหรับกิ่งไผ่หรอก..ใช่ ไม่น่ากลัวเลย ชีวิตที่อยู่บนความหวัง หลายครั้งที่มันไม่ได้ดังใจ เขาก็ได้แต่ทอดถอนใจ ธีรเดชได้ฟัง เขาตกใจยิ่งกว่ารู้ว่ากิ่งไผ่เป็นอดีตลูกเจ้าเมือง สายตาสีดำฉายความรักต่อเขาอย่างมากมาย ไม่เคยรู้ ไม่เคยเข้าใจ

“คุณจะรักผมได้ไง...”

ธีรเดชอึกอัก กิ่งไผ่ยิ้มเศร้า

“นั่นสินะ...ว่ามันจะเป็นความรักได้อย่างไรในช่วงระยะเวลาสั้นๆ”

ธีรเดชไม่เคยเชื่อ แม้จะทำให้เจ็บแปลบ หากกิ่งไผ่เม้มปากแน่น เขารู้ดีหากพูดออกไป อีกฝ่ายย่อมปฏิเสธและมันก็จริง ไม่อาจห้ามได้อีกแล้วกับความรู้สึกรักที่รุนแรง พร้อมยอมรับการสูญเสีย

“ผมไม่เคยรู้”

ธีรเดชปฏิเสธ ไม่ยอมรับ กิ่งไผ่พอเข้าใจมองธีรเดชที่ทำหน้าไม่ถูกกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับชายหนุ่ม

“คุณกลับไปเถอะ ในเมื่อผมพูดแล้วรั้งให้คุณลำบากใจละก็ ผมขอบคุณสำหรับความอ่อนโยนที่มีให้ผมทั้งหมด ขอบคุณ”

เอ่ยเสียงแผ่ว มองธีรเดชที่เดินจากไปจริงๆ ภายในดวงตาของชายหนุ่มเปี่ยมด้วยความสับสน แล้วกิ่งไผ่ร้องไห้เงียบๆ ให้น้ำตารินรดลงบนแผลใจ

------------------------------------------------

ธีรเดชไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ร่วมฝ่าฟันอุปสรรคนั่นรักเขา รักรึ...คำๆนั่นซ่านลงไปในจิตใจ หันมองไปยังทิศทางที่จากมาอีกครั้ง คิดถึงริมฝีปากขยับไหวเอ่ยความรู้สึก มันลบเลือนความเศร้าที่เกิดจากเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลได้ เดินไปเรื่อยๆจนพบกับผู้กองภานุยืนสูบบุหรี่อยู่

“คิ้วขมวดเชียวครับผู้กองธี มีอะไรคิดไม่ตกหรือ?”

ธีรเดชเงยหน้ามองผู้กองภานุ

“แล้วผู้กองละครับมายืนคิดอะไรอยู่ตรงนี้”

ไม่ตอบคำถามกลับตั้งคำถามแทน

“คิดถึงคุณหมอธาร ผมเป็นห่วงเขาอยากให้งานเสร็จสักทีจะได้ไปอยู่ดูแล”

ภานุตอบตรงๆ ธีรเดชสะอึก

“งั้นหรือครับ”

สายตาคมจ้องใบหน้าอึดอัด

“คุณจะดูแลดีไหม”

ภานุมองเสี้ยวหน้า จำคำพูดของธีรเดชตอนออกลาดตระเวนร่วมกันได้ฝังใจ

“แน่นอน...”

ชายหนุ่มเอ่ยมั่นใจ ธีรเดชเยาะ

“คุณทำได้ไม่ดีหรอกผู้กอง ผมนะดูแลธารมาตั้งแต่เป็นทส.ผมรู้เรื่องของเขาทุกอย่าง รู้...เรื่องที่เขารักคุณและเจ็บปวดมากขนาดไหน ผู้กองภานุคุณไม่มีทางทำให้เขามีความสุขได้หรอก”

ภานุนำบุหรี่ออกจากปาก จ้องธีรเดชเขม็ง ก่อบรรยากาศตึงเครียด

“คุณดูแลเขาในสมัยอดีต นั่นมันจบลงแล้ว ในปัจจุบันนี้ ผมจะทำให้เขามีความสุข ขอให้ผู้กองธีตัดใจเถอะการที่ผมทำให้เขาเจ็บปวดใจผมจะรับผิดชอบเอง”ภานุพูดตรงๆ

ธีรเดชเงื้อมือขึ้น สุดท้ายก็ลดมือลงอย่างผู้แพ้

“จริงสิ...ธารรักคุณมาก...รักจนตามหา เป็นเช่นนั้นแล้วผู้กองอย่าทำให้ธารเจ็บปวดใจอีกล่ะไม่อย่างงั้นผมเอาคุณตายแน่”

เอ่ยจบก็เดินผ่านภานุอย่างผู้พ่ายแพ้แม้จะโกรธที่รู้ว่าตัวเองแพ้แต่ในใจกลับสงบ...สงบจนน่าประหลาด ภานุสูบบุหรี่ต่อพ่นควันขาวเป็นทาง

หึ...ไม่มีทางเป็นแบบนั้นเด็ดขาด!

ภานุเอ่ยกับตัวเองแล้วเดินหนี สุดท้ายก็หยุดฝีเท้าลงเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นไห้ ภานุมองเข้าไปภายในเห็นใบหน้าซบลงกับฝ่ามือ น้ำตารินไหลผ่านร่องนิ้วหยดลงสู่พื้น สังเกตอยู่เงียบๆว่าเหตุใดกันอดีตบุตรเจ้าเวียงนวรัฐะถึงร่ำไห้ ดูเหมือนว่ากิ่งไผ่ไม่เห็นเงาของภานุ เงยใบหน้าเปื้อนด้วยคราบน้ำตาขึ้นจับจ้องยังประตู ดวงหน้าสวยงามตอนมีน้ำตาคลอในดวงตา ระริกไหว...ไร้ซึ่งความแข็งแกร่งจนทำให้ภานุรู้สึกหวั่นไหวไปเลยทีเดียวถ้าไม่นึกถึงสายน้ำที่คอยชโลมใจ ไม่อยากเข้าไปรบกวนหรือทำให้เสียความรู้สึก กำลังเดินหนี ได้ยินเสียงร้องไห้สั่นเครือ...มันทำให้ภานุหยุดลงด้วยความใคร่รู้ทันใด

------------------------------------------------


ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
คงไม่มีใครเร็วเท่าเรา  :laugh: ได้จิ้มพิมอีกแว้ว  :z2:

pupper

  • บุคคลทั่วไป
มาลงซะอ่านแทบไม่ทัน
คู่ธีกับไผ่ก็เศร้าจัง อีกคู่ก็ยังอึมครึมอยู่
ไงขอมาจิ้มไว้ก่อนนะครับ
รับรองมาอ่านแน่นอน

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

มาตบหน้ากิ่งไผทำไมนิ

คนใจร้าย..โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ

Asahi

  • บุคคลทั่วไป

55 Asahi โดนฟ้องแน่ๆ 50 ล้านเลย  พี่หน้าเลือด  :laugh:


 :m17:ถ้าพี่ต้องการจริง ๆ ผมก็คงไม่มีจ่ายให้หรอกครับ

นอกจะชีวิตและหัวใจของผมที่พี่จะได้ไป

ปล.เน่าจังแว๊ ~~~~~  :m29:

 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ [€]ŝĊörŦ

  • ความพยามครั้งที่100 ดีกว่าคิดท้อถอยก่อนที่จะทำ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2077
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +142/-0
ผู้กองธีรเดชเอ๊ย...

ระวังเถ๊อะ...

กว่าจะรู้ใจตัวเอง

ระวังจะสายไปน่ะนั่น

ผู้กองภานุก็พยายามต่อไปน๊า สู้ๆ

ปล. หมั่นไส้อิพ่อตา(นายพลพิภพ) จริงๆ เลย น่าตบหัวนัก  :beat:

Asahi

  • บุคคลทั่วไป
 :z3: :z3: :z3:

มีใครอยู่บ้างม๊าย |||~
 :pig4:


ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
หนึ่ง  ไวปานวอก จะมาจิ้มตูดเราทำไมเนี่ย ไม่ค่อยได้ล้างตูดด  o22
Pupper  ลงเยอะไปหน่อย 55  จริงๆ ตอนแรกกะว่าจะลงก่อนไปเที่ยวไง ไว้ตามอ่านแล้วกันนะ
19NT  เนอะ  ใจร้ายจริงๆ ด้วย  มาตบหน้ากิ่งไผ่ทำม้ายยย  เรื่องนี้กิ่งไผ่ของเราออกแนวเศร้า กดดัน อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ
Asahi  555 ถ้าคุณน้องจะให้ชีวิตและหัวใจพี่  พี่ก็จะรับไว้ในอ้อมใจจ๊ะ  กรี๊ดดดดดดดดดด  เน่าพอก้านน เอิ๊กๆ
Xeroz  คุณน้องมาแนวโหดนะ  อยากตบหัวท่านนายพล  แต่มันก็น่าหมั่นไส้เหมือนกันเนอะ 55

อ่ะ  มาต่อกันเลย  วันพรุ่งนี้อาจจะมาต่ออีกครั้ง แล้วจะหายหน้าไปซัก 4 วันนะ  :z2:

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เกียรติยศ กบฏหัวใจ 34 Once Time Last Night / แค่คืนหนึ่ง (PART3)

ฟังเสียงร้องไห้ ราวกับว่าสูญสิ้นทุกสิ่ง มันเย็นสะท้านใจ ฟังอยู่เงียบๆ แบบนั้น คำพูดที่บอกออกไปทำให้ต้องห่าง พอภานุได้ยินเสียงร้องไห้เงียบงันไป เขาคิดจะเดินหนีหากต้องชะงักฝีเท้าเมื่อพบกับสายตาที่จับจ้องรงมาอย่างเครียดขรึม....

สิ่งที่ธีรเดชได้รับฟัง มันทำให้ตัวเขาสับสน คิดด้วยใจไม่สงบ คำบอกรัก ความหวั่นไหว ดวงตาที่โกรธขึ้ง ในใจอ่อนล้า มองไปทางบ้านพักของกิ่งไผ่ เขาตัดใจลุกขึ้น ตั้งใจจะไปหา หากสุดท้ายลังเล ทรุดนั่งกุมมือแน่น ชั่งใจ สุดท้ายแล้วก็ลุกขึ้นเดินกลับไปหากิ่งไผ่ เขาชะงักเมื่อได้ยินเสียงคุย

“I can’t take it any more...”

ธีรเดชรับฟัง น้ำเสียงเจือความสั่นเครือ ใคร....สงสัยว่าใครหนออยู่ในห้องของกิ่งไผ่

“คุณทนรับอะไรไม่ได้ล่ะ?”

น้ำเสียงคุ้นหู ธีรเดชปวดแปลบอยู่ในใจ ผู้กองหนุ่มกอดอกรับฟังคำสนทนาระหว่างคนทั้งคู่

“ที่คุณพูดแบบนี้แสดงว่าคุณไว้ใจในตัวผม อะไรที่ทำให้คุณทนไม่ได้ โปรดบอกผม”

น้ำเสียงภานุนุ่มนวล หนักแน่น มั่นคง

“ความเป็นอยู่รึ ไม่ได้รับความสะดวกใจขอให้บอกทางเราจะจัดการให้”

“ไม่ใช่หรอก ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้น....”

กิ่งไผ่เอ่ย ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดีกับสิ่งที่อยู่ในอก เขาไม่อยากพูดกับสิ่งที่ไม่อาจหวนคืน

“เกี่ยวกับเรื่องผู้กองธีหรือเปล่า?”

ใบหน้าของอดีตลูกเจ้าเวียงวนรัฐะเงยขึ้นสบดวงตาคมดุ

“ใช่ไหมครับ?”

ภานุถามย้ำ กิ่งไผ่มองดูท่าที เขายังไม่ตอบในตอนนี้ สายตาแกร่งกร้าวมองใบหน้าสวยงามดั่งเทพธิดาจำแลง

“ครับ ถ้าคุณรู้สึกดีขึ้นแล้วผมคงต้องขอตัว อ้อ และขอโทษด้วยที่เสียมารยาทมาแอบฟังคุณแบบนี้”

ผู้กองภานุยืดตัวขึ้น

“ยังไงก็ขอบใจในความห่วงใยของผู้กองนะครับ”

อดีตลูกเจ้าเวียงวนรัฐะเอ่ย ภานุยิ้มตรงมุมปาก ออกไปนอกห้องพบกับร้อยเอกธีรเดชซึ่งกอดอกมองด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“คุณกับเขาคงมีเรื่องที่ต้องคุยกันยาว ผมก็ไม่รู้ว่าคุณกับเขามีเรื่องอะไรกัน แต่คิดว่าน่าจะคุยกันให้รู้เรื่อง”

เอ่ยจบภานุเดินออกไป ทิ้งให้ธีรเดชนิ่งอึ้ง ชายหนุ่มมองร่างที่นั่งนิ่ง มองตรงมายังเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย ชายหนุ่มทำท่าจะถอยห่าง แต่ตัดใจก้าวเข้าไปในห้อง ก่อเกิดความเงียบงัน ห่างกันเพียงก้าว...รู้สึกว่ามันดูห่างไกลหลายโยชน์

“คุณมาที่นี่ทำไมอีก?”

กิ่งไผ่ถาม ธีรเดชอึ้งไปพักใหญ่ๆ

“ยังไงผมก็มีสิทธิ์เข้ามามิใช่หรือ?”

อดีตลูกเข้าเวียงเงียบ ผู้กองหนุ่มจ้องใบหน้าอึดอัดเล็กน้อย ทั้งคู่คล้ายถูกบังคับให้อยู่ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วต่างฝ่ายต่างอย่างหลีกหนี

“ที่บอกว่าคุณรักผม จริงรึ?”

“ผมไม่โกหกความรู้สึกของตัวเอง เพราะผมรู้ว่ามันรั้งแต่จะทำให้สูญเสียในสิ่งที่เราต้องการ หรือคุณโกรธผมที่ผมบอกกับคุณไปแบบนั้น ความรู้สึกของผมทำให้หนักใจหรือ แค่อยากให้รับรู้ไว้เท่านั้น คุณไม่ต้องจำ ผมเข้าใจว่าคุณอาจจะรำคาญ”

“ผมแค่ตกใจ...”ธีรเดชเอ่ย

รอยยิ้มกิ่งไผ่ช่างมัวหมองดั่งตะวันถูกเมฆฝนบดบัง

“ผู้กองยังห่วงความรู้สึกผมหรือ มัน...ไม่จำเป็นแล้วล่ะ”

ไม่อยากให้ชายหนุ่มมาสมเพชกับสิ่งที่ตัวเองกระทำลง เพราะบางครั้งแล้วการสงสารมันอาจทำให้เกลียดตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม

“ผม...”

ธีรเดชไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร จะหนีจากสถานการณ์นี้ไม่ได้ มันต้องจัดการให้เรียบร้อย หากยืดเยื้อไป ต่างฝ่ายต่างต้อง ‘เจ็บ’

“ผมไม่เป็นอะไรหรอก กลับไปเถอะครับ ผมขอร้อง”

ธีรเดชก็ยังยืดเยื้อกับความรู้สึกของชายหนุ่ม ยิ่งทำแบบนี้ไม่รู้เลยรึไงว่าทำให้ใครต้องปวดร้าว สายตาที่มองมามันตอบอะไรให้กับเรื่องราวนี้ ทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีทางแล้ว อดคาดหวัง คิดเข้าข้างตัวเองว่าหากอีกฝ่ายยังห่วงอาทร ในใจยิ่งหวั่นไหว ผู้กองธีส่งสายตาอ่อนล้าราวกับขบคิดปัญหาไม่แตก กิ่งไผ่เห็นสายตานั่น ชายหนุ่มได้แต่นั่งลง เพราะไม่อาจเปลี่ยนความรู้สึกของอีกฝ่ายได้เลย

------------------------------------------------


ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ใบหน้าแหงนมองท้องฟ้า สีดำมืดฉาบโลกไว้พาใจให้หม่นมืด ธีรเดชนั่งใจลอย ในที่สุดเขาก็เดินออกมาโดยที่ทิ้งไว้ให้กิ่งไผ่นิ่งเงียบ สีหน้าที่ซ่อนใต้เรือนผมหนาเหลือเพียงความว่างเปล่า

“คิดไม่ตกเรื่องของอดีตลูกเจ้าเมืองรึไงผู้กองธี”

ภานุที่เดินมาหยุดข้างๆถาม ธีรเดชเหลือบตามอง

“ผู้กองภานุไปยุ่งอะไรกับเขาล่ะ?”

ธีรเดชไม่ตอบ ย้อนถามกลับ ร้อยเอกภานุถอนใจเฮือก

“ผมแต่เข้าไปถามเขาเผื่อว่าเขาจะใจอ่อนยอมบอกอะไรเกี่ยวกับเรื่องการโจมตีหน่วยลาดตระเวนเราเท่านั้นเอง”

“แค่นั่นเองรึ”น้ำเสียงของธีรเดชดูเครียด

“แล้วผู้กองคิดว่ามันจะมีเรื่องอะไรอีกล่ะ?”

ธีรเดชนิ่งเงียบ หลับตาลง ภานุยิ้มเยาะ

“คงไม่คิดว่าผมไปทำอะไรเขาหลังจากมีเรื่องกับผู้กองธีหรอกนะ?”

ธีรเดชลืมตาที่มีแต่ความคิดมากขึ้นกระชากคอร้อยเอกภานุขึ้น

“ผู้กอง!”

แรงกระชากทำให้ร้อยเอกภานุเกือบเสียหลัก โชคดีที่มันทำให้วางมาดผู้ที่เยาะเย้ยได้ ธีรเดชมองอย่างขุ่นเคืองสุดท้ายแล้วก็จำต้องปล่อยมือเมื่อได้ยินคำพูดของภานุ

“ผู้กองธีโมโหเรื่องอะไรกันแน่ครับ”

ธีรเดชที่ได้แต่เก็บความขุ่นเคืองใจ รู้ว่าภานุเข้าใจ

“หรือเคืองที่ยังไม่อาจแก้ไขเรื่องยุ่งยาก?”

ธีรเดชทรุดนั่งลงเมื่อผู้กองภานุนั่งลง มองดูท้องฟ้าไร้แสงดาว

“ผมไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงดี”

“รำคาญรึ”

ภานุตีความหมาย ธีรเดชส่ายหัว ชายหนุ่มกำมือแน่น ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี

“ดูท่า...เขาจะมีความรู้สึกพิเศษต่อผู้กองธีนี่”

“ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นได้เลย ว่าเขาจะรักผม”

“ผู้กองรังเกียจความรู้สึกนั่น?”

ธีรเดชถอนใจออกมา

“เปล่า ผมนั่นแหละที่ผิด ที่ทำให้เขาเป็นแบบนั้น...รักจนไม่อาจตัดใจ”

ภานุนึกถึงต้นธาราขึ้นมาทันทีทันใด มือกร้านถูไปมาอย่างเหม่อๆ

“ถ้าคุณไม่ได้รักเขา ก็อย่าให้ความหวังเลย ตัดให้ขาดแล้วเขาจะได้รู้สึกตัวสักที”

“ผมทำไม่ได้ ผม....”ธีรเดชก็ยังจะรั้งความเจ็บปวดเอาไว้

“ทำแบบนั้นไม่ดีต่อใครหรอกนะครับผู้กองธี”ภานุเอ่ยก่อนลุกขึ้น

“ผผมเคยเจ็บปวดจนเกือบจะเสียของสำคัญไป มันเป็นเพราะการตัดสินใจผิดแท้ๆ ผู้กองก็อย่าเป็นแบบนั้นก็แล้วกัน...”

กล่าวทิ้งท้ายก่อนให้ธีรเดชนั่งอยู่ตามลำพัง

------------------------------------------------

ความรู้สึกที่จางไป มันทำให้กิ่งไผ่เศร้าได้แค่ครั้งเดียว เพราะรุ่งเช้า เขาตื่นขึ้นมา เขาพยายามลืมเลือนความรู้สึกนั่น ชายหนุ่มเข้ารวมการประชุมสืบสวนกับทางการไทย บางคำถามทำให้เขาต้องเงียบงัน

“การที่คุณหนีมากับผู้กองธีนั่นก็เพราะว่าโดนตามล่าตัวรึ จากกลุ่มของนายกฤษดา รายนี้เป็นนักค้ายาเสพติดข้ามชาติ เขามีส่วนเกี่ยวอะไรกับกองกำลังของฝ่ายคุณ ทำไมถึงได้สนับสนุนและเข้าร่วมโดยที่คุณไม่รู้ปูมหลังเขา?”

“เขาสนับสนุนกองกำลังเราด้านอาวุธ เราจำต้องร่วมมือโดยที่ไม่รู้ว่าเขาได้เงินส่วนนั้นมาจากไหนแต่...มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนี้สำหรับการช่วยเหลือทางด้านการเงิน”กิ่งไผ่ตอบ

“ทำไมเขาทรยศคุณ”

“นั่นก็เพราะว่าต้องการคุมค่ายและเราก็มีปัญหากับนายพลคะฉิ่นมานานแล้ว นายกฤษดาน่ะเป็นแค่หนอนบ่อนไส้ คิดช่วงชิงและทำลายกองกำลังเรา”

ผู้พันชานเนนที่สอบถามหันไปกล่าวกับสองนายพลที่รับฟัง

“เวียงวนรัฐะเกิดจารจลในการช่วงชิงอำนาจครับ ทำให้สองขั้วอำนาจคือนายพลคะฉิ่นกับนายพลอินคานแตกคอกัน อีกอย่าง...สองท่านนี้เป็นพี่น้องกัน”

คำกล่าวของนายพลชานเนนทำให้กิ่งไผ่ที่มีสีหน้าเรียบเฉยตลอดขุ่นเคืองใจ

“กลายมาเป็นสงครามที่แย่งยิงเมืองคืน”

นายพลพิภพผงกหัว

“ตอนนี้ท่านนายพลอินคานอยู่ที่ไหน?”

“ไม่ทราบ เราแยกจากกันตอนช่วงที่กำลังชุลมุนเป็นตายร้ายดีอย่างไรผมไม่อาจตอบได้”

คำกล่าวห้วนๆทำให้ทุกคนนิ่งเงียบ

“งั้นตอนนี้กองกำลังคุณก็คงไม่มีเหลือ?”

กิ่งไผ่ผงกหัว สีหน้าเศร้าขึ้นมาเล็กน้อย

“คุณพอจะช่วยเหลือเราในการสืบต้นตอไปถึงขบวนการขนส่งของกฤษดาได้ไหม?”

“เรื่องนั้นผมช่วยแน่ เพราะเกี่ยวพันถึงตัวนายพลคะฉิ่นด้วย”

กิ่งไผ่ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาลุกขึ้นเมื่อเสร็จสิ้นการประชุม พอเดินผ่านธีรเดชซึ่งมองหน้า อดีตลูกเจ้าเวียงเดินคอเชิดตรงท่ามกลางผู้คุ้มกัน

------------------------------------------------

เมื่อความรู้สึกมันเปลี่ยนไป มันไม่มีทางไหนที่จะทำให้เหมือนเดิมได้อีกแล้ว พอคิดแบบนี้ธีรเดชราวกับถูกเข็มทิ่มในอก ชายหนุ่มได้แต่มองร่างสูงเดินผ่านด้วยสีหน้าบอกไม่ถูก ยิ่งดูห่างไกลเสียทุกทีๆ ชายหนุ่มกลับที่พัก นั่งพิงขอบเตียงคิดเงียบๆ

...ที่ผ่านมาผ่านความลำบาก เผชิญกับเรื่องต่างๆ เขาได้เห็นการกระทำของกิ่งไผ่ เหมือนกับจะหลอกหลวงเขา เจ็บปวด โดดเดี่ยว...

สีหน้าของผู้กองหนุ่มคิดไม่ตก เขามีสัมพันธ์กับอีกฝ่าย สัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะคาดไว้ คิดแค่เพียงการหลอกใช้ ทำไม...สายตาเจ็บปวด เศร้าถึงได้มองมาให้เขาได้สับสน ดวงตาสีน้ำตาลของต้นธาราคล้ายๆกับจะเลือนไป ทดแทนด้วยดวงตาสีดำที่จ้องด้วยความร้าวราน ต้นธารา...คนที่เคยรักมีความสุขกับคนที่ตามหา เหลือแต่เขาซึ่งได้แต่เก็บความรักเงียบๆ เคยคิดว่าเจ็บปวด ทว่ามันไม่เหลือความรู้สึกนั้นอีกแล้ว ธีรเดชลุกขึ้น ความรู้สึกในใจเอ่อล้นกับคำบอกรักที่ละลายในอก น้ำที่พร่างพรม มีเขาคนนั้นเท่านั้นที่ร้องไห้เพื่อเขา ดวงตาสั่นไหวเพียงคู่เดียวที่มอบให้เขา เปี่ยมด้วยความอ่อนหวาน และเศร้าสร้อยที่สุด เขาเองที่เป็นฝ่ายทำร้ายอีกฝ่าย อยากพบอีกครั้ง...ชายหนุ่มลุกขึ้น อาจจะสายไปแต่เขาต้องกลับไปแก้ตัวใหม่ ทบทวนว่าหัวใจในตอนนี้ เขารักใคร เมื่อตัวเองสับสนอยู่แบบนี้ ร้อยเอกหนุ่มเดินไปหากิ่งไผ่ที่ห้อง อดีตลูกเจ้าเวียงวนรัฐะกำลังนั่งคุยกับภานุ สีหน้าไร้ซึ่งความเจ้บปวดและไร้ซึ่งคำบอกรัก รอยยิ้มที่ไม่ค่อยปรากฏเผยออก ธีรเดชได้แต่นิ่งเงียบ ไม่รู้ว่าคนทั้งคู่คุยอะไรกัน เหมือนกับว่าสถานที่ที่กำลังจะก้าวเข้าไปกลายเป็นสถานที่ต้องห้ามทันที

...ทำไม ภานุมาอยู่ที่นี่?...

พยายามคิดในแง่ดี มองหาทหารที่น่าจะเป็นเวรยามก็ไม่พบ พอกำลังลังเล สายตาดุดันมองเห็นตัวเขาพอดี

“อ้าว ผู้กองธีมีอะไรครับ?”

ภานุเดินตรงมาที่ประตู สายตาของธีรเดชมีคำถามในดวงตา


“แล้วผู้กองละครับ?”

“ผมรึ ผมถูกใช้ให้มาเฝ้าเวรยามแทนหมวดอานุภาพน่ะ”

“คุยอะไรกันเอ่อ...เขา?”สอบถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ก็ไม่มีอะไรมาก เป็นแค่เรื่องทั่วๆไปน่ะ พูดไทยเก่งทีเดียวนะ แถมประวัติน่าสนใจด้วย”

“ยังไงครับ?”ธีรเดชไม่เข้าใจอะไรเลย

“ผมอ่านประวัติที่ผู้พันชานเนนนำมา เห็นว่าเคยอยู่โรงเรียนทหารเวสพอยท์ด้วย เป็นคนเก่งทีเดียว มีเรื่องดำมืดเยอะทีเดียว”

“ผม...”เขาไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย ภานุยิ้มอ่อนๆ

“ผู้กองคงไม่ได้อยู่ร่วมประชุมอีกรอบตอนที่ให้คุณกิ่งไผ่กลับไปแล้วสิ?”

ธีรเดชผงกหัว

“แล้วผู้กองธีมีอะไรหรือเปล่าครับ”

ธีรเดชมองเข้าไปในห้อง เห็นสายตาทอดมองมา สายตาที่กลายเป็นสิ่งสูงค่าจนไม่กล้าเอื้อมถึงมันทำให้ชะงัก

“อ้อ เปล่า...เปล่า...แค่มาดูความเรียบร้อยเท่านั้น”

“อ้อ...ครับ ที่นี่เรียบร้อยดี”

“เอ่อ...ผู้กองภานุดูสนิทกับเขาเร็วจริงๆ”

ภานุหัวเราะในลำคอ

“ก็ชวนคุยไปตามประสาแหละครับ ผู้กองธีมีอะไรอีกไหมครับ หรือว่าจะคุยกับคนในห้อง”

ธีรเดชส่ายหัว ก่อนขอตัวออกมาเสีย ในใจรู้สึกเจ็บหนึบ แต่...เป็นตัวเขาเองที่ทำตัวเองมิใช่หรือ?

------------------------------------------------

Asahi

  • บุคคลทั่วไป
 :m22: :m22: :m22: :m22: :m22:
มาแร๊ว !!!~
ขอบคุณค๊าบ
 
 :pig4:


ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
วันนี้ไม่ได้จิ้มเท่ร๊าาาาาก  :z3: :z3: โดนตัดหน้า

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
เอาให้แน่นะคุณธี

ถ้ารักเขาก็รีบบอก  ก่อนที่มันจะสาย

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
เกียรติยศ กบฏหัวใจ 35 Once Time Last Night / แค่คืนหนึ่ง (PART4)

http://media.imeem.com/m/hiwfC4paZr

ต้นธาราได้ออกจากห้องปลอดเชื้อแล้ว ชายหนุ่มมองเพดานห้อง....อีกไม่นานเขาก็จะได้ไปอยู่กับภานุ ในใจสุข ขณะคิดอะไรเพลินๆนั้นประตูห้องก็เปิดออก หันมองเป็นร่างป้าสม ใบหน้าของนางแจ่มใสขึ้นมาก นางมองดูใบหน้าของคุณหนูดูเปี่ยมสุข

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ป้าดีใจมากที่คุณหนูออกจากห้องปลอดเชื้อได้แล้ว”

รอยยิ้มของหญิงชราเผยให้เห็นถึงความโล่งใจ ต้นธารากระพริบตาปริบๆ มือเหี่ยวย่นวางทาบต้นแขน

“ผู้กองธีมาเยี่ยมคุณหนูค่ะ คอยอยู่ข้างนอก ทำหน้าเศร้าเชียวไม่รู้ว่าเป็นอะไร”

สีหน้าของคนป่วยดีใจ ผุดลุกจากเตียง

“ธีมาเหรอครับ มากับใคร?”

ใบหน้าซีดราวกับมีสีเลือดซับอ่อนๆ ประตูเปิดออก สีหน้าดีใจพลันมลายเมื่อเห็นร่างที่ก้าวเข้ามา

“ผมมาคนเดียวน่ะ”

ธีรเดชตอบก้าวเข้าใกล้เตียง สีหน้าดีใจค้างยิ้มอ่อนเพลีย

“ธี...”

“ป้าสมครับผมขอคุณกับธารตามลำพังสักครู่นะครับ”ธีรเดชร้องขอ

แม่นมของตนธาราผงกหัว คุณหมอมองเสี้ยวหน้าครึมๆก็เอ่ยปากถามอย่างป็นห่วง

“ธี...ไม่เป็นอะไรนะครับ?ตอนผมป่วยธีก็หายไปผมเป็นห่วง”

ธีรเดชยิ้มอ่อนๆ“ผมไม่เป็นอะไรหรอก ว่าแต่ธารเถอะสบายดี มาเยี่ยมคราวนั้นไม่ได้เข้ามาหาเลย”

“ผมสบายดีครับธี ไม่เป็นอะไรแล้ว เอ่อ...แล้ว...”

อยากถามถึงคนที่อยู่ในใจแต่ก็เกรงใจ ดูเหมือนธีรเดชจะเข้าใจ

“หมายถึงผู้กองภานุน่ะรึ ตอนนี้เขาติดงานน่ะ ผมลามาดูธารเท่านั้นแหละ”

ดวงตาคล้ายดั่งหมอกรางเลือนในแววตาคู่อ่อนโยน ต้นธาราเอื้อมมือแตะต้นแขนของชายหนุ่มเบาๆ

“ธีเงียบไปแบบนี้ เป็นอะไรไป”ถามเสียงเบา

ธีรเดชเงยหน้ามองผู้ที่ตัวเองรัก...มาเนิ่นนาน สายของอีกฝ่ายมอง...เป็นแค่เงา

“ที่จริงผมมานี่ตามลำพังเพราะมีเรื่องจะบอกธารน่ะ ถ้ามากับผู้กองภานุผมคิดว่าไม่สะดวกนัก”

“บอก?ธีจะบอกอะไรผมเหรอ?”

สายตาของชายหนุ่มมองใบหน้าซีดเซียว ไม่สดใส ธีรเดชกุมมือของต้นธาราไว้ คุณหมอสัมผัสถึงบรรยากาศแปลก

“ผมรักคุณ”เกิดความเงียบงันไปชั่วขณะ ธีรเดชเอ่ยตอบ “รักมานานแล้วตั้งแต่ผมเป็นทสของพ่อคุณ.”

ต้นธาราชักมือกลับ สีหน้าหนักใจ

“ธี...ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ที่ผ่านมาธีก็รู้นี่ว่าธีเป็นได้แค่พี่ชายที่แสนดีเท่านั้น”

ธีรเดชถอนใจเมื่อได้ยินคำปฏิเสธ

“ผมรู้แล้วละธารว่าใจคุณไม่ได้รักผมเลย แค่ผมได้บอกคุณไปผมก็สุขใจแล้วล่ะ”

ต้นธาราเงียบงัน เขาไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดๆมากล่าวดี

“ธาร...คุณไม่ต้องทุกข์ใจเรื่องของผมหรอกนะ ขอให้คุณฟังคำบอกรักของผมแล้วให้มันจางหายไปกับสายลมเถอะ”

ธีรเดชบอกไปแบบนั้นแต่ในใจของต้นธาราราวกับมีคลื่นพายุลูกใหม่สาดกระทบเข้าฝั่ง มือหนากุมมือบอบบางไว้ความเย็นเยียบผ่านสู่ปลายนิ้ว

“ธาร มือเย็นเจี๊ยบเชียวไม่เป็นอะไรนะครับ?”

ธีรเดชเป็นกังวล ต้นธาราส่ายศรีษะ

“ไม่ครับ...”ต้นธาราตอบด้วยสีหน้าพยามทำให้สดใส

ธีรเดชลุกขึ้น“ผมมารบกวนธารพอแล้วล่ะ”ชายหนุ่มลุกขึ้น นั่นหมายถึงธุระจบลง

“ธี อยู่นานๆก็ได้นะ”

ธีรเดชยิ้ม“อยากอยู่ครับ แต่หนีงานมาแบบนี้เดี๋ยวแย่เอา”

มือที่กุมไว้ปล่อยออกอย่างเสียดาย สายตาสีน้ำตาลมองร่างที่เดินจากไป ป้าสมเข้ามาเมื่อธีรเดชบอกว่าเสร็จธุระแล้ว

“อะไรกันคะ ผู้กองธีมาแค่แป๊ปๆก็ไปแล้ว”

“ผู้กองมีธุระน่ะครับ มาบอกเรื่องธุระสำคัญเท่านั้นแหละ”

ป้าสมขมวดคิ้ว ต้นธาราก็ไม่ได้อธิบายมากความ

“เเออ จริงสิ ป้าเกือบลืมไปแล้วเชียว คุณท่านโทรมาหาเจ้าค่ะ ท่านดีใจที่คุณหนูออกจากห้องปลอดเชื้อแล้ว ท่านว่าจะให้ผู้กองภานุมารับไปที่นู่นน่ะค่ะ ตอนนี้กำลังทำเรื่องย้ายอยู่ คงสักเสาร์นี้แหละค่ะถึงเสร็จ”

ต้นธารารับฟังเงียบๆ

“ไปอยู่ที่เหนือป้าคงไม่ได้อยุ่ดูแลคุณหนูอีก”

ดวงตาสีน้ำตาลฉงนฉงาย“ทำไมครับป้า”ริมฝีปากซีดพึมพำ

“ป้าต้องอยู่ดูแลบ้านที่กรุงเทพนี่แหละค่ะ คุณหนูก็ไปอยู่กับคุณท่านที่นั่น...”

ต้นธารารับฟังก่อนนอนเงียบๆ รู้สึกว่าทุกอย่างมันกำลังเปลี่ยนไปให้กังวลใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

“ป้าไม่ไปกับผมหรือครับ?”

“ป้าแก่แล้วเจ้าค่ะ อีกอย่างคุณท่านก็บอกว่าคุณหนูไปอยู่ที่นั่นก็มีคนดูแล ป้าเลยวางใจ”

ต้นธาราพิศมองร่างหญิงชราที่ดูแลเขามาตั้งแต่เด็กๆจนกระทั่งเติบใหญ่ ในใจมีความรู้สึกหลากหลาย...อาจเป็นเพราะเหงารึเปล่าที่คิดว่าตัวเองเหมือนอยู่โดดเดี่ยว ทั้งเรื่องที่ผู้กองธีรเดชบอกรักอีก แม้จะรู้...แต่อดคิดถึงเรื่องที่เกิดมานานแสนนานแล้วอีกไม่ได้ ความรักแม้ว่าไม่ได้ครอบครอง ขอแค่ได้บอก มันดีแล้วหรือ? คุณหมอนอนคิด ยิ่งเย็นย่ำ ความกลัวราวกับเอ่อล้น...ทำไม? มองป้าสมที่นั่งอ่านหนังสือ ดวงตาเหม่อลอย

------------------------------------------------

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-12-2008 18:02:04 โดย มูมู่น้อย »

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ใกล้วันเสาร์เข้ามาในใจของต้นธาราก็กระวนกระวาย เรื่องที่ผู้กองธีรเดชบอกรักไม่เลือนลบไปจากใจ ความรู้สึกที่มีให้แก่ธีรเดชของเขาก็แค่พี่ชายที่แสนดีเท่านั้น ธีรเดชเคยเป็นที่พักพิงทางใจเมื่อเข้าหัวใจร้าวรานทั้งเรื่องพ่อและภานุ เขาเห็นแก่ที่ดึงรั้งความรู้สึกของธรเดชเอาไว้

“คุณหนูคะ เดี๋ยวคุณหมอมาดูตรวจดูอาการอีกรอบเจ้าค่ะ”

ป้าสมมารายงาน ต้นธารามองนายแพทย์ประจำตัวเดินเข้ามาตรวจดูความสมบูรณ์พร้อมของร่างกาย

“สุขภาพของคุณหมอธารแข็งแรงดีครับ”นายแพทย์อดิเรกเอ่ย “ต้องพักผ่อนมากๆไปอยู่ที่เหนือก็ทำตามทีหมอสั่งนะครับ”

ต้นธารารับคำ แล้วเเขาก็ได้ย้ายเตียงไปขึ้นรถที่รอรับ

“ฝากคุณหนูด้วยนะคะผู้กอง”

ภานุซึ่งประคับประคองให้ต้นธารานั่งให้เรียบร้อยนั้น ยิ้มให้กับป้าสม

“ได้ครับ”

ชายหนุ่มรับปากก่อนจะขึ้นรถหลังล่ำลาเสร็จ ต้นธารานั่งกุมมือผอมๆของตัวเองไว้ สีหน้ากังวลใจ

“เป็นอะไรรึธาร นั่งทำหน้าบึ้งเชียว”

ต้นธาราไม่ได้ตอบคำถามอะไรเอาแต่ก้มหน้ามองดูมือตัวเอง ภานุเหลือบสังเกตอยู่ตลอดเวลา พอสบโอกาสจึงละมือจากพวงมาลัยเอื้อมกุม สายตาสีน้ำตาลเหลือบมองแม้ว่าจะสะดุ้งเล็กน้อย

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าธาร?”

ต้นธารายิ้มนิดๆเพียงเท่านั้นเอง

“ไม่มีอะไรหรอกครับ”

แล้วต้นธาราก็เงียบไป ภานุรู้สึกไม่สบายใจเท่าไรนักที่เห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนี้ ชายหนุ่มปล่อยไว้ก่อนที่จะยุ่งเกี่ยวเรื่องที่ติดค้างในหัวใจอีกฝ่ายภายหลัง

“ไปถึงธารอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม?”

ภานุชวนคุย หากต้นธาราส่ายหัวทื่อๆ

“เหนื่อยก็นอนได้นะธาร ถึงแล้วผมจะปลุกเอง”

ต้นธาราผงกหัว ก่อนพิงพนักหลับ มือวางพาดอยู่กับหน้าท้อง ใจของภานุดูเจ็บปวดเมื่อเห็นใบหน้าซูบๆ ข่มอารมณ์ไว้ ทั้งๆที่ในใจเจ็บปวดยิ่งนัก

------------------------------------------------

เมื่อต้นธารามาถึงยังบ้านพักในค่ายใครๆต่างมาเยี่ยมคุณหมอ ต่างต้องตกใจเมื่อรู้ว่าต้นธารานั้นเป็นลูกใคร

“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะคุณหมอธารว่าคุณหมอจะเป็นลูกชายของนายพลพิภพ”

คุณหมอมาริสาเอ่ย ต้นธาราได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ จ่าแม้น ร้อยเอกรังสรรค์วางดอกไม้ซึ่งเป็นของเยี่ยมให้

“เห็นว่าผู้พันมีทรัพย์จะมีแขกสำคัญมาไม่คิดว่าจะเป็นคุณหมอเลย”ร้อยเอกรังสรรค์เอ่ย

ต้นธารายิ้มอ่อนๆ“ครับ...เอ่อ..แล้วผู้กองกับจ่าเป็นอย่างไรบ้างครับ?เห็นว่าบาดเจ็บ”

“สบายๆครับคุณหมอ”

จ่าแม้นตอบ สายตาของต้นธาราสอดส่ายหาอดีตคนเคยร่วมงาน

“แล้วหมวดอานุภาพล่ะครับ?”หันมองรอบๆห้อง แล้วเอ่ยถามขึ้นมา

“อ้อ หมดอานุภาพเขาดูแลแขกพิเศษอยู่น่ะ”

หัวคิ้วของต้นธาราย่นเข้าหากัน

“แขก?”แต่แล้วผู้พูดก็เปลี่ยนเรื่องเสีย

“ท่านนายพลมาแล้ว”

นายพลพิภพเดินเข้ามา สีหน้าเคร่งขรึม

“งั้นพวกเราแยกย้าย”

ผู้เข้ามาเยี่ยมทยอยกลับ คงเหลือแต่ผู้พันมีทรัพย์และร้อยเอกภานุ

“ธีล่ะ?”

ต้นธารากระซิบถาม ไม่มีใครให้คำตอบ นายพลพิภพเดินเข้ามาดูบุตร

“ธาร...ลูกเก่งมากนะที่อดทนได้มาถึงป่านนี้”

มือสากจับมือขาวซีดของบุตรขึ้น สายตาของเสือเฒ่ามองลูกชายด้วยความห่วงใยเปี่ยมล้น

“ครับพ่อ ได้กำลังใจจากพ่อแล้วก็ทุกๆคน มันทำให้ผมมีช่วงเวลานี้ได้ครับ”

ต้นธาราตอบพลางถอนใจ นายพลตบหลังมือบุตรชาย

“งั้นก็นอนพักซะลูก ตอนนี้พ่อมีงานเยอะเหลือเกิน”

พอทุกคนออกไป ภานุที่รั้งรออยู่คนท้ายสุดก็สืบเท้าเข้ามา ต้นธารายิ้มอ่อนๆให้แก่คนรัก

“เหนื่อยมากไหมธารนั่งรถมานานคงเมื่อยขบไปหมดสินะ”ภานุนวดบ่าให้เบามือ

“ธีล่ะ? มาถึงนี่ ผมไม่เห็นเขาเลย”

“เอ่อ...ผู้กองธีออกไปทำงานน่ะ ธารมีเรื่องอะไรล่ะ”ภานุตอบพลางทรุดนั่งยังเก้าอี้ข้างเตียง

“แล้วคุณละ ไม่ไปทำงานรึไง?”ต้นธาราถาม

“ผมรึ ก็ทำงานเสร็จแล้วไไง”

คนป่วยย่นคิ้ว“งานอะไร?”

“ก๊องานรับคุณไง”

ต้นธาราคลี่ยิ้มออกมา ภานุใช้มือแตะใบหน้าของต้นธาราเบาๆ ลูบไล้นุ่มนวลก่อนใช้นิ้วเกลี่ยริมฝีปากไร้สีเลือด คนป่วยจ้องใบหน้าดุดันเนิ่นนาน ก่อนจะเอ่ยคำบอกรักของธีรเดชให้ภานุฟัง

“ผู้กองธีเขามาสารภาพรักกับผม”น้ำเสียงอ่อนล้า แผ่วเบาราวกับดอกไม้แล้งน้ำ

“ทุกข์ใจหรือ?” ภานุภาม

ต้นธารากลับยิ้มเศร้าๆ ผงกศรีษะ

“ธีน่ะ ผมเห็นว่าเป็นพี่ชายมานาน ให้ความเคารพเขา...ไม่เคยคิดว่าเขาจะรักผมจริงๆ ทั้งๆที่เขารู้อยู่แก่ใจดีว่าผมรักใคร”

สายตาที่เอ่ยคำว่ารักทอดมองใบหน้าคมกร้าว ภานุเห็นสายตาเปี่ยมด้วยความรักใคร่ก็ก้มจูบหน้าผากแผ่วๆ ต้นธาราดันไว้ทำให้ใบหน้าแกร่งที่โน้มเข้าหาชะงัก ก่อนจะเอ่ยต่อ

“ผมทำให้เขารักมานาน....แต่ก็ไม่อาจตอบสนองไปได้ เหมือนกับความรักของผู้พันนาคี”

ดวงตาสีน้ำตาลมีแววคะนึงหาเรื่องสมัยอดีตที่ควรลืมเลือนไปเสียที มันทำให้ภานุดูไม่สบายใจไปด้วย

“ธาร...เราไม่อาจย้อนเวลาไปไขอดีตได้อีก เราต้องอยู่ปัจจุบัน อย่าคิดถึงอะไรอีกนะธาร คิดถึงผม แค่ผมเท่านั้น”

ภานุเอ่ย ลุกขึ้นโอบกอดร่างของคนป่วยในอ้อมแขน แสงแดดยามเย็นสอดผ่านมุ้งลวดกระทบโต๊ะไม้ เงาของชายหนุ่มแข็งกร้าว โอบรอบเงาที่อ่อนไหวไปกับอารมณ์

“อื้ม...”ต้นธารารับคำ

ภานุปล่อยร่างคนป่วยออกจากอ้อมอก

“แล้วเรื่องของธีรเดชน่ะคุณไม่ต้องห่วงหรอก อาจเป็นเพราะเขายังสับบสนอยู่ก็เป็นได้”

“สับสน?”ต้นธาราทำหน้าฉงน

“อื้อ...แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะธาร”

คนป่วยอยากจะถามว่ามันคือเรื่องอะไรกันแน่ หากชายหนุ่มตัดบทก่อน ภานุเหลือบมองนาฬิกาแล้วทำหน้ามุ่ย

“ธารอยู่นะเดี๋ยวผมมา”

มองร่างสูงเดินห่าง ต้นธาราล้มตัวนอน ค่อยๆระงับอารมณ์กลัวที่เข้าเกาะกุม ท้องฟ้าฉาบสีส้ม เงาตัดกับกับท้องฟ้า ชีวิตที่ได้เกิดใหม่เฝ้ามองท้องฟ้า ผู้ให้ชีวิต...มีอยู่สองคน...หนึ่งคือร้อยเอกนาคีหรือว่าผู้พัน...และอีกหนึ่งชีวิตคือผู้กองภานุ สีหน้าอ่อนเพลียปรากฏ อย่างไรเสียก็ไม่อาจปล่อยอารมณ์ให้สบายใจได้เลย

------------------------------------------------

ภานุเดินออกมาจากห้องของต้นธารา พบเห็นนายพลซึ่งพิงเสาบ้าน ใบหน้าเสือเฒ่าดูอึมครึ้ม แม้ภานุจะเกร็งขนาดไหนชายหนุ่มก็อุตส่าห์กัดฟันเดินเข้าไปหา

“ขอบใจมากเรื่องที่ไปรับลูกฉันให้ ที่นี่ก็วุ่นๆยุ่งๆ ส่งร้อยเอกธีรเดชไปที่เวียงนวรัฐะกับพันเอกชานเนนเสร็จก็ไม่มีเวลาเลย”

ภานุรู้ว่าท่านอยากไปรับลูกเองกับมือมากกว่า ไม่ได้ตอบอะไรไปนอกจากนิ่งเฉย

“ผมยินดีรับใช้ท่านครับ”

“มีเรื่องอยากคุยด้วย”นายพลพิภพเรียก

ชายหนุ่มยืนตัวตรง

“ท่านมีอะไรจะพูดกับผมหรือครับ?”

ดวงตาจ้องมองเสือเฒ่าขรึมๆ ดูท่าทีท่านนายพลอึดอัดใจเมื่ออยู่กับเขา

“เรื่องของธารนั่นแหละ อันที่จริงฉันก็ไม่ชอบขี้หน้าแกเท่าไรนักหรอก แต่แกก็เป็นทีพึ่ง เป็นอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตธารแล้วฉันก็ได้แต่ภาวนาให้แกดูแลเขาให้ดี”

ภานุไม่แสดงอาการดีใจใดๆออกไป ได้แต่รับคำด้วยเสียงหนักแน่น

“ครับผม!”

รู้ดีว่าไม่ง่ายนักที่ท่านนายพลจะยกธารให้ง่ายๆ เป็นเพราะท่านไว้ใจ ท่านจึงกล่าวเช่นนี้

“อย่าให้มันเกินงามไปนักล่ะ”

นายพลพิภพกล่าวทิ้งท้าย ภานุมองท่านจนลับตาแล้วแวะเข้าไปหาต้นธารา

“ไปไหนมาหรือ เหมือนได้ยินเสียงพ่อ แต่จะใช่รึเปล่าก็ไม่รู้”

ภานุยิ้มบางๆ“ใช่ท่านจริงๆนั่นแหละ”

“อ้าว แล้วพ่อไปไหนแล้วล่ะ?”

“อ้อ ท่าน..เอ่อ...รีบไปทำธุระน่ะ”ภานุเอ่ย

คนป่วยทำหน้างุนงง

“ธาร...คืนนี้ออกไปกับผมได้ไหม?”

“ออกไป?”

ภานุยิ้มอย่างมีเลศนัย

“อะไรทำให้แปลกใจอีกแล้วสิ?”ต้นธาราว่า มองมือหนาห่มผ้าให้

“นอนพักเถอะครับ เอาไว้คืนนี้เดี๋ยวคุณก็รู้เองแหละ”

ต้นธาราปิดเปลือกตาตามที่ชายหนุ่มบอก พอหลับไป ภานุพรูลมหายใจ สีหน้าหนักหน่วง

...งานที่เริ่มทำ มันอาจทำให้ต้องห่างต้นธาราสักระยะ ขอแค่ช่วงนี้...อยู่กับสายน้ำที่คอยโชลมใจ

ภานุยกแขนข้างหนึ่งของคนป่วย ประทับหลังมือเย็น ถ่ายทอดไออุ่นอ่อนโยนให้แก่อีกฝ่าย สีหน้าราวกับคนใกล้ตาย อยากแนบไว้ในอ้อมแขนไม่ให้หายไปไหน กุมผู้เป็นชีวิตครึ่งไว้แนบแน่นอย่างไม่มีวันปล่อย

------------------------------------------------

ตกดึกดวงตาสีอ่อนลืมขึ้นมา มองเห็นภานุเดินเข้ามาใกล้ ค่อยๆประคับประคอง ต้นธารามองรอบๆ เห็นว่าเบื้องนอกดึกจึงฉงนว่าทำไมภายในบ้านเงียบผิดปกติ

“พ่อ คนอื่นๆล่ะ? จริงสิ ผมลืมผู้พันชานเนนไปเลย เขากลับบ้านเมืองเขาแล้วรึ?”

ต้นธาราตั้งคำถาม ภานุรินน้ำให้ คุณหมอรับมาดื่ม ร่างสูงอาศัยช่วงนั้นอธิบาย

“ยังไม่เสร็จงานกันน่ะ”ตอบสั้นๆ

ต้นธาราไม่ได้เซ้าซี้อะไรมาก

“แล้วผู้กองภานุไม่ทำงานรึไง?”

“...งานผมอีกอย่างคือดูแลคุณช่วยคราวน่ะ มานี่สิ อาศัยช่วงที่ยังไม่มีใครมานี่แหละ ผมจะพาไปดูอะไร”

ต้นธาราถูกฉุดขึ้นจากเตียงจนต้องร้องอย่างตกใจมื่อร่างอยู่ในวงแขนหนา

“ป...ไปไหน”

ต้นธารามองไปยังที่ทิศทางที่ร่างสูงพาเดิน ดิ้นเล็กน้อยก่อนจะหยุดเสีย วงแขนแกร่งค่อยๆประคับประคองร่างอ่อนล้า

“ตัวเบานะ ต้องกินเยอะๆรู้ไหมจะได้บำรุง”ชายหนุ่มเอ่ย

ต้นธารามอง คนที่เคยเย็นชาอ่อนโยนยิ่งนัก วงแขนบอบบางกอดแน่น ผู้ที่บอกยิ้มน้อยๆ ภาพของทั้งคู่ มันทำให้คนที่มองมาจากหน้าต่างห้องพลันชะงัก ใบหน้าตื่นละลึงในสิ่งที่เห็น

“พาไปไหน”

ต้นธาราถามเพราะรู้สึกหนาว ภานุบอกให้อดทน ก่อนจะพามายังทุ่งโล่ง แหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าจะเห็นดาวนับล้านดวง ท้องฟ้าสีกำมะหยี่สีดำถูกหว่านด้วยเพชรนับล้านดวง

“ดูสิ...”

ต้นธารามองตาม แสงดาวอยู่บนฟากฟ้า สวยสดงดงามประดุจอัญมณีเลอค่า ภานุวางร่างต้นธาราลงอย่างแผ่วเบา คนที่อยู่ในวงแขนซบกับอกอยู่เงียบๆ

“ไม่คิดว่าเซรไพรส์ของผู้กองช่างไม่เข้ากับนิสัยเอาเสียเลย”

ภานุหัวเราะ

“ยังมีอีกเยอะที่ธารยังไม่รู้เกี่ยวกับผม”

“ก็ยังหวานเลี่ยนได้ทั้งๆที่แต่ก่อน...”

ต้นธาราอ้าปากหาว ดวงตาปรือๆ ภานุจูบแนบหน้าผาก นั่งมองดาวด้วยกัน ได้หัวเราะ อยู่ในช่วงความสบายใจที่มีกันและกัน วงแขนโอบล้อมกายไว้แนบอก ภานุรู้สึกตัวเมื่อศีรษะเอนซบต้นขา ต้นธาราหลับใหลไป ชายหนุ่มปลดเสื้อนอกห่มให้ นั่งลูบผมสีน้ำตาลนุ่มมือเล่นอย่างใจลอย ผ่านไปนาน....ชายหนุ่มมองนาฬิกา พรายน้ำบ่งบอกว่าดึกแล้วจึงเขย่าตัวต้นธาราให้ตื่นขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลงัวเงีย ร่างสูงชวนขึ้นบ้านเสีย จูงมือเดินไปเงียบๆ จนถึงที่พัก หันมองอีกครา ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงอยากกอดเหลือเกิน ต้นธารายอมให้กอด เขานิ่งชั่วครู่ก่อนจะยกมือโอบรอบแผ่นหลังแกร่ง ริมฝีปากถูกแนบประกบทันที จูบ...เนิ่นนาน....จนต้นธาราต้องเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีแทน ทิ้งให้ภานุได้แต่อาลัย...กับรสจูบที่หวานล้ำ


Asahi

  • บุคคลทั่วไป

o14 ขอบคุณค๊าบ!!!~
คิดว่าวันนี้จะไม่ได้อ่านซะแล้ว
สุขสันต์วัน Christmas eve ครับ
 
:pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด