A 73
เรื่องมันเกิดขึ้นเร็วมากจนแม้แต่แม็กซ์เองก็คงยังตั้งตัวไม่ทันด้วยเหมือนกัน หลังจากที่สิ้นเสียงของแม็กซ์ลง นัทก็พุ่งเข้าไปผลักอกของเขาอย่างแรง และเมื่อเห็นดังนั้นแล้ว ผมที่ยืนอยู่ข้างๆนัทจึงรีบพุ่งเข้าไปดึงตัวของนัทเอาไว้อย่างรวดเร็วทันทีด้วยเหมือนกัน
“นัท!!”
“เฮ้ย! เหี้ยอะไรวะ!!” แม็กซ์ร้องออกมาพร้อมกับพยายามตั้งหลักเอาไว้ “มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึงวะ ไอ้นัท!” เขาตะคอกพร้อมกับผลักอกนัทคืนอย่างแรง
“ไอ้สัตว์แม็กซ์!! มึง...... !!” นัททำท่าจะพุ่งตัวเข้าไปหาแม็กซ์อีกรอบ ผมจึงต้องพยายามใช้มือขวาข้างเดียวที่เหลือดีอยู่ของตัวเองดึงเขาเอาไว้อย่างสุดแรง
“นัท!!” ผมร้องห้ามออกมา “อย่า!!”
“มึงอยากจะหาเรื่องพวกกูก่อนรึไงวะ ไอ้เชี่ยนัท!” เคเดินก้าวเข้ามาขวางระหว่างนัทกับแม็กซ์เอาไว้ด้วยสีหน้าที่พร้อมจะมีเรื่องเต็มที่
“นัท! พอได้แล้ว!!” ผมเขยิบเข้าไปใช้ร่างกายของตัวเองบังนัทเอาไว้จากคนพวกนี้ พร้อมกับพยายามดันให้เขาถอยหลังออกไปอีกเล็กน้อยด้วย
และด้วยความที่ผมกำลังใช้ร่างกายของตัวเองเป็นเหมือนกันชนแทนนัทและกำลังหันหลังให้กับพวกแม็กซ์อยู่นั้นเอง ผมจึงไม่รู้ตัวเลยว่าไอ้คนที่ยืนอยู่สี่คนด้านหลังของผมนั้นมันกำลังและพยายามจะทำอะไรกันอยู่บ้าง เมื่อผมรู้สึกตัวอีกทีก็คือว่ามีใครบางคนใช้ร่างกายของเขากระแทกเข้ากับร่างกายฝั่งซ้ายของผมอย่างแรงเพื่อที่จะให้ผมหลบไปให้พ้นทาง แต่ผลที่ตามมาไม่ใช่แค่ผมที่ถูกชนจนกระเด็นออกจากจุดที่ยืนอยู่ แต่ยังเป็นแรงกระแทกจากคนๆนั้นที่กระเทือนไปถึงข้อมือซ้ายของผมแบบเต็มๆอีกด้วย
“โอ๊ยยยย!!!!” ผมร้องออกมาอย่างเจ็บปวดพร้อมกับทรุดตัวลงกุมข้อมือของตัวเองไว้
“นนท์!!” นัทร้องออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับรีบพุ่งเข้ามาหาผมทันที “เป็นไรป่าว!”
“ไอ้เหี้ย สำออย!” เคพูดขึ้น
“มึงว่าไงนะ!!” นัททำท่าจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แต่โชคดีที่ผมยังรั้งตัวของเขาเอาไว้ได้ทัน
“หยุดเลยนัท! นนท์ไม่เป็นไรหรอก”
“ไอ้แม็กซ์! ไอ้เค! พวกมึงทำเหี้ยอะไรกันวะ!!” เสียงของโจดังขึ้นก่อนที่ผมจะเห็นตัวเขาเสียอีก และเมื่อผมเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเขากำลังเดินตรงเข้ามาหาพวกเราอย่างรวดเร็วจนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่ที่เบื้องหน้าผมกับนัท เขายืนขวางเราสองคนกับพวกแม็กซ์เอาไว้
“มึงอย่าเสือก ไอ้เชี่ยโจ!” เคตะคอก
“นี่ตกลงมึงจะเอาอย่างนี้จริงๆใช่มั๊ยวะ ไอ้โจ” แม็กซ์พูด
โจหันมาก้มลงมองผมแล้วพูดเบาๆ “ไหวป่าววะ ไอ้นนท์”
“ไหวๆ” ผมยืนขึ้นโดยมีนัทช่วยพยุง
“ไอ้พวกเหี้ยนี่มันทำอะไรมึง” โจหันกลับไปพูดกับพวกแม็กซ์ด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง
“ครวยเหอะ ไอ้เชี่ยโจ!” คราวนี้ถึงตาติ๊กพูดขึ้นบ้าง “ไอ้เชี่ยนัทมันมาหาเรื่องพวกกูก่อนนะเว้ย”
“เฮ้ยย! ไอ้นัท ไอ้นนท์!!” คราวนี้เป็นเสียงของเจย์ที่ดังขึ้นจากทางด้านในโรงอาหาร ผมมองเห็นเขากำลังรีบวิ่งออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเพื่อนๆคนอื่นของเรา
“ไปเหอะ ไอ้แม็กซ์ คนเริ่มมุงแล้วนะเว้ย เดี๋ยวอาจารย์ก็มาหรอก” เอกที่ยืนเงียบมาโดยตลอดพูดขึ้นบ้าง ซึ่งก็ทำให้ผมสังเกตเห็นเด็กนักเรียนคนอื่นๆที่เริ่มจะหันมาให้ความสนใจพวกเรามากขึ้นแล้วจริงๆ
เมื่อเจย์และคนอื่นๆเดินมาถึงตัวของผมแล้ว พวกของแม็กซ์ทุกคนก็เดินหลบออกไปอีกทางหนึ่งทันที
“เฮ้ย! อะไรวะ ไอ้พวกเหี้ยนี่!!” เจย์โวยวายและทำท่าจะตามไปหาเรื่องพวกนั้นต่อ
“มึงหยุดเลย ไอ้หมี!!” ทั้งเคนและตี๋เล็กพูดขึ้นพร้อมๆกันและต่างก็ช่วยกันรั้งตัวของเจย์เอาไว้ด้วย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมจู่ๆพวกมึงก็ไปชนกับพวกไอ้เชี่ยนั่นได้” ป๊อปถามขึ้นโดยมองหน้าผมกับนัทสลับกัน
ผมหันไปมองหน้านัทที่กำลังก้มหน้าหลบสายตาของผมอยู่ ก่อนที่จะหันกลับมาหาทุกคน “ไปหาที่คุยกันที่อื่นเถอะว่ะ ตรงนี้คนเยอะเกินไป.......”
“งั้นก็รีบๆไปเหอะ ว่าแต่มึงเจ็บมากมั๊ยวะ ไอ้นนท์”
“ไม่เป็นไรอ่ะ ไอ้เจย์ เดี๋ยวก็หาย” ผมตอบพลางเริ่มออกเดินไปพร้อมๆกับทุกคนด้วย
“ไอ้โจ มึงก็มาด้วยกันดิ่วะ” นัทหันไปพูดกับโจที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม “กูก็อยากคุยกับมึงเหมือนกัน”
โจดูลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินตามพวกเรามาด้วย
“ตกลงว่าเมื่อกี๊มันเกิดอะไรขึ้นวะ มันมาหาเรื่องอะไรพวกมึงอีกรึไง” เจย์ถามขึ้นขณะที่เรากำลังเดินกันอยู่
“เปล่าหรอก จะว่าแบบนั้นก็ไม่ใช่........” ผมหันไปมองหน้านัท ทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองหน้าเขาเป็นตาเดียวกัน
นัทมองพวกเราทุกคนแล้วถอนหายใจเบาๆ “เออ กูขอโทษ กูผิดเองแหละ........”
“หืออ มึงทำอะไรวะ ไอ้นัท” เคนถามด้วยความแปลกใจ “อย่าบอกนะว่ามึงเป็นฝ่ายเริ่มไปหาเรื่องพวกมันก่อนน่ะ”
“กูบอกแล้วไงว่ากูขอโทษ กูผิดเองจริงๆ เมื่อกี๊กูน็อตหลุดไปหน่อยน่ะ”
“นนท์ตกใจหมดเลยรู้ป่ะ นัท จู่ๆก็เล่นพุ่งเข้าไปหาไอ้แม็กซ์แบบนั้นน่ะ” ผมพูดกับเขา “ทำไมอ่ะนัท ตอนนั้นนัทเป็นอะไรวะเนี่ย ดูไม่สมกับเป็นนัทเลยนะเว้ย”
พวกเราทุกคนเดินไปหยุดอยู่ที่ศาลาข้างๆอาคารสี่ที่ว่างอยู่ จากนั้นพวกเราก็เริ่มนั่งลงกันเพื่อรอฟังคำตอบจากปากของนัทว่าเมื่อกี๊มันเกิดอะไรขึ้น ยกเว้นก็แค่โจเพียงคนเดียวที่ยืนเอามือกอดอกพิงต้นไม้ต้นใหญ่อยู่ตรงหน้าพวกเรา
“ไอ้โจ.......” นัทพูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่โจ “มึงรู้ใช่มั๊ยว่าใครที่เป็นคนผลักนนท์ตกบันได”
คำถามของนัททำให้ทุกคนเบนความสนใจไปที่โจพร้อมๆกันทันที และเมื่อดูจากการที่ทั้งเคน เจย์ และตี๋เล็กต่างก็นิ่งเฉยไม่มีใครพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยสักคน ผมก็พอจะเดาได้ว่าพวกเขาคงจะได้ยินเรื่องนี้จากนัท วายุ หรือไม่ก็ป๊อปกันมาเรียบร้อยแล้วอย่างแน่นอน
“กูไม่รู้” โจส่ายหน้า
“อ้าว ก็ไหนตอนนั้นมึงบอก.......”
“กูไม่แน่ใจว่าเป็นใคร” โจพูดขัดขึ้นเสียก่อนที่นัทจะพูดจบ “กูคิดว่าก็ต้องเป็นพวกแม่งหนึ่งในสามคนนั่นแหละ แต่กูไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่”
“สามคนเหรอวะ” ตี๋เล็กนิ่วหน้า “ใครวะสามคน ในเมื่อกลุ่มไอ้แม็กซ์เนี่ย ถ้าตัดมึงออกไปแล้วมันก็มีกันสี่คนไม่ใช่เหรอวะ”
“ไอ้เอกไม่ใช่แน่ๆ” โจตอบ “กูรู้นิสัยมันดี มันไม่กล้าทำถึงขนาดนั้นหรอก”
“งั้นก็เหลือไอ้แม็กซ์ ไอ้ติ๊ก แล้วก็ไอ้เค.....” เคนพึมพำออกมาเบาๆ
“กูว่าไอ้เคกับไอ้แม็กซ์ดูเป็นไปได้มากที่สุด แต่ใจกูคิดว่าน่าจะเป็นไอ้เคมากกว่า เพราะแม้แต่ไอ้แม็กซ์เองมันก็คงไม่กล้าเล่นแรงขนาดนั้นหรอก” โจอธิบาย “แต่กูก็ไม่รู้หรอกนะ ก็แค่เดาเอาเท่านั้นเอง”
“แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรวะ ไอ้นัท” เจย์หันไปถามนัท
“คือ....... เอาจริงๆก็เพราะว่าเมื่อกี๊ตอนกูกับนนท์กำลังจะเดินกลับเข้าไปในโรงอาหารน่ะ กูสองคนไปเจอเข้ากับพวกมันพอดี คือเกือบจะชนกันอยู่แล้วอ่ะ และพอกูกับมันต่างคนต่างหยุด มัน...... ไอ้แม็กซ์มันก็พูดคำๆนั้นออกมาอ่ะว่ะ”
“คำๆนั้นเหรอวะ” ป๊อปถาม
“คำๆเดียวกับที่นนท์ได้ยินก่อนจะตกบันไดน่ะแหละ”
“อ๋อออ ที่ว่า ไอ้....”
“ไอ้ป๊อป!” ตี๋เล็กรีบหยุดป๊อปเอาไว้ก่อนที่เขาจะพูดคำๆนั้นออกมา
“อือ ใช่ แล้วพอกูได้ยินคำนั้นออกมาจากปากของมัน ในหัวกูมันก็โล่งไปหมดเลย ความคิดแรกของกูคือ ‘ชัดเลย ไอ้เหี้ยนี่นี่เอง ที่มันทำแฟนกู!’ แบบนั้นอ่ะ แล้วคือ กูเองก็กำลังคิดมากไม่ค่อยสบายใจอยู่แล้วด้วยมั๊ง พอมาได้ยินแบบนั้นจากปากไอ้เชี่ยแม็กซ์ พอคิดว่าต้องเป็นแม่งแน่ๆที่ทำนนท์ แล้วก็พอเห็นสีหน้าของมันแบบนั้นด้วยแล้ว กูก็ขาดผึงเลย พอรู้สึกตัวอีกทีกูก็พุ่งเข้าไปหามันแบบไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่นแล้วอ่ะ คือตอนนั้นมันโมโหมากอ่ะว่ะ กูต้องขอโทษพวกมึงจริงๆนะเว้ย”
“มึงจะขอโทษพวกกูทำไมวะ ไอ้นัท” ตี๋เล็กวางมือลงบนไหล่ของนัทแล้วตบเบาๆสองสามครั้ง “พวกกูก็เข้าใจมึงหรอกนะเว้ย ก็ไอ้เหี้ยนั่นแม่งก็กวนตีนจริงๆนี่หว่า”
“ช่ายๆ อย่างน้อยก็ยังดีนะเว้ยที่พวกมึงยังไม่ทันมีเรื่องกันอ่ะ เพราะถ้าเรื่องถึงอาจารย์ล่ะก็ยุ่งตายห่าเลย” ป๊อปพูด
“ยิ่งมึงเป็นรองประธานด้วยเนี่ยสิ ไอ้นัท” เคนส่ายหน้าเบาๆ “เสียชื่อตายห่าเลยมึงเอ๊ยยย”
“คราวหลังมึงจะทำอะไรก็ใจเย็นๆก่อนเว้ย ไอ้นัท อย่าไปเสี่ยงกะไอ้พวกเหี้ยนั่นเลย กับคนแบบมึงแล้วแม่งไม่คุ้มหรอกว่ะ” เจย์พูดขึ้นบ้าง และคำพูดของเขาก็ทำให้พวกเราต้องประหลาดใจไปตามๆกันทันที
“โอ้โหเว้ยยย มึงดูซิว่าใครพูดประโยคนั้นออกมา” เคนหันไปทำหน้าทะเล้นใส่เจย์
“กูหมายถึงว่า อย่าเริ่มโดยไม่มีกูต่างหาก” เจย์หัวเราะ “พวกมึงอ่ะ ปล่อยให้กูรับหน้าที่โดนอาจารย์ด่าฝ่ายเดียวก็พอ นี่เมื่อกี๊ยังโชคดีนะที่อย่างน้อยไอ้โจก็ยังโผล่ไปที่นั่นทันเวลาน่ะ” เมื่อพูดจบแล้วเขาก็หันไปหาโจ และจากนั้นเขาก็พูดบางอย่างที่ผมไม่คิดเลยว่าจะได้ยินออกมาจากปากของเขาคนนี้ออกมา “ขอบใจเว้ย ไอ้โจ ที่เข้ามาขวางและมาช่วยเพื่อนกูเอาไว้”
แม้แต่โจเองก็ยังดูจะตกใจกับคำพูดของเจย์ไปด้วยเลยเหมือนกัน “เออ ไม่เป็นไร”
“แล้วก็มึง ไอ้นนท์” เจย์หันมาหาผม “คราวหน้าคราวหลัง เรื่องใหญ่แบบนั้นน่ะ อย่าเก็บไว้คนเดียวอีกนะเว้ย จริงๆกูก็แอบเคืองนะเนี่ยที่ไม่คิดจะบอกกูเหมือนที่มึงบอกไอ้สามคนนั้นน่ะ นี่ถ้าไอ้ยุมันไม่เล่าให้กูกะไอ้แป้นฟัง พวกกูก็คงยังไม่รู้เรื่องล่ะมั๊งเนี่ย ถึงกูจะใจร้อน แต่ถ้ามึงคุยกะกูดีๆ กูก็เข้าใจภาษามนุษย์เหมือนกันนั่นแหละน่า เข้าใจรึเปล่า”
“เออๆ กูขอโทษที่กูไม่ได้บอกพวกมึงทุกคน แต่กูก็ไม่ได้อยากจะเล่าเรื่องแบบนั้นบ่อยหลายรอบนักหรอก กูขอโทษพวกมึงด้วยคนก็แล้วกัน”
“เอาเหอะๆน่า ถึงไงเรื่องมันก็ผ่านไปแล้วเนอะ ไม่ว่าจะยังไงไอ้นนท์มันก็คงไม่หายเจ็บได้เพราะคำพูดหรือไปมีเรื่องกับพวกไอ้แม็กซ์หรอก จริงป่ะล่ะ” เคนพูด
“เฮ้ย แป๊บนะมึง เมสเสจกูมาว่ะ สงสัยไอ้ยุแหงๆเลย......” นัทล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง “ใช่จริงๆด้วยว่ะ”
“มันว่าไงวะ ไอ้คริสเป็นไงมั่ง” ป๊อปถามขึ้นทันที
“เดี๋ยวๆ กูเปิดอยู่ ใจเย็นสิวะ”
“งั้นกูไปก่อนล่ะน่ะ” โจพูดขึ้น
“อ้าว อ่ะ เออ แล้วไว้เจอกันเว้ย โจ” ผมโบกมือลาเขาที่กำลังเดินจากไป แต่พวกเราคนอื่นๆกลับไม่มีใครหันไปสนใจเขาที่เดินออกไปเลยแม้แต่คนเดียว
“ไอ้ยุมันบอกว่า ‘ตอนทุ่มตรง พวกมึงอยู่กันให้พร้อม กูจะโทรไปทีเดียว’ แบบนี้อ่ะว่ะ” นัทอ่านข้อความในโทรศัพท์ออกมาให้พวกเราได้ยินกันทุกคน
“งั้นคืนนี้ก็ไปเจอกันห้องไอ้นัทเหมือนเคยสินะ” เจย์พูดเบาๆ “กูอยากรู้ใจจะขาดแล้วเนี่ยว่ามันมีเรื่องอะไรยังไงกันบ้าง ไม่รู้ไอ้คริสมันเป็นยังไงมั่งแล้วเนี่ย แล้วก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้มันจะมาเรียนรึเปล่าวะ”
“ใจเย็นไอ้เจย์ เดี๋ยวคืนนี้มึงก็รู้แล้วน่า......” เคนตบบ่าเจย์เบาๆ “พวกเราทุกคนก็จะได้รู้เรื่องไอ้คริสกันวันนี้แหละ กูเองก็เป็นห่วงมันเหมือนกันนะเว้ย”
“พวกเราก็เป็นห่วงมันกันหมดทุกคนนั่นแหละ แต่ถึงไงเราก็ได้แต่รอจนกว่าจะถึงเย็นนี้แหละนะ” นัทพูดพร้อมกับเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋ากางเกงไป
เย็นนั้นหลังจากที่พวกเรากินข้าวกันเสร็จแล้ว เราก็เคลื่อนทัพกันขึ้นมานั่งอยู่ในห้องของนัทอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา แต่ระหว่างที่เรากำลังรอโทรศัพท์ของวายุกันอยู่นั้น เราก็ไม่ได้นั่งเล่นหรือพูดคุยเจี๊ยวจ๊าวกันอย่างที่ผมคิดว่าจะต้องเป็นแบบนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะว่านัทออกคำสั่งห้ามพวกเราทำเสียงดังโดยเด็ดขาด และเขาก็ยังบอกให้พวกเราเอาการบ้านที่มีอยู่ออกมาช่วยกันนั่งทำอีกด้วย
“ว๊อยยยยยยยย!! เมื่อไหร่ไอ้ยุมันจะโทรมาวะ!” ป๊อปโยนปากกาลงบนพื้นแล้วโวยขึ้น “นี่มันทุ่มสิบห้าแล้วนะเว้ยยย”
“มึงเป็นห่วงไอ้คริสหรือมึงขี้เกียจทำการบ้านกันแน่วะ ไอ้ป๊อป”
“สาดดด เชี่ยตี๋แม่งรู้ทันอีกและ” ป๊อปหัวเราะ
และเมื่อสิ้นเสียงของป๊อป โทรศัพท์ของนัทก็ดังขึ้นทันที พวกเราทุกคนต่างก็วางปากกาและสมุดหนังสือที่ถืออยู่ในมือลงพร้อมกับหันไปหานัทอย่างพร้อมเพรียงกัน
“เออ ไอ้ยุ......” นัทรับสาย “อือ อยู่กะกูกันทุกคนนี่แหละ งั้นกูกดสปี๊คเกอร์เลยนะ” เขากดปุ่มบนโทรศัพท์สองสามครั้งจากนั้นก็วางมันลงบนเตียงที่พวกเราทุกคนนั่งๆนอนๆล้อมรอบกันอยู่
“เออ พวกมึง” เสียงของวายุดังขึ้น
“เฮ้ย ไอ้ยุ ไอ้คริสเป็นไงมั่งวะ แล้วมันอยู่ไหนวะเนี่ย” เจย์ถามขึ้นเป็นคนแรก
“ตอนนี้พวกกูมานอนกันที่บ้านพ่อเล็กกะป๊าน่ะ ส่วนไอ้คริสมันกำลังคุยอยู่กับพวกป๊าที่ห้องกินข้าว กูก็เลยเดินออกมาโทรหาพวกมึงนอกบ้านเนี่ย”
“แล้วพวกมึงจะมาเรียนป่าววะ พรุ่งนี้อ่ะ”
“ไปๆ ไอ้ป๊อป เดี๋ยวพรุ่งนี้กูก็ไปเรียนพร้อมกะมันตอนเช้าแหละ แต่พวกมึงไม่ต้องพูดอะไรกับมันนะเว้ย กูว่ามันคงยังไม่พร้อมเท่าไหร่อ่ะว่ะ”
“แล้วตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับมันกันแน่วะ ไอ้ยุ ทำไมจู่ๆพ่อแม่มันถึงได้....... รู้เรื่องนั้นขึ้นมาได้อ่ะ” คราวนี้นัทเป็นฝ่ายถามขึ้นบ้าง
“กูก็ไม่รู้จะเริ่มต้นเล่ายังไงดีอ่ะนะเว้ย พวกมึง แต่กูจะพยายามเล่าให้พวกมึงฟังแบบละเอียดที่สุดเท่าที่กูจะทำได้ก็แล้วกัน.......”