ซีรี่ยส์ LOVE, FINALLY === กว่าเราจะรักกันได้ ===
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ซีรี่ยส์ LOVE, FINALLY === กว่าเราจะรักกันได้ ===  (อ่าน 150718 ครั้ง)

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
ต้องขอกราบประทานโทษผู้อ่านทุกท่านนะครับที่ให้รอนาน วันนี้มาจบบทที่ 9 ครับ
พักนี้มันยุ่งๆ น่าดู เลยกระดึ๊บกระดึ๊บได้ทีละหน่อย แอบใช้คอมที่ทำงานพิมพ์ก็กลัวเจ้านายเห็น กลับบ้านหลานก็แย่งคอมเล่น พอพี่สาวกับหลานๆ กลับต่างจังหวัดไปแล้วผู้เขียนก็เลยพักผ่อนหลับเป็นตายเวลาถึงบ้านทุกที
ก้อ เลยมาโพสช้า

ท้ายตอนที่แล้ว

...โอย ใครก็ได้มาลากไอ้ซ่งไปให้พ้นหน้าๆ ทีเถอะ จะไม่ไหวอยู่แล้ว...
...อะไรจะรักนักหนา ถูกปฏิเสธไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย จนป่านนี้ก็ยังไม่เลิกลา เราก็ออกดุ ซ่งมาเห็นเสน่ห์อะไรของเราวะ เมื่อไหร่จะเลิกรักเราซะที คนที่อยากให้...
...เฮ้ย ทำไมเราคิดแบบนี้...
...คนที่อยากให้รักก็ไม่รัก...
...ไม่ได้ คิดแบบนี้ไม่ได้...


ต่อ...

ร้อยตำรวจเอกปฐพีรอจนฝนซาจึงลงจากรถ เดินย้อนไปยังร้านค้าของโชคดี ฝนยังตกปรอยๆ อากาศเริ่มเย็น แสงไฟข้างถนนส่องต้องสายฝนทำให้มองเห็นเป็นประกายระยิบระยับ
นายตำรวจหนุ่มเห็นร่างหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ จึงหลีกทางให้ แต่พอเข้าใกล้ ปฐพีก็รู้ว่าเป็นใคร นายตำรวจหนุ่มกำลังจะเอ่ยทักแต่ชายหนุ่มคนนั้นชิงพูดขึ้นเสียก่อน
“ผู้กอง สวัสดีครับ ผู้กองมาก็ดีแล้ว จะได้ช่วยพูดกับโชคดีให้ผม” ทรงศักดิ์น้ำเสียงร้อนรน
ปฐพีทำหน้าสงสัย ฝ่ายนั้นจึงรีบพูดต่อ “โชคดีนะสิครับ ไล่ผมออกมาจากร้านทั้งๆ ที่ฝนยังตกไม่หยุด ร้ายที่สุดเลย”
“ถ้าไม่ร้ายก็ไม่ใช่โชคดีสิครับ เสียยี่ห้อหมูปิ้งหมด” ปฐพีพูดยิ้มๆ
“โอ๊ะๆ ผู้กองอย่าไปพูดให้ได้ยินเชียวนะครับ” ทรงศักดิ์ทำหน้าตกใจ อดหันไปมองข้างหลังไม่ได้ แล้วหันมาพูดกับนายตำรวจว่า “ผู้กองช่วยผมด้วยนะครับ ผมทนไม่ไหวแล้ว ถ้าปล่อยให้นานไปกว่านี้ ผมเกรงว่าจะไม่ทันการณ์”
“เรื่องอะไรหรือครับ” ปฐพีพูดอย่างใจเย็น
“ก็...” ทรงศักดิ์อ้ำอึ้งขึ้นมาทันใด “ก็ หมูปิ้งนะสิครับ ปฎิเสธผม”
ปฐพีไม่แปลกใจ โชคดีปฏิเสธทรงศักดิ์มาแต่ไหนแต่ไร ฝ่ายนี้เองก็ยังไม่ยอมรับเสียที เฝ้าแต่อาลัยอาวรณ์โชคดีไม่เคยหยุด
“แล้วนี่เกี่ยวอะไรกับผม”
“ผมอยากให้ผู้กองไปคุยกับโชคดีให้ผมหน่อย” ทรงศักดิ์พูดเสียงเบา ก้มหน้าลงมองพื้น
“คุย...คุยอะไร” ปฐพีถามเบาๆ
“ก็คุยให้โชคดียอมรับผมบ้าง อย่าผลักใสไล่ส่งผม ผู้กองเป็นผู้ใหญ่ เป็นลูกชายผู้ว่า โชคดีก็เกรงใจผู้กองมากกว่าใคร”
...เกรงใจตายล่ะ โชคดียังข่มขู่เขาอยู่บ่อย เรื่องจะโน้วน้าวโชคดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย...
...แล้วทำไมต้องเป็นเขา ทรงศักดิ์ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขารู้สึกอย่างไรกับโชคดี...
“ผมรักโชคดี ผมยอมรับกับผู้กองตรงๆ ผู้กองไป เอ่อ...ไป คุยกับโชคดีให้ผมหน่อยนะครับ ผมขอร้อง” ทรงศักดิ์ทำเสียงหน้าสงสาร
...จะพูดให้ถูก ให้เขาไปขอโชคดีให้อย่างนั้นละสิ...
...เดี๋ยวได้โดนกระทืบ รายนั้นร้ายน้อยเสียเมื่อไหร่...
“คุณทรงศักดิ์ครับ จะให้ผมทำอย่างนั้นได้ยังไง มีใครไปบังคับใจโชคดีได้ล่ะ ก็รู้ๆ กันอยู่”
“แต่โชคดีเขาเชื่อผู้กอง เกรงใจผู้กอง”
“แต่เรื่องนี้มัน...”
...เขาก็ยังหวั่นๆ อยู่เหมือนกันว่าจะบอกความในใจของตัวเองกับโชคดีว่าอย่างไร อย่าพูดถึงเรื่องเป็นเถ้าแก่ให้ทรงศักดิ์เลย ยากเสียยิ่งกว่ายาก...
“คุณทรงศักดิ์ครับ เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของกรรม คนเราถ้าเป็นคู่กันแล้วก็ย่อมไม่แคล้วกัน อย่าเพิ่งใจร้อนไปเลยครับ ยังมีเวลาอีกถมเถ อายุก็ยังน้อยอยู่” ปฐพีไม่รู้จะพูดอะไรดี
“ผมไม่ไว้ใจ อะไรบางอย่างทำให้ผมรู้สึกว่ารอไม่ได้” ทรงศักดิ์ขมวดคิ้ว พูดเบาๆ ราวพูดกับตัวเอง
“หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่า เวลาและวารีไม่เคยคอยใครสิครับ หากไม่รีบตอนนี้ โชคดีก็อาจหลุดลอยไปเป็นของคนอื่น ผมอดหวั่นใจไม่ได้”
...ทรงศักดิ์พูดแปลก โชคดีจะไปเป็นของใคร หรือจะพูดให้ถูก ใครจะกล้ามาจีบโชคดี ที่เห็นก็มีทรงศักดิ์คนเดียวนี่ล่ะ เขาเองก็ไม่ได้แสดงออกให้เห็นว่าจีบ เพียงแต่ทำความคุ้นเคยกับโชคดีจนรู้สึกสนิทกัน และเผยให้เห็นบ้างว่าชอบพอโชคดีอยู่ไม่น้อย คนที่รู้มีอยู่เพียงคนเดียวคือคุณแม่ของโชคดี...
...ชยุตม์อย่างนั้นหรือ นายช่าง หนุ่มกรุงเทพฯ คนที่โชคดีไม่ชอบหน้าเป็นอันดับหนึ่ง ไม่น่าเชื่อ...
...หรือจักริณทร์ ไม่ใช่ ไม่มีทางเป็นจักริณทร์ไปได้ เขามองออกว่าจักริณทร์เป็นแบบไหน...
ทรงศักดิ์พร่ำรำพันกับปฐพีไม่ยอมหยุด จนนายตำรวจหนุ่มจำต้องรับปากว่าจะช่วยพูด แต่ก็ไม่ได้รับประกันผลที่จะออกมา
"คุณทรงศักดิ์ก็รู้จักโชคดี รายนั้น ใครจะไปโน้วน้าวใจได้ถ้าเขาไม่ได้คิดเองตัดสินใจเอง แต่ผมก็จะพูดให้โชคดีเห็นความดีของคุณ ส่วนที่เหลือก็ให้เขาตัดสินใจเอง"
"งั้นก็ได้ครับ" ทรงศักดิ์ยอมรับ "ผมขอบคุณผู้กองมาก ผมมองไม่เห็นใครเลยจริงๆ ผู้กองเป็นพ่อพระของผม เป็นคนที่จะทำให้ผมได้สมหวังกับโชคดี" ทรงศักดิ์รู้สึกสดชื่นขึ้นมาอีกเล็กน้อย
...อย่าว่าแต่จะช่วยคุณเลย ผมเอ็งก็ยังหนักใจเรื่องของตัวเอง ไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือออกก้อย...
ปฐพีแอบถอนหายใจแล้วให้กำลังใจทรงศักดิ์ก่อนที่ชายหนุ่มหน้าตี๋จะยอมเดินไปที่รถ นายตำรวจหนุ่มยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินตรงไปยังจุดหมาย

ร้านโชคดีค้าเหล็กกำลังจะปิด พนักงานเก็บของอย่างแข็งขัน โดยมีโชคดีคอยยืนดูแลอยู่กลางร้าน ทันทีที่เห็นร้อยตำรวจเอกปฐพี โชคดีก็ตรงรี่เข้ามาหา แล้วถามคำถามที่นายตำรวจตอบไม่ได้
"สารวัตรรู้หรือไม่ว่าแม่ผมหายไปไหน ผมไม่เห็นแม่มาสองวันแล้ว" โชคดีทำหน้ามุ่ย "แจ้งความคนหายเลยได้ไหมครับ"
"แม่เป็นประธานไลออนส์ ก็ต้องยุ่งเป็นธรรมดา" ปฐพีตอบยิ้มๆ
"งานยุ่งจะตาย แม่ก็ปล่อยให้ผมทำอยู่คนเดียว คนก็ซื้อได้ซื้อดี ไม่รู้จะสร้างบ้านสร้างเรือนกันไปถึงไหน" โชคดีส่ายหน้า
"อ้าว คนซื้อของแล้วมาบ่น" ปฐพีหัวเราะเมื่อเห็นโชคดีพาล ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
"แล้วนี่ผู้กองจะมาซื้อของหรือเปล่า ร้านปิดแล้วนะครับ"
"มาชวนไปทานข้าว"
"มาจากลำปางเพื่อมาชวนผมไปทานข้าวนี่นะ ผู้กองทำงานหรือเปล่านี่ เห็นมาเมืองน่านบ่อยมาก มิน่า ขโมยลำปางถึงชุมนัก" โชคดีทำหน้าเข้ม
"ใครบอก” ผู้กองปฐพีเอียงหน้าถาม
"ผมจะอยู่ทานข้าวกับเด็กที่ร้าน เตรียมอาหารไว้พร้อมแล้ว" โชคดีเสียงอ่อนลง
"แล้วไม่ชวนกันทานข้าวด้วยหรือไง" ปฐพีมองตาชายหนุ่มหน้าดุ "ผมหิวจะแย่อยู่แล้ว มาถึงตั้งนานแล้วล่ะ แต่ฝนตกหนัก เลยนั่งคอยอยู่ในรถ"
"อ๋อ" โชคดีทำหน้าเข้าใจ "กลัวฝนขนาดนั้นเชียว ต้องรอให้ฝนปรอยๆ ก่อนถึงจะมาหาผม ทำไมไม่โทรมาบอกล่ะครับ จะให้เด็กกางร่มออกไปรับ"
...ว่าแล้วเชียว โดนจนได้...
"ไม่อยากรบกวน ที่จริงก็อยากวิ่งมาเลยล่ะ เปียกก็ช่าง แต่กลัวโชคดีลำบากหาเสื้อผ้าให้เปลี่ยน" ปฐพียิ้มหวาน รู้สึกอยากจะ "จีบ" โชคดีขึ้นมาทันใด
"ไม่ลำบากหรอกครับ" โชคดียักไหล่ "เพราะผมคงไม่คิดจะหาเสื้อผ้าให้ใครเปลี่ยนหรอก เปียกแล้วก็แห้งได้ บ้านก็อยู่ไม่ไกล ไปเปลี่ยนบ้านของตัวเองก็แล้วกัน"
"เดี๋ยวเป็นปอดบวมตาย" ปฐพีแกล้งทำเสียงน้อยใจ
"ผู้กอง" โชคดีถอนหายใจเบาๆ มองหน้าปฐพีเหมือนเห็นตัวประหลาด แล้วพูดขึ้นว่า "แล้วนี่เป็นอะไร ทำไมทำท่าแปลกๆ"
"เปล่า"
"ทำท่าเป็นหนุ่มน้อย เป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี่ย" โชคดีถามเสียงเรียบ
"ฝนตก ก็เลยรู้สึกครึ้มๆ อยากชวนโชคดีไปทานข้าว อ๊ะๆ รู้แล้วว่าจะทานข้าวกับเด็กที่ร้าน" นายตำรวจหนุ่มรีบยกมือห้ามอีกฝ่ายที่กำลังจะอ้าปากพูด "ขอวันนี้วันเดียวไม่ได้หรือหมูปิ้ง"
ปฐพีกัดฟัน ตัดสินใจเรียกชื่อเล่นของชายหนุ่มเจ้าอารมณ์เพราะรู้สึกอยากหยอกล้อโชคดีขึ้นมาทันใด
"จะไม่ได้ก็เพราะเรียกชื่อนี้นี่ล่ะ" โชคดีกรอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย ไม่โวยวายอย่างที่ปฐพีหวั่นใจ
"ผมอยากเรียกบ้าง อย่างน้อยก็ได้รู้สึกว่าเราสนิทกัน สามารถเรียกชื่อเล่นกันได้"
"ผู้กองไม่มีชื่อเล่น ทำไมพ่อแม่ไม่ตั้งให้ก็ไม่รู้" โชคดีส่ายหน้า
"มีสิ พ่อแม่ผมเรียกผมว่าตุ้ยนุ้ยตอนเป็นเด็ก เพราะผมอ้วนน่ารัก"
โชคดีหัวเราะเบาๆ ในลำคอ แล้วพูดว่า "ตอนนี้ก็เริ่มตุ้ยนุ้ยอีกแล้วล่ะ ระวังนะครับ จะเผละก่อนที่จะได้เป็นสารวัตร"
"ผมว่าก็ดูสมวัยนะ" ปฐพียักไหล่ แล้วทวงคำตอบโชคดีอีกครั้ง "ว่าไงหมูปิ้ง ไปทานข้าวด้วยกันเถอะ ไม่ได้ทานข้าวด้วยกันนานมากแล้ว ตั้งแต่ผมเป็นหมวดโน่นมั๊ง"
"น้อยๆ หน่อย ตอนเลื่อนยศยังไปทานข้าวด้วยกันอยู่เลย แล้วเลิกเรียกชื่อเล่นผมซะที ไม่งั้นผมไม่รับรองความปลอดภัย"
ปฐพีอมยิ้ม ในที่สุดโชคดีก็ยอมไปตอบรับคำชวนของเขา นายตำรวจหนุ่มถามว่าจะให้ช่วยอะไรบ้าง แต่โชคดีบอกว่าไม่เป็นไร ให้เด็กที่ร้านจัดการก็ได้ โชคดีขอตัวไปสั่งงานลูกน้องอีกชั่วครู่แล้วจึงเดินกลับมาหาปฐพี หน้าตาสดชื่นขึ้น ปฐพีเดาว่าโชคดีคงล้างหน้าลวกๆ เพราะเห็นโชคดียกแขนขึ้นเช็ดหน้า
"เดี๋ยวจะซื้อผ้าเช็ดหน้าให้ซักผืนนะ จะได้ไม่ต้องเอาแขนเสื้อเช็ดหน้า" ปฐพีกล่าวยิ้มๆ แล้วเดินนำโชคดีออกไปนอกร้าน
"ผู้กองหยุดพูดเถอะ เดินไปเงียบๆ อย่ามาทำเป็นหนุ่มน้อยพูดมาก" โชคดีเสียงเข้ม แล้วเดินแซงนายตำรวจ ปล่อยให้อีกฝ่ายเดินตามพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

ชยุตม์ชะงักเมื่อเดินออกมาจากร้านอาหารแล้วเห็นโชคดีเดินมากับร้อยตำรวจเอกปฐพี เขาสงสัยอยู่ก่อนแล้วว่าปฐพีชอบโชคดี และการที่เห็นทั้งสองควงกันมาทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารนอกเมืองก็เป็นการตอกย้ำว่าเขาคิดไม่ผิด
...แต่สองคนนี้ไม่เห็นจะเหมาะสมกัน โชคดีดูแข็งเกินไป ปฐพีก็ดูอ่อน ไม่น่าจะคุมโชคดีได้...
...แล้วใครล่ะจะคุมได้ หากเป็นเขา ก็ต้องคิดหนักพอสมควรทีเดียว...
...แต่เขาเป็นคนอดทน ยอมๆ ให้โชคดีซักหน่อย หลอกให้ตายใจ หลังจากนั้นค่อยตลบหลัง เอาให้อยู่หมัด ถ้าเป็นแฟนกัน โชคดีก็ต้องยอมให้บ้างล่ะน่า เคยมีคนพูดว่า หากคนสองคนได้เสียกันแล้ว อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป โชคดีอาจจะอ่อนลงมากกว่านี้ คุยด้วยง่ายมากขึ้นกว่าเดิม...
“นายช่าง รู้จักมากินร้านนี้เหมือนกันหรือ”
ชยุตม์สะดุ้ง เมื่อครู่ตกอยู่ในภวังค์เลยไม่ทันสังเกตว่าโชคดีกับปฐพีเดินเข้ามาใกล้แล้ว และชายหนุ่มหน้าดุก็ทักเขาคำพูดที่ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วเพื่อคิดไตร่ตรองว่าคนพูดหมายความว่าอย่างไรกันแน่
...คุยกับโชคดี หรือแม้แต่ฟังโชคดีพูดเพียงฝ่ายเดียว ต้องใช้สมองมากกว่าปกติ...
“คุณชยุตม์เพิ่งมาถึงหรือทานเสร็จแล้วครับ” ผู้กองปฐพีถาม
“ทานเสร็จแล้วครับ กำลังจะกลับ” ชยุตม์ตอบเสียงสุภาพ แต่ทันใดก็แทบจะหุบยิ้มเมื่อเขาคิดว่าได้ยินเสียงโชคดีพูดค่อยๆ ว่า “ดี”
“เชิญทานอาหารให้อร่อยนะครับ” ชยุตม์ก้าวเท้าลงบันใด แล้วหันไปพูดกับชายหนุ่มปากร้ายที่ยืนทำหน้านิ่งมองเขาอยู่ “แล้วเจอกันที่รีสอร์ทนะครับคุณโชคดี ผมจะเตรียมต้อนรับคณะของคุณให้ดีทีเดียว”
โชคดีไม่ตอบ หันหลังเดินเข้าไปในร้านอาหารทันที ทิ้งให้ปฐพีทำหน้าเหรอหราอยู่กับชยุตม์
“สงสัยหิวจัด”ปฐพีพูดยิ้มๆ
“คงงั้นมั๊งครับ” ชยุตม์พยักหน้า “เชิญผู้กองตามสบายนะครับ ทานอาหารให้อร่อย ผมต้องขอตัวกลับก่อน”
ชยุตม์กล่าวลาปฐพีแล้วเดินตรงไปที่รถ แต่ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด เขาอดไม่ไห้ที่จะหันกลับไปมองร้านอาหารนั้นอีกครั้ง จึงเหลือบไปเห็นโชคดีนั่งหน้านิ่งอยู่ที่โต๊ะอาหารใกล้ๆ กับโต๊ะตัวที่เขาเพิ่งนั่งรับประทานอาหารอยู่เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา
วิศวกรหนุ่มถอนหายใจเบาๆ อย่างลืมตัว ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงยังไม่อยากกลับบ้าน ในใจลึกๆ นึกเสียดายที่บอกนายตำรวจหนุ่มไปว่าเขาทานอาหารเสร็จแล้วและกำลังจะกลับ
...ใบหน้าเคร่งๆ ของโครคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาในห้วงคำนึง ตลอดทางที่เดินไปที่รถ ชยุตม์รู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นแรงและเร็วผิดปกติ รู้สึกร้อนรุ่มอย่างไรก็ไม่ทราบ...
...ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ...

วันนี้ฝนตกทั้งวัน ชยุตม์และเพื่อนร่วมงานต่างก็บ่นที่อากาศแปรปรวน ทั้งที่เริ่มเข้าหน้าหนาวได้หลายอาทิตย์แล้ว แต่จู่ๆ ฝนก็ตกลงมาราวกับเป็นช่วงกลางฤดูฝนและไม่มีวี่แววว่าจะหยุดภายในเวลาอันใกล้ งานก่อสร้างรีสอร์ทชะงัก วันนี้ทั้งวันงานคืบหน้าได้น้อยมาก เขาจึงใช้เวลามากเป็นพิเศษกับกลุ่ม “ร่วมตรวจสอบ” การก่อสร้างรีสอร์ทที่โชคดีส่งเข้ามา
ชยุตม์แปลกใจที่ไม่เห็นโชคดีร่วมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย เขาไม่อยากจะยอมรับว่านอกจากรู้สึกแปลกใจแล้ว เขารู้สึกเสียดาย
...เสียดายอะไรหรือ เขาควรจะสบายใจด้วยซ้ำที่ไม่ต้องมาต่อปากต่อคำกับโชคดี ซึ่งหากเข้ามาร่วมตรวจสอบแล้วก็คงแต่คอยจับผิดเขาเสียให้ได้ และคงพูดกระทบกระเทียบกวนโมโหจนเขาไม่มีสมาธิทำงาน...
...แต่นี่เกิดอะไรขึ้น ทำไมโชคดีไม่เข้าร่วมกับกลุ่มตรวจสอบด้วย เพราะเหตุนี้ หลังเลิก
งาน เขาจึงมาหยุดยืนอยู่หน้าร้านโชคดีค้าเหล็ก...
ไม่ถึงนาที ชยุตม์ก็เห็นโชคดีเดินลิ่วออกมาจากด้านหลังของร้าน มีโต๋กับเดือนเร่งเดินตามมาติดๆ หน้าตาไม่ค่อยสู้ดีนัก
โชคดีชะงักชั่วครู่เมื่อมองเห็นชยุตม์ยืนอยู่บนฟุตบาธหน้าร้าน ชายหนุ่มหันไปเร่งโต๋กับเดือน แล้วบอกให้ขึ้นไปนั่งรอในรถ ก่อนจะหันมาพูดกับชยุตม์ “ผมไม่ว่างจะคุย ต้องพาเดือนกลับบ้าน”
“มีเรื่องอะไรครับ” ชยุตม์ถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“บอกแล้วไงว่าไม่ว่างจะคุย”
“ผมก็แค่ถามด้วยความห่วงใย” ชยุตม์เสียงเข้มขึ้น “เผื่อมีอะไรจะช่วยได้บ้าง โต๋ก็เด็กผม จำไม่ได้หรือครับ ผมเป็นเถ้าแก่ฝ่ายชายตอนที่คุณให้โต๋แต่งงานกับเดือน”
โชคดีส่ายหน้าช้าๆ แล้วผละจากชยุตม์เดินไปที่รถ วิศวกรหนุ่มเดินตาม โชคดีจึงหันมากล่าวสั้นๆ ว่า “ยายเดือนผีเข้า”
“อะไรนะ” ชยุตม์ไม่เข้าใจ
“เฮ้อ คุยกับคุณนี่เหนื่อยจริงๆ เข้าใจอะไรยาก ผมไม่มีเวลามาขยายความหรอกคุณชยุตม์” โชคดีพ่นลมหายใจแรงๆ กรอกตาไปมาราวกับเอือมระอายิ่งนัก
“ลองขยายซักนิดจะเป็นไรไป ผมว่าผมฉลาดพอจะเข้าใจคำอธิบายสั้นๆ ได้ใจความ เมื่อกี้มันสั้นและห้วนมาก แค่คำพูดสี่คำผมจะไปเข้าใจอะไรได้”
“สี่คำก็ยาวเกินไปแล้ว” โชคดียังคงพูดเสียงห้วน เดินถึงรถ และกำลังจะเอื้อมมือไปดึงเปิดประตูรถ ชยุตม์ยกมือขึ้น ทำท่าจะแย่งเปิดประตูแล้วบอกว่าจะไปด้วย
“ผมจะไปนั่งฟังคุณอธิบายบนรถ”
“นายช่าง ไม่มีอะไรทำหรือยังไง มาถ่วงเวลากันอยู่ได้” โชคดีเสียงเข้ม ขมวดคิ้วมองชยุตม์อย่างไม่ชอบใจ แต่อีกฝ่ายไม่สนใจ เดินอ้อมไปอีกด้านหนึ่งของรถ เปิดประตูขึ้นนั่งหน้าตาเฉยๆ แล้วหันไปยิ้มให้โต๋กับเดือนที่นั่งคู่กันอยู่เบาะหลัง ราวกับรู้ว่าจะเหลือที่ไว้ให้เขานั่งคู่กับคนขับ
“อ้าวโต๋ ไปนั่งทำไมข้างหลัง บอกให้มารอที่รถ จะให้เจ้านายขับรถให้นั่งหรือไง” โชคดีเริ่มพาล
โต๋ทำหน้าจ๋อยเพราะโดนดุ จึงขยับตัวยุกยิกทำท่าจะเปิดประตูลงจากรถ แต่ชยุตม์รีบแทรกขึ้นว่า “นั่งตรงนั้นดีแล้วล่ะโต๋ จะได้ดูแลเดือน คุณโชคดีครับ ไหนว่ารีบ ขึ้นรถสิครับ เดี๋ยวไม่ทัน ฝนตกหนักกว่านี้จะลำบาก นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว”
“ถ้าไม่เสียเวลาต่อปากต่อคำก็คงได้ไปตั้งนานแล้ว” โชคดีบ่นอุบแต่ก็ยอมขึ้นรถ พอนั่งประจำที่คนขับ ชายหนุ่มอารมณ์ร้อนก็ทะยานรถออกไปโดยเร็ว พร้อมๆ กับเสียงแตรดังลั่นมาจากข้างหลังเพราะรถคันหนึ่งโดนตัดหน้ากระชั้นชิด
“ขับดีๆ นะครับคุณโชคดี ในรถมีผู้หญิงท้องอยู่ด้วยนะ กระทบกระเทือนมากๆ ไม่ดี เสี่ยงต่อการแท้งลูกได้” ชยุตม์พูดเสียงเบา ทำให้ “ผู้หญิงท้อง” และ “สามี” ที่นั่งกุมมือกันอยู่เบาะหลังต้องอมยิ้ม
“นายช่างไม่ต้องห่วงหรอกครับ คุณโชคดีขับรถไม่เคยมีประวัติชนโดนชน” โต๋ชะโงกหน้ามาพูดกับชยุตม์ ในใจก็คิดว่าคนร้ายๆ อย่างโชคดี ตอนนี้มาเจอกับคู่ต่อสู้ที่ค่อนข้างสมน้ำสมเนื้อ แม้นายช่างจะดูเงียบและนิ่ง มาคนละแนวกับนายจ้างของภรรยา แต่เขารู้ว่า ชยุตม์นั้น “แข็ง” ไม่ใช่เล่น
...คุณโชคดีโค่นนายช่างไม่ลงหรอก คุณชยุตม์นี่ดูท่าจะเป็นอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยเหลือประชาชนชาวเมืองน่าน...
*************end of chapter 9***************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-04-2009 08:28:59 โดย katawoot »

ออฟไลน์ Fujitaga

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ยายเดือนผีเข้า เนี่ยนะ
เกิดอะไรขึ้นอีกแหละเนี่ย แต่ที่แน่ ๆ รู้สึกว่านายช่าง
จะเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ น่ากลัวที่เกิดขึ้นในจิตใจ  :laugh:
จะรอต่อไปนะครับ พี่นาย

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
เจอแบบโชคดีเข้าไปเนี่ย ประสาทต้องตื่นตัวตลอดเวลา เมื่อไหร่จะโดนจิกกัด  :laugh:

ออฟไลน์ สมุนไพร

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1581
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-3
เดือนไปทำไรให้ผีเข้าเนี่ย

สู้ๆลูกมท.1 :ped149:

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
มีแฟนแบบโชคดีนี่ มีรสชาติดีออก ไม่เบื่อเลย

mecon

  • บุคคลทั่วไป
ชยุตม์จะเป็นอัศวินม้าขาวเรอะ ต้องทำตัวให้ชินกับค.กวนประสาทของ
หมูปิ้งให้ได้เกินพิกัดค.อดทนของคนธรรมดาๆจะทำกันให้ได้ก่อนมั้งแล้วค่อย
มาเรียกนายช่างว่าเป็นอัศวินหนะ หุหุ
ส่วนเรื่องจะรวบหัวรวบหางหมูปิ้ง เอิ่มชยุตม์ไปฝึกวิชาหลบกีบหลบหมัดหมูปิ้ง
ก่อนก็ดีนะ เพราะนอกปากจะจัดน่าจับลงโทษแล้วเนี่ย มือเท้าก็คงไวไม่ต่างจากปากหรอก
สงสารซ่งจริงๆมองไม่ออกเหรอว่าตัวเองไม่ได้เป็นแฟนคลับของหมูปิ้งเพียงคนเดียว
ถึงได้ไปขอร้องแกมบังคับให้ผู้กองไปเจรจานั่นอ่ะ ไปๆมาๆคนเจรจานั่นแหละจะ
เป็นแมวขโมยซะเอง
ตอนหมูปิ้งอยู่กับผู้กองก็น่ารักดีนะ ปากไวเหมือนเคยแต่ดูท่าจะปราณีกับผู้กองมาก
เป็นพิเศษเลยตอบอะไีรแล้วค่อนข้างน่าเอ็นดู
"มาจากลำปางเพื่อมาชวนผมไปทานข้าวนี่นะ ผู้กองทำงานหรือเปล่านี่
 เห็นมาเมืองน่านบ่อยมาก มิน่า ขโมยลำปางถึงชุมนัก"
> กวนประสาทดีแท้  :jul3: หมูปิ้งนี่น่าปล้ำจริงๆ แต่นายช่างอย่างพึ่งเสี่ยงล่ะกัน
กลัวมท.หนึ่งมาดูใจลูกชายตัวเองไม่ทัน
"เดี๋ยวจะซื้อผ้าเช็ดหน้าให้ซักผืนนะ จะได้ไม่ต้องเอาแขนเสื้อเช็ดหน้า"
"ผู้กองหยุดพูดเถอะ เดินไปเงียบๆ อย่ามาทำเป็นหนุ่มน้อยพูดมาก"
>> อ้อเป็นพวกปากแข็งใช่มะ เวลาเขินก็จะทำหน้าทำเสียงดุกลบเกลื่อนอ่ะ

 o13 เยี่ยมเช่นเคย +1 เชียร์ให้นายช่า่งไม่ประสาทกินไปก่อนได้ปล้ำหมูปิ้ง 55

imageriz

  • บุคคลทั่วไป
 o22  ยายเดือน ผีเข้า  เหอ ๆ น่าสนุก  จะรอตอนต่อไป
ว่าโชคดีกับชยุมต์ จะจัดการยังไงกับผี   :laugh:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-05-2009 09:25:01 โดย imageriz »

ออฟไลน์ โน๊อา

  • อยู่เป็นคู่ เช่น ฉันคู่เธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
มาให้กำลังใจนายช่าง

นาน ๆ ได้เข้ามาทีนึง มาบวกให้พี่นายเหมือนเคย  :n1:

ออฟไลน์ DEMON3132

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-1
นายเอกเราทั้งดุ ทั้งปากร้าย ทั้งเอาแต่ใจ พาลด้วย แต่ก็ชอบ .........
ขอบคุณคนแต่ง ที่แต่งมาให้นายเอกเราไม่เหมือนใคร
 :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
เห็นชื่อคนแต่ง รีบมาเมนต์ก่อน เพราะรู้สึกผิดที่ไม่ได้เข้ามาอ่านนานนนนนนนนมากกกกกกก

ตั้งแต่อนุภาพ กับ อธิคม ยังงอนกันอยู่เลย

เรื่องนี้อ่านไปนิดเดียว ท่าทางจะสนุก ได้คู่กัดคู่ใหม่แล้ว

อ้อ จะมาบอกว่า ยังไม่ได้เปิดอ่านหนังสือ คดีรัก ภาคหนึ่งเลย

แต่มาบอกว่า เป็นกำลังใจให้คนเจ้าชู้ไม่รู้ตัวด้วยคน

+๑ ให้แล้วกัน คราวนี้มี Target หรือเปล่าคะ ว่าจะเอาเท่าไหร่

ถึง ๘๐๐ คะแนน จะมีภาคพิเศษ คชานนท์ อาวุธ ให้หรือเปล่าคะ


ken_krub

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ baroona59

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13


 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13

สนุกมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13

Zarch_Chabu_Chabu

  • บุคคลทั่วไป
 :m20:พักผ่อนให้หัวโล่งก่อนแล้วค่อยมาเขียนก็ได้นะครับ

ออฟไลน์ Tun_Bow

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
เป็นกำลังใจให้ครับ

รอตอนต่อไปอยู่ :L2: :L2:

jackoo

  • บุคคลทั่วไป
แอบอ่านเงียบๆมานาน    สนุกมากเลย..........คุณคฑาวุธ   :z13:

speedboy

  • บุคคลทั่วไป
+ 1  ไปคร้าบ

เครื่องเดี้ยงไปหลายวัน  อิอิ


 :oni2: :oni2: :oni2:

mackerel

  • บุคคลทั่วไป
มอบแต้ม+ ที่ 769 คร้าบ..
***
ไปไล่ผีหลายวันเลยนะ อิอิ
ขอบคุณคร้าบ  :3123:

mecon

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ CHOKUN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
กว่าจะอ่านทัน อย่างงี้สิจะสมน้ำสมเนื้อหน่อย แต่ก้อเห็นฉากหวาน ๆ  ๆ มั่งอ่ะ แล้วตกลงจะเปลี่ยนใจจากจักรมาเป็นหมุปิ้งซักทีอ่ะ รอตอนต่อไปนะ o13 o13 o13 o13ห

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ไม่ว่างมาต่อเลยหรือครับ พี่นาย

เอาว่าว่างเมื่อไหร่ รีบมานะครับ  +1 เป็นกำลังใจให้นะครับ

vin2526

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องใหม่ของพี่นาย เย้ เห็นด้วย นายเอกภาคนี้ ท่าทางจะสุดๆ

เออ ของเชียร์ คชานนท์กับอาวุธด้วยได้ป่ะครับ

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
อรุณไม่ค่อยสวัสดิ์ครับ (เพราะเช้านี้งานยุ่งมาก แต่ก็ยังแอบมาโพสนิยาย - เห็นป่ะ น่ารักขนาดไหน)

บทที่ 10 ครับ

บทที่ 10

โชคดี ชยุตม์ โต๋ และเดือนมาถึงบ้านยายเอาเมื่อเกือบหนึ่งทุ่มครึ่ง พอลงจากรถ เดือนก็รีบวิ่งขึ้นบ้าน โดยมีโชคดีตามไปติดๆ
ชณะที่ชยุตม์กำลังปีนบันได้ไม้เก่าๆ ขึ้นไปบนเรือนที่ยกพื้นสูง เขาก็ได้ยินเสียงโวยวายของโชคดี แล้วตามด้วยเสียงอีกหลายเสียงพูดเป็นภาษาท้องถิ่น โชคดีบอกว่ายายของเดือนไม่ได้ถูกผีเข้า แต่กำลังป่วยหนัก ต้องนำส่งโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้
“ลองดูสิ ใครกล้ามาขวาง จะขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้อีกซักยี่สิบเปอร์เซ็นต์”
คำขู่ของชายหนุ่มได้ผล ไม่นาน ยายของเดือนก็ได้รับการนำส่งโรงพยาบาล ชยุตม์เห็นอาการของหญิงชราแล้วจึงเข้าใจว่ายายของเดือนที่บอกว่าผีเข้านั้น ความจริงแล้วมีอาการไข้และปวดท้องอย่างแรง ทำให้หญิงชรามีอาการเพ้อ หนำซ้ำมาถูกพรมน้ำจนหัวเปียกชุ่ม อาการก็ยิ่งแย่ลง
ตลอดทางจากตัวเมืองน่านถึงบ้านของเดือน ชยุตม์รอด้วยความตื่นเต้นว่าจะได้เห็นอาการของคนที่ชาวบ้านเรียกว่า "ผีเข้า" โชคดีก็ไม่ยอมอธิบายอะไรให้เขาเข้าใจ เดือนกับโต๋ก็บรรยายอะไรไม่ได้มาก บอกแต่เพียงว่าได้รับโทรศัพท์จากน้าสาวว่ายายอาการแย่แล้วเพราะโดนปีศาจร้ายเข้าสิง
ชยุตม์เดินตามโชคดีมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วยรวม ยังรู้สึกฉุนชายหนุ่มไม่หาย คำพูดเพียงสี่คำยังดังก้องอยู่ในหูว่า "ยายเดือนผีเข้า"
...จงใจกวนประสาทเขาจริงๆ ตอนนั้นหากโชคดีอธิบายอะไรเสียบ้าง เขาก็คงไม่รู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากขนาดนี้ แต่ครั้นพอมาเห็นคนที่บอกว่าถูกผีเข้า เขาก็ต้องส่ายหน้าด้วยความเซ็ง...
โชคดีให้เดือนและโต๋อยู่ดูแลยาย ชยุตม์ไม่มีโอกาสทักท้วงอะไรเพราะฝ่ายนั้นจัดการทุกอย่างเบ็ดเสร็จ รวมถึงลางานให้โต๋ด้วย
"ผมจะพูดอะไรได้ ถึงผมบอกว่าไม่ให้โต๋ลา คุณก็ให้โต๋หยุดอยู่ดี" ชยุตม์พูดเบาๆ ให้ได้ยินกันเพียงสองคน
"แต่อย่างน้อยผมก็บอกให้คุณรู้ ไม่ดีหรือครับคุณชยุตม์" โชคดีกระซิบเขาเสียงเบาเช่นกัน
"ดีครับดี" ชยุตม์ตอบรับด้วยใบหน้าเรียบๆ "ความคิดคุณดีทั้งนั้นล่ะ ใครจะเถียงได้"
ชยุตม์ตอบแล้วรีบเดินหนีให้พ้น ปล่อยให้โชคดีมองตามด้วยสายตาฉุนเฉียว ทว่า เขาได้ยินเสียงลอยตามมาเบาๆ ว่า "ก็ความคิดผมมันอิงอยู่กับเหตุผลและความเหมาะสม ไม่ใช่ผลประโยชน์แต่เพียงอย่างเดียว"
...อิงอยู่กับความไม่ชอบหน้าผมต่างหาก...
ชยุตม์เถียงอยู่ในใจ หันไปมองโชคดีแวบหนึ่ง แล้วเดินไปหยุดยืนพิงเสาอยู่หน้าห้องพักคนป่วย มองเดือนที่กำลังเช็ดตัวให้ยายที่นอนอยู่บนเตียง โต๋ยืนอยู่ไม่ไกล ผงักหัวรับฟังคำสั่งของโชคดีอยู่อย่างนอบน้อม
...ใครเป็นหัวหน้าโต๋กันแน่นะ โชคดีหรือเขา หากโชคดีกลายมาเป็นแฟนเขาก็คงเล่นบทผู้จัดการทุกอย่างตามใจตัวเอง...
...อย่าหวังว่าเขาจะยอม...
...เขาไม่ยอมให้โชคดีจัดการทุกอย่างตามใจตนเองหรอก ของแบบนี้มันต้องปรึกษากัน ช่วยกันคิด จะมาทำอะไรคนเดียวตามใจตัวเองทุกอย่างไม่ได้...

โชคดีออกจากโรงพยาบาลเอาเมื่อเกือบสี่ทุ่ม ชายหนุ่มขับรถเงียบๆ ไม่คุยอะไรกับชยุตม์แม้แต่นิดเดียว วิศวกรหนุ่มเองก็ไม่ถามอะไรให้คนใจร้อนต้องออกอาการ จนกระทั่งรถเริ่มไต่ระดับขึ้นเขาสูง ชยุตม์จึงหันไปถามคนขับด้วยความหวังดี
"ให้ผมเปลี่ยนขับไหมครับ คุณจะได้พัก"
"เดี๋ยวก็ได้พากันตกข้างทาง"
...ปากร้ายจริงๆ คนอุตส่าห์ห่วงใย...
ชยุตม์โต้กลับทันที "ผมขับรถเป็น และหากฝนตกถนนลื่น ก็ยิ่งเพิ่มความระมัดระวังมากกว่าเดิม ไม่ขับรถเร็วเกินอัตรากฎหมายกำหนด"
"แล้วนี่ได้ชนใครหรือยังล่ะ ผมก็ขับแค่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง" โชคดีตอบกลับเสียงแข็ง "คุณไม่ใช่คนพื้นที่ ไม่ชินทาง นั่งเป็นผู้โดยสารดีแล้ว"
"ตอนผมอยู่แคนาดา ขับฝ่าหิมะอยู่บ่อยๆ ฝนตกปรอยๆ แค่นี้เรื่องธรรมดา" ชยุตม์พูดไปตามจริง หากอีกฝ่ายแปลความไปอีกอย่าง
"อ๋อ เก่ง"
"คุณโชคดีครับ ผมถามเพราะว่าห่วง กลัวคุณจะเหนื่อย ผมรู้ว่าคุณไม่ค่อยชอบผม แต่อย่าให้อคติเรื่องรีสอร์ทมายุ่งอะไรกับเรื่องการช่วยขับรถสิ" ชยุตม์อธิบายเสียงเรียบ
"คุณหาว่าผมพาล" โชคดีหันมาสบตากับวิศวกรหนุ่มที่นั่งมองอยู่
...ไม่เรียกว่าพาลแล้วจะเรียกว่าอะไรเล่า...
ชยุตม์อยากจะตอบออกไป หากยั้งปากเอาไว้ทัน ไม่อยากจะเสี่ยงกับการที่โชคดีพุ่งรถลงข้างทางเพราะควบคุมอารมณ์ไม่ได้
"ผมขอโทษ" ชยุตม์ลองเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นพูดดี "ผมไม่ได้คิดจะทำให้คุณรู้สึกแบบนั้น เห็นว่าคุณขับรถขามา แล้วยังช่วยจัดการเรื่องยายของเดือนจนเรียบร้อย เป็นใครก็ต้องเหนื่อย นี่ยังขับรถกลับอีก ฝนก็ตก ถนนก็ไม่ค่อยดี ขึ้นเขาอีกต่างหาก ผมเลยอยากจะช่วยบ้าง"
...ขอบคุณซักคำจะได้ไหมคุณโชคดี คนเขาห่วงใย แสดงความขอบคุณบ้างสิ จะร้ายไปถึงไหน...
ชยุตม์กลั้นหายใจ รอฟังโชคดีพูดตอบ
"ไม่เหนื่อยหรอก แค่นี้สบายมาก" ชายหนุ่มเสียงอ่อนลง "แต่ถ้าจะให้ดี นั่งอยู่เงียบๆ ดีกว่า ผมต้องใช้สมาธิขับรถ"
...ว่าแล้วเชียว...
...หรือว่านี่คือวิธีที่โชคดีแสดงความขอบคุณที่เขาห่วงใยนะ จะมีใครในโลกนี้เป็นแบบคนๆ นี้บ้างไหมเนี่ย...
ชยุตม์หันไปมองถนน ฝนยังคงตกปรอยๆ ที่ปัดน้ำฝนหน้ากระจกรถทำงานเป็นจังหวะ รถกระบะโตโยต้าของโชคดีทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วคงที่ สองข้างทางมืดสนิทเพราะเป็นถนนที่ตัดผ่านหุบเขา คนขับนั่งเงียบ ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เงียบ แต่ทันใดก็พูดบางอย่างออกมา
"ทำไมคุณเกลียดผมนัก"
รถกระตุก แต่เป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาที คนที่ถูกกล่าวหาว่า "เกลียด" ไม่โต้ตอบอะไร ยังคงขับรถไปราวกับว่าไม่ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
"ผมไม่เคยคิดเกลียดคุณเลย" ชยุตม์พูดต่อ
"ใครไปเกลียดคุณ" โชคดีนิ่งไปชั่วอึดใจแล้วพูดออกมาเบาๆ ก่อนจะอุทานเสียงดังแล้วเหยียบเบรกจนได้ยินเสียงล้อรถครูดกับถนน
ชยุตม์ใช้มือดันคอนโซลหน้ารถเอาไว้ หันไปมองหน้ารถอย่างตกใจ ต้นไม้ต้นใหญ่ล้มพาดขวางถนน โชคดีหยุดรถทัน แต่ก็เกือบชนเข้ากับสิ่งกีดขวาง
โชคดีสบถออกมาอย่างหัวเสีย ชยุตม์หันไปมองเงียบๆ ชายหนุ่มตบพวงมาลัยอย่างฉุนเฉียวแล้วเปิดประตูรถ
“จะลงไปทำไมครับ” ชยุตม์เผลอถาม พลันก็นึกได้ว่าไม่น่าเลย
“คงไปยกต้นไม้โยนให้พ้นถนนมั๊งครับ” โชคดีด้วยเสียงเหนื่อยหน่าย แล้วปิดประตูแรงๆ
ชยุตม์สูดลมหายใจลึกๆ นั่งมองโชคดีที่เดินไปหยุดยืนเท้าสะเอวอยู่หน้ารถ มองดูต้นไม้ใหญ่ที่ขวางทางอยู่ วิศวกรหนุ่มยอมรับกับตัวเองว่าคำถามของเขาค่อนข้างไม่ได้เรื่อง แต่อีกใจหนึ่งก็อดตัดพ้อโชคดีไม่ได้ว่า เขาพูดด้วยด้วยดีๆ จะพูดดีตอบบ้างไม่ได้เลยหรือ
...ก็เขาลืมตัวนี่นา อยู่ใกล้ๆ โชคดีแล้วไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง เป็นอะไรก็ไม่รู้...
ชยุตม์ลงจากรถ เดินไปยืนข้างชายหนุ่มหน้าดุ แต่ฝ่ายนั้นเดินหนี แล้วปีนขึ้นไปยืนอยู่บนต้นไม้ที่วางพาดขวางอยู่ วิศวกรหนุ่มร้องเรียกแล้วแนะนำว่าถอยรถกลับดีกว่า และหาทางอื่นที่จะเดินทางกลับบ้าน
“ฝนกำลังเริ่มตกหนักขึ้นแล้วนะครับ ไปกันเถอะ” ชยุตม์ชวน
“เดี๋ยว” โชคดีพูดสั้นๆ แล้วกระโดดลงไปไปอีกฟากหนึ่งของต้นไม้ พลางตะโกนบอกให้ชยุตม์ตามมา
“คุณจะทำอะไร” ชยุตม์ไม่เข้าใจ
“ตามมาเถอะน่า”
“บอกผมก่อนสิ” ชยุตม์ถาม แต่ก็เริ่มปีนขึ้นไปบนต้นไม้
“ทำตามผม เดี๋ยวคุณก็เข้าใจเอง” โชคดีตอบแล้วเริ่มหักกิ่งไม้ แล้วหอบเดินออกไปห่างจากต้นไม้ประมาณสามสิบเมตรแล้วโยนกิ่งไม้ลงบนพื้น
ชยุตม์พอจะเข้าใจสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังทำ จึงกระโดดลงมาช่วย แล้วทำตามโชคดีเงียบๆ ทั้งที่อยากจะบ่นว่า...”ก็แค่นี้เอง จะบอกหน่อยก็ไม่ได้”...แต่เขาก็ตัดสินใจว่า สงบปากสงบคำเอาไว้ก่อนดีกว่า แล้วรอดูว่าโชคดีจะทำอะไรต่อไป
“กองเอาไว้ คนที่ขับรถมาจะได้ไม่ชนต้นไม้ ทีนี้ก็กลับไปทำด้านโน้นด้วย” พอเสร็จงาน โชคดีจึงอธิบายสั้นถึงสิ่งที่เพิ่งทำไป
“ผมเข้าใจได้เองแล้ว” ชยุตม์พูดเสียงเรียบ เริ่มปีนข้ามต้นไม้กลับไปอีกด้าน “ขอบคุณครับที่อธิบายให้ฟังหลังจากเสร็จภารกิจ”
“ทำเป็นอารมณ์เสีย” เสียงฝ่ายที่โดนกระทบกระเทียบดังเบาๆ แต่ชยุตม์หูดี ได้ยินชัดเจน
หลังจากกองกิ่งไม้ทิ้งระยะห่างพอประมาณจากต้นไม้ที่ล้มพาดขวางทาง สองหนุ่มก็เปียกปอนเพราะฝนเริ่มลงเม็ดหนักขึ้นกว่าเดิม ชยุตม์แอบมองรูปร่างของชายหนุ่มหน้าดุที่เดินกลับไปที่รถ ในใจอดนึกถึงร่างกายของโชคดีที่ปราศจากเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตที่เห็นใส่อยู่เป็นประจำไม่ได้
เขายอมรับว่าเริ่มรู้สึกอะไรบางอย่างกับชายหนุ่มปากร้าย อะไรบางอย่างในใจที่ค่อนข้างสับสนวุ่นวาย อะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ อะไรบางอย่างที่เขาคิดว่าคือความปรารถนาอันล้ำลึก
“จะยืนเฝ้ากองไม้หรือครับคุณชยุตม์ ไปกันได้หรือยัง” โชคดีหันมาถาม ชยุตม์รู้สึกตัวจึงรีบเดินตามมาที่รถ
...ดูเอาเถอะ ไม่เรียกว่าคนปากร้ายจะให้เรียกว่าอะไรดี...
ชยุตม์ส่ายหน้าช้าๆ เหลือบตามองคนใจร้อนแวบหนึ่งแล้วเดินไปเปิดประตูขึ้นนั่งบนเบาะ แล้วเอื้อมมือไปปิดแอร์ โชคดีบอกว่ามีผ้าหรือเสื้อซุกอยู่หลังเบาะ ให้เอามาเช็ดศีรษะให้แห้ง ชยุตม์เอนตัวไปด้านหลัง ค้นเจอผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาได้หนึ่งผืน แล้วยื่นให้โชคดี
“คุณเช็ดไป” โชคดีพูดสั้นๆ เช่นเคย
“คุณเช็ดก่อน” ชยุตม์ยังไม่หดมือกลับ
“ผมกลับรถอยู่ไม่เห็นหรือไง”
“จะให้ผมเช็ดให้หรือเปล่าล่ะ” ชยุตม์นึกสนุก อยากกวนโชคดีดูบ้าง
...ขออย่างเดียว อย่าต่อยก็แล้วกัน...
โชคดีเบรกรถอย่างแรงจนรถหยุด หันมามองชยุตม์ตาขวาง แต่ฝ่ายนั้นหันกลับไปมองถนนเบื้องหน้าเพราะต้องการหลบสายตาเพชรฆาตของคนขับรถที่เปลี่ยนเกียร์แรงๆ ขยับรถกึกกักอยู่สองครั้งแล้วเลี้ยวย้อนกลับไปทางเดิม
โชคดีเงียบมาตลอดทาง ชยุตม์วางผ้าเช็ดตัวไว้บนที่วางพักแขนระหว่างเบาะหน้าทั้งสองเบาะ โชคดียังไม่ยอมเอื้อมมือมาหยิบผ้า จนชยุตม์ทนไม่ไหว
...จะรั้นไปถึงไหนก็ไม่รู้...
“ผมขอโทษ ถ้าพูดไม่เข้าหูก็ลืมๆ มันไปซะเถอะ ที่อยากให้คุณเช็ดให้แห้งก็เพราะกลัวว่าจะเป็นหวัด” ชยุตม์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
โชคดียังเงียบ วิศวกรหนุ่มจึงพูดต่อว่า “ผมขอบคุณนะครับที่คุณก็เป็นห่วง อยากให้ผมเช็ดก่อน ขอบคุณจริงๆ แต่คุณเป็นคนขับรถ เหนื่อยมามากแล้ว ผมมีแต่นั่งอยู่เฉยๆ เพราะฉะนั้น คุณน่าจะเป็นคนได้ใช้ผ้าเช็ดตัวก่อน”
“คุณชยุตม์ครับ ผมไม่ใช่คนอ่อนแอ ไม่เป็นหวัดง่ายๆ หรอก แล้วไม่ต้องพูดขอบคุณหรือขอโทษบ่อยนัก มันเลี่ยน” โชคดีพูดเสียงเรียบ
...ปากร้ายจริงๆ ยังไงเขาก็อยากจะบอกว่าโชคดีปากร้ายจนเขาอยากจะ...
...บ้าจริง คิดอะไรอย่างนั้น...
ชยุตม์อมยิ้ม เบือนหน้าออกไปด้านซ้าย มองข้างถนนฝ่าความมืดและสายฝนออกไปด้วยสายตาพราวระยับ โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมองเขาด้วยหางตาอย่างฉุนๆ
...อมยิ้มอะไร อยู่เฉยๆ ก็ยิ้ม โดนว่าแล้วยังมาทำหน้าทำตาแบบนี้อีก น่าหมั่นใส้ที่สุด...
โชคดีชะลอความเร็วรถลงเมื่อข้ามสะพาน จำได้ว่าข้างหน้าเป็นทางแยก และน่าจะเป็นเส้นทางที่อ้อมไปอีกอำเภอหนึ่งแล้วไปถึงตัวจังหวัดได้
...นี่คงใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว จะถึงบ้านเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฝนก็ตกไม่ยอมหยุด ฤดูกาลมันทำไมมั่วไปหมด...
...เพราะพวกทำลายธรรมชาติแท้ๆ เชียว ฝนเลยตกไม่ถูกต้องตามฤดูกาล...
...รีสอร์ทของชยุตม์นี่ก็ด้วย...
โชคดีพาลมาลงกับชยุตม์จนได้เพราะไม่รู้จะคิดอะไรอีกแล้ว ตอนนี้รู้สึกทั้งเหนื่อยทั้งง่วง จะขอให้ชยุตม์เปลี่ยนขับก็กลัวเสียหน้า อุตส่าห์ทำกร้าวเอาไว้แล้ว เดี๋ยวชยุตม์จะดูถูกเขาได้

เมื่อถึงทางแยก โชคดีเลี้ยวซ้าย ชยุตม์หันมาถามว่าจะไปไหนกัน วิศวกรหนุ่มเลยโดนพูดกระทบกระเทียบอีกครั้ง
“ไปกรุงเทพฯ มั๊งครับ ผมจะขับรถไปส่งคุณให้ถึงที่”
“อยากไล่ผมให้ไปจากน่านเร็วๆ ใช่หรือเปล่า” ชยุตม์เสียงเข้ม “ผมรู๊ คุณคงนั่งภาวนาอยู่ทุกวันว่าให้โครงการรีสอร์ทพังไม่เป็นท่า เพราะมันเป็นรีสอร์ททำลายธรรมชาติ”
“ไม่ต้องมาประชดหรอก” โชคดีเสียงเข้มไม่แพ้กัน
“ผมประชดหรือ” ชยุตม์เลิกคิ้ว ตีหน้าซื่อ “ผมไม่รู้เลยนะว่าผมประชด สงสัยคงต้องหัดทำซักหน่อยแล้ว แต่คงทำได้ไม่ยาก ผมเรียนรู้ประสบการณ์รอบข้างได้เร็ว”
“คนกรุงเทพฯ เรียนรู้อะไรในกรุงได้เร็วอยู่แล้ว มาถึงต่างจังหวัดก็พร้อมใช้สิ่งที่เรียนรู้มาได้เลย”
“ผมเพิ่งเรียนครับ” ชยุตม์หันไปมองชายหนุ่มหน้าเคร่งที่เร่งความเร็วรถขึ้นมากกว่าเดิม “ไม่นานมานี้เอง”
“แต่มีบางอย่างที่คุณไม่ได้เรียนรู้เลย ทั้งๆ ที่อยู่เมืองน่านมานานแล้ว” โชคดีเบ้ปาก
...อะไร...
ชยุตม์พูดอยู่ในใจ พลางบอกตัวเองว่า โชคดีต้องคาดหวังว่าจะให้เขาถามว่า “อะไร” ละสิ
...ไม่ เขาจะไม่ถาม ทั้งๆ ที่อยากจะรู้มากกว่าโชคดีหมายถึงอะไร...
“ไม่อยากรู้หรือครับ” โชคดีเลิกคิ้ว เอียงหน้ามองชยุตม์ที่นั่งนิ่ง ทำราวกับว่าไม่ได้ยินคำถาม
“ถึงไม่อยากจะรู้ แต่ผมจะบอกให้ก็ได้”
“ไม่ได้เรียนรู้ที่จะรักธรรมชาติ คุณจะบอกผมอย่างนี้ใช่ไหมล่ะ” ชยุตม์กล่าว
“แล้วแต่จะคิด” โชคดียักไหล่ แล้วชะลอรถ หันมองซ้ายมองขวา
“หากผมไม่รักธรรมชาติ ผมก็คงขอให้เขาตัดต้นไม้ออกให้หมดเพราะจะได้สร้างรีสอร์ทได้ง่ายๆ จากนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของภูมิสภาปนิกมาเป็นคนจัดสวนเสียใหม่ จะเอาสวยยังไงก็ได้ ถ้าผมไม่เห็นว่าธรรมชาติเป็นสิ่งที่ดี และแคร์ความรู้สึกของคนในพื้นที่ ผมก็คงไม่ยอมให้มีกลุ่มคนเมืองน่านเข้าไปร่วมตรวจสอบการก่อสร้างรีสอร์ทด้วยหรอก คุณยังไม่รู้จักตัวตนของผมอย่างลึกซึ้ง อย่าเพิ่งมาสรุปผมแบบนั้นสิครับ ลองเปิดใจมากกว่านี้บ้าง ผมอาจไม่ได้แย่อย่างที่คุณคิด บางทีคุณอาจจะชอบหน้าผมบ้างก็ได้”
ชยุตม์พูดไปเรื่อยๆ จนเริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะโชคดีไม่ตอบโต้อะไรเลย ชายหนุ่มจึงหันไปมองคนขับที่ขับรถอยู่เงียบๆ ท่าทางไม่ค่อยสนใจฟังสิ่งที่เขาพูด
“คุณโชคดี อย่าบอกนะว่าเรากำลังหลงทาง” ชยุตม์อุทาน
“เปล่า” โชคดียักไหล่ แล้วพูดต่อสั้นๆ “ยัง”
ชยุตม์ถอนหายใจกับความดื้อรั้นของเจ้าของร้านขายเหล็กที่ยังคงขับรถด้วยสีหน้านิ่งๆ ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร แต่เขามองออก เขารู้สึกได้ว่าแววตามั่นใจของโชคดีลดลง แม้จะมองจากเสี้ยวหน้าด้านข้าง เขาก็มองออก
...เสี้ยวหน้าด้านข้างของโชคดีน่ามองพอๆ กับด้านหน้าเลยทีเดียว ดูแปลกไปจากที่เคยเห็น เขาไม่เคยมองด้านข้างของโชคดีนานๆ แบบนี้มาก่อน...
...เพลินดีจริงๆ...
“มองอะไรนายช่าง” คนที่ถูกมองถามขึ้นห้วนๆ ตายังจับจ้องอยู่ถนนเบื้องหน้า มือจับพวงมาลัยรถมั่นขึ้นกว่าเดิมเพราะรถเริ่มโคลงเคลงมากขึ้น แสดงให้รู้ว่าพื้นผิวถนนขรุขละมากกว่าเดิม และคงไม่ใช่ผิวถนนลาดยางต่อไปอีกแล้ว
...หลงทางแน่ๆ...
“บอกมาเถอะว่าเราหลงทาง”
“หลงได้ยังไง ถ้าผมจอดรถ เลี้ยวรถกลับ เราก็ย้อนกลับไปทางเดิม” โชคดีให้เหตุผล
“งั้นก็ย้อนกลับสิครับ กลับไปหมู่บ้านของเดือนก็ได้ นอนค้างที่นั่นซักคืน ตอนเช้าแจ้งพนักงานหรือเจ้าหน้าที่หรือใครก็ได้ ให้ไปช่วยกันย้ายต้นไม้ออกจากถนน แล้วเราค่อยกลับน่าน นี่เที่ยงคืนแล้วนะ” ชยุตม์เสนอความเห็น
“ทางนี้ก็ไปได้”
“คุณนี่ดื้อจริงๆ” ชยุตม์อดไม่ได้
“คุณไม่ต้องเถียง”
“เพราะผมไม่ใช่คนในพื้นที่ เลยไม่คุ้นทาง” ชยุตม์ต่อปากต่อคำ “แล้วผมถามหน่อยเถอะ ถนนที่รถกำลังวิ่งอยู่นี่ คุณคุ้นทางหรือเปล่า”
“มาขับเองเลยไหมล่ะ” โชคดีประชด
“งั้นจอดรถสิครับ” ชยุตม์ท้า หากกลับทอดเสียงอ่อนลงแล้วพูดว่า “ไม่ใช่เพราะผมอยากจะท้าคุณนะ แต่เพราะคุณดูเหนื่อย ผมเป็นห่วง”
“ห่วงว่าตัวเองจะไม่ได้กลับบ้านละสิ” โชคดีพูดเสียงเบา
“คุณนี่จริงเลยๆ ไม่ชอบหน้าผมเป็นเอามาก” ชยุตม์ส่ายหน้า
รถถึงทางแยก โชคดีชะลอ มองซ้ายมองขวาเพื่อตัดสินใจ แล้วจึงเลี้ยวซ้าย ชยุตม์ควักโทรศัพท์ออกมาดูแล้วถอนหายใจหนักๆ พร้อมกับเสียงของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ดังขึ้นทันที
“คิดได้ไงว่าจะมีสัญญาณโทรศัพท์”
“จีพีเอสครับ”
“งั้นบอกทีสิ ว่าเราอยู่พิกัดไหน ถ้าโทรศัพท์แพงๆ มีจีพีเอสของคุณไม่ได้ใช้สัญญาณโทรศัพท์ช่วยให้จีพีเอสทำงาน” โชคดีประชด
ชยุตม์ถอนหายใจหนักๆ อีกครั้ง ไม่ใช่เพราะไม่พอใจที่โดนโชคดีพูดประชด แต่เพราะรู้ว่าโทรศัพท์ของตัวเองไม่สามารถบอกตำแหน่งได้จริงๆ ดังที่อีกฝ่ายประชด
...ตอนนี้สมองเขาเริ่มจะไม่ค่อยทำงาน เพราะอะไรนะหรือ?...
...คำตอบนี้ง่ายมาก ก็เพราะสมองถูกใช้ต่อสู้กับโชคดีมาตั้งแต่หัวค่ำแล้วจนล้าไปหมด โชคดีก็คงพอๆ กัน เพราะท่าทางเริ่มจะเชื่องช้าลง...
“ถึงเมื่อไหร่บอกด้วยนะครับ” ชยุตม์เอนศีรษะพิงพนัก ตาเหลือมองเพดานรถ แม้ไม่มองออกไปนอกรถเขาก็รู้ว่าขณะนี้รถกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ป่าทึบ ไม่นาน โชคดีก็ลดความเร็วลงเพราะรถกำลังลงเขา
“ปางเสือหมอบ” โชคดีพึมพำ
ชยุตม์หันไปมองชายหนุ่ม โชคดีหันมาสบตาแล้วพูดขึ้นว่า “บอกแล้ว ผมไม่ได้หลง มันมืด ก็เลยดูเหมือนไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่เพราะผมต้องคอยดูทาง พ้นปางเสือหมอบไปแล้ว ผ่านลำธาร แล้วขึ้นเขาก็ถึงศูนย์อนุรักษ์พันธ์ไม้ ข้ามเขาอีกสองลูกก็ถึงอำเภอ... แล้วก็ตรงเข้าตัวจังหวัด พอถึงศาลหลักเมือง คุณก็ต้องลงไปยืนข้างรถ แล้วขอโทษผมที่สบประมาถผมว่าหลงทาง ให้สิ่งศักดิสิทธ์เป็นสักขีพยาน”
โชคดีพูดยาว ยิ้มเยาะมุมปาก แล้วเร่งความเร็วรถทะยานไปข้างหน้าอย่างมั่นใจอีกครั้งหนึ่ง
“โชคดีที่โทรศัพท์แพงๆ ของผมถ่ายรูปได้ คุณจะได้หลักฐานเป็นทั้งภาพและเสียง” ชยุตม์พูดเบาๆ แล้วหันไปมองนอกหน้าต่าง
...เอากับโชคดีสิ เรื่องจะเอาชนะคนนี่คงไม่มีใครเกิน...
...ไม่ใช่สิ เอาชนะเขาต่างหาก...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2009 10:57:20 โดย katawoot »

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
พอรถผ่านปากเสือหมอบฝนก็ตกหนักขึ้นจนแทบมองไม่เห็นทาง ชยุตม์คอยถามโชคดีว่าเหนื่อยหรือไม่หลังจากที่นั่งเงียบมาเป็นเวลานาน
“ให้ผมเปลี่ยนขับบ้างเถอะ คุณเหนื่อยมากแล้ว” ชยุตม์ทอดเสียงอ่อนโยน เพราะเริ่มจะจับทางโชคดีได้แล้วว่าหากเขาแสดงความห่วงใยอย่างจริงจัง ฝ่ายนั้นก็ดูจะอ่อนลงบ้าง
โชคดียังไม่ตอบ ชยุตม์จึงพูดต่อ “ผมรู้ว่าคุณห่วงว่าจะประสบอุบัติเหตุเพราะผมไม่ชินทาง แต่ผมสัญญาว่าจะขับด้วยความระมัดระวังที่สุด ผมก็อยากถึงบ้านโดยสวัสิดิภาพพอๆ กับคุณนั่นละครับ”
“ฝนยังตกอยู่ จอดเปลี่ยนกันขับก็ได้เปียกอีกกันพอดี” โชคดีเหลือบตาลงมองผ้าเช็ดตัวผืนเล็กแวบหนึ่ง แล้วเพ่งมองหน้ารถอย่างระมัดระวังเช่นเคย
“ก็ไม่ต้องออกไปนอกรถสิครับ เปลี่ยนกันข้างในรถก็ได้ ผมเคยทำกับเพื่อนอยู่บ่อยๆ ตอนขับรถที่แคนาดา หิมะตกหนัก ข้างนอกหนาวมาก เราไม่อยากออกไปข้างนอก ที่พูดนี่ไม่ได้อยากอวดว่าเก่งนะครับ แต่เพราะว่า...”
“รอเดี๋ยว พ้นเนินซะก่อน ตอนนี้กำลังจะข้ามลำธาร” โชคดีตอบสั้นๆ แล้วเปลี่ยนเกียร์เป็นเกียร์ต่ำ เพราะรถกำลังพุ่งลงเนินลาดชัน
ชยุตม์หันไปอมยิ้ม รู้สึกได้ว่าโชคดีอ่อนลงให้เขาจริงๆ
...อีกไม่นานหรอก เขาจะเปลี่ยนโชคดีให้ได้ พ่อกับพี่ชายคนโตเขายังเคยรับมือมาแล้ว นั่นก็ร้ายพอๆ กัน โชคดีแม้จะเหนือกว่าสองคนนั้นพอสมควรแต่ก็ไม่น่าจะเหนือบ่ากว่าแรง...
ความคิดของชยุตม์สะดุดเพราะรถกระตุกถี่ๆ แล้วกระแทกกับอะไรบางอย่างจนเกือบจะเสียหลัก ทว่าโชคดีคุมรถเอาไว้ได้ แต่รถกลับหยุดนิ่ง ชายหนุ่มเปลี่ยนเกียร์แล้วพยายามทะยานรถออกไป แต่กระบะโตโยต้าคู่ชีพไม่ขยับ เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม โชคดีพยายามอยู่สองสามนาทีแล้วจึงเปิดประตูรถ ชะโงกหน้าออกไปมองข้างนอกแล้วบ่นว่ารถติดหล่ม
“ผมจะลงไปดัน” ชยุตม์เปิดประตูแล้วลงจากรถ แต่ต้องอุทานเสียงเบาเมื่อเท่าจมลงไปในโคลนกว่าครึ่งน่อง
“ไหวหรือคุณ” โชคดีถาม
“ผมแข็งแรงกว่าคุณเห็นนะครับ ลองดูก็ไม่เสียหาย”ชยุตม์เดินอ้อมไปท้ายรถแล้วตกลงกับโชคดีเรื่องวิธีการเอารถขึ้นจากหล่ม แต่ชายหนุ่มรีบยกมือขึ้นปรามให้เขาหยุดพูด แล้วยื่นมือซ้ายไปดับเครื่องยนต์
“อะไรหรือครับคุณโชคดี” ชยุตม์ขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจสิ่งที่โชคดีทำอีกแล้ว
“เงียบ” โชคดีสั่ง
“มีอะไรบอกผมบ้างสิ หรือจะรอให้ผมเข้าใจเองอย่างตอนที่เจอต้นไม้ล้มขวางถนน” ชยุตม์โวยวาย
“เงียบเถอะน่านายช่าง ฟังเสียงนี่ซิ” โชคดีนิ่ง ดูราวตั้งใจเงี่ยหูฟังอะไรบางอย่าง แต่ไม่กี่อึดใจ ชายหนุ่มก็รีบมุดเข้าไปในรถ ทำอะไรกุกกักๆ แล้วถอยออกมาจากรถพร้อมกับถุงพลาสติก ก่อนจะหันมาตะโกนเรียกชยุตม์
“คุณชยุตม์ ตามมาเร็ว”โชคดีผละจากรถ วิ่งขึ้นเนินเบื้องหน้า แล้วหันมาเร่งชยุตม์อีกครั้งเมื่อเห็นวิศวกรหนุ่มยืนทำหน้างงๆ
“ทำไมหรือ มีอะไร”
“บอกให้ตามมาก็ตามมาเถอะน่า” โชคดีทำหน้าอ่อนใจ
“คุณก็บอกผมก่อนสิ อยู่ดีๆ จะให้วิ่งป่าราบ ทิ้งรถไว้อย่างนี้หรือไง”
“น้ำป่า” ธงรบพูดสั้นๆ ห้วนๆ แล้วหันหลังวิ่งต่อไป
ชยุตม์หันรีหันขวาง ประมวลความคิดอย่างรวดเร็ว แม้ในใจนึกสงสัยอยู่ว่าน้ำป่าจะมาจากไหนได้เร็วขนาดที่โชคดีต้องทิ้งรถแล้ววิ่งไม่คิดชีวิตแบบนี้
“คุณชยุตม์” เสียงโชคดีตะโกน
ชยุตม์ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อดูว่าโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าธนบัตรยังอยู่แล้วคิดจะมุดเข้าไปในรถเพื่อคว้าสิ่งของอะไรซักอย่างเท่าที่จะคว้าได้ แต่เขาก็เปลี่ยนใจเมื่อนึกถึงท่าทางของโชคดีเมื่อครู่ ด้วยตระหนักได้ว่าหากโชคดีลนลานแบบนั้นต่างจากที่เห็นภาพความเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง ชายหนุ่มคงไม่ได้ล้อเล่น
...วิ่งหนีน้ำป่ากับโชคดี ประสบการณ์ครั้งนี้คงไม่มีวันลืมได้ลง...
โชคดีคล่องแคล่วรวดเร็วมาก ตัวสูงๆ ขายาวๆ ตะลุยไปข้างหน้าไม่มีวี่แววว่าจะหยุด ชยุตม์ตามไปติดๆ สงสัยในใจว่ามืดก็มืด โชคดีมองเห็นทางได้อย่างไร
ฝนเทลงมาหนักมากกว่าเดิม ร่างทั้งสองเปียกโชก ชยุตม์ตามโชคดีทันเพราะชายหนุ่มลดความเร็วลงเมื่อเห็นขึ้นเนินมาได้สูงไกลจากที่ลุ่มมามากพอสมควรแล้ว ไม่นาน โชคดีก็ยืนหอบฮักๆ ก่อนจะล้วงมือลงไปในถุงที่ถือมาเพื่อควานหาอะไรบางอย่าง
“เราพ้นน้ำป่าแล้วหรือครับ” ชยุตม์ถามเสียงหอบ รู้สึกเหนื่อยไม่แพ้กัน
“ไม่รู้” โชคดีตอบสั้นๆ ดึงมือออกมาจากถุงพลาสติก แล้วฉายไปฉายที่อยู่ในมือไปรอบๆ
“คุณรู้ได้ยังไงว่าน้ำป่ากำลังมาก แล้วตรงที่รถติดหล่ม...”
“รถมันติดหล่มบนเนินที่ไหนล่ะ”
...ไม่รู้อะไรซะเลย...ชยุตม์เติมสิ่งที่เขาคิดว่าโชคดีจะพูดอยู่ในใจ
“เสียงอื้อๆ บึ้มๆ คุณไม่ได้ยินหรือ นั่นเสียงน้ำป่ากำลังมาล่ะ”
“ผมไม่ได้ยิน ผมไม่ได้คุ้นกับเสียงน้ำป่านี่ครับ” ชยุตม์ตอบหน้านิ่งๆ
“อ๋อ หูชินแต่เสียงเปียโน”
...ดูเอาเถอะ ขนาดนี้โชคดียังไม่ลืมที่จะกระทบกระเทียบ...
“และชินเสียงคนพูดเหน็บแนมด้วย” ชยุตม์กระแทกเสียงแล้วขยับตั้งท่าเตรียมพร้อมเผื่อโชคดีจะกระโจนเข้าขย้ำเขาเหมือนเสือตะครุบเหยื่อเพราะสายตาคู่นั้นลุกวาบขึ้นมาทันที แสงฟ้าแลบช่วยให้เขามองเห็นใบหน้าของชายหนุ่มชัดขึ้น โชคดีกำลังไม่พอใจ
...ไม่พอใจที่เขาแสดงความฉุนเฉียวให้เห็น...
...ไม่ไหวแล้ว จะร้ายใส่กันไปถึงไหน อยากจะบีบคอโชคดีนัก ทำไมร้ายได้ขนาดนี้...
“งั้นจะไม่พูดอะไรแล้ว คุณก็ไม่ต้องถาม” โชคดีสะบัดหน้า แวบหนึ่งชยุตม์คิดว่าเขาเห็นโชดดีทำตางอนๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินลิ่วหนีไป จนเขาต้องกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามไปห่างๆ

เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่ทราบได้ แต่ชยุตม์รู้สึกเข่าอ่อนไปหมด ขาสองข้างล้าจนแทบไม่มีแรงจะเดินต่อ เขาคาดคะเนว่าคงเดินขึ้นเขามาจนแทบจะเรียกได้ว่าสูงเสียดฟ้าเลยทีเดียว โชคดียังมีแรงเหลือเฟือ ขายาวๆ สองข้างนั้นก้าวเป็นจังหวะ ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
วิศวกรหนุ่มที่มั่นใจตัวเองว่าเป็นนักกีฬาและแข็งแรงพอตัว แต่มาเจอสภาพแบบนี้ก็อดอ่อนอกอ่อนใจไม่ได้ โชคดีไม่ยอมหยุดพักเลย ชยุตม์อยากจะถามว่าจะพาเขาไปถึงไหน แต่ครั้นนึกถึงประโยคสุดท้ายที่คุยกันก็ต้องหุบปาก
...”งั้นจะไม่พูดอะไรแล้ว คุณก็ไม่ต้องถาม”...
...โชคดีกำลังงอนเขาอยู่หรือเปล่านี่...
...ลองง้อซักหน่อยดีไหม พูดกับโชคดีเสียงอ่อน ขอโทษเสียงนุ่ม ทำหน้ารู้สึกผิดเสริมอีกนิด โชคดีน่าจะหายงอน...
“คุณโชคดีครับ เราจะไหนกัน” ชยุตม์เร่งฝีเท้าจนตามทันโชคดี
คนที่กำลังงอนไม่ตอบ หากชกมือขึ้นชี้ไปข้างหน้า แล้วก้มหน้าเดินต่อ ไม่สนใจคนที่เดินอยู่ข้างๆ
...เอาวะ ง้อซะหน่อย อย่างน้อยจะได้คุยกันรู้เรื่อง...
“คุณโชคดีครับ ผมขอโทษ” ชยุตม์เสียงอ่อน ในใจนึกถึงที่ชายหนุ่มหน้าดุพูดสั่งไว้ไม่ให้ขอบคุณและขอโทษมากนักเพราะรู้สึกเลี่ยน
“เมื่อกี้ผมพูดไม่คิด ผมขอโทษจริงๆ เดินมาตั้งนานก็คิดตามไปด้วย เลยเห็นว่าตัวเองผิดที่แสดงอาการแบบนั้น ผมสียใจที่พูดกระทบกระเทียบคุณ ผมไม่ตั้งใจ คือว่า...”
“ช่างเถอะ” โชคดีแทรกโดยไม่หันมามอง “เดินไปเงียบดีกว่า อีกไม่นานก็ถึงศูนย์วิจัยพันธ์พืช จะได้พักได้นอนกันซะที”
ชยุตม์ยิ้มมุมปาก ในใจนึกว่าแค่ขอโทษเสียงอ่อนหน่อยเดียว โชคดีก็พูดกับเขาแล้ว เสียงอ่อนลงอีกต่างหาก
...เอ ดูๆ ไปก็ไม่ได้ใจแข็งเท่าไหร่นี่นะ ว่าแต่ว่าเขาต้องยอมให้แบบนี้ทุกทีหรือไง ต้องยอมเป็นคนผิดโชคดีถึงจะพอใจ วิธีอื่นมีอีกไหมเนี่ย...
ชยุตม์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อสายตามองเห็นบ้านหลังเล็กๆ อยู่ไม่ไกล ซึ่งก็คงเป็นศูนย์วิจัยพันธ์พืชที่โชคดีบอก ครั้งแรกนั้นเขานึกภาพศูนย์ฯ ที่เป็นอาคารหลังใหญ่กว่านี้ มีไฟส่องสว่าง และคงมีเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์อยู่กันอย่างน้อยสามสี่คน
...แต่ศูนย์ฯ ที่เขากับโชคดีเพิ่งเดินมาถึงนี้เงียบและมืดสนิท และดูเป็นกระท่อมเชิงดอยมากกว่าจะเป็นศูนย์วิจัยพันธ์พืช...
...พืชมันไม่ค่อยมีแล้ว ศูนย์มันเลยเล็กแบบนี้ล่ะ ทำลายธรรมชาติกันนักเลยไม่เหลือพืชให้วิจัย...
ชยุตม์อมยิ้มเมื่อนึกในใจว่าหากโชคดีหันมาเห็นแววตาฉงนของเขา ฝ่ายนั้นก็คงพูดออกมาแบบนี้
อาคารไม้ชั้นเดียวหลังนี้เล็กพอๆ กับตู้คอนเทนเนอร์ครึ่งตู้ กันสาดด้านหน้าเป็นสังกะสีเก่าๆ กว้างพอจอดรถได้สองคัน โต๊ะเตี้ยๆ ขนาดใหญ่มีกองไม้วางเต็มไปหมด ใกล้ๆ กันมีกระถางต้นไม้กองระเนระนาด โชคดีเดินไปเคาะประตูแรงๆ แล้วจึงเปิดประตูออก ชยุตม์เดินเข้าไปใกล้แล้วพูดว่าไม่มีใครอยู่ โชคดีไม่พูดอะไรแล้วเดินเข้าไปข้างใน ส่องไฟฉายไปรอบๆ เพื่อสำรวจสถานที่แล้วหันมาหาชยุตม์
“มีคนอยู่ แต่ผมคิดว่าเขาคงไปติดฝนหรือติดน้ำป่าที่ไหนซักแห่ง คืนนี้เราพักที่นี้ก็แล้วกัน คุณนอนบนนั้น ผมจะนอนตรงนี้” โชคดีชี้นิ้ว จัดการออกคำสั่งเช่นเคย
ชยุตม์อยากจะแย้งว่า ถึงเขาเป็นหนุ่มเมืองกรุง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะลำบากไม่ได้ โชคดีไม่ต้องมาเสียสละเตียงให้เขา หากเมื่อมองหน้าของชายหนุ่มแล้ว ชยุตม์ก็เปลี่ยนใจ ไม่ขอต่อรองดีกว่า
โชคดีโยนถุงที่อยู่ในมือลงกับพื้น แล้วเดินไปค้นหาอะไรบางอย่างในตู้ที่ตั้งอยู่มุมห้อง ก่อนจะจุดเทียนให้ความสว่าง
เปลวไฟเต้นระริก แสงสีทองส่องสลัวทำให้ชยุตม์อดมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของโชคดีไม่ได้ ใบหน้าของชายหนุ่มดูแปลกไปยามต้องแสงเทียน เสี้ยวหน้าคมเข้มของโชคดีดูเรียบนิ่งต่างจากที่เคยเห็น ปากเรียวแดงดูซีดลงซึ่งก็คงเป็นเพราะความหนาวเย็นจากการตากฝนมานาน
ชยุตม์มองจนเพลินแต่พลันก็ต้องรีบหลบตาเพราะคนที่ถูกมองหันขวับมาแล้วพูดว่า “เอาเสื้อผ้าเขาไปใส่ก่อนก็คงได้มั๊ง คุณมาเลือกเอาสิ เห็นมีตัวใหญ่ๆ อยู่หลายตัว”
...โชคดีเสียสละให้เขาอีกแล้ว...
“คุณเลือกก่อน” ชยุตม์ตอบเสียงเบา แล้วเดินออกไปด้านนอก ไม่รอให้โชคดีได้ทันมีโอกาสแย้ง
ฝนยังตกหนักเหมือนเดิม โชคดีที่ไม่มีลมกระโชก ไม่เช่นนั้นอากาศก็คงหนาวเย็นมากกว่านี้ ชยุตม์ยืนกอดอกมองสายฝนด้วยสายตาเหม่อลอย แวบหนึ่งอดนึกถึงจักริณทร์ไม่ได้ เขาไม่ได้คุยกับจักริณทร์มาหลายวันแล้ว ล่าสุด ชายหนุ่มบอกว่าต้องบินเที่ยวบินยาวไปสแกนดิเนเวียซึ่งหากเป็นการเป็นเดินทางไกลๆเช่นนี้ จักริณทร์จะหายไปเกือบสองอาทิตย์
จักริณทร์กับโชคดีต่างกันราวฟ้ากับดิน คนหนึ่งอ่อนโยนนุ่มนวล ใจเย็น มองโลกในแง่ดี ส่วนอีกคน เขาไม่กล้าแม้แต่จะบรรยาย รู้แต่ว่า โชคดีนั้น ไม่เหมือนใครที่เขาเคยคบเป็นแฟน...
...สงสัยคนแบบนี้คงมีคนเดียวในประเทศไทย...
...ใครมีแฟนแบบโชคดีคงได้ปวดหัวทุกวัน วันละหลายครั้ง...
************* end of chapter 10*************



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2009 10:57:57 โดย katawoot »

ออฟไลน์ piggie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โอ๊ะโอ่...ถึงตอนที่รอคอยแล้ววว

เอ๊ะๆๆ ทำไมไม่รู้อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่าโชคดีน่ารักจังเลยค่ะ ^^~

ดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจตัวเองเลยค่า

ปล. แอบเจอธงรบในเรื่องด้วย - -"

คุณก็บอกผมก่อนสิ อยู่ดีๆ จะให้วิ่งป่าราบ ทิ้งรถไว้อย่างนี้หรือไง”
“น้ำป่า” ธงรบพูดสั้นๆ ห้วนๆ แล้วหันหลังวิ่งต่อไป

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
^
^ใช่แล้วเจอสารวัตรธงรบเหมือนกัน :jul3:
ตอนนี้ดูน่ารักดีอ่ะงอนไปงอนมา งอนง้อ  :m3:

ปล.ชื่อตอนที่หัวเรื่องผิดค่ะ ทีแรกนึกว่าลง2ตอนซะอีก หรือว่ากำลังจะลงตอน11เนี่ย

ออฟไลน์ โน๊อา

  • อยู่เป็นคู่ เช่น ฉันคู่เธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
แอบตามน้องฟางมา

ให้กำลังใจนายหมูปิ้งดีกว่า

บวกให้พี่นายเหมือนเคย จะได้มี กามมมลังใจเยอะๆ

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ะโอ่...ถึงตอนที่รอคอยแล้ววว เอ๊ะๆๆ ทำไมไม่รู้อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่าโชคดีน่ารักจังเลยค่ะ ^^~ ดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจตัวเองเลยค่า ปล. แอบเจอธงรบในเรื่องด้วย - -"
คุณก็บอกผมก่อนสิ อยู่ดีๆ จะให้วิ่งป่าราบ ทิ้งรถไว้อย่างนี้หรือไง”
“น้ำป่า” ธงรบพูดสั้นๆ ห้วนๆ แล้วหันหลังวิ่งต่อไป


ตาดีกันจัง เบลอไปหน่อย มัวแต่นึกถึงคนเจ้าชู้

บทที่ 11 ครับ
ขอบคุณทุกท่านที่กดบวกคะแนนให้นะครับ ตื่นเต้นมากที่อีกสองร้อยกว่าๆ จะได้คะแนนหนึ่ 1 พันแล้ว ใครเป็นคนกดคะแนนที่ 1000 ต้องกลายมาเป็นแฟนผมนะ เหงามานานแล่ะ อยากมีเมีย  :L3:

บทที่ 11

“มายืนเปียกรอให้ปอดบวมหรือครับนายช่าง” เสียงพูดของคนที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครดังขึ้นข้างหลังชยุตม์
วิศวกรหนุ่มหันไปมองหน้าโชคดีช้าๆ บอกตัวเองว่าเริ่มจะชินและเข้าใจการสื่อสารแบบ “ตรงๆ แต่อ้อมค้อม” ของโชคดีแล้ว
...ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว นายช่างเข้าไปเปลี่ยนสิครับ ข้างนอกมันหนาว มายืนตัวเปียกอยู่แบบนี้เดี๋ยวจะเป็นปอดบวม...
...คนคนนี้พูดแบบนี้เป็นหรือเปล่านะ...
“ขอบคุณครับที่เป็นห่วง” ชยุตม์เดินเข้ามาใกล้โชคดี ตอบเบาๆ ใกล้หูแล้วเดินเข้าไปในห้องเงียบๆ โชคดีเดินตามเข้ามาและมองด้วยสายตาขุ่นๆ
“แค่นี้ทำฉุน”
...ผมไม่ได้ฉุน ผมน้อยใจ...
ชยุตม์ตอบอยู่ในใจ ทำทีไม่สนใจคำพูดกระทบกระเทียบของอีกฝ่าย แล้วถอดเสื้อออก เผยให้เห็นมัดกล้ามกำยำ
วิศวกรหนุ่มปลดตะขอกางเกงแล้วกำลังจะรูดกางเกงลง เสียงเดิมก็ดังขึ้นเบาๆ ว่า “ผ้าเช็ดตัวอยู่ตรงนั้น”
ชยุตม์หันไปมองด้วยสายตานิ่งเรียบหากท้าทายอยู่ในที ดังจะบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่า...ผมจะถอด ผมไม่พันผ้าเช็ดตัวหรอก เลิกสั่งผมได้แล้ว...
ชยุตม์ได้ยินเสียงปิดประตูแรงๆ เมื่อเขาดึงกางเกงให้หลุดลงไปกองกับพื้น ครั้นแอบปรายตาไปมองก็เห็นโชคดีนอนตะแคงหันหลังให้
...เดี๋ยวก็ถอดกางเกงชั้นในด้วยเสียเลย แล้วเดินไปถามว่า มีปัญหาอะไรไหม ผมจะเปลี่ยนเสื้อผ้าของผมอย่างนี้ล่ะ คุณจะทำไม...
...มีปัญหานัก จะจับปล้ำซะเลย...
ชยุตม์ยิ้มบางๆ แล้วจัดการเช็ดตัวให้แห้ง ก่อนจะหยิบเสื้อผ้ามาสวม รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันใดหลังจากที่เปียกปอนอยู่นาน
...คงจะอุ่นมากกว่านี้ ถ้าได้นอนกอดกับใครซักคน ผ้าห่มก็ไม่มี ไออุ่นจากร่างกายของคนสองคนนี่ล่ะ อุ่นยิ่งกว่าผ้าห่มนัก...
...หากโชคดีเป็นแฟนเขา จะเดินไปสะกิดให้มานอนกอดกันดีกว่า...
...แต่ตอนนี้ หากไปชวนโชคดีทำอย่างที่คิดคงถูกต่อยปากเป็นแน่แท้...
...คนอะไร แม้นอนอยู่เฉยๆ ยังทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ได้ถึงเพียงนี้...
ชยุตม์เอนตัวลงนอน ยกมือก่ายหน้าผาก ลืมตาโพลงในความมืดทั้งๆ ที่รู้สึกเหนื่อยและง่วงนอนเป็นที่สุด คืนนี้เป็นคืนแรกที่เขาได้อยู่ใกล้ชิดกับโชคดีถึงเพียงนี้ คืนแรกในชีวิตการทำงานที่เขาต้องนอนอยู่ในสถานที่แบบนี้ซึ่งไม่มีความสะดวกสะบายใดๆ เลย
...แต่เป็นคืนที่เขาได้นอนอมยิ้ม...

ชยุตม์ก้าวออกมานอกศูนย์วิจัยพันธ์พืชเอาเมื่อเวลาเกือบเก้าโมงเช้า ชายหนุ่มบิดตัวอย่างเหนื่อยล้า แล้วสูดลมหายใจลึกเอาอากาศบริสุทธิ์ คืนที่ผ่านมาฝนตกตลอดคืน เช้าวันนี้อากาศสดชื่นมาก มองไปรอบๆ เห็นแต่ต้นไม้เขียวชะอุ่ม
...และเห็นชายหนุ่มร่างสูงเดินขึ้นเนินมาช้าๆ ในมือถือกิ่งไม้ยาวประมาณหนึ่งช่วงแขน...
โชคดีฟาดไม้ไปมาราวกับครูกำลังเตรียมจะตีนักเรียนเกเร ใบหน้าคมเข้มนั้นเรียบนิ่ง และแม้เงยหน้าขึ้นมองชยุตม์ที่กำลังเดินเข้าไปหาก็ยังเรียบนิ่งอยู่
“อรุณสวัสดิ์ครับ” ชยุตม์ทักทายยิ้มๆ
...ติดน้ำป่าแบบนี้ยังมาทำหน้ามีความสุขเหมือนมาพักรีสอร์ทยังงั้นล่ะ...
โชคดีไม่ “อรุณสวัสดิ์” ตอบ หากถอนหายใจแรงๆ แล้วพูดว่า “เราติดน้ำป่า ไปไหนไม่ได้”
“รู้ได้ยังไง” ชยุตม์ถามแล้วต้องรีบกัดริมฝีปากตัวเอง เพราะรู้ตัวทันใดว่าถามอะไร “ไม่ได้เรื่อง” อีกแล้ว
“ผมก็ไปเดินสำรวจดูนะสิ ไม่ได้มานอนพักผ่อนประจำปีนะ”
...ตอบดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นจะต้องเหน็บแนมกันเลย...
“งั้นผมไปดูบ้าง” ชยุตม์เดินลงเนินไปตามทางที่โชคดีเดินกลับมา ไม่ถึงสิบนาที เขาก็มาหยุดยืนอยู่ริมสายน้ำสีขุ่นคลั่กที่กำลังไหลเชี่ยวกรากราวกับจะลากเอาทุกสิ่งให้ไหลตามไปด้วย
ชยุตม์เดินสำรวจบริเวณรอบๆ อยู่นานพอสมควร จึงเห็นว่าเขากับโชคดีคงไม่มีความสามารถที่จะข้ามสายน้ำได้ เขาเคยเห็นน้ำป่าในโทรทัศน์ ครั้นมาเจอของจริงจึงตระหนักได้ว่าน่ากลัวกว่าที่คิดเอาไว้ ชีวิตของเขาเคยอยู่แต่เมืองใหญ่ๆ ทันสมัย เขาโตมากลางความเจริญในเมือง ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ ต่างจากโชคดีซึ่งเก่งกว่าเขามากนัก แม้ฝนตก รถติดหล่มอยู่ที่ลุ่ม ยังได้ยินเสียงน้ำป่ากำลังถาโถมเข้ามาใกล้
...ปากดีแล้วยังหูดีอีก...
วิศวกรหนุ่มเริ่มรู้สึกหิวข้าวจึงเดินกลับที่พัก โชคดีหายไปอีกแล้ว แต่ชยุตม์เห็นจานอาหารวางอยู่บนโต๊ะหน้าประตู เหมือนโชคดีเตรียมไว้ให้เขาทาน
อาหารง่ายๆ ไข่ดาวหนึ่งฟองวางอยู่บนข้าวพูนจาน มีขวดน้ำปลาเตรียมไว้ให้
วิศวกรหนุ่มอมยิ้ม หยิบช้อนขึ้นมาตักอาหารส่งเข้าปาก...อาหารจานที่เขาจะไม่มีวันลืมในชีวิตการเป็น ชยุตม์ เมธีวุฒิไกร วิศวกรหนุ่มคนเก่งที่สร้างตึกสูงๆ ใหญ่มาแล้วในหลายประเทศ ลูกชายคนเล็กของ ม.ท. 1
...ข้าวไข่ดาวหนึ่งฟอง หนึ่งจาน ฝีมือคนปากร้าย อร่อยจริงๆ...

ปฐพีนั่งลงอย่างเหนื่อยอ่อน ตั้งแต่เช้าจนเที่ยงเขาวิ่งตามหาโชคดีจนแทบหมดแรง คุณเตือนใจโทรศัพท์มาหาเขาตั้งแต่เช้ามืดด้วยน้ำเสียงร้อนรน ขอให้เขาช่วยตามหาลูกชาย
...โชคดีหายไปกับชยุตม์ โต๋กับเดือนบอกว่าโชคดีไปส่งทั้งสองที่บ้านยายของเดือน พายายไปส่งโรงพยาบาลแล้วกลับตั้งแต่เมื่อคืน แต่จนรุ่งเช้าก็ยังไม่ถึงบ้าน ติดต่อก็ไม่ได้...
คืนที่ผ่านมามีพายุฝนฟ้าคะนอง ปฐพีได้ข่าวว่ามีน้ำป่าไหลหลาก เขาตั้งสมมุติฐานว่าโชคดีกับชยุตม์คงติดอยู่ที่ไหนซักแห่ง แต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้ เส้นทางจากบ้านสะเละของเดือนมาจังหวัดน่านเป็นถนนลาดยางตลอดสาย หากเดินทางมาตั้งแต่สี่ทุ่มก็ต้องถึงตัวจังหวัดไม่เกินเที่ยงคืน
“ผู้กอง ให้ผมช่วยไหมครับ ผมจะระดมเพื่อนๆ ให้ช่วยกันออกตามหา” ทรงศักดิ์นั่งอยู่ข้างๆ ปฐพี ท่าทางร้อนร้อนไม่แพ้คุณเตือนใจที่เฝ้าโทรศัพท์สอบถามไปยังที่ต่างๆ
“อย่าเพิ่งเลยครับ ตอนนี้ลูกน้องผมก็กำลังตามอยู่ อีกไม่นานก็คงได้เรื่อง”
“ทำไมโชคดีต้องไปกับเขา” ทรงศักดิ์พึมพำเบาๆ “ไม่รู้หรือยังไง”
ร้อยตำรวจเอกปฐพีหันไปมองหนุ่มหน้าตี๋ที่ผุดลุกผุดนั่งด้วยความกังวล เขาไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ทรงศักดิ์พูดเท่าใดนัก กำลังจะเอ่ยปากถาม แต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปฐพีจึงรีบรับสาย
ลูกน้องของเขารายงายว่ายังไม่พบตัวโชคดี หรือจะพูดให้ถูก ยังไม่พบรถกระบะโตโยต้าคันที่โชคดีขับไป
“ผู้กอง ผมทนไม่ไหวแล้ว เป็นห่วงโชคดี ผมจะไปขอให้ป๋าช่วย” ทรงศักดิ์พูดขึ้นทันทีที่ปฐพีคุยโทรศัพท์เสร็จ “ป๋ารู้จักคนเยอะ กำนันผู้ใหญ่บ้าน อบต. ทั่วจังหวัดน่านรู้จักป๋าทั้งนั้น ต้องมีใครซักคนที่ช่วยได้ โชคดีต้องไปติดน้ำป่าอยู่บนเขาที่ไหนซักลูก”
ปฐพีปล่อยให้ทรงศักดิ์ทำตามที่ต้องการ เขาลุกเดินเข้าไปในร้านเพื่อนคุยปลอบใจคุณแม่ของโชคดีแล้วย้ำกับคุณเตือนใจว่าเขาจะพยายามอย่างสุดความสามารถ
“ผมจะไปคุยกับคุณพ่อ ขอให้ท่านสั่งหน่วยบรรเทาสาธารณภัยมาช่วย” ปฐพีพูด
“จะดีหรือคะผู้กอง เท่าที่ทราบ ประชาชนหลายพื้นที่ก็ได้รับความเดือนร้อน ฉันเองในฐานะประธานไลอ้อนส์จังหวัดก็ต้องออกไปช่วยประชาชนเหมือนกัน เราทำได้เท่าที่ทำได้เถอะ จริงอยู่ อยากระดมคนช่วยตามหาโชคดีก็จริง แต่ก็ไม่อยากเอาคนของราชการตั้งหลายคนมาช่วยคนๆ เดียว”
“สองคนครับ” ปฐพีเตือน “อีกคนคือลูกชายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย”
...หาก ม.ท. 1 ทราบเรื่อง เฮลิคอปเตอร์ก็คงบินว่อนทั่วจังหวัดน่าน...
...แต่ตอนนี้รอก่อน ขอให้เขาได้พยายามเสียก่อน อย่าเพิ่งให้ถึงพ่อของชยุตม์เลย โชคดีคงไม่เป็นอะไร รายนั้นเก่งจะตายเรื่องเอาตัวรอด...
...กลัวอย่างเดียวว่าจะทะเลาะกับชยุตม์...

โชคดียืนเท้าสะเอวมองคนที่นอนหลับอยู่บนแคร่หน้าศูนย์วิจัยพันธ์พืช ซึ่งหลังจากพิจารณาแล้วเขาตกลงใจที่เรียกว่า “กระท่อมปลายดอย” เพราะศูนย์ฯ แห่งนี้เล็กเหลือเกิน
ชยุตม์นอนหลับท่าทางมีความสุข อกกว้างกระเพื่อมตามจังหวะหายใจสม่ำเสมอ ใบหน้าคมเข้มดูเรียบนิ่ง ไม่ต่างจากตอนที่ตื่น
...นิ่งเหมือนหุ่น ตอนตื่นก็ดูขรึมๆ นิ่งๆ วางมาดเป็นผู้ดี เป็นคุณชาย เป็นลูกท่านหลานเธอ ตอนนอนก็ยังมีมาดอีก ตัวเหยียดตรงนิ่ง เหมือนทหารกำลังยืนทำความเคารพผู้บังคับบัญชา...
โชคดีกลับจากเดินสำรวจรอบเนินเขาที่ศูนย์วิจัยพันธ์พืชแห่งนี้ตั้งอยู่ เขาติดน้ำป่าจริงๆ ไม่มีทางเลยที่จะฝ่าข้ามไปได้ แต่ถึงแม้จะข้ามได้ ก็ยังไม่รู้ว่าจะเจออะไรอีกเมื่อเดินลงเขาเพื่อหาทางกลับเข้าเมือง หรือแม้แต่จะไปให้ถึงปางเสือหมอบ เขาเคยเจอน้ำป่ามาสามสี่ครั้ง รู้ “ฤทธิ์” ของมันดี และครั้งหนึ่ง น้ำป่าก็ได้คร่าชีวิตของคนที่เขารู้จักไปถึงสามคน
หลังเที่ยง ฟ้าเริ่มครึ้มอีกครั้ง ฝนตั้งเค้าว่าจะตกอีกแล้ว ขณะนี้เลยเวลาอาหารกลางวันมานานพอสมควร โชคดีเริ่มหิว จึงก่อไฟ เตรียมทำอาหารง่ายๆ
มื้อเช้าไข่ดาว มือกลางวันไข่เจียว
เมื่อทำเสร็จ ชยุตม์ก็ตื่นพอดี ราวกับว่ากลิ่นหอมฉุยของไข่เจียวเป็นนาฬิกาปลุก วิศวกรหนุ่มเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ โชคดีที่กำลังตักข้าวใส่จาน มองชายหนุ่มอยู่เงียบๆ
...ทำไมตักข้าวแค่จานเดียว...
“ขอทานด้วยได้ไหมครับ” ชยุตม์ถามดื้อๆ เขานั่งคอยโชคดีตั้งแต่สายๆ จนเที่ยง หิวจนท้องกิ่วแล้วจึงนอนหลับไป
“ตามใจ แต่ช่วยล้างจานใบเดิมมาใช้นะครับ ที่นี่ไม่ใช่ภัตตาคาร ไม่มีพนักงานล้างจาน” โชคดีพูดเสียงเรียบ ไม่เงยหน้ามองคนที่ตัวเองพูดด้วย
“ขอโทษ ไม่มีเครื่องล้างจาน” ชยุตม์ประชด เดินไปหยิบจานของตัวเองที่ทิ้งไว้ตั้งแต่เช้า แล้วหันซ้ายหันขวาเหมือนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
...เฮ้อ ล้างจานเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้ คุณหนูไฮโซจริงๆ เลย...
โชคดีถอนหายใจ รู้สึกขวางหูขวางตาเป็นที่สุด ชยุตม์ดูท่าทางเงอะงะไม่ทันใจเขา แม้จะเห็นตุ่มใส่น้ำแล้ว คุณวิศวกรก็ยังทำท่าเหมือนจะตัดสินใจว่าจะล้างจานใบเดียว “แบบไหนดี”
“เอาน้ำราดก่อนนะครับ แล้วก็เอามือถู อย่าจุ่มจานลงไปในตุ่ม” โชคดีบอก
ชยุตม์หันมามองด้วยสายตาขวางๆ แล้วหันกลับไปก้มหน้าล้างจานช้าๆ จากนั้นถือจานโบกไปมาเหมือนจะพยายามทำให้จานแห้ง
...โอ๊ย ขวางหูขวางตาอีกแล้ว แบบนี้น่าจะจับให้ไปเป็นเด็กทำงานที่ร้านของเขา จะได้สอนให้รู้จักทำงานบ้าน...
หลังทานอาหารกลางวัน “มือบ่าย” เสร็จ โชคดีกับชยุตม์ก็ไม่มีอะไรทำ ฝนเริ่มตกปรอยๆ สองหนุ่มจึงจับจองพื้นที่หน้าอาคารหลังเล็กคนละด้าน นั่งมองสายฝนกันอยู่เงียบๆ

ทรงศักดิ์นั่งหน้ามุ่ยอยู่ในรถหลังจากได้รับข่าวจากผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งว่าตามหารถของโชคดีไม่เจอ วันนี้เขาทั้งวันเขาเอาแต่สืบหาโชคดีและ “ชยุตม์” คนที่เขาคิดว่าคงกำลังเริ่มชอบพอโชคดีเข้าให้แล้ว ทั้งสองคนหายไปด้วยกัน หากไปติดน้ำป่าที่ไหนซักแห่ง ก็หมายความว่าทั้งสองคนนั้นได้ใกล้ชิดกัน ชยุตม์เป็นคนหน้าตาดี บุคลิกก็สง่า เขายอมรับว่าอิจฉาชยุตม์ ทั้งยังกลัวว่าโชคดีจะเกิดไปหลงรักวิศวกรคนนั้น หนทางเอาชนะใจโชคดีของเขาก็จะยากลำบากมากขึ้น
“คุณซ่งครับ ใกล้ค่ำแล้ว ผมว่าพอแค่นี้ก่อนเถอะ กลับบ้านกันก่อน พรุ่งนี้ค่อยเริ่มใหม่” พงษ์ คนสนิทของโชคดีที่มาช่วยเขาพูดขึ้นเบาๆ
“แล้วเขาจะอยู่ยังไงน้าพงษ์ ค่ำคืนดึกดื่นจะกินจะนอนยังไง” ทรงศักดิ์ถอนหายใจ
“คุณโชคดีเอาตัวรอดได้ครับ” พงษ์พูด
...ห่วงแต่นายช่างนั่นล่ะ ท่าทางไม่เคยลำบาก แล้วอีกอย่าง จะทนเจ้านายของเขาได้นานแค่ไหน...
“รถก็หาไม่เจอ” ทรงศักดิ์พึมพำ คิ้วขมวด
“หาก็ไม่เจอก็ดีสิครับ อย่างน้อยเราก็จะได้รู้ว่าคุณโชคดีไม่เป็นอะไร”
“หรืออาจถูกน้ำป่าพัดหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้” ทรงศักดิ์เหม่อลอยมองออกไปนอกรถ
“อย่าเพิ่งคิดด้านที่ไม่ดีสิครับคุณซ่ง คุณโชคดีอาจขับรถไปหลบฝนที่ไหนซักแห่ง พอน้ำท่วมก็ติดอยู่ออกมาไม่ได้”
“โทรศัพท์ก็ปิดเครื่องนะครับ ไปติดอยู่ที่ไหน กลางป่ากลางเขาหรือไง ถ้าติดอยู่หมู่บ้านข้างถนนที่ไหนก็น่าจะมีสัญญาณบ้าง”
“จากบ้านเดือนมาน่านต้องผ่านภูเขาสูงหลายลูกนะครับคุณซ่ง สัญญาณโทรศัพท์ก็ไปไม่ทั่วถึง หรืออาจจะแบตหมด” พงษ์ปลอบใจ มองทรงศักด์อย่างไม่เชื่อสายตาว่าเป็นห่วงเจ้านายของเขาเกินไป เขาเคยสงสัยอยู่ว่าทรงศักดิ์อาจจะแอบชอบโชคดี ตอนนี้เขาไม่สงสัยแล้ว
พายุหนักเมื่อวานนี้ทำให้เขาเห็นอะไรหลายอย่าง สิ่งที่เขาแอบสงสัยเรื่องทรงศักดิ์กับผู้กองปฐพี ตอนนี้กระจ่างแจ้งแล้วว่าสองคนนี้มารักคนๆ เดียวกัน
...แล้วที่เขาสงสัยเกี่ยวกับนายช่างชยุตม์จะเป็นจริงหรือไม่ อีกไม่นานก็คงรู้กัน ขอเพียงอย่างเดียวอย่าให้สิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับทั้งสองคนนั้นด้วยเถิด...

โชคดีเก็บกระถางต้นไม้ที่กองระเนระนาดอยู่หน้าศูนย์วิจัยพันธ์พืชให้เข้าที่จนเรียบร้อย หันไปมองชยุตม์แล้วส่ายหน้าช้าๆ เพราะเห็นฝ่ายนั้นเอาแต่นอน จนค่ำแล้ววิศวกรหนุ่มก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะลุกขึ้นมาทำอะไรซักอย่าง
...ทำอะไรล่ะ ติดอยู่ตรงนี้ครึ่งคืนกับหนึ่งวันเต็มๆ เบื่อแสนเบื่อ...
...หาเรื่องทะเลากับชยุตม์แก้เซ็งดีกว่า...
โชคดีเดินไปหาชยุตม์ที่นอนแผ่หราอยู่บนแคร่ไม้หน้า “กระท่อม” ร่างแกร่งกำยำนั้นนอนสงบนิ่งไม่ไหวติง ชยุตม์แทบไม่ขยับตัวเปลี่ยนท่านอนเลยตั้งแต่บ่าย เขาสังเกตเห็นว่าเกือบสามชั่วโมงที่ผ่านไป “คุณหนูไฮโซ” คนนี้เปลี่ยนท่านอนเพียงสองครั้ง นั่นคือ นอนหงายเหยียดตรง มือวางประสานพาดบนหน้าท้องเป็นท่าที่หนึ่ง แล้วมือกางแผ่หราออกเป็นท่าที่สอง
...คนอะไร เวลานอนยังขวางหูขวางตา...
“คุณชยุตม์” โชคดีเรียกเบาๆ ตามองที่คางบึกบึนของชายหนุ่ม หนวดเคราสากๆ ของชยุตม์เริ่มขึ้นเป็นแนวครึ้ม แรกที่เขาเห็นชยุตม์ ใบหน้าของชายหนุ่มขาวสะอาด แต่มาอยู่น่านได้เกือบสองเดือน ชยุตม์ผิวคล้ำลงอย่างรวดเร็ว
...สงสัยคงแพ้แดด นี่หากมาอาศัยอยู่ต่างจังหวัดแบบนี้จะไปรอดไหมเนี่ย ทำกับข้าวล้างจานยังทำไม่เป็นเลย...
“นายช่างชยุตม์” โชคดีเอื้อมมือไปเขย่าขาของชยุตม์เบาๆ สายตาพลันเหลือบไปเห็นแผลเลือดแห้งกรังที่ข้อเท้า เขามองเลยขึ้นไปยังใบหน้าอ่อนโยนของวิศวกรหนุ่มแล้วต้องถอนหายใจ รู้สึกสงสารชยุตม์ขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าทำไม ความคิดที่จะแกล้งชยุตม์หายไป จึงปล่อยให้วิศวกรหนุ่มนอนหลับต่อ แล้วเดินไปเตรียมอาหาร
...วันนี้พิเศษหน่อยก็แล้วกัน เพิ่มข้าวสวยมากกว่าเดิม สองมื้อที่ผ่านมาท่าทางชยุตม์ไม่อิ่มเพราะเห็นดื่มน้ำเข้าไปเยอะมากหลังทานข้าว โชคดีที่ใน “กระท่อม” มีข้าวเหลือครึ่งถุงและไข่ไก่ตั้งสิบฟอง ปลากระป๋องอีกสองกระป๋อง พอดำรงชีวิตอยู่ได้เกือบหนึ่งอาทิตย์...

ปฐพีกลับมาถึงร้านโชคดีค้าเหล็กเมื่อเวลาสามทุ่ม เขาแปลกใจที่เห็นรถหลายคันจอดอยู่หน้าร้าน ชายฉกรรจ์สามคนสวมชุดซาฟารียืนอยู่ข้างรถแลนด์ครูซเซอร์สีดำคันใหญ่ นายตำรวจหนุ่มจึงพอจะเดาออกว่า “ใคร” อยู่ข้างในร้าน
“ผู้กองมาโน่นแล้ว” เสียงคุณเตือนใจดังขึ้นเมื่อมองเห็นปฐพีเดินเข้าไปในร้าน ชายร่างสูงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ หันมามอง ปฐพีจึงรีบยกมือไหว้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
“ยังไม่พบครับ” ปฐพีพูดเบาๆ
คุณเตือนใจถอนหายใจแรงๆ ใบหน้าไม่สู้ดี “พงษ์ก็ยังตามไม่พบเหมือนกัน นี่โชคดีกับนายช่างไปอยู่ไหนกันนะ”
“นายช่าง?” ม.ท. 1 ทวนคำ
“อ๋อ เราเรียกคุณชยุตม์ว่านายช่างครับ” ปฐพีรีบอธิบาย “คืนนี้คงออกตามหากันไม่ได้เพราะมืด เว้นแต่ว่าท่าน...”
“รอพรุ่งนี้เช้าเถอะ ผมจะขอคนเพิ่มให้มาช่วยกัน แต่คงมากไม่ได้ เข้าใจว่าประชาชนก็ได้รับความลำบากอยู่มากเหมือนกัน เราต้องระดมกำลังช่วยคนที่กำลังประสบปัญหาก่อน ผมเชื่อว่าชยุตม์กับคุณโชคดีคงไม่เป็นอะไร” ม.ท. 1 หันไปให้กำลังใจคุณเตือนใจ “คุณโชคดีคงโชคดีเหมือนชื่อ”
“ดิฉันก็หวังว่าอย่างนั้นค่ะท่าน” คุณเตือนใจตอบเสียงแผ่ว ส่งสายตามายังปฐพีดุจจะฝากให้เขาช่วยเป็นพิเศษเพราะคนที่เธอไว้ใจที่สุดคือนายตำรวจหนุ่มคนนี้
“พรุ่งนี้เช้าผมจะรีบออกตั้งแต่เช้าเลยครับ คุณซ่งก็เหมือนกัน” ปฐพีกล่าวหนักแน่น แล้วขอตัวรับโทรศัพท์ที่ส่งเสียงดังขึ้น
ทันทีที่เขารับสาย เสียงคุ้นเคยก็ถามอย่างร้อนรน “ผู้กองครับ ได้ข่าวว่าชยุตม์หายไป ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
“ยังตามหาไม่เจอครับ” ปฐพีตอบ “แต่คุณจักรไม่ต้องห่วง ผมจะพยายามสุดความสามารถ ขณะนี้มีคนช่วยเยอะ ไม่นานต้องเจอแน่ ผมคิดว่าโชคดีกับคุณชยุตม์คงไปติดอยู่ที่ไหนซักแห่ง ตอนนี้น้ำป่าไหลเข้าท่วมหลายพื้นที่ ทางจังหวัดกำลังระดมกำลังกันช่วยเหลืออยู่”
“สองคนนั้นไปด้วยกัน” จักริณทร์ถาม
“ใช่ครับ โชคดีพาเดือนไปหายาย นายช่างขอไปด้วย ขากลับคงเจอพายุฝน อาจจะหาที่หลบ ทีนี้น้ำท่วม ก็คงจะติดอยู่ออกมาไม่ได้” ปฐพีอธิบายอย่างรวบรัด “ตอนนี้คุณพ่อของนายช่างก็อยู่ที่น่าน คุณจักรไม่ต้องห่วง ผมก็ช่วยออกตามหา พรุ่งนี้เช้าเรากะใช้เรือลุยหาเต็มที่”
“ผู้กองระวังตัวด้วยนะครับ” จักรินทร์เอ่ยเบาๆ “พักผ่อนให้เต็มที่ด้วย เดี๋ยวจะเกิดเป็นอะไรไป ไม่มีแรงช่วยเหลือประชาชน ตอนนี้ผมอยู่โคเปนฮาร์เก็น คงยังกลับเมืองไทยไม่ได้อีกเกือบอาทิตย์ ถ้าไปถึง ผมจะหาโอกาสไปน่านอีก”
ปฐพีกล่าวขอบคุณจักริณทร์และย้ำให้นักบินหนุ่มไม่ต้องเป็นห่วงเพื่อน เขารับปากว่าจะช่วยเหลือชยุตม์อย่างเต็มที่
“ผมห่วงแต่จะทะเลาะกับคุณโชคดี ท่าทางสองคนนั้นไม่ค่อยถูกกัน กลัวคุณโชคดีจะทำอะไรยุตม์” จักริณทร์พูดเสียงกลั้วหัวเราะ
“โชคดีไม่ได้ร้ายเท่าไหร่หรอกครับ แต่ถึงร้าย ก็คงไม่ถึงกลับฆ่าคุณชยุตม์หมกป่า” ปฐพีหัวเราะเสียงเบา แล้วถามถึงการทำงานของจักริณทร์
“อากาศที่นี่หนาวมากครับ ผมพักหนึ่งวัน พรุ่งนี้ก็ต้องบินต่ออีกแล้ว เที่ยวบินยาวๆ แบบนี้เหนื่อยหน่อย”
“ดูแลตัวเองด้วยนะครับ” ปฐพีแสดงความห่วงใย
“ผู้กองด้วย”
“ผมสบายมาก แข็งแรงไม่เคยเป็นอะไร”
“ดีแล้วครับ ผมก็แข็งแรง ไม่เคยเป็นอะไรเหมือนกัน” จักริณทร์ตอบ
ปฐพีไม่รู้สึกตัวว่า แรกที่คุยกับจักริณทร์เรื่องของชยุตม์กับโชคดี ตอนนี้กลายมาเป็นพูดเรื่องของตัวเองกับจักริณทร์ไปแล้ว นายตำรวจหนุ่มคุยกับจักริณทร์จนเพลิน ลืมนึกไปว่าพ่อของชยุตม์กับแม่ของโชคดีกำลังยืนคุยกันอยู่ ครั้นหันไปมองทั้งคู่ ปฐพีจึงต้องหยุดการสนทนาแล้วเดินมาสมทบกับผู้ใหญ่สอง ก่อนจะคุยกันต่ออีกชั่วครู่ จนพ่อของชยุตม์ชวนกลับจวนผู้ว่าฯ เพราะคืนนี้พ่อของเขาเชิญค้างที่บ้าน
“ผมคงค้างที่จวนฯ อีกคืน พรุ่งนี้เช้าคุณหญิงจะมา ห้ามก็ไม่ฟัง เขาบอกจะมาตามหาลูกชายด้วยตัวเอง” ม.ท. 1 พูดเบาๆ ขณะเดินออกมาหน้าร้านกับปฐพี
“คนเป็นแม่ก็ต้องห่วงลูกเป็นธรรมดา” ปฐพีพูด
“แน่นอน ลูกรักคนสุดท้อง ใครจะไม่ห่วง” ม.ท. 1 พูดกลั้วหัวเราะ ปฐพีรู้สึกแปลกใจ เขาเพิ่งได้ใกล้ชิดท่านรัฐมนตรีฯ และได้สัมผัสถึง “พลัง” บางอย่างในตัวของชายผู้นี่ พ่อของโชคดีค่อนข้างแตกต่างจากลูกชาย ท่าทางเป็น “นักเลง” พอตัว ดูเหมือนเป็นพ่อของโชคดีมากกว่าที่จะเป็นพ่อของคนขรึมๆ นิ่งๆ อย่างชยุตม์
“ผู้กองครับ ฝากด้วยนะ ถ้าต้องการอะไรก็บอกผมได้ หากแอบเอาเฮลิคอปเตอร์ราชการมาช่วยได้ซักเครื่อง ผมจะรีบโทรมาบอก แต่ว่าตอนนี้ยังไม่เหมาะ ขอช่วยประชาชนก่อน ผมว่าชยุตม์คงไม่เป็นอะไร อ้อ เรื่องนี้อย่าให้ถึงหูสื่อมวลชน ผมกลัวจะเป็นเรื่องใหญ่ ลูกชาย ม.ท. 1 หนึ่งหายไปกับลูกชายร้านค้าเหล็ก กลัวคนเข้าใจผิด”
พูดเสร็จ บิดาของชยุตม์ก็หัวเราะหึๆ ในลำคอแล้วแยกกับปฐพีไปขึ้นรถคันใหญ่ที่จอดรออยู่ ปล่อยให้ปฐพีมองตามด้วยสายตาฉงน
...พ่อของชยุตม์รู้อะไรหรือ? หมายความว่ายังไง...
...ชยุตม์กับโชคดี...หมายความว่ายังไง...
...แล้วที่ซ่งหวั่นกลัว...หมายความว่ายังไง...

อาหารมื้อ “พิเศษ” ทำให้ชยุตม์รู้สึกอิ่มเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาติดน้ำป่าอยู่กับโชคดีที่ “กระท่อมปลายดอย” โชคดีทำไข่ตุ๋นเป็นอาหารเย็น เขาเหลือบไปเห็นปลากระป๋อง แต่โชคดีดูราวกับมีพลังจิตอ่านใจเขาออก จึงรีบพูดดักคอเขาว่า “กับข้าวมื้อละอย่าง ปลากระป๋องรอเอาไว้เมื่อไข่หมด”
“ผมไม่ได้ว่าอะไรนี่” ชยุตม์เบ้ปากเล็กน้อย แล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอึกใหญ่
“กินเสร็จแล้วคุณล้างถ้วยนะ ผมทำอาหารแล้ว” โชคดีสั่ง
“ครับ” ชยุตม์รับคำสั้นๆ แล้วลุกขึ้นเดินออกไปยื่นมือรองน้ำฝนที่ตกลงมาจากชายคาเพื่อล้างมือ ฝนที่ตกปรอยๆ มาตลอดบ่ายเริ่มตกหนักขึ้น และท่าทางจะหนักขึ้นมากกว่าเดิม
“คุณโชคดีครับ คิดว่าเราจะติดอยู่ที่นี่นานแค่ไหน” ชยุตม์หันไปถามชายหนุ่ม มือสอดเข้าไปใต้ชายเสื้อด้านหลังแล้วเกาหลังเพราะรู้สึกคัน เสื้อผ้าของเขายังไม่แห้ง จึงต้องใส่เสื้อผ้าตัวเดิมตั้งแต่มาถึงศูนย์ฯ แห่งนี้
“จะไปรู้หรือ”
...ถามดีๆ จะตอบดีๆ บ้างได้ไหมเนี่ย...
“ผมนึกว่าคุณรู้ทุกอย่าง” ชยุตม์พึมพำเบาๆ โชคดีเงยหน้าขึ้นมามองประหนึ่งว่าได้ยินที่เขาบ่น แต่ชายหนุ่มหลุบตาลงมองจานข้าวของตัวเองแล้วทานต่อช้าๆ แล้วไม่พูดอะไรอีก
“พรุ่งนี้ผมว่าเราลองหาทางกันอีกครั้ง เผื่อจะออกไปจากที่นี่ได้”
“เดี๋ยวได้จมน้ำตายกันพอดี” โชคดีให้ความเห็น
“แล้วจะนั่งรออยู่แบบนี้หรือครับ”
“ไม่เคยติดน้ำป่าสิท่า” โชคดีวางจานข้าวลงกับโต๊ะ “อ้อ ลืมไป คุณเคยอยู่แต่กรุงเทพฯ กับแคนาดา น้ำป่าคงไม่ไหลเข้าไปท่วมกรุง”
“โตเกียวก็เคยอยู่ครับ นิวยอร์คก็ด้วย ลอนดอน ปารีส มาดริด โรม ซิดนีย์ ผมเคยไปอยู่หมด” ชยุตม์ประชด
“สงสัยคงต่างจากน่านเยอะ” โชคดีเบ้ปาก ยกจานขึ้นมาตักอาหารทานต่อ
“แน่นอน”
...งอนอีกแล้ว ทำหน้าแบบนั้นอีกแล้ว โชคดีทำหน้างอนๆ น้อยใจก็เป็น ไม่นึกเลย...
ชยุตม์อดยิ้มมุมปากไม่ได้ ตั้งแต่มาติดน้ำป่าอยู่ที่นี่เขาเห็นโชคดีทำหน้าแปลกๆ อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนหลายครั้งแล้ว
...และเขาชอบเสียด้วย...
ชยุตม์ตกใจกับความคิดนี้ ไม่นึกเลยว่าตัวเองจะเริ่มชอบคนหน้าดุปากร้ายอย่างโชคดี
“น่านก็น่าอยู่ คนเมืองน่านก็น่ารัก แต่ว่า...”
โชคดีทำไม่สนใจสิ่งที่ชยุตม์พูด มือยังตักข้าวเข้าปากช้าๆ ตาหลุบมองพื้นโต๊ะ ทำหูทวนลม
ชยุตม์ทิ้งจังหวะ รอให้โชคดีรู้สึกกระหายอยากรู้ที่สิ่งเขาละเอาไว้ เขาแน่ใจว่าชายหนุ่มกำลังเอียงหูรอฟังอยู่ เพียงแต่ว่าต้องรักษา “มาด” เอาไว้ ไม่ยอมว่า “แต่ว่า อะไร”
วิศวกรหนุ่มแกล้งถอนหายใจหนักๆ ให้อีกคนได้ยิน
...แต่ว่าอะไร ชยุตม์นี่บทจะกวนก็กวนได้แบบหน้าเรียบๆ นิ่งๆ น่าหมั่นใส้ชะมัด...
โชคดีวางจานอาหารลงกับพื้นโต๊ะแรงๆ ยกน้ำขึ้นดื่มแล้วลุกเดินไปบ้วนปาก หูยังเงี่ยฟังสิ่งที่ชยุตม์จงใจทิ้งท้ายให้เขาอยากรู้
...นี่คงคิดจะให้เขาถามละสิ คงคิดว่าเขาอยากจะรู้มากว่า คนเมืองน่านก็น่ารัก แต่ว่า...แต่ว่าอะไร...
...แล้วแต่ว่าอะไรล่ะ...
...คงแต่ว่า “...คุณไม่น่ารักกับผมเลย ทำไมถึงเกลียดผม ไม่ชอบหน้าผมนัก...” จะมาพูดน้อยใจกับเขาแบบนี้ใช่ไหม...
...บ้าจริงๆ อยากต่อยปากแดงๆ ของชยุตม์นัก แล้วนี่ทำอมยิ้มอยู่ได้ ขำอะไรนักหนา ติดน้ำป่าอยู่บนดอยยังไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรอีก...

 :L1:

ออฟไลน์ สมุนไพร

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1581
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-3
ติดน้ำป่า

ช่างโรแมนติกนัก :o8:

ตลกที่หมูปิ้งบอกว่า ... เบื่อๆไปหาเรื่องทะเลาะกะชยุตม์ดีกว่า ...

 :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ K2KARN

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3084
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +393/-6
ติดน้ำป่าครั้งนี้คงได้อะไรมากขึ้นนะเนี่ย
หมูปิ้งมีงอนเสียด้วย ฮ่าๆ  :o8:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด