แหะๆๆโทษทีๆๆ ลงหัว ..ตัวเพิ่งมา

พอดีงานเข้า คึคึ
...................................................
โปรดอย่ายิงประตูหลังแม่งก็อย่างว่าแหละเดือนสิบสองฤดูผสมพันธุ์ได้ผ่านพ้นไปก็ถึงเวลาแล้วที่กูจะโผล่หัวออกมาซักทีหลังจากที่นอนฟ้าเหลืองอยู่เป็นเดือน หุหุ
เนื่องจากมีคนทั้งโพสต์ด่า เมลล์มาด่า นินทาทั้งต่อหน้าและลับหลัง และสาปแช่งกูอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่กูก็หาจะรู้สึกว่าขนส่วนไหนแม่งจะกระดิกซักนิดก็หามีไม่ บ้างก็ถามมาว่าเรื่องทั้งหมดนี่กูแต่งขึ้นมาเองรึป่าว
บางคนที่มีโอกาสได้คุยกันเป็นๆและได้ยินจากปากกูเอง กูก็จะตอบว่า.... “แต่งพ่อมึงดิ คนส้นตีนไรวะ จะมานั่งพิมพ์เรื่องตอแหลได้เป็นวรรคเป็นเวรขนาดนี้ กูมะช่ายป้ามึงนิ มีผัวมาแล้วหลายคนยังเสือกบอกว่าไม่เคยมี”
แต่ก็นะ มันก็แค่คำสนทนาของกูกะเพื่อนอ่ะ ฉะนั้นไม่ต้องเสือกไปสงสัยอะไรมากมาย ถ้าคนแม่งไม่เคยเห็นกับตาเจอกะตัวยังไงก็นึกไม่ออกหรอกหว่ะ และคนที่มีชื่ออยู่ในเรื่องบางคนแม่งเข้ามาอ่านแล้วตามไปด่ากูถึงบ้านอ่ะ ว่ากูจะเล่าเชี่ยไรละเอียดนัก........มันอาย มันบอกว่ากูเอามันมาประจาน
ยิ่งถ้าคนที่เรียนที่นั่นแล้ว หลายคนจะรู้จักพวกกูเป็นอย่างดีและหลายๆเรื่องที่มันเป็นความลับมานาน กูก็เอาออกมาสู่สาธารณะชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ช่วยไม่ได้ กูก็ได้แต่ปลอบใจมันว่า.... มึงจะอายทำส้นตีนไรของมึง กูไม่ได้เอาสำเนาทะเบียนบ้าน เอารูปพ่อแม่มึงมาโชว์ประกอบด้วยนี่หว่า อายทำค-ยไร ทีทำเรื่องอื่นเชี่ยๆกว่านี้เสือกไม่อาย ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แล้วกูเอาความจริงมาเล่า พวกมึงว่าผิดเหรอไงวะ....อ้ายสาดดดดดดด
พล่ามมานานเข้าเรื่องแระตอนแรกกูกะจะหาชื่ออื่นที่เพราะๆกว่านี้แระ..... แต่แม่งนึกไม่ออกหว่ะ ความหมายซื่อๆตามนั้นเลย อีหวานแม่งเนื้อหอมจริงๆ เปรียบเหมือนก้อนขี้ที่เพิ่งหลุดออกจากตูดเด็ก หล่นจ๋อมลงในแม่น้ำที่เต็มไปด้วยปลาสังกระวาด (แล้วไม่ต้องเสือกซิบมาถามอีกอ่ะว่าปราสังกระวาดเป็นไง....สัดรู้จักมะกูเกิ้ลอ่ะ อย่ามัวโง่.....ไปเสิร์ชหาเอาเองดิวะ) ที่กำลังรีบว่ายปรี่เข้ามาเพื่อหวังรุมตอดกินขี้ก้อนนั้นไม่มีผิด
ถึงแม้จะเป็นโรงเรียนไฮโซ ลูกคุณหนู มีแต่ลูกคนดัง แต่ถ้าลองได้เงี่ยน ก็เชี่ยและหน้ามืดไม่ต่างอะไรไปจากสามล้อข้างถนน กูว่าเผลอๆนะ น่าจะประมานลูกเรือตังเกที่ออกทะเลซักสองเดือนอ่ะ คิดเอาดิมีแต่ท้องฟ้ากับทะเล แม่งจะเบื่อชักว่าวขนาดไหน........
เด็กโรงเรียนกูแม่งก็คงจะเงี่ยนไม่ต่างกันซักเท่าไหร่หรอก แล้วยิ่งอีหวานทำตัวเป็นดาวยั่วแบบนี้นะ รับรองได้ ไม่กี่วันหรอก ตูดได้บานแน่นอน
“วันนี้ครูจะให้พวกเธอโหวตกันนะว่าม.ต้นของพวกเราจะไปร่วมเป็นกำลังใจให้ทีมฟุตบอลของโรงเรียนในวันพรุ่งนี้หรือเปล่า” มาสเตอร์หัวหน้าม.ต้น พูดขึ้นมาหลังเคารพธงชาติเสร็จ
กูก็งงอ่ะนะ โรงเรียนกูแม่งมีแข่งฟุตบอลทั้งปีทั้งชาติอยู่แล้วอ่ะ แล้วไหงนัดนี้นึกเงี่ยนไรขึ้นมาวะ ถึงจะให้พวกกูไปเชียร์อ่ะ คิดจบ กูก็หันไปมองตัวที่เหลือ ซึ่งก็ได้คำตอบตั้งแต่ยังไม่ถามมันอ่ะ
“น่าสนว่ะเฮ้ย ไอ้เก่ง นานๆจะได้ออกไปดูโลกภายนอกเวลาเรียนซักที และที่สำคัญ แม่งไม่ต้องเรียนด้วยอ่ะ สัด....พรุ่งนี้บ่ายส่งรีพอร์ทวิทยาศาสตร์พอดี กูยังไม่ได้ทำเชี่ยไรเลย” ไอ้เชี่ยบิดเปิดเกมส์ก่อนเลย
“มึงส่งสายให้ไอ้พวกที่เหลือไปกระจายข่าวนะโว้ย ว่าใครเสือกยกมือไม่ไป เด๋วจะเจอมือมืดตามไปกระทืบ”
“ได้ๆ”
แล้วผลก็เป็นไปตามคาด
ม.ต้นได้ไปทั้งหมดอ่ะ 36 ห้องเรียน ก็ประมานพันห้าร้อยคน แข่งที่สนามธูปเตมีย์ ฐานทัพอากาศดอนเมืองโน่น แข่งกะโรงเรียนไรรู้มะ ห้าๆๆๆๆๆๆๆ
“โรงเรียนวัด”
“ตื่นเต้นว่ะเฮ้ย กูจะนอนหลับมะเนี่ยคืนเนี้ยะ” ไอ้เชี่ยบิดเห่อตามเคย
“ต้องเตรียมไรไปมั่งวะเนี่ย” ไอ้แสบพูดขึ้นมา
“เออว่ะต้องเอาไรไปมั่งวะ แต่กูว่านะไม่ต้องตื่นเต้นไรมากหรอกแค่เชียร์บอลอ่ะ เอาของแดกไปก็คงพอ” กูบอกมั่ง
“มันน่าจะมีขายที่สนามบอลนะโว้ย” ไอ้แสบบอก
“เอานกหวีดไปดินะ” ไอ้เชี่ยกระรอก ปัญญาอ่อนอีกแระ
“เอาไปเป่าหาพ่อมึงรึไง กรรมการเค้าจะได้ถีบยอดหน้ามึงเอาเหอะ สัดเกิดเสือกเป่าตอนแม่งกำลังล้ำหน้าอ่ะ ก็โดนตีนดิวะ” กูล่ะเซงกะแม่ง
“งั้นไม่ต้องเตรียมเชี่ยไรไปหรอก........” ไอ้เชี่ยบิดพูดจบ แต่หน้าตามันยังมีลับลมคมในใม่จบ
“มีเชี่ยไรพูดมาตรงๆ อย่าทำหน้าแบบนี้ เห็นแล้วคันตีนว่ะ”
“กูแค่จะบอกว่าไม่ต้องเอาไรไปมากหรอก เอาแค่หวานไปก็พอ.......” มันพูดจบหันไปมองตาเยิ้มใส่หน้าอีหวานที่กำลังนั่งส่องกระจก แล้วก็ไม่รู้ว่ามันฟังที่พวกกูกำลังคุยกันอยู่ซักคำนึงรึป่าว
“ถุย” ทุกคนคงจะมีความรู้สึกเดียวกะกูนี่แหละ แล้ววงสนทนาก็กระจายโดยอัตโนมัติ
คืนนั้น....
“เก่ง... กูถามไรมึงหน่อยดิ” ไอ้แสบที่นอนเตียงข้างๆกูกำลังนอนตะแคงหันหน้ามองมาที่กูแล้วถามอย่างตั้งใจ
“มีเชี่ยไรมาถามกูตอนนี้ เกิดจะเจ้าปัญหาขึ้นมาไรตอนกูจะนอนวะ” ก็ฟอร์มไม่สนใจตามปกติของกูแหละ แต่ก็อยากรู้อ่ะนะ ว่าเวลาที่คุยกันแบบว่าไอ้พวกที่เหลือไม่ได้ยินน่ะ แม่งจะมีไรเด็ดๆมาถามกู
“มึงให้กูถามๆจริงๆนะ” มันย้ำ
“งั้นมึงไม่ต้องถามแระ สัดนี่....ลีลาเหลือขนาด” แม่งให้กูลุ้นจนชักจะรำคาญ
“ทำไมเวลามึงนอนมึงไม่ใส่เกงในวะ” มันถามเขินๆ
“แล้วเสือกไรกะมึงอ่ะ.......” ว่าแต่ทำไมมันรู้ว่ากูไม่ชอบใส่เกงในนอนวะ หรือว่า......
“แล้วมึงไมไม่ใส่อ่ะ เสือกมาถามกูทำไม” ......ชิบหายแระ แสดงว่ากูก็สังเกตมันเหมือนกัน
“แล้วทำไมมึงรู้ว่ากูไม่ใส่วะ” กูชิงถามมันก่อน
“ก็........”
“ก็เชี่ยไร.....”
“ก็กูเห็นมันแกว่งๆเวลามึงเดินดิ แล้วยิ่งตอนเช้าๆนะ.........ผ้าห่มมึงงี้ตุงเชียว” มันพูดยิ้มๆอายๆ คงหวังให้กูอายมั่ง ซึ่งก็ผิดถนัด
“มึงว่างมากนักรึไงวะ มาคอยจ้องค-ยคนอื่นเค้าอ่ะ สัด เงียบปากแล้วนอนไปเลยมึงอ่ะ” พูดจบกูก็รีบหันหน้าทางอื่น ด้วยความเขินหรืออะไรก็แล้วแต่
ทว่า......เจี๊ยวกูเสือกแข็งขึ้นมาซะงั้นอ่ะ กำจริงๆๆ
ตื่นเช้าขึ้นมาด้วยความเพลียสัดๆอ่ะ.......... เพราะว่ากว่ากูจะทำให้เจี๊ยวหายแข็งได้เล่นเอาซะกูหอบแฮ่ก ปวดข้อมือหนึบเลย........หุหุ
“อ้าวอีหวานหายไปไหนวะ” กูถามทันทีที่ไม่เห็นอีหวานที่เตียงของมัน เพราะว่าโดยปกติ พวกกูจะตื่นมาพร้อมๆกันทุกคน แต่ตอนนี้อีหวานหายไปจากเตียงแล้ว
“สงสัยว่า......” ไอ้เชี่ยแสบพูดแล้วทำท่าคิด
“งั้นเดี๋ยวกูไปหามันเอง” ไอ้เชี่ยบิดพูดจบก็รีบวิ่งค-ยตั้งไปตามหาอีหวาน
แต่พวกกูก็เดินตามไปติดๆ ทันทีที่มาถึงห้องทำการบ้าน ก็เห็นคนกลุ่มนึงซัก7-8คน กำลังจับกลุ่มทำไรกันซักอย่าง หนึ่งในนั้นก็มีอีหวานอยู่ด้วย
“ตื่นแต่เช้าเชียวนะมึง” กูถามพวกมัน
“แล้วนี่ทำเชี่ยไรของมึงกันอยู่เนี่ย” ถามแม่งไปงั้นอ่ะ ทั้งๆที่ก็เห็นอยู่แล้วว่าแม่งกำลังทำส้นตีนไรกันอยู่
“แต่งหน้าแต่พองาม” มันตอบโดยที่ไม่หันมามองหน้าพวกกู
“ผัวะ... นี่ไงล่ะ ผัวะ....แต่งหน้าแต่พองาม” แม่งน่าตบกะโหลกมะล่ะ ถามแม่งดีๆตอบซะกวนตีนเชียว
“เนี่ยนะอีหวานแต่งหน้าแต่พองามของมึงอ่ะ กูนึกว่าจะไปเล่นงิ้วซะอีก” ไอ้เชี่ยแสบแสดงความเห็นได้ถูกใจกูมากๆ
“จะบ้าเหรอ งิ้วหน้าไม่สวยแบบนี้หรอก” โอ้โห มันช่างมั่นใจว่าหน้าพวกมันสวย
“นี่พวกมึงแหกขี้ตาตื่นกันมานั่งแต่งหน้าเนี่ยนะ”
“ช่ายยยยยยย....ค่ะ....” พวกมันประสานเสียงตอบทำให้กูหมดคำถามไปในทันที
“ฟั่บ.... ฟั่บ...” เฮ้ยกูได้ยินเหมือนเสียงไม้เรียวอ่ะ
หันไปอีกทีเห็นไอ้เชี่ยกระรอกกระโดดโหยงๆ ก็แม่งยืนอยู่วงนอกนี่หว่า
“ป่านนี้แล้วยังไม่ไปอาบน้ำ แล้วยังจะมารังควานคนที่เค้าแต่งตัวเสร็จแล้วอีก” มาสเตอร์ศุภชาติ ไล่เอาไม้ฟาดไป กัดฟันด่าพวกกูไป แต่พวกกูก็หากลัวไม่ วิ่งหลบไม้เรียวกันอย่างสนุกสนาน
“เด๋วเถอะนะ จับได้จะฟาดให้ ไอ้เด็กเหลือขอพวกนี้” มาสเตอร์ศุภชาติอ่ะด่ากูซะงั้น ถามจริงเหอะคิดว่ากูจะรู้สึกไรมะ
หง่ะ .. พวกมึงคิดถูกแระ.......ไม่รู้สึก เพราะว่านั่นกูถือเป็นคำชมไง เหลือขอ แสดงว่ากูมีขอมากมายเหลือเฟือ แล้วมันจะไม่ดีตรงไหนวะ มีขอเยอะอ่ะ ดีจะตายห่า
พอแดกข้าวเที่ยงเสร็จก็ได้เวลาที่พวกกูจะต้องออกเดินทางด้วยขบวนรถบัสยาวเหยียด แล้วพวกกูก็ตุนเสบียงขนมไร้สาระ ที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการซักเท่าไหร่ จากร้านของอีป้าดำคนเดิม ขึ้นมานั่งหน้าสลอนรอรถออกด้วยความตื่นเต้น ประหนึ่งว่า วันนี้แหละ เป็นวันที่กูพ้นโทษ.....ได้ออกจากคุกซะที ไอ้เชี่ยรอกแม่งนั่งคู่ไอ้ชิ้นอยู่แล้ว ไอ้เชี่ยบิดก็คู่กะอีหวานและปนๆกับพวกกระเทย
ส่วนกูอ่ะ นั่งกับใครอื่นไม่ได้................นอกจากไอ้แสบ ขนมที่ซื้อจากร้านอีป้าดำมาไอ้เชี่ยแสบเป็นถือขึ้นมาด้วย
แต่ที่น่าแปลกใจ……..
“ไอ้กระรอกมึงเอาประเป๋าขนเชี่ยไรของมึงมาอีกวะ” กูถาม
“ของใช้ส่วนตัว” มันตอบสั้นๆมือกอดกระเป๋าแน่น มันทำยังกลัวกูจะไปแย่งกระเป๋ามันมาเปิดดูอย่างงั้นแหละ กูมีนิสัยเชี่ยแบบนั้นที่ไหนอ่ะ ดูถูกกูชัดๆอ่ะ
“ไหนไอ้เชี่ยเหยินเอามาดูซิ....ขนเชี่ยไรมานักหนา” พูดจบกูก็ดึงกระเป๋ามันมาแต่แม่งเสือกดึงเอาไว้ไม่ให้กูเอามาได้
“เก่ง....กระรอกมันบอกว่าของส่วนตัวอ่ะ นายจะแย่งมันทำไม” ไอ้ชิ้นแม่งช่วยเพื่อนมันดิ
“นี่มึงว่ากูเสือกเหรอวะ”
“เก่งช่างมันเหอะน่า... ของส่วนตัวของมันจริงๆอ่ะ ปล่อยมันเหอะ” ไอ้เชี่ยแสบพูด ทำไมใครๆก็ว่ากูเสือกวะ ไม่ยุ่งกับแม่งก็ได้ แต่ไม่มีเชี่ยไรให้ทำอ่ะดิ เซ็งชิบ
และแล้วรถก็แล่นออกมา
กูก็นั่งทอดกาย ยืดตีนเอาไปพาดเบาะหน้า เบาะที่ไอ้กระรอกกะไอ้ชิ้นมันนั่งอยู่อย่างสบายอารมณ์ แล้วเอาหน้าพาดกับกระจกมองข้างทางไปเรื่อยๆอย่างเซ็งในอารมณ์
“เก่งกินนี่ป่ะ” ไอ้แสบถามพลางยื่นขนมส่งมาให้
กูไม่ตอบได้แต่หันไปมองแม่งตาขวางๆ
“เก่งเอานี่ป่ะ” แม่งถามอีกแระ
กูก็ไม่ตอบอีก หันไปทำหน้าเสียอารมณ์กว่าเดิม แล้วทำเสียง “จึ๊” ด้วยความหงุดหงิดคนยิ่งอารมณ์กำลังเคลิ้มๆ แต่แม่งก็หน้าโคตรด้านอ่ะแทนที่จะเลิกแม่งเสือกทำหน้าระรื่นไม่สะทกสะท้านซะงั้นอ่ะ ด้านจริงๆ กูก็บอกไม่ถูกว่ะ นึกไรไม่ออกในตอนนั้น และไม่มีอะไรดีเท่ากับการ “แกล้งหลับ”
แกล้งไปได้ซักสิบกว่านาทีลืมตาขึ้นมาก็เห็นไอ้เชี่ยแสบมองหน้ากูอยู่ กูก็ได้แต่ขมวดคิ้วทำเป็นหงุดหงิด แล้วก็แกล้งหลับต่อ ได้อีกซักพักนึงกูก็ลืมตาขึ้นมาดูอีก แม่งก็ยังนั่งจ้องหน้ากูอยู่
“มึงมองหน้ากูหาโคตรพ่อมึงเหรอ.....สัด”
แม่งไม่ตอบเสือกยิ้มอีกตะหาก
“ถ้าหาเจอก็ดีดิ อย่างน้อยๆ ไอ้หน้าที่กูมองหาอยู่เนี่ย ก็จะมีแต่คนที่กูรักทั้งนั้นเลย”
แม่งมามุขนี้กูงี้หน้าชาเลยดิ
ใจเต้นตุบตับเหมือนถูกบอกรักไงก็ไม่รู้ว่ะ....สาดดดดดดดดด
แล้วกูก็เงียบไปด้วยความรู้สึกไหนก็ยากจะบอกได้....หันมาอีกทีไอ้เชี่ยแสบหลับไปแระ ก็ยอมรับนะโว้ยว่ากูจ้องหน้ามันอยู่ ...คนเราเวลาหลับนี่มันก็น่ารักดีนะโว้ย คือมันเป็นหน้าตาแบบปกติไม่มีการแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า มันคือหน้าจริงๆและเป็นธรรมชาติของคนเรานี่เอง ว่าแต่......ทำไมไอ้เชี่ยแสบแม่งน่ารักอย่างงี้วะ นั่งมองแม่งแล้วก็อุ่นในหัวใจดีหว่ะ แปลกเนอะ
แต่จู่ๆแม่งก็เสือกลืมตาขึ้นมาซะอย่างงั้น
“มองหน้ากูทำไมวะเก่ง” ชิบหายแระ แม่งลืมตาปุ๊บถามปั๊บ
“ป่าว” กูตอบแบบรวดเร็วอย่างไม่ต้องคิด
“ป่าวเชี่ยไร มองหน้ากูอยู่ชัดๆอ่ะ”
สัดเอ๊ยกูรู้สึกเหมือนกูขโมยของตามห้างแล้วโดนจับได้ยังไงยังงั้นอ่ะ
“เพราะกูน่ารักใช่มะล่ะ มึงถึงได้......”
“มึงอย่าหลงตัวเองนักเลยสัด .... น่ารักตายห่าแหละมึงอ่ะ” กูชิงพูดทันทีก่อนที่มันจะพูดจบ
ทว่าว่ามึงเอ๊ย..........ความรู้สึกกูอ่ะ โคตรจี๊ดอ่ะ เลือดหนุ่มฉีดพล่าน ถึงแม้ความรู้สึกภายนอกจะอาย แต่ในหัวใจกูก็ชุ่มชื่นและอมยิ้มชิบหาย แปลกมะ
มึงเชื่อมะ ตลอดทางหลังจากที่เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น แค่กูเอาหัวเข่าของกูไปชิดติดกันกับหัวเข่าข้างนึงของมันเท่านั้นแหละ แม่งโคตรมีความสุขอ่ะ เหมือนกับกูเอามือทั้งคู่ของกูกุมมือมันนั่งไปตลอดการเดินทางอย่างไงอย่างงั้น .............หวานมั้ยล่ะสาดดดดดดดดดดดดด
เมื่อถึงสนาม แม่งช่างเป็นสนามที่กันดารเหลือแดก ไม่มีเชี่ยไรขายที่เพียงพอกับจำนวนนักเรียนและกำลังซื้อของพวกกูจริงๆ ไม่ถึงสิบนาที ลูกชิ้นทอด น้ำอัดลม และขนมทุกอย่างหมดไปในพริบตา ทุกคนแม่งแย่งกันซื้อยิ่งกว่าได้ของฟรีตามงานเทกระจาดตามโรงเจซะอีก..... นี่แหละเด็กโรงเรียนกู
เมื่อได้ที่นั่งที่แจ่มที่สุดแล้วพวกกูก็เริ่มเอาขนมที่เตรียมมาออกมาแดก ทุกคนได้คนละถุงเท่ากันหมด ยกเว้นกูที่ได้สองถุง ใครๆก็รู้ว่ากูยุติธรรม
แล้วฟุตบอลก็เริ่มแข่ง ทุกคนก็ตะโกนเชียร์กันอย่างบ้าคลั่ง ถือเป็นการแหกปากระบายอารมณ์ไปในตัว หันไปมองหน้าอีหวานที่กำลังนั่งกระบิดกระบวนเหมือนมีอะไรซักอย่าง หน้าแม่งก็ทาแป้งหนาซะจนเหมือนขนมเบื้องโบราณประตูผี
“มึงจะไปทำเชี่ยไรของมึงก็ไปเหอะ” กูบอกมัน เพราะว่าแค่กูมองก็รู้ว่ามันอยากลงไปด้านล่างสุดใจจะขาด
“ตึงๆ แชะๆ ตึงๆ” อ่ะ เสียงไอ้พวกเด็กวัดแม่งเอาเชี่ยห่าไรมาตีกันให้ดังโหวกเหวกไปหมด มีกลอง มีอะไรต่ออะไรของมันยังกะฉิ่งฉับทัวร์ ช่าง.............แบบว่า ไงดีอ่ะ ไร้รสนิยมเหลือเกิน แล้วรู้มะทำไมพวกกูต้องเรียกมันว่าเด็กวัดอ่ะ
1.เพราะว่าแม่งเป็นคู่ปรับกะพวกกูเลยอ่ะแข่งบอลนัดชิงทีไรเจอกะแม่งทุกที
2.เพราะว่าพวกแม่งเป็นเด็กวัดจริงๆ วัดสุ—วราราม เหอๆๆ แล้วที่สำคัญ แม่งชอบด่าพวกกูว่า “เศรษฐีบ้านนอก” แม่งพวกกูโคตรโกรธอ่ะ
ไม่นานเกินรอ....
“แว๊นๆ...... ทะระแร๊กแท๊กๆ ตึ้งๆ” เสียงกองเชียร์โรงเรียนกูดังขึ้นมาแระ เสียงทรัมเปตและ กลองบางส่วนจากวงโยธวาธิตแชมป์โลกของโรงเรียนกูก็ดังขึ้น ไงอ่ะ ไฮโซซะไม่มี...... แล้วกองเชียร์โรงเรียนกูก็กระหึ่มขึ้นซะจนไม่ได้ยินเสียงเชียร์ของโรงเรียนมันอีกเลย
เมื่อนักกีฬาเริ่มเดินลงแนะนำตัวในสนามกองเชียร์ก็ลดเสียงลง และจู่ๆก็ได้ยินเสียงหวีดร้องมาจากอีกฟากหนึ่งของแท่นประธาน กูก็เห็นกระเทยโรงเรียนวัดห้าหกคนกำลังหวีดร้องและดีดดิ้น ยังกับใครเอาไฟไปลนไข่แม่งงั้นแหละ แล้วหน้าตาแม่งนะ เคยเห็นกระเทยหัวเกรียนๆตัวดำๆแต่งหน้าจัดๆที่เดินตามสยามมะ แต่อีพวกนี้อ่ะ เชี่ยยิ่งกว่านั่นอีก แต่ก็ทำให้กองเชียร์ของพวกมันเสียงดังและมีพลังเพิ่มขึ้นเยอะอ่ะ
แต่.........
จู่ๆอีเจ๊กวางก็เดินออกมาชูมือขึ้นของข้างประมาณว่าให้พวกกูอยู่ในความสงบ ซึ่งเด็กทั้งหมดพันห้าร้อยกว่าคนก็เงียบอย่างน่าทึ่ง ขนาดมาสเตอร์ยังทำไม่ได้แบบนี้อ่ะ กูทั้งงงและตะลึง ที่อีเจ๊กวางมาได้ไงเพราะว่านี่มันมีแต่ม.ต้นล้วนๆ และที่สำคัญ ทึ่งในความทรงอำนาจของเจ๊กวางจริงๆ
แล้วทุกคนก็เงียบ มองเป็นสายตาเดียวกันไปที่เจ๊กวาง
“ฟังทางนี้ค่ะ”
“อย่าเพิ่งตื่นเต้นกับสิ่งจอมปลอมทางฟากนู้นที่ได้เห็นนะคะ อย่าเพิ่งยอมให้มีอะไรมาทำให้แรงเชียร์ของเราลดลง”
“ดิชั้นขอนำเสนอ…….” แล้วอีเจ๊กวางก็หลีกฉากไปให้คนกลุ่มนึงเดินเรียงแถวออกมายืนด้านหน้าสุดของอัฒจรรย์
โอ้วแม่เจ้า….... พูดเชี่ยไรไม่ออกเลยได้แต่ตะลึง