พิมพ์หน้านี้ - มิติเร้นรัก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Pikachu ที่ 17-02-2009 17:44:39

หัวข้อ: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 17-02-2009 17:44:39
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


* * * * * * * * * *

นี่คือผลงานเรื่องที่ 3 ครับหลังที่เขียนจบไปแล้วทั้ง 2 เรื่องครับ ผลงานที่ผ่านมา..
"Robot เฮ้!!! เขาคือหุ่นยนต์" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=5241.0) เขียนโดย ~Pikachu~ และ High_Wizard จบแล้ว
"หลังคาติดกัน" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=8099.0) เขียนโดย ~Pikachu~ จบแล้ว

ติดตามผลงานเรื่องใหม่ของผมได้เลยครับ ติชมได้นะครับผม^^

 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 17-02-2009 17:49:29
หมายเหตุจากผู้เขียน : ตลอดเวลาที่ผ่านมานับแต่เริ่มเขียน ผมจะถนัดในการเขียนเรื่องสั้นเสียมากกว่า เรื่องยาวๆแนวบอยเลิฟ เพิ่งเคยเขียนไปได้แค่ 2 เรื่องเองครับ สำหรับเรื่องใหม่นี้ ผมได้คัดเลือกจากบรรดาเรื่องสั้นที่เคยเขียน และเคยลงบางเวปเมื่อนานมาแล้ว มาขยายความและผสมผสานจากเรื่องสั้นหลายเรื่องให้เป็นเรื่องเดียวกัน ลองทำดูน่ะครับ แค่อยากบอกว่า.. นิยายเรื่องนี้ มีโครงเรื่องมาจากเรื่องสั้นหลายเรื่องของผมครับ ลองอ่านดูนะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับผม เชิญติดตามบทแรกของนิยายเรื่องนี้ได้เลยครับผม..

บทนำ

ร่างผอมซูบซีดมีแต่หนังหุ้มกระดูกนอนหายใจรวยรินอย่างอ่อนแรงสลับกับการไออย่างรุนแรงจนน่าหวาดหวั่น ทุกครั้งที่เขาไออย่างรุนแรง เขาจะหอบจนตัวโยนด้วยความเหนื่อยอ่อนปานจะขาดใจ สภาพตามผิวร่างกายเขาเกรียมกร้าน เต็มไปด้วยแผลผื่นพุพอง และตกสะเก็ดจนดูน่ารังเกียจ สภาพซากร่างของเขาในยามนี้.. มันไม่หลงเหลือเค้าเดิม ของหนุ่มรูปงามในช่วงวัยของวัยรุ่นตอนปลายที่น่าจะดูสดใสเลยแม่แต่น้อย มันเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ที่เป็นเช่นนี้.. เป็นเพราะ.. โรคร้ายที่ไม่อาจรักษาให้หายขาด ซึ่ง.. กำลังกัดกร่อนชีวิตเขาทีละน้อยอย่างทุกข์ทรมาน โรคร้ายที่จริงๆแล้ว ไม่อาจที่ติดต่อกันได้โดยง่ายเลย เพียงแค่.. ไม่ตกอยู่ในความประมาท หรือขาดสติในการยั้บยั้งชั่งใจ โรคร้ายนี้.. ก็ไม่มีวันมากร้ำกรายได้แม้สักน้อยนิด แต่.. เขาก็ได้พลาดไปเสียแล้ว มันเป็นความผิดพลาดที่ไม่อาจกลับไปแก้ไขได้อีกเลย แถมซ้ำ.. ยังพ่วงคนรักให้ต้องติดเชื้อร้ายนี้ไปด้วย เขานึกมาถึงตรงนี้ รู้สึกสะเทือนใจจริงๆ
เขานอนน้ำตาไหลริน  สติกำลังพร่าเลือนลงเรื่อยๆ นี่.. เวลาของเขาคงกำลังใกล้จะหมดลงทุกทีแล้วสินะ เขาเหลือบมอง เด็กหนุ่มอีกคนที่ดูซูบซีดไร้ซึ่งความสดใสแห่งช่วงวัย แต่ก็ยังไม่ดูทรุดโทรมถึงขนาดเขาแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ กำลังนั่งมองเขาเงียบๆ ด้วยน้ำตาที่เต็มหน่วยตา และแววตาที่อาทรห่วงใย เปี่ยมไปด้วยความรัก ความเข้าใจในกันและกัน ช่วงชีวิตที่ใกล้วาระสุดท้ายยามนี้ของเขา เขาไม่มีใครอีกแล้ว ในยามนี้.. มีเพียงเพื่อนรักเพื่อนใจคนนี้เท่านั้น ที่ยังคงอยู่เคียงข้าง คนรักคนนี้.. คนที่ที่เขาชักนำให้เข้าสู่หนทางเลวร้าย อบายมุกและกามโลกีย์ทุกรูปแบบด้วยกัน เพียงเพราะความหฤหรรษ์เพียงชั่วครู่ชั่วยาม จนถึงกาลต้องมาติดโรคร้ายด้วยกัน หมดซึ่งอนาคตที่มั่นคงที่จะก้าวต่อไป มันเป็นเพราะเขาแท้ๆ เขาเลวคนเดียวไม่พอ ยังดึงให้คนที่เขารัก ต้องตกมาอยู่ในบ่วงความทุกข์ทรมานเช่นนี้ด้วยกัน เขารู้สึกผิดเหลือเกิน และยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น เมื่อคนที่เขารัก ไม่เคยแม้จะคิดถือโทษโกรธเขา ยังคงห่วงหาอาทร ดูแลเขาจวบจนบัดนี้ เขาอยากเอ่ยคำขอโทษ อยากพูดสิ่งต่างๆมากมาย แต่.. เขาไร้ซึ่งเรียวแรง แม้จะอยากเอ่ยคำพูดออกมาสักคำ ก็ดูจะทำได้ยากเย็นเหลือเกิน สติเขาพร่าเลือนลงทุกที ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานดูจะค่อยๆมลายหายไป และแล้ว.. เขาก็ไร้ซึ่งความรู้สึกรับรู้ใดๆอีกต่อไป มีเพียงลมหายใจที่ค่อยๆแผ่วลง แผ่วลง ที่เป็นตัวบอกว่าเขายังคงมีชีวิตอยู่ แต่.. ไฟแห่งชีวิตก็.. กำลังจะมอดดับลงไปในไม่ช้านี้..
.
.
.
“ ปอน อย่าทิ้งเราไปนะ อย่าตายนะ ถ้านายตาย แล้วเราจะอยู่กับใคร? อดทนไว้นะ ปอนได้ยินเราไหม? ปอน โฮๆๆ ”
เขากุมมือเหี่ยวแห้งที่มีแต่หนังหุ้มกระดูกและเต็มไปด้วยผื่นแผลอย่างไม่นึกรังเกียจของคนที่เขารักแนบแน่น เปรียบดังจะพยายามส่งกำลังใจให้กับซากร่างที่นอนหายใจรวยรินแต่ซึ่งไร้ความรู้สึกรับรู้ไปแล้วนั้นให้ได้รับกำลังใจจากสัมผัสของเขา น้ำตาเขารินไหลต่อเนื่องไม่ขาดสาย เขานั่งร้องไห้และพยายยามปลุกปลอบให้คนที่เขารักรับรู้แทบจะตลอดเวลา ประดุจดังคนเพ้อคลั่งไร้สติที่หัวใจแตกสลาย แม้จะรู้อยู่แก่ใจ ว่ามันเป็นความพยายามที่ไม่เป็นผลใดๆ เขาไม่อาจยื้อชีวิตที่กำลังจะดับนั้นได้ แต่.. เขาก็ยังคงทำเช่นนั้นนานนับชั่วโมง จวบจน.. ซากร่างนั้นจากไปอย่างสงบด้วยดวงตาที่เบิกโพลง ลมหายใจของซากร่างนั้นได้หยุดลงแล้ว เขาตายแล้ว ดวงวิญญาณของเขาหลุดลอยจากซากร่าง หมดสิ้นไร้ซึ่งความรู้สึกเจ็บปวดทุกข์ทรมานใดๆอีกต่อไป คงยังเหลือคนที่ยังอยู่ต่อ.. และกำลังรอเวลาที่จะเป็นเฉกเช่นกับเขาในเวลาอีกไม่นาน มันเป็นชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งได้ นอกเสียจาก.. ความตาย เพียงอย่างเดียว
.
.
.
.
น้ำตาเขาเหือดแห้งไปแล้ว พร้อมๆกับลมหายใจของคนที่เขารักได้หยุดลง แม้จะสะเทือนใจสักเพียงไหน? มันก็ไม่มีน้ำตาไหลออกมาอีกแล้ว เขาค่อยๆเอามือปิดตาที่เบิกโพลงของซากร่างไร้ชีวิตด้วยดวงใจที่ร้าวราน เขาไม่เหลือใครอีกแล้ว ไม่มีอีกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่าง.. มันจบลงหมดแล้ว แล้วนี่เขาจะอยู่เพื่ออะไร? แล้วเขาก็นั่งจมอยู่กับความคิดตัวเองเงียบๆเช่นนั้นเนิ่นนานด้วยความทุกข์ทรมานและกังวล แล้ว.. เขาก็เหลือบมองไปซากร่างที่กำลังซีดเซียวหมองคล้ำและกำลังแข็งทื่อไร้ชีวิตนั้นอีกครั้ง มองนิ่งๆอยู่เข่นนั้นครู่หนึ่ง จากนั้น.. เขาก็หันไปหยิบของบางอย่างมาเสพ เสพเพื่อให้ลืมความกลัดกลุ้ม ความทุกข์ใจ ความสะเทือนใจ และทำให้เขากล้าที่จะทำอะไรบางอย่าง เมื่อเขาเสพจนรู้สึกมึนเมา เคลิบเคลิ้ม จมดิ่งอยู่ในห้วงลึกแห่งอารมณ์ สติเขาดูเหมือนจะกำลังจะเลื่อนลอย แต่.. ใจเขากลับฮึกเหิมมากขึ้น เขาหันไปหยิบของบางอย่างที่บางเฉียบและคมกริบ กดลงและปาดตรงบริเวณเส้นเลือดตรงข้อมือ นั่นคือสิ่งที่เขากำลังทำ และนั่น.. เป็นสิ่งที่เขาได้ตัดสินใจแล้ว.. ตัดสินใจที่จะทำเช่นนั้น..
เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวคละคลุ้ง และโลหิตแดงฉานที่ไหลเนืองนอง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขานึกประหวั่นแต่อย่างใดแม้จะรู้สึกเจ็บแปลบปลาบบริเวณบาดแผลที่ลึกและกว้างนั้นก็ตาม โลหิตเขาไหลรินออกมามากมายเหลือเกิน มันทำให้เขาเริ่มรู้สึกอ่อนแรงลงทุกที สติก็เริ่มพร่าเลือนลง แต่ในความรู้สึกนั้น.. มันกลับทำให้เขารู้สึกปลดปล่อย อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่เสพ หรือว่า.. เขารู้สึกปลดปล่อยเช่นนั้นจริงๆตามความรู้สึกก็เป็นได้กระมัง? มันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆหรือเปล่า? เขาก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ เขานั่งมองบาดแผลจากฝีมือตัวเองที่บริเวณข้อมือด้วยดวงตาที่เย็นชา แต่แฝงไปด้วย.. ความสา สะใจ แล้วเขาก็เอ่ยพูดพึมพำกับตัวเองเบาๆเหมือนคนละเมอ
“ ปอน.. รู้ไหม? ที่ผ่านมา เรามีความสุขนะ ถึงแม้จะรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่เลวก็ตาม แต่.. เราก็พอใจที่จะทำ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่เป็นเพราะปอนหรอก ปอนมักจะโทษตัวเองเสมอว่าเป็นเพราะปอน จึงทำให้เรา 2 คนต้องเป็นแบบนี้ จริงๆแล้ว.. มันเป็นเพราะตัวเราเองต่างหาก ที่เลือกที่จะทำด้วยความเต็มใจ ใช่.. ทั้งๆที่รู้ แต่เราก็ทำ ก็ในชีวิตเรามันไม่มีใครสักคนมาใยดีอีกแล้วนี่นา แม่ ก็คิดแต่ว่าเราคือส่วนเกินที่นำความวิบัติมาให้ครอบครัว ไม่ยอมเชื่อใจเรากับเรื่องบัดสีที่เกิดขึ้นกับเรา นอกเสียจากปอนคนเดียวเท่านั้น.. ที่ดีกับเรา ดีกับเรา ห่วงใยเราตลอดมา ปอน.. เรารักปอนมากนะ ปอนเป็นคนเดียวที่เข้าใจเรา เข้าใจความรู้สึกเราทุกอย่างเลย ไหนเราเคยสัญญากันไม่ใช่หรือ? ว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป แล้วปอนก็ยังเคยบอกว่า.. ปอนก็รักเราที่สุด แล้วนี่.. ทำไมปอนถึงหนีเราไปก่อน ทิ้งให้เราอยู่คนเดียวได้ไง? รู้ไหม? ถ้าเราไม่มีปอน เราคงจะเหงาแค่ไหน? เราไม่ยอมอยู่เหงาคนเดียวโดยไม่มีปอนหรอกนะ จริงอยู่.. จะช้าหรือเร็ว เราก็ต้องมีสภาพแบบปอนสักวัน แต่เราจะไม่รอให้ถึงวันนั้นหรอก เอาเถิดนะปอน รอเราด้วย เรากำลังจะตามไป ตามไปในไม่ช้านี้แหละ รอเราด้วยนะ ปอน ”
เขาเอ่ยพร่ำเพ้ออยู่เช่นนั้นด้วยคำพูดซ้ำซาก เสียงเขาค่อยๆแผ่วลง แผ่วลง ความง่วงงุนทำให้สติเขาพร่าเลือน เขาค่อยๆปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนแรง และ.. ในที่สุด ความรู้สึกเขาก็ดับวูบลง พร้อมกับวิญญาณที่หลุดลอยออกจากร่าง
.
.
.
.
เขารู้สึกเบาหวิว ไร้ซึ่งความรู้สึกเจ็บปวด ราวกับว่า.. ตัวเขานั้นในยามนี้.. มันไม่มีแม้ซึ่งตัวตน เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยสูงขึ้น สูงขึ้น ล่องลอยเหมือนอากาศธาตุที่บางเบาดุจปุยนุ่น  เขาเหลือบแลมองไปโดยรอบ ก็รู้สึกคุ้นตากับสิ่งต่างๆที่เขาเห็นรอบตัว มันก็คือ.. สภาพห้องพักที่เขาและปอน มาเช่าพักด้วยกัน แล้วนั่น.. ปอน ตายแล้ว นอนตายอยู่บนเตียง ถัดมาก็เห็นตัวเขานอนจมกองเลือดอยู่ใกล้ๆศพปอน นี่เขา.. คงจะตายแล้วสินะ เขาละสายตาจากซากร่างทั้งสอง เหลือบมองดูตัวเอง ก็เห็นดูโปร่งบางเหมือนกลุ่มหมอกที่เบาหวิวล่องลอย นี่เขาคงกำลังอยู่ในอีกมิติหนึ่ง มิติเร้น ที่ไม่มีคนหาบทพิสูจน์ได้ถ้าไม่ได้มาสัมผัสด้วยตนเอง และถ้า.. เมื่อได้มาสัมผัสแล้ว ก็คงไม่มีใครสามารถกลับไปบอกคนอื่นๆได้เลย ว่า.. จริงๆแล้ว มันเป็นอย่างไร? และ.. ให้ความรู้สึกแบบไหน? แล้วนี่.. ปอนอยู่ไหน? ปอนตายก่อนเขานี่นา.. แล้วปอนไปอยู่ที่ไหนแล้ว? เขาต้องหาปอนให้พบ ชีวิตเขามีเพียงแค่ปอน เขาละจากสถานที่แห่งนั้น ที่ซึ่งเขาได้จบชีวิตลง เขาควบคุมตัวเองให้ล่องลอยออกไป ไกลออกไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย และแล้ว.. เขารู้สึกสัมผัสได้ ว่าปอนนั้นอยู่ไม่ไกลจากเขา เหมือนอยู่ใกล้ๆกันแค่นี้เอง ใช่สิ.. ปอนแน่ๆ ปอนอยู่ตรงนี้เอง แต่.. ทำไมเขาจึงมองไม่เห็นปอน พูดคุยกับปอนไม่ได้ เขาพยายามไขว่คว้า แต่ดูเหมือนว่า.. จะพบแต่ความว่างเปล่า และเริ่มสัมผัสรับรู้ได้เลยว่า.. ปอนกำลังจะห่างจากเขาออกไปทุกที  ห่างออกไปเรื่อยๆ ปอนกำลังจะหายไป ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ เขากรีดร้องเรียกปอนสุดเสียง เรียกปอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำอยู่เช่นนั้นและพยายามไขว่คว้า และแล้วเขาก็สัมผัสรับรู้ได้แล้วว่า.. ในยามนี้.. ปอนได้หายไปแล้ว หายไปอยู่อีกโลกหนึ่ง ปอนไปแล้ว แล้ว.. ทำไมเขาจึงยังอยู่ที่นี่? มันเป็นเพราะอะไร? หรือว่า.. ปอนตายเพราะครบวาระหมดอายุจากสังขาร เมื่อดวงวิญญาณละจากสังขาร จึงสามารถได้ไปอยู่อีกโลกหนึ่ง ส่วนตัวเขา เขาตายเพราะ.. ทำให้ตัวเองตาย ตายด้วยการฆ่าตัวตาย มันเป็นการตายที่ทำให้ไม่อาจไปอีกโลกหนึ่งได้ เป็นการตายที่ฝืนชะตาตนเองให้ตายก่อนกำหนด มิติแห่งโลกวิญญาณยังบรรจบมาไม่ถึงเพื่อนำพาเขาไปสู่ยังอีกโลก เขาจึงจำต้องวนเวียนอยู่เช่นนี้เรื่อยไป และที่เขาไม่อาจมองเห็นปอน เพราะปอนได้ไปอีกมิติหนึ่งแล้ว มิติมันเหลื่อมกัน ใช่แล้ว มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่.. ทำไม? ทำไมเขาจึงรู้ทุกสิ่งที่เขาสงสัย ทำไมมันจึงมีคำตอบให้เขาได้ทุกเรื่อง เมื่อเขารู้สึกสงสัยเรื่องใด คำตอบก็ดูเหมือนจะลอยมาหาเขาเอง ทำให้เขาเข้าใจได้เอง นี่.. มันเป็นแบบนี้เองหรือ? โลกแห่งมิติเร้น มันเป็นเช่นนี้เองจริงๆหรือ? ยามนี้.. เขาเข้าใจข้อสงสัยทั้งหมดแล้ว แล้วเขา.. ที่ตอนนี้มีร่างโปร่งใสดุจดังกลุ่มหมอก ก็ล่องลอยไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย..
********

*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 17-02-2009 18:29:26
เจิมเรื่องใหม่  :mc4: แล้วจะติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 17-02-2009 18:53:38
 :z13:
จิ้มเพ่หนึ่งไวจริง กับ น้องน้อยที่ร๊าก อิๆ
 :mc4: :mc4: :mc4:
มาเปิดซิงเป็นรายที่สองให้ซีเลยน๊าเนี่ย +1 ให้ซีด้วยเป็นกำลังใจ
อ่านแล้วยังบอกอะไรไม่ได้มาก นอกจากยูมาได้แหวกมากแบบนี้อชอบ
มันโดนดียังมะเคยอ่านไรแบบนี้เท่าไรนัก
ดูในส่วนของตัวละครก็พอบอกได้ว่า คงมีความทุกข์มาตลอดก่อนจะเจอปอน เรื่องราวมีปมที่น่าสนใจนะ
อ่านแล้วอ่านจะเป็นเพราะเป็นการนำเรื่องด้วยมั้ง การบรรยายยังไม่สมบูรณ์มากนักนะสู้ๆ
ส่วนการใช้คำดีแล้วไม่มีที่ผิดเท่าที่เห็นแล้วจะรอตอนตอว่ามิติเร้นลับนี้ คือที่ไหน...
แล้วทำไมเค้าคนนี้จึงล่วงรู้ถึงคำตอบของคำถามที่ไม่น่าจะรู้ได้...
อย่านานละแตรอให้สอบเสร็จก่อนก็ได้ อิๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 17-02-2009 19:40:53
ต่อๆๆๆๆ ตอนต่อไปเลยค่ะ  เค้ารออ่านอยู่นะ   :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: High_Wizard ที่ 17-02-2009 20:55:18
ว้าวๆ มาแนวใหม่เลยนะซี เขียนได้เข้ากับอารมณ์เราเลยนะ เศร้าๆยังไงไม่รู้ ยังไงคนเขียนก็อย่าเศร้าตามเรื่องละ เง้ออ







เป็นกำลังใจให้นะซี.........แล้วมาต่ออีกละ



หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 17-02-2009 21:59:53
 :mc4: เรื่องใหม่

ลึกลับ แหวกแนวดีนะ รออ่านตอนต่อไปจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 17-02-2009 22:50:55
มาเจิมเรื่องใหม่ของซี

แถมแปะไว้ก่อนน๊า วันนี้ไม่ไหวแล้วอ่ะ

เดี๋ยวพรุ่งนี้ตามมาอ่านจ้า



หวัดดีกอปจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 18-02-2009 14:27:58

เข้ามาทักทายนิยายใหม่

ท่าทางจะ เริ้ด  อีกแล้วเรื่องนี้

อิอิ


เจ้สองเองคะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 18-02-2009 14:46:55
 :impress3:

เข้ามาก็เศร้าเลย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 19-02-2009 02:11:13
เง้อเข้ามาอ่านก็เลือดสาดซะงั้น



ตายกันตั้งแต่ต้นช่างน่าเศร้าคับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 19-02-2009 11:34:54
ชอบๆครับหลอนๆดีอ่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 19-02-2009 14:25:07
:z13:
จิ้มเพ่หนึ่งไวจริง กับ น้องน้อยที่ร๊าก อิๆ
 :mc4: :mc4: :mc4:
มาเปิดซิงเป็นรายที่สองให้ซีเลยน๊าเนี่ย +1 ให้ซีด้วยเป็นกำลังใจ
อ่านแล้วยังบอกอะไรไม่ได้มาก นอกจากยูมาได้แหวกมากแบบนี้อชอบ
มันโดนดียังมะเคยอ่านไรแบบนี้เท่าไรนัก
ดูในส่วนของตัวละครก็พอบอกได้ว่า คงมีความทุกข์มาตลอดก่อนจะเจอปอน เรื่องราวมีปมที่น่าสนใจนะ
อ่านแล้วอ่านจะเป็นเพราะเป็นการนำเรื่องด้วยมั้ง การบรรยายยังไม่สมบูรณ์มากนักนะสู้ๆ
ส่วนการใช้คำดีแล้วไม่มีที่ผิดเท่าที่เห็นแล้วจะรอตอนตอว่ามิติเร้นลับนี้ คือที่ไหน...
แล้วทำไมเค้าคนนี้จึงล่วงรู้ถึงคำตอบของคำถามที่ไม่น่าจะรู้ได้...
อย่านานละแตรอให้สอบเสร็จก่อนก็ได้ อิๆ

ขอบคุณพี่นิวนะครับ สำหรับคำแนะนำ การบรรยายที่ดูไม่ค่อยสมบูรณ์อาจเป็นเพราะผมคงตั้งใจทำให้เป็นปริศนามากไป คนอ่านเลยดูไม่ค่อยเข้าใจ ผมจะนำคำแนะนำไปปรับปรุงแก้ไขครับ ขอบคุณมากนะครับ^^

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นของพวกพี่ๆทุกคนด้วยนะครับ ผมโหวต+1ให้เพื่อเป็นการขอบคุณนะครับ

ขอบคุณกอป ขอบคุณพี่แนน ขอบคุณพี่nOn†ღ ขอบคุณมากครับ^^


ติดตามตอนต่อไปได้เลยครับผม
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอนใหม่ 19-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 19-02-2009 14:34:06
เรื่องราวบทแรกในบทนำที่เป็นการปูเรื่อง ดูจะมีปมปริศนาบางอย่างที่ดูยังไม่ค่อยกระจ่าง แต่ปมต่างๆจะค่อยๆคลี่คลายและเกี่ยวโยงจากบทนำจนกระทั่งจบเรื่องครับ สำหรับในวันนี้ คือบทที่1 ของนิยายเรื่องนี้ เป็นการเปิดเรื่องอย่างแท้จริง ลองมาติดตามกันดูนะครับ ตัวเอกของเรื่องนี้เปิดตัวในบทนี้เลยครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับผม เชิญติดตามกันได้เลยครับ

สัมผัส (1)

(http://img12.imageshack.us/img12/9167/a001lf9.jpg)

บรรยากาศยามเย็นภายในวัดแห่งนี้ดูช่างร่มรื่นและแสนจะสงบ แม้ว่า.. จะดูเงียบๆไปสักหน่อยก็ตาม เนื่องด้วยไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านมากนัก  แต่.. ก็ยังพอจะมีผู้คนแวะเวียนมานมัสการ สักการะขอพรพระอยู่บ้าง ชีวินก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า.. ทำไมวันนี้เขาจึงรู้สึกอยากเข้าวัด จริงอยู่ว่า วัดแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเขาเท่าใดนัก แต่.. ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่เคยรู้สึกอยากเดินเข้ามาในวัดแบบในวันนี้เลย เลิกเรียนในแต่ละวัน เขาก็มักจะดิ่งกลับบ้านในทันที ไม่ใคร่อยากไปเถลไถลที่ไหนเท่าไร แต่.. แปลก ในวันนี้.. ดูเหมือนจะมีอะไรสักอย่างที่มาดลใจเขา จะเป็นแบบนั้นหรือเปล่า? เขาก็ไม่ใคร่จะแน่ใจเท่าไร ความจริง.. เขาก็ไม่ค่อยอยากเบียดเสียดบนรถในช่วงระหว่างเวลานี้เท่าไรนัก  ช่วงเวลาแบบนี้ บริเวณป้ายรอรถประจำทาง จะเห็นได้ว่า มีผู้คนมากมายและบรรดานักเรียนจากโรงเรียนเขาและโรงเรียนในบริเวณใกล้เคียงกันนั้น กำลังรอรถกันอย่างแออัด รถแต่ละคันที่มาจอดแวะรับผู้โดยสาร ก็เนืองแน่นอัดกันอย่างกับปลากระป๋อง ถึงเหตุการณ์แบบนี้ จะเป็นเป็นกิจวัตรประจำวันที่เขารู้สึกชาชินแล้วก็ตาม แต่.. ในวันนี้เขาก็ไม่ค่อยอยากจะรีบกลับบ้านมากเท่าไร เขาจึงเดินเรื่อยเปื่อย ปลีกตัวออกจากป้ายรถประจำทางแห่งนั้นแล้วเดินคิดอะไรเล่นๆมาเรื่อยๆ จนมารู้สึกตัวอีกที เขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าโบสถ์ที่มีพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเสียแล้ว
“ อืม.. สงบร่มรื่นดีจัง ไม่รู้นึกอย่างไรเราจึงอยากจะเข้าวัดในวันนี้ เอ้า.. ไหนๆก็มาถึงแล้ว ไหว้พระ ขอพรเสียหน่อยก็น่าจะดีเหมือนกัน นานๆจะเข้าวัดสักที ก็ไม่เห็นน่าจะมีอะไรเสียหาย น่าที่จะเป็นเรื่องที่ดีเสียอีก ”
ชีวินพึมพำกับตัวเอง แล้วก็เดินดิ่งตรงไปที่บริเวณตู้รับบริจาคที่มีแม่ชีสูงวัยหน้าตาใจดีนั่งอยู่ เขาล้วงธนบัตร 20 บาทจากกระเป๋า แล้วค่อยๆหย่อนลงในตู้รับบริจาค จากนั้น ก็เอ่ยกับแม่ชีท่านนั้น ด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อมและสุภาพ
“ แม่ชีครับ ผมขอดอกไม้ธูปเทียนชุดหนึ่งนะครับ ”
“ หยิบเอาเลยลูก มาไหว้พระเหรอจ๊ะหนู ”
“ ครับ รู้สึกอยากไหว้พระน่ะครับ อยากจะขอพรให้เป็นสิริมงคลด้วยครับ ”
“ ดีแล้วลูก น่ารักจัง เด็กๆสมัยนี้น่ะไม่ค่อยจะเข้าวัด เข้าวากันเสียเลย ไม่ค่อยจะเห็นสักเท่าไร นี่หนูมาไหว้พระน่ะดีแล้วลูก ทำให้จิตใจสงบร่มเย็น และจะได้พบแต่สิ่งที่ดีๆนะหนู เอาละ.. ตามสบายเลย ”
“ ครับ ขอบคุณนะครับ ”
ชีวินจัดแจงจุดธูปเทียนบูชา จากนั้น.. เขาก็นั่งลงพนมมือ กล่าวพึมพัมในใจแสดงถึงความเคารพในองค์พระที่ดูศักดิ์สิทธิ์และน่าเคารพยำเกรง จากนั้นเขาก็อธิษฐานถึงสิ่งต่างๆมากมาย หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาปรารถนาอยู่ลึกๆในใจ เขาขอพรพระเพื่อให้สมดังที่ใจหวังด้วยความรู้สึกศรัทธา
“ ขอให้ท่านช่วยปกป้องคุ้มครองพ่อแม่ผมให้มีแต่ความสุข มีสุขภาพแข็งแรง ตลอดไป และขอให้ผมประสพแต่สิ่งที่ดีๆในชีวิต ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆไปได้ด้วยดีด้วยเถิดนะครับ ตอนนี้.. ผมรู้สึกเหงามาก เหงาเหลือเกิน อยากจะมีใครสักคนในชีวิต ขอท่านโปรดช่วยดลบันดาลให้ผมได้พบกับใครสักคน และสมหวังในความรักด้วยเถิดครับ ได้โปรดช่วยผมด้วยเถิดนะครับ สาธุ ”
หลังจากบูชาและกล่าวอธิฐานเสร็จ ชีวินจัดแจงปักธูปลงในกระถางธูปขนาดใหญ่ นำดอกไม้บูชาไปใส่แจกันที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็มาปิดทองที่บริเวณตักขององค์พระ เมื่อพิธีกรรมทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็มาก้มลงกราบ 3 ครั้ง ชีวินรู้สึกอิ่มใจเหลือเกิน ที่นานๆครั้ง เขาจะได้มาทำอะไรแบบนี้ หลังจากนั้นเขาก็เดินเตร็ดเตร่บริเวณรอบโบสถ์ รับลมเย็นๆ มองทิวทัศน์โดยรอบอย่างสบายใจ เขาเหลือบมองเล่นๆไปยังบริเวณกำแพงโบสถ์ ที่แบ่งเป็นช่องๆสำหรับบรรจุอัฐิของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว ที่ซึ่งบรรดาญาติผู้ตายนำอัฐิมาบรรจุไว้แล้วปิดทับด้วยหินอ่อนสีขาวที่สลักชื่อเจ้าของอัฐิ ซึ่งบ้างก็มีรูปเจ้าของอัฐิผนึกลงในเนื้อหินอ่อนสีขาวนวล บ้างก็มีเพียงแค่ชื่อ เขาไล่ดูเล่นไปเรื่อยๆอย่างไม่คิดอะไรมาก รู้สึกเพียงแค่.. นึกปลง ว่าคนทุกคน สักวันก็หนีไม่พ้นเรื่องความตายไปได้ มันเป็นสัจธรรมของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม แล้ว.. เขาก็รู้สึกสะดุด กับช่องบรรจุอัฐิช่องหนึ่ง เขาอ่านชื่อและเหลือบมองดูจากวันเดือนปีเกิด และวันเสียชีวิต แล้วลองมาคำนวณดูก็เห็นได้ว่า.. อายุดูจะยังไม่มากเลย เพียงแค่เมื่อถึงวันที่เสียชีวิตก็อายุเพียงแค่ 20 ต้นๆเท่านั้น เขาเพิ่งเสียชีวิตมาได้สักราวเพียงปีเศษเท่านั้นเอง แล้วนี่เขาเป็นอะไรตายหนอ น่าเสียดายจริงๆ อายุยังน้อยแท้ๆเลย เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงรู้สึกสนใจได้ขนาดนี้ เขาให้รู้สึกแปลกใจในตัวเองเหลือเกิน เขายืนนิ่งมองดูอยู่เช่นนั้นแล้วคิดหาเหตุผลต่างๆ ถึงสาเหตุการตาย คาดเดาไปต่างๆนานา แล้วชีวินก็สังเกตุเห็นบนแผ่นหินอ่อนที่สลักชื่อเจ้าของอัฐิที่เป็นเด็กหนุ่มที่ชีวินรู้สึกสนใจอย่างแปลกประหลาดนั้น มีคราบเขม่าฝุ่นผงติดอยู่ดูสกปรกอยู่เล็กน้อย เขาจึงล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเบาๆทำความสะอาดป้ายชื่อหินอ่อนนั้นให้ จนดูสะอาดเรียบร้อยดี ทำไมเขาจึงทำแบบนั้น เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน เขารู้เพียงว่า.. เขาอยากทำ มันเหมือนกับมีความรู้สึกผูกพันอย่างประหลาดซึ่งหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ และแล้ว.. เขาก็รู้สึกเย็นวูบ ขนลุซู่โดยไม่ทราบสาเหตุ ขนเขาลุกซู่หลายต่อหลายครั้ง นี่มันอะไรกันหนอ? ทำไมอยู่ๆจึงขนลุกแบบไม่มีสาเหตุเช่นนี้ได้ ใจเขานึกหวาดๆอยู่ลึกๆอยู่เหมือนกัน แต่ก็พยายามปลอบใจตัวเองว่าคงไม่มีอะไรหรอก นี่ก็ยังกลางวันอยู่แท้ๆ เขาคงจะคิดไปเองมากกว่า น่าที่จะเป็นเช่นนั้นกระมัง?
.
.
. . .
“ สวัสดีครับแม่ วินกลับมาแล้วครับ ”
ชีวินเอ่ยทักทายพร้อมยกมือไหว้มารดาของเขา เมื่อเขากลับมาถึงบ้านในเวลาเย็นมากแล้ว
“ กลับมาแล้วหรือลูก เหนื่อยไหม? ทำไมวันนี้ถึงกลับเย็นนักล่ะลูก? ”
คุณแม่ของเขาเอ่ยตอบด้วยน้ำสียงอ่อนโยน  พร้อมกับลูบหัวชีวินเบาๆด้วยความรักใคร่เอ็นดู
“ พอดีวันนี้วินแวะไปไหว้พระมาน่ะครับ ไปขอพรพระมา ทำให้วินรู้สึกอิ่มใจ รู้สึกดีจังเลยครับแม่ ”
“ อืม.. วันนี้มาแปลกนะเจ้าวิน นึกอย่างไรกันล่ะเนี่ย หึหึ แต่ก็ดีแล้วละลูก เข้าวัดทำบุญเสียบ้าง อย่างน้อยๆ ก็จะทำให้ใจเราเป็นสุข มีศิริมงคลด้วยนะลูกนะ ”
“ ครับแม่ เอ้อ.. แม่ครับ งั้น.. เดี๋ยววินขอไปอาบน้ำก่อนนะครับ รู้สึกเหนียวๆตัวจังเลยครับ อยากอาบน้ำให้สดชื่นครับ ”
“ เอาสิลูก เดี๋ยวจะได้ลงมากินข้าวกัน นี่แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว เดี๋ยวพ่อเขาก็คงจะกลับมาแล้วละ คงจะพอดีเวลาพร้อมหน้าพร้อมตากัน ”
“ ครับแม่ ”
ชีวินเอ่ยตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มละไมแล้วเขาก็ปลีกตัวไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ เขาปลดผ้าขนหนูที่พันกายออกแขวนตรงราวตากในห้องน้ำตรงผนัง แล้วเขาก็เหลือบมองร่างเปลือยเปล่าของตัวเองในกระจกหมุนไป หมุนมาอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยๆไล่สายตาจนมาจับจ้องตรงส่วนแก่นกายลำตัวของตนเอง ซึ่งเป็นอวัยวะที่บ่งบอกเพศชายที่มีขนาดพอเหมาะและดูสดใสเพราะยังไม่เคยผ่านการใช้งานกับใครมาก่อน แล้วเขาก็เอ่ยรำพึงกับตัวเองเบาๆอย่างเหนื่อยหน่ายทดท้อ แต่ดูเหมือนกับว่า.. มันความทดท้อที่ชีวินมิได้กังวลอะไรมากเท่าใดนัก
“ ความจริง หน้าตาเราก็พอดูได้นะ แล้ว.. ทำไมหนอ? จึงไม่มีใครมาหลงรักเราสักคน เราก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรมากมายเสียหน่อย อยากจะมีใครสักคนจริงๆ คนที่เรารัก และเขาก็รักเรา มาสัมผัส โอบกอดเราไว้ในอ้อมกอด ไม่ต้องหล่อ ไม่ต้องน่ารักอะไรมากมายก็ได้ ขอแค่.. มันเป็นความรักที่มาจากใจ เท่านี้ก็พอ ไม่อยากเลือกมากอะไรนักหรอก แล้วนี่.. มันจะมีวันเป็นไปได้ไหมหนอ? เฮ้อ!! นึกแล้วเซ็งจริงๆ ”
จากนั้น.. เขาก็เปิดฝักบัวชำระร่างกาย เริ่มต้นด้วยการสระผมจนสะอาดหอมกรุ่น เขามักชอบสระผมทุกครั้งที่อาบน้ำในยามเย็น มันเป็นกิจวัตรที่เขามักกระทำมาเนิ่นนานจนกลายเป็นความเคยชิน สัมผัสเย็นฉ่ำจากสายน้ำจากฝักบัว ที่ชะโลมทั่วร่างเปลือยอันสมส่วนสมบูรณ์ของชีวิน ทำให้เขารู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก เขาลูบไล้สบู่ที่มีกลิ่นหอมละมุนฟองขาวเนียนละเอียดไปทั่วเรือนร่าง ไม่เว้นแม้ตรงจุดซ่อนเร้นและแก่นกายกลางลำตัว ที่เขามักจะหมั่นดูแลรักษาความสะอาดเป็นอย่างดีอย่างพิถีพิถัน จากนั้น.. เขาก็ปล่อยให้สายน้ำที่ไหลเย็น ชำระร่างกายจากฟองสบู่พร้อมกับฮัมเพลงเบาๆในลำคออย่างสุขใจ วันนี้.. เขารู้สึกมีความสุขเหลือเกิน เขาก็ไม่รู้ว่า.. ทำไมเขาจึงรู้สึกมีความสุขได้ขนาดนี้ เพียงแค่.. เขาได้แวะไปไหว้พระมา นี่ทำให้ใจเขาเป็นสุขได้ขนาดนี้เชียวหรือ? เขาค่อยๆลูบไล้ร่างเปลือยของตัวเองภายใต้สายน้ำของฝักบัว แล้วรู้สึกประหลาดล้ำบางอย่าง มันเหมือนกับ.. เขาถูกสัมผัสโอบกอดอย่างนุ่มนวล เขารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ รู้สึกถึงสัมผัสที่โอบกอดและลูบไล้เขาไปทั่วเรือนร่าง จนเขารู้สึกสะท้าน วาบหวาม วาบหวามเสียจนจนแก่นกายเขาเริ่มชูชันขึ้นโดยที่มือเขายังไม่ได้สัมผัสส่วนนั้นของตัวเองเลย เขาหลับตาพริ้ม จมดิ่งลงสู่ห้วงอารมณ์แห่งความปรารถนา ใช่เลย มันต้องใช่แบบนี้แน่ๆ สัมผัสแบบนี้ที่เขาเคยโหยหาจากร่างกายกำยำของชายหนุ่ม จากหนุ่มในฝันที่เขาเฝ้าถวิลหาและอยากได้รับสัมผัสแบบนี้มาเนิ่นนาน สัมผัสที่เขาไม่เคยได้รับจากชายใดมาก่อน แต่เขาก็โหยหาเสียเหลือเกิน ณ ยามนี้.. เขารู้สึกเหมือนกำลังมีหนุ่มรูปงามกายกำยำ กำลังกระทำกับเขาอย่างอ่อนโยน จนเขาวาบหวิว เสียวสะท้าน เขารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ มันสมจริงเสียจนเขาสุดที่จะอดกลั้นได้อีกต่อไปเขาครางเบาๆด้วยความรู้สึกวูบวาบสั่นไหว จนเขาเกร็งกระตุก และทะลักหลั่งสายธารรักออกมาจนเนืองนอง โดยที่เขามิได้สัมผัสแตะต้องแก่นกายของตัวเองเลยแม้แต่น้อยจนเมื่อถึงที่สุดของอารมณ์ปรารถนา เขาก็หอบเบาๆอย่างรู้สึกเป็นสุขใจ และยังรู้สึกเหมือนกับว่า สัมผัสประหลาดนั้น ยังคลอเคลียเขาอยู่ไม่ห่าง มันช่างอ่อนหวาน น่าหลงใหลเหลือเกิน ริมฝีปากที่อวบอิ่มของเขาในยามนี้ เขาเหมือนกำลังถูกจุมพิต ความรู้สึกนี้.. ใช่แน่ๆ เขากำลังถูกจุมพิต จูบอย่างดื่มด่ำ จนเขาเผลอครางออกมาเบาๆอย่างไม่รู้ตัว โอว.. ชีวินรู้สึกมีความสุขเหลือเกิน มันช่างอ่อนหวาน และสวยงามอะไรเช่นนี้ เขาอยากหยุดเวลาไว้ เพื่อกักเก็บความรู้สึกนี้ให้ยังคงอยู่กับเขา ให้เป็นแบบนี้ เป็นอยู่แบบนี้อย่าง.. เนิ่นนาน..
. . .
.
.
.
ณ ราตรีนั้น ชีวินนอนคิดถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเขาระหว่างอาบน้ำอย่างคลางแคลงใจ ความรู้สึกแบบนี้.. มันเกิดขึ้นกับเขาได้อย่างไร? หรืออาจจะเป็นเพราะว่า.. เขามิได้ปลดปล่อยอารมรณ์หนุ่มมาเนิ่นนาน กลไกธรรมชาติของร่างกายวัยหนุ่มรุ่นกระเตาะที่สมบูรณ์ของเขา จึงได้ทำการปลดปล่อยออกมาเองเช่นนี้ แต่.. เขาก็ไม่เคยรู้สึกวาบหวิวน่าประทับใจเช่นนี้มาก่อนเลยนี่นา ทำไม? มันจึงช่างรู้สึกดีแบบนี้เหลือเกิน ช่างเถิด จะอะไรก็แล้วแต่.. วันนี้.. ช่างเป็นวันที่เขามีความสุขอย่างที่สุด เขาหลับตาพริ้ม อมยิ้มอย่างเป็นสุข แล้วก็ค่อยๆเคลิ้มหลับไป หลับอย่างอบอุ่น และรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่ดุจดังมีใครสักคน ที่กำลัง.. ตระคองกอดเขาไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน ทะนุถนอม เขาค่อยๆจมดิ่งในห้วงลึกแห่งนิทรารมย์ แล้วก็นิมิตฝัน ในนิมิตฝันนั้น.. เขาได้เห็นชายหนุ่มรุ่นพี่ที่แสนจะหล่อเหลาในร่างเปลือยที่แสนจะงดงามสมบูรณ์ กำลังส่งยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น และเปี่ยมไปด้วยมิตรไมตรี ในฝันนั้น.. เขาก็นึกแปลกใจว่า ทำไม.. พี่ชายสุดหล่อคนนี้ จึงมาเปลือยต่อหน้าเขาแบบนี้ด้วย ทำไมไม่นุ่งผ้านะ ไม่อายเขาหรือไร? แต่จะว่าไป.. มันก็ดีออก ที่ได้เห็นอะไรต่อมิอะไรจะจะแบบนี้ ในยามนี้.. ดูเหมือนกับว่า.. ชายหนุ่มผู้งดงามหล่อเหลาคนนั้น กำลังจะพยายามเอ่ยพูดบางอย่างกับเขา อะไรบางอย่าง ทำไม? ทำไมเขาจึงไม่อาจรับรู้สิ่งที่พี่ชายแสนหล่อคนนั้นกำลังพูดกับเขา นี่.. พี่คนนั้นเขากำลังจะสื่ออะไรกันแน่?

********

*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอนใหม่ 19-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: High_Wizard ที่ 19-02-2009 20:00:57
ว้าวๆๆ ตอนแรกมาก็เปลือยแล้วเหรอซี ................ 555+







เป็นกำลังใจให้นะครับ...............แล้วมาลงต่ออีกนะครับ

ปล. สวัสดีพี่แนนนะครับ เหอะๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอนใหม่ 19-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 19-02-2009 21:02:49
^

^
จิ้มกอป ให้ทะลุซี

จิ้มก่อน เดี๋ยวไปอ่าน



ซีจ๊ะ ภาพชีวินนี่ชวนหื่นนน

อย่างนี้ต้องรีบไปอ่านแว้ววว (^o^)

~~~~~~~~~~~~~~~~~~


เหอๆๆๆ อยากอาบน้ำบ้างจัง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอนใหม่ 19-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 19-02-2009 21:56:52
ปี๋ ๆๆๆ  :a5:

แปลกและแหวกแนวดีจริงๆ   :haun5:

รออ่านตอนต่อไปจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอนใหม่ 19-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 19-02-2009 22:27:24
 :mc4: :mc4:
ปฐมฤกษ์คับ

เรื่องนี้น่าสนใจดี ติดตามต่อนะคับ
(ปล.อ่านมาสองเรื่อง เพิ่งรู้ว่าคนเขียนชื่อซี[แบบว่า ไม่เคยสังเกต  :a5:])
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอนใหม่ 19-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 20-02-2009 11:53:52
ไรอ่ะฉากแรกก็เปลือยอ่ะเอตอนนที่คนที่กรีดข้อมือตายไปน้แกไม่มีคนทำบุญไปให้หรือไงน้ามาแบบเปลือยเชียว :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอนใหม่วันนี้ 21-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 21-02-2009 10:00:55
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะครับ ผมโหวต+1ให้แล้วครับผม^^
ขอบคุณกอป ขอบคุณพี่แนน ขอบคุณพี่nOn†ღ ขอบคุณพี่pickki_a มากๆครับผม

ติดตามต่อ.. ในบท สัมผัส(2) ได้เลยครับ อาจจะมีหวิวๆไปบ้าง แต่ก็เป็นแนวนิยายเพื่อจะให้เรื่องดำเนินต่อไป ถ้าติดตามกันต่อไปเรื่อยๆ บางที.. สิ่งที่คิดไว้ อาจจะไม่ได้เป็นแบบนี้ก็ได้.. ติดตามต่อได้เลยครับ แนะนำติชมกันได้นะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับผม..

สัมผัส (2)

(http://img14.imageshack.us/img14/2571/a002z.jpg)

พี่ชายที่แสนหล่อเหลาคนนั้น พยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับชีวิน ซึ่งเขาไมได้ยินอะไรเลย มันไม่มีเสียเปล่งออกมาเลยจากปากของพี่ชายนิรนามผู้นั้น นี่เขาต้องการจะพูดอะไรนะ? ชีวินพยายามเดาจากท่าทางของเขา ก็พอจะเข้าใจได้เพียงนิดหน่อยว่า.. พี่ชายคนนั้น เหมือน.. กำลังขอบคุณเขา และรู้สึกดีๆกับเขา แล้ว.. ขอบคุณเขาเรื่องอะไรหนอ? นี่เขาเคยไปทำอะไรให้พี่คนนี้หรือ? ชีวินพยายามนึก แต่ก็นึกไม่ออก เขาว่า.. เขาไม่เคยเห็นพี่คนนี้มาก่อนเลย จากนั้น.. ดูเหมือนว่าพี่ชายคนนั้นจะล่วงรู้ถึงความต้องการลึกๆในใจเขา เขาเอามือมาเกลี่ยแก้มชีวินเบาๆอย่างอ่อนโยน จากนั้น.. ก็ตระคองกอด และโอบกอดเขาไว้ในอ้อมแขน แล้วเชยคางเขาขึ้นมาจุมพิตที่ริมฝีปากอย่างดูดดื่ม จูบที่แสนจะอ่อนหวาน แต่ก็สร้างความรัญจวนใจได้ไม่น้อยเลย มือเขาก็ลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างเปลือยของชีวินจนรู้สึกวาบหวิว ชีวินไม่รู้สึกตัวเลยว่า.. ตัวเขานั้น อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าตั้งแต่ตอนไหน? แต่.. จะสนใจทำไม? แบบนี้มันก็น่าจะดีอยู่แล้ว ชีวินรู้สึกเคลิบเคลิ้มกับรสเสน่หา จากบุรุษหนุ่มนิรนามรุ่นพี่คนนั้นจนสุดบรรยาย ไม่ว่าเขาจะชักนำชีวินไปทางไหน? ชีวินก็คล้อยตามอย่างมิอาจขัดขืน เพราะ.. มันเป็นปรารถนาซ่อนเร้นในใจของชีวิน ที่รอคอยการกระทำแบบนี้มาเนิ่นนาน แล้ว..ร่างเปลือยทั้งสองร่างก็ทาบทับ กอดรัดกันแนบแน่นจนแทบจะหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียว ชีวินรู้สึกถึงอารมณ์ปรารถนาของตัวเองคุกรุ่นตื่นตัวจนแทบถึงขีดสุด ทำไม.. พี่ชายคนนี้.. จึงตอบสนองความต้องการเขาได้ตรงจุดทุกอย่าง ราวกับอ่านใจเขาออก สัมผัสและลีลาพลิกผันเปลี่ยนกระบวนท่าไปตามความปรารถนาแห่งอารมณ์อันคุกรุ่น และแล้ว.. จนถึงขีดสุดของอารมณ์ที่ชีวินเกินจะอดกลั้นได้อีกต่อไป เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทะลักหลั่งสายธารรักออกมาอย่างเนืองนองด้วยความเสียวสะท้าน จนเมื่อ.. ถึงที่สุดของอารมณ์ปรารถนา ชีวินก็อ่อนระทวย อิงแอบ แนบซบ ที่ไหล่กว้างอันแสนอบอุ่นของพี่ชายสุดหล่อคนนั้นอย่างเปี่ยมสุข ชีวินรู้สึกเป็นสุขจนสุดที่จะบรรยาย มันสมดังใจปรารถนาเขาทุกอย่าง มันช่าง.. สุดแสนประทับใจอะไรเช่นนี้ และมันช่างดูสวยงามน่าหลงใหลเสียเหลือเกิน..
. . . .
“ วิน ตื่นหรือยังลูก สายแล้วนะ เดี๋ยวไปโรงเรียนไม่ทัน ”
ชีวินลืมตาตื่นขึ้น เมื่อได้ยินเสียงแม่เขามาเคาะประตูเรียก เขาเหลือบมองนาฬิกาปลุกตรงหัวเตียง ก็พบว่า.. มันค่อนข้างจะสายแล้ว นี่เขาตั้งนาฬิกาปลุกไว้นี่นา แล้วทำไมเขาจึงไม่ตื่น เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย เขาหลับสนิทขนาดที่ไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกเลยหรือ? แต่.. เขาก็รู้สึกสดชื่นเหมือนกับได้นอนหลับมาอย่างเต็มอิ่ม เขาผลุดลุกขึ้นนั่งโดยไม่มีอาการงัวเงียเลยแม่แต่น้อย แล้วเขาก็เอ่ยขานรับแม่ในทันที
“ ตื่นแล้วครับแม่ อีกสักเดี๋ยวจะออกไปครับ ”
“ อ้อ.. ตื่นแล้ว งั้นแม่เข้าไปนะ จะเอาผ้าไปใส่เครื่องซักให้ ”
แล้วเขาก็ได้ยินเสียงแม่เขากำลังจะหมุนประตูลูกบิดเข้ามาด้วยความเคยชิน เพราะเกือบทุกเช้า แม่เขาก็มักทำแบบนี้เป็นประจำ ชีวินเหลือบมองตัวเองแล้วก็ตาเบิกโพลง เพราะพบว่า.. ตัวเขาเองกำลังเปลือยเปล่า ตายละ นี่เขาแก้ผ้าตั้งแต่ตอนไหน? เมื่อคืนก็นอนใส่เสื้อผ้าปกตินี่นา แล้วทำไมตื่นมาจึงไม่มีเสื้อผ้าติดกายเลยสักชิ้น นี่ถ้าแม่เปิดเข้ามาเจอเขาในสภาพโล่งโจ้งแบบนี้เขาคงอายตายเลย ก็เขาไม่ใช่เด็กชายตัวน้อยๆอีกแล้วนี่นา อะไรต่อมิอะไรของเขามันเป็นแบบผู้ใหญ่หมดแล้ว เขารู้สึกตกใจและรีบเอ่ยอย่างระล่ำระลัก แล้ววิ่งไปที่ประตูห้องแล้วกดล๊อคในทันที
“ แม่.. แม่อย่าเพิ่งเข้ามานะครับ วินกำลังโป๊อยู่ เดี๋ยววินเอาผ้าออกไปให้เองครับ ”
“ อ้อ.. เหรอ? กำลังโป๊แล้วทำไมไม่รู้จักล๊อคประตู ดูสิ.. แม่เกือบจะเปิดผลั๊วะเข้าไปแล้ว ถ้างั้นก็รีบๆลงมานะลูก สายมากแล้ว เดี๋ยวจะกินอะไรไม่ทันนะวิน ”
“ ครับแม่ ”
ชีวินตอบรับจากในห้องพร้อมกับยืนกุมแก่นกายตัวเองอย่างรู้สึกอยากปกปิด แม้จะรู้ว่า.. แม่ไม่เข้ามาแล้วก็ตาม จนเมื่อ.. หลังจากที่ชีวินได้ยินเสียงแม่เขาเดินลงข้างล่างไปแล้ว เขาก็เหลือบมองมายังเตียงนอนก็พบว่า.. เสื้อผ้าของเขากระจัดกระจายอยู่บนเตียง เขาไม่เคยนอนแก้ผ้าแบบนี้มาก่อนเลย ไม่เคยแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ นี่.. มันเป็นไปได้อย่างไรกันที่เขาจะถอดเสื้อผ้าตัวเองออกยามหลับโดยที่เขาไม่สึกรู้ตัว เขารู้สึกงุนงงตัวเองจริงๆ แล้วนั่น.. บนที่นอน มันมีคราบด่างดวงของธารรักของเขาที่แห้งแล้ว เป็นหย่อมๆอยู่หลายจุดใหญ่ ซึ่งถ้าใครมาเห็น ก็ต้องรู้แน่นอนว่ามันคืออะไร? เขาก้มลงมองส่วนกลางลำตัวของตัวเองไล่มาจนถึงราวสะดือ ก็พบคราบแห้งกรังอยู่บริเวณตรงส่วนนั้นและหน้าท้องของตัวเอง คงจะออกมาเนืองนองพอดู จึงทิ้งร่องรอยไว้ถึงขนาดนี้ นี่เขานอนฝันเปียกหรือไรกันเ ขาจะรู้สึกหื่นอะไรกันได้ขนาดนี้ ถึงขนาดปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกหมดโดยที่ไม่รู้ตัว ความจริง.. เมื่อเย็นวานระหว่างอาบน้ำเขาก็หลั่งไปแล้วครั้งหนึ่งแล้วนี่นา เขาเริ่มลำดับความคิด แล้วเขาก็นึกถึงในความฝันเมื่อคืน จริงสิ ใช่แล้ว มันช่างวาบหวามเสียเหลือเกิน ความฝันแบบนี้ แบบที่ไม่เคยฝันมาก่อน มันช่างเหมือนจริงและเขาก็จดจำได้อย่างแม่นยำเลยทีเดียว แล้วนี่.. เขาจะจัดการกับคราบธารรักบนที่นอนอย่างไรดี ขืนปล่อยไว้แบบนี้ แม่คงต้องมาเห็นแน่ๆ แม่อยู่บ้านตลอดและชอบเข้ามาดูแลความเรียบร้อยในห้องเขาให้อยู่เสมอๆ จะทำไงดีละเนี่ยนี่ก็สายมากแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีเวลาแล้วด้วย งั้น.. เดี๋ยวค่อยหาอะไรมาปิดๆไว้ก่อนดีกว่า เย็นนี้กลับมาค่อยมาจัดการ แล้วชีวินก็หันไปหยิบผ้าขนหนูมาพันกายส่วนล่างแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป..
. . . .
.
.
.
 “ วิน วิน เป็นอะไร? นั่งเหม่ออยู่ได้ ดูแปลกๆชอบกล แล้วนี่..  เลิกเรียนตั้งนานแล้ว นายไม่กลับบ้านเหรอ? ”
เสียงเอ่ยทักพร้อมสัมผัสที่มาโอบไหล่ ปลุกชีวินให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ นี่เขามัวนั่งคิดถึงรสสัมผัสอันวาบหวิว และความฝันอันสวยงามที่สุดแสนประทับใจเมื่อคืนอยู่เงียบๆอย่างเหม่อลอย ดูเป็นที่ผิดสังเกตของเพื่อน จนถูกเอ่ยทักด้วยความแปลกใจ จริงสิ.. ทำไมเขาจึงเป็นแบบนี้ไปได้ ความจริงมันก็แค่ความฝัน และความรู้สึกถึงสัมผัสแปลกๆที่ดูเหมือนกับว่า.. เขาจะคิดไปเองด้วยความเพ้อฝันด้วยซ้ำไป เขานี่ถ้าจะเพ้อเป็นตุเป็นตะเสียมากมาย เขาหันไปยิ้มให้กับเพื่อนชายคนที่เอ่ยทัก เพื่อนชายคนนี้ คนที่ดูจะให้ความสนิทสนมกับเขาเสมอมา จนบ่อยครั้งที่เขากลัวใจตัวเองว่าจะถลำใจไปรักเพื่อนเข้าให้ เขาพยายามไม่อยากจะคิดอะไรมากกับเพื่อนคนนี้ ด้วยว่า.. เห็นว่าเป็นเพื่อน ชีวินเอ่ยตอบคำถามนั้นด้วยน้ำเสียงที่รื่นเริง
“ ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่.. นั่งคิดอะไรเล่นๆน่ะ เดี๋ยวเราก็จะกลับแล้วละพัฒน์ ”
“ อืม.. อาการแบบนี้ ดูคล้ายๆคนที่กำลังมีความรักเลย ตอนนี้นายกำลังเป็นแบบนั้นหรือเปล่า? ”
“ ก็.. อาจจะเป็นงั้นมั๊ง? ไม่รู้สิ ไม่ค่อยแน่ใจ ”
“ อั่นแน่!! แล้วนี่.. นายพอจะบอกได้ไหมว่าใคร? ”
“ ก็คง..  จะบอกไม่ได้หรอก เพราะ มันไม่มีเว๊ย ยังหาไม่ได้เลย หึหึ ช่างมันเถิดพัฒน์ เราก็เพ้อๆแบบนี้แหละ เออ.. เราจะกลับแล้วละพัฒน์ แล้วนี่นายจะกลับหรือยัง? ”
“ เราว่า.. จะไปเตะบอลเล่นก่อนสักพักค่อยกลับน่ะ ”
“ ถ้างั้นเรากลับก่อนนะ แล้วเจอกันวันจันทร์นะพัฒน์ ”
“ อืม.. โชคดีวิน แล้วเจอกัน ”
หลังจากกล่าวล่ำลา ชีวินก็ปลีกตัวเดินออกมา เขาเดินคิดอะไรเล่นเรื่อยเปื่อยจนมาถึงบริเวณสนามบาสเก็ตบอล แล้วดูเหมือนกับว่า.. เขารู้สึกเย็นวาบบริเวณต้นคอด้านหลัง มันเหมือนกับว่า.. มีใครสักคนอยู่ที่ด้านหลังของเขาแบบประชิดตัว เขารู้สึกแบบนั้นจึงหันไปมองในทันที แล้วเขาก็ได้พบว่า.. ลูกบาสเก็ตบอล กำลังพุ่งมาทางเขาด้วยความเร็วและแรง เขาเห็นดังนั้น จึงรีบเบี่ยงตัวหลบในทันที..
“ พี่ ขอโทษนะครับ พอดีผมรับลูกพลาด ดีนะที่พี่หลบทัน ไม่งั้น ถ้าโดน พี่คงจะเจ็บแย่เลย ”
เด็กรุ่นน้องที่วิ่งตามมาเพื่อเก็บลูก เอ่ยขอโทษเขาด้วยน้ำเสียงระล่ำระลัก
“ อืม.. ไม่เป็นไร คราวหลังก็ระวังหน่อยแล้วกัน มันอันตรายนะ นี่ถ้าพี่หลบไม่ทัน ก็คงโดนเข้าไปเต็มๆเลย สงสัยคงมึนจนนั่งนับดาวเลยละ ”
ชีวินกล่าวตำหนิเล็กน้อย จนเห็นว่า.. เจ้าเด็กรุ่นน้องคนนั้นดูจะหน้าเสีย เขาจึงไม่อยากพูดอะไรมาก ด้วยเขาเข้าใจดีว่า.. มันน่าจะเป็นการไม่ได้ตั้งใจจริงๆของเด็กรุ่นน้องคนนี้และเพื่อนๆกลุ่มที่เล่นบาสเก็ตบอลด้วยกัน
“ ครับ ขอโทษนะครับพี่ ”
ชีวินพยักหน้าตอบรับและไม่กล่าวว่ากระไรต่อ แล้วเขาก็ออกเดินต่อพลางนึกด้วยความประหลาดใจว่า.. มันเป็นความบังเอิญ หรือว่า.. จะมีบางอย่างมาเตือนเขา เขานึกมาถึงตรงนี้ก็ขนลุกซู่ขึ้นมาทันที แต่แล้ว.. เขาก็รีบเปลี่ยนความคิด ด้วยว่ารู้สึกหวาดๆ มันคงจะเป็นความบังเอิญจริงๆนั่นแหละ เขาเดินมาจนถึงบริเวณป้ายรถประจำทาง ก็พบว่ามันคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเหมือนดังเช่นเคย ชีวินเห็นดังนั้นเขาก็ไม่ใคร่อยากรีบกลับมากนัก เขานึกในใจว่า.. พรุ่งนี้ก็หยุด เดี๋ยวแวะไปไหว้พระที่วัดอีกดีกว่า ไหว้แล้วสบายใจดี เขาจึงเดินดิ่งมาที่วัดจนมาถึงในเวลาที่ไม่นานนัก ณ บริเวณตู้รับบริจาคเขาก็พบแม่ชีท่าทางใจดีท่านเดิม นั่งยิ้มให้เขาอยู่ แม่ชีท่านคงจะจำเขาได้กระมัง? เพราะเมื่อเย็นวานเขาก็มาครั้งหนึ่งแล้ว เขาล้วงเงินในกระเป๋า แล้วหย่อนลงตู้รับบริจาค ระหว่างนั้น เขาก็ได้ยินแม่ชีท่านนั้นเอ่ยทักทายเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ มาไหว้พระอีกหรือจ๊ะหนู ”
“ ครับ มาไหว้แล้วอิ่มใจดีน่ะครับ วันนี้ว่างๆ เลยอยากมาไหว้อีก ”
“ ดีแล้วละลูก หนูนี่เป็นเด็กดีจังเลย ดูจะเป็นคนใจบุญสุนทาน  มิน่า.. ถึงได้มี.. เอ่อ.. เอ้อ.. ดอกไม้ธูปเทียนนั่น หนูหยิบเลือกเอาตามสบายเลยนะลูก ”
“ เอ่อ.. ขอบคุณครับ ”
แม่ชีพูดแปลกจัง เหมือนอยากจะบอกอะไรบางอย่าง แต่ก็หยุดไว้เพียงแค่นั้น ชีวินรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เขาตอบรับ แล้วหันไปหยิบเครื่องบูชาจนครบตามความต้องการ จนเมื่อ.. ชีวินสักการะไหว้พระจนเรียบร้อยทุกขั้นตอนจนรู้สึกสบายใจ เขาก็ออกมาเดินเตร็ดเตร่บริเวณภายนอกของโบสถ์ และตรงไปยังช่องบรรจุอัฐิของเด็กหนุ่มคนนั้นในทันที เขาแปลกใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไม เขาจึงดูสนใจมากมายขนาดนี้ เขามีความรู้สึกสนใจใคร่รู้เรื่องราวต่างๆของเจ้าของอัฐิคนนั้นเสียเหลือเกิน มันเป็นเพราะอะไรกันนะ เขาแลเห็นหญิงวัยกลางคนกำลังเอาพวงมาลัยคล้องที่บริเวณแผ่นป้ายหินอ่อนที่สลักชื่อ วันเดือนปีเกิดและวันสิ้นอายุไขของเด็กหนุ่มคนนั้นอยู่ นี่คงจะเป็นญาติของเด็กหนุ่มคนนั้นกระมัง? เขาลอบสังเกตท่าทีที่ดูเศร้าสร้อยของคุณป้าท่านนั้น ก็นึกคาดเดาในใจว่าน่าจะเป็นคุณแม่ของเจ้าของอัฐิคนนี้แน่นอน ชีวินกำลังคิดอยู่ว่าเขาจะถามคุณป้าท่านนั้นดีไหมหนอ? มันจะดูน่าเกลียดหรือเปล่า? แต่เขาก็อยากรู้จริงๆนี่นา แล้วนี่เขาจะทำเช่นไรดี จนเมื่อความอยากรู้มันเอ่อท้นจนท่วมหัวอก เขาตัดสินใจเอ่ยปากถาม
“ คุณป้าครับ เอ่อ.. อัฐินี้เป็นญาติคุณป้าเหรอครับ? ”
หญิงวัยกลางคนนั้นหันมามองชีวินด้วยท่าทีประหลาดใจ แต่ก็เอ่ยตอบรับคำถามของชีวิน
“ ใช่จ้ะ ลูกชายป้าเอง มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ? ”
“ เอ่อ.. ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีผมเคยเห็นแบบผ่านๆ คือเคยมาดูๆแถวๆที่เก็บอัฐิแถวนี้เล่นๆน่ะครับ ดูเหมือนว่า เขาจะเสียตั้งแต่อายุไม่มากเท่าไรเลยนะครับ ”
“ อืม.. จ้ะ เขาตายตอนอายุราวๆ 20 กว่าๆ ถ้ายังอยู่ถึงวันนี้ ก็คงจะย่าง 22 แล้ว.. ทำไมป้าดูเหมือนหนูจะสนใจลูกชายของป้าแบบนี้ละจ๊ะ นี่หนูเคยรู้จักกับเขาหรือเปล่า? หรือว่าเป็นเพื่อน?  ”
“ เอ่อ.. ปละ เปล่า ครับ คือ คือว่า.. ผมเคยมีเพื่อนรุ่นพี่ที่นับถือมากๆคนหนึ่ง แล้วเขาก็เสียไปเมื่ออายุประมาณเท่าพี่คนนี้ เอ่อ.. ลูกชายของคุณป้าน่ะครับ ผมก็เลยนึกถึงพี่คนนั้นที่ผมนับถือขึ้นมา พอดีเห็นคุณป้ากำลังเอาพวงมาลัยมาคล้อง เลยคิดว่า.. คุณป้าน่าจะกี่ยวพันเป็นญาติ หรือเป็นคุณแม่ ผมก็เลย.. เอ่อ คือว่า.. ผมก็เลยอยากจะถามดูน่ะครับ ”
“ อ่อ จ้ะ ”
“ ขอประทานโทษนะครับ คือ.. แบบว่า.. เขา เอ่อ.. เขา.. เป็นอะไรถึงเสียครับ ”
ชีวินนึกแปลกใจตัวเองเหลือเกิน ทำไมเขาจึงกล้าพูดปดออกไปได้ขนาดนั้น คงเพราะความอยากรู้จนท่วมอกกระมัง? จึงทำให้เขากล้าได้ถึงเพียงนี้ เขาลอบมองสีหน้าของคุณป้าท่านนั้น ก็ดูเหมือนว่าจะสลดลง จนเขารู้สึกผิดที่ดูเหมือนตัวเองไปกวนตะกอนความเศร้าในใจของคุณป้าท่านนั้น เขาเห็นแววตาของคุณป้าท่านนั้นมองมาที่เขาด้วยความแปลกใจในคำถามของเขา แต่ก็เอ่ยตอบคำถามเขา ด้วยน้ำเสืยงที่สั่นเครือ
“ เขาฆ่าตัวตายน่ะหนู เชือดข้อมือจนเลือดออกจนตาย คือ.. พอดีมีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่เรามีเรื่องที่ไม่เข้าใจกันหลายอย่าง เขาเลยย้ายออกจากบ้านไปอยู่กับเพื่อน แล้วก็หายเงียบไปนานเลย ติดต่อก็ไม่ได้ จนป้ามารู้ข่าวอีกที เขาเสียแล้วน่ะจ้ะ ”
“ โอว.. น่ากลัวจริงๆ ขอโทษนะครับ ผมเสียใจด้วย ผมไม่ถามเลยครับ ขอโทษจริงๆนะครับ ”
“ ไม่เป็นไรหรอกหนู เรื่องมันผ่านมานานแล้ว คงจะแก้ไขอะไรไม่ได้อีก แต่.. ป้าอยากจะเตือนหนู อย่าทำแบบลูกชายของป้านะ รู้ไหม? ว่าการทำแบบนี้ พ่อแม่จะเสียใจมากแค่ไหน? ”
ชีวินได้ยินดังนั้น เขาก็รู้สึกผิดเหลือเกิน มันเป็นโศกนาฎกรรมที่น่าเห็นใจจริงๆ ความจริง เขายังมีสิ่งที่อยากรู้อีกมากมาย แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามอะไรอีกแล้ว มันดูจะเป็นเรื่องเศร้า และไม่สมควรถามเป็นอย่างยิ่ง เขาเอ่ยตอบรับ และขอปลีกตัวออกมาในทันที
“ ครับคุณป้า ขอบคุณนะครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ”
ชีวินรู้สึกเศร้าสลดกับชะตากรรมของเด็กหนุ่มเจ้าของอัฐินั้น ความสบายใจจากการไหว้พระเมื่อครู่ที่ผ่านมามลายหายไปสิ้น เขาไม่น่าอยากรู้อะไรแบบนี้เลย เขาเกิดคำถามขึ้นใจใจอีกครั้ง ว่า.. ทำไม? หลังจากที่เขามาไหว้พระเมื่อวาน ดูจะมีสิ่งแปลกๆเกิดขึ้นกับเขามากมายหลายอย่าง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา แล้วทำไมเขาจึงต้องมาสนใจเรื่องราวของคนที่ไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำ มันอะไรกันนี่? เขามัวเดินคิดอะไรในใจ จนมารู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงเอ่ยทักจากแม่ชีสูงวัยที่ใจดี
“ จะกลับแล้วหรือลูก ”
“ เอ่อ.. ครับ เย็นมากแล้ว ผมว่าจะกลับแล้วละครับ ”
“ อืม.. หนูเนี่ยเป็นคนที่จิตใจดีมีเมตตานะ มีบุญบารมีด้วย ถึงได้.. เอ่อ.. มี.. เอ้อ.. ยังไงก็.. ดูแลกันดีๆนะลูกนะ กลับเถิดลูกนี่ก็เย็นมากแล้ว ”
“ ครับ ”
ชีวินตอบรับ พ้อมกับยกมือไหว้ล่ำลา ด้วยความงุนงงในคำพูดของแม่ชีที่ดูแปลกแปร่งอีกครั้งหนึ่งแล้ว เหมือนแม่ชีอยากจะบอกอะไรเขา แต่ก็ดูเหมือนแม่ชีจะไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านั้น แล้วทำไมแม่ชีจึงไมพูดออกมานะ ทำราวกับว่า.. สิ่งที่แม่ชีจะพูดอกมา จะทำให้เขาหวาดกลัว แม่ชีจะบอกว่า.. มีอะไร? แล้ว.. ดูแลกันดีๆ? นี่มันหมายความอย่างไร? เขาอยากจะเอ่ยถาม แต่ก็ไม่รู้จะถามว่ากระไรดี คงทำได้แต่เพียง เก็บงำความสงสัยไว้ในใจคนเดียว เขาเดินเรื่อยๆเอื่อยๆ เพื่อจะตรงกลับบ้าน แล้ว.. เขาก็รู้สึกอีกแล้ว สัมผัสอบอุ่นแบบนี้ เหมือนกำลังมีบางสิ่งโอบกอดเขาไว้ แล้วเดินเคียงมาด้วยกัน รู้สึกแบบนี้จริงๆ นี่มันอะไรกันแน่ เรารู้สึกไปเองใช่ไหม?  ชีวินถามใจตัวเองด้วยความคลางแคลงใจ แต่.. เขาก็รู้สึกอบอุ่นใจจากความรู้สึกถึงสัมผัสนี้ด้วยเช่นกัน..

********

*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอนใหม่วันนี้ 21-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 21-02-2009 10:24:28
เข้ามาอ่านเรื่องใหม่
อ่านแล้วรู้สึกจาเป็นเรื่อง :m26:
ออกแนวลึกลับ.......หรือเปล่า
กลัว.....แต่.........อยากอ่านต่อค้าบ :m29:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอนใหม่วันนี้ 21-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 21-02-2009 13:40:50
อ่านไป หลอนไป บรื๋อออออ  แต่ก็อยากอ่านต่อแล้ว  :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอนใหม่วันนี้ 21-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 21-02-2009 23:08:11
อบอุ่นดีคับ
แต่ถ้าเลือกได้ ไม่เอาดีกว่า กลัวอ่ะ
บรื๊ย!!!!!!
 :serius2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอนใหม่วันนี้ 21-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 22-02-2009 04:08:12
 o13 o13 o13
ซี แก้ในเรื่องของรายละเอียดได้ดีขึ้นเยอะเลย
ปมเรื่องดูจะเริ่มชัดเจนมากขึ้นเนื้อเรื่องสนุกดีพี่ชอบ
การลำดับเหตุการณ์ที่มีความชัดเจนในเรื่องของเวลาว่าหลังจากชายคนนั้นตายไป
สองปีหลังจากนั้นเค้าก็ยังคงอยู่ในมิติที่ไม่เป็นไปตามทางที่ควรจะเป็น
แสดงให้เห็นว่าเวลาตามอายุขัยคงจะยาวกว่านี้แน่แล้วการที่ออกมาจากมิตินั้นมาติดตาม
ชีวินได้เนี่ย ก็เป็นปมที่น่าคิดมากว่าเกิดจากสิ่งต่างๆที่คิดแล้วเกิดขึ้นมาในหัวนั่นรึเปล่า
แล้วทำไมต้องเป็นชีวิน หรือเพราะเค้าอาจมีบางอย่างที่คล้ายคลีึงกับปอนหรือ...
หรือว่าเพราะลิขิตบางอย่างได้บอกว่า ชีวิน คือ ผู้ที่จะมาปลดปล่อยตนเองออกจากโลกที่อยู่นี้ได้
แต่แหมพออ่านตอนนี้แล้วคิดว่าเราเป็นชีวินขึ้นมาเอง
เรื่องแบบนี้มันทำให้รู้สึกเสียวๆเหมือนกันนะเนี่ยว่าจะต้องเจอกับตัวเองแล้วมันจะเป็นยังไง
ท่าทางจะมีความสุขแบบแปลกๆนะเนี่ย แต่นี้คงเป็นเรื่องที่เกิดได้ยากละ อิๆ
แล้วจะรออ่านต่อ นะซี เรื่องอย่างว่าอะเต็มที่ได้เลยพี่ชอบ
                                                                                                          นิว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอนใหม่วันนี้ 21-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 22-02-2009 05:23:14
หวัดดีค้าบซี
เข้ามาอ่านตามคำชวนแล้วนะค้าบ

เรื่องสนุกมากเลย บวก 1 ให้เลยค้าบ
แหวกแนวเรื่องส่วนใหญ่ในนี้ สร้างสรรค์มาก
มีมุมที่ต้องคาดเดาหลายประเด็น ทำให้น่าค้นหา ชวนติดตามค้าบ

ส่วนเรื่องอื่นพี่ส่งเป็นข้อความไปหาแล้วนะค้าบ

 :กอด1: ซี แล้วจามาอ่านต่อนะ ชอบๆๆๆมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอนใหม่วันนี้ 21-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: High_Wizard ที่ 22-02-2009 16:04:31
เอาตอนใหม่มาลงก็มิบอกกล่าวกันเลยนะท่าน เหอะๆ

กะไว้ว่าหลังสอบ GAT-PAT แล้วจะไปหาตัดแว่นซะหน่อย สายตาเสียแล้วมั่งนิ อ่านหนังสือแล้วตาลาย

ตอนใหม่นี้ก็ดีนะ มีช่วงให้ตื่นเต้นๆด้วย เสียวๆชอบกล




เป็นกำลังให้นะซี..........แล้วเอามาลงต่ออีกละ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอนใหม่วันนี้ 21-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 22-02-2009 22:48:25
อบอุ่นแบบสยิวยะเยือก ๆ  :sad3:

แต่สนุกและลุ้นดีจ้า มาต่ออีกไวๆ เน้อ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอนใหม่วันนี้ 21-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 23-02-2009 13:48:50
ถ้าเจอกับตัวเองแบบนี้คงขนหัวลุกแน่ๆอ่ะ o21
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอนใหม่วันนี้ 21-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 24-02-2009 22:25:36
ซีเอ้ยย ทู้ตกไปอยู่หน้า2 แล้ววววว

ขุด ขุด ทู้ขึ้นมา

เฮ้ออ เหนื่อยย



ซีอ่านแล้วมันยะเยือก ขนลุกอ่ะ

อะจึ๋ยย แนวนี้ หยองงง

หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร? 26-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 26-02-2009 11:29:49
ขอขอบพระคุณ สำหรับทุกคอมเม้นมากนะครับ ผมโหวต+1ให้เพื่อเป็นการขอบคุณพี่ๆทุกท่านครับ
ขอบคุณกอป ขอบคุณพี่แนน ขอบคุณพี่นิว ขอบคุณพี่น้ำตาล ขอบคุณพี่nOn†ღ ขอบคุณพี่pickki_a ครับ ^^

ติดตามตอนต่อไปกันได้เลยนะครับผม อาจจะดูน่ากลัวไปสักนิด แต่ผมก็ตั้งใจเขียนเต็มที่จนรู้สึกขนลุกหน่อยๆ เพราะรู้สึกหวาดๆ หลอนๆอยู่เหมือนกัน แหะๆ :o


เขา.. ใคร? (1)

(http://img100.imageshack.us/img100/8438/a004.jpg)

ชีวินเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนหลังจากที่เขากลับมาถึงบ้าน แล้ว.. เขาก็พบว่า.. ผ้าปูที่นอน ได้ถูกเปลี่ยนให้แล้ว นี่แม่เขาคงจะมาจัดการให้จนเรียบร้อยแล้วละสิ ถ้าเช่นนั้น.. แม่ก็คงจะเห็นคราบธารรักของเขาที่เป็นด่างดวงเลอะบนผ้าปูที่นอนจึงได้มาเปลี่ยนใหม่ให้ ชีวินคิดดังนั้น.. เขาก็รู้สึกอายอยู่เหมือนกัน แต่ก็ดูจะไม่มากเท่าไรนัก เขาคิดว่าแม่น่าที่จะเข้าใจ ก็มันเป็นเรื่องธรรมชาตินี่นา อีกอย่าง.. นี่ก็แม่ของเขาเอง คนอื่นเสียที่ไหน? มิน่า.. เมื่อกี้ก่อนเดินขึ้นมาบนห้อง ก็เห็นแม่ยิ้มแปลกๆให้เขา แต่แม่ก็ไม่ได้กล่าวว่ากระไร เมื่อชีวินนึกมาถึงตรงนี้.. ใบหน้าเขาก็ร้อนวูบวาบด้วยความประหม่าอาย ถึงจะรู้ดีอยู่แก่ใจทุกอย่าง แต่เขาก็อดที่จะรู้สึกเขินอายใม่ได้ เขารู้สึกเช่นนั้นเพียงชั่วครู่ ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอีก จากนั้นชีวินก็จัดแจงเปลื้องเสื้อผ้าออกเพื่อเตรียมไปอาบน้ำชำระร่างกาย ระหว่างนั้น.. เขาหวนนึกถึงรสสัมผัสที่วาบหวามระหว่างอาบน้ำเมื่อวันวาน แล้ว.. ส่วนนั้นของเขาก็ค่อยๆเริ่มชูชันขึ้นมาทันที ชีวินลูบไล้ร่างเปลือยตัวเอง ตาหรี่ปรือ แล้วเอ่ยพึมพำกับตัวเองเบาๆเหมือนคนละเมอ
“ โอว.. อยากได้รับรสสัมผัสแบบเมื่อวานอีกจังเลย เหมือนเมื่อตอนที่กำลังอาบน้ำ มันทำให้.. รู้สึกดีเหลือเกิน ”
รู้สึกแล้ว ชีวินเริ่มรู้สึกอีกแล้ว ทันทีที่ชีวินเอ่ยพึมพำจบลง เขาก็เริ่มรู้สึกเหมือนได้รับสัมผัสนั้นอีก สัมผัสแบบเดิม สัมผัสที่ดุจดัง มีใครบางคนมาตระคองกอดเขาอย่างอ่อนหวาน โลมไล้เขาไปทั่วเรือนร่าง จนเขารู้สึกตัวเบาหวิว เคลิบเคลิ้มจนเหมือนดังจะลืมตัว เขาเดินเปล่าเปลือยออกห้องด้วยดวงตาเหม่อลอย เดินเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในความรู้สึกที่จมอยู่ในภวังค์จนเกินที่จะควบคุมตัวเอง เขาตรงไปยังห้องน้ำ ทั้งที่ไม่มีอาภรณ์ปิดกายเลยแม้สักชิ้น ไม่มีแม้.. ผ้าขนหนูสักผืนที่พันกายปกปิดส่วนล่างของเขาที่กำลังชูชันอย่างเต็มที่ด้วยอารมณ์ที่กำลังจมดิ่งลึกสู่ห้วงแห่งความปรารถนา..
.
.
.
.
.
ชีวินยืนพิงผนังห้องน้ำอย่างอ่อนแรง เขาหอบเบาๆด้วยความรู้สึกเปี่ยมไปด้วยความหฤหรรษ์ ภายหลังจากที่ถึงขีดสุดแห่งห้วงอารมณ์ปรารถนา จนทะลักหลั่งธารรักออกมาเนืองนองเต็มพื้นห้องน้ำด้วยความเสียวกระสันต์จากรสสัมผัสแบบเดิม ที่แสนจะอ่อนหวานและวาบหวาม จากนั้น.. เขาก็ชำระร่างกายอย่างอ้อยอิ่ง และพิถีพิถันจนสะอาดเอี่ยม จนเมื่อเรียบร้อยดี เขาก็เอื้อมมือไปคว้าที่ราวตากผ้าตรงผนังห้องน้ำด้วยความเคยชิน แต่แล้ว.. เขาก็พบแต่ความว่างเปล่า
“ ตายละ.. ผ้าเช็ดตัว? นี่เราเดินแก้ผ้าเข้ามาอาบน้ำ โดยไม่ได้เอาผ้าเช็ดตัวมาด้วยหรือเนี่ย? ทำไปได้อย่างไร? นี่เราลืมตัวถึงขนาดนี้เลยหรือ? ดีนะ ที่พ่อกับแม่อยู่ข้างล่างกันทั้งสองคน ไม่งั้นคงมาเห็น แล้วเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? นี่.. พักนี้เราเป็นอะไรไปนะ? ทำไมจึงเป็นแบบนี้ไปได้ ดูเหมือนกับว่า.. เราจะทำแต่เรื่องแปลกๆ แบบที่ไม่เคยทำมาก่อนอย่างเหลือเชื่อเลย เวรกรรมจริงๆ เฮ้อ!! ”
ชีวินนึกตำหนิตัวเอง ที่ดูจะเหม่อลอยจนป้ำเป๋อจนดูน่าขัน เขาเปิดประตูห้องน้ำ แล้วเหลียวซ้าย แลขวา เมื่อเห็นแล้วว่าไม่มีใคร เขาก็กำลังจะเดินออกมาทั้งที่ตัวเปียกซ่ก และกำลังที่จะตรงเข้าไปในห้องตัวเองอย่างรีบๆ แต่แล้ว.. เขาก็เหลือบไปเห็นว่าพ่อของเขา กำลังเดินขึ้นบันไดมา ชีวินเห็นดังนั้น ก็นึกใจใจว่า.. คงไม่ทันแล้ว เดี๋ยวพ่อคงต้องเห็นเขาวิ่งแก้ผ้าโทงเทงเข้าห้องแน่เลย ถ้าพ่อเห็น แล้วพ่อจะคิดอย่างไร เขาโตจนเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้ว มาทำอะไรแบบนี้มันดูจะพิลึกเกินไปหน่อย ถึงเขาและพ่อ จะเป็นผู้ชายด้วยกันก็เถิด แต่เขาก็อดที่จะรู้สึกอายไม่ได้ เขาจึงรีบผลุบเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง แล้วค่อยๆแง้มประตูโผล่หน้าออกมาเอ่ยเรียกพ่อของเขาที่กำลังเดินผ่านหน้าห้องน้ำนั้น ในทันที
“ พ่อครับ พ่อ ”
“ มีอะไรหรือลูก? ”
“ พ่อช่วยหยิบผ้าเช็ดตัวในห้องให้วินหน่อยได้ไหมครับ แหะๆ พอดีวินลืมน่ะครับ ”
“ อ้าว.. แล้วนี่วินเข้าไปอาบน้ำ ไม่ได้เอาผ้าเช็ดตัวเข้าไปด้วยหรือลูก? เดินไม่นุ่งผ้าไปเข้าห้องน้ำทั้งอย่างนั้นเลยหรือ? ”
พ่อของเขาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ พลางคิดในใจว่า.. นี่เจ้าวินคงจะเปลือยโทงเทงเดินเข้าไปอาบน้ำ ทำตัวแบบสบายๆ แบบผู้ชายๆ ด้วยคงจะเห็นว่าไม่มีใครเพราะอยู่ข้างล่างกันหมด  นี่พอเห็นเขาเดินมาก็เลยรีบผลุบเข้าห้องน้ำอีกครั้งด้วยความเขินกระมัง?
“ ปละ เปล่าครับ คือนุ่งแต่กางเกงในครับ ลืมเอาผ้าเช็ดตัวเข้ามาด้วย เมือกี้อาบน้ำเสร็จ ก็ซักกางเกงในจนเปียกไปหมดแล้ว ก็ ก็ เอ่อ.. คือ.. พอดีวินปวดท้องน่ะครับ เลยรีบเข้ามาในห้องน้ำก่อน แล้วก็เลยอาบน้ำไปเลย มันก็.. ก็ เลยลืมน่ะครับ ว่า.. ว่า.. ไม่ได้เอาผ้าเช็ดตัวเข้ามาด้วย  นี่กำลังจะเดินโป๊ออกไป พอดีเห็นพ่อกำลังเดินมา ก็เลยอายๆ แหะๆ ”
ชีวินจำต้องพูดปดด้วยเสียงอึกอัก ด้วยว่า.. เขาไม่รู้จะหาเหตุผลใดมาแก้ตัวได้ดีกว่านี้แล้ว ก็.. เขาจะไปบอกพ่อได้อย่างไร ว่า.. เขากำลังเคลิบเคลิ้ม กำลังมีอารมณ์หวิวเลยลืมตัวเดินเปลือยล่อนจ้อนเพื่อที่จะ.. ไปวาบหวามในห้องน้ำ ตายเลย ขืนบอกไปแบบนั้น พ่อคงจะเตะเขากลิ้งแน่ ฐานที่ทำอะไร ประเจิดประเจ้อ น่าอายได้ขนาดนั้น
“ อะไรกันเจ้าวิน เป็นงั้นไป เป็นเด็กเป็นเล็กขี้หลงขี้ลืม หึหึ เรานี่จริงๆเลย งั้น.. รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวพ่อจะไปหยิบมาให้ ”
พ่อของเขาเอ่ยบ่นๆแกมหัวเราะเบาๆด้วยนึกขันในความป้ำเป๋อของบุตรชาย เขาขยี้เส้นผมบุตรชายด้วยความรักและเอ็นดู แล้วก็เดินตรงไปยังห้องของชีวินเพื่อไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้
“ ขอบคุณครับพ่อ แหะๆ ”
ชีวินเอ่ยตามหลังพ่อของเขาด้วยน้ำเสียงที่ดูจะเก้อเขินเล็กน้อย
. . . .
.
.
.
.
.
เวลานี้.. เป็นเวลาเกือบ 2 ทุ่มแล้ว หลังจากที่ชีวินอาบน้ำเสร็จ และลงไปร่วมรับประทานอาหารเย็นกับพ่อแม่ของเขาจนเรียบร้อยจากนั้น..  ชีวินก็ปลีกตัวขึ้นมาบนห้องนอน เขาเปิดคอมพิวเตอร์ เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ท แล้วเปิดเวปหาข้อมูลต่างๆที่เขาสนใจ จวบจนเวลาผ่านไปได้ครู่ใหญ่ จนเขาเริ่มรู้สึกเบื่อๆ เขาจึงออนไลน์โปรแกรมแชทยอดนิยม เพื่อหาเพื่อนคุยเล่นๆแก้เหงา หลังจากออนไลน์เรียบร้อย เขาก็แวะทักทายเพื่อน 2-3 คนที่กำลังออนไลน์อยู่ในเวลานั้น  ก็ดูเหมือนว่า..  เพื่อนๆของเขาดูจะไม่ค่อยว่างคุยกับเขาเท่าไรนัก กว่าแต่ละคนจะตอบมาแต่ละครั้งก็ดูจะช้ามาก จนสักพักก็ดูเหมือนจะเงียบๆกันไป เขาจึงมาเปิดเพลง จากไฟลล์เพลงในคอมพิวเตอร์ฟังเพลงเล่นๆไปได้สักพักใหญ่ จนเขาเริ่มจะรู้สึกเบื่อๆ และกำลังคิดว่า จะปิดคอมพิวเตอร์แล้วไปเปิดทีวีดู ระหว่างที่กำลังจะปิดโปรแกรม และปิดคอมพิวเตอร์ ก็มีใครบางคน มาทักเขาจากโปรแกรมแชทออนไลน์
“ สวัสดีครับ ”
เขาตรวจสอบดูผู้ที่มาทักเขา ด้วยว่าอยากรู้ว่า.. เป็นเพื่อนคนไหน? ก็ไม่เห็นมีไอคอนที่เป็นสีเขียว ที่กำลังแสดงสถานะออนไลน์ ดิสเพลย์เนมก็ไม่มี อีเมลล์ก็ไม่มี ทำไมมันดูพิลึกจังเลย แล้วเขาจะรู้ไหม? ว่านี่ใครกันหนอ? ทำไมจึงดูแปลกพิลึกแบบนี้ หรือว่า.. โปรแกรมแชทของเขามันรวน? จึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ หรือ.. อาจจะเป็นไปได้ว่า.. อาจจะเป็นเพื่อนบางคนที่เขาเคยแอดมาคุย แล้วช่วงหลังๆก็ห่างๆกันไป เขาเลยไปลบออกโดยที่ไม่ได้บล๊อคก่อน ทางฝ่ายนั้นจึงเห็นเขา และมาทักเขาได้กระมัง? ชีวินนึกในใจว่า.. ไหนๆก็ทักมาแล้ว ลองคุยๆสักหน่อยก็ดี เขากำลังเหงาๆ เบื่อๆ พอดีเลย อยากรู้เหมือนกัน ว่าเป็นใคร?
“ สวัสดีครับ ผมวินครับ ไม่ทราบว่าคุณ? ”
“ เรียกเราว่า.. เอ็มก็ได้ ชื่อเล่นเราน่ะ ”
หลังจากที่ทางฝ่ายนั้นตอบมา ดิสเพลย์เนมทางฝ่ายนั้นก็ขึ้นมาเป็นชื่อว่า.. เอ็ม เขารู้สึกไม่คุ้นชื่อนี้เลย พยายามนึก แต่ก็นึกไม่ออก นี่เขาเคยมีเพื่อนทางโปรแกรมแชตชื่อเอ็มด้วยหรือ? แต่กระนั้น.. ชีวินก็ยังไม่เห็นอีเมลล์ของฝ่ายนั้นอีกเช่นเคย เขารู้สึกว่ามันช่างแปลกจริงๆ โปรแกรมของเขาคงจะกำลังรวนอย่างที่คิดกระมัง?
“ ครับเอ็ม ขอโทษนะครับ เราเคยคุยกันมาก่อนไหม? คือที่ถามแบบนี้ ก็เพราะว่า ผมอาจจะลืมไปจริงๆ จำไม่ได้จริงๆน่ะครับ ยังไงก็ขอโทษด้วยนะ คิดว่า.. ถ้าคุยกันสักพัก อาจจะพอนึกออกนะครับ ”
“ ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องกังวลอะไรมากหรอกวิน ไม่ต้องซีเรียสนะ เอาเป็นว่า.. ตอนนี้นายก็กำลังเหงา เราก็กำลังเหงา เราคงคุยกันได้ไม่ใช่เหรอ? วินคงจะไม่รังเกียจที่จะคุยกับเรานะ เรารู้สึกอยากคุยกับวินมากจริงๆ ”
“ ก็ไม่รังเกียจนะครับ คุยได้ครับ ”
วินพิมพ์ตอบรับไป แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า.. เอ็มรู้ได้อย่างไร? ว่าเขากำลังเหงา? แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก อาจจะเป็นเพราะ ที่เอ็มพิมพ์ตอบมาแบบนั้น คงเพราะ.. เอ็มก็คงจะกำลังเหงา และคงจะอยากคุยกับเขาจริงๆ หลังจากนั้น ทั้งเอ็มและเขาเริ่มคุยกัน แล้วชีวินก็ดูเหมือนกับว่า.. เขาและเอ็มจะเริ่มคุยกันอย่างถูกคอมากขึ้นทุกที เอ็มดูจะเข้าใจสรรหาเรื่องต่างๆมาคุยจนเขาไม่รู้สึกเบื่อเลย ลีลาสำนวนการพิมพ์คุยโต้ตอบของเอ็ม ทำให้ชีวินรู้สึกว่า เอ็มน่าที่จะอยู่ในวัยที่ไล่เลี่ยกันกับเขา อาจจะดูอายุมากกว่าเขานิดหน่อย เพราะมุมมองในบางเรื่อง ดูเหมือนเอ็มจะเข้าใจอะไรได้ดีกว่าเขา ยิ่งคุยก็ยิ่งสนุก เขารู้สึกสนิทใจกับเอ็มมากขึ้น จนในบางคราว เขาก็เอ่ยเหมือนระบายความอัดอั้นตันใจในบางเรื่อง และเอ็มก็ดูจะเข้าใจ ทั้งยังปลอบโยนและให้กำลังใจเขาได้เป็นอย่างดีจนเขารู้สึกสบายใจ เอ็มดูจะคุยอยู่กับเขาคนเดียวกระมัง? เพราะเอ็มจะตอบกลับมาแทบจะทันทีในทุกครั้ง เขาเริ่มรู้สึกชอบเอ็มเสียแล้ว จริงอยู่ว่า.. มันก็แค่.. เป็นเพียงในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้นที่ได้ทำความรู้จักกัน และมันก็แค่.. เพื่อนคุยทางโลกออนไลน์ มันดูจะฉาบฉวยไปหน่อยสำหรับมิตรภาพแบบนี้ แต่เขาก็รู้สึกว่า เขาอยากคบหา และคุยกับเอ็มอีกในครั้งต่อไป คิดดังนั้น เขาจึงพิมพ์ไปหาเอ็ม ด้วยข้อความที่ว่า..
“ คุยกับเอ็มเราสนุกจังเลย เออ เราขออีเมลล์นายหน่อยได้ไหม? ทางเรามันมองไม่เห็นอีเมลล์นายเลย ไม่รู้โปรแกรมเป็นอะไร? สงสัยจะรวนๆ เราจะขอแอดให้ไอคอนของนายขึ้นน่ะ เผื่อวันต่อไป ถ้าเราออนไลน์ขึ้นมาแล้วเห็นนายออนฯ เราจะได้มาทักได้ไง? เราชอบคุยกับนายนะเอ็ม ”
“ คงไม่ต้องหรอกนะ เอาเป็นว่า ถ้านายออนไลน์ขึ้นมา เราจะมาทัก มาคุยกับนายก่อนเลย เราสามารถคุยกับนายได้ตลอดเวลา ถ้านายยังอยากคุยกับเรานะวิน ”
วินรู้สึกแปลกใจ ทำไม? เอ็มจึงไม่ให้อีเมลล์เขา ก็เราคุยกันมาขนาดนี้เป็นชั่วโมงแล้ว เอ็มยังจะมาปิดบังอะไรเขาอีก ก็แค่อีมลล์ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย แค่ขอมาแอด ก็แค่นั้นเอง เขาลองมาคิดในแง่ดี เอ็มคงมีเหตุผลบางอย่างและไม่ค่อยสะดวกใจเท่าไรนัก อีกทั้ง.. เอ็มอาจจะออนไลน์อยู่บ่อยๆ คงพร้อมที่จะคุยกับเขาได้ตลอดจริงๆนั่นแหละ ถ้าเขาไม่สะดวกใจที่จะให้ ก็ไม่ควรจะไปฝืนใจ เอาเป็นว่า.. ทางเอ็มสามารถเห็นเขาออนไลน์ ถ้าเอ็มอยากคุยกับเขา ก็คงมาทักเขาเองตามที่เอ็มบอก เอาแบบนี้ก็ได้ อีกหน่อย ถ้ามีโอกาสได้คุยกันอีกครั้ง จนเอ็มสะดวกใจมากขึ้น เขาก็คงจะเสนอมาเอง ตอนนี้.. ก็คุยเล่นแก้เหงาแบบนี้ไปก่อน ไม่เห็นจะต้องไปซีเรียสอะไรมากมายเลย ชีวินรู้สึกเช่นนั้นในยามนี้
“ เอาแบบนั้นก็ได้นะเอ็ม ถ้าเอ็มเห็นเราออน ก็มาทักได้ตลอดเลยนะ เราจะมาคุยกับนายตลอดเลย สัญญาจริงๆ ”
“ ได้เลยวิน วิน นายรู้ไหม? นายน่ะ เป็นคนใจดีนะ ดูน่ารักดีด้วย จริงๆนะวิน ”
“ ใจดี? น่ารัก? น่ารักแบบไหน? แล้วเอ็มรู้ได้ไง นายเคยเห็นหน้าเราแล้วเหรอ? เออ จริงสิ เราอยากเห็นหน้านายจังเลย อยากรู้ว่าหน้าตาเป็นไง? ถึงได้คุยสนุกแบบนี้ นายมีรูปไหม? ขอดูหน่อยสิ เรามาแลกกันดูทางดิสเพลย์นะ เราเอาของเราขึ้นแล้ว นี่ไง รูปเรา ที่ดิสเพลย์ ”
“ น่ารักจัง น่ารักเหมือนตัวจริงเลย ”
น่ารักเหมือนตัวจริง? นี่เอ็มเคยเจอเขาด้วยหรือ? ทำไมเอ็มพูดแบบนี้ แล้วนี่.. เอ็มเป็นใครกันแน่ หรือ.. จะเป็นเพื่อนบางคนของเขา แล้วมาแกล้งอำเขาเล่นหรือเปล่า? ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาจะทำไปเพื่ออะไร? มันคงไม่สนุกนักหรอกที่มาทำแบบนี้ เพราะมันดูจะเสียเวลาจนเกินไป คงจะไม่ใช่แบบนั้นแน่ๆ หรือว่า.. ที่เอ็มพูดแบบนี้.. เอ็มก็แค่จะแกล้งอำเขาเล่นไปอย่างนั้น จะอย่างไรก็แล้วแต่.. ชีวินก็รู้สึกแปลกใจจริงๆ
“ อะไรของนายน่ะเอ็ม นายเคยเจอเราแล้วเหรอ? ถึงได้พูดแบบนี้ ว่าแต่.. ไม่เห็นนายขึ้นรูปที่ดิสเพลย์ให้เราดูบ้างเลย หรือว่า..นายไม่มีรูป? เราอยากเห็นหน้านายจริงๆนะเอ็ม ”
“ อยากเห็นจริงๆเหรอ? ”
“ ใช่ เราอยากเห็นจริงๆ ”
“ ก็ได้ งั้นรอเดี๋ยวนะ..
เอาละ นายลองหันไปข้างหลังสิ ตอนนี้.. เรามาอยู่ข้างหลังนายแล้ว ”
ชีวินอ่านคำตอบของเอ็มที่พิมพ์ตอบกลับมา เขาก็รู้สึกเย็นวาบ ขนลุกซู่ในทันที เขาเหลือบมองที่นาฬิกา ก็พบว่า.. เที่ยงคืนกว่าแล้ว นี่เขาคุยกับเอ็มมานานขนาดนี้แล้วหรือ? แล้ว.. นี่เอ็มมาอำอะไรเขาแบบนี้ ดึกขนาดนี้แล้ว ยังจะมาเล่นแบบนี้อีก มันดูจะน่ากลัวไปหน่อย ถ้าเอ็มไม่อยากให้เขาดูรูป ก็ไม่น่าที่จะมาแกล้งกันแบบนี้เลย ชีวินรู้สึกเคืองนิดหน่อย จึงพิมพ์ตอบกลับไปเหมือนกับจะต่อว่าเอ็มที่มาทำให้เขารู้สึกกลัว
“ เอ็ม อย่ามาล้อกันเล่นแบบนี้สิ เรากลัวนะ นี่มันก็ดึกมากแล้วด้วย มาอำแบบนี้ มันไม่ตลกเลยนะ ”
หลังจากชีวินพิมพ์ต่อว่ากลับไป เขาก็จดจ่อรอคำตอบของเอ็มอยู่ สักพัก เขาก็เห็นเอ็มพิมพ์ตอบกลับมาด้วยคำพูดเดิม
“ อยากเห็นก็หันมาสิ เรามาอยู่ข้างหลังนายแล้วไง อย่ากลัวเราเลยนะวิน ”
หลังจากที่อ่านคำพูดที่เอ็มพิมพ์ตอบกลับมาจบ ชีวินก็รู้สึกถึงสัมผัสบางอย่าง สัมผัสอันเยือกเย็น ที่เหมือน.. มีใครบางคนเอามือมาสัมผัสที่หัวไหล่เขาอย่างแผ่วเบาจากทางด้านหลัง และ.. เขาก็รู้สึกเหมือน.. มีใครบางคน อยู่ข้างหลังเขาจริงๆในระยะประชิดจนรู้สึกได้ ชีวินรู้สึกตกใจจนขนลุก เขารู้สึกหวาดกลัว จนมือไม้เย็นเฉียบไปหมด นี่เขา.. กำลัง.. โดน.. ไม่นะ ไม่จริง เขาพยายามคิดค้านในใจว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะเขารู้สึกกลัวขึ้มาจริงๆแล้ว บรรยากาศในตอนนี้ ก็ดูจะเย็นยะเยือกและวังเวงจนน่าขนลุก ชีวินนั่งนิ่ง ตัวแข็งทื่อ มือไม้อ่อน เขารู้สึกว่า.. เขาทำอะไรไม่ถูกแล้ว ความรู้สึกของชีวินกำลังอยู่ในระหว่างก้ำกึ่ง คือ.. หวาดกลัวจนจับใจ และก็อยากรู้เป็นที่สุดว่ามันเป็นสิ่งที่เขาคิดจริงๆใช่ไหม? ตอนนี้.. มันเหมือนกับว่า.. มีใครบางคนอยู่ข้างหลังเขาแน่ๆ ใช่แบบนั้นแน่ๆ เขากำลังตัดสินใจอยู่ว่า.. นี่เขาควรจะ.. หันไปมองดีไหม? เขาคิด.. แล้วก็รู้สึกเย็นวาบและขนลุกซู่ขึ้นมาอีกครั้งในทันที..

********

*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ^^

**ขอบคุณครับพี่นิว ผมแก้แล้วครับ^^"
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร? 26-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 26-02-2009 15:38:55
น่ากลัวจัง

สงสัยเวลาอยู่คนเดียวคงไม่กล้าหันหลังแล้วละ

ชอบมากค่ะ  สนุก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร? 26-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 26-02-2009 19:03:04
+1 ให้คุณ pikachu เป็น fc ติดตามมาทั้งสองเรื่อง ดีใจที่มาเขียนเรื่องนี้ให้อ่านอีก

เป็นเรื่องแปลกแหวกแนว ทำให้น่าติดตามมาก ภาษาที่เขียนก็คงต้องขอชมเหมือนเดิมว่า

ถูกต้อง ชัดเจน ชอบมากค่ะ ดีใจจังที่ยังมีคนรักภาษาไทยและเขียนหนังสือได้ถูกต้องน่าชมเชย

เป็นกำลังใจให้อนุรักษ์ความเป็นเอกลักษณ์นี้ไว้ให้ตลอดนะคะ

+1 ให้น้องนิวที่ช่วยวิจารณ์งานเขียนของคุณ pikachu ได้โดนใจแทนคนอ่านผู้อื่น วิจารณ์ได้เก่งดีค่ะ

 :pig4: ฝาก  :กอด1: มาให้น้องทั้งสองด้วย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร? 26-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: High_Wizard ที่ 26-02-2009 21:45:01
วันหลังถ้าจะออน คงจะต้องตัดสินใจให้ดีแล้วละ ...... กลัวเจอแบบพี่นายเอ็ม

ผีนายเอ็มเหรอซี.....พูดถึงก็มาปั๊บข้างหลังเรานี้ไง เง้ออ....

แหะๆ เขียนสนุกระทึกเหมือนเดิมเลยเลยนะ





เป็นกำลังใจให้นะครับ...................แล้วมาลงต่ออีกนะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร? 26-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 26-02-2009 23:00:11
เพิ่งตามมาอ่าน ดูลึกลับน่าตื่นเต้นดีค่ะ ชอบผีๆๆ :jul3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร? 26-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 27-02-2009 06:34:05
 :z13:
จิ้มพี่ฟางอิๆ
ซี +1 ให้แล้วน๊าชอบตอนนี้มากๆๆๆๆอ่านแล้วลุ้นอะ
มีขอนีดนึงตรงคำว่า ยามนี้ อะมันดูไม่ค่อยเหมาะกับภาษาที่ใช้ในเรื่องนะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: ซีก่อนไป
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร? 26-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 27-02-2009 09:52:32
ดีนะ ช่วงนี้เล่นเอ็มตอนเช้า   :sad3: บรื๋อออออออ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร? 26-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 27-02-2009 11:28:41
มาแบบสี่แพร่งอีกแล้วอ่ะน่ากลัวเกินอ่ะพี่ :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร? 26-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 28-02-2009 11:48:30
หลอนไปแล้วน้องซี  :sad3:

แต่ลุ้นดีอะจ้า มาต่อไวๆ นะจ้ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร? 26-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 01-03-2009 01:15:16
บวก 1 ให้เลยจ้าน้องซี

แต่งเก่งมากเลยนะตอนนี้  o13
ทำเอาคนอ่านขนลุกซู่กันไป

ลุ้นอีกต่างหากว่าตอนหน้านายวินจะเจออะไร
 :กอด1: น้องซีแน่นๆๆๆๆ เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร? 26-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 01-03-2009 01:21:14
แอบหลอน...


อ๊ากซซซซซซซ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร? 26-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: mantdash ที่ 01-03-2009 01:32:01
เห็นชื่อชีวินแล้วนึกถึง พี่ยุกต์ จิ้นขึ้นมาทันที อิอิ

อืมตอนแรกๆก็ธรรมดาอยู่นะครับ มาหื่นๆมาตั้งแต่แรก  :z1:

มาตอนล่าสุดนี่ชักจะเป็นสี่แพร่งไปซะละ  :m15:

จะน่ากลัวไหมเนี่ย งิงิ

เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร? 26-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 01-03-2009 18:03:39
ปรื๊ย%++++ น่ากลัวอ่ะ.......
 :serius2:
ดีนะเป็นนิยาย ถ้าเป็นเรื่องเล่าล่ะก็..............  :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร? 26-02-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 01-03-2009 18:50:13
ขอขอบพระคุณ สำหรับทุกคอมเม้นมากนะครับ ผมโหวต+1ให้เพื่อเป็นการขอบคุณพี่ๆทุกท่านครับ
ขอบคุณกอป ขอบคุณพี่นิว ขอบคุณพี่น้ำตาล ขอบคุณพี่nOn†ღ ขอบคุณพี่pickki_a ขอบคุณพี่supranee และพี่ๆทุกคนที่ให้ความสนใจ มันเป็นกำลังใจให้ผมอย่างมากเลยครับ^^

ติดตามตอนต่อกันได้เลยครับ ตอนที่แล้วในช่วงท้ายดูจะน่ากลัวไปสักนิด และมีให้ลุ้นนิดหน่อย มาดูเฉลยในตอนนี้เลยครับ ว่าผลจะเป็นเช่นไร? ในตอนใหม่นี้เรื่องจะยังคงดำเนินต่อไป แต่ในตอนท้าย..?? ลองอ่านดูนะครับ แล้วจะทราบ แหะๆ


เขา.. ใคร? (2)

(http://img10.imageshack.us/img10/9018/a005p.jpg)

ชีวินนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นด้วยความหวาดกลัว แต่อีกใจหนึ่ง.. เขาก็อยากรู้เหลือเกิน จนในที่สุด.. หลังจากที่ชีวินนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นครู่ใหญ่ ชีวินก็ตัดสินใจแล้ว.. เขาค่อยๆหันไปอย่างช้าๆ ในใจเขาก็เต้นโครมๆจนแทบทะลักมานอกอกด้วยความตื่นเต้น เขารู้สึก.. ลุ้นระทึก ว่าจะเจออะไร? แต่ในระหว่างนั้น เขาก็รู้สึกมือไม้เย็นเฉียบ ขนลุกซู่ซ่าเป็นระยะ จนเมื่อเขาหันมา และเหลือบตามองด้วยความรู้สึกที่หวาดหวั่น และแล้ว..  สิ่งที่ปรากฎต่อสายตาเขาในยามนี้ มันก็คือ..
.
.
.
.
.
มันก็คือ.. ความว่างเปล่า มันไม่มีอะไรเลย ชีวินถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้เขาจะไม่ได้พบสิ่งที่ตัวเองคาดหวัง แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกโล่งใจที่มันไม่ได้มีอะไรแบบที่เขาหวาดหวั่นเลย เขานึกเคืองเอ็มจริงๆ ที่มาหลอกให้เขาตกใจกลัวแทบแย่ เขาจึงพิมพ์ต่อว่าเอ็มในทันทีที่หันกลับมาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ดังเดิม
“ เอ็ม นายแกล้งเราใช่ไหม? นายทำเราแทบช๊อคเลยนะ มาเล่นแบบนี้ตอนดึกดื่นเที่ยงคืน เรารู้สึกหลอนแทบแย่ นายนี่จริงๆเลย ”
“ ขอโทษนะวิน เราไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้นายหวาดกลัวขนาดนี้เลย เราขอโทษนะ อย่าโกรธเรานะ ”
“ เอาเถิด ไม่เป็นไรหรอก อย่าเล่นแบบนี้ตอนดึกๆอีกแล้วกัน มันน่ากลัวจริงๆ ”
ถึงชีวินจะรู้สึกเคืองที่รู้สึกเหมือนโดนเอ็มแกล้งแบบนี้ แต่เขาก็มิได้โกรธเคืองอะไรมาก ด้วยว่า.. ภายหลังจากที่คุยกันถูกคอกันมาได้พักใหญ่ ในใจเขานั้น เริ่มที่จะชอบเอ็มเสียแล้ว แม้จะเพิ่งเป็นครั้งแรกที่ได้คุยกันอย่างจริงจังก็ตาม เอ็มเงียบไป ไม่ได้ตอบกลับมา ชีวินคิดว่า เอ็มคงจะรู้สึกผิดจริงๆ นี่เขาพูดรุนแรงไปหรือเปล่าหนอ? ถ้าเกิดเอ็มน้อยใจ ไม่อยากคุยกับเขาอีก เขาคงจะรู้สึกเสียดายแย่ เขาจึงพิมพ์ส่งข้อความไปหาเอ็มอีกครั้งด้วยคำพูดที่ดูจะประณีประนอมมากขึ้น
“ ถ้าเราพูดแรงไป เอ็มก็อย่าถือสาเราเลยนะ คงเพราะเรากลัวมากจริงๆ จึงพูดอะไรใส่นายที่ดูจะแรงเกินไปหน่อย ”
“ อย่าคิดแบบนั้นเลย เราผิดเองที่ทำให้นายรู้สึกแบบนั้น เราอยากจะบอกว่า จริงๆแล้ว เราก็แค่.. อยากให้นาย.. ”
“ อยากให้.. อะไรเหรอเอ็ม? ”
“ ช่างเถิดวิน เดี๋ยวนายจะกลัวอีก เอาเป็นว่าเราขอโทษจริงๆนะวิน ”
“ อืม.. ไม่เป็นไร นายคงจะไม่สะดวกใจที่จะให้เราเห็นหน้านาย งั้นก็ไม่เป็นไรนะ เราเข้าใจ เราก็เพิ่งจะรู้จักกัน เอาไว้ถ้านายอยากให้เราดูรูปนาย ก็ให้เรารู้สึกคุ้นเคยกันมากกว่านี้ก่อนก็ได้ แต่เราอยากจะบอกกับเอ็มว่า.. ไม่ว่าหน้าตาเอ็มจะเป็นเช่นไร? เราก็ยินดีที่จะเป็นเพื่อนกับนายนะ สำหรับเรา เรื่องหน้าตา มันไม่สำคัญเท่าไร สำคัญที่ความจริงใจมากกว่า ”
“ ขอบใจนะวิน นายเป็นคนนิสัยดี จิตใจดีจริงๆ หน้าตานายก็น่ารักมากด้วยนะ น่ารักจริงๆ ”
“ อย่ามายอกันมากเลยเอ็ม เดี๋ยวเราก็เขินหรอก เออ.. เอ็ม ที่นายบอกว่า.. รูปเราน่ารักเหมือนตัวจริง เอ็มพูดเหมือนกับว่าเคยเจอเราเลย เอ็มเคยเจอเราไหม? หรือว่าแค่อำเราล่น? ”
“ เคยเจอสิ ตัวจริงของวินก็น่ารักเหมือนในรูป แต่.. นายอย่าถามเราเลยนะ ว่าเราเคยเจอวินที่ไหน? และเมื่อไร? เราคงบอกตอนนี้ไม่ได้หรอก เพราะ.. วินอาจจะรู้สึกว่ามันเหลือเชื่อ เอาเป็นว่า.. เราดีใจที่ได้พบวิน และดีใจมากยิ่งขึ้นเมื่อวินรู้สึกเหมือนกับเราเป็นเพื่อน สักวัน.. ถ้ามีโอกาส เราหวังว่า.. วินคงได้พบกับเราจริงๆ ยังไงก็ เราขอบคุณนะวิน สำหรับความรู้สึกดีๆที่มีให้ ”
ชีวินรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง นี่เอ็มเคยเจอเขาด้วยหรือ? แถมยังจะพูดอะไรที่ดูแปลกและมีเลศนัย เขาขยับจะถาม ก็โดนเอ็มดักคอเสียก่อนแบบนี้ เท่าที่คุยกับเอ็มในวันนี้ เขาก็รู้สึกว่าเอ็มดูจะเป็นคนน่ารัก ขี้เล่นและจริงใจ แม้ในบางคราจะมีอะไรที่ดูแปลกไปสักหน่อยก็ตาม เอาเถิด เอ็มอาจจะเคยเจอเขาจริงๆก็ได้ แต่.. คงยังไม่อยากบอกอะไรมาก ด้วยว่า.. คงไม่สะดวกใจบางเรื่อง ชีวินคิดในใจว่า บางที.. เอ็มอาจจะเป็นคนใกล้ๆตัวเขานี่เอง เขาอาจะเคยพบปะและไม่เคยสังเกตมาก่อนก็ได้ อย่างไรก็แล้วแต่.. อย่างน้อยๆ เขาก็รู้สึกดีใจที่เอ็มรู้สึกดีกับเขาเช่นกัน ชีวินเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้ง ก็เห็นว่า.. มันเป็นเวลาเกือบตีหนึ่งแล้ว ดึกมากๆแล้วเสียด้วย และเขาก็รู้สึกว่า.. ชักจะง่วงเต็มที สมควรจะเข้านอนได้แล้ว
“ อืม.. เอ็ม เราก็ดีใจนะ ที่เราได้เป็นเพื่อนกับเอ็ม แล้วพรุ่งนี้เอ็มจะออนอีกไหม? เราอยากคุยกับเอ็มอีกนะ ”
“ วินอยากคุยกับเราเมื่อไร ก็ได้ตลอดเวลาเลย เราพร้อมจะคุยกับวินเสมอ ”
“ อ่า ดีจัง งั้นวันนี้แค่นี้ก่อนนะ เราง่วงแล้วละ แล้วคุยกันใหม่นะ ฝันดีนะเอ็ม ”
“ ฝันดีเช่นกันนะวิน ”
.
.
.
จากนั้น.. ชีวินก็ปิดคอมพิวเตอร์ แล้วก็เข้านอนอย่างสุขใจ เขารู้สึกว่า นับแต่.. เขาไปไหว้พระทำบุญที่วัด เขาจะพบแต่สิ่งดีๆที่ทำให้เขาสุขใจตลอด รวมทั้ง.. การที่ได้รู้จักกับเอ็มในวันนี้ด้วย ชีวินหลับตาพริ้ม อมยิ้มน้อยๆ เขานึกในใจว่า.. คืนนี้เขาจะฝันถึงพี่ชายรูปหล่อที่ดูใจดีคนนั้นอีกไหมหนอ? แล้วชีวินก็เคลิ้มหลับไป หลับสนิทอย่างเป็นสุขตลอดคืน..
. . . .
.
.
ชีวินลืมตาตื่นขึ้นในยามสายของวันสุดสัปดาห์อันแสนจะสดใส เขาหลับสนิทตลอดคืนและหลับอย่างเต็มอิ่ม เมื่อคืนเขานอนค่อนข้างดึก วันนี้จึงตื่นค่อนข้างสาย เขาจัดเก็บที่นอนให้เข้าที่เข้าทางจนดูเรียบร้อยดี จากนั้นก็เข้าไปชำระร่างกายและล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ ชีวินรู้สึกติดใจกับสัมผัสประหลาดที่ชวนวาบหวาม เขาอยากให้มันเกิดขึ้นอีก เขาจึงลูบไล้ร่างเปล่าเปลือยของเขา พร้อมพึมพำเบาๆกับตัวเองเหมือนดังเช่นในเย็นวันวาน
“ อยากได้รสสัมผัสแบบนั้นอีกจังเลย มันช่างวาบหวิบเหลือเกิน โอววว.. ”
น่าแปลก.. ที่ชีวินรู้สึกว่า.. มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในยามนี้.. ชีวินรู้สึกเหมือนเขากำลังลูบไล้ร่างเปลือยตัวเอง มันไม่ได้ชวนวาบหวามเหมือนดังสัมผัสประหลาดล้ำเช่นที่เขาเคยได้รับ เขาลองพยามยามใหม่ ทำใจให้เคลิบเคลิ้ม เขาก็ยิ่งรู้สึกว่า.. มันเหมือนกับเขากำลังพยายามปลุกอารมณ์ตัวเอง เขาเหลือบมองไปที่กระจก ก็พบว่าตัวเองกำลังทำตาหรี่ปรือ ลูบไล้ร่างเปลือยตัวเองด้วยท่าทียั่วยวนดุจดังดาวโป๊ในภาพยนต์ปลุกอารมณ์ ชีวินเห็นดังนั้นก็รู้สึกนึกขันตัวเอง เขานึกในใจว่า.. เขานี่ถ้าจะบ้าไปแล้ว คงเพ้อจนรู้สึกเหมือนเป็นจริงเป็นจัง มันก็คงแค่.. ความรู้สึกที่เขาคิดไปเอง จริงสิ.. เมื่อคืนเขาก็นอนหลับสนิท ไม่ได้ฝันอะไรที่หวามหวิว ชวนสยิวอะไรเลย เขาหลับแบบที่ไม่ได้ฝันอะไรเลย ตื่นขึ้นมาก็ปกติ ไม่ได้นอนเปล่าเปลือยเหมือนดังเช่นเมื่อวาน เขาลองทบทวนความคิดตัวเอง แล้วพยายามหาข้อสรุป แล้วเขาก็คิดว่า.. คำตอบน่าจะเป็นที่เขาคงมิได้ปลดปล่อยอามรณ์หนุ่มมาเนิ่นนาน ความรู้สึกถึงสัมผัสที่หวามหวิว และความฝันอันชวนสยิว คงเกิดขึ้นตามกลไกธรรมชาติของวัยหนุ่มที่ต้องการปลดปล่อย ภาพลีลาสยิวกับพี่ชายนิรนามสุดหล่อในความฝัน ก็คงมาจากปรารถนาซ่อนเร้นลึกๆในใจเขาที่เขาเป็นชายที่มีรสนิยมชอบชายด้วยกันกระมั้ง? นี่ถ้าเขาเป็นชายปกติ ก็คงจะฝันถึงสาวสวยอวบอึ๋มเป็นแน่แท้ เขานึกมาถึงตรงนี้ก็หัวเราะเบาๆกับตัวเอง แล้วก็เริ่มชำระร่างกายอย่างอ้อยอิ่งและดูจะพิถีพิถัน ตามนิสัยรักการรักษาความสะอาดร่างกายตนเองของชีวิน ที่ดุจจะดูสำอางค์ไปสักหน่อย เหมือนดังปกติเช่นเคย..
. . . .
.
.
หลังจากที่ชีวินอาบน้ำเสร็จและลงไปรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย เขาก็ไปช่วยแม่และพ่อของเขาทำงานบ้าน และงานอื่นๆเล็กๆน้อยๆจนเรียบร้อยดี จากนั้นเขาก็ปลีกตัวขึ้นมาบนห้องเพื่อทำการบ้าน และงานต่างๆที่ครูสั่งซึ่งก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก จนเสร็จเรียบร้อยในเวลาบ่ายคล้อยของวันหยุดสุดสัปดาห์ในวันนั้น เขารู้สึกหิวเล็กน้อย ด้วยว่าเลยเวลาอาหารกลางวันมาได้พอควร เขาจึงลงไปหาอะไรรับประทานซึ่งแม่ของเขาก็ได้จัดเตรียมเอาไว้ให้แล้ว ทั้งหมดร่วมรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูก ร่วมกันเหมือนดังเช่นเคย ครอบครัวของชีวิน ดูจะเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ได้อยู่ใกล้ชิดกันเสมอในครอบครัว ทุกครั้งก็มักมีการสนทนาแลกเปลี่ยนความคิด และอบรมสั่งสอนชีวินด้วยข้อคิดที่ดีจากพ่อแม่ที่ร้อนผ่านหนาวมาก่อน สิ่งนี้เองกระมัง? ที่หล่อหลอมให้ชีวินเป็นคนที่มีจิตใจดีมีเมตตา จัดได้ว่าเป็นเด็กที่มีความคิดอ่านที่ดีคนหนึ่ง จนเมื่อขีวินว่างแล้ว เขาก็ดูทีวีร่วมกับพ่อ แม่ จนรู้สึกเบื่อ และเขาเห็นว่า.. ไม่มีอะไรน่าสนใจอีก เขาจึงปลีกตัวขึ้นมาเปิดคอมพิวเตอร์ ออนไลน์โปรแกรมแชตหาเพื่อนคุยแก้เหงา ซึ่งคนที่เขานึกถึงคนแรก ก็คือ.. เอ็ม เพื่อนใหม่ที่สุดแสนจะประทับใจเขา เพียงชั่วเวลาที่เขาออนไลน์ขึ้นมาได้ไม่นาน เอ็มก็มาทักเขาในทันที ดังที่เอ็มเคยพูดไว้เมื่อวันวาน..
“ สวัสดีวิน ”
“ สวัสดีเอ็ม นายมาทักเราตามสัญญาเลย ดีใจจังเลย เรากำลังอยากคุยกับนายพอดี ”
“ เราก็อยากคุยกับวินนะ คุยกับวินทำให้เราหายเหงา เราเหงามากนะวิน เราตัวคนเดียว ไม่มีใครเลย ไม่มีแม้ใครสักคน ”
“ ทำไมพูดน่าสงสารจังเลยละเอ็ม พูดยังกับว่า.. เอ็มว้าเหว่มากเหลือเกิน นี่นายไม่มีเพื่อนบ้างเลยเหรอ? ”
“ ก็มีนะ แต่เราไม่ได้พบกันนานแล้ว มันเป็นเรื่องเศร้าจริงๆน่ะวิน ”
จากคำพูดของเอ็ม ทำให้ชีวินสัมผัสได้เลยถึงความเศร้าสร้อยหงอยเหงาของเอ็ม เขารู้สึกเห็นใจเอ็มมากเหลือเกิน และยิ่งรู้สึกในทางบวกกับเอ็มมากขึ้นทุกที เขาและเอ็มดูจะคล้ายๆกันในบางเรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของความเหงา เขาจึงเข้าใจและรับรู้ความรู้สึกนั้นได้ดี นี่เอ็มคงจะมีเพื่อนรักที่ไม่ได้พบกันมานานแล้ว เขาจึงรู้สึกเศร้า และพิมพ์คำตอบส่งมาแบบนี้ เขาอยากจะเอ่ยถาม แต่ก็ยั้งไว้ ด้วยว่ามันดูจะเป็นการล้ำเส้น และอาจจะไปกวนตะกอนความเศร้าในใจของเอ็มให้มากขึ้นไปอีก เขาจึงเปลี่ยนประเด็นการคุย หาเรื่องๆที่เบาๆและสนุกสนานมาคุยกับเอ็มแทน ชีวินคุยเล่นกับเอ็มเช่นนั้นเนิ่นนานจนเหมือนกับลืมเวลา เขารู้สึกสนุกสนานและมีความสุขเหลือเกิน และเขาก็ยิ่งสนิทใจกับเอ็มมากขึ้นทุกที สนิทใจเสียจนเขาอยากจะเผยความนัยของตัวเอง และเขาก็รู้สึกว่า เอ็มน่าที่จะยอมรับเขาได้ เพราะเท่าที่คุยกันมายาวนาน เขาก็รู้สึกว่า.. เอ็มก็น่าที่จะเป็นเช่นเดียวกับเขา ถ้ามันเป็นดังที่เขาคิดจริงๆ มันก็คงจะเป็นการดี และง่ายที่จะสานความสัมพันธ์ให้เติบโตมากขึ้นไปอีก เขาคิดดังนั้น.. จึงหาจังหวะเอ่ยบอกเอ็มในทันที
“ เอ็ม ถ้าเราจะบอกว่า.. เราเป็น.. เอ่อ.. เกย์ เอ็มจะรังเกียจ และเลิกคุยกับเราไหม? ”
“ จะรังเกียจทำไม? เรารู้อยู่แล้วละว่าวินเป็นแบบนั้น ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย เพราะเราก็เป็น.. แบบวินเหมือนกัน ”
“ ดีจังเลย เอ็มรู้ไหม? เราไม่มีเพื่อนที่เป็นแบบเราเลย พอเรามารู้ว่าเอ็มก็เป็นแบบเรา เรารู้สึกดีจริงๆ เพราะอย่างน้อยๆ เราก็สามารถคุยในเรื่องที่เราไม่สามารถคุยกับเพื่อนๆทั่วไปกับเอ็มได้ เราดีใจจังเลย ”
เมื่อชีวินรับรู้ดังนั้น เขาก็รู้ยินดีที่เป็นดังที่เขาคิดจริงๆ การพูดคุยจึงดูจะเปิดเผยมากขึ้น ทั้งคู่แลกเปลี่ยนทัศนคติในเรื่องของการเป็นรักร่วมเพศในมุมมองของตนเองได้อย่างสนิทใจ และความรู้สึกในใจของชีวินที่มีต่อเอ็มก็เริ่มเติบโตขึ้นไปอีกขั้น
.
.
.
.
นับแต่นั้น.. ชีวินก็จะมาคุยกับเอ็มทุกวันทันทีที่เขาว่างอย่างใจจดใจจ่อ และอีกสิ่งที่เขาทำเป็นประจำคือ.. หลังเลิกเรียนเกือบทุกวัน เขาจะไปไหว้พระที่วัด และอุทิศส่วนกุศลให้พี่ชายที่เป็นเจ้าของอัฐิที่เขาไม่เคยแม้แต่จะรู้จัก แต่เขากลับสนใจอย่างประหลาดเสมอ เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องทำเช่นนั้น แต่.. มันก็เป็นความรู้สึกที่เขาอยากทำจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมานานนับเดือนที่เขาและเอ็มได้รู้จักกันและคุยกันทุกวัน เอ็มไม่เคยที่จะให้อีเมลล์เขามาแอดให้ไอคอนขึ้นในโปรแกรมแชทออนไลน์เลย เอ็มไม่เคยที่จะพูดถึงเรื่องนี้เลย ดูเขาจะพอใจที่จะเป็นคนลึกลับอยู่เช่นนั้น และมันก็ทุกครั้งที่ชีวินรู้สึกอยากคุยกับเอ็มด้วยความคิดถึง ทันทีที่เขาออนไลน์โปรแกรมแชท เอ็มก็จะมาทัก มาคุยกับเขา เหมือนดังอ่านใจเขาออก มันเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง ชีวินจึงไม่อยากใส่ใจอะไรมากนัก ในทุกวันนี้เขาก็พอใจในแบบที่เป็นอยู่เช่นนี้แล้ว ความรู้สึกในใจของเขาที่มีต่อเอ็ม มันเริ่มเติบโตขึ้นทุกที มันเหมือนกับว่า.. เขาเริ่มรักเอ็ม บุคคลปริศนาที่เขาแทบจะไม่รู้ขอมูลใดๆเกี่ยวกับตัวของเอ็มเลย ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าค่าตาของเอ็มว่าเป็นเช่นไร?
.
.
ในสายๆของวันหยุดสุดสัปดาห์วันนี้ ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ชีวินออนไลน์โปรแกรมแชทและคุยกับเอ็มดังเช่นเคย ทั้งคู่คุยกันอย่างสนุกสนาน ชีวินมักชอบเล่าเรื่องราวต่างๆที่เขาประสพในแต่ละวันให้เอ็มฟัง ก็ดูเอ็มจะสนใน และพูดคุยด้วยเป็นอย่างดี หลายต่อหลายครั้งที่ชีวินอยากจะเอ่ยขอดูรูปเอ็ม อยากจะขออีเมลล์เอ็มมาแอดให้สามารถเห็นไอคอนแสดงสถานะทางฝ่ายของเอ็ม ซึ่งมันน่าแปลกเหลือเกินที่จนถึงทุกวันนี้ ทุกครั้งที่ออนไลน์คุยกัน ชีวินก็ไม่เห็นอีเมลล์ทางฝ่ายของเอ็มเลย มันคงจะไม่ใช่ที่โปรแกรมของเขาที่จะรวนเสียแล้ว มันคงอาจจะเป็นเพราะ.. เอ็มอาจจะเป็นเซียนคอมพิวเตอร์ ที่สามารถซ่อนข้อมูลตัวเองได้อย่างมิดชิดกระมัง?  น่าที่จะเป็นเช่นนั้น ในบางคราชีวินอยากแม้แต่จะขอแบอร์โทรศัพท์เอ็มเพื่อโทรไปพูดคุยด้วย แต่.. ดูเขาจะไม่ค่อยสพโอกาสนั้นเลย เมื่อชีวินคิดจะเอ่ยขอ ยังมิทันที่จะได้พิมพ์ข้อความใดๆไป เอ็มก็ดูเหมือนจะรู้เท่าทันความคิดเขา และชวนพูดคุยเบี่ยงประเด็นไปเสียเรื่องอื่น มันช่างน่าแปลกที่ดูราวกับว่า.. เอ็มจะอ่านใจเขาออกในแทบทุกเรื่อง เอ็มดูจะยังอยากจะเป็นบุคคลลึกลับเช่นนี้ต่อไป จะอย่างไรก็แล้วแต่.. ชีวินก็รู้สึกพอใจในระดับหนึ่ง ที่เขาสามารถได้พูดคุยกับเอ็มทุกครั้งที่อยากคุยเมื่อออนไลน์ขึ้นมา ทั้งยังสมามารถพูดคุยเรื่องราวเกี่ยวกับรักร่วมเพศกับเอ็มได้อย่างสนิทใจ หลายต่อหลายครั้งที่ทั้งคู่พูดคุยกันในเรื่องสัปดนอย่างคึกคะนองปากตามประสาวัยรุ่น ก็ดูเหมือนกับว่า.. เอ็มจะรอบรู้ไปเสียทุกเรื่อง ราวกับเคยเรื่องแบบนั้นมาแล้ว บางครา.. มันถึงกับทำให้ชีวินนึกสยิวและวาบหวิวตามไปเลยก็มี แม้ชีวินอยากจะเห็นหน้าเอ็มเหลือเกิน แต่.. เขาก็ไม่อยากคาดคั้นอะไรเอ็มมากเพราะเขาชอบเอ็มเข้าไปเต็มๆใจเสียแล้ว อีกทั้ง.. ชีวินคิดว่า.. เอ็มคงจะเป็นคนใกล้ๆตัวเขานี่แหละ อาจจะเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนเดียวกันด้วยซ้ำก็ได้ แต่การที่เอ็มไม่ใคร่จะเปิดเผยอะไรกับชีวิน คงเพราะ.. เขาอาจจะยังไม่พร้อมด้วยเหตุผลส่วนตัวของเขาบางอย่างกระมัง? ชีวินคิดเช่นนี้มาโดยตลอด หลังจากชีวินคุยเล่นกับเอ็มมาได้สักพักใหญ่แล้ว เขารู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ ด้วยว่ารู้สึกปวดปัสสาวะ เขาจึงเอ่ยขอปลีกตัวโดยพิมพ์ข้อความไปบอกเอ็มทางโปรแกรมแชทออนไลน์
“ เอ็ม ขอเวลาแปบหนึ่งนะ เราปวดฉี่น่ะ เดี๋ยวมาคุยต่อ ”
“ ตามสบายนะวิน เรารอ ”
“ ได้ๆ เดี๋ยวรีบมา แปบเดียวๆ ”
หลังจากนั้น.. ชีวินก็ปลีกตัวไปทำธุระในห้องน้ำจนเรียบร้อย เขารู้สึกกระหายน้ำ จึงลงมาเปิดตู้เย็นเพื่อดื่มน้ำ แล้ว.. เขาก็พบว่า.. ในตู้เย็นไฟมืด ไม่มีไฟติดเหมือนดังเช่นเคย เขาจึงเอ่ยถามแม่ของเขาในทันที..
“ แม่ครับ ไฟตู้เย็นเสียเหรอครับ? ไฟไม่ติดครับ ”
“ ไม่ได้เสียหรอกลูก ไฟดับน่ะ ”
ไฟดับ? นี่ดับตั้งแต่ตอนไหน? ชีวินลองเปิดสวิชท์ไฟดูตามส่วนต่างๆของบ้าน แล้วเขาก็พบว่า.. ไฟดับจริงๆ เขารู้สึกแปลกใจ จึงเอ่ยถามแม่ของเขาอีกครั้งในทันที
“ แม่ครับ แล้วไฟดับตั้งแต่ตอนไหน? เมื่อกี้วินยังเล่นคอมฯได้อยู่เลยนี่นา? ”
“ ฝันกลางวันแล้วเจ้าวิน ไฟดับมาตั้งแต่สายๆแล้ว นี่ก็ผ่านมาตั้งหลายชั่วโมงแล้ว ไฟยังไม่มาเลย แล้ววินจะเล่นคอมฯได้อย่างไร? อย่ามาอำแม่เลย หึหึ ”
แม่ของชีวินทำหน้าประหลาดใจ แต่สักพักก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงแกมหัวเราะ ด้วยเพราะคิดว่าชีวินพูดเล่น ชีวินรู้สึกเอะใจ นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ถ้าไฟดับไปตั้งหลายชั่วโมงแล้วตามที่แม่เขาบอก แล้ว.. เมื่อกี้เขาเล่นคอมพิวเตอร์คุยเล่นกับเอ็มได้อย่างไร เขาไม่มีเครื่องสำรองไฟด้วยซ้ำ ถึงมี มันก็ไม่สามารถสำรองไฟให้สามารถเล่นคอมพิวเตอร์ได้นานเป็นชั่วโมงอย่างนี้แน่ ชีวินคิดดังนั้น.. เขาก็รีบขึ้นไปบนห้องเขาที่เปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้ในทันที และแล้ว.. เขาก็พบว่า.. คอมพิวเตอร์ยังคงทำงานอยู่ มันเป็นไปไม่ได้ ชีวินรู้สึกตกใจจนขาสั่น เขาตรงไปกระชากปลั๊กคอมพิวเตอร์ออกในทันที แต่แล้ว.. ทันทีที่ปลั๊กหลุดจากเบ้าเสียบ คอมพิวเตอร์ก็ยังคงทำงานอยู่ จอมอนิเตอร์ยังคงสว่างอยู่อย่างนั้น มันยังคาอยู่ที่หน้าโปรแกรมแชทออนไลน์ที่เขายังคุยค้างอยู่กับเอ็ม ชีวินรู้สึกเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาขนลุกชันแข้งขาอ่อนจนทรุดลงไปกองอยู่กับพื้นห้อง ตาเขายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอ แต่.. สมองเขากลับมึนงงไปหมด นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา? และแล้ว.. ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาก็เห็นเอ็มพิมพ์ข้อความส่งมาหาเขา มันมีใจความว่า
“ วินรู้แล้วสินะว่าไฟดับ ไฟน่ะ ดับนานแล้ว แต่เรายังอยากคุยกับวินต่อ ทีนี้วินก็คงจะรู้แล้วสินะ ว่าเราเป็นอะไร? ขอโทษนะวิน เราไม่มีเจตนาที่จะทำให้วินหวาดกลัวเลย เราไม่มีประสงค์ร้ายใดๆกับวินจริงๆ ขอให้วินเชื่อเราเถิด เราก็แค่.. ชอบวิน อยากคุยกับวิน เพราะเราเหงาเหลือเกิน ได้คุยกับวินแล้วเรามีความสุขจริงๆ แต่.. ถ้าวินรู้ความจริง แล้วรู้สึกกลัวแบบนี้ เราก็ต้องขอโทษวินด้วยนะ ”
ทันทีที่ชีวินอ่านข้อความของเอ็มที่พิมพ์ส่งมาถึงเขาจบลง จอคอมพิวเตอร์ก็ดับลงในทันที ชีวินขนลุกซู่ ตกใจกลัวจนน้ำตาเอ่อ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่เขาได้มีความสุข ได้คลายความเหงา ได้เพื่อนที่ดูเหมือนจะรู้ใจจนเขารู้สึกแอบปลื้มและหลงรัก ทั้งหมดนั้น คือ.. เขาถูกผีหลอก? ถูกผีหลอกมานานร่วมเดือน นี่.. เขาหลงรักผีเข้าไปเต็มหัวใจหรือนี่?  มันดูจะเหลือเชื่อ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วจริงๆ ถ้าเขาไปพูดให้ใครฟัง ใครจะเชื่อเขา? ความหวาดกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจเขาจนตัวสั่น นอกเหนือจากความรู้สึกหวาดกลัว มันยังแฝงด้วยความรู้สึกอีกอย่าง ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ชีวินรู้แต่เพียงว่า.. มันช่างเศร้าเหลือเกิน น้ำตาเขาไหลรินอาบแก้มด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ใครหนอ.. จะมาเข้าใจจิตใจเขาในยามนี้ได้ ซึ่ง.. แม้แต่ตัวของชีวินเอง ก็ดูเหมือนว่าเขาก็จะไม่เข้าใจจิตใจตัวเองเลยเช่นกัน ว่า.. ในยามนี้ เขารู้สึกเช่นไร?

********

*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร?(2) 01-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: High_Wizard ที่ 01-03-2009 20:15:36
ซีนะ ตอนไฟดับนะ เราสยิวเลยเหมือนลมวิ้วๆกกใบหู ยึ่ยยย

เข้าใจดีนะ ตอนที่ชีวินมารู้ความจริง เป็นเราคงเป็นแบบนั้นแหละ เง้อ

อ่านจบขอไป นอนสักงีบ เอาอีกแล้ว...ตาลาย ไม่มีแว่นใส่วะ






เป็นกำลังใจให้นะซี..........แล้วมาลงต่ออีกนะเว้ยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร?(2) 01-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: PEAK ที่ 01-03-2009 20:19:05
 :m15:  สงสารทั้งคู่จัง

อ่านแรกๆ ตื่นเต้น กลัว ๆ .... แต่อยากรู้ สนุกดี ...  ตอนนี้ชอบ ติดใจเรื่องนี้แระ ...  แม้จะกลัวปี๋มากมาย  :monkeysad:

คนเขียนเขียนบรรยายได้ดี สนุก น่าติดตาม แต่ละตอนเยอะจุใจอ่านเพลินเลย ... บวก 1 เป็นกำลัง + ขอบคุณ^^

ขอบคุณนะครับ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร?(2) 01-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 01-03-2009 20:47:53
อ่านไปกลัวไปเหมือนกัน สนุกแต่ก็ดูน่ากลัวนะ หนูก็กลัวปี๋เหมือนกันแหละ
เป็นเรื่องแปลกแหวกแนวน่าติดตามจริง ๆ +1 ให้คุณ pikachu เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมนะคะ
มาเขียนให้ติดแล้วห้ามทิ้งกันนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร?(2) 01-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 01-03-2009 21:00:46
อ่านทันแย้ววว

แต่ยังหวิวๆอยู่ O[]O!!   

ขอไปปรับอารมณ์ก่อนนะซี



ปอลอ กอป ไปหาแว่นมาใส่ป่ะ มานั่งแพ่งอ่าน นอกจากจะปวดตาแล้ว เดี๋ยวก็ตาสั้นมากกว่าเดิมหรอก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร?(2) 01-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 01-03-2009 21:42:30
ตอนอ่านกำลังเล่นเอ็มพอดี
น่ากลัวว.......
 :serius2:
น่าสงสารชีวินอ่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร?(2) 01-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 02-03-2009 00:57:07
บอกได้เลยว่า  o13
เจ๋งมากเลยค้าบน้องซี ไม่ผิดหวังเลยในการอ่านตอนนี้
เห็นภาพต่อเนื่องลื่นไหล เป็นเหตุเป็นผล นำไปสู่ตอนต่อไปที่น่าสนใจยิ่งขึ้น
กลายเป็นจุดตัดสินใจบางอย่างของวินแน่ๆ
สงสัยคราวหน้ามีอะไรให้ลุ้นและตื่นเต้นอีกรึเปล่า
บวก 1 ให้ซีเลยคับ (ความจริงอยากบวก 10 นะเีนี่ย)  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร?(2) 01-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: mantdash ที่ 02-03-2009 02:47:06
เอ้อยังไงละเนี่ย

คนกับผี

เดาอะไรไม่ออกเลยแหะ  :z10:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร?(2) 01-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 02-03-2009 04:24:51
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
น่ากลัวอ่ะ  มีแบบนี้  บรื๊อ  สยองเกินไปแล้ว  คุณเอ็มนี่

แต่ถ้าเจอแบบนี้ก็อาจจะดีเหมือนกันนะ  แต่ที่แน่ๆ ไม่เอาดีกว่า

จะเป็นยังไงต่อไปหนอ  ชีวินของเรา -*-
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร?(2) 01-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 02-03-2009 11:29:03
แรกอ่านแล้วชักกลัว

พอได้อ่านตอนที่3 ไม่กลัวแล้ว มีแต่ความสงสารทั้งเอ็มและวิน

 :sad11:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร?(2) 01-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 02-03-2009 13:40:11
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  :a5:


แต่จะว่าไปก็ดีเหมือนกันนะ เล่นคอมโดยไม่ต้องจ่ายค่าไฟ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (เขา.. ใคร?(2) 01-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 02-03-2009 14:05:29
รู้ความจริงแบบนี้ยังจะกล้าคุยกันอีกป่ะเนี้ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ถวิลหา 04-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 04-03-2009 18:16:17
ขอขอบพระคุณ สำหรับทุกคอมเม้นมากนะครับ ผมโหวต+1ให้เพื่อเป็นการขอบคุณพี่ๆทุกท่านครับ
ขอบคุณกอป ขอบคุณพี่แนน ขอบคุณพี่น้ำตาล ขอบคุณพี่pickki_a ขอบคุณพี่supranee และพี่ๆทุกคนที่ให้ความสนใจ มันเป็นกำลังใจให้ผมอย่างมากเลยครับ^^

ติดตามกันต่อนะครับ ในตอนใหม่นี้ ดูเบาๆลงหน่อยไม่ค่อยน่ากลัวมาก เป็นการปูเนื้อหาเพื่อไปสู่ตอนต่อไปที่ค่อนข้างแรงนิดนึง เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ติตดามกันต่อได้เลยครับ ในตอนนี้.. ผมหาเพลงมาประกอบด้วย รู้สึกว่าเพราะดีและวังเวงดีครับ แง่มๆ

ถวิลหา

(http://img134.imageshack.us/img134/1286/a007t.jpg)

นับแต่.. เหตุการณ์ในวันนั้น ซึ่งได้ผ่านมานานร่วมเดือนแล้ว.. ก็ไม่มีสิ่งแปลกๆสิ่งใด เกิดขึ้นกับชีวินอีกเลย ช่วงแรกๆ.. ที่ชีวินได้รับรู้ว่า.. เขาได้เจอกับเรื่องอัศจรรย์อันเหลือเชื่อแบบนั้น เขาก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่หลายวัน หวาดกลัวเสียจนแทบจะไม่อยากอยู่เพียงลำพังคนเดียว แต่.. ต่อมา เขาเองยังนึกแปลกใจตัวเองเลยว่า.. เขาผ่านช่วงแห่งความหวาดกลัวขนาดนั้นมาได้อย่างไร? และอีกสิ่งหนึ่งนับแต่นั้น.. เขาก็หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้มิเคยขาดเป็นประจำ ด้วยหวังใจลึกๆว่า.. ผลบุญกุศลที่เขาหมั่นอุทิศให้ คงจะพอทำให้ดวงวิญญาณเร่ร่อนดวงนั้นได้ไปสู่สุขคติ แม้ว่า.. ชีวินจะรู้สึกหวาดกลัวถึงเพียงไหน? แต่.. เขาก็มิได้เคยเอ่ยปากเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย มิได้เล่าแม้แต่.. พ่อและแม่ของเขา ด้วยเพราะเขารู้สึกว่า มันดูจะเหลือเชื่อเกินไป เหลือเชื่อเกินกว่า ที่ใครจะยอมรับได้ ว่ามันเป็นสิ่งได้เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อไม่มีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นกับชีวินอีก ความหวาดกลัวของเขา ก็ดูจะค่อยๆบรรเทาเบาบางลง แต่.. ความรู้สึกที่มาแทนที่นั้นก็คือ.. ความเหงาหงอยอย่างจับใจ เขายอมรับอย่างไม่รู้สึกปฏิเสธเลยในใจเลยว่า.. ช่วงที่เขาถูกผีหลอกโดยไม่รู้ตัวในช่วงนั้น มันเป็นช่วงที่เขามีความสุขที่สุด มันเหมือนกับว่า.. เขาได้พบกับคนที่รู้ใจ คนที่เข้าใจเขาทุกอย่าง คอยที่มาคอยปลอบประโลมยามเขากังวลและหวาดหวั่น จนเขาอบอุ่นและผ่อนคลาย คนที่มาเป็นเพื่อน เพื่อนที่เขาสามารถคุยได้ทุกเรื่องอย่างสนิทใจ แล้วทำไมหนอ? มันจึงเป็นเช่นนี้? ทำไม? ทำไมจึงเป็นต้องเป็นผู้ที่ไม่ใช่คน ผู้ที่ไม่ใช่คนผู้นั้น ที่มาทำให้เขารัก ทำไม? เมื่อชีวินนึกมาถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกเหงาจนจับใจ ความรู้สึกที่เหมือนกับดูจะเป็นความสุขในช่วงหนึ่ง ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่มาแทนที่ความเดียวดายลึกๆในใจชีวิน แต่แล้ว.. ความรู้สึกที่เป็นสุขนั้นแม้เพียงระยะเวลาสั้นๆ มันก็ได้จากไป นำพาความว้าหว่เดียวดายมาแทนให้กับเขาดุจดังเดิม เขารู้สึกปลาบแปลบในใจ จนอยากร้องไห้เสียเหลือเกิน มันดูจะเป็นความรู้สึกบีบคั้นจิตใจของเขาจริงๆ ชีวินนั่งเหม่อลอยอย่างเซื่องซึม ด้วยรู้สึกว่า.. เขาไม่ใคร่จะมีกะจิตกะใจจะทำสิ่งใดเลยในเวลานี้
“ วิน พักนี้นายมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า? เราเห็นวินดูซึมๆแบบนี้มานานแล้วนะ เรา.. เอ่อ.. รู้สึกเป็นห่วงวินจังเลย ”
ชีวินเหลือบมองผู้ที่มานั่งเคียง พร้อมกับโอบไหล่อย่างอ่อนโยนด้วยความสนิทสนม และเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูจะห่วงใยเขาจริงๆ เป็นพัฒน์นั่นเอง เพื่อนที่ดูจะให้ความสนิทสนมกับเขาตลอดมาด้วยความจริงใจ ชีวินรู้สึกว่า.. การที่พัฒน์แสดงออกต่อเขาแบบนั้นมามันดูจะมาจากใจจริงของพัฒน์
“ ไม่มีอะไรหรอกพัฒน์ เราก็แค่.. รู้สึกเหมือนจะกังวล และไม่ค่อยสบายใจนิดหน่อย แต่เราไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ขอบใจนะพัฒน์ ที่เป็นห่วง ”
“ จริงเหรอ? แต่เราดูเหมือนนายจะดูซึมๆหงอยๆชอบกล นาย.. เอ่อ.. พอจะบอกเราได้ไหม? ว่า.. เรื่องอะไร? ที่ทำให้นายเป็นแบบนี้ เผื่อว่า.. เอ่อ ถ้านายได้พูดอะไรออกมาบ้าง อาจจะทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง เรายินดีรับฟังนะวิน ถ้ามัน เอ่อ.. พอจะช่วยให้วินสบายใจขึ้นมาบ้าง ”
“ ไม่มีอะไรจริงๆ เราก็แค่.. อาจจะเพ้อฝันลมๆแล้งๆกับเรื่องบ้าบอที่ดูจะเหลือเชื่อจนน่าตกใจ หึหึ ช่างมันเถิดพัฒน์ เดี๋ยวเราก็หายเองแหละ ”
ชีวินพยายามฝืนยิ้มอย่างแห้งแล้ง และพยายามพูดเบี่ยงประเด็นให้ดูน่าขัน แล้วนี่.. เขาจะไปบอกพัฒน์ได้อย่างไรถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขา? พัฒน์คงจะไม่เชื่อ และคงจะหัวเราะเยาะเขาแน่นอน พราะมันดูเหลือเชื่อ จนเกินจะน่าเชื่อ ชีวินลอบถอนหายใจเบาๆ แล้วเหลือบมองใบหน้าคมคายของพัฒน์ แล้วเขาก็รู้สึกว่า.. แต่.. ก็ช่างเถิด ชีวินพยายามเปลี่ยนความคิด และพยายามหักห้ามใจตัวเอง มันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้อย่างแน่นอน ณ ตอนนี้.. เขามีพัฒน์เป็นเพื่อนที่ดีแบบนี้ มันก็น่าจะเพียงพอแล้วมิใช่หรือ? เขาไม่อยากคิดอะไรให้มันเลยเถิด ได้เป็นเพื่อน ได้คบหากับแบบนี้ มันก็น่าจะดีอยู่แล้ว เขานั่งนิ่งๆอยู่เช่นนั้นครู่หนึ่ง แล้วดูเหมือนกับว่า.. เขาจะคิดอะไรได้บางอย่าง จึงอยากถามความรู้สึกของพัฒน์ดูเล่นๆ ชีวินเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มๆและทีท่าที่ดูจะออกทำนองเย้าแหย่ ด้วยว่า.. เขาอยากจะซ่อนความรู้สึกเศร้า เหงาหงอย และเดียวดาย ด้วยท่าทีที่ดูเหมือนจะร่าเริง ซึ่งมันดูไม่ค่อยจะแนบเนียนเอาเสียเลย
“ เออ พัฒน์ เราถามหน่อย นายกลัวผีไหม? ”
“ กลัวผีไหม? อืม.. เราก็ไม่เคยเจอผีนะ จะว่าไม่เชื่อเรื่องนี้ก็ไม่เชิง แต่เราคิดว่า.. เราไม่อยากเจอผีแน่นอน ”
“ นายตอบให้ตรงประเด็นหน่อยได้ไหม? เราก็แค่ถามว่า.. นายกลัวผีไหม? แค่เนี้ย หึหึ ”
“ ถ้าจะตอบว่าไม่กลัวก็คงไม่ใช่ เราคิดว่า เราก็คงจะกลัวนะ ”
“ ก็แค่นั้นแหละ หึหึ ”
“ เออ.. จริงสิวิน เราลองมานึกๆดู เราคิดว่าคนส่วนใหญ่ก็น่าที่จะตอบว่ากลัวกันทุกคนถ้าเจอคำถามแบบนี้ แต่..พอเรามาลองนึกๆดูอีกที ก็รู้สึกสงสัยเหมือนกันนะ ว่า.. คนเรากลัวผีเพราะอะไร? กลัวเพราะ.. มันดูจะเป็นสิ่งลึกลับที่หาคำตอบไม่ได้ ใช่ไหม? หรือว่า.. กลัวเพราะ คาดเดาไปเอง และฟังจากคำพูดที่ใครๆมักพูดในทำนองแบบนี้ ว่า.. ผีคือสิ่งที่น่าจะมาทำความเลวร้ายต่างๆให้เราหวาดกลัว? เราว่า.. ถ้าลองถามจากคนสัก 100 คน นายว่า.. จะมีสักกี่คนที่ตอบว่าเคยเจอผี เราว่า.. แทบจะไม่มีคนตอบว่าเคยเจอเลย แล้ว.. ทำไมคนเราจึงกลัวกัน? เราว่า มันก็น่าคิดเหมือนกันนะวิน ”
ชีวินได้ฟังแนวคิดของพัฒน์ก็รู้สึกสะดุดใจบางอย่าง เขารู้สึกว่า.. มันก็น่าจะจริงอย่างที่พัฒน์พูด
“ น่าคิดเหมือนกันนะพัฒน์ แล้วนายล่ะ.. ที่บอกว่ากลัว นายกลัวผีเพราะอะไร? ”
“ เราก็คง.. กลัวเพราะ เราคาดเดาไปเอง คิดไปเองว่าคงจะน่ากลัว ถ้าเจอจริงๆ จะน่ากลัวแบบที่เราคิดหรือเปล่า? เราก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้ววินล่ะ นายกลัวผีไหม? ”
“ เราเหรอ? ตอนแรกก็กลัวนะ กลัวมากๆด้วย แต่.. มาถึงตอนนี้ เราคิดว่า.. เราคงจะไม่ค่อยกลัวแล้วละ จริงๆแล้วเท่าที่รู้สึกเราว่า.. มันอาจจะไม่ได้น่ากลัวแบบที่เคยคิดสักหน่อย เราคงกลัวเพราะการคาดเดาไปเองอย่างที่นายว่าจริงๆ  ”
“ วิน นายพูดอย่างนี้ ฟังดูคล้ายกับว่า นายเคยเจอมาแล้วงั้นแหละ นายนี่พูดแปลกชอบกล ”
“ ไม่มีอะไรหรอก เราก็พูดไปงั้นแหละ เออ.. นี่ก็เย็นแล้ว เราจะกลับแล้วละ แล้วนายจะกลับหรือยังล่ะพัฒน์? ”
“ คิดว่าอีกสักแปบค่อยกลับนะ อยากไปเตะบอลเล่นก่อน ขี้เกียจรีบกลับน่ะ ”
“ ถ้างั้น.. เรากลับก่อนนะ แล้วเจอกัน ”
“ อืม.. แล้วเจอกันนะวิน ”
จากนั้น ชีวินก็ปลีกตัวออกมา เขาเดินอย่างเหงาๆ ตรงไปยังวัดที่เขามาไหว้สักการะ และเจียดเงินค่าขนมมาทำบุญอยู่เนืองนิตย์ จนดูเหมือนจะเป็นความเคยชิน ความเคยชินที่ทำให้เขารู้สึกอิ่มใจในทุกครั้งที่ได้มา เขาหย่อนเงินลงตู้รับบริจาคที่มีแม่ชีสูงวัยที่ใจดีท่านเดิมนั่งประจำอยู่ แล้วแม่ชีก็จะเอ่ยทักทายเขาเล็กๆน้อยๆด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่ดูจะรู้สึกชื่นชมเขาอยู่ไม่น้อย เป็นเช่นนี้เป็นประจำจนมีความคุ้นเคยกันมากขึ้น
“ หนูมาทำบุญอีกแล้ว น่ารักจริงๆเลยลูก หนูนี่เป็นเด็กดีจริงๆ ”
ชีวินยิ้มตอบรับโดยไม่กล่าวว่ากระไร ระหว่างที่เขากำลังจัดเตรียมเครื่องสักการะบูชา ดูเหมือนว่า.. ชีวินจะคิดอะไรบางอย่างได้ เขาจึงเอ่ยถามแม่ชีท่านนั้นด้วยความสนใจใคร่รู้ ด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
“ เอ่อ.. แม่ชีครับ ผมอยากจะทราบว่า.. ทำบุญอย่างไรจึงจะได้บุญมากๆครับ? ”
“ การทำบุญนะลูก ถ้าเราทำด้วยความตั้งใจจริง ทำด้วยใจที่บริสุทธ์ แม้จะทำแค่เงินเพียง 1 บาท หรือไมได้ใช้เงินเลย เพียงแต่ใช้แรงกาย หรือจิตใจที่ตั้งมั่น ประพฤติปฏิบัติธรรม เป็นคนดี เอื้ออารีย์ มีเมตตา ก็ได้บุญกุศลมากมายแล้วละลูก แล้วนี่หนูทำไมจึงอยากจะได้บุญเยอะๆละลูก? ”
“ ก็ ผมคิดว่า.. ถ้าผมทำบุญได้บุญเยอะๆ ผมจะได้เผื่อแผ่ อุทิศส่วนกุศลไปให้.. เอ่อ.. ให้คนที่ผมรักได้มากๆ น่ะครับ ”
“ อ้อ อย่างนี้นี่เอง หนูนี่เป็นคนที่น่าชื่นชมจริงๆ นึกถึงคนอื่นมากกว่าตัวเองเสียอีก นับเป็นสิ่งที่ดีเหลือเกินลูก สิ่งดีๆจะคอยปกปักษ์รักษาหนู นี่พ่อแม่คงจะอบรมสั่งสอนมาดี ช่างน่าปลื้มใจแทนจริงๆ เอ้อ.. นี่แม่ชีว่าจะบอกหนูหลายครั้งแล้ว แต่ก็เกรงว่ามันจะทำให้หนูกลับเย็นค่ำจนมากเกินไป ”
“ มีอะไรเหรอครับ? ”
“ ก็.. ประเดี๋ยวอีกสักพัก จะมีหลวงพ่อมานำสวดมนต์ในโบสถ์ มีการนั่งสมาธิ รวมถึงการแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล ครบทุกกระบวนการขั้นตอนเลย เป็นแบบนี้ทุกวัน ซึ่งกว่าจะเสร็จก็เย็นค่ำมาก ทุกครั้งหนูกลับไปก่อน จึงไม่เคยรู้ ถ้าวันนี้หนูไม่รีบกลับจนเกินไปนัก จะลองดูสักครั้งไหม? แม่ชีว่า.. ถ้าหนูได้ลองฝึกนั่งสมาธิแบบจริงจังดู จิตใจจะได้สงบและมีสติ จะเป็นผลดีต่อการเรียน และเรื่องอื่นๆมากมายเลยนะลูก ”
ชีวินได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที จริงอยู่ว่า.. เขาก็เคยนั่งสมาธิมาบ้าง แต่การที่จะได้มาทำแบบจริงจังแบบนี้ ดูจะน่าสนใจไม่น้อย เขาจึงเอ่ยตอบรับแทบจะในทันทีโดยไม่ต้องคิด หรือตัดสินใจอะไรมากมายเลย ถ้าจะต้องกลับเย็นๆค่ำๆสักวัน แต่ได้รับผลตอบแทนที่ดูน่าจะคุ้มค่าแบบนี้ ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย
“ น่าสนใจจังเลย เดี๋ยววันนี้ผมอยู่รอก็ได้ครับ ขอบพระคุณนะครับแม่ชี ”
. . . .
.
.
.
ค่ำมากแล้ว.. ชีวินนั่งเงียบๆคิดอะไรบางสิ่งอยู่เพียงลำพัง เขารู้สึกเสียดๆแปลบๆในใจจนขอบตาร้อนผ่าว เขากระพริบตาถี่ๆเพื่อสะกดกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา และแล้ว.. จนสุดที่เขาจะอดกลั้นได้อีกต่อไป น้ำตาเขาก็ไหลรินอาบแก้มพร้อมกับสะอื้นเบาๆในอก เขารู้สึกคิดถึง และเหงาอย่างจับใจ เขาเหลือบมองมายังคอมพิวเตอร์ ที่เขามิได้แตะต้องอีกเลย นับแต่วันที่เขาได้จอเหตุการณ์ที่ทำให้เขาหวาดกลัวในครั้งนั้น ใจเขา.. อยากจะเปิดคอมพิวเตอร์ออนไลน์โปรแกรมแชต และอยากจะคุยกับ.. อีกสักครั้ง แต่.. ชีวินก็ลองถามใจตัวเองอีกครั้ง ว่า.. ถึงตอนนี้.. เขายังคงกลัวอยู่ไหม? แล้วเขาก็ให้คำตอบกับตัวเองได้ว่า.. ความหวาดระแวงนั้นยังพอมีอยู่ อีกทั้ง เขายังรู้สึกว่า.. ถ้าเขาออนไลน์ แล้วเอ็มมาทักเขา เขายังจะสามารถพูดคุยกับอ็มได้อย่างสนิทใจดังเดิมอีกไหม? ก็ในเมื่อถึง ณ เวลานี้ เขาได้รู้แล้วว่า เอ็มนั้นไม่ใช่คน เอ็มเป็นเพียง.. ดวงวิญญาณดวงหนึ่ง ใช่.. เขายังคงกลัวอยู่ ซึ่งก็เบาบางลงไปมากแล้ว แต่.. อีกความรู้สึกหนึ่ง ความรู้สึกคิดถึงนั้นกลับทวีมากขึ้นทุกวัน ทำไมหนอ? เขาจะต้องมาเจอะเจออะไรแบบนี้? การที่เขาจะมีใครสักคนที่เข้าใจเขา ผู้ที่มา.. เหมือนจะเติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไปในสิ่งที่เขาถวิลหามาเนิ่นนานนั้น จะต้องเป็นเช่นนี้? ทำไม? เขาจึงห้ามใจ ไม่ไห้รัก ไม่ให้คิดถึง สิ่งที่เป็นเพียงแค่ดวงวิญญาณแบบนี้ได้ มันดูจะน่าแปลก ซึ่งชีวินก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เช่นกัน เขารู้สึกทรมานใจเหลือเกิน เขาสะอื้นเบาๆแล้วเอ่ยรำพึงกับตัวเองด้วยเสียงสั่นเครือและน้ำตาที่รินไหลจนอาบแก้ม..
“ พี่เอ็ม.. พี่คือเจ้าของอัฐินั้นใช่ไหม? ใช่แน่ๆ ผมรู้สึกมั่นใจว่าต้องเป็นเช่นนั้น ทำไมพี่จึงตามผมมา? ทำไมพี่จึงมาทำให้ผมรัก? แล้วทำไมต้องมาทำให้ผมหวาดกลัว? แต่อย่างไรก็แล้วแต่.. ถึงผมจะรู้สึกกลัวพี่ขนาดไหน? ผมก็ยัง.. ก็ยัง.. คิดถึง ผมเอง.. ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะ.. ผมไม่เคยมีใคร ไม่เคยมีคนที่มาเข้าใจผมแบบนี้ ไม่เคยมีคนที่ผมจะสามารถคุยด้วยได้สนิทใจ มันจึงทำให้ผมเกิดความรู้สึกว่า.. ผม.. รัก.. ผมไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน ผมอยากคุยจะกับพี่อีก อยากคุยเหลือเกิน แต่ก็ผมกลัวพี่จริงๆ ผมขอให้.. ขอให้ พี่ไปได้สู่สุขคติเถิดนะ.. พี่.. เอ็ม.. ”
แล้วเขาก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่เช่นนั้นด้วยความเศร้าใจ จน.. เขารู้สึกว่า.. เขาร้องไห้จนเพียงพอแล้ว เขาจึงกรีดน้ำตาทิ้ง และสูดลมหายใจอย่างเต็มปอดเพื่อให้รู้สึกดีมากขึ้น จากนั้น.. เขาก็ไปล้างหน้าให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น แล้วเขาก็มานั่งขัดสมาธิ หลับตาลง และเริ่มกำหนดลมหายใจ ควบคุมจิตใจให้นิ่ง สงบ เขาทำจิตใจให้นิ่งได้ดีมากขึ้น หลังจากที่เขาได้ไปฝึกนั่งสมาธิที่วัดในวันนั้น และเขาก็นำมาปฏิบัติติดต่อกันเป็นประจำเกือบทุกวัน ตราบจนถึงในวันนี้.. เพียงชั่วเวลาไม่นาน จิตใจเขาก็เริ่มนิ่ง สงบ และปลอดโปร่ง การปฏิบัติแบบนี้ ดูจะพอบรรเทา ความเหงา เศร้า และความคิดถึงได้ดีพอควร แม้จะเป็นเพียงชั่วครู่ชั่วยามก็ตาม แต่.. อย่างน้อย มันก็ทำให้เขารู้สึกสงบ ผ่อนคลายความฟุ้งซ่านลงไปได้บ้าง
.
.
.
.
สิ่งที่โปร่งบางเบาที่ดูราวกับกลุ่มหมอกที่ก่อตัวเป็นรูปร่างคล้ายโครงร่างของเด็กหนุ่มวัยรุ่นเมื่อครั้งที่เขามีชีวิต สิ่งซึ่ง..มนุษย์มิอาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่านั้น คือ.. ดวงวิญญาณที่เฝ้าลอยวนเวียนและเฝ้ามองดูชีวินด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนจะเศร้าสร้อย เขารับรู้ความรู้สึกของชีวินทุกอย่าง เขาอยากจะสื่อสาร อยากจะพูดคุยกับชีวินด้วยความคิดถึง เหมือนดังเช่นที่ผ่านมาเช่นกัน แต่.. เขาก็มิอาจทำเช่นนั้นได้ ความหวาดกลัวของชีวินที่ยังคงอยู่นั้น ได้ปิดกั้นกระแสจิตที่เขาพยายามจะส่งถึงชีวินอยู่แทบจะตลอดเวลา เขาอยากให้ชีวินรับรู้เหลือเกินว่า.. เขาก็รักชีวินเช่นกัน ชีวินช่างละม้ายคล้ายคนที่เขารักปานดวงใจ ผู้ซึ่งได้จากไปและเขามิอาจได้พบเจอมานานแสนนาน ชีวินช่างเหมือนปอนเหลือเกิน คราแรก เขารู้สึกรักชีวินเพราะความคล้ายคลึง แต่.. จนถึงบัดนี้ เขาได้รู้แล้วว่า.. เขารักชีวิน เพราะตัวของชีวินเอง ชีวินผู้ซึ่งมีจิตใจงดงาม ผู้ซึ่งหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลมาให้เขาอย่างต่อเนื่องจนดวงวิญญาณบาปของเขา ใสสะอาดบริสุทธ์มากขึ้น ความว้าเหว่เศร้าสร้อยของเขาเอ่อท้นจนเปี่ยมความรู้สึก เขาเอ่ยรำพึงกับตัวเองเหมือนดังอยากจะ ตอบคำพูดทุกคำที่ชีวินเอ่ยถึงเขา และอยากให้ชีวินได้รับรู้ถึงความรู้สึกอันแท้จริงของเขากับชีวินเหลือเกินว่า..
“ วินรู้ไหม? พี่ได้ยินสิ่งที่วินพูดถึงพี่ทุกคำ พี่ก็คิดถึงวินเหลือเกิน ทำไมหนอ? วินจึงต้องกลัวพี่ด้วย พี่ไม่เคยแม้แต่จะคิดประสงค์ร้ายใดๆต่อวินเลย วินกลัวพี่.. เพียงเพราะ.. พี่เป็นสิ่งที่แตกต่างจากวินแค่นั้นหรือ? พี่อยากให้วินรู้เหลือเกินว่า พี่รักวิน รักแม้จะรู้เสมอว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ มันเป็นได้แค่เพียง.. ความรักที่มิอาจสัมผัสแตะต้องกันได้ แม้จะสื่อถึงกันก็แสนจะยากเต็มที รักที่แม้จะรู้ว่า.. วินไม่ใช่เนื้อคู่ คู่แท้ของกันและกัน ที่จะทำให้สมหวังในรัก แต่.. พี่ก็ยังรักวิน มันเป็นความรักอันบริสุทธ์ใจ ได้โปรด.. เปิดใจ รับรู้ความรู้สึกพี่ด้วยเถิด พี่อยากพูดคุยกับวินอีกครั้ง อีกสักครั้งก็ยังดี พี่ทรมานเพราะความเดียวดายมานานเหลือเกิน อย่ากลัวพี่อีกเลยได้ไหม? เพียงแค่.. วินเลิกกลัวพี่ พี่ก็จะพอส่งกระแสจิตถึงวินได้ แต่.. ถึงพี่จะพร่ำบ่นแบบนี้ขนาดไหน? วินก็คงไม่มีวันรับรู้ได้เลยแน่นอน เอาเถิดนะ ถ้าวินไม่อยากรับรู้กระแสสัมผัสทางจิต ไม่อยากรับรู้ความมีตัวตนของพี่ เพียงเพราะ.. ความหวาดกลัวในตัวพี่ พี่ก็จะขอวนเวียนอยู่กับวินเงียบๆแบบนี้ จะคอยปกปักรักษามิให้ภัยอันตรายใดๆมากล้ำกรายวิน จนกว่า.. จนกว่า.. เวลาของพี่ในมิติเร้น จะหมดลง ”
ดวงวิญญาณดวงนั้นเอ่ยคร่ำครวญจบลงด้วยความโศกาอาดูร เขาลอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆชีวินและเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่อยากจะตระกองกอดร่างที่กำลังนั่งสงบนิ่งของชีวินที่กำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงสมาธิไว้แนบอกด้วยความอาลัยรักและสุดแสนจะคิดถึง แต่.. เขาก็มิอาจทำเช่นนั้นได้ เพราะเขาเป็นแค่เพียง กลุ่มพลังงานโปร่งบางเบาที่ไม่มีตัวตน มีแค่เพียง.. ความรู้สึกที่อยากจะทำแบบนั้น แค่นั้นเอง..

********

http://media.imeem.com/m/BeQ3w6DUnN

*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ^^

*ขอบคุณครับพี่น้ำตาล แก้แล้วครับผม^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ถวิลหา 04-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 04-03-2009 18:52:52
เย้ !! ดีใจได้จิ้มคุณ pikachu ตามตลอดนะคะ  แต่จะเข้ามาได้เฉพาะตอนเย็น ๆ ถึงช่วงกลางคืน แต่จะคอยติดตาม
ทุกวันไม่ได้ขาด +1 ให้คุณ pikachu สำหรับความขยันที่มาลงให้อย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องแนวแปลกใหม่สำหรับ
คนอ่านจริง ๆ สงสารทั้งชีวินและเอ็มจริง ๆ รักกันแต่ต้องอยู่กันคนละมิติ แล้วเรื่องจะจบยังไงละ อย่าเศร้านะคะ
สงสารคนอ่านบ้างนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ถวิลหา 04-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-03-2009 19:04:38
แล้วแบบนี้ เมื่อไหร่จะได้เจอกันสักครั้ง  :monkeysad:



ปล. + คืนให้นะคะ  อ่านจบแล้ว ก็อยากอ่านต่อทุกทีเลย  :m23:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ถวิลหา 04-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: High_Wizard ที่ 04-03-2009 19:50:23
ลุ้นอยู่ลึกๆ อยากให้มาเห็นกันเสียที แต่ก็นะ สงสารวินกับเอ็มจัง.......เป็นเราเราก็คิดแบบนี้ ทำแบบนี้ละ






เป็นกำลังใจให้นะซี............มาลงเร็วๆนะเว้ย


ปล. แหะๆ ขอบคุณ คุณพี่แนนมากนะครับ เดียวจะไปตัดแว่น(แว่นตาดำ) เหอะๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ถวิลหา 04-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: PEAK ที่ 04-03-2009 20:11:57
เก่งจัง ... บรรยายได้เศร้ามากมาย  :monkeysad:

ขอบคุณนะครับ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ถวิลหา 04-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 04-03-2009 22:03:27
หวังว่าความผูกพันที่มีจะเอาชนะความกลัวไปได้นะจ้ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ถวิลหา 04-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 04-03-2009 22:07:07
เศร้าได้อีกคับซี
มันเป็นความเหงา อย่าว่าแต่วิญญาณเลย คนมีชีวิตอยู่ก็เหงาเหมือนกัน
 :oo1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ถวิลหา 04-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 04-03-2009 22:35:29
หวังว่าการปฏิบัติธรรมและนั่งสมาธิ

คงทำให้ชีวินได้พบกับเอ็มอีกสักครั้ง :m5:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ถวิลหา 04-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 05-03-2009 07:06:39
โฮะๆๆๆๆ
น้องซีค้าบ เบาๆในเรื่องความน่ากลัวจริงๆแหละ
แต่ว่าหนักหนาในเรื่องความคิดของวินนะเนี่ย
บรรยายได้ดีมากๆ เข้าถึงความคิด ความรู้สึกของชีวินเลย

ตอนหน้าการนั่งสมาธิจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับการติดต่อกันของสองหนุ่มแน่ๆเลย ใช่มิ

นิดนึงค้าบซี คำนี้คับ  "ความรู้สึกที่อยากจะตระคองโอบกอดร่างที่กำลังนั่งสงบนิ่ง"
เลือกเลย ว่าจะใช้อะไร "ประคอง" หรือ "ตระกอง"
แต่ตามข้อความนี้ น่าจะเป็น "ตระกอง" มากกว่าเน้อ (หมายความว่าโอบหรือกอดไว้ในวงแขน) 
เช่น "ความรู้สึกที่อยากจะตระกองกอดร่างที่กำลังนั่งสงบนิ่ง" ค้าบ

บวก 1 ให้น้องซีเช่นเคยน้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ถวิลหา 04-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 05-03-2009 10:46:41
อะไรอ่ะทำบุญไปให้ตั้งเยอะยังจะค้างเติ้งในนั้นอีกเหรอพี่นานนะ :m15:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ถวิลหา 04-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 05-03-2009 15:17:07
 :serius2: จะลงเอยยังไง หนอ คิดไม่ออกเลยจริงๆ  รอติดตามต่อคับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ถวิลหา 04-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 06-03-2009 17:08:35
ตอบคอมเม้นนะครับผม^^

เย้ !! ดีใจได้จิ้มคุณ pikachu ตามตลอดนะคะ  แต่จะเข้ามาได้เฉพาะตอนเย็น ๆ ถึงช่วงกลางคืน แต่จะคอยติดตาม
ทุกวันไม่ได้ขาด +1 ให้คุณ pikachu สำหรับความขยันที่มาลงให้อย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องแนวแปลกใหม่สำหรับ
คนอ่านจริง ๆ สงสารทั้งชีวินและเอ็มจริง ๆ รักกันแต่ต้องอยู่กันคนละมิติ แล้วเรื่องจะจบยังไงละ อย่าเศร้านะคะ
สงสารคนอ่านบ้างนะคะ  :pig4:
ตอบครับ : ขอบคุณมากครับที่ติดตามอ่านผลงานผมทั้งหมดเลย เรื่องจะจบอย่างไร? ลองติดตามต่อไปเรื่อยๆนะครับ อาจจะซาบซึ้ง หรือ.. ก็ได้นะครับ  อยากบอกจังเลย แต่กลัวไม่มีลุ้นนะครับแฮ่ๆ

โฮะๆๆๆๆ
น้องซีค้าบ เบาๆในเรื่องความน่ากลัวจริงๆแหละ
แต่ว่าหนักหนาในเรื่องความคิดของวินนะเนี่ย
บรรยายได้ดีมากๆ เข้าถึงความคิด ความรู้สึกของชีวินเลย

ตอนหน้าการนั่งสมาธิจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับการติดต่อกันของสองหนุ่มแน่ๆเลย ใช่มิ

นิดนึงค้าบซี คำนี้คับ  "ความรู้สึกที่อยากจะตระคองโอบกอดร่างที่กำลังนั่งสงบนิ่ง"
เลือกเลย ว่าจะใช้อะไร "ประคอง" หรือ "ตระกอง"
แต่ตามข้อความนี้ น่าจะเป็น "ตระกอง" มากกว่าเน้อ (หมายความว่าโอบหรือกอดไว้ในวงแขน) 
เช่น "ความรู้สึกที่อยากจะตระกองกอดร่างที่กำลังนั่งสงบนิ่ง" ค้าบ

บวก 1 ให้น้องซีเช่นเคยน้า
ตอบครับ : ขอบคุณมากครับ ผมแก้ไขแล้วครับ พยายามระวังแล้วเชียว อิอิ ขอบคุณที่ช่วยขัดเกลาให้นะครับผม และขอขอบคุณที่ให้กำลังใจผมด้วยนะครับ แง่มๆ

ขอบคุณกอป ขอบคุณพี่PEAK ขอบคุณพี่nOn†ღ ขอบคุณพี่pickki_a และทุกคอมเม้นจากทุกท่านที่ให้ความสนใจในนิยายเรื่องนี้นะครับ ผมโหวต +1 ให้ทุกท่านเพื่อแสดงความขอบคุณนะครับ ติดตามตอนต่อของนิยายเรื่องนี้ได้เลยครับผม^^ หุหุ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (อัศจรรย์(1) 06-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 06-03-2009 17:16:04
ในตอนใหม่นี้ อาจจะดูแรงไปสักนิด แต่จำเป็นต้องแรง เพราะมีเหตุผลครับ ลองอ่านจนจบตอนนี้เลยนะครับ ขอใบ้ให้นิดหนึ่ง จะเป็นการปูทางไปสู่.. สู่อะไรหนอ? ตอนหน้าจะได้รับคำตอบทั้งหมดครับ แง่มๆ ^^ บอกใบ้เหมือนไม่ใบ้เลยเนอะ

อัศจรรย์ (1)

(http://img15.imageshack.us/img15/6409/a008b.jpg)

วันนี้เย็นมากแล้ว จนจวนเจียนได้เวลาปิดประตูโรงเรียนเต็มที ชีวินมัวอยู่ช่วยอาจารย์บรรณารักษ์ห้องสมุดตบแต่งบอร์ดที่ห้องสมุดประจำโรงเรียน เขามัวใช้เวลาเสียพักใหญ่ จนเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี เขาจึงไหว้ร่ำลาอาจารย์ท่านนั้น จากนั้น เขาก็แวะมาล้างหน้าที่ห้องน้ำซึ่งในตอนนี้เงียบเชียบและไม่มีผู้คน เพื่อให้รู้สึกสดชื่นขึ้น และเตรียมตัวจะกลับบ้าน ระหว่างที่กำลังก้มหน้าล้างหน้าที่บริเวณอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ ชีวินก็รู้สึกเจ็บแปลบที่บริเวณก้น มันรู้สึกเหมือนกับว่า.. มีใครบางคนเอานิ้วมาทิ่มที่ก้นเขาเต็มแรง เขารู้สึกเจ็บมากจนผงะ และอุทานด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดจนสุดบรรยาย
“ โอ๊ย!! ”
ชีวินชะงักการล้างหน้า แล้วหันไปมองที่มาของความเจ็บปวดที่เขาได้รับนั้นในทันที แล้วเขาก็พบว่า.. เขาโดนเอานิ้วทิ่มที่ก้นอย่างรุนแรงและหยาบคาย จากนายเอิร์ท จอมเกเรร้ายกาจ ที่ใครต่อใครไม่ใคร่อยากจะสุงสิงด้วย เพราะความก้าวร้าวและชอบที่จะข่มผู้ที่ดูจะด้อยกว่าด้วยความฮึกเหิมลำพอง ด้วยว่า.. เขามีร่างกายสูงใหญ่เกินวัย ที่ดูจะแข็งแรงกว่าใคร เขามักชอบที่จะแสดงท่ากร่างแบบนักเลง มันเป็นอุปนิสัยเลวๆของเขาที่ชอบทำแบบนั้น นายเอิร์ทเป็นนักเรียนชั้นเดียวกับชีวิน แต่อยู่ต่างห้อง เขาชอบที่จะแสดงท่าทีข่มชีวินอยู่เสมอเมื่อสบโอกาส เพราะชีวินดูจะเป็นคนที่มีบุคลิกนิ่งๆ ไม่ใคร่สุงสิงใครเท่าใดนัก นอกจากเพื่อนที่เขารู้สึกสนิทใจจริงๆด้วยเท่านั้น ชีวินจ้องมองนายเอิร์ทด้วยอารมณ์ที่เริ่มเกิดโทสะ และก็เห็นนายเอิร์ทกำลังลอยหน้าลอยตาด้วยท่าทีที่ยียวนและท้าทาย เขารู้สึกโกรธจนสุดจะระงับใจได้อีกต่อไป เขาตรงเข้าไปผลักอกนายเอิร์ทแล้วเอ่ยตะคอกใส่เสียงดัง เพราะเขารู้สึกว่า การที่นายเอิร์ทมาทำกับเขาแบบนี้ มันดูจะข่มกันมากจนเกินไปแล้ว ถึงชีวินจะเป็นเกย์ที่ดูจะรักสงบ แต่การมาคุกคามกันแบบนี้ เขาก็ยอมไม่ได้เช่นกัน
“ ไอ้เอิร์ท นี่มันเกินไปแล้วนะ ทำแบบนี้มันเจ็บนะโว๊ย แล้วเราไปทำอะไรให้นายนักหนา ถึงได้มาทำกับเราแบบนี้? ”
นายเอิร์ทรู้สึกตกใจกับท่าทีที่ดูดุดันของชีวิน เขาไม่คิดว่าคนบุคคลิกติ๋มๆแบบชีวิน จะกล้าขึ้นเสียงใส่เขาขนาดนี้ได้ เขารู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก จึงเอ่ยตะคอกกลับด้วยเสียงที่ดุดันไม่แพ้กันด้วยท่าทีที่ดูก้าวร้าว
“ อะไรวะ กูเล่นด้วยแค่นี้ มาตะคอกใส่กูเลยเหรอ? มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร? ติ๋มๆแบบมึง บังอาจมากล้าหือกับกูเหรอ? เล่นด้วยนิดหน่อยแค่นี้ทำเป็นโวยวาย วอนซะแล้วนะมึงไอ้วิน ”
“ เล่นงั้นเหรอ? นี่นายเล่นเหี้ -ๆแบบนี้เหรอ? แล้วถ้าเราเล่นกับนายเหี้ - ๆแบบนี้บ้างล่ะ จะเป็นไง? ไอ้คนระยำ ”
“ หนอย มึงด่ากูเหรอ?ไอ้เหี้ - มึงนี่บังอาจมาก กูว่า.. เล่นแค่นี้กับมึงมันน้อยไปซะแล้ว อย่างมึงมันต้องเจอแบบนี้ ”
“ พลั่ก!! ”
“ อุ๊ป!! ”
กล่าวจบ นายเอิร์ทก็ชกเข้าที่ลิ้นปี่ของชีวินเต็มแรงโดยที่ชีวินมิได้ทันตั้งตัวเลย เขารู้สึกจุกจนตัวงอ แล้วทรุดลงไปนอนกุมท้องกับพื้นอย่างสิ้นเรี่ยวแรง นายเอิร์ทเห็นดังนั้นก็ยิ้มเหยียดด้วยความสะใจ ดูเหมือนความก้าวร้าวรุนแรงที่เขากระทำกับชีวินดูจะยังไม่ถึงใจเขา เขาจึงเตะเข้าที่ชายโครงชีวินเต็มแรงอีกครั้ง ชีวินรู้สึกเจ็บปวดและจุกจนพูดไม่ออก เขาสิ้นซึ่งเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้กลับและป้องกันตนเองได้เลย นายเอิร์ทยังไม่หยุดแค่นั้น ดูเหมือน.. การที่เขาเห็นชีวินในสภาพนี้ มันยิ่งกระตุ้นให้เขาอยากจะกดขี่ชีวินให้จมดินมากขึ้นไปอีก เขาเกิดความคิดบางอย่าง เวลานี้เย็นมากแล้ว และก็คงไม่มีใครผ่านมาแถวนี้แน่นอน เขาคิดดังนั้น ก็เหยียดยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ แล้วเขาก็ตรงไปปลดเข็มขัด และกระชากกางเกงนักเรียน พร้อมกับกางเกงในของชีวินออกอย่างดุดัน ซึ่งชีวินในตอนนี้ พยามยามที่จะขัดขืน แต่กลับถูกตุ๊ยท้องอย่างแรงอีกครั้ง จนจุกหนักขึ้นไปอีก ความเจ็บปวดและจุกเสียดที่เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง ทำให้ชีวินไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะดิ้นรนและขัดขืนได้อีกต่อไป มีเพียงสติสัมปชัญญะของเขาเท่านั้นที่ยังคงอยู่ จนในที่สุด.. ชีวินเปล่าเปลือยตรงส่วนล่างอย่างกระจ่างตาไปทุกสัดส่วน นายเอิร์ทเห็นดังนั้น ก็แค่นหัวเราะแบบเย้ยหยันด้วยความสะใจ
“ หึหึ ไอ้วินเอ๋ย มึงนี่ก็ดูขาวดีนี่หว่า มึงไม่น่าเกิดมาเป็นผู้ชายเลย ขาวแบบนี้น่าจะเกิดเป็นผู้หญิงเสียมากกว่า ว่าแต่.. ของมึงก็ดูไม่เบาเหมือนกัน เห็นอ้อนแอ้นแบบนี้ นึกไม่ถึงเลยว่า.. จะใหญ่ หึหึ ”
กล่าวจบ นายเอิร์ทก็เอาเท้าเขี่ยอวัยวะเพศชีวินเล่นอย่างสุดแสนที่จะดูหยาบคาย จิตใจก้าวร้าวและต่ำทรามของเขามันยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เขาตรงไปนั่งคุกเข่าข้างชีวิน แล้วจัดท่าทางให้ชีวินที่นอนอ่อนแรงด้วยความเจ็บปวดในขณะนั้น ให้ถ่างแข้ง ถ่างขา อ้าซ่าจนเผยให้เห็นส่วนลับของชีวินชัดๆอย่างกระจะตา แล้วก็ถลกเสื้อชีวินให้สูงขึ้นจนถึงราวนม มันเผยให้เห็นชีวินในร่างกึ่งเปลือยที่ขาวโพลนชัดเจนแบบเต็มๆ จากนั้น.. เขาก็กดถ่ายรูปชีวินที่กำลังนอนเปลือยส่วนล่างอยู่เช่นนั้นจากกล้องในโทรศัพท์มือถือของเขาในแบบที่เห็นชีวินทั้งตัวตลอดจนถึงส่วนนั้นของชีวินในทันที จนเมื่อเสร็จเรียบร้อย เขาก็เอ่ยสำทับแกมขู่กรรโชกกับชีวินว่า..
“ หึหึ ทีนี้กูก็มีรูปมึงแก้ผ้าแล้ว แก้ผ้าอ้าซ่าแบบได้ห็นกันจะจะสะใจไปเลย ต่อไป กูจะได้เอาไว้ขู่ไถเงินมึง ก็มึงลองไม่ให้กูสิ แน่นอนเลยว่า ใครๆทุกคนก็ต้องได้เห็นรูปมึงแก้ผ้าแบบนี้แน่นอน ยังไม่หมดแค่นั้น กูว่า.. กูจะเอารูปมึงไปโพสลงเน็ทด้วยดีไหมนะ มึงจะได้จำใส่กะโหลกของมึงไว้ ว่าอย่าเสือกมาซ่ากับกู ซ่ากับกูมันก็ต้องเจอแบบนี้แหละ ฮ่าๆ สะใจจริงโว๊ย ”
ชีวินได้ยินดังนั้นถึงน้ำตาไหลรินด้วยความเจ็บแค้น ทำไมมันจึงเลวได้ขนาดนั้น นี่เขาไปทำอะไรให้มันนักหนา มันจึงทำกับเขาขนาดนี้? นี่ถ้ามันทำเช่นนั้นจริงๆอย่างที่มันพูด แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? แล้วเขาจะไปกล้าสู้หน้าใครได้ ทำไมมันจึงคิดทำอะไรอุบาทว์กับเขาได้เพียงนี้ หลังจากที่นายเอิร์ทกล่าวจบ และกำลังจะตรวจสอบดูรูปที่ถ่ายชีวินไว้เมื่อครู่ และกำลังตั้งใจว่า.. จะถ่ายเพิ่มอีกสัก 2-3 รูป โดยตั้งใจจะให้มันดูอุบาทว์ลามกมากขึ้นกว่านี้อีก ทันใดนั้น.. ก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นที่โทรศัพท์ของนายเอิร์ท เขาตรวจสอบดูก็เห็นว่า.. เบอร์ที่โทรเข้ามาหาเขานั้น มันไม่โชว์เบอร์ให้รู้ว่าเป็นใคร? เขารู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน แต่ก็กดรับในทันที
“ ฮัลโหล.. ”
“ ไอ้เหี้- มึงบังอาจมาทำร้ายวิน มึงทำได้ถึงเพียงนี้ มึงนี่มันเลวมากๆ มึงลบรูปออกเดี๋ยวนี้เลย แล้วไสหัวมึงไปให้พ้น และอย่ามายุ่งกับวินอีก ไม่งั้นมึงได้เดือดร้อนแน่ ไอ้สั-ว์ ”
“ ไอ้สั-ว์ แล้วนี่มึงเป็นใคร? ถึงบังอาจมาขู่กู แน่จริงมึงก็ออกมาสิ เอาแต่หดหัวไม่กล้ามาสู้หน้าแล้วมาทำพูดขู่กูแบบนี้  คิดเหรอว่ากูจะกลัว? อย่างมึงนี่มันหน้าตัวเมียชัดๆ ”
“ มึงต่างหากที่หน้าตัวเมีย ลอบกัดทำเขาตอนเผลอ โคตรจะทุเรศ มึงอยากรู้เหรอว่ากูเป็นใคร? ก็ได้ กูอุตส่าห์เตือนแล้วมึงเสือกไม่ฟัง ยังจะมาทำกร่างอีก เก่งนักเหรอมึงน่ะ รู้แล้วอย่าหนาวนะ กูเป็นใครน่ะเหรอ? จะบอกให้ก็ได้ กูเป็นผี ผีที่คอยปกปักษ์ดูแลวิน ตอนนี้กูอยู่ตรงหน้ามึงแล้วไง อย่าบังอาจมาทำร้ายวินอีก คราวนี้มึงได้เดือดร้อนแน่ กูไม่ได้ขู่ แต่กูจะเล่นมึงจริงๆ จะเอาให้ปางตายเลยมึง ”
“ น่าขำ ผี งั้นเหรอ? มึงนึกว่ากูเป็นเด็กอมมือหรือไง? มาทำพูดขู่กูแบบนี้ นึกเหรอว่ากูจะเชื่อ อ่อนไปหน่อยแล้วมึง ”
ปากนายเอิร์ทก็ตอบไปแบบนั้น แต่ใจเขากลับเริ่มหวาดๆชอบกล จากคำพูดที่ได้ฟัง มันดูน่ากลัวจริงๆ เขาพยายามเหลียวมองเลิ่กลั่ก เขาคิดว่า.. ต้องมีใครแอบซ่อนตัวอยู่ และเห็นการกระทำต่างๆที่เขาทำกับชีวิน จึงพูดออกมาได้ตรงเหตุการณ์แบบนั้น แต่แล้ว.. เขากลับกลับไม่พบใครเลย สภาพห้องก็โล่งๆ ก็ดูจะไม่มีที่แอบซ่อนตัวได้ด้วยซ้ำ ในตอนนี้มีเพียงเขาและชีวินที่กำลังนอนกองอยู่กับพื้นอย่างเจ็บปวดและไร้ซึ่งเรี่ยวแรงเท่านั้น แล้วเสียงจากโทรศัพท์ก็ตอบกลับมาอีกว่า..
“ ไม่เชื่องั้นเหรอ? ถ้างั้น มึงลองกดดูรูปที่มึงถ่ายไว้เมื่อกี้สิ นั่นแหละกูเอง กูมาบังวินไว้ไม่ให้ได้เห็นอะไรตรงนั้น กดดูเลย แล้วมึงก็จะรู้ ว่ากูพูดจริง นั่นแหละ กูเอง กู.. เป็น ผี ที่กำลังพูดอยู่กับมึงตอนนี้ไง ไอ้ระยำ ไอ้สัตว์นรก หึหึ ”
นายเอิร์ทไม่ตอบว่ากระไร เขารีบกดดูรูปที่ถ่ายไว้เมื่อกี้ในทันที แล้ว.. เขาก็พบว่า.. ภาพของชีวินที่นอนเปลือยส่วนล่างที่เขาถ่ายไว้นั้น มันมี รูปใครบางคน ที่ดูโปร่งบางจนเหมือนโปร่งใส โผล่มากั้นบังตรงส่วนนั้นของชีวินจนมองไม่เห็น ถึงจะเป็นรูปคนที่ดูโปร่งใส แต่.. มันก็ดูชัดเจนมาก มันเห็นเป็นรูปใบหน้าคน ที่ดูดุร้ายและกำลังแสยะจนน่ากลัว ที่กำลังเขม้นมองมาทางเขาด้วยสีหน้าและแววตาที่เหมือนกับอยากจะเข้ามาขยี้เขาให้แหลกคามือ เขาเห็นดังนั้น.. ก็ตกใจสุดขีด เขานึกในใจว่า.. นี่มันโผล่มาตอนไหน? ตอนที่เขาถ่ายรูป ก็มีเพียงเขาและชีวิน แล้วนี่.. มันอะไร? มันต้องเป็น.. ใช่แน่แล้ว มันเป็นแบบที่.. คิดแน่ๆ เขารู้สึกหวาดกลัวจนสุดบรรยาย ขนลุกซู่จนตัวสั่น ถึงจะดูเป็นเหตุการณ์ที่ดูเหลือเชื่อ แต่เขาก็เชื่อแล้ว เชื่ออย่างสนิทใจ และกำลังกลัวจนจับขั้วหัวใจ เขารีบเหวี่ยงโทรศัพท์ที่มีรูปน่ากลัวนั้น ไปกระแทกผนังอย่างแรงจนแตกกระจายหลุดเป็นชิ้นๆ แล้วร้องลั่นเหมือนคนขาดสติ
“ ว๊ากกกกก!! ”
เขาเอ่ยร้องอย่างสุดเสียงด้วยความหวาดกลัว และแล้ว.. เขาก็รู้สึก.. หนาวยะเยือก มันเป็นความเยือกเย็นที่น่าขนลุกแผ่ซ่านไปทั่วตัวเขา มันเหมือนกับ.. เขากำลังถูก.. ความมืดมิดที่น่าหวาดหวั่น กำลังครอบงำปกคลุมเขาอย่างประสงค์ร้าย ความน่ากลัวอันมืดดำนั้น ดูเหมือนกำลังบีบคั้นจิตใจเขาอย่างหนักหน่วง จนเขาปวดหัวตุบๆ เหมือนดังหัวเขาแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ความหวาดกลัวของเขาเพิ่มทวีขึ้นจนถึงขีดสุดจนเกินที่สติของเขาในตอนนี้จะรับไหว แล้วมัน.. ก็ขาดผึงลง เขาวิ่งร้องลั่นออกไปเหมือนคนบ้า โดยมิได้สนใจสิ่งใดๆรอบตัวอีกเลย เขาวิ่งโซเซแบบคนไร้สติที่หาทิศทางไม่ถูก จนกระทั่ง เขาไปชนกับเสาเต็มแรงจนศีรษะแตก เลือดซึมออกมาในทันที แต่เขาก็หาได้สนใจไม่ เขายังคงวิ่งแบบเพ้อคลั่งเหมือนคนไม่มีสติอยู่เช่นนั้น โดยไม่รับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดจากบาดแผลบนศีรษะที่กำลังมีเลือดซึมและค่อยๆไหลย้อยลงมาเลย เขาวิ่งร้องโวยวายอย่างเพ้อคลั่งจนหายลับตาไป ชีวินลอบมองเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นด้วยความประหลาดใจ แต่.. เขาก็พอจะเดาเหตุการณ์ออก ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? มีใครบางคนมาช่วยเขา ใครผู้นั้น ผู้ซึ่งคงยังวนเวียนอยู่รอบตัวเขาโดยมิได้ห่างหายไปไหนนั่นเอง ใช่แน่แล้ว เขาเข้าใจทั้งหมดแล้ว แต่.. น่าแปลก ชีวินรับรู้แบบนี้แล้ว แต่ในเวลานี้เขากลับไม่รู้สึกหวาดกลัวใดๆเลย เขากลับรู้สึกตื้นตัน ที่รู้ว่า.. สิ่งนั้นยังคงอยู่กับเขา ยังคอยวนเวียนและคุ้มครองเขาอยู่นั่นเอง ความหวาดกลัวที่เคยมีต่อสิ่งเร้นลับ สิ่งนั้นที่เป็นดวงวิญญาณดวงนั้น.. ได้มลายหายสิ้นไปในทันที และแล้ว.. ทันใดนั้น.. ชีวินก็รู้สึกเย็นสบาย สัมผัสที่ดูจะอบอุ่นแบบนั้น กลับมาอีกแล้ว ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับตัวเขาหลังจากถูกประทุษร้ายโดยนายเอิร์ท มันหายไปอย่างน่าประหลาด เมื่อครู่เขายังรู้สึกเจ็บปวดและจุกจนไร้เรี่ยวแรงอยู่เลย แต่.. ในเวลานี้ กลับมีแต่ความรู้สึกเย็นสบายและผ่อนคลาย จนเมื่อ.. เขารู้สึกดีมากขึ้น เขาจึงหันไปหยิบกางเกงที่ถูกระชากไปจากตัวเขาขึ้นมาสวมจนเรียบร้อยดี เพียงชั่วเวลาไม่นานจากนั้น เขาก็เห็นพัฒน์ กำลังวิ่งกระหืดกระหอบตรงมายังเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและกังวล และเอ่ยกับเขาในทันที
“ วิน เกิดอะไรขึ้น? ”
“ ไม่มีอะไรหรอกพัฒน์ แล้วนี่ ทำไมนายยังไม่กลับอีก เราคิดว่านายกลับไปตั้งนานแล้วนะ ”
“ พอดี เรากำลังจะก้าวขึ้นรถ แล้วมัน.. สังหรณ์ใจบางอย่าง อะไรก็ไม่รู้ บอกไม่ถูกนะวิน เรารู้สึกแต่เพียงว่า เราต้องรีบมาที่นี่ ต้องมาให้เร็วที่สุด แล้วเราเลยรีบวิ่งมาเลย แล้วเมื่อกี้ เราเห็นไอ้เอิร์ทวิ่งร้องลั่นสวนออกไป นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอวิน? ”
“ ก็.. ไม่มีอะไรมากหรอก ไอ้เลวนั่นมันมาหาเรื่องเรา ก็เลยมีเรื่องกันนิดหน่อยน่ะ ”
“ มันทำอะไรวิน บอกมา เดี๋ยวเราจะไปเอาคืนให้ แม่งเลวจริงๆ วินไม่ต้องกลัวนะ ”
“ ช่างเถิดพัฒน์ เรื่องมันจบไปแล้ว มันก็ได้รับสิ่งตอบแทนที่สาสมไปแล้ว ต่อแต่นี้ มันคงไม่กล้ามาตอแยกับเราอีกแล้วละ ดูสิ.. โทรศัพท์มันก็แตกกระจายเป็นชิ้นๆไปหมดแล้ว อยู่นั่นไง สมควรกับสิ่งที่มันก่อแล้ว ขอบใจนะพัฒน์ที่เป็นห่วง นายเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ ”
“ ไม่เป็นไรหรอกวิน เราเป็นเพื่อนกันนะ ว่าแต่.. นายทำได้ไง? ไอ้เอิร์ทมันตัวใหญ่แข็งแรงขนาดนั้น นายเล่นมันคืนได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย? เราเห็นมันวิ่งหน้าตาตื่นด้วยความกลัวจนหางจุกตูดเลย นายนี่สุดยอดเลยนะวิน ”
“ ก็แค่.. เอ่อ มี.. เอ่อ.. ไม่ใช่ๆ เราก็แค่.. ป้องกันตัวน่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก ”
“ แล้วนี่.. เป็นอะไรมากไหม? นายเจ็บตรงไหนไหมวิน? ”
พัฒน์เข้ามาช่วยปัดเสื้อผ้าของชีวินที่ขมุกขมอมเลอะฝุ่นผงจากพื้นและลูบคลำตามตัววินด้วยความห่วงใยอย่างใกล้ชิด จนชีวินสัมผัสได้ถึงกลิ่นกายของพัฒน์ ดูมันช่างน่าอบอุ่นเหลือเกิน ทำไมหนอ? พัฒน์จึงดีกับเขาขนาดนี้? เขาอยากให้พัฒน์มีหัวใจแบบเดียวกับเขาเหลือเกิน ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ มันก็คงจะดีไม่น้อย เขาก็คงไม่ต้องพยายามห้ามใจไม่ให้หลงรักพัฒน์แบบในทุกวันนี้ แต่.. พัฒน์ก็คงไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก ตลอดเวลาที่ผ่านมา พัฒน์ไม่เคยมีทีท่ากับเขาในทางอื่นกับเขาเลยแม่แต่น้อย คงมีแค่เพียง ความเป็นเพื่อน เพียงเท่านั้น ชีวินคิดดังนั้นก็พยายามตัดใจ เขาหันไปโอบไหล่พัฒน์แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความตื้นตัน
“ ไม่เป็นไรมากหรอก ขอบใจนะพัฒน์ ดูสิ นายเลยกลับเย็นเลย นี่ประตูจะปิดแล้วด้วย งั้นเรากลับกันเถิดนะพัฒน์ ”
“ อืม.. นายไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว ต่อไปพยายามอยู่ห่างๆไอ้เลวนั้นนะ ถ้ามันมาทำอะไรวินอีก วินต้องบอกเรานะ เราจะไปกระทืบมัน เราไม่กลัวมันหรอก ไปกันเถิดวิน  ”
จากนั้น.. ทั้งคู่ก็เดินเคียงกัน เพื่อตรงกลับบ้าน ระหว่างนั้น.. ชีวินนึกในใจว่า.. ดวงวิญญาณดวงนั้น คงได้ไปดลใจพัฒน์ให้รีบเข้ามาช่วยเขาใช่ไหมหนอ? มันเป็นแบบนั้นใช่ไหม? ถึงแม้จะไม่ทันเวลา แต่เขาก็อดดีใจลึกๆไม่ได้ว่า.. ถ้าพัฒน์มาทัน พัฒน์ก็อาจจะเจ็บตัวไปด้วย เพราะพัฒน์ก็คงจะไม่ยอมแน่ ถ้าอยู่ในสถาณการณ์แบบนั้น จริงอยู่ว่า.. 2 ต่อ 1 น่าที่จะดูเป็นต่อมากกว่า แต่.. มันก็คงหลีกเลี่ยงการเจ็บตัวไม่ได้เช่นกัน ดีแล้วละ ที่เป็นแบบนี้ อย่างน้อยๆวันนี้เขาก็ได้กลับบ้านพร้อมพัฒน์ ชีวินรู้สึกตื้นตันกับสิ่งนั้นที่ได้มาช่วยเขาไว้ จนเขาเผลอตัว เอ่ยพึมพำออกมาเบาๆกับตัวเอง..
“ พี่เอ็ม ขอบคุณนะครับ ”
“ นายพูดอะไรเหรอวิน? ”
ชีวินได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตัว เขารู้สึกเก้อเขินนิดหน่อยที่เผลอตัวพูดอะไรพึมพำออกมา เขาจึงรีบเอ่ยแก้เก้อ แล้วก็รีบเบี่ยงเบนความสนใจพัฒน์ในทันที
“ ปละ เปล่า เราไม่ได้พูด นายคงจะหูแว่วกระมัง? ว่าแต่.. นี่นายจะรีบกลับไหม? ”
“ ก็ไม่ค่อยเท่าไรนะ ปกติเรากลับเย็นๆเกือบทุกวันอยู่แล้ว มีอะไรเหรอวิน? ”
“ ก็.. แบบว่า เรา เอ่อ.. อยากจะชวนนายไปเป็นเพื่อนเราหน่อย ที่วัดตรงนั้นน่ะ ไม่ไกลจากโรงเรียนเราหรอก ใช้เวลาไม่นานมากหรอก แค่เดี๋ยวเดียวเอง ได้ไหม? ”
“ ก็ได้นะ ว่าแต่.. วินจะไปวัดทำไม? ”
“ เราอยากไปขอบคุณ.. เอ๊ยๆ ไม่ใช่ๆ เราอยากไปไหว้พระหน่อยน่ะ วันนี้ดูเหมือนจะซวย ที่ดันไปเรื่องกับไอ้เอิร์ท อยากไปทำบุญสักนิดหน่อย เพื่อความสบายใจ ”
“ ได้สิวิน งั้นไปกันเลย ”
.
.
ณ บริเวณ ริมสระน้ำขนาดใหญ่อันดูร่มรื่นในละแวกใกล้เคียงกับโบสถ์ที่วัดแห่งนั้น ชีวินและพัฒน์แวะมานั่งคุยกันเล่นภายหลังจากที่ได้ทำการสักการะเรียบร้อยแล้ว ในช่วงหนึ่งของการสนทนา พัฒน์ก็เอ่ยถามชีวินด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความประหลาดใจอยู่เล็กน้อย..
“ อืม.. วิน เราเห็นนายไปไหว้ตรงที่บรรจุอัฐิ อยู่เงียบๆพักหนึ่ง คนนั้น.. เขาเป็นญาตินายเหรอ? ”
“ ไม่ใช่หรอก.. เขาเป็นรุ่นพี่ที่เรานับถือน่ะ เขาเคยดีกับเรามากๆ เราไม่น่าที่จะ.. กะ กลัว.. เอ่อ.. ไม่มีอะไร? ”
พัฒน์ได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกแปลกใจ นี่วินกำลังจะพูดอะไร? แล้วก็หยุดไว้เพียงแค่นั้น? เขาขยับจะเอ่ยถาม ชีวินเห็นดังนั้น ก็รีบกลบเกลื่อนความพลั้งเผลอของเขาในทันที ด้วยว่าเขาไม่อยากให้พัฒน์ได้รับรู้อะไรไปมากกว่านี้
“ เออ.. พัฒน์ วันนี้เย็นมากๆแล้ว ฟ้าใกล้มืดแล้วด้วย เรากลับกันเถิดนะ ขอบใจที่มาเป็นเพื่อนนะพัฒน์ ”
“ ไม่เป็นไรหรอก นานๆได้มาไหว้พระแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ”
แล้วทั้งคู่ก็เดินเคียงกันออกมาจากบริเวณนั้น ในยามเย็นของวันนั้น.. วันที่ชีวินได้พบกับความอัศจรรย์อีกครั้งในชีวิต..

********

*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ ^^

*แก้แล้วครับพี่น้ำตาล ขอบคุณครับ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (อัศจรรย์(1) 06-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 06-03-2009 18:11:26
ได้จิ้มคุณ Pikachu อีกแล้วค่ะ ตอนนี้ไม่แรงไปหรอกค่ะ สมใจคนอ่านต่างหาก คนทำเลวย่อมต้องได้รับผลตอบแทนที่ไม่ดี
บ้าง ดีจังที่เอ็มคอยอยู่ช่วยเหลือชีวิน ช่วยให้ตลอดนะคะ +1 ให้คนแต่งแล้วนะคะ จะรอตอนต่อไป  :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (อัศจรรย์(1) 06-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: High_Wizard ที่ 06-03-2009 19:51:30
ตอนแรกก็ใจเสียวแวบเลย.......นึกว่า มันจะมีอะไรร้ายๆๆอีกไหม แต่ก็โอเคที่มันจบลงแบบนี้





เป็นกำลังใจให้นะซี...........แล้วมาลงต่ออีกนะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (อัศจรรย์(1) 06-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 06-03-2009 21:35:47
o13 เยี่ยมจริงๆค้าบน้องซี บรรยายเรื่องได้ชัดเจนดีมาก เห็นภาพตามเลยนะ
ความแรงตอนนี้ไม่มาำกไม่มายพอสะใจคนอ่าน  :laugh:

แถมยังลุ้นเรื่องของพัฒน์กับวินอีก เอ๊ะๆๆๆ มันยังไง
พัฒน์ห่วงวินแค่ความรู้สึกของเพื่อนสนิทเท่านั้นหรือเปล่า
แต่ยังไงก้ออยากรู้เรื่องของเอ็มมากกว่าอยู่ดีนะ

ตอนนี้ขอแก้คำหนึ่งนะ "สบโอกาส" ไม่ใช่ "สพโอกาส" จ้า
แต่ขอชมตรงใช้คำว่า "ตบแต่ง"บอร์ด ใช้ได้ถูกต้องแล้วหละ เพราะคำนี้ใช้ผิดเป็น "ตกแต่ง" กันเยอะเลย

บวก 1 ให้น้องซีเช่นเคยจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (อัศจรรย์(1) 06-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: PEAK ที่ 06-03-2009 21:37:14
กับพัฒน์ นี้่ชักยังไงๆ แล้วจิ ^^  .... กับพี่เอ็มจะยังไงต่อ??  ...   เขียนได้สนุกน่าติดตามมาก ๆ เลย  o13

ขอบคุณนะครับ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (อัศจรรย์(1) 06-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 06-03-2009 22:55:26
มาให้กำลังใจคนแต่งค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (อัศจรรย์(1) 06-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-03-2009 00:38:20
อ่านแล้ว อิน ทุกที  สงสาร เอ็ม จัง   :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (อัศจรรย์(1) 06-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 07-03-2009 01:23:55
 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:
อ่านทันละ ซี
แหมไม่นึกว่าจะมาไม้นี้เลยนะเนี่ย อ่านแล้วน่าติดตามดีชอบ
ปล. ระวังเรื่องคำผิดหน่อยน๊า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (อัศจรรย์(1) 06-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 07-03-2009 11:14:46
มันก็สมควรอยู่หรอก โดนผีหลอก สะใจ  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (อัศจรรย์(1) 06-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 07-03-2009 22:20:31
เง้ออ ไม่ไหวแล้วอ่ะซี

แปะไว้ก่อนน๊า เดี๋ยวพรุ่งนี้มาอ่าน



ลุ้นอยู่ลึกๆ อยากให้มาเห็นกันเสียที แต่ก็นะ สงสารวินกับเอ็มจัง.......เป็นเราเราก็คิดแบบนี้ ทำแบบนี้ละ
เป็นกำลังใจให้นะซี............มาลงเร็วๆนะเว้ย
ปล. แหะๆ ขอบคุณ คุณพี่แนนมากนะครับ เดียวจะไปตัดแว่น(แว่นตาดำ) เหอะๆ

แว่นตาตำ !!

แล้วมันจะช่วยได้ไหมเนี่ยกอปปป เหอเหอ


หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (อัศจรรย์(1) 06-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 08-03-2009 01:06:20
อ้าววว วินมีใจกะพัฒน์  แล้วพี่เอ็มล่ะจะคู่กับใคร  :impress3:

ถึงพี่จะกลัวแต่ก็เชียร์พี่เอ็มน้า  :sad4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (อัศจรรย์(2) 08-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 08-03-2009 10:10:09
สวัสดียามสายๆครับ วันนี้มาลงตอนใหม่ให้อีกแล้ว ก่อนอื่นขอขอบคุณ พี่น้ำตาล ที่คอยแนะนำคำที่ผิดพลาดให้ ผมได้แก้ไขแล้วครับและพี่ยังให้กำลังใจผมทุกครั้งเลยนะครับ ขอบคุณพี่supranee ที่ติดตามตลอดและเป็นกำลังใจให้ ขอบคุณกอปที่มาให้กำลังใจทุกครั้ง ขอบคุณพี่นิว ขอบคุณพี่แนน ขอบคุณพี่PEAK ขอบคุณพี่pickki_a ขอบคุณพี่nOn†ღ และขอบคุณทุกคอมเม้นจากทุกท่านครับ ผมโหวต+1 ให้เพื่อเป็นการขอบคุณนะครับ และขอขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านนะครับผม^^

จนในที่สุด.. ในตอนใหม่นี้ ทั้งคู่ก็ได้พบกันเสียที ทั้งยังเฉลยข้อสงสัยปลีกย่อยต่างๆตั้งแต่ต้นเรื่องด้วยครับ นิยายแนวแบบนี้ สำหรับผมเขียนยากจริงๆ กว่าจะได้แต่ละตอนใช้เวลานานมากๆ มันยากตรงการสื่ออารมณ์ และการบรรยายให้เห็นบรรยากาศและรู้สึกตาม เขียนเรื่องราวความรักแบบปกติทั่วไป ผมว่ายังง่ายกว่านี้เลย นี่คนกับผี สำหรับผมมันยากสุดๆเลยครับ แต่ผมก็พยายามเต็มที่แล้วนะครับ ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะครับ แอบบ่นๆนิดหนึ่ง แง่มๆ ติดตามตอนต่อไปได้เลยครับผม^^ สำหรับในตอนหน้าจะได้เห็นการอยู่ร่วมกันของชีวินกับเอ็ม รวมทั้งการปูทางสู่ความหลังของเอ็มด้วยครับ คอยติดตามกันต่อไปนะครับผม

อัศจรรย์ (2)

(http://img9.imageshack.us/img9/4171/a009n.jpg)

ภายในห้องนอนของชีวินในยามค่ำของวันนั้น ที่หน้าคอมพิวเตอร์ ชีวินนั่งชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ เขาถามใจตัวเองให้แน่ใจอีกครั้ง ว่าความหวาดกลัวยังคงมีอยู่อีกไหม? คำตอบในใจคือ.. ความหวาดกลัวนั้น ได้สูญสลายไปจนหมดสิ้นแล้ว เขารู้แล้ว.. ว่าเขาไม่ควรที่จะกลัวสิ่งที่ดีแบบนั้น ดวงวิญญาณที่มีแต่ความปรารถนาดี คอยปกปักรักษาและอยู่เคียงข้างเขา ทำไม? เขาจะต้องกลัวในสิ่งซึ่ง.. นับว่า.. เป็นสิ่งที่สุดแสนจะพิเศษเช่นนั้น? จนในที่สุด.. เขาก็ตัดสินใจเปิดคอมพิวเตอร์ เปิดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เขาไม่ได้แตะต้องมานานร่วมเดือนนับจากวันนั้น.. วันที่เขาได้รับรู้ความจริงว่า.. เอ็ม นั้นไม่ใช่คน ถึงไม่ใช่คน ก็ไม่เห็นจะเป็นไร เขามิได้กังวลสิ่งใดอีกแล้ว เขาออนไลน์โปรแกรมแชต แล้วก็เฝ้ารอ เพียงชั่วเวลาไม่นาน ก็มีผู้มาทักเขาผ่านโปรแกรมแชตออนไลน์ เขาผู้นั้น.. ผู้ที่เคยพูดคุยกันด้วยความสนิทใจและความรู้สึกดีๆต่อกันมาเป็นเวลาช่วงหนึ่ง เขา.. ผู้นั้น ผู้ซึ่งชีวินกำลังเฝ้ารออยู่ในตอนนี้นั่นเอง..
“ วิน เราคิดถึงวินเหลือเกิน เราดีใจที่ได้คุยกับวินอีก ”
ชีวินเห็นดังนั้น.. เขารู้สึกตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขารับพิมพ์ข้อความตอบกลับไปเกือบจะในทันที
“ เราก็คิดถึงเอ็มนะ คิดถึงมาโดยตลอด เราไม่ควรที่จะกลัวนาย เอ่อ..  พี่เลย พี่คงจะเป็นดวงวิญญาณของพี่เจ้าของอัฐินั้นใช่ไหม? ผมคิดว่า.. น่าที่จะเป็นเช่นนั้น ผมมั่นใจ ความรู้สึกบอกผมเช่นนั้น ”
“ ใช่ เป็นแบบที่วินคิด ”
เป็นแบบที่ชีวินคิดจริงๆ เขารู้สึกสงสัยเล็กน้อย ว่า.. ทำไมต้องเป็นเขา ทำไม..  เอ็มจึงตามเขามา เขาจึงพิมพ์ข้อความ เพื่อเอ่ยถาม แล้วส่งไปยังเอ็ม
“ แล้วทำไมพี่จึงตามผมมา? ทำไมจึงเป็นผม? ”
“ มันเป็นแรงอธิษฐานของวินไม่ใช่เหรอ? เพราะแรงอธิษฐานของวิน ที่ต้องการพบใครสักคน แรงอธิษฐานนั้น.. จึงทำให้พี่ได้พบวิน ที่พี่ตามวินมา ก็เพราะ.. พี่ชอบวิน ชอบตั้งแต่แรกที่ได้พบ ”
หลังจากชีวินอ่านคำตอบของเอ็มจบลง เขาก็พยายามนึกทบทวนความจำ แรงอธิษฐานงั้นหรือ? จริงสิ.. ในตอนนั้น.. เขารู้สึกเหงา จึงอยากได้พบใครสักคน อยากมีใครสักคนที่เข้าใจเขา เขาจึงเอ่ยอธิษฐานไปเช่นนั้น โดยที่เขาไม่เคยคิดเลยว่า.. ผู้ที่เขาได้พบ จะเป็นเช่นนี้.. ถ้าเช่นนั้น สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับเขาในช่วงนั้น สัมผัสอันวาบหวาม ความฝันอันแสนวาบหวิวนั้น มันคงจะ.. ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดไปเองอย่างแน่นอน มันคงจะเกิดขึ้นเพราะเอ็ม เพราะ.. มันดูแปลกประหลาดเกินกว่าจะเป็นสิ่งที่คิดไปเองได้ ชีวินมั่นใจเช่นนั้น เขากำลังที่จะพิมพ์ข้อความเพื่อเอ่ยถามถึงเรื่องนี้ผ่านโปรแกรมแชต แล้วชีวินก็เห็นเอ็มพิมพ์ข้อความส่งมาถึงเขาอีก ข้อความที่ตอบกลับมาราวกับว่า.. อ่านใจของเขาออก ว่าเขากำลังคิดเช่นไร? และตอบคำถามสิ่งที่เขากำลังสงสัย
“ นึกออกแล้วใช่ไหม? พี่ดีใจนะ ที่วินไม่กลัวพี่แล้ว พี่จึงสามารถมาคุยกับวินได้อีก แล้วก็.. ใช่ มันเป็นแบบที่วินคิด มันเป็นกระแสสัมผัสที่พี่ส่งให้วินเอง ก็มันเป็นความปรารถนาของวินที่ต้องการเช่นนั้นไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ทำให้วิน มีความสุข พี่ก็ยินดีที่จะมอบให้ ”
“ พี่อ่านใจผมออกด้วย? เหลือเชื่อจริงๆ เหลือเชื่อที่สุดเลย ถ้าเป็นเช่นนั้น.. ถ้าเป็นแบบที่พี่บอก สัมผัสวาบหวามนั้นที่มาจากพี่ มันทำให้ผม.. ไม่เคยคิดเลยว่า.. นี่ผม ผม.. ผมจะต้องมาเสียความบริสุทธ์ให้กับ กับ.. เอ่อ.. เอ่อ.. ผี? ”
“ อย่าคิดเช่นนั้นเลย วินยังคงบริสุทธ์อยู่ วินยังไม่เคยเสียพรหมจรรย์ให้ใคร ไม่เคยทั้งชาย และหญิง ”
“ พี่หมายความว่าไง? ก็ในเมื่อ.. เอ่อ.. เราทำกันถึงขนาดนั้น ถึงขนาด.. แม้ในฝันเราก็ยัง..  แล้ว.. เอ่อ.. แบบนี้ ยังจะเรียกว่า.. ผม เอ่อ.. จะยังคงบริสุทธ์อยู่ได้อย่างไร? ”
“ วินฟังพี่นะ พี่คือดวงวิญญาณ เป็นเพียงกลุ่มพลังงานที่บางเบา ไม่มีตัวตน ไม่มีเลือดเนื้อ พี่ทำอะไรแบบนั้นไม่ได้หรอก แม้จะสัมผัสแตะต้องวิน ก็ยังทำไม่ได้เลย เราอยู่ต่างมิติกัน นอกเสียจากว่า.. วินจะเปิดใจ รับกระแสพลังจิตของพี่เท่านั้น วินจึงจะสามารถรับรู้ได้ ความรู้สึกถึงรสสัมผัสอันวาบหวามที่วินรู้สึก มันเป็นปรารถนาซ่อนเร้นในใจวิน และสร้างภาพจินตนานการออกมาแบบนั้นจนทำให้วินมีความสุข พี่เพียงแค่.. ส่งกระแสพลังแห่งความสุขไปให้ แล้ววินก็รับ แล้วมาสร้างภาพฝันด้วยตนเอง การที่วินมีความสุขสมอารมณ์หมาย มันเป็นความสุขที่มาจากตัวของวินเอง จากภาพฝัน และอารมณ์ถวิลหาของวินเอง แบบนี้วินจะเสียความบริสุทธ์ได้อย่าไงไร? ทีนี้วินเข้าใจหรือยัง? ”
ชีวินรับรู้เช่นนั้นก็รู้สึกมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง มันเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายจริงๆ แต่ในที่สุด.. ชีวินก็เข้าใจทุกอย่าง มันคงเป็นอย่างที่เอ็มบอกจริงๆ แต่แล้วทำไม? หลังจากนั้นมันจึงไม่เกิดขึ้นอีก แม้ว่า.. เขาจะถวิลหาสักเพียงไหนก็ตาม เขากำลังขยับจะถาม แต่.. เอ็มก็พิมพ์ตอบมาเกือบจะในทันที เอ็มอ่านใจเขาออกอีกแล้ว
“ พี่ไม่อยากทำเช่นนั้นอีก แม้จะเป็นปรารถนาของวินก็ตาม จริงอยู่ มันทำให้วินมีความสุข แต่.. พลังของพี่ มันครอบงำวิน จนทำให้วินสูญเสียการควบคุมตัวเอง เช่นครั้งที่วินตื่นขึ้นมาอย่างเปลือยเปล่า และครั้งที่เดินเหม่อลอยเปลือยเปล่าไปเข้าห้องน้ำ นั่นคือสิ่งที่วินได้เห็นแล้ว ว่ามันเช่นนั้นจริงๆ ถ้าพี่ยังคงส่งพลังแห่งความสุขอยู่เช่นนี้ตามที่วินต้องการ มันอาจจะเป็นผลร้ายต่อวินมากกว่า มันอาจจะทำให้วินได้พบกับเรื่องน่าอาย พี่ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เพราะ.. พี่รักวิน รักวินเพราะ.. วินเป็นคนดี  มีจิตใจดีงาม พี่จึงคอยวนเวียนอยู่รอบกายวิน คอยปกปักรักษาวิน ”
ชีวินอ่านคำตอบที่เอ็มพิมพ์ถึงเขาจบลง เขาก็เข้าใจทุกอย่างหมดแล้ว บางสิ่ง.. มันเป็นดังที่เขาคิดจริงๆ ถ้าเช่นนั้น.. เอ็มก็มาช่วยเขาไว้เช่นที่เขาคิด สิ่งอัศจรรย์ที่ได้เกิดขึ้นเมื่อเย็น มันคือ.. ความช่วยเหลือของเอ็มที่ปรารถนาดีต่อเขาจริงๆ เขารู้สึกตื้นตันเหลือเกิน นี่ถ้าเอ็มไม่ช่วยเขาไว้ อะไรจะเกิดขึ้นหนอ?
“ เมื่อเย็น พี่ช่วยผม พี่ช่วยผมไว้ ขอบคุณมากนะครับพี่ ”
“ ไม่เป็นไรหรอก ตอบแทนวินแค่นี้ พี่ยังรู้สึกว่ามันน้อยไป มันเทียบไม่ได้เลยกับผลบุญกุศลที่วินหมั่นอุทิศมาให้พี่ ทำให้วิญญาณบาปของพี่บริสุทธ์และมีพลังมากขึ้น แต่.. พี่เสียดาย ที่พลังของพี่มันไม่มากพอที่จะหยุดยั้งเจ้าวายร้ายนั่นไม่ให้มาทำร้ายวินได้ พี่หยุดมันไม่ได้ในตอนนั้น จิตใจก้าวร้าวของมันกล้าแข็งมาก จนพี่ครอบงำจิตใจมันไม่ได้เลย จนเมื่อ.. พี่ต้องทำให้มันจิตตก เกิดความหวาดหวั่นเสียก่อน พี่จึงจะสามารถครอบงำมันได้ แต่.. มันก็สายไป ทำให้วินต้องมาเจ็บตัวหลายครั้งและต้องโดนมันทำสิ่งที่น่าอายน่าอดสูกับวินอีก พี่ต้องขอโทษจริงๆนะวิน ”
“ พี่อย่าคิดแบบนี้เลย ถึงอย่างไร? พี่ก็ได้ช่วยผมไว้ ถ้าพี่ไม่ช่วยผม ต่อไป.. ผมคงต้องตกเป็นเบี้ยล่างไอ้เลวนั่นตลอดไป มันคงเอาสิ่งที่มันทำกับผมไว้ มาคอยข่มขู่ผมอย่างแน่นอน แล้วพี่ก็ยังส่งพลังมาให้ผมอีก พลังที่ทำให้ผมหายจากความเจ็บปวด ผมรับสัมผัสพลังนั้นได้ และผมก็แน่ใจด้วยในตอนนั้น ว่าต้องมาจากพี่แน่นอน ยังไผมก็ต้องขอบคุณพี่มากนะครับ จริงสิ.. ผมมีความรู้สึกเหมือนกับว่า.. พี่อ่านใจผมออก บางครั้งสิ่งที่พี่พูดกับผม มันเหมือนกับว่า.. พี่รู้ว่าผมคิดอะไรอยู่? เป็นแบบนั้นใช่ไหม? ”
“ วินเข้าใจถูกแล้ว ดวงวิญญาณแบบพี่ สามารถทำอะไรแบบนั้นได้ สามารถรับรู้ความคิดอ่านของมนุษย์ผู้เปิดใจให้ได้ อีกทั้ง.. มิติที่พี่อยู่ในตอนนี้ มันไม่มีสิ่งใดให้คลางแคลงสงสัย ทุกอย่างล้วนมีคำตอบให้ทั้งหมด ถึงจิตวิญญาณแบบพี่ ดูจะมีอะไรที่พิเศษหลายอย่าง แต่พลังของดวงวิญญาณบาปแบบพี่ในตอนแรกนั้น ยังมีพลังไม่มากพอ ยังไม่สามารถสื่อสารกับมนุษย์แบบวินได้ ต้องอาศัยสิ่งสื่อสารของมนุษย์ โดยการใช้การสื่อสารผ่านสิ่งเหล่านี้ เป็นแบบที่วินกำลังคุยกับพี่แบบนี้ในช่วงแ รก จนถึงในตอนนี้ วิญญาณของพี่เริ่มจะบริสุทธ์และมีพลังมากขึ้นแล้ว พี่สามารถสื่อสารกับวินได้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางแบบนี้อีกแล้ว ขอเพียง วินเปิดใจ เราก็สมารถคุยกันทางจิตได้ แบบที่พี่กำลังเริ่มทำอยู่กับวินในตอนนี้ไง วินได้ยินเสียงพี่ไหม?  พี่กำลังคุยกับวินทางกระแสจิต ”
ตาของชีวินยังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อรอคอยคำตอบที่เอ็มพิมพ์ส่งมา แต่.. ไม่มีข้อความใดๆจากเอ็มอีก ชีวินรับรู้คำตอบทุกอย่างนั้น ได้จากเสียงที่ทุ้มกังวานอันแสนไพเราะของชายหนุ่ม เป็นเสียงที่ไม่ได้ยินจากหู แต่มันเหมือนกับว่า มันดังก้องอยู่ในหัวเขา นี่หรือ? คือการสื่อสารกันทางจิต เขาลองนึกคำพูดที่จะพูดกับเอ็ม แล้วก็ดูเหมือนกับว่า.. เอ็มได้ยินสิ่งที่เขาคิด และกำลังพูดคุยโต้ตอบกับเขา เป็นการพูดคุยในแบบที่มิได้เปล่งเสียงออกมาเลย
“ ได้ยิน ผมได้ยิน นี่เสียงพี่เหรอ? เสียงพี่เพราะจังเลย พี่คงจะรูปหล่อเหมือนที่ผมเห็นในฝันแน่ๆ ”
“ คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกวิน ที่วินเห็นในฝัน ที่ดูหล่อเหลาสมบูรณ์แบบเช่นนั้น มันมาจากจินตนาการของวิน รูปลักษณ์ของพี่เมื่อครั้งยังมีชีวิต ไม่ได้ดูสมบูรณ์งดงามขนาดนั้นหรอกวิน ”
“ ครับ ถึงพี่จะมีหน้าตาแบบไหน? มันไม่สำคัญสำหรับผมหรอก เพียงแค่.. ที่พี่ดีกับผมแบบนี้ มันก็ดีที่สุดสำหรับผมแล้ว ”
“ ขอบใจนะวิน ที่รู้สึกดีกับพี่แบบนี้ แล้วนี่.. วินอยากเห็นพี่ไหม? ยังอยากเห็นพี่อยู่อีกไหม? ”
“ อยากครับ ผมไม่กลัวพี่อีกแล้ว พี่สามารถปรากฏร่างให้ผมเห็นได้ใช่ไหม? ”
“ ไม่ได้หรอก มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นดวงวิญญาณ ที่เป็นเป็นเพียงกลุ่มพลังงานที่บางเบาได้ ในตอนนั้น.. วินยังจำได้ไหม? ที่วินหวาดกลัว ตอนนั้นพี่พยายามรวบรวมพลังเพื่อปรากฏร่างให้วินเห็น แต่.. วินก็ไม่สามารถมองเห็น พี่จึงเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า มนุษย์มิอาจมองเห็นจิตวิญญาณที่เป็นเพียงกลุ่มพลังงานแบบพี่ได้ นอกเสียจากว่า.. ”
“ นอกเสียจากว่า..? อะไรครับพี่เอ็ม ”
“ นอกเสียจากว่า.. มนุษย์ผู้นั้นมีสัมผัสพิเศษ หรือ สามารถสงบจิตให้มีสมาธิ ทำจิตให้นิ่งและรวมจิตมิให้วอกแวก เปิดใจรับรู้ ก็อาจจะพอมองเห็นได้ ถ้าเขาผู้นั้นมีพลังจิตกล้าแข็งพอ จนถึงในตอนนี้..  วินสามารถทำเช่นนั้นได้แล้ว วินฝึกสมาธิจนทำจิตให้สงบได้แล้ว มันไม่เหมือนในครั้งนั้น.. ครั้งที่วินไม่สามารถมองเห็นพี่ได้เลย ทั้งยังถูกกระแสสัมผัสแห่งความสุข ครอบงำจิตใจจนสูญเสียการควบคุมตนเอง แต่.. วินในตอนนี้ มีพลังจิตกล้าแข็งกว่าเก่าแล้ว มันเป็นเพราะ.. การฝึกสมาธิที่วินหมั่นทำมาโดยตลอดนับแต่วันนั้นจนถึงในตอนนี้.. ตอนนี้.. วินพร้อมไหม? ที่จะได้เห็นพี่? ”
“ พร้อมครับ ”
ชีวินตอบรับผ่านทางจิต ด้วยหัวใจที่ระทึกเพราะความตื่นเต้น เขาคิดในใจว่า.. นี่.. พี่เอ็ม จะมีรูปร่างหน้าตาเช่นใดหนอ?
“ ถ้าเช่นนั้น วินหลับตา ตั้งจิตให้สงบเป็นสมาธิ รวบรวมจิตให้เป็นหนึ่ง เมื่อรู้สึกว่า.. จิตใจของวินนิ่งและสงบแล้ว วินค่อยๆลืมตาขึ้นมองนะ ตอนนี้.. พี่อยู่ตรงหน้าวินนี่แล้ว.. ”
เมื่อชีวินรับรู้เช่นนั้น เขาก็หลับตาลง แล้วค่อยๆกำหนดจิต รวมจิตให้เป็นหนึ่ง แม้จะรู้สึกตื่นเต้นสักเพียงไหน? ชีวินก็สามารถทำจิตใจให้เกิดสมาธิได้ จวบจนเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง จนเมื่อ.. ชีวินรู้สึกแล้ว ว่าเขาพร้อม เขาจึงค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ และแล้ว.. ชีวินก็ได้เห็น ได้เห็นจริงๆ ได้เห็นสิ่งที่มหัศจรรย์ มันช่างเหลือเชื่อเหลือเกิน เขารู้สึกขนลุกชันไปทั่วร่าง มันไม่ได้มาจากความหวาดกลัวใดๆเลย แต่.. มันมาจากความรู้สึกปิติจนเต็มล้นในอก นี่หรือ.. คือพี่เอ็ม สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขานี่หรือ คือผู้ที่เขารอคอยที่จะได้พบ มันดุจดังความฝัน แม้จะไม่ใช่รูปลักษณ์ที่เป็นดังที่เขาจินตนาการ แต่นี่.. นี่คือ.. พี่เอ็มจริงๆ ชีวินน้ำตาไหลรินอาบแก้มด้วยความรู้สึก.. ยากที่จะบรรยาย..
.
.
.
.
.
รูปร่างที่ชีวินเห็น ช่างดูเด่นชัด ดุจดัง.. มนุษย์ผู้มีเลือดเนื้อ แม้จะดูโปร่งบางโปร่งใสเลือนรางไปสักหน่อย แต่ก็ดูชัดเจนเหลือเกิน ถึงแม้.. พี่เอ็มที่เขาได้เห็นในเวลานี้ จะไม่ดูงดงามสมบูรณ์พร้อมเหมือนดังที่เขาเคยฝันถึง แต่ในรูปลักษณ์เช่นนี้.. ก็ดูหล่อเหลาไม่เบา ในเรือนร่างที่ดูสูงโปร่ง ใบหน้าคมคาย เขาพลางนึกในใจว่า.. นี่.. พี่เอ็มเมื่อครั้งยังมีชีวิต หล่อเหลาขนาดนี้เชียวหรือ? ชีวินค่อยๆ เอื้อมมือไปสัมผัสร่างที่ดูโปร่งบางนั้น แล้วเขาก็รู้สึกว่า.. มันว่างเปล่า.. เขารู้สึกเหมือนกับว่า.. เขาไม่ได้สัมผัสถูกอะไรเลย แต่กระนั้น ภาพที่เห็นตรงหน้าก็ยังคงเด่นชัดอยู่เช่นนั้น หนุ่มรูปหล่อ ส่งยิ้มอย่างอบอุ่นมาให้ชีวิน พร้อมส่งกระแสจิตมาถึงชีวินเป็นคำพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังคล้าย.. น้ำเสียงที่สุดแสนจะนุ่มนวลและอ่อนโยน
“ เป็นไงวิน? นี่แหละพี่เอง วินคงได้เห็นแล้ว รูปลักษณ์ของพี่เมื่อครั้งมีชีวิต ”
“ พี่เอ็ม.. พี่หล่อเหลือเกิน ถึงแม้จะไม่เทียบเท่าในความฝันที่ผมเคยฝันถึง แต่.. ถึงกระนั้นก็ดูหล่อเหลามาก ผมดีใจที่ผมได้เห็น ได้เห็นพี่แบบนี้ มันช่าง.. มันช่างเหมือนกับความฝัน พี่ครับ ผมรักพี่.. รักพี่เหลือเกิน ผมอยากกอดพี่ ส่งกระแสพลังให้ผมรู้สึกแบบนั้นสักครั้งได้ไหม? ได้โปรดเถิดนะครับพี่เอ็ม ”
ชีวินส่งกระแสจิตตอบรับพร้อมอ้อนวอนด้วยน้ำตานองหน้าเพราะความตื้นตัน และโหยหาความอบอุ่นจากความรัก ความรักที่บริสุทธ์จากจิตใจ มิได้เคลือบแฝงด้วยกามารมณ์ใดๆเลย ร่างโปร่งบางนั้นส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ชีวิน และพยักหน้าเบาๆตอบรับคำขอของชีวิน ฉับพลัน.. ความรู้สึกเย็นสบายและอบอุ่นก็แผ่ซ่านทั่วร่างชีวิน เขาหลับตาพริ้ม และแล้ว.. ในมโนสำนึกของชีวิน เขาก็ได้เห็นและรู้สึกได้ เขาได้เห็นและรู้สึกถึง.. ร่างของเอ็ม ที่ดูมีเลือดเนื้อ ดูมีมีชีวิต และสัมผัสแตะต้องได้ราวกับมนุษย์จริงๆ กำลังตระกองกอดเขาอย่างอบอบอุ่น เอาปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าให้เขา และลูบส้นผมเขาเบาๆอย่างอ่อนโยน มันช่างเหมือนจริง เหมือนกับรู้สึกจริงๆ ได้รับสัมผัสแบบนี้จริงๆ มันเด่นชัดเหลือเกิน เขารู้สึกเช่นนั้นก็ยิ่งสะอื้นร่ำไห้ด้วยความตื้นตัน และเอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกปิติ มันช่างอบอุ่นเหลือเกิน เขาอยากอยู่ในอ้อมกอด อยากซบอยู่กับอกอุ่นๆของพี่ชายคนนี้ พี่ชายที่แสนดี ผู้ที่ปรารถนาดีต่อเขาตลอดมา อยากอยู่ในอ้อมกอดแบบนี้ให้นานแสนนาน ขอเพียง.. ถ้าพอจะเป็นไปได้..  ถ้ามามารถเป็นไปได้จริงๆ เขาอยากให้คงอยู่เช่นนี้.. จนเป็นนิรันดร์..

********

*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ^^

*แก้ไขตามที่พี่แนะนำแล้วครับพี่น้ำตาล ขอบคุณมากนะครับ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (อัศจรรย์(2) 08-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 08-03-2009 10:40:09
+1 เป็นกำลังใจให้น้อง Pikachu นะคะ ภาษาที่เขียนสื่อออกมาทำให้คนอ่านเหมือนได้เข้าไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์ด้วย
ชอบมากค่ะ รู้สึกอินไปด้วยเลย ขอบคุณที่แต่งเรื่องดี ๆ มาให้อ่าน ขอบคุณที่ขยันมาโพสต์ลงมิให้ขาดตอน จะติดตาม
เป็นกำลังให้ตลอดไปค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (อัศจรรย์(2) 08-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 08-03-2009 15:16:42
ซีบรรยายซะเห็นภาพเลยคับ
อบอุ่นดีคับผม
 :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (อัศจรรย์(2) 08-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: High_Wizard ที่ 08-03-2009 20:09:39
ปลื้มดีจังเลยซี กอดกันๆ เหอะๆ







เป็นกำลังใจให้นะซี........แล้วมาลงต่ออีกนะเว้ย


ปล. แว่นตาดำ = รอยคล้ำใต้หนังตา....ผมใส่อยู่ตลอดเวลานะพี่แนน 555+
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (อัศจรรย์(2) 08-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 08-03-2009 22:45:17
อบอุ่นจัง

 :o8:


กอปงั้นเราพวกเดียวกัน แว่นตาดำ!!! เฮ้อ แต่ที่จริงก็ไม่ค่อยอยากใส่เลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (อัศจรรย์(2) 08-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 08-03-2009 23:13:16
ดีแล้วที่วินหายกลัวพี่เอ็ม ไม่งั้นพี่เอ็มคงน่าสงสารแย่

รออ่านตอนต่อไปจ้ะ  :3123:


หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (อัศจรรย์(2) 08-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 09-03-2009 05:22:28
 :กอด1: น้องซี สำหรับทุกคำขอบคุณที่น้องซีมอบให้นะจ๊ะ
ชอบในส่วนที่ น้องซี มี คนแต่ง talks ก่อนเข้าเนื้อเรื่องจ้า
เหมือนสรุปสิ่งที่เราจะอ่านไว้ในข้อความสั้นๆ ไม่กี่ข้อความ และยังมีเกริ่นนำสู่ตอนต่อไปด้วย เจ๋งมาก
บวก 1 ไปก่อนเลยจ้า

ตอนนี้ยังคงรักษาเอกลักษณ์การเขียนเรื่องแบบที่น้องซีทำมาตลอดได้ดีเช่นเคยนะจ๊ะ
มีนิดนึงคือข้อความที่วินสื่อสารกับเอ็ม บางประโยคเป็นทางการไปหรือเปล่านะ
"...อย่างไรก็แล้วแต่.. พี่ก็ยังส่งพลังมาให้ผมอีก ..."
แต่ถ้าคิดว่าเป็นภาษาเขียน ที่วินเขียนให้เอ็มก้อพอลุ้่นหละ

ส่วนคำผิดเล็กน้อยจ้า เป็นคำที่มักสะกดกันผิดเช่นเคย น้่องซีใช้คำนี้สองที่ไม่เหมือนกัน
"...ดวงวิญญาณที่มีแต่ความปรารถนาดี คอยปกปักรักษาและอยู่เคียงข้างเขา..."
"...วินเป็นคนดี  มีจิตใจดีงาม พี่จึงคอยวนเวียนอยู่รอบกายวิน คอยปกปักษ์รักษาวิน..."

แล้วคำนี้ต้องสะกดยังไงกันหนอ

เฉลย

ปกปักรักษา นะจ๊ะ

ส่วนคำว่า "ปักษ์" แปลว่า ข้าง, ฝ่าย  เช่น ปรปักษ์ ปฏิปักษ์ ก้อคือศัตรูอยู่คนละข้างกัน
หรือ แปลอีกอย่าง ง่ายๆเลย แปลว่า ครึ่งเดือน ตัวอย่างเคยได้ยินใช่ปะจ๊ะ หนังสือรายปักษ์ ไง

แล้วจารออ่านตอนต่อไปนะค้าบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (อัศจรรย์(2) 08-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 09-03-2009 10:26:37
ได้เจอกันแล้ว ดีใจๆๆๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (อัศจรรย์(2) 08-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 09-03-2009 21:42:58
อ่านแล้วรู้สึกอินไปกับคำบรรยายด้วยจริงๆ

ใช้ถ้อยคำในการบรรยายได้เห็นภาพเลย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (อัศจรรย์(2) 08-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 10-03-2009 18:57:39
ตอบคอมเม้นครับผม^^

+1 เป็นกำลังใจให้น้อง Pikachu นะคะ ภาษาที่เขียนสื่อออกมาทำให้คนอ่านเหมือนได้เข้าไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์ด้วย
ชอบมากค่ะ รู้สึกอินไปด้วยเลย ขอบคุณที่แต่งเรื่องดี ๆ มาให้อ่าน ขอบคุณที่ขยันมาโพสต์ลงมิให้ขาดตอน จะติดตาม
เป็นกำลังให้ตลอดไปค่ะ  :pig4:
ตอบครับ : ดีใจมากครับที่ทำให้พี่รู้สึกเช่นนั้นได้ เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าผมบรรยายมากไปไหม? แต่พอได้รับฟังความคิดเห็นแบบนี้ก็ยิ่งมีกำลังใจมากๆเลยครับ แง่มๆ

ซีบรรยายซะเห็นภาพเลยคับ
อบอุ่นดีคับผม
 :o8:

ตอบครับ : ครับ ดูจะเป็นการหักมุมอารมณ์ไปหน่อย จากช่วงแรกที่ดูสยองจนขนลุก พลิกกลับมาอบอุ่นเฉยเลย อิอิ ขอบคุณที่ชอบนะครับผม

ปลื้มดีจังเลยซี กอดกันๆ เหอะๆ







เป็นกำลังใจให้นะซี........แล้วมาลงต่ออีกนะเว้ย


ปล. แว่นตาดำ = รอยคล้ำใต้หนังตา....ผมใส่อยู่ตลอดเวลานะพี่แนน 555+
ตอบครับ : แหมๆ แอบปลื้มด้วยน้ากอป ความจริงตัวละครได้รักกันมันก็น่าปลื้มจริงๆด้วยแหละ หึหึ

อบอุ่นจัง

 :o8:


กอปงั้นเราพวกเดียวกัน แว่นตาดำ!!! เฮ้อ แต่ที่จริงก็ไม่ค่อยอยากใส่เลยนะเนี่ย
ตอบครับ : ครับพี่แนน ความรักทำให้รู้สึกอบอุ่นจริงๆด้วยครับ แง่มๆ

ดีแล้วที่วินหายกลัวพี่เอ็ม ไม่งั้นพี่เอ็มคงน่าสงสารแย่

รออ่านตอนต่อไปจ้ะ  :3123:



ตอบครับ : จากที่หายกลัว กลับกลายมาเป็นความรักเลยครับ ผมก็ทนสงสารพี่เอ็มไม่ไหว เลยให้เจอกันเสียที อิอิ

:กอด1: น้องซี สำหรับทุกคำขอบคุณที่น้องซีมอบให้นะจ๊ะ
ชอบในส่วนที่ น้องซี มี คนแต่ง talks ก่อนเข้าเนื้อเรื่องจ้า
เหมือนสรุปสิ่งที่เราจะอ่านไว้ในข้อความสั้นๆ ไม่กี่ข้อความ และยังมีเกริ่นนำสู่ตอนต่อไปด้วย เจ๋งมาก
บวก 1 ไปก่อนเลยจ้า

ตอนนี้ยังคงรักษาเอกลักษณ์การเขียนเรื่องแบบที่น้องซีทำมาตลอดได้ดีเช่นเคยนะจ๊ะ
มีนิดนึงคือข้อความที่วินสื่อสารกับเอ็ม บางประโยคเป็นทางการไปหรือเปล่านะ
"...อย่างไรก็แล้วแต่.. พี่ก็ยังส่งพลังมาให้ผมอีก ..."
แต่ถ้าคิดว่าเป็นภาษาเขียน ที่วินเขียนให้เอ็มก้อพอลุ้่นหละ

ส่วนคำผิดเล็กน้อยจ้า เป็นคำที่มักสะกดกันผิดเช่นเคย น้่องซีใช้คำนี้สองที่ไม่เหมือนกัน
"...ดวงวิญญาณที่มีแต่ความปรารถนาดี คอยปกปักรักษาและอยู่เคียงข้างเขา..."
"...วินเป็นคนดี  มีจิตใจดีงาม พี่จึงคอยวนเวียนอยู่รอบกายวิน คอยปกปักษ์รักษาวิน..."

แล้วคำนี้ต้องสะกดยังไงกันหนอ

เฉลย

ปกปักรักษา นะจ๊ะ

ส่วนคำว่า "ปักษ์" แปลว่า ข้าง, ฝ่าย  เช่น ปรปักษ์ ปฏิปักษ์ ก้อคือศัตรูอยู่คนละข้างกัน
หรือ แปลอีกอย่าง ง่ายๆเลย แปลว่า ครึ่งเดือน ตัวอย่างเคยได้ยินใช่ปะจ๊ะ หนังสือรายปักษ์ ไง

แล้วจารออ่านตอนต่อไปนะค้าบบบบบบบบ

ตอบครับ : ผมไม่นึกว่าพี่จะชอบการกล่าวนำก่อนเข้าสู่ตอนใหม่ด้วย อิอิ คือผมอยากให้รู้สึกเหมือนคนเขียนกำลังเล่าให้คนอ่านฟังน่ะครับ ไอเดียเฉิ่มๆของผมเอง แฮ่ๆ สำหรับข้อผิดพลาดที่พี่แนะนำ ผมแก้ไขหมดแล้ว ขอบคุณมากครับผม

ได้เจอกันแล้ว ดีใจๆๆๆ  :กอด1:
ตอบครับ : ทรมานคนอ่านมาหลายตอนเลย เลยให้ได้พบกันเสียทีเนอะๆ แฮ่ๆ^^

อ่านแล้วรู้สึกอินไปกับคำบรรยายด้วยจริงๆ

ใช้ถ้อยคำในการบรรยายได้เห็นภาพเลย
ตอบครับ : ขอบคุณครับ ตอนแรกผมคิดว่าผมบรรยายมากไปหรือเปล่า? แต่พอได้รับฟังความคิดเห็นก็ดีใจครับ ที่ทำให้รู้สึกตามได้ แง่มๆ

ขอบคุณความคิดเห็นจากพี่ๆทุกคอมเม้นมากนะครับ ผมขอแสดงความขอบคุณด้วยการ โหวต+1 สำหรับพี่ๆทุกคนเลยครับผม ติดตามตอนต่อไปกันได้เลยนะครับผม^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ความรักต่างมิติ 10-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 10-03-2009 19:06:25
ในตอนใหม่นี้.. ดูจะเบาๆลงบ้าง แต่.. ผมแอบสร้างประเด็นเรื่องราวของพี่เอ็มในช่วงต้นๆของตอนนี้ เพื่อปูทางไปสู่เรื่องราวความหลังของพี่เอ็มในครั้งอดีต แต่แหมเสียดายจัง ตอนท้ายลงต่อไม่พอว่าชีวินได้เห็นอะไร? เอาเป็นว่า.. ชีวินจะได้เห็นอะไรบ้าง? ลองติดตามในตอนหน้านะครับ ในวันนี้ ติดตามตอนต่อจากคราวที่แล้วได้เลยครับผม^^

ความรักต่างมิติ

(http://img23.imageshack.us/img23/6378/a010.jpg)

หญิงวัยกลางคน ค่อยๆเช็ดทำความสะอาดแผ่นป้ายหินอ่อนที่สลักชื่อผู้เสียชีวิตที่ปิดทับช่องบรรจุอัฐิจนสะอาดเรียบร้อยดี แววตาแห้งผากกับสีหน้าที่เศร้าหมองของเธอ บ่งบอกถึงความทุกข์ระทมในจิตใจ เธอหวนรำลึกถึงการตัดสินใจที่ผิดพลาดในครั้งอดีตที่ก่อให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ ชีวิตที่มีเพียง 2 คนแม่ลูก จนถึงเวลานี้.. ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอก็ได้จากไปนานแล้ว เพียงเพราะ.. ถ้าในตอนนั้น เธอเชื่อ.. เชื่อในสิ่งที่ลูกพูดโดยอมรับความจริง ไม่ใช่ทำไปเพราะหลอกตัวเองแบบนั้น โศกนาฎกรรมก็คงจะไม่เกิดขึ้น แต่.. จะทำอย่างไรได้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น มันไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้อีกแล้ว เธอเอ่ยรำพึงเบาๆกับตัวเอง เหมือนอยากจะกล่าวความในใจแก่บุตรชายผู้ล่วงลับไปแล้ว บุตรชายผู้ล่วงลับไป โดยที่เธอมิทันได้ดูใจในวาระสุดท้ายเลย..
“ เอ็ม แม่ขอโทษ แม่ผิดเอง มันเป็นความผิดของแม่เองที่ทนต่อความยากลำบากอีกต่อไปไมได้ ชีวิตครอบครัวที่ปราศจากพ่อของเอ็ม ทำให้แม่ต้องลำบากมาก ถ้าเพียงแม่อดทน ไม่ตัดสินใจแต่งงานใหม่โดยเลือกคนที่ดูดีแค่เปลือกนอกมาเป็นคู่ชีวิตคนใหม่ ที่มาทำให้ฐานะทางครอบครัวเราดีขึ้น เรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นกับเอ็มที่แม่ไม่เคยรู้มาก่อน มันก็คงจะไม่เกิดขึ้น แต่.. ถึงกระนั้น เมื่อความจริงปรากฏ แม่กลับไม่ยอมเชื่อลูก ทำให้ลูกต้องเสียใจ จนต้องหนีจากแม่ไป แม่เข้าใจแล้ว ว่าลูกต้องอยู่ในเจ็บปวดทุกข์ระทมขนาดไหน? ถึงแม้แม่จะเลิกร้างกับคนที่ทำให้ลูกต้องเจ็บปวดไปแล้ว แต่มันก็ดูจะสายเกินไป ขอโทษนะลูก ยกโทษให้แม่ด้วย จนถึงในวันนี้.. แม่ก็คงทำให้ลูกได้แค่เพียง ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ อย่างน้อยๆ ก็เพื่อ.. เป็นการชดเชยในสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นแก่ลูก แม่คงทำได้เพียงแค่นี้ ”
เธอกรีดน้ำตาที่เอ่อซึมตรงหน่วยตาออกด้วยความเศร้าอาลัย จากนั้นเธอก็บรรจงเอาพวงมาลัยดอกไม้สดที่มีกลิ่นหอม คล้องบริเวณแผ่นป้ายหินอ่อนที่สลักชื่อบุตรชายเพียงคนเดียวของเธอ เธอยืนอาลัยอย่างเศร้าสร้อยอยู่ครู่หนึ่ง ก็เดินจากไปจนหายลับตาไปจากบริเวณนั้นในเวลาไม่นาน..
.
.
ดวงวิญญาณของเอ็มเฝ้ามองแม่ของเขาอยู่เช่นนั้นเงียบๆด้วยความเศร้า เขาเข้าใจความรู้สึกของแม่เขาดีทุกอย่าง แม่กำลังอยู่ในความเศร้าและเดียวดาย บ่อยครั้งที่เขามักไปวนเวียน ดูความเป็นไปในชีวิตของแม่ด้วยความห่วงใย เขาอยากจะปลอบประโลม แต่ก็มิอาจทำได้ กระแสจิตของเขา มิอาจส่งถึงแม่ของเขาได้เลย มันเป็นเวรกรรมของวิญญาณบาปเช่นเขา ที่ทำให้บุพการีต้องเสียใจอย่างร้ายแรง ถึงแม้.. แม่ของเขาจะหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลมาให้ เขาก็ได้รับบ้าง แต่.. ก็มิอาจได้รับอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย บาปกรรมอันร้ายแรง ที่ปลิดชีวิตตนเองจนทำให้แม่ต้องเสียใจเช่นนี้ มันเป็นบาปอันใหญ่หลวง ที่ทำให้ดวงวิญญาณของเขามัวหมอง มีเพียง.. ชีวินเพียงคนเดียว เพียงคนเดียวเท่านั้น คำตอบจากมิติเร้นที่ไขข้อสงสัยเขาว่าทำไมเขาจึงได้พบชีวินมันเป็นเช่นนั้น ขอเพียงแค่.. ชีวิน มีจิตใจมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือเขาด้วยความจริงใจด้วยตัวของชีวินเอง มันก็พอที่พอจะทำให้วิญญาณมัวหมองของเขาใสสะอาดขึ้นได้ ถึงแม้จะมิอาจลบล้างบาปกรรมที่เขากระทำไว้ได้ แต่.. มันก็ทำให้วิญญาณเขา บริสุทธ์ใสสะอาดขึ้นได้บ้าง มันเป็นชะตาลิขิตจากชาติปางก่อน ที่เขาและชีวินเคยเกื้อหนุนกันมา จึงทำให้ได้มาพบกันอีกครั้งในชาติภพนี้ ได้พบในรูปแบบที่แม้จะต่างสถานะกันก็ตาม เขาล่องลอยลอบมองแม่ของเขาอยู่เช่นนั้น จนแม่เขาเดินหายลับตาไป จากนั้น.. ดวงวิญญาณของเขาล่องลอยขึ้นไป ล่องลอยเพื่อไปหาชีวิน ไปคอยวนเวียน และอยู่เคียงใกล้ เพื่ออาศัยพลังบุญบารมีของชีวิน และคอยดูแลปกปักรักษาชีวินด้วยเช่นกัน..
.
.
.
.
ชีวินส่งยิ้มอย่างอ่อนหวานให้กับเอ็มในระหว่างคาบเรียนที่เขากำลังเรียนอยู่ และเขาก็เห็นว่า.. เอ็มก็ส่งยิ้มตอบรับอย่างอ่อนโยนมาให้เช่นกัน เมื่อชีวินเห็นดังนั้น.. เขาจึงส่งกะแสจิตไปพูดคุยทักทายกับเอ็ม ที่กำลังล่องลอยอยู่ไม่ห่างจากเขาเท่าใดนัก อยู่ในละแวกห้องเรียนของชีวินนั่นเอง..
“ พี่เอ็ม.. วิชานี้ค่อนข้างหิน งั้น.. ผมขอตั้งใจเรียนก่อนนะ เดี๋ยวว่างๆผมค่อยคุยด้วย ”
“ ตามสบายเลยวิน ตั้งใจเรียนนะ จะคุยกับพี่เมื่อไรก็ได้ แต่.. ยกเว้นตอนที่วินกำลังสอบ ห้ามให้พี่ขอให้ช่วยบอกข้อสอบให้นะ แม้พี่จะสามารถทำได้ แต่.. พี่คงจะไม่ทำแบบนั้นแน่นอน ”
เอ็มตอบรับกระแสจิตของชีวินด้วยน้ำเสียงที่ฟังคล้ายจะเย้าแหย่ชีวินเล่น เพราะเขารู้ดีว่า.. ขีวินไม่ขอให้เขาทำเข่นนั้นแน่
“ โธ่.. พี่ก็.. ผมไม่ขอให้พี่ทำอะไรแบบนั้นให้ผมหรอก ไม่งั้น.. ผมจะตั้งใจเรียนทำไม? จริงไหม? ”
ชีวินส่งกระแสจิตตอบรับ แล้วก็ส่งยิ้มให้เอ็มอีกครั้ง ก่อนจะหันมาสนใจการเรียนต่อ..
.
.
จนถึงในเวลานี้.. ชีวินสามารถมองเห็นเอ็มได้ตลอดเวลาเมื่อรู้สึกอยากมองเห็น ทั้งยังสามารถส่งกระแสจิตพูดคุยสนทนากับเอ็มได้ทุกครั้งที่เขาต้องการ เขาสามารถควบคุมจิตใจให้นิ่งและเกิดสมาธิได้ดังใจปรารถนา การปฎิบัติธรรมและฝึกสมาธิของชีวินที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อเขามากมาย รวมถึงผลการเรียนที่ดีขึ้นจนน่าพอใจ เอ็มจะตามเขาไปทุกหนแห่งเสมอ และ.. คอยอยู่เคียงข้างเขาแทบจะตลอดเวลา แต่ก็มิได้รบกวนใดๆเลย เพียงเฝ้ามองและล่องลอยอยู่เช่นนั้น ในบางครั้ง.. ถ้าชีวินรู้สึกเบื่อๆ เขาก็จะส่งกระจิตพูดคุยกับเอ็มบ้าง และในทุกๆวัน เมื่อยามที่ชีวินมีเวลาเป็นส่วนตัว เขาก็มักจะคลอเคลียอยู่กับเอ็มทุกครั้ง สนทนาพูดคุยกันด้วยความรักความเข้าใจในกันและกัน มันเป็นความรักที่ทั้งคู่มีให้กันและกันจริงๆ น่าแปลก.. บ่อยครั้งที่ชีวินถามใจตนเอง ว่าเขารักเอ็มเช่นไรกันแน่ ถึงแม้รูปลักษณ์ของเอ็มจะดูต้องตาต้องใจเขามากมายเหลือเกิน จนถึงในวันนี้.. เขากลับมิได้ต้องการความสุขจากเพศรสทางกามารมณ์กับเอ็มอีกเลย ทั้งๆที่ เอ็มสามารถสนองให้เขาได้อย่างรู้สึกสมจริงดุจดังการกระทำที่เกิดขึ้นจริงๆก็ตาม ขอเพียงแค่ชีวินเอ่ยขอถึงความปรารถนานั้น เอ็มก็ยินดีและพร้อมที่จะส่งความสุขแบบนั้นให้เขาได้เสมอ แต่.. ชีวินกลับไม่ต้องการอย่างนั้น เขาพึงใจที่จะได้รัก ได้คลอเคลีย ได้มีผู้เข้าใจจิตใจและอยู่เคียงข้าง เติมเต็มความสุขความอบอุ่นใจที่เคยโหยหา เขาต้องการเพียงเท่านั้นจากเอ็มจริงๆ เพียงเท่านั้นเอง.. ชีวินก็มีความสุขที่สุดแล้ว ความรู้สึกอบอุ่นที่มีผู้เคียงข้างเขาเช่นนี้ มันทำให้ชีวินมีความสุข มีความสุขมากเสียจน.. เขาแทบไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว ขอเพียงแค่นี้.. ได้มีผู้ที่เข้าใจเขา ผู้ที่มาคอยเติมเต็มความรู้สึกดีๆให้ ถึงจะเป็นแค่เพียง.. ดวงวิญญาณ ชีวินก็มิได้รู้สึกแปลกแยกตรงนี้อีกเลย ตอนนี้.. ชีวินไม่รู้ตัวเลยว่า.. ท่าทีที่ดูแปลกไปของชีวิน มันได้อยู่ในสายตาของใครบางคน ผู้ซึ่ง.. คอยลอบมองชีวินอยู่แทบจะตลอดเวลาเช่นกัน ชีวินเริ่มรู้สึกตัว เมื่อได้ยินเสียงเอ่ยกระซิบถามเขาด้วยความประหลาดใจจากผู้ที่กำลังนั่งเรียนอยู่ใกล้ๆเขานั่นเอง
“ วินยิ้มให้ใคร? เรามองตามไปตรงหน้าต่างก็ไม่เห็นมีอะไรเลย นายนี่แปลกจริงๆ ”
“ ยิ้มให้ใคร? เปล่านี่.. เราแค่นึกอะไรเล่นๆ แล้วรู้สึกขำก็แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรหรอกพัฒน์ ”
ชีวินกล่าวแก้ตัวเช่นนั้น เขาก็หันไปสนใจการเรียนต่อ ปล่อยให้พัฒน์ส่ายหัวน้อยๆด้วยความงุนงงในคำพูดแก้ตัวของชีวิน ซึ่งดูจะขัดๆกับสิ่งที่เขาลอบสังเกตอยู่ไม่น้อย ชีวินกำลังยิ้มให้ใครบางคนแน่ๆ พัฒน์พลางนึกในใจว่า.. นี่มันอะไรกัน? ทำไม ชีวินจึงดูแปลกๆเช่นนี้อยู่เสมอ ช่วงก่อนก็ดูจะเหงาๆและเศร้าสร้อยจนน่าเป็นห่วง แต่.. มาในระยะหลัง ก็ดูจะมีความสุขจนน่าแปลกใจ จริงสิ.. ทำไมเขาจึงต้องดูสนใจชีวินมากมายขนาดนี้? มันเพราะอะไรนะ ทำไม? เขาจึงรู้สึกแคร์และเป็นห่วงชีวินมากมายเหลือเกิน ทำไม? เขาจึงอดไม่ได้ ที่จะลอบมองดวงหน้าใสๆของชีวินยามที่ชีวินเผลอตัวบ่อยครั้ง? เขารู้สึกชอบที่จะทำเช่นนั้น ทำไมกัน? เขาพยายามคิดเช่นนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก็ดูจะหาคำตอบให้ตนเองไม่ได้ เขาจึงละความคิดนั้น แล้วหันไปสนใจการเรียนต่อในคาบเรียนนั้น..
.
.
.
ค่ำแล้ว.. ภายในห้องนอนของชีวิน ภายหลังจากที่ชีวินปฏิบัติภารกิจส่วนตัวเรียบร้อยและมีเวลาว่างแล้ว เขาก็นั่งหลับตาพริ้ม กำหนดจิตให้เกิดสมาธิ โดยมีดวงวิญญาณของเอ็มลอยวนเวียนอยู่เคียงใกล้ และกำลังส่งกระแสพลังแห่งความสุขและความรู้สึกสมจริงให้แก่ชีวิน จริงอยู่ว่า.. ทั้งคู่ต่างอยู่คนละมิติ การสัมผัสแตะต้องกันนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน แต่.. การเปิดใจ และสื่อกันทางจิต สามารถทำให้เกิดมโนภาพ และความรู้สึกที่เปรียบเสมือนทั้งคู่ปฏิบัติต่อกันด้วยความเป็นจริง ในเวลานี้.. ภาพในภวังค์ความคิดของชีวินกับความรู้สึกที่เสมือนจริงและแตะต้องได้นั้น ชีวินได้เห็นและรู้สึกเหมือนกำลังนั่งเคียงกับเอ็ม และเอ็มกำลังตระกองกอดเขาอยู่อย่างอบอุ่น ทั้งคู่กำลังสนทนากันด้วยความสุขใจ จากกระแสจิตที่กำลังสื่อสารถึงกันและกัน ประดุจดัง การพูดคุยกันอย่างปกติ เฉกเช่นมนุษย์ทั่วไป..
“ วิน พี่รักวินมากนะ ”
“ ผมก็รักพี่ครับ พี่เอ็ม ”
“ พี่อยู่กับความเดียวดายเป็นเวลานานแสนนาน พี่ดีใจนะ ที่ได้พบวินและได้มีวันนี้กับวิน วินเปรียบเสมือนมาเติมเต็มบางส่วนที่ขาดหายไปในชีวิตพี่ พี่มีความสุขและคลายความเหงาลงได้ก็เพราะวิน พี่รักวินเหลือเกิน ”
“ พี่เอ็มครับ พี่ก็เปรียบเสมือนมาเติมเต็มบางส่วนที่ผมโหยหามานานแสนนานแล้วเช่นกัน ผมอยากมีวันนี้กับใครสักคนมานานแสนนานแล้ว จนกระทั่ง.. ผมได้มาพบพี่ และผมก็ดีใจที่ได้มีวันนี้ ผมต้องขอโทษนะครับ ที่หวาดกลัวพี่ในช่วงแรก ผมไม่น่าที่จะเป็นเช่นนั้นเลย ไม่น่าเลยจริงๆ พี่คงรู้สึกเจ็บปวดและทุกข์ทรมานมาก ขอโทษจริงๆนะครับ ”
“ พี่เข้าใจนะวิน ไม่มีมนุษย์คนไหนที่จะไม่รู้สึกแบบวิน ถ้าต้องมาเจอเหตุการณ์แบบวินเช่นนั้น ไม่ต้องขอโทษหรอก มันไม่ใช่ความผิดของวินเลย พี่เองต่างหากที่ควรรู้สึกผิด ที่ทำให้วินต้องหวาดกลัวขนาดนั้น ”
“ อย่าคิดอะไรมากเลย ช่างมันเถิดนะครับพี่ จนถึงวันนี้.. ได้มีเวลาแบบนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดแล้วครับ ขอบคุณความรู้สึกดีๆ สิ่งดีๆที่มีให้ผมเสมอมา มีให้ผม.. นับแต่.. ครั้งแรกที่เราได้พบกันเลย ผมมีความสุขจริงๆ ”
“ อืม.. แล้ววินยังต้องการความสุขสมตามอารมณ์ปรารถนาเหมือนในครั้งนั้นอีกไหม? พี่สามารถมอบให้วินได้นะ พี่สามารถมอบให้ได้อย่างสบายใจแล้ว พลังของพี่ มิอาจครอบงำจิตใจจนวินสูญเสียการควบคุมตนเองอีกต่อไปแล้ว ดวงจิตของวินกล้าแข็งมากพอแล้ว มันจะเป็นความสุขจากปรารถนาตามที่วินต้องการ ต้องการไหม? พี่จะส่งกระแสสัมผัสให้ ”
“ ไม่ต้องหรอกครับพี่ แค่พี่กอดผมไว้อยู่อย่างนี้ ผมก็มีความสุขที่สุดแล้ว ไม่ใช่ว่า.. ผมเห็นพี่เป็นเพียงดวงวิญญาณ แล้วรู้สึกแปลกแยกนะครับ ผมกลับมีความรู้สึกว่า.. ผมรักพี่ด้วยความบริสุทธ์ใจ ไม่ได้ต้องการความสุขทางกามรมณ์แบบนั้นจากพี่เลย มันเหมือนกับว่า.. ผมมีพี่ชายที่แสนดี ใจดีและอบอุ่น ที่เข้าใจผมทุกอย่างมาอยู่เคียงข้าง มันเป็นความรู้สึกที่เป็นความรักจริงๆที่ผมมีให้กับพี่จริงๆ ความรักที่ผมไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ผมก็มีความสุขครับ แค่นี้สำหรับผม ก็เพียงพอแล้ว ”
เอ็มได้ยินเช่นนั้นก็อมยิ้มละไม เขารู้สึกว่า.. ชีวินช่างมีจิตใจที่บริสุทธ์เหลือเกิน ช่างมีความรักที่บริสุทธ์ มิได้เคลือบแฝงซึ่งกามรมณ์ใดๆเลย เขาเข้าใจดีทุกอย่าง ชีวินไม่ใช่คู่แท้ของเขา คู่แท้ของชีวินนั้นมีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า.. เวลานี้มันยังไม่ถึงเวลาที่ชีวินจะได้รับรู้ถึงตัวตนของคู่แท้ของเขานั่นเอง เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ซึ่งชะตาได้ลิขิตไว้แล้ว ชีวินก็จะได้พบเมื่อเวลานั้นมาถึงอย่างแน่นอน สำหรับตัวเขา เขารักชีวินไหม? คำตอบในความรู้สึกคือ.. รัก ความรักที่มีให้ชีวินอย่างบริสุทธ์ใจเช่นกัน รักอย่างปรารถนาดี และสามารถมอบทุกสิ่งที่ชีวินต้องการได้ เพียงแค่.. เขาสามารถทำได้ เขาก็ยินดีเสมอ ความเกี่ยวพัน ที่เกื้อหนุนกันมาแต่ชาติปางก่อน จนถึงในชาติภพนี้ คำตอบจากมิติเร้นในเรื่องที่เขาใคร่รู้ ได้เฉลยให้เขาได้รับรู้แล้วว่า.. ชีวินจะเป็นผู้ทำให้เขาได้พบคู่แท้ของเขาอีกครั้ง หลังจากที่ต้องพลัดพรากจากกัน ไม่ได้พบกันมาเป็นเวลายาวนาน ซึ่งเป็นเพราะเวรกรรมที่เขาได้ก่อขึ้นมาเองโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เมื่อครั้งยังมีชีวิต เพราะการที่เขาต้องจบชีวิตลงก่อนเวลาที่กำหนด ทำให้เขาต้องค้างอยู่ในมิติเร้น มิติที่อยู่เหลื่อมระหว่างโลกแห่งวิญญาณและโลกมนุษย์ มิติที่ว่างเปล่าและเดียวดาย การที่ชีวินจะสามารถช่วยเขาได้ ก็ต้องเป็นการกระทำที่มาจากความตั้งใจจริงของชีวินเท่านั้น เขามิอาจกล่าวนำให้ชีวินช่วยเหลือเขาตามประสงค์เช่นนั้นได้ ถ้าทำเช่นนั้น.. ทุกสิ่งจะเปลี่ยนแปลงไปหมด จะอย่างไรก็แล้วแต่.. ณ เวลานี้ เอ็มก็มีความสุขอย่างเหลือแสนแล้ว ได้มีน้องชายที่สุดแสนจะน่ารักและมีจิตใจดีงามมาอยู่เคียงข้างเช่นนี้ ความเดียวดายที่เขาต้องประสบมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ก็ดูจะเบาบางลงบ้างเพราะน้องชายน่ารักคนนี้นี่เอง เอ็มเอาปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมนุ่มสลวยของชีวินอย่างอ่อนโยนโดยมิได้กล่าวอะไรอีก ชีวินรู้สึกอบอุ่นและเคลิบเคลิ้มจนเอาศีษะมาซบที่ไหล่กว้างของเขา ดูเหมือน.. ชีวินจะชอบที่จะให้เขาปฎิบัติเช่นนั้นเหลือเกิน ครู่หนึ่ง.. ชีวินก็เหลือบขึ้นมามามองดวงหน้าเขาด้วยสีหน้าสนใจใคร่รู้ในบางเรื่อง แต่..เหมือนจะพยายามยั้งๆถึงสิ่งที่จะล่าวออกมา แต่เอ็มก็อ่านใจเขาออก และกล่าวว่า..
“ วินอยากรู้เรื่องราวของพี่ เมื่อครั้งยังมีชีวิตใช่ไหม? ”
“ ก็.. อยากครับ แต่.. ผมคิดว่า.. มันดูจะล้ำเส้นพี่จนเกินไปหน่อย แต่ผมก็ยังอยากรู้เหลือเกิน ว่าทำไม? มันมีสิ่งใดที่ทำให้พี่ต้องรู้สึกเจ็บปวด จนถึงขนาด.. เอ่อ.. ต้องฆ่าตัวตาย? แต่มันคงไม่ดีแน่.. มันคงต้องเป็นเรื่องที่เศร้ามากๆ มันอาจจะเป็นการไปกวนตะกอนเรื่องเลวร้ายในอดีตของพี่ จนทำให้พี่ต้องเศร้าใจ ผมคิดว่า.. ผมไม่ควรอยากรู้ดีกว่า ”
“ ไม่เป็นไรหรอกวิน เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว ถึงอย่างไร ก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีก เอาเถิด.. ถ้าวินอยากรู้ มันก็ไม่เห็นจะเป็นไร อย่างน้อยๆ เรื่องราวชีวิตของพี่ คงจะพอเป็นอุธาหรณ์ให้แก่วินได้บ้าง ”
“ ขอบคุณนะครับพี่ ”
“ ถ้าเช่นนั้น.. พี่จะส่งภาพนิมิตเรื่องราวครั้งอดีตของพี่เมื่อครั้งมีชีวิตให้วินได้เห็นนะ พี่สามารถทำได้ ตอนนี้พี่มีพลังมากพอที่จะทำเช่นนั้นได้แล้ว วินพร้อมหรือยัง? ”
“ พร้อมครับ ”
เมื่อชีวินกล่าวจบลง เอ็มก็เชยคางของชีวินขึ้นมา จากนั้น.. เขาก็เอาหน้าผากมาสัมผัสกับหน้าผากของชีวิน ซึ่งกำลังหลับตาพริ้ม รอคอยการมองเห็นภาพนิมิตนั้นด้วยความตื่นเต้น เมื่อหน้าผากของทั้งสองสัมผัสกัน ชีวินก็รู้สึกตัวเบาหวิว ดุจดังกำลังล่องลอยอยู่ในห้วงของกระแสธารแห่งความฝัน เขามองเห็นภาพรอบตัว ดูคล้าย.. เปล่งประกายแสงเป็นแสงสีรุ้งระยิบระยับจับตา.. ผิวกายรู้สึกเย็นวูบวาบ และร้อนผ่าวสลับกัน มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดเหลือเกิน และแล้ว.. ในที่สุด แสงสีรุ้งที่ระยิบระยับรอบกาย ก็ได้มลายหายไป พลัน.. ก็มีแสงสว่างวาบเจิดจ้าขึ้นมาแทนที่ จนเมื่อ.. แสงสีขาวที่สว่างเจิดจ้านั้น ได้ราแสงลง ภาพนิมิตก็ได้บังเกิดขึ้น มันค่อยๆเลือนราง และแจ่มชัดขึ้นทีละน้อย และแล้ว.. เมื่อทุกอย่างแจ่มชัด สิ่งต่างๆรอบกายขีวินก็ปรากฏขึ้น มันดูเป็นเรื่องเป็นราว ราวกับว่า.. ชีวินได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ในครั้งอดีตนั้นจริงๆ ชีวินปรายตามองสภาพแวดล้อมรอบกายด้วยความรู้สึกที่เสมือนจริง แล้ว.. ชีวินก็ได้เห็น..

********

*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ความรักต่างมิติ 10-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 10-03-2009 19:19:55
มาจิ้มคุณ Pikachu พร้อม +1 ให้นะคะ ยังสนุกเหมือนเดิมนะคะ น่าติดตาม เพราะอยากรู้ว่าเอ็มตายเพราะอะไร
น่าจะเป็นเรื่องที่เจ็บปวดพอสมควร จะต้องกลับไปเศร้าอีกแล้วใช่ไหมคะ  :impress3: :impress3:
จะรอตอนต่อไปนะคะ  :กอด1: เป็นกำลังใจให้น้องด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ความรักต่างมิติ 10-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: PEAK ที่ 10-03-2009 19:33:16
WOW   บรรยายเรื่องได้ดี เห็นภาพ รู้สึกร่วมด้วยเลย  ... บวก 1 ให้เลย

ขอบคุณนะครับ  ...  อ่านแล้วมีความสุขมากครับ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ความรักต่างมิติ 10-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: High_Wizard ที่ 10-03-2009 19:47:09
แล้วชีวินเห็นอะไรละ กรรม มาบอกเลยยยยยยยย หนีไปไหนนะ มาต่อสิเว้ย





เป็นกำลังใจให้นะ...............แล้วมาลงต่ออีกนะเว้ย




ปล. สวัสดีตอนหัวค่ำนะพี่แนน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ความรักต่างมิติ 10-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 10-03-2009 22:23:55
มันจะไม่เศร้าใช่ไหมซี :sad4:

ต่อด่วนนน อยากรู้ตอนต่อไป





สวัสดีตอนหัวค่ำ เอ่อออ ไม่ใช่สิ ต้องเป็น สวัสดีตอนดึกจ้ากอป

+1 ให้ซีและกอปจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ความรักต่างมิติ 10-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 10-03-2009 22:33:06
+1ให้คนขยันแล้วนะจ๊ะ

รออ่านอดีตของเอ็ม

หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ความรักต่างมิติ 10-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 10-03-2009 23:36:13
ความรักของวินกับเอ็ม เป็นความรักที่บริสุทธิ์ เป็นความปรารถนาดีที่มีให้ต่อกันจริงๆ
แล้วคู่ีแท้ของวินใช่พัฒน์หรือเปล่าหนอ
พัฒน์เองก็มีความรู้สึกพิเศษให้กับวินนี่นา
คงต้องรอติดตามในตอนต่อๆ ไป

เรื่องตอนนี้ดำเนินไปรวดเร็วทีเดียว เห็นพัฒนาการในการติดต่อกันระหว่างวินกะเอ็มที่ชัดเจนขึ้น

แก้ไขคำผิด คำหนึ่งนะจ๊ะ

นิมิตร ผิดจ้า ต้องสะกดว่า นิมิต แปลว่า สร้าง แปลง ทำ นะจ๊ะ

บวก 1 เป็นกำลังใจให้น้องซีค้าบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ความรักต่างมิติ 10-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 11-03-2009 14:57:51
+1ให้แล้วนะครับผมบรรยายเห็นภาพอ่ะซึ้งดีจัง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ความรักต่างมิติ 10-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 11-03-2009 16:39:30
 o13 

+ 1 ไปเลย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ความรักต่างมิติ 10-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 11-03-2009 20:47:30
+1 เป็นกำลังใจให้น้องซี  จะ  :z2: รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ความรักต่างมิติ 10-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 11-03-2009 22:35:34
ลุ้นกันต่อไปว่านิมิตจะเป็นอย่างไร :a5:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ความรักต่างมิติ 10-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: mantdash ที่ 12-03-2009 01:11:21
หลังจากที่หากระทู้ไม่เจอเพราะเปลี่ยนชื่อ อิอิ

อืมเขียนพรรณาได้เห็นภาพมากครับ อิอิ

แต่แลดูแล้วสุดท้ายจะเจ็บปวดกันรึเปล่า

เพราะเอ็มคงอยู่ไม่นานนินะ

ใช่ไหมครับ :m15:

+1ให้ครับ แต่ละตอนเยอะจุใจ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ความรักต่างมิติ 10-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 12-03-2009 17:14:32
ตอบคอมเม้นนะครับ^^

มาจิ้มคุณ Pikachu พร้อม +1 ให้นะคะ ยังสนุกเหมือนเดิมนะคะ น่าติดตาม เพราะอยากรู้ว่าเอ็มตายเพราะอะไร
น่าจะเป็นเรื่องที่เจ็บปวดพอสมควร จะต้องกลับไปเศร้าอีกแล้วใช่ไหมคะ  :impress3: :impress3:
จะรอตอนต่อไปนะคะ  :กอด1: เป็นกำลังใจให้น้องด้วยค่ะ
+1 เป็นกำลังใจให้น้องซี  จะ  :z2: รอตอนต่อไปนะคะ
ตอบครับ : ครับพี่ก็คงต้องเศร้าครับ มันจำเป็นต้องเศร้าน่ะครับ เพื่อจะได้ดำเนินเรื่องต่อไปได้ครับผม ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ

WOW   บรรยายเรื่องได้ดี เห็นภาพ รู้สึกร่วมด้วยเลย  ... บวก 1 ให้เลย

ขอบคุณนะครับ  ...  อ่านแล้วมีความสุขมากครับ  :กอด1:
ตอบครับ : ขอบคุณนะครับ แต่เรื่องราวเริ่มเข้าสู่ความเศร้าแล้วครับ ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับผม

แล้วชีวินเห็นอะไรละ กรรม มาบอกเลยยยยยยยย หนีไปไหนนะ มาต่อสิเว้ย





เป็นกำลังใจให้นะ...............แล้วมาลงต่ออีกนะเว้ย




ปล. สวัสดีตอนหัวค่ำนะพี่แนน
ตอบครับ : แล้วชีวินก็ได้เห็น.. คำตอบมาอยู่ในตอนนี้แล้วจ้า อ่านแล้วอย่าร้องไห้น้า เหอๆ ขอบคุณสำหรับกำลังใจเน้อ^^

มันจะไม่เศร้าใช่ไหมซี :sad4:

ต่อด่วนนน อยากรู้ตอนต่อไป





สวัสดีตอนหัวค่ำ เอ่อออ ไม่ใช่สิ ต้องเป็น สวัสดีตอนดึกจ้ากอป

+1 ให้ซีและกอปจ้า
ตอบครับ : จำเป็นต้องเศร้าครับพี่แนน เง้อ.. แฮ่ๆ ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ

+1ให้คนขยันแล้วนะจ๊ะ

รออ่านอดีตของเอ็ม


ตอบครับ : ขอบคุณครับ อดีตของพี่เอ็มเริ่มแล้วในตอนนี้ครับผม

ความรักของวินกับเอ็ม เป็นความรักที่บริสุทธิ์ เป็นความปรารถนาดีที่มีให้ต่อกันจริงๆ
แล้วคู่ีแท้ของวินใช่พัฒน์หรือเปล่าหนอ
พัฒน์เองก็มีความรู้สึกพิเศษให้กับวินนี่นา
คงต้องรอติดตามในตอนต่อๆ ไป

เรื่องตอนนี้ดำเนินไปรวดเร็วทีเดียว เห็นพัฒนาการในการติดต่อกันระหว่างวินกะเอ็มที่ชัดเจนขึ้น

แก้ไขคำผิด คำหนึ่งนะจ๊ะ

นิมิตร ผิดจ้า ต้องสะกดว่า นิมิต แปลว่า สร้าง แปลง ทำ นะจ๊ะ

บวก 1 เป็นกำลังใจให้น้องซีค้าบ
ตอบครับ : ความรักของชีวินกับพี่เอ็ม มันเป็นความตั้งใจแต่แรกที่ผมจะสื่อออกมาแบบนั้นครับพี่น้ำตาล สำหรับเรื่องราวของคู่แท้ คงต้องลองลุ้นดูนะครับว่าจะเป็นไงต่อ ขอบคุณครับสำหรับกำลังใจ ส่วนคำผิดผมแก้ไขให้นะครับ ขอบคุณมากครับที่พี่ช่วยตรวจทานให้ครับผม

+1ให้แล้วนะครับผมบรรยายเห็นภาพอ่ะซึ้งดีจัง
ตอบครับ : ขอบคุณครับผม ^^

ลุ้นกันต่อไปว่านิมิตจะเป็นอย่างไร :a5:
ตอบครับ : ภาพในนิมิตเริ่มแล้วในตอนนี้ครับ และคงจะอีกหลายตอนเลยครับผม แง่มๆ

หลังจากที่หากระทู้ไม่เจอเพราะเปลี่ยนชื่อ อิอิ

อืมเขียนพรรณาได้เห็นภาพมากครับ อิอิ

แต่แลดูแล้วสุดท้ายจะเจ็บปวดกันรึเปล่า

เพราะเอ็มคงอยู่ไม่นานนินะ

ใช่ไหมครับ :m15:

+1ให้ครับ แต่ละตอนเยอะจุใจ
ตอบครับ : คงเพราะผมใส่การอัพเดทตรงหัวข้อกระทู้น่ะครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ เยี่ยมเลย.. พี่เข้าใจถูกแล้ว เป็นอย่างที่พี่คิดนะครับ ชีวินกับพี่เอ็มก็ต้องมีการจากลากันในไม่นานนี้ เรื่องดำเนินไปตามนั้นครับผม ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากพี่ๆทุกคอมเม้นมากนะครับ ผมขอโหวต+1 ให้เพื่อเป็นการขอบคุณทุกๆท่านนะครับ มาติดตามตอนต่อไปกันได้เลยนะครับผม^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(1) 12-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 12-03-2009 17:27:32
และในตอนใหม่นี้.. ชีวินก็ได้เห็นเรื่องราวในครั้งอดีตของพี่เอ็ม จริงอยู่ที่ว่า.. จุดจบของพี่เอ็มได้เริ่มเกริ่นตั้งแต่ช่วงบทนำของนิยายเรื่องนี้ไปแล้วนะครับ เรื่องราวโยงใยมาจนถึงจุดที่จะนำเสนอแง่มุม ที่มา และความเป็นไปในชีวิต ของพี่เอ็มว่าเป็นอย่างไรมาบ้างซึ่งจะมีตามมาอีกหลายตอนต่อจากนี้เลยครับ ในตอนใหม่นี้.. เปิดตัวตัวละครตัวใหม่ซึ่งมีบทบาทมากๆและสำคัญมากเช่นกันครับและในตอนต่อไปจะได้เห็นว่า.. ตัวละครตัวใหม่นี้ จะมีความสำคัญอย่างไร งั้น.. เราลองมาดูจุดเปลี่ยนในชีวิตพี่เอ็มกันก่อนในตอนนี้เลยครับ เชิญติดตามกันได้เลยครับผม..

เรื่องราวของเอ็ม (1)

(http://img11.imageshack.us/img11/5078/a011w.jpg)

ภาพที่ชีวินแลเห็น.. คือภาพของบุคคล 3 คน หนึ่งในนั้นคือ.. พี่เอ็ม ที่กำลังกล่าวกับแม่ของเขาด้วยอารมณ์เศร้าสะเทือนใจและต้องการการปกป้อง ชีวินสัมผัสอารมณ์ของเอ็มในขณะนั้นได้อย่างเด่นชัด จากการได้แลเห็นการสนทนาของบุคลทั้งหมดในภาพที่ปรากฏ เขาก็พอจะเริ่มเดาเรื่องราวออกทีละน้อย ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพี่เอ็มในขณะนั้น มันช่าง.. รู้สึกสะเทือนอารมณ์ชีวิน จน.. น้ำตาของเขาเริ่มปริ่มออกมา.. เหตุการณ์แบบนี้ ได้เกิดขึ้นกับพี่เอ็มจริงๆหรือนี่?
.
.
.
“ แม่ครับ.. เมื่อคืนนี้ที่แม่ไปเข้าเวร ไอ้พ่อเลี้ยงมันจะข่มขืนผมอีก มันเคยทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ผมจะไม่ยอมอีกแล้ว ผมเกลียดมัน แม่ต้องเลิกกับมันนะครับ ”
“ เอ็ม นี่ลูกเอาอะไรมาพูด แม่ไม่เชื่อหรอกนะ มันเป็นไปไม่ได้ ”
“ แม่ครับ.. ทำไมแม่ไม่เชื่อผม? ผมไม่ได้โกหก ผมไม่ได้สร้างเรื่อง ไอ้สารเลวนั่นมันทำกับผมจริงๆนะครับ ทำมานานแล้ว ทำมาตั้งแต่ผมเป็นเด็ก มันจะทำเกือบทุกครั้ง เวลาที่แม่ต้องไปทำงานเข้าเวรช่วงกลางคืน จนถึงทุกวันนี้.. ผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว มันน่าขยะแขยงจนผมสุดจะทนอีกต่อไปแล้ว ”
เธอรู้สึกตกใจกับท่าทีและคำพูดที่ดูจะก้าวร้าวของเอ็ม เอ็มไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน จริงอยู่ว่า.. ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตามสายตาที่เธอมองออกและรู้สึกได้ เอ็มดูจะไม่ค่อยชอบพ่อเลี้ยงคนนี้เท่าใดนัก เขาดูจะไม่ค่อยกินเส้นกับพ่อเลี้ยงเขาเท่าไร แต่.. เขาก็พยายามที่จะไม่แสดงออกในทางก้าวร้าวมากนัก เพราะเอ็มดูจะเกรงใจเธอ และไม่อยากให้เธอไม่สบายใจ เธอเข้าใจจิตใจของบุตรชายดี แต่ในทางตรงกันข้าม สามีใหม่ของเธอ กลับดูจะรักใคร่เอ็นดูเอ็มมาโดยตลอด แต่แล้ว.. ทำไม? เอ็มจึงเอาเรื่องเช่นนี้มาพูดได้ มันจะจริงหรือเปล่าหนอ? ใจหนึ่งก็อยากเชื่อ แต่อีกใจ เธอกลับรู้สึกว่า.. มันดูจะรุนแรงจนน่าตกใจเลยทีเดียว เธอคงรับไม่ได้ เธอจึงพยายยามเอ่ยอย่างประนีประนอมกับบุตรชายเพียงคนเดียวของเธอ ด้วยความเห็นที่เป็นกลางที่สุด เท่าที่เธอจะคิดได้ในเวลานั้น และกำลังพยายามที่จะคิดว่า.. มันต้องไม่ใช่เรื่องจริง
“ เอ็ม.. ลูก ทำไมลูกพูดอะไรที่น่าตกใจแบบนั้น? มันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆเหรอลูก? มันจะเป็นไปได้เหรอ? พ่อเขาก็ดูจะรักและเอ็นดูเอ็ม ราวกับกับเอ็มเป็นลูกแท้ๆนี่นา เท่าที่แม่เห็น.. มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แล้ว.. ถ้าเกิดว่า.. พ่อเขาทำเช่นนั้นกับเอ็มจริงๆตามที่เอ็มบอกแม่ แล้วทำไมเอ็มจึงเพิ่งจะมาบอกแม่ในตอนนี้? นี่.. โกรธเคืองอะไรพ่อเขาหรือเปล่า? จึงมาใส่ความพ่อเขาแบบนี้ มันแรงมากนะ การทำแบบนี้มันบาปกรรมนะลูก ถึงเขาจะไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่เขาก็ดูแลเรามาจนถึงทุกวันนี้นะลูก คุณคะ.. นี่มีอะเรื่องอะไรขัดเคืองใจกันหรือเปล่าคะ?  ”
“ เอ็มเขาคงจะโกรธผมมาก ดูเอาเถิด ลูกชายตัวดีของคุณใช้เงินเก่งจนน่าตกใจเลย ครั้งก่อนเมื่อไม่นานมานี้ผมก็เพิ่งจะให้ไปมากพอควร แล้วนี่.. ยังจะมาขอเงินผมอีกตั้งมากมาย พอผมถามเหตุผลว่าจะเอาไปทำอะไร? ก็ไม่ยอมบอก ทำท่าทำทางเหมือนไม่พอใจ ผมจึงไม่ให้ ก็ดูจะโกรธผมจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง แค่โกรธก็ดูจะไม่เท่าไร แล้วนี่เอ็มมากุเรื่องบอกแม่ สร้างเรื่องน่าอายมาใส่ความพ่อได้ขนาดนี้เลยเหรอลูก? พ่อรักลูก เหมือนกับลูกแท้ๆนะ พ่อจะไปทำเรื่องบัดสีขนาดนั้นกับเอ็มได้อย่างไร? พูดแบบนี้มันดูจะเกินไปหน่อยนะเอ็ม ”
“ ไอ้โกหก มึงไม่ใช่พ่อกู มึงก็แค่พ่อเลี้ยง มึงไม่ต้องมาทำพูดปกปิดความวิปริตของมึง ไอ้สารเลว มึงข่มขืนกูตั้งแต่กูเป็นเด็ก แล้วมึงก็ขู่จะฆ่ากูถ้ากูบอกแม่ กูกลัวมาก จึงยอมทนให้มึงทำอะไรต่อมิอะไรกูโดยไม่กล้าปริปาก แต่.. ตอนนี้กูโตแล้ว กูไม่กลัวมึงอีกแล้ว แม่ครับ.. เมื่อคืนที่แม่ไม่อยู่ ไอ้ชั่วนี่มันก็จะทำแบบนั้นกับผมอีก มันจะข่มขืนผมอีก แต่ผมไม่ยอม ผมเตะมันกลิ้งกระเด็นไปเลย มันก็เลยเอามีดจะมาฟันผม มันจะฆ่าผมจริงๆ แต่ผมหลบและสู้มันเลยแค่เฉี่ยวไปโดนแขนผมแบบเฉียดๆ แล้วมันก็ทำอะไรผมไม่ได้อีกเพราะผมขังตัวเองอยู่ในห้องมันเข้ามาไม่ได้ มันก็ยังตะโกนปาวๆอยู่หน้าห้องท้าให้ผมบอกแม่ มันยังว่า.. แม่ไม่มีทางเชื่อผมแน่ๆ นี่ไงครับแม่ ดูเลย.. แผลยังอยู่เลยครับ ผมต้องรอจนกว่าแม่จะกลับถึงได้กล้าออกมา ผมคิดว่า.. ผมตัดสินใจที่จะต้องบอกแม่แล้วครับ เพราะมันจะฆ่าผมจริงๆถ้าไปขัดใจมัน แม่ครับ แม่เชื่อผมนะครับ เลิกกับมันไปเลย มันเป็นเกย์ เป็นคนวิปริตชอบข่มขืนเด็ก ”
“ ไอ้เอ็ม มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ ที่แกพูดมันดูจะเกินไปแล้ว ฉันดีกับแกขนาดไหน แกยังมาทำกับฉันขนาดนี้ได้ แกมันไอ้คนเนรคุณจริงๆ นี่แกคงจะไปมีเรื่องตีกับใครเขามาจนได้แผล แล้วจึงเอามาเป็นข้ออ้างใส่ความ โยนเรื่องชั่วๆมาให้ฉัน  แกโกรธฉันที่ฉันไม่ให้เงินแกขนาดนี้เลยเหรอ? คุณอย่าไปเชื่อไอ้เด็กเวรนี่นะ มันไม่เป็นความจริง ผมไม่ใช่คนแบบนั้น ”
“ โกหกหน้าด้านๆ คิดคำพูดแก้ตัวแบบนี้ออกมาได้อย่างไร? พูดออกมาได้ช่างไม่ละอายใจบ้างเลย แม่.. ผมเป็นลูกของแม่นะครับ แม่ต้องเชื่อผมนะครับ มันโกหกนะครับแม่ มันเป็นเกย์ ที่มันมาแต่งงานกับแม่เพราะมันจะอาศัยแม่เป็นเครื่องอำพรางปกปิดความเป็นเกย์ของมัน แล้วที่มันมาทำดี ทำเป็นเหมือนเอ็นดูผม เพราะมันชอบเด็ก และอยากที่จะ..  ”
เธอรู้สึกสับสนเป็นอย่างยิ่ง ใจหนึ่งก็อยากจะเชื่อลูกชาย แต่อีกใจ.. กลับค้านเพราะดูมันจะเป็นเรื่องที่น่าอับอายอาย ที่เกินกว่าที่เธอจะรับได้ การที่เธอเธอตัดสินใจแต่งงานใหม่ และเลือกชายผู้นี้มาร่วมชีวิต ก็เพราะ..  ภายหลังจากที่สามีเธอเสียชีวิตไป การขาดเสาหลักของครอบครัวอย่างกะทันหันเช่นนั้น  จึงทำให้ฐานะทางการเงินของครอบครัวเธอต้องยากลำบากและขาดแคลน  ประกอบกับเอ็มก็เริ่มเติบโตขึ้นทุกวัน จึงทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายค่อนข้างมากมาย เธอจึงตัดสินใจยอมแต่งงานกับหนุ่มใหญ่ผู้นี้ เพราะเธอคิดว่า.. เขาคงจะรักเธอจริงและดูจะมิได้รังเกียจบุตรชายของเธอเลย เขาผู้นี้.. ผู้ที่มาติดพันเธอภายหลังจากที่สามีของเธอเสียชีวิตไปได้ไม่นาน เขาเป็นผู้ที่มีหน้ามีตาทางสังคม และมีฐานะทางการเงินที่ค่อนข้างมั่นคง เพียงพอที่จะดูแลเธอและลูกให้อยู่อย่างสุขสบายได้พอควร เธอรู้สึกว่า.. มันน่าจะพอทำให้ครอบครัวกลับมาอบอุ่นได้อีกครั้ง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาก็ดูจะรักและเอ็นดูเอ็ม ราวกับว่า.. เอ็มเป็นลูกแท้ๆชองเขานี่นา หรือว่า.. ที่ผ่านมานั้น.. มันคือหน้ากากจอมปลอมของเขาที่หลอกลวงเธอมาโดยตลอด? หรือว่า.. การที่เขาดูจะรักและเอ็นดูเอ็ม ลูกชายของเธอที่ดูหล่อเหลาน่ารักมาตั้งแต่เด็กนั้น มันคือวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นของชายผู้นี้ ผู้ซึ่งเป็นสามีเธอในขณะนี้.. มันคง.. เป็นเช่นนั้น ตามที่เอ็มพูด ลูกคงไม่โกหกเธอแน่นอน ก็เอ็มไม่เคยเป็นเด็กที่ชอบพูดปดเลยนี่นา เธอเลี้ยงลูกมากับมือ เธอย่อมรู้จิตใจและความประพฤติของลูกเธอดี ไม่.. มันไม่จริง.. มันต้องไม่ใช่เรื่องจริง เธอพยายามค้านในใจ เธอยอมรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ ยอมรับไม่ได้จริงๆ มันช่างอุบาทว์และน่าอดสูเหลือเกิน ความกดดันบีบคั้นจิตใจจนถึงขีดสุด จนในที่สุด.. เธอก็ตัดสินใจที่จะระบายความกดดันนั้นออกโดย..
“ เพี๊ยะ!! ”
“ หยุดเดี๋ยวนี้นะเอ็ม อย่าพูดจาหยาบคายอะไรกับพ่อเขาแบบนี้อีกนะ ”
เธอทำลงไปแล้ว สิ่งที่เธอทำลงไป มันเป็นการตัดสินใจของเธอแล้ว ว่าเธอ.. ไม่เชื่อลูก เธอตบหน้าเอ็มอย่างแรง แล้วเธอก็รู้สึกเสียใจในสิ่งที่เธอทำลงไป เธอรู้สึกตะลึงและมึนชากับการกระทำของเธอ ที่ดูเหมือน.. เธอจะระบายความกดดันลงใส่ลูก ลูกอันเป็นที่รักเพียงคนเดียวของเธอ นี่.. เธอทำกับลูกแบบนี้ได้อย่างไร? เธอยอมรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ จนกระทั่งต้องหลอกตัวเองและไม่เชื่อลูกแบบนี้เลยหรือ? สมองเธอมึนงงจนยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกอยู่เช่นนั้น จนเมื่อ.. เธอรู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่อเธอเห็น.. เอ็ม บุตรชายเพียงคนเดียวของเธอกำลังกล่าวกับเธออย่างตัดพ้อด้วยน้ำตานองหน้าเพราะความสะเทือนใจ
“ แม่ แม่ตบผม ตลอดเวลาที่ผ่านมา.. แม่แทบจะไม่เคยตีผมเลย แต่นี่.. แม่ตบผม เพราะแม่ไม่เชื่อผม แม่ไม่เชื่อลูกตัวเอง แต่แม่กลับไปเชื่อไอ้สารเลวนั่น แม่รักมันมากกว่าผม ชีวิตผม.. มีเพียงแม่ จนถึงในตอนนี้.. ผมไม่เหลือใครอีกแล้ว ชีวิตผมไม่มีใครอีกแล้ว ผม... ผมเกลียดแม่ ”
เขากล่าวจบก็วิ่งผลุนผลันออกจากบ้านไปในทันทีอย่างไร้จุดหมาย เขาไม่มีที่พึ่งที่ไหนอีกแล้ว คนเพียงคนเดียว ที่เขารักอย่างสุดหัวใจและหวังพึ่งพา กลับ.. ไม่เชื่อเขา เขารู้สึกเสียใจเหลือเกิน.. เขาคงอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว ส่วนเธอ.. เมื่อรู้สึกตัว เธอก็ขยับจะเรียกลูกชาย อยากจะกล่าวขอโทษ อยากจะพูดอีกหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ก็ดูจะสายเกินไป เอ็มวิ่งหายไปแล้ว เธอค่อยๆทรุดตัวลงไปกองกับพื้นอย่างสิ้นเรี่ยวแรง น้ำตาไหลรินอาบแก้มพร้อมกับความรู้สึกเสียใจเป็นที่สุด ทำไมเธอจึงทำกับลูกแบบนี้ ทำไม? ลึกๆในใจจริงๆของเธอนั้น.. เธอเชื่อลูก แต่แรงบีบคั้นในสิ่งที่เธอมิอาจยอมรับได้ กดดันเธอจนทำให้เธอแสดงออกไปแบบนั้น เอ็มจากไปแล้ว เธอได้แต่หวังใจว่า.. อีกไม่นาน เมื่อเอ็มสบายใจขึ้น เอ็มก็คงจะกลับมา ก็เอ็มไม่มีที่ไปที่ไหนอีกแล้วนี่นา.. ใช่.. เดี๋ยวเอ็มก็กลับมา เธอพยายามคิดเช่นนั้น.. แต่.. จนในที่สุด.. เอ็ม ก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย..
.
.
.

ชีวินน้ำตาไหลพรากด้วยความเศร้าสะเทือนใจ เขาแทบทนดูภาพนั้นไม่ได้อีกต่อไป นี่พี่เอ็ม ต้องเจอเรื่องราวที่เจ็บปวดขนาดนี้เลยหรือ? เหตุนี้ใช่ไหม? ที่ทำให้พี่เอ็มต้องรู้สึกเจ็บปวดจนเกินจะทานทนจนถึงขนาดต้องปลิดชีวิตตนเอง? คราแรกชีวินคิดว่าน่าที่จะเป็นเช่นนั้น.. แต่.. รูปการณ์กลับไม่เป็นเช่นที่คิด ยัง.. ยังไม่ใช่.. เรื่องราวนั้นยังคงมีต่อ สังหรณ์บางอย่างทำให้ชีวินรู้สึกว่า.. มันคงไม่ใช่ตอนนี้แน่ๆ มันต้องมีอะไรที่ต่อจากนั้น เขารู้สึกว่า.. นี่อาจจะเป็นแค่จุดเริ่มต้นที่เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของพี่เอ็มกระมัง? เรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อหนอ? ชีวินรู้สึกอยากรู้มากมายเหลือเกิน และแล้ว.. ชีวินรู้สึกถึง.. สภาพแวดล้อมของเขาเริ่มลางเลือน และเกิดเป็นแสงสีขาวเจิดจ้าสว่างไสวอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อแสงสว่างนั้น.. ค่อยๆราแสงลง ก็ค่อยๆบังเกิดเป็นภาพนิมิตของสถานที่แห่งใหม่ สถานที่.. ที่เป็นเหตุการณ์ต่อจากนั้น..
.
.
.
.
บนชั้นดาดฟ้าของตึกสูง ในรั้วของมหาวิทยาลัยเปิดที่อ็มศึกษาอยู่.. เขายืนนิ่งอยู่บนดาดฟ้าของตึกสูงแห่งนั้นด้วยน้ำตาที่ไหลรินจนอาบแก้มเพราะความเศร้าสะเทือนใจ เขาไม่มีที่ไปที่ไหนอีกแล้ว จึงไปแบบเรื่อยเปื่อยไร้จุดหมาย และเขาก็เข้ามาที่สถานศึกษาแห่งนี้ ด้วยหวังใจลึกๆว่า.. จะพอมีใครสักคนหนอ? ที่จะเข้าใจเขา เวลานี้.. เขาอยากมีใครสักคน ที่พอจะรับฟังเรื่องราวอันแสนรันทดของเขาเหลือเกิน เขาอยากจะระบายความอัดอั้นและความเศร้าโศกนั้น ให้พอจะรู้สึกบรรเทาและผ่อนคลายลงบ้าง แต่.. เรื่องที่น่าอดสูเช่นนี้.. จะสามารถพูดให้ใครฟังได้? จนในที่สุด เขาก็มิอาจพูดให้ใครฟัง แล้วความคิดแบบจนตรอกก็แวบเข้ามาในภวังค์ความคิด เขาจึงมาจนถึงจุดสูงสุดของตึกแห่งนี้.. เพื่อที่จะ.. ใช่.. เขาคิดว่ากำลังจะทำเช่นนั้น เขายืนนิ่งเช่นนั้นอยู่ครู่หนึ่ง.. และกำลังตัดสินใจบางอย่าง? เขาถามใจตัวเองอีกครั้ง ว่า.. เขาจะทำเช่นนี้จริงๆใช่ไหม? คำตอบในใจคือ.. ใช่.. เขาตัดสินใจแล้ว ก็ในเมื่อเขาไม่มีที่ไป และไม่มีใครอีกแล้ว เขาจะอยู่ไปเพื่ออะไร? เพียงแค่เวลาเพียงครู่เดียว ครู่เดียวเท่านั้น.. ทุกอย่างก็จะจบลง เขาหลับตาลง และพร้อม.. ที่จะดิ่งลงจากตึกสูง เพื่อหยุดลมหายใจของตนเอง เพื่อที่จะหนีจากปัญหา หนีจากความอดสูใจ ทุกอย่างกำลังจะจบลงแล้ว ก่อนที่เขาจะทิ้งร่างให้ร่วงหล่นลงจากตึกสูงแห่งนั้น.. ก็มีมือของใครบางคนมาเหนี่ยวรั้งเขาไว้ได้ทันการณ์ และกำลังเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ที่ดูจะเข้าใจชีวิต เข้าใจโลกมากกว่าเขามากมาย ในสถานการณ์แบบนี้ คน..คนนั้น.. ยังจะดูใจเย็นได้ขนาดนี้เชียวหรือ?
“ จะรีบหนีจากโลกวุ่นๆใบนี้ไปไหนล่ะเอ็ม อย่าเพิ่งไป มาคุยกันก่อน นายคงจะเจอเรื่องที่หนักหนาสาหัสมาละสิ จึงตัดสินใจที่จะคิดสั้นแบบนี้ ตายแบบนี้.. ศพดูจะไม่ค่อยสวยเท่าไรนะเพื่อน ”
“ เราอยากตาย ปอน มาห้ามเราทำไม? แล้วนี่นายตามเรามาตั้งแต่เมื่อไร? ”
“ ตามมาตั้งแต่.. เราเห็นนายเดินหน้าเศร้า เศร้าจนเหมือนจะตัดขาดจากโลก แล้วนายก็มาที่นี่ ที่เราตามมา เราก็แค่.. อยากรู้.. ว่านายจะทำไงต่อ? ซึ่งมันก็เป็นอย่างเราที่คิดจริงๆ ถึงอย่างไร.. เราก็จะไม่ให้นายไปหรอก นายจะรีบตายไปทำไม? เราจะปล่อยให้นายโดดตึกฆ่าตัวตายแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ เอ็ม.. เราเป็นเพื่อนกันนะ นายไม่รู้หรือไง ว่าเรารักนายขนาดไหน? อย่าทำราวกับว่า.. ไม่มีใครแบบนี้สิ ถ้านายมีอะไรไม่สบายใจ ก็ระบายออกมาเลยเพื่อน ปล่อยออกมาให้หมด ปล่อยให้เต็มที่ อย่าหยุด จนกว่า.. นายจะเลิกคิดฆ่าตัวตาย พูดออกมาเลยเอ็ม เราจะอยู่ตรงนี้และรับฟังทุกอย่าง ”
“ ปอน เรา.. เรา.. ”
เอ็มสะเทือนใจและสะอื้นจนพูดอะไรไม่ออก เขาโผเข้ากอดปอนแน่นแล้วซบหน้าร้องไห้กับอกเพื่อนอย่างสะอึกสะอื้นอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน ปอนกอดและตบหลังเอ็มเบาๆอย่างปลอบโยน กำลังใจของเอ็มเริ่มมีมากขึ้น อย่างน้อย.. ตอนนี้.. ถึงเขาจะยังไม่ได้พูดอะไรเลย ยังไม่ได้ระบายอะไรออกมาเลย สัมผัสอบอุ่นและอ่อนโยนของเพื่อนชายคนนี้ คนที่กำลังกอด และอยู่กับเขาในตอนนี้ ตอนที่เขารู้สึกไม่มีใครเลยแบบนี้ มันก็สร้างกำลังใจให้เขาได้อย่างมากมายแล้ว ความรู้สึกที่ว่า.. อยากจะตาย ค่อยๆเลือนหายไปจากใจเขาทีละน้อย
“ ขอบใจนะปอน ที่ทำให้เรารู้ว่า.. อย่างน้อยๆ เราก็ยังมีนาย เรา.. เรา.. ไม่รู้จะไปไหน? เราไม่มีที่ไป เราจึงอยาก.. จะตาย..เรา..  เรา.. อยากพูด อยากระบาย.. แต่.. เรา.. เรา.. ”
“ ไม่เป็นไรหรอกเอ็ม ถ้ายังไม่อยากพูดอะไร ก็ยังไม่ต้องพูดตอนนี้ก็ได้ ในเมื่อเอ็มกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ และไม่มีที่ไป ตอนนี้เราเช่าหออยู่คนเดียว นายจะไปอยู่กับเราก่อนไหม? ไปอยู่จนกว่าจะสบายใจ แล้วค่อยกลับบ้าน ดีไหม? นายสามารถอยู่ไปได้เรื่อยๆแบบไม่มีกำหนดจนกว่าจะสบายใจ เอาตามนี้นะเพื่อน ตกลงไหมเอ็ม? ”
“ ขอบใจนะปอน ขอบใจจริงๆ ”
“ คิดมากน่า เพื่อนกัน แค่นี้เล็กน้อยมาก งั้นเรากลับบ้านเรากันเถิด อืม.. จะเรียกว่าบ้านก็ดูจะคับแคบและอาจจะรกๆไปหน่อย ก็เราอยู่แบบผู้ชายๆ แบบตัวคนเดียว ก็เลยง่ายๆ สบายๆแบบนี้แหละ หวังว่านายคงจะพออยู่ได้นะ ทนๆเอาหน่อยก็แล้วกัน ถึงจะเป็นที่ ที่ดูจะไม่ค่อยสะดวกสบาย แต่.. ความจริงใจและกำลังใจ เรามีให้นายเต็มๆ เอาเป็นว่า.. เราขอเปลี่ยนใหม่ เราขอพูดว่า.. งั้นเรากลับรังหนูกันเถิด เพราะมันรกๆเหมือนกับรังหนู เรียกว่ารังหนูก็แล้วกันนะ หึหึ ”
ปอนกล่าวกับเอ็มด้วยท่าทีและน้ำเสียงที่ดูจะขี้เล่นตามบุคลิกเขาเพื่อให้เอ็มรู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง เอ็มลอบมองใบหน้าขาวๆที่ดูหล่อเหลาของเพื่อนชายคนนี้ คนที่กำลังอยู่กับเขาในตอนนี้อย่างรู้สึกตื้นตัน ถึงแม้ว่าปอนจะมีข่าวลือมาเข้าหูเขาบ้างในเรื่องของความประพฤติแบบแย่ๆเลวๆอย่างมากมาย แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ปอนก็ดีกับเขาทุกอย่าง สนิทกันรักกันแบบที่เพื่อนที่ดีที่มีแต่ความจริงใจให้กันแบบเต็มๆกับเขาตลอดมา ถึงปอนจะดูเลวในสายตาคนอื่น แต่กับเขา.. ปอนเปรียบเสมือนเทพบุตร เทพบุตรผู้จุติมาอยู่เคียงข้างเขาตลอดทั้งทุกข์ ทั้งสุข ร่วมกันตลอดมา ในวัยที่ไล่เลี่ยกัน กับบุคลิกของปอนที่ดูจะขี้เล่นไร้สาระจนไร้แก่นสารของปอนนั้น ช่างน่าแปลก ที่ปอนดูจะเข้าใจชีวิตได้ดี คงจะเป็นเพราะ.. การที่ปอนต้องดิ้นรนช่วยเหลือตัวเองเพียงลำพัง จึงทำให้เขาช่างดูแกร่งเสียเหลือเกิน ดูเขาจะควบคุมสถานการณ์ที่ดูจะเลวร้ายให้ผ่อนคลายลงได้อย่างง่ายดายด้วยความนิ่งและดูจะสุขุม เอ็มมองหน้าปอนอยู่นิ่งๆเช่นนั้นโดยที่ไม่ได้กล่าวอะไรอีก น้ำตาเขาดูจะเหือดแห้งลงไปมากแล้วเพราะเพื่อนชายคนนี้ ผู้ที่ส่งใจและกำลังใจมาให้เขาอย่างเต็มๆอย่างจริงใจ จนเขาเริ่มรู้สึกผ่อนคลายและความทุกข์โศกเดียวดายก็ดูจะเบาบางลงไปบ้าง ปอนช่างเป็นบุคคลที่ดูจะเหลือเชื่อกับเขาจริงๆ ปอนเห็นเอ็มมองหน้าเขาอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน ปอนจึงเอามือตบหัวเขาเบาๆแบบหยอกเย้าและเอ่ยกับเขาว่า..
“ มองอะไรวะเอ็ม? นี่นายมองหน้าเราแล้วไม่พูดไม่จาตั้งนานแล้วนะ จะมาทำซึ้งอะไรกันมากมาย แล้วนี่จะไปกันได้หรือยัง? ว่าแต่.. ตอนนี้.. นายหิวไหม? นี่ก็เย็นมากแล้ว ดูท่านายจะเศร้าจนไม่ได้กินอะไรมาเลยกระมัง? ”
“ ไปก็ไป งั้นเราไปกันเถิด จะว่าไป.. ตอนนี้เราก็รู้สึกหิวๆอยู่นิดหน่อยนะ ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย แต่.. ตอนนี้เราก็แทบไม่มีเงินเลย เราออกจากบ้านโดยแทบจะไม่ได้คว้าอะไรออกมาเลย มีแค่กระเป๋าเงินที่มีเศษเงินติดอยู่นิดหน่อย ที่มีอยู่ตอนนี้ ก็รู้สึกว่า.. นี่จะพอค่าข้าวสักมื้อหรือเปล่า เราก็ยังไม่รู้เลยปอน ”
“ ไม่มีเงินแล้วไงล่ะ? นายไม่มีแต่เรามีนี่นา นายจะไปกังวลทำไม? หิวก็ไปหาอะไรกินกันเถิด อิ่มแล้วค่อยกลับรังหนูกันนะ ว่าแต่.. ตอนนี้เรารีบๆลงไปข้างล่างกันเถิด รู้ไหม? เรายืนขาสั่นแบบนี้ตั้งนานแล้วนะ เราอยู่บนที่สูงๆแบบนี้แล้วมันเสียวๆเหมือนฉี่จะราดเลย ก็เรากลัวความสูงน่ะ ถ้าเราไม่ตามนายมาด้วยความเป็นห่วง จ้างให้เราก็ไม่ขึ้นมาบนนี้หรอก หึหึ ”
“ ปอน.. นายนี่ช่างดีกับเราจริงๆเลยว่ะ ขอบใจนะเพื่อน ”
ปอนยิ้มให้อย่างอย่างอ่อนโยนและไม่ได้กล่าวตอบว่ากระไร เขาเอื้อมไปโอบไหลเอ็มอย่างสนิทสนมรักใคร่ แล้วทั้งคู่ก็เดินเคียงกันเดินจากไปจากสถานที่แห่งนั้น ที่ซึ่ง.. เอ็มตั้งใจในคราแรกว่าจะใช้เป็นที่ดับลมหายใจตนเอง แต่แล้ว ปอนก็มารั้งเขาไว้ แล้วนำพาเขาไปสู่จุดเปลี่ยนในชีวิต รวมทั้ง.. ความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันที่กำลังจะเปลี่ยนไป..

********

*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ ^^

*แก้แล้วครับพี่น้ำตาล^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(1) 12-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: High_Wizard ที่ 12-03-2009 17:44:24
โอวว สงสารพี่เอ็มจัง เคยคิดจะฆ่าตัวตายมาก่อนที่จะกรีดข้อมือตัวเองเหรอนี้ แม่พี่เอ็มก็ไม่น่าทำแบบนั้นเลย





เป็นกำลังใจให้นะไอเพื่อนซี.................แล้วมาต่ออีกนะเว้ยย




ปล. สวัสดีพี่แนนตอนเย็นๆ 555+ แว่นตาดำผมก็ยังไม่เลิกใส่นะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(1) 12-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 12-03-2009 19:16:28
+1
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(1) 12-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 12-03-2009 21:56:30
+1ให้แล้วนะ :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(1) 12-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 12-03-2009 22:43:44
พ่อใจร้ายอ่ะ....  :serius2:
แล้วความรักก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น.....

(ชอบมากๆคับ ซ๊)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(1) 12-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 14-03-2009 06:04:39
น้องซีค้าบยอดมากเลยค้าบ บวก 1 ให้กำลังใจก่อนเลย
ซีบรรยายความสับสนในจิตใจของแม่เอ็มได้ชัดเจนมาก
"...ทำไมเธอจึงทำกับลูกแบบนี้ ทำไม? ลึกๆในใจจริงๆของเธอนั้น.. เธอเชื่อลูก
แต่แรงบีบคั้นในสิ่งที่เธอมิอาจยอมรับได้ กดดันเธอจนทำให้เธอแสดงออกไปแบบนั้น..."
เข้าใจเลยว่าทำไมถึงแม้เธอจะเชื่อลูกแต่สุดท้่ายก็ตัดสินใจเข้าข้างพ่อเลี้ยง

ละก้อขออนุญาตเช่นเคยนะจ๊ะ ทักท้วงกันนิดหนึ่ง
เรื่องแรก ภาษาพูดของตัวละครบางทียังปะปนกับภาษาที่ใช้ช่วงบรรยายเรื่องทำให้ดูเป็นทางการไปจ้า
เช่น "...มันจะทำเกือบทุกครั้ง เมื่อยามที่แม่ต้องไปทำงานเข้าเวรช่วงกลางคืน..."
สมมติว่า ลองปรับเป็น  "...มันจะทำเกือบทุกครั้ง เวลาที่แม่ต้องไปทำงานเข้าเวรช่วงกลางคืน..."
ลองๆอ่านทวนดูนะจ๊ะ


ส่วนข้อความนี้ "...น้ำตาไหลรินอาบแก้มพร้อมกับความรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง..."
มันน่าสนใจตรงไหนน้าาาาาาาาา

มันน่าสนใจตรงคำว่า "ซึ้ง" นี่หละ เพราะมันผิด แล้วมันผิดยังไงเอ่ย น้องซีลองเดาก่อนสิค้าบ


เฉลย


มันผิดเพราะความหมายของคำนี้ค้าบบบบ
ซึ้ง มีหลายความหมาย
แต่ความหมายที่น้องซีใช้มันเกี่ยวข้องกับความรู้สึก แปลตามพจนานุกรมได้ว่า "รู้สึกเอิบอาบซาบซ่านแผ่ไปทั่วร่างกายและจิตใจ"
ซึ่งจากความหมายดังกล่าว อาการ "ซึ้ง" เนี่ย ต้องมาจากความรู้สึกด้านบวกไงค้าบ
แต่ทีนี้แม่เอ็มเสียใจมันก้อเลยต้องไม่ใช่ "เสียใจอย่างสุดซึ้ง" (แต่เคยเห็นหลายคนใช้แหละ และมันก้อผิดเต็มๆอ้ะ)
แต่อาจจะ้ใช้ว่า "เสียใจอย่างที่สุด" เป็นต้น

แหะๆ แถมๆ คำสะกดผิดหนึ่งคำละกัน
คำว่า "ประณีประนอม" ต้องสะกดว่า "ประนีประนอม" จ้า

จบข่าว

ปล น้องซีอย่าท้อนะค้าบ พี่ไม่ได้จับผิดเน้อ
ช่วงนี้มาเมนท์ในทู้ ไม่ได้pm เพราะคิดว่าเผื่อใครได้อ่านผ่านตา แล้วเคยงงๆ จะได้ใช้ได้ถูกต้องค้าบบบบ

น้องซีสู้ๆๆๆนะ  :กอด1:

ปล 2 เกือบลืม ตอนนี้กะลังลุ้นเลย จะได้รู้ที่มาที่ไปการตายของเอ็มกะปอน(ด้วยใช่มิ)แล้วนิ
มันจะโยงไปตอนต้นเรื่องใช่ปะคับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(1) 12-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: BaBo ที่ 14-03-2009 06:11:36
อิอิ +1 ให้น้องซี กะ namtaan จ้า

รอตอนต่อไป คิคิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(1) 12-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 14-03-2009 11:26:07
ในความโชคร้าย อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องดีๆ อยู่บ้าง  :เฮ้อ:

รอๆๆ ตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(1) 12-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 14-03-2009 17:58:36
รออออออออออออออ  กำลังลุ้นๆๆๆ เอ็มในอดีต เรื่องราวจะเป็นยังไง  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(1) 12-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-03-2009 01:57:47
พี่เอ็มชีวิตรันทดอะไรเยี่ยงนี้  :m15:

รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะจ้ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(1) 12-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 15-03-2009 12:53:59
ตอบคอมเม้นนะครับ^^

โอวว สงสารพี่เอ็มจัง เคยคิดจะฆ่าตัวตายมาก่อนที่จะกรีดข้อมือตัวเองเหรอนี้ แม่พี่เอ็มก็ไม่น่าทำแบบนั้นเลย





เป็นกำลังใจให้นะไอเพื่อนซี.................แล้วมาต่ออีกนะเว้ยย




ปล. สวัสดีพี่แนนตอนเย็นๆ 555+ แว่นตาดำผมก็ยังไม่เลิกใส่นะ
ตอบครับ : มาต่อแล้วจ้า แหมๆ หึหึ กอปลองมาอ่านตอนที่ลงนี้ใหม่นะ แก้ไขเพิ่มเติมจากที่ให้อ่านก่อนในตอนนั้น ลองดูนะ.. มันจะดีขึ้นหรือเปล่าหนอ? แฮ่ๆ ยังไงก็ขอบคุณสำหรับกำลังใจเน้อ

+1
+1ให้แล้วนะ :z2:
ตอบครับ : ขอบคุณนะครับผม^^

พ่อใจร้ายอ่ะ....  :serius2:
แล้วความรักก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น.....

(ชอบมากๆคับ ซ๊)
ตอบครับ : แฮ่ๆ ขอบคุณที่ชอบนะครับพี่ ตอนใหม่.. ความรักเริ่มต้นแล้วหวานๆน้าครับ ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ แง่มๆ

น้องซีค้าบยอดมากเลยค้าบ บวก 1 ให้กำลังใจก่อนเลย
ซีบรรยายความสับสนในจิตใจของแม่เอ็มได้ชัดเจนมาก
"...ทำไมเธอจึงทำกับลูกแบบนี้ ทำไม? ลึกๆในใจจริงๆของเธอนั้น.. เธอเชื่อลูก
แต่แรงบีบคั้นในสิ่งที่เธอมิอาจยอมรับได้ กดดันเธอจนทำให้เธอแสดงออกไปแบบนั้น..."
เข้าใจเลยว่าทำไมถึงแม้เธอจะเชื่อลูกแต่สุดท้่ายก็ตัดสินใจเข้าข้างพ่อเลี้ยง

ละก้อขออนุญาตเช่นเคยนะจ๊ะ ทักท้วงกันนิดหนึ่ง
เรื่องแรก ภาษาพูดของตัวละครบางทียังปะปนกับภาษาที่ใช้ช่วงบรรยายเรื่องทำให้ดูเป็นทางการไปจ้า
เช่น "...มันจะทำเกือบทุกครั้ง เมื่อยามที่แม่ต้องไปทำงานเข้าเวรช่วงกลางคืน..."
สมมติว่า ลองปรับเป็น  "...มันจะทำเกือบทุกครั้ง เวลาที่แม่ต้องไปทำงานเข้าเวรช่วงกลางคืน..."
ลองๆอ่านทวนดูนะจ๊ะ


ส่วนข้อความนี้ "...น้ำตาไหลรินอาบแก้มพร้อมกับความรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง..."
มันน่าสนใจตรงไหนน้าาาาาาาาา

มันน่าสนใจตรงคำว่า "ซึ้ง" นี่หละ เพราะมันผิด แล้วมันผิดยังไงเอ่ย น้องซีลองเดาก่อนสิค้าบ


เฉลย


มันผิดเพราะความหมายของคำนี้ค้าบบบบ
ซึ้ง มีหลายความหมาย
แต่ความหมายที่น้องซีใช้มันเกี่ยวข้องกับความรู้สึก แปลตามพจนานุกรมได้ว่า "รู้สึกเอิบอาบซาบซ่านแผ่ไปทั่วร่างกายและจิตใจ"
ซึ่งจากความหมายดังกล่าว อาการ "ซึ้ง" เนี่ย ต้องมาจากความรู้สึกด้านบวกไงค้าบ
แต่ทีนี้แม่เอ็มเสียใจมันก้อเลยต้องไม่ใช่ "เสียใจอย่างสุดซึ้ง" (แต่เคยเห็นหลายคนใช้แหละ และมันก้อผิดเต็มๆอ้ะ)
แต่อาจจะ้ใช้ว่า "เสียใจอย่างที่สุด" เป็นต้น

แหะๆ แถมๆ คำสะกดผิดหนึ่งคำละกัน
คำว่า "ประณีประนอม" ต้องสะกดว่า "ประนีประนอม" จ้า

จบข่าว

ปล น้องซีอย่าท้อนะค้าบ พี่ไม่ได้จับผิดเน้อ
ช่วงนี้มาเมนท์ในทู้ ไม่ได้pm เพราะคิดว่าเผื่อใครได้อ่านผ่านตา แล้วเคยงงๆ จะได้ใช้ได้ถูกต้องค้าบบบบ

น้องซีสู้ๆๆๆนะ  :กอด1:

ปล 2 เกือบลืม ตอนนี้กะลังลุ้นเลย จะได้รู้ที่มาที่ไปการตายของเอ็มกะปอน(ด้วยใช่มิ)แล้วนิ
มันจะโยงไปตอนต้นเรื่องใช่ปะคับ
ตอบครับ : ขอบคุณนะครับพี่ ผมไม่ท้อนะครับ กลับดีใจเสียอีกที่พี่ช่วยตรวจทานให้ ทำให้ผมได้รู้ว่า.. พี่คงอ่านด้วยความตั้งใจจริงๆ ถึงเห็นข้อบกพร่องตรงนี้ได้ ซึ้งมากครับผม ผมแก้ไขให้แล้ว ขอบคุณนะครับ สำหรับนิยาย.. พี่เข้าใจถูกแล้วครับ คือ.. มันเป็นการตั้งใจของผมที่จะเขียนให้มันดูซับซ้อนเกริ่นนำแล้ววนเนื้อหากลับมาเป็นวงกลม เพื่อดำเนินเรื่องราวต่อไปครับ ทำให้มันยากเล่นไปอย่างนั้นแหละครับ เขียนแบบนี้แล้วสนุกดีครับผม แง่มๆ สำหรับช่วงที่แสดงอารมณ์ของคุณแม่พี่เอ็ม ผมก็พยายามสื่ออยากจะให้เห็นถึงความเป็นแม่ที่จริงอยู่ว่า.. แม่นั้นย่อมรักลูกแน่นอน แต่.. ในบางครั้งความกดดันและไม่อยากยอมรับความจริงในสิ่งที่.. ดูจะแรงแบบนั้น ทำให้ตัดสินใจผิดพลาดได้ครับ อยากให้ดูมีข้อคิดนิดๆน่ะครับ ยังไงก็.. ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับผม

อิอิ +1 ให้น้องซี กะ namtaan จ้า

รอตอนต่อไป คิคิ
ตอบครับ : ขอบคุณพี่มากๆนะครับผม

ในความโชคร้าย อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องดีๆ อยู่บ้าง  :เฮ้อ:

รอๆๆ ตอนต่อไป
ตอบครับ : ครับผม ผมก็คิดว่า.. คนเราจริงๆ บางครั้งที่เจออะไรแบบสุดๆมา บางทีมันก็พอมีสิ่งที่พอจะทำให้เกิดกำลังใจเกิดขึ้นได้บ้างเพื่อให้สามารถยืนขึ้นต่อสู้ต่อไปน่ะครับ ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับผม

รออออออออออออออ  กำลังลุ้นๆๆๆ เอ็มในอดีต เรื่องราวจะเป็นยังไง  o13
ตอบครับ : มาต่อแล้วครับผม ลองติดตามได้เลยครับ ขอบคุณที่ติดตามมาโดยตลอดครับ

พี่เอ็มชีวิตรันทดอะไรเยี่ยงนี้  :m15:

รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะจ้ะ  :L2:
ตอบครับ : ครับผม ในความรันทดนั้น ยังพอจะมีสิ่งดีๆคอยหล่อเลี้ยงจิตใจของพี่เอ็มบ้างนะครับ มาลงต่อให้แล้ว ขอบคุณพี่มากนะครับผม

ขอขอบพระคุณสำหรับคอมเม้นจากเพื่อนและพี่ๆทุกคนนะครับ ผมโหวต+1ให้เพื่อเป็นความขอบคุณจากใจผมเลยครับ วันนี้มาลงตอนใหม่ให้อีกแล้ว มาติดตามเรื่องราวของชีวิตพี่เอ็มกันต่อได้เลยครับผม^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(1) 12-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 15-03-2009 13:03:44
+1 ให้น้อง pikachu นะคะ พี่เป็นกำลังใจให้ทุกเรื่องเลยนะคะ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ที่นำมาลงให้ได้อ่าน
สงสารเอ็มมาก ๆ ซึ่งมีแม่ที่ไม่สามารถปกป้องลูกของตัวเองได้ เชื่อลูก (ซึ่งเป็นเลือดในอก) แต่กลับไม่ช่วยเหลือ
ลูกตัวเอง ลังเลสับสนจนต้องเสียลูกตัวเองไปเพราะเห็นคนอื่นดีกว่า มาเสียใจเมื่อเสียเอ็มไปแล้วจะช่วยอะไรได้
อ่านแล้วซึ้งจริง ๆ ค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(2) 15-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 15-03-2009 13:03:46
มาจนถึงในเรื่องราวของชีวิตพี่เอ็มในตอนใหม่นี้.. ดูจะผ่อนคลายลงบ้างและเริ่มมีความรู้สึกผูกพันกับตัวละครปอนซึ่งในตอนนี้จะได้เห็นถึงความสำคัญของตัวละครนี้มากขึ้นนะครับ ในตอนใหม่นี้ผมแก้ไขหลายครั้งมาก พยายามเขียนเพื่อจะสื่อถึงความรู้สึกและอารมณ์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จน.. ผลออกมา.. ตอนใหม่นี้ยาวมากกกก ยาวเป็นกิโลฯเลย แฮ่ๆ ยังไงก็.. ถ้าได้อ่านแล้ว ช่วยติชมกันบ้างนะครับ แหะๆ ผมจะได้รู้ว่า.. ที่ผมตั้งใจทำขนาดนี้ ผมทำได้ขนาดไหนอ่า จะได้เป็นแนวทางเอามาปรับปรุงงานเขียนของผมต่อไปคร้าบบ แง่มๆ แหะๆ ติดตามกันต่อได้เลยครับผม ^^

เรื่องราวของเอ็ม (2)

(http://img22.imageshack.us/img22/250/a015m.jpg)

เรื่องราวของพี่เอ็มในภาพนิมิตที่ชีวินแลเห็นยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง เหตุการณ์ต่างๆดูจะคลี่คลายลงบ้าง จากในคราแรกที่ดูจะเศร้าสะเทือนใจเหลือเกิน แต่.. เมื่อปรากฏบุคคลอีกคนที่มาเกี่ยวข้องในชีวิตในครั้งอดีตของพี่เอ็ม บุคคลที่ชีวินสังหรณ์ใจลึกๆว่า.. น่าที่จะเป็นคนพิเศษของพี่เอ็ม ทำให้ชีวินรู้สึกว่า.. ในความเลวร้ายในชีวิตของพี่เอ็มในครานั้น ยังพอจะมีสิ่งดีๆที่มาหล่อเลี้ยงจิตใจพี่เอ็มให้พอชุ่มชื่นได้บ้าง เขาแอบอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อสถานการณ์ดูจะคลี่คลายและผ่อนคลายลง เรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อนะ? ชีวินรู้สึกสนใจใคร่รู้มากขึ้นไปอีก เขาตั้งใจดูภาพในภาพนิมิตนั้น ที่ปรากฏเป็นสถานที่ใหม่อีกครั้ง และเป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องต่อจากนั้นอีกครั้งเช่นกัน พี่ปอนคนนี้.. ดูจะเป็นบุคคลที่พิเศษของพี่เอ็มจริงๆ ชีวินคิดเช่นนั้นเมื่อได้รับรู้เรื่องราวที่ปรากฏต่อจากนั้น..
.
.
.
.
“ เอาละ ถึงแล้ว นี่ไง.. รังหนูของเรา ไงก็.. ช่วยทนๆอยู่หน่อยนะเอ็ม หึหึ เดี๋ยวเราขออาบน้ำก่อนนะ รู้สึกเหนียวตัวจัง ทำตัวตามสบายนะเอ็ม ”
ปอนกล่าวภายหลังจากที่เปิดประตูเข้ามาในห้องพักที่ดูจะรกรุงรังของเขา จากนั้น.. ปอนก็ปลีกตัวไปปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกเพื่อเตรียมตัวไปอาบน้ำ เอ็มแลเห็นปอนรื้อค้นอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หยิบของบางอย่างนั้นเดินเข้าห้องน้ำไป จากนั้น.. เอ็มจึงมานั่งเล่นบนเตียงแล้วมองสภาพแวดล้อมภายในห้องที่ดูจะรกรุงรังนั้นอย่างรู้สึกขัดตาอยู่เล็กน้อย เขาคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง จึงหันไปจัดเก็บของบางอย่างที่ดูจะเกะกะตานั้นเพื่อฆ่าเวลาที่รอปอนซึ่งกำลังอาบน้ำอยู่ เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ปอนก็ยังอาบน้ำไม่เสร็จเสียที เขานึกแปลกใจว่า.. ทำไม? ปอนจึงอาบน้ำนานขนาดนั้น เขารู้สึกว่า.. มันดูจะนานจนเกินกว่าเหตุไปสักหน่อย จวบจนเขาจัดเก็บอะไรต่างๆในห้องของปอนจนดูเรียบร้อยเข้าที่เข้าทางขึ้นบ้างแล้ว ห้องรกๆนั้นก็ดูจะเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้นแล้ว เขาจึงมานั่งคิดอะไรเล่นๆบนเตียงอีกครั้ง จนเวลาผ่านไปอีกชั่วครู่ ปอนก็ออกมาจากห้องน้ำ ในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว มีหยดน้ำเกาะพราวไปทั่วร่าง และหอมละมุนกรุ่นกลิ่นอ่อนๆของสบู่
“ อาบน้ำนานมากเลยปอน นานจนผิดสังเกตเลย นี่นาย.. เอ่อ.. ว่าวอยู่หรือไง? ถึงได้อาบนานขนาดนั้น? ”
เอ็มเอ่ยถามด้วยความแปลกใจและอมยิ้มเล็กน้อยอย่างมีเลศนัย เขาคิดในใจว่า.. ปอนคงจะ.. แน่นอน
“ จะบ้าเหรอ? เราโตป่านนี้แล้ว เลิกว่าวไปนานแล้ว เราอาบน้ำเย็นๆแล้วมันรู้สึกสบาย ก็เลยอาบนานไปหน่อยไง หึหึ แล้วนี่ โอ้โห!! นายช่วยจัดห้องให้เสียเรี่ยมเลย แบบนี้ค่อยดูเป็นห้องน่าอยู่มากขึ้นมาหน่อย หึหึ ”
ปอนตอบกลับมาด้วยดวงตาที่เยิ้มฉ่ำ และมองดูคล้ายกำลังอยู่ในอาการมึนเมา จากท่าทีที่ดูแปลกๆแบบนั้น ทำให้เอ็มรู้สึกสะดุดในท่าทีที่ดูแปลกไปแบบนั้น เขาคิดว่า.. นี่ปอน เสพยาหรือเปล่าหนอ? มันดูเหมือนเคลิ้มๆ เหมือนจะเมาๆอย่างไรชอบกล มิน่า.. ถึงได้อาบน้ำนานขนาดนั้น.. ข่าวลือจากเพื่อนบางคนที่เคยบอกเขาว่า.. ปอนติดยานั้น มันจะเป็นแบบนั้นจริงๆหรือเปล่าหนอ? แต่.. คงไม่หรอก เขาพยายามเปลี่ยนความคิด เขาอาจจะคิดไปเอง ถึงจะมีข่าวลือแว่วๆมาเข้าหูเขาในเรื่องของปอนแบบนี้ก็ตาม แต่.. มันคงไม่เป็นเช่นนั้นหรอก ก็.. ปอนยังดูสดใส ไม่ได้ดูทรุดโทรมในแบบที่ควรจะเป็นของคนติดยาเลยนี่นา ปอนอาจจะทำกวนๆขี้เล่นไปแบบนั้นตามลักษณะนิสัยขี้เล่นของเขาก็ได้ ตอนนี้.. เขารู้สึกเหนียวตัวและอยากอาบน้ำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นบ้าง แต่.. ดูเหมือนว่า.. เขาจะไม่มีอะไรติดตัวมาเลย นอกจากเสื้อผ้าชุดเดียวที่ใส่อยู่ในตอนนี้ เขาจึงเอ่ยกับปอนด้วยน้ำเสียงที่ดูค่อนข้างจะเกรงใจกับปอน
“ ปอน เราขออาบน้ำบ้างนะ ว่าแต่.. เราไม่มีเสื้อผ้าเลย ออกมาแต่ตัว ไม่มีอะไรเลย วันนี้.. เอ่อ.. เราขอยืมใส่ของนายหน่อยก็แล้วกัน นายคงไม่ว่านะ ”
“ ได้เลย ไม่ใช่ปัญหา เอ็มไปอาบน้ำเถิด เดี๋ยวปอนจะหาเตรียมให้ ถึงปอนจะเป็นคนไม่ค่อยมีระเบียบ แต่ปอนก็เป็นคนสะอาดนะ เสื้อผ้าน่ะใช้ด้วยกันก็ได้ถ้าเอ็มไม่รังเกียจ ว่าแต่.. ตอนนี้ผ้าเช็ดตัวมีแค่ผืนเดียวเอง วันนี้ใช้ร่วมกับเราไปก่อนได้ไหม? ตอนนี้อาจจะชื้นๆไปแล้วสักหน่อย ทนๆใช้แก้ขัดไปก่อนได้ไหม? นายคงจะไม่รังเกียจเพื่อนนะเอ็ม เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปหาซื้อเพิ่ม คงต้องหาซื้อของใช้เพิ่มอีกหลายอย่างเลย ”
“ ไม่เป็นไรหรอก เราก็เป็นคนง่ายๆ ไม่ได้เรื่องมากอะไรนักหรอก เอามาเถิด เราใช้ได้ ขอบใจนะปอน ”
“ ถ้างั้นรอเดี๋ยวนะ เราขอเช็ดตัวเดี๋ยวหนึ่ง ”
กล่าวจบปอนก็ปลดผ้าออกจนเปลือยเปล่าต่อหน้าเอ็มในตรงนั้นเลยด้วยท่าทีที่ดูเหมือนกับว่า.. การปฏิบัติตัวแบบนี้ของเขา มันดูจะธรรมดามากๆ แล้วเขาก็เช็ดตัวแบบรีบๆอยู่ครู่หนึ่งพอให้ผิวกายหมาดลงจากความเปียกชื้น จากนั้น.. ปอนจึงส่งผ้าผืนนั้นให้เอ็ม ทั้งที่เขายังอยู่ในสภาพที่เปลือยกายอยู่เช่นนั้น เอ็มรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ที่ดูเหมือนกับว่า.. ปอน ดูจะไม่ค่อยอายเขาเท่าไรนัก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาคิดว่า.. ปอนคงจะเห็นว่าเป็นเพื่อน และเห็นว่าเป็นผู้ชายด้วยกัน กระมัง? เขาคงจะทำตัวแบบง่ายๆสบายๆด้วยความเคยชินแบบนี้ตามนิสัยของเขานั่นเอง เอ็มรับผ้ามาจากปอน แล้วเขาก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออก เอาผ้าขนหนูผืนนั้น พันกายส่วนล่างแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป..
.
.
.
.
ในห้องน้ำ.. เอ็มรู้สึกเหมือนกับว่า.. เขาได้กลิ่นเอียนๆแปลกๆชอบกล และแล้ว.. เขาก็มั่นใจแล้ว ว่าปอนต้องเสพยาเมื่อเขาพบร่องรอยสิ่งของบางอย่าง ถึงแม้ว่า.. เอ็มจะไม่เคยเสพยามาก่อน แต่เขาก็พอจะเดาออกถึงสิ่งที่เห็นในเวลานี้.. เมื่อเขาเห็นดังนั้น เขาก็รู้สึกมั่นใจว่าต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน เขายืนคิดอะไรนิ่งๆอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น... เขาจึงหันไปชำระร่างกายจนสะอาดเอี่ยมหอมกรุ่น แล้วก็.. เปิดประตูพร้อมกับ..ก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำ..
.
.
.
.
เมื่อออกมาจากห้องน้ำ เอ็มเหลือบมองไปทางปอน ก็พบว่า.. ปอนกำลังอยู่ในอริยบทสบายๆนุ่งกางเกงขาสั้นหลวมๆบางเบาและไม่สวมเสื้อด้วยว่า.. คงจะเพื่อเตรียมเข้านอนในแบบสบายๆที่เขากระทำอยุ่เป็นประจำกระมัง? ปอนกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงด้วยอาการเคลิบเคลิ้มมึนเมา เขาเห็นดังนั้น.. ก็จึงหันมาผลัดเปลี่ยนสวมใส่เสื้อผ้าแบบสบายๆที่ปอนเตรียมไว้ให้จนเรียบร้อยดี จากนั้น.. เขาจึงเอ่ยขึ้นกับปอนว่า..
“ ปอน นี่นายเสพยาใช่ไหม? เราได้กลิ่น และเห็นอาการนายแบบนี้ เราว่าต้องใช่แน่ๆ ”
“ อืม.. ก็ใช่ เราก็เลวแบบนี้แหละ แต่เราก็จริงใจกับเอ็มนะ ถึงเราจะเลวแสนเลว แต่นายก็เป็นเพื่อนที่เรารักที่สุด เราเป็นห่วงและหวังดีกับนายมาโดยตลอด หวังว่า.. เรื่องแค่นี้.. คงไม่ทำให้นายอยากเลิกคบกับเรานะ ”
“ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกปอน เราก็รักนาย แต่.. มันเป็นของไม่ดีนะ นายเลิกได้ไหม? เราเป็นห่วง ”
“ ก็พยายามแล้ว แต่มันติดแล้ว มันเลิกยาก ขอบใจนะเอ็มที่เป็นห่วง เอาเป็นว่า.. เราจะพยายามเลิกแล้วกัน เพื่อนาย ”
“ ถ้าปอนทำแบบนั้นได้เราจะดีใจที่สุดเลย ว่าแต่.. มันมีอะไรดีนักหนา รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นของไม่ดี แล้วยังจะเสพทำไม? ”
“ ก็ใช่ มันเป็นของไม่ดี แต่.. อย่างน้อย มันก็พอช่วยให้เราผ่อนคลาย ทำให้เรามีความสุขบ้าง ชีวิตเราก็เจ็บปวดมามากนะ นายก็เห็น.. ว่าเราต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดขนาดไหน? ของสิ่งนี้.. มันทำให้ เราพอจะลืมๆความทุกข์ลงได้บ้าง ”
“ ถ้าเป็นอย่างที่นายพูด งั้น.. เราขอลองบ้างได้ไหม? เราก็กำลังทุกข์ใจมากๆเช่นกันนะ เราก็อยากจะลืม ”
“ อย่าเลยเอ็ม เดี๋ยวติดนะ ให้เราเลวของเราแบบนี้คนเดียวก็พอแล้ว นายอย่ามาทำตัวเลวแบบเราเลย ”
“ ขอลองหน่อย ได้โปรด เราไม่ติดหรอก เราสัญญา ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว เราอยากลืมความเศร้า ”
“ สัญญาแล้วนะ แค่ครั้งเดียวนะ ถ้างั้น.. ก็ได้ นี่เราเห็นว่านายกำลังเศร้าหรอก จึงยอมให้ ไม่เช่นนั้น ไม่มีทางที่เราจะชักนำนายแบบนี้แน่นอน ”
“ ขอบใจนะปอน.. แล้วนี่.. ต้องทำอย่างไรบ้าง? ”
หลังจากที่เอ็มกล่าวจบ ปอนก็จัดการสิ่งต่างๆให้เอ็มด้วยท่าทีที่ชำนาญ โดยมีเอ็มลอบบมองอยู่เงียบๆ จนเมื่อทุกอย่างพร้อม เขาก็บอกวิธีละเลียดความสุขจากสิ่งเสพติดนั้นให้แก่เอ็ม..
.
.
.
.
ควันสีขาวละเอียดถูกสูดเข้าปอด ครั้งแล้วครั้งๆเล่า ทั้งคู่ต่างผลัดกันละเลียดความสุขจากการเสพนั้น .. เพียงชั่วเวลาไม่นาน เอ็มเริ่มรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งสู่ห้วงลึกแห่งอารมณ์ ความเศร้าสะเทือนใจ และความทุกข์โศกต่างๆนานามัน มันได้มลายหายสิ้นไปจนหมด มันเป็นแบบนี้เอง มันให้ความรู้สึกที่ดีแบบนี้นี่เอง เอ็มเข้าใจแล้ว เขารู้สึกเคลิบเคลิ้ม ตัวเบาหวิว เหมือนดังกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ เมื่อสติอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้ม จนเหมือนกับว่า.. จะเกินการควบคุม เขาเริ่มรู้สึกหวามหวิว อารมณ์ปรารถนาซ่อนเร้นในส่วนลึกของเอ็มก็เริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อยด้วยความมึนเมา เขาลอบมองปอนที่อยู่ในสภาพกึ่งเปลือย ที่มีเพียงกางเกงบางเบาสวมติดกายอยู่เช่นนั้นอยู่เพียงตัวเดียวด้วยตวงตาฉ่ำเยิ้ม ผิวกายที่ขาวเนียนละเอียดกลิ่นกายที่หอมกรุ่นอ่อนๆของกลิ่นสบู่ของปอน มันดูช่าง.. สุดแสนจะน่ารัญจวนใจ เขาเริ่มรู้สึกวาบหวาม และ.. ต้องการปอน เขาอยากที่จะ.. เอาใบหน้าไปซุกไซร้ สูดดม โลมไล้แผงอกที่ขาวเนียนละมุมนั้นของปอนเหลือเกิน เวลานี้.. เขาอยากปลดปล่อยความปรารถนาลึกเร้น ที่เริ่มก่อต่อมากขึ้นทุกทีนั้น.. กับ.. ปอน.. เป็นที่สุด ปอน.. เพื่อนชาย เพื่อนรัก เพื่อนสนิท เพื่อนคนนี้ คนที่เขาแอบพึงใจอยู่ลึกๆในตัวปอนมาเนิ่นนานแล้ว
“ เมาละสิ หึหึ ครั้งแรกก็แบบนี้แหละ ”
“ อืม.. มันหวิวๆ แปลกดี มันทำให้เราลืมความทุกข์ได้จริงๆ และมันก็.. รู้สึก.. เอ่อ.. ”
กล่าวได้เพียงแค่นั้น เอ็มก็รู้สึกถึงไฟราคะของตนเองเริ่มคุโชนขึ้นทุกที เขารู้สึก.. เกินที่จะควบคุมตนเองได้อีกต่อไป เขากระเถิบกายไปเคียงชิดใกล้เพื่อนรักมากขึ้นด้วยอารมณ์วาบหวามเสน่หา ในส่วนลึกของจิตใจ.. เขาก็แอบพึงใจเพื่อนรักเขาอยู่ไม่น้อยเลย จนเมื่อ.. ถึงอารมณ์นี้.. เขาก็เกินที่จะห้ามใจได้อีกต่อไป และ.. เขาก็ไม่คิดที่จะห้ามใจอีกต่อไปแล้ว แรงปรารถนาได้เข้าครอบคลุมจิตใจ จนเขา.. เริ่มปฏิบัติตอบสนองความต้องการของเขาในทันที เขาเอาศีรษะไปซบไหล่ของปอนที่กำลังนอนเคียงกับเขาอยู่บนเตียง เอาจมูกคลอเคลียและสูดดมกลิ่นกายที่หอมละมุนอ่อนๆของปอน จากนั้นเขาก็เอามือลูบไล้แผงอกเปล่าเปลือยที่ขาวเนียนของปอนอย่างหลงใหล มันเป็นความรู้สึกที่ต้องการ.. ต้องการมากเหลือเกิน มันช่างยากที่จะหักห้ามใจและควบคุมตัวเองได้อีก เขารู้แต่เพียงว่า.. ทำแบบนี้.. เขามีความสุขเหลือเกิน นี่มัน.. เป็นเพราะความมึนเมา หรือความปรารถนาอันซ่อนเร้นลึกๆในใจเขากันแน่นะ หรือว่า.. มันทั้งสองอย่างประกอบกัน? อารมณ์หวามหวิวเริ่มก่อตัวมากขึ้น และมากขึ้น มากขึ้นเสียจน.. อวัยวะส่วนนั้นของเขาเริ่มชูชันขึ้นมาทีละน้อย จนกระทั่ง.. ร้อนระอุและตื่นตัวเต็มที่ ปอนเหลือบมองท่าทีของเพื่อนรักด้วยอารมณ์ที่หวามไหวจากรสสัมผัสนั้นไม่น้อยเช่นกัน เขาเอ่ยเบาๆด้วยน้ำเสียงรัญจวนใจ และดวงตาที่ฉ่ำเยิ้มจากความมึนเมาและกำลังเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาลึกเร้นด้วยเช่นกัน..
“ มีอารมณ์ละสิ ”
“ อา.. ก็.. อืม.. ”
“ ถ้างั้น.. ก็ปลดปล่อยออกมาเลยเอ็ม ”
กล่าวจบ ปอนก็เอาจมูกคลอเคลียสูดดมกลิ่นแก้มของเอ็มอย่างรัญจวนใจ แต่แล้ว.. เอ็มก็ขืนตัวออก ดูเหมือน.. เขาจะเริ่มรู้สึกตัว และ.. เขารู้สึกผิดเช่นไรไม่รู้ เขาเอง.. ก็ดูจะไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกตัวเองเท่าไรนัก เพียงแต่.. ความรู้สึกถึงปรารถนานั้น.. มันทำให้เขารู้สึกเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วนี่.. นี่เขากำลังจะทำอะไร? คนที่เขารู้สึกเคลิบเคลิ้ม ถวิลหาอยู่เมื่อครู่ คือ.. เพื่อนรักของเขานะ ความคิดขัดแย้งเริ่มก่อตัวขึ้นในใจเอ็ม ปอนเห็นกริยาแข็งขืนของเอ็มเช่นนั้นก็เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ ก็ในเมื่อ.. เมื่อครู่ เอ็มยัง.. เหมือนจะต้องการเขาอยู่เลยนี่นา
“ ทำไมล่ะเอ็ม? ”
“ เราเป็นเพื่อนกันนะปอน มาทำอะไรแบบนี้.. มันดูจะ.. ”
“ เป็นเพื่อนแล้วไง? ถ้ามีใจตรงกัน มีความต้องการตรงกัน การที่จะมีอะไร? ทำอะไร? กันในแบบที่.. เอ่อ เกินเพื่อน มันไม่ได้เลยเหรอ? การมีความสุขร่วมกันแบบนี้มันผิดตรงไหนเอ็ม? ”
“ ก็.. ก็.. เรารู้สึกเหมือน..เหมือนจะผิด เหมือนจะ.. ไม่ค่อยสบายใจ เอ่อ.. ว่าแต่.. ปอน นาย.. นายเป็นเกย์เหรอ? ”
“ ที่เราแสดงออกต่อนายเมื่อครู่ นายยังดูไม่ออกอีกเหรอเอ็ม? ”
“ ก็พอรู้.. แต่เราไม่แน่ใจ ว่า.. มันเป็นความรู้สึกจริงๆของปอน หรือ..  เป็นเพราะความเมายา? ที่.. ที่.. ทำแบบนั้น.. เพราะความเมา? เอ่อ.. แล้ว.. นี่นายคิดกับเราแบบไหน? ”
“ บอกตามตรงเลยนะ เรารักเอ็ม รักมาก.. รักมานานแล้วด้วย เราถึงแคร์และอยากอยู่ใกล้ชิดกับเอ็มเสมอ ยังเคยแอบหวังลึกๆด้วยเลยว่า..  เอ็มน่าจะมีใจแบบเดียวกับเรา มีใจให้กับเราบ้าง.. เราอยาก.. เอ่อ.. อยากจะ.. จะมีอะไรแบบ.. เอ่อ.. เมื่อกี้ที่เรา ที่เรา.. เอ่อ.. กับเอ็ม.. มาตั้งนานแล้ว ”
“ แล้ว.. แล้วทำไม? ตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่าทีของนายที่มีต่อเรา มันไม่เคยแสดงออกแบบนั้นกับเราเลย ว่า.. เอ่อ.. นายรู้สึกกับเราเช่นไร? มันดูเหมือนแค่.. เป็นเพื่อนสนิทกันธรรมดา ”
“ ตอนแรกเราไม่มั่นใจ ว่านาย.. เอ่อ.. จะมีใจให้เราบ้างไหม? เราคิดว่า.. เอ็มอาจจะไม่ได้มีใจให้เราแบบนั้น เราก็เลยพยายามตัดใจ และจะขอคบแบบเพื่อนก็ได้ แต่จากสัมผัสเมื่อครู่ มันทำให้เรามั่นใจแล้ว ว่า.. เรามีใจตรงกัน ความรู้สึกที่มีต่อกัน.. เป็นแบบเดียวกัน อย่ากังวลอะไรมากเลยเอ็ม มันไม่ได้ผิดอะไรและมีอะไรเลยเลวร้ายหรอก มันจะเป็นความสุขนะ อีกทั้ง.. เรา 2 คน ต่างก็ยังไม่มีใครเลยนี่นา จริงไหม? ”
จริงสิ.. เอ็มเข้าใจแล้ว ความจริง เขาก็แอบพึงใจปอนอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ถ้าการที่จะมีอะไรกับปอนแบบนั้น แล้วมันจะเป็นการเสียหายอะไร? เรื่องแบบนั้น.. เขาก็เคยผ่านมากับพ่อเลี้ยงที่เขารู้สึกชิงชังด้วยความไม่เต็มใจมาไม่รู้กี่ครั้งแล้วนี่นา แล้วถ้า.. เขาจะมีอะไร ทำอะไร กับคนที่เขาพึงใจบ้าง มันจะเป็นไรไป คิดได้ดังนั้น เขาจึงโอบกอดปอนแล้วหอมแก้มเนียนใสนั้นเบาๆ มือก็เคล้นคลึงส่วนนั้นของปอนเบาๆ จน.. รู้สึกว่าปอนเริ่มที่จะมีอารมณ์คุกรุ่นเต็มที่แล้วเช่นกัน แล้ว.. ปอนก็เบี่ยงกายเพื่อปลดเปลื้องอาภรณ์บางเบาที่มีติดกายอยู่เพียงชิ้นเดียวนั้นออกจนร่างเปลือยเปล่า เอ็มเหลือบแลมองร่างเปลือยสมส่วนที่มีผิวขาวเนียนละเอียดน่าลูบไล้ของปอนนั้นอย่างหลงใหล แล้ว.. ปอนก็ขยับกายมานอนเคียงจนชิดใกล้เอ็มมากขึ้น เขาเอามือโลมไล้ไปทั่วร่างเอ็มอย่างบรรจงและทะนุถนอม พลางค่อยๆปลดอาภรณ์ห่อหุ้มกายของเอ็มออกจนเปลือยเปล่าในเวลาไม่นานเช่นกัน ปอนส่งสายตาวาบหวามโลมไล้ร่างเปลือยที่สมส่วนของเอ็มที่มีผิวสีคล้ำกว่า แต่.. กลับดูคมขำและช่างมีเสน่ห์เสียเหลือเกิน แล้วเขาก็เอามือลูบไล้ผิวสีแทนที่เนียนลื่นของเอ็มเบาๆเพื่อสร้างความรัญจวนใจให้เอ็มมากขึ้น ดูเขาจะเชี่ยวในเรื่องของลีลารักเหลือเกิน เพราะ..จากรสสัมผัส มันให้เอ็มรู้สึกวาบหวิวจนสุดที่จะบรรยาย จากนั้น.. ร่างเปลือย 2 ร่างก็กระหวัดเกี่ยวกอดรัดกันแน่นด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นในแรงปรารถนาแห่งราคะ แล้ว.. ปอนก็เอาริมฝีปากที่อ่อนนุ่มหวานฉ่ำแดงระเรื่อของเขาประกบปากจูบฉ่ำๆหวานๆของเอ็มอย่างดูดดื่ม อ่อนหวานและรัญจวนใจ และแล้ว.. บทเพลงแห่งกามรมณ์ก็เริ่มบรรเลงอย่างต่อเนื่อง ต่างผลัดกันเป็นผู้นำ และผู้ตาม ในลีลารักที่มิได้เอาเปรียบกันเลย กลับถ้อยทีถ้อยอาศัย และผ่อนปรนกันอยู่ในที ตอบสนองความสุขในเพศรสโดยมิได้กำหนดบทบาทให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดให้อย่างตายตัว ต่างบำรุงบำเรอสนองสุขให้กันและกันอย่างเต็มที่ จวบจน.. บรรลุถึงความสุขสมอารมณ์หมาย.. ในกัน.. และกัน
.
.
.
.
ร่างเปลือยสองร่างนอนอิงแอบแนบชิดกัน ภายหลังจากชำระคราบไคลแห่งธารรักจนสะอาดเอี่ยมจากความสุข ความหฤหรรษ์ในลีลารักเมื่อครู่ที่ได้จบลง เอ็มนั่งอิงซบปอนนิ่งๆอยู่เช่นนั้นโดยมิได้กล่าวสิ่งใด และแล้ว.. ความรู้สึกเอ่อท้นจนท่วมในอกก็กลับมาอีกครั้ง ภายหลังจากที่.. ความมึนเมาในยาที่เสพ ได้เบาบางลง น้ำตาของเอ็มค่อยๆเอ่อจนเต็มหน่วยตา จากนั้นมันก็รินไหลเป็นสายจนอาบแก้ม พร้อมกับเสียงสะอื้นเบาๆของเอ็ม
“ เอ็มร้องไห้ทำไม? เสียใจเหรอ? ที่มาทำอะไรกับเราแบบนี้? ”
“ เปล่าหรอกนะ มันดีต่างหาก ที่เราได้รู้.. และมีปอนเคียงข้าง เราไม่ได้เสียใจในเรื่องนี้หรอก เราแค่.. กำลังคิดว่า.. ชีวิตเราต่อไปจะเป็นอย่างไร? เราดูเหมือน.. จะไม่เหลืออะไรอีกแล้วในชีวิต ”
“ เรื่องนั้นใช่ไหม? ที่ทำให้นายอยากคิดสั้น? ”
“ ใช่ ”
“ อยากระบาย อยากพูดอะไรไหม? ถ้ามันพอจะทำให้เอ็มสบายใจขึ้นบ้าง ก็ปล่อยมันออกมา ”
เอ็มพยายามกลั้นสะอื้น และทำใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น.. ก็เขาก็ตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ปอนฟัง ปอนคนนี้.. คนที่เขารู้สึกเชื่อใจในความจริงใจที่มีให้เขาตลอดมา เขาแน่ใจได้เลยว่า.. ปอนจะไม่มีวันที่จะซ้ำเติม เรื่องราวชีวิตที่แสนจะน่าอดสูของเขาอย่างแน่นอน เขากล่าวเล่าถึงเรื่องราวของเขาไป พลางก็สะอื้นไป ด้วยน้ำตาที่เนืองนองใบหน้า ปอนนิ่งฟังเงียบๆ พลางลูบหัวเขาเบาๆอย่างปลอบประโลม จนกระทั่ง.. เอ็มได้เล่าเรื่องราวของเขาจบลง ปอนก็เอ่ยกับเอ็มด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเป็นเชิงปลอบใจเอ็มว่า..
“ อยู่กับเราจนกว่าจะสบายใจ แล้วค่อยกลับบ้านไปคุยกับแม่นะ ”
“ เราคงไม่กลับไปอีกแล้ว เรากลับไปไม่ได้อีกแล้ว แม่ไม่เชื่อเรา แม่เห็นไอ้สารเลวนั่นดีกว่าเรา เราไม่อยากเจอไอ้สารเลวนั่นอีก เราเกลียดมัน เราขยะแขยงมัน ”
“ อย่าคิดแบบนี้สิเอ็ม เราว่า.. แม่คงเชื่อนายนะ แต่.. ที่แม่แสดงออกมาแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะ.. แม่นายคงจะทำใจไม่ได้ และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีกระมัง? พอเวลาผ่านไปสักพัก พอให้ใจสงบลงได้บ้าง เราว่า.. น่าที่จะคุยกันได้นะ การได้คุยกัน มันอาจจะช่วยผ่อนปรนและหาทางออกที่ดีได้นะเอ็ม ”
“ นายคิดแบบนั้นเหรอ? หรือว่า.. นายกลัวว่า.. เราจะมาเป็นภาระให้นาย นายถึงอยากให้เรากลับบ้าน? ไหนนายบอกว่า เราจะอยู่กับนายนานเท่าไรก็ได้ไง? แล้วทำไม? นายจึงมาพูดแบบนี้? ”
“ ไม่ใช่แบบนั้นนะ เราแค่คิดว่า.. เรื่องน่าที่จะเคลียร์กันได้ ก็แค่นั้นเอง เอาเถิด ไม่กลับก็ไม่กลับ อยู่กับเราตลอดไปก็ได้ เราจะดูแลนายเอง ก็เราเป็นของกันและกันแล้วนี่นา จนถึงตอนนี้.. ที่เราได้รับรู้ความในใจของกันและกันแบบนี้แล้ว เรารักเอ็มมากนะ เราคงจะขาดเอ็มไม่ได้อีกต่อไป เราจะไม่มีวันทอดทิ้งเอ็ม ”
“ จริงนะ นายสัญญานะ ว่านายจะไม่ทอดทิ้งเรา สัญญานะ ว่า.. เราจะรักกันตลอดไปนะปอน ”
“ อืม.. เราสัญญา เอาละ ดึกมากแล้ว เราเข้านอนกันเถิดนะ วันนี้นายก็เจออะไรแรงๆมาเยอะแล้ว หลับให้สบายเถิด เราจะอยู่ข้างๆนายแบบนี้ไม่ไปไหน? ”
กล่าวจบ ปอนก็จุมพิตหน้าผากของเอ็มเบาๆ จากนั้น.. ทั้งคู่ก็เอนกายลงนอนเคียงกัน และโอบกอดกันหลวมๆแต่ดูอบอุ่นใจ เพียงชั่วเวลาไม่นาน ทั้งคู่ก็หลับลงในเวลาไล่เลี่ยกัน ในยามค่ำคืนของคืนนั้น คืนที่เปลี่ยนชีวิตของเอ็มโดยสิ้นเชิง..

********


*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(1) 12-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 15-03-2009 13:07:20
+1 ให้น้อง pikachu นะคะ พี่เป็นกำลังใจให้ทุกเรื่องเลยนะคะ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ที่นำมาลงให้ได้อ่าน
สงสารเอ็มมาก ๆ ซึ่งมีแม่ที่ไม่สามารถปกป้องลูกของตัวเองได้ เชื่อลูก (ซึ่งเป็นเลือดในอก) แต่กลับไม่ช่วยเหลือ
ลูกตัวเอง ลังเลสับสนจนต้องเสียลูกตัวเองไปเพราะเห็นคนอื่นดีกว่า มาเสียใจเมื่อเสียเอ็มไปแล้วจะช่วยอะไรได้
อ่านแล้วซึ้งจริง ๆ ค่ะ  :pig4:

โอววว ขอบคุณครับพี่ ดีใจมากจริงๆ พี่ทำให้ผมซึ้งมากครับ พูดไม่ออกแล้ว ขอบคุณครับผม
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(2) 15-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: High_Wizard ที่ 15-03-2009 13:49:46
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปมันต้องร้ายแรงแน่ๆเลยอ่ะ ..ทิ้งท้ายซะ บรรยายตอนที่ทำอะไรกันได้ดีมากๆเลยนะ ไม่น่าเกลียดแต่ก็พาอารมณ์ไปได้ไกลเล ชอบวะซี






เป็นกำลังใจให้นะเว้ย..........แล้วมาลงต่ออีกนะ


ปล. สวัสดีพี่แนน  :really2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(2) 15-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: mantdash ที่ 15-03-2009 20:26:05
ปอนเป็นเอดส์นี่หน่า

เอ็มน่าสงสารมากมาย

อืมๆๆ วินจะรู้สึกยังไงนะ

ดูท่าแล้วจะผูกพันมากขึ้นมากเดิม :z10:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(2) 15-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 15-03-2009 23:29:12
ก่อนอ่านตอนนี้ต้องจัด rating  ก่อนป่ะคับ  :a5: เพราะเนื้อหามัน...น่าจะเป็น "น.18"
 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(2) 15-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 16-03-2009 15:27:46
อดีตของเอ็ม  :sad11:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(2) 15-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 16-03-2009 16:10:14
คนติดยาส่วนใหญ่มักจะคิดว่า แค่ครั้งเดียวไม่ติดอยู่แล้ว แค่นิดๆหน่อยๆ

แต่นะ พอได้ลองแล้ว  :เฮ้อ:

ข้าพเจ้าอยากอ่านตอนต่อไปแล้ว  :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(2) 15-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 16-03-2009 18:25:36
+1 เป็นกำลังใจให้น้องซี  แล้วจะรอตอนต่อไปนะคะ ลุ้นทุกตอนเลย น่าติดตามมาก ..... :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(2) 15-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 17-03-2009 06:38:57
 o13
บวก 1 ให้นะค้าบน้องซี
ตอนนี้แต่งได้เยี่ยม อ่านแล้วไหลลื่นมากค้าบ

บรรยายฉากอัศจรรย์ได้อย่างไพเราะเชียว เยี่ยมจริงๆ

บอกได้คำเดียวว่า "พรสวรรค์"

จริงๆปอนมีแง่คิดดีๆหลายอย่างที่แนะนำเอ็มนะ
อยากรู้จังว่าปอนไปติดยาได้ยังไง แถมตอนนี้ถึงแม้ไม่ได้ชวน แต่ก้อไม่ได้ห้ามจริงจังอ้ะ
เอ็มก้อคงติดยาไปด้วยสิเนี่ย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(2) 15-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 18-03-2009 19:07:23
+1 .เป็นกำลังใจให้น้องซี  แล้วมา  :z2: รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(2) 15-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: PEAK ที่ 18-03-2009 22:22:25
ชีวิตเอ็มน่าสงสารจัง   อ่านสองตอนติดเศร้าได้อีก   :m15:

เห็นด้วยกับความเห็นของเพื่อนๆ ก่อนหน้าว่าเขียนได้   o13

บวก 1 ให้ความสามารถในการเขียน... สามารถทำให้คนอ่านอินได้เยี่ยม  ^_^

ขอบคุณนะครับ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(3) 19-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 19-03-2009 17:15:51
ขอขอบพระคุณ คอมเม้นจากคุณกอป High_Wizard, คอมเม้นจากพี่ mantdash, คอมเม้นจากพี่ pickki_a,
คอมเม้นจากพี่ patee, คอมเม้นจากพี่ dahlia, คอมเม้นจากพี่ supranee, คอมเม้นจากพี่ namtaan,
และ คอมเม้นจากพี่ PEAK ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ..

. . . .

ในตอนใหม่นี้ จะได้เห็นแง่มุมในชีวิตของเอ็มมากขึ้น รวมทั้งความสัมพันธ์กับปอนเด่นชัดมากขึ้นนะครับ มาติดตามกันต่อได้เลยนะครับผม..

เรื่องราวของเอ็ม (3)

(http://img257.imageshack.us/img257/8341/a014.jpg)

“ ฮัลโหล ”
“ แม่ ”
“ เอ็ม นั่นลูกใช่ไหม? ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน? แม่คิดถึง แม่เป็นห่วง ”
“ ตอนนี้ผมมาอยู่กับเพื่อน ”
“ แล้วตอนนี้ลูกเป็นไงบ้าง? กลับบ้านเถิดนะลูก แล้วตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน? เดี๋ยวแม่ไปรับก็ได้ ”
“ เอ็มก็สบายดีครับ แล้ว.. ตอนนี้แม่เลิกกับ.. เอ่อ.. คนนั้นหรือยังครับ? ”
“ เอ่อ.. ยังเลยลูก เรากำลังคุยตกลงกันอยู่ ขอเวลาให้แม่บ้าง.. ”
“ .. ”
เอ็มได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกเสียใจเหลือเกิน เขาจึงเอาโทรศัพท์ออกจากหูและกำลังจะวางหู ทั้งๆที่.. ใจเขาอยากจะคุยกับแม่มากมายด้วยความคิดถึง แต่.. แรงทิฐิในเรื่องพ่อเลี้ยงที่เต็มแน่นในอก ทำให้เขาเกิดความน้อยใจ จน.. แทบไม่อยากพูดคุยต่อ เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง และกำลังตัดสินใจที่จะวางหู จึงทำให้.. เขาไม่ได้ยินสิ่งที่แม่เขากล่าวต่อมา ว่า.. หลังจากวันนั้นจนถึงในขณะนี้ ทุกอย่างที่บ้านได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร?
 “ เอ็ม.. ถึงแม่จะยังไม่ได้หย่ากัน แต่ตอนนี้เราแยกกันอยู่แล้วนะลูก ลูกไม่ต้องห่วงนะ เขาไม่มีทางมาทำอะไรลูกได้อีก เอ็มแม่เชื่อลูกนะ วันนั้นแม่ขอโทษ ยกโทษให้แม่ด้วย เอ็ม.. เอ็ม.. นี่ลูกยังฟังอยู่หรือเปล่า? ทำไมเงียบไป? เอ็ม.. เอ็ม.. ตอนนี้เอ็มอยู่ที่ไหน? แล้ว.. แม่จะติดต่อเอ็มได้อย่างไร? เอ็ม.. เอ็ม..  ”
“ . . . . ”
จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจวางหูลง แล้วก็เดินออกมาจากตู้โทรศัพท์สาธารณะแห่งนั้น ขอบตาเขาร้อนผ่าว น้ำตาเริ่มปริ่มๆที่หน่วยตาจนเอ่อ เขาคิดใจใจว่า.. นี่แม่ยังไม่เลิกกับไอ้พ่อเลี้ยงคนนั้นอีก เขาคิดถึงแม่ เขาอยากกลับไปหาแม่ แต่เขาก็ไม่อยากเจอหน้าชายคนนั้นเช่นกัน เขาจึงโทรไปถามข่าวคราวดูก่อน แต่แล้ว.. ทำไมนะ.. เวลาก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว ทำไมแม่ยังไม่ยอมเลิกกับไอ้สารเลวนั่นอีก นี่แม่คงจะไม่เชื่อเขาจริงๆว่าเขาโดนไอ้สารเลวนั่นข่มขืน แม่คงจะรักมันมากกว่าเขาแน่นอน เขารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ความเสียใจ ความน้อยใจเอ่อท้นจนท่วมเต็มหัวอก นี่ถ้าเขา.. รอ ที่จะ.. ฟังแม่เขาอีกสักนิด ลดแรงทิฐิและพูดคุยกับแม่ให้มากกว่านี้ เขาก็จะได้รับรู้ความจริงที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น.. ว่า.. แม่ได้จัดการในเรื่องนี้ไปแล้วอย่างไร? ความรู้สึกในใจที่เกิดขึ้นกับเขาขณะนี้คงไม่เกิดขึ้นแน่นอน แต่.. จะทำกระไรได้.. คงเป็นเพราะชะตากรรมได้ถูกกำหนดไว้เช่นนั้นกระมัง? เอ็มน้ำตาเขาไหลรินอาบแก้มและสะอื้นร่ำไห้อย่างไม่นึกอายใครต่อใครที่เดินผ่านมา และชำเลืองมองเขาด้วยท่าทีที่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย เขาเดินอย่างหงอยเหงา ตรงไปยังรังรักของเขาและปอนด้วยความรู้สึกต้องการคำปลอบโยนจากชายคนรัก คนที่เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนอย่างปอนเหลือเกิน ปอน.. คนที่เข้าใจเขา และให้กำลังใจเขาในยามเศร้าใจด้วยความเข้าใจจิตใจเขาอย่างดีเสมอมาไม่เคยเปลี่ยน
.
.
.
.
เอ็มหมุนประตูลูกบิดเพื่อเปิดเข้าห้อง แล้วเขาก็พบว่า.. ประตูล็อคอยู่ นี่ปอนไม่อยู่หรือ? ไม่หรอก ปอนคงอยู่ คงไม่ได้ไปไหนแน่นอน เมื่อเช้าก่อนที่เขาจะปลีกตัวไปทำงานพาร์ทไทม์เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่าย เขายังถามปอนอยู่เลยว่า.. วันนี้จะไปเรียนไหม? ปอนยังบอกอยู่ว่า.. วันนี้ไม่มีเรียน และคงจะไม่ออกไปไหน การที่ปอนล็อคประตูแบบนี้ อาจจะกำลังนอนหลับอยู่ก็เป็นได้ เขาจึงล้วงกุญแจ และไขประตูเปิดเข้าห้อง.. เมื่อประตูเปิดออก.. เขาก็พบว่า.. ปอนดูกำลังจะเคลิบเคลิ้ม มึนเมาเพราะกำลังเสพยาอยู่ เห็นดังนั้น.. เขาก็รู้สึกขัดเคืองใจ ก็ไหนปอนเคยสัญญากับเขาแล้วไง ว่าจะพยายามเลิก แต่แล้ว.. นี่ทำไม? ปอนยัง?
“ ปอน.. เสพยาอีกแล้ว นายเลิกไม่ได้หรืองไง? เคยสัญญากับเอ็มแล้วนี่นา เราเป็นห่วงนะ มันไม่ดีหรอก แล้วยาก็ราคาแพงมากด้วยไม่ใช่เหรอ? ปอนไปเอาเงินมาจากไหน? ”
“ เราติดแล้วมันเลิกยากนะ ก็พยายามแล้วแต่มันอดใจไม่ได้ เงินน่ะ ปอนพอมีใช้ได้อย่างสบายๆไปอีกหลายวัน ปอนก็เลย.. ไปซื้อมา.. ขอโทษนะเอ็มที่ผิดสัญญา อย่าโกรธปอนเลยนะ ขอแค่นี้.. อีกนิดเดียวเท่านั้นเอง เดี๋ยวจะเลิกแล้ว ”
“ ปอนรู้ไหม เราเป็นห่วงนะ แล้วนี่ปอนเอาเงินที่ไหน? มันแพงมากนะ เรารู้สึกแปลกใจจังเลย ทำไม? ปอนถึงมีเงินใช้อยู่เรื่อย แถมยังแบ่งให้เราใช้ได้อีกตั้งมากมาย ขนาดเราทำพาร์ทไทม์เหนื่อยแทบตาย ยังได้เงินมาไม่เท่าไรเลย ตั้งแต่ที่เรามาอยู่กับปอน เราก็ไม่เห็นปอนทำอะไรเลย เรียนก็ไปเรียนบ้างไม่ไปเรียนบ้าง แล้วนี่ปอนเอาเงินจากที่ไหนมาใช้จ่าย? ทั้งค่าหอ ค่ากินค่าอยู่ ค่าอื่นๆอีกจิปาถะ ตอนแรกเราบอกจะทำพาร์ทไทม์หาเงินมาช่วยค่าใช้จ่าย ปอนก็ยังว่าไม่ต้อง ปอนบอกปอนดูแลเราได้ เราสงสัยเรื่องนี้มานานแล้วนะปอน ปอนมีอะไรปิดเราอยู่ไหม? ”
“ ก็.. ก็.. ไม่มีอะไรปิดบังนี่นา เอ็มอย่าคิดมาสิ เงินที่ใช้อยู่ ก็.. ก็.. เราก็ไปขอที่บ้านมา พอจะหมดเราก็ไปขอใหม่ ก็แค่นั้น ไม่มีอะไรหรอก แล้วนี่เป็นไง วันนี้เหนื่อยไหม? ”
“ ก็นิดหน่อยนะ ทำไงได้ ถ้าไม่ทำจะเอาเงินที่ไหนใช้ บางวันก็เหนื่อยจนแทบไม่อยากไปเรียนเลย แต่ก็คงต้องทน ก่อนเราเข้ามาเมื่อครู่ เราก็โทรไปที่บ้าน นี่แม่ยังไม่เลิกกับไอ้สารเลวนั่นเลย แม่คงจะรักมันมากกว่าเรา เราเสียใจจริงๆเลยเอ็ม ”
กล่าวจบ เอ็มก็น้ำตารื้น คงจะเพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน ประกอบกับความน้อยใจและสะเทือนใจในชะตาชีวิตตนเอง เพียงไม่นาน เขาก็ร่ำไห้น้ำตาไหลรินจนอาบแก้ม ปอนเห็นดังนั้นก็ดึงเอ็มเข้ามากอด พร้อมกับลูบหัวเบาๆอย่างอ่อนโยน พลางพูดปลอบโยน ด้วยความเห็นใจ
“ ไม่เป็นไรนะเอ็ม ไม่เป็นไร อย่างน้อยเอ็มก็มีปอนนะ ปอนรักเอ็ม ปอนจะดูแลเอ็มเอง อย่าร้องไห้เลย เอ็มไม่ต้องไปทำพาร์ทไทม์ให้เหนื่อยอีกแล้วนะ เรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วง ปอนดูแลเอ็มได้ เราเป็นของกันและกันแล้ว ไม่ต้องคิดมากหรอก ”
กล่าวจบปอนก็หอมแก้มเอ็มเบาๆ พลางซับน้ำตาให้ แล้วเขาก็พาเอ็มมานั่งเคียงกันบนเตียง เขาก็สวมกอดเอ็มหลวมๆอย่างรักใคร่ จมูกก็คลอเคลียอยู่ที่แก้มใสๆของเอ็มอยู่ไม่ห่าง นับแต่.. วันที่เอ็มได้มาอยู่กับปอน และเปลี่ยนความสัมพันธ์จากเพื่อนและกลายมาเป็นคนรัก ก็ดูเขาจะรักและจริงใจกับเอ็มมากมาย ปอนจะดูแลเขาแทบทุกอย่าง จนในบางครั้ง เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย มันเหมือนกับว่า.. เขามาเกาะปอน มาสร้างภาระให้ปอน เขาจึงอยากจะหารายได้มาช่วยค่าใช้จ่ายบ้าง จึงหางานพิเศษทำ ซึ่งมันก็สุดแสนจะเหน็ดเหนื่อย และยังได้ค่าตอบแทนอันน้อยนิด แต่อย่างน้อย.. มันก็ดีกว่าที่เขาจะอยู่เฉยๆ และเกาะปอนแบบนี้ต่อไป
“ ปอน เอ็มก็รักปอนนะ ตอนนี้เรามีเพียงปอนเท่านั้นที่ดีกับเรา เข้าใจเรา ถึงแม้ว่า.. เราจะเป็นของกันและกันแล้ว แต่..เราก็ไม่สบายใจ ให้เราทำต่อไปเถิดนะ ถึงจะเหน็ดเหนื่อยไปสักหน่อยเราก็พอทนได้ เราก็อยากช่วยปอนบ้าง ให้เราได้ช่วยปอนบ้างเถิด วันนี้เราเหนื่อยๆ รู้สึกแย่ๆ แล้วก็ไม่ค่อยสบายใจด้วย ขอยาให้เราบ้างนะ เราอยากลืมๆความทุกข์ ถึงแม้จะรู้ ว่ามันไม่ใช่สิ่งดี แต่มันก็พอช่วยได้จริงๆ ”
“ ไม่ได้นะ เราจะยอมให้เอ็มมาเลวแบบเราไม่ได้ เดี๋ยวมันจะติดนะเอ็ม ก็เอ็มเคยสัญญากับเราแล้วไง ว่าแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว นายสัญญากับเราแล้วนะเอ็ม ”
“ ก็แล้วไง? ทีนายยังผิดสัญญาได้เลย น่า.. นะ.. ขอเราบ้าง อีกครั้งนึงจริงๆ เราอยากลืมความทุกข์ ”
เอ็มไม่รอให้ปอนตอบรับคำขอ เขาจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง แล้วก็เริ่มเสพ ปอนได้แต่นั่งมองนิ่งงันอยู่เช่นนั้นด้วยว่าไม่รู้จะกล่าวห้ามปรามเช่นไรดี เพราะตัวเขาเองก็เป็นผู้ผิดสัญญาเช่นกัน จากนั้น.. ทั้งคู่ก็ผลัดกันเสพร่วมกัน จนเริ่มรู้สึกมึนเมาและเคลิบเคลิ้มมากขึ้น อารมณ์ปรารถนาในส่วนลึก ก็เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง เอ็มลูบไล้แผงอกของปอนเบาๆอย่างสุดแสนเสน่หา แล้วเอ็มก็เอ่ยกระซิบเบาๆที่หูปอนด้วยน้ำเสียงรัญจวนใจ และดวงตาที่ฉ่ำเยิ้ม เพราะความมึนเมาและกระหายรัก
“ พอเริ่มเมาแล้วลืมความทุกข์ได้จริงๆ ตอนนี้.. อากาศร้อนอบอ้าวจังเลย เราไปอาบน้ำด้วยกันนะปอน ”
กล่าวจบเอ็มก็ประกบริมฝีปากจูบปอนอย่างดูดดื่ม แล้วค่อยๆปลดเปลื้องอาภรณ์ให้กันและกันออกจนเปลือยเปล่า แล้วทั้งคู่ก็ตระกองกอดและเดินเคียงกันตรงไปยังห้องน้ำ.. จากสัมผัสของสายน้ำอันเย็นฉ่ำและความมึนเมาจากยาที่เสพ ทำให้ความตึงเครียดจากอารมณ์เศร้าของเอ็มผ่อนคลายลงบ้าง ทั้งคู่ต่างลูบไล้เรือนร่างซึ่งกันและกันภายใต้สายน้ำอันเย็นฉ่ำชื่นใจของฝักบัว ซึ่ง.. มันก็ยิ่งเพิ่มความปรารถนาในอารมณ์ใคร่ให้คุโชนมากขึ้น จนกระทั่ง.. เอ็มรู้สึกเกินที่จะทานทนได้อีกต่อไปและอยากที่จะปลดปล่อยออกมาเต็มที แล้ว.. เอ็มก็เอ่ยกับปอนด้วยน้ำเสียงกระเส่าที่ดูจะเร้าอารมณ์ เขาโอบกอดแนบชิดใกล้ จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของปอน แล้วเขาก็.. เอ่ยขอบางสิ่งกับปอนในทันที
“ ปอน.. เราขอนะปอน เราไม่ไหวแล้ว ”
“ จะดีเหรอ? ถุงยางหมดนะ หมดตั้งแต่เมื่อคืนที่ปอนใช้กับเอ็ม เราผลัดกันช่วยให้เสร็จดีกว่านะ ไม่ต้องทำหรอก ”
“ ไม่เอา.. เราอยากทำ หมดก็ไม่เห็นเป็นไร ไม่ต้องใช้ก็ได้ เราเชื่อใจปอนนะ เราทั้งคู่ต่างก็มีแค่กันและกันนี่นา ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้เลย เราอยากทำ เมื่อคืนปอนทำเราแล้ว ตอนนี้.. เรา.. ขอเป็นคนทำบ้าง นะปอน ”
“ แต่.. ”
มิทันที่ปอนจะกล่าวเช่นไรต่อ เขาก็ถูกประกบปากจูบอย่างดูดดื่มอีกครั้ง จาก.. รสสัมผัสอันเร่าร้อน ทำให้.. แรงปรารถนาในใจของปอนคุโชนมากขึ้น จนยากที่จะขัดใจได้อีกต่อไป แม้ว่าเขา.. จะรู้สึกกังวลใจในเรื่องที่ไม่มีเครื่องป้องกันอยู่บ้างก็ตาม.. ลีลารักเริ่มรุนแรงและเร่าร้อนขึ้นทุกที เมื่อร่างเปลือย 2 ร่างทาบทับ ประกบและแนบชิดจนราวกับเป็นเนื้อเดียวกัน การเคลื่อนไหว เริ่มดุดันและรุนแรงขึ้น แต่.. ถึงกระนั้น ก็สร้างความรัญจวนใจให้ปอนได้ไม่น้อยเลย เอ็มเริ่มเคลื่อนไหวร่างกายของเขา เร็วขึ้น และเร็วขึ้น.. จนในที่สุด ก็บรรลุถึงฝั่งฝันด้วยความหฤหรรษ์ในอารมณ์ปราถนาอันสุดแสนจะอิ่มเอิบ ทั้งคู่สำเร็จสุขสมในเวลาไล่เลี่ยกัน เอ็มโอบกอดและหอบเบาๆที่แผ่นหลังของปอนด้วยความเหนื่อยอ่อนอยู่เช่นนั้นครู่หนึ่ง จากนั้น.. เขาก็เชยคางปอนขึ้นมาประกบปากจุมพิตอย่างอ่อนหวานอีกครั้ง ด้วยความรักใคร่ และสุดแสนที่จะเสน่หา
.
.
.
.
เวลาผ่านไป..

ในหลายวันมานี้.. ปอนรู้สึกไม่ค่อยสบายเป็นอย่างมาก มีอาการแปลกๆเกิดขึ้นกับเขาหลายอย่าง เขาจึงหาซื้อยามากิน ตามอาการของการป่วยที่เกิดขึ้น ซึ่งมันก็พอจะทุเลาลงบ้าง แต่ก็ไม่เคยหายขาด อาการป่วยแบบต่างๆดูเหมือนจะดีอยู่เป็นช่วงๆ แล้วก็กลับมาอยู่ในรูปเดิมอีก เป็นเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว แต่.. ในระยะหลังนี้ เรี่ยวแรงเขาก็เริ่มถดถอยและอ่อนล้าลงทุกที แต่กระนั้น.. เขายังต้องฝืนใจและอดทนเพื่อหาเงินมาให้ได้ เขาเริ่มเสพยาหนักขึ้น ยา.. ช่วยให้เขามีความกล้าและพอจะมีเรี่ยวแรงขึ้น ที่จะ.. ใช่.. เขาจำเป็นต้องทำ การที่มีเอ็มมาอยู่ด้วยทำให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น แม้ว่าเอ็มจะช่วยค่าใช้จ่ายบ้าง แต่.. จากรายได้ของเอ็ม ดูมันช่างน้อยนิดเสียเหลือเกิน จริงๆแล้ว เขาก็มิได้อยากให้เอ็มทำงานพิเศษเลย เพราะมันดูจะเหน็ดเหนื่อยและได้ค่าตอบแทนน้อย แต่.. เอ็มก็ยืนกรานที่จะทำ ในเมื่อ.. เพื่อเป็นความสบายใจของเอ็มเขาจึงยอม จริงๆแล้ว เขาอยากจะเป็นคนดูแลรับผิดชอบเอ็มในทุกๆเรื่องเท่าที่เขาจะสามารถทำได้ เพราะเขารักเอ็มมากจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ปอนขายบริการความใคร่กับทุกผู้ทุกนามที่กระหายรักจากตัวเขาไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือเกย์ สำหรับเขาแล้ว.. เขาสามารถตอบสนองได้ทุกอย่างตามที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งมันดูจะเป็นอาชีพเดียวที่เหน็ดเหนื่อยน้อยที่สุด และได้ค่าตอบแทนค่อนข้างมากจากความอ่อนเยาว์ และรูปลักษณ์ที่ดูดีของเขา ก่อนหน้าที่เอ็มจะมาอยู่กับเขา เขาก็ทำบ้างเป็นครั้งคราว ไม่ได้จริงจังนัก เพียงเพื่อความสนุก และหาเงินใช้ไปวันๆ เพื่อความอยู่รอดที่เขาต้องพึ่งพาตนเอง แต่.. ภายหลังจากที่เอ็มมาอยู่ด้วย เขาจึงจำเป็นต้องทำมากขึ้นและถี่ขึ้น เพื่อที่จะหาเงินให้ได้มากขึ้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา.. นับแต่.. ที่เขาเริ่มอาชีพขายบริการในแบบลับๆแบบนี้ ในบางคราว.. เขาก็ยอมที่จะหลีกเลี่ยงเครื่องป้องกันจากลูกค้าที่กระหายความใคร่ ที่ต้องการสอดใส่ที่ดูเป็นธรรมชาติ เพื่อแลกกับเงินค่าตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้น แม้เขาจะเคยรู้สึกกังวล ว่ามันอาจจะเสี่ยงที่จะติดโรคร้าย แต่.. ความต้องการเงินนั้นมีมากกว่า เขาจึงพยายามปลอบใจตนเองเสมอมาว่า.. ลูกค้าที่ดูดีดูสมบูรณ์แบบนี้ คงไม่มีโรคหรอก เขาจะเลือกทำแบบนี้กับลูกค้าที่มองภายนอกแล้วพอจะอุ่นใจได้ว่า.. ไม่น่าที่จะเป็นการเสี่ยง โดยที่เขาหารู้ไม่ว่า.. นั่นคือความประมาทที่จะนำหายนะมาสู่เขา เพียงเพราะต้องการเงินที่มากขึ้น แค่นี้กระนั้นหรือ? การที่ปอนทำแบบนี้ เป็นสิ่งเอ็มไม่เคยรู้เลย เขาจะปกปิดตลอดเวลา และจะให้เอ็มรู้ไม่ได้เป็นอันขาด ในยามที่เขาและเอ็มมีอะไรกันด้วยความเสน่หา เขาจะพยายามที่จะใช้เครื่องป้องกันแทบทุกครั้งด้วยความเป็นห่วงเอ็ม มันอาจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เพราะเขาอยู่ในอาชีพที่อยู่ในการเสี่ยงในการที่จะติดโรคร้ายแรงที่ไม่มีวันรักษาแบบนี้ หลายต่อหลายครั้ง ที่ทั้งคู่เสพสุขกันโดยไร้เครื่องป้องกัน โดยเอ็มจะเชื่อใจเขาเสมอ ว่า.. ปอนมีเพียงเอ็มเท่านั้น มิได้มีใครอื่นอีก แต่เพราะความมัวเมาในเพศรสกับเอ็มจนเกินห้ามใจ ทำให้.. บ่อยครั้ง ที่เขาละเลยในการใช้เครื่องป้องกันตามความตั้งใจเขาแต่แรกอยู่บ้าง จนเมื่อ.. พอเสร็จกิจ เขาก็มานึกกังวลในความปลอดภัยของเอ็ม ผู้ที่เรารักอย่างมากมาย แต่.. เขาก็พยายามปลุกปลอบใจ ว่ามันคงจะไม่มีอะไร? เขาพยายามคิดเช่นนั้นเพื่อให้เกิดความสบายใจ ซึ่งดูเหมือน.. มันจะเป็นการหลอกตัวเองไม่ให้เกิดความกังวล โดยที่เขาหารู้ไม่ว่า.. มันช่าง.. เป็นความประมาทเหลือเกิน..
.
.
.
.
ปอนนั่งรอผลตรวจเลือดด้วยความกระวนกระวายใจ จนถึงในวันนี้.. เขาตัดสินใจแล้ว ที่จะมาตรวจเลือด เพราะเขารู้สึกสังหรณ์ใจเหลือเกินว่า.. สิ่งผิดปกติหลายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขามาเป็นระยะเวลายาวนาน ความอ่อนล้าและเรี่ยวแรงที่ถดถอยลงทุกวัน มันอาจจะเป็นดังเช่นที่เขาคิด  เขาตกอยู่ในความเสี่ยงมาเป็นเระยะวลายาวนาน มันอาจจะเกิดขึ้นได้ แม้เขาจะรู้สึกหวาดวั่น และหวาดกลัว แต่.. เขาก็จำเป็นต้องรู้.. จำเป็นต้องรู้ แม้จะไม่อยากรู้เลยก็ตาม และนั่น.. ผลตรวจออกมาแล้ว และ.. ผลการตรวจเลือดของเขาก็แสดงผลออกมาว่า..
.
.
.
.
วันนี้.. เอ็มขอกลับก่อนเวลางาน เพราะตั้งแต่เช้าที่เริ่มทำงาน เขารู้สึกไม่สบายใจ และกระวนกระวายใจอย่างไรชอบกล ภายหลังจากที่เริ่มทำงานไปได้ไม่นาน เขาก็ตัดสินใจขอลากลับก่อน โดยจำต้องพูดปด โดยอ้างว่า.. เขารู้สึกไม่ค่อยสบาย จนเมื่อเขามาถึงที่พัก และเปิดประตูห้องเข้ามา เขาก็พบว่า.. ปอนกำลังเก็บของ เหมือนกำลังจะไปไหน? จริงอยู่ว่า.. นับแต่เอ็มมาอยู่ร่วมกับปอน บางครั้งปอนก็ไม่ค่อยกลับห้อง เขามักไปค้างอ้างแรมที่อื่นอยู่บ่อยครั้ง เขาถามทีไรปอนก็มักจะตอบว่า.. กลับไปบ้าน ไปค้างที่บ้าน เพื่อไปขอเงินมาใช้ ซึ่งเขาก็เชื่อเสมอ เพราะ.. เมื่อปอนกลับมาทุกครั้ง ปอนจะได้เงินมาจนเต็มกระเป๋า แต่.. ในวันนี้.. มันดูแปลกไป ปอนเก็บข้าวของส่วนตัวจนเต็มกระเป๋าเดินทาง จนดูราวกับว่า.. ปอนจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เขาเห็นดังนั้น.. จึงรีบเอ่ยถามออกไปในทันที..
“ ปอน.. นั่นปอนจะไปไหน? ”
ปอนมัวง่วนอยู่กับการจัดเก็บสิ่งของ จนไม่รู้สึกตัวเลยว่า เอ็มได้กลับมาแล้ว และลอบมองเขาอยู่เช่นนี้มาได้ครู่ใหญ่แล้ว เขาเหลือบตามองมาตามเสียงเอ่ยถามของเอ็มก็รู้สึกตกใจและระคนแปลกใจ
“ เอ็ม ทำไมวันนี้กลับมาเร็วจัง ทุกทีเอ็มกลับเย็นๆนี่นา ”
“ เราจะกลับเร็ว กลับช้าก็ช่างเถิด นายยังไม่ตอบเราเลย.. ว่านายจะไปไหน? นายเก็บของ จนดูเหมือนกับว่านายจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว นี่ปอนกำลังจะไปไหน? ”
“ เรา.. เรา.. เอ่อ.. เราจะไปสักพักหนึ่ง ช่วงนี้เอ็มอยู่คนเดียวไปก่อนนะ เราจะทิ้งเงินไว้ให้ก้อนหนึ่ง เอ็มคงจะพอใช้ไปได้สักระยะ เราจำเป็นต้องไปจริงๆ ขอโทษด้วยนะ ”
“ ไปไหน? จำเป็นขนาดไหนที่จะต้องไป บอกมาเดี๋ยวนี้นะ หรือว่า.. ปอนจะทิ้งเรา ปอนไม่รักเอ็มแล้วเหรอ? ”
“ ไม่.. ไม่ใช่ ปอนรักเอ็ม เอ็มเป็นคนเพียงคนเดียวที่ปอนรักที่สุด แต่.. เรา.. เราจำเป็นต้องไป เราไม่อยากให้.. ”
ปอนกล่าวได้เพียงแค่นั้น ก็ดึงเอ็มเข้ามากอด เขาสะอื้นร่ำไห้ซบอยู่กับอกของเอ็ม โดยไม่กล่าวอะไรอีก ดูเขาจะเศร้าโศกเสียใจเป็นที่สุด นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เอ็มรู้สึกงงงันเป็นอย่างยิ่ง คนที่ดูจะแกร่ง และเข้าใจชีวิตมากมายแบบปอน ทำไมในตอนนี้.. เขาจึงดูอ่อนแอ และดูเหมือนกับจะต้องการที่พึ่งมากมายขนาดนี้ จากรูปการณ์ที่เขาเห็น คนที่อารมณ์อ่อนไหวแบบเอ็มเริ่มรู้สึกสะเทือนใจตามไปด้วย น้ำตาเขาเริ่มปริ่มออกมา และเริ่มรู้สึกเศร้าตาม แม้ว่าเขาจะไม่รู้สาเหตุของความเศร้าของเอ็มเลยก็ตาม เขาขยับจะถาม.. ก็ดูเหมือนกับว่า.. ปอนจะไม่พร้อมที่จะตอบคำถามใดๆทั้งสิ้นในตอนนี้เลย..

********

*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(3) 19-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: High_Wizard ที่ 19-03-2009 17:32:41
 :o12: เขาเป็นแน่ๆเลย เป็นเอดส์อ่า






เป็นกำลังใจให้นะซี........แล้วมาต่ออีกนะเว้ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(3) 19-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 19-03-2009 18:32:46
 :a5:เฮ้ยยย





อย่าบอกนะว่าเป็น....

มาต่อด่วนซี มันค้างงง

ไม่อยากเดา กลัวถูก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(3) 19-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: mantdash ที่ 19-03-2009 23:40:55
อืมอ่านจากตอนนี้ก็สอดคล้องกับตอนเปิดเรื่องพอดี

เป็นเอดส์แล้วก็ติดต่อกัน

น่าสงสารเอ็มจริงๆ :m15:

รอดูว่าวินจะคิดอะไรยังไง อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(3) 19-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 20-03-2009 07:43:52
สงสารทั้งคู่เลย แล้ว ปอน จะบอก เอ็ม มั้ย ว่า กำลังป่วยอะ   :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(3) 19-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 20-03-2009 08:54:35
เอดส์ถามหา
ตอบคำถามที่ค้างคาใจไว้ตอนเริ่มต้นเรื่องได้แล้ว ว่าสองหนุ่มเป็นอะไร
ปอนตายก่อน แล้วเอ็มฆ่าตัวตายตามนั่นเอง

สไตล์การเขียนคงเส้นคงวาในความเป็นซีจริงๆ
ค้นพบแนวของตัวเองชัดเจนแล้วสิจ๊ะคุณน้อง
สมกับที่ทำการบ้านมามากมาย
บวก 1 ให้น้องซีนะจ๊ะ  :กอด1:

ปล ตอนนี้รีบพิมพ์หรือเปล่าเอ่ย มีผิดเล็กน้อย และชื่อตัวละครสลับกันอยู่บ้างจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(3) 19-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 20-03-2009 09:41:22
เห็นด้วยกับรีที่ผ่านๆ มา  :call: :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(3) 19-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 20-03-2009 18:49:25
มา  :กอด1: เป็นกำลังใจให้คุณซีนะคะ เนื้อเรื่องตอนนี้เข้มข้นมาก แม้จะเริ่มเดาออกแล้วว่าจะเป็นไปทางไหน
และสาเหตุที่ทำให้เอ็มต้องฆ่าตัวตาย แต่ตอนนี้ยังเป็นเพียงเบื้องหลังก่อนที่เอ็มจะมาเป็นวิญญาณ ตอนมีชีวิต
ก็น่าสงสาร แม้ตอนตายก็ยังทำให้เศร้าได้อีก เนื่อเรื่องบางตอนเหมือนในชีวิตจริง และบางตอนแม้จะเป็นเรื่องแต่ง
แต่ก็สัมพันธ์กันเป็นอย่างดี ถึงจะเศร้าแต่ก็ทำให้ทิ้งไม่ได้ ต้องคอยติดตามไปเรื่อย ๆ ขอบคุณคุณซีมากค่ะ
จะรอตอนต่อไปนะคะ  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(4) 20-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 20-03-2009 19:17:40
ขอขอบพระคุณ คอมเม้นจากคุณกอป High_Wizard, คอมเม้นจากพี่แนน nana lon€ly™,
คอมเม้นจากพี่ mantdash, คอมเม้นจากพี่ dahlia, คอมเม้นจากพี่ namtaan, คอมเม้นจากพี่ pickki_a,
คอมเม้นจากพี่ supranee อยากจะบอกพี่ supranee ว่า ผมขอโทษครับที่ทำให้เศร้ามาหลายตอนเลย แฮ่ๆ วันนี้ขอเศร้าอีกครั้งนะครับ ตอนต่อจากนี้.. ไม่มีเศร้าแล้ววว จริงๆน้า แหะๆ
ขอบคุณทุกคอมเม้นมากๆนะครับที่ให้กำลังใจนะครับผม^^

. . . .

ในตอนใหม่นี้.. คือบทสรุปเรื่องราวของพี่เอ็มเมื่อครั้งมีชีวิตครับ ในตอนนี้.. จะเฉลยทั้งหมดจากบทนำที่เกริ่นมาตั้งแต่ในตอนแรกนะครับ เรื่องราวชีวิตช่างดูเศร้ารันทดจริงๆ ที่แต่งออกมาแบบนี้ คือผมคิดว่า.. คนเราถ้าชีวิตไม่ถึงที่สุดของความเศร้า ก็คงไม่มีใครคิดฆ่าตัวตายหรอกนะครับ เพราะมันเป็นทางเลือกสุดท้ายที่รุนแรงมากครับ ในตอนต่อคราวหน้า ชีวินจะหาวิธีได้อย่างไร? ลองติดตามต่อไปนะครับผม วันนี้.. ติดตามตอนต่อกันได้เลยครับ

เรื่องราวของเอ็ม (4)

(http://img23.imageshack.us/img23/926/a013w.jpg)

ปอนสะอื้นร่ำไห้อยู่กับอกของเอ็มอยู่ครู่ใหญ่โดยไม่กล่าวสิ่งใดออกมาเลย จวบจน.. เขารู้สึกว่า.. ได้ปลดปล่อยความเศร้าโศกมาเพียงพอแล้ว เขาจึงกลั้นสะอื้นและยืนนิ่งทำใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น.. เขาจึงล้วงสิ่งของบางอย่างออกมาส่งให้เอ็ม ซึ่งมันเป็นซองจดหมายสีขาว แต่ค่อนข้างหนาจากสิ่งของที่บรรจุอยู่ภายใน พร้อมกับกล่าวกับเอ็มว่า..
“ ขอโทษนะเอ็ม ปอนคงต้องไปก่อน จริงๆแล้วเราอยากไปเงียบๆ เราไม่คิดว่า.. เอ็มจะกลับมาเร็ว ไม่ใช่ว่าเราอยากจะทอดทิ้งเอ็มหรอกนะ แต่เราจำเป็นจริงๆ ที่เราจะแอบไปเงียบๆแบบนี้ เพราะ.. เรา.. กลัวทำใจไม่ได้ เรารู้สึกว่า.. เราขาดเอ็มไม่ได้ แต่.. แต่.. เราจำเป็น ส่วนนี่.. เก็บเอาไว้ใช้นะ ไม่ต้องคิดอะไรมาก เราตั้งใจให้เอ็มจริงๆ ขอโทษนะ.. ปอนไปก่อนนะ ”
ปอนกล่าวจบพร้อมน้ำตาที่ไหลรินออกมาอีกครั้ง เขาพยายามตัดใจ แล้วฉวยกระเป๋าพร้อมกับกำลังจะก้าวเดินออกไป เอ็มได้ฟังคำพูดและเห็นท่าทีดังนั้น เขารีบคว้ากระเป๋าจากมือปอนแล้วเหวี่ยงออกไป เขาผลักอกปอนจนลงไปนั่งบนเตียง แล้วเขาก็รีบตรงไปกดล๊อคประตูแล้วยืนขวางไว้เช่นนั้น พร้อมกับกล่าวว่า..
“ ปอนจะไปไหนไม่ได้ จะจำเป็นแค่ไหนก็ไปไม่ได้ จนกว่า.. จะบอกเราก่อน ว่าเกิดอะไรขึ้น? แล้วนี่.. อะไร? ”
ปอนไม่กล่าวตอบว่ากระไร? เขาเอามือปิดหน้าและร่ำไห้ออกมาอย่างหนักด้วยความเศร้าสะเทือนใจ เอ็มเห็นดังนั้น เขาก็ยิ่งคลางแคลงใจ เขาแกะซองหนาที่ปอนมอบให้ออกดู แล้วเขาก็พบว่า.. มันคือ.. ธนบัตรจำนวนมากพอควร มันเป็นเงินที่ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว และภายในนั้น ยังมีกระดาษที่ดูจะเหมือนเป็นจดหมายที่ปอนเขียนถึงเขา เขาจึงคลี่ออกดู พร้อมกับอ่านเนื้อความในจดหมายนั้น ซึ่งมันมีใจความว่า..
. . . .
.
.
ถึงเอ็ม.. ผู้ที่ปอนรักอย่างสุดหัวใจ
เอ็ม.. ปอนต้องขอโทษ ที่ปอนจำต้องจากเอ็มไปเงียบๆแบบนี้ แม้จะรู้สึกว่า.. ไม่อยากทำเช่นนี้เลย เพราะปอนรู้จิตใจของตัวเองดี ว่า.. ในชีวิตนี้.. ปอนขาดเอ็มไม่ได้ แต่.. ปอนก็ต้องไป เพราะ.. ปอนกำลังจะตาย ปอนเป็นโรคร้ายที่เข้าสู่ระดับ 3 แล้ว มันไม่มีทางเยียวยา ปอนกำลังจะตายอย่างทุกข์ทรมาน ปอนไม่อยากให้เอ็มเห็นสภาพนั้นของปอนที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ปอนคงทนไม่ได้ อีกทั้ง.. กว่าที่ปอนจะสิ้นลม มันจะเป็นภาระที่หนักหน่วง ถ่วงเอ็มมากขึ้นไปอีก เพราะเมื่อถึงเวลานั้น ปอนคงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อีกแล้ว.. เอ็มอาจจะสงสัย ว่าปอนไปติดโรคร้ายมากจากไหน? ใช่.. มันเป็นเช่นที่เอ็มคิด ปอนมั่วส่ำส่อนกับคนไม่เลือกหน้า ปอนเลว ปอนยอมรับ แต่ที่ปอนทำ ไม่ใช่เพราะปอนกระหายรักจนเติมไม่เต็มหรอกนะ ปอนทำเพื่อเงิน ปอนอยากได้เงินเยอะๆ ปอนอยากให้เอ็มสบาย ปอนอยากมีเงินมากๆเพื่อดูแลเอ็มได้เต็มที่ จริงอยู่ว่า.. ปอนทำแบบนี้มานานแล้วก่อนที่เอ็มจะมาอยู่กับปอนเสียอีก แต่ปอนก็ทำเพื่อความอยู่รอดของปอนนะ ปอนต้องดูแลช่วยเหลือตัวเอง งานแบบนี้คืองานง่ายๆ สบายๆ ได้ค่าตอบแทนเยอะ ปอนคิดแบบคนสิ้นคิดแบบนี้แหละ คนอย่างปอนก็ระยำเหลวแหลกแบบนี้ แต่.. ปอนก็รักเอ็มจริงๆนะ เอ็มคือคนที่ใช่ของปอน คือคนที่ปอนรักมากที่สุด รักมากกว่าตัวของปอนเสียอีก มันเป็นความรู้สึกจริงๆที่ปอนมีให้เอ็มตลอดมา ปอนไม่รู้ตัวจริงๆว่าติดโรคร้ายมาตั้งแต่ตอนไหน? มันอาจจะเป็นมานานแล้ว เพราะจนถึงในวันนี้ มันเข้าสู่ระยะอันตรายแล้ว ปอนจึงอยากให้เอ็มไปตรวจเลือด เอ็มอาจจะติดโรคร้ายจากปอนไปแล้ว หลายครั้งที่เรามีอะไรกัน ปอนอยากป้องกันทุกครั้ง เพราะปอนเป็นห่วง มันเสี่ยง แต่.. ปอนก็ยังละเลย ปอนเลวจริงๆ ขอโทษนะเอ็ม ปอนรู้.. ว่ามันเป็นสิ่งที่เกินกว่าจะยกโทษให้ได้ แต่ปอนไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ไปตรวจเลือดเสียเถิดนะ อย่างน้อยๆจะได้รู้และจะได้ดูแลตัวเองให้อยู่ไปได้อีกยาวนาน เอ็มอาจจะยังไม่ถึงขั้นร้ายแรงแบบปอน ปอนจำต้องจากไปแบบนี้ แม้ไม่อยากทำ ก็ต้องทำ เพราะปอนเป็นห่วงเอ็ม ไม่อยากให้เอ็มต้องเป็นภาระ เอ็มจะได้มีเวลาดูแลตัวเองมากๆ เงินจำนวนนี้ เป็นเงินทั้งหมดที่ปอนหาได้จาการขายความใคร่ครั้งสุดท้าย ปอนขอมอบให้เอ็มทั้งหมด เอาไว้ใช้จ่ายและบำรุงรักษาตัวเอง มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่ปอนอยากจะให้เอ็ม ลาก่อนนะเอ็ม ไม่ต้องตามหาปอน เอาเวลานั้นดูแลตัวเองให้ดี เอ็มจะอยู่ในความทรงจำที่ดีของปอนตลอดไป
รักเสมอ.. และรักอย่างสุดหัวใจ
ปอน

.
.
. . . .
เอ็มอ่านเนื้อความในจดหมายจบลงด้วยความเศร้าสะเทือนใจอย่างที่สุด ความรู้สึกเขาที่เกิดขึ้นเมื่อรับรู้ความจริงเช่นนี้ มันคือ.. การรับรู้ถึงการเสียสละอันยิ่งใหญ่ ปอนคนนี้ คนคนนี้ รักเขามากขนาดนี้เชียวหรือ? ถึงแม้.. เขาจะต้องติดโรคร้าย ถึงแม้เขาจะต้องตาย แต่.. การได้เกิดมาในชีวิตหนึ่ง แล้วมีชายคนนี้ คนที่รักเขาอย่างสุดหัวใจขนาดนี้ ชีวิตนี้เขายังจะต้องการอะไรอีก? เขาเอ่ยกระแทกเสียงใส่ปอนด้วยอารมณ์ที่เกินจะบรรยายได้ในขณะนั้นด้วยน้ำตาที่เนืองนองเต็มใบหน้า ใช่.. มันคือความโกรธ ความโกรธที่เกิดจากปอนที่จะแอบหนีเขาไปตายเงียบๆเพียงคนเดียวด้วยความเป็นห่วงเขา มันมิใช่ความโกรธที่เขาจะต้องติดโรคร้ายจากปอนเลย เขารู้ดีว่า.. ปอนไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเช่นนั้นแน่นอน..
“ ปอน ทำไม? ทำไมปอนเป็นคนแบบนี้ ทำไม? ”
“ เอ็ม ปอนขอโทษ ปอนไม่ได้ตั้งใจ ปอน ปอน.. ”
“ หยุด ไม่ต้องพูด.. ไม่ต้องพูดอะไรอีก ”
กล่าวจบ เอ็มก็โผเข้ากอดปอนแน่น แล้วทั้งคู่ต่างก็สะอี้นร่ำไห้อย่างหนัก เอ็มเอามือเกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าพร้อมก็เอ่ยกับปอนด้วยเสียงสะอื้นและน้ำตาที่เนืองนองกลบตาจนพร่าเลือนว่า..
“ ปอน.. ทำไมปอนเป็นคนแบบนี้ ทำไม? ปอนจึงดูถูกน้ำใจของเราแบบนี้ คิดเหรอว่า.. การทำแบบนี้ จะเป็นสิ่งทีดีที่สุดสำหรับเรา ปอนจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ปอนต้องอยู่ที่นี่ ถ้าจะต้องตาย ก็ต้องตายด้วยกันที่นี่ สัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าเราจะไม่ทอดทิ้งกัน ”
“ แต่.. แต่ปอนเลว ปอนทำให้เอ็มต้องมาติดโรคร้าย ปอนไม่ซื่อสัตย์ ปอนมั่วสำส่อน ปอนไม่คู่ควรกับเอ็มเลย ปอน.. ปอน ”
“ แล้วไง? ติดโรคร้ายแล้วไง ถ้ามันจะเกิดขึ้น มันก็ต้องเกิด มันคงห้ามไม่ได้ ถึงอย่างไร สิ่งที่ปอนทำ มันช่างเป็นการเสียสละ และมีคุณค่ากับเราที่สุด แล้วนี่.. ปอนเห็นเราเป็นอะไร? ปอนไม่รู้จิตใจเอ็มหรอกเหรอว่า.. เอ็มรักปอนขนาดไหน? ปอนยังจะทิ้งเราหนีหายไปอีก รู้ไหมถ้าเราไม่สังหรณ์ใจ และไม่กลับมาเร็ว จนถึงเวลานั้น.. เราคงจะไม่ได้พบปอนอีกแล้ว มันจะทำให้.. เราจะรู้สึกทรมานใจขนาดไหน? ทำไมปอนถึงใจร้ายกับเราขนาดนี้ ”
“ เอ็ม.. เอ็มไม่โกรธปอนเหรอ? ที่ปอนทำให้เอ็มต้อง.. ”
“ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว อย่าหนีเราไปไหนอีก เราต้องอยู่ด้วยกันแบบนี้ห้ามหนีเราไปนะ ไม่เช่นนั้น.. เอ็มจะไม่ให้อภัยปอนอีกเลย เอ็มรักปอนมากนะ เอ็มจะดูแลปอนเอง จะอยู่เคียงข้างแบบนี้ ถ้าปอนจะต้องตาย เราก็จะตามปอนไป เราไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ขอแค่.. เรามีปอน เราก็พอใจแล้ว เข้าใจไหม? ”
“ เอ็ม.. เอ็ม.. ทำไมเอ็มช่าง.. ”
ทั้งคู่.. มิอาจกล่าวสิ่งใดออกมาได้อีก แม้จะอยู่ในอารมณ์โศกเศร้าขนาดไหน แต่.. ในความเศร้านั้น.. มันแฝงด้วยความอิ่มใจ อิ่มเอิบตื้นตันในความรัก ความเข้าใจกัน ที่มีให้แก่กันและกันด้วยความจริงใจ ทั้งสองสะอื้นร่ำไห้อยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน ต่างช่วยซับน้ำตาให้กันและกัน และเอ็มก็ตั้งใจว่า.. เขาจะอยู่เคียงปอนเช่นนี้ ไม่ทิ้งห่างหนีหายไปไหน ตราบจน.. เวลาในวาระสุดท้ายของปอนจะหมดลง..
.
.
.
.
เวลาได้ผ่านไปเนิ่นนานแล้ว.. 

ภายหลังจากที่ปอนต้องอยู่ในความทุกข์ทรมานจากโรคร้าย ที่กัดกร่อนซากร่างที่ไม่หลงเหลือเค้าความงดงามสมบูรณ์เมื่อครั้งอดีตที่ดูสดใสในวัยอ่อนเยาว์มาเป็นเวลายาวนาน ลมหายใจเขาก็หยุดลง พร้อมกับดวงตาที่เบิกโพลง เขาจากไปพร้อมกับความห่วงกังวลใจที่มีให้กับชายคนรัก ชายคนนี้.. ที่อยู่กับเขา ตราบจนวาระสุดท้าย เอ็มเอามือปิดเปลือกตาที่เบิกโพลงของชายคนรักที่จากไป แม้เขาจะเศร้าสะเทือนใจขนาดไหน? แต่.. น้ำตาก็ไม่ไหลอีกแล้ว น้ำตาเขาเหือดแห้งไปแล้ว พร้อมๆกับลมหายใจของปอนซึ่งเป็นคนที่เขารักได้หยุดลง เขาไม่เหลือใครอีกแล้ว ไม่มีอีกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่าง.. มันจบลงหมดแล้ว แล้วนี่เขาจะอยู่เพื่ออะไร? เขาก็นั่งจมอยู่กับความคิดตัวเองเงียบๆเช่นนั้นเนิ่นนานด้วยความทุกข์ทรมานและกังวล แล้ว.. เขาก็เหลือบมองไปซากร่างที่กำลังซีดเซียวหมองคล้ำและกำลังแข็งทื่อไร้ชีวิตนั้นอีกครั้ง มองนิ่งๆอยู่เข่นนั้นครู่หนึ่ง หลังจากนั้น.. เขาก็หันไปหยิบของบางอย่างมาเสพ เสพเพื่อให้ลืมความกลัดกลุ้ม ความทุกข์ใจ ความสะเทือนใจ และทำให้เขากล้าที่จะทำอะไรบางอย่าง เมื่อเขาเสพจนรู้สึกมึนเมา เคลิบเคลิ้ม จมดิ่งอยู่ในห้วงลึกแห่งอารมณ์ สติเขาดูเหมือนจะกำลังจะเลื่อนลอย แต่.. ใจเขากลับฮึกเหิมมากขึ้น เขาหันไปหยิบของบางอย่างที่บางเฉียบและคมกริบ กดลงและปาดตรงบริเวณเส้นเลือดตรงข้อมือ นั่นคือสิ่งที่เขากำลังทำ และนั่น.. เป็นสิ่งที่เขาได้ตัดสินใจแล้ว.. ตัดสินใจที่จะทำเช่นนั้น..
.
.
.
.
เอ็มสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวคละคลุ้ง และโลหิตแดงฉานที่ไหลเนืองนอง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขานึกประหวั่นแต่อย่างใดแม้จะรู้สึกเจ็บแปลบปลาบบริเวณบาดแผลที่ลึกและกว้างนั้นก็ตาม โลหิตเขาไหลรินออกมามากมายเหลือเกิน มันทำให้เขาเริ่มรู้สึกอ่อนแรงลงทุกที สติก็เริ่มพร่าเลือนลง แต่ในความรู้สึกนั้น.. มันกลับทำให้เขารู้สึกปลดปล่อย อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่เสพ หรือว่า.. เขารู้สึกปลดปล่อยเช่นนั้นจริงๆตามความรู้สึกก็เป็นได้กระมัง? มันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆหรือเปล่า? เขาก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ เขานั่งมองบาดแผลจากฝีมือตัวเองที่บริเวณข้อมือด้วยดวงตาที่เย็นชา แต่แฝงไปด้วย.. ความสา สะใจ แล้วเขาก็เอ่ยพูดพึมพำกับตัวเองเบาๆเหมือนคนละเมอ เขาเอ่ยพร่ำเพ้อซ้ำซาก ถึงเรื่องราวของชีวิตและความรักอันแสนรันทดของเขาอยู่เช่นนั้น จวบจน.. เขาเริ่มอ่อนแรงลงทุกที จนในที่สุด.. ลมหายใจเขาก็ได้หยุดลง ดวงวิญาณของเขาได้หลุดลอยออกจากร่าง และล่องลอยขึ้นไป ล่องลอยตามหาชายคนรักที่เพิ่งจากไปก่อนหน้าเขาไม่นาน แต่.. เขาก็มิอาจได้พบ คงได้แต่.. ล่องลอยอย่างเดียวดายเหงาหงอย เดียวดายอยู่เช่นนั้น.. มาเป็นเวลาเนิ่นนาน..
.
.
.
.
. . . .
ภาพในนิมิตจบลงเพียงแค่นั้น.. ชีวินลืมตาขึ้นและเหลือบมองดวงหน้าเศร้าสร้อยของพี่เอ็มด้วยความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ น้ำตาของเขาไหลรินอาบแก้มอย่างสุดที่จะอดกลั้นได้ เขานึกในใจว่า.. เรื่องราวชีวิตของพี่เอ็มมันเจ็บปวดเศร้าสร้อยขนาดนี้เลยหรือ? แต่กระนั้น.. ในความเจ็บปวดนั้น เรื่องราวความรักของชายคนรักกับพี่เอ็มเมื่อครั้งมีชีวิต มันช่างสวยงามอะไรเช่นนี้ ความจริงใจที่มีให้แด่กัน มันทำให้เขารู้สึกสุดในอารมณ์ แม้ว่า.. เรื่องราวความรักจะจบลงอย่างเป็นโศกนาฏกรรม แต่.. ในโศกนาฏกรรมนั้น มันช่างสวยงามเหลือเกิน รักกันขนาดนี้ จริงใจให้กันขนาดนี้ เสียสละให้กันขนาดนี้ มันเป็นความรักที่ยากที่จะมีใครสอดแทรกได้อีกเลย เขาโผเข้ากอดพี่เอ็มด้วยน้ำตานองหน้าอันมาจากความรู้สึกสงสารและเห็นใจอย่างสุดที่จะบรรยาย เขาสะอื้นร่ำไห้จนตัวสั่นเทิ้มอย่างสุดที่จะอดกลั้น เอ็มค่อยๆเชยคางชีวินขึ้นสบตาพร้อมค่อยๆเอานิ้วเกลี่ยซับน้ำตาบนใบหน้าให้ชีวิน พร้อมกับเอ่ยว่า..
“ พี่ขอโทษนะวิน ที่เรื่องราวชีวิตของพี่ต้องทำให้วินเศร้าใจขนาดนี้ ”
“ พี่ครับ ผมสงสารพี่ หลังจากนั้นมา.. พี่คงจะทุกข์ทรมานเพราะความเหงาและเดียวดายตลอดมา ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่แล้ว เข้าใจแล้ว แล้วนี่.. พี่ปอนเขาไปอยู่ที่ไหน? ทำไมพี่จึงไม่พบเขา? ”
“ ปอนตายเพราะหมดอายุขัยตามชะตาลิขิต เขาจึงได้ไปอยู่ในโลกวิญญาณ ส่วนพี่.. ตายเพราะ ทำให้ตัวเองตายก่อนเวลาอันควร ประตูมิติแห่งโลกวิญญาณยังบรรจบมาไม่ถึง พี่จึงไม่สามรถไปสู่โลกแห่งวิญญาณได้ คงค้างอยู่ที่มิติเร้นอยู่เช่นนี้ จนกว่า.. จะถึงเวลาครบอายุขัยของพี่ที่ชะตาได้กำหนดไว้แล้ว เมื่อนั้น.. ประตูแห่งโลกวิญญาณจึงจะมาปรากฏ พี่จึงจะสามารถไปที่แห่งนั้นได้ ”
“ นั่นหมายความว่า.. พี่อาจจะได้พบพี่ปอนด้วยใช่ไหม? ”
“ พี่ไม่รู้นะวิน ความเป็นไปในโลกแห่งวิญญาณ เป็นสถานที่ที่พี่มิอาจรับรู้ได้ มันอยู่ห่างเกินไป ระยะเวลาการสิ้นอายุขัยของพี่ที่ทำให้คลาดเคลื่อนไม่เป็นไปตามกำหนด มันทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปหมด อาจจะได้พบ หรืออาจจะไม่ได้พบอีกเลยก็ได้ พี่ไม่รู้จริงๆนะวิน ”
เอ็มกล่าวออกไปเช่นนั้นด้วยว่า.. เขาไม่รู้จริงๆ แต่.. คำตอบจากมิติเร้นที่ได้ไขข้อข้องใจของเขา ทำให้เขารับรู้ได้ว่า.. ชีวินจะเป็นผู้นำพาให้เขาได้พบ แต่.. จะด้วยวิธีไหน? เขาก็ไม่รู้คำตอบ และ เขาก็มิอาจกล่าวนำขอความช่วยเหลือจากชีวินตรงนี้ได้ด้วยเช่นกัน คำตอบจากมิติเร้นมีให้เขาเพียงแค่นั้น เขาจึงได้แต่คิดว่า.. คงจะต้องแล้วแต่บุญแต่กรรมแล้วกัน เพราะเขาไม่รู้จะทำเช่นไร แม้ว่า.. ในใจเขานั้น.. อยากจะพบกับปอนสักเพียงไหนก็ตาม..
“ แล้วอีกนานไหม? ที่จะถึงวาระครบอายุขัยของพี่ ”
“ อีกไม่นานนี้แล้วละวิน เวลาในมิติเร้นของพี่ใกล้จะหมดลงแล้ว ใกล้เวลาเต็มที ที่เราจะต้องจากกันแล้ว ”
เอ็มเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูจะเศร้าอาลัยไม่น้อยเลย เขารู้สึกรักและผูกพันกับน้องชายคนนี้มากเหลือเกิน ชีวินได้ฟัง เช่นนั้นก็รู้สึกเศร้าอาลัยไม่น้อยเช่นกัน เขาก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว การที่เขาได้รับรู้ว่าอีกไม่นาน.. ก็คงถึงเวลาที่เขาและพี่เอ็มคงต้องจากกันทำให้เขาร็สึกเศร้าสะเทือนใจด้วยความอาลัยในความผูกพันที่เขามีให้แด่พี่เอ็มเหลือเกิน แต่.. จะทำกระไรได้? ทุกสิ่งเมื่อมีเริ่ม ก็ต้องมีจบ มีพบ ก็ต้องมีจาก มันเป็นสัจธรรม เขาคงต้องยอมรับความจริง แต่.. การจากกันนั้นจะทำให้พี่เอ็มได้พบกับพี่ปอนมันเป็นเรื่องที่น่ายินดี มิใช่หรือ? พี่เอ็มจะได้หลุดพ้นจากบ่วงความทุกข์ทรมานเพราะความเดียวดายเสียที แต่.. ไม่สิ มันไม่ใช่ ในส่วนลึกของจิตใจ เขากลับสังหรณ์ใจบางอย่าง พี่เอ็มจะไม่มีวันได้พบกับพี่ปอนอีกเลย ไม่มีทางได้พบแน่ๆตลอดกาล เขาสังหรณ์ใจเช่นนั้น เขาต้องหาวิธีช่วย มีเพียงเขาเท่านั้นที่ทำได้ เขารู้สึกเช่นนั้น น่าแปลกที่ความรู้สึกนั้นแวบมาในความคิด ชีวินไม่กล่าวตอบว่ากระไรอีก เขากลับกอดเอ็มแน่นและซุกใบหน้ากับแผงอกอุ่นๆนั้น ราวกับกลัวว่า.. เอ็มจะหลุดลอยหายไป ระหว่างนั้น เขาก็พลางตั้งปณิทานในใจว่า.. เขาต้องทำให้ได้ เขาต้องทำให้พี่เอ็มได้พบพี่ปอนให้ได้ ความรักของพี่เอ็มและพี่ปอนที่สวยงามและจริงใจให้กันขนาดนั้น เขาจะต้องเป็นผู้ดึงกลับมาให้พบกันอีกครั้งให้ได้ก่อนที่เวลาของเขาและพี่เอ็มจะหมดลง เขาจะต้องทุ่มเทขนาดไหน เขาก็จะทำ แม้ในเวลานี้.. เขาจะยังไม่รู้คำตอบเลยว่า.. จะต้องทำเช่นไรก็ตาม แต่เขาก็คงยังตั้งใจอย่างแน่วแน่เช่นนั้น เอ็มอ่านความคิดของชีวินแล้วก็รู้สึกตื้นตันใจเหลือเกิน ชีวินข่างเป็นเด็กที่มีจิตใจประเสริฐอะไรเช่นนี้ ช่างมีดวงจิตที่บริสุทธ์และเต็มเปี่ยมไปด้วยการให้.. ถึงเพียงนี้ เขาโอบกอดชีวินแน่นขึ้น เอามือลูบไล้เส้นผมที่อ่อนสลวยของชีวินอย่างอ่อนโยนด้วยความรู้สึกรักและเอ็นดูชีวิน น้องชายคนนี้อย่างสุดหัวใจ เป็นความรักที่ส่งตรงมาจากจิตใจ โดยที่มิได้เคลือบแฝงและหวังผลสิ่งใดเลย..

********

*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(4) 20-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: High_Wizard ที่ 20-03-2009 20:34:35
เฮ้อ.....เศร้า ตอนปอนตายสะเทือนอ่ะ

แล้วชีวินจะช่วยพี่เอ็มยังไงนะ





เป็นกำลังใจให้นะซี..........แล้วมาต่ออีกนะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(4) 20-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 20-03-2009 22:57:10
เรื่องราวของเอ็มมันช่างรันทดเหลือเกิน

วินจะช่วยอะไรพี่เอ็มได้บ้าง :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(4) 20-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 21-03-2009 07:50:26
ความรักของเอ็มกับปอนช่างลึกซึ้ง มั่นคงจริงๆ

เมื่ออ่านถึงตอนที่เอ็มฆ่าตัวตายตามปอนแล้ว นึกไปถึงครั้งที่เอ็มทะเลาะกับแม่
สััมพันธภาพของคนในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ
เอ็มเป็นตัวแทนของเด็กหนุ่มที่ถูกละเลยจากครอบครัวที่มีเพียงสายใยจากผู้เป็นแม่เท่านั้น
แต่ว่าสายใยนี้ก็บางลงจนขาดสะบั้นไปในที่สุด แม้ว่าแม่ของเขาจะคิดได้แต่ก็สายเกินไปแล้ว
ในขณะที่เอ็มกลับทักถอสายใยเส้นใหม่กับปอนและผูกมันจนเหนียวแน่น
แม้จนวาระสุดท้ายของชีวิต
เขาก็เลือกที่จะทิ้งโลกที่แสนโหดร้ายสำหรับเขาตามชายคนรักไป

ในส่วนของปอนเอง ปอนก็คือเด็กที่ขาดผู้ใหญ่ ผู้ปกครองดูแล
ต้องดิ้นรนต่อสู้หาเลี้ยงตัวเองด้วยหนทางที่สบาย หาเงินง่าย แต่อันตรายเหลือเกิน

ทั้งสองเป็นภาพตัวอย่างของเด็กวัยรุ่นที่ขาดความอบอุ่นจากสถาบันครอบครัว
ซึ่งต่างจากชีวินโดยสิ้นเชิง ที่เป็นตัวแทนของเด็กหนุ่มจากครอบครัวที่อบอุ่น
เด็กหนุ่มที่มีน้ำใจ จิตใจดีงาม และอ่อนโยน

น้องซีเก่งมากๆ ที่นำภาพที่แตกต่างของเด็กหนุ่มทั้งสามมารวมกันไว้ได้อย่างกลมกลืน
ให้มันมีเหตุและผลที่จะต้องนำพวกเขามาพบกัน
เพราะในที่สุดชีวิน ผู้มาจากครอบครัวที่สมบูรณ์ก็จะได้เป็นผู้ที่ปลดปล่อยความทุกข์จากเอ็มผู้น่าสงสารต่อไป

รอลุ้นตอนต่อไปนะจ๊ะ รอกดบวกเพิ่มให้น้องซีนะจ๊ะ เก่งมากๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(4) 20-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 21-03-2009 13:05:36
ตามเข้ามาด้วยใจจดจ่อ แม้จะรู้ว่าเรื่องจะดำเนินไปอย่างไร ก็ต้องตามจนได้คำตอบแห่งช่วงสุดท้ายในชีวิตของเอ็ม
ตอนมีชิวิตแม้เอ็มจะได้รับความทุกข์มาตลอด แต่อย่างน้อยยังได้รับความรักและความจริงใจจากปอน ซึ่งน่าจะหาได้
ยากในชีวิตจริง แค่นั้นก็ถือว่าเป็นความสุขที่สุดได้แล้ว แม้กระทั่งตายแล้วมาอยู่ในมิติเร้น ก็ยังได้รับการทดแทนความรัก
จากแม่ ถึงแม้จะสายไปบ้างก็ตาม และยังได้รับความรักและความรู้สึกที่ดีจากชีวิน คนมีชีวิตบางคนอาจรู้สึกอิจฉาเอ็มได้
เลยนะเนี่ย จะรอตอนต่อไปนะคะ  แม้จะเข้ามาโหวต + คะแนนให้น้องซีไม่ได้ แต่ :กอด1: มัดจำเป็นกำลังใจให้น้องซี
ไว้ก่อนแล้วกัน  :pig4:
ลป. ชอบคอมเมนต์ของคุณน้ำตาลจริง ๆ วิเคราะห์ได้ลึกซึ้งตลอดเรื่องเลย ชอบมาก ๆ ค่ะ ขอบคุณ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(4) 20-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 21-03-2009 13:42:25
เวลาของเอ็มใกล้จะหมดแล้ว

แล้วเอ็มจะได้เจอกับปอนรึป่าว

รอลุ้นอยู่นะจ้ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(4) 20-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 21-03-2009 15:02:59
แล้วชีวินจะทำไงอ่ะ ไม่เห็นหนทางเลยอ่ะ
เดาไม่ออก  :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(4) 20-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 21-03-2009 23:12:19
 o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(4) 20-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 21-03-2009 23:14:53
แอร๊ยยยยยยย อยากให้ชีวินคู่กับเอ็ม อยากให้ปอนก็คู่กับเอ็มด้วย อ่า  :sad4:

เพราะฉะนั้นอยากให้ปอนคือชีวิน อะ  โลภจริงๆๆ เลย  :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (ตอน.. เรื่องราวของเอ็ม(4) 20-03-2009)
เริ่มหัวข้อโดย: mantdash ที่ 22-03-2009 16:10:38
วินจะทำยังไงนะ หรือว่าจะเรียกผีปอนมาเข้าทรง เหอๆ

รู้สึกจะออกทะเลไปหน่อย  o18
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 23-03-2009 03:30:57
ขอขอบคุณคอมเม้นจาก กอป, พี่patee, พี่nOn†ღ, พี่pickki_a, พี่dahlia, พี่mantdash

และขอขอบคุณเป็นพิเศษจากพี่น้ำตาล และพี่supranee มากๆนะครับ..

ทุกคอมเม้น เป็นกำลังใจให้ผมอย่างยิ่งเลยครับ

. . . .

และนี่.. คือ 4 ตอนสุดท้ายของนิยายเรื่องนี้ นิยายที่ผมตั้งใจทำด้วยความปราณีตบรรจงมากๆ ตั้งใจค้นคว้าหาข้อมูลมาประกอบการเขียนอย่างมากมาย และเป็นการรวม 5 เรื่องสั้นที่ผมเคยเขียนไว้ มาผูกเป็นเรื่องให้ผสมผสานกันจน.. เป็นนิยายเรื่องนี้ นี่คือการทดลองทำในสิ่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อนเลย หวังใจว่า.. นิยายเรื่องนี้.. คงพอจะให้ความบันเทิงและให้ข้อคิดบ้างนะครับ ติดตามบทสรุปจาก 4 ตอนสุดท้ายของนิยายเรื่องนี้ได้เลยครับผม

หนทาง (1)

(http://img410.imageshack.us/img410/8996/a016.jpg)

“ จะทำไงดีนะ? ทำไมถึงคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก? ”
ชีวินเอ่ยพึมพำกับตัวเองด้วยความรู้สึกอึดอัด กลัดกลุ้ม และเคร่งเครียด หลายวันที่ผ่านมา นับแต่. วันที่ชีวินได้รับรู้เรื่องราวของพี่เอ็มจากภาพนิมิต เขาก็พยายามคิดหาหนทางเพื่อช่วยเหลือพี่เอ็มและพี่ปอนให้ได้พบกันมาโดยตลอด หลายต่อหลายครั้งที่ชีวินส่งกะแสจิตเพื่อขอปรึกษาพี่เอ็มในเรื่องนี้ ก็ดูจะไม่ได้รับรู้คำตอบใดๆเลย เอ็มได้แต่เงียบงัน นิ่งเฉยอย่างน่าแปลกใจ เขาไม่เข้าใจเลยเหมือนกันว่า.. ก็.. พี่เอ็มดูจะอยากพบพี่ปอนมากนี่นา แต่.. ทำไม? พี่เอ็มกลับวางเฉยในเรื่องนี้? จะอย่างไรก็แล้วแต่.. เขาต้องหาหนทางให้ได้ เขาจะต้องทำให้ได้ เวลาคงจะเหลืออีกไม่มากแล้ว..

ทางฝ่ายเอ็ม เอ็มก็ได้แต่ล่องลอยอยู่เคียงใกล้ชีวิน และลอบมองชีวินอยู่เงียบๆเช่นนั้นโดยมิได้ส่งกระแสจิตพูดคุยกับชีวินเลย แม้ว่า.. เขาจะอยากทำเป็นที่สุดก็ตาม เขารู้สึกว่า.. มันอาจจะเป็นการไปรบกวนชีวิตที่กำลังครุ่นคิดหาหนทางที่จะช่วยเหลือเขา ดูชีวินจะคร่ำเคร่งและตั้งใจมากจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ยามที่ชีวินมีเวลาเป็นส่วนตัว เขาและชีวินมักคลอเคลียแ ละพูดคุยกันด้วยความรักความเข้าใจกันเสมอ แต่.. ในระยะหลังมานี้.. เขาและชีวินแทบมิได้ปฏิบัติต่อกันเช่นนั้นอีกเลย ชีวินเอาแต่เงียบและจมอยู่กับความคิดเพียงลำพัง จะมีบ้าง.. ที่ชีวินพยายามที่จะปรึกษาเขา แต่.. เขาจะเอ่ยพูดเรื่องนี้ได้อย่างไร? มันผิดลิขิต และเขาก็มิอาจรู้หนทางเช่นกัน เอ็มรับรู้ถึงความรู้สึกอึดอัดของชีวินได้ดี เขารู้สึกเป็นห่วงชีวินมากเหลือเกิน เพียงแค่.. เขาได้รับรู้ถึงความตั้งใจจริงของชีวินเช่นนี้ เขาก็รู้สึกตื้นตันอย่างที่สุดแล้ว จนในที่สุด.. เขาก็ทนที่จะต้องเห็นชีวินต้องจมอยู่ในความทุกข์เพื่อหาหนทางช่วยเขาไม่ได้อีกต่อไป เขาจึงส่งกระแสจิตไปหาชีวิน เอ่ยบอกความนัย และความรู้สึกจริงๆของเขาให้ชีวินได้รับรู้ในทันที..
“ วิน พี่ขอโทษที่ต้องมารบกวนวินในตอนนี้ แต่.. ขอเวลาให้พี่ได้พูดอะไรครู่หนึ่งเถิด พี่อยากบอกวินว่า.. วินไม่ต้องคร่ำเคร่งจนหมดความสุขแบบนี้อีกเลยได้ไหม? พี่ไม่อยากเห็นวินเป็นแบบนี้ พี่ไม่สบายใจเลย พี่เป็นห่วงวินนะ ช่างมันเถิดนะวิน เรื่องราวของพี่ ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามกระแสกรรมของพี่เองเถิด ถึงแม้พี่จะอยากพบปอนมากมายก็ตาม แต่.. พี่ก็ไม่นำพาตรงนี้อีกแล้ว ที่ผ่านมา.. ที่วินดีต่อพี่.. มันก็เป็นสิ่งที่เกินกว่าที่พี่จะตอบแทนวินได้อีกแล้ว แค่.. วินมีความรู้สึกอยากช่วยพี่ แค่นี้.. พี่ก็ตื้นตันเป็นที่สุดแล้วนะ วิน.. พี่รักวินนะ พี่อยากให้วินมีความสุข มีชีวิตที่สดใสตามวัย อย่ามัวมาจมกับความทุกข์ ความอึดอัดใจแบบนี้อีกเลยนะวิน ”
ชีวินรับรู้กระแสจิตจากเอ็มที่ส่งมาพูดคุยกับเขา เขาเข้าใจดีว่า.. พี่เอ็มคงเป็นห่วงและดูจะเกรงใจเขา แต่.. ในเมื่อมันเป็นความตั้งใจจริงที่เขาต้องการจะทำให้ได้ เขาจึงส่งกระแสจิตตอบกลับไปที่พี่เอ็มจากความรู้สึกที่มาจากใจจริงของเขา
“ พี่เอ็ม ผมรักพี่ ขอให้ผมได้หาหนทางช่วยพี่เถิดนะครับ เวลาของเราใกล้หมดลงเต็มที นี่คือความตั้งใจสุดท้ายที่ผมอยากทำให้พี่ ผมอยากให้.. ความรักอันสวยงามของพี่และพี่ปอนได้กลับมาบรรจบพบกันอีกครั้ง ถ้าเป็นเช่นนั้นได้ มันจะทำให้ผมสุขใจเป็นที่สุด ชีวิตของพี่จมอยู่ในความทุกข์ทรมานในความเดียวดายมานานพอแล้ว พี่ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกนะครับ  ถ้าผมจะต้องอยู่ในความอึดอัดเพื่อช่วยเหลือพี่ ผมก็ยินดี ยังไงเสีย.. ผมต้องหาหนทางจนได้ ผมต้องทำให้ได้ครับ ”
เอ็มรับรู้เช่นนั้นก็มิอาจกล่าวอะไรได้อีก ความมุ่งมั่นของชีวินช่างแรงกล้าเสียเหลือเกิน คนที่จิตใจดีแบบนี้ คนที่มีความตั้งใจที่จะให้.. ด้วยความจริงใจแบบนี้ ช่างเป็นคนที่แสนจะประเสริฐที่สุด ชีวินช่างดีกับเขาเหลือเกิน เอ็มรู้สึกอยากร้องไห้ด้วยความซาบซึ้ง ถ้าเพียง.. เขาสามารถร้องไห้ได้ น้ำตาเขาคงจะรินไหลออกมาเนิ่นนานแล้วด้วยความตื้นตัน เมื่อได้รับรู้ดังนั้น เขาจึงมิอาจอยากรบกวนชีวินอีกต่อไป คงต้องปล่อยให้ชีวินครุ่นคิดด้วยความมุ่งมั่นเช่นนั้น แม้ว่า.. เขาจะรู้สึกห่วงใย และรู้สึกเกรงใจสักเพียงไหนก็ตาม..

หลังจากนั้น.. ชีวินก็มัวเฝ้าครุ่นคิดอยู่เช่นนั้นอย่างเหม่อลอยจนเหมือนจะลืมตัว ภายหลังจากที่กริ่งสัญญาณแจ้งหยุดพักรับประทานอาหารกลางวันได้ดังขึ้นมาได้ครู่หนึ่ง และอาจารย์ได้ปล่อยให้ไปพักได้แล้ว เขาก็ยังคงนั่งคิดอยู่เช่นนั้นจนแทบมิได้ขยับตัว ในสมองงเขามัวแต่ครุ่นคิดว่า.. จะทำเช่นไรดี? มันจะมีวิธีใดบ้าง? จวบจน.. เขาเริ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคยที่เอ่ยทักเขา ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ความคิดในขณะนั้น
“ วิน วิน นั่งเหม่ออีกแล้ว ”
“ อืม.. พัฒน์ มีอะไรเหรอ? ”
“ นี่ได้เวลาพักกินข้าวแล้วนะ ไม่ไปกินข้าวหรือไง? ไม่รีบไปตอนนี้เดี๋ยวคนแน่นไม่มีที่นั่งนะ ไปกินข้าวกันเถิดวิน ”
“ อืม.. จริงสิ งั้นไปก็ได้ ”
“ เออนี่วิน วันนี้.. เราเอาขนมมาเยอะเลย ตั้งใจจะเอามาเผื่อวินด้วยน่ะ เมื่อวานที่บ้านทำกล้วยบวดชีอร่อยมากๆ แล้วก็ทำเยอะมากด้วย งั้น.. เดี๋ยวเรามาแบ่งกันกินนะวิน ”
‘ กล้วยบวดชี? ’ ชีวินรู้สึกสะดุดกับคำคำนี้มากๆ จริงสิ.. ใช่แล้ว.. เขานึกออกแล้ว แม่ชี.. แม่ชีที่วัด..  แม่ชีที่วัดที่ประจำที่ตู้รับบริจาค วัดที่เขามักไปไหว้พระบ่อยๆอยู่ช่วงหนึ่งจนเขาได้พบกับพี่เอ็ม ในช่วงแรกๆที่เขายังไม่รู้ตัวว่าพี่เอ็มได้ตามเขามาแบบเงียบๆในตอนนั้น.. แม่ชียังได้เอ่ยทักเขาด้วยคำพูดแปลกๆจนเขารู้สึกเอะใจ เขายังจำคำพูดนั้นได้ดี.. คำพูดนั้นที่ว่า..
“ ดีแล้วละลูก หนูนี่เป็นเด็กดีจังเลย ดูจะเป็นคนใจบุญสุนทาน  มิน่า.. ถึงได้มี.. เอ่อ.. เอ้อ.. ดอกไม้ธูปเทียนนั่น หนูหยิบเลือกเอาตามสบายเลยนะลูก ”
“ อืม.. หนูเนี่ยเป็นคนที่จิตใจดีมีเมตตานะ มีบุญบารมีด้วย ถึงได้.. เอ่อ.. มี.. เอ้อ.. ยังไงก็.. ดูแลกันดีๆนะลูกนะ กลับเถิดลูกนี่ก็เย็นมากแล้ว ”
ชีวินนึกมาถึงตรงนี้ เขาก็นึกออกแล้ว ใช่แล้ว.. ใช่แบบที่คิดแน่ๆ แม่ชีคงมองเห็น แม่ชีคงสามารถกำหนดจิตให้สงบจนเกิดสมาธิและสามารถสัมผัสรับรู้ความมีตัวตนของพี่เอ็มได้ดังที่เขาสามารถทำได้ในทุกวันนี้ หรือว่า.. บางที.. แม่ชีอาจจะมีสัมผัสพิเศษ จนสามารถมองเห็นดวงวิญญาณของพี่เอ็มได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น แม่ชีอาจมีคำแนะนำอะไรดีๆให้แก่เขาก็ได้ เริ่มมีความหวังแล้ว ชีวินรู้สึกปิติและดีใจเหลือเกิน เขาเผลอตัวกอดเพื่อนรักด้วยความดีใจจนเต็มล้นหัวใจ
“ ขอบใจนะพัฒน์ ขอบใจจริงๆ ”
“ เอ่อ.. เอ่อ.. มะ มะ ไม่เป็นไร ”
พัฒน์รู้สึกงงงวยในท่าทีของชีวินเป็นอย่างยิ่ง เขานึกในใจว่า.. แค่เอากล้วยบวดชีมาเผื่อแค่นี้ มันทำให้วินดีใจขนาดนี้เลยหรือ? วินคงจะอยากกินกล้วยบวดชีมากๆแน่ๆ คงจะเป็นพราะเขาไม่ได้กินมานานแล้วจึงได้ดีใจขนาดนี้ กระมัง? แต่.. มันดูจะดีใจจนดูจะเวอร์ไปหน่อย ดีใจมากจนมากอดเขาเฉยเลย เจ้าวินนี่มันบ๊องจริงๆ เขารู้สึกขันจนต้องแอบอมยิ้มน้อยๆ จากนั้น.. ทั้งคู่ก็เดินเคียงกันตรงไปยังโรงอาหารเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวันในช่วงเวลาพักเที่ยงที่โรงเรียนในวันนั้น..
.
.
.
.
ยามบ่ายคล้อยใกล้เวลาเย็น จวบจนจบสิ้นสุดคาบเรียนสุดท้ายในวันนั้น เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน ช่วงระหว่างกำลังเก็บข้าวของเพื่อเตรียมจะกลับพัฒน์ก็ได้เอ่ยกับชีวินว่า..
“ วิน เดี๋ยววันนี้ไปบ้านเรานะ ไปช่วยกันทำรายงานน่ะ จะได้เสร็จๆไป ”
พัฒน์เอ่ยชวนชีวินไปแบบนั้น แม้จะรู้ดีว่า.. รายงานที่ต้องช่วยกันทำ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนนักก็ได้ เพราะยังมีเวลาอีกนานกว่าจะถึงกำหนดส่งงาน แต่.. เขากลับมีความรู้สึกอยากอยู่ใกล้ชิดชีวิน อยากทำอะไรต่อมิอะไรร่วมกัน อยากมีเวลาอยู่ใกล้กันมากๆ มันเป็นความรู้สึกที่เริ่มมีมากขึ้นทุกวัน เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจจิตใจตัวเองเท่าไรนัก ว่า.. เขารู้สึกกับชีวินเช่นไร? เขารู้แต่เพียงว่า.. ช่วงเวลาที่เขาและชีวินได้อยู่ใกล้ๆกัน มันดูจะเป็นช่วงเวลาที่ดี ที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจเหลือเกิน บ่อยครั้ง.. ที่เขาลองถามใจตนเองว่า.. เขาเป็นเกย์ใช่ไหม? คำตอบในใจคือ.. เขาก็ไม่แน่ใจ เพราะเขาไม่เคยรู้สึกสนอกสนใจผู้ชายคนไหนเป็นพิเศษเลย เด็กหนุ่มรูปหล่อที่ดูจะมีดาษดื่นภายในรั้วโรงเรียนแห่งนี้ เท่าที่เขาเห็น.. เขาก็ได้แต่มองแล้วผ่านเลยไปโดยไม่ได้มีความรู้สึกอะไร ไม่มีความรู้สึกอะไรที่เป็นพิเศษเลยจริงๆ แต่.. กับชีวิน ทำไม? เขารู้สึก.. รู้สึกว่า.. เหมือนจะ.. ชอบ แบบนี้เขาจะเป็นเกย์หรือเปล่าหนอ? ดูจะเป็นข้อสงสัยในตัวเองที่เขาก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ด้วยความไม่แน่ใจ เขาเอ่ยถามชีวินไปเช่นนั้นแล้วก็เฝ้ารอคำตอบรับจากชีวินที่กำลังกุลีกุจอเก็บสมุด หนังสือ และเครื่องเขียนลงกระเป๋าเป้นักเรียน ขีวินแหงนขึ้นมองพัฒน์และเอ่ยตอบกับพัฒน์ว่า..
“ อืม.. พัฒน์ เอาไว้ก่อนได้ไหม? พอดีว่า.. เอ่อ.. เรา.. เรา.. เรามีอะไรจะต้องทำบางอย่างก่อนน่ะ ขอโทษทีนะพัฒน์ ”
“ ไม่เป็นไรหรอกวิน วินคงมีธุระ งั้นเอาไว้ก่อนก็ได้ ยังมีเวลาอีกนาน วินไปทำธุระของวินก่อนเถิด ”
พัฒน์เอ่ยตอบไปเช่นนั้น แม้จะรู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อยก็ตาม แต่.. เขาก็เข้าใจ.. วินคงจะกำลังมีธุระจริงๆ เพราะเท่าที่เห็นในขณะนี้ ดูชีวินจะกำลังรีบร้อนอย่างไรชอบกล
“ ขอโทษอีกทีนะพัฒน์ เอาละ.. เราเก็บของเสร็จแล้ว งั้นเราไปก่อนนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะพัฒน์ ”
“ อืม.. แล้วเจอกันนะวิน ”
กล่าวจบ ชีวินก็เดินแบบรีบๆจากไป พัฒน์ลอบมองตามพลางคิดในใจว่า.. นับแต่ช่วงเที่ยงในระหว่างพักรับประทานอาหารกลางวัน เท่าที่เขาแลเห็น ก็ดูจะรู้สึกว่า.. ชีวินดูจะอารมณ์ดี และมีใจจดจ่อกับบางสิ่งชอบกล นี่ใช่ไหม? คงจะเป็นธุระที่ชีวินต้องรีบไปทำในตอนนี้ น่าจะใช่ เขาคิดว่าน่าที่จะเป็นเช่นนั้น ว่าแต่.. แล้วทำไมเขาจึงต้องดูสนอกสนใจชีวินถึงขนาดนี้ด้วย? แปลกจริงๆเลย นี่เขาเป็นอะไรไปแล้วนะ? เขาถอนหายใจด้วยความรู้สึกที่ไม่ใคร่จะเข้าใจจิตใจตนเองนัก เขาจึงพยายามปัดความคิดนั้นออก แล้วก็คิดว่า.. เขายังไม่ค่อยอยากรีบกลับบ้านเท่าใดนักในเวลานี้ ไปเล่นเตะบอลให้เหงื่ออกจนท่วมน่าจะดีกว่า จะได้..ไม่ต้องฟุ้งซ่านอะไรมากมาย แล้วเขาก็หยิบกระเป๋าเป้ขึ้นสะพาย จากนั้น.. เขาก็เดินดุ่มออกจากห้องเรียนตรงไปยังสนามฟุตบอลตามที่เขาตั้งใจไว้..
.
.
.
.
ชีวินมาถึงวัดในเวลาไม่นานนัก เขาเดินตรงมายังตู้รับบริจาคที่มีแม่ชีท่านเดิมประจำอยู่ และกำลังส่งยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน ชีวินเห็นดังนั้นก็ยกมือไหว้ทำความเคารพ แม่ชีท่านนั้นก็เอ่ยทักทายชีวินด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเอื้ออารีย์ ที่เปี่ยมไปด้วยความเอ็นดูชีวินด้วยความจริงใจ
“ สวัสดีลูก มาไหว้พระอีกละสิ พักหลังนี้ไม่ค่อยเห็นหนูแวะมาเลย เป็นไง? คงจะกำลังยุ่งๆเรื่องเรียนใช่ไหมลูก? ”
“ ก็นิดหน่อยครับ ส่วนใหญ่ผมหาเวลาว่างปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิที่บ้านเอาน่ะครับ ข่วงหลังนี้เลยไม่ค่อยได้แวะมาเท่าไร? ”
“ อืม.. ดีแล้วละลูก ธรรมมะกล่อมเกลาจิตใจให้เราเป็นคนดี ทั้งยังส่งผลดีต่างๆให้อีกมากมาย น่าชื่นชมมากนะลูกนะ ”
“ ขอบพระคุณครับ ”
ชีวินตอบรับด้วยน้ำเสียงสุภาพและอมยิ้มละไมบนใบหน้า จริงอยู่ที่ว่า.. เขาก็ยังคงปฏิบัติธรรมสวดมนต์ไหว้พระ ฝึกสมาธิอยู่บ้างยามเมื่อมีเวลาว่าง แต่ช่วงหลัง.. ดูเขาจะห่างจากการปฏิบัติเช่นนี้ไปบ้าง นับแต่.. เขาได้เปิดใจพบกับพี่เอ็ม เวลาส่วนใหญ่จึงหมดไปกับการคลอเคลียอยู่กับดวงวิญญาณพี่เอ็ม เอ่ยพูดคุยสนทนากันกับพี่เอ็มด้วยความรักเสมอมา จนดูจะเลยสิ่งนี้ไปบ้าง เขารู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็มิได้กล่าวปดอะไรนี่นา เขายังคงปฏิบัติอยู่เช่นเคยจริงๆ ในตอนนี้.. เขากำลังคิดว่า.. เขาจะถามสิ่งที่เขาตั้งใจนั้นกับแม่ชีดีไหม? เขานิ่งครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วเขาก็ตัดสินใจแล้วว่า..
“ เอ่อ.. แม่ชีครับ ผมมีเรื่องจะเรียนถาม? ”
“ ว่าไงละหนู ถามมาได้เลยลูก ”
“ คือ.. คือ.. ผมอยากจะทราบว่า.. เอ่อ.. ในตอนนั้น.. ช่วงแรกๆที่ผมแวะมาไหว้พระที่นี่น่ะครับ ผมจำได้ว่า.. ดูเหมือนแม่ชีจะทักผมด้วยคำพูดแปลกๆ เหมือนกับว่า.. แม่ชีเห็น.. เอ่อ.. เอ่อ.. ไม่ทราบจะพูดเช่นไรดี คือ.. เหมือนกับว่า.. ที่แม่ชีพูด แม่ชีจะเห็นอะไรบางอย่างน่ะครับ? ไม่ทราบว่าผมจะคิดไปเองไหม? แต่.. ผมรู้สึกสงสัยนิดหน่อยครับ ”
“ ถ้าแม่ชีตอบตามตรง แล้วหนูจะกลัวไหม? ”
“ มะ มะ ไม่กลัวครับ ไม่กลัวอีกแล้วครับ ”
“ หึหึ ดีแล้วละลูก ใช่แล้ว หนูเข้าใจถูกแล้ว  แม่ชีเห็น เขาเป็นสิ่งดี ปรารถนาดีต่อหนู ติดตามหนูเพื่อคอยปกปักรักษาหนู และอาศัยพึ่งพาบุญบารมีของหนู ตอนนี้เขาก็ยังคงอยู่กับหนู แม่ชีเห็นเขานะลูก ”
“ อ่า.. เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆด้วย แล้ว.. แล้ว.. ทำไม? แม่ชีจึงสามารถมองเห็นละครับ? ”
“ จิตไงลูก ถ้าเราฝึกจิตจนเกิดสมาธิ สามารถรวมจิตให้นิ่งสงบ และเปิดใจ ก็จะสามารถรับรู้ถึงสิ่งที่เหนือธรรมชาติได้ และแม่ชีก็คิดว่า.. คนที่มีบุญบารมีอย่างหนู ในตอนนี้ หนูก็คงสามารถทำเช่นนั้นได้แล้ว หนูคงจะได้พบกันแล้ว จึงไม่กลัวอีกแล้วละสิ เพราะดวงวิญาณนั้นเขาดูจะมีความสุข และดูจะใสสะอาดขึ้น แม่ชีรู้สึกเช่นนั้นนะลูก ”
ใช่แล้ว.. ชีวินคิดว่าเขามาถูกทางแล้ว เป็นเช่นที่เขาคิดจริงๆ เขานึกใจใจว่า.. คงต้องเล่าเรื่องราวของพี่เอ็มทั้งหมดให้แม่ชีได้รับทราบ เพราะ.. ไม่แน่ว่า.. บางที.. แม่ชีอาจมีคำแนะนำดีๆให้กับเขาก็ได้ เขาชำเลืองมองไปทางพี่เอ็ม ก็เห็นว่า.. พี่เอ็มพยักหน้าตอบรับพร้อมกับอมยิ้มละไม นี่พี่เอ็มคงกำลังอ่านความคิดของเขาอยู่ละสิ ว่าเขากำลังคิดเช่นไร? ในเมื่อ.. เขาเห็นพี่เอ็มยอมรับ และอนุญาติเช่นนั้น ชีวินจึงเอ่ยเล่าเรื่องราวทั้งหมดนั้นให้แม่ชีฟังในทันที..
“ แม่ชีครับ.. ถ้าเช่นนั้น ผมขอเล่าอะไรบางอย่างให้แม่ชีฟังสักหน่อยนะครับ เผื่อว่า.. เมื่อแม่ชีฟังเรื่องราวทั้งหมดจบลง แม่ชีอาจจะมีคำแนะนำอะไรดีๆให้ผมได้บ้าง คืองี้นะครับ เรื่องมันมีอยู่ว่า.. ”

********
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 23-03-2009 03:34:13
หนทาง (2)

(http://img410.imageshack.us/img410/8996/a016.jpg)

ชีวินพยายามเรียบเรียง และเอ่ยเล่าที่มาทั้งหมดนับแต่ที่เขาได้พบพี่เอ็ม และประสบกับสิ่งต่างๆมากมาย จนกระทั่งถึงเรื่องราวของพี่เอ็มครั้งยังมีชีวิตจากภาพที่เขาได้เห็นในนิมิตอย่างละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ จน.. เมื่อชีวินเอ่ยเล่าเรื่องราวทั้งหมดจบลง เขาก็ลอบสังเกตและเห็นว่า..  แม่ชีดูจะอึ้งและนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาใจจดจ่อ จ้องมองใบหน้าแม่ชีท่านนั้นนิ่งอยู่ด้วยใจระทึก พลางคิดในใจว่า.. นี่แม่ชีจะคิดเช่นไร? จะมีคำแนะนำดีๆให้เขาบ้างไหม? จวบจนภายหลังจากที่แม่ชีนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ท่านก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแก่ชีวินที่กำลังรอรับฟังความคิดเห็นอยู่นั้น ว่า..
“ มันช่าง.. เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มากนะลูก หนูเนี่ยเปี่ยมไปด้วยบุญบารมีจริงๆจึงได้พานพบกับเรื่องราวถึงขนาดนี้ได้ จากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด นี่ลูกคงอยากจะช่วยเหลือเขามากละสิ? ”
“ ครับ แล้วจะพอมีหนทางไหม? ผมควรจะทำเช่นไรดีครับ? ”
“ เรื่องนี้.. แม่ชีก็ไม่ทราบนะลูก ว่าควรทำเช่นไร? ”
ชีวินรับฟังเช่นนั้นก็หน้าสลดลงในทันที นี่คงจะไม่มีหนทางจริงๆหรือ? ขนาดแม่ชีผู้ปฏิบัติธรรมเป็นเนืองนิตย์ เป็นผู้อุทิศตนให้แด่ศาสนา ผู้สามารถควบคุมจิตจนเห็นดวงวิญญาณแบบพี่เอ็มได้ ก็ยังไม่ทราบ แล้วนี่เขาจะมีที่พึงที่ไหนได้อีก ชีวินรู้สึกเศร้าใจในความหวังที่พอจะมีแต่กลับดูริบหรี่ลง แม่ชีสังเกตเห็นท่าที่โศกสลดลงด้วยความหมดหวังของชีวิน ก็อมยิ้มละไม และเอ่ยกับชีวินด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาปรานี
“ อย่าเพิ่งท้อนะลูก แม่ชีคิดว่า.. น่าจะยังพอมีหนทาง ”
“ อย่างไรครับ? ได้โปรดบอกผมด้วย? ”
กำลังใจที่กำลังถดถอยของชีวินกลับลุกโพลงขึ้นมาอีกครั้ง
“ เรื่องหนทางที่จะช่วยเหลือนั้นแม่ชีไม่ทราบจริงๆ แต่.. อาจจะยังพอมีวิธี แม่ชีคิดว่า.. คนที่มีบุญบารมีอย่างหนูน่าจะทำสำเร็จได้ แม้ว่า.. มันจะเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะทำได้ยากมากก็ตาม ”
“ อย่างไรครับ? จะยากขนาดไหน? ผมก็จะพยายาม โปรดช่วยชี้แนะหนทางให้ผมด้วยครับ ”
“ อืม.. ในเมื่อเป็นความตั้งใจจริงของหนู ถ้าเช่นนั้น แม่ชีจะแนะวิธีให้ การที่หนูประพฤติ ปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิจนสามารถควบคุมจิตใจได้ในแบบที่หนูสามารถทำได้ในทุกวันนี้ มันเป็นสิ่งที่น้อยคนนักในวัยของหนูที่จะทำเช่นนี้ได้ แต่.. ในเมื่อหนูสามารถทำถึงขั้นนี้ได้แล้ว ก็ลองพยายามบำเพ็ญเพียรฝึกฝนเพิ่มจนก้าวข้ามผ่านให้ถึงระดับสูงให้มากขึ้นไปอีก การจะถึงขั้นนั้นได้ดูจะเป็นเส้นบางเบา แต่การจะก้าวข้ามผ่านขึ้นไปได้นั้น ทำได้ยากมาก คงจะต้องมีจิตที่ตั้งมั่นจริงๆจึงจะทำได้ ”
“ แล้วต้องใช้เวลานานขนาดไหนครับ? ถ้าทำถึงขั้นนั้นได้แล้วจะเป็นอย่างไรครับ? ”
“ จะนานแค่ไหน? นั้นขึ้นอยู่กับความตั้งมั่น มีบุญบารมี และมีจิตใจที่สะอาดบริสุทธ์ ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับตัวหนูนะลูก หนูอาจจะทำได้ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที หรืออาจจะใช้เวลาเป็นปีก็เป็นได้ แม่ชีไม่สามารถทราบระยะเวลาตรงนี้ได้หรอก และถ้าหนูสามารถทำสำเร็จ จนสามารถควบคุมจิตจนถึงระดับสูงได้ ก็จะก่อให้เกิดพุทธิปัญญา เมื่อมีพุทธิปัญญา ก็จะรู้แจ้ง และยิ่งฝึกถึงขั้นสูงมากขึ้นไปอีก มากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะยิ่งก่อให้เกิดความคิดที่เป็นปัญญามากขึ้น และมากขึ้น มันยากมากนะลูก แต่ถ้าหนูทำได้ แม่ชีคิดว่า.. หนูจะรู้หนทางนั้นเอง ว่าควรจะทำเช่นไร? แม่ชีคงมีข้อแนะนำลูกได้เพียงเท่านี้ ”
รับฟังดังนั้น.. ชีวินก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้จะรู้ว่า.. มันอาจจะเป็นหนทางที่ยากมาก แต่อย่างน้อย มันก็ยังพอจะมีความหวังมิใช่หรือ? นี่เขามาถูกทางแล้วละสิ เขาคิดถูกจริงๆที่เอาเรื่องนี้มาปรึกษาแม่ชีท่านนี้ และท่านก็ได้ให้คำแนะนำที่ช่างมีคุณค่ายิ่งนัก เขาน้ำตารื้นด้วยความดีใจ เขาพนมมือไหว้และกล่าวขอบคุณ คำขอบคุณที่ส่งตรงมาจากใจจริงของเขา
“ ขอบพระคุณครับ แม่ชีเมตตากับผมจริงๆ ขอบพระคุณจริงๆนะครับ ”
“ ไม่เป็นไรหรอกลูก ขอให้สำเร็จนะลูกนะ ”
กล่าวจบ แม่ชีก็ชำเลืองมองไปทางดวงวิญญาณของเอ็ม แล้วส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยเมตตาจิต พลางส่งกระจิตไปถึงเอ็มในเชิงให้กำลังใจและพยักหน้าให้เบาๆด้วยความปรานี
“ ลูกนี่โชคดีเหลือเกินที่ได้พานพบกับเด็กที่จิตใจงามเช่นนี้ คงเพราะการได้เกื้อหนุนกันมาแต่ชาติปางก่อนจึงทำให้ได้มาพบกัน ถึงแม้ลูกจะมีกรรมเก่าค่อนข้างหนักหนา ฝืนชะตากรรมตนเองจนทำให้ลิขิตที่ได้กำหนดไว้แต่แรกเปลี่ยนแปลง จนชะตาลิขิตได้ถูกกำหนดขึ้นมาใหม่ แต่.. อย่างไรก็ดี เด็กคนนี้แหละ จะนำพาหนทางสว่างให้แก่ลูกเอง แม่ชีขอให้ลูกบรรลุในสิ่งที่ปรารถนาสำเร็จด้วยนะลูกนะ ”
เอ็มรับฟังกระแสจิตจากแม่ชีแล้วเขาก็ก้มลงกราบด้วยความซาบซึ้ง และตื้นตันเป็นที่สุด แม่ชีช่างมีจิตใจเมตตาเหลือเกิน
. . . .
.
.
.
.
15 วันแล้ว ภายหลังจากที่ชีวินได้ข้อแนะนำจากแม่ชี ชีวินก็หมั่นเพียรฝึกสมาธิทุกวันอย่างจริงจังด้วยความมุ่งมั่น เขาสามารถทำสมาธิได้นานมากขึ้น และมากขึ้นทุกที จนถึงเวลานี้.. เขาสามารถทำได้นานเป็นชั่วโมง เขาสามารถสงบจิตได้นานถึงขนาดนั้น แต่.. ทำไม? มันเหมือนมีเส้นใยบางๆขวางกั้นทำให้เขาก้าวข้ามผ่านไปไม่ได้ แม้เขาจะพยายามถึงเพียงไหน? ก็ผ่านไปไม่ได้เสียที มันช่างยากจริงๆ แต่.. เขาจะไม่ท้อ เขาจะต้องทำให้ได้ ช่วงหลังมานี้ เขารู้สึกว่า.. อีกนิดเดียว อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น เขาจะต้องผ่านไปให้ได้ และ.. ในวั้นนี้ เขาใช้เวลาผ่านไปถึงเกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว เวลาผ่านไปอีกอย่างช้าๆ จนชีวินเริ่มรู้สึกถึงความอ่อนล้า ความเมื่อยขบเริ่มก่อเกิดขึ้นอย่างช้าๆและกำลังกัดกร่อนสมาธิของเขาลงทุกที แต่.. นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะมาขวางกั้นความมุ่งมั่นของเขาไปได้ ไม่.. เขาจะไม่ท้อ เขาต้องทำให้ได้ เขาพยายามรวบรวมจิต จิตที่กำลังจะขาดสมาธิเพราะความอ่อนล้าขึ้นมาอีกครั้ง จนในที่สุด เขาก็รู้สึกว่า.. ความอ่อนล้าเมื่อยขบก็อันตรธานหายไป เขาเอาชนะได้แล้ว เขารู้สึกถึงจิตของเขาจมดิ่งลึกลงทุกที และทุกที รู้สึกถึงผิวกายที่เริ่มเย็นเฉียบ มันเป็นความเยือกเย็นแต่มิใช่ความหนาวเหน็บมันรู้สึกเหมือน.. ราวกับเย็นสบาย และผ่อนคลายอยู่ในที เขาเริ่มรู้สึกตัวเบาหวิวดุจดังปุยเมฆ ที่เหมือนจะล่องลอยได้ จนในที่สุด.. เขารู้สึกขนลุกซู่ทั่วร่าง เส้นใยบางๆที่ดูเหมือนจะขวางกั้นนั้น เขาสามารถก้าวข้ามผ่านได้แล้ว เขาทำได้แล้ว เขาสามรถทำสำเร็จแล้ว ณ ยามนี้.. เขารู้สึกสมองปลอดโปร่งและช่างเป็นสุขเหลือเกิน ไม่มีความกังวลใดๆอีกแล้ว ความคิดที่เป็นปัญญาได้ก่อเกิดขึ้นแล้ว เขารู้แล้ว ว่าควรทำเช่นไร? จริงอย่างที่แม่ชีบอกเขา เมื่อเขาสามารถควบคุมจิตจนถึงระดับสูงได้ เขาจะรู้หนทางเอง จนถึงตอนนี้ เขารู้หนทางนั้นแล้ว และเขายังรู้อีกด้วยว่า.. เวลาตามอายุขัยของพี่เอ็มจะมาถึงในอีก 7 วันนับแต่นี้ ประตูแห่งโลกวิญญาณจะมาปรากฏเพื่อให้พี่เอ็มได้ก้าวเข้าสู่โลกนั้น มันจะครบวาระแล้ว และ.. เขาก็รู้อีกด้วยว่า.. ถ้าเขาไม่ผู้นำพา พี่เอ็มก็จะไม่ได้พบพี่ปอนตลอดกาลแม้.. ทั้งคู่ จะเป็นคู่แท้ซึ่งกันและกันก็ตาม มันเป็นเพราะกระแสบุญกรรมที่เหลื่อมกันนั่นเอง เพราะผลบุญที่เขาหมั่นอุทิศให้พี่เอ็ม ทำให้พี่เอ็มมีดวงวิญญาณบริสุทธ์ใสสะอาดขึ้น จนสามาถหลีกเร้นกระแสกรรมเก่าขึ้นมาได้ แม้จะมิอาจลบล้างเวรกรรมที่ทำไว้ได้ แต่มันก็ทำให้พี่เอ็มสามารถหนีบาปขึ้นมาใช้พลังบุญได้ก่อน ในขณะที่.. พี่ปอน ได้สร้างเวรสร้างกรรมไว้ในช่วงที่ยังมีชีวิต เขาได้ทำผิดศีลธรรมทุกข้อ มันเป็นบาปกรรมที่ทำให้เขาต้องจมดิ่งอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ทรมานในโลกวิญญาณเพื่อชดใช้เวรกรรม เขาต้องไปช่วยดึงพี่ปอนขึ้นมาให้มีพลังบุญเสมอพี่เอ็ม ทั้งคู่จึงจะสามารถพบกันได้ ใช่แล้ว.. เขาต้องทำเช่นนั้น จนถึงในตอนนี้.. เวลามีไม่มากแล้ว.. เขาต้องไปพบพี่ปอน และจะต้องไปเดี๋ยวนี้ ชีวินคิดได้ดังนั้น เขาก็กำหนดจิตถึงพี่ปอน และแล้ว..  ดุจดังมีแสงสว่างวาบและทอประกายเป็นแสงสีรุ้ง ชีวินรู้สึกตัวเบาหวิว และราวกับล่องลอยได้ ใช่.. จนถึงตอนนี้ เขาสามารถถอดจิต และก้าวข้ามผ่านมิติ ตรงดิ่งไปสู่โลกวิญญาณได้ในชั่วพริบตา ในเวลาเพียง.. ชั่วเสี้ยววินาที
. . . .
.
.
.
.
ชีวินรู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าสู่หลุมดำที่มีพลังดึงดูดมหาศาล มันช่าง.. รวดเร็วมาก จนกระทั่ง.. เขามาถึงแล้ว.. ชีวินได้มาถึงแล้ว นี่ละหรือ? คือโลกแห่งวิญญาณ ผู้ที่หมดอายุขัยบนโลกมนุษย์ จะได้มาอยู่ ณ ที่แห่งนี้หรือ? ในสถานที่นี้ เต็มไปด้วยกลุ่มหมอกควันสีขาวและว่างเปล่า แต่..กระนั้น.. เขาก็ได้แลเห็นดวงวิญญาณมากมายในสถานที่แห่งนี้ สถานที่นี้ดูจะกว้างใหญ่จนมิรู้จบ แต่.. กลับดูจะแบ่งออกเป็นสัดส่วนที่ดูจะชัดเจน แบ่งเป็นเขตแดนที่มิอาจบรรจบมาพบกันได้ ตามกระแสพลังแห่งความสุขและความทุกข์ทรมานที่ชีวินรู้สึกและสัมผัสได้ วิญญาณบาปกำลังชดใช้กรรมด้วยความระทมทุกข์ทรมานในส่วนที่มืดมิดจนยากจะหยั่งถึง และในขณะที่ดวงวิญญาณที่ได้ชดใช้กรรมชำระล้างบาปกรรมจนเบาบางลงจนพอที่จะไปเกิดใหม่ได้ ก็จะอยู่อีกส่วนเพื่อรอเวลาตามวาระ ดวงวิญญาณเหล่านี้ดูจะมีความสุขและมีความหวังอยู่ในส่วนที่สว่างไสวและอบอุ่น ชีวินรับรู้ตรงนี้ได้ แต่.. เขาจะมามัวเสียเวลาตรงนี้ไม่ได้อีก เขาต้องพบพี่ปอน นั่นไง.. อยู่ตรงนั้น ตรงกระแสวังวนแห่งความมืดมิด พี่ปอนกำลังทุกข์ทรมานอยู่ในความมืดดำ เดียวดาย และหนาวเหน็บ เขาเห็นดังนั้น.. ก็รู้สึกว่า.. มันช่างสะเทือนใจและช่างน่าสงสารอะไรเช่นนี้ เขาจึงกำหนดจิตอุทิศส่วนกุศลที่เขาสร้างสมมาให้แก่พี่ปอนในทันที เพื่อ.. ที่จะ.. ฉุดดึงพี่ปอนขึ้นมาจากระแสวังวนแห่งความมืดมิดนั้น จากกระแสพลังบุญที่ชีวินกำลังอุทิศให้ ทำให้พี่ปอนกำลังค่อยๆลอยขึ้นมา ลอยขึ้นมา จนกระทั่ง.. สามารถพ้นจากกระแสวังวนอันมืดมิดนั้นได้แล้ว พี่ปอนค่อยๆลอยตรงมาที่ชีวิน ใกล้เข้ามามากขึ้นทุกที จนเมื่อ.. พี่ปอนได้มาอยู่จนเคียงใกล้ชีวินมากขึ้น ชีวินจึงเอ่ยกับพี่ปอนในทันทีเมื่อสบตากัน..
“ พี่ปอน.. พี่เป็นอย่างไรบ้าง? ผมมาช่วยพี่ ”
“ ขอบคุณมากนะน้อง ขอบคุณเหลือเกิน พี่พ้นจากความทุกข์ทรมานแล้ว มันเป็นพระคุณอันสุดทื่จะกล่าวออกมาเป็นคำพูดได้ แล้วนี่.. น้องเป็นใคร? เหตุใดจึงมาช่วยพี่? จึงมาอุทิศส่วนกุศลให้พี่จนดวงวิญญาณพี่ใสสะอาดขึ้น จนกระทั่งหนีจากกระแสบาปกรรมที่พี่เคยก่อไว้ จนสามารถขึ้นมาใช้พลังบุญก่อนได้ ทำไมน้องช่าง.. มีจิตใจแสนประเสริฐอะไรเช่นนี้ ”
ปอนกล่าวจบ พร้อมกำลังจะก้มลงกราบด้วยความตื้นตันอย่างหาที่สุดมิได้ เขาอยากจะทำเช่นนั้นจริงๆ เขาทนทุกข์ทรมานมานานแสนนานแล้ว จนกระทั่ง.. เด็กหนุ่มรุ่นน้องที่เปี่ยมไปด้วยพลังบุญบารมี จิตใจบริสุทธ์และแสนจะดีงามผู้นี้ ผู้มาช่วยเหลือเขา ฉุดดึงเขาขึ้นมาจากความมืดมิด การที่เขาจะก้มลงกราบเพื่อขอบคุณ สำนึกถึงบุญคุณเช่นนี้ ยังดูจะน้อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ ชีวินเห็นดังนั้น.. เขาก็รีบประคองเพื่อหยุดยั้งการกระทำแบบนั้นจากปอน และกล่าวกับปอนว่า..
“ พี่ปอนไม่ต้องทำเช่นนั้นหรอก แค่พี่มีความสุข หลุดพ้นจากความทุกข์มาได้ ผมก็พอใจแล้ว ผมชื่อชีวิน ผนรับรู้เรื่องราวของพี่จากพี่เอ็ม ผู้ที่เป็นคู่แท้คู่ชีวิตของพี่ ภายหลังจากพี่เอ็มเสียชีวิตตามพี่ไป ดวงวิญญาณเขาก็เร่ร่อนอยู่ในมิติเร้น มิอาจเข้าสู่โลกวิญญาณได้เพราะยังไม่ครบกำหนดวาระตามอายุขัย พี่เขาฆ่าตัวตายตามพี่ไป เพราะเขารักพี่มากนะครับ จนกระทั่ง.. ผมได้มาพบกับพี่เอ็มและได้อยู่ร่วมกันมาได้ระยะหนึ่งจนมีความผูกพันกันพอควร พี่รู้ไหม? พี่เอ็มรักและคิดถึงพี่มากนะครับ ผมได้เห็นถึงความรัก ความจริงใจที่พี่ปอนและพี่เอ็มมีให้แก่กันแล้ว มันช่างสวยงามเหลือเกิน สวยงามมากจริงๆ มากเสียจน.. ผมอยากจะมีคนที่รักและจริงใจกับผมขนาดนี้บ้าง ผมจึง.. อยากที่จะช่วยเหลือพี่ทั้งสองน่ะครับ ”
“ โอว.. เป็นอย่างนี้เองหรือ? พี่ก็คิดถึงเอ็ม คิดถึงมากเหลือเกิน พี่รักเอ็มมากนะ พี่อยากพบเขา อยากพบจนแทบใจจะขาด พี่ทุกข์ทรมานเพราะความเศร้าแบบนี้มานานแสนนานแล้ว ขอบคุณน้องมากนะ น้องวิน น้องช่างเป็นคนดีเหลือเกิน ”
“ ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่ต้องห่วงนะครับ อีกไม่นาน ผมจะพาพี่เอ็มมาพบพี่เอง พี่ทั้งสองจะได้พบกันเสียที จนถึงวันนั้น.. จะเป็นวันที่ผมมีความสุขอย่างที่สุดเลยครับ ”
ปอนได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งจนไม่สามารถกล่าวอะไรได้อีก เขาดึงชีวินเข้ามากอดด้วยความรู้สึกตื้นตัน และรัก ใช่.. มันคือความรัก เขารักเด็กคนนี้อย่างจริงใจ มันเป็นความรักที่บริสุทธ์ที่ก่อเกิดขึ้นจากการได้รับรู้ถึงจิตใจที่ดีงามของชีวิน และเปี่ยมไปด้วยความสำนึกในบุญคุณเป็นล้นพ้นจากเด็กหนุ่มคนนี้ เด็กคนนี้ไม่เคยรู้จักเขา ไม่เคยเกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่น้อย แต่.. กลับยังจะมาช่วยเขา ช่วยเหลือเขาด้วยพลังบุญบารมีอันยื่งใหญ่ที่เด็กคนนี้มีอย่างเต็มเปี่ยม เขารู้สึกรักเด็กคนนี้จริงๆ มันเป็นความรักที่แม้จะเพิ่งได้พานพบกันเป็นครั้งแรกก็ตาม ชีวินโอบกอดตอบ และตบแผ่นหลังปอนเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ และให้กำลังใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า
“ พี่ปอนครับ ผมคงต้องไปก่อน ที่นี่ไม่ใช่โลกของผม ผมคงอยู่นานกว่านี้ไม่ได้ ผมสัญญานะครับ ผมจะพาพี่เอ็มมาหาพี่เร็วๆนี้ อีกไม่นานหรอกนะครับ อีกไม่นานจริงๆ แล้วผมจะกลับมาที่นี่อีกครั้งพร้อมพี่เอ็มนะครับ ”
“ ขอบคุณมากนะน้องวิน ถ้ามีสิ่งใดที่พี่พอจะตอบแทนน้องได้บ้าง พี่ก็จะทำ ขอบคุณเหลือเกิน ”
“ ไม่เป็นไรครับพี่ งั้นผมไปก่อนนะครับพี่ปอน ”
กล่าวจบ ชีวินก็โบกมืออำลา จากนั้น.. ภาพร่างที่เป็นเพียงดวงจิตของเขาก็ค่อยๆ เลือนหายไป หายออกจากโลกวิญญาณ เพื่อมุ่งกลับสู่ร่างของเขาบนโลกมนุษย์ ด้วยความรวดเร็วเหมือนดังเช่นที่เขามาในคราแรก..
.
.
.
.
ชีวินลืมตาขึ้นเมื่อดวงจิตเขากลับสู่ร่าง เขาเหลือบมองที่นาฬิกา ก็พบว่า.. ขณะนี้ ใกล้เช้าแล้ว เขารู้สึกแปลกใจมาก นี่เขาไปโลกวิญญาณเพียงครู่เดียว เวลาบนโลกมนุษย์ได้ผ่านไปมากขนาดนี้เลยหรือ? ระยะทางคงจะไกลแสนไกลมาก แม้จะรู้สึกว่ามันช่างรวดเร็ว แต่ก็คงใช้เวลาพอสมควร ถึงแม้.. ชีวินไม่ได้นอนหลับพักผ่อนเลยจนแทบจะตลอดคืน แต่.. น่าแปลก ที่เขาไม่รู้สึกง่วงงุนเลยแม้แต่น้อย ไม่มีความรู้สึกอ่อนเพลียใดๆเลย จากนั้น.. ชีวินรับพลังที่ให้ความรู้สึกเสมือนจริงจากพี่เอ็ม จนเมื่อ.. เขาได้รับรู้พลังนั้นแล้ว ภาพในภวังค์ความคิดของชีวิน ทำให้ชีวินรู้สึกเสมือนจริง และกำลังตรงเข้าไปโอบไหล่พี่เอ็มด้วยสีหน้ายิ้มแย้มด้วยความยินดี หลังจากนั้น.. เขากล่าวกับเอ็มว่า..
“ พี่เอ็ม ผมทำสำเร็จแล้ว พี่จะได้พบกับพี่ปอนแน่นอน ผมจะพาพี่ไปหาพี่ปอนเองครับ เมื่อครู่.. ผมได้ไปพบพี่ปอนมาแล้ว พี่เขาก็คิดถึงพี่มากนะครับ อีกเพียง.. แค่.. 7 วัน 7 วันเท่านั้น พี่ก็จะได้พบกับพี่ปอนแน่นอน ผมสัญญา ”
“ จริงหรือวิน? โอว.. วินเก่งมาก เพราะความมุ่งมันของวิน วินจึงทำได้สำเร็จ ขอบคุณนะวิน ขอบคุณจริงๆ แต่นี่.. เราใกล้เวลาที่ต้องจากกันแล้วละสิ ถ้าเป็นเช่นนั้น.. พี่ก็คง.. พี่คงคิดถึงวิน ”
“ ผมก็คงคิดถึงพี่ แต่.. ไม่เป็นไรหรอก การที่พี่ได้จะพบกับคนที่พี่รัก มันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขที่สุดแล้ว ”
ชีวินกล่าวตอบเช่นนั้น แต่.. เขากลับน้ำตาไหล ใช่.. มันเป็นน้ำตาที่มาจากความเศร้าอาลัยแต่มันก็แฝงไปด้วยความสุขใจไปด้วยไม่น้อยเช่นกัน มันเป็นความปิติ อิ่มเอิบ ในความมุ่งมั่นที่เขาสามารถทำจนสำเร็จ เขารู้สึกยินดี แต่.. เขากลับทำให้น้ำตาหยุดไหลไม่ได้ มันยังคงไหลรินเป็นสายอาบแก้มอยู่เช่นนั้น เอ็มเห็นดังนั้น ก็ดึงชีวินเข้ามากอด กอดอยู่เช่นนั้นอย่างแนบแน่น กอดอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน และเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกนั้น.. ด้วยความรู้สึก.. เฉกเช่นเดียวกับชีวิน..

********
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 23-03-2009 03:36:16
คู่แท้

(http://img410.imageshack.us/img410/8996/a016.jpg)

ในที่สุด.. วันแห่งการต้องลาจากก็เวียนมาถึง แม้ว่า. หลายวันที่ผ่านมา ชีวินพยายามที่จะทำใจ แต่.. จนถึงในวันนี้ เขาก็อดที่จะรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้ เขารักและรู้สึกผูกพันกับพี่เอ็มเหลือเกิน ความรักที่ก่อเกิดและมีให้ให้แด่กัน ซึ่ง.. แม้จะอยู่กันต่างมิติและอยู่คนละสถานะก็ตาม ตลอด 7 วันที่ผ่านมา ชีวินปฏิบัติธรรมและครองตนอยู่ในศีลธรรม เพื่อที่จะทำให้จิตใจของตนสะอาดบริสุทธ์ที่สุด เพื่อให้มีพลังบุญบารมีมากที่สุด ที่จะนำพาพี่เอ็ม ดวงวิญญาณที่เขาแสนรัก ได้ไปสู่โลกแห่งวิญญาณ ได้ไปพบกับพี่ปอนคู่แท้ของพี่เอ็ม และ.. ได้ไปสู่สุขคติ ภาพในภวังค์ความคิดของชีวิน ชีวินกำลังโอบกอดพี่เอ็มด้วยความเศร้าอาลัย เขาพยายามกลั้นน้ำตา แต่.. ก็ทำไม่สำเร็จ ความรู้สึกมันเอ่อท้นจนท่วมใจ จนยาก.. ที่จะหยุดยั้งน้ำตามิให้ไหลได้ จนเมื่อ.. ชีวินรู้สึกถึง.. พลังเร้นบางอย่าง อันเป็นพลังอันมหาศาลและยิ่งใหญ่มากเหลือเกิน เวลาเวียนมาบรรจบมาถึงแล้วละสิ นี่คง.. เป็นเวลาตามอายุขัยของพี่เอ็ม ถ้าพี่เอ็มไม่ฆ่าตัวตาย พี่เอ็มก็จะยังมีชีวิตอยู่จนถึงในวันนี้.. วันที่พี่เอ็มอายุครบ 23 ปี ประตูแห่งโลกวิญญาณ ได้เวียนมาบรรจบตามวาระ และกำลังจะเปิดออกแล้ว..
“ พี่เอ็ม ถึงเวลาแล้ว เราคงต้องจากกันแล้ว ”
“ วิน.. วิน.. พี่.. พี่รักวิน พี่.. พี่.. ”
เอ็มอยากจะกล่าวสิ่งต่างๆมากมาย แต่.. ในขณะนี้ เขาพูดได้เพียงแค่นี้ ความรู้สึกต่างๆมันเอ่อท้น จนทำให้เขาไม่สามารถกล่าวอะไรได้อีกเลย ชีวินเห็นดังนั้นก็ยิ่งสะเทือนใจ แต่จะทำกระไรได้ คงต้องปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามนั้น เขาแลเห็นประตูแห่งโลกวิญญาณได้เปิดออกแล้ว มันเป็นลำสงเจิดจ้าที่สว่างไสวและดูทรงพลัง เขาจึงพยายามสะกดกลั้นความเศร้าโศก และเอ่ยกับเอ็มด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“ พี่ครับ ผมก็รักพี่มากนะครับ พี่เป็นพี่ชายที่แสนดีของผมเสมอมา นี่คือสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำให้พี่ ประตูเปิดออกแล้ว ผมจะถอดจิตแล้วไปส่งพี่ที่โลกแห่งวิญญาณ พี่จะได้.. จะได้พบ พบกับคนที่พี่รัก พี่ปอนคงกำลังรออยู่ ไปกันเถิดนะครับ ”
กล่าวจบ ชีวินก็หนดจิต และถอดดวงจิตออกจากร่าง เพียงชั่วเวลาไม่นาน เขาก็ถอดดวงจิตได้ เขาก้าวมายืนเคียงเอ็มอยู่ตรงหน้าลำแสงที่เจิดจ้าสว่างไสวนั้น ลำแสงที่เป็นประตูแห่งโลกวิญญาณ ที่กำลังเปิดออก และรอเอ็มอยู่ ชีวินเหลือบมองไปที่พี่เอ็ม และคว้ามือเอ็มขึ้นมากุมไว้ จากนั้น.. ทั้งคู่ก็ล่องลอยเคียงกัน ตรงไปสู่.. ลำแสงนั้น.. ลำแสงที่จะนำพาทั้งคู่ เพื่อไปสู่.. โลกแห่งวิญญาณ..
.
.
เมื่อล่องลอยเข้ามาสู่ในลำแสงนั้น.. ชีวินก็รู้สึกถึง.. กำลังถูกดูดด้วยพลังอันมหาศาล มันเป็นความรู้สึกเดียวกันกับเมื่อครั้งที่เขามาด้วยตนเองในครานั้น แต่.. ในครานี้.. จะดูทรงพลังกว่า เขากุมมือพี่เอ็มแน่นขึ้นด้วยความตื่นระทึก และแฝงไปด้วยความปลื้มปิติ พี่เอ็มและพี่ปอนกำลังจะได้พบกัน เขาอยากเห็นภาพนั้นจนแทบอดใจรอไม่ได้อีกต่อไป..
จนในที่สุด.. ทั้งคู่ก็ได้มาถึง เขาได้แลเห็นปอนกำลังรอคอยด้วยใบหน้ายิ้มละไม และอิ่มเอิบไปด้วยความปิติสุข ชีวินจึงจับมือของพี่ชายทั้งสอง เข้ามากุมกันไว้ จากนั้น.. เขาก็ปลีกตัวห่างออกไป และกำลังเฝ้ามองด้วยความตื้นตัน ในภาพอันแสนสวยงาม ที่สุดแสนจะประทับใจ ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนั้น เอ็มกุมมือปอนและจ้องมองดวงหน้าของปอนอยู่นิ่งๆเช่นนั้นครู่หนึ่ง ดวงหน้าดวงนี้ ดวงหน้าที่เขาถวิลหาที่จะได้พานพบมานานแสนนานแล้ว จนบัดนี้.. เขาได้พบแล้ว มันช่าง.. ดุจดังความฝัน เอ็มรู้สึกดีใจเหลือเกิน มันเป็นความปิติสุขที่เอ่อท้นจนมิอาจบรรยายเป็นคำพูดได้ ทั้งคู่.. คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันในเวลานี้กระมัง?
“ ปอน ”
“ เอ็ม ”
“ เราได้พบกันแล้ว เอ็ม.. เอ็มดีใจที่สุดเลย เอ็มคิดถึงปอนมากรู้ไหม? ”
“ ปอนก็คิดถึงเอ็ม ปอนดีใจ ที่มีวันนี้ ดีใจจน.. จนไม่รู้จะพูดเช่นไรดีแล้ว ”
และแล้ว.. ทั้งคู่ก็โผเข้ากอดกัน ส่งกระแสแห่งความรักความอบอุ่นถึงกันและกัน มันคือความรักที่ส่งตรงมาจากหัวใจที่มีให้กันและกันอย่างจริงใจ ชีวินมองภาพนั้นด้วยน้ำตาเนืองนองใบหน้าด้วยความซาบซึ้งใจ มันช่างสวยงามเหลือเกิน คู่แท้ของกันและกันได้กลับมาพบกันอีกครั้งแล้ว เขาได้ทำจนสำเร็จแล้ว เขารู้สึกปิติ และอิ่มเอิบใจเหลือเกิน เขาเฝ้ามองภาพนั้นเงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น.. เขาก็เริ่มกำหนดจิต อุทิศส่วนกุศลให้ทั้งคู่ พลังบุญบารมีที่เขาสั่งสมมาจนถึงในวันนี้ เขาขอมอบแด่.. ทั้งคู่ ขอมอบให้ทั้งหมด จากนั้น.. เขาก็กำลังจะลาจากไปแบบเงียบๆ แต่.. ในระหว่างนั้น เขากลับถูกเหนี่ยวรั้งเข้ามาโอบกอดไว้จนแนบอกจากพี่ชายทั้งคู่ เขาเหลือบแลมองใบหน้าของพี่ชายทั้งสอง แล้วเขาก็พบว่า.. ทั้งคู่กำลังร้องไห้ ดวงวิญญาณของทั้งคู่กำลังร้องไห้ นี่.. เขาร้องไห้ได้ด้วยหรือ? ชีวินรู้สึกแปลกใจ แต่.. ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกตื้นตันใจไปด้วยไม่น้อยเช่นกัน จากสัมผัสโอบกอดจากทั้งคู่นั้น ชีวินรู้สึกว่า..  มันช่าง.. แสนจะอบอุ่นเหลือเกิน
“ น้องวิน พี่ขอบคุณมาก พี่.. พี่ไม่รู้จะกล่าวเช่นไรดี? ”
“ วิน.. พี่รักวิน ขอบคุณมากนะ สำหรับทุกสิ่งที่ทำให้ พี่.. พี่ไม่อยากจากวินเลย แต่.. ทุกสิ่งคงต้องเป็นไปตามนั้น ”
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมขอให้พี่ทั้งสองมีความสุขร่วมกันตลอดไป สิ่งที่ผมตั้งใจไว้ ผมก็ได้ทำจนลุล่วงแล้ว แค่นี้.. ผมก็ดีใจที่สุดแล้ว เอาละ.. ผมคงต้องไปก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างสมบูรณ์หมดแล้ว ลาก่อนนะครับพี่ทั้งสอง ”
ชีวินกล่าวจบก็ผละออก แม้จะไม่อยากจะจากสัมผัสอบอุ่นแบบนี้เลย แต่.. เขาก็ต้องไป ดวงจิตที่เป็นภาพร่างของชีวินกำลังจะกลับสู่ร่างของเขาในโลกมนุษย์ ในระหว่างที่เขากำลังเลือนหายออกไปจากโลกแห่งวิญญาณ เขาก็ได้ยินคำพูดสุดท้ายของพี่ชายทั้งสอง ที่กำลังกล่าวอำลาเขาด้วยความซาบซึ้งและตื้นตัน..
“ น้องวิน ลาก่อนนะ น้องเป็นคนดี คนที่จิตใจงดงามแบบน้องวิน น้องจะได้พานพบแต่ความสุขตลอดไป ”
“ วิน น้องรักของพี่ สักวัน.. ถ้ามันพอจะเป็นไปได้ พี่หวังว่า.. เราคงได้พบกันอีกครั้ง ลาก่อนนะวิน ”
ชีวินรับรู้คำกล่าวอำลาอย่างจริงใจจากทั้งคู่ก่อนที่ดวงจิตที่เป็นภาพร่างของเขาจะลือนหายไป เขายิ้มตอบรับ และโบกมืออำลา และแล้ว.. เขากลับมายังโลกของเขาในเวลาเพียง.. ชั่วเสี้ยววินาที..
. . . .
.
.
.
.
บรรยากาศภายในวัดแห่งนี้ยังคงสงบร่มรื่นเช่นเคย พี่เอ็มได้จากไปนานแล้วนับแต่นั้น แต่.. ชีวินยังคงคิดถึงพี่เอ็มอยู่เสมอ แม้จะเป็นระยะเวลาเพียงช่วงสั้นๆ ที่เขาและพี่เอ็มได้อยู่ร่วมกัน แต่ความผูกพันนั้นกลับแนบแน่นเสมอมา ในวันนี้.. เขากลับมาที่วัดแห่งนี้อีกครั้ง เขาตรงไปที่บรรจุอัฐิของพี่เอ็ม อยากไปยืนไว้อาลัยให้ด้วยความคิดถึง แล้ว.. เขาก็ได้พบว่า.. คุณป้าท่านนั้น คุณป้าที่เป็นคุณแม่ของพี่เอ็มเมื่อครั้งมีชีวิตกำลังบรรจงคล้องพวงมาลัยดอกไม้สดที่มีกลิ่นหอม ตรงแผ่นป้ายหินอ่อนที่สลักชื่อพี่เอ็มอยู่ด้วยความอาลัย เขาเห็นดังดังนั้นจึงเอ่ยทักทายพร้อมพนมมือไหว้คุณป้าท่านนั้น
“ สวัสดีครับคุณป้า ”
หญิงวัยกลางคนเหลือบมองชีวินแล้วรับไหว้ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ นี่หนู? ”
“ ครับผมเอง ผมที่เคยถามคุณป้าเรื่องของพี่เขาในครั้งก่อนนั้นไงครับ คราวนั้นผมต้องขอโทษนะครับ ที่การถามอะไรที่ไม่รู้จักกาละเทศะของผม จะทำให้คุญป้าต้องเศร้าสะเทือนใจ นี่คุณป้าคงจะคิดถึงพี่เขานะครับ? ”
“ อ่อ หนูนี่เอง ไม่เป็นไรหรอกลูก เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ป้าคิดว่า.. สิ่งที่ป้าเล่าไปในครั้งนั้น ก็คงจะพอเป็นข้อคิดให้หนูได้บ้าง พ่อแม่นะหนูนะ ถึงอย่างไรก็รักและห่วงใยลูกเสมอ เลือดในอกนะลูก แล้วนี่.. หนูเข้าใจถูกแล้ว ใช่จ้ะ.. ป้าคิดถึงเขามาก ยังเป็นห่วง และยังคิดถึงน่ะจ้ะ ”
“ ครับ แต่.. ผมว่า.. พี่เขาคงมีจะความสุขไปแล้ว แบบว่า.. คงไปจะสู่สุขคติแล้วละครับคุณป้า ”
“ ทำไมหนูจึงคิดเช่นนั้นละจ๊ะ? ”
“ ก็.. ก็.. เอ่อ.. เอ่อ.. ผมคิดว่า.. พี่เขาคง.. คงจะรับรู้ถึงความรัก ความห่วงใยจากคุณป้าแล้วละครับ คุณป้าดูจะมาไว้อาลัยให้อยู่แบบนี้บ่อยครั้ง ผมว่า.. พี่เขาคงรับรู้ได้ คุณป้าน่าจะสบายใจได้แล้วนะครับ ”
“ ขอบใจจ้ะหนู หนูเป็นเด็กดีน่ารักนะ รู้จักให้กำลังใจผู้ใหญ่ด้วย ”
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ พอดี.. ผมเห็นคุณป้าดูจะกำลังเศร้าอาลัย ผมก็เลยอยากมาให้กำลังใจคุณป้าน่ะครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ สวัสดีครับคุณป้า ”
จากนั้น.. ชีวินก็ปลีกตัวออกมา เขาแวะมานั่งเล่นที่บริเวณสระน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ในอาณาเขตของวัดแห่งนั้น บรรยากาศอันเย็นสบายและร่มรื่น ทำให้ชีวินรู้สึกผ่อนคลาย เขามัวนั่งคิดอะไรต่ออะไรอยู่พักใหญ่จนเหมือนกับจะลืมเวลา จนเมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง.. ก็ดูจะเย็นมากแล้ว เขาจึงคิดว่า.. น่าที่จะกลับบ้านได้เสียที ระหว่างนั้น.. ขณะที่เขากำลังจะเตรียมตัวกลับ เขาก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยเอ่ยทักเขา เขาจึงหันไปมองแล้วก็พบว่า..
“ วิน จะกลับแล้วเหรอ? ”
“ อ้าว.. พัฒน์ มาทำอะไรที่นี่น่ะ แล้วนี่มาตั้งแต่เมื่อไร? ”
“ เราก็.. เอ่อ.. มาตามความฝันน่ะ เรามาที่นี่ตั้งนานแล้ว เรา เอ่อ.. แอบนั่งหลบอยู่หลังต้นไม้โน่นน่ะ ”
ชีวินได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกแปลกใจ นี่พัฒน์พูดอะไรของเขานะ? มาตามความฝัน? มาแล้วแอบมานั่งหลบ? นี่มันอะไรของเขากันแน่นะ? ชีวินรู้สึกสงสัยและคลางแคลงใจเหลือเกิน
“ อะไรของนายน่ะพัฒน์ มาตามความฝันอะไร? ”
“ ก็.. ก็.. คือ.. เอ่อ.. อย่าหัวเราะเรานะวิน คือ.. เมื่อคืนเราฝัน เราฝันว่า.. มีผู้ชายรูปหล่อ 2 คนมาบอกเรา เขาบอกเราว่า เอ่อ.. เอ่อ.. ในวันนี้ ให้เรามาที่นี่ ที่ที่เราและวินเคยมานั่งเล่นคุยกันในตอนนั้นไง เขาบอกว่า.. เราจะได้พบเนื้อคู่ของเราที่นี่ คนคนนั้นจะป็นคู่แท้ของเรา เขาบอกมาอย่างนี้ และยังกำชับให้เราต้องมาให้ได้ น่าแปลกนะวิน ที่เรา เอ่อ.. เราเชื่อน่ะ ถึงจะเป็นแค่ความฝัน แต่เราก็เชื่อนะ ”
กล่าวจบ พัฒน์ก็จับมือชีวินมากุมไว้ แล้วก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้งว่า..
“ เรามานั่งหลบเพื่อคอยลอบมอง มองหาคนที่ใช่ของเรา ตลอดเวลาที่เรานั่งอยู่ตรงนั้น ก็ไม่มีใครอีกเลย นอกจาก.. วิน จนในที่สุด เราก็รู้สึกมั่นใจแล้ว ว่า.. คนที่ใช่ของเรา น่าจะ.. เป็นวิน.. วินเราดีใจนะ ที่เป็นแบบนี้ เราดีใจเหลือเกิน ”
ชีวินได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตื้อและพูดไม่ออก และแล้ว.. เขาก็รู้สึกถึงกระแสจิตของใครบางคน ซึ่งนั่นก็คือ.. พี่เอ็มกับพี่ปอนนั่นเอง ทั้งคู่กำลังส่งกระแสพลังจิตเพื่อเอ่ยบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่ดูจะบางเบาและดูจะห่างไกลแสนไกลเสียเหลือเกิน แต่ถึงกระนั้น.. ก็ยังสามารถรับรู้และรับฟังได้อย่างชัดเจน
“ วิน.. เด็กหนุ่มคนนี้แหละ คือคู่แท้ของวิน เขาผู้นี้จะมาคอยดูแลและอยู่คียงข้างวิน เขาผู้นี้เป็นคนดี และจะเป็นผู้ทำให้ชีวิตของวินมีความสุขตราบจนสิ้นอายุขัย เขาผู้นี้แหละ.. คือ.. เนื้อคู่ของวิน ”
“ ถูกแล้วน้องวิน จริงอยู่ที่ว่า.. เวลาแห่งการรับรู้ความมีตัวตนของเนื้อคู่น้องวินนั้นจะยังมาไม่ถึง แต่.. ที่พี่และพี่เอ็มได้รวมพลังกันเพื่อที่จะทำสิ่งนี้ให้กับน้องวิน เพราะ.. พี่และพี่เอ็มอยากจะตอบแทนจิตใจที่ดีงามของน้องวินบ้าง การที่พี่ทำแบบนี้ แม้จะผิดในลิขิต แต่.. มันก็ไม่ได้ทำให้อนาคตของน้องวินและน้องผู้ชายคนนี้เปลี่ยนไป มันกลับจะเป็นการส่งผลดีเสียอีก เพราะ.. มันจะทำให้น้องวินแคล้วคลาดจากภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับน้องวิน เพื่อที่น้องวินจะได้รับรู้ความเป็นเนื้อคู่จากน้องผู้ชายคนนี้ในอนาคต แต่.. ในเมื่อ.. น้องวินได้รับรู้ก่อนแล้ว น้องวินก็จะไม่พบภัยอันตรายนั้นอีกเลย อนาคตเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่.. มิได้ส่งผลร้ายแต่อย่างใด จงสานความสัมพันธ์ให้เติบโตมากขึ้นไปอีกนะน้องวิน แล้วน้องวินจะมีความสุขกับน้องผู้ชายคนนี้ตลอดไป ”
หลังจากนั้น กระแสพลังจิตนั้นก็หายไป พี่ปอนกับพี่เอ็มคงรวบรวมพลังเพื่อมาบอกเขา ซึ่งมันสิ่งที่ทำได้ยากมาก เพราะโลกแห่งวิญญาณนั้นอยู่ห่างไกลมากเกินไป แต่กระนั้น.. ทั้งคู่ก็ยังร่วมกันทำสิ่งนี้เพื่อเขา เขารู้สึกตื้นตันใจเหลือเกิน ชีวินลอบมองใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่กำลังจ้องมองหน้าเขานิ่งอยู่ และยังคงกุมมือเขาอยู่เช่นนั้นไม่ปล่อย เขาคิดในใจว่า.. คนใกล้ๆตัวคนนี้เองละหรือ? คือเนื้อคู่เขา? คนคนนี้ คนที่เขาแอบพึงใจ และพยายามหักห้ามใจมาโดยตลอด คือ.. คู่แท้ของเขา? คู่แท้ของเขาอยู่ใกล้กันแค่นี้เองหรือ? ความรู้สึกของเขา ณ ตอนนี้ มันดูจะเอ่อท้นจนแทบกล่าวอะไรออกมาไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็กล่าวออกมาจนได้ ด้วยน้ำเสียงที่ดูจะอึกอักเพราะความประหม่าอาย
“ นี่.. นี่นาย เอ่อ.. เอ่อ.. พูดอะไรแบบนี้.. ทำไมถึงได้ เอ่อ.. กล้าพูดอะไรแบบนี้? ”
“ ทำไมจะพูดไม่ได้ล่ะ? ก็เราชอบวินน่ะสิ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราก็ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกตัวเอง แต่.. จนถึงในวันนี้.. เราเข้าใจแล้ว.. ว่าเรารู้สึกกับวินเช่นไร? เราดีใจที่สุดเลย ที่คนผู้นั้นคือวิน เราคบกันนะวิน ให้โอกาสเราเถิดนะ เราจะพิสูจน์ตัวเองให้วินได้เห็นว่า.. เรา.. เอ่อ.. เราจริงใจ ได้โปรดเถิดนะวิน ”
“ เอ่อ.. ”
ชีวินพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว ใบหน้าเขาแดงซ่านและรู้สึกร้อนผ่าว เขามิได้ตอบรับใดๆ แต่.. กลับกุมมือของพัฒน์แน่นขึ้น เพื่อแสดงถึงความรู้สึกจริงๆของเขาแด่พัฒน์ และ พัฒน์ก็รับรู้ถึงความรู้สึกนั้น เขาอมยิ้มละไม และโอบกระชับไหล่ของผู้ที่อยู่เคียงใกล้ด้วยความรักจากหัวใจที่จริงใจ ความรักแรกรุ่นที่กำลังเริ่มผลิบาน และแล้ว.. ทั้งคู่ก็ออกเดินเคียงกัน โอบกระชับเคียงชิดใกล้กันอยู่เช่นนั้น โดยมิได้กล่าวพูดคุยใดๆกันอีกเลย มีเพียง.. เสียงแห่งหัวใจที่ส่งผ่านให้กันและกันด้วยความรัก ความเข้าใจ ที่กำลังจะเริ่มเติบโตมากขึ้นไปอีกในอนาคตอันใกล้นี้..

*******
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 23-03-2009 03:39:08
พานพบ ( บทส่งท้าย )

(http://img410.imageshack.us/img410/8996/a016.jpg)

หนูน้อยกำเหรียญ 5 บาทแน่นจนชุมเหงื่อ ภายหลังจากโรงเรียนเลิก เด็กน้อยรู้สึกค่อนข้างหิว เขาจึงตั้งใจว่าจะซื้อลูกชิ้นปิ้งกินรองท้องก่อนกลับบ้านด้วยเหรียญ 5 บาทค่าขนมเหรียญสุดท้ายที่เหลือในวันนี้ และแล้ว.. เขาก็ได้มันมา ลูกชิ้นปิ้งอุ่นๆหอมกรุ่น และชุ่มโชกด้วยน้ำจิ้มเลิศรส 1 ไม้ ในขณะที่เขากำลังอ้าปากเพื่อจะงับลูกชิ้น สายตาเจ้ากรรมของเขาก็เหลือบแลไปเห็น ลูกหมามอมแมมผอมโกรก นั่งกระดิกหางมองมาที่เขาด้วยสายตาละห้อย กำลังเลียปากแผลบๆ และกลืนน้ำลายด้วยความหิว เขารู้สึกประดักประเดิดใจชอบกล แต่.. ช่างมันเถิด มันก็แค่.. ลูกหมาข้างถนนมอมๆตัวหนึ่ง เขานึกในใจเช่นนั้นเพื่อให้รู้สึกผิดน้อยลง แล้วเคี้ยวลูกชิ้นแสนอร่อยนั้นต่อ แต่แล้ว.. ทำไม? เขาจึงรู้สึกว่ามันกลืนไม่ค่อยจะลงคอเลย เขาพยายามนึกเหตุผลต่างๆนานา ตามที่เด็กอายุ7-8 ขวบขนาดเขาพอจะคิดออก เพื่อที่จะหักล้าง ความละอาย และความรู้สึกผิดในจิตใจตัวเอง..
“ ลูกชิ้นเผ็ด หมากินไม่ได้หรอก ”
“ ก็เรากำลังหิว.. มันก็แค่ลูกหมาข้างถนน เดี๋ยวมันก็ไปคุ้ยหาขยะกินได้ ”
“ ลูกหมาคงกินลูกชิ้นไม่เป็นหรอก ”
“ จะสนใจทำไม? มันก็แค่.. ลูกหมา..”
 เขาพยายามทำไม่สนใจ แต่.. เมื่อได้สบตากับดวงตาแป๋วแหว๋วของเจ้าหมาน้อยตัวนั้น เขาก็เลยจำต้องตัดใจ ยอมยกลูกชิ้นที่เหลืออีก 3 ลูกให้
“ เฮ้อ!!.. เอ้าๆ เสียสละให้ก็ได้ มองอยู่นั่นแหละ เลยกินไม่ลงเลย คอยดูนะ ถ้าแกไม่กิน ฉันจะเตะแกให้เจ็บๆเลย ฉันก็หิวเหมือนกันนะ แต่.. ฉันก็กลับไปกินข้าวบ้านได้ แต่แก.. คงจะไม่มีบ้าน? คงจะไม่มีใครดูแล? เอ้า กินซะไอ้หมามอม เฮ้อ ”
เด็กน้อย รูดลูกชิ้นออกจากไม้ แล้วก็นำไปกองตรงหน้าเจ้าหมาน้อยตัวนั้น เพียงไม่นาน.. ลูกชิ้นทั้ง 3 ลูกก็หายไปอย่างรวดเร็ว มันคงจะกำลังหิวมากๆ หมาตัวเล็กๆ กับลูกชิ้น 3 ลูก คงจะพอบรรเทาความหิวโหย ให้มันได้บ้าง หลังจากที่มันกินเสร็จ มันก็นั่งกระดิกหางมองผู้หยิบยื่นความเมตตาให้แก่มัน สบตาเหมือนอยากจะบอกว่า.. ขอบคุณมากเหลือเกิน สำหรับอาหารมื้อนี้..
“ มองอะไรอีก? หมดแล้วไม่มีอีกแล้ว ไม่อิ่มหรือไง?  ทำไงได้ก็มีอยู่แค่นั้น เงินฉันก็หมดแล้วด้วย ฉันจะกลับบ้านแล้วละ ถ้าแกยังไม่หายหิว ก็คุ้ยๆหาอะไรกินเอาเองก็แล้วกันนะ ”
เจ้าหนูพูดพึมพำกับหมาน้อย จนดูราวกับว่า.. มันจะเข้าใจ จากนั้น.. เขาก็ลุกขึ้นเดินกลับบ้าน โดยมีจ้าหมาน้อยวิ่งต๊อกๆ กระดิกหางตามมาด้วย
“ จะตามมาทำไมอีก? ฉันคงเลี้ยงแกไม่ได้หรอก แม่คงไม่ให้เลี้ยงแน่นอน เสียใจด้วยนะ เจ้าหมามอมแมม ”

แต่.. เจ้าหมาน้อยก็ยังคงวิ่งตามอย่างไม่ลดละ แม้เด็กน้อยจะวิ่งหนีจากมัน มันยังคงก็วิ่งตาม จนเหนื่อยอ่อนด้วยกันทั้งคู่ เหตุการณ์ต่างๆคงจบลงแค่นั้น ถ้าเจ้าหนู เตะเจ้าหมาน้อยสักเปรี้ยงให้มันเจ็บๆ มันคงจะวิ่งหนีแล้วเลิกตามแน่นอน แต่.. เขาคงทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะดูรุนแรงโหดร้ายเกินไป เขาคงเดินอย่างอ่อนใจ โดยมีเจ้าลูกหมาจอมตื้อ เดินดุ๊กดิ๊กตามมาด้วย แล้วนี่.. เขาจะทำเช่นไรดีนะ ใจจริงเขาก็อยากมีลูกหมาเป็นเพื่อนเล่นสักตัวเหมือนกัน แต่.. แม่เขาคงจะไม่ยอม เพราะฐานะทางบ้านของเขาคงไม่เอื้ออำนวยให้เลี้ยงดูเจ้าหมาน้อยตัวนี้ได้ ระหว่างนั้น.. เขาก็ได้ยินเสียงเอ่ยทักจากเด็กแก่นเซี้ยว ซึ่งดูจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกันกับเขา เขาจึงหันไปตามเสียงเรียก ก็พบเจ้าหนูหน้าตามอมแมมเพราะความซุกซนกำลังยืนยิ้มหน้าทะเล้นอยู่..
“ เฮ้ย!! นั่นไอ้ลูกหมามอมแมมที่ไหนตามมาวะ? อย่าบอกนะ ว่าจะเอาไปเลี้ยง? หึหึ ”
“ เปล่าหรอก มันตามมาเองน่ะ เมื่อกี้.. ให้มันกินลูกชิ้นมันเลยตามมาเลย เห็นมันดูหิวๆเลยสงสารมัน จริงๆก็อยากจะเอาไปเลี้ยงนะ แต่.. แม่คงไม่ให้ว่ะ แล้วนี่จะทำไงดีวะ ช่วยคิดหน่อยสิ เออ.. หรือว่า.. นายจะเอาไปเลี้ยง เราจะได้ไปเล่นกับมันได้ด้วย แบบนี้ดีไหม? นะ นะ ช่วยหน่อย ”
“ เฮ้ย!! ไม่ได้หรอก แม่เราก็คงไม่ให้เหมือนกัน ทุกวันนี้แม่เราก็บ่นจะแย่อยู่แล้ว หาว่าเราซนเกิน จนเลี้ยงแทบจะไม่ไหว แถมยังพูดอีกว่า.. สักวัน.. แม่เราจะเอาเราไปทิ้งขยะอีก ดูแม่เราพูดสิ หึหึ ”
“ หึหึ แม่นายคงพูดเล่นน่ะ แม่ที่ไหนจะเอาลูกไปทิ้ง? จะบ้าเหรอ? ก็นายอยากซนจนทำตัวมอมแมมทำไมล่ะ? แม่นายก็คงจะเบื่อละสิ เออ.. แล้วไอ้ลูกหมาตัวนี้ เราจะทำอย่างไรกับมันดี? ”

ชีวินลอบมองการสนทนาของเจ้าหนู 2 คนแล้วก็อมยิ้มละไม เพราะทั้งคู่มานั่งปรึกษากันหน้าบ้านเขาพอดี เขารู้สึกเอ็นดูเด็กน้อย 2 คนที่ดูท่าทางจะสนิทสนมกันพอควร จากการลอบฟังการสนทนากัน ทั้งคู่คงจะเป็นเพื่อนรักกันแน่นอน ชีวินคิดในใจเช่นนั้น..
.
.
.
.
ชีวินในวันนี้.. เขาได้เติบโตเป็นหนุ่มรูปงาม เรียนจบ และทำงานด้านการเขียนหนังสือในแบบอิสระ มิได้สังกัดประจำที่ใด เขามีฝีมือในการเขียนได้ดีพอควร เขาจึงค่อนข้างจะมือชื่อเสียงในวงการนี้ ซึ่งมันก็ทำรายได้ให้เขาได้มากพอควร อีกทั้ง เขายังจะมีเวลาส่วนใหญ่ดูแลบ้าน ได้อยู่กับบ้านเกือบทุกวัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาชอบ เพราะอุปนิสัยเขานั้น รักสันโดษ และชอบความเป็นส่วนตัว ในทุกๆสัปดาห์ เขาก็มักจะแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนและดูแลพ่อแม่ของเขาอยู่เป็นประจำมิได้ขาด ในทุกวันนี้.. เขาได้มาใช้ชีวิตคู่อยู่กับพัฒน์อย่างมีความสุขในบ้านหลังเล็กๆขนาดกระทัดรัดหลังนี้ ในขณะที่พัฒน์กำลังจัดเตรียมอาหารมื้อเย็นอยู่ในครัว ชีวินจึงเดินออกมาดูแลความเรียบร้อยบริเวณหน้าบ้าน แล้วเขาจึงได้มาเห็นเจ้าหนูมอมแมม 2 คนกำลังปรึกษาหารือกัน เกี่ยวกับเจ้าลูกหมาที่กำลังกระดิกหางจ้องมอง ว่าที่เจ้านายตัวน้อยตาแป๋วแหว๋วอยู่ มันช่างเป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน ชีวินเห็นดังนั้น.. เขาจึงอยากร่วมวงสนทนาด้วย เขาจึงเอ่ยขึ้นกับเจ้าหนู 2 คนนั้นว่า..
“ ขอโทษที่แอบฟังนะ ดูช่างเป็นปัญหาที่น่าเห็นใจจัง งั้นให้น้าร่วมช่วยคิดด้วยคนได้ไหม? หวังว่าคงไม่รังเกียจนะ ”
“ ได้สิครับ ”
เจ้าหนูทั้งสองเอ่ยตอบรับพร้อมเพรียงกัน
“ อืม.. งั้นเอางี้ดีไหม? น้าขอออกความเห็นว่า.. น้าจะเลี้ยงให้ เพราะน้าคิดว่า.. น้าคงจะพร้อมและสะดวกที่สุด แต่.. มีข้อแม้นะ ข้อแม้นั้นก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรมากนักหรอก ก็แค่.. น้าขอแค่เป็นคนเลี้ยงและคอยดูแลให้เท่านั้น แต่.. เจ้าของตัวจริงของเจ้าลูกหมาตัวนี้ คือหนูทั้งสองคนนะ หนูต้องรักมันและห้ามทอดทิ้งมันรู้ไหม? ดูสิ.. ท่าทางมันจะรักหนูมากๆเลย ถ้าหนูทอดทิ้งมัน มันคงจะเสียใจแย่เลย หนูสามารถมาหา มาเล่นกับมันได้ทุกครั้งที่อยากมา น้าอยู่บ้านทุกวันอยู่แล้ว เวลามาหามันก็ขออนุญาติคุณพ่อ คุณแม่ก่อนนะ ท่านจะได้ไม่เป็นห่วง แค่นี้แหละ มันยากไปไหม? ”
“ โห.. น้า.. ทำไมใจดีแบบนี้ละครับ?  ขอบคุณครับ ข้อแม้ไม่ยากเลย ตกลงตามนั้นเลยนะครับ ”
“ หึหึ งั้นโอเคตามนี้ เออ ว่าแต่.. เรา 2 คนชื่ออะไรกันบ้างล่ะ? น้าชื่อวินนะ เรียกน้าวินก็ได้ ”
“ ครับน้าวิน ผมชื่อเอ็มครับ ”
“ ส่วนผม.. ชื่อปอนนะครับ เรา 2 คนเป็นเพื่อนกันครับ ”
เอ็ม ปอน? ชื่อนี้? ชีวินได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกเอะใจ 2 ชื่อนี้มันอยู่ในความทรงจำเขามานานหลายปีแล้ว เขาไม่เคยลืมเลย และยังคงรำลึกถึงอยู่เสมอด้วยความคิดถึง ขอบตาเขาเริ่มร้อนผ่าว และเริ่มสังหรณ์ใจบางอย่าง เขารีบคว้าข้อมือของเจ้าหนูที่ชื่อเอ็มมาหงายดู และแล้ว.. เขาก็พบว่า..
“ เอ็ม นี่มันรอยอะไร? ทำไมมันดูเหมือนกับเป็นแผลเป็น มันเหมือนกับ.. เคยโดนของมีคมบาด? ”
“ นั่นเอ็มเป็นมาตั้งแต่เกิดแล้วครับน้า แม่ปอนบอกว่า.. ชาติก่อน เอ็มคงเชือดข้อมือฆ่าตัวตายน่ะครับ ก็เลยมีแบบนี้ ”
เจ้าหนูจอมแก่นเอ่ยตอบแทนเพื่อนของเขาด้วยน้ำเสียงฉะฉาน ชีวินได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกว่า.. ใช่แล้ว มันต้องใช่แน่ๆ มันต้องเป็นแบบที่เขาคิด ชีวินคิดได้ดังนั้น น้ำตาแห่งความปิติก็ไหลรินอาบแก้ม เขาดึงเจ้าหนู 2 คนเข้ามาสวมกอดในทันที พลางคิดในใจว่า.. นี่คง.. จะเป็นพี่เอ็มกับพี่ปอนได้กลับมาเกิดใหม่แล้ว ได้กลับมาเกิดคู่กันอีกครั้ง แล้ว.. เขาก็ได้พบ เขารู้สึกดีใจเป็นที่สุด จนในที่สุด.. เราก็ได้พบกันอีกครั้ง มันเป็นความรู้สึกถึงความตื้นตันที่เอ่อล้นจนเต็มหัวใจ ต่อแต่นี้.. เขาคงได้พบพี่เอ็มและพี่ปอน ในร่างของเด็กน้อยวัยเยาว์ที่จะเติบโตขึ้นทุกวันได้บ่อยครั้ง หรือ.. อาจจะ.. ตลอดไปก็เป็นได้ ทุกอย่างมันใกล้กันแค่เอื้อมแค่ตรงนี้นี่เอง เด็กน้อย 2 คนรู้สึกงงงันในท่าทีเช่นนั้นของชีวิน แต่.. น่าแปลก ในอ้อมกอดนั้น.. เขาทั้งคู่กลับรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด เขารู้สึกสนิทใจและผูกพันมากเหลือเกิน และเขาทั้งคู่ก็เริ่มนึกรักน้าชายคนนี้เสียแล้ว ชีวินสวมกอดเด็กทั้งสองอยู่เช่นนั้นครู่ใหญ่ เขาจึงเริ่มรู้สึกตัว เขาจึงผละออกและเอ่ยอย่างระล่ำระลักด้วยความประหม่า..
“ ขอโทษทีนะ น้าอาจจะทำอะไรที่ดูจะพิลึกจนเกินไปสักหน่อย น้าก็แค่.. คิดถึงใครบางคนน่ะ ”
“ ไม่เป็นไรหรอกครับน้า ที่น้ากอดเอ็มเมื่อกี้ เอ็มรู้สึกดีจังเลย เอ็มก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร? แต่ที่แน่ๆ เอ็มชอบน้าวินมากเลยนะครับ ”
“ ปอนก็เหมือนกันนะครับ ปอนก็ชอบน้าวินนะครับ น้าเป็นคนใจดีจังเลย ถ้า.. เอ่อ.. ปอนกับเอ็มจะมาเล่นกับหมาที่บ้านน้าวินบ่อยๆ จะได้ไหม? น้าวินจะว่าอะไรไหม? ”
“ ได้สิ ไม่มีปัญหาเลย จะมาทุกวันก็ได้น้าไม่ว่าอะไรหรอก ดีเสียอีก น้าจะได้ไม่เหงาไง? มีจอมแก่น 2 คนมาวุ่นวายในบ้านบ้างก็น่าสนุกดีออก ว่าแต่.. ต้องขออนุญาตคุณพ่อ คุณแม่ก่อนนะ เอาละ.. นี่ก็เย็นมากแล้ว เรา 2 คนกลับไปบ้านกันก่อนดีไหม? เดี๋ยวพ่อแม่จะเป็นห่วงเอานะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยแวะมาก็ได้ ส่วนเจ้าปอนน่ะ ทำตัวซุกซนให้น้อยลงก็น่าจะดีนะ เดี๋ยวแม่เขาจะเอาเราไปทิ้งขยะซะจริงๆแล้วจะยุ่งเอา พอดีน้าแอบได้ยินเรา 2 คนคุยกันน่ะ หึหึ ”
ชีวินเอ่ยกระเซ้าเย้าแหย่ด้วยความเอ็นดู พลางลูบหัวเจ้าเด็กน้อยทั้งสองด้วยความรักใคร่ ก่อนที่เด็กทั้งสองจะปลีกตัวเพื่อกลับบ้าน เจ้าหนูเอ็มก็หันมาและเอ่ยถามกับชีวินว่า..
“ เอ้อ.. น้าวินครับ ลูกหมาตัวนี้ยังไม่มีชื่อเลย จะให้ชื่อว่าอะไรดีครับ? ชื่อว่า.. ลูกชิ้นจะดีไหม? มันจะเชยไปไหม? พอดีมันตามเอ็มมาเพราะเอ็มให้ลูกชิ้นมันกินน่ะครับ ”
“ อืม.. ดีเลย ชื่อลูกชิ้นก็น่ารักดี งั้นเอาชื่อนี้เลยก็แล้วกันนะ เออ.. แล้วปอนล่ะ? ปอนจะว่าไงกับชื่อนี้? ”
“ ก็ดีครับ ถ้าเอ็มว่าไง ปอนก็ว่าตามนั้นนะครับ งั้นปอนกับเอ็มไปก่อนนะครับ เดี๋ยวแม่ปอนจะเอาปอนไปทิ้งขยะจริงๆก็แย่เลย แหะๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ปอนกับเอ็มมาใหม่นะครับ ไปเอ็ม เรากลับบ้านกัน ”
จากนั้น.. เจ้าหนูปอนก็โอบไหล่เอ็มด้วยความสนิทสนม แล้วเด็กทั้งคู่ก็ปลีกตัวเดินกลับบ้านไป ชีวินยืนมองตามจนเด็ก 2 คนนั้นเดินหายลับตาไป เขาก็ยังคงยืนนิ่งอมยิ้มอยู่เช่นนั้น จนเขารู้สึกถึงสัมผัสของใครบางคนที่มาโอบเอวเขาไว้อย่างอ่อนโยน เขาเหลือบมองก็พบว่า.. เป็นพัฒน์นั่นเอง
“ น่ารักดีนะ พัฒน์แอบยืนมองมาตั้งนานแล้ว ”
“ ใช่ น่ารักดี พัฒน์คงจะหมายถึงเจ้าเด็กจอมแก่น 2 คนนั้นละสิ ”
“ ใช่ รวมทั้งวินด้วยนะ วินก็น่ารักนะ วินอ่อนโยนและพูดคุยเล่นกับเด็กๆแบบนี้ มันทำให้พัฒน์เห็นแล้วรู้สึกดีจังเลย มันเป็นภาพที่น่ารักจริงๆ พัฒน์ว่า.. พัฒน์เลือกคนไม่ผิดจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา พัฒน์มีความสุขมากนะวิน ”
“ วินก็มีความสุขนะพัฒน์ เราคงจะเป็นคู่แท้กันจริงๆ จึงได้มาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขแบบนี้ ”
“ อืม.. ไม่รู้ว่า.. เจ้าหนู 2 คนนั้น โตขึ้นจะเป็นอย่างไรบ้าง? ดูเขาจะรักกันดีจริงๆ ไม่รู้ว่า.. ต่อไปในอนาคต เขาทั้งคู่ จะเป็นอย่างเรา 2 คนหรือเปล่าหนอ? ”
“ วินก็ไม่รู้เหมือนกันนะพัฒน์ แค่เพียง.. วินได้เห็นเขาเกิดมาอยู่เคียงข้างกันแบบนี้ วินก็มีความสุขที่สุดแล้ว อืม.. ว่าแต่.. เราเข้าบ้านกันเถิด อาหารคงจะพร้อมแล้วละสิพัฒน์?  ”
“ ใช่.. อืม.. งั้นเราไปกินข้าวกันเถิดนะ เดี๋ยวพอกินข้าวกันเรียบร้อย เรามาช่วยกันทำความสะอาดเจ้าหมามอมแมมตัวนี้กัน จากนั้น.. ค่อยพามันไปตรวจโรคและฉีดวัคซีนป้องกันไว้ จะได้รู้สึกเป็นการปลอดภัยกับเด็กๆ ไป เจ้าลูกชิ้น เข้าบ้านกัน ”
แล้ว 2 หนุ่มรูปงามก็เดินเคียงกันเข้ามาในบ้านหลังน้อยอันแสนสุข รวมทั้ง.. เจ้าลูกชิ้น เจ้าหมาน้อยมอมแมม ที่มาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านหลังนี้ และจะเป็นสายใยเชื่อมความสัมพันธ์ให้กับบุคคลทั้งสี่ในเวลาต่อมา เจ้าหมาน้อยวิ่งดุ๊กดิ๊กตามเข้ามาในบ้านด้วย ในยามเย็นอันแสนสุขจากการได้พานพบกันอีกครั้ง ของวันนั้น..

จบบริบูรณ์
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 23-03-2009 03:55:29
 o13 o13 o13 o13
เยี่ยมมากๆซี พี่ +1 ให้เลย
ทั้งเรื่องทักษะการบรรยาย ความสามารถในการผูกเรื่องใช้ได้แล้ว
เรื่องหน้าเอาสิ่งที่ได้จากเรื่องนี้ไปใช้นะแล้ว งานเขียนดีๆจะเกิดขึ้นมาอีก
เรื่องนี้ที่ชอบที่สุด คือ ปมเรื่อง และการลำดับเรื่องที่ทำให้นั่งลุ้น
และคิดตามไปว่าจะเป็นไงต่อไปบ้าง สุดท้ายก็จบลงอย่างมีความสุข
ชอบเรื่องเด็กแก่นสองคนนี้จัง มันแสดงให้เห็นว่ากรรมเวรมันวนเวียนไปเรื่อย
คนที่มีความสัมพันธ์ในชาติก่อนย่อมกลับมาเจอกันถ้า ชะตายังไม่ขาดจากกัน
มีจุดที่รู้สึกแปลกๆ อยู่จุดนึง คือ คนที่ฆ่าตัวตายแล้วทำไมยังมีโอกาสกลับมาเกิดได้อีก
หรือว่าเป็นอย่างที่คิดว่าเพราะชะตาในชาตินี้
ยังไม่ขาดจากกันจึงทำให้คนทั้งหมดกลับมาเวียนพบกัน แล้วจะรออ่านผลงานเรื่องต่อไปน๊า ซี
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 23-03-2009 12:24:04
จบเรื่องด้วยเหตุการณ์ที่งดงามและน่าประทับใจมากเลยจ้า

เริ่มต้นตอนจบของตอนพานพบหรือบทส่งท้าย ด้วยการเปิดตัวหนูน้อยที่น่ารัก มีน้ำใจ ต่อลูกหมาน้อย
และชวนให้คิดต่อว่าหนูน้อยผู้นี้คือใครกัน

และในที่สุดก็มาเฉลยว่าเอ็มและปอนได้พบกันอีกครั้ง กลายเป็นเพื่อนสนิท เพื่อนรักกันตั้งแต่วัยเยาว์
พร้อมตำหนิที่ข้อมือที่ทำให้มั่นใจว่าเอ็มคนนี้คือเอ็มคนเก่าหรือไม่
ในขณะที่ชีวินก็ประสบความสำเร็จในการงาน และ์ได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกับพัฒน์อย่างมีความสุข

แม้จะไม่ได้แจงรายละเอียดว่าชีวินได้รับคำแนะนำจากแม่ชีหรือไม่ อย่างไร
และใช้หนทางใดในการช่วยเหลือเอ็มกับปอน แต่บทสรุปในการกลับมาเจอกันของเด็กน้อยทั้งสอง
ก็สามารถตอบโจทย์ที่ว่าสองคนจะได้พบกันอีกหรือไม่ไปหมดแล้ว
เป็นการจบเรื่องด้วยความอิ่มเอมใจ สิ่งที่คนอ่านลุ้นมาตลอดก้อได้รับการตอบรับ และคลี่คลาย
เหมือนจบละครฟอร์มยักษ์เลยนะเนี่ย

บวก 1 ให้น้องซี พร้อมกับกอดแน่นๆ ด้วยจ้า  :กอด1:
รออ่านผลงานต่อๆไปของน้องซีนะค้าบ

ปล ขอบคุณคำชมจากคุณ supranee นะคะ บวก 1 ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 23-03-2009 13:17:58
จบได้น่ารักมากๆ เลย :m4:

วิน เป็นคนที่จิตใจดีมากๆๆ


+ แทนคำขอบคุณนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 23-03-2009 14:08:20
ไม่มีคำบรรยายอื่นใด นอกจากคำว่า "สุดยอด" ของนิยาย
ซีไม่เคยทำให้ผิดหวังซักเรื่องเลย ทุกจุดกระจ่าง เคลียร์  o13

เสียดายที่จบแล้ว  :serius2:เรื่องหน้ายังไงก็ถอยออกมาได้เลยนะคับ ยังคงรอคอยอ่าน(เช่นเดิม)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 23-03-2009 15:16:23
 :pig4: จบได้น่ารักมากๆ

ชอบชื่อลูกชิ้นนะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: High_Wizard ที่ 23-03-2009 16:53:46
จะว่าอะไรไหมซีถ้าจะร้องไห้เพราะมันมีความสุขนะ

สุดยอดเลย....! แบบว่า ปลื้มประทับใจมากๆเลยนะ

อิ่มจัง กับเรื่องดีๆแบบนี้ ตอนจบน่ารักมากๆเลยนะ

มันน่าประทับใจดีจัง ชอบวะซี

ลูกชิ้น...

เปิดตำนานใหม่แล้วสินะ

ประทับใจโคตรๆ

เก่งมากๆ สวยงามที่สุด





เป็นกำลังใจให้นะเว้ยยยย

ไอปลวก.....

55+
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 23-03-2009 20:25:51
จบแบบมีความสุขมาก ซึ้งจนน้ำตาซึมเลยค่ะ ทั้งยังมีคติธรรมแฝงไว้สอนใจอีกนะคะ
ทำแต่กรรมดีย่อมได้สิ่งที่ดี ๆ ตอบแทน อย่างเช่นชีวินซึ่งทำแต่กรรมดี เลยมีชีวิตที่ดี
และพบเจอแต่สิ่งดี ๆ คนดี ๆ รอบตัวเลย ยินดีค่ะสำหรับงานเขียนของน้องซีทุกเรื่อง
ภาษาที่บรรยายสวยงาม อ่านแล้วเต็มอิ่มในอารมณ์มากเลย ขอบคุณนะคะ จะติดตาม
เรื่องต่อไปค่ะ จะมาลงเรื่องใหม่ตอนไหนคะ พี่จะคอยติดตาม  :pig4: :L1:

ขอบคุณคุณน้ำตาลนะคะที่ + ให้ จะคอยติดตามคอมเมนต์ของคุณน้ำตาลในกระทู้อื่น ๆ เช่นกันค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 23-03-2009 22:28:17
 :pig4: ซี สำหรับนิยายสนุก ๆ นะคะ

อ่านแล้วมีความสุขกับตอนจบมาก ๆ ค่ะ

ในที่สุดก็สมหวังกันทั้งสองคู่

อ่านแล้วอบอุ่นไปความรักมาก ๆ เลยค่ะ

ไว้เขียนมาให้อ่านกันอีกนะคะ จะคอยติดตามผลงานชิ้นต่อไปจ้า  :3123:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: PEAK ที่ 23-03-2009 22:39:08
 เขียนได้  o13     

จบเรื่องได้ถูกใจ  ผมชอบ   :m4:

บวก  1  เป็นกำลังใจให้กับผลงานดี ๆ ^__^

ขอบคุณมาก ๆ นะครับ  ....  มีความสุขกับการมากครับ   :กอด1:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: tamtam ที่ 23-03-2009 22:41:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 23-03-2009 23:08:59
ขอบคุณมากนะซี

เรื่องสนุกน่ารักมาก

เป็นกำลังใจให้นะแล้วจะมีเรื่องใหม่อีกไหม

รออ่านอยู่นะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 29-03-2009 17:09:14
เพิ่งตามมาอ่านครับ

เขียนได้ดีมากครับ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ครับ

 :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: mantdash ที่ 08-04-2009 12:59:41
ไอ้เราก็หาตั้งนานที่แท้ก็ลงจนจบแล้วนี่เอง  :laugh:

+1 ให้ครับ

ตอนจบไม่เศร้าแบบนี้สิค่อยชอบหน่อย อิอิ

การใช้ภาษาก็ยังสละสลวยเหมือนเดิมนะครับ

แม้จะมีขัดๆบ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังสื่อความหมายได้ชัดเจนอยู่

เป็นกำลังให้สำหรับเรื่องต่อๆไปนะครับ  o18
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: vin2526 ที่ 14-04-2009 07:44:24
เพิ่งได้อ่านครับ หาไม่เจอเหมือนกัน ชอบครับ สนุกดี ตอนแรกนึกว่า วินคู่กับเอ็มซะอีก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: Plabu ที่ 14-04-2009 22:08:52
 o13ฮ้าาา
อ่านแล้วรู้สึกซึ้ง :o12:ใจมากมาย
ตื้นตันอ่ะ :monkeysad:
ชอบจังเลย :man1:
 o13เขียนได้ดีมากๆ :mc4:
ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆให้อ่านจร้าาา :bye2:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 17-04-2009 01:56:51
อ่านเรื่องนี้แล้วประทับใจมากค่ะ

ซึ้งมาก เขียนดีจัง อาจมีติดๆหน่อยในช่วงบทสนทนาที่เป็นภาษาเขียนมากไปนิด อย่างคำว่าเถิด อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ

แต่ยังไงก็ยังชอบอยู่ดี รู้สึกว่าพลอตแปลกแต่สนุก ไม่ค่อยซ้ำคนอื่นดี แล้วก็เขียนเรียกอารมณ์ซึ้งได้สุดๆเลย แบบว่ารับอารมณ์ที่ตัวละครต้องการสื่อมาได้เลย

มีผลงานอะไรที่เขียนอีกไหมคะ อยากรู้จัง(นอกจากที่โพสต์ไว้หน้าแรก)

ขอบคุณมากค่ะที่เขียนเรื่องดีๆให้อ่าน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: srikoon ที่ 24-10-2009 19:53:25
สนุกดีครับ.........ชอบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 25-10-2009 00:20:07
 :L2:ไม่...........................ไม่อยากจะบอกว่านิยายเรื่องนี้
แต่งได้ดีมากๆๆเลยค่ะ อ่านแล้วประทับใจมาก ยิ่งตอนจบน้ำตาไหลเลย
ซึ้งมากๆๆๆ ก็จะติดตามผลงานเรื่องอื่นด้วยนะค่ะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: chae ที่ 15-02-2010 15:17:00
ตอนแรกว่าน่ากลัว อ่านไปอ่านมา น้ำตาร่วงเป็นสาย โฮ~~~~

เป็นเรื่องที่น่าประทับใจมากเลยค่ะ แต่งออกมาได้ดีเยี่ยมจริงๆ สื่อความรู้สึกออกมาได้ชัดเจนคะ o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: kungfoopungpon ที่ 01-03-2010 19:02:28
สนุกมากครับน่าประทับใจกับความรักของพวกเขานะครับ
อ่านแล้วรู้สึกอินมากคิดเห็นภาพตามตลอดเศร้าหัวเราะบ้างบางครั้ง
อ่านแล้วประทับใจชีวิตผมจะเป็นยังไงบ้างน้าผมมองอนาคตแล้วเศร้า
มองไม่เห็นตามตัวเองเลยว่าจะเป็นยังไงว้าเหนื่อยๆยังไงไม่รู้
ขอขอบคุณคนแต่งคนโพสด้วยนะครับบเรื่องนี้สนุกมาก ๆ เลยครับ
ต้องขอขอบคุณจริง ๆ นะครับ o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: Ticha ที่ 01-04-2010 16:16:39
 :man1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: mixmix ที่ 02-04-2010 11:22:49
อ่านรวดเดียวจบเลย

สนุกมากๆค่า ซึ้งดีด้วย

อ่านแล้วอบอุ่นใจดี อิอิ  :man1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: GAYLOVELOVE ที่ 26-07-2010 21:17:12
ประทับใจมากค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: 1st prince ที่ 26-07-2010 23:12:03
สนุกมาก

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: banana49 ที่ 27-07-2010 01:47:35
โอ้.. จบแล้วอ่ะ ซึ้งมากกกกก
ทำไมเราพึ่งได้อ่านหว่า แย่จัง

สนุกมากเลย แหวกแนวมาก เราชอบ
อ่านแล้วทำให้เรารู้สึกว่า ทำไมรักมันยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ^^

บรรยายไม่ค่อยถูกนะ แต่รู้สึกดี แหะแหะ
เราชอบชีวินมาก น่ารัก ^^

สุดท้าย ขอบคุณนะคะ ที่แต่งนิยายดีๆมาแบ่งปันกัน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก ( จบบริบูรณ์ 23-03-2009 )
เริ่มหัวข้อโดย: beautyless ที่ 27-07-2010 04:50:37
ตอนจบประทับใจมากเลยครับ การกลับมาพบกันอีกครั้ง เป็นภาพที่สวยงามมากเลย

ปล. น้ำตาแตกตอนรู้ว่าเด็กสองคนชื่อเอ็มกับปอนด์
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 16-09-2010 03:34:06
เย้
อ่านจบแล้ว
ในที่สุดก็แฮปปี้ทุกคู่ รู้สึกดีจริงๆค่า
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: pidoma ที่ 17-09-2010 01:31:22
 :impress2:
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: shokung ที่ 20-09-2010 13:10:57
เป็นนิยายที่อ่านแล้วซึ้ง และอิ่มเอมใจดีแท้

ขอบคุณมากนะครับ ที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้มาให้อ่าน
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 16-01-2011 02:14:45
น่ารักมากอ่า

ชอบบบบบบบบบบ

ขอบคุนนะครัรบ

ที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: fay_13 ที่ 17-01-2011 20:16:12
 o13 ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่เอามาให้อ่านนะคะ

อ่านไปปาดน้ำตาไป.... :sad4:

พอจบแล้วก็ยิ้มออกเลยค่ะ ดีใจมากๆที่เอ็มกับปอนด์ได้มีความสุขกันซักทีหลังจากที่ต้องเจ็บปวดในชาติภพที่แล้ว
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: papa ที่ 17-01-2011 21:38:14
มาอ่านอีกรอบ ก็ซึ้งจนน้ำตาแตกอีกรอบ

ชอบจริง ๆ  o13
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 24-01-2011 16:14:13
เขียนได้ดีจริงๆ  มีข้อคิดสอดแทรกให้เป็นสาระ

สนุกมากจ้า
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 27-02-2011 20:08:24
เรื่องราวดีๆอ่านแล้วได้ความรู้สึกดีๆมากมาย :กอด1:

กับความรู้สึกรักและผูกพันธ์กันของแต่ละคู่แต่ละคน :L1:

ถึงจะเป็นคู่เด็กก็เถอะ   :กอด1:

รักด้วยจิตใจที่ดี 

ถึงแต่ละคนผ่านเรื่องที่ไม่ดีมาก็เถอะ

ผลสุดท้ายก็สุขสมหวัง  เพราะการช่วยเหลือของคนที่จิตใจดี o13 :L1:

ผลงานสุดยอดครับผู้เขียน   :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 15-03-2011 01:15:26
อ่านไปก็ยิ้มไป โดยเฉพาะบทสุดท้ายนี่นะ...อยู่กันครบถ้วนเชียว
ยกนิ้วให้คนเขียน สุดยอด!!^^
 
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: paulla ที่ 16-03-2011 17:17:14
จบได้ซึ้งจังเลยยยยย 
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: so close ที่ 22-06-2011 11:50:32
ซึ้งมากๆเลยค่ะ นี่คงเป็นสิ่งที่อธิบายถึงคำว่านิยามของความรักได้อย่างดี ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 26-06-2011 00:44:52
เพิ่งอ่านจบค่ะ

เป็นเรื่องที่หนักไม่น้อยเลยในความคิดของคนอ่าน

แต่พออ่านจนจบแล้วก็มีความสุขไม่น้อยเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: tookta ที่ 28-06-2011 16:55:10
ขอบคุณนะจ๊ะ
เป็นเรื่องที่แปลกใหม่มากๆ ไม่ค่อยได้อ่านเท่าไร
กับแนวนี้ วินเป็นคนดีมากๆ จิตใจบริสุทธิ์
ถ้าในปัจจุบันมีคนแบบเช่นวินนี้เยอะๆ
คงจะสงบสุขอีกมากโข่ ^ ^
ในเรื่องมีหลากหลายอารมณ์ เศร้า ทุกข์
ยิ้ม น้ำตาซึม แต่สุดท้ายแล้วก็ยิ้มได้
มีความสุข เป็นกำลังใจให้จ๊ะ
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Nineน้อย ที่ 14-07-2011 18:40:29
อ่านแบบรวดเดียวครับ ยาวเลย เขียนได้ดีมากเลยครับผม 

จบเรื่องได้ถูกใจ  ชอบจัง

เป็นกำลังใจให้กับผลงานดี ๆ ^__^

ขอบคุณมากๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 04-09-2011 22:07:36
จบได้ดีมากเลยค่ะ ร้องไห้ตอนปอนกับเอ็มมากๆ
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 11-09-2012 13:51:10
สนุกน่าติดตามจนวางไม่ลงเลย
ซาบซึ้งกับความรักที่เอ็มกับปอนมีให้กัน
ชื่นชมความเป็นคนจิตใจดีของวิน
เรื่องมีแฝงสาระและคุณธรรมอีกต่างหาก
ตอนแชทนั่นอ่านไปกลัวไป แต่ไม่เลิกอ่าน แหะๆ
จบดีแฮปปี้ ชอบมากๆ
 :pig4:
บวกๆค่ะ^^
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 15-09-2012 12:24:11
 o13
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 18-09-2012 10:56:35
 o13 สุดยอดไปเลยอ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุขมากๆ
ตอนแรกนึกว่าเอ็มจะคู่กับวิน แต่พออ่านไปอ่านมาเหมาะที่จะเป็นพี่ชายน้องชายมากกว่า
เป็นความรักที่บริสุทธิ์มากๆเลยอ่ะ ช๊อบ ในที่สุดเอ็มกับปอนก็ได้มาเจอกันอีกครั้ง
วินก็ได้พัฒน์ที่เป็นคู่แท้่คอยอยู่เป็นเพื่อน แฮปปี้ จบได้ลงตัวสุดๆ สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: tonsak ที่ 18-09-2012 15:05:16
แปลกใจตรงที่ วืนกับพี่เอ็มน้ำแตกด้วยกันหลายครั้ง พี่เอ็มคงเก็บกดความอยากกับพี่ปอนมานาน พอเจอวินเลยได้โอกาส
ปดปล่อยน้ำออกกับวินหลายครั้งสมอยากไปเลยนะคับ พี่เอ็มกับวินสลับกันทำน้ำออกให้กันเป็นโบทด้วยกัน แล้วในเรื่องก่อนตาย พี่เอ็มกับพี่ปอนก้อสลับกันเอาเป็นโบทด้วยกันทั้งสองคน ขอโทษนะคับ นักเขียนสุดยอดซุปเปอร์พี่ซีที่แต่งเรื่องเก่งที่สุด
ผมก้อเดาว่าพี่ซีก้อเป็นโบทเหมือนกันนะคับ ล้อพี่ซีเล่นนะคับอิอิอิ อยากให้พี่ซีแต่งเรื่องใหม่ เอาเด็กปอนและเด็กเอ็มเป็นพระเองโบททั้งสองคน เอาบทเอ๊กเยอะๆหน่อยคับ 55555
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 19-09-2012 14:35:12
และแล้ว ทุกคนก็มีความสุข
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: keem ที่ 19-09-2012 20:40:25
น่ารักมาก ชอบมากที่สุดเลยขอบคุณมากนะครับ
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Thep503 ที่ 19-09-2012 23:33:24
เยี่ยมครับ   อ่านเพลินม้วนเดียวจบ  ขอบคุณมากๆครับ
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: AB^Ton^ ที่ 05-02-2013 15:23:18
อยากเป็นเจ้าลูกชิ้น เสียแล้วดิ มีแต่คนรัก อิอิ
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 25-02-2013 02:07:25
สนุกมากค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 25-02-2013 15:43:20
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วหน่วงๆ แต่มีความสุขนะ
สุดท้ายก็อยุ่ด้วยกันแบบครบคู่
แถมมีกามเทพ(?)หมาน้อยมาคอยชักจูง
ให้ทุกคนมาเจอกันอีก^^
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Silver-Ray ที่ 15-05-2013 19:44:01
สุดท้ายก็ลงเอยด้วยดี ประทับใจสุดๆค่ะ
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ว่างเปล่า ที่ 15-11-2013 11:15:39
 :z13:นี่เป็นครั้งแรกที่สมัครเข้ามาหลังจากแอบๆอ่านในเว็บนี้มานานหลายปี ขอบอกว่าเรื่องนี้สุดยอด จนสมัครเข้ามาเพื่อที่จะได้เป็นกำลังใจให้คนอ่าน(ถึงจะช้าไปหน่อย เพราะโพส์จบตั้งนานแล้ว) ไม่รู้ว่าคนเขียนจะเห็นรึเปล่า แต่อยากชมว่าเรื่องนี้ใช้การเขียนที่ดีมากอ่ะ :katai2-1:
อยากอ่านอีกจังชอบอ่านแนวนี้อ่ะ  :mew1: ขอบคุณนะครับที่นำมาให้อ่าน สนุกมากอ่านไปร้องไห้เลยอ่ะ :hao5:
ปล.เป็นกำลังใจให้นะ
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 14-11-2014 20:29:41
เศร้า ซึ้ง แต่ก็จบได้สวยงามมากครับ

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 05-10-2015 20:14:05
ซึ้งมากเลยเรื่องนี้ บริสุทธิ์จริงๆ
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 10-10-2015 19:59:50
 :mew6: ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 12-10-2015 21:32:48
ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวสนุกๆ ให้อ่านนะคะ

ซึ้งในความรักของเอ็มกับปอนด์มากๆ

ตอนจบก็แฮปปี้มีความสุขไม่ติดค้างใดๆ เลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 08-04-2016 00:54:45
สนุกมากๆคับ เขียนได้ดีมาก เพิ่งมาอ่าน
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 12-12-2018 11:30:04
 :L2:
หัวข้อ: Re: มิติเร้นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 02-12-2019 22:47:07
จบได้ซึ้ง อิ่มเอมจริงๆ เป็นนิยายที่ดีมากก ชอบความคู่แท้ของแต่ละคน บทเรียนชีวิต และเป็นพล็อตที่แปลกดี น่าสนใจ ภาษาก็ดี สนุกมาก ซึ้งกับเอ็มปอน แต่งเก่งอ่ะ ชอบค่ะชอบ