บทที่สี่ อีกด้านของความรัก (ต่อครับ)
เข้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นแต่เช้าเช่นเคย อาบน้ำแต่งตัว เตรียมตัวไปทำงาน ก่อนที่ผมจะออกจากบ้าน ลองชะโงกข้ามรั้วมองออกไปยังบ้านของพี่เชษฐ์ ปรากฏว่าประตูบ้าน ปิดไว้เรียบร้อย และมอเตอร์ไซด์ของพี่เค้าก็ไม่อยู่ แสดงว่าพี่เค้าคงออกไปทำงานแล้วล่ะ ผมก็เลยคิดว่า ยังงัยวันนี้ก็ยังเช้าอยู่ ไปเยี่ยมพี่ศักดิ์ก่อนไปทำงานก็ยังทัน คิดได้ดังั้นก็รีบขึ้นรถเมล์ไปยังโรงพยาบาลก่อน โชคดีครับ ที่โรงพยาบาลไม่ไกลจากที่ทำงานเท่าไหร่ พอไปถึงหน้าโรงพยาบาลแล้ว ก็เห็นร้านขายน้ำเต้าหู้ กะปาท่องโก๋ขายอยู่หน้าโรงพยาบาล เลยซื้อ ไปสองถุงกะปาท่องโก๋อีกห้าตัว กะว่าจะไปกินที่ทำงานน่ะครับ กลัวออกมาเค้าเก็บกลับบ้านก่อน
ซื้อเสร็จผมก็เดินเข้าไปเยี่ยมพี่ศักดิ์ แต่ขณะที่กำลงัเปิดประตูเข้าไป ก็มีคนเดินสวนออกมา พี่เชษฐ์นั่นเอง
“อ้าว โม มาด้วยเหรอ พี่นึกว่าไปทำงานแล้ว”
“ครับ มาเยี่ยมพี่ศักดิ์ก่อนน่ะครับ เดี๋ยวเลยไปทำงานเลย”
“ศักดิ์เขายังไม่ตื่นเลย เราจะเข้าไปเยี่ยมมั้ยล่ะ” พี่เชษฐ์ถามผม
“อืม งั้นไม่ดีกว่าครับ ให้พี่เขาพักไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวผมค่อยมาทีหลังก็ได้ครับ”
“งั้นเดี่ยวไปกับพี่เลยแล้วกัน แล้วซื้ออะไรมานั่นน่ะ” พี่เชษฐ์ถามผมขณะมองไปยังถุงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋
“ปาท่องโก๋กะน้ำเต้าหู้น่ะครับ พี่เชษฐ์กินมั้ยอ่ะ ผมซื้อมาสองถุงน่ะคัรบ กะว่าจะไปกินที่ทำงาน”
“ดีเหมือนกัน งั้นไม่เกรงใจนะ ขอถุงนึงแล้วกัน “
เป็นอันว่าเราสองคนกินปาท่องโก๋กะน้ำเต้าหู้เป็นอาหารเช้าของวันนั้น โดยการกัดก้นถุงกินกัน (ที่บ้านผมก็กินแบบนี้แหล่ะ)
“เอ้า หกหมดเลย เดี๋ยวนะครับ” ผมร้องขึ้น พลางล้วงเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้พี่เชษฐ์ หลังจากที่น้ำเต้าหู้เลอะหน้าพี่เค้า สงสัยบีบแรงไปหน่อย ในจังหวะเดียวกันที่ผมเผลอตัวเอาผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดให้พี่เค้า พี่เชษฐ์ก็เอามือขึ้นมารับผ้าเช็ดหน้าของผม ทำให้มือของเราโดนกันโดยไม่ตั้งใจ เหมือนมีไฟฟ้าสถิตมาโดน (เหมือนละครหลังข่าวจังว่ะ --------เสียงจากเรื่องข้างๆ) ผมรีบหลบตาพี่เชษฐ์ ใจเต้นแรงอีกแล้ว เป็นอะไรกันแน่เนี่ย กรู
“เอ่อ.... ขอบคุณครับ” พี่เชษฐ์ พูดพลางเอาผ้าเช็ดหน้าคืน ผมรับมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร (พูดไม่ออกมากกว่า)
“เป็นอะไรอ่ะ โม หน้าแดงเชียว ไม่สบายปล่าว” พี่เชษฐ์ถามผม
“อ๋อ เอ่อ..... สงสัยร้อนน่ะครับ ไม่เป็นไรหรอก “
“พี่นึกว่าไม่สบายน่ะ เห็นหน้าแดงๆ ไม่เป็นก็ดีแล้ว ถ้าเป็นอะไรพี่คงรู้สึกไม่ดี” เออ ว้อย.... ก็เพราะพี่นั่นแหล่ะ ที่ทำผมเป็นแบบนี้ ผมคิดในใจ
พี่เชษฐ์พาผมเดินไปยังรถมอเตอร์ไซด์ แต่วันนี้พี่เค้าคงไม่นึกว่าผมจะมาด้วย เลยเอาหมวกกันน๊อคมาแค่ใบเดียว พี่เชษฐ์เลยเอามาให้ผมใส่
“อ้าว แล้วพี่เชษฐ์ล่ะคัรบ “ ผมถามขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอก เราใส่นั่นแหล่ะ เดี๋ยวพี่ขับช้าๆก็ได้”
“อ่า............. ครับ” ผมรับหมวกมาใส่ แล้วก็ขึ้นซ้อน แต่ด้วยกลัวว่าพี่เชษฐ์จะอึดอัด ผมเลยนั่งห่างออกมา จนเกือบจะติดท้ายรถ
“อะไรน่ะ นั่งดีๆ สิ เขยิบเข้ามาอีก เดี๋ยวก็ตกหรอก” ผมขยับเข้าไปแบบเก้ๆกังๆ พี่เชษฐ์เห็นผมก็เลยหัวเราะขึ้น แล้วจับเอามือผมไปโอบรอบเอวพี่เค้าไว้ ทำให้ตอนนี้หน้าของผมไปซบอยู่กับหลังของพี่เชษฐ์ ได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ออกมาจากแผ่นหลัง โอยยยยยย ใจเต้นอีกแล้ว แต่รู้สึกอบอุ่นดีแฮะ มันเป็นความรู้สึกดีๆที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาเลย รู้สึกว่าวันนี้อยากให้ถนนมีแยกไฟแดงซักร้อยแยกจัง (งั้นพวกแกสองคนก็ไปทำงานสายน่ะสิ ------------เสียงเจ้าของเรื่องข้างๆ)