10(ภารกิจที่ 2)
รถมุ่งหน้ากลับเข้าสู่หมู่บ้าน นครถอนหายใจแอบมองหน้าคนขับที่มองออกไปด้านหน้า ดูอารมณ์ราบเรียบ
“ไอ้ครูพี่เลี้ยงมันไม่เลิกที่จะมาเกาะแกะอีกหรอ” เสียงทุ่มทำลายความเงียบ
“ไม่ครับ ก็ปกติดีครับ ไม่มีอะไรครับ” นครพยายามปกป้อง อย่างน้อยก็เลือดทหารมันทำให้รู้รักและสามัคคีกัน
“อย่าโกหกพี่เลย พี่ดูออก” ยังคงมองตรงไปด้านหน้า
“เขาก็มาดู มาคอยดูแล เหมือนคนอื่น ๆ ครับ”
“อือ อย่าให้รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน”
“แล้วอะไรจะเกิดครับ พี่มาโปรด”
“ไม่มีอะไรหรอก ดูแลตัวเองดี ๆ ก็แล้วกัน เข้าบ้านแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้า พี่จะพาไปดูของ” นครมองหน้าคนพูด
“สงสัยอะไร ทำตามพี่บอก” เมื่อรถจอดอยู่หน้าบ้าน นครรีบเข้าไปในบ้าน
“อาว คอนมาได้ไง ผู้กองให้มาหรอ” นพออกมาจากห้องพัก
“ครับ แล้วนพจะทำอะไร” มองดูมานพเตรียมของบางอย่าง
“เตรียมของให้ผู้กองครับ แต่งงทำไมผู้กองเอาไปสองกระบอก” ชู KZ-45 ขึ้นมา จำได้ว่าเป็นของผู้กองอ้วนที่นครถือมา
“เสร็จหรือยัง ไอ้นพ” เสียงมาโปรด ทำให้ทั้งสองต้องสะดุ้ง
“อะไร เป็นอะไร”
“ก็มันตกใจนี้ครับ มาเงียบ”
“ใช่ครับ ยิ่งเป็นปืนผาหน้าไม้ เกิดผมทำหลุดมือนี้มันจะไม่โป้งกันเลยหรอ” มานพประชดเจ้านาย มาโปรดเดินเข้าห้อง และกลับออกมาพร้อมกับชุดลำลอง
“เปลี่ยนชุดนี้ แล้วออกไปข้างนอกด้วยกัน”
“จะไปไหนครับ” นครถาม
“เอาเถอะ ไปก็เจอเอง” แต่ยังไม่ทันไร ร่างสาวสายของรุจีก็เข้ามาในบ้าน
“ผู้กองขา เพิ่งกลับมาหรอคะ รุจีรออยู่” สาวสวยในชุดสีแดงเพลิง เข้ามาในบ้าน ทุกคนในบ้านตะลึง
“แม้ อ้าปากค้างกันเลยหรอคะ เซอร์ไพร์ วันนี้รุจีจะมาชวนผู้กองไปเที่ยวคะ” รุจีเข้ามาเคลียคลอ
“แจ๊กเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยน” รีบเอาชุดจัดใส่มือนคร และดันหลังให้เข้าห้องไป
“ไหนว่าไปเป็นทหารเกณฑ์แล้ว เอากลับมาทำไมค่ะ”
“รุจีวันนี้ผมไปไหนไม่ได้ครับ ผมต้องออกไปทำงาน”
“รุจีไปด้วยคะ รุจีจะช่วยอีกแรง” สาวสวยยืดอกขึ้นทำเป็นเข้มแข็ง
“เสร็จแล้วครับผู้กอง” มานพยกปืนขึ้นให้มาโปรด
“ว้าย ต้องใช้ปืนผาหน้าไม้ด้วยหรอคะ” รุจีรีบวิ่งเข้ามาสวมกอด ทำเป็นตกอกตกใจ มาโปรดจนต้องแกะมือหนวดปลาหมึกออกจากตัว
“เดี๋ยวผมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนครับ” รีบผละออก แล้วเข้าไปในห้องที่นครเปลี่ยนเสื้อ ประตูถูกผลักเข้ามา นครสะดุ้ง
“เข้ามาทำไมครับ” รีบหาผ้าเช็ดตัว
“อาว โป๊อยู่หรอ ขอโทษ พี่เข้ามาหลบ” ปากพูดแต่ตามองจ้องมาที่ร่างเปลือยเปล่าที่กำลังหาผ้ามาปกปิดร่างกาย นครหาผ้าเช็ดตัวไม่เจอ ก็ไม่รู้จะทำไง ก็เลยปล่อยเลยตามเลย ทหารสอนให้รู้มามากขึ้นแล้วนี้ อยากมองก็มองไป นครทำตัวตามปกติ รีบหาเสื้อผ้ามาใส่
“เพิ่งรู้คนเหนือนี้ขาวดังคำล่ำลือ” พลางหาชุดลำลองเข้ามาใส่ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่อาย ก็เลยปลดปล่อยสิ่งที่ปกปิดร่างกายออกเช่นกัน นครยืนตัวแข็งทื่อ ไม่คิดว่าจะกล้าทำ มาโปรดยังยั่วโดยการเดินไปมาในห้องทั้งที่ไม่มีอะไรปกปิดร่างกาย นครอายจนต้องหันหน้าหนี
“อาว ก็ไม่เสียบเปรียบไง” แล้วเสียงหัวเราะก็ดังขึ้น
“ผมไม่ได้บ้ากามอย่างพี่นะ”
“ใครว่าพี่บ้ากาม พี่แค่อยากปลดปล่อยอารมณ์เท่านั้น” ปากพูดมือก็ใส่เสื้อผ้าไป
“แล้วเราจะไปไหนครับ” นครเริ่มเข้าเรื่อง
“ก็จะลองให้แจ๊กดูสถานการณ์จริงบ้าง เอานี้สายรัดปืน ยังไงก็อย่าเพิ่งใช้ จะใช้ปืนก็ต่อเมือคับขันจริง ๆ” พร้อมใส่สายรัดปืนให้
“สายรายงานว่าจะมีการส่งยากันที่ริมฝั่งโขง”
“ฝั่งโขง ไกลไหม”
“ก็ห่างจากนี้ 100 กว่ากิโล เอาเสื้อกันหนาวไปด้วย แต่อย่าทำให้เป็นจุดเด่น”
“จะเอา คุณคนสวยไปด้วยหรอเปล่า”
“ไม่หรอกเกะกะ ไปกันสองคนนี้พอแล้ว”
“แล้วผมต้องทำไงบ้าง”
“ก็คอยสังเกตการณ์ จะค่อย ๆ สอน ไม่ต้องกังวล ไปได้แล้ว” เข้ามากอดคอ คนที่อายุน้อยกว่าพร้อมออกจากห้อง ท่าทีที่สนิทสนมกันนั้นทำให้สาวเจ้าอารมณ์เริ่มปูด ๆ ขึ้นมา
“ไปทำอะไรคะนานจัง รุจีรอตั้งนาน”
“ก็ไม่มีอะไรครับ ก็แค่ แฟนกันมาเจอกันต้องทำอะไรละ” นครเอยปากเองเลยที่นี้
“ตายแล้ว ผู้กองเป็นจริง ๆ หรอคะ รุจีรับไม่ได้ ไปนะอีกะเทย” เข้ามากระชากนครออกจากอ้อมกอดของมาโปรด แต่ผู้ชายก็ยังเป็นผู้ชายวันยังค้ำ แรงหญิงหรอจะสู้แรงชาย สาวสวยดึงเท่าไหร่ก็ไม่เขยื้อนนครเลยแกล้งบ้าง โดยการดึงกลับแล้วหลบออก เป็นผลให้ร่างสาวสวยปะทะกับร่างชายหนุ่มที่ยืนด้านหลังเข้าเต็ม ๆ
“อีกะเทย แกแกล้งฉัน” ลุกขึ้นได้ก็จะถลาเข้าหาอีก
“หยุด” เสียงมาโปรดเฉียบขาด สาวสวยชะงัก
“รุจี ถ้าไม่อยากให้ผมเสียมารยาท กรุณาครับ” มาโปรดพูดช้า ๆ
“ก็มันแกล้วรุจีนี้คะ”
“ผมบอกแล้วว่าผมจะไปทำงาน อย่าให้ผมลำบากใจ”
“แต่” อ้าปากค้าง
“ไม่แต่ นพ ส่งแขกด้วย” หันไปสั่งลูกน้องคู่ใจ มานพยื่น KZ-45 ใส่ซองข้างตัวของนคร มาโปรดเดินเลยออกไปนอกบ้าน จนนครรีบเดินตามออกไปเช่นกัน ออกมาหน้าบ้าน มาโปรดก็รออยู่บนรถแล้ว นครจึงรีบทำอะไรให้เร็วขึ้นกว่าเดิมอีก
“รีบหน่อยเราเสียเวลามากแล้ว เดี๋ยวงานจะเสร็จไปก่อน”
“อาวไม่มีเฉพาะเราหรอครับ” นครสงสัย
“ก็มีสันติบาลเข้าร่วมด้วย เราเป็นผู้อยู่ในฐานะผู้สังเกตการณ์ด้วย” แรงรถกระชากออกจากที่มุ่งหน้าสู่จุดหมาย
“เราต้องจอดรถไว้ตรงนี้” เมื่อรถเข้ามาจอดเรียบริมฝั่งแม่น้ำที่กำลังไหลเอื่อย ๆ
“เราจะทำทีไปเดินดูแม่น้ำ แล้วหาอะไรกินกัน ทำเหมือนกับนักท่องเที่ยวธรรมดา อย่าแสดงพิรุธอะไร พี่จะค่อย ๆ บอก” นครลงจากรถเดินเคียงข้างคนที่อายุมากกว่า อีกฝ่ายเห็นว่ามีคนมายืนข้าง ๆ ก็สอดแขนเข้าคล้องคออีกฝ่าย ทำเหมือนหนุ่มชาวบ้านมาเที่ยวกัน
“เราจะไปไหนครับ”
“ก็ลงไปหาอะไรดื่มหน่อยดีไหม” ว่าแล้วก็เดินนำหน้าพร้อมลากตัวคนอายุอ่อนกว่าให้เดินตามหลังเข้าไปในเพิงที่ทำขึ้นสำหรับขายเหล้าพื้นบ้าน
“เชิญคะ มากันกี่คนคะ” พนักงานต้อนรับที่นุ่งสั้น ๆ เข้ามาเรียกแขกเข้าไปนั่งภายในเพิงนั้น
“เท่าที่เห็น เอาแรง ๆ มาสักแก้วสองแก้วก่อนนะ” มาโปรดสั่งพนักงาน
“ผมไม่ดื่มนะครับ”
“ว้าว จริงหรอคะ เดี๋ยวหนูเอาน้ำผลไม้มาให้ลองคะ”
“ครับ ขอบคุณครับ” แม้จะรู้ว่าโดนดูถูกจากพนักงานว่าเป็นไก่อ่อนก็ตาม ไม่อยากกลับไปแล้วเหมือนมีอภิสิทธิ์ในการทำอะไรก็ได้
“แจ็ก คนซ้ายมือหลังสุด สันติบาล” มาโปรดกล่าวค่อย ๆ นครค่อย ๆ มองเหมือนกับมองดูบรรยากาศภายในร้าน
“บรรยากาศดีนะครับ เจอปลาบึกตัวโตแล้วด้วย”
“พรานปลาด้านขวา นอกเพิง”
“ออ ครับ เจอตาข่ายด้วย” บรรยากาศภายในร้านเต็มไปด้วยคนที่มาหาความสุขกัน อายุมากน้อยต่างกัน บ้างก็เมาแล้ว บ้างก็กำลังร้องรำทำเพลงกัน
“มาแล้วคะ น้ำส้ม กับพญาช้างสาร แล้ววันนี้จะเมาหรอคะ” สาวสวยทำตาหวานมาที่นคร
“ไม่เป็นไรครับ ผมให้น้องผมมาเอาผมกลับด้วย” มาโปรดรีบแย้งขึ้นก่อน การนั่งดื่มกินกันใช้เวลานานออกไปเรื่อย ๆ และแล้วเสียงเครื่องยนต์เรือก็ดังเข้ามา จากอีกฝั่งของแม่น้ำโขง
“เราไปกันเถอะ น้องคิดเงินด้วยครับ” คนอายุมากกว่าเมาแล้ว ลุกขึ้นยืน แทบจะทรงตัวไม่อยู่ นครรีบเข้าไปประคอง แล้วนี้จะมาทำงาน เมาขนาดนี้นะ
“ไหวไหมคะน้อง พักที่นี้ก็ได้คะ เรามีห้องให้” พนักงานอยากให้พัก
“ไหวครับ เดียวผมพากลับแล้ว” นครยื่นเงินให้ แล้วพาคนอายุมากกว่าออกมาจากร้าน
“อย่าเพิ่งรีบออกจากร้านเร็วเกินไป หลบ ๆ ไปด้านข้างก่อน” อาวนึกว่าเมา ที่แท้แกล้งนี้เอง นครพาคนแกล้งเมาออกมาด้านข้างร้านเพิงนั้น เมื่อเห็นว่ามีดงหญ้าขึ้นสูง จึงรีบเข้าไปหลบสังเกตการณ์ สักครู่ใหญ่ เรือประมงก็เข้าจอดเทียบท่า และมีชายฉกรรจ์ขึ้นมาจากเรือสามคน เดินตรงเข้าไปในเพิงร้านเหล้านั้น
“สายรายงานว่าพวกมันจะมาส่งยาบ้ากันที่นี้” อาการของคนเมาหายเป็นปลิดทิ้ง ทั้งที่ดื่มเข้าไปมาก
“ระวังตัวด้วย ถ้ามันเกิดการปะทะกัน” พูดยังไม่ขาดคำ
“ปัง ๆๆๆๆ” แล้วชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็วิ่งออกมา และตามด้วยคนที่วิ่งตามาอีกห้าคน
“หยุดนะมึง ไอ้พวกขายชาติ” เสียงคนที่ตามตะโกน
“ปัง” เสียงตอบของมัน แล้วบางสิ่งก็ลอยละลิ่วมาตรงหน้านคร
“หยุด” คนแกล้งเมา ยกปืนขึ้นเล็งตรงด้านข้างคนร้าย คนเหล่านั้นหยุด แต่ก็เหวี่ยงแขนขึ้นปัดปืนที่เล็งอยู่ออก
“ปัง” คนร้ายที่ต่อสู้ทรุดฮวบลง
“หนีไปพี่ หนีไป” เสียงคนโดนยิงบอกให้พวกพ้องรีบหนี นครที่หมอบอยู่ ลุกขึ้นกระโดดถีบเข้าที่ชายโครงของอีกคนที่กำลังคิดหนี เป็นผลให้อีกคนล้มลง นครหวังจะเข้าซ้ำ แต่โดนอีกฝ่ายกวาดขาด้านล่างล้มลง และหวังเข้าร่วมซ้ำอีก มีผลให้ใบหน้าอีกข้างโดนหมัดเข้าเต็ม ๆ มาโปรดรีบเข้ามาช่วยเมื่อคนโดนยิงโดนเขาจัดการจนหมอบแล้ว ความชุลมุนเกิดขึ้น จนได้ยินเสียง
“ปัง” ทั้งสามคนชะงัก ไม่รู้ว่าใครโดนยิง แต่เมื่อหันไปดูก็เห็นคนที่มาโปรดจัดการล้มลงอีกครั้ง บนมือถือมีก้อนหินขนาดใหญ่ ร่างนั้นทรุดฮวบลงก่อนสิ้นใจตาย
“หยุด” คนร้ายอีกคนยอมจำนน
“เป็นไงบ้างครับผู้กอง” ชายคนหนึ่งเข้ามาดึงมาโปรดลุกขึ้น
“ไม่เป็นไรมากครับ” หันมาดึงนครลุกขึ้น
“ขอบคุณครับที่เข้ามาช่วยเราด้วย”
“ไม่เป็นไร คราวก่อนสารวัตรก็ช่วยผม คราวนี้ผมก็ต้องช่วยครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” มาโปรดยื่นมือออกไปจับแล้วเดินออกมา นครวิ่งตาม
“เป็นไงบ้างเจ็บหรือเปล่า” หันมาดูคนที่วิ่งตามหลัง
“นิดหน่อย พี่เจ็บบ้างหรือเปล่า”
“ไม่หรอก” ตอบสั้น ๆ แล้วเดินกลับไปที่รถ
“ทำไมต้องให้ผลงานเขาด้วย” นครตัดสินใจถาม
“ไม่มีไร ก็คราวก่อนเขาช่วยเรา คราวนี้เราก็ช่วยเขา”
“แต่ผมว่ามันไม่แฟร์”
“อย่าเก่งเกินกว่านี้เลย เพิ่งเข้ามา” เสียงพูดดูเข้มขึ้น นครเงียบไม่ตอบ นั่งข้างคนขับ