ดีใจ มิตรรักแฟนเพลงเริ่มๆ รู้ข่าวกันแระ
+++++++++++++++++++++++++++++
ฉันฝัน ว่าเล่นกระโดดยางกันกับอีบริทย์สองคน โดยมัดปลายยางข้างหนึ่งไว้ที่ต้นไม้ใหญ่ใกล้นาของพ่อ อีบริทย์ถือปลายยางอีกข้างนึง และฉันกำลังตั้งท่าจะกระโดดข้าม แต่ตาก็เหลือบเห็นอีต๋องปั่นจักรยานมาพอดี พวกฉันดีใจกันใหญ่ เพราะจะได้เล่นกันให้สนุกๆ โหดๆ หน่อย ไม่ใช่มัดกับต้นไม้แบบนี้
"อีต๋อง มาจับ" (หมายถึงจับยาง)
อีต๋องส่ายหัว มันจอดจักรยานอยู่ใกล้พวกฉัน แต่ก็ไม่ยอมลงจากรถลงมา
"ดอก กรูบอกให้มาจับยาง" ในฝัน ฉันตวาด แต่อีต๋องก็ไม่ยอมลงมา
"กรูโตแล้ว ไม่เล่นหรอก" มันตอบ ฉันกับอีบริทย์งงเต๊ก โตอะไรของเมิง ก็ตัวเท่าๆ พวกกรูเนี่ย แต่ไม่ทันจะได้ถาม อีต๋องก็ปั่นจักรยานออกไปตามทางข้างหน้า และในฉับพลัน ฉันก็นึกขึ้นได้ว่าต๋องตายแล้ว ฉันสะดุ้งตื่นกลางดึก แล้วลุกขึ้นนั่ง คนอื่นๆ หลับกันหมดแล้ว มีเพียงวงไพ่ วงไฮโล ที่ยังนั่งล้อมวงเล่นกันอยู่ไกลๆ
ต๋อง เมิงมาหากรูหรอ เมิงยังอยู่ที่นี่ใช่ไหม ฉันนึกในใจ สายตาจับจ้องไปที่โลงศพที่ประดับด้วยไฟสีๆ ดวงเล็กๆ กระพริบๆๆ รูปอีต๋องยังดูร่าเริงสดใส ขัดกับสภาพมันตอนนี้ที่อยู่ในโรงเหลือเกิน
"อีต๋อง" ฉันคิดถึงเพื่อน น้ำตาก็ไหล และฉันกอดตัวเองร้องไห้
"เมิงจะให้กรูทำยังไง กรูอยากจะฆ่าไอ้โชคให้มันตายๆ ตามเมิงไปซะ" ฉันพูดอย่างเจ็บแค้น จนเต้เองรู้สึกตัว มันเห็นฉันสะอึกสะอื้นเลยลุกขึ้นมาปลอบ
"ร้องไห้อีกแล้ว ไม่เอาๆ" เต้พูด มันเอามือตบไหล่ฉันเบาๆ ฉันได้แต่ซุกหน้าตัวเองและเช็ดน้ำตาตัวเองด้วยหัวเข่า เต้ถอนหายใจออกมา
"พี่ต๋อง เค้าไปดีแล้ว ไปขึ้นสวรรค์ เจ๊ยังจะห่วงอะไรเค้าอีก" ไอ้เต้พยายามจะพูด ฉันโตกว่ามันอีก แทนที่ฉันจะเข้มแข็งกว่ามัน นึกแล้วก็อายเด็กเหมือนกัน ก็เลยตัดสินใจ หยุดร้อง แล้วบอกไอ้เต้ว่าให้นอนต่อ
ตั้งแต่เกิดเรื่อง ฉันกับเต้สนิทกันมาก ฉันซึ้งใจกับเต้หลายๆต่อหลายอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าเต้มันคิดยังไง แต่ถ้าตอนนั้นจะให้ฉันเป็นแฟนกับเต้ ฉันก็ไม่ติดขัดอะไร ดีเสียอีก จะได้สมใจอีต๋องมันด้วย
+ + + + + + + + +
ฉันขลุกอยู่แต่ในวัด บางครั้งก็ต้องวุ่นกันทำกับข้าวเลี้ยงแขก เหนื่อยนะ แต่ก็ไม่มีใครบ่นซักคำ ความจริงฉันอยากทำอะไรให้มันมากกว่านี้ด้วยซ้ำ จะไม่มีวันลืมเลยว่าตอนมันมีชีวิตอยู่ มันดีกับฉันแค่ไหน
"เจ๊ นั่งเหม่ออะไร" เต้ใช้ศอกถองสีข้างฉันเบาๆ
"เปล่า" ฉันปด "แล้วมาหลายวันอย่างงี้ จะเรียนทันเพื่อนไหมเนี่ย" ฉันถาม เต้มันหัวเราะ
"ปกติเข้าไปเรียน ผมก็ไม่รู้เรื่องอยู่แล้วหล่ะ" - -* เวงกำ แสดงว่ารู้ตัว
"แล้วพ่อแม่ เค้าไม่ว่าหรอ" ฉันถามอีกครั้ง ไอ้เต้ส่ายหน้า
"เค้าให้มา ยังฝากเงินมาทำบุญเลย" ไอ้เต้ตอบ ดีใจแทนอีต๋องมันจิงๆ เลยนะ มันเป็นคนดี ไปไหนก็มีแต่คนรักคนเอ็นดูมัน นี่ถ้าเป็นงานของฉัน จะมีใครมาไหมเนี่ย ฉันมีแต่โจทก์ เดี๋ยว:-)เอาระเบิดมาเฟี่ยงกลางงาน ทำไงหล่ะเนี่ย - -*
"แล้วเจ๊ จะอยู่ห้องนั้นต่อหรอ ไม่ดีม้าง" เต้พูด ฉันก้มหน้ามองเท้าตัวเองอย่างเรื่อยเปื่อย ในใจก็ไม่คิดอยากจะอยู่ที่นั่นด้วยเหมือนกัน คงทำใจไม่ได้แน่ๆ
"คิดว่าไม่" ฉันปฎิเสธ เต้ทำท่าตกใจเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นเข้าใจความรู้สึกฉันแทน
"จะย้ายห้อง หรือว่าย้ายไปที่อื่นเลยอ่ะ" เต้พูด น้ำเสียงหม่นๆ
"คงไปที่อื่นเลยน่ะ ไม่แน่อาจจะอยู่หอของบริษัท" ฉันวางอนาคตไว้คร่าวๆ ที่ฉันไม่มาอยู่หอตั้งแต่แรกก็เพราะว่า อยากอยู่กับเพื่อน แต่ตอนนี้อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปแล้ว
"โห.. จะทิ้งผมเลยหรอ ฮึ เจ๊" เต้พูด น้ำเสียงกึ่งจริงกึ่งเล่น ฉันเข้าใจความรู้สึกเต้มันนะ มันคลุกคลีอยู่กับพวกฉันเป็นปีๆ กินข้าวด้วยกัน เล่น เที่ยว พออยู่ดีๆ แล้วไม่มี คงจะรู้สึกใจหายอยู่แว๊บๆๆ
"แหม ทำเป็นว่าห่างกันมากเลยนะนั่น 555 คิดถึงก็มาหา หรือโทรมาก็ได้" ฉันตอบ ความรู้สึกมันโหวงๆ ไม่แพ้กัน
"พูดจิงๆนะ อยู่ห้องผมก็ได้ เจ๊รังเกียจผมรึเปล่าหล่ะ" เต้ยื่นน้ำใจให้ฉันอีกครั้ง ฉันน่ะไม่รังเกียจแกแน่ๆนอน แกต่างหากที่จะต้องเป็นฝ่ายรังเกียจฉัน แต่ฉันคงไม่รบกวนแกขนาดนั้น เดี๋ยวปัญหามันจะตามมาอีกเป็นขบวนๆ
"พี่อยู่หอน่ะดีแล้ว จะได้ตื่นสายๆ ค่าเช่าก็ถูก มีเพื่อนๆ ที่ทำงานอยู่ด้วยเป็นโขยงๆ จะได้ไม่เงียบ" ฉันขุดเหตุผลมาพูด เต้มันไม่ได้พูดยากเลย พูดแค่นี้มันก็เข้าใจแล้ว มันไม่รั้งฉันอีก พูดอีกเพียงว่า
"งั้นตอนเย็น เล่นเกมส์ด้วยกัน โอเคเปล่า"
ฉันหัวเราะ ก่อนจะรับคำยอมประลองฝีมือด้วย บอกไม่ถูกจิงๆ เลยนะ แต่รู้สึกหวั่นไหวกับเต้อยู่เหมือนกัน แต่อายุก็ห่างกันมากโขเลยทีเดียวเชียว -*-
.......................
วันเผาอีต๋อง ฉันรู้สึกใจจะขาดตั้งแต่ตอนเช้า ถึงจะรู้ว่ามันตายไปแล้วแต่ฉันก็ยังอยากให้ร่างมันยังอยู่ ถึงรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ (ไม่ใช่คุณยายวรนาถ) วันนั้นทั้งฉันทั้งอีบริทย์ปริ่มๆ เหมือนคนจะสิ้นใจ ถึงแม้เราจะยุ่งกันทั้งวัน พอจัดเตรียมทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อยจิงๆ แขกก็ทยอยมากันแล้ว ทั้งที่ได้รับเชิญ และไม่ได้รับเชิญ
"แบะ ยังขี้แยเหมือนเคยเลยนะ" ไอ้เอกเดินมาทำเป็นล้อเล่นกับฉัน
"ไอ้... ควาย" ฉันด่าในใจ ก่อนจะหันหลังเดินออกไปชนิดว่าหน้าก็ไม่มองกันเลย
"มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า" เต้เดินเข้ามาถาม ฉันส่ายหัวยึกยัก ตอนนี้นอกจากเรื่องอีต๋อง ฉันก็ไม่มีกะใจจะคิดเรื่องอะไรอีกเลย
"พี่บริทย์ตามหาอยู่น่ะ อยู่ทางโน้น" เต้ชี้นิ้วไปทางซ้าย ฉันยิ้มให้เชิงขอบใจ แล้วเดินไปหาเพื่อน เห็นอีบริทย์ลากถุงเชี่ยไรมาด้วยเบ้อเร่อ
"อีแบะๆ เมิงมาช่วยกรูหน่อย" อีบริทย์ร้องเรียกฉันแต่ไกล
"ทำอะไรของเมิงน่ะ" ฉันเดินไปแหวกถุงพลาสติกใบใหญ่ออก ปรากฎว่าเจอเป็นของเล่นเก่าๆ ที่พวกฉันเคยเล่น (ตุ๊กตา หนังสือวาดภาพระบายสี แล้วพวกหม้อไหของเล่น)
"555 นี่เมิงอย่าบอกนะ ว่าเมิ.... " ฉันพูดดักหน้า อีบริทย์รีบพยักหน้าหงึกหงั่ก
"แม่กรูไปรื้อมาให้ อีต๋องมันชอบนะโว๊ยย" อีบริทย์พูด เวงกำจิงๆ ตอนนี้อีต๋องมันแก่ปูนนี้แล้ว มันจะเอาเวลาที่ไหนไปนั่งเล่นของพวกนี้ กรูว่าเมิงเผาตุ๊กตายาง หล่อๆ ล่ำๆ มันยังจะปลื้มกว่า
"แค่เมิงใส่อีพวกนี้ทั้งหมดเข้าไป ก็คงแบกโลงกันไม่ไหวแระ" ฉันค้าน อีบริทย์ก็เห็นด้วย มันดูเยอะเกินไปจริงๆ น่ะ
"อ่ะ กรูเห็นแล้ว" ฉันเอามือเขี่ยๆ และหยิบบางอย่างออกมาจากถุง มันเป็นตุ๊กตากระดาษ (เก่ามากๆๆๆ เชี่ย ยังเก็บไว้เนาะ)
"เมิงไปหาแม๊ก (ที่หนีบกระดาษ) มา" ฉันบอก อีบริทย์รีบวิ่งไปหา ไม่นานก็วิ่งกลับมา
"เมิงดูนะ นี่คืออีต๋อง" ฉันพูดพลางเลือกตุ๊กตาที่ดูละม้ายคล้ายอีต๋องมากสุด "และนี่ก็คือเมิง กับ กรู" และฉันชูตุ๊กตาอีกสองตัวให้อีบริทย์ดู ช่วยไม่ได้ที่ตัวฉันจะดูสวยและอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด
"เรา สาม คน" ฉันค่อยเอาแม็กหนีบที่ตัวตุ๊กตาแต่ละตัว
"จะเป็นเพื่อนกัน" หนีบให้มันติดกัน
"ตลอดไป"
จนมันกลายเป็นตุ๊กตาสามตัวจับมือกัน
น้ำตาเราเอ่อขึ้นมาในดวงตาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ซึ่งเชื่อว่าอีต๋องก็ต้องเป็นเหมือนกัน เรามองไปที่โลง
.................