...เรื่องดีๆ ที่(ไม่)อยากให้รู้...จากเมื่อคืนที่หักโหมจนแทบจะสิ้นใจตาย...ฝ่ายที่ไปทำงานไม่ได้กลับเป็นผมแทน
“ลุง ข้าวต้มอยู่บนโต๊ะนะ ลุกมากินแล้วอย่าลืมล้างชามด้วย” ไอ้เปี๊ยกที่กำลังถอดผ้ากันเปื้อนอยู่โผล่หน้ามาบอกผม
ใจคอจะไม่อยู่เฝ้าไข้กันเลยเหรอวะเนี่ย แฟนใครใจร้ายจัง
ผมได้แต่นอนหลับตาปล่อยให้น้ำตาตกใน นึกอิจฉาพลังชีวิตของพวกหนุ่มๆมันซะจริง
ไอ้เปี๊ยกเห็นผมไม่ตอบ ก็เลยเดินง่อกแงกเข้ามาหา นั่งคุกเข่าลงข้างเตียงแล้วก็เอามือมาแนบแก้มผม
“อืม...ตัวก็ไม่ร้อนมากนี่นา” ผมหลับตาซุกหน้าลงกับฝ่ามือมัน เย็นสบายอย่าบอกใครเลยครับ อยากให้มันอยู่เฝ้า อยากอ้อนมันทั้งวันจริงๆ
กำลังจะเอ่ยปาก ไอ้เปี๊ยกก็เขกหน้าผากผมเบาๆแล้วชิงพูดซะก่อน “สมน้ำหน้า แก่แล้วไม่เจียม” แล้วมันก็ลุกเดินออกไป ไม่หันกลับมาอีกเลย
ฮือ~ ทำไมถึงทำกับฉานได้~
ผมได้แต่หลับตานอนเงียบๆอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย พลิกตะแคงตัวทีก็ต้องซู้ดปากที...เอวมันเคล็ดครับ...ไอ้เปี๊ยกมันลุกขึ้นไปทำงานไหวได้ยังไงวะ...
อยากจะลุกไปกินข้าวต้มแห่งรักที่มันทำไว้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ผมบอกตัวเองว่า...ขอกรูพักอีกหน่อยละกัน...ลุกไม่ไหวว่ะ
ว่าแล้วก็...ดำดิ่งเลยครับ
...
...
“พี่ธี...” อือ~ ต้าเหรอ...ทำไมกลับมาเร็วจัง
มือเย็นๆโอบแก้มผมวัดอุณหภูมิ แล้วก็ตบลงมาเบาๆ ...ยังลืมตาไม่ขึ้นครับ แต่ได้กลิ่นหอมข้าวต้มมาแต่ไกล
“พี่ธี...ลุกขึ้นมากินข้าวก่อน”
มึนหัวไปหมดเลยครับ ลืมตาขึ้นมาได้นิดหน่อยเห็นภาพหมุนๆก็ต้องหลับกลับไปเหมือนเดิม...อารมณ์อ่อนแอ อยากอ้อน ผมเลยจับข้อมือของมันไว้แล้วเอามาแนบปาก จูบลงไปเบาๆ “อือ...ต้า...ป้อนพี่หน่อย”
อีกฝ่ายเงียบไปสักพัก หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าทั้งตัวถูกลากให้ขึ้นมาเอนพิงหมอนไว้...โอย เบาๆโว้ย ปวดเอว!
พอจัดที่ทางเรียบร้อย ช้อนที่มีข้าวต้มอยู่พอดีคำก็แตะที่ริมฝีปากผม...อร่อยจัง อุ่นกำลังดีเหมือนใจผมเลย
ผมนั่งกินไปเรื่อยๆ พอเริ่มอิ่มก็ส่ายหัวไม่ยอมกินต่อ ได้ยินเสียงมันถอนหายใจหน่อยๆ จากนั้นก็เอาแก้วน้ำมาจ่อปากให้ดื่ม ตามด้วยยาเม็ดเล็กๆ...ผมซาบซึ้งจริงๆครับ นี่ถ้าต้องอยู่คนเดียวคงไม่มีใครมาคอยประคบประหงมให้แบบนี้แน่นอน
“ต้า...” ผมถอนหายใจออกมาเบาๆหลังจากที่อีกฝ่ายจับตัวผมเอนนอนตามเดิม ยื่นแขนขึ้นคว้ามั่วๆก็ไปเจอต้นคออีกฝ่ายพอดี ผมดึงมันลงมา ได้ยินเสียงร้องตกใจนิดหน่อย “...ต้า...รักต้าจัง...” พลางจูบลงไปที่ขมับเบาๆ
โป๊ก!!!
“เฮ้ย!!” กำปั้นเขกลงมาอย่างแรงเลยครับ เล่นซะผมสะดุ้งตัวเด้ง ลืมตาผึง
เยสเข้!!...ไอ้ต้อย...
“คิดว่าใครล่ะวะ!” ปากมันว่า มือมันก็ถูๆขมับตัวเองจนแดงเถือก
“อ...” ด้วยความที่ภาพมันหมุนติ้วๆ หรือเพราะความจริงที่ว่าผมดันไปจูบกับไอ้ต้อยก็ไม่รู้ ข้าวต้มจากใจถึงได้ตีขึ้นมาถึงคอหอยจนต้องเอามือปิดปากเอาไว้ เดือดร้อนไอ้ต้อยต้องรีบวิ่งหาถุงพลาสติกเป็นที่วุ่นวาย
...
...
“เฮ้อ...” หลังจากถ่มถุยความรักจอมปลอมออกไปเป็นที่เรียบร้อย อาการก็ดีขึ้นหน่อยๆครับ
“โหย...ไม่เห็นถึงขนาดต้องอ้วกเลยนี่หว่า ผมดิ อยากอ้วกมากกว่าพี่อีก” ไอ้ต้อยเดินมานั่งปุลงบนหัวเตียง คว้ากล่องเควายพลิกๆดูจนผมต้องยึดออกมาจากมือมัน...ไม่ใช่อะไร...กลัวมันของขึ้นครับ หวงพี่ยังกะหมา
“แล้วมาได้ไง”
มันหันกลับมายักคิ้วกวนๆ “ขี่ควายมามั้ง”
ไอ้เวรเอ๊ย กูยิ่งมึนๆอยู่ เดี๊ยะลุกขึ้นมารำมวยซะนี่...คิดๆดูอย่าดีกว่าครับ เอวเคล็ดอยู่
ได้ยินเสียงไอ้ต้อยมันหัวเราะหึๆแล้วถึงค่อยตอบใหม่ “ก็พี่ต้าน่ะดิ โทรมาหาแต่เช้า สั่งให้โดดเรียนมาดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย บอกว่าตัวเองติดงานต้องให้เจ้านายเซ็นเอกสาร”
ซึ้งใจครับ อย่างน้อยไอ้เปี๊ยกมันก็ยังเป็นห่วงผมอยู่...แต่ถ้ามันห่วงจริง ก็อย่าส่งไอ้น้องเมียตัวนี้มาเลย กูขอร้อง...
มันยังพูดกลั้วหัวเราะต่อ “พอมาถึงเห็นหลับอยู่ ว่าจะปลุก เห็นเรียกแต่ต้า ต้า เลยอำเล่น”
ไงล่ะมึง อำจนมีเฮ เก็บอ้วกแทบไม่ทัน
ผมหันหน้าหนีมัน...ไม่ได้งอนหรอกครับ แค่มึนหัวเท่านั้นเอง
แต่ไอ้ต้อยคงคิดว่าผมงอนมัน ก็เลยจับต้นแขนผมเขย่าใหญ่ “โอ๊ย! อย่างอนน่าเพ่ โตๆกันแล้ว...ผู้ใหญ่งอนอย่างนี้วัยรุ่นทำตัวไม่ถูกนะ หันมาก่อน หันมาดิ๊”
เลิกเขย่าได้มั้ยวะ กูจะอ้วก...
เหมือนมันจะอ่านใจผมได้ครับ มันเลิกเขย่าแล้วลุกขึ้นเดินไปมา
“เอางี้ละกัน ผมเล่านิทานก่อนนอนให้ฟังไถ่โทษดีมะ?”
มันเห็นผมเป็นเด็กหรือไงวะ
“...เอาเรื่องไรดี...นึกออกแล้วๆ...เรื่องตำนานรักของผมกับ...”
ผมรีบพูดแทรก “ไม่เอา ไม่อยากฟัง” อยากอวดก็ว่ามาเหอะ เรื่องอะไรต้องไปฟังเรื่องของมันล่ะครับ ธุระไม่ใช่...ให้มันฟังตำนานรักข้ามคืนของผมยังเวิร์คกว่า...
“โห่ เรื่องมาก งั้นเอาเป็น...”
ปวดหัวครับ ปวดหัวจริงๆ ยิ่งฟังเสียงหงุงหงิงของไอ้ต้อยแล้วยิ่งอยากอ้วก ผมเลยเอาผ้าห่มคลุมโปงตัวเองซะเลย
ไอ้ต้อยดูจะไม่ยี่หระ มันเดินมานั่งปุทับผ้าห่มผมอย่างไม่เกรงใจ
“พี่รู้ปะ ผมน่ะ เคยอัดคนซี่โครงหักมาแล้วนะ” ...มันกลับมาอีกแล้วครับ ตำนานสะท้านภพของมัน แค่ฟังก็เสียวตับแล้ว ผมรีบเปิดผ้าห่มขึ้น เห็นมันพลิกๆกล่องถุงยางที่หัวเตียงเล่นเลยยึดมา แล้วก็มุดหลบในผ้าห่มต่อ...เอาสิวะ กูมีที่กำบังนะเว้ย
“อ้อ! ลืมบอกไป คนละคนกับที่ผมเคยเล่าให้ฟังนะ...รายนี้น่ะ แม่งแอบถ่ายรูปพี่ต้าไปชักว่าวในห้องน้ำ ผมเห็นพอดีเลยงานเข้า” ...ขอบคุณว่ะ ไอ้น้อง ไอ้พวกโรคจิตอย่างนั้นมันสมควรตาย...
“อีกคนนะพี่ รายนี้มันแอบเอาช้อนพี่ต้าไปอมเล่น...ฟันหักไปสี่ซี่...หึๆ สถิติผมเลยล่ะ” มันถือว่าพ่อมันเป็นตำรวจเลยทำอะไรก็ได้หรอวะ...บ้านเมืองมีขื่อมีแป...มึงอย่าเข้ามานะเว้ย!!!
ไอ้ต้อยเอาฝ่ามือตบลงมาบนไหล่ผมดังปุๆ ทะลุฝ่าชั้นผ้านวมมาแล้วยังหนักแน่นสมชายชาตรีอยู่เลยครับ
“แล้วรู้เปล่า ทำไมไอ้เชี่ยที่หลอกฟันพี่กู มันยังมีชีวิตอยู่ได้ถึงตอนนี้....โดยที่โดนไปแค่หมัดเดียว”
มันเรียกหมัดนั่นว่าแค่หมัดเดียวหรอวะ??? เท่าที่จำได้ มันซัดจนขาผมลอยขึ้นจากพื้น หลังจากนั้นก็ชักดิ้นชักงอลงไปคลานเป็นหมาอยู่หลายนาทีเลยนะครับนั่น คิดแล้วยังหวาดเสียวไม่หาย
“...ก็เพราะว่า...พี่ต้ามันดันมาบอกไว้...” มันพูดแค่นั้นแล้วก็เงียบหายไป ปล่อยให้ผมลุ้นอยู่นานสองนาน...ไอ้เปี๊ยกมันบอกไว้ว่าอะไรล่ะ...
เหมือนเราจะลองใจกันอยู่นานพอดู ไอ้ต้อยก็รอให้ผมโผล่หน้าออกไป ผมก็รอให้ไอ้ต้อยพูดต่อ ในห้องเงียบสนิท เวลาเหมือนจะผ่านไปอย่างเชื่องช้า ต่างจากหัวใจผมที่เต้นซะรัวเร็วเลยครับ
“มันบอกว่า...” แน่ะ...มีหลอกให้อยากอีกนะมึง
สุดท้ายผมทนไม่ไหว เลยต้องยอมโผล่หน้าออกไปมองมันครับ เห็นมันนั่งยิ้มกริ่มมองผมอยู่ก่อนแล้ว...รู้สึกโดนถอนหงอกพิกล
“ว่าอะไร มึงบอกมา”
“โหยเพ่! เรื่องนี้น่ะ ความลับระดับเอฟบีไอยังสืบไม่ได้เลยนะ” นั่นไงครับ ลูกไม้ของมัน...ช่วงเวลาสี่เดือนที่ผ่านมา กว่าข่าวคราวไอ้เปี๊ยกจะหลุดออกจากปากมันได้นี่ ผมต้องทำตัวอย่างกับเป็นเสี่ยเลี้ยงมัน
“...เอาไรล่ะ คราวนี้”
“อืมมม~” มีตั้งท่าคิดอีกครับ กูรู้น่าว่ามึงคิดมาเรียบร้อยแล้ว “กีต้าร์ไฟฟ้าละกันเพ่” นั่นไงครับ ผมคิดเสร็จปุ๊บมันตอบปั๊บเลย
“เออ” ผมตอบไปส่งๆ หันหน้าหนีมัน ขี้เกียจมองมันยิ้มแฉ่งครับ หมั่นไส้พิลึก
ไอ้ต้อยทำตัวเป็นอีหนู นวดแขนผมใหญ่ “...เสี่ยขา...พี่ต้ามันบอกว่า...หว่า...วา...ว้า...”
“มึงเลิกลีลาเลยไอ้ต้อย บอกมาเร็วๆ” ผมหันกลับไปตบกะโหลกมันป้าบหนึ่ง
“ไม่ขำเลย คนแก่ไม่ขำ บอกก็ได้วะ...พี่ต้ามันบอกว่า...”
...
...
ไอ้ต้อยกลับไปแล้วครับ เหลือแต่ผมที่อาการดีกว่าเมื่อเช้ามากมาย นอนฉีกยิ้มเป็นไอ้บ้าบวกง่อยอยู่บนเตียง
...ไอ้เปี๊ยกมันพูดอย่างงั้นจริงๆน่ะ...โอ๊ย!! อยากกอดมันตอนนี้เลยครับ อยากจะจูบมันแล้วบอกว่ารักมันอีกซัก...พันครั้งน้อยไปรึเปล่านะ...
ผมนอนหลับตาอย่างมีความสุข รอเวลาไอ้เปี๊ยกมันกลับมา...อืม...อีกตั้งสี่ชั่วโมง
...
...
หลังมือเย็นๆแตะลงที่ซอกคอ เรียกให้ผมเริ่มตื่นขึ้นมา...ไอ้ต้อยกลับมาอีกเหรอวะ...
“ไข้ลดแล้วนี่นา” ...ไอ้เปี๊ยกเองครับ นี่ผมหลับรวดไปสี่ชั่วโมงเชียว
ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหาวเบาๆ จากนั้นผ้าห่มก็ถูกเลิกขึ้น พื้นเตียงยวบเบาๆ ตามด้วยกลิ่นประจำของมัน
ผมตะแคงตัวกอดมันเอาไว้แนบอก ลืมตาขึ้นมอง ดูไอ้เปี๊ยกตกใจหน่อยๆ แต่สักพักก็ผ่อนคลาย เหลือบมองนาฬิกา...ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานมันเลยครับ ผมหลับไปแค่ชั่วโมงเดียวเอง...
“ทำไมกลับมาเร็วล่ะ?” ผมถามพลางลูบหัวมันเบาๆ มันยังอยู่ในชุดทำงานอยู่เลยครับ
“เจ้านายเห็นว่าเป็นไข้ เลยไล่กลับมานอนน่ะสิ” มันพูดพลางหยิกมือที่ทำท่าจะซุกซนของผม
...ปากแข็งจริงๆครับ บอกมาก็ได้นี่นาว่าห่วงน่ะ ไอ้ต้อยมันยังบอกผมเลยว่าเมื่อเช้าไอ้เปี๊ยกโทรถามอาการผมตั้งหลายครั้ง...
ผมซุกจมูกเข้ากับซอกคอมันแล้วหอมฟอดใหญ่ “ต้าครับ รักที่สุดเลย...”
ไอ้เปี๊ยกขยับตัวยุกยิก “เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกล่ะ”
ผมยิ้มกว้าง กระซิบกับหูมัน “บ้าสิครับ เพราะคนนี้น่ะสอนให้พี่รู้จัก ‘ความรักที่เป็นความรัก’ นี่นา”
ไอ้เปี๊ยกตัวแข็งค้างไปพักใหญ่ จากนั้นก็ก้มหน้างุดไม่พูดอะไรอีก...ถ้าให้ผมเดานะ พรุ่งนี้ไอ้ต้อยคงจะอ่วมอรทัยน่าดูเหมือนกัน ค่าที่เอาพี่มันมาแฉให้ผมฟังน่ะ...แต่ก็ดีครับ ถือว่าได้แก้แค้นมันซะบ้าง
“ต้าครับ” จูบแก้มมัน พยายามจับคางมันหันมามันก็ไม่ยอม
“ปล่อยเลยไอ้ลุงบ้า หิวจะตายห่าแล้ว ปล่อยโว้ย...ปล่อ...อะ...”
ผมเลียริมฝีปากแล้วก้มลงชิมอาหารตรงหน้าต่อ อร่อยจริงๆครับจานนี้ ทั้งรูป ทั้งรส กลิ่น เสียง แล้วยังสัมผัสอีก...สมบูรณ์แบบจริงๆ...
...ลืมถามมันไปเลยครับ ว่ามันลาออกจากงานรึยัง...
...แต่ช่างเหอะ ให้มันไปลาวันมะรืนก็ได้ หึๆๆ...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
END
เอาล่ะค่ะ...ถือว่าปลอบใจกันพอหอมปากหอมคอแล้วนะคะ
ได้ฤกษ์จะเริ่มเรื่องเพื่อนธีเสียที...แต่...เมื่อไหร่ค่อยว่ากันค่ะ จันทร์นี้ทำงานแล้ว
...ม่ายยยยย!! หนูยังไม่พร้อมมมมม!!!!