ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นที่ร่วมอินไปกับเรื่องนี้ด้วย
.............
ตอนที่ 12 : จบแล้ว เช้านี้เป็นเช้าที่สองที่ผมตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของไอ้หน้าหล่อที่กำลังดูดซอกคอผมเล่นอย่างมันเขี้ยวอยู่
"ขี้เซาจริงๆ ตื่นสายทุกวัน" มันพึมพำอยู่ที่ข้างแก้มผม พร้อมกับฝังจมูกลงบนแก้มผม
"ก็ใครกวนทั้งคืนล่ะ" ผมบ่นบ้าง
"หืม ไม่รู้สิ ก็นายต้องการให้ทำนี่" มันตอบพลางเลื่อนจมูกไปชนกับปลายคางผมเล่น
ความผิดทั้งหมดอยู่ที่ตัวกูสินะ ผมนึกในใจอย่างโกรธๆ แล้วพลิกตัวตะแคงข้างให้มัน
เหมือนไอ้หน้าหล่อจะไม่สนใจ มันพรมจูบเล่นอยู่แถวไหล่ผมแทน
"พีนายรักเราไม่ได้เหรอ" ผมกลั้นใจถาม
"หืม นายไม่ใช่ผู้หญิงนี่ กูต้องแต่งงานมีลูกมีหลาน มึงให้กูได้ป่ะล่ะ"
มันพูดพร้อมกับมาขบที่ติ่งหูผมเบาๆ ซึ่งร่างกายผมก็ตอบสนองต่อสัมผัสนั้น
แต่ใจผมไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว คำตอบของไอ้พีเมื่อกี้ทำใจผมมันหลุดลอยไปในที่ๆ ผมไม่รู้จัก แต่รับรู้ได้ว่าที่แห่งนั้นผมไม่มีไอ้พีเคียงข้าง
....
ผมตัดสินใจเลิกที่จะหยุดหัวใจไว้ที่ไอ้พีโดยเด็ดขาด มันมีแต่เจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีกเกินที่จะวนเวียนอยู่ตรงนั้น
แม้ร่างกายผมจะติดใจในรสชาติแห่งกามนี่มันปรนเปรอให้เพียงใด
แต่หัวใจผมก็รู้สึกสมเพชตัวเองจนทนไม่ไหว
ผมจึงย้ายออกเงียบๆ โดยให้ยายช่วยปิดบังเรื่องที่พักของผมไว้ไม่ให้ไอ้พีรู้
ผมได้มนตราช่วยหางานเป็นผู้ช่วยเชฟที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งใกล้ๆ มหาลัย
ซึ่งทางร้านมีที่พักและอาหารฟรีให้ด้วย ผมเลยสบายใจในเรื่องค่าใช้จ่ายไปเปราะหนึ่ง
ผมดีใจที่อีกสองวันจะปิดเทอม แสดงว่าอย่างน้อยสองเดือนที่ผมจะได้ไม่ต้องไปมหาลัยและไม่ต้องเจอหน้าไอ้พี
"สองเดือนคงพอที่ใจของพ่อแข็งแกร่งมากขึ้นนะ" ผมบอกไอ้ปูนิ่มที่อยู่ในอ้อมกอดผม ขณะที่เราเดินเข้าไปในห้องพักที่ทางร้านอาหารจัดไว้ให้ด้วยกัน
.....
หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมโทรหายายทุกวันแต่บอกยายตรงๆว่าขอไม่ทราบข่าวทางบ้านได้ไหม
ดูเหมือนยายจะเข้าใจจึงถามแต่สารทุกข์สุขดิบผมเท่านั้น
ด้วยงานเป็นผู้ช่วยเชฟผมนั้นยุ่งมากแทบไม่มีเวลาหายใจทำให้ผมไม่มีเวลาฟุ้งซ่าน หัวถึงหมอนก็หลับทันทีเพราะความเหนื่อยล้า
"บุ้งๆ วันนี้ขึ้นร้องเพลงให้สักคืนได้เปล่า" พี่หน่อยเจ้าของร้านถามผม
"หา พี่รู้ได้ไงว่าผมร้องเพลงได้"
"555 พ่อเดือนมหาลัย ประวัติเธอ มนตราบอกพี่หมดแล้วจ๊ะ" พี่หน่อยพูดพลางหัวเราะ
"แต่ผมร้องไม่เก่งนะครับ" ผมตอบเขินๆ
"เอาน่าถือว่าช่วยพี่หน่อย นักร้องเขาลาออกกะทันหัน" ผมเลยต้องยอมรับโดยดุษฏี
......
"...เราพบกันในวันฟ้าใส หัวใจฉันยังจำได้ สายรุ้งที่เปล่งประกาย ยังอายสายตาของเธอ...
...เราสองคนเคยรักกัน ฉันเองยังพร่ำยังเพ้อ ทุกคืนฉันยังละเมอ ถึงเธอในวันฟ้าผ่อง...
...ผ่านไปทุ่งหญ้าสีเขียว ฉันยังเฝ้าเหลียวมองตาม เจอเมฆลอยบนฟ้างาม ฉันยังเฝ้าถามถึงเธอ ...
...มีอะไรตั้งมากตั้งมาย ผ่านชีวิตเราเข้ามา แต่เธอจะรู้ไหมว่า เวลาฉันไม่เคยเปลี่ยน ...
...เราพบกันในวันฟ้าใส เธอยังจำได้หรือเปล่า น้ำค้างยอดหญ้าพร่างพราว จดจำเรื่องราวของเรา...
..ฮือ ฮื้อ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือฮ้อ ฮือฮือ..."
ผมเริ่มบรรเลงเพลงเก่าๆ ที่ตัวเองแต่งไว้ สลับกับการพูดคุยขอบคุณแขกที่มาใช้บริการของร้าน
ผมเลือกเพลงเบาๆ เพราะมันเข้ากันได้ดีกับกีต้าร์โปร่งที่ผมถนัด ซึ่งประสบความสำเร็จเกินคาด
วัดจากทิปช่อดอกไม้และเสียงกรี๊ด เสียงปรบมือทำให้ผมรู้สึกชื่นใจที่ตัวเองช่วยทางร้านได้บ้าง
เพราะที่นี่ก็เปรียบเหมือนบ้านผม เมื่อหมดเวลาผมก็ขอบคุณแขกอีกครั้งก่อนจะหอบของเข้าไปหลังร้าน
"บุ้ง ตามพี่มา มีแขกอยากคุยด้วย" พี่หน่อยมาตามผมที่ห้องครัว
"สวัสดีครับ" ผมสวัสดีสาวสวยวัยสามสิบกว่าๆ ที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะ
"สวัสดีค่ะ นั่งก่อนสิคะ" เธอเชิญผม
"พี่ชื่อดาริกานะคะเป็นประธานของบริษัท..."
หลังจากคุยกันสักครู่ ผมก็รู้ว่าพี่เขาเป็นเจ้าของค่ายเทปอยากให้ผมไปออกอัลบั้มพิเศษร่วมกับศิลปิน
คนอื่นๆ ภายในค่าย ซึ่งอัลบั้มนั้นผมจะได้ร้องแค่เพลงเดียว
พี่ดาริกาขอคำตอบผมพรุ่งนี้เพราะอัลบั้มจะออกอีกสามวันข้างหน้า
"เราจะทำดีไหมปูนิ่ม"ผมถามไอ้ปูนิ่มหลังจากกลับมาถึงห้องพัก
"เอ้า ถ้าอยากให้พ่อเป็นนักร้อง ผงกหัวสองครั้งสิ" ไอ้ปูนิ่มผงกหัวสองครั้งติดกันทันที
.......
หลังจากเซ็นสัญญากับค่ายเพลงพี่ดาริกาผมรู้สึกดีใจที่ไอ้ปูนิ่มมันผงกหัวสองครั้ง
เพราะค่าตัวผมที่ได้เพียงพอที่จะใช้หนี้แม่ไอ้พีและยังเหลืออีกจำนวนหนึ่งที่จะต่อลมหายใจผมได้อีกหลายเดือน
แต่บริษัทก็ใช้งานผมเกินคุ้มจริงๆ สามวันก่อนอัลบั้มออกผมได้นอนแค่วันละสองสามชั่วโมง
เพราะต้องอัดเพลง ถ่ายภาพนิ่ง มิวสิควีดีโอ สำหรับโปรโมทร่วมกับเพื่อนๆ ค่ายเดียวกันอีกเก้าคน
แรกๆ ผมคิดว่า คงหนักแค่อาทิตย์เดียว แต่ปรากฏว่าหลังจากปล่อยเพลงออกไปหนึ่งสัปดาห์
เพลงที่ผมร้องเพลงเดียวนั้นก็ไปอยู่ที่อันดับหนึ่งของหลายคลื่น
"ปูนิ่มพ่อจะตายไหมนี่" ผมฟุบลงบนที่นอนข้างๆ ไอ้ปูนิ่มหลังจากกลับมาจากการโชว์ตัวจนดึก
........
"บุ้งทำอัลบั้มเดี่ยวต่อเลยนะ" พี่ดาริกาเอ่ยขึ้นหลังจากผมนั่งลงหน้าโต๊ะทำงานของเธอ
"ทำไมไวจังครับ อัลบั้มแรกเพิ่งออกไปแค่เดือนเดียว" ผมถามเพราะนึกไม่ถึง
"บุ้งรู้ไหม เพลงเดียวของบุ้งทำยอดขายให้บริษัทเราไปแล้วเท่าไหร่" เธอพูดพร้อมกับยื่นเอกสารให้ผมดู ผมแทบไม่เชื่อสายตาในสิ่งที่เห็น
"นี่คือข้อตกลงและค่าเหนื่อยที่บุ้งจะได้รับในอัลบั้มที่จะทำนี้" เธอยื่นสัญญามาให้ผมดูต่อ
"โห พี่ มันเยอะเกินไปเปล่า ผมเพิ่งมาเดือนเดียว"
"5555 บุ้งนายรู้ตัวไหมว่านายนี่มันน่ารักจริงๆ" เธอยิ้มหวานให้ผมซึ่งทำหน้าเขินๆ อยู่
........
"ชอบอ่างใหม่ไหม" ผมถามไอ้ปูนิ่ม มันผงกหัวตอบ
"ชอบคอนโดเราไหม เป็นของเราจริงๆ นะปูนิ่ม ได้มาจากหยาดเหงื่อเราเอง"
ผมพูดพร้อมกับลูบหัวมันเบาๆ ผมมองไปยังท้องฟ้าของกรุงเทพยามค่ำคืน
แวบหนึ่ง ผมนึกถึงภาพที่ตัวเองนั่งอยู่บนดาดฟ้าบ้านไอ้พี
จากวันที่ผมออกจากบ้านมาจนวันนี้นับได้เดือนกว่าแล้วสินะ ชีวิตผมพลิกผันจนคาดไม่ถึง
ด้วยค่าตัวอัลบั้มใหม่ ผมจึงมีคอนโดเป็นของตัวเองและรถอีกหนึ่งคันทันที
มันทำให้ผมมั่นใจตัวเองมากขึ้น ตอนนี้ผมหลุดพ้นจากสภาพความเป็นเด็กรับใช้ในบ้านไอ้พีเรียบร้อยแล้ว
ผมวางแผนอนาคตตัวเอง อนาคตของยายและไอ้ปูนิ่มไว้เยอะ และแน่นอนในอนาคตผมนั้นไม่มีไอ้พีอยู่ด้วยจริงๆ
"ลาก่อนไอ้พี" ผมพึมพำ
จบตอนที่ 12