ตอนพิเศษ แท็คโน1
ผมนั่งมองไอ้ยาจกที่นั่งอยู่รอบๆกองไฟ ท่าทางมีความสุขหัวเราะชอบใจกับมุขฝืดๆของเพื่อนมัน จนลืมว่าผมนั่งอยู่ข้างๆ ทำไมถึงลืมนะ ทำไมมันถึงได้ลืม เรื่องวันนั้น
“อ้าววันนี้องคุณหนูแท็คก็มาหรอครับ”เสียงของตาแกหัวล้านรีบวิ่งเข้ามาพูดคุยกับผมทันทีที่ก้าวเข้าอ็อฟฟิตของป๊า
“อืม”ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ผมจะต้องยกมือไหว้ลูกน้องตัวเอง
“งั้นเชิญทางนี้เลยครับ”เดินนำไปยังลิฟเพื่อที่จะขึ้นไปชั้นบนที่มีห้องป๊าอยู่ ทำเกินหน้าที่จนน่ารำคราญ
ปิ๊ง
เพียงไม่ถึงนาทีประตูลิฟก็เปิดออกยังชั้นบนสุดของตึกที่ๆมีห้องทำงานของป๊าอยู่
“เดี๋ยวป๊าต้องเข้าประชุมจะไปด้วยไหม”หันมาถามทั้งๆที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว
“ไม่ครับ ผมจะรอที่ห้อง”ไม่ต้องรอให้พูดอะไรกันยืดยาว เพราะทุกครั้งที่มาก็ต้องเป็นแบบนี้ น่าเบื่อแต่ก็ต้องมา เพราะผมกำลังจะไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ได้ทุนของบริษัทผลิตเกมรชื่อดังของโลกที่ญี่ปุ่นจะช่วยเทรนการสร้างเกมร่วมไปถึงระบบซอฟแวร์ต่างๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากกับบริษัทนี้ในอนาคต
“นี่ครับพ่อ แฮ่ๆๆทันไหม”เด็กผู้ชายตัวเล็กๆผอมๆแต่ขาวเกินกว่าเด็กบ้านๆธรรมดา ผิวพรรณดูดีเกินกว่าเสื้อผ้าราคาถูกพวกนั้นที่สวมใส่มา
“ทันจ๊ะ ขอบใจนะโน พ่อไปประชุมก่อนรอนี่นะเดี๋ยวกลับพร้อมพ่อ”พนักงานชายวันกลางคนยื่นมือไปรับเอกสารที่อยู่ในซองสีน้ำตาลจากมือของเด็กตัวเล็กนั้น
“ฮะ”ยึดตัวขึ้นเหมือนภูมิใจอะไรบ้างอย่างก่อนที่จะขานรับแล้วยิ้มตายี๋ส่งให้
ลูกชายของพนักงานคนนั้นตำแหน่งก็แค่พนักงานธรรมดาทั่วไป ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเพิ่งรับเข้ามาทำงาน แต่ทำไมเด็กนั้นที่ได้ชื่อ
ว่าลูกชายถึงได้มีผิวพรรณดีเกินกว่าเด็กจนๆธรรมดา
“มองอะไร”ดูเหมือนจะเผลอจ้องนานเกินไป จนเจ้าเด็กนั้นเดินเข้ามาประชิดตัว ถามอย่างเอาเรื่อง ดูจากรูปร่างแล้วคงอายุน้อยกว่า6-7ปีเห็นจะได้
“อายุเท่าไหร่”ถามไปเลยดีกว่าจะได้รู้ไป
“8ขวบ”8เลยหรอดูแล้วน่าจะสัก6หรือ7มากกว่าอายุมากกว่าที่คิด
“อืม”พอหมดข้อสงสัยคนตรงหน้าก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเสวนาต่อด้วย
“นี่แล้วนายล่ะ”ดึงแขนเสื้อผมไว้แล้วถาม
“13”ตอบแบบขอไปที่เพื่อมันจะยอมปล่อยมืออกจากแขนเสื้อ
“โม้”ไม่ยอมปล่อยแถมยังลอยหน้าลอยตาพูดอย่างอวดดี
“...”เริ่มอารมณ์ไม่ดี
“ทำไม ถูกจับได้ว่าโกหกเลยโมโหหรอ ดูออกง่ายจังแล้วนี่มาทำอะไรหรอ หรือเอาของมาให้พ่อที่ลืมไว้หรอ”ทั้งๆที่ว่าคนอื่นแท้ๆแต่ก็ยังจะชวนเขาคุย แถมถามแล้วไม่ยอมรอคำตอบกลับถามอีกข้อขึ้นมาเฉยเลย อะไรของมัน
“เปล่า”ถ้าป๊าลืมจริงๆคงไม่จำเป็นที่เราจะต้องถอสังขาน มาเองหรอก
“แต่เราเอามาให้พ่อนะ แม่บอกว่าของสำคัญถ้าไปไม่ทันจะไม่มีเงินซื้อขนม”ยังไม่ยอมปล่อยแขนเสื้อ เล่าเรื่องของตัวเองทั้งๆที่
ไม่ได้ถาม แถมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ทำไม?
“ก็ทันแล้วนี่”
“แงๆๆๆฮืออๆๆๆๆ”อ้าว อยู่ๆก็แหกปากร้องดังลั่น โชคดีที่ตอนนี้ทุกคนไปประชุมกันที่ห้องประชุมใหญ่กันหมดเลยไม่มีคนเห็น แต่จะโชคดีจริงๆหรอ
“เฮ้ยจะร้องทำไม”ไมใช่จะปลอบแต่ตกใจมากกว่าที่อยู่ๆก็ร้องไห้ขึ้นมา
“เจ็บ กลัวด้วย บนรถไฟฟ้าฮือๆๆๆๆ เจ็บ ฮือๆๆๆ คนเยอะฮือๆๆ”ฟังไม่เห็นจะรู้เรื่อง
“ถ้าเงียบจะให้นี่”ยื่นช็อกโกแล็ตแท่งที่พนักงานชอบซื้อมาเพื่อเอาใจลูกประธานบริษัท ทั้งๆที่เราไม่ชอบของหวาน จะประจบทั้งทีหน้าจะหาข้อมูลมาให้มากกว่านี้หน่อย
“ฮึกๆ”หยุดจริงๆด้วย ง่ายด้ายขนาดนั้นเลยการหยุดร้องไห้เนี่ย
“เล่าใหม่ฟังไม่รู้เรื่อง”ไม่รู้จะพูดอะไร แต่ถ้าไม่พูดเดี๋ยวจะร้องอีกยิ่งเด็กนี่ล่ะก็น่ารำคราญ เพราะแบบนี้แหละถึงไม่ชอบเด็ก น่ารำคราญ พูดจาก็ไม่รู้เรื่อง แถมยังชอบอวดดี
“โนน่ะนะ พอแม่โทรไปที่บ้านว่าลืมของก็เลยรีบอาสาเอามาให้ ทั้งๆที่ไม่อยากมา กลัวมากๆเลยจากบ้านต้องไกล แต่แม่บอกว่าถ้าไม่มีจะไม่มีเงินกินขนม พี่เนก็ไปโรงเรียน”เด็กอายุแค่8ขวบเองปล่อยให้ออกมาจากบ้านได้ไง ยิ่งผิวพรรณแบบนี้ รอดมาถึงนี่ได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว
“แล้วร้องทำไม”ที่เล่ามายังไม่มีสาเหตุอะไรที่ทำให้ร้องไห้ขนาดนั้นเลย
“ก็โนกลัว บนรถไฟมีคนเยอะเบียดด้วย ล้มตอนเดินออกมาด้วย เจ็บ ฮือๆๆๆ”ร้องอีกแล้วทั้งๆที่มือก็ถือช็อกโกแล็ตอยู่แท้ๆ
“เห้ย อย่าร้องดิ อาๆให้หมดเลยอย่าร้อง”
“เงียบลงทันที”พูดกับตัวเอง
แล้วมันก็ยื่นมือมารับถุงที่มีขนมเต็มไปหมด ผมก็เดินเข้าห้องพ่อโดยที่มีไอ้เปี๊ยกนี่เดินตามมา ก็มันยังไม่ยอมปล่อยแขนเสื้อไม่รู้จะจับทำไม
“ไม่กินหรอ”พูดแล้วมองถุงขนมในมือที่เพิ่งยื่นให้
“ไม่ชอบของหวาน”มานั่งที่โซฟารับแขกในห้องไอ้เด็กนั้นก็มานั่งตาม
“กลัวฟันผุหรอ ไม่ต้องกลัวนะ อาหมดบอกว่าถ้าแปรงฟันทุกวันฟันก็จะไม่ผุ”การสนทนาปัญญาอ่อนเกิดขึ้นแล้ว
“ไม่ใช่แบบนั้น”
“ทำไมอ่ะ”น่ารำคราญพูดมากจริง
“ก็มันหวานไม่ชอบ”
“แล้วทำไมไม่ชอบล่ะ”ไอ้เด็กนี่กวนตีน อยากจะตวาดกลับไป แต่ตากลมๆที่มีหยาดน้ำตาเต็มหน่วงจ้องมองมาอย่างกับแพรี่เลย(แมวเปอร์เซียที่บ้าน)
“ชั่งมันเถอะ เคยกินแล้วไม่อยากกิน”
“หรอ แปลกคนดีจัง”ใครกันแน่นที่แปลก
“ทำไมไม่กิน”เห็นเก็บช็อกโกแล็ตที่ยื่นให้ก่อนหน้านี้ลงถุง
“ไม่กินหรอกจะเก็บไว้ให้น้อง”ยังมีน้องอีกหรอ
“น้อง”
“ใช่น้อง แม่กำลังจะมีน้องเดี๋ยวไม่นานน้องก็จะมา จะเก็บไว้ให้น้อง”พูดอย่างตั้งใจแล้วกำถุงขนมไว้ในมือแน่น
“ยังไม่มีหรอ”สงสัยแม่มันคงยังท้องอยู่
“อืม น้องตัวเท่ากบอยู่ต้องรอให้โตกว่านี้ถึงจะออกมาให้เห็น”ถูกเลี้ยงมาแบบไหนกันแน่น เจ้าเด็กนี่
“กว่าจะโต ขนมมันก็เสีย”ไม่ได้ตั้งใจจะทำลายความตั้งใจแต่พูดเรื่องจริง
“ฮือๆๆแงๆๆๆๆๆทำไงดี แงๆๆน้องไม่ได้กิน แงๆๆ”อ้าว ร้องอีกแล้ว อะไรกันเนี่ย
“เฮ้ยร้องอีกแล้ว ไม่ต้องร้องๆถ้าน้องของมึงออกมากูจะซื้อให้ใหม่เอาให้เยอะกว่าเดิมเลย”พูดแล้วรีบหันไปโอ๋ แค่น้องจะไม่ได้
กินขนมพวกนี้ถึงกับร้องไห้ตัวโยขนาดนี้เลยหรอ เพราะเป็นลูกคนเดียวเลยไม่รู้ว่ามันเป็นยังไงการมีพี่น้องน่ะ
“จะฮือจริง ฮือๆๆหรอ”ทังๆที่ร้องขนาดนั้นแต่ก็ยังอุส่าสนใจ
“อืม อยากได้อะไรก็จะให้”
“สัญญานะ”ยื่นนิ้วก้อยปอมๆมาตรงหน้า
“อืม”ตอบรับไป
“สัญญาก่อนซิ”ดูเหมือนถ้าไม่ยื่นนิ้วออกไปเรื่องคงไม่จบง่ายๆ
“สัญญา”ถึงจะน่าอายทั้งๆที่โตขนาดนี้แล้วแต่ยังต้องมาทำอะไรเป็นเด็กแบบนี้
“จริงๆหรอพี่ชื่ออะไรครับ โนน่ะชื่อโนนะ”เป็นวิธีทำความรู้จักที่แปลกลำดับขั้นจริงๆ
“แท็ค”
“ชื่อเหมือนในการ์ตูนเลย เท่ห์จัง”ทำไมต้องทำสายตาเหมือนเป็นเรื่องดีๆอะไรขนาดนั้นก็แค่ชื่อแถมยังเป็นชื่อของคนอื่นไม่ใช่ของตัวเองซะหน่อย
หลังจากนั้นก็คุยกันเล่นกันอยู่พักใหญ่จนพวกผู้ใหญ่เริ่มทยอยกันออกมาจากห้องประชุม เสียดายไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่รู้สึกเหมือนเสียดาย
“พรุ่งนี้พี่มาอีกไหม”ผมเดินออกมาจากห้องป๊าพามันมารอพ่อมัน
“ไม่ ต้องไปต่างประเทศ”นั่งมองคนโน้นนี่มองพวกเรา บ้างก็เขามาทักทายตามประสาลูกประธานบริษัท
“ไกลไหม”เอียงคอน้อยๆถามอย่างสงสัย
“ไกล”
“มากเลยหรอ”ผมเริ่มชิน เวลาที่มันเริ่มสงสัยเรื่องไหนมันจะไม่หยุดถามแค่นั้นจะถามต่อไปเรื่อยๆจนกว่าผมจะตอบไม่ได้
“มาก”
“มากขนาดไหน”เฮ้อ เด็กหนอเด็ก
“อืม เท่าฟ้า”ตอบแบบเด็กๆกลับไปแล้วกัน
“หืม ไกลเนอะ”ดันเข้าใจ
“แล้วจะกลับมาไหม”
“กลับซิ”คอยดูนะมันจะต้องถามต่อ
“ตอนไหน”ว่าแล้วไง
“3ปีมั้ง”นั้นคือกำหนดการที่ระบุในสัญญา
“เท่าไหร่”จะให้ตอบยังไง
“อืม ไม่รู้”ครั้งแรกที่มีคนถามอะไรแล้วผมไม่สามารถตอบได้ ก็มันเหมือนอนิยาม ยิ่งอธิบายยิ่งงง
“อืม”แต่มันทำท่าเหมือนเข้าใจ
“พ่อมาแล้ว”อีกแล้วความรู้สึกเสียดายนี่มันอะไรกัน เหมือนกำลังจะถูกแย่งอะไรบ้างอย่างไป
“อืม”มันวิ่งออกไปหาพ่อมัน แต่ผมยังนั่งอยู่ที่เดิม
“พี่สัญญาแล้วนะ โนจะรอ”จะรอหรอ
“อืม”แล้วมันก็เดินไปกับพ่อมัน
จะรอหรอ นั้นซินะผมเองก็จะรอ วันที่จะได้รักษาสัญญานั้น
การเรียนที่ญี่ปุ่นเป็นไปอย่างยากลำบากเหตุก็เพราะเรื่องภาษาที่ทำเอาปรับตัวไม่ทัน อาการก็ด้วย อยู่ที่นี่มีพี่เลี้ยงส่วนตัวที่พ่อจ้างมาให้ดูแลอย่างดี แปลกจริงๆทุกครั้งที่คิดว่าเรื่องเรียนมันหนักเกินไป ก็จะมีหน้าไอ้เด็กนั้นลอยเด่นขึ้นมาให้หัว ทำให้อดยิ้มไม่ได้ถึงหน้าตาใสซื่อทั้งๆที่ตัวเองอายุปาเข้าไป 8 ขวบแล้ว อย่างกับ4ขวบแนะ
ใช้ชีวิตอยู่ที่นั้นโดยที่มีหน้าไอ้เด็กนั้นอยู่ในหัวทั้งๆที่ผ่านมาก็3ปีแล้วแต่ไม่เห็นจะลืมเลย ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นหนักเข้าไปอีกที่จะได้กลับไปเจอมัน
แต่แล้วก็เกิดเรื่องอีกจนได้ เพราะเรียนเก่งเกินไป เขาเลยให้เรียนต่ออีก3ปีในระดับที่สูงกว่ามาก ป๊าอยากให้เรียนต่อ เพราะเป็นโอกาสดี ยังไงป๊าก็มาเยี่ยมทุกๆ2เดือนอยู่แล้ว แต่ไม่อยากเรียน สุดท้ายก็ต้องเรียนเพราะป๊าขอไว้
ปานนี้น้องมันคงจะโตน่าดูแล้วล่ะ คงได้กินขนมเยอะแยะ มันเองก็คงจะโตขึ้น หน้าตาก็คงเปลี่ยน เหมือนๆกับผม ถ้ามันเจอผมอีกครั้งมันจะจำได้ไหมแล้วถ้ามันจำผมไม่ได้ล่ะผมจะทำยังไง
เพราะมันตลอดเวลาที่อยู่นี่ พอคบกับเด็กผู้หญิงคนไหนก็จะเจอแต่หน้ามันลอยไปมา จนทนคบต่อไม่ได้ ความรู้สึกไม่ใช่ถึงจริงๆแล้วก่อนที่จะคบก็ไม่ได้รักหรือชอบอะผู้หญิงพวกนั้นอยู่แล้ว ก็เลยไม่มีความจำเป็นอะไรต้องทนให้มันยึดยาว มารู้ตัวอีกทีก็คบกับใครไม่ได้ซะแล้ว
เพราะอะไร?
มันเพราะอะไร เวลาแค่วันเดียวที่ผมกับมันได้เจอกัน แค่ไม่กี่ชั่วโมงด้วยซ้ำของเมื่อหกปีก่อน แค่เศษเซียวเวลาที่ผ่านมาในชีวิต แต่กลับติดตามาจนถึงทุกวันนี้ จนผมโตขนาดนี้ แต่ก็ยังไม่ลืม หาเหตุผลก็ไม่เจอ
และแล้วผมก็เรียนจบได้กลับไทย เพราะปรับตัวไม่ได้กับมหาลัยของไทย เลยมาเรียนแค่เอาวุฒิจบที่โรงเรียนอาชีวะ ก็แค่เรียนๆไปงั้น เพราะหน้าที่จริงๆคือมาดูงานที่บริษัท
พอกลับมาก็แทบไม่มีเวลาว่าง โรงเรียนบ้านี่ดันมีอะไรยุ่งยาก ยุ่งไปยุ่งมากลายเป็นได้เป็นหัวหน้าของเด็กอาชีวะ ทั้งๆที่ไม่ต้องการ ก็แค่อยากตามหาไอ้เด็กนั้น เพราะตอนนั้นผมจำได้แค่หน้ากับชื่อ พ่อแม่มันอยู่ตำแหน่งไหน ยังอยู่ที่บริษัทอีกไหมก็ไม่รู้ จะไปถามคนที่บริษัทเลยก็ใช่ที่ ก็พยายามตามหาในแบบของตัวเองจนกระทั่ง ก่อนเปิดเรียนปวส.ปีสอง ผมเห็นมัน
สภาพเหนื่อยหอบพร้อมซองสีน้ำตาลไม่ต่างอะไรกับเมื่อหกปีก่อน ที่โต๊ะทำงานตัวเดิมแต่ตำแหน่งเลื่อนขึ้นมาแค่นิดหน่อย สูงขึ้น ผมสั้นกว่าเมื่อก่อน ผิวยังขาวเหมือนเดิม ตาก็ยังโตเหมือนเดิมปากสีสดเหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดินแทบจะทั้งหมด แต่มีบ้างอย่างที่ไม่เหมือนเดิม
สายตานั้น ไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือนเมื่อหกปีก่อน
จำไม่ได้ จำไม่ได้ซินะ
ขี้โกงนี่
ทั้งๆที่ผมจำได้มาตลอด
มึงจะตลกไปแล้วกูทนมาตลอด6ปี แต่มึงกลับจำกูไม่ได้
ตามหลอกหลอนมาตลอด
จนรู้สึกเข้ากับคนอื่นไม่ได้
แต่ก็หาเหตุผลไม่ได้
ทำไมนะ ทำไมถึงมาทำให้ชีวิตยุ่งยาก ทำไมผมถึงดึงตัวมันเข้ามาใกล้ๆแบบนี้ ทำไมถึงปล่อยไปไม่ได้
ไม่เข้าใจ
รู้แค่ห่างไม่ได้ เป็นของคนอื่นไม่ได้ หงุดหงิดที่นั่งหัวเราะกับคนอื่น ลืมผม
“เป็นอะไร เมาแล้วหรอ”เพราะมั่วแต่เม่อมันเลยเดินเข้ามาสะกิด
“เรื่องของกู”ไม่ได้คิดอะไร แต่ปากก็ตอบออกไปตามนิสัยที่เคยชิน
“หอก กูนึกว่าเมาจะได้พากลับ”ท่าทางอารมณ์เสียแล้วเดินกลับไปหาเพื่อนมัน
“กูเมา กลับ”เดินออกไปได้ไม่ถึงสองก้าวก็หันกลับมา
“อะไรของมึงเนี่ย”ดูเหมือนจะไม่เชื่อ ทั้งๆที่เมื่อก่อนว่าง่ายออกขนาดนั้น
“กูเมา กลับ”
เมื่อไหร่จะได้คำตอบว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึงปล่อยมันไปไม่ได้ เมื่อไหร่...
TBC.
คะเเนนเป็กเอกฉันท์โดยมิต้องนับ
จัดไปกับเหตุผลน้อยๆส่วนหนึ่งของพี่เเท็คที่มีให้กับน้องโน ทุกคนอย่าโล่งใจไป หรือ ฝันหวาน
มันยังมีอะไรอีกเยอะท่านทั้งหลาย
ช่วงนี้ข้าน้อยสอบ มิรู้ว่าจะลงได้อาทิตย์ล่ะกี่ตอน ถ้าช้าก็อาภัยไว้ในโอกาศนี้ 5555
นอนดีกว่า