ตอนที่ 58 ปฐมบทของจุดจบ
สายลมอุ่นๆ ของยามเย็น พัดกระทบที่ใบหน้าผม ซึ่งตอนนี้กำลังมองใครบางคนซ้อมบาสอยู่ในสนาม
กี่ครั้งกันแล้วนะที่เรานั่งอยู่ตรงนี้ และมองออกไปยังสนามบาส ที่ตอนนี้มีกลุ่มคนกำลังซ้อมเพื่อรับมือการแข่งขันคัดตัวนักกีฬามหาลัย
"ทำไมถึงมองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อนะ คิ้วคู่นี้" ผมรำพึงรำพันกับตัวเอง
หลังจากที่ผมพูดยังไม่ทันจบประโยคดี เจ้าของคิ้วคู่ที่ผมมอง วิ่งตรงเข้ามาหาผม พร้อมกับอาการที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของในตัวของผม
"ลูกลิง เค้าหิวน้ำ" คำพูดของเวย์บ่งบอกถึงการเป็นมากกว่าเพื่อนตอนนี้เริ่มแสดงออกมามากขึ้นๆ แล้ว
หลังจากจบเสียงทุ้มต่ำของแฟนผม ก็มีเสียงโห่ ร้อง แซว กันเป็นการใหญ่ ด้วยกองคราวานเพื่อนๆ ที่ซ้อมด้วยกัน
ผมยื่นขวดน้ำดื่มที่ตั้งอยู่ด้านข้างตัวผมให้กับเวย์ เวย์รับน้ำดื่มโดยการจับมือผมไปด้วย พร้อมทั้งยิ้มเล็กๆ น่ารักๆ กวนๆ ในแบบฉบับที่เป็นตัวมัน ก่อนที่จะเดินออกไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ของมัน แต่ก็ยังมีเสียงแซวมาเป็นระยะๆ
นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมอาจจะเขินไปแล้วหละ แต่ตอนนี้ผมคงไม่แล้ว จะว่าก็ว่าไป ตอนนี้ก็ผ่านมาได้เกือบเดือนแล้วซินะ นับตั้งแต่เหตุการณ์คราวนั้น
วันที่พี่ซีจับตัวผมไปแล้วเอาไปขังในบ้าน ซึ่งประจวบเหมาะกับเวย์ไปบอกเลิกกับบี ซึ่งเป็นน้องของพี่ซี ผมยังแอบอดขำไม่ได้กับทฤษฏีโลกกลมอันนี้ ถ้ามันไม่เกิดขึ้นกับผม ผมคงไม่มีวันเชื่อมันเป็นแน่ อะไรจะบังเอินขนาดนั้นกันเนอะ
แต่ก็แปลกในหลายๆ เรื่อง ที่ทำไมพวกพี่ๆ เขาถึงเลิกตาม และหยุดไปเลยแบบนี้ ไหนจะบีอีกเห็นเวย์เล่าว่าตัวบีเองก็เหมือนจะไม่ยอมนี่นา แต่แล้วทำไมอะไร ๆ มันถึงได้ง่ายขนาดนี้ หลังจากวันนั้น พวกพี่ๆ ก็เหมือนๆ จะหายไป ตัวผมเองไม่ทราบถึงสาเหตุนี้หรอก เอาเป็นว่ามันเป็นผลดีกับตัวผมเองก็แล้วกัน ดีสำหรับผมและเวย์ เพราะมันทำให้เราสองคนได้ไกล้ชิดกันมากขึ้น ผูกพันกันมากขึ้น และแสดงฐานะกันได้มากขึ้น จนกระทั่งตอนนี้ถึงแม้จะเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่รู้ แต่แค่นี้มันก็เพิ่มพูนความสุขทางใจผมได้มากมายแล้วหละ
ผมรักเวย์ แล้วก็รักมันมากๆ ถึงแม้จะเป็นเวลาแค่ไม่นานที่ผมกับมันได้คบกัน เราสองคนผ่านอะไรหลายๆ อย่างมามากมาย เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อให้เข้าใจกันมากขึ้น ผมต้องขอบคุณเวย์ ที่เข้ามาในชีวิตของผม มันทำให้ผมได้เรียนรู้ถึงความรัก ว่ามันคืออะไร แค่ช่วงเวลาสั้นๆ แค่นี้มันก็ทำให้ผมรักมันได้มากมาย มากซะจนคนๆ นึงจะรักใครได้ ตัวผมยังคงคิดย้อนกลับไปกลับมา ขณะเดียวกันที่ตอนนี้สนามบาสก็เริ่มเอะอะขึ้นอีกครั้ง เพราะว่าการซ้อมได้ดำเนินต่อแล้ว
อาทิตย์นึงแล้วซิที่ผมมารอเวย์ซ้อมบาส แล้วกลับบ้านพร้อมกัน ผมเริ่มเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเวย์มากขึ้นเรื่อยๆ เรานอนด้วยกันทุกวัน จนแทบจะไม่มีเวลาไหนเลยที่เราจะแยกกัน ความผูกพันก่อตัวขึ้นจากเวลาอันสั้นๆ เหล่านี้ พร้อมกับความรักที่เพิ่มพูนทวีตามขึ้นเป็นเงาตามตัว
แต่สิ่งที่ผมยังแปลกใจแบบไม่เคยหาข้อสงสัยได้เลยสักครั้งที่คิดถึง คือเรื่องของพวกพี่ๆ ทั้งหลายที่มันกลับเงียบหายไปเลย เหมือนมันไม่เคยมีมาเลยด้วยซ้ำ พวกเขาแทบจะหายเข้ากลีบเมฆไปเลย นับตั้งแต่วันนั้นผมก็ยังไม่ได้คุยกับพี่ใหญ่เลย จริงๆ ลึกๆ แล้วเป็นห่วง อยากรู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างตั้งแต่ตอนนั้น ผมลองมาคิดย้อนๆ กลับไป พี่ใหญ่รักผมมากเหลือเกิน แค่ตอนที่เขาไปช่วยผมที่บ้านพี่ซี แค่นี้ผมก็อภัยให้เขาในทุกๆ อย่างที่เขาเคยกระทำกับผมเลยทีเดียว แล้วไหนจะพี่คนอื่นๆ อีกหล่ะ ก็หายกันไปหมด บางทีผมยังแอบกลัวๆ เลยว่าที่หายๆ กันไปเนื่ย พี่ซีแอบมีแผนการอะไรอีกหรือเปล่า ช่วงอาทิตย์แรก ผมเกือบๆ จะกลายเป็นคนจิตตกเลยด้วยซ้ำ กลัวไปทุกขณะ กลับไปทุกที่ทุกเวลา แต่ก็ได้เวย์คอยปลอบและดูแลอยู่ตลอด ผมถึงได้แข็งแรงขึ้นตอนนี้ แล้วครั้งนี้ก็จะเหมือนๆ กับทุกครั้ง ผมก็ยังคงหาคำตอบของการหายไปของพวกพี่ๆ ไม่ได้อยู่ดี แต่ช่างเหอะ พวกเขาก็โตๆ กันแล้ว คงไม่เป็นอะไรหรอก
ตอนนี้ผมอาจจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวไปและ ผมคิดแต่ความสุขของผม หรือว่าช่วงนี้เป็นช่วงตักตวงสำหรับผมก็ไม่รู้ ผมหวงแหนช่วงเวลาในตอนนี้มากๆ เพราะว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ผมไม่เคยได้พบเจอหรือสัมผัสมันได้เลย ผมเลยไม่อยากคิดถึงใคร เอาแค่ตัวผมมีความสุข และไม่มีใครเดือดร้อนจากการกระทำของผมก็พอแล้ว
ผมรู้สึกเมื่อยหลังจัง สงสัยจะนั่งนานเกินไปหน่อย ก็บนสแตนด์ที่ผมนั่ง มันเป็นแค่แผ่นไม้ที่ไม่มีความนิ่มเอาซะเลย ผมเลยรู้สึกปวดๆ หลังนิดหน่อยมั้ง ผมเอียงตัวตามแนวความยาวของแสตนด์พร้อมกับค่อยๆ ปล่อยตัวเอนกายนอนลงไป
ท้องฟ้ายามเย็นในตอนนี้ มันเป็นสีส้ม ก้อนเมฆที่ลอยประปรายยิ่งทำให้ท้องฟ้าในตอนนี้ดูสวยขึ้นมาก แต่แสงสีส้มที่เราเห็นว่าสวยงาม มันแฝงไปด้วยความอบอุ่น เย็นสบาย แต่หากมองในอารมณ์ที่ต่างกัน แสงสีส้มที่สวยงามนี้จะเป็นแสงที่ทำให้เราเปล่าเปลี่ยว หดหู่ และเหงาอย่างมากมายในเวลาเดียวกัน
ผมเอื้อมมือซ้ายไปสุดแขนเผื่อว่าผมจะจับก้อนเมฆได้สักก้อน
"เหอะๆ" ผมหัวเราะกับตัวเองเบาๆ ที่ทำแบบเมื่อกี้ลงไป ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมจ้องไปที่มือซ้ายของผมก่อนที่จะยิ้มและรู้สึกว่าตัวเองกำลังหน้าแดง ผมเขินก็เพราะว่ามือซ้ายของผมตอนนี้มันแสดงให้ผมรู้ว่าผมถูกตีตราจองไปซะแล้ว ด้วยแหวนสแตนเลสวงหนึ่งที่นิ้วนาวข้างซ้าย
หลังจากวันที่ผมไปนอนบ้านเวย์ เวย์ก็เริ่มแสดงฐานะและจุดยืนของผมให้เพื่อนๆ ในกลุ่มเล็กๆ ของมันรับรู้ และเริ่มแสดงความรักและท่าทีมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าผมจะยังไม่ใช่ในฐานะแฟนในทุกๆ ที่ แต่เพียงแค่นี้ผมก็มีความสุขมากแล้ว
วันนี้เป็นวันเสาร์ เป็นวันที่เวย์จะซ้อมหนักมากๆ เพราะว่าจะมีแข่งคัดตัวในวันพุธ ซึ่งวันเสาร์จะเป็นวันที่ซ้อมหนักที่สุด และอีกสามวันที่เหลือจะเป็นเพียงแค่ซ้อมเพื่อให้อยู่ตัวเท่านั้น เพื่อเลี่ยงการบาดเจ็บ
แสงยามเย็นเริ่มหมดไป พร้อมกับแสงสว่างจากแสงไฟสปอต์ไลท์ในสนามที่แทรกเข้ามาแทนที่ วันนี้เวย์บอกว่าจะซ้อมยันห้าทุ่ม ผมคงต้องรอถึงตอนนั้นเลยหรอ? ผมยกนาฬิกาที่แขนขวาขึ้นมาดู ใกล้จะทุ่มและ ผมคง ต้องรอไปอีกเกือบสี่ชั่วโมง ผมค่อยๆ หลับตาลงพักสายตาซะหน่อยดีกว่า รู้สึกสบายจัง
ผมหลับตาได้ไม่ถึงนาที ก็ต้องตื่นขึ้นมา เพราะมีคนโทรศัพท์เข้ามาที่เครื่องของผม ผมหยิบออกจากกระเป๋าข้างกางเกงยีนส์เพื่อดูเบอร์
-- พี่ชาย --
ผมกดรับทันที
"น้องอยู่ไหน" ปลายสายยิงคำถามเป็นคำแรกที่พูดคุยกันเลย
"อยู่หนามบาส มารอเวย์ซ้อมบาสจ้า" ผมตอบด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาทนิดๆ
"แถวไหน เดี๋ยวพี่ไปรับ ลืมแล้วหรอวันนี้วันอะไร" พี่ชายผมพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจเล็กๆ
ซวยแล้วไงหล่ะ วันนี้วันเกิดพี่ชายผมนี่หว่า ลืมได้ยังไงเนี่ย มัวแต่คิดนั่นคิดนี่จนลืมไปเลย เรานี่มันเป็นน้องที่ใช้ไม่ได้จริงๆ เลย แย่มากๆ
แต่ถ้า... เราบอกไปว่าเราจำได้ แล้วไหนหล่ะของหวัญ ถ้าจำได้ก็ต้องมีของขวัญ
แต่ถ้า... เราบอกไปว่าเราจำไม่ได้ ก็น้อยใจอีก โอย..... เอาไง ดีๆ...
"วันอะไรอะจำไม่ได้.." ผมเลือกที่จะตอบแบบนี้ออกไป เพราะผมคิดอะไรบางอย่างได้แล้วหน่ะสิ
ผมจะเซอไพรซ์ โดยบอกว่าจำไม่ได้ พี่ชายผมก็จะคิดว่าไม่มีของขวัญ แต่ผมจะเอาของขวัญไปให้ แฮะๆ... แผนการณ์ร้ายกาจถูกคิดขึ้นมาในสมองไม่ถึงสองวินาที
"ไม่เป็นไรจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร บอกมาว่าตรงไหน เดี๋ยวจะไปรับ ตอนนี้พี่อยู่รังสิต" พี่ชายผมทำเสียงน้อยใจก็เป็นด้วยวุ้ย น่ารักดีแฮะ
"มารับที่มอล์ปิแล้วกัน เดี๋ยวน้องออกไปรอที่นั่น มันใกล้ๆ กัน พี่จะได้ไม่งง เคป่ะ" ผมเสนอทางเลือกให้ เพราะผมจะไปซื้อของขวัญด้วยหนะสิ
"เคๆ เดี๋ยวพี่ถึงแล้วโทรหานะ" พี่ชายกรอกเสียงกลับมา
"จ๊ะ" ผมรับคำ พร้อมกับกดวางสาย และตะโกนเรียกเวย์
ผมบอกเวย์ถึงเรื่องเมื่อครู่ เวย์ก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ก็ออกไปส่งไม่ได้ ผมเข้าใจว่าวันนี้เป็นวันสำคัญ เวย์ขาดไม่ได้ ซึ่งตอนนี้เราสองคนใช้เหตุผลที่จะคุยกันมากกว่า ความระแวง ความไม่ไว้ใจแทบจะไม่มีระหว่างเราสองคน ผมจึงนั่งแท๊กซี่ออกมา โดยที่ตกลงกับเวย์ให้เวย์กลับไปนอนบ้านวันนี้ และเวย์เลิกซ้อมเมื่อไหร่ก็ค่อยโทรคุยกันอีกที
แท๊กซี่ทะยายมาด้วยความไว ผมคิดว่ายังไงซะพี่ชายผมกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ก็เกือบๆ ชั่วโมงนั่นหล่ะ เพราะว่าจากรังสิต มาตรงนี้รถติดมากๆ ผมคงมีเวลาเหลือเฟือในการดูของขวัญที่คิดว่าพี่ชายผมน่าจะชอบมัน
ผมค่อยๆ เดินอย่างไม่รีบร้อน กวาดสายตาไปยังสินค้าที่ขายอยู่ที่จุดที่เดินผ่านไป ในหัวคิดแต่ว่าสมควรจะซื้ออะไร จนสุดท้ายผมมาหยุดตรงร้านขายเครืองประดับ
ผมได้เลทเงินสวยๆ หนึ่งเส้นไว้ใส่ให้พี่ชายผมแต่ก่อนที่ผมจะเดินออกมาจากร้าน ผมเหลือบไปเห็นจี้สแตนสเลสแบบเรียบๆ อันนึง ที่ดีไซด์เก๋มาก ผมรู้สึกชอบทันที่ที่เห็น ผมแทบไม่ต้องนึกทันทีว่าจะซื้อให้ใคร เพราะอันนี้ไง... คือสิ่งที่จะตรีตราจองเวย์ว่าเป็นของเฟย