Closer ตัวอยู่ใกล้ แล้วใจล่ะ? (ตอนที่ 5 Reply)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Closer ตัวอยู่ใกล้ แล้วใจล่ะ? (ตอนที่ 5 Reply)  (อ่าน 191 ครั้ง)

ออฟไลน์ A Dark knight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ


❝  ❞
แรกพบสบตากันในตอนแรก จากนั้นก็ขยับมานั่งข้างกัน แล้วใจของเราล่ะ ยังไงต่อ?

นิยายสายคอมเมดี้ เบาสมอง ติดเรทอยู่หน่อย ๆ
สถานที่บางส่วนในนิยายถูกอิงมาจากสถานที่จริง
หากแต่ตัวละครและเรื่องราวทั้งหมดถูกแต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน
นิยายมีภาษาวิบัติและคำหยาบเพื่อความสมจริงของบทสนทนา
โปรดอ่านเพื่อความบันเทิง

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

คนสองคนที่บังเอิญเจอกัน

บังเอิญได้นั่งเรียนข้างกัน

บังเอิญได้นอนด้วยกัน

แล้วความรู้สึกในใจล่ะ จะบังเอิญตรงกันหรือเปล่า

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ฝากนิยายเรื่องใหม่ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะครับ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2024 22:18:00 โดย A Dark knight »

ออฟไลน์ A Dark knight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Free Elective วิชาเสรีรัก
«ตอบ #1 เมื่อ10-04-2024 16:56:23 »

บทนำ

วันนี้เป็นวันลงทะเบียนเรียนวันแรก ถึงแม้ว่ายังไม่เปิดเทอม แต่นิสิตทุกคนก็ต้องตื่นเช้ามาลงทะเบียนเรียนอยู่ดี
ผมเองก็ขึ้นปีสองแล้วแต่ก็ยังคงตื่นเต้นกับการลงทะเบียนเรียนผ่าน *Reg อยู่ไม่หาย เพราะต้องมานั่งลุ้นผลอีกทีว่าจะลงวิชาที่อยากเรียนได้ไหม บางวิชาก็ขึ้นชื่อว่าอาจารย์แจก A กระหน่ำทั้งเซ็ค วิชานั้นก็จะเป็นที่นิยมของนิสิตกัน ดังนั้นคนก็จะแห่มาลงกันยิ่งกว่างานหนังสือที่ศูนย์สิริกิต์ซะอีก

Line!

ผมหยิบโทรศัพท์คู่ใจขึ้นมาเช็กดูว่าใครทักมาบ้าง ซึ่งก็เดาได้ไม่ยากเพราะวันนี้เป็นวันลงทะเบียนเรียนวันแรก เหล่าเพื่อนสนิทในกลุ่มผมก็พร้อมใจกันรัวข้อความถามไถ่กันอย่างคึกคักว่าจะลงวิชาอะไรกันบ้าง
ผมเลื่อน ๆ อ่านดูไปบ้าง เผื่อเจ้าเพื่อนรักทั้งหลายจะมีวิชาที่น่าเรียนมาเสนอ

ชายโฉดเมืองกรุง

[กันต์] พวกมึง!! ลงวิชาอะไรกันบ้างวะ

[คิม] ยังไม่ได้คิดเลยว่ะ จนถึงวันลงทะเบียนแล้วยังไม่มีวิชาจะลงเลยนอกจากวิชาภาค555

[กันต์] มึงนี่ก็นะ

[คิม] พูดเหมือนมึงเตรียมพร้อมทุกอย่างเลยนะครับคุณกันต์เพื่อนรัก

[กันต์] เอ้า แน่นอนสิครับ คนอย่างกูไม่มีคำว่าไม่พร้อม

[คิม] ครับผมคนเก่ง กูขอให้มึงเด้งหมดทุกวิชา 5555555555

[กันต์] ปากดีนะมึงไอ้เวร

[คิม] นอกจากปากดีแล้วอย่างอื่นก็ดีนะค้าบ คิกค้ากกก

[กันต์] กูล่ะปวดหัวกับมึงจริง

[กันต์] sent a sticker


ผมแอบขำกับความกวนตีนกันของ กันต์ กับ คิม ที่ชอบกัดกันอยู่ตลอดเวลา นี่แหละนะเขาถึงบอกว่า ไม่ตีกัน ไม่ด่ากัน ไม่เรียกว่าเพื่อนสนิท


[โฟลท] คุนำรกัรวะพวกมึล

[คิม] มึงพึ่งตื่นนอนใช่มั้ยไอ้เหี้ยโฟลท พิมพ์ผิดพิมพ์ถูกมาแบบนี้

[โฟลท] อืม

[กันต์] กูว่าละ อย่างมึงนี่ไม่มีหรอกที่จะตื่นมาดูแสงอาทิตย์ยามเช้า ตื่นทีแม่งรอแดกข้าวเย็นได้เลย555

[โฟลท] เออไอ้พวกนรก ด่ากูเข้าไป ยิงทิ้งแม่ง

[คิม] อย่าพึ่งยิงกูเลย ให้กูลงทะเบียนเรียนได้ก่อน

[กันต์] พวกมึง ตารางกูว่างวันอังคารว่ะ มีวิชาไรแนะนำป่ะวะ วิชาอะไรก็ได้ กูอยากเก็บเสรี


ผมเห็นพวกมันคุยกันมาสักพักละไม่เห็นจะได้เรื่องอะไรสักอย่างเลย ไม่ไหว ๆ ผมเลยต้องเป็นพระเอกขี่ม้าขาวเข้าไปช่วยพวกแม่ง


[นนท์คนหล่อ] อังคารเช้ามีวิชาทรัพยากรชาติ กูลงไปละวิชานี้

[กันต์] วิชาบ้าไรชื่อโคตรโบราณ

[คิม] เออนั่นดิ ขอรีวิวหน่อยดิ๊

[นนท์คนหล่อ] ได้ยินรุ่นพี่บอกมาว่าแจกเอยกเซ็ค มีโพยไฟนอล และที่สำคัญคือมึงจะได้จับกลุ่มทำงานกับเพื่อนต่างคณะด้วยเว้ย นี่แหละที่กูชอบ

[คิม] โถ ไอ่คนดี ที่แท้ก็จะไปหาคู่นอกคณะ หึๆๆๆๆๆ

[กันต์] 5555 กูก็ว่า

[นนท์คนหล่อ] พวกมึงจะลงไม่ลงก็เรื่องของพวกมึง กูจะไปเก็บเอ เผลอ ๆ ได้อย่างอื่นแถมมาด้วยว่ะ

[โฟลท] กูลงด้วยๆๆ ขอรหัสวิชาด้วย

[คิม] มึงนี่ก็เร็วจริงนะ หายง่วงแล้วหรอพ่อคุณ

[โฟลท] เออไอ้สัส ตาสว่างพร้อมเตะปากคนแล้วตอนนี้

[คิม] หนีแป๊บ

[กันต์] ถ้าพวกมึงลงกูก็ลงด้วย ไหนๆก็ว่างตรงกันละ

[คิม] กูลงด้วยๆ

[กันต์] ไหนว่ามึงหนีไปแล้ว

[คิม] กูกลับมาทัน

[กันต์] กวนตีนนะมึง

[คิม] แน่นอนค้าบผม

[โฟลท] กูไปหาไรกินละ รำคาญคนเถียงกัน

[คิม] มึงอาบน้ำแล้วหรอ ถึงจะไปกินข้าวเนี่ย

[โฟลท] ยัง เช้า ๆ แบบนี้คงยังไม่เหม็นมากหรอก รีบกินรีบขึ้นห้อง

[กันต์] เหลือเชื่อเลยเพื่อนกู

[นนท์คนหล่อ] 5555555 แยกย้ายๆ ลงทะเบียนได้ไม่ได้ยังไงค่อยมาคุยกันอีกที กูไปละ


แค่ลงทะเบียนเรียนแค่นี้ยังวุ่นวาย ไม่อยากคิดภาพตอนเปิดเทอมเลย

หลังจากคุยกับเหล่าเพื่อนชายโฉดเสร็จ ผมก็เปิดโน้ตบุ๊กคู่ใจขึ้นมา เข้าหน้าเว็บ Reg พร้อมกับลงทะเบียนทั้งวิชาภาคของตัวเองและวิชาเสรีต่าง ๆ ซึ่งกว่าผลลงทะเบียนเรียนจะประกาศก็นู่น ใกล้ ๆ ช่วงเปิดเทอม
หลังจากนี้ก็ภาวนาให้ลงวิชาเสรีตัวนี้ติดด้วยเถอะ ไม่อยากไปเก็บตอนปีสูง โดยเฉพาะวิชาวันอังคารบ่าย ได้ยินมาว่าได้เอง่าย แถมได้เจอคนนอกคณะเยอะด้วย เผลอ ๆ ได้เจอคนรู้ใจระหว่างเรียนอีกแหนะ

และอีกอย่างนึง ในตารางเกรดของผมนั้นมีตัวอักษรหลากหลายเหลือเกิน มี C C+ D D+ แต่ก็มี A โผล่มาบ้างประปราย
เรียนคณะสายวิทย์ก็งี้แหละ แม่งโคตรเศร้า แต่ก็เอาเป็นว่าต้องไปทำบุญขอพรเยอะ ๆ ละช่วงนี้ เผื่อจะมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นบ้างในช่วงนี้ แบบคนหน้าตาดี ๆ นิสัยดี ๆ ไรงี้

อะไรดี ๆ ที่ไม่ใช่เกรด D นะครับพระเจ้า!!


*Reg คือสำนักงานการทะเบียนของมหาวิทยาลัย เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่บริการเกี่ยวกับงานทะเบียนนักศึกษาหรือนิสิต ซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัยก็จะใช้ชื่อต่างกัน เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะใช้ชื่อว่า Reg Chula หรือมหาวิทยาลัยขอนแก่นก็จะใช้ชื่อ Reg KKU เป็นต้น

ออฟไลน์ A Dark knight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนที่ 1

เริ่มต้น

วันนี้เป็นอีกวันที่ผมตื่นเช้า ช่วงนี้เป็นเด็กอนามัย นอนเร็ว ตื่นเช้า

ตอนนี้ก็เป็นช่วงใกล้เทศกาลรับน้องใหม่ เหล่าเพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งหลายก็พากันเตรียมงานรับน้องกันวุ่นวายทีเดียว คณะของผมก็วุ่นวายไม่แพ้คณะอื่นเลย ทุกคนอยากให้งานมันออกมาดีเลยต้องขยันขันแข็งกันหน่อย อย่างน้อยก็เป็นรางวัลให้กับที่น้อง ๆ ฝ่าฝันกับสนามสอบต่าง ๆ กันอย่างยากเย็นจนผ่านการคัดเลือกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมหา'ลัยนี้

ผมเองก็กำลังจะเป็นนิสิตปีสองอย่างเต็มตัวแล้ว แต่ก็ยังอดตื่นเต้นแทนน้อง ๆ ไม่ได้เลย ผมยังจำความรู้สึกตอนรอผลแอดมิชชั่นได้ขึ้นใจ มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งตื่นเต้นและกังวลผสมปนกันจนแยกไม่ออกว่าควรจะรู้สึกยังไงดี อีกใจหนึ่งก็ตื่นเต้นอยากให้ประกาศผลเร็ว ๆ อีกใจหนึ่งก็กลัวผลที่ออกมาแล้วจะไม่เป็นไปตามใจหวัง

แต่พอผลประกาศออกมา มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด

ผมวาดฝันไว้ว่าอยากทำงานในแล็บ ทำวิจัยต่าง ๆ เหมือนในหนังฝรั่ง ผมเลยตั้งเป้าไว้ตั้งแต่มัธยมว่าจะต้องสอบให้ติดคณะวิทยาศาสตร์ให้ได้

และผมก็ทำได้... ผมสอบติดคณะที่อยากเรียนในมหาวิทยาลัยที่ใฝ่ฝันไว้

มันก็คุ้มนะสำหรับวันและเวลาที่เราทุ่มเทให้กับการอ่านหนังสือ อย่างน้อยมันก็เป็นอีกก้าวหนึ่งของความสำเร็จในชีวิตแหละ
วินาทีแรกที่เดินมาถึงตึกคณะในวันรายงานตัวนี่โคตรจะตื่นเต้นเลย แต่ตอนมารับคณะนี่ตื่นเต้นยิ่งกว่า ด้วยความที่ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด การได้มาเรียนและใช้ชีวิต ณ เมืองหลวงแห่งนี้ก็นับว่าเป็นบุญสุด ๆ แล้วล่ะ อะไร ๆ ก็ดูใหม่ไปหมดสำหรับผม สังคมใหม่ เพื่อนใหม่ และชีวิตใหม่

วันรับน้องคณะเป็นอะไรที่สนุกสนานและเป็นการเปิดโลกใบใหม่ของผมเลยก็ว่าได้ ผมได้รู้จักเพื่อนใหม่เยอะมาก ทั้งในภาคเดียวกันและภาคอื่น ๆ แถมได้รู้จักรุ่นพี่คณะอีกเพียบ และที่สำคัญ งานรับน้องนี่แหละที่ทำให้ผมได้เจอกับเหล่าเพื่อนสนิทชายโฉดเหล่านี้ ไอ้กันต์ ไอ้คิม และไอ้โฟลท ตอนที่เจอกันครั้งแรกแม่งยังพูดเพราะกันอยู่เลย หลัง ๆ มาพอเริ่มสนิทกันเข้าความสุภาพก็เริ่มถูกแทนที่ด้วยความหยาบคายและสถุนสุดที่โลกใบนี้จะมีได้

ตรงกับสุภาษิตฝรั่งที่ว่า Birds of a feather flock together. คนที่มีอะไรเหมือนกันก็มักจะอยู่ด้วยกัน ประโยคนี้เป็นจริงเสมอ ผมโคตรเชื่อเลย ดูได้จากกลุ่มของผมนี่แหละ


Line!


เสียงไลน์จากโทรศัพท์ของผมดังขึ้นมา

ใครมันจะทักอะไรมาซะเช้าขนาดนี้ เพราะตอนนี้ยังอยู่บนเตียงอยู่เลย และไม่มีแพลนจะลุกขึ้นไปทำอะไรด้วย แต่โทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดันมีคนทักมา ผมเลยต้องเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ข้างเตียงขึ้นมาเช็กดูว่าใครทักมา

ผมหรี่ตาเล็กน้อยเนื่องจากสายตาที่สั้นถึง 400 แถมยังห้องยังปิดทึบหมด ทำให้ดูเหมือนเป็นห้องมืดเหมาะสำหรับฟังรายการผีในยูทูปมาก สายตาอาจจะต้องทำงานหนักหน่อยกับการจ้องหน้าจอในที่มืดแบบนี้

‘ไอ้กันต์ทักมา’

ผมคลิกไปที่แถบแจ้งเตือนไลน์เพื่อเข้าไปอ่านข้อความ

[กันต์] มึง

[นนท์คนหล่อ] ว่าไง

[กันต์] วันนี้ที่คณะเขากำลังเตรียมงานรับน้อง มึงสนใจไปช่วยงานเพื่อนๆปะ

[นนท์คนหล่อ] ขี้เกียจว่ะ กูไม่ได้สมัครสตาฟไว้ จะไปทำไมให้มันเกะกะ

[กันต์] เอ้ามึงนี่ ก็ไปกับกูนี่ไงวะ

[นนท์คนหล่อ] คนอื่นมีเยอะแยะไม่ชวน ไอ้คิม ไอ้โฟลทงี้

[กันต์] มึงลืมไปแล้วหรอว่าสองคนนั้นมันกลับบ้าน ไม่ใกล้เปิดเทอมมันไม่กลับมาง่ายๆหรอก

[นนท์คนหล่อ] เออว่ะ ลืมไปเลย

[กันต์] ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย

[กันต์] นะ

[นนท์คนหล่อ] เพื่อนเราก็ทำสตาฟกันเยอะแยะ จะเอากูไปเพิ่มทำไมอีกวะ กูล่ะงง

[กันต์] เอ้า ก็ไปช่วยกันอีกไง จะได้สนุกๆ

[นนท์คนหล่อ] เออๆ ไปก็ไป

[นนท์คนหล่อ] ละมึงอยู่ไหนตอนนี้

[กันต์] กูอยู่ข้างนอก เดี๋ยวแวะไปหา

[กันต์] ไปถึงเดี๋ยวบอก

[นนท์คนหล่อ] เค


ผมปิดหน้าจอลงพร้อมกับเอามืออันนุ่มนวลก่ายหน้าผากตัวเอง


‘ขี้เกียจจังโว้ยย’


เพราะผมเป็นคนที่ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับคนอื่นด้วยแหละ เวลาใครชวนไปไหนมาไหน หลายครั้งก็จบลงด้วยการตอบตกลง ทั้ง ๆ ที่ใจไม่ได้อยากไปเลย

หรือเราเป็นคนขี้เกรงใจเกินไป?

ไม่หรอก เราเป็นคนดีต่างหาก

ทั้งหล่อ ทั้งนิสัยดี อิอิ

ว่าแล้วผมก็เด้งตัวขึ้นจากเตียง บิดขี้เกียจซ้ายขวาเพื่อคลายความเมื่อย จากนั้นลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดม่านที่หน้าต่างเพื่อให้แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาในห้องบ้าง อยู่แบบมืด ๆ นานเกินเดี๋ยวผีหลอก

ผมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนไว้ข้างตู้ขึ้นมามัดที่เอว จัดการถอดเสื้อและกางเกงออกเพื่อเตรียมอาบน้ำ ก่อนจะเข้าห้องน้ำก็เดินมาสำรวจหุ่นตัวเองที่หน้ากระจกสักแปบนึง

‘อยากหุ่นดีกว่านี้จัง’

ส่วนสูง 173 เซนติเมตร ตามมาตรฐานชายไทย น้ำหนักอีก 59 กิโลกรัม กับผิวสีน้ำผึ่งอ่อนตามสไตล์เด็กต่างจังหวัดถึงแม้ผิวของผมจะไม่ได้ขาวจั๊วะสไตล์ลูกครึ่งแต่ผิวเฉดนี้ก็ไม่ได้แย่ไปซะทีเดียว

ผมเอามือลูบไปตามโครงหน้าเรียวของตัวเอง

คนอะไรทำไมหล่ออย่างงี้วะ!

ผมยืนสำรวจหุ่นตัวเองแบบนี้เป็นประจำทุกวันก่อนอาบน้ำและหลังอาบน้ำเสมอ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีอะไรที่มีเว้าโค้งมากมาย ออกไปทางลีน ๆ พอได้เห็นร่องรอยของกล้ามเนื้อ แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการชื่นชมของสวยงามของโลกใบนี้ที่หาชมได้ยากนัก

อันนี้ผมพูดจริงนะครับ

ไปอาบน้ำดีกว่า



หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ผมก็เช็ดเนื้อเช็ดตัว เช็ดผม และเป่าผมที่ข้างเตียง ด้วยความที่มีผมหนาคล้ายผมที่ดัดวอลลุ่ม ทำให้ผมแห้งค่อนข้างยากและต้องใช้เวลาสักพักในการเป่าให้แห้ง

พอเป่าผมจนรู้สึกว่าแห้งได้ที่แล้วก็ถึงเวลาแต่งตัว มือหนึ่งวางไดร์เป่าผมไว้ อีกมือหนึ่งก็คว้าโรลออนแบบแท่งที่อยู่ใกล้ ๆ กันมาฉีดใส่ตัวเพื่อป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ จากนั้นผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่ออกไปอวดเพื่อนร่วมโลกทั้งหลาย ผมกวาดตามองจากซ้ายไปขวาอย่างรวดเร็ว และแล้วผมก็เลือกเจ้าเสื้อสีเทาล้วนขนาดพอดีตัวออกมาใส่ และกางเกงขายาวส่วนสีครีม เป็นการแมตช์เสื้อผ้าสไตล์วัยรุ่นเมืองหลวง

พอแต่งตัวเสร็จก็เช็กสภาพตัวเองหน้ากระจกอีกรอบเพื่อความมั่นใจ ผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังฟูได้ที่นี่ดูดีจริง ๆ เลยแฮะ ขอบคุณพ่อกับแม่นะครับที่ให้ผมทรงนี้มา ทรงแบบนี้กำลังฮิตเลยตอนนี้ หลายคนเสียเงินเป็นพันเพื่อไปดัดให้เป็นทรงแบบนี้ แต่ผมไม่ต้องเสียสักบาทเพราะได้มาตั้งแต่เกิด

เกือบลืมไปเลยว่าต้องดูแลผิวหน้าซะหน่อยก่อนออกจากห้อง ผมเดินไปที่โต๊ะตรงตู้เสื้อผ้า ก้มกับหยิบมอยเจอร์ไรเซอร์ moisturizer ขวดจิ๋วแต่ราคาแสนแพงขึ้นมาหยดบนมือและทาลงบนใบหน้าอย่างนุ่มนวล ตามด้วยการประโลมโลชั่นกลิ่นหอมอ่อน ๆ ลงบนแขนทั้งสองข้าง ตามด้วยกันแดดบนหน้า คอและแขน แน่นอนว่าทั้งหมดนี่ไอ้กันต์พาไปซื้อ ผมเลือกไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่เลยให้ไอ้กันต์ช่วยเลือกซื้อ

พอจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วผมก็กระโดดขึ้นไปนั่งบนเตียง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้เวลาประมาณ 9 โมงแล้ว แต่ไอ้กันต์มันยังไม่ทักมาเลย ทำไมสายจังวะ รถอาจจะติดรึเปล่าเลยมาช้า


ตื้ดดดด.....ตื้ดดดด


โทรศัพท์มือผมสั่นขึ้นมาอย่างกับโดนผีเข้า

ไอ้กันต์โทรมานี่หว่า สงสัยมาถึงแล้ว ผมกดปุ่มสีเขียวเพื่อรับสายมัน

‘ฮัลโหล’ เสียงมันดังขึ้นมา

“ว่าไงมึง มาถึงละหรอ”

‘ถึงละ ๆ มึงลงมาเลย กูรออยู่หน้าหอมึง’

“อะเค เดี๋ยวลงไป”

ผมกดตัดสายไป และลุกขึ้นจากเตียงเน่า ๆ หยิบแว่นทรงกลมอันหนาของตัวเองขึ้นมาใส่และลงไปหาเพื่อนรักที่มารอผมอยู่หน้าหอ

ทันทีที่ผมผลักประตูหอออกมา เสียงทักทายที่คุ้นหูก็ดังขึ้น

“ไงมึง” ไอ้กันต์พูดขึ้นมา

“หิวข้าว” ผมตอบไปอย่างจริงใจ เพราะผมหิวจริง ๆ ตั้งแต่ตื่นมาเช้านี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย

“เออกูก็หิว ยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกัน”

“ไปกินข้าวที่ไหนดีวะ”

“ตอนนี้ร้านข้าวในม. มันยังเปิดอยู่ไหมวะ” มันถามผมคืน

“ก็เปิดอยู่แหละ ช่วงนี้คนยังเรียนซัมเมอร์อยู่ลย”

“โอเค งั้นไปกินในม. ละกัน”

“แล้วจะไปยังไง เรียกรถไปมั้ย”

“เรียกรถเอาก็ได้ ขี้เกียจเดินไปขึ้นบีทีเอส”

“งั้นเดี๋ยวกูเรียกเอง กำลังสะสมคะแนน อีกนิดนึงจะได้เลื่อนเป็นลูกค้าระดับแพลทตินัมละ” ผมรีบเสนอตัว ตอนนี้กำลังเก็บแต้มจากการเรียกรถในแอปเพราะช่วงนี้ไปข้างนอกบ่อยและขี้เกียจเดินไปขึ้นบีทีเอส เลยต้องใช้บริการพี่แกรบ ตลอดเลย ใช้บ่อยจนแต้มพุ่งยิ่งกว่าคะแนนมิดเทอมอีก

“เออ ๆ เรื่องของมึง” มันตัดบทผม

“งั้นรอแป๊บ” พูดเสร็จผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมพร้อมกับเปิดแอปพลิเคชั่น เลือกแถบเมนูรถแท็กซี่ และกด book เพียงไม่กี่อึดใจก็มีแท็กซี่สีเขียวเหลืองเข้ามาจอดที่หน้าหอ ผมกับกันต์ขึ้นรถอย่างสบายใจไม่ต้องรีบร้อนเหมือนวันไปเรียน

ระยะทางจากหอผมไปยังมหา’ลัยนั้นไม่ไกลมาก แต่ด้วยสภาพการจราจรในเมืองหลวงทำให้การเดินทางนั้นใช้เวลามากกว่าที่ควรจะเป็น แถมบีทีเอสก็ยังไปไม่ถึงมหา’ลัยอีก ต้องนั่งวินอีกต่อหนึ่ง ไม่ก็รถเมล์ ดังนั้นการใช้แอปจึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ช่วยประหยัดเวลาได้เยอะ ยิ่งวันไหนตื่นสายแล้วมีคาบแปดโมง แค่บอกพี่คนขับว่า ‘ผมรีบ’ เท่านั้นแหละ พี่แกซิ่งซะเหมือนจะไปเรียนด้วยเลย น่าประทับใจจริง ๆ

ตอนนี้ผมถึงตึกคณะแล้ว โชคดีที่วันนี้รถไม่ติดเลยใช้เวลาแค่แปบเดียว ไอ้กันต์มันอยากกินข้าวที่โรงอาหารวิศวะ มันบอกมันเบื่อข้าวโรงอาหารคณะตัวเอง ซึ่งผมก็เห็นด้วยแหละ ไปหากินข้าวนอกคณะบ้างก็ดีเหมือนกัน

คณะผมกับวิศวะไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก เดินแค่ไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว ผมกับไอ้กันต์เดินไปคุยไปแค่ไม่กี่อึดใจก็ถึงโรงอาหารวิศวะแล้ว โชคดีที่วันนี้คนไม่เยอะมาก ที่นั่งเลยเหลือเฟือสำหรับเราสองคน ถ้าวันไหนคนเยอะนะ หืมม ไม่อยากจะพูดเลยครับ นิสิตนี่แทบขี่คอกันเดิน คนแน่นยิ่งกว่าตลาดรถไฟตอนทัวร์จีนลงอีก

ไอ้กันต์เดินไปสั่งข้าวแกงกะหรี่ ในขณะที่ผมยืนรอข้าวเหนียวไก่ทอด ตอนนี้ผมโคตรจะหิวเลยสั่งพิเศษไป เสียเงินไม่ว่า แต่จะปล่อยให้ท้องหิวไม่ได้ และเราเลือกที่นั่งตรงที่พัดลมตรงเสาพัดมาโดนเราพอดี

ถึงแม้ในโรงอาหารคนจะไม่เยอะมาก แต่ก็ยังมีพวกนิสิตเจ้าถิ่นเข้ามาจับจองที่นั่งอยู่ตลอด ซึ่งคณะนี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องคนหน้าตาดีอันดับต้น ๆ ของมหา’ลัยเราอยู่แล้ว แต่ละคนที่เดินเข้ามาในโรงอาหารที่งานดีทั้งนั้น กินข้าวอร่อยเลยมื้อนี้

สายตาอันแสนจะเฉียบคมใต้แว่นอันหนาเตอะของผมก็เหลือบไปเห็นนิสิตที่ผมคาดว่าน่าจะเป็นเจ้าถิ่นเพราะสังเกตได้จากเสื้อสีแดงเลือดหมูสกรีนข้างหลังว่า Faculty of Engineering กำลังเดินไปตรงที่นั่งอยู่โต๊ะข้างถัดขึ้นไปข้างหน้าผมประมาณสองโต๊ะ โคตรจะสเปคเลยอะ ดูจากหน่วยก้านร่างกายแล้วน่าจะสูงกว่าผมแน่ ผิวขาวกว่าผมอีกแหนะ ผมสีดำเหยียดตรงดูสุขภาพดีมาก ๆ ไม่น่าจะมีแตกปลายเลยสักเส้นเดียว หน้าตาเกลี้ยงเกลา จมูกโด่งเป็นสันกำลังดี ขนาดตอนกินข้าวยังดูดี แถมยังนั่งกับเพื่อนอีกสองคนที่หน้าตาดีพอ ๆ กัน มากินข้าวรอบนี้ไม่เสียเที่ยวจริงไอ้นนท์เอ้ย

“มองจานข้าวบ้างมึง อย่ามัวแต่มองผู้ชาย เดี๋ยวเขาแม่งลุกมาตีมึงกูไม่ช่วยนะ” ไอ้กันต์พูดขึ้นมา เพราะมันคงเห็นมผมมองคนที่อยู่ตรงหน้าอยู่เรื่อยจนข้าวเย็นหมดแล้ว

“แหะ ๆ ๆ ก็เขางานดีนี่นา มึงก็ให้กูได้มองบ้างไรบ้าง” ผมตอบกลับไปเบา ๆ

ความจริงไอ้เพื่อนในกลุ่มผมมันก็รู้แหละว่า ‘รสนิยมทางเพศ’ ของผมนั้นเป็นไปในแนวไหน ภายนอกผมก็เป็นผู้ชายปกตินี่แหละครับ แต่ลึกลงไปภายในจิตใจผมกลับรู้สึกว่าเพศตรงข้ามนั้นไม่ได้มีแรงดึงดูดให้ผมรู้สึกชอบหรือหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
แต่ก็เป็นบุญของผมด้วยแหละที่เพื่อนในกลุ่มเข้าใจและยอมรับได้กับตัวตนที่แท้จริงของ

พอเรากินกันเสร็จ เอ้ย! กินข้าวเสร็จ เราสองคนก็เดินตรงดิ่งไปยังคณะทันที ผมจำได้ว่าตอนแรกที่มาถึงตึกคณะ คนก็ยังไม่ได้เยอะมากนัก แต่ทำไมแค่แวบเดียวที่ผมแวะไปกินข้าว กลับมาอีกทีคือคนเยอะและวุ่นวายมาก เพราะใกล้วันรับน้องแล้วสินะคนถึงได้มารุมกันที่คณะแบบนี้

“เห้ยนนท์ มาช่วยยกของทางนี้หน่อย”

นั่นไง! มาได้ไม่ทันไรก็มีเสียงเรียกจากทางด้านหลังของผมให้ไปช่วยงาน เสียงนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่ ‘ไอรีน’ เพื่อนร่วมสาขาของผมนี่เอง คุณเธอทำหน้าที่เป็นสตาฟฝ่ายไหนสักอย่างนี่แหละ ผมเหมือนจะจำได้ลาง ๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ

“ช่วยยกถุงอุปกรณ์นี้ไปไว้กับกองของทำกิจกรรมทางนู้นหน่อยนะจ๊ะคุณเพื่อน” เสียงใสกิ๊งของเธอเอ่ยคำขอร้องปนคำสั่งมายังผม พร้อมกับชี้นิ้วไปยังถุงอุปกรณ์กองยักษ์ที่ตั้งอยู่ท้ายรถกระบะของสตาฟ

“โอเค ได้ครับผม” ผมตอบไป

“ละทำไมอยู่ดี ๆ ถึงได้มาช่วยงานคณะล่ะ? ปกติไม่เห็นทำกิจกรรมอะไรเลย”

“ไอ้กันต์มันชวนมา พอดีอยู่หอเบื่อ ๆ ไม่มีไรทำเลยมาเป็นเพื่อนมัน”

“อ้ออ ยังงี้นี่เอง ยังไงก็ขอบใจนะที่มาช่วย” เธอกล่าวขอบคุณพร้อมกับรอยยิ้มหวาน

“ฮ่า ๆ ไม่เป็นไร แค่นี้ชิล ๆ” ผมโกหกเธอไปทั้ง ๆ ที่ถุงอุปกรณ์ที่อยู่ในมือนี่โคตรจะหนักเลย แถมไอ้คนที่ชวนมาก็ยังยืนคุยสาวอย่างสบายใจ ปล่อยให้คนหล่ออย่างผมต้องมาถูกใช้แรงงานฟรีอยู่ตรงนี้


กูคิดถูกมั้ยวะเนี่ยที่มาเป็นเพื่อนมึงเนี่ยไอ้กันต์!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-04-2024 20:28:50 โดย A Dark knight »

ออฟไลน์ A Dark knight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนที่ 2

เจอกันแบบงง ๆ

หลังจากที่ช่วยงานไอรีนเสร็จ ผมก็ได้ไปช่วยงานไอ้กันต์บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะมันทำงานฝ่ายสวัสดิการ หน้าที่วันนี้เลยไม่มีอะไรมากนอกจากโทรไปคอนเฟิร์มกับร้านข้าวที่จองไว้ เช็กสต็อกของว่ามีอะไรขาดหายหรือลืมซื้อมามั้ย เคลียร์บิลค่าใช้จ่าย และก็ไปดูสถานที่ที่จะใช้สำหรับงานสวัสดิการต่าง ๆ ดูแล้วก็งานยุ่งพอสมควร

หันไปอีกตึกหนึ่งซึ่งก็เป็นตึกของคณะผมเหมือนกัน ก็เห็นพวกสันทนาการซ้อมร้องเพลง ซ้อมเต้นกันอย่างสนุกสนานเตรียมสร้างสีสันและรอยยิ้มให้กับน้อง ๆ อย่างเต็มที่

วันรับน้องคณะก็ใกล้เข้ามาแล้ว ทุกคนทำงานกันเต็มที่มาก ๆ

แต่วันจริงผมก็คงไม่ได้มาเข้าร่วมด้วยหรอก ถามว่าทำไมน่ะหรอ


ผมขี้เกียจ


ฮ่า ๆ อย่าว่าผมเลย ปิดเทอมนี้ผมไม่ได้กลับบ้าน นอนพักอยู่บวกกับทำงานพิเศษด้วยเลยอยู่ยาว แถมไม่ได้สมัครเป็นสตาฟกิจกรรมอะไรเลยสักอย่างเพราะขี้เกียจ ไฟในการทำงานมันหมดไปตั้งแต่จบปี 1 แล้วล่ะครับ

ตอนนี้ก็เวลาสี่โมงเย็นละ ไอ้กันต์มันก็ชวนไปกินข้าวที่ร้านแถว ๆ มหา’ลัย แต่ผมขี้เกียจเดินไปไกล เลยเสนอว่าให้ไปหาอะไรกินที่สามย่านดีกว่า แค่ลงอุโมงค์ละเดินไปอีกหน่อยก็ถึงละ ซึ่งไอ้กันต์ก็ไม่ได้ขัดใจอะไรผมมากนัก เมื่อตกลงกันแล้วว่าจะไปกินข้าวเย็นที่ห้างกัน เราก็บอกลาเพื่อน ๆ และก้าวเท้าออกจากตึกคณะอย่างรวดเร็วเนื่องจากความหิวเป็นเหตุ

เดินไปไม่ถึงห้านาทีเราก็ลงอุโมงค์ที่ใกล้คณะเราขึ้นไปอีกฝั่ง จากนั้นเดินตรงไปเรื่อย ๆ ก็จะถึงห้างที่เราตั้งเป้าไว้

“มึง กูอยากกินบอนชอน” ผมบอกไอ้กันต์ไป

“ได้หมด กูก็อยากกินไปพอดี”

“เลี้ยงกูหน่อยสิ”

“เลี้ยงพ่อมึงสิ” ไอ้กันต์ด่าผม

“พ่อกูมีเงินเยอะแล้ว ไม่ต้องไปเลี้ยงหรอก เลี้ยงกูนี่”

“เพ้อเจ้อนะมึง”

“ล้อเล่นค้าบไอ้เพื่อนเวร แต่ถ้าจะเลี้ยงกูจริง ๆ กูก็ยินดีนะจ๊ะ” ผมพูดกวนตีนมันไป

“ไอ้เวรตะไลเอ้ย ไร้สาระจริงเลยมึง อย่าไปบอกใครนะว่าเป็นเพื่อนกู เดี๋ยวเขาหาว่ากูมีเพื่อนไร้สาระ”

“อ้าวไอ้นี่ วอนซะละ”

“วอนอะไรหรอจ๊ะ” ไอ้กันต์มันล้อเลียนผมด้วยน้ำเสียงที่โคตรจะกวนตีน

“ตีนกูนี่ไง” ผมยกเท้าตั้งท่าจะเตะมัน

“อ๊าก จะเตะกูหรอก ฝันไปเถอะ” ไอ้กันต์หันมาตะโกนใส่ผม พร้อมกับวิ่งทั้ง ๆ ที่ตัวเองกำลังหันหลังให้กับทางเดิน

และทันใดนั้น...

ตุ้บ!

ไอ้กันต์วิ่งไปชนใครคนนึงเข้าอย่างจัง ทั้งสองคนล้มคว่ำลงไปกับพื้นโดยที่ไอ้กันต์เป็นคนนอนทับอีกฝ่ายไว้

“ไอ้กันต์!” ผมตะโกนเรียกเพื่อนพร้อมวิ่งเข้าไปประคองมันขึ้นมา และหันไปขอโทษอีกฝ่ายที่ถูกชนจนคว่ำลงไป

“ผมขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะครับ พอดีเรามัวแต่หยอกกันเลยไม่ได้มองทาง ขอโทษครับ” ผมก้มหน้าขอโทษคนตรงหน้าที่พึ่งชันตัวลุกขึ้นมา พอผมเงยหน้าขึ้นมาเท่านั้นแหละ

โอ้โห คนที่ไอ้กันต์ชนจนล้มระเนระนาดลงไปนั้น ก็คือไอ้คนหล่อที่ผมเจอที่โรงอาหารวิศวะนั่นแหละครับ ออร่าจับชิบหาย ตอนนี้เขาอยู่ประจันหน้ากับผมในระยะที่ห่างกันไม่ถึงเมตร หน้าเรียวได้รูป สันจมูกยาวโด่งเข้ากับโรงหน้า ปากอวบอิ่มกำลังพอดีไม่บางจนเกินไป ผมตรงสีดำแสก กลางรายละเอียดต่าง ๆ ที่เห็นอยู่ตอนนี้ชัดแจ๋วยิ่งภาพกว่าระดับ 4K

หนุ่มเคราะห์ร้ายคนนี้สูงกว่าผมประมาณนึงเลยทีเดียว เดาว่าน่าจะสัก 178 เซนติเมตร เสื้อสีเลือดหมูที่มีรูปเกียร์อยู่บนอกซ้ายที่สื่อถึงคณะวิศกรรมศาสตร์ เป็นตัวบ่งบอกว่าเขามาจากคณะไหน

แต่เหมือนเขาจะเจ็บด้วยนะนั่น เห็นเอามือลูบที่แขน

“เอ่อ นายเจ็บที่แขนหรอ...”

“อ่อ เจ็บนิดหน่อยน่ะ ไม่เป็นไรหรอก คราวหน้าก็ระวังด้วยละกัน ไปชนคนอื่นเข้าเดี๋ยวจะเป็นเรื่องเอา” เสียงทุ้มของเขานี่ขออัด
ไว้ฟังที่ห้องได้ไหม ใจนี่แทบละลายไปกับพื้นทางเดินข้างถนนพญาไท หาได้สำนึกผิดที่เป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้เขาเจ็บ

“อ่อ.. เอ่อ.. ครับ ขอโทษทีนะครับ” ในขณะที่อีกฝ่ายเดินสวนไปโดยที่ไม่ได้ตอบรับคำขอโทษผม

“นี่มึง! ดูเพื่อนมึงตรงนี้ด้วย กูก็ล้มนะเว้ย!” เสียงไอ้กันต์บ่นประปอดกระแปดดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศ

“ไอ่ควาย มึงนั่นแหละที่วิ่งไปชนเขาจนล้ม แถมเขาได้แผลอีกต่างหาก เสียดายกูน่าจะตามไปทำแผลให้เขาที่ห้อง” ผมพูดด้วยน้ำเสียงอาลัยอาวรณ์

“เดี๋ยวกูชนมึงคว่ำไปอีกคน ก็มึงนั่นแหละที่หยอกกูก่อน กูเลยต้องวิ่งหนีไง มึงนี่ต้นเหตุเลยไอ้เหี้ย”

“อ่าว ๆ มาโทษกูอีก มึงอ่ะวิ่งไม่ดูทางเองจนไปชนสุดหล่อของกูล้ม”

“เวรเอ้ย หลงผู้ชายจนหน้ามืดละมึงนี่”

“อะไร ๆ พูดให้มันดี ๆ หน่อยดิ๊ นาน ๆ ทีเห็นคนหล่อผ่านมา ก็ให้กูได้ชื่นชมบ้างอะไรบ้าง”

“หรออออ” ไอ้กันต์ลากเสียง

“ค้าบบบ” ผมลากเสียงคืน “ละมึงเจ็บตรงไหนรึเปล่านี่” ผมถามมันบ้าง เดี๋ยวมันจะน้อยใจที่ผมถามแต่คนอื่น

“แหม กว่าจะนึกขึ้นได้ว่าต้องเป็นห่วงเพื่อน ไม่ให้กูตายก่อนล่ะค่อยถาม” นั่น! ดูมันพูดเข้าไอ้นี่

“เออ กูก็รออยู่” ผมตอบย้อนกลับไป

“รักกูมากเลยเพื่อนคนนี้”

“หยุดพูดมากแล้วก็เดินต่อเถอะครับ”

“จำไว้ไอ้เพื่อนเลวววว” มันหันมาลากเสียงใส่

พอเราหยุดเถียงกัน เราก็มุ่งหน้าไปยังจุดมุ่งหมายของเราที่อยู่อีกไม่ไกลนัก เวลานี้คนกำลังเยอะเพราะเป็นช่วงเลิกงานพอดี เราเดินต่ออีกไม่นานก็ถึงห้างแล้ว ตรงลานหน้าห้างมีคนไม่เยอะมาก แต่พอมองลอดกระจกใสร้าน Tim’s Horton นี่แทบไม่เห็นที่ว่างให้ยืนเลยเพราะคนเข้าคิวกันจนล้นออกมาหน้าร้าน บ่งบอกถึงความโด่งดังของร้านกาแฟสัญชาติแคนาดาราคาบาดใจชาวนิสิตแถวนี้มาก

“จะกินไรดีวะมึง” ผมถาม

“อยากกินบอนชอนว่ะ” มันตอบกลับมา

“โห จะมีที่ว่างให้เรามั้ยวะ คนน่าจะเยอะ” เพราะปกติคนก็เยอะอยู่แล้ว ยิ่งช่วงเวลาเลิกงานแบบนี้คือไม่ต้องคิดเลย คนน่าจะแน่นร้านแน่ ๆ

“ลองเดินไปดูก่อนละกัน ถ้าคนเยอะมากก็ไปกินร้านอื่น” กันต์บอกผมในระหว่างที่กำลังเดินไปที่ร้าน
เหมือนโชคจะเข้าข้างเราวันนี้ พอเราสองคนเดินไปที่หน้าร้านไก่ทอดเกาหลีชื่อดังที่มักจะมีคนรอคิวยาวจะจนนึกว่าแจกฟรี มาทีไรก็ได้ยืนรอจนเกือบหลับกลางอากาศ รอจนลืมไปเลยว่าเคยหิว แต่วันนี้ไม่ต้องยืนรอแล้วเพราะพี่พนักงานบอกว่าโต๊ะว่างพอดีเลย เราสองคนไม่รอช้ารีบเดินดุ่ม ๆ เข้าไปในร้านราวกับว่าจะมีใครมาแย่งที่นั่ง พอไปถึงที่โต๊ะแล้วพนักงานก็เอาเมนูมาให้ ผมกับไอ้กันต์ก็เลือกกันอย่างตั้งอกตั้งใจ

“กูอยากกินสะโพกว่ะ” ไอ้กันต์พูดขึ้นมา

“สะโพกสาว ๆ หรอ” ผมกวนตีนมัน

“สะโพกแม่มึงสิ”

“อ้าว แค่นี้เล่นถึงแม่กูเลยหรอ”

“ใครใช้ให้มึงกวนตีนกูก่อน”

“หึ!” ผมทำหน้านิ่วใส่มัน แต่ที่จริงก็ไม่ได้อะไรมากหรอกแค่อยากทำหน้าใส่มันเฉย ๆ

“สรุปมึงจะเอาอะไร” กันต์ถามผม “กูเอาเนื้อสะโพกไซส์ s นะ ไม่อยากกินเยอะมาก เอาเครื่องเคียงเป็นข้าวญี่ปุ่น ละก็น้ำอีกขวดนึงกับน้ำแข็งแก้วนึง”

“งั้นกูเอาเหมือนมึงเลยละกัน จะได้เร็ว ๆ แต่ไม่เอารสสไปซี่นะ ขอเอาเป็นซอยการ์ลิคแทน” คือผมกินเผ็ดไม่ค่อยได้น่ะครับ กินทีไรคือแสบปาก แถมปวดท้องตลอดเลย

“อะได้ เดี๋ยวเรียกพนักงานมารับออร์เดอร์” ไอ้กันต์ยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้พี่พนักงานมารับออร์เดอร์ของเรา โดยบอกรายละเอียดไปตามที่เราต้องการ

หลังจากที่พนักงานรับออร์เดอร์และเก็บสมุดเมนูไปแล้ว พวกผมก็นั่งปัดโทรศัพท์ คุยกันไปเรื่อยเปื่อยระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ

“มึงๆๆๆ” อยู่ดี ๆ มันก็เรียกผมขึ้นมาพร้อมทั้งตบโต๊ะเพื่อให้ผมหันมามองมัน

“อะไรของมึง” ผมถามมันด้วยความงง “เกิดอะไรขึ้นหรอวะ”

“ไอ้โฟลททักมาในกลุ่มบอกว่าผลลงทะเบียนเรียนออกแล้วว่ะ”

“หืม อะไรนะ” ผมตอบพร้อมกับความสับสนเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าผลลงทะเบียนเรียนจะประกาศเร็วขนาดนี้ “เดี๋ยวกูลองเช็กดูแปบว่ามันออกจริงไหม” ไม่รอช้า เปิดกูเกิลขึ้นมาพร้อมกับเข้าหน้า Reg อย่างว่องไว

“เออ ๆ กูก็กำลังจะเข้าเว็บ” ไอ้กันต์ก็กดมือถือยุกยิก ๆ ไม่ต่างกันกับผม
ระหว่างที่รอหน้าเว็บโหลดผมก็ลุ้นอย่างใจจดใจจ่อว่าจะติดวิชาที่หวังไว้ไหม ถ้าหากเด้งล่ะก็ ผมก็ต้องจัดตารางใหม่กันเลยทีเดียว

“เยส!” เสียไอ้กันต์ดังขึ้นมา

“ว่าไงมึง เด้งวิชาไหนมะ เว็บกูยังโหลดไม่เสร็จเลย”

“ไม่เด้งว่ะเพื่อน ลงได้ทุกวิชาครับผม” พูดเสร็จมันก็หันหน้าจอไอโฟน 14 โปรที่มีหน้าแสดงผลการลงทะเบียนรายวิชามาทางผม

“ฮึ่ยย ดีว่ะสัส รอกูก่อน ๆ” ผมนั่งรอไอ้โทรศัพท์ผมโหลดอยู่ ถึงจะไม่ทันสมัยเท่าของไอ้กันต์มัน แต่ก็ไม่ได้กากจนใช้การไม่ได้เลยนะ แต่รอได้ยังไม่ทันไรหน้า Reg ก็โผล่มาทันที ผมกดเข้าไปดูผลแบบไม่ต้องคิดอะไรเยอะ

“เห้ยมึง กูก็ไม่เด้งสักวิชาเลยว่ะ! ให้มันได้ยังงี้สิลูกพ่อ”

“อย่างเจ๋งไอ้สัส กูลองถามพวกที่เหลือในกลุ่มเรา ไม่มีใครเด้งสักคน” ไอ้กันต์เสริม

“ดีเลย จะได้ไปเรียนด้วยกันทั้งแก๊ง”

“ใช่ ๆ อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปเรียนคนเดียว”

“ว่าแต่วิชานี้มันเรียนที่คณะเราใช่ปะ” ผมถาม

“ถูกต้องแล้วครับผม เรียนที่คณะพวกเรานี่เอง ไม่ต้องเดินไกล ไม่ต้องนั่งรถให้เมื่อย เรียนคาบเช้าเสร็จก็รอเรียนบ่ายต่อที่คณะเลย สบายยย”

“โคตรโชคดีที่เราไม่เด้งกัน สบายใจละอย่างน้อยก็เก็บเสรีได้เพิ่มตัวนึงเทอมนี้” ซึ่งความจริงผมสามารถไปเก็บตอนปีสามได้นะ แต่ถ้ารีบได้ก็รีบเก็บดีกว่า จะได้สบายในวันข้างหน้า

“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่า” พี่พนักงานมาเสริ์ฟอาหารได้ถูกเวลาพอดีเป๊ะ

“ขอบคุณมากค้าบ” ไอ้กันต์ขอบคุณเสียงหวานเชียว

“แหม เสียงสองมาเลยนะมึง” ผมแซวมัน

“เสือกไอ่สัส”

“อ้าว ด่ากูอีกละ”

“ไม่ด่ามึงแม่งนอนไม่หลับว่ะ ฮ่า ๆ ขอด่าหน่อยเถอะนะครับไอ้เพื่อนรัก” มันพูดพร้อมทำปากจุ๊บให้ผม

“ขนลุกสัส อี๋ อย่าทำอีกนะขอร้อง” ถึงมันจะหน้าตาดีก็เถอะครับ แต่ทำแบบนี้ผมก็แอบขนลุกไม่เบา ฮ่า ๆ

“รีบ ๆ แดกเถอะกูหิวชิบหาย อย่ามัวแต่เล่นโทรศัพท์”

“โอเค กูจะแดกละ อันไหนของมึงอันไหนของกูหนิ แยกให้หน่อย”

“อ่ะกูแยกไว้ให้ละ ของกูสไปซี่ ของมึงซอยการ์ลิค” ไอ้กันต์แยกไก่ให้ผม เป็นเพื่อนที่ดีจริง ๆ ถึงแม้จะปากหมาชอบด่าผมอยู่บ่อย ๆ แต่มันก็เป็นคนที่รู้จักผมดีในทุกเรื่องเลยโดยเฉพาะเรื่องกิน

เรานั่งสวาปามเจ้าสะโพกไก่ทอดเคลือบซอสจนเหลี้ยงแบบไม่เหลือซากใดใดให้เห็น ไม่ต้องบอกว่ามื้อนี้เราหิวกันมากขนาดไหน เป็นการจบวันด้วยอาหารดี ๆ มื้อหนึ่งก่อนที่ผมจะแยกย้ายกันกับไอ้กันต์ ผมก็เรียกแท็กซี่ที่หน้าห้าง ส่วนไอ้กันก็เดินกลับคอนโดของมหา’ลัยซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก มันบอกว่าอยากเดินย่อย และจะไปแวะซื้อของเข้าห้องที่โลตัสน้อย(มันพาผมเรียกยังงั้น แปลกดี) ซึ่งผมก็ไม่ขัดศรัทธามันที่อยากจะเดินกินลมชมวิวกลับคอนโด ส่วนผมขอนั่งรถสบาย ๆ กลับละกัน วันนี้อารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะลงทะเบียนเรียนติดทุกตัว เป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้ทุกประการ ชีวิตเรานี่มันดีจริง ๆ วันนี้

แต่จะดีไปได้อีกสักกี่น้ำก็ต้องคอยลุ้นกัน...

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อีกฟากหนึ่งของกรุงเทพฯ

ชายร่างสูงในเสื้อสีแดงเลือดหมูที่มีรูปเกียร์อยู่ตรงอกซ้าย และด้านหนังของเสื้อสกรีนคำว่า Faculty of Engineering บ่งบอกให้คนภายนอกรู้ว่าเจ้าของเสื้อนั้นเรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ “นันท์” นั่งพิงเก้าอี้ในห้องขนาดกลางบนคอนโดแห่งหนึ่งย่านสีลม มือข้างขวากำลังทายาลงบนแขนซ้ายที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการถูกคนแปลกหน้าที่วิ่งเล่นไม่ดูตาม้าตาเรือชนเข้าอย่างจังบนทางเดินริมถนนพญาไท ดีที่เขาไม่ได้เจ็บอะไรมาก และด้วยความที่ว่าเขามีผิวที่ค่อนข้างขาว เวลามีแผลหรือฟกช้ำก็จะสังเกตได้ง่าย แต่อีกฝ่ายก็ขอโทษขอโพยมาซะยกใหญ่ ทำให้เขาคลายความรู้สึกฉุนเฉียวในหัวไปได้บ้าง ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ใช่คนไร้ความรู้สึกขนาดที่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรเลย ขณะที่นั่งทำแผลอยู่ก็แอบบ่นในใจไปเรื่อยเปื่อย

‘แม่งกูก็เดินของกูอยู่ดี ๆ ก็วิ่งมาชนกูคว่ำเลย จะด่าก็เกรงใจคนที่เดินไปเดินมา’


 Line!


เสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้นมาจากโทรศัพท์ของเขาที่นอนสบายอยู่บนโต๊ะไม้อัด เขาหยิบมันขึ้นมาเช็กดูว่าใครส่งอะไรมา
เพื่อนในกลุ่มส่งข่าวมาบอกว่าผลลงทะเบียนเรียนประกาศแล้ว เขาไม่ได้รู้สึกรีบร้อนที่จะรู้อะไรมากมายนัก เขากดเข้า Reg กรอกรหัสนิสิต รหัสผ่าน และรหัสยืนยันตัวตนอย่างใจเย็น วันนี้อินเทอร์เน็ตดูจะเป็นใจมาก หน้าเว็บโหลดอย่างรวดเร็วหลังจากที่เขากดตกลงเพื่อทำการล็อกอินเข้าไปดูผลลงทะเบียน เขาจรดนิ้วหัวแม่มือลงไปที่เมนูผลลงทะเบียนเรียน

ตามที่เขาคาดไว้ วิชาที่ลงทะเบียนเรียนไว้ไม่เด้งสักตัว ทั้งวิชาภาคและวิชาศึกษาทั่วไป เทอมนี้เขาตั้งใจจะเก็บวิชาศึกษาทั่วไปในหมวดสหศึกษา ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหมวดที่เก็บ A ง่ายและเนื้อหาการเรียนไม่หนักหน่วงจนเกินไป ไอ้น้ำใจกับไอ้ภาคภูมิเพื่อนสนิทของเขาเป็นคนชวนลงวิชาหนึ่งที่ต้องไปเรียนที่คณะวิทยาศาสตร์ พวกมันบอกว่าได้ A ง่ายมาก งานไม่หนัก แถมมีโพยช้อสอบอีกต่างหาก นันท์ผู้ไม่ค่อยแยแสกับการเรียนนอกคณะมากจึงตกลงลงวิชานี้ไปพร้อมกับผองเพื่อนสนิทของเขา ซึ่งทั้งสามคนก็ลงทะเบียนวิชานี้ติดเหมือนกัน นันท์รู้สึกโชคดีอย่างบอกไม่ถูกที่จะได้ไม่ต้องไปเรียนต่างคณะอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายแบบเทอมที่ผ่านมา

‘เทอมนี้ต้องไปเรียนที่ตึกวิทยาตอนอังคารเช้าสินะ...ก็ไม่แย่ เพราะขี้เกียจอยู่คณะตัวเองไปทั้งอาทิตย์’
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-04-2024 20:28:18 โดย A Dark knight »

ออฟไลน์ A Dark knight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนที่ 3

ขอวาร์ป

หลังจากที่การรับน้องคณะและรับน้องของมหาวิทยาลัยจบลงไป นิสิตหน้าเก่าและหน้าใหม่ก็ต้องเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า ‘เปิดเทอม’ สำหรับนิสิตใหม่ก็คงเป็นความตื่นเต้นหนึ่งของชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยที่พวกเขาจะได้เริ่มบทใหม่ของชีวิต ส่วนนิสิตเก่านี่อย่าให้พูดถึงเลย แค่พูดว่าต้องกลับไปเรียนนี่ก็แทบจะหมดอารมณ์ใช้ชีวิตแล้ว

ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกันครับ เพราะเปิดมาวันจันทร์ก็เจอคาบเลคเชอร์ตั้งแต่ 8 โมงเช้าเลย แถมเจอแลปอีกต่างหาก จะบ้าตายรายวัน แต่ชีวิตวันแรกของการเรียนก็ยังไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นหรอกครับ เรื่อยเปื่อยมาก ๆ แถมผองเพื่อนในกลุ่มก็นะ สภาพมาเรียนวันแรกก็ดูไม่จืดเลยทีเดียว

เริ่มที่ไอ้กันต์ นั่งเรียนข้างผมทุกคาบแต่ไม่ทราบอะไรเฃย ธรรมชาติของไอ้เพื่อนคนนี้มักจะเป็นคนค่อนข้างสำอางในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ก็ว่าไม่ได้แหละเนอะ บ้านมันค่อนข้างมีฐานะ การใช้ชีวิตก็ย่อมแตกต่างจากเราเป็นธรรมดา วันนี้มันปล่อยผมตามธรรมชาติไม่ได้เซ็ตมาเหมือนตอนสมัยปี 1 ผมไอ้กันต์นี่ยาวตรงสวยเชียว สีดำแบบว่ารู้เลยว่าผ่านการดูแลมาอย่างดี ไม่ต้องเซ็ตก็ดูดี วันนี้แต่งตัวชิลมาก เข้าเรียนคาบแรกก็พับแขนเสื้อขึ้นเลยนะมึง ผิวแม่งจะขาวไปไหน ขาวแทบจะกลืนไปกับสีขาวของเสื้อนิสิต หน้าตาก็ดีเลยทีเดียว อิจฉาดั้งที่ขึ้นตรงเป็นสันเข้ากันกับหน้าเรียว ๆ ของมัน โคตรดูดี แต่ก็เป็นคนที่พูดมากชิบหาย พูดได้ไม่หยุดหย่อน เถียงกับผมยังกับจะซ้อมแข่งโต้วาทีมหา’ ลัย จะบ้าตายกับมัน

ถัดไปก็ไอ้คิม แม่งเอาแต่เล่นเกมเว้ยไอ้นี่ อยู่ห้องมันนะมีโน้ตบุ๊คเกมมิ่งเครื่องสีแดงสเปคแรงที่เหล่าเกมเมอร์ชอบใช้กัน ไหนจะเก้าอี้เกมเมอร์ตัวใหญ่ ๆ หูฟังอันเบ้อเริ่ม และอุปกรณ์เสริมอีกมากมาย ผมล่ะยอมใจความเป็นเกมเมอร์ของมันจริง ๆ กับการเรียนก็ให้มันได้อย่างงี้บ้างเถอะเพื่อนรัก วันนี้ก็สภาพเหมือนกับไม่ได้นอนมาทั้งคืน ผมเผ้ารุงรังไม่ไหวเลย ถึงผมมันจะคล้าย ๆ กับไอ้กันต์ แต่ก็ดันปล่อยให้มันโสโครกแบบนี้ ความจริงไอ้นี่มันก็ดูดีเอาเรื่องอยู่นะเพราะผิวมันเป็นสีแทนโคตรสวย ให้ฟีลคล้ายกับพวกนายแบบงี้ หน้าตาก็ดูดีสไตล์ไทย แต่ดันมีนิสัยปล่อยชิลกับชีวิตเกินไป

สุดท้ายก็ไอ้นี่เลย ไอ้โฟลท ผิวขาวใช้ได้เลย ดูนิ่ง ๆ หยิ่ง ๆ เหมือนไม่ค่อยจะอยากคุยกับใคร ซึ่งก็เป็นยังงั้นจริง ๆ มันไม่คุยกับใครเลยถ้าไม่จำเป็น ยกเว้นตอนที่อยู่กับชาวแก๊ง ก็จะมีพูดอยู่บ้าง

เราทั้งสี่คนตอนนี้นั่งตาลอยในห้องสโลปฟังเลคเชอร์จากท่านรองศาสตราจารย์ที่เปรียบเสมือนเทพมาจุติ พูดบ้าอะไรก็ไม่รู้ไม่เข้าสมองเลยตอนนี้ หรือมันเช้าเกินไปวะเราเลยเรียนไม่รู้เรื่อง

หลังจากที่พวกผมกัดฟันทนเรียนไปจนหมดวัน ถึงเวลาต้องไปผ่อนคลาย

“เห้ยมึง ไปโต๊ะไม้มั้ยเย็นนี้” ไอ้กันต์พูดขึ้นมา ตอนที่กำลังเดินออกจากลิฟต์ชั้น 1

“เอาดิ วันแรกของการเรียน ต้องฉลองหน่อย” คิมพูดเสริมขึ้นมา

“กูถามจริงนะ พวกมึงจะเล่นกันตั้งแต่วันแรกเลยรึไง” ผมตอบกลับไป เพราะร้านโต๊ะไม้เป็นร้านหลังมหา’ ลัย เป็นร้านอาหารอีสานยอดฮิตของนิสิตที่นี่เลยก็ว่าได้ เป็นร้านในคูหาทั่วไปนี่แหละ ชั้นแรกเปิดโล่ง ชั้นสองติดแอร์มีเบียร์ขายด้วย นิสิตจะชอบมากินข้าวและกินเบียร์กันที่นี่เพราะราคาเป็นมิตรมาก ไม่แพงเหมือนร้านอื่น

“ก็เออดิวะ อุตส่าห์อยู่จนครบแก๊ง ก็ต้องฉลองหน่อย” ไอ้กันต์พูดเสริมขึ้นมา

“โฟลทมึงจะไปมั้ยวะ” คิมถาม

“อืม ก็ไปแหละถ้าพวกมึงไป” โฟลทตอบ

“ไรว้า ตอบให้เต็มใจหน่อยสิครับเพื่อน” กันต์พูดด้วยน้ำเสียงกวนตีนพร้อมกันกระโดดกอดคอไอ้โฟลทจากด้านหลัง ด้วยความที่ไอ้กันต์มันสูงตั้ง 178 แต่ไอ้โฟลทสูงแค่ 172 ตอนนี้เลยดูเหมือนพี่น้องกำลังหยอกกันอยู่

“เออๆๆ ไป ๆ ๆ พอได้แล้วกูหนัก” โฟลทตอบพร้อมกับสะบัดไอ้กันต์ออกไป

“ดีมากเพื่อนรัก ต้องยังงี้สิ” ไอ้กันต์พูดพร้อมกับยกนิ้วโป้งสองนิ้ว ยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันขาวเรียงสวยทุกซี่ ท่าทางมันทะเล้นสุด ๆ น่าเตะชิบหายเลย

“ละมึงจะไม่ไปกับเพื่อน ๆ หน่อยหรอเตง” นั่นไง มันหันมาหาผมแล้ว

“โอ้ย ไปก็ได้ไม่ต้องเซ้าซี้” ผมตอบตัดรำคาญไป

“เยส แก๊งเราต้องยังงี้สิ!” ไอ้กันต์ดีใจกระโดดโลดเต้นอยู่คนเดียว เป็นเอามาแฮะไอ้นี่


หลังจากที่เดินเล่นพูดคุยกันที่ตึกคณะ ตอนนี้ก็ได้เวลากินข้าวพอดี ห้าโมงครึ่งเวลาดีแดดร่มลมตก พวกผมนั่งรถบัสของมหา’ ลัยไปลงที่หน้าธรรมสถาน เดินทะลุออกประตูหลัง ก็จะเจอห้าง จากนั้นก็เดินอ้อมไปทางหลังห้างก็จะเจอตึกแถวที่เต็มไปด้วยร้านอาหารอีสาน ร้านแรกเป็นร้านส้มตำโต๊ะแดงที่ไม่เคยจะมีโต๊ะว่าง มาทีไรก็คนเยอะตลอด ถัดมาก็จะเป็นร้านลาบ และร้านโต๊ะไม้เป้าหมายของเรา พวกผมยังอยู่ในชุดนิสิตกันอยู่เลยแต่ถอดเข็มขัดออกละ คนจะได้ไม่รู้ว่ามาจากไหน


ไอ้กันต์เดินนำขึ้นไปชั้นสองอย่างรวดเร็ว ทางขึ้นชั้นสองจะอยู่หลังร้าน ต้องเดินผ่านหน้าร้านขึ้นไปชั้นสองที่เป็นชั้นติดแอร์ พวกผมเดินขึ้นไปอย่างเรียบร้อยไร้ความวุ่นวาย พอไปถึงชั้นสองก็จะเจอประตูให้เปิดเข้าไป มองเข้าไปก็เจอเหล่านิสิตนั่งกันอยู่ประมาณสี่โต๊ะ ถือว่าเป็นจำนวนที่กำลังพอดีไม่เยอะจนเกินไปเพราะว่าร้านค่อนข้างแคบ ถ้าคนเยอะมากจะคุยกันไม่รู้เรื่อง


พวกผมได้โต๊ะทางซ้ายมือเกือบสุดริมหน้าต่าง ไอ้กันต์เลือกโต๊ะนี้เพราะมีปลั๊กไฟให้ชาร์จแบตและมีลำโพงให้เชื่อมเปิดเพลง ร้านนี้ค่อนข้างฟรีสไตล์ ใครใคร่เปิดเพลงฟังเองก็ตามสบาย นี่แหละคือสาเหตุที่นิสิตชอบมากินข้าวที่ร้านนี้กัน


พอได้โต๊ะแล้วพวกผมก็จับจองที่นั่งกัน พอหย่อนตูดนั่งลงก็ต่างคนต่างดูเมนูข้าวที่จะสั่งกัน ระหว่างที่ผมกำลังจะเอื้อมไปหยิบเมนูจากไอ้กันต์ที่อยู่หัวโต๊ะ สายตาผมพลันไปเจอคนคนนึงที่คุ้นหน้าคุ้นตาว่าเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน ไอ้ผู้ชายคนนั้นนั่งประจันหน้ากับผมเลยแค่อยู่โต๊ะถัดจากผมไปสองโต๊ะ

“เป็นไรวะนนท์ ขมวดคิ้วทำไม มองไรอยู่” ไอ้กันต์มันถามผมพร้อมกับเอี้ยวตัวหันไปมอง “อ้ออ ไอ้หน้าหล่อคนนั้นที่มึงชนเขาจนคว่ำเมื่อวันก่อน ๆ อะนะ”

“ไอ้สัส อย่ามาตอแหลแถวนี้” ผมสวนมันกลับไป

“อะไรวะ มึงไปก่อเรื่องอะไรมาอีกนนท์” ไอ้คิมที่นั่งข้างผม หันมาถามพร้อมหรี่ตาลงด้วยความสงสัย

“ไม่มีอะไรมึงงง แค่อุบัติเหตุนิดหน่อย”

“นิดหน่อยก็บ้าละ มึงชนเขาจนคว่ำเลย แถมทำเขาเจ็บอีกต่างหาก แย่ๆๆ” แหม ไอ้กันต์มันกำลังโกหกสมาชิกชาวแก๊ง แถมยกนิ้วโป้งคว่ำพร้อมกับส่ายหน้า กวนตีนชิบหาย ไอ้เวรเอ้ย

“มึงน่ะเวอร์ละ มึงต่างหากที่วิ่งไปชนเขาจนล้มคว่ำเลย ดีแค่ไหนเขาไม่กระทืบมึงซ้ำตรงนั้น”

“ไอ้สัส ก็มึงวิ่งไล่กูปะ กูก็ต้องหนี พอกูหนี กูก็ไม่ทันได้ระวัง ละกูก็ไปชนเขา ต้นเหตุก็คือมึงนั่นแหละ” นั่น! มันยังจะกวนตีนผมอีก ให้ตายเถอะ

“โอ้ย พวกมึงจะเถียงกันไปถึงไหน กูรำคาญ รีบสั่งข้าวมาแดกเถอะ หิวแล้ว” ไอ้โฟลทโพล่งขึ้นมาตัดบท

“เออ รีบสั่งข้าวเถอะ กูก็หิว” ไอ้คิมก็เสริมบทขึ้นมา เอาซะกูสองคนหน้าจ๋อยเลย

“พวกมึงจะกินไรกัน กูอยากกินคอหมูย่างว่ะ ขอมันๆ ฉ่ำๆ” ไอ้กันต์เปลี่ยนอารมณ์ไวเชียว

สุดท้ายพวกผมก็พากันสั่งข้าวชุดใหญ่ไฟกะพริบ ทั้งคอหมูย่าง น้ำตกหมู ลาบหมู ตำปูปลาร้า ไก่ย่างน้ำจิ้มแจ่ว หมูแดดเดียว และของงสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือเบียร์อีก 1 โปรประเดิมมื้อเย็น


แต่ลืมบอกไปอย่างนึง ในชาวแก๊งแต่ละคนนี่คอแข็งกันทั้งนั้น กันต์ คิม และโฟลท แต่ละคนไม่มีคำว่าถอย ตัดภาพมาที่ผมที่คออ่อนที่สุดในแก๊ง หมดไปโปรแรก (ซึ่งมีแค่ 4 ขวด) หน้าผมก็เริ่มแดงขึ้นมานิดนึงละ


“เห้ยนนท์ ขึ้นปีสองละมึงไม่ได้จะคอแข็งขึ้นเลยหรอวะ แดกแค่โปรเดียวหน้าแดงซะละ” ไอ้กันต์ทักผม ก็จริงของมันนะ ตอนผมอยู่ปีหนึ่ง แก๊งผมได้ไปงานเลี้ยงรับน้องที่จัดที่ร้านเหล้าแถวราชเทวี ไม่อยากจะบอกเลยว่าผมเมาตั้งแต่เบียร์สองแก้วแรกตอนสองทุ่มครึ่ง ผมคอพับแอ๋ยาวเลยคืนนั้น จนไอ้กันต์ต้องได้พาผมไปค้างที่ห้องมัน แถมผมอ้วกแตกใส่เตียงมันด้วย โดนมันงอนไปทั้งอาทิตย์เพราะมันต้องซักผ้าปูเตียงและทำความสะอาดฟูกใหม่หมด

“สงสัยคืนนี้ต้องมีคนแบกกลับซะละมั้ง” ไอ้กันต์มันเยอะเย้ยผม

“อย่าพึ่งเมาดิวะเพื่อน ตอนนี้แค่สองทุ่มเอง เบียร์ก็พึ่งหมดไปโปรเดียว ชิล ๆ ป้ะแค่นี้” ไอ้คิมเสริมบทขึ้นมา

“ยังไม่เมาเว้ยพวกมึงก็ กูแค่หน้าแดงเฉยๆ จัดโปรต่อไปมาเลยให้ไว” ผมสั่งพวกมันไป ที่จริงก็แอบมึนนิด ๆ แต่ก็ยังไหว

“พี่เขาเรียกร้องขนาดนี้ก็ต้องจัดปะวะ” ไอ้กันต์นี่ก็ขยันสร้างบรรยากาศเหลือเกิ๊น “พี่ครับ ขอเบียร์เพิ่มอีก 2 โปร เติมน้ำแข็งด้วยครับ”

“เห้ยกันต์ สั่งเอ็นข้อไก่ทอดกับเฟรนช์ฟรายส์ให้กูด้วย อยากได้อะไรมากินเป็นกับแกล้ม” ผมบอกให้ไอ้กันต์สั่งเพิ่ม

“ได้ ๆ งั้นพี่ครับขอเอ็นไก่ทอดเพิ่มที่นึง ละก็เฟรนช์ฟรายส์ที่นึงครับ”


ระหว่างที่รอของทอดมาเสิร์ฟ พนักงานในร้านก็เอาเบียร์ 2 โปรมาวางไว้ให้ โห และแน่นอนว่าไอ้สามตัวที่เหลือนี่แย่งกันเชื่อมลำโพงบลูทูธของทางร้านเพื่อที่จะได้เปิดเพลงของตัวเอง งานนี้ใครดีใครได้ครับ และก็เป็นไอ้โฟลทที่เชื่อมได้ก่อน คนทั้งชั้นก็ต้องทนฟังเพลงในเพลย์ลิสต์ Spotify ของมันไป ซึ่งเอาจริงก็ไม่ได้แย่นักหรอก ไอ้โฟลทเป็นคนที่ชอบฟังเพลงป๊อปตะวันตก ไม่ก็พวกแร็ป บรรยากาศก็เลยได้ฟีลเหมือนอยู่ในผับเล็ก ๆ


ตัวผม ณ ตอนนี้รู้ตัวอีกทีก็คือยกเบียร์หมดไปหลายแก้วมาก เบียร์ 2 โปรที่สั่งมาหมดไปไวราวกับเททิ้ง ไอ้พวกเพื่อนเวรสั่งมาเพิ่มอีกโปร โสตประสาทของผมกำลังทำงานอย่างหนักในการประมวลผลกับสิ่งรอบข้าง ด้วยฤทธิ์ของเบียร์และเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มไปทั้งร้านทำให้ผมเริ่มฟังไอ้พวกเพื่อนรักคุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่องสักเท่าไหร่ละ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้ตัวว่ากำลังทำอยู่ก็คือการจ้องมองไปข้างหน้า เหมือนกับมีมนต์สะกดหรืออะไรก็ไม่รู้ดลใจให้ผมมองไปทางนั้น ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องไปสนใจไอ้วิศวะหน้าหล่อคนนั้นนักนะ เจอกันครั้งแรกก็ก่อเรื่องให้เขาเลย แต่มองไปมองมาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันดูดีเหลือเกิน ผมสีดำเข้ม โครงหน้าที่โค้งเรียวได้สัดส่วนที่ผสานเข้ากับแสงไฟวอร์มไลท์ทำให้เขาดูน่าหลงใหลราวกับอยู่ในฝัน หรือผมเมาแล้วก็เลยมองเขาได้แบบเต็มตา ไม่ต้องแอบมองเหมือนตอนยังไม่เมา

“มึงจ้องเขาขนาดนั้น มึงไม่ไปนั่งกับเขาเลยล่ะ” นั่นไง ไอ้กันต์ก็ทำหน้าที่ของมันได้ไม่บกพร่องเลยจริง ๆ

“ไอ้สัส ก็นิด ๆ หน่อย ๆ เองปะวะ”

“ไอ้นั่นมันก็หล่อใช้ได้อยู่นะ มึงไม่สนจะไปขอวาร์ปเขาหรอเพื่อนรัก” เพื่อนรักตัวขาวหน้าหล่อผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเสนอขึ้นมา พอเริ่มกรึ่มนี่ก็ไปเรื่อยนะมึง

“มึงจะบ้าหรอ ไม่ได้รู้จักเขาเลย จะไปทำยังงั้นได้ไง”

“มึงนี่ก็แปลกคน ถ้ารู้จักกันจะขอวาร์ปไปทำไมวะ” เออเนอะ ผมก็ลืมคิดไป

“เอางี้ เดี๋ยวหลังร้านปิดนะ มึงก็ค่อยไปขอไอจีเขาก็ได้” เพื่อนคิมเสนอ

“เอาดิ เดี๋ยวกูรอดูต้นทางให้เผื่อมึงโดนกระทืบ จะได้หนีทัน” ไอ้เวรกันต์นี่กวนตีนได้ทุกช่วงเวลาชีวิตเลยจริง ๆ มึง

“กูเห็นด้วย” อ้าวไอ้โฟลทก็เอากับเขาด้วย

“ไอ้สัส เดี๋ยวกูทุบให้ ไหนความเป็นห่วงเพื่อน” ผมสวนกลับไป


หลังจากนั้นโต๊ะเราก็มีแต่เสียงหัวเราะดังลั่น เบียร์ที่สั่งมานั้นถูกรินลงแก้วแล้วแก้วเล่า จนตอนนี้เวลาจวนจะห้าทุ่มแล้ว แต่ละคนก็เริ่มจะคล้อยไปตามเสียงเพลง แสงไฟ และบรรยากาศครื้นเครงบนชั้นสองที่รวบรวมเหล่านิสิตสายดื่มไว้ด้วยกัน ไม่ว่าโต๊ะไหนก็มีแต่เสียงฟัวเราะ เสียงพูดคุยจอแจ ไหนจะความวุ่นวายที่เพิ่มมากขึ้นถ้าโต๊ะนั้นมีแต่เหล่าชายโฉด แน่นอนว่ามันก็คือโต๊ะของหนุ่มวิศวะที่อยู่ข้างหน้านั่นแหละ


ไม่รู้ว่าทำไมเวลามันถึงผ่านไปเร็วเหลือเกิน ผมกระดกเบียร์ไปเยอะมาก ๆ จนต้องลุกไปห้องน้ำหลายรอบเลย ห้องน้ำของร้านจะอยู่ที่ชั้น 1 ซึ่งต้องเดินลงบันไดไป ผมขอตัวลุกไปห้องน้ำเพราะอั้นไว้สักพักนึงแล้ว ตอนเดินลงบันไดไปก็พยายามตั้งสติประคับประคองตัวเองไม่ให้สะดุดบันได ไม่งั้นต้องได้เข้าโรงพยาบาลตั้งแต่ต้นเทอมแน่ ๆ ผมประคองตัวเองมาถึงหน้าห้องน้ำได้สำเร็จแต่แม่เจ้าโว้ย มีคนเข้าห้องน้ำอยู่ ผมเลยต้องยืนหนีบขารอเขาออกมา ฉี่จะแตกอยู่แล้ว รีบออกมาเร็ว ๆ สิวะ


แกร็ก...


เยส! ในที่สุดก็มีคนออกมาแล้ว แต่คนที่ออกมานี่รู้สึกหน้าคุ้น ๆ จังแฮะ ด้วยส่วนสูงและความออร่านี้


ใช่เลย เทพบุตรวิศวะคนนั้นที่ผมแอบส่องอยู่ตั้งแต่หัวค่ำ เขาเดินผ่านผมไปทางบันไดขึ้นชั้นสอง กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ชวนให้ผมจินตนาการถึงความละมุนของบุคลิกของเขา พอได้เห็นใกล้ ๆ แล้วยิ่งรู้สึกใจเต้นรัว คงกินมาเยอะแหละถึงได้หน้าแดงไม่ต่างจากผมเลย พอหน้าแดงแบบนี้ก็ดูมีเสน่ห์เหมือนกันนะ


แต่ตอนนี้ต้องหยุดจินตนาการก่อนเพราะฉี่จะราดอยู่แล้ว


หลังจากเสร็จกิจ ผมก็กลับขึ้นไปที่โต๊ะ ถึงจะฉี่ออกไปแล้วแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกสร่างขึ้นมาแม้แต่น้อย ผมยังคงรู้สึกมึนหัวเหมือนเดิม หน้าผมก็ยังคงแดงระเรื่อเหมือนคนเป็นไข้ยังไงชอบกล พอมองไปที่สมาชิกชาวแก๊งแต่ละคนก็ไม่ได้ต่างจากผมเลย ไอ้กันต์นั่งคุยกันกับไอ้คิมอย่างออกรสชาติ ไม่รู้มันจะมีอะไรมาคุยได้สนุกขนาดนี้ ส่วนไอ้โฟลทก็นั่งนิ่งก้มหน้าเอานิ้วเคาะโต๊ะตามจังหวะเพลง ไอ้นี่พอเมาได้ที่แล้วจะชอบอยู่นิ่ง ๆ กับโลกส่วนตัวของมัน เพราะอะไรน่ะหรอ มันเมาแล้วมันพูดไม่รู้เรื่องยังไงล่ะ อย่าให้ได้พูดออกมาเชียว ถามว่าชื่ออะไรก็จะได้คำตอบว่าบ้านอยู่เชียงใหม่ ถามว่าจะกลับยังไงก็จะได้คำตอบว่าขึ้นเครื่องกลับ ดังนั้นให้มันอยู่ของมันไปยังงั้นแหละดีแล้ว


ตอนนี้เวลาตีหนึ่งครึ่งได้เวลาเก็บเงิน ราคาก็ไม่จุกมากเท่าไหร่ นับได้ว่าคุ้มค่ากับการได้มาสังสรรค์แบบเต็มอิ่มคืนนี้ ไอ้กันต์จัดการเรื่องบิลไป ต่อด้วยสมาชิกที่ต้องลากสังขารอันปวกเปียกนี้ลงไปยังด้านล่างเพราะทางร้านเขาเชิญ (ไล่) ลงไปแล้ว


ไอ้โต๊ะวิศวะที่อยู่ตรงหน้าผมกำลังทยอยกันออกจากชั้นสองไปยังด้านล่าง ทำไมเวลาแห่งความสุขมันถึงผ่านไปเร็วจังนะ ใจจริงก็อยากจะไปขอวาร์ปจากไอ้วิศวะหน้าหล่อคนนั้น แต่ใจเจ้ากรรมนี่ก็ไม่กล้าพอแม้แต่จะเดินฉายเดี่ยวไปหาเขาด้วยซ้ำ ก็ยอมรับแหละว่าเรามันกาก...


“เห้ยนนท์ ไอ้หน้าหล่อนั่นมันกำลังเดินลงไปข้างล่าง มึงไม่คิดจะตามไปขอวาร์ปเขาหน่อยหรอ” ไอ้กันต์ถามผม

“อืม ไม่กล้าว่ะมึงบอกตามตรง กูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะเป็นเหมือนกูมั้ย จะโอเครึเปล่าที่อยู่ดี ๆ จะมีผู้ชายมาขอไอจี”

“โอ้ย มึงนี่นะ แม่งกากเดนสัส” ไอ้คิมด่าผม

“เอางี้ เราเดินลงไปข้างล่างก่อนละกัน” ไอ้กันต์เสนอ พร้อมกับเดินนำหน้าไปยังบันไดทางลงไปชั้น 1 และตอนนี้ทุกคนพากันเดินลงบันไดไปเพราะพนักงานได้เริ่มเก็บโต๊ะและเก้าอี้ และเริ่มเปิดไฟนีออนสีขาวซึ่งเป็นสัญญาณของการไล่ที่พวกขี้เมาบนชั้นสองให้ลงไปด้านล่างให้หมด


ทุกคนที่ออกจากร้านโต๊ะไม้ตอนนี้มายืนออกกันหน้าร้านซึ่งอยู่ติดกับสวนสาธาณะ บ้างก็นั่งหน้าคว่ำเพราะเมา บ้างก็ยืนคีบบุหรื่พ่นควันฟุ้งไปกับอากาศเย็นยามดึก บางก็ยืนคุยกันเสียงดังไปถึงอีกซอย ส่วนพวกผมนั้นเป็นประเภทพิเศษที่ยืนมองหน้ากันแบบงง ๆ ว่ามึงจะเอายังไงต่อกับชีวิตหลังจากนี้


“ไอ้แก๊งหน้าหล่อนั่นยืนอยู่ทางนั้น” ไอ้คิมพูดพร้อมหันหน้าไปทางแก๊งนั้น

“มึงจะเอาไงต่อไอ้นนท์ ลุยเลยมั้ย” ไอ้คิมที่ดูเหมือนจะสร่างแล้วพูดขึ้นมา

“มึงพูดเหมือนจะไปตีกันกับเขาเลยไอ้สัส”

“จะทำอะไรก็รีบทำ กูง่วงแล้ว” ไอ้โฟลทเริ่มจะงอแงแล้ว พร้อมทำสีหน้าเหมือนเด็กประถมที่งอแงอยากให้พ่อแม่พากลับบ้าน

“กูไม่กล้าไปขอวาร์ปเขาว่ะบอกตามตรง”

“งั้นเอางี้ เอาโทรศัพท์มึงมา เดี๋ยวกูไปขอให้” พูดไม่ทันจบประโยคดี มันก็ล้วงเอาโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงด้านซ้ายของผมไป ไอ้กันต์นี่รู้ดีนะว่าผมชอบเก็บโทรศัพท์ไว้กระเป๋าทางซ้าย ล้วงซะเสียวเลย


ไอ้กันต์มันรู้รหัสโทรศัพท์ผมน่ะครับมันเลยไม่ต้องถามอะไรมาก พอมันเดินไปถึง มันก็ทำตามสเต็ป ไปคุยอะไรกันก็ไม่รู้ซุบซิบ ๆ ละมันก็ชี้มาทางผม ผมนี่หลบหน้าแทบไม่ทันเลย ตอนนี้รู้สึกว่าเลือดในร่างกายกำลังสูบฉีดอย่างรุนแรง หัวใจเต้นรัว ๆ นี่ขนาดว่าตัวเองไม่ได้ไปขอเองยังตื่นเต้นขนาดนี้ ถ้าได้ไปขอเองผมคงสลบคาที่


ดูเหมือนเหตุการณ์จะไปได้สวย (รึเปล่า) เพราะไอ้กันต์เดินกลับมาอย่างชิล ไอ้แก๊งนั่นก็ดูเหมือนจะหยอกล้อกับไอ้สุดหล่อคนนั้น อารมณ์ว่าแบบ ‘เห้ยมึง มีผู้ชายมาขอวาร์ปมึงว่ะ’ อะไรประมาณนี้


ไอ้กันต์ยื่นโทรศัพท์คืนให้ผม ทันทีที่ได้โทรศัพท์คืนผมก็รีบปลดล็อกแล้วดูว่าสิ่งที่ได้มาคืออะไร


กดเข้าไอจีก็แล้ว เฟซบุ๊กก็แล้ว ไลน์ก็แล้ว.... ไม่มีอะไรเลย ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าที่กันต์มันไปคุยกับพวกนั้นเป็นตุเป็นตะคือหมายความว่ายังไง


“เห้ยกันต์ ไม่เห็นมีอะไรเลยวะ”

“มึงดูดี ๆ สิ เช็คดูแอปที่เปิดค้างไว้ในมือถือมึงให้ดี ๆ”


ไอ้กันต์พูดเสร็จผมยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ มือก็ลากแถบขึ้นมาดูว่ามีแอปไหนที่เปิดค้างไว้บ้าง ตาคู่นี้ที่มีแว่นสายตาคอยช่วยโฟกัสกับสิ่งตรงหน้าเหลือบไปเห็นแอปโน้ตของโทรศัพท์ที่เปิดค้างไว้ ผมคลิกเข้าไปดูเพื่อความแน่ใจ ปรากฏว่ามันมีโน้ตอันใหม่ที่พึ่งจะถูกสร้างขึ้นมา ผมจำได้ว่าอันล่าสุดคือผมจดหนี้ที่ติดชาวแก๊งและเพื่อน ๆ ในภาคไว้ แต่คราวนี้โน๊ตล่าสุดดันไม่ใช่รายการหนี้นี่สิ ผมไม่รอช้าคลิกเข้าไปดูว่ามันเขียนว่าอะไร


อยากได้วาร์ปหรอ ก็มาขอเองสิ :X

นันท์



หืม... ผมอ่านเสร็จก็มองขึ้นไปมองหน้าไอ้กันต์ ภาพโคตรจะเบลอเลยตอนนี้เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์มันพุ่งพล่านไปทั้งตัว มันสบตาผมพร้อมยิ้มมุมปากแล้วก็มองขึ้นท้องฟ้าอารมณ์แบบว่าไม่รู้ไม่ชี้


สรุปคือยังไง ผมต้องไปขอเองงั้นหรอ?

หรืออะไร ยังไง?

งงโว้ย ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว



***



อีกฟากหนึ่งของกรุงเทพฯ


ชายร่างสูงกำลังเช็ดผมอยู่หน้ากระจกในห้องคอนโดแถวมหา’ ลัยหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เขาไม่ถึงกับเมามากเพราะคอแข็งอยู่พอตัว จะเบียร์กี่ลังก็จัดมาเถอะ ขอแค่ชวน

เมื่อตอนออกจากร้านโต๊ะไม้ อยู่ดี ๆ ก็มีหนุ่มหน้าตี๋คนหนึ่งเดินดุ่ม ๆ เข้ามาหาและไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมาก มันบอกว่าเพื่อนมันที่หัวฟู ๆ ที่ยืนอยู่นั้นอยากได้วาร์ปไอจี ขอหน่อยได้ไหม เพื่อน ๆ ในกลุ่มนี่ก็แซวกันใหญ่เลยเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาผู้ชายโดนด้วยกันเองขอวาร์ป เขาไปกินเหล้าบ่อยและโดนขอวาร์ปมานับครั้งไม่ถ้วนจากทุกเพศและทุกวัย

แต่ก็แอบสงสัยว่าถ้าอยากได้ทำไมไม่มาขอเอง

การจะฝากเพื่อนมาขอเนี่ยมันก็ใจเสาะไปหน่อยมั้ง ทันทีที่รู้ว่าไอ้หน้าตี๋นี่มันมาในนามของเพื่อนมัน ก็ขอแกล้งสักหน่อยเถอะ เขาถือวิสาสะเปิดแอปโน๊ตในโทรศัพท์ของเขา กดฟังก์ชั่นสร้าง พิมพ์ข้อความลงไปในโน๊ต และก็คืนให้ไอ้หน้าตี๋ไป


ผมกระโดดขึ้นบนเตียงขนาดคิงไซส์ในชุดนอนลายทางพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเข้าไอจี กดที่รูปแว่นขยาย แล้วพิมพ์ชื่อไอจี


Nonnonnon



ซึ่งเป็นไอจีที่ผมแอบเข้าดูจากในโทรศัพท์เครื่องนั้นที่ไอ้หน้าตี๋ยื่นให้ตอนอยู่ที่ร้านเหล้า


ผมรู้ดีว่าการกระทำแบบนี้ถือว่าเสียมารยาทเอามาก ๆ แต่ก็นะ ขอโทษทีละกัน มันทำไปแล้ว


ทันทีที่กดค้นหา ก็มีผลลัพธ์ขึ้นมาตรงกับชื่อที่เขาใส่ลงไป นิ้วมือเรียวจิ้มไปที่แอคเคาท์แรกที่ชื่อตรงกับที่ค้นหา โปรไฟล์ของเป้าหมายนั้นถูกตั้งเป็น private แต่ก็พอมองเห็นรูปโปรไฟล์เล็ก ๆ และมีรายละเอียดเบื้องต้นระบุไว้ในไบโอ


NON Nonrawit S. 1999

XXX University / Sci



‘นนท์รวิศ วิทยางั้นหรอ น่าสนใจดี หลังจากนี้หวังว่าจะได้เจอกันอีก’
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-04-2024 11:02:10 โดย A Dark knight »

ออฟไลน์ A Dark knight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนที่ 4

ได้วาร์ป
(50%)


ดีที่ว่าเมื่อคืนผมไม่ได้เมาจนสติหลุดไปพร้อมกับควันบุหรี่ของแก๊งข้าง ๆ ผมเลยสามารถลากร่างที่สติสัมปชัญญะไม่ครบองค์ขึ้นแกรบมาถึงที่หอได้อย่างปลอดภัย

พอมาถึงห้องผมก็กระโดดขึ้นเตียงก่อนเป็นอันดับแรก หยิบโทรศัพท์ขึ้นส่งข้อความลงในกลุ่มว่าถึงห้องอย่างปลอดภัยไม่ได้โดนฉุดไปไหน จากนั้นนิ้วก็จิ้มไปดูโน๊ตที่มีชายหน้าหล่อนามว่านันท์สร้างขึ้นไว้พร้อมกับข้อความที่บอกตามตรงว่าค่อนข้างจะกวนตีนและขี้เล่นไม่ใช่น้อย


อยากได้วาร์ปหรอ ก็มาขอเองสิ :X


แล้วไอ้สัญลักษณ์ :X นี่มันหมายความว่ายังไงกันวะ สมัยนี้ใครเขาใช้อะไรแบบนี้กัน เขาพากันใช้อีโมจิกันหมดแล้ว

ผมสลัดความคิดในหัวทิ้งไปพร้อมกับเสื้อผ้าที่ห่อหุ้มร่างกายที่โดนฤทธิ์แอลกอฮอล์ครองไปกว่า 80% ผมรวบรวมสติในการเอาเสื้อผ้าไปไว้ที่ตะกร้าซักผ้า พร้อมกับหยิบผ้าเช็ดตัวและตรงดิ่งไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระล้างความสกปรกและความมึนงงในหัวออกไป

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ความมึนเมาก็ไม่ได้จะหายไปเลย แถมหัวยังหนักอึ้งเหมือนเดิม ผมเช็ดหัวแบบรวดเร็ว จากนั้นก็ทิ้งร่างกายลงบนเตียงเสียงดังตุ้บ ผมที่ยังชื้นไม่แห้งดีปะทะกับความเย็นจากเครื่องปรับอากาศยิ่งทำให้ง่วงมากขึ้น (ไม่แนะนำให้ทำตามนะครับเดี๋ยวจะเป็นหวัดเอาได้)

หัวของผมตอนนี้มึนเสียจนนึกว่านอนอยู่บนรถไฟเหาะ ความรู้สึกตอนที่เมาแล้วนอนลงบนเตียงนั้นเหมือนโลกทั้งใบกำลังหมุนเป็นเครื่องซักผ้า แต่แปลกที่ว่าต่อให้มึนหัวมากแค่ไหน...ภาพของเจ้านั่น รอยยิ้มบาง ๆ แต่แฝงไปด้วยความร้ายกาจดันปรากฏในห้วงของความคิดและจินตนาการชัดมากขึ้นกว่าเดิม ผสมกับความรู้สึกแปลก ๆ ที่เหมือนมีผีเสื้อร้อยตัวมาบินอยู่ในท้อง และหัวใจที่สูบฉีดอย่างแรง

สงสัยจะเมามากจริง ๆ เรา



***



เป็นเช้าวันอังคารที่ (ไม่ค่อยจะ) สดใสสักเท่าไรนัก ชาวแก๊งแต่ละคนเหมือนจะยังไม่สร่างกัน ถือว่ายังดีที่สามารถมาเจอกันที่มหา’ ลัยตอนเช้าเพื่อนกินข้าวที่โรงอาหารตรงข้ามกับอาคารเรียนสูงชะลูด ทุกคนพร้อมใจกันสั่งก๋วยเตี๋ยวมากินเพราะเมนูน้ำน่ะช่วยบรรเทาอาการแฮงค์ได้ดีเยี่ยมเลยล่ะทุกคน ผมรับประกัน

ผมนั่งอยู่ตรงข้ามกับกันต์ที่หน้าตาดูดีและโทรมน้อยที่สุดแล้วในแก๊งตอนนี้ ข้าง ๆ ผมก็คือไอ้โฟลทที่ขอบตาดำปานหมีแพนด้าเมืองเฉิงตู และไอ้คิมก็นั่งม้วนเส้นก๋วยเตี๋ยวต้มยำชามยักษ์แบบเงียบ ๆ

“สงสัยจะได้นอนยาว ๆ สามชั่วโมงว่ะ ได้เรียนห้องสโลปใหญ่ เราต้องไปจองที่หลังห้องละแอบงีบ” ไอ้กันต์เสนอไอเดียขึ้นมา

“ก็ดี อย่างน้อยก็พอได้มีเวลาหายใจหายคอ คาบเช้าแม่งเจอเลคเชอร์ยาวเลยไอ้สัส กูเกือบอ้วกแตก” โฟลทเป็นฝ่ายบ่นบ้าง

“พวกมึงรีบแดกให้เสร็จ เดี๋ยวจะได้รีบขึ้นไปจองที่ นอนตากแอร์สบาย ๆ” ผมเร่งพวกมัน


หลังจากที่ทุกคนกินเสร็จ พวกผมก็เดินไปแวะร้านสหกรณ์ของมหา’ ลัยที่ตั้งอยู่ใต้ตึกโรงอาหาร มีขนมขบเคี้ยว มีเครป มีของกินขายครบทุกอย่าง ซื้อไปตุนไว้ตอนเรียนก็ดีเผื่อหิว


“มึงจะเอาไรเพิ่มมั้ยโฟลท คิม” ผมถามสองคนนั้นที่เดินตามหลังผมมา สภาพทั้งสองคนคือเหมือนหลับในจริง ๆ ยืนอยู่แต่นิ่งมาก ตามองตรงดิ่งไร้จุดหมาย ซึ่งยังดีที่ไม่เดินชนใครเข้า

“ไม่เอา ๆ มึงซื้อของมึงไปเลย” ไอ้คิมตอบกลับมา

“กูก็ไม่เอา” ตามด้วยเสียงไอ้โฟลท

“อะตามใจพวกมึงละกัน อย่ามาแย่งกูกินละกัน” ผมบ่นพวกมันไปเพราะเจ้าสองคนนี้ชอบแย่งขนมผมกินประจำ


ส่วนไอ้กันต์นั้นกำลังเลือกขนมอย่างตั้งอกตั้งใจ มือข้างนึงถือขนมมันฝรั่งทอดรสเผ็ดหนึ่งซอง อีกมือก็ถือเม็ดแตงโมงกับเมล็ดทานตะวันอย่างละซอง แถมนิ้วก็หิ้วชาเขียวรสน้ำผึ้งมะนาวมาอีกขวด

“มึงจะเอาไปขายให้เพื่อนในห้องหรอกันต์เอามาซะเต็มมือเลย” ผมหยอกมัน

“เรียนตั้งสามชั่วโมงเลยนะมึง เอาไปเผื่อหิวไง”

“มึงแดกข้าวไม่อิ่มหรอวะเอาไปเยอะขนาดนี้”

“อิ่มดิ อันนี้มันของขบเคี้ยว มันแยกกระเพาะกันเว้ย”

“อะไรของมึง มึงมีสี่กระเพาะรึไง”

“เปล่า กระเพาะอะมีอันเดียว แต่หัวใจน่ะมีสี่ห้องแถมว่างหมดเลยน้า”

“กูจะอ้วกไอ้เหี้ย ขนลุก”

“เห้ยมึง นั่นแก๊งไอ้วิศวะเมื่อวานที่กูไปขอวาร์ปให้มึงนี่นา” ไอ้กันต์ชี้ไปยังทางขึ้นตึกเรียน ผมมองไปก็เห็นแก๊งของไอ้วิศวะหน้าหล่อคนนั้นครบทีมเหมือนที่เจอเมื่อคืนเลย ไอ้หน้าหล่อนั่นออร่าเปล่งประกายมาก มองไปปราดเดียวก็คือเห็นมันเป็นคนแรกเลย ใจกูละลายไปกับรอยแตกบนพื้นฟุตบาธแล้ว

“เออว่ะ อย่าบอกนะว่าพวกมันมีเรียนที่คณะเรา”

“ไม่แน่นะมึง มันอาจจะได้เรียนวิชาเดียวกันกับเราก็ได้ ใครจะไปรู้” ไอ้กันต์พูดพร้อมหรี่ตามองทางผมอย่างมีเลศนัย

“อะไรของมึง มองกูทำไม”

“เปล๊า ก็เผื่อเพื่อนกูจะโชคดีได้เรียนวิชาเดียวกันกับสุดหล่อในดวงใจไรงี้” ไอ้กันต์พูดเสริมอย่างกวนส้นตีนมาก “เออว่าแต่เมื่อคืนที่กูไปขอวาร์ปมาให้ ไหนขอดูหน่อย กูเมาจนไม่ทันได้ถามเลยเมื่อคืน”

“ไม่ได้อะไรเลยว่ะ”

“หา! จะไม่ได้ได้ยังไง มันยังพิมพ์ยิก ๆ ต่อหน้ากูเนี่ยตอนกูไปขอมาให้ มึงเมาละหลงไปลบรึเปล่า”

“มันไม่มีอะไรตั้งแต่แรกมึง อะนี่เดี๋ยวกูเปิดให้ดู” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมเปิดแอปโน๊ตที่ไอ้หน้าหล่อนั้นทิ้งข้อความเอาไว้

“เชี่ยยย จริงหรอวะเนี่ย แม่งร้ายชิบหายไอ้นี่”

“เออ ร้ายจริง”

“สงสัยมึงต้องจัดการเองแล้วล่ะทีนี้ อิอิ” ไอ้กันต์ทำหน้ากวนตีนแล้วก็หันไปจ่ายตังค์ที่เคาท์เตอร์ จากนั้นเราทั้งสองก็เดินไปหาคิมกับโฟลทที่ยืนรออยู่ไม่ไกล และเราก็ไม่ได้คุยเรื่องไอ้หน้าหล่อนั่นอีก


เราสี่คนเดินมารอลิฟต์ที่ตึกเรียน ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาเรียนแล้ว นิสิตเริ่มทยอยมารอลิฟต์ที่มีอยู่น้อยนิดเมื่อเทียบกับจำนวนของนิสิตที่ต้องการใช้งานในแต่ละวัน ลิฟต์ที่นี่จะแบ่งเป็นชั้นคู่กับชั้นคี่ ห้องของวิชาที่เราจะเรียนนั้นอยู่ชั้น 5 ดังนั้นเราก็ต้องขึ้นลิฟต์ชั้นคี่ ซึ่งมีนิสิตต่อแถวยาวยิ่งว่ารอซื้อคริสปีครีมตอนลดราคาซะอีก เดาได้เลยว่านิสิตเหล่านี้กำลังมุ่งหน้าไปยังห้องเรียนเดียวกันเพราะว่าวิชานี้รับนิสิตเยอะมาก รับประมาณ 200 คนทีเดียว และตอนนี้ก็ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว นิสิตก็เลยมาออกันที่หน้าลิฟต์กันอย่างล้นหลาม

พวกผมโชคดีที่สามารถแทรกไปอยู่ตรงกลาง ๆ แถวได้ รอคิวแปบเดียวก็ได้ขึ้นลิฟต์แล้ว ลิฟต์ของตึกนี้เร็วมากเลยนะขอบอก ขึ้นลงเร็วยังกับวาร์ปได้ พวกผมยัดร่างทั้ง 4 เข้าไปในลิฟต์พร้อมกับนิสิตหญิงอีก 3 คน และเป็นไปอย่างที่เดาไว้ไม่ผิด ทุกคนมุ่งหน้าไปยังชั้น 5 และผมก็มั่นใจมากว่านิสิตทั้ง 3 คนนี้กำลังไปห้องเลคเชอร์เดียวกันกับผมแน่ ๆ เพราะดูจากการแต่งตัวแล้วไม่น่าจะใช่นิสิตคณะวิทยาศาสตร์เจ้าถิ่นตึกนี้ ดูจากการแต่งตัวที่ใส่กระโปรงพลีทสีดำยาวเกือบจรดข้อเท้า และรองเท้าผ้าใบสีขาวจั๊วะ น่าจะมาจากนิเทศแน่นอนชัวร์ป้าบ


ติ๊ง!


พอลิฟต์เปิดออกพวกผมก็เดินออกไปยังห้องเรียนอย่างรวดเร็วเพื่อจองที่ด้านหลัง ห้องเรียนของพวกผมคือหมายเลข 504 ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากลิฟต์มาก พอเห็นห้องเลคเชอร์ด้านหน้าที่มีหมายเลข 504 ติดอยู่ข้างบนผมก็เดินนำหน้าผลักประตูเข้าไป ทันทีที่ประตูเปิดออก ลมแอร์ในห้องก็ตีหน้าผมเข้าอย่างจัง ห้องเลคเชอร์ห้องนี้เปิดแอร์เย็นยิ่งกว่าห้องแช่ผักของตลาดไทอีก ขนาดผมใส่ชุดนิสิตแขนยาวมายังต้านความเย็นของแอร์ไม่ไหว พอเข้าห้องมาแล้วผมก็เริ่มปฏิบัติการสอดส่องหาที่นั่งในโซนหลังห้องเลคเชอร์ ผมกวาดตามองตั้งแต่มุมซ้ายไปจนสุดอีกมุมหนึ่งของห้อง ผมเห็นมุมตรงขวามือที่ยังไม่มีใครไปจับจอง ผมชี้ไปทางนั้นพร้อมบอกพรรคพวกให้รีบไปตรงนั้นอย่างรวดเร็ว พอมาถึงพวกผมก็หย่อนตูดลงอย่างสบายอกสบายใจ


ต้องบอกก่อนว่าห้องเลคเชอร์นี้จะมีลักษณะเป็นห้องที่ไล่ระดับจากต่ำไปสูง มีเวทีข้างหน้าห้องให้อาจารย์ยืนสอนที่จะอยู่จุดล่างสุดของห้อง แล้วไอ้จุดนี้แหละที่ทำให้อาจารย์สามารถมองขึ้นไปแล้วเห็นห้องเลคเชอร์ได้ทั้งห้อง ห้องนี้แบ่งเป็นฝั่งซ้ายและฝั่งขวาโดยมีทางเดินตรงกลางคั่นไว้ แต่ละแถวจะมีโต๊ะเพียง 1 โต๊ะที่พาดยาวไปจนสุดแต่ละฝั่ง คล้าย ๆ โต๊ะยาวติดผนังในคาเฟ่ ในร้านกาแฟ ถ้ายืนอยู่บนเวทีแล้วเผชิญหน้ากับห้องเลคเชอร์นี้ จะเห็นแก๊งผมนั่งเสนอหน้าอยู่ทางซ้ายมือแถวบนสุดของห้อง ผมจะอยู่ริมสุด ตามมาด้วยไอ้กันต์ คิม และโฟลท


พอถึงเวลาเรียน อาจารย์ก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับพี่ ๆ TA (ผู้ช่วยอาจารย์) อีกสามคน เพราะวิชานี้คนเรียนเยอะมาก เลยต้องมีผู้ช่วยเยอะ และตอนนี้นิสิตก็มากันเต็มห้องแล้ว ถ้ากะจากสายตาก็น่าจะราว ๆ สองร้อยคน


และแน่นอนว่าสายตาที่มีเรดาห์ส่องผู้ชายอันแม่นยำนี้ได้ตรวจพบไอ้หนุ่มหล่อนันท์พร้อมกับผองเพื่อน แก๊งนั้นนั่งอยู่ฝั่งเดียวกันกับแก๊งผมเลย แค่พวกมันนั่งถัดลงไปประมาณสี่แถวได้ (อันนี้กะจากสายตานะ) และก็นั่งอยู่ริมสุดเหมือนกันเลย พวกนั้นกำลังแหย่กันอย่างสนุกสนาน หัวเราะคิกคักอย่างไม่ได้เกรงใจอาจารย์หน้าห้องแต่อย่างใด ผมก็ได้แต่แอบมองอย่างห่าง ๆ ซึ่งแค่ได้แอบมองก็มีความสุขแล้ว

ในขณะที่ผมมองแก๊งข้างหน้าเพลิน ๆ เป็นจังหวะเดียวที่ไอ้นันท์ก็หันขึ้นมาสบตากับผมพอดี

ทุกสิ่งเกิดขึ้นไวมาก ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีแต่กลับทำใจผมเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ

ผมรีบหลบหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่รู้จะต้องจัดการตัวเองยังไง ก็เลยฟุบลงโต๊ะแม่งเลย คงไม่มีพิรุธอะไรหรอกมั้ง

“มึงเป็นอะไร ไม่สบายรึเปล่า” ไอ้กันต์ทักขึ้นมาคงเพราะเห็นผมก้มหน้าก้มตา

“เปล่า ๆ ไม่มีอะไร ง่วงนอนเฉย ๆ”

“ง่วงนอน? ยังไม่ทันได้เริ่มคาบมึงชิงง่วงนอนก่อนเลยนะ”

“อืม”

ผมตอบตัดบทไปเพราะเขินอยู่ จนเสียงอาจารย์ดังขึ้นมา สถานการณ์ทุกอย่างถึงได้กลับเข้าสู่สภาวะปกติ อาจารย์ก็เริ่มสอนไป พวกผมก็ทำทุกอย่างยกเว้นเรียน ไอ้คิม ไอ้โฟลท หลับเป็นตาย ฟุบตั้งแต่อาจารย์ยังไม่เปล่งเสียงออกมา ไอ้กันต์กับผมก็นั่งกินขนมขบเคี้ยวเพลิน ๆ เล่นโทรศัพท์บ้าง คุยกันเองบ้าง ช่างเป็นนิสิตที่ดีของอาจารย์จริง ๆ เลยพวกเรา

ต่างจากแก๊งข้างหน้าที่ผมแอบมองตั้งแต่ต้นคาบ ตอนนี้คือเหมือนอยู่คนละโลกกับพวกเรา แม่ง พวกนี้เอาแรงจากไหนมาเรียนวะ ทั้งที่จำได้ว่าเมื่อคืนไปเจอกันที่ร้านเหล้า แต่ทำไมวันนี้ถึงดูพลังงานเหลือล้นพร้อมเรียน ต่างจากพวกเราที่พลังหมดตั้งแต่ยังไม่เริ่มคาบ

ที่เขาบอกว่าพวกวิศวะคอแข็งนี่ท่าจะเรื่องจริงแฮะ...

แต่ผมสงสัยว่านอกจากคอที่แข็งเอาการแล้วเนี่ย...อย่างอื่นจะแข็งเหมือนกันมั้ยนะ

เช่น หัวแข็งไรงี้.....คิดอะไรอยู่ครับทุกคนนนนน ผมไม่ได้เป็นคนทะลึ่งตึงตังอะไรแบบนั้นซะหน่อย อย่าเข้าใจผมผิดนะครับ ไม่มีอะไรจริงจริ๊งงง


เวลาก็ผ่านไปเนิ่นนานเสียเหลือเกิน ผมจิ้มจอโทรศัพท์เพื่อดูว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้ว ปรากฏว่าเหลืออีกประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเลิกเรียนคาบนี้ ผมรู้สึกได้ว่าวิญญาณผมและผองเพื่อนกำลังจะหลุดลอยออกจากร่างประมาณรอบที่ 20 ได้ ทำไมเวลาถึงผ่านไปช้าเหลือเกิน...

“นิสิตทุกคนฟังครับ” อาจารย์ก็กระแทกเสียงขึ้นมาจนผมสะดุ้งโหยง ตกใจหมดเลยอาจารย์ นี่เป็นวิธีการปลุกแบบใหม่หรอ

“จากที่อาจารย์ได้อธิบายไปตอนต้นชั่วโมงว่าเราจะเก็บคะแนนจากการทำงานกลุ่มกันค่อนข้างเยอะ อาจารย์จะให้นิสิตจับกลุ่มกันทำงาน เงื่อนไขการจับกลุ่มคือ 1 กลุ่มจะมี 4 คน ซึ่งจะต้องคละคณะกัน อาจารย์จะอนุโลมให้นิสิตคณะเดียวกันอยู่กลุ่มด้วยกันได้ไม่เกิน 2 คน และจะใช้กลุ่มเดิมในการทำกิจกรรมไปจนจบเทอม จะไม่มีการสลับสมาชิกหรือเปลี่ยนกลุ่มใหม่เด็ดขาดระหว่างภาคเรียน”


“งานใหญ่ของเทอมนี้ก็คือการไปทำจิตอาสา ทำที่ไหนก็ได้ อาจจะไปที่สภากาชาติไทย โรงพยาบาล วัด สถานสงเคราะห์ หรือที่อื่นนอกเหนือจากที่อาจารย์กล่าวไว้ก็ได้ ให้นิสิตไปทำจิตอาสากันกับกลุ่มของตัวเอง จะเริ่มทำตอนไหนก็ได้ พอท้ายเทอมให้นิสิตสรุปงานเสนอเป็นวิดิโอบรรยายผลงานของตัวเอง”


“ตอนนี้ให้นิสิตเริ่มจับกลุ่มได้ครับ ถ้าได้กลุ่มแล้วให้แจ้งพี่ ๆ TA เลยนะครับ”


“เอาแล้ว ถึงเวลาที่เราต้องแยกจากกันแล้วสินะ” ไอ้กันต์พูดขึ้นมาพร้อมกับหันหน้าซ้ายขวามองเพื่อนร่วมวงอีก 3 ชีวิตที่เหลือ


ไอ้คิมกับไอ้โฟลททำหน้าละห้อยตาแป๋วยังกับลูกหมาหลงทาง เพราะพวกแม่งรู้ชะตากรรมว่าจะต้องได้แยกกลุ่มกันเป็นแน่


ส่วนผมไม่มีปัญหาอะไรมากหรอก รู้แต่แรกอยู่แล้วว่าจะต้องได้แยกกันเพื่อไปรวมกลุ่มกับนิสิตคณะอื่นอีก 2 คน เพราะกลุ่มเรามี 4 คน กฏคือห้ามคณะเดียวกันอยู่ด้วยกันเกิน 2 คน ดังนั้นแก๊งเราก็ต้องแบ่งครึ่งและไปหาอีก 2 คนที่เหลือมาเข้าร่วม


พอรู้ว่าต้องทำอะไรแล้วพวกผมก็ไม่รอช้า จับคู่กัน 2 คน และไล่ถามนิสิตที่อยู่รอบ ๆ ว่ามีกลุ่มแล้วหรือยัง


‘คนครบแล้วค่ะ’

‘คณะเดียวกันค่ะ คนเกินแล้ว’

‘อ๋อ คณะเดียวกันค่ะ อยู่ด้วยไม่ได้’

‘มีกลุ่มแล้วครับ’

‘ตอนนี้ขาดแค่คนเดียวครับ’



ทำไมการหากลุ่มมันถึงได้ยากขนาดนี้นะ ปกติมันก็ต้องมีกลุ่มที่ว่างบ้าง แต่นี่ถามไปกลุ่มไหน คนไหน ก็เข้าร่วมด้วยไม่ได้สักกลุ่ม ผมกับไอ้กันต์เลยต้องเดินลงไปหากลุ่มตรงแถวด้านล่าง



‘ครบ 4 คนแล้วครับ’

‘ครบแล้วครับเพื่อนไปเข้าห้องน้ำเฉย ๆ ครับ’

‘คนครบแล้วค่ะ’

‘มีกลุ่มแล้วครับ’

‘เต็มแล้วครับ’


...


“มึง เราจะมีกลุ่มแน่นะ” ผมถามไอ้กันต์แบบเนือย ๆ

“เอออออ นั่นดิ แม่งเดินไปทางไหนก็มีแต่คนมีกลุ่มแล้ว”

“เรากลับที่นั่งเราก่อนมั้ยวะ อยู่ไปก็ไม่น่าจะมีกลุ่มว่างให้เรา”

“เออ ๆ กลับเถอะ เผื่อแถวเราจะมีกลุ่มว่างอีกสักกลุ่ม” ไอ้กันต์เห็นด้วยกับผม พูดเสร็จเราสองคนก็เดินกลับไปยังที่นั่งเดิมของเรา ระหว่างที่กำลังลัดเลาะไปตามทางเดินเนื่องจากนิสิตหลายคนก็กำลังจับกลุ่มทำความรู้จักกัน เขียนชื่อส่งอาจารย์ พวกผมก็ต้องพยายามเลี่ยงไม่ให้ชนกับคนอื่นเข้า

“นาย!” เสียงที่เหมือนจะคุ้นหูดังจากทางด้านหลังจนเราสองคนต้องหันกลับไปหาแหล่งที่มาของเสียง

พอหันกลับไปก็ปรากฏหน้าของบุคคลที่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นต้นกำเนิดเสียงเรียกนี้ ใช่ครับ ไม่ใช่ใครอื่นใด นิสิตชายใส่แว่นตัวขาวออร่าเปล่งประกาย และเพื่อนของเขาที่มี...ไอ้นันท์ยืนอยู่ข้าง ๆ

คือผมไม่รู้จะสู้หน้ายังไงดีในเมื่อผมพึ่งจะสร้างเรื่องไปเมื่อคืน

ตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องหลบหน้าหลบตาไปก่อนและให้ไอ้กันต์ไปเสนอหน้าแทนผม

“เรียกพวกเราหรอ?” ไอ้กันต์ถามกลับไปขณะที่ผมกำลังเลิ่กลั่กอยู่

“ใช่ เรียกนายสองคนนั่นแหละ”

“เอ่อ พวกนายใช่คนที่เจอกันที่ร้านโต๊ะไม้เมื่อคืนปะ” ไอ้กันต์ถาม

“ใช่ ๆ พวกเราเอง”

“ว่าแต่...มีกลุ่มกันรึยัง” อ้าวไอ้กันต์! มึงไม่คิดว่าเพื่อนมึงที่พึ่งสร้างวีรกรรมไปเมื่อคืนก่อนจะอายบ้างหรอวะ

“ยังไม่มีเลยอะ สนใจรวมกลุ่มกันปะ?”

“ดีเลย เราสองคนกำลังหากลุ่มอยู่พอดี ขออยู่ด้วยนะค้าบ” ไอ้กันต์ทำเสียงทะเล้นซะน่าตื้บสักที

“โอเค งั้นขอชื่อนามสกุล ชั้นปี และก็คณะของพวกนายสองคนด้วย เขียนใส่กระดาษนี่เลย”

ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก รู้ตัวอีกทีไอ้กันต์ก็รับกระดาษจากนิสิตแว่นผิวขาวเผือกคนนั้นมา เขียนรายละเอียดของตัวเองและผมลงไปอย่างรวดเร็ว ว่าแต่ไอ้นันท์...ที่ยืนอยู่ข้างหลังพ่อตัวขาวนี่ก็ไม่พูดจาอะไรเลย ยืนเก๊กอยู่ตลอดเวลา หมั่นไส้ชิบเป๋ง

เขียนเสร็จไอ้กันต์ก็วิ่งเอาใบรายชื่อไปส่งที่พี่ TA ก่อนที่จะวิ่งกลับมาประจำจุดเดิม

พอดีลทุกอย่างลงตัวกลุ่มเราที่มีสมาชิกคือผม กันต์ ไอ้ตัวขาว และนันท์ ก็ได้ที่นั่งใหม่ไม่ไกลจากที่เจอกันเมื่อครู่ พอหย่อนตูดประจำที่นั่งโดยมีผมอยู่ริมขวาสุด ตรงกลางมีกันต์และหนุ่มแว่น โดยมีนันท์ขนาบข้างอยู่ทางริมซ้ายมือ บรรยากาศค่อนข้างจะมึนงงเพราะทั้งห้องเลคเชอร์ยังคงวุ่นวายด้วยเสียงนิสิตที่กำลังหากลุ่มและบางส่วนก็กำลังทำความรู้จักกันหลังจากที่จับกลุ่มกันได้แล้ว

“เราชื่อน้ำใจนะ พวกนายล่ะ” หนุ่มแว่นเป็นคนเปิดประเด็นในการคุยขึ้นมาก่อน อาจจะเพราะเห็นว่ากลุ่มเรายังไม่ค่อยได้รู้จักกันเท่าไหร่นัก

“เรากันต์ ส่วนข้าง ๆ เรานนท์ อยู่วิทยา ปี 1” ไอ้กันต์แนะนำตัวเองและแนะนำผมไปด้วย คงรู้ว่าผมคงไม่มีกะจิตกะใจในการทำอะไรแล้วตอนนี้ ผมยิ้มยิงฟันและโบกมือให้คู่สนทนาอีกฝั่งด้วยความเลิ่กลั่กซึ่งยังไม่ได้จากหายไปตามเวลาที่ล่วงเลยมาเกือบครึ่งชั่วโมงที่ได้เจอหน้ากับคนที่ผมพึ่งจะสร้างวีรกรรมไปหมาด ๆ

“โอเคเลย ยินดีที่ได้รู้จักทั้งคู่นะ ส่วนข้าง ๆ นี่เพื่อนเราเอง ชื่อนันท์ พวกเรามาจากวิศวะ อยู่ปี 1 เหมือนกัน ดีเลยเนอะจะได้ไม่ต้องเกร็งกัน”

“หวัดดี” ไอ้หนุ่มทางซ้ายมือโบกไม้โบกมือทักทายหลังจากที่น้ำใจแนะนำตัวเสร็จ หน้านิ่ง ๆ กับรอยยิ้มบาง ๆ และสายตาที่จ้องเขม็งมาทางผม แม่ง...จะกวนตีนกันรึยังไงนะ เห็นผมลุกลี้ลุกลนแต่แรกก็กะจะแกล้งกันด้วยสายตาเลยหรอ

“คงไม่ต้องเกร็งอะไรกันหรอก เมื่อคืนก็ได้เจอกันแล้วนี่นา ใช่มั้ยครับ?” นั่น! พ่อหนุ่มซ้ายมือยิงคำถามฮุกใส่จนผมแทบกระอัก ตอนนี้ผมกำลังพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ทั้งที่ในใจนั้นอยู่ไม่สุขสุด ๆ มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนผมทำผิดสักอย่างแล้วมีคนจับได้และกำลังซักไซ้จี้ใจดำ

“อ่อ...เออใช่ ๆ เหมือนจะจำได้ลาง ๆ เราน่า จ..จะเคยเจอกันมาแล้วเนอะ” ผมตอบกลับไปแบบตะกุกตะกัก

“ใช่แล้ว ๆ เมื่อคืนแม่งอย่างรั่วเลย ฮ่า ๆ” ไอ้กันต์ช่วยขำกลบเกลื่อน แต่มันไม่ได้เลยมึง!


โคตรจะมีพิรุธ!


“อ้อ นายคือคนที่มาขอไอจีนันท์ปะ”


เจอคำถามนี้เข้าไปความมีพิรุธที่แสดงออกมาผ่านหน้าตาอันหล่อเหลาของผมยิ่งชัดเจนมากขึ้น ผมกับไอ้กันต์มองหน้ากันโดยที่ไม่ต้องถามเลยว่าในใจคิดอะไรอยู่


‘ชิบหายแล้ว’


“ฮ่า ๆ อย่าถือสาเพื่อนผมเลยครับ ไอ้นี่ตอนเมาชอบให้เพื่อนไปขอไอจีผู้ชาย”

“เดี๋ยวนะไอ้นี่ มึงขายเพื่อนหรอ” ผมโพล่งขึ้นมาทันที อยู่ ๆ ทำไมถึงได้ขายเพื่อนแบบนี้วะมึง!

“เอ้า ก็จริงไม่ใช่หรอ คืนก่อนมึงก็ขอให้กูไปขอนันท์เองนี่น...^$&@*” ผมเอามือปิดปากมันอย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะโพล่งอะไรที่ทำให้ผมเสียหายไปมากกว่านี้

“เอ่อ อย่าไปฟังมันเยอะเลยครับ ผมอาจจะเมาบ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่มันพูดหรอกครับ แหะ ๆ”

ไอ้เพื่อนชั่วนี่มันต้องโดนทุบให้เข็ด จะมาขายกันต่อหน้าต่อตาอีกฝ่ายได้ยังไงกัน

“อ๋อครับ ๆ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย เขาบอกว่าคนเรามักจะแสดงธาตุแท้ออกมาตอนเมาน่ะครับ ในเคสนี้ผมว่าก็คงจะเป็นยังงั้นแหละ”

“อ้าวน้ำใจ รู้จักกันวันแรกก็วอนเลยหรอครับ” ยังไม่ทันไรไอ้น้ำใจนี่ก็จะผนวกกำลังรุมยำผมแล้วหรอ

“อย่าทะเลาะกันเลย เราคงต้องได้ร่วมงานกันอีกนาน สามัคคีกันไว้ดีกว่าเนอะ” ไอ้คนริมซ้ายสุดนั่งเท้าค้างพูดแทรกบทสนทนาขึ้นมา ผมบนหน้าที่ยาวกำลังดีปกปิดใบหน้าอีกครึ่งไว้ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถ่ายปกนิตยสารอยู่ มันจ้องมาทางผมพร้อมกับยักคิ้วให้หนึ่งที


ความรู้สึกตอนนี้เหมือนกำลังโดนสะกดจิตยังไงก็ไม่รู้


ต่อ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2024 22:06:27 โดย A Dark knight »

ออฟไลน์ A Dark knight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
(100%)

ผมเอามือออกจากปากไอ้กันต์พร้อมกับพยักหน้าเชิงเห็นด้วย ไอ้กันต์หันหน้ามามองคาดโทษผมอย่างอาฆาต โทษฐานที่ผมเอามือไปแปดเปื้อนหน้าตาที่มันมั่นใจมากว่าหล่อกว่าใคร ๆ ในกลุ่ม

“ผมว่ากลุ่มเราท่าทางจะเข้ากันได้ดีเนอะว่ามั้ย” เพื่อนแว่นตัวขาวเสริมขึ้นมา

“งั้นพวกเราแลกไลน์กันไว้มั้ย สร้างไลน์กลุ่มไว้เผื่อจะได้ติดต่อกันตอนมีงานกลุ่มต้องทำ” ไอ้กันต์เสนอไอเดียขึ้นมา

หลังจากที่ไอ้กันต์เสนอขึ้นมา มันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกดสร้างไลน์กลุ่มอย่างรวดเร็ว ขอแอดไลน์ของเพื่อนใหม่ทั้งสอง พร้อมกับแอดสมาชิกเข้ากลุ่มจนครบทุกคน

พอพวกเราเข้าไลน์กลุ่มจนครบแล้วอาจารย์ก็พูดไมค์ประกาศว่าตอนนี้จัดกลุ่มนิสิตได้ครบทุกคนแล้ว และปล่อยให้นิสิตแยกย้ายกันไปพักเที่ยงได้ เนื่องจากเป็นคาบแรกเลยยังจะไม่มีการเรียนการสอนอะไรมากนอกจากพูดคุยทำความรู้จักกัน

หลังจากที่อาจารย์ปล่อยให้ไปพักเที่ยง พวกผมก็บอกลาพร้อมกับเดินแยกย้ายกันไปคนละทาง แต่ในห้องนี้มีนิสิตเป็นร้อยชีวิต ทำให้การเดินออกจากห้องเลคเชอร์ขนาดใหญ่เป็นไปด้วยความล่าช้าเพราะทางออกมีอยู่แค่ไม่กี่ทาง แต่จำนวนนิสิตนั้นมีมากกว่าเยอะ

“มึง กูพึ่งนึกแผนออก” ไอ้กันต์สะกิดผมจากทางด้านหลังพร้อมกระซิบเบา ๆ

“อะไรวะ”

“เดี๋ยวมึงเดินตามกูมา”

ว่าแล้วไอ้กันต์ก็ดึงแขนผมพร้อมเดินทะลุไปยังทางออกอีกทางที่มีนิสิตเบียดเสียดอยู่เยอะพอ ๆ กันกับจุดที่เรายืนอยู่ ผมก็งงว่ามันมีแผนอะไรของมันถึงได้รีบพาผมออกมาอีกทาง หรือมันนัดโฟลทกับคิมไว้แล้วว่าจะเจอกันที่ทางออกอีกทาง

แต่ยังไม่ทันจะได้หายสงสัย สายตาก็ดันเหลือบไปเห็นคนที่บอกลากันเมื่อตะกี๊ยืนอยู่ตรงทางออกที่ไอ้กันต์กำลังพาผมไป เดี๋ยวเหอะมึง อุตส่าห์แยกกันแล้ว อย่าบอกนะว่ามึงกำลังจะพาไปหาเขาอีกรอบ...

“น้ำใจ นันท์ มาทางนี้หน่อย!”

ไอ้กันต์ตะโกนขึ้นมาจนคนแถวนั้นหันขวับมาทางผมสองคนเป็นสายตาเดียวกัน ผมอายจนแทบอยากจะตะโกนออกไปว่าผมไม่รู้จักไอ้นี่ครับ ผมโดนลักพาตัวมา!

พอสองคนนั้นที่ได้ยินเสียงจตะโกนก็ทำหน้างงหน่อย ๆ แต่ก็เดินตรงมาหาพวกผมสองคน

“มีอะไรหรอครับ” น้ำใจถามขึ้นมาด้ายความสงสัย

“พอดีเรายังไม่ได้แลกไอจีกันไว้เลย ขอไอจีทั้งสองคนได้มั้ยเผื่อเอาไว้คุยกันเล่น ๆ นอกจากเรื่องงาน”

หืม!? นี่น่ะหรอแผนของมึงไอ้กันต์ ที่มึงจูงแขนกูฝ่าดงนิสิตมาแล้วตะโหนลั่นห้องเลคเชอร์จนคนมองทั้งห้องเนี่ยก็เพื่อจะแลกไอจีกันเนี่ยนะ มึงบ้าไปแล้วหรอวะ!!

“อ๋อ ก็นึกว่าอะไรเห็นตะโกนเรียกซะดัง ได้ ๆ ไม่มีปัญหา งั้นเอาโทรศัพท์กันต์มาเดี๋ยวเราพิมพ์ให้”

ว่าแล้วไอ้กันต์ก็ปลดล็อคโทรศัพท์ กดเข้าไอจี แล้วยื่นโทรศัพท์ให้น้ำใจ อีกฝ่ายรับมาแล้วพิมพ์ชื่อไอจีในช่องคนหาอย่างชำนาญ กดฟอล แล้วยื่นคืนให้

“ขอของนันท์ด้วยสิ” ไอ้กันต์ยื่นโทรศัพท์ให้ไอ้หน้าหล่อที่ยืนอยู่ข้างหลังน้ำใจ

“หืม ไอจีของเราน่ะหรอ”

“ใช่ ๆ”

“ให้อีกคนมาขอสิ เห็นว่าอยากได้ไม่ใช่หรอ”

ถ้าคุณเคยเอาข้อศอกชนกับขอบโต๊ะหรือเก้าอี้จนชาแปล๊บไปทั่วทั้งแขนล่ะก็ คุณน่าจะเข้าใจความรู้สึกของผม ณ ตอนนี้ วินาทีนี้ ความเสียวสันหลัง ความกระอักกระอ่วน ความเลิ่กลั่ก ทุกสิ่งทุกอย่างมันผสมรวมกันอยู่ในตัว แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายแล้วตอนนี้

ใครก็ได้ช่วยผมที

“เอ่อ...เอางั้นหรอ” ผมรวบรวมความกล้าพูดออกไป

“ถ้ายังไม่อยากได้ ก็ไม่เป็นไร” ไอ้หน้าหล่อพูดตัดบท “อุตส่าห์อยากแลกไอจีกันสักหน่อย เห็นทีจะไม่ได้ละมั้ง” พูดเสร็จมันก็ทำหน้ากวนตีนไม่รู้ไม่ชี้ใส่ผมอย่างโจ่งแจ้ง ถ้าเป็นคนอื่นนี่โดนต่อยนานแล้วเนี่ย

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร อ่ะนี่ ข..ขอไอจีหน่อยสิ”

ผมยื่นปลดล็อคไอโฟน 15 เน่า ๆ ของผมพร้อมยื่นไปให้ไอ้นันท์มันพิมพ์ไอจีมันลงไป มันพิมพ์ได้ว่องไวยังกับซ้อมมาไว้แล้ว พอมันกดเข้าหน้าไอจีมันปุ๊บ มันก็กดฟอลไปโดยที่ผมยังไม่ได้บอกให้กดฟอลเลย ไอ้นี่แม่งร้ายชิบ

เสร็จแล้วมันก็ยื่นโทรศัพท์คืน “เดี๋ยวฟอลกลับไป รับฟอลด้วยล่ะ” เอาอีกแล้วกับหน้าตาเจ้าเล่ห์ของมันเนี่ย พูดแล้วทำหน้าเฉย ๆ ไม่ได้หรือไงทำไมต้องเก๊กใส่กันวะ แค่นี้กูก็หวั่นไหวจนไม่รู้จะทำตัวยังไงแล้ว

“ด..ได้ เดี๋ยว..รับฟอลให้”

หมดกันความมั่นใจในตัวผมตอนนี้ พูดตะกุกตะกักไม่เป็นตัวเองเอาซะเลยพออยู่ใกล้คนที่ทำให้ใจหวั่นไหว ทำไมกันนะ ทำไมโลกใบนี้ถึงต้องสร้างให้ร่างกายมีความรู้สึกหวั่นไหวแบบนี้ด้วย แต่ไหนแต่ไรผมก็ไม่ใช่คนที่ไม่มั่นใจในตัวเองนะ แต่ตอนนี้โคตรจะเสียเซลฟ์ เสียอาการสุด ๆ

“เห้ยเดี๋ยวเราฟอลด้วย อย่าลืมรับฟอลเราด้วยล่ะ” ไอ้นี่โผล่มาจากไหนวะ อยู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย

“งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วเดี๋ยวขอตัวก่อนนะครับ พอดีนัดกับเพื่อนไว้ที่โรงอาหารวิศวะฯ เดี๋ยวที่จะเต็มก่อน ไว้เจอกันครับ”

น้ำใจเป็นฝ่ายบอกลาพร้อมกับโบกมือลาพวกผมสองคน ตามด้วยไอ้นันท์ที่ไม่พูดอะไรแต่ก็ไม่ลืมที่จะโบกมือลาพวกผมทั้งสอง ปล่อยให้ผมยืนเอ๋ออยู่ตรงนี้

“เป็นไงล่ะมึง โดนผู้เล่นตั้งแต่วันแรกเลย ไอ้นันท์นี่ดูทรงแล้วแม่งร้ายไม่เบาเลยแฮะ”

“กูก็ว่างั้น ใจกูยังเต้นตึกตักไม่หายเลยเนี่ย” ผมเอามือกุมไปที่หน้าอกซ้ายของตัวเอง “แม่งอันตรายว่ะคนแบบนี้ มันรู้วิธีเล่นกับใจคนอย่างกู”

“มึงจะพร่ำอีกนานมั้ยกูหิวข้าว! ไปเร็วกูนัดกับไอ้โฟลทกับกับไอ้คิมไว้ มันด่าแม่กูอยู่มั้งเนี่ยไปช้าขนาดนี้”

ไอ้คนที่ชวนผมมาดันด่าผมเองซะงั้น แต่ผมก็ไม่ได้เถียงอะไรมันกลับไปเพราะยังคงสับสนและมึนงงกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อยู่

นี่สินะเขาถึงบอกว่าเวลาเราอยู่ใกล้คนที่คนที่ชอบมักจะไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง

มันเป็นยังงี้นี่เอง...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2024 22:20:01 โดย A Dark knight »

ออฟไลน์ A Dark knight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนที่ 5

Reply


“โอ้ยย กว่าจะหมดวัน กูเกือบเอาชีวิตไม่รอด”

ไอ้กันต์บ่นกะปอดกะแปดพร้อมเหยียดแข้งเหยียดขาบิดขี้เกียจไปมา พวกเราพึ่งเรียนวิชาคาบบ่ายเสร็จครับ เล่นเอาซะหมดพลัง เพราะอาจารย์เล่นสอนซะหมดตรงเวลา แก๊งชายหนุ่มที่พึ่งไปปาร์ตี้กันมาอย่างหนักหน่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา อาการแฮงค์ยังไม่ทันจะหายดี ก็ต้องมานั่งเลคเชอร์จนถึงตอนเย็น อาจารย์ภาคนี่ไม่มีความปราณีเลยจริง ๆ

ตอนนี้พวกผมอยู่ที่ co-working space ใต้ตึกคณะ ดีที่ว่าลงมาเร็ว เลยจองที่ที่เป็นกลุ่มโซฟาได้ทัน ปกติพื้นที่ตรงนี้จะมีนิสิตเข้ามาจับจองกางอาณาเขตอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยความที่วันนี้โชคดีก็เลยไม่มีใครจองไว้ ผมและชาวแก๊งเลยมาจองได้ทัน โดยพวกผมแอบจัดแจงโซฟาใหม่เพื่อให้หันมาคุยกันได้สะดวก

ไอ้กันต์คนเดียวจองโซฟาตัวยาวที่อยู่ตรงมุมนอนแผ่นหลาแอ้งแม้งอยู่ สภาพเหมือนกับซอมบี้ที่โดนปลุกขึ้นมาทำหน้าที่ให้หมดวัน ผิวขาวซีดดูซีดยิ่งกว่าเดิมเพราะการอดหลับอดนอน ขอบตาแอบมีความคล้ำ และมันไม่ได้ใส่แว่นมาวันนี้ทำให้ยิ่งเห็นขอบตาชัดเข้าไปอีก

ส่วนคิมกับโฟลทก็นั่งด้วยกันที่โซฟาอีกตัว สภาพก็ไม่ต่างกัน ไอ้คิมที่ปกติจะแสบซ่าพูดจาติดตลกไปเรื่อยเปื่อย ตอนนี้นี้กลับกลายเป็นคนละคน เงียบเชียบ ไร้ชีวิตชีวา ผมยาวปิดหน้าปิดตานอนหลับอยู่ข้าง ๆ ไอ้โฟลทที่ปกติก็ไม่ค่อยพูดค่อยจาอยู่เป็นทุนเดิม ภาพตรงหน้าคือนิ่งสนิท นั่งหลับหัวพิงไหล่ไอ้คิม

ส่วนผมมนั่งโซฟาอีกตัวที่อยู่ตรงข้ามกับคิมโฟลท จนตอนนี้ก็ยังคงแฮงค์อยู่ แต่ก็ไม่ได้เพลียมากขนาดนั้น ยังพอไหว

แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำอะไรนอกจากเฝ้าไอ้พวกลูกหมาสามตัวนี้ที่กำลังหลับปุ๋ย ตอนแรกพวกมันก็บ่นหิวข้าว กะว่าเรียนเสร็จก็จะไปหาของกินที่ห้างแถวมหา’ ลัย แต่พอเลิกคลาสปุ๊บ ไอ้กันต์ตัวดีรีบชวนมางีบที่ co-working space ก่อนเลย มันบอกว่าไม่ไหวแล้ว อยากงีบสักหน่อยก่อนไปหาของกิน ซึ่งคิมกับโฟลทก็เห็นด้วย เลยพากันมากองเป็นซากศพอยู่อย่างงี้

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นแก้เบื่อ คลิกเข้าแอปนั้นแอปนี้ไปเรื่อย จนนึกขึ้นได้

ไอ้นันท์มันกดฟอลมานี่หว่า

ผมเลยรีบกดเข้าไปในไอจี มุมขวาบนมีสัญลักษณ์จุดสีแดง ๆ ขึ้นมา ผมจิ้มเข้าไปแล้วดูที่รายชื่อคนที่ส่งคำขอติดตาม ไม่รู้มาจากไหนเยอะแยะไปหมด และแล้วก็เจอบัญชีหนึ่งที่อยู่บนสุดของกลุ่มคนขอติดตามผม


Nuntt0305


ไม่ผิดแน่ บัญชีนี้เป็นของไอ้นันท์แน่นอน ผมรีบกดกดยืนยันอย่างรวดเร็วเพื่อรับฟอล พอรับฟอลเสร็จผมก็ได้โอกาสเข้าไปส่องไอจีมันสักหน่อย

แค่จะส่องไอจีเอง ทำไมถึงได้รู้สึกตื่นเต้นแปลก ๆ ยังไงชอบกล

ผมคลิกเข้าไปที่ไอจีของมัน จากนั้นหน้าไอจีก็โผล่ขึ้นมา มันรับฟอลผมตอนไหนก็ไม่รู้แจ้งเตือนไม่เห็นขึ้น รู้ตัวอีกทีก็เข้ามาส่องได้แล้ว รูปโปรไฟล์มันเป็นรูปหมาบูลด็อกสีขาวตาโต เป็นทาสหมาแน่นอนทรงนี้ ผมกวาดตาอ่านไบโอไอจีของมันอย่างรวดเร็ว



Kantinun N.

03/05/99




ชื่อเล่นนันท์มาจากชื่อจริงคือกันตินันท์นี่เอง

และก็เอ่อ.... ไบโอก็เขียนอยู่แค่นี้เลยอะนะ สมกับเป็นมันจริง ๆ พ่อหนุ่มหน้าหล่อเทสดี ทำตัวลึกลับเพิ่มความน่าค้นหางี้หรอ

ผมเลื่อนดูรูปมันไปอย่างช้า ๆ มันมีรูปอยู่ 11 รูปถ้วน ซึ่งก็เดาได้ไม่ยากว่าเจ้าตัวไม่ค่อยได้เล่นโซเชียลมากนัก สตอรี่ก็ไม่ได้อัปเลย ไฮไลต์ก็ไม่มีให้ดู ไม่มีอะไรทั้งนั้น รูปที่อัปแต่ละรูปก็ล้วนแต่เป็นรูปวิวท้องฟ้า ธรรมชาติ ทะเล มีรูปมันอยู่รูปเดียวก็คือรูปล่าสุดที่ลง เป็นรูปไอ้นันท์ใส่เสื้อเชิตสีดำเรียบกริ๊บ กางเกงสแลคสีเทาทอดยาวไปกับขาจรดกับรองเท้าหนังสีดำขลับ หันหน้าไปทางขวามือของรูป ผมสีเทาทรงทูบล็อกไล่ระดับอย่างเนี้ยบ มือข้างขวาสอดอยู่กระเป๋ากางเกง หลังพิงกำแพงสีครีม องค์ประกอบของภาพชวนให้นึกถึงนิตยสารต่างประเทศที่มีนายแบบถ่ายภาพแนว ๆ นี้ ถึงจะมีแค่รูปเดียวที่มีไอ้นันท์อยู่ในภาพ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะละสายตาไปจากรูปนี้ได้ ซึ่งตัวจริงที่ไม่ค่อยได้แต่งตัวอะไรมากมายก็ว่าดูดีมีออร่า พอได้แต่งตัว ถ่ายรูป ก็เหมือนกับเป็นเทพบุตรเดินเท้าไม่ติดดินยังไงยังงั้น

พอหันมามองตัวเองก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้ ผมก็ไม่ได้ดูดีอะไรมากหรอก แต่พอเทียบกับคนที่แอบปลื้มแล้วก็รู้สึกเหมือนดอกฟ้ากับหมาบูลด็อกยังไงก็ไม่รู้

เอ่อ มันต้องเป็นหมาวัดมั้ยนะ...ช่างเถอะ ไม่ได้หวังอะไรมากมายหรอก แค่ได้อยู่ใกล้ ๆ มองหน้าคนหล่อ ๆ แบบนี้ก็แฮปปี้แล้ว

“มึงทำอะไรอยู่วะ” ไอ้เพื่อนรักกันต์พูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ตื่นขึ้นมาตอนไหนก็ไม่รู้ มันชันตัวขึ้นมาบิดขี้เกียจพร้อมส่งเสียง “อ๊ากกกกก”

“มึงจะร้องทำเหี้ยอะไรไอ้เวร”

“ก็มันเมื่อยนี่นา”

“ไอ้เหี้ยนี่ไม่ใช่เพื่อนผมครับ”

“มึงพูดเหี้ยอะไร กูได้ยินนะ!”

อ้าว อุตส่าห์กระซิบก็ยังได้ยินอีกนะมึง

“กูเปล่าน้า”

“เดี๋ยวกูทุบเข้าให้” ไอ้กันต์ยกกำปั้นขึ้นมาทำท่าจะทุบผม

“คุยอะไรกันวะเสียงดังเชียว อืมมมม” ไอ้คนตรงข้ามตื่นแล้วสินะ เสียงไอ้คิมแทรกขึ้นมาตามด้วยเสียงบิดขี้เกียจของมัน ไอ้คนข้าง ๆ ที่นอนอยู่ด้วยกันก็พลันตื่นขึ้นมาพร้อมกัน จากนั้นก็บิดขี้เกียจพร้อมหาวไปหวอดใหญ่หนึ่งที

“หิวแล้วอะ” ไอ้โฟลทที่เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว ยิ่งทำหน้าซึม ๆ บ่นหิวข้าวยิ่งน่าเอ็นดู

“เออแม่งหิวเหมือนกัน กินไรกันดีวะ” ไอ้กันต์ถามขึ้นมา

เป็นคำถามโลกแตกสุด ๆ ยากยิ่งกว่าคำถามคณิตศาสตร์โอลิมปิกนานาชาติ นาซ่าควรเอาไปทำวิจัยนะว่าคำตอบของคำถามนี้มันควรจะเป็นอะไรกันแน่

“อยากกินก๋วยเตี๋ยวเรือว่ะ อยากกินอะไรร้อน ๆ” ไอ้กันต์ตอบคำถามที่ตัวเองพึ่งถามไป

“เออกูก็อยาก พวกมึงสนมั้ย” ผมหันไปถามไอ้สองเกลอที่อยู่ตรงข้าม

“ได้ ๆ กิน ๆ กูคิดอะไรไม่ออกละตอนนี้” ไอ้คิมตอบกลับมาแบบมึน ๆ งง ๆ ส่วนไอ้โฟลทที่นั่งข้าง ๆ ก็ยกมือทำท่าโอเคขึ้นมาโดยที่ไม่พูดอะไร ผมจะถือว่ามันจะไปด้วยละกัน

พอตกลงกันเสร็จชาวแก๊งก็เดินไปยังห้างที่อยู่ตรงข้ามมหา’ ลัย ลงไปชั้นใต้ดินที่มีร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ดีที่วันนี้คนไม่เยอะมาก

พวกเราจับจองที่นั่งได้ทันก่อนที่คนข้างหลังจะชิงที่ไปก่อน เราได้นั่งติดผนังฝั่งซ้าย ซึ่งดีตรงที่ไม่ต้องนั่งท่ามกลางเหล่าพนักงานที่เดินสวนกันไปมา

พอได้เมนูมาต่างคนก็ต่างพากันสั่งเมนูที่ตัวเองอยากกิน ส่วนใหญ่เราก็ไม่ได้สั่งอะไรที่แปลกจากกันมาก เส้นเล็กน้ำตกหมูคือเมนูกินกันตาย ไม่ต้องคิดอะไรให้ปวดหัว เราสั่งกันไปคนละ 4 ชาม (ก๋วยเตี๋ยวเรือมักจะเสิร์ฟเป็นชามเล็ก) ไอ้กันต์สั่งบะหมี่ต้มยำ เส้นเล็กเย็นตาโฟ พร้อมกับลูกชิ้นปิ้งมาอีกจาน ไม่รู้มันไปหิวมาจากไหน

เวลาผ่านไปประมาณแค่สิบห้านาที บนโต๊ะตอนนี้มีกองถ้วยก๋วยเตี๋ยวเรือตั้งซ้อนกันเกิน 20 ถ้วยไปแล้ว แต่ละคนเหมือนอดข้าวมาทั้งวัน สั่งเพิ่มอย่างละชามสองชาม กินเสร็จก็เอาชามตั้งกองกันไว้ มองมาอีกทีก็กองสูงเป็นคอนโดไปซะแล้ว ส่วนของผมก็ตั้งแยกไว้อีกกองเพราะเดี๋ยวตั้งสูงเกินมันจะถล่มลงมาได้ เดี๋ยวได้เสียค่าปรับอีก

จะว่าไปผมเองก็กินเยอะไปเหมือนกัน นับดูดี ๆ ก็ 1 2 3 4.... 10 ชาม

ผมกินไป 11 ชาม...

ไม่ได้ว่าหิวมากนะ แต่มันเพลินจริง ๆ นะทุกคนเวลากินก๋วยเตี๋ยวเรือที่เป็นชามเล็ก

“มึงแม่งกินอย่างเยอะไอ้นนท์ ดูสิตั้ง 11 ชาม” ไอ้กันต์แซวขึ้นมา

“แหม่ ๆ ไอ้เพื่อนเวร มึงก็ไม่ได้ต่างอะไรกับกูเลยเถอะ อย่าลืมว่ามึงมีลูกชิ้นอีกตั้งจานนึง กินคนเดียวไม่แบ่งเพื่อนอีกต่างหาก แม่งงกไปไหน”

“ก็มึงไม่ขอเอง คนอย่างกูไม่เคยมีคำว่างกเว้ย”

กินเสร็จก็ได้ฤกษ์เถียงกันระหว่างผมกับมัน วันไหนไม่ได้เถียงกันเหมือนนอนไม่หลับ คิมกับโฟลทที่นั่งอืดอยู่ก็ได้แต่มองแถมส่ายหัวเบา ๆ

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปคอนโดถ้วยก๋วยเตี๋ยวเรือหนึ่งแชะ จากนั้นเปิดไอจีขึ้นมาเพื่อลงสตอรี่ ผมใส่แคปชั่นไปว่า ‘รับหนูไปเลี้ยงหน่อย หนูกินไม่เยอะหรอก’ และก็แท็กเพื่อนอีกสามคนไป

และก็กดอัปสตอรี่


ครืดดดด


หลังจากที่อัปสตอรี่ไปไม่ถึงห้านาทีโทรศัพท์ผมสั่นเพราะมีแจ้งเตือนขึ้นมา

“หืม โทรศัพท์ใครสั่นวะ โต๊ะเกือบถล่ม” ไอ้กันต์ถามขึ้นมา

“ของกูเอง”

ผมตอบไอ้กันต์กลับไปพร้อมหยิบไอโฟน 15 เน่า ๆ คู่ใจขึ้นมาดูว่าใครทักอะไรมา พอสแกนหน้าเพื่อดูแจ้งเตือน ก็เห็นแจ้งเตือนไอจีที่หน้าจอ ใจมันก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาอัตโนมัติพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ



[Nonnonnon] Kantinun N.

อ้วน



คนที่ตอบสตอรี่กลับมาคือไอ้นันท์!!

ไอ้นันท์ตอบสตอรี่ผม!!

ไอ้นันท์!!

ความคิดต่าง ๆ นานาในหัวผมตีกันไปหมด นี่สินะความรู้สึกของการแอบชอบใครสักคนแล้วได้มีเขาเข้ามาในชีวิต

ผมพร้อมตัดชุดแต่งงานแล้วครับ!

“โอ๊ย”

อยู่ ๆ ก็รู้สึกถึงแรงชกที่แขนจนผมร้องโอ๊ยออกมา

“ไอ้กันต์ กูเจ็บนะโว้ย ชกซะแรงเลยแขนกูช้ำหมด” ผมโวยวายใส่มันพร้อมลูบแขนไปมา ไอ้นี่แม่งชอบเล่นแรง

“อะไรมึงแค่นี้ทำเป็นสำออย ไหนยิ้มอะไรอยู่คนเดียวขอดูหน่อย” ว่าแล้วมันก็หยิบโทรศัพท์จากมือผมไปดู ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาทีจนผมไม่ทันได้ตั้งตัว

“กรู๊วว เพื่อนเราจะขายออกแล้วว่ะพวกมึง มีผู้ชายตอบสตอรี่กลับมาด้วยเว้ย”

“เห้ยมึงนี่ เอาโทรศัพท์กูมา” ผมพยายามเอื้อมมือจะแย่งโทรศัพท์คืนมา แต่มันยื่นมือหนีพร้อมส่งโทรศัพท์ไปให้ไอ้คิมที่อยู่ตรงข้าม

“จริงด้วยว่ะ ใช่ไอ้นนท์อะไรนั่นปะที่เจอเมื่อคืนก่อน” ไอ้คิมถาม

“ไหน ๆ ขอดูด้วย” อ้าว ไอ้โฟลทที่ไม่ค่อยจะพูดจาอะไรก็เอากับเขาด้วยหรอวะ แถมหยิบมือถือผมไปส่องไอจีดู เนื่องจากเมื่อกี๊ผมสแกนหน้าปลดล็อคโทรศัพท์เพื่อดูแจ้งเตือน กลายเป็นว่าโทรศัพท์ก็ไม่ได้ล็อค พวกนี้มันเลยเอาไปส่องดูได้

“พวกมึงเอามาาาา”

“ขอส่องแป๊บเดียวสัญญา” โฟลทมันขยับตัวหนี ไอ้คิมที่นั่งข้าง ๆ ก็ยื่นหน้าจ้องไปที่โทรศัพท์ผมที่ไอ้โฟลทมันไถไปมา

“มึงอย่าพึ่งกดอ่านแชทนะเว้ยเห้ย” ผมบอกพวกมันไป ขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับพวกมันแล้ว

“เออน่า แค่ไปส่องสตอรี่ไอ้นันท์เอง”

หืม

ส่องสตอรี่ไอ้นันท์?

ใช้ไอจีกูไปส่อง?

“ไอ้เหี้ยย เดี๋ยวมันก็รู้หรอกว่ากูไปส่อง”

“คนฟอลมันต้องพันสองร้อยคน ท่าทางแฟนคลับจะเยอะ มันไม่รู้หรอกว่ามึงมาส่องเพราะไอจีมึงก็จะจมไปกับเหล่าแฟนคลับมันนั่นแหละ”

จุกเลย...

ไอ้โฟลทเห็นไม่ค่อยพูดจาแต่มันเป็นสายพูดน้อยต่อยหนัก โดนมันเทศน์หรือต่อว่าแต่ละทีแทบกระอักเลือด

“หล่อเอาเรื่องอยู่นะ เลือกได้ถูกคนเลยนะเพื่อนเรา” ไอ้กันต์พูดเสริมขึ้นมา ยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้ผมทีนึง

“อ้าว มันก็มากินก๋วยเตี๋ยวเหมือนกันกับเรานี่”

“หืม มึงว่าไงนะโฟลท”

“นี่ไงมันมากินก๋วยเตี๋ยวเรือกับเพื่อนมัน” ไอ้โฟลทยื่นโทรศัพท์คืนให้ผม

ผมกดที่ที่วงรูปโปรไฟล์ของนันท์ วิดิโอสตอรี่ก็โผล่แวบขึ้นมา ผมพิจารณาดูดี ๆ ก็รู้สึกเลือดไหลพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกรอบ เพราะอะไรน่ะหรอ

พวกแก๊งไอ้นันท์มากินที่ร้านเดียวกันกับพวกผม

ในสตอรี่ที่ผมดู ไอ้นันท์ถ่ายสตอรี่เป็นวิดิโอรอบ ๆ โต๊ะที่มันกิน ถ่ายติดไอ้คนที่ชื่อน้ำใจที่ยิ้มแฉ่งน่ารักเชียว และเพื่อน ๆ ของมันที่นั่งใกล้ ๆ กัน และเมื่อผมสังเกตตำแหน่งที่มันถ่ายสตอรี่


เอ๊ะ


ผมเงยหน้าขึ้นมา คนตรงหน้าเป็นไอ้โฟลทที่กำลังเอาไม้จิ้มฟันแคะเศษอาหารที่ติดเหล็กดัดฟันของมัน ผมหันหน้าไปทางซ้ายอย่างรวดเร็ว

ใจเต้นแทบจะหลุดออกมา ความรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วอก เพราะตอนที่ผมหันหน้าไปทางซ้ายมือก็เจอไอ้เจ้าของสตอรี่ที่ผมกำลังส่องอยู่ที่กำลังกระเซ้าเย้าแหย่หัวเราะกับเพื่อน


อยู่ดี ๆ มันก็หันมา


และสายตาของเราสองคนก็ประสานกัน


รอยยิ้มที่หลงเหลือจากการหัวเราะกับเพื่อน ๆ ยังคงหลงเหลืออยู่บนใบหน้า มันยิ้มบาง ๆ ยักคิ้วและหยักหน้าให้ผมหนึ่งทีเป็นการทักทาย


เหตุการณ์ดูสุดแสนจะธรรมดามาก ๆ


แต่พอเป็นคนที่เราแอบชอบนั้น...


มันกลับกลายเป็นเสี้ยววินาทีที่ทำให้โลกทั้งใบหยุดหมุนได้เลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด