เรียนวุ่น ธุรกิจรัก บทที่ 60 (10/11/09) อวสาน --- มีตอนพิเศษมาต่อให้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรียนวุ่น ธุรกิจรัก บทที่ 60 (10/11/09) อวสาน --- มีตอนพิเศษมาต่อให้  (อ่าน 213530 ครั้ง)

foozeballz

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 16 – ง่ายๆสบายๆ

วันรุ่งขึ้นพวกเราก็ตื่นเช้ากันอีกเพราะผมสัญญาพาพวกเพื่อนๆไปเที่ยวในกรุงเทพอีกวัน วันนี้ไอ้มุกมันปิดเทอมแล้วมันก็เลยขอนอนยาวหน่อย ผมเดินลงไปที่ครัวเห็นแม่ยืนผัดกุ้ยช่ายขาวกับหมูกรอบเลยเดินเข้าไปหอมกับกอดแกทีนึง

“อรุณสวัสดิ์ครับแม่ หอมจังเลย” ผมซบอยู่กับหลังแม่

“จ้า เดี๋ยวเรียกพวกเพื่อนๆลงมากินกันนะลูก”

“คร้าบ เดี๋ยวปล่อยให้พวกมันนอนต่ออีกสักแปปละกันครับ”

“จ้า………………….เออ อาร์ม จะว่าไปแล้วเพื่อนๆลูกนี่น่ารักดีนะจ๊ะ สาวๆสองคนก็สวยหวาน หนูแบงค์เค้าก็หล่อคม”

“เอ่อ ครับๆ ก็คนหน้าตาดีก็ต้องอยู่ด้วยกันอะครับ ฮ่าๆๆๆ” ผมพูดแล้วก็หัวเราะ

“ย่ะ แหม หลงตัวเองจริงๆลูกคนนี้……….แล้ววันนี้จะไปไหนกันล่ะ แม่ไม่ไปด้วยนะ ขี้เกียจ”

“พูดอย่างกะผมชวนแม่ไปแน่ะ”

“อ้าว ไอ้ลูกคนนี้มันยังไงเนี่ย……….. แม่ไม่ง้อหรอก ไปกับพ่อก็ได้….เชอะ” พูดเสร็จก็สะบัดผมออกเลยครับ

“อะไรกันคุณ ใครบอกว่าผมจะพาคุณไป” พ่อผมตะโกนเข้ามาจากสวนหลังบ้าน

“เอ๊ะ คุณนี่ยังไงกันนะ ไอ้พ่อลูกสองคนนี้ เดี๋ยวถ้าไม่มีคนทำอาหารให้กินจะรู้สึก…………………………...เออ แม่จะฟ้องอะไรให้ฟัง ตาอาร์ม วันก่อนนะ พ่อเค้าตักขาหมูติดมันให้แม่ แต่แม่บอกว่าไม่เอา ทีนี้เค้าก็เลยคีบเอาไปให้ไอ้น้องสาวตัวดีของแกแทน แล้วทีนี้ทำไมรู้มะ…..”

“ทำไมหรอ” ผมถามงงๆ   

“ก็เค้าบอกน้องแกว่าอย่ากินเลย เดี๋ยวเป็นโรคหัวใจแล้วตายเร็ว……….. ดู๊ ดู พ่อแก กะจะให้แม่ตายเพื่อที่จะหาเมียน้อยซะแล้ว” ผมขำก๊ากเลยครับ แม่คิดได้ยังไงเนี่ย

“โธ่คุณ อย่าอคติสิ แหมๆๆ” พ่อผมพูดแล้วก็เดินเข้าไปหอมแก้มแม่ฟอดนึงทำเอาผมอิจฉาในความหวานเลยครับ

ยืนคุยกันต่ออีกสักครู่ผมก็เดินขึ้นห้องจะไปปลุกสองสาวครับ แต่พอได้ยินเสียงก๊อกแก๊กดังออกมาจากในห้องก็เลยเปลี่ยนใจไม่ปลุกดีกว่า เพราะพวกมันคงกำลังแต่งตัวกันอยู่….ยังไม่อยากเห็นของดี ว่าแล้วก็เลยเดินกลับไปปลุกไอ้หมาแบงค์แทน พอผมเดินไปถึงเตียงเท่านั้นแหละ…..

…………..

…..ฟลุ่บ!!

………………………

…….

“โอ๊ย ไอ้เชี่ยแบงค์ จะดึงกูลงไปทำไมวะ….”ผมด่ามันเพราะมันเอามือล็อกคอผมแล้วทุ่มไปบนเตียงครับ

“กูรู้ว่ามึงจะมาปลุกไง เลยเบรกไว้ก่อน ฮ่าๆๆ”

“โหย ไอ้เวร มึงรีบๆไปอาบน้ำเลยปะ แล้วลงไปกินข้าวเช้าซะนะ”

“คร้าบแม่………….ทูนหัว”

“ทะลึ่ง ไอ้นี่ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยๆ”

ผมเดินออกมาจากห้องก็เจอสองสาวพอดี ทักทายกันไปตามระเบียบแล้วก็ลงไปรอไอ้แบงค์ที่โต๊ะอาหาร

“Wan, Su, I make some fried vegetables with crispy pork for you. Hope you like it! (หวาน ซู วันนี้แม่ทำผัดผักกับหมูกรอบให้ หวังว่าคงชอบนะจ๊ะ)” แม่ผมพูดแล้วก็หยิบจากผัดผักมาให้ไอ้สองคนนั้น

ไอ้สองคนก็ทำตาลุกวาวแล้วก็ชมแม่ผมกระเปราะใหญ่จนแม่ผมเขินไปเหมือนกัน สักครู่ไอ้น้องสาวตัวดีก็เดินลงมาพร้อมกับเอามือปิดปากหาว มันทักทายทุกคนแล้วก็เดินมานั่งรอที่โต๊ะอาหาร สามสาวมันก็นั่งคุยกันแล้วก็หัวเราะคิกคัก ผ่านไปสักห้านาทีไอ้แบงค์มันก็เดินหัวเปียกลงมา

“Let’s eat guys! (ปะกินกัน)” ไอ้แบงค์พูดแล้วก็ยิ้ม

“Whoa whoa, You just came down and now you order us to eat, huh? Do you realize how long we waited for you? (โห พึ่งลงมาถึงก็ออกคำสั่งเลยหรอ รู้ตัวป่าวเนี่ยว่าคนเค้ารอกันนานเท่าไหร่)” ไอ้หวานหว่านบ่น

“Oh god, please, I don’t want another mother (ขอเหอะ ไม่อยากได้แม่เพิ่มอีกคนนึงอะ)” ไอ้แบงค์ทำหน้าเซ็งๆ

“Okay guys! Shut up and eat (โอเค หุบปากแล้วก็กินกันเหอะ)” ไอ้ซูมาเบรกครับ ส่วนผมกับไอ้มุกก็ได้แต่นั่งหัวเราะกันสองคน
เรากินข้าวเสร็จก็นั่งคุยกันโดยมีพ่อกับแม่ผมเข้ามาร่วมแจมด้วย แต่รู้สึกว่าจะมีแต่ผมที่โดนเผา ไอ้เพื่อนตัวดีสามตัวมันเล่นแฉวีรกรรมเปิ่นๆของผมที่เยลหมดเลย รวมถึงไอ้แบงค์ที่มันแฉเหตุการณ์ตอนที่เราเจอกันครั้งแรก ผมนี่นั่งหน้าชาเลย แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรมันมากมายเพราะถือว่าเป็นเรื่องขำๆ ส่วนไอ้ซูกับหวานหว่านมันขำก๊ากแล้วก็ยิ้มให้กันอย่างมีเลศนัย

วันนี้ผมพาพวกเพื่อนๆไปย้อนอดีตกันอีกรอบที่สวนสยาม เห็นแต่ละคนบอกว่าไม่ได้ไปสวนสนุกกันมานานแล้วก็เลยพาพวกมันไปเที่ยวเล่นๆกัน ไอ้มุกมันบอกว่าอยากไปเดินสยามกะเพื่อนๆมันเพราะไม่ได้ไปมานานแล้ว ผมก็เลยต้องปล่อยมันไป เหลือแต่พวกเราสี่คน ขาลุยอย่างพวกเราก็ครึกครื้นเต็มที่ มีอะไรให้เล่นก็เล่นหมด จะว่าไปแล้วเครื่องเล่นต่างๆที่นี่เปลี่ยนไปกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย ไอ้ที่พวกผมชอบที่สุดก็คงจะเป็นรถไฟเหาะตีลังกา อันสีส้มๆเพราะว่ามันให้ความรู้สึกหวาดเสียวดีเวลาที่มันลงทางชันๆ เกร็งท้องจนจุกอกไปหมด ไอ้ซูร้องกรี๊ดตลอดทางเลย…. ไม่รู้ว่าใครเอาเข็มมาจิ้มมัน…….. เสียดายที่วันนี้พวกเราไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเลยไม่ได้ลงไปว่ายน้ำเล่น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกสนานที่พวกเราได้รับน้อยลงไปเลย แค่ความผูกพันระหว่างเพื่อนๆมันก็ทำให้พวกเราอบอุ่นไปทั้งกายและใจแล้วครับ

เราลุยสวนสยามไปรอบสองรอบก็ทั้งเหนื่อยทั้งเวียนหัวไปหมด ตอนไอ้ซูมันเดินลงมาจากจานหมุน น่ามันนี่เหมือนกับคนเมาไม่มีผิด นี่ยังดีที่มันไม่อ้วกออกมา ไม่งั้นเสียดายอาหารเช้าหมด เรานั่งพักอยู่ตรงบริเวณที่มียานบินอวกาศกันสักครู่แล้วถึงเดินไปหาน้ำเย็นๆดื่มกัน

“Damn, that was a blast (สุดยอดๆ)” ไอ้ซูพูด ปากก็หอบแฮ่กๆด้วยความเหนื่อย

“Freaking hell, I feel like I’m ten years younger (ให้ตายเหอะ รู้สึกเหมือนอายุน้อยลงไปสิบปี)” ไอ้หวานหว่านพูดแล้วก็ยิ้ม

“Haha, I loved it when you guys screamed. Have you realized that the whole theme park stare at you? (ฮาฮ่า เราชอบตอนที่พวกแกร้องกัน รู้ตัวปล่าวว่าคนทั้งสวนสนุกหันมามองพวกแก)” ผมแซวไอ้สองสาว

“Yea, I agree. I thought I was in a zoo at that moment (นั่นดิ ตอนนั้นนึกว่าตัวเองอยู่ในสวนสัตว์)” ไอ้แบงค์พูดแล้วพวกเราก็เฮ ล้อเล่นขำๆกัน
มื้อเย็นก็ออกไปหาอาหารกินง่ายๆ เป็นร้านอาหารอยู่แถวๆรามอินทราครับ เสร็จแล้วก็กลับบ้านเพราะวันพรุ่งนี้จะต้องเดินทางออกต่างจังหวัดกันแล้ว ถึงบ้านปุ๊บก็จัดการเก็บของต่างๆใส่กระเป๋าเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาจัดตอนเช้า พวกเราเอาชุดกันไปคนละ 8-9 ชุดรวมไปถึงอุปกรณ์ลงทะเลต่างๆ พวก ชุดว่ายน้ำ แว่นตากันแดด ครีมกันแดด อะไรประมาณนี้ ไอ้แบงค์มันแบกเอากีต้าร์ที่บ้านผมไปด้วยเผื่อจะได้เอาไปเล่นเพลงตอนกลางคืนกัน วงเหล้าถ้าไม่มีเพลงก็ไม่สนุก…จริงไหมครับ?

นี่แหละครับ วันง่ายๆสบายๆ ของพวกเรา แต่ก็แฝงไปด้วยอะไรที่ลึกซึ้งหลายอย่าง มันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราว่าจะรับรู้ถึงมันแค่ไหนเท่านั้นเอง

tbc
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2009 01:15:22 โดย foozeballz »

111_1

  • บุคคลทั่วไป
จิ้ม จิ้ม

  หึ หึ วันนี้จิ้มได้หลายคนละ

    ไปอ่านก่อนน้า :กอด1:

KiKuMon

  • บุคคลทั่วไป
5 5 5

ก็รู้สึกกว่าประโยคมันแปลกๆเหมือนกัน

แต่ไม่รู้ที่ถูกยังไงก็เลยเขียนมันไปงั้น

ขอบคุณนะค้าบบบ





ปล.1 โดนแย่งจิ้ม

 :serius2: :serius2:

ปล.2 เอาแต่เที่ยวกันละน้าาา

ไม่กุ๊กกิ๊กกันซักกะที

 :z2: :z2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2009 01:23:52 โดย KiKuMon »

YO DEA

  • บุคคลทั่วไป
 :กอด1:

รอตอนต่อไป....

foozeballz

  • บุคคลทั่วไป
กุ๊กกิ๊กก็อดใจรอไปก่อนนะคะ
 :o8:

เอม

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
น่าสนุกจัง อยากเล่นรถไฟเหาะมั่งอ่ะ

ออฟไลน์ woradach

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
เย้ๆ สนุกๆครับคุณเอม  o13

มารอตอนต่อไปจ้า  :z2:

imageriz

  • บุคคลทั่วไป
แล้วจะไปเที่ยวไหนกันต่ออ่ะ จะมีหวาน ๆ อีกไหม

รออ่านต่อไปนะน้องเอม  :z2: :z2: :z2:


foozeballz

  • บุคคลทั่วไป
ตอนต่อไปอ่านแล้วคิดตามไปด้วยนะคะ

ง่วงนอนจัง  :o12:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :z13:
จิ้มป้าคนสวย คิๆ  :laugh:
แหมหายไปสองวันเอง อย่าห่วงเลยนี่ไงมาเล่นละ
***************************************************************
สำหรับเรื่องนี้ไม่ได้อ่านแป๊บเดียวเรื่องเดินไวดีนะเอม
+1 ให้เลยเช่นทุกครั้งที่เข้ามาเม้นให้
อ่านจากตอนที่ 13 -16 จบทันละ จะบอกให้ละกันนะ
ว่า เรื่องเดินได้ดีมีความสม่ำเสมอ สมเหตุสมผล
ยิ่งอ่านแล้วรู้สึกเข้าใจสภาพอารมณ์ของตัวละครดีมาก
การอธิบายยังคงรักษาระดับเอาไว้ได้  o13
บางเรื่องอ่านไปแล้ว เรื่องการบรรยายจะแย่ลงไงเราเลยรู้สึกว่าเรื่องนี้ดี
ส่วนเรื่องของตัวละคร อือไม่มีไรอยากพูดมากนอกจากอยากบอกว่า
ตอนนี้ขอเป็น FC Su & Wan แบบว่าคนไรน่าร๊ากกกกกก ได้ใจมาก
อาร์ม ก็ยังคงเป็นอาร์ม เช่นเดียวกับ แบงค์
มีประเด็นในแง่ของควารู้สึกที่แสดงออกของ แบงค์ที่รู้สึกว่ามันต้องมีเหตุผลมาลองสิ
รออ่านอยู่นว่าแบงค์จะยอมเปิดความรู้สึกในเรื่องนี้เมื่อไร
อาร์มเองก็คงรู้สึกได้แล้วละว่า มันมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างคนสองคน
เวลาอาจดูเพียงไม่นาน แต่สำหรับคนสองคน
มันดูมีอะไรที่มากกว่านั้น ทั้งความรู้สึกลึกๆในใจ
อย่างตอนที่มีคำว่า เอย โผล่เข้ามาน่าจะรู้แล้วละว่ามันต้องมีไรแน่่ๆในใจ
ที่ไม่คิดมากอาจเพราะรู้สึกว่าไม่อยากจยอมรับมากกว่า
แล้วดูอย่างช่วงตอนนี้สิ ที่ไปเที่ยวกัน พอไม่กินน้ำ ก็มาป้อนน้ำ
พอเหงื่อไหลก็มาเช็ดให้ มันคืออะไรละ
ลองสิลองทำความเข้าใจกับความรู้สึกของตัวเองให้มากเข้าไว้
จริงๆแล้วจุดที่น่าสนใจยังมีอีก คือ หวาน กับ ซูเหมือนจะดูออกในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่นะ
มันเลยดูค่อนข้างชัดมากเลยสินะในสายตาคนสนิทยังดูออก แล้วทำไมตัวเองจะไม่รู้เลยละ ใช่ไหม
อ่านมาถึงตรงนี้ อยากบอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องแนวบรรยายนฉาก
และการกระทำของตัวละครอย่างค่อยไปมีเหตุผลมาลองรับเสมอ
ทั้งยังมีมุขฮาๆมาเล่นให้รู้สึกอ่านแล้วสบายๆ เลยไม่ได้หวังมากว่า เรื่องนี้จะต้อง
เขียนออกมาให้ตัวเองทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ถึงขั้น NC
อย่างมากที่อยากอ่าน คือ ฉากหวานๆเบาที่ออกมาที่ละนิดๆ
เพราะคนทั้งคู่มีความสำพันธ์ที่เริ่มมาจากคำว่าเพื่อน ...
ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง แล้วการที่เปลี่ยนมาเป็นความรู้สึกดีๆแล้วก็ตาม
ข้อความที่ แบงค์ส่งผ่านมาจากตอนก่อนๆละ
FRIEND FOREVER
มันตีความได้นะว่าในความรู้สึกที่มีมันยากมากที่จะก้าวข้าม ความเป็นเพื่อนไปเป็นอื่นง่ายๆ
ปัญหา และอุปสรรคต่างๆเยอะมากเหลือเกินไม่อยากจะพล่ามในส่วนนี้มากนัก
เท่าที่ดูจากตอนนี้เป็นไปได้ว่าเรื่องนี้ยังอยู่ใน ช่วงต้นเรื่องมากๆอยู่เลย
หลังจากนี้ก็คงจะเป็นการเล่าและค่อยๆเปลี่ยนจากการเน้น ความเป็นเพื่อน
เน้นสภาพแวดล้อมของเยลและ สิ่งอื่นๆที่พยายามปูพื้นมาตลอด
คงจะได้เห็นแน่ๆตอนที่รอคอยที่สุด ซีนพีเรียด และดราม่าแรงๆที่ชอบมาก
เพราะตัวละครก็ต่างใกล้จะจบมากแล้วทีเดียว หลังจากนี้สิถึงจะสนุกหลังจากกลับมาที่ไทย
หลังจากที่จบจากเยล นั่นละจึงจะเป็นบทเริ่มต้นที่น่าอ่านมากๆ
เขียนๆไปแล้วก็นึกไปถึง เรื่องนึงที่เรื่องก็เริ่มด้วยการเรียนอยู่เหมือนกัน
อยากให้ลองไปอ่านๆดูกันเรื่องนั้นนี่ เนื้อหาโดนมากๆ
หรือว่าความรัก ของพี่ฟิกซ แล้วจะรออ่านต่อนะเอม
                                                                                                                                                                                                                                         นิว
**************************************************************


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-03-2009 06:30:05 โดย newykung »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






foozeballz

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 17 – ที่กั้นระหว่างขอบฟ้ากับท้องทะเล

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด…………………

เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตอนเวลาประมาณตีห้าครึ่ง ผมเอื้อมมือไปกดปิดมันแล้วก็ขอนอนหลับตาต่ออีกสักห้านาที ไอ้แบงค์มันนอนขดอยู่ในผ้าห่มแต่ก็เริ่มพลิกตัวไปมาแล้วล่ะครับ สงสัยมันพอจะรู้แล้วว่าได้เวลาตื่น อิอิ เมื่อคืนเรานอนกันเต็มอิ่มเพราะประมาณสี่ทุ่มนิดๆก็เข้านอนกันแล้วเลยทำให้วันนี้ผมรู้สึกชดชื่นกระปี้กระเป่า แต่จริงๆแล้วคงรู้สึกตื้นเต้นมากกว่าเพราะว่าจะได้ไปเที่ยว แถมอีกสองวันก็จะปีใหม่แล้วด้วย งานนี้ต้องเต็มที่อยู่แล้ว

ผมเดินไปเปิดหน้าต่างห้องนอนรับลมหนาวในตอนเช้า อากาศดีๆบวกกับกลิ่นหอมของต้นโมกที่ปลูกอยู่ในกระถางหน้าบ้านโชยเข้ามาในห้องนอน มันหอมสดชื่นจริงๆ ผมยืนดูดาวกับพระจันทร์ที่ตรงหน้าต่างสักครู่ถึงเดินไปปลุกไอ้แบงค์กับสองสาว วันนี้พวกเราว่ากันว่าจะไปหาข้าวเช้ากินนอกบ้านแล้วก็ขับรถไปสบายๆ เหนื่อยก็พัก พอมีแรงแล้วก็ค่อยๆขับต่อ ไอ้มุกมันบอกว่าจะพาพ่อกับแม่ไปหาคุณยายตอนปีใหม่เลยขอตัวไม่ไปกับพวกเรา จริงๆผมก็อยากไปเยี่ยมคุณยายเหมือนกัน แต่ต่อรองกับพ่อว่าจะไปหลังปีใหม่ ซึ่งพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร ให้ทำไงได้ล่ะครับ พาเพื่อนมาทั้งทีก็ต้องเต็มที่หน่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะลืมครอบครัวเลยทีเดียว
……………….

“So where are we having breakfast? I’m getting a bit hungry already! (ตกลงจะกินข้าวเช้าที่ไหนเนี่ย เริ่มหิวแล้วนะ)” ไอ้แบงค์ถามหลังที่ออกรถได้ไม่นาน

“I don’t know! What do you girls think? (ไม่รู้สิ สาวๆคิดว่าไง)” ผมหันไปถามสองสาว

“Haha, how can you ask me Armmie? If you don't know, how could we know? (ฮ่าฮ่า ถามพวกเราได้ไงอาร์มมี่ ถ้าพวกเธอไม่รู้แล้วเราสอ
คนจะรู้หรอ)” ไอ้หวานหว่านพูดแล้วก็หัวเราะ

“Well, in case you want to eat something really badly (เผื่ออยากกินอะไรเป็นพิเศษไง)” ผมตอบ

“I think Wan wants to eat everything, tell me I’m wrong Wan (ฉันว่าหวานมันก็อยากกินทุกอย่างนั่นแหละ จิงไหมหวาน)” ไอ้ซูแซว

“Yea…and I will get fat (ใช่ แล้วเราก็จะอ้วน)” หวานหว่านพูดแล้วก็หัวเราะ

..........

“Okay okay I have decided, We will eat the sandwiches Arm’s mom made for us, okay? (เอาล่ะ เราตัดสินใจละ พวกเราจะกินแซนวิชที่แม่ของไอ้อาร์มมันทำให้เรา โอเคมะ)”

“Anything! We don’t mind (อะไรก็ได้ พวกเราไม่สน)” ไอ้สองคนพูดขึ้นพร้อมกัน

ว่าแล้วพวกเราก็แกะแซนวิชมากินกัน ซึ่งไอ้สาวๆสองคนก็คอยป้อนผมเพราะว่าผมขับรถอยู่

ไม่นานเราก็มาถึง……………………หัวหินครับ เราเอาข้าวของไปเก็บในรีสอร์ทแล้วก็นอนพักเอาแรงกันสักครู่ แต่รู้สึกว่าจะมีแต่ผมที่เหนื่อยคนเดียวเลยขอตัวเข้าไปนอนเล่นในห้อง พวกมันสามคนก็ไปนั่งเล่นไพ่ กินขนมกัน เราตกลงกันว่าบ่ายๆถึงจะลงไปเล่นน้ำ................แต่ที่ไหนได้...... ไอ้พวกนั้นส่งเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวทำเอาผมนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่เลยได้แค่นอนดูทีวีไปพลาง.........แต่จะว่าไปแล้ว ผมก็ไม่ได้ง่วงอะไรเท่าไหร่

...........

...................

.........

“Arm, let’s go to the beach!!!!!” ไอ้ซูเปิดประตูชะโงกหัวเข้ามาในห้องแล้วก็ตะโกน เล่นเอาผมสะดุ้งไปเหมือนกัน

“..................Why don’t you guys go first? I will follow you guys once I come out from the bathroom (พวกเธอไปก่อนเหอะ แล้วเราจะตามไปหลังจากออกมาจากห้องน้ำ)” ผมบอกมันแล้วก็ยักคิ้วให้มัน

“Right (ได้ๆ)” มันพูดจบก็เดินออกไป

…………………..

………………………………..

………………

……………………

พวกเรานอนเล่นกันอยู่ที่ม้านั่งแถวริมชายหาดสักครู่เพื่อรอให้แดดมันหายร้อนแล้วจึงเดินลงทะเลไปเล่นน้ำกัน

“I miss the sea so much!!!!! Damn it (ให้ตายเหอะ คิดถึงทะเลจัง)” ไอ้หวานหว่านพูดแล้วก็ลอยคอเล่นไป

“Yea, the beach is really sandy and the water is so much warmer here. Love it! (ใช่ๆ ชายหาดทรายเยอะแถมน้ำยังอุ่นอีก)” ซูเสริม

“Of course, How can it not be good? The sea is like freezing on the East Coast of US (แน่นอนมันจะไม่ดีได้ยังไงล่ะ ทะเลที่ชายหาดของอเมริกาตะวันออกหนาวจะแย่)” ไอ้แบงค์พูด

….ถูกครับ ชายหาดที่อเมริกาหนาวมากจนไม่ค่อยมีใครกล้าลงเล่นน้ำในหน้าหนาว อุณหภูมิประมาณว่าถ้าลงไปเล่นคงกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง ส่วนหน้าร้อนพวกเราไม่ได้อยู่กันเพราะปิดเทอม ก็เลยแยกย้ายกันกลับบ้าน อดไป!!

“Haha true (ฮ่าๆ ใช่)” ผมตอบ

พวกเราเล่นน้ำกันจนถึงหัวค่ำแล้วก็กลับเข้ารีสอร์ทกัน เราอาบน้ำแล้วก็หลับกันไปคนละตื่น สักสองทุ่มผมตื่นขึ้นมาก็เห็นไอ้แบงค์มันนอนหลับอยู่ข้างๆ

“แบงค์ ตื่นๆปะ ไปกินข้าวกัน” ผมเอามือไปสะกิดมัน

“งืม อาร์มแปปนึงดิ กูยังเหนื่อยๆอยู่เลย”

“ให้อีกแปปนะ อย่ามาตอรอง”

“พูดมากเดี๋ยวจับปล้ำเลย ไอ้ห่านี่”

“ไอ้เชี่ยแบงค์ เดี๋ยวนี้แรงนะมึง ไอ้ชั่ว”

“ถ้ากูเป็นคนดีกูจะเป็นเพื่อนมึงหรอ”

“กวนตีนและ รีบๆไปเปลี่ยนเสื้อแล้วก็ลางหน้าแปรงฟันซะ”

“เออๆ บ่นยังกะเป็นแม่กูอีกละ”

“เร็วๆอย่าให้ต้องใช้กำลัง” ผมชี้หน้ามัน

……………..

“โอ๊ย!!……..ไอ้แบงค์ เดี๋ยวนี้มึงกล้ามากเลยนะ” มันเอามือมาบิดหัวนมผมแล้วมันก็รีบวิ่งหนีเข้าห้องน้ำไปเลย

……………

………………………

….

พวกเราเลือกร้านอาหารริมหาดที่มีดนตรีเล่นสบายๆ พอมาถึงก็สั่งอาหารมากินกันเยอะมากเพราะว่าไม่ได้กินมื้อกลางวันกันมา ดนตรีเพราะๆ อาหารอร่อยๆกับเบียร์เย็นๆทำให้พวกเราเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศตอนกลางคืนที่แสนจะเย็นสบาย สายลมพัดเอากลิ่นทะเลมาทางเราสี่คน และหล่อหลอมให้ใจของพวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน

มิตรภาพและความผูกพันก็เหมือนกับดวงเดือนที่อยู่เคียงข้างแสงดาว ถึงแม้วันหนึ่งมันอาจจะต้องห่างกันไปตามกาลเวลา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่โคจรมาเจอกันอีก มันขึ้นอยู่กับตัวเราว่าเราจะมีโอกาสได้เห็นภาพๆนั้นอีกรึเปล่า ผมเชื่อว่าทุกอย่างมันถูกลิขิตชะตาของมันไว้แล้ว

กินกันจนอิ่ม พวกเราทั้งสี่คนเดินกลับมาที่รีสอร์ทแล้วก็มานั่งเล่นไพ่กันต่อสักครู่ เล่นไปก็ดูทีวีไปพลางๆ ไม่ได้เล่นกินเงินกันหรอก เป็นเกมเล่นใช้สมองหน่อยๆ มันชื่อว่าเกม คิลเลอร์แอนด์ฮีลเลอร์ เป็นเกมแนวอาชญากรรมสืบสวนซึ่งก็สนุกมากๆเลยทีเดียว แต่ที่ไหนได้.......เล่นอยู่ดีๆไอ้สองสาวมันก็ขอตัวไปเดินชายหาดเพื่อจะไปคุยเรื่องระหว่างสาวๆกัน ผมกับไอ้แบงค์ก็เลยนั่งเก้อดื่มเบียร์กันต่อ

............สักพัก

............

“อาร์ม ไปเดินรับลมกันบ้างมะ”

“เอ่อ กูก็ว่าดีเหมือนกันแหละ จะได้ไปยืดเส้นยืดสายหน่อย”

ผมพูดเสร็จไอ้แบงค์มันก็ยื่นมือมาให้ผม ผมจับมือมันลุกขึ้นแล้วเราก็เดินลงไปที่ชายหาดด้วยกัน เราเดินเลาะชายหาดไปเรื่อยๆท่ามกลางแสงของพระจันทร์

“มึงลองมองไปให้สุดขอบฟ้าสิไอ้อาร์ม มึงเห็นอะไรมะ”

“ไม่นี่หว่า มันมืดไปหมดเลย”

“ใช่ มันมืดไปหมดจนเรามองอะไรไม่เห็น”

“แล้วมึงจะถามกูเพื่ออะไรวะ”

“….............บางครั้งความมืดมันก็มีอะไรซ่อนอยู่นะ มึงลองคิดตามกูสิ บางครั้ง ที่ที่เดียวกัน แต่เวลาคนละเวลามันก็ทำให้อะไรเปลี่ยนไปได้เยอะ”

“มึงหมายความว่ายังไง”

“ตอนนี้มึงเห็นขอบฟ้าไหมล่ะ”

“เอ๊ะ ก็บอกไปแล้ว มันมืดขนาดนี้ก็ไม่เห็นนะสิวะ”

“อือ นั่นแหละ แต่ตอนกลางวันพวกเราก็มองเห็นมัน จริงไหม? ที่กูอยากจะบอกกับมึงก็คือบางทีใจคนเรามันอาจจะปิดกั้นอะไรเพราะเรามองไม่เห็นมันทั้งที่จริงมันมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ กูเชื่อว่าเวลาจะทำให้ทุกๆอย่างมันชัดขึ้นมาเอง เดี๋ยวพอดวงอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า พวกเราก็จะมองเห็นขอบฟ้าแล้ว คอยดูนะ” มันยิ้มให้ผมแล้วก็เดินจากไป……ปล่อยให้ผมยืนงงกับสิ่งที่มันพูดออกมา

…………………………….

…………

ผมเดินตามชายหาดไปเรื่อยๆ….แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อผมเห็นอะไรบางอย่าง………………..

……………………

………ตัวหนังสือที่เขียนออกมาเป็นคำสี่คำได้สลักอยู่บนเม็ดทราย ตัวหนังสือเหล่านั้นถูกตีกรอบด้วยวงกลมที่ไม่เต็มวง ข้างๆวงกลมนั่นมีกิ่งไม้กิ่งเล็กๆวางอยู่

“Only if U know”


tbc
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2009 12:25:31 โดย foozeballz »

111_1

  • บุคคลทั่วไป

PEAK

  • บุคคลทั่วไป
หุ หุ  คงจะอีกนานกว่าจะรู้   :o8:  ... แต่ซู กับหวานหว่าน เหมือนจะรู้สึกได้ถึงสัญญาณอะไรบ้างอย่างแล้วนะนิ^^

ชอบ...คนเขียนเขียนได้ละเอียดอ่อน ลึกซึ้ง ไม่หวือหวา เห็นพัฒนาการได้ o13

ขอบคุณนะครับ

ออฟไลน์ DEMON3132

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-1
สวัสดีน้องเอม เพิ่งได้มีโอกาสเข้ามาอ่าน สนุกมากค่ะ น่าติดตาม ได้ความรู้เรื่อง u ของต่างประเทศด้วย ได้ความรู้
เรื่องภาษาอังกฤษด้วย ดีจัง ได้อ่านคอมเมนต์ของแต่ละคนรวมทั้งน้องนิวแล้วยิ่งได้มุมมองเพิ่มขึ้นอีก
+1 ให้กำลังใจน้องเอม  :กอด1: ให้น้องเอมกับน้องนิว จะได้เข้ามาคอมเมนต์ให้อ่านบ่อย ๆ นะคะ หวังว่าเรื่องนี้
คงจบแบบไม่เศร้านะ
 :pig4:

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
นู๋อาร์ม รู้ แต่ไม่กล้าคิดมากกว่ามั้ง

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3

133113

  • บุคคลทั่วไป
ชอบที่แบงค์พูดมากๆเลยค่ะ
บางทีเพราะใจเราปิดกั้นก็อาจทำให้มองข้ามบางอย่างไป

พี่เอมสู้ๆ
 :กอด1:

Donpopper

  • บุคคลทั่วไป
ปลื้มประโยคที่เเบงค์พูดสุดๆเลยอ่า

โดนมากๆๆๆๆๆๆๆ

จะรอนะครับ

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8
อาร์มมี่จะรู้ไหม

ว่าแบงค์รักอาร์มมี่แล้วล่ะ

ออฟไลน์ woradach

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
เอ๋ แต่แบงค์มีแฟนแล้วนี่นา แถมน่ารักด้วย นอกใจหรอตาแบงค์  o18

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






foozeballz

  • บุคคลทั่วไป
ติดตามกันต่อไปนะคะ
 :pig4: :pig4:

เดี๋ยวมาลงให้สองตอนค่ะ

kuraki

  • บุคคลทั่วไป
 o13 o13 o13

เยี่ยมไปเลย

รออ่านต่อนะคะ
อยากรู้ความในใจของแบงค์

 :กอด1:

foozeballz

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีค่ะ

มีคนบอกว่าชอบเรื่องนี้เพราะได้เรียนอังกฤษแถมยังได้รู้บรรยากาศการเรียนเมืองนอกด้วย ก็ขอบคุณนะคะ

ถ้าชอบเดี๋ยวจัดให้ค่ะ

ถ้ามีคำถามอะไรเกี่ยวกับภาษาหรือว่าการเรียนเมืองนอกก็ถามได้นะคะ

ขอบคุณจากใจจริง

เอม

KiKuMon

  • บุคคลทั่วไป
จิ้มคุณเอม


อยากเรียนเมืองนอกนะครับ


แต่ฉลาดน้อย


แล้วก็ไม่ีมีตังค์


 :laugh: :laugh:


ดึกๆจะมาอ่านอีก 2 ตอนครับ


 :pig4: :pig4:

foozeballz

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 18 – Yes, No, or Maybe?

นกสองตัวบินคู่กันผ่านหน้าผมไปเพื่อมุ่งหน้าไปสู่ภูเขาสองลูกที่ตั้งตระหง่านอยู่คู่กันตรงสุดขอบฟ้า ผมจ้องมองไปข้างหน้าแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ แสงอาทิตย์ในยามเช้าส่องแสงสีเหลืองนวลอร่ามลงสู่พื้นผิวของท้องทะเลจนผมมองเห็นเป็นเงาสีส้มอ่อนๆที่ลากยาวไปถึงขอบฟ้า มันเหมือนกับเป็นพรมที่ปูทางให้ใครสักคนเดินเพื่อไปค้นหาอะไรสักอย่างที่ซ่อนอยู่ในที่แห่งนั้น

พอพระอาทิตย์ขึ้นพ้นขอบน้ำทะเล ผมก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปตามชายหาดสีขาวเพื่อไปดูอะไรบางอย่าง..........

แต่.......... คำสี่คำนั้นได้จางหายไปแล้ว เหลือเพียงแค่รอยบางๆของตัว U กับเศษไม้ที่หลงเหลืออยู่ …….แต่ไม่ทันที่ผมจะก้มลงไปดูรายละเอียด ก็มีเสียงใครบางคนเรียกผมมาจากข้างหลัง…………………….

“Armmie, what are you doing? (อาร์มมี่ ทำอะไรอยู่น่ะ)” เสียงไอ้หวานหว่านลอยมา

“Oh hey! I am just stretching (อ้าว ว่าไง เราแค่ยืดตัวอยู่อะ)”

“Really? (จริงอะ?)” ไอ้หวานมันทำหน้าแบบไม่เชื่อ

“Of course!........... so where’s the rest? (ก็แน่สิ………….. แล้วที่เหลืออะ)”ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง

“Still sleeping!.................phew……….I feel so fresh! (ยังนอนอยู่เลยอะ……….เฮ้อ รู้สึกสดชื่นจัง)”

“Yea, same (อืม เหมือนกัน)” ผมยิ้มให้มัน

..................

ไอ้หวานหว่านมันจ้องหน้าผมนิ่งๆสักพัก

..............

“You don’t seem fresh at all, are you thinking about something, Armmie? (เธอไม่เห็นดูไม่สดชื่นเลย กำลังคิดอะไรอยู่รึเปล่าอาร์มมี่?)”

…………

“Not really! (ไม่มีอะไรหรอก)”

.................

................มันจ้องหน้าผมอีกรอบ

.................................

…………………

“Arm, I don’t want to force you to spit something out; you can tell me whenever you need to (อาร์ม เราไม่อยากบังคับให้เธอต้องพูดอะไรออกมา พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกเราได้นะ)” มันทำหน้าจริงจัง

ผมก็ได้แต่ยิ้มแล้วก็พยักหน้าให้มัน………ไอ้หวานหว่านนี่มันช่างสังเกตจริงๆ……………..

...........................

..............

“Wan, don’t you want a boyfriend? (หวาน เธอไม่อยากจะมีแฟนหรอ)” ผมถาม

“Err…………why this question so suddenly?..................Well, I don’t think I’m ready yet. (เอ่อ ทำไมจู่ๆก็ถามคำถามนี้อะ……………คือเรายังไม่พร้อมอะ)” มันมองผมแปลกๆ

“Nah, just curious. How about Stanley and Fan? (ป่าว แค่สงสัยอะ แล้วสแตนลี่ย์กับอี๋ฟ่านล่ะ)” ผมแซวมันเล่นๆ

“Eww, that’s like....never gonna happen, I would rather commit suicide than end up being with either of them. They are so freaking flirtatious!! (อี๋ ไม่มีทางอะ ฉันยอมตายดีกว่าที่จะไปเป็นแฟนใครคนใดคนหนึ่ง ไอ้สองคนนั้นเจ้าชู้จะตาย)” มันพูดแล้วก็หัวเราะ

“Fair enough! (อือ ก็สมเหตุสมผลอยู่)” ผมว่าแล้วก็หัวเราะตามมัน

เราสองคนเดินเล่นกันอยู่บนชายหาดสักครู่เพื่อรับแสงอาทิตย์ในยามเช้า..............

..........

“Let’s wake those two lazy asses up for breakfast (ไปปลุกไอ้ตัวขี้เกียจสองตัวนั่นไปกินข้าวเช้ากันเหอะ)” ไอ้หวานหว่านพูดแล้วก็เดินจูงมือผมเข้าไปที่รีสอร์ท พอเราไปถึงไอ้สองคนนั้นมันก็เดินออกมานั่งเล่นรอที่ห้องรับแขกแล้ว พวกเราจึงชวนกันไปทานข้าวเช้าที่รีสอร์ทจัดไว้ให้ ระหว่างที่กินอยู่ ผมรู้สึกได้ว่าไอ้แบงค์มันนั่งจ้องผมเป็นระยะๆเหมือนกับมันกำลังจะรออะไรบางอย่าง แต่ผมก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจแล้วก็หยิบอาหารเข้าปากต่อไป

พอกินข้าวเช้าเสร็จพวกเราก็ไปนั่งเล่นที่ชายหาดเหมือนเดิม อยากให้วันนี้มันเป็นวันพักผ่อนเพราะว่าพรุ่งนี้มันก็จะปีใหม่แล้ว เอาไว้คืนนี้ค่อยไปสนุกกันให้เต็มที่ดีกว่า ตอนนี้เก็บแรงไว้ก่อน ช่วงเช้าเราใช้เวลาไปกับการอาบแดดให้หนำใจเพราะว่าถ้ากลับอเมริกาไปแล้วคงคิดถึงแดดไปอีกนาน พวกเรานอนคุยกันไปเรื่อยๆว่าคืนนี้จะไปทำอะไรที่ไหนกันดี คุยไปคุยมา………………………………..

……………………………………………………………………

………………….ผมก็หลับไปเรียบร้อย

……………

…………………

…………………………..

ตื่นมาอีกทีก็ตอนที่สองสาวมาปลุกผมให้ไปทานข้าวกลางวันกัน พวกเราหาอะไรเบาๆกินกัน เพราะจะเน้นไปที่เครื่องดื่มดีๆมากกว่า สั่งแซนด์วิชมาคนละชิ้นสองชิ้นกับน้ำผลไม้เย็นๆก็เป็นอันใช้ได้ ถ้าหิวตอนบ่ายก็เดินไปซื้อขนมมากินได้เรื่อยๆ

…………เวลาประมาณบ่ายสามโมงกว่าๆ ผมนั่งจ้องไปที่ทะเลสีฟ้าสดใส ตอนนี้ผมแทบจะแยกสีฟ้าครามของน้ำทะเลกับท้องฟ้าไม่ออกเพราะแดดจ้ามากๆ ผมก็ไม่แน่ใจว่าเส้นไหนมันคืนเส้นขอบฟ้าเพราะทุกๆอย่างมันมีความเป็นไปได้หมด
……………………………..

Tbc

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
เปิดใจกันขนาดนี้แล้ว คงรอแต่เวลาเท่านั้น :z2:

+1 ให้เอมนะครับ ขอบคุณนะครับ ขยัน จริง ๆ

PEAK

  • บุคคลทั่วไป
คุณเอมขยันส่งความสุขมากมาย  :กอด1:   ...  ขอบคุณนะครับ

รออะไรบางอย่างจากอาร์ม เป็นเพื่อนแบงค์  :-[

kuraki

  • บุคคลทั่วไป
มีคืนนี้อีกตอนใช่มั้ยค้า
จะได้รอยังไม่ไปนอน  :impress2:

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8
คืนนี้มีอีกไหมครับ

ไงก้อจะรอนะ

 o18 o18 o18 o18

foozeballz

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 19 – ดวงดาวที่ห่างไกล

หลังจากออกไปทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ พวกเราสี่คนก็กลับมานั่งดูดาวที่ระเบียงบนรีสอร์ท ตอนแรกพวกเรากะว่าจะไปหาอะไรสนุกๆทำในตัวเมืองแต่ก็มีอันต้องเปลี่ยนแผนเพราะว่าคนเดินแน่นกันไปหมดจนทำอะไรไม่ได้ แถมกิจกรรมต่างๆที่ถูกจัดขึ้นก็มีแต่ภาษาไทยเลยทำให้ไอ้สาวสองคนฟังไม่ออก ไอ้แบงค์สงสารพวกมันสองคนก็เลยออกไอเดียว่าให้กลับมาหาอะไรทำกันที่รีสอร์ทดีกว่า

………………..

อีกสองชั่วโมงกว่าๆก็จะเป็นเวลาของปีใหม่แล้ว แต่พวกเราสี่คนก็ยังไม่มีแผนว่าจะฉลองปีใหม่ปีนี้ยังไง

“The stars are really beautiful tonight, don’t you think so? (ดวงดาวคืนนี้งดงามมาก พวกเธอคิดอย่างเราไหม?)” ซูพูดขึ้นมา

“Yea……… they are (ใช่ สวยมากๆ)” ไอ้แบงค์มันพูดแล้วก็หันมายิ้มให้พวกเรา

……………..

……….

“How I wish I could fly up to the sky to catch the star! (ฉันอยากบินขึ้นไปเก็บดาวบนท้องฟ้าจัง)” ไอ้หวานหว่านพูดแล้วก็ถอนหายใจ

…………………………….

“Why are you guys saying such depressing stuff? (ทำไมถึงพูดอะไรที่มันน่าเศร้าอย่างงี้อะ)” ผมถามแล้วก็ขมวดคิ้วให้พวกมันสามคน

……………………..

……….

………………………อยู่ดีๆ

…. ไอ้หวานหว่านเริ่มน้ำตาซึมๆ ทำเอาผมกับไอ้แบงค์เหวอไปเลย

.......

"What's wrong Wan? (เป็นอะไรรึปล่าวหวาน?)" ซูพูดขึ้น

............

“.......Well, I just feel really strange when I think about………….the time we have to leave each other. Like…I really don’t know how my life would be without you guys by my side………it’s gonna be so damn lonely. (คือ…….เรารู้สึกแปลกๆเวลาคิดถึงเรื่อง…………….ที่เราจะต้องจากกันอะ……เราไม่รู้อะว่าชีวิตของเราจะเป็นยังไงต่อไปถ้าไม่มีพวกเธออยู่ข้างๆ………มันคงเหงาน่าดู)” หวานหว่านมันพูดแล้วก็เอามือปาดน้ำตา

“Wan, we still have five more months to go! Just do not think about it. Nothing is more important than the present! Why don’t we enjoy the time? C’mon guys, it’s new year tomorrow! Cheer up, Jesus! (หวาน เรามีเวลาเหลืออีกตั้งห้าเดือนนะ อย่าไปคิดถึงมันสิ มันไม่มีอะไรที่จะสำคัญไปกว่าปัจจุบันหรอกนะ ทำไมเราไม่ทำตัวให้มีความสุขกับเวลาที่เหลืออยู่อะ พรุ่งนี้ก็ปีใหม่แล้วนะทุกคน ช่วยรื่นเริงหน่อยสิ พระเจ้าช่วย)” ไอ้ซูเข้าไปกอดแล้วก็จับมือไอ้หวานหว่าน พอพูดจบก็หันมาทางเราสองคน หน้าตาประมาณบอกว่าให้ทำอะไรบางอย่าง

“Yea Wan, Su is right. We have to enjoy the time (ใช่ หวาน ซูมันก็ถูกของมัน เราต้องใช่เวลาที่เหลืออย่างมีความสุขนะ)” ผมพูดเสร็จก็เดินเข้าไปจับแล้วบีบมือไอ้หวานหว่านมันเบาๆ

“True…................. I will be back in a moment (ใช่.................. เดี๋ยวมานะ)” ไอ้แบงค์พูดแล้วก็เดินเข้าไปในห้อง

…………….

…..สักครู่มันก็ออกมาพร้อมกับกีต้าร์

“I want to sing this song for all of you, it’s not supposed to be sad, but something memorable. I hope it will remind us of all the happy time we had together (เราอยากจะร้องเพลงนี้ให้กับทุกๆคน มันไม่ใช่เพลงเศร้านะ แต่ควรจะเป็นอะไรที่น่าจดจำมากกว่า เราหวังว่ามันจะทำให้พวกเรานึกถึงเวลาแห่งความสุขที่พวกเรามีร่วมกัน)” ไอ้แบงค์มันพูดแล้วมือมันก็เริ่มดีดไปที่กีต้าร์……………..เสียงนุ่มๆของมันค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ

Who can say for certain
Maybe you're still here
I feel you all around me
Your memory's so clear

(ไม่มีใครที่สามารถบอกอะไรได้แน่นอน ไม่แน่เธออาจจะยังอยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกถึงเธอรอบๆตัวฉัน ความทรงจำเกี่ยวกับเธอสว่างไสวไปทั้งใจ)

Deep in the stillness
I can hear you speak
You're still an inspiration
Can it be (?)
That you are mine
Forever love
And you are watching over me from up above

(ลึกลงไปในความเงียบงัน ฉันได้ยินเสียงของเธอพูด เธอยังเป็นแรงบันดาลใจให้ฉัน มันจะเป็นไปได้ไหม? ที่เธอยังเป็นของฉัน รักกันตลอดไป และเฝ้ามองดูฉันอยู่ไม่ห่างจากเบื้องบน)

Fly me up to where you are
Beyond the distant star
I wish upon tonight
To see you smile
If only for awhile to know you're there
A breath away's not far
To where you are

(ช่วยพาฉันบินขึ้นไปข้างบนที ผ่านดวงดาวที่ห่างไกลออกไป ฉันหวังว่าคืนนี้จะได้เห็นรอยยิ้มของเธอ เพียงแค่ฉันยังรู้ว่าเธอยังอยู่ที่นั่น เพียงแค่ลมหายใจมันก็ทำให้ฉันรู้สึกเธอได้)

Are you gently sleeping
Here inside my dream
And isn't faith believing
All power can't be seen

(เธอยังหลับอยู่ตรงนี้ในความฝันของฉัน และความเชื่อไม่ใช่หรอที่ทำให้เรารู้ว่าเราไม่อาจมองเห็นพลังทั้งหมดได้)

As my heart holds you
Just one beat away
I cherish all you gave me everyday
'Cause you are my
Forever love
Watching me from up above

(หัวใจของฉันยังห่อหุ้มเธอไว้ข้างใน ห่างกันแค่เพียงการเต้นของหัวใจครั้งเดียว ฉันอยากจะขอขอบคุณทุกๆอย่างที่เธอมีให้กับฉัน เพราะเธอเป็นรักที่ฉันมีตลอดไป รักที่คอยมองดูฉันลงมาจากเบื้องบน)

And I believe
That angels breathe
And that love will live on and never leave

(ฉันเชื่อว่านางฟ้ายังหายใจอยู่ และรักจะสถิตอยู่ต่อไป ไม่มีวันหายไปไหน)

Fly me up
To where you are
Beyond the distant star
I wish upon tonight
To see you smile
If only for awhile
To know you're there
A breath away's not far
To where you are

(ช่วยพาฉันบินขึ้นไปข้างบนที ผ่านดวงดาวที่ห่างไกลออกไป ฉันหวังว่าคืนนี้จะได้เห็นรอยยิ้มของเธอ เพียงแค่ฉันยังรู้ว่าเธอยังอยู่ที่นั่น เพียงแค่ลมหายใจมันก็ทำ
ให้ฉันรู้สึกเธอได้)

I know you're there
A breath away's not far
To where you are

(ฉันรู้ว่าเธออยู่ที่นั่น เพียงแค่ลมหายใจก็ทำให้ฉันสัมผัสถึงเธอได้)


......................

...........

“Although this song is about death, I want you guys to view it positively, from another perspective. I just want to tell you guys that all of you are my greatest inspiration and I will never forget you guys, no matter what happens. Whenever we miss each other, just make a call! Nothing to be sad about, all right? (ถึงเพลงนี้มันจะเป็นเพลงเกี่ยวกับความตาย แต่เราก็อยากให้ทุกคนมองมันในแง่บวก ในอีกมุมมองหนึ่ง เราอยากให้ทุกๆคนรู้ว่าทุกคนคือกำลังใจให้ที่ดีที่สุดที่ทำให้เราเดินต่อ และเราจะไม่มีวันลืมพวกเธอเลยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เวลาใดที่พวกเราคิดถึงกัน ก็โทรหาได้ ไม่มีอะไรน่าเศร้าเลย เข้าใจไหม?)” ไอ้แบงค์พูดแล้วก็ยิ้มแฉ่งให้พวกเราสามคน

..........สิ้นเสียงของไอ้แบงค์พวกเราทุกคนก็ตบมือดังๆพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างมีความสุข………

“Thank  you so much for everything Bank! (ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างนะแบงค์)” หวานหว่านพูด

“Yea Bank, we love you so much! (ใช่ แบงค์ พวกเรารักเธอมากนะ)” ซูเสริม

…..ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆให้มัน

......................

หลังจากนั้นพวกเรานั่งร้องเพลงกันไปเรื่อยๆ………………………..

…………….

ผมไม่นึกว่าคืนปีใหม่ของพวกเราสี่คนมันจะเต็มไปด้วย ความรัก ความสุข ความเหงา และอารมณ์อีกหลายๆอย่างมารวมกันจนสื่อความหมายออกมาเป็นตัวหนังสือไม่ถูก ผมรู้แต่ว่าผมรักเพื่อนๆสามคนนี้ของผมจริงๆ

......................

…………เที่ยงคืน

……………..

……….

…………” ..5….4….3….2….1, happy new year everyone!!” พวกเราสี่คนพูดขึ้นพร้อมกันแล้วก็กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข เรานั่งคุยกันต่อสักพักแล้วก็แยกย้ายกันไปเข้านอน

...................

.......

“อาร์ม สวัสดีปีใหม่นะ กูขอให้มึงประสบความสำเร็จกับทุกๆอย่าง” ไอ้แบงค์พูดขึ้น

“เหมือนกันนะ ขอให้มีความสุขมากๆกับทั้งเรื่องการเรียนและก็ความรัก”

“……………..ขอบใจว่ะ ป่ะนอนกันเหอะ”

พูดเสร็จเราสองคนก็เข้านอนกัน มันเป็นคืนที่ผมมีความสุขมากๆเหมือนกับได้ระบายทุกสิ่งทุกอย่างออกมาผ่านบทเพลงต่างๆท่ามกลางหมู่ดาวที่ห่างไกลบนท้องฟ้า

และแล้วผมก็หลับไปภายใต้อ้อมกอดอุ่นๆของไอ้แบงค์……………..


tbc

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด