แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]  (อ่าน 368977 ครั้ง)

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
กรี๊ดดด คุณพ่อขา คุณเชษฐ์ กับ ภัทร และพวกหนูกำลังจะฟินเลยอะ  คุณพ่อขัดจังหวะทำไมอะ   :sad4:

ว่าแต่ว่า คุณพ่อกับคุณแม่ อย่าทิ้งระเบิดไว้ก่อนบินกลับนะ สงสารคู่นี้  :monkeysad:


ออฟไลน์ hobazaki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
กรีซ.... ความสัมพันธ์ ค่อยๆเขยิบเข้าไปเรื่อยๆแล้ว ต่อไปนี้อุปสรรคอะไรที่เข้ามาก็ขอให้เป็นเรื่องเล็กน้อย และพร้อมจะฟันฝ่าของทั้งคู่นะคะ จะรออ่านตอนต่อไปน๊า

nemesis

  • บุคคลทั่วไป
 :-[เย้ๆมาต่อแล้วว

ออฟไลน์ omuya

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2023
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-9
พ่อจะคุยอะไรกะเชษฐ์เนี้ย อยากรู้???

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
พ่ิไม่น่าไม่ขัดจังหวะ  :z3:

nightsza

  • บุคคลทั่วไป
เอ..คุณพ่อจะเรียกไปคุยทำไมกันนะ ไม่น่าเข้ามาขัดจังหวะเลยนะเนี่ยคุณพ่อ กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม

ออฟไลน์ GintoniC

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
แปะๆ ไว้ก่อนตามมาจากแม้นมั่นฯ ค่ะ  :bye2:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
คุณพ่อมาเรียกผิดเวลามากกกกกกกก

สะดุดเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

คุณเชษฐ์จะได้กินอยุ่แล้ว อิอิ

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ตอนที่ 23 (ครึ่งแรก)

หลังจากเชษฐ์เปลี่ยนเสื้อผ้ามาใส่กางเกงสำหรับอยู่บ้านกับเสื้อยืดแขนสั้น เขาก็เดินลงบันไดไปยังห้องนั่งเล่นชั้นล่าง และพบว่าในห้องมีเพียงบิดาคนเดียวที่นั่งรออยู่ที่โซฟา

"มาแล้วครับพ่อ ขอโทษที่ให้รอ"

"ไม่เป็นไรหรอก นั่งสิ"

คุณชาญหยิบรีโมทขึ้นมาปิดโทรทัศน์ที่เมื่อครู่นั่งดูฆ่าเวลา ผู้สูงวัยมองบุตรชายคนเล็กที่หย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามเงียบๆ ครู่หนึ่ง ถึงแม้จะมีลูกแฝด แต่บุตรชายทั้งสองเกิดจากไข่คนละใบ ทำให้แม้หน้าตาจะคล้ายกันแต่ก็ยังสามารถแยกแยะกันได้อย่างชัดเจน สำหรับชินรุจน์ แฝดพี่จะค่อนข้างหน้าตาคล้ายเขาแต่มีนัยน์ตาคล้ายแม่ก็คือเพียงมาศ ในขณะที่เชษฐ์กลับมีประพิมประพายคล้ายพ่อของเขาหรือก็คือปู่ของเจ้าตัวมากกว่า ไม่นับนิสัยใจคอที่ค่อนข้างสุขุมคล้ายกันอีกด้วย

"พ่อมีอะไรเหรอครับ?"

เมื่อเห็นบิดานั่งจ้องหน้าเขาโดยไม่พูดอะไร เชษฐ์ก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบให้ก่อน เขาคาดเดาได้จากแววตาของผู้ให้กำเนิดว่าเรื่องที่ถึงกับต้องเรียกมาคุยกลางดึกคงเป็นเรื่องสำคัญ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไรเท่านั้น

"งานตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? เห็นว่าก่อนเข้าโรงพยาบาลนี่ไปอยู่เวียดนามไม่ใช่รึ?"

เชษฐ์ยักไหล่ "งานค่อนข้างยุ่งครับ คุณปรีชาคงเล่าให้พ่อฟังแล้วเรื่องที่สำนักงานใหญ่อยากเจาะตลาดที่นั่น ก็เลยจะตั้งสำนักงานแล้วให้คนของเราไปดูแลในช่วงแรก"

"คุณปรีชาบอกแล้ว แล้วก็บอกพ่อด้วยว่าเขาอยากให้แกไปอยู่ที่นั่น เพราะว่าเทียบกับคนอื่นแล้วแกคล่องตัวที่สุด แล้วทางสำนักงานใหญ่ก็เห็นชอบด้วย"

"ก็แค่เบื้องบนคุยกันแต่ยังไม่มีอะไรชัดเจน อีกอย่างถึงไม่ส่งผมไป คุณปรีชาก็ยังมีคุณอั๋นเหลืออีกคน แกไปเวียดนามสลับกับผมหลายครั้งแล้ว ก็รู้จักตลาดที่นั่นดีพอสมควร"

ทั้งใบหน้าและน้ำเสียงดูเผินๆ เรียบนิ่ง ส่วนคำตอบก็ไม่ใช่ทั้งเชิงรับหรือปฏิเสธ ทว่าจากอาการที่คนพูดเอนหลังพิงพนักมากขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกก็บ่งบอกเป็นนัยว่ากำลัง 'เตรียมตั้งรับ'สิ่งที่บิดากำลังจะพูดต่อจากนี้ ซึ่งคงเป็นความเคยชินจากการทำงานเป็นผู้บริหารที่ต้องเจรจากับคนหลายระดับมาหลายปี ทำให้ต้องคอยสังเกตท่าทางและคำพูดของคู่สนทนาเพื่อประเมินการเคลื่อนไหวขั้นต่อไปอยู่ตลอดเวลา

มีชั้นเชิงสมกับเป็นนักธุรกิจ...คุณชาญคิดในใจ แต่ทั้งอย่างนั้นก็ยังเลือดร้อนพอจะทำอะไรบ้าบิ่นอย่างเอาตัวเข้าไปบังคนอื่นตอนหน้าสิ่วหน้าขวานโดยไม่คิดสักนิดว่าตัวเองจะต้องเจ็บตัว...

ผู้สูงวัยจงใจเว้นจังหวะด้วยการยกน้ำชาขึ้นจิบ ตอนบุตรชายทั้งสองยังเล็กนั้นพวกเขาสี่คนพ่อแม่ลูกสนิทสนมกันมาก แต่นับตั้งแต่เชษฐ์ไปเรียนปริญญาโทที่ต่างประเทศ แถมหลังจากกลับมาทำงานที่เมืองไทยได้ไม่นาน เขากับภรรยาก็ตัดสินใจไปทำธุรกิจกับเพื่อนที่ต่างประเทศอีก ทำให้ห่างเหินกับบุตรชายคนเล็กไปพอสมควร ไม่เหมือนชินรุจน์ที่ติดตามพวกเขาไปด้วยและช่วยทำงานที่นั่นมาตลอด

"ถ้าหากตอบรับไปเวียดนาม แกก็จะได้ตำแหน่งกับเงินเดือนสูงขึ้นนะ"

ผู้สูงวัยโยนหินถามทาง แม้จะพอวิเคราะห์ได้จากคำตอบเมื่อครู่ว่าบุตรชายมีเป้าหมายอื่นในใจอยู่แล้ว

"เรื่องนั้นผมรู้ แต่ถึงไม่ไปเวียดนามก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่มีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่งเสียหน่อย อีกอย่างถึงไปก็คงไม่ได้อยู่ที่นั่นถาวรอยู่ดี ถ้าระบบทางนั้นอยู่ตัวแล้วเขาก็คงให้คนในท้องที่ดูแลกันเอง"

"ยิ่งไม่จำเป็นต้องไปอยู่ถาวรก็ยิ่งแปลว่าแกไม่มีเหตุผลจะต้องปฏิเสธโอกาสแบบนี้นี่นา หรือที่พ่อพูดนี่ไม่จริง?"

คิ้วดกหนามุ่นเข้าหากันเล็กน้อย เพราะเริ่มจับได้ว่าอีกฝ่ายเริ่มใช้ฐานะ 'พ่อ' มาหว่านล้อมเขาเรื่องงาน

"ความจริงผมเคยคุยเรื่องนี้กับคุณปรีชาไปแล้ว หรือคุณปรีชาฝากให้พ่อมาคุยกับผมใหม่?"

เพราะก่อนหน้าที่จะบินด่วนกลับมาเมืองไทยและเกิดเหตุให้ต้องเข้าโรงพยาบาล เขาโทรศัพท์คุยกับท่านประธานเรียบร้อยแล้วว่าผู้ที่สมควรได้โอกาสนี้มากกว่าคือคุณอั๋นที่อาวุโสและทำงานมานานกว่าเขา และให้เหตุผลเพิ่มเติมว่าเขามีโครงการใหม่อยากนำเสนอมากมายที่จะดำเนินการได้ยากหากต้องไปอยู่ต่างประเทศ ซึ่งตอนนั้นคุณปรีชาก็รับรู้และยอมรับการตัดสินใจของเขากลายๆ แล้ว

ชาญส่ายศีรษะพลางวางแก้วชาลง "เปล่า แต่อย่าลืมสิว่าคุณแพทริกเป็นลูกค้าประจำของร้านเรา เขาบอกว่าได้เจอแกตอนที่ไปอบรมที่สำนักงานใหญ่แล้วถูกใจ บอกว่าถ้าแกได้ไปทำงานที่เวียดนามแล้วผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ อาจจะทำเรื่องดึงแกไปประจำที่สำนักงานใหญ่เลยก็ได้"

เชษฐ์เลิกคิ้ว แต่หาใช่เพราะความแปลกใจที่บิดารู้จักกับหัวเรือใหญ่ของบริษัท เพราะก่อนจะออกไปทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับร้านอาหารและนำเข้าสินค้าจากเมืองไทย พ่อของเขาก็เป็นคนที่ร่วมปลุกปั้นบริษัทในเมืองไทยกับคุณปรีชาจนเติบโตมาถึงทุกวันนี้ เพียงแต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าผู้บริหารอาวุโสยอมรับความสามารถของเขาทั้งที่ได้ทำงานร่วมกันไม่กี่วันถึงเพียงนั้น

เกิดความเงียบขึ้นในห้องนั่งเล่นครู่ใหญ่ ทว่าสีหน้าที่แทบไม่เปลี่ยนไปทำให้ผู้สูงวัยยากจะเดาว่าบุตรชายคิดอะไรอยู่ จึงรีบถือโอกาสตีเหล็กขณะที่ยังร้อน

"ที่พ่อแยกออกมาทำธุรกิจส่วนตัวเพราะอยากทำอะไรที่เป็นของตัวเองแล้วก็เข้ากับนิสัยมากกว่า ตาชินเองก็คิดเหมือนกัน แต่แกไม่เหมือนพ่อกับตาชิน นิสัยแกเหมาะจะแสดงฝีมือในองค์กรใหญ่เพื่อเลื่อนสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ สำนักงานที่เมืองไทยมันเล็กไปสำหรับแกนะเชษฐ์ พ่ออยากให้แกคิดถึงความมั่นคงในอนาคตมากกว่าพอใจแค่กับอะไรใกล้ตัว ยิ่งมาเห็นแกต้องล้มหมอนนอนเสื่อแบบนี้พ่อยิ่งไม่สบายใจ"

สำหรับอะไรใกล้ตัวที่ว่านั้น คนพูดเจตนาละไว้โดยไม่ระบุออกมาให้ชัดเจน ซึ่งเชษฐ์ก็เข้าใจได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องทวนถามบิดาว่าต้องการจะหมายถึงอะไร

หรือในบริบทนี้...หมายถึง ‘ใคร’

ตลอดเวลาหลายวันที่ได้อยู่ในโรงพยาบาล เขารับรู้ได้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับภัทรอยู่ในสายตาของผู้สูงวัยทั้งสองโดยตลอด ซึ่งเขาก็จงใจแสดงออกเท่าที่ทำได้ให้ทั้งคู่รับรู้ว่านี่คือคนที่เขาเลือก เพราะเชื่อว่าบิดาและมารดาผ่านโลกมามากพอที่จะเข้าใจและยอมรับคนที่เขามอบหัวใจให้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แต่การยอมรับนั้นดูเหมือนจะไม่ได้หมายรวมว่าความเป็นห่วงในอนาคตของเขาจะลดลง ต่อให้เขาเป็นผู้ใหญ่อายุสามสิบกว่าเช่นนี้แล้วก็ตาม

ประกายลึกล้ำพาดผ่านแววตาคมเข้มขณะร่างสูงใหญ่ยกนิ้วชี้ขึ้นดันแว่น

"ที่พ่อพูดมาก็ถูกครับ คุณปรีชาก็เคยสอนผมตั้งแต่เริ่มทำงานแล้วว่าเราไม่ควรทิ้งทุกโอกาสที่ก้าวเข้ามาหาหรือมีคนหยิบยื่นให้ เรื่องไปสำนักงานใหญ่ผมจะเก็บไปคิดดู"

"อ้าว พ่อลูกมัวคุยอะไรกันจ๊ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไปสนามบินแต่เช้ามืดไม่ไหวนะ"

เพราะเห็นว่าสามียังไม่เข้าห้องมาพักผ่อน คุณเพียงมาศจึงตั้งใจจะมาตาม แต่ไม่นึกว่าจะพบว่าอีกฝ่ายกำลังสนทนากับบุตรชายอยู่ในบรรยากาศที่ค่อนข้างเคร่งเครียด

เธอหาได้ตระหนักว่าการปรากฏตัวของตนเปรียบเสมือนระฆังที่ช่วยพักยกได้พอดิบพอดี

"คุยสัพเพเหระกันเสร็จแล้วล่ะครับแม่ นี่กำลังจะพากันไปนอนพอดีเลย เมื่อกี้พ่อก็บ่นว่าง่วงแล้วเหมือนกันนี่ครับ"

ท้ายประโยคเชษฐ์หันไปโกหกตาใสใส่ผู้เป็นพ่อ ฝ่ายคุณชาญเพียงแต่หัวเราะหึหึเพราะรู้ว่าเจ้าลูกคนนี้คงไม่อยากให้มารดารู้ว่าพวกเขากำลังคุยกันเรื่องอะไร เพราะดีไม่ดีเพียงมาศอาจยิ่งคะยั้นคะยอลูกหากรู้ว่าเชษฐ์มีโอกาสได้ไปอยู่สำนักงานใหญ่ เนื่องจากใจคนเป็นแม่ก็ย่อมอยากให้เลือดเนื้อเชื้อไขย้ายไปอยู่ใกล้ตัวมากกว่าอยู่แล้ว เขายังจำได้ว่าตอนได้รับโทรศัพท์ว่าบุตรชายบาดเจ็บเข้าโรงพยาบาล ภรรยาร้องห่มร้องไห้อย่างเสียขวัญเพียงใด

เรื่องที่ต้องพูดเขาก็ได้พูดไปแล้วในฐานะพ่อและผู้ใหญ่ที่ผ่านน้ำร้อนมาก่อน หลังจากนี้ก็เป็นหน้าที่ที่เจ้าตัวจะต้องไปคิดชั่งน้ำหนักเอาเองว่าอะไรคือสิ่งที่ควรจะทำ หรือทางเลือกไหนที่ควรจะเลือกเพื่ออนาคตของตัวเอง ดังนั้นเขาคิดว่าหยุดบทสนทนาไว้ตรงนี้ก็เหมาะสมดี

"อืม ใช่ ขอโทษนะ คุณเลยต้องลำบากลุกจากเตียงมาตาม"
 ผู้สูงวัยเอ่ยพลางลุกขึ้นแล้วยื่นมือไปกุมมือของภรรยา ทำให้โดนคนที่เดินมาตามค้อนควัก

"พูดอะไรอย่างนั้นล่ะคะ ถ้าพรุ่งนี้เช้าคุณตื่นไม่ไหวมาศก็ตกเครื่องสิ"

ประโยคหยอกเย้าของผู้สูงวัยทำให้เชษฐ์ยิ้มออกมาได้ สิ่งหนึ่งที่เขาภูมิใจก็คือได้เติบโตมาในครอบครัวที่บิดาและมารดารักใคร่ห่วงใยกันด้วยดีมาตลอดอายุสามสิบกว่าปีของเขา

คุณชาญหันมาเอ่ยกับบุตรชายบ้าง "ถ้าอย่างนั้นแกก็ไปพักผ่อนเถอะไป ตัวเองเพิ่งออกจากโรงพยาบาลแท้ๆ แน่ใจแล้วรึว่าจะไม่โทรเรียกแท็กซี่ให้มารับพ่อกับแม่ตอนเช้าแทน?"

"เดี๋ยวขับรถไปส่งพ่อกับแม่ที่สนามบินแล้วผมก็กลับมานอนต่อได้ แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกครับ ตอนอยู่โรงพยาบาลผมนอนเยอะเกินโควต้าแล้วด้วยซ้ำไป"

ชายหนุ่มเอ่ยติดตลกขณะเดินตามไปส่งผู้สูงวัยทั้งสองที่ห้องนอนชั้นล่าง ซึ่งเป็นห้องของทั้งคู่มาตั้งแต่สมัยที่ยังอยู่ที่บ้านนี้ ส่วนเขากับพี่ชายมีห้องนอนชั้นบนกันคนละห้อง

"ถ้างั้นก็ฝันดีนะจ๊ะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ตอนเช้า"

คุณเพียงมาศหันมาโอบลูกชายแล้วเขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้ม ซึ่งหญิงสูงวัยทำเช่นนี้กับลูกๆ มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก พอเข้าวัยรุ่นคู่แฝดก็เริ่มเขินและบ่ายเบี่ยงบ้าง แต่พออายุมากขึ้นและไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากอย่างเมื่อก่อน เวลาเจอกันเชษฐ์จะยอมให้มารดาปฏิบัติด้วยเหมือนสมัยยังเป็นเด็กแต่โดยดี

"ราตรีสวัสดิ์ครับ"

หลังจากส่งทั้งคู่เข้าห้องนอนแล้ว ชายหนุ่มก็เดินล็อกประตูหน้าต่างในบ้านและปิดไฟก่อนจะขึ้นไปชั้นบน ตอนนี้ความกระตือรือร้นที่จะสานต่อเรื่องในห้องน้ำก่อนที่จะถูกขัดจังหวะดับมอดไปแล้ว อีกอย่างเขาเองก็ต้องพักผ่อนเพื่อตื่นมาขับรถไปส่งบิดากับมารดาไปสนามบินตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างอีกด้วย

ร่างสูงใหญ่ปิดไฟตรงโถงชั้นสองก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน เขาพบว่าภายในห้องมีเพียงโคมไฟหัวเตียงให้แสงสว่างอยู่ดวงเดียว ส่วนใครอีกคนที่นอนร่วมห้องกันได้นอนตะแคงหันหลังให้อยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว

"ภัทร? หลับแล้วเหรอ?"

มีเพียงความเงียบงันที่เขาได้รับแทนคำตอบ ชายหนุ่มจึงปิดประตูอย่างเบามือก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ หลังจากถอดแว่นออกพับวางบนโต๊ะข้างเตียง เขาก็เลิกชายผ้าห่มแล้วสอดตัวเข้าไปนอนซ้อนหลังร่างเพรียวโดยพยายามระวังไม่ปลุกให้ตื่น เสียงหายใจสม่ำเสมอบอกให้รู้ว่าภัทรน่าจะหลับสนิทมาได้พักใหญ่

เชษฐ์ปิดโคมไฟก่อนจะยกแขนขึ้นโอบกระชับคนที่นอนหันข้างให้ ปลายจมูกโด่งคลอเคลียเรือนผมนุ่มพลางสูดกลิ่นหอมอ่อนจางเข้าในปอด ตอนยังพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะนอนร่วมเตียงกันทุกคืนเหมือนตอนนี้ กระนั้นบรรยากาศก็ไม่ค่อยเป็นใจเพราะไหนภัทรจะคอยห่วงอาการของเขาจนไม่ยอมให้ทำอะไรมากกว่าจูบ ไหนจะหมอกับพยาบาลที่คอยเข้ามาตรวจวันละสองสามครั้ง ไหนจะพ่อแม่ของเขาเองและแขกคนอื่นที่มาเยี่ยมอีก ทำให้แม้จะได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้มีเวลาส่วนตัวร่วมกันสักเท่าไหร่

แต่หลังจากนี้...เขาจะไม่ปล่อยให้เวลาที่เสียไปต้องสูญเปล่าอีกแล้ว

เสียงลมหายใจเป็นจังหวะกับไออุ่นของร่างในอ้อมแขนขับกล่อมให้เชษฐ์หลับก่อนจะทันรู้ตัวว่าตนเหน็ดเหนื่อยกับวันนี้แค่ไหน ความอ่อนเพลียทำให้เขาหลับสนิทโดยไม่ทันรู้สึกว่าร่างที่กอดมีการเคลื่อนขยับ ภัทรลืมตาขึ้นช้าๆ และยกแขนที่พาดบนเอวออกอย่างระมัดระวังเมื่อจับได้ว่าอีกฝ่ายหลับแล้ว จากนั้นร่างเพรียวก็ลุกขึ้นนั่งพลางเหลียวลงมองใบหน้าคมคายที่เห็นได้รางเลือนภายใต้แสงจันทร์ผ่านหน้าต่าง แววตาที่ปกติสุกใสทอประกายอ่อนล้าขณะชันเข่าขึ้นแล้วซบหน้าลงไปโดยไม่มีน้ำตาหลั่งออกมาสักหยดเดียว


++---TBC---++ 


A/N: มาแล้วค่า ตอนใหม่ที่ทุกคนรอคอย ที่ต้องปล่อยครึ่งแรกออกมาก่อนเพราะสัปดาห์นี้งานยุ่งมากๆๆ แต่ไม่อยากให้คนอ่านค้างจากเนื้อหาตอนก่อนกันนานๆ ก็เลยเอามาลงให้ก่อน ยิ่งใกล้จบก็ยิ่งรู้สึกใจหาย แต่ก็ดีใจที่เขียนมาได้ถึงขั้นนี้แล้ว ติดตามกันต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจบด้วยนะคะ ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
สนุกมาก ติดตามอยู่จ้า รีบมาต่อนะ  o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

ไปอยู่เวียดนามด้วยกันได้มั๊ย จะมีโอกาสมั๊ย

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
หนุกมาก!!!!!! เพิ่งอ่านจบ.... ที่สุดครับ ขอคารวะ!!!

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
แง่ม เปิดซองมาม่า และน้ำร้อน พร้อมค่ะ เหอะๆแง

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
หนุกมาก!!!!!! เพิ่งอ่านจบ.... ที่สุดครับ ขอคารวะ!!!

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
ภัทรเชื่อใจคุณเชษฐ์ซิ

nemesis

  • บุคคลทั่วไป
สู้ๆนะจ้ามาต่อปล่อยๆ

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ภัทรแอบได้ยินเหรอ คุณเชษฐ์คงไม่เลือกที่จะทิ้งกันหรอกใช่ไหม

ออฟไลน์ josephine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เอาเลยค่ะ  ตีกระหน่ำให้หนัก ๆ  เอาให้ตาบวมกันไปเล้ย  โอ้ย นี่อุส่าห์มีคนเตือนว่าอย่าอินมากแต่น้องรินเขียนซะ  ขนาดบทสนทนาพ่อลูกยังเสริมดราม่าได้ขนาดนี้  โอ้ย  ภัทรเศร้าจังอ่ะ  เดี๊ยวขอภัทรไปตำส้มตำกินรอตอนต่อไป

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ต้มน้ำรอมาม่า  แต่อยากเสียเที่ยวนะ  ไม่อยากกินอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ NumPing

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
เฮ้อ ภัทรได้ยินแน่เลย

อุปสรรคอีกแล้วสินะ

lasom

  • บุคคลทั่วไป
ก็หนีบน้องภัทรไปเวียดนาม ประจำตำแหน่งพ่อบ้าน(ส่วนตัว)ซะด้วยเลยจิ

ออฟไลน์ hobazaki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
*ร้องไห้* เราว่าเรารู้นะว่าคุณเชษฐคิดยังไง แต่กับภัทรเนี่ยสิ คนที่มีอดีตแบบนี้จะคิดะทำอะไร เดาใจไม่ถูกจริงๆ TOT นี่ก็สงสัยไปแอบฟังคุณเชษฐคุยกับพ่อแน่เลย
ฮือออ ภัทรอย่าเพิ่งคิดมากนะ คุณเชษฐไม่มีทางปล่อยมือภัทรแน่ๆ

Aini_es

  • บุคคลทั่วไป
สงสารภัทรอ่าาา นักเขียนสู้ๆๆ นะคะ นิยายสนุกมาก เป็นกำลังใจให้นะคะ^^

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
งานนี้น้องภัทรมีแอบฟังรึปล่าวนะ
เฮ่ออออ

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ตอนที่ 23 (ครึ่งหลัง)

เมื่อเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ดังขึ้นตอนตีสาม เชษฐ์ก็รู้สึกตัวตื่นและหันไปกดปุ่มปิดเพื่อไม่ให้เสียงดังรบกวนคนที่ยังหลับ แต่แล้วก็เลิกคิ้วเมื่อมีการเคลื่อนไหวข้างตัว

"นอนต่อก็ได้นะ ฉันไปส่งพ่อกับแม่เสร็จก็กลับมาแล้ว"

เชษฐ์หันไปบอกเมื่อเห็นเงาตะคุ่มของร่างเพรียวที่ค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่ง ความสลัวรางทำให้ต่างคนต่างเห็นหน้ากันไม่ชัด กระนั้นแสงจันทร์นวลที่ส่องเข้ามาทางด้านหลังของภัทรก็ทำให้เขาเห็นอีกฝ่ายส่ายศีรษะ

"ผมจะไปเป็นเพื่อนครับ"

น้ำเสียงนั้นแหบแห้งเล็กน้อยอย่างคนที่เพิ่งตื่น เชษฐ์จึงยิ้มออกมา โดยหาได้รับรู้ว่าแท้จริงแล้วภัทรเพิ่งจะข่มตาหลับลงเมื่อตอนตีสองเท่านั้นเอง

"เอาสิ ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้มีเพื่อนคุยตอนขากลับ"

มือใหญ่ยกขึ้นสางเรือนผมของคนตรงหน้า ทว่าเนื่องจากความอับแสงในห้อง เขาจึงไม่สามารถเห็นแววตารวดร้าวของคนที่กำลังรับความอ่อนโยนจากฝ่ามือตนได้

ทั้งสองใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำแต่งตัวแบบง่ายๆ เพื่อจะไปสนามบิน เมื่อลงบันไดมาชั้นล่างก็พบว่าคุณชาญกับคุณเพียงมาศนั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นแล้ว จึงช่วยผู้สูงวัยทั้งสองยกกระเป๋าไปที่รถโดยเชษฐ์กับภัทรนั่งด้านหน้า ส่วนคุณชาญกับคุณเพียงมาศนั่งคู่กันที่เบาะหลัง

"ขอโทษด้วยนะจ๊ะภัทร เลยทำให้ต้องตื่นมาส่งแต่เช้ามืดไปด้วย"

คุณเพียงมาศเอ่ยเป็นเชิงชวนสนทนา ภัทรจึงเอี้ยวคอไปยิ้มอ่อนๆ ให้ "ไม่เป็นไรครับ"

"ไว้วันหลังมีโอกาสก็ไปเยี่ยมกันที่โน่นได้นะจ๊ะ แค่บอกมาก่อนว่าจะมากันเมื่อไหร่ แม่จะได้พาเที่ยว"

ประโยคชักชวนนั้นหาได้มีความหมายแอบแฝงลึกซึ้ง ทว่าภัทรรู้สึกราวกับโดนค้อนที่มองไม่เห็นตอกย้ำลงมาในใจว่าเชษฐ์มีโอกาสจะเลือกไปทำงานที่สำนักงานใหญ่ ซึ่งถ้าหากเจ้าตัวตัดสินใจเช่นนั้นจริง การไปเยี่ยมในที่นี้ก็คงหมายถึงเขาคนเดียวที่ต้องเดินทางไปหาอีกฝ่าย

"...ขอบคุณครับ"

ชายหนุ่มตอบเสียงแผ่วก่อนจะดึงสายตากลับมาด้านหน้า แววตาหม่นหมองเหลือบแลลงบนตักของตัวเอง ตอนนี้เขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงจนไม่แม้แต่อยากจะเปล่งเสียงออกจากปาก สิ่งที่ไปแอบได้ยินเข้าเมื่อคืนก่อนยังสลักฝังแน่นในหัวจนเกินไป


“นิสัยแกเหมาะจะแสดงฝีมือในองค์กรใหญ่เพื่อเลื่อนสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ สำนักงานที่เมืองไทยมันเล็กไปสำหรับแกนะเชษฐ์ พ่ออยากให้แกคิดถึงความมั่นคงในอนาคตมากกว่าพอใจแค่กับอะไรใกล้ตัว”

"คุณปรีชาก็เคยสอนผมตั้งแต่เริ่มทำงานแล้วว่าเราไม่ควรทิ้งทุกโอกาสที่ก้าวเข้ามาหาหรือมีคนหยิบยื่นให้ เรื่องไปสำนักงานใหญ่ผมจะเก็บไปคิดดู"


 
ถ้าหากเมื่อคืนเขาไม่ถูกความอยากรู้อยากเห็นรบกวนจิตใจจนไปแอบฟังบทสนทนาของพ่อลูก เขาก็คงไม่ต้องมารับรู้ข้อมูลเหล่านี้ แล้วก็คงยังมีความสุขจากการละเมอเพ้อพกไปว่าหลังจากนี้คุณเชษฐ์คงไม่ต้องอยู่ห่างจากเขาอีกแล้ว...ใช่ไหม

ถึงแม้ภัทรจะไม่ใช่คนคุยเก่งหรือชอบเรียกร้องความสนใจ แต่เชษฐ์ก็รับรู้ได้ถึงความเงียบผิดปกติของคนข้างตัว ความสลัวของท้องถนนและการต้องคอยมองเส้นทางทำให้ไม่สามารถแบ่งความสนใจมาพิจารณาคนข้างตัวเต็มๆ ตาได้ แต่กริยาอาการที่เอาแต่ทอดสายตาลงต่ำก็ยังปรากฏให้เขาเห็นทางหางตาอยู่นั่นเอง

“ยังง่วงอยู่หรือเปล่า? จะนอนต่อก็ได้นะ”

เชษฐ์เอ่ยพลางยกมือขึ้นลูบท้ายทอยของภัทรเบาๆ คำถามนั้นทำให้เขารู้สึกตัวว่าคงเผลอแสดงอาการเซื่องซึมออกมาชัดเจนเกินไป จึงส่ายหน้าแล้วหันไปฝืนยิ้มให้คนถาม

“ไม่ง่วงหรอกครับ เดี๋ยวกลับไปถึงบ้านผมค่อยนอนก็ได้”

ภัทรอาจเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่ง... 'เคย' เก็บความรู้สึกเก่งก่อนจะมาคบกับเขา แต่เดี๋ยวนี้ไม่ว่าเจ้าตัวจะพยายามแสร้งทำท่าทางตรงข้ามกับความในใจเพียงใดก็ไม่หลุดพ้นการสังเกตของเชษฐ์ไปได้ คนที่กำลังขับรถจึงเหลียวมาสบตากับคนที่ยิ้มให้แวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองด้านหน้า

ร่างสูงใหญ่ไม่ได้เอ่ยคำพูดใดต่อจากนั้น เขาเพียงแต่ยื่นมือมากุมมือของภัทรเอาไว้โดยไม่สนใจว่าบิดามารดาที่นั่งอยู่ด้านหลังจะมองมาเห็น

ในรถมีเพียงเสียงดนตรีจากแผ่นซีดีที่เปิดคลอบรรยากาศ นอกจากนั้นก็ไม่มีใครเอ่ยสุ้มเสียงใดเพื่อชวนใครคุยอีก แม้แต่ภัทรก็ไม่ท้วงติงคนข้างตัวหรือชักมือหนี จะผิดอะไรถ้าเขาอยากซึมซับความอบอุ่นในช่วงเวลานี้ไว้ ในเมื่อไม่รู้ว่าจะมีโอกาสรื่นรมย์กับสิ่งเหล่านี้ได้อีกนานแค่ไหนหากคุณเชษฐ์ตัดสินใจไปต่างประเทศจริงๆ

ในที่สุดทั้งสี่ก็มาถึงสนามบิน เมื่อจอดรถแล้วเชษฐ์กับภัทรก็ช่วยกันลากกระเป๋าเดินทางของผู้สูงวัยไปยังอาคารผู้โดยสารขาออก หลังจากต่อแถวเช็คอินเพื่อโหลดสัมภาระและได้เลขที่นั่งกันเรียบร้อย คุณชาญกับคุณเพียงมาศก็เดินมาบอกลาเชษฐ์กับภัทรที่ยังยืนรอส่งอยู่ด้านหน้า

"ถ้างั้นเดี๋ยวพ่อกับแม่ไปก่อนล่ะนะ เช้าๆ อย่างนี้คิว ต.ม. คงจะยาว ถ้าไม่รีบเดี๋ยวแม่เขาไม่มีเวลาเดินดูดิวตี้ฟรี" พูดจบคุณชาญก็โดนภรรยาตีแขนพร้อมกับค้อนให้อีกที

"อย่าลืมที่แม่บอกนะจ๊ะ ถ้ามีเวลาก็มาเยี่ยมกันบ้าง เชษฐ์เองก็อย่าเพิ่งรีบหักโหมกลับไปทำงานนะลูก คุณปรีชาอุตส่าห์ให้พักได้ทั้งเดือนก็ต้องพักผ่อนเยอะๆ รู้มั้ย แม่ไม่อยากใจหายใจคว่ำแบบคราวนี้อีกแล้วนะ"

คุณเพียงมาศหันมาเอ่ยกับบุตรชายคนเล็กหลังจากรั้งร่างสูงใหญ่เข้าไปกอด ความเป็นห่วงเป็นใยถูกแสดงออกมาอย่างแจ่มชัดทั้งในน้ำเสียงและแววตา นับตั้งแต่วันที่ได้เจอกันที่โรงพยาบาล ไม่มีใครหันมากล่าวโทษภัทรแม้แต่หนึ่งคำเกี่ยวกับการบาดเจ็บของคนที่ยืนอยู่ข้างเขาในยามนี้ กระนั้นภัทรก็ยังอดสะท้อนในอกไม่ได้ว่าต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนต้องวุ่นวายเช่นนี้ก็คือตัวเขาเอง

"ครับแม่ ไว้ผมจะหาเวลาไปเยี่ยม"

"ภัทรก็มาด้วยกันนะจ๊ะ"

ท้ายประโยคคุณเพียงมาศหันมาหาภัทรและบีบมือเบาๆ เขาจึงพยายามปั้นยิ้มให้เป็นธรรมชาติที่สุดเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเสียน้ำใจแล้วพยักหน้ารับ

"ครับ"

"เดินทางปลอดภัยนะครับ ถ้าหากถึงที่โน่นแล้วโทรมาบอกผมด้วย"

เชษฐ์เอ่ยหลังจากทั้งเขาและภัทรยกมือไหว้ลาผู้สูงวัยทั้งสอง จากนั้นก็ลดมือหนึ่งลงกุมมือคนข้างตัวเอาไว้จนเจ้าของนัยน์ตาเรียวเหลือบขึ้นมองด้วยแววตาไม่ค่อยเข้าใจ ทว่าคุณชาญกลับรับรู้ความตั้งใจเบื้องหลังการแสดงออกเล็กน้อยเพียงเท่านั้นได้ทันที ชายสูงวัยจึงเพียงยกมือตบบ่าบุตรชายแล้วเอ่ยทิ้งท้ายอย่างกำกวม

"เรื่องที่คุยกันเมื่อคืนนี้ ถ้าคิดได้แล้วว่าจะเอายังไงก็บอกพ่อด้วยแล้วกันนะ"

คุณเพียงมาศเลิกคิ้วด้วยไม่รู้ตื้นลึกหนาบางว่าเมื่อคืนสามีกับลูกชายพูดคุยกันเรื่องอะไร แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้เมื่ออีกฝ่ายหันมาโอบเอวแล้วพาเดินไปยังด้านในอาคารผู้โดยสารด้วยกัน หลังจากยืนนิ่งมองทั้งคู่เดินหายไปจนลับสายตา เชษฐ์ก็หันกลับมาถามภัทรที่ยืนเงียบอยู่ข้างตัว

"หิวมั้ย? หรือว่าอยากกลับบ้านมากกว่า?"

"กลับบ้านกันดีกว่าครับ"

ภัทรยิ้มตอบโดยแทบไม่ต้องคิด อาจเพราะต้องฝืนปั้นยิ้มหลายครั้งในเช้าวันนี้ คราวนี้เขาจึงรู้สึกว่ามุมปากของตนไม่แข็งจนฝืดฝืนนักยามยกยิ้มให้อีกฝ่าย เชษฐ์จึงพยักหน้าก่อนจะออกเดินโดยไม่ปล่อยมือที่กุมมือเขาเอาไว้

"เอ่อ..."

"หืม?"

ร่างสูงใหญ่เหลียวกลับมามองเมื่อภัทรยังไม่ยอมก้าวจากจุดที่ยืนอยู่ นัยน์ตาคมเหลือบลงตามสายตาของภัทรที่กำลังมองหน้าเขาสลับกับมือของทั้งคู่เหมือนจะเตือนกลายๆ ว่าลืมไปหรือไม่ว่าอยู่ข้างนอก ทว่าเชษฐ์กลับยิ้มจนเห็นประกายซุกซนในแววตาผ่านเลนส์แว่น

"ไม่อยากกลับบ้านแล้วหรือไง? ฉันจะได้พาเดินเล่นในนี้ก่อน"

คำพูดและท่าทางที่บ่งบอกว่าไม่แยแสสักนิดหากคนอื่นมองมาทำให้ภัทรไม่คิดจะโต้แย้งอีก เขาเพียงแต่ยิ้มอ่อนๆ ขณะปล่อยให้อีกฝ่ายจูงมือเพื่อเดินกลับไปที่รถ น่าแปลกที่ตอนนี้เขาไม่สนใจสักนิดว่าจะมีสายตาของใครจับจ้องมาหรือไม่ กระนั้นก็ยังจงใจทิ้งระยะจากคนข้างหน้าไว้ก้าวหนึ่งเพื่อให้ตัวเองเดินเยื้องไปข้างหลัง เพราะเขารู้สึกว่าตนไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเดินเคียงข้างอีกฝ่ายในยามนี้ได้

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสินะที่เขาได้แต่มองแผ่นหลังของคุณเชษฐ์ แต่ว่า...แม้แต่โอกาสที่จะได้มองและสัมผัสกันในระยะใกล้แบบนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ยืนยาวเอาเสียเลย ถ้าหากถึงเวลาที่ต้องกลับไปอยู่คนเดียวจริงๆ เขาจะทนรับความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวตามลำพังไหวหรือเปล่า...

ระยะทางกลับไปสู่อาคารจอดรถยาวเพียงไม่เกินสองร้อยเมตร แต่ภัทรกลับรู้สึกว่าเท้าแต่ละข้างหนักราวกับมีตุ้มถ่วงจนเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ช้าเหลือใจ กว่าจะไปถึงรถและเชษฐ์ขับออกมาจากบริเวณสนามบิน ริ้วสีแสดจางของพระอาทิตย์ยามเช้าก็เริ่มผลุบขึ้นให้เห็นรางๆ บนขอบฟ้าแล้ว

"นอนพักก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วฉันจะปลุก"

เชษฐ์เอ่ยเมื่อเห็นคนข้างตัวเริ่มออกอาการสะโหลสะเหลมากขึ้น ภัทรซึ่งเพิ่งถูกความเหน็ดเหนื่อยรุมเร้าเพราะได้หลับไปเพียงชั่วโมงเดียวจึงพยักหน้าแต่โดยดี เชษฐ์จึงขับรถเบี่ยงเข้าข้างทางแล้วเอื้อมมือมาช่วยกดปรับเก้าอี้ของเขาให้เอนลง จากนั้นก็เอี้ยวตัวไปหยิบผ้าห่มผืนเล็กที่พับสอดไว้หลังเบาะมาคลี่ออกคลุมบนร่างให้

ภัทรกระพริบตาเมื่ออีกฝ่ายยกมือขึ้นลูบผมให้เขาอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาสองคู่สบประสานกันท่ามกลางความสลัวของยามเช้ามืด ก่อนที่เชษฐ์จะกระซิบเสียงเบาราวเกรงว่าน้ำหนักเสียงที่ดังเกินไปจะรบกวนการพักผ่อนของเขา

"วันนี้อยากไปไหนบ้างหรือเปล่า? หลังตื่นนอนแล้วฉันจะได้พาไป ต้องมาอุดอู้อยู่ที่โรงพยาบาลทั้งอาทิตย์เธอคงเบื่อ"

การแสดงความใส่ใจอันแสนจะอ่อนโยนนั้นทำให้ภัทรน้ำตารื้น เขาอยากจะตอบตรงกับความในใจเหลือเกินว่าไม่ใช่เลย การคอยเฝ้าดูแลอีกฝ่ายแค่นั้นยังชดเชยกับทุกสิ่งที่คุณเชษฐ์เคยทำให้ไม่ได้เสียด้วยซ้ำ แต่ก็ทำได้มากที่สุดเพียงฝืนยิ้มแล้วส่ายหน้าเพื่อเก็บด้านที่อ่อนไหวจนตัวเองยังหงุดหงิดเอาไว้เพียงลำพัง

"ผมไม่อยากไปไหนหรอกครับ แค่ได้อยู่กับคุณเชษฐ์ก็พอแล้ว"

คำตอบนั้นทำให้คนฟังยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู เชษฐ์แนบริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียนทีหนึ่งก่อนจะดึงสายเข็มขัดนิรภัยของเขามาคาดให้ จากนั้นก็ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้จนถึงคาง

"งั้นก็หลับพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวถึงเมื่อไหร่แล้วฉันจะปลุก"

ภัทรพยักหน้าแล้วหลับตาลง หลังจากเชษฐ์ออกรถได้ไม่นานเขาก็หรี่ตาขึ้นอีกครั้งแล้วลอบมองอีกฝ่ายจากด้านข้าง ใจอยากเหลือเกินที่จะยื่นมือออกไปลูบไล้เสี้ยวหน้าคร้ามเข้มและกุมมือใหญ่เอาไว้เพื่อขับไล่ไอหนาวที่เกาะกุมจิตใจ แต่ในไม่ช้าก็พ่ายแพ้ให้แก่ความเหน็ดเหนื่อยที่แผ่ซ่านไปตามกล้ามเนื้อทั่วร่างจนไม่อาจทนฝืน ในที่สุดนัยน์ตาเรียวก็ต้องยอมปิดลงอย่างจำใจ และปล่อยตัวเองให้หลับไหลในห้วงนิทรารมณ์อย่างแท้จริง

 

++---TBC---++
 

A/N: เป็นครึ่งหลังที่ต่อจากครึ่งแรก (เอ่อ...มันก็ต้องอย่างนั้นสิ) เนื้อหาของตอนนี้อาจไม่ค่อยมีอะไรให้ลุ้นหรือตื่นเต้นมากนะคะ แต่ก็แอบแฝงรายละเอียดสำคัญที่จะโยงไปยังตอนต่อไป ที่คนเขียนก็ลุ้นมากว่าจะเป็นตอนจบของเรื่องหรือไม่อยู่เหมือนกัน ตอนที่แล้วทิ้งปมชงมาม่าไว้จนคนอ่านตัดพ้อกันหลายคน ตอนนี้คงจะไม่มากเท่าตอนก่อนแล้วเนาะ? แล้วพบกันใหม่ตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ล่วงหน้าด้วยค่า

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
อย่าคิดมากดิภัทร เห้ยๆๆๆๆ
ไม่เอา ไม่งั้นเด๋วคิดเองเออเอง แล้วคุณเชษฐ์จะเสียใจ
มีไรต้องคุยกันนนนนน
นะๆๆๆๆ

ออฟไลน์ j_world

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-4
ภัทรจ๋า..ถ้าคิดจะใช้ชีวิตด้วยกัน มีอะไรก็ต้องคุยกัน ไม่งั้นจะไม่เข้าใจกัน..มีอะไรก็คุยกัน
การคิดมากอยู่คนเดียว มีแต่จะสร้างความทุกข์ให้ตัวเรา..และคนข้างกายด้วย
หยุดโทษตัวเอง..แล้วคุยกับคุณชษฐ์ดีกว่าจ้ะ

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ไมมาแค่นี่อ่ะ ยังไม่คืบหน้าไปไหนเลย
ถ้าให้เดาใจ คุณเชษฐ์เลือกภัทรแน่นอน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด