ดัดสันดาน....เกิร์ลก๊วนสวนหรรษา ตอนที่1ตึ่ง..... ตึง....... ตึ๊ง.....
ประขาดดดดด...... ประขาดดดดด..........
ประขาดดดดด........จากตึกอำนวยการ
ไอ้ที่ได้ยินว่าประขาดประขาดอ่ะ แม่งก็คือประกาศนั่นแหละ จะเสียงเซ็กซี่ก็ไม่ใช่ จะทำให้ดูอ่อนโยนใจดีก็ยิ่งไม่ใช่ ไม่รู้ว่ามันจะกระแดะทำเสียงแหบแห้งเหมือนคนจะหมดลมตายห่าแบบนั้นไปทำไม ยิ่งฟังยิ่งหดหู่ ยิ่งได้ยินยิ่งรำคาญแม่ง
ประขาดดดดด....จากตึกอำนวยการ...
เนื่องจากวันนี้มีการประชุมครูจึงของดการเรียนเสริมหลังเลิกเรียนวันนี้……
ซ้ำอีกครั้ง.... ไม่รู้มันจะซ้ำทำไมรอบนึง ลำโพงแม่งก็เสียงดังฟังชัด
ฟังชัดแก้วหูกูจะแตกอยู่แล้วอ่ะ เผลอๆถ้ากำลังขี้อยู่อาจมีสิทธิ์ขี้หดคาตูดได้
เนื่องจากวันนี้มีการประชุมครูจึงของดการเรียนเสริมหลังเลิกเรียนวันนี้……
ตึ๊ง..... ตึง....... ตึ่ง.....
พอจบเสียงประกาศของมัน พวกผมก็หันมองหน้ากัน ตาเป็นประกาย.... จะไปทำเชี่ยไรกันดีหว่า
เอ้ย....มะช่าย จะไปหาอะไรดีๆทำกันดีหว่า.......
...
.
.
.
“หาเชี่ยไรทำกันดีวะ เบื่อๆว่ะ” ไอ้บิดเริ่มเปิดหัวข้อสนทนา
“ไปหาด่าป้าดำเล่นกันดิ” อีหวานบอก
“ด่าพ่อมึงดิ แหมอีสัด ตั้งใจจะไปด่ามันกูเห็นมึงโดนมันด่าแม่งทุกทีแหละ เคยจะด่ามันทันมะ แล้วอีกอย่างกูเบื่อว่ะ ซ้ำซาก” ผมตอบ
“งั้นไปหลังตึกม.ปลายกัน” ไอ้แสบเสนอ พวกผมก็มองหน้ากันงงๆด้วยความสงสัย ว่ามันมีเชี่ยไรวะที่หลังตึกม.ปลาย และที่สำคัญนะแม่งเดินไกลโคตรๆอ่ะ
“มีเชี่ยไรน่าไปวะ ไกลชิบหาย” ไอ้บิดถาม
“กูก็ไม่รู้หว่ะ เห็นไอ้เด็กที่มันชอบเอาหนมมาให้พวกมึงแดกอ่ะ มันบอกกูว่ามีป่าอยู่ตรงนั้น และเปลี่ยวๆชอบมีคนเดินหายเข้าไปทำห่าไรซักอย่างในนั้นอ่ะ”
“อืม” พวกผมพยักหน้ากันหงึกๆยิ้มมุมปาก แหม.....ค่อยน่าตื่นเต้นขึ้นมาหน่อย น่าสนๆ คิคิ
ว่าแล้วก็รีบเอาประเป๋านักเรียนกลับไปโยนๆกองไว้ที่ตึกนอน แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าทันใด รีบออกมารวมตัวกันที่หน้าตึกอย่างเรียบร้อยและรวดเร็วอย่างที่สุด
“อีหวาน... พวกกูจะไปบุกป่ากันมึงใส่ชุดเชี่ยไรมาเนี่ย มึงจะไปงานหมั้นพ่อมึงกะเมียใหม่เหรอไงวะ” ผมด่ามัน รำคาญแม่งเจงๆ
“ก็เรากลัวหนามข่วนนี่หน่า” มันตอบท่าทีเหนียมอายเหมือนทุกครั้ง ไม่รู้มันอายจริงๆหรือว่าแกล้งอาย ยิ่งมองแม่งยิ่งหมั่นไส้
“หนามบ้านพ่อมึงดิ อีเวรป่าโรงเรียนนะโว้ยไม่ใช่ห้วยขาแข้ง มึงนี่เว่อร์แม่งทุกงานเลยนะมึง มึงกลัวชุดมึงชุดนี้ไม่ได้เอาออกมาใส่หรือไงวะ” ผมด่ามันอีกรอบ
นึกภาพเอานะ แม่งใส่กางเกงขายาว เสื้อแขนยาว รองเท้าผ้าใบหุ้มข้อ มีหมวกใบนึง แล้วก็ถือกระเป๋าเชี่ยไรของมันไม่รู้ แค่อยู่ในโรงเรียนนะนี่ และมันจะไม่น่าหมั่นไส้มากเท่านี้ ถ้าหากว่า เสื้อผ้าทุกชิ้นของมัน เป็นแบบปกติ..... แบบที่คนเค้าใส่กัน
แต่นี่มันเบเนต๊องทั้งชุดอ่ะ แล้วสีขาวคาดชมพู เข้าชุดกันทั้งเซตอ่ะ ตั้งแต่เสื้อ หมวก รองเท้า กางเกง แบบว่าถ้าใส่แยกชุดกันแล้วราคาจะเหลือแค่ตัวละสามสิบบาทไปเลยอ่ะ คิดเอา.......
โถ่เอ๋ย........... อีหวาน
“เออน่าไอ้เก่งช่างมันเหอะ กูว่าน่ารักดีออก” ไม่ต้องทายก็รู้ว่าใครพูด...ไอ้เชี่ยบิดคนเดิม
“มึงเดินคล้องแขนกันไปเลยนะ เอาแบบว่าไม่ต้องให้ใครรู้เลยว่ามันเดินมากะกู” ผมพูดแล้วเอามือดันหัวของพวกมันสองคนเข้าชิดกัน
“ไอ้เชี่ยนี่ก็เหมือนกัน แต่งตัวเชี่ยไรของมึงเนี่ย แค่ไปหลังโรงเรียนเนี่ยนะ กูไม่ได้พามึงไปซาฟารีเวิด์ลนะเว้ย มึงจะขนไปจับพ่อมึงเหรอไง กูเจอพวกมึงแล้วกูจะประสาทตาย แม่ง....แต่ละคน กูล่ะอยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย” ผมพูดกับไอ้กระรอกจบก็เอามือตบหน้าผากตัวเอง แปะๆ ด้วยความเซ็ง
อารมณ์กำลังมันปากกะจะหันไปด่าไอ้เชี่ยแสบแม่งอีกคน แต่พอหันไปจริงๆ ก็ไม่รู้จะด่าเชี่ยไรมัน สาดดดดดดดดดดดดด......เอ๊ย คนแม่งน่ารักแต่งตัวเชี่ยยังไงแม่งก็ยังน่าร๊ากกกกกกกกกก.........คิคิ
“ไอ้กระรอกกูถามมึงจริงๆเหอะมึงจะขนไปทำเชี่ยไรของมึงวะที่ช้อนปลาเนี่ย” ผมถามมันด้วยความงง และสงสัยว่ามันไปเอามาจากที่ไหนของมัน
“เผื่อเจอสัตว์” มันตอบสั้นๆ เสียงอ่อยๆกลัวโดนด่า
“แล้วมึงเอากระป๋องน้ำไปทำไมวะ” ผมถามอีกทีด้วยความสงสัยเหมือนเดิม
“เผื่อเจอสัตว์” มันก็ตอบสั้นๆเหมือนเดิม มันตอบเหมือนไม่ได้ตอบ
“แล้วกูถามมึงจริงๆเหอะนะ มึงช่วยตอบให้กูกระจ่างทีเหอะ มึงเอาทิชชู่ไปทำไมวะ อันนี้กูโคตรสงสัยเลย” ผมถามด้วยความงง งงจนไม่รู้จะงงยังไงแระ...
“เผื่อเจอสัตว์” มันตอบเสียงเหี่ยวๆเหมือนเดิม
“ผัวะ .... ไอ้เชี่ยเจอสัตว์พ่อมึงดิ ทำไมวะถ้ามึงเจอสัตว์มึงจะเอาทิชชู่ไปเช็ดปากให้มันหรือไงวะ ไอ้ค-ย” จะไม่ให้โมโหได้ไงอ่ะ ก็ดูแม่งตอบดิ
แล้วก็เดินชักแถวกันไปเรื่อย เดินไปหยอกกันไป ไอ้กระรอกก็เก็บนู่นเก็บนี่ของแม่งไปเรื่อย ไอ้บิดกะอีหวานก็เดินนัวเนียกันตั้งแต่ก้าวออกมาจากตึก ส่วนผมเหรอเดินเกร็งๆเก๊กๆยังไงไม่รู้ว่ะ เขินๆอายๆๆ แบบว่าระวังฟอร์มอ่ะกลัวโดนไอ้เชี่ยบิดมันแซว พอเดินกันออกมาได้ซักครึ่งโรงเรียนก็เริ่มเห็นความผิดปกติ ใครวะแม่งมาเดินกางร่มตอนนี้ นี่แม่งก็สี่โมงเย็นแระ ฝนก็ไม่ตกแล้วแม่งจะกางร่มหาห่าไรของแม่งวะ จะว่าเป็นคนนอกโรงเรียนก็ไม่น่าเป็นไปได้ โรงเรียนนี้แม่งไม่ใช่จะมาเดินสุ่มสี่สุ่มห้ากันง่ายๆนะเว้ย...
ใครวะ ........
แล้วที่สำคัญ แม่งมีสามคนร่มสามคัน แล้วสีเดียวกันเลยนะโว้ย สีฟ้าแสร๋นแป๋น เห็นได้ไกลสี่ร้อยเมตรยังกะป้ายทางด่วน แล้วแม่งเดินหน้ากระดานเรียงกันกลางถนนแบบไม่กลัวรถเหยียบ... ยิ่งทำให้พวกกูสงสัยแม่งขึ้นไปอีก ใครวะแม่งช่างกล้าหาญท้าทายความตายและท้าทายไม้เรียวแบบนี้
“นั่นมันใครวะ... พวกมึงรู้จักมะ” ผมเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย .....เพราะว่าผมเป็นเด็กช่างสงสัย.......เหอๆๆ
“อ๋อออออ........... พวกเจ๋..เจ้” อีหวานตอบเสียงแหลม ใครวะพวกเจ๋เจ้ แล้วอีเชี่ยหวานมันไปรู้จักได้ไงวะ ก็มันอยู่กะพวกกูเกือบ24ชั่วโมงอ่ะ
“อะไรของมึงวะอีหวาน” ผมถามมัน
“ก็พวกเจ๋เจ้ไง” มันตอบ
“อะไรของแม่งวะ” ผมเอะใจ ยังสงสัยแต่ไม่อยากใส่ใจแม่ง...อะไรวะเจ๋เจ้
เดินไปได้อีกไม่ถึงร้อยเมตรก็เห็นอีกแล้วอ่า.........
ทีนี้ห้าคนเลยหว่ะเดินมาสมทบจากทางแยกที่มาจบกันมารวมตัวกัน แต่ว่าไอ้พวกที่มาทีหลังนี่ร่มสีชมพูแปร๋นเลยหว่ะ สีแสบแบบว่าหาซื้อไม่ได้ตามท้องตลาด......จริงๆนะโว้ย แล้วท่าเดินแม่งนะก้าวขาซ้ายขวาพร้อมๆกันเดินตูดกระดกๆ บิดๆแอ่นๆ ยังกะมิวสิคซาซ่าอ่ะเคยดูมะวะ ที่แม่งแต่งชุดเหมือนแอร์โฮสเตจอ่ะ ไม่แรดก็ไม่รู้จะว่าไงแระ ไอ้ที่แรดอ่ะมะช่ายซาซ่านะโว้ย กูหมายถึงอีคนที่กางร่มนั่นตะหากโว้ย
ต่อนนี้ชั้นยังไม่มองใคร...
ต่อนนี้กำลังสบาย...
ไม่รู้จะมีแฟนทำไม....
ไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้า.........เหอๆๆ
ชักแม่งๆแระเจ๋เจ้ของอีหวานมันนี่.....แต่พวกกูก็ยังไม่สน มุ่งหน้าไปยังจุดหมายอย่างเดียวโว้ย คือ..... ป่าหลังตึกม.ปลาย
หลังตึกม.ปลายจะมีสนามบอลอยู่สนามนึง ด้านนึงติดกับโรงซักผ้า ด้านนึงติดกับตึกม.ปลาย อีกด้านนึงติดกับเครื่องบำบัดน้ำเสีย อีกด้านนึงติดกับป่า.....
แต่ที่น่าตกใจก็คือบนอัฒจรรย์สำหรับเชียร์บอลข้างๆสนามนั้นมีร่มหลากสีสาดแสงสว่างไสว...อยู่บนนั้น แถวล่างเป็นสีฟ้า แถวกลางๆจะเป็นสีชมพู ส่วนแถวบนสุดจะเป็นสีแดงเถือก... ใครมันทำเชี่ยไรของมันวะ รึว่ามีกีฬาสีวะ ไม่มั้งถ้ามีพวกกูก็ต้องรู้ดิ เออ.....แต่ปกติพวกกูก็ไม่ได้มาแถวนี้เลยนี่หว่า................อะไรของแม่งวะ......
...
ปล.เดียวคืนนี้ลงอีกตอนนะ 