ซีรี่ยส์ LOVE, FINALLY === กว่าเราจะรักกันได้ ===
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ซีรี่ยส์ LOVE, FINALLY === กว่าเราจะรักกันได้ ===  (อ่าน 150477 ครั้ง)

ออฟไลน์ Fujitaga

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
อ้างถึง
เอ่อ คู่นักบินกับตำรวจเหรือครับ   ทำไมมาชี้นำคนเขียแบบนี้อ่ะ ไม่เคยอยู่ในความคิดเลย   อิ อิ
จริงหรือครับ ที่พี่นายบอกว่า ยังไม่อยู่ในความคิดเนีย ฮิฮิ  o18

ดูท่าสองคนนี้ยังไม่รู้ซะด้วยซ้ำว่า ในระหว่างที่ประชดกันอยู่แถบทุกวันที่เจอหน้า แต่กลับมาการเปรียบในใจว่า
ถ้าได้เดินเคียงกันกันไปเป็นยังไงบ้าง รู้สึกเริ่มมีกลิ่นอายของน้ำตาแล้วนะครับพี่นาย
แล้วจะรอ ตอนต่อไปนะครับ

va_yu

  • บุคคลทั่วไป
คนอ่านคิดล่วงหน้าให้ไงค่ะ ระหว่างคู่นักบินกับตำรวจ :mc4:

นายช่างจะกินหมูปิ้งท่าไหนกันล่ะเนี่ย ทั้งดื้อ ทั้งรั้นแบบนี้...ลุ้นอีกแหล่ะ

imageriz

  • บุคคลทั่วไป
ถ้านักบินคู่กับตำรวจ ก็คงจะดีนะ   :impress2:

jaideejung007

  • บุคคลทั่วไป
ส่งกำลังใจไปให้ที่บ้าน รอรับที่หน้าประตูนะครับ
และมาฝากตัวอ่านด้วยคนครับ

ฝากด้วยนะครับ

โจ้คับ

ออฟไลน์ K2KARN

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3084
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +393/-6
เอ๊ ~
จริงๆแล้วตอนนี้ก็เริ่มจะน่ารักขึ้นมาบ้างแล้วนี่นา คุณหมูปิ้ง
เสียแต่ประชดและขี้งอนเท่านั้น  :impress2:

Zarch_Chabu_Chabu

  • บุคคลทั่วไป
 :m20:ขอโทษด้วยนะครับพี่นายไม่ได้แวะเข้ามาทักเลยยุ่งจริงวันนี้เลยตั้งใจอ่านทั้งวันเพิ่งเสร็จนี่แหละ คุณโชคดีนี่น่าหมั่นใส้จริงๆไม่รู้จะเหมือนคนเขียนหรือเปล่านะ5555 o18

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
:m20:ขอโทษด้วยนะครับพี่นายไม่ได้แวะเข้ามาทักเลยยุ่งจริงวันนี้เลยตั้งใจอ่านทั้งวันเพิ่งเสร็จนี่แหละ คุณโชคดีนี่น่าหมั่นใส้จริงๆไม่รู้จะเหมือนคนเขียนหรือเปล่านะ5555 o18
เหมือนที่ไหน คนเขียนออกน่ารัก อ่อนโยน นุ่มนวล ใจเย็นเป็นน้ำแข็ง

...ตอนเด็กๆ โชคดีคงอ้วนตุ้ยนุ้ยน่ารักสมกับชื่อ แม่ถึงได้ตั้งชื่อเล่นว่าหมูปิ้ง...
...ถ้าแฟนเขาชื่อหมูปิ้ง เขาจะเรียกทุกวัน วันละหลายๆ ครั้ง...

ชยุตม์เดินตามช้าๆ หันไปชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติรอบข้าง อดนึกภาพสิ่งก่อสร้างเติมเข้าไปในพื้นที่ว่างเปล่าแห่งนี้ไม่ได้ เขาสมมุตว่าหากที่ดินผืนนี้เป็นของเขา และมีเนินสูงสวยงามเช่นนี้ เขาอยากจะสร้างบ้านตากอากาศหลังเล็กๆ ที่เนินสูง แล้วทำระเบียบกว้างๆ ยื่นออกมา ยืนที่ระเบียงมองลงไปเบื้องล่างเห็นภาพมุมกว้างของโค้งน้ำที่มีฉากหลังเป็นภูเขาที่สวยงามยิ่งนัก
“เอาล่ะ คุณจะบอกผมได้หรือยังว่าพาผมมาที่นี่ทำไม” ชยุตม์หยุดยืนข้างๆ โชคดีที่ยืนอยู่ริมน้ำ
ชายหนุ่มยังไม่ตอบ หันขวาไปมองสายน้ำ แล้วเคลื่อนสายตาไปด้านซ้าย ราวกับมองตามแม่น้ำที่กำลังไหลเอื่อยๆ
“คุณโชคดีครับ”
“อย่าได้เรียกชื่อเล่นผมเด็ดขาดนะ” โชคดีหันหน้ามาพูดเสียงเข้ม “ขื่อเล่นเรียกกันเฉพาะคนสนิท ไม่ได้เอาไว้ให้มาพูดกันเล่น”
...แปลกคน ชื่อเล่นก็เอาไว้เรียกกันเล่นๆ สิ คิดอะไรแปลกๆ...
“คุณเรียกผมว่ายุตม์เฉยๆ ก็ได้” ชยุตม์ตอบยิ้ม
“ถ้าคุณเรียกผมว่าหมูปิ้ง คุณโดนต่อยแน่” โชคดีขู่
“ผมกลัวมากเลย กลัวปากแตก” ชยุตม์พูดเรียบๆ ใบหน้านิ่ง มองตาโชคดีไม่หลบแม้แต่นิด “คุณจะอายชื่อนี้ไปทำไม ชื่อก็น่ารักดี ถ้าหาก...”
“ถ้าหากอะไร” โชคดีรีบถามเสียงห้วน
“ถ้าหากคุณทำตัวน่ารักเหมือนชื่อเล่น ผมว่ามันก็ไปกันได้ดีนะ” ชยุตม์ยิ้มมุมปาก
“ทำล้อเลียน เดี๋ยวได้เจอดี”
“ทำไม คุณจะฆ่าผมหมกป่าหรือไง” ชยุตม์เอียงหน้าท้าทาย
“เปล่า ผมไม่ฆ่าใครง่ายๆ หรอก ทำอย่างอื่นสะใจกว่าเยอะ” โชคดีหันหน้าหนี กลับไปมองสายน้ำอีกครั้ง
ชยุตม์หัวเราะหึๆ ในลำคอ แล้วขยับล้ำไปข้างหน้า มือไขว้หลัง มองดูสายน้ำเช่นกัน แต่ทันใดก็นึกอะไรได้ จึงรีบถอยกลับมาสองก้าว
...ยืนอยู่หน้าโชคดีท่าจะไม่ค่อยปลอดภัย มองไม่เห็นหน้าตาโชคดีว่าแสดงอารมณ์อะไรอยู่ จู่ๆ เกิดหมั่นใส้เขาขึ้นมา ถีบเขาตกลงน้ำคงซวยน่าดู...
ชยุตม์อดก้มลงมองสำรวจร่างกายของโชคดีไม่ได้ ชายหนุ่มตัวสูงอยู่ในชุดกางเกงยีนส์พอดีตัวและเสื้อเชิ้ทตัวโคร่งและรองเท้าคู่เก่าทุกครั้งเวลาเจอกัน นอกจากวันแต่งงานของเดือนที่เห็นแต่งตัวดีกว่าปกติ
...แต่ต้นขาแน่น บั้นท้ายงอนได้รูปนั้นเล่า เขามองอย่างไรก็ไม่เบื่อ...
“ที่ดินผืนนี้เป็นของผม” จู่ๆ โชคดีก็โพล่งขึ้นมา
“อะไรนะ”
“สวยใช่ไหมล่ะ คุณคิดว่าถ้าสร้างเป็นรีสอร์ทก็คงสวยมาก พอเห็นที่ดินสวยๆ คนเมืองอย่างคุณก็คงคิดสร้างอะไรเพิ่มเติมตามใจนึกภาพ รีสอร์ทหรือบ้านพักตากอากาศเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับตัวเอง อะไรก็ได้ที่ต้องได้เสียเงินสร้างขึ้นมา”
“คุณคิดทางลบเกินไปหรือเปล่า” ชยุตม์พูดไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าใดนัก เพราะความจริงก็เป็นเช่นนั้น
...แต่เขาเป็นวิศวกรนี่นา อดนึกภาพสร้างนั่นสร้างนี่ไม่ได้ เขาหลงไหลตึกสูงทรงแปลกๆ สร้างด้วยวิธีการซับซ้อน รู้สึกท้าทายและภูมิใจที่ทำอะไรยากๆ ให้สำเร็จลงได้...
...แล้วเอาชนะโชคดีนี่ก็คงเป็นการท้าทายอีกอย่างหนึ่งใช่ไหมเล่า...
ชยุตม์อดนึกเปรียบโชคดีกับตึกสูงที่เขาเพิ่งสร้างเสร็จก่อนมาทำงานที่น่านไม่ได้ เขาได้ยินข่าวว่าผลงานของเขาเข้ารอบสุดท้ายของการพิจารณาให้รางวัลสำคัญรางวัลหนึ่งที่วิศวกรทุกคนต่างก็อยากได้
เขาสงสัยนัก หากพาโชคดีไป “ทัวร์” ดูตึกที่เขาสร้าง ชายหนุ่มจะทำหน้าอย่างไร
“ผมคิดทางบวกต่างหากเล่า พวกคุณนั่นล่ะที่คิดแต่ทางลบ” โชคดีกอดอก ตาจับนิ่งอยู่ที่ผิวน้ำเบื้องหน้า
“หมายความว่ายังไง” ชยุตม์ถาม
...ก็หมายความอย่างที่พูด...
ชยุตม์ตอบคำถามในใจ แบบที่คิดว่าโชคดีจะตอบ อดนึกถึงคำพูดกวนๆ แบบที่เคยพูดไม่ได้ว่า ต้องถามให้ตรงกับคำตอบ ตอนที่เขาโทรศัพท์คุยกับเพื่อนแล้วเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เพื่อนเขาหัวเราะชอบใจจนบอกว่าอยากจะมาเจอ “วายร้ายเมืองน่าน” ให้เห็นกับตา
“ก็หมายความอย่างที่พูด” โชคดีตอบห้วนๆ แล้วไม่ลืมยักไหล่ -- บุคลิกประจำตัว
“ผมคงถามไม่ตรงคำตอบ” ชยุตม์เปรยเบาๆ “ถ้ายังงั้นผมถามใหม่ คุณคงคิดว่าผมโง่ ไม่เข้าใจอะไรที่คุณพยายามเล่นคำ หรือพูดเพื่อบอกนัยสำคัญทางอ้อม”
“สร้างรีสอร์ทใหญ่ๆ คุณคิดว่าได้มากกว่าเสียหรือครับคุณชยุตม์” โชคดีหันมามองวิศวกรหนุ่มด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แววตาจริงจัง
ชยุตม์อึ้ง คราวนี้โชคดีเรียกเขาดีๆ เสียงราบเรียบๆ ไม่มีแววตากวนๆ อย่างที่เคยเห็นเป็นนิจ
“นั่นล่ะที่ผมเรียกว่าคิดทางลบ หมายความว่า มันมีแต่สิ่งที่หายไป ไม่มีอะไรเพิ่มขึ้นมาเลย”
“คุณกำลังว่าการสร้างรีสอร์ททำลายธรรมชาติ อะไรที่สวยๆ ก็หายไปเมื่อสร้างรีสอร์ทเสร็จ”
“เราต้องอยู่ที่สวยงามแบบนั้นหรือ คืนละ ห้าหกพัน เสียเงินนอนกันหนึ่งคืน แล้วเดินออกมาชื่นชมกับธรรมชาติสวยงามตอนเช้าไม่กี่นาที สูดลมหายใจเอาอากาศสดชื่นเข้าไปแล้วก็เตรียมตัวเสียเงินอีกห้าพันสำหรับคืนต่อไป” โชคดีหันกลับไปมองสายน้ำเบื้องหน้า
...คืนละหมื่นต่างหากล่ะ ถ้าโชคดีรู้ราคาค่าห้องจะยังยืนกอดอกพูดเสียงเรียบๆ แบบนี้อยู่อีกหรือเปล่านะ นี่ราคาต่ำสุด ยังไม่ได้พูดถึงราคาห้องสวีท...
“งั้นเราก็คงให้บริการกางเต้นท์แทน” ชยุตม์เอ่ยเสียงเบาแล้วรีบขยายความเพราะกลัวอีกฝ่ายเอาเรื่อง “ผมไม่ได้ประชดนะครับ ผมแค่พูดให้คุณเห็นว่า...”
“เห็นว่ายังไง” โชคดีรีบพูดแทรกจนได้
ชยุตม์ถอนหายใจเบาๆ แล้วอธิบายว่า “เห็นว่า จะให้มันแตกต่างกันสุดขั้วแบบนั้นก็ไม่ได้ทุกสถานการณ์หรอกนะครับ มันไม่ได้มีเพียงสีขาวและดำ มันมีสีเทา และสีเทามันก็มีหลายเฉด ตั้งแต่อ่อนไปเข้ม แต่เท่าที่คุณแสดงเจตน์จำนง ผมก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทั้งที่ผมเป็นวิศวกร ไม่ได้รับผิดชอบนโยบายโดยตรง แต่ผมก็ทำเท่าที่ผมทำได้ที่จะสร้างรีสอร์ท The River Bend เป็นรีสอร์ทที่ดีที่สุด เวลาประชุมผมก็ท้วงเรื่องธรรมชาติขึ้นมาเสมอ ถ้าคุณยังจำที่เราเคยพูดกันได้ ทางรีสอร์ทก็พร้อมให้ทางคุณเข้าไปตรวจสอบ”
“คุณจะทำอะไรได้ คุณเป็นแค่วิศวกรที่รับจ้างเขาทำงาน ไม่ใช่สถาปนิก ไม่ใช่เจ้าของโครงการ ไม่ใช่คนวางมโนทัศน์”
“Concept ใช่ไหม” ชยุตม์ถามย้ำเพื่อให้เข้าใจถูกต้อง
“คอน เส็บ ใช่ครับ” โชคดีเน้นเสียง “ขอโทษ ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ ผมไม่ใช่เด็กนอก ไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ด้วยซ้ำ รามคำแหงก็เรียนยังไม่จบ”
“ผมไม่ได้ว่าอะไรนี่” ชยุตม์บ่นอุบอิบ “แต่ผมก็พอพูดกับเขาได้”
...คุยกับคุณอาเขาอยู่บ่อยๆ แล้วคุณอาก็เชื่อเขามากกว่าคนอื่นๆ ด้วย นี่หากโชคดีรู้ว่าคุณอาเขาเป็นเจ้าของโครงการและหนำซ้ำเสนอขายหุ้นให้เขาถึง 40 เปอร์เซ็นต์ โชคดีคงโกรธจนไฟพุ่งออกหูเหมือนไฟเครื่องบินไอพ่น...
...คงน่ามองพิลึก...
“ทำไม เป็นอะไร” โชคดีเสียงห้วน
“อะไรหรือครับ” ชยุตม์ทำหน้าเหรอหรา
“ยิ้มทำไม”
“ผมยิ้มหรือ” ชยุตม์ถามเพราะไม่รู้สึกตัวจริงๆ ว่าตัวเองอมยิ้มขำๆ เมื่อนึกถึงภาพไฟพุ่งออกจากหูของโชคดีเหมือนที่นึกเปรียบเทียบ
“กวน” โชคดีพูดสั้นๆ แล้วหันหลังเดินกลับ
“แล้วตกลงเรื่องนั้น คุณจะเอายังไง” ชยุตม์หันหลังเดินตาม
“เรื่องอะไร” โชคดีถามเสียงห้วน เร่งเท้าเดินเร็วขึ้น
“คุณโชคดีครับ ก็จะเรื่องอะไรเล่า” ชยุตม์ทำเสียงอ่อนใจ
“เมื่อไหร่คุณพร้อมก็บอกมา”
“ผมพร้อมทุกเมื่อ เจ้าหน้าที่โครงการก็พร้อมที่จะให้คุณเข้าไปตรวจสอบ” ชยุตม์ตอบ
“งั้นกลับถึงน่าน ไปดูกันเดี๋ยวนี้เลย” โชคดีหยุดเดิน หันมาพูด
“เร็วไปมั๊งครับ นี่ก็จะเลิกงานแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้ดีกว่า ให้ผมแจ้งทางนั้นเสียก่อน”
“จะได้มีเวลาตกแต่งฉาก” โชคดียิ้มเยาะ
“อคติ”
“แต่อย่าคิดนะว่าจะมาหลอกผมได้” โชคดีจ้องหน้าชยุตม์ “ผมให้เวลาคุณจนหมดสัปดาห์ เช้าวันจันทร์ขอเข้าไปตรวจสอบ จะตกแต่งตบตาอะไรก็รีบทำเข้า”
ชยุตม์ถอนหายใจ มองตามหลังจองคนที่พูดเสร็จแล้วก็เดินลิ่วจากไป ก่อนที่สายตาเขาจะลดต่ำลงเพราะบังคับสายตาตัวเองไม่ได้
โชคดีขายาวมาก เดินขึ้นเนินไปอย่างคล่องแคล่ว บั้นท้ายขยับไปมาเป็นจังหวะ ซึ่งชยุตม์ต้องยอมรับว่ายิ่งมองเขาก็ยิ่งชอบ
...ชอบโชคดีหรือ...บ้าไปแล้ว...
...ไม่ได้ชอบโชคดี เขาแค่ชอบมอง แปลกตาและเพลินดี ไม่เหมือนใคร...
“อ้าว เดินตามมาสิครับคุณนายช่าง ถึงรถแล้วผมไม่รอนะ ถ้ามัวแต่โอ้เอ้ก็หาทางกลับเข้าเมืองเอง คนต้องทำงาน ไม่มีเวลาทั้งวัน” โชคดีหันมาเร่ง
...ร้ายจริงๆ คนที่ร้ายกว่านี้มีอีกไหมนี่...
... สงสัยนัก เขาโชคดีหรือโชคร้ายที่มาเจอโชคดี...

ชยุตม์กลับมาถึงบ้านและนั่งคอยจักริณทร์เพื่อพาไปรับประทานอาหารเย็น ก่อนที่นักบินหนุ่มจะกลับกรุงเทพฯ ในวันรุ่งขึ้น แต่เขาก็แปลกใจอีกครั้งเมื่อเห็นคนที่มาส่งแฟนเขาที่บ้าน
“ผมหลงทาง แต่โชคดีที่เจอผู้กอง เลยมีคนพามาส่งที่บ้าน” จักริณทร์เล่าให้ฟังยิ้มๆ
“แล้วคุณชยุตม์ต้องไปส่งผมกลับบ้าน ส่งกันไปส่งกันมา” ร้อยตำรวจเอกปฐพีหัวเราะแล้วหันมาพูดกับจักริณทร์ “เสียดายที่คุณจักรจะต้องกลับเสียแล้ว ยังไม่ได้ไปเที่ยวอุทยานศรีน่านเลยครับ”
“ไว้คราวหลังผมต้องไม่พลาดแน่ ได้ยินผู้กองเล่าให้ฟังแล้วอยากไป”
“จักรมาอยู่ไม่กี่วันได้ไปเที่ยวเยอะกว่าผมอีก” ชยุตม์มองจักริณทร์และปฐพีสลับไปมา แล้วเชิญปฐพีให้นั่งพัก จักริณทร์ขอตัวไปทำธุระ ชยุตม์จึงเล่าให้ปฐพีฟังว่าโชคดีพาเขาไปดูที่ดิน
“เคยมีคนต้องการที่ผืนนั้นจนเกือบมีเรื่องกันครับ โชคดีให้ผมแต่งชุดเครื่องแบบไปทำท่าข่มฝ่ายตรงข้าม พอเรื่องจบก็เลยซื้อต่อจากญาติของลูกน้อง คนที่โชคดีเรียกน้าพงษ์ คุณชยุตม์คงจำหน้าได้”
“ที่สวยมาก” ชยุตม์ชม “ถ้าสร้างบูติกรีสอร์ทเล็กๆ จะสวยมากจริงๆ”
“อย่าไปพูดให้เขาได้ยินเชียวนะครับ เดี๋ยวได้ควันออกหู” ปฐพีหัวเราะ
ชยุตม์หัวเราะเช่นกันเพราะเขาไม่ได้นึกถึงแค่โชคดีโกรธจนควันออกหู เขานึกไปมากกว่านั้น “ผมพูดเล่นเฉยๆ ไม่กล้าคิดจะไปพูดให้ได้ยินหรอกครับ แค่ผมเปรยว่าน่าสร้างบ้านพักตากอากาศ ก็เกือบโดนลุย”
“โชคดีไม่ได้ร้ายอย่างที่เห็นหรอกครับ เขาเป็นคนมีจิตใจดีงาม เพียงแต่โผงผางไปนิด” ปฐพีเข้าข้างคนใกล้ตัว
...โผงผางไปนิดหรือ เขาว่าโผงผางเหลือทนต่างหาก เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ ปฐพีก็เข้าข้างคนของตัวละสิ ชอบโชคดีเข้าแล้วนี่...
...แต่ทำไมมายุ่งอะไรกับจักริณทร์...
...และหากปฐพีจะมายุ่งกับจักริณทร์จริง ทำไมเขาไม่ค่อยรู้สึกหึงหวงเท่าใดนัก...

จักริณทร์เดินออกมาเพื่อสมทบกับสองหนุ่มที่นั่งคุยอยู่กันหน้าบ้าน แล้วชวนกันไปทานข้าวเพราะจะได้ไปส่งปฐพีด้วย แต่นายตำรวจหนุ่มปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าต้องกลับไปรับประทานกับบิดาและมารดา
“วันนี้คุณลุงกับคุณป้ามาเยี่ยมตอนค่ำๆ ครับ เลยต้องกลับไปทานข้าวที่บ้าน” ปฐพีตอบแล้วหันไปพูดกับจักริณทร์ว่า “คราวหน้า ผมจะพาไปทานที่ร้านเพื่อนผม อร่อยมากเลยครับ แต่ต้องออกไปนอกเมืองไกลพอสมควร แต่รับรองว่าคุ้มกับการเดินทาง บรรยากาศดีมาก อาหารก็รสเด็ด”
“งั้นผมต้องรีบหาโอกาสลาหยุดอีกแล้ว” จักริณทร์ทำท่าตื่นเต้น
“ไม่ต้องรีบมากก็ได้ ผมคงต้องทำงานอยู่ที่น่านอีกนาน ไม่รู้ว่ารีสอร์ทจะเสร็จเมื่อไหร่” ชยุตม์ถอนหายใจเบาๆ
“อย่ากังวลไปเลยครับคุณชยุตม์ ผมจะช่วยคุยกับฝ่ายโน้นด้วย” ปฐพีให้กำลังใจ
“คุณต้องทำได้แน่ยุตม์ อะไรๆ ก็เคยทำสำเร็จมาแล้ว คราวนี้ก็คงต้องสำเร็จอีก ไหนบอกว่าชอบการท้าทายไม่ใช่หรือ”
ชยุตม์ไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มบางๆ ในใจนึกถึง “เวลา” จนถึงสุดสัปดาห์ที่โชคดีให้กับเขาก่อนเข้าไปร่วมตรวจสอบ ซึ่งไม่รู้จะออกหัวหรือออกก้อย
...จากวันนี้เขาต้องเตรียมตัวดีๆ เพราะฝ่ายนั้นคงไม่ปล่อยให้เขาทำงานได้สะดวกเป็นแน่แท้...

โชคดีนั่งอยู่ในห้องทำงานกับพงษ์ สุนิศา บำรุง และวัลลภ แกนนำร่วมการต่อต้านรีสอร์ทแห่งใหม่เพื่อแจ้งกำหนดการที่จะเข้าไปร่วมตรวจสอบการก่อสร้างรีสอร์ทตามที่ชยุตม์เสนอมา
“แล้วเขาจะยอมอย่างนั้นจริงๆ หรือครับ ผมกลัวว่าพอจะเข้าไปจริงๆ ฝ่ายนั้นจะโยกโย้” บำรุงตั้งข้อสังเกต
“ถ้ากลับคำ เราก็เกณฑ์คนไปลุยที่โครงการ ปิดทางเข้าทุกทาง กดดันให้หนักๆ” วัลลภที่หัวรุนแรงกว่าคนอื่นเสนอความเห็น
“ไม่ได้หรอก ทำแบบนั้นยิ่งจะไปกันใหญ่ ถ้าหากฝ่ายนั้นเล่นไม้แข็งไม่ยอมเอาดื้อ เราก็จะเจอปัญหาไม่น้อยเหมือนกัน” พงษ์แย้ง “เท่าที่ผมสังเกต ฝ่ายรีสอร์ทก็ดูเหมือนจะพยายามประนีประนอม”
โชคดีหันไปมองพงษ์ที่หันมาสบตาเขาเพื่อขอความเห็น วัลลภกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เขาจึงต้องพูดขึ้นว่า “ผมเห็นด้วยอย่างที่น้าพงษ์พูด เอาแบบนี้ก่อน ถ้าเกิดโยกโย้ เราค่อยมาปรับแผน ระหว่างนี้ผมจะเร่งทาง ดร. พงศธรเรื่องงานวิจัย ถ้าได้ข้อมูลอะไรออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร การต่อรองของเราก็จะมีน้ำหนักมากขึ้น ศา ประสานงานกับกลุ่มคนรักเมืองน่านให้ดี ถ้าเขามาร่วมกับเราได้ก็เป็นประโยชน์ต่อเรามาก”
...คราวนี้ล่ะ ชยุตม์ไม่รอดแน่...

ชยุตม์เดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นจักรินทร์เดินถือโทรศัพท์มายื่นให้แล้วบอกว่ามีคนโทรมาหาหลายครั้งแล้ว ชยุตม์มองโทรศัพท์แล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “พ่อ โทรมาทำไม”
วิศวกรหนุ่มไม่โทรกลับทันใด ชยุตม์เช็ดตัวจนแห้งและแต่งตัวจนเสร็จแล้วเดินไปนั่งลงบนเตียงที่จักริณทร์กำลังนอนหงายมองเขาอยู่
“ทำไมไม่รีบโทรกลับหาคุณพ่อล่ะครับ สงสัยป่านนี้กำลังรออยู่” จักริณทร์ถาม
“ไว้ค่อยโทรก็ได้ ให้พ่อรอซะบ้าง” ชยุตม์ยักไหล่ แต่สิ้นคำพูด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาจึงต้องหยิบมารับ
“พ่อจะไปเชียงใหม่ ยุตม์มาหาพ่อพรุ่งนี้ตอนค่ำนะ ทานข้าวเย็นด้วยกัน แม่ฝากของมาให้ด้วย” บิดาของชยุตม์สั่งทันทีที่เขารับโทรศัพท์แล้วพูดต่อ ไม่เปิดโอกาสให้ลูกชายได้แสดงความเห็น “ทุ่มตรง ไปเจอพ่อที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ่อคุยกับอธิการบดีเสร็จแล้วค่อยไปกัน”
“ทำไมไม่ให้คนขับรถเอามาให้ที่นี่เลยล่ะครับ” ชยุตม์ถาม
“แค่นี้นะยุตม์”
“คุณพ่อ” ชยุตม์รีบเรียกบิดาเพราะกลัวว่าจะวางสายไปเสียก่อน พ่อเขาพูดโทรศัพท์สั้นมาก ชอบสื่อสารทางเดียว เอาแต่สั่งแล้วให้คนอื่นทำตาม
“อะไรอีกเล่า เร็วๆ เข้า พ่อรีบ”
“ผมยังไม่ได้บอกว่าจะไปเลย” ชยุตม์ทำเสียงอ่อนใจ
“นี่ยุตม์ เราไม่ได้เจอกันหลายเดือนแล้วนะ ไม่กลัวลืมหน้าพ่อหรือยังไง มากินข้าวด้วยกันหน่อย พ่อมีธุระจะคุยด้วย”
“ธุระอะไรครับ” ชยุตม์ถาม รู้ทั้งรู้ว่าพ่อของเขาจะตอบอย่างไร แต่เขาก็อดถามไม่ได้
“ธุระเรื่องอะไรแล้วค่อยมาคุยตอนกินข้าว หนึ่งทุ่มนะ มารอหน้าห้องอธิการบดี หาให้เจอล่ะ”
ชยุตม์ถอนหายใจ พ่อของเขาสั่งแล้วก็รีบวางสายไป ไม่รอให้เขาพูดอะไรต่อ
“นี่ล่ะ พ่อผมล่ะ” ชยุตม์หันไปพูดกับจักริณทร์ที่นอนมองอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มๆ เช่นเคย
...เหมือนโชคดียังไงยังงั้น นี่ถ้าให้โชคดเป็นลูกพ่อเขาแทน ก็คงจะเหมาะกันมาก บอกใครว่าเป็นลูกชาย ใครก็คงเชื่อแล้วพูดว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น”...
“ก็รู้ว่าปฏิเสธ หรือต่อรองไม่ได้ ก็ยังไปต่อรอง”
“ผมก็อดไม่ได้ซักที” ชยุตม์ส่ายหน้า แล้วเอนตัวลงนอนแผ่นข้างๆ จักริณทร์ที่ตอนนี้พลิกตัวมานอนตะแคงแล้วเบียดเข้ามาหาเขา
“ยุตม์ มีความสุขไหมครับที่จักรมาเยี่ยม” จักริณทร์ถามเสียงนุ่ม
“มีความสุขสิครับ”
“ดูยุตม์ใจลอยๆ คิดอะไรอยู่”
“เปล่า” ชยุตม์ส่ายหน้า แต่เมื่อเห็นจักริณทร์ถอนหายใจรีบพูดเติมว่า “ก็สงสัยคงเหนื่อยเรื่องงาน มันมีอะไรต้องคิด”
“ผมไม่ใช่คนอื่นนะ ถ้ามีอะไรก็คุยกันก็ได้ อย่างน้อยถ้ายุตม์มีอะไรไม่สบายใจก็จะได้ระบายออกมาบ้าง อย่าเก็บเอาไว้คนเดียว” จักริณทร์พูด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อย่างน้อย การได้เป็นคนรับฟังอะไรๆ และให้กำลังใจนี่ก็ถือว่าผมจะได้ทำหน้าที่ของแฟนที่ดีเสียบ้าง”
“ผมต่างหากล่ะที่ไม่ได้ทำหน้าที่ของแฟนที่ดี จักรอุตส่าห์มาเยี่ยม ได้พาไปเที่ยวน้ำตกครั้งเดียว ที่เหลือก็ทำแต่งาน” ชยุตม์ยกมือขึ้นลูบไล้ต้นแขนของคนที่กำลังนอนซบอกกว้างของเขาอยู่
“ไม่เห็นเป็นไรเลย บอกแล้วไงว่าผมไปเที่ยวคนเดียวเองก็ได้” จักริณทร์เขียนยอดอกของชยุตม์แล้วหัวเราะเบาๆ “แต่ดีที่ตอนหลังเจอกับผู้กองปฐพี ได้ไกด์กิตติมศักดิ์พาเที่ยว”
“ดีครับ เจ้าถิ่นพาเที่ยว ดีกว่าพาไปหลงทางตั้งเยอะ” ชยุตม์หัวเราะเบาๆ
“หึงหรือเปล่า” จักรินทร์เงยหน้าขึ้นมองคนรัก
“ทำไมต้องหึง”
“หึงบ้างก็ได้นะ” จักริณทร์พูดเสียงเรียบๆ ใบหน้ายิ้ม แล้วซุกหน้าลงกับอกของชยุตม์แล้วประทับจูบลงบนอกกว้างแกร่งเบาๆ
“ผมเชื่อใจจักร” ชยุตม์พูดเสียงอ่อนโยน หากเพียงเสี้ยววินาทีเขาเห็นภาพของคนๆ หนึ่งฉายวาบขึ้นมาให้ความคิด
...จักรก็คงเชื่อใจเขาเหมือนกัน...
...แล้วเขาล่ะ เชื่อใจตนเองได้เพียงใด...
**** end of chapter ****

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2

ออฟไลน์ สมุนไพร

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1581
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-3
ยอมรับซะเถอะเฮีย ... หลงรักหมูปิ้งแบบไม่รู้ตัว :laugh:

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซีรี่ยส์ LOVE, FINALLY === กว่
«ตอบ #159 เมื่อ20-04-2009 13:43:19 »

เฮ้อนึกว่าหมูปิ้งจะลวงชยุตม์มาฆ่าหมกป่าซะอีก
แต่ทำแบบนี้ก็คงไม่สาแก่ใจหมูปิ้งเค้าหรอก
เค้าต้องการเห็นมันพังคามือชยุตม์ ถึงจะสะใจ
คุณพ่อชยุตม์ชอบออกคำสั่งเหลือเกินถึงว่าทำไม
ถึงได้มีน้ำอดน้ำทนกับคนงี่เง่าจนน่าหมั่นไส้แบบหมูปิ้งได้
ต้องปราบพยศค.ท้าทายแบบนี้ให้ได้ชิมิ ก่อนอื่นต้องไปกินยา
เพิ่มภูมิต้านทานค.กวนประสาทของหมูปิ้งสักขวดก่อนมั้ง
กลัวใจตัวเองตอนนี้ไม่ทันแล้วล่ะ

ขอบคุณคะคุณคฑาวุธ :L2:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ซีรี่ยส์ LOVE, FINALLY === กว่
« ตอบ #159 เมื่อ: 20-04-2009 13:43:19 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
แหม........จักรกับปฐพีออกนอกหน้าซะขนาดนั้น

imageriz

  • บุคคลทั่วไป
นั่นสิจะเชื่อใจตัวเองได้ไหมนะ คิดถึงหมูปิ้งมากกว่าแฟนแล้วมั้งเนี๊ย


+1 เป็นกำลังใจให้คนแต่งคะ  :L2:

ออฟไลน์ K2KARN

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3084
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +393/-6
หลงเค้าแล้วล่ะสิเนี่ยคุณชยุตม์
 :impress2:

va_yu

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาอ่านและกดบวกให้คนแต่ง :L2:

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาอ่านและกดบวกให้คนแต่ง :L2:
เป็นการกระทำที่ดีมากเลยครับ  :pig4:

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
เรื่องของคุณนายแต่ละเรื่องลุ้นกันเหงื่อตกกว่าจะลงเอยกัน
ดูแล้วไม่เห็นวี่แววเลยจะมารักกันได้ไง  :serius2:

ออฟไลน์ k_U_K_K_I_K

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
เข้ามาอ่านแต่กด+ให้คนแต่งไม่ได้ 555+ :bye2:

ออฟไลน์ โน๊อา

  • อยู่เป็นคู่ เช่น ฉันคู่เธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
หวังว่าเรื่องนี้คงจะไปเป็นนิยาย disney นะคะ  :impress2:

mackerel

  • บุคคลทั่วไป
มอบแต้ม + ที่ 729 เป็นกำลังใจ
ขอบคุณคร้าบผม

Cn-Nt

  • บุคคลทั่วไป
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ

แอบบหมั่นใส้หมูปิ้งนิดนิด

 :3123:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






katawoot

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องของคุณนายแต่ละเรื่องลุ้นกันเหงื่อตกกว่าจะลงเอยกัน
ดูแล้วไม่เห็นวี่แววเลยจะมารักกันได้ไง  :serius2:
ก็ชื่ีอเรื่องมันคุมเอาไว้ซะแล้วนี่คร้าบบบ กว่าจะรักกันได้ มันก็ต้องมีอุปสรรคซะบ้าง จะให้เจอกันหนึ่งวันแล้วนอนกันเลยมันก็ขัดๆ นะ คนเขียนเป็นสุภาพบุรุษ ทำแบบนั้นไ่ม่ได้คร้าบบบ  :z1:

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 9

ชยุตม์จอดรถหน้าตึกอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถอนหายใจหนักๆ แล้วเปิดประตูออกมายืนอยู่ข้างรถอย่างเซ็งๆ หันไปมองด้านซ้ายเห็นคนขับรถของคุณพ่อของเขายืนคุยโทรศัพท์อยู่เช่นเคย ทุกครั้งที่ชายร่างใหญพูดน้อยคนนี้รอพ่อของเขา ชยุตม์จะเห็นคุยโทรศัพท์อยู่แทบตลอดเวลา อดสงสัยไม่ได้ว่าพ่อของเขาจะรู้หรือเปล่าว่าคนขับรถท่าทางเคร่งขรึม พอไม่ได้อยู่ต่อหน้าท่านรัฐมนตรีแล้วกลายเป็นคนพูดน้ำไหลไฟดับ
ชยุตม์เดินตรงไปยังบันไดเพื่อจะเข้าไปในตึก เขาสังเกตเห็นรถจอดอยู่เพียงไม่กี่คัน รวมถึงรถแลนด์ครูซเซอร์สีดำของพ่อเขาด้วย วิศวกรหนุ่มเก็บความสงสัยเอาไว้ว่าพ่อของเขามาทำธุระส่วนตัวอะไรที่เชียงใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอธิการบดีมหาวิทยาลัย และยังให้คนขับรถส่วนตัวขับรถมาไกลจากกรุงเทพฯ และที่สำคัญสั่งให้เขามาพบเพื่อคุยธุระด้วย เรื่องทานอาหารเย็นด้วยกันนั้นเขารู้ดีว่าเป็นข้ออ้าง พ่อเขาเป็นแบบนี้ ดูเหมือนจะพูดตรงไปตรงมาแต่ก็ไม่ตรง เรื่องบอกให้มาทานข้าวและคุณแม่ฝากของมาให้ด้วยนี่เป็นตัวอย่างได้ดีทีเดียวว่ามีเจตนาอื่นที่ไม่ยอมบอกเขา
ขณะที่กำลังจมอยู่ในความคิด ชยุตม์กลับต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้น เขาหันหลัง แล้วต้องเลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่เห็นคนที่ไม่ค่อยจะชอบหน้าเขามาตลอดยืนกอดอกมองเขาอยู่ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“คุณมาทำไม”
“ผมมาธุระ”
“ธุระเรื่องอะไร”
“ธุระส่วนตัวครับ นี่ผมต้องรายงานให้คุณทราบหรือว่าผมมามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ด้วยเหตุผลอะไร” ชยุตม์เดินเข้าไปใกล้คนที่ยืนทำหน้าเข้มอยู่ใกล้ๆ บันได
“ผมว่าการที่คุณมาปรากฏตัวที่นี่ต้องเกี่ยวข้องการกับการที่ผมมาที่นี่อย่างแน่นอน ลางสังหรณ์ผมบอก”
ชยุตม์หัวเราะหึๆ ในลำคอแล้วพูดว่า “คุณนี่เก่งจังเลย ไม่เคยนึกว่านอกจากขายเหล็กแล้วยังฝึกเป็นหมอดูด้วย”
“คุณชยุตม์” โชคดีก้าวเข้ามาใกล้ “อย่าให้ผมรู้นะว่าคุณมาพบผู้ใหญ่ของมหาวิทยาลัยเพื่อให้ขัดขวางงานวิจัยของ ดร. พงศธร ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผมกับคุณได้เห็นดีกันแน่”
“ผมไม่รู้จัก ดร. พงศธรของคุณด้วยซ้ำ” ชยุตม์เค้นเสียง “และผมไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก คนอย่างผม ทำอะไรซึ่งหน้า และเรื่องรีสอร์ท ผมไม่ผิด ไม่มีอะไรจะต้องปิดบังหรือมาทำอะไรลับหลัง”
“ขอให้จริงเถอะ” โชคดีพูดสั้นๆ แล้วหันหลังเดินจากไปโดยเร็ว ทิ้งให้ชยุตม์มองตามด้วยสีหน้าอ่อนใจปนกังวล
...ขออย่าให้รู้เลยว่าพ่อของเขาเป็นใคร หรือจะพูดให้ถูก อย่าได้มาเจอกับพ่อเขาในตึกนี้เลย...

โชคดีขึ้นมาถึงชั้นสามของตึก แล้วเดินตรงลิ่วไปยังห้องประชุมที่ ดร. พงศธรกำลังรอเขาอยู่ วันนี้ดอกเตอร์หนุ่มตามให้เขามาพบโดยด่วนเพราะมีแขกคนสำคัญจะให้พบ
...คนที่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการก่อสร้าง The Riverbend Resort
แต่ทันทีที่เลี้ยวหัวมุม ชายร่างใหญ่สามคนในสูทซาฟารีสีดำก็ขวางเขาไว้แล้วบอกว่าให้รอสักครู่
“ทำไม” โชคดีถาม
“ขอโทษในความไม่สะดวกนะครับ รอเดี๋ยวเดียว ตอนนี้ท่านกำลังจะออกมา” บอดี้การ์ดร่างใหญ่กล่าวอย่างสุภาพ
“ท่านไหน” โชคดียังไม่หันกลับ
“ท่านรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยครับ”
...พี่ชายเจ้าของรีสอร์นั่นนะหรือ ทำไมโชคดีแบบนี้นะ...
...แต่ว่า มท. 1 จะยอมให้เขาพบหรือ อยู่เฉยๆ เดินออกมาจากห้องแล้วเขาก็จะเดินทื่อๆ เข้าไปหาแล้วพูดว่าอะไรดี ร้องเรียนที่น้องชายของท่านกำลังสร้างรีสอร์ทริมน้ำที่ทำลายธรรมชาติ...
...แต่ตอนนี้เขายังไม่มีข้อมูลเพียงพอ...
โชคดีส่ายหน้าด้วยความเสียดาย แม้รู้สึกไม่พอใจนิดๆ ที่ต้องเสียเวลา แต่ก็ยอมยืนรอ อย่างน้อยเขาจะได้เห็นหน้า "ม.ท. 1" ชัดๆ
คนกลุ่มหนึ่งประมาณทยอยเดินออกมาจากห้อง นับได้คร่าวๆ ประมาณเกือบสิบคน แต่ละคนสวม  สูทสีเข้ม คุยกันเบาๆ เสียงวิทยุสื่อสารดังผสมกับเสียงคุยกัน จับความได้ว่าสั่งให้คนรถเตรียมตัวให้พร้อม ท่านจะขึ้นไปบนห้องทำงานของอธิการบดีเสียก่อน แล้วอีกไม่นานจะลงไปข้างล่าง
โชคดี รอให้คนกลุ่มนั้นเดินผ่าน เขาต้องการเห็นหน้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ที่เพิ่งรับตำแหน่งได้ไม่นาน พักหลังๆ เขามัวแต่ยุ่งๆ ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสารบ้านเมือง เลยไม่รู้ว่ารัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยหน้าตาเป็นอย่างไร เคยได้ยินแต่ชื่อแว่วๆ นามสกุลยาวๆ ไม่ได้จำ
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นชายวัยกลางคนร่างสูงที่เดินคู่มากับหญิงอายุรุ่นเดียวกันสวมแว่นตาหนาเตอะซึ่งเขาคิดว่าคงเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ใบหน้าคนที่โชคดีมั่นใจว่าเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทวงมหาดไทยคุ้นตาเขามาก เหมือนกับเคยพบที่ไหนมาก่อนแต่เขานึกไม่ออก
...นี่หรือ มท. 1 ยังไม่แก่เลยด้วยซ้ำ ดูหน้าตาดีเกินคาด เขานึกว่าจะเป็นนักการเมืองที่อายุค่อนข้างมากแล้ว หน้าตาอย่างนักการเมืองอายุห้าสิบปีกว่าปีทั่วๆ ไป รูปร่างท้วมๆ ท่าทางเขี้ยวลากดิน...
...คุ้นหน้าจริงๆ เหมือนใครซักคนที่เขารู้จัก...

ชยุตม์ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วยิ้มให้บิดาบางๆ คุณพ่อของเขาแนะนำตัวให้รู้จักกับคณะบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่เดินมาด้วยกันแล้วบอกให้รอสักครู่ พอคุยธุระกับอธิการบดีแล้วจะออกมาพบเขาแล้วจึงจะไปทานข้าวด้วยกันทั้งหมด
...ทานข้าวด้วยกันทั้งหมด ไม่ได้หมายความว่าพ่ออยากจะทานข้าวกับเขาสองคน แต่ต้องการให้มาทานข้าวกับอธิการบดีและคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์กระมัง...
...พ่อนะพ่อ กำลังคิดจะทำอะไร...
...อีกหน่อยก็รู้ รออีกหน่อย ท่าน มท. 1 ก็จะเผยความจริงออกมา พ่อเขาก็เป็นเสียแบบนี้...
ทั้งที่รู้จักดี แต่ชยุตม์ก็ไม่เคยชินกับนิสัยของพ่อเสียที บางครั้งเขาก็อดแปลกใจไม่ได้ ลูกชายสามคน ไม่มีใครสักคนที่เหมือนพ่อ ยิ่งพี่ชายคนโตยิ่งไม่เหมือน ที่ค่อนข้างใกล้เคียงคือพี่ชายคนรอง ที่ไม่ค่อยจะถูกกันกับพ่อเท่าไหร่นัก เขาเป็นคนสุดท้อง ยอมให้พ่อมากที่สุดกว่าใครในบ้าน พ่อจึงรักเขามากที่สุด

“โชคดียิ้มกว้างด้วยความยินดีเมื่อ ดร. พงศธร แนะนำให้รู้จักกับ ดร. ธรนินทร์ เพื่อนที่เป็นอาจารย์จากกรุงเทพฯ และทำงานให้องค์กรอิสระทางด้านสิ่งแวดล้อม
“อาจาร์ยธรนินทร์กำลังตามเรื่องนี้อยู่” ดร. พงศธรบอก
โชคดีใช้เวลาคุยกับ ดร. ธรนินทร์เกือบหนึ่งชั่วโมง ให้ข้อมูลดอกเตอร์หนุ่มทั้งหมดเท่าที่ทำได้ และบอกว่าอีกไม่กี่วันก็จะมีฝ่ายของเขาเข้าไปร่วมตรวจสอบการก่อสร้างร่วมกับทางรีสอร์ท
“เขายอมให้ทำแบบนั้นด้วยหรือครับ” ดร. ธรนินทร์เบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“วันจันทร์นี้ผมมีคนสามคนเข้าไปที่ไซท์งาน แต่ยังไม่ได้คุยในรายละเอียดว่าทางรีสอร์ทจะให้ร่วมตรวจสอบไปจนสร้างเสร็จ หรือให้เวลาเราเท่าไหร่”
“เขาใจกว้างมาก ไม่น่าเชื่อ แบบนี้ก็ทำงานง่ายขึ้น เอาไว้ผมจะรีบหาคนที่เชี่ยวชาญเข้าไปช่วยด้วย อันนี้ไม่ได้ดูถูกคนของคุณโชคดีนะครับ” ดร. ธรนินทร์พูดยิ้มๆ
“ผมเข้าใจครับ คนที่เข้าไปก็ไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ ข้อนี้ผมรู้ดี” โชคดีพยักหน้า “แต่เราจะพยายามให้ดีที่สุด”
“เราต้องทำการศึกษาเพิ่มเติม หากเห็นว่าโครงการสร้างผลกระทบทางด้านลบจนน่าวิตก เราก็นิ่งนอนใจไม่ได้ สิ่งที่ผมกังวลคือการทำประตูระบายน้ำเข้าออกที่เชื่อมกับแม่น้ำน่านโดยตรง ตอนนี้ผมกำลังหาทางเข้าถึงตัวสถาปนิกใหญ่ ผมฝันถึงว่ายิ่งได้พิมพ์เขียวของโครงการก็ยิ่งดี แต่การที่คุณโชคดีเข้าไปร่วมตรวจสอบกับทางรีสอร์ทได้ ถือว่าเป็นความสำเร็จระดับหนึ่งแล้ว บริษัทนี้เคยมีปัญหาเรื่องสร้างรีสอร์ทที่พังงา ผมคิดว่าโครงการนี้เขาคงต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น”
“ผมก็หวังว่าอย่าให้มีปัญหาเหมือนที่อื่นเลย” โชคดีเอ่ยเสียงแผ่วเบา
...ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ เขานี่ล่ะจะลุยชยุตม์ เอาให้พังไปเป็นแถบๆ เลยทีเดียว ให้ชยุตม์สร้างรีสอร์ทไม่เสร็จ แล้วเก็บข้าวของกลับกรุงเทพฯ...
...ยิ่งไปจากน่านได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี เห็นหน้าทีไรก็กวนให้อารมณ์ขุ่นมัว หน้านิ่งๆ เรียบๆ พูดจาเนิบนาบไม่ทันใจ ขวางหูขวางตานัก พักหลังๆ ชอบทำตาวิบวับ ยิ่งน่าหมั่นใส้...

เมื่อ “ผู้ใหญ่” คนอื่นๆ แยกย้ายกันกลับบ้านและเหลือเขากับพ่อเพียงสองคน ชยุตม์จึงส่ายหน้าอย่างหงุดหงิดเมื่อพ่อของเขาหันมาย้ำเรื่องที่ได้รับการทาบทามให้สร้างอาคารศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยีแห่งใหม่ของมหาวิทยาลัยและแถมพ่วงด้วยการเป็นอาจารย์สอนพิเศษ
“เห็นแก่พ่อหน่อยเถอะยุตม์”
“เพราะพ่อเห็นแก่อธิการที่เป็นเพื่อนเก่า” ชยุตม์เติม
“เขาชื่นชมผลงานแกมาตั้งนานแล้ว ทำให้เขาหน่อยเถอะ งานนี้ได้เงินดีนะ ไม่ได้ทำแบบบริจาคแรงงานให้อาแกซักหน่อย”
“อาก็ให้เงินผม” ชยุตม์แย้ง
“ให้เศษเงินสิไม่ว่า อาแกขี้เหนียวจะตาย ชอบหลอกใช้หลาน” คนเป็นพ่อยักไหล่ “น่ายุตม์ลูกพ่อ ไม่
งั้นพ่อไม่ได้มาไกลถึงขนาดนี้หรอก”
“พ่อมาราชการต่างหาก แล้วแวะมาคุยเรื่องนี้ แต่อย่าบอกนะว่าพ่อไปตกลงกับอธิการหรือคณบดีแล้ว” ชยุตม์รู้ทัน ส่ายหน้าอย่างเซ็ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ขอผมตัดสินใจก่อนนะครับพ่อ”
“อย่านานนักล่ะ”
...พ่อรีบ เห็นรีบแบบนี้ทุกที ไม่เคยเลยที่จะรออะไรซักอย่าง พ่อเขาก็เป็นเสียอย่างนี้ เหมือนโชคดีไม่มีผิด...
...โชคดีจะว่าอย่างไรถ้ารู้ว่าเขาจะมาสร้างตึกให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังจากที่สร้างรีสอร์ทที่น่านเสร็จ...
“พ่อครับ ผมต้องไปทำโปรเจ็ค The Krisida ที่ไต้หวัน งานกำลังจะเริ่ม”
“ให้เขารอไปก่อนสิ เอาอันนี้ให้เสร็จก่อน แล้วเรื่องรีสอร์ทอาแกก็เร่งๆ เข้า สร้างกระท่อมไม่กี่หลัง ทำไมมันนานนักวะ ไอ้รีสอร์ททำลายธรรมชาตินั่นนะ จะสร้างไปทำไมก็ไม่รู้ เดี๋ยวได้โดนไล่เหมือนที่พังงาหรอก” ท่านรัฐมนตรีกระทรวมมหาดไทยบ่น
...พ่อเขาไม่รู้อะไร งานเล็กๆ ที่น่านนี่ล่ะทำให้เขาปวดหัวกว่าที่อื่นๆ นัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่คอยขัดขวางเขาคนนั้น...
“พ่อครับ ที่ไต้หวันเขาคงไม่แช่โปรเจ็คเอาไว้เพียงเพื่อจะรอวิศวกรคนหนึ่งให้พร้อมซะก่อนหรอกครับ” ชยุตม์ทำเสียงเนือยๆ
“งั้นก็ทำสองที่ บินไปบินมา ใต้หวันใกล้แค่นี้เอง” มท. 1 สรุปง่ายเช่นเคย
...ถ้าเป็นเรื่องให้คนอื่นทำอะไรให้ พ่อเขารวบรัดแบบนี้เสมอ แต่ถ้าเป็นเรื่องของตัวเอง พูดไปเถอะ พ่อเขาไม่เคยจนมุมง่ายๆ...
“ผมก็คงไม่ต้องทำงาน วันๆ ก็อยู่แต่บนฟ้า” ชยุตม์ประชด
“งั้นก็เลิกไต้หวัน มาทำที่เชียงใหม่ สร้างตึกให้เด็กนักศึกษาไทยดีกว่าไปสร้างตึกสวยๆ ให้พวกคนจีนรวยๆ อยู่ ไร้สาระ” ท่านรัฐมนตรีฯ สรุปง่ายๆ อีกแล้ว
“อย่างที่ผมบอก ขอคิดดูก่อน” ชยุตม์ยังไม่ยอมตกลง
“รีบๆ เข้านะ”
...เอาอีกแล้ว พ่อเขาเร่งอีกแล้ว แบบนี้ให้ไปอยู่กับโชคดีคงได้ชวนกันหาเรื่องทำนั่นทำนี่ไม่หยุดไม่หย่อน ไฮเปอร์เหมือนกันทั้งสองคน ตอนนี้เขารู้แล้วว่าโชคดีเหมือนใคร เหมือนพ่อเขานี่เอง ขออย่างเดียวอย่าให้ได้มาเจอกันแล้วกลายเป็นแนวร่วมต่อต้านรีสอร์ทของคุณอาเขาเลย นั่นก็ไม่ค่อยจะถูกกับน้องชาย นักธุรกิจกับนักการเมืองเลือดรักชาติแรง เจอกันทีไรเขาต้องคอยเป็นกรรมการห้ามมวยพ่อกับอาที่ชอบทะเลาะกันเป็นเด็กๆ...
รถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าตึกกลางของมหาวิทยาลัยที่ชยุตม์จอดรถทิ้งไว้ ซึ่งที่จริงแล้วพ่อเขาสั่งให้จอดทิ้งไว้แล้วนั่งรถคันเดียวกันไปทานอาหารเย็น ทั้งที่เขายืนยันจะขับรถไปเองเพราะเมื่อทานอาหารเสร็จจะได้แยกย้ายกันกลับเลย
“ยุตม์ พ่อรักแกนะลูก” ท่านรัฐมนตรีใจร้อนตบไหล่ลูกชายเบาๆ ก่อนที่ชยุตม์จะลงจากรถแล้วกล่าวว่าเขาก็รักพ่อเหมือนกัน
...ลูกไม้เดิมๆ เขารู้ดี พ่อชอบเล่นแบบนี้เวลาต้องการให้เขาทำอะไรให้ อ้อนลูกชายแบบนี้ คิดว่าได้ผลทุกครั้งสิน่า...
...แต่คราวนี้อย่าเพิ่งดีใจไปก่อนเลยนะพ่อนะ...
“ยุตม์”
วิศวกรหนุ่มหันหน้ากลับไปหาบิดา เลิกคิ้วถามคำถาม แล้วต้องรีบยกมือรับกล่องกระดาษเล็กๆ ที่ผู้เป็นพ่อโยนออกจากรถมาให้
“แม่ฝากมา เดี๋ยวจะหาว่าพ่อหลอกให้แกมากินข้าวด้วยอย่างเดียว”
ชยุตม์ส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วยืนมองรถของพ่อแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินไปที่รถของตัวเอง
...เฮ้อ...ทำไมต้องมามีเรื่องให้คิดอีกแล้วนะ แค่คิดเรื่องของโชคดีก็จะแย่อยู่แล้ว...
...เรื่องของโชคดีหรือ เรื่องอะไรของโชคดี เรื่องรีสอร์ทนั่นหรือไง...
...ใช่ เรื่องรีสอร์ท...
ชยุตม์บอกตัวเองว่าเรื่องรีสอร์ท...
...รีสอร์ทเจ้าปัญหา...
...โชคดีเจ้าปัญหา...

 :mc4:

เดี๋ยะมีต่อ ยังไม่จบบทนะครับ

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
ก็แอบสนใจเค้าเข้าไปแล้ว จนคิดถึงเค้าตลอดยังไม่รู้ตัวอีกนะพ่อคู้ณ :jul3:

va_yu

  • บุคคลทั่วไป
กว่านายช่างจะรู้ใจตัวเอง ระวังหมูปิ้งจะโดนคนอื่นคว้าไปกินซะล่ะ

ออฟไลน์ สมุนไพร

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1581
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-3

ออฟไลน์ YMP

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-2
ที่ชยุตม์รับมือโชคดีได้เป็นเพราะประสบการณ์การรับมือบิดานี่เอง  o13

ออฟไลน์ K2KARN

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3084
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +393/-6
รออีกตอน


มิน่าล่ะที่ชยุตม์บอกว่าโชคดีเหมือนพ่อตัวเอง
 :laugh:

ออฟไลน์ Fujitaga

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า โชคดีกับ มท1 เป็นอะไรกันดีเอ่ย...
คงน่ารักน่าดูเลย ฮิฮิ  :เฮ้อ:

mecon

  • บุคคลทั่วไป
ลองถ้ารู้ว่าชยุตม์มีพ่อใหญ่แบบนี้ล่ะก้อ
หมูปิ้งคงพ่นไฟออกจากปากแน่ๆ เหอะๆ
พ่อก็เอาแต่ใจตัวจัง ยุตม์จะต้องตามใจอีกมั๊ยอ่ะ
เห็นแบบนี้คนเคยแพ้ทางพ่อก็คงต้องแพ้ทางอยู่วันยังค่ำแหละ
เรื่องหมูปิ้งก็น่าปวดหัว กัดไม่ปล่อยจริงๆแทนที่จะไล่เบี้ยกับตัวการ
จริงๆไปๆมาๆก็อยากจะขับไปให้พ้นๆไม่ต้องทำงาน คิดว่ามันจะ
ง่ายแบบนั้นเหรอ กว่าจะได้หลักฐานรีสอร์ทก็สร้างเสร็จพอดีนั่นแหละ

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด