แฟนผมเป็นตำรวจ ++++
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แฟนผมเป็นตำรวจ ++++  (อ่าน 237348 ครั้ง)

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
“แล้วไอ้หนูมันเกเรหรือเปล่าล่ะ พ่อศักดิ์” ถ้าแม่เรียกชื่อใครขึ้นต้นว่าพ่อเนี่ย แสดงว่าคุ้นเคยกันแล้วนะครับ
   “อ๋อ ไม่เลยครับ คุณอา โมเค้าทำงานดีครับ เป็นเด็กดีด้วย พวกผมรอดตายก็เพราะเค้าช่วยทำกับข้าวให้นี่แหล่ะ” ดีมากพี่ อยากเป็นพี่เขยผมต้องทำแบบนี้
   “แล้วพ่อเชษฐ์ล่ะ ไอ้หนูมันกวนอะไรหรือเปล่า”
   “ไม่เลยครับ  ผมก็รักและจะช่วยดูแลให้ครับ ไม่ต้องเป็นห่วง” พี่เชษฐ์ตอบแม่ผม ทำเอาผมต้องก้มหน้าลงเพราะความเขิน
   “เอ้อ ค่อยยังชั่ว มีพ่อสองคนดูแล อาก็ดีใจ กลัวมันไปเกเรที่เมืองกรุง” โธ่ แม่ ไม่เชื่อใจลูกชายมั่งเลย คุยกันเพลินๆ พี่กว่าก็ขับรถเข้ามาจอดในบ้าน พอเห็นหน้าพี่สาวผมเท่านั้นแหล่ะ พี่ศักดิ์รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีเลย แต่รู้สึกว่าพี่กวาจะสวยขึ้นนะ ไปทำรัยมาเนี่ย พอมองดูใกล้ๆ อ๋อ แต่งหน้ามาเอง เอ แปลกแฮะ ปกติเวลาพี่กวาอยู่บ้านไม่ได้แต่งหน้านี่นา สงสัยผีเข้า  พี่กวาเพิ่งกลับจากตลาดในเมืองน่ะคัรบ ไปซื้อของมาทำบุญประจำปีมา พอดีแม่ผมทำขนมเสร็จเลยให้ผมเอาไปส่ง
   “เอ้อ หนูเอ๊ย เดี๋ยวเอาขนมไปส่งป้าไหวที่วัดหน่อยนะ บอกแกด้วย ว่าบ่ายๆ เดี๋ยวแม่เข้าไปช่วย”
   “ได้จ้ะแม่ พี่เชษฐ์ไปด้วยกันมั้ยครับ” ผมชวนพี่เชษฐ์คนเดียว เพราะพี่ศักดิ์ชวนยังงัยก็ไม่ไปหรอก เพราะพี่กวาอยู่ช่วยแม่ที่นี่ ฮี่ๆ
   “อื้ม ไปสิ” พี่เชษฐ์รับคำ แล้วช่วยผมถือถาดขนมเดินไปที่ท่าน้ำ ผมเลยหยิบหมวกปีกกว้างสานด้วยใบลาน ที่พ่อผมใส่ตอนออกไปทำงานในสวน แล้วใส่ให้พี่เชษฐ์ กับผมคนละใบ ผมกับพี่เชษฐ์พอนั่งลงในเรือได้แล้ว ผมก็ปลดโซ่ท้ายเรือที่ผูกติดไว้หลักที่ท่าออก แล้วใช้ไม้พายยันเรือออกไป ที่จริงผมก็สามารถขับรถเอาขนมไปส่งก็ได้ แต่ผมคิดว่า พาพี่เชษฐ์มาเที่ยวบ้านทั้งที ผมก็อยากจะให้พี่เขาได้ดูอะไรหลายๆอย่างที่เป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมของพวกผม เช้าๆน้ำขึ้นครับ น้ำในคลองเลยนิ่งหน่อย เวลาพายเรือก็ไม่ค่อยเหนื่อย  ผมพายเรือโดยมีพี่เชษฐ์เป็นคนโดยสาร ดูท่าทางพี่เชษฐ์จะสนุกมากเลยครับ ถามผมไปตลอดทางเลย ว่าไอ้นั่นคืออะไร ต้นไม้ต้นนั้นเป็นต้นอะไร เหมือนเรื่องทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในสายของเขาเป็นเรื่องใหม่ซะหมด  แต่ผมก็รู้สึกสนุกที่ได้เล่าเรื่องต่างๆที่พี่เข้าอยากรู้ให้ฟัง พอพายไปได้สักครึ่งชั่วโมง ก็ถึงท่าน้ำวัดแล้วครับ ผมเลยผูกเรือไว้ที่ท่าแล้วพาพี่เชษฐ์ซึ่งถือถาดขนมอยู่ขึ้นไปบนวัด แล้วเดินพาเข้าไปตรงที่จัดสำรับถวายพระเพล พอผมไปถึงโรงครัวแล้ว ก็มีเสียงทักขึ้นว่า
   “อ้าว ไอ้หนูมาด้วยเหรอ ป้านึกว่าแกจะไม่มาเสียแล้ว”  ป้าไหวรับไหว้แล้วถามผมขึ้น
   “มาครับ แม่ให้เอาขนมมาให้ก่อน เด๋วไม่ทันพระฉันเพล ตอนบ่ายๆถึงจะตามมาช่วยน่ะครับ” ผมบอกไป
   “เอ้อ ดีๆ มีแต่คนถามหาแม่ไอ้หนู ว่าจะมีบุญได้กินแกงฝีมือแม่เอ็งเปล่า เอ้อ แล้วพาใครมาด้วยน่ะ” ป้าไหวพูดแล้วมองไปที่พี่เชษฐ์ พี่เขาวางถาดขนมลงแล้วยกมือไหว้
   “อ้อ พี่เชษฐ์ครับ คนดูแลผม ว่างเลยชวนพี่เค้ามาด้วยครับ” ผมแนะนำให้รู้จัก
   “เอ้อ หนุ่มเมืองกรุงนี่มันหน้าตาดีจังวะ ลูกสาวป้ายังว่างอยู่สนใจมั้ยล่ะ พ่อเอ๊ย” พอทุกคนที่อยู่ในครัวได้ยินแล้ว ก็พากันโห่พร้อมทั้งหัวเราะป้าไหวกันใหญ่
   “เห๊อะ ยายไหวมันจะขายลูกสาวอีกแล้วว้อยยยยย” เสียงหนึ่งดังมาจากในครัว พอผมมองไปยังหน้าพี่เชษฐ์ก็พบว่าพี่เขากำลังอมยิ้มทำท่าเขินๆอยู่ พวกผมสองคนพอนั่งให้หายเหนื่อยแล้ว ผมเลยขอตัวพาพี่เชษฐ์เข้าไปไหว้พระก่อน มาถึงวัดไม่เข้าไปไหว้พระก็แปลกๆอยู่ วันนี้ที่วัดคนเยอะกว่าปกติครับ เพราะว่ากำลังมีงานบุญ ดูที่ลานวัดก็มีพวกพ่อค้าแม่ค้ากำลังตั้งร้านขายของ มีโรงลิเก หนังกลางแปลง เวทีวงดนตรีลูกทุ่ง กำลังจัดเวทีอยู่  พอถึงหน้าโบสถ์ ผมก็ไปซื้อดอกไม้ธูปเทียนมาสองชุด แล้วส่งให้พี่เชษฐ์ชุดนึง แล้วก็พากันเข้าไปในโบสถ์ไหว้พระกัน สักครู่หนึ่งก็ออกมาจากโบสถ์
   “เราอธิษฐานอะไรน่ะ เห็นเงียบตั้งนาน” พี่เชษฐ์ถามผมขึ้น
   “บอกไม่ได้ครับ เดี๋ยวไม่ศักดิ์สิทธิ์ ว่าแต่พี่เชษฐ์อธิษฐานอะไรอ่ะเห็นเงียบไปเหมือนกัน”
   “พี่ขอให้ถูกหวยอ่ะ ฮ่าๆๆ”   อืม พี่เชษฐ์เค้าจะรู้มั้ยเนี่ย ว่าผมอธิษฐานขอให้ผมได้อยู่กับพี่เชษฐ์ตลอดไป

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
พวกเราสองคนเดินเล่นอยู่ที่วัดได้ครู่ใหญ่ๆ ผมเลยคิดว่าน่าจะกลับได้แล้ว เพราะใกล้เวลาน้ำลง เวลาพายเรือกลับจะเหนื่อย เดี๋ยวตอนเย็นค่อยมาใหม่  ผมก็พาพี่เชษฐ์กลับบ้านโดยการพายเรือเหมือนเดิม  ถึงแม้ว่าจะเป็นตอนเที่ยงๆแดดจะแรงแล้วก็ตาม แต่พวกเราก็ไม่รู้สึกร้อนครับ เพราะยังเป็นช่วงฤดูหนาวอยู่ แถวชานเมืองก็ยังรู้สึกเย็นๆอยู่ ตลอดจนสองข้างคลองก็ร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ผมไม่รู้ว่ามันอายุเท่าไหร่หรอกครับ เพียงแต่ว่าตั้งแต่ผมเกิดมาก็เห็นพวกเขาอยู่ตรงนี้กันมานมนานแล้ว บ้านเรือนสองฝั่งคลองยังเป็นบ้านที่ทำด้วยไม้เป็นทรงไทยอยู่ค่อนข้างเยอะ มองไปก็เห็นเด็กใส่เสื้อผ้าสีสดใส วิ่งเล่นกันที่ลานบ้าน ดูเหมือนลูกกวาดหลากสี พี่เชษฐ์ก็คงจะเพลินของเค้าด้วยละครับ  มองไปทางโน้นที ทางนี้ที ผมก็แต่มองหน้าพี่เค้าแล้วก็ขำๆ ตอนที่พี่เชษฐ์ใส่หมวกใบลานสาน มองๆดูก็เหมือนชาวสวนนี่ล่ะครับ เพียงแต่ว่า เป็นชาวสวนที่หล่อที่สุดเท่าที่ผมรู้จัก และตอนนี้ผมก็รักชาวสวนคนนี้จนหมดหัวใจ ผมมองพี่เชษฐ์จนพี่เขารู้ตัว แล้วหันมาสบตาผม แล้วถามผมว่า
   “เหนื่อยมั้ยโม” พี่เชษฐ์ถามขึ้น หลังจากที่เราเงียบกันมานาน
   “ไม่หรอกครับ พายมาตั้งแต่เด็กแล้ว แค่นี้สบายมาก”
   “อื้ม เหนื่อยก็ทนหน่อยนะ เพราะว่าพี่พายไม่เป็น ฮ่าๆๆๆ อ่ะ พายไป พายไป”  พี่เชษฐ์พูดแล้วทำหน้าทำตายั่วโมโหผม  โห พี่ ที่เห็นถามนึกว่าเป็นห่วง ผมหมั่นใส้ก็เลยวักน้ำใส่พี่เค้าเลย
   “เฮ้ย ไอ้โมบ้า อย่านะ ฮะๆๆ นี่แน่ะๆ จะเอาเหรอ”  พี่เชษฐ์ก็วักน้ำใส่ผมคืนมั่ง  จำได้ว่าตอนนั้นเสียงหัวเราะของเราสองคนดังไปทั่วคุ้งน้ำเลยทีเดียว สักพักหนึ่งผมก็พายมาถึงบ้าน ผมเอาโซ่มาผูกเข้ากับหลักที่เดิม แล้วพาพี่เชษฐ์เดินขึ้นบ้าน  พอมองเข้าไปตรงใต้ถุนบ้าน ก็เห็นพ่อ แม่ พี่กวา กับพี่ศักดิ์ นั่งคุยกันอยู่
   “เอ้า ไอ้หนู กับ พ่อเชษฐ์กลับมาแล้ว  มากินข้าวกันมา กับข้าวเสร็จพอดี”  แม่ทักเราสองคน แล้วพี่เชษฐ์ก็ยกมือไหว้พ่อผม
   “เอ้อ ไหว้พระเถอะ คนนี้สินะ พ่อเชษฐ์  ขอบใจนะที่ดูแลไอ้เจ้าหนูมัน” พ่อผมพูดขอบใจพี่เชษฐ์ พอพี่เชษฐ์หันไปมองพี่ศักดิ์ก็เห็นพี่ศักดิ์ขยิบตาให้ ฮ่าๆๆ สงสัยจะถูกใจพ่อผมทั้งสองคนแล้วสิ จะว่าไปพี่ศักดิ์ก็แตกต่างจากผู้ชายคนอื่นๆที่มาจีบพี่กวาก่อนหน้านั้น เพราะพี่ศักดิ์มีความเป็นผู้ใหญ่ มีการงานที่มั่นคง รวมทั้งเป็นคนดีในสายตาของพ่อ ก็เลยทำให้พ่อกับแม่ผม เปิดใจรับพี่ศักดิ์มากขึ้น เห้อ ท่าทางจะได้พี่ศักดิ์เป็นพี่เขยเราจริงๆซะแล้ว
   กับข้าวเที่ยงนี้ก็มีแกงสายบัวกุ้งสด  แกงมะรุมกับปลาช่อน เชิงปลากรายทอดกระเทียม ซึ่งสามอย่างก็เป็นฝีมือแม่ผมทั้งนั้น เลยไม่ต้องบอกเลยครับว่า มื้อนี้ข้าวเกลี้ยงหม้ออีกแล้ว พอเป็นดังนั้น แม่ผมก็เลยหน้าบานเลยสิครับ พอพวกเรากินข้าวกันเสร็จแล้ว ผมกับพี่กวาก็เก็บสำรับถ้วยจานไปล้างหลังบ้าน ปล่อยให้พี่เชษฐ์ กับพี่ศักดิ์นั่งคุยกับพ่อ ส่วนแม่ก็ขึ้นบ้านไปเตรียมตัวช่วยงานที่วัด เพราะต้องไปทำกับข้าวเลี้ยงคนที่มาทำบุญวันนี้
   “พี่กวา พี่ศักดิ์เค้าคุยอะไรกับพ่ออ่ะ ท่าทางถูกคอกันจัง” ผมถามพี่กวา ขณะที่เรากำลังล้างจาน
   “ก็ เปล่านี่ พ่อก็ถามว่าเป็นใคร ทำงานที่ไหน ก็คุยกันไปเรื่อยๆแหล่ะ” พี่กวาตอบ ผมสังเกตุได้ว่าเวลาที่กวาพูดถึงพี่ศักดิ์ทีไร หน้าจะแดงทุกที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2009 11:44:23 โดย HuaTangMo »

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
พอล้างจานเสร็จ ผมกับพี่กวา ก็พากันมานั่งร่วมวงคุยกันกับพ่อ พอดีแม่เตรียมของเสร็จแล้ว เลยลงมาจากบ้าน บอกว่าจะไปวัดแล้วเลยให้พี่กวาไปช่วยต้อนรับคนที่มาทำบุญด้วย พอพี่ศักด์ได้ยินแบบนั้นเลยขอไปส่งแล้วจะรออยู่รับกลับบ้านด้วยเลย ตอนนี้ก็บ่ายสองกว่าๆแล้ว ผมเลยเอาหมอนที่ขัดไว้กับขื่อใต้ถุนบ้านลงมาหนุนนอนฟังพี่เชษฐ์คุยกันกับพ่อ ลมหนาวพัดเอื่อยๆจากคลองเข้ามาในบ้าน ตอนนี้อิ่มๆอยู่ด้วย หนังตาก็เริ่มหย่อนลง หย่อนลง จน.........................
   ผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็ประมาณบ่ายสี่โมงเกือบห้าโมงแล้วดวงอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลงมา พอผมลืมตาก็พบว่าหน้าของพี่เชษฐ์ห่างจากหน้าผมแค่คืบเดียวเอง ผมมองดูหน้าพี่เชษฐ์แล้วค่อยๆยื่นเอาหน้าเข้ามาจูบเบาๆที่ปากของพี่เชษฐ์ ผมนิ่งอยู่อย่างนั้นชั่วขณะหนึ่ง แล้วลุกขึ้นบิดขี้เกียจเสร็จก็เดินออกไปยังท่าน้ำ นั่งดูพระอาทิตย์กำลังลับลงไปในสวนหมาก สวนมะพร้าวที่อยู่อีกฝั่งของคลองตรงข้ามกับบ้านผม  ผมนั่งทอดอารมณ์ไปได้สักพักหนึ่ง พี่เชษฐ์ก็เดินเข้ามาแล้วนั่งลงข้างๆผม
   “สวยจังนะ นี่พี่ไม่เห็นพระอาทิตย์ตกมานานแค่ไหนแล้วนี่” พี่เชษฐ์พูดขึ้น
   “อย่าว่าแต่พี่เลยครับ ตั้งแต่ผมไปอยู่กรุงเทพยังไม่เคยเห็นเลย” ผมตอบ พอผมพูดจบ พี่เชษฐ์ก็ยื่นเอามือกดท้ายทอยผมแล้วเอาปากมาประกบจูบแบบไม่ทันตั้งตัว พอรู้ตัวผมก็รู้สึกว่ามีรสหวานๆอยู่ในปากเต็มไปหมด  เราสองคนจูบกันอย่างดูดดื่ม สักพักหนึ่งพี่เชษฐ์ก็ถอนปากออกมา พี่เค้าหน้าแดงไปหมดหายใจหอบมองหน้าผมแล้วพูดว่า
   “ถ้าคิดจะจูบ ต้องให้คนอื่นตื่นก่อนนะ”  อ้าว พี่เชษฐ์เค้ารู้ตัวเหรอเนี่ย ตอนนั้นผมรู้สึกว่า หน้าตาหูคอร้อนผ่าวไปหมด ได้แต่นั่งจ้องพื้นกระดานท่าน้ำ แล้วพี่เชษฐ์ก็ค่อยๆเอามือมากุมมือผมไว้
   “พี่ดีใจนะ ที่ได้รักโม แล้วพี่ดีใจที่สุดที่โมรักพี่ด้วยเหมือนกัน ถ้าเป็นไปได้ พี่อยากอยู่ตรงนี้กับเราตลอดไป แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ เอาเป็นว่า พี่อยากให้โมรู้ เวลานี้พี่มีความสุขที่สุดเลย” พี่เชษฐ์พูดพร้อมกับมองลึกเข้าไปในตาผม ตอนนั้นผมรู้สึกตื้นตันใจจนพูดไม่ออก ได้แต่มองหน้ากันและกัน  จนผมรู้สึกว่ากำลังจะค่ำนั่นแหล่ะครับ
   “พี่เชษฐ์ เล่นน้ำกันมั้ยครับ” ผมชวน
   “น้ำในคลองเหรอ เอาสิ” พี่เขาตอบตกลงเสร็จ ผมก็วิ่งไปเอาผ้าขาวม้ามาสองผืน ถอดเสื้อผ้าออก แล้วเอาผ้าขาวม้าทำเป็นโจงกระเบนแต่สั้นกว่า พอเสร็จแล้วก็วิ่งกระโดดลงน้ำไปก่อน แต่พี่เชษฐ์ยังไม่เสร็จเพราะพี่เขาไม่เคยทำแบบนี้ ผมที่อยู่ในน้ำแล้วก็เลยเลยเอามือวักน้ำสาดใส่พี่เค้า
   “เฮ้ย ไอ้โมบ้า เดี๋ยวก่อนเหอะ ลงไปแล้วน่าดู” พี่เชษฐ์ขู่ผม
   “แบร่ จ้างให้ก็ไม่กลัว ฮะๆๆๆ” ผมท้าแล้วปลิ้นตาหลอกพี่เค้า แล้วพี่เชษฐ์กนุ่งโจงกระเบนเสร็จ โดดลงน้ำ เราสองคนเลยเล่นน้ำจนรู้สึกหนาวนั่นแหล่ะครับ เราถึงขึ้นมา แล้วผมก็พาพี่เชษฐ์เค้าไปล้างตัวที่ตุ่มน้ำหลังบ้าน
   “เมื่อดวงใจมีรัก ดั่งเจ้านกโผบิน บินไปไกลแสนไกล 
หัวใจฉันก็ลอยลับไป ถึงแดนดินถิ่นใดนะใจ โอ้ดวงใจเจ้าเอ๋ย
เมื่อต่างเราก็รัก จะเกรงกลัวฉันใด ใจเรานั้นแน่นอน 
ขอให้เธอมั่นใจรักจริง รักเธอจึงแน่ใจขอวอน ก่อนตัดใจร้างลา
โอ้ใจรักเธอ คิดถึงเธอ เฝ้าครวญหา 
โอ้ใจนะเออ ใยละเมอถึงเธอร่ำไป
เมื่อดวงใจมีรัก มอบแด่ใครสักคน หมดทุกห้องหัวใจ 
ขอให้เธอมั่นใจรักจริง ฉันจะยอมมอบกายพักพิง แอบแนบอิงนิรันดร์”
พี่เชษฐ์ฮัมเพลงนี้ขึ้นมาตอนที่ตอนพี่เค้านั่งให้ผมสระผมให้ จนมาถึงทุกวันนี้ผมก็ยังจำได้ทุกทำนองที่พี่เค้าร้อง

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
เราสองคนพออาบน้ำเสร็จแล้วก็พากันไปแต่งตัวแล้วลงมานั่งที่ใต้ถุนบ้าน สักพักหนึ่งแม่กับพี่กวาก็กลับมาพร้อมกับพี่ศักดิ์ครับ แต่พ่อยังอยู่ช่วยงานที่วัดนั่นแหล่ะ ดึกๆค่อยกลับ  พอขนของลงจากรถซึ่งก็จะมีไข่ น้ำตาล แป้ง มาไว้ที่แคร่แล้ว พี่ศักดิ์ก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อน  พอคล้อยหลังแล้ว แม่ก็ชมพี่ศักดิ์ใหญ่เลยว่า
   “พ่อศักดิ์นี่เค้าเป็นคนดีจริงๆนะ วันนี้อยู่ช่วยแม่ที่วัดทั้งวัน ช่วยยกหม้อยกของ ป้าๆยายๆที่วัดชอบกันใหญ่ เห็นบอกว่าถ้าสนใจก็จะยกลูกสาวให้"” แม่ชมพี่ศักดิ์ให้ฟัง ท่าทางจะปลื้มเอามากๆเลยนะเนี่ย
   “ถ้าพี่ศักดิ์สนใจลูกสาวบ้านนี้ล่ะแม่ แม่จะว่ายังงัย” ผมพูดขึ้นพร้อมหันไปมองพี่กวา
   “จะว่าอะไรล่ะ ไอ้หนู ถ้าเค้ารักกันแม่ก็ไม่ห้ามหรอก”
   “งั้นเดี๋ยวผมบอกให้มาขอพรุ่งนี้เลยแล้วกันนะจ๊ะ แม่” ผมแหย่พี่สาวไป รายนั้นไม่ต้องพูดถึงหรอกครับ นั่งอายหน้าแดงอยู่อีกข้างของแม่ผมนั่น ผมกับพี่เชษฐ์มองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา  แม่ผมก็กำลังเตรียมจะทำขนมอีกครั้งน่ะคัรบ เห็นบอกว่า มีแต่คนชอบ เลยขอกลับไปเยอะเลย ไม่พอเลี้ยงคนพรุ่งนี้ คิดว่าจะทำใหม่ดีกว่า ผมเลยอาสาจะเป็นคนช่วยแม่ทำอีกแรง
   “ไม่ต้องหรอก ไอ้หนู เดี๋ยวพาพ่อๆไปเที่ยวงานวัดแล้วกัน มาเที่ยวแล้วยังมาช่วยแม่อีก เกรงใจพ่อศักดิ์ พ่อเชษฐ์เค้าน่ะ”  แม่ผมบอก
   
   สองทุ่มกว่าๆพวกเรา มีพี่เชษฐ์ พี่ศักดิ์ พี่กวา แล้วก็ผมก็ได้ไปยืนอยู่กลางลานวัด  แน่นอนครับ คนที่ดูน่าจะสนุกที่สุดก็คือแฟนผมครับ พี่เชษฐ์นั่นเอง รายนั้นเห็นอะไรไม่ได้ ดูสนุกหมดไปซะทุกอย่าง เดินเที่ยวชมงานไปเรื่อยๆ ซื้อลูกชิ้นปิ้ง ขนม ข้าวโพดคั่วมากินกัน พอถึงร้านที่เป็นร้านยิงลูกดอก พี่ศักดิ์กับพี่เชษฐ์ก็จะโชว์พาวด้วยมั้งครับ เลยท้ากันอีกแล้วว่าใครจะแม่นกว่ากัน อันนี้ไม่ต้องบอกหรอกครับ ว่าใครจะแม่นกว่ากัน ก็พี่ศักดิ์นั่นแหล่ะ (เสียชื่อผู้กองอีกรอบ) พี่ศักดิ์ยิงเข้าเป้าได้ทุกลูก ในขณะที่พี่เชษฐ์ ยิงได้สี่ลูกเอง (ชุดใหญ่ 30 บาทครับ มีลูกดอกให้ 7 ลูก) แถมยังพูดทับอีกว่า ต่อให้หรอก ของรางวัลก็ได้เป็นตุ๊กตาโดเรม่อนตัวใหญ่พอสมควรครับ เราก็เดินชมงานไปเรื่อยๆ พอรู้สึกเหนื่อยแล้ว ก็พากันนั่งดูหนังกลางแปลง จบไปสองเรื่องแล้วก็เที่ยงคืนพอดี เลยไปรับพ่อที่กองอำนวยการกลับบ้านด้วยเลย พอกลับไปถึงบ้าน แม่ก็ทำขนมเสร็จพอดีเลยครับ มีทองหยอดกับฝอยทองวางอยู่สามสี่ถาด พอแม่เห็นพวกผมกลับมาแล้วก็บอกให้ไปล้างหน้าล้างตาแล้วรีบขึ้นไปนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า เดี๋ยวพ่อกับแม่จะพาไปตักบาตรที่วัด คืนนี้ผม พี่เชษฐ์ กับพี่ศักดิ์ นอนห้องเดียวกันครับ ซึ่งเป็นห้องนอนเก่าของผมเอง พี่ศักดิ์พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายเลยครับ สงสัยเหนื่อยมาทั้งวัน อิอิ รักลูกสาวเค้าต้องทำคะแนนหน่อยครับ ส่วนผมกับพี่เชษฐ์ก็นอนเมื่อตอนกลางวันมาแล้ว เลยไม่ง่วงเท่าไหร่ เราสองคนเลยนอนมองหน้ากัน ยิ่งดึกก็ยิ่งหนาว ทำให้ร่างของเราสองคนกระชับเข้าหากันมากขึ้น จนผมหลับไปกับอ้อมกอดของพี่เชษฐ์เขานั่นแหล่ะครับ

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
พอตอนเช้า พวกเราทั้งสามคนก็ตื่นขึ้นมาประมาณตีห้าครึ่ง พอลงมาจากบนบ้านก็พบว่า แม่กับพี่กวากำลงัจัดของเตรียมตัวไปทำบุญที่วัดอยู่ พวกผมเลยรีบล้างหน้าแปรงฟัน แต่งตัวแล้วช่วยขนของขึ้นรถ ส่วนพ่อออกไปตั้งแต่เช้าแล้วครับ เห็นบอกว่าต้องไปนิมนต์พระมาจากวัดอื่นด้วย พวกเราก็ออกจากบ้านไปตอนหกโมง พอยกข้าวของลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปยังโรงครัว พวกแม่ครัวที่ทำงานอยู่ พอมองเห็นแม่ผมเดินเข้ามากับพี่ศักดิ์พี่เชษฐ์ ก็ร้องทักขึ้นมาว่า
   “อุ๊ย แม่จำเนียรคงจะได้ลูกเขยเป็นคนกรุงแน่แท้เลยล่ะ คราวนี้”   ป้าไหวคนเดิมนั่นแหล่ะคัรบ
   “คงไม่ทันใจฉันแล้วล่ะจ้ะ ผู้ชายเมืองกรุงขี้อาย ถ้าไม่มาขอซักที ฉันกลัวว่านังกวาของฉันมันจะขึ้นคานก็ทีนี้ล่ะ”  ดูแม่ผมสิ  พี่กวาได้ยินแบบนั้นก็อายม้วนต้วนสิครับ พี่ศักดิ์ก็ได้แต่ยิ้มแหะๆ ออกมา
   “แล้วผู้กองไม่สนใจลูกสาวอิฉันเหรอคะ” มีเสียงหนึ่งร้องถามขึ้น
   “ผมมีแฟนแล้วครับ” พี่เชษฐ์ตอบไปพร้อมกับมองมายังที่ผมแล้วยิ้มให้ พอพวกเราเอาขนมที่แม่ทำไปให้คนในครัวจัดแบ่งแล้ว ก็พากันไปยังลานที่ทางวัดจัดไว้สำหรับให้คนมาตักบาตร พวกเรานั่งรออยู่สักครู่หนึ่ง พระสงฆ์ก็เริ่มเดินลงมาจากศาลามายังลานวัด เพื่อให้ผู้คนได้ร่วมทำบุญกัน โดยมีผมกับพี่เชษฐ์ถือถาดที่ใส่ข้าวกับถุงกับข้าว แล้วมีพี่กวากับพี่ศักดิ์ถือถาดใส่ของหวาน น้ำ และดอกไม้  เหมือนกับคู่รักคนอื่นๆกำลังทำบุญร่วมด้วยกัน  พอพวกเราตักบาตรพระเสร็จแล้วก็เอาของไปเก็บที่รถ แล้วเข้าไปช่วยแม่ที่อยู่ในครัว  พี่ศักดิ์ กับ พี่เชษฐ์ เป็นคนยกหม้อกับข้าวออกไปยังเต๊นท์ที่จัดไว้สำหรับจ่ายอาหารให้คนมาร่วมงานครับ ส่วนผมกับพี่กวาก็ช่วยกันยกจานชามไปตั้งไว้ อาหารสำหรับเลี้ยงคนวันนี้มีหลายอย่างครับ ทั้งแกงเขียวหวานไก่  หมูหวาน ผัดผักรวมมิตร ของหวานก็เป็นขนมของแม่ผม และก็มีของคนอื่นๆมารวมด้วยครับ ผมกับพี่กวามีหน้าที่ตักข้าวใส่จาน พี่เชษฐ์มีหน้าที่ตักแกงเขียวหวาน ส่วนพี่ศักดิ์รับผิดชอบหมูหวาน กับผัดผัก พี่เชษฐ์เป็นคนตักแกงที่มือหนักน่ะคัรบ คนมาแรกๆ ก็ได้แต่ชิ้นเนื้อไป พอคนหลังๆก็มีแต่ชิ้นมะเขือ ฮ่าๆๆ ส่วนพี่ศักดิ์สงสัยหน้าตาถูกใจคนแถวนี้ เลยมีแต่คนขอไปเป็นลูกเขย ทำให้พี่กวาต้องมองค้อนอยู่บ่อยๆ ครู่นึงหลังจากที่เราแจกจ่ายกับข้าวให้คนมาร่วมงานจนเกือบทั่วถึงแล้ว พวกเราก็ถือเอาจานข้าวมาคนละจานแล้วมานั่งกินกันแถวๆนั้นแล่ะคัรบ
“คุณศักดิ์เหนื่อยมั้ยคะ มาพักผ่อนยังอุตส่าห์มาช่วยงานอีก” พี่กวาถามพี่ศักดิ์
   “ไม่เลยครับ คุณกวาไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับ เรียกใช้ผมได้ตลอดเลยนะ”  พี่ศักดิ์ตอบไปพร้อมทำท่าเหมือนกับว่า พลังงานยังเหลือเฟือ
   “แล้วพี่เชษฐ์เหนื่อยมั้ยครับ” ผมหันไปถามพี่เขา
   “ไม่หรอกโม สนุกดีออก นานๆ ได้มาทำบุญ รู้สึกดีจัง อยากอยู่แถวนี้แล้วสิ”
   “มาอยู่จริงๆกลัวจะอยู่ไม่ได้น่ะสิ” ผมแกล้งพูดแหย่
   “อ้าว ทำไมจะไม่ได้ล่ะ มีโมอยู่พี่ก็อยู่ได้”  พี่เชษฐ์พูดพร้อมกับแววตาจริงจังขึ้นมา
   “อู๊ยยยยยยยยยย ขนลุก”  พี่ศักดิ์ร้องขึ้นมา แล้วตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว พวกเราทั้งสี่คนก็พากันไปเดินเล่นยังตลาดน้ำที่ท่าวัด พากันซื้อของไปฝากคนที่ทำงาน กับคนข้างบ้าน พอตะวันเริ่มที่จะตรงหัวแล้ว พวกเราก็ว่าจะกลับบ้านไปพักผ่อนแล้ว แต่พี่กวายังขออยู่ที่วัดช่วยแม่ก่อน และก็จะกลับพร้อมแม่ตอนบ่ายๆ พวกผมสามคนเลยกลับมาที่บ้านก่อน พอมาถึงแล้วก็พากันไปอาบน้ำ แต่งตัวใหม่ แล้วเอาหมอนมานอนกันที่แคร่ไม้ไกล้ๆกับท่าน้ำ ที่มีต้นก้ามปูต้นใหญ่ขึ้นอยู่  ลมกำลังพัดเอื่อยๆ สบายๆ จากนั้นเสียงคนคุยกันสามคนก็ค่อยๆเงียบลงกันทีละคน

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
ผมตื่นอีกทีมาตอนเกือบบ่ายสี่โมง แต่ว่าพี่ศักดิ์กับพี่เชษฐ์ยังไม่ตื่น ผมเลยเดินลงไปที่ท่าน้ำ วักน้ำขึ้นมาล้างหน้า ลูบตามแขนตามมือ แล้วนั่งมองไปยังฝั่งตรงข้าม อีกไม่กี่ชั่วโมงแล้วสินะ ที่ผมต้องจากบ้านที่แสนสงบไปสู่เมืองหลวงที่แสนจะวุ่นวายอีกครั้ง ผมนั่งปล่อยอารมณ์ไปเรื่อยๆ จนเมื่อรู้สึกตัวว่า แม่กับพี่กวากลับมาแล้ว ผมเลยเดินเข้าไปช่วยแม่เก็บของ สักพักหนึ่งพี่ศักดิ์ กับ พี่เชษฐ์ก็ตื่นขึ้นมา ล้างหน้าล้างตาแล้วก็เข้ามานั่งอยู่กับผม
   “ไม่อยากกลับเลย อยากอยู่อย่างนี้นานๆจัง”  ผมพูดขึ้นลอยๆ
   “พี่ก็ไม่อยากกลับหรอก แต่คนเราก็ต้องมีหน้าที่ที่จะต้องทำน่ะ มันเลี่ยงไม่ได้หรอก โม” พี่เชษฐ์สอนผม
   พี่ศักดิ์ก็นั่งอยู่บนแคร่ เอามือประสานท้ายทอยแล้วนอนลงไป สายตาก็จ้องมองอยู่บนขื่อบ้าน ท่าทางพี่ศักดิ์ก็คงไม่อยากกลับเหมือนกัน  สักครู่หนึ่ง พี่เชษฐ์ก็พูดขึ้น
   “เรากลับได้แล้วล่ะ มืดค่ำขับรถลำบาก”  พี่ศักดิ์กับผมได้ยินก็พากันพยักหน้า แล้วขึ้นไปเก็บของข้างบน พอผมบอกแม่ว่าพวกเราจะกลับกันแล้ว แม่ก็จัดของฝาก ผลไม้ ให้เราเกือบเต็มท้ายรถ  จัดของเสร็จ ผม พี่เชษฐ์ พี่ศักดิ์ ก็มายืนลาแม่อยู่ข้างๆรถ
   “กลับดีๆนะลูกนะ ระวังด้วย แล้ววันหลังมาเที่ยวกันใหม่นะ” แม่ผมอวยพร
   “ครับ” ผมพูดแค่นั้น เพราะรู้สึกเหงาๆ ที่จะต้องไกลบ้านอีกครั้ง
   “พ่อเชษฐ์ พ่อศักดิ์ ฝากไอ้หนูมันด้วยนะ มันจะเกเรก็กำราบมันก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจหรอก” ดูแม่ผมฝากฝังสิ
   “ไม่ต้องห่วงครับ คุณอา รับรองผมดูแลอย่างดีเลย คุณกวา ผมไปก่อนนะครับ ไว้วันหลัง ขอจะมารบกวนอีกที” พี่ศักดิ์รับปากแม่ แล้วหันไปลาพี่กวา
   “ขอบคุณมากนะครับ คุณอา เดี๋ยวผมจะดูแลโมให้ครับ ไม่ต้องเป็นห่วง ผมขอลาล่ะครับ” พี่เชษฐ์กล่าวลากับแม่ แล้วเราสามคนก็พากันขึ้นรถ  ในขณะที่พี่ศักดิ์ขับรถออกไปจากบ้านสวนนั้น ผมได้มองไปยังข้างหลัง ก็เจอแม่กับพี่กวาโบกมือให้พวกผม ก่อนที่ภาพนั้นจะไกลห่างแล้วลับสายตาไปพร้อมกับดวงอาทิตย์ยามเย็น เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกกอยู่ที่คอ พอหันกลับมามองพี่เชษฐ์ ก็พบกับสายตาอันอบอุ่นที่ดูเหมือนกับว่า กำลังปลอบใจผมอยู่ แค่นั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกดี และก็พร้อมที่จะสู้ต่อไปกับวันรุ่งขึ้นในเมืองหลวงที่แสนจะวุ่นวายอีกครั้งแล้วล่ะครับ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
อยากไปบ้านโมที่อยุธยาจังเลย

บรรยายซะเห็นภาพชนบทที่น่าอยู่

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณครับ ตอนนี้ก็มาถึงเกือบค่อนเรื่องแล้วล่ะครับ อุตส่าห์จนได้ แต่ต้องขอแค่นี้ก่อนครับ เดี๋ยวกลับบ้านจะอัพต่อให้จนหมด เพราะที่ทำงานวันนี้เน็ตไม่ไหวจริงๆ หลุดบ่อยไม่พอ ต่อไม่ติดอีกตะหาก  ก็มองดูไฟล์ที่พิมพ์ไว้ ก็มาถึงหน้า 49 แล้วล่ะ
 อีกสามตอนก็จะจบแล้ว ตอนนี้ก็เปิดไดของพี่เชษฐ์แล้วเอามาเรียบเรียงอยู่น่ะครับ อีกไม่นานคงได้เอามาให้ท่านๆได้อ่านกัน  ก็จะพยายามพัฒนางานเขียนของตัวเองให้ดีครับ เพราะรู้สึกว่าภาษาของผมยังไม่ลื่นไหลพอ อ่านแล้วยังสะดุดๆอยู่ ก็ขออภัยด้วยนะครับ มีความสุขกับเย็นๆวันอังคารทุกท่านครับ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน อ่านรวดเดียวเลย ขยันมากเลยค่ะดีค่ะแบบนี้ชอบ
เป็นความรักที่มาแบบเรื่อยๆสบายๆดีนะค่ะ แต่กลัวตอนจบจังมันจะเศร้ามั๊ยอ่ะค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






namtaan

  • บุคคลทั่วไป
กลับมาอ่านอีกรอบ เจอคนขยันมาอัพอีกยาวมากมาย
ขอบคุณมากๆ นะจ๊ะ บวก 1 ให้อีกรอบเลยจ้า
ยิ่งอ่านยิ่งเพลิน ไม่ใช่เพราะได้อ่านต่อเนื่องอย่างเดียว
แต่เพราะภาษาที่น้องโมใช้ อ่านง่าย สบายๆ เล่าไปเรื่อยๆ บรรยายเหตุการณ์ให้เห็นสิ่งหลักๆ ได้ชัดเจนดี
แถมข้อความในวงเล็บยังเรียกเสียงฮาได้เป็นระยะๆ น่ารักดีหละ
แต่รู้สึกเหมือนจะจบเศร้า เพราะพี่เชษฐ์ไม่อยู่แล้ว (ไม่อยากคิดต่อเลย)

เห็นบอกว่าใกล้จบ เดี๋ยวลงจบค่อยมาเมนท์เพิ่มนะจ๊ะ
แต่อยากบอกว่าชอบการแต่งของน้องโมมากจ้า
ขนาดเรื่องแรกยังขนาดนี้  o13
ถ้าจบเรื่องนี้แล้ว ก้อจารออ่านไดฯของพี่เชษฐ์นะคะ
หรือเรื่องอื่นๆ ที่น้องโมจะเอามาลงต่อไป
เป็นกำลังใจให้จ้า  :กอด1:

jokirito

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วมีความสุขจังคับ

เป็นชีวิตที่สงบสุขดีแท้ๆ

แต่พอคิดว่ามันจะเศร้าก็หดหู่นิดหน่อย o7

เป็นกำลังใจให้คุณโมนะครับ

+ อีก 1 แต้ม สำหรับคนขยันโพส ผมก็ขยันอ่านนะ(แบบว่างานการไม่ทำ มัวแต่อู้)


salemon

  • บุคคลทั่วไป
ชอบมากเลยค่ะ
แบบว่าตามอ่านจนทัน นั่งไปยิ้มไป
ตอนที่อยู่บ้านพี่โม เห็นภาพเลยคะ
อยากไปเจอสถานการณ์แบบนั้นมั่งจัง
อยู่ กทม มีแต่มลภาวะจริงๆ

+1ให้กำลังใจค่า :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-03-2009 18:59:13 โดย salemon »

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
รวดเดียวจบคับพี่น้อง หุหุหุ

แต่ เมื่อไหร่จะ  :oo1: :oo1: ซ่ะทีอ่ะ



dokjarn

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณครับ ตอนนี้ก็มาถึงเกือบค่อนเรื่องแล้วล่ะครับ อุตส่าห์จนได้ แต่ต้องขอแค่นี้ก่อนครับ เดี๋ยวกลับบ้านจะอัพต่อให้จนหมด เพราะที่ทำงานวันนี้เน็ตไม่ไหวจริงๆ หลุดบ่อยไม่พอ ต่อไม่ติดอีกตะหาก  ก็มองดูไฟล์ที่พิมพ์ไว้ ก็มาถึงหน้า 49 แล้วล่ะ
 อีกสามตอนก็จะจบแล้ว ตอนนี้ก็เปิดไดของพี่เชษฐ์แล้วเอามาเรียบเรียงอยู่น่ะครับ อีกไม่นานคงได้เอามาให้ท่านๆได้อ่านกัน  ก็จะพยายามพัฒนางานเขียนของตัวเองให้ดีครับ เพราะรู้สึกว่าภาษาของผมยังไม่ลื่นไหลพอ อ่านแล้วยังสะดุดๆอยู่ ก็ขออภัยด้วยนะครับ มีความสุขกับเย็นๆวันอังคารทุกท่านครับ  :เฮ้อ:

 :L2: :L1: :L2:

ประทับใจมากมายกับการอ่านเรื่องนี้

คุณน้องโม เขียนได้อย่างรื่นไหลในภาษาที่เรียบง่าย

ชอบแบบนี้แหละครับ

ที่สำคัญ ขยันเป็นเลิศ

ลองสังเกต คะแนนชื่นชมซิครับ

หลั่งไหลมาไม่ขาดสาย(เหมือนการโพสที่ไม่ขาดสายเช่นกัน)

แสดงว่า เรื่องนี้สร้างความประทับใจให้คนอ่านมาก

แล้วก็ชอบบรรยากาศ ที่อยุธยา จริงเลย

ได้ความอบอุ่น จากสัมผัส ของคนต่างจังหวัด

คำว่า*ไอ้หนู* *พ่อ...* มันเป็นรักที่อบอุ่นมาก

การพรรณนา โดยการเล่าให้เห็นสภาพของ ชนบท ริมน้ำ

จะมีอะไรสุขกว่านี้มั๊ยนี่  น้องโม โชคดีมาก ที่มีจังหวัดเป็นของตัวเอง..55 งงมะ

เดี๋ยวเย็นนี้คงได้อ่านที่บ้านอีก..อย่างเพลิน

แต่แอบเศร้าล่วงหน้าแล้วอ่ะครับ

มีบางประโยคว่า...พี่เชษฐ์...ไม่อยู่แล้ว..

...เตรียมเปิดไดอารี่ของพี่เชษฐ์...อะไรงี้

ถึงแอบเดาเรื่องไว้ ก็ขอบอกว่า *ประทับใจ* มาก

ขอบคุณสำหรับเรื่องที่น่ารัก อบอุ่นเช่นนี้

ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้ครับ


 :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :L1:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-03-2009 17:37:07 โดย dokjarn »

ออฟไลน์ Tempozia

  • ผู้ชายรักกันเห็นแล้วกระชุ่มกระชวยอ่ะ...
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :L2:อ่านทันแล้ว เป็นกำลังใจให้นะคะ

  ขยันอัพมากๆ ยังไงคงไม่จบแบบสะเทือนใจมากรึเปล่า

ช่วงนี้อ่านแต่แบบไม่ค่อยสมหวังอ่า สู้ๆค่า

ออฟไลน์ ||WiTHOuT_YoU||

  • ที่รักของใครสักคน
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-6
    • MoSHI
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

คนเขียนขยันจริงๆเลย พักบ้างอะไรบ้างน้า

เด๊วจะสลบไปซะก่อน เป็นกำลังใจให้เน้อ

 :L2: :L2: :L2:

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องเล่า) แฟน&#
«ตอบ #107 เมื่อ10-03-2009 17:45:01 »

ตามทันแล้วคะ
ชอบสำนวน ภาษา และการบรรยายเห็นเป็นฉากๆเลยคะ จินตนาการตามไปด้วยเห็นภาพมากๆ  o13 o13
อีกอย่างตอนบรรยายว่าแม่ทำอะไรให้กินอ่ะ  :o12: คิดถึงแม่ อยากกลับบ้านขึ้นมาทันทีเลย กลับไปกินอ่ะนะ ครึๆ
บรรยายบ้านสวน น่าไปจังเลยอยากไปตีลังกาลงคลองให้สบายใจ ชอบจัง
คนที่อยู่กับคลอง กับต้นไม้มาตั้งแต่เด็กๆ เราจะรู้สึกผูกพันโดยปริยาย
เห็นต้นไม้ ต้นหญ้าในเมืองหลวงก็พาลคิดไปถึง ต้นไม้ ต้นไร้ที่บ้านเหมือนกัน ต้นกล้วย มะม่วง มะพร้าว มะยม ขนุน ฝรั่ง ชมพู่
เก็บกินแบบไม่ต้องกลัวยาฆ่าแมลง
(บรรยายซะ)

ส่วนผู้กองรูปหล่อเนี่ย อั๊ยยยยยยยยย น่ารักนะนั่นไปงานแต่งงานเพื่อนก็ให้เกียรติแนะนำ คุณโมว่าเป็นคนพิเศษ ไปร้องเพลงคู่กันด้วยอ่ะโรแมนติกเกิ๊น
แต่ที่ชอบก็คือ ตอนไปดูพลุอ่ะคะ บรรยายมาให้ซะ อ่านแล้วอิจ  :-[  ดูพลุกับคนรู้ใจ ไม่ต้องหรูหรา ไฮโซและฟุ่มเฟือยแต่เป็นค.ทรงจำที่สุดแสนจะพิเศษ
เฮ้ออออออออออ

คุณแม่กะคุณพ่อ คงนึกว่าจะได้พ่อศักดิ์มาเป็นว่าที่ลูกเขยคนเดียว แต่ที่ไหนได้
หึหึ พ่อเชษฐ์เค้าก็มาขอกรอกใบสมัครว่าที่ลูกเขยด้วยคนคะคุณแม่ขา รับเลยมั๊ยคะ เด๋วข้าวสารจะกลายเป็นข้าวสุก อิอิ

ดิท... ชอบฉากขโมยจูบของโม อั๊ยยยยยยยยยยยย กลางลานบ้าน กลางวันแสกๆ อย่างที่พี่เชษฐ์บอกว่า ถ้าจะจูบปลุกให้ตื่นก่อนนะ แบบว่า พี่เชษฐ์อยากมีส่วนร่วมแบบสมยอม  น่ารักกกกกกกกกกกกกก  อีกอย่าง พ่อกำนันไม่ต้องขัดลูกซองเพราะหวงพี่แตงกวาแล้วมั้ง แต่ต้องมาหวงลูกชายแทน แบบว่ากลัวลูกชาย ไปทำมิดีมิร้าย ผู้กองรูปงาม 



ปล. +1 กับคุณโมคนขยันนะคะ  สนุกมากเลยอ่ะ ลืมชมไปคะ ทำกับข้าวเก่งแล้ว ยังทำทำขนมไทยเก่งอีกเห็นแล้วอายเลยอ่ะ
แบบนี้พี่เชษฐ์มะอดตายแน่ๆ
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-03-2009 18:07:15 โดย mecon »

hima

  • บุคคลทั่วไป
+1 ให้อีกรอบ เป็นกำลังใจให้น้องโมครับ :D

orangedew

  • บุคคลทั่วไป
ตามอ่านที่เดียว .... เหมือนกัน ... จะรออ่านนะ  o18

แต่กลัว... ว่ามันจาเศร้า .... จัง  :m15:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






YO DEA

  • บุคคลทั่วไป
 :impress3:

ตามอ่านทันแล้วครับ


แต่มันกึ่งๆ จะเศร้า

ผมเลยอ่านไปจะร้องไห้ไป....


เหมือนคนจิตตกยังไงไม่รู้ครับ


HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
กลับมาถึงบ้านแล้วครับ วันนี้รถติดมาก ขนาดไม่ได้ขับรถเองยังหงุดหงิดเลยครับ อ่ะ ไม่ดีๆ ทำใจให้สบายๆครับ ต้องขอขอบคุณที่ติดตามเรื่องราวความทรงจำของผมมากๆนะครับ มีกำลงัใจขึ้นมากเลยครับ บทนี้ก็เป็นบทเกือบสุดท้ายของเรื่องแล้วล่ะครับ อาจจะเป็นความสุขครั้งเกือบสุดท้ายของผมกับพี่เชษฐ์น่ะครับ ก่อนที่ไปสู่บทจบของเรื่อง อ่า พล่ามมากแล้วสิ ติดตามต่อเลยครับ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บทที่สิบสอง  เฮ จะเอาเธอนั้นไปลอยทะเล

เมษายน 2549
   มิ้ง มิ้ง มิ้งๆๆๆๆ   มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆๆ....มิ้ง มิ้ง มิ้งๆๆๆๆ   มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆๆ.................หงุดหงิด
   มิ้ง มิ้ง มิ้งๆๆๆๆ   มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆๆ....มิ้ง มิ้ง มิ้งๆๆๆๆ   มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆๆ.......................ฮื่อ หงุดหงิด
   มิ้ง มิ้ง มิ้งๆๆๆๆ   มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆๆ....มิ้ง มิ้ง มิ้งๆๆๆๆ   มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆๆ.........................หงุดหงิดว้อยยยยยยยยย
   “เห้อ อะไรวะ วันหยุดทั้งที ต้องมานอนฟังเสียงจั๊กจั่นร้องอยู่ได้ ร้อนก็ร้อน ฮึ๋ย หงุดหงิดๆๆ” เสียงผมบ่นกับตัวเอง เห้อ อยากไปที่เย็นๆจัง ว่าแล้วผมก็เดินเข้าบ้าน เปิดดูตู้เย็น  โอ้ววว สวรรค์โปรด........... เหอๆๆ ไอติม ร้อนๆอย่างนี้ได้ไอติมแท่งคงหายหงุดหงิดลงไปหน่อย ผมได้ยินเสียงเปิดประตูดังแกร๊ก แล้วผมก็หันไปดู อ้าว พี่เชษฐ์ วันนี้ทำไมกลับไวจังอ่ะ ดูท่าทางพี่เชษฐ์ก็คงจะร้อนอยู่เหมือนกัน เพราะเห็นเดินลิ้นห้อยเข้ามา กระดุมเสื้อเครื่องแบบก็ปลดออกหมด เผยให้เห็นกล้ามหน้าอกเป็นแผ่นอยู่ใต้เสื้อกล้ามรัดรูปที่มีเหงื่อชุ่มไปหมด
   “ฮึ่ยย.. หงุดหงิดจัง กินรัยอยู่อ่ะโม กินมั่งสิ” ว่าแล้วพี่เชษฐ์ก็คว้าไอติมแท่งจากมือผมไป โธ่ แท่งสุดท้ายนะเนี่ย ในขณะที่พี่เชษฐ์กำลงัแกะห่อพลาสติกออกอยู่นั่น  พี่ศักดิ์ก็เดินเข้ามาอีกคน
   “ว้อยยยยยยยยย ร้อนจัง หงุดหงิด หงุดหงิด มึงกินอะไรอยู่อ่ะ กินด้วยสิ”  ว่าแล้วพี่ศักดิ์ก็คว้าไอติมแท่งนั้นจากมือพี่เชษฐ์แล้วก็เอาเข้าปากดูดอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผมสองคนทำตาละห้อยมองดูพี่ศักดิ์แย่งไอติมไปต่อหน้าต่อตา
   “อ้าว ทำไมทำหน้าอย่างนั้น หวงเหรอ อ่ะ ไม่กินก็ได้” แล้วพี่ศักดิ์ก็ยัดไม้ไอติมซึ่งตอนนี้ไม่มีไอติมแล้วใส่มือพี่เชษฐ์ แล้วเดินออกไป ผมกับพี่เชษฐ์มองดูไม้ไอติมเปล่าในมืออย่างเคืองแค้น แล้วได้ตะโกนออกมาพร้อมกันว่า
   “แก......ต๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
   หลังจากที่ผมกับพี่เชษฐ์รวมหัวกันซ้อมพี่ศักดิ์เสร็จแล้ว เราก็มานั่งสุมหัวกันที่โต๊ะกินข้าวกลางบ้าน มองออกไปข้างนอกก็เห็นเปลวแดดกำลังเต้นระริกๆอยู่บนถนน เห็นแล้วก็เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนทั้งๆทียังไม่ได้ออกไปโดนแดดด้วยซ้ำ
   “เห้อ อยากไปขั้วโลกจัง”  พี่ศักดิ์บ่นขึ้นมา
   “เออ ถ้ามึงไปได้ อย่าลืมเอากูไปด้วยแล้วกัน” พี่เชษฐ์พูดขึ้น
   “หา ขั้วโลกเหรอครับ  แล้วที่นั่นมันมีตลาดมั้ยอ่ะ”  โถ ไอ้โม แกยังเป็นห่วงอยู่เหรอ แล้วเราสามคนก็มองหน้ากัน   “ไปทะเลดีกว่า” ผม พี่เชษฐ์ พี่ศักดิ์พูดขึ้นพร้อมกัน   


ออฟไลน์ DEMON3132

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-1
+1 ให้น้องโมนะคะ  :กอด1: เป็นกำลังใจให้กับความขยันของน้อง ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นนักแต่งหน้าใหม่ สำนวน ภาษา
การบรรยาย การเดินเรื่องเข้าใจง่ายดีมากเลย น่าติดตาม สนุก มีทั้งความสุข สนุก เศร้า และฮา ครบรสจริง ๆ
เข้าใจความรู้สึกสำหรับคนที่ต้องไปทำงานไกลบ้านแล้วได้กลับมาเยี่ยมบ้าน พอจะต้องกลับไปทำงานอีกทีใจหาย
พี่เคยเป็น ครั้งแรก ๆ นี้ร้องไห้เลย คิดถึงบ้านมาก ดูแล้วสงสัยจะจบเศร้าแน่ ๆ เลย แต่ยังไงหลวมตัวมาอ่านจนติด
แล้วก็ต้องติดตามต่อไป อิ อิ ...

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
 :L2:เรื่องแรกยังแต่งได้ขนาดนี้  o13 ต้องยกให้เลย แต่ตอนจบจะเศร้ามากหรือเปล่าไม่อยากจะเดาเลย

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
เช้าวันจันทร์ ผมกับพี่ทั้งสองคนก็ออกจากบ้านตั้งแต่เช้าครับ เพื่ออยากจะมีเวลาอยู่กันนานๆหน่อย ตามประสาคนมีวันหยุดไม่ค่อยเยอะ (ผมไม่มีปัญหาหรอกครับ เพราะสามารถลาพักร้อนได้ตั้งสิบวันต่อปี แต่พี่เชษฐ์เค้ามีงานน่ะครับ เลยหยุดได้แค่สองวัน)  พวกเราตกลงว่าจะไปหาดจอมทียนนี่แหล่ะครับ ใกล้ดี พวกเราขับรถสองชั่วโมงก็ถึงแล้วครับ ที่ที่พวกผมพักอยู่(ด้วยความอนุเคราะห์จากเพื่อนพี่ศักดิ์ครับ บอกว่าให้ไปพักก็ได้ แล้วช่วยทำความสะอาดให้ด้วย เดี๋ยวพอพวกเรากลับ พวกเขาก็จะไปต่อ ฮ่วย) เป็นบ้านหลังเล็กๆติดชายทะเล ที่เพื่อนผู้มีอันจะกินของพี่ศักดิ์ได้สร้างเอาไว้ พอเราเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหล่ะครับ พวกเราทั้งสามคนพากันจามสนั่นเพราะฝุ่น
   “นี่ไอ้ศักดิ์ กูว่าพวกกูพักโรงแรมกันก็ได้นะ มาแล้วก็ต้องมาทำความสะอาดเนี่ย กูอยู่บ้านยังดีกว่าว่ะ” พี่เชษฐ์บ่น
   “เออน่า เค้าอุตส่าห์ให้ใช้ฟรี ประหยัดว้อย” ว่าแล้วพี่ศักดิ์ก็ไปขนไม้กวาด ไม้ขนไก่ ผ้าขี้ริ้ว ถังน้ำ ออกมาจากครัวในบ้าน ยื่นเอามาให้ผมกับพี่เชษฐ์  เฮ้อ พวกผมมาเที่ยวนะคร๊าบบบบบบบบบบบบบ....
   หลังจากเวลาผ่านไป สองชั่วโมง (เที่ยงพอดี) บ้านพักก็สะอาดเรี่ยมเร้ แต่ว่าพวกเราสามคนก็มอมแมมไปหมด  จบสุดท้ายเราก็ไปสั่งข้าวที่รีสอร์ตข้างๆมากิน ก็มันเหนื่อยอ่ะ พอกินเสร็จแล้ว พี่เชษฐ์กับพี่ศักดิ์ ก็เอาเก้าอี้ชายหาด มานอนตากลมอยู่หน้าบ้านพัก ตอนแรกผมก็ว่าจะลงเล่นน้ำน่ะคัรบ แต่พี่เชษฐ์ห้ามไว้ บอกว่าเล่นน้ำตอนกลางวันแดดเปรี้ยงอย่างนี้เดี๋ยวไม่สบาย เอาไว้สักสี่ห้าโมงเย็นค่อยเล่นก็ได้ ผมเลยก็ไม่รู้จะทำอะไรอ่ะคัรบ ก็เลยเอาเก้าอี้ชายหาดอีกตัวมานอนข้างๆพี่เชษฐ์ ตอนนี้เราทั้งสามคนก็มานอนเรียงกันหน้าบ้านพักนี่ล่ะครับ ปล่อยใจคิดไปเรื่อย ท้องฟ้าก็เป็นสีฟ้าสดใส มองดูข้างบนก็เป็นกิ่งสนกำลังพลิ้วลู่ลมอยู่ ลมพัดมาเรื่อยๆ เห้อ สบายอะไรอย่างนี้
   “โมครับ ตื่นได้แล้ว”  
   “อื้ม พี่เชษฐ์เหรอครับ” ผมลืมตาขึ้นมา พร้อมกับที่เห็นพี่เชษฐ์ยื่นหน้ามายิ้มเผล่
   “ไปเดินเล่นกันดีกว่าป่ะ ไอ้ศักดิ์มันไปซื้อกับข้าวที่ตลาดอยู่”  พี่เชษฐ์ชวนผมพร้อมกับเอามือยื่นมาให้ผมจับแล้วดึงผมขึ้นจากเก้าอี้ ตอนนี้บ่ายสี่โมงแล้ว แดดก็กำลังอ่อนลง ลมทะเลก็พัดมา ทำให้สดชื่นอยู่ตลอดเวลา เราสองคนเดินเล่นกันไปริมชายหาดนั่นแหล่ะครับ พากันเก็บเปลือกหอยเอาโยนลงทะเล สักพักหนึ่งพี่เชษฐ์รู้สึกว่าเหงื่อเริ่มออก ก็เลยถอดเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายตัวบางๆ แล้วเอามาผูกรอบเอวไว้ แล้วก็เดินกันต่อไป ผมรู้สึกว่าพักหลังๆนี่เชษฐ์หุ่นดีขึ้นนะครับ จากแต่เดิมที่เป็นคนรูปร่างดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้รู้สึกว่ากล้ามจะเห็นชัดขึ้น หลังจากพี่เชษฐ์ถอดเสื้อออกแล้ว ผมก็เห็นว่าวันนี้พี่เชษฐ์ใส่กางเกงขาสั้นแต่ไม่ได้ใส่เข็มขัด ทำให้ขอบกางเกงหลุดร่นไปจนถึงสะโพก พี่เชษฐ์ไม่ได้ใส่กางเกงในด้วยแฮะ เดินไปได้สักพักนั้น ผมก็เริ่มรู้สึกถึงรังสีอิจฉาริษยาจากเก้ง กวาง บ่าง ชะนี ที่พากันเดินสวนมา  เสียงเล็กๆก็ดังขึ้นในหัวผมว่า ของกรูเฟ้ย..........เวลาที่ผมเหลือบไปมองคนที่เดินผ่านมา แล้วพบว่ากำลังมองพี่เชษฐ์อยู่ ฮ่าๆๆ เอิ๊ก สะจายยย
   “หัวเราะอะไรเหรอโม”  พี่เชษฐ์ถามผมขึ้น เมื่อเห็นผมหัวเราะอยู่คนเดียว
   “ก็คิดถึงเรื่องตลกๆนิดหน่อยน่ะครับ” ผมตอบ
   “เรื่องอะไรเหรอ เล่าให้ฟังบ้างสิ”
   “อยากรู้จริงอ่ะ”  ผมเงียบไปนิดหนึ่ง “จับให้ได้ก่อนสิครับ แบร่...............” ผมแลบลิ้นหลอกพี่เชษฐ์แล้วก็ออกวิ่ง
   “เด๋วเหอะ อย่าให้จับได้นะ จะตีให้ตูดลายเลย ไอ้ลิงน้อย”  พี่เชษฐ์ตะโกนแล้วออกวิ่งไล่ตามผม  ถ้าใครอยู่แถวนั้น ก็จะเห็นผู้ชายสองคนวิ่งไล่จับกัน โดยมีพระอาทิตย์กำลังตกเป็นแบ๊คกราวน์ มีเสียงน้ำทะเลซัดหาดทรายเป็นดนตรีประกอบ แสงแดดกระทบกับเกลียวคลื่นระยิบระยับ โอ้ววว ช่างสวยงามดีแท้ (พอเถอะ กูอยากจะอ๊วก--------เสียงจากเจ้าของเรื่องข้างๆอีกแล้ว)

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
พอผมกับพี่เชษฐ์วิ่งไล่จับกันจนไปถึงบ้านพัก ก็พบกับพี่ศักดิ์ที่เพิ่งลงจากรถถือถุงกับข้าว ทำหน้าตาปวดท้องอึอยู่
   “โอ๊ยยยยยยยยย มีความสุขจริงจริ๊ง ไอ้คู่นี้ อยากให้มีสึนามิมาจังเลยว้อยยยย”  พี่ศักดิ์พูดประชด พอผมกับพี่เชษฐ์ได้ยิน ก็พากันหัวเราะคิกๆ แล้วผมก็รีบเข้าไปรับถุงกับข้าวมาทำ
   “มึงไปทำอะไรมาเนี่ย หน้าตาเหมือนตูดเลย ฮ่าๆๆ”  พี่เชษฐ์ล้อพี่ศักดิ์
   “กรูอิจฉาว้อยย ถ้าคุณกวามาด้วยนะ กรูจะเอาทะเลให้หวานเลยคอยดู”  ฮ่าๆๆๆ แน่ใจเหรอพี่ ตัวก้างยังอยู่นะ อย่าเพิ่งมองข้าม
   เย็นนี้เราทำบาร์บีคิวกินครับ เผากุ้งหอยปูปลา กินกันนี่แหล่ะ เห้อ มาทะเลทั้งทีก็ต้องกินอาหารทะเลสิครับ เหอๆๆ แต่รู้สึกว่าทำไมอาหารทะเลที่ขายอยู่แถวๆทะเล มันแพงกว่าอาหารทะเลที่ขายอยู่ในเมืองหว่า พวกเราก็นั่งเผานั่งกินกันไปเรื่อยๆ นั่นแหล่ะครับ ส่วนมากผมจะแกะให้มากกว่า ในมือของพี่เชษฐ์กับพี่ศักดิ์ก็มีเครื่องดื่มน้ำยอดข้าวบาเลย์ (เบียร์นั่นแหล่ะ พวกพี่ๆทั้งสองชอบเรียกมันว่าอย่างนั้น) ปกติผมจะไม่ค่อยอยากให้พี่ทั้งสองดื่มนักหรอกครับ แต่วันนี้ปล่อยวันหนึ่ง มาเที่ยวทั้งทีก็ไม่อยากจะบ่นหรอกครับ  มองไปในทะเลตอนนี้ทะเลเป็นสีดำไปหมด แล้วก็มีเรือไดหมึกอยู่ออกไปลิบๆ ท้องฟ้าในฤดุร้อนก็เต็มไปด้วยดาว ทั้งๆที่ท้องฟ้าเดียวกัน แต่มองต่างที่มันก็แปลกดีครับ ตอนนี้เราสามคนก็มานั่งนองดาวที่ชายหาดหลังจากอิ่มหนำกันแล้ว คุยสัพเพเหระกันเรื่อย สักพักนึง พี่ศักดิ์ก็ขอตัวออกไปเดินเล่น ฮั่นแน่ สงสัยแอบไปโทรหาพี่กวาแน่นอน อิอิ  ก็น่าสงสารพี่ศักดิ์อยู่หรอกครับ ตอนี้กลายเป็นคนโสดคนเดียว มานั่งดูผมกับพี่เชษฐ์มีความสุขกันอยู่เนี่ย แต่ทำงัยได้ล่ะ อยากหายเหงาก็รีบไปขอก็แล้วกัน
   “หัวเราะคนเดียวอีกแล้ว คิดอะไรอยู่อ่ะเรา”  พี่เชษฐ์ถามขึ้น
   “ป่าวครับ แค่สงสารพี่ศักดิ์อ่ะ”  ผมตอบ
   “สงสารมันทำไมอ่ะ”
   “ก็ ตอนนี้พี่ศักดิ์อยู่ไกลกันกะพี่กวา แล้วยังต้องมาดูเรามีความสุขอ่ะ”
   “อืม ช่วยไม่ได้ ฮ่าๆๆ พี่รู้แต่ว่า ตอนนี้พี่มีความสุขมากเลย” พี่เชษฐ์พูดแล้วเปลี่ยนท่านั่งโดยนั่งลงข้างหลังผม แยกขาออกแล้วเอาแขนทั้งสองข้างมาโอบผมไว้ แสงจากเทียนไขที่เราจุดไว้ในขวดน้ำพลาสติก ส่องกระทบหน้าพี่เชษฐ์ มองเห็นแววตาเป็นประกายวูบวาบตามแสงเทียน
   “แล้วเราคิดยังงัยกับพี่ล่ะ ฮึ”
   “อ้าว พี่ก็รู้แล้วนี่ครับ มาถามทำไมอ่ะ”
   “อ่ะ รู้แล้วจะถามเหรอ ไม่เอา ไม่รู้อ่ะ บอกมาซะดีๆ” พี่เชษฐ์พูดทำเสียงเหมือนงอนๆ ผมเงยหน้ามองพี่เชษฐ์ก่อนที่จะพูดว่า
   “ผมรักพี่เชษฐ์ครับ”  พอพูดได้แค่นั้นแหล่ะครับ ผมก็รู้สึกว่าริมฝีปากผมถูกประกบด้วยริมฝีปากของพี่เชษฐ์ซะแล้ว
   “ฮึ่ย ขัดใจว้อย ขัดใจ สึนามิทำไมมันมาซะทีวะ ฮ่าๆๆๆ” เสียงพี่ศักดิ์นั่นเอง ไม่รู้ว่ามาตอนไหน พูดแล้วพี่ศักดิ์ก็เดินขึ้นบ้านพักไป สงสัยคุยกับพี่กวาแล้วอารมณ์ดีขึ้น ผมกับพี่เชษฐ์นั่งกอดกันอยู่ที่ริมทะเลก่อนสักพักหนึ่ง ก่อนที่จะเดินเข้าบ้านพักไป เพราะโลชั่นกันยุงของเราเริ่มจะใช้ไม่ได้ผลแล้ว เอ เมื่อตอนที่จูบกัน อะไรแข็งๆ ทิ่มหลังวะ
   วันต่อมาผมตื่นขึ้นมาแต่เช้า พี่สองคนสงสัยจะเป็นเพราะฤทธิ์ของน้ำยอดข้าว เลยทำให้ยังไม่ตื่น อย่างแรกที่ผมตื่นขึ้นมาคือ วิ่งลงไปในทะเลครับ ตอนนี้น้ำลงเต็มที่ครับ ทำให้เห็นสันทรายโผล่ขึ้นมา แล้วก็มีน้ำขังอยู่ในนั้น ผมไปดูก็เห็นกุ้ง ปลาตัวเล็กติดอยู่ แล้วก็วิ่งไล่จับปูลม แต่จับไม่ได้ซักที ทำไมมันวิ่งเร็วจังวะ  พอสักพักก็เงยหน้ามองไปที่บ้านพัก ก็เจอพี่เชษฐ์กำลงัโบกมือให้ แล้วก็เดินลงมาหาผม
   “จับได้กี่ตัวแล้วอ่ะ โม เห็นวิ่งเอาเป็นเอาตาย” พี่เชษฐ์ถาม
   “ไม่ได้เลยอ่ะคัรบ พี่ วิ่งเร็วมากๆ”
   “อื้ม เดินเล่นกันป่ะ” ว่าแล้วพี่เชษฐ์ก็ยื่นมือมาให้ผมจับ เราสองคนก็เดินเล่นกันไปเรื่อยๆ อากาศยามเช้ายังบริสุทธิ์อยู่  ตอนนี้ยังเช้า ผู้คนมาเดินเล่นที่หาดยังไม่เยอะ ส่วนมากก็มีแต่ฝรั่งเดินสวนมา พวกเราก็ยิ้มให้แล้วก็กู๊ดมอร์นิ่งไปตามเรื่องตามราว 
   “ทะเลนี่มันสวยจังเลยนะครับ พี่ว่ามั้ย”  ผมพูดขึ้นมา
   “อื้ม พี่ชอบทะเลมากเลย แต่พี่อยากไปกระบี่มากกว่าอ่ะ เคยไปครั้งหนึ่ง น้ำทะเลมันไม่ใช่สีฟ้านะ แต่เป็นสีเขียว สวยดี อยากไปอยู่ที่นั่นจัง”
   “อ่านะ งั้นวันหลังเราไปกันมั้ยครับ”
   “อื้ม ไปสิ” พี่เชษฐ์รับคำ
   “สัญญานะครับ” ผมชูนิ้วก้อยขึ้นเหมือนขอสัญญา
   “ครับ สัญญา” แล้วพี่เชษฐ์ก็เอานิ้วก้อยมาเกี่ยวไว้
   วันทั้งวันเราก็ใช้เวลาอยู่ที่บ้านพักนั่นแหล่ะครับ นอนดูทะเลกัน มันทำให้ผมรู้สึกอีกว่า บางทีการอยู่นิ่งๆ ปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างออกไปบ้าง มันก็สบายดีเนาะ แล้วมีคนรักมาอยู่ไกล้ๆ ก็มีความสุขที่ซู๊ดดดด
สามวันผ่านไป
มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆ..... มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆ.....มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆ...................หงุดหงิด
มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆ..... มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆ.....มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆ......................เห้อ หงุดหงิด
มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆ..... มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆ.....มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆ...............................หงุดหงิดว้อยยยยยยยยยยย
แต่ เหอๆๆ เราซื้อไอติมมาตั้งเยอะนี่นา ว่าแล้วก็เดินไปยังตู้เย็นเปิดออกดู
อ้าว..........................ไม่มี หายไปไหนอ่ะ
   “หาอะไรอยู่เหรอ โม” 
   “ไอติมอ่ะ พี่ศักดิ์ ซื้อมาตั้งเยอะ หายไปไหนหมดอ่า”
   “ไอติมเหรอ แหะๆๆ พี่กินหมดเองแหล่ะ ก็มันร้อนอ่ะ”
ฮือๆๆๆ T_T  กูเกลียดหน้าร้อน….......................................

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
ก็บทต่อไปนี้ก็จะเป็นบทเกือบสุดท้ายแล้วครับ นึกถึงตอนนั้น ถ้าผมรู้ว่าเรื่องราวมันจะจบลงแบบนี้ ผมก็จะพยายามทำตัวให้ดีกว่านี้ครับ ตอนนั้นยอมรับว่า ตัวเองก็ดื้ออยู่เหมือนกัน บางทีก็โดนพี่เชษฐ์ทำโทษเหมือนกัน แต่ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ ผมก็ขอทำทุกวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกันครับ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทที่สิบสาม  เมื่อท้องฟ้าเปลี่ยนสี

มิถุนายน 2549
   หลังจากที่หน้าร้อนอันแสนจะทรมานได้ผ่านไป ตอนนี้กรุงเทพก็เริ่มที่จะมีฝนตกแล้วล่ะครับ ทำให้ผมรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาด้วย บางคนบอกว่าไม่ชอบฤดูฝนน่ะครับ เพราะเดินทางไปไหนก็เฉอะแฉะ แต่ผมชอบตรงที่ว่า มันเป็นฤดูที่สิ่งมีชีวิตที่หลับกันอยู่ในฤดูแล้งก่อนหน้านี้ ได้เริ่มต้นชีวิตกันอีกครั้ง
   ชีวิตผมตอนนี้ ดีมากครับ ผมรู้สึกได้ว่า พี่เชษฐ์เอาใจผมมากขึ้น ชอบพาผมไปโน่นมานี่ประจำครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตุได้คือ เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน พี่เชษฐ์ก็จะถอนหายใจบ่อยผิดปกติ แล้วเวลาที่พี่เชษฐ์กับพี่ศักดิ์มองมายังที่ผม ก็เหมือนจะส่งแววตาสงสารมาที่ผมด้วย แต่ตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอกครับ เพราะผมคิดว่า พี่เค้าสองคนคงทำงานเหนื่อย (ตอนนั้นพี่ศักดิ์ได้เลื่อนขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่ายแทนตาลุงบ้ากามแล้ว) อาจจะเป็นเพราะผมกำลังมีความสุขเลยไม่ทันได้คิดเลยมั้งครับ ว่าอาจจะมีสิ่งที่ผมไม่เคยคิด เกิดขึ้น
    ขณะที่เรากำลังทานข้าวเย็นของวันหนึ่ง พี่เชษฐ์ก็ทำให้เราแปลกใจ
   “เฮ้ย ศักดิ์ มึงกับคุณกวาไปถึงไหนกันแล้ววะ” พี่เชษฐ์ถามขึ้น
   “ก็ มีความสุขดี ถามทำไมเหรอวะ “ พี่ศักดิ์ตอบไปพร้อมกับมองไปทางอื่น ตอนนี้เวลาที่พูดถึงพี่กวา พี่ศักดิ์ก็ยังไม่หายหน้าแดงซักที
   “แล้วมึงจะอยู่อย่างนี้เหรอ”
   “แล้วมึงจะให้กูทำยังงัยล่ะ” พี่ศักดิ์ถามกลับ
   “เดี๋ยวกูจะให้เจ้านายกูไปคุยกับทางโน้น ว่าจะขอหมั้นมึงกับคุณกวาไว้ก่อน เค้าจะโอเคมั้ย มึงกะคุณกวาก็ได้คบกันมานานพอควรแล้วล่ะ กูรู้ว่ามึงเป็นคนดี คุณกวาเค้าก็รักมึง แล้วมึงจะไปรอทำไมวะ” พี่เชษฐ์พูดพร้อมกับทำหน้าจริงจัง จนผมรู้สึกได้ว่าพี่เชษฐ์เค้าเอาจริง
   “ก็แล้วแต่มึงแล้วกัน กูก็ไม่มีญาติที่ไหนนอกจากมึงนี่”  พี่ศักดิ์ตอบไป แล้วมองพี่เชษฐ์อย่างเป็นห่วง โดยที่ผมก็เดาเรื่องไม่ออกเหมือนกัน ว่าอยู่ๆทำไมพี่เชษฐ์ถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา หลังจากอาหารเย็นแล้ว ผมจึงได้โทรศัพท์กลับไปหาพ่อ พูดเรื่องที่พี่เชษฐ์จะเอาผู้ใหญ่ไปสู่ขอพี่กวาให้กับพี่ศักดิ์ ดูว่าพ่อกับแม่ผมจะดีใจมาก (ที่ลูกสาวไม่ได้ขึ้นคานจากการรวมหัวกับลูกชายแกล้งผู้ชายที่มาจีบพี่กวา)  ก็ตอบว่าตกลงยังงัยก็ให้ผู้ใหญ่มาคุยกัน พอผมบอกเรื่องนี้ไปกับพี่ทั้งสองคน ก็พากันเฮ แล้วมีอยู่ตอนหนึ่งที่ผมรู้สึกแปลก กับการที่พี่เชษฐ์คุยกับพี่ศักดิ์
   “แค่นี้กูโล่งแล้วว่ะ แต่ว่ามึงอย่าลืมที่มึงรับปากไว้กับกูแล้วกัน”  พี่เชษฐ์พูดกับพี่ศักดิ์ รอยยิ้มที่มีอยู่ตะกี๊ได้หายไปจากใบหน้า กลายเป็นใบหน้าที่เคร่งขรึมมาแทน
   “เออ มึงไว้ใจกูได้ กูไม่ทิ้งไอ้โมหรอก มึงไม่ต้องห่วง อีกหน่อยเค้าก็เป็นน้องเขยกูแล้ว”
   ผมได้แต่มองหน้าพี่ทั้งสองคนสลับกัน ไม่รู้ว่าพูดเรื่องอะไรกัน ก่อนที่ทั้งสองคนจะสังเกตุเห็นผมทำหน้างงๆ พี่เชษฐ์ก็เหมือนกับแกล้งทำอารมณ์ดีขึ้นมา
   “เอ้อ โม อีกหน่อยไอ้เชษฐ์มันก็เป็นพี่เขยเราแล้ว อยากได้อะไรขอเอากับมันเลยนะ ฮ่าๆๆ” พี่เชษฐ์หัวเราะกลบเกลื่อน แต่ผมก็จับได้ว่าที่พี่เชษฐ์อารมณ์ดีขึ้นมาเพราะแกล้งทำ นี่มันกำลังเกิดอะไรขึ้นเนี่ย

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
บทที่สิบสาม  เมื่อฟ้าเปลี่ยนสี (สัญญาณบ่งบอก)

พอหลังจากวันนั้น ผมก็ไม่ได้คิดอะไรอีก พี่เชษฐ์ก็ยังดีกับผมเหมือนเคย บางทีก็รู้สึกดีผิดปกติเสียด้วย หลังๆมาผมรู้สึกได้ว่า พี่เขาอยากจะใช้เวลาอยู่กับผมมากๆ ไม่ว่าผมจะทำอะไร หรืออยู่ที่ไหน ถ้าเป็นไปได้ พี่เขาก็จะตามไปอยู่กับผมตลอด หรือบางทีถ้าไม่มีอะไรจริงๆ พี่เชษฐ์ก็จะพาผมออกไปหาเรื่องทำกันข้างนอกเอง
   เย็นวันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังนั่งเล่นเกมส์กับพี่ศักดิ์ พี่เชษฐ์เลิกงานก็กลับมาถึงบ้าน พบว่าผมกำลังนั่งเล่นเกมส์อยู่ พี่เชษฐ์ก็เลยลงมานั่งข้างๆผม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่หันมามองผมแล้วก็ยิ้มให้ พอจบเกมส์แล้ว ผมถึงได้หันมามองพี่เชษฐ์อีกครั้งหนึ่ง
   “หิวยังอ่ะคัรบ เนี่ย” ผมหันไปถามพี่เชษฐ์
   “ยังอ่ะ ยังไม่หิวครับ ขอนั่งแป๊บนึงก่อน”
   “ครับ ได้ หืม....” ผมมองไปยังที่ชิ้นส่วนที่เป็นตราและดาว ที่ติดอยู่บนเสื้อพี่เชษฐ์ “โห ไม่ได้ขัดนานแล้วเนี่ย หมองหมดเลย เดี๋ยวผมขัดให้ดีกว่า ว่าแล้วผมก็วางจอยสติ๊กเกมส์ลงแล้วเดินไปเอาผ้าและน้ำยาขัดทองเหลืองมา พี่เชษฐ์ก็ถอดเสื้อพร้อมกับแกะตราต่างๆออกมาส่งให้ผม ตอนนี้พี่ศักดิ์ดูเหมือนจะทำท่าเข้าใจอะไรสักอย่าง เลยลุกไปปิดเครื่องเล่นเกมส์ แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน
   “โม กินข้าวช่วยเรียกพี่ด้วยนะ เดี๋ยวขอไปส่งงานให้ลูกค้าดูก่อน”  ผมพยักหน้ารับทราบ แล้วหันมาขัดตราโดยมีพี่เชษฐ์นั่งดูอยู่ข้างๆ
   “อื้ม ขอโทษนะคัรบ ไม่ได้ขัดให้นานเลย หมองหมดแล้วเนี่ย” ผมพูดขณะที่มือก็ยังขัดไปเรื่อย แล้วพี่เชษฐ์ก็เอาแขนสอดมาไว้ข้างหลังของผมแล้วเอามือมาลูบหัวเบาๆ
   “วันนี้เหนื่อยเหรอครับ ไม่เห็นพูดอะไรเลย” ผมถามขึ้นเพราะผมรู้สึกว่าวันนี้พี่เชษฐ์แปลกๆ
   “เปล่าหรอกครับ พี่แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ” พี่เชษฐ์เงียบไปครู่หนึ่ง  “โม เราต้องเข้มแข็งไว้นะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น.......”
   “หืม อะไรเหรอครับ” ผมแปลกใจแล้วหันไปถาม
   “เอ้อ เปล่าหรอก พี่แค่คิดอะไรไร้สาระน่ะ นี่ ตรงนี้ยังหมองอยู่เลย ขัดยังงัยน่ะ ดีๆหน่อยสิ เดี๋ยวคนเค้าหาว่าแฟนไม่ดูแล แล้วพี่จะทำยังงัยล่ะ” พี่เชษฐ์แกล้งบ่นกลบเกลื่อนเพื่อไม่ให้ผมสงสัย
   “ง่ะ อะไรอ่ะ ขัดให้แล้วยังมาบ่นอีก เดี๋ยวเอาน้ำยากรอกปากเลยดีมั้ยเนี่ย” 
   “นะ เดี๋ยวนี้กล้าเหรอ นี่แน่ะๆๆ” ว่าแล้วพี่เชษฐ์ก็เอามือมาจั๊กจี้ที่เอวผม
   “วะฮะๆๆๆ ว๊ากก พี่เชษฐ์บ้า ฮ่ะๆๆๆ”  ผมหัวเราะโดยที่ผมไม่รู้ว่า วันของเราสองคนกำลังจะหมดลงไปแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด