แฟนผมเป็นตำรวจ ++++
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แฟนผมเป็นตำรวจ ++++  (อ่าน 237344 ครั้ง)

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ขยันจังเลยค้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
บทที่สิบสาม  เมื่อฟ้าเปลี่ยนสี (ความจริงกับการยอมรับ)

เช้าของวันทำงานวันหนึ่ง โดยที่ผมเพิ่งเข้างานได้แค่ครึ่งชั่วโมง
   “โม เดี๋ยวช่วยลงไปเอานี่ให้กับลูกค้าที่อยู่ข้างล่างหน่อยนะ “ ผมเงยหน้าขึ้น แล้วก็เจอกับพี่ศักดิ์ยื่นซองกระดาษซองหนึ่งให้ผม
   “อ้าว ทำไมเค้าไม่ขึ้นมาล่ะครับ หรือว่าเป็นชู้พี่เนี่ย” ตอนนั้นยังไม่มีใครเรียกชู้ว่ากิ๊กครับ
   “โห น้องกู คิดได้แต่ละอย่าง รีบๆลงไปเลย เค้ารออยู่ที่ร้านกาแฟข้างล่างนั่นแหล่ะ”  ผมก็รับซองเอกสารแล้วก็จะลุกขึ้นไปนั้น พี่ศักดิ์ก็พูดขึนอีกว่า
   “เอ้อ เนี่ย ใส่ไอ้เนี่ยไปด้วย” พูดเสร็จพี่ศักดิ์ก็หยิบเสื้อแจ๊คเก็ตสูทของผมที่พาดอยู่บนเก้าอี้ และก็หยิบกระเป๋าของผมขึ้นมาแล้วก็คล้องเข้าที่คอ   
   “อะไรอ่ะพี่ จะไล่ผมออกเหรอ” ผมร้องขึ้นด้วยความตกใจ  
   “เออ ถ้าแกช้ากว่านี้ แกโดนพี่ไล่ออกแน่ ไปได้แล้ว”  แล้วพี่ศักดิ์ก็ผลักผมออกไป (ปกติแกคงถีบอ่ะครับ แต่ตอนนี้ผมคือว่าที่น้องเขยนี่) ผมก็เดินออกไปจากสำนักงานด้วยความงงๆ พอผมออกจากลิฟท์แล้วเดินเข้าไปยังร้านกาแฟนั่นล่ะครับ ก็ได้เห็น หลังของตำรวจคนหนึ่งนั่งอยู่ เอ ใครวะ คุ้นๆ พอเดินเข้าไปไกล้ก็เห็นเป็นพี่เชษฐ์นั่งอยู่
   “อ้าว พี่เชษฐ์ ไม่ได้ไปทำงานเหรอครับ มานั่งทำอะไรตรงนี้”  ผมพูดขึ้นทัก
   “ก็มารอเรานั่นแหล่ะ”
   “หา มารอผม มารอผมทำไมเหรอคัรบ มีอะไรอ่ะ” ผมถามด้วยอาการงงสุดขีด แต่พี่เชษฐ์ก็ไม่ได้พูดอะไร ยิ้มที่มุมปาก แล้วก็ดึงซองเอกสารจากมือผมไป พร้อมกับเอามืออีกข้างจูงมือผมเดินออกจากตรงนั้น
   “พี่ทำอะไรอ่ะ นั่นซองลูกค้าผมนะ”  ตอนนั้นคนที่อยู่แถวๆนั้นคงคิดว่าผมคงโดนตำรวจอุ้มไปแล้วล่ะ พี่เชษฐ์ก็ยังจูงมือผมไปถึงยังลานจอดรถ แล้วเปิดดูในซองเอกสาร พี่เขาเอามือล้วงลงไปหยิบกุญแจคล้ายๆกับกุญแจรถออกมา หืม นั่นกุญแจรถพี่ศักดิ์นี่ อ๋อ วางแผนกันทำอะไรอีกล่ะเนี่ย
   “อื้ม อยากไปไหน บอกมาได้เลย ลิงน้อย”  พี่เชษฐ์พูดขึ้นแล้วหันมายิ้มให้ผม ตอนนี้ผมก็ขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว แต่ยังงงๆอยู่เลยถามออกไปว่า
   “เล่นอะไรกันล่ะครับ เนี่ย”
   “เออน่า ถ้าไม่บอกงั้นพี่พาไปเองแล้วกัน” ว่าแล้วพี่เชษฐ์ก็ขับรถออกไป
ตอนนี้เราสองคนก็มาถึงที่หมายแล้วล่ะคัรบ เป็นอันว่าจุดหมายที่เรามาวันนี้เป็นสวนสนุกที่อยู่แถวๆรังสิตนั่นแหล่ะครับ พอจอดรถแล้ว พี่เชษฐ์ก็ถอดเสื้อเครื่องแบบตำรวจออกเหลือแต่เสื้อยืดสีขาวคอกลมขลิบแถบที่คอและแขนสีเลือดหมู เราก็พากันไปซื้อบัตรแล้วก็เข้าไปในสวนสนุกกัน ผมกับพี่เชษฐ์พากันเล่นเครื่องเล่นต่างๆ อย่างสนุก วันนี้พี่เขาคนเดิมกลับมาแล้วครับ ตลอดเวลาที่อยู่กันในสวนสนุก ผมก็เห็นแต่รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของพี่เค้า จนซักประมาณบ่ายแก่ๆ เราได้สังเกตุเห็นว่ามีเมฆฝนกำลังก่อตัวขึ้น คงจะตกเร็วๆนี้แหล่ะ
   “ว้า ฝนจะตกซะแระ ยังสนุกอยู่เลย เราไปกันเหอะ” พี่เชษฐ์ก็จูงมือผมออกไปยังที่รถ พอสักพักหนึ่ง ฝนก็ตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา
   “ยังไม่เย็นเลย เราไปทะเลกันดีกว่านะ” พี่เชษฐ์ชวน
   “อ่านะ ไปทะเลตอนนี้เหรอครับ พี่ ฝนไม่ตกเหรอ” ผมถาม
   “อืม ไม่รู้สิ มันอาจจะไม่ตกก็ได้นะ ฝนตกไม่ทั่วฟ้าไง ไม่เคยได้ยินเหรอ” ว่าแล้วเราก็ขับรถออกไปกัน ผมนั่งมองดูสองข้างทางที่ตอนนี้มองไปทางไหนก็มีแต่ฝน ตลอดจนความเย็นจากแอร์และความเพลียจากสวนสนุก ผมจึงได้เผลอหลับไป  ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทะเลก็มาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ฝนไม่ตกจริงๆด้วยแฮะ ผมกระโดดลงจากรถ แล้ววิ่งลงไปยังชายหาด พี่เชษฐ์ก็ทำแบบเดียวกันกับผม พวกเราพากันตะโกนออกไปในทะเลอย่างสนุกสนาน
   “วู๊ววววววววววววว วะฮ่าๆๆๆ”
   “พี่รักโมคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบ” เสียงพี่เชษฐ์ตะโกน
   “ผมก็รักพี่เชษฐ์คร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบ”  ผมตะโกนมั่ง  
   “ฮะฮ่าๆๆๆๆๆ”  เราสองคนหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน ตอนนี้เราอยู่ที่หาดจอมเทียนครับ จุดเดิมตอนที่พวกเราสามคนมาพักกันเมื่อตอนเดือนเมษายนที่ผ่านมานั่นแหล่ะคัรบ  ฟ้ากำลังเป็นสีแดง ดวงอาทิตย์ก็เริ่มที่จะอ่อนแสงลง และลับลงไปในหมู่เมฆที่ขอบฟ้าไกลออกไป  
   หลังจากที่เราสองคนตะโกนและวิ่งไล่จับกันจนเหนื่อยแล้ว ผมกับพี่เชษฐ์ก็พากันนั่งลงที่ชายหาด ตอนนี้ดวงอาทิตย์ลับฟ้าไปแล้ว มองไปยังท้องฟ้าก็เริ่มมีดาวขึ้นมา โดยมีดาวศุกร์ส่องสว่างที่สุด อยู่ที่ขอบฟ้าทิศตะวันตก ผมกับพี่เชษฐ์นั่งมองทะเลไปเงียบๆ
   “วันนี้สนุกจัง ขอบคุณนะครับ พี่เชษฐ์”  ผมพูดขอบคุณ
   “อื้ม พี่ก็อยากให้เรามีความสุขที่สุดเท่าพี่จะทำได้ตอนนี้ เพียงแต่ว่าต่อไปพี่จะมีโอกาสอีกมั้ยเท่านั้นแหล่ะ”  พี่เชษฐ์นิ่งไปสักพักแล้วก็พูดต่อว่า
   “โม  พี่ต้องไปช่วยงานที่ทางใต้น่ะ”



foozeballz

  • บุคคลทั่วไป

jokirito

  • บุคคลทั่วไป
Re:
«ตอบ #123 เมื่อ10-03-2009 20:54:17 »

ฮือ จะเกิดอะไรขึ้น

ISACBTMN

  • บุคคลทั่วไป

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
พอพี่เชษฐ์พูดจบก็เหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบหัวผม หัวใจผมที่ยังรู้สึกมีความสุขอยู่กลับวูบลง ผมมองหน้าพี่เชษฐ์ก็กลับพบว่า รอยยิ้มที่มีอยู่เมื่อสักครู่กลับกลายเป็นใบหน้าที่แสดงออกว่าแม้แต่ตัวพี่เชษฐ์เองยังไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นยังไง เสียงเล็กๆในหัวผมก็ได้พูดซ้ำไปซ้ำมาว่า ไม่จริงใช่มั้ย พี่ล้อผมเล่นแน่เลย จนเมื่อผมได้มองหน้าพี่เชษฐ์นั่นแหล่ะคัรบ ว่าพี่เค้าไม่ได้พูดเล่น
   “พี่ไปสามปีแค่นั้นแหล่ะ พี่ก็จะกลับมา”  พี่เชษฐ์พูดอย่างเป็นห่วง
   “สามปีแค่นั้นเองครับ ผมรอได้” ผมหันไปบอกพี่เชษฐ์ แล้วพยายามยิ้มออกมา แม่ว่ามันจะดูเป็นยิ้มที่ฝืนๆหน่อยก็ตาม ใช่ ผมต้องเข้มแข็ง เพื่อไม่ให้พี่เชษฐ์เป็นห่วง แม้ตอนนี้ผมอยากจะร้องให้ก็ตาม พอพูดจบผมก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินลงไปที่ทะเล หยิบก้อนหินก้อนหนึ่งขึ้นมาแล้วขว้างมันออกไป สามปี สามปี สามปีแค่นั้นเอง ผมพยายามบอกกับตัวเองอย่างนั้น
   “คนบางคนเฝ้ารอที่จะอยู่เพื่อคอยในสิ่งที่ไม่รู้ว่ามันจะมาถึงเมื่อไหร่ แต่เค้าก็ยังมีความหวังที่จะคอย”
ผมเหลือเวลาที่จะอยู่กับพี่เชษฐ์อีกเพียงแค่อาทิตย์เดียว ก่อนที่พี่เขาจะย้ายลงไปทางใต้ แต่ผมก็ยังทำตัวเป็นปกติ ตอนนี้ผมต้องเข้มแข็งไว้ เพื่อไม่ให้พี่เชษฐ์เป็นห่วง แม้ว่าในใจของผมจะอ่อนแอเมื่อได้รู้ว่าต้องจากกัน ตอนนี้พี่ศักดิ์กับพี่กวาก็หมั้นกันเรียบร้อยครับ  ก็คงจะแต่งตอนสิ้นปีนี้ล่ะ พี่เชษฐ์เค้าเป็นคนวางแผนไว้ครับ เมื่อตอนที่รู้ว่าต้องลงไปช่วยงานทางใต้ แล้วพี่ศักดิ์ก็เล่าให้ฟังว่า พี่ศักดิ์รู้ว่าพี่เชษฐ์ต้องย้ายไปใต้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่พี่เชษฐ์เค้าห้ามไม่ให้พี่ศักดิ์บอกผม เพราะกลัวว่าผมจะเสียใจ พี่เค้าอยากทำให้ผมมีความสุขที่สุด กับเวลาที่เหลืออยู่นี้
   ผมก็ยังทำงานของผมไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้คิดอะไรมากกับเรื่องของพี่เชษฐ์ แค่สามปีเอง แป๊บเดียวก็มาถึงแล้ว ผมชอบปลอบใจตัวเองว่าอย่างนั้น  ตอนนี้ก็เหลือเวลาอยู่แค่วันเดียว พรุ่งนี้แล้วสินะ ที่พี่เชษฐ์ต้องไปช่วยงานทางใต้
   “เดี๋ยวช่วงนี้เรามาดู SMS กันดีกว่าค่ะ ว่าทางผู้ฟังส่งอะไรมาบ้าง  มีอยู่ข้อความหนึ่งนะคะ  ใช้ชื่อว่า ผู้กอง  ขอเพลง กุมภาพันธ์มา งั้นเราจัดเป็น Fast Request ให้เลยค่ะ…....................................” เสียงดีเจจากรายการวิทยุที่ผมฟังเป็นประจำ
   “คงเป็นที่ฟ้าเบื้องบน เป็นคนขีดโชคชะตา
สร้างฉันและเธอให้มา ให้ได้พบเจอกัน
ให้ฉันได้มีโอกาส ลิ้มรสในความชื่นบาน
ให้เรามีกัน มีวันเวลาที่ดี
และเป็นที่ฟ้าเบื้องบน เป็นคนพรากเราเช่นกัน
ให้เวลาเพียงแค่นั้น กลับต้องเสียเธอไป
ฉันรู้ว่าไม่มีหวัง จะเหนี่ยวและรั้งเธอไว้ข้างกาย
จะทำยังไงก็คงไม่มีหนทาง
หากชีวิตฉันต้องขาดเธอไป จะเป็นยังไง
ชีวิตคงไร้ความหมาย และเหมือนไร้พลัง
ร่างกายที่เคยอดทน ก็คงไม่มีกำลัง
ไม่มีความหวังให้ฉันได้ชื่นหัวใจ
แค่เพียงพรุ่งนี้ถ้าตื่นมา มองไปไม่เจอเธอ
แค่นึกก็ทำให้เพ้อ หวั่นและไหวในใจ
ถ้าเราจะต้องจากกัน ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด
คงรู้ใช่ไหมว่าฉันจะต้องเสียใจ
หากชีวิตฉันต้องขาดเธอไป จะเป็นยังไง
ชีวิตคงไร้ความหมาย และเหมือนไร้พลัง
ร่างกายที่เคยอดทน ก็คงไม่มีกำลัง
ไม่มีความหวังให้ฉันได้ชื่นหัวใจ
แค่เพียงพรุ่งนี้ถ้าตื่นมา มองไปไม่เจอเธอ
แค่นึกก็ทำให้เพ้อ หวั่นและไหวในใจ
ถ้าเราจะต้องจากกัน ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด
คงรู้ใช่ไหมว่าฉันจะต้องเสียใจ

เสียใจจนตาย....................”
เสียงเพลงดังออกมาอย่างแผ่วเบาจากลำโพงวิทยุ ผมถอนหายใจ แล้วเหม่อมองออกไปนอกตึก ไกลออกไป พระอาทิตย์กำลังลับหายไปในเมฆฝนที่กำลังตั้งเค้าใกล้เข้ามา


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-03-2009 20:58:25 โดย HuaTangMo »

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
บทที่สิบสาม  เมื่อฟ้าเปลี่ยนสี (วันของการจากลา)

เลิกงานวันนี้พี่เชษฐ์ก็มารับผมกลับบ้านด้วยครับ  แต่วันนี้พี่เชษฐ์ไม่ได้ขับรถมอเตอร์ไซด์มารับ เพราะพี่เค้าคืนรถไปแล้ว เราสองคนก็ต้องนั่งรถเมล์กลับ  เหมือนฟ้าจะแกล้ง พอลงจากรถเมล์เท่านั้นแหล่ะคัรบ ฝนก็ตกลงมาโครมเบ้อเร่อ ตายละหวา ลืมเอาร่มมาด้วย
   “เห้อ ฝนบ้า ทำไมต้องตกตอนเราจะเดินเข้าบ้านทุกทีเลยอ่ะคัรบ” ผมบ่นให้พี่เชษฐ์ฟัง
   “ฝนไม่ได้บ้าหรอก มันก็ตกของมันอยู่แบบนี้แหล่ะ ตากฝนหน่อยจะเป็นรัยล่ะครับ”
   “อื้ม งั้นใครถึงบ้านช้าเป็นคนเอาผ้าไปซักแล้วกัน ฮ่าๆๆ” ว่าแล้วผมก็ออกวิ่ง พี่เชษฐ์ก็พูดว่าออกมาว่าขี้โกงแล้ววิ่งไล่ตามผมมา เสียงหัวเราะของผมกับพี่เชษฐ์ดังมาตลอดทางเข้าบ้าน  ผมวิ่งมาถึงบ้านก่อนครับ ผมเลยเปิดประตูเข้าบ้านก่อน แล้วพี่เชษฐ์ก็เดินตามเข้ามา ตอนนี้เราสองคนเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำเลย ผมเลยเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวส่งให้พี่เชษฐ์ผืนหนึ่งก่อน เพื่อที่จะให้พี่เขาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมเอาไปซัก (ตอนนี้มีเครื่องซักผ้าแล้วครับ ปั่นแล้วก็รีดได้เลย) ตอนนี้เราสองคนก็นุ่งผ้าเช็ดตัวคนละผืนครับ
   “อื้ม เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวจะเป็นหวัดนะ”  ผมบอกพี่เชษฐ์  แต่ในจังหวะนั้นเอง พี่เชษฐ์ได้ดึงผมเข้าไปกอด แล้วก็ระดมจูบผมทั้งหน้า ตัวผมก็เริ่มอ่อนลงและพร้อมที่จะมอบทุกอย่างในตัวผมให้อย่างเต็มใจ เวลานั้นผมให้พี่เชษฐ์ตักตวงความสุขจากตัวผมให้มากที่สุดเท่าที่ผมจะให้ได้ เพราะผมรู้ว่า อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อไปนี้ เราสองคนก็ต้องจากกันแล้ว
   ผมตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของพี่เชษฐ์ ร่างที่เปลือยเปล่าของเราสองคนกอดกระชับกันแน่น พี่เชษฐ์ลืมตาขึ้นมาแล้วจูบที่หน้าผากผมเบาๆ แล้วเราสองคนก็มองตากัน เหมือนจะเก็บภาพนี้ไว้ตลอด  พี่เชษฐ์ค่อยๆดึงมือผมขึ้นมา แล้วก็ถอดแหวนทองเหลืองออกจากนิ้วชี้ของพี่เค้ามาใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของผมแล้วพูดเบาๆว่า
   “พี่ฝากไว้นะ อย่าทำหายล่ะ อีกสามปีเดี๋ยวพี่กลับมาเอาคืน” ผมเอาแหวนวงนั้นมาดูก็พบว่ามันเป็นแหวนรุ่นโรงเรียนตำรวจนั่นเอง   
   “พี่ไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะครับ เดี๋ยวจะมีคนมารับแล้ว” พี่เชษฐ์พยักหน้าแล้วค่อยๆลุก นุ่งผ้าเช็ดตัวแล้วเดินไปอาบน้ำ ผมเลยลุกขึ้นหาเสื้อผ้ามาใส่  แล้วเปิดที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเครื่องแบบที่พี่เชษฐ์เลือกไว้ก่อนที่จะจัดลงไปในกระเป๋าทั้งหมด ผมเอามาวางไว้ที่เตียง แล้วหยิบเอาตรากับดาวมาติดที่เสื้อ ผมยืนมองดูเครื่องแบบของพี่เขาด้วยความเศร้าระคนกับความภูมิใจ  เสียใจที่พี่เชษฐ์จะต้องจากผมไปแต่ แต่ผมก็ภูมิใจอยู่เหมือนกัน กับหน้าที่ความรับผิดชอบของพี่เชษฐ์ ที่ต้องไปปกป้องดูแลประชาตามที่เขาได้แสดงเจตน์จำนงค์ไว้ คิดอะไรอยู่เพลินๆ พี่เชษฐ์ก็เดินเข้ามา ผมพยายามยิ้มไว้อยู่ เสมอ เพื่อที่จะไม่ให้พี่เขาต้องเป็นห่วง  ผมอยู่ช่วยพี่เชษฐ์แต่งตัว เวลาที่ผมกลัดกระดุมลงไปแต่ละเม็ดนั้น ผมรู้สึกว่ามือผมเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องให้แสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น  ผมต้องเข้มแข็ง อีกสามปีเอง พี่เชษฐ์ก็จะกลับมา  ผมคิดซ้ำไปซ้ำมา พอดีที่ผมช่วยพี่เชษฐ์แต่งตัวเสร็จ ผมเงยหน้าขึ้นมามองพี่เค้า ก็พบว่าพี่กำลังยิ้มให้ผมอยู่ ดวงตากลมสีน้ำตาล ก็ได้ส่งแววตาที่อบอุ่นมาให้ผมอยู่เสมอ
   “พี่ต้องไปแล้วนะ อยู่กับพี่ศักดิ์เค้าดีๆ อย่าดื้อ จำไว้นะครับ เป็นแฟนตำรวจต้องเข้มแข็ง” พี่เชษฐ์บอกลาพร้อมกับดึงผมเข้าไปกอด  ผมกอดพี่เขาแน่นเหมือนกับว่าอยากจะจดจำทุกอย่างไว้กับตัวเองให้ได้มากที่สุด พอผมผละออกมาจากพี่เขาแล้ว ผมก็ถอดพระที่ผมใส่ตั้งแต่เด็กสวมคอพี่เชษฐ์ไป แล้วผมก็ช่วยหิ้วกระเป๋าเดินออกมา พี่ศักดิ์ยืนอยู่ที่หน้าบ้านเหมือนรอส่งพี่เชษฐ์อยู่เหมือนกัน  แล้วก็มีรถมาจอดรอแล้วด้วย
   “เฮ้ย กูฝากโมด้วย  มึงสัญญาไว้กะกูแล้วนะ” พี่เชษฐ์ฝากฝังผมไว้กับพี่ศักดิ์
   “เออ กูจะดูแลเหมือนน้องกูเลย มึงก็รีบๆกลับมาล่ะ สามปีมันแป๊บเดียวเอง”  พี่ศักดิ์พูดพร้อมกับตบที่ไหล่พี่เชษฐ์เบา
   “ เออ กูไปล่ะ โม พี่ไปก่อนนะ”  ผมพยักหน้าแทนคำตอบ  เพราะผมพูดไม่ออกแล้วตอนนั้น พี่เชษฐ์ตะเบ๊ะให้พวกเราหนึ่งที แล้วเปิดประตูขึ้นรถไป พอประตูปิดเรียบร้อยคนขับก็นำรถออก ผมกับพี่ศักดิ์มองดูรถที่ขับออกไปจนลับตา แล้วเข้ามาบีบที่ไหล่ผมเบาๆเหมือนจะปลอบใจ ผมเงยหน้ามองพี่ศักดิ์แล้วพูดอออกมาว่า
   “เราไปทำงานดีกว่าครับ สายแล้วล่ะ”
   “อื้ม ไปสิ แฟนไม่อยู่อย่านึกว่าจะหาเรื่องไม่ไปทำงานนะ ฮะๆๆๆ” พี่ศักด์ล้อผม
   “เหอะ ใครกันแน่ แอบเอาเวลางานไปหาสาวน่ะ”
   “เอ้อ  ย้อนเหรอ มาให้เตะซะดีๆ” แล้วพี่ศักดิ์ก็วิ่งไล่เตะผมไปรอบๆ เห้อ สามปี สามปี ไม่นานหรอก

namtaan

  • บุคคลทั่วไป

foozeballz

  • บุคคลทั่วไป
เข้มแข็งไว้นะคะ เป็นแฟนตำรวจต้องเข็มแข็งค่ะ

salemon

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
บทสุดท้าย  ตะวันยังมีให้เห็น

พฤษภาคม 2550
   พี่เชษฐ์ก็ย้ายไปทำงานได้เกือบหนึ่งปีแล้ว แต่ระยะทางก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกไกลจากพี่เขามากมาย แต่ผมกลับรู้สึกรักพี่เชษฐ์มากขึ้นทุกวัน ผมกับพี่เขาก็ได้โทรคุยกันบ่อยๆครับ แต่กับข่าวที่เสนอออกมา มันก็รุนแรงกับความรู้สึกผมมากเหมือนกัน แต่ผมก็ทำได้แค่ภาวนาให้พี่เชษฐ์กลับมาหาผมอย่างปลอดภัยเท่านั้นเอง
   เช้าวันหนึ่งผมได้โทรไปหาพี่เชษฐ์
   “ว่าไงครับ ลิงน้อย” เสียงพี่เชษฐ์ทักทายมาตามสาย ตอนนี้ยังเช้าอยู่
   “ง่ะ โทรมาปลุกครับ ไปทำงานได้แล้ว”
   “อื้ม ตื่นแล้วครับ แต่งตัวเสร็จแล้วล่ะ วันนี้ต้องไปส่งครูที่โรงเรียนด้วย”
   “ครับ ผมคิดถึงพี่เชษฐ์ครับ” ผมบอกไป
   “พี่ก็คิดถึงโมครับ และพี่มีอะไรจะบอกด้วย” พี่เชษฐ์เงียบไป เหมือนทำให้ผมอยากรู้ “อีกสามสี่วันพี่จะกลับกรุงเทพพักร้อนน่ะ”
   “หา จริงเหรอครับ เย้ ดีใจจัง”  ผมร้องออกมาด้วยความดีใจ  พี่เชษฐ์จะกลับมาแล้ว ถึงแม้จะเป็นเวลาสั้น แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีอยู่เหมือนกัน
   หลังจากที่วางสายไปแล้ว ผมรู้สึกว่าโลกทั้งใบสดใสขึ้นมาทันที
   “เป็นอะไรน่ะ โม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลย มีอะไรดีๆเหรอ” พี่ศักดิ์ถามผม
   “ฮี่ๆ คือแบบนี้ครับ เมื่อเช้าผมคุยกับพี่เชษฐ์ พี่เค้าบอกมาว่าอีกสามสี่วันเค้าได้ลาพักร้อนแล้วจะขึ้นมากรุงเทพน่ะครับ” ผมบอกพี่ศักดิ์ไป
   “อื้ม จริงอ่ะ ก็ดีสิ ก็จะได้กลับมาฉลองวันเกิดโมงัย” อ้อ จริงด้วยสิ อาทิตย์หน้าวันเกิดผมนี่นา ลืมไปเลยเรา
ผมกับพี่ศักดิ์ก็ขับรถไปถึงที่ทำงานกันครับ พอผมเดินออกจากลิฟท์และกำลังจะเปิดประตูสำนักงานเข้าไปนั้นเอง
   “แกร๊งงงงงงงง.................................”
ผมได้ยินเสียงเหมือนอะไรตกกระพื้นเลยก้มลงไปดู ก็เจอแหวนรุ่นที่พี่เชษฐ์ให้ผมไว้ ซึ่งตอนนี้ผมหาสร้อยมาร้อยแล้วคล้องไว้ที่คอ ตกกลิ้งอยู่ที่พื้น
   “อ้าว ขาดได้ยังไงเนี่ย”  ผมอุทานพลางก้มลงเก็บขึ้นมา
   “มีอะไรเหรอ โม” พี่ศักดิ์โผล่หน้าเข้ามาถาม
   “เปล่าครับ แค่สร้อยคอมันขาดน่ะ” ผมพูดแล้วเอาแหวนกับสร้อยเก็บใส่กระเป๋าไว้

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
ผมก็ทำงานของผมไปตามปกติครับ ไม่ได้คิดอะไรมาก พอสักครู่หนึ่งประมาณสิบโมงได้ มีโทรศัพท์เข้ามายังพี่ศักดิ์
   “สวัสดีครับ สุรศักดิ์ครับ........... ห๊า อะไรนะคัรบ.....” พี่ศักดิ์ทำหน้าตกใจแล้วหันมามองผมแว่บหนึ่งก่อนที่จะเดินออกไปคุยข้างนอก พอพี่ศักดิ์เข้ามาอีกที ผมก็สังเกตุได้ว่า ตาพี่ศักดิ์แดงๆเหมือนเพิ่งร้องให้มา ก่อนที่ผมจะถามอะไรนั้น พี่เขาก็พูดขึ้นมาก่อน
   “โม เดี๋ยวพี่ไปธุระก่อนนะ”  แล้วพี่ศักดิ์ก็คว้าเอาเสื้อแจ๊คเก็ต และกุญแจรถเดินออกไป ผมก็คิดว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย
   วันนั้นทั้งวัน ผมก็นั่งไม่ติดที่ครับ รอว่าเมื่อไหร่พี่ศักดิ์จะเข้ามา ใครพูดอะไรก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร ผมพยายามมองโลกในแง่ดีครับ บอกว่าคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก แล้วตอนนั้นมีอะไรไม่รู้มาทำให้ผมนึกถึงพี่เชษฐ์  พี่เชษฐ์เหรอ...ไม่น่ะ..พี่เชษฐ์ต้องไม่เป็นอะไร ผมก็ภาวนาให้อย่าเป็นเหมือนที่ผมคิดเลย
   พอประมาณบ่ายสองพี่ศักดิ์ก็เดินเข้ามา ดูจากสีหน้าก็ไม่ดีเท่าไหร่ครับ พอเดินมาถึงโต๊ะที่ผมนั่ง พี่เขาก็ให้ผมออกไปกับเขาหน่อย
   “โม เดี๋ยวเราไปกับพี่หน่อยนะ เก็บของเราเลย พี่ไม่เข้ามาแล้ววันนี้” พี่เชษฐ์บอกผม
   “ไปไหนอ่ะคัรบ พี่” ผมถามขึ้น แต่พี่ศักดิ์ก็ได้แต่นิ่ง ยิ่งทำให้ผมใจไม่ดีมากขึ้นด้วย
ตลอดเวลาที่ผมนั่งอยู่ในรถกับพี่ศักดิ์ ผมก็ได้ยินแต่ความเงียบ เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกัน ผมก็ไม่กล้าถามพี่ศักดิ์ด้วย ว่าเกิดอะไรขึ้น  พี่ศักดิ์ก็ได้ขับรถพาผมกลับบ้าน พอถึงบ้านแล้ว พี่เขาก็พาผมไปยังโซฟา แล้วพี่ศักดิ์ก็ได้ลงมานั่งข้างๆ พร้อมกับเอาแขนมาโอบไหล่ผมไว้
   “โม ทำใจดีๆ แล้วฟังพี่นะ”  พี่ศักดิ์ได้พูดขึ้น 
   “คือ .....เชษฐ์เค้าเสียแล้ว”

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
โอย น้ำตาไหลครับ พยายามอัพ  ตอนเขียนก็ร้องให้เหมือนกัน คิดถึงพี่เค้ามากๆเลย

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

พี่เชษฐ์เสียแล้ว” ผมพูดออกมาอย่างลำบาก  “พี่ศักดิ์ล้อผมเล่นใช่เปล่าครับ”   พี่ศักดิ์ส่ายหน้าแทนคำตอบ
   “เชษฐ์เค้าสู้กับโจรที่มาดักยิงครูเมื่อเช้านี่เอง มันโดนยิงไปสี่นัด นัดหนึ่งเข้าที่ขั้วหัวใจ” พี่ศักดิ์บอกผม
เป็นไปไม่ได้ เมื่อเช้าเรายังคุยกันอยู่นี่ อีกสามสี่วัน พี่เค้าก็จะกลับมาหาผมแล้ว แล้ว... แล้วทำไมพี่เค้าถึงจะทิ้งผมไปล่ะ หลายเหตุผลที่ผมคิดเข้าข้างตัวเองในตอนนั้น ว่าเป็นไปไม่ได้ พี่เชษฐ์กำลังมาหาผมนี่ เป็นไปไม่ได้ เหมือนมีใครสักคนสักคนเอามีดมาบั่นคอผมออกไป ความรู้สึกของผมมันชาไปหมด น้ำที่เอ่ออยู่รอบๆตาผม กำลังไหลลงมา แต่ในความรู้สึกทั้งหมดนั้น ก็มีเสียง เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของผม
   “เป็นแฟนตำรวจต้องเข็มแข็งไว้นะ”  เป็นเสียงของพี่เชษฐ์ที่พร่ำบอกกับผมอยู่เสมอ
พอผมนึกได้ดังนั้นแล้ว ผมก็ทำให้พี่ศักดิ์รู้สึกแปลกใจ ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติกลับมา เช็ดน้ำที่อยู่ในตาออกไป ใช่ ผมต้องเข้มแข็ง ต้องอดทนไว้ ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องให้ออกมา นายโม นายต้องทำได้ ผมบอกกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมา แล้วผมก็ลุกขึ้นเดินกลับบ้านผมไป ปิดประตูห้องนอน แล้วล้มตัวลงบนเตียง ผมหยิบเอาแหวนรุ่นที่พี่เชษฐ์ให้ผมไว้ อออกมาดูทั้งคืน ผมหลับไปพร้อมกับคำพูดในหัวว่า
   “พี่เชษฐ์ครับ พี่อยู่ไหน ผมคิดถึงพี่ครับ”
   ตอนเช้าผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยเสียงเหมือนคนมาเคาะที่ประตูห้อง
   “โม ตื่นยัง” พี่ศักดิ์นั่นเอง
ผมเดินลุกขึ้นไปเปิดประตู ก็เจอพี่ศักดิ์อยู่ในชุดสูทสีดำ ทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยที่ยังเห็นผมในชุดที่ใส่เมื่อวาน ก่อนที่จะพูดขึ้นกับผมด้วยน้ำเสียงที่สงสารผมว่า
   “ไปอาบน้ำแต่งตัวกินข้าวก่อนไป เดี๋ยวจะได้ไปรับเชษฐ์มัน” ผมพยักหน้ารับคำแล้วเดินไปทำตามที่พี่ศักดิ์บอก สักครู่หนึ่งผมก็แต่งตัวเสร็จ ผมอยู่ในชุดสูทสีดำเหมือนพี่ศักดิ์ แต่ตอนนั้นผมกินอะไรไม่ลง เลยได้บอกพี่ศักดิ์พาผมออกไปเลย พี่เขาก็ขับรถพาผมออกไปยังวัดที่จะใช้ตั้งศพพี่เชษฐ์ พอผมไปถึงก็เจอกับตำรวจเต็มไปหมด ผมเลยขอพี่ศักดิ์นั่งอยู่ตรงท้ายศาลา พี่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร  สักครู่หนึ่งผมก็เห็นตำรวจยกศพพี่เชษฐ์ลงมาจากรถ แล้วเอาร่างของพี่เขาตั้งไว้ตรงกลางศาลา เพื่อทำพิธีรดน้ำศพ ตอนนี้ร่างของพี่เชษฐ์นอนสงบนิ่ง มีธงชาติไทยคลุมอยู่ นั่นคงเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพี่เขาแล้ว ที่ได้สละตัวเองเพื่อคนอื่น ผมมองคนที่มาร่วมงาน พากันเวียนไปรดน้ำศพพี่เชษฐ์ ตอนนี้ใจผมลอยเหมือนคนไม่ได้สติ แล้วผมก็รู้สึกตัวตอนที่มีคนมาจับไหล่ผม  พี่กวานั่นเอง
   “โม เป็นยังไงบ้าง ฮึ” พี่กวาถามแล้วเอามือมาลูบศรีษะผม
   “อ้าว พี่กวา มาด้วยเหรอ” ผมถามกลับไป เมื่อรู้ว่า เป็นพี่กวา
   “ก็คุณศักดิ์โทรไปบอกพี่เมื่อวานน่ะ พ่อกับแม่เค้าก็ตกใจ ไม่นึกว่าคุณเชษฐ์จะไปเร็วแบบนี้ ว่าแต่เราไม่เป็นไรนะ”
   “อื้ม ผมไม่เป็นไร” ผมพูดแล้วก็พยายามยิ้ม เพื่อให้พี่กวารู้สึกว่าผมไม่เป็นไร จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง สักพักหนึ่งพี่ศักดิ์ก็เดินเข้ามาหา
   “โม ไปรดน้ำพี่เขาหน่อยไป เดี๋ยวก็จะได้บรรจุศพแล้ว” พี่ศักดิ์บอก
   ผมเดินเข้าไปหาพี่เชษฐ์ ร่างพี่เขาสวมชุดตำรวจเต็มยศนอนสงบนิ่งอยู่ใต้ธงชาติ สีหน้าพี่เชษฐ์ดูนิ่งสงบเหมือนจะรับรู้ว่า ได้กลับมาหาผมแล้ว ไม่เหมือนกับที่พี่เค้าต้องเจ็บปวดมาก่อน ผมหยิบขันน้ำด้วยมือที่สั่นระริกแล้วรดลงไปที่มือของพี่เชษฐ์ ขณะที่ผมกำลงัจะร้องให้ออกมานั้น เสียงหนึ่งก็ดังเขามาในหัวของผม
         “เป็นแฟนตำรวจต้องเข้มแข็งนะ”
ผมรดน้ำพี่เชษฐ์เสร็จแล้ว ก็กลับมานั่งตรงที่เดิม  มองดูคนกำลังยกร่างพี่เชษฐ์เข้าไปในโลงแล้วยกเข้าไปตั้งในศาลาที่ได้ประดับด้วยดอกไม้เรียบร้อยแล้วก็เอาธงชาติคลุมทับโลงอีกที ผมมองภาพต่างๆเหล่านั้นเข้ามาในสมองโดยที่ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย สุดท้ายผมก็เห็นคนค่อยๆทยอยเดินออกไปจากศาลา แต่มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาหาผมแล้วเข้ามาจับที่ไหล่ พี่เจ้าบ่าวนั่นเอง แล้วความหลังก็ย้อนเข้ามาในหัวของผมอีกครั้ง
   “ลูก เอ๊ยไม่ใช่ คนพิเศษน่ะ” เสียงของพี่เชษฐ์ตอนที่แนะนำผม
พี่เจ้าบ่าวในวันนั้นเข้ามาหา แล้วก็จับที่ไหล่ผมเบาๆ ส่งสายตาเหมือนให้กำลังใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา แล้วก็เดินออกจากศาลาไป จวบจนทุกคนที่มางานกลับ เหลือแต่ผมนั่งอยู่ตรงนี้
   “โม กลับได้แล้วป่ะ เดี๋ยวตอนเย็นค่อยมาฟังสวด” พี่ศักดิ์บอกผม ผมนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบไปว่า
   “พี่ครับ ผมขอไม่มาแล้วนะคัรบ” ผมบอกกับพี่ศักดิ์ไป
   “อ้าว ทำไมล่ะ” พี่เขาแปลกใจ แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรไป ได้แต่มองไปยังโลงศพของพี่เชษฐ์ แต่ดูเหมือนพี่ศักดิ์จะเข้าใจอะไรเลยพูดออกมาว่า ตามใจเราแล้วกัน  แล้วพวกผมก็กลับบ้านครับ พี่กวาก็ขอกลับอยุธยาก่อน เพราะลาราชการไม่ได้ เลยจะมาอีกทีวันเผาแล้วกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2009 19:34:17 โดย HuaTangMo »

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
หลังจากวันนั้นแล้วผมก็ไม่ได้ไปงานศพพี่เชษฐ์อีกเลย ผมก็ไปทำงานตามปกติของผม พยายามทำตัวให้เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น  พี่ศักดิ์ก็แปลกใจอยู่เล็กๆกับปฏิกิริยาของผม
   “โม พี่ถามหน่อยสิ เราไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ” พี่ศักดิ์ถามผม
   “ผมก็เสียใจครับ แต่ทำยังไงได้ล่ะ ร้องให้ไปใช่ว่าพี่เค้าจะฟื้น พี่เชษฐ์บอกผมอยู่ตลอดล่ะคัรบ ว่าเป็นแฟนตำรวจต้องเข้มแข็ง” พี่ศักดิ์เลยหายสงสัย แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกครับ ถึงยังไงเวลาที่ผมอยู่คนเดียวผมก็ได้แต่นั่งเหม่ออยู่เหมือนกันนั่นแหล่ะ
วันนี้แล้วสินะ ที่พี่เชษฐ์จะจากผมไปเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเช้าพี่ศักดิ์ก็เข้ามาถามผมว่า วันนี้เป็นวันเผาพี่เค้าแล้ว ผมจะไม่ไปเหรอ ผมก็ยืนยันคำเดิมนั่นแหล่ะครับ ผมไม่อยากที่จะเสียความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับพี่เชษฐ์ กับการที่ต้องเห็นพี่เค้าเข้าไปยังเชิงตะกอน มันเป็นสิ่งเดียวในตอนนั้นที่ผมยังไม่ยอมรับ ผมมองดูเวลาอีกครั้ง ก็รู้ว่าจวนได้เวลาที่พี่เชษฐ์ต้องกลับไปเป็นเถ้าถ่าน ผมก็ได้เดินเข้าไปยังห้องพี่เชษฐ์แล้วฟุบลงบนที่นอน พอผมล้มตัวลงไปแล้ว เหมือนรู้สึกว่ามีสายลมอุ่นๆ พัดเข้ามาในห้องเหมือนกับมีใครมากอดผมไว้ พร้อมกับได้กลิ่นของพี่เชษฐ์ ทำให้ผมเคลิ้มหลับไปอีกครั้งหนึ่ง
   วันต่อมาผมหลังจากเลิกงานแล้ว(จำได้ว่าวันนั้นผมเข้างานครึ่งวันแล้วก็ไม่มีอารมณ์ทำงานเลยออกมาก่อน) ผมก็ได้มานั่งเหม่ออยู่หลังบ้าน รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นพี่ศักดิ์หอบกล่องกระดาษมาใบหนึ่ง ข้างบนกล่องกระดาษนั้นก็มีกล่องสเตนเลสสีดำใบหนึ่งวางอยู่ด้วย พี่ศักดิ์หอบของพวกนี้เข้ามาแล้วเอามาวางไว้ข้างๆผม
   “อื้ม ของไอ้เชษฐ์มันน่ะ” พี่ศักดิ์บอกผมแล้วเดินออกไป พอพี่เขาออกไปแล้ว ผมก็ค่อยๆขยับเข้ามายังกล่อง แล้วเปิดดูก็เจอของใช้ของพี่เชษฐ์เช่น คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค กรอบรูปซึ่งมีรูปที่ผมถ่ายกับพี่เค้าเมื่อตอนไปเที่ยวทะเล แผ่นซีดีที่ผมส่งไปให้ เสื้อผ้า พอค้นลงไปอีกก็เจอตลับใส่พระที่ผมให้พี่เชษฐ์ไปเมื่อตอนที่พี่เค้าย้ายลงไปใต้  และสุดท้ายก็เป็นไดอารี่เล่มหนึ่งวางอยู่ก้นกล่อง  แล้วผมก็มาเปิดกล่องสเตนเลสสีดำออกดู ก็เจอกับห่อผ้าที่ใส่เถ้ากระดูกของพี่เชษฐ์ไว้ ผมนิ่งไปแล้วความทรงจำอย่างหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในหัว

OhhO16

  • บุคคลทั่วไป

foozeballz

  • บุคคลทั่วไป
เศร้าค่ะ เสียใจด้วยนะคะพี่โม พี่เชษฐ์เค้าไปสบายแล้วละค่ะ การได้รับใช้ชาติถือว่ามันเป็นอะไรที่มันยอดสุดๆแล้วละค่ะ

ใช้ชีวิตให้มีความสุขนะคะ ชาติหน้าถ้ามีจริงก็ขอให้พี่สองคนเกิดมาเป็นคู่กันอีกนะคะ

ภูมิใจแทนพี่โมค่ะ :L1:

ออฟไลน์ ||WiTHOuT_YoU||

  • ที่รักของใครสักคน
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-6
    • MoSHI
 :impress3: :impress3: :impress3:

ทำไมความสุขมันช่างเป็นช่วงเวลาที่สั้นๆแบบนี้นะ

มันเศร้ามากมายเลย แต่ก็ขอยกย่องพี่เชษฐ์ด้วยค้าบ

ที่ทำหน้าที่ปกป้องประชาชนตามเจตนารมณ์ของอาชีพตำรวจ

เสียใจและดีใจไปพร้อมกันกับพี่โมค้าบ ที่ได้เจอกับพี่เชษฐ์นะ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

salemon

  • บุคคลทั่วไป
แสดงความเสียใจด้วยนะคะ
อ่านไปน้ำตาคลอเลยค่ะ
แต่สิ่งที่ยังตรึงในความทรงจำดีๆ นั้นคือสิ่งที่ไม่จางหาย :L1:
เสียสละเพื่อชาติ
ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆมาเล่านะคะ

 :impress3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-03-2009 22:01:29 โดย salemon »

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

ยอมรับว่าผมเป็นคนเร็ว แต่ไม่ละเอียด....
อ่านข้ามอะไรไปได้ไงหว่า.....

เรื่องเมื่อผ่านไปแล้ว พี่โม ก็ได้ผ่านจุดนั้นมาแล้ว (เป็นพี่ผมแน่ๆ ปี 48 เริ่มทำงาน เพราะผมทำงานปี 49 )

ขอยกย่อง เชิดชู ผู้หาญกล้า
อีกผู้บูชา รักแท้ และมั่นคง

สายลม พัดผ่าน เหลือไว้แต่ความรู้สึก
ชีวิตที่ยังคง ต้องเดินทางต่อไป จนถึงวันของเราเอง
ทำให้ดีที่สุด เพราะไม่รู้ว่าวันนั้น ของเราจะถึงเมื่อใด

ขอบคุณที่เล่าเรื่องที่ดีที่สุดเรื่องนี้ให้ผมและทุกท่านในเล้าครับ
ปล.รออ่านไดอารี่นะครับผม
ปล.2 แหม่ พี่โมโพสเร็วเกินไปหรือเปล่าพี่ เขียนจบแล้วจริงอยู่ แต่ค่อยๆลงก็ได้ ผมตามอ่านไม่ทันครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






namtaan

  • บุคคลทั่วไป
คนอ่านเสียน้ำตาไปเยอะแล้ว มันบีบหัวใจมากๆเลย

พี่เชษฐ์เสียสละความสุข เสียสละตัวเองเพื่อชาติ พี่เค้าได้ทำหน้าที่ที่มีคุณค่ามากค่ะ

"เป็นแฟนตำรวจต้องเข้มแข็ง" เป็นกำลังใจให้น้องโมอีกครั้งนะคะ  :กอด1:


OhhO16

  • บุคคลทั่วไป
จะรอถึง 4 ทุ่มไม่ไหวแระครับ


ความจริงแล้ว กะว่าจะพักสักแป๊ป  ทิ้งร้านเข้ามาบ้านมาเล่นเน็ต เล่นเข้ามาอ่านต่อ อ่านไปเพลินเลย จนจะถึงตอนจบ


ป่านนี้ ขโมยงัดร้านไปแระ 5555 เจ้าของมัวมาอ่านนิยาย



แต่ว่า เรื่องนี้อ่านไปได้อะไรมากมายนะครับ

พ่อแม่ผมก็คนอยุธยา พออ่านแล้วนึกถึงบรรยากาศแบบนั้นเลย  ลำคลอง บ้านเรือนไทย  พายเรือ  นึกถึงวิถีชีวิตสบายๆ พึ่งพาอาศัยกัน   นึกถึงงานวัดที่ชาวบ้านช่วยกำันทำกับข้าว ทำขนม อ่านแล้วมีความสุขมากๆๆ นึกถึงบ้านที่บางปะอินจังเลย


ส่วนอีกเรื่องคือ  ความเสียสละ  บ้านเมืองเราจะคงอยู่ได้ ก็เพราะมีคนอย่างพี่เชษฐ์เนี่ยหล่ะครับ



jokirito

  • บุคคลทั่วไป
Re:
«ตอบ #142 เมื่อ10-03-2009 21:55:56 »

ฮือ ทำใจไว้แล้วแต่ก็เสียน้ำตาอยู่ดีครับ

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
ทั้ง ๆ ที่ก็ทำใจไว้แล้วเหมือนคนอื่น ๆ แต่... ทำไมมันเศร้าขนาดนี้ล่ะ  :m15:

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
บทสุดท้าย ตะวันยังมีให้เห็น ณ ขอบฟ้าที่แสนไกล สักวันผมคงได้ไปหาพี่




“ไปกระบี่ เที่ยวสองทุ่ม ที่หนึ่งครับ”  ผมบอกคนขายตั๋ว ที่ทำหน้าตาแปลกๆเมื่อเห็นผมใส่ชุดสูทสีดำเดินเข้าไปซื้อ ตอนนี้ผมมาที่สถานีรถสายใต้ครับ เพื่อไปทำบางอย่าง ให้พี่เชษฐ์เป็นครั้งสุดท้าย ผมนั่งรอจนได้เวลาสองทุ่มแล้วไปที่ชานชาลาเพื่อขึ้นรถ ตลอดระยะทางผมได้นั่งกอดกล่องสเตนเลสสีดำไว้ตลอดทางเหมือนกับกลัวว่าจะมีใครมาขโมยไป  รถทัวร์มาถึงตัวเมืองกระบี่เมื่อตอนแปดโมงกว่าๆ  พอมาถึงแล้วก็เจอรถสองแถวหลายคันจอดอยู่
   “ลุงครับ ผ่านทะเลมั้ยครับ” ผมถามลุงที่กำลังโบกรับผู้โดยสารอยู่
   “ผ่านสิ ไอ้หนู่ หาดนพรัตน์ อ่าวนาง ไร่เลย์ จะไปขึ้นเลย” ลุงคนนั้นตะโกนตอบ ผมเลยขึ้นไปนั่งแล้วก็ยังกอดกล่องสเตนเลสสีดำนั้นเอาไว้ เหมือนกับว่า อีกไม่นานก็จะพลัดพรากจากกัน คนอยู่บนรถก็มองผมแปลกๆ สักครู่พอผู้โดยสารเต็มแล้ว โชเฟอร์ก็ออกรถไป ผมนั่งมองดูสองข้างทาง ก็เป็นป่าเขียวขจี เป็นสวนยางพาราบ้างก็สลับกับสวนปาล์ม มีภูเขาหินรูปร่างแปลกๆโผล่ขึ้นมาเป็นระยะ พอสักเกือบๆชั่วโมง ผมก็มาถึงทะเล ซึ่งเรียกว่าหาดนพรัตน์ธารา  ผมเลยขอลงตรงนี้ จากที่เมื่อเช้ามีเมฆครึ้มไปหมด มาถึงตอนนี้ดวงอาทิตย์เริ่มสาดแสงลงมา ทำให้เห็นภาพน้ำทะเลที่เป็นสีเขียวมรกต เหมือนที่พี่เชษฐ์เล่าให้ผมฟัง ผมลงจากรถแล้วก็เดินไปยังชายหาด วางกระเป๋าเป้ลงบนพื้นทราย ถอดรองเท้าแล้วค่อยๆเดินลงไปยังผืนน้ำทะเลเบื้องหน้า  ผมเปิดกล่องสเตนเลส แล้วแก้ปมมัดผ้าห่อเถ้ากระดูกพี่เชษฐ์ออก มือข้างหนึ่งก็กำเถ้าโปรยลงไปยังรอบๆ
   “พี่เชษฐ์ครับ ทะเลสวยมาก  ในที่สุดเราก็ได้มาด้วยกันแล้วนะ ขอให้พี่หลับให้สบายนะครับ” ผมโปรยเถ้าไปจนหมด พักนึงผมก็รู้สึกว่า เรี่ยวแรงรวมทั้งความเข้มแข็งทั้งหมดของผมได้หายไปแล้ว ความอ่อนแอที่เก็บอยู่ตั้งแต่วันแรกๆที่พี่เชษฐ์จากผมไปได้ทะลักออกมา สองขาของผมก็ไม่สามารถยืนอยู่ได้ ผมจึงทรุดลงแล้ว......................ร้องให้ออกมา

7  มีนาคม  2552
   ผมกดเซฟสิ่งที่ผมพิมพ์ไว้ในโปรแกรม Word กับเครื่องโน๊ตบุ๊ค แล้วลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ตอนนี้ก็เย็นแล้ว ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสงสุดท้ายหยอกล้อเกลียวคลื่นของทะเลสีเขียวมรกตอยู่  ผมมองไปสุดสายตาพร้อมกับความคิดคำนึงของผมถึงคนที่ผมรักสิ้นสุดลง สักวันหนึ่ง ผมคงได้ตามพี่ไปยังสุดขอบฟ้านั่น ขอให้พี่รอผมก่อนนะ
ตื๊ดดดด ตื๊ดดด ตื๊ดดด..................
   “ว่างัยครับ พี่ศักดิ์...... เหรอครับ พี่กวาคลอดแล้วเหรอครับ.........ผู้ชายด้วย ดีๆ ครับ แหม เห็นตอนแรกบอกจะคลอดอาทิตย์หน้าไง ... แต่ก็ปลอดภัยดีนะครับ ดีจัง ต้องรีบกลับไปรับขวัญหลานซะแล้ว ..........อยู่กระบี่ครับ........หา อยากให้ผมตั้งชื่อให้เหรอครับ อืม...........เอาเป็น  วรเชษฐ์ แล้วกันครับ....หา ดีเลยเหรอครับ ครับ เดี๋ยวเจอกันครับ”
   หลังจากรับฟังข่าวดีจากพี่ศักดิ์แล้ว ผมก็เก็บของขึ้นรถ ก่อนที่จะหันไปมองทะเลเป็นครั้งสุดท้ายแล้วพูดว่า
“พี่เชษฐ์ครับ ผมคิดถึงพี่ครับ”
Dedicated to  ร้อยตำรวจเอกวรเชษฐ์       7 มีนาคม 2514  -  16 พฤษภาคม 2550
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2009 14:16:56 โดย HuaTangMo »

OhhO16

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ ||WiTHOuT_YoU||

  • ที่รักของใครสักคน
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-6
    • MoSHI
พี่โมเข็มแข็งมากค้าบบบ ขอให้เก็บความทรงจำดีๆ

ที่เคยมีด้วยกันกับพี่เชษฐ์ไว้ในใจและในความทรงจำตลอดไปนะค้าบ

พี่ๆน้องในเล้าเป็นกำลังใจให้ทุกคนค้าบบบ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
คิดว่าวันนี้คุณโม น่าจะทำใจได้บ้างแล้ว แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้ในการเขียนภาคต่อไป  :L2:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้น้องโมนะคะ  :กอด1:
น้องโมเข้มแข็งมากๆ สมกับเป็นแฟนตำรวจจริงๆ
ตอนนี้พี่เชษฐ์คงหมดห่วง ไปสบายแล้ว
แต่ก้อมีเด็กชายวรเชษฐ์มาให้น้องโมช่วยดูแลแทนแล้วสิคะ

เป็นเรื่องที่ประทับใจมากๆ เป็นความทรงจำหลากหลายด้านที่คนอ่านได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้เสียน้ำตาไปด้วย
ขอบคุณน้องโมมากๆ ค่ะ ที่มาแบ่งปันความทรงจำที่งดงามนี้
สำนวนการแต่ง การใช้ภาษาสำหรับมือใหม่ เขียนเรื่องแรกนับว่ายอดมาก
อาจมีตกหล่น ผิดพลาดไปบ้างเป็นเรื่องธรรมดา

รอติดตามผลงานเรื่องต่อไปของน้องโมนะคะ
หวังว่าจะได้อ่านไดฯของพี่เชษฐ์ ได้อ่านผลงานต่อๆ ไปของน้องโมอีกค่ะ  :L2:

ขอบคุณมากๆ อีกครั้ง  :กอด1:
พี่น้ำตาล

--------------
มีคำถามนิดนึงค่ะ เจ้าหนูวรเชษฐ์ กะพี่เชษฐ์ เกิด 7 มีนาคม เหมือนกันเลยเหรอคะ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-03-2009 22:20:02 โดย namtaan »

foozeballz

  • บุคคลทั่วไป
พูดไม่ออกค่ะ

เดี๋ยวสักวันโมก็ต้องตามคุณเชษฐ์ไป เชื่อว่าคุณเชษฐ์รออยู่นะคะ
 :L2: :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด