(รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้องๆ)EP.68 เจ็บที่พูดไม่ได้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้องๆ)EP.68 เจ็บที่พูดไม่ได้  (อ่าน 3263 ครั้ง)

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
“กูเอง.... จะทำไม..ไอ้... “ไอ้หน้าแขกมันลงมาแบบจัดเต็มมาก เสื้อผ้าหน้าผม แบรนด์เนมทั้งตัวสวมเสื้อสูททับมาขนาดนี้ ทรงผมก็ถูกจัดแต่งมาด้วยเจลจนเงาวั๊บ ไอ้แจ็คมันลงมายืนเท่ๆ ก่นก่อนจะหันมามองหน้าผมและมันก็กำลังจะเรียกชื่อผมแต่ว่าบอยหันไปมองหน้ามันซะก่อน
            “ไอ้หลุยส์ “มันเลยเรียกชื่อผมได้เพราะสายตาของบอยนั้น ไม่อย่างนั้นมันคงเรียกผมไอ้หน้าตี๋เหมือนทุกทีซิน่ะ ผมเห็นแบบนี้ ผมหันมามองหน้าบอย คนนี้เหรอที่บอยมีใจด้วย ผมว่าไม่น่าใช่ ไม่มีอะไรที่คู่ควรกับบอยเลยสักนิด
             “แป๊ก!” ทุกคนทำช้อนหลุดมือกันหมดและมองไปที่ไอ้หน้าแขก นี่มันแต่งตัวแบบอยู่บ้านของมันเหรอ จัดเต็มมาแบบยังกะจะไปออกเดท เสื้อยืดมีแจ็คเก็ตสวมทับ กางเกงขายาว ผมนี้ลงแว๊กมาแบบเงาวั๊บ
           “แจ็ค มึงจะไปไหนลูก ที่นี้ไม่มีผับ ร้านอาหารก็ไม่มี มึงมีอีเว้นในป่าเขาลำเนาไพรเหรอ” ไอ้ติ๊กมันถามไอ้แจ็ค
           “เออ ไปไหนของมึงเนี่ยะ แต่งมาขนาดนี้ จัดเต็มไปไหม?” ไอ้ดิวมันยังถามเลย
          “แค่ลงมากินข้าวกับพวกกูไม่ต้องหนักขนาดนี้ก็ได้มั้งแจ็ค มันหล่อเกิน หล่อจนกูไม่อยากกินแล้วอาหารน่ะ อยากกิน..” น้องพายพูดแต่ไอ้หน้าแขกมันยกนิ้วร้องห้าม มันหันมามองหน้าผมและหันไปส่งยิ้มเท่ๆ ให้บอย
            “ร่วมรับประทานอาหารเย็นไงครับกับคนสำคัญ ทั้งที “มันบอกทุกคนแต่การแต่งตัวนี้เหมือนจะไปออกงาน
            “ระดับไหนอ่ะ กูว่าแต่งมาขนาดนี้ ผู้นำประเทศแล้วมั้งมึงและพวกกูก็ไม่ได้เชิญใครมาน่ะ” ติ๊กพูด
              “บ้านพักนี้น่ะมันลึกขนาดที่จีพีเอสก็พาใครมาไม่ถูก พี่กูยังต้องกางแผนที่เลยมึง แค่คิดก็หลงรอแล้ว” ไอ้คนที่ติ๊กพูด ผมหันมามองบอย ไอ้นี่นี่น่ะที่ประกาศกับผมว่ามันคือแฟนของบอย มันใช่เหรอ ผมว่าไม่น่าจะใช่น่ะ มันรั่วมากน่ะ บอยก็ยิ้มๆ ให้ผม
          “มึงใส่มาขนาดนี้ไม่ร้อนเหรอ” ไอ้หนุ่มหน้าหวานที่ชื่อแอ้ถามไอ้แจ็ค ผมก็ว่ามันน่าจะร้อนมากน่ะ ผมอยากจะกลั้นหัวเราะ
          “ไม่” ไอ้แจ็คมันพูด
          “งั้นกูไปปิดแอร์ให้น่ะ ดูท่ามึงคงหนาวว่ะแจ็ค กูเป็นห่วงมึงเลย ไปโดนตัวไหนมาวะ” ไอ้คนชื่อดิวพูดและทำท่าจะลุกขึ้นแต่ว่า
           “อย่า... เพื่อนดิว นั่งเถอะ จะได้ทานกัน อย่าให้ทุกคนรอนาน” ไอ้แจ็คมันพูดด้วยเสียงพระเอกในฟิล์มภาพยนตร์เลย ทำเอาทุกคนหันไปมองไอ้หน้าแขกนี้พร้อมกันหมด
           “กูว่ามันโดนแล้วเนี๊ยะ มันคงไม่ได้ไหว้เขาก่อนเข้ามาอยู่แน่ๆ “ติ๊กพูด
           “และที่ผมแต่งมานี้ก็เพื่อเป็นเกียรติ แค่นี้เอง ผมผิดเหรอครับ” ไอ้แจ็คพูดหันมาถามทุกคน
            “เออๆ ไม่ผิด งั้นก็เชิญท่านแจ็คนั่งครับ พวกกระผมจะได้ทานกันสักที สมกับที่พวกกูนั่งรอมึงนาน” ไอ้ดิวพูด
            “ไม่ผิดหรอกแจ็คแต่พวกกูแค่เขินมึงน่ะ ดังนั้นโอกาสหน้า มึงก็ควรจะปรึกษาพวกกูบ้างน่ะแจ็ค” ไอ้ติ๊กพูด ผมหันมายิ้มให้บอย บอยก็ยิ้มเจื่อนๆ ให้ผมอีกที
          “หล่อมากเลยแจ็ค...นั่งข้างๆ น้องพายแบบนี้ใจสั่นน่ะรู้ไหม คืนนี้พายว่าง” พายพูดและทำมือให้นั่งข้างๆ กันเพราะว่ายังมีเก้าอี้ว่างอยู่
         “อ้าวแล้วมึงไม่โทรคุยกับพี่แพทแล้วเหรอ เห็นบอกอยู่ “แอ้หันมาถามพาย
         “แอ้! มึงขัดกูทำไมเนี๊ยะ” พายหันมาพูด
         “หรือว่ามึงจะไม่คุย ถ้าพี่มึงโทรมากูจะได้บอกว่ามึงไปเดทกับไอ้แจ็คแทน” ติ๊กหันไปพูดกับน้องพาย ไอ้รูปหล่อถึงกับไถลไปทันที
        “พากันไปเดท ทุ่งโน่นเลย มีเสียงดนตรีประกอบด้วย โคตรโรแมนติก” ติ๊กพูด
          “จิ้งหรีดก็มี กบเขียนก็มา ร้องแข่งประสานกันเหมือนวงออเคสต้าเลย” ไอ้ดิวอีกคน
         “เออ แจ็ค มึงไปคนเดียวเถอะน่ะ กูไม่ว่างแล้ว ขอตัวเลย กูกลัว” น้องพายหันไปพูด
          “เออ...นั่งลงซิแจ็ค จะได้ทานอาหารกันน่ะ “เป็นบอยที่หันไปบอกไอ้คนที่ยืนทำหน้าหล่ออยู่นั้นไม่ยอมนั่งสักที ไอ้หน้าแขกหันมาทำนิ้วเฉือดคอโชว์ผมด้วย ผมก็แอบส่งนิ้วกลางให้มัน เอาซิ
            “เอา พร้อมองค์ประชุม ป๊อด เปิดอาหาร เอาจานกูก่อนล็อปสเตอร์อบชีสน่ะ” ไอ้ติ๊กมันพูดและมีเด็กหนุ่มยังดูเด็กๆ อยู่เลยเดินมาและเปิดฝาที่ครอบอาหารอยู่
            “เออ...ป๊อด กุ้งล็อปสเตอร์ มันต้องตัวใหญ่กว่านี่น่ะและส่วนใหญ่จะแค่ตัวเดียวนี่มันกุ้งแม่น้ำไอ้ป๊อด และนี่มันมาเป็นแพรเลยป๊อด มันใช่เหรอ!!!” ติ๊กมันแทบจะควันออกหูทันที ผมน่ะทานประจำแต่นี้ไม่ใช่แน่นอน กุ้งอะไรก็ไม่รู้
              “พี่ติ๊กครับ คือแม่ผมบอกว่าหามาได้นี้ใหญ่ที่สุดในตลาดแล้วครับและนี้ก็ได้มาเป็นแพเลยนะครับ มันดีกว่าที่อบตัวเดียวโดดเดี๋ยวเดียวดายอีกน่ะครับและที่แม่ผมคิดนะครับ แม่ผมกลัวคุณติ๊กทานไม่อิ่มครับ เลยให้มาหลายตัวเลยครับ” น้องเขาอธิบายยืดยาวแต่คนฟัง ยืนควันออกหู
           “อะไรกันที่นี้ไม่มีล็อปสเตอร์เหรอ” ไอ้ติ๊กถามเด็กคนนั้น เขาก็ส่ายหัวไปมาว่าไม่มี
           “อันนี้แม่ผมบอกว่าลอบมาเหมือนกันครับแต่ว่าเขาน่าจะไปลอบดักจับมาจากแม่น้ำนะครับ ลอบเหมือนๆ กันน่ะพี่ “ไอ้ป๊อดพูด พวกผมหันไปมองไอ้เด็กคนนี้ มันแก่จริงๆ แก่แดด "ไอ้ป๊อด!! มึงอยากหางานใหม่ใช่ไหม) )) )"ติ๊กมันลุกขึ้นพูด
            “ติ๊ก มึงจะบ้าเหรอ ใครจะไปสรรหากุ้งล็อบสเตอร์มาให้มึงตอนนี้และนี่ก็ดีแค่ไหนแล้วที่มีกุ้งแม่น้ำให้ รสชาติก็ไม่ต่างกันแหละ” ไอ้ดิวพูด บอยหันไปพยักหน้ากับติ๊ก
             “ก็กู จะทานล๊อปสเตอร์นี่หว่า” ไอ้ติ๊กพูดและมองหน้าเด็กน้อยคนนั้นอีก
             “เอาเดี๋ยวกูมา” ไอ้ดิวมันพูดก่อนจะลุกขึ้นและทำท่าจะเดินออกไป ผมไม่รู้ว่าไปไหน
            “ป๊อด! เปิดอันอื่นเลย คนอื่นจะได้ทาน เดี๋ยวพี่ไปหาล้อปสเตอร์ให้เจ้านายเรื่องมากของมึงก่อน “ไอ้แอ้พูดและไอ้เด็กที่ชื่อป๊อดมันก็ไล่เปิดฝาอาหารรอยโต๊ะ แต่ละอย่างนี้ผมไม่รู้จักเลยครับ
         “หลุยส์ทานได้ไหม” บอยหันหน้ามาถามผม
          “ทำไมล่ะทานไม่ได้เหรอ” ไอ้หน้าแขกมันพูดผมหันไปมองหน้ามัน
            “หรือว่ากินได้แค่แบบจืดๆ เด็กน้อยเอ่ย!” ไอ้แจ็คมันว่าผมเป็นเด็กน้อย อยากจะขึ้นแต่เกรงใจบอย ที่มองผมและหันไปมองไอ้แจ็คเหมือนจะดุมันให้หยุด
              “ไอ้ตาชั้นเดียวเฮ้ยย” นั้นมันด่าผมอีก อย่าคิดว่ากูฟังไม่รู้นะโว้ย!!
           “หลุยส์ทานได้บอย “ผมบอกบอยและยิ้มๆ ทุกคนหันมามองผม
            “หลุยส์เขาไม่เคยทานของเผ็ดนะทุกคน” บอยหันไปบอกทุกคนคงรวมไอ้หน้าแขกด้วย นี้เป็นการแสดงว่าบอยแคร์ผมแค่ไหน คิดเอาไอ้หน้าแขก ผมคิดในใจ
            “มาแล้วติ๊ก” ไอ้ดิวมันเดินกลับเข้ามาพร้อมกระดาษ มันไปปริ้นมาและส่งให้ติ๊ก มันคือรูปล็อปสเตอร์
            “มึงดูรูปนี่น่ะ กุ้งล้อปสเตอร์แถมเลือกชนิดที่แพงที่สุด เจ็ดสีเลยมึงแล้วมึง ไอ้ดิวมันพูดมันส่งกระดาษที่ปริ้นมาให้ดู
             “มึงกินกุ้งแม่น้ำนั้นซะพร้อมกับจ้องรูปกุ้งล็อบสเตอร์นี้ไปด้วย รับรองได้ว่ามึงจะได้ทั้งรสชาติและความฟินไปพร้อมๆ กัน” ไอ้ดิวมันพูดไอ้คนที่รับกระดาษไปถือมันทำท่าจะอ้าปากด่า
            “อ่ะ อ่ะ อย่าบ่นมากเดี๋ยวมึงได้ไปนั่งกินมาม่าแทน คราวนี้ฟินกว่าอาหารที่มีบนโต๊ะอีก” ไอ้ดิวพูด ไอ้นี่มมันแก้ปัญหาได้ดี ไอ้ติ๊กเงียบไปเลย และก้มหน้าก้มตาทานอาหารทันที
            บอยก็ตักอาหารให้ผมก่อนเลย ผมนี้รีบยกจานไปรอรับเลย อร่อยแน่ๆ อาหารที่บอยตักให้ ไอ้แจ็คมันก็กำช้อนแน่นแต่ว่า บอยหันไปมองแจ็คก่อนจะตักให้มันบ้าง ไปตักให้มันทำไมมันก็มีมือบอยผมแอบคิดในใจ มันทำท่าดีใจใหญ่เลย
           “บอย บอยชอบอันนี้ มันชื่ออะไรนะ หลุยส์เห็นบอยสั่งบ่อย “ผมหันไปถามบอยและยิ้มตาหยีให้บอย
          “แต่หลุยส์ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไรนะบอย” ผมพูดกับบอยและทำท่าจะตักให้บอย บอยก็มองหน้าผม แต่ล่ะคนทำไมทำหน้าตกใจกันหมดเลย
           “อ้อ อันนี้เขาเรียกปลาช่อนลุยสวนน่ะ เผ็ดได้ใจเลยแหละ ซี่ดซ้าดปากสั่นเลย พายก็ชอบมาก ชอบแซ่บๆ ” คนที่ตอบผมคือพายแต่ตอนลงท่ายนี้เล่นเอาผมขนลุกทันที ผมหันมามองหน้าบอย บอยส่ายหัวเบาๆ ให้ผมว่าไม่เอาดีกว่า
         “บอยไม่กินเผ็ดวะ ไอ้ตี๋ ฮาๆ” ไอ้แจ็ค ผมนี้ต้องระงับความโกรธ
           “บอยเคยทานน่ะหลุยส์ แต่ส่วนใหญ่แม่ครัวที่บ้านทำให้เขาจะไม่ใส่พริก อันนี้คงเผ็ดไปสำหรับบอย และหลุยส์คงทานไม่ได้เช่นกัน ให้คนอื่นเถอะ” นั้นอันนี้โดนเลยผม
           “ใช่เลย เรากินอะไรที่เหมือนกันมาก” ผมรีบชี้นิ้วเครื่องหมายถูก
           “เหรอ!!!!” ทุกเสียงส่งเสียงพร้อมกันหมด ผมหันไปมอง ทุกสายตามองมาที่ผมคนเดียวกันเลย
            “เก่งนะมึงนะ” มีคนชมผมไอ้ติ๊ก ผมทำหน้าตาพร้อมกับนิ้วว่าผมคูล์มากแค่ไหน
            “เดาใจเก่ง” ผมพูดและยิ้มอย่างภูมิใจ
           “แถเก่ง!!” ไอ้ติ๊กพูด ผมสะบัดหน้าไปมองมันแปลว่าอะไรวะ
            “แปลว่า?” ผมไม่รู้จริง ไอ้ติ๊กมันก็ยกมือขอพรจากฟ้าทันที
           “Ramble!!” มีคนตอบแทนคนนั้นคือไอ้แจ็ค เท่านั้นแหละผมเข้าใจทันที แต่บอยหันมามองผม ต้องรักษามาดพระเอกเอาไว้ ให้แจ็คมันเป็นตัวโกงไป ผมก็ยิ้มรับ
            “บอยอันนี้เลยบอยชอบมาก เมื่อก่อนให้แม่บ้านที่บ้านแจ็คทำให้กินทุกวัน จำได้ป่ะ” แจ็คหันไปดันอีกจานที่บอยชอบร้องขอให้แม่บ้านผมทำให้ทาน
             “ใช่บอยชอบ ร้องขอทุกวันเลย แกงจืดเต้าหู้ไข่ “ไอ้แอ้มันพูด ผมไม่เคยเห็นบอยสั่งอันนี้เลย
              “ไม่จริงมั้ง! เพราะว่าบอยไม่เคยพูดเลยน่ะว่าบอยชอบอาหารแบบนี้” ผมพูดก่อนจะหรี่ตามองบอย เขาก็ยิ้มให้ผม
             “เต้าหู้ไข่แม่บ้านบอยทำเองเลยนะ ทำให้ทานประจำ บอยเลยไม่ค่อยสั่งเวลาออกไปทานนอกบ้านหรอกหลุยส์” บอยหันมาบอกผม ผมแทบไถลไปกับโต๊ะอาหาร จริงๆ ด้วยผมยอมรับว่าไม่เคยไปทานอาหารที่บ้านบอยเลย บอยก็เลื่อนจานไปรับที่ไอ้นั่นมันตักมาให้ คะแนนหดหายลงไปเลยครับผม ดูมันไอ้แจ็ค มันส่งยิ้มให้ด้วยว่ามันกำลังทำคะแนนตีคู่ผมมาแล้วติดๆ
            “เดี๋ยวนะบอย” ผมพูดบอยหันมามองหน้าผม
             “หลุยส์ว่าหลุยส์เห็นเหมือนอะไรในจานนั้นไม่รู้บอย หลุยส์ว่าอย่าพึ่งทานดีกว่าน่ะบอย “ผมรีบคว้าจานที่บอยชอบไว้ไม่ให้ไอ้หน้าแขกตัก ทุกคนถึงกับทำหน้าเหวอ
            “มุขไหนของมันเนี่ยะ” มีเสียงกระซิบข้างๆ ผม แต่ผมไม่สนใจ
            “ไอ้หน้าตี๋ มึงจะดึงทำไม นี้ของโปรดของบอยเขาเลย กูนี้รู้ดีกว่ามึง เอามือออกไปและปล่อยจานมา” ไอ้หน้าแขกมันดึงชามกลับ ผมก็ขืนไม่ให้
             “กูเห็นอะไรที่ไม่น่าไว้ใจกูก็จะสกัด” ผมพูด
             “สกัดพองมึงดิ ปล่อย!!” แจ็คพูด สายตามันจ้องมองผม ผมก็จ้องมองมันกลับ
             “เออ...หลุยส์.. แจ็ค… บอยว่า…. “บอยก็พยายามห้ามแต่ผมก็พยายามยื้อมาที่ผม ไอ้หน้าแขกมันก็ยื้อกลับและผลสุดท้าย อาหารถ้วยนั้นคว้ำครับ
             “เว้ยย! เต้าหู้ไข่ “ทุกคนลุกพรวดและมองอาหารที่หกคว้ำกระหมำอยู่บนโต๊ะ ทุกคนหันไปมองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่
             “อู้ยย! ไม่เป็นไรครับ ผมเช็ดให้พี่” ไอ้หนุ่มที่ยืนรอบริการรีบวิ่งหายเข้าไปในครัวและวิ่งออกมาพร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาด
             “เป็นไงไอ้ตี๋ บอยจะกินอะไร มึงทำหกไปหมดขนาดนั้นและนี่เขาก็สั่งมาเพื่อบอยเลยนะมึง” แจ็คมันพูดผมหันมามองหน้าบอย ผมไม่ตั้งใจน่ะบอย บอยพยักหน้ากับผมว่าไม่เป็นไร
                “ไม่เป็นไร มีอาหารเยอะอยู่น่ะ บอยทานได้ครับ “บอยพูดปลอบใจผมและหันมามองหน้าผมแบบไม่ได้รู้สึกโกรธมันเลยทำให้ผมรู้สึกผิดกับบอยยิ่งหนักและพาลไปโกรธไอ้หน้าแขก คนที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้
              แต่เห็นสายตาบอยก็รีบทำน่าเศร้ามากเพื่อกลบเกลื่อนให้บอยเห็นใจผมมากขึ้นแอบหันไปเหล่ไอ้หน้าแขกมันคงอิจฉาผมอยู่ใช่จริงๆ ด้วยมันปักซ้อมลงด้วยความแค้นและหันมามองคนที่พลิกมาเป็นฝ่ายนำอีกครั้ง บอยก็ตักอาหารอันอื่นทานแทนและหันมามองผมว่าเอาไหม ผมรีบเสนอจานไปทันที
             “ไปแล้วหนึ่งจาน ไว้อาลัยให้แก่แกงจืดเต้าหู้” พายพูดและทุกคนก็หันมากำลังจะทานอาหารกันต่อ
            “ข้าวผัดไหมครับบอยดูน่าทานมากเลยน่ะ “ผมรีบหันไปคว้าจานข้าวผัดมาจากตรงหน้าใครไม่รู้ไม่ได้ดู
         “บอยแจ็คตักให้นะ” ไอ้แจ็คมันทำท่าจะแย่งจานข้าวผัดไปจากผม ผมก็ไม่ยอม ฉุดกระชากยื้อกันอยู่สุดท้ายจานข้าวผัดพลิกผ่านหน้าผมไป ไปไหนล่ะ แน่นอนผมหันไปมองทางที่ข้าวผัดควรจะไปและ ผมก็เห็นชัดมาก ว่าใครเป็นผู้โชคดีได้ไปทั้งจานและคนนั้นก็คือน้องพาย หน้าน้องมีแต่ข้าวผัดตั้งแต่หัวลงมาเลย
            “เว้ย!” ผมครับตกใจมากอุทานออกมาพร้อมๆ กับไอ้แจ็คมันนั่นแหละ ผมรีบปล่อยจานไปให้ไอ้แจ็คมันถือเอาไว้ทันที อยากได้มากเอาไป ผมเห็นพายกำลังใช้มือปาดข้าวที่อยู่บนใบหน้าออก
            “นิ...จะตักให้พายทั้งที รบกวนตักใส่จานเล็กๆ มาก็ได้น่ะ” พายพูด
            “ไม่ต้องฟาดมาทั้งถาดแบบนี้! “พายพูดและมองหน้าผมกับไอ้แจ็ค
            “โธ่! พายนี้มึงไม่กินธรรมดา ทาเลยเหรอวะ กลัวไม่อิ่มเหรอหรือว่ากลัววิตามินจากอาหารไม่ซึมเข้าผิวพรรณกันแน่ ฮาๆ ” ไอ้ติ๊กมันพูดและหัวเราะพายกันใหญ่เลย แต่คนอื่นพากันส่ายหัวไปตามๆ กัน
            “ไปล้างตัวก่อน เดี๋ยวสิวขึ้น ต่อไปจะเลิกสั่งข้าวผัดหรือเลิกนั่งข้างมึงดีวะ ไอ้หลุยส์ .... ชิส์” พายพูดก่อนจะลุกขึ้นไป ทุกคนเริ่มหันมามองผมสองคน สลับกันไปมากับไอ้หน้าแขกนั้น บอยหันมามองผมสองคนเช่นกัน
              “แจ็คไม่ผิดนะ ไอ้หลุยส์ต่างหาก” ดูมันกระซิบกับบอย ผมแอบส่งนิ้วกลางให้มัน แต่ผมหันไปเจอบอยที่มองผมอยู่ สะดุ้งครับรีบเก็บลงทันที ส่วนคนที่มองผมสองคนนิ่งมาก่อนจะก้มลงหันไปทานอาหารต่อนั้นคือไอ้ดิว
            “บอยทานอะไรดี” ไอ้แจ็คมันยังมีหน้ามาถามบอยอีกน่ะ
           “บอยทานอันนั้นไหมครับ ของโปรดแจ็คเลยครับ บอยต้องชอบเหมือนแจ็คแน่เลย “ดูมันพูดเข้าข้างตัวเองบ้างซิ ผมก็หันไปมองว่าไอ้แจ็คมันจะตักอันไหน
          “บอยนะเขาไม่ทานเนื้อ” ผมรีบพูดและเหล่ตามองบอย เป็นเรื่องจริงซะด้วย บอยหันมายิ้มเพราะว่าอันนี้ผมรู้ดี แต่ไอ้หน้าแขกมันมองบอยแบบไม่เชื่อที่ผมพูด
             “บอยทานอันนี้ไหมครับ” ผมถามและหยิบมาจะตักให้บอย
             “กูตักเอง มึงตักไม่เป็นหรอก ใช้เป็นแต่ตะเกียบ” ไอ้หน้าแขก ผมลุกขึ้นเลยครับและพยายามจะแย่งอาหารมากตักให้บอยแต่มันก็ยื้อแย่ง
            “ปล่อยไอ้แขก “ผมพูด “มึงนะปล่อยไอ้ตี๋” ไอ้แจ็ค
             “เว้ยย!” ไอ้ติ๊กและไอ้หน้าหวานไอ้แอ้ มันสองคนร้องออกมาพร้อมเพราะว่าอาหารลอยจากมือผมไปตกที่ตรงหน้ามัน ผัดผักรวมมิตร ไปรวมกับอาหารจานอื่นๆ แล้วด้วย
             “รวมมิตรของแท้เพราะว่าไปรวมกันไว้หมดแล้วอาหารกู “ติ๊กพูด
             “ครื้ดดดด!!!” เสียงเก้าอี้เลื่อนออก ผมเงยหน้าขึ้นมองคนตรงข้ามพวกผม ไอ้ดิวมันไม่ได้นั่งอยู่ที่เก้าอี้แล้วแต่มาอยู่ด้านหลังผมสองคนแทน
              “หมับ ...หมับ” มันเดินตรงมากระชากคอเสื้อผมจากด้านหลังและมันก็ลากผมสองคน
             “อะไรของมึง…. ไอ้ดิว!” ไอ้แจ็คมันถามไอ้คนที่ลากผมสองคนออกไป ผมยอมรับว่าแรงมันดีมาก ผมสองคนพยายามดิ้นยังไงก็ไม่หลุด ลากผมสองคนมาถึงหน้าประตูและ มันก็โยนผมสองคนออกไปนอกประตู
           “ตุบ! ตุบ!” ร่างผมสองคนถูกโยนออกไป
            “มึงสองคนไปหาที่นั่งสงบๆ น่ะ และถ้ายังกัดกันไม่เลิก กูจะให้ไปกัดกันข้างนอกแทน...นอกบ้านโน่นเลย เอาไหม!” ไอ้ดิวพูด
          “พวกกูจะกินข้าวกัน อย่างเงียบๆ “ไอ้ดิวพูดขึ้นเสียงใส่ผมสองคน
          “ถ้าพวกมึงยังไม่สามัคคีกันก็อย่าหวังว่าจะได้กิน” ไอ้ดิวมันพูดทิ้งท้ายเอาไว้
            “ปัง!” เสียงประตูปิดลงอย่างดัง ผมหันมามองไอ้แขก และก็ต้องถอยหลังออกเพราะว่าไอ้ดิวนี้เวลามันเอาจริงน่ากลัวเหมือนกัน และผมก็ ไม่อยากออกไปให้ยุงกัดเล่น ผมก็ได้แต่นั่งชะเง้อมองไปด้านใน และไอ้หน้าแขกอีกคน
            “"This’ s all your fault coz you been silly!!. Silly billy you know!!!” !!"!!!” ไอ้แจ็คมันว่าผมเป็นตัวต้นเหตุเหรอ ผมนั่งอยู่สักพัก คนละมุมจนกระทั่งเวลาผ่านไป 10 นาที เสียงประตูถูกเปิดออก คนที่มาเปิดก็คือไอ้ดิว
            “มึงจะสามัคคีกันได้หรือยัง?” ไอ้ดิวถามผมและไอ้หน้าแขกเพื่อนมัน ผมหันไปมองหน้ามัน และไอ้หน้าแขกมันก็มองหน้าผมเช่นกัน แต่เอาวะ แกล้งดีกับมันก่อน เดี๋ยวค่อยเอาคืนและผมจะได้กลับไปนั่งชิดกับบอยอีก
           “ไอ้แขก เอ๊ย! ไอ้แจ็ค เราไปกินข้าวกันดีกว่าว่ะ “ผมเดินไปยื่นมือให้มัน กัดฟันเลยจะดีกว่า แต่ก็ต้องยอม ไอ้หน้าแขกมันก็ทำหน้าตาเหวอ
          “เร็ว!” ผมกัดฟันบอกมันและหันไปยิ้มให้ไอ้ดิว
          “เร็วนะอาหารจะหมดโต๊ะแล้วเพราะว่ามีน้อยและพวกมึงเล่นตีกันจนหกไปครึ่งหนึ่งได้” ไอ้ดิวพูด ผมสองคนก็เดินตามเข้าไปแต่ก็ยังหันมาแอบแยกเขี้ยวใส่กันอยู่หลังไอ้ดิว จนผมเดินเข้าไปก็รีบนั่งที่เดิมข้างบอยและมีไอ้หน้าแขกมานั่งประกบข้างเช่นกัน ผมสองคนยิ้มให้พวกที่นี้ด้วยความหวาดระแวงพากันเอามือปกป้องจานตัวเอง
           “ทานซิ หลุยส์ แจ็ค บอยตักไว้ให้ในจานแล้ว “บอยพูดผมก็ยิ้มตาหยีให้เพราะตาชั้นเดียว ผมจำใจต้องนั่งทานอาหารไปแต่ก็แอบจิกกัดไอ้หน้าแขกไปด้วย จนกระทั่งมื้ออาหารเย็นก็จบลง
             “ป๊อด!! อาหารอร่อยมา คราวหน้าทำมาเพิ่มสักอย่างล่ะสองสามจานเลยน่ะ เพื่อว่าไอ้สองคนนี้มันตีกันบนโต๊ะด้วย พวกกูจะได้มีสำรอง” ไอ้ติ๊กมันพูดและเหล่มองผมและไอ้หน้าแขกเพื่อนมัน และทุกคนก็พากันลุกขึ้น ผมก็จะช้าทำไมรีบลุกไปเลื่อนเก้าอี้ออกแต่ มีคนแย่งซีนผมจากนั้นไอ้แจ็ค มันประคองบอยออกไปซะอย่างงั้น
              “Too slow!” มันพูดให้ผมอ่านปากผม ผมนี้เจ็บใจหนัก แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ รีบเดินตามไปติดๆ
            “บอย” ผมเรียกบอยและเข้าไปเดินประกบอีกข้างหนึ่ง บอยหันมามองหน้าผมและจังหวะที่จะเดินผ่านช่องประตูแน่นอนมันพอสำหรับสามคนหรอก ผมก็ได้จังหวะที่มันพยายามแอบฟังผมทำท่าจะคุยกับบอยผมรีบผลักไอ้แขกให้หลุดออกไป เหลือแค่ผมกับบอยเดินผ่านประตูออกมา และผมก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
              “ว่าไงหลุยส์” บอยถามผม
            “บ้านนี้บรรยากาศดีนะครับ ว่าแต่บอยจะขึ้นห้องนอนเลยไหมครับ แต่หลุยส์ว่าเราหาที่นั่งคุยกันไหม ไม่ได้เจอกันนาน....” ผมกำลังจะชวนบอยหาที่นั่งคุยกะว่าคุยแบบส่วนตัวนะ แต่จู่ๆ ร่างผมก็เหมือนโดนผลักให้กระเด็นออกไป ใช่มันนั้นเองไอ้แจ็ค ผมของขึ้นอีก
          “ไอ้แจ็ค”
          “จะกัดอีกเหรอครับ” ไอ้หน้าโหด ไอ้ดิวมันยืนเอามือเท้าสะเอวมองผมสองคนมันทำท่าจะโยนพวกผมออกไปข้างนอกแน่ๆ บอยก็มองผมสองคนสลับไปมาว่าจะเอายังไงกัน
            “หลุยส์ หยอกเล่น” ไอ้แจ็คมันพูดและยื่นมือมาทำท่าจะดึงผมให้ลุกขึ้น ผมก็จำใจ
             “เหรอ!!!!” เสียงสูง คือผมไม่เชื่อว่ามันหยอกผมหรอกครับ แต่ก็ไม่อยากออกไปนอนข้างนอกบ้านนี่ครับ เลยจำใจผมก็ลุกขึ้น
          “บอยจะขึ้นห้องพักเลยน่ะ หลุยส์กับแจ็ค?” บอยพูดขึ้นและมองผมสองคนเหมือนเป็นคำถามยังไงก็ไม่รู้
           “แจ็คก็จะขึ้นไปกับบอยเลย” แจ็คมันรีบแย้งพูด
            “งั้นก็ขึ้นพร้อมกันเพราะว่าหลุยส์ต้องนอนกับเราคืนนี้ ขึ้นไปจัดที่แล้วกัน หลุยส์นอนกับแจ็ค เพราะดูแล้วเตียงก็ไม่เล็กมาก” บอยพูด ผมก็แอบเสียดายมากแต่ก็ต้องจำใจ
           “หวังว่าจะไม่ได้ยินเสียงพวกมึงนะเพราะว่าห้องกูอยู่ข้างๆ เลย กูเป็นประเภทที่ชอบหลับแบบสงบ แต่ถ้ามึงสองคนไม่สงบน่ะ กูนี้จะทำให้ไปหาที่นอนแบบสงบๆ ด้านนอกแทน..รอบนี้กูเอาจริง “ไอ้ดิวพูดพร้อมกับกอดอกมองผมสองคน ผมสองคนยิ้มและหันมามองหน้ากัน
            “รักกัน คืนนี้นอนด้วยกันน่ะ...” ไอ้แจ็คมันพูดแบบกัดฟัน ผมสองคนก็รีบเดินตามบอยทันทีโดยมีไอ้ดิวเดินอยู่ข้างหลังกำกลับไปจนถึงห้องพักเลยไม่กล้าทะเลาะกันเลยจนเข้าห้อง พอเข้าไปเท่านั้นแหละผมสองคนก็รีบผละออกจากกันแทบไม่ทัน
             "เชี้ย!! ขนรุกเลยกู"ผมพูดและรีบปัด ทำท่าสยองพองขน
             "กูก็ลุก ไม่แพ้มึงหรอกไอ้แขก!!"ไอ้หลุยส์
             "ไอ้ตี๋!!!!"ผมแผดเสียงใส่มันบ้าง
             "ก๊อก ๆ" เสียงเคาะประตูจากห้องข้าง ไม่ต้องบอกว่าใคร ไอ้ดิวนั้นเอง มันกำลังเตือนผมสองคน ผมเลยต้องเอามือปิดปากพร้อมกัน แต่จะว่าไป ผมสองคนไม่ได้สังเกตุ บอยหายไปไหนอ่ะ



          TBC…
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-02-2024 11:24:42 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.18(แจ็คXบอยXหลุยส์)  เขากลับมาเพื่อกันและกัน

    Part's หลุยส์ ผมสองคนมัวยืนทะเลาะกันอยู่บอยก็เดินเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ ผมหันมามองหน้ากัน ไม่กล้าส่งเสียงเลยเพราะว่าไอ้คนที่ชื่อดิวมันนอนอยู่ห้องข้างๆ เมื่อสักครู่มันก็เคาะประตูเตือนมาแล้วรอบหนึ่ง ไอ้แจ็คมันหันและโชว์นิ้วกลางให้ผม ผมก็ให้มันกลับซิครับ ผมนั่งที่เก้าอี้ ผมไปลากมานั่งจับตารอดูบอย ส่วนไอ้แจ็คมันนั่งกักที่บนเตียง คอยดูน่ะผมจะอ้อนบอย ขอนอนเตียงเดียวกับบอยให้ได้

      “แอ๊ด “เสียงประตูถูกเปิดออก ผมก็รีบวิ่งครับและไอ้หน้าแขกนี่ก็เช่นกันทั้งที่บอยยังไม่ทันได้ก้าวขาออกมาพ้นประตูห้องน้ำเลย บอยก็ทำท่าตกใจ

      “หลุยส์ แจ็ค “บอยส่งเสียงทักผมสองคนและมองผมสองคนสลับกันไปมา

       “จะเข้าห้องน้ำเหรอ จะเข้าพร้อมกันเลยเหรอ” บอยถามผมกับไอ้แขกที่ยืนข้างๆ เรียกว่าพยายามเบียดผมออกแต่ผมไม่ยอมขาผมเกร็งเพื่อยืดพื้นที่ ผมยืนอยู่ตรงหน้าบอยเป๊ะเลยมันน่ะเกือบตกเฟรมก็ว่าได้

      “ไม่!!!” ผมรีบปฏิเสธแต่ไอ้แจ็คมันก็รีบปฏิเสธพร้อมกันกับผมเช่นกัน

      “ไอ้ตี๋ มึงเป็นคนมาอาศัยต้องรอให้เจ้าของห้องก่อนดิวะ” ไอ้หน้าแขกมันชี้หน้าว่าผม

       “มึงรู้จักมารยาทไหม แขกควรได้อภิสิทธิ์ก่อน กูเป็นแขกพิเศษคืนนี้” ผมหันไปบอกมัน บอยก็มองหน้าผมสองคนสลับไปมาก

     “Rrrrrrrr “เสียงมือถือดังขึ้น ผมหันไปมองมันตามเสียงนั้น มันไม่ใช่มือถือของผมแต่เป็นของไอ้หน้าแขกนั้น ผมยิ้มเล็กน้อย

      “มือถือมึงดังอ่ะ ไม่รับเหรอ” ผมถามไอ้แจ็ค

      “อะไรวะ” ไอ้หน้าแขกมันเดินออกไปดู ผมก็ยิ้มให้บอย บอยก็หลบทางให้ผมรีบเดินเข้าห้องน้ำก่อนเพื่อทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยและจะได้รีบออกไปสวีตกับบอยทำคะแนนนำหน้ามันไงครับผม

       “ไอ้ตี๋!!! “ไอ้แจ็คเรียกผมแต่ผมไม่แคร์ พอสักพักผมออกมาก็จะว่าจะสวีทกับบอยระหว่างที่ไอ้หน้าแขกมันมาใช้ห้องน้ำ ผมจะอ้อนบอยจนมันตาร้อนเลย แต่ผิดคลาดผมดันออกมาเจอไอ้หน้าแขกมันใส่ชุดนอนเรียบร้อยแล้วมันนั่งเนียนบนเตียงกับบอยหน้าตาเฉย

       “ไอ้แขก..เอ๊ย ไอ้แจ็ค มึง……” ผมถามมัน

       “นี่มึงไปเปลี่ยนชุดที่ไหนมาวะ” ผมถามไอ้แจ็ค

       “กูมีดีกว่าที่มึงคิดครับไอ้หลุยส์ มึงยังช้ากว่ากูหนึ่งล้านปีแสง “ไอ้แจ็คมันพูดและหันไปมองบอย เขากำลังดูภาพอะไรกันอยู่ในโน๊ตบุคเครื่องจิ๋ว ผมเดินไปดู เป็นภาพเก่าสมัยที่บอยได้มาอยู่กับมันช่วงหนึ่ง บอยเคยเล่าให้ผมฟังว่าเขาเคยไปอยู่กับเพื่อนที่ไทย สองปีกว่าแต่ว่าก็เคยไปๆ มาๆ กับเพื่อน ตอนเด็กๆ แต่พึ่งมาเจอแจ็คตอนหลังที่ไปอยู่ยาวที่สุดนั่นแหละ นี่มันก็ทำให้ผมตาร้อนขึ้นมาทันที ผมเดินกลับไปที่เตียงพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนมองสองคนนั้น เขาคุยกันดูรูปเก่าๆ กัน ผมรู้สึกอิจฉา ผมไม่เคยมีรูปเก่ากับเพื่อนหรือใครเลย นับจากที่พ่อแม่ผมเสียไป ผมเหมือนอยู่ในฝันร้ายทุกวัน จนกระทั้งมาเจอบอยนี้แหละ เขาคือวันที่สดใสของผมแต่ว่าตอนนี้มีคนกำลังจะพรากมันไปจากผม ไอ้หน้า ผมจึงหาวิธีด้วยการ

      “หาว!!!” อ้าปากหาวยาวๆ

       “แจ็ค หลุยส์คงอยากนอนแล้วน่ะ หลุยส์เดินทางมาทั้งวันแล้วน่ะ” ผมได้ยินบอยพูด แจ็คมันก็หันมามองผม ผมก็ทำท่าง่วงนอนมากจริงๆ

      “แต่ว่า” แจ็คมันทำท่าจะคัดค้านแต่ว่าสายตาบอย ที่มองแจ็คมัน ไม่เชิงโกรธเหมือนข้อร้องมากกว่า 

      “แจ็ค! พรุ่งนี้เราก็ต้องตื่นแต่เช้าเหมือนกัน บอยก็เริ่มง่วงแล้วด้วยนะครับ เอาไว้เราดูกันอีกวันหลังนะแจ็ค “บอยบอกไอ้หน้าแขกมัน ไอ้นั่นมันก็ลุกมาที่เตียงและมาสะกิดผม

       “ลงไป!!” มันบอกให้ผมลงจากเตียง มันชี้ไปที่พื้น มันจะให้ผมนอนที่พื้นหรือไง ผมสะบัดหน้าไปมองหน้ามัน

        “ลงไปดิไอ้ตี๋ กูจะได้นอนและมึงจะได้นอนที่กว้างมาก คือที่พื้นนั้น” ไอ้หน้าแขกมันพูด ผมก็ทำท่าจะหยิบหมอนลงไปนอนแต่บอยออกจากห้องน้ำมาเจอผมซะก่อน

         “แจ็ค อย่าบอกนะว่าจะให้หลุยส์นอนที่พื้นนะ ไม่น่ารักเลยน่ะแจ็ค” บอยต่อว่าไอ้หน้าแขก ดูมันทำหน้าและผมก็ได้คะแนนแน่ๆ

         “บอยคือว่า...เออ...เตียงมัน...แคบนะครับ “ไอ้แจ็คพูด ผมเดาจากสายตาบอยไอ้แจ็คนิ่ง

         “แจ็คก็คิดว่าหลุยส์อยากได้ที่กว้างๆ “ไอ้แจ็คมันแถ

          “งั้นหลุยส์มานอนกับบอย” บอยพูด ผมนี่รีบเลยครับไม่รอช้า ไม่คิดเลยว่าไอ้นี่มันจะช่วยให้ผมสมหวัง

          “ไม่นะ” ไอ้แจ็คพูดก่อนจะหันมามองผม ผมหยักคิ้วให้มันและทำท่าจะลุกแต่ว่า

          “ปึก” มันมากันผมเอาไว้

         “ไม่น่ะหลุยส์ นอนนี่แหละหลุยส์ กูล้อเล่นครับ มาครับที่เยอะแยะ มานอน...เบียดกัน ...อุ่นดี..กูนี่ชอบมาเลยหลุยส์” ไอ้แจ็คมันรีบดันผมกลับไปที่เตียงมันทันทีแต่ผมไม่อยากกลับแล้วและมันก็ลากผมกลับไป

         “ไปขึ้นเตียงกับกูเดี๋ยวนี่ ไอ้หลุยส์!!!!” ไอ้แจ็คมันกระซิบพูดลอดไรฟันข้างๆ หูผม

         “บอยเชิญกูแล้ว กูจะไปนอนเตียงนั้น” ผมพูดรอดไรฟันผมเหมือนกัน

        “กูไม่ให้มึงไปนอนกับบอย!” ไอ้แจ็คมันพูด ผมสองคนมองหน้ากันประสานสายตาฟาดฟันกันแค่นั้น พอบอยหันมองผมสองคน

       “ตกลงจะนอนหรือเปล่า” บอยถามผมสองคน ผมหันไปมองบอยพร้อมกัน

       “นอน นอนด้วยกัน รักกัน ไม่ต้องหวงบอย แจ็คจะดูแลหลุยส์อย่างดี” ไอ้แจ็คมันพูดและโอบผมเข้าไปมันกดหัวผมไว้ที่ใต้รักแร้มัน ผมพยายามดันออกแต่มันก็ยังคงกอดเอาไว้แน่น

       “มาลูกหลุยส์ พ่อแจ็คจะตบตูดนอนเอง “ไอ้แจ็คพูด บอยก็พยักหน้าก่อนจะเดินไปและปิดไฟในห้องนอน บอยเดินไปที่เตียงตัวเองและลงนอนอย่างเงียบๆ ปล่อยให้สองคน พอบอยหันหลังได้ ผมก็เงยหน้ามองหน้าไอ้แจ็ค ก่อนจะบิดที่ใต้รักแร้ของมัน

        “เอ้าท์!!!” มันร้องเพราะว่าเจ็บและนั้นมันถึงได้ปล่อย

         “หึ!!” บอยพลิกมามองผมสองคนในห้องไม่ได้มืดสนิท

        “แจ็ค นอนเถอะน่ะ ง่วงแล้ว” ผมรีบประคองไอ้แจ็คพาขึ้นเตียงอย่างจำใจ ไอ้แจ็คมันนอนริมในส่วนผมน่ะริมนอก

        “พอบอยปิดไฟ ผมก็รีบทิ้งตัวลงนอนพยายามนอนกินที่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และได้แจ็คมันก็พยายามดันผมให้เหลือที่ให้น้อยกว่ามันแต่ผมก็ใช้ขาก่ายมันเลย

         “ไอ้ตี๋ มึงนอนดีดีได้มั้ย...นี้มันเตียงกู” ไอ้แจ็คพูดกระซิบที่หูผม

         “ตอนนี้มันก็เป็นของกูด้วย กูก็มีสิทธิ์...จะนอนยังไงก็ได้ “ผมบอกไอ้หน้าแขกมันไป ผมกับมันเล่นสงครามประสาทกันบนเตียงแต่ก็แอบกลัวที่จะทำให้บอยตื่นเหมือนกัน ผมดิ้นกันไปดิ้นกันมาไอ้หน้าแขกตกเตียงไปหลายรอบ และมันก็คงรำคาญมันก็ไม่ปืนกลับขึ้นบนเตียงอีก

          ผมหลับตาทันทีทำเหมือนกับว่าผมสลับสนิทพร้อมขาที่ก่ายพาดผมเลยไปครึ่งเตียงได้ แต่ทว่าไอ้หน้าแขกมันเงียบไปเลย ผมหันไปมอง มันหายไปเฉยเลย ผมเห็นประตูปิดลงแสดงว่าผมชนะมันออกไปนอนที่อื่นแทน ผมหันไปเห็นบอยที่หลับสนิทผมกระดกหัวขึ้นมองคนที่นอนหลับอยู่

         “นอนหลับฝันดีครับบอย หลุยส์จะเอาชนะไอ้หน้าแขกให้ได้ “ผมพูดและก็นอนลง ผมค่อยหลับตาลง คงได้หลับซะทีซินะ ผมเหมือนจะเคลิ้มๆ แต่ผมก็ได้ยินเสียงประตูค่อยๆ ปิดลง หรือว่าไอ้แขกมันกลับมา

        Part’ s แจ็ค ผมกัดฟันให้ไอ้หลุยส์มันนอนด้วยแต่ที่ไหนได้ มันถือโอกาสเล่นสงครามประสาทกับผมแทน นอนดิ้นจนผมตกเตียงไปหลายรอบเลย ผมยิ่งเป็นคนมีความอดทนต่ำซะด้วยเรื่องแบบนี้และมันก็ทำให้บอยมองว่าผมใจร้อนไปโดยปริยาย ตอนนี้ผมหมดความอดทนเลยเดินออกมาเอง ลงไปนอนที่ชั้นล่าง ผมเดินไปเปิดไฟดวงเล็กและนอนลงที่โซฟา ไม่เคยนอนโซฟามาก่อนเลยจริงๆ ผมก็เปิดทีวีไปด้วย มันทำให้มีแสงไฟสลัวๆ ตอนนี้ไอ้นั่นมันคงนอนมองบอย ผมเองก็ไม่อยากทิ้งบอยอยู่ในห้องกับมันเลยแต่ผมก็ต้องเชื่อใจบอยซิ ใจก็กลัว อีกใจก็เชื่อใจ ตกลงมันยังไงกันแน่

        “กึก!!” จู่ๆก็มีเสียงคนเดินมาหยุดที่ผม ผมค่อยมอง คนที่มายืนคือบอยนั้นเอง

      “บอย” ผมค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง บอยมองหน้าผม เขาลงมาพร้อมกับผ้าห่มนั้นเอง

       “ทำไมไม่เอาผ้าห่มลงมาด้วยละแจ็ค” บอยถามผมพร้อมกับนั่งลงข้างๆ ผม บอยหันมามองหน้าผม

        “แจ็คเลือกเดินลงมาเพราะว่าแจ็คไม่อยากทำให้บอยมองแจ็คแย่ไปกว่านี่แต่ไอ้นี่มันกวนประสาทแจ็คอ่ะบอย” ผมพูด บอยมองหน้าผม

       “บางที่นี้คือการฝึกความอดทนน่ะเพราะว่าในความเป็นจริง ไม่มีใครหรอกที่จะทำตามที่เราต้องการทุกคน ในสังคมที่กว้าง มันก็ต้องมีคนไม่เห็นด้วยแจ็ค” บอยพูด

         “ยังไม่ง่วงนอนเหรอครับ” ผมถามบอย

         “ง่วงแต่เป็นห่วง” บอยพูด ผมก้มลงมองที่หัวไหล่ผม

        “หนุนได้น่ะ” ผมบอกบอย บอยยิ้มให้ผมก่อนจะขยับเข้ามาหาผม ผมโอบกระชับร่างของบอยเอาไว้ ผมหอมลงที่หน้าผากของบอยเบาๆ

        “แจ็ค บอยอยากให้แจ็คกับหลุยส์เป็นเพื่อนกันน่ะ “บอยพูด ผมก้มลงมองบอย ผมว่ามันยากอ่ะและมันยิ่งพยายามแย่งบอยไปจากผมขนาดนี้ด้วย ผมคิดว่าไม่มีทางหรอก

         “ให้แจ็คทนเหรอ แจ็คทนไม่ได้หรอกบอยเรื่องเดียวเลยที่แจ็คทนไม่ได้ คือมันจะแย่งบอยไปจากแจ็ค ขนาดไอ้ดิว แจ็คยังพอทนได้เพราะว่าไอ้ดิวมันไม่ได้แสดงออกเหมือนไอ้…ตี๋นี่” ผมพูด

         “เลิกเรียกเขาว่าไอ้ตี๋ได้ไหม เขามีชื่อ” บอยพูด

       “นั่นแหละ ก็มันหน้าตี๋นี่ครับ” ผมพูด

        “แจ็ค หลุยส์น่ะเขาผ่านเรื่องที่แย่มากจริงๆ มาก่อน ชีวิตเขาเจอมาหนักมากน่ะ” บอยพูด ผมหันมามอง นี่บอยรู้เรื่องไอนี่เยอะขนาดนี้เลยเหรอ

        “บอยรู้เพราะว่าเขาคือคนสำคัญและตอนนี้พวกเราก็ต้องดูแลเขา และในอนาคตเขาก็จะมีส่วนทำให้องค์กรของเขาเคลื่อนที่ไปได้ด้วย บางที่แจ็คอาจจะต้องการเขาน่ะ” บอยพูด

         “ทุกคนที่ถูกส่งมา ล้วนแล้วแต่มีบทบาทในองค์กรทั้งนั้น รวมถึงแจ็คด้วย” บอยพูด

        “แต่เขาไม่เลือกแจ็คเพราะว่าพ่อแจ็ค...” ผมพูดกับบอย

       “บอยเชื่อว่าเขาจะเห็นว่าแจ็คก็คือคนที่มีความสามารถที่จะทำให้องค์กรของเราเติบโตเพื่อคนรุ่นต่อๆ ไปได้ แค่แจ็คใจเย็น อย่าใจร้อนแบบนี้ อย่างอื่นแจ็คก็มีอยู่แล้ว ทำได้ไหมครับ” บอยพูด ผมหันมามองบอย

       “แจ็คอย่างเป็นคนที่อยู่ข้างๆ บอย” ผมพูด

       “ก็นี่ไง บอยถึงได้มา เพื่อให้คนที่บอยรักอยู่ข้างๆ บอยแต่ว่าแจ็คต้องฟังที่บอยบอกบ้างได้ไหมครับ” บอยพูด ผมมองริมฝีปากเล็กบาง อมชมพูขับกับผิวที่ขาวอมชมพูของบอย ผมกดริมฝีปากผมลง ผมจับมือบอยมาโอบรอบคอผมแทนและผมก็โอบกระชับแผ่นหลังของบอย ผมจูบบอย มันหอมหวานจนผมอยากได้มากกว่านี่ ผมเริ่มซุกไซ้ไปตามศอกคอของบอยและค่อยดันบอยให้นอนลง ผมเลื่อนตัวเองไปทาบทับแบบไม่กดน้ำหนักลงทั้งตัว บอยมองหน้าผม บอยไม่ได้พูดอะไรปล่อยให้มือของผมสอดเข้าไปในเสื้อชุดนอนตัวบางนั้น ผิวบอยนุ่มมากจนผมอดสงสัยไม่ได้ มันเหมือนผิวสตรีก็ไปไม่ปราณ ก็อย่างที่ผมเคยบอกว่าผมมีอะไรกับผู้หญิงเช่นกันแต่บอยคือผู้ชายคนเดียวที่ผมมีและเป็นผู้ชายคนเดียวทีผมให้ทั้งหัวใจ

         “แจ็ค พอก่อน” บอยเป็นคนร้องห้ามผมเพราะว่าเริ่มเลยเถิดไปแล้ว

        “แจ็คอยากได้อ่ะ บอย” ผมพูดกับบอย

         “ไม่เอาน่ะแจ็ค บอยยังไม่พร้อมตอนนี้ “บอยพูดพร้อมกับติดกระดุมเสื้อเพราะว่าผมไวมาก ผมค่อยๆ ปลดไประหว่างที่จูบบอยไปด้วยนั่นแหละ ผมก้มลงจูบที่หน้าท้องของบอย

          “แล้วเมื่อไหร่ละครับที่หรัก” ผมถามบอย

          “เมื่อแจ็คยอมเป็นเพื่อนกับหลุยส์ แล้วบอยจะให้” บอยพูดก่อนจะค่อยๆ ดันผมให้ลุกขึ้นนั่ง ผมมองหน้าบอย ภารกิจหินมาเลยน่ะอันนี้น่ะ ผมคิวด่ามันเป็นไปไม่ได้แน่นอน ดูจากทัศนคติที่ตรงกันข้ามขนาดนั้น จะได้เหรอ

        “ดูไอ้นี่มันอีโก้สูงอยู่น่ะบอย แจ็คว่า… ไม่น่าจะได้” ผมพูด บอยมองหน้าผม

        “แจ็ค! หลุยส์เขาก็มีดีน่ะ บอยอยากให้แจ็คลองเปิดใจดูได้ไหม “บอยผม

         “บอย...” ไอ้แจ็ค

         “ว่าไงแจ็ค ทำได้ไหม เป็นเพื่อนกับหลุยส์ ถ้าแจ็คทำได้บอยจะให้ สิ่งที่แจ็คอยากได้” บอยบอกผม ผมหันมามองบอย แค่ในห้องเรียนผมยังคิดไม่ออกเลย แต่นี่ยังต้องมาพยายามเป็นเพื่อนกับไอ้หน้าตี๋กวนประสาทผมอีกด้วยนี่น่ะ ผมมองใบหน้าบอย มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ผมกับบอยได้ไปเที่ยวกัน

        “มีอะไรแจ็ค” บอยถามผม

        “แจ็คคิดถึงตอนที่เราไปเชียงใหม่ด้วยกัน เราไปนอนพักบ้านตากอากาศของพ่อภูมิที่เชียงใหม่”

         “บอยก็คิดถึงนะ อยากไปอีก มันเป็นช่วงที่มีความสุขมากที่สุด” บอยพูดกับผม

         “แจ็คจำได้ ว่าอากาศหนาวมากน่าจะติดลบและแจ็คก็กอดบอยจากด้านหลัง เรายังเด็กแต่พี่ๆ อยากให้เราออกไปดูทะเลหมอกด้วยกัน จำได้ไหมครับ” ผมพูด

          “จำได้ซิแจ็ค บอยยังมีรูปอยู่เลยนะ แต่บอยเก็บไว้อ่ะ ไม่กล้ากลัวพ่อเห็น” บอยพูด ผมเข้าใจแต่พ่อผมน่ะเห็นแล้วและนั้นพ่อถึงได้รู้ว่าผมกับบอยแอบคบกันอยู่

          “เราไปกันอีกนะ” ผมพูดกับบอย บอยพยักหน้าหน้าเบา ผมก็ค่อยใช้มือผมช้อนใบหน้าของบอยไว้และจูบบอยอีกครั้ง บอยก็จูบผมตอบ ผมรู้ว่าบอยไม่ได้ช่ำชองเรื่องแบบนี้ ตอนนี้เขากำลังเรียนรู้ไปกับผม รสจูบที่ดีขึ้น มันทำให้ผมกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ สงสัยต้องจูบบ่อยๆ

          “กึก” มีเสียงบางสิ่งตกพื้นบอยทำท่าจะหันไปมองแต่ผมจับใบหน้าเขาเอาไว้

          “ไม่มีอะไรหรอก น่าจะกิ้งไม้น่ะที่รัก” ผมพูด ผมรู้ว่าไอ้หลุยส์มันคงลงมาแอบดู แต่ผมไม่แคร์ ที่นี้มันจะได้รู้ว่าบอยคือของผมนานแล้ว ไอ้หน้าตี๋ ผมแอบคิดในใน

         ผมกับบอยนั่งคุยกันแทน ผมโอบร่างบอยเอาไว้ ผมคุยกันถึงเรื่องเก่าๆ มันคือความทรงจำที่ดี แม้จะใช้เวลาไม่มาก ความทรงจำที่ดีไม่ใช่แค่ของผมน่ะ พี่โจก็เช่นกัน ตอนนั้นพี่บีมตามไปดูแลบอยทุกที่ มันทำให้พี่โจพยายามตามจีบพี่บีมแต่ผมว่าไม่น่าได้ดูพี่บีมเขาไม่สนอะไรเลย เหมือนคนไม่สนโลก แต่พี่โจก็ไม่ลดละความพยายาม ทุกวันนี้ยังตามจีบอยู่เลย

           Part’ s หลุยส์ ผมสะดุ้งตื่น ผมก็กระดกหัวขึ้นมองข้างๆ ผมก็ไม่มีไอ้แขกผิวขาวนั้นมานอนข้างผม ผมมองไปที่เตียงนอนของบอย เตียงบอยว่างเปล่า ผมเห็นเนื่องจากพอจะมีแสงจากภายนอกเข้ามาด้านใน ผมรีบลุกขึ้นไปเปิดไฟดู บอยไม่อยู่ในห้องนอน แล้วนี่บอยไปไหนละ หรือว่าเข้าห้องน้ำ ผมไปขยับกลอนประตูก็ไม่ได้ล๊อก พอผมลองเปิดเข้าไปก็ว่างเปล่า ไม่มีใครสักคนอยู่ในนั้น ผมก็ปิดประตูลง ผมนั่งนิ่งบนเตียงรอสักพักและผมก็ค่อยๆ เดินไปเปิดประตูเพื่อออกไปตามหาบอย ผมว่าบอยอาจจะลงไปข้างล่างก็เป็นได้ ผมเดินอยู่ในความมืด ก็เลยเอามือถือมาเปิดไฟฉาย ผมเดินไปเรื่อยจนถึงบันได ผมค่อยก้าวลงช้าๆ แต่ผมก็ต้องมาสะดุดหยุดเพราะว่ามีเสียงคนสนทนามกันอยู่ในห้องนั่งเล่น

         “แจ็คอ่ะ หลุยส์เขาก็มีดีนะบอยอยากให้แจ็คลองเปิดใจดู” ผมได้ยินเสียงบอยคุยกับไอ้หน้าแขก ผมลงมาหยุดที่บันไดขั้นสุดท้ายแต่ผมยังคงแอบอยู่

         “บอย...” ไอ้แจ็ค

         “ว่าไงแจ็ค ทำได้ไหม เป็นเพื่อนกับหลุยส์ ถ้าแจ็คทำได้บอยจะให้ สิ่งที่แจ็คอยากได้” บอยพูดและยื่นข้อเสนอให้มันด้วย อย่าบอกน่ะว่าบอยกับไอ้แขกนี้ไปถึงขั้นนั้นกันแล้ว ผมกำหมัดแน่น มันเหมือนผมโดนขโมยของรักที่สุดไป ผมเจ็บใจที่สุด นี้ผมกลายเป็นคนมาที่หลังเขาอย่างนั้นหรือ

         “แจ็คคิดถึงตอนที่เราไปเชียงใหม่ด้วยกัน เราไปนอนพักบ้านตากอากาศของพ่อภูมิที่เชียงใหม่”

         “บอยก็คิดถึงนะ อยากไปอีก มันเป็นช่วงที่มีความสุขมากที่สุด” บอยพูด” บอยพูด มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บจี้ดเลยนี้เขามีความหลังที่ลึกซึ้งกันด้วยเหรอ

          “แจ็คจำได้ ว่าอากาศหนาวมากน่าจะติดลบและแจ็คก็กอดบอยจากด้านหลัง เรายังเด็กแต่พี่ๆ อยากให้เราออกไปดูทะเลหมอกด้วยกัน จำได้ไหมครับ” ไอ้แจ็คพูดนี้เขาเคยไปเที่ยวด้วยกันอย่างคนรักด้วยเหรอ ที่มันบรรยายมันยิ่งทำให้ผมเจ็บ

          “จำได้ซิแจ็ค บอยยังมีรูปอยู่เลยนะ แต่บอยเก็บไว้อ่ะ ไม่กล้ากลัวพ่อเห็น” บอยพูด

          “เราไปกันอีกนะ” แจ็คมันพูด ต่อให้บอยกับไอ้แขกนี่จะไปกันถึงขั้นไหนแต่ผมก็จะไม่สน ผมต้องการบอย ผมจะทำทุกวิถีทางให้มันกับบอยแยกกันจนได้ ผมแอบถ่ายภาพที่ทั้งคู่นั่งอิงแอบกันเอาไว้ มือถือผมมันถ่ายในความมืดได้ชัดเจน มีช่วงที่เขาจูบกันผมก็เผลอกดถ่ายอาไว้ ผมก้มลงมองมันเจ็บกว่าเดิมไหมวะไอ้หลุยส์ ผมถามตัวเอง

          “กึก” ผมทำบางสิ่งตกลงไปที่พื้น ทั้งคู่หันมามองแต่ว่าไม่ได้พูดอะไร จนบอยดันแจ็คออกนั่นแหละ ส่วนผมก็

         “ฟู่!!!” ผมพ่นลมหายใจออกมาเบามากๆ เพราะกลัวเขาทั้งคู่จะได้ยินและรู้ว่าผมแอบฟังเขาอยู่

          “เมื่อไหร่ลุงณะจะใจอ้อนให้กับแจ็คซะที เราสองคนจะได้ไม่ต้องหลบๆ ซ้อนๆ แบบนี้ แจ็คอยากเปิดเผยมันอ่ะ ไม่ใช่แค่เพื่อนๆ รับรู้”

          “บอยเชื่อว่าแจ็คจะทำให้ทุกคนยอมรับได้แน่นอน บอยเชื่อใจแจ็คและเชื่อมาตลอด”

           “บอยมาเพื่อแจ็คน่ะ” ประโยคนี้ผมเจ็บยิ่งว่าโดนมีดแท่งลงมาซะอีก

          “ขอบคุณครับ ที่รักของผม” แจ็คมันพูด ผมไม่อยากจะเห็นภาพนั้นเลยเขาสองคนกำลังจูบกันท่ามกลางแสงจันทร์ที่สอดส่องเข้ามา ผมถึงกับหลับตาหนีและผมก็หันหลังเดินคอตกขึ้นไป ผมเหลือบมองว่าผมควรจะอยู่ที่ตรงไหนดี และผมก็เลือกแล้วผมกลับไปนอนห้องที่เขาเตรียมไว้ให้ผมจะดีกว่า

          ผมทิ้งตัวลงนอน ผมเคยคิดว่าถ้าผมเสียบอยไปผมคงเสียใจมากที่ที่สุดอีกครั้งและครั้งนี้ผมคงแย่กว่าทุกครั้งที่ผมเสียสิ่งๆ ดีดีไป เช่นตอนที่ผมเสียพ่อแม่และแฟนสาวคนสเปน เธอสวย ดีกรีนางแบบตอนนี้คงโด่งดังในวงการเรียบร้อยแล้วและที่เธอทิ้งผมไปเพราะว่าเธอมีคนที่จะทำให้เธอได้เข้าวงการและโด่งดังเพราะว่าผมเหมือนคนไม่เหลืออะไรแต่จนสุดท้ายตอนนี้ผมก็ได้ทุกอย่างคืนมาแต่ผมก็คงไม่กลับไปหาเธอแล้วนั้นแปลว่าเธอไม่ได้รักผมจริง ทิ้งผมในขณะที่ผมหมดสิ้นกำลังใจ แต่ก็มามีบอยที่มาเติมเต็มให้ผมแต่ว่าตอนนี้ ผมกำลังเสียเขาไปเพราะว่าผมมาทีหลังไม่ซิ ไม่เคยเลยด้วยซ้ำมั้ง

          ที่ผ่านมาผมนี้คือคนที่คิดไปคนเดียวเลยใช่ไหม ผมควรจะอยู่ต่อหรือไม่ ถ้ากลับไปผมคงแย่กว่าเดิม แต่ว่าผมไม่ยอมเสียเขาคนเดียว ผมได้ยินว่า ลุงหนึ่งยังไม่ยอมรับเขาทั้งคู่ ลุงหนึ่งเคยบอกว่าบอยต้องคู่กับไอ้ดิว แต่ดูไอ้ดิวมันกำลังเล็งคนตัวเล็กที่ชื่อแอ้อยู่มากกว่า ดังนั้นผมควรจะทำอะไรสักอย่าง ถ้าผมไม่ได้อยู่ตรงนี้ ไอ้แจ็คมันก็ไม่ควรได้อยู่ข้างๆ บอยเช่นกัน ผมลุกขึ้นและกดส่งภาพไปที่อิเมลของลุงหนึ่งทันที ผมส่งแค่ภาพที่เขานั่งอิงแอบกันแต่ภาพที่เขากอดจูบกันผมไม่กล้าส่งไป ผมทำร้ายบอยไม่ได้จริงๆ

     TBC


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
รักวุ่นวายฯ ภาคแจ็ค xบอยxหลุยส์ ไอ้หลุยส์มันแค่เรียกร้องความสนใจ

    Part’ s แจ็ค เมื่อวานจะเรียกว่าเป็นวันซวยของผมก็ว่าได้ นอกจากจะต้องมาเจออุปสรรคที่โรงเรียนแล้วยังมาเจอไอ้หน้าตี๋ที่ไหนก็ไม่รู้ ที่พยายามจะมาแย่งบอยไปจากอกผมอีก ต่อให้บอยจะบอกผมว่าไม่มีอะไรแต่ผมไม่ไว้ใจไอ้หลุยส์อะไรนี้ ผมดูแล้วมันมีพลังงานบางอย่างที่เรียกว่าอัลฟ่าออกมา ผมว่าไม่ใช่แค่เด็กหนุ่มธรรมดา มันต้องมีดี ถึงขนาดที่ว่า พ่อของติ๊กบอกว่าให้ดูแลมันดีดีด้วย แต่แจ็คเองก็มีดีเช่นกัน เดี๋ยวมันรู้!!
      และเมื่อคืนผมก็ต้องลงไปนอนชั้นล่างแทนเพราะว่าไอ้หน้าตี๋มันทั้งดินทั้งถีบผมเลย ผมเลยต้องยกเตียงนอนให้มันไป ถามว่าไว้ใจมันไหม บอกว่าไม่เลยที่จะปล่อยให้มันอยู่กับบอย แต่ใจก็อยากจะพิสูจน์บางอย่างและผมก็ได้คำตอบ บอยเดินตามผมลงไป เรานั่งคุยกันหลานเรื่อง ส่วนใหญ่ก็เรื่องความรักครั้งแรกของผมกับบอย มันยิ่งทำให้ผมรักบอยมากขึ้นและผมจะไม่ยอมเสียเขาไปอีกเป็นอันเด็ดขาด
     “หงึกๆ” มีมือมาสะกิตผม
      “บอย อีกแป๊ปน่ะ ขอแจ็คนอนต่ออีกห้านาทีน่ะ” ผมพูดก่อนจะคว้ามือนั้นมากุมเอาไว้ ผมรู้สึกแปลก ปกติมือบอยจะเล็กและเรียวยาวและนิ่มมากแต่นี้มันใหญ่กว่าและด้านไหมไม่เชิง ผมค่อยลืมตาขึ้น สิ่งทีผมเห็นคือใบหน้าไอ้ดิว
      “เว้ยย!!!” ผมร้องและรีบดึงผ้าห่มมาปิด
       “มึงชอบความลำบากกับเขาด้วยเหรอวะ ถึงได้ลงมานอนที่โซฟาแบบนี้ไอ้แจ็คง” ไอ้ดิวมันถามผม ผมก็มองอีกคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับขวดน้ำแอ้ ผมดูจากการแต่งการและเหงื่อที่ท่วมมาขนาดนั้น มันออกไปวิ่งมาด้วยกัน
       “มึงไปวิ่งมาเหรอวะ” ผมถามทั้งคู่
       “อืมม กูไปวิ่งมา กูลงมาแล้วเจอมึงนอนอยู่แต่ไม่อยากปลุกเลยพากันออกไปวิ่งและกลับมานี่แหละ มึงก็ยังนอนอยู่ ไม่ไปโรงเรียนหรือไง” แอ้มันถามผม มันสองคนยืนดื่มน้ำที่ผสมอะไรสักอย่างเหมือนอิเล็กโตไรด์ สำหรับคนเสียเหงื่อ
       “เออ ตื่นแล้ว” ผมพูดก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง
       “บอยล่ะ” ผมถามมันสองคน
       “ไม่เห็นนิ” ดิวมันพูด ผมพยักหน้าเบาๆ บอยคงขึ้นไปนอนแล้วมั้ง ผมไม่ได้บอกมันองคนหรอกว่าบอยลงมาอยู่กับผมพักใหญ่เลยจนผมหลับไปนี่แหละและนี่ก็คงไปเตรียมตัว ผมลุกขึ้นยืนเก็บเอาทุกอย่างที่ถือลงมาขึ้นไปด้วย ตอนนี้ผมเชื่อใจบอยแล้วว่าบอยจะไม่ยอมใจอ่อนให้ไอ้ตี๋มันแน่นอน
       “มึงวิ่งมากันกี่กิโลว่ะ “ผมถามไอ้ดิวกับแอ้ มันสองคนมองหน้าผม
       “วันนี้วิ่งเบาๆ แค่ห้ากิโกลพอไปกลับ “ไอ้ดิวมันยกสมาร์ชวอชขึ้นมาดูก่อนจะตอบผม ผมพยักหน้า ผมรู้ว่าไอ้แอ้ต้องซ้อมเอาไว้เพราะว่ามันจะต้องไปเป็นทหารส่วนไอ้ดิว ผมไม่แน่ใจจะไปทางไหน หมอบ้านหรือหมอแพทย์ทหารกันแน่ ดูจากที่ฟิตขนาดนี้ผมว่าแพทย์ทหารชัว
         ผมเดินขึ้นไปชั้นบนทันที ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องก็ไม่เห็นใคร ไอ้ตี๋ก็ไม่อยู่ ผมเดินเข้าไปที่ห้องนอน ผม ก็พบกว่าบอยยืนแต่งตัวอยู่ในห้องน้ำ เขาจะเสร็จแล้ว แต่ว่าไอ้หน้าตี๋ไม่อยู่ในห้อง
          “บอย.....ไอ้หน้าตี๋ฮิทมันไปไหนแล้วละครับ” ผมถามบอย บอยหันมามองผม ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวจะอาบน้ำแต่ขอกอดที่รักผมสักหน่อยดีกว่า
         “แจ็คเลิกเรียกเขาว่าตี๋ได้ไหม เขามีชื่อ เขาชื่อชื่อหลุยส์และยังพูดคำไม่สุภาพด้วย ไม่น่ารักเลย” บอยหันมาเอ็ดผม
          “ก็ได้ ไอ้หลุยส์น่ะ มันหายไปไหนเหรอครับ” ผมถามบอย เพราะตั้งแต่เข้ามาในห้องตอนเช้าผมไม่เห็นมันเลย
“          ไม่รู้เหมือนกันเพราะหลังจากที่บอยกลับขึ้นมานอนก็ไม่เห็นหลุยส์อยู่ในห้องแล้วแจ็ค” บอยพูดผมทำสีหน้าแปลกใจ
         “บอยเห็นว่าแจ็คน่ะหลับไปแล้วเลยไม่ได้ลงไปตามและบอยก็คิดว่าหลุยส์ เขาอาจจะลงไปดื่มน้ำและน่าจะกลับมานอนต่อ แต่ตื่นมาก็ไม่เจอ “บอยพูดผมพยักหน้าเบาๆ แต่ใครจะสน ผมเข้าไปกอดบอยจากด้านหลัง กำลังซุกจมูกที่ซอกคอขาวๆ นั้น
          “Rrrrrr” อยู่ดีดีสายเข้ามาในมือถือบอย ผมเดาได้ว่าลุงกฤษณะแน่นอน บอยทำมือให้ผมอย่าส่งเสียง ผมพยักหน้าเบาๆ
         “ครับพ่อ” บอยรับสายจากลุงกฤษณะ
        “เออ” บอยหันมามองหน้าผมเหมือนมีเรื่องอะไรแน่ สีหน้าเขากังวลและเงียบเพื่อฟังอย่างเดียว
         “ครับพ่อ ผมจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ครับพ่อ เออ เมื่อคืนหลุยส์เขานอนในห้องผมกับแจ็คครับ ก็ห้องนอนอีกห้อง ไฟไม่ติด ห้องน้ำใช่ไม่ได้น่ะครับ ครับพ่อ ครับ จะไปแล้วครับ ครับ รักพ่อครับ” บอยวางสายด้วยสีหน้ากังวล ผมก็เริ่มกังวลเช่นกัน
         “มีอะไรเหรอบอย” ผมถามบอย
         “คือ พ่อรู้ว่าบอยลงไปอยู่กับแจ็คสองคนในห้องนั่งเล่นตอนกลางคืนนะ” บอยพูด
          “จะรู้ได้ไงละ ทุกคนนอนกันหมดแล้ว “ผมพูด บอยส่ายหน้า
          “ไอ้...” ผมนึกขึ้นได้ต้องเป็นไอ้หลุยส์แน่นี่มันเล่นแบบนี้เลยรึ
         “แจ็ค “บอยรีบเอ่ยปากร้องห้ามผม เขาส่ายหัวกับผมไปมา
           “แจ็คว่าไอ้หลุยส์แน่ๆ “ผมพูดและมองหน้าบอย
           “พ่อว่าจะให้บอยไปนอนอีกห้องและให้หลุยส์มานอนห้องนี้แทน “บอยพูด ทำเอาผมต้องพ่นลมหายใจออกมา บอยเข้ามาจับแขนผม
           “รอให้บอยมีโอกาสคุยกับพ่อก่อนได้ไหมแจ็ค “บอยพูดกับผม ผมพยักหน้าคงต้องตามนั้น
          “แล้ว...” ผมถามกลับ ผมคิดว่าบอยน่าจะเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร
          “ใช่หลุยส์จะมานอนห้องนี้กับแจ็ค” บอยพูด ผมพยักหน้าให้มันได้อย่างนี้ซิ ก็ดีผมคงจะหาวิธีแกล้งให้มันกลับไปไม่ทันเลย
          ก๊อกๆๆๆ เสียงเคาะประตู ผมสองคนมองหน้ากัน บอยเป็นคนเดินไปเปิดประตูแทน ใช่ไอ้ตัวแสบ ไอ้หลุยส์นั้นเอง ดูมันทำเป็นตีน่าเศร้าเล่าความเท็จ
           “หลุยส์ เมื่อคืนไปนอนที่ไหนเหรอ บอยกลับขึ้นมาแล้วไม่เจอ” บอยถามหลุยส์ ผมยืนกอดอกมองหน้ามัน มันก็ยังทำหน้าเศร้าเล่าความเท็จอีก ส่วนผมน่ะมองหน้ามัน เพื่อให้พูดความจริงๆ
           “คือหลุยส์ ไปนอนห้องนั้นนะครับ ห้องที่หลุยส์ควรจะนอน “หลุยส์พูดว่ามันไปนอนห้องนอนมัน
          “อาบน้ำยังไงละหลุยส์ไหนบอกว่าห้องน้ำ...” บอยถามไอ้หน้าตี๋
         “คือ...” มันอึกอักทันที่ ผมมองหน้ามัน ไอ้คนโกหก!
        “มันไม่ได้เสียมึงแค่โกหกไง” ผมพูดขึ้น
         “แจ็ค” บอยหันมาเอ็ดผมทันที
           “ใช่...กูโกหก...ก็ ...เพราะ..” ไอ้หลุยส์มันทำท่าจะพูดมันมองหน้าผม ผมก็มองหน้ามันกลับแต่ความรู้ของผมสัมผัสได้ว่าไม่เหมือนคนเมื่อวานที่มีแต่ความกล้า
           “ช่างมันเถอะ...เออ...บอย พ่อของบอยโทรหาหลุยส์ เขาต้องการให้” ไอ้หลุยส์มันพูดก่อนจะปรายตามองผม
           “หลุยส์มานอนกับแจ็ค พ่อบอกบอยแล้วล่ะ” บอยพูด ผมก็เดินเข้าไปยืนกอดอกมองหน้าไอ้หลุยส์ใกล้ๆ มองหน้าว่าทำไมมันช่างเป็นพวกชอบขี้ฟ้องแบบนี้
          “คนขี้ขลาด เขาไม่ทำแบบนี้กันหรอกว่ะ สู้ก็สู้กันซึ่งๆ หน้าดิ” ผมพูด และบอยก็หันมาดันอกของผมพยายามห้ามผมไม่ให้มีเรื่องกับไอ้หลุยส์ แต่แปลมาก คราวนี้มันไม่ขึ้น มันกับนิ่งมาก
          “ถ้าอย่างนั้นหลุยส์ลงไปรอด้านล่างนะครับ “ไอ้หลุยส์พูดกับบอย แปลกน่ะคราวนี้มันได้โต้ตอบอะไรมันแปลกมาก หลุยส์พูดจบมันก็เดินออกไปเลย
           “แจ็ค บอยขอละ หลุยส์เขา” บอยพูดกับผม
         “มันทำไมอ่ะบอย หรือว่าลุงณะก็” ผมหันมาจะถามบอยแต่เห็นสีหน้าบอยตกใจ
           “แจ็ค...พ่อไม่ใช่คนอย่างนั้นน่ะ” บอยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจะเสียที่ผมพลั้งปากพูดเหมือนไม่ให้เกียรติพ่อของบอย บอยทำท่าจะหันหลังเดินออกเช่นกัน ผมนี้อยากตบปากตัวเองจริงๆ
          “หมับ” ผมรีบกอดเขาไว้จากด้านหลัง
          “บอยแจ็คขอโทษ แจ็คปากไว้ไป แจ็คจะไม่พูดอีกสัญญา” ผมรีบพูดกับบอก บอยหยุดนิ่ง
         “เลิกมองเราเหมือนสิ่งของจะได้ไหมแจ็ค” บอยหันมามองหน้าผม
          “ที่จะยกเราจะไปให้ใครก็ได้...ได้ไหมแจ็ค เรามีหัวใจน่ะ ...” บอยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ผมนี้อยากตบปากตัวเองขึ้นมาจริงๆ ซะแล้วซิ
           “ก็แจ็คอยากเป็นคนเดียวของบอยแต่นี่พ่อตาไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ และเหมือนมีคู่แข่งเยอะ มันก็มีแอบน้อยใจอ่ะบอย” ผมรีบพูดอธิบาย ผมหันร่างบอยมาตรงหน้าผม ผมมองเข้าไปในแววตาสีฟ้านั้น
            “แจ็คขอโทษ แจ็คจะไม่พูดเรื่องนี้อีก..น่ะบอย อย่าโกรธแจ็คน่ะ” ผมพูดทำหน้าตาอ้อนบอย บอยมองผมพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาทันที “ฟู่!!”
            “อืมม...แต่งตัวเร็วๆ ซิ เราจะได้รีบลงไปข้างล่างกัน เพื่อนๆ รอเราอยู่น่ะ” บอยพูดผมพยักหน้าและรีบแต่งตัวอย่างว่องไว และผมสองคนเดินลงมาชั้นล่าง ผมก็เห็นไอ้ดิวมันนั่งคุยกับไอ้หลุยส์ พอผมสองคนลงมาทุกคนก็มองหน้าผมและบอยยกเว้นไอ้หลุยส์ ผมเริ่มสัมผัสถึงความแปลกแล้ว ไอ้หน้าตี๋นี้มันเป็นอะไรของมันนะ หรือว่ามันท้องผูกก็ไม่รู้
            “ไปเรียนกันเถอะว่า เป็นอีกวันและไม่รู้ว่าวันนี้จะเจออะไรบ้างวะ “ไอ้ดิวพูดและมันก็ลุกขึ้นทุกคนก็ลุกขึ้น แต่ละคนบอกว่าไม่ได้ชอบไปเรียนกันเลย ผมก็รู้สึกเช่นกันแต่ผมมีบอยอยู่เคียง ผมจับมือบอยไว้ก่อนจะพากัน ก้าวเดินออกจากบ้านพักและพากันไปขึ้นรถ
           “แจ็ค เรียกหลุยส์มานั่งด้วยกันซิครับ” บอยกระซิบบอกผม ผมหันมามองบอยว่าทำไม ถ้ามันจะเลือกนั่งรถคันอื่นก็ดีนะซิ
           “นะแจ็ค...บอยคิดว่ามีบางสิ่งที่ผิดปกติไป “บอยพูดกับผม ผมพยักหน้าแบบจำใจ ผมเดินไปที่ไอ้หน้าตี๋ที่มันยืนเอา หูฟังไร้สายเสียบหูมันไว้
          “นาย” ผมสะกิดไอ้หลุยส์ มันหันมามองหน้าผมว่ามีอะไรและทำท่าจะไม่สนใจแต่...
            “บอยให้มาบอกให้นายน่ะ ไปนั่งรถคันเดียวกันกูและบอยว่ะ” ผมกลั้นใจพูดชวนไอ้หลุยส์ แต่ไอ้หลุยส์มันเงยหน้ามองผม และมันทำท่าจะลุกออก
“          ไอ้หลุยส์ นี่มึงเป็นบ้าอะไร ผีเขาหรือไง” ผมถามมัน ไอ้หลุยส์ หยุดชะงัก
          “ใช่กูเป็นบ้า กูมันบ้าไปเอง ที่รักเขาข้างเดียว” ไอ้หลุยส์มันมาพูดใส่หน้าผม
         “ปกติกูเป็นคนที่ได้เลือกเท่านั้น ทุกอย่างเลย” ไอ้หลุยส์มันพูด
         “แต่นี้กูกับไม่ใช่คนที่เขาเลือก” ไอ้หลุยส์มันพูด
         “กูไม่เข้าใจว่าทำไม บอยไม่เลือกคนที่เหมาะสมวะ คนที่ควรจะมีความสามารถ ไม่ใช่คนไม่มีความสามารถเช่นมึงอ่ะ” อันนี้ผมมองหน้ามันนิ่งไปพักหนึ่งเลย
          “อ้าวไอ้นี่!! กูไม่เหมาะสมตรงไหนวะ” ผมถามไอ้หลุยส์
          “มึงรู้แล้วเหรอว่ากูไม่มีความสามารถ กูมีเยอะโว้ย!!!”
          “เออ กูลืมไป มึงมีความสามารถถึงได้ทำให้ทุกคนมาตกอยู่ที่นี้ไง ไปมหาวิทยาลัยไม่ได้ นี่เหรอความสามารถที่มึงมี!” ไอ้หลุยส์มันหันมาพูดกับผม ผมนี่อยากจะเข้าไปต่อยมันจริงๆ แต่บอยขอเอาไว้ว่าอย่าใจร้อน
         “มึงรู้ดี ว่าบอยจะเป็นอะไรและดูมึงดิ มึงนี่น่ะ ที่จะมาดูแลองค์กรที่มีคนจำนวนมากได้ ฝันไปเถอะ! “ไอ้หลุยส์มันพูดและมันก็รีบเดินไปขึ้นรถที่เข้ามาจอด ผมหันไปมองบอยที่กำลังคุยกับแอ้และติ๊กและพาย บอยหันมามองหน้าผม ก่อนที่จะเดินเข้ามา
          “แจ็ค ว่าไง ไม่ได้บอกหลุยส์เหรอว่า” บอยถามผม
          “บอกแต่มันไม่เป็นบ้าอะไรของมันก็ไม่รู้ “ผมพูดแบบหัวเสีย ผมยังคงคิดคำพูดที่มันพูดกับผม ใช่ผมเหมือนจะไม่คู่ควร มันไม่ใช่ฐานะหรืออะไรนะ แต่ที่ผมไม่คู่ควรเพราะสายตาผู้ใหญ่ต่างหาก
           “บอยไปขึ้นรถเถอะ “ผมพูดและดันร่างบอยให้ไปขึ้นรถอีกคัน ผมไม่รู้ว่าใครจะได้นั่งไปกับไอ้หลุยส์มัน แต่ผมดันร่างบอยและเข้าไปนั่งในรถทันที บอยหันมามองหน้าผมก่อนจะก้าวเท้าขึ้นรถตามที่ผมบอก ผมเองก็นั่งเงียบไปตลอดทางจนรถแล่นออกมาได้สักพัก บอยคงเห็นว่าผมเงียบผิดปกติเลยจับมือผมบีบเบาๆ ผมหันมามองหน้าบอย
           “เห็นเงียบๆ มีอะไรหรือเปล่า” บอยถามผม
          “บอยคิดว่าแจ็คไม่คู่กับบอยหรือเปล่า” ผมถามบอย
         “ทำไมถามบอยแบบนั้นละแจ็ค” บอยถามผมกลับ
         “คือบอยรู้สึกว่าหลายคนมองแจ็คแบบนั้น แม้กระทั่งไอ้หน้าตี๋มันยังมองแจ็คแบบนั้นเลย” ผมพูด
         “แจ็ค ...บอยว่าแจ็คคิดมากไปน่ะ ไม่มีใครมองแจ็คแบบนั้นสักหน่อย พวกเขาแค่ ยัง..” บอยพูด
           “ไม่ไว้ใจแจ็ค .... แจ็คไม่เข้าใจว่าแจ็คควรทำตัวยังไงให้ทุกคนไว้วางใจแจ็คและเขาจะไม่ขัดขวางแจ็คกับบอย” ผมพูดเหมือนคนหมดหนทาง
          “บอยเชื่อว่าสักวันแจ็คจะทำให้ทุกคนจะเปลี่ยนความคิดได้ว่าแจ็คมีศักยภาพมากพอที่จะช่วยบอยดูแลองค์กรของเราไปพร้อมๆ กับบอย ตอนนี้แจ็คก็แค่ทำหน้าที่ที่เขามอบหมายให้มันสำเร็จ แค่นั้นนะครับ” บอยพูดบอกผม
        “บอยรู้จักไอ้หลุยส์มานานแล้วเหรอครับ “ผมถามบอย
         “ก็ตั้งแต่ตอนที่บอยกลับไปนั่นแหละ บอย เออ...” บอยพูดแต่บอยนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง
        “หลุยส์เขาเป็นคนสำคัญเช่นกันและที่สำคัญ หลุยส์เขาน่าสงสารน่ะแจ็ค เขาเจอเรื่องร้ายแรงมาก่อนและมันก็ร้ายแรงมากจริงๆ แจ็ค มันทำร้ายจิตใจของเขามาก “บอยพูดกับผม ผมหันมามองหน้าบอย ไอ้หน้าตี๋นั้นน่ะเหรอ
         “บอยอยากให้แจ็คและหลุยส์เป็นเพื่อนกัน หลุยส์เขามีดีนะ “บอยพูด ผมนี้ยิ้มที่มุมปาก ผมว่ายากที่จะเป็นไปได้ มันอาจจะเป็นไปไม่ได้เลย
         “แจ็คนะลองดู.... ลองเปิดใจดู บอยเชื่อว่าเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีของแจ็คแน่ๆ “บอยพูด
            ผมก็พยักหน้าตามแบบขอไปทีเพราะผมเห็นสีหน้าบอยที่ขอร้องผมขนาดนี้แล้วอดใจอ่อนให้บอยไม่ได้แต่กับไอ้หน้าตี๋ไม่มีทางผมแอบคิดในใจ รถก็แล่นมาจนถึงหน้าโรงเรียน ผมเห็นไอ้หลุยส์มันเดินคุยกับไอ้ดิวต่อ เหมือนมีเรื่องอะไรที่คุยกันถูกคอ แต่มันแปลกสำหรับผม เพราะว่าไอ้ดิวจะคุยถูกคอก็คือเรื่องเกี่ยวกับวงการฟุตบอลเท่านั้นแต่กับไอ้หน้าตี๋นี่น่ะ ไม่น่าจะใช้นักเตะแน่ๆ ผมพยักพเยิดกับติ๊กและพายและก็แอ้อีกคนให้เดินเข้าโรงเรียนได้แล้ว พวกมันมองไอ้ดิวที่คุยกับไอ้หลุยส์นำหน้าไปก่อน
        “แท่นแทนแท้น!!!”
       “เว้ยย!!” พวกผมอุทานด้วยความตกใจพร้อมกัน ก็ จู่ๆ ก็มีคนกระโดดออกมาจากมุมตึกแบบนี้ ใจก็นึกว่าโดนเล่นแต่เช้าเลยเหรอ พอผมมองดูดีดี อ้อไอ้ต้นข้าวกับไอ้บลู สมาชิกใหม่ที่เพิ่งรับเข้ามาหมาดๆ
         “อะไรของมึงสองคนเนี๊ยะ! เมื่อเช้ามึงลืมเขย่าขวดยาก่อนเทใส่ปากหรือไง กระโดดออกมาได้…..และอายุเท่าไหร่แล้วเนี๊ยะ ห๊ะ!” ไอ้ติ๊กมันใส่เป็นชุดเลยครับ
          “แหมก็แค่อยากให้หายเครียด เห็นเมื่อวานเครียด นี้พวกเราก็ลุ้นนะว่า…” ไอ้บลูพูด
         “????” ผมหันไปมองว่าลุ้น อะไร
         “ว่าพวกนายยังมีชีวิตอยู่ไหม” ดูปากมันพูดเข้า
          “กูว่ามึงไม่ต้องคิดเรื่องนั้น แต่มาคิดว่า ถ้าพวกกูรุมกระทืบมึงตอนนี้ มึงจะมีชีวิตอยู่ต่อหรือเปล่าดีกว่าดีกว่าไหม.... นั้นปากพวกมึงเหรอนั้น น่าเอาไว้วางเท้า” พายพูดแต่มีคนห้ามเอาไว้ ตัวเล็กแล้วยังซ่าอีก
          “เขาล้อเล่นนะ ขนมพาย” ไอ้บลูรีบเปลี่ยนเชียวน่ะไอ้บลู แถมยังหลบไปแอบข้างหลังไอ้ต้นข้าว
             “กูสองคนโคตรเป็นห่วงพวกมึงเลยวะ แต่กูสองคนก็ต้องรีบเพ่นว่ะ กลัวพ่อจับได้ว่ากูมีเรื่องและกูสองคนคงได้ย้ายกลับไปโรงเรียนเดิมแบบถาวร กูขอโทษนะโว้ย!! ที่ไม่ได้อยู่กับพวกนาย” ไอ้ต้นข้าวพูด ผมก็ยกมือว่าช่างมันเถอะ
           “เออ แล้วคนนี้ใครอ่ะ เมื่อวานไม่เห็นอ่ะ เพิ่งจะมาเหรอ” ไอ้บลูหันไปถามและชี้ไปที่ไอ้หลุยส์
           “เขาชื่อหลุยส์เขาเป็นเพื่อนพวกเรา...เขามาใหม่ครับ” บอยพูดยิ้มๆ ให้หลุยส์ ผมนี้แอบหมั่นไส้
           “ยินดีที่รู้จัก” บลูพูดและยื่นมือจะไปเช็คแฮนด์แต่ไอ้หลุยส์มันได้แค่มองเลยทำเอาไอ้บลูเขินชักมือกลับแทบไม่ทัน
          “เอาละไปหาที่กินข้าวกันดีกว่าว่ะ วันนี้จะมีใครมามองรางวัลรูปเท้าให้พวกกูกันอีกกไหมวะ "ไอ้ดิวพูด "ขอพักสักวันเถอะว่ะ " ไอ้พูดอีก

ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
       
  EP.19(แจ็คXบอยXหลุยส์) เรียกร้องความสนใจ

          Part's แจ็ค พวกผมเดินเข้าไปแบบไม่สนใจเสียงนกเสียงกา แต่ละคนพูดให้กำลังใจพวกผมมาก บ้างก็นินทาแต่มันดังจนพวกผมได้ยิน ไม่น่าจะใช่นินทาแล้วแหละ พวกเขากำลังพูดกันว่าพวกผมรอดมาได้ไง นึกว่าพวกผมคงไปนอนโรงพยาบาลกันแล้ว บร้าๆ แต่ล่ะคนนี้ให้กำลังใจกันดีมาก จนพวกผมเดินผ่านโต๊ะม้านั่งหินอ่อน ผมเห็นคนที่อยู่ในห้องเรียนกับพวกผมคนนี้มันนั่งข้างไอ้ภาคินตลอด
         “บอยจำได้ไหมว่าคนนี้อ่ะชื่ออะไร มันนั่งข้างไอ้ภาคิที่ดูเหมือนจะเป็นตัวพ่อของกลุ่มมัน” ผมกระซิบถามบอย บอยหันมามองหน้าผมและส่ายหัวเบาๆ พวกผมหยุดก่อนจะเดินเข้าไป ผมเห็นว่าเป็นกองสมุดหลายเล็มเลย เท่าที่พวกผมยืนดู คือไอ้คนนี้นั่งทำการบ้านและคงไม่ใช่ของมันคนเดียวแน่ๆ
          “นาย จำพวกเราได้ป่ะ เราเรียนห้องเดียวกับนายน่ะ” ไอ้ดิวมันถามขึ้น คนที่เงยหน้าขึ้นมา ดูขอบตาคล้ำ คงอดนอนมาด้วย
          “เออ...จำได้...” เขาตอบแบบลังเล เหมือนจะมองไปรอบๆ
          “เฮ้ย! พวกเรามาดี " ผมพูด
             "โทษทีนะ นายชื่อไรอ่ะ” ไอ้แอ้พูดขึ้น พวกผมก็พยักหน้า ยกเว้นไอ้หน้าตี๋มันยังไม่รู้เรื่อง แถมเดินสภาพที่เหมือนซอมบี้เชียว บอยเลยเดินไปเหมือนจะคุยอะไรกับไอ้หลุยส์
           “เราชื่อ ว่าน “คนที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นตอบพวกผม
          “นายทำการบ้านให้เพื่อนด้วยเหรอ “พายถามว่าน
          “ใจดีเนอะ!!” พายพูด พวกผมขยับตาอย่าไปทำให้กลัวเราซิ
           “เออ...เราขอตัวนะ เราต้องรีบไป “ว่านพูดด้วยหน้าตาตื่นและรีบคว้ากองสมุดติดตัวเดินออกไป พวกผมได้แค่มอง
          “อ้าว..นาย..เราแค่ถามว่าจะให้พวกเราช่วยทำให้ไหม) )) )” ผมตะโกนตามหลังแต่ว่านมันรีบเดินหายไปเลย ทุกคนก็หยักไหล่ บอยแตะแขนผมว่าไปกันดีกว่า
          “นี้พวกมันไม่ทำการบ้านเองเหรอวะ เจริญเนอะ “ไอ้ติ๊กพูด
          “กูว่าต้องมีอะไรแน่ๆ เลยว่ะ ไอ้ดิว เพราะว่าพวกมันหายหัวไปตั้งแต่เมื่อวานแต่ว่ามันดันรู้ว่ามีการบ้าน เด็กเกเร ไม่รักเรียนหาอะไรจะมีการบ้านส่งได้วะ” ผมหันไปกระซิบกับไอ้ดิว มันก็พยักหน้าแต่พวกผมคงเข้าไปช่วยอะไรไม่ได้
        "เออว่ะ กูว่าพวกมันต้องทำอะไรสักอย่างกันแน่ๆ" ไอ้ดวิพูด ผมสองคนมองหน้ากัน
       “ไปห้องอาหารก่อนเถอะวะ” ผมหันไปบอกไอ้ดิว ผมมองบอยที่เดินกลับเข้ามาพร้อมกับไอ้หลุยส์หลังจากที่ออกไปคุยกันทั้งคู่
       “ไปทานอาหารกันดีกว่าครับบอย”
       “แจ็ค” บอยเอ่ยชื่อผมและส่งซิกให้ผมไปทางไอ้หลุยส์
       “ไปทานข้าวกันวะ ไอ้...ตี๋” ผมพูด มันเหมือนจะยิ้มแต่มันก็หุบยิ้มทันที ผมก็แอบขำ ดูมันทำหน้าเหมือนจะโกรธนะ พวกผมพากันเดินเข้าไปหาที่นั่งทานปกติเหมือนคนอื่นท่ามกลางสายตาเหมือนเดิมที่มองพวกผมแต่วันนี้ก็แค่มอง บางคนก็ไม่สนใจทำหน้าที่ตัวเองไป ผมไม่เห็นไอ้ป๊อดแต่เห็นมีหนุ่มตัวเล็กๆ มาจัดพวกอาหารเช้าไว้ให้พวกผมเลือกทานกันแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแค่ยิ้มๆ ให้พวกผมก็ยิ้มตอบกลับแค่นั้น ระหว่างที่นั่งทานอาหารผมเห็นไอ้หน้าตี๋มันเงียบมาก
        “ไอ้แจ็ค ไอ้หลุยส์มันเป็นอะไรวะ เมื่อวานวันยังซ่ากับมึงอยู่เลยนะ มึงเสกอะไรใส่มันหรือเปล่าวะ “ไอ้ติ๊กมันกระซิบถามผม ผมหันไปมองหน้าไอ้ติ๊กมัน
        “นี้มึงเล่นของใส่มันเลยเหรอวะแจ็ค” พายอีกคน ผมหันไปดึงจมูกเล็กๆ น่ารักของมัน
        “มึงจะบ้าเหรอ กูไม่ได้ทำอะไรมันเลยนะ มันคงเรียกร้องความสนใจบอยมั้งวะ” ผมพูดแอบหมั่นไส้เพราะบอยหันไปคอยถามคอยเอาใจใส่มันอีก จนผมต้องแอบงอลบ้างแล้วมั้ง
        “ไปห้องน้ำน่ะ” ผมพูดและลุกพรวดเลย เดินออกไปทันที
         “อะไรของมันวะ บทมันจะไปก็ไปเลย ไอ้นี่ ทำยังกะน้อยใจอย่างนั้นแหละ” เสียงไอ้ติ๊กพูดไล่หลังผมออกมา ผมเดินไปอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแต่โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ตรงห้องน้ำเลย ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ ไม่ได้อยากมาเข้าแค่อยากให้บอยรู้ว่าผมงอนแค่นั้น
          “แจ็ค” เสียงบอยเรียกชื่อผม
         “เป็นอะไรนะ “บอยถามผม บอยเดินเข้ามาใกล้ๆ ผมที่อ่างล้างมือ
        “ก็...”ผมทำท่าจะพูด
          “งอนบอยเหรอ” บอยถามผมทันที
         “ก็เห็นเอาใจแต่ไอ้…” ผมพูดก่อนจะพยักพเยิดออกไป
         “แจ็ค บอยคิดว่าแจ็คจะเข้าใจที่บอยพูดแล้วนะ หลุยส์เขา...” บอยกอดอกมองหน้าผม
          “น่าสงสาร แต่ดูยังไงก็คิดว่ามันน่ะแค่เรียกร้องความสนใจ จนบอยลืมแจ็คไปแล้ว” ผมพูด
          “ลืมที่ไหนละ บอย ก็กำลังจะถามอยู่แต่แจ็คเดินออกมาซะก่อน “บอยพูด
           “แจ็ค “บอยเรียกชื่อผม
          “มันทำให้แจ็คเขวอ่ะบอย และอดคิดไปไม่ได้ว่า... “ผมพูดแต่ผมเหลือบมองเห็นว่ามีคนแอบฟังผม ผมดูก็รู้ว่าไอ้หลุยส์แน่นอน แต่ผมไม่แสดงให้บอยรู้หรอกว่าไอ้หลุยส์ยืนอยู่
          “บอยก็บอกแจ็คแล้วว่า เราต้องดูแลเขาและหลุยส์น่ะเขาผ่านเรื่องที่แย่ๆ มา บอยไม่ได้คิดอะไรเกินเพื่อนเลยนะแจ็ค และนี่ก็คำสั่งของพ่อบอยให้ดูแลเขาเหมือนกัน “บอยพูด
          “จริงนะ” ผมถามบอย
          “อืม เลิกงอนได้แล้ว” บอยพูด
          “แจ็ครักบอยมากนะ”ผมพูดและมองบอยทำตาซึ้งใส่ด้วย บอยก็มองผม
         “บอยก็รักแจ็คไงถึงได้...”บอยพูด ผมนี่อยากจะทำท่าเซย์เยสสส นี่แหละที่อยากให้บอยพูด
         “แกร็ก” เสียงของหล่น ผมนี้อยากจะหันไปด่า บอยก็ตกใจผมสองคนเดินออกมาก็ไม่มีใคร ทำให้ผมนึกในใจไอ้นี่มันวิ่งไวเหมือนกันน่ะ ออกมาก็หายไปแล้ว
           “คงเป็นเด็กที่จะมาเข้าห้องน้ำนะบอย” ผมหันมาบอกบอย ผมสองคนพากันเดินออกมาจากห้องน้ำและเดินกลับมาที่ห้องอาหารแต่ไม่เห็นไอ้หลุยส์อยู่กับพวกไอ้ดิว
        “ไปเข้าแถวกันเถอะวะ” ไอ้ดิวพูด
          “แล้วหลุยส์ละ” บอยถามทุกคน
            “อ้าว! ไม่เจอกันเหรอ มันเดินตามบอยไปติดๆ เลยน่ะ เห็นว่าจะไปห้องน้ำเหมือนกัน พวกเรายังไม่อิ่มเลยให้มัน วิ่งตามไป นี่ไม่เจอกันเหรอ” พายพูดและมองหน้าผมสองคน ผมยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้ แต่บอยซิ บอยมองหน้าผม
           “แสดงว่าแจ็ครู้ว่าหลุยส์อยู่หน้าห้องน้ำใช่มั้ย” บอยหันมาถาม ด้วยสีหน้าที่บอกได้ว่าบอยรู้สึกเสียใจ "บอยถามว่าใช่ไหมแจ็ค ตอบบอยซิ" ผมก็มองหน้าบอยแอบตกใจมากเหมือนกัน ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
         “ก็แจ็คออยากให้มันเลิกหวังไง” ผมตอบบอย
          “แจ็คไม่รู้หรอกว่าการทำร้ายความหวังคนอื่นน่ะเขาจะเสียใจมากแค่ไหน” บอยพูดสายตาคู่นี้บอกผมได้ว่าเขาผิดหวังกับตัวผมมากแค่ไหน
         “You absolutely have no sympathy for anyone else.” บอยพูดกับผม ผมว่าคนที่เจ็บที่สุดไม่ใช่ไอ้ตี่แล้ว มันกลายเป็นผมเอง ผมทำท่าจะอธิบายแต่ว่าบอยยกมือห้ามผม บอยหันมาทำท่าจะพูดอะไรสักอย่างกับผม
          “You should to put your feet in his shoes so you will understand how hard he has to pass in the past” บอยพูด
           “บอยผิดหวังในตัวแจ็คมากน่ะ จริงๆ” บอยพูดก่อนจะเดินหันหลังออกไป
          “บอย!!” ผมทำท่าจะตามแต่ บอยหันกลับมาอีกครั้ง
         “ไม่ต้องตามบอยมาบอยจะไปหาหลุยส์” บอยพูด ผมนี้อยากจะตะโกนดัง ๆ ก็อายคนในห้องอาหาร พวกไอ้ดิวมองหน้าผมแบบงง ว่าเกิดอะไรขึ้น
         “มึงนี้นะ.... มึงก็รู้ว่าบอยไม่ชอบแบบนี้ มึงทำทำไมวะ” แอ้มันหันมาพูดกับผม
          “เกิดอะไรขึ้นวะแจ็ค พวกกูงงโคตรๆ เลย” ไอ้ติ๊กมันหันมาถามผม
           “ก็กูคุยกับบอยแต่ไอ้หลุยส์มันยื่นอยู่หน้าห้องน้ำ กูแค่อยากให้บอยพูดตรงๆ ว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับไอ้หลุยส์ คือกูอยากให้มันเลิกหวังเลยตั้งใจให้มันได้ยิน” ผมพูดทุกยืนเอามือเท้าซะเอวมองหน้าผม
           “มึงนี้นะ ไอ้หลุยส์มันก็มีแค่บอยเป็นเพื่อนน่ะตอนนี้ มึงไม่ควรทำแบบนี้ว่ะ “ไอ้ดิวมันยืนเอามือล้วงกางเกงเท่ๆ มองผมได้กวนตรีนมาก
           “นี้ถ้ามันกลับไปน่ะ พ่อกูรู้เข้า มึงอยู่นี้ไปเถอะไอ้เวร งี่เง่าเป็นเหตุสังเกตได้!” ไอ้ติ๊กมันด่าผมอีกคน
          “มึงหล่อแต่ภายนอกจริง ใจมึงเชี่ยมาก ตกลงมึงจะไม่เป็นพระเอกแล้วใช่ไหม” ไอ้พายต่อว่าผมอีก ผมมองพวกมัน นี้มันซ้ำเติมผมชัดๆเลย
         “อะไรวะ พวกมึงลองมาเป็นกูดิว่ะ “ผมพูดขณะที่ทุกคนเดินหันหลังออกและทิ้งผมยืนงงอยู่ตรงนั้น
         “กูเป็นมึงก็ไม่ทำว่ะ!!!! ลูกผู้ชายเขาไม่ทำกันแบบนี้ว่ะ!” ไอ้ดิวมันตะโกนกลับมา
           ผมพ่นลมหายใจออกและเดินตามพวกมันไป เพื่อไปเข้าแถวหน้าเสาธง แต่ผมยังไม่เห็นบอยกับไอ้หลุยส์เลย ผมก็มองหาจนทั้งคู่เดินเข้ามาและมาต่อที่ท้ายแถว แต่ผมดันอยู่กลางแถว
          “อิจฉาตาร้อน เกลียดคนที่ยืนข้างๆ เธอ” เสียงเพลงที่ร้องจิกกัดผมได้เจ็บจี้ดเลย พายนั้น
          “พาย!!!” ผมเรียกชื่อพาย
         “คิกๆ เป็นไงล่ะ คดีพลิก สมน้ำหน้า เขาให้บทพระเอกเสือกไปเป็นตัวร้ายซะงั้น  “พายพูดซ้ำเติมกันชัดๆ ผมทนยืนอดทนจนจบพิธีเข้าแถวหน้าเสาธง ผมแอบคิดทำไมมันนานจังนะวันนี้ จนเขาปล่อยให้เดินขึ้นห้องเรียนได้ ผมเดินไปกระชากแขนบอยไว้
           “บอย” ผมเรียกบอย
          “เฮ๊ย! เอามือมึงออก “ไอ้หลุยส์พูด บอยไอ้แต่มองหน้าผม
          “กูไม่เอาออก …...นี่มัน” บอยยิ่งหันมามองผมใหญ่ และมองไปรอบๆ ทุกสายตาที่มองผมขณะที่กำลังจะเดินผ่านพวกผมขึ้นห้อง
           “แกรักสามเส้าแน่เลย อยากโดนแย่งแบบนั้นน่ะ” มีเด็กผู้หญิงแอบแซวพวกผมกัน ผมก็ต้องปล่อยมือบอย
          “ขึ้นห้องเถอะครับบอย” ไอ้หลุยส์มันบอกกับบอย บอยพยักหน้าและทั้งสองคนก็เดินไปจากผม
          “หมาหัวเน่าเลยมึง ปากมึงแท้ๆ มึงก็รู้ว่าบอยไม่ชอบให้มึงทำร้ายใครด้วยคำพูดหรือทำร้ายจิตใจใคร โง่จริงๆ เลยมึงเนี่ยะ แดกแห้วไปเถอะ” ไอ้ติ๊ก ผมนี้อยากจะเตะอากาศ พวกมันนี้เพื่อนผมมาก่อนไอ้หลุยส์อีกน่ะ
             “อะไรวะ เหมือนจะดี แต่ดันแย่ลงเพราะไอ้เวรนี้! กูอยากรู้ใครส่งมันมาวะ!” ผมพูดสบถออกมา และจำต้องเดินตามพวกนั้นขึ้นไป ไอ้ต้นข้าวและไอ้บลูก็ทำหน้างงเพราะมันไม่อยู่ตรงนั้นตอนที่บอยกับผมมีเรื่องผิดใจกัน มันได้แต่มองและยิ้มๆ ผมก็พยักหน้าว่าผมโอเค พอผมเดินเข้าไปในห้อง ผมก็เห็นว่าบอยก็เลือกไปนั่งข้างหลังสุดกับไอ้หลุยส์ ดูมันมองผมยิ้มๆ
           “บอยไม่นั่งกับแจ็คเหรอ” ผมถามบอย บอยหันไปมองหน้าไอ้ตี๋นั้น
          “บอยจะนั่งกับหลุยส์น่ะ” บอยพูดแค่นั้น ผมก็ต้องพยักหน้าเบาและคงต้องนั่งคนเดียว หันมาเจอไอ้แว่น มันมานั่งลงและยิ้มให้ผม
          “เหงาเหรอ ให้เราไป…” ไอ้แว่นพูดและทำท่าจะเปลี่ยนที่มานั่งกับผม ผมรีบยกมือเบรกมันไว้ก่อน
           “มึงนั่งนั่นแหละไอ้แว่น มึงมานี่กูจะเหงากว่าเดิม “ผมพูดแค่นั้นมันก็รีบก้มหน้าก้มตา หยิบนั้นหยิบนี้ขึ้นมา วันนี้ไม่มีพวกไอ้ภาคินอยู่ในห้องเลยแม้กระทั่งไอ้คนที่ชื่อว่าที่พวกผมเจอตอนที่เดินเข้ามาและพวกผมก็เห็นว่านนั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อน
          “แว่น พวกนั้นมันไม่มาเข้าเรียนกันเหรอวะวันนี้” ผมถามไอ้แว่น
         “เข้าครับแต่เขาพรางตัวครับ พวกคุณเลยมองไม่เห็น” ไอ้แว่นมันตอบผมได้กวนมาก ผมหันไปมองพร้อมเอาแขนเท้าพนักพิงเก้าอี้
         “แว่น มึงขาดโปรตีนใช่มั้ย เดี๋ยวกูให้ เป็นคู่ๆ ไปเลย กวนแต่เช้าเลยน่ะมึงและดูหน้าไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครด้วย มันนอยด์อยู่ เดี๋ยวมึงก็โดนหนักหรอก” ไอ้ติ๊กพูด ไอ้แว่นมันหันมามองหน้าผม ผมพยักหน้าเป็นเชิงถามว่าจะเอาไหมปลาตีนน่ะ
         “ล้อเล่นครับ “ไอ้แว่นพูดพร้อมกับยกมือไหว้ผมหนึ่งที
        “ผมก็ไม่ทราบนะครับเพราะว่าไม่มีข่าวอะไรเกิดขึ้นเลยเมื่อวาน...เงียบมาก” ไอ้แว่นมันพูด
         “แต่การที่พวกเขาเข้าหรือไม่เข้ามันก็ปกติอยู่แล้วครับ แว่นนะชินแล้วครับ” ไอ้แว่นพูด พวกผมก็พยักหน้า ผมหันไปมองบอยที่เหมือนกำลังสอนการบ้านไอ้หลุยส์ ยิ่งหมั่นไส้เข้าไปใหญ่ ไอ้ดิวมันมองไปตามสายตาของผม
             “เอานะ ไอ้แจ็ค รอคุยกับบอยตอนพักเที่ยงก็แล้วกัน “ไอ้ดิวกระซิบพูดกับผม ผมก็พยักหน้าคงต้องตามนั้น สักพักคุณครูประจำวิชาก็เข้ามาทำการสอน ผมได้แต่สอนไปอย่างเงียบๆ ผมเห็นบอยคุยกับไอ้หน้าตี๋ และดูมันมีความสุขน่าดู ตกลงนี้จะเปลี่ยนใจไปกับไอ้หลุยส์เพราะว่าปากผมนี่น่ะเหรอ

TBC...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2024 17:28:27 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.20(หลุยส์) มึงแค่รักตัวเองหลุยส์


        Part’ sแจ็ค หลังจากที่ผมได้ยินที่บอยบอกไอ้แจ็คหรือไอ้หน้าแขกนั้นว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับผมและเขาทำเพราะว่าพ่อเขาสั่งให้ดูแลผม ถึงบอยจะบอกแจ็คว่าผมก็คือคนสำคัญขององค์กร แต่มันก็เจ็บสำหรับผมตรงที่ผมตั้งใจมาเพื่อเขา นี้ผมทำแบบนี้ไปทำไม มันไม่มีค่าอะไรเลย แล้วผมจะอยู่ต่อทำไม ผมน่ะเรียนเร็ว ผมก็เรียนมหาวิทยาลัยออนไลน์แล้ว ผมแค่กลับไปเป็นเหมือนเดิมแต่แค่ไม่มีบอย เหมือนที่ผมคิดเอาไว้แค่นั้น แค่คิดก็เศร้ารอแล้วผมน่ะ

            ผมจำผู้ชายนัยต์ตาสีฟ้าได้ เขามีเสน่ห์ขนาดที่ทำให้ผมหลงรักเขาได้ในนาทีแรกแม้กระทั่งตอนนี้ผมก็หลงรักเขาอยู่ดีแต่ว่า เขามีไอ้นั่นในหัวใจแล้ว ผมก็เหมือนแค่ส่วนเกินซิน่ะ ทำไมไอ้นั่นมันถึงได้หัวใจบอยไปได้ มันไม่มีอะไรดีเลยดีกว่า เท่าที่ผมไปหาข้อมูล ใช่ครับผมแทบจะไม่ได้นอนเลยหลังจากที่ลงไปเห็นภาพบาดตาบาดใจที่ทั้งคู่กอดจูบกัน ผมกลับขึ้นไปที่ห้องที่ผมควรจะอยู่ ผมมีทีมที่สามารถแฮกข้อมูล เขาแฮกซ์ข้อมูลพวกนี้มาให้ผมภายในหนึ่งชั่วโมง ไอ้แจ็คคือคนที่สร้างเรื่องเยอะที่สุด มันทำให้ผม เจ็บใจ ถ้ามันดีกว่าผม ผมจะไม่ว่าเลย มันแย่กว่าผมเยอะ

           “หลุยส์” เสียงบอยเรียกชื่อผม ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าจะมีไอ้หน้าแขกนั้นวิ่งตามบอยมาไหมแต่คงวิ่งมาห้ามบอยมากกว่า

             “ว่าไงบอย” ผมหันไปแต่ผิดคาด ไม่มีไอ้หน้าแขกขาวนั้นตามบอยมา ผมชะเง้อมองไปทางด้านหลังของบอย บอยก็มองตามสายตาของผม

            “แจ็คไม่ได้ตามมา บอยบอกว่าไม่ต้องตามบอยมา บอยจะ ออกมาตามหาหลุยส์” บอยพูด ผมก็พยักหน้าเบาๆ

            “หลุยส์จะไปไหน” บอยถามผม ผมยืนเอามือล้วงกระเป๋าพร้อมกับใช้ความคิด ต่อให้ผมรักเขามากแค่ไหนแต่ถ้าที่ตรงนี้มันไม่ใช่ของผม ผมก็ควรจะไป

             “หลุยส์ขอโทษนะที่มาทำให้บอยลำบากใจ” ผมพูดกับบอย

              “หลุยส์ทำไมพูดแบบนี้ละ บอยไม่ได้ลำบากใจอะไรเลยน่ะ แล้วนี่หลุยส์จะไปไหน” บอยพูดและเขาก็ดึงแขนผมเอาไว้

              “จะให้หลุยส์อยู่ทำไมอ่ะบอย หลุยส์จะมาทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้ทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะบอย” ผมพูด บอยมองหน้าผม

              “หลุยส์คงไม่มา...บอยน่ะน่าจะรู้ดี” ผมหันมาพูดกับบอย สายตาผมมองบอยที่มองผม เขาน่าจะรู้ว่าผมรู้สึกยังไงตอนนี้ โคตรเจ็บเลย

              “แต่หลุยส์ซิกลับไม่รู้ว่า ที่บอยทำให้หลุยส์จนหลุยส์คิดไปเองนั้นมันแค่เพราะองค์กร แต่สุดท้ายคำตอบมันคือบอยทำเพราะว่าพ่อของบอยบอกให้ดูแลหลุยส์เพื่อผลประโยชน์เท่านั้น ไม่ใช่หัวใจของบอย” ผมพูด

              “หลุยส์ มันไม่ใช่แบบนั้นเลยน่ะ แต่ว่าที่บอยตั้งใจทำให้หลุยส์ในฐานะเพื่อนที่หวังดีกับเพื่อน” บอยพูดกับผม

              “ส่วนเรื่องหัวใจบอยขอโทษจริงๆ บอยให้หลุยส์แบบนั้นไม่ได้จริงๆ เพราะว่าบอย …” ผมก็มองว่าทำไม

             “บอยรักเขามากเหรอ ทั้งที่เขาไม่ใช่คนที่ถูกเลือกและไม่มีข้อดีข้อไหนที่ควรจะเลือกเลยด้วยซ้ำ บอยใช้อะไรเลือกเขาคนนี้เหรอ” ผมถามบอย บอยมองหน้าผม

           “บอยใช้หัวใจบอยเลือกเขา” บอยพูด ตอนนี้ผมรู้สึก เหมือนโดนมีดปลายแหล่มทิ่มแทงลงมาที่ตรงกลางอกของผมเลยทีเดียว คนแบบนี้ได้หัวใจบอยไปได้ยังไง

           “ช่างมันก่อนเถอะหลุยส์ บอยว่าหลุยส์ควรจะกลับเข้าไปดีกว่าและบอยอยากให้หลุยส์อยู่ที่นี้ กับพวกเขา เพื่อว่าบางที่หลุยส์อาจจะได้อะไรดีดีจากที่นี้ก็ได้น่ะ” บอยพูดขณะที่ผมกำลังจะเดินหันหลังออก ผมนี่น่ะจะได้อะไรดีดีจากพวกนี้ ข้อมูลที่ผมได้มา มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า ผมเสียเวลาเปล่า ไม่ซิ ผมกับบอยเสียเวลาเปล่า

          “ถ้าหลุยส์ไม่อยู่พวกเขาก็จะเดือดร้อน หลุยส์ควรจะอยู่ที่นี้ น่ะหลุยส์ พวกเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีของหลุยส์ เชื่อบอยซิ “บอยพูด ผมก็ทำท่าจะเดินออกอีก

           “หมับ” บอยจับแขนผมเอาไว้

          “ทำไมหลุยส์ไม่ลองเปิดใจดูละ “บอยพูด ผมหยุดนิ่งก่อนจะหันหลังไปมองบอย

          “ไม่ละ ปกติหลุยส์ไม่เคยมีเพื่อนนะเพราะหลุยส์ไม่เชื่อคำว่าเพื่อนแท้ ตั้งแต่หลุยส์เจอบอย หลุยส์กลับเชื่อคำว่ารักแท้ แต่ตอนนี้มันไม่มีอยู่จริง “ผมพูด บอยก็เงียบไปทันที

         “บอยอยากให้หลุยส์อยู่ก่อนได้ไหม บอยขอร้อง “บอยพูดกับผม

           “เพื่ออะไรอะไรบอย! ให้หลุยส์ทนดูบอยกับเขาคนนั้นเหรอ หลุยส์ทนไม่ได้” ผมหันมาพูดกับบอย

           “ทำไมบอยไม่บอกหลุยส์ซะก่อนละว่าบอยมีแฟนแล้ว พ่อบอยก็ไม่รู้เรื่องนี้ใช่มั้ยครับ” ผมพูดทำเอาคนที่ยืนตรงหน้าผมสีหน้าเปลี่ยนไป

             “ไม่ใช่ พ่อรู้แต่ว่าลุงหนึ่ง ไม่รู้ ” บอยพูด

           "เพราะว่าลุงหนึ่งไม่คิดเลือกคนแบบนี้เพื่อฝากทุกคนในองค์กร บอยรู้อยู่แล้วใช่ไหม" ผมถามบอย บอยมองหน้าผม ผมเดาว่าบอยคงคิดว่าไอ้นี่จะเปลี่ยนตัวเองได้ซิน่ะ

            “มันไม่มีวันที่จะทำได้หรอก....เชื่อหลุยส์ดิบอย ไอ้นี่แค่เป็นลูกคนเล็กและมันก็ไม่ต่างจากลูกแหง่ ทำอะไรไม่ได้หรอก บอยนะต่อไปจะต้องเป็นผู้นำขององค์กร หลุยส์ไม่ได้ดูถูกนะ เขาไม่เหมาะสมกับบอยเลยสักนิด” ผมพูดแต่สีหน้าบอยที่มองผมด้วยสายตาที่ผิดหวัง

            “นั้นเป็นเพราะว่าหลุยส์ยังไม่รู้จักแจ็คดีต่างหาก” บอยพูดกับผม

           “บอย...หลุยส์ขอโทษนะเรื่องพ่อของบอยนะ หลุยส์ไม่รู้จริงๆ ว่าบอยไม่เคยบอกเรื่องนี้กับท่านแค่พ่อของบอยถาม หลุยส์ก็แค่บอกไปตามจริง “ผมพูดกับบอย ผมรู้สึกได้เลยว่าพ่อของบอยก็ยังไม่ปลื้มไอ้แจ็คเอาซะเลยด้วยซ้ำ” ผมพูดบอยมองหน้าผม

            “หลุยส์ส่งรูปที่บอยกับแจ็คให้ลุงหนึ่งใช่ไหม” บอยถามผม

           “หลุยส์ยอมรับว่าใช่แต่หลุยส์ส่งไปแค่รูปที่บอยนั่งเบียดกัน รูปที่บอยกับแจ็คจูบกัน หลุยส์ไม่ได้ส่ง หลุยส์ก็ยัทำร้ายบอยไม่ลงอยู่ดี” ผมพูด

             “บอยไม่โกรธหลุยส์น่ะแต่บอยอยากให้หลุยส์อยู่ต่อก่อนได้ไหม” บอยพูดขอร้องผม

             “บอยอยากให้หลุยส์เห็นก่อนว่าพวกเขาดีหรือไม่ดีค่อยตัดสินพวกเขาได้ไหม” บอยพูดขอร้องผม

             “หลุยส์อยู่ไม่ได้เพราะหลุยส์ทนไม่ได้ที่เห็น บอยกับ...แฟน” ผมพูด

             “ก็ได้...บอยจะห่างๆ กับแจ็ค แต่หลุยส์ต้องอยู่ บอยทำได้เพื่อให้หลุยส์อยู่และทุกคนจะได้ไม่เดือดร้อน ลุงหนึ่งอยากให้หลุยส์มาเรียนรู้อะไรอีกมากมายที่นี้เหมือนกัน ลุงหนึ่งถึงได้อนุญาตให้หลุยส์มาอีกคน “บอยพูดผมเห็นสายตาเขานี้เขาอยากให้ผมอยู่ต่อมากเลยเหรอถึงกับยื่นข้อเสนอแบบนี้ให้ผม ผมเดินกลับมาหาบอย

             “ก็ได้” ผมพูดยิ้มๆ

            “กลับไปเข้าแถวน่ะ หลุยส์คงไม่รู้ว่าที่นี้เขาต้องเข้าแถวหน้าเสาธงมันเป็นกิจวัตรประจำวันของนักเรียนที่นี้” บอยพูด ผมก็พยักหน้า

             “บอยคิดดแล้วเหรอที่จะทำแบบที่บอยพูดนะ “ผมถามบอยอีกครั้ง

            “ได้ เพื่อให้หลุยส์อยู่ ถ้าหลุยส์ไม่อยู่พวกเขาก็จะต้องยืดเวลาการทำโทษออกไปอีก” บอยพูด ผมพยักหน้า

            “อีกเหตุผลหนึ่ง หลุยส์อาจจะต้องการพวกเขาในอนาคต บอยอยากให้หลุยส์เปิดใจให้พวกเขาก่อนในวันนี้ ได้ไหมครับ” บอยพูดกับผม ผมก็พยักหน้าไปแบบนั้นแหละ

            “หลุยส์อยากให้บอยทำเหมือนกับว่า บอยเป็นแฟนหลุยส์ “ผมพูด บอยมองหน้าผม

           “คนที่จะดูแลคนเยอะแยะได้ต้องควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเองให้ได้ซะก่อน ไม่อย่างนั้นเขาจะหัวร้อนและทำอะไรที่ไม่ควรจะทำก็ได้น่ะ ผมพูด บอยมองหน้าผม บอยใช้ความคิดก่อนจะพยักหน้ากับผม มุมปากของผมกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม อย่างพึงพอใจ ผมรู้ว่าไอ้แจ็คมันทำไม่ได้หรอก มันใจร้อนและมันก็เป็นคนที่ความอดทนต่ำ มันแพ้ผมแน่ๆ ผมคิดในใจ

          “หมับ” ผมจับแขนบอยไว้ ผมจะยั่วให้มันตะบะแตกเลย

         “อย่าลืมที่พูดนะครับ “ผมพูดกับบอย บอยพยักหน้ากับผม

          ผมยิ้มกริ่มและเดินเข้าไปกับบอย บอกแล้วว่าผมนะมีดีไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องได้ด้วยกล ไม่ต้องพึ่งมนต์คาถา เพราะผมรู้ว่าพ่อๆ พวกมันไม่อยากให้ผมกลับอยากให้ผมอยู่ที่นี้ จนกว่าทุกอย่างจะปลอดภัยสำหรับผมเช่นกัน

          “บอย เดินด้วยกันให้เหมือนเราเป็นแฟนกันหน่อยซิ ทำแบบนี้มันถึงจะเนียน” ผมกระซิบกับบอย บอยหันมามองหน้าผมและผมก็ยื่นมือของผมเพื่อจะจูงมือบอยแต่บอยมองผม ผมก็สอดมือผมเข้าไปและจับมือบอย
          ผมจูงมือเดินผ่านทุกสายที่นักเรียนที่เข้าแถวต่างก็พากันมองมาที่ผมสองคนจนถึงแถว ไอ้ดิว ไอ้ติ๊ก แอ้และพายก็มองมาที่ผมกับบอยกัน และบอยก็ค่อยๆ ดึงมือเขาออก น่าเสียดายที่ไอ้แจ็คมันหันมาช้าไปเลยไม่ได้เห็นภาพเด็ดๆ แต่ก็ทำให้มันหัวร้อนขึ้นได้ ผมก็หยักคิ้วให้ว่าผมกำลังจะมีชัย ผมยืนจนเหงื่อแตกเลยกว่าการทำกิจวัตรประจำวันที่เขาบอกว่าต้องทำทุกวันเสร็จ ผมไม่เคยเรียนที่ไทยและหลังจากพ่อแม่ผมเสียไปผมก็ไม่เคยไปโรงเรียนเรียนที่บ้านตลอดและมีไปเรียนที่ติวเตอร์แค่นั้น

           “หมับ! “ไอ้หน้าแขกมันเดินมาดึงแขนบอย ผมรีบหันไปปัดมือมันออกทันทีและไอ้แจ็คมันทำท่าจะเข้ามาต่อยผมแต่มันก็สะดุดที่สายตาบอยที่มองมัน แต่ทำไมสายตามันแตกต่างกับที่มองผมหนัก สายตาของบอยไม่ได้มองเพื่อให้ไอ้หน้าแขกมันแค่หยุดแต่มันสื่อได้มากมายกว่านั้น มีทั้งความห่วงใย

         “เอามือมึงออกไป” ผมพูดแค่นั้น และดึงแขนบอยเดินออก ไอ้แจ็คมันแค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

          “ไปไหนกันต่อดีครับที่รัก” ผมกระซิบถามบอย แต่บอยกับเดินเหมือนเหม่อลอย

         “บอย “ผมเรียกบอยในหู เพื่อให้บอยได้ยิน ได้ผลบอยสะดุ้ง

         “ว่าไงนะหลุยส์” บอยหันมาถามผม

         “คือหลุยส์ถามว่าเราจะไปที่ไหนกันต่อครับ หลุยส์เพิ่งมาวันนี้วันแรก” ผมพูด

         “คือ...ไป..เออ เราเดินเลยมาชั้นหนึ่งแล้วอ่ะหลุยส์ บอยพูด ผมก็มองอ้อนี่มันชั้นที่ 4 แล้วนี่และผมสองคนก็เดินลงมาจนมาหยุดที่ห้องหนึ่ง ที่เขาเรียกว่าห้องเรียนซินะ ผมเดินเข้ามาก็เห็นโต๊ะมากมาย

        “หลุยส์จะนั่งตรงไหนล่ะ” บอยถามผม

      “แล้วปกติบอยนั่งตรงไหนครับ” ผมถามบอย

       “นั่งกับแจ็ค” บอยตอบผมเสียงอ่อยๆ

        “วันนี้ละครับ บอย” ผมถามบอย

        “ก็ได้บอยไม่นั่งกับแจ็คนั่งกับหลุยส์” บอยพูดผมก็ยิ้มหวานและผายมือให้บอยเดินนำไป โต๊ะที่อยู่ท้ายสุดได้ จังหวะนั้นพวกไอ้ดิว ไอ้แอ้ ติ๊กและพาย และตามมาด้วยไอ้หน้าแขกเดินเข้ามาพร้อมกับสองหนุ่มหน้าตามุ้งมิ้ง นี้คือคนที่อยู่ในแก้งของมันและจะทำให้พวกมันทำภารกิจนี้สำเร็จ ถ้าเป็นผมนะผมจะเลือกคนที่ต้องโชว์ความสามารถให้ผมดูก่อน

        “บอย “ไอ้แจ็คมันเรียกบอย ผมหันไปมองบอยยิ้มๆ”

       “บอยจะนั่งกับหลุยส์” บอยพูดและมองหน้าผม ผมพยักหน้าและเงยหน้ามองไอ้หน้าแขกผู้ที่กำลังพ่ายแพ้ให้กับผม มันไม่รู้จักไอ้หลุยส์ซะแล้ว

         “บอย เราต้องนั่งเรียนแบบนี้วันละกี่ชั่วโมงครับ และทำไมเข้าคลาสกันเช้าจังครับ” ผมถามบอย

        “ช่วงเช้าก็สี่คาบ ไปจนถึงเที่ยงและบ่ายต่ออีกสามคาบไปจนถึงบ่ายสามโมงครึ่ง” บอยพูดทำเอาผมตาโต

        “ที่ออสเตรเลีย เข้าเรียน 9 โมงเช้าเลิกบ่าย3 ก็ว่านานแล้วนะบอย” ผมพูด เพราะว่าก่อนที่พ่อแม่ผมจะถูกลอบสังหาร ผมถูกส่งให้ไปเรียนที่ออสเตรเลียและอยู่กับคนดูแลเพราะว่าพ่อแม่ผมเดินทางตลอดแต่ก็จะแวะมาหาผมทุกเดือน เดือนละหนึ่งอาทิตย์ที่อยู่ด้วยกัน

          ผมนั่งเรียนไปรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างเพราะใจผมกับสายตามันอยู่ที่บอยและบอยก็ต้องหันมาคอยอธิบายให้ผมฟังอีกเพราะว่าผมแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจที่ครูบอกตลอด ทั้งที่ผมนะรู้เรื่องวิชาที่เขาสอนน่ะผมเรียนมาหมดแล้ว และตลอดชั่วโมงเรียนผมเห็นสายตาไอ้แจ็คแล้วมันสะใจชะมัดจนกระทั่งหมดคาบ

          “หลุยส์ ก่อนลงไปทานข้าวบอยขอไปโทรหาพ่อก่อนได้ไหม” บอยหันมาบอก ผมพยักหน้า

          “ได้ซิครับ ..เดี๋ยวหลุยส์..” ผมกำลังจะบอกว่าจะไปเป็นเพื่อน

         “ขอบอยคุยธุรส่วนตัวนะหลุยส์ บอยขอโทษจริงๆ” บอยบอกผม ผมก็ลืมไป

        “ครับ บอย หลุยส์ต่างหากที่ต้องขอโทษนะครับ” ผมพูดกับบอย

        ผมเห็นไอ้แจ็คมันหันมามองบอยผมก็คว้ามือบอยมากุมไว้ มันสะบัดหน้าและเดินออกไปก่อนทันที พวกไอ้ดิวมันก็แค่หันมามองและเดินตามไอ้หน้าแขกออกไป บอยลุกขึ้นผมก็เดินตามบอย ผมเห็นบอยเดินแบบรีบร้อนเพื่อไปหาที่คุยโทรศัพท์ทันทีที่เดินลงมาถึงชั้นล่าง ผมได้แต่ยืนเก้ๆ กังๆ ไม่กล้าเข้าไป ผมทำได้แค่ชะเง้อคอมอง

          “มึงเล่นอะไรของมึงว่ะ “ไอ้ดิวมันเดินมายืนอยู่ข้างหลังผมตอนไหนก็ไม่รู้

          “กูไม่รู้ว่ามึงพูดถึงเรื่องอะไร “ผมหันไปพูดกับไอ้ดิวทั้งที่ผมรู้แหละว่ามันพูดถึงเรื่องบอยนี่แหละ ไอ้ดิวมันมองหน้า

           “มึงคิดว่ามึงชนะไอ้แจ็คเหรอวะ ด้วยการทำให้คนที่มึงรักไม่สบายใจแบบนี้” ไอ้ดิวมันพูดก่อนจะพยักพเยิดไปทางบอยที่เดินออกไป

         “ทั้งที่มึงก็รู้ความจริงอยู่แล้ว” ดิวมันพูด

         “นี้มึงทำร้ายจิตใจคนที่มึงบอกว่ารักเขาได้ยังไงวะ เป็นกู กูไม่ทำวะ” ไอ้ดิวมันพูดและมันก็เดินออกไป

         “ต่อให้รักมากแค่ไหนก็ไม่ทำว่ะ” ไอ้ดิวมันพูด

         “มึงได้คะแนนน่ะแต่คะแนนความสงสารแทน หัวใจเขามึงรู้ดีว่าเขาให้ใครไปแล้ว” ดิวพูด

          “ขนาดกูนี่คนที่ถูกเลือก กูยังไม่ทำเลย” ดิวพูด ผมพยักหน้าอ้อมันนี่เอง

           “แล้วทำไมมึงไม่ใช่สิทธิ์ที่มึงได้เป็นคนที่เขาเลือกล่ะ แต่ถ้าเป็นมึง กูว่าซูซี่น่าลงสนามประลองว่ะ” ผมพูด

          “กูก็ไม่ทำว่ะเพราะกูรู้ว่าหัวใจเขาให้ใคร กูจะดึงดันทำไมว่ะ” ไอ้ดิวมันพูด

           “กูเชื่อว่าบอยเลือกจากหัวใจเขา ส่วนกูก็เลือกใครสักคนจากหัวใจกู ต่อให้ไม่ใช่กูก็ทำให้เขาใช่ให้ได้ บอยก็เหมือนกู “ไอ้ดิวมันพูด ผมมองหน้าไอ้ดิว บอยมาที่นี้เพื่อพยายามทำให้ไอ้คนที่ไม่ใช่ ให้กลายเป็นคนที่ใช่อย่างนั้นเหรอ

            “แต่มึงคงไม่แคร์ว่ะเพราะมึงรักตัวเองไม่ได้รักเขา มึงแคร์ความรู้สึกตัวเองไม่ได้แคร์ความรู้สึกคนที่มึงบอกว่ามึงรักเขา” ดิวพูด อันนี้เจ็บว่ะ ผมรู้สึกได้เลย

            ผมเห็นพวกไอ้แอ้ ติ๊กและพายเดินออกไปมาน่าจะเข้าห้องน้ำกันแต่ผมไม่เห็นไอ้หน้าแขก ผมเดาว่าไอ้หน้าแขกมันต้องเข้าไปเกลี้ยกล่อมบอยแน่ๆ และใช่จริงๆ ด้วย ผมเห็นบอยกับไอ้หน้าแขกกำลังยืนคุยกันด้วยสีหน้าซีเรียสมาก ผมเลยไม่กล้าเข้าไปเพราะอยากจะฟังก่อนว่าเขาคุยอะไรกันจึงแอบฟังอยู่ที่มุมเสา

           “แจ็คไม่สนหรอกว่ามันเป็นใครสำคัญแค่ไหน แจ็คไม่สนว่ามันจะอยู่หรือจะไป ทำไมอ่ะบอย ต้องเอาใจมันด้วย เอาใจเพื่อองค์กรแน่เหรอ?” ดูมันทำถามบอยซิ

            “บอยก็บอกแจ็คไปหมดแล้วนะ เราต้องให้เขาอยู่กับเราเพราะนี้คือที่ปลอดภัยที่สุดของหลุยส์และ” บอยพูด นั้นแปลว่า ที่ลุงหนึ่งไม่ขัดผมให้ผมมาเพราะเขากลัวว่าจะมีคนทำร้ายผมและบอยก็ทำเพื่อผมอีกคน

           “และอะไรอะบอยหรือว่าแจ็คคนเดียวไม่พอ” ผมได้ยินแบบนี้แล้วอยากจะออกไปต่อยหน้ามันที่สุดและด่ามันว่าไอ้โง่แต่คิดอีกที ก็ผมหรือเปล่าวะที่ทำให้มันเป็นแบบนี้

           “แจ็ค...” ผมรับรู้ได้ว่าเสียงบอยเริ่มสั่นเครือ

           “แจ็ค พยายามแล้วนะบอยหรือว่าอุปสรรคเราเยอะเกินไป หรือแจ็คควรจะหลีกให้...มัน” แจ็คพูด ผมควรดีใจที่ได้ยินแต่ว่าผมกลับเห็นแววตาคู่นั้นของบอย มันดูเศร้าและเสียใจมากแค่ไหน

            “บอยจะได้ไม่ต้องมาเอือมระอากับแจ็คอีก แจ็คพอแค่นี้ “มันพูดจบมันก็เดินสวนบอยออกทันที ผมก็ว่าจะเข้าไปตะบันหน้ามันแต่ บอยหันหลังกลับและกอดไอ้นั่นจากด้านหลัง มันทำให้ผมต้องชะงักเท้าตัวเอง ผมจุกในลำคอตัวเอง

           “แจ็ค บอยรักแจ็คนะ” บอยบอกว่าบอยรักไอ้นั่น

           “แต่แจ็คเหนื่อยอ่ะ” ไอ้แจ็คมันพูด นี้ผมทำให้คนที่ผมบอกว่าผมรักเขาเสียใจขนาดนี้เลยเหรอ แต่ไม่ได้เสียเพราะผมแต่เขาเสียใจเพราะว่าเขารักคนอื่นที่ไม่ใช่ผม

          “แต่บอยยังคงยืนยันคำเดิม ยังไงเราก็ต้องให้หลุยส์อยู่กับเราเพื่อองค์กรของเรานะแจ็ค”

            “กว่าบอยจะขอพ่อให้มาที่นี้ได้มันยากนะ บอยตั้งใจมาเพื่อแจ็ค “บอยพูด สรุปบอยมาเพื่อไอ้นี่ไม่ใช่เพื่อเพื่อนๆ อย่างที่เขาบอกผมและอันนี้ที่ทำให้หัวใจผมนี้สลายทันทีนี้คือคำตอบเจ็บที่สุดบอยเขามาเพื่อไอ้หน้าแขกนี้แล้วผมจะยื้อทำไม ผมเดินหันหลังออกทันที มันตั้งตัวไม่ถูก ผมเดินออกมาเหมือนคนไร้จุดหมาย

            “หลุยส์ ไปทานข้าวยังอ่ะ “ไอ้สองหนุ่มที่เป็นเพื่อนใหม่พวกนั้น เดินเข้ามามันคงเพิ่งลงมาจากตึก

             “ไม่ละ “ผมตอบไปโดยไม่ได้มองหน้าสองคนนั้น

            “อะไรวะ “อีกคนพูดขึ้น

             “เออ นายสองคนรู้ไหมว่าห้องสมุดอยู่ไหน” ผมถามกลับ

             “ทำไมอะ ไม่กินข้าวเหรอ” สองคนนั้นถามผมทันที

            “ไม่อ่ะ มีธุระ “ผมพูดและมองเพื่อรอคำตอบ

             “ตรงไปอ่ะและจะมีตึกที่มีโรงยิมอยู่ด้านบนนะ ชั้นล่างจะเป็นห้องสมุด “ผมไม่รู้ว่าใครแต่ผมก็พยักหัวรับและเดินไปตามที่สองคนนั้นบอกผม ผมเดินเหมือนคนไร้วิญญาณ ผมเดินคิดทบทวน ผมมาทำห่าอะไรที่นี้วะ กลับไปอยู่ในโลกของผมดีกว่าไหม ไปนั่งเฉยๆ มีคนรับใช้ นั่งเรียนออนไลน์และมีครูพิเศษมาสอนเหมือนที่ผ่านมา

            “เฮ้ย! ไอ้คนนี้มั้ยวะ ที่พี่ณัฐเขาอยากได้ตัวมันอ่ะ เห็นบอกว่าไอ้นี่มีเงินเยอะ” ผมชะงักเท้าแต่ก็ไม่สนใจเดินต่อดีกว่า จะมีคนรู้จักผมได้ยังไงที่นี้ ผมเดาว่ามันคงจำคนผิดมากกว่า

            “เอาไปทำไมวะ” ผมได้ยินมันถามแต่ว่าผมไม่สนใจรีบเดินต่อไป เพื่อไปหาที่เงียบๆ และตั้งสติตัวเองสักพักว่าจะเอายังไงต่อไป ตอนแรกเหมือนผมจะชนะแต่ที่ไหนได้ ผมแพ้ต่างหากเพราะว่าผมทำให้คนที่ผมบอกว่ารักเขา เจ็บ! และคนที่เจ็บที่สุดตอนนี้คือผมไม่ใช่ไอ้แจ็คนั้นอย่างที่ผมคิด

           “ตุบ!” ผมเดินชนใครสักคน ผมรู้สึกว่ามีหนังสือหล่นเกลือนผมก็ก้มลงเก็บและส่งให้โดยไม่ได้มองหน้า

          “ขอบคุณครับ น้องใช่นักเรียนใหม่ที่มาเรียนห้อง” คนที่ผมชนเขาจับไหล่ผมไว้ ผมก็มองหน้าเพราะไม่รู้จัก

          “คุณเป็นใคร” ผมถามกลับ

           “พี่ชื่อภาณุ น้องรู้จักคนที่ชื่อแอ้ไหม “ตอนนี้สมองไม่ทำงาน

           “ไม่รู้” ผมตอบไปและเดินผ่านไปเลย

           “ไอ้นี่แปลกคนวะ ไปถามคนอื่นก็ได้ว่ะ “พี่เขาพูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกไป ตอนนี้ในหัวผมมันตื้อไปหมด ผมสนใจสิ่งรอบด้านแล้ว อารมณ์ประมาณ ว่าผมไม่สนอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ ผมเดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าห้องสมุดแบบไม่รู้ว่ามาได้ไง ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงครึ่งแล้ว ห้องสมุดไม่ค่อยมีก็คงไปทานอาหารกันหมด ผมเดินผ่านครูที่ดูแลเข้าไป

            “เธอทานข้าวแล้วเหรอ” ผมได้ยินคำถามแต่ผมไม่ได้หันไปตอบ ผมเดินตรงไปด้านในหาที่นั่งและหยิบมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดขึ้นสไลด์หน้าจอ

          //พี่โจนาธานครับ ผมอยากกลับ พี่ช่วยเอาเครื่องบินส่วนตัวมารับผมได้ไหมครับ// ผมส่งข้อความหาพี่โจนาธาน พี่เขาเป็นการ์ดและคนที่ผมไว้ใจมากที่สุด พี่โจนาธานเป็นเหมือนพี่ชายผม เป็นคนที่พ่อกับแม่ผมรับมาส่งเสียให้เรียนและเขาก็มาทำหน้าที่ดูแลผมต่อ อันที่จริงๆ พี่เขาเรียนจบทหารและเข้ารับราชการทหารหน่วยรบพิเศษแต่ว่าจู่ๆ ก็ออกมาแต่ด้วยเหตุผลอะไรผมไม่รู้ พอพ่อผมเสียไปเขาเหมือนเป็นทุกอย่างของผม

          //คุณหลุยส์เป็นอะไรหรือเปล่า//พี่โจนาธานถามผม

         //ไม่ครับ ผมแค่คิดว่าผม ...ที่นี้ไม่ใช่ที่ของผมครับ// ผมส่งข้อความไป

        //คุณหลุยส์ครับ ให้พี่คุยกับคุณหนึ่งก่อนนะครับเพราะว่าคุณหนึ่งอยากให้คุณหลุยส์อยู่ที่นั่น ตอนนี้//พี่โจนาธานส่งข้อความตอบกลับมาหาผม ผมพ้นลมหายใจออกมายาวๆ

        //ผมไม่สนใจว่าเขาต้องการให้ผมอยู่เพื่ออะไรแต่ตอนนี้ผมอยากกลับ// ผมบอกเขาแค่นั้น

//ได้ครับถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณหลุยส์รอสักครูขอผมคุยกับคุณหนึ่งก่อนนะครับ//ผมพูดและผมก็นั่งเปิดดูนั้นดูนี้ ผมว่าผมกลับไปนั่งเป็นเด็กไซเบอร์เหมือนเดิมดีกว่า ท่องอินเตอร์ อยู่ในห้องที่มีความไฮเทคสูงนั่นแหละโลกของผม นี้ผมกลับมาเป็นเหมือนตอนที่ผมสูญเสียพ่อแม่ผมไปอีกแล้วใช่มั้ย

       “Rrrrrr “เบอร์บอยโทรหาผม แต่ผมกดตัดสาย ไม่ว่าบอยจะพยายามโทรหาผมกี่สายผมก็ตัดสายทิ้งตลอดจน

         “ตื้ด!!!” ข้อความส่งมาหาผมจากบอย

         //หลุยส์อยู่ไหนครับ ทำไมไม่มาทานข้าวครับ//บอย

          //บอย หลุยส์ขออยู่คนเดียวสักพัก และไม่ต้องห่วงนะครับ หลุยส์จะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนหลุยส์จะคุยกับลุงหนึ่งเอง จะไม่มีใครเดือดร้อนแน่นอน// ผมส่งข้อความไปหาบอย และเปลี่ยนเป็นโหมดไม่มีใครโทรติดต่อผมได้ตอนนี้ ผมอยากใช้เวลาคิดสักพัก ผมนั่งคิดอะไรเพลินและประกอบกับเมื่อคืนไม่ค่อยได้นอนด้วย ดิ้นแย่งเตียงกับไอ้แจ็คก็เกือบเที่ยงคืนกว่าและมาลงไปเจอบอยกับแจ็คอีกเลยพาให้นอนไม่หลับและผมก็หมอบหลับคาโต๊ะในห้องสมุดไปตอนไหนไม่รู้

            “พี่.. พี่...” มีคนสะกิดเรียกผม ผมเงยหน้าขึ้นมองแบบสะลึมสะลือ คนที่มาเรียกผมหน้าตาดูเรียบร้อยมาก ผมเลยเลิกคิ้วมองว่ามีอะไร

             “พี่ครับมีคนมาหาพี่ครับที่ด้านหน้าห้องสมุดนะครับ” น้องเขาพูด ผมก็พยักหน้า ผมคิดว่าคงเป็นบอย ตอนนี้ผมเริ่มจะใจเย็นนิดหน่อย ถ้าได้คุยกับบอยก็คงจะดีขึ้น ผมลุกขึ้นและเดินออกไปด้านหน้า ผมเห็นมีคนยื่นสี่คนซึ่งผมไม่รู้จัก ผมคิดว่าคงไม่ใช่แต่ผมไม่เห็นบอยเลยอ่ะ

            “มึงใช่คนที่ชื่อหลุยส์หรือเปล่าวะ” มีคนยืนแต่งตัวไม่เหมือนนักเรียนที่นี้เลย ไม่มีสวนไหนบอกว่านี่มาเพื่อมาเรียนเลยแต่เหมือนมาเพื่อมาหาเรื่องมากกว่า

          “ใช่ทำไม” ผมถามมันกลับด้วยน้ำเสียงห่วนๆ

          “ไปกับพวกกู ลูกพี่กูอยากเจอมึง” ไอ้คนที่ยืนอีกคนมันบอกผม

           “ลูกพี่มึงมันเป็นพ่อกูเหรอ กูถึงต้องไปเจอ กูไม่ไปอ่ะ เสียเวลา” ผมพูดแต่มันดึงผมไว้ ไม่ซิกระชากผมไว้ ส่วนน้องคนที่ตามผมก็รับเงินจากพวกมันและไปเลยนี่มันจ้างเด็กไปเรียกผมเหรอ

           “ไปซะดีดีถ้าไม่อยากไส้แตก” ผมกำลังจะขัดขืนแต่มันมีมีดปลายเล็มทิ่มพุงผมอยู่

            “นี้มีอะไรกันน่ะ” ครูที่ห้องสมุดเดินออกมาดู

            “อ้อคือว่าพวกผมเป็นญาติของน้องเขานะครับ พ่อเขาป่วยมากจะตายแล้ว...เอ๊ย จะเสียแล้วครับ เขาเลยให้ผมมาตามนะครับเพื่อไปดูใจพ่อน้องเขานะครับ” มันพูด ผมเงยหน้ามองพวกมัน

           “พ่อแม่กูเสียไปนานแล้ว” ผมกัดฟันพูดกับมัน

           “ทำตามที่กูบอก” ไอ้พวกนี้มันพูดมีดก็ดันพุงผมอยู่

          “เออ..ใช่ครับครู” ผมหันไปบอกครูคนนั้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ทำเพื่อให้ครูสังเกตุว่ามีพิรูจแต่เปล่าเลย ครูไม่สังเกตุอะไรเลย

            “มิน่าล่ะ เราดูเศร้ามาก งั้นครูเสียใจด้วยนะคะ” คุณครูผู้น่ารักพูดกับผมและพวกมันก็ดันผมเดิน ผมหันมามองครูสายตาประมาณว่าผมไม่รู้จักพวกนี้แต่ครูเขาก็ไม่เข้าใจยังยิ้มให้ผมด้วย ผมก็แอบส่งสัญาณมือว่าผมกำลังไม่ปลอดภัย  ครูเขาก็ยังไม่เข้าใจอีก ผมนี่อยากจะบ้า ถ้าเป็นที่อื่นเขาคงเข้าใจแล้วแต่นี้กลับไม่ใช่ สุดท้ายไอ้พวกนี่มันก็ขู่บังคับจนพาผมออกมาจนได้ 

            "กูได้ตัวแล้วให้พาไปเลยใช่ไหมตอนนี้ เตรียมไว้หมดแล้วใช่ไหม ได้ เจอกัน"มีหนึ่งคนที่หันไปคุยโทรศัพท์ ผมเองก็แอบหยิบมือถือผมขึ้นมาเหมือนกัน ผมทำท่าจะกดมือถือหาพี่โจนาธานแต่มีคนดึงมือถือผมไป

            “มึงจะโทรหาใครช่วย ฝันไปเถอะ มึงได้เป็นไอ้ขี้ยากับพวกกูแน่ๆ มีเงินเยอะไม่ใช่เหรอ เป็นนายทุนใหญ่ มาเป็นนายทุนให้พวกกูดีกว่า ได้สนุกและมึงก็ได้เงินด้วยนะโว้ย ฮาๆ ” พวกนั้นมันพูดพร้อมรอยยิ้มสยองมาให้ผม แล้วใครจะมาช่วยผมละเพื่อนก็ไม่มี มีแต่บอย บอยก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมกำลังตกอยู่ในอันตรายแล้วแบบนี้ผมจะรอดไหมตายแน่เลยวันนี้  ผมคิดในใจไม่น่ามาเลยผม หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ แล้วนี่ก็คงไม่มีใครสนใจว่าผมจะหายไปไหน บอยก็คงไม่รู้ ไม่มีใครรู้เลยด้วยมั้งว่าผมจะเป็นตายร้ายดียังไง 

          TBC...








ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.21(แจ็คXหลุยส์) ถึงยังไงมึงก็เพื่อน1


            Part’ s แจ็ค ผมเดินไปและคิดไปด้วย ว่าทำไมผมต้องมานั่งยื้อแย่งด้วยทั้งที่ผมนะ พร้อมเลือกได้ตลอด ไอ้หน้าตี๋นั้นมันสำคัญแค่ไหนสำหรับองค์กรจนบอยต้องยอมตามใจมันขนาดนั้น แต่ผมไม่สนใจเพราะว่ามันไม่ใช่พ่อผม ผมเดินออกมาทันทีทิ้งให้บอยอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวเขาก็กลับไปหาไอ้หลุยส์และก็ไปนั่งตะมุตะมิกันอีก วันนี้ช่วงเช้าก็นั่งจีบกันและยังมีหน้ามาบอกว่าเขารักผม มาที่นี้เพื่อผม พูดทำไมเนี๊ยะ!!
           “ก็คงต้องสิ่งนี้แหละที่จะทำให้เราสงบได้ “ผมเดินมาที่สระว่ายน้ำของโรงเรียนแต่จะอยู่คนล่ะส่วนกับโรงเรียนเพราะว่าสระว่ายน้ำนี้ เขาเปิดให้คนภายนอกเข้ามาใช้ด้วยได้ และมีคนดูแลและเก็บเงินค่าเข้ามาใช้บริการ ด้านหน้าจะคาเฟ่เล็กๆ บริการเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว มีชุดว่ายน้ำไว้ขายและเช่าอีกด้วย แต่เขาจะเปิดให้คนภายนอกเข้ามาใช้ได้ช่วงหลังเลิกเรียนเท่านั้น ในเวลาเรียน ผมก็ไม่เห็นมีนักเรียนมาเรียนว่ายน้ำเลยสักคาบเรียนหนึ่ง
             “สวัสดีค่ะ” พนักงานทักทายผมด้วยรอยยิ้มแถมยังปรายตามองผมไม่วางตาอีกต่างหาก
             “ผมจะซื้อชุดว่ายน้ำนะครับ เอาเป็นของอาดิดาสครับ” ผมพูดและพนักงานก็หยิบส่งชุดว่ายน้ำที่ผมต้องการส่งมาให้ผม
             “ชำระเป็นเงินสดหรือบัตรคะ” พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ถามผม
             “บัตรครับ” ผมพูดและหยิบมือถือขึ้นมาและเปิดเพื่อสแกนบัตรที่เครื่องสแกน
             “ขอบัตรนักเรียนด้วยค่ะ” พนักงานถามผม
              “นี้ครับ” ผมพูดและส่งบัตรให้ ผมก็หยิบทุกอย่างและเดินตรงเข้าไป ด้านในเงียบมากคงยังเร็วไปมั้งที่จะมีนักเรียนมาเรียน สระว่ายน้ำดูสะอาดเพราะมีคนดูแลตลอด มีไลฟ์การ์ดดูแลด้วย แปลกใจว่าโรงเรียนอาภาคย์ที่มีทุกอย่างครบแต่กลับมีปัญหานักเรียนย้ายออกกันเยอะ ผมเดินตรงไปที่ห้องเปลี่ยนชุดเป็นชุดว่ายน้ำ ผมเดินออกมาก็เจอพี่คนที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์
              “อุ้ย!ย! เออ น้องลืมบัตรนักเรียนนะคะ พี่เลยเอามาให้” พี่บอกผมพร้อมกับยื่นบัตรนักเรียนมาให้ผม ผมทำท่าจะคว้าแต่ว่าพี่เขาชักกลับเหมือนกำลังหยอกเล่นกับผมอยู่ แถมพี่เขายังยืนมองผมพร้อมกับรอยยิ้มแปลกๆ ผมก็ก้มมองอ้อผมสวมแค่กางเกงว่ายน้ำ มันเซ็กซี่นี้เอง ผมเลยเอาผ้าขนหนูที่ถือมาปกปิดสักหน่อย
              “ขอบคุณครับ” ผมแบมือขอบัตรนักเรียนคืนมาจากมือพี่เขามาและรีบกล่าวขอบคุณ แต่พี่เขายังมองอยู่
             “ขอบคุณครับ” ผมพูดอีกครั้ง
              “อู้ยย มองเพลินไปหน่อย หุ่นดีเนอะ! “พี่เขาพูดยิ้มหายๆ และเดินออกไปยังมีเหลียวมองกลับมาอีก ผมส่ายหัวและเดินไปยังสระว่ายน้ำ ผมจัดการวอร์มร่างกายก่อนจะลงไปว่ายน้ำ
             “ติดๆ “มีข้อความเข้าที่ smart watch series รุ่นใหม่ล่าสุด
               //ไอ้แจ็ค อยู่ไหนวะ//
                //กูจะว่ายน้ำ// ผมส่งข้อความเสียงไป
               //มึงนี้ท่าจะหนักจริงๆ ว่ะ เวลานี้เขากินข้าวกันแต่คุณมึงกลับเลือกไปว่ายน้ำ มึงบ้าหรือเปล่าวะ// มันชมผมผ่านส่งผ่านข้อความเสียงมาให้ผมฟัง
               //กูไม่กิน กินไปเลยและไม่ต้องกวนกู กูจะว่ายน้ำ// ผมพูดก็ส่งข้อความเสียงกลับไปทันทีและผมก็ตั้งโหมดห้ามรบกวน ผมก็จัดการสวมแว่นตาว่ายน้ำที่เพิ่งถอยมาใหม่ มาใหม่หมดทั้งตัวและขึ้นไปยืนตำแหน่งที่เตรียมพร้อมกระโดดลงสระว่ายน้ำ ผมควรจะทำไงดี ดูวันนี้ซิบอยไม่คุยกับผมเลยเอาใจแต่ไอ้หลุยส์ แค่เพราะว่ามันเสียใจที่ได้ยินนะเหรอ แค่นี่เองเหรอ ผมทำการวอร์มร่างกายซะก่อน ยืดเส้นยืดสาย
           “โคล้ม!!!” เสียงน้ำกระจายจากร่างที่ดิ่งลงไปพร้อมกับตีกรรเชียงไปให้ถึงขอบสระว่ายน้ำตรงข้ามและตีกรรเชียงกลับมา และก็ตามด้วยท่าผีเสื้อท่าถนัดของผมไปกลับ ผมว่ายน้ำสลับท่าไปจนครบสี่ท่า ผมก็กลับมาที่จุดเริ่มต้นผมลอยตัวเอาแขนพาดกับเชือกที่มีทุ่นลอย เป็นที่กั้นเป็นช่องสำหรับนักว่ายน้ำที่แยกเอาไว้ช่องใครช่องมัน
             “แปะๆ” เสียงปรบมือของใครสักคนทำให้ผมเงยหน้ามอง ผมไม่คุ้นเคยมาก่อนเลย รูปร่างสูงโปร่งหุ่นนี้บอกได้เลยว่านักว่ายน้ำเหมือนกัน
             “นายทำเวลาได้ดีมาก “พี่เขาพูดเอ่ยปากชมผม
             “พี่เป็นใคร” ผมถามเขากลับ
              “พี่ชื่อภาณุ เป็นนักกีฬาว่ายน้ำประจำโรงเรียนนี้ “พี่เขาพูด ผมก็พยักหน้า
               “น่าเสียดายที่ปีนี้เขายกเลิกการแข่งขันว่ายน้ำทุกอย่าง” พี่เขาพูด ผมก็ทำหน้าแปลกใจ
              “ทำไมอ่ะพี่ เขาไม่นิยมว่ายน้ำกันเหรอครับที่นี้ ผมสังเกตดูแล้ว ไม่มีนักเรียนลงมาเรียนว่ายน้ำเลยสักห้องหนึ่ง” ผมถามพี่เขากลับ
              “ไม่มีครูสอนว่ายน้ำ โค้ชว่ายน้ำก็ไม่มี “พี่เขาพูด ผมพยักหน้าว่ามีแบบนี้ด้วย มีสระว่ายน้ำแต่ไม่มีครูสอนและไม่โค้ชช่วยเทรนนักกีฬาว่ายน้ำด้วย
             “ส่วนนักกีฬาว่ายน้ำเก่งๆ ก็ถูกดึงตัวไปอยู่โรงเรียนอื่นหมด ตอนนี้มีพี่และเพื่อนของพี่อีกสองคนคนที่ชื่อต่อ ไอ้นี่ก็สุดยอดมันเก่งกรรเชียงและยังมีรุ่นน้องอีกคนชื่อต๋องไอ้นี่อยู่ม.4 แต่ส่วนสูงมันจะแซงหน้าพวกพี่อยู่แล้ว “พี่ภาณุพูด
              “แล้วพี่อ่ะ” ผมถามพี่เขากลับ
              “แชมป์ท่ากบ” พี่เขาตอบอย่างภาคภูมิใจ ผมพยักหน้า
              “พี่ว่านายน่าจะ ท่าผีเสื้อเพราะพี่ยืนดูนายท่านี้นายทำเวลาได้ดีมาก ไม่มีใครทำเวลาดีเท่านี้มาก่อน” พี่เขาพูด ผมก็หยักคิ้วให้เป็นคำตอบ ผมนี่แหละทำลายสถิติมาแล้วแต่มาตกม้าตายตรงที่ความอดทนต่อกองเชียร์ที่พูดจาต่อต้านผมเรื่องครอบครัวผมนี่แหละ
              “ถ้ากีฬาว่ายน้ำของโรงเรียนกลับมาเด่นอีกครั้งและมีนายร่วมทีมด้วย เราจะไปกันได้สวยทีเดียว” พี่ภาณุพูด ผมก็พยักหน้า ก็ดีหาอะไรที่ผมชอบทำเพื่อว่าจะทำให้ผมไม่คิดฟุ้งซ้าน
             “พี่พึ่งย้ายกลับมาอยากทำชื่อเสียงก่อนไปเรียนโรงเรียนนายร้อย” พี่ภาณุพูด ไปไกลถึงโรงเรียนนายร้อยเลยเหรอ
             “พี่ตั้งใจจะเข้าหนาวยซีล” พี่เขาพูดผมพยักหน้าแต่ผมไม่ชอบมันไม่ใช่แนวผม ผมคิดในใจ
             “ก็ดีนะพี่ ผมสนใจอยู่นะ อยากหาอะไรทำ “ผมหันไปบอกพี่คนข้างๆ ที่ชื่อพี่ภาณุ
             “เก่งๆ อย่างนายทำไมไม่ไปเป็นนักกีฬาระดับซีเกมส์หรือเอเชียนเกมส์ “พี่ภาณุถามผม ผมยิ้มๆ
             “ผมมีเรื่องชกต่อยกับนักกีฬาว่ายน้ำด้วยกันนะพี่ มันทำท่ารังเกียจผมพูดจาแขวะผมเพราะว่าครอบครัวผมส่วนผมก็หัวร้อนพี่ ก็เลยใส่ไม่ยั้งผมก็ถูกตัดสิทธิ์แต่ไอ้คนนั้นน่ะ รักษาตัวที่โรงพยาบาลก็เลยไม่ได้ไปทั้งผมและมัน” ผมพูดแค่นั้นพี่เขาก็ยิ้มปนหัวเราะ
              “แต่ผมก็ทำให้มันถูกแบนไม่ได้ลงแข่งตลอดชีพเลยมั้ง มันทำเรื่องไม่ดีเอาไว้ มันเล่นผิดคนไง” ผมพูดพี่ภาณุพยักหน้า
               “ว่าแต่น้องไม่มีเรียนตอนบ่ายเหรอครับ” พี่เขาถามผม
                “เบื่อๆ นะพี่เลยมาหาที่ว่ายน้ำ “ผมตอบไป พี่เขาก็พยักหน้าเบาๆ
               “เหนื่อยหรือยังล่ะ ลองแข่งกันสักหน่อยมั้ย ...เอาแบบผสมท่านะ “พี่เขาถามผม เรียกว่าท้าประลองก็ว่าได้
                “สบายมาก” ผมบอกพี่เขาไป ผมก็ปืนกลับขึ้นมาพี่เขาก็เตรียมวอร์มร่างกาย พี่เขาท้าผมมาก็รับซิครับ ผมก็ขึ้นไปยืนบนแทนและพี่เขาก็ตามมาและผมสองคนก็กระโดดลงไปในสระว่ายน้ำ ผมก็ว่ายน้ำแต่ทำไมทุกครั้งที่หน้าผมลงในน้ำผมจะเห็นใบหน้าจของบอยตลอด ผมก็ว่ายไปจนครบสี่ท่า ผมเพิ่งจะรู้ว่าผมเข้าท่าพร้อมพี่เข้าเลย
                 “สงสัยจะเหนื่อยเพราะว่า ตอนแรกนายทำเวลาดีมากแต่นี้ตกมาหน่อยแต่ยังถือว่าดีอยู่น่ะ” พี่เขาพูด อันที่จริงไม่ใช่ว่าเหนื่อยแต่ผมชะงักเพราะผมเห็นแต่ใบหน้าของคนที่กำลังงอนอยู่ต่างหาก ผมปืนขึ้นมานั่งที่ขอบสระพร้อมกับพี่เขา
                 “พี่ชอบว่ายน้ำมากและพี่ก็เป็นตัวแทนโรงเรียนตั้งแต่ม.1แต่ไม่ใช่โรงเรียนนี้ โรงเรียนนี้พี่ย้ายมาตอน ม.2 เทอม2” พี่เขาพูด
                  “แต่พอม.4 พี่ไปเรียนที่อื่นเลยหายไปเกือบสองปี พี่กลับมาใหม่เพื่อมารีเกรด” พี่เขาพูด มีแบบนี้ด้วยอยากเรียนซ้ำเพื่อรีเกรด
                   “งั้นพี่ก็เป็นรุ่นพี่ผม” ผมพูด
                   “ยอมรับน่ะว่าพี่จบมัธยมปลายแล้วแต่ว่าพี่…” พี่เขาพูด ดูท่าจะลำบากใจผมยกมือว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องเล่าได้ ส่วนผมตอนแรกก็คิดว่าผมน่าจะรุ่นพี่เขาหรือรุ่นเดียวกันด้วยซ้ำแต่พูดแบบนี้น่าจะรุ่นเดียวกับพี่เจของผม ที่ห่างจากผมปีหนึ่งเท่านั้นเอง
                   “อันที่จริงพี่ไปเรียนนักเรียนเตรียมทหารแล้วน่ะแต่พี่…” พี่เขาพูด ผมหันมามองไม่ธรรมดาอีกแต่ นี้กลับมาเรียนที่นี้ทำไมล่ะ ผมหันมามองพี่เขาแบบมีปัญหา
                    “มีปัญหานิดหน่อยเลยต้องกลับมาเรียนที่นี่เพื่อจะได้รีเกรด จบม.6 และไปสอบนายร้อยเลยให้ได้” พี่เขาพูด ผมพยักหน้าแบบนี้ก็ได้ ผมยิ้มๆ ให้พี่เขา ผมเองไม่ค่อยเข้าใจระบบที่นี้เท่าไหร่
                     “ว่าแต่น้องๆ เถอะ มาเรียนที่นี้กันทำไมเหรอครับ ทั้งที่จบกันแล้วไม่ใช่เหรอ” พี่เขาถามผม เหมือนพี่เขาจะรู้จักพวกผมดี ผมหันไปมองหน้าพี่เขา
                     “พี่เป็นใคร” ผมถามพี่เขา พี่เขาก็มองหน้าผมตกใจที่ผมถามเขาเช่นกัน
                   “พี่รู้จักเรื่องของพวกผมดีทีเดียวนะครับ พี่เป็นใครครับ” ผมถามพี่เขาอีกครั้ง พี่เขามองหน้าผมพร้อมกับยิ้มให้ผม
                   “พี่รู้จักพี่แอร์ที่เป็นพี่ชายของแอ้ครับ พี่เรียนโรงเรียนประถมและมัธยม ม.1และม.2 แต่ม.2 นี้พี่เรียนแค่เทอมแรกด้วยกันครับ”
                   “พี่ย้ายตามพ่อแม่พี่มาอยู่ที่นี้แต่ก็ยังติดต่อพี่แอร์เขาอยู่น่ะและเราก็เรียนโรงเรียนติวเพื่อสอบเข้านายร้อยด้วยกันอยู่น่ะตอนนี้ เจอกันเสาร์อาทิตย์” ผมพยักหน้าทันทีไม่เบาน่พี่คนนี้
ผมรู้ว่าพี่แอร์คือพี่ชายไอ้แอ้และเป็นคนที่มีหน้าเหมือนแอ้มากแต่พวกผมแยกออกเพราะว่าความแตกต่างด้านพฤติกรรม พี่แอร์นี่นิ่งและเดาได้ยากกว่าว่าพี่แกคิดอะไรอยู่ น่ากลัวมากสำหรับพวกผม พี่แอร์นี้ไม่ค่อยเข้าหาเพื่อนรุ่นเดียวกันเลยแต่แปลกน่ะ พี่คนนี้บอกเป็นเพื่อนพี่แอร์ ต้องเทพมากจริงๆ ผมพยักหน้าเบาๆ พี่เขาหัวเราะในลำคอทันที คงรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่
                   “และที่พี่แปลกใจอีกอย่างน่ะ ขอโทษที่พี่แปลกใจเยอะ มาเรียนที่นี้กันทำไม “พี่เขาพูดและมองไปรอบ ๆ ผมพอจะเดาได้เพราะว่าโรงเรียนนี่ ไม่ใช่โรงเรียนเกรดอันดับต้นๆ ของอาภาคย์เลย
                   “ทั้งที่พวกผมเป็นลูกหลานเจ้าของโรงเรียน มาเรียนโรงเรียนแบบนี้ทำไมนะเหรอครับ “ผมพูดและก็ ถอนหายใจยาวๆ
                   “ทั้งที่โรงเรียนนี้ดูเหมือนคนละระดับกับพวกผมใช่ไหมครับ โรงเรียนเป็นโรงเรียนเด็กที่มีฐานะร่ำรวย ฐานะปานกลาง และไม่มีฐานะอะไรเลยแต่เขาได้ทุนมาเรียน พี่เลยคิดว่าผมควรจะไปโรงเรียนที่มีแต่คนที่มีฐานะร่ำรวยซินะครับ” ผมถามพี่เขากลับ พี่เขาพยักหน้าใช่
                   “ความจริงที่พวกผมต้องมาที่นี้เพราะว่าโดนคนที่ใหญ่ที่สุด ทำโทษเอาและพวกผมเองก็ไม่รู้ว่าส่งผมมาทำไมเหมือนกัน” ผมหันไปบอกพี่ภาณุ พี่เขาเหมือนจะขำผมนะ
                 “แต่นอนนี้ผมอยากรู้ว่าโรงเรียนนี้มีปัญหาอะไร ทำไมดูเหมือนจะกลายเป็นโรงเรียนร้างเข้าไปทุกที” ผมพูดกับพี่ภาณุ
                   “มันมีพวกอิทธิพลมืดน่ะ ที่ส่งคนเข้ามาป่วน พี่รู้มาแค่นี้น่ะ พี่ก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่แต่ที่แน่ๆ คนนี้มีคนที่ค่อนข้างใหญ่หนุนหลังอยู่ เขาเคยยิ่งใหญ่มาก่อน ตอนนี้เขาอาจจะมาทวงอำนาจคืนก็ได้น่ะ” พี่เขาพูด พี่เขามองหน้าผม รู้แล้วยังเรียนที่นี้อีกเหรอ
                    “แต่อย่าถามพี่เลยว่าใครพี่ไม่รู้หรอก “พี่เขาพูดและทำท่าจะลุกขึ้น
                    “พี่ก็ไม่มีเรียนแล้วแค่มาว่ายน้ำแก้เซ็งน่ะ “พี่เขาพูด ผมก็พยักหน้าเบาๆ
                    “เออ ...พี่ถามหน่อย พี่เห็นคนหนึ่งนะ เหมือนกับว่าเขาเข้าแถวห้องน้องอ่ะ พี่พึ่งเห็นวันนี้วันแรกด้วยดูท่าจะมาใหม่ แถมยังมีแต่คนพูดกันว่าเขาแย่งแฟนน้อง ที่หน้าตาน่ารัก แถมยังมีดวงตาสีฟ้าด้วยอ่ะ” ผมเงยหน้ามองพี่เขา ตรงไปไหม ตนยิ่งเฮิร์ดๆ อยู่
                   “โทษทีวะน้อง” พี่เขาขอโทษปนขำผมด้วย
                  “โอเคพี่” ผมก้มหน้าลง
                  “แล้วพี่ถามทำไมอ่ะ” ผมถามแบบแอบเซ้งๆ
                  “พี่เห็นเขาเดินเหมือนคนอกหัก น่าจะตรงไปห้องสมุด พี่ถามหาน้องคนหนึ่งเขาเป็นน้องชายของเพื่อนพี่ พี่แอบชอบอยู่นะ” พี่เขาพูดผมสะบัดหน้าไปมองใครวะ
                  “พี่หมายถึงไอ้แอ้เหรอ!!” ผมถามพี่เขา ผมค่อนข้างตกใจมากเพราะว่าไม่เคยมีใครกล้าจีบไอ้แอ้เพราะว่าไอ้ดิว ผมไม่รู้ว่ามันสองคนคบกันหรือเปล่าที่ที่แน่ๆ ไอ้ดิวหวงแอ้มาก
                  “ก็ประมาณนั้นแหละ” พี่เขาพูด ผมนี่รู้สึกเสียวสันหลังแทนพี่เขาเลยเพราะว่าไอ้ดิวมันซัดคนที่เข้ามาวอแวกับไอ้แอ้ จนหมอบราบคาบไปหลายคนแล้วน่ะ ไม่อย่างนั้นมันมีแฟนเป็นโหลแล้วเนี๊ยะ!
                  “แต่เพื่อนน้องเขาบอกพี่ว่าเขาไม่รู้จักน่าแปลกน่ะ” พี่ภาณุพูด
                 “ไอ้นี่มันพึ่งจะมานะครับ มันก็มาเหมือนพวกผมนั่นแหละครับแต่ว่ามันไม่ได้โตมาด้วยกันกับพวกผมไง เลยไม่รู้จักแอ้มั้ง” ผมพูด
                 “แต่...พี่ก็แอบได้ยินเด็กกลุ่มหนึ่งมันโทรศัพท์หาใครสักคน มันบอกว่ามันเจอเพื่อนเราในโรงเรียนและให้ใครสักคนส่งคนมาจับตัวอะไรแบบนี้แหละ หรือมันอาจจะแกล้งอำก็ไม่รู้นะ ระวังตัวหน่อยบอกเพื่อนเราด้วย” พี่เขาพูด
                 “ไอ้นี่มันมีดีมันคงไม่เป็นอะไรไปง่ายๆ หรอกพี่และผมคิดว่าเด็กๆ มันคงอำกันมากกว่า อยู่ดีดีใครจะมาลักพาตัวกันซุ่มสี่ซุ่มห้าล่ะพี่ แถมในโรงเรียนด้วย ตลกแล้วเนี๊ยะพี่” ผมพูดและก็แอบขำเล็กน้อย ผมลุกขึ้น ผมก็จะว่าจะไปห้องสมุดอยู่ไปหาหนังสือเกี่ยวกับกับกีฬาว่ายน้ำอ่านดีกว่า
                   “เออ ...ยินดีที่ได้รู้จักนะ เราชื่อ” พี่เขาพูด
                  “แจ็คครับพี่” ผมบอกชื่อตัวเอง
                    “ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่ชื่อภาณุครับ” ผมพูดและพี่เขาก็โบกมือให้ผม เหมือนจะออกไปซื้อของ แต่ผมจะเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้ว ดีขึ้นไหม ไม่รู้แต่แอบคิดเรื่องไอ้หลุยส์ พี่เขาพูดจริงหรืออำผมกันแน่นะ ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็หยิบมือถือมาและกดโทรหาไอ้ดิว
                  //ไอ้ดิว//
                 //แจ็ค อยู่ที่ไหนวะ ตอนนี้พวกกูกำลังไปห้องโสตทัศนศึกษาว่ะ// ไอ้ดิวพูด ผมเหลือบมองนาฬิกา นี้ผมว่ายน้ำและคุยกับพี่เขาจนเกือบชั่วโมงครึ่งเลยเหรอ
                 //ไปเลยกูไม่ไปวะ ว่าจะไปหาที่สงบคงห้องสมุดวะ//
                 //เออ ไปแล้วถ้าเจอไอ้หลุยส์อย่าไปตีกับมันกันล่ะ ห้องสมุดเขาห้ามส่งเสียงนะครับมึง// ไอ้ดิวพูด ผมก็ต้องเหลือกตาขึ้นบน ทุกที่ไหนวะ ไม่ว่าจะห้องสมุดที่ไหนก็ห้ามส่งเสียง
                //มันไม่ได้อยู่กับบอยเหรอวะ//ผมถามไอ้ดิว
               //มันเหมือนมึงอ่ะ อยู่ๆ ก็ไม่มากินข้าว หายไปเลย บอยโทรหามัน มันก็ไม่รับแต่ส่งข้อความมาบอกบอยว่าขออยู่คนเดียว อะไรของมันก็ไม่รู้และนี่มึงอีกคน //ไอ้ดิวพูดผมอดแปลกใจไม่ได้แต่ก็นึกถึงพี่ภาณุที่เขาพูด ผมแอบสั่นหัวไม่น่าจะเป็นไปได้
                //มันงอนอะไรบอยเหรอวะ// ผมถามไอ้ดิว ผมแอบเป็นห่วงบอยขึ้นมาทันที
               //ก็คงงอนแต่เรื่องอะไรกูไม่รู้วะ ไปถามมันเอา แค่นี้นะกูจะเข้าห้องเรียนแล้ว// ดิวบอกผม
               //เออ แค่นี้ //ผมกดวางสาย แล้วไอ้นั่นเป็นอะไรของมันอีก ผมเดินไปตรามป้ายบอกทางจนถึงห้องสมุด
               “พี่แจ็ค” มีคนเรียกผม ไอ้ป๊อดนั้นเอง
                “ผมพยายามตามหาพวกพี่อยู่” ไอ้ป๊อด มันวิ่งมาหาผม ป๊อดบอกพยายามตามหาพวกผมอยู่ ผมเดาว่าคงไม่พ่น เมนูจะกินอะไรดี
                “จะมาถามว่าจะกินอะไรหรือไง” ผมถามป๊อดกลับ
                “ใช่แล้วครับพี่ ...เฮ้ย ไม่ใช่ครับพี่” ไอ้ป๊อดพูดพร้อมกันสะบัดหน้ามามองผมสองที่ติด
                 “แล้ว?” ผมถามมันกลับ ยิ่งกำลังนอยด์อยู่จะมาขวางผมทำไม
                 “พี่ผมเห็นเพื่อนพี่อ่ะ ที่ตีกับพี่ในห้องอาหารเมื่อวานอ่ะ” ไอ้ป๊อดมันพูด มันช่างความจำดีแต่มันจำแต่เรื่องแย่ๆ นะไอ้นี่ ผมหันมายืนมองหน้ามัน ผมหันเตรียมเดินออก เสียเวลาผม
                   “พี่แจ็คอย่าพึ่งซิพี่ เรื่องนี้สำคัญมากนะพี่ถ้าพี่ไม่ฟังผม มันอาจจะสายไปและพี่อาจจะเสียใจไปตลอดเลยนะพี่นะ” ไอ้ป๊อดมันดึงแขนผมไว้ ผมก็หันมามองหน้ามัน คิดในใจถ้าไม่สำคัญจริงนี้ผมแตะมันระบายแทนเลยนะ
                   “เออว่ามา กูนอยด์คนอยู่ไอ้ป๊อด” ผมบอกมัน
                    “คือว่า.... มีคนมาพาตัวพี่เขาออกไปครับพี่แจ็ค ผมว่าพี่เขาจะไม่ปลอดภัยนะพี่เพราะคนที่พาตัวพี่เขาไปนะ เป็นพวกแก้งค้ายาที่นี้เลยนะพี่ แต่เข้ามาได้ยังไงผมไม่รู้อ่ะและตอนนี้เขากำลังพาพี่เขาไป เหมือนเขามีอาวุธด้วยพี่ “ไอ้ป๊อดพูด ผมก็เลิกคิ้วมอง
                    “ผมไม่ได้โกหกนะพี่และผมเห็นว่าเขาอยู่บ้านเดียวกับพี่เขาก็น่าจะสำคัญกับพวกพี่เช่นกัน “ไอ้ป๊อดพูด ผมก็พ่นลมหายใจออกมา ถึงมันจะกวนตรีนแต่นี้ก็น่ะผมควรแยกแยะ
                    “แล้วมันไปทางไหนวะ” ผมถามไอ้ป๊อด แต่จะว่าไปมันก็เหมือนจะตรงกับที่พี่ภาณุบอกผมอยู่น่ะ นี้คงไม่ใช่มุขเล่นตลกแน่ๆ
                      “ไปทางหน้าประตูอ่ะพี่ พี่รีบไปนะเพราะว่าถ้าเขาเอาตัวพี่เขาไปได้นะ พี่จะหาเขาไม่เจอนะทีนี้” ผมหยิบมือถือขึ้นมา อ้าว แบดหมดซะงั้น เปิดเพลงทิ้งไว้ แบทเลยหมด ทำไงดีละ
                      “เออ ขอบใจว่ะ” ผมพูดแต่ว่า
                     “ไอ้ป๊อดแต่มึงช่วยวิ่งไปบอกไอ้ดิวนะ มันอยู่ห้องโสติให้มันตามพี่มาด่วน “ผมคงต้องวิ่งไปก่อนถ้ามัวแต่ตามหาไอ้ดิวไอ้หน้าตี๋คงโดนซิวและหายไปเลยอย่างที่ไอ้ป๊อดมันว่า
                     “โสด...สนิทไหมพี่” ไอ้ป๊อดมันยังมีหน้ากวนผมอีกนะ หน้าซิวหน้าขวานขนาดนี้
                     “บาทากูนี้แหละที่แนบหน้ามึงสนิทป๊อดถ้ายังไม่รีบไป” เมื่อไอ้ป๊อดได้ยินเช่นนั้นมันออกวิ่งเพื่อไปหาไอ้ดิว

                     TBC

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.21.1(แจ็คXหลุยส์) ถึงยังไงมึงก็เพื่อน2

              Part’s แจ็ค ตอนแรกผมก็ไม่อยากเชื่อว่าไอ้หน้าตี๋มันจะพลาดท่าให้ใครจับตัวมันไปได้ แต่ถ้าให้ผมคิดอีกที ก็อยากจะปล่อยมันไปนะ มันอาจจะไปทำให้ใครไว้หรือเปล่า แต่คิดอีกที ถ้าบอยบอกว่ามันก็สำคัญกับองค์กร ถ้ามันเป็นอะไรไป ก็คงงานเข้าทั้งหมดและมันาอาจจะเป็นอย่างที่มันเคยพูดเอาไว้กับผมว่า เพราะผมใช่ไหมทุกคนเลยมาติดอยู่ตรงนี้  ผมเลยต้องเลือกที่จะรีบวิ่งไปด้านหน้าโรงเรียนเลย ต่อให้มันเป็นศัตรูหัวใจผมแค่ไหนแต่ผมจะเห็นมันถูกทำร้าย ผมเองก็ทำเป็นนิ่งเฉยไม่ได้หรอกเหมือนกัน ไอ้ตี๋เอ๋ย! มึงนิหาเรื่องชัดๆ แทนที่มึงจะอยู่ติดกับพวกไอ้ดิวไว้ ไอ้หน้าตี๋ ไอ้ตาชั้นเดียว ผมด่ามันไปด้วยวิ่งไปด้วย
          “น้องๆ เห็น เออ เห็น” ผมกลุ่มเด็กกลุ่มหนึ่งไว้ดูน่าจะนั่งแถวนี้นานแล้ว น้องเขาเหมือนกำลังคุยอะไรกันอยู่
           “เห็นเพื่อนพี่ไหม” ผมถามน้องๆ
          “หน้าตาอาตี๋ๆ ตาชั้นเดียว” ผมอธิบาย
          “โอ๊ยพี่!! ตาชั้นเดียวโรงเรียนนี้มีตั้งหลายคน ค่อนโรงเรียนได้เลยมั้ง” เออจริงด้วยแต่ผมไม่รู้ว่าจุดเด่นมันคืออะไรเครื่องแบบก็เหมือนๆ กันไปหมด และที่สำคัญผมไม่ได้สังเกตอะไรมันเลยเพราะว่าผมทำเป็นไม่อยากสนใจมัน
          “นี้พี่เป็นนักเรียนใหม่ใช่ไหมคะ” มีน้องนักเรียนหญิงคนหนึ่งทักผมขึ้น
           “ใช่ครับ เห็นเพื่อนพี่ไหมครับ มีคนบอกว่ามีคนนอกมาพาเพื่อนพี่ออกไป” ผมพูดดูน้องๆ ทำหน้าคิดกัน
          “ใช่กลุ่มที่เพิ่งจะเดินผ่านไปหรือเปล่าวะ มีพี่คนที่เดินตรงกลางอ่ะ ที่แกบอกหล่อโคตร ทำไมมาเดินกะไอ้พวกที่หน้าเหมือนโจรอ่ะ” น้องเขาหันไปคุยกันแต่ผมรีบแอบฟัง
           “อุ้ย! คือพี่รีบนะครับน้องรบกวนบอกพี่เร็วๆ หน่อยครับ” ผมเห็นน้องๆ หันมามองผมแบบว่าผมอาจจะเสียมารยาทไป
          “แต่งตัวดีดีน่ะพี่ หล่อๆ ตัวขาวๆ มีนาฬิกาของแอปเปิล รุ่นเดียวกับพี่เลยแต่สีดำของพี่มันสีขาว” น้องเขาพูด ใช่ผมเห็นอยู่แต่ด้วยความหมั่นไส้มันผมเลยไม่ได้ทักมัน
          “ใช่เลยน้อง มันไปทางไหน” ผมคิดว่าไอ้หลุยส์แน่ๆ
          “ไปทางโน้นค่ะ” “ไปทางโน้นครับ”
          “ขอบใจมาก” ผมออกวิ่งทันทีอย่างไม่รอช้า ผมหวังว่าไอ้ดิวจะตามผมมาเร็วๆ นี้ เพราะผมคนตัวคนเดียวจะเอาอยู่ได้ยังไง ผมวิ่งมาจนถึงประตูของโรงเรียน ตอนนี้ปิดอยู่และมีป้อมยามอยู่ด้วยข้างๆ มีป้อมยามขนาดนั้น มันจะเดินผ่านไปได้ยังไง
         “เดี๋ยวจะไปไหนครับคุณ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนที่หน้าประตูเรียกผมไว้ ผมหยุดด้วยอาการหอบวิ่งมายาวมาก
          “เห็น ... เห็น...เห็น” ผมพูดแต่มันเหนื่อยอยู่
         “เห็นคุณนี่แหละจะวิ่งไปไหนครับโรงเรียนยังไม่เลิกเลย” รปภ.ถามผม
        “ลุงเห็นเพื่อน...” ผมพูดแต่ผมเหลือบไปเห็น มีกลุ่มหนึ่งเหมือนมันกำลังจะดันใครสักคนให้เข้าไปในรถ ไอ้หลุยส์แน่ๆ ผมก็วิ่งออกไปทันทีผ่านประตู
         “เฮ้ยหยุด” ผมตะโกน พวกมันหันมามองผม ผมไอ้หน้าตี๋ รปภ วิ่งมาดึงแขนผมไว้
         “บอกว่าห้ามออกจากโรงเรียนไง เดี๋ยวเรียกครูฝ่ายปกครองเลย”
         “เรียกเลยและลุงดูนั้น เพื่อนผมกำลังถูกลักพาตัว ลุงนะเดี๋ยวก็ได้หางานใหม่หรอก” ผมหันไปตะโกนบอกลุงเขา
          “นั้นเขารับไปเยี่ยมพ่อป่วยหนัก”
          “โอ๊ยลุง!! นั้นมันเพื่อนผมและพ่อมันไม่ได้ป่วยหรือจะให้ลูกเจ้าของโรงเรียนโทรบอกพ่อมันลุงพวกผมหรือเปล่าล่ะครับ คุณภาคย์นะครับ ลุงรู้จักไหม” ผมพูดร่ายยาวแต่ลุงทำหน้างง ไม่รู้จักลุงภาคย์ของผมเหรอ
          “ลุงปล่อยแขนผมดีกว่าครับ ถ้าลุงไม่ช่วย ผมนี่จะออกไปช่วยเพื่อนผมเอง” ผมพูดและสะบัดแขน
ถ้าจะให้ดีโทรแจ้งตำรวจ” ผมบอกลุงเขาและสะบัดมือให้หลุดและวิ่งตามไปทันที
          “กูบอกให้หยุด! มึงพาเพื่อนกูไปไหน” ผมพูดมองคนที่จับแขนไอ้หลุยส์มันก็มองผมแบบไม่อยากเชื่อสายตา ผมเห็นว่ามีมีดจ่อไอ้หลุยส์อยู่นะ
            “มึงเป็นใคร! มึงมาเสือกอะไรด้วย” ไอ้คนที่ยืนอยู่มันกอดอกมองผม และแกว่งมีดไปด้วย ผมยืนกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ เพราะที่มันถือคือมีดของจริง
          “มึงไม่มีสิทธิ์จะมาพาเพื่อนกูไป ปล่อยเพี่อนกูคืนมา” แต่ผมก็ไม่ยอมถอย
          “ถ้าอย่างนั้น พวกกูคงต้องกระทืบมึงก่อนและพวกกูถึงจะได้ไปใช่ไหมวะ” ไอ้คนที่พูดมันก็ค่อยๆ เดินเข้ามาหาผม ผมก็ตั้งท่า เอาวะสู้ผมคิดในใจ
          “โอ๊ย!!...เชี่ยะเฮ้ยย มันสาดดินใส่หน้ากู” ผมได้ยิน ไอ้คนที่ยืนเอามีดจ่อบังคับไอ้หลุยส์อยู่ มันร้องเสียงหลงเพราะว่าไอ้หลุยส์มันสาดขี้ดินใส่หน้าไป ไอ้คนนั้นก็ปล่อยแขนที่ล๊อกคอไอ้หลุยส์เอาไว้ ไอ้หลุยส์ก็วิ่งถอยหลังออกไป ผมก็พอจะเป็นวิชาป้องกันตัวมาบ้างก็เต๊ะ ไอ้คนที่ย่างเท้าเข้ามาหาผม ผมเลือกเตะให้มีดมันกระเด็นไปก่อน ไอ้หลุยส์มันเดินปรี่เข้ามาหาผมสีหน้ามันตกใจและแปลกใจ
          “มึงรู้ได้ยังไงว่ากู....” ไอ้หลุยส์มันกระซิบถามผม ผมสองคนมองไอ้สี่คนที่กำลังจะเข้ามาล้อมผมสองคนอยู่
          “เรื่องยาวว่ะแต่กูรู้แล้วกัน” ผมหันไปบอกมัน
          “เอาไงดีวะ “ไอ้หลุยส์มันกระซิบถามผม
         “ป้องกันตัวไว้ก่อนแล้วกัน กูบอกลุง รปภ. ไปแล้วว่าให้โทรเรียกตำรวจและไอ้ปอดมันก็ไปเรียกไอ้ดิวคงลงมาเร็วๆ นี้” ผมกระซิบบอกไอ้หลุยส์
           “เอาแม่งไปทั้งสองคนเลยแล้วกันดูท่าไอ้นี่ก็มีเงินว่ะ” ผมได้ยิน เพราะว่ามันมองโทรศัพท์มือถือรุ่นไหมที่ยังไม่ลงวางตลาดแต่ผมก็ได้สิทธิ์ซื้อมาก่อน
          “ผลั่ก! “มันตรงเข้ามาผมก็ปล่อยหมัดตะบันหน้ามันไป
           “ผลั่วะ!” ไอ้หลุยส์ก็แจกเท้าโดยการถีบอีกคนออกไป แต่จังหวะนั้นอีกคนก็ต่อยเข้าที่ใบหน้าไอ้หลุยส์ ผมก็วิ่งไปดูมัน
           “เฮ้ย!” ผมเรียกไอ้หลุยส์และอีกสองคนกำลังเข้าใส่ ผมก็ลุกขึ้นและต่อยมันไปแต่ก็โดนต่อยกลับมาลงไปกองเหมือนกัน
            “ซ่าหนัก งั้นกูจัดให้ เกิดมาดีดีไม่ชอบชอบผิดเพศไปเกิดใหม่เลยไป ไอ้สัส!!” ไอ้คนที่ผมเตะมันจนมีดกระเด็นไปมันคว้ามีดมาได้มันก็ทำท่าจะเข้ามาแท่งผมแต่
              “ผลั่ก!” เสียงฝีเท้ามีคนวิ่งมาและไอ้คนนั้นก็กระเด็นไป ผมหันมามองไอ้ดิวที่ยกเข่าลอยมาแต่ไกลและไอ้คนนั้นคงได้ลิ้มรสเข่าลอยได้ดิวจนได้
           “ผลั่ก! ผลั่วะ!”
          “เฮ้ยย!” ผมสองคนที่กอดกันกลมหลับตาปรี่อยู่ คิดว่าได้ไปเกิดใหม่แล้วจริงๆ เวลาผ่านไปสักพักผมสองคนค่อยๆ ลืมตา ผมมองหน้ากัน และสำรวจ ยังมีชีวิตครับผม ผมหันไปมองไอ้คนที่มาช่วยไม่ใช่ใครอื่น ไอ้พระเอกประจำกองของผมไอ้ดิวครับ มันกระโดดถีบอีกคนกระเด็นไปเลยและอีกคนที่มันต่อยถึงกับหมอบลุกไม่ขึ้นเลย อีกสองที่ ยืนดูอยู่คนถึงกับตกใจ
             “หมับ “ไอ้ดิวมันยื่นมือมาดึงผมสองคนให้ลุกขึ้นคราวนี้มี3คนแล้ว พวกมันเหลือสามคนเพราะอีกคนสลบค่าที่
            “เป็นอะไรกันไหมวะ” ไอ้ดิวมันถามผม ผมส่ายหัวมีแค่โดนกำปั้นไปคนละมันไม่เท่าไหร่ ส่วนพวกมันหันมองหน้ากันเหมือนจะเอายังไง ไอ้ดิวก็เตรียมพร้อมลุยบีบหมัดดังกร๊อบแกร็บแปลว่าพร้อมรบ ไอ้คนที่ยืนคู่กันมันหันไปมองหน้ากัน ตกลงกันไม่ได้ว่าใครจะเข้ามาก่อนดี
            “เข้ามาทั้งคู่และกูพร้อม” ไอ้ดิวมันเรียกแต่มันก็ยังคงมองหน้ากันและทำท่าจะถอยดีไหม
             “ผลัวะ ...ฟิ้ว...ตุ๊บ”
           “เฮ้ยย” เล่นเอาผมไอ้หลุยส์และไอ้ดิวร้องเสียงหลงเพราะว่าไอ้คนที่สลบด้วยหมัดไอ้ดิวนะ มันดันฟื้นและหยิบมีดที่ตกอยู่ปรีจะเข้ามาแท่งไอ้ดิวจากด้านหลังแต่มันไม่ผ่านเท้าไอ้แอ้ มันเลยกระเด็นไปและสลบอีกรอบครับ รอบนี้คงยาว ไอ้แอ้เตะหลังสไตล์คาราเต้
                 “หยุดนะ! คุณตำรวจทางนี้เลยครับ” ผมได้ยินเสียงครูพัฒน์นั้นเอง
                “เพ่นดิวะ ฝากไว้ก่อนนะพวกมึง” พวกมันรีบวิ่งขึ้นรถและไม่ลืมที่จะลากเพื่อนมันไปด้วย ครูพัฒน์ก็วิ่งตรงเข้ามาหาพวกผม แต่พวกผมยังไม่เห็นมีตำรวจสักนายนะตอนนี้
                “พวกเธอเป็นอะไรกันหรือเปล่า? “ครูพัฒน์ถามพวกผม
              “ไม่เป็นอะไรครับ” ผมบอกครูพัฒน์
                “พวกนี้เข้ามาได้ยังไง สงสัยพี่ต้องแจ้งให้ประชุมครูกัน เรื่องแบบนี้จะได้ไม่เกิดขึ้นอีกและไงหลุยส์พวกนั้นเข้าไปหาเราได้ยังไง” ครูพัฒน์ถามผมหันไปมองหน้ามัน
                           “ผมนั่งอยู่ในห้องสมุดนะครับ ก็มีเด็กนักเรียนรุ่นน้องเข้าไปเรียกผม บอกว่ามีเพื่อนมาหา ตอนแรกผมคิดว่าบอย ผมเลยเดินออกมาและไอ้พวกนี้มันก็ประกบผมและเอามีดจี้ผมออกมาครับ “ไอ้หลุยส์พูด
                “เอาละไปกลับไปขึ้นห้องเรียน อ้อดูท่าเราจะเจ็บนะหลุยส์และแจ็คด้วย ไปทำแผลกันก่อนที่ห้องพยาบาลนะ” ครูพัฒน์พูดและเดินกลับไปที่ลุงรปภ. คงไปต่อว่าอะไรลุงแก
                “ไปว่ะ ทุกคนเป็นห่วง” ไอ้ดิวพูด ผมก็เดินกลับเข้าโรงเรียน
“หมับ” มีคนจับแขนผมไว้ ไอ้หลุยส์นั้นเอง
                           “ขอบใจวะ” ไอ้หลุยส์พูด
                      “เออ...ไม่เป็นไร ...ยังไงมึงก็...มาอยู่บ้านกู มึงก็น่าจะเป็นคนสำคัญและก็เป็นเพื่อนพวกกูเหมือนกัน “ผมพูด
“ถึงมึงจะกวนบาทากูไว้เยอะก็เถอะแต่กูก็ทนให้ใครมาทำร้ายมึงไม่ได้ว่ะ” ผมบอกมัน ดูมันทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้
            “เฮ้ย! นี้มึงดีใจหรือมึงเสียใจเนี่ยะ” ผมถามไอ้หน้าตี๋
             “กูเป็นเพื่อนพวกมึงแล้วเหรอว่ะ” ไอ้หลุยส์
             “เออมั้ง” ผมพูดและพยักหน้าและผมกำลังจะเดินหันหลัง มันก็ยังจับแขนผมไว้ ผมหันมามองไอ้นีจะทำให้ผมขนลุกก็ตอนนี้แหละ
               “บอยเขารักมึงมากว่ะ แต่ที่เขาพยายามไม่คุยกับมึงเพราะเขาอยากให้กูอยู่ต่อว่ะ” ไอ้หลุยส์มันพูด ผมก็มองหน้ามัน
              “คือกูยื่นข้อเสนอว่าถ้าอยากให้กูอยู่เขาต้องอยู่ห่างๆ กับมึงอ่ะเพราะกูบอกที่กูจะไม่อยู่เพราะกูทนเห็น….” ไอ้หลุยส์มันพูด
              “มึงกับเขารักกันไม่ได้วะ” ไอ้หลุยส์มันพูดน้ำเสียงฟังดูก็รู้ว่ามันเจ็บ
              “และที่บอยทำก็เพื่อพวกมึงวะ ถ้ากูไม่อยู่พวกมึงจะเดือดร้อนและบอยคงห่วงมึงที่สุดว่ะ” ไอ้หลุยส์พูด ผมอึ้งเลยดีน่ะที่ไม่ได้หลุดปากขอเลิกไปซะก่อนเพราะว่าที่ผมเป็นคนที่อดทนไม่พอ
              “มึงอย่าไปโกรธบอยเลยวะ กูเอง ที่มึงควรจะโกรธว่ะ” ไอ้หลุยส์มันพูด ผมหันมาและตบบ่ามัน
               “ใจวะ...ฟ๊อด!” ผมพูดและหอมที่หน้าผากมันอย่างแรงเสียงดัง
             “อี๋!!!” ไอ้หลุยส์มันร้องยี้พร้อมกับรีบดันผมออกและเอามือปาดหน้าผากมันไปมา ไม่ใช่แค่ไอ้หลุยส์นะไอ้ดิวยังทำท่าขนลุกขนพองที่ผมไอ้มอบรางวัลที่ยิ่งใหญ่ให้มันแบบนี้
              “What the f**k are you doing? This is disgusting!” ไอ้หลุยส์มันสบดออกมาดังๆ
              “ให้รางวัลไงและกูต้องไปหาเมียกูก่อนว่ะ” ผมพูดและผมก็ไม่รอช้า ผมต้องไปขอโทษเขา ขอโทษที่ผมพูดกับเขาตอนเที่ยง ขอโทษที่แจ็คไม่รู้จักอดทนให้มากพอ
             “แจ็ค หลุยส์ “บอยวิ่งลงมา ผมก็ยืนมองบอย
              “แจ็ค” .... “บอย” ผมเรียกชื่อพร้อมกัน ผมวิ่งเข้าไปหาบอยก่อนเลยและผมก็กอดเขาไว้
            “แจ็คขอโทษบอย แจ็คขอโทษที่แจ็คพูดกับบอยไม่ดี...เมื่อตอนบ่าย” ผมเอาแต่พูดพร่ำบอกขอโทษบอย ทั้งที่เขาหวงผมขนาดนี้
           “เป็นอะไรไหม บอยได้ยินว่าพวกมันมีมีดด้วยอ่ะแจ็ค” บอยดันผมออกและมองหน้าผม
           “ไม่เป็นไรครับ” ผมบอกบอย
           “แล้ว” บอยถามหลุยส์ ที่เดินเข้ามาพร้อมไอ้ดิว
           “ไม่เป็นครับ เออ แจ็คเขาช่วยเอาไว้นะครับ ดีที่มันมาทันไม่งั้น...ก็ไม่รู้อาจจะไม่ได้เจอบอยอีก” หลุยส์พูดมันหันมามองหน้าผม
           “จริงอะ?” บอยทำเสียงไม่เชื่อผมอีก ผมก็หันไปเหล่มองหลุยส์
            “ทำไมชอบทำเสียงแปลกใจอยู่เรื่อยเลย ... “ผมพูดแต่มันทำให้คนตรงหน้าผมนี่คลี่ยิ้มให้ผมทันที
             “พากันไปทำแผลและกลับขึ้นห้องเลยนะ อย่าพยายามออกไปไหนกันนะ เดี๋ยวครูจะเรียกประชุมครูและรปภ. เพื่อนหาทางป้องกันนะครับ” ครูพัฒน์บอกพวกผม พวกผมก็พยักหน้าและพากันไปห้องพยาบาล
           “แจ็คเป็นไงมั้งวะ “ไอ้ติ๊กมันเดินลงมากับพาย
            “ไม่เป็นไรแล้ว”
                  “แล้วไอ้หลุยส์ละ โธ่!! พ่อยอดขมองอิ่ม นี้ถ้ามึงเป็นอะไรไปกูนี้คงต้องตั้งหลักปักฐานแม่งที่นี้แน่ๆ” ไอ้ติ๊กมันพูด ไอ้หลุยส์หันมาเหล่ตามองไอ้ติ๊กและมองไอ้หลุยส์สลับกันไปมา
                “เป็นห่วงมากเลย” ไอ้ติ๊กพูด
                     “กูเหรอ?” ไอ้หลุยส์มันถามไอ้ติ๊ก
               “อนาคตกูนี่” ไอ้ติ๊กมันพูด
               “เออกูไม่เป็นไร มึงไม่ก็ซวยแล้วแหละเพราะว่ากูปลอดภัยดี แต่อนาคตมึงก็ไม่รู้น่ะ กูตอบไม่ได้” ไอ้หลุยส์มันตอบไอ้ติ๊ก ไอ้ติ๊กมันยืนทำปากขมุบขมิบทันที
              ผมพากันไปทำแผลที่ห้องพยาบาลทำแผล จะว่าไปเจ็บตัวนิดหน่อยแต่เหมือนจะได้เพื่อนเพิ่มมาก็ถือว่าคุ้มนะสำหรับผม ผมกลับไปเข้าห้องเรียน บอยก็กลับมานั่งกับผม ดูเหมือนว่าพวกไอ้ดิว ไอ้แอ้ ไอ้ติ๊กและพายและต้นข้าวกับบลูจะคุยกับไอ้หลุยส์ได้มากขึ้น เพราะว่ามันไม่นั่งเก๊กตลอดเวลาแล้วนิ จนถึงเวลากลับบ้านพวกผมก็รีบเดินลงเพื่อไปนั่งรถกลับบ้าน ถามว่าเหตุการณ์เมื่อบ่ายก็ทำให้พวกผมเริ่มกลัวๆ มากขึ้น เหมือนเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนเลยจริงๆ
          “นี้ไงพี่คนนั้นนะ ต่อยจนสลบเลยอ่ะแก เท่อ่ะ”
           “แต่พวกเขาเป็นเกย์นะ”
            “เป็นหรือไม่เป็นไม่รู้ ใครสน” ผมได้ยินสาวเอ่ยชมไอ้ดิวกันใหญ่เลย ไม่ใช่แค่สาวๆ น่ะ พวกผู้ชายก็มองไอ้ดิวแบบคงกลัวหมัดมันแน่ๆ ผมออกขึ้นรถกันที่ด้านหน้า ครูพัฒน์คงแจ้งพี่คนขับให้ขับเข้ามารับผมได้ด้านใน
             “หลุยส์ ขึ้นรถคันเดียวกันดิว่ะ” ผมหันไปเรียกไอ้หลุยส์ มันก็พยักหน้า คันที่ผมนั่งก็จะมีผม บอยและไอ้หลุยส์ อีกคันก็จะมีดิว แอ้และพาย ไอ้ต้นข้าวและบลูมันแยกกันก่อนเพราะมันคงไปทางลับและออกไปหาไอครีมทานกันก่อน ผมนั่งคุยกับบอยก็วันนี้ไม่ได้คุยกันเลยทั้งวัน ส่วนไอ้หลุยส์มันยุ่งกับมือถือของมันจนกระทั่งถึงบ้าน
“               บอยขอไปโทรหาพ่อก่อนนะ เข้าไปแจ็คกับหลุยส์คุยกันก่อน” บอยบอกผมกับหลุยส์ ผมพยักหน้า ผมเดินเข้ามาแต่ไม่เห็นพวกไอ้ดิว
               “สงสัยไอ้ดิวเข้าไปยิมนะ ไอ้นี่มันบ้าพลัง” ผมพูดขำๆ
              “เบียร์สักขวดไหมวะ” ผมถามไอ้หลุยส์ มันหยักไหล่ ผมเดินเข้าไปในครัวก็หยิบขวดเบียร์ที่แช่อยู่เปิดและเดินออกมา ผมนั่งลงที่โซฟาข้างๆ ไอ้หลุยส์พร้อมกับส่งขวดเบียร์ให้
              “ใจวะ” ไอ้หลุยส์พูด
              “กูเคยเจอมึงมาก่อนไหมวะหลุยส์” ผมถามไอ้หลุยส์
               “เคยดิ แต่กูยังไม่เจอบอย เจอแต่พวกมึงวะตอนนั้น กูไปธุรกับพ่อและพ่อก็พากูกับแม่ไปพักร้อนกันด้วย ที่ภูเก็ต ในคือความสุขที่สุดของกูเลย “ไอ้หลุยส์พูด ผมพยักหน้า
             “ตอนนั้นกูมีแฟนแล้ว เป็นผู้หญิง เธอสวยมาก เธอมีในตาสีฟ้า เธอเป็นคนสวยที่สุดและกำลังจะเป็นดารา ไม่ซิเป็นแล้วด้วย” ไอ้หลุยส์พูดก่อนจะกระดกเบียร์เย็นลงคอไป
            “บอยบอกกูว่ามึงเจอเรื่องสะเทือนใจมาว่ะ “ผมถามไอ้หลุยส์ ไอ้หลุยส์มันมองหน้าผมก่อนจะวางขวดเบียร์ลง
           “ใช่เหตุมันเกิดหลังจากที่พ่อแม่และกูกลับไป เหตุการณ์วันนั้นกูจำได้ไม่มีวันลืม” ไอ้หลุยส์พูดด้วยน้ำเสียงที่ผมรู้สึกได้ว่ามันคงฝังลึกและนี้คงสะเทือนใจมันมากๆ
         “มีคนบุกมาที่บ้าน มันกราดยิงทุกคนคนใช้ ในบ้านทุกคน พ่อเอากูเข้าไปแอบในห้องหนึ่งและท่านก็วิ่งออก และไม่กลับมา กูอยู่ในห้องนั้นด้วยความหวาดกลัว จนกระทั่งที่คนเข้ามาเปิด กูคิดว่าพวกที่มาและกูคงตายแต่ไม่ใช่ เขาเป็นคนที่สวมเครื่องแบบทหารและเขาคือคนที่พากูออกไปอยู่ที่ปลอดภัย งานฝังศพพ่อแม่กูยังไปไม่ได้เลย” ไอ้หลุยส์พูดผมนี้วางขวดลงทันที
               “กูเสียใจด้วยจริงๆ วะ”
                 “พ่อกูจากไปแต่ทิ้งไว้ซึ่งมรดกและความรู้ต่างๆ มากมาย” ไอ้หลุยส์พูด
              “พ่อกูคือคนที่คิดค้นผลิตขีปนาวุธต่างๆ และกูก็จะดำเนินการต่อเหมือนพ่อกูว่ะ “ไอ้หลุยส์มันพูด ผมถึงบ้างอ้อเลยว่า
 ทำไมมันคือคนสำคัญเช่นกัน
            “พวกมึงละทำไมมาอยู่ที่นี้วะ นี้กูเรียนมหาวิทยาลัยแบบออนไลน์ไปแล้วแต่กูรู้ว่าบอยจะมากูเลยตาม” ไอ้หลุยส์พูด ผมก็หันไปมองหน้ามัน
              “พวกกูนะซ่ากันมาก ส่วนกูน่ะหนักหน่อยตั้งแต่บอยหายไป”
              “3 ปีนี้กูเกเรมาก” ผมบอกไอ้หลุยส์
              “และพวกกูก็ถูกส่งมที่โรงเรียนนี้ เพื่อแกไขปัญหา กูยังไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไง ที่จะทำให้โรงเรียนนี้กลับมามีนักเรียนเยอะขึ้นและพวกกูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น จับต้นชนปลายไม่ถูกว่ะ” ผมหันมาพูดกับไอ้หลุยส์ มันก็พยักหน้า
                 “ยิ่งในห้องเรียนนะ มึงไม่เจอแม่งไม่มีมิตรภาพเลยด้วยซ้ำ แต่วันนี้พวกมันไม่มาไปไหนกันก็ไม่รู้วะ” ผมพูด
                “แต่กูก็คิดว่ากุญแจที่จะช่วยไข คือพวกมันว่ะ ทำยังไงจะซื้อใจพวกมันได้ “ผมพูดกับไอ้หลุยส์มันก็มองหน้าผม
              “แต่พวกมันไม่เอาพวกกูเลยวะ ชื่อพวกมันกูยังไม่รู้จักเลย” ผมบอกไอ้หลุยส์
              “เอานะ...กู ..จะช่วยพวกมึงเองวะ” ไอ้หลุยส์มันหันมาบอกผม
             “อ้าวมึงไม่กลับแล้วเหรอวะ “ผมพูดไอ้หลุยส์มันมองหน้าผม
             “เฮ้ย!! กูไม่ได้ไล่ กูคิดว่ามึงอยากกลับไปใช้ชีวิตที่ดีกว่านี้วะเพราะดูดิ แค่มึงมาวันแรกมึงก็เสี่ยงแล้วไอ้หลุยส์” ผมบอกมัน
            “กูตัดสินใจมาแล้วว่ะแจ็ค งั้นกูลงด้วย กูคิดว่ากูอาจจะได้อะไรดีดีกลับไปว่ะ อย่างที่บอยบอกกู ไอ้หลุยส์มันพูดผมมองหน้ามันว่าเอาจริงเหรอ
            “แต่ที่แน่ๆ กูได้มึงเป็นเพื่อนกูแล้วว่ะ” ไอ้หลุยส์มันหันมาบอกผม ผมก็ยิ้มเท่ๆ ให้มันและมันก็หยิบขวดเบียร์ขึ้นมาและผมก็ชนกัน
            “มิตรภาพว่ะ มึงและกู” ไอ้หลุยส์
            “หลุยส์ แจ็ค “บอยเดินเข้ามาพอดีเลย
           “โทษทีนะ นานไปหน่อย พอพ่อวางสายเพื่อนบอยก็โทรมาพอดีเลย” บอยพูด ผมสะบัดหน้าไปมองมีเพื่อนอีกเหรอ
           “ใครอ่ะบอย “ผมถามบอยอย่างไร
           “เพื่อนน่ะ “บอยบอกผม ไอ้หลุยส์มันหันมาปรายตามองผม
           “ถ้าอย่างนั้นกูขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนว่ะ มึงด้วยนะเดี๋ยวจะได้ทานอาหารเย็นกัน” ผมถามไอ้หลุยส์มันก็พยักหน้า
          “เออ คืนนี้บอยจะกลับไปนอนห้องเดียวกับแจ็คมันก็ได้นะ หลุยส์ไม่บอกอาณะหรอก “หลุยส์พูดกับบอย บอยมองหน้าผม ผมก็มองหน้าและส่งยิ้มให้ บอยหันไปพยักหน้าเบาๆ เป็นคำตอบ
           “ใจว่ะ” ผมหันไปพูดกับไอ้หลุยส์ มันก็ส่งนิ้วแร๊พโยวมาให้ผม ว่าโอเค
                 “กูขอดูหุ้นกูก่อนว่ะ เดี๋ยวขึ้นห้องวะ “ไอ้หลุยส์มันหันมาบอกผม ผมก็ดึงแขนบอยว่าให้ขึ้นห้องกัน ผมกับบอยเดินไปที่ห้องนอน พอเข้ามาในห้องผมก็มองบอย
           “เพื่อนคนไหนอ่ะบอย จะมาแบบไอ้หลุยส์อีกมันอ่ะ” ผมถามบอย
            “แจ็ค.... นี้แจ็คไม่เชื่อใจบอยเลยหรือไง คนนี้นะเพื่อนสนิทบอย ที่จริงก็เจอกันบ่อยตอนเด็กๆ พ่อของเขาเป็นนักธุรกิจอันดับต้นๆ เหมือนกับพ่อของบอยและพ่อแจ็คนั่นแหละ
           “แจ็ค” บอยเรียกผม
“เขาคือใครอ่ะ” ผมถามบอย
           “เขาจะมาเรียนกับบอยเช่นกัน”
              “ฮะ จะมาเหมือนกันอีกเหรอ”
              “ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน ..” บอยพูดและส่งรูปในมือถือให้ผมดู ผมก็ดู น่ารักโคตรๆ เลย
            “มีแฟนยัง” ผมถามบอยทันที
           “ทำไมล่ะ จะจีบเหรอ” บอยถามผมยิ้มๆ
           “ไม่...มีคนเดียวและเป็นคนเดียวตลอดไป แต่จะให้ไอ้หลุยส์มันเพื่อว่ามันจะดีขึ้น” ผมพูด บอยมองหน้าผมแบบมีเลศนัย
            “แจ็คพูดจริง ไม่ได้หมายความว่าจะเขี่ยมันออกไปแต่เพื่อว่าคนนี้จะช่วยลบบาดแผลในใจมันได้ไงครับ” ผมบอกบอย บอยก็พยักหน้า
           “ตอนนี้มันก็คือเพื่อนแจ็คคนหนึ่งแล้วบอย และแจ็คก็ทำตามที่บอยบอกนะว่าให้ลองเปิดใจให้มันไง และถ้ามันมีรักอีกครั้งชีวิตมันจะมีสีสันขึ้นนะ แจ็คว่า” ผมบอกบอย บอยพยักหน้าและกำลังจะหันหลังเดินออกแต่ผมรวบเอวบางๆ นั้นไว้
           “วันนี้แจ็คทำดีอ่ะบอย...ขอรางวัลได้ไหมครับ” ผมถามบอย บอยหันมามองผมทำหน้าตกใจ
           “นะครับ แจ็คขอรางวัล “ผมบอกบอย บอยคงรู้ว่าผมหมายถึงอะไร มันน่าจะมากกว่าการกอดและจูบแน่ๆ ผมมองบอยและเมมริมฝีปากตัวเอง สายตาผมยังจับจ้องที่บอย บอยก็พยักหน้าให้ผมเบาๆ
           “แต่บอยกลัว”
           “ไม่ต้องกลัวครับ แจ็คจะไม่ทำอะไรรุนแรง ครั้งแรกมันก็จะผิดพลาดหน่อยๆ แต่ครั้งนี้แจ็คพอจะมีประสบการณ์มาบ้าง ไปเรียนมาเพื่อมาใช้กับคนนี้เลยน่ะ” ผมพูดผมก็จูบบอย ผมจับเอวพร้อมกับยกตัวบอยขึ้น บอยรีบโอบรอบคอผมเอาไว้ทันที ผมสองคนจูบกันไปจนถึงห้องน้ำ

         ผมปิดประตูลง ไม่ใช่แค่การอาบธรรมดารอบนี้ บทรักของผมสองคนภายใต้ฝักบัว มือผมลูบไล้ไปตามลำตัวและไปสะดุดที่เหมือนจะเป็นแผล ผมพลิกตัวบอยมายืนและค่อยพรมจูบลงไปทั่วจนถึงหัวหน่าว มีรอยสักรูปดอกกุหลาบอยู่ ผมก็ย่อตัวมอง ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าบอยจะมีแบบนี้ด้วย
          “พ่อไม่รู้หรอกว่าบอยไปสักมา “บอยพูด ผมแหงนหน้าขึ้นมองบอย
          “นี้มันเป็นแผลเป็นอ่ะ บอยเคยผ่าตัดด้วยเหรอ” ผมถามบอย ใบหน้าผมอยู่ตรงรอยนั้นพอดี
            “ใช่ บอยเคยต้องผ่าตัดเมื่อสองปีกว่าแล้ว ช่วงที่บอยหายไป” บอยบอกผม ผมก็ตกใจที่เขาหายไปเพราะแบบนี้เหรอ
“เป็นอะไรเยอะเหรอบอย” ผมถามบอยด้วยสีหน้าตกใจเพราะว่าผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน บอยมองหน้าผม
          “ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกแจ็ค” บอยพูด ผมก็ลุกขึ้น ผมใช่ฝ่ามือผมโอบใบหน้าของบอยเอาไว้ บอยโอบรอบคอผมเอาไว้
          “มันเจ็บแต่รู้สึกดี สักวันแจ็คจะรู้” บอยบอกผมก่อนจะจูบผม ผมก็จูบบอยตอบ เราสองคนจูบกันไปพลิกตัวเป็นผู้นำและเป็นผู้ตามสลับกันไปมาจนกระทั่งทุกอย่างพร้อม ผมก็เริ่มสอดใส่แกนกายผมเข้าไปในกายของบอย ครั้งนี้มันดีกว่าครั้งแรก และเราสองคนก็มีความสุขไปพร้อมๆ กัน ผมสองคนรีบออกมาแต่งตัวเพื่อจะลงไปทานอาหารเย็น โชคดีที่มีการบ้านเลยอ้างได้ว่าทำไมลงไปช้า
             TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.22(หลุยส์Xแจ็ค)รอบนี้แค่ขู่รอบหน้าพี่เอาจริง
           Part’ s แจ็ค ต้องขอบคุณเหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่ทำให้ผมได้เพื่อนซี้เพิ่มมาอีกหนึ่งคน ผมน่าจะเชื่อบอยตั้งแต่แรกที่ให้ผมลองเปิดใจให้หลุยส์ตั้งแต่แรก ผมเรียกหลุยส์ว่าเพื่อนซี้ได้เลย ตั้งแต่ผมลองเปิดใจคุยกัน ผมเข้าใจมันมากขึ้นเยอะเลยและที่สำคัญครอบครัวทำให้ไอ้ครอบครัวไอ้หลุยส์ต้องมาเจอเรื่องโหดร้ายคือครอบครัวคามิน คามินนี่ชื่อใหม่หลังจากที่เขาต้องลี้ภัยไปประเทศอื่น ส่วนผมก็มีเรื่องกับลูกชายเขาไอ้ฌอน
          ดังนั้นผมกับไอ้หลุยส์คิดเอาไว้ว่า รุ่นผมต้องมีอำนาจและใช้มันให้ถูกทางไม่ให้เหมือนรุ่นที่พ่อๆ ผมเจอ จากที่ได้รับฟังความคิดของไอ้หลุยส์ มันก็ทำให้ผมรู้อีกว่า ผมกับหลุยส์นี้เคมีตรงกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะความคิด ทัศนคติและจุดมุ่งหมายที่แทบจะเหมือนกัน ผมไม่ได้อยากโค้นอำนาจลุงหนึ่งแต่อยากให้เปลี่ยนแปลงเพื่อยอมรับโลกใหม่ของคนรุ่นใหม่ เปิดใจยอมรับเด็กรุ่นใหม่อย่างพวกผมและอิสรภาพที่พวกผมควรจะได้รับ จนไปถึงรุ่นลูกและหลานของพวกผมในอนาคต
           หนึ่งอาทิตย์แล้วซิน่ะ ถามว่าพวกผมได้ความอะไรคืบหน้าเกี่ยวกับภารกิจไหม ไม่ได้อะไรเลยแต่ว่าผมก็ได้คนที่จะมาเป็นกองหนุนให้พวกผมอีกหนึ่งคนแล้ว พวกแปลกใจอย่างหนึ่งคือ พวกไอ้ภาคินมันหายหัวไปช่วงบ่ายประจำแต่ว่ามันกลับไม่ได้รับการลงโทษอะไรเลย น่าแปลกจริงๆ พวกมันนี้ลับๆ ล่อๆ กันทั้งแก้ง รวมไปถึงไอ้พี่แฮกซ์นั้นด้วย เจอที่ห้องน้ำที มันก็พากันมองจ้องพวกผมราวกับว่าอยากจะกระโดดขย้ำพวกผมให้แหลกคามือมันเลยก็ว่าได้
         “วันนี้โรงเรียนเราเงียบๆ วะ หวังว่าจะไม่มีอะไรนะมึง กูขี้เกียจวิ่งแล้วว่ะ” ไอ้ติ๊กพูด พวกผมหยักไหล่ว่าขอให้เงียบสักวันเถอะ นี้มีเรื่องวันเว้นวันก็ว่าได้
          “ทำไมไม่เห็นไอ้ต้นข้าวเลยวะวันนี้และไอ้บลูด้วย ปกติมันต้องมายืนรอตรงทางเข้าแล้วน่ะ” ไอ้แอ้มันพูด พวกผมมองหน้ากัน เออจริงด้วยเพราะว่าทุกทีพวกผมต้องเจอพวกมันตอนที่เดินผ่านประตูโรงเรียนมาแล้วแต่ก็ไม่มีวีวี่แววสองคนนั้นเลย
         “มันสองคนอาจจะเข้าไปข้างในก่อนแล้วหรือเปล่า” พายพูด ผมพยักหน้าว่าเป็นไปได้ วันนี้มันอาจจะไม่อยากยืนรอ
         “ถ้าอย่างนั้น เราตรงไปทานอาหารก่อนเลยดีกว่าว่ะ “ผมหันมาพูดก่อนจะหันมามองบอยและไอ้หลุยส์ มันยักคิ้วให้ผม
          “ตกลงนี้มึงดีกันแล้วใช่ป่ะวะ แม่งดีกันเร็วเว้อว่ะ” ไอ้ติ๊กมันแซวผมกับไอ้หลุยส์
           “แอ้!” พวกผมถึงกับชะงักเท้าพร้อมกันหมดเพราะว่ามีคนเรียกไอ้แอ้ พวกผมหันไปมองพร้อมกันว่าใครว่าเป็นใคร ทันทีที่ผมหันไปเจอหน้า ผมก็จำได้ทันทีว่าเป็นพี่คนนั้น คนที่ไปที่สระว่ายน้ำกับผมวันก่อน พี่เขาชื่อ พี่ภาณุ
           “แอ้ใครวะ” ไอ้ติ๊กถามไอ้แอ้ ส่วนไอ้ดิวแต่มันยืนมอง ทำหน้าตาขมึงมาก มันน่าจะรู้จักพี่เขามาก่อนเช่นกัน ผมเดาจากสายตาไอ้ดิว เหมือนจะมีความแค้นส่วนตัว ไอ้หลุยส์มันพยักพเยิดถึงคนที่ยืนมองพวกผมก่อนจะหยุดที่แอ้และยิ้มให้อย่างเท่
            “ไงแจ็ค เออ ...นี้เพื่อนนายนิ ที่เมื่อวาน” พี่ภาณุถามและชี้ไปที่ไอ้หลุยส์ ไอ้หลุยส์มันก็ชี้ไปที่ตัวมันเอง
           “ใช่ครับพี่เกือบโดนสอย” ผมพูด ไอ้หลุยส์มันก็ทำหน้างงว่าคนนี้คือใคร
           “โชคดีนะที่ไม่โดนอะไร” พี่เขาพูดแต่ไม่ได้มองไอ้หลุยส์เพื่อนผมเลย ไอ้หลุยส์มันเอาหัวไหล่มาสะกิดผม เพราะว่าพี่ภาณุเอาแต่มองไอ้แอ้ ส่วนไอ้ดิวก็มองพี่ภาณุจนแทบจะกระโดดกินหัวได้เลย ไอ้แอ้คนกลางก็ยืนเหลือบตามองพี่เขาทีและไอ้ดิวที เหมือนเกรงว่าจะมีใครสักคนกระโดดไปตะบันหน้าเขาก่อน ผมเดาว่าคนนั้นคือไอ้ดิว
            “พี่เขาชื่อพี่ภาณุ พี่เขาเป็นคนบอกกูว่าได้ยินเด็กคนหนึ่งมันโทรบอกพวกนั้นว่ามึงอยู่ที่โรงเรียนนี้” ผมบอกกับไอ้หลุยส์มันก็ร้องอ้อและยืนมือไปขอเช็คแฮนด์ พี่ภาณุก็เช็คแฮนด์มันกลับ
           “ขอบคุณพี่” ไอ้หลุยส์
          “ไม่เป็นไรวะ” พี่ภาณุพูดแต่ตายังมองไอ้แอ้
          “ทำไมบรรยากาศสามคนนี้แม่งแปลกๆ วะ” ไอ้หลุยส์กระซิบกับผม
          “มันแปลกมานานแล้วไอ้ดิวและแอ้แต่พี่ภาณุนี้ กูไม่รู้ว่ะ ข้อมูลยังไม่ชัดเจน” ผมกระซิบกับไอ้หลุยส์ บอยก็หันมามองหน้าผม ไอ้หลุยส์มองหน้าผมอีกคน
           “กูจัดให้เรื่องข้อมูลน่ะ” ไอ้หลุยส์บอกผม ผมพยักหน้าว่าดีเลย ไอ้นี่มันใช่ได้ บอยหรี่ตามองผม ผมหยักไหล่ ก็นี่ไงที่บอยแนะนำว่าผมจะได้อะไรดีดี ได้แล้วเนี๊ยะ มือแฮกข้อมูล หลุยส์มันมีมือแฮกซ์ระดับพระกาฬ
            “ว่าแต่นี่รักสามเส้าเราสามคนหรือเปล่า แต่เท่าที่กูเห็น กูว่ามีมากกว่าสามแน่นอน ถ้าไอ้พี่คนนี้เข้ามาตั้งแลนมาร์กเพิ่ม” อีกคนที่เข้ามากระซิบกับผมสามคน ผมสามคนหันไปมองคนที่มาเพิ่มเพื่ออะไรเนี๊ยะ!!!
             “ก็แค่ฝากความคิดเห็น” พายพูด พวกผมส่ายหัวกันเป็นแถว ส่วนไอ้ติ๊กนี้มันยืนหันซ้ายหันขวา ผมควักมือเรียกพายให้ออกไปหาเพราะว่าพาน่าจะส่วนเกิน
            “อะไรกันว่ะ ตกลงแล้ว เขามาหาใครกันแน่ไอ้แอ้หรือว่าไอ้ดิว” ไอ้ติ๊กมันถามขึ้นเพราะยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกผม
            “แอ้... พี่ดีใจที่ได้เจอเรานะ แอร์นะฝากพี่ดูแล” พี่ภาณุพูด ผมก็เข้าใจมากขึ้นทันที พี่ภาณุเป็นเพื่อนกับพี่แอร์ พี่ชายไอ้แอ้มันที่หน้าตาเหมือนกันมันยังกับแฝดแต่ว่าพี่เขาดูนิ่งเยือกเย็นยิ่งกว่าพี่บีมซะอีก
           “ไม่จริงมั้ง! เพราะว่าพี่แอร์ไม่เคยบอกนิว่าจะให้ใครดูแลแอ้มัน แต่คิดว่าพวกผมดูแลกันเองได้ ไม่ต้องลำบากพี่หรอกมั้ง ผมว่าพี่น่ะไปดูแลตัวเองดีกว่า” ไอ้ดิว ทำให้พวกผมหันไปมองไอ้ดิวพร้อมกันหมด
             “กูว่าไอ้ดิวนี้มันหึงไอ้แอ้วะ” ไอ้หลุยส์มันกระซิบกับผม
             “ใช่ว่ะ กูอยากรู้ว่ามันสองคนมีอะไรกันยังไง” ผมกระซิบกลับ
             “อ้าว! มึงไม่รู้เหรอวะว่ามันสองคนยังไง “ไอ้หลุยส์มันกระซิบถามผม ผมหันไปส่ายหัว
             “กูกับมันเริ่มห่างกันมาพักหนึ่งว่ะ ก็เพิ่งจะกลับมาเจอกันปีนี้แหละ “ผมหันไปคุยกับไอ้หลุยส์ มันทำหน้างงอีก
             “ก็ไอ้ดิวมันตามลุงภาไปที่ค่ายฯทหารบ่อยมากและไอ้แอ้มันก็ตามไอ้ดิวไปด้วยตลอดเพราะว่าพ่อไอ้แอ้เขาเป็นแฟนลุงภา เขาเลยฝากลุงภาดูแลแอ้ช่วงที่อาภีมไปอยู่ช่วยงานที่หน่วยอื่นว่ะ น่าจะไปช่วยลุงหนึ่งว่ะ” ผมกระซิบกับไอ้หลุยส์ ผมสองคนมองไอ้ดิวที่ดูท่าหึงแรงซะด้วย
            “กูเคยเจอว่ะ ที่ชื่อพลเอกภีมปภพใช่ไหมว่ะ” ไอ้หลุยส์ถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่
            “ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะแอ้ มีอะไรถามพี่ได้นะหรือถ้าจะให้พี่ติวให้พี่ยินดีนะครับ ยังไงเราก็จะสอบเข้าจปรเหมือนกัน” พี่ภาณุพูดผมเห็นแอ้มันยิ้ม
             “คงไม่ต้องหรอกมั้งพี่ขอบคุณ ผมว่าแอ้กับผมอ่านหนังสือเองได้ครับพี่ ไม่ต้องลำบากให้พี่มาอ่านให้ฟัง!” ผมก็ต้องอ้าปากค้างเพราะว่าทุกทีที่พี่ภาณุถามไอ้แอ้แต่กลับกลายเป็นไอ้ดิวที่เป็นคนตอบคำถามแทนไอ้แอ้หมดเลยครับ มันทำยังกับว่ามันเป็น AI ของไอ้แอ้ มันรู้ทุกเรื่องแทนไอ้แอ้ไปหมอ ไอ้แอ้ที่หันมามองไอ้ดิวจนอยากจะสกายคลิกไอ้ดิวแย่แล้ว
            “ดูท่าจะเป็นมากกว่าแฟนแล้วมึง” ไอ้หลุยส์มันกระซิบกับผม
            “ผัวเมียเหรอว่ะ” ผมกระซิบกับไอ้หลุยส์พร้อมกับยักคิ้วกันสองคนว่าใช่แน่นอน ผมหันไปดูหน้าพี่ภาณุที่มองแอ้กับดิวสลับไปมา ดูพี่แกก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
             “พี่ภาณุครับ” ผมเอ่ยปากขัดจังหวะแทน ผมคิดว่าจะต้องรีบไปทานอาหารกันดีกว่า
             “ผมว่าจะตั้งชมรมว่ายน้ำขึ้นนะ พี่จะหาคนมาเข้าชมรมผมได้ไหมครับ “ผมเลยเปลี่ยนเรื่องดีกว่าพี่ภาณุหันมามองหน้าผมและพยักหน้าว่าได้
             “ถ้าอย่างนั้นพวกผมไปทานอาหารก่อนนะพี่พวกผมโคตรหิวแล้ว เอาไว้เราคุยกันพี่” ผมบอกพี่ภาณุ พร้อมกับพยักหน้าเรียกทุกคนไปเถอะก่อนที่ไอ้ดิวมันจะขึ้นและมีการวางมวยคู่เอกแต่เช้า ไอ้ติ๊กที่ยืนนิ่งอึ้งไม่พูดจาอะไร มันแค่เดินมาแล้วจูงมือไอ้แอ้ไปจากไอ้ดิวอีกคน เออ ให้มันได้อย่างนี้ซิผมหันมามองหน้าไอ้หลุยส์และบอยก่อนยกมือขึ้นขอพรจากฟ้า จะมีอะไรที่วุ่ยวายไปกว่าไอ้สามคนนี้อีกไหม
           “กูรู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มคุสาดมากว่ะ และนี่ไม่รู้กี่เศร้าเราสามสี่คนขนาดนี้ “ไอ้หลุยส์มันกระซิบกับผมเพราะว่าไอ้ดิว ไอ้แอ้ และไอ้ติ๊กดูมันสามคนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน บอยก็เอาแต่พิมพ์มือถือไม่พูดไม่จากและก็ยิ้มกับมือถือีก
            “บอย...คุยกับใครนะ” ผมกระซิบถามบอย
           “คุยกับเพื่อนไง เขาจะขึ้นไปห้องธุรการก่อนไปกรอกเอกสารเพราะว่าเพิ่งทำเรื่องย้ายมาเมื่อวานเลย แต่จริงๆ แล้ว ธรรณ์ก็จบพร้อมบอยแหละแต่อยากมาเจอ...” บอยพูดผมก็เลิกคิ้วมอง อยากเจอมันหมายถึงอะไร เริ่มมีเลศนัย
            “แจ็คไม่เอานะอย่าทำหน้าแบบนั้นได้ไหม”
           “ก็บอยอ่ะไม่บอกแจ็คให้เคลียร์นี่ครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงแอบงอน บอยหันมามองหน้าผม
            “เดี๋ยวก็รู้ไม่นานหรอกน่ะ ทำไมต้องงอนบอยด้วย “บอยพูด ผมเลยต้องเลิกงอนและผมก็พยักหน้าเชื่อใจก็ได้ ผมเดินมาถึงห้องอาหารกัน ผมเห็นไอ้หลุยส์มันมองอะไรสักอย่าง ผมเดินไปสะกิดมันเพื่อให้เข้าไปตักอาหารกัน
            “มีอะไรวะหลุยส์” ผมสะกิดถามไอ้หลุยส์
            “กูเห็นไอ้เด็กที่กูเจอก่อนที่กูจะเดินผ่านไปห้องสมุดก่อนวันก่อนวะ” ไอ้หลุยส์มันบอกผม
             “น่าจะเป็นคนเดียวกันกับไอ้เด็กที่พี่ภาณุบอกเขาได้ยินมันคุยโทรศัพท์กับพวกนั้น มันรายงานพวกนั้นว่ามันเจอมึง” ผมกระซิบกับไอ้หลุยส์มันก็พยักหน้า ไอ้หลุยส์มันมองหน้าผมเหมือนกับว่ามันกำลังจะบอกผมว่าจะแอบย่องเข้าไปดู ผมชะเง้อมองก็เดาได้ว่ามันคงไปทางห้องน้ำด้านหลังนั้นแน่ๆ

                ผมไม่รู้ว่าทำไมผมกับไอ้หลุยส์นี้แค่มองตาถึงได้เดาความคิดความอ่านออกได้โดยไม่พูด เพราะว่าไอ้หลุยส์มันก็หันมาเหล่มองผมที่พยักพเยิดไปที่บอยอีกคน ผมกลัวคนนี้แหละ บอยรู้ก็ต้อมห้ามผม บอยไม่อยากให้ผมเข้าไปยุ่งเรื่องพวกนี้ แต่ผมก็เห็นว่าบอยกำลังคุยกับแอ้และติ๊กและก็พายอย่างสนุกสนาน
                  ผมเลยพยักหน้ากับไอ้หลุยส์ว่าจังหวะนี้แหละไอ้หลุยส์มันพยักหน้ากับผมก่อนจะค่อยๆ พากันเดินออกไปทันทีก่อนจะพลาดสิ่งที่ผมสองคนอยากจะรู้ ผมเดินเข้ามาก็เห็นไอ้เด็กที่เดินผ่านพวกผม คนที่ยืนหันหลังคุยอยู่ มีคนอยู่ตรงหน้ามันสองคนด้วย รูปร่างสูงกว่ากว่า ผมจ้องมองดีดีผมว่ามันหน้าคุ้นๆ
              “นี้มันไอ้คนที่ชื่อภาคินว่ะ มันคือหัวหน้าแก้งที่อยู่ห้องเดียวกับพวกเราว่ะและไอ้แก้งนี้แหละที่คิดว่ามันคือกุญแจสำคัญของเรื่องทั้งหมด” ผมบอกไอ้หลุยส์ ผมสองคนแอบที่หัวมุมตึกแต่จะว่าไปมันก็ไกลมากที่จะมองเห็น ผมเห็นไอ้หลุยส์มันหยิบบางสิ่งที่ดูเหมือนกล้องมาหนีบที่กล้องมือถือก่อนจะส่องดู มันซูมเห็นชัดจนเหมือนกับว่าเราอยู่ใกล้
              “พวกมึงใช่ไหมที่บอกพวกไอ้ณัฐน่ะ ให้มันส่งคนมาหิ้วปีกไอ้เด็กใหม่ในกลุ่มพวกนั้น นี้มึงหาเรื่องชัดๆ มึงรู้ไหมว่าไอ้ณัฐมันทำงานให้ใคร” ไอ้ภาคินมันถาม ผมมองแล้วน่าจะเป็นน้องชายมันที่ชื่อภาคิไนย์ ไอ้ป๊อดมันเคยบอกผมเอาไว้ว่าภาคินมีน้องชายหนึ่งคน
               “ก็พวกนี้มันแบล๊คอัพดีทำไมพี่ไม่คบไว้อ่ะ เพื่อว่าพี่จะได้เป็นหัวหน้าแก้งและตำแหน่งนี้เหมาะสมกับมึงที่สุด” น้องไอ้ภาคินพูด
               “มึงก็รู้ว่าพวกนั้นมันเป็นทาสแก้งค้ายาเสพติดและมันจะพาทุกคนซวยกันไปหมด แม้กระทั่งมึงเอง มึงอยากให้พ่อซวยเพราะช่วยมึงใช่ไหม ไอ้ไนย์ “ไอ้ภาคินมันพูด จะว่าไปแสดงว่าพวกไอ้ภาคินมันไม่ใช่พวกเด็กติดยาแต่น้องมันนี้ผมไม่แน่ใจ
               “อย่าให้กูรู้ว่ามึงทำอะไรเชี้ยะๆ แบบนี้อีกไอ้ไนย์ ไม่ง้้นพวกกูจะไล่พวกมึงทั้งสามคนออกจากแก้งของกูและมึงด้วยไอ้ไนย์ และกูจะบอกให้พ่อย้ายมึงไปอยู่กับปู่ย่าแทน” พูดและชี้หน้าน้องชายมัน สีหน้ามันนี้ทำเอาไอ้สองคนที่ยืนกระหนาบถึงกับก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้นมาเลย ผมกับไอ้หลุยส์มองหน้า เริ่มสนใจไอ้คนนี้ขึ้นมาทันที จากเดิมก็สนอยู่แล้วน่ะสำหรับผม ผมมองหน้ากันผมว่าผมกับไอ้หลุยส์มีความคิดเหมือนกัน
              “แม่งอะไรก็ขู่ว่ะ” ไอ้เด็กคนนั้นพูด
            “กูไม่ได้ขู่รอบนี้กูเอาจริง เข้าใจที่กูพูดไหม!” ไอ้ภาคินมันพูด ผมว่ามันคนจริงทีเดียว
             “เออ!” น้องชายมันพูดและไอ้ภาคินมันก็เดินไปอีกทาง ผมคิดว่ามันคงมีทางลัดไปไหนแน่ๆ แต่ว่าผมสองคนมองหน้ากัน
             “ไอ้ภาคินน่าสนใจวะ กูว่าเราควรจะซื้อใจมันให้เร็วที่สุดว่ะและส่วนไอ้น้องชายมันนี้ น่าจะได้รับบทเรียนซะบ้างวะ” ไอ้หลุยส์มันพูด ผมก็เห็นว่ามันทั้งสามคนกำลังจะเดินออกมา
             “เป็นไงวะมึง เกือบโดนไล่ออกจากแก้งแล้วสัส! และยาก็ไม่ได้ แถบพวกนั้นมันบอกถ้าเจอพวกเราอีกจะกระทืบอีกสาด ซวยสองต่อเลย “พวกมันพูดกัน ก่อนที่พวกมันจะเดินผ่านพวกผมสองคน ผมก็หยิบแว่นตาเรย์แบนที่แขวนไว้ที่กระเป๋านักเรียนบนเสื้อนักเรียนออกมาและสวมใส่ ผมยืนกอดอกรอกัน
              “เว้ย!!” มันร้องด้วยความตกใจ มันคงรู้ว่าผมสองคนรอมันอยู่
             “นี้พี่คนเมื่อวานนี้หว่า เขาจะรู้ไหมวะ” เด็กน้อยหันไปกระซิบกับเพื่อนมันแต่กระซิบดังแบบนี้พูดธรรมดาเถอะครับ
             “มึงคิดว่าพวกกูรู้ไหมล่ะ มารอขนาดนี้” ไอ้หลุยส์มันพูดและหันไปมองมันสามคน
             “พี่...คือ...???”
             “พวกมึงใช่ไหมที่หางานให้พวกกูเมื่อวาน “ผมถามมันสองคน ผมถอดแว่นตาออกแบบเท่พร้อมกัน ไอ้หลุยส์มันคาบขาแว่นตามองหน้าไอ้สามคนนั้นเรียงตัวและมันสามคนที่ค่อยถอยก็เริ่มถอยหลังออก
            “กูถามว่าใช่มั้ย!” ผมตะคอกเสียงดังถามพร้อมกับหันมามองหน้าเต็มๆ
            “ใช่พี่...” มันตอบผมสองคน
             “ใช่ครับพี่.... แต่พวกผมขอโทษผมทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการ” คนที่ยืนริมสุดรีบพูด อีกสองคนหันขวับไปมองแบบว่ามึงทิ้งเพื่อน
               “คราวนี้กูจะให้อภัยมึงแต่ถ้ามึงทำอีก ครั้งหน้าอย่าหากว่าพวกกูรังแกเด็กแบบพวกมึงนะและกูไม่รังแกธรรมดา กูเอามึงให้ปางตายเลย “ไอ้หลุยส์มันพูดและเอียงคอมองพวกมัน
               “มึงรู้ไหมว่า มีคนทำร้ายกูแบบนี้บ่อย พวกนั้นมันก็นอนโรงพยาบาล รายล่าสุดก็นอนอยู่ไอซียูวะ แต่ครั้งนี้พวกมึงโชคดีมากวะ ที่กูจะไม่เอาเรื่องพวกมึง “ไอ้หลุยส์มันพูดและหันมาหยักคิ้วให้ผม
              “แต่ถ้ายังมีครั้งหน้า ต่อให้พวกมึงกราบเท้ากู กูก็ไม่ยอมว่ะจำไว้เลย” ผมพูด
             “และถ้าอยากโตอย่าซ่ากับพี่” ผมพูด
            “ดูท่าแล้วพวกมึงยังแค่ม. ต้นซิน่ะ” ผมถาม
            “คะ...คราบพี่ พวกผม ม.2 “ตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
           “ถ้าอยากไปต่อชั้นม. ปลายอย่าทำอีก ไม่อย่างนั้นชีวิตมึงจบแค่มอต้นนี่แน่ๆ” ผมพูดไอ้สามคนมันก้มหน้าไม่กล้าเงยหน้ามองหน้าผมสองคนเลย
            “กูว่าน่ะ มึงกลับไปกินนมให้โตแล้วค่อยมางัดกับพวกกูว่ะเพราะว่าตอนนี่กระดูกมันคนละเบอร์ว่ะไอ้น้อง…ปึก! “ไอ้หลุยส์พูดและผลักอกน้องไอ้ภาคิน ไอ้หลุยส์มันหันมาพยักหน้ากับผมว่าก่อน ผมสองคนหันหลังพร้อมกันและจับแว่นตาเรย์แบนมาสวมก่อนจะเดินออกไปแบบเท่และแอบแปะมือกันด้วย เรื่องข่มขู่เด็กขอให้บอก ฮาๆ
           “อ้าวนี้ไงพวกมันมาแล้วบอย” ไอ้ดิวมันหันมาเจอผมสองคนเดินกลับมาที่โต๊ะ
            “ยิ้มกันมาขนาดนี้กูว่า ไปขู่เด็กมอต้นมาแน่ๆ เพราะว่า มันเก่งกับหมาซ่ากับเด็กเตะผู้หญิง...ขอให้บอกมัน” ไอ้ติ๊กพูด ผมหยิบกล่องขนมที่พายกินไว้ปาใส่มันทันที แม้พูดซะเหมือนแอบตามไปดู ผมขู่เด็กมาแต่ว่าเตะผู้หญิงพวกผมไม่เคยทำและไม่ทำแน่นอน ผมสองคนก็นั่งลงข้างๆ บอย
          “ไปไหนกันมาอ่ะ เดี๋ยวก็ทานไม่ทันเพราะต้องไปเข้าแถวซะก่อน “บอยบ่นผมสองคนและส่งจานอาหารให้ บอยตักไว้ให้ ผมหันไปยิ้มให้หลุยส์
           “ขอบคุณคร๊าบ” ผมสองคนพูดพร้อมกันและรับจานไปนั่งทาน
            “พวกกูไปเจอคนที่มันโทรบอกให้ไอ้พวกนั้นมันจับตัวไอ้หลุยส์ว่ะ มันคือน้องไอ้ภาคิน” ผมพูดไอ้ดิวมันหันมามองผมสองคน
            “กูเห็นไอ้ภาคินมันด่าน้องมันเรื่องนี้ด้วยวะ” ผมบอกไอ้ดิว
           “แม่งทำยังไงจะได้พวกมันว่ะเพราะถ้าได้พวกมันน่าจะดีว่ะ และกูก็คิดว่าพวกมันได้เป็นคนไม่ดีหรอก ดูท่าจะรักพวกมากด้วยวะ “ผมพูด ไอ้หลุยส์มันพยักหน้า ไอ้ดิวมันก็พยักหน้าอีกคน
            “ไอ้ป๊อดมานี้หน่อยดิ” ผมเรียกไอ้ป๊อด
             “ครับพี่มีอะไรครับผม” ไอ้ป๊อดมันวิ่งออกมา
             “กูอยากได้คนที่สามารถสืบประวัติพวกของไอ้ภาคินให้กูหน่อยหรือว่ามึงจะรับทำก็ได้น่ะ” ผมบอกไอ้ป๊อด ไอ้ป๊อดมันทำท่าคิดแต่มันตกใจตรงที่ผมบอกให้มันรับงานนี้ไป
              “กูมีค่าตอบแทน” ไอ้หลุยส์บอก
            “ให้ผมไปสืบพวกภาคินเลยเหรอครับ ผมว่าแค่ค่าตอบแทนไม่พอ ขอประกันชีวิตเพิ่มด้วยดีกว่าครับ “ไอ้ป๊อดมันพูด พวกผมหันไปมองหน้าไอ้ป๊อดพร้อมกัน
             “อย่าเยอะป๊อด!!” พวกผม
             “พวกพี่อยากรู้เรื่องของแก้งภาคินทุกคน เอาทุกคนน่ะ ทำได้ไหมป๊อด” ผมถามไอ้ป๊อด ป๊อดมองหน้าพวกผมและทำท่าคิด
             “ผมจะหาคนทำให้น่ะครับพี่แต่ผมคงทำเองไม่ได้พี่เพราะว่าผมไม่อยากทำให้ร้านแม่ผมเดือดร้อนนะพี่น่ะ” ไอ้ป๊อดมันพูดผมก็พยักหน้าว่าเข้าใจ ผมก็ลืมไปว่าแม่ไอ้ป๊อดเปิดร้านขายอาหารในนี้
                “ผมขอไปถามพี่เขาก่อน มีพี่คนหนึ่งเขารับงานสาะพัดอย่างพราะว่าพี่เขาร้อนเงิน” ไอ้ป๊อดพูดผมก็พยักหน้าและจังหวะนั้นอ๊อดเข้าแถวพอดีเลย ผมหันไปมองหน้ากันเพื่อเตรียมเข้าแถวกัน ผมเดินมาชำเลืองมองบอยที่เอาแต่กดส่งข้อความ ไม่รู้จะคุยอะไรกันหนักกันหนาน่ะ คุยกันจนผมเริ่มออกมาการหึงแล้วซิ
                  TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.23(หลุยส์Xแจ็ค)ซื้อใจภาคินก่อนเลย

               Part’ s หลุยส์ วันนี้ผมรู้สึกดีขึ้นมาก ผมมีเพื่อนและดูเหมือนว่าผมกับมันจะเคมีตรงกันหลายอย่าง ขาลุยแต่ก็รักษาไว้ซึ่งความเรียบหรูดูแพง ผมนะชอบคนจริง วันนี้เป็นวันที่สองของผม ที่ได้กลับมาเป็นนักเรียนอีกครั้งไม่ซิผมไม่เคยไปเรียนในสถาบันเลย ผมใช้ระบบ Home school มาตลอดแต่คนที่สอนจะเป็นครูรับสอนพิเศษและติวเตอร์บ้างที่มาสอนที่บ้าน แน่นอนกิจกรรมอื่นผมไม่เคยเลยแต่นี่ทำให้ผมรู้ว่า มีการเข้าแถวหน้าเสาธงและสวดมนต์ ผมน่ะไม่รู้เรื่องหรอกเพราะว่าผมนั้นได้เข้าสาบานตนเป็นศาสนาคริสต์ตั้งแต่อายุ 3 เดือนแล้วแต่จริงๆ ผมเป็นประเภทไม่เชื่อในพระเจ้าแต่ก็ไม่ลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่าง
             “หลุยส์จะเอาโต๊ะมานั่งด้วยกันไหม” บอยถามผม ขณะที่กำลังเดินขึ้นห้องเรียน
              “ไม่ดีกว่าหลุยส์นั่งได้ บอยไปนั่งกับไอ้แจ็คเถอะ” ผมพูด
              “เดี๋ยวมันร้องหาแม่” ผมแซวมัน มันนี้ควักนิ้วกลางให้ผมทันที ผมสามคนเดินไปจนเข้าห้อง ผมเห็นว่าวันนี้มีนักเรียนมานั่งในห้องเรียนเต็มไปหมดเพราะว่าเมื่อวานมีแค่พวกนี้แต่ว่าวันนี้มันเยอะขึ้น และหน้าตาแต่ละคนไม่น่าจะอยากเป็นเพื่อนเท่าไหร่
             “ใครวะ เมื่อวานทำไมไม่เห็นวะ” ผมหันไปถามไอ้แจ็ค เมื่อที่นั่งในห้องว่าง มีแค่พวกนี้แต่ว่าวันนรี้มันมากันเป็นแก้งเลย
            “เมื่อวานมันไม่มาวะ แต่วันนี้จัดเต็มว่ะ “ไอ้แจ็คมันกระซิบบอกผมและพยักหน้าให้ผมเดินต่อ
           “มันมีเด็กมาใหม่ว่ะ “มีคนแซวผมมันกระซิบบอกพวกมันแต่ละคนก็ยิ้มๆ
            “ไอ้นี่ชื่อไอ้โซ่่ “ไอ้แจ็คกระซิบบอกพวกผม
           “มันยังไม่รู้จักกูดีพอซิท่า” ผมหันไปกระซิบกับไอ้แจ็ค และผมก็เดินเข้าไปนั่งท้ายสุดแต่ไม่ไกลจากพวกมัน พวกผมนั่งลงและหันไปเจอสายตาพวกนั้นที่มองมาที่ผมโดยเฉพาะ
             “ได้ข่าวว่าเกือบโดนฉุดไปทำเมียเหรอวะเมื่อวาน...ฮาๆ” ผมหันไปมองคนที่แซวผม มันนั่งสองขาพาดไว้ที่โต๊ะหนังสือและคาบดินหรือปากกาผมก็ไม่รู้
                “ก็น่ะ ใครๆ เห็นก็อยากเอาไปทำแม่ของลูกว่ะ” พวกมัน ไอ้แจ็คมันกำลังจะขึ้นไปต่อยกับพวกมันเพื่อผมแน่ แต่บอยดึงแขนไว้และไอ้ดิวด้วยที่ส่งสายตาห้ามมัน ผมก็ส่ายหัวบอกมันว่าไม่ต้อง ผมหันไปมองไอ้คนที่หัวเราะเยาะผม ผมลุกขึ้นไปและเดินตรงไปหามัน ผมก็คว้าคอเสื้อมันกระชากขึ้น มันก็มองผม ผมก็ยิ้มๆ มันเหล่มองเพราะว่าผมเอาดิ้นสอปลายแหลม แหลมมากจ่อที่พุงมัน
                 “อันที่จริงไม่ต้องถึงมือกูหรอก ถ้ามึงยังไม่รู้จักกูดี อย่าปากดีกับกู...ปึก! “ผมพูดและปักปลายแหลมของดินสอลงที่โต๊ะตอ่หน้ามัน ใช่แค่ดินสอแต่มันทำให้โต๊ะมีลอยและถ้ามันแท่งเขาพุงมันก็ทะลุได้เหมือนกัน พวกเพื่อนมันตกใจ ผมหันไปมองอีกคนที่ชื่อภาคิน มันมองหน้าผม
                  “อย่าไอ้โซ่ว! และพวกมึงทั้งหลายก็อย่าหาเรื่องเชี่ยะอะไรกันตอนนี้...นั่งลง!!” ไอ้ภาคินมันบอกเพื่อนๆ ของมันที่จะลุกมาใส่ผม พวกมันนั่งลงแต่ยังคงมองมาที่ผม ผมก็ปล่อยไอ้คนที่มันแซวผมลงและมันคงเสียวพุงไปพักหนึ่ง ผมหันไปหยักคิ้วให้ไอ้แจ็ค ผมเดินกลับมานั่งที่จนกระทั่งมีหนุ่มหล่อในเครื่องแบบคุณครูแน่ๆ เดินเข้ามาในห้องและยืนที่หน้าห้อง
               “สวัสดีครับนักเรียนทุกคน ครูมาเพื่อที่จะพาเพื่อนใหม่มาเพิ่มอีกหนึ่งคนครับ”
               “ใครวะ” ผมถามไอ้ติ๊กมันนั่งใกล้ผมที่สุด
            “พี่พัฒน์พี่ชายกูเองวะ” ไอ้ติ๊กมันตอบพร้อมกับยักคิ้วให้ผม ผมก็พยักหน้าพี่ชายไอ้ติ๊กมัน
              “เชิญครับธรรณ์” ครูเขาเรียกใครสักคนให้เดินเข้ามาในห้องเรียน ผมหันไปมอง ก็ต้องตะลึง ตะลึ้ง น่ารักมากกว่าแต่ทำไมเลือกมาลงเรียนที่นี้
             “นี้คือธรรณ์ น่ะ เขาจะมาเรียนที่นี้ ไหนเราบอกว่ามากับเพื่อนที่ชื่อบอยใช่ไหมครับ” ครูพัฒน์ถาม เป็นเพื่อนบอยด้วย ผมสะบัดหน้าไปมอง ดูบอยโบกมือให้หนุ่มคนนั้น
                “ถ้าอย่างนั้นไปนั่งกับพวกเพื่อนเธอนะ” ครูพัฒน์พูด หนุ่มคนนั้นก็เดินมาและส่งยิ้มให้บอยแต่มองหาที่นั่งด้วย ผมก็มองข้างๆ ผมเหรอ ไม่น่ะ ไม่...คือเขาน่ารักอ่ะ
               “นั่งกับไอ้หลุยส์เลยนาย” ไอ้แจ็ค ผมก็ชะเง้อมองหน้าไอ้แจ็คว่าไม่นะอย่าส่งมา แต่คนนั้นกำลังเดินเข้ามาหาที่นั่งแถวเดียวกับผม ผมก็นั่งไม่กล้ามองหน้าเขา
               “เอาละดูแลเพื่อนใหม่กันด้วยนะครับ ครูมาพบพวกเราแค่นี้ “
              “นายภาคิน เดี๋ยวเชิญที่ห้องฝ่ายปกครองด้วยน่ะ ตอนนี้เลยครับ “ครูพัฒน์พูด
             “มีเรื่องเหรอว่ะ” ไอ้ติ๊กมันกระซิบกับพวกนั้น ผมก็มองคนที่มานั่งข้างผม นั่งอย่างนุ่มนวล ดูก็รู้ว่าถูกฝึกมาดีเรื่องการออกงานและมารยาท เรียกได้ว่าผู้ดีเก่าเลยแหละ เขาหันมายิ้มให้ผมแต่ผมนะเขิน
               “ครื้น!!!” ผมเลื่อนเก้าอีกให้ออกหางไปจนชนผนังห้องเลยทีเดียว หนุ่มหน้าหวานมองผมแบบสงสัยจนครูพัฒน์เดินออกไปจากห้องเรียน
              “เฮ้ย.... ทำไมไอ้ต้นข้าวกับไอ้บลูไม่มาวะวันนี้” พายพูดขึ้น ผมพอจะจำได้ไอ้หน้าหวานสองคนตัวเล็กๆ ผมว่าเด็กกว่าพวกผมปีหรือสองปีแน่ๆ แม้ว่าเมื่อวานผมจะเก๊กท่า ไม่ได้คุยกับพวกมันเลยก็เถอะ
             “ไอ้ต้นข้าวและเพื่อนมันจะไม่มาเรียนที่นี้แล้ว) )) ) “มีตะโกนบอกขึ้นมาลอยไม่ได้เจาะจงว่าบอกใคร
              “ทำไมวะ” ไอ้แจ็คมันหันไปถาม
             “คิดก่อนนะ...ก็เพราะพวกมึงไง...พ่อแม่เขากลัวลูกเขาจะเดือดร้อนและซวยไปกับพวกมึงไง...ไอ้ตุ๊ด!!” ไอ้แจ็คลุกทันทีและพวกมันก็ลุกขึ้นทำท่าจะเข้ามาใส่ ผมก็มองเฮ้ยเอาไงและอีกคนที่นั่งลงก็ดูตกใจไม่เคยเจอแบบนี้ซิท่า
              “ลองมาโดนเท้าพวกกูเดี๋ยวมึงก็รู้ว่าตุ๊ดหรือไม่ตุ๊ด” ไอ้ติ๊กมันลุกขึ้นชี้ไปทางพวกมัน ผมเห็นมีคนวิ่งมาที่หน้าห้อง ไม่รู้ว่าใครมันมาส่งข่าวแน่ๆ
              “ไอ้แชมป์บอกว่าครูฝ่ายปกครองจะไล่ไอ้ภาคินออกว่ะ” พวกมันกระซิบกัน ผมก็มองไอ้แจ็คทันที ผมส่งสายตาให้มันมาหาผมหน่อย
              “อะไรวะ!!เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับไอ้ภาคินเลยนะโว้ย! ทำไมไม่ไปไล่น้องมันออกละวะ” พวกมันเริ่มจะโวยวายกันแต่ก็หันมามองพวกผมแบบบเหมือนจะโยนความผิดว่าเป็นพวกผมอีกซิท่า
                 “เธอ...ไปนั่งกับ บอยได้ป่ะ เราจะคุยกับเพื่อนเราไอ้แจ็คอ่ะ” ผมบอกคนที่นั่งข้างๆ ผม นั้นไงหันขวับมาทันที ทำเอาหลุยส์เกือบช๊อก
            “ไม่อยากนั่งด้วยก็บอกตรงๆ “นั้นว่าผมอีกและลุกไป เขาลุกไปและกระซิบกระซาบกับบอย บอกก็สะกิดไอ้แจ็คให้มันลุกมาหาผม ด้วยอาการงงๆ พอมันเดินมาได้
            “เป็นอะไรของมึง คนน่ารักนั่งด้วยไม่เอา” ไอ้แจ็คมันบ่นผม
              “กูมีแผนวะ เมื่อกี้มึงได้ยินไหมวะว่าเขาจะให้ไอ้ภาคินออกว่ะ” ผมถามไอ้แจ็ค มันก็พยักหน้าว่าได้ยิน
                “ให้ไอ้ติ๊กโทรบอกพ่อมันดิว่าให้เก็บไอ้ภาคินไว้ก่อน ไอ้นี่แหละที่จะช่วยเรา บอกพ่อไอ้ติ๊กว่าไอ้ภาคินด่าน้องมันเรื่องที่น้องมันให้คนมาจับกู ดังนั้นไอ้ภาคินมันจึงไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย “ผมบอกไอ้แจ็ค ดูมันทำหน้าคิด
               “เชื่อกู เอามันไว้แล้วเราจะรุ่ง” ผมพูด
             “รุ่งริ่งหรือจะรุ่งโรจน์กันแน่เพราะว่าไอ้นี่มันเป็นตัวพ่อเลยน่ะ มันออกไปได้เราคงจะได้ปิดห้องแล้วฉลองกัน ดีใจที่ไอ้พวกนั้นมันขาดผู้นำและเราจะได้ปกครองมันได้ง่ายๆ” ไอ้แจ็คพูด ผมหันมาชำเลืองตามองมัน ผมหันไปมองพวกนั้น ผมว่ามันไม่หันมาฟังไอ้แจ็คง่ายๆ หรอก พวกนี้ต้องเจอของจริงก่อนถึงจะเชื่อ ผมเดาเอาน่ะดูจากท่าทางและนิสัยพวกมัน
                 “มึงเชื่อกูดิ กูดูไม่ผิดหรอก ไอ้นี่น่ะมันอาจจะมีอะไรดีดีอยู่เยอะกว่าที่พวกมึงเห็น” ผมพูดผมพอจะดูคนเป็นผมว่าไอ้ภาคินมันคนจริง ไอ้แจ็ค มันมองหน้าผม ผมพยักหน้าว่าลองดู มันก็พยักหน้าตามผม และมันก็สะกิดไอ้ติ๊กและกระซิบกระซาบกันไอ้ติ๊กทำท่าจะไม่เห็นด้วยแต่ไอ้แจ็คมันคงพูดจาโน้มน้าวจนไอ้ติ๊กมันยอมและมันก็เดินออกไปมันลากไอ้พายไปด้วยแต่มันดันไม่ลากไอ้แอ้ไปเหมือนเคยวันนี้
              “ทำเมียน้อยงอนก็อย่างนี่แหละ” ไอ้แจ็คมันพูดและหันมาพยักพเยิดกับผม ผมก็ว่างั้นแหละ ไอ้แอ้หันขวับมามองผมสองคนพร้อมกับ
                “ปึก!” ไอ้แอ้มันปาผมสองคนด้วยกระดาษที่กำเอาไว้เป็นก้อน ถึงเป็นแค่กระดาษแต่แอ้มันอัดมาแน่น เจ็บเหมือนกันนะผมว่า
               “ปากมึงเหรอไอ้แจ็ค” แอ้มันหันมาด่าเข้าให้
              “เสน่ห์แรงไงมึงอ่ะแอ้ แม้ไอ้พี่ภาณุมันไปหลอกถามหามึงกับกูเมื่อวานตอนกูว่ายน้ำ กูพึ่งรู้น่ะว่าพี่แอร์ของมึงมีเพื่อนด้วยว่ะ” ไอ้แจ็คมันพูด ผมก็พยักหน้า
                 “มันถามหาไอ้แอ้กับมึงด้วยนิแต่มึงคงกำลังมึนอยู่เลยบอกพี่เขาไปว่ามึงไม่รู้จักไอ้แอ้” ผมก็ตกใจ เออจริงตอนนั้นผมไม่มีสติจะคิดอะไรเลย และไอ้ติ๊กมันก็เดินเข้ามา
               “พ่อกูโทรหาครูฝ่ายปกครองให้แล้ววะ แต่แปลกนะพ่อไม่ถามกูต่อเลยว่าแค่บอกว่าไอ้หลุยส์มันขอแค่นั้น พ่อกูโอเลยวะ ไวกว่า4จีอีกสาดและง่ายกว่าตอนที่กูขอพ่อกูซะอีกนี้กูลูกแท้ๆ นะครับมึง!!” ไอ้ติ๊กมันพูด ผมพยักหน้า
            “นี้มึงลูกหลงพ่อกูป่ะเนี่ยะไอ้หลุยส์” ไอ้ติ๊กมันพูด ผมพยักหน้ายิ้มๆ หยักคิ้วด้วยแบบว่าคนมันมีด
            “ขอบใจวะ ติ๊ก” ผมพูด
            “จิ๊บๆ “ไอ้ติ๊กมันพูด ผมก็นั่งมองไอ้พวกนั้นมันดูทำหน้าเครียดมากที่ได้ยินว่าเพื่อนมันกำลังถูกไล่ออก
             “เฮ้ย! ไอ้แชมป์มันวิ่งมาอีกแล้ววะ” พวกมันพากันลุกฮือขึ้นมาทันที
               “พี่ มีข่าวใหม่พี่ภาคินไม่ถูกไล่ออกแล้วแต่ต้องรายงานตัวทุกเช้าว่าเข้าเรียนว่ะ “ไอ้คนที่คาบข่าวมาบอกพวกมันดูพวกมันค่อยดีขึ้นมาหน่อย ผมหันไปยิ้มกับไอ้ติ๊ก
                 “ใครช่วยมันไว้วะ มึงรู้ไหม” ผมได้ยินพวกมันถามไอ้แชมป์
                 “แต่กูเดาว่าไม่ใช่พ่อมันแน่เพราะว่าพ่อมันประกาศไว้ถ้ามีเรื่องอีกคือถ้ามันจะโดนไล่ออกให้ไล่ออกไปเลย” พวกเพื่อนมันพูดกัน ผมพยักหน้าพร้อมกันก่อนจะหันมามองหน้ากันแต่ไม่ได้แสดงตัวอะไรว่าที่มันรอดได้วันนี้เพราะพวกผม
                 “มีคนบอกว่าคนมีอำนาจโทรไปขอเจ้าของโรงเรียนให้พี่ภาคิน อยู่ต่อ” พวกนั้นได้ยินมันหันมาทางพวกผม ผมก็นั่งและยกเท้าขึ้นมาพาดเอาไว้บนโต๊ะในฐานะผู้มีชัยและพวกไอ้แจ็คมันก็ยืดเลยครับ แต่ว่ามีครูเดินเข้ามาสอนพอดีพวกมันเลยเดินมานั่งและสักพักนายภาคินก็เดินกลับมา มันหันมามองพวกผมก่อนเลย แสดงว่ามันรู้ ผมหันไปหยักคิ้วให้มันและภาคินมันก็นั่งลง
                  “แผนนี้ท่าจะรุ่งวะ” ไอ้แจ็คมันพูดกระซิบกับผมเพราะว่าพวกมันนั่งเรียนกันเงียบไปเลยไม่แซวอะไรพวกผมอีกเลย จนกระทั่งหมดคาบนั้นก็คือเวลาพักเที่ยงพอดีเลย
                  “ไอ้หลุยส์กูอยากนั่งกับหวานใจกูอ่ะ ให้น้องน่ารักมานั่งกับมึงได้ไหมวะ” ไอ้แจ้คมันหันมาถามผม ผมก็มองมันว่าไม่ได้ไหมวะ
                 “เฮ้ยนั่งกับกูก่อนดิวะ กู ยังไม่กล้าวะ” ผมรีบดึงแขนไอ้แจ็คเอาไว้ก่อนที่มันจะลุกไป ไอ้แจ็คมันเหล่ตามามองผม
                  “ไม่กล้าอะไรวะ “แจ็คมึนถามผม
                 “คือ เอานะ ดูหน้าตาเขาดิ เหมือนคนสเปนเลยวะ “ผมพูด
                  “ใช่บอยบอกกูว่าเขาลูกครึ่งสเปน เขาไม่ได้ครึ่งไทยจีนเหมือนมึงนี่ครับ แต่ว่าเขาชื่อไทยเพราะแม่เขาเป็นคนไทย” นั้นไง มันเหล่ตามองผมก็ปรายตาไปมองก็ยังดูเป็นคนสเปนอยู่ดี หน้าตาดี
                  “งั้น ไม่เอามานั่งกับกูได้ไหมว่ะ” ผมบอกไอ้แจ็ค
                 “ทำไม...บอกมา” ไอ้แจ็คมันหันหาผม
                “คือว่า...” ผมก็กระอักกระอ่วนใจที่จะบอกแต่ก็
                “แฟนเก่ากูนะเป็นสาวสเปนวะ กูยังเข็ดไม่หาย” “ผมพูดกับไอ้แจ็คมันก็พยักหน้าและหันไปโบกมือให้บอยและธรรณ์ที่ไม่หันมามองผมแม้แต่หางตา
                 “เห็นไหมน้องงอนเลยมึง” ไอ้แจ็คพูด
               “ไปทานอาหารกันเถอะวะ” ไอ้ดิวมันพูดและมันก็ลุกขึ้น แต่แอ้กับไอ้ติ๊กยังไม่ลุกขึ้น ไอ้ดิวมันมองทั้งคู่ ดูท่าจะคนที่งอนจะไม่ใช่ไอ้ดิวมั้งงานนี้
               “ตกลงจะไม่ไปกินข้าวกันใช่ไหม “ไอ้ดิวมันถามขั้นและมองแอ้กับติ๊กสลับกันไปมา
                 “เออ นั้นดิ ติ๊กไปกินข้าว แอ้ไปกินข้าวกันกูหิวมาก” ไอ้พายมันทำการบ้านเสร็จแล้วก็ลุกขึ้น
                “และถ้ามึงสามคนตกลงกันไม่ได้กูให้ไม้สั้นไม่ยาวไปจับกันหลังกินข้าว ฮาๆ” พายพูด
                “ขวับ!!” พร้อมเพรียงกันสามแท่ง ไม่ใช่อะไรแต่เป็นนิ้วกลางทั้งสามนิ้ว
                  “แหม!!!มาพร้อมกันเลยน่ะ ขอเป็นของดิวคนเดียวได้ไหมอ่ะ จะจับทั้งวันเลย” นั้นไงคนที่หดเก็บก่อนเพื่อนคือไอ้ดิว มันกลัว อย่าว่าแต่ดิวเลยผมยังกลัวเลยน้องพายอะไรนี่
                   “ถ้าไม่ไปกูไปกับดิวเอง ดิว น้องพายยื่มควงแขนเดินหน่อยน่ะ” ไอ้พาย และแอ้กับติ๊กมันก็ลุกขึ้นแต่ไอ้ติ๊กนะมันลากแขนแอ้ออกไปก่อนเลย ผมก็หยักไหล่อะไรกันวะ พวกมันก็ส่ายหัวกันหมด บอยและน้องน่ารักนั้นก็เดินออกไปด้วยกันผมก็ไปพร้อมกับไอ้ดิวและไอ้แจ็คเหมือนเดิม ส่วนพายนะวิ่งแจ้นตามไอ้ติ๊กไปติดๆ แล้ว เหลือแค่ผมสามคน ผมรอให้ทุนลงไปก่อนโดยเฉพาะบอย ผมหันมามองหน้ากัน
             “มึงแน่ใจแล้วเหรอวะว่าทำดีกับพวกมันแล้วมันจะเห็นค่าอะ “ไอ้แจ็คมันถามผม ไอ้ดิวมันก็มองหน้าผม
                  “กูเชื่อว่ะว่าการให้โอกาสคนมันจะสร้างมิตรภาพได้ว่ะ เมื่อก่อนพ่อกูทำว่ะ เคยให้โอกาสคนที่เคยจะฆ่าพ่อกูแต่พอพ่อกูให้โอกาสเขาก็มาเป็นข้ารับใช้ครอบครัวกูจนถึงทุกวันนี้ ดูแลกูแทนพ่อแม่กูด้วย” ผมพูดกับไอ้แจ็คและไอ้ดิว
               “เอาน่ะพวกมึงคอยดูก่อนแล้วกันว่าพวกมันจะมีปฏิกิริยายังไง” ผมบอกไอ้แจ็คและไอ้ดิว
               “ลงไปทานข้าวกันเถอะว่ะ หิวว่ะ” ไอ้ดิวพูด ผมก็พากันจะเดินออกจากห้องเรียน ไอ้ดิวมันนำไปก่อน
                “เฮ้ยย!” ไอ้ดิวมันร้องตกใจ พวกผมก็ตกใจเช่นกัน ผมออกมาก็พบกว่ามีคนมายืนรออยู่ ไอ้คนนั้นคือไอ้ภาคิน มันหันมาและเดินเข้ามาหาพวกผม ผมหันมามองหน้าไอ้ดิว มันมาดีหรือมาร้ายว่ะ ไอ้ดิวหยักไหล่ว่าไม่รู้
              “กูไม่ได้มาทำอะไรพวกมึงหรอก กูมาคนเดียว มึงยืนกันเยอะขนาดนี้ กูไม่แลกกับพวกมึงเหมือนกัน” ไอ้ภาคินมันพูด พวกผมชะเง้อมองไปดูด้านหลังไอ้ภาคินว่ามีพวกมันแอบอยู่หรือเปล่าแต่ไม่มี พวกผมพยักหน้ากันว่าปลอดภัย
              “ว่าแต่มารอพวกกูมีอะไรหรือเปล่าว่ะ” ไอ้ดิวมันถาม
             “นายเป็นคนขอเจ้าของโรงเรียนให้เราใช่ไหมวะ” ไอ้ภาคินมันถามแต่สายตานะมันมองที่ผมโดยตรง ไอ้แจ็คและไอ้ดิวมันก็มองมาที่ผมเช่นกัน ประมาณว่ามันรู้ได้ยังไงว่าต้องเป็นผมที่เป็นคนขอ
             “เออ...ใช่...” ผมตอบมันว่าใช่ผมเอง
            “ทำไมวะ” มันถามผมตรงๆ
            “พวกกูแค่อยากเป็นเพื่อนกับพวกมึงว่ะ “ไอ้แจ็คมันตอบแทนผม ไอ้ภาคินมันพวกผมและทำท่าคิด
              “จริงๆ ว่ะ พวกกูอยากเป็นเพื่อนกับพวกมึงว่ะและที่พวกกูมาเรียนี้ก็เพราะพวกมึงโดยตรงเลย” ไอ้แจ็คมันพูด ไอ้ภาคินมันมองพวกผม
               “อยากเป็นเพื่อนกับพวกกู ทั้งที่พวกกูดูไม่ได้ชอบขี้หน้าพวกมึงเลยน่ะ” ไอ้ภาคินมันถาม มันมองหน้าทุกคน
               “นั้นก็เป็นอีกเหตุผลว่าพวกกูอยากลบคำสบประมาทที่พวกมึงมองว่าพวกกูเป็นแค่ลูกคุณหนูด้วยไง กูอาจจะมีดีกว่านั้นก็ได้น่ะ เหมือนที่พวกกูมองพวกมึงว่าพวกมึงมีดีกว่าที่ไอ้พวกนักเรียนมันพูดกันเหมือนกัน ไม่ใช่แค่เด็กเกเรไปวัน วันว่ะ” ไอ้แจ็คพูด ผมหันมายกมือแตะมือเห็นด้วย
                “มันคงจะง่ายไปหน่อยพวกนี้มันเป็นพวกชอบเจอคนจริงว่ะแต่กูก็เชื่อว่าพวกมึงคงซื้อใจมันได้ไม่ยาก” ไอ้ภาคินพูด
                “แต่ขอบใจวะหลุยส์” ไอ้ภาคินมันพูดว่าขอบใจผมและมันก็พยักหน้าให้ไอ้แจ็คและไอ้ดิว
               “เดี๋ยว!ไอ้ภาคิน “ไอ้แจ็คเรียกมันไว้มันหันมามองผม
                 “กูขอแลกเปลี่ยนอะไรอย่างได้ไหมวะ เพื่อนมึงบอกว่าไอ้ต้นข้าวและไอ้บลูจะไม่มาเพราะว่ามีคนไปบอกพ่อแม่มันว่าพวกกูจะทำให้พวกมันเดือดร้อนแต่นี่พวกมันตั้งใจย้ายมาเรียนที่นี้และตอนนี้เป็นเพื่อนพวกกูไปแล้ว กูขอวะ ขอให้พวกมึงไปแก้ให้พวกกูด้วย เพื่อนกูจะได้กลับมาเรียนว่ะ” ไอ้แจ็คมันพูด ไอ้ภาคินมันยืนหันหลังอยู่
                “ได้กูจัดให้” ไอ้ภาคินพูดและมันก็เดินออกไป เพื่อนๆ มันรออยู่กันหมดแต่แอบอยู่ที่หัวมุม ผมหันมามองหน้ากันแล้วหลอกพวกผมว่ามาคนเดียวแต่เพื่อนมันก็ยืนอยู่ไกลอสมคยวร พวกนั้นหันมามองพวกผมก่อนจะพากันเดินออกไป ผมหันมาหยักไหล่ให้กันว่าลงไปหาอะไรทานกันดีกว่าตอนนี้มันเที่ยงแล้ว
                “ไอ้ภาคินมันบอกว่าพวกเราจะซื้อใจเพื่อนๆ มันได้ไม่ยากแต่ว่ามันไม่บอกให้ซื้อยังไง กูว่าเงินไม่น่าจะได้ไอ้พวกนี้ “แจ็คพูด ระหว่างที่พวกผมกำลังเดินลงไปด้านล่าง
                   “เออ...เดี๋ยวนะ...” จู่ๆ ไอ้แจ็คมันชะงักเท้า
                “มีอะไรวะแจ็ค” ไอ้ดิวมันถาม ผมก็มองไอ้แจ็คว่ามีอะไร มันทำท่าคิด
                 “มึงได้ยินไหมวะ ว่ามันขอบใจไอ้หลุยส์” ไอ้แจ็คมันถาม ผมพยักหน้าว่าได้ยินดิ มันชื่อผมเอง ไอ้ดิวก็พยักหน้าอีกคน
                  “พวกมันพึ่งจะมาวันนี้และไม่ได้คุยหาอะไรกับมึงเลยไอ้หลุยส์ ทำไมมันรู้จักชื่อมึงวะ” ไอ้แจ็คพูด ผมก็รคิด ยังไม่มีใครแนะนำผมให้พวกมันรู้จักเลยนิ
                  “สาด!จริงด้วยวะ” ผมนี้ไม่ทันคิดเลยแสดงว่ามันต้องรู้จักผมมาก่อนแน่ๆ
                   “กูว่ามันมีของดีวะ” ไอ้แจ็คผมหันไปเหล่มองมัน
                “ทำไมมันมีร่างทรงหรือกุมารเหรอ .... เลอะเทอะ ไปกินข้าวเถอะวะ” ไอ้ดิวพูด ผมเดินลงมาแต่ตามสาวๆ จนทันทเรียกสาวๆ ดีกว่า ฮาๆ
             “กูเดาว่ามันคงได้ยินพวกเราเรียกชื่อมัน มันเลยเรียกแค่นั้นแหละ คิดให้เยอะทำไมวะ” ไอ้ดิวมันพูด ผมสามคนเดินลงมาถึงชั้นล่าง ก็เจอหนุ่มเหลือน้อยเขายืนรอพวกผมอยู่ ผมหันไปมองไอ้ดิวว่าไอ้คนที่มันเล็งยืนอิงแอบกับติ๊กอยู่ ไอ้ดิวมันมองบนทันที
              “กูว่าอีกคนพยายามและอีกคนก็ไม่ยอมขัดแต่ดูยังไงก็ สายเดียวกันว่ะ “ผมพูดก่อนจะแตะไหล่ไอ้ดิวเบาๆ
               “น้องสาว รอพี่ด้วย” ไอ้แจ็คมันตะโกนบอกทุกคน พวกบอยหันมามองพร้อมกันหมด ก็ไอ้แจ็คมันเรียกน้องสาวดังขนาดนั้น แต่ละคนหันมาและชูนิ้วกลางให้พร้อมกันไม่ต้องนัดหมายอะไรเลย จะว่าไป ผมก็เหมือนได้กลับมามีชีวิตที่ปกติเหมือนตอนที่พ่อแม่ผมยังไม่ถูกลอบสังหาร ผมมีชีวิตที่มีความสุขมาก มีวัยเด็กเหมือนคนอื่นแต่พอเกิดเรื่อง ชีวิตผม มันมืดลงเหมือนโดนปิดไฟ ต้องเข้มแข็ง ต้องต่อสู้กับความรู้สึกและอะไรอีกมากมาย เหมือนกับชีวิตผมอยู่ตามลำพังเลยแต่ว่าตอนนี้ผมไม่ได้สู้ตามลำพังแล้ว
             TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.24 (หลุยส์Xแจ็ค)ช่วยเพื่อนหลุยส์ให้สมหวัง 1

          Part’ s แจ็ค หลังจากทานอาหารกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมสังเกตเห็นบอยทำสีหน้าไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ ผมเดาได้ว่าน่าเกี่ยวกับธรรณ์และหลุยส์นี่แหละ ผมเห็นธรรณ์ เขาดูร่าเริงเฉพาะกับพวกไอ้ดิว ไอ้แอ้ ไอ้ติ๊กและพายและก็บอย แต่แปลกกลับไม่ยอมคุยกับหลุยส์เลย ส่วนไอ้หลุยส์ผมดูแล้วมันก็มีใจน่ะแต่มันไม่กล้า ทำไมตอนนี้มาป๊อดว่ะผมแอบคิดในใจ ไม่ได้ ไม่ได้ ผมต้องคิดว่าควรจะหาแผนการที่จะทำให้มันแสดงตัวว่าเป็นพระเอกให้ได้ ไม่ใช่นั่งทำหน้าหงอยแบบนี้
           “บอยเดี๋ยวแจ็คมานะ จะหาวิธีช่วยไอ้หลุยส์” ผมกระซิบบอกบอย บอยหันมามองผม
           “เออ จะดีเหรอ บอยว่า” บอยรีบทักท้วงผมทันที เมียไม่เชื่อใจอีกแล้ว
           “บอยไม่เชื่อใจแจ็คเหรอครับ” ผมหันมากระซิบกับบอย
           “ก็เชื่อ…แต่แอบกลัวอ่ะ บอยว่าบอยค่อยคุยกับธรรณ์และหลุยส์ตอนเรากลับไปถึงบ้านก่อนดีกว่าไหมแจ็ค” บอยพูด ผมต่างกันไหมเนี่ยกับจะบอกว่าไม่เชื่อ ผมมองบอย บอยยิ้มๆ ให้ผม
            “เราต้องทำตอนนี้แหละ เอานะ เชื่อใจแจ็คหน่อยนะครับ” ผมพูดและเดินออกไป ผมส่งซิกกับทุกคนว่าจะไปห้องน้ำ แต่ไอ้หลุยส์มันไม่ยอมมองผมเอาแต่ก้มหน้ากับมือถือ ผมเดินเข้าไปหาไอ้ป๊อดทันที
           “ป๊อด” ผมเรียกไอ้ป๊อด
           “ว่าไงพี่” มันหันหน้ามาถามผม
            “พี่อยากให้เราช่วยอ่ะ “ผมพูดและมองหน้าป๊อด พอป๊อดได้ยินเท่านั้นแหละมันทำหน้าสีเหมือนตกใจมากที่ผมบอกว่าอยากให้มันช่วย ผมคิดในใจ ป๊อดมันจะตกใจทำไม แถมมันยังหันมามองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
            “พี่จะให้ผมช่วย...เออ..ช่วย” ป๊อดเงยหน้าขึ้นมองหน้าผม
            “อะไร...ป๊อด!!” ผมถามป๊อดพร้อมกับเอามือเท้าเอว ไอ้เด็กคนนี้ มันคิดดีดีไม่ได้เลย ทำไมผมเดาออก มันมองตรงเป้าของผมนี่แหละ กลับกลายเป็นผมที่ต้องหนีบแทน ไอ้เด็กคนนี้มันแก่แดดจริงๆ ผมคิดในใจ
             “คือพี่จะให้ผมช่วยเรื่องนั้นนะเหรอพี่ ผมว่าผม ผม ไม่เคยน่ะพี่น่ะ” มันพูดและมองส่วนสงวนผมพร้อมกลืนน้ำลายดังเอือกใหญ่
             “โป๊ก!” ผมก็หันไปหยิบแก้วน้ำพาสติกใกล้มือโขกกระบาลมันไปสักหนึ่งที่
             “ไม่เอา! จ้างให้กูก็ไม่เอา เมียกูน่ารักกว่ามึงเยอะ” ผมพูด มันก็เอามือลูปหัวตัวเองเบาๆ
           “แล้วพี่จะให้ป๊อด ช่วยอะไรครับ” ไอ้ป๊อดมันถามผมพร้อมกับเอามือลูบหัวที่โดนขวดน้ำโขกไปเบาๆ
            “เอาหูมา “ไอ้ป๊อดมันก็เอียงมาสุดๆ
            “ยืนดีดีดิว่ะ กูไม่ทำอะไรมึงหรอกน่ะ กูเลือกสาด!” ผมด่ามันและมันก็ยืนดีดี ผมก็กระซิบแผนการทันที นี้เคยดูละครมามันน่าจะได้ผล
             “เอาแบบนี้เลยเหรอพี่ “ไอ้ป๊อด ผมพยักหน้าและควักเงินสดออกมาห้าพันบาท มันจิบๆ และส่งให้ไอ้ป๊อด
            “ไม่ต้องแสดงเยอะแต่ขอให้สมจริงๆ” ผมบอกไอ้ป๊อด
             “ได้พี่ผมมีครับนักแสดงรับจ้างในครัวผมน่ะ หน้าโหดแต่แอบคิกขุ” ไอ้ป๊อดพูดผมพยักหน้าว่าได้ตามนั้น แต่ผมต้องหาทางให้ธรรณ์เดินไปด้านหน้าให้ได้และไอ้หลุยส์ตามไปและมันก็จะ
           “ไอ้ป๊อด อย่าต่อยจริงนะโว้ย!! เห็นแบบนี้พวกกูหวงหน้าตามาก” ผมบอกไอ้ป๊อด
           “ไม่ครับ ไม่ต่อยจริงแต่เอาแบบเกือบๆ นะพี่ มันจะได้สมจริงนะพี่แจ็ค” ไอ้ป๊อดพูดว่าเกือบๆ ผมพยักหน้าก็ได้อยู่และผมก็ยกนิ้วมือให้มัน ฮาๆ แค่คิดนะก็มันแล้วพ่ะย่ะค่ะ ผมคิดในใจผมเดินกลับไปนั่งที่เดิมและบอยก็มองผมแบบหวาดระแวง
             “ทำไมมองเขาแบบนั้นละที่รัก” ผมถามบอย”
            “ก็มันแปลกอ่ะและดูซินี้ก็เอาแต่เล่นมือถือไม่มองใครเลย “บอยกระซิบบอก
            “เดี๋ยวมันหายแน่นอน ถ้าเจอแผนแจ็คเขาไป แจ๊คดูออกว่ามันก็ชอบธรรณ์แต่มันป๊อด” ผมบอกบอย และย้ายก้นไปนั่งใกล้ๆ กับไอ้หลุยส์
             “ ไอ้หลุยส์ มึงชอบน้องธรรณ์ก็บอกมาอย่ามาขี้เก๊ก” ผมกระซิบ มันเงยหน้ามองผม
              “กู...” หลุยส์มันหันมาถามผมและมันก็ชี้หน้ามันเอง ผมพยักหน้าว่าใช่ มึงน่ะชอบเขา ผมมองหน้ามันอีก จ้องเข้าไปเพื่อหาความจริง มันก็มองธรรณ์ มองแบบรีบมองกลัวเขารุ้ความจริง ก่อนจะรีบหันมาสั่นหัวไปมากับผม
              “อย่าสตอ!!” ผมยังคงดักมันอีก
              “กูไม่ได้บลูชิท” หลุยส์มันหันมาพูดกับผมแปลกออกด้วยน่ะ ผมก็แย่งมือถือมันมาและมันก็ทำท่าจะแย่งแต่ผมชี้ว่าถ้ามันกระโตกกระตากทุกคนจะรู้หมดและผมก็เข้าไปที่แฟ้มรูปภาพของมัน นี้ไง มีแต่รูปธรรณ์ทั้งนั้นเลยมันแอบถ่ายไว้
            “ไอ้แจ็ค” มันกัดฟันเรียกผม
            “มึงชอบเขาก็บอกมาดิว่ะ “ผมพูดเบาๆ บอยก็มองผม ผมก็ยิ้มให้โบกไม้โบกมือไม่มีอะไร
             “กู ...กลัวแต่กูก็...” ไอ้หลุยส์
             “ลองก่อนดิวะ แต่กูเชื่อว่าเขามาเพื่อมึงว่ะ” ผมพูด
            “แต่ดูดิ เขาไม่อยากจะคุยอะไรกับกูเลยสักนิด อย่างนี่เขามาเพื่อกูตรงไหนวะ” ไอ้หลุยส์พูด ผมมองหน้ามัน ไม่รู้ตัวเลยว่าที่เขาไม่พูดเพราะมันนี่แหละ ทำกับเขาก่อน
             “เอาอย่างนี้กูมีแผน ทำให้มึงเป็นพระเอก” ผมพูดและไอ้หลุยส์มันเลิกคิ้วสูงอีกคนแล้วที่กลัวความคิดอันชาญฉลาดของผม
            “เชื่อใจกู “ผมบอกมัน พอดีทุกคนมองนาฬิกาว่าควรจะเตรียมตึวเข้าเรียนได้แล้ว ระหว่างที่กำลังเดินไปเข้าแถว ผมเห็นพี่ภาณุเดินมาหาพวกผมอีกแล้ว แต่ผมคิดว่ามาคุยเรื่องชมรมว่ายน้ำกับผมแน่ๆ แต่เปล่า
            “แอ้” พี่ภาณุเดินตรงมาหาแอ้เลย มาจับแขนแอ้ ไอ้ดิวที่มองและทำท่าจะผลักออกแต่แอ้มันหันมาห้ามไว้ด้วยสายตาอันเฉียบแหลมจนน่าเกรงกลัวมากกว่าและไอ้ดิวมันก็ต้องยื่นนิ่งแทน
           “ก่อนที่มึงจะช่วยปัญหากู กูว่ามึงไปแก้ปัญหาไอ้คู่นี้ก่อนดีกว่าไหมวะ ไอ้ศิราณี” ไอ้หลุยส์มันกระซิบบอกผม
            “คู่นี้กูยกมือยอมแพ้ว่า กูพูดเลย” ผมกระซิบกลับ
            “กูก็จับคู่ให้มันไม่ถูกจริงๆ และกูก็เดาว่าพวกมันเองก็สับสน จับคู่ให้ตัวเองไม่ถูกเหมือนกัน แล้วมึงจะให้กูไปช่วยมันยังไงวะ มันหนักกว่ารักสามเส้าเราสามคนดูท่าจะสีหน้าคนแล้วเนี๊ยะ!” ผมพูดพร้อมกับโบกมือว่าขอบายพวกรักไม่รู้กี่เสา แถมยังไม่รู้กี่คน
             “พี่ภาณุมีอะไรไหมครับพวกผมจะขึ้นเรียนแล้วนะครับ” แอ้หันไปถามพี่ภาณุแต่ว่ามันบอกว่าพวกผมจะขึ้นห้องเรียนกันแล้ว พวกผมหันมามองหน้าไอ้แอ้พร้อมกันหมด นี่มันคือการชวนพวกผมขึ้นห้องเรียนเหรอครับไอ้แอ้ ไอ้แอ้มันขยิบตากับพวกผม มันจะหาเรื่องหนีพี่เขานี่เองแต่นึกในใจรบกวนเตี้ยมพวกกูบ้าง
                 “เออๆ ขึ้นก็ขึ้น ยังเหลือเวลาอยู่เลยเนี่ย” ไอ้ติ๊กพูด ผมหันไปมองไอ้ติ๊ก มึงจะช่วยมันหรือช่วยไอ้พี่ภาณุ
                 “ไปแอ้ รีบไปเถอะ ไปเตรียมตัวเรียนวิชาตอนบ่าย เราเรียนกันหนักมาก ดังนั้นเราควรจะไปก่อนเวลาน่ะ ไปแอ้พ” ไอ้ดิวพูด ไอ้นี้อีกคน ผมหันไปมองไอ้ดิว จริงเหรอเพราะว่าก่อนลงมาทานข้าว นั่งว่างมาก ไม่มีใครเข้าสอน ตั้งแต่เช้ามามีสองวิชาและครูคนเดิมคือครูพัฒน์คนเดียว เหมือนทั้งโรงเรียนมีคนเดียวเหมาหมดทุกวิชา
                 “รีบไปก็ดีน่ะ กินอิ่มแล้ว ง่วงเลยอ่ะ ไปเราพร้อมนอนตอนบ่ายมาก” พายอีกคน ผมอยากบอกแอ้ว่า มึงควรมีเพื่อนเมื่อพร้อมจริงๆ เพื่อนมึงไม่มีใครให้ความร่วมมือกับมึงสักคน แต่ผมก็ลุกขึ้น พี่ภาณุที่ยังทำหน้างง ยังจะงงอีก
                 “แอ้…คือพี่ว่าจะชวนแอ้ไปทานข้าววันหยุดนี้นะครับ “พี่ภาณุพูด ผมหันมามองหน้ากันมามุกไหนอีก
                  “คือว่า...แอ้” แอ้หันมามองพวกผม ผมก็ปิ้งไอเดียขึ้นมา
                  “พี่พวกผมมีแพลนแล้วอ่ะ พวกผมว่าจะไปเลี้ยงวันเกิด ให้ไอ้หลุยส์มันวันหยุดนี้พี่!” ผมพูดและกอดคอไอ้หลุยส์ มันก็สะบัดหน้ามามองผม มันชี้หน้าตัวมันเอง
                 “มึงรู้เหรอกูเกิดวันไหน” ไอ้หลุยส์มันกระซิบถามผม
                  “ไม่รู้หรอก คิดซะว่าวันเกิดล่วงหน้าน่ะ” ผมกระซิบบอกไอ้หลุยส์มัน
                   “พูดง่ายๆ วันเกิดทิพย์” ผมพูดกับไอ้หลุยส์ มันมองบนใส่ผมทันที
                    “สาด!!” ไอ้หลุยส์มันด่าผมกลับทันที ผมก็มองพี่ภาณุพี่เขาก็มองหลุยส์ ไอ้หลุยส์มันเลยพยักหน้าไปอย่างนั้น เพราะว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่วันเกิดมันหรอก ทุกคนหันมามองหน้าผมก่อนจะจะส่ายหัวพร้อมกันเบาๆ
                     “เหรองั้นเอาไว้อาทิตย์หน้าก็ได้นะครับ พอดีพี่มีเรื่องจะคุยด้วย” พี่ภาณุพูด
                     “อาทิตย์หน้าก็ไม่ว่างครับ พวกผมต้องไปทำธุระกันที่ค่ายทหาร” ไอ้ดิวมันพูด
                   “งั้นก็” ยังอีกเหรอ พวกผมมองพี่แก พี่แกโคตรตื้อเลย
                  “ไม่มีอาทิตย์ไหนว่างเลยตารางเต็มใช่ไหมแอ้” ไอ้ดิวพูด
                  พวกผมได้ยืนมองสามคนนี้สลับกันไปมา ก่อนจะหันมามองไอ้ดิว มันชัดมากเลย สีหน้ามันนี่ นี่มันอาการคนหึงชัดๆ ไอ้แอ้ยังหันมามองไอ้ดิวเหมือนจะบอกให้มันหยุดด้วยสายตา และอีกคนที่มองก็คือติ๊ก มันเหมือนบอกไม่ถูก มันจะหวงไอ้แอ้หรือจะแค้นแทนไอ้ดิวกันแน่ บอยกับหลุยส์ยังทำหน้างงเลย ผมสองคนก็งงเหมือนกัน
               “งั้นพี่คงไปคุยกับแอร์ใหม่นะ แอร์บอกให้พี่ชวนแอ้ไปเที่ยวบ้างนะครับแต่ถ้าแอ้ไม่ว่างเยอะขนาดไม่เป็นไร ยังไงก็ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ .. พี่เป็นห่วง” พี่ภาณุพูด
               “โอ้วว!!” ผมกับไอ้หลุยส์อุทานพร้อมกัน ส่วนไอ้ดิวนี่ยืนกำมัดรอแล้วแต่แอ้มันสะกิดเอาไว้ ผมเดาว่าพี่แกก็รู้สึกแหละ ว่าไอ้นี่พร้อมบวกกับพี่แกมาก
                 “เออ ถ้าอย่างนั้น พี่ไปก่อนนะครับ เพื่อนพี่เรียกแล้ว แอ้ ...” พี่ภาณุพูดและพี่เขาก็หันมาโบกมือให้พวกผมก่อนจะรีบเดินออกไปเพราะว่าหน้าไอ้ดิวมันคุสาดมาก
                “กูจะไปห้องน้ำก่อนนะ” ไอ้แอ้มันพูดและเดินแยกออกไปทันที ไอ้ดิวก็ตามทันทีเช่นกัน ผมได้แต่มองตามและไอ้ติ๊กทีเดินขึ้นไปอีกทางหนึ่ง ส่วนพายยืนงงอยู่ในดงลาเวนเดอร์เหมือนๆ กับพวกผมนั้นแหละแต่ก็เดินตามติ๊กไปแบบงงๆ
              “ตกลงใครผัวใครเมีย ใครเมียหลวงใครเมียน้อยวะ แล้วใครเป็นพระเอกหลัก ใครเป็นพระเอกรองกันแน่วะ” ไอ้หลุยส์ถามขึ้น บอยหันมาตีแขนไอ้หลุยส์ ส่วนธรรณ์ก็เดินขึ้นตามพายไปเช่นกัน บอยที่ทำท่าจะตามผมก็รีบคว้าข้อมือบอยไว้ก่อน
                “ไอ้หลุยส์มึงขึ้นไปก่อน กูจะรีบตามขึ้นไป ขอสวีตกับเมียสักห้านาทีเพราะตั้งแต่เช้า กูยังไม่ได้จีบเมียเลยเพราะมึงคนเดียวนี่แหละ หล่อและยังเยอะอีก เล่นตัวน่ะไม่ใช่อะไร” ผมบอกไอ้หลุยส์ มันหันมามองผม ผมรีบควักมือไล่ไปก่อน บอยหันมามองหน้าผมว่ามีอะไร
              “บอย วันนี้ตอนเลิกเรียน บอยหาเรื่องให้ธรรณ์เดินไปกับไอ้หลุยส์ก่อนนะ ที่หน้าประตูน่ะ “ผมบอกบอย บอยก็มองหน้าผม
             “น่ะบอย “ผมพูดกระซิบข้างหูบอย
             “นี่คิดจะทำอะไรแจ็ค” บอยหันมาถามผมสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
              “เอาน่ะ ไอ้หลุยส์มันจะได้กล้าเปิดใจคุยกับธรรณ์และแจ็คก็มีแผนจะให้ทั้งคู่ยอมรับความรู้สึกตัวเองเร็ว” ผมพูด บอยมองหน้าผมแบบไม่ค่อยเชื่อแต่ก็พยักหน้า
              “ก็ได้นะ แต่ห้ามมีใครเจ็บตัวโชว์อะไรทั้งนั้นนะแจ็ค” บอยหันมาบอกผม ผมก็กลืนน้ำลายนี้ขนาดไม่ได้บอกแผนนะทำไมเดาออกง่ะแต่ ผมจ้างไปแล้วนี่ครับ
              “ไม่มีแน่นอน” ผมพูดกับบอย
              “เหมือนโกหก แต่บอยก็จะเชื่อแจ็คน่ะและหวังว่าจะไม่เสียเปล่าที่เชื่อใจ” บอยพูด ผมก็ยิ้มแหยๆ อู้ยย!! คิดหนักเลยผมแต่มาขนาดนี้แล้ว เอาไว้ค่อยแก้ตัวทีหลังแล้วกันผมคิดในใจ
               ผมกับบอยก็รีบเดินตามขึ้นไปบนห้อง พอไปถึงธรรณ์ก็คุยกับพายและติ๊กแต่ดูไอ้ติ๊กไม่ค่อยสบอารมณ์ในการสนทนาเท่าไหร่ ผมก็แยกตัวไปนั่งกับไอ้หลุยส์มัน ครูพัฒน์ก็ตามเข้ามาสอนอีกวิชาแล้ว ผมหันมายิ้มให้ไอ้แว่นหนา ไอ้หัวหน้าห้องโดยพละการ เพราะว่ามันแต่งตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าและตำแหน่งหัวหน้าห้องโดยพละการนี้พวกผมตั้งให้เลย
               “นักเรียนทำความเคารพ” ไอ้หัวหน้าก็กล่าวทำความเคารพปกติ วันนี้เป็นวันแรกที่พวกไอ้ภาคินมันตั้งใจเรียนนะผมว่า ผมก็นั่งฟังวิชาภาษาไทยไปอย่างง่วง จนผมหันไปเจอไอ้หลุยส์ที่มันแอบมองธรรณ์ และจังหวะที่ครูพัฒน์หันไปเขียนกระดานดำ ผมก็เขียนใส่กระดาษ
             “คนน่ารักจีบได้ป่ะ จาก หลุยส์” ผมขย้ำและปาข้ามทุกคนไปโดนธรรณ์ ธรรณ์หยิบมาและก็เปิดอ่านผมนี้ลุ้นมาก ไอ้หลุยส์มันหันมามองผม ผมก็หยักคิ้วให้มัน
              “ปึก” มีกระดาษลอยมาที่ไอ้หลุยส์ตรงๆ ผมนี้หยักคิ้วให้มันรีบเปิดอ่าน มันก็รับมาแบบงงๆ พร้อมกับเปิดดูแบบงงๆ เช่นกัน
              “Are you out of your mind? You were just mad at me the morning. Stop to play silly with me!”
              “F**k” ผมสบดออกมา ผมทำให้มันแย่ลงหรือไงวะ ไอ้หลุยส์มันหน้าถอดสีเลย ขาวซีดเลือดจากที่มันขาวอยู่แล้วขาวหนักเข้าไปอีก
              “เขาด่ากูทำไมวะ” ไอ้หลุยส์ ผมก็เกาหัว
              “กูเขียนกระดาษชมว่าเขาน่ารักและกูลงชื่อมึงว่ะ” ผมสารภาพบาปกับไอ้หลุยส์มัน
              “ไอ้....แขก!!” มันตะคอกใส่ผมแต่ดันลืมไปว่าในห้องมีครูอยู่
             “อะไรกันนายแจ็คและหลุยส์ “พี่พัฒน์หันมาถามผมสองคน ทุกคนมองมาที่ผมกันหมด
            “นายไม่ตั้งใจเรียนเลยหรือไง ออกไปยืนหน้าห้องและถือไม้บรรทัดไปคนละอัน “พี่พัฒน์พูด ผมก็มองว่าเอาไปทำไมอ่ะ ผมเดินไปยืนที่หน้าห้องกับไอ้หลุยส์
            “ยืนกระต่ายขาเดียวและคาบไม้บรรทัดด้วย จนกว่าครูจะสั่งให้พอ” พี่พัฒน์พูด ผมก็มองเอาจริงๆ เหรอ
                  ไอ้หลุยส์มันก็ทำหน้าจะกินหัวผมอีกด้วย เพราะว่ามันซวยโดนร่างแหไปกับผมด้วยไง ผมก็จัดการยืนกระต่ายขาเดียวและคาบไม้บรรทัดพร้อมกับไอ้หลุยส์ มันก็หันมาแยกเขี้ยวใส่ผม และคนที่เดินเปลี่ยนห้องเรียนก็พากันหัวเราะผมสองคนกันใหญ่เลย ผมยืนกันจดหมดคาบและนี้ก็เป็นคาบสุดท้ายด้วยเพราะว่าเป็นวันศุกร์จะเลิกเร็ว เห็นไอ้หัวหน้าแว่นมันบอกว่าปกติจะเป็นกิจกรรมชมรมแต่ไม่มีใครอยากเข้าชมรมอยากพากันรีบกลับเพราะกลัวมียกพวกมาตีกัน
            “เอาละเข้าห้องได้แล้วและอย่าทำอีกนะ เธอต้องเคารพเพื่อนและครูในห้องเรียน ห้ามเสียงดังในขณะที่ครูสอนเข้าใจไหม แจ็ค และหลุยส์” “ครูพัฒน์พูดผมพยักหน้า ครูพัฒน์ให้พวกผมกลับเข้าห้องได้และหัวหน้าแว่นก็บอกทำความเคารพครูพัฒน์ พวกไอ้ภาคินมันดินออกจากห้องไปกันไวมากหมดเลย
          “ไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้” ไอ้แว่นหัวหน้าห้อง
            “ถ้ายังมีชีวิตอยู่” ไอ้แว่นพูดและพวกผมก็พากันหันไปหาว่ามีอะไรก็หยิบมาปาไล่ตามหลังมันทันที ไอ้นี่ให้พรพวกผม
            (ไอ้ป๊อดพร้อมยังนักแสดง) ผมส่งข้อความไปหาไอ้ป๊อด
           (พร้อมพี่) ไอ้ป๊อด
          (ดีมากเจอกันที่หน้าโรงเรียน) ผมส่งข้อความกลับไป และหันมามองไอ้หลุยส์ มันงอลผม
            “หลุยส์จะงอนกูทำไม อย่างอนเดี๋ยวคืนนี้ผัวสนองให้” ผมพูดมันปัดมือผมออก ยังจะมางอนอีก ผมก็ชะเง้อมองบอย
              “ใกล้แล้วบอยให้ธรรณ์ไปที่ด้านหน้าเลยน่ะ “ผมพูดให้อ่านปาก
“                กูจะเข้าห้องน้ำก่อนนะ “จู่ๆ ไอ้แอ้มันก็พูดขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นเช่นกัน แอ้มันคว้าทุกอย่างและเดินออกไปทันทีไม่รอใครเลย
                 “กูไปด้วย” ไอ้ดิวพูดและรีบลุกขึ้นทำเหมือนกันเลย ผมสองคนหันไปมองไอ้ดิว มันตามติดกันขนาดนี้เลยเหรอ
                “กูด้วย” ไอ้ติ๊กอีกคนเหมือนกันอีก
               “อู้ยยย” ผมสองคนอุทาน ทำให้สองหนุ่มหน้าหวานหันมามองหน้าผมสองคนทันที
               “ทำยังกะใช้ท่อเดียวกัน ปวดพร้อมกันเลยน่ะ “ไอ้พายพูดแต่มันก็เก็บของไปด้วย ผมสองคนมองพาย มันบ่นนี่คือมันช้ากว่าเขาใช่ไหม
                “ไม่ไปกับเขาเหรอ” ผมถามพาย พายกำลังเก็บอยู่ก่อนจะหันมามองหน้าผม
                “ไปดิ กำลังรีบอยู่ไม่เห็นเหรอ” พายตอบ ผมกับไอ้หลุยส์หันมามองน้องพาย สุดท้ายมึงก็ท่อเดียวกับเขานั่นแหละ
                “ไปคนเดียวมันไม่เสียวเท่าเราไปเป็นหมู่คณะ เสียวทั่วถึง” พายหันมาพูดกับผมกับไอ้หลุยส์ สายตานี้ทำเอาผมสองคนขนลุกขึ้นมาทันที  "จะไปด้วยกันไหมละมึงสองคนน่ะ" พายถามผมสองคน ผมนี้ส่ายหัวพร้อมกันทันที "รีบไปเถอะเดี๋ยวไม่ทันหรอกมึง"ผมบอกพาย  พายก็สะบัดบ๊อกเดินออกไปทันทีกลัวไม่ทัน  บอยกับธรรณ์ขำพายกันแต่ผมสองคนไม่ล่ะ
             “น้องพายอะไรของมึงนี่น่ากลัวขึ้นทุกวันว่ะ” หลุยส์หันมาพูดกับผม
             “แต่พอมันอยู่ต่อหน้าอาเปรมดิ์ พี่ชายมันน่ะพี่แพท แม่งเด็กเนิร์ดดีดีนี่เอง” ผมพูดพร้อมกับเก็บของไปด้วย พอเก็บเสร็จก็หันมามองไอ้หลุยส์ มันยังยืนมองธรรณ์กับบอยอยู่
             “ไปครับพ่อพระเอกของแจ็ค ไปด้านหน้าโรงเรียนกัน” ผมพูด มันก็หันมาค้อนผมทันที ธรรณ์ก็เดินตามบอยออกไปก่อน
            “ธรรณ์พักอยู่ที่ไหนเหรอครับ” ผมถามธรรณ์
             “พักที่โรงแรมน่ะ” ธรรณ์หันมาตอบผม
                “ทำไม่มาอยู่ที่บ้านพวกเราละ” ผมถามธรรณ์แอบหันมาชำเลืองมองหลุยส์จะว่าไง ชวนให้แล้วน่ะ
              “ไม่จะดีกว่าอาจจะทำให้ใครบางคนอึดอัด” ธรรณ์พูด นั้นคนนั้นคงหมายถึงไอ้หลุยส์
               “เอ๊ะ...คนนั้นนะไอ้หลุยส์หรือเปล่านะ” ผมถามลอยๆ และเหล่มองไอ้หลุยส์มันแยกเขี้ยวใส่ผม แต่บอยแอบขำ ทั้งบอยและธรรณ์เดินลงไปพร้อมๆ กัน
               “ไอ้หลุยส์ กูหาวิธีให้มึงเป็นพระเอกได้ กูให้ไอ้ป๊อดจ้างคนล้างจานมาแซวธรรณ์และมึงเข้าช่วยนะ” ผมกระซิบมันก็สะบัดหน้ามองผม
               “ไม่มีต่อยเพราะกูจ่ายไปแล้วห้าพัน” ผมพูดกับไอ้หลุยส์ มันก็มองผมจริงเหรอ
                “จริงๆ เชื่อใจกูน่ะ ไอ้พระเอก ปึกๆ “ผมพูดและตบไหล่ไอ้หลุยส์ ก่อนจะเดินไปหาบอยทันที
                    “บอย...บอยลืมของไม่ใช่เหรอที่ห้องสมุดน่ะ “ผมเรียกบอย บอยก็หันมามองผมและส่ายหัวว่าไม่
                   “ลืม...บอยลืม...” ผมพูดและขยิบตา
                    “ไม่นะ บอยยัง....” บอยก็ทำท่าจะปฏิเสธ ผมรีบเข้าไปจับมือบอยและดึงออกมาจากธรรณ์ก่อน
                     “ที่ตกลงกันไง จะให้หลุยส์อยู่กับธรรณ์สองต่อสองนะ เขาจะได้ปรับความเข้าใจกัน” ผมพูดกับบอย
                    “แจ็คเล่นอะไรเนี่ยะ” บอยถามผม
                     “เอานะ เดี๋ยวรอดูแฮปปี้เอ็นดิ้ง” ผมพูดและยิ้มให้ธรรณ์ที่ยืนกอดอกมองผม
                    “เดี๋ยวมานะ บอยลืมของสำคัญอ่ะธรรณ์ เออ หลุยส์ยืนเป็นเพื่อนธรรณ์ไปก่อนนะ “บอยหันไปบอกธรรณ์และผมก็ดึงแขนบอยไปเลย แต่ไปหาที่แอบ
                   “แจ็ค ตกลงทำอะไรบอกบอยมาเดี๋ยวนี้นะ”
                  “ชู!!!” รอดูก่อน ผมเห็นไอ้หลุยส์มันยืนรักษาระยะห่างจากธรรณ์อยู่นะ มันจะกลัวอะไร
                แจ็ค [หลุยส์เข้าไปชวนธรรณ์คุยก่อนที่นักแสดงจะมา] ผมส่งข้อความไปหาไอ้หลุยส์ มันอ่านข้อความและพิมพ์หยิกๆ กลับมาทันที
                 หลุยส์ [คุยอะไรดูหน้าเขาดิ อยากคุยกับกูไหมล่ะ ไอ้ผู้กำกับ!] ไอ้หลุยส์มันส่งข้อความกลับมาหาผม ผมก็เงยหน้ามอง จริงด้วยไม่อยากจะคุยสงสัยแค้นฝังหุ่น ผมหันมามองบอย

           “ทำไมเขาโกรธไอ้หลุยส์นานหนักละบอย” ผมเงยหน้าขั้นมาจามือถือเพื่อถามบอย
           “ก็ที่จริงๆแล้ว ธรรณ์เขาตั้งใจมาเพื่อหลุยส์แต่ดูหลุยส์ทำซิ นี้เขาบอกจะกลับเลยนะ ตอนแรกว่าจะเรียนที่นี้กับพวกเรานี่แหละ แต่นี้ธรรณ์คงยอมแพ้แล้ว” บอยพูด ผมก็มองทำไมนักแสดงยังไม่มา ผมเห็นแล้วมีเดินมา ในเครื่องแบบเทคนิคครับ
          “มาแล้วนักแสดงกิตติมศักดิ์ “ผมบอกบอย บอยก็มองและหันมามองหน้าผม
          “ไปหามาจากไหนอ่ะ ดูโหดมากน่ะ “บอยหันมาชมผลงานของผม
“มันต้องสมจริงครับ” ผมพูดและนั่งมองเหตุการณ์ มันมากันสามคนและเดินตรงมาหาธรรณ์ทันทีอย่างรู้งานและมันก็จับแขนธรรณ์ และธรรณ์ก็สะบัด อย่างกับในหนังเลยและไอ้หลุยส์ก็เข้าไปผลักอกมัน กระเด็นไปและโอบเอวธรรณ์ให้เข้ามาเพื่อจะปกป้อง และไอ้คนที่ล้มลงไปก็ลุกขึ้นมา
           “มันก็จะบอกว่า.... มึงฝากไว้ก่อนนะแค่นั้น เห็นไหมบอย ง่ายมากแผนแจ็ค” ผมหันไปบอกบอย
           “ผลั่ก ผลั่วะ ตุ๊บ!!” เสียงมันบอกได้ว่าโดนเต็มๆ ผมหันไปมองไอ้คนที่กระเด็นไปคือหลุยส์ของผมครับ มันกระเด็นไปกองกับพื้นแทน เฮ้ย!! ผิดคิวครับ!!!
               “นี้เหรอแจ็คที่บอกว่าง่ายมาก!!” บอยพูดและรีบเดินออกไปทันที ผมนี้รีบปรี่ไปคว้าบอยไว้ก่อน จะไปสู้อะไรเขาได้แต่ว่าไหนผมตกลงกันไว้ไงว่าไม่ให้ต่อย ผมรีบวิ่งตรงไปหาไอ้หลุยส์เพื่อเข้าไปประคองหลุยส์ ไอ้คนที่เพิ่งจะต่อยไอ้หลุยส์ก็เข้ามาดึงลากธรรณ์จะให้ไปกับมันให้ได้ บอยก็พยายามจะเข้าไปช่วยแต่ผมยกมือห้ามเมียไว้ก่อน
              “ไอ้แจ็คนักแสดงมึงแสดงดีไปไหมวะ ...มันต่อยกู!! เต็มๆ เลย” ไอ้หลุยส์พูดและเอามือกุมที่มุมปากมัน มีเลือดซิบด้วย
           “ไหนมึงบอกว่าไม่ต่อยไง กูเลยไม่หลบ” ไอ้หลุยส์พูด ผมเอามือเสยผม แล้วทำไมมึงไม่หลบละวะ
             “เอาไปเลย มีคนบอกว่าผู้ชายโรงเรียนนี้น่าเอากว่าผู้หญิงพี่อยากลอง” มันพูดแบบนี้ ไอ้ป๊อดมันเอาสคริปต์ไหนให้มันว่ะเนี่ย ผมหันซ้ายแลขวา ไอ้ผู้กำกับทำไมไม่มาดูแลนักแสดงมันเลย ไอ้ป๊อด!!
              “เฮ้ย! ปล่อยเพื่อนกูนะโว้ย!” ผมชี้หน้ามองมัน
             “มึงเสือกอะไรด้วย! “มันด่าผมกลับ ผมก็รีบก้มหน้าลงส่งข้อความหาไอ้ป๊อดทันที
             //ไอ้ป๊อด!นักแสดงมึงแสดงเกินค่าตัว นี่มึงอยู่ไหน? // ผมส่งข้อความไป
             //พี่เจอพวกพี่เขาแล้วเหรอ พี่เขารออยู่ประตูหนึ่งอ่ะครับ แต่เมื่อห้านาทีที่ผ่านมา พี่เขาบอกว่าไปแล้วไม่เจอพี่น่ะ// ไอ้ป๊อดส่งข้อความกลับมาหาผมทันที ผมก็มองหน้า
              “เออ....แล้วนี่กูอยู่ประตูไหนวะ “ผมพูดกับตัวเอง ประตูนี้นี่มันประตูสอง ผมเห็นป้ายเขียนไว้
             //กูอยู่ประตูสอง// ผมส่งข้อความหาป๊อด
           //อ้าว!เวรแล้วครับพี่แจ็คผิดประตูพี่แต่ไม่เป็นไร.. เดี๋ยวผมโทรบอกให้ใหม่นะพี่นะ ให้ไปหาประตูหนึ่ง รอความสนุกสักครู่พี่// ไอ้ป๊อดมันส่งข้อความหาผม ผมว่าความสนุกมันเกิดขึ้นแล้วแหละ
          //ไอ้ป๊อด ถ้ากูรอดไปได้มึงเจ็บหนัก!!!มึงไปตามไอ้ดิวมาให้กูเลยบอกว่ากูงานเข้า!!!// ผมตะคอกส่งข้อความเสียงไปให้ไอ้ป๊อดแทน


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
   
  EP.24.1(หลุยส์Xแจ็ค)ช่วยเพื่อนหลุยส์ให้สมหวัง2
          Part’ s แจ็ค ผมอุตส่าห์วางแผนให้ไอ้หลุยส์ได้เป็นพระเอก ลงทุนไปจ้างนักแสดงจำเป็นมาเพื่อไอ้เพื่อนหลุยส์ของผมโดยเฉฑาะ โดยให้ไอ้ป๊อดเป็นคนไปจัดหานักแสดงที่มาจากในครัวขอบแม่มันนั้นแหละ ไอ้ผมก็ไม่รู้ว่ามีประตูทางเข้าสองประตู แถมไอ้หลุยส์ยังซวยไปเจอของจริงเข้าเพราะว่าพวกผมคลาดกันกับนักแสดงที่จ้างมา ไอ้ป๊อดน่ะไอ้ป๊อด ผมหันมามองหน้าไอ้หลุยส์ จะบอกมันยังไงดี
          “ไอ้หลุยส์ มึงอยากฟังข่าวดีหรือข่าวร้าย” ผมถามไอ้หลุยส์ ไอ้หลุยส์สะบัดหน้ามาองหน้าผม เลิกคิ้วสูงเล็กน้อย ตามันก็จะโตขึ้นมานิดๆ
           “ข่าวดี” ไอ้หลุยส์มันบอกผม ผมอยากจะร้องไห้เพราะว่าไม่มีข่าวดีให้บอกมัน
        "ไม่มี มีแต่ข่าวร้ายเพื่อน"ผมพูดมันมองผมอีกทีคราวนี้เหมือนมันจะอ้าปากด่าผม
           “นี้ไม่ใช่นักแสดงแต่มันคือตัวโกงแบบตัวเป็นๆ เลยสาด “ผมพูด ไอ้หลุยส์หันมามองหน้าผมและ
            “เพี๊ยะ!” มันโบกผมหนึ่งทีและไอ้หลุยส์ก็วิ่งเข้าไปใส่มันเลยครับ ผมก็จะรออะไร แต่หันไปมองเมื่อไหร่ไอ้ดิวจะมา มันไปขรี้กันที่ไหนวะ หรือว่ามันแอบกลับบ้านพักไปแล้วไม่บอกพวกผม ถ้าเป็นอย่างนั้นแจ็คตายแน่วันนี้ แต่ว่าตอนนี้ผมก็เข้าไปช่วยก่อนเลย ไอ้หลุยส์เขาไปยื้อยุดฉุดกระชากจนธรรณ์หลุดออกมาผมก็เข้าไปต่อยไอ้ที่เหลือ แต่ว่าหมัดผมมันธรรมดาไปหน้ามันอย่างหนา เจ็บมือตัวเองครับ สะบัดใหญ่เลยครับผม และมันก็ถีบผมกระเด็นไปเลย
           “มึงอยากลองไม้ทีของพวกกูดูไหม เดี๋ยวกูจัดให้” จังหวะที่ผมล้มมันก็ง้างไม้ทีขึ้นและ
           “ผลั่ก ....ตุ๊บ!!” ผมยกมือขึ้นบังหน้าผมบังไว้ก่อนแขนขาช่างมัน…
             “เฮๆๆๆ” เสียงปรบมือจากบนอาคาร ผมยกแขนลงเฮ้ย!! ผมไม่เป็นอะไร ผมสำรวจตัวเอง ผมรอดมาได้ยังไง แต่เสียงเฮนั้นทำให้ผมเงยหน้ามองคนที่ยืนจังก้าอยู่ ยืนค้างท่าเอาไว้อย่าหล่อเลย นั้นคือท่าตีเขาลอย ไม่รู้ว่าลอยมาจากไหน และผมก็จำได้ดี มีคนเดียวในกลุ่มผม ที่จะจัดแบบนี้ได้ นั้นคือไอ้ดิวครับ ไอ้พ่อพระเอกตัวจริงๆ ของผม พระเอกตัวเป็นๆ ของผมเลย มีตัวร้ายตัวจริงก็ต้องมีพระเอกตัวจริงๆ เป็นเรื่องธรรมดา
            “เล่นเชี่ยะอะไรของมึงอีกเนี๊ยะ! ไอ้แจ็ค! มึงนี่แม่งหาเรื่องทุกวัน! มึงว่างมากหนักหรือไง!!” ไอ้ดิวมันหันมาถามผมเป็นชุด
          “กู...ไม่ได้ว่าแต่ว่า… มันแค่ผิดคิวเฉยๆ” ผมพูด ไอ้ดิวมันหันไปมองอีกสองคนที่ยกไม้ทีจะเข้ามา
            “กูว่ามีดดีกว่าวะไอ้นี่น่ะ แท่งแม่งให้ไส้ทะลักเลย ” คนที่จะเข้ามาเล่นไอ้ดิว มันทิ้งไม้ทีและควักเอามีดพกออกมา
             “เฮ้ยยย! มีดด้วยวะ “เสียงกองเชียร์อยู่บนตึก เมื่อสักครู่ไม่มีใครเลยสักคนแต่พอไอ้ดิวมานี้กองเชียร์ออกมาแสดงตัวกันพรึบเลย แต่ว่าตอนนี้มันมีมีด ผมก็ตกใจแทนไอ้ดิวซิครับ
           “ไอ้ดิวมันมีมีดว่ะ” ผมบอกไอ้ดิว ผมทำท่าจะลุกขึ้นช่วยไอ้ดิวแต่ดิวมันยกมือห้ามผม ไอ้ดิวมันหาได้กลัวอะไรไม่ มันก็มองไอ้สองคนนั้น ไอ้คนที่ถือมีดพกมัน มันแขว่งมีดไปมาก่อนจะพุ้งเข้ามาหาไอ้ดิวทันทีแต่ไอ้ดิวมันไวกว่ามันหลบและจับข้อมือบิดและตีเข่าทันทีอย่างชำนาญ ก็มันเรียนต่อยมวยกับครูมวยมาตังแต่เด็ก วิชาป้องกันตัวต้องได้มาหมด
            “โอ้วว! โอ้วว! อู้ยย!!” พวกกองเชียร์ดังลั่นตามจังหวะที่เข่าไอ้ดิวกระแทกพุงไอ้คนนั้น เสียงกองเชียร์ก็เหมือนเสียงพากย์ตอนดูคู่มวยคู่เอกกำลังต่อยไม่มีผิด
           “ผลั่ก!! “อันนี้คู่ต่อสู้ถึงกลับหลับกลางอากาศด้วยหนุมานถวายแหวน ท่าเด็ดของไอ้ดิว มันเสยค้างหนึ่งในนั้นเข้าไปหลับกลางอากาศไปเลย พวกมันเห็นเข้ายังถอยหลังทันที ตกใจไม่แพ้พวกที่ยืนมุง ไอ้ดิวไม่ธรรมดา
           “ว้าว!!” ผมกับไอ้หลุยส์อุทานออกมาพร้อมเพรียงกัน ไอ้หลุยส์มันหันมามองหน้าผม มันไม่เคยเจอละซิ ผมน่ะเจอประจำ มีเรื่องทีไรไอ้ดิวปิดงานให้ทุกที ไอ้ดิวมันหมัดหนักมาก ผมเองยังไม่กล้าปะทะกับมันเลย
           “พี่ดิว! พี่ดิว! พี่ดิว!” เสียงดังจากบนอาคาร นักเรียนยังไม่กลับกันหลายคนและที่ผมเห็น ยืนมองไอ้ดิวอยู่คือ พวกไอ้ภาคิน มันยืนดูไอ้ดิวซัดพวกนี้ด้วย
 "ไอ้หลุยส์ ไอ้ภาคินว่ะ พวกมันยืนดูไอ้ดิวอยู่บนนั้นว่ะ" ผมบอกไอ้หลุยส์ ไอ้หลุยส์มันเงยหน้าขึ้นไปมอง ว่าจริงด้วย
  "มีคนยืนอยู่กับไอ้ภาคินด้วยว่ะ "ไอ้หลุยส์มันพูดกับผม
 "ชื่อพี่แฮกซ์ เป็นรุ่นพี่และเป็นเพื่อนกับพี่ชายไอ้ต้นข้าว" ผมพูด ไอ้หลุยส์หันมามองหน้าผม
 "กูลืมไปมึงไม่รู้ว่าไอ้ต้นข้าวมันมีพี่ชายเคยเรียนที่นี้และเรียนรุ่นเดียวกับพวกพี่แฮกซ์แต่ว่าดันมีเรื่องทั้งที่จะจบแล้วอีกไม่กี่อาทิตย์ ตอนนี้ก็ไปอยู่สถานพินิจเพราะว่ามีอาวุธในครอบครอง พี่ไอ้ต้นข้าวเป็นหัวหน้าแก้งพวกนี้ด้วย แต่พวกนี้โดนแค่พักการเรียน" ผมพูดกับไอ้หลุยส์ 
"กูว่าไอ้พวกนี้มันคงเสียวบางแหละทีเห็นไอ้ดิวเล่นพวกนี้ไปแบบนั้น ขนาดกูยังเสียวเลย" ไอ้หลุยส์พูด จัวหวะนั้นครูพัฒน์วิ่งมาพอดีเลย
           “นี้ตรงไหน อะไรนะ หยุดนะ ตำรวจกำลังจะมา หยุดเดี๋ยวนี้!!!” ครูพัฒน์วิ่งลงมาพร้อมกับ รปภ ไอ้คนที่สู้กับไอ้ดิวมันพยักพเยิดให้เพื่อนมันถอยออกและมันก็พยุงคนที่สลบแต่มันก็ไม่ได้สลบซะทีเดียวผมว่ามันแค่มึนๆ มันรีบลากเพื่อนมันไปขึ้นรถจักรยานยนต์ขับออกไปทันที ผมหันมาอีกทีไอ้หลุยส์มันหายไปแล้ว หายไปอ้อนเมียทันที ไอ้นี่เร็วกว่า 5 จี  ส่วนไอ้ดิวมันเดินกลับมาหาผม
         “นี้มึงเล่นอะไรของมึงว่ะแจ็ค!! มันใช่ไหมเนี๊ยะ! มึงโชคดีแค่ไหนที่มันมีแค่มีดมา ไม่ได้เอาปืนมด้วย” ไอ้ดิวมันหันมาเอ็ดผม ผมก็ค่อยๆ ลุกเพราะโดนไปหลายหมัดเหมือนกัน บอยเดินมายืนกอดอกมองผมเช่นกัน ผมรู้ว่าบอยโกรธผมแน่ๆ
         “ทำไมทำแบบนี้ละแจ็ค ไม่คุ้มกันเลย “บอยอีกคน
          “บอย...อู้ยย!” ผมเรียกบอย แต่ก็ร้องออกมาเพราะว่าผมก็โดนไปที่พุงหลายหมัดอยู่
          “นี้พวกนี้เขามาทำร้ายใครอีกล่ะเนี่ยะ!” ครูพัฒน์ถามพวกผม
          “ผมครับครูพัฒน์” ธรรณ์เอ่ยขึ้น
           “ดูซิแต่ละคนที่พวกมันเลือกเข้ามาหน้าตาหวานๆ ทั้งนั้นเลยนะครูพัฒน์ ตั้งแต่มลเป็นครูมา มีนักเรียนมากมายแต่ไม่เคยเจอแบบนี้เลยนะครูพัฒน์” ครูผู้หญิงที่วิ่งมากับครูพัฒน์พูดขึ้น
            “พัฒน์ว่ามันชักจะเยอะขึ้นไปแล้วนะเนี่ยะ เราต้องมีมาตรการที่เด็ดขาดแล้วค่ะครูมล” ครูพัฒน์พูด
            “ก็เราดันมีนักเรียนชายที่น่ารักแบบนี้นี้ค่ะ คงต้องช่วยๆ กันดูแลให้มากกว่านี้แล้วแหละค่ะ” ครูมลพูด
           “นั้นรถมาแล้วขึ้นรถไปเลยกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย และกลับไปทำแผลที่บ้าน"ครูพัฒน์พูด "ธรรณ์ล่ะ เราพักที่ไหน โรงแรมลุงภาคย์หรือเปล่า” ครูพัฒน์เห็นรถที่มารับส่งพวกผมเข้ามาจอดแล้วเลยบอกให้พวกผมไปขึ้นรถกัน ไอ้ติ๊กและไอ้แอ้และพายที่ยืนดูอยู่มันคงรู้ว่าไอ้ดิวน่ะ เอาอยู่อยู่แล้ว เลยแค่พากันยืนดูอยู่ห่างๆ ไม่ได้เข้ามาช่วย แต่น่าแปลกพวกมันไม่ได้พูดอะไรกันเลย เหมือนมันงานเข้าก่อนจะมาช่วยผมด้วยมั้ง
           “ธรรณ์ ไปกับพวกเราเถอะเพราะดูแล้วพวกนี้มันไม่เลิกนะ” หลุยส์มันเอ่ยบอกธรรณ์ ธรรณ์มองหน้าหลุยส์ที่เข้าไปช่วยลากให้ธรรณ์มาจากพวกนั้น ผมแค่นี้ก็ได้ใจธรรณ์ไปแล้วเกินครึ่ง ผมยักคิ้วกับไอ้หลุยส์ส่งบทให้แล้วแสดงต่อได้เลย
           “ครับ” ธรรณ์ตอบหลุยส์และพยุงไอ้หลุยส์ขึ้น ผมนี้ทำท่าเยส แต่ก็ต้องเจ็บอ้อนเมียไว้ด้วย
           “งั้นก็ดี พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเรามากถ้าไปอยู่ที่โรงแรมคนเดียว ถึงจะมีคนดูแลก็เถอะ” พี่พัฒน์พูด
          “นั้นรถมาแล้ว รีบไปขึ้นรถกลับที่พักกันเลยน่ะ” ครูพัฒน์พูด ก็ผมพากันเดินไปขึ้นรถกลับบ้าน
            “แปะๆๆๆ” “เสียงปรบมือดังมาซะอย่างนั้น ไอ้ดิวมันก็ได้เสียงเชียร์จากน้องๆ มันหันไปโบกมือให้ สุดท้ายไอ้ดิวก็ได้บทพระเอกไปหน้าเฉยแต่ว่าไอ้หลุยส์ของผมก็ได้ใจธรรณ์มาครอง มันก็คุ้มอยู่น่ะผมว่าพวกผมก็พากันขึ้นรถไป ดีนะที่รถมากันสี่คันเลยแบ่งๆ กันไป ผมก็ได้ไอ้ดิวช่วยบอยพยุงผมไปในรถลีมูซีมคันหรู
           “ไอ้จอมวางแผน ที่หลังปรึกษาพวกกูหน่อยน่ะ แผนมึงแม่งจะพาคนอื่นเจ็บตัว” ไอ้ดิวมันหันมาบ่นผมอีกจนได้
             “มึงนี้แม่งขยันหางานตลอดน่ะไอ้แจ็ค มึงนี้คงอยากจะตั้งหลักปักฐานที่นี้แย่แล้วซิน่ะ “ไอ้ติ๊กอีกคนบ่นผม พายกับแอ้มันก็พยักหน้ากับผมอีก เจ็บแล้วยังโดนเพื่อนซ้ำ ผมก็หันแจกยกนิ้วให้มันทุกคนแต่เป็นนิ้วกลางนะและบอยก็เข้ามานั่ง แม้บอยจะโกรธแต่ก็เป็นห่วงผมอยู่ ดูจากสายตาคู่นั้น
            “อีกแล้วเหรอครับคุณหนู ฮาๆ” พี่คนขับรถแซวผมทันที ผมพยักหน้าว่าอีกแล้วครับ
           “ชีวิตวัยรุ่น แต่พอคุณหนูโตขึ้นและมองย้อนหลังมาจะรู้สึกว่าว่ามันมีอะไรให้จดจำเยอะดีนะครับ” พี่คนขับรถพูด
         “แต่ผมไม่อยากนั่งจำว่าผมโดนไปกี่เท้านี้ครับพี่” ผมพูด
         “ฮาๆ เอานะครับ ผมว่าพวกคุณหนูนะ สู้ได้สบายอยู่แล้วครับ” พี่เขาพูด ผมหันมามองบอย บอยหยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือดข้างมุมปากผมอย่างเบามือ
          “ขอบคุณนะแจ็คที่ช่วยหลุยส์ปกป้องเพื่อนบอย นี้บอยรู้สึกผิดมากเลยที่ดึงมาเสี่ยงแบบนี้” บอยพูด
         “ตอนนี้เขามีคนปกป้องแล้ว เชื่อแจ็คซิ” ผมพูดและยิ้มให้บอย
        “คงอย่างนั้น” บอยพูดและยิ้มให้ผมเช่นกัน
        “โอ๊ยย!” ผมร้องเพราะว่าโดยแผลที่มุมปาก บอยก็ปิดปากขำผมใหญ่เลย
              Part's หลุยส์ ผมพาธรรณ์เข้ามานั่งในรถหรูที่มารับพวกผมกลับบ้านพัก ไอ้แจ็คมันไปกับบอย อีกสองคันผมไม่ได้มอง ผมได้แน่นั่งเงียบๆ และอีกคนก็นั่งเงียบๆ ข้างๆ ผม ผมไม่รู้ว่าทำไม ผมรู้สึกใจเต้นแรงเหมือนครั้งแรกที่ผมเจอบอยเลย
             “เออ..” ผมก็กำลังจะเปิดบทสนทนาเพื่อทำลายความเงียบแต่ธรรณ์ก็ใจตกใจกันเช่นกัน
              “หลุยส์ก่อนแล้วกัน” “ธรรณ์ก่อนครับ” ผมกับธรรณ์ใจตรงกันอีก
            “คิกๆ” ธรรณ์หัวเราะผม ผมผ่ายมือให้เขาพูดก่อนดีกว่า
            “ขอบคุณนะหลุยส์” ธรรณ์พูดขอบคุณผมที่ช่วยเขาไว้ ผมก็ยกมือขึ้นลูปท้ายทอยตัวเอง ก่อนจะพยักหน้าว่าไม่เป็นไร
             “เจ็บเลยดูซิ” ธรรณ์เอานิ้วเรียวๆ ขึ้นมาแตะที่มุมปากผมอย่างเบามือแตก็รู้สึกเจ็บอยู่ดี
              “ไม่เป็นไรครับ จิ๊บๆ “ผมพูดแต่แอบ เซย์เยสนึกขอบคุณแผ่นชั่วๆ ของไอ้แจ็คมัน
              “เจ็บมากไหมอ่ะหลุยส์” ธรรณ์ถามผม ผมก็ยิ้มๆ สายตาผมมองใบหน้าที่เรียวสวยนั้น ดวงตาที่เรียวรับกับใบหน้าจมูกที่โด่งถ้าเขาเป็นผู้หญิงจะเป็นผู้หญิงที่สวยมากเหมือนกับเขาคนนั้นเลยไหม ไม่ซิสวยกว่าด้วยน้องผู้หญิงที่ผมคบด้วย อันที่จริงพ่อแม่เขาพยายามยัดเยียดมาให้คบกับผมเพราะว่าครอบครัวผมมีเงินไง
            “จำเราไม่ได้เหรอหลุยส์” ธรรณ์ถามผม
          “ห๊ะ!!” ผมส่งเสียงแปลกใจที่เขาถามผม
              “ถามว่าจำเราไม่ได้เหรอ เราเคยเจอกันครั้งหนึ่งแต่นายนะเอาแต่มองบอย” ธรรณ์พูด ผมก็ทำท่านึก นึกยังไงก็นึกไม่ออกแต่เขาก็บอกอยู่นะว่าผมเอาแต่มองบอย
             “หลุยส์นึกไม่ออกว่าที่ไหนตอนไหน แต่หลุยส์ก็รู้สึกเหมือนเคยเจอธรรณ์มาก่อนนะ” ผมพูดและธรรณ์ก็ยิ้มให้ผมและพยักหน้า
           “วันนั้นบอยชวนเราออกไปเจอกันและไปทานอาหารกับหลุยส์อ่ะ เราเคยเป็นเพื่อนเล่นกับบอยตอนเด็กๆ แต่ก็มาต่างคนต่างเรียนเพราะบอยเขาย้ายไปอยู่กับอาเขาน่ะและกลับมาบอยก็เรียนโฮมสกูลอีก เลยแค่นัดเจอกันเท่านั้น “ธรรณ์พูด ผมพยักหน้าตาม อ้อ!!
             “เมื่อก่อนมันคงมีอะไรบังตาบังใจหลุยส์เอาไว้” ผมพูดแต่คนฟังเบ้ปากใส่ผมซะงั้น
             “เขาเรียกอะไรนะ น้ำเน่า หึๆ” ธรรณ์พูดและหันหน้าหนีผม ไม่น่านรถก็แล่นมาถึงที่บ้านพักผม ผมเห็นว่าพวกนั้นเข้าไปในบ้านกันหมดแล้วแน่นอน คู่ผมเป็นคู่สุดท้าย
           “เข้าบ้านกันเถอะครับ” ผมบอกธรรณ์
            “หมับ!” ธรรณ์จับมือผมไว้ก่อนที่ผมจะก้าวเท้าเข้าบ้าน ผมหันมามองว่ามีอะไร หรือว่ากลัว
            “ทำไมละครับ”
             “คือธรรณ์มีเรื่องอยากจะสารภาพนะ” ธรรณ์พูดและมีท่าที่เขินอายผม ผมก็หันมามองว่ามีอะไร
             “คือว่า...เออ...ธรรณ์นะแอบชอบหลุยส์ตั้งแต่วันนั้นแล้วอ่ะแต่เหมือนหลุยส์ไม่พยายามเปิดใจให้เราเลย เออ เราเลยไม่กล้าตอแย แต่เราเป็นคนส่งการ์ดให้หลุยส์ทุกเทศกาลเลย หลุยส์ได้รับบ้างไหมครับ” ธรรณ์พูด มันทำให้ผมคิด ผมคิดว่าบอยส่งให้ผมซะอีก
              “เราขอที่อยู่มาจากบอยอีกทีอ่ะ” ธรรณ์พูด
             “หลุยส์ได้นะแต่มันไม่เคยลงชื่อคนส่งให้เลยอ่ะ” ผมพูดด้วยความแปลกใจ
            “ใครจะกล้าลงละ กลัวว่าหลุยส์จะ....” ธรรณ์พูด
          “หลุยส์เลยเข้าใจมาตลอดว่าเป็นบอยและนั้นก็คือสาเหตุที่หลุยส์ตามบอยมาเพราะหลุยส์คิดว่าบอยก็มีใจให้เหมือนกัน” ผมพูดกับธรรณ์
           “นายจะโกรธเราก็ได้นะ หรือจะ...” ธรรณ์พูด
           “ไม่ทันแหละโกรธไม่ทันแล้ว เข้าบ้านเถอะครับ” ผมพูดแต่ว่าคนที่ยืนอยุ่ยังขืนตัวไม่กล้าเข้าไป
            “อ้าว! ทำไมอีกละครับ” ผมถามธรรร์ว่าทำไมล่ะ
            “ไม่โกรธเหรอ” ธรรณ์ถามผม
           “ไม่โกรธอ่ะเพราะว่าของพวกนั้นมันทำหลุยส์เหมือนเจอรักแรกพบและของพวกนั้นมันก็ทำให้หลุยส์มีแรงที่จะลุกขึ้นมาจากมุมมืด” ผมพูด
           “เข้าบ้านกันครับ ถ้ารอบนี้ยังไม่เข้าจะอุ้มเข้าไปเลยนะ” ผมพูดและทำท่าจะอุ้ม แต่ธรรณ์กระโดดหนีผม
            “เข้าแล้ว เดินเองจะบ้าเหรอ เพิ่งมาให้จะกล้าให้ทำแบบนั้นละ” ธรรณ์พูด ผมสองคนเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็เห็นอุปกรณ์ทำแผลวางไว้ ผมนั่งลงธรรณ์ก็ทำการช่วยทำแผลให้ผมใช่สำลีแตะยาและมากดที่ตรงที่ผมโดนต่อย
           “โอ๊ย!!” ผมร้อง
           “แม้อ้อนน่าดูน่ะเพื่อนหลุยส์” ไอ้แจ็คมันแซวผม
             “ที่ตอนต่อยกับแจ็คทำไมไม่อ้อนพายแบบนี้น่ะหลุยส์” พายพูด
          “ไม่กล้าจร๊า” ผมตอบพาย ผมรู้ว่าเขาแค่แกล้งผมเล่น
           “ทำไมอะ” พายถามอีก
          “กลัว” ผมพูด ทำเอาพายแอบค้อนผมใหญ่เลย ธรรณ์แอบขำผม
          “ธรรณ์ เราโทรไปเช็คที่โรงแรมให้แล้วน่ะ เขาจะเอากระเป๋าของนายมาส่งให้พรุ่งนี้ที่บ้านนี้ วันนี้ก็ดูเสื้อผ้าพวกเราใส่ไปก่อน “ติ๊กบอกพวกผม
           "ของบอยก็ได้น่ะ เราตัวเท่ากันอยู่แล้ว" บอยหันมาบอกธรรณ์ ธรรณ์พยักหน้า
           “เออแล้วไอ้ดิวไปไหนวะ” ไอ้แจ็คถามติ๊ก ดูหน้ามันยังมุ่ยขึ้นมาทันทีอยู่แสดงว่ายังโกรธกันอยู่
           “ไปยิม!!” ติ๊กมันกระแทกเสียงตอบ
          “แอ้ล่ะ?” ไอ้แจ็คมันถามต่อทันที
            “ก็คงไปยิมมั้ง!! กูไม่รู้เพราะว่ากูไม่ได้เฝ้า..มันสองคน โอเคน่ะ!” ไอ้ติ๊กพูดกระแทกเสียงก่อนจะรีบเดินออกไปทางหน้าบ้าน พวกผมมองหน้ากันและหยักไหล่ใส่กันทันที แบบงงว่ะ!!
           “ตกลงมันยังไงวะพาย กูงงกับมันสามคนว่ะ" ไอ้แจ็คถามพาย ผมก็พยักหน้าและนั่งเอนไปข้างหลัง ผมเอาแขนพาดโอบเอวธรรณ์ไว้ ธรรณ์ก็มองหน้าผมยิ้มๆ ไม่ได้ดันมือผมออก
            “ก็งานเข้าตอนไปห้องน้ำไง "พายพูด ผมก็มองหน้ามีงานอื่นเข้าก่อนงานผมสองคนอีกเหรอ
           "ดันไปเจอไอ้พี่ภาณุอีกนะซิ พี่แกก็เหลือเกินพอเจอแอ้ก็รีบเดินตรงปรี่มาหาแอ้ทันที ไม่เข้ามาเปล่าด้วยน่ะ และเข้ามาคุยจับไม้จับมือแอ้อีก แถมต่อนห้าต่อตาไอ้ดิวด้วย แน่นอนไอ้ดิวมันก็หึง แต่อีกคนกูไม่รู้หึงใครวะเพราะว่าอาการมันฟ้องเว้อเลยว่ะ” ไอ้พายพูด ผมพากันพยักหน้า สนุกเลยงานนี้
           “ไอ้พี่ภาณุเกือบโดนไอ้ดิวตะบันหน้าแล้วแต่ว่า จังหวะนั้นที่มีคนมาเรียกไอ้ดิว บอกว่าพวกมึงมีเรื่องและนั่นแหละ ระฆังดังช่วยชีวิตไอ้พี่ภาณุพอดีและไอ้ดิวมันเลยไปลงที่ไอ้คนที่มาทำร้ายมึงนั่นแหละ ไอ้พวกนั้นซวยไปเลยโดนซะแทบคลานกลับเลย” พายพูด ผมก็ถึงบางอ้อ ตอนแรกก็นึกว่าโกรธที่พวกผมถูกทำร้าย โธ่! ไอ้นี้มันค้างมาจากไอ้พี่ภาณุ ดี้ดีครับผม
          “พายก็ไม่รู้ว่าติ๊กมันคิดอะไรอยู่กัแน่และแอ้ก็ไม่รู้ทำไมจะต้องเกรงใจติ๊กมันมากไปกว่าหัวใจตัวเองก็ไม่รู้” พายพูด
         “เออ...เอาเข้าไปมันสามคน ถ้ามันไม่เอ่ยปากบอกอะไรพวกเรา เราก็ช่วยมันไม่ได้ว่ะ ...งั้นกูว่าพวกเราขึ้นไปอาบน้ำกันดีกว่าวะจะได้ลงมาทานข้าว” แจ็คพูดและลุกขึ้น แจ็คยืนมือไปจับมือบอยเพื่อพากันขึ้นบ้าน
         “เออ...ธรรณ์ต้องนอนห้องพักเดียวกับหลุยส์นะ เพราะว่าอีกห้องมันไม่มีเฟอร์นิเจอร์เลย “ไอ้แจ็คมันพูด ผมนี้กังวลกลัวธรรณ์จะไม่สบายใจ ผมขยิบตากับไอ้แจ็ค ผมอาจจะไปนอนกับแจ็คก่อนและให้บอยมานอนกับธรรณ์ แบบว่ารอให้เขาพร้อมกันก่อนอะแบบนี้
          “ก็ไม่เป็นไรนิ “ธรรณ์พูด ผมนี้ลื้นปรืดเลยครับ
         “เรานอนห้องเดียวกันได้เนอะหลุยส์” ธรรณ์พูด ผมนี้เกาหัวแกรกๆ แรงกว่าผมอีกนะ ฮาๆ พอทุกคนแยกย้ายกันขึ้นห้องผมก็พาธรรณ์ขึ้นไปบนห้องนอนของผมไม่ซิของผมและเขาแล้วครับ ผมหันมายิ้มให้ธรรณ์ ธรรณ์หยุดที่หน้าห้อง ผมก็หันไปมองว่าทำไมไม่เข้าห้องละ ธรรณ์มองผม ผมก็ยื่นมือไปขอมือธรรณ์ ธรรณ์จับมือผมและก้าวผ่านเข้ามาในห้องนอน
          “หลุยส์ ธรรณ์รู้ว่าหลุยส์ผ่านเรื่องแย่ๆ มาต่อไปธรรณ์จะอยู่เคียงค้างหลุยส์นะ จะไม่ปล่อยให้หลุยส์สู้มันแต่ลำพัง” ธรรณ์พูด ผมก็มองหนุ่มน้อยที่ยืนอยู่ ผมว่าผมพร้อมที่จะเปิดใจแล้ว ผมเดินมายืนตรงหน้าธรรณ์ ผมจับใบหน้านั้นอย่างทะนุถนอม และผมก็ประกบปากจูบริมฝีปากเรียวสวยนั้น ธรรณ์โอบรอบคอผมทันที และผมก็ยกตัวธรรณ์ขึ้นและเราสองคนก็พากันเข้าไปในห้องน้ำด้วยกัน
             “ครั้งแรกอย่ารุนแรงน่ะ ธรรณ์กลัว” ธรรณ์พูด ผมก็ยิ้มๆ ใครจะกล้ารุนแรง ผมต้องถนอมแน่นอน
              “เราเป็นคนแรกของธรรณ์ใช่ป่ะ” ผมถามธรรณ์
              “ใช่” ธรรณ์ตอบพร้อมกับใบหน้าที่แดงด้วยความเขินอาย ผมก็ยิ้มให้ธรรณ์
              “หลุยส์จะเป็นแรกและคนสุดท้ายของธรรณ์นะครับ” ผมบอกธรรณ์ก่อนจะพากันเข้าไปในตู้กระจกอาบน้ำ ร่างสองร่างที่กอดรัดฟัดกันภายใต้ฝักบัว สายน้ำที่ไหลผ่านไม่ได้ทำให้ไฟรักเย็นลงได้เลยมีแต่ร้อนขึ้น นี้ขนาดครั้งแรกยังร้อนแรงขนาดนี้
              “นี้ครั้งแรกแน่เหรอ ประสบการณ์ไม่ใช่ชั้นประถมเลยนะ มัธยมก็เรียกพี่” ผมแซวคนที่ยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำ แม้ยิ้มเอียงอายน่ารักเชียว
             “Rrrrrrrr” มีสายเข้ามือถือผม ผมก็รีบรับเพราะว่าชื่อขึ้นมาว่าลุงหนึ่ง
            //สวัสดีครับป๊า//ผมเรียกลุงหนึ่งว่าป๊าเพราะว่าเขาดูผมเหมือนผมเป็นลูกเขาแต่ผมไม่ได้คล้อยตามทุกอย่างที่เขาป้อนเลย
             //ลุงได้ยินมาว่าเราจะไม่อยู่ที่นั่นรึ จะกลับก็...//ลุงหนึ่งพูด
             //ผมจะอยู่ครับ ..ผมจะอยู่กับพวกนี้ครับป๊า//
           //แน่ใจนะว่าจะอยู่นะ//
         //ครับป๊า//
          //อืมม..ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจนะ//
            //ครับ สวัสดีครับ// ผมพูดและกดวางสาย ธรรณ์มองหน้าผม ผมหันไปกอดธรรณ์
           "ไม่ไปไหน หัวใจที่หายไปอยู่ที่นี้แล้ว "ผมพูดกับธรรณ์
           “ก๊อกๆ” มีคนมาเคาะประตูห้องนอนผม ผมก็เดินไปเปิด เห็นว่าเป็นแจ็คกับบอย
           “ไปทานข้าวกันยังวะ “แจ็คถามผม ผมกับธรรณ์พยักหน้าพร้อมกัน
          “แล้ว?” ผมพยักเพย้อไปที่ห้องพวกนั้น
          “กูเห็นพาย เดินลงไปก่อนพายบอกว่าไอ้ติ๊กมันอยู่ในห้องนั้นวะ” ไอ้แจ็คพูด ผมก็ทำท่าตกใจ
          “หรือว่ามันสามคน” ผมถามไอ้แจ็ค
          “พอกันเลยนะทั้งคู่คิดอะไรเนี่ยะ!! บอยว่าไม่หรอก” บอยพูดและหันมาต่อว่าผมสองคนด้วยสายตา
             “งั้นไปเรียกมันสามคนกัน จะได้รู้กันไปเลยว่ามันสามคนกำลังจะ จะ กันจริงๆ หรือเปล่า” ไอ้แจ็คพูด ไอ้แจ็ค ผมรีบพยักหน้าแต่มีสายตาสองหนุ่มเหลือน้อย กอดอกมองผมสองคนอยู่และพากันส่ายหน้า ผมก็ยิ้มเจื่อนๆ ชี้ไปที่ไอ้แจ็คมันคิด และพวกผมก็พากันเดินไปหยุดที่ห้องนั้น
          แจ็คเป็นคนเคาะประตูห้องนอนไอ้ดิว และรอสักพักก็มีคนเดินมาเปิด นั้นคือไอ้ดิว ที่เพิ่งอาบน้ำแต่ยังไม่ได้แต่งตัว ผมก็มองพวกมันตกลงไอ้ดิวมันรวบทำเมียทั้งสองคนเลยใช่ไหมแต่ว่าบรรยากาศภายในดูตึงเครียดมาก สีหน้าแต่ล่ะ ไม่เว้นแม้แต่ไอ้ดิวเอง ก็เครียดไม่แพ้กัน แอ้ก็เหมือนคนกลางที่ลำบากใจ ส่วนอีกคนก็ยืนหน้าบึ้งตึงเหมือนกำลังคุยกันเรื่องคอคาดบาดตายก็ว่าได้
      TBC...
มีคู่ไปอีกหนึ่งคู่ แต่ว่าภาระกิจยังไปไม่ถึงไหนและอีกสามคนเขาจะยังไงระหว่าง แอ้ ดิวและติ๊ก ต้องมีหนึ่งคนที่เจ็บ ใครจะเลือกเป็นคนยอมเจ็บ



ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
รักวุ่นวายฯภาค แอ้Xดิว EP.25 (ดิวXแอ้Xติ๊ก) สิ่งที่พูดไม่ได้1
              Part’ s ดิว ผมเองก็พยายามไม่อยากมีเรื่องกับใครโดยไม่จำเป็น ผมรู้ว่าพ่อส่งผมไปเรียนต่อยมวยทำไมเพื่อให้ไปเรียนรู้การใช้วิชาการต่อสู้ให้ถูกๆ ครูที่เป็นคนสอนผม บอกผมเสมอว่าวิชาหมัดมวยใช้ได้แค่ควรจะมีขอบเขตของมัน ผมเป็นคนต่อยมวยเก่งมาตั้งแต่เด็ก ก็ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะแอ้นี่แหละ ผมมีแววเป็นนักมวยได้แต่ว่าผมเลือกที่จะไม่เป็นหลังจากที่เรียนกับครูมวยของผมแล้ว ผมเอาไว้ใช้ป้องกันตัวและผมเองอาจจะได้ใช้ในอนาคตเพราะศิลปะการต่อสู้ ทหารก็ต้องเรียนรู้เหมือนกัน ใช่ผมเลือกแล้วว่าผมจะเป็นอะไรในอนาคต

               แต่ว่าตอนนี้ผมร้อนมาก อารมณ์ผมนี่แหละรู้สึกได้ถึงแรงสูบฉีดเลือดในกายผมมันเกินจากอารมณ์ร้อนของผม ปกติจะไม่พยายามหัวร้อนต้องโมโหแบบถึงที่สุด พ่อบอกผมเสมอว่าหัวร้อนไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาได้แต่มีแค่เรื่องเดียวคือเรื่องแอ้นี่แหละ และวันนี้ก็เช่นกัน เกือบมีเรื่องจนได้ก็เพราะว่าไอ้พี่ภาณุ มันพยายามเข้ามายุ่งกับแอ้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่ว่ามันหลายครั้งแล้วและไอ้พี่คนนี้คือคนที่พี่แอร์พยายามให้จีบแอ้ แอ้รักพี่แอร์มาก พี่แอร์มีหน้าตาที่เหมือนแอ้ เหมือนชนิดที่เรียกว่าเป็นแฝดกันเลยก็ว่าได้ ทั้งที่ห่างกันเรียกว่าหัวปีท้ายปี เหมือนผมกับพี่ดิ๊บ

             แต่ก็มีบางมุมที่แตกต่างกัน ถ้ามองเผินๆ ก็คิดว่าแฝดกันแต่ผมน่ะแยกออก พี่แอร์นิสัยแตกต่างจากแอ้มาก ราวกับหน้ามือกับหลังเท้าขนาดนั้น พี่แอร์เหมือนคนนิ่งและน่ากลัว เดายากและไม่เข้าหาใครเลย พวกผมยังเป็นเพื่อนกันมารุ่นต่อรุ่นแต่แปลกพี่แอร์ไม่สุงสิงกับพี่ดิ๊บ พี่ตั้นหรือว่าใครเลยสักคนและนี่เขายังไม่ชอบหน้าผมทั้งที่ผมเองก็ไม่ได้ทำอะไรให้ดังนั้น

              ผมจึงเดาได้ว่าพี่แอร์เป็นคนส่งไอ้พี่ภาณุให้มาเป็นมารของผม ก็ไอ้พี่ภาณุมันพูดว่าพี่แอร์สั่งให้มันพาแอ้ไปทานข้าววันหยุดบ้างอะไรบ้าง ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ทำไมผมไม่รู้มาก่อนว่าจะมาเจอไอ้พี่ภาณุที่นี้ ผมเคยเจอไอ้พี่ภาณุที่กรุงเทพและผมจำได้ว่ามันเรียนโรงเรียนเตรียมทหารกับพี่แอร์แล้วน่ะแต่ไหงมาอยู่ที่นี้ได้อีก หรือว่ามันลงทุนตามแอ้มาที่นี้ ไม่ซิ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยเพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องด่วนมาก พวกผมถูกส่งมาแบบกะทันหัน แบบไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ ผมคิดยังไงก็คิดไม่ออก จนกระทั่ง

             “ดิว” เสียงใครสักคนเรียกชื่อผม ผมจำได้ดีว่าเป็นเสียงของแอ้พร้อมกับเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาด้านใน ผมก็หยุดค้างไว้เอาไว้ก่อนเอี้ยวตัวหันหันไปมองว่าเป็นแอ้และก็ใช่จริงๆ ด้วย แอ้นั้นเอง แอ้ยืนอยู่ด้านหลังผม ผมดันตัวให้ลงมายืนที่พื้นก่อนจะหันไปคว้าผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อของผม ผมหันไปมองแอ้แบบเต็มๆ

             “มึงอย่าทำแบบนี้ได้ไหมวะดิว “ประโยคแรกที่แอ้พูดกับผม มันไม่ใช่ครั้งแรกที่แอ้จะบอกผมว่า อย่าแสดงอาการหึงเขา ผมรู้ว่าผมหึงไม่ได้เพราะว่าผมก็ได้แอ้โดยไม่ได้ถามเขาก่อนแต่ผมรู้ว่าแอ้มีใจให้ผม ไม่อย่างนั้นจะยอมผมจนมีลูกเพิ่มเหรอแต่ผมก็ไม่รู้อีกว่าอะไรกันที่ทำให้แอ้คิดว่า ผมกับเขาจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน หรือจะเป็นเพราะพ่อผมกับอาภีมเคยต้องห่างกันเพราะลุงหนึ่ง หรือแอ้จะกลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย

            “ดิว มึงฟังกูหรือเปล่า” แอ้เรียกผมอีกครั้งเพราะผมมัวแต่คิดอะไรไปต่างๆ นานาอยู่คนเดียว

            “แอ้…ดิวน่ะไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะแอ้จะได้ทนเห็นไอ้พี่ภาณุมันจะมาจีบแอ้ได้แบบไม่ทำอะไรเลยและนี้ก็แผนพี่แอร์ทั้งนั้น “ผมพูด ผมยืนมองแอ้ แอ้มองผมแว๊ปเดียวก่อนจะหันไปและพ่นลมหายใจออกมา ผมรู้ว่าแอ้ไม่เคยเชื่อว่านี้คือแผนพี่แอร์

            “พี่แอร์เขาไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยน่ะดิว” แอ้หันมาพูดกับผมอีกครั้งและมองหน้าผม

           “พี่แอร์นะหาเรื่องให้แอ้และดิว แอ้ก็เห็นแต่เหตุผลอะไรดิวไม่รู้ รู้แค่ว่าพี่แอร์นะมารของดิว” ผมพูด แอ้ถึงกับต้องส่ายหัวให้ผมเพราะผมกำลังงี่เง่าอยู่ไง

           “ไอ้ดิวนั้นมันพี่กูน่ะ!” แอ้พูดตะคอกเสียงใส่ผมทันที

           “จะว่าพี่ห่วงน้องก็ไม่น่าจะใช่น่ะแอ้ มันต่างกับที่พี่อ้นทำ ดิวรู้สึกได้!” ผมหันไปพูดกับแอ้ ผมรู้ว่าแอ้ไม่เชื่อที่ผมพยายามบอกว่าพี่แอ้ไม่เหมือนรักแอ้จริงๆ หรอก

           “พี่แอร์น่ะแปลกและสิ่งที่พี่แอร์ทำไม่ใช่รักน้องแต่ดิวว่า…” ผมพูดสายตาผมมองแอ้ แอ้ก็มองหน้าผม

           “พี่แอร์เหมือนกำลังคิดไม่ดีกับแอ้และดิวอยู่ “ผมพูด แอ้ก้มหน้าลง ผมรู้ว่ายิ่งพูดแอ้ก็ยิ่งไม่ชอบให้ผมว่าพี่แอร์และมันดูเหมือนผมกำลังใส่ร้ายพี่แอร์อยู่

             “มึงนี่งี่เง่าว่ะ! “แอ้พูดก่อนจะหันหลังและทำท่าจะเดินออกจากห้องไป ผมหรือจะปล่อยให้แอ้ออกไปง่ายๆ ไหนๆ ก็เข้ามาหาผมแล้ว

             “หมับ!” ผมดึงรั้งแอ้เอาไว้ได้ทันและรีบกอดรัดแอ้เอาไว้ทันที แอ้เองก็ไม่ทันได้ตั้งตัวก็เซหมุนกลับมาหาผม แอ้ตกใจเลยใช้ฝ่ามือของเขาดันหน้าอกผมเอาไว้ ผมก็พลิกดันแอ้หมุนเข้าหากำแพงและผมก็ดันแอ้ไว้กับกำแพง ผมก็รวบข้อมือของแอ้ขึงไว้เหนือศีรษะแอ้ และใช้ลำตัวดันร่างแอ้ไว้ชิดติดกำแพง แอ้พยายามดันผมออกแต่ก็ไม่เป็นผล แอ้นะเก่งด้านกลยุทธ์แต่ดิวเน้นใช้กำลังเป็นหลัก

              “ไอ้ดิว อย่า เดี๋ยวไอ้ติ๊ก...มัน...” แอ้จะร้องห้ามและจะบอกว่าไอ้ตัวดีจะโผ่เข้ามาในห้องนะเหรอผมแค่ยิ้มที่มุมปาก

             “อืมม” ผมประกบปากแอ้ผมจูบแอ้แบบหนักหน่วง ผมบดขยี้อย่างแรง ทั้งที่ทุกครั้งผมจะนุ่มนวลแต่ว่าครั้งนี้ผมทำรุนแรงเพราะความหึงล้วนๆ ของผม ผมรวบแขนแอ้ไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียวอยู่แบบนั้นเพราะมือแอ้นี่แหละที่อาจจะฟาดผมน็อกเอาท์ได้เลยต้องรวบเอาไว้ก่อน ส่วนอีกมือก็ลูบไล้ไปตามลำตัวแอ้ไปจนถึงสองจุดเล็กบนยอดอกของแอ้ แอ้ทั้งต่อต้านและแอ่นขึ้นสู้มือผมไปพร้อมกันๆ ขณะที่ผมกำลังจูบและใช้นิ้วหยอกเล่นกับสองจุดนั้น

              “อ๊ะ…อย่า… อ๊ะ…อ้าห์ …ดิว “แอ้ร้องเรียกชื่อผม แม้ว่าแอ้จะพยายามห้ามไปด้วยก็ตามแต่ก็แอบร้องครางไปพร้อมๆ กัน ผมก็ยิ่งรุกหนักขึ้นเรื่อยๆ

               “อย่า...ดิว...ไม่...เอา...ดิวหยุด...กูบอกให้หยุด!” แอ้มันพูดติดๆ ขัดๆ ก็คงจะเป็นเพราะว่าผมนั้นประกบจูบแอ้เอาไว้ แอ้ยิ่งก็พยายามร้องห้ามผม ดูแล้วยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งปลุกไฟความต้องการในตัวผม ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จนผมสองคนเหนื่อยหอบไปด้วยกัน สุดท้ายผมก็ต้องยอมหยุด

                “ฟู่” ผมพ่นลมออกจากปากเมื่อรู้สึกว่าอารมณ์คุกรุ่นในกายผมมันเบาบางลงบ้างแล้ว ผมเห็นสายตาของแอ้ที่มองผมอยู่ ผมรู้ว่าแอ้ไม่ชอบให้ผมทำแบบนี้ คือถ้าแอ้บอกให้ผมหยุด ผมควรจะหยุดแต่นี้ผมไม่ยอมหยุดเพราะอารมณ์ที่คุกรุ่นที่มันค้างอยู่ข้างในเพราะผมเองที่ทนไม่ได้ที่เห็นคนอื่นพยายามจีบแอ้ที่เป็นแม่ของลูกผมแบบนี้ ผมมองแอ้ แอ้ก็มองผมกลับ เราประสานตาอยู่แบบนั้นไม่ได้พูดอะไรแต่ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกข้างในลึกๆ ของแอ้ ว่าแอ้กำลังผิดหวังกับผมอยู่

                 “ดิวขอโทษ...ดิว...แค่...หึงอ่ะ” ผมพูด แอ้ก็มองผมอยู่นิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไร

                 “มึงไม่ควรหึงกู แบบนี้นะดิว! “แอ้พูดและสุดท้ายเป็นแอ้เองที่ดันตัวผมออก แอ้ทำท่าจะเดินออกไปจริงๆ แต่ผมคว้าแขนแอ้เอาไว้

                “ทำไมอะแอ้...” ผมถามแอ้ แอ้ได้แต่ยืนนิ่ง

                “กู...เออ...” แอ้หันมาทำท่าจะตอบผมแต่ก็เงียบไปซะดื้อๆ แต่ผมก็พอจะเดาได้ว่าแอ้จะพูดอะไร

                “ไม่ใช่แฟน แอ้จะบอกว่าเราไม่ใช่แฟนกัน แล้วเราเป็นอะไรกันแอ้...?” ผมถามแอ้กลับ ผมมองหน้าแอ้ สายตาผมชอนไชเพื่อหาคำตอบจากปากแอ้ แอ้ยืนนิ่งเงียบ

                “แต่มันก็จริงนะเราไม่ใช่แค่แฟนแล้วนะแอ้ เราเป็นมากกว่านั้นไปแล้ว มันก้าวผ่านคำนั้นไปนานแล้วแอ้...” ผมพูด แอ้ได้แต่ก้มหน้า แอ้ไม่พูดอะไรเลย

              “แอ้คือทุกอย่างของดิวและ...ลูกๆ” ผมพูดกับแอ้ ผมกลัวเหลือเกินกลัวว่าเขาจะไม่อยากไปต่อกับผมเพราะแอ้คิดมากตลอดเรื่องในอนาคต กลัวอะไรต่างๆ นานา ทั้งที่มันยังมาไม่ถึงซะหน่อย

              “กูจะขึ้นไปอาบน้ำแล้วดิว “จู่ๆ แอ้ก็เปลี่ยนเรื่องทันทีและแอ้ก็เดินออกไปทันทีเช่นกัน ทิ้งผมให้ยืนงงอยู่แบบนั้น ผมไม่รู้จริงๆ ว่าทำไม แอ้ถึงไม่ยอมรับใจตัวเองซะที ถ้าแอ้ไม่รักผมก็คงไม่ยอมผมเพราะว่าแอ้ก็ขัดขืนผมได้แต่นี้แอ้ไม่ นี่ก็แปลได้ว่าแอ้ก็ต้องมีใจแต่แอ้จะฝืนใจตัวเองไปเพื่ออะไร ผมไม่เข้าใจจริงๆ และยิ่งผมกับแอ้มีพยานรักกันขนาดนี้แล้วด้วย แต่มันเสียแค่ ผมเปิดเรื่องแอ้ไม่ได้ แม้กระทั่งจะบอกพวกเพื่อนๆ ผมว่าเราคบกันยังทำไม่ได้เลย ก็ไอ้ตำแหน่งบ้าบอที่ค้ำคอผมอยู่ด้วยอีก ผมนั่งลงใช่ฝ่ามือประกบใบหน้าของผม

****

               Part’ s แอ้ ผมเดินออกมาจากห้องที่ดิวเข้าไปออกกำลังกาย เป็นฟิตเนสเล็กๆ แต่ก่อนผมก็ออกไปวิ่งบ่อย บางครั้งก็มีดิววิ่งตามออกไปบ้างแต่ดิวเน้นออกกำลังกายแบบบอร์ดี้เวท นี่ผมเดินออกมาจากห้องนั้นด้วยอาการหัวเสียเล็กน้อย ก็เป็นเพราะว่าผมตั้งใจจะไปคุยกับไอ้ดิวมันดีดี อันที่จริงก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่า เวลามันหึงผมนี่สู้มันไม่ได้ทุกทีและสุดท้ายก็ยอมมัน เรียกได้ว่าคุยดีดีไม่เคยได้จับจูบตลอด ดูซินี่ ปากผมบวมเจ่อออกมาหน่อยๆ เลยเพราะว่าวันนี้ไอ้ดิวมันบดขยี้ปากผมแบบรุนแรงและนี้ก็เป็นครั้งแรกที่มันเล่นบทรักได้ฮาร์ดคอร์มาก ซึ่งปกติจะนุ่มนวลหรือถ้าเกิดผมบอกว่า

             ” ไม่ “มันก็จะหยุดทันทีแต่นี่พอผมบอกว่า

            ” ไม่” มันก็ยังไม่หยุดเหมือนทุกครั้งและมันก็มาจากอาการหึงของมันล้วนๆ ก็ผมดันไปเจอพี่ภาณุที่โรงเรียนนี้ เขาเรียนอยู่ที่นี้โดยที่ผมไม่รู้มาก่อนและพี่แอร์ก็ไม่เคยบอกผมด้วย

            “แอ้!” ผมสะดุ้งสุดตัวเพราะว่ามีเสียงใครดังมาจากมุมก่อนจะขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองของตัวบ้านและคนที่ออกมาเพื่อแสดงตัวตนคนนั้นคือไอ้ติ๊ก

            “ว่าไงติ๊ก กูตกใจหมด เล่นกระโดดมาจากมุมแบบนี้” ผมพูดกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองที่คุกรุ่นตั้งแต่อยู่ในห้องนั้นแล้ว แต่ที่ผมตกใจมากไปกว่านั้นคือ มันคงไม่ไปแอบฟังผมกับดิวคุยกันหรอกน่ะ ผมมองหน้าติ๊กว่ามีอะไรถึงได้ยืนลับๆ ล่อๆ รอผมแบบนี้อีก

              “มึงไปไหนมา” ไอ้ติ๊กมันถามผมห้วนๆ นี้ก็อีกคน นี้ผมพึ่งจะพจนคนในห้องนั้นมายังต้องมาเจอคนนี้อีกเหรอ

              “มึงไปไหนมา…. แอ้!!” ติ๊กถามผม

             “ก็...เออ..กู ..ไป..วิ่งมา ที่ด้านหลังบ้านพัก” ผมบอกไอ้ติ๊ก จะบอกว่าไปห้องยิมก็ไม่ได้เพราะว่าในห้องนั้นมีไอ้ดิว นี้ผมจะต้องปวดหัวพร้อมกันสองเรื่องเลยใช่ไหม เรื่องติ๊กและมาเรื่องพี่ภาณุอีก

             “จริงเหรอ?” ไอ้ติ๊กมันเดินเข้ามาหาผมและมันก็เอานิ้วมันแตะตามเสื้อผม

             “ตัวมึงดูเปียกๆ กูเชื่อมึง” ไอ้ติ๊กมันพูด ผมค่อยโล่งอกไปหน่อยเพราะจริงๆ แล้ว ผมไม่ได้วิ่งและที่เสื้อของผมมันเปียกแบบนี้ก็เพราะว่าฟัดมากับไอ้ดิวล้วนๆ เลย

            “งั้นกูขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ กูจะอาบน้ำห้องกู ก่อนที่ไอ้ดิวมันจะขึ้นไปอาบน้ำเหมือนกัน” ผมบอกไอ้ติ๊กทันที ผมขี้เกียจไปนั่งรออาบน้ำทีหลังมันอีกจะได้มีเวลาพักบ้าง ช่วงนี้รู้สึกเพลียๆ ยังไงก็ไม่รู้

            “ก็ได้แอ้” ติ๊กมันพูด ผมก็ทำท่าจะเดินขึ้นแต่

           “หมับ!” ติ๊กมันจับแขนผมและกระชากผมกลับโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัวและมันก็ทำให้ผมนึกโมโหไอ้ติ๊กเหมือนกัน

            “เฮ้ย!” ผมตกใจซิครับ ผมหันมาเอ็ดมันว่ามันทำอะไร มันเล่นอะไรของมัน ทำให้ผมเกือบจะหงายหลังแล้วไหมล่ะ

            “ฟื้ด!!” ติ๊กมันดึงตัวผมเข้าไปเพื่อสูดดมเสื้อนักเรียนของผมและก็มองหน้าผมเหมือนกับว่าเขากำลังใจความคิดอยู่

             “แอ้...นี้มันกลิ่นน้ำหอมใครวะ ไม่ใช่กลิ่นประจำที่มึงใช้น่ะ ปกติน้ำหอมมึงจะกลิ่นอ่อนกว่านี้น่ะ” ติ๊กถามผมด้วยน้ำเสียงที่บอกว่ากำลังจะเข้าสู่โหมดเข้าดราม่าอีกแล้ว ผมหันมามองหน้าติ๊ก ทั้งที่ผมกำลังจะผ่านขึ้นไปบนห้องอยู่แล้วเชียว

             “อ้อ พี่กูซื้อให้ใหม่นะ ทำไมอ่ะ ไม่หอมเหรอ” ผมแก้สถานการณ์ไปแบบน้ำขุ่นๆ สายตาผมมองติ๊กเพื่อไม่ให้ติ๊กมันจับพิรุจได้ว่าและมันอาจจะถามหาว่าใครคือเจ้าของน้ำหอมกลิ่นนี้เพราะว่าคนที่ใช้กลิ่นนี้คือไอ้ดิว กลิ่นน้ำหอมไอ้ดิวมันค่อนข้างแรงกว่าผมและการที่มันฟัดผมแบบนั้น เนื้อแทบจะแนบเนื้อดีที่มีเสื้อผ้ากั้นอยู่บ้าง

             “หอมว่ะแต่กลิ่นมันแรงเกินไปสำหรับมึงวะแอ้ ไม่เหมาะกับมึงหรอก เปลี่ยนซะและใช้ที่กูซื้อให้นั้นดีกว่า” ไอ้ติ๊กพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นลงได้แล้ว ผมก็ยิ้มๆ ผมแอบด่าไอ้ดิวในใจนี้มึงหาเรื่องให้กูชัดๆ เลย ผมก็เดินกลับขึ้นไปชั้นสองของบ้านทันที ผมเห็นพายกำลังจะเปิดประตูเข้าห้องพอดีเลยและติ๊กมันก็ตามผมขึ้นไปเช่นกัน

          “ถ้าอย่างนั้นกูขึ้นไปอาบน้ำห้องกูเลยนะติ๊ก” ผมรีบหันไปบอกไอ้ติ๊ก พายมันก็มองไอ้ติ๊กเช่นกัน

         “มึงให้แอ้มันอยู่ติดห้องมันบ้างเหอะไอ้ติ๊ก” พายพูดขึ้นทันที

          “เออ...มึงอาบห้องมึงและเดี๋ยวกูจะเอาการบ้านไปทำที่ห้องมึงว่ะแอ้” ติ๊กพูดและเดินแทรกพายเข้าห้องไปผมก็หันยิ้มให้พายเพื่อขอบใจที่ออกมาช่วยผมเอาไว้ได้ทัน พายพยักหน้าให้ผม

           ผมรีบเข้าไปอาบน้ำทันที ผมดมเสื้อนักเรียนกลิ่นน้ำหอมที่ดิวมันใช้และกลิ่นนี้ผมก็เป็นคนสั่งซื้อมาให้ดิวเองและดิวก็ชอบมากซะด้วย ผมเคยไปดมดูที่บรูธตอนที่เขาเอามาโปรโมทน้ำหอมตัวใหม่  ผมยอมรับว่าผมดูแลมันทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่กางเกงในยังต้องซื้อให้มันเลย ถ้าติ๊กมันรู้เรื่องนั้นด้วยผมคง…ไม่อยากจะคิดเลย

           “ดิวกูอยากรักมึงแต่กูกลัวถ้าหากเป็นจริงอย่างที่พ่อภาพูดว่าถ้าลูกๆ รับไม่ได้ที่จะมีพ่อสองคน มีครอบครัวที่ไม่เหมือนธรรมชาติอย่างคนอื่นเขา กูกลัวว่ะดิว เพราะเขาไม่ได้เลือกให้กูเป็นแบบนี้ เขาเลือกแค่คนเดียวคือบอยไม่ใช่กู “ผมพูดกับกระจก มือจับขอบอ่างล้างหน้าเอาไว้

             “และถ้าเกิดต้องมีหนึ่งคนที่เสียสละและคนนั้นก็ควรจะเป็นกูเองเพราะลูกๆ ก็ต้องการมึงดิว” ผมพูดอยู่คนเดียวในห้องน้ำไม่ดังมาก มันอึดอัดไม่รู้จะไปพูดให้ใครได้ฟังสิ่งที่มันอยู่ภายใน ก่อนที่ผมจะเข้าห้องน้ำเปิดน้ำชำระร่างกาย ผมใช้เวลาไม่นานเพราะถ้าไอ้ดิวขึ้นมามันก็จะไม่ยอมให้ผมอาบน้ำอย่างเดียวแน่ๆ นี้ขนาดพ่อบอกว่าให้ถนอมผมหน่อยนะ มันยังแอบอึบๆ ผมซะเลย ผมก็รีบอาบน้ำเสร็จให้เร้วที่สุด

            “อ้าวติ๊กมานานหรือยังวะ” ผมออกมาจากห้องน้ำ ผมเห็นไอ้ติ๊กมันเปิดหนังสือรอทำการบ้าน พอผมออกมาไอ้ดิวก็เปิดประตูเข้ามาเช่นกัน ไอ้ดิวเห็นผมกับไอ้ติ๊กก็ตกใจ

            “เออ...วันนี้เปลี่ยนที่สวีทกันหรือไง” ไอ้ดิวมันถามผมกับติ๊ก ผมรู้ว่ามันแซวผมกับไอ้ติ๊ก ผมนะแปลกใจที่ว่ามันไม่ได้รู้สึกหึงผมกับติ๊กเหมือนที่มันหึงผมกับพี่ภาณุหรือคนอื่น

             “ก็อยากอยู่ห้องนี้บ้างทำไมอ่ะ อยู่ไม่ได้เหรอ” ติ๊กมันถามดิว

             “ได้…งั้นแอ้ไปว่ะ” ติ๊กมันพูดและทำท่าจะลุกแต่

            “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนิ “ดิวมันพูดและฮำเพลงของมันไป

            “งั้นอาบน้ำแล้ว จะแอบดูด็ได้น่ะ ไม่เคยล๊อคประตู” ไอ้ดิวมันพูด ผมหันไปมองไอ้ดิว ไอ้ติ๊กมันก็ปาหมอนตามหลังไอ้ดิวไปด้วยขณะที่มันกำลังเดินเข้าห้องน้ำไป ผมก็เช็ดผมตัวเองให้แห้งและนั่งลงข้างๆ ติ๊ก เราเริ่มทำการบ้านกันบนเตียงนอนของผม วิชาที่ผมถนัดก็คือคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ และการบ้านพวกนี้พวกผมก็ผ่านกันมาหมดแล้ว ต้องมาทำซ้ำกันอีก

            “จะได้เวลาทานอาหารเย็นแล้ววะติ๊ก “ผมเหลือบมองเวลาและหันไปบอกกับติ๊กมัน ติ๊กมันพยักหน้า

            “เดี๋ยวขึ้นมาทำต่อแล้วกันวะติ๊ก” ผมบอกติ๊ก ติ๊กมันก็พยักหน้า ไอ้ดิวมันกลับเข้าไปในห้องผมคิดว่ามันน่าจะเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำแต่จู่ๆ มันก็เดินกลับออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวพันกายแบบหมิ่นๆ เผยให้เห็นแผ่นอก ผมเหลือบมองแต่ก็ต้องหันหนีเพราะว่าไอ้ติ๊กมันแอบมองผมอยู่ ผมก็เลยเปลี่ยนเป็นเก็บของแทนแล้วกัน (ถึงเห็นดิวบ่อยแค่ไหนมันก็ทำให้ผมหวั่นไหวทุกที)

            “แอ้...สั่งน้ำหอมให้ใหม่ดิ อันนี้มันจะหมดแล้วอ่ะ” ผมกำลังเก็บของอยู่ไม่ได้หันไปมองไอ้ดิวแต่ด้วยความเคยชินเลยบอกมันไปว่า

            “ก็มีอีกขวดไงดิว ที่เคยสั่งมาแต่ดิวบอกไม่ค่อยชอบอ่ะ ใช้ไปก่อนดิดิว ส่วนอันที่ดิวชอบค่อยสั่งออนไลน์เอาและมันก็ใช้เวลาหลายวันกว่าจะมาส่ง มึงเล่นฉีดทุกวัน มันก็หมดเร็วดิ “ผมพูดแต่ผมดันลืมไปว่าไอ้ติ๊กมันอยู่ในห้องนี้กับพวกผม ผมเงยหน้าขึ้นมาผมก็เห็นว่า ไอ้ติ๊กมันมองผมอยู่

             “มึงสั่งน้ำหอมให้ไอ้ดิวด้วยเหรอวะ...แอ้ “ติ๊กมันถามผม และหันไปมองไอ้ดิว ฉิบหายแล้วผม!!!

            “เออ.... คือ....” ผมนี้ไปไม่ถูกเลยครับจะแก้ตัวยังไงละทีนี้

            “ก็ไม่เห็นแปลกนิ แอ้ของตัวเองกูก็ให้แอ้สั่งให้กูบ้าง โดยเฉพาะกลิ่นนี้โคตรหอมเลย แต่จะหมดแล้ว” ไอ้ดิวมันพูดและโชว์ขวดน้ำหอมที่มันใช่ประจำตระกูลแบรนด์หรูขวดสีฟ้า กลิ่นใหม่ล่าสุดที่ผสมผสานระหว่างกลิ่นหอมสดชื่นกับกลิ่นที่แสดงถึงตัวตนของผู้ชาย สร้างเอกลักษณ์หรือบุคลิกภาพอันโดดเด่น มันเข้ากับดิวมาก ติ๊กหันไปมองและลุกไปหาดิวทันที ติ๊กก็หยิบขวดน้ำหอมนั้นมาจากมือของไอ้ดิว เพื่อมาลองดมดูและติ๊กก็ดมพิสูจน์อยู่หลายทีก่อนจะหันมามองผม ผมว่ามันคงเดาอะไรบางอย่างได้ผมไม่น่าเลย กลิ่นน้ำหอมที่ดิวใช้ กลิ่นมันจะแรงมาก

            “หอมดีวะ หอมมากด้วย กูว่ากูได้กลิ่นมาจากที่ไหนสักทีว่ะ” ไอ้ติ๊กมันพูด ผมหันหน้าไม่อยากสบตามันเลย ผมรู้ว่ามันหมายถึงผม กลิ่นที่ติดเสื้อผมอยู่ไง

            “ที่ไหนอ่ะ เคยมีเหรอ” ดิวมันถามไอ้ติ๊ก ไอ้ติ๊กส่งน้ำหอมขวดนั้นคืนให้ดิวและหันมามองผม

           “หรือว่าแบรนด์เขาส่งมาให้ลองใช้ละ แต่ระดับมึง” ดิวพูด

            “ไม่อ่ะ กูไม่ชอบเพราะว่าไอ้คนที่เป็นพรีเซนเตอร์น้ำหอมยี่ห้อนี้และกลิ่นนี้” ติ๊กมันพูด

             “มันทะเลาะกับกูตอนที่ไปออกงานและมันทำให้กูฟาดมันไปด้วยรองเท้าหนังหัวตัด” ไอ้ติ๊กมันพูด ผมก็รู้เรื่องนี้และใครก็รู้เพราะว่าเป็นข่าวครึกโครมกันเลยทีเดียว พร้อมกับสงครามน้ำลายสาดกันไปมาระหว่างดาราคนนั้นกับติ๊กและผู้จัดการของติ๊ก

          “ทำไมมึงสั่งอันนี้วะแอ้” ติ๊กมันหันมาถามผม

          “คือว่าเออ. กูไม่รู้เรื่องน้ำหอมอ่ะ กูเลยสั่งมั่ว” ผมแก้ตัวไป ดิวก็มองผมและติ๊กสลับกันไปมา

          “ก็แค่น้ำหอมติ๊กมึงจะอะไร ไอ้นั่นมันก็ส่วนไอ้นั่นดิวะ แยกแยะหน่อย “ไอ้ดิวมันก็เอาขวดน้ำหอมกลับไปและมันก็มองผมอีก ตอนนี้โคตรอึดอัดเลยผมนะ

          “อืมม..ก็แค่น้ำหอม..จริงของมึงว่ะ งั้นกูลงไปทานข้าวเลยแล้วกัน “ติ๊กมันพูดและเก็บสมุดการบ้าน ผมก็มองว่าใครบอกว่าจะมาทำการบ้านที่นี้ไง ผมเองก็อยากให้ทำที่นี้เพราะว่าผมทิ้งไอ้ดิวมันอยู่คนเดียวมาจะสามวันแล้ว

          “กูจะทำที่ห้องกู มึงก็ตามใจแล้วกันแอ้ …. กูเบื่อที่จะ” ติ๊กมันพูดและก้มลงเก็บของทุกอย่าง

          “เออ...กูไปทำ...ที่ห้องมึงก็ได้ว่ะ” ผมพูดและรีบเก็บสมุดทั้งหมดจะได้ตามไอ้ติ๊กไป แต่ว่าดิวมองหน้าผม ว่าทำไมผมยอมไอ้ติ๊กอีกแล้วถ้ามันรู้เหตุผลมันจะเข้าใจ ผมรู้สึกตลอดเวลาและรู้สึกอึดอัดที่ผมกับเป็นคนกลางระหว่างมันสองคน

           “และจะให้แอ้มันนอนห้องมึงอีกไหมวะ ติ๊ก” ดิวถามติ๊ก ติ๊กหันมามองหน้าดิวและมองหน้าผม

            “กูว่า กูเริ่มจะหมดความอดทนว่ะติ๊ก มึงงี่เงาวะ นี้ห้องนอนกูกับแอ้ มึงให้มันไปนอนเบียดมึงทำไมวะ “ดิวพูดผมหันกลับไปมองไอ้ดิว ผมแอบส่ายหัวว่าอย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่

           “ทำไมวะติ๊ก มึงเป็นอะไร! “ดิวมันถามติ๊ก ดิวมันยืนเอามือเท้าซะเอวมองผมกับติ๊ก

           “กูซิต้องถามมึงสองคนมีอะไรปิดกู!” ติ๊กมันหันมามองหน้าผมกับไอ้ดิวสลับกันไปมา ดิวมันเดินเข้ามาผมก็มองไอ้ดิว ผมส่ายหัวเพราะดูแล้วไอ้ดิวมันกำลังจะ

            “มึงปิดบังอะไรกูละ ช่วงสี่ปีที่ผ่านมานี่นะ มีเชี่ยอะไรทำไมไม่บอกกูตรงๆ วะ “ติ๊กหันพูดและมองหน้าผมสองคน

           “กูก็ไม่อยากปิดแต่เพราะมึงแม่งโคตรงี่เง่าไงและกูกับแอ้ก็คิดว่ามึงคงจะไม่ฟังใครแบบนี้ด้วยไง”

           “แต่กูว่ากูก็ควรจะบอกมึงว่า ….” ดิวมันทำท่าจะพูดแต่ผมส่ายหัวว่าอย่านะดิว

           “กูกับแอ้… “ไอ้ดิวมันย่างเท้าเข้ามาอยู่ตรงหน้าติ๊กและผม ตอนนี้เราสามคน ไอ้ติ๊กมันก็รอฟัง

            “กูกับแอ้…” ดิวพูด ผมที่ยืนอยู่ก็พยายามสั่นหัวบอกดิว

           “มีลูกด้วยกัน” ไอ้ดิวพูดขึ้นมา ติ๊กมันก็ถึงกับอึ้ง ผมมองหน้าไอ้ดิว ทำไมมันเลือกที่จะบอกตอนนี้ ทั้งที่ผมเองยังไม่กล้าบอกพ่อผมเองเลยแต่มันดันเลือกที่จะบอกติ๊กก่อนนี่น่ะ ผมหันมามองหน้าดิว ผมส่ายหัว ดิวมองหน้าผมก่อนจะหันไปมองหน้าติ๊ก สายตาเขาทั้งคู่ประสานกัน ผมยืนกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ ในใจผม (อย่านะดิว)           

             TBC......

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
         
EP.25.1 (ดิวXแอ้Xติ๊ก) สิ่งที่พูดไม่ได้2
            Part’s แอ้ ผมมองหน้าไอ้ดิว ทำไมมันเลือกที่จะบอกตอนนี้ ทั้งที่ผมเองยังไม่กล้าบอกพ่อผมเองเลยแต่มันดันเลือกที่จะบอกติ๊กก่อนนี่น่ะ ผมหันมามองหน้าดิว ผมส่ายหัวอย่าบอกน่ะดิว ดิวมองหน้าผมก่อนจะหันไปมองหน้าติ๊ก สายตาเขาทั้งคู่ประสานกัน ผมยืนกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ ในใจผม (อย่านะดิว)    ติ๊กก็มองหน้าผมกับดิวสลับกันไปมา 
            “ลูก… มึงจะมีลูกกันได้ยังไง…” ติ๊กถามขึ้น ติ๊กหันมามองหน้าผม ผมแอบสั่นหัวเบาๆ ไอ้ดิวน่ะไอ้ดิวถ้ามันบอกไปนี้เท่ากับว่ามันทิ้งระเบิดไว้ให้ผมชัดๆ
           “ลูกหมานะติ๊ก กูชอบเลี้ยงหมาไง พอดีมีคนให้มันมาและกูก็อยากได้เฉยๆ แต่พ่อกูไม่ให้กูก็เลยให้เป็นหมาของไอ้ดิวมัน...   . “ผมหันไปมองไอ้ดิวและแอบส่งสายตาว่าอย่านะ อย่าพูดเรื่องนี้ ดิวมันก็ส่ายหัวนั้นคือมันไม่อยากเก็บไว้อีกแล้ว
      “ก็แค่ลูกหมาอ่ะติ๊ก ผมหันไปบอกติ๊ก แต่ติ๊กมันไม่ได้มองผม ส่ายตามันยังคงประสานอยู่กับไอ้ดิว
      “ลูกหมาแน่เหรอ”ติ๊กถามขึ้นเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
“ไอ้ดิวมึงจะพูดจาสองแง่สองง่ามกันทำไมวะ” ผมถามไอ้ดิว
            “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูเข้ามาขัดจังหวะพอดี ผมสามคนหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน ไอ้ดิวเป็นคนเดินไปเปิดทั้งมันยังสวมแค่ผ้าขนหนูพันกายแบบหมิ่นๆ และคนที่เข้ามาคือ แจ็ค หลุยส์ ธรรณ์และบอย ทั้งสี่คนมองพวกผมสลับกันไปมอง ผมเห็นไอ้แจ็คมันเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามไอ้ดิวว่าเกิดอะไรขึ้น
           “เฮ้ยย จะ...ไป...ทานข้าวกันได้ยังวะ” ไอ้แจ็คมันถามพวกผม ไอ้หลุยส์ ธรรณ์และบอยด้วยเข้ามด้านใน พวกเขามองพวกผมสามคนสลับกันไปมา
           “ดูหน้าตาแต่ละคนคุสาดมาก มีอะไรกันวะ “ไอ้แจ็คมันถามพวกผม ไอ้ดิวมันหันหลังพ่นลมหายใจออกมา ผมหันมามองหน้าไอ้ติ๊ก ผมไม่รู้ว่ามันเชื่อที่ดิวพูดหรือผมพูดกันแน่
          “เออพวกมึงมีอะไรกันหรือวะ” ไอ้หลุยส์มันถามขึ้น
         “ผัวเมียตีกันอีกแล้วหรือไงวะ มีอะไรทำไมไม่ค่อยๆ คุยกันดิว่ะ” ไอ้แจ็คมันพูด ผมหันไปคว้าหมอนจะปาใส่มัน มันรีบหลบหลังไอ้หลุยส์ทันที
       “ไอ้ดิว...มึงบอกให้กูฟังใหม่ดิว่าตกลงมึงสองคนมีลูกน่ะลูกอะไร ลูกคนหรือลูกหมากันแน่ เอาให้แน่ๆเพราะสายตามึงมันบอกกูว่าที่ไอ้แอ้พูดมันไม่ใช่ ” ไอ้ติ๊กมันถาม ผมก็กำลังจะอ้าปากพูด
        “พอเลยมึงให้ไอ้ดิวมันพูด”แต่ไอ้ติ๊กมันยกมือห้ามผม
          “ลูก!!ลูกอีกแล้ว ลูกอะไรอีกว่ะ กูได้ยินคำว่าลูกๆ นี้หลายครั้งแล้ว ใครมีลูกวะ” ไอ้แจ็คมันถามขึ้นและมองหน้าผมกับไอ้ดิว ส่วนติ๊กมันยืนนิ่งในมือกำหมัดเอาไว้แน่นมาก
          “ลูกห้อยลูกโหนหรือเปล่าในกางเกงในพวกมึงน่ะ...ฮาๆ ...ฮา...งื้ด!” ไอ้หลุยส์พูดแต่ไม่มีใครขำสักคนนอกจากไอ้แจ็คมันหันไปแตะมือกับหลุยส์แต่สายตาของบอยบอกว่าไม่ตลกด้วย
          “ไอ้ตี๋”และธรรณ์ก็หันไปเอ็ดไอ้หลุยส์อีกคนทั้งคู่มันเลยหยุดแซวผม มีแค่บอยที่มองผมด้วยสายที่เป็นห่วงผม
           “ว่าไงไอ้ดิว!มึงพูดมาดิ พูดออกมาเลย” ไอ้ติ๊กมันขึ้นเสียง
           “ลูกหมา กูมีลูกหมากัน เพราะแอ้มัน...รักหมามาก…แอ้…มันอยาก….เลี้ยงหมา!”ดิวพูด
   “ก็แค่นั้นแหละ…ก็แค่ลูกหมาปะวะ”แจ็คพูด
   “มึงสามคนจะทะเลาะกันแค่เรืองนี่เหรอว่ะ กูว่าไม่น่าจะใช้ว่ะ”ไอ้หลุยส์ถาม ผมหันไปมองไอ้นี้มันนักสืบหรือไงวะ
   “เออ..แค่เรื่องลูกหมานี่แหละ กูกับแอ้เลี้ยงลูกหมาเอาไว้เพราะว่าแอ้ อยากจะเลี้ยง แอ้มันรักหมามาก ทั้งรักและก็ยังคอยตามใจมันด้วย มันกัดตั้งกี่ทีก็ยังรักมันอยู่ “ไอ้ดิวมันพูดแต่สายตามันมองไปที่ติ๊กอยู่คนดียว ติ๊กมันก็มองไอ้ดิว เหมือนไอ้ดิวมันกำลังสื่อสารอะไรบางอย่างกับติ๊ก
           “แต่จะว่าไปมันก็คล้ายๆ กับชาวนากับงูเห่าอีกเหมือนกันเพราะว่างูเห่า ช่วยมันรักษามันดีแค่ไหนพอมันหายมันก็ย้อนมากัดตามสัญชาตญาณของสัตว์มีพิษ” ไอ้ดิวพูดต่อ
“แอ้น่าจะรู้น่ะนิทานเรื่องนี้ มีคนเคยอ่านให้ฟังก่อนนอน “ดิวพูดก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อแต่งตัว
“เอาหนักเข้าไปอีกสัตว์เอ๊ย มึงพูดเชี่ยอะไรกันเนี่ย! พวกกูงงฉิบหายเลยว่ะ ตกลงลูกอะไรวะ” ไอ้แจ็คมันบ่นก่อนจะหันมามองหน้าผม มันเอามือเท้าเอว
             “แล้วชาวนากับงูเห่ามาเกี่ยวอะไรกับลูกหมาอีกวะพวกมึงเล่นมุกเชี่ยอะไรกันเนี่ยะ! “ไอ้แจ็คมันถาม
            “ตกลงลูกอะไรกันแน่วะ ลูกคนหรือลูกหมาวะ “ไอ้หลุยส์มันพูด
             “ลูกหมา!” ผมพูดแค่นั้น ติ๊กมันหันมามองหน้าผม สายตามันบอกได้ว่ามันเสียใจ ผมก็เสียใจเหมือนกันที่ต้องปิดมัน ไม่ซิปิดพวกมันทุกคน บอยมองผมเหมือนกับว่าเขาจะเข้าใจผมยังไงก็ไม่รู้
           “งั้นก็ลงไปกินข้าวกันเถอะว่ะ หิววะ “ไอ้หลุยส์มันพูดและลูบท้องมันไปด้วย และทุกคนก็แยกย้ายกันลงไปรอทานข้าว พายมองผมกับติ๊ก
            “แอ้ไปกินข้าวกันเถอะว่ะ ติ๊กด้วยน่ะ” บอยบอกผมสองคนแต่ว่า
             "ปึก!" ติ๊กมันเดินชนหัวไหล่ผมอย่างแรงและออกไปทันที ผมนี้เซ่จนล้มลงไปเลย คิดดูว่ามันชนแรงแค่ไหน ดิวก็มองผมแต่ว่ามันอยู่ไกลจากผม มันเลยเข้ามารับไม่ได้แต่ว่ามันก็ดีน่ะ ผมไม่อยากให้ประเด็นนี้มันยืดออกไปอีก
              “ไอ้เชี่ยนี้มึงนี้บ้าไม่ต่างกับหมาเหมือนกัน กูว่าที่ไอ้ดิวว่ามันพูดถึงคงหมายถึงมึงวะ” แจ็คพูดขึ้นและเดินมาจับแขนผมพยุงขึ้นมาแทน ผมพยักหน้าว่าผมโอเค ผมเดินตามทุกคนออกไปแต่ดิวเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวและจะได้ลงไปทานอาหารเย็นด้วยกัน ผมเลือกเดินลงไปก่อนพอผมเดินลงมาถึงชั้นล่าง ผมไม่เห็นไอ้ติ๊ก ผมไม่รู้ว่าเดินเข้าไปในห้องอาหารหรือยัง
                 “มึงโอเคไหมวะแอ้ กูว่ามึงดูไม่โอเคเลยว่ะ “พายยืนอยู่ด้านล่างพายถามผม ผมเห็นบอยเดินสวนออกมาจากห้องอาหารพอดี เดินตรงมาหาผมทันทีเช่นกัน ทำทีเหมือนมีเรื่องจะคุยกับผม
             “บอยจะไปไหนอ่ะ ไม่...” พายถามบอย บอยก็มองมาที่ผมพร้อมกับยิ้มให้ผม
             “บอยมีเรื่องจะคุยกับแอ้นะ พาย ..ขอเวลาแป๊บหนึ่งนะ “บอยบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับผม พายก็พยักหน้า
            “จะคุยเรื่องลูกหมานะ บอยก็ชอบนะ อยากเลี้ยงเหมือนกัน” บอยบอกพาย พายก็ยิ้มๆ และเดินเข้าไปก่อน บอยเดินมาจับมือผมไว้
             “ไปคุยตรงโน้นดีกว่าแอ้” บอยบอกผม ผมเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นอีกห้อง บอยหันไปมองว่ามีใครตามผมสองคนมากันไม่แต่คงไม่มี
              จู่ๆ บอยก็บอกผมว่าขอคุยด้วยกับผม ผมรู้ว่าบอยเริ่มระแคะระคายเรื่องผมเหมือนกัน ผมยอมรับไม่มีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับผมท้องได้เพราะว่าสิ่งที่พ่อภาทำให้ผมมันผิดจรรยาบรรณและมันก็ค่อนข้างร้ายแรง เพราะตอนนั้นองค์กรของพวกผม มีโครงการศึกษาเรื่องผู้ชายสามารถตั้งครรภ์ได้ขึ้นมาเพื่อให้องค์กรมีทายาทที่เกิดจากคนที่จะเป็นผู้นำทั้งคู่แน่นอนเขาเป็นผู้ชายทั้งคู่ จึงมีการคิดค้นด้วยหลักวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย แต่มันก็ยังมีคนที่คัดค้านให้ปิดโครงการนี้ไปแต่ว่าทางพ่อๆได้ขอเอาไว้ เขาอนุมัติให้แค่คนเดียวแต่ดันมามีผมอีกคน ถึงแม้ว่าผมจะคนละกรณีกันก็ตาม ดังนั้นผมจึงยังพูดเรื่องนี้ไม่ได้แต่ผมเองก็รู้เรื่องบอยมาจากดิว ทุกคนในบ้านพ่อภารู้หมดแต่จะต้องเก็บเป็นความลับ ดังนั้นการที่บอยขอคุยกับผม มันค่อนข้างกังวลสำหรับผมพอสมควร ผมเดินหลบมาพอสมควร บอยมองหน้าผม บอยยิ้มให้ผม เขาคงรู้ว่าผมเริ่มมีสีหน้ากังวลเรื่องที่บอยจะคุย
            “แอ้.... บอยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนะแต่บอยรู้สึกว่าแอ้แบกมันเยอะมากน่ะ “บอยพูดผมหันไปมองหน้าบอย
            “และบอยคิดว่าเราคงตกในสถานการณ์เดียวกันด้วยมั้ง” บอยพูด ผมเงยหน้ามองบอย ผมเองยังไม่ค่อยเข้าใจที่บอยพูดเท่าไหร่
           “คือ...เรื่องลูกนะ...แอ้มีลูกได้จริงๆ เหรอ” บอยถามผม ผมก็ตกใจในคำถามของบอย
            “มีได้ยังไง...เราไม่ใช่ผู้หญิงนะบอย...และ...เราจะไปมีกับใครละเราไม่...” ผมพูดปฏิเสธ ผมไม่รู้ว่าบอยจะรู้เรื่องของผมไหม แต่ผมน่ะรู้เรื่องของบอย บอยมองหน้าผม
            “กับดิวไง” บอยพูด ผมก็มองหน้าบอย เหงื่อเริ่มแตก สีหน้าผมเริ่มตกใจใบหน้าตอนนี้คงซีดเผือดผมแค่เดาเอาเพราะว่าผมไม่มีกระจกส่องในตอนนี้ ผมได้แต่ยืนกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ
            “และบอยก็เชื่อว่าที่ดิวปฏิเสธที่จะไม่ทำตามที่เขาเลือกให้ดิวต้องทำเพราะเหตุผลนี้เช่นกัน “บอยพูดผมหันมามองหน้าบอย ผมพูดไม่ได้เช่นกัน
           “ต่อให้แอ้จะไม่ใช่ที่เขาต้องการให้เป็น แต่ในเมื่อแอ้ก็เป็นแล้วและบอยก็คิดว่าแอ้ก็รู้เรื่องบอยเหมือนกันใช่ไหม” บอยถามผม ผมมองหน้าบอย ผมก็พูดไม่ออกเหมือนกัน
            “บอยขอโทษนะ ถ้าแอ้ยังไม่พร้อมจะคุยกับบอยเรื่องนี้ตอนนี้ก็ไม่เป็นไร วันหนึ่งเราคงพร้อมจะเปิดใจคุยด้วยกัน ...งั้นไปทานอาหารเย็นกันเถอะ เพื่อนๆ รออยู่ “บอยพูดผมก็พยักหน้าและเดินออกมาผมก็เจอติ๊ก กำลังเดินออกมาพายคงบอกว่าบอยขอคุยกับผมแน่นอน
          “กำลังจะมาตามไปทานข้าวนะเดี๋ยวอาหารจะเย็นซะก่อนนะบอย” ติ๊กพูดขึ้น บอยหันมามองหน้าผมยิ้มๆ และเดินเลี่ยงเข้าไปก่อน ผมก็จะเดินตามแต่ติ๊กมันดึงแขนผมไว้
          “ติ๊ก เป็นอะไร” ผมถามติ๊กเพราะว่ามันบีบแขนผมจนรู้สึกเจ็บ
         “แค่นี้ไม่เจ็บหรอกแอ้ กูเจ็บกว่ามึงอีก “ติ๊กพูด
          “ฟัดกันนัวเลยดิ ฟัดกันจนน้ำหอมติดเสื้อขนาดนี้” ไอ้ติ๊กมันพูดเชิงกระซิบกับผมสองคนเพราะว่าทุกคนอยู่ในห้องอาหารกันหมดและจังหวะนั้นไอ้ดิวมันก็เดินลงมาพอดี ติ๊กมันเลยรีบปล่อยแขนผมก่อนที่ไอ้ดิวมันจะเห็น ไอ้ดิวหยุดมองหน้าผมและติ๊กสลับกันไปมา ผมเองที่หลบสายตามันและติ๊กก็เป็นฝ่ายเดินเข้าไปในห้องอาหารก่อน
          “มันทำอะไร” ดิวถามผม
          “ไม่มีอะไรหรอก “ผมตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
          “แอ้” ดิวจับแขนผม ข้างเดียวกับที่ติ๊กมันบีบแต่ผมกัดฟันเพื่อไม่ให้ดิวมันรู้และมันจะถามผมจนเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ ผมหันมามองหน้ามัน
          “ก็บอกไม่มีไงดิว” ผมพูด ดิวพยักหน้าและผมกับดิวก็เดินเข้ามาด้านใน ผมมองมีเก้าอี้ว่างสองตัวที่ติดกัน ไอ้ติ๊กมันไปนั่งติดกับพายและธรรณ์และก็บอย
           “นั่งซิแอ้ ทานข้าวกัน” บอยบอกผม ผมก็พยักหน้าไอ้ดิวมันก็เลื่อนเก้าอี้ให้ผมก่อนและมันก็ไปนั่งถัดไป ผมหันไปมองมันไอ้นี่มันทิ้งระเบิดให้ผมอีกแล้ว
          “มึงจะเลื่อนเก้าอี้ให้กูทำไม” ผมกระซิบกับมันแบบว่าไม่ให้ใครสังเกตได้ไอ้ดิวมันก็ตักอาหารทานปกติ ทำเหมือนไม่ได้ยินที่ผมถามมัน
         “อ่ะ ทานปลาเยอะๆ” ไอ้ดิวมันตักปลาให้ผมและมันยังบอกผมอีกนะว่าให้ผมกินปลาเยอะ เหมือนกับที่ผมชอบบอกลูกๆ หรือเปล่วว่ากินปลาเยอะๆ จะได้ฉลาดๆ นี้มันว่าผมว่าผมไม่ค่อยฉลาดคงเป็นเพราะเรื่องติ๊กกับเรื่องพี่แอร์ด้วยซิน่ะ ผมสะบัดหน้าไปมองไอ้ดิว มันแอบยิ้มโดยที่ไม่หันมาหน้ามามองผม และมันก็คอยตักแต่ปลามาเติมให้ผมตลอดจนทุกสายตามองมาที่จานของผม
        “นี้มึงไม่คิดจะให้แอ้มันกินหมูเห็ดเป็ดไก่กะเขาบ้างเหรอวะ ไอ้ดิว” ไอ้แจ็คพูด บอยนี้แอบขำแต่มีคนที่หน้าบึ้งก็เป็นติ๊ก
       “กินปลาเยอะๆ จะได้ฉลาดๆ” ดิวพูด
      “จะได้คิดอะไรได้บ้าง “ดิวพูด ผมหันมามองหน้ามันประมาณว่าอย่าเปิดประเด็นได้ไหม
      “และนี้ ผักบุ้ง กินผักบุ้งเยอะๆ ด้วยน่ะ” ดิวพูดอีก ผมหันมามองเพื่อ?
       “จะได้เป็นเต่าเหรอเพราะว่าเต่าชอบกินผักบุ้งนะดิว ฮาๆ” พายพูด พูดเองก็ขำเอง ทำเอาทุกคนหันไปมองพายกันหมด
       “ฮาๆ “ทุกคนหลุดขำหมดแต่ไม่ใช่สำหรับผมสามคน ดิว ติ๊กและผม ทำเอาทุกคนหยุดหัวเราะและหันมามองหน้าผมสามคนสลับกันไปมา มันแปลกมากกว่าทุกครั้งไง ผมเองก็อึดอัดที่สุด
        “ผักบุ้งด้วย บำรุงสายตา กินเยอะๆ จะได้เห็นอะไรที่ชัดเจนมากขึ้น ว่าอะไรผิดอะไรถูก” ไอ้ดิวมันพูดอันนี้เน้นเสียงแบบชัดถ้อยชัดคำมาก
       “ครืน!!” เสียงลากเก้าอี้ ติ๊กลุกพล้วดขึ้นทันที ติ๊กมองหน้าผมก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหารทันที ผมหันมาดิว ทำแบบนี้ทำไมว่ะ
        “มันอิ่มแล้วเหรอวะ” ไอ้หลุยส์ถามทุกคน แจ็คมันยักไหล่มันไม่รู้เหมือนเช่นทุกคนบนโต๊ะอาหาร
        “ลุกไปขนาดนี้มันคงจะยังไม่อิ่มมั้งหลุยส์” พายพูดและพายก็ลุกขึ้นเช่นกัน
         “แล้ว?” หลุยส์มันก็ทำท่าว่าจะถามพายแต่คงนึกขึ้นได้ว่าไม่น่าจะถามมั้ง
          “อิ่มแล้วและพอดีว่าพายนัดพ่อเปรมดิ์ไว้จะโทรหานะ ไปก่อนนะทุกคน “พายพูดและเดินออกไปทันที ผมหันไปมองไอ้ตัวดีที่นั่งทานอาหารเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
        “แกร้งๆ” ช้อนทุกคันวางบนจานอาหารกันหมด ผมเดาได้ว่าทุกคนกำลังมองผมกับไอ้ดิวกันหมด
         “กูถามจริงๆเหอะวะ มึงสองคนคบกันป่ะ มีเชี่ยอะไรก็พูดมาดิว่ะ แอ้ ดิว ” ไอ้แจ็คยิงคำถามมาที่ผมสองคนทันที
         “กูก็เพื่อนกันมาตลอดพวกมึงก็เห็น” ผมเลยต้องเป็นคนตอบคำถามนี้แทน
        “บางครั้งมันไม่ใช่ว่ะและไอ้ติ๊กนี้เมื่อก่อนมันไม่เป็นแบบนี้นะโว้ย  “แจ็คพูด
         “ไม่ซิ มึงสามคนนะ ไม่เป็นแบบนี้วะ กูไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกับพวกมามึงบ่อยเหมือนเมื่อก่อนมีแค่ไอ้ติ๊ก กูเข้าใจว่ามึงและไอ้ดิวตามอาภาไปพักที่ค่ายบ่อย แต่มันเกิดช่วงหลังๆ นี่เอง “ไอ้แจ็คมันพูดขึ้น
         “และกูรู้สึกได้ว่าติ๊กมันเสียใจว่ะ ที่มึงสองคนเหมือน...มีอะไรที่ปิดบังมันและพวกกูด้วย เรายังเป็นเพื่อนกันไหมว่ะ เพื่อนที่เขาบอกว่าเกิดแม่งก็วันเดียวกันอ่ะ” ไอ้แจ็คมันพูดแม้บอยจะแตะแขนแจ็คก็ตาม
          “ก็แค่บอกมาว่ะ แค่นั้น ตอนนี้มีแค่เรา มีแค่พวกเรา ถ้ามานั่งแตกคอกันแบบนี้ แม่งงานจะสำเร็จไหมวะ ดิว” ไอ้แจ็คมันพูดและหันมามองหน้าไอ้ดิวแทน
         “แจ็ค” บอยเรียกแจ็ค บอยส่ายหน้าว่าให้แจ็คมันพอ
         “ครื้น!” เสียงเก้าอี้ถูกเลื่อนออก โดยไอ้ดิว ดิวมันลุกพล้วดขึ้นทันที
        “แอ้ขึ้นห้องเถอะ!!” จู่ๆไอ้ดิวมันก็หันมาบอกผมและมันก็ดึงแขนผมให้ลุกขึ้น พร้อมกับทุกสายที่มองผมสองคน ดิวมันลากแขนผมขึ้นไปบนห้องพักทันที โดยไม่ได้หันไปพูดอะไรต่อทิ้งไว้ซึ่งความไม่เข้าใจของทุกคน ผมเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

        TBC...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2024 17:21:18 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.2ุ6 (ดิวXแอ้Xติ๊ก) ผมปล่อยมันมาไกลเกินไป

           Part’s แอ้ ทันทีที่ดิวมันลากผมขึ้นมาชั้นและพาผมเข้าไปในห้อง ไอ้ดิวมันก็ปิดประตูลง ดิวไม่ได้พูดอะไร ดิวใช้ฝ่ามือที่ดันประตูเอาไว้ มันบ่งบอกได้ว่าดิวก็รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกผมเองก็รับรู้ได้ ผมถึงไม่อยากกักมันเอาไว้เพราะว่าผมเองก็ไม่รู้ว่าจะเจออะไรอีกในวันข้างหน้า ถ้าสิ่งที่จะต้องเจอมันหนักกว่านี้ล่ะ ดิวมันจะทนได้ไหมผมเองก็ยังไม่รู้ว่าผมจะทนได้หรือไม่เช่นกัน และสิ่งที่ผมเป็นอยู่ มันจะมีหลายคนที่เดือดร้อนกับเรื่องนี้ ผมกับดิวเลยพูดไม่ได้ มันพูดออกไปไม่ได้ ผมไม่ควรปล่อยให้มันมาไกลขนาดนี้ด้วยซ้ำ
           “ดิว..คือ..” ผมทำท่าจะอธิบายแต่ดิวยกมือห้ามผม ผมรู้ว่ามันเสียใจแต่ถามว่าผมเสียใจไหมผมก็เสียใจไม่แพ้ดิวเหมือนกัน เสียใจที่ดึงดิวมันเข้ามาปล่อยให้ความรู้สึกมันไปไกลทั้งผมก็รู้อยู่แล้วว่าสักวันผมอาจจะไม่ได้อยู่กับดิวก็ได้ ดิวหันหลังและกำลังจะเดินผ่านผมไป แค่นี้ผมยังรู้สึก ผมอาจจะอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีดิว
           “หมับ!” ไม่บ่อยหนักที่ผมจะทำแบบนี้กับดิว ผมกอดดิวไว้จากด้านหลัง กอดเหมือนกล้วดิวมันจะหันหลังและทิ้งผมไว้ ทั้งที่ผมเองนี้แหละที่จะทำให้เสียดิวไปเองไม่ใช่ใครอื่นเลย ตอนนี้น้ำตาผมไหลเพราะใจผมก็กลัวเสียดิวมันไปเหมือนกัน ถ้าเกิดว่าวันที่ดิวมันท้อและเลือกเดินจากผมไปเพื่อเลือกทางเดินที่ดีกว่าเดินกับผมล่ะ
             “ฟู่!!!” ดิวพ่นลมหายใจออกมายาวๆและดิวก็หันกลับพร้อมกับพลิกตัวผมเข้าไปกอด ผมกอดกันอยู่ตรงกลางห้องไม่รู้นานแค่ไหนไม่รู้แต่อยากอยู่ตรงนี้นานๆ
             “ดิวขอโทษ ดิวแค่ ...อยากบอกให้มันจบๆ ไป “ดิวพูดขึ้น ฝ่ามือก็ลูบหัวผมเบาๆ
            “แต่มันจะมีปัญหาอื่นตามมาดิว มึงเข้าใจกูไหม...ฮึกๆ” น้ำตาผมเริ่มไหลทั้งที่พยายามแล้ว พยายามกลั้นมันที่สุดแล้ว
            “ไหนจะพ่อกูอีกละดิว พี่ๆ กูด้วยและถ้าทุกคนรู้ว่ากู...ไม่เหมือนคนอื่นละ กูจะเป็นยังไงดิว...แต่ที่กูไม่อยากให้มึงพูดเรื่องนี้เพราะว่า คนที่เดือดร้อนที่สุดคือพ่อภา มึงรู้ไหมดิว” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
           “และอีกเรื่องที่ไม่ควรพูดเรื่องนี้เพราะว่า ดิว มึงคือคนที่เขาเลือกถ้าลุงหนึ่งรู้เรื่องที่กูกับมึงมีอะไรกันจน มีลูกละ กูไม่อยากจะคิดว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นดิว กูไม่ใช่คนที่เขาเลือกแต่แค่ซวย มึงเข้าใจไหมดิว” ผมพูดมองหน้าได้ดิว สายตาผมกับดิวประสานกัน
             “ดิวไม่ได้อยากถูกเลือกแอ้และดิวก็คิดไว้ว่า เราออกไปอยู่แบบคนธรรมดาเขาอยู่กันไหม ดิวไม่สนใจองค์กรบ้าบออะไรนี้หรอก ดิวไม่อยากได้ ถึงเขาไม่มีเราสองคนพวกเขาก็อยู่ได้เพราะมีคนมากมายอยากได้มันแอ้!” ดิวบอกผม ผมถึงกับยืนอึ้งนี่มันจะทิ้งพ่อภาและพี่มันไปเหรอ
             “น่ะแอ้ เราไปอยู่แบบธรรมดาติดดินไม่ต้องมีอะไร มีแค่เราและลูกๆ” ดิวพูด
             “ทิ้งทุกอย่าง ดิวไม่อยากได้อะไรแล้ว ชื่อเสียงหรือเงินทองและไม่อยากทำให้พ่อเดือดร้อน นั้นคือเราไปมีชีวิตของเรา” ดิวพูด ผมมองหน้าไอ้ดิว มันยอมจะทิ้งพ่อภาและพี่ๆ ไปได้เหรอ ยอมทิ้งโรงพยาบาลของพ่อภาได้หรือและมันคิดว่าผมเป็นแบบนี้จะอยู่แบบคนธรรมดาได้จริงๆ เหรอ
             “ดิวมึงคิดว่ากูจะอยู่แบบคนธรรมดาได้เหรอดิว ทั้งที่กูไม่ปกติแบบนี้ นี้ขนาดกูอยู่สภาพแบบนี้มันยังยากสำหรับกูเลยดิวและถ้าไปอยู่แบบนั้นใครจะมองว่ากูปกติเหรอวะดิว “ผมพูด น้ำตาผมไหล ดิวมันหันมามองผม ดิวมันเข้ามากอดผม กอดผมแน่นมากกว่าทุกครั้ง
              “คิดดิว่ะดิว “ผมพูดเบาๆ ขณะที่ผมยังซบใบหน้าอยู่ที่แผ่นอกของดิว
              “ดิวขอโทษแอ้ ดิวขอโทษ ในความงี่เง่าของดิว” ดิวมันพูดผมไม่รู้ว่าเราสองคนกอดกันนานแค่ไหน
               “โอเคแอ้ ดิวจะพยายามทนที่สุดและดิวรู้ว่าแอ้ก็ อึดอัดไม่แพ้กัน...” ดิวพูดก่อนจะดันผมออกเพื่อจะปาดน้ำตาให้ผม
              “ดิว... ติ๊กมันเสียใจอย่างที่ไอ้แจ็คพูดเพราะว่าช่วงสี่ปีที่ผ่านมาตั้งแต่แฝดเกิดนะเราห่างเหินมันไปนะดิว “ผมพูดกับดิว ดิวพยักหน้า
              “ดิวก็อาจจะผิดที่มัวแต่คิดถึงลูกมากกว่า” ดิวพูดกับผม
             “ดิวจะไปพูดกับมันเองนะแอ้” ดิวบอกผม ผมยิ้มออกเพราะว่ามันอาจจะทำให้ติ๊กหายโกรธผมขึ้นมาหน่อย
             “งั้นกูไปล้างหน้านะและจะเข้านอนกูง่วงนอนมากเลยดิว” ผมพูดและผมก็เดินเลี่ยงออกไป ไม่รู้ว่าทำไมช่วงนี้ง่วงนอนบ่อยก็ไม่รู้ รู้สึกเพลียอย่างบอกไม่ถูก
            “แอ้..เดี๋ยว!” ดิวมันดึงแขนผมไว้และมันก็มองพุงผม
             “มองอะไรดิว” ผมถามดิว
            “ทำไมท้องน้อยแอ้มันป่องๆ อ่ะ กินยาที่พ่อให้มาหรือเปล่าแอ้ แอ้ลืมหรือเปล่า” ผมก็สะดุ้ง ใช่ผมลืมทานมา3 วันแล้ว
            “เออ...แอ้ไม่ได้ทานมา3วันแล้วอ่ะ” ดิวมองหน้าผม ทำหน้าดุใส่ผมทันที ผมก็รู้ว่ามันสำคัญแต่ผมไม่กล้าจะแกะเม็ดยาก็ไอ้ติ๊กมันติดผมตลอดและถ้ามันเห็นก็จะถามเอาและพี่มันก็เรียนเภสัชกรพี่เต้นะมันคงได้โทรถามแน่ๆ
            “ดิวจะโทรหาพ่อนะไม่แน่แอ้ต้องไปให้พ่อทำให้นะไม่งั้นแอ้จะมีไข้อีกนะ จำได้ไหม” ดิวถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ และจะเดินไปเข้าห้องน้ำ
            “แอ้” ดิวมันยังเรียกผมไว้ ผมหันมาทำท่าจะโมโห ก็กูบอกง่วงจะไปแปรงฟันจะได้เข้านอนไอ้นี่นิ ผมนึกด่ามันในใจ
           “แอ้...นอนกอดได้ไหมอ่ะคืนนี้”
           “แค่กอดอย่างเดียวนะ กูง่วงมาก จริงๆ ดิว” ผมพูด ไม่รู้เป็นอะไร ผมรู้สึกเพลียตลอดเวลาช่วงนี้ และดิวก็พยักหน้าและยิ้มให้ผม ผมก็เข้าไปทำการแปรงฟันและแอบมองท้องน้อยผม เออ มันดูป่องๆ จริงด้วย จะว่าไปผมก็รู้สึกเหมือนมีของเหลวน่วงๆ อยู่ด้วยนะ ผมออกจากห้องน้ำไอ้ดิวมันนอนรอผมบนเตียงนอนผม
           “มามะมาให้ป๊ากอดซะดีดี” ไอ้ดิวมันพูด ผมยิ้มให้มัน ไม่อยากจะด่ามันแล้วผมแบทเตอรี่หมดแล้วตอนนี้ เพราะอะไรก็เพราะว่าผมนอนไม่หลับตอนไปนอนในห้องกับไอ้ติ๊ก ไอ้ติ๊กนะมันหลับสบายเลย ผมก็ทิ้งตัวลงนอน ดิวยกหัวผมไปพาดไว้ที่หัวไหล่มัน และจับแขนผมไปพาดตัวมันอีก ผมก็มองประตู
          “ล๊อคประตูแล้ว “ดิวพูด
         “ดิว...ตกลงดิวจะไปเป็นหมอบ้านหรือหมอทหาร” ผมถามดิว ผมเงยหน้าทำตาแป๋วมองดิว ดิวก็ก้มลงมองผม
         “ไปเป็นหมอทหารเพราะว่าดิวจะเป็นให้เหมือนพ่อ พ่อตามดูแลอาภีม ดังนั้นดิวจะตามดูแลแอ้” ดิวมันพูด ผมก็มองหน้า แอบคิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ
        “ทุกทีที่แอ้ไป” ดิวพูดกับผมน้ำเสียงจริงจังมาก
        “ดิวไม่อยากให้แอ้กลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงได้ไหม เราทำทุกวันของเราให้ดีที่สุด ดิวรู้ว่าแอ้กลัวลูกๆ กลัวอาภีมกลัวอีกหลายอย่างที่ยังมาไม่ถึง “ดิวบอกผม
“เชื่อใจดิวไหม เชื่อว่าดิวจะทำให้แอ้และลูกให้อยู่ด้วยกันให้ได้และตลอดไป “ดิวบอกผม ผมพยักหน้าว่าผมเชื่อเขา
          “นอนเถอะวันนี้ไม่ทำหน้าที่สามีนะ ดิวก็ง่วง” ดิวบอกผม ผมสะบัดหน้าไปมองดิว
         “โอ๊ยย!” ดิวร้องเสียงหลงเพราะว่าผมหยิกเข้าที่พุง ที่จริงๆ ไม่มีหรอกมีแต่ซิกแพ็ค นี้ขนาดยังไม่ไปฝึกเลยนะ เพราะถ้าไปฝึกเขาจะฝึกหนักและเน้นเรื่องการออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ พี่ๆ ผมนะหุ่นนี้ดีกันทุกคนแต่พี่ๆ ผมไม่ใช่มีกล้ามใหญ่แบบพวกนักกล้ามเลยนะ ผมยังแอบกลืนน้ำลายเลยเวลาเห็นพี่ๆ สวมแค่ผ้าขนหนูเดินผ่านและกับดิวนะไม่เหลือหุ่นมันดีพอๆกับพวกพี่เช่นกัน
         “กอดอย่างเดียวได้ไหมแอ้...อย่าลูบมากเดี๋ยวน้องสู้” ไอ้ดิวมันพูดทั้งที่ตามันหลับไอ้นี้ แต่ก็จริงผมลูบไล้หน้าท้องมันเพลินเลย ดิวเหล่ตามองผม ผมก็แกล้งทำเป็นหลับสนิทจะดีกว่า เห็นแบบนี้ก็เขินนะ
******

          Part ติ๊ก ผมเหมือนตัวร้ายในละครไหม แต่ไม่ใช่บนหน้าจอที่ผมได้บทนักแสดงพระเอกตลอดกาลเพราะหน้าตาและบารมีพ่อผมด้วย แต่ความจริงผมกับถูกมองว่าผมร้าย ไม่ใช่แค่ที่นี้ หลังกองถ่ายผมก็โดนเพราะว่าผมค่อนข้างเอาแต่ใจและทุกอย่างต้องเป๊ะเว้อ และในชีวิตจริงผมก็กำลังกายเป็นตัวร้ายในสายตาคนที่ผมแอบรักแต่ผมรักมันไม่ได้
ตอนเด็กๆ ผมแอ้ ดิว เราสามคนสนิทกันมาก นอนห้องเดียวกัน เล่นด้วยกัน มาจนกระทั่งเริ่มโตเป็นหนุ่มนั่นแหละโมเม้นนั้นก็หายไป ลุงภาณุเดชได้รับตำแหน่งยศทางการทหารสูงสุดและต้องไปดูแลค่ายทหารแห่งหนึ่งและนั้นดิวกับแอ้ก็เริ่มหายไปจากชีวิตของผม และมาจังหวะที่ไอ้แจ็คมีนเฮิร์ทเรื่องบอยอีก ผมก็ทิ้งมันไม่ได้ พายอีกคน แต่มันก็ทำให้ผมเริ่มเห็นไอ้แอ้กับไอ้ดิว มันเปลี่ยนไป แต่แอ้มันก็ปากแข่งกับผม ผมถามว่ามันคบกันไหม มันก็ปฏิเสธ แอ้มันรู้ว่าผมคิดยังไงกับไอ้ดิวมัน ตอนแรกผมก็คิดว่าการที่ผมก้าวข้ามผ่านคำว่าเพื่อนสนิทไม่ได้คงเป็นเพราะว่าดิวมันคือคนที่ถูกเลือกไว้ให้นั้นคือบอย แต่ตอนนี้ผมมว่าไม่ใช่แล้ว มันมีคนที่มันเลือกไว้เองแล้ว เจ็บไหมเจ็บมากที่ต้องเห็นแบบนี้ทุกวัน
          “เจ็บมากไหม “ผมสะดุ้งสุดตัวเพราะว่าคนที่เดินเข้ามาในห้องน้ำคือพาย พายมันปากร้ายแต่ทุกคำพูดมันเตือนผมให้คิด แต่จะให้ผมยอมตัดใจเหรอมันยาก ผมหันมามองหน้าของพายที่ยืนกอดอกอยู่ที่ตรงประตูห้องน้ำ ผมชะเง้อมองว่าแอ้ตามมันมาไหม ผมไม่อยากให้มันเห็นว่าผมอ่อนแอเช่นกัน ผมต้องแข็งกว่ามัน
         “แอ้ไม่ได้ตามกูมาหรอก “พายพูดและเข้ามายืนในห้องน้ำพร้อมกับปิดประตูลง
         “ทำไมมึงไม่ปล่อยมันสองคนไปซะทีว่ะ ติ๊ก”
         “เป็นมึง มึงทำได้ไหมล่ะ” ผมหันไปถามพายมัน
         “ทำไม่ได้ก็ต้องทำให้ได้ ความจริงก็ต้องรับมันให้ได้ มันไปกันถึงไหนแล้วมึงรู้ดี “พายพูดกับผม ผมก้มหน้าลงมองอ่างล้างหน้า
         “พอเถอะติ๊ก และคนที่มึงทำร้ายมันก็เพื่อนกันไหมวะ เกิดมาก็เจอกันมีกันแค่นี้ และดันซวยเกิดมาเลือกอะไรเองไม่ได้ก็แย่แล้ว อย่าให้ความเห็นแก่ตัวมันทำร้ายกันเองไปมากกว่านี้เลยว่ะติ๊ก “พายพูดและหันหลังเดินออก
          “ติ๊ก มือถือมึงดังวะ พี่เอ๋โทรมามีงานแน่เลยมึง” พายมันพูด และผมก็ต้องหันไปเช็ดมือให้แห้งก่อนจะเดินออกไปดู พี่เอ๋คือผู้จัดการส่วนตัวของผม ที่พ่อหามาให้ พี่เอ๋เป็นคนปั่นดารา มากมาย ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูและกดรับสายทันที
         //ว่าไงพี่เอ๋//
         //น้องติ๊กค่ะ พี่พยายามติดต่อน้องติ๊กมาสองวันแล้วนะคะ //
         //ก็บอกว่ามาเรียนหนังสือ พี่ไม่เข้าใจเหรอ //ผมพูดแบบหัวเสีย
          //เข้าใจค่ะแต่นี้งานของคุณพ่อน้องติ๊กนะคะ และท่านก็ให้พี่ดีลกับน้องติ๊กเองอีกต่างหาก// พี่เลยต้องพยายามโทรหาไงคะพี่เอ๋พูด
          //อย่าน้ำเยอะได้ไหมพี่ งานอะไรอีกเนี่ยะ//
          //งานเดินแบบเสื้อสูทค่ะ เขาจะมาลงที่โรงแรมของคุณภาคย์นะคะ แบรนด์ดังด้วยนะคะ และเขาเลือกคุณติ๊กที่เป็นลูกชายคุณภาคย์ด้วยค่ะ เขาต้องการอีกคนพี่กำลังจะหาแต่ก็คิวเต็มไปหมด พี่ได้….// พี่เอ๋พูดเสียงอ่อยอันท้าย
          //อย่าบอกนะว่าไอ้นีโอ ที่ผมฟาดปากมันไปด้วยรองเท้าหัวตัดนะพี่// ผมพูดตะคอกเสียงดังใส่พี่เอ๋ทันที
          //พี่ไม่มีตัวเลือกค่ะน้องติ๊ก แต่พี่จะกำชับว่าอย่าทำให้ คุณน้องติ๊กพี่หัวเสีย และนีโอหลังจากมีเรื่องกับน้องติ๊ก งานมันก็นน้อยลง มันก็เลยมาขอและสัญญาว่าจะเป็นเด็กดีค่ะ นะคะ// พี่เอ๋พูด
         //ผมไม่เอามัน ถ้าพี่หาไม่ได้ ผมหาให้ ผมมี //
         //ใครเหรอคะน้องติ๊ก//
         //แอ้ ลูกชายอาของผม พันเอกภีมปภพ ได้ไหมครับ ผมว่าแอ้หล่อกว่าไอ้นีโออีก ดูดีดูแพงกว่าไอ้นั่นอีก //ผมบอกพี่เอ๋ ผมยืนคิด ดีเลย มันจะได้ไม่ต้องหาเรื่องไปกับไอ้ดิวที่ค่ายทหาร
        //จะดีเหรอคะ เพราะว่าปกติคุณภีมสั่งห้ามเขาไม่อยากให้ทายาทของเขาขึ้นเวทีเดินแบบนี้คะน้องติ๊ก พี่จะซวยเอา //พี่เอ๋พูด
         //ผมจะให้พ่อผมคุยกับอาภีมเอง พี่เอ๋ให้เหตุผลว่า นายแบบคนอื่นงานเต็มแค่นั้น อย่างอื่นผมจัดการเอง//ผมพูด พายมันยืนกอดอก มองผม
        //จะเอาอีกคนไหม พายก็ได้น่ะ// ผมพูดและมองพาย
       “เชี่ยไม่เอาเดี๋ยวพ่อกูด่าเอา” พายมันรีบแย้งผมทันที
        //ดีเลยค่ะ คิดว่าน่าจะมีเซ็ทแบบ ทริปเปิล สามหนุ่มสามมุม อันนี้พี่จะขอคุยกับห้องเสื้อก่อนนะคะน้องติ๊ก พามาทั้งสองคนเลยนะคะ พี่เอ๋ปลื้มค่ะ //พี่เอ๋พูด
        //ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมวางนะ ผมอยากพัก ผมเหนื่อย// ผมพูดและ
        //ได้ค่ะ ค่ะน้องติ๊ก ขอบคุณนะคะที่สละเวลาคุยกับพี่เอ๋ ค่อยยังชั่วหน่อยพี่นี้อกจะแตก นอนหลับฝันดีนะคะ พรุ่งนี้พี่คอมเฟิร์มงานอีกทีค่ะ บายครับ// พี่เอ๋ก็วางสายไป
        “ไปด้วยมึง “ผมหันมาบอกพาย
       “เชี่ยะ!!พ่อกู ไม่ซิ ไม่เท่าไหร่แต่ลุงหนี่งอ่ะ เขาไม่อยากให้กูขึ้นเวทีแบบนั้น เขาคงกลัวกูจะดังเป็นพลุแตก” พายมันพูด
       “เขากลัวมึงเปลี่ยนใจไม่ไปเรียนหมอ แต่ความจริงที่มึงจะเปลี่ยนใจเพราะว่าไอ้ดิวมากกว่าพาย “ผมพูดและหันไปหยิบผ้าเช็ดตัว ผมมองพาย พายมั้นก็มองผม
        “กูก็ไม่อยากพูดให้มึงเจ็บหรอกนะ ดังนั้นมึงควรจะเข้าใจกูว่ะ พาย” ผมพูดประโยคสุดท้ายก่อนจะหายเข้าห้องน้ำไป ผมเปิดน้ำในอ่างแช่น้ำยี่ห้อหรูแพงมากแต่พ่อก็ตามใจเอามาไว้ให้ผมใช้ แต่ว่าอันนี้ผมขอไว้ คือถ้าไม่มีจะไม่มาพ่อเลยต้องกลั้นใจยอมเอามาให้ผม ผมบอกไว้ว่าถ้าจะให้ผมมาอยู่ที่นี้ห้องน้ำต้องมีอ่างน้ำสำหรับแช่น้ำ ผมเป็นคนที่ต้องดูแลผิวตัวเองให้ดูดี อาบน้ำแร่แช่น้ำนมเป็นประจำ ผลิตภัณฑ์แบรนด์ดังที่คอยส่งมาให้ผมได้ลองใช้ และให้ผมเป็นพรีเซนเตอร์ ผมก้าวเท้าลงไปและนอนแช่อยู่แบบนั้นพักใหญ่

        ภาพวันวานก่อนที่ผม แอ้และดิวก่อนจะไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกัน มันมีความสุขสนุกตามประสาวัยเด็กๆ แต่มันมีภาพถ่ายภาพหนึ่งที่นั่นทำให้ผมเริ่มเห็นว่าดิวมันคิดอะไรกับแอ้ ภาพนี้พี่ชายผมแอบถ่ายมาให้ผม แต่พี่เขาไม่ได้คิดอะไรเหมือนผมหรอก ภาพนั้นคือผมนั่งอยู่บนโต๊ะม้าหินและกำลังดูมือถือผม ไอ้ดิวมันเล่นเกมฟุตบอลในมือถือส่วนแอ้มันก็ดูสแลมดั้งก์ที่มันชอบผ่านมือถือ แต่สิ่งที่ทำให้ผมเห็นแล้วผมเจ็บที่สุด แขนไอ้ดิวมันโอบเอวแอ้ไว้ ทั้งที่ผมสามคนนั่งอยู่บนนั้นด้วยกัน ทำไมผมไม่ใช่คนที่มันมีใจด้วยทั้งที่เราอยู่ด้วยกันสามคนมานานแต่มันเลือกแอ้ว่ะ
       TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.2ุ7(ดิวXแอ้Xติ๊ก)สุดท้ายก็ไม่กล้าบอกความจริง
            Part’ s ดิว วันนี้เป็นวันหยุดของพวกผมแต่ยังไม่อนุญาตให้พวกผมกลับบ้านกันในอาทิตย์นี้ ผมเสียดายไม่ได้เจอหน้าลูกๆ เลยทั้งที่เป็นวันหยุดแท้ๆ นี่กลับไปคงงอนยาวหรือไม่ก็ลืมหน้าพ่อกับแม่ (แอ้) แต่จริงๆ แล้วผมให้ลูกเรียกผมกับแอ้ว่าพ่อทั้งคู่ก็แอ้ไม่ใช่ผู้หญิงและแอ้ก็อยากเป็นพ่อมากกว่าถึงจะเป็นคนที่ให้กำเนิดเขาได้ก็ตาม
           วันนี้วันหยุดไม่ได้กลับ พวกผมตกลงกันว่าจะไปเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้าใกล้ด้วยกันและไปทานพิซซ่าที่ร้านอาหารชื่อดังบนห้างที่ใหญ่ที่สุดแล้วในจังหวัดนี้แต่เล็กกว่าในเมืองหลวงอยู่ดี แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย
           ผมเดินลงมาที่ชั้นล่าง วันนี้วันหยุดไม่ต้องสวมชุดนักเรียน ผมก็เลยแต่งชุดสบายๆ กันได้ สไตล์ของผมก็คือกางเกงยีนขาสั้นพับปลายให้คุมเข่าผมสวมเสื้อโปโลทำคอตั้งสไตล์ประจำของผมรองเท้ากีฬายี่ห้อดังที่ผมชอบ ทันทีที่ผมเดินลงมาถึงผมก็เห็นพวกไอ้แจ็คและบอย ธรรณ์และหลุยส์นั่งรออยู่แล้ว แต่แอ้กับติ๊กและพายยังไม่ลงเพราะว่าเขาไปแต่งตัวที่ห้องเดียวกัน ผมแอบคิดจะแต่งอะไรกันหนักหนา (ออกอาการหึง ผมกลัวมันจับแอ้แต่งตัวน่ารักเกินไปหนุ่มๆ จะมองเอา)
            “แอ้ ติ๊กและพายละวะ ยังไม่ลงมากันอีกเหรอ” ผมถามทุกคน ทุกคนหันมามองผมและพร้อมใจกันส่ายหัวว่าไม่เห็น
              “ยังไม่เห็นเลยว่ะ” ไอ้แจ็คมันตอบ ผมพยักหน้าหงึกๆ
              "แอ้ไม่ได้อยู่ห้องเดี่ยวกับมึงเหรอ...ดิว" ไอ้แจ็คมันถามผมทันที
               "เขาสามคนไปแต่งตัวห้องเดียวกัน" ผมพูด น้ำเสียงผมแอบนอยด์ นี้ก็จะเป็นอีกเหตุผลที่ผมอยากจะให้ภารกิจอะไรนี้จบซะที ผมกับแอ้จะได้หาเรื่องไปใช้ชีวิตของผมสองคนด้วยกัน
             "แหม!! ช่วยกันแต่งเหรอ" ไอ้หลุยส์พูดแต่ว่าพอหันไปเจอสายตาของธรรณ์ถึงกับหดทันทีเลย ประมาณว่าไปแซวเขา
             สักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าและคุยกันดังมาจากชั้นสองลงมาทางบันได คงเดินลงมาพร้อมกันแล้ว คนแรกก็คือแอ้ ผมหันไปมองก็อดอมยิ้มไม่ได้ แอ้สวมกางเกงขาสั้นเผยให้เห็นเรียวขาสวยๆ คู่นั้น วันนี้ติ๊กมันคงจับแอ้แต่งแบบนี้ซินะ ปกติไม่ค่อยชอบใส่ขาสั้น และวันนี้แอ้ก็สวมเสื้อยืดด้านในและเสื้อเชิ้ตทับคล้ายๆ กับผม ติ๊กมันก็เป็นสไตลิสตฺ์ชอบด้านนี้อยู่แล้ว มันก็แต่งคล้ายๆ กับแอ้เช่นกัน ทั้งคู่เดินลงมาที่ชั้นล่าง
            “พายละวะ” แจ็คถาม จังหวะนั้นทุกคนก็กำลังขึ้นเพื่อจะได้เตรียมตัวออกและคนสุดท้ายก็เดินลงมาถึงพอดี น้องพาย
            “พล้วด!!” ไอ้หลุยส์มันกำลังกระดกแก้วน้ำดื่มอยู่พอดีแต่พอมันหันมาเจอน้องพาย มันก็พ่นออกมาทันทีเช่นกัน
            “พาย มึงจะไปงานแต่งเหรอว่ะ สีชมพูมาเชียว” ไอ้แจ็คถามทันที บอยถึงกับหันมาตีไหล่แจ็ค"เพี๊ย!" ผมก็หันไปมองแอบเกาหัวเล็กน้อย
             “ทำไมอ่ะ สีประจำ ก็ใส่ประจำนิ เน้นหวานไม่เน้นเปรี้ยว" พายพูด ผมหันไปหยิบมือถือขึ้นมาและกดถ่ายรูป และรีบอัพลงกลุ่มพี่ๆ ทันที
             “ตึง” เสียงมือถือพายดังขึ้น มีข้อความเข้า
            “อะไรวะ ใครลงรูปกลุ่มพี่กูว่ะ!!!!” พายมันโวยวายและหันมามองพวกผม
             “ไอ้ดิว มึงเร็ววว่ะ กูว่าจะอัพแต่มึงแม่งแซงกู “ไอ้แจ็คครับ
             “พี่กูบอกให้ไปเปลี่ยนเลยสาด!” พายพูดและเดินสะบัดก้นขึ้นไปทันที
               “ฮาๆ “พวกผมพากันหัวเราะพายที่สะบั้นก้นเล็กๆ น่ารักเดินขึ้นไปบนบ้านทันทีเพื่อไปเปลี่ยนชุดใหม่
                “ไปแกล้งพายทำไมอ่ะดิว ดูหน้าของพายดิ” บอยพูด และสักพักพายก็ลงมาพร้อมกับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าแอบมีลายสีชมพูแบบน้อยๆ
              “ใครแกล้งกูอีกโดยแน่!” พายพูด และพวกผมก็พากันเดินออกจากบ้าน มีรถจอดอยู่บ้านแล้ว ติ๊กมันได้พูดอะไรเลยหรือว่ามันยังโกรธเรื่องเมื่อวานกันแน่ ผมหันมามองแอ้ที่นั่งนิ่งมาก และพอหันมาทางไอ้แจ็ค มันก็แบมือถามผมว่าอะไรยังไง ผมหยักไหล่ว่าไม่รู้เหมือนกัน
             “แอ้” ผมเรียกแอ้ แอ้หันมามองหน้าผม ทุกคนเลยก็ว่าได้ที่หันมามองผมกันหมด
             “แอ้ไปนั่งกับพาย “ผมบอกแอ้ แอ้พยักหน้าแอ้รู้ว่าผมกำลังจะทำอะไร ไอ้แจ็คมันสะบัดหน้ามามองผม ผมหันไปหยักคิ้วให้มัน กูกำลังจะแก้ปัญหา
             “อะไรวะ พวกกูแม่งตามไม่ทัน ยังไงวะ” ไอ้หลุยส์พูดขึ้นทันที
             “ติ๊ก มากับกู “ผมพูดและเข้าไปดึงแขนไอ้ติ๊กทันที พายก็ขึ้นไปนั่งกับแอ้ พายคงบอกให้คนขับรถล๊อกประตูทันทีพายคงรู้ว่าผมต้องการจะทำอะไร สิ่งหนึ่งที่พวกผมติดตัวมาพร้อมกันตั้งแต่เกิดคือ มองตากันก็รู้เข้าใจความคิดกัน แต่บางครั้งมันแค่ไม่ยอมรับกความจริงก็แค่นั้น
             “อะไรวะ กูจะนั่งกับไอ้แอ้” ติ๊กพูด ผมก็ดึงแขนมัน
             “ไปนั่งกับกู ทำไมนั่งกับกูไม่ได้ มีอะไร” ผมถามติ๊ก มันมองหน้าผม และหันไปมองหน้าไอ้แจ็ค ไอ้หลุยส์
              “เฮ้ย!! ไม่เกี่ยวกับกู “ไอ้แจ็คมันรีบปฏิเสธและลากแขนบอยขึ้นรถทันที ไอ้หลุยส์ก็หยักไหลและลากแขนแฟนมันธรรณ์ขึ้นรถไป เหลือผมกับติ๊ก
               “ไปซิ คนอื่นเขาขึ้นรถหมดแล้วจะยื่นรออะไร” ผมถามติ๊กและลากแขนมันขึ้นรถไปทันที ผมนั่งข้างติ๊กมันและพี่คนขับรถก็ออกรถทันทีที่ผมขึ้นรถกันเรียบร้อยแล้ว ผมหันมามองหน้าติ๊ก ติ๊กมันไม่มองหน้าผม
                “ทำไมวะติ๊ก มึงเป็นอะไร บอกกูดิ” ผมถามติ๊ก ติ๊กมันหันมามองหน้าผม
                  “ก็…” มันทำท่าจะพูดแต่มันก็เงียบ
                “มึงโกรธกู  เรื่องที่กูกับแอ้มีเวลาให้มึงน้อยลงเหรอวะ “ผมถามติ๊ก

               “ก็..เมื่อก่อนมึงสองคนไม่เคยห่าง...กู” ติ๊กพูด
              “ติ๊ก ทุกคนต้องมีช่องว่างระหว่างกันและกันบ้าง แต่ความเป็นเพื่อนมันก็ยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่ใช่เหรอวะติ๊ก” ผมพูดอธิบายแต่ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะเข้าใจไหมที่ผมพยายามบอกมันอยู่ ว่าทุกคนต้องไปมีชีวิตของตัวเอง ใช่วัยเด็กมันอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนแต่พอโตขึ้นมาก็ต้องไปมีครอบครัวเฮ้ย!!
            “มึงสองคนคบกันใช่ไหมล่ะ” ติ๊กหันมาถามผม
             “เออ..” ผมอยากจะตอบไปตรงๆ แต่ก็กลัวว่าคนที่หนักที่สุดคือแอ้ ผมมองสายตาติ๊กที่มองผม มันกำทำให้ผมพูดคำนั้นไม่ออกว่าใช่ แต่มันก็เกิดความสับสนในใจว่า ไม่น่าจะใช่น่ะ
             “แต่แอ้มันบอกไม่ได้คบ เอาไงแน่ “ติ๊กมันถามผม
             “กูก็ไม่รู้นะ ว่าสถานะมันคืออะไรแต่กู แอ้และมึงยังเหมือนเดิม ทุกคนด้วย “ผมพูด ติ๊กมันหันมามองผม
            “ช่วงที่กูกับแอ้ห่างมึงไปก็เพราะว่าอาภีมเขาไปช่วยลุงหนึ่งและอาภีมฝากพ่อกูดูแลแอ้ และกูก็ต้องติดตามพ่อกู เพราะกูก็อยากเรียนรู้หลายๆ อย่างจากพ่อกู มึงเข้าใจพวกกูไหมวะ” ผมพูดและถามติ๊กมัน มันหันหน้าหนีผมซะงั้น แปลว่ามันไม่พยายามจะเข้าใจ
               “ส่วนมึงเองก็มีงานแสดงที่มึงรัก มึงก็รู้ว่าถ้ามึงเข้าเรียนมหา ลัยแล้วจบมางานพวกนี้มึงไม่ได้ทำแน่นอน ทำไมมึงไม่ทำสิ่งที่มึงรักก่อนวะ และพวกกูก็ไม่ได้หายไปไหนจากชีวิตมึงเลยนะติ๊ก” ผมพูด มันก็หันไปมองทางอื่น
               “ก็เมื่อก่อนกูมีมึงสองคนอยู่ในชีวิตกูตลอดนี้หว่า มันดีกว่าช่วงนี้ดิว” ติ๊กมันพูด ผมก็ต้องเอามือแตะหน้าผากตัวเอง
                “กูขอโทษ ที่กูสองคนไม่ได้นึกถึงความรู้สึกมึงวะ ติ๊ก แต่… “ผมพูด ผมมองหน้าติ๊ก ติ๊กมันก็มองหน้าผม
                  “มึงสองคนคบกันจริงๆ ไหมว่ะ บอกกูดิวะดิว แต่กูว่ามึงมีมากกว่านั้นอีกว่ะ “ติ๊กถามผม สายตามันบอกได้หลากหลายอารมณ์มาก คือจะดีใจก็ไม่เชิง หรือจะเสียใจก็ใช่ ผมก็เลยนิ่งอึ้งไปเหมือนกัน ที่ผมคิดไว้ในใจว่าจะบอกมันอยู่นะว่าผมกับแอ้คบกันและเราเป็นอะไรกันแต่พอผมเห็นสีหน้ามันตอนนี้ผมกลับพูดไม่ออกเหมือนกัน จากที่คิดเอาไว้ มันจุกขึ้นมาเฉยเลย
            “ก็เพื่อนกันเหมือนเดิม “ผมพูด
           “อืมม “ติ๊กมันกับยิ้มออกมาซะงั้น
            “ต่อไป พวกมึงไปไหนกูไปด้วยเหมือนเดิมน่ะ” ติ๊กมันพูด ผมก็พยักหน้าไป ผมก็หันมามองหน้ามันอีกนะ ประมาณว่าไม่เข้าใจแต่ผมก็ไม่กล้าถามออกไป เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมไม่อยากทำร้ายมันเลย ผมน่ะรักแอ้และไม่อาจจะเปลี่ยนใจได้ยิ่งตอนนี้ผมมีพยานรักด้วยกันแล้วแต่ว่าติ๊กมันก็เพื่อนที่เมื่อก่อนผมสามคนคลุกคลีอยู่ด้วย สุดท้ายผมกับติ๊กก็นั่งคุยกันเรื่องเก่าๆ ว่าเราสามคนไปไหนทำอะไรกันบ้างจนรถมาถึงที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ไม่เล็กไม่ใหญ่เหมือนในห้างในกรุงเทพ
           “ตึง!” ข้อความจากแอ้ ผมก็แอบตะแคงมือถืออ่าน
           [ดิว อย่าลืมดูขวัญวันเกิดน้องมีนนะอาทิตย์หน้านะ] แอ้ส่งข้อความบอกผม
          “ถึงแล้วครับ พวกผมจะจอดรอกันที่ชั้นจอดรถนะครับคุณหนู เที่ยวให้สนุกนะครับ” พี่คนขับรถบอกผมกับติ๊ก ผมพยักหน้ารับทราบ ติ๊กลงมาก่อน และเดินตรงไปหาแอ้ทันที ผมก็เดินลงมาเห็นไอ้แจ็คมันหันมามองผม
           “มึงเล่นอะไรกันวะ “ไอ้แจ็คมันเดินมาหาผม ผมส่ายหัว
           “มึงกำลังทำอะไรของมึงอยู่วะดิว” แจ็คมันดึงแขนผมขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านมัน ผมเดินเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต
            “ไม่มีอะไรกูแค่คุยกับมัน ขอโทษมันเรื่องที่กูกับแอ้ ละทิ้งมันไป แต่ตอนนี้ก็คงกลับมาเป็นเหมือนเดิม “ผมพูด นั้นไม่ได้หมายถึงว่าผมมีความสุขนะ เพราะการกลับมาเหมือนเดิมนั้นคือสามคน แต่ผมอยากมีช่องว่างระหว่างเอาไว้ให้ผมกับแอ้บ้าง
           “เดี๋ยว!” ไอ้แจ็คมันดึงแขนผมไว้อีก
           “น้ำเสียงมึงบอกได้ว่ามึงไม่แฮปปี้ว่ะ” ไอ้แจ็คมันพูด
             “มึงเข้าใจไหมว่ะ ว่าคนเราต้องมีช่องว่างระหว่างกันบ้าง!” ผมหันมาพูดเสียงดังใส่ไอ้แจ็คแบบลืมตัวและสะบัดให้มันปล่อยแขน ผมก็เดินออกเลี่ยงออกไป ผมเดินไปเจอทุกคนยืนรออยู่ ผมแค่ยิ้มๆ ให้ทุกคน ติ๊กกับแอ้ก็เดินติดกันเหมือนเดิม ผมเหลือบมองเวลาว่ายังเหลือเวลาก่อนจะเข้าไปสั่งอาหารเที่ยงทานกัน
             "เดินดูของกันก่อนไหมว่ะ ฆ่าเวลา" แจ็คพูดขึ้น ผมพยักหน้าว่าได้
            “ดิว เป็นอะไรหรือเปล่าวะ” พายหันมาถามผม ขณะที่ผมกำลังเดินดูของตามหลังแอ้และติ๊กที่เดินตัวติดกัน
             “ไม่นิ แล้วพายล่ะ ไม่ซื้ออะไรเหรอ” ผมถามพาย เขายิ้มตาหยีให้ผม พายเป็นคนตัวเล็กน่ารัก แต่ยังไม่มีแฟน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพี่หวงหรือเปล่าก็ไม่รู้
             “ไม่รู้อะ จะซื้ออะไรดี และซื้อให้ใครอ่ะ ไม่มีเหตุผลจะซื้อเลยแค่เดินดูดีกว่า” พายพูด ผมนึกขึ้นมาได้ พายนี้แหละที่จะเลือกของขวัญให้ผมได้ เพราะแอ้คงไม่กล้าเลือกเดี๋ยวติ๊กมันจะถามมากแน่ๆ
              “พาย"ผมเรียกพาย พายหันมามองหน้าผมว่ามีอะไร "พาย คือ ดิวจะซื้อของให้เด็กน่ะ พายช่วยดิวเลือกหน่อยได้ไหมอ่ะ” ผมบอกพายเหมือนเชิงขอร้องให้ช่วยหน่อย
               “ดิวมีเด็กเหรอ” พายพูดทำเอาทุกคนหันมามองผมกันหมดเลย ผมก็รับเอามือปิดปากพาย
              “เด็กในค่ายฯ คือแบบว่าที่ค่ายฯของพ่อดิวนะ มีศูนย์ไว้รับเลี้ยงเด็กที่พ่อแม่ต้องทำงานทั้งคู่และมีเด็กคนหนึ่งน่ารัก แบบว่าเราตามพ่อไปตอนพ่อเราไปตรวจสุขภาพเด็กนะและเรารู้สึกถูกชะตา” ผมพูด พายทำท่าคิด
              “เด็กกี่ขวบอะ” พายถามทันที
              “สองขวบพอดีเลย ที่ดิวจะซื้อให้เพราะว่าวันเกิดเขาน่ะ” ผมบอกพาย
              “เด็กไปไหมวะดิว” พายถามผมปนหัวเราะ
               “เฮ้ย! ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น แค่เอ็นดูน่ะ เลือกของขวัญให้หน่อยน่ะ จะวันเกิดน้องแล้วน่ะครับ ช่วยดิวหน่อย “ผมพูด พายก็ทำท่าคิด
               “เป็นเด็กนิสัยยังไงอ่ะ” พายถามผม ผมก็ทำท่าคิด ภาพน้องมีน
                “เป็นเด็กน่ารัก พูดจาไพเราะแม้จะพูดได้ไม่กี่คำเองก็ตาม เขาขอบคนที่พูดกับเขาเพราะๆด้วยนะน้องคนนี้น่ะ เพราะว่าเขาค่อนข้างอ่อนไหวง่าย คือเขาเป็นเด็กเรียบร้อย น้องมีนชอบวาดภาพระบายสี ชอบอ่านนิทานดูแล้วน่าจะชอบดนตรีด้วยน่ะ ใจก็อยากจะซื้อกีตาร์ให้แต่น่าจะเร็วไป “ผมพูดไปยิ้มไปด้วย
             “นิถ้าบอกว่าเป็นลูกดิวนี้เชื่อสนิทเลยนะ เพราะว่าบรรยายแบบว่าใกล้ชิดมาตั้งแต่เกิดเลยมั้ง” พายพูด ผมก็หุบยิ้ม
              “แค่เอ็นดูนะ นะช่วยดิวเลือกหน่อยนะครับพาย” ผมพูด พายหันไปมองแอ้กับติ๊กที่กำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่ แอ้หันมามองผม ผมขยิบตาให้แอ้ก็เข้าใจทันที ผมกับแอ้แทบไม่ต้องพูดอะไรกันมาก มันเข้าใจตรงกันไปหมด ผมว่าแอ้เข้าใจที่บอกคือว่าผมจะให้พายช่วยเลือกของขวัญให้
                “เดี๋ยวมานะ ดิวจะให้พายไปช่วยเลือกของขวัญนะ ดิวมีเด็ก คิกๆ “พายพูดทำเอาผมสะบัดหน้าไปมองพาย
               “เด็กอีกและ ไปติดเด็กที่ไหนอีกวะดิว” ไอ้แจ็คมันถามผม
              “มึงมีเด็กด้วยเหรอวะ ไม่หยักกะรู้” ติ๊กพูดและหันไปมองหน้าแอ้
              “เด็กที่ศูนย์เด็กเล็กที่พ่อกูตั้งขึ้นมาไง ที่พ่อกูเปิดให้ลูกเจ้าหน้าที่และคนอื่นๆ ที่ต้องการคนดูแลช่วงพ่อแม่ทำงาน ก็จะมีเด็กตั้งแต่สามเดือนขึ้นไปถึงหกขวบก่อนวัยเรียนอ่ะ” ผมพูดและมองหน้าแอ้ แอ้ยิ้มให้ผมให้
              “ดีจัง เด็กๆ น่ารักทั้งนั้นเลยดิ” ธรรณ์พูด
            “ทำไมอะ อย่าบอกนะว่าอยากมีมั้งอะ” ไอ้หลุยส์หันมาถามธรรณ์ทันที
             “ก็อยากมีนะ น่ารักดีออก “ธรรณ์พูด
             “จะมีได้ไงละ ไม่มีลูกมดซะหน่อย ท้องไม่ได้อยู่แล้ว “ไอ้หลุยส์มันพูด ผมหันไปมองแอ้ที่ดูสีหน้าจะกังวลขึ้นมาทันทีที่ได้ยินแบบนี้
               “เออถ้าอย่างนั้นกูไปก่อนวะ พวกนายซื้อของอะไรกันตามสบายเลยนะ พายไปครับ ช่วยดิวเลือกหน่อย” ผมพูดและดึงแขนพายไปทันที ผมเห็นสีหน้าของบอยและแอ้ที่กังวลขึ้นมาพร้อมกัน ไอ้หลุยส์มันไม่เคยรู้เรื่องโครงการขององค์กรพวกผมมาก่อนจริงๆ เหรอ ส่วนไอ้แจ็คน่ะไม่เคยรู้อะไรเลยเพราะว่าอาภูมิแยกตัวออกไปก่อนที่โครงการนี้จะเกิดขึ้นและนี่คงเป็นเหตุผลที่เขาเลือกแจ็คมัน ส่วนติ๊กนี้ก็คงไม่สนใจรู้แต่คงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้มีแค่ผม แอ้และบอยที่รู้ทั้งหมด พายไม่น่าจะรู้เหมือนกัน
          TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
       
  EP.2ุ7.1(ดิวXแอ้Xติ๊ก) ไม่ใช่คนที่เขาเลือก     
            Part’ s แอ้ ผมได้แต่ยืนมองดิว ผมไม่กล้าไปเลือกของขวัญเอง ถ้าเป็นดิวมันจะง่ายกว่าผม ดิวเดินไปกับพายเพื่อยังร้านที่ขายของขวัญ ผมคิดว่าจะซื้อหนังสือพวกนิทานที่เป็นป๊อปอัพ น้องมีนเขาชอบมากแต่ว่า มิ้นขยันฉีกของมีนจริงๆ
            “ตกลงมึงกับดิวไม่ได้คบกันจริงใช่ป่ะ?” ติ๊กกระซิบถามผม ผมหันไปมองหน้าติ๊ก แว๊ปหนึ่ง
            “ก็ไอ้ดิวมันบอกกูแบบนั้น กูก็สบายใจได้น่ะ” ติ๊กพูด ผมก็รู้สึกอึ้งไปนิดนึง ก่อนจะกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอไป ทำไมผมรู้สึกเจ็บจี้ดทั้งที่ผมก็บอกให้ดิวพูดแบบนั้นแต่สุดท้ายผมก็รู้สึกซะเอง ผมหันมามองติ๊กที่ยืนมองผม
             “ทำไมเหรอ หรือว่าดิวมันพูดไม่ถูก” ติ๊กมันถามผม ติ๊กมันยืนประกบผมและมองหน้าผมนิ่งอีกที
             “ก็ถ้าดิวมันบอกกับมึงอย่างนั้นและมันก็อย่างเดียวกับที่กูบอกมึงนั่นแหละติ๊กและมันก็ถูกอยู่แล้วไงติ๊ก มึงควรจะสบายใจได้แล้วน่ะ” ผมพูด และมองหน้าติ๊ก
            “กูหวังดีนะเพราะถึงยังไงดิวมันก็คือคนที่เขาเลือกให้คู่บอย อาทิตย์หน้านี้ดิวมันต้องไปงานที่บ้านลุงกฤษณะ กูได้ยินว่าเขาจะคุยกันเรื่องดิวกับบอย เขาอาจจะให้หมั้นกันไว้ก่อนมั้งและพอดิวเรียนจบก็แต่งเลย “ติ๊กกระซิบบอกผม ผมไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้เลยนะ ดิวไม่เคยบอกผมเลยด้วยซ้ำ ระหว่างนั้นผมเหลือบไปเห็นการ์ตูนเรื่อง ทอย สตอรี่ ผมก็นึกขึ้นได้ว่าน้องมีนชอบดูผมเลยว่าจะซื้อซีดีให้เลยดีกว่า ตอนนี้มี4ภาคเลยและยังได้ตุ๊กตาวูดดี้อีกด้วย
            “แอ้มึงจะซื้อไปดูเองเหรอวะ “ติ๊กมันถามผมทันที
            “เออ พอดีกูอยากได้ตุ๊กตานะ วู้ดดี้ กูชอบไง” ผมหันมาตอบติ๊กแบบค้างๆ คู้ๆ ผมรู้
            “มึงจะซื้อไปให้ใคร” ติ๊กมันถามผมทันที ผมก็ยืนมองหน้ามันจะไปให้ใครดี นั้นซิ จะบอกว่าให้ไอ้อิงค์มันก็โตเกินไป ไอ้แอมมันก็ไม่เชื่อแน่นอนมันสองคนโตกันไปหมดแล้ว ให้ใครดีน่ะผมยืนคิด
             “แอ้!! “ดิวมันเดินออกมาแล้วและมองผมที่ถือซีดีการ์ตูนวู้ดดี้อยู่
             “ดีเลยแอ้ พอดีเลยพ่อบอกว่าน่าจะซื้อพวกการ์ตูนไปไว้ให้เด็กๆ เรื่องนี้น่าสนุกน่ะ “ดิวมันก็หยิบการ์ตูนจากมือผมไป ผมค่อยโล่งอกที่ดิวเข้าช่วยผมเอาไว้ได้ทันแต่ติ๊กมันมองผมสองคนสลับไปมาเลยคราวนี้
             “อ้าวจะซื้อการ์ตูนด้วยเหรอดิว ดูท่าดิวจะรักเด็กนี้มาเลยนะ” พายพูด ผมก้มลงมองของที่ดิวซื้อไว้หลายชิ้นอยู่ แต่ล่ะชิ้นเป็นของที่มีนชอบทั้งนั้นเลย ดิวน่ะเห็นแบบนี้เอาใจใส่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆของลูกเสมอ
             “อันนี้ซื้อไปไว้ให้ครูที่ศูนย์นะครับพาย เห็นพ่อบอกว่าเด็กๆ ชอบดูการ์ตูน ส่วนอันนี้ เอาไว้ให้น้องเขาอ่านที่บ้าน” ดิวโชว์หนังสือนิทานเล็มหนึ่งเป็นนิทานและเพลง I going to on the bear hunt เป็นเพลงมากกว่า ผมชอบร้องให้ลูกๆฟัง ลูกๆผมชอบมากนั่งฟังกันเงียบกริบเลย.
              “พายเลือกให้นะ ลุงๆ จะได้อ่านให้ฟัง” ดิวพูด ผมสะบัดหน้าไปมองดิว มันหลุดคำว่าลุงขึ้นมาทำไม
              “แต่มันเป็นภาษาอังกฤษอ่ะ ลุงๆ ของเด็กนี้เขาเก่งภาษาอังกฤษเหรอวะ” ติ๊กมันถามดิว ลุงๆ ของเด็กที่ไอ้ดิวมันหมายถึงก็พี่ๆ มันนั่นแหละ เขาเป็นหมอและศัพท์ทางการแพทย์ ภาษาอังกฤษทั้งนั้น บางคนก็ไปเรียนต่อสาขาที่ต่างประเทศด้วย
              “เออ..กูว่าก็ต้องได้บ้างแหละ หรือไม่ครูที่ศูนย์เขาก็อ่านให้ฟังได้” ดิวมันพูด ผมนี้ส่ายหัวให้มันเลยไอ้ดิวตั้งท่ามาอย่าดีแต่มาตกม้าตายเอาซะนี่ และไอ้ติ๊กนี่มันก็ทำยังกลับว่ามันคือโคนัน เจ้าหนูนักสืบ 
               “เออ จริงด้วยพายไปเลือกเล็มใหม่ดีกว่าไหมดิว พายลืมคิดไปอ่ะ “พายพูดอย่างรู้สึกผิด
               “ไม่เป็นไรหรอกเพราะว่าเห็นพ่อของดิวว่าจะให้พี่ๆพากันไปช่วยครูที่ศูนย์ อาจจะอ่านนิทานให้ฟัง งั้นดิวให้เล็มนี้พี่ไปแล้วกันและไปดูอย่างอื่นวันหลัง” ดิวพูดและเดินถือซีดีไปที่โต๊ะเพื่อจ่ายเงิน ผมก็เดินออก ติ๊กและพายเดินตามผมออกมาเช่นกัน
              “อ้าว! ได้อะไรกันไหมวะ ดูแล้วไม่มีอะไรเลยว่ะ “พวกไอ้แจ็คเดินมาเจอพวกผม
               “ถ้าอย่างนั้นเราไปหาอะไรทานกันดีกว่าวะ หิวแล้วด้วยและจะได้กลับไปนอนพักดีกว่าพรุ่งนี้ก็ต้องไปโรงเรียนอีก” ไอ้หลุยส์ พูดและดิวก็ออกมาพร้อมกับของที่มันซื้อ
               “ดิวซื้ออะไรนะ “บอยก็ถามดิวและมองดูที่ดิวถืออยู่
                “เออ ของขวัญวันเกิด ดิวจะซื้อไปให้เด็กที่ศูนย์นะบอย และดิวก็เลยซื้อซีดีการ์ตูนไปให้เด็กๆ ไว้ดู” ดิวบอกบอย
               “อุ้ย! ทอย สตอรี่ ชอบเหมือนกับ...” บอยพูด แจ็คสะบัดหน้าไปมอง
               “เหมือนเด็กในบ้านบอยเลย เขาชอบเหมือนกัน” บอยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงทันทีเช่นกัน
               “อ้อ นึกว่าไปแอบมีลูกเล็กที่ไหน” แจ็คมันพูดแบบขำ ขำ แต่บอยกับทำสีหน้าไม่ขำด้วย จนไอ้หลุยส์มันสะกิด แจ็คถึงได้หยุดขำ
              “บอยเป็นอะไรไป” แจ็ครีบถามบอยทันที
              “ไม่มีอะไรหรอก” บอยปรับน้ำเสียงก่อนจะหันไปตอบแจ็ค
              “แจ็คล้อเล่นน่ะ แจ็ครู้ว่าบอยไม่ทำหรอกแบบนั้นนะ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว” แจ็คพูด
              “ถ้าอย่างนั้นเราไปหาอะไรทานกันดีกว่าวะหิวแล้วและถ้าไปช้าคนเยอะวะช่วงนี้” ดิวพูด พวกผมพากันเข้าไปในร้านพิซซ่าชื่อดัง เพราะว่าที่นี้ก็มีแค่ร้านนี้ร้านเดียวแน่ๆ
              “สวัสดีค่ะ มากันกี่คนคะ” พนักงานต้อนรับส่งยิ้มหวานมาให้พวกผม
             “8คน ครับ” ดิวตอบไป
            “เชิญด้านในได้เลยค่ะ “พนักงานผายมือไปให้พวกผมเดินเข้าไปด้านในผมก็เดินไปนั่งเป็นโต๊ะเก้าอี้พนักพิงแบบนั่งได้หกคน
             “เราแยกกันสองโต๊ะวะ นั่งสีคนแล้วกันจะได้ไม่เบียดกัน” แจ็คพูด ผมก็หันไปหาที่นั่ง มีคนดันผมเข้าไปก่อนไอ้ติ๊กนะ และดิวก็น่งตรงข้ามกับผมและพายทันที ติ๊กนั่งริมนอก
             “สวัสดีค่ะ วันนี้รับพิซซ่าหน้าอะไรดีคะ เออ ตอนนี้มีโปรโมชั่นค่ะ สั่งถาดใหญ่สองถาดขึ้นไป ฟรีเครื่องดื่มค่ะ” พนักงานมาแนะนำเมนูพิเศษ พวกผมก็เปิดอ่านและมองหน้าคนที่ยืนสลับไปมา
            “เอาอะไรดีวะ”
            “เอาอันนี้แล้วกัน มิกซ์ดิลักซ์ “ดิวบอกพนักงานเขาก็จด
              “งั้นพวกกูอยากกินแบบแซ่บๆ ว่ะ ขอเป็นซีฟูดส์เอ็กสตรีมก็แล้วกันวะ” ติ๊กบอกพนักงานที่มารับออเดอร์
            “แอ้มันไม่กินกุ้ง” ดิวมันพูดขึ้นทันที ติ๊กสะบัดหน้ามามองหน้าผม
           “งั้นเอาพาสต้าเพิ่มไหมแอ้” ดิวถามผม ติ๊กหันมามองหน้าผม
           “มึงไม่กินกุ้งเหรอวะ ทำไมวะ กูไม่เห็นรู้เลย” ติ๊กมันถามผม ใช่เพราะตอนอยู่กับพวกมันผมก็ทนกิน ไม่ได้แพ้มากแบบผื่นขึ้นหรือลมพิษแต่ว่าผมจะรู้สึกมวนท้อง ปวดท้องทุกทีที่ทานกุ้งกับปลาหมึก
          “เออ กู ทานได้น่ะไม่ได้แพ้หนักมากแต่ว่าจะท้องไม่ค่อยดีว่ะ ปวดท้องตลอดเลย พ่อภา เอ้ยลุงภาเขาเลยให้กูงดได้ก็ควรจะงดว่ะ “ผมตอบไป ตอนนี้น้องไอซ์ก็ได้มาเต็มๆเหมือนกัน ไอซ์ทานปลาหมึกไม่ได้เหมือนกัน พอทานไปจะมีอาการเหมือนผม ปวดและมวนในท้องของผม
           “งั้นผมเอาสปาเกตตีคาโบนาร่าเพิ่มทีหนึ่งครับ” ดิวมันสั่งให้ผมทันที ทั้งที่ผมขยิบตาแล้วนะว่าไม่เอามันก็สั่ง โต๊ะแจ็คคงสั่งกันหมดแล้ว พวกผมก็นั่งรอ ผมเห็นพายกำลังเปิดอะไรสักอย่างดูกับดิว และหัวเราะกันใหญ่เลยดูน่ารักดี ผมก็มองถ้าเป็นพายก็คงจะไม่ลำบากเหมือนกูใช่มั้ยดิว
              “ดูไปพายกับดิวมันก็เหมาะสมกันดีน่ะ เพราะว่าสายแพทย์เหมือนกัน ยังไงพายมันก็ต้องเรียนหมออยู่แล้ว “ติ๊กพูดขึ้น ผมหันไปมองติ๊ก ผมก็พยักหน้าเบาๆ
               “แต่มันถูกเลือกแล้วว่าต้องคู่ใคร ยังไงก็ต้องคู่บอยอยู่ดี มันขัดคำสั่งลุงหนึ่งไม่ได้หรอก” ติ๊กพูดกระซิบก่อนจะลุกขึ้นไปยังโต๊ะข้างๆ คือแจ็ค บอย ธรรณ์และหลุยส์ ดิวเงยหน้าขึ้นมองผม
               “กึกๆ” ดิวมันสะกิดผมด้วยเท้าและพยักหน้าเป็นเชิงถามผมว่าเป็นอะไร ผมส่ายหัวไปมาว่าไม่เป็นอะไร
               “มันสั่งเหมือนกันเลยว่ะ ลอกการบ้านหรือเปล่าว่ะ” ติ๊กมันเดินกลับมาและก็บอกว่าโต๊ะนั้นสั่งอาหารเหมือนกับที่พวกผมสั่ง
               “ปึก!” ผมได้ยินเหมือนมีใครปาอะไรมาและมันก็มาลงที่ติ๊ก ติ๊กก็คีบหยิบขึ้นมา
               “อะไรวะติ๊ก” พายถามขึ้น
                “เหมือนซากไก่วะ ใครวะ” ติ๊กมันพูดและสะบัดทิ้งทำท่ารังเกียจ
              “ปึก!” มันมาอีกอันแล้ว ทำเอาพวกผมหันไปมองที่มาของชิ้นไก่ที่ลอยมา ผมก็เห็นว่าเป็นเด็กน้อยวัยสองที่ยิ้มมาให้พวกผม ปาก็เต็มไปด้วยไก่ ที่เคี่ยวตุ้ยๆ อยู่
              “เด็กเวร!” ติ๊กมันสบดออกมาทันที
               “ติ๊ก! “ผมห้ามปรามมัน ดิวนะส่ายหัวเลย ผมสองคนต่อให้เจอเด็กดื้อหรือซนแค่ไหนก็ไม่เคยสบถคำนี้ออกมาเพราะว่าผมเข้าใจคำว่าเด็ก ก็คือเด็ก
                “ปึก!” เด็กน้อยปามาอีก และที่ปามาก็มาจากการที่เขาเคี้ยวไม่หมดและมันก็กระเด็นมาทางพวกผมที่นั่งอยู่ใกล้เคียง
               “นี้หยุดปาเดี๋ยวนี้น่ะ ไม่งั้นจะตีให้ร้องเลยคอยดู!” ติ๊กลุกพรวดขึ้น ผมเริ่มเห็นคนรอบๆ มองมาที่ติ๊ก ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะจำติ๊กได้ไหมว่าเขาคือดารา ผมรีบดึงแขนติ๊กให้นั่งลง ส่วนเด็กน้อยก็ไม่สนใจและเริ่มจะปาไปทั่วชิ้นไก่นั้นเริ่มที่โต๊ะถัดจากพวกผมนั้นคือโต๊ะจองแจ็ค บอย หลุยส์และธรรณ์ พวกเขาคุยกันอยู่เลยไม่ทันสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่ง
                “อะไรวะเนี่ยะ! “เสียงแจ็คพูดขึ้นและคีบชิ้นไก่นั้นขึ้นมาก่อนจะหันมาทางพวกผม สายตาเชิงถามว่ามาจากไหน ติ๊กพยักพเยิดไปทางเด็กน้อยนั้น
                “ก็ไอ้เด็กเวรนี้ซิ พ่อแม่มันไปไหนวะ “ติ๊กพูด ผมก็มองไปรอบๆ เห็นแม่กำลังอุ้มเด็กน้อยลูกคนเล็กที่กำลังร้องไห้โยเยอยู่ เหมือนเขากำลังมองหาใครสักคนและกำลังเดินกลับมาที่โต๊ะ
                 “น้องเดเนียล นั่งดีดีซิลูก เดี๋ยวพ่อก็มาแล้ว” เขากำลังรอแฟนเขาอยู่ และเสียงมือถือเขาก็ดังขึ้นผู้หญิงคนนั้นก็รีบกดรับและวิ่งออกไปอีกเช่นกัน เด็กน้อยหันมาปาเศษไก่ทอดใส่ติ๊กอีก
                  “ยังอีก เดี๋ยวตีเลยนะ!” ติ๊กมันทำท่าทีง้างมือขึ้นเพื่อจะตีแต่ผมห้ามเอาไว้อีก ว่าอย่าทำและพยักพเยิดให้มองโต๊ะอื่นๆ ผมรู้ว่าติ๊กมันไม่แคร์แต่ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา มันจะโดนหนักไหนจะตัวมันและพ่อมันอีกล่ะ
                  “เปลี่ยนโต๊ะนั่งไหมวะ “ไอ้แจ็คมันลุกขึ้นและถามพวกผม
                  “ก็แค่เด็กเองมึง” ดิวมันพูดขึ้น
                 “แต่ดูดิ มันปาไปทั่วเลยนะโว้ย!” ติ๊กหันมาพูดกับดิว
                 “ลองปาอีกนะ จะจับไก่พวกนี้ยัดปากคืนไปเลยน่ะ” ติ๊กหันไปทำหน้าดุใส่แต่เด็กน้อยกับรู้สึกตลกและหัวเราะล้วนทันที แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
                “อึก อึก อึก “เด็กน้อยนั้นสำลักอาหาร
               “เฮ้ยย!!” พวกผมก็ตกใจซิครับ แม่เด็กก็ออกไปไหนก็ไม่รู้
              “อึก อึก อึก “หน้าเด็กน้อยเริ่มแดงแสดงว่าอาหารนั้นไปอุดตันทางเดินหายใจแน่ๆ เลย ทันใดนั้นไอ้ดิวก็กระโดดข้ามไปและจับตัวเองอุ้มขึ้นพาดกับหน้าแข็งและตบเข้าไปที่หลังเด็ก ตบขึ้นเพื่อช่วยให้อาหารหลุดจากที่กั้นหลอดลมเอาไว้
              “ปึก ปึก ปึก” แต่เด็กก็ยังหน้าแดง
              “ดิววว!!” พายร้องเสียงหลง
              “ปึก ปึก ปึก” ดิวยังคงทำต่อจนกระทั่ง
               “ฮือๆๆ “เด็กน้อยร้องออกมาได้ ผมก็รีบก้มลงและค่อยๆ ใช้นิ้วเล็กๆ ของผมเขี่ยเศษไก่ออกมา ดิวก็อุ้มเด็กน้อย ขึ้นและปลอบโยน ทุกคนในร้านมองมาที่พวกผมกันหมด
               “ตายแล้ว!! นี้พวกคุณทำอะไรลูกฉัน” แม่ของเด็กวิ่งเข้ามาพร้อมกับลูกคนเล็กและพ่อเด็กก็วิ่งเข้ามาเช่นกัน พ่อเด็กเป็นชาวต่างชาติ
              “นี่คุณทำบ้าอะไรกับลูกผม?” พ่อของเด็กถามว่าดิวทำอะไรกับลูกชายเขาและรีบคว้าเอาลูกชายของเขาคืนไปแบบไม่พอใจ ส่วนเด็กน้อยร้องไห้จ๊าเพราะว่าตกในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเขาเกือบจะไม่รอดถ้าดิวไม่ช่วยเอาไว้ ผมหันไปมองดิว
              “นี้ ลูกคุณนะ พ่นไก่ไปทั่ว มาที่โต๊ะพวกเรา พวกเราก็เอ็ดแต่ว่าน้องไม่ยอมหยุดแถมยังหัวเราะระหว่างที่คุณนะวิ่งออกไปนั้นนะครับและน้องก็สำลักไก่ พวกเราช่วยเขาไว้นะครับ “ติ๊กพูดขึ้น แม่เด็กมองหน้าพวกผมแบบไม่เชื่อว่าลูกเธอจะทำอย่างนั้นแต่ว่ามันคือเรื่องจริง
              “ใช่ค่ะ หนูเห็นพี่เขานะช่วยน้องเพราะว่าน้องนะพ่นไก่ใส่พวกพี่เขาและสำลักไก่เองค่ะ “มีน้องเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งลุกขึ้นพูด
             “เขาพูดว่าอะไรนะ?” สามีชาวต่างชาติของเธอถามเธอเป็นภาษาอังกฤษทันที
             “เธอพยายามอธิบายว่าลูกชายคุณ เขาซุกซนมาก เขาพ่นชิ้นไก่ที่เขาเคี้ยวอยู่ในปากของเขาไปทั่วและมันสาดบนโต๊ะของเรา” แจ็คอธิบายเป็นภาษาอังกฤษกับแฟนต่างชาติของเธอ เธอหันไปมองหน้าสามีเธอ
               “ลูกชายคุณก็หัวเราะจนชิ้นไก่หลุดลงคอและลูกชายคุณก็เกิดอาการสำลัก เพื่อนผมคนนี้เขาเข้าไปช่วยทำให้ชิ้นไก่หลุดออกมาได้ นั้นแปลว่าเขาช่วยชีวิตลูกคุณครับ" แจ็คมันพูดกับฝรั่งคนนั้น ฝรั่งนั้นมองหน้าลูกชาย ก่อนจะ
                “เดเนียลทำอย่างนั้นจริงเหรอ” เขาถามลูกชายของเขา เด็กน้อยมองหน้าพวกผมก่อนนะซบหน้าลงเพราะกลัวพ่อของเขาว่าเขา
                “ช่างมันเถอะครับ ผมไม่ติดใจเอาความอะไรเพราะว่าเด็กก็คือเด็กและตอนนี่เขาปลอดภัยแล้ว” ดิวเป็นคนพูดบอกพ่อของเด็กแทน เขาก็มองหน้าพวกผม
                “ผมต้องขอโทษด้วยที่เดเนียงลูกชายของผมทำนิสัยไม่ดีกับพวกคุณ. ผมอยากจะบอกว่าขอบคุณจริงๆครับที่คุณช่วยชีวิตลูกชายของผม ขอบคุณครับ.” ฝรั่งนั้นหันมาขอโทษพวกผมและขอบคุณพวกผมเป็นการใหญ่
                “ไม่ต้องกังวลไปครับ. ผมเต็มใจช่วยเขาอยู่แล้วครับ.” ดิวตอบก่อนจะหันมาพยักพเยิดให้พวกผมนั่งลง ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ ผมหันมามองดิว สัญญาชาติญาณของความเป็นพ่อตั้งแต่ดิวมีลูก ติ๊กก็มองดิวแต่ก็ก้มลงตักอาหารมาทานกัน
                 “ดิวเก่งว่ะ ทำเหมือนกับว่าทำบ่อยเลยอ่ะ” พายพูดขึ้น
                 “ก็มีบ้างแหละเพราะว่าแสบที่บ้านนะบางที่ก็เป็นแบบนี้น่ะ” ไอ้ดิวพูด ผมก็เตะที่ขาไอ้ดิวทันที
                “แสบที่บ้านมึงหมายถึงเด็กเหรอวะ” ไอ้ติ๊กถามดิว
               “ตกลงมีเด็กหรือไม่มีเด็กกันแน่ เอาไงเนี่ย” ติ๊กถามและหันมามองหน้าผมอีก
               “เออ ..อ้อ.. เด็กข้างบ้านน่ะ พ่อกูรักเด็กก็เลยบางทีก็ให้เข้ามากินขนมอะไรพวกนี้และเด็กก็ซนเหมือนเด็กนี้แหละก็สำลักอาหารบ่อย” ดิวพูด ผมนี้พ่นลมหายใจออกมาเลย ไอ้ดิวน่ะไอ้ดิว

 และพวกผมก็นั่งทานอาหารกันต่อโดยไม่พยายามพูดอะไรที่จะเป็นประเด็นจนทำให้ผมกับดิวต้องทำความลับแตก ไอ้ดิวก็เปลี่ยนเป็นหันไปคุยกับพายแทนคุยกันกะหนุงกะหนิงน่ารัก ผมว่าดิวมันคงอยากได้แบบนี้มากกว่า ผมน่ะไม่เคยทำแบบนี้กับดิวหรอก ผมนั่งทานกันจนเสร็จเรียบร้อย
              “กลับบ้านเลยไหมวะ เบื่อวะ ไม่มีอะไรเลยห้างนี้” แจ็คมันพูด
              “ก็ดีวะ จะได้พักผ่อนหรือไม่ก็ไปว่ายน้ำเล่นดีกว่าร้อนมากวันนี้” ไอ้หลุยส์พูดอีกคน

          อย่างว่าแหละ ไอ้แจ็คกับไอ้หลุยส์มันคงไปแต่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆเพราะว่าทั้งคู่ใช่ชีวิตที่เมืองนอกมากกว่าพวกผม บอยและธรรณ์ก็เหมือนกัน ติ๊กก็อีกคนที่บินไปช๊อปปิ้งที่เมืองนอกกับพี่ๆบ่อยมากน่าแปลกที่ผมกับดิวกลับแทบจะไม่ได้ไปไหนเลยที่ต่างประเทศจะไปคือไปกับพ่อผมกับลุงภา พวกผมก็เดินลงมายังลานจอดรถที่พวกพี่เขาส่งพวกผม ไอ้ติ๊กมันโทรให้พี่เขาให้มารับพวกผมแล้ว ผมก็ได้นั่งกับติ๊กเหมือนเดิมส่วนดิวกับพายเขาควงแขนกันขึ้นไปนั่งด้วยกัน

         TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
           
  EP.2ุ8 (ดิวXแอ้) แอ้ไม่ใช่คนที่เลือก
              Part’ s ดิว ผมเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เด็กน้อยจากโต๊ะด้านหลังที่พวกผมนั่งอยู่ปาชิ้นไก่มาที่พวกผมกัน เด็กน้อยนี้เป็นลูกครึ่งและดูท่าจะซนเอาเรื่องไม่น้อย พอพวกผมเอ็ดก็ยิ่งปาและคนที่เอ็ดก็คือติ๊กที่ไม่ชอบเด็กๆ เอาซะเลย สุดท้ายน้องหัวเราะชอบใจและก็ได้เรื่อง ก็เล่นหัวเราะทั้งที่มีอาหารอยู่ในปากแบบนั้น น้องเกิดการสำลัก ผมก็ไม่รอช้าเข้าไปช่วยทันทีและผมก็ได้ช่วยเขาได้ทันเวลา ดีที่น้องไม่เป็นอะไรมาก ผมเห็นการแสดงสีหน้าท่าทางที่บอกว่าไม่รักเด็กเอาซะเลยของติ๊กแล้วผมก็คิดว่าเขานะก็คงไม่รักลูกๆ ผมเช่นกัน
            “ดิว ดิวเก่งนะ ดิวเหมาะที่จะเป็นหมอที่สุด” พายบอกผม ตอนกลับมาผมกับพายนั่งมาด้วยกันเพราะว่าติ๊กมันผลักไสพายมานั่งกลับผมแทน ปากก็แซวผมกับพายตลอด ผมรู้ว่ามันแกล้งให้แอ้รู้สึก จนรถมาจอดที่หน้าบ้าน ผมเห็นว่ามีรถจอดอยู่หนึ่งคัน และนั้นมันรถพ่อผมเอง พ่อมาหาผม
            “ดิว นั้นรถพ่อมึงหรือเปล่าวะ กูจำได้ว่ะ” ไอ้แจ็คมันถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่และรีบเดินเข้าไปด้านในพร้อมกันทันที
            “สวัสดีครับลุงภา “ไอ้แจ็คยกมือไหว้พ่อผม
           “สวัสดีครับลุง” ติ๊กและพาย
           “สวัสดีครับอาภา” บอย
            “สวัสดีครับพ่อ” ผมกับแอ้ แต่อันนี้ทุกคนหันมามองผมและแอ้กันหมดแต่ไม่มีใครพูดอะไร น่าจะเป็นเพราะว่าแอ้เพลอเรียกพ่อผมว่าพ่อ
           “เป็นไงกันบ้างล่ะพวกเรา พากันไปเที่ยวมารึวันนี้” พ่อผมถามและผมก็เห็นหนุ่มหล่อหน้าใส เดินออกมาน่าจะจากห้องน้ำ นั้นก็คือพี่ดรีมพี่ชายคนที่สองของผม
            “พี่ดรีมสวัสดีครับ” ทุกคนยกมือไหว้พี่ดรีมกันหมด
           “สวัสดีครับน้องๆ ทุกคน เป็นยังไงสบายดีกันไหม back to school ดูหน้าใสสมวัยเด็กมัธยมขึ้นมาทันทีเลยน่ะกันเลยเนอะ “พี่ดรีมแซวพวกผม ผมหันมามองหน้ากัน
           “พวกผมคิดว่าตั้งแต่มานี้ ตีนกาน่าจะถามหาเร็วกว่ากำหนดดีกว่าพี่ดรีม เครียดหนักมาก ไม่ได้เครียดเพราะเรียนหนักแต่เครียดเพราะว่าไม่ได้เรียนอะไรเลยแถมยังต้องวิ่งฝ่ามรสุมเท้าใครต่อใครทุกวัน” แจ็คมันพูด
            “ขอไปเรียนมหาวิทยาลัยดีกว่าไหมอ่ะ”แจ็คพูด
           “เอานะเดี๋ยวทุกอย่างมันก็ดีขึ้น” พ่อผมพูดปลอบใจพวกผม
           “เอาละ พ่อมาจะตรวจสุขภาพแอ้นะเพราะว่าแอ้จะต้องเตรียมตัวไปสมัครสอบนายร้อยเร็วๆ นี้เลยต้องตรวจสุขภาพก่อน
                “พ่อผมพูด ผมก็หันไปมองแอ้ จริงเหรอ แอ้ไม่เคยบอกผมเรื่องนี้มาก่อนเลย
                 “ไปตรวจบนห้องน่ะ พ่อต้องเจาะเลือดเราไปตรวจด้วย” พ่อผมพูด และผมก็ลุกขึ้นทันที แอ้ก็ลุกขึ้นเช่นกัน
               “เออ...ดิว ให้พ่อกับพี่ดรีมขึ้นไปแล้วกัน “พ่อผมบอกผม ผมก็ทำท่าจะค้านแต่ว่าพี่ดรีมส่งสายตาให้มองไปที่ด้านหลัง ใช่ครับทุกสายตามองผมกันหมด
                 “คือว่าจะได้ช่วยพ่อตรวจไง” ผมพูด
                “มึงรอข้างล่างนี้แหละครับดิว มึงยังไม่ใช่หมอ พ่อกับกูนี่ครับหมอครับน้องดิว มึงควรจะรอไปก่อนน่ะ ปึกๆ” พี่ดรีมพูดและยังตบหลังผมอีก ผมก็ต้องถอยหลังออกมาพ่อผมพี่ดรีมและแอ้เดินขึ้นไปบนชั้นสองคงไปที่ห้องนอน
                “แอ้มีอะไรหรือเปล่าวะดิว ลุงภาถึงมาถึงที่นี้ “ไอ้แจ็คมันหันมาถามผม
                “ก็อย่างที่พ่อกูบอกนั่นแหละ ว่าแอ้เขาจะเตรียมตัวไปเข้าสอบก็เลยขอตรวจสุขภาพก่อน” ปากผมพูดแต่ผมก็ชะเง้อมองด้วยความเป็นห่วง ปกติผมจะอยู่กับพ่อดูทุกอย่างที่พ่อทำกับแอ้ตลอดแต่นี่
                “ดูมึงดิวะดิว ทำยังกะว่ามึงเป็นพ่อที่รอเมียอยู่หน้าห้องคลอด เดินวนไปวนมา” พายพูด ผมสะดุ้งและหันมามองทุกคน ทุกสายตามองผมอีกแล้ว และผมก็เปลี่ยนจากนั่งมาเป็นลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว
              “หึๆ” คนที่หัวเราะผมก็คือบอยและธรรณ์ ผมก็นั่งลงแบบเขินๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ30นาที พ่อและพี่ดรีมก็ลงมา
             “เสร็จแล้วเหรอพ่อ “ผมถามพ่อทันที
             “เสร็จแล้วดิว เออ พ่อให้แอ้นอนพักสักแป๊บนะเพราะว่าพ่อเอาเลือดแอ้ไปตรวจหลายหลอดเลย ถ้าให้ลุกพรวดพลาดลงมาแอ้จะหน้ามืดเอา” พ่อผมบอก
            “แอ้เขามีภาวะธาตุเหล็กต่ำนะ พ่อต้องตรวจให้แน่ใจว่า ไม่ต่ำลงมาอีก “พ่อผมอธิบายให้ทุกคนฟัง ทุกคนก็พยักหน้า
           “ไงติ๊ก ตั้งแต่ลุงย้ายไปที่ค่ายก็เลยไม่ค่อยเจอเราเลยนะ “พ่อผมถามติ๊ก ติ๊กหันมามองหน้าผม
         “คือผมก็ยุ่งๆ นะครับลุง มีทั้งงานภาพยนตร์และไหนจะไปเป็นพรีเซนเตอร์โรงแรมให้พ่อผมอีกนะครับ” ติ๊กบอกพ่อผม
           “อย่าว่าแต่เราเลย พ่อเราก็เหมือนกันน่ะ ลุงนี่เป็นพี่ยังเจอกันนับครั้งได้เลย ลุงว่าจะสนับสนุนชาวบ้านจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไม่ไกลจากค่ายและโฮมสเตย์ ว่าจะชวนพ่อเรามาพักบ้างน่ะ น่าจะดี เราเองก็ไม่ได้ไปที่ค่ายนานแล้วน่ะติ๊ก ไปเที่ยวบ้างซิ  “พ่อผมบอกติ๊กแถมยังชวนติ๊กอีกต่างหากแต่ว่าติ๊กก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
          “แล้วแอ้เป็นไงบ้างอ่ะครับลุง” พายถามพ่อผม
          “ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่เราล่ะพายพร้อมหรือยังที่จะสอบหมอน่ะ ลุงเจอพ่อเราเห็นเขาบอกว่าเราเก่งมากพาย ดูแล้วท่าจะได้หมอโรคหัวใจแน่ๆ ลุงดีใจด้วยน่ะ อยากได้หมอที่มีความสามารถ เรามีแล้วก็ใช้ให้เต็มที่น่ะพาย “พ่อผมพูด พายก็ยิ้มๆ
              “บอย ไหนๆ อาก็มาแล้ว เข้าไปให้อาตรวจสุขภาพเราหน่อยน่ะ เห็นพ่อเราบอกอาว่า ถ้าว่างตรวจเราสักหน่อยเพื่อว่ามาอยู่ที่นี้ปรับตัวยาก “พ่อผมบอกบอย บอยก็พยักหน้า แจ็คก็มองตามบอยทันที ผมหันไปมองหน้ามัน เป็นไงล่ะ เข้าใจความรู้สึกผมหรือยัง แจ็คมันก็ขมวดคิ้วมองผมไม่เข้าใจอีก โง่อะไรเบอร์นี้ว่ะ ผมแอบคิดในใจ
              “เอานะแค่ตรวจแจ็ค” พ่อคงรู้เลยบอกแจ็ค บอยก็เดินตามพ่อผมเข้าไปอีกห้อง พ่อผมหันไปพยักหน้ากับพี่ดรีม พี่ดรีมก็หยิบกระเป๋าแพทย์กระเป๋าประจำของพ่อผมและหิวไปให้พ่อผมด้วย พี่ดรีมก็เดินออกมา ผมรีบเดินขึ้นไปบนบ้านเพื่อไปดูแอ้ทันที ผมเคาะประตูก่อนและค่อยๆ เปิดประตูเข้าไป เห็นแอ้นอนอยู่บนเตียง แอ้หันมามองผม
             “แอ้ เป็นไงบ้าง เจ็บไหม” ผมถามด้วยความเป็นห่วง
            “ที่จริงก็ไม่น่ะเพราะว่าพ่อบอกว่ามันไม่เยอะนะ พ่อใช้เข็มเล็กมากดูดออกมา พ่อบอกมันจะประสานกันภายใน 48 ชั่วโมงเอง แต่แอ้อาจจะเจ็บหน่วงไปเกือบอาทิตย์” แอ้บอกผม ผมพยักหน้า ผมคงต้องคอยดูแลแอ้ใกล้ชิดมากขึ้นไปอีก
             “วันนี้นอนนี้น่ะ ไม่ต้องลงไปทานอาหารข้างล่าง ดิวเอาขึ้นมาให้นะครับ” ผมบอกแอ้เชิงออกคำสั่ง
             “อืมม” แอ้พยักหน้าเบาๆ เขาน่ารักมากเวลาแบบนี้
            “แสดงว่าเจ็บ ทำไมแอ้ไม่บอกพ่อไปตรงๆ” ผมถามแอ้เชิงต่อว่าและทำท่าจะหันหลังเดินไปลงไปบอกพ่อแทน
            “หมับ!” แอ้จับแขนผม เพราะเขารู้ว่าผมจะไปตามพ่อแน่ๆ
             “พ่อก็บอกแล้วจะเจ็บหน่วงๆ สักพัก และพ่อก็ให้ยาแก้ปวดไว้ทานด้วย แอ้ทานไปแล้ว “แอ้บอกผม
              “นอนพักน่ะ รู้ไหม” ผมบอกแอ้ แอ้พยักหน้าคงง่วงจากฤทธิ์ยาจริงๆ และผมก็ลุกขึ้น ผมจัดท่านอนให้แอ้ พร้อมกับดึงผ้าห่มมาห่มให้แอ้ ผมนี้สงสารแอ้จริงๆ เลย ตอนแรกก็คิดว่าดีนะที่แอ้มีลูกมดแต่บางทีก็คิดว่าแอ้ต้องมาเจ็บตัวบ่อยๆ แบบนี้ก็ไม่ไหวนะ ผมเดินออกจากห้องและค่อยปิดประตูลงช้าๆ
              “แอ้เป็นไง มัน” ไอ้ติ๊กมันเดินขึ้นมา
              “แอ้มันง่วงนะและเพลียด้วย ก็โดนดูดเลือดไปหลายหลอด และมันก็ปวดแขนที่พ่อกูเจาะเลือดด้วยเลยขอนอนพัก” ผมบอกไอ้ติ๊ก ติ๊กมันมองหน้าผม ติ๊กพยักหน้าก่อนจะเดินลงไปข้างล่างทันที ผมก็เดินตามลงไป เพื่อจะล่ำลาพ่อก่อน ผมเดินลงมาก็เห็นพ่อกับพี่ดรีมกำลังนั่งคุยกับพวกหลานๆ ของพ่อกัน
             “เอาละพ่อกลับก่อนนะดิ และอย่าลืมอ่านหนังสือล่ะ ไอ้ดิมพี่ชายเราเขาจะติวให้ “พ่อหันมาบอกผม ผมพยักหน้า พ่อผมเดินออกไปพร้อมกับพี่ดรีม ทุกคนยกมือไหว้พ่อผมกับพี่ดรีมกัน
            "ดิว อาทิตย์ หน้าไปงานกับพ่อน่ะ อันนี้คำสั่ง เบี้ยวไม่ได้เลยน่ะ” พ่อหันมามอบอกผม
             “พ่ออาทิตย์หน้าวันเกิดลูกผมนะพ่อ” ผมพูดขึ้น
            “ดิว ไปก่อนเพราะว่างานนี้ก็สำคัญแค่ไปนั่งพอ อย่างอื่นพ่อจัดการเองและงานวันเกิดอาจจะมาทันหรือถ้าไม่ทันก็กลับไปจัดอีกอาทิตย์ถัดไปก็ได้นี่ดิว ไปงานนี้กับพ่อก่อน คราวนี้เลี่ยงไม่ได้จริงๆ มันจะมีปัญหา พ่อขอน่ะดิว “พ่อผมพูด ผมก็ทำหน้าเซ็งทันทีแต่ก็ต้องยอมเพื่อพ่อ
             “ส่วนแอ้นี้ ถ้าปวดนะเอายาแก้ปวดให้ทานก็พอและอย่าซ่าให้มากถนอมแม่ของลูกมึงหน่อยน่ะ พ่อไม่อยากทำแบบนี้บ่อยมันไม่ค่อยดีกับแอ้ รู้ใช่ไหมดิว “พ่อพูดกับผม
             “แอ้คงไม่กล้าทานยาเพราะว่ามันอยู่ติดกับติ๊กตลอดนะพ่อ ผมว่าแอ้มันกลัวติ๊กจะถามเรื่องยานะพ่อ” ผมพูด
             “เอาน่ะ ไม่นานก็จะได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยกันแล้ว “พ่อผมพูดและเดินเข้าไปนั่งในรถ
             “พี่ไปนะ อย่าอิบๆ กันมากละ” พี่ดรีมพูดผมหันมาปรายตามองพี่ชายคนที่สอง บอกว่าอย่าห้าสิ่งที่ห้ามยากยังอีก
             “ของแบบนี้มันห้ามกันได้เหรอ “ผมถามพี่ดรีม
             “ก่อนจะอิบๆ น่ะ มึงเช็คถุงก่อนนะ คุณภาพผ่านISOไหม จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ถุงแตกอีก” พี่ดรีมพูดแซวเรื่องนี้อีกแล้วแต่พี่ไม่ได้ส่งเสียงดัง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งทำหน้าที่คนขับรถ
            “พี่มึงนี้มันก็กวนตีนไม่ใช่น้อยนะไอ้ดิว แนะนำน้องมึงดีจริงๆ แทนที่มันจะห้ามแต่มันช่วยแนะนำการใช้ให้ถูกๆ น่าเตะพี่
            “พ่อผมได้ยินแน่พ่อพูด พี่ดรีมรีบทำนิ้วรูดซิบปากเพราะว่าอาจจะโดนเท้าพ่อผมได้ และพี่ดรีมก็เลื่อนกระจกปิดพี่ดรีมเป็นคนขับรถให้พ่อผมวันนี้  ผมก็ยืนมองจนรถพ่อผมแล่นออกไป ผมหันหลังเดินจะเข้าบ้าน ผมเห็นไอ้แจ็คมันมายืนมองผม มันขมวดคิ้วมองผมแต่ผมไม่รู้ว่ามายืนนานหรือยังนี่ซิ
            “มีอะไรวะแจ็ค”
            “แอ้เป็นอะไรวะ “ไอ้แจ็คมันถามผม
             “ไม่นิก็แค่ อย่างที่พ่อกูบอกนั่นแหละ” ผมพูดและทำท่าจะเดินเลี่ยงมันเพื่อเข้าบ้านแต่ว่าไอ้แจ็คมันจับต้นแขนผมเอาไว้มันมองหน้าผม
            “อย่าบอกกูนะว่าแอ้คือคนที่เขาเลือกให้ เป็นคนที่ตั้งครรภ์ได้นะไอ้ดิว บอกกูดิวะ ใช่หรือเปล่า “ไอ้แจ็คมันมองหน้าผมอย่าบอกน่ะว่ามันได้ยินเรื่องที่ผมกับพ่อคุยกัน ผมก็มองหน้ามันกลับ แต่ผมกลับแอบคิดในใจว่า
            (มึงนี้ควรไปกินหญ้าแทนข้าวจริงๆ) เพราะว่าคนที่มันคิดมาตลอดน่ะที่เขาเลือกคนนั้นคือคนข้างๆ มันนั่นแหละและที่สำคัญเขาก็มีทายาทให้มันแล้วด้วยแค่เขายังไม่อยากบอกมันแค่นั้น
           “ไม่ใช่ว่ะ แอ้ไม่ใช่คนที่เขาเลือก ไม่นานมึงก็จะรู้เองว่าใครที่เขาเลือก กูจะขึ้นไปดูแอ้ก่อนนะ เพื่อว่ามันปวด…” ผมพูดแจ็คมันก็ยังมองหน้าผมอยู่
             “เออ ปวดแขนที่พ่อกูเจาะเลือดไป เพื่อตรวจสุขภาพก่อนที่จะยื่นใบสมัครเข้าเรียนนักเรียนนายร้อย “ผมบอกมันและมันก็ปล่อยแขนผมแค่นั้น ผมเดินขึ้นไปบนบ้านทันที ผมเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นว่าแอ้ยังนอนหลับอยู่ แต่ว่าแอ้ นะนอนอยู่ที่เตียงตัวเอง ผมก็ไม่อยากปลุกแอ้ผมอยากให้แอ้นอนเตียงเดียวกับผมมากกว่า ผมก็เลยค่อยๆ ช้อนร่างแอ้และอุ้มไปนอนเตียงผมอย่างเบามือที่สุด
*****
             Part’ s แอ้ ผมไม่รู้ว่าผมหลับไปนานแค่ไหน แต่ก็รู้สึกว่ามีมือมาคอยสัมผัสกายผมตลอด เพื่อเช็กว่าผมไข้หรือเปล่า แน่นอนคนนั้นก็ต้องเป็นดิว มันยิ่งทำแบบนี้มันยิ่งทำให้ผมลำบากใจเพราะว่าผมเองก็ไม่รู้ว่าผมกับมันจะได้อยู่ด้วยกันหรือแยกกันไป ใจของผมไม่อยากห่างจากมันเลยผมก็เลยต้องเก็บความลับของผมกับดิวเอาไว้แต่ไอ้คนข้างๆ ผมนี่ซิ มันไม่ค่อยเข้าใจผมเอาซะเลย
           “ตื่นแล้วเหรอแอ้” ดิวถามผม เขาอยู่ในท่ากึ่งนอนกึ่งนั่ง เขาอ่านหนังสือที่จะเข้าสอบแพทย์ทหาร ดิวหันมามองผมด้วยแววตาที่เป็นห่วงเหมือนเคย
           “อืมม ลงไปทานอาหารหรือกันหรือยัง” ผมถามดิว ผมค่อยๆ ดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ยังเจ็บอยู่แป๊บๆ ไม่มาก และผมก็ต้องฝืนว่าไม่เจ็บ เพื่อไอ้ดิวจะได้ไม่ต้องแสดงอาการเป็นห่วงผมจนเกินไปและนี้แหละที่จะทำให้อีกคนมาลงที่ผมเอา
           “เจ็บเหรอแอ้” ดิวมองผม ผมส่ายหัวไปมาว่าไม่เจ็บ (แต่จริงๆ โคตรเจ็บเลย)
           “ดิวลงไปตักเอาไว้ให้แล้ว เอาขึ้นมาทานข้างบนน่ะ “ดิวบอกผม
            “ลงไปทานข้างล่างดีกว่าดิว” ผมบอกดิว
            “ไม่เอาแอ้เพราะว่าต้องเดินขึ้นเดินลงไม่ดีพ่อบอกทุกคนแล้วให้แอ้พัก ดังนั้นแอ้ควรจะพัก อย่าดื้อกับดิว” ดิวพูด ผมก็หรี่ตามอง
           “อันหลังนี้พ่อบอกเหรอ” ผมถามดิว
           “ดิวพูดเอง” ดิวบอกผม ผมก็แอบยิ้ม
           “เอาเป็นว่าดิวไปเอามาให้ ดิวบอกพวกนั้นแล้วว่าแอ้เพลียมากและพ่อสั่งให้นอนพักเยอะๆ พวกมันก็น่าจะเข้าใจน่ะ ไอ้ติ๊กก็ไม่ได้ว่าอะไร” ดิวพูด ผมพยักหน้าตามนั้น และดิวก็เดินออกจากห้องนอนไป ผมเอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่ดิวอ่านมาดู
           “ฟุ๊บ” มีบางสิ่งที่หล่นลงมาจากหนังสือ เป็นรูปถ่ายผมหยิบขึ้นมาดูเป็นรูปตอนยังเด็ก ผมนั่งอ่านหนังสือสแลมดั้งก์และผิงแผ่นหลังของดิว วันนั้นดิวไปคัดตัวเป็นนักกีฬาชมรมฟุตบอล แต่รูปนี้ใครถ่ายให้ก็ไม่รู้ คงจะเป็นพี่ๆ ของดิวแน่ๆ ผมอดอมยิ้มไม่ได้
            ก๊อกๆ เสียงเตาะประตูห้อง ผมรีบเก็บรูปถ่ายเข้าในหนังสือของดิว
              “ห้องไม่ได้ล๊อกครับ” ผมตอบไป และคนที่เปิดเข้ามาก็คือบอย บอยมองผมและยิ้ม ก่อนจะเดินมาหาผม
              “เป็นไงบ้างแอ้ “บอยถามผม ผมส่ายหัวว่าไม่เป็นอะไร
              “แอ้ “บอยเรียกชื่อผมเหมือนจะถามผม บอยคงจะถามเรื่องวันนั้นอีกแน่ๆ เลย ผมเดาจากสายตาของบอยได้ บอยมองผมและยิ้มให้ผม
              “อึดอัดไหมอ่ะ แอ้” บอยถามผม บอยขึ้นมานั่งข้างๆ ผมและหันมาเหล่มองผมก่อนจะหันกลับไปมองตรงหน้า ผมยอมรับว่าอึดอัดที่สุด
               “ดิวคงอยากจะบอกใครๆ แย่แล้วใช่ป่ะ เพราะว่าดิวอยากจะรับผิดชอบแอ้อย่างเต็มตัว “บอยพูดขึ้น ผมหันไปมองบอย
              “เหมือนกับแจ็คนะแต่ต่างกันตรงที่ว่าแจ็คเขาไม่รู้และบอยก็ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะรับได้เหมือนดิวรับแอ้ได้ไหม “บอยพูด ผมหันไปแตะที่แขนบอยเบาๆ
             “น่าจะเอามดลูกไปใส่ไว้ที่มันสองคนดูน่ะ จะได้รู้ว่าเราสองคนต้องแบกอะไรไว้บ้าง ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะเพราะว่ามันดันมาอยู่ในร่างผู้ชายแบบนี้” บอยพูด ผมพยักหน้าว่าจริงทีเดียว บอยหันมายิ้มให้ผม
             “แต่บอยก็ยังดีกว่าแอ้นะ ตรงที่ว่าบอยคือคนที่เขาเลือก มันมีเหตุผลมากพอ แต่แอ้ไม่ใช่ คนที่เขาเลือก และคนที่จะเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้มีอยู่หลายคนเลย คนแรกคือพ่อภา พ่อของดิวมันเองนะ คนที่สองคือพ่อภีมแต่พ่อคงเสียใจถ้ารู้ว่าแอ้ทำในสิ่งที่ไม่ควรไปแล้ว และคนสุดท้ายคือดิว มันไม่ควรจะทำแบบนั้นกับแอ้เลยเพราะว่า”
           “เขาคือคนที่ถูกเลือกเหรอ แอ้ ทำไมไม่เชื่อหัวใจของแอ้กับดิวละ”
            “แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรละบอย ถ้าเขาไม่ได้เลือกให้คู่กัน” ผมพูด
            “บอยเชื่อดิวน่ะ บอยเชื่อว่าดิวเขารู้ว่าจะทำยังไง บอยแค่คิดว่าแอ้กับดิวทำทุกวันให้มีความสุขก่อนจะดีกว่า “บอยพูดและมองหน้าผม
             “แล้วน้องสบายดีไหมบอย” ผมถามบอย บอยหันมามองหน้าผม บอยยิ้มให้ผม ผมแอบได้ยิน เขาคุยโทรศัพท์ ผมก็พอจะเดาได้ว่าบอยมีน้องแล้วและไอ้แจ็คก็คงยังไม่รู้
              “สองขวบแล้ว บอยเพิ่งจะจัดวันเกิดให้ก่อนจะมาน่ะแอ้” บอยพูด งั้นก็แก่กว่าน้องมีนแค่ไม่กี่เดือนเอง
               “เท่ากับน้องมีนเลย จะสองขวบแล้วเหมือนกันอาทิตย์หน้านี้นะครับ “ผมบอกบอย บอยหันมายิ้ม
             “ถ้ามีโอกาสน่าจะให้รู้จักกันไว้น่ะ จะได้เป็นเพื่อนกันเหมือนรุ่นเราไง” บอยพูดผมพยักหน้า ดิวเปิดประตูเข้ามาพอดีพร้อมถาดอาหาร ดิวมันเอาอาหารขึ้นมาให้ผมทาน ดิวก็มองบอยและยิ้มให้
              “ถ้าอย่างนั้นทานอาหารเถอะแอ้ “บอยพูดก่อนจะลุกขึ้นไป ดิวหันมามองผมโดยที่ไม่ได้ถามอะไร ดิวมันเดินไปหยิบโต๊ะตั้งได้มาวางไว้บนที่นอนนี่มันจะให้ผมกินบนนี้เลยหรือไง ผมหันไปมองไอ้ดิว
                “ทานบนนี้แหละ พ่อเคยบอกไว้ว่า ขยับให้น้อยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้จะดีมาก แผลจะได้ประสานกันเร็วขึ้น” ดิวบอกผมและดิวมันก็มานั่ง ผมหันไปมองอย่าบอกนะว่าจะป้อนผมด้วยนะ
              “ป้อนให้” ดิวพูด
              “ไม่เอา” ผมรีบปฏิเสธ
              “มันไม่เข้ามาหรอกนะ ถ้ามันจะเข้ามาคงเข้ามาตั้งแต่แอ้นอนหลับแล้ว ดิวไม่ได้ล๊อกประตูห้องเลย “ดิวพูด ผมหันไปมองหน้ามันแต่ดิวก็ตักอาหารขึ้นมารอจ่อที่ปากผมแล้ว ผมก็ต้องอ้าปากงับอาหารในช้อนนั้นไป
             “อาทิตย์หน้าดิวไม่ได้ไปฉลองวันเกิดน้องมีนอะแอ้ พ่อบอกให้ไปทำธุระ แอ้ไปน่ะ ไปฉลองกับลูกนะ อย่างน้อยมีหนึ่งคนอยู่กับลูกก็ยังดี” ดิวพูดกับผม
              “ดิว ติ๊กให้อาภาคย์โทรหาพ่อภีมอ่ะ มันจะให้แอ้ไปเดินแบบเสื้อสูทอ่ะ แอ้ก็ไม่ได้กลับไม่รู้ว่าจะขอกลับไปได้ไหมเหมือนกัน” ผมบอกดิว ดิวหันมามองหน้าผม ดิวหันหน้าหนีอีกแล้ว
             “อย่าทำหน้าแบบนั้นได้ไหมดิว”
             “แอ้ลูกต้องการแอ้นะ ยิ่งมีนด้วย คนที่เขาอยากให้นั่งเป่าเค้กใกล้ๆ และนี้มันวันเกิดขวบปีแรกด้วยนะ ส่วนดิวนะ อยากจะหาเรื่องชิ้งแต่ก็คงไม่ได้แล้วรอบนี้ พ่อจะซวยเอา” ดิวพูด ผมพยักหน้าว่ารู้ ผมรู้ว่ามันขัดคำสั่งลุงหนี่งมาหลายครั้งแล้ว
             “ก็ไปก่อนดิ แอ้รอ ดิวเลิกแล้วเพื่อเราได้กลับไปพร้อมกัน หรือไม่ก็ฉลองกันย้อนหลังสักอาทิตย์คงได้อยู่นะ” ผมพูดบอกดิว
              “อ่ะ ทานก่อนเดี๋ยวอาหารเย็นหมด” ดิวบอกผมให้ทานก่อน ดิวก็ป้อนอาหารให้ผม
              “ดิว …ลืม….” พายเปิดประตูเข้ามาพอดีเลย พายก็ยืนมองผมกับดิว ดิวมันกำลังป้อนอาหารให้ผมอยู่ ผมก็รีบคว้าช้อนมาจากดิวทันที พายก็แค่มองและยิ้มๆ ให้ผม
               “ดิวลืมซีดีการ์ตูนไว้ที่พายน่ะ พายเอามาให้ ถ้าอย่างนั้นไม่กวนนะ “พายรีบพูดและวางซีดีเอาไว้ก่อนจะรีบถอยหลังออกไป ผมหันมามองไอ้ดิว
                “เออ จะให้ล๊อกประตูให้ไหม จะได้ป้อนกันได้สะดวกๆ” พายกลับเข้ามาถามผมกับดิวอีก ดิวมันยกนิ้วโป้งให้เลยและประตูก็ถูกปิดลงพร้อมเสียงกดล๊อคประตูให้เรียบร้อย ผมหันมามองดิว
                “ท้อไหมดิว ถามจริงๆ” ผมถามดิว ผมรู้ว่าดิวเข้าใจคำถามของผมดี
               “ไม่อ่ะ ไม่ท้อ แต่น้อยใจนะมีอยู่ แต่ให้ท้อใจไม่มีอ่ะ”
                “ถ้าถึงตอนนั้น เราต้องแยกกันละดิว”
              “ดิวก็จะหาแอ้และดึงแอ้กลับมาอยู่กับดิวให้ได้ ดิวจะทำทุกอย่างเหมือนที่พ่อภาทำตอนที่แยกกับอาภีมเหมือนกัน ทุกวิถีทางให้ได้คนที่ตัวเองรักกลับมา” ดิวพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
               “และยิ่งดิวมีลูกกับแอ้ ดิวจะพยายามให้ได้หากมันจะยากกว่าหลายเท่าดิวก็จะทำ เพื่อลูกและแอ้ ได้อยู่ด้วยกันกับดิว
              “ดิวบอกผม ผมก็ได้แต่มองดิว ผมดีใจที่ลูกๆ ของผมมีพ่อที่ใจคอห้าวหาญแบบดิว ผมรู้สึกได้ว่าไอเขาก็ได้มันจากดิวด้วยเช่นกัน ดังนั้นหน้าที่พี่ชายคนโตที่ปกป้องน้องๆ ไอได้มาเต็มๆ
              TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.2ุ9 (แจ็คXบอย) ใครคือไอ้แบงก์

 Part’ s แจ็ค เวลาผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์ อาทิตย์ นี้ไม่ฮาร์ดคอร์เหมือนอาทิตย์แรกๆ ไม่มีคนมาดักรอพวกผมและอาทิตย์นี่ต้นข้าวกับบลูมันก็กลับมาเรียนแล้วด้วย ต้นข้าวกับบลูบอกว่า ไอ้ภาคินมันไปหาพ่อกับแม่มันที่บ้าน ไปอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นและต้นข้าวมันก็ให้เหตุผลว่าถ้าไม่ให้มันเรียนและให้มันหยุดไปอีก มันก็จะช้าเข้าไปอีก มันอยากเรียนจบพร้อมเพื่อนๆ สุดท้ายพ่อแม่ต้นข้าวถึงได้ยอมให้ต้นข้าวและบลูกลับมาเรียนได้ พวกผมนี่โล่งอกไปเลยแต่แปลกใจว่าทำไมภาคินไปพูดพ่อแม่ต้นข้าวเชื่อมากกว่าไอ้ต้นข้าวเองซะอีก

            พวกผมเริ่มได้ข้อมูลพวกไอ้บอสกันบ้างแล้ว ผมกับไอ้หลุยส์ไอ้ให้ไอ้ป๊อด มันไปหาคนที่พอจะทำหน้าที่เป็นนักสืบมาให้ผมหนึ่งคน ไอ้ป๊อดมันก็หามาได้และผมก็ให้เริ่มงานได้เลย ผมถึงได้รู้ว่าแก้งของไอ้ภาคิน มันมีหัวหน้ามาก่อนนั้นคือ ไอ้บอส ไอ้นี้มันก็หนีไปอยู่เมืองนอกและมันก็เป็นเพื่อนสนิทกับพี่ข้าวปั้นพี่ชายไอ้ต้นข้าว พี่คนนี้ดันอยู่ในสถานพินิจคนเดียว อันนี้ผมถึงกับมองหน้ากัน ผมรอจะคุยกับไอ้ต้นข้าวก่อนดีกว่าทำไมพี่มันซวยอยู่คนเดียวทั้งที่มีคนดูแลแก้งนี้ตั้งสามคน ไอ้พี่แฮกซ์มันรอดได้เรียนต่อจนจบแต่ว่า ไอ้พี่แฮกซ์นี้ก็โดนย้ายโรงเรียนมาจากที่อื่นก่อนจะโดนพักการเรียน เลยทำให้ไอ้พี่แฮกซ์ต้อง จบช้าไปสองปี

            ผมได้ข้อมูลเกือบทุกคน ผมกับไอ้หลุยส์นั่งดูเอกสารที่ได้จากคนที่รับงานจากป๊อดไปทำแต่ผมยังไม่เจอตัวคนหาข้อมูลเลยว่าเขาคือใคร แต่ข้อมูลที่หามาได้ก็แน่นดีผลงานดีว่างั้น ผมรู้ว่าแต่ล่ะคนเป็นใคร ภาคิน เป็นลูกชายคนโต พ่อเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลไอ้ดิวบอกว่าพ่อมันดูแลหุ้นของเขาอยู่ด้วยเพราะว่าเคยเข้ามาช่วยตอนที่เขามีปัญหา อันนี้ถือว่าโชคดีถ้ามีปัญหากับเขามันคงเบาลงผมคิดว่า ไอ้ภาคินมีน้องชายที่ชื่อภาคิไนย์ ไอ้เด็กที่หางานให้พวกผมวันก่อน ไอ้โซ่หรือณรงฤทธิ์ มีน้องชายหนึ่งคนอายุห่างจากโซ่น้องไอ้โซ่มันมากพอสมควร น้องมันเพิ่งหกขวบเอง ที่บ้านทำธุรกิจส่งออกแถมตอนนี้กำลังประสบปัญหาอยู่ ผมกับไอ้หลุยส์หันมามองหน้ากัน ก็อย่างที่บอกผมกับมันมีความคิดตรงกันหลายอย่างโดยแทบจะไม่ต้องพูดเลยและคนอื่นๆ

             “กูได้ยินพวกไอ้ภาคินมันคุยกันเมื่อวานว่า ครอบครัวไอ้โซ่ มันมีปัญหาว่า กูเข้าไปดูแล้วกูจะซื้อหุ้นมันว่ะ ในนามของบริษัทพ่อกู” ไอ้หลุยส์มันพูดและหันมามองหน้าผม ผมก็ขมวดคิ้วเป็นปมรอเลยจะซื้อทำไม ไอ้นี่มันว่ามึงอยู่น่ะ

              “เริ่มจากไอ้นี่ก่อนเลย คอยดูดิวันจันทร์มึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลง” ไอ้หลุยส์มันบอกผม ผมยักไหล่คงจะเห็นอยู่หลอกนะ เพราะว่าวันก่อนก็ช่วยไอ้ภาคินแล้วไง ไม่เห็นมีอะไรเลย แต่ผมก็พยักพเยิดไปกับมันนั่นแหละ ผมสองคนก็เปิดดูแต่ล่ะคนต่อ ไอ้มาร์ค ไอ้คนนี้พ่อทำงานอยู่อบต. แม่เป็นหัวหน้าพยาบาล อยู่ที่ รพ.รัฐ และอีกคนที่ผมถึงกับขมวดคิ้ว ว่าน มีแม่เป็นแม่บ้านแต่ไม่มีพ่อแถมยังอยู่บ้าน ไอ้ภาคิน อยู่ในฐานะอะไร แฟนน้องไอ้ภาคินเหรอ ผมกับไอ้หลุยส์หันมามองหน้ากันทันที

              “แบบนี้ก็ได้เหรอวะ” ผมหันมาคุยกันกับไอ้หลุยส์

              “เออว่ะ ตกลงไอ้ว่านนี้มันเป็นแฟนไอ้เด็กเวรนั้นจริงๆ เหรอว่ะ ห่างกันหลายปีอยู่น่ะ แต่มันตามติดไอ้ภาคินมากกว่าไอ้เด็กเวรนั้นอีกมึง” ไอ้หลุยส์พูด ผมก็ยักไหล่ แต่คนอื่นๆ ที่ผมสองคนดูก็ปกติแต่ที่น่าสนใจตอนนี้คือพวกนี้

             “เห็นป๊อดบอกว่ามีอีกน่ะ เขากำลังสืบอยู่ น่าจะเป็นพวกพี่แฮกซ์ว่ะ” ผมหันมาพูดกับหลุยส์ ธรรณ์ที่นั่งดูโน๊ตบุคเครื่องบางเฉียบอยู่ แต่ว่าบอยไปไหนก็ไม่รู้ วันนี้วันศุกร์ นี้เป็นอาทิตย์แรกที่พวกผมจะได้พากันกลับบ้าน ผมว่าจะชวนบอยไปเที่ยวดีกว่า ไอ้หลุยส์บอกว่าจะพาธรรณ์นั่งเครื่องส่วนตัวไปเที่ยวญี่ปุ่นหรือไม่ก็เกาะบาหลีอะไรประมาณนี้ มันยังเลือกอยู่ ไอ้ติ๊กบอกว่ามีงานเดินแบบ มันบอกว่าไอ้แอ้กับพายไปด้วย ทำไมแต่ล่ะคนมีงานหมดยกเว้นผม อ้อ ผมยังไม่ได้ถามไอ้ดิวเลย แต่ถ้ามันมีอีกคนนี้แปลว่าต้องมีอะไรแปลกๆ เกี่ยวกับผมแน่ๆ ว่าแล้วก็โทรหาพี่ชายคนโตดีกว่า

           “กูขอไปโทรหาพี่ชายกูก่อนว่ะหลุยส์ “ผมบอกไอ้หลุยส์ มันก็พยักหน้า ตอนนี้สองหนุ่มของผมสองคนยังไม่ลงมาจากชั้นบนเลย กำลังเลือกเสื้อผ้าใส่กันอยู่

            //ฮัลโหล ว่าไงน้องชายพี่// พี่โจกดรับสายผม

            //พี่โจ อาทิตย์นี้ผมกลับบ้านได้ใช่ไหมพี่// ผมถามพี่โจ

            //อาทิตย์นี้เหรอ พ่อบอกว่าออกจากที่พักได้แต่ห้ามกลับมาบ้านให้ ไปหาที่เที่ยวกับเพื่อนก่อนดิแจ็ค ในกรุงเทพก็ได้ //พี่โจพูด

          //มีอะไรหรือเปล่าพี่โจ//

         //ไม่มี!// เสียงสูงแบบนื้ มีแน่ๆ

         //พี่โจ!มีอะไรบอกมาเลยตรงๆ //ผมถามพี่โจอีกที

         //ไม่มีแจ็ค ทำตามที่พ่อบอก อาทิตย์หน้าค่อยกลับมานะบ้านนะและจะได้ฉลองวันเกิดพี่สาวเรา //พี่โจพูด

          (พี่โจ เจได้ยินนะ เจน่ะพี่ชายต่างหาก) ผมพยักหน้าวันเกิดพี่เจนั้นเอง

           //ลืมไปเลยพี่โจ ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นผมชวนบอยไปเที่ยวดีกว่า// ผมพูดขึ้น

          //แจ็ค//พี่โจเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เงียบไป

         //มีอะไรหรือเปล่าพี่โจ// ผมถามพี่โจอีกครั้ง

         //เออ ไม่มีแต่ เราจะพาบอยไปเที่ยวเหรอ พี่ว่า เออ บอยเขา ไปไม่ได้นะ //พี่โจพูด

         //ไปไม่ได้ ทำไมอะพี่โจ //ผมยังตื๊อถามพี่ชายผมอยู่ ยังไงพี่โจก็ต้องใจอ่อนให้ผม

         //แจ็ค นายจะทำให้พี่โดนพ่อดุ อย่าถามพี่ได้ไหม// พี่โจพูด

         //ถ้าพี่ไม่บอกก็ไม่เป็นไร ผมไม่อยากรู้เรื่องภายในองค์กรสักเท่าไหร่ แต่ผมจะชวนแฟนไปสวีทแค่นี้พี่โจ แจ็ครักคุณพ่อโจนะครับ//ผมพูด

         //แจ็คพี่โว้ย! ไม่ใช่พ่อ! หน้าไม่แก่ เท่าพ่อ ไอ้น้องกวนตีน!// พี่โจเม้งผมใส่มือถือมาทันทีแต่ผมกดวางสายซะก่อน และเดินออกมาทันทีเพื่อที่จะไปบอกบอยว่าจะชวนบอยไปหาที่สวีตกันแต่ว่า ผมไม่เห็นบอย เจอแต่ไอ้ติ๊ก

           “เห็นบอยไหมวะติ๊ก” ผมถามไอ้ติ๊กทันที ติ๊กหันมามองหน้าผม

           “บอยยืนคุยโทรศัพท์อยู่นะมึงตรงโน้นอ่ะ” ไอ้ติ๊กมันพูดและมันก็เดินกลับเข้าไปหา ไอ้ดิวและแอ้ วันนี้ไม่มีอะไรมากมีวิชาพละและชั่วโมงกิจกรรมแต่ว่าไม่มีกิจกรรมให้ทำ แปลกดีเหมือนกันแต่พวกผมไม่มายด์ และวันนี้พวกผมไม่เห็นพวกไอ้ภาคินมันเข้าเรียนอีกแล้ว จะว่าไปพวกผมก็เริ่มชินกับการที่มาแล้วเจอพวกมันบ้างไม่เจอบ้าง ไม่เจอจะดีกว่าเพราะว่าพวกเพื่อนมันปากหมากันทุกคน ผมเลือกที่จะเดินไปหาบอยเพื่อว่าจะถามความคิดเห็นว่าเราจะไปเที่ยวไหนกันดี

           “ร้องงอแงใหญ่เลยอ่ะพี่บรู๊คส์ เอาไงดี บอยบินกลับเลยดีกว่า ได้ครับ บอยไปสนามบินเลย ไม่ดีกว่าเพราะว่าแบงก์สำคัญกับบอยที่สุด “ผมเดินเข้ามาพอดี ผมก็ต้องชะงักเท้าทันที ใครกันแบงก์

           “ครับพี่บรู๊คส์ได้ครับ ให้พี่เขามารับบอยเลยก็ได้ครับ ไปสนามบินเลยครับพี่บรู๊คส์ “

            “แบงก์ บอยกำลังไป ไม่เอานะ อย่าทำแบบนี้ซิ ทานยาและบอยจะไปเดี๋ยวนี้ บอยรักแบงก์คนเดียวนะ รักมากที่สุดเลย เจอกันนะครับ บายครับ”

           “แจ็ค!!” บอยหันกลับมาเห็นผมยืนอยู่ เขาก็ทำสีหน้าตกใจที่สุด ผมเองก็ยืนกอดอกมองบอย ผมรู้ว่าเขารู้ว่ามีคำถาม

            “บอย ใครอะ แบงก์” ผมถามบอย

            “เออ คือ “บอยทำท่าอึกอักที่จะตอบผม

            “แล้วบอยจะไปไหน” ผมถามบอยต่อเพราะจากการสนทนาที่ผมได้ยินคือบอยจะไปที่สนามบินเลย

             “บอยจะกลับบ้าน บอยมีธุระด่วนแจ็ค “บอยบอกผม ผมนิ่งคิดก็ผมเพิ่งจะได้ยินบอยบอกไอ้คนที่ชื่อแบงค์ว่าจะรีบไปหาอยู่

             “ธุระด่วนอะไรละบอย บอกแจ็คได้ปะละเพราะว่าเราแฟนกัน คงบอกได้มั้ง” ผมถามบอย

             “เออ…. บอย …. ขอโทษนะแจ็ค บอยต้องรีบไป แจ็คก็ไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วกันน่ะ กลับมาเราค่อยคุยกันนะแจ็ค” บอยพูดและทท่าจะเดินออกแต่ผม

             “หมับ” ผมคว้าข้อมือบอยเอาไว้ซะก่อน

             “คุยกันตอนนี้แหละ บอกมาตรงๆ ดิ บอยว่าจะไปหาไอ้แบงก์และไอ้นี่มันคือใคร แจ็คได้ยินนะบอย มันเป็นใครอ่ะ เพื่อนเหมือนธรรณ์เหรอ แจ็คว่าไม่ใช่ แจ็คได้ยินชื่อนี้มาหลายครั้งแล้วนะ ตกลงบอยมีกี่คนกันแน่ แฟนน่ะ” ผมถามบอย บอยหันมามองหน้าผม และบอยก็สะบัดมือผมออก

            “ไอ้ดิวก็อีกคนดิ ใช่ไหม บอย” ผมถามบอย

              “บอยไม่รู้ว่าบอยจะพูดหรืออธิบายยังไงกับแจ็ค แจ็คก็ยังมองว่าบอยเป็นแบบที่แจ็คคิดตลอด อยู่ดี ทั้งที่บอยก็ทำให้แจ็คเห็นแล้วน่ะ ว่าอะไรเป็นอะไร มันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอแจ็ค” บอยถามผม แววตาคู่นั้นมองผม

              “ใช่ซิ บอยถูกโยนให้ไปคู่คนนั้นนี้มากมาย จนแจ็คมองว่าบอยไม่มีหัวใจที่จะรักใครสักคนเลยใช่ไหม แจ็ค”

               “ดังนั้นครั้งนี้บอยก็จะไม่อธิบายอะไรอีก “บอยพูด

              “แต่บอยก็ไม่เคยอธิบายในสิ่งที่แจ็คต้องการจะรู้ ไม่เคยเลย บอยทำให้แจ็คเห็นว่าบอยมีอะไรปิดแจ็คอยู่ “ผมพูด

               “บอย “ธรรณ์เดินตรงเข้ามาพอดี ธรรณ์มองหน้าบอยและผมสลับกันไปมา

               “บอยให้รถมารับใช่ไหมครับ” ธรรณ์ถามบอย บอยพยักหน้าว่าใช่

               “บอย ตกลงจะไปใช่ไหม บอยเลือกมันใช่ไหม ไอ้แบงก์น่ะ” ผมถามบอยขณะที่บอยกำลังหันหลังเดินออก บอยหันมามองผมแว๊ปหนึ่งและเดินต่อไปทันที

             “แจ็คว่าจะชวนบอยไปเที่ยว!” ผมพูด

            “บอยไปไม่ได้อยู่ดีแจ็ค บอยมีธุระเหมือนกันและเป็นธุระที่สำคัญมากด้วย “บอยหยุดพูดก่อนรีบเดินต่อ ธรรณ์หันมามองผมแว๊ปหนึ่งและเดินตามบอยไปธรรณ์ทันที ผมได้แต่ยืนกำหมัดแน่น ถ้าครั้งนี้รักของผมกับบอยมีปัญหาอีก ผมก็คงจะพอเหมือนกัน ผมเหนื่อย ผมยืนหันหลังอยู่

             “หมับ” จู่ๆ ก็มีมือมาแตะที่ไหลผม ผมหันไปมอง คนนั้นคือไอ้หลุยส์

             “ธรรณ์บอกว่ามึงทะเลาะกับบอย มีอะไรวะ” หลุยส์มันถามผม ผมหันมามองไอหลุยส์อีกที ตอนนี้มันคือเพื่อนแท้ของผมแล้วไง

            “กูกำลังจะชวนเขาไปเที่ยวแต่นี้มีคนนัดตัดหน้าเขา ไอ้แบงก์อ่ะ มึงรู้ไหมว่ะ มันเป็นใคร” ผมถามไอ้หลุยส์ ไอ้หลุยส์มันทำหน้างง และส่ายหน้า

             “เขาปิดมึงด้วยเหรอวะ” ผมถามไอ้หลุยส์

               “กูจะลองถามธรรณ์ดูเพราะว่ากูก็เจอแต่กับบอยแค่ ที่เรียนพิเศษและเวลาออกงาน ธรรณ์น่าจะรู้มากกว่ากูว่ะ” ไอ้หลุยส์พูด

               “เชี่ยเอ๊ย!” ผมสบถออกมา ผมอยากจะรู้ว่ามันคือใครและอยากจะขอตะบันหน้ามันสักหน่อยเถอะ ไอ้คนที่ชื่อแบงก์อะไรนี้ แล้วค่อยถามว่าบอยจะเลือกใคร ถ้าเลือกมันผมจะได้ถอยและพอแค่นี้ ผมคงขอพ่อกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยเลยและถ้าเขาจะตัดผมจากองค์กรบ้าบออะไรนี้ก็เชิญเลยผมไม่แค่ ผมเชื่อว่าผมมีดีกว่านั้นอีก

             “เอาน่ะ ไปเที่ยวกับกูก็ได้วะ กูมีอะไรดีดีที่ทำให้มึงคลายเหงา” ไอ้หลุยส์มันบอกผม

           “พ่อกูก็สั่งไม่ให้กูกลับบ้านอีกว่ะ มันต้องมีอะไรแน่ๆ แถมบอยก็ยังบอกว่ามีธุระด่วนที่สำคัญมากต้องทำอีก “ผมพูด ขณะที่เดินออกมา ผมเห็นพวกไอ้ดิว แอ้และติ๊ก แต่ไม่เห็นพาย

             “พายมันไปซื้อขนมกับไอ้ต้นข้าวและบลู พวกกูจะกลับเข้ากรุงเทพกันเลยวะ มึงละแจ็ค” ติ๊กมันถามผม

            “พวกมึงมีงานนี่หว่า “ผมพูดและหันไปมองหน้าไอ้ดิวอีกคน

           “มึงละดิว “ผมถามไอ้ดิว

          “พ่อกูเรียกเข้ากรุงเทพด่วนว่ะ “ไอ้ดิวพูดผมหันมามองหน้าไอ้หลุยส์ ทุกคนมีเรื่องด่วนกันหมดแต่ยกเว้นผม และไอ้ดิวก็ถูกเรียกตัวด่วนอีก ผมว่าลุงหนึ่งกำลังทำอะไรแน่ๆ เลย ธรรณ์เดินกลับเข้ามาแล้วเช่นกัน

           “หลุยส์มึงรีบหรือเปล่าวะ “ผมกระซิบกับไอ้หลุยส์

           “ทำไมวะ” หลุยส์มันถามผมกลับ

           “กูว่ามีอะไรแน่ๆ ว่ะ ไอ้ดิวมันบอกพ่อให้มันเข้ากรุงเทพด่วน ส่วนบอยก็กลับด่วนอีก” ผมถามไอ้หลุยส์

              “เออ ตอนแรกกูว่าจะไปหาลุงหนึ่งนะ แต่กูได้ยินมาว่าลุงหนึ่งไม่ว่างมีงานกูเลยจะขอพาธรรณ์ไปเที่ยวแทน” ไอ้หลุยส์มันพูดผมสะบัดหน้ามามอง ผมชี้หน้ามันนั้นไง

              “กูอยากรู้ลุงหนึ่งมีงานที่ไหนวะ ช่วยกูหน่อยดิ ได้ไหมวะ “ผมถามไอ้หลุยส์

             “ได้ว่ะ สักครู่” ไอ้หลุยส์มันพูดและหันไปยิ้มให้ธรรณ์ ผมก็ยิ้มให้ธรรณ์

              “พายมาแล้วว่ะ ไอ้แจ็ค พวกกูไปเลยน่ะ รถมารอแล้วและมึงละ ไม่ไปไหนเหรอวะ ไปแรดกับพวกกูเปล่า ไปนั่งทำหน้าหล่อๆ ดูพวกกูเดินแบบก็ยังดี” ไอ้ติ๊กมันหันมาถามผม

             “ก็แค่ไม่กี่ชั่วโมง กูจะพาแอ้ไปแรดต่อด้วย “ไอ้ติ๊กมันพูดและหันมายิ้มกริ่มกับไอ้แอ้

             “กูบอกพ่อว่ากูแค่อยู่เดินแบบ ติ๊ก อย่าหางานให้กูเพิ่มได้ป่ะว่ะ” ไอ้แอ้มันหันไปพูด

                “และพี่อ้นก็ไปกรุงเทพด้วย งานเสร็จกูต้องรีบกลับบ้าน มึงอยากไปก็ชวนแจ็คมันไปโน่น” แอ้พูด ไอ้ดิวมันยืนอยู่ก่อนจะเหลือบตามามองไอ้ติ๊ก

               “ติ๊ก แอ้มันจะยื่นใบสมัครสอบแล้ว มึงอย่าทำให้มันโดนอาภีมด่าดิว่ะ” ไอ้ดิวมันก็รีบแก้ตัวให้แอ้ทันที

               “แค่นี้ทำเป็นบ่น เออๆ ไม่ไปก็ได้ เบื่อว่ะ!” ไอ้ติ๊กพูดและหันมาดึงแขนไอ้แอ้ให้ไปกับมันอีกจนได้

               “พวกกูไปก่อนวะ มึงจะเอายังไงก็โทรมาแล้วกัน พาย เราไปส่งไอ้ต้นข้าวกับบลูก่อนใช่ไหมวะ” ดิวมันหันมาพูดกับผม ผมพยักหน้าแบบขอไปที กำลังเซ็งมาก มันผิดแผนที่ผมคิดเอาไว้หมดเลย

              “ดิว มึงไปไหนวะ พรุ่งนี้” ผมถามไอ้ดิว

             “กู ไปกับพ่อกูว่ะ” ดิวมันพูด

             “ไปไหนวะ” ผมถามมัน ไอ้ดิวมันนิ่งไปพักหนึ่ง

             “ไปงานกับพ่อกูแต่อย่าถามว่าที่ไหน กูไม่รู้แค่นี้และกูรีบว่ะ ไปก่อนน่ะ กูต้องไปส่งไอ้ต้นข้าวและบลูที่บ้านมันสองคน” ไอ้ดิวมันพูดว่ามันไม่รู้ ผมว่ามันรู้แต่มันไม่บอกผม ผมหันมามองธรรณ์ ผมว่าธรรณ์น่าจะรู้แต่ก็เพื่อนรักของบอยอีก และไอ้ดิวมันก็เดินออกไปพร้อมกับพาย ต้นข้าวและบลู

              “บอยไปแล้วเหรอธรรณ์” ผมถามธรรณ์ ธรรณ์พยักหน้าตอบผม

               “แจ็ค อย่าไปงอนบอยเลยน่ะ บอยเขามีเรื่องด่วนจริงๆ น่ะ “ธรรณ์พูด และไอ้หลุยส์มันก็เดินออกมาและมันก็มองผมยิ้มๆ แต่ธรรณ์นี้ขมวดคิ้วมองหน้าไอ้หลุยส์

               “มีงานบ้านลุงณะว่ะ “ไอ้หลุยส์พูดขึ้น ผมหันมาพยักหน้า แบบนี้นี่เองพ่อถึงสั่งว่าห้ามไม่ให้ผมไปที่บ้านที่ลอนดอนเด็ดขาดและไอ้ดิวมันก็คงไปด้วย ผมเห็นมันรีบร้อนเหมือนกัน คือถ้าจะต้องออกเดินทางต้องเตรียมตัวออกให้เร็วที่สุด

             “ลุงหนึ่งไปด้วยว่ะ” ไอ้หลุยส์พูด ผมพยักหน้า ทำไมบอยไม่บอกผมตรงๆ เลยละ ตกลงไอ้แบงก์หรือไอ้ดิวกันแน่และใครกันคือตัวหลอก

            “มึงจะเอายังไงวะแจ็ค “ไอ้หลุยส์ถามผม

            “กูจะแกล้งไปกับมึงว่ะ “ผมพูด

            “ไปเครื่องส่วนตัวกูดิว่ะ กูไปส่ง” ไอ้หลุยส์มันพูด ผมพยักหน้าว่าตามนั้น

          “นี้คุณสองคนนี้ จะทำอะไรกันนึกถึงคนกลางอย่างบอยหน่อยได้ไหม “ธรรณ์ถามผมสองคน ก่อนจะยืนกอดอกมองผมกับหลุยส์แถมยังขึ้นคุณสองคนอีก

            “ธรรณ์แล้วแจ็คละ บอยไม่ยอมบอกแจ็คตรงๆ เลยอ่ะ ว่าอะไรเป็นอะไร มีอะไรก็น่าจะบอกตรงๆ คนรักกันเขาไม่ทำแบบนี้ ธรรณ์” ผมพูดและเดินไปหยิบพวกกระเป๋าเป้ทันที

           “เอานะ ไปหาอะไรสนุกทำก่อนดีกว่า กูจะไปพักที่โรงแรมอาภาคย์ว่ะ ไปตีสควอทกันดีกว่า บางทีมึงอาจจะใจเย็นลงก็ได้น่ะ” ไอ้หลุยส์พูด ผมก็คงต้องตามนั้นแหละเพราะเล่นออกกันไปหมดแล้วนี่



           Jackie” “พี่โจผมจะไปกับไอ้หลุยส์นะ ไปเที่ยวกับมันอ่ะ “

           P’ Jo “ได้แจ็ค แต่อย่าไปซ่าจนมีเรื่องนะ พวกพี่มีงานกันวันพรุ่งนี้และยุ่งมาก

          Jackie” พี่ต้องไปงานบ้านลุงณะเหรอ

          P’ Jo “แจ็ครู้ได้ยังไง

          Jackie “รู้แล้วกันพี่โจ และนี้คือเหตุผลที่ผมไปบ้านไม่ได้ใช่ไหมครับพี่โจ นี้เขาเรียกบอยกับดิวเข้าไปด้วยใช่ไหมครับพี่โจ

          P’ Jo “แจ็ค พ่อจะเข้าไปพรุ่งนี้ พวกพี่ด้วย ที่พ่อไม่ให้เราไปเพราะว่า

          Jackie” กลัวแจ็คเข้าไปล่มงานเขางั้นเหรอ

           P’ Jo” อันที่จริงก็แค่งานทำบุญครบรอบองค์กรและทำบุญให้คนที่เสียชีวิตเพื่อองค์กรของเรา ก็แค่นั้น บอยคือคนสำคัญขององค์กร เขาก็ต้องให้บอยอยู่ในพิธีกับ

           Jackie” ไอ้คนที่เขาเลือก หรือที่เรียกว่าคนที่ถูกเลือก

           P’ Jo “งี่เง่าตัวพ่อกูมาอีกแล้ว

           Jackie” …………………

            P’ Jo “แจ็ค…ที่พ่อไปพ่อก็จะคุยเรื่องแจ็คให้นะ แต่ถ้านายไปพ่ออาจจไม่ได้คุยและนายก็จะไม่มีโอกาสนั้นแน่นอน คราวนี้เสียบอยไปแน่ๆ พ่อว่าจะเข้าไปขอโอกาสให้นาย นายก็ควรจะเข้าใจพ่อบ้าง พี่ขอละ เอาเวลาไปเที่ยวซะ ไปพักผ่อนและไม่ต้องคิดมากเข้าไหมแจ็ค”

               P’ Jo” พอนายมาเรียนมหาลัย นายไม่ได้แค่เรียนอย่างเดียวแบบนี้นะ นายต้องช่วยพวกพี่ออกงานกันด้วยนะ คราวนี้เวลาเที่ยวของนายแทบจะไม่มี ตอนนี้ไปเที่ยวซะ และแค่นี้น่ะ พี่มีประชุม พอประชุมเสร็จแล้วพี่จะโทรเช็กนายนะแจ็ค ” พี่โจบอกพิมพ์คุยกับผมก่อนจะออฟไลน์ไป



             ผมหันมามองไอ้หลุยส์ที่ยืนรอผมอยู่ผมอยู่ มันหยักไหล่ให้ไปขึ้นรถลีมูซีนนั่งสบายๆ พอผมเข้าไปในนั่งในรถ ก็เห็นหลุยส์มันเปิดไอแพตรุ่นใหม่ขึ้นมาเช็กงานของมัน ผมยอมรับเลยว่ามันเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย ผมนั่งกดโทรศัพท์ผมเพื่อไล่ดูรูปต่างๆ ที่มีผมกับบอยถ่ายด้วยกัน และตอนนี้มันก็ทำให้ผมสับสนในความสัมพันธ์ของผมและบอย ตกลงเราเป็นอะไรกัน ตกลงเขามาเพื่ออะไรกันแน่...บอย!! นอกจากไอ้หลุยส์แล้วบอยยังมีคนอื่นอีกเหรอช่วงที่ผมกับเขาขาดการติดต่อ  หลายสิ่งมันรุมเร้าอยู่ในความคิดของผมตอนนี้
               TBC....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-01-2024 12:09:18 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.30 เจนกับลุงโจ้เจอน้องแบงก์อีกครั้ง
[/color][/size][/b]

           Part’ s บอย ทันทีที่ผมได้รับสายจากพี่บรู๊คส์ว่าแบงก์ไม่สบาย น้ำมูกก็ไหล ตาก็เจ็บ ร้องไห้งอแงไม่ยอมทานยาด้วย ไม่ยอมให้หมอคนไหนตรวจเลย ตอนแรกผมก็ว่าจะบินกลับพรุ่งนี้กะว่าจะไปค้างกรุงเทพกับแจ็คสักคืน เพราะว่ามะรืนนี้มีงานที่บ้านพ่อผม ผมจำเป็นต้องอยู่ที่นั่นเพราะว่าผมกำลังจะขึ้นรับตำแหน่งคนที่ดูแลองค์กรเร็วๆ นี้ทั้งที่ผมไม่อยากแต่ทำยังไงได้เขาเลือกผม เขาเลือกไว้ตั้งแต่ก่อนจะให้พวกผมเกิดซะอีก ดังนั้นผมเปลี่ยนอะไรไม่ได้ ไม่ว่าผมหรือใคร

             “คุณบอยครับ” ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นเนื่องจากมีคนมาสะกิดให้ผมตื่น ผมหลับไปทั้งน้ำตาบนเครื่องบินส่วนตัวที่บินตรงจากกรุงเทพไปบ้านผมที่ลอนดอน พ่อผมย้ายไปอยู่ลอนดอนนานมากแล้วพวกผมก็เกิดกันที่นั่น

            “ถึงแล้วครับคุณบอย” การ์ดที่ดูแลผมเดินมาสะกิดผมเบาๆ

           “ขอบคุณครับ “ผมพูดและค่อยๆ ดันตัวเองให้ลุกขึ้น ผมเดินไปเข้าห้องแต่งตัว เพื่อจะได้เดินทางกลับไปหาคนที่ผมรัก แม้จะไม่ได้รักมากที่สุดแต่ผมก็รักเขาหมดหัวใจ เทวดาตัวน้อยของผมแบงก์

            “บอย” เสียงเรียกชื่อผม ผมหันไปมองคนนั้นคือพี่บี พี่บีคงมารับผมกลับบ้านนั้นเอง

             “พี่บีสวัสดีครับ พี่บีมาแล้วใครดูแบงก์ละครับ” ผมถามพี่บี

              “พี่บรู๊คส์นะ พี่บีมก็อยู่บ้านน่ะและพี่เห็นว่าแบงก์เขางอแงมากพี่เลยให้พี่บรู๊คส์ดูให้จะดีกว่านะครับบอย” พี่บีบอกผม ผมเดินเข้าไปนั่งในรถลีมูซีนคันหรู

            “พ่อโทรไปรบกวนให้หมอเจนมาดูอาการแบงก์ให้นะ คงใกล้จะถึงแล้วแหละ” พี่บีพูด ผมสะบัดหน้าไปมองวว่าทำไมให้พี่เจนมาดูอาการแบงก์ละ เพราะว่าพี่เจนก็คือพี่ชายของแจ็คที่เป็นแฟนพี่โจ้อีกที

             “พี่ก็ไม่รู้ว่าทำไมแต่พ่อบอกว่าเป็นเด็กในบ้านน่ะ หรือพ่ออยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่างหรือเปล่า กี่ก็ไม่แน่ใจนะบอย “พี่บีพูดผมก็พยักหน้า ไม่นานรถก็แล่นเข้ามาจอดด้านในคฤหาสน์หรู ผมรีบเดินลงจากรถและตรงเข้าไปในบ้านทันที

           “ฮือๆ ฮือๆ” เสียงร้องที่ทำให้ผมนี้แทบจะวิ่งเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ทำเอาไว้ให้แบงก์โดยเฉพาะ มีทั้งของเล่นที่เขาโปรดปรานและสื่อการเรียนรู้ต่างๆ ผมเห็นพี่บรู๊คส์กำลังอุ้มแบงก์ที่ร้องไห้งอแง จนไม่น่าจะเอาอยู่

           “พี่บรู๊คส์” ผมเรียกพี่บรู๊คส์ พี่บรู๊คส์หันมามองผม ผมก็โผเข้าไปกางแขนมองคนที่น้ำมูกน้ำตาไหลเลอะเทอะไปหมด พี่บรู๊คส์รีบใช้ผ้าที่พาดหัวไหล่เอาไว้เช็ด ทำความสะอาดก่อนจะส่งมาให้ผมอุ้ม แบงก์มองหน้าผมก่อนจะโผ่เข้ามากอดผมแน่น

            “บอย ฮือๆ” ผมก็กอดเข้าเอาไว้แน่นเช่นกันเหมือนกับว่ากลัวใครสักคนจะหายไป

             “แบงก์ ไม่ร้องนะครับบอยอยู่นี้แล้ว บอยขอโทษ น่ะครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ พี่บรู๊คส์มองผมสองคน ก่อนจะหันไปบอกให้คนใช้ในบ้าน ออกไปเหลือไว้แค่ผมกับแบงก์สองคน พี่บรู๊คส์ก็เดินออกไปเช่นกัน ผมนั่งลงและมองหนุ่มน้อยของผม

            “แบงก์ต้องทานอะไรก่อนนะ รู้ไหม ดูซิ ขยี้จนตาเจ็บไปหมดเลย “ผมพูดและมองหน้าแบงก์ ทุกครั้งที่ผมมองใบหน้าของเขา ผมจะเห็นใบหน้าคนนั้นซ้อนขึ้นมาตลอด นั้นคือแจ็ค ก็เขาพ่อลูกกันและถอดกันมาขนาดนี้

             “บอยป้อนให้นะครับ” ผมพูดและตักโจ๊กที่แม่บ้านทำมาให้ป้อนเขา และต้องคอยเช็ดน้ำตาให้ด้วยดูท่าจะตาเจ็บมากซะด้วย น่าจะเฮย์ฟีเวอร์อีกแล้ว ลูกชายของผม

              “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตู

                “เชิญครับ” ผมพูดบอกคนด้านนอก และคนที่เปิดประตูเข้ามาก็คือพี่บีม

              “ไงครับ ไม่ร้องบ้านแตกแล้วเหรอครับ” พี่บีมแซวหลายตัวน้อย และเดินเข้ามาพร้อมกับแก้วนมของน้องแบงก์

              “วันนี้พี่บีมไม่ได้ไปไหนเหรอครับ” ผมถามพี่บีม

            “อันที่จริงก็มีออกงานนะแต่พี่บรู๊คเขาจะไปกับวรินทร์นะ” พี่บีมพูดผมพยักหน้า ผมอยากจะถามแต่คิดว่าไม่ควรจะถามจะดีกว่า ผมไม่เห็นพี่บรู๊คกับพี่บีมออกงานคู่กันมาสักพักแล้วนะ เหมือนพี่บรู๊คกับพี่บีมมีอะไรผิดใจกันหรือเปล่า แต่ก็คงพี่งอนน้องมากกว่า ไม่น่าจะเป็นพี่บีมงอนพี่บรู๊หรอก

              “นี้แค่มางานหรือว่ากลับมาเลยละบอย” พี่บีมถามผม

              “ผมยังกลับมาไม่ได้หรอกพี่บีม ผม”

              “ทำไมละ บอยคิดว่าเขาจะดีขึ้นเหรอ” พี่บีมพูดผมก็เงยหน้าขึ้นไปมอง ผมรู้ว่าพี่บีมหมายถึงแจ็ค

              “บอย บอย” ผมก็ลืมป้อนข้าวลูกเลย

“               ป้อนข้าวน้องเถอะ เห็นพ่อบอกว่าเจนจะมานะ มาดูอาการของแบงก์ พี่เองก็ไม่เข้าใจนะว่าพ่อให้บ้านนั้นมาทำไม ทั้งที่เราไม่คิดจะบอกเขาอยู่แล้ว” พี่บีมพูดก่อนจะเดินออกไป ผมก็หันไปมองหนุ่มน้อยของผม จริงเหรอที่เขาจะไม่สมควรได้รู้ว่าเขาคือลูกของใคร

              “ทานนมก่อนนะครับ “ผมเห็นว่าแบงก์เริ่มไม่ทานอาหารแล้วเลยส่งแก้วนมให้เขา ยกขึ้นมาดื่ม ผมเหลือบมองโทรศัพท์ ไม่มีแม้แต่ข้อความส่งมาง้อเลยจากแจ็ค หรือว่าผมควรจะเป็นฝ่ายง้อเขาเองนะ

             “คุณบอยค่ะ คุณเจนกับคุณโจ้มาแล้วค่ะ รออยู่ที่ห้องรับแขกค่ะ” แม่บ้านเดินมาบอกผม ผมพยักหน้าและส่งแบงก์คืนให้พี่เลี้ยงอีกคน ให้พาแบงก์ไปทำความสะอาดซะก่อนจะได้ลงไปด้วยกัน

            “เปลี่ยนเสื่อผ้าก่อนน่ะครับแบงก์ แล้วเราลงไปหาลุงโจ้กับป้าเจนด้วยกัน” ผมพูดและยิ้มให้แบงก์ ทำไมเรียกลุงโจ้และป้าเจนก็เขาสองคนเป็นแฟนกัน แม้ว่าจะเป็นพี่น้องแต่ก็ไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมา พี่เจนนะอาภูมิเอามาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็กและผมก็ไม่รู้อะไรทำให้พี่โจ้รักพี่เจนเกินน้องชายก็ไม่รู้ ผมเดินลงก็เห็นว่าพี่โจ้และพี่เจนกำลังนั่งคุยกับพี่บรู๊คส์ อยู่ที่ห้องรับแขก พอผมเดินลงไปพี่เจนก็ส่งยิ้มมาให้ผม พี่เจนนะดูแลผมกับแจ็คดี ทุกครั้งที่ผมไปค้างที่บ้านอาภูมิ ตอนที่ยังไม่เกิดเรื่อง

             “สวัสดีครับพี่โจ้ พี่เจน” ผมยกมือไหว้พี่ทั้งสอง

            “สวัสดีครับบอย ไม่เจอกันนานเลย น่ารักเหมือนเดิม” พี่เจนพูด

             “สวัสดีครับบอย เป็นไงบ้างครับ กลับไปอยู่โน่น ลูกแจ็คยังงี่เง่าอยู่ไหมครับ” พี่โจ้ถามผมทันที ผมหันมามองยิ้มๆ พี่โจ้น่าจะรู้คำตอบ

             “แสดงว่าใช่” พี่โจ้พูดและหัวเราะเบาๆ พี่เจนตีแขนพี่โจ้เบอๆ เช่นกัน

             “แล้วน้องแบงก์ล่ะบอย ไปไหนละ” พี่บรู๊คถามผม

              “ผมให้แม่บ้านพาน้องไปล้างเนื้อล้างตัวก่อน เลอะเทอะตอนที่บอยป้อนข้าวลูกนะครับพี่บรู๊ค” ผมพูดแต่มันทำให้พี่โจ้และพี่เจนสะบัดหน้ามามองผม ผมลืมตัว

              “ลูกแม่บ้านน่ะ บอยเขาชอบเด็ก ดูแลเด็ก จนติดมาก” พี่บรู๊คพูด

              “อ้อครับ!ถึงว่าเห็นลุงณะ รบกวนเจนมาดูให้หน่อย แต่ผมสองคนก็เต็มใจนะพี่บรู๊ค ที่จะมาดู…เด็กให้นะครับ เฮอๆๆ” พี่โจ้พูดแต่พี่บรู๊คเหล่ตามองขนาดนั้นพี่โจ้ก็เกร็งไปหมดนะซิ พี่บรู๊คนี้

              “นั้นไงมาแล้วพี่โจ้ น่ารักจัง” พี่เจนชี้ขึ้นไป ผมหันไปมองแม่บ้านอุ้มน้องแบงก์ตอนนี้เปลี่ยนเสื้อผ้ามาแล้ว อุ้มลงมาถึงก็

              “บอย บอย บอย” เรียกชื่อผมกางแขนและถีบพี่ผึ้งที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กมาแต่ไกลเลยมันน่าไหมเนี่ยะแบงก์ จนแม่บ้านต้องรีบส่งมาให้ผม และนี้ก็ทำให้พี่โจ้และพี่เจนมองผมอีกครั้ง

             “ลูกของพี่เขาหรือเปล่าครับ” พี่โจ้ชี้ไปที่พี่เลี้ยงที่อุ้มแบงก์มา

             “ไม่ใช่ พี่เลี้ยงเด็กนะโจ้” พี่บรู๊คพูดแต่ผมซิสะบัดหน้าไปมองพี่บรู๊ค ผมส่ายหัวแต่ไม่ทันแล้ว พี่โจ้ก็มองผมกับพี่บรู๊คสลับกันไปมา

              “แม่บ้านจ้างพี่เลี้ยงเพื่อเลี้ยงลูกเขาด้วยเหรอครับพี่บรู๊ค” ผมหันไปมองพี่บรู๊ค

              “ไม่ได้จ้างค่ะ ช่วยเลี้ยงให้ค่ะ พอดีพี่เขายุ่งค่ะ “ดีนะที่พี่ผึ้งนะเขามีไหวพริบช่วยผมสองคนไว้ได้ทัน ส่วนแบงก์ก็กอดผมแน่นมาก แถมยังแอบสายตาพี่เจนอีก

                “น่ารักมากเลยอ่ะ แต่ทำไมเจน ว่าหน้าคุ้นๆ ยังไงก็ไม่รู้นะพี่โจ้” พี่เจนพูดและมองแบงก์

               “พี่ก็ว่าคุ้นๆ ครับ “พี่โจ้อีกคน ผมหันไปมองพี่บรู๊คเอาไงดี ยิ่งถ้าแจ็คมาวางเทียบด้วยกันกับน้องแบงก์นี้ ใครก็ดูออกว่าพ่อลูกกัน พ่อถึงไม่ให้แจ็คมาบ้านนี้เลยตั้งแต่แบงก์เกิดจนตอนนี้

               “พี่ว่าคุ้นๆ ว่าหน้าเขาเหมือน"พี่โจ้พูด พวกผมนี่ลุ้นมาจน "หน้าเหมือนเด็กนะครับเจน เด็กก็หน้าบล็อกแบบนี้แหละเจน “พี่โจ้พูดผมนี้โล่งอกไปที ผมแอบพ่นลมหายใจออกมาทันที

              “พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละนะ” พี่บรู๊คอีกคน

               “เออ พี่ว่าตรวจอาการกันเลยไหม เจนเพราะพี่มีงานและบอยเขาจะได้พักผ่อนนะ บอยเพิ่งจะเดินทางมาถึง เดินทางไกลและเหนื่อยพอแล้วและนั่นน้องก็ร้องงอแงอีก “พี่บรู๊คพูดและพี่เจนก็หันไปมองพี่โจ้ ผมอุ้มแบงก์ขึ้น พี่บรู๊คเดินมาจะอุ้มแบงก์ไปแทน

            “โน่ๆ แด้ด แด้ด แด้ด” แบงก์เขาพูดว่าไม่เอาลุงบรู๊คแต่จะให้ผมแทนและดันเรียกแด้ดอีกด้วย พี่โจ้หันมามองผมอีกครั้ง

              “โน่ๆ โกๆ “แบงก์บอกพี่บรู๊คอีกและไล่ตีมือพี่บรู๊คไม่ให้เอาเขาไปจากผม ผมพยักหน้ากับพี่บรู๊คว่าผมอีกว่าตอนนี้ น้องยิ่งร้อง ตาก็ยิ่งเจ็บ ผมก็อุ้มขึ้น จะพาไปห้องเด็กพี่เจนจะได้ตรวจได้สะดวก พี่โจ้ก็ถือกระเป๋าตามผมเข้าไปด้วยพี่บรู๊คเลยนั่งรอที่ด้านนอกแทน

              “น้องบอยครับ ดูท่าจะติดบอยงอมแงมเลยนะครับ และนี่ถ้าไอ้แจ็คมันมาเห็นแบบนี้ มันคงงี่เง่าหนักมาก มันไม่ยอมโดนแย่งคนรัก โดยเฉพาะบอยนะ บอยน่าจะรู้ดี” พี่โจ้พูด ผมหันมามองแค่ก่อนมาก็งอนผมแล้วเนี๊ยะผมคิดในใจ

              “แล้วนี่เขากลับมาบ้านหรือเปล่าครับ” ผมถามพี่โจ้

             “อ้าวแจ็คมันไม่ได้บอกบอยเหรอครับ ว่าพ่อพี่สั่งห้ามมา เพราะว่าจะมีงานที่บ้านน้องบอยนี่นะครับ พ่อกลัวมันทำงานพังนะครับ มันก็งอนพ่อพี่ไปตามระเบียบ เพราะว่าถ้าห้ามปุ๊ป แจ็คมันจะคิดว่าอะไรแน่ๆ ตลอดเลย เซ้นดีเกิ้นนะครับน้องบอยพี่ว่านะ” พี่โจ้บอกผม ผมก็ลืมไป ใช่ซิเขาชวนผมอยู่ว่าจะพาไปเที่ยวกันกับหลุยส์ และธรรณ์ นี่ผมก็ยังไม่ได้คุยกับธรรณ์เลย เดี๋ยวต้องไปโทรหสักหน่อย ถึงจะงอนกันก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี



              ผมวางน้องแบงก์ลงที่เตียงเด็ก รูปรถwiggle อันนี้เด็กๆ ชอบมากเพราะเป็นรายการ ทีวีโชว์ร้องเพลงเด็กๆ และรถคันนี้พี่บรู๊คเขาซื้อให้ตอนวันเกิดที่ผ่านมา

             “แด้ดๆ “แบงก์กางมือเรียกผมให้เข้าไปหาเขา

             “ไม่เป็นไรลูก บอยอยู่นี้ไง” ผมพูด พี่เจนมองผมยิ้มๆ

             “พี่เจนไม่ดุครับ นะขอพี่เจนดูตาน้อง …. แบงก์” พี่เจนพูดชื่อแบงก์ก่อนจะนิ่งไปพักหนึ่งและหันมามองผม

               “ชื่อแบงก์เหรอครับ บอย ชื่อมัน เหมือนแต่พี่ว่าไม่น่าจะใช่ พี่คงคิดมากไปเอง” พี่เจนพูดและพี่โจ้ก็มองพี่เจนพร้อมกับขมวดคิ้ว

              “ชื่อน่ารักเนอะ” พี่โจ้พูดและเอานิ้วไปจับค้างแต่

            “เพี่ยะ!” ดังมากเลย แบงก์ตีมือพี่โจ้ เล่นเอาพี่โจ้ชักมือกลับและลูบหลังมือตัวเอง

             “แบงก์ ไม่น่ารักเลยนะ ขอโทษลุงโจ้เดี๋ยวนี้เลย” ผมหันไปทำหน้าดุ เวลาผมดุก็ดุจริงๆ แบงก์เบ้ปากทำท่าจะร้องไห้ แต่ก็แค่กระซิก กระซิก

              “แบงก์ พ่อบอกว่าไง” ผมถามแบงก์

             “ไม่เป็นไรครับบอย น้องคงหวงเนื้อหวงตัวนะครับ ไม่เป็นไร ลุงไม่จับ ให้ป้าเจนคนเดียวเนอะ” พี่โจ้หันมาบอกผม พี่เจนหันไปขำพี่โจ้ และหันมาตรวจดูแบงก์ ตามแบบที่พี่เจนเรียนมา

              “ไม่น่าจะใช่ตาอักเสบนะบอย แต่น่าจะเป็นเหมือนภูมิแพ้มากกว่า พี่จะให้ยาทานนะครับและยาหยอดตาสำหรับลดอาการแพ้ ส่วนยาทานก็เป็น ลอร่าตาดีนสำหรับเด็กเล็กนะครับ แต่ถ้าไม่ดีขึ้นไปหาพี่ที่ศูนย์เกี่ยวกับหมอตาโดยเฉพาะนะครับ พี่จะให้อาจารย์หมอดูให้นะครับบอย” พี่เจนบอกผมและส่งยิ้มให้แบงก์

             “น้องไม่ค่อยชอบทานยาอ่ะพี่เจน ลุงๆ ก็ป้อนไม่ได้ ไม่ยอมเอาซะเลยต้องบอยตลอด” ผมพูดและพี่เจนก็หันมามองผม

            “คือว่าพี่ๆ ผมก็รักเด็กคนนี้เหมือนหลาน นะครับพี่เจน”

            “ก็คงต้องพยายามป้อนหน่อยนะครับและคงต้องระวังสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้น น้องอาจจะแพ้เกสรดอกไม้ ช่วงนี้เป็นฤดูสปริงด้วยครับ อาจจะกำเริบหน่อย ถ้าน้องออกไปวิ่งข้างนอกก็ระวังหน่อยนะครับ” พี่เจนพูด ผมก็เดินไปอุ้มแบงก์ขึ้น พอหันขวับไปเจอพี่โจ้กางมือขึ้นทันที

            “ยืนใกล้ก็ไม่ได้เนอะ นิสัยแบบนี้มันเหมือนใครนะ เหมือนไอ้แจ็คเลย ตอนเด็กๆ นี้ ไม่ชอบใครนี้มันตียันเลย ห้ามมาใกล้ คนเลี้ยงก็เปลี่ยนบ่อยไม่ได้ อยู่กับใครก็ต้องคนนั้น พอเปลี่ยนมือมานี้ มันไม่ยอมท่าเดียว พี่จำได้แล้ว” พี่โจ้พูด พี่เจนหันไปมอง ผมก็แอบขำ

           “ทำไมไม่ชอบพี่ละครับ พี่ออกจะหล่อ พี่เจนยังชอบพี่เลย” พี่โจ้หันมาพูดกับแบงก์แต่เขาทำท่าจะตีอีก ผมก็จับมือและส่ายหัว ว่าไม่น่ารัก ไม่เอา

           “ว่าแต่พ่อแม่น้องเขาไปไหนเหรอครับน้องบอย” พี่โจ้ถามผม

          “พ่อแม่น้องเขา เออ…. “ผมคงจะพูดตอนนี้ไหม เพราะว่าถ้าพูดไปแล้วแบงก์เขาจำคำพูดพวกนี้ผมไปละ เขาก็จะคิดตามที่ผมพูดออกไปไหม อย่างที่พ่อผมได้บอกทุกคนที่มาเจอแบงก์ว่าพ่อแม่เขาเสียชีวิตไปนานแล้ว ทั้งที่มันไม่ใช่

             “ตรวจเสร็จหรือยังละ โจ้ เจนอยู่ทานอาหารเที่ยงกันก่อนไหม” พี่บรู๊คเข้ามาช่วยผมไว้พอดีเลย

              “ไม่ดีกว่าครับพี่บรู๊ค ผมว่าจะพาเจนไปทานร้านอาหารแถวๆ นี้ เจนเขาอยากเช๊คอินไปอวดพยาบาลนะครับ “พี่โจ้พูด ผมหันมามอง ผมพยักหน้าว่าเข้าใจ

             “ลุง ลุง” แบงก์กางแขนไปหาพี่บรู๊คผม

            “ที่อย่างนี่ละหาลุงทันทีเลยนะ เมื่อกี้ทำลุงงอนน่ะรู้ไหม ฟ๊อด” พี่บรู๊คพูดพร้อมกับอุ้มแบงก์ไปหอมแก้มหนึ่งที่

             “ถ้าอย่างนั้นผมไปกันก่อนนะครับ” พี่เจนพูดและสะกิดพี่โจ้ ที่เอาแต่มองพี่บรู๊คกับน้องแบงก์

             “น้องบอยอันนี้ยาทานของเด็กนะครับ พอดีพี่ฟังอาการคร่าวๆ ทางโทรศัพท์นะครับพี่เลยจัดยามาเลย แต่ถ้าน้องไม่ดีขึ้น พาไปหาพี่นะครับ ที่นั่นมีเครื่องมือตรวจอย่างละเอียดนะครับ” พี่เจนพูด น่าจะเป็นศูนย์จักษุแพทย์โดยตรง

             “เจน ยังไงวันอาทิตย์เราก็มา มาดูน้องอีกทีได้นิ” พี่โจ้บอกพี่เจน

            “ไม่เป็นไรพี่พาไปที่คลินิกเจนเองดีกว่าเพราะว่าวันอาทิตย์ยุ่งมากและคนก็เยอะด้วย พี่ไม่อยากพาหลานออกมา เขาคงอยู่แต่ในบ้านนะโจ้” พี่บรู๊คพูด แต่พี่บรู๊คส์ระบุว่าหลานเต็มๆ เลยนะ

          “ครับพี่ หลานพี่ “พี่โจ้ถาม

         “อย่างที่ผมเคยบอกว่า เรารักเด็กกันนะครับ ก็เลยคิดว่าเป็นลูกเป็นหลาน “ผมพูดหันมาขยิบตาให้พี่บรู๊ค

          “ถ้าอย่างนั้น พี่ขอตัวและหัวไปก่อนครับ ไปครับเจน ไปหาที่เช๊คอินกัน ก่อนที่พี่โจจะโทรมาจะโทรมาตาม พี่โจหวงน้องเจนนะครับ” พี่โจ้พูดบอกพี่เจน และผมก็ยกมือไหว้ พี่เจนพี่โจ้ก็หันมายกมือไหว้พี่บรู๊คกันก่อนจะเดินออกไป ผมเดินตามไปส่งส่วนพี่บรู๊คอยู่กับแบงก์

           “บอย แจ็คงอนอะไรบอยใช่ไหมเนี่ยะ!” จู่ๆ พี่เจนก็หันมาถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ

            “บอกแล้วว่าไอ้นี่นะงี่เง่าตัวพ่อ น้องชายเรานะเจน” พี่โจ้พูด

           “เอานะ แต่แจ็คนะเขารักบอยมากนะ งอนมากก็รักมากหน่อย แต่พี่เชื่อว่าแจ็คจะโตพอที่จะดูแลบอยได้ ลองค่อยๆคุยกันน่ะบอย  “พี่เจนพูดบอกผม และแตะที่ไหล่ผมเบาๆ

           “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมกลับไปผมคงไปง้อเขาเหมือนเดิม” ผมพูด

           “ง้อมันหน่อยนะบอย มันค่อนข้างเอาแต่ใจไม่ใช่กับแค่บอยนะ กับพวกพี่และพ่อด้วย พ่อภูมินี้ปวดหัวกับแจ็คมันมากที่สุด ในบรรดาลูกทั้งหมดนะบอย” พี่โจ้พูด ผมพยักหน้าว่าเข้าใจและพ่อตัวดีของผมก็ได้มาเต็มๆ เลยแหละ ก็พ่อลูกกันก๊อปกันมาเกือบหมด ผมยืนส่งพี่โจ้และพี่เจนก่อนจะรีบกลับขึ้นบ้านไปดูแบงก์ พอเดินมาก็พบกว่าแบงก์หลับคาอกพี่บรู๊คไปแล้วและกำลังจะวางลงในเตียงนอนของน้องแบงก์

            “บอย พ่อบอกว่าจะกลับมาเย็นนี้นะ และพี่ๆ คนอื่นๆ ด้วย วันนี้เราจะได้ทานอาหารพร้อมกันพี่น้อง” พี่บรู๊คพูดจังหวะนั้นพี่บีมลงมาพอดีเลย

             “พี่ไปเคลียร์งานก่อนนะบอย” พี่บรู๊คพูดและเดินเลี่ยงออกไปทันที ทำไมพี่บรู๊คต้องเดินหนีออกไปทุกครั้งที่พี่บีมเดินเข้ามาด้วยนะ ผมว่าผมคงต้องถามพี่บรู๊คตรงๆ ผมไม่อยากเห็นพี่ๆ งอนกันแบบนี้

            “พี่บีมมีอะไรผิดใจกันกับพี่บรูคหรือเปล่าครับ” ผมถามพี่บีม พี่บีมก็ยิ้มให้ผมและส่ายหัวว่าไม่มีอะไร

             “บอยไปพักผ่อนก่อนดีกว่าไหมครับ จะได้ลงมาทานอาหารกลางวันพร้อมกัน “พี่บีมบอกผม ผมพยักหน้า แต่ผมคิดว่าจะโทรคุยกับธรรณ์ก่อนจะดีกว่า เมื่อคืนไปไหนกันมาหรือเปล่าก็ไม่รู้

             BoyJack: ธรรณ์ตื่นหรือยัง เป็นไงบ้าง

             ธรรร์หลุยส์ : ตื่นนานแล้วนี่ลงมาหาอะไรทานกัน และวันนี้มีงานที่โรงแรมนะ ติ๊ก แอ้และพายเขาได้ขึ้นไปเดินแบบเสื้อสูทด้วยนะ

                 BoyJack: แล้วพ่อตัวดีของบอยละ

                ธรรณ์หลุยส์ : เมาเละมากเมื่อคืน มีเรื่องต่อยกันด้วย กับใครก็ไม่รู้

                BoyJack: ทำไมทำแบบนั้นนะแจ็ค

                 ธรรณ์หลุยส์ :นี้ก็ถามธรรณ์ถึงแบงก์ใหญ่เลยบอย บอยจะปิดเขาไปได้นานแค่ไหนละ และนี้บอกว่าถ้าเจอแบงก์นะจะเตะด้วย ดูซิ จะเตะก้นลูกตัวเอง ธรรณ์ได้ยินนี้ก็แอบขำเหมือนกันนะบอย

               (ผมได้ยินเองก็ขำเองเหมือนกันแหละ จะลูกตัวเองนี่นะ)

              BoyJack: ก็เห็นไหมล่ะธรรณ์ ดูซิและนี่มีเรื่องอีก ถ้าพ่อของบอยรู้เรื่องเขาจะทำยังไงและลุงหนึ่งอีกละธรรณ์

              ธรรณ์หลุยส์ :เอานะ ธรรณ์กับหลุยส์จะดูให้ จะพยายามห้ามให้นะ นี้เห็นว่าจะไปเที่ยวไหนก็ไม่รู้ สองคนนี้พอเข้าขากันได้นี้นะ น่ากลัวเหมือนกันบอย

                BoyJack: บอยก็ว่างั้นแหละธรรณ์ แต่ยังไงหลุยส์ฟังธรรณ์อยู่นะ แม้เอาอยู่เลยนะตอนนี้นะ

                ธรรณ์หลุยส์ : ก็นิดนึง เออ บอยแค่นี้ก่อนนะ พ่อตัวดีสองคนมาแล้วเดี๋ยวจะถามธรรณ์จนธรรณ์นี้แหละที่จะทำความลับบอยแตก

                BoyJack: ได้ครับธรรณ์ บอยขอบคุณนะ

                ธรรณ์หลุยส์ :ยินดี เพราะว่าเราเพื่อนกัน บอยครับ ฝากหอมแก้มเทวดาตัวน้อยของบอยด้วยนะ

             BoyJack: บายครับ

             หลังจากที่ผมกดออกจากกล่องข้อความแชตที่ผมใช้สนทนากับธรรร์ ผมนั่งนึกนี่ไปมีเรื่องกับใครอีกแจ็ค น่าจริงๆก็เรื่องหัวร้อนนีแ่หละ เขาถึงกลัวแจ็คกันหมด ไม่รู้ตัวเลยน่ะ ผมนั่งลงเปิดอิเมล จดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยชื่อดังที่ผมจะสามารถเทียบโอนที่ผมเรียนมาก่อนสองปีได้ ที่ผมต้องเข้าเรียนในปีหน้านี้ ผมต้องเตรียมความพร้อม ผมต้องเรียนหนักกว่าคนอื่น ๆ และผมต้องคอยออกงานอีกด้วยและถ้าผมต้องขึ้นตำแหน่งผู้นำองค์กรอีกทั้งที่แพลนเอาไว้ให้ผมจบมหาวิทยาลัยก่อน แต่ดูแล้วปัญหามันเยอะเกินพวกเขารอไม่ได้ เขาอยากให้ผมขึ้นตำแหน่งให้เร็วที่สุดในตอนนี้



               ถามว่าผมอึดอัดไหมที่เป็นอยู่ตอนนี้ อึดอัดมาก จะไปไหนก็ต้องมีคนดูแลใกล้ชิดตลอด เพราะว่าจุดที่ผมถูกให้ยืนอยู่นี้มันสำคัญมาก มีหลายคนที่อยากได้มันแต่ถ้าเขาต้องการมันจริงๆ นั้นคือผมต้องไม่มีลมหายใจอยู่ตรงนี้แล้วนั้นเอง ดังนั้นการ์ดของผมจึงเป็นอดีตนายทหารที่มีฝีมือทั้งหมด มีครั้งหนึ่งที่ผมไปกับพ่อและมีคนลอบสังหารจนมีคนที่เป็นการ์ดเสียชีวิต และนั้นเขาก็ทิ้งเด็กผู้ชายคนหนึ่งเอาไว้ ผมเลยรับมาดูแล ตอนนั้นเขาอายุแค่ 5 ขวบเอง และตอนนี้เขาก็อายุ 10 ขวบได้แล้ว ผมเลี้ยงดูเขาเหมือนน้องคนเล็กของผมจริงๆ เขาเรียนอยู่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง แต่จะว่าไปผมก็ไม่เจอเขามาหลายเดือนแล้ว ผมเลยจะให้คนไปรับเขามาทานอาหารเย็นที่บ้านดีกว่า

          “ฮัลโหล ราเชล”

          “พี่บอยสวัสดีครับ”

          “ยุ่งไหมวันนี้ มีเรียนพิเศษหรือเปล่า”

          “ไม่มีครับพี่บอย”

          “พี่จะให้คนไปรับนะ มารับประทานอาหารเย็นที่บ้านพี่ เพราะว่าพี่มาที่บ้านวันนี้”

           “จริงเหรอครับพี่บอย” น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น

           “จริงซิ เตรียมตัวนะครับ เจอกันนะ ราเชล” ผมพูดและกดวางสายผมเดินไปที่ด้านนอกจะได้บอกให้คนจัดรถไปรับราเชลจากโรงเรียนประจำ และโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนกินนอนที่มีชื่อเสียง ราเชลเป็นคนเรียนเก่งมาก ผมคิวว่าเขาจะช่วยผมได้มากในอนาคต

            TBC...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2024 17:18:44 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
             
 EP.31(ดิวXบอย) อยากเลือกเอง
             Part’ s ดิว ผมจำใจต้องทำตามที่พ่อผมบอกผม พ่อบอกให้ผมไปกับพ่อด้วยไปบ้านลุงกฤษณะเพราะว่าเขามีงานกันทีนั้น แต่อันที่จริงผมไม่ต้องไปก็ได้มั้ง ผมอยากจะกลับบ้านไปหาลูกๆ ผมแย่แล้ว ผมไม่ใช่คนสำคัญเปิดงานสักหน่อย ขาดผมคนหนึ่งเขาก็ดำเนินการกันได้ ผมคิดในใจ ส่วนแอ้ก็เข้ากรุงเทพและมันก็เข้าทางไอ้ติ๊กมันด้วย มันชวนแอ้ไปเที่ยวกองถ่ายกับมันด้วย ตอนแรกผมว่าจะชวนแอ้มาด้วยแต่พ่อบอกว่าให้แอ้อยู่กับติ๊กจะดีกว่า แต่คำว่าจะดีกว่าผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม และงานนี้ผมคงต้องอธิบายกับไอ้แจ็คที่หลังอีก ไอ้แจ็คมันไม่ได้รับเชิญให้ไปมีแต่ผมและบอย บอยก็ดันมีเรื่องผิดใจกับไอ้แจ็คอีก ผมคงได้ถูกมองว่าผมจะตีท้ายครัวมันอีกแล้วซิท่า

          “ดิว แต่งตัวและเตรียมไปบ้านลุงณะได้แล้ว “พ่อผมเดินมาเปิดประตูห้องพักของผม ผมพักกันที่โรงแรมหรูไม่ไกลจากคฤหาสน์ของลุงกฤษณะมากหนักเมื่อวานผมเข้ากรุงเทพและขึ้นเครื่องบินเจทส่วนตัวมาทันที

           “พ่อ ไม่ไปไม่ได้เหรอพ่อ พ่อก็รู้ว่าผมไม่ชอบงานแบบนี้ “ผมหันไปบอกพ่อผม เห็นอายุขนาดนี้งอแงแข่งกับลูกได้นะ ฮาๆ

           “ไม่ได้ ต้องไปและดันเกิดมาหล่อทำไมละ หล่อเกินหน้าเกินตาจนเขาเลือกและไม่ต้องมางอแงเลย ไปก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน “พ่อผมพูด ผมก็ขมวดคิ้วมันไม่เกี่ยวกับความหล่อของผมเลย

            “พ่อมีอะไรกันแน่บอกดิวมาตรงๆ ดิพ่อ” ผมถามพ่อภาณุเดชของผม พ่อหันมามองหน้าผม ผมรู้ว่าพ่อก็ลำบากใจไม่แพ้กับผมเหมือนกัน

             “ลุงหนึ่งเขาจะพูดเรื่องเรากับบอยวันนี้” พ่อหันมามองหน้าผมก่อนจะพูด

             “พ่อผม ผมไม่ได้อยากคู่กับบอย ทำไมลุงไม่เลือกที่เขารักบอยละ ไอ้แจ็คนะพ่อและแจ็คมันก็” ผมพูดแต่พ่อผมชี้นิ้วก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ

             “อย่าพูดไปน่ะดิว เพื่อว่าห้องนี้มีเครื่องดักฟัง “พ่อผมบอกผม ผมหันไปมองรอบๆ โรงแรมหรูแบบนี้นี้นะพ่อ

               “เอาเป็นว่าไปก่อน อย่างอื่นพ่อจัดการเอง แค่มึงเอาตัวและหน้าตาหล่อๆ มึงไปให้ลุงหนึ่งเขาดู แค่นี้” พ่อผมบอกผม

            “เพราะว่าที่ผ่านมามึงก็ชิ่งหนีเขาตลอด “พ่อผมบอกผม

           “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูห้องพักของผม พ่อภาเปิดให้คนที่เดินมาเคาะเข้ามาในห้อง คนนั้นก็คืออาภีมปภพ

            “อ้าวยังไม่เสร็จอีกเหรอดิว” อาภีมถามผม

            “ไอ้พ่อพระเอกมันงอแงนะภีม” พ่อผมหันไปบอกหวานใจพ่อทันที อาภีมปภพว่าที่พ่อตาของผม อาภีมหันมามองผม

            “อะไรกันโตแล้วยังงอแงอีกเหรอดิว “อาภีมถามผม

            “ก็ผมไม่อยากไปอ่ะอา” ผมพูดบอกอาภีม

           “เร็วๆ เลยและรีบลงไปชั้นล่าง พ่อกับอาภีมรออยู่ มึงอย่าทำให้พ่อมึงเสียหมาเพราะว่ามึงเบี้ยวเขาอีกนะดิว พ่อขอละ เห็นแก่หัวพ่อเราบ้างดิว” พ่อผมพูดและเดินออกไปพร้อมกับอาภีม ผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำจัดการเตรียมตัว ผมเข้าไปดูในไลน์กลุ่ม ตอนนี้เป็นเวลา ประมาณ สิบโมงเช้าและเวลาต่างจากประเทศไทย หลายชั่วโมงมาก ตอนนี้น่าจะเกือบเที่ยงคืนที่ไทยแล้ว

           // แอ้ ดิวคิดถึงแอ้// ผมส่งข้อความหาแอ้

           //เป็นอะไรดิว // แอ้ส่งข้อความกลับหาผมทันที

          //ดิวแค่อยากบอกว่าดิวคิดถึงแอ้ คิดถึงลูกๆ ด้วยแอ้ อยากกอดแม่ของลูกอ่ะ วันหยุดทั้งที// ผมส่งข้อความหาแอ้

          //พรุ่งนี้เสร็จงานก็กลับเลยไม่ใช่เหรอ แล้วนี่เราจะไปงานวันเกิดมีนทันไหม ถ้าไปไม่ทันให้พี่ๆ จัดไปก่อนแล้วเราพาไปปิกนิกฉลองกันวันหลัง//แอ้พูด ผมรู้ว่าแอ้เสียใจ ผมก็เสียใจ วันเกิดลูกแท้ๆ

         //ดิวจะหาทางกลับก่อนให้ได้ ดิวไม่อยากจะไป //

          //คุยกับลุงหนึ่งเหรอ // ผมตกใจเรื่องนี้ผมมได้บอกแอ้แค่บอกว่ามางานเฉยๆ อาภีมก็ไม่ได้บอกแอ้ทุกอย่างแต่ว่าแอ้เขารู้ได้ยังไง

         //แอ้รู้ได้ไง//

         //เออ…..แอ้…..ได้ยินพ่อคุยกันน่ะดิว // แอ้พูด

         //แอ้ เชื่อใจดิวน่ะ ดิวไม่เคยอยากได้แบบนี้แอ้ ดิวไม่อยากเป็นอย่างที่เขาต้องการ ดิวแค่อยากอยู่ครอบครัวที่ธรรมดา และครอบครัวของดิวก็คือแอ้กับลูกๆ //

         //กลับมาค่อยคุยกันเถอะดิว แอ้ง่วงนอน แค่นี้นะดิว//

         //ดิวรักแอ้น่ะ ดิวรักคนที่เป็นแม่ของลูกๆ ดิว // ผมส่งข้อความหาแอ้และแอ้ก็เงียบไปเลย ผมก็รีบแต่งตัวและลงไปหาพ่อกับอาภีมที่ชั้นล่างทันที ผมรู้สึกเหมือนว่าลุงหนึ่งก็มาพักที่นี้เพราะว่ามีการ์ดเต็มไปหมด ผมลงมาถึงพ่อกับอาภีมก็เดินมาหาผมพร้อมกับการ์ดที่ทำหน้าที่ดูแลพ่อผมกับอาภีม

*****

            Part’ s บอย วันนี้ที่บ้านผมมีงานแต่มันแค่งานบังหน้า เพราะว่าสาระสำคัญอยู่ที่ลุงหนึ่งต้องการคุยเรื่องของผมกับดิว ผมได้ยินว่าลุงหนึ่งกำชับว่าห้ามให้แจ็คมาที่นี้ด้วย ผมรู้ว่าทำไมก็เพราะว่าแจ็คอาจจะทำให้ทุกอย่างในวันนี้ล่มลงไปได้ ก็คนหัวร้อน และที่แย่ไปกว่านั้นคือ ผมกับแจ็คเราทะเลาะกันเมื่อวาน เขาบอกว่าผมมีคนอื่นที่ชื่อแบงก์ เขาแอบได้ยินตอนที่ผมคุยโทรศัพท์กับพี่บรูคส์ ว่าแบงก์ไม่สบายงอแง ผมเลยต้องนั่งเครื่องบินส่วนตัวบินด่วนมาหาทันที

“บอย” ผมหันมามองหนุ่มนอนที่นอนอยู่ข้างๆ ผมทั้งคืน และพี่เจนมาดูให้แล้ว พี่เจนเป็นหมอตา แต่พี่บรูคส์บอกแค่ว่าเป็นลูกของคนใช้ในบ้านและบ้านผมก็รักเด็กแต่ว่าผมกับพี่บรู๊คส์ก็หยุดไปหลายตอนเหมือนกันทำให้พี่โจ้กับพี่เจนสงสัยแน่ๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะปิดไปแบบนี้ได้นานแค่ไหน มีทางเดียวคือทำให้พ่อยอมรับแจ็คให้เร็วที่สุดแต่นี่ดันมาทะเลาะกันอีก

              “แบงก์ ไปล้างหน้าล้างตากันนะครับและเราจะได้ทานอาหารเช้า” ผมบอกเด็กน้อยที่เพิ่งฉลองหนึ่งขวบไปได้สองเดือน หนุ่มน้อยของผมยิ้มให้ผม พร้อมกับยันตัวขึ้นนั่ง เอาฝ่ามือมาแตะที่แก้มของผม มันทำให้ผมได้เห็นอะไรที่ชัดเจนจนผมเห็นเป็นใบหน้าของแจ็คที่ซ้อนเข้ามา แบงก์ได้ทุกอย่างของแจ็คแต่ทว่าใบหน้าเขาหวานกว่าเหมือนผมพี่ๆ บอกผมอย่างนั้นแต่ที่เด่นชัดน่าจะเป็นจมูก ผมมองหน้าของแบงก์ผมก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้

            “เขาจะรู้ไหมว่า ว่ามีอีกคนที่สำคัญกับเขามากเช่นกันอยู่ตรงนี้ “ผมพูดกับแบงก์ ตอนนี้เขายังเด็กมาก จึงยังไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพยายามสื่อไป

           “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูห้องนอนของผม

            “เชิญครับ “ผมพูดบอกคนที่มาเยือน

           “คุณบอยค่ะ คุณบอยจะเตรียมตัวเลยไหมคะ พี่จะได้พาคุณแบงก์ไปเปลี่ยนชุดและจะได้ป้อนอาหารเช้าคุณแบงก์เลยนะคะ” คนใช้ในบ้านขึ้นมาถามผม

               “ได้ครับพี่ “ผมตอบกลับและหันมามองหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียงกับผม เขาก็มองหน้าผม ทำตากระปริบๆ และพอพี่ผึ้งคนใช้เดินเข้ามาในห้อง

              “โกๆ “รีบไล่พี่ผึ้งคนใช้ในบ้านผมทันที ดูซิร้ายไหมล่ะ

             “แบงก์ ไม่น่ารักเลย อย่าไล่พี่ผึ้งและพี่ผึ้งจะพาแบงก์ไปเปลี่ยนชุดและจะได้ทานอาหารเช้ากันนะครับ” ผมหันมาต่อว่าลูกชาย

            “อยู่กับบอย” แบงก์บอกว่าจะอยู่กับผม

           “ไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วบอยจะลงไปป้อนอาหารเข้าน่ะครับ” ผมพูดและแบงก์มองหน้าผม ทำท่าว่าจะร้องไห้

             “พี่ผึ้งเอาน้องลงไปเปลี่ยนชุดเลยนะคะ แล้วคุณบอยจะทานอาหารเช้ากับน้องเลยไหมคะ” พี่ผึ้งถามผม ผมพยักหน้าได้ เพราะยังมีเวลาเหลือ



            เขาจัดพิธีที่ตรงด้านหน้าของคฤหาสน์ของพ่อผม ผมเหลือบไปมองมือถือ ที่เงียบมาก แจ็คไม่ส่งข้อความหาผมสักนิดเลย นี้เขาโกรธผมจริงๆ เหรอ ผมจัดการเข้าห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัว วันนี้มีงานทำบุญที่คฤหาสน์โดยมีการเชิญพระสงฆ์มาทำพิธี ที่นี้มีวัดไทย ผมก็ไม่เข้าใจทำไมต้องมาทำตอนนี้ แต่เป็นคำสั่งลุงหนึ่งพ่อผมก็ต้องทำตาม ยิ่งผมนี้ขัดไม่ได้เลยสักนิด บางทีชีวิตผมมันก็จืดชืดมาก เพราะว่าผมต้องออกงานและเรื่องที่ต้องวางตัวจนผมอึดอัด อยากมีเวลาไปสนุกสนานกับเพื่อนๆ บ้างก็ไม่ได้ เพราะว่าผมกำลังจะขึ้นตำแหน่งผู้นำองค์กร ผมสวมชุดสูท

              “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูห้องผมอีกครั้ง

             “คุณบอยค่ะ คุณท่านให้เชิญคุณบอยที่ห้องโถงใหญ่ได้แล้วค่ะ “ตนใช้ในบ้านของเดินเข้ามาบอกผม 

             “ขอเวลาผมสิบห้านาทีครับ ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้ครับ “ผมหันไปบอกเขา ผมรู้ว่าวันนี้ลุงหนึ่งต้องการมากกว่าการทำบุญครบรอบให้คนที่เสียชีวิตจากการลอบสังหารหมู่ ลุงหนึ่งตั้งใจให้ดิวมาด้วยแบบนี้ 



              ผมยืนสูดอากาศหายใจเข้าปอดไปและหันหลังเดินออกจากห้องนอน คฤหาสน์ที่ใหญ่โต มีคนใช้เกือบห้าสิบคนก็ยังทำความสะอาดไม่ทั่วถึง ผมเดินลงมายังชั้นล่าง ได้ยินเสียงกรี้ดร้องของแบงก์ คงจะงอแงกับพี่เลี้ยงอีกแล้ว แต่ว่าผมไม่มีเวลามากพอจะป้อนข้าวลูก ผมต้องเดินเข้าไปด้านหน้าของคฤหาสน์ วันนี้พ่อผมได้สั่งคนใช้ในบ้านทุกคนห้ามพาแบงก์ออกไปด้านหน้าตึก เพราะว่าลุงหนึ่งจะมาด้วย พ่อไม่อยากให้ลุงหนี่งรู้ว่าผมมีลูกแล้ว และเด็กคนนี้เป็นลูกของแจ็ค คนที่ลุงหนึ่งไม่ได้เลือกอีกต่างหาก ถ้ารู้ขึ้นมาผมคิดว่าเรื่องใหญ่แน่ๆ

            ตื้ด!!! เสียงมือถือผมสั่น เนื่องจากมีคนส่งข้อความหาผม ผมรีบหยิบขึ้นมาอ่าน ผมหวังว่าจะเป็นข้อความจากแจ็ค แต่ไม่ใช่เลย ธรรณ์นั้นเอง เขาบอกว่าหลุยส์ชวนไปเที่ยวปารีสและแจ็คด้วย ทำไมรูปที่เขาส่งมามีแต่หลุยส์และธรรณ์ที่สวีทกันสองคนแล้วแจ็คไปไหน ผมเริ่มคิดแต่ว่า

           “น้องบอยครับ” ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีมือใครสักคนมาสัมผัส ผมหันไปมองคนนั้นก็คือพี่วรินทร์ ที่เคยเป็นเลขาฯของพี่บรู๊คส์ พี่เขาเดินมาหาผม พี่วรินทร์คงเห็นว่าผมยืนลังเลอยู่แบบนั้นไม่เข้าไปสักที

            “มีอะไรหรือเปล่าครับ พี่ไม่เห็นน้องบอยเดินเข้าไปด้านในสักทีนะครับ” พี่วรินทร์ถามผม ผมก็ส่งยิ้มให้

          “ไม่มีอะไรครับ พอดีเพื่อนส่งข้อความมาหานะครับพี่วรินทร์” ผมตอบพี่เขาตอนแรกผมว่าถามถึงแจ็ค แต่ผมก็คงไม่มีเวลาที่จะพิมพ์ข้อความ ผมจึงเลือกที่เก็บมือลงในกระเป๋าสูทของผมและเดินเข้าไปด้านในสถานที่สำหรับทำพิธีทันที ผมรู้ว่าหลุยส์เขาไม่อยากนึกถึงเหตุการณ์ที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่มาร่วมพิธีเลยสักครั้ง



             ทันทีที่ผมเดินเข้าไปผมก็เห็นบรรดาลุงๆ และอา นั่งอยู่กันที่เก้าอี้ที่เขาจัดไว้ให้ ผมเหลือบไปเห็นดิว นี่ดิวมาด้วยเหรอ ผมรู้สึกแปลกใจเพราะว่าดิวไม่เคยมาร่วมงานกับผมเลยในทุกครั้งแต่ว่าครั้งนี้เขากลับมาได้ ผมเองก็ไม่ทราบตรงนี้มาก่อน ดิวหันมามองผม ดูจากสีหน้าคงโดนบังคับมาแน่ๆ เขายิ้มอ่อนๆ มาให้ผม ผมก็ยิ้มตอบไป

            “บอย” พี่บรู๊คส์เดินมาหาผมและแตะแขนผมเบาๆ

           “น้องแบงก์งอแงมาเลยพี่บรู๊คส์” ผมกระซิบบอกพี่บรู๊คส์ด้วยความกังวล

             “เดี๋ยวพี่ให้เบียร์ไปดูเองน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง เออ แต่บอยต้องไปนั่งข้างๆ กับดิวน่ะ เขาจัดที่ไว้ให้แล้ว “พี่บรู๊คส์บอกผม ผมพยักหน้าและเดินแทรกเข้าไป ผมยกมือไหว้ลุงหนึ่ง และนั่งลงข้างๆ ดิว

             “โดนบังคับมาเหรอดิว” ผมหันไปถามดิวปนหัวเราะเพราะเห็นสีหน้าของคนที่ถูกบังคับมา ลุงหนึ่งอยากให้ผมกับดิวออกงานด้วยกันบ่อยๆแต่ว่าดิวก็ชิ่งทุกที สงสัยรอบนี้ชิ่งหนีไม่ได้แน่ๆ 

          “ใช่ดิ หาเหตุผลชิ่งไม่ได้เลยไง” ดิวพูด ถูกซะด้วยอย่างที่ผมคิดเอาไว้ไม่มีผิด ดิวสวมสูทสีดำหล่อเหลาน่าดู ปกติดิวจะใส่ชุดสบายๆ ผมแทบจะไม่เคยเห็นเขาใส่สูทเลย

          “หล่อนะวันนี้ “ผมหันไปชมดิว

          “อึดอัดโคตรเลย เนกไทอีก บอยก็รู้ว่าดิวไม่ชอบแต่งตัวอะไรที่เป็นทางการแบบนี้ “ดิวพูดผมก็พยักหน้าเพราะดูจากสีหน้าและท่านั่ง

          “โป้ก!!” มีคนปาะอะไรโดนดิวไม่ได้แรงมากแต่ก็เล่นเอารู้สึกเจ็บ

          “โอ๊ย” เสียงดิวร้องออกมาเบาๆ และหันไปมอง คนที่ปาของใส่ดิวนั้นคือลุงภานั้นเอง ผมยกมือไหว้อาภาณุเดชทันที

         “ดิว นั่งดีดี” ลุงภาบอกให้ดิวนั่งให้สุภาพนั้นเอง

            “เดี๋ยวคุณบอยกับคุณดิว เข้าไปจุดธูปเทียนนะครับ” เจ้าหน้าที่ที่ดูแลงานนี้เข้ามากระซิบบอกผมสองคน ผมพยักหน้าและดิวก็พยักหน้าเช่นกัน



           ผมเห็นในห้องนี้มีแต่บรรดาลุง เช่นลุงหนึ่ง ลุงสอง ลุงสามและลุงสี่ มีพ่อของผมและอาภูมิ ผมสะบัดหน้าไปมองอาภูมิ ถ้าอาภูมิมาแล้วแจ็คละ เขาไม่เอะใจที่จะมาหรือไง อาภูมิ นั่งอยู่ข้างพ่อผมเหมือนเช่นทุกครั้ง ผมรู้ว่าทำไม ผมรู้ว่าอาภูมิกับพ่อผมเป็นแฟนกัน และนั้นก็ยิ่งทำให้พ่อผมลำบากใจมากที่จะต้องปกปิดเรื่องของแบงก์ เหมือนกับที่ผมทำกับแจ็ค

            “บอย” ดิวสะกิดบอกผม ให้ลุกไปยังแทนทำพิธี วันนี้เราทำบุญให้องค์กร ให้คนที่ช่วยรักษาองค์กรของเราเอาไว้ กว่าจะมาเป็นองค์กร ที่ใหญ่มั่นคงแบบนี้ได้ เราศูนย์เสียไปไม่รู้เท่าไหร่ แต่แปลกนะที่หลุยส์ไม่มา เขาคงทำใจไม่ได้ เพราะเขาคือคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ห้าสิบชีวิตที่ถูกสังหาร และเหตุการณ์นั้นมันคงติดตาเขาไปอีกนานเพราะมันรวมไปถึงพ่อแม่ของเขาด้วยที่ถูกสังหารในวันนั้น

           TBC...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
               
EP.32(แจ็ค X แบงก์) แจ็คเจอแบงก์ 

                Part’ s แจ็ค ผมได้ยินมาว่าวันนี้ที่บ้านลุงกฤษณะ มีทำบุญให้กับองค์กร และผมยังรู้อีกว่า ลุงณะ ไม่ให้ผมมาที่นี้ จะว่าไปผมก็ไม่ได้มาที่นี้นานแล้วตั้งแต่บอยหายกลับมาที่นี้ และวันนี้ผมก็มาโดยการฝืนคำสั่ง ผมบอกพ่อและพี่ชายของผมว่าผมอยู่สนามบินกับไอ้หลุยส์ แต่จริงๆ แล้ว ผมเดินทางมาถึงที่นี้นานแล้วและกำลังให้คนขับรถของพ่อมารับ พี่ปีเตอร์ การ์ดของพี่โจ
                “คุณแจ็คครับจะดีเหรอครับพี่ว่าเรากลับบ้านกันเถอะครับ คุณท่านและคุณโจสั่งว่าคุณแจ็คไม่ควรจะไปที่นั่น” พี่ปีเตอร์บอกผม ผมก็นั่งไขว่ห้างคุยไลน์กับไอ้หลุยส์มันอยู่
          หลุยส์ = มึงแม่งกล้ามากเลยวะ (มันคงหมายถึงผมกล้าที่ขัดคำสั่งของลุงหนึ่ง)
          แจ็ค = กูอยากรู้ว่าทำไมเขาห้ามกูและไอ้ดิวมันกลับได้ไปวันนี้
          หลุยส์ = ขอให้มึงขัดขวางสำเร็จวะ
          แจ็ค =Thanks
         ผมปิดการสนทนาระหว่างไอ้หลุยส์ตอนนี้พี่ปีเตอร์กำลังนำรถเข้าไปจอดตามที่ผมบอก ผมก็ก้าวเท้าลงจากรถ มีรถมาจอดมากมาย วันนี้เป็นงานใหญ่แต่ไม่มีใครถูกเชิญมานอกจากบอยและดิว แสดงว่าลุงหนึ่งต้องการจะทำอะไรสักอย่างแล้วผมจะอยู่เฉยๆ ได้ยังไง
         “สวัสดีครับคุณแจ็ค”
         “สวัสดีครับพี่ ผมจะเข้าไปหาพ่อผม พ่อภูมิที่เป็นแฟนของเจ้าของบ้าน” ผมพูดพร้อมกับเอามือล้วงเข้าในกระเป๋ากางเกง เสื้อสูทแบบไม่เป็นทางการ ผมไม่ได้สวมเนกไท ใส่แต่สูททับเสื้อยืดเข้ารูป กับกางเกงยีน
         “แต่ว่า” เขามองชุดที่ผมสวมใส่ มันดูไม่เป็นทางการ แต่ผมคิดว่าไม่ใช่เหตุผลที่เขาจะไม่ยอมให้ผมเข้า ผมเดาว่ามีคนสั่งว่าไม่ให้ผมเข้างานแน่ๆ แต่ผมไม่แคร์
          “หรือจะให้ผมโทรหาพ่อผมละ พี่อาจจะได้หางานใหม่ได้นะครับ “ผมพูดและทำท่าจะกดโทรหาพ่อผม
          “แต่” ยังทำท่าคิดอีก
          “อย่าให้ผมรอนานผมไม่ชอบ” ผมพูดและพี่เขาก็เปิดทางให้ผมเดินเข้าไปในทันที ผมว่าเขารู้กิตติศัพท์เรื่องขาหวีนของผมดี ผมก็หยิบมือถือขึ้นกดโทรหาพี่โจแทน พี่ชายของผม
           “แจ็คอยู่ที่ไหน?” พี่โจถามผม
            “อยู่สนามบินไง” ผมตอบพร้อมกับอมยิ้มที่ได้แกล้งพี่ชาย มีหวังคงได้เซอไพรส์กันแน่ๆ ผมเป็นประเภทยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุซะด้วย ผมเดินตรงไปเรื่อยๆ แม้จะไม่ได้มานานหลายปีแต่ผมก็ยังจำทางเดินตรงไปยังโซนที่ใช้สำหรับประกอบพิธีได้ดี ระหว่างที่ผมกำลังเดินอยู่นั้น
           “ปึก!” ผมชนเข้ากับบางสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เล็กมาก เพราะว่าผมต้องก้มลงมอง โชคดีที่ชนไม่แรงมากแต่ก็เล่นเอาคนที่ชนผมถอยหลังและล้มลงไปก้นจ้ำเบ้ากับพื้นหญ้า ผมเอียงคอมองนี่มันไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิตธรรมดานี่มันเด็ก และยังเป็นเด็กน้อยซะด้วยและเด็กนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองผมเอียงคอตามผมเช่นกัน ผมก็เลยสงเคราะห์โดยการใช้นิ้วคีบคอเสื้อให้เด็กน้อยลุกขึ้น ถ้ามีอย่างอื่นผมก็จะรีบหยิบมาใช้แทนเพราะว่าผมเป็นโรคไม่ชอบเด็กเอาซะเลย

             ที่บ้านผมเลยไม่มีเด็กให้ขวางหูขวางตา ทันทีที่เด็กน้อยลุกขึ้นมายืนโงนเงนมองผมอยู่ ผมก็ก้าวเท้าถอยหลังออกมาพร้อมกับเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงก้มลงมองเด็กน้อย ทำไมหน้ามันคุ้นเหลือเกิน ไอ้หมอนี่ เด็กน้อยแหงนหน้าขึ้นมองผมในสภาพที่โอนเอนไปมา ผมดูแล้วรากฐานไม่ค่อยจะมั่นคงเท่าไหร่นะเนี่ยะ เด็กน้อยเห็นท่ายืนของผม เลยเอามั้ง ก๊อบปี้ท่ายืนทันที สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเอง
            “Who are you?” เด็กน้อยถามผมเป็นภาษาอังกฤษและชี้มาที่ผม มันถามว่าผมคือใคร
             “Who are you? “ผมทวนคำถามเด็กน้อย
             “นายนั่นแหละเป็นใคร นายไม่มีสิทธิ์มาถามฉันรู้ไหม เปี๊ยก! และก็ลบไปด้วยเกะกะขวางทาง” ผมก็ถามกลับและชี้ไปที่หมอนั้น แบบเอานิ้วจิ้มที่หน้าผาก สองสามทีแถมด้วยหยักคิ้วให้อย่างเท่ เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมและไม่ทันที่ผมจะชักนิ้วกลับ เด็กมันคงหิวคิดว่าไส้กรอก มันเลยงับนิ้วผมไปซะงั้น
            “อิ้ววว!......เฮ๊ย!!!!” ผมร้องดังลั่นและพยายามดึงนิ้วออกแต่ เด็กนี้ไม่ยอมปล่อย ผมก็เลยรับบีบจมูกเท่านั้นแหละปล่อยทันที
            “โอ๊ยย!!!!” ผมร้องและสะบัดนิ้วตัวเองและหันมามองหน้าเด็กน้อยที่กล้ามาก รู้ไหมว่าแจ็คคนนี้เก่งกับหมาซ่ากับเด็กแตะผู้หญิงบางคนที่ทำให้ผมโกรธ ตอนนี้ผมก็กำลังโกรธ….เด็กและเล็กมาซะด้วย
            “นายถือดียังไงมากัดฉันห๊ะ!!!! “ผมชี้หน้าเด็กน้อยและพูดเสียงดังใส่ เด็กน้อยมองหน้าผม และ
            “ฮือๆ “ร้องออกมาซะอย่างนั้น แต่ถ้าเด็กนี้ร้อง คนในบ้านบอยก็จะรู้ว่าผมแอบเข้ามาและอาจจะโดนสกัดก่อนจะไปถึงด้านหน้าแน่ๆ ผมก็เลยฝ่ามือของผมปิดปากเด็กน้อยทันที
              “อืม” เด็กน้อยดิ้น ฤทธิ์เยอะซะด้วยน่ะ
              “หยุดร้อง!!!” ผมตะคอกแต่ไม่ดังมากเสียงแบบลอดไรฟัน เด็กนี้ก็หาได้ฟังผมไม่
             “แหง๊ๆๆๆๆ” นั้นร้องดังเข้าไปอีก
             “ฉันบอกให้หยุดร้องไง!!!!” ผมบอกเด็กน้อยดิ้นอยู่ได้ผมเลยอุ้มตัวลอยขึ้นมาจ้องหน้าและชี้นิ้ว เดี๋ยวโดนกินตับ
             “ปู้ด” นั้นไงสิ่งที่เด็กคนนี้ทำกับผมคือเป่าพ่นใส่หน้าผมและน้ำลายคงเต็มใบหน้าผมไปหมด
            “ฉันบอกให้หยุด!!!! “คราวนี้ผมตะคอกเสียงดังกว่าเดิมและได้ผลหยุดชะงักแต่ว่า
            “โอ๊ย!!! “ผมต้องร้องเสียงหลงเพราะว่าเล่นหยิกเข้าที่จมูกผมอย่างจัง เจ็บซิ รออะไร
            “ไหนละผึ้ง คุณหนูนะ คุณหนูคะ “เสียงแม่บ้านวิ่งมาหาเด็กน้อยนี้ แต่ถ้าแม่บ้านมาเห็นผมกำลังตีกับเด็กนี้ผมคงโดนอีกหลายข้อหาแน่ๆ ผมเลยต้องจับเด็กบ้าคนนี้ลงไปก่อน ยังหันมามองหน้าผมอีกน่ะ แถมเป็นประเภทไม่จบง่ายๆ ซะด้วย จะเดินตรงกลับเข้ามาหาเรื่องผมอีก โอ๊ยย!นี่มันวันอะไรของแจ็ควะ ผมรีบดันหัวเอาไว้ เด็กน้อยเข้ามาใกล้ผมไม่ได้ก็ยังจะมีพยายามแต่ผมก็ดันเอาไว้ด้วยฝ่ามือข้างเดียว
             “ไม่จบใช่ไหม กี่ขวบวะเนี่ยะ? “ผมพูด เสียงคนใช้ก็เข้ามาใกล้ตรงที่ผมมีเรื่องกับเด็กเรื่อยๆ ผมเลยผลักซะกลิ้งเป็นลูกขนุนไปเลยและผมก็ออกวิ่ง นิ้วก็เจ็บ จมูกก็เจ็บ ฝากไว้ก่อนนะให้งานเสร็จก่อนจะไปตามหาตัวและจับไปกระทืบ เด็กก็เด็กเถอะครับเล่นแบบนี้แจ็คไม่เก็บไว้แน่ แต่ตอนนี้วิ่งไปหาพวกพี่ๆ ก่อน และผมก็เห็นพี่ๆ นั่งกันอยู่ด้านหน้าเขาจัดที่ไว้สำหรับลูกหลานนั่งแต่ถ้าลุงๆ และอาๆ ก็จะนั่งด้านใน ผมยืนอยู่ด้านหลังพี่ๆ บ้านจอจาน พี่โจนั่งกดมือถืออยู่พยายามโทรหาพี่ปีเตอร์แน่นอน
              “ตกลงไอ้แจ็คมันยังอยู่สนามบินใช่ไหมวะ” พี่โจถามพวกพี่ๆ ของผม
              “ใช่ไง” พี่เจสเป็นคนคุยกับผมล่าสุด พอพี่เจสหันมาเจอผมเท่านั้นแหละพี่เจสก็อ้าปากค้าง
               “พี่โจ ไอ้แจ็คมันไม่ได้อยู่สนามบินแล้วแหละ” พี่เจสสะกิดพี่เจมส์ที่กำลังช่วยพี่โจโทรเช็คผมแน่ๆ
               “แล้วมันอยู่ไหนละ มึงรู้เหรอไอ้เจส” พี่เจมส์ถามพี่เจส พี่เจและพี่จิมมี่ก็หันมาเจอผมอีก พากันอ้าปากค้างและชี้ พี่เจมส์ก็หันหลังกลับมามองผมอีกคน
              “ไอ้แจ็ค!!” พี่เจมส์เรียกชื่อผมดังลั่น พี่โจและพี่โจ้ก็หันมามองผม พี่โจลุกขึ้นยืนมองผม สีหน้าบอกไม่ถูกว่าดีใจระดับไหน และสุดท้ายพี่โจเป็นฝ่ายหันทำท่าจะเดินหนีน้องอีก ผมแอบคิดในใจทำไมไม่มากอดน้องสักที
             “ไอ้แจ็ค พ่อบอกไม่ให้มึงมาแจ็ค มาทำไมเนี๊ยะ!!” พี่โจ้ถามผม พี่ชายคนที่สอง "ไม่น่าจะใช้พระเอกของบ้านน่าจะเป็นตัวโกงของบ้านมากกว่า หาแต่เรื่องให้ปวดหัวเนี๊ยะ!"พี่โจ้พูด
             “ทำไมอ่ะ อยากมา ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย แค่งานทำบุญ ไม่ใช่ความลับอะไรสักหน่อย “ผมพูดและเดินมาหาพี่โจที่ยืนหันหลังให้ผมอยู่
              “พี่โจ” ผมเรียกพี่โจ พี่โจค่อยๆ หันกลับมามองหน้าผม
               “แจ็ค มึงหาเรื่องให้พวกพี่โดนพ่อด่า” พี่โจหันมาบ่นผมทันที
               “แต่น้องมาแล้วน่ะ “ผมบอกพี่โจ พี่โจส่ายหัวก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดออกมากดโทรหาใครสักคน
              “พ่อ ไอ้แจ็คมันอยู่นี้พ่อ” พี่โจโทรบอกพ่อผมทันที
              “ได้พ่อ ครับพ่อ” พี่โจกดวางสายและหันมามองหน้าผม
              “พ่อบอกห้ามเข้าไปด้านใน ถ้าไม่อยากทำให้พ่อเดือดร้อนแจ็คเพราะนี้คำสั่งลุงหนึ่งเขา” พี่โจบอกผม ผมต้องชักสีหน้า นี่มันอะไรกัน
               “เราควรจะฟังคำสั่งของพ่อบ้างแจ็ค “พี่โจพูด ผมหันมามองพี่ๆ ทำนิ้วเชือดคอให้ผมพร้อมกันหมด
               “นั่งลงเลยมึงไอ้พระเอกประจำบ้านและเรื่องเยอะที่สุดของบ้าน” พี่เจพูดและพี่โจก็เดินเข้าไปด้านในเหลือแค่ผมที่นั่งกับพี่ๆ
              “พี่กลับเลยน่ะเพราะว่าพี่ต้องไปรับพี่เจนพวกมึงอ่ะ” พี่โจ้พูด
              “รับแฟนเหรอพี่โจ้” พี่เจสแซวพี่โจ้ พวกผมน่ะรับรู้สถานะที่เกินพี่น้องของพี่โจ้และพี่เจนมาได้พักใหญ่ๆ ก่อนที่พ่อจะรู้ จนพ่อรู้ก็มีห้ามปรามแต่มันยากพี่โจ้บอกรักพี่เจนไปหมดใจแล้วและพี่เจนก็รักพี่โจ้เช่นกัน ตอนแรกพี่เจนยังไม่รู้ว่าพี่เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อภูมิแต่ว่าตอนนี้รู้แล้วและความรักทั้งคู่พ่อผมก็อนุมัติให้ผ่านได้ ผมล่ะเชื่อเลย
              “เออแฟนกูครับ พี่สาวพวกมึงด้วยครับ แค่นี้น่ะ ถ้าไอ้แจ็คมีเรื่องไม่ต้องโทรตามนะ กูจะพาเจนไปดูหนังใหม่เข้าโรงวันนี้ ปิดมือถือ งดรับเรื่องของไอ้น้องตัวดีพวกมึงหนึ่งวัน มีอะไรเคลียร์กันเอง” พี่โจ้พูดผมก็เงยหน้ามอง
             “ระดับแจ็ค ไม่มีแน่นอน ผมเอาอยู่พี่โจ้” ผมพูดและยกเท้าขึ้นมาพาดนั่งแบบเท่ๆ พี่โจ้โชว์นิ้วกลางให้ผมเป็นรางวัลและพี่โจ้ก็เดินออกไปทันที
            “เดี๋ยวพี่มานะ จะไปหาเบียร์ “พี่เจมส์หันมาพูด
            “เฮ้ยพี่จะดื่มเบียร์ตอนนี้นี้นะ” ไอ้พี่เจส
            “กูจะไปหาเพื่อนรักกูไอ้เบียร์ แต่ถ้าดื่มได้กูจับดื่มไปนานแล้ว” พี่เจมส์พูดและลุกขึ้น ทำเอาพวกผมทำหน้างงกันหมด มุขไหนของพี่แก
             “แล้วนี่มึงมาทำไมวะ ไม่รอที่บ้านแจ็ค “พี่จิมมี่หันถามผม
             “พี่เห็นไอ้คนที่ชื่อแบงก์ไหมพี่ “ผมถามพวกพี่ๆ ที่นั่งตรงนี้ ผมหันมามองหน้าพี่เจเพราะว่าสนิทกับพี่บอลมากที่สุด
             “กูนั่งมาตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่เห็นใครสักคนมึง ว่าแต่มึงจะถามหาคนชื่อแบงก์ทำไมวะ” พี่จิมมี่หันมาพูด
            “ก็ไอ้นี่นะ มัน มันคือ ก้างของผมพี่ “ผมบอกพี่ชายของผม
             “อะไรของมึง มึงจะบอกว่าบอยมีแฟนใหม่เหรอวะ” พี่เจสหันมามถามผม
            “ไม่รู้ดิพี่ แต่น่าเจ็บใจนี้ก็บินมาก่อนเพื่อมันเลยนะพี่ ผมอยากเจอมันอ่ะ จะอัดให้น่วมเลย มันกล้ามากที่ใจกล้ามาล้วงคองูเห่าอย่างผม” ผมพูดและกำมัดต่อยที่อุ้มมือ พี่ๆ หันมามองผมก่อนจะหันไปพยักพเยิดใส่กัน
              “น่าจะหมาเห่า  เห่าอย่างเดียวนะมึงอ่ะ มากกว่าไม่ใช่งูเห่าหรอกไอ้นี่น่ะ” พี่เจพูด ผมหันมามองพี่ชายทำไมว่าน้องแบบนั้น แต่ว่าพี่เจนี้สนิทกับพี่บอล
              “พี่เจลองไปถามพี่บอลให้หน่อยดิ” ผมอ้อนพี่ชายที่ห่างจากผมแค่ปีเดียว จะเรียกพี่สาวก็ได้แต่ไม่เรียกดีกว่าเดี๋ยวพี่เจงอนไม่ช่วยผมอีก
              “ไม่ได้แจ็ค กูไม่อยากผิดใจกับบอลมัน มันเพื่อนรักกูนะแจ็ค แค่คอยถามเรื่องบอยว่าเป็นไงบ้างนะได้แต่ไปล้วงลึกมากมันไม่ดี เข้าใจหน่อยดิวะ” พี่เจพูด
              “พ่อมาว่ะ” พี่เจสพูดและนั้นพ่อผมเดินหน้าตั้งมาเลย พ่อภูมิของผม พ่อสวมสูทดูเท่ดูหล่อตลอดกาล พ่อเดินมาถึง แต่ว่าสีหน้าพ่อผมมันบอกได้ว่ากำลังคุสาด แล้วแจ็คจะยืนฉีกยิ้มให้พ่อได้เหรอ
              “ไม่ต้องหันหน้าหนึไปไหนเลยแจ็ค พ่อบอกว่าไง บอกว่าอย่ามาไงแจ็ค!” พ่อภูมิพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าโมโหผมมากเลยวันนี้
              “พ่อผมแค่อยากรู้ทำไมผมมาไม่ได้ และทำไมไอ้ดิวมันมาได้ละพ่อ” ผมพูดกับพ่อ พี่เจสดึงแขนผมไม่ให้ผมพูดเสียงดังกับพ่อ ผมรู้ว่าไม่ถูก
             “ก็ดิวเขา” พ่อผมทำท่าจะพูดแต่ก็ชะงัก
            “มันคือคนที่ถูกเลือกแต่ผมกับบอยเรารักกัน แต่ตอนนี้แค่งอนกันนิดหน่อย ผมขอเข้าไปคุยกับบอยได้ไหมอ่ะพ่อ” ผมพูดและพี่ๆ กสะบัดหน้ามามองผม
             “ลุงหนึ่งอยู่ด้านในนั้น เราอยู่ทีนี้ไม่ได้ พ่อว่าเราจะทำให้ทุกอย่างมันแย่ลงแจ็ค กลับไปรอพ่อที่บ้าน เดี๋ยวนี้!” พ่อภูมิพูดผมก็หันไปมองทางอื่น
             “ผมขอคุยกับบอยก่อนนะครับพ่อ” ผมบอกพ่อภูมิ
             “บอยเขายุ่งอยู่แต่พ่อจะบอกให้ ให้บอยโทรหาหลังเสร็จงาน” พ่อบอกผม
              “ตอนนี้พ่ออยากให้แจ็คกลับไปที่บ้านก่อน” พ่อบอกผมด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว พี่ๆ พยักหน้าให้ผมทำตามที่พ่อบอก พี่โจเดินออกมาอีกคน ผมมองพ่อ พ่อรู้ว่าผมกำลังจะไม่ยอม
               “บอกน้องเราให้กลับบ้านซะโจ” พ่อหันไปบอกพี่โจแทนก่อนจะเดินหันหลังกลับเข้าไปด้านใน พี่โจเดินมาแตะที่หัวไหล่ผมเบาๆ
             “ทำไมงอนกันกับบอยเหรอ” พี่โจถามผม
           “ใช่พี่โจ ผมพูดไม่ค่อยดีกับบอยอ่ะและทั้งหมดก็เพราะว่าผมหึงเขากับไอ้แบงก์ “
             “แบงก์เหรอ ใครอะ” พี่โจถามผม
             “แต่ชื่อนี้คุ้นๆ น่ะ ตอนพี่เข้าไปได้ยินคนใช้พูดกันว่าคุณแบงก์ ตามหาคุณแบงก์กันอยู่ แต่ดูน่าจะเด็กเล็กนะ “พี่โจพูด
            “ไม่น่าจะใช้เด็กหรอก บอยพูดจ๊ะจ้าซะขนาดนั้นพี่โจ “ผมพูด
           “เอานะ พี่จะคุยกับบอยและให้บอยโทรหาน่ะ พี่จะบอกว่าน้องพี่สำนึกผิดแล้ว แต่ตอนนี้กลับบ้านตามที่พ่อบอกก่อนและพรุ่งนี้พี่ไปส่งกลับไปทำหน้าที่ตัวเองให้สำเร็จ” พี่โจพูด ผมหันมามองพี่คนอื่นไม่มีใครช่วยเลย
             “กลับบ้านแจ็ค อย่าทำให้พ่อต้องทะเลาะกับลุงหนึ่ง พี่ขอล่ะและมะรืนนี้บอยก็กลับไปแล้ว เราค่อยง้อบอยได้ไหม แต่ว่าวันนี้ให้งานเขาผ่านไปก่อน” พี่โจพูดบอกผม ผมก็พยักหน้าและเดินออกทันทีเช่นกัน แต่เบื่อไม่อยากกลับอ่ะ ให้พี่ปีเตอร์ขับพาไปเที่ยวดีกว่า ผมเดินออกไปอย่างหัวเสีย บอยก็ไม่เจอและนี้ผมก็งอนเขาและไม่ได้ส่งข้อความง้ออะไรทั้งนั้น บอยเองก็เงียบเช่นกัน ระหว่างที่เดินออกก็แอบชะเง้อมองหาไอ้เด็กแสบ ถ้าออกมาเจออีกนี้โดนเอาคืนแน่ๆ ยิ่งๆ ค้างๆ มาจากด้านในอยู่ด้วย

             TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.33(แจ็ค X แบงก์) EP.33(แจ็ค X แบงก์)แจ็คเป็นมัมว(ครึ่งแรก)

              Part บอย ผมสังเกตเห็นว่าอาภูมิรีบเดินออกไปด้วยอาการรีบร้อน เหมือนกับมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย ดิวก็ก้มหน้าก้มตาพิมพ์ข้อความคงจะคุยกับแอ้แน่ๆ ผมรู้ว่าเขาสองมีความพิเศษต่อกัน ผมเองก็ไม่อยากให้เขาสองคนต้องมาเป็นเหมือนรุ่นพ่อๆเลย พ่อผมเองก็กว่าจะได้กลับมารักกับอาภูมิก็ไม่ใช่ง่ายๆ สุดท้ายพ่อเลือกรักษาตำแหน่งนี้ไว้ให้ผมและอาภูมิก็หายไปพักหนึ่งแต่อาภูมิก็กลับมาหาพ่อผมในวันที่พ่อผมกำลังมีปัญหาหนักเพราะว่าลุงคามินแต่เขาสองคนก็ผ่านมันมาได้จนตอนนี้ ผมเองก็ยังเชื่อใจว่าแจ็คจะเหมือนอาภูมิเช่นกัน 
             “มีเรื่องหรือเปล่าบอย” ดิวเงยหน้าจากมือถือขึ้นมาถามผม ผมพยักหน้าว่าน่าจะใช่
ตื้ด เสียงมือถือของผมสั่น ผมก็หยิบขึ้นมาดู เป็นข้อความจากธรรณ์ นั้นเอง
             //บอย เจอแจ็คหรือยัง แจ็คไปหาบอยที่บ้านน่ะ // ผมก็ต้องชะงักทันทีที่ธรรณ์ส่งข้อความมาบอกว่าแจ็คมาหาผมที่นี้หรือว่าที่วุ่นวายน่ะเป็นเพราะว่าแจ็ค
             “มีอะไรเหรอบอย” ดิวถามผมคงเห็นสีหน้าที่ดูกังวลของผม
             “แจ็คมานะดิว บอยสงสัยอาภูมิคงรู้แล้วเลยเดินออกไปดู” ผมหันมาบอกดิว ดิวชักสีหน้าตกใจออกไปทางดีใจมากกว่า
             “มันอยู่ไหนอะ ดิวจะได้เปลี่ยนคิวให้มันถ่ายทำต่อเลย ดิวรีบอ่ะ รีบกลับ ดิวมีเรื่องด่วน แต่ถ้าไม่มีใครรับช่วงต่อดิวไปไม่ได้ไงบอย” ดิวรีบบอกผมทันที
ผมก็ทำหน้ายู้ทันที มันเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ เหรอลุงหนึ่งก็นั่งอยู่ตรงนั้นน่ะ ผมเห็นลุงหนี่งเดินไปหาพ่อผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะหันมาพยักหน้ากับทุกคน เหมือนเรียกประชุมบรรดาลุงและอาของผมที่มาในวันนี้ก็พากันลุกออกไป
             “คุณบอย คุณดิว ตอนนี้เราจะทำพิธีถวายอาหารพระพร้อมกันแล้วนะครับ รบกวนไปนั่งพักที่ห้องรับรองก่อนนะครับ” ผมสองคนได้ยินดังนั้นก็รีบลุกขึ้นทันที
               ผมนี้อยากจะเดินกลับไปตึกหลังเพื่อไปหาลูกชายคนผมแย่แล้วเพราะว่าพรุ่งนี้ก็ต้องกลับกันแล้ว ผมรู้สึกใจหาย แต่ถ้าแจ็คมาหาผม ทำไมไม่โทรหาผมเลยหรือส่งข้อความก็ได้ หรือว่าเขาแค่มาดูว่าผมทำอะไร แทนที่จะมาง้อกันก็ไม่มีเลย ขณะที่กำลังทำพิธีอยู่ ผมน่ะออกงานบ่อย ผมจึงรู้ว่าทำอะไรบางส่วนดิวก็มองผม ผมว่าเขาก็รู้มาบ้างแหละไม่นานพิธีก็เรียบร้อย
              “มันมาได้ไง ไหนบอกว่าไม่ให้มาไงและนี้มันไปไหนแล้ว” ผมแอบได้ยินเสียงลุงหนี่งโวยวาย
               “พี่หนึ่ง ลูกผมก็เข้าออกบ้านพี่ณะและแจ็คก็หลานพี่ณะคนหนึ่ง ทำไมเขาจะมาไม่ได้ “เสียงอาภูมิ เหมือนกำลังเริ่มมีปากมีเสียงกัน
               “เราก็รู้ดี ภูมิว่าแจ็คควรอยู่ ณะ จุดไหน” ผมได้ยินเสียงลุงหนึ่ง ดิวแตะที่ไหล่ผมเบาๆ และผมสองคนก็พากันไปหาที่นั่งพัก ผมนั่งลงและหันไปมองดิวที่พยายืมกดสายโทรหาแอ้แน่ๆ แต่ดูท่าแอ้จะไม่ยอมรับสายอีก
                “ดิว!! “เสียงลุงหนึ่งเดินเข้ามาถึงก็เรียกดิวทันที ผมก็สะดุ้งโย้งเลยเหมือนกัน ดิวไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด เขาแค่ละสายตาจากมือถือและหันไปตามต้นเสียงที่เรียกชื่อของเขาแค่นั้น
               “พ่อเราบอกลุงว่าเราจะเลือกหมอทหาร ไม่ได้น่ะ ลุงให้เราเลือกเรียนหมอแค่นั้นพอ” ลุงหนึ่งพูดและผมก็หันไปมองดิว
               “ผมเลือกแล้ว ผมจะลงหมอทหาร “ดิวพูดขึ้น สายตาที่มุ่งมั่นนั้นมองไปที่แววตาอันแข็งกร้าวของลุงหนึ่งอย่างไม่ยีละกับความน่าเกรงขามนั้นเลยสักนิด
               “ไม่ได้! เพราะเราต้องอยู่ใกล้ชิดกับบอยและเราก็ต้องดูแลบอยเขา” ลุงหนึ่งพูด ผมหันมามองดิว ดิวลดมือถือลงก่อนจะปรายตามามองผมและหันกลับไปมองลุงหนึ่ง
                “ผมก็ว่าจะพูดเรื่องนี้เหมือนกันลุง ผมไม่ได้รักบอย เราไม่ได้รักกัน ต่อให้ลุงเอาตำแหน่งบ้าบออะไรมาให้ผม ผมก็ไม่เอา ผมมีคนรักแล้ว ลุงควรจะพอได้แล้ว ให้เขาเลือกคนที่เขารักกันเอง ส่วนผมก็เลือกคนที่ผมรักเองเช่นกัน “ดิวลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับลุงหนึ่ง
               “ดิว” ผมจับมือดิวให้เย็นลงก่อนเพราะว่ามันไม่เหมาะสมที่ดิวจะเถียงลุงหนึ่งแบบนั้น
                “ต่อให้ลุงจะบอกว่าแพลนกันมาแต่ก่อนที่พวกผมจะเกิด แต่จริงๆ ควรจะรอให้พวกผมเกิดมาก่อนซะด้วยซ้ำและถามว่าพวกผมต้องการอะไรกันจริงๆ กันแน่ ไม่ใช่ยัดเยียดให้แบบนี้ ผมไม่ใช่หุ่นยนต์ พวกผมมีหัวใจเป็นของตัวเองกันทุกคน” ดิวพูด ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ผมเองยังไม่กล้าที่จะแสดงออกได้ขนาดนี้เลยแต่ที่ดิวพูดมันถูก
                “ลุงเคยได้ยินไหมครับว่าหัวใจน่ะไม่มีใครบงการได้เพราะว่ามันเป็นของคนคนนั้น ต่อให้มีบุญคุณล้นฟ้ามหาศาลแค่ไหนแต่หัวใจนี้ใครก็บังคับกันไม่ได้” ดิวพูดสายตาของดิวมองประสานกับสายตาลุงหนึ่ง
                “ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องรอให้ภารกิจมันเสร็จ กลับมาเข้ามหาวิทยาลัยและแต่งงานกันเลย ทำตามที่ฉันสั่ง!!” ลุงหนึ่งพูดเสียงดัง ดิวถึงกลับโมโหจนมือสั่น ผมเห็นได้ชัดเจน
                “ผมไม่ทำ!!  ผมมีคนรักแล้วและผมจะกลับมาเรียนพร้อมๆ กันกับคนอื่นๆ ลุงจะได้รู้ว่าพวกผมมีดีและพวกผมดูแลตัวเองกันได้ “ดิวพูด
                “ใครคือคนที่รักเรา?” ลุงหนึ่งถามดิว ตอนนี้สองคนกำลังยืนประชันหน้ากันแบบไม่มีใครยอมใคร สายตาที่ประสานกันคู่นั้น ผมเห็นแล้วก็แอบกลัวอยู่ไม่น้อย
                 “ผมมีแล้วกันและผมก็เลือกแล้วว่าผมจะไปเป็นหมอทหาร ใครก็ห้ามผมไม่ได้ ต่อให้ลุงเองก็ตาม” ดิวพูด
                “ไอ้ดิวหยุด!!” ลุงภาเดินข้ามาทันทีและห้ามดิว เพราะว่าดิวลุกขึ้นยืนแล้ว
                “ลุงคิดว่าการให้เขาสร้างพวกผมขึ้นเพื่อมาทำสิ่งที่ลุงต้องการ ผมไม่ใช่หุ่นยนต์ พวกผมมีเลือดมีเนื้อมีหัวใจ ดังนั้นผมจะทำสิ่งที่ผมต้องการ ผมคิดว่าผมก็ทนมามากพอแล้วกับการที่ต้องมานั่งตรงนี้ โคตรอึดอัดเลยที่ต้องทำสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง “ดิวพูดและลุงภาก็ดึงแขนดิวให้ออกไป
               “ไอ้ดิว มึงลองดีกับกูใช่ไหม!!” ลุงหนึ่งพูดเสียงดัง
               “ใช่ผมลองดี กับลุง” ดิวหันมาตอบ
                “ไอ้ดิวหยุด กูบอกให้หยุด นั้นพี่กู!! “ลุงภาพูด ตอนนี้มีนายทหารท่านหนึ่งวิ่งเข้ามาหาลุงหนี่ง และกระซิบอะไรบางอย่างดูแล้วน่าจะเรื่องด่วนมากและลุงหนึ่งก็หันไปคุยกับคนอื่นๆ
                “กูจะไปหามึงและคุยกับมึงอีกทีดิว “ลุงหนึ่งพูดและเดินออกทันทีเช่นกัน
                ผมหันมามองหน้าดิว ดิวโกรธมากแต่ลุงภามองหน้าดิวคงโกรธยิ่งกว่าเพราะว่าผมถูกสอนมาไม่ให้ข้ามรุ่นกัน ไม่ว่าจะผิดหรือถูกก็ตามและนั้นลุงหนึ่งก็รีบเดินออกไปจากห้องโถงด้วยท่าทีรีบร้อนเช่นกัน ผมก็ได้แต่นั่งอยู่ตรงนั้น ถ้าลุงหนึ่งรีบออกไปแสดงว่างานวันนี้ก็คงทำบุญให้คนที่เสียชีวิตแค่นั้น ผมค่อยโล่งอกไปหน่อย ผมนั่งรอเวลาว่าเมื่อไหร่จะเสร็จซะทีจะได้กลับไปหาลูกชาย
               “คุณบอยคะ คุณแบงก์หายไปค่ะ” ผมสะดุ้งเมื่อมีผู้หญิงกึ่งเดินกึ่งวิ่งเดินมาหาผม เขาเป็นคนใช้ในบ้านของผม
               “อะไรนะ หาดีแล้วเหรอครับ” คราวนี้กลายเป็นผมที่ตกใจที่สุดที่ได้ยินว่าดวงใจของผมหายไป
               “ค่ะคุณแบงก์หายไปได้สักพักแล้วค่ะและเราก็หาพี่ผึ้งไม่เจอด้วยค่ะ “ผมได้ยินเช่นกันนั้นก็รีบเดินออกไปทันที ผมไม่รอช้ารีบวิ่งออกไป ผมเห็นพ่อผมกำลังยืนคุยกับคนรับใช้ แต่อาภูมิไม่อยู่ ออกไปข้างนอก ผมก็เลยวิ่งกลับไปที่ตึกหลังทันที ไม่น่ะแบงก์ ผมไม่น่าจะอยู่ห่างจากเขาเลยวันนี้
*****

                   Part’ s แจ็ค ผมยอมเดินออกมาจากงานทั้งที่ผมตั้งใจจะมาหาบอยแต่นี่พ่อผมขอร้องให้ผมออกไป ผมนั่งอยู่ในรถหรู ผมกำลังเสิร์ซ์หาที่เที่ยวแทน ผมเองยังไม่อยากกลับบ้านและผมก็ไม่ได้โทรหาบอยด้วยเช่นกัน เพราะว่าผมกำลังงอน เรียกว่าโกรธก็ว่าได้ ป่านนี้คงนั่งคุยกับไอ้ดิวสนุกสนาน ถ้าอย่างนั้นสถานะของมันกับแอ้ที่มันไม่บอกทุกคนเพราะว่าอย่างนี้ด้วยใช่ไหม มันทำให้ผมคิดมากไปต่างๆ นานา แต่ผมก็จะรอให้เขาโทรหาผมก่อนมาง้อผมก่อน นั้นแปลว่าเขาเห็นว่าผมสำคัญมากพอ แต่ถ้าไม่ล่ะแจ็คผมคงไม่สำคัญและที่ผมทำก็ศูนย์เปล่าที่ผมแย่งเขากลับมาจากไอ้หลุยส์น่ะแต่นี่ผมก็ยังตามหาตัวไอ้แบงก์ไม่ได้อีก ยิ่งงอนเข้าไปใหญ่ ระหว่างที่รถผมจอดอยู่ในลืบถ้าไม่สังเกตหรือขับแบบผ่านๆ ก็จะไม่เห็น ผมนั่งอยู่ในรถสักพัก รถลุงหนึ่งก็แล่นออกไปอย่างรวดเร็ว
                “พี่ปีเตอร์เห็นรถลุงผมไหมครับ “ผมถามพี่ปีเตอร์
                “เห็นครับ ผมเห็นวิ่งออกไปเร็วมากขนาดนั้น นั้นก็แสดงว่ามีเรื่องครับ” พี่ปีเตอร์พูด
                “พี่ออกรถเลยพี่” ผมบอกพี่ปีเตอร์
                “ออกไปทำไมละครับคุณแจ็ค” ยังหันมาถามผมอีก ผมสะบัดหน้าไปมองพี่ปีเตอร์ ตกลงใครคือนายกันแน่ 
                 "เออ...ขอโทษครับคุณแจ็ค ลืมไปครับ ผมเป็นคนดูแลครับ" พี่ปีเตอร์พูด  "ผมอยากให้พี่ขับรถตามออกไปตอนนี้น่ะครับ" ผมบอกพี่ปีเตอร์ เขาก็หันมามองหน้าผมอีกที
                 “ผมก็อยากมีเรื่องนะครับ” ผมพูด
                “ได้เลยครับพี่ปีเตอร์จัดให้… เว้ยยย!!!” พี่ปีเตอร์ทำท่าจะออกรถแต่ก็หันมาชักสีหน้าตกใจ
                “ไม่เอาดีกว่าไหมครับคุณแจ็ค พี่ไม่อยากตกงานครับ ไปหาอย่างอื่นทำดีกว่าครับ อันนี้ไม่ค่อยสร้างสรรครับคุณแจ็ค” พี่ปีเตอร์เปลี่ยนเกียร์ทำท่าจะออกแต่ก็เปลี่ยนใจไม่ออกพร้อมกับหันหลังมามองผมด้วยแววที่ตกใจ (กลัวตกงาน)
                “ออกรถพี่...เราไม่ได้ไปหาเรื่องแค่ขับตามไปเฉยๆ ผมแค่อยากรู้ว่าลุงหนึ่งเขาจะค้างที่นี้ต่อหรือกลับเลย นะพี่ปีเตอร์” ผมพูด
              พี่ปีเตอร์ก็ออกรถขับตามทันที แต่ทว่า รถของลุงหนี่งมีบอร์ดีการ์ดขับดักหน้าดักหลังอยู่สองสามคัน พี่ปีเตอร์ก็ขับไปจนใกล้ถึงแยกไฟแดงอีกห้าร้อยเมตร รถลุงหนึ่งก็เข้าอยู่เลนกลาง และรถยนต์ของการ์ดประกบซ้ายขวา ส่วนรถผมนะอยู่คันหลังแต่ดันโชคไม่ดีไฟเหลืองซะก่อน พี่ปีเตอร์เลยต้องจอดและสิ่งที่ผมเห็นคือรถลุงหนึ่งจอดกึ่งกลางและเหมือนกับว่าประตูถูกเปิดออก ผมก็มองมีเด็กลงมายืน เฮ้ย!และรถลุงหนึ่งก็ขับเลยไปทันที ทิ้งไว้ซึ่งเด็กตัวน้อย
             “คุณแจ็คครับ” พี่ปีเตอร์เรียกผม เห็นผมไม่ชอบเด็กแต่แบบนี้มันเหมือนเอาเด็กมาให้รถชนชัดๆ เลย ผมรีบเปิดประตูและวิ่งไปหาเด็กนั้น ผมวิ่งไปคว้าเด็กน้อยที่ยืนร้องไห้ด้วยความตกใจ จังหวะที่ไฟเขียวของเล่นทางซ้ายและขวา รถก็แล่นออกมาส่วนทางกันระหว่างผมที่อุ้มเด็กไว้
               “ฮือๆ “เด็กน้อยก็ร้องไห้กอดผมแน่น และไม่นานไฟแดงก็ปรากฏและรถพี่ปีเตอร์ก็ขับมาจอดที่ผมยืนตรงกลาง ผมรีบเข้าไปนั่งด้านในและพี่ปีเตอร์ก็ออกรถอย่างรวดเร็วและมาชะลอจอดข้างทางห่างออกไปหน่อย
               “คุณแจ็คเป็นอะไรไหมครับ” พี่ปีเตอร์ถามผม
               “ไม่ครับ” ผมพูดแต่เด็กที่ผมช่วยเอาไว้นี้กอดผมตัวสั่นไปหมด ผมก็ค่อยๆ แกะเด็กน้อยออกมาเพื่อดูหน้า แม้จะไม่ยอมพยายามรั้งผมไม่ยอมให้ผมดันตัวออกก็ตาม
               “นี่นายนิ นายที่กวนฉันเมื่อสักครู่ “ผมเรียกและเด็กคนนี้ก็เงยหน้าขึ้นผมใบหน้าของผม ผมเห็นน้ำหูน้ำตาที่เกรอะกรังที่ใบหน้าไปหมด แต่ว่าไม่ได้ทำให้ผมลืมใบหน้ากวนๆของเด็กคนนี้ได้ เด็กจอมกวนที่ผมเจอตอนที่เดินเข้าไปหาพี่ผมนี้ นี่ผมเจอหมอนี่อีกแล้วเหรอ ตอนแรกก็ว่าจะกระทืบซะหน่อยแต่พอเห็นร้องไห้ขี้มูกโป้งขนาดนี้ใจอ่อนเลย ทั้งที่ปกติไม่ใช่คนรักเด็กเลยนะผมนะ
                 “พี่ปีเตอร์ผมรู้จักเด็กคนนี้ เขาอยู่ในบ้านลุงณะนั้นพี่” ผมพูดพี่ปีเตอร์สะบัดหน้ามามองผม
                “อยู่ในบ้านนั้นด้วยเหรอครับ แล้วเราจะทำยังไงกันดีละครับ” พี่ปีเตอร์ถามผมกลับ
                 “ผมก็ไม่รู้ซิ เอาไปคืนหรือว่าจะ เอาไปขายดีพี่ หรือว่าพี่จะเก็บเอาไว้เป็นลูกพี่ดีอ่ะ ” ผมถามพี่ปีเตอร์ พี่เขาก็ทำท่าคิด
                 “พี่เลี้ยงเด็กไม่เป็นซะด้วยซิครับ ยิ่งต่ำกว่าสิบห้านี้พี่ไม่นิยม พี่ว่าขายเถอะครับ” พี่ปีเตอร์พูด และผมก็ขมวดคิ้วจริงเหรอ
                 “เว้ย!!ไม่ได้ครับคุณแจ็ค แม้ทำเอาพี่เผลอคล้อยตามไปด้วยเลยคุณแจ็คนี้ พี่ว่าเราควรจะเอาไปไว้ที่หน้าบ้านนั้น และให้น้องเดินกลับเข้าไปเองแบบสวยๆ และเราสองคนก็เพ่นกลับกันดีไหมครับ แผนนี้” พี่ปีเตอร์พูด ผมก็ยักไหล่คงได้
                  “งั้นพี่กลับไปอีกทางนะครับ” พี่ปีเตอร์อบกผมและขับไปวนเข้าอีกทางน่าจะด้านหลังของคฤหาสน์ ผมก็เด็กน้อยที่นั่งเบียดข้างผม ตอนแรกนี้ ฤทธิ์เยอะเชียว แต่ตอนนี้ยิ่งกว่าลูกแมวซะอีก
                 “น้องน่ารักเชียวนะครับคุณแจ็ค แต่ว่าหน้าตาเขาคุ้นๆ มากเลยครับ คุ้นเหมือนผมเคยเจอทุกวัน” พี่ปีเตอร์พูด ผมก็พยักหน้านะ จะมีใครที่พี่เขาเจอทุกวันนอกจากครอบครัวผมอีกเหรอ พี่ปีเตอร์แกยังไม่มีครอบครัว กินนอนในบ้านผม คนใช้ในบ้านกินหรูอยู่สบายเพราะว่าเขาก็เหมือนในครอบครัวของผมพ่อผมให้การดูแลอย่างดีโดยเฉพาะพี่ที่ทำหน้าที่การ์ด
                  “เหมือนใครอ่ะพี่ ที่พี่เคยเจอทุกวัน” ผมถามพี่ปีเตอร์กลับ
                 “นึกไม่ออกครับคุณแจ็คแต่ผมรู้สึกคุ้นๆ มาก” พี่ปีเตอร์พูด
                 “แต่ถามพี่ว่า วัน วัน พี่เจอใครบ้าง มีแต่ครอบครัวคุณแจ็คนี้แหละครับ คนอื่นก็ไม่มีเพราะว่าพี่ไม่มีพ่อแม่ไม่มีพี่น้องครับ “พี่ปีเตอร์พูด ผมก็ยิ่งนึกไม่ออกเหมือนกัน แต่ก็ช่างเถอะ แจ็คขี้เกียจคิดเยอะ ผมหันมามองเด็กน้อยยืนเกาะรถมองไปด้านนอก
                “อ้า!!!! “เด็กคนนี้รีบลุกขึ้นยืนอีกครั้งและ ชี้ออกไปที่นอกหน้าต่างรถแถมยังหันมามองผมให้มองตามที่เขาชี้ ผมก็ชะเง้อคอมองตามก็สนามเด็กเล่นไง เด็กคนนี้ก็ยังคงชี้ไปที่สนามเด็กเล่นนั้น ผมมองเด็กนั้นว่าทำไมอยากลงไปเล่นเหรอ แต่พี่ปีเตอร์ก็ขับรถผ่าน
               “แหง๋!” ร้องจ๊ากออกมาทันที
                “เว้ย!” ผมกับพี่ปีเตอร์ร้องออกมาพร้อมกัน
                “เอี้ยด!!!” และพี่ปีเตอร์เบรกทันที ผมก็ต้องรีบขยับมารับร่างเล็กๆ นั้นก่อนจะร่วงลงไป เห็นไม่รักเด็กแต่ก็ยังมีความละมุนให้เด็กบ้างถ้าไม่กวนใจผมก่อน เขามองหน้าผมทันทีตอนที่ผมร่างเล็กๆนี้เอาไว้
               “เพราะว่านายยืนไง ไม่ยอมนั่งและยังกรี้ดขึ้นเฉยเลย ใครก็เขาก็ตกใจกันทั้งนั้นแหละ” ผมพูดเด็กคนนี้มองหน้าผมนิ่งก่อนจะ
               “แง๋ๆๆ” ร้องไห้หนักเข้าไปอีก พี่ปีเตอร์มองผมและค่อยๆ ถอยหลังกลับ คราวนี้เงียบกริบและลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
               “Go there!!” พร้อมกับชี้นิ้วไปที่สนามเด็กเล่นอีกและหันมาบอกผม ผมหันไปชำเลืองตามอง
               “ก็สนามเด็กเล่นไง ที่บ้านไม่มีหรือไง “ผมถามเด็กน้อยเพราะว่าบ้านผมมีสนามเด็กเล่นเป็นของตัวเองไม่เคยไปเล่นที่สนามเด็กเล่นที่อื่นเลย
               “เอาไงดีครับคุณแจ็ค “พี่ปีเตอร์ถามผม ผมก็โบกมือไปเถอะ ผมก็จะรีบไปหาที่เที่ยวเหมือนกัน พี่ปีเตอร์ก็ออกรถอีก
              “แหง๋!”  เอาอีกแล้ว เด็กน้อยร้องจ๊ากออกมาอีกแล้ว
              “เว้ยยย!” ผมกับพี่ปีเตอร์ก็ร้องพร้อมกันอีกเช่นเดิม พี่ปีเตอร์ก็ต้องถอยหลังมากที่เดิม ผมหันไปมองคนที่ยืนเกาะกระจกมองไปด้านนอก และมองพี่ปีเตอร์เอาไงดี ออกรถมันก็ร้อง
             “ดูท่าน้องอยากจะลงไปเล่นนะครับคุณแจ็ค แต่พี่คิดว่าปล่อยให้ลงไปเล่นพักหนึ่ง ไม่นานก็เหนื่อยน้องจะได้นอนหลับและเราก็อุ้มไปวางไว้หน้าประตู สวยๆ เราก็เพ่นกลับบ้านกันอย่าง สวยๆ เช่นกัน” พี่ปีเตอร์คิดแผนให้ผม แต่ผมว่าเป็นแผนที่แย่ที่สุด แต่มันก็ดีเหมือนกันนะ
             “เอาก็ได้ไปลงไป ฉันรอที่นี่น่ะ” ผมพูดและนั่งกอดอก แต่เด็กน้อยหันมามองหน้าผม
             “ก็จอดแล้วไง ลงไปซิ” ผมบอกเด็กนั้น

             ค่อครึ่งหลัง

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.33.1(แจ็ค X แบงก์)แจ็คเป็นมัม(ครึ่งหลัง)

                  Part's แจ็ค หลังจากที่ผมกับพี่ปีเตอร์จำใจต้องจอดรถเพื่อให้เด็กน้อยคนนี้ลงไปเล่นที่สนามเด็กเล่น ผมก็เปิดประตูเอาไว้เลยให้เด็กน้อยเดินลงไปแต่ว่าเขาหันมามองหน้าผม ไม่ยอมก้าวเท้าลงไปอีก
                “ก็จอดแล้วไง ลงไปซิ” ผมบอกเด็กนั้น
                “คุณแจ็คครับ น้องยังเล็กเกินไปครับที่จะลงไปเล่นคนเดียวได้น่ะ เขามีป้ายว่าผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานของท่านอย่างใกล้ชิดนะครับ กฏกหมายที่นี้หนักเอาเรื่องอยู่นะครับ พี่อย่าคุณแจ็คอย่าเสียงดีกว่าครับ”พี่ปีเตอร์พูด
                 “ พี่ว่าคุณแจ็คลงไปเป็นเพื่อนดีกว่าไหมครับ และถ้าให้พี่นี้ ตำรวจอาจจะสงสัยและจับพี่ไปสอบสวนเอาได้ เพราะคิดว่าพี่ขโมยเด็กมาครับดูหน้าน้องเขาอินเตอร์กว่าพี่ พี่นี้โจรชัดๆ ครับ “พี่ปีเตอร์พูด ผมก็มองพี่เขา หนวดเคราขนาดนื้ ผมว่าพี่เขาน่ากลัวว่าคนที่จะปรองร้ายผมอีกนะ
                 “พี่ปีเตอร์จะให้ผมนี่นะลงไปกับเด็กนี่เหรอครับ ไม่เอาอ่ะ “ผมพูดกับพี่ปีเตอร์ นั้นคือให้ผมลงไปกับเด็กนี้น่ะ
                 “ฮือๆ เล่น เล่น เล่น” นั้นร้องไห้อีกแล้วและชี้ไปที่สนามเด็กเล่น
                 “นะครับคุณแจ็คและพอน้องอารมณ์ดีเราจะได้รีบพากลับไปส่งคือเขากันครับ “พี่ปีเตอร์พูด
                 “ถ้าน้องยังไม่ยอมให้เราขับรถผ่านสนามเด็กเล่นแบบนี้ เราก็คงไม่ได้ไปไหนกันแล้วแหละครับ น่าจะได้ค้างที่นี้แทน”พี่ปีเตอร์พูด ผมนี้ถึงกับมองบน
                 ผมก็พยักหน้าและเปิดประตูลงไป ผมก็เดินไปเปิดประตูอีกฝั่งพร้อมกับอุ้มหมอนั้นลงไปและนายนั้นก็มายืนและรีบวิ่งตรงไปที่สนามเด็กเล่นทันที ผมก็เดินตามเข้าไป มีเด็กเล่นสองสามคน นายนี้มาใหม่และเด็กแต่ละคนก็ไม่รู้จักกันมาก่อน ก็คงไม่กล้าเล่นด้วย เลยไปยืนหน้ามุ่ยอยู่คนเดียว ที่ม้าโยก อย่าบอกนะว่าจะให้ผมไปนั่งม้าโยกด้วย
                “ฮึกๆ “นั้นน้ำตาแตกเลย ผมก็ต้องเดินไปและก้มลงมองหน้า
               “ร้องไห้ทำไม ลูกผู้ชายไม่ร้องไห้ง่ายๆ ดิ มีอะไร” ผมถามเด็กน้อย
                “ฮึกๆ” ชี้ไปที่ที่นั่งอีกฝั่ง ผมก็พยักหน้า
                “ก็ได้ ฉันจะนั่งกับนาย หยุดร้องไห้ได้แล้ว อายเขา” ผมพูดและเดินไปนั่งอีกฝั่งผมก็อุ้มนายนั้นนั่งลง ดูท่าจะเคยเล่นมาก่อน จับที่จับทันทีส่วนผมก็เดินมาอีกฝั่งทันทีและกดลงช้าๆ และผมก็นั่งลง แน่นอนผมตัวใหญ่กว่านายนั้นก็ลอยอยู่บนอากาศแบบนั้นจะว่าไปแกล้งเอาคืนก็ดีเหมือนกันนะ ผมก็เลยปล่อยให้หมอนั้นลอยอยู่กลางอากาศ ดูท่าจะกลัวจะตกลงไปเลยจับแน่นเชียว ผมก็มองเป็นไงละ ดีไหมอากาศข้างบน มีหันมามองผมเหมือนกับว่าเขาลอยนานไปแล้ว แถมยังหันไปมองข้างๆ ม้าโยกอันอื่นเขาโยกขึ้นโยกลงสนุกสนานแต่หมอนี่มันลอยเท้งเต้งอยู่กลางอากาศไม่ลงซะที (ผมกำลังเอาคืนอยู่ไง)
                “Put me down!” หมอนั้นก็ตะคอกเสียงดังสั่งผม ตัวแค่นี้เสียงดังใช่เล่นเลยนะ แถมมองผมด้วยหน้าตาที่ขมึงเอาเรื่องเหมือนกันนะ ผมเองเป็นคนไม่ชอบให้ใครมาออกคำสั่ง ผมเลยไม่เอาลงซะเลย อยู่อย่างนั้นแหละ นั่งเท้าค้างด้วย
                “Put me down right now!” ยังคงเสียงสั่งออกคำสั่งผมอยู่ ผมก็มองอีกว่าอะไรนะ เอียงหูฟังหน่อยเพราะว่านายนี่พูดไม่เพราะใส่ผม มันเป็นเชิงออกคำสั่งไปน่ะ
                “Put me down please!! “นี้แหละที่ผมต้องการ ผมก็ค่อยปล่อยนายนั้นลงและแอบขำ นายตัวดีมองซ้ายมองขวาและวิ่งไปที่ นั่งที่หมุน และเหมือนเดิมไปยืนอยู่คนเดียวอีกแล้วไม่มีใครมาเล่นด้วยอีกแล้ว ลำบากผมอีกซิงานนี้
                “ไม่มีใครคบว่างั้น” ผมเดินไปถาม มีหันมาค้อนผมอีกนะ ตัวแค่นี้รู้จักงอนแล้วนะ
                “ไป..ไปขึ้นไปนั่งเดี๋ยวหมุนให้และอันนี้ชิ้นสุดท้ายนะ ฉันจะกลับบ้านแล้ว” ผมพูด อุ้มนายนั้นขึ้นไปยืนและหมุนให้ ดูยิ้มมีความสุข ระหว่างที่ผมมองทำไมรอยยิ้มแบบนี้ มันทำให้ผมเห็นใบหน้าของบอยซ้อนเข้ามา ผมยืนมองจนเครื่องเล่นหยุดหมุน
             “มัมมี้!! “ผมได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเรียกแม่ของเธอให้มาอุ้มเธอ ผมก็หันมาว่าจะบอกตัวดีว่ากลับเถอะ
              “มัมมี้” นายนั้นกางแขนและเรียกผมว่ามัมมี้นั้นแปลกว่าแม่ ถึงผมจะไม่เคยเรียกมาก่อนทั้งชีวิตของผมก็ตาม แต่จะให้ผมมาเป็นมัมมี้ให้คงจะไม่ได้มั้งครับ ผู้ชายทั้งแท่ง
              “เว้ยย!” ผมร้องซิครับหดแขนกลับทันที ทำเอา บรรดาแม่ๆ ที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมหันมามองผมกันหมดเลยซิ อายเขาไหม น่าอายมากๆ ในที่สาธารณะแบบนี้ด้วย
             “คุณเป็นแม่เขาหรือค่ะ” เขาถามผม ผมก้มลงมารูปร่างตัวเอง ผมส่ายหัวว่าไม่ใช่
             “หรือว่าเขาไม่มีแม่ค่ะ ดูท่าจะมีแต่คุณซินะคะ”น้ำเสียงที่แสดงถึงความเอ็นดูเด็กน้อยแต่ผมหันไปชำเลืองมองตัวแสบเป็นไงล่ะ
            “แล้วเขาอาจจะคิดถึงแม่ของเขามากหรือเปล่าคะ น่าเห็นใจนะคะ ซิงเกิลแด้ด!!” คนข้างๆ ผมถามผม หันไปมอง ประมาณว่าไม่ใช่ทั้งพ่อเด็กและพ่อเลี้ยงเดียวอะไรทั้งนั้น
            “แสดงว่าภรรยาคุณเสียไปเหรอคะ” นั้นหนักเข้าไปอีก ภรรยาผมน่ะ ยังอยู่ครับแต่ไม่ใช่ผู้หญิงแค่นั้น ผมนิ้มเจื่อนๆให้ไป
            "สงสารจัง เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวเหรอคะ แต่ไม่เป็นไร ลูกเรียกพ่อว่าแม่ก็น่ารักดีนะคะ”  ผมกลืนน้ำลายลงคอ ผมว่าตอนนี้คนที่น่าสงสารคือผมไม่ใช่ไอ้เปี้ยกนี้แน่นอน
            “เออ "ผมก็แต่อ้าปากค้างไปซิ
            “มัมมี้ คัม คัม คัม” นายนั้นเรียกผมเข้าไป ผมก็ค่อยๆ เดินเข้าไปและยืนเคียงข้าง
            “อย่าเรียกมัมมี้” ผมกระซิบและยิ้มให้บรรดาแม่ที่อยู่รอบๆ ผม และส่งยิ้มมาให้ผม คุณแม่มือใหม่แต่ผมไมได้ต้องการครับ
             “มัมมี้ “ยังอีก
             “อย่าเรียกฉันว่ามัมมี้ไง!” ผมเริ่มกัดฟันดังขึ้น
            “มัมมี้!!” คราวนี้ตะโกนเลยเหรอ หันมามองกันหมดทั้งสนามเด็กเล่น ทั้งคุณพ่อคุณแม่ปู่ย่าตายายที่อยู่รอบๆ นี้เลย และทุกสายตาก็มองมาที่ผมคนนี้
             “สงสัยลูกจะร้องหาแม่ แม่อยู่บ้านนะครับ ไปครับพ่อพาไปหาคืนแม่ เดี๋ยวนี้เลย!” ผมพูดและอุ้มเด็กนั้นตัวลอยและวิ่งกลับไปที่รถทันที ผมเปิดประตูได้ก็โยนนายเด็กนั้นเข้าไปและผมก็เข้าไปนั่ง ผมหันมามองตัวแสบ พี่ปีเตอร์ก็มองผมด้วยอาการตกใจ มือถือก็เปิดคลิปหนังโป้ค้างอยู่
           “อุ้ย!ขอโทษครับ อันนี้พี่เรียนเสริมฆ่าเวลา เฮอๆ ว่าแต่คุณแจ็คกับคุณเด็กน้อย วิ่งหนีอะไรกันมาครับ เจอครูอริที่นี้เหรอครับ” พี่ปีเตอร์ถามผม
           “ไอ้เด็กนี้แหละคู่อริผมพี่ปีเตอร์” ผมพูดและชี้ไปที่นายนั้น ที่หันมามองผม น้ำตาเริ่มมา
          “เว้ยย! คุณแจ็คน้องกำลังจะร้องไห้นะครับ” พี่ปีเตอร์พูด
          “แล้วพี่ปีเตอร์คิดว่าไงครับ น้ำตาไหลพรากขนาดนี้ น้องคงไม่ได้หัวเราะอยู่หรอกมั้งครับ” ผมพูด และชะเง้อมองออกไป ไม่เคยเจอเรื่องอับอายอะไรขนาดนี้มาก่อนเลยครับผม
           “ร้องไห้น่าสงสารนะครับคุณแจ็ค” พี่ปีเตอร์พูด
          “ก็เรื่องของเด็กดิพี่ ออกรถเถอะพี่พาไปส่งคืนพ่อแม่เขาได้แล้ว เพราะถ้าขืนยังเอาเด็กนี้ไว้กับผมอีก คนที่น่าสงสารคือผม ดูซิทำให้ผมโดนมองว่าเป็นซิงเกิลแด้ดไปแล้วเนี่ย! “ผมพูดและนั่งกอดอกหันไปเหล่มองหมอนั้น เด็กน้อยนั่งสะอึกสะอื้นและหันมามองผมเป็นระยะระยะ
         “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับคุณแจ็ค” พี่ปีเตอร์ถามผมขณะที่ออกมารถมาได้สักพัก
        “มัมมี้ ฮึกๆ “เด็กนั้นเรียกผมมัมมี่ พี่ปีเตอร์ก็มองผมและกลั้นหัวเราะ
         “พี่ปีเตอร์!! “ผมเรียกพี่เขาเพื่อบอกว่าอย่าหัวเราะผม
         “ฮึกๆ” นี่ก็อีกคนยังร้องไห้ได้อีก
         “พี่ว่าน้องอาจจะเริ่มหิวและง่วงนะครับคุณแจ็ค” พี่ปีเตอร์พูดผมก็มองจะให้ผมทำยังไงละพี่
        “พี่มี เค้กยูโรและนมแบบทูโก กล่องหนี่งนะครับ พี่ซื้อมาตอนไปรับคุณแจ็ค พอดีพี่แวะเข้าไปที่ร้านเอเชียน่ะครับ น้องน่าจะทานได้อยู่นะครับ คุณแจ๊คป้อนน้องก่อนดีกว่าไหมครับ สงสารน้องครับ” พี่ปีเตอร์บอกผม ผมหันไปมองนั่งน้ำตาไหลกาสิกกาสิก แบบนี้ผมก็อดใจอ่อนไม่ได้อีก แต่มันก็แปลกนะซึ่งปกติผมมไม่ค่อยชอบเด็กเอาซะเลย
          “นะครับคุณแจ็ค ถ้าปล่อยให้น้องร้องไห้แบบนี้จนถึงบ้านเราสองคนจะโดนข้อหาหนักถึงขึ้นหนักมากนะครับ พี่ยังหาภรรยามาทำแม่ของลูกไม่ได้นะครับคุณแจ็คครับ” ผมก็มองพี่ปีเตอร์ ที่พูดมาทั้งหมดนี้คือเป็นห่วงตัวเองว่างั้น ผมก็เอื้อมไปหยิบขนมและกล่องนมมาถือไว้ ผมค่อยๆ ขยับเข้าไปหาเด็กน้อยคนนั้น ผมกางแขนออกให้เข้ามาหาผมจะได้ป้อนขนม
         “มัมมี้” ยังอีกยังเรียกผมว่ามัมมี้อีก ผมก็ต้องกัดฟันตัวเองและพี่ปีเตอร์พยักหน้าว่าให้ผมยอมไปก่อนไม่อย่างนั้นร้องไห้งอแงและพอไปถึงงานจะเข้าเอา
          “ก็ได้มาหามัมมี้จะได้ป้อนขนมและนมและนายก็จะได้นอนไปเลยและฉันจะได้เตะก้นนายลงไปที่หน้าบ้าน หึ!!” ผมพูดแต่ก็อดโมโหเด็กน้อยไม่ได้  เด็กน้อยค่อยๆ คลานมาหาผม ไม่รู้ว่ามาเพราะเชื่อฟังผมหรือว่าห่อขนมล่อซะก็ไม่รู้ เด็กน้อยคลานเข้ามาหาผมและผมก็แกะหอขนมและส่งให้เลยแต่เด็กน้อยรับไปถือเอาไว้ เขาเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมพร้อมกับก้มลงมองขนมที่อยู่ในมือนั้นสลับกับหน้าผมไปด้วย ผมหันไปมอง มองหน้าผมแล้วขนมมันจะรสชาติดีขึ้นหรือไง
        “ไม่กินเหรอ กินซิ อร่อยนะ” ผมพูดบอกเด็กน้อย
         “คุณแจ็คครับน้องยังเล็ก ป้อนน้องดีกว่าไหมครับ แบบว่าทำให้มันชิ้นเล็กๆสักนิดนะครับ พอให้น้องเคี้ยวได้นะครับ” พี่ปีเตอร์บอกผม
         “ไม่ใช่ให้น้องไปทั้งก้อนแบบนั้นนะครับเพราะอาจจะติดคอนะครับคุณแจ็คและเราทั้งคู่คงได้ตามน้องไปติดๆ คือโดนบ้านนั้นสังหารเอานะครับ” พี่ปีเตอร์พูด ผมก็มองพี่ปีเตอร์และผมก็ต้องมองบนอีกครั้งก่อนจะทำตามที่พี่ปีเตอร์บอกผม ผมไม่เคยทำแบบนี้เลยจริงๆให้ตายเถอะแต่ผมก็ทำมันจนเด็กน้อยกินขนมหมดไปทั้งก้อนและตามมาด้วยนมกล่อง กินซะพุงกางไปเลยเป็นไงล่ะ พออิ่มแล้วไงหนังตาหย่อนเลยทีนี้ หลับปุ๋ยอยู่บนตัดผมซะอย่างนั้น
          “จะว่าไปนายนี้ก็น่ารักดีนะเวลาไม่มีฤทธิ์นะ ดูไปดูมาดวงตานายสวยดีนะ มันออกสีฟ้า” ผมพูดกับตัวเอง ดวงตาของเด็กคนนี้สวยเหมือนดวงตาของบอยเลย มันแปลกมากแต่จมูกที่แหลมแบบนี้มันไม่ใช่แน่ๆ อย่าบอกนะว่าบอยไปทำใครท้องมา! ผมว่าผมควรจะอุ้มเอาเด็กนี้ไปคืนและถามบอยเลยจะดีกว่าว่าเด็กคนนี้คือใครกัน จะว่าไปหน้าตาคุ้นๆ อยู่น่ะ

       TBC....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2024 10:24:42 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.34(แจ็ค X แบงก์)เข้าใจผิดจนได้

                    Part’ s บอย ผมแทบจะขาดใจที่ได้ยินคนใช้ในบ้านของผม บอกผมว่าแบงก์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของผมหายตัวไป ผมจึงพากันออกตามหา เดินหากันทั่วบ้านก็ไม่พบแบงก์ เกณฑ์คนใช้ทั้งหมดที่มีไปตามหาก็หาไม่เจอ ผมได้แต่ยืนมองไปรอบๆ มือไม้ผมสั่นไปหมด แบงก์ ใครพาแบงก์ออกไปหรือเปล่า ผมได้แต่ยืนเอามือประสานกันเอาไว้แน่น ใจของผู้เป็นพ่อแต่จริงๆ ควรจะเรียกว่าแม่ซิน่ะ ผมพึ่งจะเข้าใจคำว่าใจจะขาดเป็นยังไงก็ตอนนี้แหละ ลูกผมหายไปทั้งคน ต่อให้ผมมีเขาในขณะที่ผมไม่พร้อมแต่ว่าเขาคือทุกอย่างของผมในตอนนี้

                  “หากันเจอไหม แล้วนี่ใครดูแลเด็ก ไม่ใช่พี่ผึ้งเหรอ” พี่เบียร์ถามคนใช้ที่ตอนนี้ลงมาจากตึกเพื่อตามหาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของผมกัน

                   “บอย “พี่บีมเดินมาหาผม และกอดผม

                  “พี่บีม ลูกผมหายไปได้ยังไง อ่ะครับ” ผมถามพี่บีม น้ำตาก็เริ่มไหลซึมออกมา

                   “พี่ว่าน้องอาจจะไปเล่นซ้อนแอบแถวๆ นี้แหละบอย อย่าคิดมาก” พี่บีมพยายามปลอบโยนผม พี่บรู๊คส์เดินลงมาและหยุดมองผมกับพี่บีม พี่บีมเห็นพี่บรูคส์ก็ปล่อยมือผม

                    “มีคนเห็นรถขับออกไปจากงาน ชุดแรกคือรถลุงหนี่งและอีกคันคือรถของบ้านอาภูมิและคนที่นั่งในนั้นคือ...แจ็ค “พี่บรูคส์พูด ผมสะบัดหน้าไปมองพี่บรูคส์ ผมไม่อยากจะเชื่อ พี่บรูคส์พยักหน้าว่าใช่แจ็คแน่ๆ

                    “แจ็คเขามาจริงๆ เหรอครับ “ผมถามพี่บรู๊คส์อีกที

                    “ใช่ครับบอย ไอ้แจ็คมันมา ทั้งที่พ่อก็บอกอาภูมิแล้ว่าอย่าให้มา พอมาก็มีเรื่องเลยดูซิ “พี่บรู๊คส์พูด ผมก็ได้แต่กุมมือตัวเอง แล้วนี่ลูกชายผมหายไปไหนกัน ผมเห็นพี่ๆ บ้านจอจานเดินเข้ามา

                    “มีเรื่องอะไรกันนะพี่ เห็นมีคนบอกว่าเด็กในบ้านหายไป ให้พวกผมช่วยหาไหมพี่” พี่โจเดินมาถามพี่บรู๊คส์ พี่บรู๊คส์หันไปมองหน้าพี่โจก่อนจะหันมามองผมเช่นกัน และพี่ๆ บ้านจอจานก็มองผมกันหมด ผมรีบปาดน้ำตา

                      “ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยกันหาแถวๆ นี้ เพราะว่าน้องเพิ่งจะสองขวบเอง น่าจะไปเล่นซ้อนอยู่แถวๆ นี้แหละ “พี่บรู๊คส์พูด และเดินหันหลังออก พี่โจมองพี่บีมไม่วางตา

                      “ไหนพี่บอกจะมาช่วยหาเด็กยังไงละครับ เด็กอยู่บนหน้าผมเหรอครับพี่โจ” พี่บีมพูดและเดินกลับมาหาผมทันที ผมก็ยิ้มเจื่อนๆ ให้พี่โจแทน

                      “พี่ว่าบอยเข้าไปนั่งด้านในดีกว่าไหม แดดเริ่มร้อนแล้วเดี๋ยวบอยจะไม่สบายไปน่ะ” พี่บีมพูดด้วยความเป็นห่วงผม

                      “ผมจะอยู่ตรงนี้จนกว่าจะเจอลูกผมครับพี่บีม ผมนั่งไม่ติดอยู่แล้ว ลูกผมหายแบบนี้” ผมพูด แต่ผมก็ต้องยกมือขึ้นปิดปากเพราะว่าพี่ๆ บ้านจอจานอยู่ตรงนี้กันหมด พี่โจ พี่เจมส์ พี่เจส พี่จิมมี่และพี่เจอีกคน หันมามองผมกันหมดเลย

                       “ลูกเหรอครับน้องบอย” พี่เจสถามผมทันที ผมหันมามองพี่บีม เอาไงดีผมดันเผลอเรียกไปเต็ๆ แบบนั้น

                       “ใช่ครับลูก...แต่เป็นเด็กที่อยู่ในบ้านที่นี้ครับ บอยเขารักมากเหมือนลูก แต่มันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอครับ ถ้าบอยจะเอามาเป็นลูกบุญธรรม” พี่บีมพูดและหันไปมองพี่ๆ บ้านจอจานกันทุกคน พี่โจรีบกระทุ้งพี่เจสทันที สีหน้าพี่บีมบอกได้ว่าไม่พอใจที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น พี่บีมคงคิดว่าเป็นฝีมือแจ็คแน่ๆ พี่บีมเลยพาลบ้านพี่ๆ จอจานไปด้วย ผมหันมาแตะแขนพี่บีมให้ใจเย็นๆ พี่บีม หันมาพยักหน้าว่าเขาโอเค

                     “ใจดีนะครับน้องบอยรักเด็ก แต่ไอ้แจ็คน้องพี่นี้มันเตะเด็กอย่างเดียวเลยครับ มันรักเด็กไม่เป็น เฮอะๆ” พี่เจมส์พูด

                    “เบียร์!” พี่เจมเรียกพี่เบียร์ที่เดินลงมาชั้นล่างพอดีและเดินตามพี่เบียร์ไปติดๆ เช่นกัน

                     “เบียร์รอก่อนดิ”

                     “กูยุ่งอยู่เจมส์ “พี่เบียร์พูด

                     “เจ” พี่บอลเดินลงมาก็ตรงมาหาพี่เจ พี่เขาสนิทกันมาก พี่โจก็มองเป็นระยะและมองพี่บีมไปด้วยเช่นกัน

                    “น้องชื่ออะไรเหรอครับ พวกพี่จะได้ช่วยกันเรียกหานะครับ” พี่โจถามขึ้นโดยไม่ได้เจาะจงแต่ผมเห็นสายตาพี่โจเขาถามพี่บีม

                    “น้องชื่อแบงก์ครับ” ผมเลยตอบแทน

                   “ชื่อแบงก์เหรอครับ! “พี่เจสพูดก่อนจะแสดงอาการตกใจและหันไปกระซิบกระซาบกับพี่จิมมี่

                   “พี่โจ ผมกับจิมมี่ขอไปเดินดูตรงโน้นนะพี่น่ะ แถวๆ ถังขยะน่ะ “พี่เจสหันมาบอกพี่โจ

                   “ไอ้นี่น้องเขาคงไม่ปีนลงไปคุยหาอะไรในถังขยะหรอกมึง หาแถวนี้แหละ” พี่โจหันไปบอกพี่เจส

                  “ไม่ใช่เพื่อว่าไอ้น้องรักของพี่มันเจอเขามันอาจจะเตะน้องเขาลงไปนะพี่ มันถามหาคนไหนที่ชื่อแบงก์อยู่ มันบอกว่าเจอหน้าจะเตะให้หรืออาจจะเจอแล้วก็เป็นได้น่ะพี่น่ะ เฮอๆ” ผมได้ยินเสียงพี่เจสพูดกระซิบกับพี่โจ มันทำให้ผมคิด ก่อนที่ผมจะมาที่นี้เขาถามผมว่าใครชื่อแบงก์ นี้อย่าบอกนะว่าเจอกันแล้วนะ แต่พี่เจสกับพี่จิมมี่ก็วิ่งหายออกไปซะก่อน พี่โจก็หันมาส่งยิ้มให้ผม

                 “บี เจอไหม” พี่บีมหันไปถามพี่บี

                  “ไม่เจอเลยพี่บีม หากันที่วไปหมดแล้ว จะว่าออกไปข้างนอกก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะว่าเราปิดประตูเข้าออกทุกด้าน ยกเว้นทางประตูทางออก แต่ตรงนั้นมีการ์ดเฝ้าตลอดเลยและการ์ดก็ยืนยันมามีแค่ขบวนลุงหนึ่งและรถที่แจ็คนั่งออกไปแค่นั้น” พี่บีพูด ผมหันไปมองพี่โจ พี่บีมก็มองพี่โจเช่นกัน

                 “รู้สึกว่าพี่จะงานเข้านะครับพี่โจ ผมสงสัยว่าน้องพี่อาจจะเป็นต้นเหตุ” พี่โจพูดและหันหลังทำท่าจะเดินออก

                  “บีม ถึงแจ็คจะไม่ค่อยรักเด็กแต่พี่เชื่อว่าแจ็คไม่ใช่คนใจร้ายนะบีม” พี่โจพูด พี่บีมชะงักเท้าก่อนจะหันมามองพี่โจ

                  “แล้วน้องชายพี่เขาออกไปกับใครหรือเปล่า” พี่บีมถามพี่โจ ผมก็มองพี่โจ ผมขอย่าให้เป็นเขาเลยนะ อย่าทำกับแบงก์แบบนี้น่ะ นั้นลูกนายนะแจ็ค แต่ถ้าเขาทำจริง ผมนี้จะเสียใจที่สุดและผมก็จะผิดมากที่ไม่ได้บอกเขา แต่อีกใจผมก็เชื่อว่าแจ็คไม่ใช่คนใจคอโหดร้ายขนาดนั้นหรอก

                  “คุณบอยค่ะ นั้นค่ะ คุณแบงก์ “ผมได้ยินเสียงคนใช้ตะโกน ผมก็หันไปมองตามที่ที่คนใช้คนนั้นชี้นิ้วออกไป ใช่มีคนคนอุ้มเขาเข้ามา และคนนั้นก็คือแจ็ค!!

                  “แจ็ค!!” พี่โจ

                   “ไอ้แจ็ค!!” บรรดาพี่ๆ บ้านจอจาน ผมเดินลงไปหาเขาช้าๆ สายตาผมมองเขาด้วยความเจ็บปวด ผมไม่รู้ว่าผมควรจะโทษตัวเองหรือเปล่าที่ผมไม่ได้บอกความจริงเรื่องแบงก์และการที่เขาทำแบบนี้ พ่อจะให้ผมบอกเขาหรือเปล่า ผมว่าพ่ออาจจะไม่ให้บอกเลยก็ได้

                   “ไอ้แจ็ค มึงเอาหลานกูไปได้ยังไง” พี่บรูคส์วิ่งไปแต่พี่เบียร์เข้าไปดึงรั้งพี่บรูคส์เอาไว้ก่อนเพราะดูท่าแล้วพี่บรูคส์จะทำอะไรแน่ๆ แจ็คอุ้มแบงก์มาในสภาพที่บอกได้ว่าเขาแน่นิ่ง

                   “ก็ผมเจอ……” แจ็คทำท่าจะตอบ ผมมองหน้าเขา ผมเสียใจที่สุดและนี้แบงก์ทำไมกลับมาในสภาพแบบนี้ ผมก็รีบเข้าไปรับตัวแบงก์จากแจ็คมาอุ้มเอาไว้

                   “บอย..” แจ็คเรียกผม ผมอุ้มแบงค์เอาไว้แหนบอกผม ผมไม่อยากมองหน้าเขาเลยแจ็ค

                   “กลับไปแจ็ค” ผมพูดทั้งน้ำตา

                  “บอย…ฟังแจ็คก่อน” แจ็ค แจ็คทำท่าจะเข้ามาหาผมแต่ว่าพี่บรู๊คส์ ที่ยืนกันแจ็คไม่ให้เข้ามาหาผมและพี่บีก็ลงมาอุ้มแบงก์ไปจากผมก่อน ผมหันไปมองหน้าแจ็ค ผมเสียใจที่สุด

                   “ทำไมแจ็คทำแบบนี้ แจ๊คทำอะไรเขา แบงก์เขายังเด็กอยู่เลยน่ะแจ็ค “ผมถามแจ็ค

                   “แจ็คไม่ได้ทำอะไรเขาสักหน่อย นี้แจ็คเอามาคืนให้ไงและนี้ใช่ไหม ที่ไอ้คนที่ชื่อแบงก์นะ ทำไมบอยไม่บอกแจ็คอ่ะ ว่าไอ้คนที่ชื่อแบงก์ก็แค่เด็กตัวกะเปี๊ยกแค่นี้ ถ้าบอกแจ็คน่ะ แจ็คจะ... “แจ็คถามผม อ้อที่เขาพาไปเพราะว่า คนนี้ชื่อแบงก์ใช่ไหม

                  “แค่นี้ใช่ไหมแจ็ค เหตุผลแค่นี้ใช่ไหมที่แจ็คทำลงไปน่ะ แค่เพราะว่าบอยไม่ได้บอกว่าเขาคือใครสำหรับบอยน่ะ” ผมถามแจ็ค

                  “บอยผิดหวังในตัวแจ็คที่สุด” ผมพูด

                  “เพี๊ยะ!” ฝ่ามือผมตบเข้าที่ใบหน้าแจ็คและผมก็เดินหันหลังเข้าบ้านทันทีเพื่อไปดูแบงก์ ผมไม่ได้หันหลังกลับไปมองแจ็คเลย ปล่อยให้เขายืนอยู่แบบนั้นเพราะว่านี้คือการทำร้ายหัวใจผมที่สุด ผมไม่อยากรู้ว่าเขาทำไปแค่เล่นๆ หรือว่ายังไงและที่พ่อผมพูดว่าเขาดูแลแบงก์ไม่ได้มันน่าจะจริงอย่างที่พ่อผมพูดทุกอย่าง น้ำตาผมไหลรินทันที ผมหันหลังเดินเข้าบ้านไปทันทีและรับแบงก์ที่นอนหลับปุ๋ยมากอดเอาไว้ มุมปากเขาเลอะเทอะขนม เหมือนจะเป็นคัพเค้ก ผมใช้นิ้วแตะมาชิมดู ขนมจริงๆ ด้วย ผมได้แต่กอดเขาเอาไว้ เขาคือดวงใจของผม

                  “มึงออกไปเลยนะไอ้บ้านจอจาน ก่อนที่กูจะเตะมึงออกไปทั้งหมดและไม่ต้องมาเยียบที่นี้อีก!!!” ผมได้ยินเสียงพี่บรู๊คส์ตะโกน โหวกเหวกโวยวายอยู่ด้านนอก ผมอุ้มแบงก์เอาไว้อย่างนั้นเหมือนกับว่าผมกลัวว่าเขาจะหายไปจากผมอีก

                  “อะไรกันพี่ณะ ผมไม่เชื่อว่าลูกผมจะทำแบบนั้นนะ พี่น่าจะ ฟังกันก่อนซิ”

                  “พอทีภูมิ เขาไม่เหมาะสมกับบอย จริงๆ ภูมิกลับไปได้แล้ว พี่ขอร้อง พาลูกชายตัวดีเรากลับไปด้วย เราหมดเรื่องจะคุยกัน” ผมหันไปเจอพ่อณะที่เดินลงเข้ามาโดยมีอาภูมิตามหลังมาเหมือนกับพ่อกับอาภูมิก็มีปากเสียงกันอีก พ่อเอ่ยปากให้อาภูมิกลับไปก่อนแบบนี้ แสดงว่าพ่อโกรธมากเช่นกัน อาภูมิหันมามองผมและหันกลับไปมองพ่อผม อาภูมิเดินออกไปอย่างเงียบๆ

                  TBC....

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
      Part’ s แจ็ค ผมได้แต่ยืนงง เพราะว่าผมอุ้มเด็กคนนั้นมาคืนแต่ดูบอยซิทำไมต้องโกรธขนาดนี้ โกรธเหมือนกับว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเขาเองซะอย่างนั้น และเขาก็มองว่าผมเป็นคนผิดทั้งที่ผมยังไม่ได้อธิบายอะไรเลยว่าอะไรเป็นอะไร ผมได้แต่ยืนงง นี้แสดงว่าเด็กคนนั้นมีอิทธิพลมากสำหรับบอยใช่ไหม และนี้ก็กลับกลายมาว่าผมนะเป็นคนผิดทั้งที่มันไม่ใช่ผม

          “พี่บรู๊คส์” ผมเรียกพี่บรูคส์ พี่เขามองหน้าผมกัดฟันกรอดๆ

           “ไอ้บ้านจอจาน พวกมึงออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้!” ผมได้แต่ยืนมองบอยที่เดินกลับเข้าไปในบ้าน ทำไมแค่เด็กคนนั้นเขาถึงได้หันหลังให้ผมแบบนี้

           “แจ็คไปก่อนว่ะ “พี่เจสหันมาดึงแขนผม พี่เจมส์ก็วิ่งมา

           “เบียร์เข้าบ้าน!” พี่บรู๊คส์เรียกพี่เบียร์เข้าไปในบ้าน

           “เกิดอะไรขึ้นวะและเขาบอกว่าเจอเด็กแล้วเหรอว่ะ” พี่เจมส์ถามพี่เจสที่พยายามดึงรั้งให้ผมออกจากตรงนี้ไป

           “เจอแล้ว และไอ้คนที่เอาเด็กไปก็ไอ้น้องชายสุดรักของพี่นี้ไง ไอ้แจ็คน่ะ” พี่เจสหันไปบอกพี่เจมส์ พี่เจมส์หันมามองหน้าผม

           “ไอ้แจ็ค แล้วนี่มึงกลับมาทำไมอีกวะ” พี่เจมส์ถามผม

          “ก็เอาเด็กมาส่งไงพี่เจมส์ ผมผิดตรงไหนอะ” ผมหันไปถามพี่ชายผม

          “ไม่ผิด ไม่ผิดเลย ไอ้แจ็ค ไม่ผิดตัวเลยมึงถูกตัวมาก โธ่ไอ้ตัวโกง! เขาก็หากันไปซิ “ไอ้พี่จิมมี่อีกคน

          “กูบอกให้ไปไง ไอ้บ้านจอจาน!!” พี่บรูคส์ ตอนนี้พี่บีดึงแขนพี่บรูคส์เอาไว้

          “พี่โจละวะ” พี่เจมส์ถามหาพี่โจ แต่ผมต้องเข้าไปหาบอยก่อน จะให้เขามองว่าผมไม่ดีแบบนี้ไมได้

          “ไปแล้วนั้นไง พี่คนโจวิ่งไปจะถึงรถแล้วมั้งนั้นนะ รักน้องมาก” พี่เจสพูดแต่ผมกำลังจะเดินเข้าไป

           “ดูแลตัวเอง!!!” พี่โจตะโกนบอกมาแต่พี่โจนะลากแขนพี่เจไปก่อนแล้วหัวน้องสาวมากว่างั้น

           “ไอ้แจ็ค ไปก่อน!” พี่เจสดึงแขนผมลากเลยก็ว่าได้

           “ไอ้เจส นั้นน้องรักมึง เอามันกลับด้วยกูไปแล้ว ไอ้จิมมี่มึงจะกลับไหมหรือจะอยู่ให้พี่บรู๊คส์ยำมึงก็ตามใจ “พี่เจมส์บอกพี่เจส ผมยังคงหันหลังกลับไปมองเพราะว่าผมอยากจะเข้าไปหาบอย ผมอยากรู้ว่าเด็กนี้มันมีอะไรทำไมถึงมีอิทธิพลกับบอยมาขนาดนี้

            “ไปเถอะไอ้แจ็คดูนั้นพ่อเดินออกมาแล้วแสดงว่าพ่อก็คงโดนเหมือนกัน ไปเถอะมึง” พี่เจสที่ดึงลากผมจนมาถึงรถและดันผมเข้าไปในรถอีก ผมเห็นรถพี่ๆ ค่อยออกไปทีละคันและอีกคันก็รถของพ่อผม นี้ผมต้องเป็นคนผิดอีกแล้วเหรอว่ะ

            “ไปก่อนแจ็คไปตั้งหลักก่อนว่ะและมึงเล่นเอาเด็กน้อยออกไปแบบนั้นด้วย ตอนนี้พูดอะไรไปเขาก็ไม่ฟังเราหรอก” พี่เจสหันมาพูดกับผม พี่เจสทั้งดึงรั้งและลากผมให้ออกไปจนถึงรถคันหรูและพี่เขาก็เปิดประตูพร้อมกับดันผมเข้าไป พี่เจสขึ้นตามมาทันที

         “พี่ปีเตอร์ออกรถเลยครับ ด่วน! “พี่เจสบอกพี่ปีเตอร์

          “ออกเลยเหรอครับ” พี่ปีเตอร์ถามเหมือนจะไม่แน่ใจสิ่งที่ได้ยิน

           “หรือพี่จะรอให้ไอ้นี่มันออกไปตามบาทามาประเคนพวกเราก่อนละครับพี่ เขารอกระทืบพวกเราอยู่หลายเท้าเลยพี่ปีเตอร์” พี่เจสหันไปพูดกับพี่ปีเตอร์ แค่นั้นแหละพี่ปีเตอร์ก็รีบออกรถทันที ผมได้แต่เหลียวหลังหันไปมอง

          จนกระทั่งรถแล่นออกมาได้สักพัก ผมก็นั่งนิ่งไม่ได้พูดอะไรไปตลอดทางจนมาถึงบ้านผม บ้านของผมหลังนี้ พวกผมไม่ค่อยได้มาพักบ้านหลังนี้ ถึงแม้ว่าจะอยู่ใกล้กับลุงณะที่สุดก็ตาม แต่ผมก็ไม่เข้าไปก้าวก่ายถ้าเขาบอกว่าไม่ให้พวกผมไปแต่ว่าวันนี้ผมแค่อยากรู้ว่าทำไมเขาห้ามผม ทันทีที่รถแล่นเข้ามาในตัวบ้านผมก็รีบเดินเข้าไปในบ้านทันที



            “นั้นไงมันมาแล้วพ่อ” พี่โจ้หันไปมาและชี้มาที่ผม พ่อนั่งลงสีหน้าไม่ค่อยดูเท่าไหร่ พ่อหันมามองผม พ่อลุกขึ้น ผมรู้ว่าพ่อโกรธที่ผมไม่ฟังคำสั่งพ่อเลย

           “ทำไมแจ็คไม่ฟังที่พ่อพูดบ้าง!! “พ่อหันมาถามผม

             “แล้ว?” ผมทำท่าจะเงยหน้าขึ้นถามพ่อผมกลับเช่นกันว่าทำไมไม่มีใครฟังผมบ้างละ แต่พี่โจส่ายหน้าว่าอย่าในตอนนี้ ดูพ่อกำลังโกรธ

              “พ่อบอกว่าไม่ให้แจ็คไป พ่อจะจัดการให้นี้ก็ไม่ทันได้คุยเลย งานเพิ่งจะเสร็จ เราก็ทำเรื่องซะแล้วและบ้านโน้นเขาโกรธมากแจ็ค!” พ่อพูด

             “ใช่พ่อ...แจ็คมันไม่ดีในสายตาบ้านโน้นอยู่แล้วพ่อ แจ็คมันดูแลบอยไม่ได้ แจ็คมันหวังสูงไปพ่อแต่แจ็คไม่ได้อยากได้บอยเพราะตำแหน่งแจ็ครักบอยตัวบอยไม่ได้รักเพราะตำแหน่งบ้าบออะไรนั้น “ผมพูดและทำท่าจะหันหลังออกเช่นกัน

               “แต่แจ็คก็ไม่ควรทำแบบนั้น!!” พ่อพูด พ่อมองหน้าผม สายตาของผมก็ประสานกันสายตาของพ่อ

                “แจ็ค!!” พี่โจพยายามเรียกสติผมว่าคนตรงหน้าคือพ่อผมน่ะ ผมไม่ได้โมโหพ่อผมเสียใจต่างหาก

              “ใช่พ่อ แจ็คพูดไปก็ไม่มีใครฟัง แม้กระทั่งพ่อตัวเองก็ไม่ฟัง!!! “ผมพูดทิ้งไว้แค่นั้นและเดินกลับขึ้นไปบนบ้านทันที เข้าห้องนอนตัวเองและเปิดเพลงที่ตัวเองชอบให้ดัง ผมใส่หูฟังไร้สาย ในห้องนอนผมค่อนข้างจะไฮเทค เรียกว่าสมาร์ตรูม มีทั้งหน้าจออัฉริยาะและทุกอย่างจะถูกคอนโทรลผ่านมือถือของผม ห้องน้ำใช้การสั่งงานผ่านเสียงได้ ผมเปิดเจออีเมลของไอ้หลุยส์มันส่งมาให้ผม มันกำลังจะสานต่อทุกอย่างของพ่อมันและผมก็จะลงขันร่วมด้วย มันบอกว่ายิ่งเริ่มเร็วยิ่งได้เปรียบ

            “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูห้องนอนของผม ใครกันนะ ผมก็ต้องพับโน๊ตบุ๊คลง ผมยังให้ใครรู้ไม่ได้ เพราะว่ามันจะไม่เซอไพรส์ แต่ผมคงไม่ได้ทำเพื่อบอยแล้วแหละ ผมว่ามันอาจจะจบลงแล้ว

             “แจ็ค ลงไปทานอาหารเย็นกัน” พี่เจนนั้นเองที่ขึ้นมาเรียกผม พี่เจนน่ารักเหมือนเป็นพี่ที่อ่อนโยนที่สุดของผม ผมหันไปมองพี่เจน

             “ผมไม่กินอะพี่เจน ผมไม่หิวอะครับ” ผมตอบพี่เจน

            “โกรธพ่อเหรอแจ็ค อย่าทำแบบนี้ซิ พ่อนะรักและเป็นห่วงเรามากนะ แจ็ค” พี่เจนเดินเข้ามาในห้อง ผมยอมรับว่าผมเสียใจที่พ่อไม่ฟังผมบ้างเลย

            “ผมยอมรับนะพี่เจนว่าผมโกรธที่พ่อไม่ฟังผมอ่ะและผมก็เสียใจไปพร้อมๆ กันอ่ะพี่เจน “ผมพูด แต่ผมก็หยุดไว้แค่นั้น

              “พ่อรู้ความจริงแล้วแจ็ค พี่ปีเตอร์บอกกับพ่อแล้วว่าเรานะไม่ได้เอาเด็กไปแต่ช่วยเด็กคนนั้นเพราะว่ารถลุงหนึ่งเอาไปปล่อยไว้ที่กลางสี่แยกไฟแดง “พี่เจนพูด ผมพยักหน้าผมไม่สนใจหรอกว่าใครจะรู้ความจริงก็ตามเพราะว่ามันสายไปแล้ว

              “พรุ่งนี้ผมไม่กลับไปที่โน่นนะพี่เจนบอกพ่อด้วย ผมว่าจะไปหาที่เที่ยวสักพักก่อน ยังไม่อยากกลับไป หรืออาจจะไม่กลับไปเลยก็ได้” ผมพูดพี่เจนเดินมาเอามือลูบหัวผมเบาๆ ผมไม่อยากไปเจอบอยสักพัก

“ตกลงไม่ลงไปทานอะไรสักหน่อยเหรอ” พี่เจนถามผมอีกครั้ง ผมส่ายหัวเบาๆ ว่าไม่ดีกว่าขออยู่บนห้องดีกว่า ผมก็ไม่รู้ว่าบ้านโน้นจะรู้หรือเปล่า แต่เขาก็มองว่าผมเป็นคนเกเรไม่ดี ไม่คู่ควรกับบอยอยู่แล้ว พี่เจนเดินออกไปจากห้องนอนของผม ผมก็เปิดโน้ตบุ้คขึ้นมามาดู ผมได้รับข้อความผ่านแอพพริเคชั่นจากไอ้หลุยส์

            หลุยส์ธรรณ์ :ไอ้แจ็คมึงทะเลาะอะไรกับบอยวะ

             แจ็ค: เขามองกูไม่ดีอีกแล้วและคงตลอดไปวะ กูจะทำทำไมวะถ้าเขาไม่ได้อยากได้กูอยู่แล้วว่ะหลุยส์

            ผมถามไอ้หลุยส์ตอนนี้ผมลบชื่อบอยออกไปแล้วเหลือแต่ชื่อผมในชื่อโปรไฟว์

           หลุยส์ธรรณ์:มึงนี้แม่งก็งี่เง่าตัวพ่อจริงๆ ว่ะ

            แจ็ค: ว่าแต่มึงรู้ได้ยังไงว่ะ

          หลุยส์ธรรณ์:ธรรณ์โทรหาบอยนะ บอยเสียใจมากเลยนะมึง

           แจ็ค:แล้วกูละว่ะหลุยส์โคตรเสียใจเลยว่ะ เสียใจที่ผ่านมากูทำไปไม่มีค่าว่ะ

          หลุยส์ธรรณ์ :เออ ว่าแต่พรุ่งนี้มึงกลับเลยไหมวะ

            แจ็ค:กูว่าจะว่าไปเที่ยวก่อนว่ะ สักอาทิตย์ถ้ากูดีขึ้นก็กลับไปว่ะ ถ้าไม่กูจะไปเรียนมหาวิทยาลัยเลยว่ะ หลุยส์ มึงก็ดูแลบอยด้วยแล้วกันว่ะ “ผมส่งข้อความบอกมัน

          หลุยส์ธรรณ์:ถ้ามึงให้กูดูแล้วไม่ให้คืนแล้วนะโว้ย

          แจ็ค:กูคงไม่ไปทวงคืนแล้ววะ กูยอมแพ้แล้วว่ะแต่ไม่ได้ยอมแพ้มึงนะ ยอมแพ้ใจกูเองนี้แหละว่ะ

          ผมบอกไอ้หลุยส์ ผมรู้สึกไม่อยากไปต่อแล้ว นี่ผมพยายามดึงกันหรือว่าพยายามยื้อกันอยู่แน่ ทั้งที่มันมองไม่เห็นปลายทางเลยด้วยซ้ำ ผมจะพยายามต่อไปทำไม ทำไปเพื่ออะไร สุดท้ายแล้ว บอยก็เลือกองค์กรมากกว่าผมอยู่ดี



           Part’ s บอย ผมนั่งมองแบงก์ ตอนนี้หลับสนิทและแขกที่มาในงานทุกคนก็กลับกันหมดแล้ว รวมถึงบ้านจอจานนั้นด้วยเขาก็ไปกันหมด จะไม่ไปได้อย่างไร พี่บรูคส์ไล่เขาไปขนาดนั้น ผมนั่งมองเด็กน้อย ยามหลับเขาก็เหมือนแจ็คมาก เหมือนขนาดนี้ ยังไม่รู้อีกเหรอและยังทำแบบนี้กับเลือดเนื้อเชื้อไขตัวเองได้ลงคออีกเหรอ ผมคิดในใจ แต่จะว่าไปแจ็คก็ไม่ผิดน่ะเพราะว่าเขาไม่รู้ หรือคนที่ผิดจะเป็นผมเองกันแน่

           “หมับ” พ่อเดินเข้ามาแตหัวผมเบาๆ

          “พ่อ ผมผิดเองที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับแจ็ค คนที่ผิดคือผมพ่อ” ผมพูดกับพ่อ

           “ฟู่!!” พ่อผมพ่นลมหายใจออกมายาวๆ เช่น พ่อคงรู้สึกแย่ที่พูดแบบนั้นกับอาภูมิไปเช่นกันเพราะว่าพ่อก็รักอาภูมิ

           “พ่อก็พยายามทำให้มันดีขึ้น่ะ แต่เหมือนจะยิ่งแย่ลงเหมือนกับบอย” พ่อผมพูด

            “แจ็คเขาเหมือนภูมิตอนหนุ่มๆ ไม่มีผิดเพี้ยน” พ่อผมพูดก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผม ผมหันไปมองพ่อ

            “เมื่อก่อนเขาจะดื้อแต่ว่าเขาดื้อเพราะเขาอยากทำในสิ่งที่เขามั่นใจว่ามันดีแต่มันขัดใจลุงหนึ่ง จนวันหนึ่งเขาทะเลาะกับลุงหนึ่ง ทะเลาะกันหนักมาก วันนั้นพ่อก็เสียใจมากน่ะ “พ่อผมพูด

            “อาภีมถามพ่อว่าจะไปกับเขาไหม พ่อเลือกไม่ไป เพราะถ้าก้าวขาออกไปแล้วนั้นคือพ่อจะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง พ่อทำไม่ได้ เพราะว่าสิ่งที่นี้ พ่อต้องเก็บไว้ให้บอย “พ่อผมพูด ผมพ่นลมหายใจออกมาทันที พ่อทำเพื่อผมและนั้นก็หมายถึงทายาทของผมด้วย หรือว่าผมต้องเลือกเหมือนพ่อเช่นกัน

             “แต่การกระทำของแจ็ควันนี้ มันต่างกันกับภูมิวันนั้นนะบอย พ่อไม่รู้เลยว่าเขาควรจะเป็นพ่อของแบงก์ได้ไหม พ่อมองไม่เห็นเลยบอย” พ่อบอกผม ผมหันมามองพ่อผม แบงก์ก็ตื่นขึ้นมานั่งพอดีเลย ผมรีบเดินไปอุ้มเขาออกมา แบงก์มองหน้าผม เขาคงเห็นน้ำใสๆ ที่ไหลอยู่ เขาปาดน้ำตาผม เอียงคอมองผมอย่างเด็กที่ไร้เดียงสา

            “Where’ s mum?” แบงก์เขาถามผม ถามหามัม มัมที่ไหนล่ะ ผมหันไปมองรอบๆ

              “มีแค่พ่อครับแบงก์” ผมบอกลูกชายของผม

             “Mum! It’ s so yummy!!” แบงก์เขาพูดและชี้ที่มุมปากที่ยังเลอะขนมอยู่ เขาบอกว่าขนมนี้อร่อยมาก ผมเองก็ไม่รู้ว่าขนมอะไรที่เขาทานเข้าไป

             “พ่อ เราเจอผึ้งแล้วครับพ่อ” พี่เจมส์เดินออกมาบอกพ่อ พ่อหันมามองหน้าผม ผมก็อุ้มแบงก์เดินตามพ่อออกไปทันที พี่ผึ้งนั่งก้มหน้านั่งอยู่

             “ผึ้ง” พ่อผมเรียกพี่ผึ้ง พี่เขาเงยหน้าขึ้นมามองหน้าพ่อผม ผมค่อนข้างตกใจมาก ใบหน้าพี่ผึ้งบวมเหมือนถูกทำร้ายมา พ่อหันมามองหน้าผมก่อนจะนั่งลง

             “มันเกิดอะไรขึ้นผึ้ง” พ่อผมถามพี่ผึ้ง

               “ผึ้งก็ไม่รู้ค่ะเพราะว่ามันเร็วมากค่ะคุณกฤษณะ ผึ้งน่ะเดินไปตามคุณแบงก์เพราะคุณแบงก์เดินไปตามทางที่จะออกไปด้านหน้านั้นแต่ว่าอ้อมไปทางด้านหลังก่อน ผึ้งก็ตามหา ผึ้งได้ยินเสียงคุณแบงก์คุยกับใครสักคนแต่ผึ้งพอจะจำได้ว่าเป็นคุณแจ็ค” ผึ้งพูด ผมหันไปมองหน้าพ่อผม หัวใจผมมันยังบีบรัดมากขึ้น เขาทำจริงๆ เหรอ

                 “แต่พอผึ้งออกมาก็เจอแค่คุณแบงก์ค่ะ ผึ้งก็จะพาเธอเดินกลับแต่ว่าคุณแบงก์ก็ยังเดินดูนั้นดูนี้ จนกระทั่งมีใครคนหนึ่งเดินมาถามว่า ใช่เด็กที่นี้ไหม ผึ้งหันไปมองก็จะพยักหน้าแต่ว่าไม่ทันได้เห็นชัดเจน รู้แต่ว่าเขาสวมสูทสีดำสนิท เขาตบเข้าที่ใบหน้าผึ้ง ตบจนผึ้งหมดสติไปเลยค่ะคุณกฤษณะ” ผึ้งพูด ผมนี้หันมามองหน้าพ่อผม

             “ใช่แจ็คไหม” พี่บรูคส์ถาม

             “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่แน่นอนค่ะ” ผึ้งพูด

            “ใช่พี่ปีเตอร์หรือเปล่าเพราะว่าเขาคุ้มกันไอ้แจ็คอยู่” พี่เจมส์ถามพี่ผึ้ง

            “ไม่ใช่ค่ะ ผึ้งจำพี่ปีเตอร์ได้ค่ะ พี่เขาสุภาพกว่านี้ค่ะ วันก่อนยังแวะซื้อขนมที่ร้านเอเชียมาฝากผึ้งเลยค่ะ พี่เขาไม่ทำผึ้งหรอกค่ะ” พี่ผึ้งพูด ผมหันมามองพี่ปีเตอร์เขาแอบมาหาพี่ผึ้งด้วยเหรอ

            “แล้วใครล่ะ” พ่อผมพูด

           “คุณกฤษณะค่ะ โทรศัพท์จากคุณหนึ่งค่ะ” หัวหน้าแม่บ้านอีกคนรีบนำโทรศัพท์มาส่งให้พ่อผม พ่อผมกดรับสาย

            “สวัสดีครับพี่หนึ่ง พี่ทราบเรื่องแล้วเหรอครับ ใช่ครับ เด็กในบ้านผม ผมก็รักเหมือนหลานผม ผมไม่ขออธิบายเรื่องนี้แต่เด็กนี้ไปอยู่ในรถพี่ได้ยังไง “พ่อผมพูด

             “ลุงหนึ่งเหรอ” พี่บอลถามขึ้น ผมสั่นหัวว่าไม่แน่ใจ พ่อผมคุยโทรศัพท์สีหน้าเคร่งเครียด

             “ไม่ใช่ พี่ไปเจอเขาที่ไหน “พ่อผมพูด

             “แต่ถึงยังงั้นก็เถอะ พี่จะมาทดสอบอะไรไอ้แจ็คโดยการปล่อย หลานผมไว้กลางถนนนแบบนั้นไม่ได้!!”

             “เอาไว้ผมเข้าไปคุยกับพี่ดีกว่า ตอนนี้ผมไม่พร้อม ใช่ครับพี่หนึ่ง ภูมิเขากลับไปหลังจากนั้น พี่ทำให้ผมเข้าใจภูมิผิด!!! พอเถอะพี่ โอเคพี่ ครับ พี่หนึ่ง บายครับ” พ่อผมกดวางสาย ผมหันไปมองพ่อผม ตกลงใครทำกันแน่

               “ลุงหนึ่งบอกว่าเขาขับรถออกมาก็เจอคนกำลังจะพาแบงก์ขึ้นรถเขาไป ไม่ใช่ลุงหนึ่งที่ทำแต่เขาเห็นให้คนของเขาพาแบงก์ขึ้นรถและจะขับรถกลับไปวนกลับแต่ว่าเขาเถอรถแจ็คขับตามมาเลย อยากทดสอบแจ็ค” พ่อผม ผมมองหน้าผม เอาชีวิตลูกผมนี่น่ะ

             “ลุงหนึ่งปล่อยแบงก์กลางสี่แยก” พ่อผมพูด

             “มันเกินไปพ่อ” พี่บรูคส์พูดแต่พ่อยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ก่อน

             “แจ็คเขาวิ่งลงจากรถไปช่วยแบงก์ “พ่อผมพูด ผมหันมามองแบกง์ ที่เขาเรียกมี้คือแจ็คเหรอ

             “ไอ้แจ็คนี่น่ะ!!” พี่ๆ ผมยังแปลกใจเลย

             “ใช่แจ็คนี่แหละ” พ่อผมพูด

            “พ่อ ผมผิดอ่ะพ่อ” ผมบอกพ่อ

           “ผมควรจะฟังแจ็คอธิบายก่อน” ผมพูดกับพ่อ

            “พ่อก็ผิดที่ต่อว่าอาภูมิไปเยอะเหมือนกัน” พ่อผมพูดพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาทันที พ่อหันไปมองทุกคน

            “พ่อ บอยต้องไปหาแจ็ค” ผมพูด

            “พ่อก็จะไปหาอาภูมิเราเหมือนกัน ดังนั้นบอยไปเตรียมตัว พ่อจะได้พาเราไปและบอยก็กลับไปพร้อมกับแจ็คเลยน่ะ “พ่อผมพูด

             “คืนนี้บีมอยู่ไม่ใช่เหรอ บีมกับพี่บรูคส์เขาดูแบงก์แทนได้” พ่อผมพูด ผมหันไปมองพี่บรูคส์ พี่บรูคส์ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็พยักหน้า

“มีงานเหรอบรูคส์” พ่อผมถาม

            “พอดีรินทร์เขามีนัดตรวจ ร่างกายเพิ่มนะครับ ช่วงนี้เขาเพลียๆ ผมเลยให้เขาตรวจให้ละเอียด” พี่บรูคส์พูด

            “งั้นพี่บรูคส์ไปดูวรินทร์ก็ได้ ผมดูหลานได้ครับ” พี่บีมพูดพร้อมกับหันมาอุ้มแบงก์ไปจากผม ผมรู้สึกเหมือนพี่บรูคส์กับพี่บีมมีอะไรที่ไม่เข้าใจกันอยู่ พ่อมองผม พ่อพยักหน้าให้ผมไปเตรียมตัวไปขอโทษคนรักของผม ผมยอมขอโทษถ้าผมคือคนผิด หรือไม่ผิดผมก็ขอโทษเขาน่ะ คำขอโทษที่ทำให้เรารักษาคนรักเอาไว้ผมก็จะทำ เหมือนพ่อผมเช่นกัน พ่อคงไปขอโทษอาภูมิเหมือนกัน
           TBC....

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.35.1(แจ็ค X บอย)ความจริง (ครึ่งหลัง)

            Part’ s แจ็ค ผมนั่งเล่นคอมพิวเตอร์ในห้องผมเป็นแบบสมาร์ตรูม มีแต่สิ่งไฮเทคทุกอย่าง นี้ก็เป็นธุรกิจของพี่ชายผมพี่เจมส์ พี่ๆ ผมอายุน้อยร้อยล้านกันทุกคน พ่อผมเป็นเจ้าของสายการบินที่มีคนใช้บริการเยอะมาก พี่เจนเป็นเจ้าของโรงพยาบาลจักษุแพทย์ที่ใหญ่ที่สุด พี่โจมีธุรกิจเยอะแยะ แต่หลักๆก็คือช่วยพ่อผมและพี่โจก็พึ่งได้เป็นซีอีโอ้คนที่สองของบ้าน พี่โจ้กำลังรออยู่  แถมพี่โจยังเป็นนักวิทยากรให้กับมหาวิทยาลัยดังด้วย พี่โจผมเก่งด้านการบริหารและการตลาด  อันที่จริงผมต้องเรียกดอกเตอร์แล้ว พี่โจเขาจบปริญญาเอกแล้วด้วย ด้วยวัยแค่ยี่สิบหกเอง  ส่วนแจ็คนี้ซิ ตอนนี้ผมควรจะไปทางไหนดี จุดมุ้งหมายหลักจริงๆ ของผมอยากไปใช้ชีวิจธรรมดากับบอย บนกองเงินกองทอง ธุรกิจมาเยอะแยะมากมายที่ผมจะหยิบมาทำเป็นเงิน แต่ว่าตอนนี้ คงไม่ได้แล้ว ผมกลายเป็นตัวร้ายไปสำหรับบอยแล้ว เขาคงมองว่าผมไม่ชอบเด็กอยากรังแกเด็กอย่างเดียวหรือไงกัน

          “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูห้องนอนของผมดีงขึ้นอีกครั้ง ผมก็หันไปมอง

           “ก็บอกไม่ทานไง ทานกันไปเลย ไม่ต้องมาเรียกแล้ว” ผมขี้เกียจลุกขึ้นไปกดล๊อกประตูแล้วเลยตะโกนไปแทนด้วยความหงุดหงิด

          “กึก” เสียงกุญแจไขประตูห้องห้องนอนของผม นั้นไงใครกันน่ะ อย่าบอกนะว่าพ่อน่ะ ผมหันไปมองที่ประตู มีว่ากำลังมีใครบางคนพยายามไขกุญแจห้องผมอยู่และกำลังจะเปิดประตูห้องเข้ามาในห้องนอนของผมด้วย

          “ก็บอกว่าไม่กินไง ไม่ต้องขึ้นมาตามแล้ว อยากอยู่คนเดียวสักพัก “ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ว่าผมหงุดหงิดมากแค่ไหนแต่คนที่ที่เดินเข้ามากลับไม่ใช่พี่ๆผมแต่เป็นบอย ผมหันไปมองด้วยความแปลกใจเพราะว่าเขาไม่ได้มาบ้านหลังนี้ของผมตั้งแต่เขาหายไปสามปีกว่า ขนาดบ้านเขาอยู่ไม่ไกลจากผมน่ะแต่นี่เขากลับมาหาผม ประตูถูกปิดลงเบาๆ

          “บอยจะมาว่าอะไรแจ็คอีกละ “ผมถามบอย

           “แจ็ค บอยรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น บอยขอโทษที่ไม่ได้ถามก่อน” บอยพูด แต่ผมหันหลังให้เขา

           “แล้ว มาทำไมล่ะ “ผมถามบอยโดยไม่ได้หันไปมองบอย ผมเปิดโน๊ตบุ๊คของผมและกดมหาวิทยาลัยที่ผมสนใจอยากเข้า

           “แจ็ค บอยขอโทษ แจ็คไม่รู้หรอกว่าแบงก์มีค่ากับบอยแค่ไหน ในวันนี้แจ็คอาจจะยังไม่เข้าใจแต่สักวันแจ็ค” บอยพูด

            “แจ็คไม่มีวันเข้าใจหรอกบอยและคงไม่มีวันนั้นสักวันหรอก แจ็คพอแล้ว” ผมพูดโดยไม่ได้หันหลังกลับไปมองบอยเลย บอยเข้ามายืนอยู่ตรงกลางห้องผม

         “แจ็ค” บอยเรียกชื่อผมน้ำเสียงฟังดูเบามาก

          “แจ็คว่าจะไม่กลับไปแล้วอ่ะบอย บอยก็กลับไปได้น่ะ ไปอยู่กับพวกนั้น โดยเฉพาะไอ้คนที่เขาเลือกให้น่ะ “ผมพูดแต่บอยก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรผม ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้และหันไป ผมว่าจะบอกเขาว่าผมจะไปเรียนมหาวิทยาลัยเลย บอยยืนมองผม น้ำตาเขาไหลริน

           “บอย “

           “ก็ได้แจ็ค..ถ้าแจ็คต้องการเลือกแบบนี้จริงๆ ถ้าแจ็คเลือกจะทิ้งบอยจริงๆ ทั้งที้บอยเลือกที่จะกลับมาหาหัวใจตัวเองเพื่อหัวใจอีกดวงหนึ่ง แต่ถ้าแจ็คคิดว่ามันไม่มีค่า แจ็คก็ทำตามที่แจ็คต้องการแล้วกัน “บอยพูดพร้อมกับหันหลังทันที ผมลุกขึ้นผมอยากใจแข็งกว่านี้แต่ว่าผมก็ยังใจอ่อนอยู่ดี นึกโกรธตัวเองเหมือนกัน ผมลุกขึ้นก่อนจะหันไปมองบอยที่กำลังหันหลังแต่ผมรู้สึกว่าบอยจะทรงตัวเองไม่อยู่และทำท่าจะล้มลง ผมก็รีบดันเก้าอี้ออกและกระโดดเข้าไปรับร่างนั้นก่อนที่จะกระแทกพื้นแม้จะไม่แข็งเพราะว่ามีพรมอย่างหนาปูเอาไว้อยู่ก็ตาม

        “บอย บอย บอย!! “ผมเรียกบอยแต่เขาไม่ตอบสนองอย่าบอกนะว่าบอยเป็นลมนะ ดูสีหน้าซีดมาก

           “บอย!!” ผมเรียกและเอาฝ่ามือแตะที่แก้มของบอย ผมก็มองซ้ายมองขวาและอุ้มบอยขึ้นไปไว้บนตียงนอนผมก่อน ผมก็วิ่งออกไปนอกห้อง

           “พี่เจน!!” ผมตะโกนเรียกพี่เจนดังลั่นบ้านเลย ผมวิ่งไปและมองลงไปที่กลางบ้านผมเห็นพวกพี่ๆ นั่งกันอยู่ที่ห้องรับแขก

         “พี่เจน บอยเป็นลมในห้องนอนผมอ่ะ” ผมเรียกพี่เจนเพราะว่าพี่เจนเป็นหมอและเป็นหมอตาด้วย พี่เจนก็ลุกขึ้นและวิ่งขึ้นมาบนบ้านทันที ผมวิ่งกลับไปที่ห้องนอนผม พี่ๆ พากันวิ่งขึ้นมาผมเข้าไปในห้องนอนผมก่อน ตามมาด้วยพี่เจนทันที พี่เจนวิ่งเข้าไปดูบอย

          “เว้ย!!” พี่โจ้ตามขึ้นมาเห็นบอยนอนอยู่บนเตียงก็ร้องเสียงหลงเลยทันที

            “พี่โจ้ไปเอากระเป๋าเแพทย์เจนมาทีครับ “พี่เจนสั่งพี่โจ้ พี่โจ้ก็วิ่งออกไป ผมก็มองพี่เจน ไม่นานพี่โจ้ก็กลับมาพร้อมกับกระเป๋าแพทย์ของพี่เจนและพี่เจนก็วัดความดัน วัดทุกอย่าง ผมก็ยืนมองด้วยความกังวลที่เห็นบอยเป็นแบบนี้

           “พี่เจนบอยเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ผมถามพี่เจนด้วยความร้อนรน

             “ดูแล้วน่าจะพักผ่อนน้อยนะแจ็ค” พี่เจนพูด พ่อผมเดินเข้ามาในห้องนอนผม

            “บอยเป็นไงบ้างเจน “พ่อผมถามพี่เจน ผมยังคงยืนนิ่ง พี่เจนเงยหน้ามองผม พี่เจนรู้ว่าผมเสียใจอยู่เรื่องที่พ่อไม่ฟังเหตุผลของผมที่เป็นลูกของพ่อก่อนเลย

             “เจนว่าบอยอาจจะแค่อ่อนเพลียนะครับพ่อ” พี่เจนพูด

             “อืมม “พ่อพยักหน้า พ่อหันมามองผม

            “แจ็ค พ่อขอโทษน่ะ ที่ไม่ได้ฟังเราพูดก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น โกรธพ่อเหรอ” พ่อภูมิพูดขอโทษผม ผมเงยหน้ามองพ่อภูมิ ผมพยักหน้าเบาๆ

             “พรุ่งนี้พ่อกับลุงณะจะไปธุระกัน ดังนั้นพรุ่งนี้ก็กลับไปพร้อมกับบอยเลยนะแจ็คและดูแลบอยด้วยน่ะ ลุงณะเขาฝากให้เราดูแล ทำให้ดีน่ะรู้ไหม “พ่อผมพูดก่อนจะเดินออกจากห้องไป ผมพยักหน้าเบาๆ แค่นั้น พี่โจ้ พี่โจก็เดินเข้ามาพร้อมกัน

            “แจ็คพ่อรักเรามากนะและนี้พ่อก็ออกโรงปกป้องนายจนทะเลาะกับลุงหนี่งก็หลายครั้งเลยนะ “พี่โจพูด ผมพยักหน้าว่าผมรู้

            “ผมแค่แอบน้อยใจนะพี่โจ “ผมพูด

            “ไม่เอานะ พ่อรักเรามากและพ่อรู้สึกผิดที่ไม่ได้ฟังเราก่อนด้วยแต่เราก็ไม่ควรโกรธพ่อนะ เข้าใจที่พี่พูดไหม แจ็ค “พี่โจถามผม ผมหันไปเห็นบอยเริ่มได้สติแล้ว บอยขยับตัวแล้ว ผมรีบตรงเข้าไปหาบอยทันที

            “บอย “ผมรีบกุมมือบอย บอยมองหน้าผม

            “ผมเป็นอะไรไปเหรอครับพี่เจน” บอยถามพี่เจนแต่ดันไม่ถามผมซะงั้น

             “บอยเป็นลมอ่ะ แจ็ค ขอโทษน่ะ “ผมบอกบอย บอยหันมามองหน้าผม

                “พี่ว่าบอยอาจจะพักผ่อนน้อยไปน่ะ พี่ได้ฉีดวิตามินบีให้แล้วนะครับ” พี่เจนบอกบอยและลุกขึ้นพี่เจนมองหน้าผม พี่โจที่ยืนกอดอกอยู่ก็เดินหันหลังออก พี่โจ้และพี่เจนก็ยิ้มให้ผมสองคนและเดินออกไปเช่นกัน พี่ๆ คงอยากให้ผมกับบอยได้มีเวลาปรับความเข้าใจกัน

               “เออ บอย งั้นบอยกลับบ้านดีกว่าแจ็ค” บอยพูดและทำท่าจะลุกขึ้น

              “บอย จะกลับได้ยังไงเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาน่ะ “ผมพูดและดึงแขนบอยไว้

            “ก็แจ็คบอกบอยเองไม่ใช่เหรอว่า ให้บอยกลับน่ะ “บอยพูดและหันไปมองทางอื่นแทน

             “ก็แจ็คน้อยใจ ทำไมใครๆ ต้องมองว่าแจ็คไม่ดีพอตลอดเลย แจ็คก็เลย...”

             “แล้วบอยมองแจ็คแบบนั้นหรือเปล่าล่ะที่ผ่านมา” บอยถามผม ผมเงยหน้าขึ้นมองบอย ผมนั่งย่องๆ ลงและกุมมือบอยไว้

             “ถ้าเรื่องวันนี้บอยขอโทษ เสียใจแต่สิ่งที่ทำให้บอยเสียใจมากกว่าคือบอยไม่ฟังแจ็คก่อน” บอยพูด

              “ถ้าบอยมองแจ็คแบบนั้นแบบที่แจ็คคิดว่าคนอื่นมอง บอยจะมาหาแจ็คเหรอ สู้บอยไปตามที่ลุงหนึ่งบอกไม่ดีกว่าเหรอแจ็ค” บอยพูดผมพยักหน้าว่าจริง

                “แจ็ครู้ว่าแจ็คนะงี่เง่าตัวพ่อ แต่ก็” ผมพูดสายต่าผมประสานกับบอย บอยค่อยยันตัวเองขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอน ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นมองผมก่อนจะ

              “หมับ!” ฝ่ามือของบอยประคองที่รอบคอของผมก่อนจะโน้มให้ผมก้มลงไปหาเขาและ

             “อืมมมม” บอยจูบผมก่อน ผมก็จูบบอยตอบเช่นกัน ผมค่อยเลื่อนตัวเองขึ้นมาและดันบอยให้นอนราบลงไป ผมขึ้นมาคร่อมร่างของบอยเอาไว้โดยไม่ได้ทิ้งทำหนักทั้งตัว ริมฝีปากของเราสองคนยังดูดดื่มความหวานของกันและกัน หยอกเย้ากันไปมา

              “อืมมม อ้าห์ “ผมค่อยๆ ไล่ลงมาฝั่งริมฝีปากไว้ที่ตามซอกคอของบอย บอยเป็นผู้ชายที่มีความหอมติดตัวมาตั้งแต่เกิด มันน่าอัศจรรย์ ผมไม่อาจจะหยุดสูดดมมันได้เลย ผิวพรรรณ์ที่เนียนสวยจนผมเองก็หยุดสัมผัสไม่ได้เช่นกัน ผมดันตัวเองขึ้นมามองบอย ผมยิ้มให้บอย

              “อย่ายิ้มยั่วแจ็คแบบนี้ซิครับ แจ็คทนไม่ไหวน่ะ” ผมพูดกับบอย บอยก็ยิ้มให้ผมพร้อมกับนิ้วเรียวๆ ที่กำลังไต่ลากจากแผ่นอกของผมลงไปจนถึงพุงที่ไม่มีไขมันอยู่เลยและมันก็กำลังไต่ลงไปจนผมต้องจับเอาไว้ก่อน

              “ก็ไม่ต้องทนซิ บอยว่าบอยพร้อมแล้ว” บอยพูด ผมก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ ผมถอดเสื้อยืดของผมออกไปเผยให้เห็นกล้ามเนื้ออกที่แน่น ไหล่ที่กว้าง ผมก้มลงและฝ่ามือผมก็จับกระจับเอวก่อนจะถลกชายเสื้อเชิ้ตตัวนั้นของบอยขึ้นมาจนเผยให้เห็นหน้าท้องเนียนๆ ของบอย ผมก็ฝังใบหน้าลงไป

               “อ้าห์” บอยครางออกมาเบาๆ ผมจูบลงที่หน้าท้องแบนราบนั้น ผมรู้สึกถึงการบิดตัวของบอย ผมยิ่งพึงพอใจ

              “แจ็ค อืมม แจ็ค” บอยเรียกชื่อผม ผมก็เงยหน้าขึ้นมองบอยว่ามีอะไรเหรอแต่ผมรู้ว่าทำไม เพราะว่าความเสียวซ่านนั้น บอยกระดกศีรษะขึ้นและมองไปที่ตรงประตู

              “ล๊อคประตูหรือยังบอยอายถ้าพี่ๆ ของแจ็คเปิดเข้ามาเจอแบบนี้” บอยพูดด้วยอาการเขิน ผมพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ประตู พร้อมกับหยิบป้ายว่าห้ามกวน ถ้าแขวนป้ายนี้ไว้จะไม่มีใครมากวนใจแจ็คเลยสักคน

               ผมก็เดินกลับมาที่เตียงและทำการปลดกระดุมกางเกงยีนแต่ยังไม่ถอดออกไปเลย ผมกลับขึ้นมาบนเตียงอีกที ผมก้มลงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของบอยจนหมด ผมก้มลงและซบใบหน้าเข้ากับหน้าท้องของบอย คนที่นอนถึงกับสะดุ้งเกร็งหน้าท้องตามการขบและเม้มของผม ผมดูดและขบจนคนที่อยู่เบื้องล่างดิ้นส่ายไปมา เสียงหายใจหอบของบอย

            “บอย แจ็คไม่มีถุงนะ คือว่าแจ็คไม่เคยพาใครมานอนที่นี้มี่แต่บอยคนเดียวและจะเป็นบอยคนเดียวตลอดที่ได้มาที่นี้กับแจ็ค” ผมพูดบอกบอยว่าผมไม่มีถุงยางอนามัย บอยมองหน้าผมด้วยสีหน้ากังวล

            “นะบอย แจ็คไม่ได้ไปมั่วกับใครน่ะ ถามว่าเรื่องอย่างว่ามีบ้างไหม แจ็คยอมรับน่ะแต่มีเพื่อเก็บไว้เป็นประสบการณ์เฉยๆ” ผมพูด

           “และแจ็คก็ป้องกันตัวเองดีตลอดน่ะ ต่อไปแจ็คสัญญาว่าจะไม่มีอีกแล้ว มีแค่บอยคนเดียว ขอแจ็คนะครับ “ผมพูดออดอ้อนบอย สีหน้าบอยกังวลแต่ก็พยักหน้าให้ผม ผมก็จัดการถอดกางเกงบอยออกไปทั้งหมดทั้งชั้นนอกชั้นใน ส่วนผมก็ถอดเช่นกันไปทั้งสองชั้นเช่นกัน

           “บอยทำไมผิวสวยแบบนี้นะ ผิวก็หอมด้วย เหมือนอาบน้ำแร่แช่น้ำทุกวันเลยอ่ะ อืมม” ผมพูดไปปากก็หอมดอมดมทุกอณูของร่างกายบอย และสูดดมอย่างหื่นกระหาย และผมก็พลิกตัวบอยให้มาอยู่ในท่าด็อกกี้

            “ลองท่านี้นะบอย “ผมพูดกระซิบที่ข้างหูบอยและจัดการจัดท่าให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะค่อยๆ แยกขาบอยออกเล็กน้อยและผมก็สอดแกนกายที่มันพองตัวเต็มที่ตอนนี้มันพร้อมจะเข้าไปอยู่ในกายของบอยแล้ว บอยก้มมอง

            “เอื้อก” เสียงกลืนน้ำลายลงคอดังจนผมได้ยิน คงเห็นความยาวของมันแล้วซิ

            “แจ็คจะไม่รุนแรงสัญญา ฟ้อด!” ผมพูดและหอมที่หัวไหล่บอย พร้อมกับค่อยๆ ดันสิ่งนั้นให้แทรกเข้าไปในกายของบอยช้าๆ ผมว่าคงเจ็บพอสมควร ที่ผ่านมาผมกับบอยยังไม่ถึงขั้นสอดใส่ มีแต่จูบกัน แต่ว่าวันนี้บอยยอมผมแล้ว ยอมเป็นของผมแล้วทั้งกายและใจ

             “อ้าห์ อืมมม อืมมมม โอ๊ยยย ซี้ด อืมมม แจ็ค” บอยร้องครางเป็นพักๆ และเรียกชื่อผม ผมก็ค่อยๆ ขยับๆ ถ้าบอยร้องเจ็บก็จะหยุด ผมสังเกตจากมือบอยที่จิกผ้าปูที่นอน ผมค่อยจูบไปตามหัวไหล่ และไล่ไปตามลำคออ้อมไปด้านหน้า และใช้ลิ้นเลียไล่ขึ้นมาที่ใบหูชอนไชเข้าไปไม่ลึก ดูท่าบอยจะสยิวน่าดูบอยเอาฝ่ามือขึ้นมาแตะที่ศีรษะผมเอาไว้

            “เสียวป่ะ” ผมกระซิบถามบอยเบาๆ ผมพยักหน้าเบาๆ และกัดริมฝีปากตัวเอง ผมรู้ว่าบอยไม่เคยทำแบบนี้กับใครแน่ๆ บอยเหมือนเด็กเนิร์ดแต่ไม่ใช่ซะที่เดียว ผมไม่อยากเชื่อเลยว่ายิ่งบอยโดนผมเล้าโลมแบบนี้บอยก็ยิ่งตื่นตัวมาก เหมือนตื่นเต้นกับความรู้สึกแปลกใหม่

             “โอ้วว แจ็ค บอย ซี้ด “บอยร้องเรียกผม แถมหลับตาพริ้มแบบนี้แสดงว่าเขากำลังมีความสุขกับรสรักที่ผมปรนเปรอให้

              “อันที่จริงเราน่าจะทำกันบ่อยๆ น่ะ ดูท่าทางบอยจะชอบ อืมมม เห็นบอยแบบนี้ มันยิ่งยั่วแจ็คมาก ซี้ด อืมมม “

               “ไม่ได้แจ็ค ถ้า เราพล้าดกันขึ้นมาอีก บอย…. “

              “พล้าดอะไรอะ ไม่หรอก มันดีจะตายไป บอยไม่ชอบเหรอ อืมม” ผมพูดและก้มลงจูบบอย ผมก็ค่อยพลิกให้บอยขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้ บอยค่อยหย่อนลงช้าๆ เพื่อให้สวนที่โด่เด่ของผมเข้าไปในกายบอยอีกครั้ง

            “คุมเองเลยน่ะ แจ็คอยากได้แบบว่า อารมณ์แบบคาวบอยเลยอ่ะได้ไหมครับที่รัก” ผมกระซิบกับบอย บอยก็มองผมและบอยก็ทำท่าควบสิ่งนั้น แม้จะยังชำนาญแต่ก็ทำได้ดีทีเดียว จนผมเองก็จะไม่ไหวต้องดันตัวเองขึ้นมาจูบคาวบอยหนุ่มของผม คาวบอยของผมก็ควบใหญ่ๆ และยิ่งควบเร็วมากขึ้นแค่ไหนผมก็ยิ่งเสียวมากแค่นั้นจนกระทั่ง ทุกอย่างหยุดนิ่งพร้อมการเกร็งของร่างกาย น้ำรักกำลังจะมา

            “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตู บอยทำสีหน้าตกใจจะลุกพล้วดเลยแต่ผมดันเอวเอาไว้ก่อน

             “อย่าเพิ่งดิบอย อย่าเพิ่ง จะมาแล้วเนี่ยะ”

              “แจ็คมีคนเคาะประตูเพื่อว่าเป็นพ่อ”

               “ไม่หรอก พ่อน่าจะไปเตรียมตัวออกไปธุรกับลุงณะ “ผมพูด ผมไม่อยากหยุดกิจกรรมเลย

           “โยกต่อซิบอยนะ ส่วนข้างนอกให้รอไปก่อน อันนี้สำคัญ นะบอยไม่งั้นแจ็คแย่แน่ๆ” ผมพูดอ้อนบอยและบอยก็โยกต่อ จน น้ำรักผมมาถึงทางออกแล้ว

             “อู้ยย!! อาห์!!! “เสียงลากยาวจากปากผม และบอยก็ค่อยๆ ลุกถอนสิ่งนั้นออก บอยก็หยิบผ้าห่มพันตัวเองและวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที ผมก็ค่อยๆ ลุกขึ้น เดินไปหยิบเอากางเกงยีนมาสวมไว้ก่อนและเดินไปที่ประตูห้อง ผมแอบมองจากช่องเล็ก พี่โจนี้เอง มาขัดทำไมนะ

             “พี่โจอะไรเนี่ยะ” ผมเปิดออกมา พี่โจมองผมก็คงรู้นะว่าผมทำอะไรอยู่

             “พี่บรู๊คเขาโทรหาบอยแต่บอยไม่ได้รับสายมึง และถ้าบอยไม่โทรกลับมึงจะให้พี่เขยมาหามึงที่นี้และเห็นว่ามึงทำ อิบอิบ น้องเขาไหมล่ะ แจ็ค” พี่โจพูด

            “เดี๋ยวบอกบอยให้โทรกลับน่ะ มีอะไรไหมอะ เกือบไม่เสร็จนะพี่โจ”

             “เหรอ ไม่มีอะไรแล้ว แล้วนี่บอยจะทานอะไรไหมพี่จะได้ให้แม่บ้านทำให้ และมึงก็จะถนอมบอยหน่อย เขาเพิ่งพื้นจากการเป็นลมนะไอ้แจ็ค พวกพี่ไม่อยากงานเข้า” พี่โจพูดกระซิบกับผม

               “รู้แล้ว แค่นี้นะ ผมจะไปอาบน้ำ แล้วถ้าจะกินอะไรจะโทรไปบอกที่ห้องครัวเองพี่โจ” ผมบอกพี่โจ

              “อีกอย่างพรุ่งนี้ผมกับบอยกลับกันเองได้ไหมอ่ะ ผมจะไปนัดเจอไอ้หลุยส์มัน น่ะพี่โจ” ผมพูดบอกพี่โจ อ้อนด้วย

              “ก็ได้ เอาการ์ดพ่อไปด้วยสองคนล่ะ “พี่โจพูดแค่นั้นผมก็รีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ และปิดประตูลง บอยยังอาบน้ำชำระร่างกายอยู่ เหมือนรอผมด้วยเช่นกัน ผมก็ไม่รอช้า ถอดกางเกงยีนและเข้าไปยืนอยู่เบื้องหลังบอย พร้อมกับโอบกอดร่างนั้นเอาไว้

              “บอย ทำไมบอยรักแบงก์มากละ เขาคือใคร “ผมถามบอย บอยหันมามองหน้าผม

             “แจ็ค ถ้าบอยบอกว่าแบงก์คือลูกของบอยล่ะ แจ็คจะรับตรงนี้ได้ไหม” บอยบอกผม ผมก็ต้องทำหน้าตกใจ ผมเลื่อนไปแตะเมนูให้น้ำหยุดไหล่ ผมมองหน้าบอยว่ายังไงกัน นี้บอยไปทำใครท้องมาเหรอ

            “บอยไปมีอะไรกับผู้หญิงมาเหรอ”

             “บอยทำใครท้องมาเหรอ “ผมถามบอย บอยมองหน้าผม

             “บอยอยากมีลูกนะ บอยเลย” บอยพูด

            “อย่าบอกนะว่าบอยก็ทำเหมือนที่พ่อๆ เราทำนะ “

             “แต่ก็โอเคนะ ถ้าบอยอยากมีลูก” ผมพูดบอกบอย

            “ต่อไปก็จะเป็นลูกของเรานะแจ็ค ได้ไหม “บอยถามผม

             “ก็ได้นะ แต่ดูท่าจะไม่ค่อยชอบหน้าแจ็คสักเท่าไหร่ เอาไว้ แจ็คไปหาบอยที่บ้านบ่อยๆ น่ะ เราจะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น “ผมพูดกับบอย ผมกอดบอยตอนนี้โล่งไปเยอะเลยที่รู้ว่าไอ้แบงก์เป็นแค่เด็กน้อยธรรมดาคนหนึ่งไม่ใช่แฟนของบอยอย่างที่ผมกลัว แต่ดูท่าจะร้ายกาจใช่เล่น คงต้องเอาของเล่นไปล่อเยอะๆ เด็กน่ะแพ้ของเล่นอยู่แล้ว และเดี๋ยวรู้ว่าใครจะแน่กว่ากันระหว่างแจ็คกับแบงก์

           TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.36(ดิว Xแอ้)แอ้เสียใจ(ครึ่งแรก)

             Part’ s ดิว ผมมีปากเสียงกับลุงหนึ่งเรื่องที่ลุงจะมาบังคับพวกผมเพียงเพราะว่าเขาแพลนให้พวกผมเกิดมาเพื่อเดินตามหมากที่เขาวางเอาไว้ไม่ได้ ตอ่ให้เป็นคนให้ชีวิตพวกผมก็เถอะแต่นี้มันชีวิตพวกผมแล้ว ถามว่าพ่อบังคับผมขนาดนี้ไม่ ไม่แน่นอน มีแต่ลุงหนึ่และองค์กรนี่แหละ

             แต่ยังไม่ทันไร จู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาคุยกับลุงหนึ่งดูท่าจะเรื่องด่วนและลุงหนี่งก็หันมาบอกผมว่าเขาจะไปคุยกับผมอีกทีผมก็ต้องขมวดคิ้วรอว่ายังจะคุยอีกเหรอครับลุงผมก็บอกไปอยู่หยก ๆ ว่าผมนะมีคนรักแล้ว และผมก็คิดว่าแค่นั้นก็น่าจะเพียงพอแล้วที่ผมจะปฏิเสธบอย ผมรู้ว่าบอยสำคัญแค่ไหนและองค์กรก็สำคัญไม่แพ้กันแต่ผมควรจะเลือกคนที่สำคัญกับลูกๆ ผมไม่ใช่เหรอ แต่มันติดที่ว่าผมกับพูดหรือบอกเรื่องแอ้กับลูกๆ ผมไม่ได้นี่ซิ

              ตอนนี้ผมก็ได้แต่ชะเง้อคอมองดูความวุ่นวายของบ้านลุงกฤษณะ ดูท่าจะงานเข้าจริงๆ และนี่ไอ้แจ็คมันไปไหนซะก็ไม่รู้ผมเห็นบอยเดินเข้าเดินออกเหมือนกับมีเรื่องอะไรที่ค่อนข้างใหญ่ พ่อผมกับอาภีมก็ได้แต่มองเช่นกันไม่รู้จะเข้าไปช่วยเขาทำอะไรได้

             “พ่อ ดูเขามีเรื่องกันนะแล้วทำไมเราไม่กลับเลยอะพ่อ” ผมถามพ่อผมคุณหมอภาณุเดช พ่อหันมามองหน้าผม

              “มึงรีบเหรอ ไอ้ว่าที่ลูกเขย” พ่อผมหันมาถามผมกลับ ถามผมแบบนี้ขนลุกเลยผม เรียกว่าที่ลูกเขยกันแบบนี้ ว่าที่ลูกเขยลุงกฤษณะแน่ๆ ผมสั่นหัวเบาๆ ไม่เอา จะเอาว่าที่ลูกเขยคนข้างๆ ผม ผมแอบชี้ไปเก้าอี้ข้างๆ พ่อผม พ่อผมหันไปเหล่ตามองตามนิ้วผม ผมพยักหน้าว่าอยากเป็นลูกเขยคนนั้นมากกว่านะพ่อน่ะ พ่อผมหันมองและโชว์นิ้วเฉือนคอใส่ผมอีกน่ะ อันนี้มันตัดกำลังลูกชัดๆ เลยพ่อ ผมคิดในใจ

            “พี่ภา ผมได้ยินมาว่ามีเด็กในบ้านพี่ณะ หายไปอ่ะ “อาภีมปภพเดินกลับเข้ามาและมองหน้าพ่อผมก่อนจะหันมามองผมด้วย ก็สองคนพ่อลูกใช้ภาษามือคุยกันอยู่

             “ดูท่าจะวุ่นวายด้วยแต่ภีมก็ไม่มีโอกาสได้คุยกับพี่ณะเลย เด็กนั้นใครเหรอพี่ภา ทำไมดูพี่ณะเป็นห่วงเอามากๆ เลย” ผมหันไปมองพ่อผม พ่อไม่เคยบอกเรื่องบอยมีลูกกับอาภีมปภพเหรอนี้ขนาดแฟนกันน่ะ พ่อหันมามองหน้าผม พ่อคงอ่านสายตาผมออก พ่อส่ายหัวเฉยเลยว่าไม่ ผมก็พยักหน้าว่างานเข้าแล้วแหละพ่อ

             “พี่ภา ว่าไงละ “ผมก็ยิ้มเอาไงละพ่อ พ่อหันกลับไปมองหน้าอาภีมด้วยอาการ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

              “แฟนพ่อถามอ่ะไม่มีคำตอบให้อาจจะงอนยาวน่ะพ่อ “ผมกระซิบกับพ่อผมและส่งยิ้มให้คุณหมอภาณุเดชผมเหมือนจะกดดันพ่อผมอยู่นะว่าถ้าไม่อยากตอบก็รีบเพ่นเถอะ

             “ไปเรากลับกันเถอะ” พ่อภาลุกพร้วดขึ้นทันทีเลยทำเอาอาภีมปภพตกใจมิใช่น้อยพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองพ่อผมด้วยอาการงงแต่ผมนะรีบลุกครับ ไม่งง ครับ รีบกลับกันเถอะ

            “ไปซิภีมกลับเถอะ พี่มีธุระด้วยมีเครสรอคลอดกับพี่หลายคน ตามฤกษ์ซะด้วยเลยฤกษ์ไปนี้เสียหายหลายแสนเลยไปครับ “พ่อผมนะหมอสูตินรีเวชนี้ครับ ผมหันมามองอาภีมปภพ

             “มีอะไรกันหรือเปล่าพ่อลูกคู่นี่นะ” อาภีมปภพลุกขึ้นพร้อมกับมองหน้าพ่อผมและผมสลับกันไปมา

              “ไม่มี!” ผมกับพ่อตอบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายและเสียงก็สูงปรี้ดพอกันเลย

             “โกหกแน่ๆ “อาภีมปภพถามขึ้น

             “ไปเถอะภีม” พ่อผมพูดและหันไปดันอาภีมปภพออกส่วนผมก็รีบเดินนำหน้ารีบไหมบอกได้ว่ามากอยากออกไปจากตรงนี้แย่แล้ว

              “ไม่ลาพี่ณะก่อนเหรอพี่ภา” อาภีมปภพถามพ่อผม

              “ไหนละพี่ณะ ดูท่าจะงานเข้า นั้นดูไอ้พี่ชายเรานะไอ้ภูมิมันกระเด็นออกมาแล้วน่ะ สงสัยงานนี้เพราะลูกมันเลยน่ะ แล้วเราจะรออะไรไปเถอะภีม” พ่อผมพูดและชี้ให้อาภีมดู อาภูมิพ่อของไอ้แจ็คเดินออกมาอย่างไว้ดูจากสีหน้าถ้าจะงานเข้าจริง และงานนี้ก็คงมาจากบ้านจอจานแน่ๆ แล้วผมจะรออะไร

                 ผมรีบลุกเดินนำหน้าออกไปทันทีและรีบเดินแทรกเพื่อตรงไปยังที่จอดรถเอาไว้ เป็นรถของโรงแรมที่ผมพักกัน ผมหันมาเห็นพ่อผมกึ่งลากอาภีมออกมา พอไปถึงรถได้ผมรีบเข้าไปนั่งในรถทันที ผมเข้าไปนั่งอยู่ด้านหน้ากับพี่คนขับพ่อผมกับอาภีมก็นั่งหลัง

                “ออกรถเลยครับ ผมจะไปเอากระเป๋าเดินทางและกลับไปส่งพวกผมที่สนามบินเลยนะครับผมรีบครับ” พ่อผมพูดผมหันมามองพ่อผม อยากจะเซย์เยสดังๆ ไม่นานรถเก๋งคันหรูก็พาผม พ่อและอาภีมมาส่งที่โรงแรมหรูที่ผมเข้าพักกันเมื่อคืนแม้จะไม่กีชั่วโมงก็ตาม ผมรีบแพ็คของลงกระเป๋าเพื่อจะได้เดินทางกลับผมคิดถึงกว่าจะถึงก็คงเย็นเกือบจะมืดแต่ไม่เป็นไรจะหาเรื่องกลับเช้าวันรุ่งขึ้นเพื่อจะได้ไปร่วมงานวันเกิดลูกชายของผม น้องมีนก่อน ผมมีของขวัญวันเกิดของมีนแล้วอยู่ที่บ้านแล้ว ผมฝากพี่ดิมไปให้ก่อน พี่ดิมมาขึ้นเวรแพทย์พาร์ทไทม์ที่โรงพยาบาลของพ่อผม ผมหยิบเอากล่องแหวนมาดู ผมซื้อให้แอ้  ผมรู้ขนาดนิ้วของแอ้ดี จับทุกวันขนาดนั้น ผมตั้งใจจะให้แอ้ ผมเลือกแล้วเลือกแอ้

*****

              Part’ s แอ้ ผมมากับติ๊กและพายเพื่อมาเดินแบบให้กับห้องเสื้อชื่อดัง คอนเซ็ปต์เสื้อสูทสำหรับใส่ออกงานต่างๆ แม้ว่าผมจะไม่อยากมาก็ตามแต่ติ๊กมันก็ดันให้อาภาคย์เอ่ยปากขอพ่อผมมาขนาดนั้น ผมก็ต้องมาและนี่เมื่อคืนไอ้ดิวมันก็ส่งข้อความมาหาผม ว่ามันคิดถึงผม เล่นเอาผมใจหายเลยผมก็ไม่รู้ว่าวันนี้ลุงหนึ่งจะคุยอะไรกับดิวบ้าง ตอนนี้ในหัวผมวุ่นวายไปหมดใจผมก็กลัวว่ามันอาจจะต้องแต่งงานกับบอยเร็วขึ้นหรือเปล่า

              “แอ้” ผมสะดุ้งเฮือกเพราะว่ามีคนมาเรียกผมขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ ผมหันไปมองต้นเสียงนั้น คนที่มาเรียกผมก็เป็นนายแบบที่มาเดินแต่คนละแบรนด์กันแต่ก็ใช้ห้องแต่งตัวเดียวกัน ผมไม่ได้สนิทกันมาก่อน เพิ่งจะมาเจอกันครั้งแรกวันนี้แต่ติ๊กบอกว่าไอ้คนนี้มันติดตามข่าวครอบครัวของผมมาก่อน ก็ผมเป็นน้องชายพี่อ้นไงมันก็เลยรู้จักผมไปด้วย นายแบบคนนี้ชื่อว่าไนท์และเป็นนายแบบที่ฮอทที่สุดในตอนนี้ หนุ่มหล่อลูกครึ่งไทยจีนและเดนมาร์ก

             “ไนท์” ผมเรียกชื่อคนที่เดินถือขวดน้ำหวานมาให้ผมขณะที่ผมกำลังรอติ๊กและพายที่ขึ้นไปเดินโชว์ฟินเนเล่ ชุดสูทสำหรับคู่รัก ผมเองที่ขอปฏิเสธที่ใส่ชุดนี้คู่กับติ๊กเพราะว่าผมไม่อยากงานเข้าไปถึงดิว ไอ้นี่มันขึ้หึง

             “เห็นนั่งอยู่คนเดียวเลย เอามาให้ดื่ม” ไนท์เขาส่งขวดน้ำหวานมาให้ผม ผมก็มองทั้งเขาและขวดที่ส่งมาให้

             “เราไม่ได้ใส่อะไรลงไปแน่นอนเชื่อใจเราได้ เราไม่ใช่พวก เออ “ไนท์ทำท่าจะพูด

             “เปล่าหรอกเราไม่ได้คิดแบบนั้นแต่เราเพิ่งดื่มน้ำไปแล้วน่ะ “ผมพูดและส่งยิ้มให้

              “ลองดูหน่อยนะวันนี้อากาศมันร้อนนะ เดี๋ยวน้ำตาลตกจะทำให้เป็นลมได้นะ ลองดูหน่อยซิครับ “ไนท์เขาก็พยายามคะยั้นคะยอให้ผมดื่มผมก็รับขวดน้ำหวานมาและทำท่าจะเปิดแต่นายก็ดึงขวดกลับไปและหมุนเปิดฝากมาให้ผมแทน

              “นี่ครับ” ไนท์พูดและส่งขวดน้ำกลับมาให้ผม ผมก็รับ แต่เหมือนเขาจะพยายามป้อนผม ผมก็รีบคว้ามาถือเอาไว้เอง ผมกลัวงานจะเข้าเอา แอบจิบๆ เอาไม่อยากดื่มเยอะยอมรับว่าไม่ค่อยไว้ใจไนท์เท่าไหร่ ไนท์เขาก็มองผมและยิ้มกลับมาให้

           “ผมเห็นแอ้มาหลายครั้งแล้วแต่ช่วงหลังๆ นี้ไม่ค่อยได้มาเนอะ ยุ่งเหรอครับ” ไนท์ถามผม

            “ครับผมกำลังเตรียมตัวสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารนะครับ เหมือนพี่ๆ ของผมนะครับ” ผมบอกไนท์

             “แอ้ครับ ผมถามจริงๆ นะ คุณมีแฟนหรือยังครับ” ไนท์หันมาถามผม

             “แคร๊ก” ๆ “ได้ผลผมก็ต้องสำลักทันที ไนท์ก็รีบหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดปากให้ผมแต่ผมเองก็รีบคว้ามาเช็ดเองผมกลัวว่าไอ้ติ๊กมันเห็นแล้วมันจะถ่ายรูปผมไปลงในไลน์กลุ่ม มันยิ่งอยากจะให้ดิวเห็นว่าผมมีคนอื่น ถามว่าผมโกรธไหมมันก็ต้องมีบ้างแต่ติ๊กมันเพื่อนรักผมและผมเองก็รู้สึกผิดที่ดิวมันดันเลือกผมไม่ได้เลือกคนที่แอบรักมันมานานเช่นติ๊ก

              “ตื้ด” เสียงมือถือผมสั่นผมรีบเดินออกไปกดรับสายทันที เบอร์ผมมีไม่กี่คนหรอกที่จะโทรหา มีพี่ๆ ผมแต่ไม่บ่อยแน่นอนและอีกเบอร์นั้นคือดิว ที่นานๆ ที นั้นเป็นเพราะว่าผมกับดิวแทบจะไม่เคยห่างกันเลยก็ว่าได้ และนี่ดูท่าจะกลับแล้วมั้ง

             //ดิว ว่าไง// ผมกระซิบกระซาบถามดิว

             //จะกลับแล้วแอ้ //ดิวบอกผมว่าจะกลับแล้ว ผมแอบยิ้มนิดๆ

             //อยู่ไหนแล้วอ่ะ// ผมถามดิวแอบมองหาว่าติ๊กมันลงมาหรือยัง

             //อยู่บนเครื่องบินแล้วแอ้พรุ่งนี้กลับบ้านที่ค่ายฯกันนะ ดิวขับรถไป เราจะได้ไปฉลองวันเกิดลูกชายพร้อมกันและกลับไปโรงเรียนวันรุ่งขึ้นแทน// ดิวบอกผม

             //แต่ไอ้ติ๊กมันจะให้แอ้ไปพร้อมกับมัน อ่ะดิว// ผมบอกดิว

            //เอาน่ะ ดิวจัดการเองเรากลับพร้อมกันพรุ่งนี้เลยแต่เช้าก่อนที่ไอ้ติ๊กมันจะตื่น// ดิวบอกผม

             //แค่นี้ก่อนนะแอ้ อาภีมมองดิวอยู่สงสัยจะคิดว่าดิวแอบคุยกับลูกชายเขาอยู่นะ// ดิวพูดผมก็อมยิ้มก็มึงแอบคุยอยู่นี้ไง

            //เจอกันนะดิว //ผมพูดและกดวางสายไปทันที ผมหันมาก็เจอ ไนท์ เขายังคงยืนอยู่ด้านหลังผม ผมก็คิดว่าเขาเดินออกไปซะแล้ว ก็ผมคุยกับดิวนานพอสมควร

          “อ้อ! มีแฟนแล้วนี่เอง” ไนท์ถามผม ผมก็พยักหน้าว่ามีแล้ว

          “ได้ยินชื่ออยู่น่ะ คงจะเป็นคนที่ชื่อดิวใช่ไหมครับ คนที่เกือบจะต่อยผมวันนั้นนะครับ” ไนท์พูดผมกับผม ผมก็ทำสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ ถ้าไนท์ไปบอกติ๊กล่ะ ว่าผมบอกกับไนท์ว่าผมกับดิวเป็นแฟนกันจะทำยังไงดี

             “เราขอโทษน่ะ “ผมพูดขอโทษไนท์จะว่าไปเขาก็เป็นคนที่สุภาพคนหนึ่งแต่ผมมีคนที่รักแล้วและยังเป็นพ่อของลูกๆ ผมอีกผมก็จะเลือกคนนี้ ไนท์ยิ้มให้ผมก่อนจะเดินหันหลังออก

            “ไนท์ เราขออย่างดิอย่าบอกติ๊กที่นายได้ยินเราคุยกับดิวได้ไหม” ผมขอร้องไนท์ ไนท์หยุดก่อนจะหันกลับมามองผม

              “ได้ซิครับแอ้ ไนท์ชอบแอ้ไนท์ ดังนั้นไนท์จะไม่ทำร้ายคนที่ไนท์แอบรักหรอกครับ “ไนท์พูดผมก็พยักหน้าขอบคุณเขาผมหันเจอติ๊กและพายที่เดินลงมาแล้ว ติ๊กมองผมกับไนท์สลับกันไปมา

              “แอบมาแจกชขนมจีบแอ้อยู่นี้เอง” ติ๊กมันแซวผมกับไนท์

              “ติ๊กพี่กูโทรมาถามว่ากูจะกลับบ้านได้เลยไหมเพราะว่าพี่กู ให้กูกลับไปกรอกเอกสารในการสมัครเข้าเรียนแล้วว่ะติ๊ก กูต้องส่งเขาแล้ว “ผมพูดบอกติ๊ก ไมเชิงว่าผมโกหกแต่เอกสารน่ะยังไงก็รอได้อยู่แต่นี้ผมพูดเหมือนผมต้องรีบทำแล้ว

             “มึงกลับก่อนก็ได้นะเพราะว่ากูต้องไปกับพี่กู ส่วนพายมันจะรอเจออาเปรมดิ์ที่นี้ด้วย “ติ๊กบอกผม ผมก็พยักหน้าและหันไปเก็บทุกอย่างเพื่อจะได้กลับบ้าน

            “ให้รถที่โรงแรมไปส่งนะแอ้” ติ๊กบอกผม

            “ไอ้ดิวมันยังไม่กลับวันนี้ใช่ป่ะ มึงเป็นคนบอกกูเองนี่ ว่าจะกลับพรุ่งนี้” ติ๊กมันถามผม ผมหันไปมองหน้ามัน ใช่ตามกำหนดการแต่นี้มันโทรมาบอกผมจะถึงแล้วผมเลยแค่ยิ้มให้มัน ผมก็ยอมรับว่าผมเองก็กันท่าดิวกับติ๊กเหมือนกันแต่ทำเยอะไปกว่านี้ก็ไม่ได้เพราะว่าผมก็แคร์ติ๊กเหมือนกันแต่นี่ผมจำต้องโกหกเพราะถ้าผมบอกไปว่าดิวมันเปลี่ยนวัน ติ๊กมันคงไม่ให้ผมอยู่กับดิวสองต่อสองแน่ๆ ผมเลยเลือกที่จะไม่พูดอะไร ผมเดินไปหยิบทุกอย่างใส่กระเป๋าเป้ และเดินลงไปเพื่อไปนั่งรถของโรงแรมกลับบ้านผม ส่วนติ๊กคงมีธุระและอาจจะไม่กลับไปที่บ้านก็ได้ ผมเดาเอา
             TBC....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-02-2024 12:23:15 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.36.1(ดิว Xแอ้)แอ้เสียใจ(ครึ่งหลัง)

              Part’ s ดิว เครื่องบินส่วนตัวเป็นเครื่องบินเจ็ท เครื่องบินส่วนตัว รุ่นใหม่ที่มีความเร็วสูง ใช้เวลาสั้นกว่าเครื่องบินปกติ และบินยิงยาวรวดเดียวมาถึงที่สนามบินส่วนตัวทันที ตอนนี้ผมกำลังนั่งรอพี่คนขับรถของโรงแรมของอาภาคย์ที่จะมารับผม พ่อให้ผมกลับไปบ้านก่อน พ่อผมจอดรถไว้ที่โรงแรม ผมดีใจเพราะว่าไม่ต้องทนตาร้อนแอบมองพ่อกับอาภีมสวีทกันมันอิจฉาครับและยิ่งทำให้ผมคิดถึงคนที่บ้านแย่แล้วผมน่ะ ส่วนพ่อผมกับอาภีมว่าจะอยู่รอลุงกฤษณะที่ตามมาด้วย ด้วยเครื่องบินเจทส่วนตัวเหมือนรู้สึกว่าจะออกมาพร้อมๆ กับพวกผมเลย ดังนั้นก็น่าจะถึงแล้ว ถ้ามาด่วนแบบนี้แสดงว่ามีเรื่องหารือกันแน่ๆ ผมเชื่อว่าบรรดาพ่อๆ ก็ไม่ได้นั่งเฉยปล่อยลูกโดนรังแกฝ่ายเดียวแน่นอน

              ผมเหลือบมองเวลาเกือบจะสามทุ่มแล้วด้วย พ่อผมก็นั่งกับอาภีมคุยกันกะหนุงกะหนิง ผมแอบมองพ่อผมเป็นระยะๆ พอพ่อผมเงยหน้ามาก็หาอะไรปาใส่ผมทันที มองก็ไม่ได้พ่อผมนิและที่ผมแอบมองเพราะว่ามันทำให้ผมแอบคิดไปถึงอนาคตของผมกับแอ้ผมอยากเป็นเหมือนพ่อผมกับอาภีม ผมรู้ว่าพ่อผมก็ผ่านอะไรมาเยอะมากเหมือนกันกว่าจะได้อาภีมมาเป็นของพ่อผมและชีวิตรักของผมกับแอ้ก็อาจจะคล้ายๆ กับพ่อผมกับอาภีม พ่อผมมีคนขัดขวางความรัก ไม่ใช่ใครอื่นคนเดียวกับผมเลย นั้นคือลุงหนึ่งที่เป็นคนขัดขวาง แต่เหตุผลอะไร แค่เพราะว่าต้องการให้ผมคู่กับบอยเหรอผมว่ามันน่าจะมีมากกว่านั้นอีก



           ข่าวซุบซิบดารา

            นายแบบหนุ่มฮอท ไนท์ หรือทิชากรที่กำลังมาแรงในขณะได้ แอบซุ่มดูแลหัวใจ ลูกชายนายทหารยศสูงสุด พลเอกภีมปภพ ที่ชื่อแอ้มีคนแอบถ่ายภาพขณะกำลังป้อนน้ำหวานชื่นใจไม่รู้ว่าคนป้อนหรือน้ำหวานอันไหนจะหวานกว่ากัน

            “ฟั๊ค!!” ผมสบถออกมาดังลั่นไปหมดเมียผมมีชู้

           “อะไรดิว” พ่อภาถามผมและอาภีมก็มองหน้าผม

            “เมียมีชู้อ่ะพ่อ ดูดิไม่น่าไปกับพ่อเลย เห็นไหมเนี่ย!!” ผมพูดขึ้นมาแต่ก็ทำเอาอาภีมหันมามองหน้าพ่อผม

           “มันมีเมียแล้วเหรอพี่ภา” อาภีมหันไปถามผมพ่อผมทันที

           “ผมมี…” ผมก็กำลังจะอ้าปากพูดว่าเมียผมก็ลูกชายอานั่นแหละ

          “เมียอะไร มึงไม่มีเมีย …ดิว!” พ่อผมพูด พี่คนขับรถมาถึงพอดี พี่เขาเดินลงมาเพื่อจะเปิดประตูให้ผมพี่เขาได้ยินก็มองหน้าผมทันทีแต่ผมนี้อยู่ในโหมดกำลังหึงเมีย

            อายุยังน้อย มีเมียแล้วเหรอครับรีบเหรอครับ” พี่เขาถามผมด้วยเช่นกัน พ่อผมขยิบตาและส่ายหัวให้ผม อาภีมก็มองหน้าพ่อผมกับผมสลับกันไปมา

           “ตกลงลูกชายพี่มีเมียหรือไม่มีเมียเนี่ย” อาภีมถามพ่อผม

           “ไม่มีภีม มันเพิ่งจะเรียนจบมัธยมเองน่ะ “พ่อผมพูดก่อนจะพยายามดันผมให้เข้าเข้าไปในรถ สังเกตจากสายตาอาภีมผมว่าอาภีมกำลังไม่เชื่อพ่อผมอยู่ พ่อผมหันไปยิ้มให้อาภีมที่ยืนเอามือกอดอกมองอยู่

             “กลับบ้านและถ้ามึงจะไปวันเกิดลูกก็ไปน่ะ พ่อจะทำหนังสือให้มึงหยุดอีกวัน วันจันทร์” พ่อผมพูดลอดไรฟันกับผม ก่อนจะหันไปยิ้มกับอาภีม และนี่แหละที่ผมต้องการ ผมรีบพยักหน้าทันที ได้อยู่อ้อนเมียตั้งหนึ่งวันก็ยังดี

              “ภีมเข้าไปรอพี่ณะด้านในกันพี่ณะน่าจะลงเครื่องบินส่วนตัวแล้ว “พ่อผมบอกอาภีมและดันอาภีมกลับเข้าไปด้านในเช่นกัน



               พี่คนขับรถเข้ามาทำหน้าที่คนขับเพื่อไปส่งผมที่บ้าน พี่เขาก็ออกรถทันที ผมเข้าไปดูแอ้ในแอปพลิเคชันที่ใช้คุยกัน แอ้มันไม่ได้ออนไลน์เลย แต่ว่าหายไปไหนของเขานะ อยู่ห้องนอนหรือเปล่าแต่ผมเข้าไปดู ก็เห็นพายโพสต์รูปว่ากำลังอยู่ที่โรงแรมกับพ่อ ส่วนติ๊กผมไม่รู้ แต่ผมว่าแอ้ไม่น่าจะอยู่กับติ๊กแน่ๆ

                และทันทีที่รถที่มาส่งผมที่บ้านเข้ามาจอดผมก็ไม่ลืมขอบคุณคนขับรถ ก่อนจะเดินเข้าไปแต่ไม่ได้เข้าบ้านตัวเอง ผมเองก็เดินมาหยุดและมองขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้าน ผมจำได้ว่านั้นห้องนอนแอ้ผมก็หยิบก้อนหินและผมก็เขียนใส่ในกระดาษพร้อมกับโยนขึ้นไปผมว่าแอ้อยู่ในห้อง ผมยืนเอามือล้วงกระเป๋ารอคนด้านบน

            “ดิว!” แอ้เปิดหน้าต่าง แอ้ชะโงกหัวออกมามองผม ผมทำมือให้แอ้ลงมาเพื่อจะได้เคลียร์เรื่องข่าว มันทำให้ผมหึงจนรอพรุ่งนี้เช้าไม่ไหว แอ้ก็ปิดหน้าต่างลง ตรงที่ผมยืนคือท้ายบ้านไม่นานแอ้ก็เดินลงมา แอ้สวมชุดกางเกงขาสั้น เสื้อยืดเข้ารูปสีแดงขับกับผิวขาวๆ นั้น

              “มีอะไรดิว เดี๋ยวพี่กูก็” แอ้ถามผม ผมเดินตรงเข้าไปและ

             “หมับ!” ผมจับแอ้ดันไว้ที่กำแพงบ้านเอาแขนกันแอ้ไว้ แอ้มองหน้าผม ลมหายใจอุ่นๆ ของแอ้ลดใบหน้าของผม ตอนนี้ใบหน้าเราสองคนอยู่ใกล้กันมากจนผมเริ่มขยับริมฝีปากรอ

             “เอื้อก!” เสียงแอ้กลืนน้ำลายดังเอื้อกมันทำให้ผมแอบกระหยิ่มยิ้มย่อง นั้นแปลว่าแอ้ก็อยากจะจูบผมเช่นกัน

             “ให้ใครป้อนน้ำหวานให้วันนี้แอ้” ผมถามแอ้

            “ไม่ได้ให้ใครป้อนซะหน่อย” แอ้พูด

            “แอ้ บอกดิวมาเดี๋ยวนี้เลยน่ะ” ผมกำลังคาดคั้นเอาความจริงจากแอ้ แอ้ก็มองหน้าผม

            “ไอ้ไนท์” แอ้เอ่ยชื่อไอ้คนที่ผมเคยจะตะบันหน้ามันไปแล้ว ตอนที่ไปนั่งเฝ้าแอ้และติ๊กถ่ายแบบ

            “แต่มันไม่ได้ป้อนกู มันแค่หยิบมาให้กูเฉยๆ ดิว” แอ้พูด ผมก็โชว์มือถือให้แอ้ดู มันเหมือนทำท่าจะป้อนน่ะ

            “กูรับมากินเองดิว “แอ้บอกผมแต่ผมเชื่อทุกคำพูดที่แอ้พูด ผมก็เก็บมือลงไปในกระเป๋ากางเกงทันที ผมเชื่อคนที่นอนคุยกันมากกว่าข่าวอยู่แล้วแต่ว่าอาการหึงมันห้ามไม่อยู่จริงๆ

             “และมันก็รู้แล้วว่ากูกับมึงคบกันอยู่แต่กูขอไอ้ไนท์ว้ว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับติ๊ก “แอ้บอกผม ผมแอบคิดในใจอย่าบอกน่ะว่านี้ไอ้ติ๊กเป็นนกต่อให้ไอ้ไนท์มาจีบแอ้

              “แต่รูปหลุดในนี้กูไม่รู้ใครทำและมันก็เป็นภาพที่ถ่ายจากมุมที่มองเหมือนกับว่ามันจะป้อนกูแต่ไม่ใช่นะดิว “แอ้บอกผม ผมก็มองใบหน้าเนียนๆ นั้น

             “ต่อให้ไม่ใช่อย่างที่เขาโพสต์ไว้ก็ตามแต่ดิวก็จะทำโทษ” ผมพูดพร้อมกับสอดมือผมเข้าไปประสานมือแอ้และขึงไว้ที่กำแพง ผมใช้ความแข็งแกร่งล๊อคตัวแอ้เอาไว้และผมก็ประกบปากจูบแอ้ทันที ไม่จูบธรรมดาไซ้ลงมาที่ซอกคอนั้นด้วย

             “ดิว …อาร์…. อย่าดิว ..อาร์…พี่อ้นอยู่บ้านดิว” แอ้ร้องครางและพยายามห้ามผม แต่น่าทีนี้เอาช้างมาชุดก็ไม่อยู่ ผมปลุกอารมณ์ของแอ้จนแอ้เริ่มต่อต้านผมน้อยลง ผมก็กลั้นใจหยุดซะก่อน แอ้มองผมประมาณว่าเสียอารมณ์หน่อยๆ น่ะที่ผมหยุดทำหน้าตาเฉย

           “คิดถึงอ่ะ ไปนอนห้องดิวน่ะ บอกพี่อ้นว่าเราไปทำการบ้านกัน น่ะแอ้ การบ้านเยอะ อยากทำการบ้านกับเมียมากเลย การบ้านค้างมาหลายวัน  “ผมพูดก่อนจะก้มลงไซ้คนตรงหน้าต่อ ดิวพยายามบิลด์อารมณ์เมียน่าดู แถมน้องหนูในกางเกงดิวก็แข็งปังขึ้นมาทันที ผมว่าแอ้รู้สึกได้ว่ามันกำลังดันโคนขาอ่อนแอ้อยู่

            “ครูเขาไม่ได้ให้การบ้านไม่ใช่เหรอไอ้ดิว” แอ้ถามผม

            “ดิวนี่แหละจะให้การบ้านเอง ไปน่ะไม่ไหวแล้วอ่ะ จะแตกแล้วเนี่ยะ!” ผมพูดและเลิกเสื้อยืดแอ้ขึ้น

           “ดิวไม่เอา เดี๋ยวพี่กูเห็น” แอ้ก็เอาดึงชายเสื้อลง ผมกำลังจะดูดสองจุดที่แปะไว้อยู่แล้ว

          “ไอ้แอ้!นั้นมึงหรือเปล่านะ “ผมก็สะดุ้ง เสียงพี่อั๋น เรียกแอ้ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองและแอ้ก็ดันผมออกพร้อมกับจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อย ทั้งที่ผมกำลังปลดตะขอกางเกงแอ้อยู่แล้ว แอ้ก้มลงมองก่อนจะติดมันให้เรียบร้อย แถมยังแอบค้อนผมอีกน่ะ ผมรู้ว่าผมเร็วมากเรื่องแบบนี้

           “ใช่พี่อั๋นมีอะไร!!” แอ้ตะโกนถามพี่อั๋นและทำมือสั่งห้ามไม่ให้ผมพูดอะไรทั้งนั้น แอ้ทำมือให้ผมหมอบลงไปที่พุ้มไม้

            “มึงนั่นแหละที่มีอะไรแอ้ ยังมีหน้ามาถามกูกลับอีก ห๊ะ! “พี่อั๋นตะโกนลงมาถามแอ้

            “และนั้นมึงลงไปทำอะไรที่ตรงนั้นน่ะ มันรกขนาดนั้นไอ้แอ้!” พี่อั๋นชะโงกหัวมาจากห้องนอนพี่เขา แอ้ทำนิ้วไล่ผมออกไปก่อน ผมสั่นหัวว่าไม่ไปอ่ะ

            “ไปก่อน!!” แอ้พูดผมลอดไรฟัน

           “ทำของตกอ่ะเลยลงมาเก็บ นี่กำลังหาอยู่พี่อั๋น เออ หาเจอแล้วด้วย” แอ้ตะโกนตอบไป ผมก็ต้องหมุดออกมาก่อน ใจก็เสียดายสงสัยผมจะได้ค้างแน่ๆ คืนนี้ ยังไงก็ต้องหาเหตุผลให้แอ้ไปค้างห้องผมให้ได้



            Part's แอ้ ผมรีบเดินกลับเข้าบ้านทันที ก็ไอ้ตัวดีมันดันมาเรียกผมลงไปหาที่ด้านหลัง พอไอ้ดิวมาถึงก็แสดงบทรักที่หึงหวงผมกับไอ้ไนท์ทันที ไอ้นายแบบที่มันบอกว่ามันชอบผมวันนี้ แต่ความซวยใครไม่รู้แอบถ่ายคลิปผมกับไนท์ ตอนที่กำลังส่งขวดน้ำหวานให้ผมแต่ในมุมนั้นมันเหมือนกับว่าเขาป้อนผมแล้วแต่ผมไม่ได้ให้มันป้อนสักหน่อย เลยทำให้ผมโดนดิวมันบดขยี้ริมฝีปากแม้จะไม่ได้ดิบเถื่อนซะทีเดียว



            ผมใช้นิ้วเรียวๆ ของผมแตะที่ริมฝีปากตัวเองเบาๆ ใจก็อยากจะหาเรื่องไปนอนกับดิวอยู่นะ แต่พี่อ้น พี่อั้ม พี่โอมอยู่บ้านซะด้วย ครบชุดขนาดนี้ แต่ถ้าพี่อ้นไม่อยู่ผมยังขอไปได้ พี่อั้มนะเขาเข้าใจผมที่สุด ส่วนพี่โอมน่ะ ตามใจน้องเพราะว่าพี่แกมักจะหาเรื่องออกไปหาเด็กในสังกัดพี่เขาตลอดอยู่แล้ว อยู่ไม่ค่อยติดบ้าน

             "พี่อ้น" ผมเดินออกมาก็เจอพี่อ้นที่ยืนกอดอกอยู่ พี่อ้นมองหน้าผมและมองช่องที่ผมเดินออกมา

             "มึงลงไปทำอะไรนะ ไอ้แอ้ กูบอกให้มึงดูทีวีและเตรียมตัวนอน นี่มันจะสี่ทุ่มแล้วมึง "พี่อ้นถามผม ผมหันไปเห็นพี่โอมเลี้ยวรถเก๋งคันสีขาวเข้ามาป้ายแดงซะด้วย สงสัยพ่อถอยให้ใหม่แน่ๆ

            "เออ ของหล่นนะพี่อ้น แอ้เลยลงไปหา แต่เจอแล้วและกำลังจะขึ้นแล้วพี่อ้น"ผมพูด พี่อ้นแหงนหน้าขึ้นไปมองที่ห้องนอนของผม ใช่มันไม่ได้ตรงกับห้องนอนผมเลย

            "มันหล่นมาไกลเนอะ ปามาเองหรือเปล่ามึง นี่แอบนัดหนุ่มมาแอบคุยหรือเปล่าไอ้แอ้! "พี่อ้นพูด ทำเหมือนอยู่ในเหตุการณ์เลย เพราะน้องโดนหนุ่มที่ชื่อไอ้ดิวมันนัดมา

             "ไม่มี!จะขึ้นแล้ว "พูดทำแก้มป่องเพื่อกลบเกลื่อนและทำท่าจะแทรกตัวขขึ้น

               "รีบขึ้นห้องเลย นั้นเสียงรถพ่อมาแล้วมึง"พี่อ้นพูดบอกผม พ่อกลับมาแล้วแต่ทำไมมาที่หลังไอ้ดิวก็ไม่รู้ ที่แน่ๆ ผมต้องรีบกลับขึ้นห้องก่อนเช่นกัน เดี๋ยวพ่อจะถามาเรื่องที่ผมโดนโพสต์ลงโซเชียลเพราะว่าดันมีชื่อพ่อผมอยู่ในนั้น แต่แปลกนะพี่อ้นกลับไม่ถามผมสักคำ หรือว่าพี่อ้นยังไม่รู้

             "ดิวไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ก็กลับไปเรียนแล้ว พรุ่งนี้แอ้จะนอนห้องดิวนะ ค่อยทำการบ้านแล้วกัน รักดิวน่ะ "ผมส่งข้อความเข้าเบอร์มือถือของดิวแอบสปอยด์ชวนดิวทำการบ้านด้วยแค่คิดก็เสียดายนิดๆ ผมยอมรับว่าตั้งแต่มีลูกกับดิว ผมมีอารมณ์อย่างว่าทุกครั้งที่ดิวพูดทะลึ่งกับผม และจู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงรถแล่นตามเข้ามาจอดอีกคันแต่ผมคิดว่าอาจจะเป็นรถของพ่อภาแน่ๆ ตอนนี้ผมยืนอยู่ตรงบันไดว่าจะขึ้นห้องนอนผมอยู่แล้ว

           "ภีม บอกพี่ซิ ว่ามันยังไงกัน ตกลงแอ้กับดิวเขายังไงเขารักหรือไง"ผมสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงลุงหนึ่งดังเข้ามา ลุงหนี่งมาบ้านพ่อผม เสียงที่ทำให้ผมสะดุ้งกลัวทุกครั้ง ไม่รู้ว่าทำไม ผมยืนนิ่ง เสียงนั้นกำลังตรงไปทีห้องทำงานของพ่อผม

            "ถ้าเขาจะรักกันภีมจะไม่ห้ามเลยเพราะนั้นมันหัวใจของเขาทั้งคู่พี่หนึ่ง ผมน่ะเลี้ยงได้แค่ตัวแต่ไม่ใช่หัวใจ "พ่อภีมพูด พ่อจะไม่ห้ามความรักของผมสองจริงเหรอ ผมหันมองซ้ายและขวา ผมเองก็อยากจะรู้ ผมเลยเดินถอยหลังมายืน ผมเห็นลุงหนึ่งจริงๆ ด้วย แม้จะเห็นแค่ด้านหลังผมก็พอจำได้กำลังยืนอยู่ในห้องทำงานของพ่อภีม แต่ทำไมภาพด้านหลังแบบนี้มันคุ้นตาผมเหลือเกิน

            "แต่พี่ห้าม"ลุงหนึ่งพูด มันทำให้ผมตื่นจากภวังค์ นี่ลุงหนึ่งห้ามผมกับดิวไม่ให้รักกันอย่างนั้นเหรอ แต่ก็แน่ละก็ไอ้ดิวมันคือคนที่ถูกเลือกนี่ ลุงหนึ่งก็คงไม่เห็นด้วยแน่นอน แล้วพ่อจะคัดค้านได้เหรอถ้าผมกับดิวจะรักกัน มันทำให้ผมเริ่มเห็นอนาคตของผมสองคนที่มืดมัวเต็มที

            "พี่จะมาห้ามทำไม แอ้เป็นลูกของภีมแล้วและพี่เองที่"พ่อภีมพูดแปลกๆ

            "ใช่พี่เอง เป็นพี่เองที่บอกให้ภีมอย่าเก็บแอ้ไว้ แอ้ผิดปกติและนี้ใช่ว่าพี่ไม่รู้ว่า ไอ้ภามันทำอะไรกับแอ้ แต่พี่กลัวภีมจะเดือดร้อน พี่ถึงได้ปล่อยให้มันเงียบมาจนถึงตอนนี้และพี่มีสิทธิ์ที่จะห้าม! “ลุงหนึ่งพูดบอกพ่อผมว่าเขาบอกไม่ให้เก็บผมเอาไว้ หรือว่าลุงหนี่งรู้เรื่องที่ผมมีลูกมดอยู่ในตัวผม แต่พ่อภาเคยบอกผมว่ามันมาที่หลังและนี้ที่ทำให้ผมต้องถอยหลังออกมา ยืนนิ่งตกใจสิ่งที่ลุงหนึ่งพูด ">เขาไม่อยากให้พ่อภีมเก็บผมเอาไว้

           “ผมรู้ว่าพี่ทนได้ แม้กระทั่งจะเห็นแอ้ ตายต่อหน้าพี่ ผมทำไม่ได้ และตอนนี้เขาเป็นลูกผม ผมมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจให้เขา!!” พ่อภีมพูดเสียงดังใส่ลุงหนึ่ง ผมไม่เคยเห็นพ่อผมโกรธขนาดนี้และต่อหน้าลุงหนึ่งแบบนี้ด้วย แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล จริงๆ แล้วเขาไม่ได้อยากให้ผมอยู่ เขาอยากให้ผมตายเหรอ

           "ภีมรักษาแอ้จนหายแล้ว ภีมรักแอ้ ... เหมือนลูกภีม"พ่อผมพูดผมกำลังหัน ผมไม่ได้ยินประโยคหลังชัดเจนเท่าไหร่ เพราะว่าตอนนี้หูผมอื้ออึงไปหมด

            “ดังนั้นภีมคนเดียวที่มีสิทธิ์ในตอนนี้ พี่หนึ่ง”

           "แต่แอ้...เขาเป็น…."ผมสะดุ้งตกใจแต่ไม่ทันแล้ว

            "โคล้ม! "ผมชนอะไรบางอย่างล้ม พ่อวิ่งออกมาดูผมทันที ตอนนี้น้ำตาผมไหลมามากมาย ผมเสียใจที่เขาบอกว่าไม่ได้ให้ผมอยู่แต่พ่อเลือกให้ผมอยู่ ให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อ

            "แอ้ แอ้!ฟังพ่อก่อน"พ่อภีมและลุงหนึ่งที่มองผม ลุงหนึ่งตกใจเหมือนกัน แต่ผมไม่ควรอยู่ตรงนี้ ทำไม ผมผิดปกติมากจนเขาไม่อยากให้ผมมีชีวิตอยู่เลยเหรอ ผมวิ่งออกมา

           "แอ้!มึงจะวิ่งทำไมของมึงวะ?"พี่โอมถามผม ผมวิ่งมาเจอพี่โอมก่อน พี่เขากำลังจะเดินเข้าบ้าน

             "พี่โอม กุญแจรถละ"ผมถามพี่โอมพร้อมกับแบมือขอกุญแจรถเพราะว่าผมเพิ่งจะเห็นพี่โอมขับรถเขามาหมาดๆ รถน่าจะจอดอยู่ด้านนอกสุดในตอนนี้

             "น่ารักวะน้องกู วิ่งมาจะเอากุญแจจะเอาเก็บให้เอง นี้ไง ลูกรักเลยน่ะ เพิ่งถอยออกมา "พี่โอมพูดและผมคว้ากุญแจ และวิ่งออกไปทันที

             “ไอ้นี่!จะรีบวิ่งไปดูลูกรักกูเหรอ ดูแต่ตานะมึง อย่าสะกิดเดี๋ยวเป็นรอย “พี่โอมตะโกนตามหลังผมออกมาผมเห็น รถเก๋งฮอนด้า สีขาว รุ่นใหม่ล่าสุดเลย ผมรีบเข้าไปในรถพร้อมสตาร์ท ทันทีผมต้องออกไปจากตรงนี้

              "แอ้ จะไปไหน!! "พี่อ้นตะโกนผมไม่ได้ฟังอะไรทั้งนั้นผมเร่งเครื่องและขับออกไปเลย ผมรู้ว่าคงได้มีรอยยางไหม้ที่พื้นกันบ้างเพราะว่าผมเบิ้นเครื่องและออกตัวแบบเร็วที่สุดเพื่อให้ออกไปให้เร็วที่สุดเช่นกัน ผมไม่รู้ว่าผมจะขับไปไหนแต่น้ำตาผมไหลไม่หยุด ผมก็ปาดน้ำตาไปด้วย มือก็ประคองพวงมาลัยรถไปด้วย มือถือผมก็สั่นแต่ผมก็เลือกที่จะไม่กดรับมัน

               “ตกลงเขาไม่ได้อยากให้กูอยู่เหรอวะดิว ฮือๆ” ผมร้องไห้ไปด้วยและปาดน้ำตาไปด้วยและยังบังคับพวงมาลัยไปด้วย น้ำตาเริ่มไหลรินเป็นทางระหว่างที่ผมกำลังขับรถออกไป ภาพเบื้องหน้ามัวๆ เพราะว่าน้ำตาที่ไหลเอ่อออกมานั้น มันทำให้วิสัยทัศน์เริ่มไม่ชัดเจนแต่ผมก็พยายามบังคับพวงมาลัยและเท้าก็เหยียบคันเร่งไปด้วย

              TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.37(ดิว Xแอ้)ดิวอยากให้แอ้อยู่ NC 18+

          Part’ s ดิว ผมจำใจเดินกลับบ้าน ผมอยากจะชวนแอ้มานอนค้างที่บ้านผมแต่ดูท่าแอ้ไม่ยอมมาแน่ๆ ถ้าพี่อ้นอยู่บ้านแบบนี้ แต่แปลกน่ะว่าทำไมพี่ๆ บ้านอ. อ่างพากันอยู่บ้านไม่ยอมออกไปซ่าที่ไหนกันเลย ผมใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากของผม ผมจูบแอ้เพราะผมหึงแต่ไม่เท่าที่ผมทำกับแอ้วันนั้นที่ผมหึงแอ้กับไอ้พี่ภาณุ ไอ้ไนท์นี้แอ้ไม่สนใจมันหรอกผมรู้ ตอนนี้ผมเดินกลับมาที่บ้านผม ผมเห็นรถมาส่งพ่อผมเป็นรถเก๋งคันหรูที่มาจากโรงแรมของอาภาคย์ ผมก็แอบคิดไหนพ่อบอกว่ามีเครสรอทำคลอดที่โรงพยาบาลไง นั้นแน่พ่อทำเพื่อลูกโดยการยอมโกหกหวานใจของพ่อ

              “ดิว เห็นอาภีมมาหรือยัง” พ่อถามผมทันทีที่เจอหน้าผม ผมก็ส่ายหัวว่าไม่รู้ พ่อผมชะเง้อมองเหมือนมีอะไรสักอย่าง

              “มีอะไรเหรอพ่อ และไหนพ่อบอกว่ามีเครสรอคลอดไง” ผมถามพ่อผม พ่อมองหน้าผม

              “กูโกหก เพื่อจะได้รีบกลับ กูไม่อยากตอบคำถามเรื่องหลานลุงณะกับพ่อตามึงน่ะเพราะมันจะพาลมาถึงเรื่องของลูกตัวดีกูด้วย” พ่อผมพูดก่อนจะหันมามองผม ผมก็ยิ้มแฉ่งแถมยังชูนิ้วโป้งให้พ่อผมด้วย แต่พ่อผมดันส่ายหัวแทนซะนี่ ลูกอุตส่าห์ชมว่าพ่อสุดยอด

              “ไอ้ดิวพ่อต้องไปบ้านอาภีมก่อนนะ เราขึ้นไปบนบ้านเลย พ่อเห็นรถลุงหนึ่งมาหาอาภีมน่ะ” พ่อผมพูด ผมหันไปมองจริงด้วย พ่อคงไม่อยากให้ผมปะทะกับลุงหนึ่งอีกน่ะ

                “พ่อให้ผมไปด้วยไหม” ผมถามพ่อ พ่อหันมามองหน้าผม

                “ไปเพื่อช่วยให้มันแย่ลงหรือไง มึงแรงกว่ากูอีกดิว อยู่นี้แหละ จะได้เตรียมตัวไปหาลูกๆ พรุ่งนี้เช้า” พ่อผมพูด โธ่อุตส่าห์อาสาจะไปเป็นแบคหลังให้พ่อซะหน่อย

                    “นั้นพี่กู กูคุยเองได้ เข้าใจน่ะดิว” พ่อผมพูด ผมพยักหน้า ผมรู้ว่ากฎเหล็กของทุกบ้านคือพวกผมจะไม่ข้ามรุ่นกัน แต่พวกผมก็ไม่ชอบให้ใครมาก้าวก่ายสิทธิของพวกผมเช่นกัน แต่พยายามจะไม่ข้ามเล้นจนพ่อๆ พวกผมถูกมองไม่ดีจนหาว่าไม่สอนเรื่องพวกนี้พวกผม ดังนั้นบรรดาพ่อจะเป็นคนออกหน้าให้ถ้าจำเป็น แต่ส่วนใหญ่จำเป็นทุกเรื่อง

                    “ดิว นั้นรถกระบะที่มึงอยากได้ พ่อซื้อให้แล้ว ขับดีดีละ “พ่อผมพูดและโยนกุญแจรถให้ผม ผมก็ยิ้มทันที จังหวะที่ผมกำลังหันหลังจะไปดูรถใหม่ที่พ่อถอยมาให้ เป็นรถกระบะโฟว์วีลแบบสี่ประตู ผมเป็นคนชอบแบบลุยๆ ไม่ชอบรถเก๋งหรูๆ ยิ่งโลดเตี้ยยิ่งไม่ชอบเอาซะเลย แต่พ่อจะซื้อรถมินิแวนเอาไว้สำหรับบ้านผม ก็ลูกเยอะ

                    "บรื้นๆๆ "เสียงรถที่เร่งออกไปอย่างรวดเร็ว ใครหนอรีบอะไรขนาดนั้น รถพี่โอมนี้ คงรีบไปโป่ง โป้ง ฉึ้งกับเด็กๆ แน่ๆ หรือว่าพี่อ้นจะไปด้วยนะ เดี๋ยวดูรถก่อนแล้วขึ้นไปหาเรื่องชวนแอ้ลงมาดูรถใหม่ดีกว่าแต่ว่า

                     "ไอ้แอ้มึงจะไปไหน!! "เสียงพี่อ้นตะโกนถามแอ้ เฮ้ย! ที่เร่งออกไปนั้นคือแอ้เหรอ งามไส้ล่ะผมว่า! ปกติแอ้มันทำแบบนี้ ถ้าไม่มีเรื่อง ผมหันหลังกลับไปมอง พ่อก็หยุดชะงัก ส่วนผมวิ่งเข้าไปดูเห็นพี่โอมกับพี่อ้นยืนเถียงกันอยู่สองคน

                     "ไอ้แอ้!! รถกูเพิ่งถอยมาเมื่อวาน ขับแบบนี้คงได้เจิมแน่นอน ลูกรักของโอม พี่อ้น ดูน้องพี่ดิ!! "พี่โอมอีกคนแต่น้ำตาแถบไหลรถคันนั้นรถพี่โอม ผมวิ่งไปชะเง้อพ่อผมยืนมองอยู่และหันมามองผมพี่อ้นกับพี่โอมกำลังเอะอะโวยวายกันอยู่

                     “กูเห็นแล้ว แล้วมึงให้กุญแจน้องไปทำไมล่ะไอ้เวร!!! “พี่อ้นหันมาบ่นพี่โอมใหญ่เลย

                    "ดิวไปดูแอ้ มีเรื่องอะไรแน่ๆ "พ่อหันมาพูดกับผมมองคนที่เดินออกมาลุงหนึ่ง ชัดเลยมีเรื่องแน่นอน



                   ผมรีบวิ่งไปที่รถที่พ่อเพิ่งจะโยนกุญแจมาให้ โดดขึ้นรถผมและขับตามออกไปทันทีด้วยความเร็วที่ค่อนข้างสูง แต่โชคดีที่ถนนเส้นนี้เป็นเส้นตรง ส่วนแอ้เองก็ขับเร็วมากเช่นกันแต่ผมคิดว่ารถใหม่ผมกำลังแรงม้าแรงกว่า ผมก็เร่งขึ้นมาจนผมตามแอ้ทัน เกือบร้อยหกสิบแล้วนะแอ้ผมคิดในใจ ผมก็ตีขึ้นมาเทียบเท่าแอ้พยายามบอกให้แอ้เบาแต่แอ้ไม่มองมาที่ผมเลย เอาไงดีน่ะ

               “ปี้นนนนนน!!!” ผมบีบแตรดังสนั่นแต่ความเร็วของรถแอ้ก็ไม่ลดลงเลย ผมเลยตัดสินใจเหยียบขึ้นไปอีกจนแซงรถแอ้ขึ้นไปอีกและได้ผล พอพ้นรถแอ้ไปผมก็ตัดสินใจ ผมหมุนพวงมาลัยเพื่อขวางหักรถกลับ ตอนนี้รถผมประจันหน้ากับรถแอ้แล้ว แอ้ขับตรงมา ผมก็หลับตาปี๋รอคือถ้าแอ้ไม่เบรกก็ชนและโดนผมเต็มๆ แอ้เบรกสุดตัวทันที

               “เอี้ยด!!!!!!” เสียงดังจนแสบแก้วหู จากการเหยียบเบรก ผมค่อยลืมตาขึ้นมอง

                “ฟู่!!!” เล่นเอาผมพ่นลมหายใจออกจากปลายจมูกที่โด่งรั้นของผมทันที

                “เอื้อก” เสียงผมกลืนน้ำลายลงคอที่หันไปเห็นว่ารถผมกับรถแอ้มันใกล้กันมากจนเกือบจะชน



                 ผมก็รีบกระโดดลงจากรถของผม ผมได้กลิ่นยางไหม้คลุ้งไปหมด ผมไม่รอช้ารีบวิ่งไปเปิดประตูรถฝังคนขับ ผมกอดแอ้ แอ้ตัวสั่นไปหมด มือยังจับพวงมาลัยแน่น ผมต้องค่อยๆ แกะมือแอ้ออก แอ้หันมามองหน้าผม น้ำตาไหลรินอาบสองแก้วนั้นทำเอาผมใจหายเลย แอ้หันมากอดผมแน่นมาก แค่นี้ก็ไม่ต้องพูดว่าแอ้รู้สึกยังไง เสียใจที่สุด ผมก็กอดแอ้ตอบทันที

                 "ใจเย็นแอ้ ใจเย็นๆ หายใจลึกๆ แอ้ “ผมพูดปลอบแอ้ ผมรับรู้ถึงการเต้นหัวใจที่ดังจนแทบจะทะลุออกมาด้านนอก ผมตัวดันแอ้ออก ผมมองใบหน้านั้นก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยออกและพาแอ้ลงมาจากรถเพื่อไปนั่งที่รถของผมแทน

                  "แอ้ดิวจะเอารถของแอ้เข้าข้างทางนะครับ แอ้นั่งรอดิวในรถนี่น่ะ ดิวจะไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ดิวรู้ว่าแอ้เสียใจนะครับ "ผมบอกแอ้ แอ้ได้แต่พยักหน้ากับผม ผมรีบเดินกลับมาที่รถของแอ้และเข้าไปในรถเพื่อขับรถของแอ้เข้าข้างทางที่ตรงไหล่ทาง ผมเดินลงมาจากรถเพื่อจะไปที่รถของผม ผมกดโทรออกไปหาพี่อ้น

                   //พี่อ้น ผมไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ผมอยู่กับแอ้แล้วพี่ ผมจะจอดรถแอ้เขาเอาไว้ทีไหล่ทางน่ะพี่ ผมจะพาแอ้ไปกับผม ผมว่าแอ้รู้สึกแย่อ่ะพี่ //ผมโทรหาพี่อ้น

                   //ได้ดิว พี่จะไปเอารถไอ้โอมเอง ป่านนี้มันนั่งร้องไห้ เป็นห่วงรถใหม่มันแล้ว ดูแลไอ้แอ้น้องพี่ด้วยน่ะ ขอบใจว่ะดิว//พี่อ้นบอกผม น้ำเสียงของพี่อ้นดูเป็นห่วงแอ้มากกว่าทุกครั้งและยอมให้ผมพาแอ้ไปแต่โดยดี


                   ผมหันไปเห็นรถที่แล่นมาพร้อมกับเปิดไฟกะพริบเพื่อเข้าจอดไหล่ทางรถคันนั้นคือรถของพี่ดิมพี่ชายของผม ส่วนตัวผมเองก็รีบกลับไปขึ้นรถ ผมก็หันกลับมองคนที่นั่งข้างๆ ผมก้มลงมองมือของแอ้ที่ประสานกันไว้แบบนี้ แสดงว่าต้องเป็นเรื่องที่สะเทือนใจมากแต่ใครกันที่ทำแบบนี้กับแอ้ ผมเห็นแล้วก็เจ็บใจขึ้นมาทันที ผมก็รีบขับรถออกโดยไม่ได้ทักทายพี่ดิม ผมเห็นพี่อ้นลงมาจากรถพี่ดิมและตรงไปที่รถที่แอ้ขับออกมา

                   ผมก็ขับรถตรงไปที่คอนโดของผมทันที เป็นคอนโดของบ้านผมเอง พ่อซื้อเอาไว้ เพราะว่าใกล้กับโรงพยาบาลของพ่อผม สาขาที่กรุงเทพและเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ทำรายได้ดีติดอันดับต้นๆ ของโรงพยาบาลทั้งหมดที่พ่อผมมี แอ้เองก็นั่งเงียบไปตลอดทางเช่นกัน ผมเอื้อมมือไปจับมือของแอ้ที่ประสานกันไว้ ผมแกะมันออกและเอามากุมไว้ขณะที่ผมขับรถ ผมยังไม่กล้าถามอะไรแอ้มากในตอนนี้ ผมรู้สึกได้ว่ามือแอ้ยังสั่นอยู่ แสดงว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ

                  "แอ้ ถึงแล้ว"ผมหันไปบอกแอ้ ผมนำรถเข้ามาจอดได้สักพักแอ้ก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ แอ้หันมามองผม น้ำตาแอ้ไหล ผมเองก็ตกใจ เห็นแบบนี้แอ้ร้องไห้ยากมากนะถ้าไม่เจ็บปวดจริงๆ ผมปลอดเข็มขัดแอ้ออก

                   "ขึ้นห้องกันดีกว่าแอ้ "ผมบอกแอ้ แอ้พยักหน้ากับผม ผมรีบมาเลยไม่ได้กลับไปคุยอะไรกับพ่อเลย พ่อบอกดูช่องทางเอาไว้ให้ผมแล้ว ถึงจะยากจะหนักผมจะทำ


                   ผมพาแอ้ขึ้นไปบนคอนโดของผมทันที ระหว่างที่เดินดูแอ้เดินเหม่อๆ ผมก็ต้องคอยประคองให้แอ้เดินต่อไปจนถึงห้อง พอปิดประตูลงผมก็พาแอ้ไปที่ห้องนอนทันที ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว แอ้นั่งลงที่ข้างเตียงและผมก็นั่งลงข้างๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นผมนั่งยองตรงหน้าแอ้ ผมเงยหน้าขึ้นมองแอ้ แอ้ก็มองผม ผมยิ้มอ่อนๆ ให้แอ้ ผมอยากให้แอ้ยอมรับว่าตัวเองก็มีโมเมนต์ขี้อ้อนน่ารักกับเขาเหมือนกัน แอ้ยิ้มอ่อนๆ ให้ผม

                 “ใครทำอะไรแอ้บอกดิว ซิแอ้” ผมถามแอ้ ผมเอาฝ่ามือแตะที่แก้มแอ้เบาๆ

                 "ดิวเขาไม่ได้อยากให้กูอยู่ "แอ้พูดเสียงสั่นๆ ผมก็ต้องเลิกคิ้วสูงเพราะว่าผมไม่เข้าใจที่แอ้พูด

                 “ใครเหรอแอ้ ใครไม่อยากให้แอ้อยู่และนี่มันเรื่องอะไรกันแอ้ “ผมถามแอ้ แอ้หันมามองหน้า

                  “เขาบอกว่าอันที่จริงเขาไม่ได้อยากให้แอ้อยู่ตั้งแต่แรกแล้วดิว ฮือๆ เขาอยากให้กูตายดิว แต่พ่อภาช่วยแอ้ไว้ดิว ฮือๆ” แอ้พูด มันทำให้ผมนึกขึ้นได้เรื่องที่แอ้จำเป็นต้องมีมดลูกและกลายเป็นเด็กผู้ชายท้องได้เพราะว่าแอ้ป่วยหนักมาก

                  “หมับ!” ผมดีดตัวลุกขึ้นมากอดแอ้เอาไว้ ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ผมกอดอยู่แบบนั้น

                   “ใครละแอ้ ที่พูดแบบนั้นแอ้ บอกดิวซิ” ผมพูดปลอบแอ้

                  “ฮือๆ” แอ้ร้องไห้จนตัวสั่นโยน แสดงว่ามันหนักจริงๆ สำหรับแอ้ตอนนี้

                 "แต่ดิวอยากให้แอ้อยู่ แอ้เราจะอยู่ด้วยกันนะแอ้เพราะว่ามีครอบครัวที่น่ารักรอเราอยู่ ใครบอกแอ้มาแบบนั้น ช่างเขาปะไร เราไม่สนอยู่แล้ว ดิวบอกแอ้แล้วว่า เราจะอยู่ด้วยกัน ดังนั้นดิวแคร์แอ้ที่สุด

 
                   ผมกอดแอ้แน่นกว่าเดิมแอ้ก็กอดผมแน่นมากเช่นกัน แน่นจนไม่อยากจะปล่อยผมออก และคนที่ทำให้แอ้เสียใจแบบนี้ผมคิดว่าลุงหนึ่งแน่ๆ ที่เป็นคนพูด ผมก็กำหมัดแน่น ผมคงต้องปะทะกับเขาครั้งใหญ่แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ เขาต้องมาพูดว่าเขาไม่ให้ผมเลือกแอ้แน่นอนแต่ผมไม่เข้าใจที่แอ้บอกผมว่าเขา ไม่ให้แอ้อยู่นั้นหมายถึงอะไร ทำไมอาภีมไม่ทำอะไรเลยแอ้ลูกอาภีมทั้งคนน่ะ ทำไมลุงหนึ่งมามีสิทธิ์ในตัวแอ้มากกว่าอาภีม แต่คงไม่ใช่กับผมแน่นอน

                   ผมก็ดันแอ้ให้นอนราบลงไป ผมขึ้นไปคร่อมร่างของแอ้เอาไว้แทน ผมใช้ฝ่ามือผมลูบไล้ใบหน้าแอ้ไปมา แอ้ใช้ซอกคอหนีบมือผมเอาไว้เหมือนกับว่าเขาชอบที่ผมทำ ผมก็ยิ้มให้แอ้ ผมอยากให้แอ้แสดงออกแบบนี้กับผมบ่อยว่าแอ้ต้องการอะไรอยากให้ผมทำอะไร

                    “คนที่พูดนั้นคือลุงหนึ่งใช่ไหมแอ้ บอกดิวเถอะ” ผมถามแอ้ ผมรู้ว่าแอ้ไม่อยากให้ผมดื้อกับลุงหนึ่งเพราะว่าแอ้กลัวว่าพ่อผมจะเดือดร้อนและผมอีกคน แต่ผมจะทำหน้าที่ปกป้องคนที่ผมรักให้ถึงที่สุดเหมือนที่พ่อผมทำ

                    “แอ้บอกดิวซิ” ผมถามแอ้ แอ้ไม่ได้พูดไอ้แต่พยักหน้า ตอนนี้แอ้เหมือนเด็กน้อย เหมือนลูกๆ ของผมไม่มีผิดเพี้ยน

                     "แอ้ ต่อให้ดิวจะต้องปะทะกับลุงหนึ่งดิวก็จะทำ แอ้ ดิวเลือกแอ้ หัวใจดิวเลือกแอ้ อย่าฟังใครว่าใครจะเลือกให้ดิวคู่ด้วยเพราะหัวใจดิวเลือกแอ้เท่านั้นและดิวก็เชื่อว่าลูกๆ ดิวเลือกแอ้เช่นกัน "ผมพูดกับแอ้

                      ผมก้มลงประกบปากจูบแอ้ แอ้ก็จูบผมตอบ แถมมือแอ้ที่ไล่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตผม ไม่บ่อยเลยที่แอ้จะน่ารักกับผมแบบนี้ ผมก็รีบถอดเสื้อเชิ้ตและโยนทิ้งไปด้านข้าง แอ้ก็น่ารักปลดกระดุมกางเกงยีนของผมและรูดมันลงเพื่อผมจะได้ถอดมันออกไป ผมก้มลงไปช่วยแอ้ถอดเสื้อผ้าออกและปลดกระดุมกางเกงและพากันถอดมันออกไปจนหมดทุกชิ้น

                 "วันนี้น่ารักน่ะ ดิวชอบอ่ะ ชอบให้แอ้แสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมา อยากก็บอกว่าอยาก ชอบก็บอกว่าชอบ ทำบ่อยๆ น่ะ "ผมกระซิบที่ข้างหูแอ้ และซุกไซ้ที่เบาพร้อมกับเม้มขบติ้งหูของแอ้

                  ผมรู้สึกว่ามันคงปลุกเร้าอารมณ์แอ้น่าดู แอ้ขยับส่ายไปมาปลายลิ้นฝีปากบขึ้นมาเลียที่ริมฝีปาก มันยิ่งดูเซ็กซี่เร่าใจดิวมาก ดวงตาคู่งามนั้นก็หลับตาพริ้ม มันบ่งบอกได้ว่าแอ้กำลังอยู่ในห่วงอารมณ์ไหน ผมเดาได้เลยว่าเป็นช่วงนั้นแน่ๆ แต่ผมก็ต้องพักยกเอาไว้ก่อนเรื่องปั๊มลูกเพราะว่าพ่อผมสั่งมา

                 “อะ….ดิว….. แอ้เสียว” แอ้พูดผมก็ชะงักมองแอ้ ผมชอบแอ้ตอนนี้มันดูน่ารักและยั่วอารมณ์ผมที่สุด

                  “อืมม …อื้ม ….. อ้าห์ … ซี้ด …ดิว “แอ้ร้องครางเมื่อผมไล่ริมฝีปากไล่ลงไปจากแผ่นอกและไปยังหน้าท้อง ผมขบและเม้มแอ้ก็เด้งแอ่นสู้ผม

                    “ดิว!!” แอ้เรียกผมเสียงหลงเมื่อผมไล่ขบไปจนถึงเนินเนื้ออ่อนเหนือโคกไปหน่อย แอ้แอ่นขึ้นและลงตามจังหวะการขบของผม ผมก็ยิ่งได้ใจทำต่อ เหมือนกับว่าผมกำลังทรมารคนที่นอนเบื้องล่างยังไงก็ไม่รู้

                     “ดิว แอ้ เสียวทนไม่ไหวแล้วดิว!!” แอ้พูดพร้อมกับร่างที่เริ่มกระตุก

                     "เร็วซิดิว ใส่ซะทีซิ แอ้ไม่ไหวแล้วอยากได้ ดิว!! "แอ้ร้องคราวและเร่งให้ผมสอดใส่เข้าในช่องทางรักได้แล้ว ผมก็ลุกขึ้น และมองแอ้ ผมยิ้มให้แอ้ ผมชอบแอ้ทำตัวน่ารักแบบนี้บนตียงแบบนี้เหลือเกิน และผมก็เดินไปที่โต๊ะเล็กๆ เพื่อหยิบถุงยางและเจล ของพวกนี้จะมีอยู่ประจำติดไว้ ผมจัดการสวมมันลงไปและละเลงด้วยเจลหล่อลื่น

                      ผมก็กลับมาที่เตียง แอ้มองผมสายตามันยั่วยวนผมเอามากๆ แอ้ยกขาขึ้นตั้งเพื่อรอต้อนรับแกนกายของผมที่มันชูชัน พ่อยังพูดเลยว่าของผมโตเกินวัยไปมากทีเดียว ทำไมพ่อถึงรู้ได้เพราะว่าผมให้พ่อเก็บเชื่ออสุจิไปผสมตอนที่ผมอยากมีน้องมีนและน้องมีนก็คือสิ่งที่พิเศษของผมและแอ้ด้วยแต่แอ้ไม่เคยรู้

                      “มาซิดิว” แอ้เรียกร้องผมให้เข้าไปหาเขาสักที ผมก็ขึ้นไปและมองแอ้

                      "ได้ผัวจัดให้ เมียขอมาขนาดนี้ ผัวจัดให้ถึงใจเลย"ผมพูดบอกแอ้ แอ้มองผมและยิ้มยั่วยวนมาให้ผมและผมก็แหวกขาแอ้ออกพร้อมกับค่อยๆ ดันส่วนนั้นเข้าไปช้าๆ แต่ก็ลื่นไหลได้ดีจนเข้าไปได้ครึ่งทาง ผมรู้ว่าแอ้ก็อึดอัดปนจุกๆ ผมก้มลงจูบแอ้ แอ้ก็จูบผมกลับ

                       “ดิว แอ้รักดิว่นะแต่ไม่อยากทำร้ายดิว” แอ้พูดกับผม ผมมองแอ้ แอ้ไม่เคยพูดคำนี้กับผมเลย ผมยิ้มออกมามากที่สุด ผมดีใจที่สุดที่ได้ยินแบบนี้

                      “แอ้ไม่เคยทำร้ายดิว ดิวรักแอ้ รักมากมากที่สุด ดิวรู้ว่าเราอายุยังน้อยและบางทีเหมือนดิวเห็นแก่ตัวแต่ดิวเชื่อว่าแอ้เกิดมาเพื่อดิวและลูกๆ ของดิว อยู่กับดิวนะแอ้ “ผมพูดและก็เริ่มขยับสะโพกเข้าออกแบบถี่ๆ แอ้ก็จับเอวผม พร้อมกับขับเพื่อให้ผมโยกเร็วขึ้น

                       “ดิว จัดหนักๆ แอ้อยาก…. ได้” แอ้บอกผมด้วยน้ำเสียงกระเซ้ามาก ฟังแล้วน้องผมก็ยิ่งแข็งขึ้น

                       “ห๊ะ!” ผมร้องออกมาคือไม่เคยได้ยินแบบนี้เลยนะ

                       “เร็วซิดิว แอ้อยากได้ “แอ้ยิ่งบีบเอวผมให้ผมซอยให้ถี่ขึ้น ผมก็ต้องสนองเมียหน่อย ถ้าพรุ่งนี้เอวเคล็ดนี้ไม่ต้องโทษใครเลยนะ

                        “ปัก! ปํก! ปัก!” แบบเน้นๆ ขนาดนี้ ผมไม่รู้ว่าหนักพอไหมและผมก็พลิกแอ้ให้ขึ้นบ้าง เพื่อว่าแอ้จะคุมเกมมันเองและถึงใจกว่า แอ้ยิ้มให้ผมและแอ้ก็โยกสะโพกเบาๆ ก่อน หลังจากนั้นงานคาวบอยก็มาทันทีขึ้นลงถี่ๆ วันนี้เหมือนคนโดนยาเลยบอกตรงๆ มันเร่าร้อนมากแอ้ขึ้นลงแบบขึ้นเกือบหลุดและลงแบบสุด

                       “ปึกๆ” เสียงดังแบบเน้นๆ จน

                       “แอ้! “ผมเรียกแอ้และจับเอวแอ้ยั้งเอาไว้ก่อน

                      “เบาๆ แอ้ เดี๋ยวของดิวหัก เบาได้เบานะเมียน่ะ! “ผมพูดบอกแอ้ เพราะเล่นขึ้นก็สุดลงก็สุดแบบนี้ โอกาสจะหักมีสูง แอ้ก้มลงมองผมและก็ค่อยๆ ขึ้นลงแบบเนิบๆ สีหน้าแอ้บอกได้ว่าแอ้มีความต้องการทางเพศมากกว่าทุกครั้ง


                       ผมก็รู้สึกแปลกใจ แต่ผมก็นึกขึ้นมาได้พ่อเคยบอกผมไว้ ตอนนั้นผมและพ่อต้องการเก็บไข่ของแอ้เอาไปผสมเทียม พ่อบอกว่าสังเกตว่าแอ้จะไข่ตก ให้ดูจากวันไหนที่แอ้มีความต้องการทางเพศค่อนข้างสูง (อาจจะไม่เหมือนกันทุกคนแต่แอ้เป็นแบบนั้นจริงๆ) และผมก็พลิกแอ้ให้ไปอยู่ในท่าดอกกี้ แอ้เหลียวหลังมามองผม ผมเทพมากที่พลิกร่างแอ้โดยไม่ให้หลุดจากกันและผมก็เด้งสวนเข้าออกอย่างต่อเนื่องแอ้ก็โยกแบบเด้งรับจังหวะเราเข้ากันเหมือนเล่นเพลงเดียวกัน

                       ผมพาแอ้มาที่ขอบเตียงเพื่อจะได้ซอยเน้นๆ ดูแล้วถ้าผมใช้ท่าธรรมดาจะไม่ถึงใจเมียแน่วันนี้ เขาเรียกวันพิเศษของเมียจัดให้หนักๆ หน่อย โชคดีที่พ่อสั่งห้ามผมเพราะว่าแอ้ต้องไปทดสอบร่างกายพ่อห้ามผมหนักหนาว่าอย่าทำให้แอ้ท้องในช่วงนี้ ไม่อย่างนั้นผมคง ไม่สวมถุงหรอก อยากมีลูกกับแอ้หลายๆ คน พักไว้แค่นี้ก่อนรอแอ้เรียนจบดิวจะจัดอีกสักสามสี่คนแค่คิดก็ยิ้มแล้ว แอ้หรี่ตามอง ผมก็เลยต้องทำหน้าที่สามีให้ถึงใจเมียก่อน เสียงดังสนั่นไปทั้งห้องจนกระทั่ง

                     “ดิว อ้าห์ “แอ้ร้องเรียกชื่อผมออกมา ไม่นานร่างผมกระตุกและนั้นก็แปลว่าผมสำเร็จแล้วแอ้น่าจะเช่นกัน


                      ผมรับรู้ได้ว่าแอ้กระตุกเหมือนกัน แอ้ทิ้งตัวนอนลงแผ่ ผมก็ค่อยถอนแกนกายออกช้าๆ ผมโถมตัวเองขึ้นไปค่อมร่างแอ้แต่ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักลงทั้งหมด ผมจูบแอ้ที่แผ่นหลัง แอ้ผิวเนียนสวยมาก ผมว่าผู้หญิงก็ชิดซ้าย ยิ่งแอ้ได้กินฮอร์โมนสำหรับสร้างเอสโตรเจนสำหรับมดลูกด้วยแล้ว ผิวพรรณแอ้ยิ่งเปล่งปลั่งดูสวยเกินกว่าชายชาตรีและนี่ก็ทำให้ผมคิดหนักถ้าแอ้ไปฝึกต้องไปตากแดดตามลมล่ะ ไหนจะต้องอาบน้ำรวมกับผู้ชายคนอื่นอีก คิดแล้วก็อยากไปพร้อมกับแอ้แต่ผมต้องเรียนแพทย์ก่อน

                      “แอ้ ขอบคุณนะครับ วันนี้ดิวถึงใจที่สุด ดิวอยากให้แอ้แสดงออกแบบนี้ “ผมพูดกับแอ้ แอ้ก็มองผมและผมก็ค่อยจับมือแอ้


                       เราสองคนลุกขึ้นไปล้างเนื้อล้างตัวพร้อมกัน ถูสบูกันในห้องน้ำ กอดกันในห้องน้ำภายใต้สายน้ำที่ไหลลงมารดที่ตัวของผมสองคน สักพักผมก็ออกมาแอ้สวมชุดนอนที่ผมสองคนเอามาทิ้งไว้ แอ้มาค้างที่นี้กับผมบ่อยเมื่อก่อน หนีไอ้ติ๊กมานอนด้วยกันที่นี้

                       “ดิว บอกพี่หมอด้าไว้หรือเปล่าว่าเราจะไปกันนะพรุ่งนี้” แอ้ถามผมขณะที่แอ้เดินกลับมาจากด้านนอก แอ้อุ่นนมมาให้ผมเหมือนเช่นทุกครั้ง ผมก็รับมาดื่ม

                       “สงสัยพี่มึงจะมานอนที่นี้ดิว นมนี่เพิ่งจะซื้อมาใส่ตู้เย็นเอาไว้ “แอ้บอกผม

                      “น่าจะอย่างนั้น ช่วงนี้พี่ๆ โดนพ่อส่งมาอบรบกันเยอะขึ้นนะแอ้” ผมพูดและผมก็กระดกรวดเดียวหมดแก้ว

                       “ขอบคุณนะครับ ฟ๊อด” ผมพูดและส่งแก้วนมคืนให้แอ้ พร้อมกับหอมแก้มเป็นรางวัลให้แอ้

                        “ดิวไม่ได้บอกพี่ด้านะแอ้ว่าเราจะไป อันนี้เซอไพรส์” ผมพูดแอ้กํมองผมยกไหล่สูง แอ้เดินออกไป ไม่นานก็กลับเข้ามาและล้มตัวลงนอน ข้างๆ ผมแถมยังนอนแบบเบียดๆ กับผมอีก ผมก็หันมามองแอ้ สงสัยอยากกอดแน่ๆ ผมก็เลย วางหนังสือที่ใช้อ่านลงและโน้มตัวไปปิดไฟที่หัวเตียง

                        “รู้ว่าอยากกอด รู้สึกเมียว้อนผัวน่าดูนะคืนนี้น่ะ” ผมกระซิบแอ้ก็กอดผมและซบลงที่แผ่นอกของผม ผมเองก็โอบตัวแอ้เอาไว้เอามือลูบที่หัวไหล่แอ้เบาๆ ไม่กี่นาทีคนข้างๆ ผมก็หลับสนิท สังเกตได้จากลมหายใจที่เข้าออกอย่างสมำเสมอ

                        “อยู่เป็นเมียและแม่ของลูกให้ดิวนะแอ้ “ผมกระซิบกับคนที่หลับแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินหรือไม่แต่ผมก็จะบอกเขาแบบนี้ทุกคืนที่ได้นอนด้วยกัน ผมโอบกระชับร่างนั้นเข้ามาไว้ภายใต้ร่างของผมเพื่อมอบไออุ่นให้ ผมเปิดแอร์เย็นพอประมาณเพื่อจะได้กอดคนนี้แน่นๆ


                         TBC…




ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.38(ดิว Xแอ้)เกือบไปแล้ว

              Part’ s ดิว ผมลืมตาขึ้น เช้าแล้วนี้แต่คนที่หนุนไหล่ผมยังหลับอยู่เลย ผมเอานิ้วเกลี่ยที่แก้มใสๆ นั้น เมื่อคืนแอ้ร้องไห้อย่างหนักที่เดียว แอ้เสียใจที่ลุงหนึ่งพูดแบบนั้น ผมนี้แค้นมาก ผมอยากรู้ว่าทำไม อาภีมถึงยอมลุงหนึ่งเรื่องแอ้ ลุงหนึ่งกับแอ้เป็นอะไรกันแน่ อย่าบอกนะว่าลุงหนึ่งจะเอาแอ้ไป ไม่น่ะลุงหนึ่งแก่แล้วแอ้ก็ยังเด็กมาก ผมนี้ไม่ยอมเด็ดขาด เพราะถ้าไม่อย่างนั้น ลุงหนึ่งจะมาห้ามผมกับแอ้ทำไม

            "กี่โมงแล้วดิว"แอ้งงัวเงียถามผม ทั้งที่ตายังหลับอยู่ เมื่อคืนผมสองคนจัดหนักไปหน่อย

             "เจ็ดโมงแอ้ ต่ออีกหน่อยก็ได้นะ กว่าแอ้จะได้นอนปาเข้าไปเกือบตีสองแล้ว"ผมพูด

             "ที่จริงน่าจะได้นอนตั้งแต่เที่ยงคืนนะ "แอ้ลืมตามองผม แอ้พูด แต่ยิ้มเล็กๆ มันช่างน่ารัก

             "อืมมม"ผมก้มลงประกบริมฝีปากเรียวได้รูป แอ้จูปผมกลับเช่นกัน ผมจูปและไซ้ไปตามซอกคอของแอ้ ตัวแอ้หอมตลอดเวลา ขนาดยังไม่อายน้ำ ไม่ต้องใส่น้ำหอมเลย หอมแบบธรรมชาติ

               "แอ้ดิวคุยกับพ่อแล้วนะ พ่อมีวิธีที่จะช่วยเราสองตนนะ แอ้ เชื่อใจดิวนะ ดิวจะทำ "ปมพูดสีหน้าแอ้กังวล

              "แอ้ไม่อยาก..อุ๊บ"แอ้จะพูดห้ามผม ผมรู้ว่ามันค่อนข้างหนัก

             "ดิวจะทำเพื่อลูก เพื่อคนที่ดิวรัก นะแอ้น่ะ ให้ดิวลองก่อน แอ้อย่าพึ่งไปคิดถึงอย่างอื่น"ผมพูดกับแอ้ แอ้มองหน้าผม

              "ทั้งที่ลุงหนึ่งประกาศว่า ห้ามเป็นแอ้อย่างนั้นเหรอดิว"แอ้พูดกับผม

               "แต่ดิวก็ประกาศว่าดิวจะเลือกคนที่ดิวรักเท่านั้น ดิวพูดต่อหน้าลุงหนึ่งก่อนที่ดิวจะบินกลับ "ผมพูด แอ้มองหน้าผม แอ้รู้ว่าผมเจอลุงหนึ่งทีไรปะทะกันทุกที ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกันและเป็นเฉพาะรุ่นพวกผมด้วย

                 “ดิวบอกลุงหนี่งว่าดิวมีคนที่ดิวรักแล้ว ดิวจะเลือกคนที่ดิวรัก” ผมพูดกับแอ้ ผมหันไปหยิบกล่องที่ตอนแรกผมจะให้แอ้เมื่อคืนแต่ว่าพี่อั๋นเรียกซะก่อน ผมส่งกล่องนั้นให้แอ้ดู แอ้มองก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่ง แอ้รับกล่องนั้นไปเปิดดู แอ้มองหน้าผม ผมพยักหน้าว่าผมซื้อให้เขา มันมีสองวง แอ้เปิดดูแอ้มองหน้าผมก่อนจะส่งกล่องนั้นกลับคืนมาให้ผม

                "ทำไมละแอ้ ดิวซื้อให้แอ้ ดิวรักแอ้ ดิวเชื่อว่าแอ้รักดิว อย่างน้อยมันก็แสดงให้ดิวรู้ว่าแอ้คือของดิว ดิวก็มีอีกวงเหมือนกัน "ผมพูด แอ้มองหน้าผมก่อนจะหันหลังให้ผมแทน

                "ปลดตะขอสร้อยคอให้แอ้หน่อยจะใส่ไว้ที่สร้อยคอ แอ้เชื่อว่าเอาไว้ที่ไหนก็เหมือนกันเพราะว่าแอ้รู้อยู่แล้วว่าดิวรักแอ้ ไม่จำเป็นต้องให้คนทุกคนรู้ แค่เราสองคนและคนที่ในครอบครัวเรา แอ้ว่ามันเพียงพอแล้ว "แอ้พูด ผมพยักหน้าก่อนจะปลดตะข้อสร้อยคอ สร้อยเส้นนี้ผมก็เป็นคนซื้อให้ สร้อยคอทองคำขาวและแหวนนี้ก็ทองคำขาวเช่นกัน ผมซื้อมาตอนที่รอขึ้นเครื่องที่สนามบินแอบพ่อเข้าไปซื้อมา พ่อรู้แต่พ่อก็ทำเป็นไม่รู้

               "ดิวแหวนจะอยู่ที่นิ้ว หรือที้ไหนไม่สำคัญ มันสำคัญว่าใจ อยู่ที่ไหนเท่านั้น "แอ้พูด ผมแกะตะขอสร้อยคอให้แอ้ผมสวมแหวนใส่ไว้ที่ที่สร้อยคอให้แอ้และดันตะขอกลับเข้าไป

              "ขอบคุณนะ "แอ้พูด ผมมองแอ้

              " ทั้งแหวนและเมื่อคืน ขอบคุณนะ ดิว "ผมเอามือแตะใบหน้าเรียวได้รูป

                "ดิวทำเพราะแอ้คือหัวใจของดิว"ผมพูดแอ้ก็พยักหน้ากับผม ผมก็มีสร้อยคอทองคำขาวที่ซื้อมาด้วยกันสวมเอาไว้ ผมก็ปลดออกและสวมแหวนนั้นเอาไว้เช่นกัน แอ้มองแหวนที่ผมสวมไว้ที่สร้อยคอของผม

                   "แอ้โชคดี แต่มีบางคนที่น่าสงสารนะดิว เขาไม่โชคดีเหมือนแอ้ เขาอยากรักใครสักคนแต่เขาก็ไม่ได้รัก"แอ้พูด ผมขมวดคิ้ว ผมมองใครนะ

                   "แอ้หมายถึงใคร"ผมถามแอ้ แอ้มองหน้าผม

                 "คนที่เขาอยากให้ดิวรักเขาเหมือนที่ดิวรักแอ้"แอ้พูดกับผม

                "แอ้หมายถึงพายหรือบอย “แอ้มองหน้าผม ผมรู้ว่าแอ้รู้เรื่องบอยจากที่ผมบอกเขาทุกอย่างเกี่ยวกับบอย

                  “หรือว่าพาย พายน่ะรู้ว่าดิวชอบใคร "ผมพูดกับแอ้ แอ้ก็ยิ้มอ่อนๆ ให้ผมและลุกขึ้นเข้าห้องน้ำทันทีไป ผมรีบตามไป อาบน้ำด้วยกัน เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้อาบน้ำด้วยกัน ผมอาบน้ำกับแอ้มาตั้งแต่เด็ก เพราะแบบนี้หรือเปล่ามันทำให้ผมมีความรู้สึกทางเพศเร็วกว่าเด็กวัยเดียวกัน กลิ่นหอมอ่อนมันแตะปลายจมูกผม ผิวพรรณที่นุ่มนวลไม่รู้ว่าผู้หญิงจะนุ่มแบบนี้ไหมแต่ที่แน่ๆ ผมไม่อยากสัมผัสใครแล้วนอกจากผิวของแอ้ ผมใช่เวลาอาบน้ำเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนจะรีบออกมาแต่งนตัว วันนี้ผมจะไปเซอไพรส์วันเกิดลูกชายของผม

                    "แอ้ ลงไปหาอะไรทานข้างล่างกันไหม"ผมถามแอ้ คอนโดนผมมีคาเฟ่ชั้นล่าง

                     "ไม่มีอะไรในตู้เย็นเหรอดิว"แอ้ถามผม

                     "น่าจะมีนะเพราะพี่ดิ๊บมานอนอยู่นะเรียนหนักช่วงนี้ พี่ดิ๊บจะได้ไปเป็นหมออินเทิร์นเร็วขึ้น"ผมพูดกับแอ้

                    "แอ้ทำกินเองดีกว่า กินอะไรดีอะดิว"แอ้ถามผม

                   "ไข่ม้วนดีกว่า "ผมพูด

                  "ชอบเหมือนลูกๆ เลยนะ"แอ้แซวผม

                 "แม่ของลูกทำอร่อยนิ"ผมพูด เดินมาที่ห้องครัวเพื่อช่วยแอ้ ผมช่วยแอ้ทำอาหารด้วย ผมคิดว่าการเป็นพ่อบ้านที่ดีควรช่วยภรรยาทำด้วย ผมเตรียมนั้นเตรียมนี้ แต่จู่ๆ ผมก็ต้องชะงัก ผมหันไปมองพี่เดฟกับพี่เอ็กซ์ เดินออกมาจากอีกห้อง ผมกับแอ้พยักหน้าพร้อมกันและรีบแอบข้างตู้เย็นทันที

               “ไอ้ดิว พี่กูมา” แอ้พูด ผมชะโงกหัวไปมอง ผมพยักหน้าว่าใช่เลยพี่เอ็กซ์ตัวเป็นๆ เลย

                 “น้องเขาแซ่บดีน่ะเดฟแต่ว่าน้องเขาออกเพื่อนสาวไปหน่อยมึงน่ะ” พี่เอ็กซ์นี้เขาพาเด็กมาปั่ม ปั้มกันที่นี้เหรอ ผมกับแอ้รีบพลุบเข้ามุมหาที่แอบทันที

                  "เดฟ มีอย่างอื่นไหมนอกจากไข่"พี่เอ็กซ์ถามพี่เดฟ พี่เดฟพอทนพี้เอ็กซ์นี้ซิ พี่เดฟเดินมาหยุดที่ตู้เย็น พี่เดฟหันมาเจอผมสองคนพอดี พี่เดฟสะบัดหน้ามามองและแอ้สองทีติดเลย พี่เดฟตกใจ แบมือถามว่าผมมาเหรอ ผมพยักหน้าและผมก็ชี้พี่เอ็กซ์ พี่เอ็กซ์กำลังจะเดินมาดูที่ตู้เย็น เดินมาก็เห็นผมสองคนแน่ๆ

                  “มีอะไรในตู้เย็นมึงบ้างไหมให้กูดิ…” พี่เอ็กซ์ถามพี่เดฟ ผมเห็นเท้าพี่เอ็กซ์มาใกล้ๆ แล้ว

                 "โป้ก"พี่เดฟ เปิดประตูตูเย็นโดนหน้าพี่เอ็กเพื่อว่าพี่เอ็กจะได้ไม่หันมาเห็นผมสองคน ผมรีบหมอบกับพื้น ทั้งคู่และคลานออกไปทันที ไปแอบด้านหลังเคาเตอร์ตรงกลาง

               "โอ้ยย!!! เดฟ มึงบ้าหรือเปล่า เปิดตู้เย็นใส่หน้ากูทำไม หน้าตาที่หล่อขั้นเทพของกู "พี่เอ็กซ์เม้งแตกใส่พี่เดฟใหญ่เลย ก็โดนเข้าไปขนาดนั้น ผมสองคนนี้ยังเจ็บแทนเลย

                   "เอ็กซ์ กูขอโทษ เจ็บไหม "พี่เดฟ พูดและเข้าไปถามแบบว่าช่วยบังให้ผมด้วย

"มาโดนบ้างไหมสาดดดด"พี่เอ็กซ์ถามพี่เดฟ

                 "กูจะเปิดดูให้ไงว่ามีอย่างอื่นไหม "พี่เดฟพูดผมกำลังหมอบคลานกันเลย

                  "แล้วมึงทำไมไม่รอให้กูเดินไปถึงค่อยเปิดฟ่ะ โอ้ยย! เจ็บ หน้าผากกูโนไหมเนี๊ยะ ถ้าโนนะมึงเจ็บ "พี่เอ็กซ์พูด

                  “ไหนดูซิ มาให้หมอดูให้ กูเป็นหมอน่ะ มามากูดูให้” เสียงพี่เดฟบอกพี่เอ็กซ์ พร้อมกับจับหน้าพี่เอ็กซ์เอาไว้ไม่ให้หันไปหันมา ผมกับแอ้ก็รีบคลานหนีทันที พี่เดฟ ยึดจับใบหน้าพี่เอ็กซ์เอาไว้ไม่ให้หันเลย

“                  มึงหลอกกูเปล่าเนี๊ยะแบบว่าให้กูรู้สึกดีอ่ะแต่จริงๆ ไม่ใช่ เหมือนคุณหลอกดาว” พี่เอ็กซ์กับพี่เดฟเขากำลังสนทนากันอยู่ ผมสองคนก็กคลานหนีกันทันที ไม่กล้าลุกขึ้นวิ่ง

                   "เอาไงดีดิว รู้อย่างนี้กูให้มึงพาไปนอนคอนโดกูดีกว่า "แอ้บ่นผมทันที

                  "แอ้ ปืนลง บันไดหนีไฟ "ผมพูดบันไดหนีไฟของที่นี้เป็นแบบบันไดลิงเพราะว่าคอนโดที่ผมซื้อไว้ไม่ใช่คอนโดสูงแต่เป็นคอนโดที่มีแค่แปดชั้นแต่ห้องที่พ่อผมซื้อเอาไว้อยู่ชั้นห้า คอนโดนนี้พ่อผมซื้อเอาไว้นานแล้ว ผมตอนนี้ผมสองคนหมุดออกมาแล้ว โชคดีที่ผมเอากระเป๋าถือมาวางไว้ข้างนอกห้องนอนด้วย พี่เอ็กซ์ต้องเห็นแน่นอน

                 “ดิว” แอ้เรียกผมเพราะว่าผมสองคนออกมาได้ครึ่งทางแล้วจะถึงตรงที่จะไปลงบันไดหนีไฟ

                 "แป็ก"เสียงพี่เอ็กซ์ทำกระปุ๊กบัตเตอร์ตกลงพื้นและพี่เขาก็ก้มลงเก็บพอดี พี่เขาต้องเห็นผมสองคนแน่ๆ เลย แต่จู่ๆ

                  "เอ็กซ์ "พี่เดฟเรียกพี่เอ็กซ์เสียงหลง

                 "พลุ๊บ"พี่เดฟช่วยเอากระป๋องครอบหัวพี่เอ็กซ์ ระหว่างนี้ผมสองคนรีบวิ่งกันเลยครับและออกไปที่สามารถปืนลงบรรไดหนีไฟได้

                "ไอ้สาดเดฟ วันนี้มึงเป็นเชียอะไรของมึงเนี๊ยะมาครอบหัวกรูทำไมสาด และกูไม่เอากระป๋อง ตอนนี้!"พี่เอ็กซ์เม้งพี่เดฟดังขึ้น ผมสอคนหันไปมอง พี่เดฟก็ทำท่าเหมือนมีคนครอบหัวพี่เขาเหมือนกัน

                 “กูว่าพี่มึงเอามุกนี้มาจากTiktok “แอ้หันมาบอกผม ผมพยักหน้า

                  “กูสงสารพี่เดฟว่ะ” แอ้พูด พวกผมผ่านออกมาได้แล้วค่อยโล่งอกหน่อยแต่พอก้มลงลงไปด้านล่างก็เสียวเหมือนกัน

                  “ไม่เป็นไรหรอก พี่เดฟเขารักดิวเพราะว่าดิวนะน้องรักพี่เดฟน่ะ “ผมพูดแอ้มองเงยหน้ามองผม

                  “ถ้ากูเป็นพี่เดฟ กูคงรักมึงมากจนอยากเตะมึงมากกว่า หาแต่เรื่อง” แอ้พูดว่าผม

                 ผมสองคนปืนจากระเบียง สูงอยู่ระแต่ก็ต้องทำ และผมกับแอ้ พากันปีนลงไป ผมนึกในใจทำไมพี่เดฟจะมาก็ไม่บอก ผมปีนลงมาอย่างเร็วมาก จนเกือบถึงพื้น ผมมีกระเป๋าลงมาด้วย

                   "ผมช่วยไหมครับ "มีคนรอช่วยดีเลย ผมรีบส่งกระเป๋าให้ เงยหน้ามองแอ้ที่ตามผมลวมาติดๆ

                  "ขอบคุณครับพี่…เว้ยย!!!"ผมหันไปขอบคุณ ดันเป็น พี่รปภ

                      "ผมเห็นอะไรผิดสังเกตเลยมาดูนะครับ นึกว่าขโมย ไม่คิดว่าจะเป็นคุณดิว คุณแอ้ ปืนคอนโดตัวเองทำไมเหรอครับ เอ๊ะหรือว่า ลิฟต์เสีย แต่ถ้าลิฟต์เสียบันไดในอาคารยังใช้ได้นะครับ ใช้บันไดในอาคารดีกว่านะครับ"พี่ปรภ

                    "เออ ผมหัดไว้เพื่อ เกิดไฟไหม้ จะได้รู้ว่าบันไดใช้ยังไง เนอะแอ้เนอะ"ผมพูดแอ้พนักหน้า

                   "สุดยอดเลยครับคุณดิว คุณแอ้ "พี่เขาชม

                   "งั้นผมสองคนขอตัวนะครับธุระเยอะ"ผมพูดแบบขอตัว

                   “แต่อย่าทดสอบแบบนี้บ่อยนะครับ มันสูงครับ จะไม่คุ้มกันท่าตกลงมานะครับ ด้วยความหวังดีครับผม” พี่รปภบอกผมสองคน ผมสองคนก็พยักนห้า

                   "เออ คุณเอ็กซ์กับคุณเดฟมานี้ครับ ผมเห็นรถจอดอยู่ มิน่าละตอนเที่ยงคืนครึ่งผมเดินสำรวจ โอ้ย พาใครมาอิบ อิบแน่เลย ซีดซาดน่าดู ครางกันซะผมนี้ขนรุก "โอ้ว shit เพราะเวลานั่นแหละที่ผมสองคนอิบ อิบกัน ผมหันมามองแอ้ มันกัดปากและคงอยากหันมากัดหูดิวเหมือนกัน

                 "คงจะใช่ แต่อย่าแซวนะพี่ผมเตือน เมื่อคืนจบไม่สวย และตื่นเข้ามายังมีอารมย์ค้าง ถ้าพี่แซวขึ้นมางานอาจจะงานเข้า ช่วงนี้พี่เขาฝึกโหดมาก "ผมพูด

                 "จริงเหรอครับ โชคดีที่คุณดิวบอกผมก่อน งั้นไม่แซวครับ "พี่ รปภ.

                "ผมขอตัวนะครับ "ผมรีบพากันออกมาทันที่ และรีบไปขึ้นรถทันทีผมขับรถออกมา แอ้มองผม เมื่อคืนอยากบอกว่าแอ้สุดยอดมาก โอ้ว

                “ทำไมมองแบบนั้นละดิว” แอ้ถามผม

                 “เมื่อคืน สุดยอด อยากได้อีกอะ” ผมพูด

                   “ไอ้บ้าไอ้หื่น “แอ้หันมาตีผม หน้าก็แดงเขินแน่เลย

                     “เมื่อคืนหนังเอ็กซ์ชิดซ้ายเก็บไปได้เลยน่ะ ดิวชอบแอ้ตอนนี้ที่สุด แอ้เป็นตัวของตัวเอง “ผมพูด แอ้หันหน้าหนี

                  “หิวไหม แวะหาอะไรทานกันก่อนไหม แอ้” ผมถาม

                   “ที่ไหนดีละ” ผมถาม

                   “เออ มานรูดไหม “ผมถามแอ้

                  “ไอ้ดิว!! “แอ้หันขวับมาจะหยิกหูดิวอีกแล้ว

               “โอ๊ยแอ้อย่า ดิวขับรถ เขาล้อเล่น ร้านอาหารแถวนี้ก็ได้” ผมพูดพร้อมกับเอนตัวหลบแอ้ด้วยเกือบทิ้งพวงมาลัยรถแล้วเชียว ผมขับไปจนไปเจอป้ายร้านอาหารและผมก็เลี้ยวรเข้าไป เพื่อหาอะไรทานกันลองท้องก่อนเดินทางกลับ ไม่อยากกลเลยอยากอยู่แบบนี้กันสองคน แต่ทำยังไงได้มีภาระกิจต้องทำรถแฃะคนจเฯ๋บ
ฃรออยู่ ต้องทำให้เสร็จ นั้นไปเซอไพรส์วันเกิดน้องมีน สองขวบแล้ว ป่านนี้คงนั่งหง๋อยกันหมดแล้วเพราะว่าผมบอกไว้ว่าไปไม่ธิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด