(ต่อ)
“มาแข่งเจ็ทสกีกันหน่อยเป็นไง ซันนี่?” ซินชวนผมขณะที่เรากำลังเดินออกไปที่ชายหาด
ผมหันซ้ายหันขวามองหาเจ็ทสกีแถวนี้ก็ไม่เห็นจะมีสักลำ “ไหนเจ็ทสกี?”
“เออว่ะ” ซินยอมรับ หลังจากพยายามมองหาแล้วก็ไม่เจอเหมือนกัน
“แถวหาดหน้าโรงแรมใหญ่นั่นน่าจะมีนะ” ไอ้กายชี้ไปทางกลุ่มตึกใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปไกลพอสมควร
“อือ ลองไปดูกันเหอะ” ซินว่าแล้วก็เดินนำหน้าออกไปอย่างมั่นใจ ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่แว่นกันแดดกับกางเกงขาสั้น
“รอด้วย” ไอ้กายวิ่งตามไปติดๆ ด้วยสภาพที่ไม่ต่างกัน(คือมีแค่กางเกงกับแว่น..แต่รายหลังนี่เป็นแว่นสายตา)
พวกมันนี่ก็ช่างมั่นใจในสรีระของตัวเองเหลือเกินนะ
ผมยืนพะว้าพะวงอยู่เพราะป๊ะป๋ายังไม่ออกมาจากบ้านเลย แต่ก็ถูกใครบางคนฉวยข้อมือแล้วดึงให้ออกเดินตามซินกับสกายไป
“ไปเหอะ ซันนี่” เอี้ยฟ้าบอกเนิบๆ
ตอนนี้มันอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นสีขาวกับเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวลายทาง ติดกระดุมตรงกลางแค่สองเม็ด โชว์แผงอกกับขนตรงร่องสะดือ(เหอๆ) สวมรองเท้าแตะหนีบสีขาว แล้วก็แว่นกันแดดอีกอัน ..ดูดีอย่าให้บรรยาย ผมเพิ่งเคยเห็นมันใส่เสื้อผ้าสบายๆ ก็วันนี้แหล่ะ ปกติเห็นใส่แต่เสื้อแขนยาวกับกางเกงฟิตเปรี๊ยะตลอดๆ
ส่วนผมอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นลายดอก(แบบเดียวกับซิน แต่คนละสี)กับเสื้อแขนกุดตัวบาง แว่นกันแดด ไม่ได้ใส่รองเท้าหรอก ผมชอบย่ำเท้าเปล่าไปบนเม็ดทราย มันให้ความรู้สึกผ่อนคลายดี
“กูรอป๊ะป๋า” ผมบอกและออกแรงขืนตัวไว้เล็กน้อย เอี้ยฟ้าไม่สนใจ มันยังดึงแขนผมเดินต่อไป
“เพื่อนมึงยังอยู่ในบ้านอีกคนน่ะ..เดี๋ยวคงออกมาพร้อมกันแหล่ะ” มันพูดเฉื่อยชาตามปกติวิสัย
ผมหันกลับไปหน้าบ้านพักอีกรอบ ก่อนจะตัดสินใจยอมเดินตามเอี้ยฟ้าไปง่ายๆ ..อืม เดี๋ยวป๊ะป๋าคงเดินมากับอีเมย์แหล่ะ
“..ปล่อยน่า” ผมบอกพลางขยับมือเป็นเชิงเตือนอีกฝ่าย
ตอนแรกมันก็จับอยู่ที่ข้อมือผมหรอก แต่ไปไงมาไงไม่รู้มันเลื่อนลงมาจับมือผมเฉยเลย ..แบบนี้เขาเรียกว่าเนียนหรือเปล่าวะ?
“มาทะเลก็ต้องเดินจูงมือกันดิ...ละครเรื่องไหนๆ ก็แบบนี้ทั้งนั้น”
ผมล่ะสงสัยจริงๆ ว่ามันดูละครจากช่องไหน? ..หือ? ช่องไหนมันมีผู้ชายสองคนเดินจูงมือกันบ้าง? มึงดูละครประเภทไหนกันแน่ห๊า?! เอี้ยฟ้าประทาน?
“กูไม่รู้นะว่ามึงไปดูละครช่องไหนมา แต่ที่รู้คือไม่มีไอ้บ้าหน้าไหนมันมาเดินจับมือกันกลางวันแสกๆ แบบนี้หรอก ปล่อยได้แล้ว!” ผมพยายามจะสะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุม แต่ก็ดูจะไร้ผล
ตอนนี้เริ่มมีผู้คนบนชายหาดหันมาสนใจพวกเราบ้างแล้ว ลำพังเอี้ยฟ้าเดินคนเดียวก็น่าจะเรียกร้องความสนใจได้โขแล้วล่ะ แต่นี่ยังมาทำเด่นด้วยการเดินจูงมือผู้ชายหน้าตาโคตรจะดีอย่างผมอีก(ฮ่ะๆ) คนที่ไม่สนใจก็เห็นจะมีแต่คนตาบอดล่ะมั้ง ยิ่งเข้าเขตผู้คนพลุกพล่าน ก็ยิ่งมีแต่คนหันมามองพวกเราเป็นตาเดียว
นี่ถ้าผมหน้ามึนได้สักครึ่งของเอี้ยฟ้าก็คงไม่มีปัญหาหรอก แต่พอดีว่าผมไม่ใช่ว่ะ ผมยังแคร์สายตาประชาชีอยู่
“ถ้าเป็นตอนกลางคืนก็ไม่มีปัญหาใช่มั้ย?” มันหันมาถามผมหน้าซื่อ
“ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ช่วงเวลาไหน แต่ปัญหามันอยู่ที่..ใคร..ต่างหาก” ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะสีซอให้มนุษย์ต่างดาวฟังไปทำไมให้เปลืองแรง เพราะดูจากสีหน้าแล้วมันคงไม่เก็ทอย่างรุนแรง
“งั้นก็ไม่มีปัญหาหรอก” มันพูดเนิบๆ ใช้มือข้างที่ว่างเกาคางอย่างครุ่นคิด “เพราะคนที่กูอยากจับมือด้วยคือ..มึง”
“ถามกูมั่งมั้ยว่าอยากรึเปล่า?” ผมบ่นอุบอิบทั้งที่หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ เพียงเพราะคำพูดประโยคเดียว
“ว่าไงนะ?” เอี้ยฟ้าเอียงหูเข้ามาฟังใกล้ๆ ดูเหมือนมันจะไม่ได้ยินที่ผมบ่น
ผมผลักหัวมันให้ออกไปห่างๆ แล้วว่า “แต่กูเป็นผู้ชายนะโว้ย!”
“กูไม่สงสัยเรื่องนั้นเลย..จริงๆ นะ” มันพูดหน้าตาเฉยจนผมอยากจะหันไปเสยปลายคางให้ร่วงจริงๆ “..กูก็ผู้ชายเหมือนกัน”
“นั่นล่ะปัญหา!” ผมรีบพูด
“ยังไง?” ไอ้เอี้ยฟ้าเอียงคอมองผมงงๆ หน้าตาก่งก๊งมากมาย
ผมล่ะอยากจะเอากะโหลกมันไปผ่าเพื่อศึกษาสารประกอบเคมีภายในจริงๆ เชียว ให้ดิ้นตาย!
“ก็ไม่มีผู้ชายที่ไหนเค้าเดินจับมือกันไงล่ะ ไอ้โง่!” ขอด่าสักหน่อยเหอะ หมั่นไส้จริงๆ
“แล้วนั่นอะไร?” มันชี้มือไปที่ชาวต่างชาติสองคนที่กำลังจับมือกันเดินกระหนุงกระหนิงทั้งอิงทั้งแอบแบบไม่แคร์สายตาขาวโลก ..แถมทั้งคู่ยังเป็นผู้ชายด้วยสิ
ที่แย่ที่สุด ก็คือ..พอทั้งสองคนหันมาเห็นว่าผมกับเอี้ยฟ้ามองอยู่ ก็รีบโบกไม้โบกมือยิ้มแย้มให้ ไอ้เอี้ยฟ้าก็ดันบ้าจี้ไปโบกมือตอบเขาไปอีกแน่ะ(อยากจะทุบหัวมันชะมัด) จากนั้นฝรั่งสองคนก็หันไปจูบปากกันโชว์หวานซะเลย หึยยยย..
“หรืออยากได้แบบนั้นมากกว่า?” เอี้ยฟ้าถามพลางหัวเราะหึหึ ผมเลยเตะขามันไปที แต่มันหลบก็เลยโดนไม่แรงเท่าไหร่
“พ่องดิ!” ผมก้มหน้างุด เดินจ้ำพรวดๆ ไปข้างหน้า พยายามจะไม่สนใจมือที่อยู่ในอาณัติของอีกฝ่าย และเสียงหัวเราะลงคออย่างขบขันของคนกวนประสาทที่เดินตามมา
“ได้มาแค่สามลำ กูกับซันนี่ขอคนละลำ อีกลำใครจะเอา?” ซินหันมาถามทุกคน
พอผมเดินมาถึง ซินก็จัดการเช่าเจ็ทสกีได้เรียบร้อยแล้ว(และโชคดีที่เอี้ยฟ้ามันยอมปล่อยมือผมก่อนจะเดินมาถึงตัวซินด้วย) ..หาดนี้ผู้คนพลุกพล่านพอสมควรเพราะเป็นหาดของโรงแรมใหญ่ ส่วนหาดที่บ้านพักของพวกผมนั้นค่อนข้างจะสงบและเป็นส่วนตัวมากกว่านี้
“ป๊ะป๋าขอ” ป๊ะป๋าที่เพิ่งมาถึงยกมือขึ้น
ตอนนี้ป๊ะป๋าอยู่ในชุดกางเกงขายาวแต่พับขาขึ้น กับเสื้อยืดคอวีแขนสั้น ดูสบายๆ ส่วนเมย์บีใส่กางเกงเลกับเสื้อยืดคอกลม
“ซินกับซันนี่จะแข่งกัน ป๊ะป๋าสนใจลงสนามด้วยเปล่า?” ซินถาม
“ใจเปล่าๆ?” ผมเอาบ้าง
“อย่าท้าทาย มายทวิน.. ป๊ะป๋าไม่เคยแพ้มาก่อนนะขอบอก” ป๊ะป๋ารีบคุยทับ
“พวกเราไม่ออมมือให้หรอกนะ” ผมขู่
“ช่ายยยย~” ซินเอาด้วย ทำหน้าข่มขวัญคนแก่กันเต็มที่ ฮ่ะๆๆ
“เต็มที่ได้เลย ไอ้ลูกชาย ..จะได้อ้างไม่ได้ว่าแพ้เพราะอ่อยให้ป๊ะป๋า” น่าน.. ธรรมดาซะที่ไหนล่ะ มิสเตอร์มัชชิม่าซะอย่าง เรื่องโม้นี่ขอให้บอกเหอะ ฮ่าๆๆ
“แต่ถ้าแข่งกันตัวเปล่า..ป๊ะป๋าว่ามันธรรมดาไปนะ เราน่าจะพกตัวถ่วงไปด้วยลำละคน...แฝดว่าไง?” นอกจากจะยอมใครไม่เป็นแล้ว คุณเซ็นคนนี้ยังไอเดียบรรเจิดอีกต่างหาก
“ตัวถ่วงเหรอ?” ผมกับซินมองหน้ากัน ก่อนจะหันไปมองไอ้สามตัวที่เหลือ
“ตัวถ่วงเหรอ??” สกาย เมย์บี เอี้ยฟ้า ถามพลางชี้หน้าตัวเอง
“ใช่แล้ว~ ตัวถ่วงจ้า” ป๊ะป๋ายิ้มร่า ชี้มือไล่ไปทีละคนๆ ก่อนจะไปหยุดที่เอี้ยฟ้า.. เอี้ยฟ้าอีกแล้ว?
“ฟ้าไปกับป๊ะป๋านะ ไม่ต้องห่วง.. ป๊ะป๋าขับเจ็ทสกีเก่งพอๆ กับที่ฟ้าขับรถสปอร์ตนั่นแหล่ะ”
“ไอ้กายไปกับกู” ซินรีบพูดขึ้นอย่างกับกลัวใครจะแย่งงั้นแหล่ะ
ผมหันไปมองเมย์บีที่ยืนทำหน้าละห้อยละเหี่ยอยู่ ..ที่นี้ก็เหลือแค่มึงกับกูแล้วล่ะ “เมย์..”
“ซันซัน.. กูไม่ไปได้ป่ะ? กูไม่อยากอ่ะ ..ลมมันเย็น” อีเมย์พูดด้วยสีหน้าประหวั่นพรั่นพรึง
ผมมองเห็นลางหายนะของตัวเองมาแต่ไกลเลย ..แพ้แน่กู
ผลการแข่งขันเป็นไปตามคาด... ผมที่พ่วงอีเมย์บีผู้แหกปากร้องเร่แห่กระเชิงบ้าง กอดเอวผมแน่นจนหายใจไม่ออกบ้าง หยิกพุงผมเพราะความเกร็งบ้าง
..แพ้ราบราบครับ
ที่หนึ่งตกเป็นของซิน และที่สองเป็นของป๊ะป๋าอย่างไม่ต้องสงสัย สองคนนี้ขับเคี่ยวกันจนวินาทีสุดท้ายเลยจริงๆ ก่อนจะเป็นซินที่เบียดป๊ะป๋าเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกไป
“ซันนี่ฝีมือแย่กว่าที่ป๊ะป๋าคิดอีกนะเนี่ย” ขึ้นบกมาได้ผมก็โดนทับถมทันที
“น่าผิดหวังจริงๆ เลย น้องชาย” ซินพลางแล้วส่ายหัว ..เอ้า เอาเข้าไป
“คราวหลังก็ลองเอาอีเทพีขี้แพ้ซ้อนท้ายกันไปบ้างสิ” ผมประชดแล้วบุ้ยใบไปทางอีเมย์ ที่นั่งหน้าซีดสูดยาดมอยู่บนพื้นทราย
“ก็กูกลัวนี่!” เทพีแห่งความพ่ายแพ้ของผมแว้ดกลับมาเคืองๆ แล้วแจกค้อนปะหลับปะเหลือกพวกเราทีละคน จนอดหัวเราะกันออกมาไม่ได้
“เกมนี้ถือว่า ซินเซียร์นำไปก่อนหนึ่งคะแนน” ป๊ะป๋าประกาศ ก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย “งั้นเรามาเริ่มเกมต่อไปกันเลยดีกว่ามั้ย?”
“อะไร?” ทุกคนถามพร้อมกันอย่างสนใจ
ทุกคน...ยกเว้นอีเมย์
“ถ้าเป็นอะไรหวาดเสียวๆ แบบเมื่อกี๊อีก เมย์ขอผ่านนะป๊ะป๋า เมย์บอบบางกว่าที่ทุกคนคิดนัก” เมย์บีทำสำออยกระซิกๆ
ป๊ะป๋าหัวเราะแล้วเดินไปลูบหัวมันแบบอยากปลอบ “ไม่หวาดเสียวหรอก ป๊ะป๋ารับรอง” คนต้นคิดให้สัญญา
ผมนะสงสัยจริงๆ ว่าป๊ะป๋าต้องกำลังคิดอะไรไม่เข้าท่าอยู่อีกแน่ๆ
“เพราะเกมที่เราจะเล่นคือ...ขี่ม้าส่งเมือง”
“ขี่ม้าส่งเมือง?!!”
“ไหนม้า?” เอี้ยฟ้าหันซ้านหันขวา มองไม่เห็นม้า ก็หันมาถามพวกเราหน้าซื่อ ...โถ สงสัยที่ดาวดวงอื่นเขาจะไม่เล่นเกมนี้กันมั้ง
“ฟ้ากลับหลังหันสิ” ป๊ะป๋าว่า พอเอี้ยฟ้าทำตาม แกก็กระโดดขึ้นเกาะหลังมันทันทีเลย “นี่ไงล่ะ..ม้า”
“คู่ไหนถึงบ้านพักก่อนก็เอาไปอีกหนึ่งคะแนนนะจ๊ะ ..เอ้า ไปเลยฟ้า วิ่งให้สุดฝีเท้า” ป๊ะป๋าพูดจบเอี้ยฟ้าก็ออกวิ่งแบบไม่หยุดคิดเลย
ให้ตายสิ.. เล่นเป็นเด็กๆไปได้
“ก็แค่คนแก่ขี้เกียจเดิน” ผมบ่นพึมพำ คิดว่าซินคงไม่เอาด้วยหรอก ที่ไหนได้ หันมาอีกทีสกายแบกซินวิ่งตามเอี้ยฟ้าไปแล้ว
“เจอกันที่บ้านพักนะ ซันนี่~” ซินหันมาโบกมือให้ผม
แล้วกัน... ซินก็ดันบ้าจี้ไปอีกคน
“มะ! อีซันซัน เกมนี้กูขอสู้ตาย!” ก้มลงไปมองคนพูดก็เห็นมันย่อตัวเตรียมพร้อมแล้ว สายตามุ่งมั่นพร้อมชิงชัยเต็มที่ “เอาจริงดิ?”
“อย่าลีลา”
สุดท้ายผมก็ต้องขึ้นหลังเมย์บี ให้มันแบกวิ่งไปเหมือนคนอื่นๆ
แต่อยากจะบอกว่าสปีดมันเร็วโคตร มันทำอย่างกับวิ่งตัวเปล่า ..เอ้อ ลืมไป ปกติตอนอยู่ที่บ้านมันก็มีงานอดิเรกคือการแบกกระสอบข้าวสารเป็นร้อยกิโลฯนี่หว่า นับประสาอะไรกับผมที่หนักแค่ครึ่งร้อย ฮ่ะๆๆ
ผมเห็นแววชนะใสๆ ในเกมนี้แล้วล่ะ ..คอยดูเหอะ ซินเซียร์ ป๊ะป๋า หัวเราะทีหลังดังกว่าน่ะ เคยได้ยินกันบ้างไหม? วะฮะฮ่าฮ่า
“เป็นไปได้ยังไง? จู่ๆ เมย์บีก็วิ่งขึ้นมาแซงหน้าฟ้าเฉยเลย ป๊ะป๋าไม่เห็นจะเข้าใจ” คนแพ้บ่นหน้ายุ่ง ผมล่ะอยากจะขำเป็นภาษาเอลฟ์จริงๆ
“เฮ้ย! มึงอย่าเพิ่งตายนะ” ซินเอาน้ำเย็นมาราดหน้าไอ้กายที่นอนหงายหมดสภาพ ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ อย่างกับวาฬเกยตื้นอยู่บนหาด พวกมันสองคนมาถึงเป็นคู่สุดท้าย เล่นเอาคนแบกใกล้ตายกันเลยทีเดียว
ก็นะ.. ซินก็ใช่ว่าตัวเล็กๆ มันสองคนก็หนักพอกันแหล่ะ แถมระยะทางก็ไกลพอสมควร ไม่ใช่มืออาชีพอย่างอีเมย์ก็ไม่ไหวหรอก ..ขนาดเอี้ยฟ้าแบกป๊ะป๋าที่น้ำหนักน้อยกว่า ก็ยังต้องมานอนตายอยู่ข้างๆ กันเลย
เห็นสภาพแล้วก็สงสาร ผมส่งน้ำให้เมย์บีที่นั่งพักชิวๆ ไปขวดหนึ่ง แล้วเอามาราดให้เอี้ยฟ้าอีกขวดหนึ่ง ..อ่ะ มันขยับตัวแล้ว นึกว่าถูกอัมพฤกอัมพาตเล่นงานกล้ามเนื้อไปแล้วซะอีก
“เกมนี้ซันได้คะแนนนะ ป๊ะป๋า” ผมหันไปยิ้มอย่างเป็นต่อ
ป๊ะป๋าเลยต้องพยักหน้ารับอย่างยอมจำนน แต่ก็ไม่วายบ่นอุบอิบให้ได้ยิน “คิดว่าเกมนี้ป๊ะป๋าจะได้คะแนนแล้วเชียว ..อ๊ะ วอลเล่ย์?”
จู่ๆ ก็มีลูกวอลเล่ย์บอลกลิ้งมาโดนเท้าป๊ะป๋า พอก้มลงเก็บก็มีเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารัก อายุประมาณเด็ก ม.ต้น วิ่งมาขอคืน
“ขอบคุณค่ะ” เธอยกมือไหว้ป๊ะป๋าก่อนจะรับบอลกลับไป
“หนูพักอยู่แถวนี้เหรอจ๊ะ?” ป๊ะป๋าถามเด็กคนนั้น
“ค่ะ บ้านหลังนั้น” เธอบอกพลางชี้ให้ดู ..ซึ่งก็คือบ้านหลังข้างๆ กับพวกเรานั่นล่ะ
“อ้าว บ้านข้างกันเลยนี่นา” ซินพูดขึ้นอย่างแปลกใจ
“มากับครอบครัวเหรอ?” ป๊ะป๋าถามอีก
“ค่ะ มากันหกคน มีพลอย มีเพชร พี่นิล พี่เพิร์ล แล้วก็คุณพ่อคุณแม่ พี่ชายล่ะคะ?” เธอเรียกป๊ะป๋าผมว่า ‘พี่ชาย’ ล่ะเว้ยเฮ้ย ฮ่ะๆๆ
“หกคนเหมือนกันจ้ะ” ป๊ะป๋ายิ้มใจดีตอบ
“เร็วสิ พลอย มัวทำอะไรอยู่?” มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนดังมา
หันไปมองก็เห็นมีคนอยู่แถวๆ นั้นอีกสี่ห้าคน มีเน็ตวอลเล่ย์ด้วย เด็กสาวที่ถูกเรียกว่า ‘พลอย’ หันมายิ้มกว้างให้ป๊ะป๋า แล้วชวนเราทุกคนไปเล่นด้วย
“พวกพี่ชายก็มาเล่นด้วยกันสิคะ? หลายๆ คนสนุกดี”
“เอาสิ” ป๊ะป๋าตอบตกลงแบบไม่ต้องคิด ก่อนจะหันมาเร่งพวกเรา “มาเร็วเด็กๆ ไปตัดสินชะตากันในเกมสุดท้ายดีกว่า”
“เอาล่ะ นักกีฬาพร้อม กองเชียร์พร้อม ..แต่กรรมการยังไม่พร้อม รอแป๊บนะ” ป๊ะป๋าประกาศก่อนจะปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้เซฟการ์ด(ที่ไม่มีเงาหัวเซฟการ์ด)
หลังจากพูดคุยทักทายทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านพอหอมปากหอมคอแล้ว พวกเราก็แบ่งสรรทีมกันจนเป็นที่น่าพอใจ ได้ฝ่ายละห้าคน ..โดยทีมผมมี ผม สกาย เมย์บี น้องเพชร(ฝาแฝดน้องพลอย) พี่เพิร์ล(พี่สาวน้องพลอย) และทีมคู่แข่งมี ซินเซียร์ เอี้ยฟ้า น้องพลอย นิล(พี่ชายน้องพลอย) คุณคริสตัล(แม่น้องพลอย) มีคุณแก้ว(พ่อน้องพลอย)เป็นผู้กำกับเส้น
และแน่นอน.. มีป๊ะป๋าเป็นกรรมการ
ที่ป๊ะป๋าไม่ลงแข่มเกมนี้ เพราะแกอ้างว่าตัวเองตกรอบไปแล้ว ไม่มีคะแนนสะสมสักคะแนน ให้ศึกนี้เป็นศึกตัดสินระหว่างพี่น้องผู้รอดชีวิตดีกว่า ..ก็ผมกับซินนั่นล่ะ(เรามีคนละคะแนน) แถมยังบอกอีกว่า ‘ใครชนะได้เป็นพระราชาตลอดทริป’ ทุกคนที่เหลือจะคอยปรนนิบัติพัดวีจนถึงวันสุดท้าย
งานนี้สู้ตายครับพี่น้อง เพราะผมอยากเป็นพระราชา ฮ่าๆๆ
“โอเค.. กรรมการพร้อมแล้ว” ป๊ะป๋าประกาศอีกครั้งหลังจากนั่งเรียบร้อย “ทีมซันชายน์เลือกฝั่งไปแล้ว ต่อไปทีมซินเซียร์จะเป็นฝ่ายเสิร์ฟนะ”
ปี๊ดดดดด~
สิ้นเสียงนกหวีด ซินก็เสิร์ฟเบาๆ ข้ามมา พี่เพิร์ลรับลูกเสิร์ฟได้สวย ไอ้กายกระโดดเซตได้เยี่ยม อีเมย์ที่กำลังจะเข้าไปตบแต่เกิดสะดุดขาตัวเองหน้าคว่ำซะก่อน ..แต่ซวยคนเดียวแม่งคงกลัวไม่ฮา ก่อนล้มเมย์บีก็เลยคว้าขอบกางเกงไอ้กายติดไม้ติดมือลงไปด้วย ก็เลยลงไปกองพร้อมกันทั้งคนซุ่มซ่าม(อีเมย์) ทั้งกางเกงในกางเกงนอกของคนซวย(ไอ้กาย)
“กรี๊ดดดดดดดด~” สาวๆ ข้างบ้านกรีดร้องขวัญผวากับความอลังการของไอ้กาย
“สุดยอดดดดด” แต่ไอ้น้องนิล ลูกชายคนเดียวของบ้านนั้นกลับส่งเสียงร้องอย่างประทับใจ
“โห.. มึงนี่ไม่เบาเลยนะเนี่ย?” ซินพูดชื่นชมจากฝั่งตรงข้าม มีผมกับเอี้ยฟ้าพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วย
สกายผู้ได้โชว์ของดีโดยไม่ตั้งใจรีบดึงกางเกงตัวเองกลับขึ้นมาแบบเขินๆ
“ไหน?! กูยังไม่ได้ดูเลย!” อีเมย์โวยวาย อุตส่าห์รีบเงยหน้าที่เต็มไปด้วยทรายขึ้นมาแล้วก็ยังมองไม่ทัน(..พลาดแล้วมึง อีเมย์ มึงพลาดแล้ว ฮ่าๆๆ) ก่อนจะวิ่งหนีแทบไม่ทันเมื่อถูกไอ้กายไล่เตะไปทั่วสนาม
“ฮ่าๆๆๆ” เสียงคนบนเก้าอี้เชฟการ์ดหัวเราะชอบใจใหญ่
ปี๊ดดดดดด~
ซินเสิร์ฟบอลมาอีกรอบ น้องเพชรอันเดอร์ข้ามไป ไอ้น้องนิลรับ เอี้ยฟ้าเซ็ต ซินกระโดดตบสุดแรงเกิด
“แอ้บ!!” อีเมย์บีเอาหน้ารับไปเต็มๆ ก่อนจะทรุดลงไปพร้อมกับเลือดที่ไหลออกทางจมูก
ปี๊ดดดดดด~
“ทีมซินเซียร์ได้แต้ม” กรรมการประกาศ
“ได้ไงอ่ะ? แบบนี้มันฟาวรึเปล่า?” ผมประท้วงอย่างสงสัย ก็ไม่ค่อยจะรู้กติกาของวอลเล่ย์เท่าไหร่หรอก แต่รู้สึกว่าตัดสินแบบนี้มันออกจะแปลกๆ อยู่นา..
“ลงก็คือลงนั่นแหล่ะ นักกีฬาซันนี่ อย่าทำตัวมีปัญหา เสียเวลา รีบพาเพื่อนไปปฐมพยาบาลข้างสนามซะ” ว่าแล้วก็เป่านกหวีดไล่ผมปี๊ดๆๆ
กรรมการอะไรวะเนี่ย..?
ผมกับพี่เพิร์ลเลยต้องช่วยพยุงเมย์บีออกไปอยู่ข้างสนาม ให้คุณแก้วเปลี่ยนหน้าที่จากกรรมการคุมเส้นมาเป็นพยาบาลแทน
“มึงทำแบบนี้ได้ไงซิน?” ไอ้กายเริ่มโวยวายคร่ำครวญ โอเวอร์แอคติ้งสีหน้าเจ็บปวดราวกับเพื่อนมันตาย “ใจคอมึงทำด้วยอะไร?! ถึงอีอาจมันจะเป็นกะเทยเถื่อน แต่มันก็เป็นคนดีมาก! มันยังมีความฝัน! มันยังมีความหวัง! อนาคตมันยังอีกยาวไกล ความใฝ่ฝันที่จะได้สามีก่อนจบปีสี่ก็ยังไม่ลุล่วงเลย!”
“ถึงมึงจะเป็นเพื่อนซี้ แต่เรื่องนี้กูให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด!” มันประกาศกร้าวแล้วชี้หน้าซินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ทำเอาอีกฝ่ายเอ๋อแดกไปเลย
“เอ่อ กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ” ซินทำหน้าสำนึกผิดเต็มที่ “เดี๋ยวกูจะอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้มันแล้วกันนะ”
“กูยังไม่ตาย อีช้างยิ้ม!” เสียงคนเจ็บดังแว่วๆ มาจากข้างสนาม
“ฮ่าๆๆๆๆ” คนบนเก้าอี้เซฟการ์ดหัวเราะชอบใจอีก
ปี๊ดดดดดด~
ซินได้เสิร์ฟต่อ คราวนี้น้องเพชรรับ ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ไอ้กายแก้เซ็ตได้ดี ผมเลยกระโดดตบไปเต็มเหนี่ยวแบบไม่คิดจะออมแรง
“อั้ก!!” ดอกนี้โดนหัวน้องพลอยไปเต็มๆ ร่วงผล็อยเป็นใบไม้แห้งเลยเชียว ..เอ่อ พี่ไม่ได้ตั้งใจนะน้อง ปี๊ขอโต๊ดดด~
“พลอยยยย!!”
ปี๊ดดดดดด~
“ทีมซันชายน์ได้แต้ม” กรรมการประกาศ
“เฮ้ย! มันฟาวไม่ใช่เรอะ ป๊ะป๋า?” คราวนี้ซินประท้วงบ้าง
“ลงก็คือลง นักกีฬาซินเซียร์ รีบพาลูกทีมไปปฐมพยาบาลซะ ปี๊ดๆๆ~”
จากนั้นคุณคริสตัลกับนิลก็ช่วยกันพยุงน้องพลอยออกไป
“มึงทำแบบนี้ได้ยังไง ซันนี่?” ซินมาอารมณ์เดียวกับไอ้กายเป๊ะเลย “กูจำไม่ได้ว่าเคยสอนให้มึงหยาบคายกับผู้หญิงขนาดนี้นะ น้องเค้าอายุยังน้อย หน้าตาก็น่ารัก เลี้ยงต้อยอีกซักปีสองปี เอ๊ย กูไม่ได้จะพูดแบบนั้น! ที่กูจะพูดก็คือ..มึงทำแบบนี้แล้วน้องเค้าจะไปเป็นเจ้าสาวของใครได้ยังไงกัน?! มึงต้องรับผิดชอบ ซันนี่ ..มึงต้องรับผิดชอบบบบ!”
อยากจะบอกมากเลยว่ากูแค่ตบบอลไปโดนหัวน้องเขา ไม่ได้ไปพรากพรมจรรย์น้องเขา มึงเข้าใจอะไรผิดป๊ะเนี่ย ซิน? ..แล้วที่หลุด(เรื่องเลี้ยงต้อย)ออกมาเมื่อกี๊เนี่ย...ใจจริงเลยสินะ เหอะๆ
“ฮ่าๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะชอบใจของตาลุงบนเก้าอี้เซฟการ์ดดังขึ้นอีก
ปี๊ดดดดดด~
แล้วเกมก็ดำเนินต่อไป..
“โอ๊ยยยยย!” คราวนี้ผู้เคราะห์ร้ายคือ พี่เพิร์ล ลูกทีมผมเอง
“ทีมซินเซียร์ได้แต้ม” ตากรรมการโรคจิตยังขานคะแนนด้วยมาตรฐานเดิมเด๊ะๆ
ปี๊ดดดดดด~
เกมยังคงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด..
“ว้ายยยยย!” ผู้เคราะห์ร้ายรายล่าสุดก็คือ คุณคริสตัล ลูกทีมของซิน
“ทีมซันชายน์ได้แต้ม” กรรมการขานคะแนนอย่างเบิกบาน
“แงงงง~” แต่คราวนี้ยังไม่ทันได้เป่านกหวีดให้เริ่มเกมต่อไป เสียงร้องไห้จ้าของหญิงสาวคนเดียวที่ยังรอดชีวิตอยู่ในสนาม..ลูกทีมของผมก็ดังขึ้นมาซะก่อน
“แงงงงง~ หนูไม่อยากเล่นแล้ว พี่ชายข้างบ้านน่ากลัวอ่า~ ฮืออออ..” น้องเพชรทรุดลงไปนั่งร้องไห้กับพื้นทราย
พวกผมหันมองหน้ากันเจื่อนๆ สงสัยว่านัดชี้ชะตาของฝาแฝดวันนี้คงต้องยกเลิกไปก่อนแฮะ
“ฮ่าๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะชอบใจจากตาลุงโรคจิตบนเก้าอี้เซฟการ์ดยังคงดังมาให้ได้ยินเหมือนเดิม..
TBC.