บทที่ 51 ความเจ็บปวดที่หอมหวาน ( Bitter Sweet Pain )
พอใกล้เที่ยง ครอบครัวที่มาครอบครัวแรกคือ ครอบครัวของต้ง พวกเค้าดูท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใสกันมาก พอมาถึงก้อเข้ามาทักทายผม และครอบครัวของผมกันใหญ่เลย ดูแล้วท่าทางครอบครัวเราสองคนนี้จะเข้ากันได้ดี ต้งเองก้อดูมีความสุขเช่นกัน ส่วนครอบครัวที่ตามมาคือ ครอบครัวของดิว ผมอยากจะบอกว่า ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงเมื่อเจอพ่อและแม่ของดิว ไอ้ลำพังแม่ของดิวนั่น ก้อยังพอจะมองหน้ากันได้นะครับ แต่พ่อของเค้าน่ะสิ เฮ้ออออ แต่ยังไง ผมก้อต้องต้อนรับให้ดีที่สุดนั่นแหละครับ
ตอนที่พ่อแม่ของดิวมาถึง พวกเค้าก้อเข้ามาทักทายครอบครัวของผม และครอบครัวของต้งนิดหน่อย จากนั้นผมก้อพอพวกเค้า เข้าไปนั่งรอข้างในห้องรับรองก่อน โดยที่ตอนผมพาเข้าไป ผมเองก้อไม่ได้พูดอะไรมากนัก หน้าของพวกเค้าผมเองก้อแทบจะไม่ได้มองเลย แล้วผมก้อเดินออกมาข้างนอก เพื่อดูว่าอาหารเรียบร้อยดีไหม
วันนี้ผมทำอาหารที่เป็นเมนูแนะให้พวกเค้าทาน มีทั้ง อาหารเรียกน้ำย่อย เช่น ปอเปี๊ยะทอด กุ้งพันอ้อย ส่วนอาหารหลัก ก้อจะมี ลาบกุ้งทอด ปสาหมึกแดดเดียวสามรส ต้มยำไก่ใบมะขาม ต้มจืดซี่โครงหมู และ ไข่เจียวกุ้งสับ ผมคิดว่าพวกเค้าคงจะทานกันได้ และไม่น่าจะมีปัญหาอะไร สักพักนึง ก้อมีพนักงานที่ร้านเดินมาตามผมที่ห้องครัว บอกว่าทุกคนมากันครบแล้ว ผมเลยเดินออกไปพบพวกเค้าที่ห้องรับรอง โดยทีผมบอกให้พนักงานนำอาหารเรียกน้ำย่อย ออกมาเสริฟตามหลังผม
พอถึงห้องรับรอง ผมก้อเข้าไปนั่งที่หัวโต๊ะ โดยมีต้งนั่งทางฝั่งขวาของผม ถัดจากต้งไปก้อเป็นพ่อแม่ของต้ง แล้วก้อเป็นครอบครัวของ หลิง หลิง ส่วนฝั่งซ้าย ก้อจะมีพ่อแม่ของผม แล้วถัดไปก้อเป็นครอบครัวของดิว พอผมนั่งแล้ว ผมก้อกล่าวทักทายทุกคนนิดหน่อย และเชิญให้ทุกคนท่านอาหารเรียกน้ำย่อยกันก่อน จากนั้นก้อจะตามมาด้วยอาหารหลักหลังจากนั้น
ในระหว่างที่ทานอาหารนั้น ครอบครัวของหลิง หลิง ก้อไม่ค่อยจะแตะอาหารของผมสักเท่าไหร่นัก พวกเค้าก้อนั่งเฉยๆ จิบไวน์บ้าง ส่วนหลิง หลิง ก้อนั่งเงียบ ไม่พูดไม่จา ได้แต่มองหน้าไอ้ดิวอยู่อย่างนั้น ผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง ส่วนไอ้ดิว มันนั่งทื่ออยู่อย่างนั้น แทบไม่ได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาจากปากของมันเลย แม้ว่าจะมีคนชวนคุยอยู่ก้อตาม อาหารที่ผมจัดไว้ มันก้อไม่แตะแม้แต่คำเดียว มันเอาแต่เหม่อลอย เหมือนคนไม่มีชีวิตชีวาอย่างนั้น.....
พอทุกคนทานอาหารใกล้จะเสร็จแล้ว ผมก้อเริ่มพูดขึ้นทันที
“ ขอบคุณทุกๆท่านนะครับ ที่มาในวันนี้ นับว่าเป็นเกียรติอย่างมากนะครับ ที่ทุกๆท่านยอมสละเวลาอันมีค่ามา ที่ผมเรียณเชิญทุกท่านให้มาวันนี้ เพราะว่าทางผมมีเรื่องที่จะแจ้งให้ทุกๆทราบอยู่สองเรื่องคือ... “
“ เรื่องแรก อาจจะประหลาดไปหน่อยนะครับ สำหรับบางท่าน คือ ตัวผมและต้ง ก้อได้รู้จักคบหากันมานานพอสมควรแล้ว แฃละเราก้อเห็นพ้องต้องกันแล้วว่า เราอาจจะตกลง หมั้นกันเร็วๆนี้ ถือเป็นเรื่องดีนะครับ และทางผมและต้ง ก้อจะกำหนดวันเร็วๆนี้ ยังไงเมื่อทราบวันแวลที่แน่นอนแล้ว พวกผมจะขอเรียนเชิญทุกท่าน ให้มาเป็นเกียรติในงานด้วยนะครับ “
“ นึกว่าเรียกให้มาทำไม ถ้าจะให้เรียกมาฟังเรื่องวิปริตอย่างนี้ล่ะก้อ คราวหน้าอย่าเสียเวลาดีกว่านะ เสียเวลาทำมาหากินของชั้นหมด ไร้สาระสิ้นดี มานั่งเกย์สองคนจะประกาศแต่งงานกัน เฮอะ !!! โลกนี้มันวิปริตดีเนอะ “ คุณสุชาติพูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่ให้เกียรติ ซ้ำทั้งคำพูดยังเหน็อบแนมสุดๆ
“ กรุณาให้เกียรติกันด้วย ชาติ คนที่คุณพูดถึงอ่ะ ลูกชายของผมนะ ถ้าไม่อยากมีปัญหา ผมว่าคุณเงียบๆไปดีกว่าแล้วก้อตั้งใจฟังด้วย ผมว่าอี้เค้ามีเหตุผลที่เชิญพวกคุณมา ไม้งั้นเค้าไม่เรียกพวกคุณมาให้เป็นเสนียดร้านของเค้าหรอก จำไว้ “ โอ้ววววว์ นี่เป็นคำพูดของพ่อต้งครับ ผมไม่นึกเลยว่า ผู้ชายที่ยิ้มแย้มตลอดเวลา และไม่ค่อยพูดค่อยจาเท่าไหร่นี่ บทจะพูดออกมา ก้อเล่นเอาซะอึ้งไปทั้งห้องเลยครับ ดูท่าคุณสุชาติจะหน้าม้านไปลเยครับ แต่ก้อทำอะไรไม่ได้ ต้อเงียบไปตามระเบียบ
“ ขอบคุณครับที่รับฟัง ผมไม่รบกวนเวลาที่คุณจะเอาไปทำเรื่องผิดกฎหมายต่างๆ หรือไม่ก้อ ไปตามเด็กๆไซด์ไลน์ของคุณเท่าไหร่หรอกครับ ผมรับรองว่า ผมใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีแน่นอน “ ผมกัดเสริมไปอีก จนคุณสุชาติหน้าแดงด้วยความโกรธ เพราะว่าคุณนภัสสร ได้ยินดังนั้นก้อทำท่าเหมือนจะเล่นงานคุณสุชาติทันที แต่คงอดเอาไว้
จะว่าไป ผมก้อให้คนไปสืบมาเหมือนกันว่า ใครทำอะไรบ้าง โดยเฉพาะบ้านของหลิง หลิง เหมือนกับว่า รู้เขารู้เรา ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าครับ มีอะไร จะได้รู้ว่า ศัตรูของเราเป็นใคร ทำอะไรบ้าง
“ อีกเรื่องนึงคือ เมื่อกี้ ดิวได้มาบอกกับผมว่า เพื่อยุติเรื่องบาดหมางระหว่างพวกเรา เค้ายินดีที่จะแต่งงานกับหลิง หลิง เพื่อเป็นการไถ่โทษทุกอย่าง ที่ผมเรียกทุกๆคนมาก้อเพื่อเรื่องนี้เป็นหลัก หลังจากนี้ หวังว่าอะไรๆจะเรียบร้อย และสมความต้องการของทุกๆคนนะครับ ยังไงก้อขอบคุณนะคัรบที่มาในวันนี้ ส่วนเรื่องแต่งงานของดิวกับ หลิง หลิ ถ้ามีอะไรคืบหน้าก้อแจ้งให้พวกเราทราบบ้างนะครับ ทางเรายินดีอย่างยิ่ง ที่จะไปร่วมงาน ถ้าได้รับการเชื้อเชิญนะครับ “ พ่อแม่ผมได้ฟังที่ผมพูด ก้อทำหน้างงเล็กน้อย สงัสยจะสังสัยว่า ผมไปมีเรื่องบาดหมางอะไรกับใครไว้ ผมเลยกระซิบบอกพวกท่านว่า ไว้จะเล่าให้ฟังทีหลัง
จู่ๆ ไอ้ดิวก้อยืนขึ้นทันที เล่นเอาผมงงไปเหมือนกัน
“ การที่ผมตอบตกลงแต่งงานกับหลิง ก้อเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ที่สำคัญ เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ผมเคยทำไม่ดีไว้ กับ..... “
ผมรู้ว่าไอ้ดิวมันจะพูดอะไร ผมเลยขมึงตาใส่มัน เป็นการปรามไม่ให้มันพูดออกมา
“ กับใครก้อช่าง ถือเสียว่า ดิวเต็มใจทำ เพื่อเค้าแล้วกันนะครับ “ ไอ้ดิวพูดเศร้าๆ
“ ไม่ ชั้นไม่ต้องการ ชั้นไม่ต้องการให้มันแต่งงานกับลูกสาวชั้น เพราะว่าต้องการไถ่โทษให้ใครหรอกนะ ลูกสาวชั้นเป็นคนมีหน้ามีหน้านะ จะแต่งงานทั้งที มันก้อต้องเต็มใจทั้งสองฝ่ายสิ อย่างนี้ชั้นไม่ยอม “ คุณสุชาติของขึ้น ลุกขึ้นยืนแล้วพูดซะเสียงดังลั่นห้องเลยทีเดียว คงจะไม่อยากให้ใครมาหยามศักดิ์ศรีตัวเองมั้ง
“ อันนี้ผมไม่รับรู้ มันเป็นปัญหาของพวกคุณ แต่ผมว่าคุณควรจะดีใจกับลูกสาวของคุณด้วยนะ ที่ทำสำเร็จเสียที สู้อุตส่าห์พยายามทำมาตลอดแล้วนี่ ผมว่าคุณน่าจะยินดีนะครับ “ ผมแขวะกลับไปซึ่งๆหน้า
“ แต่ยังไงชั้นก้อไม่ยอม ใครจะว่ายังไงชั้นก้อไม่ยอม “ คุณสุชาติโวยวาย
“ แล้วคุณอาจะเอายังไง ผมยอมทำทุกอย่าแล้วนี่นา อยากให้ผมกอบกู้หน้า ผมก้อยอมแล้วไง แล้วคุณอาต้องการอะไรอีก “ ไอ้ดิวที่คงจะเก็บอารมณืมานาน ระเบิดใส่คุณสุชาติเช่นกัน
“ แก ไม่มีวันที่จะได้....”
แล้วหลิง หลิง ก้อลุกขึ้นยืนอีกคน
“ พ่อ พอเหอะๆ เป็นอันว่าหลิงตกลง ไม่ว่ามันจะมาจากการกระทำที่เต็มใจหรือไม่ก้อตาม หลิงจะแต่งงานกับดิว หลิงเชื่อว่า ไม่ใช่เค้าคนเดียวหรอก ที่จะทำให้ดิวหลงรักเค้าได้ฝ่ายเดียว พ่อหยุดพูดเหอะ หลิงโอเคแล้ว “
คุณสุชาติดูจะหงุดหงิดมาก ที่ทำอะไรไม่ได้ เลยต้องนั่งลงอย่างอารมณ์เสีย แล้วหลิง หลิง ก้อนั่งลงตามเดิม
“ ดิวอยากให้หลิงรู้ไว้ว่า ไม่ว่าดิวจะได้แต่งงานกับหลิงไปแล้ว ยังไงๆ การแต่งงานครั้งนี้ มันก้อไม่ได้มาจากความรัก เพราะว่า ดิวคงไม่สามารถรักใครได้อีกแล้ว หลิงจำไว้ด้วย “
คุณสุชาติลุกขึ้นแล้วตบโต๊ะดัง ปัง !!!
“ ไอ้ดิว.....” ดูท่าเค้าจะโกรธมากๆ หลิง หลิง เลยต้องลุกขึ้นห้ามอีก
“ พ่อ ไม่เป็นไรหรอก หลิงโอเค หลิงไม่เป็นไร แค่นี้ก้อดีแล้ว “
จากนั้นหล่อนก้อหันหน้ามาพูดกับผม
“ ถ้าหมดเรื่องแล้ว พวกชั้นขอตัวกลับแล้วกัน “
ว่าแล้วหล่อนก้อรีบพา พ่อแม่ของหล่อนออกไปจากห้องนั้นทันที โดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก ผมเองก้อไม่ได้สนใจว่าเค้าจะรู้สึกยังไง ผมแค่รู้ว่า ผมได้ทำหน้าที่ของผมแล้ว
จากนั้น พอครอบครัวของหลิง หลิงไปแล้ว ผมก้อขอตัวทุกๆคน ออกไปทำงานข้างนอกต่อ เชิญทุกคนทานอาหารว่างต่อได้ แล้วผมก้อเดินออกมาข้างนอก โดยที่ต้งก้อยู่พูดคุยเรื่องนั่นเรื่องนี่กับพ่อแม่ของเค้า และพ่อแม่ของผมด้วย ผมเองก้อไม่ได้ฟังว่าเค้าคุยอะไรกัน ส่วนครบอครัวของดิว ผมเองก้อไม่ได้หันกลับไปมองอีกเลย
ผมออกมาดูลูกค้าที่สวนด้านหน้าของร้าน วันนี้มีลูกค้ามาจัดงานวันเกิด เลยมาดูแลความเรียบร้อยของเค้าซะหน่อย ผมเองก้อเดินๆดูไป แล้วก้อเห็นผู้ชายคนนึงเดินตรงมาหาผม ซึ่งผมไม่อยากจะเจอเค้าเลย แต่ผมก้อไม่รู้ว่าจะเลี่ยงยังไง เพราะเค้าเดินมาถึงตัวผมแล้ว
“ อี้ ชั้นขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ แป๊บเดียวเอง “
เสียงผู้ชายคนนี้พูดขึ้น ที่จริงแล้ว แม้หน้าของเค้า ผมเองก้อไม่อยากมอง แต่ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง เลยอ้างไป