สานฝันนิรันดร : ขอบคุณทุกคน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

๑.   สนใจสั่งจอง
5 (55.6%)
๒.   ขอคิดดูก่อน
4 (44.4%)
๓.   ไม่สนใจ
0 (0%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 5

ปิดการโหวต: 31-05-2012 00:47:21

ผู้เขียน หัวข้อ: สานฝันนิรันดร : ขอบคุณทุกคน  (อ่าน 212281 ครั้ง)

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
สงสารสเตฟานมากๆ
ภูริทัตรีบนึกให้ออกนะ
คู่นี้มีความสุขกันบ้างเหอะ

บวก 1 แต้มจ้า ขอบคุณนะจ๊ะ

ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
ค้างคา สงสารทั้งคู่มากมาย.....บรรยากาศตอนนี้เศร้า แบบ มีความหวังรำไร

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
บทที่ ๕๓

“สานฝัน” ภูริทัตเรียก แล้วโอบกอดร่างนั้นไว้ วางคางลงบนไหล่ แนบแก้มลงไปบนต้นคอที่อบอุ่น
สเตฟานสะดุ้งน้อยๆ ร่างกายสั่นสะท้าน ด้วยความรู้สึกหลากหลายที่พลุ่งพล่านขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะยกมือของตน วางลงบนมือหนาใหญ่ที่โอบเอวอยู่ แล้วลูบไล้อย่างแผ่วเบา

ภูริทัตรู้สึกได้ถึงร่างกายที่อบอุ่นในอ้อมกอด ความรู้สึกปรารถนาเริ่มครุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ มือที่อยู่เฉยเริ่มไล่เปะปะไปตามร่างกายของอีกคนหนึ่ง เสียงหอบหายใจบ่งบอกความรัญจวนของอีกฝ่าย ชายหนุ่มเริ่มไล่จมูกและริมฝีปากไปตามซอกคอเนียนนุ่ม ขาของเขาก็เริ่มก้าวถอยหลัง พาคนในอ้อมกอดให้ตามมายังเตียงทางเบื้องหลัง

ทั้งสองคนต่างก็ลืมเลือนสถานะของตนและอีกฝ่ายจนสิ้นเชิง  สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงการเคลื่อนไหวและเสียงหอบหายใจ ที่เป็นไปตามแรงปรารถนาอันซ่อนเร้นมานาน ซึ่งประทุขึ้นโดยไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางได้อีกต่อไป
.......................................................................
..................................
ในตอนนั้น ...
ความแตกต่างของเผ่าพันธ์ ไม่ใช่สิ่งขวางกั้น
ความทรงจำเก่าๆ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องนำมาคิดคำนึง
ถึงแม้วันข้างหน้า เขาจะยังจดจำไม่ได้ ชายหนุ่มก็ไม่ได้กังวล
ขอเพียงมีคนที่อยู่ในอ้อมกอดอยู่เคียงข้างเขา และร่วมกันสร้างความทรงจำขึ้นมาใหม่
ภูริทัตมั่นใจว่า มันคงไม่ต่างจากความทรงจำเก่าๆที่เขาลืมไปสักเท่าไรนัก

มาจนถึงบัดนี้ ...
กาลเวลาพิสูจน์แล้วว่าเขาคิดไม่ผิด

ภูริทัตเหลียวหน้ามองดูคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงที่เขานั่งพิงพนักหัวเตียงอยู่ ถึงดวงตาของเขาจะไม่สดใสเช่นวัยหนุ่ม แต่ในแววตายังคงเต็มไปด้วยความรักต่อคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ดวงตาสีมรกตสดใสคู่นั้น ก็มองดูเขาด้วยแววตาที่บ่งบอกความหมายไม่ต่างกันนัก
“กี่ปีมาแล้วนะ ตั้งแต่วันนั้น” ภูริทัตถามช้าๆ เสียงแหบพร่า แต่ยังคงอ่อนโยน
“วันไหนล่ะ” สเตฟานย้อนถามอย่างอารมณ็ดี
“วันที่คุณเป็นของผมอย่างแท้จริงไง” รอยยิ้มจางๆผุดขึ้นบนใบหน้าของภูริทัต
“ผมเคยบอกคุณแล้วไง ว่าผมเป็นของคุณ ตั้งแต่วันแรกที่เราพบกันแล้ว” สเตฟานตอบแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ ไปนั่งลงบนเตียงกว้างเคียงข้างภูริทัต “ผมไม่อยากจำว่ามันผ่านมานานเท่าไหร่แล้ว ผมอยากจำเพียงความสุขของพวกเราเท่านั้น” พูดแล้วก็ซบหน้าลงไปบนไหล่ของภูริทัต
“สานฝัน” ภูริทัตเรียกเบาๆ “ต่อไปในความทรงจำของคุณ ผมจะเป็นเด็กชายตัวผอมๆ หรือชายหนุ่มแรกรัก ... หรือว่าเป็นชายแก่ที่ใกล้หมดลมหายใจคนนี้”
“ผมจดจำไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน ขอเป็นช่วงเวลาที่ผมได้อยู่กับคุณ ผมจะเก็บมันไว้ทั้งหมด” น้ำตาของสเตฟานเริ่มก่อตัวอยู่ในดวงตา แล้วไหลผ่านแก้ม บางส่วนหยดลงไปบนลำคอของภูริทัต
“คุณสัญญาแล้วไง ว่าจะไม่ร้องไห้” ภูริทัตยกมืออันเหี่ยวย่นเพราะความชราภาพ ขึ้นเช็ดน้ำตาให้สเตฟาน “อย่าทำให้ผมเป็นห่วงสิ คุณไม่ต้องเสียใจไปหรอก มันเป็นธรรมดาของชีวิต”
“ผมไม่ได้เสียใจ” สเตฟานยกแขนขึ้นโอบภูริทัตไว้ “น้ำตาผมไหลเพราะความสุขต่างหาก ความสุขจากการที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับคุณ”
“ต่อไปคุณก็ต้องมีความสุข ถึงผมจะไม่อยู่แล้วก็ตาม” เสียงของภูริทัตเริ่มแผ่วเบาลง “สานฝันของผม ผมรู้ว่าพ่อหนุ่มคนนั้นก็รักคุณ ผมอยากให้เขาทำให้คุณมีความสุข รับปากผมนะ” ภูริทัตคิดไปถึงชายหนุ่มผิวสองสี รูปร่างสูงโปร่ง ผมหยักศกสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเมื่อวัยหนุ่มอยู่บ้าง
สเตฟานไม่ตอบแต่เลื่อนใบหน้าขึ้นมาในระดับเดียวกันกับใบหน้าของภูริทัต แก้มขาวนวนเนียนแนบลงไปบนแก้มซูบผอมของอีกฝ่าย
“แต่ผมรักคุณ” สเตฟานกระซิบข้างหู แล้วเลื่อนริมฝีปากสีชมพูราวกลีบกุหลาบ ประทับลงไปบนริมฝีปากสีแดงคล้ำของอีกฝ่าย
“ผมก็รักคุณ สานฝันของผม ผมรักคุณจนตราบนิรันดร” เสียงของภูริทัตแผ่วเบาลง แล้วเงียบลงในที่สุด
สเตฟานแนบใบหน้าลงบนแผ่นอกที่เคยบึกบึนของภูริทัต เสียงหัวใจที่เคยได้ยินอย่างแผ่วเบาเสมอ บัดนี้มีแต่ความเงียบ สเตฟานกอดร่างอันอบอุ่นนั้นไว้ เวลาผ่านไปเท่าไรเขาไม่รับรู้ ไม่รับรู้แม้กระทั่งว่าร่างของภูริทัตเริ่มเย็นลง

“คุณท่านครับ” เสียงเรียกของชายหนุ่มดังขึ้น แต่สเตฟานยังไม่ขยับจากการโอบกอดภูริทัตไว้ “พอเถอะนะครับ พวกเราควรจัดการเรื่องหลังของคุณทัตกันดีกว่า” แล้วชายหนุ่มก็ค่อยๆเอื้อมมือเข้าไปเพื่อแยกสเตฟานออกมา
“นั่นสิครับ ผมรู้ว่าคุณรักคุณปู่ทัตมาก แต่คุณควรไปพักผ่อนดีกว่านะครับ นี่มันเช้าแล้ว คุณอยู่เฝ้าปู่ทัตมาทั้งคืนแล้ว” เสียงของชายหนุ่มอีกคนหนึ่งพูดพร้อมกับเข้าไปช่วยชายหนุ่มคนแรกพยุงตัวสเตฟานไว้
“ฝากพวกคุณด้วยแล้วกันนะทรงฤทธิ์” สเตฟานบอกกับชายหนุ่มคนแรก แล้วหันหน้าไปทางชายหนุ่มที่โอบไหล่เขาอยู่ “ขอบคุณนะครับ คุณชัยชาญ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว”
“ผมไปส่งที่ห้องนะครับ” ชัยชาญบอกยิ้มๆ
“ไม่เป็นไรครับ ผมขอให้คุณช่วยทางนี้ด้วยแล้วกัน เรื่องพิธีต่างๆของชาวพุทธ ผมคงร่วมด้วยไม่ได้ รบกวนคุณด้วยนะครับ” พูดจบสเตฟานก็เบี่ยงตัวออกมาจากการโอบไหล่ของชัยชาญ แล้วเดินออกจากห้องไป โดยมีชายหนุ่มทั้งสองมองตามเงาหลังที่ดูอ่อนระโหย

...คงเพลียเพราะไม่ได้นอนทั้งคืน ...ชัยชาญคิดแล้วอมยิ้มน้อยๆ

คงมีเพียงทรงฤทธิ์ที่มองดูสเตฟานด้วยความห่วงใย เพราะเขารู้ดีว่า สเตฟานและภูริทัตแท้จริงมีความสัมพันธ์กันเช่นไร ...ตอนนี้หัวใจคุณท่านคงแทบแหลกสลาย... เขาคิดด้วยความสงสาร

“ท่าทางคุณสเตฟานเสียใจน่าดู แกรักปู่ทัตมาก” ชัยชาญหันไปพูดกับเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาในระดับมหาวิทยาลัย และเข้ามาทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายอยู่ในโรงแรมที่ทรงฤทธิ์ทำงานเป็นเลขาประธานกรรมการบริหารอยู่
“อื้อ” ทรงฤทธิ์ตอบสั้นๆ “ไปเหอะวะ มีอะไรต้องทำเยอะแยะเลย”
“เมื่อกี้เหมือนคุณสเตฟานเค้าจะบอกว่า ไม่ไปร่วมงานศพปู่ทัตนะ เค้าเป็นคริสต์เหรอ” ชัยชาญถามขึ้นระหว่างที่กำลังเดินลงบันได
“ก็ทำนองนั้นแหละ” ทรงฤทธิ์ยักไหล่ ... เป็นแวมไพร์เว๊ย ไอ้เซ่อ
“นี่ๆ ไอ้ฤทธิ์ เอ็งว่าพอปู่ทัตไม่อยู่แล้ว เค้าจะหันมาสนใจข้าบ้างมั๊ยวะ”
ทรงฤทธ็หันมองหน้าเพื่อนที่กำลังยิ้ม แล้วขมวดคิ้ว ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“เอาไว้ข้าจะลองชวนไปดูหนัง เอ...หรือว่าไปเที่ยวทะเลดี”
“เอ็งพูดเรื่องนี้ในเวลาอย่างนี้ได้ยังไงวะ” ทรงฤทธิ์หันมาพูดอย่างโกรธๆ “ดูกาละเทศะมั่งสิวะ ว่านี่มันเวลาอะไร”
“เออๆๆ ข้าขอโทษ”

ชัยชาญหน้าเจื่อนลง นึกต่อว่าตัวเองไม่ได้ว่ามาคิดเรื่องแบบนี้ในเวลานี้ได้อย่างไร เขานึกย้อนไปถึงตอนที่เขาได้เจอชายหนุ่มคนนั้นครั้งแรกเมื่อตอนที่เขามาฝึกงานในโรงแรม ผิวขาวอมชมพูละเอียดอ่อน เรือนผมสีทองเปล่งประกาย ริมฝีปากอวบอิ่มเป็นสีชมพูเข้มราวกลีบกุหลาบ จมูกโด่งเป็นสันเล็กน้อย คิ้วเรียวยาวอยู่เหนือดวงตาสีเขียวเข้ม ที่เปล่งประกายราวมรกตเนื้อดี ชัยชาญก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเรียกร้องต้องการชายหนุ่มคนนี้ และตลอดเวลาที่ผ่านมา เคียงข้างสเตฟานจะต้องมีชายชราที่ชื่อภูริทัตอยู่ด้วยเสมอ ท่าทางอันอ่อนโยนที่คนทั้งสองมีต่อกัน ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่า หากภูริทัตอายุน้อยกว่านี้สัก ๓๐-๔๐ ปี เขาคงไม่ลังเลที่จะบอกว่าคนทั้งสองเป็นคู่รักกันแน่นอน แต่ด้วยวัยที่แตกต่างกัน ทำให้ยากจะเชื่อได้ว่าชายหนุ่มชาวต่างชาติผู้นี้ หลงใหลต่อสิ่งใดของชายชราชาวไทยผู้นี้ ชัยชาญรับรู้จากการบอกเล่าของเพื่อน ว่าทั้งสองคนเป็นญาติห่างๆ และอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านหลังใหญ่ เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง เพื่อนของเขากลับอึกอักที่จะบอกเล่าออกมา และดูท่าทางเพื่อนของเขาจะเกรงใจและให้เกียรติคนทั้งสอง มากกว่าความเป็นญาติธรรมดา โดยเฉพาะกับสเตฟาน ดูได้จากคำเรียกขานที่เรียกสเตฟานว่า ‘คุณท่าน’ เกือบทุกครั้งไป

ทั้งสองคนเดินออกมาจากตัวบ้านจนถึงรถยนต์ส่วนตัวที่จอดอยู่ ทรงฤทธิ์เดินไปเปิดประตูด้านคนขับแล้วเข้าไปนั่งประจำที่ เตรียมจะสตาร์ทรถ ชัยชาญก็เปิดประตูอีกด้านหนึ่งเตรียมจะเข้าไปนั่ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันตัวแล้วเงยหน้ามองไปยังตัวตึกชั้นบน ที่คิดว่าคนที่เขาคิดถึงคงจะอยู่ภายในห้องใดห้องหนึ่งบนนั้น

“สเตฟาน ผมรู้ว่าคุณเสียใจที่ปู่ทัตต้องจากไป แต่ผมจะปลอบใจคุณเองนะ สเตฟาน...สานฝันของผม”

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
Re: สานฝันนิรันดร [The
«ตอบ #693 เมื่อ23-02-2010 19:34:07 »

อ่า ทำไมจบแล้วล่ะคุณบุหรง

จะมีผลงานเรื่องอื่น ๆ ให้ติดตามอีกไหมครับเนี่ย

เย้ย สานฝันของผม มันยังไงกันหว่า......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2010 19:39:46 โดย zandwizz »

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
ได้อยู่กันจนแก่เฒ่าไปข้างหนึ่ง
ภูริทัตต้องจากโลกนี้ไปตามเงื่อนไขของชีวิต
แล้วอนาคตสเตฟานจะยอมเปิดใจให้ชัยชาญหรือเปล่านะ
น่าสงสารสเตฟานจริงๆ ต้องจากลาคนรักแบบนี้ไปชั่วนิรันดร์หรือ

บวก 1 แต้ม ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ

LifeTime

  • บุคคลทั่วไป
 :m15:
ทำไมไม่เลือกที่จะทำให้ภูริทัตเป็นแวมไพร์ไปด้วยอ่ะ จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป  :เฮ้อ:
เสียดายไม่รู้รายละเอียดตัวร้ายเลยหล่นหายไปซะละ
จบแบบขาดๆไปหน่อย แต่ก็ซึ้งใจไม่ใช่น้อย   :pig4:


ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
ชอบที่บอกว่ามาสร้างความทรงจำดีๆ ใหม่กันดีกว่าจังค่ะ ถือว่าแฮปปี้เอนดิ้ง

แต่ว่า....รู้สึกว่ามัน fast forward สุดๆ เลย แต่ยังไม่ทันได้รู้ว่าตกลงภูริทัตตัดสินใจว่าไง ก็มาบทสรุป (แก่) เลย แม้ว่าโดยบทสรุปก็กล่าวสรุปถึงสิ่งที่ทั้งสองเลือกแล้วก็เถอะ

สรุปคือ อยากอ่านต่อนั่นเอง แหะๆ

ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีให้ติดตามอ่านค่า....รอติดตามเรื่องต่อไปเช่นเคยด้วย  :L2:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
อะจบแล้วเหรอค่ะ   :a5:  :a5:  เหมือนยังขาดๆ อะไรไป ยังไม่เต็มอิ่มเลยค่ะ

แต่อย่างไงก็ขอบคุณนะคะ จะรอติดตามผลงานต่อไป

REDMOON

  • บุคคลทั่วไป
ตามอ่านเรื่องนี้มาเรื่อย ๆ แล้วก็ชอบเรื่องราวและเนื้อหา สนุกดีคะ  o13
แต่ว่าจบแล้ว เหรอ  :a5:  ยังอยากอ่านต่ออยู่เลยคะ
ขอบคุณสำหรับคนแต่ง ที่แต่งออกมาได้น่าติดตาม และสนุกนะคะ  :L2:
จะรออ่านเรื่องต่อไปคะ  :bye2:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
จบเหมือนแฮปปี้แต่ก็เศร้า ได้อยู่กันจนแก่ตายไปข้างนึง
ขอบคุณ คุณบุหรงสำหรับนิยายหนุกๆจ้า
ขะตืดตามผลงานต่อไปนะคะ


 :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tutu

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
ตอนที่ ๕๔ บทส่งท้าย

“แล้วชายหนุ่มก็ตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตกับแวมไพร์ตนนั้น ไปจนกว่าจะถึงวันสุดท้ายของชีวิตตัวเอง”
“ทำไมล่ะครับ เค้าไม่กลัวเหรอ” เด็กชายอายุราวๆ ๗ ขวบ ถามเสียงเจื้อยแจ้ว
“กลัวอะไรล่ะ” คนเป็นปู่ถามเด็กชายที่นั่งอยู่ข้างๆ บนเก้าอี้โซฟาตัวยาว
“ก็กลัวว่าตัวเองจะตายไปก่อน แล้วสเตฟานต้องอยู่คนเดียวน่ะสิ ว่าไปแล้ว...” เด็กชายยกมือขึ้นเอานิ้วชี้แตะคางตัวเอง ทำท่าครุ่นคิด “ทำไมสเตฟานเค้าไม่ทำให้ภูริทัตกลายเป็นแวมไพร์ไปด้วยซะเลยอะครับปู่”
“หึ หึ” ปู่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี “นั่นสิ ไม่มีใครกล้าเสนอความคิดนี้กับสเตฟาน แต่ปู่คิดว่าคงเป็นเพราะภูริทัตยังอยากเป็นมนุษย์อยู่ละมัง หรือไม่ก็ ... สเตฟานเองคงไม่อยากทำให้ภูริทัตเป็นแวมไพร์”
“ทำไมล่ะครับ ผมว่าดีออก จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป”
“ไม่หรอก” ปู่ส่ายหน้าช้าๆ ถอนหายใจยาว “สเตฟานเค้าไม่ใช่แวมไพร์ธรรมดา ต่อให้ภูริทัตกลายเป็นแวมไพร์ ก็ต้องตายไปก่อนอยู่ดี เพราะกรีนอายส์น่ะ อายุยืนยาวกว่าแวมไพร์ เหมือนแวมไพร์อายุยืนยาวกว่ามนุษย์ปรกติ”
“ว๊า....” เด็กชายถอนหายใจบ้าง “อย่างนี้ถ้าภูริทัตตายไป ก็ต้องอยู่คนเดียวสิครับ น่าสงสารจัง”
“ใช่ ... น่าสงสาร” คนเป็นปู่เงียบไป เพราะคิดถึงคนที่กำลังพูดถึง
“ว่าแต่โจชัวร์ล่ะครับปู่ สงสัยจังว่าเค้าหายไปไหน” เด็กชายถามเมื่อนึกขึ้นได้
“ไม่มีใครรู้ แล้วก็ไม่มีใครกล้าถาม บางทีเค้าอาจจะตายไปแล้วก็ได้”
“สเตฟานฆ่าเค้าเหรอครับ แต่ปู่บอกว่าสเตฟานทำไม่ได้นี่ มันเป็นกฏ” เด็กชายขมวดคิ้ว “กฏอะไรน๊า”
“กฏของผู้สร้างกับผู้ถูกสร้าง” ปู่ยิ้มแล้วมองดูเด็กชายด้วยความเอ็นดู “การทำให้ใครสักคนตายโดยที่ตัวเองไม่ต้องลงมือมันมีหลายวิธี สเตฟานเค้าคงใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง โดยที่ไม่ฝืนกฎข้อนั้น”
เด็กชายทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ คนเป็นปู่ยกมือขึ้นลูบหัวเด็กชายเบาๆด้วยความรัก
“เก็บเอาไว้ถามสเตฟานเค้าเองดีมั๊ย”
“ปู่อ๊ะ จะถามได้ไงกัน” เด็กชายหน้ามุ่ย “ปู่พูดยังกับว่าสองคนนี้เค้ามีตัวตนจริงๆอย่างงั้นแหละ”
“แล้วถ้าพวกเค้ามีตัวตนจริงๆ แล้วหลานปู่ได้เจอพวกเค้าล่ะ” ปู่ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมจะเป็นเพื่อนกับสเตฟาน แล้วก็จะถามเค้าด้วยว่าเค้าทำอะไรกับโจชัวร์” เด็กชายตอบเสียงใส

ดูเหมือนเด็กชายจะชอบ ‘นิทาน’ ที่ปู่เล่าให้ฟังมาก เมื่อมีเวลาว่างก็มักรบเร้าให้ปู่ของเขาเล่าให้ฟังอยู่เสมอ แต่เมื่อทรงฤทธิ์อายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ปู่ก็พาเขาไปยังบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านไม้สองชั้นในเนื้อที่ขนาดใหญ่ รอบบ้านร่มรื่นไปด้วยเงาไม้ ที่ห้องสมุดของบ้านหลังนั้นเอง ที่เขาได้เห็นภาพวาดของสเตฟานเป็นครั้งแรก ใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน และดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้นกลับทำให้เขาแทบจะลืมหายใจ และวันนั้นเองที่เขาได้รับรู้ว่า สเตฟานมีตัวตนจริงๆ ไม่ใช่เพียงแต่แวมไพร์ในนิทานที่ปู่เขาแต่งขึ้น ความจริงของตระกูลอีกเรื่องหนึ่งก็ถูกถ่ายทอดจากปากของทรงเดช สู่ทรงฤทธิ์ผู้เป็นหลานชาย
“ต่อไปถ้าปู่ไม่อยู่ ฤทธิ์จะช่วยดูแลคุณสเตฟานต่อจากปู่ได้ไหม” ตอนนั้นทรงเดชถามเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แววตาที่มองมานั้นราวกับกำลังขอร้องเรื่องสำคัญที่สุดกับเขา
“ได้สิครับปู่ ผมจะทำให้ดีที่สุดเลย ปู่ไว้ใจผมได้เลยครับ” ทรงฤทธิ์ตอบด้วยความมั่นใจ และด้วยความรู้สึกอีกอย่างที่ซ่อนอยู่
“ขอบใจนะ ขอบใจ” ทรงเดชพูดแล้วก็โอบกอดหลานชายไว้ด้วยความดีใจ

แล้วอีกไม่นานทรงฤทธิ์ก็ได้พบเจอกับคนที่เขารอคอย วันนั้นอยู่ในช่วงที่เขาและชัยชาญเพื่อนสนิท พากันมาฝึกงานในโรงแรมที่ปู่ของเขาทำงานเป็นเลขาของประธานกรรมการบริหาร ซึ่งก็คือสเตฟานนั่นเอง วันนั้นทรงเดชให้เขาและชัยชาญขับรถไปรับสเตฟานที่สนามบิน
“สนามบิน ปู่พูดเป็นเล่น” ทรงฤทธิ์พูดอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก “เค้าจะใช้เครื่องบินเดินทางทำไมกัน”
“คุณท่านมากับคุณภูริทัต”
คำตอบสั้นๆเพียงแค่นั้นเอง ทรงฤทธิ์ก็เข้าใจหมดทุกอย่าง เขาจึงทำตามคำสั่งขับรถส่วนตัวคันเล็กไปรอรับคนทั้งสอง โดยมีชัยชาญไปเป็นเพื่อน เพราะเป็นเวลาดึกมากแล้ว

“ไหนว่ามารับคน ทำไมมาจอดตรงนี้วะ” ชัยชาญถามเพื่อน เมื่อเห็นว่าทรงฤทธิ์นำรถมาจอดไว้ที่ลานจอดรถ แล้วออกมายืนรออยู่บริเวณนั้น แทนที่จะเข้าไปในอาคารของสนามบิน
“ปู่บอกให้มารอแถวนี้ เดี๋ยวพวกนั้นจะออกมาเจอเอง” ทรงฤทธิ์ตอบแล้วก็ยืนกอดอกแน่น ขมวดคิ้ว ขบฟันเบาๆอยู่ตลอดเวลา
ชัยชาญมองดูท่าทางของเพื่อน ที่เหมือนกำลังตื่นเต้นจนแทบจะระงับไม่อยู่อย่างขำๆ เพราะเขาคิดไม่ออกว่าการที่มารับ ‘ญาติ’ คนหนึ่งเท่านั้น ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย แล้วจู่ๆ เขาก็เห็นใบหน้าของทรงฤทธิ์เหมือนกับตื่นตลึงกับอะไรบางอย่าง ดวงตาของชายหนุ่มเบิกกว้าง ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อย มือที่กอดอกอยู่คลายออกมาอยู่ข้างตัว ชัยชาญจึงหันตัวไปยังทิศที่เพื่อนของเขามองอยู่ แล้วเขาก็ตกอยู่ในอาการเดียวกันโดยไม่รู้ตัว

ชายชราคนนั้น ถึงจะมีอายุมาแล้วแต่หลังยังตั้งตรง ก้าวเดินอย่างช้าๆแต่สง่าผ่าเผย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มยังคงเป็นประกาย เค้าหน้ายังคงมีความหล่อเหลาของวัยหนุ่มหลงเหลืออยู่ ชายหนุ่มชาวต่างชาติที่อยู่เคียงข้างยิ่งดูราวกับภาพวาด ผิวขาวละเอียดอ่อนราวกับจะเปล่งประกายออกมา ดวงหน้าประดับด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ริมฝีปากสีชมพูอิ่มเอิบ และดวงตาสีเขียวส่องประกายแวววาว

ชายหนุ่มทั้งสองแทบไม่รู้ตัวเลยว่าคนทั้งสองมาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขาตั้งแต่เมื่อไร
“ทรงฤทธิ์สินะ” ชายชราเอ่ยปากด้วยรอยยิ้ม ทำให้คนทั้งสองรู้สึกตัว
“ค..ครับ” ทรงฤทธิ์ตะกุกตะกัก รู้สึกประหม่าขึ้นมาทันใด “คุณภูริทัตกับ เอ้อ ...” ชายหนุ่มหันไปมองคนที่ยืนอยู่เคียงข้างชายชรา “คุณท่าน” คำเรียกนั้นหลุดปากออกไป เขาแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่กล้าเอ่ยชื่อนั้นออกมาตรงๆ
“เรียกสเตฟานก็ได้นะครับ” เสียงทุ้มนุ่มพูดเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้ม ... รอยยิ้มที่เหมือนกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง กำลังมองดูเด็กตัวเล็กๆด้วยความเอ็นดู
“ครับคุณสเตฟาน” คนตอบกลับเป็นอีกคนหนึ่ง “ผมชัยชาญครับ เป็นเพื่อนเจ้าฤทธิ์” ชายหนุ่มรู้สึกว่าหัวใจของตนเต้นแรงเมื่อสเตฟานหันมายิ้มให้
“เรารีบไปกันเถอะ ดึกมาแล้ว เด็กๆจะได้กลับไปพักผ่อน” ภูริทัตพูดยิ้มๆ
แล้วคนทั้งสี่ก็พากันขึ้นรถยนต์คันเล็ก ออกจากบริเวณสนามบิน ตรงไปยังบ้านหลังใหญ่ใจกลางเมือง และนับจากวันนั้น ทรงฤทธิ์ก็มีหน้าที่มาที่บ้านหลังนี้ เพื่อมาดูแลคนทั้งสอง โดยบางวันจะมีชัยชาญมาเป็นผู้ช่วยด้วยอีกคนหนึ่ง จนกระทั่งหมดช่วงฝึกงาน

ถึงแม้จะหมดช่วงฝึกงานไปแล้วก็ตาม ในวันหยุด ทรงฤทธิ์ก็ยังมา ‘เยี่ยมเยือน’ คนทั้งสองอยู่เสมอ และบ่อยครั้งที่ชัยชายติดตามมาด้วย ถึงแม้ท่าทางของทรงฤทธิ์จะไม่แสดงออกเท่ากับชัยชาญ แต่ภูริทัตก็รู้ได้จากแววตาของชายหนุ่มว่าเขาคิดอย่างไร
“เค้ายังต้องอยู่ต่อไปอีกนาน” ภูริทัตพูดขึ้นมาในวันหนึ่งที่อยู่กับทรงฤทธิ์ตามลำพัง
“อะไรครับ” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของชายหนุ่มบ่งบอกถึงความสงสัย
“คล้ายกันจริงๆ” ภูริทัตมองดูชายหนุ่มอย่างเพ่งพินิจ เค้าหน้าของทรงฤทธิ์คล้ายคลึงกับเขาเมื่อวัยหนุ่มอยู่มากทีเดียว แล้วก็ต้องหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นชายหนุ่มขมวดคิ้ว เอียงคอน้อยๆมองเขาอย่างงุนงง “สานฝันไง ... ฉันหมายถึงสเตฟาน เธอคงรู้ว่าเขายังต้องอยู่ไปอีกนาน”
“แล้วทำไมคุณไม่ให้เค้าทำให้คุณเป็นแวมไพร์ล่ะ อย่างน้อยคุณก็จะได้อยู่กับเขานานขึ้นไปอีก” ทรงฤทธิ์โพล่งออกไปทันที แล้วก็ต้องรู้สึกตัว “ผม ... ผมขอโทษ” ชายหนุ่มก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด
“ฉันก็เคยคิดเหมือนกัน แต่ถึงฉันจะเป็นแวมไพร์แล้วจะเป็นยังไงล่ะ ฉันก็ต้องจากไปก่อนอยู่ดี” ภูริทัตถอนหายใจยาว “บางทีการที่ได้อยู่ด้วยกันนานมากขึ้นเท่าไร อาจเป็นการสร้างความเจ็บปวดให้กับคนที่ยังคงต้องอยู่ต่อไป มากเท่ากับเวลาที่มันเพิ่มขึ้นก็ได้นะ”
“ผมไม่ทันคิด” ทรงฤทธิ์เงยหน้าขึ้นมองดูชายชราตรงหน้าอย่างนับถือ
“ถ้าคิดจะรักใครสักคน เธอต้องคิดถึงความรู้สึกของเขาให้มากไว้ และทำเพื่อเขา อย่าปล่อยให้เขาทำอะไรเพื่อเราเพียงฝ่ายเดียว”
“ครับ” ทรงฤทธิ์รับคำเบาๆ หลบสายตาของภูริทัต ... เขารู้ ปู่ทัตรู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับสเตฟาน
“ในการแข่งขัน ถ้าเธออยากได้ชัยชนะ เธอก็ต้องทำให้เต็มที่ ...ใช่มั๊ย” ภูริทัตพูดยิ้มๆ สายตาของชายหนุ่มกลับมามองที่เขา อย่างสงสัย ... และลังเล
“ความรักก็เหมือนกัน ถ้าคนที่เธอรักยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร เธอก็มีโอกาส อย่ายอมแพ้ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะเป็นเพื่อนก็เถอะ” ภูริทัตพูดช้าๆและชัดเจนทุกคำ และรู้สึกเอ็นดูชายหนุ่มตรงหน้ามากขึ้น เมื่อเห็นว่าใบหน้าของทรงฤทธิ์เปลี่ยนเป็นสีแดงไปจนถึงลำคอ
...................................................................................
....................................
“ดูเหมือนคุณจะไม่ค่อยได้พักนะครับ” ทรงฤทธิ์มองดูสเตฟานที่ยืนมองทิวทัศน์เบื้องนอก ที่เต็มไปด้วยแสงไฟในยามค่ำคืน ผ่านกระจกบานใหญ่ของห้องพักภายในโรงแรม ด้วยความเป็นห่วง
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม” สเตฟานรอคำตอบอยู่สักพัก แล้วก็ต้องถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพูดต่อ “ผมหมายถึงงานของภูริทัต”
“ครับ” ชายหนุ่มตอบสั้นๆเหมือนทุกครั้ง เขารู้ตัวเหมือนกันว่า เขาจะกลายเป็นคนพูดน้อยทันทีที่อยู่ต่อหน้าคนคนนี้
“เธอไปพักผ่อนเถอะ เหนื่อยมาหลายวันแล้ว” สเตฟานพูดแล้วก็เดินเข้าไปยืนตรงหน้าทรงฤทธิ์ ยกมือวางลงบนไหล่ของชายหนุ่ม “แล้วก็ขอบใจมากนะ ถ้าไม่มีเธอ...ฉันก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้เหมือนกัน”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่จ้องมองกลับมา บ่งบอกอะไรหลายอย่าง มือของชายหนุ่มเอื้อมมาจับมือของสเตฟานไว้ แล้วบีบเบาๆ
“คุณยังมีผมนะครับ” ทรงฤทธิ์โพล่งออกไป “ผมจะดูแลคุณเอง แทนปู่ของผม แล้วก็ ... แล้วก็” ชายหนุ่มอึกอัก “แทนคุณภูริทัต”
สเตฟานขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกตกใจกับการกระทำและคำพูดของชายหนุ่ม
...................................................................................
....................................
“ขอบคุณ ... ขอบคุณท่าน” เสียงอันแผ่วเบาราวกระซิบ น้ำเสียงแสดงความดีใจอย่างสุดซึ้ง ก่อนที่เจ้าของร่างจะค่อยๆสลายกลายเป็นฝุ่นผงเพียงกองเดียวอยู่แทบเท้าของเขา
แวมไพร์อีกตนหนึ่งที่เขาช่วยให้หลุดพ้นจากความเป็นนิรันดร์ โชคชะตาทำให้เขาต้องกลายมาเป็นผู้ทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อน และคงต้องทำต่อไปอีก ไม่รู้ว่าจะนานอีกเท่าใด สเตฟานเงยหน้ามองดูดวงจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้าแน่วนิ่ง ดวงตาสีเขียวมรกตทอประกายแวววาว เมื่อก่อนนี้เขารู้สึกโดดเดี่ยว แต่บัดนี้ถึงแม้หัวใจจะยังมีความเศร้าหมองอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังรุ้สึกอบอุ่น เพราะตอนนี้เขามีภูริทัตในใจ และจะยังคงอยู่ต่อไปตราบนิรันดร

ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
มีบทส่งท้ายด้วยยยยย..........ให้รู้สึกแบบมีความหวังให้กันต่อไป

ชอบภูริทัตตอนนี้เป็นพิเศษ สุขุม แถม มีการยุส่งให้คนที่มารักคนรักของตัวเองอย่ายอมแพ้ด้วย...นี่สิรักกันจริง  o13

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
จบอย่างงดงามและเต็มตื้นในความรู้สึก

แม้ต้องจากไกลชั่วกาล แต่มีอีกฝ่ายในหัวใจตลอดไป

บวกอีก 1 แต้ม ขอบคุณมากๆค่ะ สนุกจนตอนสุดท้ายจริงๆ
 :pig4:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
บทส่งท้ายยังซึ้งใจได้อีกกับรัก นิรันดร์  :-[

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
จบได้ซึ้งมากเลย
ขอบคุณนะคะ จะรอติดตามผลงานเรื่องอื่นต่อไป
 :pig4:

yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
หายไปนาน (คนอ่าน) เพิ่งจะเข้ามาอีกครั้ง ได้อ่านตอนจบพอดี

นิยายของคุณบุหรง อ่านกี่ทีก็ไม่มีเบื่อ

ชอบที่ใช้ภาษาสวย เรียบ แต่ได้ใจความครบถ้วน

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

+1 ให้ค่ะ

LifeTime

  • บุคคลทั่วไป
 :m15:
พูดไม่ออก...จบจริงๆ รู้สึกเต็มตื้นจนน้ำตาปริ่มๆ ขอบตา

“ถ้าคิดจะรักใครสักคน เธอต้องคิดถึงความรู้สึกของเขาให้มากไว้ และทำเพื่อเขา อย่าปล่อยให้เขาทำอะไรเพื่อเราเพียงฝ่ายเดียว”

ชอบประโยคนี้มากมาย...  :pig4:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
จบไปอย่างสมบูรณ์

ขอบคุณคุณบุหรงมาก ๆ ครับ

แล้วก็จะติดตามอ่าน รัก - หลง ของคุณบุหรงต่อไปครับผม

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
อืม...เรื่องนี้สำนวนกินขาดดด

เขียนดีสุดๆพลอตแปลกดีด้วย

จะติดตามเรื่องต่อไปนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






REDMOON

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณสำหรับบทส่งท้ายคะ  :L2:

sexyman

  • บุคคลทั่วไป
:m15:
พูดไม่ออก...จบจริงๆ รู้สึกเต็มตื้นจนน้ำตาปริ่มๆ ขอบตา

“ถ้าคิดจะรักใครสักคน เธอต้องคิดถึงความรู้สึกของเขาให้มากไว้ และทำเพื่อเขา อย่าปล่อยให้เขาทำอะไรเพื่อเราเพียงฝ่ายเดียว”

ชอบประโยคนี้มากมาย...  :pig4:


คิดเหมือนรีฯนี้อ่า   จ๊อบบบบบ

อ่านรวดเดียว 3 วันจบ

ขอโทษด้วยนะครับที่รอจนกว่าจะจบแล้วอ่าน

เพราะอ่านมาหลายเรื่องแล้ว  สุดท้ายก็ไม่มาต่อ

กลัวค้าง  ก็เลยคิดว่าอ่านทีเดียวดีกว่า

เป็นอีกเรื่องที่ผมประทับใจ  และแหวกแนวดีด้วย

 o13   +1 ให้เลย

fahsai

  • บุคคลทั่วไป
เป็นเรื่องที่ซึ่งจริงๆๆๆ



อ่านจบแล้วน้ำตาคลอเลย



นี้ซินะที่เรียกว่ารักแท้

SuMoDevil

  • บุคคลทั่วไป

นั่งอ่านโต้รุ่งม้วนเดียวจบ  ไม่เสียใจจริงๆที่ได้อ่าน

บรรยายความรู้สึกเป็นคำพูดไม่ถูกเลย  แต่รู้สึกอิ่มเอมใจยังไงไม่รู้ครับ

อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่ารักเป็นสิ่งล้ำค่า  ยากที่จะได้มา  ยากที่จะคงไว้  แต่ไม่ยากเกินหัวใจจะจดจำตราบนานเท่านาน

ขอบคุณคนเขียนด้วยครับ  สนุกมาก  มีความสุขจัง อิอิ
:กอด1:

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
สำเร็จลุล่วงไปอีกเรื่องหนึ่ง ทีแรกนึกว่าจะจบตอนปลายๆปีนี้ซะแล้ว  :laugh:
ขอบคุณทุกกำลังใจที่มาคอมเมนท์ และทุกๆคนที่คอยติดตามผลงานนะครับ
แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว เข้ามาอัฟเรื่องช้ามาก เฉลี่ย ๒ สัปดาห์ต่อครั้ง คือมันมีเรื่องอะไรให้ทำเยอะขึ้น หลายๆเรื่องถ้าบอกแล้วคงเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับหลายๆคน เพื่อนผมมันยังว่าเอาเลย  :sad4:
ตอนที่เขียนเรื่องนี้ช่วงแรกๆ ประมาณต้นปีที่แล้ว สักพักก็มีหนังโรงเรื่องแวมไพร์ทไวไลท์ออกมา ทำเอาเอ๋อไปพักนึง แล้วช่้วงนั้นไม่ีรู้เพราะอะไร เห็นหนังสือบนแผงมีแต่เรื่องแวมไพร์ โอย .... เครียด  :serius2:

ว่าแล้ววกเข้าเรื่องดีก่า ก็ว่าจะมาเล่านานแล้วถึงแรงจูงใจที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่ทราบว่าเพื่อนๆรู้จักหนังสือการ์ตูนเรื่อง หน้ากากแก้ว ไหมครับ ช่วงแรกๆเหมือนจะเป็นของสำนักพิมพ์ยอดธิดา หรือสยามสปอร์ตนี่ก็จำไม่ค่อยได้แล้ว ต่อมาวิบูลย์กิจมาพิมพ์ในชื่อเรื่อง นักรักโลกมายา แล้วก็หายเงียบไป เมื่อไม่กี่ปีมานี้ สยามสปอร์ตก็นำมาพิมพ์อีก

ตอนหนึ่งในเรื่อง อายูมิแสดงเป็นผีดูดเลือดคิเมร่า ซึ่งปรกติจะถูกนำมาเสนอในภาพพจน์ของปีศาจที่โหดร้าย แต่อายูมิกลับแสดงออกมาในรูปแบบของผีดูดเลือดที่น่าสงสาร ผมก็นำจุดนี้มาเป็นความรู้สึกของสานฝัน แล้วออกมาเป็นนิยายเรื่องนี้แหละครับ

ถ้ามีข้อผิดพลาดอะไรไปบ้าง ก็ต้องขออภัียไว้ ณ ที่นี้ o1

ออฟไลน์ kungyung

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
ว้าวววววววววววววๆๆๆ
เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้วชอบมากๆๆเลยอ่ะ
อ่านแล้วซึ้งจัง
ชอบจังเลยความรักของสานฝันกะภูริทัต
รักนี้นิรัน :-[ :-[
ชอบบบบบบบบบบบบ ชอบบบบบบบบบบบบอ่ะ

salapaw

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ: o13

จบแล้ววววว

รักนิรันดร์   .......... สานฝัน.......ภูริทัต


ขอบคุณที่เขียนนิยายที่ทำให้เราเข้าใจเรื่องรักมากขึ้นนะคะ

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
คือว่า ผ๋มมีเรื่องจาถาม ผ๋มมีเรื่องจาถาม ...
ม่ายมีใครแปลกใจอะไรมั่งเลยเหรอใน ๒ บทสุดท้าย  :sad3:

ในช่วงหนึ่งของ บทที่ ๕๓
อ้างถึง
“ต่อไปคุณก็ต้องมีความสุข ถึงผมจะไม่อยู่แล้วก็ตาม” เสียงของภูริทัตเริ่มแผ่วเบาลง “สานฝันของผม ผมรู้ว่าพ่อหนุ่มคนนั้นก็รักคุณ ผมอยากให้เขาทำให้คุณมีความสุข รับปากผมนะ” ภูริทัตคิดไปถึงชายหนุ่มผิวสองสี รูปร่างสูงโปร่ง ผมหยักศกสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเมื่อวัยหนุ่มอยู่บ้าง
ในบทนี้ เพื่อนๆอ่านแล้วคิดว่าเป็นใคร

พอมาเฉลยในบทที่ ๕๔
อ้างถึง
“คล้ายกันจริงๆ” ภูริทัตมองดูชายหนุ่มอย่างเพ่งพินิจ เค้าหน้าของทรงฤทธิ์คล้ายคลึงกับเขาเมื่อวัยหนุ่มอยู่มากทีเดียว

เป็นคนเดียวกันกับที่เพื่อนๆคิดหรือเปล่า  หรือว่าไม่มีใครสงสัยกันเลย  o22

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ซาบซึ้งกับรักนิรันดร์จังเลยค่ะ :-[
ส่วนคำถามของคุณบุหรงนั้น ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ :laugh:
คิดว่าที่หนึ่งในใจสเตฟานต้องเป็นภูริทัตแน่นอน o18
คนอื่นเราเฉยๆ :m20:
+1 ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกเรื่องนี้คร้า :L2:

LiuXin

  • บุคคลทั่วไป
อ่านตอน๕๓ สองย่อหน้าสุดท้าย ให้ความรู้สึกว่าพระเอกต่อไปต้องเป็นชัยชาญเพื่อนของทรงฤทธิ์ เพราะเหมือนประโยคสุดท้ายของบท๕๓ นายชัยเป็นคนคิด

แต่อ่านบทส่งท้าย ปู่ภู กลับเชียร์ทรงฤทธิ์ เลยเหมือนพระเอกต่อไปต้องเป็น นายทรงฤทธิ์

แต่พออ่านย่อหน้าสุดท้ายของบทส่งท้าย เหมือนสเตฟานมีปู่ภูอยู่ในหัวใจตลอดไป เลยคิดว่าต่อไปสเตฟานอาจไม่มีใครอีกก็ได้(มีคนรักอีกก็เจ็บอีก)

อาจจะไปอยู่ที่ไหนไกลๆสักที่เหมือนกรีนอายคนก่อน ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป บำเพ็ญจิตให้แก่กล้ากว่าเดิม และสุดท้ายก็มอบหน้าที่ต่อแล้วตายไป พร้อมกับปู่ภูที่ยังอยู่ในใจตลอดไปนิรันดรของแท้ อิอิ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่เขียนมาให้อ่านกันนะคะ
เรื่องนี้ถึงจบเศร้า แต่ก็แฮปปี้ดีค่ะ(รับได้ๆ)
บอกตามตรงว่าอ่านนิยายของคุณบุหรงเรื่องแรกเลย ไม่กล้าอ่านอีกเรื่องนึงเพราะเห็นคอมเม้นกันว่าจบไม่แฮปปี้(ปกติอ่านคอมเม้นเพื่อนๆนักอ่านท่านอื่นก่อนอ่านนิยาย) กลัวทำใจไม่ได้ แต่เรื่องนี้อ่านแล้วอิ่มดีค่ะ ชอบค่ะ

สุดท้าย ขอบคุณอีกครั้งค่ะ :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด