มิติเร้นรัก
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มิติเร้นรัก  (อ่าน 100699 ครั้ง)

Pikachu

  • บุคคลทั่วไป
มิติเร้นรัก
« เมื่อ17-02-2009 17:44:39 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


* * * * * * * * * *

นี่คือผลงานเรื่องที่ 3 ครับหลังที่เขียนจบไปแล้วทั้ง 2 เรื่องครับ ผลงานที่ผ่านมา..
"Robot เฮ้!!! เขาคือหุ่นยนต์" เขียนโดย ~Pikachu~ และ High_Wizard จบแล้ว
"หลังคาติดกัน" เขียนโดย ~Pikachu~ จบแล้ว

ติดตามผลงานเรื่องใหม่ของผมได้เลยครับ ติชมได้นะครับผม^^

 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2010 21:18:17 โดย THIP »

Pikachu

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
«ตอบ #1 เมื่อ17-02-2009 17:49:29 »

หมายเหตุจากผู้เขียน : ตลอดเวลาที่ผ่านมานับแต่เริ่มเขียน ผมจะถนัดในการเขียนเรื่องสั้นเสียมากกว่า เรื่องยาวๆแนวบอยเลิฟ เพิ่งเคยเขียนไปได้แค่ 2 เรื่องเองครับ สำหรับเรื่องใหม่นี้ ผมได้คัดเลือกจากบรรดาเรื่องสั้นที่เคยเขียน และเคยลงบางเวปเมื่อนานมาแล้ว มาขยายความและผสมผสานจากเรื่องสั้นหลายเรื่องให้เป็นเรื่องเดียวกัน ลองทำดูน่ะครับ แค่อยากบอกว่า.. นิยายเรื่องนี้ มีโครงเรื่องมาจากเรื่องสั้นหลายเรื่องของผมครับ ลองอ่านดูนะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับผม เชิญติดตามบทแรกของนิยายเรื่องนี้ได้เลยครับผม..

บทนำ

ร่างผอมซูบซีดมีแต่หนังหุ้มกระดูกนอนหายใจรวยรินอย่างอ่อนแรงสลับกับการไออย่างรุนแรงจนน่าหวาดหวั่น ทุกครั้งที่เขาไออย่างรุนแรง เขาจะหอบจนตัวโยนด้วยความเหนื่อยอ่อนปานจะขาดใจ สภาพตามผิวร่างกายเขาเกรียมกร้าน เต็มไปด้วยแผลผื่นพุพอง และตกสะเก็ดจนดูน่ารังเกียจ สภาพซากร่างของเขาในยามนี้.. มันไม่หลงเหลือเค้าเดิม ของหนุ่มรูปงามในช่วงวัยของวัยรุ่นตอนปลายที่น่าจะดูสดใสเลยแม่แต่น้อย มันเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ที่เป็นเช่นนี้.. เป็นเพราะ.. โรคร้ายที่ไม่อาจรักษาให้หายขาด ซึ่ง.. กำลังกัดกร่อนชีวิตเขาทีละน้อยอย่างทุกข์ทรมาน โรคร้ายที่จริงๆแล้ว ไม่อาจที่ติดต่อกันได้โดยง่ายเลย เพียงแค่.. ไม่ตกอยู่ในความประมาท หรือขาดสติในการยั้บยั้งชั่งใจ โรคร้ายนี้.. ก็ไม่มีวันมากร้ำกรายได้แม้สักน้อยนิด แต่.. เขาก็ได้พลาดไปเสียแล้ว มันเป็นความผิดพลาดที่ไม่อาจกลับไปแก้ไขได้อีกเลย แถมซ้ำ.. ยังพ่วงคนรักให้ต้องติดเชื้อร้ายนี้ไปด้วย เขานึกมาถึงตรงนี้ รู้สึกสะเทือนใจจริงๆ
เขานอนน้ำตาไหลริน  สติกำลังพร่าเลือนลงเรื่อยๆ นี่.. เวลาของเขาคงกำลังใกล้จะหมดลงทุกทีแล้วสินะ เขาเหลือบมอง เด็กหนุ่มอีกคนที่ดูซูบซีดไร้ซึ่งความสดใสแห่งช่วงวัย แต่ก็ยังไม่ดูทรุดโทรมถึงขนาดเขาแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ กำลังนั่งมองเขาเงียบๆ ด้วยน้ำตาที่เต็มหน่วยตา และแววตาที่อาทรห่วงใย เปี่ยมไปด้วยความรัก ความเข้าใจในกันและกัน ช่วงชีวิตที่ใกล้วาระสุดท้ายยามนี้ของเขา เขาไม่มีใครอีกแล้ว ในยามนี้.. มีเพียงเพื่อนรักเพื่อนใจคนนี้เท่านั้น ที่ยังคงอยู่เคียงข้าง คนรักคนนี้.. คนที่ที่เขาชักนำให้เข้าสู่หนทางเลวร้าย อบายมุกและกามโลกีย์ทุกรูปแบบด้วยกัน เพียงเพราะความหฤหรรษ์เพียงชั่วครู่ชั่วยาม จนถึงกาลต้องมาติดโรคร้ายด้วยกัน หมดซึ่งอนาคตที่มั่นคงที่จะก้าวต่อไป มันเป็นเพราะเขาแท้ๆ เขาเลวคนเดียวไม่พอ ยังดึงให้คนที่เขารัก ต้องตกมาอยู่ในบ่วงความทุกข์ทรมานเช่นนี้ด้วยกัน เขารู้สึกผิดเหลือเกิน และยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น เมื่อคนที่เขารัก ไม่เคยแม้จะคิดถือโทษโกรธเขา ยังคงห่วงหาอาทร ดูแลเขาจวบจนบัดนี้ เขาอยากเอ่ยคำขอโทษ อยากพูดสิ่งต่างๆมากมาย แต่.. เขาไร้ซึ่งเรียวแรง แม้จะอยากเอ่ยคำพูดออกมาสักคำ ก็ดูจะทำได้ยากเย็นเหลือเกิน สติเขาพร่าเลือนลงทุกที ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานดูจะค่อยๆมลายหายไป และแล้ว.. เขาก็ไร้ซึ่งความรู้สึกรับรู้ใดๆอีกต่อไป มีเพียงลมหายใจที่ค่อยๆแผ่วลง แผ่วลง ที่เป็นตัวบอกว่าเขายังคงมีชีวิตอยู่ แต่.. ไฟแห่งชีวิตก็.. กำลังจะมอดดับลงไปในไม่ช้านี้..
.
.
.
“ ปอน อย่าทิ้งเราไปนะ อย่าตายนะ ถ้านายตาย แล้วเราจะอยู่กับใคร? อดทนไว้นะ ปอนได้ยินเราไหม? ปอน โฮๆๆ ”
เขากุมมือเหี่ยวแห้งที่มีแต่หนังหุ้มกระดูกและเต็มไปด้วยผื่นแผลอย่างไม่นึกรังเกียจของคนที่เขารักแนบแน่น เปรียบดังจะพยายามส่งกำลังใจให้กับซากร่างที่นอนหายใจรวยรินแต่ซึ่งไร้ความรู้สึกรับรู้ไปแล้วนั้นให้ได้รับกำลังใจจากสัมผัสของเขา น้ำตาเขารินไหลต่อเนื่องไม่ขาดสาย เขานั่งร้องไห้และพยายยามปลุกปลอบให้คนที่เขารักรับรู้แทบจะตลอดเวลา ประดุจดังคนเพ้อคลั่งไร้สติที่หัวใจแตกสลาย แม้จะรู้อยู่แก่ใจ ว่ามันเป็นความพยายามที่ไม่เป็นผลใดๆ เขาไม่อาจยื้อชีวิตที่กำลังจะดับนั้นได้ แต่.. เขาก็ยังคงทำเช่นนั้นนานนับชั่วโมง จวบจน.. ซากร่างนั้นจากไปอย่างสงบด้วยดวงตาที่เบิกโพลง ลมหายใจของซากร่างนั้นได้หยุดลงแล้ว เขาตายแล้ว ดวงวิญญาณของเขาหลุดลอยจากซากร่าง หมดสิ้นไร้ซึ่งความรู้สึกเจ็บปวดทุกข์ทรมานใดๆอีกต่อไป คงยังเหลือคนที่ยังอยู่ต่อ.. และกำลังรอเวลาที่จะเป็นเฉกเช่นกับเขาในเวลาอีกไม่นาน มันเป็นชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งได้ นอกเสียจาก.. ความตาย เพียงอย่างเดียว
.
.
.
.
น้ำตาเขาเหือดแห้งไปแล้ว พร้อมๆกับลมหายใจของคนที่เขารักได้หยุดลง แม้จะสะเทือนใจสักเพียงไหน? มันก็ไม่มีน้ำตาไหลออกมาอีกแล้ว เขาค่อยๆเอามือปิดตาที่เบิกโพลงของซากร่างไร้ชีวิตด้วยดวงใจที่ร้าวราน เขาไม่เหลือใครอีกแล้ว ไม่มีอีกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่าง.. มันจบลงหมดแล้ว แล้วนี่เขาจะอยู่เพื่ออะไร? แล้วเขาก็นั่งจมอยู่กับความคิดตัวเองเงียบๆเช่นนั้นเนิ่นนานด้วยความทุกข์ทรมานและกังวล แล้ว.. เขาก็เหลือบมองไปซากร่างที่กำลังซีดเซียวหมองคล้ำและกำลังแข็งทื่อไร้ชีวิตนั้นอีกครั้ง มองนิ่งๆอยู่เข่นนั้นครู่หนึ่ง จากนั้น.. เขาก็หันไปหยิบของบางอย่างมาเสพ เสพเพื่อให้ลืมความกลัดกลุ้ม ความทุกข์ใจ ความสะเทือนใจ และทำให้เขากล้าที่จะทำอะไรบางอย่าง เมื่อเขาเสพจนรู้สึกมึนเมา เคลิบเคลิ้ม จมดิ่งอยู่ในห้วงลึกแห่งอารมณ์ สติเขาดูเหมือนจะกำลังจะเลื่อนลอย แต่.. ใจเขากลับฮึกเหิมมากขึ้น เขาหันไปหยิบของบางอย่างที่บางเฉียบและคมกริบ กดลงและปาดตรงบริเวณเส้นเลือดตรงข้อมือ นั่นคือสิ่งที่เขากำลังทำ และนั่น.. เป็นสิ่งที่เขาได้ตัดสินใจแล้ว.. ตัดสินใจที่จะทำเช่นนั้น..
เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวคละคลุ้ง และโลหิตแดงฉานที่ไหลเนืองนอง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขานึกประหวั่นแต่อย่างใดแม้จะรู้สึกเจ็บแปลบปลาบบริเวณบาดแผลที่ลึกและกว้างนั้นก็ตาม โลหิตเขาไหลรินออกมามากมายเหลือเกิน มันทำให้เขาเริ่มรู้สึกอ่อนแรงลงทุกที สติก็เริ่มพร่าเลือนลง แต่ในความรู้สึกนั้น.. มันกลับทำให้เขารู้สึกปลดปล่อย อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่เสพ หรือว่า.. เขารู้สึกปลดปล่อยเช่นนั้นจริงๆตามความรู้สึกก็เป็นได้กระมัง? มันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆหรือเปล่า? เขาก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ เขานั่งมองบาดแผลจากฝีมือตัวเองที่บริเวณข้อมือด้วยดวงตาที่เย็นชา แต่แฝงไปด้วย.. ความสา สะใจ แล้วเขาก็เอ่ยพูดพึมพำกับตัวเองเบาๆเหมือนคนละเมอ
“ ปอน.. รู้ไหม? ที่ผ่านมา เรามีความสุขนะ ถึงแม้จะรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่เลวก็ตาม แต่.. เราก็พอใจที่จะทำ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่เป็นเพราะปอนหรอก ปอนมักจะโทษตัวเองเสมอว่าเป็นเพราะปอน จึงทำให้เรา 2 คนต้องเป็นแบบนี้ จริงๆแล้ว.. มันเป็นเพราะตัวเราเองต่างหาก ที่เลือกที่จะทำด้วยความเต็มใจ ใช่.. ทั้งๆที่รู้ แต่เราก็ทำ ก็ในชีวิตเรามันไม่มีใครสักคนมาใยดีอีกแล้วนี่นา แม่ ก็คิดแต่ว่าเราคือส่วนเกินที่นำความวิบัติมาให้ครอบครัว ไม่ยอมเชื่อใจเรากับเรื่องบัดสีที่เกิดขึ้นกับเรา นอกเสียจากปอนคนเดียวเท่านั้น.. ที่ดีกับเรา ดีกับเรา ห่วงใยเราตลอดมา ปอน.. เรารักปอนมากนะ ปอนเป็นคนเดียวที่เข้าใจเรา เข้าใจความรู้สึกเราทุกอย่างเลย ไหนเราเคยสัญญากันไม่ใช่หรือ? ว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป แล้วปอนก็ยังเคยบอกว่า.. ปอนก็รักเราที่สุด แล้วนี่.. ทำไมปอนถึงหนีเราไปก่อน ทิ้งให้เราอยู่คนเดียวได้ไง? รู้ไหม? ถ้าเราไม่มีปอน เราคงจะเหงาแค่ไหน? เราไม่ยอมอยู่เหงาคนเดียวโดยไม่มีปอนหรอกนะ จริงอยู่.. จะช้าหรือเร็ว เราก็ต้องมีสภาพแบบปอนสักวัน แต่เราจะไม่รอให้ถึงวันนั้นหรอก เอาเถิดนะปอน รอเราด้วย เรากำลังจะตามไป ตามไปในไม่ช้านี้แหละ รอเราด้วยนะ ปอน ”
เขาเอ่ยพร่ำเพ้ออยู่เช่นนั้นด้วยคำพูดซ้ำซาก เสียงเขาค่อยๆแผ่วลง แผ่วลง ความง่วงงุนทำให้สติเขาพร่าเลือน เขาค่อยๆปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนแรง และ.. ในที่สุด ความรู้สึกเขาก็ดับวูบลง พร้อมกับวิญญาณที่หลุดลอยออกจากร่าง
.
.
.
.
เขารู้สึกเบาหวิว ไร้ซึ่งความรู้สึกเจ็บปวด ราวกับว่า.. ตัวเขานั้นในยามนี้.. มันไม่มีแม้ซึ่งตัวตน เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยสูงขึ้น สูงขึ้น ล่องลอยเหมือนอากาศธาตุที่บางเบาดุจปุยนุ่น  เขาเหลือบแลมองไปโดยรอบ ก็รู้สึกคุ้นตากับสิ่งต่างๆที่เขาเห็นรอบตัว มันก็คือ.. สภาพห้องพักที่เขาและปอน มาเช่าพักด้วยกัน แล้วนั่น.. ปอน ตายแล้ว นอนตายอยู่บนเตียง ถัดมาก็เห็นตัวเขานอนจมกองเลือดอยู่ใกล้ๆศพปอน นี่เขา.. คงจะตายแล้วสินะ เขาละสายตาจากซากร่างทั้งสอง เหลือบมองดูตัวเอง ก็เห็นดูโปร่งบางเหมือนกลุ่มหมอกที่เบาหวิวล่องลอย นี่เขาคงกำลังอยู่ในอีกมิติหนึ่ง มิติเร้น ที่ไม่มีคนหาบทพิสูจน์ได้ถ้าไม่ได้มาสัมผัสด้วยตนเอง และถ้า.. เมื่อได้มาสัมผัสแล้ว ก็คงไม่มีใครสามารถกลับไปบอกคนอื่นๆได้เลย ว่า.. จริงๆแล้ว มันเป็นอย่างไร? และ.. ให้ความรู้สึกแบบไหน? แล้วนี่.. ปอนอยู่ไหน? ปอนตายก่อนเขานี่นา.. แล้วปอนไปอยู่ที่ไหนแล้ว? เขาต้องหาปอนให้พบ ชีวิตเขามีเพียงแค่ปอน เขาละจากสถานที่แห่งนั้น ที่ซึ่งเขาได้จบชีวิตลง เขาควบคุมตัวเองให้ล่องลอยออกไป ไกลออกไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย และแล้ว.. เขารู้สึกสัมผัสได้ ว่าปอนนั้นอยู่ไม่ไกลจากเขา เหมือนอยู่ใกล้ๆกันแค่นี้เอง ใช่สิ.. ปอนแน่ๆ ปอนอยู่ตรงนี้เอง แต่.. ทำไมเขาจึงมองไม่เห็นปอน พูดคุยกับปอนไม่ได้ เขาพยายามไขว่คว้า แต่ดูเหมือนว่า.. จะพบแต่ความว่างเปล่า และเริ่มสัมผัสรับรู้ได้เลยว่า.. ปอนกำลังจะห่างจากเขาออกไปทุกที  ห่างออกไปเรื่อยๆ ปอนกำลังจะหายไป ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ เขากรีดร้องเรียกปอนสุดเสียง เรียกปอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำอยู่เช่นนั้นและพยายามไขว่คว้า และแล้วเขาก็สัมผัสรับรู้ได้แล้วว่า.. ในยามนี้.. ปอนได้หายไปแล้ว หายไปอยู่อีกโลกหนึ่ง ปอนไปแล้ว แล้ว.. ทำไมเขาจึงยังอยู่ที่นี่? มันเป็นเพราะอะไร? หรือว่า.. ปอนตายเพราะครบวาระหมดอายุจากสังขาร เมื่อดวงวิญญาณละจากสังขาร จึงสามารถได้ไปอยู่อีกโลกหนึ่ง ส่วนตัวเขา เขาตายเพราะ.. ทำให้ตัวเองตาย ตายด้วยการฆ่าตัวตาย มันเป็นการตายที่ทำให้ไม่อาจไปอีกโลกหนึ่งได้ เป็นการตายที่ฝืนชะตาตนเองให้ตายก่อนกำหนด มิติแห่งโลกวิญญาณยังบรรจบมาไม่ถึงเพื่อนำพาเขาไปสู่ยังอีกโลก เขาจึงจำต้องวนเวียนอยู่เช่นนี้เรื่อยไป และที่เขาไม่อาจมองเห็นปอน เพราะปอนได้ไปอีกมิติหนึ่งแล้ว มิติมันเหลื่อมกัน ใช่แล้ว มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่.. ทำไม? ทำไมเขาจึงรู้ทุกสิ่งที่เขาสงสัย ทำไมมันจึงมีคำตอบให้เขาได้ทุกเรื่อง เมื่อเขารู้สึกสงสัยเรื่องใด คำตอบก็ดูเหมือนจะลอยมาหาเขาเอง ทำให้เขาเข้าใจได้เอง นี่.. มันเป็นแบบนี้เองหรือ? โลกแห่งมิติเร้น มันเป็นเช่นนี้เองจริงๆหรือ? ยามนี้.. เขาเข้าใจข้อสงสัยทั้งหมดแล้ว แล้วเขา.. ที่ตอนนี้มีร่างโปร่งใสดุจดังกลุ่มหมอก ก็ล่องลอยไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย..
********

*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2009 10:14:20 โดย Pikachu »

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
«ตอบ #2 เมื่อ17-02-2009 18:29:26 »

เจิมเรื่องใหม่  :mc4: แล้วจะติดตามจ้า

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
«ตอบ #3 เมื่อ17-02-2009 18:53:38 »

 :z13:
จิ้มเพ่หนึ่งไวจริง กับ น้องน้อยที่ร๊าก อิๆ
 :mc4: :mc4: :mc4:
มาเปิดซิงเป็นรายที่สองให้ซีเลยน๊าเนี่ย +1 ให้ซีด้วยเป็นกำลังใจ
อ่านแล้วยังบอกอะไรไม่ได้มาก นอกจากยูมาได้แหวกมากแบบนี้อชอบ
มันโดนดียังมะเคยอ่านไรแบบนี้เท่าไรนัก
ดูในส่วนของตัวละครก็พอบอกได้ว่า คงมีความทุกข์มาตลอดก่อนจะเจอปอน เรื่องราวมีปมที่น่าสนใจนะ
อ่านแล้วอ่านจะเป็นเพราะเป็นการนำเรื่องด้วยมั้ง การบรรยายยังไม่สมบูรณ์มากนักนะสู้ๆ
ส่วนการใช้คำดีแล้วไม่มีที่ผิดเท่าที่เห็นแล้วจะรอตอนตอว่ามิติเร้นลับนี้ คือที่ไหน...
แล้วทำไมเค้าคนนี้จึงล่วงรู้ถึงคำตอบของคำถามที่ไม่น่าจะรู้ได้...
อย่านานละแตรอให้สอบเสร็จก่อนก็ได้ อิๆ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
«ตอบ #4 เมื่อ17-02-2009 19:40:53 »

ต่อๆๆๆๆ ตอนต่อไปเลยค่ะ  เค้ารออ่านอยู่นะ   :o8:

High_Wizard

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
«ตอบ #5 เมื่อ17-02-2009 20:55:18 »

ว้าวๆ มาแนวใหม่เลยนะซี เขียนได้เข้ากับอารมณ์เราเลยนะ เศร้าๆยังไงไม่รู้ ยังไงคนเขียนก็อย่าเศร้าตามเรื่องละ เง้ออ







เป็นกำลังใจให้นะซี.........แล้วมาต่ออีกละ




ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
«ตอบ #6 เมื่อ17-02-2009 21:59:53 »

 :mc4: เรื่องใหม่

ลึกลับ แหวกแนวดีนะ รออ่านตอนต่อไปจ้า  :L2:

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
«ตอบ #7 เมื่อ17-02-2009 22:50:55 »

มาเจิมเรื่องใหม่ของซี

แถมแปะไว้ก่อนน๊า วันนี้ไม่ไหวแล้วอ่ะ

เดี๋ยวพรุ่งนี้ตามมาอ่านจ้า



หวัดดีกอปจ้า

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
«ตอบ #8 เมื่อ18-02-2009 14:27:58 »


เข้ามาทักทายนิยายใหม่

ท่าทางจะ เริ้ด  อีกแล้วเรื่องนี้

อิอิ


เจ้สองเองคะ  :bye2:

YO DEA

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
«ตอบ #9 เมื่อ18-02-2009 14:46:55 »

 :impress3:

เข้ามาก็เศร้าเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
« ตอบ #9 เมื่อ: 18-02-2009 14:46:55 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
«ตอบ #10 เมื่อ19-02-2009 02:11:13 »

เง้อเข้ามาอ่านก็เลือดสาดซะงั้น



ตายกันตั้งแต่ต้นช่างน่าเศร้าคับ

three

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
«ตอบ #11 เมื่อ19-02-2009 11:34:54 »

ชอบๆครับหลอนๆดีอ่ะ

Pikachu

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] มิติเร้นรัก (บทนำ 17-02-2009)
«ตอบ #12 เมื่อ19-02-2009 14:25:07 »

:z13:
จิ้มเพ่หนึ่งไวจริง กับ น้องน้อยที่ร๊าก อิๆ
 :mc4: :mc4: :mc4:
มาเปิดซิงเป็นรายที่สองให้ซีเลยน๊าเนี่ย +1 ให้ซีด้วยเป็นกำลังใจ
อ่านแล้วยังบอกอะไรไม่ได้มาก นอกจากยูมาได้แหวกมากแบบนี้อชอบ
มันโดนดียังมะเคยอ่านไรแบบนี้เท่าไรนัก
ดูในส่วนของตัวละครก็พอบอกได้ว่า คงมีความทุกข์มาตลอดก่อนจะเจอปอน เรื่องราวมีปมที่น่าสนใจนะ
อ่านแล้วอ่านจะเป็นเพราะเป็นการนำเรื่องด้วยมั้ง การบรรยายยังไม่สมบูรณ์มากนักนะสู้ๆ
ส่วนการใช้คำดีแล้วไม่มีที่ผิดเท่าที่เห็นแล้วจะรอตอนตอว่ามิติเร้นลับนี้ คือที่ไหน...
แล้วทำไมเค้าคนนี้จึงล่วงรู้ถึงคำตอบของคำถามที่ไม่น่าจะรู้ได้...
อย่านานละแตรอให้สอบเสร็จก่อนก็ได้ อิๆ

ขอบคุณพี่นิวนะครับ สำหรับคำแนะนำ การบรรยายที่ดูไม่ค่อยสมบูรณ์อาจเป็นเพราะผมคงตั้งใจทำให้เป็นปริศนามากไป คนอ่านเลยดูไม่ค่อยเข้าใจ ผมจะนำคำแนะนำไปปรับปรุงแก้ไขครับ ขอบคุณมากนะครับ^^

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นของพวกพี่ๆทุกคนด้วยนะครับ ผมโหวต+1ให้เพื่อเป็นการขอบคุณนะครับ

ขอบคุณกอป ขอบคุณพี่แนน ขอบคุณพี่nOn†ღ ขอบคุณมากครับ^^


ติดตามตอนต่อไปได้เลยครับผม

Pikachu

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องราวบทแรกในบทนำที่เป็นการปูเรื่อง ดูจะมีปมปริศนาบางอย่างที่ดูยังไม่ค่อยกระจ่าง แต่ปมต่างๆจะค่อยๆคลี่คลายและเกี่ยวโยงจากบทนำจนกระทั่งจบเรื่องครับ สำหรับในวันนี้ คือบทที่1 ของนิยายเรื่องนี้ เป็นการเปิดเรื่องอย่างแท้จริง ลองมาติดตามกันดูนะครับ ตัวเอกของเรื่องนี้เปิดตัวในบทนี้เลยครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับผม เชิญติดตามกันได้เลยครับ

สัมผัส (1)


บรรยากาศยามเย็นภายในวัดแห่งนี้ดูช่างร่มรื่นและแสนจะสงบ แม้ว่า.. จะดูเงียบๆไปสักหน่อยก็ตาม เนื่องด้วยไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านมากนัก  แต่.. ก็ยังพอจะมีผู้คนแวะเวียนมานมัสการ สักการะขอพรพระอยู่บ้าง ชีวินก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า.. ทำไมวันนี้เขาจึงรู้สึกอยากเข้าวัด จริงอยู่ว่า วัดแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเขาเท่าใดนัก แต่.. ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่เคยรู้สึกอยากเดินเข้ามาในวัดแบบในวันนี้เลย เลิกเรียนในแต่ละวัน เขาก็มักจะดิ่งกลับบ้านในทันที ไม่ใคร่อยากไปเถลไถลที่ไหนเท่าไร แต่.. แปลก ในวันนี้.. ดูเหมือนจะมีอะไรสักอย่างที่มาดลใจเขา จะเป็นแบบนั้นหรือเปล่า? เขาก็ไม่ใคร่จะแน่ใจเท่าไร ความจริง.. เขาก็ไม่ค่อยอยากเบียดเสียดบนรถในช่วงระหว่างเวลานี้เท่าไรนัก  ช่วงเวลาแบบนี้ บริเวณป้ายรอรถประจำทาง จะเห็นได้ว่า มีผู้คนมากมายและบรรดานักเรียนจากโรงเรียนเขาและโรงเรียนในบริเวณใกล้เคียงกันนั้น กำลังรอรถกันอย่างแออัด รถแต่ละคันที่มาจอดแวะรับผู้โดยสาร ก็เนืองแน่นอัดกันอย่างกับปลากระป๋อง ถึงเหตุการณ์แบบนี้ จะเป็นเป็นกิจวัตรประจำวันที่เขารู้สึกชาชินแล้วก็ตาม แต่.. ในวันนี้เขาก็ไม่ค่อยอยากจะรีบกลับบ้านมากเท่าไร เขาจึงเดินเรื่อยเปื่อย ปลีกตัวออกจากป้ายรถประจำทางแห่งนั้นแล้วเดินคิดอะไรเล่นๆมาเรื่อยๆ จนมารู้สึกตัวอีกที เขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าโบสถ์ที่มีพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเสียแล้ว
“ อืม.. สงบร่มรื่นดีจัง ไม่รู้นึกอย่างไรเราจึงอยากจะเข้าวัดในวันนี้ เอ้า.. ไหนๆก็มาถึงแล้ว ไหว้พระ ขอพรเสียหน่อยก็น่าจะดีเหมือนกัน นานๆจะเข้าวัดสักที ก็ไม่เห็นน่าจะมีอะไรเสียหาย น่าที่จะเป็นเรื่องที่ดีเสียอีก ”
ชีวินพึมพำกับตัวเอง แล้วก็เดินดิ่งตรงไปที่บริเวณตู้รับบริจาคที่มีแม่ชีสูงวัยหน้าตาใจดีนั่งอยู่ เขาล้วงธนบัตร 20 บาทจากกระเป๋า แล้วค่อยๆหย่อนลงในตู้รับบริจาค จากนั้น ก็เอ่ยกับแม่ชีท่านนั้น ด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อมและสุภาพ
“ แม่ชีครับ ผมขอดอกไม้ธูปเทียนชุดหนึ่งนะครับ ”
“ หยิบเอาเลยลูก มาไหว้พระเหรอจ๊ะหนู ”
“ ครับ รู้สึกอยากไหว้พระน่ะครับ อยากจะขอพรให้เป็นสิริมงคลด้วยครับ ”
“ ดีแล้วลูก น่ารักจัง เด็กๆสมัยนี้น่ะไม่ค่อยจะเข้าวัด เข้าวากันเสียเลย ไม่ค่อยจะเห็นสักเท่าไร นี่หนูมาไหว้พระน่ะดีแล้วลูก ทำให้จิตใจสงบร่มเย็น และจะได้พบแต่สิ่งที่ดีๆนะหนู เอาละ.. ตามสบายเลย ”
“ ครับ ขอบคุณนะครับ ”
ชีวินจัดแจงจุดธูปเทียนบูชา จากนั้น.. เขาก็นั่งลงพนมมือ กล่าวพึมพัมในใจแสดงถึงความเคารพในองค์พระที่ดูศักดิ์สิทธิ์และน่าเคารพยำเกรง จากนั้นเขาก็อธิษฐานถึงสิ่งต่างๆมากมาย หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาปรารถนาอยู่ลึกๆในใจ เขาขอพรพระเพื่อให้สมดังที่ใจหวังด้วยความรู้สึกศรัทธา
“ ขอให้ท่านช่วยปกป้องคุ้มครองพ่อแม่ผมให้มีแต่ความสุข มีสุขภาพแข็งแรง ตลอดไป และขอให้ผมประสพแต่สิ่งที่ดีๆในชีวิต ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆไปได้ด้วยดีด้วยเถิดนะครับ ตอนนี้.. ผมรู้สึกเหงามาก เหงาเหลือเกิน อยากจะมีใครสักคนในชีวิต ขอท่านโปรดช่วยดลบันดาลให้ผมได้พบกับใครสักคน และสมหวังในความรักด้วยเถิดครับ ได้โปรดช่วยผมด้วยเถิดนะครับ สาธุ ”
หลังจากบูชาและกล่าวอธิฐานเสร็จ ชีวินจัดแจงปักธูปลงในกระถางธูปขนาดใหญ่ นำดอกไม้บูชาไปใส่แจกันที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็มาปิดทองที่บริเวณตักขององค์พระ เมื่อพิธีกรรมทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็มาก้มลงกราบ 3 ครั้ง ชีวินรู้สึกอิ่มใจเหลือเกิน ที่นานๆครั้ง เขาจะได้มาทำอะไรแบบนี้ หลังจากนั้นเขาก็เดินเตร็ดเตร่บริเวณรอบโบสถ์ รับลมเย็นๆ มองทิวทัศน์โดยรอบอย่างสบายใจ เขาเหลือบมองเล่นๆไปยังบริเวณกำแพงโบสถ์ ที่แบ่งเป็นช่องๆสำหรับบรรจุอัฐิของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว ที่ซึ่งบรรดาญาติผู้ตายนำอัฐิมาบรรจุไว้แล้วปิดทับด้วยหินอ่อนสีขาวที่สลักชื่อเจ้าของอัฐิ ซึ่งบ้างก็มีรูปเจ้าของอัฐิผนึกลงในเนื้อหินอ่อนสีขาวนวล บ้างก็มีเพียงแค่ชื่อ เขาไล่ดูเล่นไปเรื่อยๆอย่างไม่คิดอะไรมาก รู้สึกเพียงแค่.. นึกปลง ว่าคนทุกคน สักวันก็หนีไม่พ้นเรื่องความตายไปได้ มันเป็นสัจธรรมของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม แล้ว.. เขาก็รู้สึกสะดุด กับช่องบรรจุอัฐิช่องหนึ่ง เขาอ่านชื่อและเหลือบมองดูจากวันเดือนปีเกิด และวันเสียชีวิต แล้วลองมาคำนวณดูก็เห็นได้ว่า.. อายุดูจะยังไม่มากเลย เพียงแค่เมื่อถึงวันที่เสียชีวิตก็อายุเพียงแค่ 20 ต้นๆเท่านั้น เขาเพิ่งเสียชีวิตมาได้สักราวเพียงปีเศษเท่านั้นเอง แล้วนี่เขาเป็นอะไรตายหนอ น่าเสียดายจริงๆ อายุยังน้อยแท้ๆเลย เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงรู้สึกสนใจได้ขนาดนี้ เขาให้รู้สึกแปลกใจในตัวเองเหลือเกิน เขายืนนิ่งมองดูอยู่เช่นนั้นแล้วคิดหาเหตุผลต่างๆ ถึงสาเหตุการตาย คาดเดาไปต่างๆนานา แล้วชีวินก็สังเกตุเห็นบนแผ่นหินอ่อนที่สลักชื่อเจ้าของอัฐิที่เป็นเด็กหนุ่มที่ชีวินรู้สึกสนใจอย่างแปลกประหลาดนั้น มีคราบเขม่าฝุ่นผงติดอยู่ดูสกปรกอยู่เล็กน้อย เขาจึงล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเบาๆทำความสะอาดป้ายชื่อหินอ่อนนั้นให้ จนดูสะอาดเรียบร้อยดี ทำไมเขาจึงทำแบบนั้น เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน เขารู้เพียงว่า.. เขาอยากทำ มันเหมือนกับมีความรู้สึกผูกพันอย่างประหลาดซึ่งหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ และแล้ว.. เขาก็รู้สึกเย็นวูบ ขนลุซู่โดยไม่ทราบสาเหตุ ขนเขาลุกซู่หลายต่อหลายครั้ง นี่มันอะไรกันหนอ? ทำไมอยู่ๆจึงขนลุกแบบไม่มีสาเหตุเช่นนี้ได้ ใจเขานึกหวาดๆอยู่ลึกๆอยู่เหมือนกัน แต่ก็พยายามปลอบใจตัวเองว่าคงไม่มีอะไรหรอก นี่ก็ยังกลางวันอยู่แท้ๆ เขาคงจะคิดไปเองมากกว่า น่าที่จะเป็นเช่นนั้นกระมัง?
.
.
. . .
“ สวัสดีครับแม่ วินกลับมาแล้วครับ ”
ชีวินเอ่ยทักทายพร้อมยกมือไหว้มารดาของเขา เมื่อเขากลับมาถึงบ้านในเวลาเย็นมากแล้ว
“ กลับมาแล้วหรือลูก เหนื่อยไหม? ทำไมวันนี้ถึงกลับเย็นนักล่ะลูก? ”
คุณแม่ของเขาเอ่ยตอบด้วยน้ำสียงอ่อนโยน  พร้อมกับลูบหัวชีวินเบาๆด้วยความรักใคร่เอ็นดู
“ พอดีวันนี้วินแวะไปไหว้พระมาน่ะครับ ไปขอพรพระมา ทำให้วินรู้สึกอิ่มใจ รู้สึกดีจังเลยครับแม่ ”
“ อืม.. วันนี้มาแปลกนะเจ้าวิน นึกอย่างไรกันล่ะเนี่ย หึหึ แต่ก็ดีแล้วละลูก เข้าวัดทำบุญเสียบ้าง อย่างน้อยๆ ก็จะทำให้ใจเราเป็นสุข มีศิริมงคลด้วยนะลูกนะ ”
“ ครับแม่ เอ้อ.. แม่ครับ งั้น.. เดี๋ยววินขอไปอาบน้ำก่อนนะครับ รู้สึกเหนียวๆตัวจังเลยครับ อยากอาบน้ำให้สดชื่นครับ ”
“ เอาสิลูก เดี๋ยวจะได้ลงมากินข้าวกัน นี่แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว เดี๋ยวพ่อเขาก็คงจะกลับมาแล้วละ คงจะพอดีเวลาพร้อมหน้าพร้อมตากัน ”
“ ครับแม่ ”
ชีวินเอ่ยตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มละไมแล้วเขาก็ปลีกตัวไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ เขาปลดผ้าขนหนูที่พันกายออกแขวนตรงราวตากในห้องน้ำตรงผนัง แล้วเขาก็เหลือบมองร่างเปลือยเปล่าของตัวเองในกระจกหมุนไป หมุนมาอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยๆไล่สายตาจนมาจับจ้องตรงส่วนแก่นกายลำตัวของตนเอง ซึ่งเป็นอวัยวะที่บ่งบอกเพศชายที่มีขนาดพอเหมาะและดูสดใสเพราะยังไม่เคยผ่านการใช้งานกับใครมาก่อน แล้วเขาก็เอ่ยรำพึงกับตัวเองเบาๆอย่างเหนื่อยหน่ายทดท้อ แต่ดูเหมือนกับว่า.. มันความทดท้อที่ชีวินมิได้กังวลอะไรมากเท่าใดนัก
“ ความจริง หน้าตาเราก็พอดูได้นะ แล้ว.. ทำไมหนอ? จึงไม่มีใครมาหลงรักเราสักคน เราก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรมากมายเสียหน่อย อยากจะมีใครสักคนจริงๆ คนที่เรารัก และเขาก็รักเรา มาสัมผัส โอบกอดเราไว้ในอ้อมกอด ไม่ต้องหล่อ ไม่ต้องน่ารักอะไรมากมายก็ได้ ขอแค่.. มันเป็นความรักที่มาจากใจ เท่านี้ก็พอ ไม่อยากเลือกมากอะไรนักหรอก แล้วนี่.. มันจะมีวันเป็นไปได้ไหมหนอ? เฮ้อ!! นึกแล้วเซ็งจริงๆ ”
จากนั้น.. เขาก็เปิดฝักบัวชำระร่างกาย เริ่มต้นด้วยการสระผมจนสะอาดหอมกรุ่น เขามักชอบสระผมทุกครั้งที่อาบน้ำในยามเย็น มันเป็นกิจวัตรที่เขามักกระทำมาเนิ่นนานจนกลายเป็นความเคยชิน สัมผัสเย็นฉ่ำจากสายน้ำจากฝักบัว ที่ชะโลมทั่วร่างเปลือยอันสมส่วนสมบูรณ์ของชีวิน ทำให้เขารู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก เขาลูบไล้สบู่ที่มีกลิ่นหอมละมุนฟองขาวเนียนละเอียดไปทั่วเรือนร่าง ไม่เว้นแม้ตรงจุดซ่อนเร้นและแก่นกายกลางลำตัว ที่เขามักจะหมั่นดูแลรักษาความสะอาดเป็นอย่างดีอย่างพิถีพิถัน จากนั้น.. เขาก็ปล่อยให้สายน้ำที่ไหลเย็น ชำระร่างกายจากฟองสบู่พร้อมกับฮัมเพลงเบาๆในลำคออย่างสุขใจ วันนี้.. เขารู้สึกมีความสุขเหลือเกิน เขาก็ไม่รู้ว่า.. ทำไมเขาจึงรู้สึกมีความสุขได้ขนาดนี้ เพียงแค่.. เขาได้แวะไปไหว้พระมา นี่ทำให้ใจเขาเป็นสุขได้ขนาดนี้เชียวหรือ? เขาค่อยๆลูบไล้ร่างเปลือยของตัวเองภายใต้สายน้ำของฝักบัว แล้วรู้สึกประหลาดล้ำบางอย่าง มันเหมือนกับ.. เขาถูกสัมผัสโอบกอดอย่างนุ่มนวล เขารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ รู้สึกถึงสัมผัสที่โอบกอดและลูบไล้เขาไปทั่วเรือนร่าง จนเขารู้สึกสะท้าน วาบหวาม วาบหวามเสียจนจนแก่นกายเขาเริ่มชูชันขึ้นโดยที่มือเขายังไม่ได้สัมผัสส่วนนั้นของตัวเองเลย เขาหลับตาพริ้ม จมดิ่งลงสู่ห้วงอารมณ์แห่งความปรารถนา ใช่เลย มันต้องใช่แบบนี้แน่ๆ สัมผัสแบบนี้ที่เขาเคยโหยหาจากร่างกายกำยำของชายหนุ่ม จากหนุ่มในฝันที่เขาเฝ้าถวิลหาและอยากได้รับสัมผัสแบบนี้มาเนิ่นนาน สัมผัสที่เขาไม่เคยได้รับจากชายใดมาก่อน แต่เขาก็โหยหาเสียเหลือเกิน ณ ยามนี้.. เขารู้สึกเหมือนกำลังมีหนุ่มรูปงามกายกำยำ กำลังกระทำกับเขาอย่างอ่อนโยน จนเขาวาบหวิว เสียวสะท้าน เขารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ มันสมจริงเสียจนเขาสุดที่จะอดกลั้นได้อีกต่อไปเขาครางเบาๆด้วยความรู้สึกวูบวาบสั่นไหว จนเขาเกร็งกระตุก และทะลักหลั่งสายธารรักออกมาจนเนืองนอง โดยที่เขามิได้สัมผัสแตะต้องแก่นกายของตัวเองเลยแม้แต่น้อยจนเมื่อถึงที่สุดของอารมณ์ปรารถนา เขาก็หอบเบาๆอย่างรู้สึกเป็นสุขใจ และยังรู้สึกเหมือนกับว่า สัมผัสประหลาดนั้น ยังคลอเคลียเขาอยู่ไม่ห่าง มันช่างอ่อนหวาน น่าหลงใหลเหลือเกิน ริมฝีปากที่อวบอิ่มของเขาในยามนี้ เขาเหมือนกำลังถูกจุมพิต ความรู้สึกนี้.. ใช่แน่ๆ เขากำลังถูกจุมพิต จูบอย่างดื่มด่ำ จนเขาเผลอครางออกมาเบาๆอย่างไม่รู้ตัว โอว.. ชีวินรู้สึกมีความสุขเหลือเกิน มันช่างอ่อนหวาน และสวยงามอะไรเช่นนี้ เขาอยากหยุดเวลาไว้ เพื่อกักเก็บความรู้สึกนี้ให้ยังคงอยู่กับเขา ให้เป็นแบบนี้ เป็นอยู่แบบนี้อย่าง.. เนิ่นนาน..
. . .
.
.
.
ณ ราตรีนั้น ชีวินนอนคิดถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเขาระหว่างอาบน้ำอย่างคลางแคลงใจ ความรู้สึกแบบนี้.. มันเกิดขึ้นกับเขาได้อย่างไร? หรืออาจจะเป็นเพราะว่า.. เขามิได้ปลดปล่อยอารมรณ์หนุ่มมาเนิ่นนาน กลไกธรรมชาติของร่างกายวัยหนุ่มรุ่นกระเตาะที่สมบูรณ์ของเขา จึงได้ทำการปลดปล่อยออกมาเองเช่นนี้ แต่.. เขาก็ไม่เคยรู้สึกวาบหวิวน่าประทับใจเช่นนี้มาก่อนเลยนี่นา ทำไม? มันจึงช่างรู้สึกดีแบบนี้เหลือเกิน ช่างเถิด จะอะไรก็แล้วแต่.. วันนี้.. ช่างเป็นวันที่เขามีความสุขอย่างที่สุด เขาหลับตาพริ้ม อมยิ้มอย่างเป็นสุข แล้วก็ค่อยๆเคลิ้มหลับไป หลับอย่างอบอุ่น และรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่ดุจดังมีใครสักคน ที่กำลัง.. ตระคองกอดเขาไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน ทะนุถนอม เขาค่อยๆจมดิ่งในห้วงลึกแห่งนิทรารมย์ แล้วก็นิมิตฝัน ในนิมิตฝันนั้น.. เขาได้เห็นชายหนุ่มรุ่นพี่ที่แสนจะหล่อเหลาในร่างเปลือยที่แสนจะงดงามสมบูรณ์ กำลังส่งยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น และเปี่ยมไปด้วยมิตรไมตรี ในฝันนั้น.. เขาก็นึกแปลกใจว่า ทำไม.. พี่ชายสุดหล่อคนนี้ จึงมาเปลือยต่อหน้าเขาแบบนี้ด้วย ทำไมไม่นุ่งผ้านะ ไม่อายเขาหรือไร? แต่จะว่าไป.. มันก็ดีออก ที่ได้เห็นอะไรต่อมิอะไรจะจะแบบนี้ ในยามนี้.. ดูเหมือนกับว่า.. ชายหนุ่มผู้งดงามหล่อเหลาคนนั้น กำลังจะพยายามเอ่ยพูดบางอย่างกับเขา อะไรบางอย่าง ทำไม? ทำไมเขาจึงไม่อาจรับรู้สิ่งที่พี่ชายแสนหล่อคนนั้นกำลังพูดกับเขา นี่.. พี่คนนั้นเขากำลังจะสื่ออะไรกันแน่?

********

*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2009 11:07:04 โดย Pikachu »

High_Wizard

  • บุคคลทั่วไป
ว้าวๆๆ ตอนแรกมาก็เปลือยแล้วเหรอซี ................ 555+







เป็นกำลังใจให้นะครับ...............แล้วมาลงต่ออีกนะครับ

ปล. สวัสดีพี่แนนนะครับ เหอะๆ

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
^

^
จิ้มกอป ให้ทะลุซี

จิ้มก่อน เดี๋ยวไปอ่าน



ซีจ๊ะ ภาพชีวินนี่ชวนหื่นนน

อย่างนี้ต้องรีบไปอ่านแว้ววว (^o^)

~~~~~~~~~~~~~~~~~~


เหอๆๆๆ อยากอาบน้ำบ้างจัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-02-2009 21:20:45 โดย nana lon€ly™ »

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
ปี๋ ๆๆๆ  :a5:

แปลกและแหวกแนวดีจริงๆ   :haun5:

รออ่านตอนต่อไปจ้า  :L2:

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
 :mc4: :mc4:
ปฐมฤกษ์คับ

เรื่องนี้น่าสนใจดี ติดตามต่อนะคับ
(ปล.อ่านมาสองเรื่อง เพิ่งรู้ว่าคนเขียนชื่อซี[แบบว่า ไม่เคยสังเกต  :a5:])

three

  • บุคคลทั่วไป
ไรอ่ะฉากแรกก็เปลือยอ่ะเอตอนนที่คนที่กรีดข้อมือตายไปน้แกไม่มีคนทำบุญไปให้หรือไงน้ามาแบบเปลือยเชียว :-[

Pikachu

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะครับ ผมโหวต+1ให้แล้วครับผม^^
ขอบคุณกอป ขอบคุณพี่แนน ขอบคุณพี่nOn†ღ ขอบคุณพี่pickki_a มากๆครับผม


ติดตามต่อ.. ในบท สัมผัส(2) ได้เลยครับ อาจจะมีหวิวๆไปบ้าง แต่ก็เป็นแนวนิยายเพื่อจะให้เรื่องดำเนินต่อไป ถ้าติดตามกันต่อไปเรื่อยๆ บางที.. สิ่งที่คิดไว้ อาจจะไม่ได้เป็นแบบนี้ก็ได้.. ติดตามต่อได้เลยครับ แนะนำติชมกันได้นะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับผม..

สัมผัส (2)


พี่ชายที่แสนหล่อเหลาคนนั้น พยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับชีวิน ซึ่งเขาไมได้ยินอะไรเลย มันไม่มีเสียเปล่งออกมาเลยจากปากของพี่ชายนิรนามผู้นั้น นี่เขาต้องการจะพูดอะไรนะ? ชีวินพยายามเดาจากท่าทางของเขา ก็พอจะเข้าใจได้เพียงนิดหน่อยว่า.. พี่ชายคนนั้น เหมือน.. กำลังขอบคุณเขา และรู้สึกดีๆกับเขา แล้ว.. ขอบคุณเขาเรื่องอะไรหนอ? นี่เขาเคยไปทำอะไรให้พี่คนนี้หรือ? ชีวินพยายามนึก แต่ก็นึกไม่ออก เขาว่า.. เขาไม่เคยเห็นพี่คนนี้มาก่อนเลย จากนั้น.. ดูเหมือนว่าพี่ชายคนนั้นจะล่วงรู้ถึงความต้องการลึกๆในใจเขา เขาเอามือมาเกลี่ยแก้มชีวินเบาๆอย่างอ่อนโยน จากนั้น.. ก็ตระคองกอด และโอบกอดเขาไว้ในอ้อมแขน แล้วเชยคางเขาขึ้นมาจุมพิตที่ริมฝีปากอย่างดูดดื่ม จูบที่แสนจะอ่อนหวาน แต่ก็สร้างความรัญจวนใจได้ไม่น้อยเลย มือเขาก็ลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างเปลือยของชีวินจนรู้สึกวาบหวิว ชีวินไม่รู้สึกตัวเลยว่า.. ตัวเขานั้น อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าตั้งแต่ตอนไหน? แต่.. จะสนใจทำไม? แบบนี้มันก็น่าจะดีอยู่แล้ว ชีวินรู้สึกเคลิบเคลิ้มกับรสเสน่หา จากบุรุษหนุ่มนิรนามรุ่นพี่คนนั้นจนสุดบรรยาย ไม่ว่าเขาจะชักนำชีวินไปทางไหน? ชีวินก็คล้อยตามอย่างมิอาจขัดขืน เพราะ.. มันเป็นปรารถนาซ่อนเร้นในใจของชีวิน ที่รอคอยการกระทำแบบนี้มาเนิ่นนาน แล้ว..ร่างเปลือยทั้งสองร่างก็ทาบทับ กอดรัดกันแนบแน่นจนแทบจะหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียว ชีวินรู้สึกถึงอารมณ์ปรารถนาของตัวเองคุกรุ่นตื่นตัวจนแทบถึงขีดสุด ทำไม.. พี่ชายคนนี้.. จึงตอบสนองความต้องการเขาได้ตรงจุดทุกอย่าง ราวกับอ่านใจเขาออก สัมผัสและลีลาพลิกผันเปลี่ยนกระบวนท่าไปตามความปรารถนาแห่งอารมณ์อันคุกรุ่น และแล้ว.. จนถึงขีดสุดของอารมณ์ที่ชีวินเกินจะอดกลั้นได้อีกต่อไป เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทะลักหลั่งสายธารรักออกมาอย่างเนืองนองด้วยความเสียวสะท้าน จนเมื่อ.. ถึงที่สุดของอารมณ์ปรารถนา ชีวินก็อ่อนระทวย อิงแอบ แนบซบ ที่ไหล่กว้างอันแสนอบอุ่นของพี่ชายสุดหล่อคนนั้นอย่างเปี่ยมสุข ชีวินรู้สึกเป็นสุขจนสุดที่จะบรรยาย มันสมดังใจปรารถนาเขาทุกอย่าง มันช่าง.. สุดแสนประทับใจอะไรเช่นนี้ และมันช่างดูสวยงามน่าหลงใหลเสียเหลือเกิน..
. . . .
“ วิน ตื่นหรือยังลูก สายแล้วนะ เดี๋ยวไปโรงเรียนไม่ทัน ”
ชีวินลืมตาตื่นขึ้น เมื่อได้ยินเสียงแม่เขามาเคาะประตูเรียก เขาเหลือบมองนาฬิกาปลุกตรงหัวเตียง ก็พบว่า.. มันค่อนข้างจะสายแล้ว นี่เขาตั้งนาฬิกาปลุกไว้นี่นา แล้วทำไมเขาจึงไม่ตื่น เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย เขาหลับสนิทขนาดที่ไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกเลยหรือ? แต่.. เขาก็รู้สึกสดชื่นเหมือนกับได้นอนหลับมาอย่างเต็มอิ่ม เขาผลุดลุกขึ้นนั่งโดยไม่มีอาการงัวเงียเลยแม่แต่น้อย แล้วเขาก็เอ่ยขานรับแม่ในทันที
“ ตื่นแล้วครับแม่ อีกสักเดี๋ยวจะออกไปครับ ”
“ อ้อ.. ตื่นแล้ว งั้นแม่เข้าไปนะ จะเอาผ้าไปใส่เครื่องซักให้ ”
แล้วเขาก็ได้ยินเสียงแม่เขากำลังจะหมุนประตูลูกบิดเข้ามาด้วยความเคยชิน เพราะเกือบทุกเช้า แม่เขาก็มักทำแบบนี้เป็นประจำ ชีวินเหลือบมองตัวเองแล้วก็ตาเบิกโพลง เพราะพบว่า.. ตัวเขาเองกำลังเปลือยเปล่า ตายละ นี่เขาแก้ผ้าตั้งแต่ตอนไหน? เมื่อคืนก็นอนใส่เสื้อผ้าปกตินี่นา แล้วทำไมตื่นมาจึงไม่มีเสื้อผ้าติดกายเลยสักชิ้น นี่ถ้าแม่เปิดเข้ามาเจอเขาในสภาพโล่งโจ้งแบบนี้เขาคงอายตายเลย ก็เขาไม่ใช่เด็กชายตัวน้อยๆอีกแล้วนี่นา อะไรต่อมิอะไรของเขามันเป็นแบบผู้ใหญ่หมดแล้ว เขารู้สึกตกใจและรีบเอ่ยอย่างระล่ำระลัก แล้ววิ่งไปที่ประตูห้องแล้วกดล๊อคในทันที
“ แม่.. แม่อย่าเพิ่งเข้ามานะครับ วินกำลังโป๊อยู่ เดี๋ยววินเอาผ้าออกไปให้เองครับ ”
“ อ้อ.. เหรอ? กำลังโป๊แล้วทำไมไม่รู้จักล๊อคประตู ดูสิ.. แม่เกือบจะเปิดผลั๊วะเข้าไปแล้ว ถ้างั้นก็รีบๆลงมานะลูก สายมากแล้ว เดี๋ยวจะกินอะไรไม่ทันนะวิน ”
“ ครับแม่ ”
ชีวินตอบรับจากในห้องพร้อมกับยืนกุมแก่นกายตัวเองอย่างรู้สึกอยากปกปิด แม้จะรู้ว่า.. แม่ไม่เข้ามาแล้วก็ตาม จนเมื่อ.. หลังจากที่ชีวินได้ยินเสียงแม่เขาเดินลงข้างล่างไปแล้ว เขาก็เหลือบมองมายังเตียงนอนก็พบว่า.. เสื้อผ้าของเขากระจัดกระจายอยู่บนเตียง เขาไม่เคยนอนแก้ผ้าแบบนี้มาก่อนเลย ไม่เคยแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ นี่.. มันเป็นไปได้อย่างไรกันที่เขาจะถอดเสื้อผ้าตัวเองออกยามหลับโดยที่เขาไม่สึกรู้ตัว เขารู้สึกงุนงงตัวเองจริงๆ แล้วนั่น.. บนที่นอน มันมีคราบด่างดวงของธารรักของเขาที่แห้งแล้ว เป็นหย่อมๆอยู่หลายจุดใหญ่ ซึ่งถ้าใครมาเห็น ก็ต้องรู้แน่นอนว่ามันคืออะไร? เขาก้มลงมองส่วนกลางลำตัวของตัวเองไล่มาจนถึงราวสะดือ ก็พบคราบแห้งกรังอยู่บริเวณตรงส่วนนั้นและหน้าท้องของตัวเอง คงจะออกมาเนืองนองพอดู จึงทิ้งร่องรอยไว้ถึงขนาดนี้ นี่เขานอนฝันเปียกหรือไรกันเ ขาจะรู้สึกหื่นอะไรกันได้ขนาดนี้ ถึงขนาดปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกหมดโดยที่ไม่รู้ตัว ความจริง.. เมื่อเย็นวานระหว่างอาบน้ำเขาก็หลั่งไปแล้วครั้งหนึ่งแล้วนี่นา เขาเริ่มลำดับความคิด แล้วเขาก็นึกถึงในความฝันเมื่อคืน จริงสิ ใช่แล้ว มันช่างวาบหวามเสียเหลือเกิน ความฝันแบบนี้ แบบที่ไม่เคยฝันมาก่อน มันช่างเหมือนจริงและเขาก็จดจำได้อย่างแม่นยำเลยทีเดียว แล้วนี่.. เขาจะจัดการกับคราบธารรักบนที่นอนอย่างไรดี ขืนปล่อยไว้แบบนี้ แม่คงต้องมาเห็นแน่ๆ แม่อยู่บ้านตลอดและชอบเข้ามาดูแลความเรียบร้อยในห้องเขาให้อยู่เสมอๆ จะทำไงดีละเนี่ยนี่ก็สายมากแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีเวลาแล้วด้วย งั้น.. เดี๋ยวค่อยหาอะไรมาปิดๆไว้ก่อนดีกว่า เย็นนี้กลับมาค่อยมาจัดการ แล้วชีวินก็หันไปหยิบผ้าขนหนูมาพันกายส่วนล่างแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป..
. . . .
.
.
.
 “ วิน วิน เป็นอะไร? นั่งเหม่ออยู่ได้ ดูแปลกๆชอบกล แล้วนี่..  เลิกเรียนตั้งนานแล้ว นายไม่กลับบ้านเหรอ? ”
เสียงเอ่ยทักพร้อมสัมผัสที่มาโอบไหล่ ปลุกชีวินให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ นี่เขามัวนั่งคิดถึงรสสัมผัสอันวาบหวิว และความฝันอันสวยงามที่สุดแสนประทับใจเมื่อคืนอยู่เงียบๆอย่างเหม่อลอย ดูเป็นที่ผิดสังเกตของเพื่อน จนถูกเอ่ยทักด้วยความแปลกใจ จริงสิ.. ทำไมเขาจึงเป็นแบบนี้ไปได้ ความจริงมันก็แค่ความฝัน และความรู้สึกถึงสัมผัสแปลกๆที่ดูเหมือนกับว่า.. เขาจะคิดไปเองด้วยความเพ้อฝันด้วยซ้ำไป เขานี่ถ้าจะเพ้อเป็นตุเป็นตะเสียมากมาย เขาหันไปยิ้มให้กับเพื่อนชายคนที่เอ่ยทัก เพื่อนชายคนนี้ คนที่ดูจะให้ความสนิทสนมกับเขาเสมอมา จนบ่อยครั้งที่เขากลัวใจตัวเองว่าจะถลำใจไปรักเพื่อนเข้าให้ เขาพยายามไม่อยากจะคิดอะไรมากกับเพื่อนคนนี้ ด้วยว่า.. เห็นว่าเป็นเพื่อน ชีวินเอ่ยตอบคำถามนั้นด้วยน้ำเสียงที่รื่นเริง
“ ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่.. นั่งคิดอะไรเล่นๆน่ะ เดี๋ยวเราก็จะกลับแล้วละพัฒน์ ”
“ อืม.. อาการแบบนี้ ดูคล้ายๆคนที่กำลังมีความรักเลย ตอนนี้นายกำลังเป็นแบบนั้นหรือเปล่า? ”
“ ก็.. อาจจะเป็นงั้นมั๊ง? ไม่รู้สิ ไม่ค่อยแน่ใจ ”
“ อั่นแน่!! แล้วนี่.. นายพอจะบอกได้ไหมว่าใคร? ”
“ ก็คง..  จะบอกไม่ได้หรอก เพราะ มันไม่มีเว๊ย ยังหาไม่ได้เลย หึหึ ช่างมันเถิดพัฒน์ เราก็เพ้อๆแบบนี้แหละ เออ.. เราจะกลับแล้วละพัฒน์ แล้วนี่นายจะกลับหรือยัง? ”
“ เราว่า.. จะไปเตะบอลเล่นก่อนสักพักค่อยกลับน่ะ ”
“ ถ้างั้นเรากลับก่อนนะ แล้วเจอกันวันจันทร์นะพัฒน์ ”
“ อืม.. โชคดีวิน แล้วเจอกัน ”
หลังจากกล่าวล่ำลา ชีวินก็ปลีกตัวเดินออกมา เขาเดินคิดอะไรเล่นเรื่อยเปื่อยจนมาถึงบริเวณสนามบาสเก็ตบอล แล้วดูเหมือนกับว่า.. เขารู้สึกเย็นวาบบริเวณต้นคอด้านหลัง มันเหมือนกับว่า.. มีใครสักคนอยู่ที่ด้านหลังของเขาแบบประชิดตัว เขารู้สึกแบบนั้นจึงหันไปมองในทันที แล้วเขาก็ได้พบว่า.. ลูกบาสเก็ตบอล กำลังพุ่งมาทางเขาด้วยความเร็วและแรง เขาเห็นดังนั้น จึงรีบเบี่ยงตัวหลบในทันที..
“ พี่ ขอโทษนะครับ พอดีผมรับลูกพลาด ดีนะที่พี่หลบทัน ไม่งั้น ถ้าโดน พี่คงจะเจ็บแย่เลย ”
เด็กรุ่นน้องที่วิ่งตามมาเพื่อเก็บลูก เอ่ยขอโทษเขาด้วยน้ำเสียงระล่ำระลัก
“ อืม.. ไม่เป็นไร คราวหลังก็ระวังหน่อยแล้วกัน มันอันตรายนะ นี่ถ้าพี่หลบไม่ทัน ก็คงโดนเข้าไปเต็มๆเลย สงสัยคงมึนจนนั่งนับดาวเลยละ ”
ชีวินกล่าวตำหนิเล็กน้อย จนเห็นว่า.. เจ้าเด็กรุ่นน้องคนนั้นดูจะหน้าเสีย เขาจึงไม่อยากพูดอะไรมาก ด้วยเขาเข้าใจดีว่า.. มันน่าจะเป็นการไม่ได้ตั้งใจจริงๆของเด็กรุ่นน้องคนนี้และเพื่อนๆกลุ่มที่เล่นบาสเก็ตบอลด้วยกัน
“ ครับ ขอโทษนะครับพี่ ”
ชีวินพยักหน้าตอบรับและไม่กล่าวว่ากระไรต่อ แล้วเขาก็ออกเดินต่อพลางนึกด้วยความประหลาดใจว่า.. มันเป็นความบังเอิญ หรือว่า.. จะมีบางอย่างมาเตือนเขา เขานึกมาถึงตรงนี้ก็ขนลุกซู่ขึ้นมาทันที แต่แล้ว.. เขาก็รีบเปลี่ยนความคิด ด้วยว่ารู้สึกหวาดๆ มันคงจะเป็นความบังเอิญจริงๆนั่นแหละ เขาเดินมาจนถึงบริเวณป้ายรถประจำทาง ก็พบว่ามันคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเหมือนดังเช่นเคย ชีวินเห็นดังนั้นเขาก็ไม่ใคร่อยากรีบกลับมากนัก เขานึกในใจว่า.. พรุ่งนี้ก็หยุด เดี๋ยวแวะไปไหว้พระที่วัดอีกดีกว่า ไหว้แล้วสบายใจดี เขาจึงเดินดิ่งมาที่วัดจนมาถึงในเวลาที่ไม่นานนัก ณ บริเวณตู้รับบริจาคเขาก็พบแม่ชีท่าทางใจดีท่านเดิม นั่งยิ้มให้เขาอยู่ แม่ชีท่านคงจะจำเขาได้กระมัง? เพราะเมื่อเย็นวานเขาก็มาครั้งหนึ่งแล้ว เขาล้วงเงินในกระเป๋า แล้วหย่อนลงตู้รับบริจาค ระหว่างนั้น เขาก็ได้ยินแม่ชีท่านนั้นเอ่ยทักทายเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ มาไหว้พระอีกหรือจ๊ะหนู ”
“ ครับ มาไหว้แล้วอิ่มใจดีน่ะครับ วันนี้ว่างๆ เลยอยากมาไหว้อีก ”
“ ดีแล้วละลูก หนูนี่เป็นเด็กดีจังเลย ดูจะเป็นคนใจบุญสุนทาน  มิน่า.. ถึงได้มี.. เอ่อ.. เอ้อ.. ดอกไม้ธูปเทียนนั่น หนูหยิบเลือกเอาตามสบายเลยนะลูก ”
“ เอ่อ.. ขอบคุณครับ ”
แม่ชีพูดแปลกจัง เหมือนอยากจะบอกอะไรบางอย่าง แต่ก็หยุดไว้เพียงแค่นั้น ชีวินรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เขาตอบรับ แล้วหันไปหยิบเครื่องบูชาจนครบตามความต้องการ จนเมื่อ.. ชีวินสักการะไหว้พระจนเรียบร้อยทุกขั้นตอนจนรู้สึกสบายใจ เขาก็ออกมาเดินเตร็ดเตร่บริเวณภายนอกของโบสถ์ และตรงไปยังช่องบรรจุอัฐิของเด็กหนุ่มคนนั้นในทันที เขาแปลกใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไม เขาจึงดูสนใจมากมายขนาดนี้ เขามีความรู้สึกสนใจใคร่รู้เรื่องราวต่างๆของเจ้าของอัฐิคนนั้นเสียเหลือเกิน มันเป็นเพราะอะไรกันนะ เขาแลเห็นหญิงวัยกลางคนกำลังเอาพวงมาลัยคล้องที่บริเวณแผ่นป้ายหินอ่อนที่สลักชื่อ วันเดือนปีเกิดและวันสิ้นอายุไขของเด็กหนุ่มคนนั้นอยู่ นี่คงจะเป็นญาติของเด็กหนุ่มคนนั้นกระมัง? เขาลอบสังเกตท่าทีที่ดูเศร้าสร้อยของคุณป้าท่านนั้น ก็นึกคาดเดาในใจว่าน่าจะเป็นคุณแม่ของเจ้าของอัฐิคนนี้แน่นอน ชีวินกำลังคิดอยู่ว่าเขาจะถามคุณป้าท่านนั้นดีไหมหนอ? มันจะดูน่าเกลียดหรือเปล่า? แต่เขาก็อยากรู้จริงๆนี่นา แล้วนี่เขาจะทำเช่นไรดี จนเมื่อความอยากรู้มันเอ่อท้นจนท่วมหัวอก เขาตัดสินใจเอ่ยปากถาม
“ คุณป้าครับ เอ่อ.. อัฐินี้เป็นญาติคุณป้าเหรอครับ? ”
หญิงวัยกลางคนนั้นหันมามองชีวินด้วยท่าทีประหลาดใจ แต่ก็เอ่ยตอบรับคำถามของชีวิน
“ ใช่จ้ะ ลูกชายป้าเอง มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ? ”
“ เอ่อ.. ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีผมเคยเห็นแบบผ่านๆ คือเคยมาดูๆแถวๆที่เก็บอัฐิแถวนี้เล่นๆน่ะครับ ดูเหมือนว่า เขาจะเสียตั้งแต่อายุไม่มากเท่าไรเลยนะครับ ”
“ อืม.. จ้ะ เขาตายตอนอายุราวๆ 20 กว่าๆ ถ้ายังอยู่ถึงวันนี้ ก็คงจะย่าง 22 แล้ว.. ทำไมป้าดูเหมือนหนูจะสนใจลูกชายของป้าแบบนี้ละจ๊ะ นี่หนูเคยรู้จักกับเขาหรือเปล่า? หรือว่าเป็นเพื่อน?  ”
“ เอ่อ.. ปละ เปล่า ครับ คือ คือว่า.. ผมเคยมีเพื่อนรุ่นพี่ที่นับถือมากๆคนหนึ่ง แล้วเขาก็เสียไปเมื่ออายุประมาณเท่าพี่คนนี้ เอ่อ.. ลูกชายของคุณป้าน่ะครับ ผมก็เลยนึกถึงพี่คนนั้นที่ผมนับถือขึ้นมา พอดีเห็นคุณป้ากำลังเอาพวงมาลัยมาคล้อง เลยคิดว่า.. คุณป้าน่าจะกี่ยวพันเป็นญาติ หรือเป็นคุณแม่ ผมก็เลย.. เอ่อ คือว่า.. ผมก็เลยอยากจะถามดูน่ะครับ ”
“ อ่อ จ้ะ ”
“ ขอประทานโทษนะครับ คือ.. แบบว่า.. เขา เอ่อ.. เขา.. เป็นอะไรถึงเสียครับ ”
ชีวินนึกแปลกใจตัวเองเหลือเกิน ทำไมเขาจึงกล้าพูดปดออกไปได้ขนาดนั้น คงเพราะความอยากรู้จนท่วมอกกระมัง? จึงทำให้เขากล้าได้ถึงเพียงนี้ เขาลอบมองสีหน้าของคุณป้าท่านนั้น ก็ดูเหมือนว่าจะสลดลง จนเขารู้สึกผิดที่ดูเหมือนตัวเองไปกวนตะกอนความเศร้าในใจของคุณป้าท่านนั้น เขาเห็นแววตาของคุณป้าท่านนั้นมองมาที่เขาด้วยความแปลกใจในคำถามของเขา แต่ก็เอ่ยตอบคำถามเขา ด้วยน้ำเสืยงที่สั่นเครือ
“ เขาฆ่าตัวตายน่ะหนู เชือดข้อมือจนเลือดออกจนตาย คือ.. พอดีมีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่เรามีเรื่องที่ไม่เข้าใจกันหลายอย่าง เขาเลยย้ายออกจากบ้านไปอยู่กับเพื่อน แล้วก็หายเงียบไปนานเลย ติดต่อก็ไม่ได้ จนป้ามารู้ข่าวอีกที เขาเสียแล้วน่ะจ้ะ ”
“ โอว.. น่ากลัวจริงๆ ขอโทษนะครับ ผมเสียใจด้วย ผมไม่ถามเลยครับ ขอโทษจริงๆนะครับ ”
“ ไม่เป็นไรหรอกหนู เรื่องมันผ่านมานานแล้ว คงจะแก้ไขอะไรไม่ได้อีก แต่.. ป้าอยากจะเตือนหนู อย่าทำแบบลูกชายของป้านะ รู้ไหม? ว่าการทำแบบนี้ พ่อแม่จะเสียใจมากแค่ไหน? ”
ชีวินได้ยินดังนั้น เขาก็รู้สึกผิดเหลือเกิน มันเป็นโศกนาฎกรรมที่น่าเห็นใจจริงๆ ความจริง เขายังมีสิ่งที่อยากรู้อีกมากมาย แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามอะไรอีกแล้ว มันดูจะเป็นเรื่องเศร้า และไม่สมควรถามเป็นอย่างยิ่ง เขาเอ่ยตอบรับ และขอปลีกตัวออกมาในทันที
“ ครับคุณป้า ขอบคุณนะครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ”
ชีวินรู้สึกเศร้าสลดกับชะตากรรมของเด็กหนุ่มเจ้าของอัฐินั้น ความสบายใจจากการไหว้พระเมื่อครู่ที่ผ่านมามลายหายไปสิ้น เขาไม่น่าอยากรู้อะไรแบบนี้เลย เขาเกิดคำถามขึ้นใจใจอีกครั้ง ว่า.. ทำไม? หลังจากที่เขามาไหว้พระเมื่อวาน ดูจะมีสิ่งแปลกๆเกิดขึ้นกับเขามากมายหลายอย่าง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา แล้วทำไมเขาจึงต้องมาสนใจเรื่องราวของคนที่ไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำ มันอะไรกันนี่? เขามัวเดินคิดอะไรในใจ จนมารู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงเอ่ยทักจากแม่ชีสูงวัยที่ใจดี
“ จะกลับแล้วหรือลูก ”
“ เอ่อ.. ครับ เย็นมากแล้ว ผมว่าจะกลับแล้วละครับ ”
“ อืม.. หนูเนี่ยเป็นคนที่จิตใจดีมีเมตตานะ มีบุญบารมีด้วย ถึงได้.. เอ่อ.. มี.. เอ้อ.. ยังไงก็.. ดูแลกันดีๆนะลูกนะ กลับเถิดลูกนี่ก็เย็นมากแล้ว ”
“ ครับ ”
ชีวินตอบรับ พ้อมกับยกมือไหว้ล่ำลา ด้วยความงุนงงในคำพูดของแม่ชีที่ดูแปลกแปร่งอีกครั้งหนึ่งแล้ว เหมือนแม่ชีอยากจะบอกอะไรเขา แต่ก็ดูเหมือนแม่ชีจะไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านั้น แล้วทำไมแม่ชีจึงไมพูดออกมานะ ทำราวกับว่า.. สิ่งที่แม่ชีจะพูดอกมา จะทำให้เขาหวาดกลัว แม่ชีจะบอกว่า.. มีอะไร? แล้ว.. ดูแลกันดีๆ? นี่มันหมายความอย่างไร? เขาอยากจะเอ่ยถาม แต่ก็ไม่รู้จะถามว่ากระไรดี คงทำได้แต่เพียง เก็บงำความสงสัยไว้ในใจคนเดียว เขาเดินเรื่อยๆเอื่อยๆ เพื่อจะตรงกลับบ้าน แล้ว.. เขาก็รู้สึกอีกแล้ว สัมผัสอบอุ่นแบบนี้ เหมือนกำลังมีบางสิ่งโอบกอดเขาไว้ แล้วเดินเคียงมาด้วยกัน รู้สึกแบบนี้จริงๆ นี่มันอะไรกันแน่ เรารู้สึกไปเองใช่ไหม?  ชีวินถามใจตัวเองด้วยความคลางแคลงใจ แต่.. เขาก็รู้สึกอบอุ่นใจจากความรู้สึกถึงสัมผัสนี้ด้วยเช่นกัน..

********

*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2009 10:19:17 โดย Pikachu »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kunkai

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
เข้ามาอ่านเรื่องใหม่
อ่านแล้วรู้สึกจาเป็นเรื่อง :m26:
ออกแนวลึกลับ.......หรือเปล่า
กลัว.....แต่.........อยากอ่านต่อค้าบ
:m29:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
อ่านไป หลอนไป บรื๋อออออ  แต่ก็อยากอ่านต่อแล้ว  :o8:

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
อบอุ่นดีคับ
แต่ถ้าเลือกได้ ไม่เอาดีกว่า กลัวอ่ะ
บรื๊ย!!!!!!
 :serius2:


ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 o13 o13 o13
ซี แก้ในเรื่องของรายละเอียดได้ดีขึ้นเยอะเลย
ปมเรื่องดูจะเริ่มชัดเจนมากขึ้นเนื้อเรื่องสนุกดีพี่ชอบ
การลำดับเหตุการณ์ที่มีความชัดเจนในเรื่องของเวลาว่าหลังจากชายคนนั้นตายไป
สองปีหลังจากนั้นเค้าก็ยังคงอยู่ในมิติที่ไม่เป็นไปตามทางที่ควรจะเป็น
แสดงให้เห็นว่าเวลาตามอายุขัยคงจะยาวกว่านี้แน่แล้วการที่ออกมาจากมิตินั้นมาติดตาม
ชีวินได้เนี่ย ก็เป็นปมที่น่าคิดมากว่าเกิดจากสิ่งต่างๆที่คิดแล้วเกิดขึ้นมาในหัวนั่นรึเปล่า
แล้วทำไมต้องเป็นชีวิน หรือเพราะเค้าอาจมีบางอย่างที่คล้ายคลีึงกับปอนหรือ...
หรือว่าเพราะลิขิตบางอย่างได้บอกว่า ชีวิน คือ ผู้ที่จะมาปลดปล่อยตนเองออกจากโลกที่อยู่นี้ได้
แต่แหมพออ่านตอนนี้แล้วคิดว่าเราเป็นชีวินขึ้นมาเอง
เรื่องแบบนี้มันทำให้รู้สึกเสียวๆเหมือนกันนะเนี่ยว่าจะต้องเจอกับตัวเองแล้วมันจะเป็นยังไง
ท่าทางจะมีความสุขแบบแปลกๆนะเนี่ย แต่นี้คงเป็นเรื่องที่เกิดได้ยากละ อิๆ
แล้วจะรออ่านต่อ นะซี เรื่องอย่างว่าอะเต็มที่ได้เลยพี่ชอบ
                                                                                                          นิว

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
หวัดดีค้าบซี
เข้ามาอ่านตามคำชวนแล้วนะค้าบ

เรื่องสนุกมากเลย บวก 1 ให้เลยค้าบ
แหวกแนวเรื่องส่วนใหญ่ในนี้ สร้างสรรค์มาก
มีมุมที่ต้องคาดเดาหลายประเด็น ทำให้น่าค้นหา ชวนติดตามค้าบ

ส่วนเรื่องอื่นพี่ส่งเป็นข้อความไปหาแล้วนะค้าบ

 :กอด1: ซี แล้วจามาอ่านต่อนะ ชอบๆๆๆมากๆๆๆ

High_Wizard

  • บุคคลทั่วไป
เอาตอนใหม่มาลงก็มิบอกกล่าวกันเลยนะท่าน เหอะๆ

กะไว้ว่าหลังสอบ GAT-PAT แล้วจะไปหาตัดแว่นซะหน่อย สายตาเสียแล้วมั่งนิ อ่านหนังสือแล้วตาลาย

ตอนใหม่นี้ก็ดีนะ มีช่วงให้ตื่นเต้นๆด้วย เสียวๆชอบกล




เป็นกำลังให้นะซี..........แล้วเอามาลงต่ออีกละ

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
อบอุ่นแบบสยิวยะเยือก ๆ  :sad3:

แต่สนุกและลุ้นดีจ้า มาต่ออีกไวๆ เน้อ  :L2:

three

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าเจอกับตัวเองแบบนี้คงขนหัวลุกแน่ๆอ่ะ o21

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
ซีเอ้ยย ทู้ตกไปอยู่หน้า2 แล้ววววว

ขุด ขุด ทู้ขึ้นมา

เฮ้ออ เหนื่อยย



ซีอ่านแล้วมันยะเยือก ขนลุกอ่ะ

อะจึ๋ยย แนวนี้ หยองงง


Pikachu

  • บุคคลทั่วไป
ขอขอบพระคุณ สำหรับทุกคอมเม้นมากนะครับ ผมโหวต+1ให้เพื่อเป็นการขอบคุณพี่ๆทุกท่านครับ
ขอบคุณกอป ขอบคุณพี่แนน ขอบคุณพี่นิว ขอบคุณพี่น้ำตาล ขอบคุณพี่nOn†ღ ขอบคุณพี่pickki_a ครับ ^^

ติดตามตอนต่อไปกันได้เลยนะครับผม อาจจะดูน่ากลัวไปสักนิด แต่ผมก็ตั้งใจเขียนเต็มที่จนรู้สึกขนลุกหน่อยๆ เพราะรู้สึกหวาดๆ หลอนๆอยู่เหมือนกัน แหะๆ :o


เขา.. ใคร? (1)


ชีวินเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนหลังจากที่เขากลับมาถึงบ้าน แล้ว.. เขาก็พบว่า.. ผ้าปูที่นอน ได้ถูกเปลี่ยนให้แล้ว นี่แม่เขาคงจะมาจัดการให้จนเรียบร้อยแล้วละสิ ถ้าเช่นนั้น.. แม่ก็คงจะเห็นคราบธารรักของเขาที่เป็นด่างดวงเลอะบนผ้าปูที่นอนจึงได้มาเปลี่ยนใหม่ให้ ชีวินคิดดังนั้น.. เขาก็รู้สึกอายอยู่เหมือนกัน แต่ก็ดูจะไม่มากเท่าไรนัก เขาคิดว่าแม่น่าที่จะเข้าใจ ก็มันเป็นเรื่องธรรมชาตินี่นา อีกอย่าง.. นี่ก็แม่ของเขาเอง คนอื่นเสียที่ไหน? มิน่า.. เมื่อกี้ก่อนเดินขึ้นมาบนห้อง ก็เห็นแม่ยิ้มแปลกๆให้เขา แต่แม่ก็ไม่ได้กล่าวว่ากระไร เมื่อชีวินนึกมาถึงตรงนี้.. ใบหน้าเขาก็ร้อนวูบวาบด้วยความประหม่าอาย ถึงจะรู้ดีอยู่แก่ใจทุกอย่าง แต่เขาก็อดที่จะรู้สึกเขินอายใม่ได้ เขารู้สึกเช่นนั้นเพียงชั่วครู่ ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอีก จากนั้นชีวินก็จัดแจงเปลื้องเสื้อผ้าออกเพื่อเตรียมไปอาบน้ำชำระร่างกาย ระหว่างนั้น.. เขาหวนนึกถึงรสสัมผัสที่วาบหวามระหว่างอาบน้ำเมื่อวันวาน แล้ว.. ส่วนนั้นของเขาก็ค่อยๆเริ่มชูชันขึ้นมาทันที ชีวินลูบไล้ร่างเปลือยตัวเอง ตาหรี่ปรือ แล้วเอ่ยพึมพำกับตัวเองเบาๆเหมือนคนละเมอ
“ โอว.. อยากได้รับรสสัมผัสแบบเมื่อวานอีกจังเลย เหมือนเมื่อตอนที่กำลังอาบน้ำ มันทำให้.. รู้สึกดีเหลือเกิน ”
รู้สึกแล้ว ชีวินเริ่มรู้สึกอีกแล้ว ทันทีที่ชีวินเอ่ยพึมพำจบลง เขาก็เริ่มรู้สึกเหมือนได้รับสัมผัสนั้นอีก สัมผัสแบบเดิม สัมผัสที่ดุจดัง มีใครบางคนมาตระคองกอดเขาอย่างอ่อนหวาน โลมไล้เขาไปทั่วเรือนร่าง จนเขารู้สึกตัวเบาหวิว เคลิบเคลิ้มจนเหมือนดังจะลืมตัว เขาเดินเปล่าเปลือยออกห้องด้วยดวงตาเหม่อลอย เดินเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในความรู้สึกที่จมอยู่ในภวังค์จนเกินที่จะควบคุมตัวเอง เขาตรงไปยังห้องน้ำ ทั้งที่ไม่มีอาภรณ์ปิดกายเลยแม้สักชิ้น ไม่มีแม้.. ผ้าขนหนูสักผืนที่พันกายปกปิดส่วนล่างของเขาที่กำลังชูชันอย่างเต็มที่ด้วยอารมณ์ที่กำลังจมดิ่งลึกสู่ห้วงแห่งความปรารถนา..
.
.
.
.
.
ชีวินยืนพิงผนังห้องน้ำอย่างอ่อนแรง เขาหอบเบาๆด้วยความรู้สึกเปี่ยมไปด้วยความหฤหรรษ์ ภายหลังจากที่ถึงขีดสุดแห่งห้วงอารมณ์ปรารถนา จนทะลักหลั่งธารรักออกมาเนืองนองเต็มพื้นห้องน้ำด้วยความเสียวกระสันต์จากรสสัมผัสแบบเดิม ที่แสนจะอ่อนหวานและวาบหวาม จากนั้น.. เขาก็ชำระร่างกายอย่างอ้อยอิ่ง และพิถีพิถันจนสะอาดเอี่ยม จนเมื่อเรียบร้อยดี เขาก็เอื้อมมือไปคว้าที่ราวตากผ้าตรงผนังห้องน้ำด้วยความเคยชิน แต่แล้ว.. เขาก็พบแต่ความว่างเปล่า
“ ตายละ.. ผ้าเช็ดตัว? นี่เราเดินแก้ผ้าเข้ามาอาบน้ำ โดยไม่ได้เอาผ้าเช็ดตัวมาด้วยหรือเนี่ย? ทำไปได้อย่างไร? นี่เราลืมตัวถึงขนาดนี้เลยหรือ? ดีนะ ที่พ่อกับแม่อยู่ข้างล่างกันทั้งสองคน ไม่งั้นคงมาเห็น แล้วเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? นี่.. พักนี้เราเป็นอะไรไปนะ? ทำไมจึงเป็นแบบนี้ไปได้ ดูเหมือนกับว่า.. เราจะทำแต่เรื่องแปลกๆ แบบที่ไม่เคยทำมาก่อนอย่างเหลือเชื่อเลย เวรกรรมจริงๆ เฮ้อ!! ”
ชีวินนึกตำหนิตัวเอง ที่ดูจะเหม่อลอยจนป้ำเป๋อจนดูน่าขัน เขาเปิดประตูห้องน้ำ แล้วเหลียวซ้าย แลขวา เมื่อเห็นแล้วว่าไม่มีใคร เขาก็กำลังจะเดินออกมาทั้งที่ตัวเปียกซ่ก และกำลังที่จะตรงเข้าไปในห้องตัวเองอย่างรีบๆ แต่แล้ว.. เขาก็เหลือบไปเห็นว่าพ่อของเขา กำลังเดินขึ้นบันไดมา ชีวินเห็นดังนั้น ก็นึกใจใจว่า.. คงไม่ทันแล้ว เดี๋ยวพ่อคงต้องเห็นเขาวิ่งแก้ผ้าโทงเทงเข้าห้องแน่เลย ถ้าพ่อเห็น แล้วพ่อจะคิดอย่างไร เขาโตจนเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้ว มาทำอะไรแบบนี้มันดูจะพิลึกเกินไปหน่อย ถึงเขาและพ่อ จะเป็นผู้ชายด้วยกันก็เถิด แต่เขาก็อดที่จะรู้สึกอายไม่ได้ เขาจึงรีบผลุบเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง แล้วค่อยๆแง้มประตูโผล่หน้าออกมาเอ่ยเรียกพ่อของเขาที่กำลังเดินผ่านหน้าห้องน้ำนั้น ในทันที
“ พ่อครับ พ่อ ”
“ มีอะไรหรือลูก? ”
“ พ่อช่วยหยิบผ้าเช็ดตัวในห้องให้วินหน่อยได้ไหมครับ แหะๆ พอดีวินลืมน่ะครับ ”
“ อ้าว.. แล้วนี่วินเข้าไปอาบน้ำ ไม่ได้เอาผ้าเช็ดตัวเข้าไปด้วยหรือลูก? เดินไม่นุ่งผ้าไปเข้าห้องน้ำทั้งอย่างนั้นเลยหรือ? ”
พ่อของเขาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ พลางคิดในใจว่า.. นี่เจ้าวินคงจะเปลือยโทงเทงเดินเข้าไปอาบน้ำ ทำตัวแบบสบายๆ แบบผู้ชายๆ ด้วยคงจะเห็นว่าไม่มีใครเพราะอยู่ข้างล่างกันหมด  นี่พอเห็นเขาเดินมาก็เลยรีบผลุบเข้าห้องน้ำอีกครั้งด้วยความเขินกระมัง?
“ ปละ เปล่าครับ คือนุ่งแต่กางเกงในครับ ลืมเอาผ้าเช็ดตัวเข้ามาด้วย เมือกี้อาบน้ำเสร็จ ก็ซักกางเกงในจนเปียกไปหมดแล้ว ก็ ก็ เอ่อ.. คือ.. พอดีวินปวดท้องน่ะครับ เลยรีบเข้ามาในห้องน้ำก่อน แล้วก็เลยอาบน้ำไปเลย มันก็.. ก็ เลยลืมน่ะครับ ว่า.. ว่า.. ไม่ได้เอาผ้าเช็ดตัวเข้ามาด้วย  นี่กำลังจะเดินโป๊ออกไป พอดีเห็นพ่อกำลังเดินมา ก็เลยอายๆ แหะๆ ”
ชีวินจำต้องพูดปดด้วยเสียงอึกอัก ด้วยว่า.. เขาไม่รู้จะหาเหตุผลใดมาแก้ตัวได้ดีกว่านี้แล้ว ก็.. เขาจะไปบอกพ่อได้อย่างไร ว่า.. เขากำลังเคลิบเคลิ้ม กำลังมีอารมณ์หวิวเลยลืมตัวเดินเปลือยล่อนจ้อนเพื่อที่จะ.. ไปวาบหวามในห้องน้ำ ตายเลย ขืนบอกไปแบบนั้น พ่อคงจะเตะเขากลิ้งแน่ ฐานที่ทำอะไร ประเจิดประเจ้อ น่าอายได้ขนาดนั้น
“ อะไรกันเจ้าวิน เป็นงั้นไป เป็นเด็กเป็นเล็กขี้หลงขี้ลืม หึหึ เรานี่จริงๆเลย งั้น.. รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวพ่อจะไปหยิบมาให้ ”
พ่อของเขาเอ่ยบ่นๆแกมหัวเราะเบาๆด้วยนึกขันในความป้ำเป๋อของบุตรชาย เขาขยี้เส้นผมบุตรชายด้วยความรักและเอ็นดู แล้วก็เดินตรงไปยังห้องของชีวินเพื่อไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้
“ ขอบคุณครับพ่อ แหะๆ ”
ชีวินเอ่ยตามหลังพ่อของเขาด้วยน้ำเสียงที่ดูจะเก้อเขินเล็กน้อย
. . . .
.
.
.
.
.
เวลานี้.. เป็นเวลาเกือบ 2 ทุ่มแล้ว หลังจากที่ชีวินอาบน้ำเสร็จ และลงไปร่วมรับประทานอาหารเย็นกับพ่อแม่ของเขาจนเรียบร้อยจากนั้น..  ชีวินก็ปลีกตัวขึ้นมาบนห้องนอน เขาเปิดคอมพิวเตอร์ เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ท แล้วเปิดเวปหาข้อมูลต่างๆที่เขาสนใจ จวบจนเวลาผ่านไปได้ครู่ใหญ่ จนเขาเริ่มรู้สึกเบื่อๆ เขาจึงออนไลน์โปรแกรมแชทยอดนิยม เพื่อหาเพื่อนคุยเล่นๆแก้เหงา หลังจากออนไลน์เรียบร้อย เขาก็แวะทักทายเพื่อน 2-3 คนที่กำลังออนไลน์อยู่ในเวลานั้น  ก็ดูเหมือนว่า..  เพื่อนๆของเขาดูจะไม่ค่อยว่างคุยกับเขาเท่าไรนัก กว่าแต่ละคนจะตอบมาแต่ละครั้งก็ดูจะช้ามาก จนสักพักก็ดูเหมือนจะเงียบๆกันไป เขาจึงมาเปิดเพลง จากไฟลล์เพลงในคอมพิวเตอร์ฟังเพลงเล่นๆไปได้สักพักใหญ่ จนเขาเริ่มจะรู้สึกเบื่อๆ และกำลังคิดว่า จะปิดคอมพิวเตอร์แล้วไปเปิดทีวีดู ระหว่างที่กำลังจะปิดโปรแกรม และปิดคอมพิวเตอร์ ก็มีใครบางคน มาทักเขาจากโปรแกรมแชทออนไลน์
“ สวัสดีครับ ”
เขาตรวจสอบดูผู้ที่มาทักเขา ด้วยว่าอยากรู้ว่า.. เป็นเพื่อนคนไหน? ก็ไม่เห็นมีไอคอนที่เป็นสีเขียว ที่กำลังแสดงสถานะออนไลน์ ดิสเพลย์เนมก็ไม่มี อีเมลล์ก็ไม่มี ทำไมมันดูพิลึกจังเลย แล้วเขาจะรู้ไหม? ว่านี่ใครกันหนอ? ทำไมจึงดูแปลกพิลึกแบบนี้ หรือว่า.. โปรแกรมแชทของเขามันรวน? จึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ หรือ.. อาจจะเป็นไปได้ว่า.. อาจจะเป็นเพื่อนบางคนที่เขาเคยแอดมาคุย แล้วช่วงหลังๆก็ห่างๆกันไป เขาเลยไปลบออกโดยที่ไม่ได้บล๊อคก่อน ทางฝ่ายนั้นจึงเห็นเขา และมาทักเขาได้กระมัง? ชีวินนึกในใจว่า.. ไหนๆก็ทักมาแล้ว ลองคุยๆสักหน่อยก็ดี เขากำลังเหงาๆ เบื่อๆ พอดีเลย อยากรู้เหมือนกัน ว่าเป็นใคร?
“ สวัสดีครับ ผมวินครับ ไม่ทราบว่าคุณ? ”
“ เรียกเราว่า.. เอ็มก็ได้ ชื่อเล่นเราน่ะ ”
หลังจากที่ทางฝ่ายนั้นตอบมา ดิสเพลย์เนมทางฝ่ายนั้นก็ขึ้นมาเป็นชื่อว่า.. เอ็ม เขารู้สึกไม่คุ้นชื่อนี้เลย พยายามนึก แต่ก็นึกไม่ออก นี่เขาเคยมีเพื่อนทางโปรแกรมแชตชื่อเอ็มด้วยหรือ? แต่กระนั้น.. ชีวินก็ยังไม่เห็นอีเมลล์ของฝ่ายนั้นอีกเช่นเคย เขารู้สึกว่ามันช่างแปลกจริงๆ โปรแกรมของเขาคงจะกำลังรวนอย่างที่คิดกระมัง?
“ ครับเอ็ม ขอโทษนะครับ เราเคยคุยกันมาก่อนไหม? คือที่ถามแบบนี้ ก็เพราะว่า ผมอาจจะลืมไปจริงๆ จำไม่ได้จริงๆน่ะครับ ยังไงก็ขอโทษด้วยนะ คิดว่า.. ถ้าคุยกันสักพัก อาจจะพอนึกออกนะครับ ”
“ ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องกังวลอะไรมากหรอกวิน ไม่ต้องซีเรียสนะ เอาเป็นว่า.. ตอนนี้นายก็กำลังเหงา เราก็กำลังเหงา เราคงคุยกันได้ไม่ใช่เหรอ? วินคงจะไม่รังเกียจที่จะคุยกับเรานะ เรารู้สึกอยากคุยกับวินมากจริงๆ ”
“ ก็ไม่รังเกียจนะครับ คุยได้ครับ ”
วินพิมพ์ตอบรับไป แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า.. เอ็มรู้ได้อย่างไร? ว่าเขากำลังเหงา? แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก อาจจะเป็นเพราะ ที่เอ็มพิมพ์ตอบมาแบบนั้น คงเพราะ.. เอ็มก็คงจะกำลังเหงา และคงจะอยากคุยกับเขาจริงๆ หลังจากนั้น ทั้งเอ็มและเขาเริ่มคุยกัน แล้วชีวินก็ดูเหมือนกับว่า.. เขาและเอ็มจะเริ่มคุยกันอย่างถูกคอมากขึ้นทุกที เอ็มดูจะเข้าใจสรรหาเรื่องต่างๆมาคุยจนเขาไม่รู้สึกเบื่อเลย ลีลาสำนวนการพิมพ์คุยโต้ตอบของเอ็ม ทำให้ชีวินรู้สึกว่า เอ็มน่าที่จะอยู่ในวัยที่ไล่เลี่ยกันกับเขา อาจจะดูอายุมากกว่าเขานิดหน่อย เพราะมุมมองในบางเรื่อง ดูเหมือนเอ็มจะเข้าใจอะไรได้ดีกว่าเขา ยิ่งคุยก็ยิ่งสนุก เขารู้สึกสนิทใจกับเอ็มมากขึ้น จนในบางคราว เขาก็เอ่ยเหมือนระบายความอัดอั้นตันใจในบางเรื่อง และเอ็มก็ดูจะเข้าใจ ทั้งยังปลอบโยนและให้กำลังใจเขาได้เป็นอย่างดีจนเขารู้สึกสบายใจ เอ็มดูจะคุยอยู่กับเขาคนเดียวกระมัง? เพราะเอ็มจะตอบกลับมาแทบจะทันทีในทุกครั้ง เขาเริ่มรู้สึกชอบเอ็มเสียแล้ว จริงอยู่ว่า.. มันก็แค่.. เป็นเพียงในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้นที่ได้ทำความรู้จักกัน และมันก็แค่.. เพื่อนคุยทางโลกออนไลน์ มันดูจะฉาบฉวยไปหน่อยสำหรับมิตรภาพแบบนี้ แต่เขาก็รู้สึกว่า เขาอยากคบหา และคุยกับเอ็มอีกในครั้งต่อไป คิดดังนั้น เขาจึงพิมพ์ไปหาเอ็ม ด้วยข้อความที่ว่า..
“ คุยกับเอ็มเราสนุกจังเลย เออ เราขออีเมลล์นายหน่อยได้ไหม? ทางเรามันมองไม่เห็นอีเมลล์นายเลย ไม่รู้โปรแกรมเป็นอะไร? สงสัยจะรวนๆ เราจะขอแอดให้ไอคอนของนายขึ้นน่ะ เผื่อวันต่อไป ถ้าเราออนไลน์ขึ้นมาแล้วเห็นนายออนฯ เราจะได้มาทักได้ไง? เราชอบคุยกับนายนะเอ็ม ”
“ คงไม่ต้องหรอกนะ เอาเป็นว่า ถ้านายออนไลน์ขึ้นมา เราจะมาทัก มาคุยกับนายก่อนเลย เราสามารถคุยกับนายได้ตลอดเวลา ถ้านายยังอยากคุยกับเรานะวิน ”
วินรู้สึกแปลกใจ ทำไม? เอ็มจึงไม่ให้อีเมลล์เขา ก็เราคุยกันมาขนาดนี้เป็นชั่วโมงแล้ว เอ็มยังจะมาปิดบังอะไรเขาอีก ก็แค่อีมลล์ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย แค่ขอมาแอด ก็แค่นั้นเอง เขาลองมาคิดในแง่ดี เอ็มคงมีเหตุผลบางอย่างและไม่ค่อยสะดวกใจเท่าไรนัก อีกทั้ง.. เอ็มอาจจะออนไลน์อยู่บ่อยๆ คงพร้อมที่จะคุยกับเขาได้ตลอดจริงๆนั่นแหละ ถ้าเขาไม่สะดวกใจที่จะให้ ก็ไม่ควรจะไปฝืนใจ เอาเป็นว่า.. ทางเอ็มสามารถเห็นเขาออนไลน์ ถ้าเอ็มอยากคุยกับเขา ก็คงมาทักเขาเองตามที่เอ็มบอก เอาแบบนี้ก็ได้ อีกหน่อย ถ้ามีโอกาสได้คุยกันอีกครั้ง จนเอ็มสะดวกใจมากขึ้น เขาก็คงจะเสนอมาเอง ตอนนี้.. ก็คุยเล่นแก้เหงาแบบนี้ไปก่อน ไม่เห็นจะต้องไปซีเรียสอะไรมากมายเลย ชีวินรู้สึกเช่นนั้นในยามนี้
“ เอาแบบนั้นก็ได้นะเอ็ม ถ้าเอ็มเห็นเราออน ก็มาทักได้ตลอดเลยนะ เราจะมาคุยกับนายตลอดเลย สัญญาจริงๆ ”
“ ได้เลยวิน วิน นายรู้ไหม? นายน่ะ เป็นคนใจดีนะ ดูน่ารักดีด้วย จริงๆนะวิน ”
“ ใจดี? น่ารัก? น่ารักแบบไหน? แล้วเอ็มรู้ได้ไง นายเคยเห็นหน้าเราแล้วเหรอ? เออ จริงสิ เราอยากเห็นหน้านายจังเลย อยากรู้ว่าหน้าตาเป็นไง? ถึงได้คุยสนุกแบบนี้ นายมีรูปไหม? ขอดูหน่อยสิ เรามาแลกกันดูทางดิสเพลย์นะ เราเอาของเราขึ้นแล้ว นี่ไง รูปเรา ที่ดิสเพลย์ ”
“ น่ารักจัง น่ารักเหมือนตัวจริงเลย ”
น่ารักเหมือนตัวจริง? นี่เอ็มเคยเจอเขาด้วยหรือ? ทำไมเอ็มพูดแบบนี้ แล้วนี่.. เอ็มเป็นใครกันแน่ หรือ.. จะเป็นเพื่อนบางคนของเขา แล้วมาแกล้งอำเขาเล่นหรือเปล่า? ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาจะทำไปเพื่ออะไร? มันคงไม่สนุกนักหรอกที่มาทำแบบนี้ เพราะมันดูจะเสียเวลาจนเกินไป คงจะไม่ใช่แบบนั้นแน่ๆ หรือว่า.. ที่เอ็มพูดแบบนี้.. เอ็มก็แค่จะแกล้งอำเขาเล่นไปอย่างนั้น จะอย่างไรก็แล้วแต่.. ชีวินก็รู้สึกแปลกใจจริงๆ
“ อะไรของนายน่ะเอ็ม นายเคยเจอเราแล้วเหรอ? ถึงได้พูดแบบนี้ ว่าแต่.. ไม่เห็นนายขึ้นรูปที่ดิสเพลย์ให้เราดูบ้างเลย หรือว่า..นายไม่มีรูป? เราอยากเห็นหน้านายจริงๆนะเอ็ม ”
“ อยากเห็นจริงๆเหรอ? ”
“ ใช่ เราอยากเห็นจริงๆ ”
“ ก็ได้ งั้นรอเดี๋ยวนะ..
เอาละ นายลองหันไปข้างหลังสิ ตอนนี้.. เรามาอยู่ข้างหลังนายแล้ว ”
ชีวินอ่านคำตอบของเอ็มที่พิมพ์ตอบกลับมา เขาก็รู้สึกเย็นวาบ ขนลุกซู่ในทันที เขาเหลือบมองที่นาฬิกา ก็พบว่า.. เที่ยงคืนกว่าแล้ว นี่เขาคุยกับเอ็มมานานขนาดนี้แล้วหรือ? แล้ว.. นี่เอ็มมาอำอะไรเขาแบบนี้ ดึกขนาดนี้แล้ว ยังจะมาเล่นแบบนี้อีก มันดูจะน่ากลัวไปหน่อย ถ้าเอ็มไม่อยากให้เขาดูรูป ก็ไม่น่าที่จะมาแกล้งกันแบบนี้เลย ชีวินรู้สึกเคืองนิดหน่อย จึงพิมพ์ตอบกลับไปเหมือนกับจะต่อว่าเอ็มที่มาทำให้เขารู้สึกกลัว
“ เอ็ม อย่ามาล้อกันเล่นแบบนี้สิ เรากลัวนะ นี่มันก็ดึกมากแล้วด้วย มาอำแบบนี้ มันไม่ตลกเลยนะ ”
หลังจากชีวินพิมพ์ต่อว่ากลับไป เขาก็จดจ่อรอคำตอบของเอ็มอยู่ สักพัก เขาก็เห็นเอ็มพิมพ์ตอบกลับมาด้วยคำพูดเดิม
“ อยากเห็นก็หันมาสิ เรามาอยู่ข้างหลังนายแล้วไง อย่ากลัวเราเลยนะวิน ”
หลังจากที่อ่านคำพูดที่เอ็มพิมพ์ตอบกลับมาจบ ชีวินก็รู้สึกถึงสัมผัสบางอย่าง สัมผัสอันเยือกเย็น ที่เหมือน.. มีใครบางคนเอามือมาสัมผัสที่หัวไหล่เขาอย่างแผ่วเบาจากทางด้านหลัง และ.. เขาก็รู้สึกเหมือน.. มีใครบางคน อยู่ข้างหลังเขาจริงๆในระยะประชิดจนรู้สึกได้ ชีวินรู้สึกตกใจจนขนลุก เขารู้สึกหวาดกลัว จนมือไม้เย็นเฉียบไปหมด นี่เขา.. กำลัง.. โดน.. ไม่นะ ไม่จริง เขาพยายามคิดค้านในใจว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะเขารู้สึกกลัวขึ้มาจริงๆแล้ว บรรยากาศในตอนนี้ ก็ดูจะเย็นยะเยือกและวังเวงจนน่าขนลุก ชีวินนั่งนิ่ง ตัวแข็งทื่อ มือไม้อ่อน เขารู้สึกว่า.. เขาทำอะไรไม่ถูกแล้ว ความรู้สึกของชีวินกำลังอยู่ในระหว่างก้ำกึ่ง คือ.. หวาดกลัวจนจับใจ และก็อยากรู้เป็นที่สุดว่ามันเป็นสิ่งที่เขาคิดจริงๆใช่ไหม? ตอนนี้.. มันเหมือนกับว่า.. มีใครบางคนอยู่ข้างหลังเขาแน่ๆ ใช่แบบนั้นแน่ๆ เขากำลังตัดสินใจอยู่ว่า.. นี่เขาควรจะ.. หันไปมองดีไหม? เขาคิด.. แล้วก็รู้สึกเย็นวาบและขนลุกซู่ขึ้นมาอีกครั้งในทันที..

********

*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ^^

**ขอบคุณครับพี่นิว ผมแก้แล้วครับ^^"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2009 11:03:27 โดย Pikachu »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด