แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]  (อ่าน 368905 ครั้ง)

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
****************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


****************************************************



ปล. เนื่องจากเรื่องนี้ขียนโดยไม่ยึดว่าเรื่องนี้เกิดในวันวาเลนไทน์ปีนี้เท่านั้น วันวาเลนไทน์ในเรื่องจึงตรงกับวันธรรมดานะจ๊ะ้


 
:L2: HAPPY VALENTINE'S DAY!! :L2:



Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก


แสงไฟที่เริ่มดับลงบางจุดส่งสัญญาณว่าถึงเวลาพักกลางวันตามนโยบายประหยัดไฟของบริษัท พนักงานหลายคนเริ่มทยอยลุกจากที่นั่งเพื่อไปรอลิฟต์ที่หน้าประตู เสียงถามไถ่กันและกันถึงจุดหมายในการฝากท้องของแต่ละคนดังเซ็งแซ่จนระงมไปทั่วออฟฟิศที่ตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของอาคารระฟ้ากลางย่านธุรกิจชื่อดัง

“อ้าว ภัทรไม่ลงไปกินข้าวเหรอ”

ชายหนุ่มร่างเพรียวหันไปตามเสียงเรียก แล้วก็ยิ้มให้ชายหนุ่มร่างท้วมเตี้ยที่เป็นมือกราฟฟิคดีไซน์จอมขยันของบริษัทผู้เอ่ยทักเขา

“ยังไม่ค่อยหิวน่ะพี่เอ๋ อีกอย่างลงไปตอนนี้ร้านไหนๆก็คนเต็มไปหมด ผมลงไปตอนบ่ายโมงดีกว่า แล้วนี่พี่ไม่ได้ลงไปกินข้าวกับพี่เจี๊ยบเหรอ”

หญิงสาวที่ภัทรเอ่ยถึงคือแอดมินคนเก่งของบริษัทที่เพิ่งแต่งงานกับคนตรงหน้าเขาไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ทั้งสองคนพบและรู้จักกันที่บริษัทนี้ จากนั้นก็คบหาดูใจกันมานานหลายปีก่อนจะตกลงใช้ชีวิตคู่ร่วมกันท่ามกลางความยินดีของเพื่อนร่วมงานทุกคน จึงนับได้ว่าเป็นคู่ขวัญที่โด่งดังของบริษัทเลยทีเดียว

ชายหนุ่มร่างท้วมส่ายหน้า แล้วก็แอบมองซ้ายขวาก่อนจะก้มลงป้องปากพูดเสียงเบาทั้งที่ไม่มีใครอื่นอยู่ในบริเวณนั้น

“ที่จริงวันนี้พี่แกล้งลาป่วยครึ่งเช้าว่ะ กะเอานี่มาเซอร์ไพรส์แฟน ยังไงเดี๋ยวเค้าขึ้นมาแล้วภัทรทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นหน่อยก็แล้วกันนะ”

สิ้นประโยคผู้พูดก็ชูช่อกุหลาบสีแดงสดช่อใหญ่ที่ซ่อนไว้ด้านหลังขึ้นมาอวดประกอบจนคนฟังอมยิ้ม

“โอ้โฮ กุหลาบช่อเบ้อเริ่มขนาดนี้พี่เอ๋หลุดรอดสายตาคนในบริษัทมาได้ไงเนี่ย?”

“ก็ต้องแอบแทบตายเหมือนกันล่ะวะ ดีว่าพี่เข้ามาก่อนพักกลางวันเลยฝากกุ้งให้ซ่อนตรงเคาน์เตอร์รีเซพชันให้ แล้วก็ระเห็จตัวเองไปสิงอยู่ห้องประชุมเล็กเพราะกุ้งบอกว่าห้องนั้นว่างช่วงเช้า พอทุกคนลงไปทานข้าวกันแล้วพี่ถึงค่อยออกมาเนี่ยแหละ”

ภัทรหัวเราะเบาๆแล้วก็ส่ายหน้า กุ้งเป็นเด็กนักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งมาทำหน้าที่รีเซพชันประจำเคาน์เตอร์หน้าทางเข้าบริษัทแทนพนักงานคนเก่าที่ลาออกไป ด้วยความเป็นเด็กอัธยาศัยดีและช่างพูดช่างคุยทำให้เข้ากับใครๆในบริษัทได้อย่างรวดเร็ว ต่างจากเขาที่ทั้งๆที่เข้ามาทำงานได้ปีกว่าแล้วแต่ก็ยังไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนร่วมงานเท่าไรนัก แม้ภัทรจะพูดคุยหยอกล้อกับคนอื่นๆบ้างตามโอกาส แต่การที่ชายหนุ่มมักเลือกที่จะทานข้าวกลางวันคนเดียวและไม่ค่อยตอบรับคำเชิญไปเที่ยวสังสรรค์ยามค่ำก็ตอกย้ำถึงความเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงได้เป็นอย่างดี

“ไว้ใจได้พี่ แต่หวานกันขนาดนี้ระวังคนอื่นเค้าจะหมั่นไส้เอานะ”

ภัทรแซวทิ้งท้ายหลังชายหนุ่มรุ่นพี่วางช่อกุหลาบพร้อมกับการ์ดลงบนโต๊ะแล้วเดินผิวปากออกไป นัยน์ตาเรียวมองช่อกุหลาบนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย แล้วก็ให้รู้สึกเสียวแปลบในอกขึ้นมาเมื่อนึกถึงวันเดียวกันเมื่อสองปีที่แล้ว ใครคนหนึ่งเคยมอบของคล้ายกันนี้ให้ เพื่อที่ในอีกไม่กี่เดือนถัดจากนั้นจะย่ำยีความรู้สึกของเขาจนแทบไม่เหลือชิ้นดี

“ภัทรกร ยังไม่ไปกินข้าวหรือ”

เสียงเรียกชื่อเต็มเนิบๆที่จู่ๆก็ดังขึ้นในระยะกระชั้นชิดทำเอาคนที่กำลังเหม่อสะดุ้ง เมื่อหันหลังกลับไปก็พบใบหน้าคมสันของผู้จัดการโปรเจ็กต์คนเก่งหนึ่งในสี่เสาหลักของบริษัทยืนอยู่ แสงเรืองๆจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ของภัทรสะท้อนกับเลนส์แว่นที่ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สวม ประกอบกับความสลัวของแสงไฟในออฟฟิศทำให้ผู้ถูกถามเห็นแววตาของอีกฝ่ายไม่ถนัด

“ยังครับ พอดีผมยังไม่หิว กะว่าเดี๋ยวลงไปตอนที่คนเริ่มซาๆกันก่อน คุณเชษฐ์กำลังจะไปทานข้าวหรือครับ”

“เปล่าหรอก ฉันกำลังจะไปประชุมกับลูกค้าข้างนอก เดี๋ยวคงซื้อแซนด์วิชไปกินในรถ”

นัยน์ตาเรียวรีเหลือบลงก็เห็นว่ามือข้างหนึ่งของอีกฝ่ายถือกระเป๋าเอกสารอยู่ขณะที่อีกข้างมีเสื้อสูทพาดทับ ผู้ถูกมองเบนสายตาไปทางช่อกุหลาบบนโต๊ะข้างๆแล้วก็ยิ้มบาง

“เอ๋สินะ ไม่น่าเชื่อว่าหมอนั่นจะโรแมนติกเอาเรื่อง”

พอได้ยินประโยคชวนคุยที่เบี่ยงประเด็นออกจากตัวเองทำให้ความเครียดเขม็งเมื่อครู่ค่อยคลายตัว ภัทรคลี่ยิ้มก่อนจะตอบรับ

“ครับ เห็นว่าวางแผนมาเซอร์ไพรส์พี่เจี๊ยบเต็มที่”

ชายหนุ่มร่างสูงรับคำในคอ ก่อนจะตบบ่าบางเบาๆ แต่สัมผัสนั้นกลับทำให้ฝ่ายที่เพิ่งจะผ่อนคลายเมื่อครู่ตัวเกร็งขึ้นมาอีกครั้ง

“งั้นฉันไปล่ะ ยังไงก็ทานข้าวให้เป็นเวลาแล้วกันจะได้ไม่เป็นโรคกระเพาะ”

คำพูดเปรยๆที่แฝงความห่วงใยอยู่ในทีทำให้คนถูกเตือนส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายไว้

“เอ่อ คุณเชษฐ์ครับ”

ร่างสูงหยุดชะงักก่อนจะหันกลับมามอง ภัทรเม้มริมฝีปากก่อนจะกลั้นใจพูดสิ่งที่คิดอยู่ออกไป

“เรียกผมว่าภัทรเฉยๆก็ได้นะครับ ผมเห็นคุณเชษฐ์เรียกผมเต็มยศตลอดเลยทั้งที่ผมก็ทำงานมาปีกว่าแล้ว”

คนฟังเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น พอคนพูดเห็นอากัปกริยานั้นแล้วก็ให้นึกอยากตบปากตัวเองขึ้นมา บางทีเขาอาจจะโดนมองว่าเรื่องมากที่จู้จี้จุกจิกกับผู้ใหญ่ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญก็ได้

“ทำไมล่ะ ชื่อภัทรกรก็เพราะดีนี่ ไม่ชอบให้เรียกเต็มๆหรือไง”

น้ำเสียงที่ติดแววหยอกเย้านิดๆทำให้เจ้าของชื่อรู้สึกร้อนที่ผิวแก้มขึ้นมา ได้แต่หวังว่าความสลัวภายในออฟฟิศจะช่วยบดบังสีหน้าตัวเองไว้จากสายตาที่ราวจะมองทะลุจิตใจของอีกฝ่ายได้ แล้วก็ให้นึกค่อนคนพูดในใจที่ทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนไปกับคำพูดหยอกล้อนั้นจนคิดคำพูดโต้ตอบไม่ออก

ภัทรได้ยินเสียงหัวเราะในคอเบาๆจึงช้อนสายตาขึ้นมอง แล้วก็เห็นรอยยิ้มขันจุดอยู่บนใบหน้าคมคายที่ยืนห่างไปไม่ไกลนัก

“ถ้าเธออยากให้ฉันเรียกชื่อเล่นมากกว่าก็เอาตามนั้นก็ได้ งั้นฉันไปล่ะนะ ภัทร”

ร่างสูงเดินจากไปแล้ว แต่คนที่ยังนั่งอยู่รู้สึกว่าผิวหน้าตัวเองยังร้อนวูบวาบไม่หยุด ได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ตีความเจตนาเขาผิดไป เพราะตั้งแต่เข้ามาทำงาน ใครๆในบริษัทต่างก็เรียกเขาด้วยชื่อเล่นซึ่งย่อมาจากชื่อจริงที่แสนยาวกันทั้งนั้น ทว่ามีเชษฐ์เพียงคนเดียวที่เรียกเขาต่างออกไป ดังนั้นเวลาโดนน้ำเสียงทุ้มนุ่มเรียกตัวเองด้วยชื่อเต็มครั้งใดเขาจึงรู้สึกประหม่าทุกครั้งอย่างบอกไม่ถูก

ราวกับว่า วิธีเรียกอย่างเป็นเอกลักษณ์นั้น อีกฝ่ายจงใจเลือกใช้กับเขาเป็นพิเศษอยู่เพียงคนเดียว แรกๆภัทรไม่ได้ติดใจเพราะคิดว่าคงคล้ายกับเวลาที่เขามักเรียกชื่อคนที่ไม่คุ้นเคยด้วยชื่อเต็มก่อน แล้วจึงค่อยพัฒนาไปเรียกชื่อเล่นหลังจากเริ่มสนิทสนมกับอีกฝ่ายพอสมควรแล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าและคนอื่นในบริษัทต่างเรียกเขาด้วยชื่อเล่นไม่เว้นแม้แต่ท่านประธาน ภัทรจึงอยากให้ชายหนุ่มที่ดูจะอยากดึงดันเรียกเขาแบบนั้นให้เปลี่ยนวิธีเรียกบ้าง เผื่อว่าการทำแบบนั้นจะช่วยให้ความรู้สึกประดักประเดิดเวลาเขาสนทนากับอีกฝ่ายจางหายไปเสียที

แต่เหมือนคนตัวใหญ่จะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่จึงทำเหมือนแกล้ง เพราะกระทั่งหลังจากที่เขาขอให้อีกฝ่ายเรียกชื่อเขาเพียงสั้นๆเมื่อครู่ แม้แต่น้ำเสียงที่เจ้าตัวใช้ก็ยังทำให้เจ้าของชื่อรู้สึกหวิวไหวในอกอย่างบอกไม่ถูก


+------+


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2013 09:56:02 โดย bellbomb »

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
หลังจากภัทรลงไปทานข้าวมื้อกลางวันเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ยุ่งจนหัวปั่นกับการช่วยรุ่นพี่ติดต่อตามงานจากลูกค้าตลอดบ่ายเนื่องจากใกล้ถึงกำหนดเส้นตายที่วางแผนกันไว้ และถ้างานของบริษัทมาติดขัดที่แผนกเขาคงไม่แคล้วส่งผลกับการประเมินผลงานในช่วงกลางปี ดังนั้นชายหนุ่มจึงตัดความว้าวุ่นใจที่รบกวนความคิดเมื่อตอนเที่ยงออกไปแล้วให้ความสนใจกับการตามงานตรงหน้าแทนอย่างเต็มที่

โชคดีที่บริษัทที่ภัทรทำงานอยู่ตอนนี้ไม่มีนโยบายต่อต้านคนที่มีรสนิยมแบบเขาในการเข้าทำงาน จริงอยู่ว่าชายหนุ่มไม่เคยป่าวประกาศหรือแสดงอากัปกริยาที่แสดงออกโจ่งแจ้งว่าตนเป็นอะไรให้ใครเห็น และถ้าจะว่ากันตามตรง แทบทุกคนที่รู้ว่า “อดีต” แฟนของภัทรเป็นผู้ชายต่างก็แสดงท่าทางประหลาดใจและพูดเหมือนๆกันว่าดูไม่ออกว่าภัทรเป็น “แบบนั้น” กันทั้งนั้น ซึ่งนั่นทำให้ชายหนุ่มสบายใจพอสมควรเพราะเขาไม่ต้องการให้ใครมาสนใจตัวตนของเขามากไปกว่าเนื้องานที่ตนเป็นผู้ลงมือทำ

เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำให้มือเรียวที่กำลังยกแก้วกาแฟขึ้นจิบชะงัก ภัทรใช้มืออีกข้างยกหูโทรศัพท์ขึ้นรับเมื่อเห็นว่าเจ้าของหมายเลขที่โทรเข้าคือใคร

“ฮัลโหล ว่าไงกุ้ง”

“พี่ภัทรคะ มีโทรศัพท์สายนอกเข้ามา เดี๋ยวรับสายด้วยนะคะ”

คิ้วเรียวขมวด ปกติถ้าหากมีโทรศัพท์จากข้างนอกเข้ามากุ้งจะขอรายละเอียดก่อนแล้วแจ้งให้เขาทราบจึงค่อยโอนสายให้ การที่อีกฝ่ายบอกเชิงบังคับว่าเขาต้องรับสายที่ไม่ระบุตัวผู้โทรทำให้เขาอดรู้สึกสังหรณ์แปลกๆไม่ได้

“ใครล่ะกุ้ง ลูกค้าหรือเปล่า เค้าไม่ได้บอกชื่อเหรอ?”

“เดี๋ยวพี่ภัทรคุยด้วยก็รู้เองแหละค่ะ กุ้งจะโอนสายให้ล่ะนะ”

เสียงของอีกฝ่ายสดใสราวกับเจือไปด้วยรอยยิ้มจนภัทรขมวดคิ้วอีกรอบ แต่แล้วพอได้ยินสัญญาณโอนสายและเสียงของคู่สนทนาชายหนุ่มก็เผลอนั่งตัวตรงขึ้นโดยอัตโนมัติ

“ฮัลโหล ยังไม่เลิกงานอีกรึ?”

“คุณเชษฐ์! เอ่อ...ยังครับ พอดีพี่ป๋วยมีงานด่วนให้ผมช่วยตามอยู่น่ะครับ”

ชายหนุ่มค่อนข้างตกใจที่คนที่ไม่คาดคิดโทรหาเขาในช่วงใกล้เวลาเลิกงานเช่นนี้ และถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นถึงผู้จัดการโปรเจ็กต์ แต่โดยสายการบังคับบัญชาแล้ว โปรเจ็กต์ที่เขาดูแลไม่ได้ขึ้นกับเชษฐ์โดยตรงเขาจึงอดแปลกใจไม่ได้ที่จู่ๆอีกฝ่ายก็โทรมาหา

“งั้นเหรอ ถ้างั้นขอฉันคุยกับป๋วยหน่อย”

ภัทรมองหูโทรศัพท์ด้วยแววตาสงสัยราวกับเจ้ากระบอกพลาสติกจะแสดงสีหน้าคนพูดให้เขาเห็นได้ ก่อนจะกดโอนสายไปตามที่อีกฝ่ายสั่ง เขาเห็นหญิงสาวรุ่นพี่ที่นั่งถัดออกไปยกโทรศัพท์ขึ้นรับด้วยท่าทางประหลาดใจ ไม่นานเจ้าของใบหน้าสวยคมก็วางหูแล้วเดินเข้ามาหาเขา

“ภัทร วันนี้ตามงานได้แค่ไหนก็พอแค่นั้นก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ”

“เอ๋? แต่เมื่อกลางวันพี่ป๋วยบอกว่าต้องรีบรวบรวมรายงานตัวนี้ด่วนไม่ใช่เหรอพี่ ผมเหลืออีกไม่เยอะก็น่าจะเสร็จแล้ว เดี๋ยวผมทำต่อให้ก็ได้”

หญิงสาวรุ่นพี่ยิ้มให้อย่างเพลียๆก่อนจะกอดอกแล้วพิงสะโพกลงบนขอบโต๊ะ “เอาน่า ช้าไปวันสองวันคุณนินเค้าคงไม่กินหัวพี่หรอก อีกอย่างคุณเชษฐ์เค้ารอภัทรอยู่ชั้นล่างนะ รีบลงไปเร็วๆเดี๋ยวแกอารมณ์เสีย”

“คุณเชษฐ์? รอผม?”

ภัทรชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อหู เพราะขณะนั้นเป็นเวลาเกือบหกโมงแล้ว และอีกอย่างทำไมอีกฝ่ายจะต้องมารอเขาในวันที่ใครๆก็ควรจะรีบไปใช้เวลากับคนพิเศษของตัวเองด้วย?

“ย่ะ เค้าคงมีธุระกับเธอน่ะแหละ ดังนั้นวันนี้ทำงานได้แค่ไหนก็เมล์มาให้พี่ก่อน เดี๋ยวพี่ช่วยดูที่เหลือเอง”

ภัทรรับคำงงๆก่อนจะทำตามที่รุ่นพี่บอก ชายหนุ่มปิดคอมพิวเตอร์แล้วก็เก็บกระเป๋าด้วยความแปลกใจ แถมพอเดินผ่านเคาน์เตอร์รีเซพชันด้านหน้ากุ้งยังยิ้มแปลกๆให้เขาอีก วันนี้มันวันอะไรกันนักหนานะ?

“พี่ภัทร กุ้งฝากซองเอกสารไปให้คุณเชษฐ์ด้วยนะคะ แล้วก็ฝากบอกแกด้วยว่าเรื่องที่สั่งไว้กุ้งจัดการให้เรียบร้อยแล้วค่ะ”

ภัทรรับซองเอกสารมาถือไว้แล้วก็พยักหน้าก่อนจะเดินออกไปที่ลิฟต์ ช่วงเวลาเลิกงานแบบนี้เป็นเวลาที่ลิฟต์แทบทุกตัวมักขึ้นมาช้าเพราะชั้นที่บริษัทของเขาตั้งอยู่เป็นชั้นบนสุด แถมบางทีคนจากชั้นล่างก็ใช้วิธีลัดคิวเข้ามาออกันอยู่ก่อนทำให้กว่าชายหนุ่มจะได้เข้าลิฟต์ที่ว่างพอก็เสียเวลานาน ภัทรชำเลืองมองหมายเลขบนแผงไฟแสดงชั้นด้วยความกระวนกระวายใจ แม้เขาจะไม่เคยต้องทำงานกับชายหนุ่มที่เขากำลังจะลงไปหา แต่ก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ความเคร่งครัดต่อเวลาของเชษฐ์จากเพื่อนร่วมงานมาบ้าง แล้วเขาก็ไม่อยากทำให้คนที่ลูกน้องสายตรงต่างทั้งเกรงและกลัวต้องหงุดหงิดด้วยสาเหตุว่าลิฟต์ช้าเสียด้วยสิ

หลังเดินออกมาที่โถงชั้นหนึ่งภัทรก็ยืนเคว้งอยู่ตรงล็อบบี้ของอาคาร แต่แล้วพอมองไปด้านนอกก็เห็นว่าคนที่เรียกตนลงมากำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ประตูด้านที่เชื่อมกับลานจอดรถจึงผลักประตูออกไปหา

“คุณเชษฐ์ครับ ผมมาแล้ว แล้วก็นี่...เอกสารจากกุ้งครับ”

ชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงใหญ่คาบบุหรี่ไว้ที่มุมปากแล้วก็รับซองเอกสารไปตรวจดูข้างในก่อนจะพยักหน้า กลิ่นบุหรี่เมนทอลอวลอยู่ในอากาศจางๆจนภัทรเผลอย่นจมูก อีกฝ่ายละสายตาจากเอกสารขึ้นมองเขาแล้วก็ยิ้มให้

“โทษที ฉันลืมไปว่าเธอไม่ชอบควันบุหรี่”

ชายหนุ่มว่าแล้วก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงกับถังทรายซึ่งตั้งอยู่ข้างเสา ภัทรหน้าแดงขึ้นเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ช่วงที่เขาเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ๆ ตอนที่กำลังบอกเพื่อนร่วมงานว่าเขาไม่เห็นประโยชน์ของการสูบบุหรี่ขณะกำลังจะออกไปทานข้าวด้วยกัน แต่เมื่อหันหลังไปก็พบว่าเชษฐ์กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่แถวนั้นพอดีแถมยังยิ้มให้กับความเห็นของเขาจนภัทรอายและไม่กล้าเข้าหน้าอีกฝ่ายไปแทบทั้งเดือน

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ใช่ว่าคุณเชษฐ์จะมาสูบบุหรี่ต่อหน้าผมบ่อยๆ”

ภัทรเอ่ยก่อนจะชำเลืองมองใบหน้าคม แล้วก็เห็นว่าอีกฝ่ายเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นพลางเอียงคอมองเขา

“งั้นเหรอ แล้วถ้าต่อไปฉันต้องอยู่ต่อหน้าเธอบ่อยๆจะทำยังไงดีล่ะ?”

ผู้ถูกถามทำหน้าเหรอหราด้วยความไม่เข้าใจ เจ้าของคำถามเลยส่ายหน้าก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง

“แล้วนอกจากเอกสารนี่กุ้งฝากบอกอะไรมาอีกหรือเปล่า?”

“อ๋อ ก็บอกว่าเรื่องที่สั่งไว้เค้าจัดการให้เรียบร้อยแล้วครับ”

เชษฐ์พยักหน้าอย่างพอใจ “ดีมาก งั้นเราก็ไปกันได้แล้ว”

“เรา?”

ภัทรยังยืนงงอยู่ที่เดิม ก็นี่มันเวลาเลิกงานแล้วไม่ใช่หรือ อีกอย่างเขาก็เอาเอกสารกับคำพูดที่กุ้งฝากมาบอกส่งต่อให้กับอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมเขายังต้องไปไหนด้วยอีกล่ะ

ราวกับเจ้าของร่างสูงใหญ่จะรู้ว่าในหัวเขาคิดอะไร อีกฝ่ายจึงเพียงหันมายืนรอแล้วก็ยิ้มให้

“ไม่ได้พาไปไหนเพราะเรื่องงานหรอกน่ะ ตามมาเถอะ”

ภัทรแอบค้อนคนพูดหลังจากอีกฝ่ายหันกลับไปแล้วก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าเดินตาม ทำไมคนคนนี้ถึงได้อ่านความคิดเขาออกอยู่เรื่อยด้วยนะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาภัทรค่อนข้างภูมิใจในความสามารถที่จะปกปิดความรู้สึกของตัวเอง แต่ทว่าพออยู่ต่อหน้าเชษฐ์ทีไร เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองโปร่งใสจนอีกฝ่ายมองเขาออกได้ง่ายดายจนภัทรเริ่มไม่มั่นใจตัวเองมากขึ้นทุกที

หลังจากร่างผอมเพรียวขึ้นนั่งรถคันหรูเรียบร้อยโดยไม่รู้ชะตากรรมว่ากำลังจะถูกพาไปที่ไหน เชษฐ์ก็ขับรถพาเขามุ่งหน้าสู่ถนนเส้นที่ออกนอกตัวเมืองโดยไม่บอกอะไรจนภัทรต้องเอ่ยปากถาม

“คุณเชษฐ์ จะไปไหนหรือครับ?”

“เดี๋ยวถึงแล้วก็รู้เองแหละ”

คนถูกถามให้คำตอบโดยไม่หันมามอง แต่วิธีตอบที่แสนยียวนทำให้คนถามชักหมั่นไส้จนต้องย้อนกลับอย่างอดไม่ได้

“เหรอครับ งั้นผมคงผิดเองที่ถาม คนเป็นลูกน้องนี่นา นายเค้าจะพาไปไหนผมก็ไม่มีสิทธิ์บ่นอะไรอยู่แล้ว”

เสียงหัวเราะในคอทำให้ภัทรหันขวับไปมองคนที่กำลังขับรถแล้วก็ทำตาโตอย่างแปลกใจ ใบหน้าของอีกฝ่ายยามหัวเราะอย่างที่เขาไม่เคยเห็นดูแล้วสดใสแถมยังทำให้เจ้าตัวดูอ่อนกว่าอายุจริงไปหลายปีจนเขาเผลอมองนิ่ง

“เธอนี่ ช่างประชดประชันไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ”

คนถูกทักหน้าร้อนวูบขึ้น ภัทรรีบเอ่ยตะกุกตะกักเมื่อสำนึกได้ว่าเมื่อครู่ตัวเองหลุดปากพูดอะไรออกไป

“ขะ-ขอโทษครับ ผมลืมตัวไป คุณเชษฐ์อย่าถือสาผมเลยนะครับ”

ภัทรเอ่ยแล้วก็แอบเหลือบมองคนข้างๆ แล้วก็ต้องรีบเบือนสายตาลงมองมือตัวเองที่วางอยู่บนตักเหมือนเดิมเมื่อได้ยินคำตอบจากอีกฝ่าย

“ไม่ต้องคิดมากหรอก เวลาเธอเป็นแบบนี้ก็น่ารักดี”

คนถูกชมรู้สึกว่าตอนนี้หน้าตัวเองคงแดงไปถึงใบหูแล้วเพราะอีกฝ่ายยังหัวเราะเบาๆต่อ แล้วต่างฝ่ายก็ต่างเงียบกันไป แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันรู้สึกอึดอัดคนตัวโตก็เลี้ยวรถเข้าจอดในสวนอาหารชานเมืองแห่งหนึ่งที่มีคนยืนรอคิวกันอยู่จนแน่นไปหมดเสียก่อน

ตลอดทางเดินเข้าร้านได้รับการตกแต่งด้วยดอกกุหลาบสีขาวและสีแดงโรยสลับกันเป็นริ้วอย่างมีชั้นเชิง ไฟสีส้มอ่อนที่วางเป็นระยะข้างทางขับให้บรรยากาศดูชวนฝันสมกับเป็นค่ำคืนแห่งโอกาสพิเศษ เชษฐ์จอดรถแล้วก็เดินนำไปที่พนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่หน้าทางเข้าร้าน แต่ภัทรกลับก้าวขาไม่ออกเมื่อเห็นป้ายชื่อร้านถนัดตา


“ภัทร เดี๋ยววาเลนไทน์ปีหน้าเราไปฉลองที่ร้านนี้กันนะ เห็นเค้าลงรีวิวไว้ในเว็บว่าบรรยากาศดีมากเลย”


คำสัญญาที่ไม่ได้รับการทำให้เป็นจริงจากอดีตคนสำคัญยังคงดังหลอกหลอนอยู่ในหู ภัทรกลืนน้ำลายที่จู่ๆก็เหนียวหนืดขึ้นกลับลงคอก่อนจะเดินตามร่างสูงที่หันมากวักมือเรียก ทั้งสองเดินตามพนักงานที่เดินนำทางไปยังห้องที่จองพิเศษไว้ด้วยกันโดยไม่มีใครพูดอะไร ดูท่าผู้สูงวัยกว่าจะสังเกตท่าทางที่เปลี่ยนไปของเขาออกจึงเอ่ยถามขึ้นเมื่อทั้งสองนั่งลงและคล้อยหลังบริกรที่รับออร์เดอร์อาหารไปแล้ว

“เป็นอะไรไป? ไม่ชอบที่นี่เหรอ?”

ภัทรละสายตาจากช่อกุหลาบสีแดงสดในแจกันแก้วกลางโต๊ะขึ้นมองคนถาม นัยน์ตาคมหลังกรอบแว่นของอีกฝ่ายแสดงความเป็นห่วงจนเขาต้องรีบส่ายหน้า

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ พอดีผมเคยเห็นรีวิวร้านนี้มาบ้างเหมือนกัน พอได้มาจริงๆก็เลยอดตื่นเต้นไม่ได้ เค้าตกแต่งได้เข้ากับเทศกาลดีนะครับ ดูมีรสนิยมดี เพลงก็เพราะ”

ชายหนุ่มรู้ดีว่าตัวเองกำลังพูดเพ้อเจ้อเป็นน้ำท่วมทุ่งและรอยยิ้มที่พยายามปั้นก็ช่างฝืดฝืนเหลือทน แต่แล้วคนที่นั่งตรงข้ามก็ยิงคำถามเด็ดที่แทงใจดำจนเขาพูดอะไรต่อไม่ออก

“แฟนเก่าเธอเคยพามาที่นี่สินะ?”

ราวกับความเงียบที่คลี่คลุมไปทั่วห้องจะช่วยตอบคำถาม เชษฐ์มองหน้าเขานิ่งอยู่ชั่วครู่แล้วก็เลื่อนเก้าอี้ลุกขึ้นจนภัทรตกใจ

“คุณเชษฐ์จะไปไหนครับ?”

“ถ้าเราอยู่ที่นี่กันแล้วเธอไม่สบายใจชั้นก็คงกินอะไรไม่ลงเหมือนกัน เราเปลี่ยนร้านก็ได้ ขอโทษด้วยที่ไม่รู้ว่าเธอมีความหลังกับที่นี่”

ร่างผอมเพรียวได้ยินคำขอโทษนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วคว้าแขนอีกฝ่ายไว้ แต่พอใบหน้าคมหันกลับมามองชายหนุ่มก็รีบปล่อยมือทันที

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับคุณเชษฐ์ ผมกับเขาไม่เคยมาที่นี่ด้วยกัน แค่เคยเปรยๆกันไว้เท่านั้นเอง แต่ที่จริงผมก็สนใจอยากมาร้านนี้เป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว อีกอย่างอุตส่าห์ได้ห้องพิเศษแบบนี้ทั้งที อย่าเปลี่ยนร้านเลยครับ”

ภัทรพูดจบก็กัดริมฝีปากแล้วหลบสายตาที่จ้องหน้าเขาราวจะค้นหา คนตัวโตถอนหายใจเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูจากบริกรที่นำอาหารมาเสิร์ฟ ภัทรสะดุ้งเมื่อโดนมือใหญ่ข้างหนึ่งแนบลงบนแก้ม

“เข้าใจล่ะ ไม่เปลี่ยนร้านก็ได้ถ้าหากเธอไม่อยาก เลิกทำหน้าแบบนั้นสักทีเถอะ”

พอพูดจบเชษฐ์ก็ถอยกลับไปนั่งที่ตัวเองเพื่อให้บริกรได้วางอาหารตามที่สั่งลงบนโต๊ะ ภัทรทรุดตัวลงนั่งที่เดิมแต่คราวนี้ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาคนที่นั่งตรงข้าม ชายหนุ่มรู้สึกราวกับว่าสัมผัสจากฝ่ามืออุ่นยังประทับติดอยู่บนแก้ม ความจริงเขาไม่ใช่คนที่ชอบให้ใครมาประชิดหรือถูกเนื้อต้องตัวง่ายๆ แต่การที่เขาไม่รู้สึกรังเกียจสัมผัสจากคนที่กำลังนั่งทานอาหารด้วยทำให้ภัทรเริ่มกังวลกับอิทธิพลที่อีกฝ่ายดูจะมีเหนือจิตใจเขามากขึ้นทุกที

มือเรียวยกมีดและส้อมขึ้นจัดการกับอาหารตรงหน้าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มลงมือทานแล้ว อาจเพราะความหิวหรือไม่ก็เพราะอาหารของทางร้านรสชาติดีมากจริงๆเขาจึงทานได้ลื่นคอโดยไม่รู้สึกฝืดเฝืออย่างที่กลัว ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้ามือเองก็ดูจะผ่อนคลายขึ้นเมื่อเห็นว่าภัทรเพลิดเพลินกับอาหารและบรรยากาศของทางร้านจึงเริ่มชวนคุยเรื่องทั่วไปบ้าง

ภัทรยกผ้าเช็ดปากขึ้นซับที่มุมปากหลังจากรวบมีดและส้อมไว้กลางจานเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มยิ้มเขินเมื่อเจ้ามือยกแก้วไวน์แดงขึ้นก่อนจะเลื่อนมือไปหยิบแก้วตัวเองขึ้นชนเบาๆแล้วก็ยกจิบ

แสงสลัวจากโคมไฟระย้าบนเพดานทำให้แววตาของผู้สูงวัยกว่าดูเป็นประกายวาววาม ภัทรยิ้มให้กับเจ้าของสายตาคมก่อนจะเสมองผ้าปูโต๊ะซาตินสีนวลตรงหน้า ใช่ว่าเขาจะไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าการที่อีกฝ่ายพาเขาออกมาทานข้าวด้วยในคืนแห่งโอกาสพิเศษเช่นนี้สื่อถึงอะไร แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังอยากฟังคำตอบให้แน่ใจเพราะไม่อยากหลงตัวเอง

“คุณเชษฐ์ ทำไมพาผมออกมาทานข้าวด้วยคืนนี้ล่ะครับ?”

ทั้งที่เป็นคำถามง่ายๆ แต่ภัทรกลับรู้สึกว่าใจเต้นแรงขึ้นเมื่อหลุดคำถามออกไป ชายหนุ่มนั่งนิ่งรอฟังคำตอบระหว่างที่เสียงดนตรีบรรเลงพลิ้วหวานดังออกมาจากลำโพงที่ซ่อนอยู่ในห้องอย่างแผ่วเบา มือใหญ่เอื้อมมาทาบทับลงบนมือของเขาที่ยังวางอยู่รอบฐานแก้วไวน์เนื้อดีบนโต๊ะ ใบหน้าหวานก้มงุดเมื่อมืออีกฝ่ายกระชับมือตนแน่นเข้า

“ถามแล้วไม่มองหน้ากันแบบนี้ จะให้ฉันตอบได้ยังไงล่ะ?”

น้ำเสียงหยอกเย้าแกมยั่วทำให้ภัทรอดตวัดสายตาขึ้นมองอย่างหมั่นไส้ไม่ได้ แต่พอเห็นประกายกรุ้มกริ่มจากนัยน์ตาอีกฝ่ายผ่านเลนส์แว่นเนื้อใสก็ต้องรีบก้มหลบสายตาดังเดิม

“ก่อนหน้านี้ฉันอาจไม่ได้ทำอะไรกระโตกกระตากก็จริง แต่ก็ยอมรับว่ามองเธอมานานแล้ว และที่ฉันยอมรอจนวันนี้ ก็เพราะอยากให้มันเป็นวันพิเศษที่จะมีความหมายกับเราสองคนในทุกๆปีต่อจากนี้ไป”

ภัทรปล่อยให้คำพูดของอีกฝ่ายซึมซาบเข้าในหัวที่กำลังเริ่มเบาหวิว เขาไม่รู้ว่าหัวใจที่กำลังเต้นแรงจนเจ็บหน้าอกเป็นผลมาจากไวน์หรือเพราะน้ำเสียงจริงจังของเจ้าของมือใหญ่ที่กำลังกุมมือตัวเองแน่นกันแน่

“จะดีเหรอครับคุณเชษฐ์ ผมก็แค่พนักงานบริษัทคนหนึ่ง แถมถ้าเราคบกันก็อาจต้องหลบๆซ่อนๆอีก แล้วผมก็ไม่มีอะไรที่น่าจะคู่ควรกับคุณเชษฐ์เลยสักอย่าง”

ชายหนุ่มพูดจบแล้วก็เม้มปาก ก็ไม่ใช่เพราะเขาเป็นแค่คนธรรมดาแบบนี้ แถมยังไม่มีคุณสมบัติที่จะสร้างครอบครัวแบบปกติได้ไม่ใช่หรือ คนที่เขา “เคย” รักและคิดว่าจะสร้างอนาคตด้วยจึงเลือกที่จะจากเขาไปเพื่อปฏิบัติหน้าที่ลูกที่ดีตามที่พ่อแม่ของฝ่ายนั้นเรียกร้อง

“ไม่มีใครทำให้เธอรู้สึกแย่ได้ถ้าเธอไม่ยอมเสียอย่าง และฉันก็ไม่คิดว่าเธอจะหยุดอยู่แค่นี้ตลอดไปหรอกนะ อายุเธอยังน้อย โอกาสที่จะเติบโตในหน้าที่ยังมีอีกมาก ถ้าหากว่านั่นคือสิ่งที่เธอกังวลอยู่ล่ะก็”

มือใหญ่อีกข้างยกขึ้นเชยคางคนที่ยังไม่ยอมเงยหน้า แต่เมื่อสบตากันภัทรก็ต้องสะท้านกับแววตาแฝงความปรารถนาที่อีกฝ่ายมอบให้

“แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ฉันสนใจเธอ ตั้งแต่เธอเริ่มมาทำงานที่นี่แล้ว ฉันดูออกว่าเธอเป็นคนที่มีอะไรในใจ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่เปิดเผยความอ่อนแอนั่นให้ใครเห็นแล้วก็ตั้งใจทำงานโดยไม่สนใจสายตาของคนอื่น ความเข้มแข็งภายนอกที่ดูแล้วขัดกับแววตาเหงาๆเวลาเธอคิดว่าไม่มีใครมองทำให้ฉันเริ่มรู้สึกอยากเป็นคนดูแลเธอขึ้นมา”

ภัทรทำตาโต เขาเคยคิดมาตลอดว่าตัวเองตั้งกำแพงป้องกันไว้แน่นหนาดีแล้ว แต่คำนิยามตัวเขาที่อีกฝ่ายมอบให้ทำให้ชายหนุ่มแทบจะอยากร้องไห้ออกมาทันที นี่เขาดูอ่อนแอขนาดนั้นเชียวหรือ?

“ผม...ดูเป็นแบบนั้นในสายตาทุกคนเลยหรือเปล่าครับ?”

น้ำเสียงที่ถามออกไปฟังดูหงอยราวเด็กหลงทางจนภัทรรู้สึกสะท้อนใจ ใบหน้าคมจึงคลี่ยิ้มให้อย่างเอ็นดู

“อาจจะมีบางคนที่ได้ทำงานใกล้ชิดกับเธอที่รู้สึก แต่ไม่ต้องห่วงหรอก เวลาถามเรื่องเธอกับใคร แทบทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอทำงานเก่งแล้วก็เรียบร้อย เพียงแต่บางครั้งก็ดูเย็นชาไปหน่อย ฉันเลยต้องรีบจองตัวเธอเสียก่อนจะมีคนอื่นมาคิดตรงกันไง”

คำพูดที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายใส่ใจเรื่องเกี่ยวกับเขาแค่ไหน ประกอบกับคำบอกรักที่พุ่งตรงเข้าเป้าแบบไม่อ้อมค้อมทำให้ภัทรเขินขึ้นมาอีกรอบ แต่สายตาอ่อนโยนที่ทอดมองอยู่ก็ตรึงเขาไม่ให้หันไปทางอื่นแม้ว่าจะรู้สึกอายมากสักเพียงใดก็ตาม

“จะคบกับฉันได้มั้ย ภัทรกร?”

ประสบการณ์รักที่เคยผิดพลาดครั้งก่อนยังทิ้งรอยแผลเป็นจางๆในหัวใจจนภัทรขยาดการใกล้ชิดกับใครเกินขอบเขต แต่ทว่าน้ำเสียงที่สื่อถึงความเอาใจใส่และบุคลิกที่มั่นคงราวจะเป็นที่ให้เขายึดเหนี่ยวยามอ่อนแอทำให้ภัทรรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ บางทีการเริ่มต้นครั้งใหม่อาจไม่มีจุดจบที่เจ็บปวดเฉกเช่นครั้งแรกก็เป็นได้

อีกอย่าง เชษฐ์ก็บอกเองว่าไม่มีใครทำให้เขารู้สึกแย่ได้ถ้าเขาไม่ยอม มิใช่หรือ?

ใบหน้าหวานคลี่ยิ้มก่อนจะยกมืออีกข้างขึ้นซ้อนบนหลังมือใหญ่ที่กุมมือของตัวเองอยู่ แล้วเอ่ยช้าๆแต่หนักแน่นให้กับคนที่กำลังยิ้มรอคำตอบ

“แน่นอนครับ”


+--- End ---+




* Edit*

ขอมอบเครดิตให้กับเจ้าของโควตที่ป้านำมาใช้นิดนึง ประโยคที่เชษฐ์พูดว่า “ไม่มีใครทำให้เธอรู้สึกแย่ได้ถ้าเธอไม่ยอมเสียอย่าง" มาจากประโยคที่ป้าชื่นชอบมากเป็นการส่วนตัวของ Eleanor Roosevelt ต้นฉบับคือ "No one can make you feel inferior without your consent"

Eleanor Roosevelt เป็นภรรยาของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ Franklin Delano Roosevelt ผู้ยิ่งใหญ่ในช่วงที่อเมริกาเริ่มเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สองช่วงแรก (หลังจากนั้นคนที่มารับช่วงต่อคือ Harry S. Truman ผู้สั่งให้ทิ้งระเบิดลงฮิโรชิมากับนางาซากิ)

คุณ Eleanor ถือว่าเป็นสตรีที่มีบทบาทมากกับวงการ Feminist ในอเมริกา นอกจากนั้นเธอยังยืนเคียงข้างคนผิวสี และเป็นผู้มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการเมืองของสหรัฐฯทั้งระหว่างและหลังจากสามีของเธอดำรงตำแหน่งด้วย เอาเป็นว่า เธอเป็นผู้หญิงที่น่าชื่นชมมากๆค่ะ และคำพูดประโยคนี้ของเธอก็เป็นหนึ่งในคติประจำใจป้าเหมือนกันด้วยล่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2009 16:32:22 โดย bellbomb »

loveorlike

  • บุคคลทั่วไป
 :-[กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
กระโดดกอดพี่บีบี ด้วยความคิดถึงมากมาย
แปะไว้ก่อนได้ม่ายยยยยยยยยยยยยยย

 :sad4:




 :กอด1:

++++++++++++++

กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
คุณเชษฐ์ไม่ไหวแล้ว เป็นใครใครก็รับยรักนะ
ไม่ไหวๆๆ ภัทรกร กีสสสได้อีกับชื่อ จริงๆนั้นแหละเรียกเต็มน่ารักดีออกชอบบบบบบบบ
เอาอีกๆๆๆๆ พี่บีบี เอาอีกๆๆๆ ขอตอนพิเศษด้วยได้ม่ายยยยยยยย

น่ารักดีอ่ะ มารอด้วยอ่ะคุณเชษฐ์
ชอบประโยคนี้นะฟังแล้วเองกับหูคงมีความสุขพิลึก

ก็เพราะอยากให้มันเป็นวันพิเศษที่จะมีความหมายกับเราสองคนในทุกๆปีต่อจากนี้ไป

กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
เมื่อไรจะมีคนมาขอดูแลแบบนี้บ้างเนี้ย


มีความสุขมากๆเหมือนกันนะพี่บีบี

อย่าลืม เป้ของเขานะ :กอด1:


 o13
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2009 01:59:33 โดย LOVEJUICE »

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :z13:
จิ้มพี่จุ๊บแจง อิๆ
 :mc4: :mc4: :mc4:
มาเจิมเรื่องใหม่ของป้าสุดสวย
อบากบวกให้นะ แต่แบบว่าบวกไปแล้วงะวันนี้เลยคงยังบวกให้มะได้
อ่านเรื่องใหม่นี้แล้วขอ  o13 การใช้ภาษาดูมีความเป็นผู้ใหญ่สมกัยวัยทำงานจริง
การดำเนินเรื่องไม่ฉูดฉาดไม่เว่อเกินไปดูพอดีเหมาะสม
มีการใส่องค์ประกอบที่จำเป็น และวางพื้นเรื่องชี้ให้เห็นถึงปมที่วางไวในตอนแรก
อย่างเรื่องการเลิกกันกับแฟนเก่า การสร้างกำแพงในใจของ ภัทร ทุกอย่างดูลงตัว
การบรรยายดีมากๆขอบอกเลยนะว่าดีขึ้นจากเรื่องก่อนๆด้วย
อาจเพราะเรื่องนี้ต้องการใส่ใจในส่วนของรายละเอียดมากกว่าก็เป็นได้
อย่างว่าแหละก็รักในวัยทำงาน อ่านแล้วยิ้มได้ อ่านได้เรื่อยๆไม่สะดุด
ไม่มีปมต้องมานั่งตีความให้ฉงนมากด้วยเพราะยิ่งอ่านยิ่งรู้เพิ่มขึ้นถึงสาเหตุต่างๆ
หากแต่พออ่านมาถึงจุดๆนึงก็ฉุกใจคิดขึ้นมาว่า
เชษฐ์ น่าสนใจมากนะ แต่เราแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเค้าเลย
นอกจากจะเป็นคนที่จู้จี้ในเรื่องของการทำงาน มีมาดของนักบริหารที่มุ่งมั่น
มองการไกล และอ่านความรู้สึกคนได้ดีมาก(อีกอย่างอาจติดบุหรี่ด้วยอิๆ)
นอกนั้นละ นิสัยใจคอเราแทบไม่รู้อะไรเลย ยกเว้นที่บอกมากับ
เรื่องที่สนใจในตัว ภัทร ตามเหตุผลที่ป้าได้บอกเอาไว้อะนะ
อ่านๆไปก็อยากจะลองคิดว่า จะเป็นไปได้ไหมว่าป้าจะวางแพลน
ให้ แฟนเก่าคิดหวนกลับมา หรือ ในบริษัทอาจมีศัตรูหัวใจคนอื่นอีก
แต่พอเอาเข้าจริงเรื่องนี้ถ้าจะให้เดามันจะมีปัญหาในเรื่องของความรู้สึกของ ภัทร
เสียมากกว่าก็จากที่อ่านๆดูจะเป็นคนคิดมาก ทั้งที่บางทีก็ไม่จำเป็นอะนะ
พล่ามมาตั้งมากมายก็ไม่รู้ว่าทำเพื่อ แต่ก็อย่างว่าแหละมันเป็นไรที่เราทำอยู่ประจำจะให้
อ่านแล้วผ่านไปเฉยๆก็คงดูยังไงๆอยู่นะ แล้วจะรออ่านต่อ ที่เขียนมาก็มาจากที่อ่านอะแหละ
                                                                                                         นิว

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
ว๊านนนนนนนนน หวาน สมกับเป็นวาเลนไทน์  :-[

ซากูระสีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
สองรีบนอ่ะ เร็วได้อีก


ทันใจวาเลนไทด์จริงๆๆๆ



ออฟไลน์ Ferfa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-2
 o18

 :L2:

ให้ป้า ค่ะ

แล้วก็ภัทรกรน่ารัก สู้ๆๆต่อไปนะ  o13

mama

  • บุคคลทั่วไป
 :impress2:
ภัทรน่ารักดี

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
มีความสุขจริงๆ ที่ได้อ่านเรื่องนี้ในวันวาเลนไทน์

เชษฐ์เนี่ย บุคลิกอบอุ่น  ถ้าหนูภัทรไม่ชอบก็แย่แล้ว ออกจะน่ารักปานนั้น

เพราะเราอ่านแล้วยังชอบเลยอ้ะ

แต่ที่ชอบมากที่สุดคือคนแต่งนะจ๊ะ ที่ทำให้เราคนอ่านมีความสุขขนาดนี้ :กอด1: :กอด1:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
บวก 1 ให้เลยค่ะ
นานๆจะได้อ่านเรื่องรักวัยทำงานบ้าง
ไม่ใช่รักใสๆ แต่กลับแฝงไว้ด้วยความอบอุ่นและมั่นคง
เข้ากับเทศกาลที่สุด  :L1:
 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
LOVEJUICE   ช่วงนี้งานเข้ายุ่งมากๆจ้า แต่รอนายเผลอแล้วเจอกัน(ป๊าดดด ยังอุตส่าห์)
newykung   หุๆ คอมเม้นตยาวสะใจ ขอบคุณคับ ว่าแต่ไม่เห็นนิวจะไม่รู้จักเชษฐ์ตรงไหนเลย ที่บรรยายมาก็เจ้าตัวทั้งน้าน^^
mist  ถ้าได้กินช็อกโกแลตแกล้มระหว่างอ่านเรื่องนี้ รับรองว่าหวานได้อีกค่า ฮิๆ
ซากูระสีฟ้า  ชอบชื่อล็อกอินนี้จริงๆ ชอบอะไรสีสันสดใสที่ปกติไม่มีในธรรมชาติอะค่ะ (อย่างเมฆสีชมพู ดวงจันทร์สีรุ้งไรเงี้ย) ขอบคุณที่มาอ่านจ๊ะ
Ferfa  เห็นล็อกอินนี้แล้วต้องเตรียมสำลีมาซับแผลโดนมีดจิ้ม อิๆ ขอบคุณแทนน้องภัทรค่า
mama  ขอบคุณค่า น้องภัทรเขินจนตัวแดงไปละ
น้ำค้าง  ขอบคุณที่ติดตามอุดหนุนกันเป็นประจำจ้าน้ำค้าง ดีใจที่ชอบเรื่องนี้เหมือนกันน้า~
namtaan  ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ค่า ไม่ได้แต่งเรื่องผู้ใหญ่ๆมานาน ดีใจที่คนอ่านชอบค่ะ

ขอมอบ :3123: ให้ทุกเจ้าของคอมเม้นต์เจ้าคะ






ออฟไลน์ ไอ้หัวแห้ว

  • ยิ่งมืดเท่าไหร่ ยิ่งเห็นดวงดาวชัดเจน...
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +568/-5
 :L2:


เป็นความรักแบบผู้ใหญ่...ที่ดู อบอุ่น ลึกซึ้ง ดีครับ
ไม่ได้อ่านเรื่องผู้ใหญ่ๆ แบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ...


ไม่ได้อ่านอะไรแบบนี้มานานแล้ว
(หมายถึงการเล่าแบบ ผู้เขียนเป็นคนเล่าน่ะครับ)
ชอบมากครับ...


กำลังจะบอกว่า ชอบประโยคเด็ด...ของคุณนายรูทเวลท์ เหมือนกันครับ

อยากจะบอกว่า ผมเพิ่งทำรายงานเรื่อง ประธานาธิบดีรูทเวลท์ มาพอดี
เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างที่ว่าเลยครับ
ตอนแรกก็งงๆ ว่า เอ๊ะ เธอคนนี้เป็นใคร...ที่ไหนได้ ภรรยาของ FDR นี่เอง

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
ขอมอบเครดิตให้กับเจ้าของโควตที่ป้านำมาใช้นิดนึง ประโยคที่เชษฐ์พูดว่า “ไม่มีใครทำให้เธอรู้สึกแย่ได้ถ้าเธอไม่ยอมเสียอย่าง" มาจากประโยคที่ป้าชื่นชอบมากเป็นการส่วนตัวของ Eleanor Roosevelt ต้นฉบับคือ "No one can make you feel inferior without your consent"

o13 จริง
ชอบด้วยคน


+1 ให้ป้าค่ะ
น่ารักมาก นิยายนะ  ฮา...

Bg LoVe NT

  • บุคคลทั่วไป
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย

พึ่งเห็น

เรื่องใหม่ของ บีบี

 :L2:

+1 ให้ก่อน แล้วค่อยไปอ่าน อิอิ

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
จิ้มป้า  :z13: หนุกดีคับ หวานซะ
เรื่องสั้นหวังว่ามันจะสั้นจริง ๆ นะป้านะ ถ้าติดลมมีหวังเหมือนเรื่องลำนำรักสีรุ้งแน่ๆ

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
^
^
^

อะไรก็เกิดขึ้นได้ถ้าเป็นเรื่องที่ป้่าเขียน ฮุๆๆ
:laugh:

ไฉไล

  • บุคคลทั่วไป
^
^

จิ้มๆ อิอิ  :z13:

หวานๆ รับวาเลนไทน์  :-[

ถึงจะเป็นเรื่องสั้น ที่ไม่สั้น ไฉไลก้อรอ่านค่า  :impress2:

ออฟไลน์ moonlight

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-0
 เรื่องใหม่ของบีบี :mc4:

หวานซะ :o8:

ว่าแต่บีบีจ้า...

คิดถึง











คุณต้นกับไผ่อะค่ะ :m20:

:กอด1:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
เนื่องจากคนเขียนแพ้ภัยตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้จึงเปลี่ยนเป็น [นิยาย] แทนนะคะ ขอฝากน้องภัทรกับคุณเชษฐ์ให้ติดตามกันอีกคู่ด้วยเน้อ ขอบคุณค่า

ส่วนคำถามของคนนี้
v
v
v

เรื่องใหม่ของบีบี :mc4:

หวานซะ :o8:

ว่าแต่บีบีจ้า...

คิดถึง











คุณต้นกับไผ่อะค่ะ :m20:

:กอด1:


เฮือกกกกก กำลังกระดื๊บมาล่ะจ้า สาบานว่าไม่ได้อยากดอง แต่รอองค์ลงเค้าก่อนแล้วกันน้า ยังไงก็ขอบคุณที่ทวงถามค่า ทิ้งไปนานๆกลัวต้นกับไผ่โดนลืมเหมือนกัน เมี้ยว~  :o12:

สจ.อยู่โน่นอากาศยังหนาวมากอยู่ไหมเอ่ย ดูแลสุขภาพดีๆนะ
:man1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-02-2009 11:51:59 โดย bellbomb »

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
ว่าแล้วแหล่ะว่า ป้าแกต้องอับเกรดไปเป็นนิยาย  :a5:
ว่าแต่...อับเกรดไปแล้วก็อย่าดองเน้อ ให้ผมดองได้คนเดียวก็พอ  :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
เนื่องจากคนเขียนแพ้ภัยตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้จึงเปลี่ยนเป็น [นิยาย] แทนนะคะ ขอฝากน้องภัทรกับคุณเชษฐ์ให้ติดตามกันอีกคู่ด้วยเน้อ ขอบคุณค่า
ส่วนคำถามของคนนี้
v
v
v

เรื่องใหม่ของบีบี :mc4:
หวานซะ :o8:
ว่าแต่บีบีจ้า...
คิดถึง
คุณต้นกับไผ่อะค่ะ :m20:
:กอด1:

เฮือกกกกก กำลังกระดื๊บมาล่ะจ้า สาบานว่าไม่ได้อยากดอง แต่รอองค์ลงเค้าก่อนแล้วกันน้า ยังไงก็ขอบคุณที่ทวงถามค่า ทิ้งไปนานๆกลัวต้นกับไผ่โดนลืมเหมือนกัน เมี้ยว~  :o12:
สจ.อยู่โน่นอากาศยังหนาวมากอยู่ไหมเอ่ย ดูแลสุขภาพดีๆนะ
:man1:
แหมอิป้าขาของเก่ก็เรื่องสั้นที่ยังไม่จบไม่ต่อนะ มาลงใหม่อีกละ
แล้วช้านจารออ่านนะ
 :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
 :mc4: เรื่องใหม่

ดีใจได้อ่านยาวอีกเรื่องของบีบีอีกแล้ว 

รออ่านตอนต่อไปนะจ้ะ :กอด1:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

บบจ๋า
ปปมาแย้วววววววววว
อิอิ

ตะเองจบอย่างนี้เลยเหรอ
อยากได้ฉากสวีทวี้ดวิ้วอ่ะ

 :impress2:


ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
น่ารักมากกกกกกกกกกกพี่เชษฐ์โรแมนติกมากกกกอ่ะ




ขอบคุณมากกกกค้าบบบบบบบบบบบบบบบบบ

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจจังที่จะเป็นนิยายเรื่องยาว เพราะยังไม่เต็มอิ่มกับความน่ารักของภัทรแล้วก็ความอบอุ่นของเชษฐ์เลย  ขอหวานประเภทน้ำตาลเกล็ดเลยนะจ๊ะบีบี อิอิ  :really2:


loveorlike

  • บุคคลทั่วไป
 :laugh: กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
พี่บีบี รับฝากทั้งตัวและหัวใจเลยอยากอ่านต่ออีก  :-[
ภัทรกร กับพี่เชษฐ์ เคลิ้มๆได้อีกคู่นี้
 :monkeysad:มาไวๆนะเดี๋ยวงานช้างนี้ผ่านไปจะรีบเข้ามาอ่านเลย :z10:


 :กอด1:คิดถึงนะค่ะ จ๊วบบบบบบบบบบบบบบบ

chatkub

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องน่ารักดีครับ

ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

Jeremy_F

  • บุคคลทั่วไป
หึหึ แต่ละเรื่องที่แต่งน่ะ ยาว.....และ นานมากกกก  :m12:

 :mc4:  :กอด1:

 :bye2:

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
2.

“ภัทร ตื่นได้แล้ว”

สัมผัสอบอุ่นที่ไล้ไปมาอยู่บริเวณไรผมกับเปลือกตาสร้างความจั๊กกะจี้ให้จนคนที่กำลังหลับขมวดคิ้วมุ่น ความงัวเงียทำให้ร่างบางส่งเสียงครางอย่างขัดใจก่อนจะหันหนีสัมผัสที่ยังตามมาระรานบนเส้นผมและขมับ

“ไม่เอา...ง่วง...”

เสียงหัวเราะในคอเล็ดลอดเข้าสู่โสตประสาทที่ครึ่งหลับครึ่งตื่น อ้อมแขนเรียวยิ่งกระชับกอดหมอนอิงใบเล็กแน่นเข้า ก่อนที่ลมหายใจอุ่นๆกับเสียงทุ้มที่ดังขึ้นริมหูจะปัดเป่าความง่วงให้หายเป็นปลิดทิ้ง

“ถ้ายังไม่ตื่น จะจูบแล้วนะ”

“เฮ้ย!!”

ภัทรดีดตัวลุกขึ้นจากจุดที่นอนขดอยู่บนโซฟาแล้วถอยกรูดรวดเดียวชิดกับพนักฝั่งที่ห่างคนพูดที่สุด ใบหน้าขาวเนียนร้อนฉ่าเมื่อเห็นว่าเจ้าของบ้านกำลังนั่งขำกับปฏิกิริยาตอบสนองของตัวเอง

“คุณเชษฐ์! ปลุกดีๆก็ได้นี่ครับ ล้อเล่นแบบนี้ผมไม่ขำด้วยนะ”

คนเพิ่งตื่นเอ่ยท้วงตาดุโดยหารู้ไม่ว่ากลับยิ่งเข้าทางคนปลุกมากเข้าไปอีก คิ้วเข้มเหนือกรอบแว่นเลิกขึ้นข้างหนึ่งโดยที่มุมปากยังมีรอยยิ้มติดอยู่

“ใครบอกว่าล้อเล่น ถ้าเมื่อกี้เธอไม่ตื่นฉันกะจะลักหลับเธอจริงๆแล้ว มีใครเคยบอกหรือเปล่าว่าตัวเองขี้เซาน่ะ”

ภัทรทำหน้ามุ่ยเหมือนเด็กที่รู้ว่าไม่มีวันเถียงผู้ใหญ่ชนะ เชษฐ์เลยส่ายหน้าก่อนจะยื่นมือข้างหนึ่งตบแก้มขาวเบาๆ

“ไปล้างหน้าล้างตาไปจะได้ทานข้าวเย็นก่อนกลับคอนโด ยกเว้นว่าคืนนี้เธอจะอยากนอนที่นี่”

นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจัดค้อนคนพูดที่ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ก่อนจะลุกหายเข้าไปในครัว ภัทรนั่งกอดเข่าอยู่ที่เดิมอีกครู่ใหญ่ก่อนจะถอนหายใจแล้วลุกไปล้างหน้าในห้องน้ำ เมื่อเดินออกมาก็พบว่าเจ้าของบ้านยกอาหารออกมาจัดไว้บนโต๊ะกลมตัวเล็กริมระเบียงเรียบร้อยแล้ว

“ที่จริงคุณเชษฐ์ไม่เห็นต้องเตรียมเองคนเดียวเลยนี่ครับ ถ้าหิวก็น่าจะปลุกผมให้เร็วกว่านี้จะได้ตื่นมาช่วย”

ภัทรเอ่ยเสียงอ่อยพลางทรุดตัวลงนั่ง อีกฝ่ายจึงยิ้มบางก่อนจะตักไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ยื่นใส่จานให้

“ไม่เป็นไรหรอก กับข้าวพวกนี้ป้าแย้มเค้าทำเตรียมไว้ให้แล้ว ฉันก็แค่เอาออกมาอุ่นใส่จานเท่านั้นเอง เอาไว้วันไหนฉันอยากทำกับข้าวขึ้นมาเธอค่อยช่วยก็แล้วกัน”

ภัทรพยักหน้าขอบคุณแล้วก็รีบตักยำถั่วพูจากอีกจานส่งให้เจ้าของบ้านบ้าง

“คุณเชษฐ์ทำอาหารเองด้วยเหรอครับ”

“ก็เป็นบางครั้ง แต่ก็พวกอาหารง่ายๆเท่านั้นแหละ พอดีว่าเคยเป็นลูกมือในร้านอาหารตอนเรียนอยู่ต่างประเทศก็เลยพอทำได้”

ร่างสูงตอบแบบไม่ใส่ใจก่อนจะเริ่มตักข้าวเข้าปาก ภัทรพยักหน้าแล้วก็เริ่มจัดการอาหารของตัวเองบ้าง ความที่ได้คุ้นเคยกับเชษฐ์มากขึ้นกว่าแต่ก่อน เขาจึงรู้ว่าคำจำกัดความของคำว่า “พอทำได้” ของอีกฝ่ายหมายถึง “ดีมาก” ในพจนานุกรมของคนทั่วไป เพราะชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนที่มีมาตรฐานในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพค่อนข้างสูง ซึ่งก็ไม่ต่างกับข้าวของเครื่องใช้ที่เจ้าตัวเลือก แม้น้อยครั้งจะไม่ใช่ของที่มียี่ห้อหรือราคาแพง แต่เรื่องคุณภาพและความใหม่ก็ต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอไป

ความพิถีพิถันของอีกฝ่ายทำให้บางครั้งภัทรอดย้อนคิดถึงตัวเองไม่ได้ คนที่เคยคบผู้ชายอื่นมาก่อนอย่างเขาจะนับว่าเป็นของมือสองได้หรือเปล่านะ? 

เสียงน้ำไหลในบ่อปลาคาร์ฟเล็กๆข้างบ้านที่ดังลอดระเบียงเข้ามาทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นสงบลงบ้าง ภัทรลอบมองคนที่กำลังนั่งทานข้าวด้วยกันแล้วก็ตักอาหารส่งให้เป็นระยะพลางเตือนตัวเองไม่ให้คิดมาก

จากวันที่ทั้งสองตกลงคบกันเวลาก็ผ่านไปกว่าสองเดือนแล้ว แต่นอกจากเวลาที่อยู่กันตามลำพังจริงๆทั้งคู่จะวางตัวเหมือนเจ้านายลูกน้องธรรมดา ทำให้คนในออฟฟิศยังไม่มีใครรู้เรื่องที่ตอนนี้ผู้จัดการโปรเจ็กต์คนเก่งกับพนักงานแผนกโอเปอเรชันกำลังอยู่ในสถานะ “คนพิเศษ” ของกันและกันอยู่

วันไหนที่ทั้งคู่เลิกงานเวลาไม่ห่างกันนักเชษฐ์จะไปส่งภัทรที่คอนโดซึ่งเป็นห้องเก่าของพี่สาวที่แต่งงานออกเรือนไปแล้ว ส่วนในวันหยุดถ้าไม่ติดธุระอะไรก็จะออกไปข้างนอกด้วยกัน และบางครั้งคนตัวใหญ่ก็จะพาภัทรมาที่บ้านซึ่งตัวเองอาศัยอยู่คนเดียวโดยมีแม่บ้านมาทำความสะอาดให้วันละครั้ง ส่วนพ่อแม่ของเจ้าตัวนั้นย้ายไปต่างประเทศถาวรหลายปีแล้วเพราะมีธุรกิจอยู่ที่นั่น เช่นเดียวกับพี่ชายแฝดคนละฝาซึ่งทำงานอยู่ต่างประเทศเช่นกัน

หลังทานอาหารเย็นเสร็จภัทรอาสาขอล้างจานเพื่อไม่ให้รู้สึกว่าตัวเองเอาเปรียบเจ้าของบ้าน แต่พออีกฝ่ายปฏิเสธชายหนุ่มก็ยืนยันเสียงแข็ง

“ผมไม่ใช่แขกนะครับคุณเชษฐ์ ถ้ามาแล้วคุณเชษฐ์ให้ผมนั่งเล่นนอนเล่นอย่างเดียวคราวหลังผมไม่มาแล้วนะ”

พอเห็นท่าทางเอาจริงเอาจังร่างสูงก็ถอนหายใจก่อนจะดึงคนตัวเล็กกว่าเข้าไปหอมแก้มเบาๆ “เข้าใจละ ฉันก็แค่อยากให้เธอได้นั่งเล่นสบายๆเท่านั้นเอง แต่ถ้าอยากทำก็ตามใจ”

ภัทรหลบตาเปื้อนยิ้มของคนตัวใหญ่แล้วก็รีบยกจานชามส่วนหนึ่งเดินนำลิ่วเข้าครัว ความที่ห่างหายการใกล้ชิดกับใครมาสองปีกว่า บวกกับความยังไม่คุ้นเคยในสถานะที่เพิ่งเลื่อนขั้นของตัวเองกับเจ้านายแม้ไม่ใช่เจ้านายโดยตรงทำให้เขายังไม่อยากปล่อยใจไปกับบรรยากาศหวานๆมากนัก

จริงอยู่ที่เชษฐ์เคยบอกตอนที่ขอคบกันว่าเจ้าตัวเริ่มมองเขาตั้งแต่ยังเป็นพนักงานใหม่ แต่ภัทรก็รู้ตัวดีว่าตัวเองก็ยังมีช่องว่างระหว่าง “ภัทรกร” ที่เอาจริงเอาจังกับงาน กับ “ภัทรกร” ที่เป็นตัวของตัวเองยามไม่ได้อยู่ต่อหน้าคนอื่น และเขาก็ไม่แน่ใจว่าถ้าหากเชษฐ์ได้รู้จักเขาดีขึ้นแล้วอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจหรือเปล่า บางทีตอนนี้คนตัวใหญ่อาจแค่หลงเพราะ่เห็นว่าเขายัง “แปลกใหม่” อยู่ก็ได้

“คิดอะไรอยู่ คิ้วจะผูกกันแล้ว”

ร่างผอมบางสะดุ้งเมื่อโดนปลายนิ้วของคนที่มายืนข้างตัวตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้จิ้มเบาๆที่หน้าผาก มือเรียวรีบหมุนก๊อกน้ำเพื่อล้างฟองน้ำยาล้างจานจากถ้วยในมือแล้วคว่ำลงบนตะแกรง

“เปล่าครับ แค่กำลังคิดว่า ผมมาบ้านคุณเชษฐ์ก็หลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยได้เจอป้าแย้มเลยนะครับ”

ภัทรเอื้อมหยิบผ้าเช็ดมือที่แขวนอยู่เหนืออ่างมาซับมือที่เปียกชุ่ม แล้วก็ต้องสะดุ้งอีกรอบเมื่อโดนอ้อมแขนอุ่นดึงตัวเองไปกอดจากข้างหลังโดยอีกฝ่ายเอาคางมาเกยศีรษะไว้

“ป้าแย้มแกก็มีลูกมีหลานต้องกลับไปดูแลที่บ้านเหมือนกันนี่ อีกอย่าง เวลาได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองก็ไม่ค่อยมี ทำไมจะต้องอยากให้มีก.ข.ค. มาป้วนเปี้ยนตอนเราอยู่กันสองคนด้วยล่ะ”

ภัทรคิดว่าตัวเองโชคดีที่อีกฝ่ายมองไม่เห็นหน้าเขาตอนนี้ เพราะความรู้สึกร้อนวูบวาบบนผิวแก้มทำให้รู้ว่าตัวเองต้องหน้าแดงอยู่แน่ๆ ทั้งที่เพิ่งคบกันได้แค่ไม่นาน แต่บทเชษฐ์จะพูดเอาใจอีกฝ่ายก็จะพูดตรงๆไม่อ้อมค้อมจนทำเขาโต้ตอบไม่ถูก ไปต่อก็ไม่ได้อยู่หลายครา

อีกอย่าง...ต่อให้เวลาที่อยู่ด้วยกันเพียงสองต่อสอง ภัทรก็ไม่เคยยอมให้อีกฝ่ายล่วงเกินมากไปกว่าแตะเนื้อต้องตัวนิดๆหน่อยๆเท่านั้น ประสบการณ์ฝังใจที่ผ่านมาทำให้เขาไม่อยากให้ความสัมพันธ์ก้าวหน้ารวดเร็วเกินไป หากต้องเสียใจรอบสองกับคนในที่ทำงานเดียวกันภัทรไม่รู้ว่าคราวนี้ตัวเองจะรับไหวหรือเปล่า

“ฟ้ามืดแล้ว ถ้ายังไงคืนนี้นอนที่นี่เลยมั้ย? พรุ่งนี้ฉันแวะไปส่งเธอที่คอนโดตอนเช้าก่อนแล้วค่อยเข้าออฟฟิศด้วยกันก็ได้”

เสียงทุ้มต่ำที่กระซิบอยู่ข้างหูกับมือของคนกอดที่เริ่มอยู่ไม่สุขทำเอาคนถูกกอดขนลุกซู่ ภัทรรีบเบี่ยงตัวหนีก่อนจะตอบโดยไม่ยอมสบตาคนตัวใหญ่ที่กำลังขมวดคิ้ว

“ผมว่าผมกลับดีกว่าครับคุณเชษฐ์ ยังไม่ได้รีดเสื้อกางเกงสำหรับอาทิตย์นี้เลย อีกอย่างคุณเชษฐ์จะได้พักผ่อนด้วย”

ภัทรรักษาระยะห่างกับอีกฝ่ายก่อนจะช้อนตาขึ้น แวบหนึ่งนัยน์ตาหวานเหมือนจะเห็นประกายตาของอีกฝ่ายเข้มขึ้นจนเสียวสันหลังวาบ แต่แล้วเชษฐ์ก็เพียงยักไหล่แล้วเดินนำออกจากครัวก่อนจะพูดเสียงเนิบๆ

“เอางั้นก็ได้ ถ้างั้นเดี๋ยวฉันไปส่ง”


...

...

...

...

...

...



ตั้งแต่ออกจากบ้านของเชษฐ์มาทั้งสองก็แทบจะไม่ได้พูดอะไรกัน ภัทรพยายามบังคับตัวเองให้เลิกบิดมือที่วางอยู่บนตักแม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จก็ตาม ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าเผลอทำอะไรผิดไปหรือเปล่าถึงทำให้คนข้างตัวเงียบผิดปกติไป แต่ถ้าหากเชษฐ์จะโกรธเพราะเขาไม่ยอมตามใจ ฝ่ายนั้นก็ควรต้องเข้าใจเสียใหม่ว่าเขาไม่ใช่เด็กน้อยใสซื่อที่จะเคลิ้มตามใครง่ายๆ แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นถึงเจ้านายและอายุมากกว่าเขาหลายปีก็ตาม

โตจนเป็นระดับผู้บริหารขนาดนี้ ถ้าอยากงอนกับเรื่องแค่นี้ก็คงต้องปล่อยให้งอนไป นึกว่าเขาจะง้อหรือยังไงกัน ก็เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยนี่ แล้วทำไมจะต้องมานั่งปวดหัวที่อีกฝ่ายไม่ยอมพูดด้วยแบบนี้ด้วยเล่า!?

คนถูกพามาส่งมัวแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดกับความคิดที่ตีกันยุ่งในหัว ยิ่งคิดมากเข้าก็ยิ่งพาลน้อยใจ จึงไม่ได้รู้สึกตัวว่าตอนนี้รถจอดสนิทอยู่ในลานจอดของคอนโดตัวเองเรียบร้อยแล้ว

“ภัทร”

“....”

“ภัทรกร”

“....”

“ภัทรกรครับ เรียกแล้วไม่ได้ยินหรือไง”

“จะเรียกทำไม! คนใช้ความคิดอยู่!”

ภัทรลืมตัวหันไปแหวใส่คนที่พาตัวเองมาส่ง แต่พอประสานสายตากับนัยน์ตาคมหลังแว่นที่เลิกคิ้วอย่างงงๆก็ให้นึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่กับใคร หน้าขาวเนียนแดงขึ้นโดยอัตโนมัติก่อนจะรีบละล่ำละลักขอโทษ

“คุณเชษฐ์! ขอโทษครับ! ผมลืมตัวไป อย่าโกรธผมนะ ผมขอโทษจริงๆ คุณเชษฐ์...อย่าหัวเราะกันสิ!!”

หน้าหวานแดงขึ้นอีกรอบเมื่อคนข้างตัวระเบิดหัวเราะเสียงดังจนต้องฟุบหน้าลงกับแขนข้างหนึ่งที่เท้าพวงมาลัยอยู่ ทั้งที่ใจหนึ่งก็ดีใจที่ได้เห็นอีกฝ่ายปลดปล่อยอารมณ์ตัวเองเต็มที่แบบที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน แต่ความอายที่มีมากกว่าทำให้รีบหันไปปลดล็อคแล้วก็ทำท่าจะเปิดประตู แต่กระนั้นก็ยังช้ากว่าอีกฝ่ายที่คว้าตัวเขากลับไปกอดไว้จนคนถูกกอดแน่นหน้าอกเพราะหัวใจที่เต้นรัวแรงไปหมด

“อยู่กับเธอนี่ ไม่มีเบื่อจริงๆด้วยนะ ภัทร หึๆๆ”

อีกฝ่ายว่าแล้วก็หัวเราะในคอต่อจนคนถูกกอดเริ่มดิ้น ได้รับความเอ็นดูมันก็ดีอยู่หรอก แต่ไม่คิดบ้างหรือไงนะว่าเดี๋ยวคนอื่นจะผ่านมาเห็น ตาลุงลามกนี่!

“คุณเชษฐ์! ผมหายใจจะไม่ออกแล้วนะ ปล่อยผมก่อน”

คนตัวใหญ่ก้มสูดกลิ่นหอมจากเรือนผมนิ่มก่อนจะคลายแขนเป็นกอดหลวมๆแต่ไม่ยอมปล่อยเสียทีเดียว ภัทรพยายามหันหนีนัยน์ตาคมที่พยายามจะสบตาเขาให้ได้ จนสุดท้ายก็ทนไม่ไหวต้องหัวเราะออกมาบ้าง

“คุณเชษฐ์ ตกลงไม่ได้โกรธผมแล้วนะ?”

คนตัวเล็กยอมพิงอกกว้างแต่โดยดีเมื่อรู้ตัวว่าคงไม่ถูกปล่อยง่ายๆ มือใหญ่จึงลูบหลังบางไปมาก่อนจะถามด้วยเสียงเจือรอยยิ้ม

“โกรธเรื่องอะไรล่ะ ฉันสินึกว่าเธอโกรธ เล่นนั่งเงียบแล้วก็ทำหน้าบึ้งมาตลอดทาง เลยไม่รู้จะชวนคุยยังไงดีเลยเนี่ย”

พอได้ยินดังนั้นภัทรก็เงยหน้ามองคนกอดด้วยความประหลาดใจ ตกลงเมื่อครู่นี่เขาคิดไปเองหรือ? แต่ว่า...ก็อีกฝ่ายดันนั่งทำหน้ายักษ์มาตลอดทางแบบนั้น ใครจะไปกล้าชวนคุยด้วยล่ะ...

“ก็ผมเห็นคุณเชษฐ์เงียบไป ผมก็นึกว่าคงโกรธ...เรื่องที่ผม...ไม่ยอมค้าง”

ภัทรก้มหน้าพูดตะกุกตะกัก เลยโดนมือใหญ่ลูบสางผมบริเวณต้นคอให้อย่างแผ่วเบา

“เด็กเอ๊ย ฉันไม่ได้โกรธเธอสักหน่อย ฉันกำลังโมโหตัวเองต่างหากที่เร่งเธอมากไป ถ้าหากว่าเธอไม่พร้อมฉันก็ไม่อยากบังคับหรอก ฉันอยากให้ระหว่างเรามีแต่ความทรงจำดีๆนะ ต่อให้มันคงยากที่จะมีอะไรเพอร์เฟ็คต์แบบนั้นก็ตาม”

คำพูดของอีกฝ่ายที่สะท้อนความไม่มั่นใจออกมา แม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กน้อยแต่ก็ทำให้ภัทรอดประหลาดใจไม่ได้เพราะเป็นคำจากปากของคนที่ใครๆก็พากันเรียกว่า “Mr. Perfectionist” แต่นั่นกลับทำให้ร่างบางใจชื้นขึ้นที่ไม่ใช่มีแต่ตัวเองคนเดียวที่กังวลกับความสัมพันธ์ครั้งนี้

น่าแปลก...ที่การแสดงความกังวลใจของอีกฝ่ายก็สามารถถมทับความไม่มั่นใจของเขาให้เติมเต็มขึ้นได้ เพราะสิ่งเล็กน้อยแค่นี้กลับแสดงให้เห็นว่าคนตัวโตเองก็มุ่งมั่นในความสัมพันธ์ที่กำลังก่อตัวของทั้งสองขนาดไหน

ภัทรถูแก้มเข้ากับอกกว้างแล้วก็กอดเอวอีกฝ่ายแน่น ถ้าแค่นี้...สำหรับตอนนี้ เพื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่าเขาเองก็อยากจะเปิดหัวใจแล้วก้าวเดินไปด้วยกัน คงไม่เป็นไร

“ขอบคุณนะครับคุณเชษฐ์”

อ้อมกอดแข็งแรงกระชับวงแขนรอบร่างบางแน่นเข้า สองร่างถ่ายทอดความอบอุ่นและความในใจให้กันและกันผ่านการแสดงออกทางกายโดยไร้คำพูด ภัทรถอนหายใจแผ่วเบา ไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกผ่อนคลายที่สุดตั้งแต่ตกลงคบกับเชษฐ์เป็นต้นมา อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาเขาพยายามระมัดระวังตัวเองไม่ให้แสดงความรู้สึกออกมามากเกินไป จึงลืมไปว่าการจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจความรู้สึกของเขาได้ดีที่สุดคือการพูดอะไรตรงๆแบบนี้กระมัง

ริมฝีปากอุ่นแนบลงบนขมับก่อนจะค่อยดันตัวคนในอ้อมแขนออกอย่างเชื่องช้า ภัทรสบตากับนัยน์ตาคมที่ทอประกายอยู่หลังแว่นแล้วก็คลี่ยิ้มเขิน ก่อนจะหลับตารับจุมพิตที่แนบลงบนหน้าผากอย่างอ่อนโยน

“กลับห้องเถอะ ถ้ายังอยู่อย่างนี้ต่อเดี๋ยวฉันเปลี่ยนใจพาเธอกลับบ้านแน่”

ภัทรพยักหน้ารับแม้จะยังรู้สึกเสียดายบรรยากาศอ่อนหวานที่อ้อยอิ่งอยู่รอบตัว แต่แล้วก็ตัดสินใจเปิดประตูรถแล้วเดินลงไปยืนโบกมือลาให้เจ้าของรถหรูที่เลี้ยวรถออกจากลานจอดไป มือที่โบกไกวเมื่อครู่ย้อนกลับมาแตะหน้าผากตัวเอง สัมผัสอบอุ่นตรงจุดที่โดนจูบยังประทับแน่นไม่จางหายจนใบหน้าหวานเผลอยิ้มกว้าง


แค่นี้ก็ดีแล้ว ขอก้าวไปช้าๆทีละก้าวสำหรับความสัมพันธ์ครั้งนี้ก็แล้วกัน...



+---tbc---+


แว้บมาแปะก่อนกลับบ้าน วันนี้คิดงานไม่ออกทั้งวัน เลยอู้พิมพ์นิยายแทนซะงั้น (เด็กดีมิพึงเลียนแบบเป็นอย่างยิ่ง):laugh:

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ทั้งแฟนประจำและที่เพิ่งมาอ่านเรื่องที่ป้าเขียนครั้งแรกค่ะ เจอกันใหม่ตอนหน้าจ้า  :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-02-2009 21:14:22 โดย bellbomb »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด