17 (ความรักเอย....ตกลงที่ใคร)
สร้างความตกตะลึงกับคนทั้งหมดที่นั่งล้อมวงทานอาหารเช้ากัน นครทำทีฮึดฮัดไม่พอใจที่แม่บอกไปอย่างนั้น ส่วนมาโปรดรอยยิ้มเต็มใบหน้า หันไปมองคนที่เขาขอ กลับทำหน้าบึ้งใส่ก็เลยจ๋อยก่อน เอาไว้อยู่สองต่อสองเมื่อไร ค่อยเคลียร์
“แม่ ยกพี่คอนให้เขาง่าย ๆ ได้ไง” ส้มเช้งค้าน
“แม่รู้ว่า พวกเรานะกำลังรวมหัวกันทำอะไร ทำไมแม่จะยกให้ใครไม่ได้ ลูกแม่ทั้งสาม หนูก็เหมือนกันอีกหน่อยก็จะมีคนมาขอ แม่ก็จะยกให้” แม่ให้เหตุผล
“แต่มันไม่เหมือนกันนะแม่” ชัยค้านอีกคน
“มาอีกคนไหม เจ้าคอน” แม่ดักคอ เพราะเห็นท่าที่ของลูกสามคนที่ปรึกษาหารือกันระหว่างทานข้าวต้มก็รู้ว่าน่าจะมีปัญหาอีกแน่
“แม่ พ่อไม่เข้าใจอธิบายให้พ่อฟังที” พ่อถามขึ้น เมื่อมองหน้าลูก ๆ
“จะไม่อธิบงอธิบายอะไรหรอก มันอายปาก” แม่ค้อนมาทางนคร ซึ่งหน้าแดงก็รู้ว่าแม่พูดถึงคืออะไร
“แต่” กำลังจะค้าน
“ไม่ต้อง เงียบเลยเจ้าคอน พ่อโปรดว่ามาของหมั่นมีอะไรบ้าง” แม่หันไปหามาโปรดทันที่ ในเมื่อว่าที่แม่ยายเปิดทางสะดวกอย่างนี้มีหรือมาโปรดจะพลาด
“คือ ผมมีของหมั้นทั้งหมดที่มีครับ ที่เกิดขึ้นจากอดีตและกำลังจะเกิดในอนาคต” มาโปรดกล่าว
“ว้า เอาอย่างนั้นเลยหรือผู้กอง เลือดหนุ่มมันแรงนะครับ” ประโยคหลัง คริพ หันไปพูดกับพ่อ
“เออ ดี ๆ พ่อยกให้แล้วไม่รับคืนน่า”
“แม่ก็มาเอา ดูแลกันเองนะ”
“อาว แม่ผมลูกแม่นะ” นครค้านขึ้นบ้าง
“รถยนต์คันนี้ผมก็ชื้อเป็นของหมั่นครับ” มาโปรดกล่าว
“ดีเลยพี่โปรด ผมจะเอาไปขนส้ม” ชัยประชดพี่ชายและว่าที่พี่เขย รู้ว่าพี่ชายตัวเองรักเขา แค่กลัวเสียฟอร์ม มากกว่า
“อะไร ใครจะให้ไปขนส้ม พี่เอาไว้ไปทำงาน” นครแย้งน้อง มองไปที่มาโปรดที่ตอนนี้นั่งทานข้าวต้มอร่อย อย่างมีความสุข ตักข้าวต้มขึ้นก็ยิ้ม
“เอ้า ห่วงของด้วยพี่เรา” ชัยแย้งคืน
“แต่หนูไม่ยอมนะแม่ พ่อด้วย หนูไม่ยอม” ส้มเช้งแสดงอาการขัดใจ
“เรื่องอะไรอีกละ หรืออยากได้เหมือนเขา” แม่หันมาถามลูกสาว ทำให้ทุกคนหัวเราะ
“อือ ดีครับ ง่าย ๆ สบาย ๆ ดี ผมว่าเด็กเขารักกันชอบกันก็ให้เขาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขดีกว่าเนาะ เราเป็นผู้ใหญ่ก็คอยแต่ดู” คริพกล่าวขึ้น
“คะ พวกเราก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ลูก ๆ มีความสุขพ่อแม่ก็สุข ลูกทุกข์พ่อแม่ก็คอยปลอบใจ”
“ผมให้สัญญาว่าจะดูแลลูกแม่ให้ดีที่สุด เท่ากับชีวิตของลูกผู้ชายคนหนึ่งจะปกป้องคนที่ตนรักได้ครับ” มาโปรดยืดอกกล่าว
“สัญญาต้องทำให้ได้นะ” คริพกล่าวสำทับอีกครั้ง
“ครับ ด้วยเกียรติลูกผู้ชาย ชายชาติทหารครับ”
“ว่าไงเรา จะรับไม่รับ ไม่รับแม่ให้ยายส้มเช้ง” แม่หันมาทางลูกชาย
“ไม่รับ” นครลูกจ้องมองหน้ามาโปรด
“ทำไม พี่มีอะไรน่ารังเกียจ” มาโปรดกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทุกคนมองมาที่นคร
“จนกว่าเออ.........งานของผมจะเสร็จก่อน”
“ห๊า รับงานแล้วหรอ” มาโปรดหันไปมองหน้าคริพ
“ครับ ผมกลับมาจะให้คำตอบอีกครั้ง ช่วงนี้ผมอยากพักผ่อน ไปโดนคนที่โน้นกดขี่มาตั้งสองเดือน” นครเปรย ๆ
“พี่คอนเย็นนี้ส้มเช้งนอนด้วยนะอยากฟังที่พี่ไปฝึกมา”
“ห้องตัวเองก็มีไปกวนพี่เขา” พ่อปราม
“ดี ๆ พี่ยินดีตอนรับเมื่อคืนก็นอนกับพ่อแม่แล้ว” นครรับปาก มาโปรดหันไปขอความช่วยเหลือจากแม่ แต่แม่ก็ทำทีไม่เห็นหันไปสั่งงานมะขวิด แล้วเดินลงหลังบ้านไป หันไปทางพ่อก็มั่วแต่คุยกับลูก ๆ และชวนลูกสาวออกไปสวน คริพก็เดินออกไปดูนกดูไม้นอกชานบ้าน หันมามองคนนั่งข้าง ๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มาโปรดนั่งคอตก ทานข้าวต้มไปเรื่อย ๆ จนหมดถ้วย แล้วยื่นถ้วยเปล่าไปหาคนรัก นครทำทีไม่เห็น หันไปคุยกับชัย จะลงไปดูสวนส้ม มองดูตัวเองแล้วรู้สึกน้อยใจจัง ไม่มีใครสนใจ ก็เลยจะถอยออกจากโต๊ะทานข้าว
“จะไปไหน” นครทักขึ้น ทำให้คนที่จะถอยชะงัก
“อย่างนั้นผมไปไร่ก่อนพี่แล้วพี่ตามไปนะ มีเอกสารหลายอย่างไว้ให้พี่ตรวจด้วย จะให้คุณสมภพ เตรียมเอกสารให้พี่ด้วย ไปแล้วพี่โปรด” ชัยหันมาทักว่าที่พี่เขยอีกครั้งก่อนออกจากบ้าน
“อิ่มหรือไม่อิ่ม” นครถามเพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่อิ่มปกติทานทีข้าวสองจาน ถ้าเป็นข้าวเหนี่ยวก็ต้องหนึ่งกระติบสำหรับคนเดียว จึงหันไปตักข้าวต้มแต่ โชคก็ไม่เข้าข้าง มะขวิดเอาไปเก็บหมดแล้ว จึงหันมาดูคนที่คอยอยู่
“หมด เดี๋ยวไปดูในครัวก่อน” ว่าแล้วก็เข้าไปในครัว ผลปรากฏก็คือ มะขวิดเอาไปทานและล้างเรียบร้อย ก็เหลือแต่แกงเขียวหวานเมื่อเช้าที่เหลือก้นหม้อ ไปดูข้าวที่หุงก็ยังเหลือ จึงหันไปทอดไข่สักจานให้
“อาวโปรด ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนเลยหรอ” คริพกลับขึ้นมา และเข้ามานั่งตรงข้ามกับมาโปรด
“อยู่ครับ กำลังไปเอาข้าวต้มมาอีกครับ”
“อือ ผมว่าจะให้คุณลองดูงานนี้กับน้องเขาด้วยนะ ยังไงก็ค่อย ๆ สอน งานที่แล้วก็พลาดไป แต่ไม่เป็นไร ถือว่าช่วยกัน”
“ครับ” มาโปรดรับคำ
“แล้วลามากี่วัน” คริพถามต่อ
“ผมลามาสิบวันครับ ถ้าจะให้ทำงานต่อผมต้องลงไปลากลับต้นสังกัดอีกครั้งครับ”
“อือ สงสัยแจ๊กจะไปก่อนแน่ ๆ” จริงอย่างที่คริพพูด นครต้องออกเดินทางตอนที่เขากลับลงไปที่สกลนครก่อนแน่ ๆ มาโปรดมองหน้าผู้บังคับบัญชา
“อะไร ผมไม่ช่วย ก็คนของคุณเอง ก็ต้องดูแลเอง นี้ผมก็ว่าจะกลับแล้ว มารอคุณตั้งสองวันแล้วเห็นที่ต้องกลับงานเยอะ สายใต้ก็กำลังตึง ๆ กันอยู่” คริพให้เหตุผล พอดีนครยกสำรับอาหารออกมาอีกครั้ง
“หัวหน้าจะรับเพิ่มไหมครับ” นครถาม พรางว่างสำรับอาหารลง
“หึ ไม่เอาอิ่มข้าวต้มฝีมือแม่เราเต็มพุงเลย” พลางลูบพุงกางให้ดู
“ใครว่าฝีมือ ดิฉันคะ โน้นคะ ลูกน้องหัวหน้า” แม่เดินกลับขึ้นมาบนบ้าน แล้วมานั่งสมทบอีกคน
“อาวหรอครับ เพิ่งรู้ เฮ้ยอย่างนี้ผู้กองก็อ้วนขึ้นแน่ ๆ” ว่าแล้วก็หัวเราะ
“ไม่เป็นไรครับหัวหน้าผม เตรียมรับแล้ว” มองหน้าคนรักอย่างรักใคร่
“คงได้กินอยู่หรอ” นครประชดน้อย ๆ
“อาว ไม่ทำให้กินแล้ว จะทำไง” มาโปรดหันไปพูด
“ผมก็จะไปทำงานกับหัวหน้าทุก ๆ งานที่หัวหน้ามอบหมาย” นครพูด
“จะไปจากเหนือจรดใต้เลยว่างั้น” มาโปรดกล่าวต่อ
“ใช่ ใช่ไหมครับหัวหน้า” นครขอการสนับสนุนจากคริพ
“อันนี้เคลียร์กันเอง ผมไปเก็บของก่อน ผมจะกลับแล้วนะครับ” คริพคุยกับแม่
“อาว จะกลับแล้วหรอคะ คิดว่าจะมาพักผ่อนกับเด็ก ๆ ด้วย”
“ไม่ได้หรอกครับ เพราะงานยังเยอะ”
“อย่างนั้นจะให้ใครไปส่ง”
“เดี๋ยวผมส่งก็ได้ครับคุณแม่” มาโปรดอาสา ก่อนจะรับตักข้าวทานต่อ
“แม่ใคร” นครแย้ง
“อะไร จะมาแย่งอะไรกันอีก” แม่ปรามลูกชาย มาโปรดยิ้มได้ที
“แม่ จะลงไปไร่กับคอนไหม” นครเปลี่ยนเรื่องทันที
“ไปทำไม แม่ยังทำงานไม่เสร็จเลย” งานที่แม่ว่าก็คือ งานแม่บ้านทั่วไปที่แม่ทำแบบนี้มาตั้งแต่นครตัวเล็ก ๆ แล้ว แม่เป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูก ๆ ดู และพ่อก็รักแม่มาก
“อาว ก็ลงไปดูลูกน้องแม่ไง ปานนี้เขาไม่บ่นถึงนายแม่แย่แล้วหรอ” นครมาอ้อนแม่
“ไม่ไปหรอก จะไปก็โน้น กับพี่เขาโน้น” แม่โบ้ยมาทางว่าที่ลูกเขยใหญ่
“หึ ไม่เอาหรอก จะไปส่งหัวหน้าอยู่นี้ งั้นผมไปกับพี่ภูมิก็ได้” หมายถึงคนงานคนสนิทในไร่ มาโปรดรู้ว่า นครอยากให้พาไป จึงรีบทานข้าวให้เสร็จแล้วค่อยกลับมารับไปไร่อีก
“เดี๋ยวพี่มารับ ให้พี่ส่งหัวหน้าก่อน” มาโปรดกล่าวเอาใจ
“หึ ไปส่งหัวหน้านะดีแล้ว กว่าจะกลับมาโน้นสิบโมงโน้น” นครกล่าวแล้วเดินลงหลังบ้าน
“มันไกลขนาดนั้นเลยหรอ” มาโปรดสงสัย
“มันไม่ไกลหรอก แต่มันคดเคี้ยว” แม่เป็นคนตอบ
“พี่ภูมิ ๆ อยู่ไหน พาผมไปไร่หน่อยครับ” นครวิ่งลงมาหลังบ้าน
“ครับนายใหญ่” พี่ภูมิหรือนายภูมิ ชายวัยอายุสามสิบกว่า รูปร่างกำยำดูน่าเกรงขาม เนื่องจากต้องดูแลคนงานช่วยลุงพัฒอีกแรง ถือว่าเป็นคนสนิทของไร่ เพราะภูมิเกิดที่นี้ตั้งแต่พ่อของเขามาเป็นคนงานในไร่ของพ่อนครเข้ามาทำไร่นี้ใหม่ ๆ จนเป็นรูปเป็นร่างจึงได้แต่งงานกับแม่นคร ตอนที่นครเกิดนั้นภูมิอายุได้สัก 6-7 ขวบแล้ว พอนครโตก็จะได้พี่ภูมิคอยเป็นพี่เลี้ยง ไปไหนมาไหนก็จะพี่ภูมิ และพ่อนครก็ส่งเสียให้เรียนจนจบ ปวส. ภูมิจึงกลับมาช่วยเป็นแขนขาของไร่อีกแรง
“บอกไม่ต้องเรียกนายใหญ่ เรียกคอนเฉย ๆ” ต่างคนต่างก็เจริญเติบโต ก็ยังมีความเกรงใจกันบ้าง แต่คอนจะชอบให้พี่ภูมิเรียกคอนเฉย ๆ เหมือนพ่อแม่และน้องเรียก
“แล้วคอนจะไปไหน” เมื่อผู้เป็นนายอยากให้เรียกก็เลยทำตัวตามปกติ
“จะไปไร่ เตรียมรถด้วย ผมจะกลับขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
“ได้ ๆ พี่จะไปรอที่โรงรถ” ว่าแล้วก็ไปที่โรงรถ นครวิ่งกลับขึ้นมาที่บ้าน เลยเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะผ่านห้องนอนก็ยังเห็นคนตัวโตยังทานข้าวไม่เสร็จอยู่เลย จึงเมินเลยไปที่ห้อง
‘นี้เราเป็นอะไร’ ความคิดบางอย่างมันถามเจ้าตัวว่าเกิดอะไร จึงรู้สึกน้อยใจลึก ๆ
‘ช่าง คนละเรื่อง’ อีกใจก็ค้าน นครรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับออกไร่ แบบคาบอยหนุ่มน้อย ใส่หมวกแค๊ปที่เขาชอบ ออกจากห้อง
“นั้นจะไปแล้วหรอ” แม่เรียกถาม ขณะที่นั่งชุนเสื้อผ้าอีกมุมหนึ่ง
“ครับแม่ ค่ำ ๆ จะกลับ หรืออาจจะนอนที่โน้นนะแม่” ปากพูดแต่ตาชายมองคนที่กำลังอิ่มข้าว
“อย่างนั้นแม่ไม่ทำกับข้าเผื่อนะ” แม่ตอบก่อนจะกลับไปนั่งทำงานของตัวเองต่อ
“ครับแม่” ตอบแล้วก็หันหลังออกไป
“แม่ ไม่กลับนี้ยังไงครับ” มาโปรดเองที่เป็นคนร้อนใจ
“ออ เขาคงนอนค้างกับเจ้าภูมิ มั่งเขาค้างด้วยกันบ่อย ๆ ไป” แม่มาเงยหน้ามาตอบ
“เขาเป็นใครครับแม่ คนชื่อภูมิ” มาโปรดยังติดใจคนชื่อภูมิ
“ออ พี่เลี้ยงเขานะ ติดกันยังกับตังเม แต่ก่อนภูมิอยู่ไหนต้องเจอเจ้าคอน คู่นี้เขารักกันจะตาย” แม่ใส่ไฟเข้าอีก สังเกตท่าทีของมาโปรด ที่ทำที ลุกขึ้นไปดูตรงชานบ้าน ท่าทีเหมือนกับสัตว์ติดบ่วงพรานไม่อยากไปส่งหัวหน้า
“ไม่มีอะไรหรอก เขาโตมาด้วยกัน ไปส่งหัวหน้าเถอะ” แม่เตือนสติ พอดีกับคริพออกจากห้อง
“ผมต้องกลับแล้ว ลาก่อนนะครับ โอกาสหน้าผมจะพาครอบครัวมาเที่ยว” คริพกล่าวลา
“คะ ยินดีต้อนรับเสมอ มาหลาย ๆ คนจะได้สนุกสนานกัน” แม่กล่าวตอบ
“อาวจะกลับแล้วหรือครับคุณคริพ” เสียงพ่อดังขึ้นมาจากหน้าบ้าน
“ครับต้องกลับแล้ว งานนี้ก็เสร็จแล้ว ทางคุณยอมรับลูกน้องผม ๆ ก็สบายใจแล้วครับ” หันไปมองมาโปรดนิดหนึ่ง
“แม่ พี่คอนไปไหน” ส้มเช้งถามหาพี่ชาย
“ไปกับเจ้าภูมิแล้ว” พอได้ยินอย่างนั้น ส้มเช้งวิ่งลงจากบ้านไปทันที่
“พี่ภูมิ พี่คอนรอส้มด้วย” เสียงดังตะโกนไปด้านข้างบ้าน
‘ดีแล้วอย่างน้อยก็มีส้มเช้งเป็นไม้กันหมาให้หน่อย’ มาโปรดโล่งอกนิดหนึ่ง
“อย่างไงก็มาอีกนะครับ ไร่เราต้อนรับเสมอ เดียวผมจะส่งส้มไปให้ที่บ้าน” พ่อกล่าวพรางพาผู้มาเยือนลงจากบ้าน มาโปรดถือกระเป๋าเอาไปไว้หลังรถ
“ครับผม ขอบคุณมากครับ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกอย่าง” คริพกล่าวขอบคุณ
“ไม่เป็นไรครับ ผมเสียอีกที่ขอบคุณ อย่างน้อยบ้านผมก็มีลูกที่ทำงานดี” พ่อกล่าวด้วยความตื้นตัน
“อันนั้นมันขึ้นอยู่กับนครครับ ส่วนเรื่องการเข้ารับราชการนั้น ผมจะดูจากผลงานก่อนครับ อย่างนั้นผมไปก่อนเดียวทันรถ” คริพก้าวขึ้นรถ
“เจ้าโปรดขับรถดี ๆ ละ เดี๋ยว ๆ ใครอยู่ใต้ถุนบ้าน ไปกับผู้กองที” พ่อหันไปสั่งลูกน้องที่นั่งทำงานใต้ถุนบ้าน ลูกน้องสองคนจึงวิ่งขึ้นหลังรถ
“ไปได้แล้ว เดียวไม่รถหมดเทียวก่อน” พ่อบอก
“ผมไปละครับ สวัสดีครับ” คริพยกมือไว้
“พี่ภูมิ มาตอนไหนส้มไม่เห็น” เมื่อมาทันพี่ชาย น้องสาวก็กระโดดขึ้นรถนั่งแค๊ปหลัง
“มาเมื่อเช้า เราไปไหนมาละ” ภูมิถามคืน
“ไปส่งส้มมาที่สหกรณ์” ส้มตอบ ในสายตาของส้ม พี่ภูมิคือฮีโร่