ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะครับ ผมโหวต+1ให้แล้วครับผม^^
ขอบคุณกอป ขอบคุณพี่แนน ขอบคุณพี่nOn†ღ ขอบคุณพี่pickki_a มากๆครับผมติดตามต่อ.. ในบท สัมผัส(2) ได้เลยครับ อาจจะมีหวิวๆไปบ้าง แต่ก็เป็นแนวนิยายเพื่อจะให้เรื่องดำเนินต่อไป ถ้าติดตามกันต่อไปเรื่อยๆ บางที.. สิ่งที่คิดไว้ อาจจะไม่ได้เป็นแบบนี้ก็ได้.. ติดตามต่อได้เลยครับ แนะนำติชมกันได้นะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับผม..สัมผัส (2)
พี่ชายที่แสนหล่อเหลาคนนั้น พยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับชีวิน ซึ่งเขาไมได้ยินอะไรเลย มันไม่มีเสียเปล่งออกมาเลยจากปากของพี่ชายนิรนามผู้นั้น นี่เขาต้องการจะพูดอะไรนะ? ชีวินพยายามเดาจากท่าทางของเขา ก็พอจะเข้าใจได้เพียงนิดหน่อยว่า.. พี่ชายคนนั้น เหมือน.. กำลังขอบคุณเขา และรู้สึกดีๆกับเขา แล้ว.. ขอบคุณเขาเรื่องอะไรหนอ? นี่เขาเคยไปทำอะไรให้พี่คนนี้หรือ? ชีวินพยายามนึก แต่ก็นึกไม่ออก เขาว่า.. เขาไม่เคยเห็นพี่คนนี้มาก่อนเลย จากนั้น.. ดูเหมือนว่าพี่ชายคนนั้นจะล่วงรู้ถึงความต้องการลึกๆในใจเขา เขาเอามือมาเกลี่ยแก้มชีวินเบาๆอย่างอ่อนโยน จากนั้น.. ก็ตระคองกอด และโอบกอดเขาไว้ในอ้อมแขน แล้วเชยคางเขาขึ้นมาจุมพิตที่ริมฝีปากอย่างดูดดื่ม จูบที่แสนจะอ่อนหวาน แต่ก็สร้างความรัญจวนใจได้ไม่น้อยเลย มือเขาก็ลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างเปลือยของชีวินจนรู้สึกวาบหวิว ชีวินไม่รู้สึกตัวเลยว่า.. ตัวเขานั้น อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าตั้งแต่ตอนไหน? แต่.. จะสนใจทำไม? แบบนี้มันก็น่าจะดีอยู่แล้ว ชีวินรู้สึกเคลิบเคลิ้มกับรสเสน่หา จากบุรุษหนุ่มนิรนามรุ่นพี่คนนั้นจนสุดบรรยาย ไม่ว่าเขาจะชักนำชีวินไปทางไหน? ชีวินก็คล้อยตามอย่างมิอาจขัดขืน เพราะ.. มันเป็นปรารถนาซ่อนเร้นในใจของชีวิน ที่รอคอยการกระทำแบบนี้มาเนิ่นนาน แล้ว..ร่างเปลือยทั้งสองร่างก็ทาบทับ กอดรัดกันแนบแน่นจนแทบจะหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียว ชีวินรู้สึกถึงอารมณ์ปรารถนาของตัวเองคุกรุ่นตื่นตัวจนแทบถึงขีดสุด ทำไม.. พี่ชายคนนี้.. จึงตอบสนองความต้องการเขาได้ตรงจุดทุกอย่าง ราวกับอ่านใจเขาออก สัมผัสและลีลาพลิกผันเปลี่ยนกระบวนท่าไปตามความปรารถนาแห่งอารมณ์อันคุกรุ่น และแล้ว.. จนถึงขีดสุดของอารมณ์ที่ชีวินเกินจะอดกลั้นได้อีกต่อไป เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทะลักหลั่งสายธารรักออกมาอย่างเนืองนองด้วยความเสียวสะท้าน จนเมื่อ.. ถึงที่สุดของอารมณ์ปรารถนา ชีวินก็อ่อนระทวย อิงแอบ แนบซบ ที่ไหล่กว้างอันแสนอบอุ่นของพี่ชายสุดหล่อคนนั้นอย่างเปี่ยมสุข ชีวินรู้สึกเป็นสุขจนสุดที่จะบรรยาย มันสมดังใจปรารถนาเขาทุกอย่าง มันช่าง.. สุดแสนประทับใจอะไรเช่นนี้ และมันช่างดูสวยงามน่าหลงใหลเสียเหลือเกิน..
. . . .
“ วิน ตื่นหรือยังลูก สายแล้วนะ เดี๋ยวไปโรงเรียนไม่ทัน ”
ชีวินลืมตาตื่นขึ้น เมื่อได้ยินเสียงแม่เขามาเคาะประตูเรียก เขาเหลือบมองนาฬิกาปลุกตรงหัวเตียง ก็พบว่า.. มันค่อนข้างจะสายแล้ว นี่เขาตั้งนาฬิกาปลุกไว้นี่นา แล้วทำไมเขาจึงไม่ตื่น เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย เขาหลับสนิทขนาดที่ไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกเลยหรือ? แต่.. เขาก็รู้สึกสดชื่นเหมือนกับได้นอนหลับมาอย่างเต็มอิ่ม เขาผลุดลุกขึ้นนั่งโดยไม่มีอาการงัวเงียเลยแม่แต่น้อย แล้วเขาก็เอ่ยขานรับแม่ในทันที
“ ตื่นแล้วครับแม่ อีกสักเดี๋ยวจะออกไปครับ ”
“ อ้อ.. ตื่นแล้ว งั้นแม่เข้าไปนะ จะเอาผ้าไปใส่เครื่องซักให้ ”
แล้วเขาก็ได้ยินเสียงแม่เขากำลังจะหมุนประตูลูกบิดเข้ามาด้วยความเคยชิน เพราะเกือบทุกเช้า แม่เขาก็มักทำแบบนี้เป็นประจำ ชีวินเหลือบมองตัวเองแล้วก็ตาเบิกโพลง เพราะพบว่า.. ตัวเขาเองกำลังเปลือยเปล่า ตายละ นี่เขาแก้ผ้าตั้งแต่ตอนไหน? เมื่อคืนก็นอนใส่เสื้อผ้าปกตินี่นา แล้วทำไมตื่นมาจึงไม่มีเสื้อผ้าติดกายเลยสักชิ้น นี่ถ้าแม่เปิดเข้ามาเจอเขาในสภาพโล่งโจ้งแบบนี้เขาคงอายตายเลย ก็เขาไม่ใช่เด็กชายตัวน้อยๆอีกแล้วนี่นา อะไรต่อมิอะไรของเขามันเป็นแบบผู้ใหญ่หมดแล้ว เขารู้สึกตกใจและรีบเอ่ยอย่างระล่ำระลัก แล้ววิ่งไปที่ประตูห้องแล้วกดล๊อคในทันที
“ แม่.. แม่อย่าเพิ่งเข้ามานะครับ วินกำลังโป๊อยู่ เดี๋ยววินเอาผ้าออกไปให้เองครับ ”
“ อ้อ.. เหรอ? กำลังโป๊แล้วทำไมไม่รู้จักล๊อคประตู ดูสิ.. แม่เกือบจะเปิดผลั๊วะเข้าไปแล้ว ถ้างั้นก็รีบๆลงมานะลูก สายมากแล้ว เดี๋ยวจะกินอะไรไม่ทันนะวิน ”
“ ครับแม่ ”
ชีวินตอบรับจากในห้องพร้อมกับยืนกุมแก่นกายตัวเองอย่างรู้สึกอยากปกปิด แม้จะรู้ว่า.. แม่ไม่เข้ามาแล้วก็ตาม จนเมื่อ.. หลังจากที่ชีวินได้ยินเสียงแม่เขาเดินลงข้างล่างไปแล้ว เขาก็เหลือบมองมายังเตียงนอนก็พบว่า.. เสื้อผ้าของเขากระจัดกระจายอยู่บนเตียง เขาไม่เคยนอนแก้ผ้าแบบนี้มาก่อนเลย ไม่เคยแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ นี่.. มันเป็นไปได้อย่างไรกันที่เขาจะถอดเสื้อผ้าตัวเองออกยามหลับโดยที่เขาไม่สึกรู้ตัว เขารู้สึกงุนงงตัวเองจริงๆ แล้วนั่น.. บนที่นอน มันมีคราบด่างดวงของธารรักของเขาที่แห้งแล้ว เป็นหย่อมๆอยู่หลายจุดใหญ่ ซึ่งถ้าใครมาเห็น ก็ต้องรู้แน่นอนว่ามันคืออะไร? เขาก้มลงมองส่วนกลางลำตัวของตัวเองไล่มาจนถึงราวสะดือ ก็พบคราบแห้งกรังอยู่บริเวณตรงส่วนนั้นและหน้าท้องของตัวเอง คงจะออกมาเนืองนองพอดู จึงทิ้งร่องรอยไว้ถึงขนาดนี้ นี่เขานอนฝันเปียกหรือไรกันเ ขาจะรู้สึกหื่นอะไรกันได้ขนาดนี้ ถึงขนาดปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกหมดโดยที่ไม่รู้ตัว ความจริง.. เมื่อเย็นวานระหว่างอาบน้ำเขาก็หลั่งไปแล้วครั้งหนึ่งแล้วนี่นา เขาเริ่มลำดับความคิด แล้วเขาก็นึกถึงในความฝันเมื่อคืน จริงสิ ใช่แล้ว มันช่างวาบหวามเสียเหลือเกิน ความฝันแบบนี้ แบบที่ไม่เคยฝันมาก่อน มันช่างเหมือนจริงและเขาก็จดจำได้อย่างแม่นยำเลยทีเดียว แล้วนี่.. เขาจะจัดการกับคราบธารรักบนที่นอนอย่างไรดี ขืนปล่อยไว้แบบนี้ แม่คงต้องมาเห็นแน่ๆ แม่อยู่บ้านตลอดและชอบเข้ามาดูแลความเรียบร้อยในห้องเขาให้อยู่เสมอๆ จะทำไงดีละเนี่ยนี่ก็สายมากแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีเวลาแล้วด้วย งั้น.. เดี๋ยวค่อยหาอะไรมาปิดๆไว้ก่อนดีกว่า เย็นนี้กลับมาค่อยมาจัดการ แล้วชีวินก็หันไปหยิบผ้าขนหนูมาพันกายส่วนล่างแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป..
. . . .
.
.
.
“ วิน วิน เป็นอะไร? นั่งเหม่ออยู่ได้ ดูแปลกๆชอบกล แล้วนี่.. เลิกเรียนตั้งนานแล้ว นายไม่กลับบ้านเหรอ? ”
เสียงเอ่ยทักพร้อมสัมผัสที่มาโอบไหล่ ปลุกชีวินให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ นี่เขามัวนั่งคิดถึงรสสัมผัสอันวาบหวิว และความฝันอันสวยงามที่สุดแสนประทับใจเมื่อคืนอยู่เงียบๆอย่างเหม่อลอย ดูเป็นที่ผิดสังเกตของเพื่อน จนถูกเอ่ยทักด้วยความแปลกใจ จริงสิ.. ทำไมเขาจึงเป็นแบบนี้ไปได้ ความจริงมันก็แค่ความฝัน และความรู้สึกถึงสัมผัสแปลกๆที่ดูเหมือนกับว่า.. เขาจะคิดไปเองด้วยความเพ้อฝันด้วยซ้ำไป เขานี่ถ้าจะเพ้อเป็นตุเป็นตะเสียมากมาย เขาหันไปยิ้มให้กับเพื่อนชายคนที่เอ่ยทัก เพื่อนชายคนนี้ คนที่ดูจะให้ความสนิทสนมกับเขาเสมอมา จนบ่อยครั้งที่เขากลัวใจตัวเองว่าจะถลำใจไปรักเพื่อนเข้าให้ เขาพยายามไม่อยากจะคิดอะไรมากกับเพื่อนคนนี้ ด้วยว่า.. เห็นว่าเป็นเพื่อน ชีวินเอ่ยตอบคำถามนั้นด้วยน้ำเสียงที่รื่นเริง
“ ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่.. นั่งคิดอะไรเล่นๆน่ะ เดี๋ยวเราก็จะกลับแล้วละพัฒน์ ”
“ อืม.. อาการแบบนี้ ดูคล้ายๆคนที่กำลังมีความรักเลย ตอนนี้นายกำลังเป็นแบบนั้นหรือเปล่า? ”
“ ก็.. อาจจะเป็นงั้นมั๊ง? ไม่รู้สิ ไม่ค่อยแน่ใจ ”
“ อั่นแน่!! แล้วนี่.. นายพอจะบอกได้ไหมว่าใคร? ”
“ ก็คง.. จะบอกไม่ได้หรอก เพราะ มันไม่มีเว๊ย ยังหาไม่ได้เลย หึหึ ช่างมันเถิดพัฒน์ เราก็เพ้อๆแบบนี้แหละ เออ.. เราจะกลับแล้วละพัฒน์ แล้วนี่นายจะกลับหรือยัง? ”
“ เราว่า.. จะไปเตะบอลเล่นก่อนสักพักค่อยกลับน่ะ ”
“ ถ้างั้นเรากลับก่อนนะ แล้วเจอกันวันจันทร์นะพัฒน์ ”
“ อืม.. โชคดีวิน แล้วเจอกัน ”
หลังจากกล่าวล่ำลา ชีวินก็ปลีกตัวเดินออกมา เขาเดินคิดอะไรเล่นเรื่อยเปื่อยจนมาถึงบริเวณสนามบาสเก็ตบอล แล้วดูเหมือนกับว่า.. เขารู้สึกเย็นวาบบริเวณต้นคอด้านหลัง มันเหมือนกับว่า.. มีใครสักคนอยู่ที่ด้านหลังของเขาแบบประชิดตัว เขารู้สึกแบบนั้นจึงหันไปมองในทันที แล้วเขาก็ได้พบว่า.. ลูกบาสเก็ตบอล กำลังพุ่งมาทางเขาด้วยความเร็วและแรง เขาเห็นดังนั้น จึงรีบเบี่ยงตัวหลบในทันที..
“ พี่ ขอโทษนะครับ พอดีผมรับลูกพลาด ดีนะที่พี่หลบทัน ไม่งั้น ถ้าโดน พี่คงจะเจ็บแย่เลย ”
เด็กรุ่นน้องที่วิ่งตามมาเพื่อเก็บลูก เอ่ยขอโทษเขาด้วยน้ำเสียงระล่ำระลัก
“ อืม.. ไม่เป็นไร คราวหลังก็ระวังหน่อยแล้วกัน มันอันตรายนะ นี่ถ้าพี่หลบไม่ทัน ก็คงโดนเข้าไปเต็มๆเลย สงสัยคงมึนจนนั่งนับดาวเลยละ ”
ชีวินกล่าวตำหนิเล็กน้อย จนเห็นว่า.. เจ้าเด็กรุ่นน้องคนนั้นดูจะหน้าเสีย เขาจึงไม่อยากพูดอะไรมาก ด้วยเขาเข้าใจดีว่า.. มันน่าจะเป็นการไม่ได้ตั้งใจจริงๆของเด็กรุ่นน้องคนนี้และเพื่อนๆกลุ่มที่เล่นบาสเก็ตบอลด้วยกัน
“ ครับ ขอโทษนะครับพี่ ”
ชีวินพยักหน้าตอบรับและไม่กล่าวว่ากระไรต่อ แล้วเขาก็ออกเดินต่อพลางนึกด้วยความประหลาดใจว่า.. มันเป็นความบังเอิญ หรือว่า.. จะมีบางอย่างมาเตือนเขา เขานึกมาถึงตรงนี้ก็ขนลุกซู่ขึ้นมาทันที แต่แล้ว.. เขาก็รีบเปลี่ยนความคิด ด้วยว่ารู้สึกหวาดๆ มันคงจะเป็นความบังเอิญจริงๆนั่นแหละ เขาเดินมาจนถึงบริเวณป้ายรถประจำทาง ก็พบว่ามันคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเหมือนดังเช่นเคย ชีวินเห็นดังนั้นเขาก็ไม่ใคร่อยากรีบกลับมากนัก เขานึกในใจว่า.. พรุ่งนี้ก็หยุด เดี๋ยวแวะไปไหว้พระที่วัดอีกดีกว่า ไหว้แล้วสบายใจดี เขาจึงเดินดิ่งมาที่วัดจนมาถึงในเวลาที่ไม่นานนัก ณ บริเวณตู้รับบริจาคเขาก็พบแม่ชีท่าทางใจดีท่านเดิม นั่งยิ้มให้เขาอยู่ แม่ชีท่านคงจะจำเขาได้กระมัง? เพราะเมื่อเย็นวานเขาก็มาครั้งหนึ่งแล้ว เขาล้วงเงินในกระเป๋า แล้วหย่อนลงตู้รับบริจาค ระหว่างนั้น เขาก็ได้ยินแม่ชีท่านนั้นเอ่ยทักทายเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ มาไหว้พระอีกหรือจ๊ะหนู ”
“ ครับ มาไหว้แล้วอิ่มใจดีน่ะครับ วันนี้ว่างๆ เลยอยากมาไหว้อีก ”
“ ดีแล้วละลูก หนูนี่เป็นเด็กดีจังเลย ดูจะเป็นคนใจบุญสุนทาน มิน่า.. ถึงได้มี.. เอ่อ.. เอ้อ.. ดอกไม้ธูปเทียนนั่น หนูหยิบเลือกเอาตามสบายเลยนะลูก ”
“ เอ่อ.. ขอบคุณครับ ”
แม่ชีพูดแปลกจัง เหมือนอยากจะบอกอะไรบางอย่าง แต่ก็หยุดไว้เพียงแค่นั้น ชีวินรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เขาตอบรับ แล้วหันไปหยิบเครื่องบูชาจนครบตามความต้องการ จนเมื่อ.. ชีวินสักการะไหว้พระจนเรียบร้อยทุกขั้นตอนจนรู้สึกสบายใจ เขาก็ออกมาเดินเตร็ดเตร่บริเวณภายนอกของโบสถ์ และตรงไปยังช่องบรรจุอัฐิของเด็กหนุ่มคนนั้นในทันที เขาแปลกใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไม เขาจึงดูสนใจมากมายขนาดนี้ เขามีความรู้สึกสนใจใคร่รู้เรื่องราวต่างๆของเจ้าของอัฐิคนนั้นเสียเหลือเกิน มันเป็นเพราะอะไรกันนะ เขาแลเห็นหญิงวัยกลางคนกำลังเอาพวงมาลัยคล้องที่บริเวณแผ่นป้ายหินอ่อนที่สลักชื่อ วันเดือนปีเกิดและวันสิ้นอายุไขของเด็กหนุ่มคนนั้นอยู่ นี่คงจะเป็นญาติของเด็กหนุ่มคนนั้นกระมัง? เขาลอบสังเกตท่าทีที่ดูเศร้าสร้อยของคุณป้าท่านนั้น ก็นึกคาดเดาในใจว่าน่าจะเป็นคุณแม่ของเจ้าของอัฐิคนนี้แน่นอน ชีวินกำลังคิดอยู่ว่าเขาจะถามคุณป้าท่านนั้นดีไหมหนอ? มันจะดูน่าเกลียดหรือเปล่า? แต่เขาก็อยากรู้จริงๆนี่นา แล้วนี่เขาจะทำเช่นไรดี จนเมื่อความอยากรู้มันเอ่อท้นจนท่วมหัวอก เขาตัดสินใจเอ่ยปากถาม
“ คุณป้าครับ เอ่อ.. อัฐินี้เป็นญาติคุณป้าเหรอครับ? ”
หญิงวัยกลางคนนั้นหันมามองชีวินด้วยท่าทีประหลาดใจ แต่ก็เอ่ยตอบรับคำถามของชีวิน
“ ใช่จ้ะ ลูกชายป้าเอง มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ? ”
“ เอ่อ.. ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีผมเคยเห็นแบบผ่านๆ คือเคยมาดูๆแถวๆที่เก็บอัฐิแถวนี้เล่นๆน่ะครับ ดูเหมือนว่า เขาจะเสียตั้งแต่อายุไม่มากเท่าไรเลยนะครับ ”
“ อืม.. จ้ะ เขาตายตอนอายุราวๆ 20 กว่าๆ ถ้ายังอยู่ถึงวันนี้ ก็คงจะย่าง 22 แล้ว.. ทำไมป้าดูเหมือนหนูจะสนใจลูกชายของป้าแบบนี้ละจ๊ะ นี่หนูเคยรู้จักกับเขาหรือเปล่า? หรือว่าเป็นเพื่อน? ”
“ เอ่อ.. ปละ เปล่า ครับ คือ คือว่า.. ผมเคยมีเพื่อนรุ่นพี่ที่นับถือมากๆคนหนึ่ง แล้วเขาก็เสียไปเมื่ออายุประมาณเท่าพี่คนนี้ เอ่อ.. ลูกชายของคุณป้าน่ะครับ ผมก็เลยนึกถึงพี่คนนั้นที่ผมนับถือขึ้นมา พอดีเห็นคุณป้ากำลังเอาพวงมาลัยมาคล้อง เลยคิดว่า.. คุณป้าน่าจะกี่ยวพันเป็นญาติ หรือเป็นคุณแม่ ผมก็เลย.. เอ่อ คือว่า.. ผมก็เลยอยากจะถามดูน่ะครับ ”
“ อ่อ จ้ะ ”
“ ขอประทานโทษนะครับ คือ.. แบบว่า.. เขา เอ่อ.. เขา.. เป็นอะไรถึงเสียครับ ”
ชีวินนึกแปลกใจตัวเองเหลือเกิน ทำไมเขาจึงกล้าพูดปดออกไปได้ขนาดนั้น คงเพราะความอยากรู้จนท่วมอกกระมัง? จึงทำให้เขากล้าได้ถึงเพียงนี้ เขาลอบมองสีหน้าของคุณป้าท่านนั้น ก็ดูเหมือนว่าจะสลดลง จนเขารู้สึกผิดที่ดูเหมือนตัวเองไปกวนตะกอนความเศร้าในใจของคุณป้าท่านนั้น เขาเห็นแววตาของคุณป้าท่านนั้นมองมาที่เขาด้วยความแปลกใจในคำถามของเขา แต่ก็เอ่ยตอบคำถามเขา ด้วยน้ำเสืยงที่สั่นเครือ
“ เขาฆ่าตัวตายน่ะหนู เชือดข้อมือจนเลือดออกจนตาย คือ.. พอดีมีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่เรามีเรื่องที่ไม่เข้าใจกันหลายอย่าง เขาเลยย้ายออกจากบ้านไปอยู่กับเพื่อน แล้วก็หายเงียบไปนานเลย ติดต่อก็ไม่ได้ จนป้ามารู้ข่าวอีกที เขาเสียแล้วน่ะจ้ะ ”
“ โอว.. น่ากลัวจริงๆ ขอโทษนะครับ ผมเสียใจด้วย ผมไม่ถามเลยครับ ขอโทษจริงๆนะครับ ”
“ ไม่เป็นไรหรอกหนู เรื่องมันผ่านมานานแล้ว คงจะแก้ไขอะไรไม่ได้อีก แต่.. ป้าอยากจะเตือนหนู อย่าทำแบบลูกชายของป้านะ รู้ไหม? ว่าการทำแบบนี้ พ่อแม่จะเสียใจมากแค่ไหน? ”
ชีวินได้ยินดังนั้น เขาก็รู้สึกผิดเหลือเกิน มันเป็นโศกนาฎกรรมที่น่าเห็นใจจริงๆ ความจริง เขายังมีสิ่งที่อยากรู้อีกมากมาย แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามอะไรอีกแล้ว มันดูจะเป็นเรื่องเศร้า และไม่สมควรถามเป็นอย่างยิ่ง เขาเอ่ยตอบรับ และขอปลีกตัวออกมาในทันที
“ ครับคุณป้า ขอบคุณนะครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ”
ชีวินรู้สึกเศร้าสลดกับชะตากรรมของเด็กหนุ่มเจ้าของอัฐินั้น ความสบายใจจากการไหว้พระเมื่อครู่ที่ผ่านมามลายหายไปสิ้น เขาไม่น่าอยากรู้อะไรแบบนี้เลย เขาเกิดคำถามขึ้นใจใจอีกครั้ง ว่า.. ทำไม? หลังจากที่เขามาไหว้พระเมื่อวาน ดูจะมีสิ่งแปลกๆเกิดขึ้นกับเขามากมายหลายอย่าง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา แล้วทำไมเขาจึงต้องมาสนใจเรื่องราวของคนที่ไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำ มันอะไรกันนี่? เขามัวเดินคิดอะไรในใจ จนมารู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงเอ่ยทักจากแม่ชีสูงวัยที่ใจดี
“ จะกลับแล้วหรือลูก ”
“ เอ่อ.. ครับ เย็นมากแล้ว ผมว่าจะกลับแล้วละครับ ”
“ อืม.. หนูเนี่ยเป็นคนที่จิตใจดีมีเมตตานะ มีบุญบารมีด้วย ถึงได้.. เอ่อ.. มี.. เอ้อ.. ยังไงก็.. ดูแลกันดีๆนะลูกนะ กลับเถิดลูกนี่ก็เย็นมากแล้ว ”
“ ครับ ”
ชีวินตอบรับ พ้อมกับยกมือไหว้ล่ำลา ด้วยความงุนงงในคำพูดของแม่ชีที่ดูแปลกแปร่งอีกครั้งหนึ่งแล้ว เหมือนแม่ชีอยากจะบอกอะไรเขา แต่ก็ดูเหมือนแม่ชีจะไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านั้น แล้วทำไมแม่ชีจึงไมพูดออกมานะ ทำราวกับว่า.. สิ่งที่แม่ชีจะพูดอกมา จะทำให้เขาหวาดกลัว แม่ชีจะบอกว่า.. มีอะไร? แล้ว.. ดูแลกันดีๆ? นี่มันหมายความอย่างไร? เขาอยากจะเอ่ยถาม แต่ก็ไม่รู้จะถามว่ากระไรดี คงทำได้แต่เพียง เก็บงำความสงสัยไว้ในใจคนเดียว เขาเดินเรื่อยๆเอื่อยๆ เพื่อจะตรงกลับบ้าน แล้ว.. เขาก็รู้สึกอีกแล้ว สัมผัสอบอุ่นแบบนี้ เหมือนกำลังมีบางสิ่งโอบกอดเขาไว้ แล้วเดินเคียงมาด้วยกัน รู้สึกแบบนี้จริงๆ นี่มันอะไรกันแน่ เรารู้สึกไปเองใช่ไหม? ชีวินถามใจตัวเองด้วยความคลางแคลงใจ แต่.. เขาก็รู้สึกอบอุ่นใจจากความรู้สึกถึงสัมผัสนี้ด้วยเช่นกัน..
********
*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ^^