“ดูสิ รัญกำลังอ่านหนังสืออยู่ล่ะ”
“ต้องเป็นหนังสือพวกจิตวิทยา หรือไม่ก็หนังสือพวกตลาดหุ้นแน่ๆ เลย”
“ตั้งใจอ่านแบบนั้นแล้วดูน่ารักเนอะ”
“รัญนี่ทำอะไรก็ดูดีมีสกุลไปหมดอะ!”
“ที่บ้านต้องมีห้องสมุดส่วนตัวห้องใหญ่ๆ แน่ๆ เลย”
เสียงซุบซิบดังจากข้างหลังของผม พวกเพื่อนๆ ที่นั่งด้วยก็ทำสีหน้าแตกต่างกันไป โอเล่ทำหน้าอิจฉา ซีเนียร์เลิกคิ้วชะโงกหน้ามาอ่านกับผม ซันเซ็ตทำหน้าเอือมระอาและสุดท้ายมอตโตยกมุมปากยิ้มขำเล็กน้อย ผมก็หนักใจอยู่เหมือนกัน เสียงซุบซิบพวกนั้นทำให้ผมรู้สึกผิดบาป ก็เพราะตอนนี้ผมกำลังอ่าน...
การ์ตูนขายหัวเราะ เล่มละสิบกว่าบาทอยู่น่ะสิ!
“พวกนี้แม่งสติไม่ดีแหงๆ ไอ้บ้ารัญมันทำอะไรก็คิดไปกันเว่อร์ มันนั่งขี้ก็คงจะบอกว่านั่งจิบน้ำชาสินะ!”
ซันเซ็ตบ่นงึมงำไม่พอใจที่พวกสาวๆ นั่งซุบซิบแล้วเอาแต่มองมาที่ผม มึงก็พูดเกินไป อีกอย่างกูก็คงจะไม่ไปนั่งขี้ให้พวกเขาเห็นหรอก วางใจได้! เมื่ออ่านการ์ตูนขายหัวเราะจบส่งต่อไปให้ซีเนียร์ที่รออ่านต่อ ผมจึงหันมาพูดกับซันเซ็ต
“ซัน มึงอย่าพูดให้พวกเขาเลย พวกเขาไม่ได้ผิด”
“เออ! พวกนั้นไม่ผิดหรอก มันผิดที่มึงนั่นแหละ สัด!” มันชี้หน้าและโจมตีเข้ากลางใจดังฉึก ผมขมวดคิ้วถามกลับ
“มึงจะมาเหวี่ยงทำด๋อยอะไรวะ?”
“กูอิจฉา สาดดด!!!”
“อารมณ์อิจฉาริษยามันเป็นกิเลส มันเกิดจากความอยากได้ อยากมีแล้วมันจะทำให้มึงทุกข์ใจ คิดมากไม่สบายใจ มึงไม่ควรอิจฉากู มึงก็ดูดีในแบบของมึง จงพอใจในสิ่งที่มึงมี”
“สาธุ~ พวกกูบรรลุแล้วครับหลวงพี่!”
โอเล่กับซันเซ็ตยกมือกราบผมแบบเบญจาเต็มรูปแบบ เอ่อ กูยังไม่ได้บวช ไม่ต้องกราบกูหรอก อีกอย่างอย่ามาเรียกกูว่าหลวงพี่นะ! เฮ้อ ผมถอนหายใจกับเจ้าเพื่อนสองคนนี้ โดยเฉพาะเจ้าซันเซ็ต สักวันผมต้องหาทางพามันเข้าวัดฟังธรรมบ่อยๆ กิเลสจะได้เบาบางลง ผมเป็นห่วงเพื่อนจริงๆ นะครับ โอเล่ก็อีกคน ตั้งแต่รู้กิจวัตรประจำวันของผมก็เรียกผมว่า ‘หลวงพี่’ มาตลอด ห้ามก็ไม่เคยฟัง
“พวกมึงจะแวะไปแปลงเปล่าวะ?”
มอตโตถามขึ้นหลังจากที่ไม่มีบทอะไรเลยมาตั้งนาน มันชอบนั่งเงียบๆ ฟังพวกผมคุยกัน บางทีก็หัวเราะร่วมบ้าง แต่ไม่ค่อยได้แสดงความคิดเห็นหรือพูดอะไรออกมาเท่าไร ถ้ามันจะพูดมันก็จะพูดว่า ‘นั่นสินะ’ หรือ ‘อะไรก็ได้’ และ ‘แล้วแต่มึงล่ะกัน’ สามประโยคนี้เป็นประโยคฮอตฮิตของมอตโตมันล่ะ
“กูจะไปดูแปลงหน่อยว่ะ พวกมึงไม่ไปดูเหรอ?” ซันเซ็ตพยักหน้ารับเป็นงานเป็นการ
“กูไปดูแล้วตอนเช้า” ไอ้ซีเนียร์เงยหน้ามาตอบแล้วก้มลงไปอ่านขายหัวเราะต่อ ซันเซ็ตพยักหน้ารับแล้วหันไปถามเด็กน้อยผู้น่ารัก
“มึงล่ะไอ้โอ วันนี้รดน้ำแปลงมึงหรือยัง?”
“เมื่อเช้ากูฝากไอ้ซีเนียร์รดให้แล้ว” โอเล่หันมาตอบ แต่ว่าเมื่อเช้านี้ผมไม่เห็นซีเนียร์มันจะรดน้ำแปลงของโอเล่เลยนะ เห็นมันรดแปลงตัวเองแล้วเปิดเพลงคลาสสิก ร้องเพลงให้ผักมันฟังจนกระทั่งมาเรียนนี่แหละ ซีเนียร์เงยหน้าขึ้นมาจากการ์ตูนอีกครั้งแล้วมันก็เอ่ยหน้านิ่งๆ
“อ้อ โทษทีว่ะ กูลืมรดแปลงให้มึง”
“อ้าว เชี่ยซี มึงทำอย่างนี้ได้ยังไงวะ ป่านนี้แปลงผักกูเหี่ยวหมดแล้ว เฮอะ!” ไอ้โอเล่หันมาเหวี่ยงใส่ทันที เอาน่า แปลงมีระบบรดน้ำอัตโนมัติอยู่ น้ำคงจะพ่นไปแปลงมึงบ้างล่ะน่าไอ้โอ
“กูลืมจริงๆ มัวแต่ร้องเพลงให้แปลงกูฟัง” ซีเนียร์ยังเอ่ยขอโทษหน้านิ่ง ดูจะไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเท่าไรนัก จนโอเล่มันทำหน้าหงิกแล้วหันไปบอกกับไอ้มอตโต
“ไอ้มอตกูไปด้วย ไม่รู้ว่าตอนนี้แปลงกูจะเป็นยังไงแล้ว ไว้ใจไอ้ห่าซีไม่ได้เลยว่ะ”
โอเล่บ่นไอ้ซีเนียร์อยู่พักใหญ่ แต่ซีเนียร์ก้มหน้าอ่านขายหัวเราะไม่สนใจสักนิด โอเล่มองไอ้ซีเนียร์อย่างอารมณ์เสียแต่ทำอะไรมันไม่ได้ มอตโตก็หันมาถามพวกผม
“สรุปแล้วจะเอายังไง พวกมึงจะไปไหม?”
“ไปก็ไป” ซันเซ็ตยักไหล่แล้วตอบแบบไม่จริงจังอะไรมากนัก พวกผมก็เลยย้ายที่สิงจากโต๊ะม้าหินอ่อนข้างคณะไปที่แปลงของคณะเกษตร
“เฮ้ย มึงจะไปกับใครวะรัญ?”
“กับใครก็ได้ว่ะ ขอให้กูไปถึงอย่างปลอดภัยก็พอ”
“มานั่งซ้อนกูก็ได้”
ซีเนียร์กวักมือเรียกผมไปนั่งซ้อนรถมอเตอร์ไซค์คันโก้ของมัน ในมือมันถือขายหัวเราะอยู่ ที่อันเชิญผมไปเป็นคนขับเพราะอยากจะนั่งอ่านการ์ตูนสินะ เจริญเหอะมึง! มันยื่นกุญแจรถมาให้ผมก็รับมาแล้วเดินมาใส่กุญแจขยับรถออกมา รถของซีเนียร์ที่มันตั้งนิกเนมว่า ‘ไอ้แก่’ ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมครับว่าสภาพมันเป็นอย่างไรแล้ว
“ตายแล้ว รถของรัญเหรอนั่น?”
เปล่า ไม่ใช่ครับ เวสป้ารุ่นเก๋าของผมเกิดขัดข้องต้องจรลีเข้าอู่ไปเมื่อเช้าตอนมาเรียนนี่แหละครับ โชคดีที่ตอนนั้นมีซันเซ็ตกับซีเนียร์อยู่ด้วย ไม่งั้นผมคงจะมาเรียนไม่ทันแน่ๆ เฮ้อ ไอ้เก๋านะไอ้เก๋า มาเสียอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้ สาวๆ ในคณะน่าจะเป็นรุ่นพี่เดินผ่านมาซิบซุบกันใหญ่
“คลาสสิกเนอะ”
“อยากซ้อนท้ายไปด้วยจัง”
“กูอยากบ้า! ขนาดมันขับรถเศษเหล็กยังมีคนหลงผิดเลยว่ะ!” ซันเซ็ตประชดอย่างเหลืออดเหลือทน มึงจะพูดทำไมเนี่ย เดี๋ยวเจ้าของรถมันจะเสียใจเอานะโว้ย มันก็ไม่ได้ถึงกับเป็นเศษเหล็กอะไรขนาดนั้น แต่ว่านะซีเนียร์มึงล้างไอ้แก่บ้างนะโว้ย จะดูไม่ออกอยู่แล้วว่ามันเป็นรถมอเตอร์ไซค์ ผมสตาร์ทรถกว่าจะติดก็ยากลำบากมากครับ โถ ซีเนียร์มึงใช้งานมันหนักมากขนาดนี้ก็ควรจะปลดเกษียรมันได้แล้วนะเพื่อน นี่มึงคงจะไม่ใช้แรงงานมันเยี่ยงทาสแบบนี้ไปตลอดหรอกใช่ไหม? ซีเนียร์กระโดดขึ้นมานั่งซ้อนเมื่อผมสตาร์ทรถติด
เตรียมพร้อมเสร็จ ก็ได้ฤกษ์ออกตัวไปที่แปลงของพวกเรา อาณาเขตคณะเกษตรกินบริเวณใหญ่ที่สุดในบรรดาคณะต่างๆ ของมหาวิทยาลัย ใช้เวลาขับรถนานสักหน่อย แต่ไม่เกินสิบนาทีก็มาถึง พวกเราจอดรถไว้ตรงหน้ารั้วเดินแยกย้ายไปที่แปลงของใครของมัน
แปลงสาธิตหนึ่งตรงนี้เป็นแปลงของปีหนึ่ง แปลงถัดไปจะไล่ตามลำดับชั้นปีครับ ยังมีบ่อปลา สวนสัตว์ขนาดย่อมเยา ทุ่งดอกไม้ซึ่งจะปลูกตามนโยบายคณะ อาณาเขตของคณะเรามีทั้งอย่างครบถ้วน ตั้งแต่พืชสวนครัวไปจนพืชไร่ขนาดกว้างขวาง ที่ๆ เรายืนกันอยู่ตอนนี้มีไว้ปลูกผักสวนครัว จะปลูกพืชอะไรก็ได้มีข้อแม้เพียงข้อเดียวคือ ต้องดูแลรักษาแปลงของตนเอง นอกจากนั้นยังมีรุ่นพี่สายตรวจมาสำรวจไม่เคยขาด แปลงไหนปล่อยให้พืชผักเฉาตายจะโดนหักคะแนน แถมถูกเรียกไปอบรมอีกด้วย มันไม่น่าลองนักหรอก กับประสบการณ์นั่งฟังบรรยายสี่ชั่วโมงเลวร้ายนั่น ผมไม่เคยหรอกครับแต่พวกรุ่นพี่เล่าและยืนยันเสียงแข็งทีเดียว บางทีผมอาจจะได้คำยืนยันจากคนใกล้ตัวเร็วๆ นี้ ดูท่าแปลงของโอเล่เกือบม่องอยู่รอมร่อ
ผมมองสำรวจความเรียบร้อยของแปลงตัวเองจนพอใจ จึงตัดสินใจเดินมาหาโอเล่เพื่อดูแปลงที่ใกล้เข้าฝั่งเต็มทน ส่วนเจ้าของแปลงกำลังก้มหน้าก้มตากดมือถือหัวเราะคิกคักกับตัวเอง สงสัยกำลังคุยบีบี ผมรู้จักแต่ถ้าถามว่าเคยเล่นไหม? คำตอบคือไม่ ผมไม่เล่นบีบี มือถือของผมแค่จอสีถ่ายรูปได้ก็พอแล้วล่ะครับ จะเอาอะไรมากมายล่ะ กับแค่โทรเข้าโทรออกก็พอแล้วนี่น่า และใช่ว่าทุกคนจะคิดแบบผม โอเล่เป็นคนอินเทรนด์ทันสมัย เสื้อผ้าหน้าผมของเขาอินแฟชั่นตลอด เขาแต่งตัวเก่งมากและมันดูดีสุดๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมส่ายหน้าไม่เอาด้วย โอ ไม่ล่ะครับ ธรรมชาติๆ นี่แหละดีที่สุดแล้ว
ผมมองไปที่มอตโตเพื่อนคนสุดท้ายของกลุ่ม หนุ่มแว่นเด็กเนิร์ดสุดชิว อารมณ์ยอดนิยมของเขาคือเฉย เฉยสนิท เหมือนคนปลงแล้วซึ่งทุกอย่าง บางทีผมยังนับถือเขาเลย นี่สิที่เรียกว่าบรรลุแล้ว(?) ผมเทียบกับเขาแล้วไม่เห็นฝุ่น เพราะผมยังยึดติดกับสิ่งต่างๆ ใช้ไม่ได้เลย ในความคิดของผมมอตโตควรจะถูกเรียกว่าเทวดามากกว่า อืม หรือ ‘หลวงพี่’!
“อ๊ะ กูต้องกลับแล้วว่ะ”
โอเล่ลุกเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอแบล็กเบอรี่ เขาเก็บมันในกระเป๋าหันมาบอกพวกผมด้วยน้ำเสียงดีใจสุดๆ หน้าตาหลั่งความระรื่นออกมาทุกรูขุมขน ให้ตาย ถ้าผมไม่รู้มาก่อนว่าเขาไม่ได้เล่นลอตเตอรี่ ผมคงคิดว่าเขาถูกรางวัลที่หนึ่งไปแล้วล่ะ ผมพยักหน้าให้แล้วโบกมือลา มอตโตพยักหน้าเรียบๆ แล้วหันไปสนใจแปลงผักของเขา ส่วนซันเซ็ตกับซีเนียร์มองตามโอเล่ไปด้วยสายตาจับผิด ชนิดที่ใช้เลเซอร์สแกนกันเลยทีเดียว
“ไปแรดล่ะสิไอ้โอเล่!” ซันเซ็ตตะโกนตามหลังไป ไม่เสียเวลาคิด
“แรดบ้านมึงสิ ไอ้เหี้ยซัน!” โอเล่หันมาตอบกลับ พร้อมยกนิ้วกลางให้ เฮ้ยๆ มันหยาบคาย ไม่ควรทำ! โอเล่สะบัดหน้าเดินต่อ เอ่อ ไม่อยากจะพูดหรอกนะ แต่ท่าเมื่อกี้มันดูแรดมากว่ะโอเล่ เอ๊ย ไม่สิ ผมควรพูดว่ามันดัดจริตมากเกินงามใช่ไหม? แรดมันไม่สุภาพ(?) ซีเนียร์หัวเราะหึๆ ในลำคอ เอียงคอกระซิบกระซาบกับพวกผม
“ไปหาผัววิศวะแน่ๆ เลยว่ะไอ้เหี้ยโออะ”
“ไปหาผะ... สามี? โอเล่เป็นกะเทยเหรอวะ เท่าที่ดูมันเป็นผู้ชายธรรมดา” ผมเลิกคิ้วขึ้นสูง หันไปมองซีเนียร์ที่กลับไปก้มหน้าอ่านการ์ตูนขายหัวเราะต่อ เดี๋ยวซี! เงยหน้ามาอธิบายให้ฟังก่อน! ซันเซ็ตมองหน้าผมแล้วหัวเราะก๊าก มันพยักหน้าหงึกๆ แล้วอธิบายให้ผมฟัง
“ผู้ชายจริงว่ะ แต่มันเป็นผู้ชายแรดก็เลยมีผัวไง!”
หะ? แรดเลยต้องมีสามีสินะ(???)
ผมยิ่งไม่เข้าใจกันไปใหญ่
“ซัน มึงอย่ายัดของไร้สาระเข้าหัวรัญมันได้ไหม คราวที่แล้วมึงก็ยัดความคิดเหี้ยๆ ให้มันไปแล้วทีหนึ่ง” มอตโตพูดขัดทัพด้วยใบหน้าจริงจัง ผมขมวดคิ้ว ความคิดเหี้ยๆ? ตอนไหนวะ? อ้อ! คงจะเป็นตอนที่บอกว่าผู้หญิงที่มากับมันในแต่ละวันเป็นเพื่อน ผมเองก็ไม่ได้เชื่อหรอก ไอ้บ้าซันมันเล่นควงวันละคนขนาดนั้น เชื่อก็บ้าแล้ว ไม่รู้จะพูดยังไงดีเตือนแล้วเตือนอีกก็ยังไม่สำเร็จ ถ้าไปทำผู้หญิงท้องขึ้นมาจะทำยังไงล่ะวะ? แถมการมีอะไรกับผู้หญิงที่ไม่ใช่ภรรยาถูกต้องตามกฎหมายและประเพณี มันก็เป็นการทำผิดศีลข้อสามนะ!
“เฮ้ย กูพูดถูกนะโว้ย ก็ผู้หญิงเต็มใจเอง เขาเสนอมากูก็สนองให้สิวะ!”
ซันเซ็ตยักไหล่เอ่ยด้วยหน้าตาไม่รู้สึกไม่รู้สา ผมนี่ฉุนกึกเลยล่ะ ถึงเขาจะเต็มใจมึงก็อย่าไปสนองเขาสิวะ! ยิ่งเป็นเจ้าเพื่อนบ้านี่แล้วด้วย เล่นกับพวกผู้หญิงไปเรื่อย ไม่เคยจริงใจกับใครสักคน ผมสงสารพวกผู้หญิงเท่านั้นแหละครับ ยังไงผู้หญิงก็เป็นเพศแม่ของเรา
“ถ้ามึงไม่ชอบ มึงก็อย่าไปทำสิวะ”
“เหอะ กูรู้แล้วล่ะว่าทำไมมึงถึงถูกแฟนเลิกไปตลอดน่ะไอ้รัญ! มึงคงจะไม่ทำอะไรเขาจนผู้หญิงพวกนั้นเบื่อล่ะสิ อ๊ะ ถูกเหรอวะ? ฮ่าๆๆๆ กูว่าล่ะ!”
ผมชักสีหน้าเล็กน้อย ซันเซ็ตก็หัวเราะชอบใจ เหอะ กูไม่ทำอะไร เพราะกูให้เกียรติพวกเขาหรอกโว้ย! แล้วที่กูโดนแฟนที่แล้วๆ บอกเลิก นั่นก็เพราะเขามีคนที่เขารักคนใหม่ต่างหาก! ไม่เกี่ยวอะไรกับการที่กูไม่แตะต้องเขาสักหน่อย มึงอย่ามาเดาส่งเดชนะโว้ย ผมพยายามจะเถียงกลับ
“ไม่เห็นมันไม่เกี่ยวอะไรกัน”
“โคตรเกี่ยวเหอะไอ้รัญ! พวกหล่อนแม่งอยากให้มึงเอาจนตัวสั่น แต่มึงดันเป็นหลวงพี่ไม่ทำอะไรเลย พวกหล่อนก็เลยต้องโบยบินไปหาคนอื่น โฮ มึง สมัยนี้ผู้หญิงร้ายกว่ามึงคิดไว้นะโว้ย!” ซันเซ็ตมองผมด้วยสายตาเวทนาสงสาร พูดเกือบเป็นเย้ยหยันเล็กๆ
“ใช่ๆ ผู้หญิงดีๆ น่ะเหลือไม่มากหรอกว่ะ” ซีเนียร์เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือขายหัวเราะ มันพยักหน้าเอ่ยสนับสนุนด้วยใบหน้าเข้มเครียดจริงจัง
“ผู้ชายอย่างพวกเราเลยต้องค้นหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองโว้ย”
“ใช่อย่างที่ไอ้ซีมันพูด เดี๋ยวนี้ผู้ชายแม่งก็น้อย บางส่วนเสือกโตเป็นสาวแรดออกแบบไอ้โอเล่นั่นอีก เหลือผู้ชายดีๆ แบบพวกกูน้อยยิ่งกว่าน้อย ดังนั้นพวกกูเลยต้องเลือกแม่พันธุ์ที่ดีที่สุด บังเอิญกูก็แบบว่า... หล่อเลือกได้ว่ะ”
ใครหมั่นไส้ไอ้ซันเซ็ตยกมือ?
ผมแหละคนแรกที่ยก! ช่างกล้า พ่อคนหล่อเลือกได้!
“รัญ~~!!! ไอ้น้องเลิฟ~!!!” เสียงตะโกนเรียกชื่อของผมดังขึ้นจากหน้าประตูรั้ว ผมกับสามคนที่เหลือหันไปมองพี่ลูกหมีที่โบกมือยิ้มร่าให้ เขาเป็นพี่รหัสของผมเองครับ ถึงพี่เขาจะชื่อลูกหมี แต่รูปร่างหน้าตาควรจะชื่อว่าพ่อหมีมากกว่า! ตัวอ้วนใหญ่ พุงล้ำหน้า ไว้หนวดไว้เครายิ่งกว่ามหาโจรอีก พี่ลูกหมีเดินเข้ามาในแปลง พวกผมยกมือไหว้พร้อมเพรียง สวยงาม และนอบน้อมยิ่งกว่านางสาวไทย เหอะๆ
“รัญ เย็นนี้พี่จิ๋วจะเลี้ยงสายที่ร้านโดเรมีว่ะ เจอมึงก็ดีแล้วพี่จะไม่ได้เปลืองค่าโทร”
“นั่นมันร้านเหล้านี่พี่หมี หลวงพี่เขาเข้าไม่ได้นะครับ เดี๋ยวมันอาบัติ!” ซันเซ็ตท้วงแสร้งทำเสียงสูงปรี๊ดแล้วหัวเราะคิกๆ ผมหันไปมองตาขวาง ก็บอกแล้วไงว่ายังไม่ได้บวช!
พี่หมีเลิกคิ้วเหมือนเพิ่งคิดได้ หันมามองผมอย่างลำบากใจ คนในคณะเขารู้หมดแหละครับว่าผมไม่กินเหล้า เพราะเหตุการณ์วันนั้นแท้ๆ ที่พวกรุ่นพี่ให้น้องๆ เฟรชชี่กินเหล้า ผมน่ะพยายามรักษาศีลห้าไว้อย่างสุดชีวิต ปฏิเสธไม่ดื่ม พวกรุ่นพี่ก็มาลงผมแล้วเรื่องอะไรผมจะยอม ผมไม่ได้ทำผิดสักหน่อย เรื่องราวมันก็ลามไปใหญ่โตรุ่นพี่แต่ละปีมารุมผมคนเดียว ไอ้กลัวก็กลัวอยู่หรอกแต่ผมต้องรักษาอุดมการณ์ศีลห้าของผมไว้ให้ได้ สุดท้ายผมก็ลืมตัวเทศนารุ่นพี่ซะยกใหญ่จนอีกฝ่ายยกธงขาวยอมแพ้ไป จากเหตุการณ์นั้นเป็นต้นมาพวกเขาก็เรียกผมว่าเทวดา หรือที่หมั่นไส้หน่อยก็เรียกว่าหลวงพี่ เฮ้อ เป็นเรื่องที่ชวนหนักใจจริงๆ!
“พี่ไม่ให้มึงกินหรอกน่า มึงแดกเป๊ปซี่ไปนั่นแหละ วางใจได้ ไม่มีใครทำให้มึงศีลแตก รับรองด้วยเกียรติเนตรนารี” พี่ลูกหมียกนิ้วขึ้นมาสามนิ้วทำหน้าจริงจัง ถึงขั้นเอ่ยปฏิญาณตน ว่าแต่พี่เคยเรียนเนตรนารีหรือไงวะ!? นั่นมันหลักสูตรของผู้หญิงนะโว้ย กวนฉิบหาย!
“ถ้าพี่ว่าแบบนั้น ผมไปก็ได้ครับ”
อันที่จริงผมไม่คิดจะปฏิเสธหรอก แต่ถ้าเลี่ยงสถานที่เสี่ยงต่ออบายมุขทั้งหลายได้ผมก็ขอเลี่ยงล่ะ เพราะมนุษย์เราน่ะถูกล่อลวงให้ติดกับพวกอบายมุขพรรค์นี้ได้ง่ายนักล่ะ
“พี่หมี แต่ร้านนั่นมีแต่พวกวิศวะนี่หว่า พี่ไปกินแบบนั้นมันจะดีเหรอ?” ซีเนียร์ถามอย่างเป็นกังวล พี่หมีแกก็ทำเสียงฮึ เชิดหน้า(พยายาม)ทำหยิ่งยโส
“กูอยากไปกินร้านนั้น ทำไมต้องกลัวพวกวิศวะมันด้วยวะ มันไม่ได้เป็นเจ้าของร้านสักหน่อย หมั่นไส้ว่ะ มีเกียร์แล้วยังไง มีเสื้อช็อปแล้วยังไง! หน้าแม่งก็เหี้ยพอๆ กับกูนั่นแหละว้า”
ด่าตัวเองทำไมอะพี่?
“โฮ กดไลค์เลยว่ะพี่หมี! ผมก็หมั่นไส้ไอ้เด็กวิศวะมันจะตาย ถือว่ามีเกียร์มีเสื้อช็อปแล้วทำเป็นยืด ทำไมคณะเราไม่ทำสัญลักษณ์แบบพวกมันบ้างวะพี่ ผมจะได้เอาไปโชว์สาวบ้าง” ซันเซ็ตรีบยกมือยกนิ้วโป้งกดไลค์ ทำเป็นเฟซบุ๊คไปได้นะ แถมยังทำหน้าเสียดายถึงทรวง
“คิดดูสิพี่ พวกมันมีเกียร์ พวกเราก็มีเสียมมีจอบ!”
“พวกมันมีเสื้อช็อป พวกเราก็มี...”
“เสื้อตัดอ้อย” ซีเนียร์ตอบเมื่อซันเซ็ตโยนจังหวะไปให้มัน
“ถะ ถะ ถูกต้องนะครับ!!!”
สัญลักษณ์น่ากลัวไปไหน? เสียมจอบ!! ถ้าแบบนั้นล่ะก็พวกมึงอย่ามีเลยดีกว่าว่ะ! แล้วไอ้เสื้อตัดอ้อยนั่นอีก เสื้อตัดอ้อยที่ว่านั้นเรียกหรูๆ ว่าเสื้อลายสก๊อตครับ เป็นเสื้อประจำของเด็กคณะเกษตรฯ เลยก็ว่าได้ ผมก็ว่ามันเท่ดีนะ คล้ายๆ คาวบอยอะไรพรรค์นั้น ถ้าเสื้อลายสก๊อตหมวกฟางล่ะก็ไม่ต้องสงสัย นั่นแหละเด็กเกษตรฯ และถ้าตามมาด้วยออฟชั่นพวกเสียมจอบ คณะผมชัวร์!
“เออ ความคิดของมึงแนวดีวะไอ้ซัน”
“ถือสร้อยเสียมจอบไปโชว์สาว แม่งเท่โคตรเลยว่ะ!”
“เดี๋ยวนี้เสื้อตัดอ้อยกำลังอินเทรนด์เลยนะมึง”
ไอ้คุณสามตัวนี้ก็คุยกันไม่จบสิ้นกับเรื่องสัญลักษณ์ ผมฟังพวกมันแล้วอดที่จะหัวเราะขำไปกับความคิดบ้าบอนั่นไม่ได้ แถมพวกมันยังคิดจะร่างข้อเสนอนี้ยื่นคณบดีอีกแน่ะ โฮ ดูมันเอาจริงมาก
“ถ้าพวกเราได้สร้อยเสียมจอบบวกกับเสื้อตัดอ้อยหมวกฟางสุดแนวของพวกเราแล้วล่ะก็...สาวๆ จะหนีไปไหนพ้น”
“และแล้วสร้อยเกียร์ก็ดับอนาถ!”
“กูว่าพวกมึงนั่นแหละดับ” มอตโตที่เงียบจนถูกลืมโพล่งประโยคสังหารด้วยใบหน้านิ่งแฝงสมเพชหน่อยๆ เป็นวิธีตัดบทพวกบ้าบอนี้อย่างดีเลย พวกนั้นยืนทำหน้าอึ้งรับประทานกันเป็นแถบ
มาต่อให้แล้วนะคร๊าฟ~
อยากได้เด็กเกษตรฯ บ้าง วิศวะกับเกษตร ความรักดั่งโรมิโอจูเลียต(???)
ถามว่าแนวไหน? เหอะๆ อยากบอกว่า...ไม่รู้อ่ะ 555 ฝากเสื้อตัดอ้อย
หมวกฟาง
และเสียมจอบ
ไว้ในดวงใจด้วยน่า~~!!!