แฟนผมเป็นตำรวจ ++++
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แฟนผมเป็นตำรวจ ++++  (อ่าน 237327 ครั้ง)

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
บทที่สี่ อีกด้านของความรัก (ต่อครับ)

เข้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นแต่เช้าเช่นเคย อาบน้ำแต่งตัว เตรียมตัวไปทำงาน ก่อนที่ผมจะออกจากบ้าน ลองชะโงกข้ามรั้วมองออกไปยังบ้านของพี่เชษฐ์ ปรากฏว่าประตูบ้าน ปิดไว้เรียบร้อย และมอเตอร์ไซด์ของพี่เค้าก็ไม่อยู่ แสดงว่าพี่เค้าคงออกไปทำงานแล้วล่ะ ผมก็เลยคิดว่า ยังงัยวันนี้ก็ยังเช้าอยู่ ไปเยี่ยมพี่ศักดิ์ก่อนไปทำงานก็ยังทัน คิดได้ดังั้นก็รีบขึ้นรถเมล์ไปยังโรงพยาบาลก่อน โชคดีครับ ที่โรงพยาบาลไม่ไกลจากที่ทำงานเท่าไหร่ พอไปถึงหน้าโรงพยาบาลแล้ว ก็เห็นร้านขายน้ำเต้าหู้ กะปาท่องโก๋ขายอยู่หน้าโรงพยาบาล เลยซื้อ ไปสองถุงกะปาท่องโก๋อีกห้าตัว กะว่าจะไปกินที่ทำงานน่ะครับ กลัวออกมาเค้าเก็บกลับบ้านก่อน
ซื้อเสร็จผมก็เดินเข้าไปเยี่ยมพี่ศักดิ์ แต่ขณะที่กำลงัเปิดประตูเข้าไป ก็มีคนเดินสวนออกมา พี่เชษฐ์นั่นเอง
“อ้าว โม มาด้วยเหรอ พี่นึกว่าไปทำงานแล้ว”
“ครับ มาเยี่ยมพี่ศักดิ์ก่อนน่ะครับ เดี๋ยวเลยไปทำงานเลย”
“ศักดิ์เขายังไม่ตื่นเลย เราจะเข้าไปเยี่ยมมั้ยล่ะ” พี่เชษฐ์ถามผม
“อืม งั้นไม่ดีกว่าครับ ให้พี่เขาพักไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวผมค่อยมาทีหลังก็ได้ครับ”
“งั้นเดี่ยวไปกับพี่เลยแล้วกัน แล้วซื้ออะไรมานั่นน่ะ” พี่เชษฐ์ถามผมขณะมองไปยังถุงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋
“ปาท่องโก๋กะน้ำเต้าหู้น่ะครับ พี่เชษฐ์กินมั้ยอ่ะ ผมซื้อมาสองถุงน่ะคัรบ กะว่าจะไปกินที่ทำงาน”
“ดีเหมือนกัน งั้นไม่เกรงใจนะ ขอถุงนึงแล้วกัน “
เป็นอันว่าเราสองคนกินปาท่องโก๋กะน้ำเต้าหู้เป็นอาหารเช้าของวันนั้น  โดยการกัดก้นถุงกินกัน (ที่บ้านผมก็กินแบบนี้แหล่ะ)
“เอ้า หกหมดเลย เดี๋ยวนะครับ” ผมร้องขึ้น พลางล้วงเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้พี่เชษฐ์ หลังจากที่น้ำเต้าหู้เลอะหน้าพี่เค้า  สงสัยบีบแรงไปหน่อย ในจังหวะเดียวกันที่ผมเผลอตัวเอาผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดให้พี่เค้า พี่เชษฐ์ก็เอามือขึ้นมารับผ้าเช็ดหน้าของผม ทำให้มือของเราโดนกันโดยไม่ตั้งใจ เหมือนมีไฟฟ้าสถิตมาโดน  (เหมือนละครหลังข่าวจังว่ะ --------เสียงจากเรื่องข้างๆ)  ผมรีบหลบตาพี่เชษฐ์ ใจเต้นแรงอีกแล้ว เป็นอะไรกันแน่เนี่ย กรู
“เอ่อ.... ขอบคุณครับ” พี่เชษฐ์ พูดพลางเอาผ้าเช็ดหน้าคืน  ผมรับมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร (พูดไม่ออกมากกว่า)
“เป็นอะไรอ่ะ โม หน้าแดงเชียว ไม่สบายปล่าว” พี่เชษฐ์ถามผม
“อ๋อ เอ่อ..... สงสัยร้อนน่ะครับ ไม่เป็นไรหรอก “
“พี่นึกว่าไม่สบายน่ะ เห็นหน้าแดงๆ ไม่เป็นก็ดีแล้ว ถ้าเป็นอะไรพี่คงรู้สึกไม่ดี”  เออ ว้อย.... ก็เพราะพี่นั่นแหล่ะ ที่ทำผมเป็นแบบนี้ ผมคิดในใจ
พี่เชษฐ์พาผมเดินไปยังรถมอเตอร์ไซด์ แต่วันนี้พี่เค้าคงไม่นึกว่าผมจะมาด้วย เลยเอาหมวกกันน๊อคมาแค่ใบเดียว พี่เชษฐ์เลยเอามาให้ผมใส่
“อ้าว แล้วพี่เชษฐ์ล่ะคัรบ “ ผมถามขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอก เราใส่นั่นแหล่ะ  เดี๋ยวพี่ขับช้าๆก็ได้”
“อ่า............. ครับ” ผมรับหมวกมาใส่ แล้วก็ขึ้นซ้อน แต่ด้วยกลัวว่าพี่เชษฐ์จะอึดอัด ผมเลยนั่งห่างออกมา จนเกือบจะติดท้ายรถ
“อะไรน่ะ นั่งดีๆ สิ เขยิบเข้ามาอีก เดี๋ยวก็ตกหรอก” ผมขยับเข้าไปแบบเก้ๆกังๆ พี่เชษฐ์เห็นผมก็เลยหัวเราะขึ้น แล้วจับเอามือผมไปโอบรอบเอวพี่เค้าไว้ ทำให้ตอนนี้หน้าของผมไปซบอยู่กับหลังของพี่เชษฐ์ ได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ออกมาจากแผ่นหลัง โอยยยยยย ใจเต้นอีกแล้ว แต่รู้สึกอบอุ่นดีแฮะ มันเป็นความรู้สึกดีๆที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาเลย รู้สึกว่าวันนี้อยากให้ถนนมีแยกไฟแดงซักร้อยแยกจัง  (งั้นพวกแกสองคนก็ไปทำงานสายน่ะสิ ------------เสียงเจ้าของเรื่องข้างๆ)

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ชื่อเรื่องชวนติดตามจริงๆ คนในเครื่องแบบ  :z2: :z2: :z2:

ISACBTMN

  • บุคคลทั่วไป
กลิ่นรักสามเศร้ามาเชียว

เป็นกำลังใจให้นะ

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
โอยยยยยยยยยยย  อยากเอาสายโทรศัพท์รัดคอตัวเอง ทำไมเน็ตมันต้องเจ๊งวันนี้ด้วย ฮ่าๆๆ อ่าน Reply ของท่านผู้อ่านอยากจะบอกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่รักสามเศร้านะครับ แถมให้อีกหนึ่งเป็นสี่เลย อิอิ ขอบคุณครับที่ติดตาม

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บทที่ห้า ใช่รักหรือเปล่า (เรื่องบังเอิญ)

พอไปถึงที่ทำงานผมก็แปลกใจอีกครั้งนึง เพราะแทนที่พี่เชษฐ์จะส่งผมแค่หน้าสถานีแล้วให้ผมเดินข้ามถนนเข้าสำนักงานเอง แต่สำหรับวันนี้พี่เชษฐ์ขับรถมาส่งผมถึงหน้าประตูตึกสำนักงานเลยทีเดียว ทำให้คนที่กำลังเดินเข้าสำนักงานมองผมกันเป็นแถว
“วันนี้เลิกงานกี่โมงน่ะ โม” พี่เชษฐ์ถามขึ้นมา
“ก็ห้าโมงน่ะครับ  พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามกลับ แล้วถอดหมวกส่งคืนให้
“อืม ตอนเย็นพี่จะไปดูไอ้ศักดิ์มันอีกทีน่ะ เผื่อเราจะไปด้วย  ไปด้วยกันมั้ยล่ะ”
“ดีครับ งั้นผมขอไปด้วยแล้วกัน ผมเข้าทำงานก่อนนะครับ สายแล้ว”
“จ้ะ”   หา! ตะกี๊พี่พูดว่าอะไรนะ ผมทำหน้าเหลอหลา พี่เชษฐ์มองหน้าหัวเราะนิดนึงแล้วขับรถออกไป เห้อ พูดเหมือนคนรักกันเลย  แต่เอ รักเหรอ ไม่ใช่หรอกม๊างง เจอกันอาทิตย์เดียวเอง ไม่ใช่รักหรอก ผมคิดเข้าข้างตัวเอง
“เฮ้ย ไอ้โม มึงจะยืนเป็นยามอยู่หน้าตึกนั่นเหรอ เข้ามาได้แล้ว” เสียงตะโกนมาจากข้างหลังผม ไอ้ต้นน่ะเอง ไอ้ต้นเป็นเพื่อนผมสมัยเรียนมหาลัยนี่ล่ะครับ ผมกับมันทำงานที่ตึกเดียวกัน แต่คนละบริษัท
“เฮ้ย พ่อมึงเป็นตำรวจเหรอ กูไม่ยักกะรู้” ไอ้ต้นมันถามขึ้นมา
“พ่อกูที่ไหนล่ะ พี่ข้างบ้านว้อย พอดีเค้าทำงานฝั่งตรงข้ามนี่แหล่ะ เลยขอติดรถเข้ามา”
“เออ กูก็นึกว่าพ่อ แต่ไม่น่าจะใช่ กูก็ว่าอยู่ พ่อหน้าดี แต่ทำไมลูกออกมาหน้าตาเหมือนเหี้ยจัง”
“ถุย ไอ้สัด พูดยังงี้มีมาชกกะกูเลยมา ยังกะมึงหน้าตาดีกว่ากูยังงั้ยแหล่ะ ไอ้ถุงยางแตก”
“ฮ่าๆๆๆ กูล้อเล่นนิดเดียว ทำเป็นโมโห  เออ กูไปแล้ว โชคดีว่ะ”
“เออ โชคดี แล้วเจอกัน” ผมลามัน ไอ้ต้นมันเป็นพื่อนสมัยที่เรียนอยู่มหาลัยครับ เป็นเพื่อนในจำนวนน้อยนิดของผม  (ไม่มีใครคบ) ถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมก็ว่าได้ เพราะถึงมันจะปากหมาแบบนี้ แต่จิตใจมันก็ดีนะคัรบ ชอบช่วยเหลือเพื่อน (แต่เวลายืมตังค์ทีไร มันไม่เคยให้เลย) นิสัยก็บ้าๆบอๆ พอกันกับผมนี่แหล่ะครับ เวลาอยู่ด้วยกันในกลุ่มเพื่อน ผมกับไอ้ต้นนี่แหล่ะ เป็นคนที่เรียกเสียงหัวเราะได้มากที่สุด ผิดกับตอนนี้ เวลาอยู่กับพี่เชษฐ์ ผมอยากทำตัวให้ตัวเองดูดีที่สุด ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน คิดไปเพลินลิฟท์ก็พาผมมาถึงชั้นของสำนักงานแล้วครับ ผมก็เดินทักทาย สวัสดีรุ่นพี่ที่ทำงานอยู่ ตามประสาเด็กที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ ต้องเคารพรุ่นพี่หน่อยน่ะคัรบ (ไม่อยากจะบอกว่า พอคุ้นเคยกันแล้ว ผมซ่าสุดๆเลยนะ)
“น้องนะโมค๊า”  เสียงพี่ฝ่ายบุคคลร้องทักขึ้น ซึ่งพี่เค้าก็พยายามทำเสียงให้หวาน แต่ทำให้คนฟังขนลุกแทน
“เอ่อ เรียกโมเฉยๆก็ได้ครับ พี่กุ้งมีอะไรกับผมเหรอครับ”
“อุ๊ย  แบบว่าพี่อยากคุยกันน้องต้องมีเรื่องด้วยเหรอคะ” พี่กุ้งพยายามทำหน้าตาสวย แต่ดูเหมือนจะซวยมากกว่า  อย่ามาทำหน้าตายังงั้นใส่นะป้า ผมมีพระนะ
“คือพี่อยากจะบอกว่า วันนี้น้องคงต้องไปทำงานกับหัวหน้าก่อนนะค๊า แบบว่าพี่เลี้ยงทำงานของน้องตอนนี้แอดมิทอยู่โรงพยาบาลน่ะค่ะ”
“พี่เค้าเป็นอะไรมากป่าวครับ” ผมถาม
“แบบว่าพี่ก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะค่ะ เมื่อเช้าเพื่อนเค้าเพิ่งโทรมาลาเอง เห็นบอกว่ายังไม่ได้สติ”
“แล้วพี่เค้าชื่ออะไรเหรอครับ ผมยังไม่รู้เลย”
“สุรศักดิ์ค่ะ”

dokjarn

  • บุคคลทั่วไป
:L2:

+ 1 เป็นกำลังใจให้ครับ

อ่านเพลินเลย เขียนได้น่าติดตาม

อิ อิ นายตำรวจหนุ่ม ร่างสูงใหญ่ กับบัณฑิตใหม่ร่างเล็ก

ปิ๊ง..กันซะแระ  (ฮึ..ใครปิ๊งใครกันเนี่ย)

แล้วเพื่อนพี่เชษฐ์ ที่ชือ พี่เหี้ย .. (ชื่อได้ใจมาก) เนี่ย

จะทำให้เกิด เค้าลางของ *รักสามเศร้า* มั๊ยอ่ะ

เอ้อ...โม..เค้าบอกแล้วว่าไม่มี 3 เศร้าอ่ะ แต่มี 4 เศร้า..ก๊ากกก

เห็นพี่เชษฐ์ ร้องไห้ด้วย รักกันอยู่ก่อยป่าวเนี่ย

ชอบนะครับ  *จ้ะ*(เขินอ่ะ) กับคำว่า *ไอ้ถุงยางแตก* เนี่ย

มันได้อารมณ์ แล้วนึกภาพ ถุงยางแตก  .. กร๊ากกก

มาต่ออีกเลย (แค่นี้ก็เร็วแล้ว...จะเอาไรอีกว้าเรา)

ขอบคุณคร้าบบ..

 :z2: :pig4: :pig4: :pig4: :z2:
[/color]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-03-2009 09:06:46 โดย dokjarn »

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ห้า  ใช่รักหรือเปล่า (วัยทองคะนองรัก)

ตกลงวันนั้นผมก็ต้องเข้าไปทำงานกับหัวหน้า  คือแบบว่า จะอธิบายยังงัยดีล่ะ หัวหน้าของผมเนี่ย ดูแล้วอายุน่าจะประมาณ สามสิบปลาย ๆ แต่งตัวเสื้อเชิ้ตรัดรูป กางเกงสแลครัดเป้า สีผมทำไฮไลท์  รองเท้าหัวแหลม  ถ้าเป็นสมัยนี้เค้าคงเรียกว่า เมโทรเซ็กช่วล ได้มั้ง แต่สมัยนั้น ถ้าใครเห็นแต่งตัวแบบนั้น ก็รู้ได้เลยว่า เกย์ออกสาว ชัดๆ พี่เค้าชื่อ นพดล ครับ แต่เค้าให้ผมเรียกเขาว่า พี่นพ เฉยๆ (แต่อยากเรียกว่าลุงมากกว่า) แต่เท่าที่ผมสังเกตุ ก็เห็นว่า พี่นพเขาจะชอบให้คนอื่นเรียกว่าหัวหน้ามากกว่า  พี่นพให้ผมไปนั่งโต๊ะที่อยู่ตรงข้ามกับเขา เวลาที่ผมเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะ แล้วเจอว่า เขากำลังพยายามทำตาหวานเชื่อมใส่  โอยยยย ผมรู้สึกว่าขนลุกจริงๆนะ แล้วก็วันนี้รู้สึกว่า  หัวหน้ามาตรวจงานบ่อยเหลือเกิน เดินมาแล้ว เอามือมาโอบมั่ง พยายามเอาหน้ามาไกล้ๆ ซอกคอผมมั่ง ถ้าตอนนั้นผมมีข้าวสารเสก คงได้เขวี้ยงไปแล้วล่ะ สยองจริงๆ  ซึ่งผมก็ยอมรับนะว่าผมเป็นเกย์ แต่มาขนาดนี้ รับไม่ไหวอ่า  แล้ววันนั้นทั้งวัน ในหัวผมก็พยายามคิดว่า พี่เลี้ยงของผมจะใช่คนเดียวกับ พี่ศักดิ์เพื่อนพี่เชษฐ์หรือเปล่า
วันนี้เวลาผ่านไปไวเหมือนหอยทากเดิน (สรุปว่าช้านั่นแหล่ะ) หลังจากที่ผจญกรรมกับเฒ่าหัวงู กับการโดนแต๊ะอั๋งเป็นครั้งที่ 245  (ไม่ได้นับหรอกครับ แต่คิดว่าน่าจะประมาณนั้น ไม่นับรวมตอนจะอ๊วกเวลาโดนทำตาหวานใส่) ในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงาน  ผมรีบเก็บข้าวของใส่เป้ แล้วรีบเดินออกไปจาสำนักงานไปยืนรอที่หน้าตึก สักพักนึงก็มีมอเตอร์ไซด์ขับมา พี่เชษฐ์นั่นเอง  พอมาถึงพี่เค้าก็ถามผมว่ารอนานหรือปล่าว  ผมก็ตอบว่าไม่นาน แล้วพี่เค้าก็ยื่นหมวกกันน็อคมาให้ สงสัยยืมมาจากที่ทำงาน แล้วเราสองคนก็ขับรถไปโรงพยาบาลกัน
พอมาถึงโรงพยาบาลซึ่งตอนนี้ ประชาสัมพันธ์บอกเราว่า พี่ศักดิ์ได้ย้ายออกมาจากห้องพักฟื้น มายังห้องพักธรรมดาแล้ว  พอเราไปถึงห้อง ก็พบว่า เป็นห้องพักขนาด สี่เตียง แต่วันนั้นทั้งห้องมีพี่ศักดิ์ นอนพักอยู่คนเดียว พยาบาลที่ดูแลก็เข้ามาตรวจดูอาการ แล้วก็เล่าให้ฟังว่า เพิ่งตื่นขึ้นมาเมื่อตอนบ่ายๆนี่เอง พอหมอมาตรวจเสร็จก็หลับต่อ ยังไม่ตื่นเลย หลังจากที่พยาบาลออกไปแล้ว พี่เชษฐ์ได้เอามือไปจับมือของพี่ศักดิ์แล้วบีบเบาๆ แล้วพูดว่า
“กูไม่เคยรู้เลยนะว่า ความรักทำให้มึงเป็นแบบนี้ได้”
ผมได้แต่ผมดูการกระทำของพี่เชษฐ์ แล้วย้อนมาถามตัวเองว่า ถ้าผมมีความรัก แล้วผมจะเป็นแบบไหนกัน จะมีความสุขหรือทุกข์มากกว่ากัน หรือว่าวันหนึ่ง คนรักของผมจากไป แล้วผมจะเป็นแบบพี่ศักดิ์หรือเปล่า  ผมคิดไปต่างๆนานา ตามประสาคนที่ยังไม่รู้จักความรักดีพอ สักพักนึง พี่เชษฐ์ก็ชวนผมกลับ ก่อนที่จะออกจากห้องไป พี่เชษฐ์ก็ได้พูดกับพี่ศักดิ์ซึ่งนอนหลับอยู่ว่า หายไวๆนะ กูรอเตะมึงอยู่ ก่อนที่เราจะกลับไปถึงบ้าน พวกเราสองคนได้แวะกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าปากซอยก่อน  วันนั้นผมจำได้ว่า เราสองคนสั่งกระเพราหมูสับไข่เจียว (วันนี้ครีเอทขึ้นมาหน่อย) แต่ผมสังเกตุว่า พี่เชษฐ์อารมณ์ดีกว่าวันก่อนขึ้นเยอะเลย เขายังถามผมเกี่ยวกับที่ทำงานใหม่ กับเพื่อน รวมไปถึงที่บ้านสวนของผมด้วย รอยยิ้มของพี่เชษฐ์วันนี้ ทำให้ผมรู้สึกประหม่าน้อยลง และรู้สึกว่าโลกของเราสองคนได้ไกล้กันมากขึ้น

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
บทที่หก  ยิ่งไกล้กัน ยิ่งหวั่นไหว (ยืมเพลงเค้ามา)

กว่าเราสองคนจะกินเสร็จแล้วกลับมาถึงบ้าน  ก็เกือบๆสองทุ่มครับ พี่เชษฐ์ก็ได้ขับรถมาส่งผมที่หน้าบ้าน พอพี่เขาจอดรถผมก็ถอดหมวกกันน๊อคกำลังจะคืนพี่เขาไป พี่เชษฐ์ก็นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า
“โม ช่วยอยู่เป็นเพื่อนพี่ก่อนได้มั้ย”
“หา เอ่อ.. ได้ครับ เด๋วผมขอเอาของไปเก็บแล้วอาบน้ำก่อนแล้วกัน”  ผมตอบตกลงพี่เค้าไป แล้วเข้าบ้านเอาของไปเก็บแล้วอาบน้ำ พอเสร็จแล้วผมก็เลยเดินไปยังบ้านพี่เชษฐ์ เคาะประตูเรียก
“เด๋วนะ พี่อาบน้ำอยู่ รอแป๊บนึง” ผมเลยยืนรออยู่หน้าประตู สักครู่นึง พี่เชษฐ์ก็มาเปิดประตูให้ แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องตะลึงคือ พี่เชษฐ์ออกมาพร้อมกับนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว หยดน้ำยังเกาะพราวอยู่ตามตัว ผมมองไปยังกล้ามหน้าอกที่แกร่ง กล้ามแขนได้รูป ไม่ใหญ่เกินไปเหมือนคนที่เล่นกล้าม หน้าท้อง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นซิกแพค แต่ก็ยังพอมีกล้ามให้เห็นรวมถึง ขนไรอ่อนๆตั้งแต่หน้าจนถึงหน้าท้องไล่เรื่อยจนหายลงไปในปมผ้าเช็ดตัว ผิวสีแทนกำลังพอดี ไม่คล้ำมาก  ทั้งหมดที่ผมเห็นมันให้ทำต้องกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
“เข้ามาก่อนสิ เด๋วพี่ไปใส่เสื้อผ้าก่อน “ พี่เชษฐ์ชวนผมเข้าบ้าน  ผมจึงเดินเข้าไปนั่งยังโซฟา หน้าทีวี  พักนึงพี่เชษฐ์ก็ออกมากับชุดเสื้อกล้ามสีขาว กับกางเกงบอลสีเลือดหมู พี่เชษฐ์ได้เข้ามานั่งข้างผม แล้วยกแขนพาดไปกับพนักโซฟาข้างหลัง เหมือนกับโอบไหล่ผมอยู่ ผมเริ่มรู้สึกเกร็งมากขึ้น เลยนั่งตัวแข็งอยู่อย่างนั้น พี่เชษฐ์คงเห็น เลยหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า
“เป็นไรอ่ะโม นั่งแบบนั้นไม่เมื่อยเหรอ “ พี่เชษฐ์ถาม ในขณะเดียวกัน พี่เค้าก็จับหัวผมมาพิงที่ไหล่ของเค้า แล้วเอาแขนมาพาดที่ไหล่ของผมแทน  แต่แปลกเหมือนกัน ตอนนี้ไม่ยักกะเห็นหัวใจเต้นแรงๆแบบเมื่อวันก่อนแล้ว กลายเป็นว่ามีความอบอุ่นเข้ามาแทนที่  นั่งได้สักพักนึง ก็รู้สึกง่วง เลยหลับไปโดยที่ยังพิงไหล่ ของพี่เชษฐ์  ผมหลับไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ครับ เพราะรู้สึกอุนสบายดีจนไม่อยากตื่น แต่ผมลืมตาขึ้นมาอีกที เพราะรู้สึกว่า มีอะไรมาสัมผัสที่แก้มเบาๆ ผมจึงลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนที่ตักของพี่เขาอยู่
“ตื่นแล้วเหรอ ขอโทษนะ ทำงานเหนื่อยๆยังอุตส่าห์มาอยู่เป็นเพื่อนอีก ไปนอนดีกว่า จะเที่ยงคืนแล้ว เดี๋ยวพี่ไปส่ง”  ผมจึงเดินงัวเงียออกจากบ้านพี่เขามา ก่อนที่ผมจะหลับไป ผมยังคิดอยู่ว่า ตอนที่ผมหลับอยู่มีอะไรมาแตะเบาๆที่แก้มมันคืออะไรกันแน่นะ
เช้าวันรุ่งขึ้น วันนี้เป็นวันศุกร์ครับ  วันสุดท้ายของการทำงานแล้ว  (เอาเป็นว่าอาทิตย์แรกของการทำงานผมทำได้สามวันเอง)  เหมือนเดิมครับ ตื่นขึ้นมาก็เข้าห้องน้ำ อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน แต่งตัว เตรียมออกไปทำงาน วันนี้ตั้งใจจะไปเยี่ยมพี่ศักดิ์ก่อนไปทำงาน แต่วันนี้แปลกหน่อยครับ พอผมออกมาจากประตูบ้านแล้ว  ก็เจอกับพี่เชษฐ์ นั่งรออยู่บนมอเตอร์ไซด์ของพี่เขา พี่เขาบอกว่า  เดี๋ยวไปเยี่ยมพี่ศักดิ์ก่อนไปทำงาน เลยรอว่าโมจะไปด้วยมั้ย โดยไม่ต้องรอคำตอบ พี่เชษฐ์ก็ได้ยื่นหมวกกันน็อคมาให้ผมใส่  วันนี้ผมเริ่มที่จะรู้งานแล้วครับ ว่าต้องนั่งแบบไหน อิอิ พอขึ้นไปซ้อนท้ายแล้วก็เอามือไปกอดเอวพี่เขา พี่เชษฐ์หันมามองแล้วก็ยิ้มๆ  วันนี้ใจเต้นไม่ค่อยแรงเหมือนกับวันก่อนๆแล้ว แต่มีความรู้สึกว่าอยากอยู่แบบนี้นานๆน่ะคัรบ ก็ขับไปเรื่อยๆ สักครู่นึงก็ถึงโรงพยาบาล จอดรถไว้ในที่จอด แล้วก็พากันขึ้นไปยังห้องพัก พอเข้าไปในห้องแล้ว ก็เจอกับพยาบาลกำลงัวัดไข้อยู่ พี่ศักดิ์ก็ฟิ้นแล้วครับ แต่ดูจากสีหน้าก็เหมือนกับยังมึนๆอยู่  พอพยาบาลวัดไข้เสร็จ  พี่เชษฐ์ก็เดินไปข้างเตียง แล้วก็จับมือพี่ศักดิ์ขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองตากันแบบนั้น
“กูขอโทษว่ะ กู..............ผิ ดไปแล้ว”   ในที่สุด พี่ศักดิ์ก็พูดขึ้นมาก่อน
“อืม ทีหลังมึงอย่าทำแบบนี้อีก อยากตายบอกกู เดี๋ยวกูจัดให้”  พี่เชษฐ์พูดแล้วทำหน้าตาขึงขัง
“เออ กูรู้แล้วว่ะ ว่าตอนกำลังจะตายมันทรมานแบบนี้ กูขอแก่ตายดีกว่าว่ะ ฮ่ะๆๆ ว่าแต่ใครนั่นอ่ะ แฟนใหม่มึงเหรอ”  พี่ศักดิ์ มองมาที่ผม
“เฮ้ย ไอ้เหี้ย ป่าวโว้ย นี่ โม คนข้างบ้านที่มึงไปปล้ำวันนั้นงัย เค้ายังหามมึงมาส่งที่นี่เลย” 
“เออ พี่ขอโทษแล้วกันนะ วันนั้นเมาไม่รู้เรื่อง เห็นอะไรเป็นหน้าแฟนพี่ไปหมด” พี่ศักดิ์พูดขอโทษผมแต่พอพูดถึงแฟนก็มีสีหน้าสลดลง
“ไม่เป็นไรครับฮ่ะๆๆ”  ผมหัวเราะแก้เขิน ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีนี่นา พอดีพยาบาลเข้าถือถาดอาหารเข้ามา พี่เชษฐ์เลยบอกให้ผมอยู่กับพี่ศักดิ์  เพราะเขาจะไปคุยกับหมอก่อน
“ผมช่วยนะครับ” ผมพูดพลางดึงโต๊ะอาหารออกมาจากข้างเตียงแล้วเอาอาหารวางไว้บนนั้น แล้วช่วยพยุงพี่ศักดิ์ลุกขึ้นมานั่ง
“อื้ม ขอบใจนะ ว่าแต่เราไม่ไปทำงานเหรอ วันนี้” พี่ศักดิ์ถามผมขึ้นมา
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ อีกตั้งนานกว่าจะเริ่มงาน” ผมตอบ เพราะตอนนี้เพิ่งเจ็ดโมงเช้าหน่อยๆเอง ผมเองก็ไม่ได้อยากเข้าไปเช้าๆเท่าไหร่ นึกถึงหน้าหัวหน้าแล้วขนลุกทุกที ไม่รู้ว่าจะรอดไปถึงวันไหนเนี่ย
“กับข้าวโรงบาลเนี่ย มันจืดจังเนาะ ว่ามั้ย “  พี่ศักดิ์พูดขึ้นมา ผมก็ได้แต่ยิ้มๆ คิดในใจว่า ก็เป็นอาหารคนไข้นี่นา ครู่นึงพี่ศักดิ์ก็ทานจนหมด ผมก็ช่วยเอาโต๊ะลงไว้ข้างเตียงเหมือนเดิม เราสองคนก็นิ่งอยู่พักนึง จนพี่ศักดิ์ถามออกมาว่า
“ชอบไอ้เชษฐ์มันเหรอ เราน่ะ”

ออฟไลน์ ||WiTHOuT_YoU||

  • ที่รักของใครสักคน
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-6
    • MoSHI
ยิ่งใกล้ ยิ่งหวั่นไหว

ถ้าคิดไปคนเดียว มันจะยิ่งเจ็บตอนหลัง

เศร้า แต่ก็สุขใจ แต่เมื่อความจริงมาเยือน

ทุกข์ก็จะมาแทน เฮ้อ ชีวิตหนอชีวิต

พูดไรออกปาย เหมือนคนแก่เลยตู

 :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ เด็กแว่นน้อย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
อัพๆๆ อัพๆๆ โห ยิ่งรู้ว่ามีคนติดตามอ่านอยู่ สู้ตายครับ (เน็ตที่ทำงานเดี้ยงครับ เลยขออาศัยเน็ตร้านกาแฟข้างล่างออฟฟิศเป็นที่พึ่ง เอวัง)

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บทที่หก  อยากรู้แต่ไม่อยากถาม (ยืมเพลงเค้ามาอีกแระ)

“หา ............เอ่อ......... อ่า............... “  ผมทำหน้าเหลอหลาตกใจ ไม่นึกว่าพี่ศักดิ์เค้าจะถามผมแบบนี้
“ล้อเล่นน่ะพี่ ผมกับพี่เชษฐ์ เป็นผู้ชายนะคัรบ”  อะไรวะเนี่ย จะมาไม้ไหนอีกล่ะ แล้วพยายามทำหน้าตาให้เป็นปกติ
“ไม่ใช่ว่าจะชอบกันไม่ได้นี่”   พี่ศักดิ์ค้านขึ้น   “ลองดูกันไปก็แล้วกัน ฮ่ะๆๆ”
ผมก็ไม่รู้จะพูดว่ายังไงล่ะคัรบ ก็ได้แต่ส่ายหัวแล้วก็ยิ้มไป พอดีพี่เชษฐ์เดินเข้ามา แล้วบอกว่า พรุ่งนี้พี่ศักดิ์ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว พรุ่งนี้เช้าจะมารับแล้วกัน  พอตกลงได้ดังนั้น พวกเราก็เลยออกมาจากห้อง  ลงไปที่ลานจอดรถ ในระหว่างที่ผมกับพี่เชษฐ์เดินไปที่รถ พี่เชษฐ์ก็ได้ถามผมว่า คุยอะไรกับพี่ศักดิ์บ้าง ผมก็ตอบไปว่าก็ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก แค่แนะนำตัวแค่นั้นล่ะครับ แล้วพี่เชษฐ์ก็ยังบอกว่า ที่พี่ศักด์พูดน่ะ อย่าไปคิดมากนะ มันน่ะ ไร้สาระอย่างนี้แหล่ะ  พอได้ยินใจผมก็วูบลง แล้วคิดว่า แล้วไอ้ความรู้สึกที่ผมมีกับพี่ตอนนี้ มันเป็นอะไรกันแน่ครับ
วันนี้พี่เชษฐ์ก็อุตส่าห์ขับรถมาส่งที่หน้าตึกเหมือนเดิม แต่ผู้คนก็เริ่มบางตาลงแล้ว ผมเลยไม่ค่อยรู้สึกอายเท่าไหร่ แต่ก็เสียงหนึ่งดังทักขึ้นมาด้านหลัง
“พ่อมาส่งอีกแล้วเหรอมึง “  ไอ้ต้นเพื่อนผมน่ะเอง
“ซ่งติงน่ะสิ มึง สายจนป่านนี้แล้ว ยังไม่เข้างานอีก เด๋วเค้าก็ไล่ออก หรอกเหี้ย”
“เหอๆ มึงนี่ ไม่ยอมกูเลยนะ ว่าแต่ทำงานเป็นยังงัยบ้างวะ”
“ก็ดีว่ะ ติดอยู่อย่างเดียว หัวหน้าโคตรหื่น กูถึงสงสัยอยู่เนี่ย ว่าแผนกกูทำไมไม่มีผู้ชายทำงานเลย”
“เออ ระวังตูดมึงดีๆแล้วกัน ยิ่งหน้ารูปร่างแบบตาแบบมึงเนี่ย เกย์เค้าชอบ ฮ่าๆๆ”
“เยะตูดมึงก่อนน่ะสิ เชี่ย”  พอดีลิฟท์ถึงชั้นที่ทำงานของไอ้ต้นก่อน มันเลยรอดจากลูกเตะผมไปได้  
วันนี้ผมก็ทำงานทั้งวัน โดยมีหัวหน้าหาเรื่องแตะอั๋งอยู่ตลอด เมื่อไหร่พี่เลี้ยงผมจะมานะเนี่ย ความบริสุทธ์จะอยู่รอดจนถึงคนที่ผมรักป่าวเนี่ย  พูดถึงคนที่รัก ถ้าความรู้สึกที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ เขาเรียกว่ารักล่ะ  หรือว่ามันอาจจะเป็นความประทับใจแรกพบก็ได้  ยิ่งคิดยิ่งงงแฮะ
วันทั้งวันผมก็ยังหาเหตุผลมาบอกตัวเองไม่ได้หรอกครับ ว่าที่เป็นอยู่เนี่ย เรียกว่าอะไร  แต่รู้สึกดีที่ได้คิดถึงหน้าของพี่เชษฐ์ ได้แค่นั้นก็พอแล้ว  ตอนนั้นผมคิดอย่างนั้นจริงๆนะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-03-2009 10:15:10 โดย HuaTangMo »

dokjarn

  • บุคคลทั่วไป
o18

อ้างถึง
“ชอบไอ้เชษฐ์มันเหรอ เราน่ะ”

 :o8: :o8:

ตอบไงดีเนี่ย

ได้ข่าวว่า มีคนมาทำอะไรที่แก้ม ตอนนอนหลับ

บนตักพี่เค้าอ่ะ เห็นบ่นพึมพำตั้ง 2 ครั้งแน่ะ...กร๊ากกก  จำได้อีก

ชอบแอบอ่านที่ทำงานเนี่ย

แว้ปเข้า  แว้ปออก   มันดีครับ


 :z2: :pig4: :pig4: :z2:

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
บทที่เจ็ด  ขอขอบคุณเจ้าที่เจ้าทางที่เป็นใจ

เวลาล่วงเลยจนเกือบจะห้าโมงเย็น  ผมเคลียร์งานของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังเก็บของลงเป้ เตรียมกลับบ้าน คิดว่าวันนี้วันศุกร์แล้ว อยากจะไปเดินซุปเปอร์มาเก็ตข้างล่างเพื่อซื้ออาหารสดไปทำกินตอนวันหยุดท่าจะดี ก็เลยลงไปชั้นล่าง เพื่อซื้อของ โห ไอ้นี่ลดราคาดี เอ้อ ไอ้นี่แถม โหย ซุปเปอร์มาร์เก็ตนี่ดีจัง มีชิมฟรีด้วย ขอห่อกลับบ้านได้ป่าวอ่ะ พอสักพักหนึ่ง ผมก็ได้ของครบแล้ว ก็เลยไปยังที่ชำระเงิน ก่อนที่จะหิ้วของเดินออกไปข้างหน้า เพื่อรอรถเมล์กลับบ้าน แต่ของที่ผมซื้อมาก็เยอะมากไปน่ะครับ (ผีแม่บ้านเข้าสิง เห็นของถูกเป็นไม่ได้) เพราะตอนที่ผมซื้อของผมไม่ได้ซื้อแค่ตัวผมเองอ่ะ ก็หน้าพี่เชษฐ์วนเวียนอยู่ในหัวผมตลอดนี่ นึกไปก็ขำตัวเองไป เป็นเอามากๆ ทำยังกับเป็นคนดูแลพี่เขายังงั้นแหล่ะ ผลก็คือกว่าจะถึงบ้านก็เล่นเอาเมื่อยแขนไปหมดเหมือนกัน พอเก็บของใส่ตู้เย็น ผมก็เดินเข้าห้องนอน เหวี่ยงเป้เข้าไปยังมุมห้อง แล้วล้มตัวลงนอนที่เตียง กะว่าขอให้หายเมื่อยก่อน เดี๋ยวค่อยไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ความล้าที่สะสมมาทั้งวันก็ทำให้ผมผลอยหลับไปจนได้
ผมตื่นขึ้นมาอีกทีตอนประมาณสามทุ่ม เห้อ เผลอหลับไปตอนไหนเนี่ย พอลุกขึ้นได้แล้ว ก็ดมตัวเองหน่อย เห้อ ซักแห้งไม่ได้แล้ว ก็เตรียมที่จะอาบน้ำ ขณะที่ผมกำลัง จะเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่นั้น ผมได้มองเข้าไปในสวน มองไปที่ใต้ขนุน อะไรวะน่ะ ก็เห็นเงาตะคุ่มๆ คล้ายๆกับมีคนนั่งอยู่ใต้นั้น  ผมก็คิดว่า ใครมานั่งอยู่ตรงนั้นกัน หรือว่าเป็นขโมย เฮ้ย จะทำยังไงดีเนี่ย อยู่คนเดียวซะด้วย พี่เชษฐ์ก็ยังไม่กลับ คิดไปคิดมา ก็เลย เอาล่ะวะ เป็นงัยเป็นกัน ไอ้ตัวผมก็พอเป็นมวยวัดอยู่บ้าง เลยเดินเข้าไปในครัว เพื่อที่จะหยิบอะไรพอที่เป็นอาวุธ ก็เลยได้กะทะมาใบนึง (ตอนแรกก็หยิบปังตอมาอ่ะครับ แต่กลัวฟันเข้าไปแล้ว โจรเค้าจะเจ็บอ่ะ)  แล้วก็ค่อยๆย่องออกไปในสวน  พอผมกำลังจะเปิดประตูหลังบ้าน ปรากฏว่าเงานั้นค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น จนรูปร่างคล้ายกับคน แต่ไม่มีหัว  แล้วก็กระโดดข้ามกำแพงออกไป อืม เข้าใจแล้ว พอได้เห็นดังนั้นผมเลยเดินเอากระทะ ไปเก็บไว้ในครัวอย่างเดิม แล้วก็เดินออก มานั่งตรงโต๊ะเก้าอี้ไม้หน้าบ้าน พอนั่งได้สักครู่นึง พี่เชษฐ์ก็ได้ขับมอเตอร์ไซด์เข้ามา พอเห็นผม ก็เลยถามว่า
“อ้าว โม ออกมานั่งตรงนี้ทำไม ดึกแล้ว”  ผมเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า
“ผี........................หลอก” พอพูดได้ยังงั้นผมก็วิ่งเข้าไปกอดพี่เชษฐ์ แล้วสะอื้น ฮั่กๆ พี่เชษฐ์ก็ได้แต่ลูบหัวลูบหลังปลอบ จนสักพักหนึ่ง ที่ผมเริ่มตั้งสติได้  (ความรู้สึกช้าจริงๆเลยกรู) ผมก็เล่าเรื่องที่เจอมาสดๆร้อนๆเมื่อกี๊นี้ พี่เชษฐ์ก็พยักหน้า หัวเราะหึๆในลำคอ แล้วบอกว่า
“อื้ม เมื่อก่อนนี้น่ะ มีคนแก่เป็นลมตายอยู่ใต้ต้นขนุนนั้นแหล่ะ แกอยู่คนเดียว ลูกหลานก็ไปทำงานกันหมด พอกลับบ้านมา ก็เจอแกตายไปแล้ว วันดีคืนดีก็เจอแกนั่งอยู่ใต้ต้นขนุน  คนที่มาเช่าก็เจอกันทุกคน”  แง๊...... ไอ้พี่เชษฐ์บ้า มาเล่าให้ฟังทำไมเนี่ย คนยิ่งกลัวอยู่ๆ  พอเห็นผมทำหน้าตาตื่นๆยังงั้น พี่เชษฐ์ก็หัวเราะดังๆออกมา
“ไม่ต้องกลัวหรอกโม แกไม่มาบ่อยขนาดนั้นหรอก บางคนอยู่มาสองปีก็เคยเจอแกครั้งเดียวเอง”  แง... เผื่อแกไม่ชอบขี้หน้าผมแล้วมาบ่อยๆล่ะ
“อ้าว พี่รู้ได้ยังงัยอ่ะ หรือว่าพี่คุยกะผีได้”  ผมย้อนถาม
“เห๊อะ”  พี่เชษฐ์พูดไม่ออก วันนี้พี่เขาบอกว่ามีคดีนิดหน่อยน่ะครับ เลยกลับบ้านดึก แล้วก็ก่อนกลับก็เลยแวะไปหาพี่ศักดิ์ที่โรงพยาบาลก่อน  เห็นโทรมาบอกว่ากินข้าวที่โรงพยาบาลไม่ลง พอพูดถึงตอนนี้ก็มีเสียงดังขึ้นมาขัดจังหว่ะ
“ครืดดดดดดดดดดดด......จ๊อกกกกกกก..”

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
บทที่เจ็ด  ขอบคุณเจ้าที่เจ้าทางที่เป็นใจ (ช่วงนี้เริ่มเล่นของแล้วครับ)

“ครืดดดดดดดดดดดด......จ๊อกกกกกกก..”  เสียงท้องของผมกับของพี่เชษฐ์ดังขึ้นมาพร้อมกัน
“พี่กินข้าวยังอ่ะคัรบ เนี่ย” ผมถาม
“ยังอ่ะ ยุ่งๆอยู่ ไม่มีเวลากินเลย จะสี่ทุ่มแล้ว ร้านหน้าปากซอยคงปิดแล้วล่ะ  ทำไงดีเนี่ย ไอ้ศักดิ์ก็ไม่อยู่ด้วย พี่ทำกับข้าวไม่เป็นน่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมทำให้ได้นะครับ” พอพี่เชษฐ์ได้ยินแบบนั้น ผมสังเกตุว่ามีประกายออกมาจากตาวิบวับๆ เหมือนจะบอกว่า มื้อนี้กรูรอดแล้วโว้ย
“จะดีเหรอ เราทำงานเหนื่อยๆ ยังมาทำกับข้าวอีก พี่เกรงใจน่ะ” ขณะที่พูดประกายจากแววตาก็ยังไม่หาย
“ข้าวไข่เจียวคงไม่ยากอะไรหรอกครับ ว่าแต่พี่กินได้ป่าวล่ะ”
“ทำมาเหอะ จะตายแว้ววว” เวลาพี่เชษฐ์ทำตัวแบบนี้ก็น่ารักไปดี ผมคิดแบบนั้น รู้สึกว่าพี่เขาเป็นคนอ้อนๆยังงัยไม่รู้ แต่ก็รู้สึกดีครับ ที่มีคนมาอ้อนแบบนี้ มันทำให้ผมอยากที่จะเป็นคนดูแลเขาเอง ไม่รู้ผมฝันเกินเลยไปหรือเปล่านะ ผมเลยเดินเข้าไปหุงข้าว แล้วก็เปิดตู้เย็น เอาไข่กับผักออกมา นึกได้ว่าซื้อกุ้งมาด้วย ก็เลยคิดว่าทำเป็นไข่เจียวกุ้งเลยดีกว่า  ผมก็ทำอะไรต่างๆของผมไป โดยมีพี่เชษฐ์นั่งดูอยู่ที่โต๊ะกินข้าว   ยี่สิบนาทีทุกอย่างก็เสร็จ ผมกับพี่เชษฐ์ก็นั่งกินข้าวไข่เจียวสองคน
“อร่อยจัง ทำไมเราทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอ”
“เด็กบ้านนอกน่ะคัรบ พี่  เวลาพ่อแม่ผมออกไปทำสวน ผมอยู่บ้านก็ต้องเตรียมกับข้าวไว้น่ะคัรบ ก็เลยต้องทำให้เป็นน่ะ” ผมตอบ
“ดีจัง ใครได้ไปเป็นแฟน สบายเลยนะเนี่ย”  พี่เชษฐ์พูดพร้อมกับส่งสายตามา เหมือนมีความหมายอะไรสักอย่าง แต่ตอนนั้นผมไม่รู้เลยได้แต่หลบตา  พูดอ้อมแอ้มออกไปว่า คงโชคร้ายมากกว่าครับ  แล้วพี่เชษฐ์ก็หัวเราะขึ้นเบาๆ พอพวกเราสองคนกินข้าวเสร็จแล้ว ผมก็เก็บจานไปล้าง โดยมีพี่เชษฐ์อาสาช่วย พอเสร็จแล้วก็นั่งคุยกันพักนึง ก่อนที่พี่เขาจะขอตัวกลับบ้านไปอาบน้ำ ก็ถามขึ้นว่า ให้พี่มาอยู่เป็นเพื่อนหรือเปล่า 
“ไม่ต้องหรอกครับ  ไม่ได้กลัวเท่าไหร่หรอก แต่เกรงใจ๊ แหะๆๆ”
“อื้ม อยู่ได้นะ งั้นถ้ามีอะไรก็เรียกพี่ได้แล้วกัน พี่ไปล่ะ” 
ผมกลับเข้ามาในบ้าน แล้วนั่งคิดทบทวนเวลาที่กินข้าวกันอยู่ สายตาที่พี่มองมายังผม ทำให้รู้สึกหวิวๆยังไงบอกไม่ถูกเหมือนกัน  ไม่อยากเป็นแบบนี้เลยครับ กับการที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ทำไมถึงได้เกิดกับผู้ชายคนนนี้แค่คนเดียว ผมสลัดหัวเอาความคิดนี้ออกไป ก่อนที่จะเดินหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ

andy_kwan

  • บุคคลทั่วไป
จิ้ม คนเขียน :z13:
พี่เชษฐ์กะน้องโม กำลังหวานแว๋วเชียว

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2

jokirito

  • บุคคลทั่วไป
โห  อัพเพิ่มเพียบเลย กะลังตามอ่านอยู่นะคับ :กอด1:

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
บทที่แปด  The Trouble with love is?

เช้าวันเสาร์ ผมตื่นขึ้นมาแต่เข้าเหมือนอย่างเคย ผมเป็นคนที่ไม่ชอบตื่นสายครับ ผมคิดว่า ถ้าเราตื่นเช้าๆเราก็มีเวลาทำอะไรได้อีกเยอะแยะ ก็เลยจัดแจง เอาเสื้อผ้ามาซักเป็นอย่างแรก ซักไปก็ร้องเพลงไป พอได้อารมณ์ถึงขีดสุดก็มีอาการออกท่าทาง  ยืนขึ้นเต้นบนกะละมังที่กำลังซักอยู่ (เวลาซักผ้าผมชอบเอาเท้าเหยียบๆขยำๆ มันสะอาดดีคัรบ แต่เสื้อผ้าจะเปื่อยไวหน่อย อิอิ)
“น้อยใจตัวแองเหลืออนาถ อะ อะ อะ อาดดดด  ตกเป็นทาสความรักหนักสมอง ออง ออง ออง อ๋ออออง.....
ตกหลุมรักพ่อคุณน้ำตานอง สุดเศร้าหมองนองน้ำตาเหมือนกาดำ เออะ เออ เอ๊อออ.....(ลูกคอครับ)”
อารมณ์กำลังถึงจุดพีค ผีนักร้องกับผีหางเครื่องกำลังเข้าสิง (บ้านน๊อก บ้านนอกเนอะ ยังอุตส่าห์เรียกหางเครื่อง เค้าเรียกว่าแดนเซอร์แล้ว -------- เสียงจากท่านผู้อ่าน) แล้วก็ต้องเหวอรับประทานสุดๆ เมื่อมองไปยังกำแพงบ้านก็เจอพี่เชษฐ์ โผล่หน้ามา ทำหน้าตากลั้นหัวเราะเต็มที่ ไอ้ผมก็งานเข้าสิครับ ได้ยินเสียงหน้าตัวเองแตกดังเพล้ง โธ่ว้อย ภาพพจน์ที่อุตส่าห์สร้าง ฮือๆ อยากต๊ายยย ผมลยรีบนั่งลง ทำเป็นซักผ้าตามปกติ
“อ้าว กำลังสนุกเลย ร้องต่อสิครับ “  สนุกบ้าบออะไรล่ะ จะเอากะละมังคลุมหัวแล้วเนี่ย
“พี่นึกว่าใครมาร้องเพลงแถวนี้น่ะ ก็เลยโผล่มาดูหน่อย แต่เราก็ร้องเพราะดีนะ เต้นดีด้วย” พี่เชษฐ์ชม แต่ทำหน้าตากลั้นหัวเราะ  แต่แล้วรู้สึกว่ากลั้นไม่ได้ก็เลยหัวเราะออกมา ไอ้ผมก็ยิ่งอายสิครับ อยากจะมุดดินหนีไปตอนนี้เลย
“โอยย แฮ่ก แฮ่ก พี่ขอโทษนะ พี่ไม่ได้ตั้งใจหัวเราะเราน่ะ แต่มันตลกจริงๆ”  แง๊ ไอ้พี่บ้า ยังมีหน้ามาซ้ำเติมอีกหัวเราะจนหอบเลยเนี่ยนะ  ผมไม่รู้จะทำยังไงจริงๆแล้ว ก็เลยวิ่งเข้าบ้านมันซะเลย ปกติผมก็บ้าๆบอๆ แบบนี้ล่ะครับ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเวลาอยู่ต่อหน้าพี่เชษฐ์ ผมอยากทำตัวเองดีๆ  แงๆๆ แล้วผมจะเอาหน้าที่ไหนไปสู้ได้นี่  สักพักนึงผมชะโงกไปข้างหลังบ้าน ดูว่าพี่เขาไปแล้วก็ออกมานั่งซักผ้าใหม่  พออีกสักครู่หนึ่ง ผมก็รู้สึกว่ามีคนเดินมา พอหันไปก็เจอพี่เชษฐ์ลงมานั่งอยู่ข้างๆแล้ว
“โกรธพี่เหรอ พี่ขอโทษนะ คือ พี่ไม่ได้ตั้งใจน่ะ” พี่เขาขอโทษ แต่ผมก็ทำเป็นนิ่ง กำลังคิดแผนเอาคืน นึกได้แล้วก็เลยเอาสายยางที่เปิดน้ำอยู่ฉีดใส่ตัวพี่เชษฐ์  แล้วก็ออกวิ่ง
“เฮ้ย แกล้งเหรอ เดี๋ยวเหอะ จับได้จะตีเลย”  แล้วพี่เชษฐ์ก็ถือสายยางวิ่งไล่ฉีดน้ำใส่ผม กลายเป็นว่าเราสองคนกำลังเล่นสงกรานต์กลางเดือนมีนาคม แล้วก็วิ่งไล่จับกันรอบๆสวนหลังบ้าน พากันร้องโหวกเหวก แล้วในพี่สุดพี่เขาก็จับผมได้ กลายเป็นว่าผมอยู่ในอ้อมกอดของพี่เขาแล้ว ผมก็ดิ้นๆจนทำให้พี่เขาเสียหลักเลยล้มลงด้วยกันทั้งคู่ ท่านผู้อ่านคงจะเคยดูละครนะครับ มันจะมีทุกเรื่องนั่นแหล่ะ ที่ต้องมีฉากพระเอกกับนางเอกทะเลาะกัน แล้วล้มลงด้วย แล้วก็สบตากันอีก ในตอนนี้ผมกับพี่เค้าก็เหมือนในฉากละครนั้นๆแหล่ะครับ หน้าของพี่เชษฐ์ห่างกับหน้าผมไม่ถึงคืบ แต่แล้วพี่เค้าก็ค่อยเอาริมฝีปากมาแนบกับริมฝีปากผม (จูบแรกของผมนะเนี่ย) ผมได้แต่ทำอะไรไม่ถูก เลยปล่อยให้มันเกิดขึ้น แต่แล้วก็เหมือนว่า พี่เขาจะคิดอะไรได้ เลยถอนริมฝีปากออกไปแล้วก็ลุกขึ้น แล้วเดินออกไปจากบ้านโดยไม่ได้พูดอะไร  ผมก็ได้แต่งงๆกับการกระทำของเค้า แต่วันนั้นทั้งวัน ผมก็ได้แต่คิดถึงตอนที่ผมเสียจูบครั้งแรก ผมเคยอ่านหนังสือเห็นเค้าบอกว่าจูบครั้งแรกจะมีรสหวาน บางคนนบอกว่าเปรี้ยว แต่ของผมกลับไม่รู้สึกอย่างนั้น แต่ผมรู้สึกว่ามันหวิวๆตัวลอยๆ ยังไงไม่รู้ พอตกบ่ายมา  พี่เชษฐ์ก็ไปรับพี่ศักดิ์กลับบ้าน ผมได้คุยกับพี่ศักดิ์นิดหน่อย แต่พี่เชษฐ์พอส่งพี่ศักดิ์ถึงบ้านก็ขับรถกลับออกไปอีก วันนั้นทังวันผมก็ไม่เห็นพี่เขาอีกเลย
เช้าวันอาทิตย์ ผมตื่นขึ้นมาพอดี กับที่พี่เชษฐ์กำลังขับรถออกไปทำงาน ผมเห็นก็เลยทักอรุณสวัสดิ์ไป แต่พี่เขาก็ได้แต่พยักหน้าแล้วก็ขับรถออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ ดูเหมือนว่าพี่เขาพยายามที่จะหลบผมยังไงยังงั้นแหล่ะ วันนี้ทั้งวันอารมณ์เลยหงุดหงิดนิดหน่อย แปลกอีกแล้วกรู
เช้าวันจันทร์ ก่อนออกไปทำงานผมก็ลองโผล่หน้าไปดูบ้านพี่เชษฐ์ พบว่ารถมอเตอร์ไซด์ไม่อยู่ ก็เลยเดาได้ว่าคงไปทำงานแล้ว ที่หน้าบ้านรถยนต์ที่จอดอยู่ก็ไปด้วย สงสัยพี่ศักดิ์ก็คงไปทำงานเหมือนกัน ผมก็เลยต้องเดินไปหน้าปากซอยขึ้นรถเมล์ไปทำงานเอง แต่พอไปถึงที่ทำงาน สิ่งที่ผมนึกไว้คือ พี่เลี้ยงของผมก็คือพี่ศักดิ์นี่เอง (ซื้อหวยไม่เคยถูกอย่างนี้มั่ง)ผมก็เลยไม่ค่ออยเกร็งเท่าไหร่ บางคนที่สำนักงานเขาก็แปลกใจน่ะคัรบ ว่าเราสองคนทำไมสนิทสนมกันไวจัง
แต่สิ่งที่รบกวนจิตใจของผมตอนนี้ก็คือ สามอาทิตย์มาแล้วผมยังไม่เจอพี่เชษฐ์เลย แต่ผมก็ไม่กล้าถามกับพี่ศักดิ์  พี่เขาคงออกไปทำงานตั้งแต่เช้า กว่าจะกลับมาผมก็คงหลับไปแล้ว วันนี้เย็นวันศุกร์แล้ว ผมเลยตัดสินใจว่า จะรอพบพี่เชษฐ์ดู ถึงแม้ว่าพี่ศักดิ์จะเป็นพี่เลี้ยงผม แล้วบ้านอยู่ข้างๆนี้ ผมก็ไม่ได้ไปหรือว่ากลับกับเค้าหรอกครับ เพราะพี่เขาบางทีก็ออกไปสายๆ หรือว่าบางทีเวลาไปพบลูกค้า หรือติดต่องานก็ไม่เข้าสำนักงานเลย เวลาเลิกงานก็ไม่แน่นอน ถ้าวันไหนบังเอิญเข้างานหรือเลิกพร้อมกัน เขาก็จะชวนผมไปด้วยทุกที  แต่วันนี้ผมเลิกเลยออกมาก่อน พอมาถึงบ้านผมก็มานั่งรอที่เก้าอี้ไม้หน้าบ้าน  หวังว่าคงจะรอพบพี่เชษฐ์เค้า ตอนนั้นผมก็บอกตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ว่าทำไมผมต้องมารอพบด้วย แต่ผมก็หาเหตุผลให้กับตัวเองไม่ได้ มีอยู่ความรู้สึกเดียวในตอนนั้นคือ ผมคิดถึงพี่เชษฐ์ครับ

ออฟไลน์ ARMTORY

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
^
^
^
^
 :z13: จิ้มคนเขียน


+ 1  สำหรับความขยัน   o13




HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
กำลังรีบอัพครับ หมดกาแฟไปสองแก้วแว้วววว  อยู่นานไม่ได้ เปลือง
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

วันนี้กว่าพี่เชษฐ์จะเข้าบ้านเกือบๆห้าทุ่ม ตามปกติผมคงหลับไปแล้ว (ที่จริงก็นั่งหลับไปด้วยนั่นแหล่ะคัรบ บริจาคเลือดให้ยุงไปพอสมควร)  ผมได้ยินเสียงมอเตอร์ไซด์กำลังแล่นเข้ามาเลยตื่นขึ้น ก็พบพี่กำลังเอารถไปเก็บอยู่ พอผมเห็นก็เลยทัก
“กลับมาดึกจังอ่ะคัรบ”
“อ้าว โม มีอะไรหรือเปล่า”
“เอ่อ เปล่าหรอกครับ คือ....”
“อืม ถ้าไม่มีอะไรพี่ขอตัวนะ เหนื่อยมากเลย” พอพูดจบพี่เชษฐ์ก็เปิดประตูเข้าบ้านไป ต่อจากนั้นไม่รู้มีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอ ในใจผมอยากจะตะโกนออกมาว่า ผมคิดถึงพี่ครับ  แต่ทำไมปากมันหนักจังเลยวะ ครู่หนึ่งผมก็เดินเข้าบ้านอย่างหมดอารมณ์ รู้สึกว่าตัวหนักๆ เลยล้มลงบนเตียง มองดูที่เพดานจนหลับไป
เช้าวันเสาร์ ผมตื่นขึ้นมาทำงานบ้านตามปกติ พอสายๆหน่อย พี่ศักดิ์ก็เดินมาคุยด้วย เห็นบอกว่าเดี๋ยวจะออกไปต่างจังหวัด  กลับมาอีกทีก็คงเย็นวันจันทร์ ยังงัยช่วยดูแลพี่เชษฐ์ด้วย
“อ้าว พี่เค้าเป็นอะไรเหรอครับ ทำไมต้องดูแลด้วยอ่ะ”  ผมสงสัย
“ ป่าว มันไม่ได้เป็นอะไรหรอก แค่เป็นไข้ใจ” พอพูดจบพี่ศักดิ์ก็หัวเราะแล้วเดินออกไป ผมก็งงน่ะสิ ไอ้ไข้ใจนี่มันเป็นยังงัยเหรอ อย่าว่าแต่ดูแลเลย อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ยังไม่เห็นหน้า  คิดแล้วก็รู้สึกปวดในใจจัง
พอตกเย็นวันอาทิตย์ผมก็ออกมานั่งเล่นที่หน้าบ้าน ที่จริงก็จะออกมารอพี่เชษฐ์นั่นแหล่ะคัรบ ประมาณซักสามทุ่มพี่เชษฐ์ก็ขับรถเข้ามา พอเอาเข้ามาจอดในบ้าน พี่เชษฐ์ก็หันมาทางผมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่นั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกเจ็บในใจ ขณะที่พี่กำลังเปิดประตูเข้าไปในบ้านนั้น ผมเห็นเขาเอามือพิงประตูไว้ แล้วสลัดหัวเบาๆสองสามที หายใจหอบๆ พอเปิดประตูกำลังก้าวเข้าไปในบ้าน พี่เชษฐ์ก็ล้มลง งานเข้าอีกแล้วล่ะสิ ผมตกใจมาก รีบปีนกำแพงเข้าไปพยุงพี่เขาขึ้น (ตอนนั้นตกใจครับ ที่จริงวิ่งเข้าทางประตูรั้วง่ายกว่า)  โห ให้ตายสิ พี่เขาตัวร้อนยังกับไฟ สงสัยไม่สบายจริงๆนะเนี่ย พอพยุงขึ้นได้แล้ว ผมก็หิ้วปีกพี่เขาไปยังโซฟา เออ ใช่ ต้องเช็ดตัว ตอนนี้พี่เค้ายังไม่มีสติอยู่ ผมเดินไปเอากะละมังใส่น้ำ แล้วเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่ตากอยู่หลังบ้านมาเช็ดตัวให้พี่เค้า (มารู้อีกทีหลังว่านั้นคือผ้าเช็ดจาน) ผมค่อยๆปลดกระดุมเครื่องแบบพี่เชษฐ์ออก ถกเสื้อกล้ามที่อยู่ข้างในขึ้น ตัวพี่เขายังร้อนอยู่ เหงื่อเม็ดโป้งผุดออกมาตามหน้าอก ตามคอ ผมค่อยๆเอาผ้าขนหนุซับน้ำหมาดๆ แล้วค่อยเช็ดไปตามท้อง หน้าอก แล้วเอาอีกผืนหนึ่งพาดไว้บนหน้าผาก พอผมกำลังจะเอาผ้าไปเช็ดที่คอกับหน้า พี่เขาก็ลืมตาขึ้นมาแล้วเอามือมาจับแขนผมไว้  พยายามที่จะลุกขึ้น ผมก็เลยบอกให้นอนลงก่อน เด๋วจะเช็ดตัวให้
“ไม่ต้องหรอก พี่ไม่เป็นไรแล้ว  เรากลับไปเถอะ”
“ไม่เป็นไรได้ไงอ่ะคัรบ ตัวร้อนขนาดนี้ นอนลงเถอะ เดี๋ยวผมเช็ดตัวให้”
“บอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ”  พี่เชษฐ์ตวาดพร้อมกับดึงผ้าขนหนูไปจากมือ ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามีน้ำเอ่อขึ้นมาที่ตา ผมนิ่งไปพักหนึ่ง แล้วก็ออกมาจากบ้านพี่เชษฐ์ กลับบ้านเดินเข้าห้อง น้ำตาเริ่มไหลออกมามากขึ้น รู้สึกเจ็บตรงที่หัวใจ  ในหัวผมคิดว่าทำไมถึงต้องร้องให้ด้วย  เสียงตวาดของพี่เชษฐ์ยังคงดังเข้าไปในใจของผม นั่นยิ่งทำให้ผมร้องให้หนักขึ้นกว่าเดิม ผมพยายามสั่งให้ตัวเองหยุดร้อง แต่ผมทำไม่ได้ ตอนนี้ผมไม่มีแรงที่จะสั่งตัวเองให้หยุด ก็เลยปล่อยตัวเองให้ร้องจนกว่าจะหลับไป...................

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






dokjarn

  • บุคคลทั่วไป
:sad11:

จ๊ากกก....พี่เชษฐ์ โหดไปม้ายยย..

อยากฟังเพลง  อยากดูเต้น

อยากดูคนปากชนกานนน...อิ อิ

ไม่อยากดู คนร้องไห้..

ไมเป็นแบบนี้อ่ะ


 :z3: :pig4: :z3:

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
เช้าวันจันทร์ ผมตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยอาการมึนหัวเล็กๆ พอเข้าห้องน้ำส่องกระจกดูตัวเอง ตาบวมเหมือนโดนคนชกมา แต่ความเย็นจากน้ำก็ทำให้ผมดีขึ้นหน่อย หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ หยิบเป้เตรียมออกจากบ้าน ผมอดไม่ได้ที่จะมองข้ามรั้วไปดูยังบ้านของพี่เชษฐ์  รถมอเตอร์ไซด์ไม่อยู่ แสดงว่าพี่เขาออกไปทำงานแล้ว ใจหนึ่งก็เป็นห่วง แต่อีกใจหนึ่งก็พยายามไม่สนใจ  แล้วก็เดินออกจากบ้านขึ้นรถเมล์ไปทำงาน  
พอถึงที่ทำงาน ผมก็เอาแต่เหม่อลอย จนเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆต้องเรียกอยู่บ่อยๆ
“โม วันนี้เป็นอะไรอ่ะ”  พี่โหน่ง รุ่นพี่ที่ทำงานถามขึ้น
“ก็...เปล่านี่ครับ ก็ปกติดี ไม่มีอะไร”
“พี่เห็นเธอเหม่อตั้งแต่เช้าแล้ว แล้วไปทำไรมาเนี่ย ตาบวมๆ”
“ไม่มีไรหรอกพี่โหน่ง ผมนอนไม่หลับแค่นั้นแหล่ะ”  
“อกหักเหรอ ฮิๆ” พี่โหน่งแหย่ผม
ในใจผมแย้งว่า บ้าอ่ะพี่ ยังไม่มีแฟนเลย จะอกหักได้ยังงัย แต่ไอ้ความรู้สึกดีๆเนี่ย เค้าเรียกว่าความรักได้หรือเปล่านะ
วันนี้ผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหมือนเดิม แถมพี่ศักดิ์ก็ไม่อยู่ด้วย ไอ้หัวหน้าก็จะพยายามมาลวนลามอยู่นั่นแหล่ะ แต่คราวนี้ผมอยู่มาได้พักนึงแระ ก็เริ่มที่จะหาทางหลบหลีกได้แล้ว แต่ถ้าเวลาไปไหนที่ผมหลบไม่ทัน ผมก็จะโดนจับก้นเกือบจะทุกที ห้าโมงเย็นแล้ว ผมรีบเก็บข้าวของเตรียมที่จะกลับบ้าน เพราะท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มลงแล้ว สงสัยจะเป็นพายุฤดูร้อน ผมรีบออกมาจากสำนักงานนั่งรถเมล์กลับบ้าน ภาวนาว่าอย่าเพิ่งตกนะโว้ย ให้กรูกลับถึงบ้านก่อน แต่บุญผมคงไม่ถึง คำภาวนาเลยไม่สัมฤทธิ์ผล พอลงจากรถเมล์ กำลังเดินเข้าซอยเท่านั้นแหล่ะ ไม่รู้ฝนร้อยปีมาจากไหน ตกโครมลงมา เออ เอาวะ เปียกก็เปียก ผมเลยเดินตากฝนกลับบ้านเหมือนพระเอกมิวสิควิดิโออย่างนั้นแหล่ะ   พอเดินไปได้เล็กน้อย ก็มีมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งขับมาจอดข้างๆ พี่เชษฐ์นั่นเอง  พี่เชษฐ์ตะโกนให้ผมขึ้นรถไปด้วยกัน  แต่ผมก็เดินของผมไปเรื่อยๆเหมือนทำหูทวนลม พี่เขาก็ขับรถตามแล้วก็บอกให้ผมขึ้นรถ ผมก็ยังเดินของผมไปเรื่อยๆ จนพี่เชษฐ์ทนไม่ไหว ลงมาจากรถแล้วดึงแขนของผมตามเขาไป แต่ผมกระชากกลับมา แล้วตะโกนแข่งกับเสียงฝน
“พี่จะบ้าหรือไง เมื่อวานยังไล่ผมให้ไปไกลๆ วันนี้จะให้ผมไปด้วย จะเอายังไงกันแน่”  แล้วพี่เชษฐ์ก็เหมือนที่จะพูดอะไรออกมา แต่ผมวิ่งออกมาก่อนที่พี่เขาจะได้พูดอะไร ผมวิ่งไปเรื่อยๆ ที่ผมวิ่งออกมานั้น ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมไม่อยากให้พี่เชษฐ์เห็นว่าผมร้องให้เท่านั้นแหล่ะ
จวบจนถึงบ้าน  แทนที่ผมจะรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า กลับมานั่งเงียบๆที่โต๊ะกินข้าว คิดทบทวนเมื่อสักครู่นี้ ผมเริ่มสำนึกผิดที่ไปตะโกนใส่พี่เชษฐ์เขาแบบนั้น  แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าทำไมเราต้องไปสนใจด้วยล่ะ ผมนั่งสองจิตสองใจคิดว่าจะทำยังไงดี พอสักพักก็เริ่มหาเหตุผลให้กับตัวเองได้ อย่างน้อยผมก็คิดว่าเรายังเป็นเด็ก ก็ไม่สมควรไปทำแบบนั้นกับพี่เค้า ข้างนอกฝนเริ่มซาแล้ว ผมออกไปมองดูที่รั้วบ้านพี่เชษฐ์ รถมอเตอร์ไซด์ยังจอดอยู่ แสดงว่าพี่เขากลับมาแล้ว  ผมรวบรวมความกล้า เดินเข้าไปเคาะประตูบ้าน  สักพักนึงพี่เชษฐ์ก็เดินมาเปิดประตู พี่เขาใส่แค่กางเกงตำรวจซึ่งเปียกฝนอยู่ หยดน้ำยังเกาะอยู่ตามตัวเขา  พี่เชษฐ์ทำสีหน้าประหลาดใจที่เห็นผมมายืนอยู่ตรงนี้

OhhO16

  • บุคคลทั่วไป

HuaTangMo

  • บุคคลทั่วไป
ตอนนี้เด็กอายุต่ำกว่า 40 ปีควรพิจารณานะครับ ไม่รู้ว่าจะติดเรทป่าวเนี่ย อิอิ วันนี้คงอัพได้ไม่จบครับ เพราะเน็ตฟรีไม่ดี เน็ตดีมักจะไม่ฟรีครับ อิอิ เดี๋ยวตอนบ่ายๆ มาอัพต่อครับ อีก 50 กว่าหน้า ก็คิดอยู่เหมือนกันครับ ว่าจบเรื่องนี้แล้ว อยากจะทำต่อในส่วนที่เป็นไดอารี่ของพี่เชษฐ์เค้า ท่านผู้อ่านอาจจะเข้าใจเนื้อเรื่องมากขึ้นไปอีกครับ แต่ก็ถามความเห็นก่อน ว่าอยากจะอ่านมั้ย ยังงัยก็แสดงความคิดได้ตาสบายเลยครับ ขอขอบคุณอีกครั้งที่ติดตาม ตึ่ง ตึง ตึ๊งงง.....

--------------------------------------------------------------------------------------------------------

“เอ่อ ผมขอโทษครับ – ขอโทษนะ” ผมกับพี่เชษฐ์พูดออกมาพร้อมกัน เราสองคนต่างแปลกใจ มองหน้ากัน  ลึกเข้าไปในดวงตากลมสีน้ำตาลของพี่เชษฐ์ แววตาอันอบอุ่นได้แสดงออกมา เราต่างมองตากันแล้วพี่เชษฐ์ก็ดึงผมเข้าไปกอด กล้ามแขนทั้งสองกระชับตัวผมเข้าไปแนบหน้าอกอันแข็งแรงแต่อบอุ่น ผมรู้สึกได้ถึงความปิติในหัวใจของผม กำแพงความรู้สึกต่างๆที่กั้นอยู่ได้พังทลายลงมา มันทำให้ผมกล้าพูดคำๆหนึ่งออกไป
“พี่ครับ ผมคิดถึงพี่ครับ”  ผมบอกความรู้สึกที่มีอยู่ให้พี่ได้รับรู้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรผมไม่สนแล้ว ตอนนั้น พี่เชษฐ์ค่อยๆเอามือข้างหนึ่ง ช้อนคางผมขึ้นมา แล้วเอาริมฝีปากประทับลงไป ผมรู้สึกได้ถึงความรู้สึกทั้งหมดของพี่เชษฐ์ พี่เค้าได้สอดลิ้นเข้าไปในปากผม มันทำให้ผมควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้วตอนนี้ พี่เชษฐ์ได้จูบผมอย่างแผ่วเบาและดุดันไปพร้อมกัน
“อื๊ออออออออห์...............โอววววว์” เสียงผมกับพี่เชษฐ์ครางในคอ
หลังจากจูบอันเนิ่นนานแล้ว พี่เชษฐ์ได้ลากใบหน้าที่มีเคราขึ้นอยู่ลงมาไซร้ที่ซอกคอของผม อารมณ์ของผมเริ่มกระเจิดกระเจิงอีกครั้ง พร้อมกับอุ้มผมไปนอนบนโซฟา  ตอนนี้เสื้อเชิ้ตของผมได้ถูกพี่เชษฐ์ถอดออก เหลือแต่สแลคแค่ตัวเดียว ตอนนี้พี่เชษฐ์ได้ขึ้นมาอยู่บนตัวผมแล้วมือหนึ่งจับบนท้ายทอยและอีกมือหนึ่งกำลังที่จะถอดเข็มขัดกางเกง หลังจากพี่เชษฐ์จูบผมได้ครู่หนึ่งแล้ว เขาก็เอาใบหน้าที่มีแต่หนวดลงมาไซร้ที่หน้าอก ทำให้ผมต้องงอตัวด้วยความเสียว  
“โอ๊ววววววว.............พะ พะ พี่ ผมเสียว” เหมือนพี่เชษฐ์ยิ่งได้ใจ ทั้งดูดทั้งเลียหัวนม ในขณะที่ต้นขาผมรู้สึกถึงความแข็งแกร่งอยู่ในกางเกงสีกากีที่เปียกอยู่นั้น
“ เห้อ จะไปทำกันในห้องที่มันลับหูลับตาหน่อยก็ไม่ได้ “เสียง  เสียงหนึ่งดังขึ้นที่ประตูหน้าบ้าน พี่ศักดิ์นั่นเอง เพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัด ทำหน้าเหมือนหัวเราะเยาะพวกผมสองคน  ผมกับพี่เชษฐ์รีบลุกขึ้น  เฮ้ย เสื้อกรูไปไหนวะ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าที่หน้ามันร้อนๆ สงสัยแดงเป็นตูดลิงแน่เลย
“ไอ้เหี้ย มาไม่ให้สุ้มให้เสียง” พี่เชษฐ์ด่า
“อ้าว ถ้ากูให้เสียง กูก็ไม่ได้เห็นฉากเด็ดสิ ฮ่าๆๆ” ว่าแล้วพี่เชษฐ์ก็ลุกขึ้นไล่เตะพี่ศักดิ์ไปรอบๆบ้าน  จนพี่ศํกดิ์หนีขึ้นไปข้างบนแล้ว พี่เชษฐ์ถึงได้มานั่งลงข้างๆผมอีกครั้ง แล้วเอาแขนมาโอบผมไว้
“พี่ขอโทษนะ ที่ทำให้เราไม่สบายใจ พี่แค่..... ไม่แน่ใจ ว่าเราจะรับได้มั้ย ที่พี่ เอ่อ.................” พี่เชษฐ์เงียบไป
“ที่พี่..............ชอบโม”
ผมเงยหน้าขึ้นมามองพี่เชษฐ์ แล้วเอื้อมตัวไปหอมที่แก้มพี่เขาทีนึง  “ยินดีครับ”  ผมพูดขึ้น พี่เชษฐ์ยิ้มให้ผม มันเป็นยิ้มที่ผมไม่มีวันลืมเลย ผมยังจำรอยยิ้มได้จนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าพี่เชษฐ์จะไม่อยู่แล้วก็ตาม............................

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
ขยันมากมาย มีอีกป่าวเนี่ย

เห็นด้วยจ้า เนื้อเรื่องน่ารัก อ่านแล้วสะบายใจดีจัง

อ่านไปยิ้มไปเนอะ คริๆ

OhhO16

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักดี


รักกันแระ


+1 ให้กับความขยัน

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

มาเมนต์ครั้งแรกแล้ว... :haun4:
เจอหนังสด  ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกๆๆๆ :laugh:

น่ารักดีๆ เป็นคุณนายผู้กองไปแย้วสินี่

ขอบคุณและจะติดตามครับ
ปล.มาได้บ่อยๆ จักเป็นพระคุณยิ่งคับผม

salapaw

  • บุคคลทั่วไป
ไม่อยู่แล้วก็ตาม....

ไงงั้นอ่ะ

เอาน้า เอาที่เป็นไดด้วย

มาลงรอบนี้หมดยังคะ

จะไปทำธุระแล้วววว

ออฟไลน์ MiTo™

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
ทิ้งตอนจบว่าน่ากลัวมากมายเลยอ่า


รอจบ ค่อยอ่านดีกว่าไหม กลัวจะรักเศร้าเคล้าน้ำตาอ่า

ยังไง ก็เป็นกำลังใจให้นะครับ

ขอบคุณครับบบ  :L2:

ออฟไลน์ ( = ___ = )

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 605
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1

เรื่องน่ารักมากกกกกกกกกก :L2:

กด+ให้เลยสำหรับความขยัน ^ ^
ติดตามต่อปายยยยจ้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด