แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]  (อ่าน 370724 ครั้ง)

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
:z13:
จิ้มพี่จุ๊บแจง อิๆ
 :mc4: :mc4: :mc4:
มาเจิมเรื่องใหม่ของป้าสุดสวย
อบากบวกให้นะ แต่แบบว่าบวกไปแล้วงะวันนี้เลยคงยังบวกให้มะได้
อ่านเรื่องใหม่นี้แล้วขอ  o13 การใช้ภาษาดูมีความเป็นผู้ใหญ่สมกัยวัยทำงานจริง
การดำเนินเรื่องไม่ฉูดฉาดไม่เว่อเกินไปดูพอดีเหมาะสม
มีการใส่องค์ประกอบที่จำเป็น และวางพื้นเรื่องชี้ให้เห็นถึงปมที่วางไวในตอนแรก
อย่างเรื่องการเลิกกันกับแฟนเก่า การสร้างกำแพงในใจของ ภัทร ทุกอย่างดูลงตัว
การบรรยายดีมากๆขอบอกเลยนะว่าดีขึ้นจากเรื่องก่อนๆด้วย
อาจเพราะเรื่องนี้ต้องการใส่ใจในส่วนของรายละเอียดมากกว่าก็เป็นได้
อย่างว่าแหละก็รักในวัยทำงาน อ่านแล้วยิ้มได้ อ่านได้เรื่อยๆไม่สะดุด
ไม่มีปมต้องมานั่งตีความให้ฉงนมากด้วยเพราะยิ่งอ่านยิ่งรู้เพิ่มขึ้นถึงสาเหตุต่างๆ
หากแต่พออ่านมาถึงจุดๆนึงก็ฉุกใจคิดขึ้นมาว่า
เชษฐ์ น่าสนใจมากนะ แต่เราแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเค้าเลย
นอกจากจะเป็นคนที่จู้จี้ในเรื่องของการทำงาน มีมาดของนักบริหารที่มุ่งมั่น
มองการไกล และอ่านความรู้สึกคนได้ดีมาก(อีกอย่างอาจติดบุหรี่ด้วยอิๆ)
นอกนั้นละ นิสัยใจคอเราแทบไม่รู้อะไรเลย ยกเว้นที่บอกมากับ
เรื่องที่สนใจในตัว ภัทร ตามเหตุผลที่ป้าได้บอกเอาไว้อะนะ
อ่านๆไปก็อยากจะลองคิดว่า จะเป็นไปได้ไหมว่าป้าจะวางแพลน
ให้ แฟนเก่าคิดหวนกลับมา หรือ ในบริษัทอาจมีศัตรูหัวใจคนอื่นอีก
แต่พอเอาเข้าจริงเรื่องนี้ถ้าจะให้เดามันจะมีปัญหาในเรื่องของความรู้สึกของ ภัทร
เสียมากกว่าก็จากที่อ่านๆดูจะเป็นคนคิดมาก ทั้งที่บางทีก็ไม่จำเป็นอะนะ
พล่ามมาตั้งมากมายก็ไม่รู้ว่าทำเพื่อ แต่ก็อย่างว่าแหละมันเป็นไรที่เราทำอยู่ประจำจะให้
อ่านแล้วผ่านไปเฉยๆก็คงดูยังไงๆอยู่นะ แล้วจะรออ่านต่อ ที่เขียนมาก็มาจากที่อ่านอะแหละ
                                                                                                         นิว

พึ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้วันนี้เองค่ะ อ่านแล้วชอบ เพราะเนื้อหาดูเรียบๆไม่หวือหวา แต่ก็ได้อารมณ์หวานๆแบบผู้ใหญ่
อ่านคอมเม้นท์ของผู้อ่าน แล้วติดใจคอมเม้นท์ของคุณนิว พูดได้ตรงกับใจดิชั้นจริงๆ แหะ แหะ คุณนิวคงไม่ว่านะเจ้าคะ
(ถ้าเผื่อคุณนิวได้ย้อนกลับมาอ่านอีกครั้ง) คือว่าถ้าดิชั้นจะบอกว่า ขอลอกข้อสอบคุณนิวทั้งดุ้นเลย เพื่อเม้นท์ให้ไรเตอร์น่ะค่ะ
และไรเตอร์ (ถ้าย้อนกลับมาอ่านอีกเช่นกัน) ก็คงไม่ถือโทษคนปัญญาน้อยคอยลอกข้อสอบคนอื่นนะคะ คือชื่นชอบในงานของไรเตอร์น่ะค่ะ
และก็มีความเห็นเฉกเช่นคุณนิว เลยขอลอกซะเลย (เอ๊ะ..ลอกข้อสอบนี่จะถูกปรับให้ตกทุกวิชารึเปล่าหวา)
                                                                                                              แก้ว...ค่ะ

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
คู่รักตัวอย่างจริงๆเลย ยิ่งอ่านยิ่งปลื้มค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

lasom

  • บุคคลทั่วไป
หวาน :o8: คำแรกที่คิดออก^^
คุณเชษฐ์เป็นผู้ชายอบอุ่นมากๆๆๆ ไม่รู้เป็นเพราะผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะอ่ะป่าว อิอิ
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่าสองคนนี้ใกล้กันยิ่งกว่าแต่ก่อน ถึงคำว่ารักจะมีไม่บ่อย
แต่สิ่งที่ทั้งคู่คิดถึงกันอ่ะยิ่งกว่ารักซะอีก  :กอด1:

p.s สู้ สู้ นะค่ะว่าที่มหาบัณฑิต ต่อเมื่อไหร่หนูก็รอได้

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณมากจ้
คุณเชษฐ์อบอุ่นมากอ่ะ  ดีใจที่ความสัมพันธ์พัฒนาขึ้นอีกขั้นแล้ว

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
อ่านมาถึงตอนที่ 7 แล้ว ก่อนจะอ่านตอนต่อไปอดใจไหว ขอเม้นท์ก่อนเถอะ คุณเชษฐ์อ่ะเป็นผู้ชายที่อบอุ่น อ่อนโยน
แถมยังเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคนที่ตัวเองรัก ราวกับเป็นตัวเองซะงั้น ภัทรโชคดีมากเลย แล้วไม่ต้องไปเสียน้ำตาให้แล้วคนรักเก่าน่ะ


ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
คุณเชษฐ์นี้หวานจังเลยเนอะ อยากรู้จังว่าก่อนหน้านี้คุณเชษฐ์เคยมีแฟนมาก่อนหรือเปล่าอะคะ

ถ้ามีเลิกกันเพราะอะไรน๊อ

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
หวานนนนนนนน อบอุ่น อ่อนโยน ปลื้มมมมมมมมมมทั้งคู่เลยค่ะ :กอด1:
คุณเชษฐ์ ดีใจสุดตัวเลยนิ ได้ความเชื่อใจจากภัทรไป  :o8:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจจังเลยค่ะอ่านทันตอนท้ายสุดแล้ว
ประทับใจในคุณลักษณะของคุณเชษฐ์มากเลย
หวังว่ารักของภัทรในครั้งนี้จะไม่มีสิ่งใดมาทำให้ต้องจากกันนะ
หวังว่าไรเตอร์คนดีคงจะมาต่อตอนต่อไปในเร็ววันนะคะ
จะรออ่านตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ดีใจจังเลยค่ะอ่านทันตอนท้ายสุดแล้ว
ประทับใจในคุณลักษณะของคุณเชษฐ์มากเลย
หวังว่ารักของภัทรในครั้งนี้จะไม่มีสิ่งใดมาทำให้ต้องจากกันนะ
หวังว่าไรเตอร์คนดีคงจะมาต่อตอนต่อไปในเร็ววันนะคะ
จะรออ่านตอนต่อไปจ้า

โอ้ว ตามอ่านรวดเดียวแถมเม้นต์เป็นระยะอีก ขอบคุณมากค่า ก็จะพยายามมาลงให้สม่ำเสมอนะคะ แต่รับประกันความถี่ไม่ได้ ตอนนี้เป็นนักศึกษาป.โทแล้น งานเยอะมั่กๆ ยังไงคอยติดตามเรื่อยๆละกันค่ะ

ออฟไลน์ didi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1000
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-8
เพ่ิงเริ่มเข้ามาอ่านค่ะ
ฝากตัวด้วยค่ะ :L2:
 :pig4: :bye2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






yunjaejoong

  • บุคคลทั่วไป
หวานมากเลยคู่เนี้ย เมื่อไหร่จะมีฉากxxxซักทีนะ รออยู่คร๊าบ

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
เป็นเราใจอ่อนไปแล้ว ภัทรทำไมใจแข็งอย่างนี้จ๊ะ แต่ก็หวานขาดใจเลย คุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆจ๊ะบีบี :pig4:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
แอร๊ยยย หวาน รับไม่ได้อะ
ต้องหวานกว่านี้อีก หวานให้มดกัดตายไปเลย 555555555555555555555

ภัทรเริ่มเปิดใจและกำลังจะเปิดตัวว่าที่หลานเขยแล้ว โย่ๆๆๆ  :mc4:

ออฟไลน์ shogun chai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
สมบูรณ์แบบ นิยายแนวนี้

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
หวานๆ ซึ้งๆ อ่านแล้วมีความสุข
นั่งยิ้มเป้นคนบ้าแล้วเนี่ย
อยากได้แบบแฟนคุณเชษฐ์บ้าง!!!

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วอิจฉาอ่ะ


ออฟไลน์ kogomon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
พึ่งเข้ามาอ่านสนุกมากๆเลยคับ ^^

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจจังเลยค่ะอ่านทันตอนท้ายสุดแล้ว
ประทับใจในคุณลักษณะของคุณเชษฐ์มากเลย
หวังว่ารักของภัทรในครั้งนี้จะไม่มีสิ่งใดมาทำให้ต้องจากกันนะ
หวังว่าไรเตอร์คนดีคงจะมาต่อตอนต่อไปในเร็ววันนะคะ
จะรออ่านตอนต่อไปจ้า

โอ้ว ตามอ่านรวดเดียวแถมเม้นต์เป็นระยะอีก ขอบคุณมากค่า ก็จะพยายามมาลงให้สม่ำเสมอนะคะ แต่รับประกันความถี่ไม่ได้ ตอนนี้เป็นนักศึกษาป.โทแล้น งานเยอะมั่กๆ ยังไงคอยติดตามเรื่อยๆละกันค่ะ

ไม่เป็นไรจ้ะ เอาตามสะดวกของไรเตอร์ก็แล้วกัน เรื่องหน้าที่การเรียน และหน้าที่การงานขอให้มาก่อน พี่แก้วรอได้จ้ะ
ทำหลายอย่างพร้อมกันแบบนี้ ถ้าเหนื่อยนักก็พักบ้าง ดูแลสุขภาพนะจ๊ะ

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ดีใจจังเลยค่ะอ่านทันตอนท้ายสุดแล้ว
ประทับใจในคุณลักษณะของคุณเชษฐ์มากเลย
หวังว่ารักของภัทรในครั้งนี้จะไม่มีสิ่งใดมาทำให้ต้องจากกันนะ
หวังว่าไรเตอร์คนดีคงจะมาต่อตอนต่อไปในเร็ววันนะคะ
จะรออ่านตอนต่อไปจ้า

โอ้ว ตามอ่านรวดเดียวแถมเม้นต์เป็นระยะอีก ขอบคุณมากค่า ก็จะพยายามมาลงให้สม่ำเสมอนะคะ แต่รับประกันความถี่ไม่ได้ ตอนนี้เป็นนักศึกษาป.โทแล้น งานเยอะมั่กๆ ยังไงคอยติดตามเรื่อยๆละกันค่ะ

ไม่เป็นไรจ้ะ เอาตามสะดวกของไรเตอร์ก็แล้วกัน เรื่องหน้าที่การเรียน และหน้าที่การงานขอให้มาก่อน พี่แก้วรอได้จ้ะ
ทำหลายอย่างพร้อมกันแบบนี้ ถ้าเหนื่อยนักก็พักบ้าง ดูแลสุขภาพนะจ๊ะ

ขอบคุณค่า จะรีบปั่นตอนต่อไปให้นะค้าพี่แก้ว ^^

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ลุ้น..ลุ้น..ลุ้น :oo1: ไม่ขึ้น กร๊ากกกกกก
แต่แบบหวานละมุน ลุ้นละไมกันดีจริง คุณพี่เชษฐ์ดี๊ดี
ภัทรน่าจะมีความสุขเนอะ ถ้าได้อยู่กับคนๆนี้ แอร๊ยยย อิจฉาาาาา :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เข้ามาดัน แล้วก็ นอนรอ กันเลยดีกว่า มาแล้วปลุกด้วยนะคะ :a12:

ออฟไลน์ cynthia

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
เห็นเลขวันที่20แล้วตกใจนึกว่าอัพ รีบวิ่งเข้ามาไม่เห็นซะงั้น  :o7:

แล้วเพิ่งสังเกตุว่าตัวเลขที่อัพมันเดือนหก..เดือนนี้เดือยเจ็ดแล้วนี่หว่า... :z6:

รีบๆมาอัพนะคะะะ

yunjaejoong

  • บุคคลทั่วไป
55555เหมือนกันเลย cynthia เราก้อเข้าใจว่ามาอัพแล้ว

ไรเตอร์ยังงัย ยังงัยก้ออย่าลืมมาต่อนะ

ออฟไลน์ kokikung

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-3
สนุกดีนะไรเตอ์

อัพบ่อยจริงๆๆๆๆ ชอบบบ
อยากให้ภัทรเปิดใจอ่านะ

สงสารคุณเชษฐ์จังเลย

ดูคุณเขาอ่อนโยนมากกก

อบอุ่นจริงๆๆ

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
^
^
^
แหะๆๆ ไม่ได้เข้ามาหลายวันเพราะเกรงจะโดนทวง ลองแว้บเข้ามาดู...ก็พบว่าโดนทวงอยู่จริงๆด้วย ^^"

รอแปร๊บนึงนะคะ ตอนนี้กำลังปั่นตอนต่อไปอยู่ กะให้มาลงในสัปดาห์นี้ก่อนแบกเป้ไปแอ่วเหนือช่วงหยุดยาวนี่ละ

ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียนถามไถ่ค่า
   :bye2:

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
ดีใจๆๆๆ สัปดาห์นี้คุณเชษฐ์กับภัทรจะมา

แอบขโมยกอดป้าค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
กอดน้องนุ่นและทุกท่านคืนเจ้าค่ะ คนอ่านของป้าน่ารักที่ซู้ด  :กอด1:

ตอนใหม่มาแล้วภายในสัปดาห์นี้ตามสัญญา (ถ้าไม่ได้จะไปเที่ยวจะมีแรงฮึดแบบนี้ไหมเนี่ย?) เนื้อหาตอนนี้น่าจะมีรายละเอียดบางอย่างที่ทำให้คนอ่านงงแน่ๆ แต่ทำเป็นหลับหูหลับตาไปละกันนะเจ้าคะ แล้วก็แนะนำว่าใครจะกินกาแฟระหว่างอ่านตอนนี้ก็ไม่ต้องใส่น้ำตาลค่ะ อ่านๆไปแล้วเดี๋ยวกาแฟที่ขมมันจะหวานเอง 555  :laugh:

แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าเน้อ~



ตอนที่ 11.


หลังจากพายุฝนกระหน่ำในยามบ่ายของวันก่อน เช้าวันถัดมาท้องฟ้าก็ปลอดโปร่ง ขอบฟ้าที่ตัดกับผืนทะเลในยามรุ่งสางเรื่อไปด้วยแสงสีส้มจางจากพระอาทิตย์ที่ยังไม่โผล่เหนือผิวน้ำอย่างเต็มดวง ขณะเดียวกันก็มีเสียงร้องของนกทะเลดังมาให้ได้ยินจากที่ไกลๆ

ประตูห้องพักบีชฟร้อนท์สวีทถูกผลักเปิดออกอย่างช้าๆ ก่อนที่คนเปิดจะค่อยก้าวออกมายืนบนระเบียงหน้าห้อง ชายหนุ่มร่างเพรียวสูดอากาศยามเช้าริมทะเลที่เจือกลิ่นน้ำค้างจากต้นไม้ใบหญ้ารอบห้องพักเข้าเต็มปอด จากนั้นจึงเหลียวกลับไปมองร่างที่ยังนอนหลับไหลอยู่บนเตียงกลางห้อง

แม้ว่าภายในห้องจะค่อนข้างสลัวเพราะว่าผ้าม่านถูกรูดปิดไว้ทุกด้าน แต่เนื่องจากอีกฝ่ายนอนตะแคงหันมาทางเขา ภัทรจึงเห็นได้ถนัดว่าเปลือกตาทั้งสองของเชษฐ์ยังปิดสนิท แผ่นอกที่สะท้อนขึ้นลงรับกับจังหวะหายใจสม่ำเสมอ บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวยังไม่รู้สึกตัวตื่นหรือรับรู้ว่าเขาลุกจากเตียงแล้ว ชายหนุ่มจึงพยายามงับประตูตามหลังโดยไม่ให้เกิดเสียงดัง จากนั้นก็พ่นลมออกจากปากเบาๆขณะหมุนตัวหันหลังให้ประตู

นัยน์ตาเรียวทอดมองไปยังท้องทะเลกว้างเบื้องหน้า ผืนฟ้าด้านบนยังเป็นสีเทาหม่นเนื่องจากแสงอาทิตย์ยังอ่อนเกินกว่าจะฉายให้เห็นสีฟ้าใส ร่างเพรียวเดินเท้าเปล่าไปทรุดตัวลงบนม้านั่งที่ทำจากไม้ซึ่งตอกติดกับระเบียงห้องทั้งแถบและมีช่องพอจะให้สอดขาเข้าไปนั่งห้อยขาได้ จากนั้นก็วางแขนทั้งสองประสานกันบนขอบพนักและเอาคางเกยไว้ด้านบน สายลมยามเช้าตรู่พัดมาไล้ตัวอย่างแผ่วเบาแต่ก็ไม่ถึงกับทำให้รู้สึกหนาว เขาจึงไม่นึกอยากลุกไปหาผ้ามาห่มและปักหลักนั่งมองทิวทัศน์หน้าห้องอยู่อย่างนั้น

ตื่นก่อนอีกแล้วสิ...ทั้งที่เวลานอนคนเดียวจะไม่ตื่นเช้าแบบนี้ในวันหยุดแท้ๆ

ภัทรคิดในใจขณะแกว่งขาไปมาอย่างเนือยๆ เนื่องจากส่วนระเบียงที่ยื่นออกไปนั้นสูงจากพื้นทรายประมาณหนึ่งฟุตกว่า เมื่อเขาห้อยขาออกไปจึงแตะไม่ถึงพื้น ลมทะเลยามเช้าพัดผมด้านหน้าให้ปลิวมาเข้าตาจนต้องยกมือเสยเป็นระยะ ทำให้เขาตั้งใจว่ากลับไปกรุงเทพฯเมื่อไหร่คงต้องไปตัดผมเสียที

ชายหนุ่มนั่งมองขอบฟ้าค่อยๆเปลี่ยนสีโดยไม่รู้สึกง่วงหรืออยากกลับเข้าไปนอนเลยสักนิด ไม่ช้า แสงเรืองรอบพระอาทิตย์สีส้มดวงใหญ่ก็เริ่มขยายขอบเขตจนกลืนผืนฟ้าสีเทาหม่นให้สดใสขึ้นทีละน้อย ความสว่างนั้นช่วยขับรูปทรงของเรือประมงและหมู่เกาะที่อยู่ไกลลิบให้เป็นสีเข้มตัดกับฟ้าเบื้องหลังมากยิ่งขึ้น และทำให้ภัทรรู้ตัวว่าตนคงออกมานั่งเล่นคนเดียวได้นานพอสมควรแล้ว

มือเรียวล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกง จากนั้นก็กดเปิดเครื่องแล้วรออยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มไล้นิ้วโป้งบนหน้าจอเบาๆเมื่อพบว่าเครื่องหาสัญญานเจอ นัยน์ตาใสกระจ่างจับจ้องที่ตัวเลขแสดงเวลาพลางคิดถึงคนที่ตั้งใจจะไปเยี่ยมในวันนี้

ปกติน้าจินชอบตื่นเช้าไปตักบาตร ตอนนี้เกือบจะเจ็ดโมง...ก็น่าจะตื่นได้สักพักแล้วล่ะมั้ง

ภัทรคิดในใจก่อนจะกดโทรออกแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู เสียงเพลงรอสายซึ่งเป็นเพลงของนักร้องลูกกรุงชื่อดังสมัยก่อนเขาเกิดดังให้ได้ยินครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตัดเป็นเสียงพูดของหญิงวัยกลางคนที่ภัทรคุ้นหูเป็นอย่างดี

“ฮัลโหล? ภัทรเหรอลูก?”

เสียงที่ไม่ว่าเมื่อใดก็สะท้อนถึงความรักใคร่เอ็นดูอย่างเต็มเปี่ยมเอ่ยทักมาตามสาย อาจเพราะปกติน้าของเขาเป็นคนพูดช้าและเสียงเบา เวลาคุยโทรศัพท์ภัทรจึงต้องคอยเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจทุกครั้ง ทว่าน้ำเสียงจากญาติผู้ใหญ่ที่เคารพซึ่งไม่ได้ยินมาหลายเดือนก็ทำให้ความคิดถึงพลุ่งขึ้นจนขอบตาร้อนผ่าว ชายหนุ่มจึงรีบสูดน้ำมูกและใช้อุ้งมือข้างที่ว่างเช็ดหยาดน้ำตรงหางตาออกไป

“ครับน้าจิน ผมเอง ผมไม่ได้โทรมาปลุกน้าจินใช่มั้ย?”

ภัทรรีบถาม เพราะตั้งแต่หลังปีใหม่เขาก็ไม่ได้ติดต่อไปหาน้าสาวและน้าเขยเลย ดังนั้นหากพบว่าตนโทรไประหว่างที่น้ายังไม่ตื่นนอนก็คงรู้สึกเสียมารยาทมาก ทว่าปลายสายกลับหัวเราะเบาๆ

“น้าก็ตื่นตั้งแต่หกโมงเช้าทุกวันนั่นแหละ ว่าแต่เราเถอะ ปกติวันหยุดต้องตื่นแปดเก้าโมงโน่นไม่ใช่เหรอ แล้วนี่มีอะไรหรือเปล่าถึงได้โทรมาเสียเช้าเชียว? หรือว่ามีใครเป็นอะไรไป?”

น้ำเสียงของคนถามร้อนใจขึ้นเมื่อถึงประโยคสุดท้าย ภัทรจึงส่ายหน้ายิ้มๆทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เห็น “เปล่าครับ ผมแค่คิดถึง แล้วก็...เอ่อ ผมจะถามว่าวันนี้น้าจินกับน้าบรรณอยู่บ้านกันหรือเปล่า พอดีผมกะว่าช่วงสายๆจะเข้าไปหา...”

ภัทรตอบเสียงสะดุดเล็กน้อย ทั้งที่ความจริงแล้วเขาก็ใช้ชีวิตที่บ้านเดียวกับน้าทั้งสองอยู่หลายปีสมัยเรียนมัธยม เนื่องจากพี่สาวแยกไปอยู่หอเพราะพ่อกับแม่เสียตอนที่แพนเรียนระดับมหาวิทยาลัยแล้ว ดังนั้นบ้านที่จันทบุรีก็เปรียบเหมือนบ้านอีกหลังของเขา แถมน้าทั้งสองยังเอ็นดูเขามากเพราะไม่มีลูก ดังนั้นภัทรจึงไม่จำเป็นจะต้องรู้สึกเกรงใจกับการเข้าไปเยี่ยมก็ได้ แต่คงเพราะว่าการไปครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียว ชายหนุ่มจึงรู้สึกเกร็งนิดหน่อย

คู่สนทนาได้ยินคำถามก็อุทาน “อ้าว! ตายจริง ไปยังไงมายังไงถึงจะมาวันนี้ละนี่ ตอนนี้น้าจินกับน้าบรรณมาช่วยงานบวชของลูกเพื่อนที่ชุมพรอยู่นะลูก ไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน ทำไมไม่บอกล่วงหน้าก่อนว่าจะมาเยี่ยมละจ๊ะ น้าจะได้รู้ว่าภัทรจะมาหา จะได้บอกปัดทางนี้เขาไป”

เสียงของผู้เป็นน้าเอ่ยติงเบาๆ ชายหนุ่มจึงรู้สึกว่าสีหน้าของตัวเองเจื่อนลง

“...ขอโทษครับ พอดีผมมาเที่ยวระยองเมื่อวาน แล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้น่าจะแวะไปหาน้าจินก่อนกลับกรุงเทพฯเสียหน่อย เลยไม่ได้โทรมาบอกล่วงหน้าไว้ก่อน”

ภัทรอธิบายเสียงอ่อย ถึงแม้ใจหนึ่งจะนึกเสียดายที่จะไม่ได้พาเชษฐ์ไปเยี่ยมน้าของเขา แต่ความเสียดายที่ตนพลาดโอกาสได้พบผู้มีพระคุณทั้งสองนั้นมีมากกว่าเสียอีก

เสียงถอนหายใจเบาๆดังมาตามสาย “ไม่เป็นไรหรอก เอาเป็นว่าคราวหน้าเราก็บอกน้าแต่เนิ่นๆก็แล้วกันว่าจะมา นี่น้าบรรณก็บ่นว่าเดี๋ยวนี้หลานๆไม่ติดต่อมาหาเลย คนแก่ก็เหงาเป็นนะจ๊ะ ฝากบอกแพนด้วยว่าพวกน้าอยากเจอมายูมิ ถ้าเขาว่างเมื่อไหร่ให้พายายตัวเล็กมาให้อุ้มบ้าง”

เมื่อได้ยินผู้เป็นน้าเอ่ยถึงพี่สาวกับหลาน ภัทรจึงยิ้มออกได้ ชายหนุ่มตอบรับด้วยน้ำเสียงที่สดใสขึ้นเมื่อนึกถึงแก้มยุ้ยๆและความช่างฉอเลาะของหลานสาว “ได้ครับ เดี๋ยวผมจะบอกพี่แพนให้ แต่ช่วงนี้เห็นว่าพี่โทรุเขายุ่งๆ อาจจะต้องรอให้ว่างก่อน แล้วคงได้พากันไปเยี่ยมน้าจินพร้อมหน้าทั้งครอบครัว”

ภัทรได้ยินคู่สนทนาหัวเราะเบาๆ จากนั้นอีกฝ่ายก็เงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงที่ขรึมขึ้น

“จริงสิ…ว่าก็ว่าเถอะ แล้วช่วงนี้ภัทรเป็นยังไงบ้างลูก ของพี่แพนน่ะน้าไม่ห่วงเขาแล้ว แต่ของเรานี่สิ ได้เจอใครบ้างหรือยัง? ตาคนเก่านั่นน่ะเลิกคิดถึงได้แล้วนะ หรือถ้าเบื่อกรุงเทพฯเมื่อไหร่ก็กลับมาอยู่กับน้าก็ได้ งานที่เมืองจันทน์ก็มีให้ภัทรทำออกเยอะแยะ เดี๋ยวให้น้าบรรณถามพวกเพื่อนๆเค้าให้ก็ได้”

ผู้เป็นหน้าถามไถ่ก่อนจะตบท้ายด้วยการหว่านล้อมเช่นทุกครั้ง ภัทรจึงยิ้มบางๆ น่าแปลกที่แม้เวลาจะผ่านมาจนป่านนี้ แต่เขาก็ยังรู้สึกหน่วงๆในอกส่วนลึกยามได้ยินใครพูดถึงธรทุกครั้ง ถึงแม้คนพูดจะไม่ได้เอ่ยชื่อก็ตาม นั่นคงเป็นเพราะแผลในใจของเขายังรักษาไม่หายสนิทร้อยเปอร์เซ็นต์เสียทีกระมัง

แต่ว่า...ความรู้สึกอึดอัดนั้นก็ไม่ได้มากเท่ากับเมื่อตอนที่เขาถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวใหม่ๆ เพราะว่าตอนนี้ ภัทรตระหนักดีว่าตนเองไม่ได้ ‘ตัวคนเดียว’ อีกต่อไปแล้ว

“น้าจินไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นแล้วล่ะครับ ผม...เอ้อ...”

ภัทรเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วก็ไปต่อไม่ได้ นี่เขาควรจะพูดว่ายังไงดีล่ะ ‘ผมมีแฟนใหม่แล้ว’ งั้นเหรอ? จริงอยู่ว่าหากบอกไปน้าจินคงสบายใจขึ้น แต่ทำไมเขาถึงยังกระดากปากก็ไม่รู้สิ...

ชายหนุ่มอ้ำอึ้ง นึกขัดใจกับความหน้าบางของตัวเองในเวลาเช่นนี้ แต่คงเพราะอีกฝ่ายเลี้ยงดูเขามาหลายปีตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น คำตอบสั้นๆที่ได้จึงทำให้ผู้เป็นน้าปะติดปะต่อเรื่องราวได้เอง

“หือ? ตกลงว่าภัทรมีใครแล้วเหรอลูก? งั้นที่จะมาเยี่ยมน้าวันนี้ก็คือจะพาเขามาด้วยใช่หรือเปล่า?”

เสียงพูดที่เร็วและดังขึ้นเล็กน้อยบอกให้รู้ว่าคนพูดกำลังตื่นเต้น ภัทรจึงได้แต่ยิ้มแล้วถอนหายใจด้วยความระอาตัวเอง ทำไมคนรอบตัวถึงมีแต่คนที่อ่านเขาออกทั้งนั้นเลยนะ มีแต่เขานี่ล่ะ…อ่านใครไม่เคยออกเลยสักคน

“…ก็ทำนองนั้นล่ะครับน้าจิน พอดีผมก็ไม่ทันรู้ว่าจะโดนพามาระยอง เพิ่งมานึกได้ก็ตอนถึงที่นี่แล้วว่ามันใกล้เมืองจันทน์นิดเดียวเอง แต่ถ้าน้าจินไม่อยู่ก็คงต้องนัดกันใหม่”

ภัทรพูดพลางเอียงหน้าลงบนแขนข้างที่ยังวางไว้บนขอบพนัก แต่สองตายังคงมองไปยังพระอาทิตย์ที่เริ่มลอยขึ้นเหนือผิวน้ำ สีฟ้าสดของฟ้ายามเช้าเริ่มแผ่ตัวกลบความหม่นทึบของฟ้าใกล้รุ่งมากขึ้นเรื่อยๆ และคงเพราะความสนใจของเขาถูกจดจ่ออยู่กับคู่สนทนาในสาย ชายหนุ่มจึงไม่ทันได้ยินเสียงเปิดประตูห้องที่ดังขึ้นจากด้านหลังเลยสักนิด

“อืม...น่าเสียดายจัง ยังไงคราวหน้าภัทรโทรมาบอกน้าก่อนจะมาก็แล้วกันนะลูกนะ แล้วก็พาเขามาด้วย น้าสองคนจะได้รู้จักไว้ ว่าแต่เขาดีกับภัทรใช่มั้ย? น้าเป็นห่วง...กลัวเราจะเจอคนไม่ดีอีกนี่แหละ”

ท้ายประโยคจบลงด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเป็นกังวล ภัทรได้ยินดังนั้นก็ยกมุมปากขึ้นน้อยๆ ชายหนุ่มนึกดีใจว่าถึงแม้ตนจะเสียพ่อกับแม่ไปตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น แต่ว่าครอบครัวของน้าที่รับเขาไปดูแลก็คอยให้ความเอาใจใส่และคอยให้กำลังใจทุกเรื่อง แม้เมื่อยามที่รักครั้งแรกจบลงด้วยความผิดหวัง แต่น้าทั้งสองก็ไม่เคยซ้ำเติมว่าภัทรหาเรื่องใส่ตัว และเพราะช่วงนั้นพี่สาวของเขายังอยู่ที่ญี่ปุ่นและไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น ภัทรจึงมีที่พึ่งทางใจเพียงครอบครัวของน้าที่จันทบุรีเท่านั้น หากตอนนั้นไม่มีน้าจินกับน้าบรรณ เขาก็คงไม่สามารถรวบรวมความเข้มแข็งกลับคืนได้เร็วอย่างที่ผ่านมาแน่

“ครับ...ถ้าเรื่องนั้นน้าจินไม่ต้องห่วง เขาเป็นคนดีครับ”

คราวนี้ภัทรตอบได้อย่างเต็มเสียง เพราะเขามั่นใจในทุกคำที่พูดออกไป ถึงแม้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะนับได้ว่ายังอยู่ในขั้นทำความเรียนรู้กันและกัน แต่เขาก็ค่อนข้างแน่ใจว่าเส้นทางของเขากับเชษฐ์จะไม่ย้ำรอยความรักครั้งก่อนอย่างแน่นอน

“...ถ้าเราว่าอย่างนั้น น้าก็เบาใจ”

เสียงของผู้เป็นน้ากลับไปเบาลงและเนิบนาบตามเสียงพูดปกติ จากนั้นทั้งสองก็ถามไถ่กันเรื่องความเป็นไปของแต่ละฝ่ายเพิ่มอีกเล็กน้อย ภัทรให้สัญญาว่าจะหาโอกาสไปเยี่ยมก่อนสิ้นปีก่อนที่จะวางสาย ทว่ายังไม่ทันจะเก็บโทรศัพท์มือถือกลับเข้ากระเป๋ากางเกง เสียงกระแอมจากคนที่มายืนอยู่ข้างหลังก็ทำเอาเขาสะดุ้ง

“แอบลุกออกมาก่อนอีกแล้วนะ”

“คุณเชษฐ์!”

ภัทรหันขวับไปหาเจ้าของเสียง แล้วก็พบว่าอีกฝ่ายยืนเอามือล้วงกระเป๋าอยู่ด้านหลังเขาในระยะห่างออกไปเพียงไม่กี่คืบ ทว่าแม้น้ำเสียงจะฟังเหมือนดุ นัยน์ตาคมหลังเลนส์แว่นกลับทอยิ้มน้อยๆ

“...ก็พอตื่นแล้ว ผมหลับต่อไม่ลงนี่ครับ”

คนที่นั่งอยู่เอ่ยแก้ตัวเสียงอ่อย ร่างสูงใหญ่จึงก้าวไปหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ แต่ไม่ได้หันออกไปนั่งห้อยขาเหมือนภัทร มือใหญ่ยกขึ้นเกลี่ยปอยผมที่โดนลมพัดจนเกือบเข้าตาของคนข้างๆแล้วเสยไปด้านหลังให้

“นอนข้างฉันแล้วหลับไม่สนิทหรือไง? ฉันว่าฉันก็ไม่ได้นอนดิ้นหรือกรนนี่”

เชษฐ์เอ่ยถาม เพราะหากว่าไม่นับรวมวันนี้ เช้าวันก่อนที่ไปนอนที่บ้านของคุณผู้จัดการ ภัทรก็ตื่นก่อนแล้วแอบเดินลงไปที่ห้องครัวก่อนเหมือนกัน จึงช่วยไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะสันนิษฐานว่าการที่อีกฝ่ายตื่นเช้ากว่านั้นมีสาเหตุมาจากตัวเอง

ภัทรได้ยินคำถามก็ทำตาโตและรีบปฏิเสธ “ไม่ใช่นะครับ! ไม่เกี่ยวกับคุณเชษฐ์เลย พอดีผมแค่...ยังไม่ชิน...ก็เท่านั้นเอง”

ชายหนุ่มหลบตาแล้วก็ตอบเสียงอุบอิบ เพราะอีกฝ่ายเล่นจ้องเขาจริงๆจังๆจนเกือบจะเหมือนคาดคั้น แต่ว่าเหตุผลที่ภัทรให้ไปนั้นเป็นจริงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น จริงอยู่ว่าเขาไม่ได้นอนเคียงข้างใครมานาน ดังนั้นจึงยังไม่คุ้นกับการนอนบนเตียงที่มีคนอีกคนอยู่ด้วย แต่อีกสาเหตุที่ภัทรไม่อยากพูดออกมาก็คือ เพราะเขามักจะยังสับสน เกรงว่าความอบอุ่นที่ได้สัมผัสในยามหลับนั้นเป็นความฝันที่จะสลายไปเมื่อตื่นขึ้นมา ดังนั้นเมื่อลืมตาขึ้นและได้เห็นร่างสูงใหญ่ที่นอนอยู่ข้างๆจึงทำให้รู้สึกโล่งใจ แต่นั่นก็ส่งผลให้เขาข่มตาหลับต่อไม่ลงไปด้วยเหมือนกัน

เชษฐ์มองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่ทำทีเป็นมองไปยังท้องทะเล อาจเป็นเพราะทั้งสองคบกันมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เขาจึงพอรู้ว่าด้วยนิสัยของภัทรนั้น ถ้าหากตั้งใจแล้วว่าจะไม่พูด ต่อให้โดนเค้นถามแค่ไหนก็ไม่มีวันพูด ร่างสูงจึงส่ายหน้าแล้วยกมือขึ้นตบไหล่บางเบาๆ

“เอาเถอะ ถ้าเพราะยังไม่ชินก็แล้วไป ว่าแต่เมื่อกี้โทรหาน้าเธอแล้วใช่มั้ย ตกลงว่ายังจะไปเยี่ยมกันอยู่หรือเปล่า?”

ภัทรมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถาม...ก็เมื่อกี้มาแอบยืนอยู่ข้างหลังเขาตั้งนานไม่ใช่หรือไง นี่คุณเชษฐ์ทันได้ฟังบทสนทนาตั้งแต่ช่วงไหนกันแน่…

ภัทรคิดขณะหันกลับไปหาคนถาม เขาพยายามจะอ่านสีหน้าของคุณผู้จัดการให้ออก แต่แล้วก็ต้องยอมแพ้เพราะไม่ได้ความกระจ่างใดๆเลย จึงตอบออกไปตามตรง

“น้าจินกับน้าบรรณไปชุมพรอยู่น่ะครับ ตอนนี้ถึงไปที่บ้านก็ไม่เจอใครอยู่ดี น้าผมบอกว่าถ้าจะไปหาคราวหน้าก็โทรไปบอกก่อน เขาจะได้รู้แล้วจะได้อยู่รอ”

ผู้สูงวัยกว่าได้ยินก็พยักหน้า “อืม...เข้าใจละ งั้นวันนี้พวกเราก็ว่างกันแล้วสิ”

รูปประโยคทำให้คิดว่าคนพูดรำพึงกับตัวเองมากกว่าจะเป็นคำถาม ภัทรจึงพยักหน้าเพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไร เชษฐ์มองหน้าอีกฝ่ายแล้วก็ยิ้ม

"งั้นไปกินข้าวเช้าก่อน ไหนๆก็มีเวลาเหลือแล้ว เดี๋ยวแวะเที่ยวตามทางก่อนกลับกรุงเทพฯก็แล้วกัน”

++------++

หลังจากทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของรีสอร์ทเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็เก็บข้าวของแล้วเช็คเอ๊าท์ออกจากที่พักก่อนเวลาเที่ยงเล็กน้อย ขากลับคราวนี้เชษฐ์ไม่ได้ขับรถเร็วเหมือนขามา และพาแวะเที่ยวตลอดทางเหมือนกับยังไม่อยากให้ถึงกรุงเทพฯเร็วนัก แต่ว่าภัทรก็ไม่ได้ทักท้วงเพราะเขาเองก็ไม่ได้รีบร้อนจะกลับเหมือนกัน

และที่สำคัญ...เขาก็รู้ดีว่าหลังจากนี้ทั้งสองคงไม่มีเวลาได้ไปไหนมาไหนกันแบบนี้อีกหลายเดือน เพราะว่าตอนนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงที่ใกล้การจัดงานมหกรรมที่ทางบริษัทของเขาจัดเป็นประจำทุกปี หรือที่คนในบริษัทเรียกกันว่าช่วง ‘หน้างาน’ แล้ว

บริษัทที่ภัทรและเชษฐ์ทำงานนั้นเป็นบริษัทจัดงานแสดงมหกรรมเครื่องจักรและเทคโนโลยี ซึ่งต่างจากบริษัทจัดงานอิเว้นท์ทั่วไปตรงที่ไม่ได้รับทำประชาสัมพันธ์หรือกิจกรรมส่งเสริมการขายให้ลูกค้ารายใดรายหนึ่ง แต่ดำเนินธุรกิจด้วยวิธีเหมาสถานที่สำหรับจัดแสดงงานในช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นก็ขายพื้นที่ให้ลูกค้าเพื่อนำเครื่องจักรและอุปกรณ์อื่นๆมาออกบู๊ธ และผู้ที่จะมาชมงานหรือเลือกซื้อก็คือวิศวกรหรือเจ้าของกิจการด้านการรับช่วงผลิต ซึ่งนับได้ว่าเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างเฉพาะทางมาก และถึงแม้บริษัทของภัทรจะไม่ใช่รายเดียวในประเทศที่จัดงานลักษณะเช่นนี้ แต่ว่าก็มีคู่แข่งน้อยรายเนื่องจากบริษัทอื่นจะเน้นจัดงานที่ขายผลิตภัณฑ์สำเร็จเช่นเฟอร์นิเจอร์หรืองานเลหลังสินค้ากันเสียมากกว่า และที่สำคัญก็คือคุณปรีชาซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ก่อตั้งบริษัทก็เป็นหนึ่งในผู้ที่บุกเบิกธุรกิจนี้เป็นรายแรกๆในประเทศ ก่อนที่ต่อมาจะนำบริษัทไปเข้าร่วมเป็นพันธมิตรของบริษัทแนวเดียวกันในยุโรปซึ่งใหญ่กว่าและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ดังนั้นทุกงานที่จัดจึงค่อนข้างมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนในวงการ แม้แต่ชาวต่างประเทศที่อยู่ในแวดวงก็ยังบินมาเยี่ยมชมงานทุกปี และการจัดงานแต่ละครั้งก็มีเงินหมุนเวียนเป็นหลักเกือบพันล้าน

ภายในการจัดงานแต่ละครั้งนั้นจะไม่ได้มีการนำเสนอแบบรวมทุกอุตสาหกรรม แต่ว่ามีการแยกตามสายอุตสาหกรรมด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อให้คนที่เป็นเซลส์ขายพื้นที่แบ่งงานกันง่ายขึ้นโดยไม่ต้องแย่งลูกค้ากัน อย่างเช่นงานที่เน้นอุตสาหกรรมพลาสติกก็ขายพื้นที่ให้แต่บริษัทที่ขายเครื่องจักรฉีดพลาสติก งานที่เน้นอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ก็ขายพื้นที่ให้แต่บริษัทที่ขายเครื่องผลิตแม่พิมพ์ โดยเซลส์ของแต่ละงานจะอยู่ใต้การดูแลและวางแผนโดยผู้จัดการโปรเจ็กต์อีกที จึงเป็นที่มาว่าทำไมบริษัทของภัทรจึงมีผู้จัดการโปรเจ็กต์ถึงสี่คน และเพราะการขายพื้นที่ในงานแบบนี้นั้น ลูกค้าที่สนใจจะออกบู๊ธต้องเสียค่าซื้อพื้นที่เป็นเงินหลักแสนหรือหลักล้านทั้งที่จัดแสดงเพียงสี่วัน ขึ้นอยู่กับว่าเลือกใช้พื้นที่มากแค่ไหนและซื้อแพคเกจประชาสัมพันธ์แบบใด การจะขายพื้นที่จึงต้องทำกันล่วงหน้าปีต่อปี คนที่เป็นผู้จัดการและเซลส์ของแต่ละโปรเจ็กต์จึงต้องทำงานหนักกันข้ามปีเพื่อจะขายพื้นที่ให้ได้มากที่สุด

ในแต่ละวันที่เซลส์ออกไปพบลูกค้า แผนกอื่นๆก็ต้องช่วยกันสนับสนุนการขายด้วย โดยทีมประชาสัมพันธ์ก็ต้องเขียนข่าวและจัดกิจกรรมให้งานเป็นที่รู้จัก ทีมก๊อปปี้ไรเตอร์และกราฟฟิคดีไซน์เนอร์ก็ต้องทำโบรชัวร์หรือสื่อโฆษณาเพื่อดึงดูดลูกค้าที่มีแนวโน้มว่าจะมาออกบู๊ธ ทีมคอลเซ็นเตอร์ก็ต้องโทรและส่งอีเมล์ติดต่อเชิญชวนทั้งผู้ที่มีแนวโน้มจะมาออกงานและมาชมงาน และเมื่อถึงกำหนดเวลาปิดการขาย ฝ่ายเซลส์ก็จะสรุปยอดผู้เข้าออกแสดงสินค้าและส่งต่อรายชื่อรวมทั้งตำแหน่งออกบู๊ธของลูกค้าแต่ละรายให้แก่ฝ่ายโอเปอเรชัน ซึ่งแผนกนี้ต้องรับช่วงในการประสานงานระหว่างลูกค้ากับสถานที่จัดงานให้ตั้งแต่ก่อนจนถึงหลังงานจบและรื้อถอนบู๊ธ ซึ่งงานของภัทรจะตกอยู่ในส่วนนี้นั่นเอง ถึงแม้กระบวนการต่างๆเหล่านี้จะดูเหมือนง่าย แต่ว่าความจริงแล้วกินเวลาและมีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะมากทีเดียว กว่าภัทรจะเข้าใจถึงสิ่งที่รุ่นพี่ของเขาช่วยสอนให้ก็ยังต้องใช้เวลาร่วมปี และหลังจากที่เคยได้ผ่านงานของปีก่อนมาแล้ว คราวนี้เขาจึงรู้ว่าช่วงที่ทุกคนในบริษัทจะยุ่งที่สุดก็คือช่วงหนึ่งเดือนสุดท้ายก่อนจะเปิดงาน หรือก็คือช่วงนี้นั่นเอง

จริงอยู่ว่าภัทรเป็นคนมีนิสัยมุ่งมั่นกับการทำงาน เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าและได้ทำสิ่งที่มีประโยชน์ให้กับบริษัท แต่ขณะเดียวกัน ส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นนั้นก็มาจากความที่เขาต้องการหาอะไรทำเพื่อดึงความสนใจจากการจมจ่อมอยู่กับอดีต และมันก็ได้ผลจริงๆจนทำให้ภัทรแทบไม่ค่อยสมาคมหรือสังสรรค์กับคนในบริษัทนัก แต่ว่าเขาก็ไม่เคยได้มานั่งนึกเสียดายตรงจุดนี้ และถ้าหากเป็นเมื่อก่อนแล้วล่ะก็ ภัทรก็คงไม่นึกเสียดายหรืออาลัยเวลาสำหรับการพักผ่อนมากขนาดนี้อย่างแน่นอน แต่เพราะตอนนี้เขาเริ่มพบว่าตัวเองกำลังได้ค้นพบตัวตนที่ทำหายไปอีกครั้งจากการได้ใช้เวลาอยู่กับเชษฐ์ การเดินทางกลับกรุงเทพฯคราวนี้จึงอวลไปด้วยความรู้สึกดีใจปนเหงาหงอย รวมทั้งความรู้สึกที่อยากจะยืดเวลาที่พวกเขายังไม่ต้องกลับไปเผชิญกับชีวิตการทำงานให้เนิ่นนานขึ้นอีกนิดด้วย


ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ภัทรได้แต่คิดวนไปวนมาถึงเรื่องนี้ระหว่างทางที่เชษฐ์ขับรถพากลับกรุงเทพฯซึ่งเป็นเวลาที่พระอาทิตย์เริ่มตกดิน และถึงแม้ว่าเจ้าของรถจะเปิดเพลงจากแผ่นซีดีเอาไว้เพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบเกินไป แต่ก็ไม่อาจกลบเสียงถอนหายใจที่หลุดให้ได้ยินเป็นระยะจากร่างเพรียวที่นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสารได้ คนตัวใหญ่ลอบมองคนที่เอาแต่นั่งเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วก็ยิ้ม

“ภัทร”

“ครับ?”

คนถูกเรียกหันกลับมา คิ้วเรียวทั้งสองข้างขมวดเล็กน้อย แต่ดูเหมือนเจ้าตัวคงไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำสีหน้าเหงาๆอยู่ คนตัวใหญ่ที่ตอนแรกคิดจะแกล้งแซวจึงเริ่มลังเลขึ้นมา เชษฐ์เบนสายตากลับไปมองถนนเบื้องหน้าแล้วก็เคาะนิ้วข้างหนึ่งลงบนพวงมาลัย และสุดท้ายก็เปลี่ยนใจ

“เดี๋ยวลงจากทางด่วนก็ใกล้ถึงคอนโดเธอแล้วนะ อยากแวะกินข้าวหรือซื้อของอะไรก่อนหรือเปล่า?”

“เอ๋? เอ่อ...”

พอได้ยินคำถาม ภัทรจึงเหลือบตามองป้ายบนทางด่วน ทำให้พบว่าตอนนี้ทั้งสองเข้าเขตกรุงเทพฯกันแล้ว และอีกราวครึ่งชั่วโมงก็คงถึงคอนโดของเขาถ้าหากรถไม่ติด ชายหนุ่มตกใจเล็กน้อยเพราะว่าเอาแต่เหม่อจนไม่ทันรู้ตัว

เวลาเที่ยวเล่นมักจะผ่านไปเร็วจริงๆด้วย...

ภัทรถอนหายใจอีกครั้ง แล้วก็ต้องเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจที่เห็นอีกฝ่ายทำท่าเหมือนกำลังกลั้นหัวเราะทั้งที่ไม่ได้หันมาทางเขา แต่ก็ไม่ได้คิดมากหรือทักท้วงขึ้นมา ชายหนุ่มเพียงยกมือหนึ่งลูบท้องตัวเองเบาๆอย่างครุ่นคิด

“ผมยังไม่หิว...”

ภัทรพูดได้แค่นั้น แล้วก็ให้นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรพาซื่อจนปากตรงกับใจ เพราะการที่เชษฐ์ถามเขาแบบนั้นอาจเป็นเพราะจะได้ยืดเวลาให้ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันก็ได้ แต่การที่เขาพูดแบบนี้ก็เหมือนตัดรอนกันกลายๆว่าได้เวลาแยกย้ายกันแล้ว ทว่าเมื่อภัทรมองไปก็ไม่ได้พบว่าเชษฐ์ทำสีหน้าไม่พอใจแต่อย่างใด อีกฝ่ายเพียงแค่พยักหน้ารับรู้ และเมื่อถึงทางแยกก็หักเลี้ยวลงและขับตรงไปทางคอนโดของเขาเท่านั้น

“ถ้างั้นก็กลับกันเลยก็แล้วกัน”

ภัทรมองคนข้างๆอย่างไม่เข้าใจว่ากำลังคิดอะไร จะว่าหงุดหงิดหรือเปล่าก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเขาเคยเห็นเวลาอีกฝ่ายอารมณ์ไม่ดีเพราะเรื่องของเขามาก่อนแล้ว ทำให้รู้ว่าถ้าหากอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจเขาก็น่าจะดูออก แต่ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของคุณผู้จัดการในตอนนี้กลับไม่ได้แสดงท่าทางเช่นนั้นให้เห็นเลยสักนิด คราวนี้เขาจึงเริ่มเป็นฝ่ายร้อนใจเสียเอง

อะไรเนี่ย...หรือว่าที่จริงกำลังโมโห แต่ว่าไม่ยอมแสดงออกมาให้รู้อยู่หรือเปล่านะ

ชายหนุ่มคิดในใจขณะที่เชษฐ์ขับรถมาถึงลานจอดชั้นใต้ดินของคอนโดเขาแล้ว อีกฝ่ายยังคงไม่ได้พูดอะไรขณะที่เข้าเกียร์จอดแต่ไม่ได้ดับเครื่อง ภัทรจึงได้แต่เม้มริมฝีปาก เพราะที่คนข้างตัวทำอยู่นั้นเหมือนกำลังรอให้เขาบอกลาแล้วรีบๆลงจากรถไปไม่มีผิด

ก่อนจะทันรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร ภัทรก็ยื่นมือไปจับแขนอีกฝ่ายเอาไว้ และดูเหมือนเชษฐ์เองก็คงไม่ได้คิดว่าเขาจะแสดงกิริยาเช่นนั้นออกมาเหมือนกัน ใบหน้าคมจึงหันมาเหลือบมองคนข้างๆแล้วก็เลิกคิ้ว ภัทรเห็นสายตาแสดงความประหลาดใจของอีกฝ่ายจึงรู้สึกตัวและรีบปล่อยมือ

“ผมไม่ได้หมายความว่าอยากรีบไล่คุณเชษฐ์กลับนะครับ”

คนถูกพามาส่งก้มหน้าแล้วพูดเสียงอ่อย แต่กลับกลายเป็นว่าคราวนี้คนฟังกลับหัวเราะเสียงดัง ภัทรจึงเงยหน้าขึ้นแล้วกะพริบตาปริบๆอย่างงุนงง ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆแขนใหญ่ข้างหนึ่งก็รั้งเขาเข้าไปหา

“คิดมากเกินไปแล้ว ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ ก็วันนี้พาไปเที่ยวตะลอนๆตลอดบ่าย ฉันก็นึกว่าเธอคงเหนื่อย อยากกลับไปพักแล้วน่ะสิ”

คนตัวใหญ่พูดพลางบีบไหล่ของคนในอ้อมแขน ร่างเพรียวจึงถอยตัวออกเพื่อมองหน้าอีกฝ่ายให้ชัดๆ ทำให้ได้เห็นรอยยิ้มขันในดวงตาเป็นประกายหลังเลนส์แว่น และก็ได้รู้ตัวว่าเผลอปล่อยไก่ตัวใหญ่อีกแล้ว

เมื่อไหร่เขาจะเลิกทำตัวเปิ่นๆแบบนี้เสียทีนะ...

ภัทรคิดขณะที่รู้สึกว่าผิวแก้มอุ่นวาบขึ้น นี่ถ้าหากใครที่ออฟฟิศมาเห็นเขาตอนนี้คงได้พากันหัวเราะแน่ๆ แต่เขาก็เพียงแต่พูดตามที่คิดเพราะกลัวคุณเชษฐ์จะโกรธเท่านั้นนี่นา

“ผมไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้นหรอกครับ เพียงแต่ยังไม่หิวเพราะเมื่อบ่ายก็แวะกินกันไปแล้ว แล้วก็ไม่อยากไปซื้อของอะไรด้วย ผมแค่...”

ชายหนุ่มพูดยังไม่จบประโยคก็เงียบไป นัยน์ตาเรียวเหลือบกลับขึ้นสบตากับอีกฝ่าย เขาอยากจะพูดต่อว่า ‘ผมแค่ยังไม่อยากให้คุณเชษฐ์กลับ’ แต่ก็เกรงว่าตัวเองอาจกำลังเอาแต่ใจ เพราะว่าเชษฐ์ก็ขับรถพาเขาไปที่นั่นที่นี่มาทั้งวัน บางทีตอนนี้อีกฝ่ายอาจจะกำลังอยากกลับไปพักผ่อนก็ได้

ทั้งสองนั่งสบตากันโดยไม่มีใครเอ่ยอะไรก่อน แต่แล้วภัทรก็หลับตาลงเมื่ออีกฝ่ายขยับตัวเข้าหา ชายหนุ่มรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่รดอยู่บนหน้าผาก ก่อนอีกฝ่ายจะแนบริมฝีปากลงบนเปลือกตาข้างหนึ่งของเขาอย่างแผ่วเบา

ร่างเพรียวรู้สึกได้ถึงข้อนิ้วใหญ่ที่ไล้แก้มให้เขาอยู่ แต่นอกจากสัมผัสอันอ่อนหวานบนเปลือกตา เชษฐ์ก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น นัยน์ตาเรียวค่อยปรือขึ้นช้าๆเมื่อสัมผัสอบอุ่นนั้นผละไป แล้วก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มอ่อนๆให้

“ที่จริงก็อยากจะขอตื๊อขึ้นไปเยี่ยมห้องอยู่หรอกนะ แต่เมื่อตอนบ่ายฉันโดนโทรมาบอกว่าให้ช่วยทำพรีเซ้นต์ให้คุณปรีชาด่วนเพราะต้องไปเอาไประชุมกับสมาคมพรุ่งนี้เช้า พอดีมันมีข้อมูลที่ต้องใช้จากตอนที่ฉันไปเทรนนิงที่ต่างประเทศด้วย ท่าทางคงจะกินเวลาอยู่เหมือนกัน”

ภัทรเบิกตาโต พออีกฝ่ายพูดเขาจึงนึกขึ้นได้ว่าตอนที่แวะทานมื้อบ่ายกันนั้นมีโทรศัพท์มาหาและเชษฐ์ลุกออกไปคุยที่อื่น แต่เพราะเจ้าตัวไม่ได้บอกเขาว่าท่านประธานเป็นคนโทรมาหรือว่ามีเรื่องด่วน แถมยังขับรถพากลับเข้าเมืองแบบไม่รีบร้อนอีก เขาจึงไม่ระแคะระคายสักนิดว่าคนข้างตัวมีธุระที่ต้องรีบกลับไปทำ

“ขอโทษครับ ผมไม่รู้เลย...”

ภัทรเอ่ยเสียงเบา รู้สึกราวกับตัวเองเป็นตัวถ่วงเวลาอันมีค่าของอีกฝ่ายขึ้นมา แต่เชษฐ์กลับส่ายหน้าแล้วยกมือขึ้นเสยผมที่ลงมาปรกหน้าผากของภัทรให้

“เธอไม่ผิดหรอกน่า ตอนที่คุณปรีชาโทรมาก็ขอโทษเหมือนกันที่ต้องให้ทำกะทันหันแบบนี้ เพราะที่จริงเขามอบหมายให้เลขาเป็นคนทำแล้วแต่เจ้าหล่อนเกิดป่วยเมื่อคืนวาน ทีนี้คนที่รู้รายละเอียดเรื่องโปรเจ็กต์ใหม่นั่นก็มีแต่ฉัน ฉันก็เลยต้องเป็นคนช่วยทำให้นี่แหละ”  

“มีอะไรที่ผมช่วยได้มั้ยครับ?”

ชายหนุ่มถามขึ้น ไหนๆเขาก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เชษฐ์เสียเวลาวันนี้ไปหลายชั่วโมงแล้ว ดังนั้นถ้าหากมีอะไรที่เขาพอช่วยแบ่งเบาได้ ภัทรก็อยากจะทำให้อีกฝ่ายบ้าง

เชษฐ์ส่ายหน้า “งานทำพาวเวอร์พ้อยท์มันไม่ยากหรอก มันติดตรงที่ต้องดึงข้อมูลมาจากในนี้เท่านั้นแหละ”

อีกฝ่ายพูดพลางเคาะนิ้วข้างหนึ่งที่ขมับตัวเองเบาๆ ภัทรจึงได้แต่รู้สึกถึงความไร้ความสามารถของตนเอง เพราะสุดท้ายเขาก็ช่วยอะไรในงานของเชษฐ์ไม่ได้เลย

“ถ้างั้น...ก็ไม่เป็นไรครับ งั้นอย่าทำจนดึกมากนักก็แล้วกันนะครับ”

ภัทรเอ่ยพลางถอดเข็มขัดนิรภัยออก จากนั้นก็ดึงสายกระเป๋าขึ้นมาพาดบ่า นัยน์ตาเรียวเอาแต่หลีกเลี่ยงการสบตากับอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวว่าทำให้คนมองรู้สึกอย่างไร ทว่าพอจะหันไปเปิดประตูนั่นเอง ชายหนุ่มก็ต้องเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อเชษฐ์ยื่นแขนมาคร่อมระหว่างเขากับประตูเอาไว้

“คุณเชษฐ์?...”

ชายหนุ่มไม่มีโอกาสถามต่อให้จบว่า ‘…มีอะไรหรือเปล่า?’ เพราะเชษฐ์ใช้มืออีกข้างถอดแว่นออกแล้วก็ขยับตัวเข้ามาใกล้จนแตะริมฝีปากลงบนริมฝีปากของเขา และการรุกเร้าอย่างกะทันหันนั้นก็ทำให้นัยน์ตาเรียวเบิกกว้างด้วยความตกใจ

“อื้ม...”

คนตัวเล็กกว่าส่งเสียงอู้อี้ในคอ เชษฐ์ไม่ได้จูบเขาอย่างเร่าร้อนรุนแรงก็จริง เพียงแค่แนบริมฝีปากที่เผยอลงมาบนริมฝีปากของเขาซ้ำๆเท่านั้น แต่ก็ทำให้คนที่ไม่ได้ตั้งตัวถึงกับลมหายใจสะดุด ภัทรครางเบาๆเมื่อถูกขบเม้มริมฝีปากล่างก่อนอีกฝ่ายจะถอยออกไป แต่ว่าแขนที่คร่อมเขาไว้ยังคงวางอยู่ที่เดิม

ร่างเพรียวรู้สึกได้ว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้นจนเหมือนกับจะได้ยินเสียง เช่นเดียวกับลมหายใจที่ติดขัดเมื่อเห็นแววตาของอีกฝ่ายจนต้องหลุบตาหนี เขามั่นใจว่าเชษฐ์ก็น่าจะตระหนักดีว่าตอนนี้ทั้งสองอยู่ในรถในลานจอดชั้นใต้ดินใกล้ประตูเข้าลิฟต์ ซึ่งเป็นบริเวณที่จะมีใครเดินเข้าออกและมาเห็นพวกเขาเมื่อไรก็ได้ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้นำพาเลยแม้แต่น้อย

เชษฐ์มองท่าทางของคนตรงหน้ายิ้มๆขณะสวมแว่นกลับตามเดิม “เปลี่ยนจากคำอวยพรเป็นสัญญาแทนได้มั้ย? ว่าหลังจบงานนี้เมื่อไหร่จะไปเยี่ยมน้าเธอด้วยกัน น้าเธอจะได้เห็นให้สบายใจว่าตกลงฉันดีพอสำหรับเธอจริงหรือเปล่า”

“เอ๊ะ?”

ภัทรเลิกคิ้วพลางตวัดสายตาขึ้นสบกับนัยน์ตาคมอย่างงุนงง แต่แล้วก็ร้อนวูบบนผิวหน้าเมื่อเข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดถึงอะไร

หมายความว่า...ตอนที่เขาคุยโทรศัพท์กับน้าจินนั่น คุณเชษฐ์...ได้ยิน...

ชายหนุ่มรู้สึกว่าผิวหน้าตัวเองเริ่มร้อนจนควบคุมไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนอีกฝ่ายคงจะเห็นได้จากแสงไฟในลานจอดที่ส่องผ่านกระจกรถเข้ามา เพราะเชษฐ์ยิ้มแล้วก้มลงจูบหน้าผากเขาเร็วๆอีกครั้ง

“กลับขึ้นห้องได้แล้วล่ะ ไม่งั้นมีหวังฉันไม่ได้กลับไปทำงานให้คุณปรีชาแน่ แล้วก็อย่านอนดึกนัก พรุ่งนี้เช้าค่อยเจอกันที่ออฟฟิศ”

ร่างสูงเอ่ยเสียงอ่อนโยนขณะที่เสยผมบนหน้าผากให้คนตรงหน้า ภัทรจึงได้แต่กระชับมือที่กำอยู่รอบสายสะพายกระเป๋าและตอบเสียงอุบอิบ

“ครับ พรุ่งนี้เจอกันครับ”

ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ จากนั้นก็โบกมือให้เชษฐ์และยืนมองดูรถสีเทาควันบุหรี่คันใหญ่ที่ขับออกไปจนพ้นทางเข้า ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นเสยผมที่หล่นลงมาปรกหน้าผากจนเกือบเข้าตาแล้วก็ชะงัก

ความอบอุ่นจากมือของใครคนหนึ่งราวกับยังหลงเหลืออยู่จนภัทรเผลอวางมือนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่น่าเชื่อว่าทั้งที่เพิ่งจะแยกจากกันได้เพียงไม่ถึงนาที เขาก็เริ่มคิดถึงช่วงเวลาที่ทั้งสองใช้ร่วมกันระหว่างที่ไปเที่ยวทะเลเสียแล้ว

ชักจะทำตัวเป็นหนุ่มวัยรุ่นเข้าไปทุกทีแล้วสิเรา...

ภัทรส่ายหน้าแล้วก็หยิบคีย์การ์ดมารูดเปิดประตูก่อนจะก้าวเข้าลิฟต์ ชายหนุ่มกดหมายเลขชั้นที่ห้องของตัวอยู่แล้วก็ยกมือกอดอก ขณะที่ลิฟต์เลื่อนสูงขึ้นก็พลันนึกอะไรขึ้นได้ มือเรียวจึงล้วงหยิบมือถือออกจากกระเป๋ากางเกงมากด

เพิ่งจะแยกกันไปหยกๆเมื่อกี้ ถ้าโทรหาทันทีคงดูเหมือนเขา ‘ติด’ อีกฝ่ายมากไปหน่อย ถ้างั้นขอส่งแค่เมสเสจก็แล้วกัน

“Don’t work too hard & have a good dream.”

ภัทรพิมพ์ข้อความเสร็จเมื่อประตูลิฟต์เปิดพอดี จึงกดส่งข้อความนั้นก่อนจะหย่อนมือถือลงกระเป๋าเหมือนเดิม เมื่อเข้าไปในห้องแล้วก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและจัดการพับกองผ้าที่วางทิ้งไว้เมื่อวานกลับเข้าตู้ จากนั้นก็เพียงแต่เทนมสดจากกล่องในตู้เย็นมาอุ่นดื่มเป็นมื้อค่ำเท่านั้น ชายหนุ่มนั่งดูโทรทัศน์ไปเรื่อยๆขณะรอว่าเมื่อไรอีกฝ่ายจะตอบเมสเสจกลับมา แต่ความเหนื่อยที่สะสมมาทั้งวันคงทำให้เขาง่วงเร็วกว่าปกติ ภัทรจึงสัปหงกอยู่หน้าโทรทัศน์ทั้งที่ยังหัวค่ำ เมื่อจู่ๆได้ยินเสียงสัญญานจากมือถือว่ามีข้อความใหม่เข้าจึงสะดุ้งเฮือก

ภัทรกะพริบตาพลางสะบัดหัวให้หายง่วงขณะหยิบมือถือขึ้นมากดอ่านข้อความ แวบแรกที่ได้เห็นสิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอ คิ้วเรียวก็เลิกขึ้นราวกับไม่แน่ใจว่านั่นคือข้อความที่เชษฐ์ส่งกลับมาจริงๆ แต่ไม่ช้าริมฝีปากบางก็ค่อยๆยกยิ้ม

“:)”

สั้นชะมัด...ทีเขายังพิมพ์ให้ตั้งยาว...คุณเชษฐ์ดันตอบกลับมาแค่นี้เอง...

ถึงจะคิดอย่างนั้น แต่ภัทรกลับรู้สึกว่าตัวเองยิ้มจนแก้มแทบจะปริ จึงพยายามสูดหายใจเข้าลึกแล้วเอามือข้างหนึ่งขึ้นหยิกแก้มให้หยุดยิ้ม แต่ดูเหมือนจะไร้ผลเพราะรอยยิ้มบนหน้าเขาก็ยังคงอยู่อย่างเดิม ชายหนุ่มจึงตัดสินใจว่าจะปิดโทรทัศน์แล้วเข้านอนเสียที เพราะสาเหตุเดียวที่เขายังไม่นอนก็เพราะนั่งรอข้อความตอบกลับจากอีกฝ่ายอยู่นั่นเอง

พอคิดได้ดังนั้น ภัทรจึงลุกไปแปรงฟันแล้วก็ปิดไฟในห้องก่อนจะเอนหลังลงบนเตียง แต่ทว่าคราวนี้เขากลับหลับไม่ลงง่ายๆ หลังจากนอนพลิกไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูข้อความที่ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเครื่องหมายสองอย่างที่ประกอบกันแล้วกลายเป็นรูปหน้ายิ้มอีกรอบ พอแสงบนหน้าจอดับไปก็กดเพื่อดูใหม่ซ้ำๆอยู่อย่างนั้น จวบจนความง่วงงุนเริ่มทำให้เปลือกตาบนทั้งสองข้างหย่อนลงมากขึ้นทุกที เขาจึงยอมปิดเครื่องและหลับตาลง แม้ว่ารอยยิ้มที่มุมปากจะไม่ได้จางหายไปเลยก็ตาม

เวลาแห่งการได้เที่ยวอย่างอิสระของสุดสัปดาห์นี้อาจจะจบลงแล้ว และสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างอยู่ที่รีสอร์ทก็คงกลายเป็นเพียงความทรงจำที่ดีสำหรับเขากับเชษฐ์เท่านั้น แต่ภัทรก็ไม่นึกเสียดายอีกเพราะรู้ว่าพวกเขายังมีโอกาสได้ใช้เวลาด้วยกันอีกมาก และเพราะเขารู้ดีว่าทั้งในวันพรุ่งนี้และต่อๆไป เขาก็ยังจะได้เห็นรอยยิ้มของคนตัวใหญ่ที่พร้อมจะมอบให้เขาอยู่เสมอนั่นเอง


+---tbc---+

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-07-2010 12:23:03 โดย bellbomb »

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
มาต่อแย้วววว  คุณเชษฐ์อบอุ่นจัง

ออฟไลน์ MiTo™

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
อ๊ากกกกกกกกกกกกกก

ชอบพี่เชษฐ์ ที่ซู๊ดดดดด~~~~~~

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด