ตอนที่ 60 สิ่งที่ควรทำมาตั้งแต่ต้น
ตอนนี้พวกผมกำลังทำอะไรอยู่นะ พวกผมมาซึมซับความสุขครั้งสุดท้ายกันหรือ? แต่หรือว่านี่อาจจะเป็นทางออกทางเดียวก็ได้ในเวลานี้
สำหรับพวกผม อาจจะไม่มีทางทำอะไรแล้วก็ได้ ผมนึกในใจขณะที่นอนอยู่บนเตียงที่ผมเคยนอนบ่อยๆ ในหลายปีที่ผ่านมานี้ ผมพยายามจะไม่ร้องไห้ เพราะถึงร้องไห้ไปมันก็แค่นั้น เจ้าของห้องห้องนี้ก็คงไม่มีทางที่จะกลับมาเป็นเหมือนเก่ากับผม
คิดๆ ดูแล้วก็ตลกดี พวกผมสี่คน คิดคล้ายๆ กัน ที่คิดว่ามันคงถึงเวลาแล้ว จุดจบของความรู้สึกผิดๆ แปลกๆ และความรักที่มันซับซ้อน พันธะที่เคยผูกพัน โซ่ที่เคยพันธนาการพวกผมเอาไว้เข้าด้วยกัน สัญญาลูกผู้ชายที่ต้องรักษาเอาไว้ ต่อจากนี้ต่อไปมันกำลังจะกลายเป็นอากาศธาตุ มันจะไม่มีตัวตนและความหมายในความรู้สึกนึกคิดของพวกผมอีกต่อไป
"มึงว่ามันจะมีความสุขไหมวะ" ไอ้เต้พูดขึ้นพร้อมๆ กับหยิบรูปของคนที่เป็นเจ้าของโซ่พันธนาคารที่ยุ่งเหยิงเส้นนี้
"กูไม่รู้หวะ แต่กูขอให้มันมีความสุข เพราะถึงยังไง พวกมึงกับกูก็คงทำอะไรที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วหละหว่ะ คงต้องคอยดูมันห่างๆ" ไอ้ปลาม์พูดขึ้นทั้งๆ ที่หันหลังให้พวกผม มันยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองออกไปยังท้องถนนที่ตอนนี้รถราไม่ค่อยมี เนื่องจากช่วงเวลาตอนบ่ายต้นๆ ของวันธรรมดา ท้องฟ้าที่มีเมฆครึ้ม กับแสงแดดที่เบาบาง มันชวนให้บรรยากาศในวันนี้อึมครึม และหม่นหมองทั้งวัน
"มึงคิดว่าเฟยจะเคยรักเราบ้างไหม" ไอ้บอลพูดขึ้นขณะที่กำลังหยิบเสื้อตัวโปรดที่เจ้าของห้องชอบใส่กำไว้ในมือพร้อมกับขึ้นมาสูดดม ผมมองด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก พวกมันแต่ละคนแสดงออกกันคนละพฤติกรรม แต่นั่นก็หมายความว่าพวกมันและผมต่างรักคนๆ เดียวกันนี้อยู่มากมาย
"กูไม่โทษใครหรอก กูจะโทษตัวกูเองที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ กูรู้ว่ามันผิดมาตั้งแต่ต้น แต่ตัวกูเองก็ดึงดัน และปล่อยให้มันผิดอยู่ตลอดมา" ผมพูดขึ้นพร้อมกับมองเพดานที่ว่างเปล่า ผมไม่อยากมองไปเห็นพวกมัน เพราะยิ่งเห็นผมยิ่งรู้สึกเหมือนมันเป็นกระจกที่กำลังสะท้อนตัวตนผมอยู่
"กูรักมันจิงๆ นะเว้ย ถึงกูจะไม่รู้ว่ามันมากมายแค่ไหน แต่กูรู้ว่ากูรักมัน รักมันมากพอที่จะทำให้กูรู้สึกแย่สุดๆ ในตอนนี้" ไอ้ปลาม์พูดจบได้สักพักก็เดินลงมาล้มตัวนอนบนเตียงตรงที่ว่างถ้ดจากที่ผมนอนอยู่ เตียงนอนเตียงใหญ่ตอนนี้ พวกผมขึ้นมานอนกันหมด เตียงหลังนี้ดูเล็กลงไปทันที พวกผมนอนพาดกัน ตามตำแหน่งที่ว่างๆ อยู่
ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ พวกผมร้องไห้ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน หรืออาจจะเป็นเพราะว่ามีคนเริ่มร้องไห้ก่อนก็ได้ พวกผมที่เหลือที่รู้สึกอึดอัดอยู่ในใจอยู่แล้ว ก็เลยระบายออกมาตามๆ กัน
พวกเราร้องไห้กันสักพัก ก่อนที่ไอ้เต้จะลุกไปล้างหน้า พวกผมที่เหลือจึงหยุดร้องตามๆ กัน
ไม่มีบทสนทนาของพวกผมอีก ความเงียบเข้าปกคลุม มีแต่รอยยิ้มที่เป็นเหมือนกานให้กำลังใจกัน ตอนนี้พวกผมแข็งแรงขึ้นแล้วใช่ไหม
พวกผมจะควรมองมันเป็นน้องชายอย่างที่สมควรจะมองมาตั้งแต่ต้นได้ซักที ต่างคนต่างตบบ่าให้กัน ก่อนที่จะเริ่มขำกันเอง และหัวเราะออกมา
"พวกมึงแม่งอ่อนแอฉิบหาย" พี่ชายของเจ้าของห้องเปิดประตูเข้ามาพร้อมตะโกนเป็นเชิงเย้ยหยัน
"แสรดดดดดดด" "เชี่ย" "เลว" "ควาย" พวกผมต่างสบทคำที่ตัวเองไวที่สุดออกมา
ตอนนี้พวกผมรู้สึกดึขึ้นแล้วคับ มันต้องแบบนี้หละ เย้ยหยันๆ แบบนี้หละ ทำให้ผมพวกแก้เขินกันได้ดี ถ้ายังมาพูดถึงเรื่องนั้นอีก พวกผมก็คงแย่ลงไปอีก
ขอบใจหวะไอ้ฮาร์ด ตอนนี้พวกกูดีขึ้นแล้ว พวกกูสมควรทำในเรื่องที่ถูกต้องเสียที
___________________________________________________________________
เสียงรถมอเตอร์ไซด์คันเล็กค่อยๆ เบาลงจนเลือนหายไป ผมยืนมองดูคนสองคนที่ขับออกไปด้วยสีหน้ามีความสุขจากหน้าต่างบนชั้น 5
เมื่อไม่กี่ช่วงโมงมานี้เอง ผมกับน้องสาวผมไปพามันกลับมาจากบ้านไอ้ซี ซึ่งน้องผมมันร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนไกล้จะตาย ราวกับว่าโลกนี้ดูแย่ไปซะทุกอย่าง แต่ในตอนนี้แค่มันกลับมาเท่านั้นเอง น้องชายผมก็ลืมเลือนซะทุกสิ่งอย่าง กลับหน้ามือเป็นหลังมือ กลายเป็นคนเดิมที่มีชีวิตชีวา มีความสุขเช่นเคย
ผมว่าน้องชายผมมันต้องรักไอ้หมอนี่อย่างจริงจังแน่ๆ
แล้วผมที่เป็นพี่ชายมัน จะทำอะไรให้มันได้บ้าง จะแก้ปมปัญหาที่ผมเป็นคนผูกไว้ให้มันตั้งแต่ต้นได้ยังไง ผมจะทำยังไงกับเพื่อนๆ ของผมที่รักมันเหมือนกัน ผมควรจะจบปัญหาเหล่านี้อย่างไร คำถามมากมายเหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กันในหัวผม ผมยังคงยืนมองน้องชายผมจนลับตา แต่ก็ยังหาทางออกไม่เจออยู่ดี
ยังไงซะจุดจบของเรื่องนี้ก็ต้องมีคนเจ็บ เพียงแต่ผมสมควรทำอย่างไรให้เจ็บน้อยที่สุด อีกฝั่งก็เพื่อนรัก อีกฝ่ายก็น้องชายตัวเอง ผมกำลังตกที่นั่งลำบาก และเป็นคนกลางที่ลำบากใจที่สุด
ผมเริ่มปวดหัวขึ้นเรื่อยๆ สงสัยผมคงจะหาทางออกไม่ได้ ซะแล้วมั้ง เฮ้อ.......
"แปะ ๆ" น้องสาวผมเดินเข้ามาตะไหล่ผมเบาๆ ก่อนที่จะยิ้มให้ เป็นการสื่อให้รู้ว่า มันยังเป็นกำลังใจให้อยู่
"ให้อาทช่วยไหม อาทรู้ว่าสมควรทำยังไง" น้องสาวผมพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากมาย
"ลองดูสิ ตามสบายเลย" ผมตอบกลับทันที
ยังดีที่ผมยังมีน้องสาวคนนี้อยู่ข้างๆ ถึงแม้เราจะไม่ได้สนิทกันมากมายนัก แต่ยังไงซะครอบครัวก็คือครอบครัว ครอบครัวเราจะรู้ได้ทันทีหากเราต้องการอะไร และน้องสาวผมคนนี้ก็ไม่เคยทำให้ผมผิดหวังมาก่อน และครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน น้องสาวผมต้องช่วยผมได้แน่
-- มันผิดมามากเกินไปแล้วหวะ กูขอโทษที่ดึงพวกมึงเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้ กูเสียใจที่กูทำให้ดีกว่านี้ไม่ได้ กูจบให้พวกมึงแบบสวยหรูไม่ได้ ถ้าหากมึงเป็นกูมึงจะเข้าใจ กูบังคับให้น้องกูรักใครไม่ได้ สัญญาที่ให้ไว้กับกูกูขอยกเลิก จำไว้ว่ามันเป็นน้องชายกู แล้วกูก็เป็นเพื่อนมึง แล้วมันก็จะกลายเป็นน้องชายของมึงเหมือนกัน กูเสียใจนะเว้ย-- เมสเสจถูกกดส่งออกไปสำหรับหกคน น้องสาวผมเก่งจริงๆ ขนาดตัวผมเองซึ่งเป็นคนที่คิดสิ่งต่างๆ เหล่านี้อยู่ในหัว ผมยังไม่สามารถเรียบเรียงได้ แต่น้องสาวผมแค่มองผม ก็บรรยายออกมาได้ทันที ผมจะรอดูว่า สิ่งที่น้องสาวผมคิดจะทำให้ผมผิดหวังหรือไม่ และผลมันจะลงเอยเช่นใด
คืนนี้ผมแทบไม่ได้นอนผมคิดไม่ออกว่าบทสรุปสุดท้ายตอนนี้จะเป็นเช่นไร ปัญหาที่คาราคาซังมานานขนาดนี้จะแก้ไขได้ง่ายขนาดนี้เลยไหม แต่ถ้ามันเข้าใจในตัวผมจริง และมันรักน้องชายผมจริง มันคงต้องรับรู้บ้างหละน่า
ผมสะดุ้งตื่นเพราะมีคนเคาะประตูห้องนอน ผมเดินไปเปิดด้วยอาการงัวเงียเล็กๆ แล้วก็ต้องตกใจกับคนที่เคาะประตูผม
"พวกกูขอทำใจครั้งสุดท้ายได้ไหม" เพื่อนผมหนึ่งในสี่คนที่มาเคาะประตูพูดขึ้น