อ้าว พระเอกสไตล์แบดบอยไม่ชอบกันแล้วเหรอ ....
ตอนที่ 10 : ถอด "...ใต้แสงจันทร์มีฉันและเคียงข้าง เราทำสัญญาบางอย่าง ที่ผูกพันด้วยใจ...
...ท่ามกลางแสงดาว กอดฉันไว้ให้แน่น ก่อนเธอจะจากกันไป...
...อยากรักเธอด้วยลมหายใจที่มี รักฉันนะคนดี อย่าเพิ่งถอดหัวใจ...
...มองฉัน มองมาที่ฉัน คนคนนี้เชื่อมั่น ว่าเธอคือหัวใจ...
..อย่าลืม อย่าลืมตัวฉันไว้ ให้หัวใจฉันเปลี่ยว เป็นแค่คนที่เธอเคยให้ใจ...
...ใต้แสงจันทร์มีฉันและเธอหรือไม่ และรักเราจะเป็นเช่นใด อยู่ที่ใจของเธอ...
..ท่ามกลางแสงดาว ก่อนฉันจะร้องให้ อยากให้เธอเข้าใจ...
...อยากรักเธอจริงๆนะคนดี รักฉันนั้นยังมี อย่าเพิ่งตัดสินใจ..."
ผมดีดกีต้าร์เคล้าคลอไปกับเสียงไอ้พีด้วยใจเลื่อนลอย ตาเฝ้ามองตามร่างสูงสง่าที่ร้องเพลงอยู่ตรงหน้า
"คนอย่างมึงนะหรือไอ้พี ที่อยากรักใคร กูไม่เชื่อมึงอีกแล้ว" ผมอยากตะโกนใส่ไมค์ให้มันฟัง
พอไอ้พีร้องจบพร้อมกับได้รับเสียงกรี๊ดจากรุ่นพี่ที่มางานเลี้ยงศิษย์เก่าข้างล่างอย่างท่วมท้น
พิธีกรสาวสวยก็ดึงผมกับไอ้พีไปยืนข้างกัน ส่วนตัวเธอมายืนข้างๆ ผมแล้วประกาศขึ้นว่า
"ทุกท่านคะ มีใครอยากเห็นเดือนมหาลัยโดนดาวมหาลัยเมื่อสิบห้าปีที่แล้วหอมแก้มไหมคะ"
เสียงกรี๊ดหูแทบแตกดังลั่นเป็นคำตอบแทน พิธีกรสาวร่างท้วมยื่นริมฝีปากมาหาแก้มผมทันที
แต่ไอ้พีก็กระชากผมหลบทันทีเหมือนกัน ทำให้พี่พิธีกรถึงกับเซไปด้านหน้าสองสามก้าวเพราะตั้งตัวไม่ทัน
พอเธอตั้งหลักได้ก็พูดขึ้นทันที "นี่นายทำอะไรยะ หมูจะสอดเอาคานมาหามทำไม"
ผู้ชมหัวเราะครื้นเครง เพราะคิดว่าเป็นมุข "พี่ไม่สนหอมแก้มรองเดือนแบบผมบ้างหรือครับ"
มันพูดพร้อมส่งสายตาออดอ้อน "บ้า อยากให้หอมก็ไม่บอก รอแป๊ปนะ พี่ขอแก้มเดือนก่อน"
ว่าแล้วเธอก็เดินมาหาผมอีก ไอ้พีก็กระชากผมหนีไปกอดไว้ข้างๆตัวมัน "ไม่ได้พี่คนนี้ผมหวง"
คนข้างล่างหัวเราะและส่งเสียงกรี๊ดสนั่นอีกครั้ง
"ตายละ อย่าบอกนะว่าเธอสองคนเป็นแฟนกัน "
"ไม่ใช่หรอกพี่ไอ้บุ้งป็นแฟนน้องสาวผม น้องผมห้ามใครแตะ" ไอ้พีมันเล่นมุข
"เหรอ แตะไม่ได้เลยเหรอ ซักนิ้ดก็ไม่ได้เหรอ"
"ครับ" ไอ้พียืนยัน ผมได้แต่ยิ้มกับมุขของทั้งสองคน
"งั้นฝากนายหอมแก้มเดือนแทนพี่ได้ไหม"ไอ้พีไม่ตอบ แต่ก้มหน้ามาหอมแก้มผมทันที
เสียงกระทืบเท้าบวกกับกรี๊ดสนั่นหวั่นไหวจนหูชา ไม่ชาได้ไงพี่พิธีกรก็เล่นกรี๊ดใส่ไมค์ด้วย
"โอเคค่ะ งั้นพี่ขออ่านคำถามจากพี่ๆ ที่ส่งมาถามสุดหล่อของเราสักเล็กน้อยนะคะ"
"คำถามแรก น้องบุ้งมีแฟนยังสนใจสาวโสดอายุมากกว่าไหม ต้าย แร่ด ข้ามศพฉันไปก่อนยะ"
พี่พิธีกรอ่านเองตอบเองไม่เปิดโอกาสให้ผมตอบเลย
"คำถามต่อไปค่ะ อยากเห็นหุ่นน้องบุ้งถอดเสื้อโชว์หุ่นสักแว๊บได้ไหม เอ่อ อันนี้ต้องทำนะบุ้งจ๋า"
พิธีกรพูดพร้อมทำหน้าหื่นมองมาที่ผม
"น้องพีห้ามบอกว่าหวงนะยะ ไม่ได้แตะ แค่มองย่ะ" เธอดักคอไอ้พีทันทีที่เห็นมันยกไมค์
เสียงกรี๊ดดังลั่นพร้อมกับเสียงเชียร์ดังกระหึ่ม "ถอดๆๆๆๆๆๆ"
"ผมหุ่นไม่ดีไม่ถอดได้ไหมครับ อายอ่ะครับ" ผมพูดประโยคแรกตั้งแต่ขึ้นเวทีมา
"งั้นถกเสื้อขึ้นนิดสิ พี่อยากดูสะดือ ว่าจะขาวเหมือนหน้าไหม" พี่พิธีกรยังไม่เลิกหื่น
"ไม่ได้" ไอ้พีพูดขึ้นพร้อมกับพิธีกรสาวก็ร้องกรี๊ดๆ ใส่ไมค์เหมือนถูกขัดใจ
คนข้างล่างหัวเราะสนั่น ไอ้พีเดินไปรวบเอวพิธีกร หิ้วไปยังหลังเวที
"ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนที่กลับมาเยี่ยมสถาบันเรา หวังว่าทุกท่านคงมีความสุขในค่ำคืนนี้นะครับ"
ผมพูดจบและโค้งให้กลับเสียงกรี๊ดสนั่นอีกครั้งก่อนลงไปหลังเวที
.....
"นายจะเล่นมุขก็ไม่เตี้ยมกันมั่งเราแทบจะรับไม่ทัน" ผมพูดโกรธๆ ขณะนั่งรถกลับบ้านกับไอ้พี
"มุขบ้าบออะไรของมึงสิ ยายพิธีกรนั่น จ้องจะงาบมึงเอง ยังไม่รู้อีก" มันตะคอกใส่ผม
"เหรอ"ผมตอบอย่างงง
"ไม่รู้เชี่ยอะไร มึงแม่งมีแต่คนจ้องจะฟันตั้งแต่ได้เป็นเดือนนี่" ดูเหมือนไอ้พีจะหงุดหงิด
"หัดแต่งตัวให้มิดชิดหน่อยอย่าอ่อยให้มาก" ไอ้หน้าหล่อบอกผมต่อ
ผมก้มมองดูตัวเอง ซึ่งสวมกางเกงยีนส์ขายาว กับเสื้อเชิ๊ตสีฟ้าแขนยาวกลัดกระดุมทุกเม็ด
"แล้วอย่ายิ้มให้มาก เวลามึงยิ้มใครก็คิดว่ามึงยั่วเขาทั้งนั้นแหละ คราวหน้าโดนข่มขืน กูไม่ช่วยนะเว้ย"
ท่าทางไอ้พีจะหงุดหงิดจริงๆ มันพูดโดยไม่มองมาทางผมสักนิด ผมเลยออกอาการเซ็งจัด
"คุณตาครับ แวะส่งผมทานบะหมี่ร้านข้างหน้านะครับ" ผมชะโงกบอกคุณตาพงคนขับรถ เพราะรู้สึกหิว
จะเที่ยงคืนรอมร่อ แวะทานบะหมี่ก่อนค่อยเรียกแทกซี่กลับไอ้พีมันจะทำไรก็ช่างมัน
"พี่ครับ ผมขอพิเศษนะครับ" ผมสั่งบะหมี่กับแม่ค้า
"ผมก็เหมือนกันนะครับ" แปลกใจนิดๆ ที่ไอ้พีมันลงมายืนสั่งบะหมี่อยู่ข้างๆ
ผมทานบะหมี่ไปพลาง มองดูรอบตัวไปพลาง ผู้คนยามค่ำคืนนี่ก็เยอะเหมือนกัน ไม่หลับไม่นอนกันหรือไงนะ
"เบิ้ลไหม เดี๋ยวสั่งให้" ไอ้คนตรงหน้าถามขึ้นเหลือบตาดูของมันเกลี้ยงไปแล้วชามหนึ่ง
"ไม่ล่ะ ขอบคุณ" ผมมองตามหลังร่างสูงที่เดินไปสั่งบะหมี่อีกชาม นึกว่าหิวไม่เป็น หึ
ไอ้พีมานั่งกินต่อ ใบหน้าหล่อเหลาของมันกับหุ่นที่สูงเกินผู้ชายไทยทั่วไปทำให้คนหันมาสนใจมันเป็นระยะ
แปํปเดียวบะหมี่ชามที่สองก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาผม
"อิ่มแล้วเหรอ "ไอ้พีถามเมื่อเห็นผมนิ่งอยู่
"อือ" ผมพูดพร้อมพยักหน้า "เห็นมึงกินกูก็อิ่มแล้ว"
"งั้นขอนะ" พูดเสร็จมันก็เอาชามบะหมี่ที่ผมกินเหลือไปก้มหน้าก้มตาจัดการให้หายไปในพริบตา
พอไอ้หน้าหล่อเงยหน้าขึ้น ก็มีเศษบะหมี่ชิ้นเล็กๆ ติดอยู่ตรงข้างแก้ม
" บะหมี่ติดแก้มน่ะ" ผมบอกมัน มันยิ้มเหมือนเด็กๆ ส่งมาให้ผมใจเต้นเล่นๆ ก่อนจะบอกว่า
"เช็ดให้หน่อยสิ" ไอ้พีตอบพร้อมยื่นหน้ามาหา ผมหยิบทิชชู่ไปเช็ดให้มันเบาๆ
ใจแว่บนึกไปถึงตอนอาบน้ำให้คนตรงหน้า ทำให้ผมรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาดื้อๆ จึงผลักหน้ามันกลับไป
"ไปกันเถอะ ดึกแล้วพรุ่งนี้มีเรียนช่วงเช้าด้วย" พูดจบไอ้พีก็เดินนำผมไปที่รถ
ผมเดินตามมันไปพลางคิดในใจ "พีนายอยากให้เรารักนายหรือเกลียดนายกันแน่นะ"
......
ผมว่าวันเสาร์ช่างเป็นวันที่แสนสุขการได้พักอยู่กับบ้าน ไม่ได้ไปเรียนนี่ยังสร้างความดีใจได้เสมอ
"นี่เราคิดแบบอนุบาลอยู่เปล่าหว่า" ผมนึกขำๆ ตัวเอง
ผมจัดการไปเปิดน้ำเย็นให้เต็มอ่างเสร็จแล้วก็พาไอ้ปูนิ่มไปแช่อ่างน้ำด้วยกัน
เหมือนไอ้ปูนิ่มจะมีความสุขมาก ว่ายไปว่ายมารอบตัวผม
แล้วก็เอาปากมาชนแก้มผมบ่อยๆ "หอมแก้มพ่อแบบนี้จะอ้อนเอาอะไรหว่า"
ผมแซวมันก่อนจะแกล้งหลบไปหลบมาไม่ให้มันชนแก้มผมได้ ไอ้ปูนิ่มก็ว่ายตามไม่หยุดเหมือนกัน
ผมหัวเราะจนเจ็บท้อง หลังจากเล่นกันจนเหนื่อย ไอ้ปูนิ่มพลิกตัวหงายท้องทำท่าแกล้งตายอยู่ในอ่าง
......
หลังจากวันที่ไอ้พีจับปูนิ่มไปเป็นตัวประกัน ผมก็ไม่เคยทิ้งให้ไอ้ปูนิ่มอยู่ห่างกายเลย
ไม่ว่าจะไปทานข้าว ทำอาหาร รดน้ำต้นไม้ ยายผมคงจะเซ็งจนต้องเอ่ยขึ้น
"นี่บุ้ง จะหอบไอ้ปูนิ่มอะไรนักหนาลูก วางไว้เป็นที่เป็นทางเถอะ"
"ผมกลัวมันหายนี่ครับ" ผมตอบตรงๆ
"เออๆ ตามใจเถอะ เอ้า นี่ยกของว่างไปให้คุณพีบนห้องหน่อย"
"ยายเอาไปเองนะครับ ผมจะไปตัดหญ้า" ผมบ่ายเบี่ยงเพราะหลังจากเกิดเหตุในห้องน้ำวันนั้นผมไม่เคยคิดจะไปใกล้ห้องไอ้พีเลย
"มีอะไรกับคุณพีเขาหรือเปล่า แกเหมือนหลบไม่อยากเจอเขา"
ยายผมคงสงสัยเพราะผมเลี่ยงทุกครั้งที่ใช้ไปหาไอ้พี แต่ผมจะบอกยายได้อย่างไร
"ไม่มีอะไรครับ ก็ผมแค่อยากไปตัดหญ้าให้เสร็จ"
"บุ้ง ทำไมต้องโกหก" ยายจ้องตาผม
"ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ ยายคิดมากไปหรือเปล่านี่ มา เดี๋ยวผมเอาไปให้ไอ้พีก็ได้"
ผมยกของว่างตรงไปห้องไอ้พีอย่างไม่มีทางเลือก หลังจากเคาะประตูเข้าไปก็เจอไอ้หน้าหล่อใส่แค่กางเกงขาสั้น
ไม่ใส่เสื้อ โชว์ความขาวของกล้ามเนื้อแน่นท่อนบน เอนหลังดูทีวีอยู่บนเตียง
"นึกยังไง มาอ่อยกูแต่เช้า" น่าน มันกัดไม่เลิกทุกครั้งที่มีโอกาสจริงๆ
ผมวางของว่างไว้บนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะรีบเผ่นออกมา แต่ขาผมยังไม่ทันก้าวพ้นประตูเสียงไอ้พีก็ดังขึ้น
"เดี๋ยว" ผมหันกลับไปหาคนพูดบนเตียงอีกครั้ง
"เอาผ้าไปซักให้ด้วย" ไอ้พีสั่ง ผมเลยต้องจำใจเดินไปยังตะกร้าผ้าที่อยู่มุมห้อง
"ไม่มีนี่"ผมหันไปมองหน้ามันด้วยความงง เพราะไม่มีผ้าสักชิ้นในตะกร้าที่จะให้ซัก
"อยู่นี่ไง" ไอ้พีพูดพลางลุกขึ้นถอดกางเกงตัวเดียวที่ใส่ออก ปล่อยให้น้องชายมันโชว์ความอลังการอยู่หว่างขา
ร่างกายผมนิ่งเหมือนถูกสาป เพราะความยั่วยวนของร่างผู้ชายเปลือยที่งดงามสมชายกว่ารูปปั้นใดๆที่ผมเคยพบพานมา
"ไอ้เชี่ย อย่ามัวแต่คิดลามกกับกูสิ มาเอาไปซัก" ผมยืนนิ่งอยู่ขยับขาไม่ได้
ไอ้พีมันเลยโยนกางเกงมาคลุมหน้าผม กลิ่นกายของมันติดอยู่ที่กางเกงทำให้ผมแอบสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนที่จะก้าวออกมาจากห้อง
"นี่กูกับไอ้พีใครมันโรคจิตกันแน่นะ" ผมจับกางเกงไอ้พีมาหอมอีกฟ่อดหนึ่งก่อนจะโยนลงเครื่องซักผ้า
พลางฉายภาพบนเตียงเมื่อกี้ในหัวไปมาอีกครั้ง
จบตอนที่ 10