ตอนที่ 19 เส้นใยบางๆ
ผมเดินยืดเข้าสนามด้วยใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง มั่นใจยิ่งกว่าแมนยูตอนได้แชมป์ (ได้แชมป์จริงๆ ด้วยครับปีนี้ อ๊ากก สะใจจนอยากจะลงไปกราบเตเวสกับเฮียปาร์คงามๆ สักสามที ) บรรยากาศในสนามก็ดูคึกคัก ลูกทีมแต่ละคนหน้าบานอีกกว่าตอนที่ผียิงเข้า (แกจะไปเรื่องบอลอีกนานไหม? ถ้านานฉันจะได้กลับมาแต่งต่อฤดูกาลหน้า -*- แม่งอาเซชวดทำเอาเซ็งหมดอารมณ์แต่งนิยายไม่ได้ไปหลายวัน ผัวะ!! แกเป็นไรเตอร์จะไปออกทะเลกับมันเพื่อ??)
ไม่ใช่หรอกครับไอ้ที่ผมพล่ามมาทั้งหมดน่ะ โคตรตรงข้าม หันไปทางขวาไอ้นุผู้ปากมากกับไอ้แชมป์ลูกคู่มันก็เงียบเป็นเป่าสากแถมยังเดินห่างกันเป็นวาเหมือนกลัวเห็บหมัดบนตัวมันจะกระเด็นใส่กัน เหลือบไปทางซ้ายเห็นไอ้เป้จับแขนไอ้เนมลากลิ่วๆ ไปข้างสนาม ไอ้เนมก็เดินจนขาจะพันกัน และถ้าผมอ่านปากมันไม่ผิด มันพึมพำว่า ‘มึงต้องตาย’ อยู่หลายครั้ง หรือว่ามันจะเล่นของวะ? มองไปข้างหน้าเห็นไอ้เชน ไอ้ชินแล้วก็ไอ้เอล (หรือไอ้ป้อน้อยที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่าถูกใจมันนัก มันเป็นผู้จัดการทีมที่มีสมองรับคำสั่งได้ตรงยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์ เอาเป็นว่าถ้าคุณสั่งข้าวแล้วไม่บอกให้มันเอาช้อนกับซ้อมมาด้วย คุณก็ต้องกินข้าวด้วยมือเปล่านั่นแหละครับ) มันกำลังเล่นกัน??? เอ่อ..ดูท่าจะเป็นไอ้เอลมันโดนแกล้งอยู่ล่ะมั้ง หึหึ ตัวฮาอีกตัวเลยนะนั่น ซื่อจนน่าแกล้ง และถ้ามันไม่ทำตัวมืดมนไปหน่อย ผมว่ามันคงดูดีเพิ่มอีกเป็นเท่าตัว
ส่วนข้างหลัง... ไอ้เซ็นเตอร์ของผม...ผมไม่ได้หันไปมองเพราะงั้นถึงไม่รู้ว่ามันอยู่ในอารมณ์แบบไหน ไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไร รู้แค่ว่า...มันเดิมตามผมมาตลอดตั้งแต่โรงรถจนถึงเดี๋ยวนี้ และนี่เป็นครั้งแรก...ที่ผมไม่รอมัน
“ท่านกัปตันคร้าบบ อีกสองชาติครึ่งท่านจะเดินมาถึงมั้ย” เสียงกวนๆ ที่ช่วยยิงมุกมาให้ผมตอบกลับอยู่ตลอดเวลาของไอ้เป้ดังมาแต่ไกล เผลอแป๊บเดียวมันไปนั่งรอที่แสตนด์กันหมดแล้ว และที่สำคัญเหลือแค่ผมกับ..ไอ้ไนท์ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นวะ ฟ้าแม่งจงใจแกล้งคนหล่อโดยกำเนิดไม่ต้องผ่านมีดหมออย่างผมชัดๆ
“ท่านเซ็นเตอร์ก็อีกคน นี่สนามบาสนะครับเฮียๆ ไม่ใช่ทุ่งดอกไม้ ไม่ต้องมีอารมณ์สุนทรีย์กันขนาดนั้นก็ได้” ไอ้โอมปีสองที่เสือกทำตีซี้ไปเข้าคู่กับไอ้เป้ก็เริ่มช่วยคู่หูมันทำมาหากิน ดีนะที่มันยังเรียกพวกผมว่า ‘เฮียๆ’ ไม่ผันเสียงให้สูงขึ้นอีกหน่อยไม่งั้นได้มีวางมวยกลางสนามแน่
“เอ้าเหรอวะ กูก็นึกว่าใช่ เห็นมีแต่ดอกๆ โดยเฉพาะมึงไอ้โอม..อุตพิษ” โอม อุตพิษ นักแสดงหน้าใหม่จากค่ายเอ็กโซซึ่งพอได้ยินชื่อในวงการที่ผมตั้งให้ มันก็เผลอแยกเขี้ยวทันที
“โหยย แม่ง ปากอย่างพี่ ผมไม่เล่นด้วยดีกว่า หาทางชนะยากชิบ ไอ้เป้มึงเคลียร์ดิ” พอรู้ว่าสู้น้องหมาพันธุ์ดีที่ผ่านจากฝึกอย่างทรหดในปากผมไม่ได้ มันก็เริ่มแสวงหาที่พึ่งครับ
“สาดพี่โอม โยนขี้มาให้ผมอีกนะ” ไอ้เป้มันหันมามองหน้าผมแล้วส่ายหน้าหวือ ย่นจมูกเหมือนดมของเหม็นๆ สีเหลืองๆ มึงทำท่าขยะแขยงกูได้เทพมากไอ้สัดเป้ อยู่ดีไม่ว่าดีกูกลายเป็นขี้ให้พวกมึงโยนเล่นซะงั้น ทำอย่างกับหนังของซุปเปอร์จูเนียร์ (ซึ่งเขาคือใครไอ้เวย์ไม่รู้จัก) ที่อยากจะโดนปาขี้ใส่หน้าเสียเต็มประดา เหอะๆ ดูคิดเข้าไปได้ กูดูจบไปสามรอบไม่เข้าใจ เขาต้องการจะสื่ออะไรวะ? (ใครไม่เข้าใจมุก ไปหาหนังมาดูได้นะจ๊ะ มีขายตามเซเว่น อีเลเว่น ค่าโฆษณาไม่ได้อีกตามเคย - -^ ทั้ง 7-11 ทั้ง sj ใช้งานกูฟรีตลอด T^T)
“มึงว่ากูเป็นขี้???” ผมทำหน้าเหี้ยมสืบเท้าเข้าหาดูโอ่คนรักหมา(ในปาก) หักนิ้วมือแต่ไม่ดังกร๊อบๆ (กลัวเจ็บครับ เผื่อเผลอกดแรงมากไป นิ้วมันจะทรยศแกล้งป่วยไม่ยอมช่วยผมเล่นบาส -*- ไม่ชนะไอ้เวย์ไม่ว่า แต่แพ้เพราะนิ้วทรยศนี่ผมทนไม่ได้)
“ไอ้เวย์ มึงจะเถียงกับเด็กอีกนานมั้ยวะ สรุปมึงจะเอาไง” เจ้าพ่อปากมากที่แท้จริงอย่างไอ้นุมันคงทนไม่ไหว กระโดดเข้ามาร่วมวงด้วย วันนี้มีอาการแปลกๆ ครับเพื่อนผม เงียบ เครียดและดูเหมือนจะมีสาระผิดปกติ หรือต่อมรั่วมันยังไม่ตื่นดี งั้นผมช่วยปลุกแล้วกัน
“เอาอะไรยังไง” ยืมมุกมึงหน่อยนะไอ้ป้อน้อย ไอ้เรื่องทำเนียนไม่เข้าใจคำถามแล้วสักพักมันก็เดินหนีเนี่ย มันถนัดนักแล
“เอ้า! ก็แผนไงมึง แผน” ไอนุมันพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มหมดความอดทน
“แผน?? ไปถามหาเอากับนางวันทองโน่น ไม่ต้องมาถามกู” ผัวะ!! โดนตบเกรียนทันทีที่พูดจบ ขุนแผนอยู่กับนางวันทองแล้วกูผิดอะไร! ถ้ากูบอกว่าอยู่กับนางสีดาสิ มึงค่อยมาตบหัวกู แม่งอิจฉาล่ะสิที่กูหล่อแล้วยังฉลาดกว่า เหอะๆ
“เชี่ยเอ๊ย ต้องให้กูใช้กำลัง แผนที่จะเล่นล่ะมึง จะเอาไงดี” เนื่องจากเห็นหน้าที่เตรียมจะก่อวิศนศกรรมได้ทุกวินาทีของไอ้นุ และบรรดาดอกไม้ในสวนที่พร้อมจะประเคนยำตีนรสเด็ดมาให้ผมได้ทุกเวลา ไอเวย์เลยตัดสินใจเลิกยั่วต่อมรั่วมันครับ
“ไม่มี ลุยไปเลย” ง่ายไปไหมกู??
“เฮ้ย!! ได้ไงเล่า วิดวะนะพี่ วิดวะ” ไอ้เป้เริ่มโวยวาย
“มึงจะกลัวอะไรกับวิดวะ ‘วิดโว้ย’ มาเองกูก็ไม่มีหวั่น” ดู๊ดูผมแถ ก็มันไม่มีเวลาคิดนี่ครับ อย่า..อย่ามองผมด้วยสายตาอย่างนั้น ผมเป็นกัปตันทีมแน่นอน เพียงแต่ว่ามันไม่มีเวลาให้คิดจริงๆ รู้สึกตัวอีกทีตื่นมา อ้าว! กูเสร็จมันอีกซะแล้วแถมยังเพิ่งผ่านการอกหักมาสดๆ ร้อนๆ แค่ผมท่อสังขารที่เกือบจะร่วงโรยของผมมาเล่นได้นี่ก็เป็นบุญมากแล้ว ต้องเล่นกับวิดวะผมก็เพิ่งจะรู้เนี่ยแหละ แกล้งเนียนทำเป็นไม่หวั่นไปอย่างนั้นเอง แต่อย่าบอกใครนะครับว่าในใจนี่โคตรหวิวเลย ให้พวกมันรู้ไม่ได้ เดี๋ยวใจแป้วกันหมด
“แม่งเอ๊ย! ใครเลือกพี่เวย์เป็นกัปตันวะ หูหนวก ตาบอดหรือสมองพิการเนี่ย” ไอ้โอมมึงช่างสรรหาโรคได้เก่งเหลือเกินนะ -*- กัปตันอย่างกูพวกมึงจะไปหาได้ที่ไหน? มีของดีแล้วไม่เห็นค่าเขาเรียกว่าคางคกขึ้นวอ ผัวะ!! เอ่อ..กิ้งกาได้พลอย ถูกยังวะ?? โดนตบจนเกรียนจะหมดแล้วนะเฟ้ย ก็รู้อยู่ว่ากูมันเด็กนอก(เมือง) ก็ยังดึงดันจะให้กูเล่นสำนวนอยู่ได้
“ไอ้โอม กูจำได้ว่ามึงก็ยกมือ สามโรคที่ว่ามา เลือกเอามึงจะเป็นอะไร”
“สงสัยวันนั้นผมลืมเอาสมองมาว่ะพี่ ถึงทำอะไรโง่ๆ ลงไป” ไอ้โอมมันพูดหน้าตาย ลืมเอาสมองมาบ้านพ่อมึงดิ มึงต้องถอดสมองเอาเก็บใส่ตู้เย้นไว้ก่อนนอนกันมันเน่ารึไงวะ? แม่ง กวนได้กวนดีนะมึงเนี่ย ผมว่าถ้าเอาทีมบาสผมได้ตั้งคณะตลกหากินมันจะรุ่งกว่าไหม?
“มึงจะเอาจริงได้หรือยังไอ้เวย์ เหลืออีกครึ่งชั่วโมง” มึงช่างมีสาระได้น่านับถือจริงๆ ไอ้นุ
“เอ้า! กูก็พูดจริงๆ เนี่ย ไม่มีแผนโว้ย พวกมึงอยากเล่นอะไรก็เล่นไป อย่างที่ซ้อมมา ใส่ไม่ต้องยั้งเป็นพอ” เพราะถ้าพวกมึงยั้ง ได้เดี้ยงกันยกทีมแน่
“โห แม่ง คำแนะนำโคตรมีประโยชน์จนน่าจารึกไว้กราบไหว้ พึ่งพาได้ชิบ!” เอาเลยไอ้เก่ง นานทีปีหนหมาในปากมึงจะออกมาเดินเพ่นพ่านสักที กูจะแกล้งลืมไปว่ามึงประชดกู อยากจะเอาไปจารึกที่ไหน จะกราบไหว้เมื่อไร มาบอกกู กูจัดให้
“เออ ไร้ประโยชน์จริงๆ พี่เนี่ย เฮียไนท์ครับ ในฐานะคนรู้ใจ เฮียช่วยบอกพวกผมหน่อยเหอะว่าไอ้ที่พี่เวย์พูดมาทั้งหมดน่ะ เค้าจะให้พวกผมเล่นยังไง” ไอ้เชี่ยเป้ แม่มึงต้มหมาให้กินแทนข้าวรึไง? แถมชาติที่แล้วมึงต้องเป็นมือปืนไม่ก็หมอดูแน่ๆ ยิงมาแต่ละประโยคเล่นเอากูแทบจะกระอัก ผมหันไปมองหน้า ‘คนรู้ใจ’ ชัดๆ เกือบจะเป็นครั้งแรกของวัน แต่มัน...ไม่มองผม กลับเบือนหน้าหนีไปเสียดื้อๆ อย่างไม่ใช่นิสัยมัน
“หึ กูจะไปรู้ใจมันได้ยังไง” เสียงที่ดูเหมือนจะเป็นคำเยาะเย้ยมากกว่าประโยคบอกเล่าทำให้ใจคนถอยห่างอย่างผมสั่นไหว หรือเราจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว ไม่หรอก...มันก็แค่ยังไม่ชิน ยังปรับตัวไม่ทันเท่านั้น แต่อีกไม่นานเราจะกลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อน กอดคอ หยอกล้อกันได้อย่างสนิทใจเหมือนเพื่อนธรรมดาๆ อีกไม่นาน...
“อ้าว ถ้าเฮียไม่รู้แล้วใครมันจะรู้ล่ะเฮีย” มึงไงล่ะไอ้เป้ ทีเรื่องของกูนี่รู้ดีนัก ทำเนียนไม่ถามกูตรงๆ แต่หยอดแล้วหยอดอีก ที่จริงไม่ใช่มึงไม่รู้แต่มึงแกล้งโง่อยู่ใช่ไหม กูรู้แล้วทำไมมึงถึงลากไอ้เนมขึ้นเตียงได้ เนียนได้โล่จริงๆ
“เชี่ยเป้ ตอนมึงเด็กๆ แม่ให้กินนมหมาให้กินแทนนมแม่รึไงวะ ปากมอมชิบ กูก็บอกแล้วไงว่าเล่นแบบที่พวกมึงซ้อมมา เข้าขากันดีแล้ว ไปวอร์มกันสักที ยืนหายใจทิ้งมองหน้ากูอยู่ได้ ความหล่อของกูไม่ได้ช่วยให้พวกมึงชนะนะเว้ย” พวกมันพร้อมใจกันทำหน้าเมื่อยและส่ายหัวอย่างปลงๆ พวกมึงจะทำหน้าซังกะตายกันไปทำไม กะอีแค่ออกไปวิ่งๆ ชู้ตๆ เหนื่อยก็เหนื่อยแค่ตัว ทนไม่ไหวก็ขอเวลานอก ไม่ก็ตะโกนออก ‘ย้ากกก’ ออก ก็ดีขึ้นเอง คนที่ควรจะทำหน้าอย่างนั้นน่ะมันกูมากกว่า ไม่เหนื่อยตัวแต่เหนื่อยใจ จะตะโกนออกมาก็ไม่ได้ อยากจะขอเวลานอกใจแทบขาด...แต่ใครล่ะ มันจะให้กู
“เฮ้อ! หากัปตันใหม่กันดีมั้ยวะ” ไอ้พวกปีหนึ่งปีสองมันออกไปวอร์มกันเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็เหลือแค่พวกผมปีสามกับบรรยากาศมาคุ เพราะขาดตัวสร้างสีสรรอย่างไอ้เป้ ตัวชงอย่างไอ้นุก็ใบ้กิน แล้วคนหมดมุกอย่างผมจะไปเอาใครมาสร้างเสียงฮาดี
เกาะติดสถานการณ์ในสนามไปได้สักพักตามประสากัปตันผู้แสนดี (ทำไมต้องทำหน้าเหมือนไม่เชื่ออย่างนั้นล่ะครับ) ไอ้อ้นมันก็กระซิบเรียกให้ผมดูอะไรบางอย่างครับ
“กินข้าวมายัง?” ไอ้นุมันถามไอ้แชมป์เสียงเบาเหมือนคนมีความผิด เอ่อ..หรือมันกำลังจะพยายามทำตัวป็นซ่าซา ความผิดติดตัวฉัน...
“อือ” สั้นไปไหมเพื่อนกู? แถมมันยังไม่ยอมมองหน้าไอ้นุอีก เกิดอะไรขึ้นกับพวกมันวะ พอได้ยินคำตอบมหากุดไร้เยื่อใยของไอ้แชปม์ หน้าไอ้นุมันก็แทบจะหดเหลือสองนิ้ว จ๋อยสนิทเลยเพื่อนกู ผมหันไปมองหน้าไอ้อ้นอย่างต้องการคำตอบ มันกลับทำหน้าหมางงมาให้ เวร! มึงแย่งกูทำหน้าน้องหมาตอนงงไปแล้ว จะให้กูทำหน้ายังไงวะ จะทำหน้าควายงงก็ใช่ที กูไม่ได้ดำ และที่สำคัญกูไม่มีเขา หรือว่ามีแต่เพิ่งจะถอดออกก็ไม่รู้นะครับ
ห้านาทีผ่านไป ไอ้นุมันยังไม่ละความพยายามยิ่งกว่าง้อเมียของมัน
“เอ่อ..หิวน้ำมั้ย” มึงจะสั่นทำไมไอ้นุ สู้มันสิโว้ย ฮุคซ้าย น่านมันหลบ มึงก็แย้บขวาเลย
“ไม่” ไอ้แชมป์...มานิ่งๆ...แต่ชนะใส
แล้วความพยายามของนุก็หมดลงครับ มันถอนใจหายเบาๆ แล้วกลับมาทำหน้าเยี่ยงหมาหงอย ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่าวะ?? ถ้าทะเลาะกัน ซัดกันคนละหมัดก็จบแล้ว (แต่ปกติพวกผมไม่นิยมใช้ความรุนแรงครับ คุยกันมั่ง มอมเหล้ามั่ง ตื่นมาก็ลืม) ผมไม่เคยเห็นไอ้แชมป์มันโกรธเงียบขนาดนี้มากก่อนเลย ท่าจะไม่ใช่เรื่องธรรมดาครับ
พอเลิกสนใจไอ้สองคนนั่นหันกลับไปทำหน้าที่กัปตันที่ดี(ซึ่งนานๆ ทีจะมีสักครั้ง) ไอ้เวย์ก็แทบอยากจะกระโดดออกจากที่นั่งยิ่งกว่าไฟลนก้น ไอ้เป้มันทำบ้าอะไรของมันวะ?! แทนที่จะคุมเกมได้ดีโดยไม่ต้องสั่งเหมือนทุกที มันกลับไปหันไปมองไอ้เนมทุกสามวิ สักพักก็วิ่งไปหา แล้วก็โดนผลักออกมา ไอ้เวรอ๊ย! พวกมึงเล่นอะไรกัน สนามบาสนะเว้ย ไม่ใช่หนังอินเดีย ไอ้พวกที่เหลือก็ไม่ยอมช่วยกูดูมั่งเลย นั่งบิ๊วอารมณ์ทำมิวสิกกันอยู่ได้ ฮ่วย! รู้ว่าคนอย่างกูมันพึ่งพาไม่ค่อยจะได้ ก็อยากจะพึ่งกูกันจริง
“เฮ้ย! ไอ้เป้ทำเชี่ยไรของมันวะ” ยังไม่ทันที่ผมจะขอเวลานอก สัญญาณหมดช่วงแรก (10 นาที) ก็ดังขึ้นพอดี นับว่าโชคยังพอจะเข้าข้างอยู่บ้างครับ หันไปดูคะแนน ตามอยู่ห้าแต้ม ขอสามคะแนนสักสองลูกก็ทัน ต้องพึ่งมึงแล้วนะไอ้เนม ลูกถนัดของมึงน่ะ
“เป็นอะไรของมึงไอ้เป้ ทำไลน์รวนหมด มึงเป็นเซนเตอร์นะ ไปเวียนรอบตัวไอ้เนมทำไม” พอพวกมันมาถึงผมเปิดฉากทันที จะให้มัวเอ้อระเหยอยู่ได้ไงล่ะครับ พักสองนาทีไม่ใช่สองชั่วโมง ไอ้นุก็ส่งน้ำ ไอ้แชมป์ก็ส่งผ้า แม่งทีอย่างนี้ล่ะมาทำงานกันเป็นทีม ไอ้สองคนที่เหมือนโกรธกันมาแต่ชาติก่อนนหายไปไหนวะ
“มันไม่ค่อยดีอ่ะพี่” ไอ้เป้มันหน้าเสียมองไปทางไอ้เนม อะไรไม่ค่อยดี กูก็เห็นมันเป็นคนดีนี่หว่า มีแต่มึงนั่นแหละที่เลว ไอ้เป้
“เป็นอะไรวะ น้องเนม”
“ป่าวครับ” มึงปฏิเสธแต่กูเห็นขามึงสั่นจนแทบจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว ไอ้เป้มันก็คงตาดีเห็นเหมือนกันถึงได้เข้าไปพยุงไว้
“มึงอย่าดื้อ! เจ็บแล้วทำไมไม่บอกกู” ห่วงก็พูดกับมันดีๆ ก็ได้ จะไปตะคอกมันเพื่อ? หรือมึงคิดว่าไอ้ความเจ็บความปวดเนี่ยมันจะพากันกลัวเสียงมึง จนหนีหายไปเอง -*-
“....” ไอ้เนมไม่ตอบ แต่หันไปมองค้อน เอ่อ..หรือจะพูดให้ถูก...อาฆาตเพื่อนมัน ไอ้เป้เอ๊ย ชีวีมึงจะหาไม่ก็งานนี้แหละวะ
“ไอ้เป้ ไอ้เนมเป็นอะไร”
“มันเจ็บ เอ่อ..เจ็บ..คือ” ไอ้เป้มันก็อ้ำๆ อึ้งๆ แถมยังหน้าแดงโดยไม่มีสาเหตุ
“เชี่ย พักสองนาทีนะมึง ไม่ใช่สองชาติ มีไรก็พูดสิวะ”
“ผมไม่ได้เป็นอะไร” มันพูดจบปุ๊บ ตัวมันทรุดปั๊บ ปฏิเสธได้เนียนชิบ! หมาแมวยังมองมึงออกเลยไอ้เนมว่ามึงเจ็บ
“เงียบเหอะน่า” ไอ้เป้หันไปดุเพื่อนมันก่อนจะกระซิบให้ผมฟังว่า “ไอ้เนมมันเจ็บก้นอ่ะพี่” เจ็บก้น?? เชี่ยละมึง! ผมมองไอ้เป้ตาค้างสลับกับไอ้เนมที่พร้อมใจกันหน้าแดง แล้วก็ต้องสบถออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“บรรลัยล่ะมึง ทำอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือ” รู้ว่าวันนี้มีแข่ง พวกมึงก็ยังจะหักโหม ไอ้พวกบ้าเอ๊ย กูไม่ได้ด่ามึงนะไอ้น้องเนม กูด่าไอ้เชี่ยเป้คนเดียว กูรู้ว่ามึงปฏิเสธมันไม่ได้เพราะกูเจอกับตัวเองมาแล้ว ไอ้พวกเซ็นเตอร์นี่มันไม่มีหัวคิดเลยสักคนรึไงวะ ไม่พอใจอะไรก็ลากขึ้นเตียงตลอด แม่งเอ๊ย! ทำอะไรไม่คิดถึงสังขารคนอื่นเขามั่ง
“ไอ้เวย์ เกิดอะไรขึ้นวะ?” ไอ้นุกับไอ้แชมป์พร้อมใจกันถาม แล้วต่างคนก็ต่างชะงัก นี่ถ้ากูไม่รู้ กูต้องนึกว่าพวกมึงงอนกันแน่นอน แต่พวกมึง..ไม่ความรู้สึกช้ากันไปหน่อยรึไงวะ?
“ไอ้เนมมัน..เอ่อ..ไม่ค่อยสบาย ไอ้เป้มึงพามันไปพักไป เดี๋ยวกูลงเอง”
“ได้ไงพี่ ปีสามเค้าลงกันครึ่งหลังนะ” มึงจะยังมาห่วงเรื่องไร้สาระอีก ทำน้องกูช้ำแล้วยังไม่สำนึก จบแข่งคราวนี้ถ้ากูไม่รู้เรื่องทั้งหมด อย่าเรียกกูว่าไอ้เวย์ เรียกกูว่าไอ้คุณเวย์แทน -*-
“ช่างมันๆ แข่งกระชับมิตรงานเปิดบ้าน คิดไรมากมายวะ พามันไปพักไป” ไอ้เป้พยักหน้าแล้วพยุงไอ้เนมออกไปนั่งข้างสนามทันที เสร็จแล้วมันก็ลุกไปหยิบผ้ามาซับเหงื่อ ป้อนน้ำให้คนเจ็บ แน่นอนว่าคนดื้ออย่างไอ้เนมมันต้องไม่ยอม แต่ไอ้เป้มันเก่งกว่าครับ บังคับให้อีกคนยอมจนได้ พอเห็นว่าศึกจิ้งจอกกับลิงซึ่งลิงเป็นฝ่ายชนะจบลงแล้ว ผมก็หันมาหาพวกที่เหลือ ทุกคนยืนรวมกันอยู่ข้างสนามยกเว้น... ‘มัน’ ยังนั่งมองไปข้างนอกโดยที่ผมไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่
“ไอ้นุ มึงลงไปกับกูหน่อย” แม่งว่าแต่เด็กมันสภาพกูก็ใช่ว่าจะพร้อม
“อ้าว ทำไมหวยมาออกที่กูล่ะ ตำแหน่งไอ้เป้ให้ไอ้ไนท์มันลงสิ” เวรแท้ มึงคิดว่ากูไม่รู้เหรอว่าพวกมันเล่นเป็นเซ็นเตอร์เหมือนกัน ถ้ากูบอกให้มันลงไปเล่นกับกูได้ กูทำไปแล้ว กูจะมาขอให้มึงลงเพื่อ? ช่วยสะกิดใจสักนิดได้ไหมวะ?
“เอ่อ...”
ปรี๊ดดดด
“หมดเวลาแล้วมึง ไปๆ ทั้งคู่นั่นแหละ” พูดจบมันเดินไปลากไอ้ไนท์มา เสร็จแล้วก็จัดการผลักพวกผมออกไปแบบไม่ฟังคำค้านใดๆ ทั้งสิ้น สรุปกูถูกปลดกลางอาการศ ตอนนี้มึงเป็นกัปตันแทนใช่ไหมวะ? ไอ้ไนท์มันยังคงไม่พูดอะไร...แม้แต่คำเดียว มันไม่พูดแต่ก็ไม่ปฏิเสธ ปากที่เคยยิ้ม เคยกวนโมโหกลับเม้มสนิทเป็นเส้นตรง มันไม่โมโห ไม่ตะคอก ไม่ใช้กำลังบังคับแต่ก็ไม่ขอร้อง มันเฉยเสียจนน่ากลัว
เปิดเกมส์มาได้ไม่ถึงสามนาที แต้มที่ตามอยู่หกแต้มจาก 21 : 27 กลับกลายเป็น 30 : 27 อย่างรวดเร็วเพราะไอ้คนไม่พูดไม่จามันเล่นสามคะแนนไปสามลูกรวด อีกฝ่ายก็เลยขอเปลี่ยนตัวเอาปีสามที่ตัวโคตรโตมาลงบ้าง ที่สำคัญลงมาประกบผม ไอ้ไนท์โน้นมันตัวทำแต้มจะส่งมาประกบกูเพื่อ?? และแล้วความสงสัยของผมก็ได้รับคำตอบในเวลาหลังจากนั้นไม่นานครับ
“อึ่ก!!” ไอ้เบอร์สิบที่ลงมาใหม่มันทำเนียนเหยียบเท้าผมเต็มแรง แถมยังมองหน้าหาเรื่องแบบไม่มีทีท่าจะว่าสำนึกผิกสักนิด ไอ้เชี่ยเอ๊ย! ส่งไอ้เวรนี่มาตัดกำลังกูนี่เอง
ผมยังใจเย็นพอที่จะไม่หลงกับการยั่วยุของอีกฝ่าย แต่แม่งเอ๊ย! คนอะไรหน้าตากวนตีนชิบ (ไหนมึงบอกไม่หลงไง) หลังจากตัดบอลกันไปมาอีกพักใหญ่ แต้มแต่ละแต้มกลับอืดอย่างไม่น่าเชื่อ และในที่สุดบอลก็มาถึงมือผมครับ ผมฉีกตัวออกมาทางซ้ายและพบว่าทางโล่งพอดี หวานกูล่ะสิ ผมกระโดดเตรียมจะชู้ต แต่...
“โอ๊ย!!” เชี่ยเอ๊ยเต็มท้องกูเลย ไอ้เบอร์สิบมันกระโดดกันโดยที่ตัวมันยกเข่าขึ้นมากระแทกเต็มท้องผม ลูกบาสหลุดจากมือโดยอัติโนมัติพร้อมกับร่างที่หล่นลงมากระแทกพื้น แม่งเอ๊ย จุกชิบหาย! ทำไมมึงไม่ทำเบาะรองบนสนามให้กูวะ?
“ไอ้เวย์!!” เสียงคนที่เงียบไปนานตะโกนอย่างร้อนรน ในที่สุดมันก็ยอมพูดแล้วครับ ผมอยากจะยิ้มแต่ก็ยิ้มไม่ออก ตอนนี้หน้าผมมันคงตลกพิลึก มันจะเป็นสีม่วง หรือเขียวหรือสีแดงวะ ฮ่าๆ หรือไม่อีกทีก็คงบูดๆ เบี้ยวๆ ละมั้งครับ
“มึงโดนกี่ครั้งแล้ว” ไอ้ไนท์วิ่งมาถึงตัวผมเป็นคนแรกแล้วช้อนตัวผมขึ้นไว้บนตักมัน ว่าแต่มึงทำสัญญาณขอเวลานอกแล้วใช่ไหม?
“ค่ะ..ครั้งเดียว” แรงจะอ้าปากพูดแทบจะไม่มีครับ ทั้งจุกทั้งเจ็บจนบอกไม่ถูก แม่งเอ๊ย อย่าให้กูลุกไปได้นะมึงไอ้โย่งเบอร์สิบ กูจะเนียนเอาคืนมึงให้สาแก่ใจเลย
“อย่ามาโกหกกู” มันดุทันทีที่ผมพูดจบ ผมเงยหน้ามองมันก็เห็นแววตาบางอย่างที่ห่างหายไปนาน แววตาที่แสนคิดถึง ความห่วงใยที่ส่งมานั้นเหมือนสายใยบางๆ แต่เหนียวเกินกว่าที่ผมจะตัดขาด มึงช่วยใจร้ายกับกูหน่อยได้ไหม อย่าใจดีกับกู อย่ามาห่วงกูเลย
รักในใจ เก็บมันเอาไว้เรื่อยมา เพียงแค่มองในตาเธออาจจะพอเข้าใจ
รักที่ใครบางคน ต้องทนเก็บไว้ข้างใน ไม่อาจจะเปิดเผยไป ให้ใครได้รู้
“แค่สอง กูยังไหว” ผมสูดหายใจลึกๆ แล้วพยายามยันตัวออกมา อยู่ใกล้มัมากเกินไปในเวลานี้ไม่ได้ หัวใจผมยังไม่แข็งแรงพอ ผมรู้ตัวดี ความรู้สึกที่สะสมมาหลายปีใช่ว่ามันจะลบออกไปได้ในเวลาวันเดียว
“มึงจะรอให้มีครั้งที่สาม?? ออกไปซะ” มันส่งสายตาดุๆ มาให้ มึงห่วงกูตามประสาเพื่อนใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นกูก็ควรจะยิ้มแล้วขอบใจมึงสิ แต่ทำไม..กูถึงได้อยากปฏิเสธมึงนัก
“กูจะเล่น” อย่ามายุ่งกับกูเลย อย่าสนใจกูให้มาก กูจะเจ็บตัวเจ็บใจแค่ไหน มึงแค่มองอยู่ห่างๆ ก็พอ ไม่ต้องเข้ามาช่วยกู ในเมื่อกูทำตัวกูเองก็ปล่อยให้กูยืนขึ้นด้วยตัวเองเถอะ
ฉันจึงต้องทำเป็นเฉยชา กลัวซักวันเธอรู้ว่าฉันรักเธอตลอดมา
และเธอเกิดจะบอกลากันไป
“ออกไป ให้ไอ้นุเล่นแทน” มันยังยืนยันคำเดิม
“ไม่เอา มันเล่นแรง เดี๋ยวไอ้นุมันเจ็บ” ผมเจ็บของผมคนเดียวก็พอ จะให้คนอื่นมาช่วยเจ็บทำไม แล้วอีกอย่าง...ไอ้โย่งเบอร์สิบ กูยังไม่ได้ชำระความกับมึงตัวต่อตัว มึงอย่าคิดว่ามึงเนียนเป็นคนเดียว เดี๋ยวมึงจะได้เจอตัวเนียนขั้นเทพอย่างกู
“แล้วตัวมึงล่ะ” ก็บอกแล้วไงว่าตัวของกูเอง ไม่ต้องให้ใครมาห่วง ไม่ต้องให้ใครมายุ่ง กูไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ขีดจำกัดมันอยู่แค่ไหน กูยังทนได้อีกเท่าไร กูย่อมรู้ตัวเองดี ไม่ต้องให้มึงมาเป็นกังวล
“ช่างกู”
“ดื้อชิบ” มันสบถแล้วอุ้มผมขึ้นพาออกนอกสนามโดยไม่สนใจสายตาใคร ไม่สนเสียงร้องห้ามของผม ไม่สนแม้กระทั่งว่าเกมส์จะเป็นยังไงต่อไป มึงกำลังทำให้กูหวั่นไหว กำลังทำให้กูอ่อนแออีกแล้วนะ มึงรู้ตัวไหมว่ามึงกำลังทำให้ความอดทนของกูมันถึงขีดจำกัด
แต่ต้องเก็บต่อไปอีกนานแค่ไหน รักที่เอ่อล้นใจ รักที่มีให้เธอมากมาย
สุดท้ายไม่มีค่าใด จะทำให้เธอเห็นใจ จะทำให้เธอสนใจ เพราะรักที่มีมันเกินเอ่ยไป
เกินกว่าคำอธิบายใดๆ จะเท่าเทียม
“ไอ้เวย์/พี่เวย์!! เป็นไงมั่ง” ทันทีที่ออกจากสนาม พวกที่เหลือก็พากันมาล้อมหน้าล้อมหลังผมเหมือนลูกลิงเวลาแม่มันหากล้วยมาให้ กรรมการหยุดเกมส์ให้ชั่วคราวอย่างที่ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนไปขอไว้ อาจจะเป็นพวกวิดวะละมั้งครับ คิดในแง่ดีไว้
“เวย์!! เป็นอะไรมากมั้ย??” เสียงร้อนรนของคนที่ไม่น่าจะอยู่ตรงนี้กลับดังขึ้นเรียกความสนใจผมไปได้หมด พี่นัทมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
“ไม่เป็นไรครับ พี่มานี่ได้ยังไง” ผมถามทั้งๆ ที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของใครบางคน อ้อมแขนที่กระชับแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“มาดูนายแข่งตั้งแต่แรกแล้ว” แกพูดยิ้มๆ แต่ก็ยังมองผมอย่างห่วงใย
“เหรอครับ ไนท์วางกูลง แล้วมึงเข้าไปแข่งต่อ” ผมพูดเสียงเรียบ มันจะรู้ไหมกว่าผมจะใช้เสียงแบบนี้พูดกับมันได้ ผมต้องใช้ความพยายามเท่าไร
“ไม่” มันปฏิเสธทันทีแบบไม่ต้องคิด แล้วทำท่าจะพาผมเดินออกไปจากสนาม อย่าพากูไปเลย ถ้ามึงจะพากูไปทิ้งไว้ในที่เดิมๆ สู้มึงปล่อยกูให้เจ็บอยู่ตรงนี้ดีกว่า เพราะอยู่ตรงนี้...กูยังพอหาทางออกได้ถ้ากูหาย แต่ถ้ามึงพากูไป...ต่อให้กูแข็งแรงดีแค่ไหน กูก็คงจะหลงทาง หาทางออกไม่ได้อยู่อย่างนั้น
เหมือนในใจ จะมีเส้นใยบางๆ ที่คอยจะเข้ามาบัง กันขวางระหว่างสองใจ
จะทำให้เราเจอกัน แต่จะรักกันไม่ได้ ทำได้เพียงเก็บไว้ในใจดวงนี้
“ไอ้นุมึงเข้าไปแทนกูที เอาไอ้ไนท์ไปด้วย เขาหยุดเกมส์ให้นานแล้ว อีกอย่าง..” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับมัน “ที่นี่มีหมออยู่ทั้งคน กูไม่เป็นไรหรอก” ผมไม่หลบตามันและมันก็กำลังมองกลับมาอย่างค้นหา คาดคั้น... ก่อนจะเบือนหน้าหนีไป
ในที่สุดมันก็ยอมวางผมลง แล้วเดินเข้าไปแข่งแต่โดยดีโดยไม่พูดอะไรสักคำ มึงทำถูกแล้วล่ะ ทิ้งกูไว้ที่นี่แหละ ในที่ๆ ยังสว่างแบบนี้ ขอบใจว่ะ
“มีเรื่องอะไรกันวะ” ไอ้นุมันถามเสียงเครียด ก็ไม่มีอะไรนี่ แค่กู...กำลังจะตายเท่านั้นเอง
“เปล่า ไปสิวะ เอาให้ชนะนะมึง” ผมยิ้มแล้วชูกำปั้นให้มัน เอาให้ชนะนะมึง ไอ้นุ อย่าแพ้..เหมือนกู
ฉันจึงต้องทำเป็นเฉยชา กลัวซักวันเธอรู้ว่าฉันรักเธอตลอดมา
และเธอเกิดจะบอกลากันไป
ถ้าขืนผมยังอยู่ใกล้มัน ยังมองสายตาคู่นั้นของมันต่อไปต่อไป ไม่ใช่กำแพงของมันหรอกที่จะทลาย แต่เป็นของผมต่างหาก กำแพงที่มันเพิ่งเริ่มจะสร้างแถมยังไม่เสร็จดี จะไปสู้กำแพงที่สร้างมานานอย่างนั้นได้ยังไง สุดท้ายแล้ว...มันก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก ผมจะต้อง...กลับมาเป็นคนเลื่อนลอย ไม่มีที่อยู่และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะอยู่ตรงนั้นไปทำไม
แต่จะเก็บต่อไปได้นานแค่ไหน รักที่เอ่อล้นใจ รักที่มีให้เธอมากมาย
สุดท้ายไม่มีค่าใด จะทำให้เธอเห็นใจ จะทำให้เธอสนใจ เพราะรักที่มีมันเกินเอ่ยไป
เกินกว่าคำอธิบายใดๆ จะเท่าเทียม
และหากว่าในเส้นใยบางๆได้จางลงไป คงถึงวันที่ใจสองใจ ได้รักกันซักที
--------------------------------------
กราบคาราวะงามๆ ให้คนที่ยังติดตาม ^o^
ขอบคุณมากนะเจ้าค่ะ