(รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้องๆ)EP.68 เจ็บที่พูดไม่ได้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้องๆ)EP.68 เจ็บที่พูดไม่ได้  (อ่าน 3269 ครั้ง)

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-04-2024 20:42:18 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2024 21:40:17 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
             คำเตือน นิยายเรื่องนี้คนแต่งได้แต่งมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น เนื้อเรื่องจินตนาการขึ้นมาเอง เป็นแนวผู้ชายท้องได้ ถ้าไม่ชอบแนวนี้กดออกได้เลยค่ะ นิยายเรื่องนี้ไม่มีหลักวิชาการใดๆ มาอ้างอิง เนื้อหาอาจจะไม่ถูกต้อง เพราะนิยายเรื่องนี้แต่งจากจินตนาการของคนแต่งทั้งหมดค่ะ ถ้าผิดพลาดประการใดไรท์ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ไรท์ไม่มีเจตนาจะพาดพิงถึงองค์กร หน่วยงาน หรือสถาบันใด วิชาชีพใด หรือบุคคลอื่นใด ให้เกิดความเสียหาย ชื่อตัวละครและสถานที่ถูกสมมุติขึ้นมาเท่านั้นค่ะ ไม่มีอยู่จริง
เนื้อเรื่องบิดเบือนจากความจริงมาก
มีคำหยาบคาย (จะพยายามใช้ให้น้อยๆ)
มีNC บ้างประปรายช่วงหลังๆ ช่วงแรกอาจจะมีแต่ไม่เยอะมั้ง
เรื่องนี้มีหลายคู่หน่อยนะคะ หวังว่าจะไม่งงกันนะคะ
   
       นิยายเรื่องได้นำมาเขียนใหม่อีกครั้งเพราะว่าเนื้อหายังต้องแก้ไขเยอะเลย หวังว่าจะมีคนอ่านที่ชอบแนวพิสดาร นิยายเรื่องนี้เป็นแนวผู้ชายท้องได้ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ

         หกตระกูลที่มีอิทธิพล   พ่อของพวกเขาเป็นลูกๆ ของผู้มีอิทธิพลและร่ำรวยมหาศาลแต่ทว่าโชคร้ายตอนเกิดรัฐประหารรุ่นของพ่อของพ่อๆพวกเขา ถูกผู้ก่อการร้ายฆ่าเสียชีวิตทั้งหกตระกูล ทั้งหกตระกูลนี้มีความเชื่อมโยงกันและสุดท้าย เหลือไว้แค่พ่อพวกเขาที่เป็นตัวแทนของแต่ล่ะตระกูลที่รอดชีวิต คนที่เข้าไปช่วยพวกเขามาได้เป็นนายทหารหนุ่มไฟแรงในตอนนั้น เขายังหนุ่มและมีความสามารถแต่ว่าวันนั้นเขาไปไม่ทันที่จะช่วยไว้ทั้งหมดและเขาได้ทำหน้าที่ดูแลและสอนเขาแทนพ่อแม่ที่ถูกสังหารไปในฐานะผู้ปกครองนับจากนั้น เขาได้เข้ายึดอำนาจมาดูแลและปกครององค์กรนี้ชั่วคราว

      จนกระทั้งพ่อๆ ของพวกเขาพร้อมจะดูแลและบริหารจัดการเองได้ และด้วยความโชคดีที่พ่อๆ ของพ่อพวกเขา มีทรัพย์สมบัติมากมายและธุรกิจ ทีได้จากแต่ล่ะตระกูล พวกได้รับการช่วยเหลือจากสี่พี่น้องสายเลือดทหารสี่เหล่าทัพ เข้ามาให้ความช่วยเหลือและช่วยกอบกู้ทุกอย่างกลับคืนมาได้ จนกลับมามีอำนาจเหมือนเช่นที่ตระกูลของพวกเขาเคยมีและไม่มีใครไม่รู้จักพวกเขา และสิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้จักพวกเขาดีนั้นคือ เขาเป็นเกย์ แต่ว่าการมีธุรกิจมากมายมันทำให้พวกเขาต้องมีทายาทและทายาทเขาก็มากจากหลักวิทยาศาสตร์ โดยมีหนึ่งในห้าตระกูลที่เป็นแพทย์และแพทย์ทหาร มีความสามารถในการทำเด็กหลอดแก้ว ลูกๆของพวกเขาก็มาจากวิธีนี้ทั้งหมด (มีรวยช่วยไม่ได้จริงๆ) 

   หลังจากที่กอบกู้ทุกอย่างมาได้ด้วยความสามารถ เขาก็ได้ก่อตั้งองค์กรลับขึ้นมา องค์กรนี้มีอิทธิพลทางธุรกิจและเป็นนายทุนให้กับองค์กรต่างๆทั่วโลก องค์กรของเขาได้คัดสรรเลือกเด็กที่จะมาเป็นผู้นำหนึ่งคนจากลูกชุดล่าสุดที่เขาได้มาจากวิธีวิทยาศาสตร์ หลังจากที่พวกเขาได้รวบรวมนักวิจัยระดับศาสตราจารย์เพื่อมาร่วมวิจัยผลงานชิ้นใหม่ ที่สามารถทำให้เด็กผู้ชายตั้งครรภ์ได้ พวกเขาตั้งใจเพื่อนำมาใช่ในการคัดสรรเพื่อหาคนที่เหมาะสมเพื่อจะได้สืบทอดทายาทสายเลือดบริสุทธิ์ที่ได้มาจากเด็กที่เขาเลือกมาและจะมีหนึ่งในนั้น จะมีแค่คนเดียวที่ต้องเป็นผู้นำและเขายังได้สิทธิพิเศษคือเขาจะมีทายาทรุ่นต่อไปเพื่อสืบทอดผู้นำ

        แต่โครงการนี้กลับโดนกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยคัดค้านและ จากกลุ่มสตรีบางส่วน ที่ยังมีความคิดที่ล่าสมัยอยู่ พวกเขาไม่เห็นด้วยกับหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้ ว่าควรจะมอบให้ผู้ชายทำได้เหมือนต้น พวกเขาจึงคัดค้านและสั่งให้ปิดห้องวิจัยนี้ทันที แต่ยังมีอีกคนที่ต้องการแย่งชิงอำนาจไปใช่ในทางที่ผิดและเขาต้องการยึดโครงการนี้เพื่อไปทำสิ่งที่ผิดต่อมนุษย์ชาติเช่นกัน นั้นคือตระกูลของคามิน อดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่  เขาคือผู้ต้องสงสัยในการสังหารพ่อของพ่อพวกเขาอีกทีและเขาได้พาครอบครัวไปอยู่ต่างประเทศ ไปอยู่อย่างผู้ลี่ภัย เขาหลบไปเพื่อจะกลับมาทวงอำนาจอีกครั้ง       ภารกิจนี้จะเป็นของรุ่นลูกๆของพวกเขาแล้ว แล้วเด็กเหล่านี้จะทำได้หรือไม่

        แต่ตอนนี้พวกเขาได้ทำให้ลุงหนึ่งพี่ชายที่ดูแลพ่อๆ ถึงลุงหนึ่งจะคืนอำนวจทั้งหมดให้พ่อของพวกเขาแล้วเพราะว่าเขาไม่จำเป็นต้องใช้มันแต่ว่าเขาก็ยังเป็นที่เคารพและทุกการตัดสินใจยังคงผ่านลุงหนึ่งอยู่ดี และตอนนี้ลุงหนึ่งกำลังโกรธพวกเขามากที่ทำตัวเหลวไหลเพราะว่ารุ่นนี้เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีความคิดความอ่านเป็นของตัวเอง เป็นรุ่นที่ลุงหนึ่งกลัวว่าพวกเขากำลังจะพยายามเปลี่ยนกฏที่มีมาตั้งแต่ตอนที่เขาเข้ามายึดครองเพื่อดุแลแทนและยังเป็นรุ่นที่เรียกได้ว่า รุ่นขัดใจลุงหนึ่งเลยทีเดียว
เป็นรุ่นใจร้อนคอยหาแต่เรื่องไม่หยุดไม่หย่อน ทั้งที่จะเข้ามหาวิทยาลัยกันอยู่แล้ว ลุงหนึ่งจึงสั่งให้พวกเขา กลับไปเป็นนักเรียนชั้นมัธยมอีกครั้ง นี้คือการลงโทษ และโรงเรียนที่เขากำลังถูกส่งตัวไปนั้น มีปัญหามากมายหลายอย่างรอเขาอยู่ มีกลุ่มคนที่ต้องการให้โรงเรียนนี่ถูกหยุบ มีกลุ่มคนที่มีอิทธิพลเป็นพวกมาเฟียร์ท้องที่และยังมีกลุ่มเด็กเกเรที่หลงผิด คอยมาหาเรื่องกับเด็กในโรงรียนที่เขาจะถูกส่วตัวไป ปัญหาที่ยิ่งใหญ่แบบนี้พวกเขาจะทำได้หรือไม่

    แจ็ค

    บอย

  ดิว
     
  แอ้

    ติ๊ก

   พาย


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-03-2024 18:55:39 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
 
EP.1 ถูกเนรเทศ 1
            Part's ดิว  ผมชื่อดิว ชื่อจริง ศุภมงคล เดชาโรจนภูวดล บิดาผมคือ ศาสตราจารย์ ดร. พลเอก ภาณุเดช เดชาโรธรภูวดล พ่อผมเป็นแพทย์ทหารและเป็นผู้อำนวยการดูแลโรงพยาบาลในค่ายทหาร พ่อผมยังมีโรงพยาบาลหลายสาขา สาขาที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในกรุงเทพเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงเรื่องการทำ IVF
           
            ส่วนอาภีมปภพเป็นผู้ดูแลค่ายทหาร ตอนนี้อาภีมปภพติดยศนายพลแล้ว แถมยังเป็นคนรักของพ่อผมด้วยและเป็นพ่อตาในอนาคตของผม แต่พ่อตาผมยังไม่รู้เพราะลูกของพ่อเขาสนิทกับผม ตั้งแต่วัยเด็ก อาภีมขอให้พ่อดูแลแอ้กับผมมาพร้อมๆ กัน ดูแลกันมาตั้งแต่ยังเล็กๆ แถมเราเกิดวันเดียวกันอายุเท่ากันเพราะเราเกิดมาเพื่อบริหารองค์กรและเกิดมาพร้อมกับหน้าที่ที่ไม่อยากเลือกแต่ผมก็จะเลือกทำตามที่ใจของผมต้องการ

             แต่ว่าผมต้องหาข้อหักล้างกับลุงหนึ่งให้ได้ว่าทำไม ผมไม่อยากได้ตำแหน่งบ้าบอที่จะไปยืนคู่กับบอย อย่างที่เขาต้องการ ผมจะไม่ยอมให้องค์กรมาครอบงำจิตใจผมแน่นอน ดังนั้นพวกผมถูกเรียกว่ารุ่นขัดใจลุงหนึ่งเกือบทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นรุ่นหลานที่แสบที่สุดของลุงหนึ่งเลยทีเดียว
 
              “ดิว อย่าลืมอ่านหนังสือและเตรียมตัดสินใจว่าจะไปทางไหน พ่อจะได้แนะนำเราได้ถูก ดิว” พ่อภาณุเดชหรือนายแพทย์พันเอก ภาณุเดช คุณหมอทารทีเก่งเรื่องการทำคลอดและทำเด็กหลอดแก้ว
ขณะนี้รถเก๋งคันหรูของพ่อผมแต่ว่าคนขับคือพี่ชายคนโตของบ้านดอกเด็ก แต่ล่ะคนจะมีชื่อขึ้นต้นเหมือนๆกัน ดังนั้นจะแยกไปแต่ล่ะบ้านของแต่ล่ะตระกูล เช่นบ้านของผม ก็จะขึ้นต้นด้วยดอเด็กทั้งหมด พี่ดิม พี่ดรีม พี่โดม พี่ด้า พี่เดฟ พี่แดน พี่เดย์ พี่ดิ๊บและผมดิว ตอนแรกก็จบที่ผมแต่จู่ๆพ่อก็ได้ไอ้เดียร์มาเป็นน้องคนสุดท้องพวกผมซะงั้น
 
       พวกผมกำลังถูกส่งไปเป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลายอีกครั้งจากที่เรียนจบแล้วพร้อมเข้ามหาวิทยาลัย  พวกผมเลยต้องหยุดและเปลี่ยนมาเป็นเรียนออนไลน์แทนบางวิชาเพื่อเครียมเข้าสู่รั่วมหาวิทยาลัยของจริง อันนี้สิทธิ์พิเศษที่ลุงหนึ่งช่วยให้พวกผมไม่เสียเวลาฟรีแต่ว่าเรื่องทำโทษยังคงต้องทำเหมือนเดิม ระยะเวลาหนึ่งปีนี้
             พวกผมต้องแก้ปัญหาทีเกิดขึ้นในโรงเรียน อันนี้ทำให้พวกผมถึงกับขมวดคิ้วไปตามๆกัน ก็ผมไม่ใช่ผู้อำนวยการนี่ครับและสาเหตุที่พวกผมต้องมาก็เพราะว่าพวกผมดันไปมีเรื่องชกต่อยกับลูกนักการเมืองและไอ้คนนี้มันก็เป็นเพื่อนกับไอ้ฌอน ลูกของอีกตระกูลที่อยากจะแย่งอำนาจพวกผมไป ผมไม่รู้ว่าเขาคือใครแต่ว่าเขาชื่อคามิน เขาอยากให้ลูกชายของเขาขึ้นแท่นแทนบอย ถามว่าไอ้ฌอนมันเหมาะสมไหม

           ผมว่ามันไม่เหมาะสมที่จะมาเป็นผู้นำองค์กร มันมีเรื่องยาเสพติด เรื่องผู้หญิงและอีกอย่างมันปิดบังบางอย่างที่ไม่โป่รงใส มันน่าจะมีประวัติฆ่าคนตายแต่ว่าไม่มีใครกล้าเอาผิดมันได้ บรรดาพ่อผมมีอิทธิพลก็จริงแต่คนล่ะหน่วยงานเหมือนคนกับคนละสีแล้วคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องประมาณนั้นเพราะว่าคุณคามินเขามีพวกพ้องที่ได้ตำแหน่งก็เพราะเขาทั้งนั้นดังนั้น ไม่แปลกที่เขาจะช่วยเหลือกันและสิ่งที่ทำให้เขายังคงรอดพ้นไม่ถูกเอาผิด นั้นคือเขามีเงินที่จะซื้อใจคนพวกนี้แต่บรรดาพ่อผมไม่เกรงกลัวอยู่แล้ว พวกผมแบคดีกว่า
       แต่จะว่าไปมันเป็นการลงโทษที่ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย อยากจะให้พวกผมเข้ามาช่วยบริหารองค์กรแต่ดันให้พวกผมหยุดที่จะเข้ามหาวิทยาลัยเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องนี่น่ะ ผมนั่งเปิดหนังสือฟุตบอลทีผมเอามาด้วยดูอย่างเสียมิได้ แต่จะว่าไปก็ดีอยู่น่ะ ผมจะได้อยู่ใกล้ๆแอ้ มากขึ้น ผมนะมีคนรักแล้วและคนรักของผมก็พิเศษซะด้วย ผมรู้เรื่องในองค์กรมากกว่าคนอื่นๆจากพ่อผมเองแต่ผมเป็นคนที่เก็บรักษาความลับได้ด้เพราะว่าพ่อขอผมเอาไว้ไม่อย่างนั้นพ่อคงไม่ไว้ใจที่จะเล่าทุกอย่างให้ผมฟังแน่นอน อันนี้กฎเหล็กบ้านดอเด็กเลยทีเดียว
         “ไกล้ถึงแล้วน่ะดิว” พ่อผมพูด ผมเหลือบไปมอง ที่พักหลังเขาแต่ว่าไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมแต่คงเป็นปัญหาของอีกหลายคน โดยเฉพาะพวกชอบท่องราตรีอย่างไอ้แจ็ค ไอ้ติ๊กและพาย
 
    “ดิว นี่คือสิ่งที่จะพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเรา ว่าพวกเราจะมีประสิทธิภาพแค่ไหนที่จะเข้าไปดูแลองค์กรขนาดใหญ่เพราะว่าที่มานี้ แค่โรงเรียนเอง พ่อคิดว่าเราทำได้' พ่อภาณุเดชพูดกับผม ผมนั่งหน้ามากับพี่ดิม พี่ชายคนโต พี่ดิมหันมาหยักคิ้วให้ผม
 
        “ดิว ก็อาศัยช่วงนี้ที่ว่างๆ อ่านตำราเตรียมตัวเป็นแพทย์ก่อนน่ะ พ่อจะให้เราเรียนพื้นฐานก่อน อ่านไปล่วงหน้าเลยเพราะต้องอยู่ที่นี่อีกหลายเดือนหรือจนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย” พ่อของผมพูด ผมต้องละสายตาจากหนังสือฟุตบอล (ใช่ ผมคลั่งไคล้ฟุตบอลมาก ผมเกือบจะได้เป็นนักฟุตบอลทีมเยาวชนแต่ว่าผมมีเรื่องซะก่อน ผมเลยต้องลาออกไม่ได้ไปต่อแต่ไอ้คนที่ทำให้ผมไม่ได้ไปต่อมันก็ไม่ได้ไปเหมือนกันเพราะว่ามันเจ็บหนักเพราะหมัดผมเอง มันเลยได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มแทน)  ผมหันหน้ามามองหน้าผมพ่อผม เป็นเชิงถามว่าปัญหาที่โรงเรียนที่พวกผมต้องไปจัดการนี้มันเยอะเลยเหรอ
 
         “ใช่แล้วดิว ปัญหาตรงนี้ค่อนข้างเยอะ พ่ออยากให้เรามีสติในการแก้ปัญหากันนะดิว” พ่อหันมาบอกผม ค่อนข้างซีเรียส ผมรู้ว่าพ่อๆถึงจะไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมาแต่ว่าเขารักกันและดูแลกัน ยิ่งกว่าพี่น้องท้องเดียวกันซะอีก ดังนั้นน้องชายพ่อเจอปัญหาก็จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือทันทีที่ทำได้
 
         “ถ้าอยากจะให้ลุงหนี่งเชื่อใจในฝีมือก็ต้องจัดการตรงจุดนี้ให้ได้และถ้าทำได้ ก็ไม่ต้องไปแคร์ว่าใครจะพูดถึงเรายังไง ถ้าเราอยู่ได้ด้วยความสามารถ มันจะกลายเป็นที่ยอมรับเอง เหมือนที่พ่่อๆทุกคนทำกันมา “พ่อหันมาพูดกับผม ผมแค่พยักหน้าเบาๆ
        “เรื่องห้องนอนที่เขาจัดให้นอนสองคนน่ะ พ่อจัดการให้แล้วน่ะ เราได้นอนกับแอ้” พ่อผมพูด ผมได้ยินแบบนี้ กำหมัดทันที
       “เก็บอาการหน่อยครับมึงครับ เขาให้มาแก้ปัญหาไม่ได้มาเพิ่มปัญหา ของเก่ายังไม่เคลียร์อย่าพึ่งรับงานใหม่มานะมึงนะ” พี่ดิมรีบทักท้วงทันที ผมหันมามองพี่ชายคนโต (ผมยังมีบางสิ่งที่บอกใครไม่ได้และนี้คือเหตุผลที่ผมไม่อยากทิ้งบ้านมาเลยจริงๆ แอ้ก็คิดเหมือนกันแต่สิ่งที่เกิดขึ้น มันยังไม่อาจจะบอกใครได้แม้กระทั้งเพื่อนที่เกิดวันเดียวกัน)
    “และมึงก็ช่วยใจเย็นสักนิดน่ะนะครับ ไอ้นักมวย ถ้ามึงยังหัวร้อนอีกละก่อ อาจจะได้ย้ายสำมะโนครัวมาที่นี่แบบถาวรเลย” พี่ดิมทำไมมันถึงได้ต่างจากพ่อผมเหลือเกิน พ่อน่ะให้กำลังใจแต่พี่นี้พูดมานี้ กำลังใจหดหมดเลยเนี๊ยะ!! นี้มันตัดกำลังกันชัดๆ
 
       “คราวนี้บ้านพ่อจะมีห้องว่างห้องหนึ่งทันที สมบัติพ่อก็ว่างหนึ่งส่วน” พี่ดิมบอกผมพร้อมกับฉีกยิ้มให้น้องด้วย ผมหันไปมองดิม ว่ายังไม่ทันไรจะไล่น้องออกจากบ้านพ่อเลยเหรอ T_T
 
       พี่คนนี้ชื่อดิม พี่ชายคนโตของผมบ้านผมใครก็รู้จักในนาม บ้านดอเด็ก พี่ดิม คือร้อยโท ศิรเดช เพิ่งผ่านพ้นวัยเบญเพศมาหมาดๆ พี่ดิมเป็นหมอทหารสุดโหดที่ล่าปีกมาประดับจนแน่นหน้าอก พี่ดิมคือทีมแพทย์ทหารที่อาสาไปรบเยอะมา และได้ไปฝึกยุทธวิธีใหม่กับต่างชาติ ต่างประเทศ แถมมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับทหารต่างชาติ พี่ดิมไปพร้อมกันกับคู่หูสุดโหดที่เป็นพี่ชายของเมียผม (ปล.พี่แกยังไม่รู้เลยแต่ถ้ารู้นี้ ดิวตายแน่ๆ คาตีนพี่อ้น ดิวเลยขอปิดไว้ก่อนนะครับอ้น)
 
      ตอนนี้รถที่มาส่งผมให้มาอยู่ไกลโพ้นแบบนี้ ไม่มีบ้านใครเลย มีหลังเดียวโดดเดียวเดียวดาย ใครมาสร้างว่ะผมคิดในใจ ผมหันไปมองหน้าพี่ดิม พี่แกยืนฉีกยิ้มให้ผมด้วยแต่รอยยิ้มนี้คือยิ้มที่พี่กำลังสมน้ำหน้าผมอยู่ชัดๆและถึงผมจะชอบความเงียบก็เถอะ ผมก็ยังอยากอยู่ที่บ้านมากกว่า บ้านที่มีครบ พ่อ พี่ชาย น้องชาย (แม้จะกวนไปหน่อย) และยังมีบางสิ่งที่สำคัญกับผมและแอ้มากอยู่ด้วย
 
     “พ่อ! นั้นอาภีม อาภีมพึ่งจะมาถึงเหมือนกันพ่อ” พี่ดิมหันไปมองก่อนจะหันมาบอกพ่อผม พ่อหันไปมองรถที่อาภีมนั่งมา ที่กำลังเลี้ยวเข้ามาจอดด้านในเหมือนกันและไม่ใช่ใครอื่น บ้านอออ่าง บ้านภรรยาสุดหล่อของผมนั้นเอง คนที่ขับมาก็คือพี่อ้น รถแรงแตกต่างจากรถของพ่อผม เรียบหรูดูดี วิ่งนิ่มมากหายใจยังดังกว่าเลย แต่ว่ารถพี่อ้นนี้แรงดีจริงๆ เสียงดัง วันนี้พี่อ้นเอารถเขามาเอง ส่วนพี่ดิมผมพ่อให้เอารถพ่อมาแทน เหมือนพ่อผมจะมีแผนการอะไรเอาไว้หรือเปล่าถึงได้ไม่ให้พี่ดิมเอารถแกมา ผมยืนมองรถคันนั้น พี่อ้นเลื่อนเปิดกระจกก่อนเพื่อจะได้ทักทายพี่ดิมแต่ว่าพี่อ้นโดนพี่ดิมชิ่งทักซะก่อน สองคนนี้คู่หูที่มีพี่อ้นต้องมีพี่ดิมแต่ว่าพี่แกกินกันไม่ลงจริงๆ
   
      “ไอ้อ้น รถมึงจะเน้นเสียงไปทำไมเพราะว่าออกตัวช้าเหมือนเต่าอยู่ดี ไม่อย่างนั้นคงแซงกูไปแล้ว เห็นไหมรถพ่อกูรุ่นคลาสสิกนั่งนิ่มมากแต่ยังเร็วกว่ามึงเลย” พี่ดิมรีบแซวพี่อ้นทันที ผมหันไปมองพี่ดิมอย่าทำว่าที่พี่เมียผมโกรธจะได้ไหม
 
      “กูก็อยากแซงมึงน่ะแต่พ่อกันหันมามองกู ประมาณว่า เบาได้เบาเถอะลูกแล้วกูที่รักพ่อขนาดนี้จะกล้าเหรอไอ้ดิมครับ” พี่อ้นลงจากรถมาได้ก็สวนพี่ดิมทันที
 
      “ไม่อย่างนั้น มึงไม่ได้แอ้มกูหรอกไอ้ดิม!!” พี่อ้นพูด ผมหันมามองพี่ดิมอีกที นี้คือคู่หูกันแบบนั้น พูด!! ข่มกันน่าดู พี่ดิมหรี่ตาลงมองผม
 
      “พี่ดิมจะไปทำให้พี่อ้นโกรธทำไมเนี่ย” ผมถามพี่ดิม พี่ดิมยิ้มกริ่มให้ผม
 
      “กูไม่ได้ทำมันโกรธกูแต่ว่ากูจะทำให้มันแค้นมึงฝั่งหุ่นเลยถ้ามันรู้ว่ามึงแอบเจาะไข่แดงน้องรักของมันไปแล้ว อันนั้นน่ะ น่ากลัวกว่าอีก” พี่ดิมพูดกระซิบกับ ผมหันไปมองช้าๆ นี่พี่กล้าส่งน้องไปให้พี่อ้นเพื่อนรักของพี่เฉือดเลยเหรอ
 
      “และไอ้พี่เขยมึงนี่น่ะ มีคติในหัวมันอยู่น่ะ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ” พี่ดิมกระซิบกับผม นี้ใช่คติแน่เหรอ
“ดังนั้นมังนั้นแหละที่อย่าทำให้เพื่อนรักอ้นของกูตต้องตั้งข้อสงสัยมึงขึ้นมา” พี่ดิมพูดพร้อมกับหยักคิ้วให้ผมสองทีติด ผมมองบนเพราะว่าไม่ได้ช่วยน้องเลยที่พูดมานั้นน่ะ
 
      พี่อ้นกำลังเดินอ้อมไปเปิดประตูให้อาภีมลงมา พี่ดิมรีบยกมือไหว้อาภีม ผมก็เช่นกัน พี่ดิมฉีกยิ้มให้พี่อ้นทั้งที่เมื่อกี้พี่ยังเมาส์พี่อ้นกับผมอยู่เลยน่ะ และอีกคนที่ตามลงมานั้นคือคนที่ผมรอคอย รอให้เดินลงมาเพราะว่าอยากจะวิ่งเข้าไปหาและขอสักทีเถอะคิดถึงเหลือเกินแต่ทว่า….
 
     “ปึก” มีคนเอาฝ่ามือมากันผมไว้ซะก่อน
 
     “ไอ้นี่!! มึงกลัวไม่ได้กินบาทาพี่เมียมึงเหรอ” พี่ดิมขยับมากระซิบถามผม
 
     “กฎของบ้าน กฎของพี่ชาย ถ้าน้องจะโดนซั่มเขาต้องประเคนเท้าหนักๆ ให้ก่อน มึงอยากได้แล้วเหรอ พร้อมแล้วเหรอที่จะเข้าไปกอดน้องไอ้อ้นมันต่อหน้าต่อตาแบบนั้น” พี่ดิมพูดเชิงกระซิบพร้อมกับเลิกคิ้วสูงแบบนี้
 
      “กูไม่เข้าไปห้ามนะมึงกูไม่อยากได้ลูกหลง กูเป็นพี่ที่รักน้องมากแต่อันนี้แยกแยะเอาไว้ในฐานที่เข้าใจกัน ว่าไอ้อ้นมันตีนหนัก” พี่ดิมพูดพร้อมพยักพเยิดให้ผมเข้าไปซิ พี่เล่นบอกสรรพคุณมาขนาดนี้ผมควรจะเข้าไปอีกเหรอ ผมเลยต้องยืนส่งยิ้มให้แอ้เฉยๆ แอ้ยืนมองผมก่อนจะหันไปมองพี่อ้น ส่วนพ่อผมนี่เดินตรงไปหาอาภีมทันที ไม่เกรงใจลูกๆ เลย
 
      “ทำไมพ่อทำได้อ่ะ” ผมถามพี่อ้น
 
      “อ้าวไอ้นี่!! พ่อเขาสอบผ่านไปนานแล้วมึง แต่ของมึงพึ่งส่งใบสมัครไม่ใช่เหรอและไอ้อ้นมันยังไม่เรียกตัวมึงเลย” พี่ดิมพูด
 
     “แต่ว่าผมน่ะเป็น…” ผมพูด
 
    “คุณพ่อวัยใส ใจแตกตั้งแต่ยังไม่สิบแปด” พี่ดิมพูดชมผม ชมแบบนี้เล่นเอาเขินเลยผม
 
    “ไม่มีสำนึกแถมยังเขินอีก ไอ้หน้าด้าน!!” พี่ดิมพูดชมอยู่นั่นแหละ จนกระทั่งพี่อ้นเดินเข้ามาหาผมสองคน เขามองผมกับพี่ดิมสลับกันไปมา ก่อนจะมาหยุดที่ผมตรงๆ ผมนี้เหงื่อแตกทันที
 
    “นี่มันสีหน้าคนที่โดนทำโทษเหรอวะ” พี่อ้นถามผม ผมหันไปมองแอ้เขาเดินตามพี่อ้นเข้ามาแบบนิ่งๆ
 
    “ต้องอย่างน้องกูนี่ สีหน้าแบบนี้ถึงจะถูกไอ้ดิว ทำหน้าสลด มึงสลดเป็นไหม!!” พี่อ้นถามผมพร้อมกับหันหลังไปชี้น้องรักของพี่เขา แอ้
 
    “สำนึกผิดอ่ะรู้จักไหม “พี่อ้นหันมาถามผมอีก
 
   “สมน้ำหน้าเล่นซ่ากันไม่เกรงใจใคร สุดท้ายโดยเนรเทศมาอยู่ในป่าเขาลำเนาไพร เวิ้งว้างมาก นี้ไม่มีเพื่อนบ้านให้พวกมึงชวนปาร์ตี้กันเลยเหรอ” พี่อ้นพูดพร้อมกับมองไปรอบๆ มันเป็นเรื่องจริง ไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย ตั้งตะหง่าน อยู่หลังเดียวเลยแต่มีรั่วรอบขอบชิด
 
    “มันไม่ต่างจากคุก ยินดีด้วยครับมึงครับ” พี่อ้นพูดและยิ้มให้ผม ผมหันมาพยักหน้ากับแอ้ แอ้อ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ด้วย หนังสือการ์ตูนแสลมดังที่ชอบอ่านมาก อ่านตลอด ติดตัวตลอดเลยด้วย อ่านกี่รอบก็ไม่เคยเบื่อ ส่วนผมเองก็บ้าฟุตบอล อ่านและดูทุกช่องทางที่มีฟุตบอล ผมเคยใฝ่ฝันว่าอยากเป็นนักฟุตบอล ผมเก่งและมีพรสวรรค์ และที่เก่งไม่ใช่ใครอื่น คนที่สอนผมคือพี่เดฟ พี่เดฟเกือบจะได้ติดทีมชาติ ถ้าไม่มีเรื่องเอารองเท้าสตั้น ได้ผลและคนที่มาพักที่นี้กลับตัดสินใจกลับก่อนกันเกือบหมด

******

              Part’ s แอ้ (นายเอกของดิว) ผมชื่อแอ้ ชื่อเล่นน่ารักแต่ก่อนไม่ได้ชื่อแอ้ ชื่อน้องอะไรสักอย่างผมก็ไม่รู้แต่ว่าผมป่วยหนักมากตอนเด็กๆ จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด พอเปลี่ยนชื่อเล่นผมเท่านั้นแหละ ผมก็ไม่ป่วยอีกเลยและผมก็ใช้ชื่อเล่นนี้มาตลอด ชื่อจริงของผมคือ ภรัณยู ผมเป็นลูกชายพ่อภีมปภพ นายพลที่ดูแลค่ายทหาร พ่อผมมีลูกหลายคน เรียกได้ว่าเยอะที่สุดในบรรดาพี่น้องห้าคน ผมเป็นเด็กพิเศษ ความพิเศษที่ไม่ได้อยากได้แต่ว่าผมเลือกไม่ได้และอีกอย่าง ผมไม่ได้เป็นคนถูกเลือกดังนั้น ผมเหมือนคนอยู่ไม่ถูกทีถูกเวลา อยู่ในช่วงที่เขาต้องการให้ยุติเรื่องโครงการนี้แต่ผมกับเป็นคนที่ต้องมีสิ่งนั้นในตัวผมเพราะความจำเป็นแต่เหตุผลใดผมไม่รู้พ่อภีมไม่เคยบอกผมเรื่องนั้นเลย ทั้งที่โครงการผู้ชายท้องได้เขาได้ยุติลงไปแล้วและให้แค่คนเดียวที่เราขอเพื่อสืบทายาทผู้นำองค์กรนั้นคือบอยเท่านั้น
 
           ถามว่าผมรู้ได้ยังไงว่าผมท้องได้เหมือนกับบอย ก็วันที่ผมพลาดกับไอ้ดิววันนั้นแหละและนั้นผมถึงได้รู้ทั้งที่พ่อภาเองก็ยังไม่แน่ชัดมาก่อนว่าผมจะท้องได้เหมือนกันและมันก็ไม่ได้พลาดครั้งเดียว พอพลาดแล้วมันได้ใจ ตอนนี้มาห้าคนแล้ว แถมผมก็ยังไม่สามารถจะบอกเรื่องนี้กับใครได้ แม้จะทั้งพ่อภีมของผมเองและพี่ๆ เพื่อนๆ ของผมด้วยเช่นกัน แม้กระทั่งคนที่สนิทมากอย่างติ๊กเพราะสิ่งที่เปิดเผยไป มันกระทบต่อองค์กรและคนที่จะเป็นผู้นำองค์กรอย่างบอยและที่กระทบมากผมกลัวจะเป็นพ่อภา
 
         “แอ้” ดิวมันขยับเข้ามาหาผม ไอ้นี้ก็มีโอกาสไม่ได้เลยน่ะ ผมละสายตาจากหนังสือหันไปมองหน้าไอ้ดิว พร้อมกับหันไปมองพี่อ้นกับพี่ดิม เขายืนดูคลิปวีดีโอกันอยู่สองคน
 
        “หมับ” นั้นไง มาจนได้มือมันน่ะ มากอดเอวผมจนได้ ผมรีบปัดออกพร้อมกับพยักพเยิดไปที่พี่อ้น ที่ยืนอยู่ มันไม่รู้หรือไงว่าพี่ผมยืนหัวโด่อยู่นั้นเพราะว่าเรื่องของผมยังไม่มีใครรู้เลยแต่จะมาแตกเพราะมันทุกที
 
        “อย่าดิว!” น้ำเสียงลอดไรฟันออกมาพร้อมกับพยายามดันไอ้หื่นนี่ออก มันหื่นไม่เกรงใจใครเลย ดิวมองหน้าผมแถมยังดื้อดึงไม่ยอมถอยออกไปอีก
 
      “มึงไม่เห็นเหรอพี่กูยืนอยู่นั้น” ผมพูด
 
     “พี่อ้นกับพี่ดิมเขายุ่ง นะ น่ะแอ้” ดิวพูด
 
     “มึงอย่าหาเรื่องได้ป่ะดิว “ผมหันมากำราบไอ้หื่นข้างๆผม
 
     “อ่านหนังสือเหรอ “ดิวถามผม ผมหันไปมองหน้าไอ้ดิว
   
     “กูยืนฟังเพลงอยู่มั้ง” ผมพูด ดิวยิ้ม มันกวนผมได้ดีจริงๆ
 
     “เอาอะไรมาบ้าง” ดิวถามผม
 
     “ก็หนังสือสำหรับอ่านเตรียมไปสอบทหาร โน้ตบุคเพราะว่ากูต้องติวออนไลน์กับพี่อ้นทุกวันหลังเลิกเรียนและของใช้อื่น” ผมพูด
 
     “เอายาทีพ่อให้ทาน มาด้วยหรือเปล่า” ดิงถามผม น้ำเสียงมันดูเป็นห่วงผมมาก ผมยิ้มตรงนี้แหละ
 
    “ไม่อยากให้แอ้ปวดท้องอ่ะ เป็นห่วง “ดิวพูดสายตาคู่นี้มันทำให้ผมใจอ่อนทุกทีและสุดท้ายไอ้คนตรงหน้าก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมมาก หนังสือที่ผมถือไว้ก็ลดลงเพราะว่ามันเหมือนโดนมนต์สะกด แต่จังหวะนั้นรถหรูแล่นเข้ามาพอดี ผมรีบผลักดิวออกจนกระเด็นออกไป เพราะไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครอยู่ในรถนั้น ติ๊ก ลูกชายคนเล็กของอาภาคย์
 
     ผมเข้าใจความรู้สึกของติ๊กน่ะ เราเคยสนิทกันมากสามคน ไปไหนมาไหนด้วยกันแต่ทุกอย่างเปลี่ยนไป ในวันที่ผมกับดิวพลาดแต่ที่พลาดเพราะดิว มีใจให้ผมมานานแล้ว ถามว่าผมรู้ไหม ผมรู้ว่าดิวชอบผม แต่ผมเองที่กันมันไว้ไม่ให้มันแสดงออกเพราะอะไรนะเหรอ ผมรู้ว่าอีกคนก็มีใจให้ดิวเช่นกัน

    “ลูกแหง๋ของแอ้มาแล้วน่ะ ไอ้ลูกติ๊กอ่ะ” ดิวพูด มันพูดเชิงประชด มันไม่ใช่ผมนี่ มันไม่เข้าใจหรอกว่าการเป็นคนกลางและเป็นคนที่รู้ทุกอย่างแต่พูดไม่ได้ อีกคนก็ไม่รับฟังอีกคนก็คอยแต่คิดว่าว่าผมนั้นแย่งหัวใจอีกคนไป ดังนั้นเลยไม่มีใครเข้าใจผมสักคน
 
     ทันทีที่รถเบนซ์คันหรูสีบอร์นคันหรู รถนำเข้าเข้ามาจอดสนิท เสียงเครื่องยนต์ดับสนิท ประตูรถด้านคนขับเปิดออก ไม่ต้องเดาให้มาเลยว่าใครขับมา ผมว่าพี่ตุ๊ พี่ชายคนโตบ้านตอเต่า พี่ตุ๊เคยเป็นเพื่อนสนิทกับพี่อ้น พี่ดิมมาก่อน เคยดูแลพวกผมตอนพากันไปเที่ยว ภาพนั้นผมจำได้ดี พี่อ้น พี่ดิม พี่ตุ๊และพี่โจแต่พอทุกคนโตและต่างพากันไปเรียนมหาวิทยาลัยกัน ภาพนั้นก็หายไปและสิ่งที่หายไปด้วยคือมิตรภาพของพี่ๆ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ติ๊กมันเองยังไม่รู้เลย
 
       “สวัสดีครับพี่ตุ๊” ผมกับไอ้ดิวยกมือไหว้พี่ตุ๊พร้อมกัน ไหว้แบบเกรงกลัว บรรดาพี่ๆ พี่ตุ๊นี่ดูแล้วดุที่สุดแถมเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนปกครองนักเรียนเยอะแยะ
 
      “หวัดดีวะ โชคดีน่ะที่ยังตื่นกันมาไหวน่ะ ได้ข่าวว่าไปส่งท้ายกันมาไม่ใช่เหรอ ” พี่ตุ๊พูดพร้อมกับมองผมกับพี่ๆคนละที ผมหันไปมองพี่อ้นกับพี่ดิมเช่นกันแต่พี่ทั้งสองก็ยกมือไม่รู้จะแก้ตัวให้ผมยังไง
 
     “ช่วยไม่ได้ คลิปพวกมัน ใครก็เข้าไปดูเพราะเขากลัวคุยกันไม่รู้เรื่อง ดังงข้ามคืนเลย นี้ไปจะห้าล้านวิวแล้วมึง” พี่อ้นพูด
 
      “ภายในแค่ไม่กี่ชั่วโมงเองและห้าล้านวิวนี้มันทำให้ถูกส่งมาอยู่ไกลโพ้นขนาดนี้ เร็วไหมล่ะ” พี่อ้นพูดต่อ
 
      “ว่าแต่ ท่านผอเถอะครับ สบายดีไหมครับ ไม่ว่างเจอกันเลยนะครับช่วงนี้ งานยุ่งเหรอ” พี่อ้นพูดทักทายพี่ตุ๊ พี่ตุ๊หันมามองพี่อ้นแว๊ปหนึ่ง
 
      “ก็ไม่ได้ว่างมากจนลอยไปลอยมาเหมือนพ่อพวงมาลัยเหมือนมึงสองคนนิ ว่างมากและดูออก” พี่ตุ๊พูดมองพี่อ้นแค่แว๊ปเดียวก็หันไปเพื่อเปิดประตูให้ลุงภาคย์ลงมาจากรถ
 
        หลังจากที่ลุงภาคย์เดินลงมาพร้อมกับพยักหน้ากับพี่ตุ๊ แสดงว่าอีกคนไม่ยอมลงมาจากรถแน่นอน เมื่อตอนเช้าตรู่ผมโทรหามัน มันก็โวยวายไม่อยากจะมาเพราะว่าไม่อยากไปอยู่ที่กันดารแต่ผมเดาว่ามันคงนั่งร้องไห้มาตลอดทางเข้าเพราะว่ามันกันดารกว่าพี่พวกผมจินตนาการกันเอาไว้อีก ไม่มีเพื่อนบ้านเลยสักหลังแต่สภาพบ้านหรูพอสมควรไม่ถึงกับหรูหรามาก แต่ดีกว่าบ้านแถวนี้ ผมไม่แปลกใจถ้ามันจะไม่อยากก้าวขาลงมาจากรถหรูๆ ของมัน ติ๊กคงรู้ว่าชีวิตติดหรูมันคงหายไปพักใหญ่ๆ เลย
 
       “จัดการด้วยน่ะตุ๊ น้องเราไม่ลงมาจากรถ” อาภาคย์หันไปบอกพี่ตุ๊ ผมสองคนยกมือไหว้อาภาคย์และพี่ๆ ผมเช่นกัน อาภาคย์เป็นน้องชายพ่อภา (พ่อสามีผม) และเป็นพี่ชายของพ่อผมพ่อภีม ผมเลยเรียกลุงส่วนดิวก็เรียกอาครับ
   
       “พ่อเราไปไหนล่ะ พี่ชายกับน้องชายลุงน่ะ” ลุงภาคย์ถามพวกผม
 
       “พ่อผมกับลุงภา ไปดูใบครับลุง” พี่อ้นเป็นคนตอบ คำตอบนี้ทำเอาให้ผม ไอ้ดิว และพี่ดิม สะบัดหน้าหันไปมองพี่อ้นพร้อมกันทันที
 
       “อ้าว!! ไปตอนไหนล่ะแล้วไม่มาด้วยกันเหรอ” อาภาคย์ตกใจก่อนจะหันมาถามพวกผม
 
      “ไม่เห็นบอกกันเลยว่าจะไม่มา “อาภาคย์พูดเชิงต่อว่าเล็กน้อย
 
      “มาครับลุงแต่ว่าพากันไปดูใบ แต่ไปดูใบไม้ใบยาด้านข้างๆโน้นนะครับ แต่ถ้ายังหายไปนานๆอีก ผมคิดว่า พ่อผมกับลุงภาคงจะไปยังปักกิ่งกันต่อ ปักกิ่งไม้ใบหญ้ากันต่อแน่นอนครับลุง” พี่อ้นตอบ อาภาคย์มองพี่อ้นก่อนจะหันไปมองพี่ตุ๊อีกที ส่วนพี่ดิมยืนกุมหน้าผากทันที
 
      (กูอยากเลิกคบไอ้พี่เขยมึงจริงๆ ถ้าทำได้) พี่ดิมกระซิบข้างหูผม แถมยังเรียกพี่เขยอีกต่างหาก ผมหันมามองพี่ดิม อย่าเรียกแบบนั้นดิ
 
     “เออตุ๊!! “ลุงภาคย์เรียกพี่ตุ๊ คนที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ามองพี่อ้น พี่อ้นก็หยักคิ้วหยอกๆ ให้พี่ตุ๊อีก
 
     “แบบนี้ ที่บ้านเรียกกวนตีนนะพ่อ” พี่ตุ๊พูด ลุงภาคย์พยักหน้ารับทันที
 
     “อันที่จริง น้องชายลุงนี่ ค่อนข้างเรียบร้อยน่ะ ลูกชายมันไปเอามาจากไหนวะ เกรียนๆ แบบนี้” อาภาคย์พูด
 
     “ใครก็แปลกใจครับลุง นึกว่าพ่อไปเก็บผมมาจากถังขยะ” พี่อ้นพูด บ้านผมน่ะเกรียนทั้งบ้านเลยมีผมนี่แหละที่ไม่เกรียนเพราะกลัวพี่อ้น หรือว่าจะเป็นผมเองต่างหากพ่อไปเก็บมาจากถังขยะกันแน่
 
     ลุงภาคย์ก็เดินไปตามที่พี่อ้นชี้นิ้วไปว่าพ่อกับลุงภาเดินหายไปด้วยกัน คงแอบไปคุยอะไรกันแน่ๆ ผมหันมามองพี่ตุ๊ ดูท่าจะงานเข้า ไอ้ติ๊กไม่ยอมออกมา
 
    “แอ้เรียกเพื่อนเราลงให้พี่ทีซิ ไม่ยอมลง ร้องไห้หนักมาก ให้มาอยู่ที่นี้ทำยังกะพี่กับพ่อพาไปส่งอยู่เรือนจำจริงๆ อย่างนั้นแหละ” พี่ตุ๊พูด
 
     “ไม่ใช่แต่มันก็เหมือนมาก เหมือนติดคุกเลย ดูดิ ไม่มีอะไร ไม่ต่างกันเลย ไปอยู่เกาะสวาทหาดสวรรค์ยังดีกว่า ให้อยู่นี้ไม่เอาอ่ะ ไม่ลง!!!” ไอ้ติ๊กมันตะโกนออกมา จังหวะนั้น โทรศัพท์พี่ตุ๊ดังขึ้นพอดี ผมพยักหน้ากับพี่ตุ๊ว่าผมคุยกับไอ้ติ๊กมันเอง
 
     “ติ๊ก ออกมาดิว่ะ ถึงแล้ว” แอ้บอกคนที่นั่งอยู่ในรถ
 
     “ไม่ลง กูจะกลับบ้านกูและบ้านนี้แม่งตั้งอยู่หลังเดียวเลย บ้านใกล้เลือนเคียงก็ไม่มี ไม่ต้องถามหาเพื่อนบ้านเลย ไม่มีนแน่นอน มีแต่ทุ่งหญ้า สัญญาณมือถือก็มีเหมือนไม่มี โทรออกก็ไม่ได้ ห่วยแตก ห้างสรรพสินค้าก็ไกลฉิบหายเลย กูไม่อยู่ กูจะกลับบ้าน) )) )) )” ติ๊กพูดและทำท่าจะไม่ยอมลงมา
 
     “เข้าไปกันเถอะแอ้ ปล่อยให้เด็กโขร่งนี้ไป งอแงไม่ไหวน่ะแบบนี้ อายุตั้งเท่าไหร่แล้ว อันที่จริงมันน่าจะกลับไปเรียนอนุบาลแทนมัธยมปลายน่ะ วุฒิภาวะไม่เพียงพอ” ไอ้ดิวพูด ผมสะบัดหน้าไปมองหน้ามัน นี้มึงช่วยแล้วเหรอ แต่ว่ามันกลับก็ได้ผล ไอ้คนที่ผมว่าอยู่ก็รีบหมุดออกมาจากรถเก๋งคันหรูทันที
 
     “ไอ้ดิวมึงว่ากูเหรอ ใครวะเด็กโขjง!!” ติ๊กพูดและมันก็หลงกลของผมเต็ม เสียงกดล๊อกประตูดังจากรีโมทของพี่ตุ๊ พี่เขาหันมายกมือแท็กทีมกับไอ้ดิวทันที
 
     “ไอ้ดิว!!!! ไอ้เชี่ย!! หลอกกูลงมาทำไมเนี่ย!!” ไอ้ติ๊กหันไปด่าไอ้ดิวทันที ไอ้ดิว มันหยักไหล่ก่อนจะเดินหันหลังเข้าบ้านไป ผมหันมามองติ๊ก พี่ๆ ก็พากันเดินเข้าบ้านไปแล้วด้วย ผมมองหน้ามัน ผมพยักหน้าว่าตามเข้าไปด้านในเถอะ ติ๊กมันก็เดินไปด้วยกดมือถือไปด้วย ผมมองหน้ามัน ผมเดาว่าเขายังไม่ได้ติดตั้งอะไรให้ตอนนี้ สัญญาณอินเทอร์เน็ตยังไม่มีแน่นอน ส่วนสัญญาณมือถือไม่ต้องถามถึง ต่ำมากถึงมากที่สุด
 
    “ไม่มีสัญญาณ จะอยู่ยังไงวะ “ติ๊กถามขึ้น
 
     “ก็ดีน่ะ มึงเคยโพสต์ไม่ใช่เหรอว่าจะไปอยู่ป่าเบื่อความวุ่นวาย” ผมพูด
 
      “แต่นั้นกูหมายถึงถ้ามีอินเทอร์เน็ตโว้ย!!แต่นี่ไม่มีอะไรเลย สัญญาณอะไรก็แทบจะไม่มี มึงให้กูอยู่ยังไงไอ้แอ้” ติ๊กพูด ผมมองไอ้ดิวมันหันมามองผมเป็นระยะๆ ผมเดาสายตามันได้ มันไม่ค่อยพอใจที่ผมคอยตามใจติ๊ก ก็ผมเหมือนพยายามเชื่อมให้ดิวกับติ๊กและผมกลับมาเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิม ไม่ใช่ให้มันมีแค่ผมคนเดียวแบบนี้

       TBC....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-02-2024 18:43:08 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
     
  EP.2 ถูกเนรเทศ 2
       Part’ s ดิว ผมนั่งมองแอ้ ที่นั่งเอาใจไอ้ติ๊กน่าดู ผมไม่เข้าใจว่าทำไม ผมก็รู้ว่าไอ้ติ๊กกับผมและแอ้น่ะเคยสนิทกันมากแต่ว่าคนเรามันก็ต้องมีช่องว่างระหว่างกันบ้างและที่สำคัญ ตอนนั้นไอ้ติ๊กมันเริ่มเข้าวงการบันเทิง ทั้งที่ลุงหนึ่งเรียกมันไปว่าเรื่องรับงานเล่นหนังเล่นละครถ่ายแบบ แถมถ่ายแบบนี้ก็หวิวซะไม่มี ลุงหนึ่งเขาไม่ชอบ มันก็ขัดใจเขาตลอดและตอนนั้นมันทำให้ผมได้แสดงให้แอ้รู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับแอ้ จนสุดท้ายผมก็ทำให้แอ้เป็นของผม ผมรู้ว่าหัวใจแอ้ก็คือของผมมานานแล้วเช่นกันแต่นี่…อะไรพอเจอไอ้ติ๊ก ไปกับมันทันที

     ผมนั่งมองก่อนจะหันมาเห็นสมาชิกอีก บ้านพ.พาน มาถึงแล้ว นั้นคือพาย น้องพายเป็นน้องคนเล็กของบ้านพอพาน ลูกชายอาเปรมดิ์น้องชายของบรรดาพ่อผมแต่ไม่ใช่คนเล็กที่สุด ยังมีอาเป้อีกคนแต่เท่าที่ผมทราบ อาเป้ไม่ใช่หนึ่งในห้าตระกูล ผมก็ยกมือไหว้อาเปรมดิ์ ส่วนน้องพายนี้เดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าแบรนด์เนมสุดหรู กางเกงน้องสั้นมาก พี่อ้นกันพี่ดิมเขานั่งดื่มน้ำกันและหันมาเจอน้องพายเข้าให้
      “พล้วด!!!” น้ำกระฉอกออกมาทันทีจากพี่สองคน
      “แคร็กๆๆๆ” พี่อ้นพี่ดิมพากันสำลักน้ำไปตามๆ กัน
      “แหม แค่นี้ก็ไม่เก็บอาการนะพี่ดิมพี่อ้น” พายพูด
      “ใจสั่นเลยทันทีที่เห็นอะไรสั้นๆ แบบนี้ ออกมานี้ปรึกษาใครบ้างยังเนี๊ยะ!! “พี่อ้นถามพาย น้ำเสียงประชดชัดๆ เลย
      “มาเดินป่าน่ะไม่ได้มาเดินชายหาดครับน้องครับ” พี่อ้นพูด
     “พี่อ้น ดูอากาศเมืองไทยซิร้อนขนาดนี้ ถ้าไม่เกรงใจว่าพ่อมาส่ง คงใส่บิกินนี่มาแล้วพี่” พายพูด
     “บุญแท้ๆ ที่ยังคิดได้…เนอะ!!” พี่อ้นพูด น้องพายแอบค้อนพี่อ้นก่อนจะเดินมาหาผม ยิ้มแบบนี้มันสร้างความสยดสยองให้ดิวหนักเชียว
     “ดิว พายคิดคิดถึงอ่ะ กอดทีดิน่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีผู้ชายล่ำๆ ให้กอด” พายพูด
     “ไม่ดีกว่าแค่ยิ้มให้ก็ดีใจแล้ว” ผมรีบห้ามเพราะว่าพี่พีชหันมามองพอดี พี่เขายิ่งหวงน้องอยู่และที่สำคัญ ผมไม่ถนัดแบบพาย
      “ทำไมอ่ะ” ยังมาถามอีก ผมชี้นิ้วไปที่พี่มึงนั้นพี่พีช ที่ยืนเท่อยู่ตรงนั้น ถึงไม่ใช่พี่แพทแต่พี่แกก็โหดไม่แพ้กัน ผมรู้ว่ามาว่าพี่แกอยู่หน่วยเดลต้าฟอร์ทอยู่น่ะตอนนี้ถึงจะพึ่งจบใหม่ก็เถอะแต่ผมแอบคิดในใจไอ้คนที่อยากกอดก็ไม่ได้กอด
       “อีพาย มึงมาถึงก็ว้อนท์เลยน่ะ “ติ๊กหันมาพูดกับพาย
       “อิจฉากูละซิ “พายพูด
       “เออ แอ้กูปวดฉี่ว่ะ ไปห้องน้ำกับกูหน่อยดิ” ผมหันมามองแอ้ว่าไปไหนอีก แอ้สั่นหัวให้ผมเบาๆ ก่อนจะหันไปพยักหน้ากับติ๊กเพราะว่ามันเจาะจงชวนแอ้ทันที
        “ท่อไอ้ติ๊กมันติดกับท่อมึงเหรอแอ้ มึงไม่ต้องเซย์เยสกับมันบ่อยก็ได้น่ะแอ้ ให้มันไปเองบ้างเถอะ” พายถามแอ้ก่อนจะนั่งลง
        “ต่อให้กูปฏิเสธมันก็ลากกูไปอยู่ดีป่ะพาย” แอ้พูด ผมน่ะไม่เคยเห็นแอ้ปฏเสธไอ้ติ๊กสักครั้ง น้อยมาก
        “งั้นเราไปกันบ้างไหมอ่ะดิว ไหนๆ ไปด้วยกันสี่คนเลยแต่แบ่งเป็นสองคู่ไง แข่งกันดูซิว่าใครจะ ฟินกว่ากัน” พายหันมาชวนผมไป ผมนี้อยากจะเป็นลม ผมรีบโบกมือทันทีไม่เอา
       “ไม่เอาอะ ดิวยังไม่ปวดและพึ่งไปเข้ามาด้วย” ผมซิรีบปฏิเสธพายทันทีผมเดินหนีไปที่ตรงหน้าต่างแทนทันที ไปมองบรรยากาศรอบๆ จะว่าไปก็ดีอยู่น่ะ ร่มรื่นดีแต่น่าแปลกว่าบ้านหลังนี้ถูกสร้างเอาไว้ทำไมหลังเดียวโดดเดี่ยวขนาดนี้ ผมเห็นพ่อผมกับอาภีมและอาภาคย์เดินคุยกันมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดมาพร้อมกันแบบนี้แสดงว่ามีเรื่องหนักใจเกิดขึ้นแน่ๆ
        “ดิว” พี่ดิมเดินมาสะกิดผม ผมหันไปมองพี่ดิม
        “พี่ดิม พ่อมีเรื่องอะไรหรือเปล่าพี่ ดูสีหน้าพ่อ สีหน้าอาภีมและอาภาคย์ เหมือนมีเรื่องเลยอ่ะ” ผมถามพี่ดิม ผมว่าพี่ดิมน่าจะรู้ดี พี่ดิมมองหน้าผม
       “ถามทำไมล่ะ” พี่ดิมถามผมกลับ
      “ถ้ามีและเป็นเรื่องของพวกผม ผมอยากช่วยไงพี่ดิม” ผมบอกพี่ดิม
      “พี่เชื่อว่าพ่อคงจัดการมันได้นะดิวแต่ถ้าดิวอยากจะช่วย ก็แค่ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมาให้สำเร็จ แค่นี้ หนึ่งปีเองก็ได้กลับไปใช้ชีวิตปกติแล้ว จัดการที่ลุงหนึ่งบอกมาให้ได้ แค่นี้ก็ช่วยพ่อได้เยอะแล้วดิว แค่พวกเราไม่ทำให้อะไรมันแย่ลง แค่นี่แหละพี่ว่าพอแล้ว” พี่ดิมบอกผม ผมเข้าใจที่พี่ดิมบอก

           ภารกิจที่ผมได้รับกันคืออะไรกันแน่ผมเองยังไม่รู้เลยแล้วผมจะทำมันยังได้ยังไง เห็นบอกว่ามีพวกมีอิทธิพล ทำให้เด็กเรียนเก่งๆ ย้ายไปจนหมดเหลือไว้แต่เด็กเกเร แล้วพวกผมจะไปทำอะไรกับมันได้ ถ้าไม่ให้ใช้กำลังเพราะที่โดนทำโทษก็เพราะพวกผมใช่กำลังกับพวกปากดีทั้งนั้น ให้ไปยืนคุยกับพวกมันเหรอ ผมว่าไม่มีทางหรอกมั้ง
          “ห้องน้ำแม่งไม่เหมือนห้องน้ำที่ที่บ้านเลยไม่ทันสมัยเลย อ่างอาบน้ำก็ไม่มี ถ้าต้องอยู่ กูให้พ่อเอาอ่างกุชชี่มาลงดีกว่า” ติ๊กพูดไปบ่นไป ผมหันไปมองทั้งสามคนเดินออกมาพร้อมกัน ผมหันไปมองก่อนจะหันมาพี่ชายผม เขากอดอกมองทั้งสามคนเช่นกัน ผมยอมรับว่าบ้านผมนั้นมีอะไรคุยกันได้ทุกเรื่อง พี่ดิมพยักพเยิดกับผม ผมหรี่ตามองพี่ชายว่าอะไร จะสื่ออะไรกันแน่
           “นี่มึงยังจะหึงแอ้อีกเหรอ กูดูแล้วก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่า สมาคมเมียทั้งนั้นเลยสามคนนั้นน่ะ” พี่ดิมพูด ผมหันมามองมันแน่เหรอ เมียผมเห็นแบบนี้ก็ออกจะแมนน่ะ
            “เออ ยอมรับว่าแอ้ ดูแมนกว่าสองคนนั้นเยอะแต่ไม่น่าจะใช่อย่างที่มึงคิดน่ะพี่ว่า” พี่ดิมพูด
           “สาวเสียบเปล่าเมียมึงอ่ะ” พี่ดิมพูด ผมหันมามองไม่ใช่
           “มึงโดนยัง!” ยังถามกล้าถามมาได้
           “ไม่เคย!!” ผมบอกปฏิเสธทันที

        พ่อผมกับอาภีมและลุงภาเดินกลับเข้ามาพอดีและตรงไปยังห้องนั่งเล่นอีกห้องที่นี้เขามีสองห้องนั่งเล่นและที่พวกผมนั่งกันอยู่เป็นบาร์ที่เขาจัดเอาไว้ เอาใจขาดื่ม จะว่าไปก็เอาใจอยู่น่ะ ให้ดื่มได้ที่นี้แต่ห้ามออกไปไหนแน่นอน
         “ไอ้ดิม มึงได้ดาวน์โหลด คลิปน้องๆ เขามาดูกันหรือยังว่ะ ถ้ายังรีบนะมึงก่อนจะโดนลบ” พี่อ้นพูด คลิปฉาวที่พวกผมไปทำจนได้เรื่องนะเหรอ
         “ไอ้ตุ๊มึงอ่ะ ดาวน์โหลดหรือยังว่ะ เดี๋ยวคุยกับใครเขาไม่รู้เรื่องหรอกว่า น้องๆ ที่รักของพวกเราไปทำอะไรไว้ โด่งดังไปไกล” พี่อ้นแซวพี่ดิมทันที พี่ดิมหันมามองก่อนจะวางปากกาที่ใช้คู่กับไอแพตคู่ใจของพี่เขา ส่วนพี่อ้นเขาดูจากมือถือรุ่นใหม่หน้าจอใหญ่ยักษ์
      “ไม่เอาแล้ว เมมกูเต็มเพราะคลิปพวกมันนี่แหละ” พี่ดิมพูด ผมเอามือแตะหน้าผากตัวเอง พี่ควรจะปฏิเสธเขาบ้างก็ได้น่ะ พูดแบบนี้มันช่วยเขาซ้ำเติมน้องตัวเองแท้ๆ
       (มาดิ มึงอยากบวกก็เปิดมา พวกกูพร้อมบวก มึงแม่งปากดี ปากน่าวางเท้าว่ะ รองเท้ากูเล็กแต่หนักว่ะ เอาไหม?) พี่อ้นเปิดคลิปเสียง อันนี้เสียงไอ้ติ๊กเลย อยากบวกก็เปิดมา
      “อันนี้น้องมึงอ่ะไอ้ตุ๊” พี่อ้นพูด พี่ตุ๊หันมามองไอ้ติ๊กทันที
       “พี่อ้นเปิดไปช่วงนาทีที่ยี่สิบกว่าดิ” ติ๊กพูด พี่อ้นก็เปิดไปอีกจนถึงที่ติ๊กบอก
       “อุบ๊ะ!! ไอ้แอ้ มึงฟาดเขาแบบนี้ ใครต้องไปจ่ายค่าทำจมูกมันว่ะมึง ดูดิ ไอ้เชี้ย! เบี้ยวไปเลยมึง” พี่อ้นพูด นั้นเมียผม ถึงได้บอกว่าเมียผมไม่อ่อนแอ่น แบบนี้ที่ผมชอบ
       “เดี๋ยวน่ะไอ้ดิม ห้านาทีต่อมา น้องมึงแม่งโชว์ท่ายาก หนุมานถวายแหวนเขาไป ถึงกับสลบกลางอากาศเลยนะมึง นี้ขนาดมึงบอกพ่อมึงลุงกูอ่ะ ว่ามึงก็อดทนแล้วน่ะแน่เหรอ “พี่อ้นพูดพร้อมกับหันมามองหน้าผม
        “พ่อกูเห็นแล้ว ช๊อตฟิลพ่อกูมาก มันวางยาสลบเขาด้วยมวยไทยพี่กูยังทำไมได้เลย และนี่มันก็แม่ไม้มวยไทยที่พ่อกูเองส่งไปเรียนมาแท้ๆ พ่อบอกว่ากูคิดผิดจริงๆ “พี่ดิมพูด พวกพี่อ้นพี่ดิมเขาคุยกันเป็นเรื่องตลกแต่พวกผมนี้คือ ช๊อตฟิลตรงที่ชะตาชีวิตเปลี่ยนในช่วงข้ามคืนเท่านั้นเอง ชีวิตที่ได้เป็นนิสิตนักศึกษาแต่กลับกลายเป็นว่ามาเป็นเด็กมัธยมเหมือนเดิม
        “พากันฟ้าดเขาไม่ยั้งแบบนี้แล้วมานั่งคอตกกันทำไมครับ น้องๆ ครับ” พี่อ้นถามทุกคน
        “ทำไม ไม่คิดซะก่อน จะได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยกันอยู่แล้วหรือว่าอยากเป็นเด็กมัธยมไปเรื่อยๆ” พี่อ้นพูด แต่ล่ะคนหันมามองหน้ากัน
        “แต่ชุดมัธยมมันก็น่ารักอยู่น่ะ พี่นี่ก็ชอบมาก” พี่อ้นพูด
        “วัยกำลังน่าทานเลย “พี่อ้นพูดอีก
        “แต่ฟังน่ะ พวกพี่ๆ ก็โดนกันมาเหมือนๆ ที่เราโดนนั่นแหละ อดทนบ้าง ทำอะไรคิดถึงพ่อหน่อย “พี่อ้นพูดสอนพวกผม ผมหันมามองเมียผม แอ้ พี่อ้นกำลังจะให้โอวาทว่างั้น
         “พวกพี่น่ะ อดทนมาก!! น่ะที่ผ่านๆ มา” พี่อ้นพูดสีหน้าจริงจังมาก
         “อดทนที่จะไม่ฟาดปากพวกนั้นน่ะเหรอพี่อ้น ทำได้ไงอ่ะ พวกผมนี่ โอ๊ย!! ทนไม่ได้อ่ะ” พายพูด
          “อดทนที่ฟังพ่อบ่นแทนโว้ย ฮาๆ” พี่อ้นพูดพวกผมถไลไปกับโต๊ะพร้อมกันเลย
          “แต่ไอ้พวกนั้นน่ะ มันหมอบตั้งแต่มันเริ่มต้นแล้ว ไม่ต้องรอมันพูดจบ พี่ก็ไม่ทนครับ!!!” พี่อ้นพูดแต่อันนี้หักมุมมาก
          “คือมึงจะบอกน้องๆ ว่า มึงก็ไม่ได้ยืนนิ่งๆ ว่างั้นเถอะ มึงก็ใส่เขาเหมือนกันไอ้อ้น” พี่ตุ๊หันมาพูด
          “อ้าว!! กูก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะโว้ย แต่กูไม่ด่ากลับเพราะกูด่าไม่ทัน แต่มือเท้ากูนี้ไวครับทันตลอด” พี่อ้นพูด ผมหันมาพยักหน้าพร้อมกันแล้วพี่เขาจะพูดทำไมว่ะ มันก็เหมือนๆ กัน
          “โธ่!! ฟังตั้งนาน สรุปที่พี่โดนน่ะคือโดนพ่อด่ามาเหมือนๆ กัน” ไอ้ติ๊กพูด
          “มีรถแล่นเข้ามาจอดแล้วว่ะ สงสัยไอ้แจ็คมาแล้วเนี่ย “ติ๊กรีบพูด ไอ้แจ็คนี่แหละที่ความอดทนต่ำกว่าคนอื่น มันใส่ไม่กลัวเลยแต่ทุกครั้งจบลงที่ผมทุกทีเพราะว่าพวกมันไม่ได้มีแม่ไม้มวยไทยเหมือนผม เสียงพ่อผมคุยกันทักทายอาภูมิ อาภูมิเป็นน้องชายของพ่อผมอีกที อาภูมินี้อยู่ที่ดูไบ เป็นเศรษฐีที่นั่นและลูกๆ ของอาภูมิก็มีเชื้อสายชีคด้วย รูปร่างหน้าตาแต่ล่ะคนคือหนุ่มหล่อแห่งแดนทะเลทรายทั้งบ้าน โดยเฉพาะไอ้แจ็ค ฉายาของไอ้นี่ ที่พวกนี้เขาเรียกว่าไอ้แจ็คผู้มาเพื่อฆ่าเพื่อน มาทีไรงานเข้าเพื่อนทุกที ผมนั่งมองคนที่เดินเข้ามา มาอย่างหล่อ ก็พ่อรวยช่วยไม่ได้ ใช้ของแบรนด์เนม ไม่มีชิ้นไหนที่ไม่ใช่แบรนด์เนมสักชิ้น
*****

        Part’ s แจ็ค อีกตระกูลที่จากแดนทะเลทราย ผมชื่อเล่นชื่อแจ็ค ไม่ใช่แจ็คดอสันแน่นอน ผมยาวมากพูดเลย ผมเป็นลูกชายพ่อภูมิ หรือ ภูมินทร์ ส่วนผมชื่อจริง แจ็คสัน ไคล์ เอวาสกี้ พ่อผมเป็นตระกูลที่มาจากเศรษฐีดูไบ พ่อผมมีธุรกิจมากมายที่นั้น พ่อผมเป็นหนึ่งในห้าตระกูลดังที่มีอิทธิพลแต่ว่าครอบครัวพ่อผมถูกฆาตกรรมและได้มารวมกันใหม่พร้อมความเข้มแข็งมากกว่าเดิม พ่อผมคือหนึ่งในเศรษฐี ดูไบที่ใครก็รู้จักกันทั่วโลก พ่อผมมีลูกโดยการแต่งงานกับเศรษฐีที่ดูไบและต่อมาพ่อผมก็เลิกกับคนที่เรียกได้ว่าเป็นแม่ของพวกผม เท่าที่ผมทราบ เขาไม่เคยเลี้ยงผมเลยเพราะว่าพ่อผมทำข้อตกลงเอาไว้ว่าแค่ให้กำเนิดอย่างเดียว พ่อผมเลี้ยงผมเองมาตลอด  ทำให้พวกผมรักพ่อผมมากกว่าและเขาก็ไม่เคยมาให้พวกผมเจอีกเลยหลับจากคลอดผมแล้ว 

            บ้านของผมคือบ้านจอจาน ขึ้นต้นด้วยจอจานกันหมด พี่ชายคนโต พี่โจ พี่โจ้ (สองคนนี้หัวปีท้ายปี) พี่เจมส์ พี่เจน พี่เจส พี่เจฟฟี่ พี่เจและผมแจ็ค น้องเล็กสุด แสบสุดๆ จนพ่อกุมขมับแต่สิ่งที่ผมทำเพราะผมเป็นคนมีความคิดที่เป็นของผมเอง ผมมีเส้นทางของผมเองแต่ด้วยความที่พ่อผมคือนายทุนใหญ่ที่สุดในองค์กร มีธุรกิจหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นที่ดูไบ หรือทางยุรูป อเมริกา ลอนดอน และอีกหลายที่ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอันไหนดี มันยุ่งไปหมด พี่ผมบางคนก็ต้องเรียนและช่วยพ่อไปด้วย (อันนี้พ่อบอกมันคือสิ่งที่ดีในการเริ่มต้น เราเริ่มก่อนก็ได้ก่อน)
           พ่อผมไม่เหมือนพ่อบ้านอื่นๆ ที่เขามีลูกโดยการจ้างอุ้มบุญกันแต่ของพ่อยอมลงทุนแต่งงานเพื่อให้ได้ทายาทมาเชยชมและมันก็ทำให้พ่อผมสะบั้นรักลุงณะไปพักใหญ่แต่พ่อผมก็มีดี กลับมาง้อลุงณะได้อีกครั้งแต่ผมนี่ซิ มันเหมือนซ้ำรอยเดิมยังไงก็ไม่รู้แม้จะเหตุผลไม่เหมือนกัน ตรงที่ว่า เขาเป็นคนหายไปไม่ใช่ผมที่หายไป จะใครละน้องชายคนเล็กบ้านบอใบไม้ บอย

        ผมรู้ว่าบอยคือใครสำคัญกับองค์กรแค่ไหนและรู้ด้วยว่า เขาไม่ต้องการเลือกผม หรือว่าที่บอยหายไปเพราะว่าบอยเชื่อเขามากกว่าผมกันแน่ ว่าผมไม่ดีพอเท่ากับ ไอ้ดิว!!! ที่เขาเลือก แต่ไอ้ดิวมันก็บอกผมว่ามันไมได้ไปมันยุ่งตลอดแต่ผมก็ไม่เห็นหัวมันมาพักใหญ่แล้วน่ะ มันยังยังไงของมันก็ไม่รู้
          “แจ็ค “พ่อเรียกผม ผมนั่งเล่นมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดอยู่ ผมไม่เข้าใจว่าผมจะต้องไปทำหน้าที่อะไรแบบนี้ทำไม ใช่ผมซ่ากันมากจนลุงหนึ่งต้องเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขพฤติกรรมของผมคนอื่นๆ ผมไม่ได้เรียนที่นี้ผมเรียนที่ต่างประเทศแต่ชอบบินมาซ่าที่นี้กับพวกมันนี่แหละพึ่งโดนไปเดือนก่อนหนักที่สุด แต่ว่าเมื่อคืนก่อนก็โดนมาอีก เรียกว่างานเก่ายังไม่เคลียร์งานใหม่มารอคิวแล้ว
          “ทำไมผมต้องไปด้วยอ่ะพ่อและไหนจะให้เรียนมหาวิทยาลัยอีก แต่นี่อะไรต้องไปเป็นเด็กมัธยมปลายอีก ตกลงให้ผมทำอะไรกันแน่พ่อ “ผมถามพ่อผมด้วยความหงุดหงิด แต่ผมไม่ได้หงุดหงิดพ่อผมน่ะ ผมหงุดหงิดคนที่พยายามบงการชีวิตพวกผมนี่แหละ
           “ก็เราน่ะ ไปทำเรื่องกันเอาไว้ และมันก็ทำให้หลายๆ คนมองว่า เราใช้อิทธิพลของพ่อทำเรื่องพวกนี้ แจ็ค” พ่อผมพูดก่อนจะหันมามองหน้าผมพร้อมกับถอนหายใจยาวๆ เพราะลูกชายหัวดื้อคนนี้ ผมนี่ดื้อที่สุดในบรรดาลูกชายของพ่อผม ผมน่าจะเป็นลูกชายคนเดียวที่ทำให้พ่อถอนหายใจบ่อยที่สุด ก็ผมไม่ชอบให้ใครบังคับ ผมชอบทำตามความคิดของผมเอง ผมชอบอิสระ
           “แจ็ค บอยก็มาน่ะ บอยเขาขอมา” พ่อบอกผม ผมนิ่งไปสักพักก่อนจะทำเป็นไม่สนใจ ก็สาเหตุมาจากที่เขาหายหน้าหายตาไปจากผมหลายปี เรียกว่ามาทำให้รักและตีจาก บอยคือหนุ่มที่มีนัยต์ตาสีฟ้า ผมสีควันบุหรี่ หน้าหวานราวกับสตรี น่ารักน่าถนอมตั้งแต่วันแรกที่ผมได้เจอ

        ผมเจอเขาเมื่อสามปีที่แล้ว บอยมาพักและเรียนที่เดียวกับพวกผม ความทรงจำที่แสนหวานในตอนวัยเด็ก แต่ว่ามันพังลงวันที่บอยต้องกลับไปที่อังกฤษโดยไม่ได้กลับมาอีกและหายไปโดยที่ผมเองก็ติดต่อไม่ได้ เหมือนถูกตัดขาดกันไปเลย น่าแปลกทั้งที่พ่อผมก็เจอลุงณะ แต่ว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ลุงณะ ไม่พอใจผมอยู่
         “แจ็ค” พ่อเรียกผมอีกครั้ง
         “เขามาทำไมอ่ะพ่อ เขาหายไปจากพวกผมสามปีแล้วน่ะ” ผมพูด
          “บอยคือคนสำคัญขององค์กรนะแจ็ค ไม่ว่ายังไงเราต้องช่วยกันดูแลบอย ไม่ว่าบอยเขาจะมาในฐานะอะไรก็ตาม พ่ออยากให้เราช่วยกันดูแลบอย ทำได้ไหมแจ็ค พ่อขอล่ะ” พ่อผมพูด ผมหันไปมองพ่อผม พ่อพูดจริงเหรอ เขาทิ้งผมไป เขาทำให้ผมเจ็บ เจ็บจนกินไม่ได้นอนไม่หลับและที่ผมเป็นแบบนี้ มีแต่เรื่องจนถึงหูลุงหนึ่งก็เพราะเขาน่ะ
          “แจ็ค บอยเขาน่าจะมีเหตุผล” พ่อผมพูด ผมหันไปมองนอกรถเก๋งหรู
           “ผมไม่สนใจเหตุผลเขาแล้วพ่อ เขาหายไปหลายปี ไม่ยอมติดต่อกลับมาเลย ผมว่า ผม ผม ควรจะเลิกคิดเรื่องเขาได้แล้วพ่อ” ผมพูด สายตาผมมองไปด้านนอกรถ ไม่มีอะไรนอกจากต้นไม้ใบหญ้า
          “งั้นก็ตามใจน่ะ อย่ามานั่งร้องไห้ทีหลังอีกล่ะ” พ่อผมพูดด้วยความเอือมระอาก่อนจะหันไปสนใจไอแพตของพ่อผมต่อไป ผมแค่หันไปมองพ่อผมแว๊ปหนึ่ง นี้พ่อไม่ง้อกันเลยเหรอ
          “แต่ผมยังไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องแค่นี่เอง ทำไมพวกผมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยอ่ะพ่อ เขาใช้ตรรกะอะไรของเขาอ่ะพ่อ” ผมถามพ่อผม พ่อเป็นฝ่ายหันมามองผมก่อนจะวางไอแพตลง
         “และนี่อะไร ส่งผมมาอยู่ตะเข็บชายแดนแบบนี้อ่ะพ่อ” ผมพูดพร้อมกับผายมือไปด้านนอกรถ
         “พ่อว่ามันดีสำหรับเราน่ะและเราจะได้มีสมาธิในการเรียนออนไลน์และจะได้ไม่ไปหาเรื่องกับใครเขาเพราะว่าหัวร้อน น่าจะทั้งแก้งเลยก็ว่าได้ “พ่อผมพูด ผมอยากจะบ้าตาย

      นี้ตกลงผมต้องทำหลายๆ หน้าที่ไปพร้อมๆ กันอย่างนั้นเหรอ ไหนจะภารกิจอะไรก็ไม่รู้ที่ลุงหนึ่งจะมอบหมายให้ผมกับเพื่อนๆ ต้องกลับมาเป็นนักเรียนมัธยมปลายเพื่อแก้ไขปัญหาในโรงเรียนให้อาภูมิ เพราะว่าโรงเรียนสาขานี้เป็นสาขาที่มีปัญหามากที่สุดและที่ผมแปลกใจเพราะว่าพวกเรียนจบแล้วและพวกผมควรจะได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยกันได้แล้ว ไปใช้ชีวิตติดหรู อยากทำอะไรก็ได้ทำแต่นี่มันหมดแล้ว ต้องอดทนให้ได้ถึงหนึ่งปีเลย และอีกอย่างผมยังต้องมาเจอคนที่เคยรัก รักมากแต่ว่าเขาหายไปจากผม สามปี แล้วผมจะทำหน้ายังไงดีว่ะ
         “พ่อ ตกลงแล้ว เขากีดกันผมกับบอยเพราะว่าเขาอยากให้บอยคู่กับไอ้ดิว ใช่ไหมพ่อ” ผมหันมาถามพ่อผม
         “แล้วแจ็คคิดว่าไงล่ะ” พ่อหันมาถามผมแทน
          “ผม ไม่รู้อ่ะพ่อ ผมไม่ดีตรงไหน สู้ไอ้ดิวไม่ได้เหรอ “ผมถามพ่อผม พ่อวางไอแพดลงก่อนจะหันมามองหน้าผมอีกครั้ง
           “แจ็คก็ต้องทำให้เขาเห็นซิว่าลูกชายพ่อมีดี สิ่งที่จะพิสูจน์ว่าเราดี คือความสามารถ พ่อเชื่อว่าแจ็คทำได้และถ้าแจ็คอยากได้ใจบอย แจ็คต้องพยายามเยอะกว่าคนอื่น ก่อนที่คู่แข่งอีกคนจะมา…” พ่อพูดผมหันไปมองหน้าพ่อผม มีอีกคนที่เขาเลือกนอกจากไอ้ดิวเหรอ
          “แต่เขาไม่ได้มาเพื่อต้องการบอย เขาจะมาทำให้บอยหลุดพ้นตำแหน่ง เราต้องการใครสักที่มีความสามารถจะยืนอยู่เคียงบอยได้” พ่อผมพูดจังหวะนั้นรถหรูของผมก็แล่นมาจอดที่บ้านหลังหนึ่ง ที่ตั้งตระหง่านโดดเดี่ยวอยู่กลางป่าแต่ทว่า มันดูมีรั่วรอบขอบชิด เป็นบ้านหรูอยู่หลังเดียวเลย แถมไกลมาจากในตัวเมือง
           “พ่อแน่ใจแล้วเหรอพ่อที่ให้พวกผมที่ไม่เคยอยู่อะไรแบบนี้มาอยู่ด้วยกันที่นี้ ผมว่าคนแรกที่จะประสาทกินคือไอ้ติ๊ก” ผมพูด พ่อหันมามองหน้าผม
         “อันนี้ก็คือการดัดนิสัย อยู่แบบนี้บ้างก็ดีน่ะ จะได้ไม่ต้องออกไปหาเรื่องกับใครเขาอีก “พ่อผมก่อนจะพยักหน้ากับคนขับรถ พี่เขาลงไปพร้อมกับเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้พ่อกับผมลง รถที่พี่โจนั่งมาด้วยก็ขับเข้ามาด้านในเช่นกัน ผมมองดูแล้ว มีรถหลายบ้านมาจอดรออยู่แล้ว ผมมองบนทันทีตอ่ให้บ้านจะดูทันสมัยแต่สิ่งแววดล้อมมันเหมือนได้มาอยู่ในคุกชัดๆ
          “ครับผม ได้ครับ ถ้ายังไง ผมให้ทางเลขาฯเป็นคนติดต่อไปอีกที ได้ครับ ครับผม ขอบคุณครับ” พี่โจเดินลงมาจากรถอีกคัน ผมเดาได้ว่าพ่อกับพี่โจไม่ได้กลับพร้อมกันแน่นอน ถึงได้มารถสองคันแบบนี้ พ่อลงมาจากรถก็มองไปรอบๆ มีรถจอดหลายคันเลย
          “เข้าไปด้านในเลยน่ะ พ่อจะโทรศัพท์หาลุงณะก่อน” พ่อบอกผมแถมบอกด้วยว่าจะโทรหาหวานใจพ่อผม ผมแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ให้พ่อผม พ่อหันมาชี้นิ้วห้ามผมพูดอะไรวิดีโอผมหันไปมองพี่โจ พี่โจพยักหน้าว่าให้ผมทำตามที่พ่อผมพูดเถอะ ผมเลยจำใจเดินเข้าไปอย่างหาเสียมิได้ ใจผมอยากไปใช้ชีวิตหรูๆ พ่อให้มาทั้งทีแต่ว่านี้อะไร มาติดกับบ้านที่ไม่หรูเท่าบ้านผม ไม่ได้สมาร์ตโฮมเหมือนบ้านผม บ้านผมมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากแต่ว่าบ้านนี้เรียกได้ว่าล้าสมัยมากสำหรับผม

         ทันทีที่ผมเดินเข้าไปด้านในผมก็เจอห้องโถงและแยกไปเป็นห้องนั่งเล่นอีกสองห้อง ผมได้ยินเสียงอาและลุงๆกำลังคุยกันอยู่อีกห้องหนึ่ง ผมเดินเข้าไปด้านในทันทีเพื่อไปหาพวกเพื่อนๆ ดิว แอ้ ติ๊กและพาย ติ๊กมันหันมามองผมก่อน ผมยกมือไหว้พี่ดิม พี่อ้นและพี่ตุ๊ที่นั่งอยู่กับไอแพตของเขา
             “หล่อไม่บันยะบันยังเลยน่ะ ไอ้รูปหล่อ พ่อรวย หัวก็ร้อน บุญแค่ไหนไม่ได้ไปนอนคุก” พี่อ้นพูดก่อนจะหมุนโทรศัพท์ที่พี่เขาดูกันอยู่ มันคือคลิปวิดีโอที่พวกผมไปมีเรื่องส่งท้ายวันที่เรียนจบ
             “ไอ้แจ็คว่าแต่พี่โจมึงอ่ะ” พี่อ้นถามผมเสียงดัง ผมชี้ไปด้านหลังว่ากำลังตามมา ผมเดินไปหาไอ้ติ๊ก ติ๊กมองหน้าผม ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกได้ว่า ไม่ได้อยากมาเลยสักนิด พายก็ห้าสิบห้าสิบ ส่วนไอ้แอ้นี้มันเฉยจนผมเองก็เดาไม่ได้ว่ามันรู้สึกยังไง ไอ้ดิวนี่ยิ่งชิวมาก คือมันคงชอบแบบนี้อยู่แล้ว
              “ดูจากหน้ามึง คงตื่นเต้นน่าดูซิท่าที่ได้มาอยู่ที่ไกลมากและเวิ้งว้าง เหมือนหลงทางอยู่กลางป่าแบบนี้” ไอ้ติ๊กหันมาพูดด้วยน้ำเสียงเซ็งสุดขีด
ผมนั่งลงทันทีและพี่โจก็เดินเข้ามาพอดี แต่ว่าพี่อ้นรีบลุกไปและเข้าไปกอดคอพี่โจ เขาพากันเดินหายออกไปกันทันที แต่ผมไม่แปลกใจเลยพี่อ้นพี่โจ พี่ดิมและพี่ตุ๊ เขาสนิทกันมาก่อน แม้จะคนละสายงานกันก็ตาม พ่อผมนายทุกใหญ่ของกองทัพด้วย สนับสนุนหลายด้านไม่แปลกที่จะเจอตอนประชุม
             “เป็นไงบ้างมึง ฟื้นไหม” ไอ้ติ๊กมันถามผม ผมพยักหน้าว่าไม่เท่าไหร่
             “กูโดนพ่อบ่นชุดใหญ่ไปแล้วด้วย” ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้ามันแว๊ปหนึ่งก่อนจะหยิบมือถือรุ่นใหม่มาดู แต่ว่าไม่มีสัญญาณอะไรเลยผมเลยวางลง
              “เป็นไงวะดิว” ผมหันถามไอ้ดิว ไอ้ดิวมันเงยหน้าจากหน้าจอมือถือของมัน มันหนังดูฟุตบอลตามเคย
              “ก็ดีว่ะ มึงอ่ะ ว่าไง” ไอ้ดิวมันพูดพร้อมกับถามผมกลับ
               “ก็ดี สำหรับมึงอ่ะไม่ใช่พวกกู “ไอ้ติ๊กมันรีบพูด
                “มันก็ไม่ได้แย่นะโว้ย! ดูดิ บ้านพักก็ดีถึงจะไม่หรูเท่าคฤหาสน์ที่พวกมึงอยู่แต่ว่ามันก็ดีกว่าบ้านคนอื่นๆ หลายคนนะโว้ย” ผมไอ้ดิวพูด ผมยอมรับว่ามันสอนพวกนี้ไม่ได้หรอก พวกนี้มีเงินมากแล้วมันไม่เข้าใจคนที่ไม่มีหรอก ผมเองก็เช่นกัน ผมหยักไหล่เพราะผมมีเงินมากเช่นกันจะทำอะไรก็ได้แค่กระดิกนิ้ว
               “แต่มันแย่ตรงที่ พวกเราจะมาเป็นนักเรียนซ้ำชั้นทำไมอีกว่ะและซ้ำมาเยอะซะด้วย มาเริ่มต้นม. ห้า ทำไมไม่ให้ไปเรียนกับมอหนึ่งเลยล่ะ “พายพูดเชิงประชด
               “ก็ใครล่ะ ที่ทำเรื่องอ่ะ” แอ้พูดขึ้น ดิวมันพยักหน้าก่อนจะหันมามองพวกผม นั้นไงโยนมาทันที
               “แหมไอ้แอ้! มึงนั่งติดเก้าอี้เหรอ ไม่ได้ลงไปฟาดปากพวกนั้นเหรอ” ติ๊กรีบพูด
               “กูก็อยากนั่งกันนิ่งๆ แต่พวกมึงอาทำให้พวกกูต้องลุกไปไง จะไม่ไปช่วยก็จะมีคนโดนอัดจนน่วม “ไอ้ดิวพูด ผมหันมายกมือห้ามทั้งหมด
              “มึงเลิกโทษคนนั้นคนนี้เถอะ มันก็ผิดทั้งหมดแหละ “ผมพูดแต่จะว่าไปก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำเหมือนกัน
              “ใครแม่งจะทนวะ มันด่าบุพการีเราขนาดนั้น ทำไมพ่อไม่เข้าใจบ้างวะ” ติ๊กมันบ่นทันที
               “เข้าใจดิ เข้าใจว่าทำไม ไม่อดทนไง แต่กูคนหนึ่งล่ะที่ไม่ทน!!!!!” พายพูด ผมหันมาน้องพาย
              “กูเห็นแล้วพาย มึงเปิดก่อนเลย มึงอ่ะ” ผมพูด พายยิ้มเขินๆ
              “มันด่ามากูด่ากลับ ไม่โกงไง” พายพูด
               “เหรอ!!!!” พวกผมพูดพร้อมกันไม่ต้องนัดกันเลย ผมหันมามองไอ้ดิวก่อนจะคิดว่าจะถามอะไรมันดี
               “ไอ้ดิว มึงรู้ไหมว่ะว่าบอยมาด้วย” ผมถามไอ้ดิว ไอ้ดิวมันหันมามองหน้าผม มันเลิกคิ้วก่อนจะพยักหน้ากับผมว่ามันรู้ ผมนึกในใจ ไม่น่าแปลกใจเพราะว่ามันน่าจะรู้ข่าวคราวของบอยมากกว่าผม
               “แน่ล่ะมึงต้องรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับเขาอยู่แล้ว” ผมพูด
              “กูก็รู้แค่เท่าที่มึงรู้และกูกับบอยไม่เคยติดต่อกันหลังจากที่เขาหายไป เหมือนมึงไอ้แจ็ค” ไอ้ดิวมันพูด ผมหันมามองหน้ามัน
              “กูไม่รู้ว่ามึงได้ยินอะไรมาแต่กู เลือกคนที่ต้องการไม่ใช่ให้เขาเลือกให้” ไอ้ดิวพูด ผมหันมามองหน้ามันตรงๆ
              “ทั้งที่ถ้ามึงเลือกแล้ว มึงอาจจะได้ครององค์กร บ้าๆ นี่น่ะ ไม่เอาเหรอว่ะ” ผมถามไอ้ดิว
              “กูไม่สนและกูไม่แคร์ว่าเขาจะเสนออะไรให้กู ถ้ากูไม่ ก็คือไม่ “ไอ้ดิวพูด
             “มึงนั่นแหละที่ต้องถามตัวเองว่า เมื่อไหร่มึงจะเลิกคิดอะไรบ้าๆ แล้วหันมาทำยังไงก็ได้ให้ได้บอยคืนมา ไม่ใช่มานั่งระแวงกู “ไอ้ดิวพูด ผมก็มองหน้ามัน อันที่จริงมันก็จริงอย่างที่มันพูดแหละ จังหวะนั้นผมได้ยินเสียงคนเข้ามาด้านใน เสียงที่คุ้นเคย นั้นคือลุงกฤษณะ นั้นก็แปลว่าบอยมาแล้ว
             “เฮ้ย!! บอยมาแล้วว่ะ” พายพูด ผมหันไปมองไอ้ดิว ไอ้ดิวมันนั่งเอาหลังพิงเก้าอี้หันมามองผม
            “คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับมึงแล้วว่ะ ถ้ามึงทำเขาหลุดมือไปอีก ก็ไม่มีใครช่วยมึงได้แล้ว นอกจากไอ้ติ๊กที่จะพามึงไปเมาหัวราน้ำเหมือนเดิม” ไอ้ดิวพูดกับผมก่อนจะลุกไปเหมือนกันเพื่อไปรอทักทายเขา ผมนั่งนิ่งจะลุกไปดีไหม เสียฟอร์มแย่เลย พูดเอาไว้เยอะตอนเมา พวกมันอัดคลิปไว้ด้วยไงเป็นหลักฐาน
            TBC …. (แจ็คจะยอมลดอีโก้ลงไหม)


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-02-2024 19:10:58 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.3 ภาคน้องๆ เขารักกัน (บอยXแจ็ค) แค่เส้นบางๆ

              Part’ s แจ็ค พาย ติ๊กและแอ้ลุกขึ้น เขาสามคนมองผม ผมสั่นหัวว่าไม่ไปและสามคนมันก็หยักไหล่ให้กันไม่ต้องพูดก็รู้ว่ามันว่าผมอยู่ ผมโบกมืออยากไปก็ไปเลยและทั้งสามคนก็เดินไปดูคนที่มาใหม่กัน นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่บอยเพิ่งจะมาอยู่กับพวกผม เขาเคยมาแล้ว มันหลายปีก่อนและอยู่กับผมสามปีได้และสุดท้ายเขาก็หายไป เกือบจะสามปีได้แล้วมั้ง ผมจำวันแรกที่ผมเจอเขาได้ดี เด็กผู้ชายที่มีนัยน์ตาฟ้า ผมสีควันบุหรี่ หน้าตาหวานราวกับเด็กผู้หญิงแต่ดูหวานซ้อนความขมเข้มเอาไว้ในตัว เขาสวยหวานกว่าสตรีทั่วไปซะอีก ถ้าจะบอกว่าหล่อก็หล่อแบบหวานๆ แต่ปากนิดจมูกหน่อย ขนตางอนยาว ใบหน้าเรียวขนาดนั้น มันทำให้ผมมองตาค้างไปหลายนาที จนผมต้องเผลอพูดออกมาว่า” อยากได้คนนี้เป็นแฟนผม” ในตอนนั้นและตอนนี้ก็ด้วยมั้ง ตอนนี้เขายืนอยู่ตรงทางเข้าแล้ว
“บอย” เสียงเรียกชื่อนี้ทำให้ผมตื่นจากภวังค์ทันที เขามายืนตรงนี้แล้วไง ในใจผมบอกตัวเองแต่ว่ามันมีบางสิ่งที่ทำให้ผมไม่กล้าข้ามผ่านไป เขาไม่ได้เลือกแจ็คเพราะว่าพ่อผมไม่ควรกลับมาแต่ว่าองค์กรนี้ต้องการพ่อผมเหมือนกัน
ผมหันไปมองหน้าไอ้ดิว ไอ้ดิวมันก็พยักพเยิดให้ผมลุกขึ้นและดิวมันก็ลุกขึ้นไป ทุกคนกำลังสวมกอดบอยด้วยความคิดถึง สามปีมันดูเหมือนไม่นานแต่มันทรมานมากสำหรับผม ลุงณะเดินเข้ามาพร้อมกันกับพ่อผมเช่นกัน พวกดิว แอ้ ติ๊กและพายยกมือไหว้ลุงกฤษณะพ่อของบอย พี่ใหญ่ของพ่อๆ ของพวกผม พ่อหันมาพยักหน้ากับผม ผมยกมือไหว้ลุงณะทันที ลุงณะมองผมแว๊ปหนึ่งก่อนจะรับไหว้ผม ท่าทีลุงณะเหมือนจะไม่ค่อยปลื้มผมเหมือนกันน่ะ ลุงกฤษณะหันมาแตะที่ไหล่ของบอยก่อนจะพยักหน้ากันและเดินไปกับพ่อของผม
“บอยเป็นไงบ้างอ่ะ สบายดีไหม ขึ้นถึงมากเลย” พายเอ่ยถามบอยคนแรกและคนอื่นก็คงรอถามบอยเช่นกัน
“สบายดีแล้วพายล่ะ” บอยถามพายกลับ
“ทุกคนสบายกันดีใช่ไหม ไม่ได้เจอกันนานเลย” บอยพูด
“สบายดี สบายมาก แต่เมื่อคืนหนักไปนิดอาจจะมึนๆ นิดนึงอ่ะ เพราะว่าไอ้ เวรนี้มันลากไปสั่งลาปาร์ตี้” พายพูดพร้อมกับหันมาชี้นิ้วมาทางผม ผมหันมาแอบส่งนิ้วกลางให้พายมัน กูไม่ได้ชวนแค่บอกว่ากูอยากไปเฉยๆ คนที่ยืนหันมามองหน้าผมแต่ผมก็ยังไม่ได้ทักทายอะไรเขา
“ดิว สบายดีไหม” เขาหันไปทักทายไอ้ดิวแทน
“สบายดีน่ะ บอยล่ะ ไม่ได้เจอกันเลยน่ะ” ดิวมันพูด ผมเหลือบตาขึ้นมอง ทำไมผมไม่เคยเชื่อเลยว่าคนที่เขาเลือกจะไม่เคยเจอกัน
“ก็แน่ล่ะ อาภาบอกว่าดิวจะเข้าเรียนแพทย์แล้วเลยต้องติวและอ่านหนังสือหนักหน่อยน่ะ บอยเข้าใจ “บอยพูดก่อนจะหันมามองผมแว๊ปหนึ่ง
“บอยไปนั่งคุยกันดีกว่า ยืนเมื่อยเปล่าๆ” ติ๊กบอกบอยพร้อมกับพยักพเยิดให้มานั่งตรงโต๊ะทีผมนั่งอยู่นี้ ส่วนผมก็หันหลังกลับทันที
“แอ้ล่ะสบายดีน่ะ “บอยหันไปถามแอ้แทนระหว่างที่เดินมาเพื่อจะนั่งลง ผมก็ไม่ได้ทักทายอะไรเขาอยู่ดี ทำไมปากผมมันหนักขนาดนี้ก็ไม่รู้
“ไอ้แจ็ค” ติ๊กมันเรียกผม ผมหยุดชะงักก่อนจะค่อยๆ หันไปมองว่ามันเรียกผมทำไม
“เรียกทำไม” ผมหันมาถาม
“ทำไมไม่ทักทายบอยว่ะ” ติ๊กมันถามผมและถามต่อนหน้าเขาคนนั้นด้วย ไอ้เวรเอ๊ย ผมแอบด่ามันในใจ
“เออ ก็ เออ “ผมทำท่าจะตอบแต่ว่ามีทุกสายตาหันมองมาที่ผมเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบให้ได้
“ก็เห็นทักทายกันเยอะแล้วและก็คำถามเดิมๆ ไม่ได้มีอะไรแปลกไปจะให้ถามซ้ำๆ ซากๆ ทำไมวะ” ผมพูด บอยมองผมนิ่งๆ โดยไม่ได้พูดอะไร และเป็นผมเองที่ต้องกล้ำกลืนน้ำลายเหนียวๆ นั้นลงคอไปเอง เหมือนกำลังกลืนคำพูดที่คิดในใจว่าจะทักทายเขายังไงแต่สุดท้ายผมก็ไม่กล้า ไม่เหมือนตอนนั้น ความกล้ามันหายไปพร้อมกับเขา ทั้งที่ผมไม่ใช่คนไม่มั่นใจในตัวเอง ผมน่ะมีความมั่นมากกว่าพวกนี่ซะอีก นำหน้าทุกเรื่องแต่ตอนนี้มันหายไปไหนหมดก็ไม่รู้
“กูไปห้องน้ำวะ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันที ผมลุกขึ้นยืนมองคนที่นั่งตรงหน้าก่อนจะเดินหันหลังไป แต่ว่าห้องน้ำอยู่ไหนวะ ผมหันกลับมามองทุกคนอีกครั้ง แต่ล่ะคนเลิกคิ้วมองผม
“เปลี่ยนใจเหรอ” พายถามผม
“เปลี่ยนใจทักบอยละซิ” พายถามผม ผมหันไปมองหน้าเขา
“จะถามว่าห้องน้ำอยู่ไหนวะ” ผมถามทุกคนและทุกคนก็มองบนใส่ผมพร้อมกันหมด ขอบใจจริงๆ
“เดินตรงไปด้านหลังสุดและเลี้ยวซ้ายไม่ต้องเดินตรงไปจนสุดน่ะ นั้นป่า! “ไอ้ติ๊กบอกผมพร้อมกับชี้นิ้วไปทางด้านหลัง ผมหยักไหล่ก่อนจะหันหลังเดินออก
“มันยังตัวพ่อเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือขี้เก็กนะบอย” พายพูด
“พาย กูได้ยิน” ผมเหลียวหลังไปพูด
“กูตั้งใจให้มึงได้ยินไง” พายพูด ปากพายมันร้ายพอพอกับไอ้ติ๊กเลยจริงๆ ผมก็รีบเดินออกไปทันทีปล่อยพวกนั้นสักถามบอยกันจะถามอะไรกันหนักกันหนาก็ไม่รู้ (อิจฉาเขาเพราะว่าผมก็มีเยอะที่อยากจะถามนั้นคือหายไปไหน ทำไมไม่คิดจะติดต่อกันบ้าง ตกลงที่ผ่านมาคืออะไร ถ้าเขาคิดว่าองค์กรสำคัญกว่าผมจะได้เลิกและตัดใจไปเลย

             ผมเดินไปที่ห้องน้ำ รู้สึกยังไม่ซ่างก็เมื่อคืนสั่งลาเมืองศรีวิไลเลยจัดกันหนักไปหน่อยกับไอ้ติ๊กและพาย ไอ้ดิวและแอ้มันมาทีหลัง ขอน้ำล้างหน้าหน่อย ระหว่างที่ผมทำท่าจะเปิดประตูเข้าไป มันล็อกครับแต่ว่ามีเสียงคนคุยกันอยู่ ในห้องน้ำ ในห้องน้ำนี่น่ะ
“อะไรของมึงอ้น” เสียงพี่โจ แต่เรียกชื่อพี่อ้นในห้องน้ำนี่นะ
“ก็ไปคืนนี้”
“ไปทำไม กูมีงานพรุ่งนี้อ้น”
“งานกี่โมง งานกาลาดินเนอร์เขาเริ่มเย็นเลยและเครื่องบินส่วนตัวมึงบินแป๊บเดียวถึง” พี่อ้น
“กูขอพ่อก่อน” แปลกใจปกติพี่โจไม่ต้องขอพ่อนิ
“โจ”
“อะไร”
“ถ้ามึงไม่ไปคืนนี้กับพวกกู กูจะ”
“มึงเป็นหมาเหรอ ขู่กูอยู่ได้ อ้น!” พี่โจพูด แสดงว่าพี่อ้นมีอะไรที่เอาไว้ต่อรองกับพี่โจแน่ๆ อย่างบอกน่ะว่าแอบไปซ้ำกับใคร ถ้าใช่แล้วพี่บีมล่ะ พี่โจเขาชอบพี่บีมอยู่
“จะไปไหม” พี่อ้นถามพี่โจเสียงแข็ง
“เออ” นั้นไงทำให้ผมคิดพี่อ้นขู่อะไรพี่โจวะ ผมพยายามแอบฟังจนหูจะทะลุผ่านประตูไปอยู่แล้วแต่ก็ไม่ได้ยินอะไรเลย
ปึก!เสียงประตูถูกดึงเข้าเพื่อคนด้านในจะได้ออกมาและผมเองก็ไม่ทันตั้งตัวเพราะว่ายืนอาหูแนบประตูขนาดนั้น และคนที่เปิดประตูก็พบว่าผมอยู่ในท่าที่บอกได้ว่าแอบฟังอยู่
“เฮ้ย!!!” พี่โจ พี่อ้น อุทานออกมาพร้อมกัน ผมก็ต้องทำตีหน้ามึน
“พี่อ้น พี่โจ เข้าไปทำอะไรด้วยกันสองคนในห้องน้ำน่ะ” ผมรีบยิงถามทันทีเพื่อกลบเกลื่อนว่าผมแอบฟัง มันเป็นการเสียมารยาทที่สุดและเป็นกฎที่บ้านผมลงมติกันว่าห้ามทำ ผมมองหน้าพี่สองคนสลับไปมา
“เข้ามาล้าง......” พี่โจตอบ “เข้ามา... อุ๊บ!” พี่อ้นก็เหมือนจะพร้อมกันแต่พี่อ้นจะมีต่อว่าล้างอะไร ยังไม่ทันได้พูดจบพี่โจก็รีบเอาฝ่ามือปิดปากพี่อ้นซะก่อน เลยอดรู้เรื่องเลยผม
“ล้างมือ” พี่โจ้พูดพร้อมหันไปมองพี่อ้นขยิบตาอยู่นั่นแหละ
“ล้างมือ ด้วยกันสองคนนี้นะ” ผมก็ยังคิดว่าไม่น่าจะใช้อยู่ดี
“ก็แค่ล้างมือแจ็ค “พี่โจพูด
“ประหยัดน้ำครับ ลดโลกร้อน ไม่เคยเรียนละซิและประหยัดเวลาด้วยถ้าพี่มึงกับพี่จะ เข้ามาช่วยกันล้าง…. อุ๊บ “พี่อ้นพูด พี่โจหันไปเหล่พี่อ้นเลยเอามือปิดปากพี่อ้นอีกที ผมยืนมองพี่เขาสลับกันไปมายังไงของเขาว่ะ
“แค่ล้างมือจริงๆ และคุยกันนิดหน่อยแค่นั้น ไม่ต้องไปคิดเยอะ” พี่โจพูด ผมก็งองพี่เขาสองคนสลับกันไปมาจะเชื่อดีไหมวะ
“แล้วเราละ” พี่โจถามผมก่อนจะหันไปขยิบตากับพี่อ้น ผมก็มองพี่เขาสลับกันไปมา
“ผมจะล้างหน้าครับพี่โจ “ผมพูดเบาๆ
“อืมม” พี่โจกับพี่อ้นพยักหน้าพร้อมกัน
“ดี จะได้ตื่นๆ หนักซิท่ามึงนะ เมื่อคืนนะ แค่โดนส่งมาอยู่เกือบตะเข็บชายแดนแค่นี้ทำเป็นฉลองให้แก่อิสรภาพ” พี่อ้นพูด ผมชำเลืองตามอง อิสรภาพที่ไกลโพ้นแบบนี้นี่น่ะ น่าอยู่ตรงไหน
“ผมว่ามันไม่ต่างจากส่งไปอยู่ในคุกน่ะพี่ ไกลมาก จนไม่มีแม้แต่แท็กซี่ผ่านมา จะให้เดินออกไปก็คงจะไม่รอดถึงปากซอย อาจจะโดนโจรฆ่าตายซะก่อน” ผมพูดกับพี่อ้น
“เออว่ะ มันเหมือนตะเข็บชายแดน พวกโจรเยอะนะมึงน่ะและมึงกับพี่มึงนี่น่ะ มันดีใจตายเลย แบรนด์เนมทั้งตัว รวยไปหลายปีเลยมึง” พี่อ้นพูด พี่โจหันไปมองพร้อมกับผม
“โอโห้!! พี่น้องพร้อมใจกันมองกู” พี่อ้นพูดพร้อมกับมองผมสองคน
“นี่กูพูดจริง!!” ผมมองบนทันทีเช่นกัน
“ดังนั้น มึงควรนอนอยู่บ้าน ไม่ต้องออกไปแรดทุกคืนเหมือนที่ทำกันอยู่ กลางคืนออกและพากันกลับตีสองตีสาม รู้ว่ากรุงเทพไฟมันจ้า ตีสองเหมือนสองทุ่มแถวๆ บ้านนอก แต่น่าอยู่กว่านะมึง เงียบสงบ” พี่อ้นพูด ผมคิดในใจไม่ได้ช่วยให้อยากอยู่ต่อเลยจริงๆ
“ทำไมอ่ะ ไม่ดีใจหรือไง บรรยากาศกลิ่นอายท้องทุ่ง” พี่อ้นถามผม ผมหันไปมองพี่อ้น ให้ดีใจตรงไหนได้
“ไม่ดีใจเหรอ?” พี่อ้นถามผมอีกที ผมสั่นหัวว่าไม่ใช่เลย พี่โจพยักพเยิดให้ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำได้แล้วและพี่โจก็ลากแขนพี่อ้นออกไปทันที ผมหันหลังไปมองตาม คงไม่มีอะไรมั้งพี่อ้นกับพี่โจขาสนิทกันมากเมื่อก่อนตอนที่ผมมาเรียนที่ไทย ซึ่งมันเป็นช่วงก่อนที่ผมจะกลับไปเรียนมัธยมปลายที่ดูไบ

                ผมเข้าไปล้างหน้าล้างตา ผมเงยหน้าขึ้นมามองกระจกใสที่ติดอยู่บนฝาผนังห้องน้ำ เครื่องสุขภัณฑ์ที่ดูธรรมดาสำหรับผมแต่คงจะดีกว่าหลายคนที่ไม่เคยมีอย่างที่ดิวพูดแต่ผมโตมากับความรวยและความสามารถของพ่อผมแถมผมยังหน้าตาดี หล่อเหลาเอาการขนาดนี้ มีเงิน มีทองใช้ไม่ขาดและที่สำคัญมีสาวเยอะแยะมาให้ผมเลือก แต่ผมกลับจะมาตายเพราะเขาคนนี้นี่น่ะ แจ็ค ผมเอามือจับขอบอ่าง พ่นลมหายใจออกมายาวๆ แค่ทักทายยังไม่กล้าเลย ผมกลัว กลัวไปหมด สุดท้ายกลัวเขาไม่เลือกผม ผมยืนอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเดินออกมาไปเพราะยังไงเขาก็ต้องอยู่บ้านเดียวกับผมอยู่แล้ว มันหนีไม่ได้แล้ว เป็นไงเป็นกันว่ะ ผมบอกตัวเอง ผมตัดสินใจเดินกลับออกมา ผมยืนมองพวกนั้นนั่งล้อมรอบสอบถามบอย

“บอย ดูดีขึ้นนะ ไม่เจอกันแค่ 3 ปีเองทำไมดูมีน้ำมีนวลขึ้น จะว่าอ้วนขึ้นไม่เลย ตัวเล็กน่ารักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือผิวนี้ดีสวยขึ้นน่ะ” พายเอ่ยชมบอยว่าเขาผิวสวย อันที่จริง บอยเป็นคนผิวพรรณสวย นิ่มมากและมีกลิ่นหอมเฉพาะที่แตกต่างไปจากเด็กผู้ชายทั่วไป

           ผมนั่งลงโดยไม่ได้ทักทายบอยอยู่ดี ผมปล่อยให้พวกมัน ตั้งคำถามไป ผมกดมือถือเล่นนั้นนี่ตามประสาของผมกับโทรศัพท์ที่ฉลาดล้ำกว่าคนในบางเรื่อง ผมพยายามจะไม่อยากฟังที่เขาคุยกันแต่ว่าคุยกันดังจน ผมได้ยินทุกประโยคที่เขาคุยกัน ทั้งที่ไม่ตั้งใจฟังน่ะ ผมสาบานได้ จนบรรดาพ่อๆ ของพวกผมเดินเข้ามาในห้อง ทำไมความรู้สึกเหมือนตอนเรียนอนุบาลแล้วพ่อกำลังจะทิ้งผมเอาไว้ในห้องนั้นกับคุณครู
“เอาล่ะ ทุกคน พ่อจะกลับกันแล้วน่ะ ขอให้อยู่กันอย่างสันติสุขน่ะและห้องนอนก็แยกเอาไว้ให้แล้ว ห้องนอนที่นี้มีทั้งหมดหกห้องนอนแต่ว่ามีแค่สี่ห้องที่ใช้ได้ตอนนี้ “อาภาคย์พูด
“ห้องหนึ่งนอนกันสองคน ที่หน้าห้องนอนมีชื่อป้ายห้องนอนเอาไว้แล้ว นอนกันตามนั้นน่ะ” อาภาคย์พูด พวกผมพยักหน้า ผมคิดว่าถ้าให้นอนสองคนสองคนก็สามห้องซิน่ะแล้วอีกห้องล่ะ หรือว่าเพื่อใครอยากนอนเดี่ยวแต่ดูท่าคงเป็นผมซิน่ะ
“เสื้อผ้าชุดนักเรียนเตรียมพร้อมแล้ว” อาภาคย์พูดพร้อมกับมองพวกผม
“แต่ว่ามีเวลาให้พักหนึ่งวันพรุ่งนี้ พอวันจันทร์ก็พากันไปเข้าเรียน และห้ามไปสายน่ะ ไปสายโดนทำโทษเหมือนคนอื่นๆ ไม่มีข้อยกเว้น อันนี้ซีเรียสมาก” อาภาคย์พูด
“หวังว่าวันแรกจะไม่มีเรื่องกันน่ะ ถ้ามีเรื่อง เวลาก็จะยืดยาวออกไปอีก” อาภาคย์พูด
“โห้อา!” “โห้ลุงอ่ะ” “อะไรอ่ะพ่อ” พวกผมร้องออกมาพร้อมๆ กันเลย
“ก็อย่าทำเรื่องกันซิ โตๆ กันแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ และใช่ว่าพวกพ่อไม่เดือดร้อนน่ะ ทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนแผนกันหมดเหมือนกัน ต้องปรับใหม่กันหมด” ลุงกฤษณะพูดเสริม
“เบาได้ก็เบาน่ะ จะได้ไปใช้ชีวิตที่อยากทำแต่ใช่ว่ากลับออกไปแล้วจะไม่มีกฎเหมือนเดิมเพราะว่าเราอยู่ในจุดที่ คนรู้จัก มันก็ต้องมีขีดจำกัดในการกระทำนั้นทำนี้อยู่แล้ว นี้อาจจะแค่เริ่มต้นน่ะที่จะให้เรารู้จักการใช้ชีวิตในขอบเขตที่ควรจะเป็น” ลุงภาพูด
“เรื่องกลับบ้าน ยังไม่อนุมัติในวันหยุดอาทิตย์หน้าขอดูพฤติกรรมเราก่อนน่ะ แล้วจะบอกว่าหยุดและกลับไปบ้านได้เมื่อไหร่” อาภาคย์พูด
“งั้นก็ไปร่ำลาพ่อเรากันได้แล้ว พ่อและอาและลุงจะได้พากันกลับบ้าน” อาภาคต์พูดและพวกผมก็พากันเดินไปหาผู้ปกครองตัวเอง

            ผมเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าพ่อภูมิ พ่อผมยืนอยู่ข้างๆ กับลุงกฤษณะ ผมไม่ได้เจอลุงกฤษณะพอๆ กับบอยเลย ผมยกมือไหว้ลุงณะ (ส่วนพ่อผมน่ะเจอกันบ่อยแต่คุยกันไหม พ่อก็ไม่ได้บอกผมทุกเรื่อง) ลุงณะ ยกมือรับไหว้ผมก่อนจะเดินออกไปกับบอยเพื่อไปหาที่คุยกัน ผมเองก็ยังไม่ได้ทักทายบอยเลย
“แจ็ค พ่อกับพี่โจ ต้องกลับแล้วนะ อย่าลืมดูแลตัวเองและดูแลบอยด้วยล่ะเราเคยทำอยู่แล้วนิ” พี่โจเดินเข้ามาหาผมพอดีผมหันไปมองบอยที่รายล้อมไปด้วยหมู่ภมรหรือว่าหมู่แมลงวันซะก็ไม่รู้ ผมเดาว่าอันหลังมากกว่า ฮาๆ พ่อหันไปมองลุงภาคย์พ่อของติ๊กก่อนจะพยักหน้ากับผมว่าจะไปคุยกับลุงภาคย์ก่อน เหลือแค่พี่โจที่ยืนอยู่กับผมตอนนี้
“อิจฉาพวกเขาก็พูดมาทำเป็นมอง ดูสายตามึงนี้ คิดร้ายชั่วๆ” พี่โจพูด ผมหันไปมองพี่โจ
“ไม่ได้คิดอะไรเลย” ผมพูดปฏิเสธ
“เป็นพระเอกดีดีไม่ชอบอยากเป็นตัวร้ายหรือไง” พี่โจพูด
“อิจฉาก็ยอมลดฐิติลงบ้างซิครับน้องแจ็ค ถ้าบอยมาขนาดนี้นั่นแหละว่าเขามาง้อแล้ว จะรอเพื่ออะไรล่ะ” พี่โจถามผม
“ดูแลบอยเหมือนเมื่อก่อนที่เราทำ” พี่โจพูดอีก ผมเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะ
“ผมคงไม่ต้องแล้วมั้งครับเพราะว่าดูแล้ว เขามีคนอยากดูแลและเทคแคร์มากกว่าผมซะอีก ผมก็ไม่รู้ว่าเขามาเพื่อผมหรือเพื่อใคร ถ้าเพื่อผม ทำไมเขาไม่มาให้เร็วกว่านี้” ผมพูดกับพี่โจ ตอนนี้โคตรอยากกลับบ้าน อยากบอกลุงหนึ่งผมไม่เอาด้วยกับภารกิจนี้ จะตัดผมออกไปเลยก็ได้น่ะ ผมเลือกไปใช้ชีวิตที่หรูหราที่ต่างประเทศดีกว่า
“เฮ้ย! ทำไมพูดแบบน้ั้นละ หึงละซิ” พี่โจพูด ผมหันมามองพี่ชายแอบค้อนเบาๆ รู้ใจน้องอีก เฮ้ยไม่ใช่ รู้ได้ยังไงวะ
“หึงทำไม ผมนะหล่อเลือกได้” ผมพูดกับพี่โจแต่ในใจลึกๆ หึงครับ หึงมาก โดยเฉพาะไอ้ดิว ไอ้คนที่ถูกเลือกแต่ไม่ใช่ผมเพราะว่าเขาเหมือนกลัวอะไรผมก็ไม่รู้ พี่โจมองหน้าผมไม่อยากจะเชื่อ
“งั้นก็ทำให้เขาเห็นซิวะ ว่าน้องชายพี่หล่อเลือกได้ มีดีให้เขาเลือก ต่อให้ไม่ใช่คนที่เขาเลือกเอาไว้แต่สุดท้าย เราก็ตีคู่และแซงคู่ต่อสู้ แค่นี้น้องพี่ทำได้ไม่ใช่เหรอ เหมือนตอนลงว่ายน้ำไง “พี่โจบอกผม เอากีฬาที่ผมถนัดมาพูดแบบนี้
“มันไม่เหมือนกันพี่โจ ถ้าเขาไม่เลือกยังไงเขาก็เลือกอยู่ดีป่ะ” ผมพูดกับพี่โจ
“ใครบอกมาอีกล่ะแจ็ค “พี่โจถามผมกลับก่อนจะหันไปมองตามสายตาผมที่มองดิวกับบอยคุยกัน
“ผมรู้ ผมได้ยินพ่อกับลุงภาคย์คุยกันตั้งแต่ตอนที่บอยหายไปแล้วและนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่เขาไม่บอกพ่อและผมว่าทำไม” ผมพูด ก่อนจะหันไปมองทางอื่นแทน
“ไม่มีใครถูกเลือก เราเลือกเองได้ เชื่อพี่ซิแจ็ค “พี่โจพูดกับผม ผมหันไปพยักหน้าเอาใจพี่ชายสักหน่อยไม่งั้นต่ออีกยาวเลย
“เอานะพี่กับพ่อจะน่ะ เพราะว่าพี่จะ…”
“จะไปปาร์ตี้กันกับพี่อ้น” ผมพูดแทรกขึ้นมาทันที
“อืม แต่ก็รีบบินกลับตอนเช้าและพ่อเขาจะไปปรับความเข้าใจกับลุงณะอยู่แล้วเลยว่าจะค้างที่กรุงเทพสักคืน” พี่โจพูด ทำเป็นยกประเด็นนี้ขึ้นมา
“โอเค วันหยุดมารับด้วยนะอยากกลับบ้าน”
“อะไรวะ พ่อบอกโน่นเลย หนึ่งเดือนไปแล้วค่อยกลับ จำไม่ได้หรือไงและห้ามโทรตามไอ้ปีเตอร์อะไรมารับน่ะ พี่สั่งไว้ ถ้ามันมาตามคำสั่งเรา พี่ให้มันหางานใหม่จริงๆ น่ะและเราน่ะเป็นคนทำให้ไอ้ปีเตอร์ตกงาน” พี่โจบอกผม ผมสะบัดหน้ามามองพี่โจ ขนาดนี้เลยเหรอ
“ฮะ! ไม่จริงอ่ะ ให้รอหนึ่งเดือนกลับ … “ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกใจมาก อะไรหนึ่งเดือนเลยเหรอ นี้แค่ยังไม่ถึงวันผมยังอึดอัดขนาดนี้เลย
“อะไรกัน แจ็ค โจ” พ่อเดินกลับมาหาผมกับพี่โจอีกครั้ง พ่อมองผมกับพี่โจสลับกันไปมา
“พ่อ ผมจะกลับบ้านวันหยุดนี้” ผมหันไปอ้อนพ่อผมทันที ผมว่าน่าจะเหมือนทุกครั้งน่ะ
“ไม่ได้แจ็ค กฎคือกฎ หนึ่งเดือนค่อยกลับบ้านกันอยู่ที่นี้ไปก่อน “พ่อพูดเสียงแข็งใส่ผมทันที รอบนี้พ่อปฏิเสธคำร้องขอของลูกชายคนเล็ก เป็นไปได้อย่างไร ปกติไม่เคยน่ะ
“คอยดูน่ะ ผมจะหาวิธีได้กลับก่อนหนึ่งเดือนให้ได้ พ่อ” ผมพูด
“ลองดู ถ้าทำได้” พ่อพูดก่อนจะเดินหันหลังออกทันที พี่โจยักไหล่ก่อนจะเดินตามพ่อออกไปเช่นกัน

         ผมได้แต่ยืนมองพี่และบรรดาลุงกับอาล่ำลาทุกคนก่อนจะเดินออกไปจากบ้านทันที ผมรู้มาว่าเขาจัดห้องนอนเอาไว้แล้ว ผมหันมาเจอบอยพอดี ผมก็ไม่ได้พูดอะไรแค่เดินเลี่ยงหลบไปแค่นั้น ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมทั้งที่เขาคือคนที่ผมโคตรคิดถึง โคตรอยากจะเข้าไปกอดแต่ว่า ผมกลับเลือกที่จะนิ่งเฉยเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างผมกับเขา

TBC….
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-12-2023 07:24:22 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
         
EP.4 (ดิวXแอ้Xติ๊ก) ผมรู้สึกอิจฉา
         
                    Part’ s ดิว พวกผมนั่งคุยกัน พากันสำภาษณ์บอย ถามว่าบอยน่ารักไหม น่ารักมากแต่น่ารักคนละแบบกับแอ้ บอยเขาหน้าหวานแบบเจ้าชายเลยทีเดียวแต่ว่าผมชอบแบบแอ้มากกว่า ถึงจะไม่เหมือนกันแต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันอยู่ ผมคนเดียวที่รู้ (ในกลุ่มผมน่ะ) ผมรู้มาจากพ่อเพราะว่าพ่อผมคือคนที่อยู่กับทีมวิจัยที่ทำให้บอยมีสิ่งนั้นในร่างกายของเขา บอยเองก็ไม่เคยรู้จนกระทั่งบอยตั้งครรภ์นั่นแหละและพ่อผมเองที่เป็นคนไปทำคลอดให้บอย
“ดิว… ตกลงดิวตัดสินใจได้หรือยังว่ายังไงอ่ะ” จู่ๆ บอยก็ถามผม ผมเข้าใจความหมายดี ผมเหมือนจะมีสองทางเลือกแต่ว่าเขาให้ผมเลือกทางที่ผมเองก็ลังเล นั้นคือเป็นแพทย์บ้าน ไม่ใช่แพทย์ทหาร เขาอยากให้ผมเป็นแพทย์บ้านเพื่ออยู่เคียงข้างบอยดูแลบอย บอยสุขภาพไม่ค่อยดีมาตั้งแต่เกิดแล้ว น่าจะมาจากการที่เขามีสิ่งนั้นในร่างกายของเขาและแน่นอนเขาอยากให้ผมเดินตามรอยพ่อผมแต่เป็นคนดูแลบอยในฐานะคู่ชีวิตกับบอย
          “คือว่า… ดิว… กำลังตัดสินใจอยู่น่ะบอย” ผมพูด บอยยิ้มให้ผมก่อนจะมองแอ้ที่นั่งคุยกับติ๊กและพาย ก่อนจะหันมามองผม
          “ไม่น่าจะยากน่ะแค่เลือกตามที่ดิวรู้สึกแค่นั้น” บอยบอกผม ผมหันไปมองไอ้แจ็ค มันนั่งหัวมุมโน้น มันไม่ได้ยินว่าผมกับบอยคุยกันอะไรแต่มันก็กระฟัดกระเฟียดไปแล้ว บอยน่าจะรู้สึกได้
          “บอยมาเพื่อมันใช่ไหม” ผมถามบอยเพราะว่าเขาไม่จำเป็นต้องมา
          “มันอาจจะช้าไปมั้ง” บอยพูด
           จังหวะนั้นพ่อผมกับอาภีมเดินออกมาจากห้องที่เข้าไปนั่งคุยกัน พวกผมจะเคารพเรื่องนี้กันมากถ้าผู้ใหญ่คุยกันจะไม่ไปแอบฟังเด็ดขาดแม้ว่าจะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างผมกับทุกคนแต่สุดท้ายพ่อก็จะบอกกับผมเองถ้ามันสำคัญกับผมทุกคน พ่อไว้ใจผม ส่วนผมถ้าเรื่องที่ไม่ควรเปิดเผยผมก็ไม่ทำ มันเป็นการฝึกถ้าผมถูกจับเป็นเฉลยผมก็จะไม่ยอมบอกความลับที่จะทำให้คนอื่นเดือดร้อนแน่นอน
          “ดิว พ่อกับอาภีมจะกลับแล้วน่ะ อยู่ที่นี้ก็ใช้ความคิด ใช้สติกันให้มากๆ หน่อยน่ะ อย่างที่อาภาคย์บอกเลย ถ้ายังมีปัญหา พ่อก็ช่วยไม่ได้ ต้องอยู่กันต่อ” พ่อภาพูด
         “แอ้ พี่อ้นเขาจะติวให้เราหลังเลิกเรียนน่ะ รีบกลับมาบ้านด้วยล่ะ ไอ้อ้นเวลามันดุมันเอาจริงนะ เราก็น่าจะรู้ดี” พ่อภีมพูดกับแอ้
          “ดูแลสุขภาพด้วยนะแอ้ มีอะไรผิดปกติให้ดิวโทรหาพ่อล่ะ” พ่อผมพูด อาภีมหันมามองพ่อผมทันที ผมก็หันไปชำเลืองพ่อผมพร้อมกัน พ่อมาพูดอะไรตอนนี้ เดี๋ยวแฟนพ่อก็งอนหรอก พ่อหันมามองผมอีกทีและสะบัดหน้าไปมองสีหน้าอาภีมที่ขมวดคิ้วรอพ่ออธิบาย ผมเห็นความนัยที่แฝงอยู่ในสายตาของพ่อผมมันคือ
         ” ฉิบหายแล้วกู!” พ่อผมกำลังจะทำความลับของผมสองคนแตกวันนี้
         “เออ…คือวันก่อนเห็นแอ้เขาไปที่บ้านแล้วบ่นปวดท้อง พี่ก็ตรวจให้น่ะพื้นฐานก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมาก” พ่อผมหันไปบอกหวานใจพ่อแต่หวานใจพ่อถ้าจะไม่อยากเชื่อ หันมามองพ่อผม เหมือนเมียผมไม่มีผิดเพี้ยนเลย
           “พ่อแค่เป็นห่วงนะแอ้ ถ้าเป็นเยอะหาหมอที่นี้เลยน่ะ พ่อรู้จักโรงพยาบาลที่นี้ดี ก็เครือข่ายของพ่อเหมือนกันแต่พ่อแค่ดูแลเรื่องหุ้นให้เขา ดังนั้นพ่อจะฝากเรื่องเอาไว้ให้เขาและถ้ามีอะไรพ่อมาได้ทันทีเหมือนกันแอ้” พ่อผมพูดแก้ตัวก่อนจะหันไปฉีกยิ้มให้หวานใจ ผมกับแอ้ยกมือเก่าหัวกันทันที
         “กูรู้แล้วว่ามึงได้ใคร เรื่องเบอะบะ อ่ะ” แอ้กระซิบกับผม ผมหันมามองหน้าเมีย
         “กล้านินทาพ่อสามีเหรอ” ผมกระซิบตอบ
        “ปึก!!” ข้อศอกมาเต็มๆ
       “อู้ยย!! จุก! “ผมพูดพร้อมกับกุมท้องไปด้วย เมียกระทุ้งด้วยข้อศอก
        “อ้าวไอ้นี่ หาเรื่องอะไรอีกล่ะ อยากกลับบ้านเหรอ แสดงเก่งนะมึงน่ะ “พี่อ้นเดินเข้ามาพอดีแซวผมทันที
        “พ่อจะขับรถไปกับอาภาใช่ไหมพ่อ” พี่ดิมถามพ่อม
        “ใช่พ่อกับอาภาจะไปทานข้าวกับพี่ๆ น้องๆ สักหน่อย ไม่เจอกันนาน ลูกมีปัญหากับพ่อเหรอครับ” พ่อผมถามพี่ดิม พี่ดิมมองพ่อผม
        “ไม่แน่นอน แต่ที่มีคือต้องพาไอ้นี่กลับด้วยใช่ไหมพ่อ” พี่ดิมถามพ่อผมและชี้ไปที่พี่อ้น
         “แต่กูต้องพาโจกลับไปด้วย” พี่อ้นพูด อันนี้พ่อตาผม อาภีมหันไปมองพี่อ้นทันทีว่าพาไปทำไมเหรอ นั้นหลานกู พี่อ้นก็มองอาภีมก่อนจะหันมาเจอสายพี่ดิมอีกคู่ที่มองไม่แพ้กัน
          “ไปทำไมอ่ะ ไปดูมึงฝึกทหารใหม่เหรอ โจมันจะเอาไปเขียนวิจัยเกี่ยวกับค่าตอบแทนทหารให้เหรอและมันจะได้เรียกร้องสิทธิ์ที่ควรจะได้เพิ่มให้ด้วย อย่างนั้นใช่ไหม” พี่ดิมพูด พี่อ้นยืนเหมือนกำลังจะพยายามระงับน่ะพี่อ้น
          “กวนตีน!!” สั้นและได้ใจความ
         “นี่มึงสองคนเลิกทะเลาะกันได้ไหมและพากันไปได้แล้ว ขับรถหลายชั่วโมงมันอันตราย จะไปไหนกันต่อก็อย่าดื่มเยอะหนักน่ะ เข้าใจไหม” อาภีมเป็นคนยุติศึกคู่หูคู่ฮาแทน
          “พ่อกลับก่อนนะแอ้ อย่าลืมล่ะถ้าเป็นไปได้ เราอาจจะต้องไปก่อนคนอื่นแอ้…เตรียมให้พร้อมเข้าใจไหมแอ้ “อาภีมพูด ผมหันมามองแอ้ จริงเหรอ แอ้ไม่เคยบอกผมเรื่องนี้เลยน่ะ แอ้แค่ขยิบตาให้ผม แอ้เข้าไปกอดอาภา เห็นแบบนี้แอ้ก็มีโมเมนต์ที่น่ารัก ส่วนพี่อ้นยืนอยู่ ควักมือเรียกแอ้เข้าไปและกอดแอ้ทันที ผมมองอยากกอดบ้าง
         “มากอดกูนิ กูว่างดิว” พี่ดิมพูด ผมหันมามองพี่ชาย ไม่กอดได้ไหม อยากกอดคนนั้น เมียผมน่ะ ถึงจะไม่ได้ไปไหนก็ตามก็อยากกอด ผมยืนมองพี่อ้นกอดแอ้ พี่อ้นหันมามองหน้าผม
        “มึงอยากกอดกูเหรอไอ้ดิว!!” พี่อ้นหันถามผม ผมมองพี่อ้นและแอ้ แอ้เลิกคิ้วมองผมด้วย
       “ไม่ใช่พี่” ผมพูด
       “พี่มึงนั้น ยืนรอมึงอยู่นั้น ไปกอดพี่มึง” พี่อ้นพูด ผมหันไปมองพี่ดิมกางแขนรอผม
        “ไม่เอาอ่ะ” ผมรีบปฏิเสธทันที
        “มาเถอะ กูอยากกอด มานิ!!” พี่ดิมพูดพร้อมกับดึงผมเข้าไปกอดหนึ่งที เอา เอ้าเข้าไป เพื่อควาสบายใจ พวกพี่ๆ ผมนี่แกล้งน้องเป็นงานอดิเรก
         ผมกับแอ้ยืนมองพี่จนต่างพากันเดินออกไปผมหันมามองไม่เห็นไอ้แจ็คแล้ว มันไวมาก ไม่รู้ว่าหายไปไหนของมัน ตั้งแต่บอยมาแล้วมันเงียบกริบ ทำเหมือนมันไม่มีตัวต้นอย่างนั้นแหละแปลกคน ส่วนติ๊กก็ยืนส่งอาภาคย์ บอยก็ส่งลุงกฤษณะอยู่ พายก็ยืนออดอ้อนอาเปรมดิ์ วันนี้พี่พีชเป็นคนมาส่งแทน พี่พีชแทบจะไม่ได้คุยกับใครเท่าไหร่พี่พีชไม่ค่อยสนิทกับพวกพี่ๆ ผมเท่าไหร่ ด้วยวัยด้วยมั้งส่วนพี่แพทนี้ผมแทบจะไม่เคยเจอแต่ก็รู้ว่าพี่แกสายโหด เลยเอามาขู่พายบ่อยๆ เวลาออกอาการสาวแตก


*****
          Part’ s ติ๊ก ผมชื่อนายณภัทร เป็นสมาชิกบ้านตอเต่า พ่อผมชื่อภาคย์ พิทักษ์คุณไพรสาณฑ์เรื่องฤทธิไกล นามสกุลพ่อผมยาวได้กว่านี้ก็คงทำไปแล้ว (แอบประชดพ่อผมกับนามสกุลตั้งใหม่) พ่อผมเป็นเจ้าของโรงเรียนนานาชาติ และยังมีโรงเรียนที่มีค่าเทอมระดับกลางๆ โรงเรียนเหล่านี้จะได้รับทุนสนับสนุนจากองค์กรของผมเด็กเรียนดีได้ทุนจะได้เรียนโรงเรียนนี้กันและมันก็คือโรงเรียนที่ผมกำลังจะไปนี่แหละ ผมจะต้องไปแก้มาแก้ไขปัญหาเรื้อรัง เด็กเกเร เด็กๆ ดีดี ย้ายออกไปเกือบหมด ครูเองก็ยังขอลาออก ขอย้ายไปก็เยอะ เหมือนกับว่ามีปัญหากับคนที่มาก่อกวนเพื่อจะให้พ่อผมยุบโรงเรียนนี้และเอาพื้นที่ไปทำอย่างอื่น ถามว่าพ่อผมเดือดร้อนไหม ไม่เดือดร้อนครับแต่ว่าเด็กที่เรียนมาแล้วเขาจะเดือดร้อนไหม เดือดร้อนพ่อผมบอกและสิ่งที่พ่อผมคิดว่าสำคัญคือการศึกษาของเด็กๆ เหล่านั้น พ่อเลยพยายามที่จะเก็บโรงเรียนนี้เอาไว้และต้องการให้พวกผมมาหาสาเหตุของปัญหา ผมถึงกลับมองบนไปหลายรอบ ให้ผมนี่น่ะมาแก้ปัญหาเด็กเกเร ให้ผมไปเรียนมหาวิทยาลัยกันก่อนดีกว่าไหม สำหรับผมน่ะทำไมพ่อแม่เด็กไม่ทำเองวะ? ผมคิดในใจ
        “ติ๊ก พ่อกับพี่ตุ๊กลับแล้วน่ะ” พ่อเดินมาหาผม
        “จะทำหน้าแบบนั้นทำไมล่ะ ไม่ได้อยู่ตามลำพังสักหน่อย พี่พัฒน์ก็อยู่” พ่อพูดกับผม
        “ไม่ให้เบื่อได้ยังไงอ่ะพ่อ ดูดิพ่อ ไม่มีความศรีวิไลในระแวงกันใกล้นี่เลย ล้วนแล้วแต่ห่างไกล” ผมพูด ผมหันไปมองแอ้กับดิว บางทีก็อิจฉามันน่ะไอ้แอ้อ่ะ มันดูสนิทกับดิวและยิ่งลุงภากับอาภีมเป็นแฟนกันด้วย มันยิ่งสนิทกันเข้าไปใหญ่
         “นี่ไง ดิวกับแอ้ เห็นบ่นไม่ใช่เหรอว่าสองคนนี้กลับไปค่ายทหารบ่อย ตอนนี้ได้อยู่ด้วยกันแล้ว บ้านเดียวกัน คราวนี้จะได้กลับมาสนิทกันเหมือนเดิม” พ่อผมพูด
         “ติ๊ก ไม่ใช่เด็กๆ แล้วน่ะ ต่อให้ถูกทำโทษที่นี้แต่ก็อย่าลืมล่ะที่พี่ลงทะเบียนให้เรียนปริญญาตรีออนไลน์ไปก่อนน่ะ ทำด้วยน่ะ พี่สั่งพี่พัฒน์เอาไว้แล้วน่ะ ให้เราไปเรียนช่วงที่เขาทำกิจกรรมกัน” พี่ตุ๊พูด ผมถอนหายใจออกมายาวๆ ทันที
          “ส่วนเรื่องงานแสดง ถ่ายแบบพักไว้ได้เลย พี่บอกพี่เอ้แล้วว่า งดรับยาว” พี่ตุ๊พูด
          “อะไรอ่ะพี่ตุ๊ เดี๋ยวก็ได้เป็นข่าวว่างานหด เป็นดาราตกกระป๋อง ทั้งที่ความจริงไม่ใช่เลย งานเยอะจะตายแต่โดนพี่ชายเบรกไว้หมด ทำไมไม่ไปช่วยแก้ข่าวด้วยอ่ะ” ผมพูด พี่ตุ๊หันมามองหน้าผม
         “เอาน่ะ… อยู่ที่นี้แค่ไม่นานพอเสร็จเรื่องคราวนี้ก็ได้กลับไปรับงานเหมือนเดิม” พ่อพูดแทน ผมหันไปมองพี่ตุ๊ว่าดูซิ พ่อน่ะยังไม่โหดเท่าพี่ตุ๊เลยน่ะ นี้สั่งตัดงานหมดแถมตัดยาวด้วยเหมือนจะไม่ให้กลับไปรับงานอย่างนั้นแหละ
         “เสร็จเรื่องก็ต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ดี จะมีเวลาที่ไหนไปรับงานพี่ว่าแขวนนวมไปได้แล้ว” พี่ตุ๊พูด
         “ไม่อ่ะพี่ตุ๊ อันนี้มันความสุขของผมอ่ะและรับงานก็ไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย” ผมพูด
        “ใครว่าไม่มีล่ะ มี! “พี่ตุ๊พูดแต่พ่อผมเป็นคนยกมือห้ามซะเอง ให้ผมสองคนหยุด ผมเลยต้องยืนสูดลมหายใจเขายาวๆ ให้ใจเย็น ส่วนพี่ตุ๊ก็พอพอกับผมแหละ ยืนนิ่งให้ตัวเองใจเย็นเช่นกัน
        “พอแล้วตุ๊และนี่ก็อีกคน นี้ทำยังกับเป็นพ่อลูกกันจริงๆ ตกลงแล้ว นี่จะแย่งยังทำหน้าที่พ่อไปด้วยใช่ไหมตุ๊ หย่อนๆ ให้น้องมันหน่อยเถอะ” พ่อผมพูดอันนี้ผมแลบลิ้นปลิ้นตาให้พี่ตุ๊เลยเป็นไงล่ะ พี่ทำหน้าที่ดีเกิน
          “ถ้าพี่รู้ว่าเราแอบรับงานน่ะโดนแน่ๆ ตอนนี้ตั้งใจเรียน เรียนออนไลน์และแก้ปัญหาที่นี้ ถ้าพี่มา…” อันนี้ผมถึงกับสะบัดหน้ามามองพี่ชายตัวเอง จะมาเหรอ
         “ถ้ามาดูแล้วเราไม่เป็นอย่างที่พี่บอกน่ะโดนแน่ๆ และถ้าพี่พัฒน์รายงานพี่ด้วย เราก็โดนอีกเหมือนกัน” พี่ตุ๊พูด
         “พ่ออย่าบอกน่ะว่าพี่ตุ๊จะมาที่นี้ด้วยอ่ะ ถ้าพี่ตุ๊มา ผมกลับน่ะ” ผมพูด
         “ตุ๊จะมาทำไม งานพี่เราน่ะเยอะจะตาย รอพวกเราน่ะเรียนจบและจะได้ช่วยพี่ตุ๊เขาบ้าง พ่อก็เริ่มไม่ไหวแล้วน่ะติ๊กน่ะ” พ่อผมพูด ผมหันมามองพ่อผม ผมตรงเข้าไปกอดพ่อผม พ่อผมก็เริ่มจะมีโรคประจำตัวบ้างแล้วแหละก็หักโหมงานเยอะตอนหนุ่มๆ
          “ขึ้นไปดูห้องพักได้แล้ว พ่อกลับแล้วและนอนตามที่จัดเอาไว้ด้วยล่ะ อาเปรมดิ์เขาขอให้เรานอนกับพายน่ะ” พ่อผมพูด ผมถึงกับมองบนทันที นอนกับอีพาย อาบน้ำก็นานทั้งคู่แค่ห้องน้ำก็ตีกันแล้วไม่ต้องถามถึงอย่างอื่นเลย ผมหันมามองพ่อก่อนจะพยักหน้าให้พ่อสบายใจและเข้าไปสวมกอดพ่อผมอีกที ผมหันมามองพี่ตุ๊ พี่ชายที่เป็นมากกว่าพี่จะว่าเหมือนพ่อจริงๆ ก็ว่าได้ พี่ตุ๊ก้มลงมองผมก่อนจะส่ายหัวเบาๆ แต่ถึงจะดุแต่พี่ตุ๊ก็รักน้องๆ ส่วนน้องอย่างผมถึงจะดื้อแต่ก็รักพี่ตุ๊ไม่แพ้กัน พี่ตุ๊กางแขนผมก็เข้าไปกอด
         “ถึงดื้อไปหน่อยพี่รักน่ะ ดังนั้นดูแลตัวเองดีดี พี่พัฒน์ก็อยู่ที่โรงเรียน มีเวลาว่างก็แวะไปหาพี่พัฒน์บ้างล่ะ” พี่ตุ๊พูด
         “ฝากดูแลเหรอ” ผมเงยหน้าขึ้นถามพี่ตุ๊ ผมรู้ว่าพี่ตุ๊รักพิพัฒน์แต่ยังขี้เก๊กไม่ยอมยอมรับซะทีว่าคิดอะไรกันอยู่ น้องๆ อยากพวกผมนี่ลุ้นกันจนอยากจะจับมามัดมือไว้ด้วยกันจะได้แสดงความรักกันให้น้องๆ ดูซะที
         “ให้ไปช่วยงานพี่พัฒน์บ้าง พี่เขาทำงานหนักอยู่คนเดียว เข้าใจไหมติ๊ก “พี่ตุ๊พูด
          “ก็แค่บอกว่าฝากดูแลแค่นี่เอง พูดไม่ได้เหรอ” ผมถามพี่ตุ๊
         “กลัวพี่พัฒน์รู้หรือไงอ่ะ” ผมถามพี่ตุ๊
         “กลัวพี่พัฒน์ดีใจเหรอ” ผมถามต่อ
         “เออ ฝากดูแลพี่พัฒน์ด้วยพี่เป็นห่วงน้องชายพี่ พอใจหรือยัง” พี่ตุ๊พูด
         “เหมือนกันทั้งบ้านเลยน้องกู” พี่ตุ๊แอบบ่นพึมพำและที่เห็นน้องกลัวพี่ตุ๊นี่เพราะว่าพี่ดุแต่น้องก็แอบแกล้งพี่ชายเหมือนกันและมันก็ทำให้ผมยิ้มได้ในตอนนี้ ผมเกือบจะพอใจแต่ดันมามีน้องชายของพี่นี่แหละมาขัดแต่ผมพยักหน้าไป ฝากดูแลทางอ้อมก็มาน่ะพี่ชายปากแข็งของผม
         ผมยืนมองพ่อผมเดินออกไป ผมหันมามองแอ้กับดิว ทำไมผมถึงได้อิจฉาแอ้มันมาก ดูลุงภารักแอ้เหมือนแอ้คือลูกคนหนึ่ง ถามว่าลุงรักพวกผมไหม ก็รักน่ะแต่ว่ามันสัมผัสได้ว่าต่างกัน ความรักพวกผมแค่หลานแต่ทำไมกับแอ้มันมากกว่านั้น เหมือนแอ้คือคนรักของลูกดังนั้นก็เป็นลูกอีกคนยังไงยังงั้นเลย
        “อะไรเนี่ยมึง” มีคนเดินมาชนหัวไหล่ผม ผมหันไปมองนั้นคือน้องพาย ผมมองบนทันที จะมากระแทกไหล่ทำไมเนี่ย ผมเดินกลับเข้าไปพร้อมกับพาย
       “วันนี้พี่แพทไม่มาเองเหรอวะ” ผมถามน้องพาย
       “ไม่อ่ะ พี่แพทไปฝึกร่วมกับหน่วยซีลเพิ่งจะถึงสัปดาห์นรกเอง” พายพูด พายมันมีพี่ชายหลายคน พี่แพทหล่อมาก สูงยาวเขาดี พายมันรักพี่แพทมากมันเลยไม่ค่อยกล้าดื้อกับพี่แพททั้งที่พี่แพทไม่ได้ดุเหมือนพี่ตุ๊ผมสักนิด
        “วันนี้ไอ้พี่พีชจอมกวนมาส่งเอง” พายพูด ติ๊กมันมองหน้าผม
        “กูไม่เห็นพี่พีชสนิทกับพี่คนไหนเลยน่ะมึง” ติ๊กพูดกับ
        “ไม่ต้องถามกูหรอก กูเองก็ไม่ได้เข้าใจไอ้พี่พีชเท่าไหร่หรอกมึง” พายพูด ผมเดินเข้าไปนั่งรอด้านในกับพาย พายมันก็ถ่ายรูปลงติ๊กต๊อกตามเคย
        (เพื่อนๆ มาอยู่บ้านใหม่ไฉไลกว่าเดิม ไม่มีเพื่อนบ้านให้กวนใจ ไม่มีสัตว์เลี้ยงเห่าหอนให้หนวกหู ไม่มีเสียงดังรบกวนจากเครื่องดนตรีเพื่อนบ้าน คือมันเงียบดี๊ ดี เงียบมากกกก เงียบกริ๊บค่ะเพื่อน เงียบเหมือนอยู่ใน…ป่าช้า!!) พายพูดในการบันทึกวิดีโอเพื่อโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย
        (สรุปง่ายๆ คือไม่มีเหี้ยอะไรเลย!!) ผมสรุปให้ทันที อีพายมันมองหน้าผมก่อนจะกดตัดฉับไปพายมีคนตามเยอะมาก ชื่อPiery ฉายานี้ไม่มีใครรู้และไม่มีใครรู้ด้วยว่ามันเองแหละน้องพายว่าที่คุณหมอ มีแค่พวกผมแต่พวกผมก็ไม่ทำร้ายกันอยู่แล้ว นี่มันความสุขของพายมัน
        “อีติ๊ก เดี๋ยวกูก็โดนแบนหรอกมึง พูดมาได้ เหี้ย!!” พายพูด ผมหันไปมองสามคนที่เดินเข้ามาพร้อมกัน ดิว แอ้และบอยแต่ไม่มีไอ้แจ็ค อย่าบอกน่ะว่ามัน ผมพรวดพราดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ทันที
        “มีอะไรวะติ๊ก” ดิวมันถามผม
        “ไอ้แจ็คอ่ะ อย่าบอกน่ะว่ามัน หนีขึ้นรถไปน่ะ “ผมพูด ทุกคนหันมามองหน้ากันพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ
       “มันคงเป็นไปได้ยากอ่ะ อาภูมิน่ะจะยอมให้มันกระโดดขึ้นไปรถ “พายพูด
       “ถ้ามันหนีไปได้โดยไม่ชวนกูไปด้วย กูเคืองแม่ง ตัดแม่งออกจากชีวิตกูเลย เอาจริงๆ” ผมพูด แต่ล่ะคนหันมามองหน้าผม มันหายไปผมไม่โกรธแต่มันไม่ลากผมไปด้วยนี่แหละเคืองมาก
         “มันอิมพอสซิเบิลมากติ๊ก “พายพูด
         “เออ นั้นดิ มันคงเดินขึ้นไปบนห้องแล้วมั้ง” แอ้พูด ผมหันมามองบอย
         “บอยก็ไม่ได้สังเกตอ่ะ บอยคุยกับพ่อ เลยไม่ได้มองว่าเขาเดินเข้าไปตอนไหน” บอยพูด สีหน้าบอยดูแล้วน่าจะรู้สึกแย่ ที่ไอ้เวรนั้นมันทำเป็นไม่เห็นหัวแบบนี้
        “บอย อย่าไปใส่ใจไอ้เด็กมีปมนั้นเลย ปมมันเยอะ จนมันเองก็แก้ไม่ออก” ดิวพูดก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน ผมหันมามองแอ้ เขานั่งลงข้างๆ ผม น่าแปลกน่ะถึงผมจะร้ายกับแอ้มันแต่แอ้มันก็เข้าข้างผมอยู่ดีแต่ว่ามันแย่ตรงที่ว่าผมกลายเป็นตัวร้ายในสายตาไอ้ดิว 
       “แป๊บหนึ่งน่ะขอไปโทรหาพี่พั้นญ์ก่อนว่ะ” พายพูดพร้อมกับเดินออกไป
       “พี่บีโทรมาพอดีเลยขอคุยกับพี่บีก่อนน่ะ” บอยพูดเช่นกันตอนนี้เหลือแค่ผมสองคนแล้ว ผมหันมามองแอ้ แอ้มันก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือการ์ตูนและการ์ตูนที่มันอ่านก็เข้าข่ายว่าพระเอกนี้เหมือนไอ้ดิวแต่ว่าไอ้ดิวมันชอบเล่นฟุตบอลมากกว่า มันเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพได้สบายๆ เลย
         “คราวนี้ก็คงคิดว่ามึงกับดิวจะได้หาเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นซิน่ะ” ผมพูด แอ้ละสายตาจากหนังสือเล่มนั้นหันมามองหน้าผม
          “มึงพูดเรื่องอะไรติ๊ก” แอ้หันมาถามผม
         “มึงก็รู้ว่ากูพูดถึงเรื่องอะไรแอ้” ผมพูด แอ้วางหนังสือลง
        “อาภีมรู้เรื่องมึงกับดิวแล้วเหรอและดูลุงภารักมึงมากเหมือนมึงคือลูกเขาอีกคนเลย” ผมพูดเชิงถามแอ้ ผมสังเกตมาหลายครั้งแล้วน่ะ
         “ลุงภาก็รักเท่าๆ กันทุกคน” แอ้พูด สายตาของผมกับแอ้ประสานกัน
         “มึงโกหก!!” ผมพูด ผมจับต้นแขนแอ้ ผมบีบมันด้วยความเจ็บแต่ว่าภายในใจผมเจ็บกว่า แอ้มันก็ไม่ได้สะบัดออกหรือว่าจะผลักผมให้กระเด็นไป ผมก็ยิ่งบีบหนักขึ้นจน
        “แอ้! ขึ้นห้องก่อนไหม ดิวว่าจะ..” เสียงดิวดังเข้ามาพอดีมันทำให้ผมต้องรีบปล่อยมือจาก จากต้นแขนแอ้ทันที ดิวมันมองผมกับแอ้สลับกันไปมา
         “มีอะไรกันหรือเปล่า” ดิวเดินเข้ามาพร้อมกับวางขวดอะไรสักอย่างลง มันหายเข้าไปหยิบเครื่องดื่มมาสามขวด ดิวมองแอ้กับผมสลับกันไปมา
         “มีอะไรแอ้ บอกดิวดิ” ดิวเลือกถามแอ้
       “ไม่มีดิว “แอ้พูดก่อนจะลุกขึ้นและทำท่าจะเดินออกไป ดิวมันหันมามองหน้าผม
       “มึงทำอะไรแอ้ติ๊ก” ดิวถามผมทันที (เมื่อสักครู่ผมทำแอ้มันเจ็บแต่ตอนนี้ผมเจ็บกว่ามันอีก ดูสายตาไอ้ดิวที่มันหวงแอ้)
       “กู… เออ…กู…ไม่ได้ทำอะไร” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นเช่นกันและเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ผมเดินจ้ำอ้าวตามแอ้ขึ้นไปและดิวก็เดินจ้ำอ้าวตามผมสองคนขึ้นมาเหมือนกัน
TBC…


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-12-2023 11:21:01 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
         
          EP.5 (พายXติ๊ก) คู่ปรับที่คอยเตือนสติติ๊ก

          Part’ s พาย น้องพายที่น่ารักประจำบ้านพอพาน ผมชื่อปรรณกร เป็นลูกชายคนเล็กของพ่อเปรมดิ์พ่อผมมีลูกล่าช้ากว่าลุงๆ ของผมหลายปีเพราะว่าพ่อผมอ่อนกว่าลุงๆ หลายปี พี่ชายคนโตผมก็จะรุ่นเดียวกับพี่เดฟพี่ชายไอ้ดิว พี่เอ็กซ์พี่ชายแอ้และพี่ต้าร์ พี่ชายไอ้ติ๊ก เขาเป็นเพื่อนรักกันมานาน พี่แต่ล่ะคนก็จะเป็นเพื่อนกันในช่วงวัยเดียวกัน
          บ้านผมเป็นที่รู้จัก บ้านพอพาน พี่ชายคนโตพี่แพท พี่พีช (คนที่มาส่งผม) พี่พั้นญ์ พี่พอร์ชและพี่พีเคและก็ผมนี่แหละคนเล็กสุด พ่อผมสไนเปอร์ของทีมเนวีซีลมาก่อนแต่ว่าตอนนี้ลุงสี่ย้ายพ่อผมไปทำงานเอกสารแทนช่วยลุงสี่และจะได้ไม่ต้องออกไปเสียงอีก ลุงสี่ก็ไม่อยากเสียพ่อผมไปและพวกผมก็เช่นกันเพราะว่างานของพ่อมันเสียงเกินไป ใช่แล้วครับลุงสี่น้องชายคนเล็กของลุงหนึ่งคือแฟนพ่อผมเอง ลุงสี่หรือพลเอกสรภพ ดูแลฐานที่ตั้งทหารหน่วยรบพิเศษทางทะเลเพราะว่าลุงสี่เป็นทหารเรือ ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ หน่วยซีลทีม
       “พาย พ่อกลับแล้วน่ะ อยู่กับเพื่อนๆ ใช้เวลานี้กับเพื่อนให้มากที่สุดน่ะพาย” พ่อเปรมดิ์บอกผม
        “พ่อ พายรู้ว่า มันยาก” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากให้วันที่ผมต้องไปเรียนก่อนมาถึงเลย ผมถูกเลือกให้เป็นแพทย์ทางด้านเกี่ยวกับหัวใจ โดยเฉพาะเพราะว่าผมเป็นเด็กฉลาดมีไอคิวสูงกว่าคนอื่น ผมถูกเลือกไว้ตั้งแต่ตอนที่ผมกำลังจะเกิด แต่ใช่ว่าผมจะอยากได้ ผมอยากมีชีวิตปกติเหมือนคนอื่นๆ ทุกคนก็เช่นกัน
         “งอแงอีกแล้ว เด็กน้อยเอ๊ย… “พี่พีช พี่ชายคนที่สอง พี่พีชเป็นน้องพี่แพทไม่ถึงปี เรียกได้ว่าลูกหัวปีท้ายปี แต่เอาจริงๆ ผมมีพี่ชายอีกคนแก่กว่าพี่แพท สองปี ชื่อพี่พอสแต่ว่าเสียไปตอนที่ไปฝึกด้วยกันตอนนั้นลงแพล่องแม่น้ำที่ไหลเฉี้ยวและมหาโหดมากเส้นนี้แต่ว่ากลับถูกใช้เพื่อฝึกนักเรียนทหารและพี่แพทเป็นคนตกลงไปและพี่พอสลงไปช่วยสุดท้ายพี่แพทรอดชีวิตมาได้ มีคนช่วยดึงพี่แพทขึ้นมาแต่ว่าเราหาพี่พอสไม่เจอ พี่พอสเป็นลูกที่พ่อผมขอมาเลี้ยงและสนิทกับพี่พีชมากและนั้นก็เป็นชนวนที่ทำให้ พี่แพทกับพี่พีชแทบจะไม่ได้คุยกัน ผมก็ไม่เข้าใจมันไม่ใช่ความผิดพี่แพทสักหน่อย แต่พี่เขาก็จะคุยกันก็ต่อหน้าพ่อเท่านั้นพ่อจึงไม่รู้ว่าพี่แพทกับพี่พีช มีปัญหากัน พอพ่อไม่อยู่พี่พีชไม่เคยทักทายพี่แพทเลย แถมยังเลือกไปเป็นนาวิกโยธินที่แตกต่างไปจากพี่แพทที่เลือกเดินสายเดียวกับพ่อเปรมดิ์
        “ไอ้พี่พีช ลองมาอยู่แบบนี้ดูไหมล่ะ” ผมถามพี่พีช
        “ไม่ได้เป็นเด็กเกเรแบบเรานิจะได้ถูกส่งมาทำโทษที่นี้” พี่พีชพูดพร้อมกอดอกมองผม ผมมองหน้าทำไมไอ้พี่พีชกับพี่แพทมันต่างกันแบบนี้น่ะ พี่แพทน่ะตามใจผมจะตายแต่ไอ้พี่พีชนี้ขัดอกขัดใจผมทุกเรื่อง ผมเลยหันหน้านีดีกว่าไม่เถียงด้วยแล้ว
         “พีช กลับไปแล้วส่งอิเมลพาพี่แพทให้พ่อหน่อยน่ะ เอกสารที่พ่อให้ไปพี่แพทเขาต้องใช้” พ่อเปรมดิ์บอกพี่พีช พี่พีชนิ่งไปเลยพักหนึ่ง
         “ครับพ่อ ผมจะส่งให้…พี่แพท” พี่พีชพูด
         “เอาล่ะพายพ่อกลับแล้วน่ะ อยู่ที่นี้ดูแลตัวเองดีดีล่ะ” พ่อเปรมดิ์พูด
          “กางเกงน่ะ เอาขายาวมามั้งหรือเปล่า” จู่ๆ ไอ้พี่พีชหันมาถามผม
           “เอามาแต่น้อยกว่าขาสั้นเพราะว่าเน้นมาอวดไม่ได้เน้นมาปิด” ผมพูด ประชดพี่ชาย พี่พีชมองผมก่อนจะทำหน้าเอือมระอาน้องคนนี้ชอบขัดใจ
            “ดำแน่ๆ” เฮ้ยไอ้พี่พีชพูด
            “ไอ้พี่พีช!!!” ผมหันมาเรียกชื่อ พูดแบบนี้ได้ไงยิ่งกลัวดำอยู่ด้วย
           “ใส่ขายาวซะบ้าง ที่นี้ก็ไม่ได้ร้อนมากแต่แดดแรงไม่แพ้กันน่ะ ออกไปนี้ดำ จำไม่ได้แน่ๆ” พี่พีชพูดกับผม
           “คอยดูน่ะ จะฟ้องพี่แพท!” ผมทำท่าจะพูดแต่ว่าผมลืมไปว่าพี่พีช ไม่กลัวพี่แพท ฟ้องไปก็เท่านั้น พี่พีชหันมามองหน้าผมก่อนจะ
           “ไม่แซวแล้ว ดูแลตัวเองล่ะ” พี่พีชพูดพร้อมกับหันไปมองทางอื่น สีหน้าพี่พีชเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะรีบเดินออกไป ผมเบ้ปากใส่และตรงไปกอดพ่อเปรมดิ์ทันที
            “ป๊าสี่เขาบอกว่าถ้าพายทำได้ ป๊าจะให้รางวัลด้วยนะพ่อ” ผมพูด พี่พีชหันไปมองทางอื่น แต่อันนี้พี่แพทกับพี่พีชเหมือนกันตรงที่พี่เขาไม่เคยเชื่อใจป๊าสี่เลย อาจจะเป็นเพราะว่าป๊าสี่ทำให้พ่อผมเสียใจมาไม่รู้กี่ครั้งเพราะความเจ้าชู้ของป๊าสี่แต่ก็ง้อพ่อผมได้ทุกทีและที่สำคัญป๊าสี่เคยแต่งงานด้วย มีลูกด้วยและผมเองก็ไม่เคยเจอลูกๆ ของป๊าสี่สักคน พวกผมรู้ว่าป๊าสี่เพิ่งจะหย่ากับภรรยาของเขาไม่นานมานี้และพยายามจะจดทะเบียนสมรสกับพ่อผมแทนเพราะว่าป๊าสี่นั้นรักพ่อผมมาก่อนและรักพ่อผมมากที่สุดเท่าที่พวกผมรู้แต่มีแค่พี่แพทกับพี่พีชเท่านั้นที่ยังไม่ยอมรับตรงนี้ ส่วนตัวผมเชื่อว่าป๊าสี่รักพ่อผมจริงๆ ไม่อย่างนั้นจะมาราธอนได้ขนาดนี้เหรอ ตั้งแต่พ่อผมยังไม่มีพวกผมเลยน่ะ

            ผมยืนมองพ่อเปรมดิ์เดินออกไปกับพี่พีช พ่อผมมีสายเข้าพอดี ผมเหลือบมองมือถือของผม พี่แพทยังยุ่งอยู่แน่ๆ เลย พี่แพทอยู่ในช่วงสัปดาห์นรกของการฝึกโหด พี่แพทไม่ได้บอกว่าเสร็จตอนไหน ผมนี่คิดถึงพี่แพทที่สุด ช่วงที่พ่อผมยุ่งมากๆ พวกผมอยู่กับพี่แพทมากที่สุดในช่วงก่อนที่พี่แพทจะไปฝึก ดังนั้นพี่แพทก็เหมือนพ่อของพวกผมคนหนึ่งเหมือนกัน ผมมักจะเรียกพ่อแพท ผมไม่กล้าดื้อกับพี่แพทเหมือนพี่ๆ คนอื่นๆ และพี่แพทก็ตามใจผมมากเช่นกัน

            ผมหันมาจะเดินเข้าไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นแต่ว่าผมเห็นติ๊กยืนมองแอ้ที่กำลังล่ำลาลุงภีมเพราะว่าเป็นพี่ชายพ่อผมแต่ว่าเป็นอาไอ้ติ๊กมัน ติ๊กหันมามองหน้าผม ผมรู้ว่ามันไม่ได้มองที่ลุงภีมแต่ว่ามันมองที่ลุงภา ลุงภาดูเอ็นดูแอ้มากเป็นพิเศษ ผมคิดว่าไอ้ติ๊กมันกำลังคิดอะไรพิสดารอีกแล้วแน่ ผมก็เลยเลือกเดินไปและผมก็ตั้งใจชนไหล่ติ๊กมัน
         “อะไรเนี๊ยะมึง!” ติ๊กมันหันมาถามผม ผมก็หยักไหล่ว่าให้เข้าไปด้านในการดีกว่า ติ๊กหันไปมองแว๊ปหนี่งก่อนจะเลือกเดินไปกับพวกผม
          “วันนี้พี่แพทไม่มาเองเหรอวะ” ติ๊กมันถามผม เห็นผมกับติ๊กกัดกันแบบนี้แต่ว่าติ๊กกับผมคุยกันแทบจะทุกเรื่องเลยไม่เคยปิดกันยกเว้นเรื่องแอ้เท่านั้นที่มันไม่พูดความจริง
          “ไม่อ่ะ พี่แพทไปฝึกร่วมกับหน่วยซีลเพิ่งจะถึงสัปดาห์นรกเอง” ผมตอบติ๊ก
         “วันนี้ไอ้พี่พีชจอมกวนมาส่งเอง” ผมพูดกับติ๊ก
         “กูเห็นแล้ว และกูไม่เห็นพี่พีชสนิทกับพี่คนไหนเลยน่ะมึง ไม่ทักใครเลยนะมึง” ติ๊กพูดกับผม
            “ไม่ต้องถามกูหรอก กูเองก็ไม่ได้เข้าใจไอ้พี่พีชเท่าไหร่หรอกมึง” ผมพูด คนอื่นๆ ยังไม่เข้ามาเลย ผมเลยคิดว่า หามุมดีดีทำคลิปลงติ๊กต๊อกดีกว่า ฆ่าเวลา ผมน่ะมีคนติดตามเยอะมากแต่ติดตามในนามของ Pieryไม่มีใครรู้ด้วยน่ะว่าเป็นผม พ่อยังไม่รู้เลย พี่ๆ ยิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่

          (เพื่อนๆ มาอยู่บ้านใหม่ไฉไลกว่าเดิม ไม่มีเพื่อนบ้านให้กวนใจ ไม่มีสัตว์เลี้ยงเห่าหอนให้หนวกหู ไม่มีเสียงดังรบกวนจากเครื่องดนตรีเพื่อนบ้าน คือมันเงียบดี๊ ดี เงียบมากกกก เงียบกริ๊บค่ะเพื่อน เงียบเหมือนอยู่ใน…ป่าช้า!!) ผมพูดตาก็จิกกล้องไปด้วย
           (สรุปง่ายๆ คือไม่มีเหี้ยอะไรเลย!!) ระหว่างที่กำลังโพสอยู่นั้น ติ๊กรีบเข้ามาและแทรกเสียงใส่แต่ว่ามันมีคำหยาบคาย ผมรีบกดวางสายแถบไม่ทัน มันนี้หาเรื่องให้ผมโดนแบนไปคลอดแล้วไลล่ะ
           “อีติ๊ก เดี๋ยวกูก็โดนแบนหรอกมึง พูดมาได้ เหี้ย!!” “ผมหันไปพูดกับติ๊ก ดูมันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ จังหวะนั้นแอ้ ดิวและบอยเดินเข้ามาพร้อมกันพอดีเลย จู่ๆ ไอ้ติ๊กมันก็ลุกพร้วดขึ้นและมองไปรอบและมองไปที่ด้านหลังสามคนนั้น
           “มีอะไรวะติ๊ก” ดิวมันถามติ๊ก
          “ไอ้แจ็คอ่ะ อย่าบอกน่ะว่ามัน หนีขึ้นรถไปน่ะ” ติ๊กมันถามขึ้น แต่จะว่าไป แจ็คมันหายไปไหนของมันล่ะ
           “มันคงเป็นไปได้ยากอ่ะ อาภูมิน่ะจะยอมให้มันกระโดดขึ้นไปรถ “ผมหันมาพูด
           “ถ้ามันหนีไปได้โดยไม่ชวนกูไปด้วย กูเคืองแม่ง ตัดแม่งออกจากชีวิตกูเลย เอาจริงๆ” ติ๊กพูด นั้นไงมันได้เป็นห่วงที่ไอ้ติ๊กหายแต่เป็นห่วงว่ามันหนี้แล้วไม่บอกมันนี่เอง ผมหันมามองหน้ากัน
          “มันอิมพอสซิเบิลมากติ๊ก “ผมพูดกับติ๊ก
           “เออ นั้นดิ มันคงเดินขึ้นไปบนห้องแล้วมั้ง” แอ้พูด ผมหันไปพยักหน้าว่าน่าจะใช่ ผมเดาว่ามันไม่กล้าสู้หน้าบอยเพราะว่ามันกำลังเก็กท่าอยู่
           “บอยก็ไม่ได้สังเกตอ่ะ บอยคุยกับพ่อ เลยไม่ได้มองว่าเขาเดินเข้าไปตอนไหน” บอยพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้แจ็คมันปลีกตัวออกไป
             “บอย อย่าไปใส่ใจไอ้เด็กมีปมนั้นเลย ปมมันเยอะ จนมันเองก็แก้ไม่ออก” ดิวพูดก่อนจะเดินออกไปแต่ไปไหนไม่รู้แต่ผมก็นึกขึ้นได้ว่าผมต้องโทรหาพี่พั้นญ์ก่อนดีกว่า
            “แป๊บหนึ่งน่ะขอไปโทรหาพี่พั้นญ์ก่อนว่ะ” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นและวิ่งออกไป ผมไม่แน่ใจว่าพ่อจะกลับไปที่บ้านเลยไหม
          //พาย//
          //พี่พั้นญ์ คิดถึงพี่พั้นญ์อ่ะ// ผมพูดอ้อนพี่พั้นญ์ ตอนแรกว่าจะกลับไปอยู่กับพี่พั้นญ์ก่อนจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
          //เป็นไงล่ะ ดื้อจนได้เรื่องอดมาหาพี่เลย// พี่พั้นญ์พูด
          //พั้นญ์ครับ// พี่คิมห์แน่ๆ เลย พี่คนนี้แอบชอบพี่พั้นญ์อยู่ พี่เขาเป็นเพื่อนสนิทกับพี่พั้นญ์มานาน ผมนี้ก็ชอบนะ ชอบความรักที่เริ่มจากเพื่อน มันเรียนรู้ตีคู่กันมาแต่ว่าเมื่อไหร่พี่พั้นญ์จะยอมสักทีก็ไม่รู้
          //ทานก่อนเลยคิมห์ เราคุยกับน้องพายก่อน//
          //จริงอ่ะ ฝากบอกน้องพาย ไม่ต้องห่วง พี่คิมห์ดูแลพี่พั้นญ์ให้เอง// ผมแอบยิ้มดีใจ อยากได้พี่เขย หล่อละมุนและเอาใจพี่พั้นญ์เก่งแบบพี่คิมห์พี่พั้นญ์เป็นคน
          //พี่พั้นญ์ใจอ่อนให้พี่คิมห์ได้แล้วมั้ง// ผมบอกพี่พั้นญ์
          //หายากน่ะคนที่นุ่มนวลละมุนแบบพี่คิมห์เนี๊ยะ! และรักมาราธอนแบบนี้ พี่คิมห์แอบรักพี่พั้นญ์มาหลายปีแล้วน่ะ ใจอ่อนได้แล้ว// ผมพูด
         //พอแล้ว เราน่ะดูแลตัวเองด้วยน่ะและอย่าทำเรื่องเพิ่มล่ะจะได้มาหาพี่ซะที พี่ๆ นะคิดถึงมากน่ะพาย//
         //ครับพี่พั้นญ์ ผมคิดถึงพี่พั้นญ์ พี่พอร์ชและพี่พีเคน่ะคิดถึงนิดเดียวพอเพราะว่าชอบแกล้งพายอ่ะ// ผมพูด
         //พีเคเขาก็คิดถึงเรามากน่ะพาย เห็นพีเคแกล้งเราเนี่ย พีเคก็รักเราไม่แพ้พี่ๆ นั่นแหละ//พี่พั้นญ์พูด
         //แค่นี้ก่อนน่ะพาย พี่ต้องไปรับพอร์ชแล้ว วันนี้รีบกลับไปทำรายงาน พ่อบอกว่าอาจจะกลับไม่ทัน” พี่พั้นญ์บอกผม
         //พายทานข้าวเย็นเสร็จแล้วโทรไปน่ะ อยากคุยกับพี่พอร์ชอ่ะ//
         //ได้ซิพาย งั้นบายก่อนน่ะ พี่รักพายน่ะ //พี่พั้นญ์พูดซะผมไม่อยากวางสายเลยแต่ก็ต้องวาง
         //ไค้ครับพี่พั้นญ์//ผมพูดก่อนจะกดวางสายไป ว่าจะถามเรื่องพี่แพทสักหน่อย เอาไว้ก่อนแล้วกันผมคิดในใจ

           ผมเดินกลับเข้าไปด้านใน แต่ว่าผมก็ต้องมาหยุดมองไม่กล้าเดินเข้าไป สิ่งที่ผมเห็นคือติ๊กมันบีบแขนไอ้แอ้อยู่ เพื่ออะไรก็ไม่รู้ ผมไม่รู้ว่ามันโกรธใครกันแน่ ไอ้ดิวที่รักแอ้หรือว่าแอ้ที่ไม่ยอมบอกทุกคนว่ามันคิดยังไงกับดิว แต่ถามว่าผมเข้าใจติ๊กไหม ผมเข้าใจเพราะที่ผ่านมามันสนิทกันมาก ตัวติดกันสามคนจนวันหนึ่ง วันที่ติ๊กเริ่มเข้าวงการบันเทิง ติ๊กมันดื้อทั้งที่ลุงหนึ่งสั่งห้ามทุกคน ไม่อย่างนั้นพวกผมคงได้เข้าวงการบันเทิงกันหมดแล้ว หน้าตาดีประมาณนั้นและนั้นก็คือจุดเปลี่ยนหรือเปลี่ยนมานานแล้วก็ไม่รู้แต่น่าแปลกแอ้มันไม่พูดเรื่องดิวเลย
         “พาย มีอะไรอ่ะ ไม่เข้าไป” ผมสะดุ้งจนหันมาเจอดิว ดิวมันมองผม จะว่าไปดิวนี่มันหล่อ หล่อแบบไทยแท้ หล่อเข้มเต็มคาราเบล ผมนี่อิจฉาแอ้แรงมาก แต่ว่าผมรู้ว่าเขาชอบใครก็ควรให้เขาไปแต่อีกคนมันไม่ใช่มันดื้อดึงไง
          “พาย! ไอ้ติ๊กอ่ะมันทำอะไรอ่ะ” ดิวถามผม ผมหยักไหล่ว่าไม่รู้ ทั้งที่ผมรู้อยู่แล้วว่ามั้นทำอะไรแต่ไม่ได้พูด ดิวก็เดินแทรกเข้าไปทันที ผมยืนบังเอาไว้ดิวมองไม่เห็นหรอก ดิวเดินตรงเข้าไปก่อน จังหวะนั้น สายเข้าพอดี พี่พั้นญ์ เหมือนพี่สาวของผมมากกว่าพี่พั้นญ์น่ารักและอ่อนโยน เป็นคนทำกับข้าวประจำบ้าน พอผมคุยเสร็จก็กดวางสายเพื่อจะได้เข้าไปด้านในเหมือนกัน
           ผมมัวแต่คุยกับพี่ชายเพลินไปหน่อยเลยพลาดไปเลย ผมเดินเข้าไปก็ไม่เจอสามคนนั้นแล้ว หายไปไหนกันเนี่ย สงสัย
จะขึ้นไปตีกันข้างบนแน่ๆ เลย จังหวะนั้นบอยก็เดินเข้ามาเหมือนกัน ทำหน้างง ไม่แพ้กัน ว่าสามคนนี้หายไปไหน
          “บอยไปไหนมาอ่ะ” ผมถามบอย
          “เออ บอยเพิ่งจะกลับเข้ามาอ่ะพายแต่ว่าเขาไปไหนกันหมดแล้ว” บอยถามผม
          “สงสัยงานเข้าน่ะ ตกลงกันไม่ได้ไง สามคนผัวเมียเนอะ” ผมพูด บอยหันมามองหน้าผมแอบตีแขนผมเบาๆ
          “พาย!” บอยเรียกชื่อผม บอยยังคงน่ารักเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน
           “ล้อเล่นน่า คนอย่างดิวมันไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก บอยก็รู้ ไม่อย่างนั้นเขาจะเลือกมันเหรอ” ผมพูด ผมรู้ว่าบอยรู้ว่าผมหมายถึงใคร
          “แล้ว?” บอยถามผมก่อนจะมองขึ้นไปด้านบนนั้น ผมเข้าใจความหมายดีว่าหมายถึงใคร
          “อีกคนเหรอ เขากลัวมันกันทั้งองค์กร ก็อย่างว่าแหละ ไอ้นี่มันขวางโลกน่ะแต่มันแค่อยากเปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่าง แต่สิ่งที่มันเปลี่ยนก็จะไปขัดใจ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร เขาเลยไม่อยากให้มันมายืนคู่กับบอยไง “ผมพูดพร้อมกับหันไปหยิบของใช้ เช่นมือถือและกระเป๋าใบเล็กเพื่อจะได้กลับขึ้นห้อง ไม่รู้ว่าอิติ๊กมันจะลากแอ้ไปนอนแทนมันหรือเปล่า
           “พายขึ้นไปข้างบนก่อนน่ะ เดี๋ยวพลาดไป คุยไม่รู้เรื่อง” ผมพูด บอยพยักหน้ากับผมและบอยก็เดินแยกไปห้องครัวอย่าบอกน่ะว่าหาอะไรไปให้ไอ้แจ็คทานเพิ่ม ผมว่าบอยน่ารักมาก น่ารักขนาดนี้ไอ้นี่จะเล่นตัวทำไมของมันน่ะและผมเชื่อว่าบอยกับแจ็คต้องกลับมาอยู่ด้วยอย่างแน่นอน

*****
              Part’ s ติ๊ก ผมรีบเดินขึ้นเหมือนกัน ถึงแอ้มันจะหนีขึ้นมาก่อนแต่ว่าผมก็ตามแอ้มาติดๆ โดยมีไอ้ดิวก็ตามหลังมาติดๆ เช่นกัน นี้มันอะไรกัน ทำไมผมรู้สึกหน่วงๆ มากแบบนี้ ทำไมเมื่อก่อนผมไม่ได้คิดอะไร หรือว่าตอนนั้นมันเด็กเกินไปหรือว่าผมไว้ใจเขาคนนี้ ที่พูดกับผมเสมอว่า มันไมได้คิดอะไรกับดิวกันแน่
            ผมสามคนมาหยุดที่หน้าห้องนอน ห้องนอนผมอยู่ตรงข้ามกันกับห้องไอ้ดิว ผมมองป้ายหน้าห้องที่แขวนเอาไว้อย่างชัดเจน เขาจัดให้แล้วว่าใครนอนกับใครและผมคงไม่ต้องถามน่ะว่าแอ้มันจะนอนห้องไหนเพราะว่าป้ายหน้าห้องมันบอกชัดเจนอยู่แล้วว่าดิว แอ้และผมก็นอนห้องเดียวกับพาย ผมมองหน้าแอ้ แอ้หันมามองหน้าผม ผมสองคนประสานสายตากันโดยยังไม่ได้พูดอะไรกันจนกระทั่ง
           “อ้าว!! ใจตรงกันเนอะ ขึ้นมาเหมือนกันเลย” เสียงพายทำให้ผมสามหันไปมองพายแทน พายมองผมสามคนสลับกันไปมา
             “มีอะไรอ่ะ ได้กลิ่นคุสาด... หรือว่า....คู่ไม่ตรงอ่ะ “พายมันถามได้แบบแทงใจดำมาก แทงใจดำผมมาก ผมมองใบหน้าของพาย หน้าพายมันนิ่งมาก พายมันก็นิ่งแบบไม่สนใจโลก ผมว่าแบบนี้กวนประสาทที่สุด เห็นทีบทนายร้ายเรื่องหน้าผมขอให้พี่เอติดต่อมันดีกว่าไหมอีนี่!
           “ถ้าไม่ตรง เอาอย่างนี้ไหม ดิว มาคู่กับพายดีกว่าเนอะ เคมีจะได้ตรงกัน พายชอบผสมสารเคมีอ่ะ มันตื่นเต้นดีว่าไหมดิว” พายพูด ผมหันมาอีพายและดิว มันก็พยายามแกะมือน้องพายที่เหมือนปลาหมึกออก
           “ไม่เอาอ่ะ เคมีไปคนละทางแน่นอน ดิวน่ะต้องอ่านหนังสือส่วนแอ้มันก็ต้องอ่านหนังสือ ไม่ใช่สายเฮฮาปาร์ตี้ อยู่ด้วยกันนั่นแหละดีแล้ว” ดิวพูด ผมมันโบ้ยปากมาทางผม แบบนี้ก็ได้เหรอ ส่วนอีกคนก็ไม่ยอมปริปากพูดอะไรสักคำ นั้นคือไอ้แอ้ ผมเดาว่ามันรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าเขาเลือกให้แบบนี้อยู่แล้ว
           “แอ้เข้าห้องดิ จะได้ไปดูว่าห้องนอนเป็นไงบ้างและจัดห้องกันเลย” ดิวพูดพร้อมกับพยักหน้าให้แอ้เปิดประตู แอ้หันหลังมามองผมแค่แว๊ปเดียวก่อนจะเดินเข้าไปด้านในห้องนั้นและตามมาด้วยดิว
           “ดูห้องนี่คุสาดอ่ะดิว อยากไปอยู่ด้วย สามคนก็ได้น่ะ ห้องดิวกับแอ้น่ะ สัญญาจะไม่แอบดู “พายพูด ผมหันขวับมามอง นางพายก็ทำทีหันไปทางอื่นแทน
            “ก็ต้องเร่งแอร์หน่อยน่ะพาย ดูแล้วร้อน เหมือนเจ้าของห้องวะ” ดิวพูดก่อนจะรีบเข้าห้องไปทันที ผมอยากจะหาอะไรปามันจริงๆ แต่ว่าเปลี่ยนมาเป็นปาอีพายก่อนดีกว่าปากดีหนัก
              ผมสะบัดบ๊อบหันหน้าเข้าห้องนอนไปทันทีและตามมาด้วยพาย ผมเดินเข้ามาในห้อง ของทุกอย่างถูกนำมาไว้ที่นี้ก่อนหน้าแล้ว เสื้อผ้าของใช้ทุกอย่าง ผมยืนมองไปรอบๆ ไม่ต่างจากเด็กหอเลย มีโต๊ะเขียนหนังสือ เตียงนอนที่แยกกันชัดเจนแต่ว่าห้องไอ้ดิวกับแอ้เหมือนกันไหม แต่มันก็คงไม่ใช่อุปสรรคใดๆ ถ้าจะขยับเตียงนอนมาใกล้กัน และถ้าผมเห็นแบบนั้นผมคงวีนแตกใส่แน่ๆ
            “มึงโกรธที่เตียงมันแยกกันเหรอหรือว่ามึงโกรธเรื่อง…” พายพูด
           “เรื่องอะไร ไม่มี” ผมพูดเสียงแข็ง
           “เห็นน่ะ ว่ามึงทำอะไรแอ้ กูเดินเข้ามาแต่พอกูเห็นมึงบีบแขนแอ้ กูเลยหยุดไม่เข้าไปแต่ว่าไอ้ดิวมัน…” พายพูดผมหันไปมองหน้าของพายว่าไอ้ดิวมันพูดว่าอะไร
           “ถามกูแต่กูก็ไม่พูดอะไรนะ มันรีบตรงดิ่งไปหามึงสองทันที” พายพูด ผมหันมามองหน้ามันว่าดิวเห็นเหรอ
          “มันไม่เห็นหรอกเพราะว่ากูดึงมันเอาไว้ก่อน” พายพูด มันช่วยผม
           “แต่ถ้ามึงทำแอ้มันอีก กูก็จะให้มันเห็นจริงๆ” พายพูด
           “มึงทำไมวะติ๊ก เรามีกันแค่นี้ ตอนนี้ปัญหาแม่งก็เยอะแยะ ศึกนอกที่จะเข้ามาโจมตีพ่อเราน่ะ มึงอย่าสร้างศึกในดิว่ะและมึงน่ะควรจะแคร์คนที่เขาแคร์มึงมากอย่างแอ้ปะวะ “พายพูด
          “ลองมาเป็นมึงดิ มึงจะทนได้ไหม “ผมพูด
          “เรื่องอะไรวะที่มึงทนไม่ได้ “พายถามผม
           “มันปิดทำไมอ่ะ” ผมถามพาย
          “เพราะอะไรเหรอ มึงนั่นแหละที่รู้คำตอบป่ะว่ะ ว่าทำไมเพราะคำตอบมันคือมึงทั้งนั้นที่แอ้รู้สึก มันแคร์มึงไงแต่ว่าเรื่องที่ว่าใครจะรักใคร แม่งห้ามกันได้เหรอและมันก็ยกให้กันไม่ได้ปะวะ ถ้าเขาไม่ให้มึงเอง” พายพูดแค่นั้นก่อนจะเดินไปที่โต๊ะตัวเองพร้อมกับจัดของทันที ผมหันมามอง ของที่วางเยอะแยะเต็มไปหมด ของผมนี่เยอะมาก
           “นี่ขนาดเขาให้มาอยู่แค่ชั่วคราว มึงยังขนยังกับว่ามีลางสังหรณ์จะได้มาอยู่ถาวรเลยว่ะติ๊ก!” อีพายพูด อีนี่มันไม่เคยไม่จิกกัดผมสักนาทีเลยน่ะ ผมหันขวับมามองจะว่าไป เปิดโน้ตบุ้คดีกว่าและหาอะไรทำไปก่อน ค่อยๆจัดของพวกนี้หรือไม่ ก็ไปเรียกแอ้มาช่วยดีกว่า หาเรื่องชวนมันมาช่วยจัดของดีกว่า มันจะได้มาอยู่ห้องผมนานๆ
           “ยิ้มแบบนี้หาเรื่องให้ไอ้แอ้ชัวร์ มึงแม่ง นางมารชัดๆ แต่เสือกได้บทนายเอกบ้างพระเอกบ้าง กูนี่อยากรู้ใครเขาคัดสรรบทให้มึงว่ะ แม่งขัดกับชีวิตจริงชัดๆ” อีพายพูดก่อนจะลุกไป ผมนี้ก็โยนหมอนตามหลังไปเลย อีนี่มันอ่านความคิดชั่วร้ายของผมได้ตลอดยกเว้นไอ้แอ้ น่าแปลกน่ะและผมก็ทำเป็นไม่สนใจหยิบเอาโน้ตขึ้นมากางและเปิดหา เสิร์ชหานั้นหานี้
            ผมกับพายสนิทกันมากแค่นี้ยังเล็กน้อยสำหรับผมกับพายที่จิกกัดฟาดปากกันแต่ว่ามันจริงใจและเข้าใจผมมากกว่าทุกคนเรื่องนี้ ผมต้องยอมมันเลย เห็นปากร้ายแต่เวลาที่ผมเศร้ามันปลอบผมได้ดีและอยู่กับผมจนบ่อยกว่าคนอื่นๆ คงจะเป็นเพราะลุงสี่แฟนอาเปรมดิ์และยังเป็นน้องชายลุงสามแฟนพ่อผมด้วย มันเลยคลิกกันละมั้ง ผมคิดในใจ ส่วนพายมันก็จัดของเล็กๆ น้อยๆ กระจุกกระจิกของมันไป ผมก็ชำเลืองมองเวลาผมว่าไปชวนไอ้แอ้มาช่วยผมจัดของดีกว่าหาเรื่องให้มันออกมาจากห้องนั้นดีกว่า

         TBC…


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
         
EP.6 (แอ้Xดิว)ฉลองเปลี่ยนที่นอนใหม่ NC

         Part’ s แอ้ หลังจากที่ผมกับดิวล่ำลาพ่อภากับพ่อภีมด้วยกัน พ่อภาขับรถกลับไปกับพ่อภีม ส่วนพี่อ้นพี่ศีรษะ เห็นบอกว่างานเข้าด่วนเลยต้องรีบกลับไปก่อน พ่อภาย้ำกับผมหนักหนาว่าห้ามลืมทานยา ยาตัวนี้สำหรับช่วยสลายเลือดให้แห้งไปแต่ว่าผมต้องทานติดต่อกัน ผมจะได้ไม่มีประจำเดือนแต่ถ้าผมขาดหรือหยุดกินก็จะมีผลค้างเคียง มันอาจจะทำให้ผมมีเลือดครั้งออกมาและต้องให้พ่อทำให้เพื่อถ่ายเลือดเสียออกไป แม้ว่าแผลไม่ใหญ่ก็ตาม ผมก้มลงมองพุงน้อยๆ ของผม

          ใช่แล้วครับผมเป็นคุณพ่อกันแล้วผมกับดิว(ผมน่าจะเป็นคุณแม่มากกว่าเพราะว่าผมเป็นคนที่มีลูกมดและมีไข่เป็นของตัวเอง) ผมเป็นผู้ชายท้องได้ด้วย สิ่งที่ผมทำใจยากจะรับได้แต่ขนาดว่ารับไม่ได้ ผมกับดิวก็มากันอีกจนตอนนี้ได้ไปห้าคนแล้ว คนโตเป็นแฝดสามคนชื่อไอ ไอซ์และมารีโอ้และคนที่สองน้องมีน คนนี้ดิวบอกว่าเขาคล้ายๆ ผมแต่ถ้าผมมองดีดีผมว่าเขาคล้ายๆ กับพี่ชายผมที่ไปอยู่เมืองนอก ไม่กลับมาสักที นั้นคือพี่อาร์มและมาริโอ้ คนนี้เหมือนผมกับดิวคนละครึ่ง พี่ๆ ของดิวบอกผมแบบนั้น ส่วนไอนี้เขาเหมือนดิวแทบจะถอดกันออกมา ใช่ครับแฝดสามคนของผมไม่เหมือนกัน เขาเรียกว่า Non Identical ไม่ใช่ไข่ใบเดียวกัน

         ถามว่าผมอายุเท่าไหร่กันผมถึงได้มีลูกแล้ว ผมพลาดกับดิวตอนอายุ 14 ย่างสิบห้า ผมเองไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลยว่าผมท้องได้และนั้นก็ได้มาสามคน ผมรู้วันแรกเลยเพราะว่าผมกับดิวก็ถูกพ่อจับได้วันแรกเหมือนกันและนั้นทำให้ผมรู้ตัวเร็วและพ่อภาก็ช่วยให้ผมไม่ต้องตั้งครรภ์เองตามธรรมชาติและคนที่สองและสามก็เหมือนกันแต่ว่าคนที่สามนี้เกือบจะไม่ทันเพราะว่ารู้เกือบสายไป

         “แอ้” ผมสะดุ้งเฮือกทันที ดิวมันเดินเข้ามา

         “ไอ้ติ๊กมันทำอะไรแอ้กันแน่” ดิวถามผมเรื่องเกิดขึ้นชั้นล่าง ผมหันมามองหน้าดิว

         “มันไม่ได้ทำอะไรกูทั้งนั้นดิว” ผมพูดก่อนจะพยายามจัดของทุกอย่างเข้าที่

          “แอ้บอกดิวมาดิ” ดิวพูดถามผม เหมือนกับรบเร้าเซ้าซี้อยู่นั้น

         “ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องถาม ถ้ามึงพยายามจะให้กูบอกให้ตรงกับที่มึงคิดขนาดนี้ มึงไปนั่งตัดสินเอาเองดิว” ผมพูดเพื่อกลบเกลือบความรู้สึกของผมเองก่อนจะหันหน้าหนีแต่ว่า สายตาของดิวที่มองมาที่ผมเพื่อต้องการคำตอบที่แท้จริง มันทำให้ผมเองที่ไม่กล้าประสานสายตาด้วย ดิวเป็นคนตาคม แววตาดุดัน ใบหน้าคม จมูกเป็นสัน ผิวไม่ขาวจั๊วะเพราะชอบเล่นกีตาร์กลางแจ้ง (แต่ถ้ามันเล่นในร่มอยางเดียวมันน่าจะขาวน่าดู (ลูกผมกับดิวขาวทุกคน)

            “ของเอาไว้จัดทีหลังได้ไหมครับ มาจัดการอารมณ์ให้ดิวก่อนดีกว่า วอนทฺแม่แอ้มาก ดูซิ สู้เลย” ดิวพูดพร้อมกับโชว์ช้างไม่น้อยที่อยู่กางเกงตอนนี้แข็งแน่นมาก (มันทะลึ้งด้วยน่ะจริงแล้วแต่แปลกมันทะลึ้งแต่กับผม)

          “หมับ” ดิวจับแขนผมเอาไว้และมันก็จับตรงข้างซะด้วยคือข้างที่ติ๊กมันพึ่งจะบีบแขนผมาหยกๆ ถึงผมจะแข็งแรงกว่าติ๊กแต่เล็บมันแหลมมันกดลงมาก็เจ็บได้เหมือนกัน ผมมองดิวพยายามจะไม่ร้องเพราะว่าเจ็บ ดิวก็มองผมเช่นกัน

          “ดิว ติ๊กไม่ได้ทำอะไรกูและมันแค่ถามในสิ่งที่กูตอบมันไม่ได้ มันก็หงุดหงิดแค่นั้นเองและกูทำกับมึงบ่อยจะตายปะดิว เช่นตอนนี้” ผมพูด ดิวมองหน้าผมนิ่งๆ ประมาณว่าไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่

        “ดิว!” ผมเรียกชื่อดิว

        “เชื่อก็ได้” ดิวพูด ผมก็พยักหน้าว่าดีแล้วก่อนจะหันหลังออกแต่ว่าดิวคว้าเอวผมเอาไว้ซะก่อน ดิวมองไปรอบๆ ห้อง

        “ดิวกูจะจัดของ” ผมพูดกับดิว ดิวหันมามองหน้าผมพร้อมกับขมวดคิ้วใส่ผม

         “ไม่เอาดิว” ผมพูด

         “เอาเถอะน่ะ ดิวขอน่ะ ขอฉลองให้เรือนหอของเราสองคนเพราะว่าเราจะอยู่ที่นี้ กินนอนที่นี้และต้องรักที่นี้” ดิวพูด ผมแอบแหวะให้ดิว ดิวมองไปรอบๆ ห้อง ผมก็กำลังจะยกกระเป๋าแต่ว่าดิวรีบมายกแทนผมทันที

         “แอ้ อย่าหาเรื่องดิ ยกเองไม่ได้” ดิวพูดพร้อมกับรีบแย้งกระเป๋าไปจากผมและยกขึ้นมาวางไว้บนเตียงนอนทันที ผมหันไปมองดิวประมาณว่ากระเป๋าใบแค่นี้นี่น่ะ ทำไมจะยกไม่ได้

         “กูไม่ได้เป็นง่อย...นะดิว” ผมหันไปพูด

        “รู้ว่าเมียดิวไม่ได้เป็นง่อยแต่ว่าเมียดิว มีลูกมดไง ระวังหน่อยซิ” ดิวพูด ผมมองบนก่อนหันไปหาอะไรทำดีกว่าเถียงกับไอ้ดิว ผมมักจะลืมไปเสมอว่าตัวเองมีอะไรอยู่ข้างในกายผม

          “จะว่าไปบรรยากาศมันก็ดีน่ะ มันดูเป็นใจมากเลยแอ้ เป็นใจให้แอ้และดิว มาทำลูกกัน” ดิวพูด ผมหันไปมองไอ้หื่นของผม ผมรีบหันไปขวับไปจะปล่อยหมัดตรงแบบไม่ทันให้ดิวมันได้ตั้งตัวแต่ว่า

         “หมับ” ไอ้ดิวจับเอาไว้ได้ทุกที นี้ขนาดเล่นทีเผลอน่ะ ดิวก็มองมือผมในกำมือของดิว

         “ชอบเมียแบบนี้ เมียที่ไม่ได้หวานมากและไม่เปรี้ยวไป มันกลมกล่อมกำลังดี” ดิวพูด

         “เหรอ!!” ผมถามดิว ในเมื่อต่อยไม่ได้ผมก็

         “ปึก” ตีเข่าไปทันที ได้ผล ไอ้ดิวร้องไม่ออก มันคงจุกจนร้องไม่ออก สีหน้าดิวมันบ่งบอกว่าเจ็บมาก ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีที่ฟาดมันไปแบบนี้ กลายเป็นผมเองที่รีบลงไปดูไอ้ดิว น้องมันแตกไหมน่ะ

         “ดิว ดิว ไอ้ดิว!!” ผมเรียกไอ้ดิว ดิวมันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนจะ

       “หมับ!” ดิวจับหัวไหล่ผม ไอ้นี่มันแกล้งเจ็บนี้เอง ดิวก็ผลักผมลงบนและสลับเป็นไอ้ดิวขึ้นมาค้อมตัวผมเอาไว้แทน ฝ่ามือผมถูกตรึงเอาไว้ด้านข้างลำตัวทันที

         “ดีน่ะที่กางเกงยีนมันหนาเลยช่วยชีวิตน้องรักของดิวเอาไว้ได้ไม่อย่างนั้นน้องร้องไห้หนักมาก รักมากกว่าไอ้เดียอีก” ดิวพูด ผมนี่หลงกลไอ้ดิวอีกแล้ว ดิวมองผมสายตาที่ยั่วยวนคู่นั้น เวลาดุดันก็ดุดันไม่เกรงใจใคร ยิ่งตอนอยู่ในสนามฟุตบอล ดิวค่อยๆ ก้มลงบดขยี้ที่ริมฝีปากผมตอนแรกก็เบาๆ และแรงขึ้นเรื่อย ข้อมือที่ถูกยืดก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระและเปลี่ยนมาเป็นกุมมือผมไว้แทน ริมฝีปากของดิวเริ่มไล่ลงไปตามลำคอของผม ดิวปลุกเร้าอารมณ์ผมอย่างนุ่มนวล ผมยอมรับว่าผมค่อนข้างไวกับเรื่องพวกนี้ จากที่ต่อต้านเริ่มอ่อนยวบ ไปตามการเล้าโลมของดิว

         “ไปที่เตียงของดิวดีกว่าน่ะ เตียงว่างเพราะเตียงนี้ไม่ว่างซะแล้ว อืมมมห์ อ้าห์ “ดิวพูดไปและเล้าโลมผมไปด้วยตลอดไม่ยอมหยุด ปลุกเร้าชนิดที่ผมต้องไม่ปฏิเสธและมันก็ได้ผล ผมก็แอ่นขึ้นลงตามลิ้นของดิว ดิวพยักพเยิดให้ไปที่เตียงของดิว ผมก็ต้องยอมแล้วแหละปลุกมาขนาดนี้ ผมลุกไปตามดิว แผ่นหลังผมกระทบที่นอนเตียงเดียวของดิว เสื้อยืดของผมถูกดิวถอดออกไป ดิวก้มลงจูบผมที่หน้าท้องเบาๆ ทันที มันเสียวซ่านอย่างบอกไม่ถูก นาทีนี้ผมคงต้องยอมอีกตามเคย ฝ่ามือกุมศีรษะดิวเอาไว้ไม่อยากให้หยุด

        “แป๊บหนึ่งน่ะแอ้ ดิวล๊อกกประตูก่อนนะครับ” ดิวพูดก่อนจะเดินออกไปเปลี่ยนเสื้อ้ผาและเดินออกไปล็อกประตู ส่วนผมก็เหมือนจะได้ทีเล็กน้อย เมื่อคืนพลาดไม่ได้ทำเพราะว่างานเข้าซะก่อน

        “ปึก!!” ดิวรีบกระโดดกลับขึ้นมาบนเตียงและการเล้าโลมของดิวก็เริ่มต้นด้วยลิ้นนิ่มๆ ปลายลิ้นนั้นทำเอาผมแทบจะขาดใจ ดิ้นขึ้นลง ผมผงกศีรษะขึ้นมอง ดิวเตรียมความพร้อมแล้ว ดิวถอยหลังออกไปพร้อมกับถอดเสื้อผ้าออกจนหมด พวกผมสิบปีบริบูรณ์แล้วดิวก็เริ่มมีกล้ามท้องแล้วดิวมันเรียนต่อยมวยแน่นอนที่ต้องฝึกคือความแข็งแกร่งของแกนกลาง กล้ามท้องมาเน้นๆ ไอ้แจ็คว่ายน้ำยังไม่มีกล้ามท้องชัดเจนเท่าดิวเลย ดิวมันมีซีกแพ็คแล้ว ซิกแพ็คในวัยสิบแปดปี ดิวมันเก่งต่อยมวยและยังเตะบอลเก่งด้วย มีพรสวรรด์ทั้งสองทางแต่ทางฟุตบอลมากกว่า ดิวควรจะไปได้ไกลถึงขั้นเป็นตัวแทนไปแข่งขันได้เลยแต่ว่าต้องมาจบเพราะว่ามีพวกปากบอน ปากไว้ มันมาจากพ่อๆ ผม มีคนรักก็ต้องมีคนไม่ชอบเป็นธรรมดาแต่ว่าดิวมันไม่ทนไง ยิ่งมันว่าผมด้วย มันก็ยิ่งขึ้นเลย ขึ้นไปหาเรื่องกับเขาเลย

          ผมกระดกหัวพร้อมกับเอาข้อศอกยันตัวขึ้นเล็กน้อย ผมมองดิว เขาลุกไปเปิดกระเป๋าของใช้ในห้องน้ำ จัดการสวมเกาะและเจลหล่อลื่นมาพร้อมแน่นอน ดิวยืนอยู่โดยไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆ ปกปิดร่างกาย วัยเขาเหมือนเสือสมิงที่พร้อมจะออกล่าเหยื่อ ผมไม่เคยขัดดิวได้สักครั้ง ผมถึงได้ลูกดกแบบนี้ ถ้าพ่อภาไม่ให้ผมทานยาตัวนั้น ผมว่าผมคงพลาดแล้วพลาดอีกแน่นอนและล่าสุดที่พลาดก็เพราะถุงแตก เลยได้มาอีกคน โชคดีพ่อภาช่วยไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นผมได้อุ้มท้องเองแน่นอน พ่อภาผมเก่งเรื่องนี้เรื่องมีบุตรยาก คนไข้พ่อภาเยอะมากแต่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงทั้งนั้น มีผมนี่แหละมั้งที่เป็นผู้ชายคนเดียว ไม่ซิ มีอีกคนนั้นคือบอย แต่ว่าไม่มีใครเหมือนผมนี่แหละ

        “ปีก” ดิวมันขึ้นมาบนเตียงพร้อมกับรีบเข้ามาหาผมทันที ดิวมาถึงก็จูบลงที่หน้าท้อง ทั้งจูบและก็เม้มเล่น ผมเองก็เกร็งหน้าท้องจนทนแทบจะไม่ไหว

       “ดิว อย่าแกล้งดิ” ผมบอกดิว

       “ไม่ได้แกล้งปลุกเร้าต่างหากล่ะเมียจ๋า” ดิวพูดผมกระดกหัวขึ้นไปมอง

       “ดิว ซี้ด อ้าห์” ผมร้องครางออกมาอีกครั้งเมื่อดิวเลื่อนตัวขึ้นมาแล้วก็เล้าโลมแบบถึงพริกถึงขิงอีกครั้ง ผมหรี่ตามองทำไมวันนี้มันเล้าโลมนานจัง

        “ดิว อย่าลืมใส่ถุง” ผมบอกดิว

       “ใส่ด้วยเหรอ” ดิวถามผม ผมกระดกหัวขึ้นมองไอ้ดิว นั้นผมถามมันเฉยเพราะคิดว่ามันน่าจะสวมอยู่แล้วแต่นี้มันกลับถามผมกลับ

         “ใส่ซิไอ้บ้า! ไม่ใส่งานก็เข้าดิ พ่อสั่งมามึงก็ได้ยินน่ะไม่ใช่ไม่ได้ยิน!! และมึงหายไปในห้องน้ำไปทำอะไรมา กูนึกว่ามึงไปสวมถุงมาแล้วดิว!!” ผมกระดกหัวขึ้นมาปี้ดใส่ไอ้ดิวทันที ไอ้ดิวรีบลุกไปและหยิบเอาซองถุงยางมาสวมใส่พร้อมกับรีบกลับขึ้นมาและกระบวนการของผมสองคนก็เริ่มขึ้นอีก

         “อ้าห์ อืมมม โอ้ววว อื้ดววววว “ผมร้องครางออกมาจนฟังแทบไม่ได้ซับและสุดท้ายผมกับไอ้ดิวก็เรียบร้อยกันไป

          “ผลึบ!!” เสียงคนที่นอนเบียดตัวผมข้างๆ บนเตียงเดียวแต่ว่ามันก็ไม่ได้เล็กเหมือนเตียงเดี่ยวทั่วไป ดิวพลิกตัวตะแคงหันมาหาผมพร้อมกับจับศีรษะมาวางพาดไว้ที่หัวไหล่เขาแทนหมอน

         “ดิวรักแอ้น่ะ รักมาก ดิวไม่อยากให้ติ๊กมันทำอะไรแอ้ แบบไม่มีเหตุผลแบบนี้อีก” ดิวพูด

          “ดิว ติ๊กไม่ได้ทำอะไรกูทั้งนั้น เลิกพูดเรื่องนี้ได้ไหมดิว” ผมพูดกับดิว

          “เลิกพูดก็ได้แต่” ดิวพูด

         “ดิวกูไม่ใช่เด็กสองขวบน่ะมึง” ผมพูด ผมก็ลุกขึ้นนั่ง จะได้เตรียมตัว ว่าจะเดินไปดูติ๊กสักหน่อย

         “น่าแปลกน่ะ ทำไมไม่เป็นคิงไซด์หรือควีนไซด์อ่ะ ทำไมเป็นเตียงเดียวก็ไม่รู้ ดูซิ แยกส่วนชัดเจน ดีน่ะที่ประตูไม่แยกด้วยอ่ะ” ดิวบ่นเรื่องนี้จนได้

         “พูดง่ายๆ ก็เขาให้กูกับมึงแยกกันนอนไง แค่นี้ก็คิดไม่ได้เหรอ ไอ้หื่น!! “แอ้พูดพร้อมกับหยิบเสื้อผ้าที่ดิวมันช่วยถอดและโยนลงไปที่พื้นมาสวมใส่ ดิวก็นั่งมองผมแต่ผมหันไปมองทางอื่นมันเขิน เขินสามีตัวเอง

         “ไม่แปลกใจว่าน้องมีนได้รอยยิ้มนี้มาจากใคร ได้มาจากแอ้นี้เอง “ดิวพูด

         ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องนอนผมกับดิว ผมหันมามองหน้ากัน

       “กึกๆ” เสียงขยับลูกบิดไปมา ผมเดาว่าซวยแล้ว

        “ไอ้ดิวไปสวมเสื้อผ้าดิ” ผมบอกดิว ดิมก็ก้มลมมองตัวเอง มันส่ายหัวและคิดว่าตัวเองยังไม่โป้อีกเหรอ

        “ปังๆๆๆๆ” เสียงเคาะประตูเสียงดังรัวๆ ผมหันมามองดิว ผมก็แต่งตัวไปด้วย

        “แอ้ แอ้ มึงล๊อกประตูทำไมอ่ะ) )) )) ” เสียงติ๊กยืนโหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าประตูห้อง ดิวมองผมพร้อมกับลุกขึ้นและดิวก็เอาผ้าเช็ดตัวมาพันกายไว้แบบหมิ่นๆ และยังจะเดินไปเปิดประตูอีกด้วย

       “ดิว จะทำอะไรน่ะ” ผมถามดิวด้วยอาการตกใจ

        “เปิดประตูไง” ดิวตอบผม จะไปเปิดประตูเหรอ ทั้งที่มันไม่มีเสื้อผ้านี่น่ะ ผมว่ามันคงได้เม้งแตกวันนี้แหละ

       “แล้วมึงจะไปเปิดทั้งอย่างนี้เหรอ “ผมถามไอ้ดิว ไอ้ดิวพยักหน้า

        “ทำไมอ่ะ” ดิวถามผมกลับว่าทำไม

        “ไม่เอาดิว เข้าห้องน้ำไปเลยและไปอาบน้ำซะ “ผมรีบบอกดิวเชิงออกคำสั่ง คำสั่งผมออกแนวเมียสั่งผัวไม่มีผิด ผมก็ต้องเหลือกตาขึ้นบน

        “แอ้ ดิวว่า เราควรจะบอกมันน่ะ บอกให้มันรู้เรื่องเราสองคนซะที ดิวอยากมีเวลากับแอ้” ผมบอกแอ้

          “มึงอาจจะไม่ได้มีเวลากับกูอีกตลอดไปมึงก็รู้ว่าเรื่องของเรามันไม่ควรจะเกิดขึ้นและห้ามทุกคนรู้ และคนที่เดือดร้อนที่สุดคือใคร พ่อมึงหรือเปล่าดิวและอีกคนก็อาจจะเป็นพ่อกู” ผมพูด ดิวมองหน้าผม ผมรู้ว่ามันไม่เข้าใจทั้งหมดแต่ว่าดิวก็เลือกที่จะเดินเข้าห้องน้ำไปแทน ผมพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะเดินไปเปิดประตู คนที่ยืนอยู่ทำหน้าเหมือนมีใครไปเผาบ้านมันมาเลย ติ๊กมองหน้าผม

        “แอ้! มึงจะล๊อกประตูทำไม?” เสียงติ๊กถามผมทันที ผมยืนกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ

         “ก็แค่จะจัดห้องกัน ดิวมันก็คงเผลอล็อกประตูอ่ะ” ผมบอกติ๊ก

       “มึงแน่ใจน่ะ” ติ๊กถามผม เสียงดิวเปิดน้ำในห้องน้ำดังออกมา ติ๊กมองหน้าผม

        “ดิวมันเพิ่งจะเข้าไปอาบน้ำ” ผมพูด ติ๊กมองบนเตียงที่นอนของดิว

          “มันหลับตอนกูกำลังแยกของและพอมันตื่นขึ้นมามันก็ขอไปอาบน้ำ” ผมพูดเพราะว่าเตียงนอนมันเยินมากเลยต้องบอกว่ามันนอนหลับไปก่อนทั้งที่จริงแล้วผมกับดิวเพิ่งจะใช้มัน ผมหันไปมองเตียงอีกที ทำไมผมกับไอ้ดิวเปิดศึกกันหนักขนาดนี้ว่ะ เตียงนี่ยับมากจริงๆ ผิดจากก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปซะอีก ติ๊กพยักหน้าเหมือนจะเชื่อน่ะ ผมก็เลยแกล้งหันไปหยิบนั้นจัดนี้แทน ติ๊กก็หยิบนั้นหยิบนี้ขึ้นมาดูจนกระทั่งประตูห้องน้ำเปิดออกมา

        “อ้าวติ๊กจัดของเสร็จแล้วเหรอ” ดิวเดินมาพร้อมกับผ้าขนหนูพันกายแบบหมิ่นๆ และผ้าขนหนูสำหรับเช็ดหน้ามาด้วย ดิวยืนซับน้ำตามใบหน้าตาอันหล่อๆ ของตัวเอง ดูเหมือนกำลังยั่วยวนผมสองคนอยู่ด้วย ไอ้ติ๊กมันมอง เรือนร่างที่มีน้ำเกาะอยู่ตามลำตัว ดิวก็ฉีกยิ้ม ผมแอบมองบน มันจะยั่วทำไม ผมเดาได้ว่าไอ้ดิวมันน่าจะเดาอารมณ์ผมสองคนออก มันคนล่ะฟิลกันเลยแน่ๆ อีกคนมองเพราะว่าฉงนสนเทศที่ไอ้ดิวมันทำแต่ว่าผมกำลังมองมันด้วยความโมโหเพราะว่ามันนี้แหละที่จะทำความลับแตก

        “มึงอาบน้ำทำไมวะ” ไอ้ติ๊กถามดิวทันที จริงด้วยมันจะอาบน้ำทำไมของมันตอนนี้มันบ่ายกว่าๆ เอง

       “อ้าวทำไมอ่ะ? อาบไม่ได้เหรอ?” ดิวมันถามติ๊กกลับทันที

        “นี้มันเพิ่งจะบ่ายกว่าๆ เองน่ะ แล้วก่อนจะนอนมึงไม่อาบอีกรอบเหรอวะ” ติ๊กถามดิวพร้อมกับยืนกอดอก

        “กูเดาว่ามึงต้องลงไปฟิตเน็สอีก มึงก็อาบอีก ขยันไปป่ะเนี่ย “ติ๊กถามดิว

         “ก็อาบได้อีกนี่หรือว่ากฎของบ้านนี้ห้ามอาบน้ำหลายรอบ ใครตั้งวะ” ดิวถามติ๊ก มันเป็นการต่อล้อต่อเถียงกันซะมากกว่า ผมหันไปมองไอ้ดิวพร้อมกับสั่นหัวเบาๆ ให้มันหยุด อย่าส่งประเด็นมา

         “แอ้ กูจะมาเรียก มึงไปช่วยกูจัดของหน่อยดิ ของเยอะมาก เอสเซสเซอร์รี่กูอ่ะ น่ะแอ้” ติ๊กหันมาบอกผมเชิงอ้อนวอนให้ผมไปช่วย

       “แอ้มันก็ต้องจัดของมันป่ะวะติ๊ก” ดิวถามติ๊ก

       “แอ้ น่ะมึง ไปช่วยกูก่อนแล้วกูมาช่วยมึง” ติ๊กพูด ผมหันไปมองไอ้ดิว สายตาของผมเชิงขอร้องไอ้คนนี้ว่าอย่าทำให้มันแย่ไปกว่านี้เพราะว่านี้แค่เริ่มต้นที่มาอยู่ที่นี้และไม่ได้อยู่แค่สองสามวันเผลอๆ จะเป็นเดือนเลย ดิวพ่นลมหายใจออกมาทันที เอามือเท้าเอวแสดงความไม่ค่อยพอใจหนัก ติ๊กมันมองผมกับดิวสลับกันไปมา

          “เออกูไปช่วยมึงก่อน ส่วนของกูค่อยกลับมาจัดแล้วกันเพราะว่าไม่มีอะไรมาก กูไม่ได้เอาอะไรมาเยอะ” ผมพูดตัดปัญหา ก่อนจะหันมามองดิวอีกครั้ง ผมพยักหน้าเบาๆ ให้ดิวจัดของตัวเองไปก่อน ดิวพยักพเยิดไปที่โน้ตบุ้คว่าจะคุยกับลูกๆ ผมพยักหน้าให้เขาคุยไปก่อนเลย

           ผมก็เดินออกไปพร้อมกับติ๊กทันที ทันทีที่ประตูปิดลง ติ๊กหันมามองหน้าผม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมตามเข้าไปในห้องเพื่อช่วยติ๊กจัดห้อง ผมเห็นพายจัดห้องเรียบร้อยแล้ว พายหันมายิ้มกับผม พายรู้ว่าติ๊กไปลากผมมาไม่ใช่ผมมาเอง

         TBC ….

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
           
 
EP.7 (บอยXแจ็ค) รักแหละดูออก

                Part’ s บอย ผมชื่อบอย ชื่อเบญจมิน ผมเป็นลูกชายคนเล็กของพ่อกฤษณะ ผมเป็นสมาชิกบ้านบอใบไม้ พ่อผมมีลูกหลายคนเหมือนบ้านอื่นๆ เช่นกัน ทุกคนรู้จักบ้านผมในนามว่าเป็นบ้านบอใบไม้ พ่อผมเป็นนักธุรกิจและมีองค์กรลับขนาดใหญ่ที่พ่อผมต้องดูแลอยู่ตอนนี้ บ้านผมมีสมาชิกเยอะเหมือนบ้านอื่นๆ พ่อแต่ล่ะคนได้คุยกันแล้วเรื่องต้องการมีทายาทเพื่อรับช่วงต่อแต่ไม่ประสงค์จะแต่งงาน ใช่ครับพวกผมไม่ได้เกิดจากการคัดสรรโดยธรรมชาติ

                ผมก็มีพี่ชายหลายคนเหมือนบ้านอื่นๆ แต่พี่ชายผมโตกว่าบ้านอื่นๆ พี่บรูคส์ พี่บีมนี้รุ่นน้องพี่โจพี่อ้นพี่ตุ๊และพี่ดิม พี่เบียร์ พี่บี พี่บาส พี่บรีส พี่บอลและผมบอย ผมบอย น้องคนเล็กสุด พ่อให้ผมชื่อนี้เพราะว่ามีแต่คนทักว่าผมน่ะเหมือนผู้หญิงมากกว่าหน้าหวานตั้งแต่แรกเกิด นัยต์ตาสีฟ้าไม่เหมือนพี่คนไหน ทรงผมสีควันบุหรี่ ผมเส้นเล็กเรียงสวยเหมือนเส้นไหม หลายคนที่สัมผัสบอกผมมาแบบนั้น รวมถึงหนุ่มคนนั้นเช่นกัน พ่อเลยตั้งชื่อผมให้ขัดกับภาพที่ใครๆ มองและผมยังเป็นคนเดียวที่ถูกเลือกให้มีสิ่งที่เด็กผู้ชายเขาไม่มีกันด้วย

                   ตอนนี้ผมต้องทิ้งบางสิ่งที่ผมรักมาเพื่อเขา ผมอยากให้เขาได้เป็นคนที่ถูกเลือกแม้ว่าความหวังมันริบหรี่เต็มที่ ก็เพราะว่าแจ็คเป็นคนที่ใครก็กลัว แม้กระทั่งลุงหนึ่งเองก็เช่นกันเพราะว่ามีคทำนายว่า เด็กที่ไม่ได้เกิดพร้อมกับพวกผมแต่ว่าเขาเกิดวันเดียวกันกับพวกผมจะกลับมาเปลี่ยนทุกอย่างและไม่นาน อาภูมิก็กลับมาและเขาก็เป็นนายทุนใหญ่ให้กองทัพอยู่ตอนนี้ แจ็คไม่ได้เกิดเหมือนพวกผม พวกผมเกิดมาจากหลักการทางวิทยาศาสตร์และสิ่งที่อยู่ในตัวผมก็เช่นกัน

                ผมไม่เคยรู้มาก่อนจนกระทั่งวันนั้น วันที่ผมเผลอไปมีอะไรกับแจ็ค ผมเคยไปอยู่ที่นั่น ช่วงที่เขามีปัญหาเรื่องโครงการที่ถูกสร้างขึ้นและเขาให้ยุติ พ่อและลุงๆ ขอผมไว้แค่คนเดียวที่จะต้องทำหน้าที่สืบทอดเชื้อสายที่บริสุทธิ์ คำว่านี้มันตรงกับคนที่เขาต้องการเลือกคือดิว ไม่ใช่แจ็ค แต่ทว่าตอนที่ผมถูกส่งไป เขาให้ไปทำความรู้จักกับดิว ไม่ใช่แจ็ค แต่ไงผมกับแจ็คถึงได้สนิทกันจนเป็นแฟนกันแบบที่เรารู้กันแค่สองคน ผมไม่กล้าบอกพ่อและสุดท้ายผมก็เผลอมีอะไรกับเขาและนั้นก็ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ผมต้องกลับไปที่ลอนดอนและไปคลอดลูกที่นั่นเงียบๆ โดยที่แจ็คไม่รู้เรื่องนี่เลย ตอนที่ผมไปเขาก็ไม่รู้ถึงเหตุผลและมันก็ทำให้เขาโทษผมเองที่ทิ้งเขาไป

       “บอย ไปไหนมาอะ” พายถามผมทันทีที่ผมเดินกลับเข้ามาด้านใน ผมหลบไปคุยกับพี่บีมมา ผมมองไปรอบๆ ห้องไม่มีใครอยู่แล้วมีแต่พายเหมือนกันดูท่าจะเพิ่งเดินเข้ามาก่อนหน้าผมไม่กี่นาที

        “เออ บอยเพิ่งจะกลับเข้ามาอ่ะพายแต่ว่าเขาไปไหนกันหมดแล้ว” ผมถามพาย

        “สงสัยงานเข้าน่ะ ตกลงกันไม่ได้ไง สามคนผัวเมียเนอะ” พายพูด ผมหันมามองพาย

        “พาย!” ผมแอบตีแขนพาย

         “ล้อเล่นน่า คนอย่างดิวมันไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก บอยก็รู้ ไม่อย่างนั้นเขาจะเลือกมันเหรอ” พายพูด ทุกคนก็รู้กันหมดว่าดิวคือคนที่ถูกเลือกแต่ความจริงทุกคนก็รู้อีกว่าใครกันที่ผมเลือก

          “แล้ว?” ผมพูดเชิงถามพาย ผมว่าพายเข้าใจดี

          “อีกคนเหรอ เขากลัวมันกันทั้งองค์กร ก็อย่างว่าแหละ ไอ้นี่มันขวางโลกน่ะแต่มันแค่อยากเปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่าง แต่สิ่งที่มันเปลี่ยนก็จะไปขัดใจ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร เขาเลยไม่อยากให้มันมายืนคู่กับบอยไง “พายพูดและพายก็หันไปหยิบของต่างๆ ผมก็ยิ้มให้พาย ผมว่าจะเข้าไปหาเครื่องดื่มสักขวดก่อนจะเดินขึ้นไปจัดห้องนอนตัวเอง น่าแปลกที่การมาอยู่ที่นี้ไม่มีคนใช้ตามมาเลย ผมว่าแจ็คน่าจะจัดไม่เป็นแน่ๆ เพราะว่าปกติมีคนใช้ทำให้ตลอด

            “พายขึ้นไปข้างบนก่อนน่ะ เดี๋ยวพลาดไป คุยไม่รู้เรื่อง” พายพูด ผมพยักหน้าว่าไปเถอะ ผมเดินเข้าไปเปิดตู้เย็นดู ผมเห็นน้ำแร่ที่แจ็คชอบ ผมเลยหยิบติดมือไปด้วย ผมชอบทานน้ำเปล่ามากกว่า

             ผมเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้าน ขณะที่เดินมาหยุดที่ตรงประตู หัวใจผมยิ่งเต้นแรงขึ้น ผมหันไปมองห้องถัดไป ผมรู้ว่าเขาอีกคนจะมาอยู่ เขาคือคนที่ผมเจอที่โน่นและเขาก็พยายามเอาอกเอาใจผม ผมเกือบจะใจอ่อนเพราะเขาก็คือคนสำคัญขององค์กรเหมือนกันและทุกคนก็ดูแลเขาแทนพ่อแม่เขาที่เสียไปจากการถูกลอบสังหารทั้งบ้าน ห้าสิบชีวิตที่สูญเสียไปคืนนั้นเหลือแค่เขาคนเดียว ผมดีใจที่เขาจะได้มาร่วมภารกิจนี้ ผมอยากให้เราเป็นเพื่อนกันและนี้มันจะทำให้องค์กรขอเราแข็งแกร็งขึ้น

         ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ผมค่อยๆ เคาะเพราะผมเองก็ไม่แน่ใจว่าแจ็คเขาหลับอยู่หรือเปล่า ผมยืนรอจนกระทั่งแจ็คเดินมาเปิดประตูและสิ่งที่ผมเห็นคือผู้ชายคนที่ผมคุ้นเคยแต่ว่าสามปีนี้เขาโตเป็นหนุ่มแตกเนื้อหนุ่มแถมยังมีซีกแพค หัวไหล่ที่กว้างจากการซ้อมว่ายน้ำอย่างหนัก เขาอยากลงแข็งนักกีฬาทีมชาติแต่ว่าเขาดันหัวร้อนไปมีเรื่องกับนักกีฬาคนอื่น

           “ขอเข้าไปได้ไหมครับ” ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงสุภาพ สายตาที่ดูห่างเหินมองผมนิ่ง มันทำให้ผมนิ่งตามเช่นกัน

            “จะเข้ามาหรือเปล่า” น้ำเสียงที่เยือกเย็นนี้แตกต่างจากเมื่อสามปีกก่อนเหลือเกิน การที่เราไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกันเป็นเวลานานมันทำให้อะไรๆ เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ ผมมองหน้าคนตรง ก่อนจะ

            “อืมม” ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน

            ผมปิดประตูลง ผมเห็นของที่วางอยู่ยังไม่ได้ถูกจัดเก็บอะไรเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงบ่นแจ็คแต่ว่าตอนนี้ผมบ่นไม่ได้เพราะว่าผมผิดที่หายไปจากเขา ทั้งที่ไม่ได้อยากหายไป อยากอธิบายมากมายแต่เรื่องที่เกิดมันไม่สามารถพูดได้เพราะคนที่จะได้ผลกระทบคือพ่อผมและอีกหลายๆ คน คนที่สำคัญที่สุดคือลูกชายผมเอง

             “เลือกเอาแล้วกันว่าจะนอนตรงไหน” แจ็คพูด ผมหันไปมองคนที่ยืนหันหลังไม่ได้สนใจอะไร ผมเห็นเขาเหมือนจะเตรียมตัวลงไปว่ายน้ำ

             “แจ็คนอนฝั่งไหนล่ะ” ผมกลั้นใจถามเขาเพราะว่าตั้งแต่มาถึงเขาไม่คิดจะเอ่ยปากทักทายผมสักนิดหรือจะถามว่าสามปีที่หายไปผมเป็นอย่างไรบ้าง มันน่าผิดหวังที่ผมหวังมากไปตั้งแต่ก่อนจะตัดสินใจมาที่นี้

             “ว่าจะไปนอนอีกห้องอ่ะ ห้องนี้ยกให้แล้วกัน อยากนอนฝั่งไหนตรงไหนเลือกเอาเลย ส่วนผมจะไปนอนห้องอื่น” แจ็คพูด

               ผมถึงกับต้องสูดลมหายใจเขาปอดทันที นี้เขารั้นหนักขนาดนี้เลยหรือ ถึงผมจะไม่ได้ติดต่อเขาแต่ก็พอจะรู้จากพี่ๆ บ้าง ผมยืนกอดอกมองคนตรงหน้า เขาไม่รู้หรอกว่าผมมาเพื่ออะไร เพื่อให้เขาพิสูจน์ตัวเองว่าเขาจะดูแลผมและอีกคนได้แต่นี่ผมว่าผมคิดผิดมาก อาจจะจริงอย่างที่พ่อเคยบอกผมเอาไว้ว่า ถ้าเขาไม่สามารถดูแลแบงก์ได้ เขาก็จะไม่มีวันรู้เรื่องแบงก์คือลูกชายเขาไปตลอดกาล

             “ทำไมเหรอ ไม่พอใจเหรอ ให้สิทธิ์ห้องนี้ไปเลยไงจะได้ไม่ต้องอึดอัดกัน” แจ็คพูดพร้อมกับหันไปหยิบผ้าขนหนูที่เขาเตรียมเอาไว้เพื่อจะได้ลงไปว่ายน้ำ

             “ทำไมแจ็คไม่โตสักที” ผมถามแจ็ค

              “แจ็คเหรอ ยังไม่โตอีกเหรอ “นี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นใบหน้าเขาชัดเจนเพราะว่าเรายืนไม่ได้ห่างกันมากแค่สามช่วงแขนได้ ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอไป เขาดูสูง หุ่นไม่ได้ล่ำจนกำยำแต่หัวไหล่นี่กว้างมากแต่ไม่สำคัญเท่ากับใบหน้าที่และกรามที่ขบกันจนเป็นสันนูน

                “โกรธที่บอยหายไปอย่างนั้นเหรอ” ผมถามแจ็ค
               “แล้วให้รู้สึกยังไงอ่ะ จดหมายก็ไม่มี ไม่มีอะไรเลย ไม่มีแม้แต่คำอธิบายจากใครสักคน” แจ็คพูด ผมสูดลมหายใจเข้าอีกครั้ง (ไม่ต้องอธิบายอะไรถ้าเขารักบอยจริง เขาจะไม่พยายามหาเหตุผล) พ่อเคยบอกผมเอาไว้

                “บอยยอมรับว่าไม่มีอะไรจะอธิบายเพราะ…มันอาจจะมีหลายคนที่ต้องเดือดร้อนแจ็ค” ผมพูด แจ็คหันมามองหน้าผมเขาไม่เข้าใจอยู่ดี สุดท้ายแจ็คเลือกหันไปมองด้านอื่นแทน เขาคงพยายามระงับมันอยู่ อารมณ์คุกรุ่นในกายเขาและนี้เขาถึงอยากลงไปว่ายน้ำเพื่อให้เขาเย็นลง

               “งั้นไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้น เก็บไว้แล้วกันเพราะแจ็คไม่ก็อยากรู้ “แจ็คพูดพร้อมกับเดินออกไปจากห้องทันที เขาปิดประตูลง ภาพคนตรงหน้ามันหายไปเหมือนความรู้สึกที่เคยมีให้กันมันหายไปด้วย ผมหันไปมองรอบๆ ห้อง เหตุผลที่เขาไม่จัดของเพราะเขาอยากจะเปลี่ยนไปนอนห้องข้างๆ อย่างนั้นหรือ

               ผมเดินไปที่กระเป๋าเดินทางที่วางอยู่ ผมเปิดมันออกมา ผมหยิบเอาโน้ตบุ้คและของใช้สำหรับการเรียนออนไลน์ของผม ผมเหลือบไปเห็นครีมกันแดด แจ็คลืมเอาไปด้วย ผมหยิบมันขึ้นมาดู ภาพที่ผมกับเขาช่วยกันละเลงครีมกันแดด ตอนไปเที่ยวทะเลด้วยกัน นั้นคือทะเลครั้งแรกของผม ผมไม่เคยไปเที่ยวทะเลที่ไหนเลยเพราะปัญหาสุขภาพ พ่อกังวลและกลัวไปหมด อาจจะเป็นเพราะว่าชีวิตผมผูกติดกับองค์กรตั้งแต่ก่อนที่ผมจะลืมตาดูโลก มันเหมือนโซ่ตรวนที่ยึดผมไว้ ให้ผมมีชีวิตที่เหมือนคนปกติไม่ได้ อยากมีคนรักก็เปิดไม่ได้เพราะคนที่ผมรักเขาไม่ได้เลือกให้มาคู่กับผมตั้งแต่แรก

              (บอย อย่าเพิ่งบอกอะไรแจ็ค จนกว่าพ่อและคนอื่นๆ จะมั่นใจได้ว่าเขาพร้อมจริงๆ อันนี้มันสำคัญมากน่ะ ไม่ใช่แค่บอยแต่มันหมายถึงแบงก์ ถ้าเขามีพ่อที่เป็นแบบอย่างที่ดีไม่ได้ พ่อว่ามันส่งผลต่อหลายๆ อย่าง ดังนั้นเรื่องนี้พ่อขอเอาไว้ก่อนน่ะ พ่อรู้ว่าบอยเสียใจและนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์แจ็คด้วยเช่นกันว่าเขาจะเข้มแข็งพอไหม ในอนาคตเราไม่รู้ว่าจะเจออะไรอีก บอยคือความหวังของคนทั้งองค์กร)

               คำพูดที่พ่อบอกผมก่อนจะตัดสินใจมาที่นี้ ผมก็อยากให้เขามาเป็นพ่อของลูกผมอยู่ดี ผมตัดสินใจหยิบหลอดครีมกันแดดเพื่อลงไปหาเขา อย่างน้อยการง้อคนที่เราไม่ใช่เรื่องที่น่าอายไม่ใช่เหรอ

*****

             Part’ s แจ็ค ผมขึ้นไปบนห้องพักก่อนคนอื่น ชื่อป้ายห้องแจ็คและบอย ผมแอบขำในใจ ทำไมตอนนี้ลุงณะถึงได้ให้ผมกับบอยอยู่ห้องเดียวกัน ไม่ให้ไปอยู่ห้องไอ้ดิวล่ะและไอ้แอ้มันก็จะได้ไปตัวติดกับติ๊กแต่พายดิ อาจจะไม่มีคู่ ผมรู้ว่าคู่มันไม่ถูกต้องมาตั้งแต่แรกหรือเปล่าว่ะ หรือว่าที่ผ่านมาผมฝืนตัวเองทั้งที่รู้ว่าความจริงผมไม่ใช่ คนไม่ใช่ยังไงเขาก็ไม่เลือกแต่นี้คืออะไรวะ ผมแม่งไม่เข้าใจจริงๆ

           “ขอเข้าไปได้มั้ยครับ” น้ำเสียงนุ่มนวลที่ผมเคยชอบฟังทุกวัน มั้นหายไปหลายปีแต่ว่ามันยังฟังแล้วนุ่มละมุนในหูผมแต่กลับกลายเป็นผมเองที่รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งขวางกัน มันคืออคติในใจหรือความกลัว ว่าถ้าเขาทิ้งผมไปอีก ผมจะรับได้อีกไหม เห็นผมแบบนี้โคตรอ่อนไหวเลย

            ผมยืนมองที่ขอบสระว่ายน้ำ ผมมองไปในน้ำนั้น สระว่ายน้ำที่อยู่ตรงห้องพักผมพอดี เดินออกมาจากระเบียงก็เห็นได้ชัดเจน ผมเงยหน้าขึ้นไปมองคนในห้องนั้น ผมไม่เห็นเขาหรอก ผมหันกลับมามองที่สระน้ำอีกครั้งพร้อมกับถอดเสื้อยืดออก ผมลืมไปว่าไม่ได้เอาครีมกันแดดมาด้วย แต่ช่างมันเถอะไม่ได้ร้อนมากขนาดนั้น ผมกระโดดลงไปในน้ำทันทีเพื่อจะได้ดับความร้อนระอุในใจผม เพื่อบางทีน้ำอาจจะทำให้ผมได้ใช้ความคิด

             ผมเป็นคนชอบน้ำ ชอบว่ายน้ำ ว่ายน้ำเก่ง ทำลายสถิติการว่ายน้ำและทำลายสถิติการมีเรื่องกับนักว่ายน้ำด้วยกันเช่นกันจนผมถูกตัดสินทั้งที่ซ้อมมาหนักมาก ผมดำดิ่งลงก้นลึกของสระว่ายน้ำ ความสามารถพิเศษคือดำอยู่ใต้น้ำได้นาน อันนี้ผมฝึกมาจากครูฝึกที่เก่งและชำนาญ ผมมีโค้ชหลายคน พอผมลงสู่ก้นสระผมนั่งนิ่งใต้น้ำเพื่อหาความสงบ ภาพวันนั้นที่ผมขอบอยเป็นแฟนกันแค่สองคน

              “บอย...” ผมถามบอย

             “ว่าไงแจ็ค” บอยหันมามองผมแววตาน่ารักคู่นั้น ดวงตาสีฟ้าสดใส แววที่สวยงามเหมือนสตรีคู่นั้นมันทำให้ผมหลงใหล

             “เราเป็นแฟนกันนะบอย” ผมถามบอย

              “แจ็ค อย่าพูดดังไปซิ เพื่อใครได้ยินแล้วไปบอกว่าเรา...” บอยห้ามปรามผมทันที

               “ทำไมละและถ้าเขาได้ยินก็ดีน่ะ แจ็คอยากเดินไปไหนมาไหนแล้วจูงมือบอยเหมือนคนรักทั่วไปอ่ะ” ผมพูด

                “บอย...ไม่ใช่เด็กผู้หญิงนิจะได้เดินจูงมือกันง่ายๆ”

                 “เราไม่แคร์ว่าบอยเป็นใคร เรารู้แต่ว่าบอยคือคนที่กุมหัวใจเราตั้งแต่นาทีแรกที่เราเห็นน่ะบอย” คำพูดเลี่ยนๆ แบบนั้นผมพูดไปได้ยังไงวะแอบคิดในใจ

                  “พอแล้วเราจะขึ้นไปอาบน้ำกันเถอะ” บอยพูด ตอนนั้นวันนั้น ตัวผมกับบอยเปียกปอนจากการที่ผมพาสุนัขตัวใหญ่ ลาบาดอร์ไปอาบน้ำเพราะว่ามันซุกซนไปเล่นขี้โคลนมาซะเลอะเทอะ

                 “นายเอาหมาตัวนี้ไปเช็ดขนให้แห้งนะเพราะว่าขนมันหนาอ่ะ มันาอาจจะป่วยก็ได้น่ะและนายจะโดนพี่เจนบ่น มีคนเดียวที่ออกคำสั่งผมได้คนนั้นคือบอยในตอนนั้น

                 (และนั่นแหละคือการที่ผมกับเขาได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะว่าผมเอาหมาไปไว้ในห้องนอนพี่ชายผมและผมก็ขึ้นตามบอยไปยังห้องนอนและผมก็ตามไปที่ห้องอาบน้ำ บอยลืมล๊อกประตู ผมก็ ....)

                  ผมเงยหน้าขึ้น ผมก็เห็นเงาดำๆ อยู่เหนือศีรษะของผมที่ตรงขอบสระว่ายน้ำ ผมหยุดความคิดชั่วครู่พร้อมกับดีดตัวขึ้นมาสู่ผิวน้ำ ผมแตะขอบสระผมก็เกือบจะสัมผัสกับใบหน้าใครบางคนที่นอนคว่ำเอามือยันพื้นเอาไว้ใบหน้าเขาก้มต่ำลงมาจนเกือบแตะพื้นผิวน้ำและตำแหน่งที่ผมก็โผ้พ้นน้ำขึ้นมาพอดี ใบหน้าเราห่างกันชนิดที่หายใจรดกันเลยทีเดียว ผมตกตะลึงไปหลายวินาทีระหว่างนั้นเหมือนริมฝีปากมันจะเผยอตามแต่ผมก็ถอนมันออกเพราะว่าผมได้สติพอดี ผมเลยต้องเป็นฝ่ายถอยหลังออกมาเพื่อตั้งหลักซะก่อน (ทำไมกูป๊อดจังหวะตอนนี้ผมคิดในใจ) ก่อนจะว่ายน้ำถอยไปอีกทางและขึ้นจากสระน้ำตรงบันไดทางขึ้นลงที่ห่างออกไปนิดเดียว ผมเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวไว้ทันที

               “มีอะไรเหรอ” ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ผมพยายามบอกตัวเองว่าต้องไม่รู้สึกกับเขาอีก ที่ผ่านมาเสียใจไม่พอหรือไง

               “แจ็คลืมครีมกันแดดอ่ะ ถึงแดดไม่แรงทาไว้จะดีกว่าน่ะ” บอยพูดพร้อมกับยื่นครีมกันแดดยี่ห้อที่ดีที่สุดแพง คนเป็นนักกีฬามืออาชีพเขาใช้กัน มันไม่ตึงผิวเวลาว่ายน้ำ

                 “ขอบใจน่ะแต่ว่าไม่ต้องแล้วล่ะเพราะว่าจะขึ้นแล้ว” ผมพูด

              “ไม่น่าเชื่อน่ะว่าน้ำยังเป็นสิ่งที่ทำให้แจ็คเย็นลงเหมือนเดิม” บอยถามผม เขายืนกอดอก ผมหันไปมองหน้าเขาแค่แว๊ปเดียวก่อนจะหันไปมองทางอื่นแทน ไม่กล้าสบตาโดยตรง ตาคู่นั้นมันหวานละมุนเกินไปที่จะทำให้ผมใจแข็งกับเขาได้นาน

              “ก็แค่พยายามฝึกเพื่อควบคุมมันให้ได้เพราะแจ็คใจเย็นได้ไม่เหมือนบอยนิ เรียกว่าเย็นชาจะดีกว่า” ผมพูดบอยหันมามองหน้าผม มุมปากนั้นกระตุกเป็นรอยยิ้ม

               “เย็นชาเหมือน พี่ชายมั้ง พี่บีมอ่ะ มิน่าล่ะ ถึงได้เป็นพี่น้องกันได้” ผมพูด พี่บีมก็ไม่ได้ชอบผมหนักเหมือนกันแต่พี่โจไปตามจีบอยู่ได้

              “เวลานายโกรธนี้ดู…”

              “ดูเหมือนอะไรเหรอ” ผมหันขวับมาถามคนที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋า

             “ไม่พูดดีกว่า บอยแค่จะลงมาเอาครีมกันแดดให้แค่นั้น บอยยังจัดห้องต่อไม่เสร็จ” บอยพูดแค่นั้น ผมพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้สนใจอะไร ผมหันไปมองหลอดครีมกันแดดที่เขายื่นมาให้ ผมมองมันก่อนจะรับมา
 
             “ตกลงจะไปนอนคนเดียวเหรอ” บอยถามผม

             “นอนคนเดียวดีที่สุดเพราะที่ผ่านมาก็อยู่คนเดียวแต่มันก็มีบ้างน่ะ คนที่เข้ามาแม้จะไม่ได้เติมเต็มทั้งหมดแต่มันก็ดี สนุกๆ เพราะว่าคำว่าตลอดไปมันไม่มีจริง” ผมพูด บอยถึงกับปล่อยหลอดครีมกันแดด เขามองผมแววตาคู่นี้มันสลดลง ผมควรสะใจไม่ใช่บีบหัวใจตัวเองแบบนี้

             “จริงซิน่ะ บาดแผลมันยากจะลบ” บอยพูดแต่จังหวะนั้นเขากลับก้าวถอยหลัง ไม่รู้ว่าลืมหรือว่ายังไงว่าเขายืนอยู่ริมขอบสระน้ำ

                “บอย! อย่าหัน!” ผมตะโกนบอกเขาแต่ว่าผมยืนห่างเกินไป ผมคว้าข้อมือเขาไว้ไม่ทัน ร่างนั้นค่อยๆ ร่วงหล่นลงไปอย่างช้าๆ ในสายตาผม แต่ว่ามันเร็วกว่าที่ผมจะเข้าไปคว้าเขาเอาไว้ได้ บอยว่ายน้ำไม่เป็น!!!

              “โคล้ม!!!” เสียงน้ำดังกระจาย

               ผมก็รีบกระตุกผ้าเช็ดตัวก่อนจะรีบวิ่งไปและกระโดดตามลงไปทันที ผมดำน้ำลงไปเพื่อรีบดึงร่างของบอยขึ้นมา ถึงบอยจะตัวเล็กแต่มันก็ยากลำบากสำหรับผมอยู่เหมือนกัน ผมพยายามดันเขาขึ้น จู่ๆ ก็มีคนมาดึงเขาขึ้นไป ผมปืนกลับขึ้นมาได้ก็เห็นว่าคนนั้นคือดิว ว่าแต่มันมาจากทางไหนของมันว่ะ ผมแอบคิดในใจก่อนจะหันซ้ายหันขวาและรีบพาตัวเองขึ้นมาจากขอบสระ

                 “บอย!” เสียงดิวที่เรียกบอยที่หมดสติ คงแค่ตกใจเพราะว่าผมเองก็รีบกระโดดลงไปคว้าร่างเขาเร็วอยู่น่ะ ไม่น่าจะสำลักน้ำจนหมดสติ เพราะว่าจมลงไปไม่นานเลย หรืออาจจะหมดสติก่อนลงไปกันแน่ ผมเห็นพวกติ๊ก พายที่ยืนอึ้งตกใจ

                “แอ้ ขอผ้าเช็ดตัวหน่อย” ดิวหันไปบอกแอ้

                “จะยืนอึ้งกันทำวะ ช่วยกันดิ ถ้าบอยไม่ฟื้นจะได้โทรตามรถโรงพยายาล เฮ้ย!!” ดิวมันพูดและขึ้นเสียงใส่สองคนคือติ๊กกับพายที่ยืนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

                “ตายแน่เลยอ่ะพวกเรา บอยพึ่งจะมาถึงไม่ทันข้ามวันเลยน่ะ” ติ๊กพูด

                “เป็นไงบ้างวะ” ผมถามดิว ดิวมีพื้นฐานปฐมพยาบาลมา ผมรู้ว่าลุงภาณุเดชสอนดิวเอาไว้ เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเป็นหมอแต่จะหมอบ้านหรือหมอทหารผมไม่แน่ใจ

               “ดูการหายใจปกติ น่าจะตกใจมากกว่าแล้ว บอยตกไปได้ไง “ดิวพูดและเงยหน้าขึ้นถามผมสีหน้าจริงจังมาก และนั้นก็ทำให้ทุกสายตาหันมามองผมกันหมดเลย เท้าเอวด้วย

               “ดิว ผ้าเช็ดตัว” แอ้วิ่งมาถึงก็ยืนส่งผ้าขนหนูมาสองสามผืนให้ดิวใช่ห่อตัวบอย

               “นั้นดิ มึงทำอะไรเขา ไอ้แจ็ค!” ไอ้ติ๊กหันมาถามผม

                “กูจะทำอะไรเขา กูแค่เดินหันหลังและเขาก็…ก็ “ผมพูดแต่ว่าไม่ได้บอกว่าผมพูดอะไรให้บอยเสียใจเพราะถ้าบอกไปพวกนี้มันถล่มผมแน่ ทั้งหมดหันมามองหน้าผมพร้อมกันทันที

                “ก็อะไร” ติ๊กมันถามผม

                  “บอยก็ตกน้ำไง” ผมพูด

                 “พอมึงเดินหันออกไป บอยก็โดดลงน้ำลงไปเองเหรอ มึงตอแหลแล้วเนี่๊ยะ พวกกูไม่เชื่ออ่ะ” พายพูด ผมก็ต้องมองบนพร้อมกับเตะอากาศไปด้วย ไอ้เวรพวกนี้ทำไมหลอกยากจังว่ะ และทำไมหน้าตาพระเอกขนาดนี้มันมองผมเป็นตัวร้ายตลอดเลย

                  “เห็นด้วย กะอีพาย มึงทำอะไรบอยบอกความจริงมา “ไอ้ติ๊กอีกคน ผมเห็นไอ้ดิวมันเอาผ้าขนหนูห่อตัวบอย เหมือนทำท่าจะอุ้มบอยไป

                  “กูว่าโทรหาพ่อกูก่อนว่าพ่อจะให้โทรหาลุงณะหรือเปล่า หรือไม่อาจจะต้องพาบอยไปโรงพยาบาล” ดิวเงยหน้าขึ้นมาพูดกับทุกคน

                   “ดิว” เสียงเรียกอันแผ่วเบาของบอย บอยได้สติแล้วเขาแตะแขนดิว ที่อย่างนี้เรียกดิวก่อนเลยน่ะ

                  “บอย!!!” ทุกคนเรียกบอยเป็นเสียงเดียวกันและพากันกรูจะเข้าไปหาบอยแต่ไอ้ดิวยกมือห้ามเอาไว้

                  “บอยเพิ่งจะฟื้น จะพากันเข้ามาแย่งอากาศทำไม” ดิวพูด

                   ผมยืนมองอยู่ห่างๆ ผมคิดว่าผมคงไม่จำเป็นที่จะเข้าไปอยู่ข้างๆ เขาแล้ว ไอ้พระเอกที่เขาเรียกว่ามันคือที่ถูกเลือกอยู่ข้างๆแล้ว ผมนี้กำหมัดแน่นก่อนจะหันไปคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันกายผมเอาไว้ผมเดินออกไปดีกว่า ผมจะไปจัดห้องที่ว่างๆ ผมจะเอาห้องนั้นเป็นห้องนอนผม ผมไม่สนว่าเขาจะเก็บไว้ให้ใคร

                “แจ็คไม่ได้ทำอะไรบอยหรอก คือบอยไม่ทันระวังเองและบอยคิดว่าบอยไม่เป็นไร อย่าโทรหาพ่อบอยเลยนะดิว บอยขอร้อง “ผมหยุดชะงักเท้าเอาไว้ก่อนจะเดินต่อเพื่อออกไปจากตรงนั้น ต่อให้เขาจะแก้ตัวแทนให้ผมยังไงมันก็สายเกินไปอยู่ดี

                    ผมเดินออกจากตรงนั้นทันที ผมรีบเดินกลับขึ้นไปบนห้องพักโดยไม่ได้หันไปดูว่าบอยดีขึ้นหรือยัง ผมตรงไปที่ห้องอาบน้ำและชำระร่างกาย ผมยืนปล่อยให้สายน้ำจากฝักบัวราดรดตัวผม ฝ่ามือที่ยันผนัง ภาพที่บอยตกลงไปในน้ำแบบนั้น ผมรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก

                     ผมยืนอยู่นานแค่ไหนไม่รู้แต่ที่แน่ๆ ไม่นานมาก ผมออกมาจากห้องน้ำ ผมยังไม่เห็นบอยขึ้นมา บอยจัดของเรียบร้อยแล้วเหลือแต่ของผมนีแหละยังวางอยู่ มันเกิดคำถามในหัวของผม ผมจะทนอยู่บนห้องนี้ได้ยังไง ไม่ต้องถามถึงตอนทานอาหารเย็นเลย ผมจะทนนั่งทานโดยไม่รู้สึกอะไรได้ไหม ไหนจะไอ้ดิวอีกทั้งที่ผมเองก็ไม่อยากทะเลาะกับมันสักเท่าไหร่ ผมรู้ว่าพวกผมเกิดวันเดียวกันโตมาด้วย ถึงผมกับดิว แอ้ ติ๊กและพาย รวมถึงบอยด้วย ผมแตกต่างที่สุดเพราะว่าผมไม่ได้เกิดจากที่เขาสร้างแต่ว่าผมเกิดในวันเดียวกับทุกคนแต่คนละที่ น่าแปลกที่เวลาเดียวกันเป๊ะ

                    “Rrrrrr” จู่ๆ เสียงมือถือไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดของผมก็ดังขึ้น ไม่ใช่ใครอื่นพี่โจ พี่ชายของผม ผมรีบกดรับสายทันที

                     //What’ s up my bro//ผมทักทายพี่โจเป็นภาษาอังกฤษ

                     //ดูทักเข้าดิ เป็นอะไรไปอีกล่ะแจ็ค// พี่โจถามผม พี่โจคงเดาได้จากน้ำเสียงของผมว่าผมกำลังนอยด์

                    //เกิดอะไรขึ้นแจ็ค!!//พี่โจรีบถามผมกลับทันที แต่ผมเงียบไม่ตอบอะไร ตอบไปก็มองว่าผมงอแง

                    //เล่ามาเดี๋ยวนี้เลย// พี่โจบอกเชิงออกคำสั่งทันที ปกติพวกผมจะพูดกันภาษาอังกฤษเวลาอยู่บ้านที่ต่างประเทศ พ่อจะบอกพวกผมเสมอว่าให้พูดไทยกันเวลาอยู่ประเทศไทย

                   //ผมไม่อยากอยู่ที่นี้แล้วอ่ะพี่โจ มันยิ่งทำให้ผมอ่อนแอ ผมไม่อยากได้อะไรจากองค์กรนี้แล้วพี่โจ ผมควรจะถอนตัวผมคิดว่า…// ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่บอกได้ว่าผมไม่อยากไปต่อแล้ว

                 //แจ็ค.... เฮ้อ!// พี่โจเรียกชื่อผมพร้อมกับถอนหายใจยาวๆ

                //ผมขอโทษครับพี่โจ ผมไม่ไหวจริง//ผมพูด

               //พี่จะคุยกับพ่อให้นะ นายแน่ใจแล้วเหรอว่าจะถอย ถ้าคราวนี้นายถอยคือนายจะไม่มีโอกาสอีกนะ นายแน่ใจแล้วเหรอว่าจะปล่อยหัวใจนายไป// พี่โจถามผม

              //ผมแน่ใจพี่โจ ผมจะปล่อย// ผมพูดได้แค่นั้นจริง ผมหันไปคว้าเอา ไอแพตของผมเดินออกจากห้องเพื่อจะไปหาที่นั่งเงียบๆ ดูคลิปการแข่งขันล่าสุดของผม ผมกลับไปนี้ผมจะฟิตร่างกายให้พร้อมและจะลงแข่งให้ได้ กลับไปใช้ชีวิตของผมไม่ต้องมาสนใจองค์กรอะไรนี้ แค่นี้ผมก็อยู่สุขสบายไปไม่รู้กี่ชาติ แล้วผมจะมาทำอะไรแบบนี้เพื่อองค์กรที่ไม่ได้ต้องการเลือกผมทำไมวะหรือไม่ ออกไปตั้งองค์กรใหม่เพื่อมาแข่งขันง่ายกว่าไหม ผมคิดในใจเพราะกฎทุกอย่างผมคนนี้แหกทุกกฎที่ลุงหนึ่งตั้งเอาไว้แล้วทำไมผมจะตั้งองค์กรใหม่ไม่ได้

              TBC…
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-02-2024 19:54:33 โดย PFlove »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.8 (บอยXแจ็ค) ผมคงเสียเขาไปแล้วจริงๆ
                Part’ s บอย ดิวพาผมเข้ามานั่งด้านใน เมื่อสักครู่ผมผลัดตกลงไปในน้ำ ภาพเขาคนนั้นเขากระโดดลงไปคว้าตัวผมขึ้นมา ถึงแม้จะเป็นภาพสุดท้ายก่อนทุกอย่างจะตัดไป จริงๆ แล้วผมรู้สึกหน้ามืดเลยทำให้เสียการทรงตัวและตอนนั้นผมตกใจด้วยที่หันมาก็อยู่ในมุมที่หมิ่นมากและผมก็ตั้งตัวไม่ทัน พลาดตกลงในสระน้ำไปแบบนั้น โชคดีที่เขากระโดดลงช่วยผมไว้ได้ทันแต่ว่าเขากลับถูกมองว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมตกลงไปแทน แค่เขาไม่อยากทักทายผมก็รู้สึกแย่แล้วแต่มามีเรื่องนี้อีก ทำไมทุกอย่างมันถึงได้แย่ลงแบบนี้น่ะ ไม่ใช่อย่างที่ผมคิดเอาไว้เลยสักนิด
             “บอย” ดื่มอะไรอุ่นๆ หน่อยไหม ดิวชงให้ดื่ม “ดิวสะกิดถามผม ผมก็มัวแต่คิดอะไรเพลินๆ ก็สะดุ้งเล็กน้อย ผมหันไปมองดิว
               “ไม่ดีกว่าดิว บอยไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วแหละ ขอบใจน่ะ” ผมพูดกับดิว (เขาคือคุณหมอที่พ่อๆต้องการให้เขาดูแลผมอย่างใกล้ชิดในฐานะคู่รักแต่ว่าหัวใจมันยากจะควบคุม ผมดันไปรักคนที่เขาไม่เลือก ส่วนคนที่ดิวเลือกผมก็ไม่รู้ว่าทำไม เหมือนดิวกับแอ้กำลังจะเผชิญกับปัญหาที่ใหญ่กว่าผมซะอีก) ผมคิดในในก่อนจะยิ้มอ่อนให้ดิว 
              “แต่บอยคิดว่าจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะดีกว่าและคงจะนอนพักสักหน่อย” ผมพูด ดิวมองผม เหมือนเขายังไม่แน่ใจว่าผมดีขึ้นจริงๆ หรือเปล่า
                “บางทีอาจจะเป็นจาก เจ็ทแล็คก็ได้น่ะเพราะว่าบอยก็นั่งเครื่องนานและมานั่งรถต่ออีก เลยทำให้หน้ามืด มันโคลงเคลงเหมือนนั่งเครื่องตลอดเวลา “ผมบอกดิวเพื่อให้เขาสบายใจว่าผมไม่ได้เป็นอะไรมาก อาจจะแค่เมาเครื่องบินและยังมาเดินทางโดยรถยนต์อีก ดิวพยักหน้าเหมือนจะเชื่อที่ผมบอกเขา
                “บอยไม่เป็นอะไรจริงๆ ดิว บอยแค่พักผ่อนน้อยน่ะช่วงนี้ มันมีหลายอย่างน่ะ ดิวเข้าใจใช่ไหม” ผมบอกดิวอีกครั้ง ดิวพยักหน้าว่าเชื่อผมแล้ว

             ผมก็ค่อยๆ ลุกขึ้นเพื่อจะได้ขึ้นไปชั้นสองของตัวบ้าน ห้องนอน ผมตั้งใจขึ้นไปเพื่อคุยกับเขา ผมคิดว่าเราควรจะหันหน้ามาคุยกันไม่ใช่อคิตใส่กันแบบนี้เพราะว่ามันไม่ได้กระทบแค่ผม กระทบไปถึงดิวด้วย ยังไงแจ็คก็ต้องการดิวเพื่อช่วยให้เขาได้พิสูจน์ตัวเองและทำภารกิจนี้ให้สำเร็จและที่ผมมาก็เพื่อให้ทุกคนยอมรับเขา ถ้าขืนปล่อยไว้แบบนี้ ไม่สำเร็จแน่ๆ
            “ก็ดีนะ บอย ขึ้นไปพักเถอะ อาหารเย็นมาถึงแล้ว พวกเราขึ้นไปเรียก “ติ๊กพยักหน้าเห็นด้วยกับผม
            “ให้พวกเราขึ้นไปด้วยมั้ยอ่ะบอย.... เพื่อว่า” พายถามผมพร้อมกับมองไปด้านบน
            “ไม่ต้องหรอก หึๆ” ผมพูดปฏิเสธและแอบขำพวกเขาน่ะ เขาคงกลัวว่าแจ็คจะทำอะไรผมละซิ
             “บอยเชื่อว่าแจ็คเขาไม่ทำอะไรบอยหรอก” ผมพูด ทุกคนก็พยักหน้ากับผม ผมเชื่อว่าเขาไม่ทำแน่นอน ผมเชื่อว่าเขาคือสุภาพบุรุษร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมเดินขึ้นไปชั้นบน ด้วยจังหวะการเต้นหัวใจที่ไม่เป็นจังหวะ ทำไมมันรู้สึกประหลาดแบบนี้นะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมไม่เป็น น่าจะเป็นเพราะว่าเขาลงไปช่วยผมแบบนั้น

           ก๊อกๆ ผมเคาะประตูเบาๆ ผมได้ยินเสียงเขาคุยโทรศัพท์อยู่ ผมเลยหยุดเคาะและรอสักพักก่อน

          [ผมไม่อยากอยู่แล้วพี่โจ] ประโยคที่ผมได้ยินโดยบังเอิญ เสียงดังลอดออกมาจากในห้อง ทำเอาหัวใจของผมที่ตอนแรกเต้นแรงและไม่เป็นจังหวะ กลับมาสู่สภาวปกติ ผมรู้สึกใจหายขึ้นมาแทนที่ทันที ตกลงนี่เขาไม่อยากอยู่ทีนี้เพราะผมจริงๆหรือ ผมไม่น่าตัดสินใจที่จะมาเลยจริงๆ เพราะมันกลับทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีกใช่ไหม มือของผมสั่นระริกขณะที่ยกขึ้นมาจับลูกบิดประตู

           แอ๊ด!! เสียงประตูเปิดออก ผมเงยหน้ามองคนที่ยืนตรงหน้า ตอนนี้เขามารออยู่ที่หน้าประตูแล้ว ผมมองหน้าเขานิ่งมาก เขาก็มองผมนิ่งแต่คนละความรู้สึกกันเลย
            “คือ ...บอยจะเข้าไปเปลี่ยนชุด ...ได้ไหม” ผมถามเขาแบบกล้าๆ กลัวๆ ทั้งที่เมื่อก่อนผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลยจริงๆ ที่ผ่านมามีแต่แจ็คที่กลัวผมโกรธมากกว่าแต่นี้กลายเป็นผมกลัวเขาซะเอง
            “เชิญ...ก็ห้องคุณ เข้ามาซิ” แจ็คพูด
             “ไม่ใช่ห้องของเราเหรอ” ผมถามเขากลับ
             “ต่อไปจะเป็นห้องของคุณ…บอย” แจ็คเขาพูดและเดินเลี่ยงออกไป เหลือแค่ผมที่เขาไปอยู่ในห้อง
ผมมองไปรอบๆ เขาไม่ได้จัดอะไรเข้าที่เลยนั้นแปลว่าเขาไม่คิดอยากจะอยู่ที่นี้จริงๆ หรือว่าเขาพร้อมที่จะกลับอย่างนั้นหรือ เขาจะทิ้งภารกิจนี้ไป เขาจะทิ้งเพื่อนๆ ของเขาเพราะผมอย่างนั้นหรือ ผมทำได้แค่เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบชุดออกมาเปลี่ยน ผมเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายซะก่อน ผมอยู่ในห้องน้ำเกือบชั่วโมงเพื่อคิดทบทวนที่ผ่านมา ผมควรยอมรับมันได้แล้วว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว
            [บอย แจ็ครักบอยนะ โตขึ้นเราแต่งงานกันน่ะ] คำพูดของเด็กผู้ชายคนนั้น
            [บ้านะ จะแต่งได้ไง เราผู้ชายน่ะ]
           [อ้าว ก็ ไปแปลงเป็นผู้หญิงเพื่อเขาดิ]
           [บ้านะ ไม่เอาหรอก]
           [เขาพูดเล่น เขารักบอยนะ ยังไงก็ต้องแต่งกับบอยและมันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอที่ใครก็มองบ้านเราแบบนี้ทุกคน โดยเฉพาะพ่อเรา มันก็คงไม่แปลกถ้าแจ็คจะแต่งงานกับบอย] คำพูดนั้นตอนนั้นที่เขาพูด มันทำให้ผมยิ้มแต่ว่ารอยยิ้มนั้นกำลังจางหายไปแล้วนะซิ
           [นะ นะ] คำพูดที่อ้อนวอนผม เขาอยากแต่งงานกับผม ตอนนี้ผมก็อยากให้คนที่อยู่ข้างผมคือเขาแต่ว่า… มันคงเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

           ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องน้ำทำเอาผมตื่นทันที ผมอยู่ในความฝัน ภาพวันวานที่ผมกับเขาได้สวีทหวานกัน โดยที่พ่อผมไม่ทราบตรงนี้แต่พ่อของแจ็ครู้ว่าผมกับแจ็ครักกัน ไม่ใช่แค่แอบรักกันผมกับเขายังแอบได้เสียกัน จนความมาแตกเพราะว่าผมตั้งท้อง และนั้นทำให้ผมรู้ว่าผมมีบางสิ่งที่พิเศษและมันก็ทำให้ผมต้องปิดความลับนี้จากลุงหนึ่งอีก ความลับที่แจ็คไม่ใช่คนที่ถูกเลือกไว้สำหรับผม
          “บอย อยู่ในนั้นใช่มั้ย” เสียงแอ้ เขามาเรียกผม
           “ใช่ครับแอ้ บอยอยู่ในห้องน้ำครับ” ผมตอบแอ้ไป
           “ได้เวลาทานอาหารเย็นแล้วครับ” แอ้บอกผม ผมพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะตอบแอ้ไป
           “บอยจะออกไปเดี๋ยวนี้ครับแอ้” ผมตอบแอ้ ผมออกมาก็จัดการสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ผมเปิดประตูออกมาก็เห็นแอ้ กับติ๊ก นั่งรอผมอยู่แล้ว
           [เดี๋ยวมาน่ะ กูลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้องว่ะแอ้] ติ๊กพูดก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องน้ำ ผมแต่งตัวมาเรียบร้อยแล้ว
           “อาหารเย็นมาส่งแล้วบอย เราลงไปหาอะไรทานอาหารเย็นกันก่อนนะบอย” แอ้บอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ
           “ชอบใจน่ะ” ผมพูดและหันไปหยิบนาฬิกาบนโต๊ะมาสวมใส่
           “แก๊ก!” เสียงของหล่นจากโต๊ะของผม มันเป็นแผงยาที่ผมต้องทานประจำ เป็นยาฮอร์โมนที่ผมจำเป็นต้อง ผมต้องเทคฮอร์โมนเสริมเนื่องจากว่าผมมีลูกมดแต่ว่ามันไม่สามารถผลิตฮอร์โมนได้เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ผมเอื้อมมือจะไปหยิบสิ่งมันขึ้นมาแต่มือแอ้ก็หยิบสิ่งนั้นซะก่อนที่ผมจะเอื้อมไปถึง
            “บอย...ทาน...ยาด้วยเหรอ” แอ้ถามผมด้วยสีหน้าสงสัย ผมหวังว่าเขาจะไม่รู้นะว่ามันคือยาอะไร ผมยังไม่เคยบอกทุกคนเลยว่าผมเป็นอะไรยังไง ผมไม่กล้า ถึงผมจะรู้มาว่าผมคือคนที่ถูกเลือกก็ตาม
            “มันแค่ยา...ยาบำรุงนะแอ้” ผมบอกแอ้ก่อนจะหยิบแผงยานั้นเก็บเข้าลิ้นชักเอาไว้ทันที
            “อืม” แอ้พยักหน้าเบาๆ แค่นั้น
           “ไปทานข้าวกัน” ติ๊กเปิดประตูเข้ามาพอดี ผมก็ลุกขึ้นและเดินออกไปพร้อมๆ กับแอ้และติ๊ก ผมเห็นแอ้และติ๊กคุยกันสนิทสนมกันเหมือนเดิม ผมก็อดคิดถึงวันวานของผมกับแจ็คไม่ได้ มันจะกลับคืนมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหมยังไม่รู้เลย
           “แอ้กับติ๊กนี้ยังตัวติดกันเหมือนเดิมเลยนะและดิวด้วยเนอะ” ผมพูด ผมเห็นเขาสามคนตัวติดกันตลอด ไปไหนก็ไปกันสามคนตลอด
           “ติดยิ่งกว่าเห็บหมาซะอีก” แอ้หันมาพูด ติ๊กรีบค้อนแอ้ทันที
           “แม้ไอ้แอ้มึงว่ากูนี้เป็นเห็บเหรอวะ” ติ๊กพูดแต่ผมรู้ว่าแอ้พูดเล่น
ผมสามคนเดินคุยกันไปจนถึงห้องอาหาร ทันทีที่ผมมาถึง ผมสังเกตเห็นแจ็คนั่งตัวติดอยู่กับพายดูพูดหยอกล้อกันน่ารักเชียว พายเขาเป็นคนตัวเล็กน่ารักออกจะตุ้งติ้งนิดหน่อยยิ่งน่ารักดี
            “อีแจ็คมึงอย่าจับคางกูบ่อยซิ เดี๋ยวสิวขึ้น มือนี้ล้างหรือเปล่า และจับยังกับว่ากูนี้เป็นชิวาวาของมึงอย่างนั้นแหละ” พายพูดและเอามือปัดมือของแจ็คออกทันทีที่หันมาเห็นผมเข้า
             “ใครบอก น้องพายพี่แจ็คน่ารักกว่าชิวาวาแน่นอน” แจ็คพูดก่อนจะหันมาเจอผม ที่ยืนมองด้วยความรู้สึกแปลกๆ เพราะปกติเขาจะมีแค่ผมนั่งใกล้ผม หยอกล้อแค่ผมแค่นั้นแต่นี่ไม่ใช่แล้วมันเปลี่ยนไปแล้วใช่ไหม
             “แม้อิพาย! “ติ๊กเรียกพาย พายกันมามอง ผมและติ๊ก ดูเหมือนทั้งคู่จะส่งซิกอะไรกันสักอย่าง พายรีบลุกขึ้นทันที
            “นั่งซิบอย” พายบอกผมพร้อมกับผายมือให้ผมนั่งข้างๆ แจ็ค ผมเห็นสีหน้าแจ็คดูจะผิดหวังมากถ้าผมจะนั่งลงข้างๆ เขา
            “ไหนบอกจะนั่งข้างแจ็คไงจ๊ะพาย ไปไหนล่ะ” แจ็คพูดพร้อมกับชำเลืองตามองพาย
            “อิพายมานิ” ติ๊กก็เรียกพายให้รีบออกมา
             “ไม่เอาอ่ะ ไม่ชอบของร้อน” พายพูดและรีบเดินออกไป
            “ไม่อยากให้เรานั่ง เราก็จะ” ผมทำท่าจะหันหลังเดินไปนั่งที่อื่นแทน
            “อยากนั่งก็นั่ง” แจ็คพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเต็มใจหนักแล้วผมจะนั่งลงเหรอครับ
            “บอยลงมาแล้วเหรอ “ดิวเดินเข้ามาถึงก็มาหยุดอยู่ตรงข้ามกับผม
            “เรานั่งข้างบอยนะ” แอ้บอกกับผม ผมพยักหน้าว่าได้
            “แอ้ไม่นั่งนี้เหรอ” ดิวถามแอ้ทันทีเช่นกัน ดิวคงอยากให้แอ้ข้ามฝั่งไปนั่งข้างๆ เขาเช่นกัน
            “แอ้ไปนั่งข้างดิวก็ได้น่ะ บอยนั่งตรงนี้ได้ “ผมหันไปบอกแอ้แทน ผมอยากบอกว่าบรรยากาศตอนนี้ตึงมากเลย ตอนนี้ทุกคนหันมามองหน้ากันและไม่มีใครกล้านั่งสักคน มีอยู่คนเดียวที่นั่งมองพวกผมพร้อมกับเอามือเท้าค้างมองอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
           “ดิวมึงก็ไปนั่งข้างบอยแทน แล้วแอ้นั่งข้างกูกับพาย” ติ๊กพูด ผมหันมามองแอ้ แอ้พยักหน้าว่าเอาแบบนั้นก็ได้ การปรับเปลี่ยนที่นั่งก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
           “ปึก!!” เสียงฝ่ามือกระแทกโต๊ะอย่างไม่ค่อยพอใจ
           “โอ๊ย!!จะนั่งตรงไหนก็นั่ง คนรออยู่ ไม่เห็นกันเหรอ” แจ็คถามพร้อมกับมองหน้าทุกคนที่ดูแล้วน่าจะจัดที่นั่งไม่ลงตัวเพราะผมแน่ๆ เลย
            “และกะอีแค่ที่นั่งยังมาเป็นปัญหา จะเยอะกันทำไมวะ มีตั้งหลายที่ดูดิ แย่งนั่งข้างนั้นข้างนี้อยู่ได้” แจ็คพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
            “ไอ้แจ็ค!!!” ทุกคนเรียกชื่อเขาพร้อมกัน
            "ไอ้คนที่รอน่ะคือมึงคนเดียวไอ้แจ็คและที่กูนั่งกันไม่ถูกเพราะมึงนี่แหละ มึงคือตัวปัญหาไง ไม่สำนึก! " ติ๊กพูด พร้อมกับยืนเอามือเท้าเอว แจ็คชี้ตัวเอง
             “กูผิดเหรอ!!” แจ็คถาม
             “พลึบ” นิ้วกลางส่งมาพร้อมกันทุกคนให้แจ็คคนเดียวเลย ผมอิจฉาแจ็คที่โตมากับเพื่อนๆ มีชีวิตที่มีความสุขในวัยเด็ก ของผมเหรอ ไม่มีเพื่อน เรียนแบบโฮมสคูลแต่ก็พอจะมีเพื่อนที่สนิทแต่น้อยมาก ผมมีสองคนที่สนิทตอนนี้ คือธรรม์และหลุยส์
             “มึงลองปากดีอีกทีมึงก็จะถูก แต่ถูกเท้าพวกกูนี่ ลงไม่ผิดแน่นอน” ติ๊กพูด และติ๊กก็หันมายิ้มให้ผมแทน ผมเองก็ต้องลุกไปนั่งข้างดิวจะได้ไม่ทำให้เขายิ่งโมโหมากไปกว่านี้ และพากันเดินสลับไปหาที่นั่งจนสุดท้ายฝั่งผมมีแค่ดิวกับผม มันเลยยิ่งทำให้ใครบางคนข้างให้ทันที หันไปคุยกับแอ้ ติ๊กและพาย เขาคุยกันถึงเรื่องที่ไปเที่ยวอะไรสักอย่างดูมีความสุขมาก
            “เป็นไงบ้างบอย ดีขึ้นหรือยัง “ดิวถามผม ผมยิ้มก่อนจะหันไปมองเจ็ค แต่ว่าเขาไม่สนใจผมเลย แจ็คกำลังคุยกันสนุกสนานกับคนอื่นๆ ติ๊ก พายและแอ้ เรื่องที่คุยก็ไม่พ้นเรื่องที่ไปเที่ยวกันโดยเฉพาะผับ ผมมองเขาเพลินไปหน่อยจนหันมาเจอสายตาดิวที่มองผมอยู่และหันไปมองแจ็ค ที่ทำเป็นไม่สนใจว่ามีผมนั่งอยู่ตรงนี้ นี้คือครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าตัวผมเองหลุดจากวงโคจรไปจากเขาทั้งที่แต่ก่อนจะเป็นผมเสมอที่เขาพูดคุยด้วย
           “เออ ดิวถามว่าเราว่าไงน่ะ ขอโทษทีน่ะฟังไม่ทันน่ะ” ผมยังงงอยู่ในโหมดงงมากเลยถามดิวว่าเขาถามอะไรผม
           “ดิวถามบอยนะครับ ว่ามีอาการอื่นไหม เช่น เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียนอะไรแบบนี้นะ อันนี้พ่อให้ดิวถามด้วยน่ะ “ดิวถามผมอีกที ผมก็พยักหน้าเข้าใจคำถามของเขาแล้ว
           “ไม่แล้วอ่ะดิว บอยดีขึ้นแล้ว ขอบคุณน่ะ” ผมหันไปตอบดิว
           “บอยคงตกใจมากกว่าที่ตกลงไปในน้ำแบบนั้น “ดิวพูด พร้อมกับตัดอาหารใส่จานให้ผมด้วย เขาตักอาหารที่เป็นผักให้ผม ผมอดแปลกใจไม่ได้ว่าเขาทราบได้อย่างไร ว่าผมทานมังสวิรัติหลังจากคลอดน้อง เรื่องนี้ผมเพิ่งจะมาเปลี่ยนหลังจากนั้นไม่ใช่ก่อนหน้า ดิวยิ้มให้ผมก่อนจะหันไปตักอาหารทาน ผมเห็นดิวจดๆ จอๆ อยากจะตักให้แอ้เหมือนกันแต่ว่าเขากลับไม่กล้าตักให้
           “อาหารเลี้ยนว่ะ สั่งจากไหนมาวะ” เสียงแจ็คพูดขึ้นค่อนข้างเสียงดัง ผมก็รู้ว่าเขาพูดประชดผมกับดิว
            “อ้าวไอ้นี่!! อาหารนี้พ่อครัวระดับโรงแรมห้าดาวทำมานะครับมึงครับ และนี่ก็มาจากโรงแรมพ่อกู มึงปากดี เดี๋ยวให้ไปต้มมาม่ากินเองเลยนิ “ติ๊กพูด
           “อาหารบางจานแม่งเผ็ดมากด้วยน่ะ ดังนั้นควรจะทานด้วยความระมัดระวังหน่อย มันอาจจะเผ็ดมาจนกระทบริมฝีปากและปากอาจจะแตกเอาได้ว่ะ” ดิวพูดขึ้นบ้าง สายตาที่มองแจ็คยักคิ้วท้าทายด้วย
          “ระวังไว้ด้วย กูเป็นห่วง” ดิวพูดเพื่อปกป้องผม
           “แกร๊ง!! “เสียงช้อนและซ้อม ถูกวางลงพร้อมกัน ผมเงยหน้ามองแจ็คที่ลุงขึ้นยืน สายตาเขามองมาที่ดิวและทุกคนก็หยุดทานพร้อมกับเงยหน้ามองแจ็คและดิวสลับกันไปมา ผมนี้นั่งตัวลีบเลย ผมไม่อยากเห็นเขาต่อยกันเลย
           “มีปัญหาอะไรแจ็ค” ดิวถามแจ็คด้วยน้ำเสี่ยงที่นิ่งๆ สายตาที่มองแจ็ค ดิวไม่แสดงอาการใดๆ ดิวเหมือนอาภา อาภาเป็นคนที่นิ่ง สุขุมและใจเย็น ไม่เคยแสดงอาการโกรธจนเหมือนคนขาดสติ ไม่ว่าจะโกรธแค่ไหนก็ตาม อาภาเคยจะได้ดูแลองค์กรแทนพ่อผมแต่ว่าอาภาเลือกอาภีม อาภาเลือกที่จะไม่รับตำแหน่งเพราะว่าจะไปดูแลน้องชายที่อาภารักมาก รักเกินพี่น้องแต่ว่าเขาไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ ตอนนี้ทุกคนมองแจ็คกับดิว รวมถึงผมด้วย ผมก็ลุ้นมากกลัวเขาสองคนจะต่อยกัน ผมกลัวแจ็คนี่แหละ จะเจ็บหนักกว่าดิว
            “กูพูดอะไรแทงใจมึงเหรอ” ดิวถามแจ็ค ผมรู้ว่าเขาไม่อยากให้แจ็คพูดจาประชดประชันว่าผม
           “เมื่อกี้ที่มึงพูดน่ะ มันหมายถึงกูใช่ไหมวะ ไอ้ดิว” แจ็คถามดิว
           “ใช่ว่ะ “ดิวพูดทำท่าจะลุกแต่ผมจับแขนเขาไว้ซะก่อน ผมสั่นหัวเล็กน้อยเพื่อหยุดดิว
           “และที่กูพูดเพราะว่ามึงลูกผู้ชายหรือเปล่าว่ะ มึงว่าประชดบอยทำไมว่ะ กูถามหน่อย” ดิวพูด ดิวมองหน้าแจ็ค
           “และที่มึงทำน่ะ ทำเพื่ออะไรว่ะ ซะใจเหรอ กูว่าไม่ใช่ว่ะ” ดิวพูด เขามองหน้าแจ็คนิ่งมาก
           “มึงหึงบอยเลยทำแบบนี้ นิสัยแบบนี้ไม่ใช่ลูกผู้ชายว่ะและคำว่าลูกผู้ชายไม่ได้เอาไว้ใช้กับผู้หญิงอย่างเดียวนะโว้ย กลับผู้ชายมึงก็ควรจะมีโว้ย ไม่ปากดีและไม่ดีแต่ปากว่ะ” ดิวพูด
             “อย่าเลยดิว ถ้าอย่างนั้น บอยไม่ทานดีกว่าบอยไม่ค่อยหิวบอยอยากไปนอนพักมากกว่า “ผมพูดและทำท่าจะลุกขึ้นแต่ดิวจับมือผมเอาไว้
            “ไม่ต้องไปบอย นั่งทานนี่แหละ ทานอาหารด้วยกัน สุขภาพของบอยสำคัญน่ะ สำคัญกว่าใครบางคน” ดิวพร้อมกับบอกให้ผมอยู่ทานต่ และดิวก็ลุกขึ้นประชันหน้ากับแจ็ค
            “ถ้าใครทนไม่ได้ให้มันเป็นฝ่ายลุกไปบอย” ดิวพูด สายตาประสานกับแจ็ค
            “ได้ ถ้ามึงอยากจะไขว้กับกูใช่ไหมดิว” แจ็คลุกขึ้นถามดิว
           “หยุดๆ!! พวกมึงเป็นอะไรกันเนี่ย จะทะเลาะกันทำไม กูถามหน่อย! “ติ๊กเป็นฝ่ายลุกขึ้นและพยายามดึงแจ็คให้นั่งลง
            “มึงว่าประชดบอยเขาแค่เพราะว่ามึงอิจฉาเหรอว่ะ แค่นี้เหรอ คิดได้ไงว่ะ” ดิวพูดอีก ผมหันมาขยิบตากับดิว พอเถอะ
          “ครืด!!” เสียงเก้าอี้ถูกดันออก ผมมือสั่นขั้นมาทันที ผมไม่อยากให้เขาทะเลาะ ผมอยากให้เขาสามัคคีเพราะว่าภารกิจนี้ ทุกคนต้องช่วยกันมันถึงจะผ่านไปได้
           “แจ็ค ๆ เย็นลูก เย็นลูก อย่าขึ้น “ติ๊กที่จะพยายามห้ามแจ็คให้ใจเย็นลง
           "อย่าขึ้นไปฟัดกันบนโต๊ะอาหาร พวกกูยังไม่ได้ทานเลย ถ้าจะฟัดให้ไปด้านนอก...โน้น!!!" ติ๊กพูดและคนที่ติ๊กดึงรั้งแขนเอาไว้ก็ก้มลงมองติ๊ก
           "นั่งลงเถอะมึง กูขอล่ะ อย่าให้ทุกอย่างมันแย่ไปกว่านี่เลยว่ะ กูไม่อยากอยู่ต่ออีกปี นะมึงน่ะ" ติ๊กพยายามพูดเกลี้ยกล่อมแจ็ค ให้ใจเย็นลง
            “ไอ้ดิว มึงก็อย่าไปทำให้มันขึ้นดิว่ะ ให้บอยและพวกกูทานก่อน “ติ๊กหันมาพูดกับดิว แอ้หันมาพยักหน้ากับดิวว่าให้ดิวนั่งลง และดิวก็ยอมนั่งลงตามที่แอ้พยายามสื่อสารผ่านสายตา
            “มันขึ้นของมันเอง ความบ้าของมันอะ” ดิวพูดก่อนจะนั่งลงเช่นกัน
             “แจ็ค นั่งลงทานดีดีเถอะมึง ดูดิอาหารดีดีทั้งนั้น กินเถอะ เดื๋ยวกูมีของดีปลอบมึงน่ะแต่ตอนนี้นั่งก่อน พวกกูจะได้ทานข้าวกัน” ติ๊กพูดให้แจ็คใจเย็นลง
             “กูไม่กินแล้ว กินไม่ลงว่ะ “แจ็คพูดและเดินออกไปทันที ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ติ๊กก็หันมามองหน้าผมและยิ้มเจื่อนๆ มาให้ผม
              “อย่าไปสนใจมันเลยบอย ปญอ ว่ะ” ดิวหันมาบอกผม

                   ผมได้แต่มองตามคนที่เดินออกไป เขายังไม่ได้ทานอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ ผมนี้รู้สึกผิด ผมได้แต่มองเขาจนลับตาไป ผมก็ทานไปโดยไม่รับรู้รสอาหารเลย จนทุกคนทานกันอิ่ม แต่ก็ไม่เห็นมีใครตักอะไรใส่จานไว้ให้แจ็คเลย ผมรู้ว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร ผมค่อยแบ่งใส่จานเอาไว้ให้เขาแทน
                “เฮ้ย...กูต้องรีบไปโทรหาพ่อกูก่อนว่ะ “ติ๊กพูดก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องอาหารไปทันที
               “ยังไม่อิ่มเหรอบอย” แอ้ถามผมและพยักหน้าที่จานที่ผมตักแบ่งเอาไว้ให้แจ็คเขา ผมว่าแอ้พอจะเดาได้ว่าผมเอาไว้ให้ใคร
                 “นั้นดิ ตักเอาไว้ด้วย กินเก่งเนอะ” พายอีกคนที่ถามผมยิ้มๆ ผมว่าเขาน่าจะรู้ว่าผมตักเอาไว้ให้ใคร
                 “บอยไม่ได้ตักเอาไว้ทานเองหรอก บอยอิ่มแหละแต่บอยตักเอาไว้ให้แจ็คเขา กลัวว่าแจ็คจะหิว บอยไม่เห็นเขาทานอะไรเลยก่อนจะลุกไป” ผมพูด
                “นี่จะตักแบ่งเอาไว้ให้ไอ้แจ็คมันเหรอ ทั้งที่มันปากดีกับบอยขนาดนั้นนี่น่ะ” ดิวถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ ว่าใช่ถึงปากดีก็เถอะ
                  “พาย ก็บอกไอ้ตัวดีแล้วกันนะว่าพายเป็นคนตักเอาไว้ให้มันเพราะถ้าบอกว่าบอย มันไม่กินแน่นอน เพราะว่าไอ้นี่มันไอ้ขี้เก๊ก มันกลัวเสียหน้า” ดิวพูด ผมมองดิว
               “โอ๊ย!!!” หลังจากที่ดิวพูด ได้ผลทันทีแต่เป็นผลไม้ ผลแอบเปิ้ลที่วางอยู่ในถาดผลไม้นั้นลอยทั้งลูกเลย ลอยมาที่ดิวทันทีแต่โชคดีที่ลูกเล็กไม่ใช่ลูกใหญ่และดิวก็รับเอาไว้ได้ทัน และคนที่ปามานั้นก็ไม่ใช่ใคร คนนั้นคือแอ้เองเพราะว่าหลักฐานยังอยู่ มือที่ค้างอยู่ของแอ้
                 “ปามาทำไมเนี๊ยะ! ปลอกมาด้วยดิ” ดิวหันไปบอกแอ้
                 “ปากหมา” แอ้พูดไม่ดังแต่ผมก็ได้ยินเบาๆ แอ้ว่าดิว
                 “เอามาให้พายดีกว่าบอยและเดี๋ยวพายจัดการเองนะบอย ไอ้นี่มันต้องคบด้วยความเข้าใจอย่างเดียวเลย ตั้งแต่บอยอ่ะทิ้งมันไปน่ะ” พายพูด ผมนี้กลืนน้ำลายลงคอเลย
                 “เฮ้ยยย!!! พาย” ดิวและแอ้หันมาเรียกพายพร้อมกันเลย พายก็ทำหน้าตกใจก่อนจะยกมือเหมือนจะขอโทษผม
                “บอย พายขอโทษ ปากไวไปหน่อย ขอโทษน่ะ “พายรีบพูดขอโทษขอโพยผมใหญ่เลย
               “ไม่เป็นไรพาย” ผมพูด “เพราะว่าไปมันคือเรื่องจริง บอยทิ้งเขาไปและเขาก็เข้าใจแบบนั้นตลอด มันฝั่งในใจเขามาตลอด ไม่แปลกถ้าเขาจะปฏิเสธสิ่งที่บอยทำให้เขาตอนนี้” ผมพูดและทำท่าจะลุกขึ้น
                “บอยขอตัวก่อนนะ บอยต้องโทรหาพ่อด้วยเหมือนกัน “ผมพูดและลุกขึ้น ผมเดินกลับขึ้นไปที่ห้องนอน ไม่รู้จะเจอแจ็คไหมนะ พอผมจับลูกบิดประตูก็พบว่าเขาไม่ได้ล๊อกประตู เขาไม่อยู่หรือเขาไม่อยากล็อกประตูกันแน่ ดังนั้นผมก็ต้องลุ้นว่าเขาอยู่หรือไม่อยู่
                 TBC...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-12-2023 10:45:10 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
           
EP.8 (แจ็คXดิว) เคลียร์กัน
             Part’s บอย   ผมเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าภายในห้องไม่มีแสงไฟ แสดงว่าเขาไม่อยู่ในห้องตอนนี้ ผมเปิดไฟขึ้นก็ไม่เห็นวี่แววของเขา เขาไม่ได้ขึ้นมาบนห้องจริงๆ ด้วย แล้วเขาไปไหนหรือว่าเขาจะไปนอนที่ห้องที่ว่างอยู่นั้น ผมคิดว่าห้องนั้นน่าจะเป็นของหลุยส์แต่ถ้าเขาเลือกแล้ว หลุยส์คงเป็นคนมานอนห้องเดียวกับผมเอง
ผมเลือกหันไปหยิบโน้ตบุคที่วางอยู่ขึ้นมา ผมเปิดดู เห็นกล่องข้อความ พี่บลู๊คโทรหาผม พี่ชายคนโตของผม พี่บรูคส์แก่กว่าพวกพี่อ้น พี่โจและพี่ตุ๊ สามปี ผมรีบกดวิดีโอคอลกลับไปทันที ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ ผมเป็นห่วงแค่ เขาคนเดียว
             //บอย// พี่บรู๊คเอ่ยชื่อผมทันที
            //พี่บรู๊คมีอะไรหรือเปล่าครับ ผมเห็นว่าพี่โทรหาผม พอดีว่าผมลงไปทานอาหารเย็นนะครับพี่บรูคส์//
            //มีซิครับ // พี่บรู๊คพูดและหันกล้องไปหาใครคนหนึ่งที่นั่งหน้ามุ้ย ผมยิ้มออกมาทันทีที่เห็นหน้าเขา เขาคือกำลังใจของผมและเขาก็ผลักดันให้ผมมาเพื่อรักษาเขาไว้กับผมและเขาคนนี้แต่ว่าตอนนี้ มันคงสายไปที่ผมจะกลับมา
            //บอย// เขาไม่เคยเรียกผมว่าพ่อเลย เรียกแต่ชื่อผมมาตลอด หนุ่มน้อยของผม ดวงตาเรียวยาว จมูกเป็นสันแหลม ริมฝีปากบางเฉียบ อันนี้ได้ผมไป ส่วนอื่นๆ ไม่ต้องบอกว่าได้จากใครกัน
           //ว่าไงครับแบงก์ //ผมถามหนุ่มน้อยของผม หน้าตาเขานี่เหมือนพ่อของเขายังกับพิมพ์เดียวกัน ถามว่าเหมือนผมไหมก็มีส่วนแต่เหมือนพ่อของเขามากกว่า
           //มาๆ // เขาเรียกให้ผมไปหา
          //บอยอยากไปนะแต่ว่าบอยมาทำธุระครับแบงก์//ผมบอกกับแบงก์ เขาคือลูกที่เกิดกับผมและเขาคนนั้น
          //อืมม //เขาส่งเสียงในลำคอและส่ายหัวไปมาว่าไม่ยอมจะให้ผมไปหาเขาให้ได้
          //บอยมา// เขาพยายามทำเสียงออดอ้อนผมให้ได้
          //ลุงบอกแล้วไงว่าพ่อบอยเขาไปทำงานครับ ตอนนี้น้องแบงก์ต้องทานอาหารเช้าก่อนนะครับ //พี่บรู๊คหันไปบอกแบงค์ ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเช้าเพราะว่าที่โน่นกับที่ผมอยู่ตอนนี้ต่างกันหลายชั่วโมงมาก ที่นี้กลางคืนแต่ที่นั่นเป็นเวลาเช้าตรู่ ดูจากชุดที่เขายังสวมอยู่ก็รู้ได้ทันทีว่า แบงค์เพิ่งจะตื่นนอนและทำไมยังไม่ยอมเปลี่ยนนะ ปกติจะเปลี่ยนก่อนจะลงมาทานอาหารเช้านี่
           //ไม่ยอมทานอาหารเช้าตื่นมาก็ร้องงอแงหาแต่น้องพี่นี่แหละ ชุดก็ไม่ยอมเปลี่ยน เด็กคนนี้ดื้อทันทีเลยน่ะที่บอยไม่อยู่
           // พี่บรู๊คพูด ทำเอาผมใจจะขาด
          //ไม่กี่วันบอยจะกลับแล้วครับ// ผมบอกกับแบงก์ ถ้าผมทำให้เขาอึดอัดผมก็ไม่ควรจะอยู่ตรงนี้
         //บอย ไหนบอกว่าจะ…//พี่บรูคส์ถามผมทันทีด้วยน้ำเสียงที่ตกใจและประหลาดใจ
          //เออ เอาไว้ผมอธิบายให้พี่บรู๊คฟังอีกทีนะครับและบอยคิดถึงลูกด้วยนะครับพี่บรู๊คส์// ผมพูดกับพี่บรู๊ค น้ำตาผมจะไหล ทั้งที่ผมพยายามจะมาช่วยให้เขาผ่านจุดนี้ไปได้ เพื่อเขาจะได้แสดงให้พ่อผมเห็นว่าเขาพร้อมแล้ว แต่ดูท่าทางแล้วเขาไม่อยากมีผมอยู่ในชีวิตเขาแล้วมั้ง และผมก็คงต้องเก็บความลับนี้ต่อไป
          //บอยเกิดอะไรขึ้น ไอ้แจ็คมันทำอะไรน้องพี่อีก// พี่บรู๊คหันกล้องไปทำให้ผมเห็นใบหน้าของพี่ชายคนโตได้ชัดเจน ผมรู้ว่าพี่บรุ๊คส์น่าจะเดาสถานการณ์ระหว่างผมกับแจ็คได้
          // ผมโอเคพี่บรู๊ค ผมคิดว่าผมคงทนอยู่ห่างจากแบงก์ไม่ได้ ผมเลยคิดว่าจะกลับครับพี่บรูคส์//ผมพูดกับพี่บรูคส์ ผมไม่กล้าบอกทั้งหมดเพราะเรื่องนั้นก็ทำให้พี่ปลูกมองแจ็คในแง่ไม่ดีแล้วและก่อนที่ผมจะตัดสินใจมาที่นี้ ผมควรจะฟังพี่บรูคส์ตั้งแต่แรกว่า แจ็คเขาเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ ไม่แปลกใจว่าครๆ ก็กลัวเขาเพราะว่าเขาหัวร้อนและรั้นในหลายเรื่อง แต่ทำไมผมเข้าใจความต้องการของเขาอยู่คนเดียวแต่เขากลับไม่เคยเข้าใจผมเลยสักนิด
          //ผมคิดถึงเขามาก // ผมพูดน้ำตามันมาคลอๆที่เบ้าตาของผม คนที่ผมคิดถึงมาก็คือแจ็คเช่นกัน
          //ผมอยากกลับแล้ว// ผมบอกพี่บรู๊คส์
          //พี่ไปรับเลยไหมครับ กลับเลย ถ้าน้องพี่อยู่ที่นั้นไม่ได้ก็ไม่ต้องไปทนอยู่ครับ กลับมาและเรียนมหา'ลัยเลยดีกว่า เพราะถึงยังไงไอ้แจ็คมันก็เปลี่ยนตัวเองไม่ได้ องค์กรนี้ต้องการคนที่ดูแลน้องพี่ได้ ไอ้แจ็คมันดูแลตัวเองยังไม่ได้เลย พี่ไม่ไว้ใจมัน // พี่บรูคส์พูด ผมพ่นลมหายใจออกมาทันที
           //ผมว่า...รอให้ผมคุยกับพ่อก่อนดีกว่าครับพี่บรู๊ค// ผมบอกพี่ชายคนโตของผม
           “แกร็ก!” เสียงลูกบิดขยับ เปิดเข้ามาไม่ได้เพราะว่าผมกดล็อกประตูเอาไว้ ผมหันไปมองก่อนจะหันมาบอกพี่บรูคส์ ผมไม่อยากให้พี่บรูคส์เห็นแจ็คตอนนี้
          //พี่บรู๊ก ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ //
         //ได้ครับ บอยมีอะไรโทรหาพี่ทันทีนะครับ//
           //ครับพี่บรู๊ค พี่บรูคส์ด้วยนะครับ ถ้ามีอะไรก็โทรหาผมได้ทันทีนะครับ ถ้าแบงก์ร้องไห้มากนะครับและผมขอโทษนะครับพี่บรู๊ค งานหนักหน่อยนะครับ” ผมพูดเบาๆ ผมนี้ไม่เคยห่างจากแบงก์เลยสักนาที
          //เอาน่ะบอย น้องยังเล็กและปกติก็ไม่ห่างกันอยู่แล้ว พอไม่เจอก็ร้องไห้งอแง แต่เดียวก็ดีขึ้นเชื่อพี่นะบอย// พี่บรู๊คพูด ผมก็ยิ้มทั้งน้ำตาปริ่มๆ ผมเองก็คิดถึงเขามากเช่นกันแต่ว่าผมก็มาเพื่อเขาในอนาคต ผมอยากให้พ่อลูกเขาได้อยู่ด้วยกัน
           //แบงก์ ทานอาหารเช้านะครับ แบงก์อยากเป็นซูเปอร์ฮีโร ต้องทานอาหารเช้า บอยจะโทรหาอีกทีนะครับ บอยต้องไปแล้ว บอยรักแบงก์มากนะครับ รักมากจริงๆ // ผมพูดและตัดใจกดวางพร้อมกับปาดน้ำตาให้หมดไป
ผมรีบเดินไปที่ประตูและปลดล็อกประตูห้องทันที คนที่อยู่หน้าห้องก็หมุนลูกบิดสวนกลับมาทันทีเช่นกัน ผมคิดว่าเขาคงจะหัวเสียที่รอนานหลายนาที พอผมเห็นคนที่ยืนอยู่ คนนั้นคือแจ็ค ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาได้ยินอะไรบ้าง แต่คิดว่าเขาไม่น่าจะได้ยินอะไร เพราะว่าผมก็คุยเสียงไม่ดังมาก
          “แค่มาเอาเสื้อผ้าจะไปนอนอีกห้อง “แจ็คพูด ผมก็ได้แต่นั่งอ้าปากหวอ
         “จะได้มีเวลาจ๊ะจ้า กับ...” แจ็คพูด
         “กับใครล่ะ” ผมถามเขากลับ
          “ก็” แจ็คทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด
          “บอยคุยกับพี่บรู๊ค “ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้น ผมมองแจ็คที่หยิบเสื้อผ้าและกระเป๋าของใช้ส่วนตัวเขากำลังจะก้าวเท้าออกจากห้อง
         “แจ็คนี้นายรังเกียจเรามากขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมถามแจ็คด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ”
          “…..” เขาได้แต่เงียบนิ่งไม่ตอบผม
          “ถ้าการมาของบอย มันทำให้แจ็ครู้สึกลำบากใจมาก งั้นบอยจะกลับ” ผมบอกแจ็ค
         “ก็อยากกลับไม่ใช่เหรอ ไปซิ ไปหาไอ้...อะไรที่คุยว่าคิดถึงหนักหนา “แจ็คหันมาพูด
         “และไม่ต้องห่วงไอ้ภารกิจบ้าๆ นี้หรอก ไปนั่งให้สบาย บอยไม่ต้องมาทำอะไรพวกนี้หรอก พวกแจ็คทำกันได้” แจ็คพูดต่อ
           “บอยไม่ได้มาเพื่อภารกิจอะไรพวกนี้ แต่บอยมา”
           “มาเพื่อะไร!!” แจ็คหันมถามผม เราประจันหน้ากัน
           “เพื่อหาคนที่เคยอยู่ข้างเรา”
           “แล้วก่อนหน้านี้ละ บอยอยู่ข้างแจ็คไหม บอยหายไป ไม่มีข่าว ไม่มีอะไรเลย” แจ็คพูด ผมกลับต้องก้าวถอยหลังออกมา ใช่ผมหายไปแบบไม่มีการติดต่อหรือคำอธิบายอะไรเลย
            “ก็…. บอย” ผมพูดไม่ออกจริงๆ
           “ก็อะไรละ บอย บอยหายไป ไม่มีการติดต่อ ไม่บอกเหตุผล แจ็ครู้แค่ว่าบอยป่วยแต่ มันไม่น่าจะใช้เหตุผลที่บอยจะหายไปเลย เหมือนกับว่าแจ็คนี้ทำผิด” แจ็คพูดกับผม
          “บอย…” ผมได้แต่ยืนอึ้ง ผมพูดอะไรไม่ออกเพราะผมให้สัญญากับพ่อไว้แล้วว่าจะไม่บอกเรื่องนี้ให้แจ็ครู้จนกว่าเขาจะพิสูจน์ตัวเอง
          “วันนี้เราบอกเหตุผลนั้นกับแจ็คไม่ได้ แต่สักวันเราจะบอก “ผมพูดขณะที่แจ็คกำลังหันหลังเดินออกจากห้องนอนไป และเขาก็หยุด
           “งั้นก็เก็บเหตุผลนั้นไว้เถอะ แจ็คไม่อยากรู้แล้ว” แจ็คพูดและเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูลง ผมได้แต่นั่งลง น้ำตาไหลเลยมันกั้นไม่อยู่จริงๆ ผมเสียเขาไปแล้วจริงๆ ใช่ไหม
*****
            Part’ s ดิว หลังจากมืออาหารเย็น ผมกับไอ้แจ็คมีปากเสียงกันเพราะว่ามันพูดเหน็บแนมบอยตลอด มันหึงนั่นแหละ ผมเลยออกมาปกป้องบอยเช่นกัน แต่ไม่ไปกป้องในฐานะคนรัก ถึงผมจะถูกเลือก ถามว่าผมเลือกบอยได้เลยไหม เลือกได้และผมเองก็จะได้อะไรมากมาย พ่อผมเคยถูกเลือกให้ไปอยู่จุดนั้น ลุงกฤษณะเองก็ไม่อยากเป็นแต่ว่าพ่อผมเลือกที่จะถอยออกมาเพื่อมาดูแลค่ายทหารและดูแลหัวใจของพ่อผม นั้นคืออาภีมปภพ ผมเองก็เหมือนกับพ่อผมเช่นกัน ผมเลือกที่จะอยู่ตรงนี้เพื่อดูแลหัวใจของผมแต่คนนั้นดันไม่เคยรู้เลย จนป่านนี้ลูกไปห้าคนแล้วยังไม่รู้อีก น่าจริงๆ
   “สงสารบอยวะ แม่งไอ้แจ็ค มันจะบ้าอะไรขนาดนี้วะ “พายพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ ผมนั่งอยู่กับแอ้และพาย ในห้องนั่งเล่น ส่วนติ๊กขอไปโทรหาอาภาคย์ก่อน
“ไม่บ้าธรรมดา...บ้ามากด้วย บอยก็มีเหตุผลของเขาและแจ็คมันก็...” ผมพูดและหันมามองแอ้กับดิว แอ้มองผมเหมือนเขาคิดอะไรอยู่ในใจ อย่าบอกนะว่าหึงผมกับบอยนะ แค่แจ็คผมก็แย่แล้วนะ
“คิดเองเออเองอยู่คนเดียวและยังมีหน้าไปโกรธเคืองเขาอีก สงสัยจะดูหนังมากไปไอ้นี่ ดูแล้วไม่จบ” ผมพูดขั้นทำเอาพายและแอ้หันมามองผม
“ดูเรื่องไรวะถึงได้บ้าได้ขนาดนี้” พายถามผมขึ้น
“สงสัยจำเลยรักมั้ง” ผมพูด
“ตบจูบเหรอ ไอ้แจ็คนี่น่ะ ไม่น่าจะใช่อ่ะ มันน่ะ ถนอมบอยมากมาตั้งแต่ไหนแต่ไหร่แล้ว มันดูแลบอยเหมือนไข่ในหินน่ะเมื่อก่อนอ่ะ แต่ว่าตอนนี้ “พายกับแอ้หัวเราะกันและจู่ๆ
“มันก็รักแต่ว่ามันแค่ กลัวเสียหน้า ที่มันจะเป็นฝ่ายง้อก่อนเพราะมันเข้าใจมาตลอดว่าบอยคือคนที่ไปจากมัน “แอ้พูด ผมหันมามองแอ้พร้อมกับพาย
“มึงเทพว่ะ พูดน้อยต่อยหนัก” พายพูด
“แต่ว่าให้มันได้พูดบ้างน่ะ ไม่อย่างนั้นดอกพิกุลจะไม่ร่วงออกมา “ผมพูดแซวและพายก็หัวเราะแอ้ทันที
“จริงว่ะ ฮาๆ “พายพูด จังหวะนั้น เสียงคนเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว คนนั้นไม่ใช่ใครอื่น ติ๊กนั้นเอง ที่รีบเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับถามพวกผมทันที ที่เห็นพวกผมหัวเราะชอบใจกัน
“หัวเราะอะไรกันวะ เสียงดังวะ “ติ๊กถาม คนนี้คือก้างขวางคอตัวพ่อผมเลยทีเดียว ติ๊ก มานั่งแทรกตรงกลางระหว่างผมกับแอ้อีกด้วย พายก็เหล่มอง
“มารยาทนิดนึ่ง” พายพูดลากเสียงสูงนิดๆ
“มารยาทอะไรของมึง...พาย” ติ๊กพูดและหย่อนก้นนั่งลง ใช่ผมต้องเป็นฝ่ายขยับออก
“มีใครเขามาถึงนั่งแทรกกลางแบบนี้วะ ติ๊ก” พายพูดแอ้ก็พยักเพย้อให้พาย
“อ้าว...ที่ประจำของกูและกูคือคนกลางตลอดที่หล่อมาก” ติ๊กพูดและทำเครื่องหมายถูกยืนยันที่ใบหน้าที่หล่อของมันจริงๆ
“ว่าแต่พวกมึงคุยอะไรกัน หัวเราะสนุกสนานมากเลยวะ.... แอ้” ติ๊กหันไปถามแอ้
“เปล่าก็แค่คุยเรื่องแจ็คกับบอยนะ และดิวมันบอกว่าแจ็คมันคงดูหนังแล้วไม่จบ พวกกูเลยถามดูเรื่องอะไร ดิวมันบอกจำเลยรัก” แอ้พูด
“เออว่ะ น่าจะใช่แต่มันไม่ใช่พวกตบจูบน่ะมึง มันไม่กล้ากับบอยด้วย มันน่ะรักและถนอมบอยขนาดไหน มันน่ะ โรแมนติกเหมือนพระเอกเกาหลีเลยนะมึง” ไอ้ติ๊กพูด ผมช้อนตาขึ้นมองหน้ามันกันทุกคน มันทำให้พวกผมคิดเพราะว่ามีช่วงหนึ่งที่แจ็คมันเฮิร์ทและมันก็มีไอ้ติ๊กนี่แหละที่ขยันพามันไปแรด จนมีพี่บางคนพูดว่าไอ้แจ็คกับติ๊กมันคบกันหรือเปล่า
“มองหน้ากูกันทำไม” ติ๊กถามพวกผมกลับทันที
“แม้รู้ดีเนอะว่ามันไม่ใช่พวกตบจูบแถมยังจูบราวกับพระเอกเกาหลี มึงเคยจูบกับมันมาแล้วเหรอ” พายถามทันทีแบบปล่อยหมัดฮุกเลยทีเดียว ติ๊กมันมองพวกผมอีกที
“มึงจะบ้าเหรอ สวิตช์จะไปจูบกับมันได้ไง ถามว่าไปไหนมาไหนด้วยกันไหมน่ะกูไปอยู่แต่เรื่องจูบไม่มีโว้ยเพราะว่ามันก็เหมาคอพับกลับมาบ้านอย่างงง ทุกที และกูก็เห็นเหมือนที่พวกมึงเห็นนั่นแหละ ส่วนจูบนี้กูเดาเอา มึง!!” ไอ้ติ๊กพูด พวกผมพยักหน้าพร้อมกับ พยายามเชื่ออยู่น่ะ
“แอ้ เมื่อวาน ไอ้พระเอกที่เคยขอไลน์มึงอ่ะ มันถามกูอีกแล้ว มึงจะให้มันปะเนี๊ยะแต่ว่า ให้มันไว้ก็ไม่เสียหายน่ะ แค่เพื่อนกันก็ได้ “ติ๊กหันไปคุยกับแอ้แทน พายพยักพเยิดให้ผม ผมก็พยักหน้าตอบก่อนจะลุกขึ้น
“งั้น ก็ขอตัวไปที่ห้องออกกำลังกายก่อนน่ะ จะไปดูว่ามีอะไรในห้องบ้าง แอ้ล่ะ จะขึ้นไปอาบน้ำเลยไหม” ผมลุกขึ้นและถามแอ้
“เออ ..” แอ้หันไปมองหน้าติ๊กก่อน ผมก็เลิกคิ้วสูงรอคำตอบจากแอ้ ไม่ใช่ติ๊ก
“แอ้ อาบน้ำกับกูนะ จะให้แต้มสิวที่หลังให้ เมื่อวันก่อนไปถ่ายปกหนังสือเล่มใหม่ แม่งถ่ายในสระว่ายน้ำโรงแรมอะไรก็ไม่รู้ คันหลังมากสงสัยน้ำไม่สะอาด ว่าจะคอมเพลนสักหน่อย เนี่ยสิวขึ้นหลังเลย” ติ๊กพูดขึ้นผมนี้หันหน้าไปทางอื่นทันที นี้แหละก้างขวางคอตัวพ่อของผม
“กลากเกลื้อนหรือเปล่า แต่ดันไปโทษโรงแรมเขา โรงแรมที่ได้มาตรฐานไอเอสโอ มีแต่โรงแรมลุงภาคย์หรือไงมึง” พายพูด ผมหันมาชี้นิ้วจริงว่ะ
“อีพาย ไอ้เชี่ยดิว เกลื้อนบ้านมึงดิ กูสะอาดมากพูดเลย” ติ๊กพูด
“น่ะแอ้ ไปอาบห้องน้ำกู มีอ่างกุชชี่ด้วยแช่น้ำด้วยกัน” ผมสะบัดหน้าไปมองติ๊กและหันมามองแอ้ เดี๋ยวนี้ให้มันชวนลงแบบนี้เลยเหรอ แอ้หันมามองผมแว๊ปหนึ่งก่อนจะส่ายหัว การกระทำของผมกับแอ้ก็ไม่พ้นสายตาของพาย
“เออก็ได้ ติ๊ก ...ดิวมึงก็ขึ้นไปอาบน้ำด้วยล่ะ กูคงจะอยู่ห้องติ๊กสักพัก ยังจัดของไม่เสร็จเลย “แอ้พูด ผมอยากให้แอ้ขัดใจมันบางจัง ไม่ใช่เออออห่อหมกไปหมดแบบนี้ ติ๊กมันหันมาหยักคิ้วให้ผม

             ผมก็เดินออกเพื่อตรงไปห้องยิม ผมยังไม่ได้ไปใช้แต่ขอเข้าไปดูว่ามีอุปกรณ์อะไรบ้างที่น่าใช้ พอผมเปิดเข้ามาก็ต้องเจอไอ้ตัวดี มันนอนยกเวทขึ้นลง ข้าวไม่กินมา มาปั่นกล้ามอกนี้เอง มันใช่เหรอ ผมยืนมองคนที่ยกเวทขึั้นลง
“ไงวะ” ผมเดินเข้าไปนั่งมานั่งข้างๆ ม้านั่งใช่เล่นดรัมเบล แจ็ควางเวทเข้าที่เก็บก่อนจะหันมามองหน้าผม อย่าบอกนะว่ามันไม่จบมันจะต่อ และถ้าได้ต่อยกันใครจะห้ามวะเนี่ยะ ผมแอบคิด ผมเองก็ไม่อยากต่อยมันเท่าไหร่หรอก
“แจ็ค มึงเป็นบ้าอะไรของมึง” ผมกลั้นใจถามมันกลับไป ยังก็ต้องถาม
“กูไม่ใช่คนที่เขาเลือก เหมือนมึง” ไอ้แจ็คมันพูด
“แล้วมึงถามกูยัง ว่ากูอยากให้เขาเลือกกูไหม” ผมถามมันกลับแจ็คมันเงียบไม่มีคำพูดใด แจ็คลุกขึ้นนั่ง
“กูกับมึง ทุกคนโตมาด้วยกัน เกิดก็วันเดียวกัน กินนอนด้วยกัน จนโตหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว มึงยังไม่รู้จักกูดีพออีกเหรอวะ” ผมถามแจ็คทันที
“ก็..กู ไม่เหมือนพวกมึง เกิดวันเดียวกันก็จริงแต่ว่ากูเกิดคนละอย่างกับพวกมึง ถามว่าแตกต่างกันไหม ไม่สำหรับกู” แจ็คพูด
“นั้นดิว่ะ! แล้วนี่มึงจะมาหึงกูทำไม หึงแม่งไม่ดูห่าอะไรแบบนี้ไม่ได้นะโว้ย!!” ผมพูดเข้าประเด็นทันที ผมว่ามันหึงผมไอ้แจ็ค มันนิ่งเงียบไม่พูดอะไรต่อ ผมว่าตอนนี้มันคงเย็นขึ้นแล้วแหละ ทำให้ผมพอจะคุยกับมันได้
“กูขอโทษว่ะ เรื่องในห้องอาหารแต่กูไม่อยากให้มึงทำแบบนั้นกับบอย บอยเขามาที่นี้ อย่างน้อยมึงควรจะให้เกียรติบอยบ้าง เขาไม่ได้อยู่กับพวกเรามาพักใหญ่ มึงไม่ควรทำให้เขารู้สึกอึดอัด กูออกไปปกป้องเพราะว่าบอยคือคนขององค์กรเรา เราต้องดูแลเขา นี้คือหน้าที่พวกเรา” ผมพูดกับไอ้แจ็ค มันเงยหน้ามองผม ผมพยักหน้าว่าจริงที่ผมทำไปแบบนั้น
“กูควรทำยังไงวะ มันกดดันกูหลายอย่าง กูไม่ใช่และเขาก็ยังไม่ต้องการให้กูกับบอยคู่กันอีก แถมยังเปิดเผยอะไรไม่ได้ เหมือนไม่มีใครยอมรับ กู… “แจ็คพูดออกมาเกือบหมด
“มึงรอเขาอยู่ไม่ใช่เหรอแจ็ค และตอนนี้เขาก็มาแล้ว มึงจะปรับความเข้าใจกับเขาซิ และถ้าเขาอยากจะหนีหายไปจากชีวิตมึง เขาจะกลับมาที่นี้ทำไมวะ คิดดิวะ เรื่องง่ายๆ แค่นี้เอง” ผมนั่งลงข้างๆ ไอ้แจ็ค ผมหันไปมองหน้ามัน ไอ้แจ็คหันมามองหน้าผมเช่นกัน
“และกูก็เชื่อว่าเขาไม่ได้กลับมาเพราะพวกกูแค่นั้น มึงนั่นแหละที่เขา ตั้งใจมา เขาอยากให้มึงเป็นที่ยอมรับและนั้นคือคำตอบหรือเปล่าว่ะ ว่าเขาเลือกมึง” ผมพูด
“กูกลัววะ กลัววะจะเป็นเหมือนเดิม “แจ็คพูด
“มึงได้ลองหรือยัง “ผมถามไอ้แจ็ค มันก็ส่ายหัวเบาๆ
“มึงลองก่อนและถ้ามันยังเหมือนเดิม มึงถึงจะเริ่มกลัวได้แล้ว แต่ตอนนี้ลองก่อน” ผมพูดแจ็คเงยหน้ามองผม
“และ...เลิกมองว่ากูคือศัตรูหัวใจของมึงซะที ที่กูดูแลบอยเพราะบอยคือคนสำคัญขององค์กรของเรา พ่อกูบอกกูและพ่อมึงก็คงบอกมึงเช่นกัน เหมือนที่ทุกคนรู้ ว่าเขาคือคนที่ต้องดูแลองค์กรของเราแจ็ค ดังนั้นเราต้องดูแลเขา เราทุกคนต้องดูแลเขาไม่ใช่แค่กูคนเดียว” ผมพูด มันหันมาเหล่มองผม แบบไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์
“เลิกหึงกูเพราะกูไม่ได้คิดอะไรกับบอย” ผมพูด ยังมองผมอีก
“ใช่ เขาพยายามจับคู่กูกับบอยแต่ทุกครั้งที่เขานัดกูและบอย กูไม่เคยไปเลยสักครั้ง จนลุงหนึ่งด่ากูมากับพ่อหลายครั้งแล้วแต่กูไม่พูดเอง” ผมพูดกับไอ้แจ็ค มันมองผมพร้อมกับขมวดคิ้วไม่อยากจะเชื่อผม
“ทำไมวะ” แจ็คมันถามผม
“อะไรนะ” ผมสะบัดหน้าไปถามไอ้แจ็คมันกลับ ไม่อยากจะเชื่อก็พอมันได้ยินแบบนี้แทนทีมันจะดีใจแต่ดันถามผมว่าทำไม
“ถ้ามึงได้บอย มึงจะเป็นอัลฟาขององค์กร ทำไมวะ? ทำไมมึงไม่รับข้อเสนอนี้วะ ดิว “แจ็คมันมองหน้าผมและถามคำถามนี้กับผม
“กูบอกมึงไม่ได้แต่กูไม่ได้อยากได้ตำแหน่งนั้น กูมีคนที่กูอยากดูแลอยู่แล้วและเขาก็สำคัญกับกูมาก เขามีค่ากับกูมากจริงๆ “ผมพูด ผมลุกขึ้น
“กูรู้ว่ามึงอาจจะเริ่มเหนื่อยที่มึงต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งคำว่า มึงคู่ควรกับเขาเพราะว่ามึงต้องดูแลเขาพร้อมกับภาระหน้าที่มันหนักกว่าได้แฟนเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งหลายเท่า แต่กูเชื่อว่ามึงทำได้ว่ะแจ็ค” ผมพูดกับมัน
“หัวใจเขาให้ใครมึงดูเอง มึงเท่านั้นที่รู้คำตอบ ไม่ใช่กูหรือคนอื่นๆ” ผมพูด
“ดังนั้นมึงจะให้เขาพยายามคนเดียวไม่ได้ มึงต้องพยายามด้วย อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ถ้ามึงอยากได้เขามึงก็ต้องทำให้ได้ ดีกว่าที่เขาคิดกัน” ผมพูด
“กูเองก็ต้องทำไม่ต่างกับมึงแจ็ค ทำเพื่อให้ได้คนที่รักมาอยู่ด้วย หนักพอพอกับมึงเหมือนกัน “ผมพูดบอกมัน ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเข้าใจผมมากแค่ไหน ผมเองก็ต้องสู้เพื่อแอ้และลูกๆ ผมเหมือนกัน
“ไปไหนวะ” แจ็คมันถามผม
“ไปอาบน้ำดิ เพื่อว่าพ่อกูโทรมาจะได้คุยกับพ่อกูด้วย มึงก็ไปนอนได้แล้วมั้ง พรุ่งนี้พักอีกวันและมะรืนนี้ก็ต้องไปเรียนแต่เช้า อย่าลืมว่าที่นี้เข้าเรียน 7.45 นะโว้ย ไม่ได้เข้า 9ครึ่งเหมือนที่มึงเคยเรียน แถมที่นี้เลิกเกือบบ่ายสี่โมงไม่ได้เลิกบ่ายสามโมงแบบโรงเรียนที่มึงเคยเรียนอีกด้วย” ผมหันไปบอกมัน มันก็โบกมือให้ผมไป ผมเดินออกมาจากห้องยิมเดินผ่านห้องนั่งเล่น ก็ไม่เห็นแอ้ ติ๊กและพายแล้ว ทั้งหมดคงขึ้นๆ ข้างบนกันหมดแล้วและคืนนี้ผมคงนอนคนเดียวแน่ๆ

       TBC…

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-03-2024 12:34:44 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
ิ     
EP.9(แจ็คXบอย) สุดท้ายผมก็ยอม

          Part’ sแจ็ค ผมสับสนวุ่นวายกับความรู้สึกของตัวเองเลยหนีไปออกกำลังกายสักพักให้พอได้เหงื่อ ปกติผมจะออกแบบมีเทรนเนอร์เพราะผมต้องให้เขาแนะนำการออกกำลังกายที่ถูกต้องและไม่บาดเจ็บในช่วงที่ผมเก็บตัวเพื่อแข่งขันว่ายน้ำ ตั้งแต่เกิดเรื่องผมก็ออกด้วยตัวเองมาตลอด

          ขณะที่ผมกำลังออกกำลังกายอยู่ ดิวก็เข้าไปในห้อง ผมได้พูดคุยกันสักพักบวกกับใจผมเริ่มนิ่งขึ้นด้วย ไอ้ดิวมันก็ยืนยันว่ามันไม่ได้ต้องการสิ่งที่เขาพยายามเลือกให้มัน คือให้คู่กับบอยและอีกอย่างผมกำลังคิดว่าผมเปิดศึกผิดคนไหม ที่ผมได้ยินน่ะมันชื่อไอ้แบงค์ ว่าแต่มันคือใครแต่ถ้าบอยแคร์มันจริงบอยก็คงไม่มานี้แหละที่ทำให้ผมเริ่มลังเลและไหนพี่โจจะคอยส่งข้อความเชียร์ให้ผมพยายามลองก่อน ไม่ให้ผมเอาแต่หนีอีก ผมก็เหมือนจะได้ข้อสรุปว่าผมควรจะลองอีกสักตั้งแต่คงไม่ใช่วันนี้เพราะผม ดันเล่นตัวไว้ซะเยอะเลย
          “แจ็ค” ผมสะดุ้งสุดตัวผมได้ยินเสียงคนเรียกชื่อผม เสียงแบบเยือกเย็นมากจนขนลุกซู่ ผมก็มองไปยังแหล่งที่มาของเสียง เป็นเงาดำๆ มืดๆ ผมนี้ยืนกุมหัวใจผมเลยและผมก็เพ่งมองดีดีจนเห็นเป็นรูปเป็นร่างของคนตัวเล็กและทันทีที่มีแสงไฟมากระทบก็เห็นใบหน้าชัดเจน คนนั้นคือพายที่ยืนถือจานอาหารอยู่ ผมนี้ เกือบหัวใจวายตายแล้วผม (แจ็คไม่เชื่อเรื่องวิญญาณแต่แจ็คกลัวมาก)
          “โธ่! พาย เล่นอะไรของพายเนี่ยะ!!” ผมต่อว่าพายนิดหน่อย คนยิ่งขี้กลัวเรื่องพวกนี้อยู่ด้วย
          “แฮๆ ตกใจอะดิ” พายถามผม ก็ดันเรียกซะเสียงนี้เยือกเย็นมากขนาดนั้น
          “มีอะไรครับ” ผมถามพาย
          “อ่ะ เราตักไว้ให้ “ผมก็มองจานอาหาร และเหล่ตามองว่าแน่เหรอ แต่ที่ตักนี้ของชอบผมทั้งนั้นเลยนะ ไม่มีของที่ผมไม่ชอบเลย ผมว่าน่าจะบอยมากกว่า
          “เล็งอะไรละไม่หิวหรือไง” พายถามผม ผมก็มองแต่จะว่าไปท้องก็ร้องอยู่นะ
          “ไม่หิวใช่ไหม...ดี ของดีดีพวกนี้จะได้ลงไปอยู่ในถังขยะ” พายพูดและดึงจานกลับแต่ผมรีบยึดไว้อย่างเร็ว
          “กินซิครับพาย “ผมรีบอ้อนพายและดึงจานนั้นกลับมาทันที
         “ไปหาที่นั่งทานเลย เดี๋ยวดูน้ำให้ด้วย” พายพูดและเดินไปกลับเข้าไปในห้องอาหาร ผมนั่งที่โต๊ะอาหาร
         “ขอบใจน่ะพาย” ผมหันไปบอกพายพร้อมกับตักอาหารทาน พายเดินเข้าไป เพื่อรินน้ำดื่มใส่แก้วมาให้ผมหนึ่งแก้ว
          “ แล้วนี่ติ๊ก มันทำอะไรอยู่” ผมถามพาย
          “ก็นั่งตัวติดไอ้แอ้ไง “พายพูดยิ้มๆ กับผม
          “อืมม แต่มันก็ติดอยู่แล้วนิ แล้วไอ้ดิวล่ะ” ผมถามหาไอ้ดิวกับพาย
         “ดิวมันก็อาบน้ำอยู่ในห้องมันแหละ” พายพูด
          “แล้ว...” ผมกำลังจะอ้าปากถามถึงอีกคน แต่ผมก็เงียบได้แต่เหลือบตามองพายที่นั่งมองผมยิ้มๆ
          “จะถามถึงบอยก็ถามดิ “พายพูด เขาเลิกคิ้วมองผม ผมพยักหน้าว่าถามถึงเขาคนนั้นแหละ
           “บอยก็อยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกมา พายคิดว่าบอยคงเหนื่อยเดินทางเลยไม่ได้เคาะประตูถาม ก็เดินทางมาไกลขนาดนั้นน่ะ แต่คนที่เขาตั้งใจมาหาดันเล่นตัว เป็นกูน่ะ กลับบ้านไปหาหนุ่มแซ่บๆ ดีกว่า “พายพูดพร้อมกับปรายตามองมาที่ผม ผมน่ะทานอิ่มพอดี
           “กินหมดเลยเนอะหิวละซิ” พายถามผม ผมก็ยิ้มๆ พยักหน้าเบาๆ
           “เอาจริงๆ น่ะ พายไม่ได้ตักไว้ให้หรอก บอยเขาตักไว้ให้” พายพูด ผมพยักหน้าพร้อมกระดกน้ำลงคอผมไป
           “รู้แล้วละ” ผมตอบพาย คนตรงหน้าผมทำหน้าเหวอปากรูปตัวโอน่ารักตามสไตล์เขาละ ติ้งเกาหลี
            “ทำไมรู้ละ” พายถามผมกลับ
            “พายรู้เหรอว่าแจ็คชอบอะไรไม่ชอบอะไร” ผมถามพายกลับ พายก็ส่ายหัว
           “รู้อย่างเดียว...ชอบเหล้า ฮาๆ “พายพูดและหัวเราะ ผมละส่ายหัว ในความน่ารักใสๆ ของพาย
            “เอาละ ถ้าอย่างนั้นพายขึ้นห้องดีกว่าจะได้อาบน้ำนอน ง่วงแล้วเหมือนกัน เดินทางมาก็เหนื่อยเต็มที แถมพักอีกแค่พรุ่งนี้วันเดียวเอง วันรุ่งขึ้นก็ต้องไปเป็นนักเรียนอีกแล้ว ไม่ได้นอนตื่นสายเลยแถมเรียนตั้งหลายชั่วโมง ทั้งที่นึกว่าจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระในรั้วมหาวิทยาลัยเลยซะอีก” พายพูดพร้อมกับทำหน้าเซ้ง ผมก็หันไปว่าเอาภาชนะทุกอย่างใส่เครื่องล้างจานก่อนจะหันมามองพาย
              “เออแจ็ค” พายเรียกผม ผมก็หันไปมองพาย
              “พายเห็นแจ็คออกมาจากห้องข้างๆห้องติ๊กและพายอ่ะ ก่อนจะลงมาทานอาหารกัน แจ็คจะไปนอนห้องนั้นเหรอ” พายถามผม
             “อืม..อยากนอน..คนเดียวน่ะ” ผมบอกกับพาย พายก็พยักหน้า พายเปิดประตูมาเจอผมตั้งแต่ก่อนที่จะลงไปทานข้าวแล้วและผมก็เดินลงมาที่โต๊ะอาหารพร้อมกับพายนั่นแหละ
            “แจ็ค” พายเรียกชื่อผมอีกครั้ง ผมเงยหน้ามองว่ามีอะไรอีก ดูสีหน้าพายซีเรียสขึ้นมากะทันหัน ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วโก่งเลย
            “เมื่อสักครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา แจ็คกลับเข้ามาในห้องข้างๆ อีกป่ะ ห้องที่แจ็คบอกจะนอนอ่ะ” พายถามผมด้วยท่าที่ที่มองซ้ายมองขวา ทำเอาผมมองตามเลย ผมแปลกใจทั้งที่อยู่กันสองคนจะมองหาอะไรและผมขยับมาอยู่ใกล้ๆ กับพาย
            “ห้องที่แจ็คบอกจะไปนอนอ่ะ” พายหันมาพูดกับผม
            “ทำไมอ่ะ” ผมถามพาย
            “พายได้ยินเสียงกุ๊กๆ กักๆ อ่ะ มาจากห้องนั้นอ่ะ ติ๊กและแอ้ก็ได้ยินนะแต่พายบอกพวกมันไปว่าแจ็คจะไปนอนห้องนั้นน่ะ ดูพวกนั้นตกใจใหญ่เลย แต่ก็ไม่ได้บอกอะไรพายน่ะ...เขาก็รู้ว่าพายกลัวมั้ง” พายหันมาพูดกับผม ผมเริ่มยิ้มเจื่อนๆ ห้องที่ผมจะไปนอนอย่างนั้นเหรอมีเสียงกุกกักด้วยเหรอ
            “เฮ้ย. แจ็คก็ยังอยู่ในห้องออกกำลังกายเพิ่งเลิกเนี่ยะ ดูนาฬิกาดิ ออกไปได้ หนึ่งชั่วโมงพอดี “ผมพูดและหันไปมองหน้าพายและโชว์ นาฬิกาดิจิตอลรุ่นใหม่ของไอโฟน
            “จริงดิ...แล้วถ้าไม่ใช่แจ็ค จะใครล่ะ เพราะว่าไอ้ดิวมันอาบน้ำอยู่นะแอ้บอกพาย” พายพูด ผมกับพายเริ่มมองหน้ากันเลิกลัก
            “พายว่าไม่น่าจะใช่บอยหรอกเพราะเราก็ไม่ได้ยินเสียงบอยเปิดประตูออกมาเลย” พายพูด ผมนี้ขนลุกเลย ผมเพิ่งขนเสื้อผ้าไปไว้ในห้องนอนนั้นด้วย เวรเลย
            “พายอย่าพูดเล่นแบบนี้ดิ มันน่ากลัวว่ะ” ผมพูดและหันมองหน้ากันเลิกลักอีกครั้งพร้อมกับหันซ้ายหันขวาไปมา บรรยากาศก็เริ่มวังเวงขึ้นมาทันทีเลย
           “พายว่า...เราไปขึ้นห้องดีกว่าไหมอ่ะ “พายค่อยๆ ลุกขึ้น ผมก็ลุกขึ้นเช่นกัน
            “จะรออะไรวะพาย วิ่งดิ!” ผมพูดและพากันวิ่งขึ้นไปชั้นสอง
 
                เสียงฝีเท้าผมสองคนทำเอาทุกคนเปิดประตูออกมาดูว่ามีอะไรกันแม้กระทั่งบอย ที่สวมชุดนอนเรียบร้อยแล้ว ไอ้ดิวก็ออกมาด้วยผ้าขนหนูคาดเอวแบบหมิ่นเหม่ไหนพายบอกว่าไอ้ดิวมันอาบน้ำตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมานี้มันเพิ่งจะอาบเสร็จเหรอ ไอ้ติ๊กและแอ้ออกมาด้วยชุดนอนและเหมือนแอ้กำลังเช็ดผมให้ติ๊กด้วย แต่ละคนมองผมกับพายที่ยืนกระมิดกระเมี้ยนข้างๆ ผม
            “มึงสองคนเล่นอะไรกันวะ ดึกดื่นขนาดนี้ เล่นไล่จับเหรอ กี่ขวบแล้วมึง” ไอ้ดิวยืนเอาหลังพิงประตูกอดอกถามผมกับพาย
             “หรือว่านี้คือฉากหนึ่งในหนังอินเดียหรือเปล่า ที่คู่รักเขาวิ่งจีบกันในพื้นที่ 100 ไร่ ห๊ะ!” ไอ้ติ๊กพูด ผมยกนิ้วกลางให้มันทันที มันก็ตอบกลับซิครับรออะไร เพราะว่ามันคือไอ้ติ๊ก ผมหันมาคนข้างๆ จะเขินทำไม ทำไมไม่พูดอะไรสักอย่าง ผมหันมามองแต่ล่ะคนที่รอฟังคำอธิบายจากผม
            “ก็ ...พายบอกว่ามันได้ยินเสียงจากห้อง...นั้นอ่ะ” ผมพูดและชี้ไปที่ห้องนอนข้างห้องไอ้ติ๊กและพาย แต่เหมือนว่าแอ้คงต้องนอนห้องนี้ด้วย
             “เหรอวะ” ติ๊กพูดด้วยสีหน้าตกใจ
            “พายได้ยิน ติ๊กก็ได้ยินน่ะ เสียงแบบมีคนอยู่ในห้องอ่ะ แต่แจ็ค บอกว่าเขาอยู่ที่ห้องออกกำลังกายตลอดเลยอ่ะพวกแก!!” พายพูดแต่อันหลังเสียงสูง ผมหันไปมองหน้าพายอีก ล้อเล่นหรือเปล่า
            “เออ..เออ ..จริง เสียงมึงป่ะละ” ไอ้ติ๊ก มันดูมีพิรุธนะผมว่า
            “แอ้มึงได้ยินไหมวะ” ติ๊กถามแอ้ ผมก็มองหน้าไอ้แอ้ มันไม่ใช่พวกชอบโกหกแต่หน้ามันนิ่งจนเดาได้ยากมากจริงๆ ทำท่าคิดด้วย
           “เออ...ได้ยินว่ะ กูก็คิดเหมือนที่พายพูด ว่าไอ้แจ็คจะไปนอนห้องนั้น” แอ้ก็พูด ผมว่าไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้วตรงไอ้แอ้นี่แหละ
            “คือมึงจะนอนห้องนั้นเหรอ... เหมือนบ้านนี้จะมีประวัติว่ะ ห้องนอนสุดทางด้านซ้ายอ่ะ พ่อกูเคยบอกไว้ เขาเลยไม่จัดให้ใครนอนว่ะ เห็นไหมเว้นเอาไว้และให้เรานอนเบียดกันห้องละสองคนแทนแสดงว่า มีของดีว่ะ” ไอ้ดิวอีกคนมันไม่ใช่คนพูดเล่นซะด้วยซิ ฉิบหายแล้วผม ขนลุกขึ้นมาทันที เรื่องแบบนี้แจ็ค ทนไม่ได้ครับ
             “จะนอนใช่มั้ยละ ฝันดีน่ะ ดึก ดึกอาจจะมีคนมาเล่นด้วยก็ได้น่ะ แบบดึงขา และก็ลอยอยู่บนเพดานฝ้าอ่ะ ฟินดีน่ะ “น้องพายพูด บรรยายมาขนาดนี้ พายครับมึงดูหน้าแจ็คให้ดีซะก่อนว่ากูจะฟินไหมถ้าเจอแบบนั้น
              “โชคดีแล้วกันน่ะ เจออะไรมาก็อย่าลืมมาเล่าให้พวกกูฟังกันบ้างล่ะ “ไอ้ดิวมันพูดและทำท่าจะหันหลังกลับเข้าห้องนอนมัน
            “ไอ้ดิว…” ผมเรียกมันเอาไว้
            “ห้องกูของยังเต็มว่ะและที่สำคัญน่ะไม่รับแขก รับแต่เจ้าของห้อง ตามชื่ออ่ะ” ไอ้ดิวมันหันมาบอกผม
            “งั้นก็ไปนอนน่ะ ห้ามเคาะเรียกูน่ะเพราะว่ากู่ไม่เปิด” ไอ้ดิวมันพูดทิ้งท้ายเอาไว้ด้วย สัสเอ๊ย!!ผมแอบคิดในใจ ผมหันมามองไอ้สามตัวที่กำลังจะหันหลังเข้าห้องนอนเหมือนกัน มองตาปริบๆ เลยผมน่ะ
            “ไม่ต้องบอกว่าห้องกูมีที่่ว่างไหม ดูเอาสามคนเข้าไปแล้ว โชคดีนะมึง” ไอ้ติ๊ก ผมจะอ้าปากจะด่าข้อหาที่มาสปอยด์ให้ผมกลัวแล้ว ตัดช่องน้อยแต่พอตัวกันหมดแบบนี้
             “มีคู่นอนดีดีไม่ชอบดันสะเหล่อจะไปนอนคนเดียว งั้นคืนนี้มึงก็เตรียมตัวหาคู่ใหม่ไฉไลกว่าเดิม เพิ่มเติมคืออาจจะไม่ใช่คนธรรมดา น่าจะเหาะเหินเดินอากาศได้ไง ถ้าตอนเช้ามาผมมึงตั้งน่ะ กูจะสมน้ำหน้าให้ แจ็ค” ไอ้ติ๊กพูดก่อนจะดันแอ้เข้าห้องนอนมันไป ผมมองคนที่ยืนกอดอกอยู่ ไม่ได้พูดอะไรและทำท่าจะหันหลังเดินกลับเข้าห้องนอนด้วย
             “บอยควรจะบอกราตรีสวัสดิ์ใช่ไหม เจอกันพรุ่งนี้น่ะ” บอยพูด ผมก็สะบัดไปหน้าไปมอง ต่อให้ผมโกรธแค่ไหนแต่ถ้าห้องนั้นมีสิ่งลี้ลับแบบนี้ผมก็ต้อง…
            “หมับ” ผมจับประตูเอาไว้ก่อนที่ หนุ่มหน้าหวานจะปิดมัน
           “พ่อบอกให้นอนห้องนี้ก็จะนอนห้องนี้ “ผมพูดกับบอยแต่ในใจโคตรเสียหน้าเลย ไอ้แจ็คเอ๊ย อุตส่าห์เดินออกจากห้องอย่างแมนๆ ว่าจะไปนอนห้องอื่น
            “ก็แจ็คบอกบอยเองว่าจะ…” บอยพูดและชี้ไปที่ห้องนั้น ผมหันไปมองสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างทันที
            “พูดไปงั้น นี้กลับมานอนเพราะว่าไม่อยากให้พ่อเสียใจ” ผมพูดและแทรกตัวเข้าห้องทันที ไม่พูดไม่จากรีบคว้าผ้าเช็ดตัวและตรงเข้าห้องน้ำทันที อาบน้ำเพราะไม่กล้าสู้หน้าบอย

                 ผมรีบอาบน้ำแต่ดันได้ยินเสียงหมาหอนครับ เฮ้ย! มาจากไหนวะ มองซ้ายมองคว้า ไม่ต้องถูมันแล้วละสบู่ รีบเปิดน้ำชำระล้างตัวและรีบออกมาสวมชุดนอน และเพ่นออกจากห้องน้ำทันที ผมออกมาก็เห็นบอยหลับไปแล้วพร้อมมือถือและมีหูฟังเสียบหูไว้อยู่
               “หลับแบบนี้มันดีที่ไหนกันล่ะ “ผมพูดเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ดึงหูฟังเขาออกอย่างเบามือที่สุดเพราะกลัวคนที่นอนหลับอยู่จะตื่นและเขาก็จะรู้ว่าผมนะอ่อนให้เขา ผมใจอ่อนให้ตั้งแต่เห็นหน้าเขาแล้วแต่ว่ามันทำตัวไม่ถูก หายไปหลายปีแบบนั้นและผมเองก็กลัว กลัวเขาจะมาให้ความหวังผมและหายไปอีก
                ระหว่างที่ผมดึงหูฟังเขาออก ผมก็ได้ยินเสียงเพลงเบาๆ มาจากหูฟังคู่นั้น เลยลองเอามาใส่หูผมดู ผมก็ต้องยิ้มตามชื่อเพลง เพลงอมยิ้ม นี้เป็นเพลงที่ผมชอบร้องไห้เขาได้ฟัง ตอนนั้นถามว่าภาษาไทยผมแข็งแรงไหมก็พอได้แต่ก็พยายามหัดร้องเพลงนี้ให้ได้เพื่อให้คนนี้ฟัง ก็แต่ก่อนชอบฟังแต่เพลงสากลและที่ผมร้องเพลงนี้ให้เขาฟังเพราะว่านาทีแรกที่ผมเห็นหน้าเขาก็นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาทันทีเลย
               “บอย นายกลับมาหาเราจริงๆ เหรอ “ผมถามคนที่นอนหลับสนิทแถมยังมีหูฟังอีกข้างเสียบหูอยู่ ผมก้มลงมองใบหน้าหวานๆ นั้นแบบใกล้ชิดมาก ใกล้จนลมหายใจผมรดที่แก้มคนที่นอนหลับสนิทอยู่
              “นายจะไม่ทิ้งเราไปอีกเหรอ “ผมพูดเบาๆ กับคนที่นอนหลับ

                ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินไหม บอยเป็นคนที่มีใบหน้าหวานราวกับสตรีก็ไม่ปราณ ใบหน้าที่เรียวสวย เผลอๆ จะสวยกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก ริมฝีปากที่เรียวบางสวยได้รูปนั้นแถมยังอมชมพูดไม่ต้องทาลิปสติก มันยิ่งทำให้ผมอดใจห้ามใจตัวเองไม่ได้ที่จะไม่ก้มลงไปสัมผัส ใจก็บอกตัวเองให้หยุด หยุดแจ็ค หยุดแต่ …
               “หมับ” ผมประทับริมฝีปากที่ไม่บางไม่หนาจนเกินงามประกบริมฝีปากบางๆ นั้นซะแล้ว ดูเหมือนว่าริมฝีปากคู่นั้นก็เผยอรับริมฝีปากผมเช่นกัน
               “ปึก” เสียงมือถือหลุดจากมือผมลงสู้พื้น ผมไม่สนใจอะไรแล้วเพราะว่าสติผมหลุดลอยไปกับความหวานที่ผมกำลังดูดดื่มจากริมฝีปากคู่นั้น

                 ผมเลื่อนตัวเองขึ้นไปคร่อมร่างนั้นเอาไว้โดยไม่ได้ทิ้งน้ำหนักทั้งตัวลงไป ผมรู้สึกว่ามีมือแตะที่แผ่นหลังส่วนล่างของผม และค่อยๆ ไต่ขึ้นมาจนถึงแผ่นหลังสวนบน นั้นก็แสดงว่าคนเบื้องล่างที่ผมคร่อมอยู่คงตื่นแล้ว

                ผมลืมตามองคนที่ผมกำลังจูบอยู่เขามองผมแบบงงๆ นิดหน่อย มือเรียวสวยนั้นแตะที่แผ่นอกของผมเบาๆ ผมยอมว่าบอยเป็นคนที่เพอเฟคมาก ดวงตาสวยนัยต์ตาสีฟ้า ใบหน้าก็เรียวยาวได้รูป ริมฝีปากที่เล็กบางได้รูปเป็นกระจับ ขนตาก็งอนสวยไม่ต้องดัด จมูกที่เรียวเล็กเหมือนไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี แล้วแบบนี้ผมจะไม่หลงรักตั้งแต่แรกพบได้ยังไง ไม่ใช่แค่ผมน่ะทุกคนที่แรกเห็นบอยก็หลงรักบอยกันทั้งนั้นแหละ สายตาของผมสองคนประสานกันอยู่พักใหญ่ และเป็นผมเองที่ต้องละสายตาจากดวงตาคู่สวยนั้น ผมค่อยๆ ถอนริมฝีปากผมออกและเอามือเกาหัวแก้เก้อ
              “ก็เห็นนอนหลับแล้วแต่ยังมีหูฟังอยู่...แจ็คเลยจะดึงออกให้ มันไม่ดีน่ะหลับแบบนี้น่ะ” ผมพูดเบาๆ ผมก็ลุกขึ้นเพื่อจะกลับไปยังเตียงนอนตรงข้ามกัน
              “ขอบใจน่ะ” บอยพูด ผมพยักหน้าพร้อมกับหันหลังเดินออกแต่ว่าใจกับบอกผมว่า อย่าเดินไปผมชะงักเท้าที่จะก้าวต่อ ผมยืนนิ่งอยู่หลายนาที
             “แจ็ค” “บอย” ผมสองคนกับเรียกชื่อพร้อมกัน ผมหันกลับมามองเขา บอยก็มองผม
             “บอยกลับมาเพื่อหัวใจตัวเองจริงๆ นะแจ็ค” บอยพูด มันทำให้ผมนึกถึงคำพูดไอ้ดิวที่มันพูดกับผม มันบอกว่าผมรอคอยบอยแล้วทำไมตอนนี้ผมถึงจะวิ่งหนีเขาไปเพราะบางครั้งความรักก็ไม่ต้องการเหตุผลอะไรมากมายไปกว่าหัวใจตัวเองใช่ไหม ผมนะคิดถึงเขามาก มากจริง
             “หมับ” ผมหันกลับมาและโผ่เข้ากอดเขา บอยกอดผมกลับแบบแนบแน่น ผมสองคนกอดกันเหมือนกลัวจะหายกันไปอีก ผมน่ะกลัวมากที่สุด
              “บอยคิดถึงแจ็คนะ คิดถึงมากด้วย คิดถึงมากจริงๆ” บอยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
              “แจ็คก็คิดถึงบอยมากเช่นกัน มากจนไม่รู้จะพูดยังไง มันมากเหลือเกิน แจ็คขอโทษที่แจ็คงี่เง่าแต่เพราะว่าแจ๊ค” ผมพูด บอยดันผมออก
              “บอยจะไม่ทิ้งแจ็คไปไหนอีกแล้วน่ะ “บอยบอกผม
             “ฟู่!!” ผมพ่นลมหายใจออกมา นี่แหละที่ผมกลัวที่สุด
             “แจ็คจะยังไม่เชื่อบอยตอนนี้ก็ไม่ว่านะ” บอยบอกผม
              “เชื่อแล้ว...อย่าไปไหนอีกนะ ...แจ็คคงทนไม่ได้” ผมพูดและเอามือลูบหน้าบอยเบาๆ
              “ครับ “บอยตอบผม
             “แจ็คขอโทษอ่ะเรื่องวันนี้อ่ะ แจ็ค แจ็ค แค่สับสนและกลัว” ผมพูดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองบอย
            “แจ็คคิดมากมาตลอดสามปี เรื่องบอยกับดิว” ผมพูดบอยก็มองหน้าผม
            “แจ็คเคยได้ยินพ่อคุยกับลุงภาและมันก็หลังจากที่บอยหายไปจากแจ็ค เขาพูดว่าดิวคือคนที่ถูกเลือกและวันหนึ่งบอยก็ต้องคู่กับดิว” ผมพูดผมไม่กล้ามองหน้าบอยตรงๆ
            “แจ็ค บอยรู้มานานแล้วก่อนที่จะไปเจอแจ็คอีกและตอนนั้น เออ อันที่จริงบอยควรจะไปทำความรู้จักกับดิวมากกว่าแต่บอยกับรู้สึกกับแจ็คมากกว่าดิวซะอีก” บอยบอกผม ผมเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลย
            “และมันก็มีบางสิ่งที่บอยเห็นอย่างชัดเจนว่าดิวเขามีคนที่เขารักมากกว่า ส่วนบอยเองก็มีคนที่บอยรู้สึกได้มากกว่าเช่นกัน” บอยพูด
              “และการมาของบอยครั้งนี้ก็เพื่อให้แจ็คได้ทำตามที่ลุงหนึ่งบอก บอยอยากให้แจ็คทำมันให้ได้เพื่อให้ลุงหนึ่งยอมรับในตัวแจ็ค ได้ไหมครับ” บอยบอกผม
             “ตกลงบอยมาเพื่อแจ็คจริงๆ ใช่ไหม” ผมถามบอย
            “จริงครับ” บอยพูด สายตาคู่นี้ที่สะกดผมเอาไว้ทุกครั้งที่ผมได้มองหน้าเขา รอยยิ้มของบอยที่ดูละมุนตตลอดเวลาที่ได้มอง
            “แจ็คต้องทำได้ บอยเชื่อแจ็คและเพื่อนๆ” บอยบอกผม
            “ดึกแล้วด้วย นอนได้แล้วมั้ง” บอยบอกผม ผมก็ยิ้มให้บอยพยักหน้าเบาๆ
             “ราตรีสวัสดิ์ นอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านิ “บอยรีบบอกผมเหมือนเขาจะรู้ว่าผมกำลังจะโน้มตัวเองไปจูบเขาอย่างนั้นแหละ ผมหันไปมองที่เตียงนอนของผม มันห่างไปคนล่ะมุมกันเลยน่ะ
            “ไม่อยากนอนเตียงนั้นแล้วอ่ะ อยากนอนเตียงนี้นะ “ผมพูด บอยเบ้ปากหนีผม
             “ไหนบอกถ้าเลือกได้” บอยหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงเง่างอนนิดๆ
            “ตอนนี้เลือกได้แล้วไง เลือกที่จะไม่วิ่งหนีอีก แต่จะวิ่งเข้าใส่” ผมบอกบอย
             “แจ็ค” บอยทำท่าจะดันผมออก แต่ผมรู้ว่าเขาไม่ดันผมออกจริงๆ หรอก
             “นะนะ นอนกอดก็ยังดี” ผมพูดเบาๆ
            “แค่กอดนะ “บอยพูด แต่แปลกอย่างหนึ่งถ้าบอยดุผมนี้ผมไม่กล้าดื้อเลยน่ะ ถ้าบอยบอกว่าให้หยุดคือหยุด ถ้าบอยร้องห้ามผมก็จะไม่ดึงดัน
           “ก็ใช่ไงแค่กอดหรือจะให้แจ็คทำมากกว่ากอดล่ะ” ผมถามบอย
           “ไม่ ไม่...ไม่เอาอ่ะ เพราะว่า” บอยพูดผมก็เลิกคิ้วว่าบอยจะพูดว่าอะไรต่อแต่บอยก็ไม่พูดต่อ
           “เพราะว่าอะไรละ “ผมถามบอย
           “คือ” บอยทำท่าจะพูดแต่ก็หันหน้าหนีผม
            “ครั้งนั้น มัน...” บอยพูดพร้อมกับหลุบตาลงไม่กล้ามองผมตรงๆ ผมก็ช้อนตามองบอย
            “แจ็ครู้ แจ็คไม่เคยลืมครั้งแรกของเราสองคนนะ มันเป็นครั้งแรกจริงๆ แต่เป็นครั้งแรกที่สวยงาม แจ็คจำมันได้เสมอ” ผมพูดกับบอยก่อนจะเชยคางนั้นขึ้นมา บอยมองผม ผมก็ค่อยๆ ประกบจูบบอยอีกครั้ง บอยตอบสนองผมได้ดี อาจจะเป็นเพราะว่าเราเริ่มพอสำหรับเรื่องอย่างว่าแล้ว สองร่างที่เริ่มกอดรัดและไซ้ไปมา บอยเริ่มดิ้นไปมาตามการเล้าโลมของผม ผมยิ้มกริ่ม นี้ไม่เจอกันสามปี บอยดูมีน้ำมีนวล ผิวกายนี้หอม บอยเป็นคนผิวสวยมาตั้งแต่เด็กและตัวหอมมาก
           “พอแล้ว” บอยร้องห้ามผมก่อนจะใช้มือดันอกแน่นๆของผมให้ผมหยุด
            “ทำไมละ” ผมถามบอย ผมเห็นปฏิกิริยาของบอย ผมว่าเขาเองก็ไม่อยากหยุด
           “ไม่เอาพอแล้วแจ็ค บอยยังไม่พร้อมตอนนี้” บอยบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ
          “ขอนอนด้วยได้ไหมครับ แจ็คคิดถึงตอนที่เราอยู่ด้วยกันแจ็คนอนกอดบอยตลอดเลยน่ะ” ผมพูดกับบอย บอยพยักหน้าว่ได้และบอยก็ขยับเพื่อให้ผมได้มีที่นอน ผมเอนตัวลงนอนและกอดเอวบางๆ นั้นอย่างเบามือ

         ผมทำแบบนี้บ่อยแต่เฉพาะที่บ้านผมนะ ถ้าพี่ชายของเขามาก็จะไม่กล้าเข้าใกล้มาก ตอนนั้นผมยังกลัวว่าถ้าทุกคนรู้ความจริงเขาจะแยกเราออกจากกันหรือเปล่า จนกระทั่งบอยหายไป ผมเสียใจอย่างหนัก ทำให้พ่อถามผมเพราะนี้คงไม่ใช่อาการของคนที่คิดกันแค่เพื่อนแน่ๆ ใช่ผมบอกพ่อตรงๆ ว่าผมรักบอย และบอยก็รักผม เราสองคนรักกัน เราสองคนแอบคบกัน ตอนที่ผมบอกพ่อผม พ่อตกใจมากแต่พ่อก็ไม่ได้พูดอะไร
          “แจ็ครักบอยนะ แต่แจ็คกลัวเพราะเขาไม่เลือกแจ็ค” ผมพูดกับบอย
           “แต่บอยเลือกแจ็คนิ บอยถึงเลือกที่จะกลับมา “บอยหันมามองผม
          “บอยอยากให้แจ็คทำให้ทุกคนรู้ว่าเราจะผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน “บอยพูดกับผม
          “ก็ได้แจ็คจะทำให้ลุงหนึ่งเห็นว่าแจ็คคู่ควรกับบอยมากกว่าไอ้ดิว” ผมพูดบอยเอี้ยวตัวมามองผม
          “ยอมรับว่าหึงมากและยิ่งได้ยินมาว่า บอยกับดิวออกงานคู่กันด้วย ตามที่ทุกคนเห็นตรงกัน มันก็ยิ่งหึงอ่ะ แล้วมันเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า” ผมพูดบอยมองหน้าผมนิ่งก่อนจะ
            “ใช่บอยยอมรับว่าเขาจัดตารางงานให้บอยและดิวอออกงานด้วยกันจริงแต่...” บอยพูดผมนี้กำลังจะขึ้น แต่…
           “แต่ดิวไม่เคยไปเลยและบอยก็ไม่ได้อะไรนะเพราะว่าบอยไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับดิวต่อให้เขาเลือกดิวให้กับบอยก็ตาม” บอยพูดเขามองหน้าผม
           “แจ็คไม่เข้าใจ ทำไมเขาใช้เหตุผลอะไรมาตัดสินว่าดิวต้องคู่กับบอย ทั้งที่พวกเราก็เติบโตมาด้วยกัน ทั้งหมด บอยรู้ไหมอ่ะ ว่าเพราะอะไร” ผมถามบอย ดูบอยจะตกใจเล็กน้อย
           “เออ..บอย ไม่รู้อ่ะแจ็ค” บอยพูด
           “อืม..ช่างมันเถอะ ต่อไปนี้คนที่จะดูแลบอยคือแจ็คนะ เข้าใจไหมครับที่รัก” ผมพูดกับบอย บอยพลิกตัวมามองหน้าผม
          “น้ำเสียงแบบนี้ ..นี้คือห้ามเข้าใกล้ดิวใช่ไหมครับ” บอยรู้ทันผมอีกแล้ว เกาหัวแก้เขิน
            “ทุกคนเลย แจ็คหึง” ผมพูดทำให้คนที่ผมกอดเขาไว้จากด้านหลังหันหน้าหนีเพราะเขินอายละซิ ผมก็ซบจมูกเรียวแหลมลงที่ตรงซอกคอขาวนวลของบอย ผิวที่หอมมากโดยไม่ต้องใส่น้ำหอม ผิวพรรณที่นุ่มราวกับผิวเด็กแรกเกิด แต่รอบนี้รู้สึกมีน้ำมีนวลขึ้นจนผิดหูผิดตา หรือว่าไปกินพวกวิตามินมาน่ะ พอเริ่มได้ซุกไซ้มันก็ยากที่จะหยุดแค่นี้
            “แจ็คอย่า!!บอยว่าเรานอนเถอะน่ะ นะครับ” บอยห้ามผม ผมพยักหน้าเบาๆ ก็ได้ แต่ก็แอบเสียดาย ไม่ได้เจอกันตั้งสามปีและตอนนั้นก็ครั้งแรกของผมกับเขา ผมก็อยากรื้อฟื้นความหลังอยู่เหมือนกัน แต่ก็ต้องอดใจเอาไว้ก่อน เอาน่ะยังมีวันอื่นต้องจัดการให้ได้ ผมยิ้มให้บอย ผมจับมือบอยให้มากอดผมเอาหัวมาหนุนที่ไหล่ผมด้วย เรานอนกอดกัน เหมือนที่ผมกับเขาเคยทำด้วยกันเมื่อสามปีก่อน

         TBC...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2024 21:01:59 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.10(ดิวXแอ้) NC ครั้งแรก

                 Part’ s ติ๊ก ผมยืนดูภาพถ่าย ผมสามคน มีแอ้ ดิวและผม ถึงจะมีพวกแจ็ค พายแต่ว่าสองคนนี้ก็ไม่ได้อยู่กับผมสามคนตลอด เมื่อก่อนดิวมันก็อยู่ที่กรุงเทพ แอ้ด้วยเหมือนกันแต่ว่า ยิ่งตอนที่บอยมาอยู่กับพวกผม แจ็คมันติดบอยมาก ตอนนั้นพี่โจ ก็มาพักกับแจ็ค พี่ๆ ก็สนิทกันมาก พี่ตุ๊ พี่โจ พี่อ้นและพี่ดิม พอเข้าสู่วัยรุ่นก็พากันเที่ยว สนุกสนานและทำหน้าที่พี่ชายดูแลพวกผม ตอนนั้นพวกผมงานเยอะมาก ไปเที่ยวกันทุกวันหยุด ผมจำได้ดี แต่มันก็เปลี่ยนไปตอนที่บอยหายไป แจ็คมันเฮิร์ทมากและคนที่อยู่ข้างมันคือผมเองและตอนนั้นดิวกับแอ้ เริ่มเข้าไปในค่ายทหาร ด้วยเหตุผลดิวกับแอ้ต้องไปช่วยลุงภาและแอ้ก็ต้องไปเตรียมพร้อมหลายๆ อย่างกับอาภีมและนั้นก็เริ่มทำให้ผมกับทั้งคู่ห่างกันและสุดท้ายผมก็ตัดสินใจไปเข้าวงการ งานที่ลุงหนึ่งประกาศห้ามใครทำแต่ผมทำ
         “แอ้ ตกลงมึงยังไง” ผมหันไปถามแอ้ ตอนนี้พายเข้าไปอาบน้ำ พายมันอาบน้ำนานมากและนี่ผมก็ไปลากแอ้มาจากห้องไอ้ดิวเพราะผมรู้ว่ามันต้องเอาเวลานี้พลอดรักกันแน่ๆ
         “อะไรของมึงติ๊ก” แอ้หันมาถามผม แอ้มันเอาหนังสือมานั่งอ่านด้วย
         “มึงกับไอ้ดิว” ผมถามแอ้ แอ้มันมองหน้าผม
           “ทำไมว่ะ มึงไม่บอกความจริง มึงปิดอะไรวะ มึงมีอะไรที่ปิดบังอยู่ใช่ไหมวะ ว่ามึงกับไอ้ดิวมันไปถึงขั้นไหนกันแล้ว บอกมาดิวะแอ้!” ผมถามแอ้ ผมว่ามันมีบางสิ่งที่ปิดบังอยู่ ผมเคยได้ยินพ่อผมพูดเรื่องแอ้ พวกผมเกิดมาจากการแพลนให้ใครสักคนมาเป็นผู้นำองค์กร พ่อผมคุยกับลุงสามแฟนพ่อ ว่ามีหนึ่งคนที่ลุงหนึ่งไม่ให้ขึ้นเด็ดขาด คนนั้นคือแอ้ ผมอยากรู้ว่าทำไม ส่วนผมเอง ผมไม่เอาอยู่แล้ว ให้ไปนั่งสวมหัวโขนทำตามที่เขาสั่ง ผมทำไม่ได้ ไอ้แอ้นี่ซิ ผมอยากรู้ว่าทำไม ไอ้แอ้มันมีอะไรที่พวกผมไม่รู้อีก
           “ยังมีความจริงอะไรที่กูต้องปิดอีกละติ๊ก” แอ้ถามผมกลับ
           “ความจริงคือ มึงคือใครวะ” ผมถามแอ้ แอ้มันวางหนังสือการ์ตูนมันลงทันที
            “มึงหมายความว่าไง กูคือใคร กูก็คือลูกพ่อภีม อาของมึง มึงจะสงสัยอะไร กูเองยังไม่เห็นสงสัยเลย” แอ้มันพูด
           “กูว่ามีอะไรมากกว่านั้น กูได้ยินพ่อกูพูดเรื่องมึงกับลุงสาม” ผมพูด แอ้มองหน้าผมมันตกใจหรือว่ามันกำลังร้อนตัวกันแน่
           “กู…” จังหวะนั้น พายออกมาพอดี น่าแปลกที่วันนี้พายมันอาบน้ำเร็วกว่าปกติ
          “มึงจะกัดจิกอะไรแอ้มันอีกว่ะ” พายถามผม ผมหันไปมองพาย
          “ไม่ได้ทำอะไรนิ “ผมพูด พายมองผมแบบไม่เชื่อ
          “ทำไมวันนี้อาบน้ำเร็วอ่ะ ปกตินานมาก “ผมถามพายกลับ
          “กูไม่อยากพลาดอะไรดีดีไปมั้งเลยรีบ “ พายพูด ผมหันไปเบ้ปากใส่ทันที
          “งั้นกูอาบน้ำก่อนน่ะแอ้ มึงอาบทีหลังแล้วกัน “ ผมพูด แอ้มองหน้าผม
           “อ้าว! ที่ไปเรียกมันมาจากห้องมัน เพื่อมานั่งรอมึงอาบน้ำเหรอ ทำไมไม่ให้มันอาบก่อนค่อยมาว่ะ มึงบ้าป่ะเนี่ย อีคุณติ๊ก!!” พายพูด ผมหันไปมองหน้ามันทันที
           “ทีหลังถ้ามึงจะเรียกอี ไม่ต้องเติมคุณนำหน้าชื่อกูหรอก อีพายเน่า” ผมพูด
           “อีนี่นี้ เรียกกูพายเน่าเลยเหรอ” พายมันก็ไม่ยอมผม
           “พอได้แล้ว จะทะเลาะกันทำไมเนี่ย” แอ้มันห้ามผมสองคน
          “มึงไปอาบน้ำไป กูจะได้จัดของมึงต่อ กูง่วง อยากนอนแล้ว” แอ้พูด ผมหันมามองหน้ามัน อยากนอนแล้ว
          “วันนี้ นอนนี้น่ะ “ผมพูดแอ้มันสะบัดหน้ามามองหน้าผม
          “เตียงมันไม่ได้แคบมากและที่สำคัญเตียงนอนมึงอ่ะ ยังมีของอยู่ นอนกับกูนี่แหละ” ผมพูด พายมันมองบนใส่ผมทันที
         “กูอยากรู้จริงๆ ตอนที่เขาแพลนน่ะ เขาใส่ข้อมูลอะไรให้มึงผิดหรือเปล่าวะแอ้ คือว่าให้มึงเกิดมาพร้อมกับเจ้ากรรมนายเวร” พายพูด ผมหันไปหยิบหมอนปาใส่คนปากดี
          “มึงก็ไม่ต่างกัน กูเดาว่าเขาไม่ได้ใส่แค่โครโมโซมที่ทำให้มึงเป็นเด็กอัจฉริยะอย่างเดียวแต่ดันพูดมากและปากเสียแถมมาด้วย อีบ้า” ผมพูดก่อนจะรีบเข้าห้องน้ำไป อีพายจะได้ด่าไม่ทัน ผมเข้าไปอาบน้ำ วันนี้ตั้งใจอยากจะแช่น้ำในอ่างยี่ห้อดังที่พ่อสั่งตรงมาให้ เอาใจผมกับพาย
            ใช่ครับผมหลอกไอ้ดิวมัน ผมเห็นสายตาไอ้ดิว มันรักและเป็นห่วงแอ้ ทั้งที่เขาไม่ให้มันเลือกแอ้ด้วย ตกลงแอ้มันคือใครกันแน่และนี่ผมมักจะเห็นมันทานยาอะไรแปลกๆ ผมว่าจะเก็บเอาไปให้พี่เต้ที่เป็นกำลังจะจบเภสัชกรเอาไปดู จะได้รู้ ว่าแอ้มันกินเพื่ออะไร กินทำไม แต่ไม่มีโอกาสสักที
****

           Part’ s แอ้ ผมนั่งรอติ๊กอาบน้ำพร้อมกับจัดข้าวของให้ติ๊กไปด้วย สิ่งที่ติ๊กถามผม ผมเองก็ไม่รู้แต่ว่าผมกลับไม่อยากหาคำตอบ ผมกลัวสิ่งที่ผมเองไม่อยากรู้ ผมไม่อยากรู้ว่าผมคือใคร ผมรับไม่ได้ถ้ามันเป็นคำตอบที่อาจจะทำให้ผมกับดิว ไม่ควรคู่กันจริงๆ ผมอยากเป็นลูกพ่อภีม อันนี้ที่ผมต้องการจะรู้แค่นั้น
           “แอ้ มึงอย่ายอมไอ้ติ๊กมันหนักเลยมึง ขัดมันบางเถอะ เดี๋ยวมันจะนิสัยเสียไปกว่านี้” พายพูด
          “กูแค่ไม่อยากให้มัน” ผมพูด
          “มันกำลังตามหาความจริงอะไรของมึงอยู่ใช่ไหมวะ” พายถามผม ผมหันไปมองพาย แสดงว่าพายก็รู้อย่างนั้นเหรอ
          “ก็ไม่ได้อยากรู้น่ะ พายเข้าใจว่าแอ้รู้สึกยังไง แต่มันบังเอิญได้ยินจากที่พ่อคุยกับป๊าสี่ “พายพูด ผมหันมามองพาย ทุกคนมักจะได้ยินจากลุงสามหรือลุงสี่ แต่ผมไม่เคยได้ยินจากปากพ่อผมเลย พ่อไม่เคยปริปากเรื่องพวกนี้
           “อย่าไปคิดมากเลย กูว่าไม่มีอะไรหรอกแอ้ “พายพูด ติ๊กออกมาจากห้องน้ำพอดี พายพยักพเยิดกับก่อนจะกลับไปที่โซนตัวเอง ห้องนี้เขาแยกโซนให้เหมือนกับหอพักนักเรียน ติ๊กมองผมก่อนจะมองของที่ผมจัดเก็บไว้ให้เข้าที่เข้าทางระเบียบเรียบร้อย
           “ไปอาบน้ำดิแอ้” ติ๊กบอกผม ผมพยักหน้าพร้อมกับหยิบเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไป
           “ทำไมมึงไม่ให้มันอาบน้ำในห้องน้ำในห้องนอนของมันละ” พายถามติ๊กขณะที่ผมกำลังเดินเข้าห้องน้ำ
           “มันจะได้อาบน้ำด้วยกันอย่างนั้นเหรอ” ติ๊กถามพาย ใช่ ผมกับดิวอาบน้ำด้วยกันบ่อย และการมาแบบนี้ ผมกับดิวคงไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งที่ผมตั้งใจ อยากจะเก็บความทรงจำดีดีก่อนที่ผมจะไปจากดิวและผมเองก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาหาดิวไหมผมกลัวว่าความรักของผมกับดิวจะเหมือนกับพ่อภากับพ่อภีมแต่สุดท้ายทั้งคุ่ก็ลงเอยกันได้ แล้วผมกับดิวล่ะ ผมกลัวจะหนักกว่านะซิ

          ผมอาบน้ำพร้อมกับความคิดมากมายอยู่ในหัวผม ทำไมใครก็ได้ยินสิ่งที่ผมไม่เคยได้ยินเลยจากปากพ่อภีมหรือว่าผมเองที่ไม่อยากได้ยินกันแน่ ว่าผมคือลูกพ่อภีมจริงๆ ใช่ไหม ผมคิดวนไปวนไปจนกระทั่งผมอาบน้ำเสร็จก็รีบแต่งตัว ออกมาก็เห็นติ๊กมันนอนอยู่บนเตียง ส่วนพายน่ะหลับไปแล้ว พายนอนโดยมีผ้าปิดตา
          “พายมันไม่ชอบนอนที่มีแสงสว่างมากและกูก็รอมึงอยู่ จะได้ปิดไฟ” ติ๊กบอกผม ผมพยักหน้า ผมเดินไปเตียงนอน ถามว่าไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่ มันก็จะไม่ค่อยสบายสำหรับผมและติ๊กแต่ว่าติ๊กมันก็พยักพเยิดให้ผมนอนลง ติ๊กก็ปิดไฟ สั่งจากมือถือ

            ผมล้มตัวลงนอน ผมหันไปมองติ๊ก ผมกับติ๊กสนิทกันแต่ว่าไม่เคยนอนเตียงเดียวกันมาก่อน ต่อให้ไปเที่ยวกัน มันเมามากแต่ผมไม่เคยเมาและผมก็พามันกลับบ้านทุกที ส่วนผมก็เดินไปนอนที่บ้านตัวเอง มีครั้งนี้แหละที่ผมได้นอนเตียงเดียวกัน ผมล้มตัวลงนอนเบาๆ ติ๊กมันนอนแล้วและทำท่าจะหลับ ไม่นานติ๊กก็หลับไปแล้ว ผมสังเกตจากการหายใจที่สม่ำเสมอ แต่ผมซิยังนอนไม่หลับเลย คำถามที่ติ๊กถามผมนั้น มันเป็นคำถามที่ผมหลอกตัวเองมาตลอดว่าไม่อยาก พี่แอร์ยังเคยพูดเลยว่าผมมาทีหลังแต่ทำไมได้ทุกอย่างจากพ่อภีม
           “แอ้” ผมนอนพลิกไปพลิกมาเพราะว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายตัวสักเท่าไหร่และจู่ๆ ก็มีคนเรียกชื่อผม ผมกระดกศีรษะขึ้นมอง คนนั้นคือพาย พายเปิดผ้าปิดตาขึ้น ผมคงดิ้นจนพายรู้สึกแต่น่าแปลกที่ติ๊กไม่รู้สึกเลยหรือว่ามันหลับลึก
           “แอ้ มึงนอนไม่สบาย กลับไปนอนห้องมึงเถอะ “พายลุกขึ้นมานั่ง พายบอกผม ผมก็ลุกขึ้นมานั่งเช่นกันพร้อมกับหันไปมองติ๊กคนที่นอนหลับสบายแต่ผมซิ หลับไม่สบายเลย ทั้งที่ในหัวก็มีเรื่องและที่นอนก็แคบและที่สำคัญ ผมไม่เคยนอนกับคนอื่นเลยนอกจากดิวแต่ถ้าให้เลือกนอนคนเดียวสบายตัวกว่าเยอะเลย
            “ไปเถอะ ไอ้นี่หลับแล้วหลับเลย ถ้าตื่นมางี่เง่ากูจัดการเอง” พายบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้น อย่างเบาที่สุดเพราะกลัวมันตื่น ผมหันมายิ้มให้พาย ผมเดินออกไปช้าๆ พร้อมกับปิดประตูลงอย่างเบามือที่สุด

          ผมกลับเข้ามาในห้องนอนที่ผมควรจะนอนกับดิวแม้เตียงจะแยกกันไปคนจะฝั่งก็ตาม ผมเดินไปมองคนที่หลับคาหนังสือ ที่เขาต้องอ่านเพื่อเตรียมตัวสอบแพทย์ ดิวคือความหวังองค์กรอีกคนเช่นกันเท่าที่ผมรู้เขาคือคนที่ถูกเลือกและถ้าดิวได้ ผมเชื่อว่าองค์กรนี้จะอยู่รอด ดิวเป็นคนมีความสามารถ ผมไม่อยากเก็บดิวเอาไว้แบบนี้ ดิวก็คู่ควรกับบอยที่สุด ส่วนผมนั้น ผมไม่รู้เหตุผลว่าทำไม เขาสั่งมาแล้วว่าดิวเลือกใครก็ได้ที่ไม่ใช่ผม ถ้าเป็นผมดิวอาจจะเดือดร้อน
        “หมับ” จู่ๆ มือของดิวก็คว้าข้อมือของผมไว้ได้แม่นยำ ขณะที่ผมกำลังจะดึงหนังสือออกจากอกของดิวและจัดท่านอนให้มันใหม่เชียว ผมคิดในใจมันนอนหลับคาหนังสือแบบนี้มันไม่ดี มันไม่ถูกลักษณะการนอนที่ถูกต้อง
         “ตุบ!! “และร่างของผมถูกดึงให้ลงไปนอนทาบทับคนที่นอนอยู่ นี้แสดงว่าแกล้งหลับ
         “ดิว กูนึกว่ามึงหลับ” ผมพูดพร้อมกับพยายามจะยันตัวขึ้นแต่ก็โดนคนเบื้องล่างกอดยึดเอาไว้แน่น
          “จะหลับได้ยังไงอ่ะและนี่ดิวก็นอนรออยู่ รู้ว่าต้องกลับมานอน เพราะ…” ดิวพูดและยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม
          “เพราะอะไร” ผมถามกลับ
         “คิดถึงดิวไง เชื่อดิว่านอนไม่หลับหรอกน่ะ” ดิวพูด รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เพทุบายแต่ว่ามันก็ได้ผลกับผมทุกที
          “เหรอ?” ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และทำท่าจะลุกขึ้นอีก
          “ไม่ปล่อยให้ไปแล้ว นอนนี้เลย” ดิวพูดพร้อมกับลุกขึ้นนั่ง
           “ก็จะนอนไงแต่จะ” ผมบอกดิวพร้อมกับกวาดตาไปรอบๆ นี้มันวางของเอาไว้บนเตียงนอนผมเต็มไปหมดเพื่ออะไรเนี่ย
           “ไม่ให้ไปไหนแล้ว นอนตรงนี้เลย เห็นไหมมีกระเป๋าวางอยู่น่ะแอ้ “ดิวพูด ดิวหยักคิ้วให้ผม นี่แสดงว่ามันวางแผนเอาไว้หมดแล้ว ทำไมชีวิตผมเจอแต่คนชอบวางแผน มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น ที่มักจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น
           “เจ้าเล่ห์ว่ะ” ผมพูดแต่ก็แอบยิ้มในความเจ้าเล่ห์ของดิว
          “มีหัวคิด นอนนี้เลย อยากกอด เตียงเดียวกันนี่แหละ “ดิวพูดพร้อมกับขยับตัวให้ผมนอนลงข้างๆ
          “เมื่อคืนมึงก็กอดดูทั้งคืนแล้วน่ะ” ผมบอกดิวก่อนจะมาก็แอบหาเรื่องไปค้างที่บ้านดิวมานั่นแหละ
          “จะกี่คืนก็อยากกอด “ดิวพูด
          “ยอมไหม” ดิวถามผม สายตาที่ดุดันคู่นั้นแต่ว่ามันกับสะกดให้ผมยอมอ่อนให้ทุกที
          “ยอม” ผมพูดและก็ทิ้งตัวลงนอน ดิวก็กอดผมจากด้านหลังและซุกจมูกลงที่ซอกคอของผม มันทำให้ขนผมลุกซู่ขึ้นมาทันที ทำไมเรื่องแบบนี้ผมไว้จังก็ไม่รู้ ติ๊กทำผมยังไม่รู้สึกอะไรเลยแปลกมาก แต่กับดิวไม่ได้เลย มันไวไปทุกส่วนแม้กระทั่งตรงนั้น
         “อุ้ย! สู้ด้วย” ใช่ครับไอ้ดิวมันคลำของสงวนของผม จับมือมันออกทันที
         “ไอ้ดิว มึงจะนอนไหม” ผมเอ็ดดิวแก้เขิน ถึงผมจะมีลูกมดแต่ก็ยังมีตรงนั้นอยู่ มันทำให้ฮอร์โมนผมมันไม่สมำเสมอ ผมต้องเทคฮอร์โมนเพื่อปรับสมดุลทุกวันเช่นกัน
         “คิดว่าจะนอนไหมล่ะ ถ้าไม่ทำให้สงบเพราะอันนี้ก็สู้” ดิวกระซิบที่ข้างหูของผม จริงครับ เสากระโดงมันดันหลังผมอยู่จริง
         “ไอ้หื่น “ผมหันไปต่อว่ามัน ยังมาทำหน้าตาเซ็กซี่ใส่ผมอีกนะ คิดในใจคงไม่รอดอ่ะผมน่ะและดิวก็ดันร่างผมให้นอนลงโดยที่ดิวเปลี่ยนเป็นขึ้นมาคร่อมผมแทน มือทั้งสองข้างถูกจับขึงเอาไว้ ผมก็มองไอ้จอมหื่นของผม
          “อีกแล้วเหรอดิว” ผมถามดิว
         “น่ะแอ้ มันมาแล้วอ่ะและที่ตื่นแบบนี้ก็เพราะเจอแม่แอ้ ลูกของแอ้เลยตื่นมางอแง ปลอบหน่อยน่ะจะได้หลับ” ดิวพูด ผมก็คงต้องยอมแหละ
         “เดี๋ยว! ดิวพ่อบอกไว้ว่าไง มึงนี่ลืมตลอด” ผมเตือนไอ้ดิว
         “มีถุง “ดิวพูดและเอื่อมมือไปหยิบเพราะว่ามันถูกซ้อนเอาไว้ในหนังสือที่มันอ่านค้างไว้อยู่ ดิวหยิบออกมาแกะและดิวมันก็จัดการดึงกางเกงชุดนอนมันลงไปถึงหัวเข่า ผมเห็นเต็มๆ สองตาเลยว่ามันพร้อมมากที่จะรบกับผมแล้ว แอบคิดในใจ ขยันรบเหลือเกิน
          “ไม่ต้องกลัว เห็นแบบนี้น้องสุภาพนะ” ดิวพูดผมก็หยิกไปที่ไหล่ดิว ดิวสวมเกาะปล่องกันเรียบร้อยก็จัดการของผมบ้าง
          “ให้เล้าโลมก่อนไหมหรือขึ้นชกเลยดี” ดิวถามผม มีให้ผมเลือกด้วยน่ะ ผมมองไอ้ดิว ไอ้นี่ว้อนซะแล้ว ว้อนถูกแม่แอ้ตีเข่าซะแล้ว
           “ถ้าเปลี่ยนมาเป็นกูเสียบมึงเลยมึงจะเอาไหมล่ะและนี้มันก็รอบสองแล้วน่ะดิว มึงหื่นว่ะ” ผมพูดต่อว่ามัน
           “แค่อยากได้ผลโหวตและดิวก็รู้ว่าเมียก็วอนทฺไม่แพ้กับดิวหรอกดูซิ สู้ดิวน่าดู อืมมม “ดิวพูดและค่อยไล่ลิ้นที่ซอกคอของผมก่อน มันทำให้ผมนี่อ่อนหยวบไปเลยแถมยังโอนอ่อนผ่อนตามทุกการเล้าโลมของดิว
           “นี้ขนาดทำท่าจะไม่ยอม ดูซิ แอ่นสู้ศึกขนาดนี้ ..อืมม...” ดิวพูด ก็มันลงลิ้นไปตามแผ่นอกแบนราบของผมและใช้ปลายลิ้นที่ตวัดเล่นกับสองจุดของผม มันเล่นปลุกเร้าซะขนาดนั้นใครจะไปนอนแข็งทื่ออยู่ได้
          “โอ้ววว!!” ผมร้องครางไปพร้อมกับร่างที่ดิ้นส่ายไปมาอยู่ไม่สุข ดิวเริ่มไล่จูบลงไปจนต่ำกว่าท้องนอนผมแล้วและทุกอย่างก็ดำเนินการไปตามที่ควรจะเป็น มันไม่ใช่ครั้งแรกของผมและดิว แต่ผมไม่เคยลืมครั้งแรกที่เราสองคนได้เสียและครั้งนั้นทำให้ความลับในตัวของผมเผยออกมาด้วย ดิวเร้าโรมไม่นานก็เปลี่ยนเป็นให้ผมนอนล่างและดิวก็ขึ้นไปอยู่บนตัวผมแต่ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักลงมาทั้งหมด สิ้งนั้นสอดใส่เข้าสู่ช่องแคบ อย่างช้าๆและไปจนสุด
          “ปึกๆ”เสียงกระแทกของดิวแต่ดิวก็เอามือดันหัวเตียงเอาไว้ด้วยเพื่อไม่ให้เตียงกระแทกข้างฝา ไม่ถึงสิบนาทีก็เรียบร้อย ผมก็รู้สึกถึงจุดสุดยอดแต่แปลกที่ผมไม่ได้มีบางสิ่งที่เรียกว่าน้ำกามออกมาจากตรงส่วนนั้นที่เรียกว่าความเป็นชาย มันอาจจะใช้งานไม่ได้จริงๆก็ได้
         “ฟู่ !! เสียงดิวพ่นลมหายใจออกมายาวก่อนจะนอนแผ่หลาลงข้างๆผม ดิวหันมามองหน้าผม ผมก็มองหน้าดิว ดิวใช้แขนโอบผมเข้าไปกอด พร้อมกับหอมที่หน้าผากของผม ดิวน่ะดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ทั้งความรับผิดชอบ เขาเริ่มตั้งแต่เขารู้ว่าเขาจะเป็นพ่อ ดิวเรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากพ่อมากขึ้น ผมนี่อยากให้เขาเป็นหมอบ้านมากกว่า ผมไม่อยากให้เขาไปเป็นแพทย์ทหารเลยจริงๆ
          “ดิวรักแอ้น่ะ รักมาที่สุดและลูกๆของดิวก็รักแอ้มากที่สุดเช่นกัน ดิวพูด มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ผมกับดิวพลาดและผมก็ตั้งครรภ์ ตอนนั้นผมเองไม่อยากจะคิดเลยว่าผมจะทำได้ ผมพึ่งจะสิบสี่ย่างสิบห้าปีเองด้วยซ้ำและนั้นก็ทำให้ผมที่ไม่เคยรู้ว่ามีบางสิ่งที่ผิดปกติในช่องท้องของผม ทุกทีที่มีปัญหาพ่อภาจะเป็นคนดูแลผม ผมเลยคิดว่าคงแค่ป่วยเฉยๆ แต่ที่ไหนได้นั้นคือมดลูกของผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในกายของผม ผมอาจจะมีรากฐานมาก่อนแต่ว่าผมต้องเอาของเก่าออกและมีของใหม่เหมือนการปลูกถ่ายอวัยวะแต่ว่ามันไม่ควรมาอยู่ในร่างกายผู้ชายอย่างผม

           ย้อนไปเมื่อ สีปีก่อนหน้านี้ ผมเพิ่งจะย่างสิบสามปีย่างสิบสี่ปีพร้อมกับดิว ตอนนั้นติ๊กจะห่างๆ พวกผมหน่อยเพราะว่า ติ๊กเริ่มเข้าวงการบันเทิง เริ่มเล่นหนัง เล่นละครและถ่ายแบบ แต่ก่อนหน้านี้ผมสามคนตัวติดกันมากแต่ก่อน ผมนะพยายามจะไม่ให้ติ๊กรู้ว่าผมกับดิว เราสองคนมีความรู้สึกอะไรพิเศษต่อกัน เพราะผมก็รู้สึกว่าติ๊กมันก็มีให้ดิวเช่นกันแต่ดิวนะเขาแสดงกับผมย่างชัดเจน จนผมนี้ต้องคอยปรามไว้ตลอด เฉพาะต่อหน้าติ๊ก

            “ดิวแอ้ เดี๋ยวพ่อกับพี่ดิมมาน่ะ อยู่บ้านกันดีดีน่ และดิว อย่าเล่นเกมมากนะ เราควรจะอ่านหนังสือบ้างใกล้จะสอบแล้ว” พ่อภาณุเดชบอกผมสองคน วันนั้น ผมไปอยู่บ้านลุงภา แต่ก็เหมือนเช่นทุกครั้งที่พ่อผมไปราชการและได้ฝากผมไว้กับลุงภาในค่ายทหารแห่งหนึ่ง ลุงภาดูแลค่ายและโรงพยาบาลที่นั่น ตอนนั้นพี่ดิมกำลังเป็นหมอเอ็กเทิร์นปีแรก ก็จะติดตามพ่อภาไปออกหน่อยบ่อยเพราะพี่ดิมนะเป็นทั้งหมดและทหาร ผมจำได้วันนั้นเราเข้าไปที่บ้านพักอุทยานต์ ผมกับดิวก็ขนเกมไปด้วยพ่่อบอกว่าพ่ออาจจะยุ่งทั้งวัน
           “ครับพ่อ “ดิวหันไปตอบพ่อ และหันมาหยักคิ้วกับผมอย่างมีเลศนัยอะไรบางอย่าง ผมยังคงอินโนเซนต์ที่จะเข้าใจอะไรง่ายๆหลังจากที่พ่อของดิว ลุงของผมออกไปผมก็ลุกไปหยิบพวกน้ำอัดลม ขนมมานั่งดูไอ้ดิวเล่นเกมและกะว่าจะอ่านการ์ตูนสแลมดังก์ที่ผมชอบ ผมชอบตัวเองเพราะว่ามันเหมือนไอ้ดิวแต่ต่างกันที่ดิวนะมันเก่งฟุตบอลไม่ใช่บาสเกตบอลแต่ก็ลูกบอลเหมือนกัน
           “โอ๊ะ โอ๊ะ...โอ้ว “เสียงที่ดูแล้วทำให้ผมขนลุกดังมาจากในห้องที่ผมนั่งดูดิวเล่นเกม เสียงเกมอะไรของมันนะ ผมคิดในใจ พอผมเดินเขาไปก็ต้องยืนตะลึง เป็นวิดีโอหนังโป้ มีคนสองคนที่กำลังมีเซ็กส์กันบนจอทีวีจอใหญ่ มันเห็นชัดมาก ไอ้ดิวที่นั่งดูไปก็หันมามองผมไปด้วยเหมือนอยากรู้ว่าผมจะรู้สึกยังไง (เขินแทนคู่นั้นเขาครับที่ผมรู้สึก)
          “แอ้มาดิ “ดิวมันหันมาเรียกผม ที่ยืนอึ้ง
         “ไอ้ดิวมึงบ้าเปล่า นี้มึงยังไม่ควรดูหนังแบบนี้น่ะ” ผมต่อว่ามัน
         “แต่ถ้ามึงจะดูกูไปล่ะ” ผมพูดและทำท่าจะหันหลังหนีแต่ มีคนวิ่งมาคว้าตัวผมไว้ซะก่อน
         “รีบไปไหน ทำไมอะ ทนดูไม่ได้เหรอ “ดิวถามผม
        “มึงคิดว่าเราควรแบบนี้เหรอวะ กูไม่น่ามาอยู่กับมึงเลยว่ะ” ผมพูด ไอ้ดิวมันกลับยิ้มกริ่มชอบใจยังไงชอบกล
         “ก็แค่อยากรู้ว่าถ้าดูจะมีความรู้สึกยังไงตามคลิปไหม “ดิวถามผม
         “ก็เห็นบอกว่าไม่ได้ชอบกูเพราะกูเป็นผู้ชาย แต่ก็ไม่เห็นจีบผู้หญิงที่ไหน งั้นลองนั่งดูด้วยกัน ถ้าไม่ได้ชอบจริงๆ มันก็จะเฉยๆ ไม่รู้สึกอะไรปะแอ้ นี้มันแค่หนังโป้เอง “ดิวพูด ผมหันไปมองหน้ามัน ยังไง
         “ถ้าไม่อยู่ดูแสดงว่ารู้สึกตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาแล้วเลย” ไอ้ดิวมันดูถูกผมนิ
         “เออ ดูก็ได้” ผมพูดและเดินไปนั่งข้างๆ มัน ใจก็กลัวๆ กล้าๆ ไม่ใช่เพราะวิดิโอแต่เป็นเพราะมันนี้แหละที่ผมคิดมาตลอด แต่ผมก็มีเหตุผลที่ผมปฏิเสธมันตลอด เอาวะทำใจดีสู้เสือเข้าไว้ ต้องเก็บอาการไม่แสดงให้ดิวมันรู้ว่าจริงๆผมรู้สึกกับมันมาตลอดไม่ต้องพึ้งหนังโป้มาช่วยหรอก แต่นี้ไอ้ดิวมันท้าผมอ่ะ
   TCB …

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
รักวุ่นวายฯภาค แอ้Xดิว EP.10.1 NC ครั้งแรก(ครึ้งหลัง)

          Part's แอ้  ผมนั่งดูหนังโป้ที่ไอ้ดิวมันเปิดไปได้สักสิบนาที ผมเริ่มรู้สึกว่าเริ่มมีมือไต่มาที่ต้นขาผม มันค่อยเลื่อยขึ้นมา ขึ้นมาจนเกือบจะถึงเป้ากางเกงของผม ผมรีบคว้ามือมันไว้ ผมก็สวมกางเกงกีฬาซะด้วยขามันก็บานๆ ผมไม่ได้ชอบบาสเกตบอลแต่ผมชอบพระเอกไงเลยใส่ ผมหันขวับมาที่ไอ้ดิว

        “ดิว มึงจะทำอะไร” ผมถามไอ้ดิวเสียงหลงด้วยความตกใจ

       “ก็รู้อยู่ “ดิวพูดสายตามันเยิ้มมากเลยในตอนนี้

       “ไม่เอา กูไม่ดูแล้ว” ผมพูดแต่ช้าไปที่ผมจะลุกขึ้นดิวมันดันผมลงไปนอนและมันก็รวบแขนผมไว้เหนือหัวทั้งสองข้าง และมันก็ขึ้นคร่อมผมไว้พร้อมกับไซ้ลงมาที่ตรงซอกคอของผมอย่างหื่นกระหาย

        “อย่านะไอ้ดิว “ผมร้องห้ามมันแต่ไม่เป็นผล มันก็ยิ่งกระทำหนักขึ้น

          “แอ้ กูรักมึง กูรักมึงมาก” ดิวเอาแต่พูดคำนี้ว่ามันรักผมมาก ผมรู้ ผมก็ไม่ได้โง่แต่แค่เก็บอาการไม่อยากให้อีกคนรู้ ผมก็รักมันและผมก็อยากอยู่แบบนี้ ข้างๆ มันมากกว่า ผมแค่กลัวว่าถ้าอีกคนรู้ผมกับมันจะห่างกันออกไปแต่นี้ดูมันทำซิ

“รักห่าอะไรเขาทำแบบนี้ กูยังไม่พร้อมดิว” ผมพูด ผมพยายามห้ามปรามแต่ว่าดิวมันกำลังมากกว่าผม

         “กูอยากให้มึงเป็นของกู คนเดียว พร้อมหรือไม่ค่อยว่ากัน “ดิวพูด ผมผงกหัวมองมัน นี้มันคิดบ้าอะไรของมันเนี่ยะ! ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่ามีคนมาจีบผม เขาเป็นรุ่นพี่ในโรงเรียนผม แต่ผมไม่ได้ชอบเขา เขาเฝ้าตามจีบผมและติ๊กก็เหมือนจะสนับสนุนเขากับผมและอีกคนที่สนับสนุนผมหนักมาก นั้นคือพี่ชายผมเอง พี่แอร์ พี่แอร์เป็นเพื่อนสนิทกับพี่คนนั้นแต่ว่าพี่แอร์เลือกไปเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร ส่วนพี่เขาไม่สะดวกเลยตั้งใจว่าจะจบม.6 แล้วค่อยตามไปสอบดีกว่า

           “อุ๊บ “ปากผมถูกปิดด้วยริมฝีปากที่หนานุ่ม ที่กดลงที่ริมฝีปากบางๆ อ่อนนุ่มของผม อย่างหนักหน่วงแต่มันกลับทำให้ผมนี้เคลิ้มจนลืมต่อต้านมือที่ดันอกแน่นๆ ของดิวก็กลับกลายเป็นว่าผมเอามือไปกุมมืออีกคนอย่างแน่นแทน

           เราสองคนกอดรัดฟัดกันอยู่พักหนึ่ง ดิวหยุดนิ่งและร่างผมที่นอนหายใจหอบกับการดูดดื่มที่ยาวนาน ครั้งแรกของผมทุกอย่าง สายตาดิวที่มองผม มันไม่ใช่สายตาหื่นกามแบบในหนังและดิวก็ถอดเสื้อกีฬาตัวเก่งมันออก เผยให้เห็นแผ่นอกที่แน่นไปด้วยมวลของมัดกล้ามแบบนักกีฬานี่มันอายุแค่สิบสามย่างสิบสี่ปีเองนะ ถ้ามันเล่นกีฬาแบบนี้ไปจนโตเป็นผู้ใหญ่ หุ่นมันจะแซ่บขนาดไหน มัวแต่คิดเรื่องหุ่นดิว ผมมารู้สึกอีกทีชายเสื้อผมกำลังถูกเลิกขึ้น ผมกำลังจะขืนไว้

       “ดิว!”

        “ทำตามความรู้สึกตัวเอง รักดิวไหม” ดิวถามผม

          “ดิว...”

        “ดิวรู้ว่าแอ้คิดยังไงกับดิว ดิวขอนะเพราะว่าดิวรักแอ้ รักมานานแล้ว รักมากจนไม่อยากเสียแอ้ให้ใคร เป็นของดิวน่ะ “ดิวพูดกล่อมผมแล้วผมจะปฏิเสธเหรอ



        ผมก็ยอมให้เสื้อกีฬาตัวนั้นถูกเลิกขึ้นและถอดออกไปจากเรือนร่างของผม และดิวก็ก้มลงพรมจูบไปทั่วเรือนร่างที่ปราศจากเสื้อมาปกปิด นี้คงเรียกว่าสัญชาตญาณซินะ ทั้งที่ไม่เคยให้ใครทำแบบนี้มาก่อน หนังโป้ หนังเอ็กซ์อะไรก็ไม่เคยดู แต่ภาพคนแสดงในทีวีที่ถูกกระทำเหมือนผมหรือผมถูกกระทำเหมือนในทีวีก็ไม่รู้มันเหมือนกันแทบทุกอิริยาบถ มันเร่าร้อน มันรู้สึกโหยหา ร่างกายผมไม่ต่อต้านการกระทำของดิวอีกต่อไป มันสมยอมไปกับการเล้าโลมนั้น

            จนกระทั่งผมรู้สึกเย็นวาบที่ช่วงล่าง ดิวดึงกางเกงผมหลุดไปพร้อมกันทั้งชั้นในชั้นนอก และของดิวก็ไม่อะไรปกปิดเช่นกัน นี้แหละที่พีคมาก มันทำให้ผมตาโตเมื่อเห็นเจ้าโลกอันมหึมา ใหญ่เกินตัวไปไหม ไอ้ดิว ผมถึงกลับกลืนน้ำลายลงคอ ดิวก็ทำการจับขาผมตั้งและแยกออก ผมมัวแต่ตกใจขนาดแต่ก็ยังพอมีสติ

           “ดิว ..แอ้กลัว” ผมพูดขึ้นทันที

         “กลัวเจ็บเหรอ” ดิวผม

        “เออ” ผมตอบเพราะว่าแค่นิ้วยังไม่กล้าเลยแต่นี่ของมันใหญ่ขนาดนั้น

         “นี้มีตัวช่วย แอบเอามาจากห้องพี่ดิม “ไอ้ดิวพูดและมันก็หยิบ เควายเจลขึ้นมาและบีบใส่มือ มันก็ป้ายที่ก้นผม เย็นวาบขึ้นมาทันทีและมันก็ชโลมทั่วน้องมันด้วย ไม่น่าจะใช้น้องหรอกเพราะว่ามันโตพอๆ กับไอ้ดิวนั่นแหละ น่าจะเพื่อนรักมันมากกว่า ผมคิดว่าน่ะ

         “มาถึงขั้นนี้แล้วอย่าห้ามเลยนะเพราะดิวหยุดไม่ได้แล้ว “ดิวพูดและผมก็คงต้องปล่อยให้ไปตามเกมของมันเหมือนกันเพราะผมก็หยุดไม่ได้ด้วยเหมือนกัน ผมรีบรู้การสัมผัสช่องทางแคบผมของสิ่งนั้นที่เรียกว่าเจ้าโลก

         “อึบ” ผมเองที่ร้องและหลับตา

         “นิดเดียวแอ้ “ดิวพูดและมันก็ออกแรงดันเข้าไปอีก

        “โอ๊ย!!!ดิว...เจ็บ” ผมร้องเพิ่มระดับความดังขึ้น นิ้วมือจิกลงที่ผ้าปูที่ผมเอามาปูนั่งเพื่อเล่นเกมส์กัน ตอนนี้รู้สึกเหมือนร่างของผมจะฉีกออกจากกัน ผมยังไม่โตเต็มวัยที่จะรับเรื่องแบบนี้ผมคิดว่า

         “อีกนิดเดียวแอ้ ตอนนี้ดิวเสียวมาก น่ะแอ้น่ะ อืมมม ดันยากอ่ะแอ้ โอ้ววว !!! อู้วววว!!!!” ดิวพูดและดันเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ผมนี้กัดปากตัวเองแน่น เพราะรู้ว่าห้ามไปตอนนี้มันก็ไม่หยุดต้องอดทนให้มันไหลลื่นเข้าไปแต่ว่าความรู้สึกคือมันใช้เวลานานเหลือเกิน

          “โอ๊ย!!!! “พร้อมกับร้องออกมาสุดเสียงที่มีเพราะว่ามันเจ็บมาก ตอนนี้หนอนน้อยๆ ของไอ้ดิวแต่มันคับแน่นมาก

           ดิวก้มลงกอดผมไว้และมันก็ยังคงดันต่อเนื่องจนเรียกได้ว่าสุดและมันก็หยุด ผมรู้สึกได้ว่าน้ำตาผมไหลเลยมันเจ็บมากจริงๆ ดิวแช่ไว้แบบนั้น จนสักพักมันรู้สึกความเจ็บค่อยๆ เบาลงและดิวก็ค่อยขยับช้าและเร็วขึ้น ดิวดันลำตัวขึ้นและมองหน้าผม ผมหลับตาพริ้ม มันเคลิ้มไปกับจังหวะที่ดิวมอบให้ เคลิ้มจน ถึงจุดพีค คือดิวเริ่มเร็วขึ้น เร็วขึ้นจนผมสองคนหายใจแทบไม่ทัน ผมมองหน้าไอ้ดิว นี้มันยังไม่สิบห้าเลยน่ะแต่มันทำเหมือนกับว่ามันโตเต็มวัยแล้ว หรือว่าเขาเรียกสัญชาติญาติของมนุษย์ มันจะทำเองได้โดยอัติโนมัติ

            “อ้าห์!!” เสียงร้องของดิวเหมือนได้ปลดปล่อยและดิวมันก็หยุดนิ่ง ดิวมันเกร็งส่วนที่ผ่านเข้าไปในร่างกายผม ผมรู้สึกได้ถึงความอุ่นที่ฉีดพ่นเข้าไปในร่างกายผมและดิวก็หมอบลงทับร่างผมแบบไม่ได้ทิ้งทำหนักทั้งตัว เนื้อตัวของดิวเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ดูเหมือนกลับไปวิ่งรอบสนามมาสักสองสามรอบเห็นจะได้ ผมสองคนยังไม่ได้พูดอะไรกัน เพราะความเหนื่อยและมันก็มีความสุขแบบแปลกๆ เหมือนไอ้ระบายอะไรออกไป

          “ดิว” คำแรกที่ออกจากปากผม ผมมองดิว

          “จ๊วบ” ดิวจูบที่ริมฝีปากผม คราวนี้ผมไม่ได้หลบหนี ผมก็จูบดิวกลับซะงั้น

          “ครับที่รัก” ดิวเรียกผมว่าที่รัก ผมได้แต่มองดิวค้างนิ่ง ดิวยังคงยิ้มกริ่มให้ผม ดิวใช้ปลายนิ้วเรียวๆ ของดิวปัดผมที่ลงมาปรกหน้าผากของผมออกไป ดิวก็ใช้ฝ่ามือลูบไล้ใบหน้าของผมอย่างเอ็นดู ดิวจับกุมมือผมมาหอมมาจูบ

          “ดิวรักแอ้ แอ้เป็นของดิวแล้วน่ะ ต่อจากนี้” ดิวพูดกับผม ผมอยากจะบอกว่า ต่อไปนี้ผมอาจจะเจออะไรที่เรียกว่าหนักก็ได้เพราะว่าอีกคนที่ปกติไปไหนมาไหนด้วยกันกับผมและดิว เขาคนนั้นก็รู้สึกกับดิวเช่นกัน ส่วนผมเองก็รู้สึกแต่ก็ไม่อยากทำร้ายอีกคน จึงมักจะบอกว่าผมไม่ได้มีอะไรกับดิวแต่ว่าวันนี้ผมเรียบร้อยไอ้ดิวไปแล้ว

         “แอ๊ด “เสียงประตูถูกเปิด ผมกับดิวยังค้างกันอยู่ และคนที่เข้ามายืนก็อึ้งไปกับสิ่งที่พวกเขา คนที่เขามานั้นก็คือ พี่ดิมและพ่อ ต่างพากันอ้าปากค้างไปพร้อมกัน

        “พ่อ!” ดิวเรียกลุงภาเสียงหลง

        “ดิว นั้นทำอะไรนะ” พ่อทำดิว ด้วยน้ำเสียงที่ตกใจมาก

        “คือดิว คือ…” ไอ้ดิวตกใจไม่แพ้ผม

        “พ่อ... ดิว… ขอโทษ” ดิวพูดขอโทษก่อนที่จะดึงสิ่งนั้นออกจากร่างผมไป ผมรีบหันไปดึงสิ่งที่พอหาได้มาปกปิดร่างกายตัวเอง เพราะความอาย ปกติผมไม่เคยเปิดเผยส่วนสงวนให้ใครได้เห็น นี้พี่ดิมด้วยแถมเป็นเพื่อนพี่อ้นอีกต่างหาก

        “ดิว..นี้” พ่อถามดิวและเดินตรงเข้ามาหาผมสองคน พ่อมองหน้าผมสองคนสลับไปมา

        “ใช่ครับพ่อ ผมมีอะไรกับแอ้” ดิวตอบลุงภา

        “แต่ดิวรักแอ้พ่อ ดิวรักแอ้และดิวเชื่อว่าแอ้รักดิว เราสองคน”

        “รักกันน่ะพ่อไม่ว่าแต่ดิวไม่ควรทำแบบนี้เพราะว่า!!ดิว!!! “พ่อพูดขึ้นเสียงกับดิว ผมก็เลยคิดว่าคงเพราะว่าเราเปรียบเสมือนญาติพี่น้องกันแน่ๆ

        “และถ้าอาภีมรู้เข้า เขาจะว่ายังไงและเราก็เด็กกันทั้งคู่ ทำแบบนี้จะรู้ไหมว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไงดิว” พ่อภาถามดิว เท่านั้นแหละน้ำตาผมไหลพรูออกมาเลย

        “แอ้ พ่อ ไม่ได้ว่าเรานะแอ้” พ่อหันมาพูดกับผม

        “พ่ออย่าว่าแอ้เลย ผมเองที่ขอเขา เพราะผม ...ผม...”

       “ผมอะไรดิว” พ่อถามไอ้ดิว

         “ผมหึง...ที่มีคนมาจีบแอ้ ผมอยากได้แอ้เป็นของผม ผมรับรองว่าผมจะดูแลแอ้และรักเขาแค่คนเดียว” ดิวพูด

         “มันไม่ใช่แค่นั้นดิว แอ้มีสิ่งที่มากกว่านั้น ดิวอาจจะต้องดูแลสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา” พ่อพูดผมก็เงยหน้ามองพ่อ ว่ามันคืออะไรผมไม่เข้าใจ

          “เอาละ ...ใส่เสื้อผ้าซะทั้งคู่และแอ้ไปชำระร่างกายก่อนแล้วออกไปหาพ่อข้างนอกนะ พ่อมีอะไรจะอธิบายให้ฟัง “พ่อพูดพร้อมกับหันไปทางพี่ดิมให้ออกไปจากห้องนี้ก่อนเช่นกันก่อน

          “พ่อแล้ว” เสียงพี่ดิมถามพ่อ

         “ยังไม่รู้ตอนนี้ดิม ต้องรอดูว่าจะเกิดขึ้นไหม พ่อผิดเองที่ไม่บอกดิว ว่าแอ้เขามีอะไร และนี่มันดูจะเร็วไปอาจจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิด พ่อเองก็ไม่รู้ดิม…” ผมได้ยินพ่อคุยกับพี่ดิมก่อนที่พ่อกับพี่ดิมจะปิดประตูลง

          ผมไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่พ่อกลัวว่าจะเกิดขึ้นกับผมกันแน่ แต่ตอนนี้ผมเริ่มเจ็บระบบที่ก้นผมมาก ดิวสวมเสื้อผ้าให้ตัวเองและเข้ามาช่วยผมแต่งตัว และพาผมเข้าห้องน้ำเราสองคนชำระร่างกาย สวมเสื้อผ้าและรีบแต่งตัวออกไป พ่อนั่งอยู่ที่โซฟา ผมและดิวเข้าไปนั่ง พ่อหันมามองหน้าผม และดิวสลับกันไปมา

          “ดิม พ่อขอคุยกับน้องเราก่อนนะ” พ่อพูดกับพี่ดิม พี่ดิมที่กำลังทำเอกสารให้พ่อ พี่ดิมก็พยักหน้าพร้อมหอบเอกสารพ่อออกไปด้วย ผมได้แต่นั่งก้มหน้า ผมรู้สึกผิดที่ไม่ห้ามไอ้ดิว

         “พ่อเสียใจสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้นะดิว “พ่อพูด ทำเอาผมน้ำตาไหลอีกครั้ง ผมทำให้พ่อภา ซึ่งผมก็เคารพรักเหมือนพ่อของผมอีกคนผิดยังหวังกับผมสองคนเลย

         “พ่อแต่ผมรักแอ้ ผมก็เคยบอกพ่อไปแล้ว”

         “พ่อไม่ได้ห้ามไม่ให้รักกันแต่ ผิดหวังที่เราสองคนมีอะไรกันเร็วเกินไป” พ่อพูดด้วยน้ำเสียงที่ซีเรียสออกไปทางตรึงเครียดพอสมควร

          “ได้ป้องกันไหม” พ่อถามผมสองคน ผมสองคนได้แต่ส่ายหัว เพราะยังไม่รู้จักวิธีป้องกันเลยด้วยซ้ำ

         “เห็นไหม เราสองคนยังไม่รู้เลยอะไรคือเซ็กส์ และมันมีความเสี่ยงอะไรบ้าง ป้องกันยังไงบ้าง “พ่อพูดขึ้น เรื่องจริงมาก ผมสองคนหันมามองหน้ากัน

         “ฟู้!” พ่อพ่นลมหายใจออกมา

         “ถ้าภีมรู้เรื่องนี้” พ่อภาพูดผมเงยหน้ามองพ่อภา ผมไม่อยากให้พ่อภีมผิดหวังในตัวผม

          “พ่อภา อย่าบอกพ่อภีมเลยนะ แอ้ขอร้อง แอ้สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก แต่ลุงภาอย่าบอกพ่อเลยนะแอ้ขอร้อง” ผมขอร้องลุงภา พ่อภาทำสีหน้าหนักใจ

          “พ่อดิวขอรับผิดชอบแอ้ ดิวรู้ว่ามันเร็วไปและผมอายุยังน้อย ผมขอรับผิดชอบทุกอย่าง จะให้ผมไปขอกับอาภีมด้วยตัวผมเองผมก็ยอมพ่อ เพราะว่าผมรักแอ้ ผมรักเขามาก” ดิวพูด เขาออกตังจะรับผิดชอบผม ทั้งที่มันน่าจะรู้อยู่แล้วว่ามันคือใคร คนที่ถูกเลือกเอาไว้แล้วนี่น่ะ

          “พ่อไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นดิวแต่สิ่งที่พ่อกลัวและกังวลมาก ไม่รู้มันจะเกิดขึ้นไหมนี่ซิ “พ่อพูด ผมสองคนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจพ่อภาหมายถึงอะไร

          “ดิว แอ้นะไม่ใช่แค่เด็กผู้ชายทั่วไป” พ่อพูด ผมหันไปมองพ่อภา

          “เออ ...พ่อหมายถึงอะไรอ่ะ ดิวไม่เข้าใจ” ดิวหันไปถามพ่อภาทันที

          “แอ้นะ มีส่วนที่เป็นของผู้หญิงอยู่ในร่างกาย เขาเรียกว่ามดลูกและมันทำหน้าที่ในการตั้งครรภ์ได้” พ่อพูด ผมสองคนยิ่งงงกันไปใหญ่ ผมเป็นผู้ชายผมก็ยังมีส่วนที่เรียกว่าผู้ชายอยู่

         “แอ้เหมือนคนสองเพศดังนั้น แอ้จึงมีโอกาสท้องได้เหมือนผู้หญิงทั่วไป “เท่านั้นแหละผมตกใจ อึ้งไปพักใหญ่ ผมนี้นะ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย

         “พ่อพูดจริงๆ เหรอ “ดิวถามพ่อภาแต่น้ำเสียงมันกลับตื่นเต้น ผมคิดในใจมันบ้าหรือเปล่า ผมนี้สั่นหัวไปมา ไม่จริงๆ ขอให้มันไม่ใช่เรื่องจริง

           “ใช่ดิวแต่พ่อยังไม่แน่ใจว่ามันจะ พร้อมทำหน้าที่นั้นไหม คงต้องรอลุ้น ถ้าไม่ก็โชคดีไป แต่ถ้ามาละ เราสองคนจะทำยังไง ยังเรียนกันอยู่เลย “พ่อภาพูด ผมหันมมองหน้าดิว อันนี้ผมตันไปหมดคิดอะไรไม่ออกเลย

          “เพราะเหตุนี้พ่อถึงบอกว่า มันเร็วเกินไป” พ่อภาพูดย้ำอีกครั้ง

          “ผมพร้อมจะรับผิดชอบและเลี้ยงเขาถ้าแอ้จะตั้งครรภ์ได้จริงพ่อเพราะว่านั้นคือลูกผมกับแอ้ คนที่ผมรักและเชื่อว่าผมพร้อมจะเป็นพ่อของเขา “ดิวพูดแต่ผมซิ พร้อมไหม และจะเป็นอะไร ในหัวเริ่มตีกันมากมาย จนผมเองก็สับสนว่าจะคิดอันไหนก่อนดี จะบอกพ่อยังไง จะออกไปเจอสังคมยังไง จะนั้น จะนี่ จน....

       “เอาละ ไปพักเถอะ ส่วนแอ้ เดี๋ยวพ่อจะให้พี่ดิมเขาดูยาให้เราทานนะแอ้เพราะว่าคงจะระบมและอาจจะอักเสบได้ ก็ทานยาแก้ปวด ลดอาการอักเสบกันไว้ก่อนนะ ลุงจะบอกพ่อเรานะให้เราอยู่ที่นี้สักพักไม่ต้องกลับกรุงเทพพรุ่งนี้เพราะว่าตอนนี้ภีมก็ยังคงอยู่กับลุงหนึ่ง มีงานด่วนที่ต้องทำให้เสร็จ” พ่อภาพูดและเดินออกไป พ่อภาหยิบมือถือออกไป พ่อภาคงจะออกไปโทรหาพ่อภีมปภพตามที่ลุงบอกผมเอาไว้ เรื่องยังไม่ต้องกลับไปกรุงเทพฯ

          “แอ้...ดิวขอโทษนะที่ทำให้แอ้เจ็บ “ดิวพูด ผมหันมามองหน้ามันอยากหาอะไรปาใส่หน้ามันมากแต่ก็ไม่มีอะไรเลยที่อยู่ใกล้มือ

         “แล้วกูจะบอกเพื่อนว่ายังไง”

         “ก็บอกไปซิว่าเราสองคนคบ เรากันรักกัน “ดิวพูดผมมองหน้าดิว ผมคิดหนักถึงเรื่องติ๊กขึ้นมาทันที

         “ดิวดูแอ้ออกน่ะว่าแอ้รู้สึกยังไงกับดิว แอ้คิดเหมือนดิว “ดิวพูด ผมยอมรับว่าผมก็รู้สึกเหมือนที่ดิวรู้สึกนั่นแหละ

          “ติ๊กมันจะเสียใจไหม เพราะเราสามคน” ผมพูด

           “แอ้ดิวไม่ได้รักติ๊ก และไม่ได้คิดอะไรกับมันนะ ว่าแต่แอ้เถอะ แอ้คิดอะไรกับติ๊กหรือเปล่าถึงได้กลัวติ๊กมันจะเสียใจขนาดนี้” ดิวพูดและมาพร้อมโหมดหึงของมันมาเต็มๆ

           “แอ้..ไม่ได้” ผมรีบพูดเร็วไปกว่าความคิด

          “ดีแล้ว ...” ดิวพูด

          “แต่เราสองคนจะบอกเรื่องนี้กับติ๊กไม่ได้ แอ้ขอ ขอให้พร้อมก่อนได้ไหม” ผมพูดกับดิว สีหน้ามันนี้ไม่เคยคิดจะเข้าใจอะไรบ้างเลยจริงๆ

          “ทำไมอะ” ดิวมันเริ่มทำหน้างอนผมอีกแล้ว

          “กูขอละ นะดิว” ผมพูดออดอ้อนมันและมันก็ได้ผล มันก็พยักหน้ามาพร้อมกับสีหน้าที่ไม่เต็มใจหนักแต่ก็ยอมให้ผม

       TBC ...


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
   
EP.11(ดิวXแอ้)ลูกแฝดของเขา
          Part’s แอ้    ผ่านไปสิบวัน อาการเริ่มออก ผมคิดว่าเพราะเหตุการณ์ ผมรู้สึกไม่ค่อยดี รู้สึกผอืดผอมตลอดเกืบอทั้ววัน แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่าดิวเป็นห่วงผมมากแค่ไหน คอยดูแลผมอย่างดีและลุงภาก็พาผมไปตรวจเลือดทันที และสิ่งที่ผมได้รับคำตอบหลังจากผลตรวจเลือดออก คือ ผมตั้งครรภ์ ไม่ใช่การตั้งครรภ์ธรรมดา ผมตั้งครรภ์แฝด 3 คนเลย ผมแทบจะเป็นลมล้มทั้งยืน
           “พ่อภา ผมท้องไม่ได้นะพ่อ ผมท้องไม่ได้ ไหนจะพ่อภีมและพี่ๆ ผมละและเพื่อนๆ ผมอีก “ผมปล่อยโห่ทันที ผมพูดไปต่างๆ นานา ผมเข้าใจความรู้สึกของคนที่เขาบอกว่าตั้งครรภ์ไม่พร้อมเป็นยังไง ผมยังเด็กเกินไปและผมเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปอีก เพื่อนๆ ก็ยังไม่รู้เรื่องนี้และยังมีอีกคนที่อาจจะเกลียดผมไปตลอดชีวิตเขาเลยก็ได้
           “พ่อ ตรวจดีแล้วเหรอ” ดิวถามพ่อภา
           “ดิวพ่อเคยบอกแล้วไงว่าแอ้นะเขามีสิ่งที่จะทำให้เขาตั้งครรภ์ได้” พ่อภาพูด
          “แอ้ นั้นลูกเรานะแอ้” ดิวหันมาบอกผม
          “ใช่แล้วกูละ กูควรจะอุ้มท้องในร่างผู้ชายเหรอดิว” ผมหันไปตะคอกใส่ดิว
          “แอ้ นั้นลูกเรา ลูกของเรา เขาไม่รู้เรื่อง” ดิวพูด ผมหันไปมองหน้าพ่อภา ผมบอกอะไรไม่ได้ตอนนี้ เพราะในหัวผมมันตันไปหมดทุกทาง
           “เอาอย่างนี้ โชคดีที่อายุครรภ์ยังน้อย พ่อจะหาคนอุ้มท้องให้ เอาเด็กไว้ แต่พ่อต้องถามเราสองคนก่อนว่าพร้อมที่จะเป็นพ่อของเขาไหม” พ่อภาพูด ผมยังงงๆ แต่ดิวมันพยักหน้ารับ
            “ผมจะเป็นพ่อของเขาให้ดีเท่ากับพ่อเลยครับ” ดิวตอบพ่อทันทีอย่างไม่รังเร
           “แอ้ละ” พ่อถามผมแต่ว่าผมกลับลังเลที่จะตอบ
           “ผม...เออ..” ผมยังคงงงกับสิ่งที่เกิดกับผมอยู่
           “แต่พ่อจะบอกก่อนนะว่า แอ้นะเป็นผู้ชายที่สามารถตั้งครรภ์ได้และพอมีลูกขึ้นมา พ่อไม่อาจจะการันตีได้ว่าถ้าลูกที่เกิดมาเขารู้เรื่องนี้และจะรับมันได้เหมือนเป็นเรื่องปกติไหม “พ่อพูดและมองหน้าผมสองคนแบบจริงจัง
            “ถ้าดูแล้วเขาไม่อาจจะรับตรงนี้คงต้องมีใครสักคนที่ต้องถอยและสถานะจะไม่ใช่พ่อหรือแม่เขา” พ่อพูด ดิวหันมามองหน้าผม
            “ผมเชื่อว่าตั้งใจมาเกิดกับผมสองคนและดังนั้นเขาก็จะรักผมสองคนเหมือนที่ผมสองคนจะรักเขาเช่นกันพ่อ” ดิวพูด และกุมมือผมไว้
           “ผมเชื่อว่าไม่มีอะไรมาแทนที่ความรักได้ เหมือนผมตอนนี้เช่นกัน” ดิวพูดกับพ่อภา พ่อภาพยักหน้าเบาๆ
           “ได้...พรุ่งนี้พ่อจะทำการดูดตัวอ่อนออกมาและพักไว้ พ่อหาคนที่จะอุ้มท้องให้เราได้แล้วนะ เขาจะเข้ามาตอนเย็นเพื่อทำการตรวจร่างกายโดยละเอียดอีกครั้ง” พ่อภาพูด
            “พ่อจะต้องเปิดห้องทดลองที่เคยถูกสั่งปิดเพราะห้องนั้นมีเครื่องมือในการทำเกี่ยวกับเรื่องนี้ “พ่อภาพูดและมองผมสองคน
            “อันนี้จะต้องเป็นความลับ” พ่อภาพูด
           “พ่อภา ผมขอร้องอะไรอย่างได้ไหมครับ” ผมพูดขอร้องพ่อภา พ่อพยักหน้าให้ผม ดิวก็มองหน้าผมแบบกังวลว่าผมจะขออะไร
           “ว่ามาซิแอ้” พ่อภาพูด
          “ผมยังไม่พร้อมจะบอกพ่อภีม ผมขอเก็บไว้ก่อนได้ไหมครับ” ผมพูด เพราะผมไม่อยากทำให้พ่อผมเสียใจอยู่ดี ที่ผมใจแตกตั้งแต่ยังเรียนไม่จบแบบนี้
          “อืมม พ่อก็ว่ายังไม่ควรบอกเพราะภีมหวังไว้มากกับเราแอ้” พ่อภาพูดและเอามือลูบหัวผมเบาๆ
          “พ่อจะดูแลเราเหมือนลูกพ่อคนหนึ่งน่ะแอ้ ส่วนพ่อภีมน่ะ เอาไว้พ่อจะบอกพ่อเราเอง ในฐานะที่พ่อเป็นผู้ใหญ่และเป็นพ่อของดิว  “พ่อภาพูด
          “พ่อนะดูแลผมดีเหมือนลูกพ่ออยู่แล้ว ผมขอโทษนะครับพ่อภาที่ผมทำให้พ่อเดือดร้อน” ผมพูดน้ำตารินไหล
          “แต่เรื่องพ่อภีม ผมอยากบอกเองได้ไหมครับเมื่อผมพร้อมมากกว่านี้” ผมบอกพ่อภา พ่อภาพยักหน้ากับผม
         “พ่อดิวก็ขอโทษครับที่ดิวทำไปไม่ทันคิด” ดิวพูดกับพ่อ
         “เอานะ พ่อก็เคยเป็นดิวแต่พ่ออยากให้ดิวรับผิดชอบสิ่งที่ทำด้วย “พ่อภาพูด ผมสองคนค่อยคลานเข่าเข้าไปกราบขอโทษพ่อภาพร้อมกัน พ่อเอามือลูปหัวผมสองคนและพี่ดิม กับพี่ดรีมก็เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของพ่อที่ในโรงพยาบาล
          “พ่อจะให้แอ้แอ็ดมิทคืนนี้เลยใช่ไหมครับพ่อ” พี่ดิมถามพ่อ ผมหันไปมองหน้าพ่อ
          “ใช่ เราต้องตรวจทุกอย่างของแอ้ก่อนและอัลตราซาวล์ดูขนาดของตัวอ่อน ว่าไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่เกินไปแต่ดูจากอายุภครรภ์ ยังถือว่าอยู่ในช่วงที่ปลอดภัยพอจะย้ายได้และพ่อก็ได้โทรคุยกับศาสตราจารย์กิฟสันแล้ว เขาว่ามันปลอดภัย “พ่อภาพูดกับพี่ดิมและพี่ดรีม ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากหนัก
          “ได้ครับพ่อ ผมจะได้ไปจัดห้องพักให้” พี่ดิมพูด
         “พ่อผมของอยู่กับแอ้นะครับพ่อ ถ้าให้ผมกลับผมอกแตกตายแน่ๆ” ดิวพูดขึ้นพ่อหันมามองไอ้ดิว
           “แน่ใจนะว่าแค่อกแตกตายอย่างเดียว อยู่ได้แต่ห้ามซ่าในโรงพยาบาลนะ” พ่อภาหันมาบอกดิว
           “ช่าย! เขาห้ามปั่มปั๊มกันในโรงพยาบาล” พี่ดรีมพูด ไอ้ดิวมันสะบัดหน้าไปมองพี่ดรีม
          “มึงนี้นะ ตรงไปไหม” พี่ดิมเอ็ดพี่ดรีม ผมหันมามองดิวที่นั่งอยู่ใกล้กับผมตลอดไม่ยอมห่าง บีบมือผมเอาไว้ด้วย สายตาคุ่นี้ที่บอกผมได้ว่าเขาเป็นห่วงเขามากแค่ไหน และยิ่งดิวทำแบบนี้กับผมมากเท่าไหร่ มันก็ทำให้ผมรู้สึกผิดกับอีกคนมากเท่านั้นเช่นกัน
            ผมได้มานอนพักหนึ่งคืนที่โรงพยาบาลของพ่อภา เพื่อเตรียมย้ายตัวอ่อนจากในพุงของผม เมื่อคืนผมแทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย ก็เพราะว่าไอ้ดิวนี้มันนอนจับมือผมตลอด ขยับตัวทีไอ้ดิวก็ตื่นทีแถมยังคอยถามผมตลอดว่าจะกินน้ำไหม กินนั้นไหมนี่ไหม ทั้งที่เขาให้ผมงดอาหารตั้งแต่หลังเที่ยงคืนและผมก็ยังมีสายน้ำเกลือเสียบอยู่ที่แขนผมด้วย ทำให้ลุกนั่งเดินเหินลำบากแต่โชคดีที่ได้ดิวคอยช่วยเหลือคอยดูแลผม มันทำให้ผมรู้ว่าดิวมันรักผมมากขนาดไหน ผมเองก็รักดิว แอบรักมานานแล้วเหมือนกันแต่ว่าผมบอกไม่ได้ ผมรู้ว่าดิวคือคนที่ทางองค์กรต้อง แล้วอย่างนี่ผมจะกล้าเหรอ
            ตอนนี้รุ่งเช้าแล้ว ผมตื่นมาด้วยความหิวแต่ว่ายังทานอะไรไม่ได้และผมก็ถูกพาไปที่ห้องคนไข้ห้องหนึ่ง ดูแล้วไม่น่าจะใช่ห้องพักคนไข้ปกติ ผมนอนรอจนกระทั่งประตูถูกเปิดเข้ามา พ่อภาเข้ามาพร้อมกับพี่ดิม วันนี้พี่ดิมมาด้วยเสื้อกาวน์แพทย์ไม่ได้สวมชุดเครื่องแบบทหารเหมือนทุกครั้ง และยังมีคนอื่นๆ เข้ามาด้วยเช่นกัน ผมเริ่มกังวล จนผมหันไปเจอพี่มีคนพี่หมอดรีม เข้ามาในฐานะแพทย์อินเทิร์นและพี่หมอด้าเพิ่งจะจบแพทย์ปีสี่ พี่สองคนเขายิ้มให้ผม ผมสังเกตุมีเครื่องมือทางการพทย์ถูกเข็นเข้ามาในห้องและเอาไว้ที่ข้างเตียงนอนของผม
             “ดิมเตรียมเครื่องอัลตร้าซาวน์ให้พ่อเลยน่ะ” พ่อภาบอกพี่ดิม พี่เขาก็จัดการสวมถุงมือก่อนจะหันมามองหน้าผม พี่ดิมยิ้มให้ผม ตอนนี้ผมนอนด้วยความกังวลอยู่บนเตียงคนไข้ ทำไมความรู้สึกตอนนี้เหมือนตอนที่ผมเป็นเด็กและผมป่วย คนที่ผมอยากให้อยู่ข้างๆ ผมอีกคนคือพ่อภีมปภพแต่ว่า ผมไม่กล้าบอกพ่อผมไปตามตรง ผมยังคงเก็บมันเอาไว้
           “แอ้ นี้คือเจ้าหน้าที่และทีมแพทย์ที่จะเข้ามาไปช่วยพ่อจัดการพาตัวอ่อนออกมาเพื่อส่งไปอยู่ในครรภ์ของคนอุ้มบุญที่พ่อจัดหาไว้แล้ว” พ่อภาบอกผม ผมพยักหน้า ผมรู้ว่าสีหน้าผมดูกังวลมากที่เห็นคนนอกเข้ามาด้วย
             “และนี้ก็คือคุณหมอวิรัญญา เป็นหมอวิสัญญี คนที่จะวางยาเราและนี้พี่ๆ พยาบาลและนักศึกษาแพทย์ที่เขามาดูเอาไว้เป็นเครสศึกษาน่ะแอ้” พ่อภาอธิบายให้ผมฟัง
             “ได้แล้วครับพ่อ” พี่ดิมหันไปบอกพ่อภา พ่อพยักหน้าก่อนจะเดินมาหาผม พ่อเปิดที่ท้องน้อยของผม พ่อดึงขอบกางเกงผมลงไปจนเกือบถึงหัวหน่าวพี่ดิมรีบเอาผ้ามาปิดให้ผมมันก็จะเห็นแค่ตรงที่พ่อจะทำการอัลตร้าซาวน์แค่นั้น
            “ให้พี่ดิมเขาทำน่ะวันนี้ พ่อจะยืนดูและอธิบายให้พี่ๆ เขาฟัง” พ่อภาบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ ว่าได้ พี่ดิมนั่งลงข้างๆ ผม ด้วยเก้าอี้ตัวสูง
           “แอ้จะรู้สึกเย็นๆ หน่อยน่ะเพราะว่าพี่ต้องใช้เจลช่วย” พี่ดิมบอกผม พี่ดิมบีบเจลใสๆ ลงบนเครื่องมืออะไรสักอย่างและกดเครื่องมือลงไปแตะที่ผิวหนังตรงท้องน้อยของผม ผมรู้สึกเย็นว้าปขึ้นมาเลยทีเดียวและเครื่องนั้นก็กดลงที่พุงเบาๆ ไม่แรงมากพร้อมกับเคลื่อนที่ไปทั่วเพื่อควานหาบางสิ่งบางอย่างที่พุงน้อยของผม ผมหันไปมองที่หน้าจอใหญ่ ห้องที่ผมมานอนนี่ไม่ใช่ห้องคนไข้ปกติ เป็นเหมือนห้องรอคลอด (ในตอนนั้นผมเองยังไม่เคยรู้ มารู้เอาตอนโตแล้วนี่แหละ)
              “เอาล่ะดิมหยุดก่อน พ่อว่าพ่อเจอแล้ว” พ่อภาบอกพี่ดิมให้หยุดควานหาในพุงของผม พี่ดิมก็หยุดเครื่องมือนั้นเอาไว้นิ่งๆ
            “ขยายให้พ่อหน่อยดิม” พ่อภาบอกพี่ดิม พี่ดิมก็ทำตามที่พ่อภาบอก ตอนแรกมองไม่รู้เรื่องเลยและพอพี่ดิมซูมเข้าไปเท่านั้นแหละผมก็เห็นถุงกลมๆ สามถุงอยู่กันสามมุมมีสองถุงอยู่ไม่ไกลกันมาก
           “เอาล่ะ นี้คือตัวอ่อนทั้งสามถุง มีตัวอ่อนA ตัออ่อนBและตัวอ่อนC บร้าๆๆๆ” พ่อก็อธิบายไปผมก็มองตัวอ่อนในพุงของผม นี้เป็นเรื่องจริงเหรอ ผมมีตัวอ่อนในตัวผมสามคนเลยเหรอ ดิวก็นั่งมองพร้อมกับกุมมือผมไปด้วย เขายิ้มไปด้วยแต่ผมในตอนนี้มีหลากหลายอารมณ์ตีกันวุ่นวายไปหมด มีทั้งความกังวลใจและตื่นเต้นไปพร้อมๆ กัน
            “เอาล่ะดิม พอแล้ว” พ่อหันมาบอกพี่ดิม พี่เขาก็ทำการดึงเครื่องมือออกจากพุงของผม พี่ดิมยื่นกระดาษทิชชูให้ผมไปเช็ดพุงของผมที่เลอะเทอะไปด้วยเจลสีฟ้าๆ ผมก็เอื้อมมือไปแต่ว่ามีคนแย้งผมทำซะก่อน คนนั้นคือดิว ดิวเช็ดทำความสะอาดพุงแทนผมจนเรียบร้อย
            “ผมต้องขอความร่วมมืออีกอย่างนะครับ ผมขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับเพราะว่านี้คือความมั่นคงขององค์กรของเรา ดังนั้นเรื่องนี้จะถูกเผยแพร่ออกไปไม่ได้เด็ดขาด ทำได้ไหมครับ” พ่อภาบอกกับเจ้าหน้าที่ทุกคน
             “ได้ค่ะ/ได้ครับ” ผมหันมามองดิว
              “ถ้าอย่างนั้นเจอกันที่ห้องผ่าตัดเลยนะครับ ขอบคุณครับ” พ่อภาบอกทุกคนก่อ่นจะหันมามองหน้าผม
             “แอ้ล่ะพร้อมหรือยัง เราจะไปพาลูกๆ ของเรา ส่งต่อไปยังแม่อุ้มบุญที่พ่อหามา เขารออยู่แล้ว” พ่อภาบอกผม ผมหันมามองหน้าดิว
            “พ่อแล้ว?” ผมทำท่าจะถามพ่อ ใจผมก็กล้าๆ กลัวๆ จะถาม
           “ไม่ต้องห่วง พ่อจัดการทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว เขาเซนต์เอกสารเพื่อรับรองว่าเขาจะไม่พาลูกๆ เราไปไหนเพราะว่าพ่อจ้างเขามาและสายเลือดจะยังเป็นเราสองคน เขาแค่อุ้มบุญให้เท่านั้นและที่พ่อทำได้เพราะว่าอายุครรภ์ไม่เยอะถ้าอายุครรภ์เยอะแล้วพ่อทำไม่ได้น่ะแอ้ “พ่อภาพูดกับผม ผมหันมามองหน้าดิว
           “ยังไงดิวก็เข้าไปกับเราไม่ได้และแอ้ต้องถูกวางยาสลบก่อนด้วยเพราะมันจะเจ็บมากแม้จะไม่ได้ผ่าตัดใหญ่ก็เถอะ” พ่อภาหันมาบอกดิว ดิวก็ทำสีหน้าผิดหวังทันที ผมนะไม่เข้าใจหรอกครับว่าเขาจะทำอะไรกับผม
             ผมแค่รู้ว่าผมจะให้ตัวเองท้องป่องไม่ได้ ร่างผมถูกเข็นออกจากห้องและตรงไปยังห้องไหนก็ไม่รู้เพราะผมเห็นแค่หลอดไฟตลอดการเข็นไปและพอเข้าไปก็มีคนมามุงทำนั้นทำนี้ และมีคนเอาที่ครอบอะไรสักอย่างมาครอบผมไว้ตั้งแต่จมูกของผมไปที่ปากของผม
            “ไม่ต้องกลัวนะคะ นึกถึงสิ่งที่ทำให้มีความสุขเข้าไว้ ทุกอย่างจะดีเองค่ะ” เป็นผู้หญิงที่สวมผ้าปิดจมูกและหมวกสีเขียวเขาบอกกับผมไม่นานผมก็หลับไป ใช่สิ่งที่ผมเห็นคือผู้ชายร่างสูงใหญ่ ในชุดเครื่องแบบทหาร แต่รูปร่างแบบนี้มันไม่ใช่พ่อภีมปภพพ่อของผมเลย เขาคุกเข่าและกางแขนผมเองที่ตัวกะเปียดเล็กมากเหมือนเพิ่งหัดเดิน ยังเดินเป๋ๆ อยู่เลย
            [ปะป๊า] เสียงที่เรียกชื่อนั้น เสียงของเด็กน้อย ผมยืนมองเด็กน้อยนั้น หน้าตาทำไมละหม้ายคล้ายกับผม หรือว่าเด็กคนนั้นคือผมกันแน่
           [แอ้...มาหาพ่อซิ] ในความฝันผมกำลังรีบก้าวเท้าเพื่อไปหาผู้ชายตัวโตคนนั้น เครื่องแบบดูลางๆมันเหมือนชุดทหทาร เด็กคนนั้นเดินเข้าไปหามากเท่าไหร่ผู้ชายคนนั้นก็ห่างออกไปเรื่อยๆ
[ปะป๊า รอด้วยยย!!] ภาพผู้ชายคนนั้นกำลังจางหายไปราวกับควัน สุดท้ายก็หายไป เด็กคนนั้นก็ล้มลง ทำได้แค่ร้องไห้ พยายามกางแขนให้เขากลับมา มันมีบางช่วงที่ผมเห็นใบหน้าผู้ชายคนนั้นชัดบ้างเลือนลางบ้างแต่ทะว่ามันไม่ใบหน้าของพ่อภีมปภพ พ่อของผม
“พ่อ!!!”ผมเหมือนกำลังคว้าบางอย่างและผมก็สัมผัสกับบางสิ่งที่คล้ายกับใบหน้าใครสักคน ผมรีบลืมตาขึ้นทันทีและสิ่งที่ผมเห็นคือใบหน้าของไอ้ดิว
“แอ้!!!”ดิวมันเรียกผมเสียงดังถี่ๆ  ผมหันมองไปรอบๆ ผมไม่ได้อยู่ที่บ้าน ผมลืมไปว่าผมอยู่โรงพยาบาลในค่ายทหารอยู่เลย ผมค่อยๆ ขยับตัวจะลุกแต่ว่าดิวเข้ามาประคองผมให้ผมนั่ง
          “แอ้ เรียกหาอาภีมเหรอ” ดิวถามผม ผมมองหน้าดิว
          “หึ?” ดิวเลิกคิ้วถามผม
          “พ่อภีม พ่อมาเหรอดิว” ผมถามดิวด้วยสีหน้าตกใจและกังวล
           “ไม่มา ดูซิเหงื่อออกเต็มไปหมดเลยแอ้” ดิวพูด พร้อมกับหยิบเอากระดาษทิชชูมาซับเหงื่อให้ผมและผมก็มองไปรอบๆ นี้ผมกลับมาห้องพักแล้วเหรอ และผมก็รู้สึกหน่วงๆ ที่ท้องน้อยยังไงก็ไม่รู้
            “พ่อบอกว่าสำเร็จแล้ว ตัวอ่อนลูกๆ ของเรากลับเข้าสู้คนที่รับอุ้มบุญให้เราแล้วแอ้ เราจะเป็น่พ่อคนแล้วนะ ดิวดีใจที่สุดเลย” ดิวพูดผมได้แค่มองดิว แต่ทำไมน้ำตาผลไหล
            “ดิว กู ไม่พร้อมว่ะ” ผมรีบบอกดิวทันที
          “แอ้นั้นลูกของเราน่ะ” ดิวพูด สายตาดิวที่มองผม
          “แต่กู ... ไม่รู้วะ กูรู้แค่ว่ากู ..ไม่พร้อมดิว กูไม่พร้อมจะดูแลใคร ตัวกูเองยังดูแลไม่ได้เลยนะดิว” ผมพูดและพยายามชักมือผมกลับคืนมาแต่ดิวไม่ยอมปล่อยมือผม ยังคงบีมมือผมเอาไว้
           “แอ้ไม่เอานะ อย่าพูดแบบนี้ดิ!” ดิวพูดกับผม
             “ก็กูบอกว่า..โอ๊ยย!” ผมสะบัดมือดิวจนหลุดไปแต่วาผมกลับรู้สึกเจ็บจี้ดขึ้นมาทันทีเพราะว่าผมขยับตัวเร็ว ดิวก็ตกใจมิใช่น้อย ทันทีที่ผมเห็นภาพนั้น ภาพที่ดิวเป็นหางผมมากและดิวก็วิ่งไปที่หัวเตียงคนไข้และกดกริ่งเรียกขอความช่วยเหลือ
           “แอ้ เจ็บมากไหม”
           “ก็เจ็บดิ พอใจมึงยังดิว!” ผมพูดพร้อมกับเอามือกุมที่ท้อง ผมรู้สึกปวดมากเลยเผลอด่าไอ้ดิวมันไป พอผมหันไปเห็นหน้าดิวที่รู้สึกผิด สีหน้ามันสลดลง ทำให้ผมรู้สึกผิดเช่นกัน  ไม่นานก็มีคนวิ่งมา เขาคือพี่พยาบาลที่ประจำหวอดคนไข้นั้นเอง
           “มีอะไรหรือเปล่าคะคุณดิว” พี่พยาบาลถามดิวก่อนทันที
           “พี่ครับเรียกพ่อผมให้หน่อยครับ แอ้ปวดแผลนะครับ” ดิวพูด ผมก็กุมท้องน้อยน้ำตาก็ไหล
           “ได้ค่ะ “พยาบาลพูดและรีบเดินออกไปเพื่อโทรไปรายงานพ่อภาให้ว่าผมรู้สึกปวดแผล ผมหันมามองไอ้ดิวที่ยืนเป็นห่วงผมมาก
           ผมค่อยๆ เอนกายลงนอนช้าๆ โดยมีดิวคอยประคอง ผมนอนรอพ่อภาเกือบสิบนาที ทันทีที่พ่อภาก็มาถึงพร้อมพี่ดรีม พี่ดรีมดึงตัวดิวอออกไปและพ่อภาก็ให้พยาบาลปิดผ้าม่านทันที
          “พ่อจะขอดูแผลนะแอ้ ทำไมเจ็บมากเลยเหรอแอ้” พ่อภาถามผม
         “คือ แอ้...ลุกเร็วไปมั้งครับพ่อ “ผมพูด พ่อก็ยิ้มๆ
           “แต่ตอนที่ผมเอนตัวนอนรอพ่อ มันก็ค่อยๆ ดีขึ้น แต่ก็ยังเจ็บอยู่” ผมพูดเบาๆ
          “ช่วงนี้ต้องค่อยๆ ขยับหน่อยน่ะ อย่าเพิ่งเด้งตัวเหมือนเมื่อก่อน ค่อยๆ ลุก ไม่นานก็หายดี” พ่อพูดและให้พยาบาลปิดผ้าพันแผลกลับไป ผมไม่กล้าดูว่ามันเล็กใหญ่แค่ไหน
           หลังจากนั้น ผมนอนโรงพยาบาลแค่หนึ่งวันกับหนึ่งคืน แค่นั้นผมก็ได้กลับบ้าน พอมาถึงก็พักฟื้นที่บ้านพ่อภาไม่นานพ่อภีมก็มาและมารับผมกลับกรุงเทพ ผมก็ยังคงแค่เสียวๆ ที่แผล แต่แผลไม่ใหญ่เลย เล็กมาก
          หลังจากกลับไปแล้ว ผมก็พยายามทำชีวิตผมเหมือนปกติ ส่วนดิวก็ต้องไปเข้าค่ายชมรมฟุตบอลและผมก็ต้องไปฝึกคาราเต้เพราะผมกำลังจะเข้าแข็งขันชิงสาย แม้บางท่าจะทำให้ผมเจ็บมากแต่ผมก็ต้องอดกลั้นมันไว้ จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบสิบเดือน พ่อภีมต้องไปงานอีกแล้ว พ่อภาก็อาสาดูแลผมและพาผมกับดิวไปที่ค่ายทหารอีกครั้ง ส่วนติ๊กก็เริ่มมีงงานละคร ถ่ายแบบและยังมีภาพยนตร์เพิ่มเข้ามาอีก
           “เอาละ พ่อจะบอกว่า ลูกๆ เราคลอดได้อาทิตย์หนึ่งแล้วนะ ตอนนี้พยาบาลเขาดูแลอยู่” พ่อพูด ผมนี้ขนลุกขึ้นมาซะอย่างนั้นแต่ไอ้ดิวซิมันดีใจจนบอกไม่ถูก
             “พ่อจะให้พยาบาลเขาดูไปก่อน เราก็คอยหมั่นไปดูลูกในช่วงกลางวันนะ ไปทำหน้าที่ป้อนน้ำป้อนนม” พ่อภาพูด ผมเงยหน้ามองพ่อ จะทำได้ไงอ่ะ
             “แอ้ พยาบาลเขาจะสอนเราน่ะ” พ่อพูด ผมหันมามองหน้าดิว มันพยักหน้ากับผม และผมสองคนก็เดินตามพ่อขึ้นไปชั้นห้องพักหลังคลอดและแผนกเด็กอ่อน ผมเดินผ่านห้องกระจกที่มีเด็กแรกเกิดนอนเรียงรายกันอยู่ ถึงเป็นลูกพยาบาลในค่ายทหารแต่ก็มีประชาชนมาใช้บริการเยอะมาก โรงพยาบาลกึ่งเอกชน และมีคนที่ดูแลและสนับสนุนพร้อมให้งบประมาณก็จะเป็นใครไปไม่ได้ บรรดาลุงๆ และพี่กับน้องของพ่อและองค์กรที่พ่อเป็นส่วนหนึ่ง
           “แอ้” ดิวเรียกชื่อผมเพราะผมหยุดและมองเด็กที่นอนในตู้กระจก เป็นที่นอนเด็กแรกเกิด ผมยืนอึ้งมองอยู่แบบนั้น ทำไมผมรู้สึกตัวเบาๆ ยังไงก็ไม่รู้บอกไม่ถูก และไม่นานผมก็ไม่รู้อีกเลย เหมือนมีคนมาปิดไฟใส่ผม โลกมันมืดไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่ง
            “แอ้” ผมรู้สึกว่ามีมือมาบีบมือผมตลอด ผมลืมตาในห้องพักอีกแล้ว ห้องพักคนไข้แบบวีไอพี ผมก็ดีดตัวขึ้น นี้ผมเป็นลมหรือ
           “แอ้ เป็นไงบ้าง “ดิวถามผม ผมก็มองหน้าดิว
          “อุแว๋ๆ ๆ” เสียงแหลมเล็กของเด็กอ่อนร้องข้างๆ ไม่ไกลจากตัวผม ผมหันไปดูก็เจอ เตียงหลอดแก้วมีเด็กหน้าตาเหมือนกันหมดเลยนอนเรียงกัน มีเตียงที่ 3 ที่ร้องไห้โยเย ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ
          “ลูกเราแอ้ “ดิวพูด ผมก็ชี้ไปทั้งสาม
         “ใช่ลูก เราทั้งสามคนเลย “ดิวพูดและลงไปดันให้เข้ามาใกล้กับผม ผมก้มมองแต่ละคน ใจคอมันสั่นไปหมด
          “นมมาแล้วครับ ใครน่ะร้องดังยังกลับจะไปเป็นนักร้องเลย” พี่ดรีมเดินมาพร้อมกับขวดนมเล็กสามขวบ พี่ดรีมถามผมกับดิว ก่อนจะก้มลงมองเด็กน้อยที่นอนเรียงกันในเตียงเด็กอ่อนสามเตียง
           “ได้เวลาทานนมแล้วครับ ใครจะป้อนเอ่ย?” พี่ดรีมถามขึ้น พี่ดรีมหันไปมองหน้าดิวและผมสลับกันไปมา ผมก็รีบส่ายหัวทันทีผมไม่เคยป้อนเด็กมาก่อน
          “แอ้ลองซิ ดิวนะป้อนไปแล้ว “ดิวบอกผม ผมก็ยังส่ายหัวและหดขาหนี ไม่เอา
          “แอ้ลองน่ะ ลองแล้วแอ้จะรักเขามาก” ดิวพูดกับผม พี่ดรีมก็พยักหน้ากับผมและส่งขวดนมให้ผม พี่ดรีมเดินไปอุ้มประคองร่างเด็กน้อยที่ร้องไห้ขึ้นมาก่อน อย่างเบามือและตรงมาหาผม ผมที่มองเด็กน้อยที่ดิ้นอยู่ในมือพี่หมอดรีม ผมนี้ทำท่าจะหายใจไม่ทั่วท้องอีกแล้ว พี่ดรีมหันไปพยักหน้าเรียกดิวมาอุ้มลูกไว้ก่อน
          พี่ดรีมก็จัดท่านั่งของผมให้ถูกต้องและก็หยิบเอาหมอนหนุนมาหลังไว้หนึ่งใบและเอาหมอนรูปตัวซีนี้วางไว้ที่ตรงท้องของผม พี่ดรีมก็จัดการท่าทางผมก่อนจะหันไปรับลูกน้อยของผมมาจากดิวและก็วางเขาลงที่ท้องแขนของผม ผมนั่งเกร็งไปทั้งตัว ผมก้มลงมองเด็กน้อยที่หลับหูหลับตาร้องแถมยังอ้าปากหาไปทั่ว
          “แอ้ประคองน้องโดยให้ศีรษะของน้องอยู่ที่ตรงข้อพับและเอาแขนโอบประคองลำตัวของน้องเอาไว้นะครับ อุ้มอย่าให้ราบจนเกินไปน้องอาจจะสำลัก อุ้มให้ศีรษะของน้องสูงขึ้นมานิดหนึ่งนะครับ น้องจะได้ไม่สำลักครับ อันนี้สำคัญมาก” พี่ดรีมพูดและจัดท่าให้ผมอย่างชำนาญเพราะว่าพี่เขาคือหมอเด็กเต็มตัวแล้ว ผมเองยังคงอึ้งแต่ก็มองเด็กน้อยที่ดูดนิ้วตัวเองแทนแล้วแต่ก็ยังคงร้องไห้อยู่ดี
          “อุแว๊ๆๆ"ผมก้มลงมองเด็กน้อยที่ร้องไม่ลืมหูลืมตา ตัวแดงๆ นั้น
         “แอ้ น้องหิวแล้วป้อนนมน้องนะครับ” พี่ดรีมบอกผมอีกครั้ง ผมเงยหน้ามองพี่ดรีมและดิว ดิวก็พยักหน้าให้ผมอีกคน ผมก็ค่อยลดขวดลงและบรรจงให้จุกนมนั้นจ่อไปที่ปากเล็กนั้น ทันทีที่ขวดนมสัมผัสริมฝีปากเล็กน่ารัก เขาก็ไล่งับแบบหิวจัดมาก พอเขางับได้แล้วเขาก็ดูดอย่างเร็วและแรง มันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากคือผมรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาผมไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว ความกลัวที่ผมมีตลอดเวลาเกือบสิบเดือนมันหายไปหมด เหลือไหว้แค่ความรักและเอ็นดู ผมหันไปมองอีกสองคน อ้าวทำไมเขานอนหันไปทางเดียวกันน่ะ
       “แปลกใจใช่ไหม เขาหันเข้าหากันตลอดเลย ไม่รู้ว่าเขาผูกพันกันตั้งแต่ก่อนเกิดหรือเปล่า “ดิวพูด ผมก็ยิ้มๆ และก้มมองคนที่ผมอุ้มอยู่
        “คนนี้ชื่อมาริโอ้ ไม่รู้ซิ ดิวนึกชื่อนี้ออกสำหรับคนนี้เลย ร้องเก่งมาก กินก็เก่งมาก” แอ้พูด
      “แล้ว” ผมถามถึงอีกสองคนที่นอนอยู่
         “ไอ และ ไอซ์ “ดิวบอกผม ผมก็มองว่าทำไมล่ะ
        “พอดิวเห็นไอ แล้วมันนึกถึงคำว่าไอเลิฟยู และพอดิวไอ้อุ้มไอซ์ ดิวรู้สึกถึงความเย็นที่ตอนเวลาที่ดิวโมโหใครสักคนจนอยากตะบันหน้ามันให้เละและแอ้เท่านั้นที่แตะแขนดิวและทำให้ดิวเย็นลงได้ ดิวเลยตั้งว่าไอซ์ “ดิวพูดกับผม
         “ทั้งสามชื่อนี้ดิวนึกถึงแอ้ทั้งหมด” ดิวพูด ผมเงยหน้ามองดิว น้ำตาไหลอีกแล้ว ดิวกอดผมไว้แน่น
         “เราจะเป็นพ่อที่สมบูรณ์แบบในแบบที่เราเป็น ต่อให้ต้องเป็นพ่อสองคน เราก็จะเป็นเพราะดิวเชื่อว่าลูกจะรักเราสองคนไม่แพ้พ่อแม่คนอื่นๆ ดิวเลือกแล้วเพราะดิวเชื่ออีกว่ามันจะทำให้แอ้อยู่กับดิว” ดิวพูด ผมนี้อึ้งจนพูดอะไรไม่ถูก
        “แอ้..ดิว..รักแอ้ “คำนี้ที่ผมได้ยินมาตลอด จนทุกวันนี้ เขาก็พร่ำบอกกับผมตลอด
              ภาพวันนั้นผมยังจำได้ดี เด็กวัยแค่สิบสามสิบสี่ที่ไม่อยากจะเชื่อว่าจะทำหน้าที่คุณพ่อได้ แต่ว่ามันผิดคลาดมาก ดิวทำได้ดี ป้อนนม พาลูกอาบน้ำ พวกผมดูแลกันเอง มีพี่ๆ ช่วยกันดูแต่จะมีช่วงที่ไปเรียนจะมีคนเลี้ยงให้ พ่อผมจ้างมา ผมดูแลกันเองช่วงปิดเทอม มันยิ่งเพิ่มความผูกพันให้ผมกับลูกและนั้นก็ทำให้ผมใจอ่อนให้ดิวอีกคร้ั้ง ตอนนี้ผมกับดิวก็มีลูกเพิ่มมาอีกสองคนเพราะใจอ่อนให้มันนี่แหละ ได้ผลทุกที

          TBC...

            เรื่องนี้แต่งแบบไม่ได้ใช้หลักการทางการแพทย์ที่ถูกต้อง หากผิดพลาดประการใด คนแต่งขออภัยมาณะ ที่นี้ด้วยนะคะ





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2024 20:28:01 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
พิเศษ พ่อๆ เขาก็รักกันมาก่อน

      Part’ s พ่อกฤษณะ X พ่อภูมิ หลังจากที่บรรดาน้องชายของผมต้องตัดใจส่งลูกๆ รุ่นเล็กตัวแสบให้ไปอยู่ห่างไกลบ้าน พวกเขาก็เป็นหลานชายของผม พอลูกชายคนเล็กของผมทราบก็ขอมาเพื่อจะมาช่วยเพื่อนๆ ของเขา ผมรู้ว่าบอยคิดอะไรอยู่ ผมคิดว่าเขาอยากจะให้แจ็คได้พิสูจน์ตัวเองมากกว่า ผมเลยต้องยอมให้บอยไปอยู่กับเพื่อนๆ แต่ก็ดีน่ะ เพราะว่าในอนาคตพวกเขาก็เหมือนแขนขาให้กับบอย องค์กรจะดำเนินไปได้ก็ต้องมีทุกคนไม่ใช่แค่บอยคนเดียวและนี้ก็จะเป็นตัวคัดเลือกว่าใครจะอยู่ข้างบอยเช่นกัน



      ผมเป็นห่วงก็แต่บอยเท่านั้น บอยไม่เหมือนคนอื่นๆ บอยเป็นเด็กผู้ชายที่พวกผมตัดสินใจดัดแปลงยีนเพื่อให้เขามีสรีระและมีมดลูกเพื่อการตั้งครรภ์ ใช่ครับ พวกผมไม่ได้ถามความสมัครใจของบอยก่อนเพราะว่าพวกผมต้องทำก่อนที่เขาจะกำเนิด โครงการผู้ชายสามารถตั้งครรภ์ได้และเราก็ทำได้สำเร็จ แต่ต่อมามีคนคัดค้านและไม่เห็นด้วย สุดท้ายพวกผมต้องยกเลิกโครงการนี้ แต่พวกผมขอไว้ให้ลูกผมได้สามารถตั้งครรภ์ได้เพื่อสืบทายาทคนที่จะมาเป็นผู้นำองค์กรแค่คนเดียว

       แต่โชคร้ายเมื่อบอยพลาดไปมีอะไรกับแจ็ค ตอนที่ผมส่งเขาไป บอยตั้งครรภ์ทั้งที่ตอนที่คุยกันน่าจะเกินสิบแปดปีไปแล้วเพราะว่าการพัฒนาน่าจะช้ากว่าขอผู้หญิงทั่วไปแต่นี่บอยตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุสิบหกปี มันเร็วกว่าที่คาดไปสองปี แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคนทำให้ลูกผมท้องคือลูกของคนที่ผมไว้ใจที่สุดและเขาไม่ใช่คนที่ถูกเลือก

      คนที่ถูกเลือกคือลูกของพี่ภา นั้นคือดิว และในครั้งนั้นผมคิดว่าดิวกับบอยจะได้ทำความรู้จักกัน ทุกคนเลือกดิวเพื่อนมาดูแลและเป็นคนคู่กับบอยเพื่อดูแลบอย แต่ไหนกลายเป็นแจ็ค บอยก็ยอมรับว่าเขากับแจ็คมีใจให้กันและเผลอมีอะไรกันแม้จะแค่ครั้งเดียว สุดท้ายบอยท้องและมันร้ายไปกว่านั้น บอยไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก บอยไม่สมบูรณ์ ผมน่าจะเชื่อที่ศาสตราจารย์กิฟสันพูดตั้งแต่ที่แรกแล้ว

      และมันโชคดีแค่ไหนที่การตั้งครรภ์ครั้งนั้น ไม่ได้ทำให้ผมเสียบอยไป แต่ภา น้องชายที่เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านสูตินรีแพทย์ มีความสามารถ เด็กหลอดแก้วและช่วยคนที่มีบุตรยากมาก็หลายคน แม้กระทั่งคนที่อยากมีลูกแต่ไม่อยากมีสามีก็ช่วยมาแล้วหลายคน แต่หลังจากที่บอยให้กำเนิดลูกของเขาและแจ็ค ภาก็เตือนผมว่า บอยไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีกครั้ง ไม่อย่างนั้น บอยอาจจะเสียชีวิตได้ อันนี้เล่นเอาผมเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน ผมเองเลยต้องปิดเรื่องบอยตั้งครรภ์กับพี่หนึ่ง แต่ว่าจะปิดไปได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าแจ็คเขาจะทำให้ผมเห็นว่าเขาควรจะได้บอยและลูกไปหรือไม่ และนั้นผมถึงจะเปิดเผยเรื่องนี้ได้ ถ้าไม่ ผมก็คงต้องบอกว่าบอยไม่สามารถมีทายาทได้เอง

       หลังจากที่ผมไปส่งบอยตามที่เขาขอผมเอาไว้ที่บ้านพักนั้น ผมก็เข้ามาพักที่โรงแรมของน้องชายผม ผมยังไม่ได้เดินทางกลับทันทีเพราะว่าภูมิ น้องชายที่ผม มีความสัมพันธ์เกินน้องชายตั้งแต่ผมเริ่มรู้ว่าตัวเองชอบแบบไหน มันอาจจะเริ่มจากที่พวกผมต้องมาอยู่ด้วยกันหลังจากที่พ่อแม่ถูกสังหารไป เราทั้งหกครอบครัวเหมือนตัวแทนที่เหลืออยู่ เราดูแลกันอย่างพี่น้อง                                                                                        ผมที่เป็นพี่ชายคนโตก็จะดูแลน้องๆ อย่างอ่อนโยน จนสุดท้ายก็หนีความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ผมมีใจให้กับภูมิ ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นแต่ก็โดนขัดเอาไว้จากพี่หนึ่งเพราะว่าภูมิอายุห่างจากผมสี่ปี พี่หนึ่งเป็นคนที่ค่อนข้างที่จะ โอลด์สคูล ไม่เห็นด้วยกับการข้ามรุ่นและสุดท้าย ภูมิ เลือกเดินออกไปเพื่อไปสร้างเนื้อสร้างตัวและเขาก็กลับมาด้วยความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ในฐานะผู้สนับสนุนองค์กร ที่มีทุนมหาศาล มากกว่าผมซะอีกผมยอมรับแต่ว่าเขาหายเพื่อไปแต่งงานกับผู้หญิงที่ดูไบและดำเนินธุรกิจมากมายกระจายไปทั่วโลกในตอนนี้

            ต่อให้ภูมิเขาเป็นส่วนหนึ่งของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ขององค์กรแต่ไม่มีสิทธิ์เป็นผู้นำเพราะไม่ตรงตามหลักที่เราได้วางไว้ ผมกับเขาก็กลับมาคบกันอีกครั้ง ทุกอย่างเกือบไปด้วยดีแต่ดันมามีเรื่องแจ็คกับบอยนี่แหละ ทำให้ผมต้องหลบหน้า ไม่อยากจะทำให้ความลับที่ผมยังไม่พร้อมให้ใครรู้แตกออกมาซะก่อน จนวันนี้ เขาขอคุยกับผม ผมก็ยังมีใจให้เขาอยู่ ผมเลยตอบตกลงว่าได้ ผมรู้สึกตื่นเต้น ใจเต้นแรง ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร สามปีเหมือนห้าปีสิบปีเลยที่ไม่ได้คุยกันอย่างคนรัก นี่เหมือนเราต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ใช่ไหม ภูมิ….

        “ถ้าคุณภูมิมาถึงแล้ว ให้เขาเข้าไปหาผมในห้องได้เลยนะครับ” กฤษณะมายังชั้นที่เขาพัก ชั้นนี้จะถูกล็อกเอาไว้เพื่อคนสำคัญเท่านั้น ที่จะพักได้ มีการ์ดดูแลและมีความเป็นส่วนตัวสูง

         “ได้ครับคุณณะ” การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่พยักหน้ารับคำสั่งกฤษณะ กฤษณะเดินตรงไปยังห้องพักสุดหรู ในห้องมีครบทุกอย่าง โรงแรมระดับเจ็ดดาวที่ภาคย์สร้างเอาไว้ มีแขกมาพักผ่อน ส่วนมากมาเพื่อประชุมและสัมมนาสำหรับแขกวีไอพีเท่านั้น

          ผมเดินเข้าไปก็ตรงไปยังโซนเครื่องดื่มที่ถูกจัดวางเอาไว้ ผมรินวิสกี้ใส่แก้ว ปกติผมไม่ใช่คนดื่มจัดแต่ก็ดื่มตามกาลเทศะ ผมยืนจิบวิสกี้ ตามองไปยังด้านนอก โรงแรมนี้ตั้งในตัวเมือง แสงไฟด้านนอกทำให้เห็นภาพวิวเมือง แม้จะไม่ใช่เมืองใหญ่ๆ แต่ก็ดูคึกคักยามค่ำคืนแต่บ้านที่ลูกๆ ผมไปอยู่ ป่านนี้คงเงียบสนิทน่าดู

          “ตื้ด!” เสียงเครื่องรูดการ์ดดังขึ้นมาทำลายความคิดในหัวผมชั่วขณะ ผมเดาได้ว่าภูมิน้องชายของผม เขามาถึงแล้ว แน่นอนก่อนจะมีใครเข้ามาในห้องผม การ์ดต้องตรวจสอบก่อนให้เข้าพบผม

          “ไปพักกันเถอะครับ ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะดูแลคุณกฤษณะเอง ขอบคุณครับ” เสียงการสนทนาของภูมิกับการ์ดที่อยู่ด้านหน้าห้องพัก เขาอนุญาตให้การ์ดที่ดูแลไปพักได้ ผมหันไปมองภูมิเขาเดินเข้ามาด้านใน ประตูถูกปิดลงเรียบร้อยแล้ว ภูมิเดินก้าวย่างสามขุมตรงเข้ามาหาผมทันที แววตาคู่นั้นมองมาที่ผมประมาณว่าผมคือจุดหมายของเขา ทันทีที่เขาเดินมาหยุดตรงหน้าผม สายตาเขามองมาที่แก้ววิสกี้ที่ผมถือเอาไว้ ผมพึ่งจะกระดกไปได้นิดเดียว

         “พี่ไม่ได้ดื่มเยอะเพราะว่าพึ่งจะมาถึงเหมือนกัน” ผมพูด ผมรู้ว่าเขาไม่อยากให้ผมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่าไหร่ ภูมิพยักหน้าก่อนจะยิ้มอ่อนๆ ให้ผม ภูมิถอดเสื้อสูทของเขาออกพร้อมกับพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นไปบนข้อศอกของเขา ภูมิเดินมาหยิบแก้วและก็รินวิสกี้ใส่แก้วอีกใบ เขากระดกดื่มมันตรงหน้าผม ผมยืนนิ่งพยายามอ่านความคิดของเขา เขาเหมือนมีอะไรมากมายในหัวที่อยากจะถามผมแต่ว่า

         “พี่ใจร้ายกับผมน่ะพี่ณะ” ภุมิพูดต่อว่าผม ผมหันไปมองทางอื่นแทน ผมยอมรับว่าผมใจร้ายแต่คนที่เจ็บก็ไม่ใช่เขาคนเดียวสักหน่อยผมก็รู้สึกแต่ลูกและองค์กรก็สำคัญไม่แพ้กัน

          “พี่มีเหตุผลภูมิ” ผมหันมาบอกเขา ผมรู้ว่าภูมิไม่ใช่คนดื้อรั้นแต่ว่าไอ้ลูกชายคนเล็กของเขาน่ะดื้อรั้นเพราะว่าเขามีความคิดเป็นของเขาและเขามั่นใจในความคิดเขามาก

         “ผมรู้ไง ผมถึงไม่เคยโกรธพี่เพราะว่าพี่ไม่เคยทำอะไรที่ไม่มีเหตุและผล ผมยังเชื่อว่าสิ่งที่พี่ทำมันต้องมีประโยชน์กับใครหลายคน ผมเชื่ออย่างนั้น” ภูมิพูด เขากระดกวิสกี้รวดเดียวหมด เขามองหน้าผมพร้อมกับวางแก้ววิสกี้ลง ผมก็กระดกวิสกี้ในแก้วที่ผมถืออยู่รวดเดียวเช่นกัน

           “หมับ” ภูมิตรงเข้ามาหาผม เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรให้มาก ภูมิดึงตัวของผมเข้าไปกอดและประกบปากจูบทันที ฝ่ามือผมก็ประคองใบหน้าภูมิ ร่างกายที่เบียดเสียดเข้ามา มันทำให้ผมรู้ว่าเขาพร้อมมากแค่ไหน แกนกายที่อยู่ภายใต้กางเกงสแลค มันแข็งปังจนดันเบียดแกนกายของผมเช่นกัน เสื้อสูทถูกถอดออกไปพร้อมกับกระดุมเสื้อที่ถูกปลดไปที่ละเม็ดสองเม็ดจนหมด ผมรู้ด้วยซ้ำเขาปลดไปตอนไหน มารู้อีกทีก็ตอนที่มีฝ่ามือลูบไล้แผ่นอกของผมแล้ว ผมแอบคิดในใจว่า ที่เรื่องแบบนี้ไวมากเลยน่ะ พ่อตัวดี ส่วนปากของผมกับเขาก็ผลัดกันจูบและลิ้นที่ตวัดหยอกเล่นอย่างรู้งาน จนสุดท้ายเสื้อผ้าก็ถูกถอดลงไปกองที่พื้น ไม่ต้องบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมเองยังไม่รู้เลยว่าตัวเองโดนคนนี้ดันให้เดินถอยหลังไปถึงไหนแล้ว มารู้อีกทีก็ชนกับขอบเตียงและร่างผมก็ถูกผลักลงไปบนเตียงนิ่มๆ นั้น ผมเหลือบมองประตูห้องนอนถูกภูมิใช้เท้าของเขาปิดประตูตั้งแต่เดินผ่านเข้ามาแล้ว



            ภูมิกระโจนขึ้นมาทาบทับร่างของผมทันที สองร่างที่ไร้เสื้อผ้าอาภรณ์กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน ราวกับอดอยากมานานแต่มันก็นานจริงๆ ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ผมเคยโดนกีดกันเพราะว่าผมแก่กว่า แน่นอนการที่จะให้น้องที่อายุน้อยกว่าแม้จะแค่ไม่กี่ปีมากดแบบนี้ พี่หนึ่งที่เชื่อเรื่องไม่ข้ามรุ่นกัน ก็ยิ่งไม่เห็นด้วย จนสุดท้าย ผมเองนี่แหละที่ห้ามใจตัวเองไม่ได้ ผมเลยยอมเขามาตลอดแต่แค่เรื่องบนเตียงที่ผมยอม (เรื่องอื่นคงให้ไม่ได้ถ้าลูกชายเขายังไม่ทำให้ผมเห็นไม่ได้ว่าเขาดีพอ)



          “อ้าห์ พี่ยังเร่าร้อนสำหรับผมเสมอ” ภูมิพูดหลังจากเสร็จกิจ เขาก็นอนแผ่ลงข้างๆ ผม ผมหันไปมองภูมิ เขายิ้มให้ผมเหมือนเช่นทุกครั้ง ภูมิดันตัวเองพลิกมานอนตะแคงมองผม ฝ่ามือที่ประคองใบหน้าของผมเอาไว้เพื่อให้มองผ่านแววตาคู่นั้นของเขา

          “ผมคิดถึงพี่แต่ผมไม่รู้ว่าพี่โกรธอะไรผม พี่โกรธอะไรแจ็ค พี่ถึงได้พยายามวิ่งหนีผมแบบนี้พี่ณะ” ภูมิถามผม สายตาคู่นั้นมองมาที่ผมเพื่อต้องการคำตอบ เขาไม่เคยรู้เรื่องโครงการผู้ชายท้องได้เพราะว่าภูมิออกไปซะก่อน ภูมิกลับเข้ามาอีกที โครงการนี้ก็ถูกปิดไปแล้วและมันก็เหมือนกลับความลับที่ต้องถูกปิดตายห้ามใครแพ่งกายออกมา ตอนนี้ผมก็ยังคงปิดมันอยู่ รอแค่เวลาเท่านั้นที่พร้อมจะเปิด

          “พี่ยังไม่ตอบคำถามผมเลยน่ะ” ภูมิลุกขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนข้างๆ ผม เขาหันมามองหน้าผม

          “เราก็ยุ่งไม่ใช่เหรอ ไหนจะเรื่องแจ็ค ไหนจะเรื่องธุรกิจเราอีก” ผมพูด ผมแค่ชำเลืองตาไปมองเขาแค่นั้น

         “หมับ” ฝ่ามือของผมถูกกุมไว้โดยภูมิ เขาดึงขึ้นไปหอมเช่นทุกครั้ง

          “ผมคิดว่าพี่มีอีกน่ะ ผมรู้สึกเหมือนกับว่าพี่ต้องแบกรับอะไรเอาไว้ ทำไมพี่ไม่ให้ผมช่วย ผมทำขนาดนี้พี่ยังไม่เชื่อใจผมอีกเหรอพี่ณะ” ภูมิถามผม หันมามองเขา สิ่งที่ผมแบบเอาไว้ ผมยังบอกเขาในตอนนี้ไม่ได้

         “ไม่มีอะไรหรอก พี่จัดการได้ภูมิ” ผมพูดพร้อมกับทำท่าจะลุกขึ้น

          “หมับ” ภูมิกอดรั้งผมเอาไว้

         “ผมกลับมาเพื่อช่วยพี่น่ะ ผมอยากให้พี่ไว้ใจผมเหมือนที่ผมทำกับพี่ ผมให้ใจพี่ไปตั้งแต่เด็ก พี่คือหัวใจของผม ถึงผมจะหายออกไปจากชีวิตพี่เพราะว่าผมแค่…” ภูมิพูด

      “แค่น้อยใจเหรอ ตอนนี้ล่ะ ยังคิดอยู่ไหม” ผมหันไปถามภูมิ เขามองหน้าผม เขาส่ายหัวไปมา

     “พี่กับพี่หนึ่ง ไม่ได้มีอะไรเกินไปกว่านั้น พี่หนึ่งเขาไม่ได้มีหัวใจให้พี่ตั้งแต่แรก” ผมพูด วันนั้นที่ผมเดินออกไปเพราะว่าเขาน้อยใจผม ที่เห็นผมกับพี่หนึ่ง แต่ว่าผมกับเขาไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่า พี่น้อง หัวใจพี่หนึ่งผมรู้ดีว่าให้ใครและคนที่พี่หนึ่งให้ก็เป็นน้องชายผมอีกคนแต่สุดท้าย หัวใจที่เคยเป็นของคนอื่นก็โดนเขากลับมาทางคืนไปเช่นกัน

      “ไม่พูดได้ไหม ไม่อยากรื้อฟื้นมันอีก ผมรู้ว่าผมงี่เง่าอ่ะ” ภูมิพูด

     “แต่มันก็ทำให้พี่รู้ว่า แจ็คได้ใครมา “ผมพูด มุมปากของภูมิกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

     “อันนี้งี่เง่ากว่าผมน่ะพี่ณะ ผมไม่เท่าไอ้ลูกชายผมคนนี้แน่นอนและผมก็มีลูกหลายคน ไอ้นี่ งี่เง่าที่สุดแต่…” ผมพูดเขามองหน้าผม

      “เขาแค่อยากเปลี่ยนแปลงเพราะว่าเจเนอเรชั่นมันเปลี่ยนไป ภูมิเชื่อว่าสิ่งที่เขาต้องการเปลี่ยน มันดีสำหรับหลายคนเช่นกัน บางทีเราก็ต้องยอมรับแล้วว่า ยุกต์สมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ทุกอย่างก็เปลี่ยนตามไปเหมือนกัน ไม่มีอะไรจะมาย้ำอยู่กับที่หรอกน่ะพี่ณะ” ภูมิพูด เขาก็พูดถูกแหละแต่ใครจะกล้าไปเปลี่ยนทัศนคติพี่หนึ่งจอมเผด็จการได้ล่ะ ผมว่าไม่มี ผมลุกขึ้นก่อนจะคว้าเอาเสื้อคลุมมาสวมใส่และผมก็หยิบอีกชุดโยนไปให้ภูมิใส่เช่นกัน

     “ดังนั้นผมว่าพี่กับผมควรจะ ปล่อยให้เด็กรุ่นใหม่ที่เราเลือกเขามาแล้ว ให้เขาทำตามที่เขาคิดและเราก็ดูอยู่ห่างๆ ได้แล้ว พี่ณะ” ภูมิพูด ผมหันไปมองหน้าเขา

     “พี่ต้องยอมรับได้แล้วว่า เราไม่ใช่เจ้าของชีวิตเขา ถึงเราจะแพลนที่จะให้เขาเกิดมา จะเกิดมาด้วยหลักตามธรรมชาติหรือหลักวิทยาศาสตร์ แต่ว่านี่คือชีวิตของเขาพี่ณะ เราไปกำหนดทุกอย่างไม่ได้ เขาไม่ใช่หุ่นยนต์ เขามีหัวใจ” ภูมิพูด ผมถึงกับต้องพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ทันที ผมเองยังเคยอยากจะยกตำแหน่งนี้ให้คนที่อยากได้และเขาก็พยายามจะโค้นล้มพวกผมอยู่ดี ผมอยากจะทิ้งไปเพื่อไปใช้ชีวิตเหมือนคนปกติเขาทำกันแต่ว่าเพราะคนนั้นใช้อำนาจในทางที่ผิด พวกผมจึงยกให้เขาไม่ได้ เขาไม่ได้แค่อยากได้อำนาจ เขาจ้องทำร้ายล้างเลยก็ว่าได้

      “ผมว่ามันอาจจะถึงเวลาแล้วน่ะ ที่พี่ควรจะปล่อยวางและให้ผมดูแลพี่ได้แล้ว นี้คือสิ่งที่ผมอยากจะทำ” ภูมิพูด ผมลุกขึ้นมา เขาจับแขนผมพร้อมกับหมุนตัวผมไปหาเขา ให้หันมาประจันหน้ากับเขาตรงๆ สายตาคู่นี่แหละที่ทำให้ผมใจอ่อนทุกครั้ง รวมถึงครั้งนี้เช่นกัน

     “ว่าไงครับพี่ณะ” ภูมิลุกขึ้นยืน เขาสวมเสื้อคลุมก่อนจะเดินเข้ามาหาผม

     “นะครับพี่ณะ ให้ผมดูแลพี่ได้แล้ว ลูกๆ เราก็โตแล้ว พวกเขาก็ปีกกล้าขาแข็งกันแล้วตั้งแต่ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยกันเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นลูกๆ เราก็ต้องทำได้เหมือนที่เราทำ “ภูมิพูด

      “เราผ่านเรื่องที่แย่ๆ กว่าพวกเขาเรายังผ่านมาได้และผมก็เชื่อว่านี้คือสิ่งที่สอนเขาและยิ่งตอนนี้เขาเรียนเร็วและจบเร็วกว่ารุ่นพวกเราซะอีก ดังนั้นไม่มีอะไรที่ต้องกังวลแล้วพี่ณะ เชื่อผมน่ะ” ภูมิพูด เขาใช่ฝ่ามือจับใบหน้าผมก่อนจะใช้ริมฝีปากแตะที่ริมฝีปากผม อย่างอ่อนโยน

     “ว่าไงครับ ที่รัก” ภูมิพูด เขามองผมนิ่ง

     “พี่ยังไม่พร้อม ขอเวลาพี่สักหน่อยน่ะภูมิ ขอให้พี่แน่ใจก่อนว่าลูกๆ พี่จะพร้อมที่จะยืนด้วยลำแข้งของตัวเองกัน..อีกสักหน่ยอ” ผมพูด

     “โดยเฉพาะบอย พี่ต้องแน่ใจว่าเขาจะขึ้นเป็นผู้นำอย่างปลอดภัย แม้ว่าในใจพี่ก็อยากให้เป็นคนอื่นแต่ว่า “ผมพูด ภูมิมองหน้าผม

      “มีตั้งหกคนแต่เลือกบอยคนเดียว ผมไม่ได้มองว่าบอยไม่ดีไม่เหมาะสมน่ะ หรือว่ามองว่าลูกผมเหมาะสมที่สุดก็ไม่ ผมแค่เห็นว่าตำแหน่งมันทำให้เด็กสองคนที่รักกันต้องมาแยกกันเหมือนเช่นผมกับพี่ มันไม่ยุติธรรมแค่นั้นเอง” ภูมิพูด เขามองหน้าผม

     “พี่หนึ่งเขาก็บอกจะให้เป็นติ๊กก็ได้แต่ดูจะยากน่ะเพราะว่าติ๊กที่ดูจะไม่ยอมรับกฎระเบียบและพายเขาก็เลือกเอาไว้แล้ว พายเก่งมาก เขาอยากได้หมอที่เก่งกาจ เอาไว้ในองค์กรสักคน ส่วนแอ้ นี่ …” ผมพูดก่อนชะงักไปหลายวินาที

     “แอ้ ลูกชายภีม ทำไมเหรอ “ภูมิถามผม

“พี่หนึ่งไม่ให้เด็กคนนี้ขึ้นแต่เหตุผลพี่ไม่รู้จริงๆ “ผมพูด ภูมิถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม น่าแปลกแอ้นี้คนที่ตัดสินใจทุกอย่างกลับเป็นพี่หนึ่งทั้งที่แอ้เป็นลูกภีมน้องชายผม ผมยังจำได้ดีตอนแรกที่คุยกันเพราะว่าเด็กๆ เริ่มไม่ไปตามแนวทางที่เราปูเอาไว้ ทำท่าเหมือนจะต้องหาคนใหม่และวันนั้นพี่หนึ่งก็ยืนกรานว่า แอ้ต้องไม่ใช่หนึ่งในตัวเลือก

      เขาเลือกออกมาแล้ว คือบอยกับดิว ดิวก็คือลูกชายของภาณุเดช มันน่าแปลกที่พี่หนึ่งกับภาซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานานเพราะว่าเขารักคน คนเดียวกัน เขาสู้รบกันมาไม่ใช่ก่อสงครามแต่สู้รบเพื่อแย่งชิงตัวภีมแต่สุดท้ายภีมก็เลือกที่จะกลับไปหาภาเพราะหัวใจเขาสองคนแต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนประวัติศาสตร์มันกำลังซ้ำรอยยังไงก็ไม่รู้ ผมแค่รู้สึกไปเองใช่ไหม ถ้าใช่ปัญหาใหญ่แน่นอน แค่คิดก็กุมขมับรอแล้วพวกผมน่ะ

     “แล้วแจ็คล่ะ ในสายตาของพี่ณะ” ภูมิถามผมถึงแจ็ค ผมหันมามองหน้าภูมิอีกครั้ง

      “ถ้าเขาพิสูจน์ตัวเองได้เพราะว่าพี่เองก็ไม่อยากกีดกัน ถ้าเขาอยากจะครองคู่กันแต่ว่าแจ็คต้องพิสูจน์ตัวเองให้มากกว่านี้หลายเท่า ถ้าเขาทำได้ พี่ก็ยินดีน่ะ” ผมพูด ภูมิมองหน้าผม เขายิ้มกริ่มที่มุมปาก

      “พี่รู้ไหม บรรดาลูกชายผม คนที่ทำเซอไพรส์ให้ผมบ่อยมากที่สุดคือแจ็ค ดังนั้นผมเชื่อว่าเขาทำได้แค่พี่ให้โอกาสเขาบ้าง “ภูมิพูด ผมแค่ยิ้ม ที่มุมปาก

     “วันนี้ไม่ได้ไปไหน ค้างกับพี่สักคืนไหมล่ะ” ผมหันมาถามภูมิน้องชายที่ผมรักมาก เขามองหน้าผม

     “ถ้าพี่ให้ผมค้าง พี่จะให้ผมเบิ้นอีกรอบไหมครับ ผมอยากชดเชย ที่พี่หนีผมตลอดทุกงาน คุยกันทักทายกันและหันมาพี่ชิ่งหนีผมหายไปทันทีครั้งต่อไปนี่ผมจะไม่ยอมให้พี่หนีแล้วน่ะ ผมจะยึดพี่ไว้กับผม” ภูมิพูด ผมหันมามองหน้าเขา น้องชายจอมหื่นของผม

      “ต่อไปนี่พี่จะหนีผมไม่ได้แล้วน่ะ ผมไม่เปิดโอกาสให้พี่หนีผมแน่นอน” ภูมิพูด ผมหันมามองภูมิ

     “ดูก่อนน่ะว่านายทำให้พี่ควรจะให้นายหรือเปล่า…” ผมพูด ริมฝีปากผมขยับเพื่อทำให้ภูมิรู้ว่าผมก็พร้อมจะให้เขาน่ะแต่ว่า ผมชะงักถอยออกมาทันทีที่ภูมิเข้าหาผม

      “ถ้านายไม่อยากให้พี่หนีนายอีก นายน่าจะรู้ว่านายควรจะทำอย่างไรกับลูกชายตัวแสบของตัวเอง” ผมพูด ภูมิมองผม

     “สงสัยต้องใช้ไม้แข็ง” ภูมิพูด ผมพยักหน้าว่าดีทีเดียว

     “พี่ว่าเราไปอาบน้ำแต่งตัวจะได้ลงไปทานข้าวกับน้องๆ เพราะว่าไม่ได้มีเวลาแบบนี้บ่อยน่ะที่จะมาเจอกันครบแบบนี้” ผมพูด

     “ถ้าลูกๆ ตัวแสบไม่ทำเรื่อง ก็ไม่ไม่ได้เจอกัน ดังนั้น ก็ควรขอบคุณลูกๆ ชุดนี้น่ะ แสบได้ใจพ่อทุกคนจริงๆ” ภูมิพูด ผมหันมามองก่อนจะยิ้มจะยิ้มให้เขาไม่อย่างนั้นผมก็ไม่รู้จะมีเหตุผลไหนมาเจอคนคนนี้อีก ผมยอมรับว่าหัวใจผมก็คือเขาต่อให้เขาจะเด็กกว่าผมแต่ผมก็เชื่อว่าเขามีวุฒิภาวะไม่น้อยไปกว่าผม ผมเหลือบมองเวลา ผมต้องลงไปทานอาหารกับน้องๆ อันนี้ก็เช่นกันไม่ได้เจอกันง่ายๆ เหมือนต่างคนต่างไปแต่เวลาเกิดเรื่องคนที่ไปหาผมก่อนคือน้องๆ ผมนี่แหละ ถึงแม้เราจะไม่ได้เกิดมาจากพ่อแม่เดียวกันแต่พ่อแม่ของผมพวกผมเป็นเพื่อนที่รักกันมากที ภูมิเดินตามผมเข้าไปในห้องน้ำ ไม่รู้ว่าจะมีอีกรอบไหม ดูท่าแล้วน่ะจะได้อีกรอบ (รุ่นพ่อก็แซ่บน่ะจะบอกให้)

     TBC…

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
Part พ่อภีมปภพVS พ่อภาณุเดช
Part’s หมอภาณุเดชกับพันเอกภีมปภพ คู่รักที่รักกันเกินพี่น้องอีกคู่ คู่นี้รักมาราธอนมาก รักกันตั้งแต่ภีมพึ่งจะเข้ามัธยมต้นแอบคบและแอบรักกันมานานจนภีมต้องไปเรียนโรงเรียนนายร้อย ส่วนเขาก็เรียนแพทย์และเขาฝึกแพทย์ทหาร ทำให้ความสัมพันธ์ขาดหายแต่ความมั่นคงยังคงอยู่ ที่หายไปก็เพราะว่ามีคนรักภีมมากเช่นกัน นั้นคือพี่ชายของเขาเอง พี่หนึ่ง เขาต้องสู้รบตบมือกันมากแค่ไหนเพื่อให้ได้หัวใจของเขาคืน แต่ความจริง หัวใจของภีมก็ยังคงเป็นของภา ตั้งแต่วันแรกที่เขาเริ่มคบกันแล้ว มีบางช่วงที่เขาไม่อยากทำให้พี่ภาที่เขารักต้องมีเรื่องกับพี่หนึ่ง เขาเลยต้องยอมถอยห่างออกมาแต่ว่าช่องว่างนั้นมันกลับทำให้ความรักทั้งคู่ ยิ่งเติบโตขึ้น จนตอนนี้เรียกได้ว่าอิ่มตัวแล้ว
              “หมับ” ผมเข้าไปกอดภีมปภพ น้องชายที่ห่างจากผมแค่สามปี ภีมปภพเป็นมากกว่าน้องชายที่ผมรัก เขาเป็นคนที่ผมรักสุดหัวใจ ผมกับภีมแอบคบกันมาตั้งแต่มัธยมแล้ว ดังนั้นไม่ต้องถามว่าดิวมันซ่าเหมือนใครก็พ่อมันนี้แหละ
             “อืมม..พี่ภา..ไม่..อาบน้ำ...ก่อนหรือไง “ภีมพยายามดันผมออก เพราะว่าผมกำลังซุกไซ้ฝังริมฝีปากไปตามต้นคอ ผมรู้ว่าเขาไมได้ห้ามผมจริงหรอก
             “พี่ดูก็รู้ว่าอยากเล่นจั้มจี้กันก่อนค่อยอาบน้ำ. อืมม” พี่ไม่ได้กอดธรรมดา มือก็เอื้อมไปปลดตะขอกางเกงสแลกและรูดซิปลง ผมหมุนร่างนั้นหันมาหาพร้อมกับประกบปากจูบภีมปภพทันที ภีมก็ปลดกระดุมเสื้อผมไปด้วย แถมยังปลดกางเกงผมไปพร้อมๆ กัน แบบนี้เรียกได้ว่าอยากได้ก่อนอาบน้ำแน่ๆ
            “พี่ภา!” ผมก็รู้เลยต้องทำยังไง อุ้มเลยแล้วกันไปห้องนอน ภีมเรียกชื่อผมเสียงหลง
            “วางเลย แก่แล้วยังซ่าอีกเดี๋ยวก็ปวดหลัง วางภีมลงเดี๋ยวนี้!” เป็นห่วงอีกกลัวโยกไม่ไหวอีก เอาวางก็ได้
            “เดินเอง ซ่าหนัก!” มาต่อว่าอีกนะ และผมสองคนก็พากันเดินเข้าห้องนอนไป ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้คที่กระโจนขึ้นเตียง ตอนนี้สี่สิบสี่แล้ว ค่อยๆ ขึ้นแล้วกัน และผมก็ขึ้นไปคร่อมร่างเล็กที่บางกว่าผม แม้ว่าความสุงจะพอกัน
             “อืมม..พี่..ภา..” ผมมอบรสจูบที่ดูดดื่มให้กับคนเบื่องล่าง เล่นเอาส่ายไปมาแม้ว่ามันจะไม่ค่อยซู่ซ่าเหมือนรักวัยรุ่นก็ตาม ผมกับภีมเราแอบคบกันแอบได้เสียกันตั้งแต่ภีมยังอยู่มัธยมต้นอยู่เลย (ไม่ต้องถามเลยว่าดิวมันได้ใครมา)
             “โอ้ว.พี่ภา...ซี้ด..อืมมม...” เห็นอายุขนาดนี้ ลีลาก็ไม่ได้ไปตามอายุ ยังคงร้อนแรงเหมือนเดิม (เรียกว่ายังเตะปี๊ปดังอยู่) เพราะดูจากคนที่เบื้องล่างของผม ดิ้นส่ายไม่อยู่นิ่งขนาดนี้
           “อืมมม...” ผมเริ่มใช้ปาก ฝังรสจูบไปจนถึงหน้าท้องที่แบนราบและค่อยๆ ลงต่ำไปเรื่อยจนถึงความเป็นชาย ไม่รอดแน่นอน ผมก็ใช้ปากจัดการมันซะแต่โดยดี ทำเอาคนที่นอนราบหายใจไม่เป็นจังหวะ ผมคิดว่าสักพักคงต้องขึ้นไปผายปอดต่อ
           “อืมม..ซี้ด..อืมม” ภีมกดหัวผมไว้ไม่ยอมให้เงยหน้าขึ้นเลย จนผมต้องจับมือและปล่อยสิ่งนั้นให้เป็นอิสระก่อน
             “ภีมพี่รู้ว่าพี่ทำเก่งนะ แต่ว่าอย่ากดแน่นขนาดนี้ซิภีม พี่จะตายคาของรักของภีมซะก่อน” ผมพูดภีมก็กระดกหัวขึ้นมอง และขำผมด้วยนะ และผมก็กลับไปจัดการที่ชี้หน้ารอการกำราบจากคุณหมอที่เชี่ยวชาญเรื่องสูตินรีเวชและไม่ได้ชำนาญแค่ของผู้หญิงนะ ของผู้ชายผมก็ชำนาญ ชำนาญมากกว่าด้วย
            “พี่ภา...อืมม...ไม่ไหวแล้ว...อ้าห์” ไม่ชำนาญได้ไง ไม่ทันไรชิ่งไปซะแล้ว
            “ถึงคิวพี่บ้างแล้วนะ” ผมพูดและภีมก็คงรู้ดี เขาก็กระดกตัวขึ้น กึ่งนั่งกึ่งนอน ก่อนจะปฏิบัติกันภีมหันไปหยิบหมอนมาหนุนสะโพกและผมก็จัดการเข้าไปนั่งคุกเข่าตรงช่องทางรักของภีม ก่อนจะปฏิบัติรักก็ต้องเอาเจลมาทาให้มันหล่อลื่นซะก่อนและจัดการนำสิ่งนั้นสอดใส่เข้าไปทันที
             “อืมม..ห่างหายไปหลายเดือนนะ..รู้สึกว่า..ฟิตไปนะ ..อืม” ผมพูดภีมเหล่ตามองผมและเงยหน้าหนีหลับตาพริ้ม ผมเองก็โยกเบาๆ และหนักขึ้นเมื่อภีมเริ่มจับไหล่ผมบีบแรงขั้น แรงขั้น แรงโยกก็แรงตาม ไม่นานก็ไปถึงสวรรด์ชั้นเจ็ดเร็วตามประสาคนอายุเกินหลักสี่จะถึงหลักจะหลักห้าอยู่แล้ว
              “จ๊วบ!!” ผมจูบคนที่นอนราบที่บนที่นอน ตาก็มองสายตาคู่นั้น
             “พี่ภา...พี่มีอะไรปิดผมหรือเปล่า” ภีมถามผม
             “แล้วภีมคิดว่าพี่มีอะไรจะปิดภีมละ” ผมเอาแขนตั้งรับศีรษะไว้ ขณะที่นอนตะแคงคุยกับภีมปภพ
            “ภีมไปได้ยินอะไรมาเหรอ...บอกพี่ซิ” ผมถามคนที่หันมามองผม แววตาคู่นั้น มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ภีมยังอยู่ม. ต้น และผมก็อยู่ม.ปลาย แม้ว่าเราจะห่างกัน 4 ปีก็ตาม
             “ก็...ไม่มีนิ แค่ลองถามพี่ดูเพื่อว่าพี่มีอะไรจะบอกภีม” ภีมปภพพูด และหันหน้าหนี
             “แน่ใจเหรอภีมว่าแค่ลองถามพี่น่ะ “ผมพูดภีมหันมามองหน้าผม
              “เออว่าแต่ มีต่อไหม พี่คิดถึงอ่ะ ไม่ได้...มาหลายเดือนเลยครึ่งปีดีกว่าที่ไม่ได้เจอภีม “ผมถามที่เอาแขนดันเองไว้
             “ปึก” หันไปหยิบหมอนมาปาใส่ผมแบบนี้ เดายากเลยครับ ว่าโอหรือไม่โอ
             “ชวนพี่ณะกับพี่ภูมิไปหาอะไรทานกันดีกว่าเราไม่ได้มีโอกาสแบบนี้บ่อยนะพี่ภา” ภีมปภพ พูด ผมพยักหน้าว่าได้ซิ ผมก็ลุกขึ้นและหันไปยื่นมือ นั้นคือคำชวน จะได้ไปอาบน้ำกัน และก่อนจะไปอาบน้ำก็หยิบมือถือขั้นมาโทรหาพี่ชายซะก่อน
            “พี่ณะ ลงไปหาอะไรทานกันไหมพี่ ผมจะได้ให้เขาจัดห้องอาหารรอ” ผมโทรหาพี่ชายคนโตอายุห่างจากผมสองปี
            “พี่ก็เพิ่งจะคุยกับภูมิอยู่นะว่าจะชวนเราสองคนอยู่พอดีเลย ถ้าอย่างนั้นพี่บอกคนของพี่แล้วกันว่าจะให้ลงไปจัดห้องอาหารไว้สำหรับเราสี่คน ส่วนภาคย์นะกลับกรุงเทพน่ะเพราะว่าพี่สามมาหามันที่กรุงเทพ” พี่ณะพูดบอกผม ผมไปพยักหน้ากับภีม และยักไหล่ให้ไปรอในห้องน้ำเลยเดี๋ยวตามเข้าไป และไม่ต้องถามว่ามีต่อไหม มีแน่นอน โอกาสแบบนี้ไม่มีบ่อย เพราะว่าอายลูกเหมือนกันถ้าจะสวีทเหมือนพวกลูกๆ ทำ

                   ผมกับภีมเดินลงมาที่ห้องอาหารเพื่อรอพี่ชายและน้องชายของผมภูมิ ภูมิน่ะเป็นพี่ชายของภีมเขา ภาคย์เจ้าของโรงแรมดันรีบกลับกรุงเทพ นั่งเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวไปกับเปรมดิ์ ภาคย์บอกว่าพี่สามมาทำธุระและรอเขาอยู่ที่โรงแรมที่กรุงเทพ ส่วนเปรมดิ์นี้ผมเดาได้ว่ามีเรื่องเง้างอดกับพี่สี่อีกแล้ว พี่สี่คือน้องชายคนเล็กของพี่หนึ่ง พี่สี่เจ้าชู้มาก จนป่านนี้ยังไม่เลิกเลย แต่ทำยังได้ คู่นี้เขารักๆ เลิกๆ กันมาตั้งแต่ยังไม่มีลูกจนลูกโตแล้ว
                  “พี่ณะ” ภีมทักพี่ชายคนโต พี่ณะกับภูมินั่งลง
                 “พี่ณะ ใจอ่อนให้พี่แล้วซิ” ภีมถามพี่ชายของเขา ภูมิหันมายิ้มให้ภีม
                “เป็นไงบ้างภีม ไม่ค่อยได้เจอ ติดดูแลพี่ภาเหรอแต่พี่ดูแล้ว พี่ภาน่ะดูแลเรามากกว่ามั้ง” ภูมิถามภีม
                “สั่งอาหารทานกันดีกว่าน่ะ “พี่ณะพูด ก่อนจะเรียกพนักงานทางโรงแรมหรูเข้ามา พี่ณะก็สั่งอาหารสุขภาพเหมือนเช่นทุกครั้ง ผมก็ทานได้หมดทุกแนว มาทานกับซีอีโอก็ต้องทานอาหารหรูสักหน่อย ส่วนภีมนี้ผมให้เขาทานอาหารชีวจิต ผมเคยตรวจเจอว่าเขามีความเสี่ยงที่อาจจะเป็นมะเร็ง เขาแค่มีความเสี่ยงมันมาจากพ่อของเขาก่อนที่จะถูกสังหาร เขาป่วยเป็นมะเร็งมากก่อน ผมเลยให้เขาดูแลสุขภาพมากกว่าคนอื่นๆ หน่อย
                 “ภา ยังตามเรื่องครอบครัวของศาสตราจารย์เควินอยู่ไหม” พี่ณะถามผม ผมหันมามองพี่ณะ ผมค่อนข้างสนิทกับศาสตราจารย์ เรียกได้ว่าเขาคืออาจารย์ของผมเลยทีเดียว ศาสตราจารย์เก่งกว่าผมอีกถึงเขาจะไม่ใช่หมอเหมือนผมแต่เขาเป็นนักวิจัยและเป็นคนที่ช่วยให้สิ่งที่พวกผมต้องการสำเร็จแต่ว่าศาสตราจารย์กลับต้องมาเดือดร้อนเพราะช่วยพวกผมนี่แหละ
                 “ผมส่งคนไปที่บ้านศาสตราจารย์ ผมว่าพวกนั้นน่าจะเข้ามาขนของในบ้านศาสตราจารย์ไปหมดแล้ว” ภาพูด
                 “เขามีสิทธิ์เพราะว่าศาสตราจารย์ขึ้นตรงกับเขาแต่ศาสตราจารย์เลือกมาช่วยเรา”ผมพูด
                “และที่ศาสตราจารย์ไม่เห็นด้วยเพราะพวกเขากำลังใช้มันในทางที่ผิด” ผมพูด
                “พี่ยังสงสัยเรื่องการเสียชีวิตของศาสตราจารย์น่ะ ตกลงเขาถูกฆาตกรรมใช่ไหม” พี่ณะถาม
                 “ตอนแรกผมก็คิดเช่นนั้นน่ะพี่ณะ แต่ว่าเราตรวจพบหลักฐานบางอย่าง ที่บ่งบอกได้ว่า ศาสตราจารย์เขาทำเอง” ผมพูด ทุกคนหันมามองผมกันหมดไม่มีใครเชื่อรวมทั้งผมเอง ผมว่าศาสตราจารย์ทำเพื่อแลกชีวิตลูกเขาแน่ๆ ศาสตราจารย์มีลูกที่เขาใช้งานวิจัยของผมไปทำให้ลูกเขาเช่นกันและผมเองก็เป็นคนทำคลอดลูกชายเขาด้วย วันนั้นศาสตราจารย์ถูกส่งไปช่วยวิจัยที่อื่นซึ่งกลับไม่ทันและนั้นทำให้ผมรู้ว่าภรรยาท่านป่วยเป็นมะเร็งระยะที่ 4 และต้องทำคลอดด่วน ผมยอมรับว่าลำบากใจที่สุด ทั้งที่ผมเองก็พยายามแล้วแต่ว่า ร่างกายของภรรยาศาสตราจารย์ไม่ตอบรับยาที่ผมจะให้เพราะว่ามันสายเกินไป
               “แต่เราก็ไม่เจอครอบครัวของศาสตราจารย์ในงานฝังศพเขาไม่ใช่เหรอพี่ภา” ภูมิพูด พวกผมไปกันหมดและวันนั้นผมตั้งใจจะให้ความช่วยเหลือครอบครัวศาสตราจารย์ให้เต็มที่แต่ว่า พวกเขาไม่ได้ไป ภรรยาคนใหม่กับลูกชายของเขา
                “แล้วลูกเขาหายไปไหนล่ะ เราก็ตามไม่ได้เหรอพี่” ภูมิถามผม
                “พี่ว่าศาสตราจารย์อาจจะคิดเอาไว้แล้ว ศาสตราจารย์เป็นคนเก่ง เขาประมาณการทุกอย่างเรียกว่าแม่นยำเกือบจะ 99 เปอร์เซ็นต์และมันก็ตรงซะด้วย” ผมพูด
               “เราทราบไหมพี่ว่าใครพาเขาไป” ภูมิถามผม
              “พี่ไม่รู้ว่าใคร มีรูปคนนั้นที่สนามบินแต่ว่าเราตรวจสอบไม่ได้เลยว่าทั้งสามคนเขาไปไหนกัน” ผมพูด
              “เราไม่มีข้อมูลคนที่พาภรรยาใหม่และลูกของศาสตราจารย์ไป เรารู้แค่ว่าเขามีรอยสัก ดูจากรอยสัก น่าจะเป็นยากูซ่าและนักฆ่า” ผมพูด แต่ล่ะคนก็ทำสีหน้าตกใจ
              “ภาคิดว่าเขาเสียชีวิตแล้วเหรอ” พี่ณะถามผม
              “ผมว่าไม่น่ะเพราะถ้าเข้าต้องการฆ่าเขาไม่จำเป็นต้องพาเขาสองคนออกนอกประเทศแต่ว่านี้เขาพาไป เพื่อจะให้หนีออกนอกประเทศไป ผมเชื่อว่าเขาช่วยมากกว่า” ผมพูด
               “พี่หวังว่าเด็กจะยังอยู่ ยังมีชีวิตอยู่น่ะแต่ถ้าไม่ พี่รู้สึกผิดน่ะ ที่เราก็มีส่วนทำให้ครอบครัวเป็นแบบนี้ “พี่ณะพูด จังหวะนั้นโทรศัพท์ภูมิดังขึ้นมาพอดี ภูมิเดินออกไปรับสายด้านนอกซะก่อน ตามมาด้วยภีมอีกคน ประจวบเหมาะดีจริงๆ ภีมพยักหน้ากับผมก่อนจะหลบไปรับสายเช่นกัน
               “แต่ผมกังวลเรื่องเด็กมาก ถ้าเขายังอยู่” ผมพูดกับพี่ณะ พี่ณะมองหน้าผม
               “เด็กคนนี้ ศาสตราจารย์เขาใช้งานวิจัยเราใช่ไหมภา” พี่ณะถามผม
               “ใช่พี่และเด็กคนนี้ ศาสตราจารย์บอกผมว่า เขาสมบูรณ์กว่าบอยน่ะ” ผมพูดพี่ณะตกใจมากพอสมควร
              “ดังนั้นที่ผมเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ บอยยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิดและแอ้ ลูกชายภีมก็เช่นกัน ผมกลัวว่าเขาจะได้รับการดูแลไม่ถูกวิธีและนั้นจะส่งผลกับตัวเขา ไม่ว่าจะด้านสุขภาพและจิตใจของเขา เขาอาจจะซับซนเพราะว่ามันกำกวง มันมีอะไรมากมายที่ยุ่งยากมากกว่าเด็กผู้หญิงปกติ” ผมพูด พี่ณะมีสีหน้ากังวล
              “พี่คามินเขารู้เรื่องไหมภา” พี่ณะถามผม
              “ผมเดาว่าเขารู้น่ะ”ผมพูด
              “เขาคงไม่ทำอะไรเด็กหรอกน่ะ มันถูกต้อง เด็กไม่เกี่ยว” พี่ณะพูด  ผมพยักหน้าว่าเห็นด้วย
             “ถ้าอย่างนั้นเราต้องหาเด็กให้เจอก่อนที่พี่คามินเจอเขาภา” พี่ณะพูด
             “ผมก็ยังคงตามอยู่นะพี่ แต่ก็ไม่กล้าจะทำให้ดูเป็นเรื่องใหญ่เพราะว่าเราไม่รู้ ใครจะเข้าหาตัวเด็กก่อน ผมกลัวจะเป็นทางโน้นและนั้นมันคือผลักให้เขาไปพบอันตราย “ผมพูด
              “พี่น่าจะรู้ว่าพี่คามินเขามีแบ็คที่เป็นนายตำรวจใหญ่ทั้งนั้น” ภาณุเดชพูด  จังหวะนั้นสองคนพี่น้องเดินเข้ามาพร้อมกันทันที พี่ณะ พยักหน้าว่าเอาไว้คุยกันเรื่องนี้ทีหลัง และพวกผมก็ทานอาหารกันต่อและหยุดการสนทนาเรื่องศาสตราจารย์กันไว้ก่อน เปลี่ยนเรื่องคุยมาเป็นเรื่องวัยเด็กของพวกผม ต่อให้นานแค่ไหนก็ยังจำได้ดี  ความทรงจำที่จำได้ดีที่สุดคือวันแรกที่พวกผมต้องมาอยู่ด้วยกัน
             
                    พวกผมกอดกันร้องไห้เพราะว่าต้องสูญเสียพ่อแม่ไปพร้อมๆกัน พี่หนึ่งคือคนที่อาวุโสที่สุดที่ดูแลพวกผมทั้งที่พี่หนึ่งก็รู้ว่าการเข้ามาปกป้องพวกผมจะทำให้เขาต้องกลายเป็นศัตรูของใครบางคน แต่พี่หนึ่งก็เลือกอยู่ข้างพวกผมเพราะความถูกต้อง  พวกผมคุยกันหลายเรื่องจนดึกพอสมควรก็แยกกันเพื่อจะได้นอนพักและรุ่งเช้าผมต้องกลับไปที่ค่ายฯแต่เช้า ส่วนพี่ณะและภูมิ ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวกลับกันเลย ผมหวังว่าลูกๆ ของผมจะทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายสำเร็จและพากันไปทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อองค์กร ผมเชื่อว่าสิ่งนี้คือตัวพิสูจน์ความสามารถของพวกเขาที่จะก้าวเข้าสู้องค์กรและดูแลคนในองค์กรแทนพวกผมได้
                 TBC…

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2024 21:06:53 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
รักวุ่นวายฯ รุ่นพ่อก็รักกันมาก่อน ภาคพ่อเปรมดิ์ VS พี่สี่

        Part’ s เปรมดิ์ ผมเป็นพ่อของบ้านพ.พาน บ้านผมก็มีลูกทั้งหมด 6 คน คนโตชื่อแพท คนนี้เพิ่งจะจบนายร้อยหมาดๆแพทย์เลือกเดินเส้นทางเดียวกับผมทหารเรือและแพทยก์ได้เข้าเป็นหน่วยนาวีซิล ค่อนข้างไปเร็วกว่าคนอื่น แพทเป็นคนมีความสามารถรอบด้าน ตอนนี้ติดยศร้อยเอก และคนที่ สองพีช พีชอ่อนกว่าแพทไม่ถึงปี เพราะว่าเป็นลูกหัวปีท้ายปี พีชเพิ่งจะจบและกำลังจะไปฝึกแรงเจอร์น่าแปลกที่พีชไม่เลือกเหมือนแพท ทั้งที่ตอนแรกคุยกันแล้วว่าจะไปเหมือนกันแต่มาเปลี่ยนกะทันหัน นับจากที่ผมเสียลูกบุญธรรมไป ลูกบุญธรรมผมชื่อพอส ผมรู้สึกว่าแพทกับพีชเหมือนมีเรื่องบาดหมางกันแต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้แสดงอะไรต่อหน้าเลยทำให้ผมเดายากพอสมควรและคนที่สามพั้นญ์ ตอนนี้พั้นซ์กำลังเรียนแพทย์ปี 4 เขาอยากเป็นหมอผิวหนัง คนที่ สี่พ๊อช คนนี้กำลังเรียนครุศาสตร์ ปี 3 น่าแปลกคนนี้อยากเป็นครู และคนที่ห้า พอล กำลังเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งเภสัชกร และคนเล็กสุด พาย คนนี้คือความหวังของพี่หนึ่ง เขาต้องการให้พายเป็นหมอและหมอเกี่ยวกับโรคหัวใจเพราะว่าพายเรียนเก่งมากแต่มันก็ยังไม่แน่นอน เขาอาจจะเปลี่ยนอีกก็ได้
ผมมีลูกเหมือนที่พี่ๆ ผมทำให้โดยมีคนอุ้มบุญให้ แถมผมยังมีแฟนเป็นน้องชายของพี่หนึ่ง นั้นคือพี่สี่ พี่หนึ่งก็คือคนที่ดูแลพวกผมตั้งแต่พ่อแม่ผมเสีย ตอนแรกผมก็ไม่อยากได้ผู้ชายคนนี้หรอกเพราะว่าเจ้าชู้ที่สุด รักๆ เลิกๆ มากไม่รู้กี่ครั้ง และล่าสุดนี้ก็เอาอีกแล้ว จากที่หายไปหลายปีนึกว่าจะเลิกแล้วเชียว
ผมตามพี่ภาคย์มากลับมาโรงแรมของพี่ภาคย์ ตั้งใจจะกลับมาเก็บของและกลับเลย ผมรู้ว่าพี่สามมาพี่สี่ก็คงจะมาแน่นอน ดังนั้นผมจึงควรจะชิ้งหนีกลับก่อน ใช่ครับ ผมกับพี่สามมีเรื่องผิดใจกันอีกแล้ว ขนาดบอกว่าเลิกแล้วน่ะ แต่รอบนี้เป็นผู้หญิงคนเก่า เขาเคยตามมาเกาะแกะกับพี่สามจนเผลอไปมีอะไรกัน แม้จะนานแล้วตั้งแต่ตอนที่ยังใช้ชีวิตคู่กับคุณมลฤดีก็เถอะ
วันก่อนผมไปหาเขาเพราะว่าผมได้รับข้อความจากพี่สี่ที่โรงแรม ผมอุตส่าห์รีบไป ปรากฏว่าไปเจอพี่สี่ในห้องกับผู้หญิงคนนั้น ทั้งที่พี่สี่เลิกติดต่อกับผู้หญิงคนนี้ก็สี่ห้าปีแล้วและเธอก็ย้ายไปทำงานที่อื่นแต่รอบนี้ทำไมถึงกลับมาก็ไม่รู้และผมเองก็ไม่รอพี่สี่อธิบายอะไรทั้งนั้น ผมคิดว่าผมควรจะพอได้แล้ว ผมสงสารแพท แพทเรียนจบอแล้ว เขาเองก็ไม่อยากเจอเรื่องอะไรแบบนี้แล้ว แพทเป็นลูกชายคนเดียวที่ยอมเปิดใจให้พี่สี่เหมือนลูกคนอื่นๆ ดังนั้นผมควรจะเลือกลูก
 
       ผมก็ไม่ไอ้อยู่รอให้พี่สี่มาง้อเหมือนทุกทีเพราะว่าผมรีบมาส่งลูกชายคนเล็ก น้องพาย ที่ดันไปเที่ยวและมีเรื่องกับลูกชายนักการเมือง ฝ่ายที่มีปัญหากับพวกผมอยู่ พวกนี้เป็นพวกที่ต้องการโค่นล้มพวกผมเพื่อยึดอำนาจในการดูแลองค์กรของพวกผมผม พี่หนึ่งรู้เรื่องเขาก็เลยสั่งทำโทษทั้งหมด ให้พากันไปแก้ไขปัญหาที่โรงเรียนของภาคย์ ให้เวลาหนึ่งปี หากทำไม่สำเร็จจะให้อยู่ต่อไปเรื่อย

       ผมเองก็ไม่เห็นด้วยในตอนแรกเพราะว่าพายจะต้องไปเรียนแพทย์ แค่เขาไม่ได้เลือกทำสิ่งที่พวกเขาอยากทำมันก็แย่แล้วนี่ยังบังคับนั้นบังคับนี่อีก ผมรู้ว่าพี่หนี่งเป็นคนเผด็จการ พวกผมก็โดนมาแต่ไม่อยากให้ลูกๆ ต้องมาเจอแต่ว่า พี่หนึ่งก็ยังเป็นที่มีอำนาจสูงสุดในตอนนี้ นอกจากจะรอให้บอยขึ้นตำแหน่งแต่จะให้บอยคนเดียวไม่ได้ต้องหาอีกคนที่คู่กับบอย เพื่อแต่งงานกับบอย ผมเองก็รู้ว่าลูกชายพี่ภูมิมันรักบอยแต่ว่า มันก็ดื้อและหัวรั้น เผลอๆ จะมากกว่าทุกคนซะอีก ผมรู้เพราะว่า แจ็ค ติ๊กและพาย สามคนนี้ขาเที่ยวเลย จนผมเองก็ต้องกุมขมับ พายว่าที่คุณหมอจะเสียจะเสียคนซะก่อนที่จะได้เรียนหมอนะผมว่า

“พีช พ่อว่าเก็บของเลย กลับเลยดีกว่า” ผมหันไปบอกลูกชายคนที่สอง ผมรู้สึกเป็นห่วงลูกชายอีกสองคนที่บ้านยังไงก็ไม่รู้ พอลนะขอไปพักที่ใกล้กับมหาวิทยาลัยที่เขาเรียนซึ่งมันอยู่คนจังหวัดกับที่ผมอยู่ แต่ที่อยากรีบกลับเพราะว่าผมกำลังโกรธใครสักคนอยู่ บอกว่าให้เลิกได้แล้ว ลูกผมเขาเรียนจบแล้ว ผมไม่อยากให้เขามีอคตีกับพี่สี่มากไปกว่านี้แต่นี้ก็ยัง…
“กลับเลยเหรอพ่อ” พีชหันมาถามผม ตอนแรกผมก็ว่าจะอยู่ต่อ พีชก็บอกผมว่าอยากพักอีกสักวันเพราะว่าจะต้องกลับไปฝึกต่ออีกแล้ว พีชเป็นนาวิกาโยธิน เขากำลังจะเข้าบรรจุเป็นเดลต้าฟอร์ด พีชเก่งเรื่องการสอดแนม เขากำลังเข้าฝึกขั้นสุงก่อนที่จะเข้าหน่วยเพื่อปฏิบัติหน้าที่จริงในการแฝงตัวเพื่อหาข้อมุลลับ
“กลับเลยพีช เดี๋ยวพ่อไปเก็บของในห้องก่อนนะ” ผมหันไปบอกพีชแค่นั้น พวกลูกๆ ผมยังไม่มีใครรู้ว่าผมกับพี่สี่มีเรื่องทะเลาะกันอีก อายุขนาดนี้ยังมานั่งงอนกันก็อายลูกเหมือนกัน มันยิ่งทำให้ผมคิดมากกว่าเดิมว่าจะกลับไปเป็นแบบเดิมดีไหม ทั้งที่ลูกๆ ผมก็รักพี่สี่กันแล้ว ยกเว้นแพทและพีชอีกคนที่ยังไม่ไว้ใจพี่สี่เต็มร้อย ลูกๆ ผมเรียกพี่สี่ว่าป๊ากันหมดแล้ว

        ผมรีบเดินไปเข้าห้องนอนอีกห้อง ผมจัดการเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า ผมเดินทางมาด้วยเครื่องบินส่วนตัว ดังนั้นจะกลับตอนไหนก็ได้ ขณะที่ผมกำลังยืนจัดกระเป๋าเดินทางอยู่ ผมก็รู้สึกว่ามีคนเดินย่องๆ เข้ามาด้านหลังผม ผมว่าไม่ใช่ลูกผมแน่นอน ผมก็ยังคงยืนจัดกระเป๋าตัวเองทำเหมือนกับว่าผมไม่รู้แต่ฟังจากเสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้ทุกที
“ฟั๊บ” ผมคว้ามเอาโคมไฟจะฟาดคนที่มาเยือนด้านหลังผม แต่ว่าเขากับรับไว้ได้ทัน ซะก่อน และคนนั้นก็เป็นพี่สี่
“พี่สี่” ผมหันมาเจอหน้า
“ใช่ครับ…พี่บอกว่าให้รอพี่ไง ..และนี่จะจัดกระเป๋ากลับเลยเหรอเปรมดิ์” พี่สี่พูดเชิงต่อว่าผม ผมรู้ว่าเขาส่งข้อความหาผมแต่ผมทำเป็นไม่อ่าน
“ใช่ครับ….ผมจะกลับเลย ..และพี่จะมาทำไม ผมบอกว่าเราเลิกกัน พอแล้ว..ผมพอแล้ว ผมเบื่อ” ผมพูดและพี่สี่ก็ดึงคว้าโคมไฟออกไปจากมือผม
“เปรมดิ์ พี่ไม่ได้มีอะไรกับ…. เขา ...พี่บอกพี่หยุดแล้วก็คือหยุด “พี่สี่พูด ผมหันไปมองว่าผมไม่เชื่อ
“เปรมดิ์ เขามาหาพี่และเขาก็วางแผนให้เปรมดิ์ไปหาพี่ วันนั้นพี่มีเรื่องประชุมด่วน พี่ไม่ได้บอกเปรมดิ์เพราะว่าพี่ไม่อยากให้เปรมดิ์เป็นห่วงพี่ ส่วนผู้หญิงคนนั้นเขาเป็นเมียนายทหารที่เข้าประชุมกับพี่ด้วย พี่พึ่งจะรู้เหมือนกันเปรมดิ์” พี่สี่พูด
“พี่คาดคั้นเอากับเขาและพี่ก็ยื่นคำขาดไปแล้วว่า ถ้าเขายุ่งกับพี่อีก พี่จะฟ้องเขาเพราะว่าพี่บอกเขาไปแล้วว่าพี่กับเปรมดิ์จดทะเบียนสมรสกันแล้ว” พี่สี่พูด ผมมองหน้าพี่สี่ยังไม่จดซะหน่อย
“พี่ขู่เขา พี่บอกเขาว่าขุ่แต่จะทำจริงๆ ถ้ายุ่งอีก เขาก็สัญญาอย่างดีว่าไม่กล้ามายุ่งกับพี่และเปรมดิ์อีก” พี่สี่พูด
“พี่รักเปรมดิ์แต่พี่ยอมรับว่าที่ผ่านมาก็มีหลงไปบ้างแต่ให้พี่เลือก อาหารนอกบ้านกับอาหารในบ้าน พี่เลือกอาหารในบ้านเป็นอาหารหลักของพี่ อาหารนอกบ้านก็แค่จั้งฟูดส์” พี่สี่พูด
“ก็เรื่องของพี่ซิแต่ผมจะกลับแล้วพี่สี่…” ผมมองพี่สี่ นี่ผมคงใจอ่อนอีกแล้วใช่ไหม
“จะรีบไปไหนละ อยู่กับพี่ก่อน มาให้พี่ง้อเลย “พี่สี่พูด และเข้ามาขวางผม
“ไม่เอา ลูกผมอยู่” ผมพูดห้ามพี่สี่ เห็นแบบนี้ผมไม่เคยหลุดต่อหน้าลูกๆ ผม
“ไม่อยู่แล้ว พี่บอกขอเวลาง้อพ่อมันหน่อย มันเพ่นเลย ป่านนี้ลงไปหาอะไรดื่มกันข้างกับไอ้จักรแล้ว มันบอกไม่อยากได้ยินเสียงรุ่นใหญ่เขาอิบๆ กัน” พี่สี่พูดผมหันหน้ามามองนี้ให้พีชมันออกไปเหรอและลูกตัวดีก็ทำตามพี่สี่ผมอีกน่ะ ผมถึงกับต้องวางกระเป๋าเดินทางลง พี่สี่เข้ามากอดผม
“เชื่อพี่น่ะเปรมดิ์ พี่หยุดแล้วจริงๆ ถ้าพี่ไม่หยุดจริง ช่วงสี่ห้าปีมานี้ เปรมดิ์ก็คงระแคะระคายเรื่องพี่แอบไปซุกซนบ้างแต่นี้ไม่มี เห็นไหม พี่เลิกแล้วถาวรเลย เลิกเจ้าชู้ ไม่หาใครมาปรนเปรอพี่แล้ว พี่ไม่อยากทำให้เปรมดิ์เสียใจอีก “พี่สี่พยายามอธิบายกับผม ผมยืนพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ทันที
   
         นี่ผมยอมพี่สี่อีกแล้วใช่ไหม คงจะใช้แล้วแหละ พี่สี่นี่ซ่าตั้งแต่อายุสิบแปดก็ทำผู้หญิงท้องเลยตอนนี้ลูกโตแล้วเท่ากับลูกชายพี่สามคนโตเลย และลูกพี่สี่คนโตชื่อชื่อฐนัตเทพได้พ่อไปเต็มๆ แต่น้อยคนมากที่จะรู้ว่าเขาคือลูกชายพี่สี่และพี่สี่ยังมีมีภรรยาใหม่อีกคน คนนี้แต่งงานและมีลูกด้วยกันหกคนอีก ทิค แทค ราฟ ริว ท๊อปและฐาปณัฐเป็นคนสุดท้องแต่ว่าตอนนี้เขาเลิกกันแล้ว พี่สี่เลือกผมทั้งที่ความจริงผมมาก่อนผู้หญิงคนนั้นอีก ความรักของผมกับพี่สี่มันสั่นคลอนมาตั้งแต่เริ่มตกลงเป็นแฟนกันแล้ว

       ลูกของพี่สี่กับภรรยาคนที่สอง คนโตแก่กว่าแพทสองปีและคนอีกคนที่เป็นลูกหัวปีท้ายปีก็แก่กว่าแพทปีกว่าๆ เพราะว่าทิคกับแทคเป็นลูกหัวปีท้ายปี ส่วนริวนี้เป็นรุ่นเดียวกับพั้นญ์ และท๊อปก็รุ่นเดียวกับพ๊อช อีกรุ่น รุ่นเล็กก็จะรุ่นเดียวกับพาย
แต่ก่อนผมกับพี่สี่ก็แอบคบกัน ด้วยเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้ผมก็ไม่พร้อมจะเปิดก็พี่ผมมาก่อนแต่เหมือนได้เป็นเมียน้อยเขา เราคบกับอย่างลับๆ นานมากจนพี่สีขอหย่ากับคุณหญิงมลฤดีนั่นแหละพี่สี่และผมถึงได้เปิดเผยเรื่องของผมกับพี่ๆ ทุกคน แต่ความเป็นจริงพี่สี่เขาแยกทางกับภรรยาเขาหลายสิบปีแล้ว และเขาทั้งคู่ก็ยังคงทำหน้าที่พ่อแม่ให้กับลูกๆ ส่วนคุณหญิงมลฤดีพอหลังจากพี่สี่ขอหย่าเขาก็ไปแต่งงานใหม่เรียบร้อยแล้วกับคุณหมอและย้ายไปอยู่ด้วยกันเท่าที่ผมทราบ ส่วนลูกๆ เขาก็ไปๆ มาๆ ไปค้างกับแม่บ้างแต่ว่าแค่ช่วงปิดเทอมและส่วนใหญ่อยู่กับพี่สี่เพราะว่าพี่สี่คือคนที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง
ส่วนครอบครัวผมพี่สี่เข้านอกออกใน ไปค้างที่บ้านผมบ่อย ผมซะอีกที่ไม่เคยไปค้างที่บ้านพี่สี่เลยแต่ก็มีโอกาสได้เจอลูกพี่สี่บ้างแต่ไม่บ่อย ส่วนลูกๆ ผม ไม่เคยเจอลูกพี่สี่เลย ด้วยความไม่พร้อมหลายๆ อย่างด้วย
“หมับ” ผมอาบน้ำเรียบร้อยแล้วเหลือแต่พี่สี่ที่พึ่งจะเข้าไปอาบน้ำ พอออกมาได้ก็ตรงเข้ามากอดผมทันที พี่สี่สวมแค่เสื้อคลุมอาบน้ำมาเท่านั้น
“ปึด!!” เสียงกระตุกเชือกเสื้อคลุมอาบน้ำผมเช่นกัน เสื้อคลุมลงไปกองที่พื้น
“ตุบ!” ร่างผมถูกผลักลงไปบนที่นอนโดนมีหนุ่มที่ผ่านวัยกลางคนมาแล้วแต่ยังฟิต กล้ามก็ไม่มีไม่น้อยไปกว่าวัยหนุ่มเลย ผมใช้มือลูบไล้ไปตามกล้ามเนื้อ พี่สี่เป็นคนชอบเล่นเวทเป็นประจำ
“พี่น่ะเปิดห้องเอาไว้ด้วยและก่อนจะให้พีชลงไป พี่มอบห้องนั้นให้พีชไปเลย ป่านนี้คงชวนจักรไปนอนเป็นเพื่อนกันแล้วแหละและคงหาหนุ่มน้อยหน้ามลไปนอนเป็นเพื่อนแน่ๆ “พี่สี่พูด ผมมองบนทันที นี้ให้ท้ายลูกผมแบบผิดๆ น่ะ แต่ผมก็รู้ว่าพีชก็ไม่ธรรมดา ไม่มีแฟนแต่คู่นอนก็มี มันเป็นเรื่องปกติของเด็กผู้ชายที่เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์
“ถ้าลูกผมมันเอาอย่างพี่น่ะ ผมโทษพี่เลยน่ะ” ผมพูด
“ไม่หรอกน่ะ พี่ว่าพีชไม่ทำหรอกแต่ว่าถ้าใครให้ก็คงไม่อยากปฏิเสธเหมือนพี่ตอนหนุ่มๆ” พี่สี่พูด ผมกระดกศีรษะมอง ว่าเอายังไงจะหยุดหรือไม่
“แต่ว่าตอนนี้แก่แล้ว เลิกถาวร ยอมแขวนนวม” พี่สี่พูด มุมปากผมกระตุกเป็นรอยยิ้ม ผมสองคนก็เริ่มเร้าโรม กอดรัดฟัดเหวียงกัน บทรักที่ไม่ร้อนแรงเพราะด้วยวัยและนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของผมสองคน แต่ว่ามันก็มีความสุขในแบบของมัน ผมสองคนใช้เวลาไม่นานก็สำเร็จและพากันนอนแผ่ข้างๆ กัน
“พี่สี่ พายทำท่าจะไม่อยากเรียนหมอน่ะพี่ “ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นจากเตียงเพื่อสวมเสื้อคลุม ผมหันไปมองพี่สี่ที่ยังคงนอนดูข่าวเหตุบ้านการเมืองบนเตียงนอน สวมแค่เสื้อคลุมเท่านั้น พี่สี่เขาหันมามองผมเช่นกันเพราะว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่จะได้ยินจากปากผมว่าพายเริ่มลังเลไม่อยากเรียนแพทย์
“ถ้าพายเขาไม่อยากเรียน งั้นให้พี่จะลองคุยกับพี่หนึ่งให้ก่อนแล้วกันนะ พี่ว่าถ้าเขาไม่อยากก็น่าจะบังคับ มันส่งผลเสียมากกว่าผลดีและพี่ก็สงสารพาย พี่ก็รักพายเหมือนลูกพี่นะเปรมดิ์” พี่สี่พูด ผมหันมามองพี่สี่ พี่สี่เป็นน้องชายแท้ๆ ของพี่หนึ่งก็จริง และผมเองก็ไม่อยากให้พี่สี่ทะเลาะกับพี่หนึ่งเพราะผมเลย มันดูไม่ดี
“ขอเปรมดิ์ถามพายดูอีกทีแล้วกันพี่สี่ถ้าเขาไม่อยากเรียนจริงๆ แล้วเราค่อยคุยพร้อมกัน “ผมบอกพี่สี่
“ใจผมก็เสียดายเพราะว่าพายเป็นคนเรียนเก่งมาก ผมเสียดายความสามารถของเขา” ผมพูด
“มานั่งใกล้ๆ พี่ซิ ไม่ได้เจอกันตั้งเดือนกว่าๆ ไม่คิดถึงพี่หรือไง” พี่สี่ถามผมพร้อมกับตบที่นอนเบาๆ ผมก็นั่งลงบนที่นอนข้างๆ พี่สี่
“เปรมดิ์” พี่สี่เรียกผม สีหน้าดูจริงจังกว่าทุกครั้ง
“จดทะเบียนสมรสกับพี่ไหม” พี่สี่ถามผมขึ้นดื้อๆ ผมหันไปมองพี่สี่ หลังจากพี่สี่หย่าขาดกับคุณมลฤดี ผมกับพี่สี่ไม่เคยเอ่ยปากคุยกันถึงเรื่องนี้เลย ครั้งนี้มันทำให้ผมเงียบ
“ก็พี่หย่ากับคุณมลฤดีแล้ว พี่ว่าพี่ควรจะให้สิทธิ์กับเปรมดิ์เพราะความจริงเปรมดิ์มาก่อนเขาซะด้วยซ้ำ “พี่สี่บอกผม
“ไม่เอาดีกว่าพี่สี่” ผมกลับทำท่าปฏิเสธ
“ทำไมละ ไอ้ครั้นจะให้ไปขอแต่งงานก็คง” พี่สี่พูด ผมหันไปมองพี่สี่ ยังจะมาพูดเล่นอีกว่าจะไปขอผมแต่งงาน
“ไม่เอาแน่นอน พี่จะให้ผมไปเข้าพิธีแต่งงานกับพี่ตอนนี้นี้นะ แก่เกินไปแล้ว อยู่แบบนี้ก็ดีแล้วนิ “ผมพูดพี่สี่มองหน้าผมยิ้มๆ
“ก็อยากให้สิทธิ์เมียและจะได้เลิกน้อยใจพี่ ตอนนี้พี่แก่แล้ว ง้อไม่ค่อยไหวเหมือนเมื่อก่อนนิเปรมดิ์ ถ้าเมื่อก่อนนะ ยิ่งงอนยิ่งง้อ พี่ชอบ” พี่สี่พี่จอมหื่นของผม
“นะ จดทะเบียนกันและเพื่อว่าพี่เป็นอะไรไป อย่างน้อย พี่จะได้แน่ใจว่าเปรมดิ์และลูกๆ ของพี่และเปรมดิ์มีคนดูแล “พี่สี่พูดผมหันไปปิดปากแทบจะไม่ทัน ต่อให้พี่สี่เจ้าชู้แค่ไหนผมก็คงทำใจไม่ได้
“อย่าพูดอีก ผมขอล่ะพี่สี่” ผมพูดพี่สี่หันมายิ้มให้ผม
“ตกลงนี้ไม่กลับแล้วใช่ไหม” พี่สี่ถามผม ผมหันมามองตกลงจะให้อยู่หรือจะให้กับ
“อยู่กับพี่น่ะเปรมดิ์ พรุ่งนี้กลับพร้อมกันเลย “พี่สี่พูดผมก็คงต้องยอมตามนั่นแหละ
“พี่สามอยู่กับภาคย์นะ “พี่สี่พูด ผมหันไปมองหน้า
“ผมก็รู้แล้วแหละแต่ไม่คิดว่าพี่จะมาเร็วแบบนี้เหมือนกัน” ผมพูด
“พี่ภาคย์รู้ว่าพี่มาแล้วและพี่ก็บอกไม่ให้บอกผมด้วยใช่ไหมล่ะ…พี่สี่” ผมถามพี่สี่
“ถ้าบอกนี้ก็จะจะหนีพี่ใช่ไหมล่ะ มุขนี้ใช้ประจำ แต่พี่ก็ง้อทันประจำ ไม่ใช่เหรอ” พี่สี่พูด
“เบื่อจริงๆ คนรู้ทันตลอด สงสัยผมต้องเปลี่ยนมุขอื่นดูบ้างถ้าพี่ทำอีก” ผมหันพูด
“และผมอยากให้พี่เลิกเจ้าชู้จริงๆ เพราะว่าแพท” ผมพูดและมองหน้าพี่สี่ ผมยอมรับว่าแพทไม่ค่อยจะยอมรับพี่สี่เท่าไหร่
“ผมอยากให้แพทเขาเชื่อใจในตัวพี่มากกว่านี้พี่สี่” ผมหันไปพูดกับพี่สี่ พี่สี่ยิ้มให้ผม
“รอให้แพทไปประจำการที่ฐานพี่ก่อนนะ พี่จะคุยกับเขาเอง “พี่สี่พูด ผมมองพี่สี่

“ผมอยากให้แพทยอมรับพี่ซะก่อนแล้วเราค่อยคุยกันถึงเรื่องจดทะเบียน ผมเองก็ไม่อยากให้ลูกผมมองพี่และผมไม่ดี เพราะเราคือแบบอย่างให้เขานะพี่สี่” ผมพูด พี่สี่พยักหน้าเบาๆ ผมก็รู้ว่าตัวพี่สี่เองก็พยายามทำให้แพทยอมรับมากแค่ไหนแต่ลูกชายผมคนนี้รักผมมาก เลยค่อนข้างแอทตี้พวกเจ้าชู้มากไปด้วยและที่ผ่านมาที่เขาเห็น ความรักของผมไม่ได้หวานชื่น ออกไปทางรสขมซะมากกว่า
          ผมสองคนมีรักมีเลิก ไม่ได้มีหลายคนหรอกครับ มีแค่พี่สี่นี้แหละ พอทะเลาะกันก็เลิกและก็มาดีกันอยู่แบบนี้ตั้งแต่ผมยังไม่มีลูก ตอนนี้แพทก็กำลังติดยศ ดังนั้นผมก็อยากให้ลูกผมมีโปรไฟล์ที่ดี แต่ผมก็เชื่อว่าพี่สี่จะทำได้ ผมสองคนก็พากันอาบน้ำชำระร่างกายอีกรอบก่อนจะพากันเข้านอนและผมกับพี่สี่จะบินกลับพร้อมกันเลย ถึงยังไงผมก็ต้องเข้าไปในค่ายทหารพร้อมพี่สี่อยู่แล้ว อันที่จริงๆ หนียังไงก็หนีไม่พ้นเราอยู่หน่วยเดียวกัน

TBC....


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.11 แอ้คนกลาง

      Part’ sแอ้ เมื่อคืนผมกลับมานอนกับดิวจนได้ หลังจากที่ติ๊กหลับไปแล้วและพายบอกว่าจะจัดการเองถ้าติ๊กตื่นขึ้นมาและโวยวาย ตอนที่กลับมานอนนั้นผมก็แอบกังวลว่าติ๊กจะตื่นขึ้นมาเหมือนกัน มันทำให้ผมนอนหลับแบบหวาดระแวงไปด้วย ผมอยากจะบ้าตายนี้แค่วันแรกๆ ยังขนาดนี้เลยแล้วถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันล่ะ ผมคงขอพ่อภีมไปก่อนเพื่อนดีกว่า ไปฝึกหรือไปเรียนอะไรก็ได้ ผมหลับๆ ตื่นๆ จนสุดท้ายผมเผลอหลับสนิทไปตอนไหนก็ไม่รู้ มารู้สึกตัวอักทีก็ตอนที่ได้ยินเสียง
ปังๆๆๆ เสียงเคาะประตูที่ดังสนั่นปานว่าจะเคาะให้มันพังไปเลย ผมก็สะดุ้งตื่นลืมตาขึ้นมาทันที ตอนนี้ผมนอนเอาหัวหนุนหัวไหล่ไอ้ดิวเอาไว้ ผมเหลือบมองเวลาตอนนี้มันหกโมงจะเจ็ดโมงเช้าแล้ว ปกติผมต้องตื่นไปวิ่งแต่ว่านี่ผมนอนเพลินจนลืมตั้งนาฬิกาปลุกเลย
“ไอ้แอ้!!!” เสียงนั้นไอ้ติ๊กเรียกชื่อผม ตายละถ้าติ๊กมันรู้ว่าผมกับดิวนอนเตียงเดียวกันแบบนี้ มันโวยวายแน่ๆ และคนที่จะโดนหนักคือผมไม่ใช่ไอ้ดิวและแน่ล่ะเตียงนอนผมมันมีของวางขนาดนั้น เด็กอนุบาลก็ดูรู้ว่าผมนอนเตียงตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว ผมต้องนอนกับไอ้ดิว
“ไอ้ดิว ไอ้ดิว ลุก!!! “ผมเรียกได้ดิวพร้อมกับเขย่าตัวแต่ว่าดิวมันก็ไม่ยอมตื่น
“ผลัก!!” ในเมื่อมันไม่ตื่น ผมก็ถีบมันลงจากเตียงนอนไปทันที ไอ้ดิวมันตื่นพร้อมกับคลานขึ้นมาบนเตียง ผมก็มองคนที่เคาะประตูเรียกอยู่นั่นแหละ
“ปลุกทำไมเนี่ยแอ้ วันนี้วันหยุดน่ะและนี่ก็ไม่สว่างเท่าไหร่เลยแต่ถ้าจะชวนไปวิ่งดิววิ่งไม่ไหวแล้วแหละแอ้ ก็ดิววิ่งไปหลายรอบก่อนนอน วิ่งด้วยกันกับแอ้ไง จำไม่ได้เหรอที่รัก “ไอ้ดิวมันครึ่งหลับครึ่งตื่นมาพูดกับผม ผมพยักพเยิดไปทีประตู
“ไอ้แอ้!!!” คนนั้นก็เรียกปานว่าจะปลุกทั้งหมู่บ้านขนาดนั้น มันยังไม่ตื่นอีกเหรอ
“แล้วนี่อะไรเนี่ย เรียกเป็นลูกเลย ลืมตาขึ้นมาก็แม่แอ้ แม่แอ้!” ดิวพูด ผมถึงกับออกอาการมองบนใส่ไอ้ดิวทันที
“ดิวตื่นเดี๋ยวนี้ “ผมดึงแขนไอ้ดิวทันทีเพราะว่ามันจะกลับไปนอนต่อ
“ไอ้ดิวตื่น!!!” ผมเรียกไอ้ดิวมันอีกครั้ง
“เร็วเข้าก่อนที่ไอ้ติ๊กมันเคาะประตูจนประตูจะพังและมันก็เคาะเสียงดังขนาดนี้ แต่มึงยังนอนอยู่ได้ กูละเชื่อมึงเลยดิว” ผมถามไอ้ดิว มันก็หรี่ตาขึ้นมามองผมและมองไปที่ประตู มีคนเคาะอยู่ที่ตรงประตูแบบรัวๆ
“และถ้ามันเห็นว่ากูกับมึงนอนเตียงเดียวกันนี้กูตาย” ผมพูดกับไอ้ดิว
“ก็” ไอ้ดิวกำลังจะอ้าปากพูด มันคงจะบอกว่าบอกมันไปตามจริง แต่มันหารู้ไหมว่าไอ้คนนั้นมันคงจะมานั่งฟังเหตุผลมันกับผมหรอกน่ะ มันคงโวยวายบ้านแตก
“มึงก็พูดง่ายเพราะมึงไม่ใช่กู” ผมบอกดิว
“ก็ได้...แอ้ก็ไปนอนเตียงนั้นและดิวจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าแอ้มานอนตอนไหนแล้วกัน” ดิวพูดก่อนจะหันไปช่วยผมเอากระเป๋าของใช้ พวกหนังสือกีฬาต่างของมันนั่นแหละลงและผมก็กระโดดขึ้นไปนอน เอาผ้าคลุมหัวคลุมโปง ผมหวังว่าไอ้ดิวมันจะแก้สถานการณ์ให้ดีขึ้นนะไม่ใช่แย่ลง
“ไอ้ดิวววว ไอ้แอ้) )) )) )) ” เสียงติ๊กเรียกผมสองคนในรอบนี้
“แอ๊ด!!” เสียงไอ้ดิวเดินไปเปิดประตู ส่วนผมคลุมโปงอยู่
“เป็นบ้าอะไรเนี๊ยะ…ห๊ะ! ทำตัวเป็นนาฬิกาปลุกเหรอและนี้มันวันหยุด ใครเขาก็นอนตื่นสายกันทั้งนั้นและมึงเองก็ปกติวันหยุดนอนตื่นเที่ยงไม่ใช่เหรอ”เสียงไอ้ดิวมันถามติ๊กอย่างหัวเสีย
“เอ๊ะ! หรือว่าไม่ได้ไปเที่ยวผับคืนวันเสาร์เลยไม่รู้ว่าวันอาทิตย์ตื่นสายได้น่ะ “ไอ้ดิวมันถามติ๊ก ผมนี้ต้องตีเขาภายใต้ในผ้าห่มของผม มันพูดแบบนี้เท่ากับว่ามันเติมไฟให้ติ๊กมันโกรธมากขึ้นมากกว่า
“ก็กูเคาะประตูจนมือกูนี้จะแหลกหมดแล้ว พวกมึงสองคนทำอะไรกันละ” ไอ้ติ๊กถามดิว
“ทำบ้าอะไร ก็แอ้มันนอนกับมึงไม่ใช่เหรอ” ไอ้ดิวถามติ๊ก
“มันกลับมาแล้ว...ตอนไหนก็ไม่รู้ มึงอย่าบอกนะว่ามึงไม่รู้ไม่เห็นน่ะ กูไม่เชื่อ กูว่ามึงต้องไปเรียกมันกลับมาใช่ไหม” ไอ้ติ๊กถามดิว
“กูไม่ได้ไปตาม กูหลับครับมึงครับ หลับคาหนังสือเลย มึงดูดิ หนังสือยังกางอยู่เลย “ดิวพูดกับติ๊กแต่ผมจำได้ว่าผมเก็บหนังสือมันเองนี่แล้วมันเอาไปกางตอนไหน
“ถ้าแอ้มันกลับมา มันเห็นกูหลับแบบนี้มันคงต้องปลุกกู มันไม่ใจร้ายเหมือนมึงหรอก ที่จะปล่อยให้หลับคาหนังสือ” แต่อันนี้ผมอยากจะออกไปดึงหูมันจริงๆ แต่ลืมไปมันกำลังช่วยแก้สถานการณ์อยู่ แต่มันจะดีขึ้นหรือแย่ลงกันแน่
“กูนี่เหรอใจร้าย” เป็นไงล่ะไอ้ดิว ผมเรียกชื่อมันเบาๆ นี่มันจะช่วยให้ดีขึ้นหรือแย่ลง
“แต่ช่างแม่งเถอะ ให้กูเข้าไปเดี๋ยวนี้เลย “ติ๊กบอกไอ้ดิวว่าจะเข้ามาในห้อง ผมก็รีบดึงผ้ามาคุมหัวคลุมโปงทันทีอีกครั้ง ทำทีเป็นหลับแล้วกัน เสียงฝีเท้าดังเข้ามาในห้อง
“นี้ไงมันนอน...คลุม...โปง อยู่นี่ไง” เสียงติ๊ก
“อ้าว! เห็นไหมมันกลับมาเมื่อไหร่กูยังไม่รู้เลย แล้วถ้ากูเป็นคนไปเรียกมันกลับจริง กูต้องรู้ดิ มึงนี้มันบ้าว่ะ ติ๊ก” ไอ้ดิวพูดและผ้าก็ถูกดึงออกไปโดยใครคนหนึ่ง ผมก็แกล้งทำเป็นสะลึมสะลือ ใช้มือผมขยี้ตา ผมก็เห็นไอ้ติ๊กและไอ้ดิว แต่ไอ้ดิวมันยืนพร้อมผ้าขนหนูพันกายแบบหมิ่นเหม่ ผมสะบัดหน้าไปมองไอ้ดิวสองทีติด ผมไม่น่าไว้ใจมันเลย
“อ้าวติ๊กเหรอ มึงตื่นแล้วเหรอ” ผมถามติ๊กแบบสะลึมสะลือพร้อมกับหันไปมองไอ้ดิว ผมอยากจะกระโดดเตะมันจริงๆ
“มึงกลับมายังไง” ติ๊กถามผม
“ก็เดินมาดิ จะให้กูนอนเบียดมึงทำไมอ่ะ เตียงมันก็เล็กนิดเดียว” ผมพูดและผมมองไอ้ดิว ผมจำได้ว่ามันยังมีชุดนอนอยู่แล้วนี่ชุดนอนมันไปไหน ทำไมมันมีแค่ผ้าขนหนูพันกายแบบนี้ ผมมองไอ้ตัวดี มันยิ้มให้ผมแต่ผมซิ อยากจะตีเข่ามันจริงๆ
“เออแล้วทำไมมึงไม่ใส่เสื้อผ้าวะดิว” ไอ้ติ๊กหันไปถามไอ้ดิว ผมหันอยากจะโบกกระบาลมันจริงๆ เป็นไงล่ะ
“มึงไม่ได้ออกไปวิ่งน่ะเพราะถ้ามึงวิ่งมามึงก็คงอาบน้ำ มันก็ไม่แปลกน่ะ” ติ๊กหันไปถามดิว
“ก็นึกว่านอนคนเดียวเลยแก้ผ้านอน สบายดีและกูก็ไม่ได้เปิดแอร์ กูเปิดพัดลมครับ อาการมันเย็นสบายดีกว่าแอร์อีก” ไอ้ดิวพูด
“ส่วนห้องมึงกูว่ามึงต้องใส่เสื้อกันหนาว เสื้อโค้ชตลอดเวลา เปลือกไฟชะมัดมึงน่ะ” ไอ้ดิวมันพูด
“และคนบ้าอะไรแก้ผ้านอนทุกทีที่กูเข้ามาเลยว่ะและมึงต้องแก้ทุกทีที่ไอ้แอ้มันอยู่ห้องด้วยแต่ก็ดีนะแอ้ที่มึงไม่แก้ผ้าไปด้วย ไม่งั้นนะ” ติ๊กหันมาพูด แอบคิดในใจจริงๆ กูก็แก้แล้วแต่ใส่กลับเข้าไปแล้วต่างหาก
“ไม่งั้นอะไร” ไอ้ดิวมันถามไอ้ติ๊กด้วยเสียงแข็ง
“ใครจะกล้าแก้ผ้า กูไม่เคยทำซะหน่อย “ผมรีบพูด ดิวหันมามองหน้าผมยิ้มอีกน่ะ ผมขยิบตา นาทีนี้ผมต้องกล้าโกหก ผมก็ลุกขึ้นนั่งทันที
“ไปอาบน้ำแต่งตัวห้องกูน่ะ” ติ๊กหันมาบอกผม
“กูต้องไปด้วยไหมวะ กูพร้อมมากที่จะไปแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันสามคนสี่คนด้วยในห้องน้ำห้องเดียว กูไม่เข้าใจว่ะ เขามีห้องน้ำให้อยู่แล้วทุกห้อง มึงจะไปแออัดกันทำไมว่ะ ขาดความอบอุ่นเหรอ “ไอ้ดิวถามไอ้ติ๊ก ผมหันมาอยากจะกระโดดกัดหูมันจริงๆ มันปากหมานแบบนี้ไงและอีกคนก็ไม่เบาเช่นกัน
“พอได้แล้วดิว กูไปอาบน้ำห้องไอ้ติ๊กแล้วกัน” ผมรีบตัดบทให้มันสองคน
“มึงอาบน้ำนี้แหละเพราะว่าถ้ามึงไปอีกคน อึดอัดและอ่างกูก็อาจจะแตกได้ อ่างกูหรูและดูแพง “ไอ้ติ๊กพูดและเดินออกไปทันที ผมพยักหน้าว่าเดี๋ยวตามออกไปส่วนไอ้ดิวเดินไปปิดประตูหลังจากที่ติ๊กเดินออกไป ผมก็หันไปหยิบหมอนรอเลยพอไอ้ดิวมันปิดประตูปุ๊ป
“ตุบ! “ผมปาหมอนใส่ไอ้ดิวทันที ไอ้ดิวหันมารับหมอนจากผมแทบไม่ทัน
“ปาทำไมเนี๊ยะแอ้ เอ๊ะ! หรือว่าจะนอนต่อ ได้น่ะดิวก็อยากนอนต่ออยู่เหมือนกันแต่อยากนอนกับแอ้!!!” ดิวมันพูด มันก็น่าจะจริงๆ ผมอยากหาอะไรแข็งๆ ปาใส่มันจริงๆ แต่ว่าต้องรีบลุกไปห้องไอ้ตัวดีผมเหมือนกัน
“ที่กูปาเพราะว่ามึงเล่นแก้ผ้าไปรับมันแบบนั้นน่ะ กูนี้คิดผิดมากที่คิดว่ามึงจะให้ทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น แต่ไม่ใช่เลย ไอ้ดิว!!” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นและรีบคว้าผ้าเช็ดตัวก่อนพร้อมกับเสื้อผ้าที่จะสวมใส่ไปด้วย
“นี้ยังดีที่เอาผ้าขนหนูพันไว้ อยากออกไปให้เห็นเลยว่า เพิ่งทำอะไรกันมา ดิวเบื่อมากเลยนะ มันจะมาเป็นผู้กำกับชีวิตคนอื่นอะไรหนักหนาและอีกอย่าง มันควรจะรู้จักขอบเขตบ้างน่ะแอ้” ดิวพูด ผมหันมามองหน้าดิว มันใช่เวลานี้เหรอที่ควรจะพูด
“แล้วที่ผ่านมาก่อนที่กูกับมึงจะค่อยๆ หายไปจากมันล่ะ เราทำอะไรกัน เราอยู่ด้วยกันกินนอนด้วยกัน มาตอนนี้มึงจะเขี่ยมันออกเหรอ มึงทำได้ยังไงวะดิว” ผมหันไปถามไอ้ดิว
“แต่เราจะมีกันสามคนไปตลอดชีวิตไม่ได้แอ้ มันต้องมีช่องว่างระหว่างกันบ้าง ติ๊กมันเป็นเพื่อน มันก็ต้องมีขอบเขตบ้างแอ้น่ะเมียดิว!!” ดิวพูด ผมต้องเปาลมหายใจออกมายาวๆ ผมว่าผมไปอธิบายให้ลูกๆ ผมฟังมันจะง่ายกว่าเลย
“ถ้ามันจำเป็นต้องทำหรือไม่จำเป็นต้องเลือก...กูเลือกที่จะไม่ทิ้งมันแน่นอน ดิว” ผมหันมาพูดและเดินกลับเข้าห้องติ๊กไป ผมเดินเข้าไปก็เห็นมันนั่งบนเตียงหน้าบอกบุญไม่รับเลยและพายก็คงเข้าไปอาบน้ำแล้วเช่นกัน
“มึงไปทำอะไรกันใช่ไหมแอ้” ติ๊กมันลุกขึ้นมาได้ก็บีบต้นแขนผมจนผมรู้สึกเจ็บเพราะเล็บมันจิกเข้าที่เนื้อ
“ติ๊ก กู ไม่ได้ทำอะไรกัน” ผมพูดกับติ๊ก สายตามันมองจ้องผม มันไม่เชื่อที่ผมพูด
“มึงหนีกลับไปนอนกับมันใช่ไหมแอ้” ติ๊กมันถามผม
“กูบอกแล้วว่าทีนอนมันแคบกูก็เลยไม่อยากให้มึงนอนไม่สบาย” ผมพูด และพยายามแกะมือติ๊กออก
“กูไม่เชื่อ!!!”
“กูเป็นคนบอกให้แอ้มันกลับไปนอนห้องมันเองติ๊ก” เสียงพายพูดขณะที่พายเปิดประตูห้องน้ำออกมา พายเดินมามองหน้าติ๊ก และมองที่มือที่มันบีบต้นแขนผมไว้ว่าให้ปล่อย
“ถ้ามึงยังทำร้ายแอ้ กูจะเรียกไอ้ดิวเดี๋ยวนี้ และกูนี่จะไม่เข้าข้างมึงอีกเพราะมึงงี่เง่าว่ะ” พายพูด ติ๊กก็ปล่อยแขนผม
“อันที่จริงแอ้มันก็สู้มึงได้สบายน่ะแต่มันไม่ทำ ทำไมมึงถึงทำมันวะ กูถามหน่อย” พายถามติ๊ก
“มึงเคยคิดป่ะ ว่าแอ้มันคือเพื่อนมึง ..มึงเคยเข้าใจคำนี้มั้ยวะติ๊ก และพวกเราก็เกิดแม่งวันเดียวกัน โตมาด้วยกันขนาดนี้ แถมยังต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ ด้วยกันแบบบนี้แค่ชีวิตที่ต้องอยู่ในกรอบมันก็แย่ แอ้มันยังต้องมาทนกับมึงอีกเหรอวะ ติ๊ก” พายพูดกับติ๊ก
“เมื่อก่อนมึงสามคนเป็นไง รักกันสนิทกันมากแค่ไหน” พายถามติ๊ก
“ก็ใช่ไงเมื่อก่อนแต่ตอนนี้ แม่งมันทำให้กูคิดว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนเขี่ยกูออกมา” ติ๊กพูดก่อนจะหันมามองหน้าผม
“นี่อะไร...มันมีห้องนอนของมันและเขาจัดให้แล้วว่าควรนอนหรืออยู่ที่ไหน มึงก็ควรยอมรับตามที่เขาจัดให้ “พายพูดสีหน้าจริงจัง ทำเอาติ๊กไม่กล้าเถียงกลับเลย
“ที่มึงทำแบบนี้น่ะ มึงแค่รักตัวเอง ส่วนที่แอ้มันทำมันยอมเพราะว่ามันรักมึงและแคร์มึง เพราะว่ามึงเพื่อนรักมัน “พายพูด
“แล้วมึงล่ะ? มึงคิดว่ามันคืออะไรสำหรับมึง เพื่อน? ไม่น่าจัใช่ว่ะ” พายพูด
“ให้มันกลับไปอาบน้ำแต่งตัวที่ห้องมันเพราะมึงก็ไม่ได้ทำอย่างที่มึงพูดกับดิวสักครั้ง “พายพูดและ ติ๊กก็หันมามองหน้าผม ติ๊กไม่ตอบอะไรคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปทันที
“แอ้ กลับไปห้องเถอะ ปล่อยมันไปบ้าง มึงควรแค่อีกคนมากกว่ามันว่ะและมันก็ควรยอมรับได้แล้วว่าดิวมันรักมึง “พายพูด ผมได้แต่มองคนที่เข้าไปในห้องน้ำ
“กูดูออกนะว่าอะไรเป็นอะไร “พายพูดกับผม

ผมก็หยิบผ้าเช็ดตัวและเดินกลับห้องตัวเองเช่นกัน ผมได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำ ดิวคงกำลังอาบน้ำอยู่ ผมถลกแขนเสื้อขึ้นดู ปรากฏว่ามันเป็นรอยแดงจ้ำตามจำนวนนิ้วของติ๊กที่กดจิกผม ดังนั้นผมจะเข้าไปอาบน้ำกับดิวทั้งแบบนี้ไม่ได้ มันจะต้องรู้และเห็นไอ้ดิวแบบนี้มันหัวร้อนมากเช่นกัน ผมไม่อยากให้มันแย่ไปกว่านี้
“อ้าวแอ้ “ดิวเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมสังเกตตามลำตัวยังมีน้ำเกาะอยู่เลยแสดงว่าเพิ่งจะอาบเสร็จและออกมาเลยผผมนึกแปลกใจทำไมไอ้ดิวไม่ยอมแต่งตัวจากในห้องน้ำเลย
“เสร็จแล้วเหรอ กูจะได้อาบน้ำบ้าง” ผมพูด
“ก็ไหนบอกจะไปอาบกับติ๊กไง” ดิวมันถามผม
“ก็..เออ..” ผมควรจะบอกมันว่าไงดีวะ
“ทำไมติ๊กมันงอลเหรอ เลยไล่แอ้กลับมา” ดิวถามผมกลับ ผมก็ลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัว รีแทรกตัวเข้าห้องน้ำไปทันทีก่อนที่ดิวจะเข้ามาเห็นสิ่งที่ผมไม่อยากให้เขาเห็นแต่จังหวะนั้น
“ก๊อกๆ เสียงเคาะประตู ผมสองคนหันไปมองว่าใคร อย่าบอกนะว่าไอ้ติ๊กมันมาเรียกผมไปห้องมันอีกน่ะ ดิวหันมามองผม
“ไอ้ตัวดีอีกมั้ยละ” ดิวพูดและเดินไปเปิดประตู มันก็ยังคงอยู่ในสภาพผ้าขนหนูพันเอว ผมจะห้ามก็ไม่ทันแล้ว ไอ้ดิวเดินไปถึงหน้าประตูพร้อมกับจับลูกบิดและเปิดประตูเข้ามา
“อะไรวะ มึงนี้ไม่รู้จักใส่เสื้อผ้าหรือไงวะดิว” ติ๊ก มันบ่นไอ้ดิวผมนี้ต้องยืนกุมขมับ
“กูว่าจะแก้ผ้าอยู่น่ะ” ไอ้ดิวพูดและทำท่าจะดึงผ้าลง
“ไม่อยากดูของมึง “ไอ้ติ๊กพูด
“แล้วนี่มาเพื่อ” ดิวถามติ๊ก่อนจะหันมามองหน้าผมและหันกลับไปมองติ๊ก
“แอ้อาบน้ำแต่งตัวเร็วๆ น่ะ ลงไปกูจะชงโปรตีนให้มึงกิน มึงควรจะบำรุงเยอะๆ” ติ๊กพูด ผมก็พยักหน้ายิ้มๆ
“มึงก็ควรจะสวมเสื้อผ้าได้แล้วดิว อุบาทว์!” ติ๊กพูดและเดินออกไป ผมก็รีบเข้าไปในห้องน้ำทันทีและก็รีบอาบน้ำแบบรวดเร็วเช่นกัน ที่แขนก็ยังเจ็บ ผมควรทำยังไงดีไม่ให้มันเห็น ผมไปมองประตูตู้กระจกอาบน้ำ อันนี้แหละวะ ผมก็ทำเหมือนให้มันหนีบผม ไม่ใช่แค่เหมือนให้หนีบจริงๆ
“โอ๊ยย!!!” ผมร้องออกมาเสียงหลงและดันเผลอดังไปหน่อย
“แอ้ ..เป็นไรนะ แอ้เปิดประตู แอ้!!! “ไอ้ดิวเรียกผมเสียงหลงอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำลูกบิดก็ถูกหมุนเพื่อให้ผมเปิดประตูออกไป
“แอ้เป็นอะไร แอ้เปิดประตู!!” ดิวร้องเรียกผมอยู่ที่หน้าประตู ผมก็ต้องเดินไปปลดล๊อกประตูและประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดเข้ามา ดิวมองผมด้วยสีหน้าตกใจ เขาเห็นผมเอามือจับที่ต้นแขนเอาไว้
“ไม่มีอะไรดิว คือ เออ กูรีบปิดประตูตู้อาบน้ำและมันเลยหนีบแขนกูน่ะ” ผมพูด ดิวก็เดินมาจับมือผม ผมก็เปิดมือให้มันดู มันได้ผล รอยประตูหนีบมันทับรอยนิ้วแทนแต่เจ็บมากกว่าหลายเท่าเลยผมทีนี้
“โธ่แอ้ จะรีบทำไมอ่ะ ดูซิเจ็บตัวเลยแอ้ “ดิวถามผมด้วยสีหน้ากังวล ผมคิดในใจ กูขอโทษน่ะดิว กูไม่อยากให้มึงทำให้ติ๊กมันรู้สึกว่ามึงปกป้องกูเกินไป ถ้ามึงรู้ว่าความจริง ดิวเหลือบตาขึ้นมองผมเป็นระยะๆ
“อาบน้ำยัง” ดิวชำเลืองตาขึ้นมามองผม สายตาคู่นั้นดูเป็นห่วงผมเอามากๆ
“ยังอ่ะ กำลังจะเข้าไปอาบแล้ว” ผมบอกดิว
“ให้อาบด้วยไหม ดูแล้วแอ้น่าเจ็บแขนอ่ะ” ดิวถามผม
“ไม่ต้อง มึงสวมชุดแล้ว อย่าหาเรื่องถอดชุดหน่อยเลยน่ะ” ผมพูดแต่ก็แอบยิ้ม
“สวมได้ก็ถอดได้และใส่ใหม่แต่รอบนี้ให้เมียช่วยใส่น่ะ “ดิวพูด
“ไม่เอาดิวและมึงก็รีบออกไปกูจะได้อาบน้ำเพราะว่าถ้าลงไปช้าติ๊กมันก็มาตามอีก” ผมพูดและรีบไล่ไอ้ดิวให้ออกไปก่อน ผมก็รีบปิดประตูห้องน้ำ
“ฟู่!!” แอบพ่นลมหายใจออกมา ไม่รู้ว่าดิวมันเชื่อผมไหมแต่ดูท่าทีก็เชื่ออยู่น่ะ
“แอ้ อย่าเพิ่งสวมเสื้อผ้าน่ะ ดิวจะเอายาทาให้” ดิวจะโกนบอกผมจากด้านนอก
ผมก็รีบเข้าไปอาบน้ำอย่างเร็วก่อนที่ไอ้ดิวจะกลับเข้ามา รอบนี้ผมไม่ได้ล๊อกประตู ไม่นานดิวก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเอาหลอดยาเพื่อจะมาทาให้ผม ผมอาบน้ำเสร็จพอดี ดิวเดินมาจับที่ต้นแขนผมทันทีและบีบยาออกมาแตะที่ปลายนิ้ว ดิวบรรจงทาอย่างเบามือที่สุด
“ทำไมร่องรอยมันดูแปลกๆแบบนี่ล่ะแอ้ บางลอยเหมือนโดนกด แต่ตรงนี้เหมือนนิ้วมือเลยเนี่ยะแอ้! “ดิวถามผม เขามองหน้าผมนิ่ง มันจะเป็นโคนันอะไรตอนนี้วะผมคิดในใจ
“แน่ใจนะว่านี้คือรอยประตูหนีบนะแอ้” ดิวถามผม ผมก็มองหน้าไอ้ดิว ว่ามันจะมาเป็นนักสืบโคนันอะไรตอนนี้เนี๊ยะ ดิวมันเงยหน้าขึ้นมามองผม ก่อนจะยืนขึ้นและมองหน้าผมอีกที ดิวกำลังใช้ความคิดพิจารณารอยนั้น ดิวก็วางหลอดยาลงที่ตรงหน้ากระจกตรงอ่างล้างมือ ผมเดาได้ว่าดิวไม่เชื่อ
“แอ้บอกดิวมาว่าเกิดอะไรขึ้น เอาตามจริง” ดิวถามผม น้ำเสียงมันจริงจังจนผมก็ไม่กล้าเลย
“ไม่มีอะไรดิว” ผมตอบ ผมยืนกรานกระต่ายขาเดียวเพื่อปกปิดความจริง
“ก็เห็นอยู่ว่าประตูมันหนีบ เอามากูทาเอง” ผมแกล้งทำเสียงหงุดหงิดใส่และดึงหลอดยามาจะทาเองแต่ดิวดึงหลอดยาคืนกลับไปและเขาก็บีมที่นิ้วมือนั้นก่อนจะบรรจงทาให้ผมอีกครั้ง แต่ก็ยังเหลือบตาขึ้นมามองผมเป็นระยะๆ
“พอแล้วดิว ขอบใจนะดิว แอ้จะแต่งตัวแล้วล่ะ” ผมพูดกับดิวและหันไปหยิบเสื้อผ้ามาถือเอาไว้ก่อนนะพยักหน้าให้ดิวเดินออกไปก่อน ไม่อย่างนั้นอาจจะไม่ได้ใส่และดิวมันคงถอดของมันออกด้วย
“ดิว ออกไปก่อนน่ะ” ผมพูดเชิงออกคำสั่งดิว เห็นดิวแบบนี้ ดิวจะไม่บังคับถ้าผมบอกว่าไม่ ดิวก็แค่พยักหน้าตอบรับแต่ว่ารอบนี้มันว่าง่ายไปหน่อยน่ะ ผมแอบสงสัยและดิวก็เดินออกไป
ผมแต่งตัวให้เรียบร้อย ชุดอยู่บ้านสบายๆ เพราะว่าวันนี้ต้องพักอีกหนึ่งวันพรุ่งนี้ถึงจะไปเป็นเด็กนักเรียนกัน ผมกำลังเรียนออนไลน์เกี่ยวกับวิชาการทางการทหาร ผมต้องเรียนรู้ก่อนจะเข้าไปฝึก ผมอยู่ในช่วงพักเพราะว่าลุงหนึ่งทำเรื่องขอเอาไว้ให้ ผมแต่งตัวเสร็จก็รีบเดินลงไปทันทีเพื่อจะได้ทานอาหารเช้ากัน ขณะที่ผมเดินลงไปและตรงไปยังห้องอาหาร ผมก็ต้องชะงักเท้าเอาไว้ก่อน
“มึงทำอะไรแอ้ติ๊ก มันหลายครั้งแล้วน่ะ จะโมโหอะไรแอ้มันหนักหนา มึงบอกกูมาดิวะ ติ๊ก!!!” ดิวลงมาก่อนเพื่อมาถามติ๊กแสดงว่าผมเองก็โกหกมันไม่เนียน มิน่าจะผมบอกให้ลงมาก่อนมันก็ลงมาอย่างว่าง่าย
“มึงพูดเรื่องอะไรของมึง ดิว” ติ๊กถามดิวกลับทันที
“กูถามว่ามึงทำอะไรแอ้ มึงโมโหที่มันกลับมานอนห้องใช่ไหม กูถามว่าใช่ไหม!” ดิวถามติ๊ก
“มึงถึงได้ใช้นิ้วจิกแขนแอ้แบบนั้น ติ๊ก!! มันเกินไปว่ะ” ดิวพูดกับติ๊ก
“กูไม่ได้ทำอะไร!!!” ติ๊กพูด ผมก็เลยต้องรีบออกมาจากที่ผมแอบ
“กูเคยขอมึงว่าอย่าทำอะไรแอ้ มึงจำไม่ได้เหรอ นี้มึงก็ยังทำ ทำทำไมว่ะติ๊ก บอกมาดิ!!” ดิวถามติ๊ก ติ๊กมองหน้าดิวนิ่งๆ แววคู่นั้นมีแค่ผมที่เข้าใจว่ามันรู้สึกยังไง
“ดิว อะไรอีก กูก็บอกว่าประตูตู้ที่อาบน้ำมันหนีบแขนกู มึงไม่เชื่อก็เรื่องของมึงน่ะ” ผมพูดและมองหน้าไอ้ดิวและหันมามองหน้าติ๊ก ติ๊กมันก็มองหน้าผมเช่นกัน
“อ้าวแล้วมึงไปทำอีท่าไหนวะให้มันหนีบเอา ไหนดูดิ ทายาหรือยังเนี่ย” ติ๊กหันมาขอดูแขนผมและถามผมเรื่องทายาหรือยัง
“กูทาให้แล้ว” ดิวพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งมาก ติ๊กหันไปมองหน้าดิว
“เออ ก็ดีแล้ว มากินโปรตีนที่กูชงเอาไว้ก่อนดิและหวังว่าไอ้แจ็คมันคงจะตื่นเร็วๆ นี้น่ะ “ติ๊กพูด ผมหันไปมองหน้าดิว ผมรู้ว่ามันไม่พอใจ
“ดิว..ถ้ามึงไม่เชื่อกู ต่อไปก็ไม่ต้อง…” ผมหันมาพูดกับดิว
“เชื่อก็ได้แต่ดิวแค่ไม่ไว้ใจไอ้ติ๊กอีก “ดิวพูดและหันไปนั่งที่โต๊ะ ติ๊กมันก็เอาแก้วที่ใช้ชงพวกเครื่องดื่มโปรตีนมาให้คนละแก้ว ผมก็รับไปดื่มเช่นกันพายลงมาพอดี พวกผมก็ทำทุกอย่างให้เหมือนปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่บอกตรงๆ ผมนี้โคตรอึดอัดเลยจริงๆ ผมหันไปมองมีอาหารเช้ามาวางเอาไว้แล้ว
“พ่อให้คนที่โรงแรมเอามาส่งให้แต่เช้าแล้ว” ติ๊กพูด ผมพยักหน้าก่อนจะนั่งลงข้างๆ ติ๊กเพื่อทานอาหารเช้า
“ดิว นั่งข้างๆพายก็ได้น่ะ ส่วนแอ้น่ะเขาจะนั่งสวีตกับ…” พายพูดก่อนจะชะโงกไปมองติ๊ก
“กับอะไร??” ติ๊กถามพายกลับทันที
“แฟน..” พายพูดว่าแฟน
“กำมะลอ!! แหม๊ไปหลอกเด็กเถอะมึงอ่ะ “พายพูด ติ๊กมันรีบส่งนิ้วกลางให้ทันที และพวกผมก็หันไปเจอแจ็คกับบอยที่พึ่งจะเดินลงมา แต่งตัวด้วยชุดอยู่บ้านแต่ดูแล้วไม่น่าจะใช้น่ะสำหรับแจ็ค พวกผมหันไปมองพร้อมกันทันที
“มึงจะไปดูคอนเสิร์ตที่ไหนวะแจ็ค แต่งมาขนาดนี้ วันนี้เขาให้อยู่บ้าน” ติ๊กถามแจ็ค บอยหันไปมองแจ็คเช่นกัน
“นี่ชุดธรรมดาที่สุดแล้วสำหรับอยู่บ้าน” แจ็คพูดก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ให้บอย พวกผมก็มองตามกันอีกที
“บอย ให้อภัยมันแล้วเหรอ เร็วไปน่ะ น่าจะรอสักสามสี่ปีค่อยให้มันอ่ะ ไอ้มันนั่งร้องไห้เป่าปี่ไม่มีใครรักต่อไป” ติ๊กพูด แจ็คมันรีบหยิบขนมปังปาใส่ติ๊กทันที
“บอยเขาให้อภัยแล้วก็อย่าไปปากดีกับเขาแล้วน่ะมึง” ดิวพูด ดิวเหลือบตาขึ้นมองแจ็ค
“เออ พอแล้ว กูสำนึกไม่ทันแล้ว มึงจะลุมอะไรกูหนักหนา” แจ็คพูด
“ก็มึงอ่ะ งอนบอยไร้สาระและขอบผลักชีวิตตัวเองเข้าไปดราม่าไง” พายพูด อีกคน
“พ่อเถอะกูไหว้ล่ะ” แจ็คมันรีบยกมือไหว้ขอให้พวกผมหยุดลุมว่ามันทันที
แต่จะว่าไปนี้ก็นานแล้วน่ะที่พวกผมไม่ได้อยู่ทานอาหารเช้าด้วยกัน ภาพสุดท้ายมันนานมาก ตอนนั้นผมกับดิวยังอยู่กรุงเทพมากกว่าไปอยู่ที่ค่าย แต่หลังจากจากเหตุการณ์ของผมกับดิว ผมสองคนก็ไปที่ค่ายทหารกันแทบจะทุกอาทิตย์เลยก็ว่าได้ มันทำให้ผมกับดิวและติ๊กเริ่มห่างกันไป และทั้งหมดก็เพราะผมเอง ผมสังเกตเห็นแจ็คมันเอาใจบอย เหมือนเมื่อก่อน ก่อนที่บอยจะหายไปจากแจ็ค ดิวเองก็พยายามจะตักให้ผมแต่ผมเบรกมันไว้ทุกรอบว่าผมตักเองดีกว่าเพราะว่ามันก็มีสายตาอีกคู่ที่มองผมอยู่เช่นกัน
“อุ้ยจะตักให้กันเหรอ ตักเลยไม่ว่า พายแยกแยะน่ะ ไม่หึงแบบไม่มีเหตุผล” พายพูดแซวดิวก่อนจะหันมายิ้มให้ผม
“ที่ตักให้เพราะว่าแขนแอ้เขาเจ็บน่ะ พาย” ดิวพูด
“อึมม ทานซะแอ้” และคนที่นั่งข้างๆ ผม นั้นคือติ๊กที่เป็นคนตักอาหารให้ผมแทนเพราะเห็นว่าผมเจ็บแขน ตอนแรกที่ติ๊กมันจิกแขนผม ยังไม่เจ็บเท่าประตูที่ผมหนีบแขนตัวเอง อันนี้เจ็บกว่าอีก ผมทานอาหารโดยมีสายตาไอ้แจ็คมองพวกผมสามคนสลับกันไปมา บอยก็มองแต่ไม่เหมือนแจ็คมอง ไอ้นี้มันมองเพื่อหาคำตอบจริงๆ
และหลังจากที่พวกผมทานอาหารเช้ากันเสร็จก็พักผ่อนตามอัธยาศัย วันนี้ฝนตกด้วย เลยไม่มีอะไรให้ทำมากและยังออกไปไหนไม่ได้อีก ยังโชคดีที่มีอาหารและของว่างมาส่งให้ ไม่ต้องทำเอง พวกผมก็ต้องเตรียมตัวที่ว่าจะไปเรียนชั้นม.5 ที่โรงเรียนพรุ่งนี้ บอยกับแจ็คเขาก็คุยกันห้องนั่งเล่น ผมนั่งอีกห้องหนึ่งกับติ๊ก
“แอ้ ขึ้นไปช่วยกูจัดของต่ออีกหน่อยดิ ยังไม่เรียบร้อยเลยอ่ะ” ติ๊กบอกผม ผมพยักหน้าว่าได้
“พายมึงเสร็จแล้วเหรอ “ติ๊กถามพาย
“ยัง!! จะขึ้นไปแล้วเนี่ย” พายพูด
“ดิวล่ะ ทำอะไรเปล่า ถ้าไม่เข้าไปในห้องด้วยกันได้น่ะ” พายหันไปถามดิว
“จะบ้าเหรอ!! แค่สามคนก็อึดอัดจะให้ดิวมันเข้าไปอีกและที่สำคัญมันไม่ได้เข้าไปช่วยกูแน่นอน” ติ๊กรีบพูดทันที
“ไม่เอาล่ะ จะคุยกับพี่ดิมอ่ะ มีเรื่องด่วน “ดิวพูด ผมหันมามองหน้าดิว ดิวมันก็ไม่ได้พูดอะไรต่อแค่ลุกขึ้นและเดินออกไป ผมก็ลุกขึ้นพร้อมกับเดินตามติ๊กไป ผมสามคนลุกขึ้นไปก่อนเหลือไว้แค่บอยกับแจ็คสองคนเพราะว่าทั้งคู่พึ่งจะลงมาเช่นกัน ดูทั้งคู่กลับมาสนิทกันอีกครั้ง ผมเองก็ดีใจ สิ่งที่ทำให้ผมคิดขึ้นมาคือแผงยาที่บอยทำตก อย่าบอกน่ะว่าบอยกับแจ็ค แต่ถ้าดิวเคยไปผมคงจะคิดเยอะเหมือนกัน
       TBC...



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
     
       
EP.12(บอยXแจ็ค) มือที่สาม?
        Part’ s บอยXแจ็ค วันนี้พวกผมคงต้องอยู่บ้านทั้งวันเพื่อเตรียมตัวที่จะไปเป็นนักเรียนที่โรงเรียนของอาภาคย์ ผมเองไม่เคยเรียนโรงเรียนมาก่อน ผมเรียนระบบโฮมสคูลมาตลอด อ้อมีช่วงที่ผมมาอยู่กับพวกดิวและแจ็ค ตอนนั้นมีปัญหาการแย่งชิงอำนาจกันในตอนนั้นแต่ว่าลุงหนึ่งจัดการได้และอีกฝ่ายก็หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศแทน

       “บอยครับ” ผมหันไปตามเสียงเรียกชื่อผม คนนั้นคือแจ็ค มาแรกๆ นี่เล่นตัวไม่พูดกับผมแต่กว่าจะยอมใจอ่อนให้ผม ผมเกือบบอกพ่อแล้วว่าผมจะกลับ แต่ดีที่แจ็คเขาเปิดใจยอมรับฟังผมซะก่อน ผมหันไปมองแจ็คเขาเดินมาพร้อมกับน้ำผลไม้และขนม

      “น้ำผลไม้ครับ” แจ็คพูด ผมก็วางไอแพตลง ตอนนี้ผมกำลังเรียนออนไลน์อยู่ ผมสมัครเข้าเรียนปริญญาตรีตั้งแต่อยู่เกรด9ดังนั้นผมกำลังจะจบปริญญาตรีปีที่สองเพื่อนำไปเทียบโอนปริญญาตรีปี3-4 พวกแจ็คก็ทำเหมือนผมเช่นกัน แจ็คหันมามองหน้าผม

       “ไม่อ่านหนังสือล่ะแจ็ค แจ็คก็เรียนออนไลน์ไม่ใช่เหรอ” ผมถามแจ็ค

       “ขอพักหนึ่งวันนะครับเพราะว่าพรุ่งนี้ก็ต้องไปโรงเรียนอีกแล้วอ่ะ” แจ็คพูด ผมหันมามองแอบส่ายหน้าเล็กน้อย

       “คิดถึงห้องนอนแจ็คอ่ะบอย มีอะไรให้ทำเยอะแยะแต่นี้ห้องนอนอย่างเดียวเลยและดูซิ มีแต่ทีวีแต่ยังดีที่มีอินเทอร์เน็ต” แจ็คพูด ผมรู้ว่าห้องนอนเขาน่ะไฮเทคแบบสมาร์ตรูม ทันสมัยไปหมดเลย ผมก็ก้มลงอ่านเอกสารที่ทางอาจารย์ที่สอนผมส่งมาให้ผมอ่านก่อนจะเข้าคลาสเรียนเดือนหน้าเพราะตอนนี้ช่วงพัก

      “หมับ!!” จู่ๆ แจ็คก็โอบเอวผมโดยที่ผมเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว ผมหันมาจะห้ามปรามเขาแต่ว่าสายตาขี้อ้อนคู่นี้ซิ ทำให้ผมใจอ่อนจนได้

       “แจ็คว่าจะเปลี่ยนเตียงนอนในห้องอ่ะ” แจ็คพูด ผมขมวดคิ้วมองแจ็ค

        “เปลี่ยนทำไมล่ะ” ผมถามแจ็ค ทั้งที่ผมเองก็ทราบคำตอบดีอยู่แล้วเพราะว่าเขาจะนอนกับผมทุกคืนซิน่ะ

       “เปลี่ยนเพราะว่าอยากนอนเตียงเดียวกับบอยอ่ะ “แจ็คพูด ผมว่าแล้วเชียว

       “แล้ว พ่อจะไม่ว่าเอาเหรอ” ผมถามแจ็

       “ก็อย่าบอกซิ แจ็คสั่งแล้วน่าจะมาพรุ่งนี้ น่ะครับ” แจ็คบอกผม ผมมองแจ็คแอบส่ายหัวเบาๆไม่ถามก่อนเลยแต่นี่เขาแหละ คนที่ชอบขัดใจลุงและพ่อแต่ผมรู้ว่าสิ่งที่เขาขัดไม่ได้ทำร้ายใครแค่เขาเป็นคนมีความคิดเฉพาะตัวเองแค่นั้น

        “เขาจะให้คนมาจัดห้องข้างๆ เหรอว่ะ ใครจะมาอ่ะ” เสียงติ๊กเดินคุยมาด้วยกันกับพายและแอ้ ผมหันไปมองแต่ว่าอีกคนกำลังเกาะเอวผมอยู่ผมเลยรีบดันเขาออกซะก่อน

         “ใครจะมาอยู่อ่ะ มึงรู้หรือเปล่าติ๊ก” พายถามติ๊ก ก่อนจะเดินเข้ามาและทุกคนก็หยุดมองผมกับแจ็คที่นั่งตัวติดกับผมจนแทบจะสิงร่างผมเลยก็ว่าได้

          “ไอ้ลูกแจ็คมันอ้อนแม่บอยอีกแล้ว” พายพูดแซวผมกับแจ็ค

          “ถ้าไอ้ลูกแจ็คมันดื้อกับแม่บอยอีกแนะนำว่าให้ตัดห่างมันปล่อยวัดไปเลยน่ะบอย “ติ๊กพูด ผมหันไปชูนิ้วกลาง พวกนี้มันยุมากกว่านะเนี๊ยะ

           “ได้ยินพวกมึงคุยกันว่าเขาจะมาจัดห้องเหรอวะ ห้องไหนวะ” แจ็คหันมาถามทุกคน

           “ห้องที่มึงจะไปนอนอ่ะ” ติ๊กพูด ผมหันมามองแจ็ค ห้องที่จะหนีผมไปนอนนั้นไง

          “พ่อบอกว่ะแต่ไม่รู้ว่าจัดให้ใคร มึงหรือเปล่าเพราะว่าเขาให้มึงนอนคนเดียวสมใจมึงไง” ติ๊กพูดแต่ล่ะคนหันมาแตะมือแทคทีมกันทั้งสามคนเลย

          “เฮ้ยไม่ได้ดิ!” แจ็ครีบพูดทันทีเลย

          “ทีตอนนี้ร้องไม่อยากไปน่ะ” พายพูดผมหันมามองว่าไงล่ะ

           “ไม่ได้ๆ พ่อบอกให้นอนสองคนจะให้แยกไปนอนคนเดียวได้ไง ไม่ได้น่ะ คำสั่งพ่อด้วย” แจ็คพูด

          “ที่อย่างนี้มาเป็นเชื่อฟังน่ะ” พายพูด

           “เออ ปกติก็ไม่เคยฟังน่ะ” แอ้พูดอีกคน ผมหันไปมองแจ็ค แจ็คทำหน้างอนใส่สามคนนี้ทันที บางครั้งพวกเขาทำให้ผมรู้สึกเหมือนผมคือเจ้าหญิงเจ้าชายที่มีคนรอบด้านคอยปกป้องนั้นเป็นเพราะว่าผมคือคนที่ถูกเลือกให้ดูแลองค์กรด้วย

          “แล้วดิวล่ะ ไม่ลงมาด้วยเหรอ” ผมถามทั้งสามคน

           “ดิวมันคุยกับพี่ดิมอ่ะ” แอ้เป็นคนตอบแทน ผมพยักหน้า บ้านนี้เขาแพลนเป็นหมอทั้งบ้าน

           “ส่วนพวกกูช่วยกันจัดห้องแอคเซสโซรี่เยอะอ่ะ โดยเฉพาะอีติ๊ก มันขนมาราวกับว่าจะไม่กลับไปแล้ว อยากอยู่อย่างสงบศพสีชมพูที่นี้” พายพูดและเขาสามคนก็คุยกันกะหนุงกะหนิง

           จะว่าไปผมก็อยากจะโทรหาพี่บรูคส์เหมือนกัน คิดถึงน้องแบงก์แต่ว่าคนนี้ซิ ตัวติดกันขนาดนี้คงหาเวลาคุยกันยากเลย ขนาดนั่งเล่นมือถือยังโอบเอวผมเอาไว้ด้วยเลย แต่ว่ามันเหมือนกับว่าผมต้องการชดเชยที่ผมหายไปจากเขา

           ภาพวันวานมันย้อนกลับมา ตอนเด็กทุกวันหยุดเราจะไปเที่ยวกัน สวนสนุก สวนน้ำ สวนสัตว์ ไปทุกทีที่ไม่ไกลจากกรุงเทพ โดยมีพี่ชายคนโตของบ้านตามไปดูแล พี่โจ พี่อ้น พี่ดิมและพี่ตุ๊ ชุดที่ดูแลพวกผม ส่วนพี่บีมก็ตามไปแต่ไม่บ่อย พี่บรูคส์นี้เริ่มช่วยพ่อได้บ้างแล้วเลยไม่ได้ไปและพี่บรูคส์ไม่ค่อยได้มาอยู่เมืองไทยกับผมเท่าไหร่ ภาพพี่ๆ วันนั้นมันอบอุ่นมาก

            แต่มีที่หนึ่งที่ประทับใจผมมาก พวกพี่ๆ เขาพาพวกผมไปเที่ยวทางเหนือ อากาศดีมาก ตอนนั้นเป็นฤดูหนาว อุณหภูมิ 6องศา ถามว่าหนาวสำหรับหรือยัง ตอบได้ว่ายังไม่มากเพราะผมอยู่ต่างประเทศที่มีหิมะตกอยู่แล้วแต่สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจมากที่สุดคือ ภาพถ่ายที่ผมนั่งอยู่บนโขดหินและแจ็คที่ถูกปลุกแต่เช้าเพื่อไปดูทะเลหมอก เขาง่วงนอนแต่ก็ต้องไปเพราะว่าผมอยากไปดูทะเลหมอก แจ็คเขานั่งกอดเอวผม คือมันหนาวเราเลยกอดเพื่อให้ความอบอุ่นกันและกัน ภายใต้เสื้อกันหนาวก็ยังอุ่นไม่พอ และนั้นภาพที่ผมยังเก็บเอาไว้ โดยไม่มีใครเห็นมาก่อน ผมเก็บซ้อนเอาไว้เพราะกลัวว่าแบงก์จะเห็น ดังนั้นภาพผมกับแจ็ค จึงไม่มีในห้องนอนของผม ผมยังไม่รู้เลยว่าแบงก์จะรับผมได้มากแค่ไหน ทั้งที่เขาก็ต้องรู้ความจริงอยู่ดีในตอนที่เขาโตขึ้น แต่น่าจะไม่ใช่ในช่วงนี้

*****

            Part’ s หลุยส์ ผมชื่อหลุยส์ ผมเป็นลูกของนายทุนเกี่ยวกับการวิจัยหลายเรื่องและยังเป็นบริษัทที่คิดค้นขีปนาวุธที่ทันสมัย พ่อผมเก่งทางด้านนี้และทำกำไรมหาศาลจนคู่แข่งหลายคนยังกลัวพ่อผมเลยจนสุดท้ายเขาก็ส่งคนมาสังหารครอบครัวผมทุกคนเสียชีวิตหมดมีผมคนเดียวที่รอดชีวิตแต่ก็เหมือนตายทั้งเป็น ไม่ซิ มีอีกคนที่ชื่อปริ้นซ์ ปริ้นซ์เป็นลูกของน้องชายพ่อผมอีกที ปริ้นซ์มันห่างจากผมสามปี เป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่

              “หลุยส์ มาหาลุงมีอะไรรึ” ผมนั่งเครื่องตรงไปหาลุงหนึ่ง เขาดูแลผมแทนพ่อแม่ผมแต่ผมรู้มาว่า คนที่ทำให้ฆ่าล้างครอบครัวผมเป็นน้องชายของเขาเอง ผมเองก็ไม่ค่อยไว้ใจแต่ก็ต้องยอมเพราะว่าผมยังเด็กมากพอที่จะทำอะไรเพื่อตัวเองได้

           “ผมจะมาถามเรื่องบอยนะครับ” ผมถามลุงหนึ่ง ลุงหนึ่งเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมก่อนจะถอดแว่นตาสำหรับอ่านหนังสือออก ผมมองหน้าเขา

           “แค่นั้นเหรอครับ “ผมลุงหนึ่งเหน้าขึ้นมองหน้าผม ผมมาหาลุงหนึ่งด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวบินมาไกลหลายร้อยไมล์ทะเลแน่นอนไม่ได้แค่มาถามแต่ผมต้องมาขออะไรลุงหนึ่งสักอย่าง

          “บอยเขาไปช่วยเพื่อนเขาน่ะหลุยส์” ลุงหนึ่งพูด ผมถึงกับต้องขมวดคิ้ว ทำไมบอยต้องไปเพื่อช่วยเพื่อนเขา

           “ใช่ บอยไม่จำเป็นต้องไปแต่ว่าเขาขอและลุงก็เห็นด้วยน่ะ ในอนาคต เขาก็ต้องมีส่วนร่วมในองค์กร เราก็เหมือนกันนะหลุยส์” ลุงหนึ่งพูด

          “ลุงคิดว่าเราควรจะรู้จักพวกเขาเอาไว้เพราะว่าในอนาคต หลุยส์ต้องการพวกเขา เขาก็เหมือนแขนขาของเราในอนาคตเช่นกัน” ลุงหนึ่งพูด ลุงหนึ่งมองหน้าผมนิ่งๆ ผมได้ยินกิตติศัพท์พวกนี้มาเหมือนกันไม่เบาเหมือนกัน แบบนี้นี่เหรอที่องกค์กรต้องการ

            “แล้วเรื่องที่บอยต้องแต่งงานกับ…” ผมถามลุงหนึ่ง

         “ดิว… ลูกชายคนเล็กของศาสคราจารย์นายแพทย์ภาณุเดช เราได้ยินมาแบบนี้ใช่ไหม “ลุงหนึ่งถามผมกลับ ผมพยักหน้าว่าใช่

          “เราคุยกันก่อนจะวางแผนให้พวกเขาเกิด ดังนั้นลุงคิดว่ามันก็เป็นไปตามนี้หลุยส์” ลุงหนึ่งบอกผม

           “นี้มันคลุมถุงชนชัดๆ นะลุง ยุกต์นี้มันไม่มีแล้วนะลุง” ผมพูดคัดค้าน ลุงหนึ่งมองหน้าผมนิ่งๆ ผมเองก็เดาความคิดลุงหนึ่งไม่ออกเลย

           “อย่าบอกลุงณะว่าเราชอบบอย” ลุงหนึ่งถามผมตรงๆ

          “ครับ ผมชอบบอย” ผมพูดกับลุงหนึ่งตรงๆ เช่นกัน

          “แล้วมาหาลุงนี้ เพื่ออะไรเหรอ” ลงหนึ่งถามผม สายตาคู่นี้มองผมเพื่อรอคำตอบที่ชัดเจนในการมาของผม

           “ผมอยากจะไปหาบอยและพาบอยกลับครับ ผมว่าบอยควรจะได้เรียนมหาวิทยาลัยไม่ใช่ไปเสียเวลากลับพวกนั้น ถึงผมจะไม่ได้รู้จักแต่ก็ได้ยินมาว่า หาแต่เรื่อง เป็นได้แค่ลูกคุณหนู “ผมพูด

          “ผมว่าองค์กรไม่ต้องการคนแบบนี้หรอกมั้งครับลุง” ผมพูด ลุงหนึ่งมองหน้าผม

          “ลุงว่าอย่าพึ่งไปตัดสินพวกเขาเลยน่ะ รอดูก่อนดีกว่าไหม” ลุงหนึ่งพูด

          “แต่ถ้าเราอยากไป ลุงจะบอกให้เขาเตรียมห้องพักเอาไว้ให้แต่ลุงจะบอกก่อนนะว่า พวกเขาไปทำภารกิจกัน เราคิดว่าเราโอเคน่ะ” ลุงหนึ่งพูด เอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าภารกิจอะไรแน่

         “ภารกิจอะไรเหรอครับลุง” ผมถามลุงหนึ่ง

         “ไปเป็นนักเรียน” ลุงหนึ่งบอกผม ผมถึงกับชะงักและมองลุงหนึ่งว่าเรื่องจริงเหรอ

          “แต่ไม่ใช่แค่นั่งเรียนน่ะมีอะไรหลายๆ อย่างที่นั่น ที่พวกเขาต้องทำและนี้มันก็จะเป็นตัวพิสูจน์ว่าพวกเขาจะมีประสิทธิภาพมากพอสำหรับองค์กรนี้” ลุงหนึ่งพูดกับผม

          “เราต้องไปนั่งเรียนทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เราคิดว่าเราทำได้ไหม หลุยส์?” ลุงหนึ่งถามผม ผมนั่งคิดเพราะว่าตั้งแต่พ่อแม่และคนในครอบครัวผมเสียชีวิตไป ผมก็ไม่เคยไปเรียนโรงเรียนในระบบมาก่อนเลย เรียนที่บ้านอย่างเดียวเลยแม้ว่าคนที่มาสอนจะเป็นระดับหัวกะทิก็ตามแต่ว่าเรื่องกิจกรรมผมไม่เคยร่วมกับใครเลย…แต่ว่าผมอยากไปเพื่อบอย แค่นั้น

          “ไปครับลุง” ผมบอกลุงหนึ่ง ลุงหนึ่งเงยหน้าขื้นมองหน้าผม รอบยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ากับผม

           “ถ้าอย่างนั้นก็ไปเตรียมตัวและบินไปเลยน่ะ พรุ่งนี้เลย ส่วนเรื่องที่เหลือลุงจัดการให้” ลุงหนึ่งบอกผม

           “ถ้าผมไปและพาบอยกลับมาได้ ผมขอเป็นคนที่อยู่ข้างๆ บอยได้ไหมครับแทนไอ้คนที่ทุกคนเลือก “ผมยื่นข้อเสนอให้ลุงหนึ่งทันที

            “อันนี้ขอดูผลงานก่อนน่ะ ลุงจะบอกอีกที” ลุงหนึ่งพูด

            “เอาล่ะ ลุงว่าเรากลับได้แล้วน่ะและเตรียมตัวบินไปพรุ่งนี้เช้าเลยน่ะ “ลุงหนึ่งพูดพร้อมกับก้มหน้าลงเซนต์เอกสารต่อ ผมก็ลุงขึ้น ผมหันไปมองพี่โจนาธาน เขาคอยมาดูแลผมตลอด

            “ลุงให้เราไปได้คนเดียวน่ะ พี่โจนาธานให้เขาดูแลเรื่องบริษัทของเราแทนช่วงที่เราไปน่ะ ลุงไม่อนุญาตให้พาการ์ดดูแลไปด้วยเพราะว่าทุกคนไปอย่างเด็กธรรมดาคนหนึ่งทุกคน จะไม่มีใครได้สิทธิ์มีการ์ดไปดูแลแม้แต่คนเดียว” ลุงหนึ่งพูด

           “แต่อาภาคย์เขาจะมีคนขับรถที่มีความสามารถคุ้มกันเราได้เหมือนการ์ดของพวกเรา” ลุงหนึ่งบอกผม พี่โจนาธานพยักหน้ารับทราบและผมก็เดินออกมากับพี่โจนาธานเพื่อไปเตรียมไปที่นั่น ไปตามหัวใจของผม เขาคือแสงแห่งความหวังของผม หลังจากที่ผมมืดหม่น สิ้นหวัง ไม่อยากทำอะไรเลย หลังจากที่พ่อแม่และคนในครอบครัว ห้าสิบชีวิตถูกสังหาร ต่อมาผมมาเจอบอย เขาก็เรียนโปรแกรมโฮมสกูลเหมือนผมเช่นกันแต่ได้ไปเรียนพิเศษด้วยกันและนั้นก็ทำให้ชีวิตของผมเริ่มมีความหวังแต่นี่ไอ้พวกนั้นมันจะมาพรากความหวังผมไป ผมไม่ยอมเด็ดขาด ผมต้องไปแย่งกลับมาให้ได้

           TBC…

          พรุ่งนี้แล้วซิน่ะ พวกเขายังไม่รู้เลยว่าจะเจออะไรบ้างและภารกิจของเขาคืออะไรกันแน่เขาก็ยังไม่รู้ ถึงอายุพวกเขาจะเพิ่งผ่านสิบแปดมาไม่กี่เดือนแต่ความคิดความอ่าน ความสามารถเขาเกินวัยมานานแล้วแต่นี้กลับต้องไปเป็นเด็กนักเรียนขาสั้นอีกครั้ง เขาจะทำได้ไหม ฝากด้วยนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2024 21:42:13 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.13รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน วันแรกของการกลับไปเป็นเด็กนักเรียนจำเป็น

        Part แจ็ค วันนี้เป็นวันแรกที่พวกผมต้องไปทำหน้าที่นักเรียนที่โรงเรียนของอาภาคย์ ทั้งที่พวกผมจบชั้นมัธยมศึกปีที่หกและผมก็เรียนปริญญาตรีควบคู่ระหว่างรอจบชั้นปีที่หกนั้นแปลว่าอีกสองปีพวกผมก็จบปริญญาตรีกันแล้วแต่ว่าต้องมาดร็อปเอาไว้ก่อนเพราะว่าพวกผมดันไปมีเรื่องกับลูกหลานนักการเมือง ก็มันแซวผมเรื่องพ่อผมและมันยังเป็นเพื่อนกับไอ้ฌอน ไอ้คนที่ต้องการแย่งชิงอำนาจเพื่อเอาองค์กรผมไปดูแลเอง พวกผมคิดว่าเรื่องวันนั้นน่าจะเป็นแผนของไอ้ฌอน และมันก็ทำให้ลุงหนึ่งสั่งทำโทษพวกผมและให้ผมมาจัดการแก้ไขเรื่องนี้ด้วยตัวพวกผมเอง
         “แจ็ค ตื่นได้แล้วเราต้องเตรียมตัวไปโรงเรียนแล้วนะครับ” ผมสะลึมสะลือเพราะว่ามีคนมาปลุกผมจากการหลับใหลและฝันหวานอยู่ ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือคนที่เคยปลุกผมแบบนี้เมื่อสามปีก่อนเช่นกันแต่ว่าวันนี้เขากลับมาหาผมแล้ว ผมแกล้งละเมอกอดบอย กอดเอาไว้แน่นเลยแบบว่ากลัวจะหายไปจากผมอีก
         “แจ็ค!” บอยขึ้นเสียงกับผมนิดหน่อย แต่เสียงก็ยังหวานน่าฟังอยู่ดี
         “ยังอีก แจ็ค บอยเรียกให้แจ็คตื่นนะไม่ได้เรียกให้แจ็คกอดบอยและหลับต่อแบบนี้” บอยพูด ผมหรี่ตาขึ้นมองบอย เขากำลังทำหน้าดุใส่ผมอยู่
          “ก็แจ็คอยากกอดบอยไว้แบบนี้นานๆ นี่ครับ” ผมพูด ผมทำสีหน้าออดอ้อนบอย ว่าไม่อยากลุกไปเลยอยากกอดบอยอยู่แบบนี้
          “ตื่นได้แล้วแจ็ค ที่นี้เขาเข้าเรียนกันแต่เช้าน่ะและเราต้องไปถึงโรงเรียนก่อนเจ็ดโมงสี่สิบ ดังนั้นรถจะมารับเราตอนเจ็ดโมงเช้าน่ะแจ็ค” บอยพูดพร้อมกับลุกขึ้นทันที บอยคว้าผ้าเช็ดตัวและรีบเข้าห้องน้ำไปทันที ตอนแรกแจ็คไม่อยากตื่นน่ะแต่นี้ทำให้แจ็คตื่นขึ้นทันที ผมก็รีบคว้าผ้าเช็ดตัวและรีบตามบอยเข้าไปในห้องน้ำทันที
          “แจ็ค! เข้ามาทำไม แจ็คควรจะรอก่อนซิ” บอยร้องเสียงหลงทันทีที่เห็นว่าผมตามเขาเข้าไป
          “ไม่รอละไปต่อกันเลย น่ะบอย” ผมพูด
        “ปัง” เสียงประตูห้องน้ำปิดลงหลังจากนั้น ไม่ต้องบอกว่าทำอะไรกันในห้องน้ำ ตอนนี้มันแต่เช้าไปครับ ผมรู้ครับแต่ไม่แคร์ ฮาๆ เสียงสายน้ำจากฝักบัวและคนสองคนที่อาบน้ำด้วยกัน ร่างกายที่เปลือยเปล่า ผมไม่ได้ทำอะไรกันหรอกครับ แค่กอดกันอยู่ใต้ฝักบัว นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้ทำแบบนี้ ได้สัมผัสกับผิวสวยๆ ของบอยโดยปราศจากเสื้อผ้าแบบนี้ สามปีเลยน่ะที่หายไป
          “เสร็จยังครับแจ็ค ไปแต่งตัวเถอะ เพื่อนๆ จะรอเราสองคนนานนะครับ” บอยบอกผม ผมก็พยักหน้าแม้จะแอบเสียดายอยากได้มากกว่านี้

            ผมและบอยออกมาจากห้องน้ำเพื่อแต่งตัว ผมเปิดตู้เสื้อผ้าก็พบ ชุดนักเรียนมัธยมปลาย ผมไม่ได้สวมใส่มานานแล้วตั้งแต่ยายไปเรียนที่อเมริกา มันก็จะรู้สึกแปลก แต่สักพักคงจะชิน ผมหยิบออกมาและหันไปเจอบอยที่สวมชุดเรียบร้อยแล้ว ถึงกับตะลึงเลยผมและที่สำคัญ น้องลุกด้วยเพราะว่าดูน่ารักมาก มากกว่าชุดนักเรียนที่ใส่อยู่ กางเกงมันส้ั้นๆ เห็นขาอ่อนขาวๆ ของบอยแล้ว สู้เลยครับแจ็คน้อยๆ
          “ปึก” หมอนครับ ที่ลอยมาปะทะใบหน้าผม ก็บอยนั่นแหละจะใครล่ะ
          “รู้นะว่าคิดอะไรอยู่” บอยพูด
          “รู้ได้ไงอ่ะ” ผมถามบอยกลับและเอาหมอนไปวางไว้บนที่นอนเหมือนเดิม
          “ก็ดูที่เป้าดิ ตุงเชียว” บอยพูดผมก็ก้มมองจริงด้วย
          “ก็นะ เห็นใส่ชุดนักเรียนแบบนี้เซ็กซี่ เลยอดใจไม่ไหว” ผมพูดกัดปากโชว์บอยด้วยว่าเขาเซ้กส์วี่มากแค่ไหน
         “บ้าแล้วแจ็ค!  “บอยหันมาค้อนใส่ผม ผมก็สวมกางเกงนักเรียนและเสื้อนักเรียน ติดกระดุมเสื้อนักเรียนที่
         “แจ็ค” บอยเรียกชื่อผม ผมหันไปก็ปะทะกับบอยที่ยืนอยู่ด้านหลังของผม เขาเข้ามาจัดคอเสื้อผมและชายเสื้อให้ผม ดูเรียบร้อยขึ้นเยอะเลยผม
         “หล่อแล้วครับ” บอยพูดก่อนจะหันหลังแต่ผมก็รวบเอวบางของบอยเอาไว้และม้วนกลับมาหาผม บอยไม่ทันตั้งตัวก็ถลามากระแทกแผ่นอกของผมเข้า บอยเงยหน้ามองหน้าผม
        “คนนี้ก็น่ารักที่สุดในโลกแล้วครับ” ผมบอกบอย บอยมองหน้าผมยิ้มเขินให้ผมด้วย
       “งั้น บอยว่าเราสองคนลงไปข้างล่างดีกว่าน่ะ เพื่อนรอ อันนี้จะดูไม่ดีนะครับ คุณแจ็ค” บอยพูดและทำท่าจะหันหลังออก แต่ผมคว้าข้อมือไว้อีก
        “ห้ามยิ้มหวานแบบนี้ให้หนุ่มไหนเด็ดขาดนะวันนี้ ถ้าเห็นน่ะ คืนนี้โดน ทำโทษ” ผมบอกบอย บอยมองหน้าผมอมยิ้มเล็กน้อย
        “ถ้าอยากโดนทำโทษล่ะ” บอยพูด ผมก็พยักหน้า บอยคนเดิมไปไหนแล้วเนี่ย บอยที่เรียบร้อยมาก ถามว่าบอยคนไม่เรียบร้อยเหรอ เรียบร้อยครับแต่ว่าเริ่มมีมุขแล้วน่ะ
         “ว้าว! ไปหัดที่ไหนมา” ผมหันมาถามบอย
         “หึๆ” บอยหัวเราะผมในลำคอ

          ผมสองคนเดินออกมาจากห้องพัก ผมรู้สึกเงียบๆ แสดงว่าทุกคนลงไปชั้นล่างกันหมดแล้ว นี้ตื่นเต้นกันมากขนาดนั้นเลยเหรอ บอยมองหน้าผม ผมหยักไหล่และผมสองคนก็เดินลงไปด้านล่างพร้อมกัน ป่านนี้คงนั่งรอรถมารับกันแล้ว ผมบอกตรงๆ น่ะไม่เคยตื่นแต่เช้าแบบนี้เลย ที่โน่นเรียนเก้าโมงไปถึงก็เกือบจะเก้าโมงดีกว่าแต่ที่นี้ต้องไปล่วงหน้าแบบนี้เลยเหรอ ขณะที่ผมสองคนเดินลงไปถึงชั้นล่าง
         “มึงเห็นสีหน้าไอ้แจ็คคืนนั้นป่ะ ตอนที่บอกมันว่าห้องที่มันจะไปนอนอ่ะ มีเสียงใครก็ไม่รู้อ่ะ โคตรฮาเลยอ่ะ” เสียงพาย นั้นเอาเรื่องที่หลอกผมว่ามีผีมาคุยกันอีกแล้ว มันจะตอกย้ำทำไมเนี๊ยะ ผมหันมามองบอย เขาก็หยักไหล่ อายเลยเป็นไงล่ะ อายคนข้างๆผมนี่แหละ
         “ไอ้เนี่ยะมันป๊อดจะตายไปแต่ก็ทำเป็นปากดีไปงั้นแหละ” เสียงไอ้ติ๊กมันชมว่าผมป๊อดครับ
        “และนี้ยังไม่ลงมาอีก คงอ้อนแม่บอยน่าดู” เสียงพวกนั้นนินทาผม ผมหันมามองบอย บอยก็หันหน้าหนีไปมองทางอื่นแทน ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
         “จะเหลือเหรอ” ไอ้ดิวอีกคน
         “แหละมันก็แกล้งเล่นตัวไปอย่างนั้นแหละไอ้นี่นะ “ไอ้ดิว
         “เสียหน้าได้แต่อย่าเสียฟอร์มใช่ไหมอ่ะ ดิวะ พายพูดก่อนจะจับแขนดิวมันมาควง ทำหน้าตาอย่ากเขมือบไอ้ดิวแย่แล้ว
        “อันนี่เสียศูนย์เลยน่ะ “ดิวรีบแกะมือพายออกทันที
        “ตกลงนี่พวกมึงแกล้งกูกันใช่ไหมวะเรื่องคืนนั้นน่ะ ตกลงคือไม่มีอะไรในห้องนั้น “ผมถามพวกนั้น มันมองหน้ากันพากันพยักพเยิดใส่กัน หาได้สำนักอะไรไม่
         “เป็นไงบอยไอ้ปากดี อันที่จริงบอยไม่น่าจะใจอ่อนให้มันหรอกน่ะเมื่อวานน่ะ น่าจะให้มันกลับไปนอนในห้องนั้น น่ะบอย” ติ๊กหันมาพูดกับบอย บอยก็ยิ้มและหันมามองหน้าผม
         “ถ้ามันปากดีอีกให้มันไปนอนคนเดียวจริงๆ น่ะบอยเพราะว่าเครื่องนอนเขาก็สั่งมาให้แล้ว เหลือแต่คนนอน” พายพูดอีกคน ผมนี้อยากจะเตะพวกมันเรียงตัวกันเลย มันพากันซ้ำผมกันชัดๆ
         “เฮ้ย!! ไปกันยังรถรอแล้ว” ดิวพูด ทุกคนก็ลุกขึ้นพร้อมกัน ผมมองดูพายเขาสวมกางเกงสั้นมาก ผมหันมามองไอ้ดิวและทุกคน แบบนีก็ได้เหรอ แต่ล่ะคบบอกว่าไม่รู้ พายหันมามองผมก่อนจะยิ้มให้ผม
        “มองแบบนี้จะมานั่งกับพายเหรอ” พายถามผม
        “ไม่ล่ะ ไปนั่งกับแก้งนายฟ้านั้นเถอะ” ผมพูดและรีบเดินออกทันที บอยก็เดินคุยกับแอ้และติ๊กและตามด้วยพาย ผมเดินมาทันไอ้ดิวพอดี ไอ้ดิวมันหันมามองหน้าผม
        “เป็นไง มึง” ดิวถามผม ผมหันไปมองหน้ามัน ก็มันนี่แหละชุดให้ผมคิดได้
         “เออ...กูจะลองสักตั้งหนึ่ง “ผมพูดกับดิว ว่าผมจะลองดูก่อนอย่างที่มันเคยบอกผมเอาไว้
         “รักษาให้ดีนะมึง มีได้แต่รักษานะไม่ง่ายน่ะ “ไอ้ดิวพูด พวกผมเดินออกมาที่หน้าบ้าน มีรถมาจอด เป็นรถลีมูซีนสามคัน นั่งคันละสองคน คนขับรถก็หล่อเข็มมาก สวมแว่นตาและสูตรสีดำ มีวิทยุหูฟังสวมเอาไว้ตามสไตล์ของการ์ด
         “เชิญครับคุณหนู พวกผมมารับไปโรงเรียนกันแล้วครับ “พี่เขาพูดพร้อมกับเปิดประตูรถให้พวกผม ทุกคนกำลังจะเดินไปขึ้นรถ ไอ้ติ๊กรีบดึงแขนแอ้ไว้จะให้นั่งกับมันและพายก็คงนั่งกับไอ้ดิว ผมสังเกตเห็นสีหน้าที่บอกว่ามันค่อนข้างผิดหวัง คือมันอยากนั่งกับแอ้ใช่ไหม ตกลงมันกับแอ้คืออะไร แต่เอาไว้ก่อนตอนนี้พวกผมต้องทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายกันก่อน
         “เออเดี๋ยวนะ!  แล้วพวกมึงรู้ยังวะ งานชิ้นแรกของพวกเรา เขาให้เราทำ คืออะไรวะ?” ผมเบรกพวกมันไว้ ทุกคนชะงักเท้าพร้อมกับหันมามองหน้าผมกันหมด
         “อ้าว! ก็เขาบอกว่าให้ไปโรงเรียนไง แค่นั้น ไปเป็นเด็กนักเรียน แค่นั้น!! “ไอ้ติ๊กพูด
        “หรือมึงจะทำมากกว่านั้น เป็นผู้บริหารโรงเรียนเหรอ ถามไม่คิดอีกแล้ว ถ้าเป็นอันนั้นพ่อกูรับสมัครคนมาทำงานดีกว่าไหม” ไอ้ติ๊กพูดพวกผมหันไปมองหน้ามัน มันนั่นแหละที่ไม่รู้จักคิด มีเหรอที่ลุงหนึ่งจะให้เราทำโจทย์อะไรง่ายๆ แบบนี้เพื่อแลกอิสรภาพหลังจากหนึ่งปีเราจะไปมีชีวิตของตัวเอง
         “ง่ายไปมั้งที่ลุงหนึ่งจะให้ไปนั่งๆ นอนๆ ที่โรงเรียนน่ะ มันไม่ใช่ทางลุงหนึ่งแน่นอน “ผมพูดขึ้น พวกมันหันหน้ามามองหน้ากัน ผมเดาว่าต้องมีอะไรที่มากกว่าการไปเป็นนักเรียน
          “อย่างลุงหนึ่งน่ะ No pain No grain มึงเชื่อกูดิ ชอบให้เจอความสำบาก ไม่อยากให้เจอความสบายทั้งที่พวกเราน่าจะสบายได้แล้วเพราะว่าพ่อพวกเราก็รวยช่วยไม่ได้ แต่ยังยังส่งพวกเรามาเจอแบบนี้ มันต้องมีอะไรที่มากกว่าที่เรารู้มา” ผมพูด ทุกคนหันมามองหน้าผม
          “กูคิดว่า…ลุงหนึ่งต้องการให้พวกเราน่ะไปที่โรงเรียนนี้เพื่อ…
         “ถางหญ้าว่ะ สงสัยหาคนทำงานไม่ได้แน่นอน อันนี้อาจจะเป็นเหตุที่ลุงหนึ่งแทรกแซงเอาไว้ ” ไอ้พายพูด พวกผมหันมามองหน้าไอ้เด็กที่ฉลาดที่สุด นี้เหรอที่มันคิดได้ ไอ้ดิวมันก็เอามือแตะหน้าผาก
         “มึงก็ไม่แตกต่างจากกูเลยอีกพาย ถางหญ้า คิดได้เนอะ อีนี่!!” ติ๊กพูด
         “แล้วมึงคิดได้ดีกว่ากูไหมละ ลูกผู้บริหาร” พาย
         “พอเถอะ จะตีกันทำไมเนี๊ยะ ยังไม่ทันได้ไปเลย “แอ้เป็นคนห้ามทัพสองคนนั้น
        “ไปกันเถอะว่ะ พอไปถึงก็รู้เอง จะยืนขอเหตุผลตรงนี้กันทำไมวะ เดี๋ยวก็ได้พากันไปสาย คราวนี้งานงอกเลยน่ะมึง” ไอ้ดิวพูด มันมองหน้าพวกผม

          ผมหันมามองหน้าบอย บอยพยักหน้าว่าให้ผมเข้าไปในรถได้แล้ว ผมก็พยักหน้าตามนั้นก็ได้วะ ผมเข้าไปนั่งกัน ในรถคันหรู รถคันนี้มีสมาร์ตทีวีและไวไฟให้ใช้บนรถ ระหว่างที่รถกำลังแล่น ผมก็กุมมือบอยไว้ตลอด จะดึงขึ้นมาหอมแต่บอยขืนเอาไว้ไม่ยอมให้ผมทำแถมยังขยิบตาให้ผม
        “ไม่เอาแจ็ค “บอยห้ามปรามผมและพยักพเยิดไปที่พี่คนขับรถ อายคนขับรถอีกกลัวเขามอง
         “เขาไม่เห็นหรอกบอย ถ้าเห็นแสดงว่าเขาไม่ได้มองถนนแล้ว อันนี้ฟ้องพ่อได้น่ะ ว่าขับรถประมาท” ผมพูดบอยสะบัดหน้ามามองผมก่อนจะท่าจะทุบผมด้วย
         “คุณหนูครับ มีประชุมสายครับ คณพ่อของคุณหนูนะครับ “พี่คนขับพูดและหน้าจอข้างหน้าผมก็เปลี่ยนเป็นวิดีโอคอลขึ้นมาทันที พ่อผมกับลุงกฤษณะ บอยก็รีบสะบัดมือผมออกอย่างรวดเร็ว
         “ไงแจ็ค บอย เป็นไงบ้าง หลับสบายดีไหม แปลกที่หน่อยน่ะ” พ่อผมถามผม ลุงกฤษณะอยู่กับพ่อผมได้ไงน่ะ ผมหันมามองบอย เป็นคำถามที่ผมไม่กล้าถามพ่อตรงๆ บอยแค่ยิ้มๆ ให้ผม แสดงว่าบอยก็รู้เรื่องนี้มาตลอด
         “สวัสดีครับลุงณะ” ผมยกมือไว้ว่าที่พ่อตาของผม
       “อืมแจ็ค “ลุงกฤษณะรับไหว้ผม ก่อนจะหันไปมองหน้าพ่อผมนิดนึง
       “เป็นไงบ้างดีไหมที่นั้นน่ะ “ลุงกฤษณะถามผมสองคน
       “สบายดีครับ เตียงนิ่มดีครับแต่ว่าแคบไปหน่อย ผมอยากได้เตียงใหญ่ๆ อ่ะครับ” ผมบอกลุงกฤษณะ ลุงกฤษณะหันไปมองพ่อผมแทนให้คำตอบผม บอยก็แอบส่ายหน้ากับผมอีก
       “แจ็ค!” พ่อผมเป็นฝ่ายเรียกชื่อผมแทน
       “เตรียมพร้อมหรือยังเราสองคนน่ะ” ลุงกฤษณะเปลี่ยนเรื่องถามผมสองคน
       “ก็พร้อมนะครับแต่ผมสองคนยังไม่รู้เลยว่า ให้ทำอะไร แต่ก็พร้อมแหละครับเพราะว่ามันคงไม่ทางเลือกอื่นแล้วด้วยมั้งครับลุง” ผมพูด บอยสะบัดหน้ามามองหน้าผม ผมหันมาฉีกยิ้มให้บอย  ลุงหนึ่งหันไปมองพ่อผม ที่นั่ง ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
      “ดีแล้วที่พร้อมแต่จำไว้นะ นี้คือสิ่งที่จะพิสูจน์ว่าพวเรามีประสิทธิภาพพอที่จะปกครองคนอีกมากในอนาคต องค์กรของเราเป็นองค์กรที่ค่อนข้างใหญ่ ระดับโลก ดังนั้นผู้นำนั้นสำคัญมาก “ลุงกฤษณะพูด
     “โดยเฉพาะเราแจ็ค ทุกคนต้องมาโดนเพราะเรา ดังนั้น เราต้องทำให้ได้เข้าใจไหม “ลุงกฤษณะพูดก่อนจะหันชำเลืองมองพ่อผม ผมก็มองพ่อ พ่อไม่ช่วยลูกเลยเหรอ พ่อผมกลับขยิบตาให้ผมแทน ให้ผมเออออไปก่อนอย่างนั้นเหรอ
        “ครับลุง เออ ว่าแต่ตกลงผมไปเป็นนักเรียนหรือไปเป็น ผอ โรงเรียนกันแน่อ่ะครับ” ผมถามกลับ
        “เพี๊ยะ! “กลายเป็นบอยที่เป็นคนตีเข้าที่แขนของผมไม่แรงแต่ก็ไม่เบา
       “ลูกเรานี้มันกวนเหมือนกันนะภูมิ” ลุงณะหันไปต่อว่าผม พ่อผมหันมาขยิบตาใส่ผมทันที
         “เอาละ พ่อแค่จะเช็กดูว่าเราสองคนเป็นไงบ้าง แต่ดูแล้วก็สบายดี อ้อ อีกอย่างนะ พ่อๆ คุยกันว่าถ้าอาทิตย์นี้ทำผลงานดีจะได้กลับบ้านนะแจ็ค” พ่อพูดผมหันมายิ้มเลยจะพาบอยไปเที่ยวไหนดี
       “ครับ พวกผมจะมีผลงานไปให้พ่อดูแน่นอน รอชมได้เลย” ผมตอบลุงกฤษณะไปแบบเบาๆ แต่มันยังคาใจอยู่เลย
       “แต่ถ้าผลงานไม่ดี ไปได้แค่ห้างแถวบ้านกันน่ะ” พ่อผมพูด อันนี้หักมุมมากเลย
       “ถ้าอย่างนั้นก็ตั้งใจเรียนและทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ไปด้วยในตัวนะ ถือซะว่าได้ลิ้มรสการเป็นนักเรียนอีกครั้ง อยู่ในกฎทุกระเบียบทุกอย่างน่ะเพราะว่าถ้าพวกเราแหกกฎขึ้นมาถึงจะแค่พวกเรา” พ่อผมพูด
      “ทุกคนก็จะทำตาม อันนี้เป็นการฝึกตัวเองไปด้วยเพราะองค์กรที่เราจะดูแลก็มีกฎเช่นกัน” ลุงณะพูด
      “ ดังนั้นต้องทำให้เขาดู ว่าเราทำได้พวกเขาก็จะทำได้ โดยเฉพาะพวกเราที่เป็นลูกหลานเจ้าของโรงเรียน มันจะทำให้เสียไปถึงอาภาคย์ เข้าใจนะ “พ่อผมพูด
      “ครับ” ผมสองคนรับคำแต่ผมนะไม่ค่อยเต็มคำเท่าไหร่ พอกดวางสายจากพ่อ ไม่นานรถคันหรูของพวกผมก็มาถึงโรงเรียนของอาภาคย์ โรงเรียนนี้อยู่ในตัวเมืองแต่ทำไมพวกผมต้องออกไปอยู่นอกตัวเมืองด้วยก็ไม่รู้ ผมคิดในใจ
      “ถึงแล้วครับคุณหนู” พี่คนขับรถจอดรถเพื่อให้ผมลง
      “คุณหนูครับ คุณหนูต้องเดินเข้าไปกันเองนะครับ พวกผมนำรถเข้าไปส่งด้านในไม่ได้จริงๆ ครับเพราะว่านี้คือกฎของโรงเรียนครับ เขาให้รับส่งตามจุดครับและแค่หน้าประตูเท่านั้นนะครับ ขอโทษด้วยนะครับ” พี่คนขับรถพูดผมก็พยักหน้าเพราะว่าพี่เขาทำตามหน้าที่ที่ได้รับมาเช่นกัน

        ผมกับบอยก็ก้าวเท้าลงจากรถ ผมเห็นรถคันอื่นๆ มาจอดแล้วเช่นกัน ผมเห็นดิวกับพายลงมาจากรถพายที่พยายามควงแขนไอ้ดิวแต่ไอ้ดิวมันก็แกะแขนพายออกตลอดทั้งที่มันก็รู้ว่าพายมันแกล้งไปอย่างนั้นแหละ ไอ้ติ๊กมันก็ลงมากับแอ้
        “พร้อมยังวะ ที่จะเดินเข้าไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง” ผมถามทุกคน บางคนก็หยักไหล่ ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินผ่านประตู ซึ่งมีคุณครูผู้หญิงยื่นอยู่ แต่ผมงงว่าไปยืนทำไมกันที่ตรงนั้น มีนักเรียนเดินเข้าประตูพร้อมกับยกมือไหว้
       “เขามายืนหน้าประตูทำไมอะ” พายหันมาถามทุกคน พายมันเรียนโรงเรียนพิเศษที่อังกฤษเลยไม่เคยเจอแบบนี้
      “เขาเป็นครูที่นี้น่ะพายและจะมายืนตรวจความเรียบร้อยก่อนที่นักเรียนจะเข้าไปด้านในโรงเรียนนะ” แอ้พูด พายก็พยักหน้าเข้าใจแล้ว ระหว่างที่ผมกำลังเดินเข้า ครูผู้หญิงที่ยืนอยู่ก็หันมามองพวกผม
       “ขอโทษค่ะ นี้ใช่นักเรียนที่จะมาเรียนใหม่ที่นี้ไหมคะ” คุณครูที่ยืนอยู่เขาถามพวกผม พวกผมก็พยักหน้าพร้อมกันว่าใช่
       “ที่ว่าเป็นหลานๆ ของท่านผู้อำนวยการโรงเรียนใช่ไหมคะ” คุณครูถามพวกผมเสียงดังฟัง ตอนแรกก็ไม่มีใครสนใจแต่พอบอกว่าเป็นลูกหลานโรงเรียนเท่านั้นแหละ ทุกคนหยุดพร้อมกับหันมามองพวกผมกันหมดทุกคนรอฟังคำตอบ
        “?????”
       “ใช่ครับ ลูกหลานเจ้าของโรงเรียนครับ ” ไอ้ติ๊กตอบเสียงดังมาก สายตาที่เปลี่ยนไปจากคนรอบข้าง แถมมาด้วยสายที่แปลกขึ้นมาทันทีทันใด ผมพึ่งรู้ว่า บารมีพ่อไม่ได้ทำให้ทุกคนปลื้มพวกผมเท่าไหร่เลย ถ้าพวกผมยืนผิดที่
       “งั้นเชิญเลยค่ะ เข้าไปด้านในได้เลยนะคะ ด้านในจะมีบอร์ดแผนผังของโรงเรียนค่ะ เดินตามป้านของโรงเรียนไปเลยนะคะ
        “คุณครูบอกผมให้เข้าไปโดยที่ไม่ตรวจพวกผมเลยสักนิดเหมือนคนอื่น เลยยิ่งทำให้มีสายตามองพวกผมแปลกๆ มากขึ้น
        “ทำไมเขามองพวกเราเหมือนกิ้งกือไส้เดือนยังไงก็ไม่รู้อ่ะ .... ตั้งแต่คุณครูประกาศสถานะว่าพวกเราอย่างเป็นทางการไปแบบนั้น “พายหันมากระซิบกระซาบกับพวกผม พวกผมก็หันหน้าหันหลังและพากันรีบเดินไปตามที่คุณครูคนนั้นบอก
       “เอาละก่อนอื่น ต้องไปหาของกินก่อนวะ หิววะ “ไอ้ดิวพูดหันมาดึงแขนแอ้ให้ไปเดินใกล้ๆ มัน พวกผมก็เดินคุยกันมาเรื่อยๆ จะจะผ่านตึกแรก แต่จู่ๆ
       “อ้ายยย!!!!” ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดดังขึ้นมา และสิ่งเร้นลับที่หลบซ้อนที่ตรงมุมตึกก็ออกมาปรากฏ เก้ง กวาง บ่าง ชะนี มากันครบหมด เล่นเอาพวกผมหยุดเอามือกุมหน้าอก
      “เว้ยยย!!!” พวกผมร้องกันเสียงหลงเหมือนกันตกใจครับ
      “หล่อมากเลยค่ะ!!! “น้องนักเรียนขาสั้นหน้าใสใจกล้ามาก ทุกคนมาเรียงแถวพร้อมกับ เต้นรีดต้อนรับแต่ทาจะไล่พวกผมให้กลับไปขึ้นรถซะมากกว่า
      “สงครามโลกครั้งที่สามมาถึงแล้วเหรอ ทำไมเร็วจังวะ” พายหันมาถามพวกผม ผมเข้าใจว่ารูปร่างน้องๆถึกๆกันทั้งนั้น
      “นี่เขามารอรับหรือมาสู้รบกันแน่วะ”ไอ้ดิวพูดอีกคน
      “รอชมผลงานค่ะ น้องๆพร้อมมากค่ะ” น้องหนึ่งในนั้นบอกผม มีผลงานให้ชมด้วย
       "สามสี่..ซู่ๆ ซ่าๆ ปาทังกาปาตังกี้ ซู่ๆ ซี่ๆ ปาตังกี้ปาตังก้า วี้ด!!!!! บึ้ม!!!" ทันทีเพลงเชียร์จบลงพวกผมยืนอึ้ง กันทุกคน โดยเฉพาะผมนี่แหละไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
       "นี่เขาจ้างมาให้มาต้อนรับเราเข้าโรงเรียนหรือว่าจ้างมาไล่เรากลับกันแน่ แต่กูว่าอย่างหลังว่ะ อยากหันหลังและวิ่งออกไปฉิบหายเลย" ไอ้ติ๊กพูดกับพวกผม พวกผมก็หันมามองหน้ากัน ออกไปตั้งหลักที่นอกรั่วโรงเรียนกันก่อนไหม พอพยักหน้ากันก็จะหันหลังเดินออกแต่ว่า
       "เดี๋ยว! อย่าเพิ่งไป ซิค่ะ ยังไม่จบค่ะ  " น้องๆ เขาบอกผม พวกผมหันกลับไปมองยังมีอีเหรอ
       “มีอีกเหรอ”ผมถาม
       “มีค่ะ…ทุกคนพร้อม.... หนึ่งสอง…หนี่ง…สอง….สาม….หนึ่งสอง…หนึ่งสอง…หนึ่ง… อ้ายยยยยยยยยย" เสียงกรีดที่ทำเอาพวผมอ้าปากค้างกันอีกรอบพร้อมกับพู่ที่สั่นไหวไปมา
       “เววคัม ทู…นิว สกูล!!!”น้องบอกผม มาต้อนรับนั้นเอง
       “นี่รีดเดอร์เหรอ มาจากคณะไหน สามช่าเหรอ เต้นได้ขัดใจแม่มาก มานี้เต้นให้ดู เพลงมา “ติ๊ก พูดและก้าวขาออกไป มันขอเพลงด้วย น้องๆมองหน้ากันเลิกลัก
      “เพลงมาซิครับ พี่จัดให้ดูเป็นตัวอย่าง เอ็กเซมเพิ่ล!!”ติ๊กพูด
      “สามสี่ .....” มือไม้นี้ก็สะบัดไปเลยอย่างพิ้วจนพวกผมก็อ้าปากค้างกันไปอีกรอบ ติ๊กเป็นรีดของโรงเรียนด้วยเท่าที่ผมทราบ ท่านี้เป๊ะเว้อมากจนพวกรีดมายีนลดการ์ดลงทันที การ์ดสูงไม่เท่าติ๊กไง ส่วนพวกผมนี้กุมขมับ อยากให้พ่อมันเห็นจริงๆ ว่าลูกเต้นพลิ้วแค่ไหน
     "อึ้ง อึ้ง ล่ะซิ " ติ๊กถามพวกนั้น
     “ไปเถอะว่ะ ตั้งกราดสูงกว่ากูอีกแถมเด้งขนาดนี้อีก ก้นน่ะไม่ใช่นม” อ้าวหันหลังเดินออกกันไปหมดเลย พวกผมยืนกุมขมับ มึงไปข่มเขาทำไม ดิวมันพยักพเยิดให้แอ้ไปจัดการแทน
     “ไปแล้วเหรอ ไม่เต้นกันต่อล่ะ จะได้ให้พวกหนุ่มๆนี่มันหาซื้อพวงมาลัยมาถวาย แก้บนให้ เอาผ้าสามสีมาผูกด้วยไหม จะได้โทรให้คนขับรถไปซื้อมาให้….” ติ๊กพูดพร้อมกับ ยืนเอามือเท้าเอวมองและหันมามองพวกผม ที่ยืนส่ายหัวกันเป็นแถว ผมว่างานนี้จะพังก็มันนี้แหละ
     “ติ๊ก..เขาอุตส่าห์มาเต้นต้อนรับมึงก็ไปแย่งซีนเขาทำไมว่ะ” ไอ้ดิวพูดปนหัวเราะ
      “มึงเล่นเอาน้องๆเขาวิ่งไปร้องไห้แล้วมั้ง ใจร้ายว่ะมึงรังแกเด็ก” พายพูด
      “ไปหาอะไรกินเถอะหิวมากแล้วเนี๊ยะ”ดิวพูดก่อนจะพยักหน้าเรียกแอ้แต่ติ๊กมันควงแขนแอ้เอาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย
     “นี้ห้องอาหาร เดินตรงไปเลี้ยวขวาและเดินตรงไปเลี้ยวซ้าย และเดินตรงไปอีก “ไอ้ดิวมันเงยหน้าขึ้นนมองจนเจอป้ายบอกทาง
      “ทำไมห้องอาหารมันอยู่ลึกจังว่ะ” ไอ้ติ๊กเอ่ยถามขึ้นเพราะดูจากป้ายเข้าไปด้านในสุดเลยน่ะนั้นน่ะ
      “ห้องอาหารหรือป่าอเมซอนว่ะ มันลึกลับขนาดนี้ “พายพูด
      “ไปเถอะว่ะ” ผมบอกทุกคนก่อนจะดันบอยให้เดินไปกับผมแบบใกล้ๆ พวกผมเดินผ่านสายที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรไมตรีกับพวกผมมากมาย บางคนก็ยิ้มๆ ให้แบบไมตรีก็มีบ้างแต่น้อยหนัก
       “มันทำให้รู้ว่า เป็นลูกท่านหลานเธอนี้ไม่ได้ช่วยให้ใครต่อใครรักมากขึ้นเลยว่ะ ว่าแต่พวกเราไปทำอะไรให้วะ” พายพูดขึ้นผมก็พากันส่ายหัว ยักไหล่ว่าไม่มีใครรู้
       “ตุ๊ดมาแล้วเหรอ!!!” มีคนตะโกนไล่หลังพวกด้วย ผมหันไปเจอมีพวกนั่งกันเป็นแก้งเลย แต่งตัวไม่ได้ถูกระเบียบสักนิดว่าแต่รอดมาได้ไงก็ไม่รู้ จากครูที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตู ดังนั้นนี้แสดงว่าสองมาตรฐานแล้วน่ะ
       “ติ๊ก!!!” ไอ้แอ้มันเอามือปิดปากติ๊กไว้ได้ทัน ไอ้ติ๊กมันกำลังจะหันไปต่อปากต่อคำแน่ๆ
      “อะไรวะ ดูมันว่าพวกเรา มึงกลัวกันเหรอ” ไอ้ติ๊กหันมาถามพวกผม
      “เออ!!” พวกผมตอบพร้อมกันมาก
       “กลัว..กลัวว่าจะได้อยู่ยาวเลยมึงคราวนี้ไม่ใช่แค่ปีเดียวถ้ามึงหาเรื่องเพิ่มมาอีก เดินแบบไม่ต้องไปมองอะไรตรงไปหาอะไรกินโน่นพอแล้ว” ไอ้ดิวพูดและชี้นิ้วให้มันเดินตรงไป
       “และถ้ามึงเงยหน้าดูดีดี ...มันมีหลายตีนอยู่น่ะและพวกกูไม่อยากเอาใบหน้ากูไปให้มันวางเท้า มึงเข้าใจไหม “ดิวพูดติ๊กมันหันมาแต่ก็สะบัดก้นเดินนำหน้าไปตามไปด้วยติ๊กและพายดิวมันยักไหล่ให้ผมรีบเดินดีกว่าผมหันมาจูงมือบอยให้รีบเดินเหมือนกัน ผมไม่เชื่อหรอกว่าไอ้ดิวมันจะกลัวพวกนี้ ผมว่าน้องๆ สำหรับมันแต่ที่มันไม่อยากมีเรื่องเพราะมันก็อยากไปเรียนตามที่มันต้องการแล้วเหมือนกัน พวกผมก็เหมือนกันไม่อยากมาติดอยู่แบบนี้
       “แปลกเหมือนกันเนอะแจ็ค แต่ละคนที่มองพวกเราอ่ะ” บอยกระซิบข้างหูผม ผมก็พยักหน้า
      “รีบเดินเถอะบอยไปหาอะไรทานดีกว่า” ผมหันมากระซิบกับบอย
      “เย็นไว้มึงเพราะมึงนี้แหละจะพาพวกกูไม่ได้อยู่รอดจนถึงหนึ่งปีและอาจจะไม่มีชีวิตได้อยู่ต่อไปอีกเพราะว่า ตายคาตีนพวกนี้ซะก่อน” ผมได้ยินพายมันพูดกับติ๊ก ผมหันไปชี้นิ้วเห็นด้วยเลย

       TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
     
EP.13.1 ภารกิจวันแรก การกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง
      Part’ s แจ็ค พวกผมเดินมาหยุดที่ตรงบันไดตึกที่พวกผมเห็นตามแผนผังคือห้องธุรการ ผมคิดว่าพวกผมควรจะต้องขึ้นไปสอบถามเจ้าหน้าที่หรือครูที่ดูแลก่อนว่าพวกผมจะได้เรียนที่ห้องไหนกัน

     “ขึ้นไปถามเขาก่อนที่จะไปทานข้าวดีกว่าวะ จะได้รู้ว่าเรียนห้องไหน” ไอ้ดิวพูดพวกผมพยักหน้า และผมก็พากัเนดินเข้าไป มาหยุดที่หน้าห้อง เขามีช่องให้ติดต่อ

      “มึงสองคนไปถามแล้วกัน พวกกูยืนตรงนี้ ช่องนิดเดียวแออัดว่ะ” ติ๊กพูด ผมกับดิวก็เข้าไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่

      “ขอโทษนะครับผมมาติดต่อเรื่องห้องเรียนครับ” ผมเห็นมีครูผู้หญิงนั่งอยู่ เขาก็เดินเข้ามาหาผม

      “ติดต่อเรื่องอะไรนะคะ” เจ้าหน้าที่ถามพวกผม

     “ผมเพิ่งจะย้ายมาใหม่ครับ “ผมพูด

     “ย้ายมาใหม่เหรอคะ เอ๊ะ ขอบัตรนักเรียนด้วยค่ะ มีไหมคะ” คุณครูมารศรี ผมดูจากป้ายชื่อ

     “พวกผมเป็นหลานของคุณภาคย์ ครับที่เป็น เจ้าของโรงเรียนนี้ครับ” ผมพูด

     “อ้อ.... ขอโทษทีค่ะ รอสักครู่ค่ะ จะดูให้ค่ะ” ครูมารศรีพูดและพวกผมก็ยืนรอ ไม่นานครูมารศรีก็เดินกลับมาที่หน้าเคาน์เตอร์

     “ในเอกสาร แจ้งว่าเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ค่ะ เรียนห้อง 5 /8 “พวกผมก็พยักหน้าว่าใช่

     “ดิฉันคิดว่าหนังสือและตารางเรียนทุกคนน่าจะได้รับกันหมดแล้ว” ครูมารศรีพูด

    “ใช่ครับ “ผมตอบแทนทุกคน

     “เวลายังเหลือเยอะเลยค่ะ ไปหาอะไรทานก่อนแล้วกันนะคะ ไปห้องอาหารถูกไหมคะ” ครูเขาถามผมว่าไปถูกไหม

     “ครับ พอดีผมแวะดูแผนผังมา ก็น่าจะไปไม่ถูกครับ” ผมพูด

     “ไม่ยากเลยค่ะ แค่เดินตามป้ายไปค่ะ เดี๋ยวก็เจอค่ะ” พี่เขาพูด ผมหันมามองหน้ากัน นี้คือคำแนะนำที่ดีที่สุดในการบอกทางเหรอ ไม่มีตรงไปเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา หรือว่าอะไรทีเป็นรายละเอียดที่มากกว่าการบอกว่าให้เดินไปตามป้ายเหรอ แต่ผมดูหน้าเธอสองรคน ไม่น่าจะทำงานเป็น ผมเลยพยักหน้าว่าไปเดินหาเองดีกว่า

     “ลูกหลานเจ้าของโรงเรียนนี้เก่งและหน้าตาดีจังเลยนะคะ ขอให้สนุกกับการเรียนวันแรกของที่นี้นะคะ มีปัญหาอะไรมาบอกได้เลยนะคะ” เจ้าหน้าที่บอกผมก่อนจะรีบปิดกระจกและหันไปเม้าส์มอยกันต่อ ผมก็ยิ้มแหยๆ กันสองคนกับไอ้ดิว

     “ไปห้องอาหารกันเถอะว่ะ พวกเราเรียนได้เรียนชั้นมัธยมปีที่ 5 ห้องที่ 8 “ผมบอกทุกคน

     “ไปหาอะไรทานเถอะ หิวมาก” ติ๊กพูดทุกคนพยักหน้า

     “จะว่าไป โรงเรียนพ่อมึงก็ใหญ่ดีวะติ๊กโรงเรียนนี้นะ แต่นักเรียนกับโรงเรียนไม่ค่อยสมดุลกันเลยว่ะ “ผมพูด และหันไปมองนักเรียนที่เดินผ่านไปมา มันดูน้อยมาก

     “เออวะ กูก็คิดแบบนั้นว่ะ ดูน่าจะมีนักเรียนมากกว่านี้ แต่ช่างเถอะ เราแค่มาเรียนๆ และก็กลับ จะไปแคร์ทำไมวะ” ไอ้ติ๊กพูด พวกผมเดินไปเรื่อยเพื่อหาป้ายว่าทางไปห้องอาหาร

     “ถึงซะทีโคตรหิวเลย” ไอ้ดิว มันหิวเก่งจริงๆ

     “ใช่ หิวไส้จะขาดแล้วเนี่ยะ” พายพูด พอพวกก้าวเท้าเข้าไปในห้องอาหารก็พบว่ามีทุกสายตาหันมารอพวกผมอยู่แล้ว พวกเขามองมาที่พวกผมกันหมด จนพวกผมแทบจะก้าวเท้ากันไม่ออก และที่สำคัญที่ว่างมันอยู่ในสุดเลยครับ

     “มาแล้ววะ ไอ้พวกลูกคุณหนู” ผมได้ยินโต๊ะข้างๆ ซุบซิบกันใหญ่เลย

     “ใช่...มาแล้ว...แล้วจะทำไม ไม่เคยเห็นก็ ไหว้ซิครับมึงครับ” ติ๊กหันขวับไปถามทันควัน ปากมันจะไวอะไรเบอร์นั้น พวกผมหันไปดึงมันกลับมาแทบจะไม่ทัน พวกนั้นก็หาได้สะทกสะท้านอะไรไม่

     “แต่ต้องไหว้สวยน่ะ ไหว้ไม่สวยพวกกูไม่รับ” ติ๊กพูด พวกนั้นเริ่มมองหน้ากัน ไอ้ดิวรีบเข้าไปดึงไอ้ติ๊กออกมาซะก่อน

     “ติ๊กเดินเข้าไปเถอะมึงครับ มึงหิวไม่ใช่เหรอ รีบเดินไปเถอะน่ะ อาหารเช้าไม่ควรเน้นโปรตีนมากไป” ไอ้ดิวมันอธิบายจนผมเองก็เห็นภาพ ตอนหันไปมองพวกนี้กระดิกเท้ารอ มันหลายตีนจริงๆ ด้วย

     “และดูจากจำนวนเท้าเหล้านี้แล้วมันเยอะเกินความจำเป็นที่ร่างกายควรจะได้รับนะมึงและเป็นยิ่งตีนพวกนี้ด้วยอย่าหากิน ไปหาอาหารนิ่มๆ อร่อยข้างหน้าโน้น” ดิว กระซิบบอกติ๊ก แอ้ก็พยักพเยิดให้มันหยุดปากดีและรีบเดินเข้าไปซะ

     ติ๊กก็สะบัดบ๊อบพร้อมกับเดินเชิ้ดหน้าเข้าไปแบบไม่สนใจทุกสายตา เดินแบบมั่นมากเหมือนเดินอยู่บนแคทวอล์คไม่มีผิด ผมหันมามองหน้ากันก่อนจะเดินตามกันเข้าไปเช่นกัน นี่มันเริ่มหนักมากขึ้น คือทำไมเขามองพวกผมเป็นตัวประหลาดกันไปหมด ขณะที่กำลังเดินผ่านกลุ่มนักเรียนที่นั่งเขาก็หันมามองผมเหมือนสิ่งแปลกประหลาดที่เพิ่งจะมาถึงโลกยังไงยังงั้นจริงๆ

     “พวกมึงจะไขว้กับเพื่อนกูใช่ไหม ...ไอ้นี่อ่ะ “ไอ้ติ๊กหันไปพูดและมันถามว่าพวกนั้นจะไขว้กับไอ้ดิวใช่ไหม เพราะมันเจาะจงชี้มาที่ไอ้ดิว แน่นอนไอ้ดิวมันถึงกับสะบัดหน้าไปมองไอ้ติ๊ก พร้อมนิ้วกลาง

    “ไอ้นี่ในต่อยคนสลบมาเยอะแล้ว อยากลองไหมล่ะ” ยังอีก

     “พอไอ้ติ๊ก” ไอ้ดิว

      “ไอ้ติ๊กมึงหยุดโฆษณาชวนเชื่อให้กูได้แล้ว กูไม่รับงานอะไรทั้งนั้นช่วงนี้ พ่อกูเพ้งเล็งกูอยู่ติ๊ก สาด!” ไอ้ดิวพูดและพายก็ลากติ๊กให้เดินออก

       “หาที่นั่งก่อนว่ะ” ผมบอกทุกคนเพราะว่าคงต้องปรึกษากันก่อนจะเริ่มต้นจากอะไรดี แต่ที่แน่ๆ พวกผมเริ่มกลัวสายตาที่มองมาที่พวกผมแล้วเนี่ยะ

      “สวัสดีครับ” พวกผมก็ต้องสะดุ้งพร้อมกันเพราะว่ามีเด็กหนุ่มผมเกรียนมายืนทักทายพวกผมถึงที่

      “น้องทักพวกพี่เหรอครับ” ไอ้ดิวมันถามกลับ

      “ใช่ครับ” คนพูดยิ้มตาหยีมาให้พวกผม

      “เออ...พวกพี่ใช่ .. คุณ แจ็ค คุณบอย คุณดิว คุณแอ้ คุณติ๊กและคุณพายไหมครับ” แสดงว่ารู้จัก เพราะว่ามันเอ่ยชื่อพวกผมทุกคนเลยและถูกต้องซะด้วย

     “ใช่ครับน้อง “แอ้มันหันไปตอบแทน

     “แล้วนายเป็นใครอ่ะ” พายถามกลับทันที

     “ผมเป็น” พวกผมก็ตั้งใจฟัง

     “ลูกแม่แป้ดครับ” พอได้คำตอบก็ทำหน้างงกันซิครับ ใครวะลูกแม่แปด ผมหันมามองหน้ากันเลิกลักทันที

     “แล้วใครครับแม่แป้ด” ไอ้ดิวถามกลับอีกที

     “แม่แป้ดก็คือ...” คนเด็กตรงหน้าทำท่าจะตอบและพวกผมก็ยืนรอลุ้น

    “แม่ครัวครับ!” แล้ววันนี้พวกผมจะได้รู้ไหมครับเพราะแม่ครัวนะใครกันวะ หันมามองหน้ากันและพยักหน้าพร้อมกัน ไอ้นี่มันอยากลองของ

    “เอางี่..มึงกวนตรีนว่ะ” ไอ้ติ๊กพูด

     “พวกกูจะรู้ไหมครับ ว่าแม่แป้ด ที่เป็นแม่ครัวและเป็นแม่ของมึงนะคือใคร? และที่สำคัญคือ… มึงน่ะคือใคร????” ไอ้ติ๊กพูด พวกผมกอดอกมองหน้ามัน และกระดิกเท้าด้วย ตั้งแต่หน้าประตูมาเจอมาเยอะจะมาลงก็ไอ้นี่แหละพวกผม

     “ลืมไปครับปกติทุกคนจะรู้จักแม่ผมหมด” ไอ้คนตรงหน้าผมพูดและเกาหัวแก้เก้อ

     “แต่ยกเว้นพวกกู!!!!” พวกผมพูดออกมาพร้อมกันหมดยกเว้นบอยที่ยืนกั้นหัวเราะอยู่ พวกผมมองหน้าไอ้เด็กตรงหน้า

     “ตกลงยังไงของมึงเนี่ย” ติ๊กถามอีกที

     “ท่านผู้อำนวยการนะครับ เขาให้แม่ผมเป็นคนดูแลจัดการเรื่องอาหารให้คุณๆ ครับและคนนั้นก็คือแม่แป้ดของผมครับพี่” ทำเอาพวกผมถึงบ้างอ้อเลย

     “ที่หลังมึงพูดแบบนี้ตั้งแต่ทีแรกซิวะ ไอ้..ชื่ออะไรนะ” ผมพูดขึ้นและลืมชื่อมันเลย

      “ป๊อดครับ ผมชื่อป๊อดครับ”

     “ไอ้ป๊อด..พวกกูนั่งโต๊ะไหนวะ “ผมถาม

     “พี่ต้องไปนั่งในห้องพิเศษครับ ตรงนี้ผมว่าพี่คง ไม่กล้านั่ง” ไอ้ป๊อดพูด

      “เฮ้ย!! ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกมั้งป๊อด พวกกูน่ะ ไม่ใช่เทวดา นั่งได้เหมือนคนอื่น” ดิวรีบพูด

      “ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะครับ” ไอ้ป๊อดพูดแต่เสียงมันเบาลง

      “อ้าวแล้วมึงหมายความว่าไงละ ไอ้นี่” พายอีกคน

      “คือ พี่ไม่เห็นสายตาที่พวกเขามองพวกพี่เหรอครับ พี่จะกินลงเหรอครับ” ไอ้ป๊อดพูดช่างมีเหตุผล พวกผมหันหลังกลับไปมอง สายตาไม่รู้กี่คู่ที่มองพวกผมอยู่ จริงของมัน เห็นแบบนี้จะกินลงไหมวะ

      “หรือไม่พี่อาจจะไม่ทันได้กินเลยก็ได้นะครับ ถ้าพี่ไม่เข้าไปนั่งด้านใน ตอนนี้” ไอ้ป๊อดพูด พวกผมหันไปมองแต่ล่ะคน เหมือนพวกผมไปเผาบ้านมันมาเลย โกรธแค้นเครื่องโกรธโทษฉันใย…

       “อู้ยย...นี้เขายังไม่เลิกมองกันอีกเหรอวะ มองจ้องขนาดนี้กูก็เขินว่ะ กินไม่ลงอ่ะ “พายพูด

       “เออว่ะ” ผมหันไปมองรอบๆ อีกครั้ง

       “เอา ๆ ไอ้ป๊อดพาไปดิ พวกกูนี้หิวมาก” ไอ้ดิวพูดและพวกผมก็เดินตามไอ้ป๊อดไป มันพาพวกผมเข้าไปในห้องอาหารห้องหนึ่ง ผมเดินเข้าไปก็มีมุมจัดอาหารไว้เหมือนในโรงแรมเลย

       “เชิญเลยครับ อาหารพร้อมแล้ว แม่ผมทำสุดฝีเท้าเลยนะครับ” ไอ้ป๊อดพูดผมสะบัดหน้าไปมองมันพูดผิดไหม

       “อะไรป๊อดสุดฝีเท้า ......สุดฝีมือหรือเปล่า” ไอ้ดิวถามป๊อด

      “สุดฝีเท้าคือแม่ผมรีบชนิดไฟลนก้นกันเลยครับพี่” ไอ้ป๊อดพูด พวกผมหันไปมองหน้ามันพร้อมกัน ผมว่ารอบนี้มันโดนแน่ๆ

      “เพราะว่าอาหารพวกพี่นะครับ มันเยอะครับ แม่ผมก็ไม่รู้ว่าพี่ชอบแบบไหนกัน จะไทยจะฝรั่งหรือว่าจีน จะเป็นสายสุขภาพหรือไม่สุขภาพ แม่ผมจัดมาหมดครับพี่ หันไปดูซิครับ” ไอ้ป๊อดมันพูดและชี้ไปที่โต๊ะ เยอะจริงๆ ด้วย

      “นี้กินกันได้ทั้งโรงเรียนเลยเนี่ย” ไอ้ดิวมันพูด

      “อายุเท่าไหร่ป๊อด” ผมถามไอ้ป๊อด

      “อายุ 13 ปีครับ ผมเพิ่งเข้าม.1” ผมพยักหน้าเบาๆ

      “อย่าตากแดดมากไปน่ะ” ไอ้ดิวมันพูด

      “เป็นห่วงกลัวว่าผมจะดำเหรอครับ ป๊อด..” ถามพวกผม

      “มึงแก่แดดไปแล้วว่ะ “ผมพูด

      “เออ...เฮอะๆ “มันทำท่าหัวเราะกลบเกลื่อน

      “งั้นผมขอตัวไปช่วยแม่ผมก่อนนะครับ ช่วงนี้นักเรียนเริ่มเข้ามาทานอาหารเช้ากันครับค่อนข้างจะยุ่ง” ไอ้ป๊อดพูดและทำท่าจะเดินออก

      “ขาดเหลืออะไรเรียกป๊อดได้ครับ” ป๊อดหันมาบอกพวกผม

      “อืม” ผมพยักหน้า

      “เรียกแล้วจะมาในทันทีเหรอ” พายหันไปถามป๊อด

      “ไม่ทราบครับว่าจะมาได้ทันทีไหมแต่เรียกได้ครับให้เรียกเฉยๆ แต่ป๊อดจะมาได้ไหมไม่รู้จริงๆ ครับ” ไอ้ป๊อดพูดพวกผมหันไปมองไอ้ป๊อดพร้อมกันอีกครั้ง

      “อ้าว!! แล้วมึงจะบอกพวกกูทำไมวะว่าขาดเหลืออะไรให้เรียกป๊อด เพราะว่าตัวมึงเองยังไม่รู้เลยว่าจะมาได้ไหม แค่บอกเอาไว้ว่า ช่วยเหลือตัวเองก็แค่นั้น” ไอ้ติ๊กพูด

       “เข้าไปเถอะ ไปช่วยแม่มึงเถอะ” ผมรีบบอกไอ้ป๊อดมันให้รีบกลับเข้าไป

       “ขอบคุณครับพี่” ไอ้ป๊อดพูดขอบคุณผม

       “เพราะถ้าขืนยังยืนอยู่นาน มึงอาจจะไม่ได้ไป .....มึงอาจจะหมอบอยู่ตรงนี้เพราะว่าโดนบาทาพวกกูซะก่อน รองเท้ายิ่งใหม่ๆ อยู่ด้วย ยังไม่ได้เตะใคร พวกกูจะเตะมึงคนแรก” ผมหันไปบอกป๊อดมัน พยักหน้าให้มันรีบเข้าไปซะ

       “อู้ย แรง!” ไอ้ป๊อดพูด

       ผมก็พากันเดินไปตักอาหารที่ตัวเองทาน มีอาหารมากมายให้เลือกแต่ก็เป็นอาหารธรรมดาแบบที่โรงแรมทั่วไปมี มีข้าวต้ม มีขนมปัง มีผักสลัด พวกผมก็นั่งทานกันไปอย่างเพลิน จู่ๆ ก็มีนักเรียนชายสองคนเดินมายืนที่ตรงกระจก ยิ้มๆ ให้พวกผมและมันก็แปะกระดาษที่เป็นรูปวาดแบบดูไม่ค่อยเหมือนรูปวาดเท่าไหร่แต่ดูรู้ว่าเป็นรูปคนที่กำลังมีเพศสัมพันธ์กันทางประตูหลัง ผมเห็นบอยหน้าเสียไปนิดหนึ่งเพราะมันแปะที่ตรงบอยพอดีและพวกมันก็หันมาหัวเราะกันและเดินจากไป ผมนี้ขึ้นเลย ผมลุกขึ้นจะออกไปต่อยปากมันแต่

     “หมับ” บอยดึงแขนผมไว้ ไอ้ดิวก็ทำท่าจะลุกเช่นกัน

      “อะไรของมันวะ “พายพูดทุกคนมองหน้ากัน

      “เชี่ยเอ๊ย!” ผมเองที่สะบดออกมา

       “นี้มันอะไรกันว่ะ โรงเรียนนี้ พวกเราจะอยู่รอดถึงหนึ่งอาทิตย์ไหมวะ “ติ๊กพูด

          พวกผมนี้คิดหนักเลย ตอนแรกคิดว่าหมูๆ แค่มาเรียนก็จบนะ สบายๆ แต่นี่ไม่ใช่ ตอนแรกพวกผมยังนั่งขำกันอยู่เลยที่ได้ยินบทลงโทษแบบนี้แต่ว่าตอนนี้พวกผมขำกันไม่ออกแล้วครับ เพราะว่าแค่วันแรกยังต้องระแวดระวังบาทากันขนาดนี้

       “รีบๆทานกันเถอะ จะได้เวลาเข้าแถวแล้วน่ะ” แอ้พูดขึ้น ผมเดินกลับมานั่งทาน โดยมีบอยบีบแขนผมเอาไว้ ผมนั่งทานกันไปด้วยความหวาดระแวงว่าจะมีอะไรมาอีกไหม แต่ก็ไม่มี พอทานเสร็จก็หันมามองหน้ากันว่าพากันลุกไปทำธุระส่วนตัวกันก่อนดีกว่า และก็พากันลุกขึ้นพร้อมกันทันที 

      “อ้าวจะไปแล้วเหรอครับพี่ๆ “ไอ้ป๊อดมันเดินเข้ามาถามพวกผม

      “จะไปแล้วป๊อด” ผมหันไปตอบป๊อด

        “ยังไม่ได้เวลาเข้าแถวเลยครับ อีกตั้ง 15 นาที” ไอ้ป๊อดพูดพร้อมกับมองหน้าพวกผม

         “พวกพี่ว่าจะไปเข้าห้องน้ำกันก่อนว่ะ ว่าแต่ห้องน้ำไปทางไหนวะป๊อด” ไอ้ดิวถามป๊อด

         “นี้ครับเดินอ้อมไปทางด้านหลังนี้ครับ” ไอ้ป๊อดพูดพร้อมกับชี้นิ้วไป

        “พวกพี่ระวังหน่อยน่ะ ห้องน้ำนี้แก้งพวกพี่แฮ๊กเขาเฝ้าอยู่น่ะครับพี่” ไอ้ป๊อดพูด

         “ทำไมอ่ะ นี่มันตั้งแก้งเก็บค่าเข้าห้องน้ำโรงเรียนพ่อกูด้วยเหรอว่ะ” ติ๊กถามป๊อดทันที

        “เดี๋ยวน่ะ จะเข้าห้องน้ำยังต้องจ่ายเงินอีกเหรอ มันไม่รวมอยู่ในค่าเทอมเหรอป๊อด!!” พายพูด พวกผมหันไปมองไอ้ป๊อด มันคือเรื่องจริงเหรอ

         "แล้วถ้าคนที่เขาไม่มีตังจ่าย เขาไม่ต้องอั้นไปเข้าที่เดียวที่บ้านเหรอป๊อด!! มันโหดไปไหมวะ???"น้องพายผม คิดไกลเกิน

          “ไม่ใช่ครับพี่ ที่ผมให้ระวังนะเพราะว่าพวกพี่เขาไม่ชอบหน้าพวกพี่ตั้งแต่รู้ว่าจะมาเรียนกันแล้วพี่” พวกผมก็ต้องชักเท้ากลับ หันมองหน้าไอ้ป๊อด ตั้งแต่รู้ว่าพวกผมจะมาเลยเหรอ

         “อ้อ!!” พวกผมอุทานพร้อมกัน ก่อนจะสะบัดหน้าไปมองไอ้ป๊อดตรงที่พวกนั้นมันไม่ชอบหน้าพวกผม "เพื่อ!!!"พวกผมอุทานถามพร้อมกันเลย แบบไม่ได้นัดหมาย

        “แล้วพวกกูไปทำอะไรให้พวกเขาไม่ชอบขี้หน้าพวกกูว่ะ หน้าตามันกูยังไม่เคยเห็นเลยป๊อด ” ไอ้ดิวหันไปถามไอ้ป๊อด ผมก็พยักหน้าว่าเห็นด้วย

         “หรือว่ามันจะเก็บพวกกูเหรอ” พายพูด

         “ไม่ใช่ขนาดนั้นหรอกครับพี่ ผมแค่เตือนว่าให้พวกพี่นะระวังนะกันหน่อยครับ” ไอ้ป๊อดพูด

          “แล้วทำไม มึงไม่แนะนำห้องน้ำอื่นวะ” ไอ้ดิวถามป๊อดกลับ

         “เออว่ะ” พวกผมพูดพร้อมกัน

         “จะมีอีกก็ต้องเดินย้อนไปถึงใกล้หน้าประตูเลยอ่ะ แล้วพวกพี่จะวิ่งมาเข้าแถวกันทันไหมอ่ะครับ” ไอ้ป๊อดพูด

           “ใจวะป๊อด มึงทำให้พวกกูรู้สึกดีตั้งแต่ก่อนจะก้าวขาเข้าห้องน้ำเลย” ผมหันไปพูดเชิงประชดไอ้ป๊อด ป๊อดมันก็ยิ้มให้พวกผม ผมหันมายักไหล่ไปเถอะ ไปเข้าห้องน้ำกัน

            “พี่ครับ ตอนเที่ยงมานั่งที่เดิมนะครับ” ไอ้ป๊อดบอกพวกผม

            “อืมม ก็คงอย่างนั้นว่ะ ว่าแต่ห้องนั้นเฉพาะพวกพี่หรือมีคนอื่นมานั่งด้วยวะ” ผมหันไปถามไอ้ป๊อด

           “พวกผมพึ่งจะทำไว้ให้พวกพี่เลยครับ กั้นแบบลวกๆ ไปหน่อย เพราะว่า… “ไอ้ป๊อด พวกผมหันมาหามันอีกแล้วมีอะไรที่ให้พวกผมลุ้นได้ตลอด

           “อย่าให้พวกกูลุ้นมากได้ไหมป๊อด ...บอกมา!!” ไอ้ดิว มันเริ่มนอยด์เหมือนพวกผม ฮาๆ

             “มึงจะให้พวกกูลุ้นอะไรหนักหนาไอ้ป๊อด!! เดี๋ยวมึง็ได้ลุ้นว่ากูจะถึบมึงไหมแต่ที่แน่ๆ กูว่ากูต้องถีบมึงแล้วแหละ” ติ๊กพูด

            “โธ่พี่ใจเย็นๆ ดิ” ไอ้ป๊อดพูด

            “ผมได้ยินว่าแก้งในโรงเรียนนี้จะซิวพวกพี่กันนะครับ แต่เหตุผลอะไร ผมไม่รู้นะครับพี่ และแม่ผมคิดว่าให้พวกพี่นั่งโซนนี้จะปลอดภัย ขึ้นมาหน่อยนึงนะครับ” ไอ้ป๊อดพูด พวกผมก็พยักหน้ากันก็ยังดี ปลอดภัยขึ้นมาหน่อย

            “มันตั้งปณิธานว่าจะซิวพวกกูกันเลยเหรอวะป๊อด นี้คือจุดมุ่งหมายหลักในชีวิตมันเลยเหรอวะป๊อด” ไอ้ดิวมันหันไปถาม ไอ้ป๊อดมันก็ยิ้มๆ

             “กูก็นึกว่าให้มาเรียนสบายๆ และกลับบ้าน ที่ไหนได้ให้กูมาอยู่ในแดนประหารนี้เอง จริงอย่างที่มึงพูดเลยว่ะแจ็คว่าลุงหนี่งไม่น่าจะให้เราผ่านด้านง่ายๆ วะ” ดิวพูดขึ้น ผมหันมามองหน้ากัน หมดคำพูด

            “งั้นพวกพี่ไปแล้วว่ะ ขอบใจว่ะป๊อด” ผมบอกป๊อด

            “ไปเถอะวะ เข้าห้องน้ำและไปหาที่ยืนรอเข้าแถวกัน” ผมหันมาพูดพร้อมกับจุงมือบอยไปด้วย

            “เข้าห้องน้ำหรือเปล่าบอย” ผมถามบอย เขาพยักหน้าว่าเข้า

                 บอยหยิบมือถือมาดูเหมือนรออะไรอยู่และเขาก็เก็บลงกระเป๋าไป ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม พวกผมเดินไปตามที่ป๊อดมันบอกพวกผมแต่ว่ามันก็เตือนให้พวกผมระวังตัว พวกไอ้พี่แฮ็ก หน้าตาเป็นยังไงพวกผมยังไม่รู้จักมันเลย พอพวกผมเดินไปจนใกล้ถึงก็เจอเลยแก้งหนึ่งนั่งอยู่ บางคนก็สูบบุหรี่ ทุกคนหันมามองทางพวกผมนี่มันโรงเรียนไม่ใช่เหรอทำไมมันมายืนสูบบุหรี่กันได้หน้าตาเฉยมาก

           “กูว่ากูอั้นฉี่ดีกว่าไหมที่จะเดินผ่านพวกมันไปเข้าห้องน้ำนะ” ไอ้ติ๊กหันพูด

            “เออวะ ฉี่ไม่ออกเลยดูหน้าพวกมันดิ นี้นักเรียนหรือนักเลงว่ะ” ไอ้พายพูด ผมหันมามองหน้าไอ้ดิว เอาไงดี มือผมก็กุมมือบอยไว้

            “เอาน่ะ เราแค่มาเข้าห้องน้ำ” ดิวพูด พวกผมก็พยักหน้าและทำใจดีสู้เสือเดินให้ผ่านพวกมันไปผมไม่แน่ใจว่าผมจะอายุเท่าพวกนั้นไหมแต่พวกผมจบมัธยมปลายกันเร็วกว่าคนอื่น

           “ดูพวกลูกคุณหนูซินี่มันเดินหนีบกลัวตูดเหรอวะ ฮาๆ “ผมไม่ได้มองหน้ามันนะว่าใคร เพราะตอนนี้ได้แต่นับ 1 ถึง 100 เพื่อให้ใจเย็นที่จะไม่หันไปมีเรื่องกับพวกมัน

           “เย็นไว้แจ็ค อย่าให้มีเรื่องเลยว่ะ “ดิวกระซิบที่ข้างหูผม

          “เขาบอกว่าชายได้ชายแม่งเหนือชาย อยากลองว่ะ “อันนี้ผมกับไอ้ดิวหยุดกึกพร้อมกันเลย ผมหันมามองหน้ามัน มึงจะเย็นอยู่ไหมดิว

           “คนที่ไอ้หน้าแขกมันจูงนะ น่า...” ผมได้ยินแบบนั้น ไม่ต้องรออะไรครับ

          “ผลั่ก!” ผมหันไปปล่อยหมัดที่ใบหน้ามันแบบเต็มๆ จนหน้าสะบัดและผมเองก็สะบัดมือครับ หน้ามันแข็งมาก เพิ่งรู้ว่าหน้าด้านเป็นแบบนี้นี่เอง ผมเงยหน้าขึ้นมาว่าจะเข้าไปซ้ำอีกสักที่แต่

           “แจ็ค!” บอยรีบถึงแขนห้ามผมทันที ไอ้คนที่ถูกผมต่อยมันทำท่าจะลุกขึ้นมาอีก

          “ปากดีนะมึงอ่ะ ชายได้ชายของพวกกูคือ ได้กระทืบปากพวกผู้ชายปากดีอย่างพวกมึงนี่น่ะ อยากลองอีกไหมวะ จะได้รู้ว่าใครเหนือใคร ใครจะยกมือไหว้ใคร?” ผมถาม ไอ้ดิวมันมายืนข้างๆ ผม ตอนแรกมันจะห้ามแต่ผมว่ารอบนี้มันลุยด้วยแน่นอน มันถลกแขนเสื้อรอพวกปากหมาพวกนี้แล้ว

         “ไอ้สัส!” มันลุกขึ้นมาจะเข้ามาใส่ผม ผมก็ยืนรอซิ ไม่กลัวหรอกครับ แต่ที่พยายามเลี่ยงมาตั้งแต่หน้าประตูเพราะไม่อยากให้พวกผมดูเป็นนักเลงและที่ผมถูกส่งมาที่นี้ก็เพราะโดนทำโทษไม่อยากได้โทษเพิ่มแต่นี่มันเหลืออดจริงๆ ถลกแขนเสื้อรอเลยผม และไอ้ดิวผมว่ามันพร้อมช่วยผมอยู่แล้ว

           “กริ่งๆ” ที่ดังสนั่นหวันไหว “เสียงไรวะดิว” ผมถามไอ้ดิว

           “เสียงสัญญาณว่าให้พากันไปเข้าแถวได้แล้วว่ะ” ไอ้ดิวมันกระซิบบอกผม

            “นี้พวกนายทำอะไรกัน ไปเข้าแถวกันได้แล้ว” พวกผมได้ยินเสียงใครสักคนงตะโกนมา ผมหันไปมองดูจากการแต่งตัวน่าจะเป็นครูอาจารย์ที่นี้

           “โชคดีนะมึง ถ้ากูเจออีก มึงอย่าหวังว่าจะยืนหน้าหล่อแบบนี้น่ะ หมอบที่บาทากูนี่” ไอ้คนที่ผมซัดหน้ามันไป หันมาชี้หน้าผม และเดินออกไป ผมหันมามองทุกคนที่ทำท่าตกใจและบอยก็เข้ามาดึงแขนผมไว้

           “ไปเข้าห้องน้ำก่อนเถอะว่ะ ใช้เวลานานในการเข้าแถว และกว่าจะเสร็จฉี่จะแตกพอดี” ไอ้ดิวพูด และพวกผมก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ ทำภารกิจส่วนตัวกัน ห้องน้ำก็ไม่ได้ถึงกับสกปรกแต่ถามว่าสะอาดไม่ก็ไม่น่ะสำหรับพวกผม

          “ห้องน้ำไม่สะอาดเลยว่ะ “ไอ้ติ๊กทำท่าขนลุกขยะแขยง

         “กูฉี่ไม่ลงว่ะ” ติ๊กพูด

         “มึงจะอั้นก็ตามใจนะแต่กูเข้าแล้วว่ะ” ไอ้ดิวพูดและมันก็ตรงเข้าไปทันที

           “เออ ติ๊กฉี่ไปเถอะมันก็ไม่ถึงกับสกปรกมากหรอก” แอ้หันไปบอกติ๊ก

           “บอยละเข้าได้ไหม” ผมถามบอย

           “พอได้แจ็ค” บอยพูดกับผม พวกผมก็พากันเข้าห้องน้ำที่ว่างอยู่ พอเสร็จกิจก็ออกมายืนตรงอ่างล้างมือ ความรู้สึกไม่อยากออกไปเลย บรรยากาศไม่น่าเรียนแถมยังเหมือนพวกผมเป็นพวกแปลกแยกยังไงก็ไม่รู้

           “นี้เรื่องบ้าอะไรกันวะ ทำไมเราต้องมาทนอะไรแบบนี้ด้วย ไม่เข้าใจจริงๆ ว่ะ “ผมพูดขึ้นเอามือเสยผม จัดแต่งทรงผมไปด้วยก่อนจะหันมามองทุกคน

           “Rrrrrr” ไอ้ติ๊กมันกำลังกดมือถือโทรหาใครสักคน

            “ติ๊ก มึงโทรหาใครวะ” ผมหันไปถามติ๊ก

           “โทรหาพ่อกูดิว่ะ” ติ๊กหันมาบอกผม ผมพยักหน้า ไอ้ติ๊กมันกดแล้วกดอีก และมันก็เปิดสปีคเกอร์ด้วยพวกผมก็เฝ้ารอ จนกระทั่ง

           //สวัสดีค่ะบ้านคุณภาคย์ค่ะ// ไอ้ติ๊กมันโทรเข้าเบอร์บ้าน

         //ป้าประนอม ผมขอสายพ่อหน่อยครับ นี้ผมติ๊กนะป้า//

          //คุณท่านเหรอคะ แล้วทำไมคุณติ๊กไม่โทรเข้าเบอร์มือถือท่านละคะ//

           //พ่อไม่รับอ่ะ พ่อทำอะไรอยู่ครับป้า//

          //ท่านนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ค่ะและคุยกับคุณตุ๊ด้วยค่ะ// คนใช้บ้านของติ๊กพูด

          //อะไรกัน ผมกดจนมือหงิกพ่อไม่รับสายเลยและพี่ตุ๊ด้วย ป้าส่งโทรศัพท์ให้พ่อผมหน่อยได้ไหมครับ ผมมีเรื่องด่วนครับ//

          //ได้ค่ะคุณติ๊ก // คนใช้ที่บ้านติ๊กพูด และเสียงเดินเท้าดังลอดออกมาจากลำโพงโทรศัพท์ของติ๊กที่ถือสายรออยู่

           //คุณท่านค่ะ คุณติ๊กโทรมาค่ะ เห็นบอกว่าพยายามโทรเข้ามือถือแล้วคุณท่านไม่รับสายค่ะ//

          //ใช่แล้ว ผมตั้งใจไม่รับเองและฝากบอกคุณติ๊กด้วยว่า ว่าผมไม่ว่างคุยและนี่เขาควรจะพากันไปเข้าแถวได้แล้วไม่ใช่รึ มันได้เวลาแล้ว// พ่อของติ๊กบอกป้าประนอม คนใช้ในบ้าน พวกผมที่ได้ยินกันทั้งหมดก็หันมามองติ๊กพร้อมกันหมด

         //ค่ะคุณภาคย์//

          //คุณติ๊กค่ะ คุณพ่อ...ตรูดๆๆ // นั้นติ๊กมันก็กดวางสายไปเลย

        “พ่อน่ะพ่อ” ติ๊กพูดก่อนจะหันมามองหน้าพวกผม ผมก็หยิบมือถือมากดโทรหาพ่อผมบาง

           “ตรูดๆๆๆ” สายไม่ว่างเหมือนกัน แสดงว่าบรรดาพ่อๆ คงไม่ยอมรับสายใครทั้งนั้นแน่นอนให้พวกผมแก้ปัญหาเอาเองใช่ไหมเนี่ย ผมหันมามองหน้ากัน

           “ตายๆ วันนี้จะรอดกลับบ้านไหมวะ “พายพูด

            “เฮ้ย! ไปเข้าแถวกันเถอะว่ะเพราะถึงยังไงก็ออกไปไม่ได้ เขาล๊อกประตูแล้ว โทรหาใครให้มารับก็เป็นไปไม่ได้ ถอยหลังไม่ได้อยู่แล้วต้องเดินหน้าว่ะ “ไอ้ดิวพูดและมองหน้าพวกผม บอยก็พยักหน้าให้ผมออกไปได้แล้ว

             “เอาว่ะ มันก็ไม่มีตัวเลือกอื่นอยู่แล้ว “ผมพูดและพากันเดินออกมา มองไปรอบๆ ก่อนและรีบเดินจั้มอ้าวออกไป ผมเห็นเป็นลานอเนกประสงค์ตั้งแต่ตอนเดินไปห้องอาหารแล้ว ผมคิดว่านั้นคงเป็นที่เข้าแถวหน้าเสาธงแน่ๆ และใช่จริงๆ ด้วยมีนักเรียนเข้าแถวกันแล้ว และกำลังจะร้องเพลงชาติ

             “อ้าว! พวกเธอไปไหนกันมา รีบไปเข้าแถวเลยน่ะ “คุณครูที่ยืนหน้าเสาธงรีบบอกพวกผมและชี้ไปว่าแถวไหนที่พวกผมควรจะวิ่งไป ครูเขารู้ได้ยังไงก็ไม่รู้ หรือว่าเป็นเพราะว่าพวกผมหน้าตาแปลก ดูใหม่ด้วยมั้ง ผมรีบวิ่งไป แต่แถวที่ครูบอก มีไอ้แว่นหนายืนทื่ออยู่คนเดียว ผมหันมามองหน้ากันถูกห้องแน่นเหรอ ทำไมมีคนเดียวเอง

             “นักเรียนค่ะเข้าแถวค่ะ เพื่อนรอนานแล้วค่ะ” ครูอีกคนที่ยืนประกาศอยู่ด้านบนเวที พวกผมก็พยักหน้าและทำตามที่ครูสั่ง พวกผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้เพราะว่าโรงเรียนที่เคยเรียนก็เป็นโรงเรียนอินเตอร์มาก่อน

              “ทั้งห้องมีไอ้แว่นนี้คนเดียวเหรอวะ” ไอ้ดิวมันหันมาถามผมเพราะตอนนี้พวกหนุ่มๆ เหลือน้อยยืนข้างหน้าพวกผม ผมได้แต่มองไปรอบๆ ทุกห้องแถวยาว แต่ล่ะห้องก็น่าจะเกือบสามสิบคนต่อห้อง แต่ทำไมห้องที่ผมมาเข้าแถวมันมีคนเดียว...แปลกมากทั้งห้องมีไอ้แว่นนี่คนเดียวจริงๆ เหรอ

          “ห้ามคุยกันนะคะขณะเข้าแถวคะนักเรียน!” ครูที่ยืนคุมแถวเข้ามาบอกพวกผม ผมก็รีบหยุดสนทนาและทำกิจกรรมหน้าเสาธงเหมือนคนอื่นๆ เขาทำ พวกผมก็ไม่กล้าถามไอ้คนที่สวมแว่นยืนอยู่หัวแถว ดูมันตั้งใจทำพิธีหน้าเสาธง พวกผมเลยไม่กล้าขัด ตั้งใจว่จะรอให้เสร็จเรียบร้อยก่อน



TBC...

    ภารกิจนี้ที่ไม่หมูอย่างที่เขาคิดเอาไว้ เขาจะเจอะไรกันอีก ที่เรียกว่าบททดสอลที่ลุงหนึ่งมอบให้พวกเขา  

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
( รีไรท์)Mpreg รักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้อง)EP.14 เพื่อนใหม่เข้าแก้ง 1
EP.14 เพื่อนใหม่เข้าแก้ง 1

      Part's แจ็ค ผมยืนจนกระทั่งเสร็จพิธี ก็มีครูน่าจะครูใหญ่ของโรงเรียนนี้ขึ้นไปพูดบนเวลาที กล่าวว่าจะมีกิจกรรมนั้นนี้ แต่หาได้มีคนสนใจฟังไม่ ครูก็คุย นักเรียนก็คุยกัน แต่พอครูหันมาเห็นนักเรียนก็เอ็ดนักเรียน เออเอาเข้าไป นั้นคงเป็นเพราะผมไม่ได้เจอระบบแบบนี้มาก่อนมั้ง ผมเรียนค่อนข้างอิสระ พวกผมไอ้แต่มองจนครูใหญ่บอกให้พากันขึ้นห้องเรียนได้

       “ตุ๊ด!!” มีเสียงดังเล็ดลอดดังมาเป็นระยะๆ แต่พวกผมไม่รู้ที่มาที่ไป

       “พวกกูจะเป็นตุ๊ด เป็นเกย์ หรือเป็นอะไรก็ได้ที่พวกกูอยากจะเป็น เพราะว่านี้มันเรื่องของพวกกู ไม่ใช่เรื่องของพวกมึง"ติ๊กพูดขึ้นมาทันทีแม้จะไม่ลอย

       " ส่วนพวกมึงน่ะ ไปตั้งใจเรียนให้สมกับพ่อแม่ส่งพวกมึงมาแค่นั้น นั้นน่ะปัญหาพวกมึงไม่ใช่ปัญหาพวกกู แต่ถ้ายังปากดีกับพวกกูมากๆ คราวนี้โดนตีนพวกกูแน่ๆ และนี่แหละคือปัญหาที่พวกกูต้องแก้ไข โดยใช้ตีนกูนี่แก้ให้” ติ๊กตะโกนออกไป

       “อุ๊บ!!!” ไอ้ดิวรีบหันไปเอามือปิดปากมันแทบจะไม่ทัน

       “เรายังไม่รู้เลยว่าจะแก้ยังไงไอ้ติ๊ก!!” ไอ้ดิว ผมหันไปมองแอบส่ายหัวให้มันทันที

      “งานจะพังก็มันนี่แหละ” ผมพูดลอดไรฟันออกมา

       ผมนึกในใจนี่จะขึ้นห้องอยู่แล้วยังหาเรื่องอีกและครูก็บอกให้แต่ล่ะห้องเดินแถวขึ้นห้องเรียนตัวเอง

       "ไอ้ติ๊ก!!!"ผมเรียกติ๊กมันไว้ ผมว่ามันเดาได้ว่าจะโดนบ่น มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อีก

       "กูว่าภารกิจไม่ผ่านเพราะมันนี่แหละ เตรียมตัวตายตั้งแต่วันแรกเพราะปากมันมึงนี่แหละ" ผมพูดกระซิบกัน ก่อนจะหันไปเจอพวกที่เรียกพวกผมแบบนั้น มันพยักพเยิดใส่กัน ไม่รู้ว่าห้องไหน ผมไม่สน ผมเดาว่าพวกผมคุณวุฒิมากกว่าเพราะว่าพวกผมเรียกันเร็วแต่มาชะงักเพราะโดนทำโทษนี้แหละ

       “ติ๊ก ใจเย็นน่ะ” บอยพูดกับติ๊ก ติ๊กหันไปมองบอย

       “หัวร้อนน่ะมึงน่ะ ใจเย็นดิ เราพึ่งมาใหม่” แอ้อีกคน

       “จะพยายามน่ะ ถ้าทำได้” ติ๊กมันพูดไปพร้อมกับหยักไหล่ นั้นแปลว่าที่ผมพูดๆ กัน ไม่เข้าหูมันเลยมั้งน่ะ ไอ้คุณหนูติ๊กเอ๊ย!!

       “สวัสดี พวกนายเป็นนักเรียนใหม่กันเหรอ” ไอ้แว่นมันทักทายพวกผม

       “ใช่ว่ะ เออว่าแต่ห้องนี้มันห้องอะไรน่ะ” ไอ้ดิวถามไอ้แว่นเขาหันมายิ้มให้พวกผม

       “5/ 8” ไอ้แว่นหนาตอบพวกผม งั้นก็ถูกต้องแล้วแหละ

       “แล้วทำไม มีนายคนเดียวห้องนี้น่ะ “พายรีบถามไอ้แว่นหนาก่อนจะหันไปมองรอบๆ

       “มีอีกครับแต่พวกนั้นนะไม่เคยเข้าแถวหรอก” ไอ้แว่นหนาพูด พวกผมพยักหน้าก่อนจะหันมามองหน้ากันเอง

       “มีอย่างนี้ด้วยเหรอวะ แล้วเขาจะมีกฎไว้ทำไมว่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกกูไม่ต้องเข้าก็ได้มั้ง” ไอ้ติ๊กพูด ผมหันไปมองอีกแล้วเหรอ

        “มีอีกเยอะครับห้องนี้นะครับ พอพวกคุณขึ้นไปบนห้องก็จะเจอเองแหละครับ ห้องนี้มีเรื่องน่าตื่นเต้นเร้าใจเยอะครับ ทำใจกันมาหรือยังครับ” ไอ้แว่นพูดและหยักคิ้วให้พวกผมนี่มันบอกให้พวกผมทำใจมาก่อนเลยเหรอ แต่ว่าถึงช่วงที่พวกผมต้องเดินกันแล้ว

        “โทษนะ ห้องเรียนอยู่ไหนอ่ะ “ไอ้ดิวถามคนที่เดินนำหน้าพวกผม

        “เดินขึ้นไปที่ตึกหน้านี้เลยนะ และไปชั้นที่3 อยู่ห้อง 311 ถัดจากห้องที่ติดบันไดไปอ่ะ” ไอ้แว่นมันหันมาบอกก่อนจะหันหลังเดินไปอีกทาง เอามันบอกพวกผมไปทางโน้นแต่มันดันหันไปทางอื่น

         “เฮ้ย!! แล้วนั้นนายจะไปไหน” ผมหันไปถามเพราะเห็นว่ามันไม่ขึ้นห้องไปกับพวกผม ตกลงมันเรียนห้องเดียวกับพวกผมหรือเปล่า

          “เราจะไปเอาสมุดการบ้านก่อนนะ พวกนายขึ้นไปก่อนได้เลย เห็นว่าวันนี้ครูประจำชั้นขึ้นห้อง ไปนั่งรอก่อนเลยก็ได้ครับ แต่ผมว่าพวกเขาคงนั่งรอต้อนรับพวกคุณเรียบร้อยแล้วแหละ” ไอ้แว่นหนาหันมาบอกพวกผมและมันก็เดินไปทันที

          ไอ้แว่นมันเล่นพูดทิ้งท้ายไว้แบบนี้ผมควรจะก้าวเท้าขึ้นบันไดไปไหมไอ้แว่น ผมก็มองขั้นบันไดเอาว่ะ พวกผมหันมามองหน้ากันและพากันเดินขึ้นไปชั้นที่ไอ้แว่นหนาบอกพวกผม เดินไปและมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง เพราะสายตาแต่ล่ะคู่ที่มองพวกผมมันช่างดูเหมือนพวกผมนี้เป็นสิ่งแปลกปลอมของที่นี้มาก

         พวกผมยืนหันซ้ายแลขวาคือว่ามันก็จะงงหน่อยมาวันแรกไม่มีไกด์นำทางสักคน ไอ้จะให้พวกผมถามก็ไม่กล้าถามใครๆ เลยเพราะว่าไม่มีใครพอจะเป็นมิตรให้พวกผมเลยสักคน แถมไอ้แว่นยังบอกผมอีกว่าพวกที่ไม่ได้เข้าแถว เขารอพวกผมอยู่บนห้องแล้ว รอต้อนรับอยู่บนห้องเลยเหรอ หรือว่าจะมีเซอไพรส์ซะก็ไม่รู้แต่เอาว่ะ เพราะถึงยังไงพวกผมก็ถอยหลังกันไม่ได้แล้ว ต้องเดินหน้าอย่างเดียว พวกผมเดินขึ้นบันไดโดยไม่สนใจสายตาที่มองพวกผมแปลก ก้มหน้าก้มตาพากันเดินไปจนถึงชั้นสอง

        “ปวดฉี่วะ ขอเข้าห้องน้ำครูนี้แหละว่ะ” ไอ้ติ๊กพูดแสดงว่ามันไม่ได้ฉี่ตอนเข้าห้องน้ำก่อนเข้าแถว ติ๊กพูดและรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำครูทันที ผมหันไปเห็นแต่ละห้องชะเง้อมองพวกผมกัน

        “มันไม่ควรเข้าไปใช้น่ะนั้นห้องน้ำครู” ไอ้ดิวพูด ผมก็มองป้าย ห้องน้ำครู และหันมามองไอ้ดิว มันต่างกันตรงไหนวะ

         “เขาไม่ให้ใช้ปะปนกัน เขาแยกแยะไง” ไอ้ดิวพูด ผมพยักหน้าแต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

         “เราเดินขึ้นไปก่อนไหมวะ” ผมกระซิบถามไอ้ดิว

        “ไปก่อนก็ได้กูรอไอ้ติ๊กเอง” แอ้หันบอกผมกับดิว ผมหันไปทางบอยพยักหน้าว่าเดินไปดีกว่า ผมเป็นห่วงบอย ดิวมันก็พยักหน้ากับผมพร้อมกับเดินขึ้นไปพร้อมกัน พายก็เดินตามขึ้นไปเช่นกันแต่นางเอาแต่ถ่ายเซลฟี่

          “เฮ้ย! เจอแล้วห้อง311 “ไอ้ดิวพูดและชี้นิ้วขึ้นไปที่ป้ายระหว่างที่พวกผมยืนที่หน้าห้องก็มีนักเรียนห้องอื่นออกมายืนมองพวกผม เล่นเอาพวกผมออกอาการขนลุกขึ้นมาทันที จู่ ๆ พายก็หยิบมือถือขึ้นและ พายก็กดถ่ายเหมือนจะเป็นวิดิโอ

         “ไฮทุกคน!! ตอนนี้น้องพายกำลังอัดคลิปนี้ก็นี้จะ 9 โมงเช้าแล้วน่ะ ถ่ายหน้าห้องเรียนเลยเธอ!!.... เห็นเสาธงป่ะ!! “อีพายมันเล่นถ่ายคลิปไปลงtiktok แน่ๆ พวกผมมองบนกันทันทีเพราะว่าเวลานี่มันใช่เวลามาถ่ายคลิปไหม ผมยืนเกาหัวเลยแต่ถึงยังไงพวกผมก็ต้องรอไอ้ติ๊กและไอ้แอ้ และพวกผมสังเกตว่านักเรียนทุกห้องออกมายืนมองพวกผมกันใหญ่เลย ผมหันไปมองซ้ายและขวา ผมก็ยิ้มให้น่ะแต่ว่าไม่มีใครยิ้มกลับเลยสักคน ผมเลยต้องหุบยิ้มทันที วันแรกก็ได้มิตรไมตรีซะแล้ว

         “ไฮ ..ดู ยูวอนท์ ทู คัม ทู เอ็นจอย วิธh มายด์ วิดีโอ คลิป?” น้องพาย ยังมีหน้าหันไปถามพวกที่ออกมายืนมองอีกน่ะว่าจะเข้าร่วมถ่ายคลิปกับพายมันไหม ผมถึงกับเอาฝ่ามือแตะที่หน้าผาก จะไปเชิญเขาทำไม ดูหน้าเขาก่อนดีกว่าไหมพาย

        “เซย์ฮัลโหลเพื่อนข้างห้องน้องพายกันหน่อยนะคะ” มีหน้าหันกล่องไปให้แฟนคลับเซย์ฮัลโหลกับพวกนั้นอีก

        “ถามว่าไม่อายเหรอ ....หึ...ไม่อายหรอกค่ะ” พายพูด ใช่พายไม่แต่พวกผมน่ะอายมาก เขินมากด้วยที่โดนพวกนี้ยืนมองขนาดนี้

         “อีพาย มึงทำอะไรของมึงนะ คนยืนมองมึงกันหมดแล้ว อีบ้า!” ติ๊กเดินขึ้นถึงก็ถามพาย พายก็ลดมือถือลง

        “มองกันเยอะขนาดนี้เก็บค่าดูเลยดีไหม” พายพูดแต่ละคนก็ส่งนิ้วกลางมาให้ นั้นแปลว่าไม่ให้ครับพายครับ

        “ยูดอนไลฟ์มี ...หึ..ไอดอนทแคร์!!” พายหันไปพูด แต่ล่ะห้องเริ่มกอดอกมองมาทางพวกผมกันหมด

         “เฮ้ย!! พากันเข้าห้องเถอะว่ะ ยืนนานเดียวโดนตรีน น้องๆ พวกนี้จนได้ ไม่เจ็บเปล่าอายด้วย เข้าห้อง” ไอ้ดิวพูดบอกพวกผม ผมพยักหน้าและหันไปจับมือบอยไว้ก่อน

         “ไป อีพาย ยังหันไปปากดีกับเขาอีก เอาเข้าจริงๆ มึงก็หัวหด เหลือแต่พวกกูที่แก้งานที่มึงรับ ไปเข้าห้อง!” ติ๊กพูดและดันพายเข้าห้อง พวกต้องผมก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ตื่นเต้นมากที่จะเจอเพื่อนใหม่ บอยมองหน้าผม ผมก็ยิ้มให้บอยและก็เป็นผมที่เดินเข้าไปคนแรก ผมเห็นที่นั่งที่เว้นว่างเอาไว้ติดหน้าต่างด้วย ผมก็เดินตรงไปทันที

          “มีที่นั่งว่างตรงมุมนั้น ติดหน้าต่างเลย ดีน่ะบอยไปนั่งกัน” ผมหันไปบอกบอยและก้าวขาเดินตรงไปเลยแต่

          “ปึก” มีคนดึงเสื้อผมไว้ ผมก็ชะงักตามแรงดึง พอผมหันมามอง คนที่ดึงผมเอาไว้ก็คือไอ้ดิว

          “ดึงทำไม” ผมหันมาถาม ไอ้ดิวไม่พูดส่งซิกให้ผมหันไปมองด้านข้างแทน

          “อะไรวะ” ผมพูดและพอหันไป ก็ต้องสตั้นไปเลย คือมีคนนั่ง ไม่นั่งธรรมดา มันนั่งกระดิกเท้ากัน บ้างก็นั่งแบบยกเท้าขึ้นมาพาดที่โต๊ะด้วย หน้าตาแต่ละคนบอกได้ว่า ไม่ได้ยินดีกับการมาของพวกผมเลยสักนิด

          “ปึก! ปึก!ปึก!” เสียงมีคนเดินชนไอ้ดิวเป็นลำดับ

         “โอ๊ย!! จะหยุดทำไมละไม่เดินไปที่นั่งละ” ไอ้ติ๊กพูด ไอ้ดิวพยักหน้าให้ไอ้ติ๊กหันไปมองเหมือนผมและมันก็

         “อู้ยย ...มีคนอยู่เหรอวะ” ไอ้ติ๊กพูดเชิงถาม

         “ใช่...พวกกูนั่งอยู่และรอต้อนรับพวกมึงไง” หนึ่งในนั้นพูด นั้นก็แปลแล้วว่าไม่ยินดีชัดๆ

         “อู้ยย!!! เพื่อนใหม่!!” พายพูดและหันทำท่าจะทักทายแต่พวผมพากันยกมือห้ามว่าอย่าไปเล่นกับพวกมันพาย

         “ไฮ ทุกคน!!!” แต่ไม่ทันช้าไป พายยกมือทักทายแต่หาได้มีคนทักทายตอบไม่ พวกมันนั่งเก๊กหน้ากันมองหน้าพวกผมกันทุกคน

         “กูยังไม่อยากได้เพื่อนใหม่ว่ะ อยากมีแค่พวกกูที่เป็นเพื่อนเก่าเท่านั้น” คนที่นั่งด้านหลังมันพูดและทำหน้าตาไม่ต่างกับหมาบ้าที่รอขยับพวกผม

          “มันแปลว่าเขาไม่ต้อนรับเราใช่ไหมวะหรือกูคิดไปเองว่ะ” พายถอยหลังมากกระซิบกับพวกผม ผมหันมามองหน้า มึงไม่ได้คิดไปเองหรอกเพราะว่ามึงคิดถูกแล้วพาย เขาไม่ได้อยากมีพวกผมเป็นเพื่อน

          “แจ็ค...ผู้จัดการส่วนตัวกูน่ะ เคยบอกกูว่าเวลาไปพักโรงแรมตอนไปถ่ายหนังถ่ายละครต่างจังหวัด ถ้าเข้าไปห้องพักห้องไหนแล้วรู้สึกเย็นๆ อึดอัด ให้รีบออกว่ะ “ไอ้ติ๊กพูด พวกผมหันมามองหน้าไอ้ติ๊ก

         “แล้วมันเกี่ยวเชี้ยอะไรตอนนี้วะ ติ๊ก” ผมหันไปกระซิบถามติ๊ก

         “ก็ตอนนี้กูรู้สึกว่าห้องนี้ใช่ว่ะ พวกเราถอยออกไปเถอะว่ะ เจ้าที่แรง” ไอ้ติ๊กพูด ผมก็พยักหน้าว่าเห็นด้วยแล้วล่ะตอนนี้ ดูท่าทางเจ้าที่จะแรงจริงๆ ด้วย

         “ถอยเถอะวะ กูว่าผิดห้องวะ” ผมหันไปบอกพวกมันและพวกผมก็พากันออกมาที่หน้าห้องพร้อมได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาอย่างซะใจที่สุด

          “เปลี่ยนใจกลับบ้านเหรอ!!” พวกในห้องก็ถามปนหัวเราะเยาะพวกผมกันใหญ่เลย

          “หมายเลขห้องก็ถูกนะแจ็ค” บอยพูด ผมรู้ว่าห้องนะถูก 5/8 แต่ผมคิดว่าคุณครูคงลงชื่อพวกผมผิดห้อง”

          “ไปหาเจ้าหน้าที่ห้องธุรการก่อนเถอะ ให้เขาหาห้องเด็กเนิ้ดให้พวกเราดีกว่าว่ะ ทนเรียนกับเด็กเนิ้ดน่าจะดีกว่าทนเรียนกับพวกนี้ มันน่าจะข้ามคำว่าเด็กนักเรียนไปนานแล้ว จนกลายเป็นนักเลงมากกว่าว่ะ “ไอ้ติ๊กพูด พวกผมพากันเดินหันหลังจะออก

           “อ้าวอยู่นี้เอง จะไปไหนกัน” เสียงนี้พวกผมจำได้ดี ถึงจะไม่ได้ยินบ่อย ก็จำได้ดี พี่พัฒน์ ที่อยู่บ้านไอ้ติ๊ก พี่พัฒน์เป็นลูกบุญธรรมพ่อของติ๊กและผมคิดว่าน่าจะหวานใจพี่ตุ๊ด้วยแหละ

           “พี่พัฒน์ สวัสดีครับ” พวกผมทักทายพี่พัฒน์

           “ต้องเรียกครูพัฒน์ดิ” ไอ้ติ๊กพูด

           “พ่อกูสั่งเอาไว้” ติ๊กบอกพวกผม เออจริงด้วยพี่เขาเป็นครูพวกผมแล้ว

            “ครูพัฒน์ สวัสดีครับ” พวกผมเรียกพี่พัฒน์ใหม่อีกครั้งแต่มีคำว่าครู

            “จะไปไหนกัน ไม่เข้าห้องเรียนกันละ” ครูพัฒน์ถามพวกผม ผมหันมามองหน้ากัน

         “พวกผมจะลงไปหาเจ้าหน้าที่ที่ห้องธุรการนะครับ ผมคิดว่าเขาให้ผมเข้าผิดห้องครับ ครูพัฒน์” ผมหันไปบอกพี่พัฒน์ พี่พัฒน์ก็ทำหน้างง ยืนขมวดคิ้วมองพวกผม

         “ไม่ผิดหรอกถูกแล้วน่ะ นี้ดูรายชื่อพวกเราดูซิ ยินดีต้อนรับนักเรียนใหม่ “พี่พัฒน์พูดและโชว์กระดาษให้ผมดู มีรายชื่อพวกผมจริงๆ ด้วย หันมามองหน้ากัน

          “เข้าห้องเรียนกัน ..เร็ว” ครูพัฒน์พูดแต่พวกผมยังไม่อยากเข้าเลยเมื่อกี้ก็รู้สึกเสียวสันหลังยังไงก็ไม่รู้

           “อ้าว...ยืนกันทำไมล่ะ เข้าห้องซิครับ” ครูพัฒน์หันมาถามพวกผม ที่ยืนด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนใจที่จะกลับเข้าไป

            “พี่พัฒน์ พวกนั้นมันดูแล้วไม่เป็นมิตรเลยอ่ะ เปลี่ยนห้องได้ไหมอ่ะครูพัฒน์ “ไอ้ติ๊กพูดอ้อนพี่พัฒน์ทันที

            “เอาน่ะ รู้ไหมว่าทำไมถึงได้ต้องมาเรียนห้องนี้กัน” พี่พัฒน์ถามพวกผม แน่นอนพวกผมส่ายหน้ากันหมด

            “เพราะนี้แหละคือภารกิจแรกที่พวกเราต้องทำ “ครูพัฒน์พูดและมองหน้าพวกผม พวกผมถึงกับกลืนน้ำลายลงคอทันทีนี่มันภารกิจเสี่ยงตายชัดๆ

            “อะไรนะครับครูพัฒน์ ..ให้พวกผมไปทนเรียนกับ ...อันธพาลพวกนี้เหรอครับ พี่ เอ๊ย...ครูพัฒน์ แถมนี้ยังเป็นภารกิจของพวกผมเหรอครับ” ผมถามครูพัฒน์กลับ

             “ใช่...ภารกิจนี้คือ ทำยังไงให้พวกเขากลับมาตั้งใจเรียน “พี่พัฒน์บอกพวกผม ทำยังไงก็ได้ให้พวกอันตพาลในห้องตั้งใจเรียน

             “ผมว่าอิมพอสซิเบิ้ลแน่นอนครับ ดูหน้าแต่ล่ะคนซิครับ มาเรียนได้ก็บุญหนักหนาแล้วน่ะครับครูพัฒน์” น้องพายพูด

             “นั้นซิครับครูพัฒน์และผมว่างานนี้ควรเป็นผู้ปกครองพวกมันจะดีกว่าไหมครับ ที่จะเกลี้ยกล่อมไม่ใช่พวกผมนะครับ ผมไม่ได้ปกครองมันมาก่อน ไม่อาจจะทายใจมันได้หรอกมั้งครับ ว่ามันจะเอายังไง “ไอ้ดิวพูด ผมหันมาพยักหน้าเห็นด้วยว่าจริง

            “ลองมาหลายวิธีแล้วไม่สำเร็จและไม่รู้จะให้ไปเรียนที่ไหนก็ไม่รับ เอาน่ะ โรงเรียนนี้มีปัญหาเยอะแต่ถ้าแก้จากจุดนี้ทุกอย่างก็จะง่ายที่จะแก้จุดอื่นๆ ดังนั้นพากันกลับเข้าห้องเพราะว่านี้คือห้องเรียนของพวกเราและด้านในก็เพื่อนเรา” ครูพัฒน์พูดและชี้ไปในห้องนั้น พวกผมก็ต้องเหลือกตาขึ้นบน มันบอกไม่ต้องการเพื่อนใหม่

             “นี้พี่ก็เพิ่งจะมาเป็นครูที่ปรึกษาเหมือนกัน” ครูพัฒน์พูด

             “ยังไงอ่ะพี่พัฒน์” ติ๊กถามพี่พัฒน์กลับ

            “ก็คือมีครูที่ปรึกษาอยู่แล้วแต่ครูเขา...เออ...ซึมเซ้า เครียด เลยไม่สามารถจะมาสอนได้ และเป็นครูที่ปรึกษาคนที่ 50แล้วที่เราเปลี่ยนมา “ครูพัฒน์พูด

             “Holy shit!!!!! “ผมเผลอสบถมันออกมาทันที

             "พี่พัฒน์พูดเล่นใช่ไหมอ่ะ ครูเปลี่ยนมาเยอะขนาดนี้แต่พวกนี้มันยังไม่ดีขึ้น แล้วพวกผมละพี่ ส่งไปให้ไอ้พวกนี้เฉือดชัดๆ เลยนะพี่พัฒน์" พายพูด

             "ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกพาย"พี่พัฒน์พูด

            "บอกแล้วว่าลุงหนึ่งเขาไม่ให้พวกเรามาทำอะไรง่ายๆ หรอก " ไอ้ดิวพูด "ไม่ยากหรอก เชื่อพี่ ถ้าเราใช่ใจและใช่สติให้มากๆ โอเคน่ะ" พี่พัฒน์พูด

            “เอาน่ะไปเข้าห้องกัน บางทีวัยใกล้ๆ กันอาจจะคุยกันเข้าใจกว่าน่ะ” พี่พัฒน์พูด และพวกผมก็ต้องหันหลังกลับเข้าห้องไปอีกครั้ง

            “เดี๋ยวเข้าไปกันก่อนน่ะ พี่ขอคุยธุระแป๊บหนึ่ง” พี่พัฒน์บอกพวกผม พวกผมก็ต้องพากันหันหลังเดินกลับเข้าไปก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปคงต้องกลั้นใจไปด้วยและพอผมเดินเข้าไปด้านในกัน

            “อ้าวเฮ้ย! กลับมาทำไมอ่ะ” มีคนถามพวกผม

            “เขาไม่ให้ไป เขาให้กลับมามีปัญหาป่ะ “ไอ้ติ๊กพูด

            “ถ้ามีแล้วไง” มันยังถามกลับมาอีก

            “มีก็ไปถามกับพ่อแม่มึงโน้น! และกลับไปถามด้วยว่า ทุกวันนี้ขายนาส่งควายเรียนหรือเปล่า” ไอ้ติ๊กมันหันไปพูด พวกผมสะบัดหน้าไปมองติ๊กพร้อมกันหมด

            “เชี้ย!!” ไอ้ดิว

         “Dam it!!” ผมเอง

            “ไอ้ติ๊ก!!! พอเถอะ!” พวกผมเรียกชื่อมันออกมาพร้อมกันหมดเลย มันจะหาเรื่องทำไมของมันผมคิดในใจ

            “อย่ากูขอล่ะมึงครับ นี้ภารกิจของเรา มึงอย่าทำให้มันแย่ลง ขอร้องว่ะ” ดิวมันพูดกับติ๊ก

            “กวนตีนว่ะ “พวกมันพูดขึ้นมองหน้าพวกผมราวกับว่าไปเผาบ้านมันมา

            “พวกกูไม่รู้จักกวนตีน รู้จักแต่มะม่วงกวนว่ะ แต่เอ๊ะ กวนตีนนี้ของว่างพวกมึงเหรอ แทะกันเพลินเลยซิท่า กูเดาว่ารูปร่างเหมือนตีนแน่ๆที่มึงชอบกิน” ไอ้พายอีกคน ผมก็ต้องพากันเลือกตาขึ้นบน แถมน้องพายยังหันมาแตะมือแทกทีมกับติ๊กอีกคน ผมยกมือขึ้นลุงหนึ่งไม่ควรส่งสองคนนี้มาด้วย มันนี้แหละที่ทำให้ภารกิจล่ม!!

          “ปากน่าวางเท้าว่ะ “หนึ่งในนั้นพูดขึ้น

         “อ้าว!! แล้วรองเท้ามึงเบอร์อะไรล่ะ” พายหันไปถามมันกลับทันควัน

          “เบอร์อะไรก็ได้ที่ใหญ่คับปากมึงแน่ๆ “พวกมันสวนมาทันที

          “ของกูเบอร์เก้า” มีหนึ่งคนลุกขึ้นมาตอบ สงสัยไม่ได้นัดกันไอ้คนที่พูดก่อนมันสะบัดหน้าไปมอง ขยิบตาไอ้คนนั้นด้วย

           “เชี้ย!! นี่มันไอ้ตีนโตแล้วเนี๊ยะ!!” พายพูด

          “กูแค่เบอร์ห้าครึ่งเอง” พายพูดผมหันไปมองงั้นก็อย่าไปงัดกลับมันมึงเล็กกว่ามัน

           “เยี่ยม!” ไอ้ดิวพูด

          "ชมพายมันเหรอดิว"แอ้ถามดิว

         "ประชด!!" ไอ้ดิวหันไปตอบ

         “อยากลองนักใช่ไหม มันไม่หวานละมุนแบบตบจูบนะมึง ปากแดงไม่ต้องทาลิปเลย” มันยังไม่หยุดอีก ยังจะต่อีก

          “แล้วมึงคิดว่ากูจะยืนจูบเท้ามึงโดนไม่ถีบมึงกลับเหรอ กูไม่ใช่หุ่นไล่กา ที่คอยไล่อีกาไม่ให้เกาะหลังควายโว้ย!!!” ไอ้ติ๊กอีกคน ผมหันมามองเพื่ออะไร!!!

           “นั้นคือพวกมึง!!...” น้องพายพูดนั้นเอาเข้าไป

          "อีกาเหรอพวกกูน่ะ?"มันยังมีหน้ามาถามพายกลับอีกมันคิดว่าพายชมว่ามันคืออีกาเหรอ? ผมเดาว่าไม่ใช่

          "มึงคิดได้ยังไงว่าหน้าอย่างมึงคืออีกกา หน้าตาแบบนี้ ควายชัดๆ" น้องพาย บอยก็สะกิดผมว่าให้ทำอะไรสักอย่าง

          “อ้าวงั้นก็มาเลยดิ อย่าดีแต่ปาก ปากดีแบบนี้ มอบคาเท้าพี่มาเยอะแล้วน้อง มาเลย!!” นั้นไง ไม่จบแน่ๆ ผมหันไปหันมา

          “หยุด!!!!!” ผมพยายามห้ามให้หยุดกันได้แล้ว

          “มาดิ จะได้รู้ว่าปากใครกันแน่ที่น่าเอาเท้าไปวาง …และกูจะทูหน้าให้ด้วย สครับหน้าดูแล้วปัญหาสิวเรื้อรัง กูรักษาให้เลยด้วยเท้าพวกกูนี่ …บร้า….” ติ๊กและพายที่ร่วมด้วยช่วยกันให้มันอลังกาลมากไปกว่าเดิม ส่วนครูพัฒน์ก็คุยโทรศัพท์ ไม่มองเข้ามาในห้องเลย ผมสั่นหัวไปมาอย่าเหลืออดก่อนจะ ผมหันไปมองหน้าไอ้ดิว

          “กู.. ถอนตัวเลย!! “มันบอกผมว่า มัน ไม่ยุ่งแล้ว

         “กูก็ไม่เอาว่ะ!!! “ไอ้แอ้อีกคน มันก็ถอนตัว

         “บอยว่าแจ็คเถอะ” บอยบอกผมว่าต้องผมแล้ว ผมจึงต้องสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะ

          “Shut the f**k your mouth up please!!!” ผมตะวาดลั่นห้องเลยทีเดียว ทุกคนเงียบกริบทันที นี่แสดงว่ามันแปลที่ผมพูดออก รวมไปถึงติ๊กและพายมันเอามือปิดปากตัวเองทันทีและมองหน้าผม ของขึ้นครับ

              “??????” ทุกคนเงียบกันหมดตวาดังลั่นห้อง

            “มึงก็หยุด!!! พาย! ติ๊ก!” ผมหันมาบอกคนของตัวเองก่อน

           “มึงไม่เห็นเหรอว่าพวกมันเริ่มก่อน” ติ๊กพูด

           “แล้วมึงจะไปต่อล้อต่อเถียงกับพวกมันทำไม ดูดิ เผลอๆ รุ่นน้องพวกกูกับมึงซะอีกและมึงยิ่งเถียง มันก็ยิ่งแย่ ไม่ได้ดีขึ้น! “ผมพูดก่อนจะหันไปมองพวกที่นั่งอยู่

           “พวกมึงก็ด้วย หยุด!!!” ผมหันไปพูดกับพวกนั้น ไอ้ดิวมันมองหน้าผม มันเลิกคิ้วและอมยิ้มที่เห็นผมของขึ้นครับ

           “เอาอย่างนี้น่ะ!! พวกกูแค่เข้ามาเรียน โอเคนะ"ผมพูด

           "กูแค่เข้ามาเรียนแค่นั้น พวกมึงไม่ชอบหน้าพวกกู กูก็ไม่ขอให้พวกมึงเปลี่ยนมาชอบพวกกูหรอกเพราะพวกกูไม่รู้ว่าไปทำห่าอะไรให้ แค่นั่งเรียน ต่างคนต่างเรียน ได้เวลาเลิกเรียนก็บ้านใครบ้านมัน จบน่ะ!!” ผมพูด พวกมันมองหน้ากัน

           “และอีกอย่างพวกกูก็ไม่ได้อยากมา!!” ผมพูด

          “แต่พวกกูก็ต้องมา ดังนั้นมึงควรจะนั่งเรียนไป แต่ห้ามก่อความไม่สงบให้พวกกู ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง “พูดก่อนจะหันมามองติ๊กและพายที่ยืนทำปากขมุบขมิบ

        “ติ๊กพาย ไปหาที่นั่ง “ผมหันมาบอกไอ้ติ๊กและพายให้เดินนำไปก่อนเลย สะบัดก้นไปทันที

          “ครูอยู่หน้าห้อง หัดให้เกียรติคนอื่นหน่อยว่ะ สมกับค่าเล่าเรียนที่บ้านมึงจ่ายมา มึงเข้าใจป่ะ!” ผมพูดและพยักหน้าให้พากันเข้าห้อง ที่นั่งที่ได้จัดไว้คนละฝังกับพวกนั้น

        “สวัสดีครับนักเรียน” ครูพัฒน์เข้ามาก็ทักทายทุกคนแต่แปลกไม่มีเสียงทักทายกลับจากพวกนั้นเลย นี้เขาก็จัดโต๊ะไว้สองตัวติดกัน ให้นั่งสองคน ผมก็นั่งกับบอย ไอ้ดิวมันดันแอ้เข้าไปนั่งด้านในก่อนที่ไอ้ติ๊กและดิวมันก็นั่งด้านนอกกันเลยทันที นั้นแปลว่ามันมัดมือชกเรียบร้อยแล้วและพายก็ต้องนั่งกับติ๊กแต่ผมว่าไอ้ดิวกันพายมันเตี้ยมกันมาแล้ว

        “ห้องนี้มีหัวหน้ากันแล้วใช่ไหม ...นายภาคิน” ครูพัฒน์ถามคนที่นั่งอยู่โต๊ะติดประตู มันนั่งกับอีกคน ดูน่ารักหน้าหวานแต่ยังไงก็น้อยกว่าแฟนผม ไอ้นั่นมันพยักหน้าตอบพี่พัฒน์ จะว่าไปดูมันก็ไม่น่าเป็นพวกเกเรเหมือนพวกนั้นได้เลยและมันก็ดูดีที่สุด ดูมันให้เกียรติพี่พัฒน์มากกว่าคนอื่นๆ

          “ใครวะหัวหน้าห้อง “ไอ้ติ๊กมันกระซิบถาม

         “กูว่าไอ้ที่นั่งทำหน้าขรึมนะ ที่ครูพัฒน์เรียกว่าไอ้ภาคินว่ะ แววมันได้ว่ะ” ไอ้ดิวหันมากระซิบและชี้ไป ผมก็พยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้ดิวมัน รัศมีความเป็นผู้นำ

          “กูว่าไอ้ที่นั่งหลังไอ้ภาคินวะเพราะว่าดูท่าจะทนไม้ทนมือและทนตีนได้ดี"ติ๊กมันพูด ผมหันไปมองหน้ามัน ไอ้ที่ต่อปากต่อคำกับมันและพายนั้นน่ะเหรอและอีกคนก็กวนโอ้ยใช่เล่น ผมหันมาส่ายหัว ผมว่าไม่น่าจะใช่ น่าจะใช่ไอ้ภาคินน่ะเหมาะมากที่สุด

        "อ้าว!! พวกชอบยกพลไปรบกับคนอื่น มักจะเลือกคนประเภทนี้เป็นหัวหน้าแก้งเพื่อไว้รับหน้า กูว่ามันอาจจะควบสองตำแหน่งว่ะทั้งหัวหน้าห้องและหัวหน้าแก้งเพราะดูแล้ว ไอ้พวกหมาบ้าชัดๆ "ติ๊กพูด ไอ้ดิวกับแอ้มันพากันสั่นหัวให้ความคิดไอ้ติ๊ก ผมหันมามองบอย เขาแอบขำเบาๆ

          “เท่าที่ดูก็น่าจะมีแค่สองคนนี้ว่ะ คนอื่นก็ไม่น่าจะเป็นได้ “ไอ้แอ้พูดอีกคน ผมก็คิดว่าใช่น่ะ

          “ใจแอ้ ที่มีส่วนร่วมปกติมึงจะเงียบตลอด แสดงบ้างก็ดี” ผมหันไปพูด แอ้มันมองหน้าผมพร้อมกับนิ้วกลางให้ทันที

          "ให้รางวัลกูอีก กูอุตส่าห์ชม" ผมพูดและผมก็หันมามองบอยว่าไง บอยสั่นหัวไม่ขอออกความคิด พวกผมรอดูว่าใครคือหัวหน้าห้อง ระหว่างที่ครูพัฒน์กำลังหยิบเอกสารขึ้นมา

          “ขออนุญาตครับ” เสียงนี้พวกผมจำได้แว่นนั้นเอง

         “ส่วนไอ้แว่นนี้กูว่าเบ้ชัดๆ นี้พวกมันคงใช้ทำนั้นทำนี้หน้าดู ดูซิลงไปแบกหนังสือมาด้วย แบกแม่งอยู่คนเดียวเลย ขี้ข้าชัวๆ” ไอ้ติ๊กพูดและชี้ไปที่ไอ้แว่นหนา

         “มันน่าจะเป็นพวกไม่มีปากมีเสียงและต้องคอยนั่งเงียบตลอด ไม่กล้าฮือไม่กล้าอือ หน้าตาเด็กเนิร์ดขนาดนี้” พายพูดเสริมอีกคน

         “เข้ามาได้แล้วอนุพงษ์” ครูพัฒน์อนุญาต ไอ้แว่นมันเอาสมุดการบ้านที่มันบอก ไปวางไว้บนโต๊ะ และเดินมานั่งแถวกลาง แถวหน้าสุดด้วยอย่างไม่เกรงใจไอ้ที่นั่งหน้าเข้ม กลุ่มนั้นเลยสักนิด ไอ้แว่นหันมามองหน้าผม ฉีกยิ้มให้พวกผมทันที
     
         TBC...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-01-2024 23:29:37 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
     
EP.14.1 เพื่อนใหม่เข้าแก้ง 2

         Part's แจ็ค ครูพัฒน์อนุญาต ให้ไอ้แว่นมันเอาสมุดการบ้านที่มันบอกลงไปแบกมาเอามาวางไว้บนโต๊ะและเดินมานั่งแถวกลาง แถมไอ้แว่นมันนั่งสุดด้วยอย่างไม่เกรงใจไอ้ที่นั่งหน้าเข้มด้านข้างสักนิดแต่อย่างว่าแหละ ไอ้นี่มันเด็กเนิร์ดนิ มันก็ต้องนั่งหน้าสุดอยู่แล้ว ไอ้แว่นหันมามองหน้าผมพร้อมกับฉีกยิ้มให้พวกผมทันที ผมน่ะทำนิ้วเชือดคอให้มันดู มันดันบอกพวกผมไม่หมดที่รออยู่น่ะ รอต้อนรับหรือว่ารอขับไล่พวกผมกันแน่ ไอ้แว่นสะดุ้งก่อนจะหันไปรอฟังครูพัฒน์

          “หัวหน้าห้องเชิญครับ” พี่พัฒน์พูด พวกผมก็ลุ้นกันว่าใครจะได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี่!!! ผมหันไปมองทางแก้งพวกภาคินกันหมด

           “นักเรียนทำความเคารพ” ไอ้แว่นครับมันคือผู้ที่ได้สิทธิ์นั้นไปครอง

           “พรี้ด!!!” แขนที่ผมใช้เท้าไถลไปทันทีกับพื้นโต๊ะนักเรียน ไอ้แว่นนี้นะเหรอหัวหน้าห้อง

          “Oh, my goodness! ไอ้แว่นเป็นหัวหน้าห้อง” ผมพูดความตกใจ แต่ดังไปหน่อยจนครูพัฒน์หันมามองพวกผม

           "เชี้ย!! มันทำได้ไงวะ "ไอ้ติ๊กพูด พวกผมมองไอ้แว่นและหันไปมองไอ้พวกหน้าโหดพวกนั้น มันเลือกไอ้แว่นเป็นหัวหน้าห้องพวกมัน

           " มันอาจจะเป็นหัวหน้าแกงพวกนี้ด้วยก็ได้น่ะ กูเดาว่ะ" ไอ้ดิวพูด ถ้าไอ้แว่นนี้ใช่พวกผมคิดหนักมาก มันอาจจะเฉือดพวกผมได้แบบนิ่มๆ ไอ้แว่นหันมายิ้มให้พวกผมพร้อมกับขยิบตาให้พวกผมด้วย

           “ไอ้แว่นมันขยิบตาทำไมอ่ะ” พายถาม

          “อ้าว! หัวหน้าห้องสั่งแล้วทำไมไม่ทำตามกันละครับ ลุกขึ้นทำความเคารพครูซิครับ! นั่งกันอยู่ทำไมครับ มารยาทครับ” ไอ้แว่นหันมาบอกพวกผม

         “เออว่ะ แล้วนั่งทำไมวะ ลุกดิ” ไอ้ดิวพูด

         "พรื้ด!!!"พวกผมก็ต้องรีบลุกขึ้นยืนทันที ผมยืนด้วยอาการงงๆ ครับ คืองงกันตั้งแต่ที่ไอ้แว่นคือหัวหน้าห้องแล้วและพวกที่โหดๆ พวกนั้นล่ะ มันเลือกไอ้นี่เพราะมันโหดที่สุดหรือว่าไง ไอ้แว่นยังหันมาฉีกยิ้มให้พวกผมอีก พร้อมกับยกนิ้วโป้งให้ผมด้วย

         “สวัสดีครับคุณครู “มีแต่เสียงไอ้แว่นคนเดียวพูดก่อนจะหันมาพยักหน้ากับพวกผมอีก อ้อมันให้พวกผมพูดตามมันเหมือนกัน ต้องเรียกไอ้พี่แว่นแล้วเนี๊ยะ!

         "สวัสดีครับคุณครู!!! " พวกผมพูดและหันไปยิ้มให้ไอ้แว่น มันก็ยกนิ้วโป้งชมพวกผมอีกที

         “กูว่าพวกเราต้องเรียกพี่แว่นแล้วแหละครับ พี่แว่นหนาด้วย มันน่ากลัวไอ้พวกหน้าโหดนั้นอีก” ไอ้ติ๊กพูดกระซิบ ผมหันมามองไอ้ดิวว่าไง

         "ก่อนอื่นควรจะพาไอ้พี่แว่นไปออกแบบแว่นตาใหม่ก่อนดีกว่าไหม แว่นตามันหนาเกิ้น” พายพูด

         “เออว่ะ! ทุกอย่างดีหมดยกเว้นแว่นตามัน!"ไอ้ดิวพูด

         “สวัสดีครับทุกคน” ครูพัฒน์ทักทายทุกคน พร้อมกลับมายืนที่ตรงกลางห้อง เอามือไขว้หลังเอาไว้มองทุกคนในห้องไปรอบๆ แต่พวกนั้นกลับนั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้



           “คุณครูตุ๊ด” มีคนตะโกนมาจากพวกของไอ้หน้าโหดทั้งหลายแต่ไม่รู้ว่าใคร ดิวทำท่าจะลุกขึ้นแต่ครูพัฒน์หันมาทำนิ้วจุปากว่าอย่า ผมละเชื่อเลยว่าทำไมพี่พัฒน์ทนได้น่ะ ทำไมพี่พัฒน์ใจเย็นได้ขนาดนี้กับพวกนี้ พวกผมไม่ได้กลัวแต่ว่าพวกผมไม่อยากให้มีเรื่องเดือดร้อนไปถึงลุงภาคย์ ที่เป็นเจ้าของโรงเรียน

          “ตื้ดๆ” เสียงมือถือครูพัฒน์ดังขึ้น ครูพัฒน์ยกมือก่อนจะเดินออกไปรับสายโทรศัพท์

           “เมื่อกี้ใครวะ ปากดีว่ะ ถ้ามึงไม่อยากเรียนก็ลากออกไปดิ แค่นั้นเอง “ไอ้ดิวมันพูด ผมหันมาพยักหน้าเห็นด้วยว่ะ แต่พวกผมก็ต้องหยุดทันทีที่ครูพัฒน์กลับเข้ามาในห้องเรียน

         “แป๊บหนึ่งนะครับพอดีครูจะลงไปห้องธุรการด้านล่าง ไปรับเพื่อนใหม่อีกสองคน ที่พึ่งขอย้ายมาเรียนห้องนี้และเขาระบุขอเรียนห้องนี้ อาจจะเป็นเพื่อนเก่าพวกเราก็ได้น่ะ” ครูพัฒน์พูด พวกผมพยักหน้า ไอ้พวกนั้นมันก็นั่งลงเหมือนไม่สนใจโลก

         “ไอ้แว่นครับ” ผมเรียกไอ้แว่น ผมว่ามันเจ๋งอ่ะที่เป็นหัวหน้าห้องได้ ผมคิดว่าจะซื้อตัวไอ้แว่นเข้าแก้งผมดีกว่า

        “นายรู้จักชื่อเล่นเราได้ไงอ่ะ” ไอ้แว่นหนาหันมายิ้มแฉ่งดีใจ แต่พวกผมตกใจ มันชื่อไอ้แว่นจริงเหรอแต่ที่ผมเรียกเพราะว่ามันใส่แว่นครับ

        “พวกกูน่ะไม่รู้หรอกครับมึงครับ แต่ที่เรียกเพราะว่าคุณมึงใส่แว่นครับ “ไอ้ดิวพูดพร้อมกับกลั้นหัวเราะไปด้วย

      “แฮๆ” มันหัวเราะและเกาหัวตัวเอง ผมก็ค่อยๆ ขยับเก้าอี้ไปใกล้ๆ มัน พวกด้านหลังผมก็ขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้ๆ เพื่อจะฟังการสนทนา

      “มึงเจ๋งว่ะ พวกมันเลือกมึงเป็นหัวหน้าห้องเลยเหรอวะ” ผมถามไอ้แว่น มันก็หันมามองหน้าผม และมองไปทางพวกนั้น

        “อย่ามองมันดิว่ะ เดี๋ยวมันรู้พวกกูกำลังเอ่ยถึงพวกมันไอ้แว่น” ผมเอื้อมมือไปจับหัวไอ้หัวหน้าหันกลับมาหาพวกผม

         “เอาจริงๆ นะครับ “ไอ้แว่นหันมาพูดกับผมเชิงกระซิบ ผมคิดในใจเป็นถึงหัวหน้าจะไปกลัวพวกมันทำไม

         “พวกเขาไม่ได้เลือกผมหรอกครับ” ไอ้แว่นพูด พวกผมก็ทำหน้างงกันใหญ่เลย

        “อ้าว!! แล้วมึงเป็นได้ไงมีของดี” ไอ้ติ๊กถาม

        “คือ…วันที่เปิดเรียนวันแรกนะครับ ไม่มีใครมามีแค่ผมคนเดียว" ไอ้แว่นมันพูด

         "อาจารย์บอกว่าต้องมีหัวหน้าห้องเพราะอาจารย์จะให้ติดต่อเรื่องงานอะไรพวกนี้นะครับ และผมก็รอแล้วก็ยังไม่มีใครมา ผมเลยบอกขอเป็นเองครับ” ผมได้ฟังก็ถึงบ้างอ้อทันที มันยังยิ้มเท่ๆ ให้พวกผมอีกนะ ทุกคนรวมทั้งผมด้วย ขยับเก้าอี้กลับไปนั่งที่เดิมทันที

        “อ้าว!! “ไอ้แว่นหันมามองพวกผม

        “ไม่อยากรู้เกี่ยวกับตัวผมกันแล้วเหรอครับ” ไอ้แว่นถาม ผมสั่นหัวตอบทันที หมดอารมณ์อยากรู้ขึ้นมาทันที

        “ไม่ล่ะ” ผมพูดก่อนจะหันมามองบอย ที่ทำท่าจะขำผมด้วยน่ะ

         “มึงแต่งตั้งตัวเอง ถุ้ย! กูนึกว่ามึงแน่ ไว้แว่น ไอ้เนิ้ดเอ๊ย!” ไอ้ติ๊กพูด

         “เฮ้ย...ไอ้ต้นข้าวมาว่ะ มันมาเรียนที่นี้จริงๆ ด้วยว่ะ มันมาทำไมวะ มันหาเรื่องแท้ๆ แถมยังมาเรียนห้องนี้อีก เชี่ยเอ๊ย!!” หนึ่งในนั้นชะโงกหน้าออกไปนอกห้องก่อนจะหันมาคุยเสียงดัง ถึงแม้จะไม่ดังมากแต่ก็ทำให้พวกผมหูผึ่งขึ้นมาทันทีและมันก็ทำให้พวกผมสนใจอย่างมาก

       ว่าไอ้คนที่ครูบอกจะมาเรียนเพิ่มนั้นคือใครกันและมันมีอิทธิพลอะไรกับพวกนี้หรือเปล่า ดูจากสีหน้าพวกมันดูตกใจมากกันมาก จนกระทั่งครูพัฒน์มาถึงและเข้ามายืนที่หน้าห้องอีกครั้ง

        “ครูมีเพื่อนมาใหม่อีกสองคนนะ ชื่อนายวัลลพ และนายปกรณ์” ครูพัฒน์พูดพร้อมกับควักมือเรียกให้เข้ามาในห้อง พวกผมก็จ้องมองว่ามันคือใครหน้ามันคงต้องโหดมากแค่ไอ้พวกนั้นก็โหดแล้วน่ะแต่มีมาอีก ผมคิดว่าพวกผมควรจะขอลากออกจากองค์กรถาวร ผมชะเง้อมองตามเช่นกันจนกระทั่ง นักเรียนใหม่สองคนก้าวเท้าเข้ามาในห้อง หุ่นมันบอบบางร่างน้อย ดูธรรมดาไม่ได้โหดอะไรเลย ไม่มีเลยสักนิดแถมยังคิกขุอาโนเนะอีกต่างหาก มีหนึ่งคนโบกมือทักทายแต่อีกคนนิ่งเงียบ เออ ไอ้นี่ดูน่าสนใจดีอยู่น่ะ

       “มันเหมือนนักเรียนในการ์ตูนญี่ปุ่นอ่ะ เงียบและโหดอ่ะ” แอ้พูด ผมหันไปมองหน้าแอ้ พวกผมถึงกลับพยักหน้าพร้อมกัน ไอ้แอ้มันเซียนการ์ตูนญี่ปุ่น

        “แน่ใจน่ะว่ามันทำหน้าตกใจเพราะไอ้สองคนนี้กันอ่ะ “ไอ้ติ๊กถามพวกผม

      “เออ...ว่ะ กูว่าไม่เห็นมีสวนไหนที่แสดงให้เห็นว่ามันน่ากลัวเลยว่ะ แต่พวกมันก็พากันตกใจจนหน้าซีดอยู่น่ะ หรือว่าเป็นพวกแอบ แอบซ่อนความร้ายกาจอยู่ภายใน อย่างที่แอ้พูดอ่ะ” ไอ้ดิวพูด ผมหันมามองไอ้ดิว จริงเหรอ มันใช่เหรอ ไอ้ดิวพยักหน้า ผมมองบนก่อนจะหันไปมองไอ้สองคนนั้น

       "มันซ่อนลึกไปไหม กูมองไม่เห็นความร้ายกาจอะไรในตัวมันเลยนะโว้ย!!” ติ๊กพูด ผมเองก็กำลังลังเล เอาไงดี ผมหันมามองบอยว่าไง บอยแค่หยักไหล่

      “มีแต่ความติ๋งต๋อง"ไอ้ติ๊กพูดอีกก พวกผมหันไปมองมันพร้อมกัน

       "เออๆ กูชอบมองคนแต่ภายนอกและมึงดูภายนอกไอ้สองคนนี่มันดิ มันชัดมากขนาดนี้ ไม่ต้องถามหาภายในมันหรอก จริงนะโว้ย!"ไอ้ติ๊ก ยังอีกไอ้นี่

       "ติ๊ก มึงก็พูดเว้อเกินไป"ไอ้แอ้มันรีบดักไว้ก่อน

       “เอาละครูขอฝากเพื่อนใหม่เพิ่มอีกสองคนด้วยน่ะ เราสองคนไปหาที่นั่งเลย” ครูพัฒน์พูดและหันไปบอกสองคนนั้น

       “เอานะ เอาไว้ก่อนเพื่อมันมีดีแอบไว้ อย่างที่ไอ้พวกนั้นมันกลัวกัน” ผมพูดและรีบยกมือขึ้น ครูพัฒน์ก็พยักหน้าให้ผมลุกขึ้นพูด

         “ขอให้เพื่อนใหม่นั่งใกล้ๆ พวกผมนะครับ “ผมรีบพูด ผมรีบคว้าตัวเพื่อนใหม่เข้าแก้งผมทันที พวกภาคินมันสะบัดมามองหน้าผมทันที น่าจะเป็นเพราะว่าผมปาดหน้ามันได้ ผมหันไปยักคิ้วกับให้พวกนั้น ผมนึกในใจ อึ้งละซิที่ผมใจกล้าคว้าตัวเต็งที่พวกมันเล็งเอาไว้มาเข้าแก้งผมได้ทัน ครูพัฒน์มองผมและเพื่อนใหม่หันมามองหน้ากันและมันก็ทำหน้างงๆ ใส่กันอีกด้วย "ฝั่งโน้นคนเยอะแล้วครับ ถ้าไปอีกสองห้องจะเอียงครับ" ผมพูด พวกไอ้ภาคินมันหันมองรอบๆกันใหญ่เลย  "มันเล่นมุกไหนของมันว่ะ" หนึ่งในนั้นถามขึ้น

      “เออ..งั้นก็ได้น่ะ เธอสองคนไปนั่งแถวข้างที่นายแจ็คบอกแล้วกันและทำความรู้จักกันไว้น่ะ ทุกคนเลย  “ครูพัฒน์พูด ไอ้สองคนนั้นก็เดินมาแบบยังงงๆ จนมาถึงแถวที่ไอ้แว่นนั่ง

      “นั่งด้านหลังไอ้แว่นเลยนาย ยังไงก็โซนเดียวกัน “ผมบอกสองคนนั้นก่อนจะหันมามองไอ้แว่นแต่ยังไม่ยอมนั่ง หรือว่าเก้าอี้ไม่สะอาดพอ

      “ไอ้แว่นมีผ้าเช็ดหน้าไหม” ผมถามไอ้แว่นทันที

      “เอาไปทำไมอ่ะครับ” ไอ้แว่นมันหันมาถามผม

      “เช็ดโต๊ะ..เอามา” ผมพูดและไอ้แว่นมันทำหน้างง แต่มันก็หยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดโต๊ะให้สองคนนี้นั่ง ก่อนจะกลับไปนั่งอย่างงงๆ มองไปรอบๆ ตัว พวกผมยิ้มอย่างมิตรไมตรี

       “ขอบใจมากแว่น” ผมหันมาขอบใจด้วย ไอ้แว่นเองมันก็ยังงงอยู่เลย ผมนึกในใจมันจะงงอะไรหนักหนา

       “นั่งเลยนาย” ไอ้ติ๊กพูด พวกผมก็หันไปยิ้มให้อย่างไมตรี ไอ้คนที่มาด้วย ยิ้มตาหยีกลับมาทันทีแต่อีกคนซิ กลับมองพวกผมเหมือนไม่น่าไว้ใจยังไงก็ไม่รู้ ทำเอาพวกผมก็มองและยิ้มเจื่อนๆ ให้พร้อมกับหันมามองหน้ากันอีกที

        “แจ็ค...มึงแน่ใจแล้วเหรอวะ ว่าไอ้สองคนนี้ถูกแล้วที่เราจะเอามาเป็นกำลังเสริม หรือมาเป็นภาระเราว่ะ” ไอ้ติ๊กพูด

        “สวัสดี” ผมทักทายคนแรกเลย ไอ้คนที่ทำหน้านิ่งมากหันมามองพวกผม

         “พวกนายเป็นใครอะ เรียกกูสองคนมานั่งนี้ทำไมวะ” คำถามที่ทำเอาพวกผมทำตาปริบๆ ทันที

         “อ้าว! ไม่รู้จักกันมาก่อนเหรอครับ “ไอ้แว่นหันมาถามพวกผมและไอ้เพื่อนใหม่สองคนนั้น

         “ไม่อ่ะ ไม่รู้จัก กูมาวันแรกจะรู้จักใครได้ไงนอกจากไอ้นี่ที่มากับกู” ไอ้คนที่นิ่งๆ บอกไอ้แว่น

         “และมาวันแรกต้องไม่รู้จักใครอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะเรียกมาวันแรกเหรอวะ” ไอ้คนที่ตอบแบบขวานผ่าซาก ทำเอาพวกผมยิ้มหน้าเจื่อนกันเป็นผมแถว

          “อู้ยยย!!!” ไอ้ดิวมันร้อง

         "และกูนี่เด็กใหม่ไม่ใช่เด็กเก่า ดูหน้าดิ ใหม่ไหม???"ไอ้หน้าหวานๆ หน่อยมันถามไอ้แว่น ไอ้แว่นหนามันยังยิ้มแหยๆ เลยไม่กล้าถามต่อและรีบหันกลับไปทันที (เป็นไงล่ะโดนไปแล้วหนึ่งดอก)

         "ไอ้แจ็ค ที่มีอยู่สองคนนี้ มึงไม่พอใช่ไหม เอาคู่นี่เข้ามาอีก ปากแบบเดียวกันเป๊ะ รับงานชัดๆ" ไอ้ดิวมันกระซิบกับผม ผมเอามือแตะหน้าผากตัวเอง

          "แม่งไม่ตรงปกว่ะ" ผมหันไปพูดกับไอ้ดิวเบาๆ ไม่กล้าพูดดัง ผมเองก็กลัวปากมันเหมือนกัน

          “ต้นข้าวอ่ะ เขาอุตส่าห์เฟรนด์ลี่ด้วย เราควรจะเฟรนด์ลี่กลับซิ ไม่น่ารักเลยน่ะ” อีกคนพูด ผมยกมือให้ไอ้คนนั้นพูดถูก ควรจะเฟรนด์ลี่ซิวะเพื่อน

           “แม้ไอ้บลู มึงนี้นะ จะมาอยู่ห้องนี่ ห้องโหดสาด” อีกคนก็ชื่อไอ้บลูซิท่า ผมพยักหน้าให้มันสองคนหันไปมองครูพัฒน์กำลังจะกล่าวอยู่ แหมไอ้โหดสาด ครูพัฒน์ที่ยืนมองอยู่ว่าจะหยุดพูดกันได้หรือยัง ไอ้สองคนนี้รีบยกมือไหว้ขอโทษครูพัฒน์ทันที พอทุกคนหยุดครูพัฒน์ก็พยักหน้าให้กับพวกผมว่าขอบใจ

            “เอาละ ครูจะมาเป็นที่ปรึกษาพวกเธอ จนกว่า ที่ปรึกษาตัวจริงจะมาน่ะ” ครูพัฒน์ประกาศ

          “แล้วครูหนุ่ยไปไหน” มีคนถามครูพัฒน์แต่มันหาได้ถามอย่างสุภาพไม่

           “ที่บ้านไม่มีใครสอนเหรอว่าให้มีสัมมาคารวะ ผู้หลักผู้ใหญ่ ครูบาอาจารย์ หรือไงวะ หางเสียงน่ะ มีไหม จบประถมมายังไงวะ” ไอ้ดิวมันถามขึ้นลอยๆ

            “อะไรวะ ทำไมครูตุ๊ดนี้มาเป็นที่ปรึกษาเราวะ เดี๋ยวจับทำเมียเลย” ผมได้ยินก็อันนี้ขึ้นครับ แต่ไม่ทันเพราะดิวมันก็ไวกว่า มันตรงไปหาไอ้คนพูดทันที มันไวขนาดที่ไปถึงตัวโดยที่ไอ้คนที่พูดไม่ทันได้ลุกหนีมันและดิวมันก็กระชากคอเสื้อไอ้คนนั้นเอาไว้และทำท่าจะตะบันหน้ามันแต่หมัดมันดันค้างเอาไว้กลางอากาศ ผมรู้ว่าไอ้ดิวมันกำลังคิดหนัก ถ้าต่อยไปนี้มันซวยแน่ๆ เพราะว่ามันต่อยต่อหน้าพี่พัฒน์ที่เป็นครูและหมัดมันก็หนักเอาเรื่องต่อยคนสลบมาหลายคนแล้วด้วย ส่วนพวกผมหันไปมองลุ้นว่า ต่อยสักทีเถอะ

          “หยุดนะดิว! อย่านะปล่อยเพื่อนเดี๋ยวนี้!! พี่สั่งให้ปล่อยคอเสื้อเพื่อนเดี๋ยวนี้ดิว!! “พี่พัฒน์ขึ้นเสียงห้าม ไอ้ที่จะโดนต่อยมันหาได้กลัวไม่ มันก็หรี่ตามองและยิ้มที่มุมปากแค่นั้น

          “มึงถอนคำพูดเดียวนี้!!” ไอ้ดิวตะคอกเสียงดังใส่ไอ้นั่นมันก็ยังยิ้มค้างไม่คิดจะถอนคำพูดหรือพูดขอโทษที่มันปากดี

          “ดิว ...หยุด กลับไปนั่งที่ซะ!! “ครูพัฒน์บอกไอ้ดิว

           “ดิว พี่บอกให้หยุด!!!” พี่พัฒน์พูดอีกครั้ง คราวนี้ไอ้ดิวมันลดหมัดมันลงและก็จำใจต้องปล่อยคอเสื้อไอ้คนนั้น พวกผมนี่แสนเสียดาย นึกว่าจะได้เชือดไก่ให้ลิงดูซะแล้ว

           “เสียดายวะ” ผมพูดเบาๆ

           “แจ็ค..ไม่ดีเลยน่ะ ถ้าดิวต่อยเขาขึ้นมา ดิวจะโดนและพวกเราด้วย เผลอๆ ครูพัฒน์ด้วยน่ะ เพราะว่าครูอยู่ในห้อง” บอยพูดกับผม ผมก็ลืมคิดข้อนี้ไป

           “และนายโซ่ นั่งลงเดี๋ยวนี้และถ้านายยังลามปามครู ครูคงต้องเรียกผู้ปกครองเธอน่ะ เธอคงลืมไปนะว่า เธอทำผิดได้อีกแค่ครั้งเดียว เธอจะถูกพักการเรียนและอาจจะโดนไล่ออก หรือเธออยากให้เป็นแบบนั้น ทำอะไรคิดถึงพ่อแม่เธอหน่อยน่ะ คนที่มาขอร้องให้ครูฝ่ายปกครองช่วยให้เธอได้เรียนให้จบน่ะ” ครูพัฒน์พูด ไอ้คนที่ดิวจะไปต่อยมันชื่อไอ้โซ่ครับ มันจำใจนั่งลงทันทีแต่ก็หันมามองหน้าไอ้ดิว มันยังแค้นอยู่ (ไอ้นี่มันเอาเรื่องเหมือนกันน่ะ ผมคิดในใจ)

          “ผมขอโทษครับครูพัฒน์ ผมแค่ไม่อยากให้มันปากเปราะกับคนที่มาทำหน้าที่ครูให้พวกมัน” ดิวลุกขึ้นพูดกับพี่พัฒน์

          “ช่างเถอะดิว นั่งลงซะ” ครูพัฒน์หันมาบอกดิว

          “ครูหนุ่ย เขาขอพักการสอน ครูหนุ่ยมีปัญหาสุขภาพน่ะแต่จริงๆ เราจะมีครูคนใหม่มาเป็นที่ปรึกษาเฉพาะสำหรับห้องนี้แค่ตอนนี้ ครูที่ปรึกษาตัวจริงเขายังไม่สะดวกมา ดังนั้นครูจึงทำหน้าที่แทนไปก่อนเข้าใจน่ะ” ครูพัฒน์พูดพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง

           “เอาละ ครูพยายามเข้ามาพบทุกเช้านะและครูขอความร่วมมือ เข้าแถวหน้าเสาธงหน่อยเพราะว่าผู้ใหญ่เขาติงมา ห้องนี้ไม่เคยเข้าแถวเลย ครูขอนะ หัวหน้าห้องเชิญครับ” ครูพัฒน์พูดและหันมายิ้มให้พวกผม เหมือนบอกเป็นนัยๆ ว่าจะคุยกับพวกผมทีหลัง

           “นักเรียนทำความเคารพ”

          “สวัสดีครับคุณครู” แค่พวกผมและไอ้เด็กใหม่สองคนแค่นั้นที่พูด ทันทีที่ครูพัฒน์เดินออกไป

          “ครื้ดดด” เสียงเก้าอี้และมีคนกำลังจะพุ้งตรงเพื่อมาหาไอ้ดิว ไอ้คนเดิมที่ไอ้ดิวมันด่าไปครับ ไอ้ดิวก็ไม่ได้กลัวเลยมันยืนรออยู่เลยว่าให้เข้ามาแต่ว่าเพื่อนมันคว้าคอเสื้อไอคนนั้นเอาไว้ได้ทัน ส่วนพวกผมนี่นั่งรอชมเลยครับ ไอ้ดิวน่ะมันนักมวยเลยแหละและมันก็ล้มมาหนักต่อหนักแล้ว

          “ติดโซ่เหรอเลยมาไม่ถึง” ไอ้ติ๊กมันถาม ผมหันไปมองไอ้ติ๊ก

         “ปล่อยกูไอ้มาร์ค!! กูบอกให้ปล่อยกู!!” ไอ้คนนั้นบอกเพื่อนมันที่ล๊อกคอมันเอาไว้ ไอ้นี่หมาบ้าของแท้เลยผมว่าน่ะ พว ผมก็แค่นั่งมอง รอให้มันหลุดมาแล้วมันจะได้เจอของจริง!!

       “ไอ้โซ่!! กูบอกให้หยุด!!! “ไอ้คนที่ภาคินมันขึ้นเสียงตะคอกห้ามเพื่อนมัน ไอ้ดิวน่ะมันยืนเอากำปั้นมันกระทบกับฝ่ามือรอแล้วกะว่ามาถึงซัดเลย ผมหันมามองไอ้เด็กใหม่สองคนมันหันมากอดกันกลมตกใจ ผมควรจะกุมขมับตัวเองดีไหม

          “ฝากไว้ก่อนนะมึง ดีนะ ตอนนี้พวกกูรีบ ถ้าพรุ่งนี้พวกมึงยังมาเจอกูแน่” นั้นไงมุกเดิมๆ และพวกมันก็พากันออกไป ไปไหน ไม่มีใครทราบได้ แต่พวกผมมองไอ้สองคนที่กอดกันตั้งแต่ไอ้ดิวลุกไปต่อยไอ้คนที่ชื่อโซ่แล้ว

         “กูว่ามึงชวนคนเข้าแก้งผิดแล้วไอ้แจ็ค ดูไม่น่าจะมีอะไรเลยอ่ะไอ้สองคนนี้” ไอ้ติ๊กพูด ผมพยักหน้าว่าเอาน่ะ เอาปริมาณก่อนแล้วกันตอนนี้

         “นี้นายชื่ออะไร” ผมถามชื่อของสองคนนั้น

         “เราเหรอ” มีชี้ตัวเองอีกด้วย

         “ใช่ครับ มึงสองคนแหละครับ ชื่ออะไร” ไอ้ติ๊กถาม

         “ถ้าจะขึ้นมึงแบบนี้ไม่ต้องครับก็ได้มั้งว่ะ” ไอ้คนที่เพื่อนมันเรียกว่าต้นข้าว มันทำท่าจะไขว้กับไอ้ติ๊กอีก ไอ้นี่ก็ตั้งท่าเหมือนกันไอ้แอ้มันรีบดึงเอาไว้ซะก่อน

          “ติ๊ก!!” ไอ้แอ้มันเรียกติ๊ก

          “ไอ้ต้นข้าวอย่าซ่า เดี๋ยวหมอบ” ไอ้บลูพูดกับเพื่อนมัน ผมหันมามองหน้ากันใครวะจะหมอบ

          “ใครวะที่หมอบ” พายถาม

          “ไอ้นี่แหละ โดนตีนคนอื่นหมอบตลอดยังไม่เข็ด” ไอ้คนชื่อบลูพูดและอีกคนรีบหันไปตบหัวไอ้คนที่ชื่อบลูเบาๆ

         “กูชื่อแจ็คและนี้บอย ยินดีที่รู้จักว่ะ “ผมเลยแนะนำตัวเองก่อน

         “กูดิวว่ะ และนี้แอ้ ยินดีว่ะ” ไอ้ดิวมันแนะนำตัวมันและแอ้ที่หันไปยิ้มให้

         “กูชื่อติ๊ก”

         “หน้าเหมือนดาราเลยอ่ะ แต่คงไม่ใช่” ไอ้คนที่หน้าตาขิกขุหน่อยพูด ติ๊กถึงกับออกอาการทันที ของจะขึ้น “เอ๊ย!!” ไอ้บลูมันทำท่าจะกระโดดหนี

         “ติ๊ก เย็นมึง” ไอ้แอ้รีบห้าม



       “กูนี้แหละ ดารา ทำไมหน้ากูไม่ตรงปกหรือไง” ไอ้ติ๊ก

        “ตรงแต่ไม่คิดว่าจะมา”

         “ไม่คิดว่าจะมาเรียนที่นี้ กูก็ไม่อยากมาวะ แต่พ่อบังคับพวกกูมา “ไอ้ติ๊กพูด

          “แล้ว?” ไอ้ต้นข้าวหันไปทางน้องพายของพวกผม

          “แล้วคนนั้นละ น่ารักโน๊ะ” คนที่หน้าตาคิกขุดูท่าจะสปีชี่เดียวกับคนที่มันชมเลยน่ะ ผมหันมามองหน้ากัน สงสัยจะได้แบบน้องพายอีกคนแน่ๆ กลายเป็นพายสอง ที่มีอยู่นี้แค่เดียวก็ปวดตับตลับเมตรแล้วนะผมว่า

       “เราชื่อพาย” พายแนะนำตัวแอบเขินด้วยน่ะเขาชมว่าน่ารัก

       “ไม้พายเหรอ” จะไปกันไม่ได้ก็ตรงนี้แหละผมว่า พวกผมสะบัดหน้าไปมอง เดี๋ยวก็เจอตีนน้องไม้พายเข้าให้หรอก

         “เคยกินพวก เออ แอปเปิลพาย อะไรพวกนี้ไหม แม้หน้าเอาเท้าไปวางที่หน้านะมึงน่ะ” พายพูดทำท่าจะลุกพวกผมรีบคว้าแขนพายแทบไม่ทัน

        “เขาขอโทษ” ไอ้คนหน้าหวานสุดพูดขอโทษพาย

         “ตกลงมึงสองคนชื่ออะไรกันครับ “ผมถามมัน

         “กูชื่อต้นข้าวและไอ้นี่ชื่อบลู” ไอ้คนที่ทำหน้านิ่งตลอดมันแนะนำตัวกับพวกผม

          “ยินดีที่ได้รวมแก้งเดียวกัน” ผมหันไปยื่นมือเพื่อจะทำการดีลกันเลย มันสองคนมองผมแบบงงมากขึ้น ผมก็พยักพเยิดให้จับมือดิวะ มันก็ยืนมือมาจับมือ "ดีล"ผมพูดแปลว่าเราตกลงอยู่แก้งเดียวกันเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่ามันสองคนจะทำหน้างงไปสักหน่อย

           “อะไรวะ มาถึงได้เข้าแก้งเลยกู” ไอ้คนที่ชื่อต้นข้าวหันไปพูดกับไอ้บลู

           “พวกกูนี้รับคนเข้าแก้งยากมากนะมึง ยากจริงๆ!! เชื่อกูดิ!” ไอ้ดิวพูดพร้อมกับหันมาชำเลืองมองผมหน้าผมเป็นระยะๆ นี่มันกำลังประชดผมอยู่ ผมก็ไม่รอช้ารีบส่งนิ้วกลางให้ไอ้ดิวไป ขอบใจที่มันประชดผม

          “แล้วผมละครับ” ไอ้แว่นหันมาถามพวกผม

         “ไม่ละตอนนี้เต็ม ปิดรับ” ผมหันไปบอก

         “อะไรอ่ะ “ไอ้แว่นพูด

          “มึงนั่งเป็นหัวหน้าห้องนี้แหละดีแล้ว อย่าเอาหน้าหล่อๆ ของมึงเสี่ยงตรีนกับพวกกูเลยวะ ไอ้แว่น” ไอ้ดิวพูด

          “มึงรักษาตำแหน่งที่มึงแต่งตั้งมาดีกว่าว่ะ เชื่อกู” ไอ้ติ๊กมันพูด

         “เออ ไอ้แว่นแล้วใครจะมาสอนชั่วโมงนี้วะ “ผมถาม

         “ปกติเป็นวิชาสังคมศึกษา แต่ตอนนี้คงต้องใช้ โซเชียลศึกษาไปก่อน” ไอ้แว่นพูด

         “ไอ้แว่นเอาดีดี บาทาพวกกูไม่หวานเหมือนหน้าว่ะ “ไอ้ดิวพูดและขยับโชว์

         “ที่บอกว่าโซเชียวคือ เล่นมือถือเพราะครูคงไม่มา เห็นบอกว่าเมื่อวาน คู่อริพวกนี้มันไล่ยิ่งกันขณะที่ครูเขาขับผ่านเฉียดแขนเสื้อครูไปนิดเดียวไม่งั้น โดนจัง ครูแกเลยยังตกใจไม่หาย” พวกผมพยักหน้า ถามว่าตกใจตกใจแต่ก็คงทำอะไรไม่ได้

        “เป็นกูก็ไม่อยู่แล้วสาด!!” ไอ้ติ๊กพูดมันเป็นคนดราม่าทุกอย่างอยู่แล้วแต่ว่าถ้าเป็นพวกผมก็คงไม่อยู่เหมือนกัน ลาออก

         พวกผมก็ทำตามที่ไอ้แว่นมันพูดและหยิบมือถือขึ้นมาเล่นมือถือรุ่นใหม่ขนาดนี้ ส่วนบอยน่ะหยิบเอาโน็ตบุคขึ้นมาศึกษานั้นนี้ พวกผมยังดีได้สิทธิ์พิเศษตรงนี้เพราะว่าต้องเรียนออนไลน์ 

            ผมหันไปมองคนอื่นพวกนั้นก็หาอะไรทำกันบ้างก็เม้าส์กัน ผมก็หันไปเอนหลังพิงสุดที่รักของผม ผมเห็นไอ้ต้นข้าวไอ้บลูติ๊กพาย ดิวและแอ้ดูท่าจะคุยกันถูกคอ ตอนแรกทำเป็นเก๊กใหญ่ พอคุยกันไปคุยกันถูกคอซะงั้น พวกผมนั่งๆ นอนๆ จนเบื่อเลย ผมหันมามองไอ้ติ๊กอีกทีประมาณว่า โรงเรียนมึงสบายไปไหม ไม่มีครูสอนหลายวิชาเลย ไอ้ติ๊กมันหยักไหล่ ไม่รู้ ผมนึกในใจ มึงไม่ช่วยพ่อมึงทำมาหากินบ้างเหรอ แต่ก็อย่างว่า พวกผมยังไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยเลย จะไปทำอะไรได้ ก็คงทำได้แค่มานั่งเรียนเป็นเพื่อนไอ้แว่นละมั้ง

TBC....





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2024 10:50:47 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
   
EP.15 ความลับต้นข้าว


       Part’ s แจ็ค พวกผมนั่งๆ นอนๆ และลงไปหาน้ำผลไม้ปั่นกินบ้าง หาขนมจุกจิกกินบ้านจนเบื่อเลย ไม่มีอะไรทำจนได้เวลาเที่ยงเป็นเวลาที่จะลงไปทานอาหารกลางวันกัน จะว่าไปก็สบายดีน่ะ นี้เขาไม่เน้นเรียนกันเหรอแปลกมาก เขาเรียกว่ามาเรียนยังไงให้เหมือนได้มาพักผ่อน
      “บอย” ผมเรียกบอย พอว่างบอยก็เอาโน๊ตบุคเครื่องจิ๋ว
     “ว่าไงแจ็ค” บอยหันมาถามผม
     “หมับ” ผมกุมมือบอยเอาไว้
      “อย่าทิ้งกันไปอีกน่ะ “ผมพูด บอยมองหน้าผม ก่อนจะยิ้มอ่อนๆ ให้ผม บอยพยักหน้าว่าไม่ทิ้งผมไปไหนแล้ว
      “แจ็คถามอะไรหน่อยซิ “ผมถามบอย บอยก็หันมามองหน้าผม
      “ถ้าในอนาคต บอยอยากมีลูกเหมือนที่พ่อเราทำไหม “ผมถามบอย บอยเหมือนตกใจและอึ้งกับคำถามของผม มันดูจะเร็วไปมั้ง ผมคิดว่า
      “แล้วแจ็คคิดว่ายังไงละ” บอยถามผมพร้อมกับปิดโน้ตบุค
      “แจ็คเหรอ?” ผมนิ่งมาก
      “แจ็คไม่ชอบเด็กอ่ะ แจ็คว่า แจ็คจะไม่มีน่ะ แต่เราก็อยู่กันได้ ดูดิ ดูจากพวกเราดิตั้งแต่เกิดมาเลย มีปัญหามาตลอดเลยอ่ะ แจ็คเบื่ออ่ะ” ผมพูด บอยมองหน้าผม
      “เราอยู่กันสองคนได้น่ะ เราแค่อยู่ด้วย ไปเที่ยวที่เราอยากไป แจ็คว่าแค่นี้ก็พอแล้วบอย ว่าไหม” ผมพูด บอยยังมองหน้าผมอยู่
      “แจ็ค บอย ไปหาอะไรทานกันดีกว่าว่ะเพราะอีกสิบห้านาทีก็พักเที่ยงแล้ว ลงไปก่อนก็แล้วกัน ถึงโรงเรียนนี้คนไม่เยอะแต่ก็วุ่นวายตอนพักเที่ยงแน่นอน” ดิวพูดกับผมและบอย
      “ตกลงนี้เรามาเพื่ออะไรวะ ไม่เห็นครูเข้าสอนเลย” ติ๊กพูด
      “จะว่าไปก็สบายดีน่ะ ตอนแรกนึงว่าต้องนั่งฟังครู จดงานเป็นเล่มๆ ทำงานตามที่ครูสั่งเหมือนที่เคยทำ แถมต้องเรียนวันจะเจ็ดวิชาแต่ที่ไหนได้ สบาย สบาย... “น้องพายพูดร้องเพลงพี่เบิร์ดด้วย
     “ข้าว บลูไปหาอะไรกินกัน” แอ้มันหันไปเรียกเพื่อนใหม่ต้นข้าวกับบลู แอ้มันสนิทกับสองคนนี้เร็วจริงๆ ผมน่ะหันมาช่วยบอยเก็บของเพื่อจะได้ลงไปหาอะไรทาน ดูบอยเงียบไปตั้งแต่ที่ผมบอกว่าไม่อยากมีลูกอ่ะ แต่ผมว่าบอยคงเข้าใจผมแหละ ผมไม่รักเด็กเอาซะเลย ออกจะรำคาญด้วยซ้ำ
      พวกผมกำลังจะเดินออกจากห้องก็ต้องตกใจครับ ออกมาถึงเจอเลยมารอที่หน้าประตู มันมองหน้าผมและทุกคนที่เดินออกมาด้วยกัน นี่พวกมันมารอดักทำร้ายพวกผมกันเหรอ มันอุกอาจเกินไปไหม ผมยืนมองหน้าพวกมันว่าจะเอายังไง
      “โทรเรียกตำรวจก่อนเลยไหมวะ” ไอ้ติ๊กมันกระซิบ ผมนะดันบอยไว้ด้านหลังกัน ไอ้ดิวเข้ามายืนข้างๆ ผม เหมือนกันคนอื่นๆ ผมว่าไอ้ดิวมันกันแอ้ บลูและต้นข้าวไว้ด้านหลังมันก่อน
        “เฮ้ยไม่ต้องโทรหรอก พี่ไม่ทำมาทำอะไรพวกเรา นี้ในโรงเรียนนะน้อง “พี่เขาพูด พวกผมมองหน้ากันก็ตอนที่ไปที่ห้องน้ำมันแทบจะกระทืบพวกผมเลยจะดีกว่า
       “แต่นอกโรงเรียนไม่แน่น่ะ ดังนั้น อยู่แต่ในโรงเรียนเลยมึง” เพื่อนพี่เขาพูด พี่คนที่เดินเข้ามาหันไปมองเพื่อนปากเปาะของเขาก่อนจะหันมามองพวกผมและเดินเข้ามาหาพวกผมเรื่อยๆ ผมก็พากันถอยหลังกัน ผมดันบอย บอยก็หันไปพยักหน้ากับติ๊กและพายให้ถอยหลัง
       ““ต้นข้าว พี่ขอคุยด้วยหน่อยซิ” ไอ้พี่หน้าโหดนี้มันเรียกหาไอ้ต้นข้าว ผมหันไปมองหน้าไอ้ต้นข้าว มันมาถึงก็ได้เรื่องเลยเหรอ แต่ไอ้ต้นข้าวมันไม่แสดงอาการกลัวเลยสักนิด แถมพยักหน้ากับพวกผมและเดินออกไป
       “ไปไหนข้าว” ผมถามไอ้ต้นข้าว
       “กูรู้จัก พี่เขาชื่อพี่แฮกซ์” ต้นข้าวพูดและเดินออกไป ไปหาที่หลบมุมคุยกัน เพื่อนๆ พี่เขาก็ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงและมองพวกผมอยู่ ส่วนพวกผมก็ชะเง้อคอมองเพื่อนครับ ถึงพึ่งจะเป็นก็ตามแต่ลากมันเข้ากลุ่มมาแล้ว
       “อยากรู้ละซิเขาคุยอะไรกัน” มีคนที่หน้าตาค่อนข้างเอาเรื่องพูดขึ้นและมองพวกผม
        “ใคร!... ไม่มี!!!” ผมพูดแต่ว่าเสียงสูงรู้ตัว
         “พวกกูน่ะเป็นพวกมีมารยาทครับมึงครับ” ติ๊กพูด
         “มึงยืนเอียงไปขนาดนี้ มารยาทดี้ดีเนอะ “ไอ้คนที่ว่าผมพูดผมก็มองตัวเอง เออจริงของมันว่ะ และทุกคนเลย
           “ก็แค่เป็นห่วงเพื่อน “ผมพูดเบาๆ
          พวกผมยืนมองจนต้นข้าวคุยเสร็จและเดินกลับมาหาพวกผม ไอ้คนที่คุยมันก็พยักหน้าเรียกพวกมันและไปลงอีกทางของตึก ไอ้ต้นข้าวก็เดินมามันทำสีหน้าไม่ค่อยดีเลย พวกผมถึงจะเพิ่งรู้จักก็เริ่มเป็นห่วง
           “มีอะไรวะต้นข้าว” ไอ้ดิวมันถามต้นข้าว ต้นข้าวมันมองไอ้บลู พวกผมก็มองมันสองคน
            “ถึงพวกกูจะพึ่งรู้จักมึงสองคน แต่ตอนนี้มึงสองคนคือเพื่อนพวกกูแล้ววะ เพื่อว่าพวกกูช่วยได้” ไอ้ดิวพูดและดูเหมือนแอ้และดิวมันสนิทกับต้นข้าวและบลูเร็วนะ
           “บอกไปเถอะต้นข้าวเพราะมึงก็บอกใครไม่ได้อยู่แล้วแม้กระทั่งพ่อแม่มึงเองและไหน ๆ ก็เข้ากลุ่มกับพวกเขาไปแล้ว” ไอ้บลูพูด ผมหันมามองไอ้ต้นข้าง เรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องเล็ก
             “ที่กูย้ายมาเรียนที่นี้เพราะพี่ชายกูว่ะ พี่กูชื่อข้าวปั้น พี่เขาเป็นเพื่อนกับพี่แฮกซ์ ส่วนพี่แฮกซ์นี้ก็ควรจะจบแล้วแต่ดันมีเรื่องพร้อมกับพี่กูนั้นแหละ เลยต้องมาเรียนอีกปี “ไอ้ต้นข้าวพูด ผมพยักหน้าตามกันทันทีและรอลุ้นต่อว่ายังไงต่อไป
            “แล้วตอนนี้พี่มึงไปไหนอ่ะ” ผมถามต้นข้าว
            “พี่กูอยู่สถานพินิจว่ะ ข้อหามีอาวุธปืนในครอบครองและมียาเสพติดหลายเม็ดเลย “ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมก็พยักหน้า โปรไฟล์มันไม่ธรรมดาเหมือนกัน แต่พี่น้องอาจจะแตกต่างกันใครจะรู้
             “พี่กูนะเป็นหัวหน้าแก้งพวกนี้แหละไอ้ที่อยู่ในห้องด้วยก็ลูกน้องพวกพี่กูทั้งหมดแหละ” ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมก็พยักหน้าแต่
           “เดี๋ยว!! เมื่อกี้มึงพูดว่าพี่มึงเป็นอะไรกับไอ้คนที่มาคุยกับมึงนะ” ผมถามไอ้ต้นข้าวอีกครั้ง มันเริ่มเอะใจ
          “พี่กูคืออดีตหัวหน้าพวกมันไง” ต้นข้าวพูดว่าอดีตหัวหน้าเลยเหรอ
           “เฮ้ย!!! เวรแล้วกู!!” ผมอุทานออกมาคนแรกเพราะว่าผมเองครับที่ดึงมันเข้ามา
            “ฉิบหายแล้ว!!! กูว่าแล้วมึงดึงมาผิดคนไอ้แจ็ค!!” ไอ้ติ๊กพูด
            “นี้มึงชักศึกเข้าบ้านแท้ๆ พี่มึงเป็นหัวหน้าพวกมันแล้วทำไมมึงไม่ไปนั่งกับพวกมันแทนล่ะ” ไอ้ดิวอีกคน
             “ก็พวกมึงเรียกกูไปนั่งกับพวกมึงอ่ะ” ไอ้ต้นข้าวพูด
            “ที่หลังมึงก็ระบุเลยว่ามากับพวกมัน   กูจะได้ไม่กล้าเรียกมึง!!!” ผมพูด
           “นี้มึงไปคุยความลับอะไรกับพี่เขาวะ หรือว่ามึงจะให้เขาฆ่าตัดตอนพวกกูว่ะ กูไม่น่าเลย อีพายเอ๊ยย กูจะตายแบบนี้ไม่ได้ มันเสียชาติเกิดกู มึงรู้ไหม?” น้องพายอีกคน
           “เฮ้ยเดี๋ยวดิ!! ฟังให้จบก่อนพวกมึงจะกลัวกูกันทำไมวะ” ไอ้ต้นข้าวถามพวกผม น่าแปลกมีแค่บอยกับแอ้สองคนที่ไม่ตกใจอะไรบ้างเลย
            “ก็มึงพึ่งจะบอกกูอยู่ว่า พี่มึงนะเป็นหัวหน้าพวกที่มันจะเล่นพวกกูอยู่ มึงให้กูยืนใจเย็นเหรอ “ผมพูด บอยก็แตะที่แขนผมให้สงบลงหน่อย
            “พี่กูนะถูกพวกมันนี้แหละหักหลังแต่กูไม่รู้ว่าใคร กูเลยขอพ่อแม่กูมาเรียนและไอ้พี่ที่มาขอคุยน่ะ เขาเข้ามาขอโทษเรื่องพี่กูและขอให้กูกลับไปเรียนที่เดิม พร้อมกับให้พวกกูอย่าคบพวกมึง มึงจะพาพวกกูเดือดร้อนหนัก” ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมก็มองหน้ากัน
        “แต่พี่กูนะไม่ใช่พวกโหดสาดแบบในหนังนะ เช่นพวกยากูซ่าอะไรพวกนี้” ไอ้ต้นข้าวพูด
         “พ่อแม่และกูยังไม่เคยรู้เลยว่าพี่กูเป็นหัวหน้าแก้ง เป็นมาหลายปีแล้วด้วยแต่มารู้ตอนที่พี่กูถูกตำรวจจับนั่นแหละ กูนี้เจ็บใจเลยมาหาคำตอบ พวกมึงช่วยกูได้ไหมวะ” ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมก็เกาหัวทันที
           “ต้นข้าว พวกกกูก็มึดแปดด้านเลยวะ กับภารกิจที่ยิ่งใหญ่ที่จะทำให้พวกไอ้เวรในห้องนี้กลับมาตั้งใจเรียน ดูซินี่มันเพ่นกันตั้งแต่คาบแรกเลย แล้วพวกกูจะไปช่วยมึงได้ยังไงวะ พวกกูยังช่วยตัวเองกันไม่ได้เลย “ไอ้ดิวพูด ก่อนจะหันมามองหน้าผม ผมก็พยักหน้าว่าเห็นด้วยเลย แต่บอยแตะแขนผมเพื่อให้ผมฟังต้นข้าวมันก่อน
          “กู อยากให้พี่กูออกมา กูคิดถึงพี่กูอ่ะ เหลือกันแค่สองคนพี่น้องแล้ว” ไอ้ต้นข้าวพูดและทำท่าจะร้องไห้
           “เออๆ” การเป็นผมเอง ไอ้ข้าวมันเงยหน้ายิ้มตาหยี่ให้พวกผมทันที ผมหันไปพยักหน้ากับทุกคน ก็ดึงมันเข้ามาแล้ว
           “เอาวะ ไหน ไหนก็ลงเรือรำเดียวกันแล้ว พวกกูจะช่วยวะ แต่ได้แค่ไหน กูตอบไม่ได้แต่จะช่วยแล้วกัน “ผมบอกไอ้ต้นข้าว พอมันได้ยินก็ยิ้มหลังจากที่ทำหน้าเศร้า
          “พี่ พี่” จู่ก็มีเด็กรุ่นน้องเดินมาเรียกพวกผม
            “ครูพัฒน์บอกว่าตอนเที่ยงให้พี่ๆ ลงไปหาที่ห้องพักครูด้วยครับ” มีเด็กตัวเล็ก กว่าพวกผมเยอะเลยวิ่งมาทำตาหยี ผมหันไปมองน่าจะม.1 เอง ผมสังเกตจากชุดที่น้องเขาสวมใส่
            “เออ ใจว่ะ แต่ห้องครูพัฒน์อยู่ไหนเรา” ไอ้ดิวหันไปถาม
            “อยู่ชั้นนี้แหละครับ เดินลงไปชั้นล่างครับ จะมีป้ายบอกว่าห้องพักครูครับ” ไอ้เด็กคนนันพูด ผมพยักหน้าและเด็กคนนั้นก็วิ่งไป
          “เอาวะต้นข้าว ไหน ไหนก็ตกที่นั่งเดียวกัน พวกกูจะช่วยมึงว่ะ” ผมพูดกับไอ้ต้นข้าวและมองพวกผมก็พยักหน้า
            “ไปหาครูพัฒน์ก่อนดีกว่าวะ” ผมหันไปบอกทุกคน ระหว่างที่ผมเดินก็มีคนที่เดินส่วนไปมา แน่นอนต้องไม่ลืมที่นินทาพวกผมระหว่างเดินสวนกัน ผมคงต้องเริ่มทำใจได้แล้วใช่ไหมครับ ผมเดินมาถึงห้องพักครูก็เดินตรงเข้าไปด้านใน พวกผมเห็นครูพัฒน์นั่งอยู่มีสมุดหลายกองเลยที่วางไว้รอบโต๊ะของครูพัฒน์ ดูท่าพี่พัฒน์จะยุ่งมากเลย
             ระหว่างที่พวกผมเดินลงไปหาครูพัฒน์ตามที่เด็กคนนั้นบอกพวกผม ระหว่างทางที่พวกผมเดินสวนกันไปมา แน่นอนคนที่เดินผ่านพวกผมต้องไม่ลืมที่จะนินทาพวกผมให้พวกผมฟังไปตลอดทาง
              “ถ้าเขาจะนินทาพวกเราระยะเผาขนขนาดนี้ กูว่าเขาน่าจะชวนเราไปนั่งในวงล้อมกับเขาเลยดีไหมว่ะ “พายพูด
             ภาพภายโรงเรียนตอนนี้ที่พวกผมเห็น คือมันโล่งมาก ครูน้อยมากหรือว่าวันนี้ครูพากันหยุดซะก็ไม่รู้ พวกผมมาหยุดที่พักครู ก็ไม่มีครูอยู่เลย นี้ใกล้พักเที่ยงแล้ว หรือว่าครูสอนเกินเวลา มีด้วยเหรอ แปลกจริงๆ ผมมองกวาดไปรอบๆ จนไปหยุดที่โต๊ะทำงานที่ครูพัฒน์นั่งอยู่ มีสมุดหลายกองเลยที่วางไว้รอบโต๊ะของครูพัฒน์และมันก็เยอะกว่าทุกโต๊ะเพราะเท่าที่เห็นตอนนี้ดูท่าพี่พัฒน์จะยุ่งมากอยู่คนเดียว ส่วนโต๊ะอื่นๆ แทบจะไม่มีสมุดงานวางอยู่เลยหรือว่าไม่มีคนนั่งเลยมั้ง พวกผมหันมามองติ๊กพร้อมกับเลิกคิ้วสูงมันใช่เหรอ
          “กูว่าโรงเรียนอาภาคย์ พ่อมึง เข้าขั้นวิกฤติวะติ๊ก!” ผมกระซิบกับติ๊ก ติ๊กมันพยักหน้ากับพวกผม พี่พัฒน์เงยหน้าขึ้นมาเจอพวกผมพอดี
        "ไม่มีครูสอนแล้วเขาจะมาเรียนกันทำไมวะติ๊ก ครูไม่พอ กูว่ามันต้องมีอะไรที่มากกว่าปัญหานักเรียนตีกันวะ"ดิวพูด ผมหันไปชี้น้ิวใช่เลยเห็นด้วย
        "เข้าไปหาครูพัฒน์กันเถอะ" แอ้พูด
       "กูคิดเอาไว้แล้วแหละว่ากูจะต้องบอกพี่พัฒน์ให้บอกพ่อกู" ติ๊กพูด
      "เออ มันมีสาระก็วันนี้แหละ"พายพูด
       “ที่ผ่านมาล่ะ” ติ๊กมันหันไปถามพาย
      “มึงไม่เคยมี จริงๆ น่ะ มีแต่เรื่อง เรียกง่ายๆ หาแต่งานให้พวกกูไปมีเรื่องกับเขา” พายพูด นั้นไงเจ้าแม่จะลงแล้ว
      “ไปเถอะไปหาพี่พัฒน์ คราวนี้พ่อจะรักมึงมากขึ้น ยกโรงเรียนนี้ให้มึงดูแล ฮาๆ” ผมเองที่พูด ไอ้ติ๊กมันชูนิ้วกลางให้ผมแปลว่ามันไม่เอา ทันทีที่พวกผมเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของพี่พัฒน์ ดูพี่พัฒน์จะยุ่งมากจริงๆ ก้มหน้าตาทำงานโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองว่าพวกผมมาแล้ว ผมยืนสักพักพี่เขาก็คงรู้ได้ว่ามีคนมายืนล้อมรอบพี่เขาอยู่
       “อ้าว!!พวกเธอมาแล้วเหรอ นั่งลงซิ พี่จะขอคุยด้วยแป็บหนึ่งนะ หิวข้าวกันหรือยัง” ครูพัฒน์ถามพวกผม ผมเหลือบมองนาฬิกา ยังไงก็ยังเร็วเพราะผมกะจะลงมาก่อนเวลากัน
       “ได้ครับพี่พัฒน์ “ไอ้ติ๊กพูด พวกผมก็หันไปคว้าหยิบเก้าอี้มานั่งล้อมรอบโต๊ะครูพัฒน์
      “เป็นยังไงกันบ้างล่ะ วันแรกของการมาเป็นนักเรียนที่นี้ บอกพี่มาซิ” พี่พัฒน์ถามพวกผม ผมหันมามองหน้ากัน
       “ไม่น่า…” ไอ้ติ๊กเป็นคนตอบก่อนเพื่อน ผมหันมามองหน้าไอ้ติ๊กพร้อมกันไม่น่าอะไร อย่าบอกน่ะว่าไม่น่ายากน่ะ
      “ไม่น่าจะยากจนเกินความสามารถใช่ไหม” ครูพัฒน์รีบถามติ๊กและมองหน้าพวกผม
      “ที่ไม่น่าจะรอดไปถึงหนึ่งปีตามที่ลุงหนึ่งกำหนดเอาไว้แล้วมั้งพี่พัฒน์ พวกผมอาจจะเหลือแต่ชื่อไว้ให้ดูต่างหน้าถ้าพี่ไม่ทำเรื่องบอกพ่อผมว่าผมเจออะไรที่หฤโหดมากในโรงเรียนแห่งนี้” ไอ้ติ๊กบอกพี่พัฒน์
       "ผมว่าพวกเราควรจะเก็บข้าวของและไปจากที่นี้กันดีกว่าพี่พัฒน์ ร่วมถึงพี่ด้วย ปล่อยโรงเรียนนี้ไปเถอะพี่" ไอ้ติ๊กมันพูด พวกผมหันมามองหน้ามัน มันคิดทางออกแบบนี้นานไหม ไอ้ดิวนี้ส่ายหน้าทันที ครูพัฒน์วางปากกาลงพร้อมกับมองหน้าพวกผมทีล่ะคน
      “โรงเรียนนี้มีความหมายมากน่ะและเด็กๆ ที่นี้ ไม่ได้มีเงินเยอะพอจะไปเรียนโรงเรียนเอกชนที่อื่น แถมโรงเรียนแถวๆ นี้ก็นักเรียนแน่นมาก เขาไม่รับเพิ่มแล้วไง ดังนั้นท่านผู้อำนวยการถึงอยากจะรักษาโรงเรียนนี้เอาไว้และโรงเรียนนี้องค์กรของเราก่อตั้งขึ้นมาด้วยน่ะรู้ไหม” พี่พัฒน์พูด ผมหันมามองหน้า
        “รักษาชีวิตพวกผมก่อนดีกว่าไหมอ่ะพี่พัฒน์ อย่าพึ่งไปรักอนาคตคนอื่นเลยพี่พัฒน์” พายพูดอีกคน
        “ผมเข้าใจครับแต่ว่า ภารกิจนี้มันเกินกำลังพวกผมไปน่ะพี่ํพัฒน์ คือตั้งแต่พวกผมก้าวเท้าเข้าโรงเรียนมานะ มีคนว่า เรียกตุ๊ดบ้าง เกย์บ้าง โอ๊ยสารพัดอย่างเลยครับพี่พัฒน์ พวกผมก็อยากจะช่วยนะพี่แต่ว่า มันไม่น่าจะเวิร์ค” ผมพูด แต่ล่ะคนก็พยักหน้าว่าใช่
       “นี้ก็คือบททดสอบความอดทน ที่ผ่านมาพวกเราอยู่แต่ในสังคมที่ยกย่อง แต่พอมาเจอสังคมต่อต้านก็เป็นแบบนี้แหละ เราต้องเข้มแข็งกันนะเพราะว่าต่อไปพวกเราอาจจะเจออะไรที่หนักกว่านี้ก็ได้ ในอนาคต “พี่พัฒน์พูดบอกพวกผม
         “อ่ะ งั้นดูนี่น่ะ “พี่พัฒน์ส่งสมุดเล่มหนึ่งให้ผมดู เป็นสมุดการบ้านใครก็ไม่รู้และครูพัฒน์ก็เปิดไปหน้าหลังให้พวกผมดู เป็นภาพวาดถึงจะแบบลวกๆ ก็พอแยกแยะออกว่าอะไรเป็นอะไร มันวาดเป็นผู้ชายสองคนกำลังมีเพศสัมพันธ์กันทางประตูหลังและมันได้ลงชื่อคนที่อยู่ด้านล่างว่าครูพัฒน์
         “เฮ้ยย! พี่พัฒน์แบบนี้พี่ควรจะบอกพ่อนะ” ติ๊กรีบโวยวายขึ้นมาทันที
         “ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาหรอก พี่ยังต้องใช้ความอดทนเลยนะพวกเรา” พี่พัฒน์พูด พวกผมมองหน้าก็พยักหน้าเบาๆ
         “แล้วพวกเราล่ะ แค่นี้ท้อแล้วเหรอ ท้อทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มลงมือเลยน่ะ” พี่พัฒน์พูดและมองหน้าพวกผม ผมหันมามองหน้ากัน
        “ในอนาคตพวกเราต้องไปดูแลองค์ที่ค่อนข้างใหญ่และคนเยอะกว่านี้ ปัญหาก็ต้องมากกว่านี้ด้วย ดังนั้นคือการเตรียมความพร้อมของพวกเราเช่นกัน” พี่พัฒน์พูดและมันก็มีเหตุผล
       “พี่อยากให้เราพยายามก่อน นี้คือการทำเพื่อพ่อของพวกเราด้วยน่ะ” พี่พัฒน์พูดและมองหน้าพวกผม
       “ครับพี่พัฒน์ พวกผมจะพยายามก่อน” ผมพูดและมองหน้าทุกคน ผมพยักหน้าว่าลองก่อนดิว่ะ พวกมันก็พยักหน้าเหมือนจะขอไปที ผมยอมรับว่ามันดูมึดหม่นหาทางออกไม่ได้ แต่ก็ยังมีไอ้ดิวอีกคน ที่พยักหน้าเพราะมันคงเห็นเหมือนที่ผมเห็น โรงเรียนอาภาคย์ต้องการความช่วยเหลือ แอ้มันนิ่งก็จริงแต่ว่ามันเอาด้วยอยู่แล้ว บอยก็แตะมือผมอีกคน และอีกคนนี้ที่ไม่รู้เรื่องก็พยักหน้าเอาด้วยอีก ผมเองก็คิดว่าผมนี่ดึงมันสองคนมาลำบากกับพวกผมหรือเปล่าก็ไม่รู้
      “ดีมาก ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้อย่างราบรื่นน่ะและพี่จะเป็นที่ปรึกษาให้จนกว่าจะจบภารกิจแน่นอน พวกพี่ๆ เขาไม่ปล่อยให้เราทำกันตามลำพังหรอกเชื่อพี่ซิ” พี่พัฒน์พูด พวกผมยกมือรับพรเลยสาธุพรจากพี่พัฒน์ทันที
          “เอาล่ะถ้าอย่างนั้นก็พากันไปทานข้าวเถอะ” พี่พัฒน์บอกพวกผม ผมพยักหน้าและพากันลุกขึ้น
          “เออ ตอนแรกพี่ว่าจะไปทำอาหารให้พวกเราทานวันหยุดนี้แต่พี่ตุ๊เขาจะให้พี่เข้าไปช่วยเรื่องเอกสารเพราะพี่ตุ๊จะเคลียร์งานและ…” พี่พัฒน์พูด ทำเอาไอ้ติ๊กตาโต ไอ้ติ๊กมันเกรงกลัวพี่ตุ๊มากกว่าพ่อมันซะอีก ถามว่าพวกผมด้วยไหม ด้วยกันทั้งนั้นละครับ
           “พี่พัฒน์อย่าบอกนะว่าพี่ตุ๊จะมาที่นี้!!” ติ๊กมันสะบัดหน้ามาถามพี่พัฒน์ แต่ถ้าเป็นจริงจะดีมากเพราะพี่ตุ๊คนเดียวที่หยุดมันได้
           “พี่ไม่ได้บอกนิติ๊ก พี่ตุ๊เขามีงานเพิ่มและตอนนี้ก็งานล้นมือเลยนะติ๊กเพราะว่าโรงแรมก็กำลังขยายตัวหลายที่เลย งานเต็มมือขนาดนั้น “พี่พัฒน์พูด ที่จริงถ้าพี่ตุ๊มานี้ไอ้ติ๊กมันคงสงบเสงี่ยมขึ้นเยอะเพราะมันนี้แหละที่เป็นตัวรับงานให้พวกผมตลอด
           “เอาละไปทานข้าวกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันเข้าเรียนคาบบ่ายน่ะ “ครูพัฒน์พูดพวกผม ยกมือไหว้ลา อันนี้มารยาทที่ถูกสอนมาไม่ว่าจะไปอยู่ที่เมืองไหนประเทศไหน การเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ขนาดพ่อๆ ของพวกผมก็เรียนเมืองนอกกันทุกคนแต่สิ่งนี้ลุงหนึ่งเขาซีเรียสมากด้วย ห้ามข้ามรุ่นกัน ไม่อย่างนั้น พ่อผมกับลุงณะ คงสมหวังกันไปนานแล้วก็เพราะพ่อผมอ่อนกว่าลุงณะหลายปีด้วยไง
         พวกผมก็พาเดินออกไปไปจากห้องเพื่อตรงไปยังห้องอาหารพร้อมกันด้วยท่าทางไม่กระชุ่มกระชวยเอาซะเลย เบื่อๆ เลยตกลงนี้ไม่ได้ส่งผมมาเป็นแค่นักเรียนแต่ส่งมาเพื่อแก้ปัญหา ปัญหาที่ควรจะเป็นผู้ปกครองครับไม่ใช่พวกผมแล้วนี่ผมจะแก้มันกันยังไง ยังคิดกันไม่ตกเลย ผมพากันเดินอย่างกับซอมบี้เพื่อไปหาอะไรทานก่อนจะขึ้นไปสู้รบตบมือกับเพื่อนร่วมห้อง
           “ป๊อด เอาอาหารมาเสิร์ฟเลย” ไอ้ดิวมันหันไปบอกป๊อด สงสัยมันจะหิว จะว่าไปหิวเพราะว่าเหนื่อยเหรอ เรียนก็ไม่ได้เรียน ป๊อดมันได้ยินก็วิ่งมาหาพวกผมทันทีและยืนมองหน้าพวกผมยิ้มๆ ด้วย แต่ว่าพวกผมเจอมาหลายเรื่องแล้วยิ้มไม่ออกแต่ก็ฝื่นยิ้มให้คนตรงหน้าสักหน่อย
          “เอออ ป๊อด พี่มีเพื่อนมาสองคนน่ะ แต่ดูจากอาหารพี่ว่าเหลือเฟือว่ะป๊อด” ผมบอกไอ้ป๊อด ผมเหลือบตาไปมองจุดที่ตั้งอาหารเอาไว้ เยอะจริงๆ และนี่ผมก็ชวนต้นข้าวและบลูมานั่งทานกันด้วย เขาจัดให้พวกผมเหมือนจัดอาหารในโรงแรมเลยมันดูหรูดูแพง พอผมหันหลังไปมองพวกนักเรียนคนอื่นๆ กลับเห็นว่าเขาเหล่านั้นมองผมพร้อมกับเบ้ปากใส่กันทุกคน
           “พวกเราตักอาหารและออกไปนั่งทานข้างนอกไหมวะ” ไอ้ดิวถามพวกผม
          “เพราะว่าแบบนี้มันดูแตกต่างว่ะ ดังนั้นเราจึงไม่ควรทำตัวให้เราดูแปลกแยกจนเกินไปว่ะ “ไอ้ดิวพูด ผมก็คิดว่าเห็นด้วย
             “บอยเห็นด้วยน่ะ ถ้าเราอยากให้ทุกคนเห็นเหมือนเรา เราก็ต้องเข้าหาพวกเขาและทำตัวให้เหมือนพวกเขาให้มากที่สุด” บอยพูด แอ้ ดิวและผมก็พยักหน้าเห็นด้วยแต่เหลือสองคนที่ยังทำท่าคิดหนัก
            “จะดีเหรอวะ “พายพูด ผมรู้ว่าแค่เมื่อเช้าก็รู้สึกไม่อยากอยู่ต่อแล้วแต่ไหน ไหนก็ได้รับภารกิจนี้มาแล้วและนี่อาจจะพิสูจน์สักยภาพของพวกผมอย่างที่พ่อบอกก็ได้
            “เอาวะ พวกเราตักอาหารใส่จานและออกไปนั่งด้านนอก พวกนั้นคงไม่กล้าทำอะไรพวกเราหรอก “ผมพูด ผมพยักหน้าให้บอยและเดินไปตักอาหารใส่จานปกติและพากันเดินออกไปนั่งนอกห้องที่ไอ้ป๊อดมันกั้นไว้ ใช่ครับทุกคนหันมามองกันหมดจนพวกผมนั่งได้โต๊ะนั่งกัน
“ออกมานั่งข้างนอกกันทำไมวะ ไอ้ลูกคุณหนู” ผมได้ยินมันพูดกัน
           “อยู่ในคอกก็ดีอยู่แล้ว พวกกูกลัวว่ะ กลัวจะเอาโรคตุ๊ดโรคเกย์มาติดพวกกูว่ะ ฮาๆ” เสียงพวกนี้ทำให้พวกผมหันมามองหน้ากัน
            “กูจะบอกว่าโรคตุ๊ด โรคเกย์ น่ะไม่น่ากลัวน่ะ แต่โรคสมองกลวงนี่น่ากลัวกว่าว่ะ หาอะไรบำรุงสมองบ้างน่ะ เดี๋ยวสมองมันฝ่อก่อนวัยอันควร” ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครด่าสวนไปทันที ผมหันไปมองหน้ามัน
            “ไอ้ติ๊ก!!!”
            “กูพูดจริงอ่ะ” ติ๊กพูด พวกนั้นมันหันมามองพวกผมสองคนด้วยความโกรธ
            “ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายพวกกูรู้แต่ความจริงที่มึงพูดออกไปมันอาจจะทำให้พวกมันลุกมากระทืบมึงและพวกกูตายได้ มันเยอะไอ้ติ๊ก “ดิวพูด ผมนี่ส่ายหัวให้ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครทันที รับงานอีกแล้ว
             “อยากออกมานั่งเพื่อจะแสดงให้พวกกูดู ว่าพวกมึงรักกันแบบไหนใช่ไหม แสดงเลยกูก็อยากูดว่ะ “พวกนี้พูดไปหัวเราะไปแต่ว่าพวกผมซิ ไม่ได้ขำด้วย ผมเห็นสีหน้าบอยดูกังวลขึ้นมาทันที จังหวะนั้นผมหันไปเห็น มีนักเรียนทำท่าทางไม่สุภาพให้บอยดูนี่เอง เหมือนใช่ลิ้นเลียแท่งไอติมให้บอยดู ผมเข้าใจความหมายมันไง ผมเลย
             “อย่าแจ็ค! “บอยกับเป็นคนห้ามผมและบอยก็ดึงมือผมให้ไปหาที่นั่งๆ ผมหันไปหน้าไอ้คนนั้น มันหัวเราะกับเพื่อนๆ ของมันอย่างสนุกสนาน ผมอยากจะเข้าไปตะบันหน้ามันจริงๆ ถ้าไม่ติดบอยนี้ทำไปแล้ว
               “จะได้สักกี่น้ำวะ ไอ้พวกคุณหนูพ่อรวย กูว่าพวกมึงกลับไปอยู่ในบ้านมึงโน้นไป!!” ผมได้ยินแต่ไม่อยากต่อปากมากไปกว่านี้พวกผมก็นั่งกันไป แม้จะมีเสียงเป่าปากแซวพวกผมก็ตาม แต่พวกผมก็ต้องท่อง ขันติ ขันติ ไม่ขันแตก อดทนอดกลั้น อดจนแทบจะทนไม่ได้
              พอทานเสร็จก็รีบเดินออกทันทีก่อนจะทนกันไม่ไหวและไปหาที่เงียบๆ นั่งแทน พวกผมไปหาที่เงียบสงบนั่งพัก ที่พักอยู่ตรงริมน้ำเป็นศาลา ไอ้ดิวมันก็หาที่เอนนอนทันที ผมเดาว่ามันคงอ่านหนังสือจนดึก ติ๊กมันก็นั่งดูซีรีส์ พายก็นั่งถ่ายคลิปวิดีโอเอาไปลงติ๊กต๊อก ส่วนไอ้บลู ไอ้ต้นข้าว ดูมันสนิทกับไอ้แอ้เร็วจริงๆ มันนั่งคุยกันจนดูเหมือนเป็นเพื่อนกันมาก่อน น่าแปลกที่ปกติจะอ่านการ์ตูนแต่นี่เปลียนเป็นคุยกันกับไอ้สองคนเพื่อนใหม่แทน ส่วนผมก็นอนหนุนตักบอยแทน ตอนนี้ขอพักสมองแป๊ป คิดแผนการอะไรไม่ออกเลยจริงๆผมน่ะ คิดไม่ตกว่าจะผ่านมันไปกันได้ยังไง

         TBC...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-01-2024 23:27:25 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
(ภาคน้อง)EP.16. แค่วันแรก 1

      Part’ s แจ็ค เวลาผ่านไปจนจะหมดวันอยู่แล้ว ความรู้สึกเหมือนมาเข้าทำงานและรอเวลาเลิกงาน มีแต่ความเหนื่อยล้าไม่ได้มีความสนุกเลย มันเลยไม่ได้รู้สึกว่ามาเรียนหนังสือ มาหาความรู้ใหม่ๆ เพราะการมาโรงเรียนควรจะมีเรื่องตื่นเต้น แต่ดีที่ว่าช่วงบ่าย พวกไอ้ภาคินมันไม่ได้เข้าเรียนกัน ก็เบาไปหน่อย แค่ชั่วโมงเดียวตอนเช้ายังเกือบได้วางมวยกันเลย ถ้าอยู่ด้วยกัน 8 คาบจะขนาดไหน ไม่อยากจะคิดเลยพวกผม
     “แจ็ค” บอยเรียกชื่อผม คงเป็นเพราะว่าผมมองบอยเพลินไปหน่อย
     “ครับ” ผมขานรับ
     “เห็นมองบอยนานแล้ว เก็บของเสร็จหรือยัง” บอยถามผม
     “เสร็จแล้วครับและที่แจ็คมองบอยก็เพราะว่า แจ็ครู้สึกเหมือน” ผมพูดบอยหันมามองหน้าผม
     “แจ็ค บอยรู้สึกเหมือนเรากลับมาเป็นเด็กวัย 14 ปีอีกครั้ง ตอนนั้นบอยพึ่งจะกลับมาอยู่กับแจ็คและพวกนี้ใหม่ๆ” ผมพูด บอยทำท่าคิด
     “บอยจำได้ ไม่เคยลืม บอยรู้สึกว่า นั้นคือช่วงของวัยเด็กของจริง” บอยพูด
     “แต่น่าเสียดายที่เราต้องหายกันไป มันทำให้เราสองคนพลาดช่วงหลังจากนั้นไปแต่นี้เรากลับมาใหม่ กลับมาเริ่มเป็นที่รักของเราใหม่ รักแบบวัยใสๆ แจ็คสัญญาจะดูแลมันให้ดีที่สุด “ผมกระซิบบอกบอย ขณะที่เรากำลังจะเดินลงไปชั้นล่างเพื่อกลับบ้าน แต่ระหว่างที่พวกผมกำลังเดินลง ก็เห็นนักเรียนวิ่งส่วนกันขึ้นมา
     “อ้าว ไม่กลับบ้านกันหรือไงวะ” ไอ้ดิวมันพูดและแบมือเป็นเชิงถามพวกผม พวกผมจังหันไปมองรอบๆ ด้าน แต่ล่ะห้องพากันปิดประตู หรือว่าเขามีเรียนพิเศษกันแต่ห้องผมไม่มี แน่ล่ะพวกผมมาเรียนกันแบบขำๆ ครับ ไม่เน้นเรียนแต่เน้นทำยังไงให้รอดไปจนจบซีซันก็พอ
     “เออว่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าวะ” ไอ้ต้นข้าวถามขึ้น พวกผมหันมามองหน้าต้นข้าว
     “ในโรงเรียนจะมีเรื่องได้ไงว่ะ” ไอ้ดิวมันพูด
     “เออ นั้นดิ ข้าว นี้โรงเรียนน่ะ” ไอ้แอ้อีกคน
     “งั้นก็รีบเดินลงไปเถอะว่ะจะได้พากันกลับบ้านและไปพักผ่อนกันแบบสบายๆ กลับไปบ้าน ไปจิ๊บเบียร์เย็นๆ กันดีกว่า” ผมหันมาพูด บอยก็มองหน้าผม
     “สิบแปดกันแล้วบอย กินได้แล้ว” ผมพูด
     “เฮ้ยย! พวกนายสิบแปดแล้วเหรอ พวกเรายังแค่ สิบหกอยู่เลย” นั้นไอ้ต้นข้าวมันพูด ผมหันมามองหน้ามันเวรแล้วผม ความลับจะแตกก็ตอนนี้แหละว่าพวกผม ไอ้ต้นข้าวกับไอ้บลูมันมองหน้าพวกผมทันทีแบบต้องบอกมันไปเดี๋ยวนี้ ไอ้ดิวมันส่ายหัวให้ผมเลย
     “กูมาทำภารกิจสำคัญว่ะและความจริงพวกกูจบกันหมดแล้วต้นข้าว บลู เออพวกกูน่ะสิบแปดแล้วพร้อมจะไปมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ตอนนี้พักเรียนออนไลน์แทน “ไอ้ดิวมันพูด
     “งั้นก็รุ่นพี่พวกเราอ่ะดิ” ไอ้บลูพูด
     “ไม่ต้องเรียกพี่ว่ะ ถ้ามึงเรียกพี่พวกนั้นมันก็จะรู้ดิ” ผมพูด
     “ไอ้พวกนั้นก็พี่พวกกูเหมือนกัน” ไอ้ต้นข้าวพูด
      “งั้นทำตัวเหมือนเดิม เพื่อนกันเหมือนเดิม ปกติพวกกูไม่ชอบข้ามรุ่นแต่ยกให้มึงสองคน เรียกพวกกูเหมือนเดิม” ผมพูด ไอ้ต้นข้าวกับไอ้บลูมันพยักหน้ากับผม
      “เออ ต้นข้าว บลู พรุ่งนี้มาแล้วก็ไปทานอาหารในห้องอาหารกับพวกกูน่ะ” ผมหันไปบอกไอ้ต้นข้าวและไอ้บลู มันสองคนก็พยักหน้า
      “เข้าไปทานกันด้านในอีกไหมว่ะ ที่เขากั้นเอาไว้น่ะ” ไอ้ต้นข้าวพูด ผมพยักหน้าว่าใช่
      “กูได้ยินพวกนั้นมันด่ามึงกันว่ามาก็แยกแยะที่กินที่อยู่ตั้งแต่กูมาถึงแล้ว แต่กูไปติดที่ห้องเจ้าหน้าที่ ตอนแรกเขาจะไม่ให้กูเรียนห้องมึงอ่ะ แต่ว่ากูโวยวายไง เขาก็เลยยอมและโทรไปหาครูพัฒน์ให้ ครูพัฒน์ลงมาก็เลยบอกว่าได้” นั้นไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมพยักหน้า
     “ตอนแรกกูก็โคตรโมโหเลย เขาบอกว่าห้องนี้พวกลูกคุณหนูมาเรียนแล้วและเขาก็จำกัดคน เขาไม่อยากเรียนปะปนกับคนอื่น เลยจะ ไม่ให้กูสองคนลงเรียนห้องนั้นทั้งที่กูตั้งใจมาก” ไอ้ต้นข้าวพูด
      “พวกกูยอมรับว่ะว่าแยกแยะแต่นี้พวกนั้นไม่แยกแยะเลย มาลงที่พวกกู กูไม่รู้เรื่องที่พวกมันมีปัญหากัน “ไอดิวพูด ผมหันมามองเออ จริงด้วย
      “แต่มันก็ทำให้กูคิดเลย…” ผมชี้นิ้วเลย ไอ้คู่นี้หัวไวจริงๆ ผมนี้คิดไม่ผิดเลย
      “กูคิดว่าถ้าเจอหน้าพวกมึงกูกะจะด่าให้สักหน่อย” แต่อันนี้ผมต้องเงี่ยหูฟัง มันไม่ได้คิดตามพวกผมนี่หว่า
      “ก็คนเชี่ยอะไรก็ไม่รู้ทำตัววิเศษวิโสมาจากไหน แหมให้พวกกคุณหนูเอ๊ย!โธ่ไอ้พวกลูกคุณหนูหัวค**!!แถมที่กูได้ยินพวกนั้นพูดน่ะ พวกมึงแม่งก็แยกที่กินที่อยู่อีก ถ้าจะกินหรูอยู่สบายมึงจะมาทำห่าอะไรว่ะ ก็กลับไปอยู่คฤหาสน์ของมึงดิ” ไอ้ต้นข้าวพูด ผมสะบัดหน้ามามองหน้ามันเฮ้ย!!!
      “ต้นข้าว!!” ไอ้บลูมันเรียกไอ้ต้นข้าว
      “กูแค่คิดไง” ไอ้ต้นข้าวพูดขึ้น พวกผมพยักหน้าพร้อมกัน
      “มึงพูดไปหมดแล้วไงไอ้ต้นข้าว!!เต็มๆ เลยสัส!!” ไอ้ติ๊กมันพูด ไอ้ต้นข้าวสะบัดหน้ามามองหน้าพวกผมว่าจริงเหรอ พวกผมก็พยักหน้าพร้อมกันมากมึงด่าแล้วแหละ
       “เหรอวะ ขอโทษว่ะ “ไอ้ต้นข้าวรีบขอโทษพวกผมทันที
       “เนียนเชียวน่ะมึง หรอกด่าก็ได้เหรอ” พายถามไอ้ต้นข้าว
       “ขอบใจมากข้าวที่มึงคิดดังมาก นี่มึงแค่คิดน่ะ กูยังสยองปากมึงขนาดนี้” ผมพูด
       “จะว่าไปไอ้ต้นข้าวมันก็พูดถูกน่ะ” ไอ้แอ้พูด ผมหันมามองหน้ามัน
       “เออว่ะ พวกเราเดินไปสั่งอาหารทานเหมือนพวกเขาดีกว่าไหม ไปเข้าแถวแล้วมานั่งทานกันปกติอ่ะ ไม่ต้องให้ไอ้ป๊อดมันยกมาประเคนแบบนี้ แม่งมันดูเหมือนพวกเราต้องมีคนดูแลตลอดเวลา เดินไปซื้อทานเอาตามร้านที่ขายอ่ะ มันอาจจะดีขึ้นก็ได้นะว่าไหม” ไอ้ดิวหันมาพูด ผมก็คิดว่าใช่น่ะถึงตอนอยู่บ้านจะเป็นก็เถอะแต่นี้เรามาเพื่อภารกิจ
       “บอยก็เห็นด้วยน่ะ เห็นด้วยกับดิวและแอ้” ผมหันมามองบอย บอยพยักหน้ากับผม
       “แต่กูกลัวว่าจะเจอแบบตอนเช้าว่ะ” ผมพูดกับพวกนั้น ผมหันมามองบอย
      “เอานะ ไม่น่าเกิดหรอกว่ะ พรุ่งนี้ก็ทานด้านนอกดูดิว่าจะเป็นยังไง “ไอ้ดิวพูด ทุกคนก็ยักไหล่ เพราะว่าบอกตรงๆ ตอนนี้ก็พากันมืดแปดด้าน ลองอันนี้ดูก่อนแล้วกัน
      “งั้นวันนี้หลังอาหารเย็นกูจะคุยกับไอ้ป๊อดเองว่ะ ว่าเราจะเอาแบบนี้กัน “ไอ้ติ๊กพูดผมพยักหน้ากับติ๊ก อย่างนี้ค่อยเรียกว่าให้ความร่วมมือกันหน่อย
      “ไอ้ต้นข้าว พวกมึงสองคนกลับกันยังไงวะ” ผมหันมาถามไอต้นข้าวและไอ้บลู ถ้าไม่อย่างนั้นพวกผมว่าจะไปส่งที่บ้าน
      “พ่อกูมารับว่ะแต่ว่าพวกกูจะไปกินไอ้ติมกันก่อนเพราะว่าพ่อกูมารับช้านิดหน่อย “ไอ้ต้นข้าวพูด
      “ไปกันไหมอ่ะ” บลูถามพวกผม ชวนพวกผมไปกินไอติมนี่น่ะ
       “ไม่ดีกว่าว่ะ พวกกูขอบาย เหนื่อยว่ะ กลับไปอาบน้ำและนั่งเล่นอินเทอร์เน็ตดีกว่า” ผมพูด แต่ที่ผมตั้งใจคือกะว่าจะรีบกลับบ้านเพื่อไปวางแผนการกันใหม่ ผมต้องเรียกประชุมกันก่อนอาหารเย็นจะมาถึง
       “ร้านนี้ร้านโปรดไอ้ต้นข้าวมันเพราะว่ามีแต่สาวๆ จากเด็กคอนแวนต์มานั่งทานกัน” ไอ้บลูพูด ไอ้ต้นข้าวทำท่าจะหันไล่เตะไอ้บลูโชว์พวกผม
       “ชื่อร้านบ้านไอติม สาวๆ จากโรงเรียนคอนแวนต์ชอบมานั่งทานกันว่ะกูสองคนเลยชอบไปนั่งดูแต่พวกมึงคงไม่ปลื้มใช่ไหมวะ” ไอ้ต้นข้าวมันพูด ยังไม่ทันไรกวนตีนพวกผมอีกแล้ว
        “แซวเล่น รู้ว่าชอบแบบไหนกัน” ไอ้ต้นข้าวพูด
       “ไปเถอะวะ พวกกูไม่ถนัดแบบนี้ ดูแลเทคแคร์ไม่เป็นและเขาก็คงไม่ชอบแบบกูด้วย” ผมพูดและหันไปมองบอย พร้อมกับพยักหน้าว่าไปดีกว่ากลับบ้าน คืนนี้แจ็คต้องขอให้ได้ ผมตั้งใจมาก
       “เออกูถามพวกมึงอย่างหนึ่งดิ “ไอ้ต้นข้าวมันทำท่าจะถามพวกผม ผมหันมามองหน้ามันว่าจะถามอะไร ถ้ากวนตีนนี้ผมว่ามันไม่ได้ไปกินไอติมแน่ๆ
       “พวกมึงไม่ได้ชอบผู้หญิงกันใช่ไหมวะ” ไอ้ต้นข้าวถามและมองหน้าพวกผม พวกผมมองหน้ากัน
       “เออ กูไม่ได้ไม่ชอบ แต่ไม่ได้ชอบแบบเป็นแฟนอะไรแบบนี้ คงจะเป็นที่พวกกู ไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็คบเป็นเพื่อนได้ก็มีน่ะ แต่ไม่เยอะ” ผมพูดไอ้ดิวมันก็พยักหน้าเหมือนกัน เพื่อนผู้หญิงผมมีน่ะและผมยอมรับว่าตัวผมเองเคยมีอะไรกับผู้หญิงด้วย ผมน่ะเป็นไบเซ้กชวลได้ทั้งชายและหญิง ตอนไปที่ดูไบ มีนักเรียนแลกเปลียน นักเรียนต่างชาติที่เขาไม่เคร่ง ผมก็ได้มาแต่ไม่ใช่แฟน แต่ว่าตอนมาอยู่มาเที่ยวกับพวกนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนอย่างเข้ามาเลยสักคน ผมชอบน่ะ มันไม่ต้องมาปวดหัวเพราะว่าบางคนตีกันเอง
      “แล้วมึงล่ะ รังเกียจพวกกูเหมือน...” ผมถามไอ้ต้นข้าว
      “ไม่วะ กูแยกแยะว่ะ” ไอ้ต้นข้าวพูด ผมพยักหน้าให้ไอ้ต้นข้าว พอดีพวกผมเดินคุยกันลงมาจนถึงชั้นล่างพอดี มันน่าแปลกตรงที่เวลานี้มันเวลาเลิกเรียน ควรจะมีนักเรียนอยู่ด้านล่างนี้เต็มไปหมดซิเพื่อรอกลับบ้านกัน แต่ทว่ามันกลับเงียบกริบจนน่าวังเวงเหมือนเป็นโรงเรียนล้างขึ้นมาซะงั้น ระหว่างที่พวกผมเดินคุยกันก็มีพวกนักเรียนที่วิ่งสวนผมขึ้นไป ผมหันไปมองด้วยความไม่เข้าใน ไอ้ดิวก็คงคิดเหมือนผมแต่ว่าบรรดาหนุ่มเหลือน้อยคุยกันไปไม่สนใจอะไรกันเลย
      “เกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมไม่มีนักเรียนเลย เขากลับกันไปหมดแล้วเหรอวะ “ไอ้ดิวพูดขึ้น คราวนี้ทุกคนก็พากันกวาดสายตามองไปรอบๆ
      “เออวะ กูว่ามันแปลกว่ะ” ไอ้แอ้พูดมันลดหนังสือการ์ตูนลง จากที่เดินอ่านไปด้วยและเดินเท้าลงมาด้วย (ไอ้นี่มันเทพจริง)
       “รู้สึกว่าเริ่มจะวังเวงอีกแล้วว่ะ” ไอ้ติ๊กพูด ผมหันมามอง ช่วงนี้มีองค์เหรอ
        “ถ้ามันจะแปลกมันก็แปลกตั้งแต่เช้าแล้วพวกมึง “ผมพูดและมองหน้าพวกมัน
        “กูโทรหาพี่คนขับรถดีกว่าว่าพี่เขามารอหรือยัง” ไอ้ติ๊กพูด มันก็กดมือถือหาคนขับรถทันที ผมก็พยักหน้าและมันก็ก้มหน้าก้มตากดมือถือ
       “กูไปก่อนนะ แยกกันตรงนี้ว่ะ” ไอ้ต้นข้าวพูดและไอ้บลูอีกคน
       “แล้วมึงไม่ออกด้านหน้าเหรอวะ” ไอ้ดิวมันถามไอ้ต้นข้าวและบลู
       “พวกกูมีทางลัดว่ะ เดินไปด้านหน้ากว่าจะถึง กูไม่ทันได้สั่งไอติม พ่อกูมารับซะก่อน ร้านนี้คนเยอะ” ไอ้ต้นข้าวมันพูด มีแบบนี้ด้วยเหรอทางลัด ผมก็พากันโบกมือให้พวกมันสองคนไปทางลัด ไอ้ต้นมันโบกมือลาแอ้ ดูจะสนิทกันเร็วอะไรเบอร์นั้น
        “มาแล้วเหรอ กูรอเจอพวกมึงอยู่ว่ะ” เสียงใครสักคนพูดขึ้น พวกผมก็หันไปตามเสียงนั้นและพวกมันก็เดินออกมากันเป็นแพเลย ทำเอาพวกผมถอยหลังออกมามองด้วยความตกใจ มันมากันแบบอาวุธครบมือ แม้จะไม่ใช่ปืนหรือมีดแต่นั่นมันไม้ที เอามาทำไมว่ะนั้น มาวัดสวนสูงพวกผมหรือไง ไม่น่าจะใช่
        “ดูท่าพวกมึงจะงานเข้าวะ” ไอ้ต้นข้าวมันยังยืนอยู่ด้านหลังพวกผม
       “ไม่ต้องดูท่าหรอก กูว่าเข้าวะงานนี้ มีเรื่องแน่ๆ” ไอ้บลูพูด ผมหันมองหน้ามันนี้มันพร้อมกับคำขอบใจมันมากด้วยนิ้วกลาง มันยิ้มแหยะๆ
         “บอยหลบหลังแจ็ค” ผมพูดและดันตัวบอยไว้ด้านหลังก่อน ไอ้ดิวมันออกมายืนเสมอกับผม และมองไอ้พวกที่ยืนเอาไม้ทีเคาะที่มือ มันมายังไง จะมองหาคนช่วยก็ไม่มี เพราะเวลานี้ไม่ต่างจากโรงเรียนร้างเลยครับ ผมได้แต่ยืนกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอกัน
         “มึงมารอพวกกูทำไมอ่ะ ขอลายเซ็นเหรอ” ไอ้ติ๊กตะโกนถาม ผมหันไปขยิบตา ถ้ามึงเงียบได้จะดีกว่าไอ้ปากเสีย
        “กูจะเอาไปทำไมลายเซ็น แต่พวกกูอยากได้มาเป็นเมียวะ” มันตะโกนตอบพวกผมมา
        “ฉิบหายแล้ว!!!” ผมสบดออกมา
        “เอาไงดีวะดิว” ผมถามไอ้ดิว มันก็มองผม
        “มึงพร้อมไหม” ไอ้ดิวมันถามผม ผมหันมามองหน้ามันเอาอย่างนั้นเลยเหรอ
        “แลกเลยเหรอวะ “ผมถามไอ้ดิวกลับทันที
        “แลกพองมึงดิ พร้อมไหม คือพร้อมวิ่งไหม ถ้าพร้อมก็หันหลังและใส่ตรีนหมา วิ่งแบบไม่ต้องคิดอะไร วิ่งไปให้เร็วที่สุด” ไอ้ดิวพูดและมันก็หันครับ ออกวิ่ง มันดึงแขนแอ้ และไอ้ติ๊กก็ลากพายไปด้วย ผมก็ลากครับและออกวิ่งเช่นกัน
        “แจ็ค” เสียงนี้มันไม่ใช่บอย ผมหันมามอง อ้าว ผมดึงไอ้บลูมาแทน และบอยนะกำลังวิ่งตามมากับไอ้ต้นข้าว และด้านหลังก็ไอ้พวกนั้น ผมวิ่งกลับไปหาไอ้ต้นข้าวและผมก็ส่งมือเพื่อนมันคืนไปและจับมือที่รักผมแทน
      “ไอ้ต้นข้าวเอาเพื่อนมึงคืนไปและเอาที่รักกูคืนมา” ผมพูดและจูงมือบอยมาแทน ผมวิ่งแบบไม่มีจุดหมาย นะตอนนี้ทำไมโรงเรียนเหมือนเขาวงกตเลย มันวิ่งวนไปมา หาทางออกไม่เจอเลย จะมัวแต่อ่านป้ายบอกทางก็ไม่ได้ ไม่มีเวลา
        “ไปไหนดีล่ะวะ” ไอ้ดิวหันมาถาม แล้วผมจะรู้ไหมครับ
        “เฮ้ย! กูรู้ว่าไปทางไหนดี” ไอ้ต้นข้าวพูด มันวิ่งตามจนทันกับไอ้บลู
        “วิ่งตามกูมา” ไอ้ต้นข้าวเงยหน้าขึ้นมาบอกพวกผมและออกวิ่งนำหน้าออกไป เหมือนจะพาไปทางด้านหลังห้องน้ำที่พวกผมเจอไอ้พวกรุ่นพี่เมื่อเช้าแต่มันตันแล้วนิ แต่พวกผมก็เชื่อว่ามันคือความหวังสุดท้าย ผมก็วิ่งตามมันไป จนถึง ช๊อปร้างและนั้นมันเหมือนทางตันนะผมว่า
        “ทางตันไอ้ข้าว” ไอ้ดิวพูด ผมก็เห็นทางตั้น โธ่ไอ้ความหวังสุดท้ายของพวกผม
        “มานี้กูมีทางหนี” ไอ้ต้นข้าวพูดผมก็มองพวกนั้นมันยังคงโวยวายพยายามหาพวกผมกันอยู่
         ผมเห็นไอ้ข้าวมันตรงไปที่ประตูและมันก็เอาลูกกุญแจออกมาและมันก็ไขกุญแจทันที มันมีลูกกุญแจได้ไงแต่ใครจะสน ณ ตอนนี้ พวกผมก็รีบหมุดตามมันทันที ทุกคนออกไปได้ ไอ้ต้นข้าวก็ปิดประตูลงและทำการล๊อกกุญแจจากด้านนอกทันที ไอ้นี่มันฉลาดมาก ผมยกนิ้วให้มันเลย
         “กูนี่เลือกคนเข้าแก้งไม่ผิดจริงๆ” ผมพูดชมไอ้ต้นข้าว
         “วิ่งตรงไปเลย” ไอ้ต้นข้าวบอกพวกผม พวกผมก็วิ่งครับ วิ่งหนีสุดชีวิต ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ยังไงก็ให้ผ่านไปให้ได้จนกระทั่งออกมาทะลุปากซอย เล่นเอาหายใจทางเหงือกกันเลยทีเดียว
         “เวรฉิบหายเลย ใครวะ เชี่ยเอ๊ย!!” ไอ้ดิวสบถออกมาและนั่งแผ่หลาด้วยความเหนื่อยและมันก็ตบมือให้แอ้นั่งลงตามมาด้วยติ๊กพาย พวกผมนั่งหอบกันตรงฟุตบาทกันและหันหลังกลับไปมองให้แน่ใจว่าพวกมันไม่ตามมา แต่จะตามมายังไงเพราะว่าไอ้ต้นข้าวมันล๊อกกุญแจเอาไว้แล้ว
        “มันไม่ตามมาหรอก” ไอ้ต้นข้าวพูดไปด้วยหอบไปด้วย
         “พวกมึงไปทำอะไรให้พวกนี้ว่ะ” ไอ้บลูถามพวกผม
         “เป็นคำถามที่ดีมาก พวกกูไม่รู้ว่ะและพวกกูมากันวันแรกน่ะที่นี้ พวกกูไม่เคยมาเหยียบที่นี้กันก่อนเลยจริงๆ “ผมหันไปบอกพูด

        ต่อครึ่งหลัง  :z13:

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
ต่อจากครึ่งแรก  EP.1ุ6.1 แค่วันแรก 2

          พวกผมออกมายืนที่ถนนเส้นไหนไม่รู้ เพราะว่าผมไม่เคยมากันแต่ที่นี้แน่ะ น่าจะเดินกลับไปไกลมากที่จะกลับไปขึ้นรถที่หน้าโรงเรียน ผมไม่เคยเลยว่าชีวิตผมจะมาเจออะไรแบบนี้ที่ต้องวิ่งหนีอะไรแบบนี้ และถ้าจะให้พวกผมมาเจอแบบนี้กันทำไมลุงหนี่งไม่ส่งการ์ดมาดูแลพวกผมกัน ผมพากันดึงชายเสื้อออกมานอกกางเกงขาสั้น ผมเคยใส่ก่อนที่จะไปเรียนที่ดูไบ ไปเป็นเด็กมัธยมปลายที่นั่นและเรียนมหาวิทยาลัยออนไลน์ไปด้วยเพื่อจะได้จบเร็วๆ แต่ว่าดันมาทิ้งมหา’ลัยไปเป็นเด็กมัธยมปล่อยอีกครั้ง
        “ไหน ไหน ก็มาแล้วเข้าไปกินไอติมกันก่อนไหมอ่ะ” บลูถามพวกผม ผมเงยหน้ามองและหันมามองหน้ากัน
         “เข้าไปนั่งพักก่อนเถอะวะ วิ่งมาไกลมาก กูว่าวิ่งรอบสนามฟุตคบอลเลยก็ว่าได้ว่ะ “ไอ้ติ๊กพูด ผมพยักหน้าตามนั้น ผมหันมามองบอย บอยก็พยักหน้ากับผมว่าเขาโอเค
         “หาอะไรเย็นดื่มกันก่อนแล้วค่อยโทรหาคนขับรถแล้วกัน” ผมบอกทุกคนก่อนจะพากันเดินเข้าไปในร้านที่ไอ้ต้นข้าวมันพาผม

        ร้านนี้เป็นร้านกระจก  มีแอร์เย็นฉ่ำรออยู่แน่นอน ผมกุมมือบอยแต่พอจะเข้าไปในร้าน บอยพยักหน้ากับผมให้ปล่อยมือเขาก่อน ผมหันมามองบอย บอยพยักพเยิดไปที่ด้านใน ผมถึงกับอึ้งเพราะว่าเด็กนักเรียนเพียบเลย

        “ไอ้ต้นข้าว ไอ้บลู โรงเรียนไหนว่ะ เครื่องแบบไม่เห็นเหมือนพวกนักเรียนในโรงเรียนลุงกูเลยอ่ะและเครื่องแบบนี้มันฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งมากเลยว่ะ กูอยากย้ายจากโรงเรียนสายโหดลุงกูไปเรียนเดียวกับน้องเขาเลยว่ะ” พายพูดกับต้นข้าวและบลู
        “โรงเรียนคอนแวนต์อยู่ทางใต้โน่น ส่วนโรงเรียนเราอยู่ทางเหนือนั้น” ไอ้ต้นข้าวพูดและชี้นิ้วไปมา ผมก็พยักหน้า และก็พากันเดินผ่านสาวๆ น่ารักเข้าไป ผมยอมรับสาวๆ โรงเรียนนี้น่ารักน่าชังเยอะน่ะ มีผู้ชายประปรายแต่ดูท่าจะเหลือน้อย ส่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาให้
       “ใครอ่ะหล่อว่ะ” มีแต่คนชมผมครับ พวกผมก็ยิ้มทักทาย ส่วนพายน่ะโบกมือให้
        “คนนี้น่าคุ้นน่ะๆ เหมือนเห็นใน ติ๊กต๊อกอ่ะ คนเดียวกันไหม” มีคนคุยกันผมว่าน้องเขาเป็นแฟนเพจติ๊กต๊อกของพายน่ะ
        “เชิญค่ะ ด้านในเลยค่ะ” น้าคนหนึ่งเดินมายืนรอพวกผม พร้อมรอยยิ้มที่ดูมีไมตรี และเขาก็ให้เด็กในร้านมาต่อโต๊ะให้พวกผมเพราะว่ามันไม่พอ พวกผมนั่งลง ผมหันไปมอง ผมนั่งใกล้เครื่องปรับอากาศกันด้วย เรียกว่าเย็นชื่นใจเลยทีเดียว
         “สั่งอะไรดีคะ” น้าเขาถามพวกผม ผมหันมามองหน้ากัน
          “ดูท่าจะเดินมาไกลอยู่น่ะ” น้าเขาถามพวกผม เจามองหน้าตาพวกผม ผิวแดงจากแดดร้อน โดยเฉพาะผมและบอย ผมสองคนอาศัยอยู่เมืองนอกมากกกว่า
         “วิ่งมาไกลครับ” ไอ้ดิวมันตอบ
         “วิ่งทำไมละลูก ร้อนน่าดู” น้าเขาพูดแซว
         “เอาอะไรเย็นมาดื่มก่อนเลยน่ะ อยากมากเลยตอนนี้ “ไอ้ติ๊กพูด ผมหันไปมองบอย
         “บอยขอน้ำเปล่าน่ะ” บอยบอกผม
         “น้ำเปล่าใช่ไหมคะ “น้าเขาถามบอย บอยก็พยักหน้า ผมหันมามองดิวว่าเอาไง
          “กูว่าเบียร์ก่อนเลยว่ะ ร้อน” ไอ้ติ๊กมันพูดขึ้น ผมชี้นิ้วใช่เลย พวกผมสิบแปดกันแล้วดื่มแอลกอฮอล์กันได้แล้วและนีแหละถึงได้มีเรื่องไง
          “ดิวมึงล่ะ” ผมถามไอ้ดิว
          “กูเอาด้วย ขอเย็นๆ เลย” ไอ้ดิวพูด
          “ก็อยากดื่มไวน์อยู่น่ะ แต่เอามั้งเบียร์” พายก็เช่นกัน คนนี้เห็นแบบนี้ดื่มได้เหมือนกัน
          “แอ้ล่ะเอาอะไรดี บาคาดี้ไหม” ดิวถามแอ้
          “ก็ได้” แอ้ตอบ ผมหันไปมองน้าที่ยืนรออยู่ เขาไม่ได้ยินเพราะว่าผมกระซิบคุยกัน
          “พวกผมขอสั่งน้ำเปล่าหนึ่งและเบียร์ทั้งหมดเลยครับ อ้อ บาร์คาดี้ด้วยครับ ขอแบบเย็นๆ เลยนะครับ” ผมสั่งก่อนจะหันไปมองไอ้ต้นข้าวกับไอ้บลู มันมองผมอ้าปากค้างเพื่ออะไรของมันก็ไม่รู้
          “มึงสั่งยัง” ผมถาม
           “มึงคิดไปก่อนเลย น้าครับผมขอเลยนะครับ อยากมากกกครับ “พายพูด และผมก็หันมาคุยกัน
           “ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันไม่ไหวนะโว้ย นี่แค่วันแรกเอง” ผมพูดกัน
           “เออแค่วันแรกก็เกือบไม่มีชีวิตรอดแล้ว นี้เราอยู่เพื่อใช้ชีวิตหรืออยู่เพื่อให้มีชีวิตรอดกันแน่ว่ะ” ไอ้ดิวพูด
            “ขอโทษนะคะ!” จู่ๆ น่าเขาพูดเสียงดังเพื่อนให้ผมหยุดสนทนา
            “ที่เราสั่งมานี่คิดดีแล้วเหรอคะ!!!” ผมถึงกับต้องหยุดสนทนากันสักครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองน้าเขา
            “ครับผม คิดดีแล้วครับ” ผมตอบ
            “พวกเรายังใส่ชุดนักเรียนกันอยู่เลยน่ะ!!” น้าเขาพูด พวกผมก็ก้มลงมองชุดนักเรียนไงครับ
            “ชิท!!!!” ไอ้ดิวมันอุทาน
            “ร้องทำไมของมึงวะดิว” ผมถามไอ้ดิว
            “ชุดนักเรียนมันสั่งเบียร์ไม่ได้นะมึง” ไอ้ติ๊กพูด ผมหันมามองทุกคน
             “ใช่ค่ะ!!! ใส่ชุดนักเรียนขนาดนี้ สั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหรอคะ นี้ยังอยู่ในเขตโรงเรียนอยู่นะคะ ถึงไม่ใช่ในรั่วโรงเรียนก็เถอะ ร้านน้าไม่ขายแอลกอฮอล่ค่ะ” คุณน้าพูด ผมหันไปมองไอ้ต้นข้าว
            “กูจะทักแล้วแม้เบียร์เย็นๆ ไม่สั่งกลับแก้มด้วยล่ะ กูจะได้สั่งข้าวมารอด้วย กินข้าวเย็นที่นี้ไปเลย ไม่รอไปทานที่บ้าน” ไอ้ต้นข้าวพูด ผมหันไปมองพร้อมกันและนิ้วกลางให้ทันทีคนละอันเลย
            “นี่ร้านไอติมนะคะหนู “คุณน้าบอกผม ผมก็ลืมไปว่ามาเป็นเด็กมัธยมครับผม
           “งั้นก็เอาน้ำเปล่ามาก่อนเลยครับคุณน้าและขอเมนูมาดูก่อนนะครับ” ไอ้ดิวมันพูดและแบมือขเมนูมาดูรายการกันก่อนเลย น้าเขาค้อนก่อนจะเดินไปหาไอ้ต้นข้าวและบลูต่อทันที
          “เหมือนเดิมไหมคะ” น้าเขาถามไอ้ต้นข้าวและบลู พวกผมเชื่อแล้วว่าลูกค้าประจำ เหมือนเดิมไหมและคุณน้าก็เดินมาทางผม
          “ดูท่าจะร้อนน่าดู น้าไปเอาน้ำมาเสิร์ฟก่อนน่ะ ดูเมนูกันไปก่อนนะจ๊ะ” คุณน้าเขาพูด พวกผมก็พยักหน้าและพากันเปิดดูเมนู ไอติมน่ารักฟรุ้งฟริ้งมาก ผมมองไปรอบๆ สาวที่หันมายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้พวกผม
            “ไอ้ต้นข้าว มึงนี่มันไม่น่าจะเป็นแค่เพื่อนพวกกูแล้วมึงควรจะเป็นแม่พวกกูแล้วเนี๊ยะ!! “ไอ้ดิวมันพูดกับไอ้ต้นข้าว แอ้มันยิ้มๆ ให้ต้นข้าว
            “แม่ข้าว” พายพูดแต่มันก็ทำให้พวกผมขำกันได้บ้าง
          “กูออกจะแมนโว้ยย!!” ไอ้ต้นข้าว
          “เกือบได้เรื่องแล้วแจ็ค” บอยหันมาพูดกับผม
           “มันก็สมควรแล้วน่ะมึงที่จะมีแต่น้องๆ เขานั่งนะมึง” ไอ้ดิวกระซิบกับพวกผม
          “ก็มันร้านไอติมนี่ ชื่อก็บอกอยู่ว่าบ้านไอติม ไม่ใช่ผับไอ้ติม” ติ๊กพูด
          “มาทานไอติมกันเหรอ กูว่าน่ะพวกมึงน่ะไม่เหมาะกับไอติมที่นี้หรอก ให้พวกพี่พาไปท่านกันเองดีกว่าไหม ไอติมพวกนี้เยิ้มรอมาก รอปากงามของพวกมึงอ่ะ” ผมหันไปมองคนที่เข้ามายืน เสื้อช็อปมาแบบนี้มันเด็กสายช่าง แต่สำหรับผมตอนนี้ ช่างมันเถอะ พวกผมหันมามองก้มหน้าก้มตามองเมนู เพราะมันไม่ได้ระบุนิว่าคุยกับใคร
          “กูบอกพวกมึงนั่นแหละ พ่อพวกมึงเป็นตุ๊ดกันไม่ใช่เหรอวะ เลยต้องมาเรียนโรงเรียนพ่อพวกมึงเพราะว่าพวกมึงมันเป็นตุ๊ด ฮา!!!” พวกนั้นมันพูด พวกผมก็เดาได้แหละว่าพวกผมนีแหละแต่ว่าตอนนี้ท่องไว้ครับ ขันติ ถ้าไม่ขันติ พวกผมคงได้ถูกทำโทษยาวเลย
         “ว่าไงตุ๊ด!!! ฮาๆ” พวกผมหันมามองหน้ากัน
          “ไอ้พวกนี้มันไม่เคยศึกษา LGBTQ มาบ้างเหรอ มันเลยไม่รู้ว่าเขามีมากกว่าตุ๊ดที่มันรู้จักซะอีก” ติ๊กพูดก่อนจะหันไปมองพวกมัน
           “มันมาหาพวกมึงใช่ไหมวะ” ไอ้ต้นข้าวกระซิบถามพวกผม พวกผมพยักหน้าพร้อมกัน
            “ก็อย่าไปสนใจ หาอะไรทานกันดีกว่า” ไอ้ดิวพูด และหันมาสะกิดแอ้ให้ดูที่มันจะกินว่างั้น
           “มาทานของพี่ไหม มีน้ำสีขาวขุ่นๆ ด้วยน่ะ ถ้าได้ปากเล็กๆ น่ารักอย่างน้องน่ะ” มีคนพูดข้างพวกผม ไม่ทันที่พวกผมจะหันหลังไป มันก็ถึงพวกผมแล้วมันก็กำลังจะคว้าข้อมือไอ้แอ้ ใช่มันคิดผิดมากไอ้แอ้ไวเกินคาดมันก็พลิกแขนไอ้คนนั้นได้มันก็บิดเหมือนในหนังไม่มีผิด
           “โว้ววว” ไอ้ติ๊กร้องแต่ไม่ได้ร้องห้ามไอ้แอ้
           “โอ๊ยย สาด!” มันสบถและด่าไอ้แอ้ด้วยความเจ็บปวด เสียงเก้าอี้เลื่อนออกทำให้ทุกคนแตกตื่นและลุกขึ้น พวกผมลุกและหันไปมองไอ้คนที่แอ้มันบิดแขนค้างเอาไว้
            “มึงอยากได้ไอติมแบบเป็นแท่งเหมือนกันใช่ไหมแต่รูปตีน” ไอ้ดิวถาม
            “ผลัก!!” ไอ้ติมรูปตีนของไอ้ดิวไปแล้วหนึ่งข้างเสียดายมีร้องเท้ากันเอาไว้
             “พวกกูมีแต่แบบนี้ให้พวกปากดีแบบพวกมึงอ่ะ เอาไปกระแทกปากและแถมด้วยน้ำราดสีแดงทะลักว่ะ ลองไหมล่ะ “ไอ้ดิวก้มลงไปถามไอ้คนที่แอ้บิดข้อมือเอาไว้ มันโหดสาด
            ไอ้ดิวหันไปมองพวกเพื่อนๆ ของมันกำลังวิ่งเข้ามาใส่เลย ไอ้ดิวหันไปและปล่อยมันตรงไปทันทีที่ใบหน้าคนที่วิ่งมาถึง มัดไอ้ดิวหนักมาก คนที่โดนไปมันถึงกับออกอาการมึนงงไปเลย เซแบบตั้งหลักไม่อยู่และไอ้ดิวก็ถีบไอ้คนที่แอ้บิดแขนไว้กระเด็นไปสมทบอีกคน ไปนอนกองด้วยกัน
           ผมลุกขึ้นยืนมองไปรอบ พวกแก้งเดียวกันมันยืนมองอยู่และมองเพื่อนๆ ของพวกมัน กล้าๆ กลัวๆ จะเข้ามา มันกระซิบกระซาบกันด้วยแสดงว่าไม่ได้ศึกษาประวัติพวกผมก่อนจะรับงานซิท่า เจ็บหนักทุกคนดังนั้นผมเลยไม่ค่อยขยันอยากมีเรื่องกับใคร เลี่ยงได้ก็จะเลี่ยงทันทีแต่ว่างานนี้คงยากเพราะว่าพวกมันอุดพวกผมเอาไว้ในร้านแบบนี้ น้องๆ ผู้หญิงน่ะรอที่ตรงทางออกกันหมดแล้ว
           “พวกมึงเป็นอะไรกัน กูไม่รู้จักพวกมึงสักหน่อย อย่ามาหาเรื่องกันได้ไหมวะ “ผมถามไอ้พวกที่มันรอเข้ามาใส่พวกผม
         “อะไรกันคะ นี้อย่ามามีเรื่องในร้านนะ ไม่งั้นน้าจะแจ้งตำรวจนะคะ” ผู้หญิงคนนั้นเดินออกมาพร้อมกับผู้ชายอีกคนที่หยิบมือถือมาด้วย ทำท่าจะกดสายถึงตำรวจ ผมจะหันไปอธิบายแต่เขายกมือห้ามผมไว้ พวกผมหันมามองหน้ากัน งานเข้าแน่ๆ เรื่องนี้ต้องถึงหูเจ้าคุณพ่อพวกผมแน้ๆ
         “งานงอก” ไอ้ติ๊กพูด
         “วันแรกก็โดนซะแล้ว กูว่าตายแน่ๆ อยู่ต่ออีกปี” น้องพายพูด
         “กูว่าน่าจะไม่ได้กลับถาวร” ไอ้แอ้พูด ผมหันมามองหน้ามันช่วยได้มากแอ้
           “น้าเห็นค่ะ ว่าเราไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ “คุณน้าคนนั้นพูด เข้าข้างพวกผม
           “เดี๋ยวได้เห็นดี!” พวกนั้นมันมาพยุงเพื่อนมันขึ้น มันมากันห้าหกคนได้แต่ตอนนี้เดี้ยงไปสองคนแล้ว และมันก็เดินออกมาไปจากร้าน พวกนักเรียนต่างโรงเรียนกับพวกผมที่ยังนั่งอยู่ก็หันมามองผมด้วยอาการตกใจ
           “แก ..ใช่พวกที่เขาบอกว่าพวกคุณหนูลูกหลานเจ้าของโรงเรียนบดินทร์วิทยามั้ยวะ? “ผมได้ยินเสียงคนกระซิบกัน
            “ใช่ว่ะ แก ออกเถอะวะ เดี๋ยวเกิดมีมาอีกพวกเราซวย กลับบ้านดีกว่า” นั้นไงแต่ละคนพากันลุกขึ้น ผมหันไปมองเจ้าของร้าน ผมไม่น่าทำให้เขาเดือดร้อนไปด้วยเลย
            “ซวยเลยว่ะ” ผมพูดและผมคงต้องจ่ายค่าเสียหายและค่าที่ทำให้ลูกค้าหายอีกด้วย
            “พวกผมขอโทษนะครับ เดี๋ยวผมจ่ายค่าเสียหายให้” ผมพูดและบัตรเครดิตขึ้นมา
          “ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกคุณไม่ได้ทำอะไรผิด” คุณน้าเจ้าของร้านพูด
         “ถ้าอย่างนั้น บอยว่าพวกเรารีบกลับไปที่โรงเรียนเพื่อไปขึ้นรถกลับบ้านกันเถอะ “บอยหันมาบอกทุกคน ผมหันไปพยักหน้ากับต้นข้าว มันก็พยักหน้ากับผมว่าจะกลับเหมือนกัน
         “งั้นก็แยกกันข้างหน้านี้น่ะ กูจะไปโทรหาพ่อว่ามารับตรงไหนดี” ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมกำลังจะเดินออกจากร้าน ที่ตอนนี้ไม่มีคนแล้วทุกคนไปกันหมด จนออกมาถึงหน้าร้าน ผมก็เห็น แต่ไกลๆ มีพวกยกโขยงกันมาเยอะมาก
           “ไม่จริงนะ อะไรกันวะ แม่งไม่ยอมจบว่ะ” ไอ้ติ๊ก ผมหันไปหันมาจะไปไหนดี แต่ที่แน่ๆ ไอ้ต้นข้าวกับไอ้บลูวิ่งไปแล้วครับ มันรู้ว่าไปทางไหน แต่มันรอดแล้ว เหลือแต่พวกผมนี่แหละ
“พวกนายทางนี้ “มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเรียกผม ให้เข้าไปทางช่องแคบของทางร้าน และพวกผมก็ไม่มีทางเลือกครับ วิ่งตามไอ้คนนั้นไป มันพาไปเหมือนห้องใต้บันไดลงไปและมันก็ปิดประตู พวกผมอยู่ในนั้นในความเงียบมาก เวลาผ่านไปสัก 20 นาทีแต่นานมากสำหรับพวกผม จนกระทั่งไอ้คนนั้นมันเดินมาเปิดประตูให้พวกผมอีกที
        “พวกมันถอยออกไปแล้วแต่เราไม่แน่ใจนะว่ามันจะไปดักรอที่ไหน ที่หน้าโรงเรียนไหม อันนี้เราไม่รู้” ไอ้คนที่ช่วยพวกผมเอาไว้พูด
        “เอาไงดี จะกลับบ้านไงว่ะ” ไอ้ติ๊กพูด ผมก็มองหน้ากันนั้นซิจะกลับยังไง
        “นั้นดิ กลับยังไงวะหรือว่าเราจะต้องนอนกลางถนนกันคืนนี้ “พายพูดซะจนเว้อ
         “พวกนายโทรบอกคนขับรถให้ขับมาที่ร้าน บ้านไอติม “คนที่ช่วยพวกผม บอกผม
         “เฮ้ย! เกรงใจน้าเขาเมื่อกี้พวกเราเหมือนไล่ลูกค้าเขาเลยว่ะ” ไอ้ดิวพูด ผมก็พยักหน้าว่าใช่
         “ไม่เป็นไร นั้นพ่อแม่เรา” ไอ้คนที่ช่วยพวกผมเอาไว้บอกผม ผมก็หันไปมองหน้าว่า คนนี้คือลูกชายเขาเหรอ
          “เออ...” พวกผมก็พากันทำหน้างงมากขึ้น ไม่ใช่อะไรหรอกแต่แอบสงสัยว่าทำไมตั้งใจช่วยพวกผมทั้งครอบครัวแต่ก็เอาเถอะ บอยแตะมือผมเบา ผมก็พยักหน้ารับ
           “เร็วดิ! ก่อนที่พวกมันจะกลับมาและคราวนี้จะยากนะ” ไอ้คนที่ช่วยผมบอกพวกผม ผมพยักหน้าบอกไอ้ติ๊ก มันก็โทรหาคนขับรถและคุยกับเขาว่าให้มารับตรงไหน แต่มันอธิบายไม่ถูก คนที่ช่วยผมเลยอธิบายไปแทนว่าให้เขามารับผมทางไหนกัน
          “พี่ๆ เขาจะมาถึงในห้านาที และนั้นน่ะทางออกพอรถมาวิ่งไปขึ้นรถเลยน่ะ” คนช่วยพวกผมบอกก่อนจะชี้นิ้วไป
          “นายเป็นใครทำไมช่วยพวกเราอะ” แอ้หันไปถาม
          “เอานะเราอยากช่วย “เขาบอกพวกผมแค่นั้น
          “นายชื่อไรวะ” ผมถามชื่อทันที
          “เราชื่ออธิป” คนนั้นบอกชื่อพวกผม และผมจะจำไว้ว่าใครช่วยผม ผมยื่นมือไปเช็คแฮนด์ทำความรู้จักสไตล์ฝรั่งมันก็เช็คแฮนด์ผมกลับเช่นกัน
         “เฮ้ยรถมาแล้ววะ!” ผมกำลังจะพากันเดินไป ผมหันมามองคนที่ช่วยเหลือพวกผมอีกครั้ง เขายืนเหมือนคุยโทรศัพท์อยู่
           “เออ ...ปลอดภัยแล้ววะจักร รถมารับแล้วว่ะ “ผมได้ยินมันคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้แต่ชื่อคุ้นๆ ไม่น่าจะใช้คนที่ผมรู้จักหรอกเพราะว่ามันคงไม่น่าจะมาดังไกลถึงนี้
            ไอ้คนที่ผมว่านั้นเป็นลูกคนเล็กของลุงสามน้องชายลุงหนึ่งเขาแฟนอาภาคย์ แต่ตอนนี้ผมก็วิ่งมาจนมาขึ้นรถ ผมเข้ามานั่งในรถ มีติ๊ก แอ้น่ะไอ้ดิวมันดันไปอีกคันและพายก็รีบดันแอ้เข้าไปก่อน เหลือไอ้ติ๊กเอาไว้ผมรีบบอกให้มันขึ้นรถคันเดียวกับผมและบอยทันที ไอ้ดิวมันระวังหลังเหมือนผม และมันก็ขึ้นไปเป็นคนคนสุดท้ายและ ผมก็ขึ้นไปคนสุดท้ายแต่มาคันเดียวกับติ๊กและบอย
           “มาทานไอศกรีมกันเหรอครับคุณหนู อร่อยไหมครับร้านนี้” พี่คนขับถามแต่พวกผมมองรอดไปข้างนอกรถ
          “ไม่อร่อยครับเพราะยังไม่ทันได้กินครับ “ไอ้ติ๊กพูด
          “อ้าวทำไมละครับ ไม่ต้องรีบ ผมรอได้ คุณหนูจะลงไปทานกันก่อนไหมครับ” พี่คนขับรถบอกพวกผม
           “ไม่ดีกว่าพี่ออกรถเถอะเพราะผมจะไม่ได้ทานแค่ไอศกรีมแต่ะจะเป็นอะไรที่มันแข็งเหมือนตีนนะครับพี่และมันรออยู่เป็นร้อยคู่เลยด้วยพี่” ผมรีบบอกพี่คนขับ
          “ออกรถเลยพี่ก่อนที่พวกนั้นจะมา” ไอ้ติ๊กบอกพี่คนขับรถอีกครั้งและผมเห็นว่ารถที่ไอ้ติวแอ้และพายขึ้นไปวิ่งออกไปแล้ว
           “งั้นก็ไม่รอละครับ กลับบ้านนะครับ” พี่เขาคงรู้ว่าจะเกิดอะไรถ้าขืนรออยู่ และรถก็แล่นออกไป นายคนที่ช่วยผมยังยืนโบกมือให้ผมอีกด้วย ผมนั่งกันแบบเซ็งมาก ไม่เคยเจออะไรหนักแบบนี้เลยจริงๆ
          “วันนี้เรียนหนักกันเหรอครับ ดูเหนื่อยๆ กันน่าดู “พี่คนขับรถถามพวกผม
        “มากครับแต่ไม่ได้เรียนครับ วันนี้เรียนจริง แค่สองวิชาที่เหลือนั่งๆ นอนๆ แต่ที่สภาพดูเหนื่อยก็วิ่งหนีตรีนมานี้แหละครับ จากโรงเรียนมาถึงร้านบ้านไอติม กะว่าจะกินไอติมสักหน่อย ตรีนยังมาถามหาถึงในร้านเลยครับพี่” ไอ้ติ๊กพูด ผมกันไปกุมมือบอย บอยไม่น่ามาซวยกับพวกผมเลยจริงๆ บอยพยักหน้าว่าบอยโอเค
            “พวกผมไม่ได้ไปทำอะไรให้พวกนั้นมันเลยนะพี่ พวกอันตพาล พ่อแม่ไม่รักหรือไงไม่รู้ มันจะรู้ไหมเนี่ยะว่ามันคือภาระสังคม” ไอ้ติ๊กมันพูด ติ๊กมันเป็นคนค่อนข้างไปทางปากร้าย ไม่แปลกใจเล่นนั่งคู่กับนางเองคนไหน มันต้องมีกัดจิกกันตลอดจนบางทีนางเอกขอถอนตัวไม่เล่นต่อ นี้เลยต้องมาเล่นคู่กับพระเอกแทนตอนนี้
           “อย่างนี้แหละครับชีวิตวัยรุ่น” พี่เขาพูดและหัวเราะไปด้วย
          “ผมก็ผ่านมาแบบนี้ครับ เมื่อก่อนผมก็ไล่ตีรันฟันแทงเขาไปทั่ว คิดว่าเท่มาก เพื่อนมากลากไป ไปตามเพื่อน ถามว่าไปทำไม ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะแต่อยากไป มันเท่ดี สาวมองตรึม “พี่คนขับรถเขาพูดขึ้นพวกผมก็แปลกใจแต่ก็ฟัง
         “ผมเป็นพวกอันตพาลที่ไปที่ไหนต้องมีเรื่องกับพวกเขาไปทั่ว ไม่เหยียบตีนก็มองหน้า ไม่มองหน้าก็หลี่ผู้หญิงคนเดียวกัน หรือไม่ก็ได้ยินมาว่าไอ้นี่ยังงั้นยังงี้ ต้องเล่นมัน เยอะแยะ “พี่เขาพูดถึงเรื่องเก่าๆ ให้พวกผมฟังเกี่ยวกับประวัติพี่เขา
           “ผมนะโดนคนตราหน้าว่าเป็นพวกไม่มีอนาคต และผมก็ถูกส่งไปสถานกักกันตั้งแต่อายุไม่ถึง15 และติดคุกเยาวชนก็ไปมา และพอออกมาได้ก็หางานทำไม่ได้อีก เพราะประวัติ จนต้องไปทำงานรับจ้างไปทั่ว มีทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย “พี่เขาพูด ผมก็พยักหน้า
          “ถามว่าพอเริ่มบรรลุนิติภาวะ ผมก็อยากมีงานดีดี มีอะไรที่มั่นคงแต่มันยากจนกระทั่ง”
          “วันหนึ่ง วันที่ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปตลอดกาลนั้นคือ วันที่ผมขับรถผ่านไปเส้นทางหนึ่งเพื่อจะไปหางานใหม่จากที่โดนนายจ้างโกงค่าแรง ไม่จ่ายแต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ผมเห็นรถคันหนึ่ง เป็นรถราคาแพงผมดูก็รู้จอดอยู่ และมีรถประกบอยู่ ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องดี ผมเลยจอดรถมอเตอร์ไซด์”
          “พี่เคยช่วยพี่ตุ๊กับพ่อผมไว้” ติ๊กพูดขึ้นผมมองหน้าจริงเหรอ
           “ใช่ครับ เห็นว่าประวัติผมไม่ดีแต่ผมก็มีความกล้าที่จะช่วยคนที่ลำบาก ตอนนั้นมีคนต้องการจะทำร้ายท่านและคุณตุ๊ ผมก็เลยเข้าไปลุยกับมัน จนกระทั่งมีรถสายตรวจผ่านมานั่นแหละครับ “
          “และนั้นคือจุดเปลี่ยนชีวิตของผมครับคุณหนู แม้ว่าวันนั้นผมจะได้มีดปักพุงมาหนึ่งเล่มก็ตามแต่คุ้มค่ามาก” พี่เขายังปนหัวเราะที่ได้มีดปักพุงมาด้วย ผมนี้ขนลุกกันเลย
            “คนที่เขามองว่าเป็นอันตพาลบางครั้งก็ทำอะไรไปแบบไร้เหตุผลแต่ เขาอาจจะอยากได้โอกาสจากสังคมและเมื่อเขาได้ เขาจะกลายเป็นคนดีและซื่อสัตย์กับคนที่มอบโอกาสให้อย่างผม ท่านเสนองานขับรถให้ผม จนตอนนี้ ผมมีบ้าน มีรถ และมีครอบครัวที่ดี “พี่เขาเล่าประวัติพี่เขาให้ฟังพวกผมก็ฟังเพลินจนถึงบ้านพัก แต่มันก็ทำให้พวกผมได้ข้อคิด
            “ถึงบ้านแล้วครับคุณหนู เข้าบ้านอาบน้ำพักผ่อน แล้วพรุ่งนี้ผมมารับครับ ผมเชื่อว่าคุณหนูจะผ่านทุกอย่างไปได้ครับ” พี่เขาพูดให้กำลังใจพวกผม ผมพยักหน้าพร้อมกัน
           “ขอบคุณนะครับพี่” พวกผมไม่ลืมที่จะขอบคุณถึงเขาจะเป็นคนขับรถก็ตามแต่พ่อผมสอนเสมอว่าการให้เกียรติคนไม่ว่าจะผู้น้อยผู้มาก มันจะนำมาซึ่งสิ่งที่ดีตอบแทนกลับมาเสมอ
              ผมพากันเดินเข้าไปบ้านด้วยความอ่อนล้า นี้แค่วันแรกนะ และพวกผมต้องอยู่ให้ได้หนึ่งปี นั้นคือ 365วัน สภาพพวกผมจะเป็นยังไงไม่อยากจะคิดตอนนี่กำลังจะผ่านวันแรกไปแล้วยังเหลืออีก 364 วันเท่านั้นเอง นอกจากว่าพวกผมจะทำภารกิจสำเร็จเร็วนั่นแหละ แต่โอกาสมันน้อยเหลือเกิน พวกผมจะผ่านมันไปได้ไหม ถ้าภารกิจนี้ไม่ผ่าน ไม่ต้องถามถึงภารกิจหน้าเลย ว่าจะทำได้ แต่แค่วันแรกชีวิตพวกผมก็จะหาไม่กันอยู่แล้ว นี้เขาส่งมาเพื่อมาทดสอบสนามรบใช่ไหมเนี๊ยะ!
          TBC...

             ยังมีอีกคนที่รอแจ็คอยู่ที่บ้าน...... :hao4:
 

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
( รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายฯผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้อง)EP.17(แจ็คXบอย)ไอ้หลุยส์ตัวร้าย 1


      Part’ s แจ็ค หลังจากที่พวกผมต้องพจนภัยเกือบไม่ได้กลับมาบ้านอย่างปลอดภัย วันแรกยังขนาดนี้ไม่อยากคิดถึงวันต่อๆ ไป แค่เพื่อนในห้องก็แย่แล้ว นี้ต้องมาเจอพวกต่างโรงเรียนอีก ผมก็คิดว่าพวกผมควรวางแผนการกันใหม่ วันนี้พวกผมก็ได้สมาชิกมาเพิ่มอีกสองคน ไอ้ต้นข้าว ไอ้บลูแต่มันหน้าหวานเกินไปและดูอ่อนแอ่น แต่เรื่องที่ทำให้ผมสนใจคือเรื่องพี่ชายไอ้ต้นข้าว ที่เคยเป็นหัวหน้าแก้งพวกภาคินมาก่อน ไอ้ต้นข้าวอยากให้พวกผมช่วยตามหาว่าทำไมพี่ชายมันโดนหนักอยู่คนเดียว ตอนแรก็ไม่อยากรับหรอกครับเพราะว่าเรื่องพวกผมก็ยังไม่รอดแต่ไหน ไหน ที่ผมเรียกมันเข้ากลุ่มมาแล้ว ผมคิดว่าก็ต้องช่วยมันแล้วแหละ หรือเรียกง่ายๆว่า ได้ลงเรือรำเดียวกันไปแล้วอย่างช่วยไม่ได้

       ขณะที่พวกผมกำลังเดินเข้าไปในบ้านผม ผมสังเกตเห็นว่าไฟที่เปิดจากบนชั้นสองของตัวบ้าน ยังไม่มืดดีแค่สลัวๆ แต่ก็ยังเร็วสำหรับผมอยู่ดีที่เคยอาศัยอยู่เมืองใหญ่ที่ไม่เคยกลับไหล บรรยากาศที่นี่สองทุ่มเหมือนตีสองกรุงเทพฯ เงียบจนวังเวง
      “Rrrrr” เสียงมือถือทั้งสองเครื่องดังขึ้น มือถือของบอยและไอ้ติ๊กดังพร้อมกัน ผมหันไปมองทั้งคู่
      “พ่อโทรมาน่ะ” แถมทั้งสองคนก็ตอบพร้อมกันเลยแต่ของผมเงียบพ่อไม่คิดจะโทรมาถามผมบ้างหรือไงกันเพื่อจะถามผมว่าผมเจออะไรกันบ้างวันนี้ แต่ถึงยังไงพวกผมก็ยังกลับไม่ได้อยู่ดี ผมพยักหน้าให้ทั้งคู่และทั้งคู่ก็เดินแยกกันไปคนละทาง ผมก็เดินตรงเข้าบ้าน ผมคิดว่าจะคุยปรึกษาอะไรกับไอ้ดิวสักหน่อยดีกว่าก่อนที่อาหารเย็นจะมาถึง
      “มาถึงนานแล้วเหรอวะ” ผมถามไอ้ดิว ไอ้แอ้และพาย มันสามคนนั่งอยู่ในห้องรับแขก ความเย็นภายในห้องไม่น่าจะเป็นไปได้ที่พวกมันจะมาถึงก่อนผมเกินจากหนึ่งชั่วโมง เพราะระยะเวลาห่างกันแค่ไม่มากแค่สิบห้านาทีแต่ห้องนี้เย็นเหมือนเปิดมานานเป็นชั่วโมงเลย
       “เพิ่งมาถึงเนี่ยะ ก่อนหน้าไม่ถึงสิบนาที” พายพูด ผมเลิกคิ้วมองและเงยหน้ามองที่เครื่องปรับอากาศ
       “มีคนเปิดแอร์ทิ้งไว้แน่ๆ เย็นเจี๊ยบเลยแต่ก็ดีเพราะว่าวิ่งหนีตีนมาทำเอาร้อนตับจะแตก “พายพูดแอ้หันไปยิ้มให้พาย ผมเองก็ยักไหล่ ว่าไม่แคร์เพราะไม่ใช่คนจ่ายค่าไฟ
       “เออ กูเห็นไฟเปิดจากบนบ้านว่ะ” ผมพูดเชิงถามว่ามีคนเห็นกันไหม
       “ไอ้ติ๊กคงลืมปิดไฟเพราะกูนะปิดในห้องนอนกูก่อนออกไปแล้ว” ไอ้แอ้พูด ผมก็พยักหน้าแต่ไม่สนเพราะผมไม่ได้เป็นคนจ่ายค่าไฟอีกเช่นกัน ผมค่อยๆนั่งลง
       “ดีนะ ดีที่รอดมาได้ไม่ตายคาเท้าพวกมันซะก่อน “ไอ้ดิวพูดและมันก็ละสายตาขึ้นจากมือถือของมันเพื่อมองหน้าผม ผมนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้นวมพร้อมยกขาขึ้นไขว่ห้าง
        “อันที่จริงมึงก็น่าจะเอาอยู่น่ะไอ้ดิว” ผมพูดและมองหน้าไอ้ดิว
        “เอาอยู่…. บ้านป้ามึงดิแจ็ค มากันเป็นสิบเกือบครึ่งร้อยได้ โดนไปนี่น่วมเลยนะมึง” ไอ้ดิวพูด ระหว่างนั้นผมได้ยินเสียง
         “ชู!!” ผมทำนิ้วจู๊ปากให้ทุกคนเงียบก่อน ผมว่าผมได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากในห้องครัว เสียงฝีเท้าใครสักคนเดินอยู่ทั้งไม่น่าจะมีใครอยู่ในบ้าน บอยกับติ๊กก็ยังไม่เข้ามาเลย พวกผมที่นั่งนิ่งเงียบเพื่อตั้งใจฟังจนแน่ใจแล้วว่ามีคนอยู่ในบ้านจริงๆ ผมหันมามองหน้ากันเลิกลัก
        “ใครอยู่ในครัวอ่ะ” ไอ้แอ้ถามขึ้น
        “ไม่ใช่บอยกับติ๊กแน่ๆ ทั้งคู่หลบไปรับสายว่ะ” ผมพูดขึ้น

           ผมหันมาพยักหน้ากับไอ้ดิวและก็พาลุกขึ้นไป พวกผมเดินย่องๆ เข้าไปในห้องครัว ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่ง น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพวกผมนี้แหละ ยืนหันหลังอยู่ แถมยังอุดหูด้วยแอร์พอร์ตดูท่าจะฟังเพลงโปรดอยู่ดูจากการโยกศีรษะแบบนี้ พอผมเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็ได้ยินเพราะว่าเพลงมันคงดังสนั่นจนเล็ดลอดออกมาด้านนอก ผมหันมามองหน้ากันแบบมีคำถามว่ามันคือใคร แต่ละคนพากันส่ายหัวไปมาว่าไม่มีใครรู้ว่าหมอนี้มันมายังไงและคนที่น่าจะรู้ก็ยังไม่เข้ามาอีก นั้นคือติ๊ก
        “สงสัยคนใช้ที่ไอ้ติ๊กบอกว่าจะขอพ่อมันไว้หรือเปล่า พายเห็นมันพูดอยู่ว่าอยากได้คนมาคอยรับใช้เพราะชีวิตมันติดคนรับใช้ทำอะไรเองไม่เป็น” พายพูดผมก็ยักไหล่ อาจจริง แต่รุ่นเดียวกันเลยนี่น่ะ
        “นาย” ผมเรียก มันก็ยังฟังเพลงอยู่
        “นาย!!” ดังขึ้นมันก็ยังคงก้มหน้าก้มตาฟังเพลง ผมเข้าไปใกล้ เพลงมันดังมากเลยทีเดียว มันฟังเพลงดังขนาดนี้มันไม่กลัวว่าแก้วหูมันแตกบ้างหรือไง
         “เฮ้ย!!” มันร้องเสียงหลงเมื่อผมดึงแอร์พอตมันออกจากหูและไอ้คนนั้นก็หันมามองหน้าผมทันที มันทำให้ผมสังเกตได้ว่ามันเป็นคนตาชั้นเดียวเรียกได้ว่าไอ้ตี๋เลยดีกว่า ยืนเคี้ยวหมากฝรั่งไปด้วย
         “นายเป็นคนที่พ่อของติ๊กส่งมาให้ดูแลพวกเราใช่ป่ะ” พายถามและส่งยิ้มให้ แต่มันยังคงทำหน้างง แต่ก็ยักไหล่
         “เออ ดี งั้น ช่วยเอาเบียร์ เย็นๆ มาให้หน่อย วันนี้หนีบาทามาเหนื่อย ขอแบบเย็นเจี้ยบเลยน่ะ ขอบใจ!” ผมหันไปบอกไอ้หน้าตี๋นั้น
         “ของเราบาคาดี้นะ ไม่ดื่มเบียร์ แต่ร่างกายอยากได้แอลกอฮอล์บ้าง” พายพูดและพากันเดินหันหลังจะออกไปที่ห้องนั่งเล่นทันที ผมหันไปมองบอยก็ยังไม่เข้ามาเลย ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันนานขนาดนั้นน่ะ พวกผมเดินตามกันออกมานั่งที่โซฟา ไอ้ดิวเปิดทีวีดูก่อนจะหันมามองหน้าพวกผม
        “พวกเราจะเอาไงดีวะ ถ้าเจอแบบนี้ทุกวันท่าจะแย่ว่ะ” ผมพูดและมองหน้าทุกคน
        “เราต้องวางแผนกันใหม่ว่ะ ใครมีไอเดียร์อะไรงัดออกมาเลยนะโว้ย ไม่อย่างนั้นปีหนึ่งก็จัดการไม่ได้ อยากอยู่กันต่อเหรอวะ” ผมพูดและมองหน้าทุกคน
        “ที่พี่พัฒน์พูด คือปัญหาคือพวกไอ้ภาคิน แต่เราจะทำยังไงให้ได้ใจพวกมันว่ะ ดูท่าจะเป็นไปไม่ได้เลยว่ะ” ผมพูด ก่อนจะหันไปเจอไอ้คนที่พวกผมบอกให้เอาเบียร์เย็นๆ มาเสิร์ฟหน่อย มันก็เดินถือมาสี่แก้ว ดูสีเหลืองอร่าวมาเลยฟองก็เยอะด้วย ผมหันไปพยักพเยิดกับพวกดิว ว่ากระดกเบียร์กันก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธีกัน
        “อ่ะ เบียร์พวกมึงอ่ะ บาร์คาดี้ไม่มีหรอกมีแต่เบียร์” มันวางลงและเหล่ตามองพวกผมทุกคน ก่อนจะหันหลังทำท่าจะเดินออก พวกผมหันมามองหน้ากัน นี้เป็นคนใช้แบบไหนของมันวะ มันพูดได้ไม่น่าจะเป็นคนใช้เลยจริงๆ ไม่มีความอ่อนน้อมเอาซะเลย
       “ไอ้นี่มันแน่มากว่ะ เข้าขั้นติสเลยดีกว่าว่ะ” ไอ้ดิวมันพูด มันก็คงได้ยินเหมือนที่ผมได้ยินนั่นแหละ
        “นายชื่ออะไรล่ะ” ไอ้ดิวถาม ผมเงยหน้ามองหน้าคนนั้น มันหันหลังมามอง แต่มันไม่ตอบ มันหันไปมองหน้าไอ้ดิวด้วยแววตาที่นิ่งมาก
        “ไม่จำเป็นต้องรู้มั้ง” ไอ้คนตรงหน้าพูด
        “อ้าวเฮ้ย!! มึงกวนตีนนี่หว่า” ผมพูดขึ้น
        “อย่าแจ็ค” ไอ้ดิวมันห้ามผมทันที ที่เห็นว่าผมทำท่าจะลุกขึ้น
        “เรื่องของมึงไม่อยากบอกก็เรื่องมึง” ไอ้ดิวพูดตัดบทและไอ้คนนั้นมันก็ทำท่าจะเดินออกอีกครั้ง
        “หึๆ ขอให้ดื่มให้อร่อยนะ” ก่อนจะก้าวเท้าออกผมได้ยินเสียงบ่นพึมพำของคนนั้น ผมก็หยิบแก้วเบียร์ขึ้นมาใกล้ปลายจมูกมากแต่อยากบอกว่าเบียร์นี้ฉุนมาก ไม่น่าจะใช้เบียร์เลย แถมกลิ่นนี้เหมือนมาก
       “เดี๋ยว!!” ผมเรียกมันไว้ พร้อมกันยกแก้วเบียร์ออกห่างและปลายจมูกแตะไว้ที่หลังแขนเพื่อลดกลิ่นฉุนๆ นั้น
       “มีอะไรแจ็ค” ไอ้ดิวมันถามผม ผมก็มองแสดงว่ามันยังไม่ได้สูดกลิ่นเบียร์ซิท่า
       “ทำไมเบียร์มันกลิ่นแปลกๆ ว่า กลิ่นแม่งเหมือนฉี่เลยว่ะ” ผมพูดและมองหน้าไอ้คนที่หันมาช้าๆ
       “แต่ความซ่าแม่งแซงหน้าเบียร์เชื่อกู “ไอ้หน้าตี๋มันชิ่งพูดขึ้นมาดื้อๆ ผมก็ไม่เข้าใจที่มันพูดหรอก ไอ้ดิวก็ยกขึ้นมาและมันก็เบือนหน้าหนีเช่นกัน แอ้ก็เช่นกัน พายนี้รีบวางลงเลยทันทีและทำท่าขนลุกขนพอง
         “น้ำอะไรของมึงเนี๊ยะ! ถ้าจะบอกว่าหมักนาน กูเดาว่าหมักซากหนูตายลงไปด้วยแน่ๆ “พายพูดพวกผมหันไปมองหน้าไอ้หน้าตี๋
        “นี่มึงเอาน้ำอะไรมาให้พวกกูเนี่ย” ผมถามไอ้คนตรงหน้า ดูมันยืนมองพวกผมมุมปากที่กระตุกเป็นรอยยิ้มนั้น มันดูเหมือนพวกโรคจิตมากและมันก็กระตุ้นให้ความโกรธของผมพุ้งขึ้นมาทันที ผมลุกพรวดขึ้นทันที ผมก็เดินไปหามัน และส่งแก้วให้มันดู มันก็เอียงคอมองผม
        “น้ำอะไร!!!” ผมตะคอกเสียงดังถาม มันก็ยืนปั่นหน้าได้นิ่งมาก
         “น้ำฉีกูเองว่ะ ไม่ลองล่ะ มันน่าจะซ่ากว่าเบียร์ ฮาๆ “มันพูด ทุกคนวางแก้วลงอย่างเร็ว
         “มึง!!นี่มันจะมากไปแล้วน่ะ เล่นแบบนี้ แม่งอยากหางานใหม่ใช่ป่ะ ได้กูจะให้ไอ้ติ๊กมันโทรไปบอกพ่อมันและมึงก็เตรียมตัวออกไปจากบ้านนี้ได้เลยว่ะ” ผมพูดพร้อมกับเอามือเท้าเอว
         “พวกมึงคิดว่ามีพ่อใหญ่แล้วจะข่มใครก็ได้เหรอวะ “ผมหันมามองหน้ามัน มันก็ก้าวย่างเข้าหาผมแบบไม่กลัวทั้งที่ผมมีกันสี่คนอยู่ตรงนี้แต่มันลุยเดี่ยวทำท่าจะแลกกับผมด้วย
         “แล้วมึงใหญ่กว่าพ่อพวกกูป่ะล่ะ” ผมถามมันกลับ ตาก็ยังประสานกันแบบไม่ลดล่ะ
         “อาจจะ” มันพูดและมองหน้าผม มันเดินเข้ามาและประชันหน้ากับผมแบบไม่กลัวอะไรอีกเช่นกัน สายตามันแน่มาก ผมชักอยากรู้แล้วซิว่ามันคือใครกันแน่
         “มึงเป็นใคร?” ผมถามสายตายังคงจดจ้องที่คนนั้นแบบไม่ละสายตาเช่นกัน จนกระทั่ง
         “แจ็ค!!” บอยเรียกชื่อผมพร้อมกับเปิดประตูเข้ามา ผมหันไปมองบอย บอยก็ทำหน้าเหมือนตกใจขึ้นมาทันที ผมหันไปมองตามสายตา บอยมองไอ้หน้าตี๋นั้นอยู่
         “บอย เห็นไอ้ติ๊กไหมครับ” ผมหันไปถามและรีบจะเดินไปหาบอยแต่ถูกไอ้คนข้างหน้ามันดึงผมกระเด็นไป ผมตกใจแต่ผมก็มีความไวพอตัวผมไม่รอให้เสียหลังผมรีบดันตัวขึ้นมา ผมเห็นมันกำลังตรงไปหาบอยเช่น ผมรีบดึงแขนมันและปล่อยหมัดไปที่ใบหน้าของไอ้หน้าตี๋นั้น
        “ผลัก!” เสียงหมัดกระทบใบหน้าไอ้ตี๋นั้น
        “แจ็ค อย่า!” บอยร้องห้ามผม และไอ้คนที่ผมตะบันหน้าก็ล้มลง ผมเลยเดินไปหาบอยเพื่ออธิบายว่าทำไมและไอ้นี่มันกวนพวกผมแค่ไหน
        “บอย คือแจ็ค” ผมกำลังจะอธิบายแต่บอยมองหาไอ้คนที่ผมต่อยลงไปกอง ยังไม่ทันไร มันก็วิ่งปรีมาหาผมและกระชากคอเสื้อผม ผมก็กระชากคอเสื้อมันเช่นกัน สายตาผมกับไอ้หน้าตี๋ประสานกัน ผมก็ไม่กลัวมันก็ไม่กลัวผมเช่นกัน ผมเลิกคิ้วสูงเป็นคำถาม อยากลองดีกับผมเหรอแต่...
          “เฮ้ย!!!” ทุกคนร้องออกมาอย่างตกใจผมรู้สึกเย็นว๊าปที่พุงของผมเพราะว่าที่พุงมีแก้วที่มันแตกจ่ออยู่ มันกะจะกระซวกพุงผมทันที ผมแค่ก้มลงมองแต่ผมหาได้กลัวไม่ ผมยังเงยหน้าขึ้นมองหน้ามันเป็นเชิงท้าทายด้วยซ้ำ ถ้ามันกล้า
          “เฮ้ยมึงอย่าน่ะ!! “ไอ้ดิวรีบร้องห้ามไอ้คนที่จ่อของแหล่มที่พุงผมอยู่ทันที
           “เฮ้ย! ใจเย็นๆ ดิว่ะ เรื่องไม่ได้ใหญ่โตอะไรเลย” ไอ้ดิวพยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้มันวางของแหลมลงแต่ไอ้คนที่จ่อพุงผมอยู่ก็หาได้ละสายตาจากผมไม่และของในมือก็ยังคงจ่อพุงผมอยู่เช่นกัน
          “หลุยส์ อย่า!! “บอยเรียกชื่อไอ้คนที่กำลังจะแท่งผมอยู่ นี่บอยรู้จักมันหรือนี่ แต่ผมไม่สน ผมก็ประสานสายตามองจ้องมันอย่างไม่ลดละเช่นกัน
          “มึงกล้าหรือเปล่าล่ะ” ผมถามคนตรงหน้า สายตาผมคงท้าทายมันไม่มาก็น้อย ไอ้คนตรงหน้าผมก็ไม่พูดอะไรยังคงอยู่ท่าเดิม
          “อย่าไอ้แจ็คมึงอย่าไปยั่วยุมันดิว่ะ” พายรีบห้ามปรามผมไม่ให้ยั่วอารมณ์มัน
          “แต่มึงคงได้หมอบคาเท้าเพื่อนกูแน่ๆ” ผมพูดก่อนจะหันไปชำเลืองมองไอ้ดิว ไอ้ดิวมันก็ยืนรอพร้อมใส่เหมือนกัน ไอ้คนตรงหน้าผมนี้มันจ่วงแท่งผมขึ้นมาจริงๆ ไอ้หน้าตี๋มองผมแบบไม่สนใจคนรอบด้านเลยสักนิด ไอ้หน้าตี๋หันไปมองไอ้ดิวก่อนจะหันกลับมามองผมทันที
         “ใครหน้าไหนกูก็ไม่กลัว.... ยกเว้น.....” มันพูดและมันหันมามองบอย
         “หลุยส์ พอเถอะ นี้แจ็ค เพื่อนเรานะ อย่าทำแบบนี้เลยน่ะ “บอยพูดบอกไอ้ตี๋นั้น ดูมันทำหน้าตาหวานซึ่งชวนผมอยากจะเตะมันให้กระเด็นออกไป ด้วยแรงหึง
          “บอยรู้จักไอ้หน้าตี๋นี้ด้วยเหรอ” ผมหันไปถามบอย
          “เขาชื่อหลุยส์ เขาจะ…” ขณะที่บอยกำลังจะพูด ไอ้ติ๊กมันก็โผ่หัวเข้ามาพอดี
           “เฮ้ย! พวกมึง พ่อกูโทรมาบอกว่าเราจะมีสมาชิกใหม่ว่า มันชื่อ..หลุยส์ แต่ไม่วิคตอง มาอยู่กับ...เรา…” ไอ้ติ๊กเดินเข้ามามันก็ทำหน้าตกใจที่เห็นว่ามีคนดึงคอเสื้อผมไว้และที่พุงมีอะไรรอแท่งผมอยู่เช่นกัน
         “เว้ย!!!” ไอ้ติ๊กมันร้องตกใจและกลืนน้ำลายลงคอ มันหันไปชี้โบ๊ชี้เบ๊ถามพวกไอ้ดิว ไอ้ดิวมันก็ชี้มาที่หน้าตี๋นี้
           “มึงชื่อหลุยส์ใช่ปะวะ” ไอ้ติ๊กมันถามไอ้หน้าตี๋และบอยก็เรียกมันว่าไอ้หลุยส์ด้วย ผมว่าไอ้นี่แหละ
           “ใช่กูนี้แหละ ที่ชื่อหลุยส์” ทุกคนถึงกับพยักหน้า มันคือไอ้หลุยส์และคำถามต่อไปแล้วมันเป็นใครละไอ้หลุยส์เนี่ยะ เกิดมาพวกผมก็เจอกันแค่นี้
          “เปิดตัวแรงเว้อว่ะ…. เออ..” ไอ้ติ๊กมันทำหน้าตกใจแต่มันก็หันไปหาพวกไอ้ดิว
          “เกิดอะไรขึ้นว่ะและนี่กูพล้าดอะไรไปวะ” ไอ้ติ๊กมันถามพวกนั้น ผมก็ยังคงจ้องหน้ากับไอ้หน้าตี๋นี้
          “มึงทำไมไม่บอกพวกกูให้เร็วกว่านี้วะ กูนึกว่าคนใช้มึง!!!” ไอ้ดิวหันไปพูดกับไอ้ติ๊ก ผมยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก็เลยได้ยินอยู่ ไอ้ติ๊กมันส่ายหัวและหันไปกระซิบกระซาบอะไรกันกับพวกไอ้ดิวก็ไม่รู้เพราะว่ามันเบามาก แต่ผมไม่สนใจ
          “หลุยส์ เอาเป็นว่าพวกกูขอโทษวะ ที่เข้าใจผิด” ไอ้ดิวมันพูดขอโทษไอ้หน้าตี๋ ไอ้หลุยส์หันไปมองหน้าไอ้ดิว
          “ไอ้แจ็คมันก็ไม่รู้ มันคิดว่ามึงคือคนใช้ที่ไอ้ติ๊กมันขอพ่อมันเอาไว้” ไอ้ดิวพูด
          “วางลงเถอะไอ้นั่นน่ะ เสียวพุงแทนเพื่อนกูว่ะ” ไอ้ดิวมันพูดและค่อยๆ เดินเข้ามามันแบมือขอแก้วที่แตกจากไอ้หลุยส์ ไอ้หน้าตี๋นี้มันมองหน้าบอยที่พยักหน้าว่าให้เขาส่งมันให้ดิวไป มันก็ปล่อยผมและส่งของแหลมนั้นให้ดิวไป ไอ้ดิวมันก็ส่งไปให้ไอ้แอ้ เอาไปทิ้งให้
           “เฮ้อ!” ทุกคนพากันถอนลมหายใจ เพราะว่าลุ้นอยู่ว่าผมจะโดนฝากเศษแก้วเอาไว้ไหมที่พุงผมเนี่ยะ จนสุดท้ายมันก็ยอมถอยออกแต่ดวงตาคู่นั้นยังมองหน้าหาเรื่องอยู่
          “บอย “มันปรี่จะเข้าไปหาบอยอีก ผมก็ดึงมันกลับเพราะนั้นมันแฟนผม แต่สายตาของบอยทำให้ผมไม่กล้าชกมัน
          “โอ้ยย!” มันลงไปนอนและกุมท้องมันเอง ผมแค่ดึงมันกลับไม่ได้ชกท้องมันซะหน่อย และมันก็ร้องโอดครวญ เหมือนผมต่อยมันแรงมาก ที่ก่อนหน้านี้ทำเป็นโหดไม่กลัวอะไรทั้งนั้น พอบอยมานี้ทำเป็นคนเจ้าสำออยขึ้นมาทันที
         “ไอ้แจ็ค!!! “ไอ้ติ๊กพูดและกะวิ่งมาประคองไอ้ตี๋นี้ขึ้นแต่มันก็สะบัดไอ้ติ๊กออกและมองตากะปริบๆ มาที่บอย เพื่อขอคะแนนสงสาร มันช่างกล้า!!
        “แจ็ค ไปต่อยหลุยส์อีกทำไม “บอยพูดและเขาก็เดินผ่านผมไปลงไปประคองไอ้หน้าตี๋นั้น ผมหันมองทุกคนที่อึ้ง ไม่มีใครพูดอะไรเลย
         “บอย แจ็คไม่ได้ต่อยมันนะครับ” ผมพูด บอยมองหน้าผม
         “อู้ยย! “ไอ้หน้าตี๋มันยังคงร้องและกุมท้องมันไว้ มีชำเลืองตามองมาที่ผม ผมสังเกตเห็นว่ามันแอบยิ้มที่มุมปากแต่ไม่มีใครเห็นเพราะว่ามันหุบยิ้มเร็วมาก ไอ้นี้แสดงเก่งว่างั้น
          “ไอ้!!” ผมทำท่าจะเข้าไปต่อยมันของจริงรอบนี้
          “หมับ!!” ไอ้ดิวมันคว้าแขนผมดึงไว้ มันส่ายหัว ไม่ให้ผมเข้าไปและบอยก็หันขวับมามองหน้าผมด้วย
          “แจ็ค! “บอยเรียกผมและประคองไอ้ตี๋นั้นขึ้นมา บอยมองผมแต่ก็ไม่พูดอะไรต่ออีกเลย แถมทำท่าจะพาไอ้ตี๋ไปไหนก็ไม่รู้
          “จะไปไหนบอย” ผมถามบอย
          “จะพาหลุยส์ไปใส่ยา” บอยพูดเสียงแข็งใส่ผม บอยโกรธผม
          “บอย ...ไอ้” ผมทำท่าจะอธิบาย
          “ใจเย็นเป็นไหมแจ็ค! แจ็คน่าจะใจเย็นฟังคนอื่นก่อนบ้างน่ะ” บอยหันมาถามผม ผมรู้ว่าผมเป็นคนหัวร้อนใจร้อน และสายตาบอยมันบอกว่าเขาเสียใจมาก ผมก็ได้แต่ก้มหน้าลงและไอ้ดิวมันก็แตะที่ต้นแขนของผมเอาไว้ ผมได้แต่มองบอยที่พาไอ้สำออยนั้นออกไป ดูมันผมนี้อยากจะอัดมันให้ร่างมันนี้ติดกำแพงไปเลยแต่คำพูดบอย ที่ถามผม ใจเย็นเป็นไหม
          “เฮ้ย! นี่มันเชี่ยอะไรวะ” ผมสบถออกมาแต่ละคนมองหน้าผม
          “ไอ้นี่มันจบสถาบันการแสดงที่ไหนมาว่า แม่งเล่นเนียนกว่ากูอีก” ไอ้ติ๊กพูดนั้นแสดงว่ามันก็เห็นว่าผมไม่ได้ต่อยมัน
         “นั่งลงก่อนแจ็ค เดี๋ยวกูเอาผ้าห่อน้ำแข็งมาให้ว่ะ” พายพูด ผมพยักหน้าผมนั่งลงบนเก้าอี้น่วม ด้วยความผิดหวัง นี้ไอ้หน้าตี๋นั้นคงไปออดอ้อนบอยน่าดูว่าเจ็บอย่างนั้นอย่างนี้
         “ใจเย็นๆ ว่ะ มันก็คงแค่เพื่อนบอย” ไอ้ดิวพูด พายก็เดินเอาผ้าขนหนูหอน้ำแข็งมาให้ผมแปะที่มุมปากที่โดนมันชกไปเต็มๆ
          “และนี้ติ๊กมันบอกว่าพ่อมันให้ดูแลไอ้นี่ดีดี นั้นแสดงว่าคงเป็นอะไรที่สำคัญพอๆ กับพวกเราว่ะแจ็ค” ไอ้ดิวมันพูด ผมสะบัดหน้ามามอง ให้พวกเราดูแลไอ้นี่นี้นะ ผมส่ายหัว ผมไม่เอาด้วยคน ไม่มีทาง มาถึงก็กวนตีนขนาดนี้และถ้าต้องอยู่ร่วมด้วยมันจะกวนตีนผมขนาดไหนคิดดู
          “มึงนี้แม่งโคตรซวยเลยว่ะ กำลังไปได้ดีกับบอย เพิ่งจะดีกันเมื่อเช้าตอนเย็นโดนหมาคาบไปแดงซะงั้น” ไอ้ติ๊กพูด หันมามองหน้ามันนี้มึงซ้ำกูใช่ไหม
          “มึงก็ปาก ไอ้ติ๊ก” ไอ้แอ้หันไปต่อว่าไอ้ติ๊กทันที
          “รู้จักคำว่าเชื่อใจไหมวะ” ไอ้ดิวถามผม ผมหันมองหน้ามัน เห็นแบบนี้เชื่อใจไหวไหม ผมก็เงียบพูดไม่พูดอะไรต่อ
          “พวกกูขึ้นไปอาบน้ำดีกว่าวะ จะได้ลงมาทานอาหารเย็น วันนี้กูบอกไอ้ป๊อดว่ากรูจะกินกุ้งล็อปสเตอร์อบมอสซาเรลล่าชีส” ไอ้ติ๊กมันพูด พวกผมเงยหน้ามองมัน
          “อิมพอสซิเบิ้ล!!!!” พายพูดขึ้นมาทันที
          “มึงคิดว่าเขาจะไปหากุ้งล็อปสเตอร์ที่ไหนวะ ที่นี้มีแต่กุ้งแม่น้ำ” ไอ้ดิวพูด
           “ไม่รู้แหละ กูบอกมันว่ากูจะกิน” ไอ้ติ๊กพูดและหันมามองไอ้แอ้ มันกำลังจะอ้าปากชวนแอ้แน่ๆ
           “แอ้ไปอาบน้ำกัน” ไอ้ติ๊กพูด
           “มึงควรจะชวนกูว่ะเพราะกูอยู่ห้องเดียวกับมึง” ไอ้พายหันไปบอกไอ้ติ๊ก ผมหันมามองไอ้ดิว มันก็ยักไหล่ ให้ทำไง ผมคิดในใจ นี้ยังตีกันเรื่องอาบน้ำอีกหรือไง
           “ก็ไปดิ” ไอ้ติ๊กหันมาบอกพาย
            “ตอแหล กูเห็นแอ้มันนั่งรออาบเป็นคนสุดท้ายทุกที ให้มันไปอาบน้ำที่ห้องมันดิ “ไอ้พายพูด
ไอ้ดิวมันก็สะบัดหน้าไปมองแอ้ เหมือนมันจะยิ้มๆ ผมนะสังเกตมันมาพักหนึ่งแล้วน่ะ ระหว่างมันกับไอ้แอ้เนี่ยะ มันจะปิดพวกผมทำไมกันหรือแม้กระทั่งติ๊กมันก็ปิด อันนี้เริ่มมีข้อน่าสงสัย ผมหันมามองไอ้ดิว หยักคิ้วให้มัน ยังไงของมัน มันก็หลบสายตาผม ทำเป็นหันไปมองทางอื่นแทน
           “ก็..เออ รอบนี้กูกับมันจะอาบน้ำด้วยกัน” มันยังแถได้อีกและดึงแขนแอ้ให้ลุกขึ้น ไอ้ดิวมันหุบยิ้มทันที
           “ไปดิพาย มึงจะไปอาบน้ำไม่ใช่เหรอ” ติ๊กพูดและดึงแขนพาย ไปด้วย ผมว่าพายมันรู้อะไรดีดีมาแน่ๆ เอาไว้ผมต้องถามพายดีกว่า พอสามคนนั้นเดินออกไป ผมก็หันมามองหน้าไอ้ดิว เอาแขนพาดเก้าอี้นวม
           “มึงยังไงดิว “ผมถามไอ้ดิว ดิวมันมองหน้าผม
           “อะไร ไม่มี!” มันตอบผมเสียงสูง
           “มึงกับแอ้นะ กูรู้สึกเหมือนมึงสองคนมีอะไรปิดบังพวกกูกันด้วยวะ มึงสองคนกำลังคบกันอยู่ใช่ป่ะ?” ผมถามไอ้ดิวและยิ่งคำถามตรงไปเลย แบบปล่อยหมัดฮุกไปเลย
            “เออ ...ไม่ ..นิ “มันตะกุกตะกักตอบผมแสดงว่ามันมีอะไรปิดพวกผมจริงๆ ด้วย ผมก็มองว่าจะปิดทำไมว่ะ เราเหมือนเพื่อนร่วมชะตากรรมกันมาตั้งแต่เกิดแล้ว
            “มึงคบกันก็บอกดิว่ะ มันแปลกเหรอว่ะ ถ้าจะรักกันเอง ก็แค่บอกพวกกู ดิว” ผมหันไปพูดกับมัน มันเงียบทันที
            “แล้วระหว่างพวกมึงกับไอ้ติ๊กละ “ผมถามไอ้ดิวมันก็สะบัดหน้ามามองผมทันที
            “ก็ไม่มีอ่ะ “ไอ้ดิวมันรีบปฏิเสธทันทีแสดงว่าไอ้ติ๊กไม่ใช่นั้นก็ไอ้แอ้แน่นอน ผมหันมามองหน้ามันแบบจริงจัง
            “บอกพวกกูดิวะดิว มีอะไรพวกกูได้ช่วยกันได้ “ผมพูดเพราะเริ่มนอยด์กับมันแล้วน่ะ
            “ไม่มี ถ้ากูมีกูจะบอก” มันพูดและลุกไปขึ้นไปทันที ที่บ้านเรียกชิ่งหนี แหละนี่มันคงไปเข้าห้องยิมก่อนอาบน้ำซิท่าตอนแรกผมก็ว่าจะออกกำลังกายสักหน่อย เพราะถ้าเขาเรียกคัดตัวขึ้นมาร่างกายไม่พร้อมอีก แต่เจอไอ้หน้าตี๋ไปผมหมดอารมณ์เลย
          TBC..


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.17.1(แจ็คXบอย)ไอ้หลุยส์ตัวร้าย2

      Part’ s แจ็ค ผมเดินเข้าไปในห้องครัวอย่างหัวเสีย ไม่ให้หัวเสียได้ยังไงจู่ๆ ก็มีไอ้หน้าตี๋ที่ไหนโผ่มาและมันก็ตามมาเพราะบอยแถมบอยยังเอาอกเอาใจมันอีก ผมนี่ตาร้อนเลย ไม่ให้ตาร้อนได้ไงปกติมีแค่ผมคนเดียว ผมอยากรู้จริงๆ ว่าใครส่งมันมากันแน่ ผมเดินไปหยุดอยู่ในครัว ผมเห็นแต่บอยยืนอยู่แต่ไม่เห็นไอ้หน้าตี๋นั้นและดูจากกล่องยานี้ก็คงทำแผลให้กันแล้วซินะ ผมเลยทำท่าจะเดินออก อาการน้อยใจถามหาทันทีแต่ว่า
       “ทำแผลหรือยังแจ็ค” บอยถามผม ผมหันหลังกลับไป บอยก็ค่อยๆ หันมามองผม แววตาและสายตาคู่นี้ ปกติใจผมน่ะเป็นคนแข็งมากแต่นี้อ่อนทุกทีให้กับคนนี้ ให้กับแววตาคู่นี้
       “ก็” ผมพูดแต่ก็ไม่กล้าสบตาตรงๆ บอยเดินตรงมาหาผม เขามาหยุดตรงหน้าผม
       “หันมาซิ” บอยบอกผมพร้อมกับหยิบชุดทำแผลมาด้วย เขาเอาสำลีแตะน้ำยาและเอามาแตะที่มุมปากผมเบาๆ เจ็บน่ะแต่ก็พยายามอดทน
       “แจ็ค บอยขอร้องได้ไหม อย่าใจร้อน “บอยพูดขอร้องผมขณะที่กำลังใส่ยาให้ผมอยู่
       “บอยก็ไอ้นั่น” ผมหันมาจะอธิบายแต่สายตาของบอยทำให้ผมต้องหยุดชะงัก
      “หลุยส์ เขาชื่อหลุยส์” บอยค้อนผมขวับเลยทันที
      “เออ ไอ้หลุยส์อะไรนี้นะ มัน... โอ๊ย!” ผมเผลอร้องสุดเสียงเพราะเจ็บแต่บอยกลับยิ้มที่มุมปาก
       “หึๆ” บอยขำผมในลำคอ
       “บอย แจ็คหึงอ่ะ” ผมบอกบอยและมองหน้าบอย
         “เขาเป็นเพื่อนบอยน่ะและเขาก็เป็นคนสำคัญขององค์กรเหมือนกัน “บอยพูดและทำท่าจะทายาเพิ่ม ผมก็หันไปมองทางอื่น ผมแคร์เหรอ
           “ไอ้หน้าตี๋นี้อะคนสำคัญ แจ็คไม่เห็นรู้เรื่องมาก่อนเลย แจ็คคิดว่ามีแค่พวกเรา” ผมพูด บอยเงยหน้ามองผม
          “เรื่องมันยาว เอาไว้บอยค่อยอธิบายก็แล้วกัน แต่ตอนนี้ แจ็คควรจะเป็นเพื่อนกับหลุยส์ “บอยบอกผมเหมือนออกคำสั่งมากกว่า
          “แล้วบอยละ ดูบอยสนิทกับไอ้หน้า …. ไอ้หลุยส์” ผมพูดจะเรียกไอ้หน้าตี๋แต่บอยแอบเงยหน้ามองผม แม้เวลาดุนี้แจ็คก็ง้อเลยเหมือนกันนะ
          “บอยบอกแล้วไงว่าเขาคือเพื่อนบอย” บอยพูดและเงยหน้ามองหน้าผม ผมรู้สายตาเขาจริงจังและผมก็ควรจะเชื่อใจ
          “แค่เพื่อนจริงๆ นะ “ผมจับมือบอยไว้และถามบอยเพื่อความมั่นใจ บอยพยักหน้าให้ผม
         “เชื่อใจทำได้ไหมครับและบอยอยากให้แจ็คเป็นคนใจเย็นลงเพราะการเป็นคนใจร้อนจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับ...” บอยพูดบอกผม ผมก็เหล่ตามองใครเหรอที่ผมควรจะเป็นแบบอย่างที่ดี แต่บอยก็มองผมค้างไว้
         “ช่างเถอะ แต่บอยขอน่ะ “บอยพูดและก้มลงเก็บของในกล่องยา
        “สัญญาซิ “บอยถามผมย้ำเขาเงยหน้ามองผมอีกครั้ง
         “สัญญาครับ “ผมพูด บอยยิ้มให้ผมและแตะสำลีที่ใส่ยาเพิ่มลงที่มุมปากผมแอบกดซะแรงเชียว
         “อู้ย!!!” ผมร้องคร้างเบาๆ
         “ทำเป็นร้อง ที่ก่อนหน้านี้ทำเป็นเก่ง” บอยเงยหน้าแอบค้อนผมอีกแล้ว ผมก็มองใบหน้างามๆ ที่สวยยิ่งกว่ายิ่งสาว ดวงตาที่หวานประกอบกับตาสีฟ้าที่ดูละมุนคู่นั้น ไล่ลงมาที่ริมฝีปากที่ดูอวบอิ่มเรียวสวย จนยากที่จะอดใจห้ามไม่ให้จุมพิตแต่มันไวไปกว่าความคิดของผม
            “อืมม” ผมประกบริมฝีปากสวยนั้น บอยไม่ได้ห้ามปรามผม บอยเขย่งเท้าให้เสมอผมให้มากที่สุด ผมก็เลยยกตัวบอยให้นั่งบนโต๊ะตัวยาวในห้องครัว ผมกับบอยจูบกันอย่างดูดดื่ม รสจูบนั้นดีขึ้นกว่าเมื่อวานวันนี้ บอยปฏิบัติตามผมเหมือนเขาเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ขาคู่เรียวของบอยถูกแยกออกให้ตัวผมนี้แทรกเข้าไประหว่างกลาง มือผมไล่เข้าไปในเสื้อนักเรียนไต่ไปตามหน้าท้องและขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงยอดสองจุดที่แปะที่แผ่นอกแบนๆ นั้น
           “อะ..แจ็ค..อย่า..ไม่เอา” เสียงบอยเล็ดลอดออกมาเพื่อห้ามปรามผม แต่ผมก็ยังคงเล้าโลมไม่ยอมหยุด
          “ในนี้เหรอ ไม่มีใครแล้ว คนอื่นขึ้นไปอาบน้ำกันหมดแล้ว…. อืมมม…ที่รัก…อืมมม” ผมพูดและไม่ลดละยังคงซุกไซ้ไปตามซอกคอไล่ไปเรื่อยผมพยายามจะปลดกระดุมเสื้อบอยแต่บอยพยายามห้ามปรามผมตลอดจนแต่ก็มีอารมณ์ร่วมผมดูออก
            “บอยครับ” ไอ้หน้าตี๋มันเข้ามาขัดจังหวะผมกับบอย บอยก็รีบดันผมออกและจัดการแต่งตัวแต่ผมซิหันไปมองหน้ามันอย่างหัวเสียแต่คิดอีกทีนี้คือการแสดงตัวตนว่าเป็นเจ้าของที่ชัดเจนที่สุดนะผมว่า ผมหันไปมองหน้ามันว่ามีอะไร คนกำลังสวีตกัน
          “บอย..ห้องของหลุยส์อะ น้ำมันไม่ไหล และไฟก็ ไม่ค่อยติดอ่ะครับ “ไอ้หลุยส์มันพูด ผมหันมามองหน้าบอย
          “เมื่อวานกูกะจะนอนห้องนั้นน่ะและทุกอย่างมันใช้ได้น่ะ “ผมรีบพูด
          “อ้าวก็ลองขึ้นไปดูดิ นี่เพิ่งจะลงมา” ไอ้หลุยส์มันพูด บอยหันมามองหน้าผม
           “อีกห้องก็ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ด้วยครับบอย” มันยังคงจะเรียกคะแนนความสงสารจากบอยอีก
           “ถ้าอย่างนั้นก็ ให้หลุยส์นอนห้องเราหนึ่งคืนนะแจ็ค เพราะว่า...” บอยพูด ผมมองหน้าเขา
            “อะไรนะบอย!” ผมหันมาอ้อนบอยบ้างแต่บอยทำหน้าขอร้องผมไว้ ผมนะไม่อยากจะทำร้ายความรู้สึกคนที่ผมรักเลย ผมหันมองหน้ามันดูมัน ทำหน้ากวนผมจนอยากจะเข้าไปซัดกับมันอีกรอบแต่ว่าบอยขอผมเอาไว้ให้ใจเย็นๆ
          “แล้วมันจะนอนตรงไหนอ่ะ “ผมถามบอย
          “นอนเตียงเดียวกับบอยได้มั้ย?” นั้นผมหันไปอยากจะต่อยหน้ามันอีกแต่ผมสัญญากับบอยไปเมื่อกี้
          “นอนเตียงบอยไม่ได้โว้ย!! แต่นอนเตียงกูได้ เอาไหม ถ้าไม่…ก็ไปนอนห้องไม่มีเฟอร์นิเจอร์” ผมยื่นขอเสนอใหม่ ผมหันมามองบอยว่าให้สิทธิผมบ้างนะ บอยไม่ได้พูดอะไร ไอ้หน้าตี๋มันทำหน้าเหวอไป
        “ไม่รับขอเสนอนี้ก็ตามใจ บอยไปอาบน้ำกันดีกว่า” ผมหันมาพูดกับบอย
         “เออ ก็ได้! “มันตอบกลับแบบเสียไม่ได้ ผมก็หยักคิ้วให้มัน
          “โอ๊ยย!! บอยครับ แจ็คว่าตรงนี้ยังเจ็บอยู่เลยครับ ตรงนี้นะครับ ทายาให้หน่อยนะครับ” ผมร้อง ที่จริงตรงนั้นไม่โดนอะไรหรอกแต่อยากอ่อนบอย
           “Bullshit!!” ไอ้หน้าตี๋ มันพูดและเบ้ปาก ผมหันไปยักคิ้วให้
          “งั้นเราขึ้นไปอาบน้ำกันดีกว่า” บอยพูดแต่ไอ้หน้าตี๋มันชิ่งตอบ
           “ดี” ผมและไอ้หน้าตี๋พูดพร้อมกันแต่ มันจะมาดีด้วยได้ยังไง
           “ไอ้ตี๋! “ผมหันไปเรียกมันแต่
          “หลุยส์ แจ็คเขาชื่อหลุยส์ “บอยกอดอกมองผม
          “ไอ้...หลุยส์ มึงจะมาบอกว่าดีได้ยังไงเพราะว่ามึงจะไม่มีวันโผ่หัวเข้าไปในห้องน้ำขณะที่บอยอาบน้ำแน่นอน ผมหันไปพูดและจ้องหน้ามันทันที มันแค่ยืนกอดอกหาได้สนใจไหม
           “ก็บอยชวนอาบน้ำ” มันหันมาตอบผมได้หน้าตาเฉย
           “เขาชวนกูคนเดียว มึงนะคนนอก” ผมหันไปชี้หน้ามัน
         “กูไม่ใช่คนนอก” ไอ้หน้าตี๋พูดกระแทกเสียงใส่ผม
          “เอาละ ตกลงจะขึ้นไปอาบน้ำกันไหม ถ้าไม่ บอยจะไปเองและเชิญทะเลาะกันต่อแล้วกันน่ะ “บอยถามด้วยความเหนื่อยใจ ก่อนจะลุกเดินหนีผมสองคนขึ้นไป ผมก็วิ่งแต่ไอ้ตี๋ก็พยายามวิ่งแซงผม ผมก็ดึงเสื้อมันเพื่อพยายามไปถึงก่อน ส่วนบอยเดินไปโดยไม่หันมามองผมสองคนเลยจนกระทั่งบอยมาถึงห้องและเปิดประตูเข้าไปทันที แต่ว่าผมสองคนยังแย่งกันอยู่เลย
           “เฮ้ย! ไอ้หน้าแขก” ไอ้หลุยส์มันเรียกผม แล้วผมจะรออะไร “ไอ้หน้าตี๋” ผมเรียกมันกลับเช่นกัน คนอะไรตาตี่แต่เชื่อหรูเชียว
            ผมสองคน วิ่งมถึงหน้าห้องนอนผมกับบอย บอยน่ะเข้าไปแล้วเหลือแค่ผมที่แย่งกันจะเข้าไป ก็ประตูมันแคบผมเลยแย่งกันจะเข้าก่อน ไอ้หลุยส์มันก็จะเข้าก่อนให้ได้ คือไม่มีใครยอมใคร มันจะเข้าผมก็ดึงมันและผลักมันไว้ข้างหลัง มันก็ดึงผมไว้ไม่ให้เข้าเช่นกัน ดันกันอยู่แบบนั้นจน
           “เฮ้ย! มึงสองคนนะ ยังจะกัดกันอีกเหรอวะ “ไอ้ดิวครับมันเปิดประตูมาด้วยผ้าเช็ดตัวคาดเอวแบบหมิ่นอีกแล้วและ มันโชว์ซิกแพ็คให้ผมสองคนดู มันชอบต่อยมวยแต่ทำไมมันเน้นกล้ามเนื้อท้องขนาดนั้น ผมสองคนเห็นแล้วยังกลืนน้ำลายเลย ไม่ใช่อะไร ผมไม่กล้าต่อยท้องมันแน่ๆ ผมว่าคนที่เจ็บคือคนต่อยไม่ใช่มัน
         “อ้าว!! กูถามว่ามึงสองคนยังจะกัดกันอีกเหรอ!” ไอ้ดิวมันถามผมสองคน ผมหันมามองหน้ากัน สายตาประสานกันบอกได้ว่าไม่ได้รักกันแน่นอน
           “เออ…มึงสองคนเสียงดังฉิบหายเลย เป็นบ้าอะไรเนี่ยะ!” ไอ้ติ๊กอีกคนที่ออกมาด้วยผ้าโผกหัวเหมือนผู้หญิงเลย ไอ้แอ้และพายก็ออกมายืนดูเช่นกัน
           “อายุมึงสองคนเป็นเพียงตัวเลขจริงๆ ด้วย” อีกคนออกมานั้นคือพาย ปากมันร้ายแต่ว่าหน้าตามันน่ารักผมยอมรับน่ะ
           “ถ้ามึงยังตีกันอีก กูจะโยนมึงสองคนไปอยู่นอกบ้านโน้น ไปนั่งตากยุงเล่นสักพัก เอาไหม! “ไอ้ดิวพูดด้วยสีหน้าขึงขัง ผมเลยต้องหยุดและไอ้ตี๋มันก็วิ่งพรวดเข้าห้องไปก่อนผมทันทีช่วงทีเผลอ
            “โธ่โว้ย! กูพลาดเลย” ผมหันมาเม้งพวกไอ้ดิวแทน
           “ขอให้สามพีกันให้สนุกน่ะ “ไอ้ติ๊กพูดตามหลังและผมก็ยื่นมือออกไปพร้อมกับยกนิ้วกลางให้ พอผมเข้ามาก็ไม่เห็นบอยแล้วแสดงว่าบอยเข้าห้องน้ำไปแล้ว ล๊อกประตูด้วย ผมก็เลยต้องนั่งรอและมองหน้าไอ้ตี๋ไปด้วย สายตาผมสองคนจับจ้องที่หน้าประตูห้องน้ำ ถ้าบอยออกมาผมต้องเข้าไปหาบอยคนแรก มันก็คงคิดเช่นเดียวกับที่ผมคิด ดังนั้นผมจะละสายตาไม่ได้เลย (ในใจแอบคิดนี้ลุงหนึ่งส่งมันมาขัดขวางผมใช่ไหม)
            “บอย!!!” ทันทีที่บอยเปิดประตูออกมา ผมกับหลุยส์พุ้งไปหาบอยแต่ว่าบอยชี้นิ้วให้ผมสองคนหยุด ผมนี่เหยียบเบรกทันทีเหมือนหลุยส์เช่นกัน
            “บอยจะทำธุระ แจ็คกับหลุยส์ก็อาบน้ำแล้วกันน่ะ” บอยพูดก่อนจะเดินเลี่ยงไป ผมหันไปมองบอยโกรธผมทำไม ต้องไปโกรธไอ้หน้าตี๋ซิ… ผมหันมา ไอ้นั่นมันเข้าห้องน้ำไปแล้ว มันเลวววววมากกกก มันทิ้งผมยืนอยู่หน้าประตูและมันก็ล๊อกประตู บอยหันมามองหน้าผมก่อนจะหยิบเอาโน้ตบุคขึ้นมา
         “บอยไปด้านล่างน่ะ รอข้างล่าง เพราะว่าบอยไม่มีสมาธิ” บอยบอกผมก่อนจะเดินออกไป ผมนี่ก็ยืนกอดอกรอไอ้ตี๋มันอาบน้ำ แต่จะให้เข้าไปอาบกับมันเหรอ หยี๋!!! ขนลุกครับ มันน่าแปลก ผมไม่ได้รู้สึกกับผู้ชายทุกคน เขาเรียกว่าร่างกายผมมันรู้จักเลือกครับ ผมเอาหูแนบแอบฟัง มันร้องเพลงสากลในห้องน้ำ มันไม่คิดจะรีบให้ผมหน่อยเหรอ???
             Part หลุยส์ ผมชื่อหลุยส์ ผมเป็นใคร ผมเป็นลูกผู้มีอิทธิพลและเป็นคนออกแบบและคิดค้นพวกอุปกรณ์ไฮเทคที่ใช้ในการทำสงครามและนี้คือธุรกิจที่ทำรายได้มหาศาลให้ครอบครัวผม แต่ในความโชคดีของผมก็มี่ความโชคร้ายเมื่อพ่อแม่ผมถูกลอบสังหารและผมก็ยังเป็นเด็กน้อยแม้จะอายุสิบปีแล้วก็ตามทีต้องมากำพร้าพ่อแม่ และได้ผู้มีอิทธิรับผมมาดูแล และกิจการก็ยังดำเนินไปภายใต้การดูแลของเขาคนนั้น และที่ผมมานี้เพื่อเขาคนเดียวเลย บอย คือหนุ่มหล่อน่ารัก จุดเด่นคือบอยมีนัยต์ตาสีฟ้าน้ำทะเลดูสวยสะดุดตาตั้งแต่นาทีแรกที้ได้พบเห็น ใบหน้าเรียวสวยสาวสตรี ริมฝีปากบางเรียวเล็ก ปลายจมูกโด่งเรียวเล็กขับกับใบหน้าที่เรียวยาวรูปไข่ เส้นผมเส้นเล็กสีออกควันบุหรี่ รอยยิ้มที่ดูหวานละมุน บอยเป็นคนเก่งและเขาคือคนที่จะขึ้นรับตำแหน่งคนที่ดูแลองค์กร เขาเลือกคัดสรรมาเป็นพิเศษ ผมรู้ว่าพ่อผมเข้าร่วมโครงการอะไรสักอย่างแต่ตอนนั้นผมไม่สนใจเอาแต่สนุกไปวันวัน จนตอนนี้ทีผมเสียพ่อและแม่ไปกระทันหันและนั้นผมใช้เวลากับการเรียนรู้ด้วยตัวเอง จนผมเจอบอย ผมอยากให้เขาอยู่เคียงข้างผม ไม่ใช่มาอยู่กับไอ้หน้าแขก ไอ้คนที่มีแต่เรื่อง สร้างแต่ปัญหาแบบนี้ ผมไม่เข้าใจว่าเขาส่งบอยมานอนคู่กับไอ้นี่ได้ยังไง คอยดูผมจะต้องทำให้บอยกลับไปกับผมให้ได้
         ปังๆๆๆๆ ผมกำลังเพลิดเพลินอยู่ในตู้อาบน้ำกับใบหน้านายในฝันของผมเพลินๆ ผมอดนึกถึงใบหน้าบอยเมื่อครั้งแรกผมที่ผมได้เจอเขาไม่ได้ แม้แต่ตอนนี้ก็ไม่ต่างกันเลยก็ตาม แต่ดันมีมารมาผจน ไอ้หน้าแขกแน่ๆ ที่เคาะแบบนี้ ผมทำเป็นไม่สนใจ ขัดสีฉวีวรรณต่อไป
        ปังๆๆๆๆๆๆๆ นั้นหนักกว่าเดิมจนผมต้องปิดน้ำและออกมาหยิบผ้าขนหนูคาดเอวไว้แบบหมิ่นๆ ผมสูง 175 เซนติเมตร ไอ้แจ็คน่ะสูงร้อยแปดสิบ ก็สูงกว่าผมหน่อยน่ะผมคิดว่า ผมเลยดูเตี่ยกว่าไอ้แจ็คไปหน่อยแต่ก็เท่าๆ กับบอย ไอ้แจ็คมันเลยต้องย่อตัวลงมาจับขอบประตูมองหน้าผม
          “มึงเป็นบ้าอะไร? มึงมันงี่เง่า” เปิดประตูแง้มและมองหน้าจมูกแหลมของมัน
           “มึงเป็นบ้าอะไร ทําไมมึงถึงได้อาบน้ำนาน? ออกไปได้แล้ว! กูจะได้อาบน้ำบ้าง! ไอ้ไม่มีมารยาท!!!” ไอ้หน้าแขกมันพูดและมันก็ดันประตูให้กว้างขึ้นและดึงผมออกไป จนผมกระเด็นออกมาเลยก็ว่าได้ ผมมองหาตัวช่วย คือบอย แต่ว่าบอยไม่อยู่ในห้อง
             “มองหาบอยเหรอ เขาไม่อยู่รอมึงแล้ว มึงช้าว่ะ! “ไอ้หน้าแขกมันหันบอกผม ผมก็รีบแต่งตัวครับ จะได้ลงไปออดอ้อนบอยก่อนมัน
            “เขาเป็นคนรักของกู! “ไอ้หน้าแขกมันหันมาบอกผม ผมหันไปแสยะยิ้ม
           “กูไม่เชื่อมึง เท่าที่ผมรู้เขาไม่เคยมีแฟน ณ ตอนนี้มีแค่กูและกูนี้แหละที่จะเป็นแฟนของเขา” ไอ้หน้าแขกมันชักสีหน้าโกรธที่ผมพูด เกือบหนึ่งปีมานี้ผมก็ไม่เห็นบอยพูดถึงมันหรือจะพูดถึงแฟนสักคน
           “อย่างไรก็ตามมึงไม่สามารถหยุดกูได้ กูยังมีโอกาสเป็นคนรักของเขา.” ผมพูด และรีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสักชุดเพื่อแต่งตัว ไอ้หน้าแขกมันปิดประตูมันคงรีบอาบน้ำแต่ช้าไปแล้วผมแต่งตัวเสร็จก็เดินลงมาชั้นล่าง ผมเห็นบอยกำลังคุยหัวเราะมีความสุข เหมือนเขาคุ้นเคยกันมาก่อนยังไงก็ไม่รู้กับพวกนี้
             “ดีวะ” ไอ้คนที่มันจะต่อยผมเพราะผมกำลังจะเสียบพุงไอ้หน้าแขก ผมเห็นสายตาที่ดุดันผมว่าไอ้นี่น่าสนใจมากสำหรับผม ผมคุ้นๆ หน้ามันน่ะ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน
            “ดีวะ นาย?” ผมทักทายเชิงถามว่าเขาชื่ออะไร ดูหน้าไทย หล่อเข้ม หล่อแบบหนุ่มไทยและที่น่าสนใจกล้ามมันได้มากนี่มันอายุแค่สิบแปดปีเองน่ะ อ้อ ผมลืมไปว่าบ้านนี้หมอทหารเกือบทั้งบ้าน
          “เราชื่อดิว” คนตรงหน้าผมแนะนำตัว ผมพยักหน้า
           “ลูกชายศาสตราจารย์นายแพทย์ ภาณุเดช และเป็นแพทย์ทหาร รักษาการดูแลในตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่โรงพยาบาลในค่ายทหารที่พลเอกภีมปภพดูแลอยู่” ผมพูด ไอ้คนตรงหน้ามองหน้าผม มันพยักหน้าว่าข้อมูลผมแน่นมาก
           “นายเป็นลูกชายของคน เป็นายทุนและเป็นเจ้าของบริษัทที่ผลิตขีปนาวุธใช่ไหม เราพอจะจำหน้านายได้แล้วว่ะ” ไอ้ดิวมันพูดผมก็ทำหน้างง ว่ามันพูดถึงอะไร ผมเคยเจอด้วยเหรอ
          “เราเคยเจอนายแต่น่าจะครั้งเดียว นานมากแล้วเพิ่งจะสิบขวบได้มั้ง ตอนนั้นงานอะไรสักงาน จำไม่ได้ว่ะแต่จำได้ว่ากูเจอมึงอ่ะ” ไอ้ดิวพูดผม ผมจำไม่ได้เลยจริงๆ แต่ก็พยักหน้า
           “อาหารมาแล้วเข้าห้องครัวกันเถอะว่ะ กูอยากทานล็อปสเตอร์แย่แล้ว” อีกคนน่าจะลูกชายอาภาคย์ มันหันมายักคิ้วให้ผมแค่นั้น ผมหันมามองอีกคนที่เดินมายืนข้างๆ ดิว เขาหันมามองหน้าผม
        “ดีวะหลุยส์ “คนนี้หน้าหวานมาก ไอ้ดิวหันมาพยักพเยิดกับผม ที่มองคนนี้นานไปหน่อย
          “มันชื่อแอ้ เป็น...” ไอ้ดิวมันหันไปแนะนำแต่มันก็หยุดแค่ เป็นผมเองที่ต้องเลิกคิ้วมอง เป็นอะไรของมันวะ ผมแอบคิดในใจ ทำไมมันต้องชำเลืองตามองคนนั้นก่อนจะพูดด้วย
          “เพื่อน!! ของมัน” ไอ้แอ้พูดต่อและมองหน้าไอ้ดิว ดูอีกคนจะผิดหวังลึกๆ เล่นเอาผมออกอาการงงไปทันที แต่ผมก็พยักหน้า ผมว่ามันสองคนมีอะไรแปลกแต่ใครจะสน ผมรีบลุกขึ้นและเดินไปหาบอยที่กำลังยืนคุยกับคนตัวเล็กร่างบางอยู่
          “แหมบอยอ่ะ ...คิกๆ “เขาหัวเราะอะไรกันก็ไม่รู้ ผมเดินเข้าไปพอดี
         “คุยกันสนุกน่าดู คุยเรื่องอะไรเหรอครับ” ผมพูดและมองบอย ผมมองชุดที่เขาสวมใส่ มันสบายแต่ดูน่ารักมากในสายตาผม บอยหันมายิ้มให้ผม
           “ก็คุยเรื่องทั่วไปแหละหลุยส์ “บอยบอกผม
          “เราไปทานข้าวกันเนอะ “บอยหันมาบอกผม ผมมก็พยักหน้าว่าได้ซิ
           “เออ ..หลุยส์นี้พายน่ะ ว่าที่คุณหมอในอนาคตเลยน่ะ” บอยแนะนำผมก็หันไปพยักหน้าทักทาย พายยืนมือมาจะเช็คแฮนด์ ผมก็เลยยื่นมือไปเช็คแฮนด์ตอบ ไม่เช็กแฮนด์ทำธรรมดาด้วยจับแน่นมากและทำท่าจะไม่ยอมปล่อยจนผมเองต้องเอาอีกมือแกะออก สาบานได้จะไม่กล้ายื่นมือไปให้จับอีก
            “มือนิ่มเนอะ รู้เลยว่าดูแลตัวเองดี” พายพูด ผมยิ้มๆ ให้ (นอกจากปากแล้ว อันนี้ก็น่ากลัว) ผมยิ้มเจื่อนๆ ให้ก่อนจะหันไปมองอาหารก็มาวางบนโต๊ะแล้ว อาหารไทยทั้งนั้น ผมน่ะจะไปทานอาหารไทยเฉพาะโอกาสพิเศษเท่านั้นจริงๆ และทานได้ไม่กี่อย่าง ส่วนใหญ่เป็นอาหารแนวตะวันตกทั้งหมด ผมแอบกลืนน้ำลายลงคอ ผมเห็นบอยเดินไป ผมก็รีบเดินแทรกน้องพายไปให้ถึงบอยก่อนเพื่อ
             “บอยครับ” ผมเรียกบอยเอาไว้พร้อมกับ อาสาเข้าไปเลื่อนเก้าอี้ให้บอยทันทีอย่างสุภาพบุรุษเขาทำกัน บอยหันมายิ้มให้ผม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลุยส์ปฏิบัติกับบอย ผมทำทุกครั้งเลยที่ได้มีโอกาสไปทานอาหารกับบอย บอยก็นั่งลง
           “อุ้ย!! น่าร๊ากอ่ะ โรแมนเชียว อยากได้แบบนี้” พายพูดและยืนมองผม ผมก็พยักหน้ายิ้มให้และผมก็นั่งลงข้างๆ บอยทันที แต่ว่าไอ้คนที่จะนั่งข้างๆ ผมมันยังยืนอยู่ ทำหน้าฟินรออะไรของมันก็ไม่รู้ ผมเงยหน้ามองว่าอะไรยังไง
           “นี่ ไม่เลื่อนให้เราบ้างเหรอ” น้องพายเขาสะกิดไหล่ผม เขาก็ถามผม ผมก็มองว่าทำไมอ่ะมีอะไร จะให้เลื่อนอะไร เก้าอี้ ผมก็มองว่าทำไมไม่เลื่อนเองล่ะ ผมก้มลงมองที่มือน้องเขาประมาณว่า มีมือไม่ใช่เหรอ แต่น้องเขาก็ยังฉีกยิ้มให้ผมอยู่ พยักพเยิดไปที่เก้าอี้ตรงหน้า
          “เก้าอี้อ่ะ” พายพูดและชี้ไปที่เก้าอี้ ผมก็ชี้ตัวผมเองด้วยเช่นกัน พายก็พยักหน้า ว่าให้ผมนี่แหละทำให้หน่อย
          “โธ่ อีพาย มึงเลื่อนเองดิวะ ถ้ามึงเลื่อนเองป่านนี้มึงได้นั่งไปตั้งนานแล้ว ยืนให้เขาด่ามึงด่วยสายตาอยู่ได้ว่า มึงไม่มีปัญญาทำเองหรือไง ง้าว!!” คนชื่อติ๊กพูด ผมหันไปมองไอ้คนนั้นว่ากูไม่ได้คิดยาวขนาดนั้นเลยจริงๆ คนตัวเล็กทำหน้างอทันทีใส่ทันที ไม่ใช่งอธรรมดาอยากกระโดดกัดหูผมเลยด้วยซ้ำ ผมนี่ไม่กล้าเงยหน้ามองน้องเขาอีกเลยกลัวครับและที่น่ากลัวอีกคนคือไอ้คนที่มันบรรยายภาพประกอบ บรรยายซะจนน้องคนนีคงอยากฆ่าผมเลย
           “อ้าว! มึงจะยืนค้ำหัวกูอีกนานไหมอีพาย นั่งลง!” คนที่ชื่อติ๊กบอกน้องพายและดึงเสื้อให้นั่งลง
          “สองมาตรฐาน….ชิส์!” พายพูดและนั่งลงอย่างเสียไม่ได้
         “แล้ว?” ผมพยักพเยิดเป็นคำถาม ถามบอยว่าที่อีกฝังใครนั่งเหรอ อย่าบอกนะว่า

ต่อ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด