(รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้องๆ)EP.68 เจ็บที่พูดไม่ได้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้องๆ)EP.68 เจ็บที่พูดไม่ได้  (อ่าน 3271 ครั้ง)

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.60 (เดี่ยว)ไปเยี่ยมแม่ของปู

                Part’ s เดี่ยว หลังจากที่ป๊อดบอกผมว่ามีคนไปส่งปู เนื่องจากแม่ของปู ถูกส่งไปโรงพยาบาลด่วน ปูจึงรีบไปดูแม่ของเขาทันที ผมรู้ว่าปูเขาน่าสงสารมาก ไม่มีพี่น้อง แถมเขาก็เสียพ่อเขาไปตั่งแต่เขายังเด็กและแม่คนเดียวของเขาก็มาป่วยหนัก เป็นมะเร็งอีก สิทธิ์รักษาพยาบาลอะไรก็ไม่มีเลย ผมยิ่งสงสารเขามากแต่ยอมรับว่ามันเหมือนกระจกบางๆ กั้นระหว่างคำว่ารักกับคำว่าสงสาร คำว่าเหมาะสมกับคำว่าสูงค่า เอื้อมถึงหรือจะต้องไขว่คว้าให้ได้มาก มากมายหลายอย่างในหัวผม

                 “เดี่ยว!!” ผมหันไปมองคนที่เรียกชื่อผม ไอ้ดิวและแอ้ เดินตามผมมาติด ไม่ซิ วิ่งจะดีกว่า

                 “มึงจะออกไปทั้งแบบนี้ไม่ได้ มึงต้องขอเขาก่อน” ไอ้ดิวบอกผม

                 “นาทีนี้ ไม่มีอารมณ์ขอแล้ว” ผมหันไปพูด

                 “ปูต้องการใครสักคน เขาไม่มีใครและกว่าจะขอ ไม่รู้ว่าจะได้ไหม แต่กูต้องไป “ผมหันไปพูดกับไอ้ดิว

                 “มึงเลือกเขาใช่ไหมล่ะ “ดิวพูด ผมหันไปมองหน้าแอ้ ผมรู้ว่าแอ้รักและเป็นห่วงติ๊กแค่ไหน ผมเองกลับให้คำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ ผมเดินมาจนถึงหน้าประตู ยามที่ดูแลรีบลงมาขวางทันที

                  “จะไปไหนกันครับ ยังไม่ใช่เวลาเลิกเรียนเลยครับ ห้ามออกครับ นี้คือคำสั่งท่านผู้อำนวยการคนใหม่ครับ” ลุงคนที่เป็นรปภ ของโรงเรียนรีบพูดทันที

                  “ผมขอออกไปดูแม่เพื่อนได้ไหมครับ เขาเข้าโรงพยาบาลด่วนนะครับ ผมแค่ไปดูเพื่อว่าเพื่อนผมต้องการความช่วยเหลือ เขาไม่มีใคร ผมขอออกไปแป๊บเดียวได้ไหมครับ” ผมพูด

                  “นั้นซิ ผมขอออกไปไม่นานครับ พวกผมจะรีบกลับมา” ดิวช่วยพูดอีกคน

                  “ไม่ได้ทั้งนั้น จนกว่าจะมีคำอนุญาตจากท่านผู้อำนวยการเท่านั้น!” ลุงรปภ เขาพูด ผมนี่เกาหัวทันที

                   “ผมอนุญาต” จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังของพวกผมสามคน ผมหันกลับไปมอง คนที่พูดนั้นคือพี่ตุ๊ ผู้อำนวยการคนใหม่ พี่ตุ๊มองผมสามคนสลับกันไปมา

                   “ผมขอ...” ผมทำท่าจะพูดแต่ว่าพี่ตุ๊ยกมือห้ามผมเอาไว้ซะก่อน

                   “ติ๊กบอกพี่หมดแล้ว พากันไปเถอะและถ้ามีอะไรที่เกินความสามารถเราสามคน โทรหาพี่ “พี่ตุ๊พูด ผมสามคนยกมือไหว้และพี่ตุ๊ก็พยักหน้ากับลุงรปภ ให้เปิดประตูได้ ผมสามคนก็พากันวิ่งออกไปเพื่อจะได้รีบกลับมา



                    ผมรู้ว่าแม่ของปู เขานอนที่โรงพยาบาลไหน เป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัด ที่ผมรู้จักก็ตอนที่พ่อผมถูกยิงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และพ่อผมก็ถูกส่งไปที่โรงพยาบาลนั้น ต่อมาพ่อผมก็เสียชีวิตที่นั่น อันที่จริงกำลังก็จะรีเฟอร์ไปโรงพยาบาลค่ายทหารที่พ่อของได้ดิวดูแลอยู่แล้วแต่ไม่ทัน สาเหตุเพราะว่าคนมาใช้บริการเยอะมาก เรียกว่าหนาแน่นเลยทีเดียว แถมพยาบาลก็ดุ พูดกับคนไข้นี่แทบจะไม่มีหางเสียงเลยและยิ่งไม่มีสิทธิ์ในการรักษาไม่ต้องพูดถึงเลยจะได้รับการดูแลแบบไหนกัน ผมขับมาจนถึงลานจอดรถและนำรถเข้าจอดทันที ดูจากสภาพที่หน้าแน่นของรถที่นำมาจอดก็น่าจะรู้ว่าคนเยอะไหน ไอ้ดิวมันยังทำหน้าตกใจเลย

                      “หาของเยี่ยมด้วยว่ะไอ้ดิว "แอ้พูดกับไอ้ดิว ผมก็ยืนคลี่กระดาษที่ไอ้ป๊อดมันเขียนชื่อนามสกุลแม่ของปูให้ผมมาออกมาดู แม่ของปูชื่อว่า ป้าเทียมใจ สุดวิไล ผมเดินตรงไปที่เวชระเบียนทันทีเพื่อถามหาห้องพักที่แม่ปูพักรักษาส่วนดิวกัยแอ้ไปดูของเยี่ยมแม่ของปู

                      "สวัสดีครับผมมาเยี่ยมคนไข้ชื่อคุณป้าเทียมใจ สุดวิไล"ผมถามเจ้าหน้าที่ อ้วนๆ สวมแว่นตา เหล่มองผมลอดแว่นตา ผมคิดในใจนี้คือการมองคนมาใช้บริการเหรอ

                      "เขียนชื่อคนไข้ใส่กระดาษและรอ"ผมก็มองนี้บริการดีไปไหมเนี๊ยะ! คือบริการดีดีหายไปไหนหมด ผมยื่นกระดาษที่มีชื่อนามสกุลให้เจ้าหน้าที่เขาก็รับไป ผมขยับมายืนไม่ไกลมากหนัก ผมหันไปมองดิวกับแอ้เดินกลับเข้ามาหาผม เขามองผมก่อนจะหันไปมองเจ้าหน้าที่ที่ดูจะไม่ค่อบสบอารมณ์หนัก ดิวมันคิ้วมองผม ผมพยักหน้าว่านี่แหละที่ทำให้ผมออกมายืนห่างๆ ก่อนจะใช้ร้อนทำอะไรมากกไปกว่านี้ จากน้ำเสียงของเข้าหน้าที่ ทำให้ผมสามคนยืนติดกันเพราะว่ากลัวครับ ถามว่าผมกลัวไหม ไม่กล้วหรอกแต่ก็พยายามจะไม่อะไรที่ไม่สมควรออกไปเพราะว่ามันกระทบหลายคน

                       "ว่าไงเดี่ยว"ไอ้ดิวกระซิบข้างหูผม ถามผมเพราะสีหน้าผมเริ่มหงุดหงิด

                       "เขาให้กูรอ บริการดีมากเลย"ผมพูดประชด

                       "คนเยอะนี่หว่าไอ้เดี่ยว มึงดูดิ"แอ้พูดขึ้นพร้อมพยักพเยิดให้ผมดู ผมก็รู้ว่าเยอะแต่จะมาทำหน้าตาบอกบุญไม่รับแบบนี้ใส่ผู้ใช้บริการมันก็ไม่ถูกนะ

                      "คุณเทียมใจ สุดวิไล อยู่ตึกคนไข้อนาถาข้างตึกสงฆ์ "เจ้าหน้าที่พูดย้ำชัดเจนว่าคนไข้อนาถา ผมนี้โมโห

                      “ป้า แค่คนไข้ยากไร้ก็พอมั้งครับ ไม่ต้องใช้ว่าอนาถาหรอกมั้งเพราะว่ามันหมดยุกต์นั้นไปนานแล้ว ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันหมดแล้วป้า” ผมพูด เจ้าหน้าที่ลุกขึ้นขึงตาใส่ผมด้วยความโมโหที่ผมเรียกเขาว่าป้า ส่วนไอ้ดิวมันก็ดึงแขนและลากผมออกไปทันทีเช่นกัน

                      “อย่าไอ้เดี่ยวไอ้เชี้ย นั้นเจ้าหน้าที่นะมึง” ไอ้ดิวมันเป็นฝ่ายห้ามผมและดึงลากผมออกมาจากจุดนั้น

                      “ฟู่!!” ผมยืนพรูลมหายใจออกมาจากปลายจมูกโด่งรั้นของผม ผมพยายามระงับความโกรธอยู่ ที่ผมโกรธนี้ไม่ใช่แค่เพราะว่าแม่ปูคนเดียว แต่มันทำให้ผมหวลไปคิดถึงพ่อของผมด้วย

                     “เป็นห่าอะไรของมึงวะ"ไอ้ดิวถามผม ผมไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดอะไรแบบนี้เลยจนผมกลับมายืนที่เดิมที่นี้ ความทรงจำที่เลวร้ายมันกลับมาอีกครั้ง "แทนที่จะได้เข้าไปเยี่ยมเดี๋ยวป้าแกก็เรียก รปภ มาลากออกไปหรอกมึง “ไอ้ดิวมันถามผมและตบบ่าผมเบาๆ เพื่อให้ผมเย็นลง

                     “กู…กู.. นึกถึงพ่อกูว่ะ พ่อกูเสียที่นี้ ตอนนั้นกูคิดว่าถ้าเขา ส่งพ่อกูไปโรงพยาบาลพ่อมึงทัน พ่อกูคงไม่เสียว่ะ กูเลย …” ผมพูด

                     “โมโหว่ะ เพราะต้นเหตุที่ทำให้เขาส่งพ่อกูไปไม่ทันก็เพราะเอกสารบ้าบออะไรก็ไม่รู้ แทนที่จะส่งไปก่อน กูเลยจำภาพนั้นจนฝังใจว่ะ” ผมพูดพร้อมกับก้มหน้าลง แอ้กับดิวมันมองหน้าผมและพยักหน้าว่ามันสองคนเข้าใจผม

                     “ไปหาแม่ของปู เถอะว่ะ “ไอ้ดิวพูดและหันไปจับต้นแขนแอ้



                       ผมสามคนเดินไปตามป้ายบอกทางที่ตัดไว้ตามจุดต่าง ๆ พอพวกผมกำลังเดินผ่านร้านค้าแอ้ก็รีบตรงเข้าไปซื้อนมตราหมีมาสองแพ็ค ผมยืนรออยู่ ผมอยากจะช่วยเป็นเงินจะดีกว่าผมไม่รู้ว่าคนไข้ทานอะไรได้หรือทานอะไรไม่ได้บ้าง พอแอ้ออกมาก็รีบพากันเดินออกทันที

                       “ตอนพ่อกูถูกยิงและพามาที่นี้ พยาบาลแทบจะไม่ทำอะไรเลยและมีสายโทรมาว่าให้รีเฟอร์พ่อกูไปที่โรงพยาบาลในค่ายฯที่พ่อมึงดูแลอยู่ด่วน แต่ว่าพ่อกูทนพิษบาดแผลไม่ไหวเลยเสียชีวิต ตอนนั้นกูแทบอยากจะเอาปืนมายิ่งแม่งเลยทุกคนเลยว่ะ” ผมพูดพร้อมกับกำหมัดแน่น ผมยังแค้นจนถึงทุกวันนี้ แต่ว่าวันนั้นแม่ผมจับแขนผมไว้ แม่บอกว่าแม่เสียพ่อไปแล้วอย่าทำให้แม่เสียผมไปอีกคนเลย ผมเลยหยุดความคิดบ้าๆ นั้น

                      “ไอ้เดี่ยว” แอ้มันแตะไหล่ผม ผมพยักหน้าว่าผมโอเค ผมรู้ว่าผมทำไม่ได้หรอกตอนนั้นนะ ต่อให้อยากทำก็เถอะ พวกผมเดินมาถึงห้องพักคนไข้ตามที่เจ้าหน้าที่เวชระเบียนบอกผมมา เป็นแผนกคนไข้ยากไร้ เป็นห้องรวม คนไข้เยอะมาก ผมเดินเข้าไปมองหาว่าเตียงไหน จะถามพยาบาลหน้านี้บอกบุญไม่รับเอาซะเลย ไม่มีใครสนใจด้วยว่าจะมาทำไม หาใคร

                      “เห็นแล้วอึดอัดแทนเลยว่ะ คนไข้เยอะมาก ถ้าเป็นไปได้ ถ้าปูยินยอมกูว่าทำเรื่องย้ายไปโรงพยาบาลพ่อกูดีกว่าว่ะ” ไอ้ดิวมันพูด

                      "นั้นไงปู"แอ้ผมมองตามแอ้ ผมเดินตรงไปหาปู ตอนนี้ปูที่นั่งหมอบหลับอยู่ มือก็กุมมือของแม่เขาอยู่ด้วย แม่ของเขาดูผอมมาก หน้าตาอิดโรย พอเขาหันมาเจอพวกผมสามคนก็ยิ้มให้และสะกิดเรียกปู เพราะว่าปูหลับอยู่ข้างๆ เมื่อคืนคงไปช่วยแม่ของป๊อดจนดึก

                        "ปูเพื่อนลูกหรือเปล่า"แม่ของปูพูดด้วยน้ำเสียงของคนที่แทบจะไม่มีแรง พวกผมยกมือไหว้แม่ของปู และพอปูเงยหน้าขึ้นมา เจอผมสามคนก็มีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด

                        “พวกนายมาได้ยังไง” ปูลุกขึ้นถามพวกผม แอ้เป็นคนส่งนมให้ก่อนและรอยยิ้ม

                       "พวกเรามาเยี่ยมแม่นายน่ะปู "ดิวพูดและสะกิดไหล่ผมให้พูดอะไรบ้าง

                      “พอดี เดี่ยวเจอป๊อดน่ะปู เขาบอกว่าแม่ปูเข้าโรงพยาบาลด่วนเลยรีบตามมา” ผมพูด

                      "ขอบใจนะแต่…."ปูพูดพร้อมกับก้มลงมองของฝากที่แอ้ซื้อให้

                     "ไม่เป็นไรน่ะปู"แอ้พูดพร้อมกับยื่นมือไปแตะที่ไหล่ของปู

                     “พวกเราเต็มใจมาเยี่ยม “ดิวพูดเสริมอีกคน

                     "ใครเป็นญาติคุณเทียมใจ รบกวนออกไปคุยกับเจ้าหน้าที่การเงินด้านนอกด้วย "จู่ๆ ก็มีพยายาลอายุเยอะแล้วเดินมาเรียกหาญาติคนไข้แม่ของปูนั่นแหละ แต่พูดจาได้ห้วนมาก ผมหันไปมองไอ้ดิว ไอ้ดิวมันขยิบตาว่าอย่าก่อเรื่อง ผมรู้ว่าไม่ควรเพราะว่าแม่ของปูยังต้องเข้าออกโรงพยาบาลนี้และคงต้องมานอนห้องนี้อีกด้วย

                    "เออ...แม่ เดี๋ยวปูมานะ"ปูพูดและเดินไป ผมเห็นสีหน้าปูดูกังวลขึ้นมาทันที

                    "เขาคงจะทวงค่ายานะ มันค้างมาตั้งแต่ครั้งก่อนแม่ยังไม่มีเงินจ่ายเขาเลย ปูก็รับงานทำนั้นทำนี้แต่ก็ยังไม่พอ แม่นี่สงสารปูเหลือเกิน เกิดมาไม่เคยมีครบเหมือนคนอื่นเขา"แม่ของปูพูดไปน้ำตาก็คลอเบ้าไปด้วย

                     “หงึก ๆ “ไอ้ดิวมันดึงเสื้อนักเรียนของผม

                     “เดี่ยว นี้เงินกูกับแอ้ นะเอาไปช่วยปูจ่าย ทำยังไงก็ได้ให้ปูรับเงินนี้"ไอ้ดิวกระซิบกับผมพร้อมกับส่งเงินมาให้จำนวนหนึ่งแต่แน่นอนมันเยอะมากสำหรับเด็กมัธยมที่จะพกกันขนาดนี้

                     “กูไปกดมาจากตู้เอทีเอ็มข้างๆ ร้านสะดวกซื้อ เอาน่า แค่นี้ ไม่เยอะหรอกสำหรับกู กูช่วยได้ก็ช่วยว่ะ” ดิวพูด ผมก็พยักหน้า ผมก็เห็นจำนวนเงินหนึ่งหมื่นแปดพันบาทที่ดิวกดมาให้ ผมก็หยิบใส่เข้าไปอีกสองพันเพื่อจะได้เป็นสองหมื่น ให้ปูเอาไว้ใช้ ผมเดาว่างช่วงนี้ปูไม่น่าจะทำอะไรได้มาก ต้องคอยดูแลแม่ของเขาก่อน ผมเดินออกไปเพื่อไปตามหาปู ผมก็เจอปูยื่นคุยกับเจ้าหน้าที่อยู่ ดูสีหน้าคนสองคนที่ต่างกันลิบลับ อีกคนดุกังวลและอีกคนก็เรียกได้ว่ากำลังไล่ตอนคนที่กำลังจนมุม คงคิดว่าจะทำให้ตัวเองดูเหนือกว่าซิน่ะ ผมพ่นลมหายใจออกมายาวก่อนจะเดินเข้าไป

                     "น้อง ค่ายาคีโมมันแพงนะคะ น้องต้องหามาจ่ายได้แล้วค่ะไม่อย่างนั้น ยาคีโมอีกรอบก็ให้ไม่ได้ค่ะเพราะว่ามันจะเยอะเกินไป พวกพี่ก็ต้องมานั่งตามหนีกันอีกและคนที่ซวยคือพี่ค่ะ พี่นี่ค่ะที่จะโดนหัวหน้าด่าค่ะน้อง! "เจ้าหน้าที่เดินมาพูดกับปู

                     "ผมขอเวลาสองสามวัน"ปูพูดด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อมแต่อีกฝ่ายดูท่าไม่เคยมีพ่อแม่หรือไงถึงไม่เข้าใจหัวอกลูกกตัญญูกัน

                     "เท่าไหร่ครับ "ผมเดินเข้าไปถามทันที ปูหันมาผมยกมือเบรกเอาไว้ ผมมองหน้าเจ้าหน้าที่ เขาก็มองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเลยก็ว่าได้

                      "เดี่ยว ไม่นะ"ปูพูดและดึงแขนผม เขาไม่อยากให้ผมจ่ายให้เขาแต่

                      "เท่าไหร่ครับผมจะจ่ายเดี๋ยวนี้"ผมพูดมองหน้าเจ้าหน้าที่กลับ เป็นเจ้าหน้าที่ที่มารยาทแย่แล้วยังเป็นคนที่ไร้เมตตาธรรม แถมการบริการก็แบ่งชนชั้นอีก นี้แค่เพราะว่าแม่ของปูเขาไม่มีสิทธิ์ในการรักษาเช่นคนอื่นๆเท่านั้น และเขาเป็นคนไข้ที่ไม่มีตังค์แค่นั้น

                       "หนึ่งหมื่นห้าพันบาทค่ะ"เจ้าหน้าที่โชว์ใบแจ้งค่ารักษาให้ผมดู ผมก็รับมาถือเอาไว้ ปูเงยหน้ามองผม

                       "ผมยินดีจ่ายตอนนี้ ไปห้องการเงินได้เลยใช่ไหมครับ "ผมพูดเจ้าหน้าที่พยักหน้า ผมก็เดินตามทันที ปูหันมามองผมก่อนจะรีบเดินตามผมไปในทันที ผมสับเท้าเดินให้ทันเจ้าหน้าที่

                       "ไปจ่ายเถอะปู ไม่ต้องห่วง มีเมื่อไหร่ค่อยให้เรากับดิว "ผมพูดกับปู ผมพากันมาที่ห้องการเงินและนำเงินออกมานับ เพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แม่ของปูและเขาะจะได้ยาคีโมชุดต่อไปได้อีก

                       "หนึ่งหมื่นห้าพันบาทครบถ้วนนะครับ คุณเจ้าหน้าที่"ผมส่งเงินให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ทำการตรวจนับอีกครั้งและกำลังจะออกใบเสร็จ แต่ผมนะปากไว้

                      "พึ่งจะขึ้นป้ายว่าผ่านISO มา  ทำไมการพูดจากับผู้ใช้บริการได้แย่มาก "ผมพูดเสียงดัง จนคนรอบ ๆ ที่รอจ่ายเงินก็หันมามองผมสองคนเป็นตาเดียวกันหมดแต่ผมไม่แคร์

                       "จริงด้วย ไม่มีมารยาท บริการก็แย่ เงินก็ภาษีเรา"คนข้างๆ ผมพูด ส่วนผมยักคิ้วให้คนที่กำลังออกใบเสร็จคงโกรธผมมากและไม่ใช่มีแค่ผมและอีกคน คนอื่นก็ซุบซิบว่ากันต่างๆ นานา

                       “ใช่ แถมทำงานก็ช้ามาก รอมาจะชั่วโมงแล้วนะแค่จ่ายเงินแค่เนี๊ยะ!” มีผู้หญิงคนหนึ่งมาบนเหมือนกันข้างๆ และคนอื่นๆ อีกที่เข้ามาสมทบ

                     "ใบเสร็จ!"คนนั้นส่งใบเสร็จให้ผม และยังหันมามองค้อนผมสองคนด้วยที่ผมจุดประกายคนข้างๆ ให้ลุกขึ้นบ่นกันใหญ่เลย

                     "ไม่มีใครเขาบอกเหรอครับคุณว่าควรมีค่ะลงท้าย บริการนะเขาไม่เลือกสถานะกันหรอกนะครับคุณ"ผมพูดแต่ปูดึงผมออก ไม่อยากให้ผมมมีเรื่องกับเจ้าหน้าที่ที่นี้ ผมเดินกลับเข้าไปยังห้องคนไข้ที่แม่ปูพักอยู่ ผมเห็นแอ้กำลังประคองแม่ปูทานน้ำ

                      "ขอบใจนะแอ้"ปูรีบเข้าไปช่วยด้วยอีกคน

                      "ไอ้ดิวละแอ้"ผมถามแอ้เพราะว่าผมไม่เห็นไอ้ดิวมันไม่อยู่ตรงนี้

                       "แม่ของปูเขารู้จักพ่อภาณุเดชพ่อของดิวน่ะเพราะแม่ของปูเคยรับดูแลพี่ๆ ของดิว ตอนที่พี่ๆ ของดิวเกิด ดิวเลยไปโทรหาพ่อภา เราจะย้ายแม่ของปูไปโรงพยาบาลในค่ายทหารของพ่อดิว "แอ้พูดผมก็คลี่ยิ้มออกมาผมหันไปมองหน้าปู ปูก็มองหน้าแอ้ อีกที ผมว่าปูเขาคงดีใจที่แม่อาจจะได้ไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ดีๆ ผมเองก็ดีใจนี่ถ้าพ่อผมย้ายได้ทันพ่อผมคงปลอดภัย

                        "แต่พวกเราไม่มีสิทธิ์อะไรเลยนะแอ้"ปูพูดขึ้น

                        “พ่อของดิวนะใจดีมาก เขาไม่มาห่วงว่ามีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์หรอกปู พ่อภาของดิวนะเป็นหมอที่ยื่นมือเขารักษาคนไข้ทุกคนด้วยความเต็มใจ” แอ้พูดและไอ้ดิวก็เดินกลับเข้ามาพอดี

                        "ครับพ่อขอบคุณครับ"ไอ้ดิวมันคุยกับพ่อมันเสร็จแล้วและวางสายทันที

                        "ไม่เป็นไรปู คุณน้าคนนี้เคยอยู่ดูแลพี่ๆ ของดิว

                  พ่อของดิวยินดีจะรับแม่ของปูไปรักษาอย่างดี ที่โรงพยาบาลที่อยู่ในค่ายทหารของพ่อดิว และมันก็ไม่ไกลมากหนัก พรุ่งนี้พ่อจะให้รถที่โรงพยาบาลมารับ และวันหยุดดิวกับแอ้จะกลับไปที่ค่ายกันด้วย ไปหาแม่ของปูด้วยกันก็ได้น่ะ"ดิวพูด ปูกอดแม่ของเขา ปูดีใจมากจนร้องไห้ทันที ที่แม่เขาจะได้รับการดูแลดีกว่านี้ ผมดีใจแทนจริงๆ ผมหันมองไอ้ดิว ผมเชื่อว่าถ้าต่อไปไอ้ดิวได้ทำหน้าที่เหมือนพ่อของเขาแน่ๆ เขาจะทำแบบนี้เช่นกัน ผมเองก็อยากจะทำให้ตัวเองมีประโยชน์เหมือนกัน ผมอยากเจอท่านอีกครั้ง ผมได้ยินพ่อผมพูดถึงท่านบ่อย ๆ ว่าท่านเป็นคนมีเมตตามากแค่ไหน

                   "คุณหนู"แม่ปูพยายามยกมือไว้ดิว

                   "อย่าเรียกผมคุณหนูเลยครับ ตัวโตขนาดนื้ เรียกไปไม่มีใครเชื่อแน่นอน "ไอ้ดิวพูดปนหัวเราะและจับมือแม่ของปูไม่ให้ไหว้ไอ้ดิว

                   "ปูกลับไปเรียนเถอะนะการเรียนสำคัญ"แม่ของปูพูดกับปู

                   "และไปช่วยป้าแป้ดทำอาหารด้วย ป้าแป้ดยิ่งไม่มีคนช่วยอยู่น่ะช่วงนี้ "แม่ของปูพูดกับปู แสดงว่าป้าแป้ดนี้สำคัญกับแม่และปูมากพอสมควร ผมรู้ว่าป้าแป้ดคือแม่ของไอ้ป๊อดนั้นเอง

                    "ขอโทษนะคะ เตียงนี้ชื่อคุณเทียมใจใช่ไหมคะ"มีเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งเดินมาถามที่เตียงคนไข้ที่ผมยืนอยู่

                     "ใช่ครับ"ปูลุกขึ้นตอบทันที

                    “ศ.นพ.พลเอกภาณุเดช ได้ส่งเอกสารทางแฟกซ์มาให้ ผอ.โรงพยาบาลว่า คุณคือคนไข้ของคุณหมอ จะให้รีเฟอร์ไปที่โรงพยาบาลที่ค่ายฯพรุ่งนี้ตอนเช้า เดี๋ยววันนี้จะย้ายเข้าห้องคนไข้พิเศษก่อน มีพยาบาลดูแลนะคะ "เจ้าหน้าที่พูดดีทีเดียว ดีกว่าตอนแรกมาก แตกต่างราวกับหน้ามือและหลังเท้า ผมหันมามองไอ้ดิว พ่อของดิวนี่เจ๋งจริง ๆ ไอ้ดิวยักไหล่ให้ผม

                    “ใครก็เกรงใจ แต่พวกกูไม่เคยเอาชื่อนามสกุลพ่อมาขู่ใครเล่นนะมึง พ่อเอาตายเลยมึง ถ้ามีเหตุผลที่สมควรก็อาจจะได้อยู่” ไอ้ดิวมันกระซิบกับผม ผมนะเชื่อมัน

                    "ปูกลับกันเถอะกลับไปพร้อมกันเลยนะเพราะว่าปูต้องไปช่วยแม่ไอ้ป๊อดไม่ใช่เหรอ ส่วนแม่นะไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว มีคนดูแลอย่างดี และถ้าจะไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลพ่อของดิว เดี๋ยวจะพาไปเอง"ผมพูดบอกปู ปูก็ยิ้มให้ผมรอยยิ้มที่ดูดีกว่าตอนที่มาเห็นทีแรก และพยาบาลก็เข้ามาเข็นเตียงคนไข้คือแม่ของปูออกไปพักที่ห้องพักพิเศษ
                       พวกผมพากันเดินลงมา พวกผมเชื่อใจว่าพ่อของดิวจะดูแลแม่ของปูดี ผมเดินมาถึงชั้นล่าง ผมจับมือปูมาตลอด ผมสงสารเขามาก บางคนมีพร้อมก็พร้อมไปซะทุกอย่าง บางคนขาดก็ขาดไปซะทุกอย่างเช่นกัน

                  "ขอบใจน่ะ เดี่ยว"ปูหันมาพูดกับผม

                  "กินข้าวหรือยัง "ผมถามปูเพราะว่าตอนที่ผมกำลังทานพิซซ่าอยู่ผมเห็นไม่เห็นปูนั่งอยู่แล้ว

                   "เออ "ปู แสดงว่ายัง

                   "พวกเรายังหิวอยู่เลย ไปหาอะไรทานกันดีกว่า "แอ้พูดผมหันไปมองก็เพิ่งจะทานพิซซ่ามาไม่ใช่เหรอ แต่อย่างว่าและ ผมไม่ได้ทานมากเพราะว่ามัวแต่คุยกันมากกว่าและผมก็เองก็ไม่ได้ชอบทานพิซซ่าวะด้วย ปูพยักหน้าเป็นคำตอบเบาๆ และพวกผมพากันเดินไปขึ้นรถ ปูขอไปนั่งหลังกับแอ้ ผมเหลือบมองผ่านกระจกมองหลังดูสองคนนี้เขาคุยกันสนิทกันเร็วจัง

                    "ปูเขาน่ารักน่ะมึง ว่ามั้ย? " จู่ๆ ไอ้ดิวมันก็พูดขึ้นมาที่ข้างหูผม ผมหันมามองหน้ามันผมเข้าใจความหมายของมันดี มันคงให้ผมคิดว่าอีกคนที่ดีพร้อมเขาคงไม่ต้องการให้ใครดูแลแต่อีกคนที่เขาขาด นั้นซิผมควรยื่นมือเข้าไปขอดูแลจะดีกว่า ดังนั้นผมควรเลือกคนที่ ผมจะเลือกได้ใช่ไหม

                     "มึงหมายถึงให้กูเลือกเหรอวะ "ผมถามไอ้ดิวทั้งที่รู้ความหมายดีอยู่แล้ว

                     "ปูเขาน่ารักกว่าไอ้ติ๊ก กูกลัวมันจะทำให้มึงเจ็บ ไอ้ติ๊กน่ะและนี่กูเตือน"ไอ้ดิวพูดผมนิ่งไปเลย จริงอีกคนเขาคงไม่จำเป็นเพราะเขาพร้อมทุกอย่างแล้ว

                     "กูไม่ได้กันมึงนะเดี่ยว"ไอ้ดิวพูด ผมพยักหน้ากับมัน



                             ผมมาถึงร้านอาหารใกล้ ก็เข้าไปหาอะไรทานกัน ในร้านอาหาร ผมกับปูคุยกันมากขึ้น ยิ่งเห็นความน่ารักของปู แต่ผมกลับยังไม่รู้สึกพิเศษ หรือมันอาจจะแค่เริ่มต้น ผมรู้ว่าเขาคนนั้นสูงเกินไปสำหรับผมที่ผมจะไปไขว่คว้ามาครอง ผมหันไปมองไอ้ดิว มันพยักหน้ากับผม ให้ผมดูปูกับแอ้คุยกัน น่าแปลกน่ะที่แอ้เป็นคนพูดน้อยที่สุดแต่กลับเข้ากับคนอื่นๆ ได้ดีกว่าติ๊กมาก ไม่ว่าจะเป็นต้นข้าว ที่ดูสนิทกับแอ้ เห็นคุยกันถูกคอแทบจะทุกเรื่องและนี่ก็ปูอีกคน

                       "เฮ้ย! กลับเถอะว่ะ นี่เราต้องกลับไปทำรายงานส่งพี่ตุ๊อีก "ไอ้ดิวพูดขึ้นผมพยักหน้าและพากันขับรถเข้าไปด้านในโรงเรียน ผมก็ไปลงสมุดว่าไปไหนกันมา ผมลงในสมุดรายงานว่าพาเพื่อนไปหาแม่ที่เข้าโรงพยาบาลกันมา และพอเจ้าหน้าที่ที่ดูแลอยู่ก็โทรไปแจ้งผู้อำนวยการนั้นคือพี่ตุ๊ และเขาก็ให้พวกผมกลับเข้ามาในโรงเรียนได้

                        TBC......




ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
               
EP.61 (แอ้Xดิว)เด็กเกเรก็มีดี
                      Part’ s ดิว หลังจากเยี่ยมแม่ของปูที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วก็พากันกลับมาที่โรงเรียนเพราะว่าผมนัดเตะฟุตบอลกับพวกไอ้โซ่และผมก็กำลังจะตั้งชมรมฟุตบอลด้วยเลยอยากลองฝีเท้ากับพวกนี้สักหน่อย ปูก็กลับมาโรงเรียนพร้อมพวกผมเลย คาบสุดท้ายไม่มีเรียน พวกแจ็คและบอย ก็พากันไปสำรวจสถานที่ที่จะใช้เปิดชมรม แจ็คไปสำรวจสระว่ายน้ำ เพื่อจะได้ปั่นเด็กใหม่ๆ เอาไว้เป็นนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียนตามที่พี่ตุ๊บอก บอยก็ไปดูสถานที่ นั้นคือห้องที่จะใช้เปิดชมรมฟันดาบกับธรรณ์ เห็นนุ่มนวลแบบนี้บอยเป็นแชมป์ฟันดาบมาตั้งแต่อยู่ชั้นประถมเท่าที่พวกผมทราบกันดีและเท่าที่ผมได้ยินมาอีก ว่ามีคนแห่เข้ามาสมัครเยอะเลยและส่วนใหญ่ชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นกันก็จะชื่นชอบกีฬาด้านนี้เป็นพิเศษ   ส่วนผมผู้ซึ่งชื่นชอบการเตะฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจและก็ชอบการต่อยมวยแต่ให้ผมเลือกผมเลือกเป็นนักฟุตบอลมากกว่าแต่พ่อก็ส่งผมไปเรียนต่อยมวยแต่ไม่ใช่เพื่อให้ผมเก่งขึั้นแต่เพื่อให้ผมนำไปใช้ในถูกต้อง
                        ผมเดินตรงไปที่สนามฟุตบอลของโรงเรียนทันที สนามที่กว้างมากเป็นทั้งสนามกีฬาฟุตบอลและสนามแข่งขันกีฑา ผมว่าโรงเรียนของอาภาคย์ทุกสาขามีสนามกีฬานี้แหละที่ใหญ่ที่สุด ผมเห็นพวกพวกภาคิน กำลังเล่นฟุตบอลกันอยู่ ปูก็ยืนคุยโทรศัพท์อยู่โดยใช้โทรศัพท์ของเดี่ยวเพื่อโทรหาป๊อดเพราะว่าโทรศัพท์ของปูไม่ได้เอาสายชาร์จโทรศัพท์มาด้วยและแบตเตอรี่ก็หมดแล้วด้วย ผมหันไปมองไอ้เดี่ยวว่ามันจะลงสนามไหม เดี่ยวมันส่งสัญญาณว่ารอแป๊ปหนึ่ง
               "ดิว แอ้ ไอ้เดียว"ต้นข้าวตะโกนเรียกพวกผมมาแต่ไกลพร้อมกับรีบเดินเข้ามาหาผมทันทีเหมือนกับมีเรื่องด่วนเลย
               “เออ ดีว่ะปู” ไอ้ต้นข้าวมันหันมาเจอปูพอดี
               "ไอ้ติ๊กละ ข้าว"แอ้ถามหาไอ้ติ๊กทันที ผมหันไปมอง มันพึ่งจะสะบัดตูดขึ้นห้องด้วยความไม่พอใจที่พวกผมจะไปเยี่ยมของปูที่โรงพยาบาลกันน่ะแอ้
               "กลับบ้านไปแล้ววะ สงสัยจะ ไอ้นี่ว่ะ"ไอ้ต้นข้าวพูดและชี้ไปที่ไอ้เดี่ยว ไอ้เดี่ยวน่าจะรู้ว่าหมายความว่ายังไง ผมหันไปมองหน้ามัน ผมพูดไปแล้วน่ะ ว่าใครที่มันควรจะเลือกดูแล
                "ลูกชายแอ้นี้ งี่เง่าเอาแต่ใจดีเนอะ"ผมพูดและแอ้มันหันขวับมามองผมเลย “ลูกคนโต” ผมพูดต่ออีกด้วยแอ้มันหันมาส่งนิ้วกลางให้ผม
                 "ไอ้ดิว มาเตะบอลกันว่ะ "ไอ้โซ่วิ่งมาเรียกพวกผม แน่นอนผมรีบหันพยักหน้ารับทันที
                 "ไอ้เดี่ยว เตะบอลดีกว่าว่ะ"ผมบอกไอ้เดี่ยวและมันก็พยักหน้าตอบผม

                      ผมสองคนวิ่งตามลงไปในสนามทันที ผมสองคนไปอยู่ข้างเดียวกับไอ้โซ่ ว่าน ไอ้มาร์ค ไอ้ภาคินเป็นประตูมีเพื่อนในห้องเรียนและคนอื่นๆที่เรียนห้องอื่นและชั้นอื่นก็มี  ผมลงเตะฟุตบอลกันอย่างสนุกสนาน ผมเพิ่งรู้ว่าพอพวกผมได้พวกนี้เป็นเพื่อนผมได้อะไรมากกว่าทิ่คิดเอาไว้อีก พวกไอ้โซ่มันเจ๋งจริงๆ ไอ้ว่านนี่เห็นเงียบๆ มันไวมากอยู่ตำแหน่งแบ็คซ้ายเพราะว่าว่านถนัดซ้ายและแบ็คขวาก็เป็นไอ้มาร์ช ไอ้มาร์ชนี่มันเป็น เพื่อนต่างห้องของภาคิน ไอ้นี่มันเก่งพอตัว ไอ้มาร์คก็กองหน้า มีไอ้มิกซ์ห้องอื่นเข้ามาเสิร์มและอีกหลายคนเลยและมีทีมรุ่นน้องของภาคินมาเป็นทีมฝ่ายตรงข้าม ส่วนผมอยู่ตำแหน่งกองกลางตัวรุกและไอ้เดี่ยวกองกลางตัวรับ ไอ้นี่มันเข้าขากับผมได้ดีอย่างน่าแปลกใจเพราะว่าผมกับไอ้เดี่ยวไม่เคยเล่นด้วยกันมาก่อน การได้ลองเล่นกับพวกนี้มันทำให้ผมเห็นถึงพรสวรรค์พวกนี้ นี้ขนาดเล่นแบบไม่มีการวางแผนการเล่นยังเล่นได้ขนาดนี้ ถ้าได้พี่เดฟมาช่วยด้วยผมว่าแชมป์ปีนี้เป็นของชมฟุตบอลพวกผมแน่ๆ และมันจะทำให้ทุกคนเห็นว่าเด็กๆเกเรที่พวกเขาหมายหัวเอาไว้มีดีเหมือนกัน
                 "มันเจ๋งวะ ถ้าได้มาเป็นทีมน่ะ สุดยอดเลย่วะ"ผมพูดกับไอ้เดี่ยว
                 "มึงก็สุดยอดวะ…เดี่ยว "ผมพูดชมไอ้เดี่ยวเพราะว่าเดี่ยวมันเล่นเข้าขากับผมได้ดีมาก ทั้งลูกรับและลูกส่ง มันลงตัวทีเดียว ผมเก่งศูนย์หน้าและจุดเด่นของผมคือยิ่งประตูจากกลางสนามมาไม่รู้กี่ลูกแต่ดันมาตกม้าตายตอนโดนคู่อริมันเหยียดผมที่เป็นเพศทางเลือกนี่แหละ โดนใบแดงออกจากสนามทันทีและผมยังไปมีเรื่องต่อยกลับมันหลังสนามอีกเพราะว่ามันว่าแอ้ อันนี้โดนผมต่อยหนักกว่าในสนามหลายเท่าเลยจนผมไม่สามารถกลับเข้าไปร่วมทีมได้อีก
                 "เยส! เยส! เยส"ตอนนี้เข้าประตูไปแล้ว พวกไอ้โซ่ว มันดีใจน่าดู ผมเตะยิงยาวไปถึงหน้าประตูและไอ้เดียวมันก็ซัลโวเข้าไปแบบสวยงาม
                  "สุดยอดเลยวะ ไอ้ดิว ปึก! "ไอ้โซ่วมันวิ่งมา
                  “พวกมึงโดนใจกูเลยว่ะ การเล่นของพวกมึงแม่งเหมือนพวกมีประสบการณ์ในการเล่นฟุตบอลมาเลยว่ะ “ผมพูดชมพวกผม
                  "คืนนี้กูถามพี่กูวะว่ามาได้เมื่อไหร่ แต่คิดว่าเร็วๆ นี้วะ "ผมพูดกับพวกภาคิน พวกมันก็ยกนิ้วให้ผม
                  "เออ ๆ มาเมื่อไหร่ กูก็พร้อมเสมอ ถ้างั้นพวกกูกลับบ้านก่อนว่ะ คิดถึงแม่” ไอ้มาร์ซ พูด ทุกคนหันไปมองไอ้มาร์ซกันหมด
                   “แม่อะไรกันแน่ที่มึงคิดถึงน่ะ” ไอ้โซ่มันถามไอ้มาร์ค
                   “แม่ทูนหัว” ไอ้มาร์ซตอบ แต่ล่ะคนโชว์นิ้วกลางกันคนล่ะอันให้ไอ้มาร์คทันที
                   “เออ งั้นกูกลับก่อนวะ วันนี้กูต้องไปหาพวกไอ้จักรว่ะและจะคุยเรื่องที่จะเรียกพวกในกลุ่มคนอื่นเข้ามาคุย ว่าเรามีหัวหน้าแก้งคนใหม่แล้ว” ไอ้ภาคินพูดผมพยักหน้า พวกผมก็ต้องกลับแล้วเหมือนกัน แสดงว่าไอ้จักรมันมา
                    “เจอกันพรุ่งนี้ว่ะ พรุ่งนี้ซ้อมดนตรีด้วยนะโว้ย! "ไอ้โซ่ตะโกนบอกทุกคน ผมก็ยกนิ้วแรพโยวพร้อมกันว่าพร้อม ขณะที่ผมกำลังจะเดินขึ้นไปหาแอ้ที่นั่งอยู่บนอัศจรรย์เชียร์ ผมดันพบว่ามีไอ้เวรนั้นอีกแล้วที่มานั่งมานั่งคุยกับแอ้และปู ดูมันนั่งชะโงกมองแอ้ชัดเจนมาก ไอ้คนนั้นก็คือไอ้นาวิน
                   "ไอ้ดิว!"ไอ้เดี่ยวเรียกผมแต่ไม่ฟัง ผมเดินขึ้นไปถึงก็ดึงแขนแอ้ทันที
                    "แอ้กลับบ้าน"ผมพูดหยิบกระเป๋าเป้ผมและแอ้ ขึ้นมาสพายไว้บนบ่าของผม
                    "เออ ผู้ปกครองมารับแล้วเหรอครับ"ดูมันถามแอ้ มันว่าผมเป็นผู้ปกครอง ผมนี้ถลกแขนเสื้อแล้วกูพร้อมจะมีเรื่อง
                    "ผู้ปกครองบ้านป้ามึงดิ"ผมพูดใส่หน้ามันทันทีและทำท่าจะเข้าไปต่อยมันด้วย
                   "อย่าไอ้ดิว!"แอ้ลุกขึ้นห้ามผมทันที จับมัดผมให้คลายลง
                   "ไอ้นาวิน มึงจะกลับไหมบ้านอะ"ไอ้โซ่มันเรียกไอ้นาวิน ไอ้นี่มันเป็นลูกพี่ลูกน้องไอ้โซ่อีกทีไง ผมก็มองหน้ามันว่าเอาไง
                   “มึงเลือกเอาระหว่างบ้านกับโรงพยาบาล มึงจะไปไหน” ผมถามไอ้คนตรงหน้า มันหันมาส่งยิ้มให้แอ้อยู่นั่นแหละทั้งที่เพื่อนมันเรียกแล้วแต่ยังไม่ยอมรีบไปอีก
                   "กลับบ้านซิครับคุณพ่อคุณแม่รออยู่ ดุวะพันธ์อะไรวะ? "ดูมันชมผมว่าผมนะพันธ์อะไรอีก
                    “พันธ์ุอะไรก็ได้ ที่ทำให้มึงน่วมได้ก็แล้วกันหรืออยากจะลอง” ผมพูดแอ้ยังดันผมไว้ไม่ให้มีเรื่อง ผมยอมรับเวลาหึง ผมก็หน้ามืดเหมือนกัน แอ้มองหน้าผมสายตาแอ้จับจ้องที่ผมไม่วางตา จนผมต้องหยุดตัวเอง และไอ้นั่นมันก็ต้องเป็นฝ่ายเลือกเดินลงไปหาไอ้โซ่แต่ยังหันมาส่งยิ้มให้แอ้อีกต่างหาก มันยิ่งทำให้ผมต้องจ้องมองมันแบบไม่ละสายตา จนไอ้โซ่มันลากคอลูกพี่ลูกน้องของมันออกไป
                     “ฮาๆ ไอ้ดิว” ไอ้เดี่ยวมันนั่งหัวเราะผมซะงั้นน่ะ ที่เห็นผมออกอาการหึงแอ้ขนาดนี้
                     "คิก คิก คิก "ปูอีกคนที่หัวเราะผม
                     "ปูไม่ขำเลยน่ะ "แอ้พูดแต่ไม่ได้โกรธอะไรปูหรอก แอ้หันมามองผม พร้อมส่ายหัวไปมาด้วยก่อนจะดึงกระเป๋าไปถือเอง
                      “มึงด้วยไอ้เดี่ยว ที่หลังก็ช่วยดึงสติเพื่อนมึงหน่อยน่ะ” แอ้หันไปเม้งใส่ไอ้เดี่ยวก่อนจะก้าวเท้าเดินจั้มอ้าวลงไปทันที
                     "มึงหึงเหรอว่ะไอ้ดิว"ไอ้เดี่ยวถามผม
                     "เป็นมึงล่ะ มึงจะหึงไหมไอ้เดี่ยว"ผมมันถามกลับทันที
                     "แน่นอน ต้องหึง"ไอ้เดี่ยวพูด มีเหล่ไปที่ปู ปูหันมามองผมกับไอ้เดี่ยว ประมาณว่าไม่เข้าใจ

                           ตอนนี้ผมก็สับเท้าเดินตามแอ้ให้ทันก็แอ้เล่นเดินจ้ำอ้าวไม่รู้ว่าโกรธหรืออายกันแน่ เล่นเดินไม่รอกันเลย ผมเดินออกมาก็เห็นไอ้แจ็คมันขึ้นรถแล้วเช่นกัน มันส่งสัญญาณมาว่าเจอกันที่บ้าน ผมทำนิ้วโอเค และดึงแอ้ไว้ ให้รอผมก่อน
                      “เดี่ยวกลับพร้อมกูเลยไหม” ผมหันไปถามไอ้เดี่ยว
                       "กูไปส่งปูก่อน"ไอ้เดี่ยวพูด และผมโบกมือให้มัน ผมและแอ้ เดินไปที่รถของผม ดีทีเอารถมาคือรถทางโรงแรมจะได้ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นแทน
                       "ดิว มึงอย่าทำแบบนี้ได้ไหม"แอ้พูดขึ้นทันทีที่ผมขึ้นรถ
                       "แอ้ ดิวรักแอ้ ดิวไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ ที่ให้ ไอ้ ไอ้ "ผมพูดขึ้นเหมือนกัน
                      "นาวิน"แอ้พูดชื่อมัน
                       "จำชื่อมันได้ด้วย"ผมพูด
                       "เวลาหึงนี้มึงงี่เง่านะ" แอ้พูดผมแค่เบียงสายตาไปมองแอ้แว็ปหนึ่ง
                       "ใช่ดิวรู้ ว่าดิวงี่เง่า แต่ถ้าไม่รัก ดิวจะหึงไหมล่ะแอ้!"ผมพูดพร้อมกลับใส่เกียร์ออกตัวทันที และรีบขับรถออกจากที่จอดรถอย่างเร็ว แอ้หันมามองหน้าผม ผมเลยต้องผ่อนเท้าลงก่อน แอ้ถึงได้หันไปมองนอกรถแทน
                        "เขาก็แค่มาคุยกับกู ดิว "แอ้พูดอธิบาย ผมรู้ว่าแค่มาคุย แอ้คิดแค่นั้นแต่ไอ้คนที่แค่มาคุยมันคิดมากกว่านั้น
                       "มันจีบแอ้ "ผมพูดและเหล่ไปมองแอ้
                       "กูรู้ว่าควรทำยังไงดิว กูมีภูมิคุ้มกันพอ ถ้าไม่อย่างนั้น"แอ้พูดและหันมาหาผม
                      "ป่านนี้มีเยอะแล้วเนี่ย"ผมพูด แอ้ถึงกลับสะบัดหน้ามามองผม
                      "ดูดิ ไอ้ภาคินมันก็แอบมอง ไอ้พี่ภาณุก็ตามแจกขนมจีบอีกและนี่ยังไอ้นาวินอีก จะให้ดิวทนเหรอ ทนไม่ได้อ่ะ" ผมหันไปพูด
                      "ดิวกูรู้ว่ากูควรจะทำยังไง กูไม่ได้ใจอ่อนให้กับทุกคนนะ"แอ้พูด ผมหันไปมอง นั้นแปลว่าใจอ่อนให้ผมคนเดียวใช่ไหม ผมยิ้มกริ่มทันที
                      "จริงอ่ะ"ผมถามแอ้ พร้อมกับเหล่มองอีกนิดหนึ่งก่อนจะพยักหน้ากับผม
                      "ห้ามยิ้มกลับ"ผมพูดเชิงออกคำสั่งกับแอ้
                      "ห๊ะ? "แอ้สะบัดหน้าหันกลับมามองผมทันที
                      "ห้ามส่งสายตาปิ้งๆ"ผมพูดพร้อมกับหันไปมองว่า อันนี้จริงจัง
                      “…” แอ้มองผมคงหมดคำพูดละซิ
                      "ห้ามพูดคำหวานด้วย"ผมพูดต่อ
                       "มึงจะบ้าหรือเปล่าดิว กูไม่เคยทำอยู่แล้ว กับมึงกูยังไม่ทำเลยไอ้บ้า!! "แอ้พูด หันมามองผมเต็มเลยทีนี้
                      "ก็มันหึง อย่าทำนะ ดิวทนไมไ่ด้ "ผมรีบพูดอ้อนแอ้ ให้เหมือนลูกแมว
                       “เฮ้อ!!” แอ้ถอนหายใจออกมายาวๆ
                       "ถ้าลูกมึงทำก็น่ารักดีนะดิว ไอ้แบบนี้อะ อ้อนแบบนี่น่ะ "แอ้พูดแต่แอบยิ้มไปทางอื่น ผมกับแอ้เดินขึ้นรถทันที
               
                      TBC....

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.62 (แอ้Xดิว)แวะทำงานงาน อิบ อิบ NC

                      Part’s ดิว ผมก็ขับรถออกมาจากโรงเรียนกลับบ้าน ผมไม่รู้ว่าอะไรจะรออยู่ที่บ้าน คนที่จะโดนจะเป็นผม แอ้หรือไอ้เดี่ยวจากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร มันโมโหใครก็ไม่บอก ไม่พูดแต่ผลลัพท์มันลงที่แอ้ทุกที ผมหันไปกุมมือแอ้ระหว่างขับรถและเอามาหอมเป็นช่วงๆ จนใกล้ถึงบ้าน เหลือเวลาอาการเย็นตั้งเยอะ ผมจอดรถที่ไหล่ทาง แอ้มองว่าผมจอดทำไม ผมกดล็อคประตูรถทันที
                       "จอดทำไมดิว"แอ้ถามผมทันที
                        "กลับไปบ้านต้องทำรายงานส่งพี่ตุ๊ไม่ได้อิบ อิบ อะ ดิวขออิบ อิบตรงนี้ได้ไหมแอ้ เรามาทำรายงาน อิบ อิบ กันก่อนแล้วค่อยกลับไปทำรายงานวิชาของพี่ตุ๊กันต่อ นะจ๊ะเมียดิว"ผมหันไปบอกแอ้ แอ้มันตกใจแต่ช้าไปแล้ว ผมปลดเข็มขัดผมและกระโดดไปคร่อมร่างของแอ้เอาไว้ ผมไว้มากเรื่องนี้ขอบอก ผมไซ้ซอกคอแอ้ และสลับขึ้นมาจูบแบบดูดดื่ม ตอนแรกแอ้ก็ดันผมออก สักพักก็โอบผมไว้แถมเผยอริมฝีปากให้ผมสอดลิ้นนุ่มๆ เข้าไปได้
                        "แอ้ไปเบาะหลังกันนะ ตรงนั้นมันแคบกว่า ทั้งแคบและเสียว! "ผมพูดและแอ้นะมองผม แต่แอ้ก็ขยับเปลี่ยนไปที่เบาะที่แค็ปหลัง รถของผมเป็นแบบ open cab รุ่นใหม่
                        ผมปลดกระดุมเสื้อปลดหมดแล้วและรูดซิปกางเกงถูกรูดลงเรียบร้อย ทันทีที่แอ้ไปที่เบาะหลัง ผมก็ตามไปและผมถอดเสื้อผมออก และกางเกงนักเรียนของผมและแอ้แต่ไม่ได้ถอดออกจนหลุดออกมา ผมเอามือไปหยิบถุงยาง ดิววางแผนเอาไว้แล้ว มีถุงยางใส่เอาไว้ในกล่องเก็บของและสวมใส่ทันที ผมก็เล้าโลมแอ้ก่อนจนแอ้ได้ที่ นาทีนี้ต้องทำเวลาพูดเลยและจัดการสอดใส่ทันที
                         “โอ้วว โอว โอ้ววว ซี้ด “สัมผัสได้ว่ารถมันโย้กเย้กเลย
                         “ตับๆๆ” เสียงกระแทกกลบเสียงครางดังสนั่นอยู่ในรถ แอร์ที่เปิดจนเย็นจัดแต่ผมสองคนกลับเหงื่อแตกผลักๆ เพราะกิจกรรมในร่มนี้แหละ (จริงๆ ต้องเรียกว่ากิจกรรมในรถต่างหาก) (ปล. ขอรถพ่อมาใช้ก็เพื่อสิ่งนี้)
                         “อู้วววว “ผมรู้สึกว่าเกร็งกระตุกนั้นแปลว่าน้ำรักของผมกำลังพุ้งออกมา ผมเอามือเท้ากระจกผมเงยหน้าขึ้นมอง รู้สึกว่ามีเงาใครด้านนอก แต่เพราะว่ากระจกมันเป็นฝ้าไง ผมก็ค่อยใช้มือปาด
                        ” ปื้ด!” และที่ผมเห็นมันก็คือ ไอ้เดี่ยว!!!! ไม่ใช่คนเดียว ไอ้แจ็คอีกคน ฉิบหายแล้วครับผม ผมรีบหันไปหยิบเสื้อมาปิด แอ้ก็มองผมว่ามีอะไร และส่งนิ้วกลางให้มันแปลว่าปฏิเสธห้ามดู
                       “มีอะไรดิว แอ้ถามผมทันทีและรีบดึงกางเกงขึ้นมา ผมเห็นว่าแอ้กำลังแต่งตัวอยู่แต่ถ้าออกไปเจอพวกมันนี้คงได้เม้งผมแน่ๆ ผมก็รีบแต่งตัวแบบลวกๆ ก่อนจะรีบเปิดประตูลงไปและปิดประตูทันทีเช่นกันไม่ให้เห็นแอ้
                             ผมเดินอ้อมรถมาก็เจอไอ้เดี่ยวมันนั่งยองๆ อยู่ มีไอ้แจ็คอีกคน และรถของทางโรงแรมที่จอดห่างไปหน่อย บอยกับธรรณ์เขาอยู่ในรถ ส่วนรถไอ้เดี่ยวจอดต่อจากรถผมไปหน่อย มาจอดตอนไหนก็ไม่รู้ได้ มันน่าไหมล่ะ
                       “จอดทำอะไรกันว่ะ ฮาๆ” ไอ้เดี่ยวถามผมปนหัวเราะคือมันก็น่าจะเดาได้อยู่แล้วจะถามทำไมผมแอบคิดในใจ ไอ้แจ็คมันเงยหน้าขึ้นมองผม มันไม่พูดแต่มันก็กลั้นหัวเราะอยู่
                       “จอดเล่นอะไรกัน จ้ำจี้กันเหรอมึง ฮาๆ” สุดท้ายไอ้แจ็คก็ถามผมจนได้แถมหัวเราะร่วนเลย ผมก็แต่งตัวไปด้วย ไม่ต้องอธิบายแล้วว่าทำอะไรกัน มันชัดเจนมาก
                      “ทำไมไม่รอไปที่ห้องวะมึง เตียงจะดีกว่าไหมว่ะ นี้มันแคบไป ฮาๆ” ไอ้หลุยส์อีกคน ผมแจกนิ้วกลางให้มันทุกคนเลย
                       “กลับได้ยัง “ไอ้เดี่ยวมันถามผม แอ้มันเปิดกดกระจกรถลงและชะโง้กหน้ามาเจอพวกนี้ถึงกับตกใจและรีบปิดกระจกรถทันที
                      “ไปเจอกันที่บ้าน ห้ามแซวมันกันนะมึงเพราะว่าไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครมันจะอาละวาดกับแอ้เอา กูขอว่ะ “ผมพูดและชี้หน้าพวกมัน มันก็พากันเดินกลับไปที่รถและยังหันมาหัวเราะผมอีกนะ แต่ผมนี้ซิ เข้าไปจะเจออะไรบ้างวะ ผมค่อยๆ เปิดประตูรถเข้าไปเมียนั่งเหมือนกำลังนับเลขอยู่ในใจ ผมค่อยๆ ปิดประตูลงเบาๆ กลัวเมียตกใจ
                        “เป็นไงมึงไอ้ดิว!!!” เมียหันขวับมาและ
                         “โอ๊ย!! แอ้ “แอ้มันบิดหูผมทั้งสองข้างพร้อมกัน
                        “บอกมันแล้วห้ามแซวตอนถึงบ้าน “ผมพูดและค่อยเอามือเมียออกจากหู
                        “มึงตัวเดียวเลย มึงจะหื่นอะไรหนักหนา” แอ้บ่นผมและคาดเข็มขัด
                        “ออกรถดิว่ะ “แอ้สั่งผม แอบคิดในใจจ๊ะแม่!!
                            ผมก็ขับรถตามพวกไอ้เดี่ยวมา ไอ้เดี่ยวมันน่าจะถึงก่อนผมอีกและถามมาด้วยไอ้แจ็ค บอย หลุยส์และธรรณ์ ผมเดินไปช่วยเมีย (แอ้) ถือของเข้าบ้าน ผมได้ทำรายงานคู่แอ้ สมดังที่ผมตั้งใจ แอ้หันมามองผม ผมยิ้มกรุ้มกริ่มเพราะว่าไอ้กดเมียไปหนึ่งยก
                       “ทำเป็นยิ้มไอ้ … ไอ้หื่น กูว่าพ่อน่าจะเอายาอะไรมึงกินบ้างนะดิว” แอ้บ่นผมทันที
                       “ยาอะไรดีล่ะ ยาโด่ไม่รู้ล้มเหรอ ขนาดนี้ยังต้องให้ดิวโด๊ปอีกเหรอครับ ลูกก็ดกขนาดนี้ ถ้าโด๊ปยาด้วยนี้ ตั้งทีมฟุตบอลแน่ๆ “ผมกระซิบกับแอ้ แอ้หันมา
                       “โอ๊ยย!” บิดได้ตรงพิกัดมากสองจุดเล็กบนแผ่นอกของผม นี้ขนาดเล็กมากยังเล็งได้ตรงขนาดนี้
                       “คิดถึงลูกอ่ะแอ้ วันนี้ อยู่ที่ห้องได้ไหมอ่ะ จะโทรหาลูก” ผมพูดกับแอ้ แอ้หันมามองหน้าผม ผมเดาว่าแอ้ก็คิดถึงลูกเช่นกัน
                       “ถ้าลูกโตและดิวกับแอ้ต้องเรียนที่กรุงเทพ ดิวอยากเอาลูกไปเรียนที่กรุงเทพด้วยแอ้ว่าไง” ผมถามแอ้ และแอ้ก็หันมามองหน้าผม แอ้นิ่งเงียบอีกแล้ว
                      “แอ้ ลูกต้องการเราเหมือนกันน่ะ “ผมพูด
                       “กูยังไม่รู้เลยดิวว่ากูจะไปที่ไหนดิวและจะได้อยู่กับมึงกับลูกไหมดิว ถ้ากูต้องไปอยู่กับลุงหนึ่งล่ะดิว” แอ้หันมาพูดกับผม
                      “ดิวจะทำให้แอ้ไม่ต้องไป เชื่อดิวป่ะ” ผมบอกแอ้ ตอนนี้ผมสองคนกำลังเดินเข้ามาในบ้านสิ่งที่ผมสองเห็นคือ ทุกคนยืนอึ้ง เหมือนมีเรื่องกัน และที่ผมเห็นก็คือไอ้ติ๊กมันปาสมุดรายงานใส่ไอ้เดี่ยว ผมเดาว่าไอ้เดี่ยวมันได้ทำรายงานคู่กับไอ้ติ๊กแน่ๆ และมันก็ซวยสองต่อตรงที่ไม่ได้มาช่วยมันทำและมันก็ดันไปเยี่ยมแม่ของปู ผมเองก็ไม่รู้จะช่วยมันยังไง

                       แอ้เดินหายเข้าไปในครัวก่อนจะออกมาพร้อมกับขวดน้ำเปล่าและพยักพเยิดให้ขึ้นห้องดีกว่า ส่วนไอ้เดี่ยวมันก็เก็บรายงานก่อนจะเดินหายเข้าห้องครัวไป แอ้หันไปหยุดมองที่ห้องนอนไอ้ติ๊ก ก่อนจะหันมามองผม เหมือนกำลังใช้ความคิดว่าจะเอายังไง ถ้าแอ้เปิดประตูเข้าไปมันก็คงดึงรั้งแอ้เอาไว้ แต่แอ้เลือกที่จะเปิดประตูห้องนอนของผมกับแอ้และเข้าไปในห้องนั้นแทน เท่านั้นแหละมุมปากของผมกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มทันทีและรีบเดินตามเข้าไปพร้อมกับรีบปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว และแอ้ดึงชายเสื้อนักเรียนออกมาจากกางเกงนักเรียน
                      “หมับ” ผมตรงไปกอดแอ้จากด้านหลัง แอ้หันมาเหลียวมองผมแต่ก็ไม่ได้ดันออกแต่อย่างใด
                       “คุยกับลูกก่อนไหมแอ้และเดี๋ยวเราค่อยอาบน้ำกัน” ผมกระซิบที่ข้างหูของแอ้ ปลายจมูกก็ซุกไซ้ไปที่ซอกคอของแอ้ แอ้พยักหน้าเบาๆ

                        ผมก็เดินกลับไปที่เตียงนอนพร้อมกับหยิบเอาโน้ตบุ๊คขึ้นมาเปิดและเข้าไปที่แอปพลิเคชันที่ผมใช้วิดีโอคอลคุยกับพี่ๆ ผม แอ้เดินมาหยุดมองผม ผมก็ดันโน้ตบุ๊คออกไปเพื่อจะได้มีที่ว่างเอาไว้ให้แอ้นอนลง แอ้เดินมาทิ้งตัวลงนอนลงตรงหน้าของผม ระหว่างที่รอพี่ดรีมรับสาย ผมก็ก้มลงมองแอ้ที่นอนลงตะแคงรอตรงหน้าผม ผมเองก็นอนตะแคงกระหนาบข้างเช่นกัน ไม่นานพี่ดรีมก็กดรับสายเรียกเข้าของผม
                    “ฮัลโหลดิวโทษทีว่ะ พอดีพี่คุยโทรศัพท์เพื่อสั่งอาหารอยู่และงานเข้าอีก ก็เลยมารับสายช้าว่ะดิว” พี่ดรีมพูดและบอกว่างานเข้าอีก ใครกันน่ะ ผมได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ข้างๆ พี่ดรีมและพี่ดรีมก็หันไอแพตไป คนที่นั่งร้องไห้นั้นคือมาริโอ้ แอ้ดีดตัวขึ้นนั่งทันที
                    “พี่ดรีมลูกผมเป็นอะไรอ่ะ ทำไมนั่งหัวเราะละพี่” ผมถามขึ้นแบบขำๆ แอ้สะบัดหน้ามามองผม และคนที่นั่งร้องไห้เหมือนกันสะบัดหน้ามามองผมทันที
                     “ร้องไห้!!” มาริโอ้หันมาพูดกระแทกเสียงใส่ผม หน้างอคอหักทันที
                    “โอ๋ๆ พ่อแซวเล่นน่ะ ว่าแต่ร้องไห้ทำไมครับ” ผมถามมาริโอ้
                    “มาริโอ้ ร้องไห้ทำไมครับ เป็นอะไรครับ” แอ้ถามลูกชายฝาแฝดคนที่สามของผมเหมือนกันแถมยังแอบค้อนที่ผมแกล้งลูกชายจนหน้างอ
                    “ไอ้ ไอ้ ไอ้ …ฮึก .. ไอ้ ไอ้ ... ไอ้...ฮีกๆ” มาริโอ้พยายามตอบผมกับแอ้แต่ก็สะอึกสะอื้นไปด้วย แล้วผมสองคนจะรู้เรื่องกันไหมวันนี้น่ะ
                    “ตัดไปที่โฆษณาก่อนแล้วกัน ..ไอ้...ไอ้.. อยู่นั่นแหละ เที่ยงคืนก็ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง ให้กูเล่าแล้วกันกูคือผู้เห็นเหตุการณ์ “พี่ดรีมหมุนไอแพทมาส่องหน้าพี่ดรีมแทนเพราะว่าดาราหน้ากล้องสะอึกสะอื้นจนพูดไม่รู้เรื่อง
                    “โดนน้องชายสุดที่รักฝังเขี้ยวเอาไว้ให้เพราะว่าแย่งของเล่นกัน น้องเล็กสุดแสบเลยกัดเข้าให้ที่หลัง เล่นเอาคนพี่นี้ร้องไปสามบ้านแปดบ้านเลยครับลูกมึงน่ะ” พี่ดรีมบอก
                   "นี่ขนาดน้องมันมีอาวุธแค่ฟันหน้าสี่ซี่เองนะมึงน่ะ" พี่ดรีมพูดปนหัวเราะ แต่ดูจากสีหน้าคงเจ็บหน้าดู
                   “มาริโอ้ ไม่ร้องนะลูก” แอ้พูดกับมาริโอ้
                   “น้องคงไม่ตั้งใจกัดโอ้หรอกน่ะ” แอ้พยายามปลอบมาริโอ้ ที่นั่งสะอึกสะอื้น
                   “แล้วนี่…อาทิตย์นี้จะกลับมาบ้านไหมวะ” พี่ดรีมถามผม
                     “ดูก่อนน่ะว่าจะไปได้ไหมอ่ะพี่ดรีม” ผมบอกพี่ดรีมแอบเห็นมาริโอ้หลุบตาลง และผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเด็กน้อยวิ่งมา
                    “พ่อมาแล้วพี่ไอ “เสียงไอซ์เรียกไอพี่ชายฝาแฝดและทั้งคู่ก็เข้ามานั่ง
                    “พ่อดิว พ่อแอ้ พ่อจะมาหรือเปล่าน้องไอซ์คิดถึงพ่อ” ไอ้ซ์พูดอ้อนอยากให้ผมไปหา ไอนั่งก้มหน้าลง ผมรู้ว่าไอก็อยากให้ผมไป แต่ไอเขาพยายามจะไม่อ่อนแอ
                    “พ่อกับพ่อแอ้จะกลับไปหานะวันหยุดนี้น่ะ “ผมพูดกับลูกๆ พากันยิ้มออกมาทันที แอ้หันมามองผม เพราะว่าผมแกล้งลูกไงอยากให้ลูกอ้อน
                   “เย้ เย้ เย้” เด็กๆ พากันดีใจใหญ่เลย แอ้แค่หันมายิ้มให้ผม
                  “แล้ววันนี้ไอไปต่อยเพื่อนอีกหรือเปล่า” ผมถามไอ
                   “ไอ เออ ไอ ไม่ได้ต่อยครับพ่อดิว เพราะว่าไอไม่อยากให้พ่อโกรธ ไอเลย ไม่ต่อยครับ” ไอพูดตอบผมสองคนเบาๆ ผมพยักหน้า
                   “เก่งมากไอ” ผมพูดชมไอ แอ้หันมาเหล่ตามองผม ใช่วันนี้ผมก็เกือบจะต่อยไอ้นาวินเหมือนกัน ผมนี้เข้าใจความรู้สึกของไอขึ้นมาทันที
           “ลูกมึงเขาไม่ต่อยแต่เตะก้านคอแทน” พี่ดรีมพูด ผมนี้ถึงกับไถลไปเลย
          “จริงดิ!” ผมถามพี่ดรีม
        “กูหยอกๆ ช่วงนี้ หลานไอ ไม่รับงาน พวกกู้นี้โล่งอก ที่เวลาไปรับไม่ต้องได้ยินคำว่า ไองานเข้า”พี่ดรีมพูด ผมกับแอ้โล่งอกไปด้วย
   “แป๊ปน่ะ”พี่ดรีมพูดก่อนจะลุกไป
                     “เอาล่ะ นี้ไงพอดิวพ่อแอ้ “พี่ดรีมไปอุ้มลูกชายคนเล็กของผมมา มิ้น มิ้นมองหน้าผมกับแอ้ยิ้มดีใจแต่พอหันไปเจอคู่อริเท่านั้นแหละ นั่งกอดอกหน้าคว่ำทันทีทั้งคู่ด้วย
                   “แป๊บหนึ่งน่ะ จัดมุมก่อน มุมแดงกับมุมน้ำเงิน เขายังไม่ดีกัน เดี๋ยวคงได้มีใครกระโดดข้ามไปกัดหูกันบ้าง และโน๊ตบุคกูคงพังมึงคงไม่ได้เห็นหน้าลูกมึงหลายวันกว่าจะหาเครื่องใหม่ที่สเป็คเหมือนเดิม” พี่ดรีมพูดและจัดการให้นั่งกันคนจะมุม ไม่ได้หวงอะไร หวงโน๊ตบุคตัวเองที่อยู่ระหว่างคู่อริสองคน
                  “น้องมีนไปไหนล่ะพี่ดรีม” แอ้ถามพี่ดรีม
                   “น้องมีนวันนี้ไม่ค่อยสบาย สงสัยพี่เลี้ยงพาไปเดินชมสวนดอกไม้ที่พ่อเอาไปลงน่ะ อาการเฮย์ฟีเวอร์เลยกลับมาอีกน่ะแอ้ แต่ไม่เป็นไร แค่น้ำมูกไหลนิดๆ หน่อยๆ “พี่ดรีมพูด แอ้หันมามองผม
                    “อย่าบอกน่ะว่าโหมดแม่หวงลูกขึ้นมาน่ะแอ้”
                    “ก็แอ้บอกครูแล้วว่าน้องมีนแพ้เกสรดอกไม้ ถ้าเป็นไปได้อย่าพาไปจะดีกว่า” แอ้พูดกับผม ผมรู้ว่านี้คือส่วนหนี่งของการเรียนการสอนมันก็ห้ามยาก
                   “เอาน่ะนิดหน่อยและพี่ดรีมก็บอกว่าไม่เป็นอะไรมาก นี้หมอเด็กพูดเองเลยน่ะแอ้” ผมพูดปลอบคุณแม่ (ในร่างผู้ชาย)
                   “พี่ดรีมถ้าอย่างนั้นผมกับแอ้จะไปอาบน้ำก่อนน่ะ วันนี้มีรายงานต้องรีบทำ ทำคู่กับเมียด้วยเนี๊ยะ!” ผมพูด พี่ดรีมถึงกับถลึงตาใส่ผมสองคนแอ้หันมา “ไอ้ดิววว” เสียงลอดไรฟันออกมาขนาดนี้
                   “รายงานทำคู่กับเมีย มันทำให้กูคิดน่ะ ว่านั้นคือรายงานอิบอิบหรือเปล่า” พี่ดรีมรีบถามผมกับแอ้ทันที
                   “ไม่ใช่พี่ดรีม อันนั้นทำมาแล้ว แต่อันนี้รายงานวิชาสังคม พี่ตุ๊น่ะเขามาเป็นครูสอนที่นี้” ผมบอกพี่ตุ๊
                   “กูก็ตกใจรอ แม้นึกว่าจะหาทำลูกกันอีก แต่ก่อนจะคิดหาทำ รบกวนมองที่นั่งตาแป๋วนี้ด้วยนะมึงน่ะไอ้ดิว “พี่ดรีมพูด แอ้หันมาทำตาปะหลับปะเหลือกใส่ผมทันที และเด็กน้อยตาแป๋วทั้งหมดสี่คู่มองผมสองคนและพี่ดรีมสลับกันไปมา
                   “งั้นแค่นี้น่ะกูจะพาลูกๆ มึงไปเตรียมตัวทานอาหารเย็นได้แล้วและจะได้พากันเข้านอน” พี่ดรีมพูด
                   “โอเคครับพี่ดรีม พี่ดรีม ขอบคุณนะครับ” แอ้พูดกับพี่ดรีม
                  “ยินดีครับแอ้ จะว่าไปชีวิตพวกพี่ก็มีสีสันดีน่ะ มีเด็กๆ วิ่งวุ่นวายอยู่ในบ้านแบบนี้ แต่”
                  “ขอไว้แค่นี้ก่อนน่ะ” พี่ดรีมพูดดักคอไว้ทันที
                    “พี่ดรีมไปห้ามน้องพี่นี้ ผมว่าพี่ควรจะหายาลดอาการมาให้มันกินบ้างเฮอะ” แอ้พูดแม้มีแอบทะลึ่งกับเขาด้วยน่ะ
                    “ลดอาการหื่นเหรอ พ่อบอกว่ามีทางเดียวแอ้”
                     “อะไรอ่ะพี่ดรีม” แอ้ถามพี่ดรีมก่อนจะหันมาชำเลืองตามองผม
                     “จับมันตัดตอนซะ ตัดทิ้งไปเลยไง” พี่ดรีมพูด
                     “เฮ้ยย! แร๊งส์อ่ะพี่ดรีม อันนี้ไม่ดีน่ะ แนะนำกันแบบนี้น่ะ” ผมพูดและเอามือกุมน้องดิวน้อยๆ ในกางเกงทันที แอ้หันมามองผม เสียงเลยซิผม ไม่เสียวซ่าน เสียวกลัวน้องในกางเกงจะหายไป
                     “เด็กๆ ล่ำลาพ่อๆ กันได้แล้วและลงไปทานอาหารเย็นกันครับ” พี่ดรีมบอกลูกๆ ของผม
                     “รักพ่อแอ้พ่อดิว ที่สุด” เด็กแฝดพูดพร้อมกันพร้อมกับยื่นหน้ามาบอกผมกันหมดแต่คนเล็กนี้ยังพูดเป็นประโยคไม่ได้ พูดได้เป็นคำๆ เลย ก็ได้แค่หันไปมองพี่ๆ แทนและยื่นหน้าทำปากจู๋จะจูบที่หน้าจอ แอ้ใช้นิ้วแตะที่หน้าจอโน้ตบุ้คของผมเบาๆ ด้วยอาการคิดถึงลูกๆ แต่ไม่รู้ว่าในใจแอบคิดอะไรอีกไหม ผมไม่อยากให้แอ้คิดว่าต้องมีวันที่เขาต้องหายไปจากลูก ผมไม่อยากให้เขาคิดแบบนั้นเลยและผมกดวางสาย
                   “แอ้ “ผมเรียกแอ้ แอ้พลิกตัวมานอนมาตะแคงหันหน้าชนกับผม ผมก็พลิกตัวเองให้ขึ้นไปคร่อมร่างของแอ้ ผมแอ้ให้นอนราบลงไป แอ้มองผม แอ้ใช้ฝ่ามือลูบไล้ที่ใบหน้าผมเบาๆ ก่อนจะไล่ลงมาที่ที่ตรงระหว่างแก้มและคางของผม ผมก็ใช้ลำคอหนีบมือแอ้เอาไว้ ผมอยากให้แอ้ทำแบบนี้กับผมทุกวัน อยากให้แอ้น่ารักแบบนี้กับผมและเฉพาะกับผมคนเดียวเท่านั้นตลอดไป
                    “อาบน้ำกันดีกว่าแอ้ จะได้ทำรายงานกันต่อ” ผมพูดบอกคนที่นอนอยู่เบื้องล่าง แอ้พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะดันตัวผมให้ลุกขึ้นและพากันถอดเสื้อผ้า ผมทั้งคู่ตรงเข้าไปในห้องอาบน้ำ เรากอดกันอยู่ภายใต้ฝักบัว สายน้ำที่ราดรดลงมาที่กายผมสองคน ไม่ใช่สัมผัสแรกของเราแต่เพราะว่าตอนเด็กๆ เราก็ทำแบบนี้ด้วยกันมาตลอดและนี้อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของผมทั้งคู่มันก้าวข้ามคำว่าเพื่อนมานานแล้ว แต่มันกลับเหมือนมีบางสิ่งมากั้นผมกับแอ้เอาไว้ ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่ไม่ใช่ติ๊กแน่นอน มันเหมือนมีบางสิ่งที่ผมกับแอ้เองก็ยังไม่รู้ มันเหมือนเป็นหลุมดำที่คอยจะดึงแอ้ไปจากผมยังไงก็ไม่รู้
                      มันทำให้ผมคิดถึงความรักของพ่อผมกับอาภีม พ่อผมกับอาภีม โตมาด้วยกัน อายุไล่เลี่ยกัน พ่อๆ ผมถูกสอนให้ดูแลกันเอง ถึงไม่ใช่พี่น้องที่คลานตามกันมาก็ตาม พี่ดูแลน้อง พ่อผมก็ดูแลอาภีมมาตลอด เหมือนผมกับแอ้แต่น่าแปลก เมื่อก่อนมีผมแอ้และติ๊กแต่ผมกลับรู้พิเศษแค่แอ้คนเดียวแต่แอ้ซิ กลับแคร์ติ๊กมาก จนบางที่ผมก็แอบคิดนะว่าแอ้ ชอบติ๊กหรือเปล่า แต่ผมว่าไม่น่าจะใช้ หรือว่ามีอะไรที่เขาไม่ยอมบอกผมตรงๆ ผมเองก็ไม่อยากตามหาคำตอบนั้น มันไม่สำคัญเท่าแอ้และตอนนี้ผมต้องคิดว่าผมจะทำยังไงให้แอ้ยังอยู่กับผม ทำยังไงไม่ให้แอ้ถูกส่งไปฝึกที่อื่นที่ไกลจากผม

                    TBC


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-03-2024 09:25:43 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.63(ติ๊กXเดียว)เกินห้ามใจจริงๆ

               Part's ไอ้เดี่ยว ผมรีบไปส่งปูและรีบกลับบ้านทันที ผมรู้สึกตงิดๆ เหมือนงานจะเข้าผม และระหว่างที่ผมขับมาผมก็เห็นรถไอ้ดิวมันจอดข้างทาง และรถที่มาส่งพวกแจ็ค หลุยส์ มันก็จอดห่างออกไป ผมก็ก้าวเท้าลงมา แจ็คและตามาด้วยหลุยส์มันลงมาด้วยและชี้ไปที่รถ มันทำนิ้วมันคงจะป๊าปๆ กันอยู่ ผมว่าใช่แหละรถโยกขนาดนั้น และจริงด้วย มันคงคิดว่าถ้ากลับไปบ้านไอ้ติ๊กมันงอลอะไรผมมันอาจจะลากแอ้ไปคลุกอยู่กับมันแน่ๆ และผมก็รีบขับรถกลับมาบ้านทันที พอผมเข้าไปก็เจอพายกับติ๊ก ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ ผมรับรู้ได้ว่าบรรยากาศมันอึมครึมมาก
             "กลับมาแล้วพาย"ผมเห็นพายนั่งเอามือเท้าคาง หันมามองผม ผมดูพายทำรายงานเสร็จแล้ว พายมันทำรายงานคู่กับไอ้แว่น ผมก็ส่งสายตาไปที่คนข้างๆ
             “มึงทำรายงานคู่กับมัน คอนเก็ทซูเลชั่นเลยมึง” พายกระซิบบอกผม อันนี้แหละที่ผมคิดว่าเซ้นผมแรง จริงด้วย ผมทำรายงานคู่ติ๊กนี่หว่า ผมลืมไปเลยถามไอ้หัวหน้าห้องว่าผมทำคู่กับใคร และคนที่ผมทำด้วยหน้าบึ้งขนาดนี้
              "กูไปนะ มึงเคลียร์กันเอง กูไม่ไหวจะเคลียร์ว่ะ พูดเลย "พายพูดบอกผมก่อนจะลุกขึ้นไปส่วนผมก็มองติ๊ก หน้าตอนนี้โหดมาก
              "ติ๊ก เดี่ยวขอโทษนะ เอาเรามาช่วยกันทำรายงานด้วยกันนะ "ผมเป็นฝ่ายขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ คนที่นั่งกดโทรศัพท์ไม่สนใจว่าผมเข้ามา ผมมองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งถูกปาเอาไว้เกลื่อนพื้นไปหมด นี้เขียนไม่ถูกหรือว่า อารมณ์โกรธเข้าสิงเนี๊ยะ!
              "ติ๊ก"ผมเรียกอีกทีแต่ยังเงียบ
              "เดี่ยวรู้ว่าเดี่ยวผิดที่ไม่ได้มาช่วยตอนแรกแต่ตอนนี้มาช่วยแล้วนะ "ผมพูดกับติ๊ก คราวนี้ได้ยินและหันมามองผม
              "ใช่ และกูก็ดันมาซวย! ต้องทำรายงานคู่กับมึงทำไมก็ไม่รู้ เป็นไงพากันไปสวีตมา ย้ายไปอยู่ห้องมันเลยดิ...ปึก!"ติ๊กพูดขึ้นเสียงพร้อมกับปารายงานใส่ผมทันทีก่อนจะลุกเดินขึ้นและเดินขึ้นบ้านไปเลย ผมลุกขึ้นมองทุกคน ทุกคนที่เขามาก็หยุดมองผมกันหมด แอ้กับดิวเพิ่งเข้าก็มองด้วยมันคงเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน
              "ให้กูยินดีหรือไว้อาลัยให้มึงดีว่ะ ที่ไอ้ติ๊กมันหึงมึงนะไอ้เดี่ยว"ไอ้หลุยส์พูดแซวผม
              "ไอ้ตี๋ไม่ต้องไปแซวเขาเลย ไปรีบขึ้นห้องทำรายงานเลย ยังไม่ได้เริ่มเลยนะ "ธรรณ์พูดและรีบดึงหูหลุยส์ขึ้นห้องทันที ส่วนไอ้แจ็คมันไม่พูดและยักไหล่และพาบอยขึ้นบ้านไปเช่นกัน แอ้มันก็เดินเข้าไปหยิบขวดน้ำและส่งซิกกันกับดิวว่าจะขึ้นไปบนห้องเลย
              "มันเป็นอะไรวะเดี่ยว"ไอ้ดิวถามผม
              "ติ๊กทำรายงานคู่กับกูว่ะ และนี่ก็คงโกรธ ที่กูไม่ช่วยทำรายงาน"ผมพูดไอ้ดิวมันพยักหน้าแค่นั้นและโบกมือให้ผมก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน ส่วนผมก็เดินรีบเข้าไปในครัว กะว่าจะเอาขนม น้ำผลไม้ขึ้นไปด้วย ผมจัดการจัดจานและรินน้ำผลไม้ที่ติ๊กเขาชอบ เอาไปง้อหน่อยจะดีกว่า
               "ก๊อก ก๊อก ก๊อก " ผมเคาะประตูห้องติ๊กเดินมาเปิดและทำท่าจะปิดทันทีเช่นกันแต่ว่าผมใช้มือข้างเดียวดันเอาไว้
               "อย่าติ๊ก..เดี๋ยวมันหกแล้วอดกินเลยนะ นี้เดี่ยวตั้งใจมาเสิร์ฟให้เลยน่ะ "ผมร้องห้ามติ๊กไม่ให้ปิดประตู ติ๊กมองที่ผมถือมา น้ำผลไม้ที่ติ๊กชอบนั่นแหละ ติ๊กปล่อยให้ผมเข้ามา ผมก็ถืองานที่ต้องทำคู่กันขึ้นมาด้วย ผมวางทุกอย่างลง และ ติ๊กเอาโต๊ะญี่ปุ่นมากางทำรายงานเอาไว้แล้ว เขารู้ว่าผมต้องขึ้นมาแน่ๆ มันทำให้มุมปากของผมกะตุ๊กขึ้นมาเป็นรอยยิ้มแต่อีกคนยังหน้าบึ่งเฉยอยู่
               “รู้ด้วยเหรอว่าต้องขึ้นมาน่ะ เตรียมจัดสถานที่ไว้รอขนาดนี้” ผมพูดแซวแต่คนที่ผมแซวกับหันมามองตาขวางขนาดนี้
                “ไม่แซวก็ได้ มานั่งซิ เดี๋ยวเราทำเอง ติ๊กนั่งกินน้ำผลไม้และขนมชมอย่างเดียวพอ "ผมพูดพร้อมกับเอามือตบที่นั่งข้างๆ ติ๊กนั่งลง ติ๊กปรายตามามองผมแค่นั้น
               "เดี่ยวขอโทษ ถ้าเรารู้ก่อนจะไม่ไปเตะบอลและจะรีบกลับมาช่วยทำเลย “ผมพูดนติ๊กยังคงเงียบ
                “หรือว่าโกรธที่เดี่ยวไปดูปู” ผมถามติ๊ก เขาหันมามองหน้าผมก่อนจะวางปากกาลง
                “ติ๊ก… คือไงดีละ แม่ของปูมาเขาน่าสงสารนะติ๊ก ค่ารักษาก็ไม่ค่อยมี นี่เดี่ยวกับดิวก็ช่วยเหลือไปบ้างเท่าที่ช่วยได้ "ผมพูดกับติ๊ก ติ๊กมองผมและพยักหน้า ไปอย่างนั้นแหละ ผมไม่รู้ทำไมเขาไม่ชอบปู มีอะไรทำไมไม่บอกละ เขาเงียบนิ่งไปพักหนึ่ง
                “ปูทำอะไรให้ติ๊กไม่ชอบเขาเหรอ “ผมถามติ๊ก ติ๊กหันมามองหน้าผม
                “กูนี่นะ ไม่ชอบเขา ทำไมกูต้องไม่ชอบเขาว่ะ เขาไม่ได้มีอะไรกับกูสักหน่อย “ติ๊กพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งมาก ก่อนจะหันไปหยิบน้ำผลไม้มาดื่ม
                "โอเค ไม่มีก็ไม่มีเนอะ” ผมพูด คือไม่อยากก่อไฟในตัวคนข้างๆ ผมอีก หมอดแล้วก็ไม่อยากให้ปะทุขึ้นมาอีก
                “และนี้...เดี่ยวก็รีบกลับมานะ กะว่าจะโหลดเพลงต่ออ่ะ ที่เราโหลดกันอยู่อ่ะ"ผมพูดง้อหน่อยติ๊กหันมามองผมแว๊ปหนึ่ง ผมก็หยิบขนมส่งให้อยากป้อนแต่คนที่นั่งข้างๆ แต่ดันชิ้งหยิบไปทานเองจากมือผมซะก่อนเหมือนรู้ว่าจะป้อนขนมง้ออย่างนั้นแหละ และผมก็รีบหยิบแก้วน้ำผลไม้ส่งให้ติ๊ก เขาก็มองผม ปรนนิบัติดีไงวันนี้
                 "อืมม พอแล้ว มึงเขียนเลยนะ "ติ๊กพูดให้ผมหยุด และส่งปากกาเมจิกให้ผมเขียน ผมก็รับมา มองอีกคนที่ดื่มน้ำผลไม้ไปด้วย
                 "ไอ้เดี่ยว มึงเขียนไม่สวย เอามานิ กูเอง ไอ้ดำเอ๊ย! "ติ๊กก้มลงมองผมก็เขียนโอเคน่ะแต่ไม่เฟอเฟคพอ นั้นแย่งผมไปเขียนเลย และคนที่ก้มหน้าก้มตาตั้งตาเขียน ผมก็มองเขาเขียนนะลายมือเขาสวยจริงๆ เหมือนตัวพิมพ์มาก แต่สิ่งที่ผมมองไม่ใช่แค่ตัวหนังสือแต่เป็นใบหน้าที่รับกับจมูดโด่งรั้นอันนั้น
                 "ตัดรูปดิ มองหน้ากูอยู่ได้ มองแล้วรายงานมึงจะเสร็จไหม"ติ๊กบ่นผมทันทีที่หันมาเห็นว่าผมจ้องมองเขาอยู่ บางทีผมก็ชอบแบบเดิมแบบนี้น่ะ ไม่รู้ซิหรือว่าเราโรคจิตว่ะ ดุก็ดุ เอาแต่ก็ที่หนึ่งแต่นี้มันนิสัยของเขา ชอบแบบที่เขาเป็น มันไม่หวาน ทำให้ผมแอบเอามือลูบคางตัวเองและคิดตามที่นักข่าวสายบันเทิงเขียนถึงดาราขาวีนคนนี้ วีนและเหวี่ยงไปหมดจนนักข่าวไม่กล้าสัมภาษณ์เยอะ
                 “ยังอีกไอ้ดำ!!” ผมก็รีบหันไปหากรรไกร "คร๊าบขุ่นแม่!! "ผมพูด
                 "โอ๊ย! “ติ๊กหยิกหูอีกแล้ว
                 “บอกอย่าหยิกหู "ผมร้องเสียงหลง เพราะว่าติ๊กหยิกเข้าที่ใบหูผม ตอนนี้ผมนอนลงกับพื้นพยายามแกะมือติ๊กออกแต่อีกคนลืมเขาขึ้นมาคร่อมตัวผมไว้อยู่
                “นี้กูไม่ใช่แม่มึงน่ะ “ติ๊กพูดยังหยิกหูผมอีกไม่ยอมปล่อย แต่ผมหยุดดิ้นแล้วแหละเพราะว่า
                "จะว่าไปท่านี้ก็ดีเหมือนกันนะ "ผมพูดหยักกับติ๊ก เขาคงลืมตัว ติ๊กก้มลงมองดูสภาพเขากับผมตอนนี้ แถมยังคร่อมตรงน้องผมพอดีเลย
                  "เฮ้ย! "ติ๊กทำท่าจะรีบลุกหนี และผมไว้กว่ารีบดึงรั้งคนที่ขึ้นมาคร่อมร่างผมเอาไว้ทำให้ติ๊กล้มลงมาหาผมเต็มๆ ปากเราทั้งคู่ก็เกือบจะประสานกัน แววตาที่จ้องมองกันและกันของผมและเขา ริมฝีปากหน้าและริมฝีบางนั้น ขยับเหมือนอยากจะประสานกันแย่แล้ว ผมเลยพลิกอีกคนที่อยู่บนตัวผมให้นอนลงและเปลี่ยนเป็นผมขึ้นไปคร่อมไว้แทน ผมก้มลงจูบริมฝีปากบางๆ นั้นในทันที ประสบการณ์จูบผมก็ไม่น้อยแต่ส่วนใหญ่เป็นสาวๆ คนนี้แหละที่เป็นผู้ชายคนแรกที่ผมจูบ
                  “อืมม” เสียงครางออกมามือที่กำเสื้อนักเรียนผมแน่นก็ค่อยๆ คลาย และใช้มือดันเบาๆ แบบไม่ได้ดันออก ผมเลยเปลี่ยนเป็นผมจับมือติ๊กออกและใช้ฝ่ามือของผมประสานเข้าที่ฝ่ามือของติ๊ก ยกเอาไปวางไว้ข้างๆ ลำตัวแทน ปากผมก็บดขยี้ปากคนเบื้องล่าง จะว่าไปมันก็ไม่แปลกประหลาดไปจากการจูบผู้หญิงแต่รสชาติมันต่างกัน เพราะว่ามันไม่ได้อ่อนหย้วบเหมือนสตรีแต่มันมีรสลมุนซ้อนอยู่ในความแข็งกร้าว ผมไม่รู้ว่าเนิ่นนานแค่ไหนที่เราสองคนจูบกัน
               "ติ๊ก ตกลง มึงจะให้กูช่วยไหม... เว้ย!! "พายเปิดประตูเข้ามาพอดี ผมสองคนหันไปเจอ และรีบถอนปากออกจากกันอย่างรวดเร็วและรีบแยกออกจากกันด้วย ผมก็ลุกขึ้นและติ๊กลุกขึ้นนั่ง พายปิดประตูลงมองผมสองคนสลับไปมา
               "พายไม่ใช่นะ ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดนะ เออ มันแค่อุบัติเหตุ "ติ๊กพูดขึ้น ผมหันไปมองพาย ผมว่ามันดูไม่เหมือนอุบัติเหตุแน่นอน
               "จริงอ่ะ"พายถาม
               "จริงพาย…ไม่มีอะไร กูกับมันแค่หยอกเล่นกัน แค่นั้น เหมือนเวลากูเล่นกับแอ้ไง มึงก็เคยเห็นนิ ก็เล่นกันแบบนี้” ติ๊กมันพูดผมหันไปมอง เล่นกับแอ้มันแบบนี้จริงเหรอ พายแอบสั่นหัวไปมาว่าไม่ใช่ ผมก็ยิ้มๆ
               “และเดี่ยวมัน ก็มีเมียแล้วคือไอ้ปู "ติ๊กพูดพร้อมกับหันมามองหน้าผม ผมกับปูยังไม่ได้มีอะไรกันผมคิดในใจ
               "ถ้าอย่างนั้นมึงเอาไปทำเลยไอ้เดี่ยว กูจะอาบน้ำแล้ว เอาไปทำที่ห้องมึงเลยนะ ทำให้เสร็จด้วยเพราะว่าส่งพรุ่งนี้!!!"ติ๊กพูดและเดินเข้าห้องน้ำไปเลย ผมยืนเกาหัวแกรกๆ คนอะไรเปลี่ยนเร็วเหลือเกิน อารมณ์น่ะ

                ผมก็ก้มลงเก็บกระดาษรายงานจะเอาไปทำต่อที่ห้อง ผมแอบคิดว่าเหตุการณ์เมื่อกี้นี้เหมือนที้เขาเล่นกันเหรอกับแอ้เหรอ หรือว่าแอ้กับติ๊ก เขาเป็นมากกว่าเพื่อนกันอีก แล้วไอ้ดิวละ อะไรวะ?? ผมก็ว่าไม่น่าจะใช้ แต่ผมไม่รู้อะไรมาก่อนเลยไม่อยากตัดสิน
                 "มันก็แบบนี้เแหละเดี่ยว แต่ถ้ามึงคิดว่าคนที่รักมึงดีกว่าเลือกเขาเถอะวะ รายงานให้กูช่วยบอกนะ กูเสร็จแล้ว ไอ้แว่นมันทำเสร็จตั้งแต่ที่โรงเรียนแล้ว"พายพูด และผมพยักหน้า
ผมเดินออกกลับห้องผม รีบอาบน้ำและรีบออกมาทำรายงานต่อ ผมไม่ได้ลงไปทานข้าวผมไม่ค่อยหิวก็ไปทานมากับดิวและแอ้อีกหลังจากกลับจากโรงพยาบาลก็ยังอิ่มอยู่ ผมนั่งทำรายงาน นั่งปั่น ทำไปได้เกือบครึ้งแล้ว ดูเวลานี้เกือบห้าทุ่มแล้ว ผมก้มหน้าก้มตาเขียนสักพักประตูห้องถูกเปิดออก
                   "เดี่ยว"ผมหันไปมองติ๊ก ถือแก้วนมมาด้วย ผมหันไปบิดขี้เกียจทีหนึ่ง
                   "ถึงไหนแล้ว "ติ๊กถามผม
                   "เกินครึ่งแล้วละ "ผมตอบและหันมามอง
                   "อะ นมอุ่นๆ "ติ๊กส่งแก้วนมให้ผม ผมเงยหน้าขึ้นมองและรับแก้วนมมา
                   "มาเขียนต่อเอง "ติ๊กพูดก่อนจะสะกิดให้ผมขยับออก ผมก็ลุกขึ้นเดินออกมานั่งพักดื่มนมอุ่นๆ ที่คนนี้อุตส่าห์เอามาให้ผม ผมดื่มไปอมยิ้มไปด้วย ติ๊กก็ตั้งหน้าตั้งตาเขียนรายงานต่อให้ผม หลังจากที่ผมดื่มนมเสร็จก็ช่วยติดรูปที่สมุดรายงาน ผมสองคนช่วยกัน จนรายงานเสร็จเหลือบไปมองนาฬิกานี่ก็เกือบจะตีสอง เหลือแค่หน้าปกกับสารบัญอีกนิดหน่อย
                   "เหลือหน้าปกอีกเหรอ หาว..."ติ๊กพูดดูท่าจะง่วงนอนแล้ว ผมหันไปมองคนที่ปิดปากหาว
                   "เดี่ยวทำเอง ไปนอนเถอะ"ผมพูดกับติ๊ก
                   "นอนรอนะ เสร็จแล้วเรียก จะตรวจดูก่อน” ติ๊กพูดและเดินไปเอนตัวลงนอนที่เตียงนอนของผม ผมจัดการเขียนหน้าปก ผมเคยช่วยงานศิลป์ หลวงตามาก่อน ตาของผมเองที่เป็นเจ้าอาวาสแต่ตอนนี้ท่านก็มรณภาพไปแล้ว หลังจากที่พ่อผมเสียไม่นานและผมก็ทำได้ดีซะด้วย พอผมทำเสร็จผมก็ลุกมาดูคนที่บอกจะรอตรวจงานแต่ว่าดันผล๋อยหลับไปแล้ว ผมรีบเก็บทุกอย่างเข้าทีก่อน ผมเปิดไฟทันทีไม่อยากปลุกคนที่กำลังหลับให้กลับไปห้อง ผมค่อยๆ หมุดเข้าไปในผ้าห่ม ทันทีที่ร่างผมเอนลงนอนบนที่นอน
                   "หมับ "ติ๊กพลิกมาสวมกอดผม ผมก้มลงน้องคนที่หลับสนิทเหมือนเสือสิ้นลายกลายเป็นแมวเมี๋ยวน่ารักคนนี้ แต่เวลาร้ายนี้ก็นางพญาดีดีนี้เอง ผมอดเผลอยิ้มไม่ได้สักที

                   ผมก็เอาแขนผมกอดร่างติ๊กให้มาหนุนไหล่ผม ผมอยากให้เขานอนตรงนี้กับผม ผมเลยเลือกที่จะไม่ปลุกจะดีกว่า จะว่าไปได้มองหน้าคนนี้ใกล้มันก็ทำให้ผมใจสั้น หายใจไม่เป็นจังหวะ ผมกับชอบตอนที่เขาเป็นตัวเองมากกว่า ผมใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากคนที่หลับสนิท วันนี้ผมได้ลิ้มรสมันไปแล้วริมฝีปากเรียวสวยได้รูปนี้ ผมมองอยู่สักพักจนผมก็เริ่มอดใจไม่ไหว ผมก้มลงไปไปก่อนจะประทับริมฝีปากผมอีกครั้งกับคนที่หลับสนิท ผมโลมเลียริมฝีปากคนที่นอนอยู่ ผมพยายามทำแบบเบาที่สุดเพราะกลัวคนนี้จะตื่นขึ้นมาและอาละวาดผมแน่ๆ ที่ขโมยจูบ
                 “อืมม” เสียงคราวเบาๆ รับการจูบของผม ผมเลยต้องหยุดไว้แค่นี้ก่อน
                 “อยากจะรักนะแต่นายคือดอกฟ้า แต่เดี่ยวเอื้อมไม่ถึง” ผมพูดแค่นั้นเบาๆ ก่อนจะผล็อยหลับไปเหมือนกัน
                 “เวลาไม่มีฤทธิ์นี้น่ารักน่ะรู้หรือเปล่า” ผมพูดเบากับคนที่หลับสนิท ผมสังเกตจากลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ
                “อืม” นั้นมีเสียงออกมาจากลำคอ ผมนี้ตกใจ
                “ติ๊ก” ผมเรียกเบาๆ แต่ไม่มีเสียงตอบแสดงว่าหลับจริง ผมค่อยๆ หลับตาลงง่วงเหมือนกัน ผมค่อยๆ หลับตาลงเช่นกันไม่นานความมืดก็เข้ามาแทนที ผมเผลอหลับไป ผมรู้สึกว่ามีคนกอดผม ด้วยความที่ง่วงด้วยเลยไม่ได้ลืมตามองและปล่อยให้กอดไปตามสบายได้เลย  ผมก็กอดคนนี้ด้วยเช่นกัน ผมรู้ว่ามันยากมากที่จะห้ามใจไม่ให้รักคนที่เขาอาจจะไม่คู่ควรกับผม แต่ตอนนี้ผมรู้สึกดีกับคนนี้ ทั้งที่ใครก็กลัวแทนผมไปหมดเพราะว่าเขาอาจจะเหมือนตัวอันตรายอย่างที่คนอื่นๆเข้าใจแต่ไม่ใช่สำหรับผมคนเดียว
   “ปัง!!!”เสียงเคาะประตูห้อง จนผมสะดุ้งตื่แต่คนที่ผมนอนกอดอยู่ยังไม่ตื่น โชคดีที่ผมล๊อกประตูเอาไว้ ทั้งที่ปกติผมไม่เคยล๊อกประตูเลย ถ้าไม่อย่านั้นไอ้ดิวมันต้องเข้ามาเห็นแน่ๆ ผมเดินไปที่ประตู เปิดประตูแหงมๆเอาไว้
   “ว่าไงดิว” ผมถามไอ้ดิว ด้วยสภาพที่งัวเงียมาก
   “ดึกซิท่ามึง” ไอ้ดิวมันพูด ผมมองดู มันสวมชุดนักเรียนแล้ว   
   “ เมื่อคนมึงทำคนเดียวหรือว่าติ๊กมาช่วยว่ะ”ดิวถามผม   
   “มาช่วยทำกลับไปนอนดึกเหมือนกัน “ผมพูด ไอ้ดิวมันมองหน้าผมนิ่งหลายวินาที ก่อนจะพยักหน้า
   “มึงไปทีหลังแล้วกันและพาไอ้คนที่รู้ว่าใครไปด้วย “ไอ้ดิวมันพูดแค่นั้น หรือว่ามันจะรู้ว่าติ๊กนอนในห้องนอนกับผม แอ้เดินออกมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ดิวหยักไหล่ว่าไปเรียนได้แล้ว ผมถึงได้ปิดประตูและเดินเข้ามาในห้อง ผมยืนมองติ๊กที่นอนหลับอยู่  ผมปล่อยให้เขานอนสักสิบนาทีดีกว่า ระหว่างที่ผมเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว ผมใช้เวลาไม่เกินสิบนาที ผมออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเขานั่งงัวเงียอยู่บนเตียงนอนของผม
          "อืมมม กี่โมงแล้ว"ติ๊กถามผมพร้อมกับทำตาปรือๆ ยังง่วงนอนอยู่
          "เจ็ดโมงยี่สิบแล้วครับ "ผมหันไปตอบติ๊ก
          "อ้อ..เห้ย สายแล้ว"ติ๊กร้องด้วยความตกใจพร้อมกับดีดตัวลุกพรวดขึ้นมาทันที เขาไม่รอช้าวิ่งเข้าห้องน้ำไปผมทันที ผมก็ยักไหล่แค่นั้นก่อนจะหันกลับมาจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อย
          "เห้ย! ทำไมไม่มีของใช้กูเลยวะ "ติ๊กตะโกนออกมาจากห้องน้ำของผม
          "จะมีได้ไงนี้มันห้องน้ำเดี่ยว"ผมเดินไปพูดที่ตรงประตูห้องน้ำก่อนจะเดินกลับมาแต่งตัวต่ออีกหน่อย เอะวันนี้ผมแต่งตัวแบบพิถีพิถันและนานกว่าทุกวัน วันนี้ก็กะว่าจะหวีผมเท่ๆ สักหน่อย
          "เดี่ยว! ไปเอาครีมอาบน้ำ โลขั่นทาผิวและชุดอาฟเตอร์เชฟให้หน่อยดิ"ติ๊กเดินมาเปิดประตูแง้มๆ ผมก็เดินไปชะเง้อมองคนที่ยืนแอบอยู่ เขาเหลือกตามองผม ว่าห้ามแอบดู มันทำให้ผมกระหยิ่มยิ้มย่องพยายามชะเง้อมองให้ได้
           "ว่าอะไรนะเดี่ยวได้ยินไม่ชัดนะครับ เปิดกว้างอีกหน่อยซิประตูน่ะ "ผมพูดและพยายามมองลอดช่องเข้าไป
           "เดี่ยว ไปเอาที่บอกไปอะให้หน่อย พลีส!!!"ติ๊กพูดเชิงขอร้อง ผมก็ยิ้มแบบชอบใจคนที่สั่ง

                  ผมก็พยายามเอาเรือนร่างไปแอบไว้ในมุมมีโผ่มาให้เห็นแค่ใบหน้าหล่อๆ แค่นั้น ผมเดินออกไปหยิบให้และรีบกลับมาส่งให้ติ๊กเขารีบเปิดประตูมาดึงไปทันทีอย่างรวดเร็ว ผมแค่เห็นแว๊ปๆ ผมยอมรับว่าผิวเขาสวยเนียน ก็ดาราต้องดูแลตัวเองดีอยู่แล้ว และติ๊กก็รีบอาบน้ำแต่งตัว ก่อนจะออกมาจัดทรงผมที่ห้องนอนผม ผมนั่งเอามือเท้าคางมองคนที่ยืนพิถีพิถันในการแต่งตัว นี้แค่ชุดนักเรียนน่ะ ยังดูดีขนาดนี้
              "เดี่ยว มานี่ดิ"ติ๊กหันมาเรียกผม “หึ” ผมก็เลิกคิ้วเป็นคำถามว่าเรียกทำไม
              “บอกให้มาก็มาดิ ไอ้ดำ” เรียกซะน่ารักเชียว ผมก็ลุกไปอย่างว่าง่าย
              “ฟิดๆ” เสียงฉีดสเปร์ยน้ำหอมใส่ผมสองสามที ตามเสื้อของผม ก่อนที่คนตรงหน้าผมจะยื่นปลายจมูกมาดมเขาก็คงลืมตัวไป ปลายจมูกนั้นมันอยู่ใกล้คอเสื้อผมมาก มันทำให้ริมฝีปากผมขวับโดยอัตโนมัติ
               "กลิ่นนี้ก็หอมดีน่ะ เอาไหมมีหลายขวด"ติ๊กพูดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผม เขาคงเดาได้ว่าผมคิดอะไรอยู่ ใบหน้าเราใกล้กันขนาดนี้ หน้าคนนี้ก็เนียนจนผมแทบจะอดใจไว้ไม่ไหว ต้องเลียริมฝีปากตัวเองผมค่อยโน้มใบหน้าหล่อๆ เข้มๆ ของผมเข้าไปหาคนตรงหน้าก็ยังนิ่งมองผมอยู่ไม่ได้ขยับหรือถอยหลังไป ริมฝีปากหนาๆ ของผมแตะริมฝีปากบางๆเข้ารูปนั้น แถมยังเป็นรูปกระจับอีกต่างหาก ติ๊กมองหน้าผม ต่างก็กลืนน้ำลายลงคอพร้อมกัน
                  “ไปโรงเรียนเถอะเดี่ยว เดี๋ยวพี่กูทำโทษมึงกับกูจนได้” ติ๊กพูดก่อนจะถอยหลังก้าวเท้าออกในทันทีผมเองก็ต้อง ค้างเอาไว้แบบนั้น ผมห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้จริงๆ
                  “ฟู่” พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ มองคนที่เดินหันหลังออกไปจากห้อง นี่ผมกำลังจะหวันไหวให้กับคนคนนี้จริงๆ เหรอ ผมเดินตามเขาลงไป บ้านที่โล่งเพราะว่าไม่มีใครอยู่แล้วติ๊กหันมามองผม ผมพยักหน้าว่าทุกคนไปหมดแล้ว ติ๊กพยักหน้าตอบผมเบาๆโดยไม่ได้พูดอะไร
                 “ติ๊ก เดี่ยวขอโทษ” ผมพูด
                  “อย่าทำอีก เพื่อนกันเขาไม่ทำกัน และกูก็แค่เพื่อนมึง” ติ๊กพูดก่อนจะเดินออกไป ผมทำได้แค่เดินตามเขาออกไป ผมรู้สึกเหมือนผมคือหมาวัดกับนายดอกฟ้ายังไงก็ไม่รู้
             TBC….


TBC


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.64(ติ๊กXเดียว)ตกลงสถานะคืออะไร

                  Part’s เดี่ยว ผมขับรถออกมาจากบ้านพัก ติ๊กนั่งเลือกฟังเพลง ผมก็ไม่ได้ถามอะไรอีกเพราะว่ามันชัดเจนอยู่แล้ว เขาบอกผมว่าเขาแค่เพื่อนดังนั้นผมต้องหักห้ามใจตัวเองให้ได้  ที่จะไม่ทำแบบนั้นอีก แต่ถามว่าผมจะใจแข็งได้ไหม ถ้ายังใกล้ชิดกันแบบนี้ และที่ทำให้ผมยิ้มคือ ติ๊กไม่ได้แค่นั่งรถธรรมดา จัดนั้นเก็บนี้แต่ก็บ่นไปพร้อมกันเพราะว่ารถผมรก ทั้งที่พึ่งเก็บไปแท้ๆ ผมขับมาจอดไว้ด้านหน้าของโรงเรียน ที่นี้เขาไม่ให้นักเรียนนำรถเข้าไปจอดด้านในยกเว้นคนมาติดต่อ ผมเคยเอาเข้าไปจอดใกล้กับทางขึ้นไปห้องธุรการและก็โดนมือดีทำเอาผมต้องไปทำใหม่ ไม่ใช่ใครอื่น ติ๊กนี่แหละ
"น้าครับเปิดประตูให้หน่อยครับ"ผมเรียก รปภ ที่นั่งอยู่
                "สายแล้วนะครับ ห้ามเข้าแล้วครับ"รปภ.บอกพวกผม ลุงนี่เคร่งไปไหม เมื่อวานจะออกไปเยี่ยมเพื่อนก็ไม่ยอมจนครูตุ๊ลงมานั่นแหละ และผมก็เหลือบมองเวลาลา ยังได้อยู่นี้ถ้าเขาหยวนๆ ให้ผมสองคนสักหน่อย
                "แต่นี้เพิ่งจะสิบแปดเองนะครับ "ผมพูด เพราะเพิ่งจะ 8.18 นาทีเอง กำลังเข้าแถวอยู่
                "เดี๋ยวผมจัดการเอง ขอบคุณครับ"เสียงพี่ตุ๊เป็นฝ่ายบอก ลุงรปภที่ยืนทำหน้าที่ปิดเปิดประตู พี่ตุ๊เดินเข้ามาหาผมสองคน ผมสองคนได้ยืนหลุบตามองพื้นกัน น้องน่ารักแต่พี่ชายดูดุยังไงก็ไม่รู้ ผมแอบคิดในใจ พี่ตุ๊เดินเอามือไขว้ยืนมองผมสองคนผ่านช่องประตูเหล็ก สายตาเขม็งมาก
               "พี่ตุ๊ "ติ๊กเรียกพี่ชายเขา และพี่ตุ๊ก้มดูลงดูนาฬิกาหรูแพงมากที่ข้อมือตัวเอง
               "ทำอะไรกันอยู่นี่มันแปดโมงสิบกว่านาทีแล้วน่ะ และเวลานี้คือเวลาที่เพื่อนๆ เข้าแถวกัน ทำไมเพิ่งจะมากัน ติ๊ก เดี่ยว
               "พี่ตุ๊ ผมกับติ๊กมองหน้ากันสลับกันไปมา
                "ทำรายงานเมื่อคืนครับพี่เลยนอนตื่นสาย"ผมตอบพร้อมกัน พี่ตุ๊มอง
               "ทำรายงาน อิบ อืบ หรือเปล่า เลยมาถึงป่านนี้! "พี่ตุ๊พูดรายงานและทำนิ้วเหนือหัวแบบว่า อิบ อิบ
                “รายงานพี่ตุ๊แน่นอนไม่ใช่ อิบ อิบ อะไรที่ไหน แค่รายงานเป็นหนาๆก็ไม่ต้องคิดจะทำอะไรแล้วและนี่ก็เป็นคนสั่งเองจำไม่ได้หรือไงอ่ะพี่ตุ๊"ผมหันมามองคนที่ยืนบ่นพี่ชายตัวเอง ผมทำได้แค่ก้มหน้ามีคนเดียวเลย
               "วิชาที่พี่สอนอ่ะ โคตรยากเลยอ่ะและก็เยอะด้วยให้ยังกับทำวิทยานิพนธ์จะให้อะไรเยอะแยะก็ไม่รู้ เรียนก็ตั้งแปดวิชาต่อวัน ไม่ได้เรียนวันล่ะวิชานี่พี่ตุ๊” ติ๊กพูดแต่ว่าพี่ตุ๊กับหันมาเหล่มองผมแทน
               “อุ้ยย!” ผมสะดุ้งครับ ไอ้ที่กวนบาทาพี่น่ะน้องชายพี่ครับไม่ใช่ผม
               “จริงเหรอเดี่ยว” พี่ตุ๊ถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ ว่าใช่
               “รายงานพี่นั่นแหละและเมื่อวานไอ้เดี่ยวมันไปเยี่ยมแม่เพื่อนป่วยที่โรงพยาบาล เลยมาช่วยช้า กว่าจะเสร็จเกือบตีสอง "ติ๊กพูดผมมอง ผมคิดว่าเขาจะไม่พูดเรื่องที่ผมไปเยี่ยมแม่ปูซะอีก
              "อืมม เข้ามาได้ และพี่จะให้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะครั้งหน้าโดนทั้งคู่"พี่ตุ๊พูดก่อนจะหันไป พยักหน้าให้ รปภ.เปิดประตู ผมเดินเข้ามาพร้อมกับยกมือไหว้พี่ตุ๊ และผมสองคนก็วิ่งเข้าไปแถวต่อจากไอ้ดิว ไอ้ดิวมันมองหน้าผมและคนที่คุณก็รู้ว่าใคร ติ๊กวิ่งไปแทรกที่ด้านหน้าแอ้ทันที แต่ไอ้ดิวไม่ได้พูดหรือถามอะไรผมจนกระทั่งกิจกรรมหน้าเสาธงสิ้นสุดลง
              "ไอ้เดี่ยว วันนี้พี่กูมาว่ะ มาที่ชมรมฟุตบอล อย่าลืมน่ะมึง "ไอ้ดิวหันมาบอกผม ผมพยักหน้า

               วิชาแรกของวันนี้คือวิชาพละ เป็นผมกับติ๊กดูแล้วไม่น่าจะลงเล่นอะไรได้เลย ง่วงมาก ผมเดินนั่งลงข้างๆ คนที่สภาพไม่ต่างจากผมนั้นคือติ๊ก และฟังครูประวิทย์ ครูสอนวิชาพลศึกษาสั่งว่าวันนี้ให้ทำอะไร ดูจากอุปกรณ์ที่วางอยู่ น่าจะเล่นแบทมินตันแน่ๆ พอครูเขาสั่งเสร็จก็พากันไปหาสนามเล่นกันแต่ผมกับติ๊กเลือกเดินไปที่อัศจรรย์แทน ไม่มีอารมณ์จะเล่น มันง่วงมาก ผมเอาแขนเท้าอีกชั้นหนึ่งและเอนหลังพิง ผมนั่งอยู่ชั้นกลาง ผมรู้สึกว่ามีคนเดินขึ้นมาและมาหยุดตรงหน้าผมกระเป๋าเป้ที่วางลงข้างๆ พร้อมกับหันหลังและนั่งลงตรงระหว่างขาของผมด้วย ผมกระดกหัวก้มลงมอง ทำแบบนี้ไม่ให้ผมคิดได้ยังไง คนที่นั่งก็เอาแขนมาพาดหน้าขาผมเอาไว้ ประมาณว่าจะขอพิงเพื่อจะได้แอบหลับว่างั้น
                "ง่วงชิบเลยว่ะ "ติ๊กพูดก่อนจะหันมามองผม ผมก็ยักคิ้วเหมือนกันนั่นแหละ
               "เดี่ยวตีแบทกันไหม! ไอ้ดิว มันตะโกนถามผม ผมโบกมือไม่เอา ผมก้มลงมองคนที่กอดอกหลับตาพิงอยู่ มันจะรู้ไหมว่าผมคิดนะเฮ้ย!!! ทั้งที่พยายามแล้วน่ะว่าผมไม่ควรคิดกับคนนี้เกินไปกว่าเพื่อน แต่ก็ปล่อยไป เพราะว่าผมก็ง่วงด้วย ผมหันไปหยิบเอาเสื้อแจ็คเก็ตในกระเป๋ามาคลุมหัว ทั้งผมและอีกคน ผมพล่อยหลับไปได้สักพักน่าจะสักสิบนาทีได้
               "โอ๊ย! เดี่ยวแดดเข้าตากู"อีกคนร้องขึ้นมาผมก็ตกใจหมด พระอาทิตย์ส่องมาตรงผมสองคนพอดี แสงมันจึงเข้าตาคนที่นอนพิงผม ขนาดมไม่ลืมตายังรู้ได้ว่าแดดส่อง
              "หยิบแว่นตาเรแบรนด์ให้หน่อย ในกระเป๋า"ติ๊กบอกผม เรียกว่าสั่งจะดีกว่ทา ผมก็หันไปหยิบและสวมให้ด้วยดีมั้ย
              "ค่อยยังชั่ว มึงตัวเดียวเลยไอ้เดี่ยว กูง่วงเนี๊ยสัส! ถ้ามึงไม่กวนตีนกูน่ะทำเสร็จตั้งแต่เย็นแล้วไอ้เชี้ย! "บ่นผมอีกนะ และนี่ผมผิดตรงไหนไปบ่นคนให้ทำรายงานโน้นดิครับ ผมอมยิ้มเล็กก่อนมองคนที่หลับตาลงพร้อมแว่นตายี่ห้อหรู ผมเองก็หลับตาลงเช่นกัน อย่างน้อยหนึ่งคาบเรียนก็ยังดี ที่ได้อยู่แบบนี้
             "โป้ก"ลูกขนไก่แน่เลย ช่างมัน ฉันไม่แคร์
            “โป้ก โป้ก” อันนี้สองลูกติด ก็ยังช่างมัน ฉันไม่แคร์
             “โป้ก โป้ก โป้ก “สามลูกติดแบบนี้ไม่ธรรมดา มันโกรธมาก ผมค่อยๆ เปิดผ้าคลุมสอดส่ายสายตาดูว่าใคร ผมเห็นไอ้ดิวมันเล็งไม้ตีแบทมาที่ผม ไอ้นี้มันเป็นคนตีมาที่ผมสองคนแน่นอน ไอ้มารเอ๊ย
             "อะไรของมึง!!” ผมตะโกนถามไอ้ดิว ไอ้ดิวมันยืนเอามือเท้าเอวและมันชี้ด้วยไม้แบทไปด้านข้างของผม ผมหันไปมอง ว๊าก!! พี่ตุ๊มายืนตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ว่าผมจะลุกไปเลยก็ไม่ได้ น้องพี่เขาเอาแขนพาดเข่าผมเอาไว้อยู่ พี่ตุ๊ยืนกอดอกมองผมและมองน้องชายของเขา
           "ติ๊ก ติ๊ก "ผมสะกิดเรียก
           "อะไรเดี่ยว กูง่วง มันยังไม่หมดคาบไม่ใช่เหรอไอ้วิชาพละอะไรเนี๊ยะ! ให้กูนอนก่อนได้ไหม หมดคาบแล้วค่อยปลุกกู รายงานห่าอะไรก็ไม่รู้เยอะฉิบหาย ยังกับทำวิทยานิพนธ์"ติ๊กพูดอย่างอารมณ์เสีย คือผมอยากบอกว่าก็ง่วงน่ะก่อนหน้านี้แต่ตอนนี้ตื่นลืมง่วงไปทันตาเห็นเพราะว่า (พี่ไอ้คนนี้จอมโหดน่ะมายืนจังก้าอยู่ตรงนี้ข้างๆ รัศมีความเป็นพี่มาเต็มๆ)
            "พี่ตุ๊"ผมก้มลงบอกติ๊กที่ข้างหูเสียงลอดไรฟัน
            "กูเคยเห็นแล้ว พี่กู เคยเห็นทุกวัน มาโรงเรียนยังเห็น นี้หลับกูยังต้องเห็นอีกเหรอ ให้กูอยู่ห่างๆ พี่กูบ้างเถอะเดี่ยว "ติ๊กยังหลับตาพูด พี่ตุ๊พยักหน้า พี่ตุ๊เดินมายืนตรงหน้าผมกับติ๊ก
            "ใช่ เห็นกันทุกเวลาแน่คราวนี้ นี่นั่งทำอะไรกันสองคน! "พี่ตุ๊พูดเสียงดัง จนคนที่นั่งผิงผมสะดุ้งสุดตัวและเสื้อผมก็ถูกดึงออกไป โดยพี่ตุ๊
            "เห้ย เสียงพี่กู” ติ๊กเด้งขึ้นมานั่งจากที่ผิงผมอยู่ หันซ้ายหันขวา ผมก็ชี้ว่าอยู่ตรงหน้า
            "เว้ย!! "ติ๊กร้องเสียงหลงที่หันไปเจอพี่ตุ๊
            "นั่งทำอะไร เอาเสื้อคลุมกันแบบนี้ด้วย คิดว่าไม่มีใครมองเห็นใช่ไหม ห๊ะ! "พี่ตุ๊ถามเสียงดัง
            "ก็มันง่วงและที่คลุมก็เพราะว่าแดดมันส่องอะพี่ตุ๊ "ไอ้ติ๊กพูดแก้ตัว แต่จริงแล้วผมคลุมเองกันแดดให้เขาด้วยและอยากจะมองหน้าคนนี้ใกล้อีกด้วย
            "แน่ใจนะ พี่ว่าถ้าจะรักจะชอบพี่ไม่ว่า อย่าทำแบบนี้ในที่โจ่งแจ้ง มันใช่เหรอติ๊ก เดี่ยว! "พี่ตุ๊ เอ็ดผมสองคน ผมเองก็ไม่ได้คิดไปถึงขนาดนั้น แต่คนที่เงียบคือติ๊ก ติ๊กหันมามองหน้าผมและหันกลับไปมองหน้าพี่ตุ๊
            "ใครพี่ตุ๊ ผมกับมันเพื่อนกัน” ติ๊กหันไปบอกพี่ตุ๊
            “แหละนั่นแฟนมันพี่ตุ๊ ไอ้ต้นข้าว “ติ๊กพูดและชี้ไปที่ต้นข้าวที่กำลังเดินเข้ามา พี่ตุ๊หันไปมองตามที่ติ๊กชี้ไปก่อนจะหันมามองหน้าผม ผมว่าหลอกเด็กอนุบาลเถอะติ๊กผมแอบคิดในใจ
             “ไอ้ต้นข้าวมานี้เห้ย! แฟนมึงอยู่นี้ "ติ๊กตะโกนเรียกต้นข้าว ควักมือเรียกด้วยให้เดินมาหามัน มันมองหน้าผม ติ๊กและพี่ตุ๊อีกคน ด้วยอาการเลิกลัก ติ๊กมันตะโกนเรียกต้นข้าวดังมากจนนักเรียนพากันมองลงจากตึก ปูอยู่บนตึกด้วย ปูมองมาที่ผมแป๊บหนึ่งและเดินเข้าห้องไปทันที งานเข้าซ้ำซ้อนเลยผม
             "นั้นแฟนมันนั้น"ติ๊กบอกพี่ตุ๊ ไอ้ต้นข้าวเดินมาถึงก่อนตามมาด้วย บลู และแอ้
             "เราเป็นแฟนกับเดี่ยวเหรอ ต้นข้าว "พี่ตุ๊ถามต้นข้าว ต้นข้าวมองติ๊กพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ตอบว่าใช่
             "ชะ ใช่ ใช่ คะครับ"ต้นข้าวแบบยังงงได้อีก พี่ตุ๊มองต้นข้าวสลับกับผมและติ๊ก
             "งั้นแล้วไป "พี่ตุ๊ พูดแค่นั้น (แอบพ่นลมเบา)
            “แต่ถึงไม่ใช่แฟนก็อย่านั่งกันแบบนี้ คนอื่นเขาคิด เข้าใจไหมติ๊ก” พี่ตุ๊พูด ผมก็พยักหน้าเบาๆ
            “มันเหมือนนั่งจูบกันอยู่” พี่ตุ๊พูดผมเดาได้ว่านี้คือพี่ห่วงน้องใช่ไหมครับ ติ๊กหันมามองหน้าผมแล้วก็ขยับออกนั่งห่างจากผมออกไปอีก
            "ไอ้เดฟ กับไอ้เอ็กซ์มากี่โมงดิว"พี่ตุ๊เปลี่ยนเป็นหันไปถามดิวที่เดินมาทางพวกผมแทน ดิวบอกว่าพี่ชายมันจะมาเป็นโค้ชให้พวกผม เตะฟุตบอลกันเพื่อจะได้สร้างชื่อเสียงให้แก่โรงเรียน
            "มาถึงนี้ก็ บ่ายสามโมงครึ่งครับพี่ตุ๊ "ดิวพูด
             "โอเค พี่มีไปประชุมที่โรงแรมคิดว่าคงไม่ทัน "พี่ตุ๊พูดก่อนจะหันมามองติ๊ก
            “พี่ไม่อยู่น่ะติ๊กไปเรียนออนไลน์ในห้องทำงานของพี่พัฒน์ล่ะ “พี่ตุ๊บอกติ๊กแต่ทำไมสายตารเล็งมาที่ผมละครับ ติ๊กพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะชำเลืองตามามองผม
 
                  พี่ตุ๊ก็เดินออกไปขึ้นรถตู้ที่มารอรับ ครูพัฒน์ลงมายืนรอพี่ตุ๊อยู่ พี่ตุ๊หันมามองผมกับติ๊กแว้บหนึ่ง เหมือนจะพูดอะไรกับครูพัฒน์และชี้มาที่ผมสองคนก่อนจะขึ้นรถไปในทันที เสียวสันหลังวาบเลยครับผม และผมก็หันมามองคนข้างๆ ที่นั่งเอามือเท้าค้าง ทำหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์ ผมแอบคิดในใจอีกว่ามึงไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือไงพี่โหดขนาดนี้ พวกผมกันไปเห็นพายก็เดินมากับไอ้มาร์ค
                "ไอ้มาร์คมันจีบพายว่ะ"แอ้พูด ดูคุยกันกะหนุงกะหนิง น่ารักเชียว ผมว่าดีแล้วแหละผมจะได้รอด ไม่อย่างนั้นกระหนาบซ้ายขวาไม่ไหวครับผม
               "ผลัก!" เสียงดังเหมือนมีคนถูกผลักกระเด็นไปเกยกับตนเข็มที่ปลูกเรียงเอาไว้
               "เว้ย!!! "พวกผม นั้นคือท่าเขินของพายเหรอ ไอ้มาร์คมันลุกขึ้นมาได้
               "พาย ครับเขินเบ่าๆ หน่อยครับ กูว่ากูจะตายก็จีบน้องพายนี้แหละครับ"ไอ้มาร์คมันพูด
               "มาร์คก็พูดเกินไป เขินเลยเนี่ย"พายทำท่าจะขินอีก ดีที่ไอ้มาร์ครับจับมือพายไว้ก่อนไม่อย่างนั้นมันมีรอบสอง
               "พอจร๊าๆ เขินแต่พองาม เขินมาร์คเดี๋ยวมาร์คช้ำในตายก่อน และเมื่อสักครู่ที่มาร์คกระเด็นไปนั้นพายผลักหรือถีบครับ "ไอ้มาร์คถามพาย
               “ก็แค่พลักเบาๆ เอง มาร์คน่ะ มึงแสดงเกินค่าตัวไปเองหรือเปล่า” น้องพายพูดด้วยน้ำเสียงและท่าที่ที่เอียงอาย
               “กระเด็นไปค้างอยู่ต้นเข็มขนาดนั้นไม่ได้แสดงหรอกครับ แถมเจ็บจริงอีกต่างหาก “ไอ้มาร์คมันพูด
               “ขอใบสมัครคืนทันไหม” ไอ้มาร์ค
               "ได้ แต่มันมีทั้งใบสมัครและใบมรณะด้วยเอาไหม”พายพูด 
               “ซวยแล้วกู!” ไอ้มาร์คมันพูด ที่พายพูดนั้นคือถ้ามันขอเลิกนี้มันตายสถานเดียว ผมหันมามองติ๊กที่นั่งเงียบๆ ไม่รู้ว่าเขาโกรธผมหรือเปล่า ไอ้ดิวมันขึ้นมานั่งข้างๆ ผม และส่งน้ำหวานมาให้ผมรับไปดื่ม มันมองหน้าผมสายตามันเป็นคำถาม มันก็คงรู้แหละ ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปมองติ๊กที่นั่งอยู่กับแอ้ ต้นข้าวและบลู ผมรู้ว่ามันสูงเกินไป  ก็ไม่แปลกที่เขาจะบอกพี่ชายเขาไปแบบนั้น ว่าเราไม่ได้มีอะไรที่พิเศษต่อกัน
               TBC.....

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
             
  EP.64.1(ติ๊กXเดียว)รักสามเศร้า
[/size][/color]

                Part’ s ติ๊ก ผมนั่งดื่มน้ำที่แอ้มันซื้อมาให้ เมื่อสักครู่ผมง่วงมากผมนั่งหลับพิงไอ้เดี่ยวมัน สวมแว่นตาเรแบรนด์นั่งหลับๆ ตื่นๆ แอบมองหน้าไอ้เดี่ยว มันเป็นคนที่หล่อเข้มแบบว่าชายไทยแท้ด้วย หุ่นมันก็เหมือนหุ่นหนุ่มหล่อแบบชาวไร่ชาวนามันหล่อแบบมีเอกลักษณ์ของมัน เป็นพระเอกได้สบายๆ เลย แต่คิดอีกทีไม่เอา เดี๋ยวไอ้เดี่ยวทำเราจะตกงานถ้าแนะนำให้พี่เอ๋ แต่จริงๆ ถ้าไอ้เดี่ยวมันได้เข้าวงการก็มีคนมาเกาะแกะอีก ตอนนี้ผมสับสนในใจผมเอามากๆ
                "ไปห้องน้ำกัน และจะขึ้นเรียนวิขาต่อไปแล้ว"แอ้พูด ผมก็พยักหน้าว่าเห็นด้วย ร้อนมากด้วยคิดว่าไปล้างหน้าล้างตาดีกว่า
                 "บลู ต้นข้าว ไปห้องน้ำกันวะ"แอ้พูดและมันสองคนมันลุกตาม
                 "พายไปห้องน้ำกัน"ผมเรียกพาย เพราะมันนั่งอยู่กับไอ้มาร์ค และพายมันก็ลุกมาหาผม ส่วนไอ้ดิวโบกมือว่าไม่ไป ผมหันไปมองไอ้เดี่ยวแต่ไม่ได้พูดอะไร แต่มันก็มองผมและก็ยิ้มที่มุมปากอย่างเท่สัส! ผมเดินมาถึงห้องน้ำ ห้องเรียนอื่นคงหมดคาบกันแล้วเลยพากันมาเข้าห้องน้ำเหมือนกัน
                 "คนเยอะวะ ไปห้องน้ำชั้นสองกันไหมวะ "ต้นข้าวถามพวกผม และ ผมก็เห็นด้วยนะ เพราะพวกผมเรียนชั้นสามกัน ผมเดินตามขึ้นไป ผมเห็นปูยืนอยู่กับเพื่อนแถมๆ หน้าห้องน้ำ
                 "ต้นข้าว มึงเป็นแฟนไอ้เดี่ยวเลยดิ มันนิสัยดีนะมึงและมึงกับมันดูหมาะสมกันดี "ผมพูดกับต้นข้าว ผมพูดค่อนข้างเสียงดังเพื่ออะไร เพื่อให้ปูได้ยิน
                  "เฮ้ย! "ไอ้ต้นข้าวมันร้องออกมาและทำท่าจะเอามือมาปิดปากผมอีก
                  "เมื่อเช้ามัน มาส่งมึงอีกไหมล่ะ"ผมถามถึงไอ้ต้ากับต้นข้าว
                  "ไม่วะ มันเงียบหายไปเลยว่ะ แผนมึงใช้ได้ว่ะ” "ต้นข้าวพูด
                  "ของไอ้เดี่ยวมันดีก็อย่างนี่แหละ "ผมพูดและเดินแทรกเข้าห้องน้ำไปทันที ปูและเพื่อนหันมามองหน้าผม ผมก็หันไปมองกลับผมกลัวเหรอและผมตั้งใจพูดให้พวกเขาได้ยินซะด้วย เพื่อนของปูคนหนึ่งทำท่าจะเดินมาหาผมทันทีแต่ปูดึงแขนเอาไว้ เขาคงไม่อยากให้เพื่อนสาวของเขามีเรื่องกับผมน่ะ
                   “กลับห้องเถอะ” ปูบอกเพื่อนๆ เขาก่อนจะกันเดินแทรกตัวไปแต่ก็หันมามองหน้าผมกันอีกครั้ง ผมยืนทำเป็นไม่สนใจ ผมสังเกตเห็นปูหันมาหันมายิ้มให้แอ้ แอ้มันก็ยิ้มกลับอีกก่อนจะหันมามองหน้าผมหลังจากที่พวกนั้นเดินออกไปหมดแล้ว
                   "ติ๊กมึงตั้งใจพูดให้ไอ้ปูมันได้ยินใช่ไหมวะ “พายมันถามผม
                   “ทำแบบนี้ทำไมวะ "พายมันหันมามองหน้าผม
                   "เออ กูตั้งใจ กูไม่เชื่อคนอย่างปู มันจะมาหลอกหรือเปล่าก็ไม่รู้"ผมพูดกับพาย
                   "ติ๊ก ปูเขาไม่ทำแบบนั้นหรอกน่ะและแม่เขาก็ป่วยจริง "แอ้พูด ผมหันมามองไอ้แอ้ด้วย
                   "อ้อ มึงพากันไปเยี่ยมมากับไอ้ดิวกูลืม เดี๋ยวนี้ เออออไปกับคนอื่นแล้วใช่ไหมวะ แอ้!"ผมพูดและจะแทรกตัวออก ไม่เข้ามั้นแล้วห้องน้ำน่ะผมคิดในใจ
                   "หมับ"แอ้มันดึงแขนผม
                   "อย่างี่เง่าได้ไหมว่ะติ๊ก มึงมันมีพร้อมในขณะที่คนอื่นเขาขาด มึงไม่เข้าใจเข้าหรอกติ๊ก"แอ้พูดว่าผมมีพร้อม ใช่พร้อมในความสุขจอมปลอมหลอกตัวเองไปวัน วัน เออกูมีผมคิดในใจแต่ความสุขที่แท้จริงของผมน่ะมันเป็นคนแย้งไป ผมหันมามองหน้าแอ้มัน สายตาของผมกับแอ้ประสานกันโดยไม่ต้องพูดอะไรเลย มันคงเดาได้หมดที่ผมคิด
                    "กู ยังขาด คนที่กูรัก และเหตุผลที่กูขาดเพราะใครบางคนเห็นแก่ตัว มึงก็รู้ดีไอ้แอ้ "ผมพูด เท่านั้นแอ้มันก็ปล่อยแขนผมและผมก็เดินออกมาทันทีเช่นกัน ผมเดินขึ้นห้องเรียนเลย ทำไม เมื่อก่อนมันก็มีผม ก็มีกันสามคน แต่มันกับเลือกแอ้ กูไม่ดีตรงไหนวะดิว
                    "ปึก"ผมเดินมาชนใครสักคน ผมเงยหน้ามองคนนั้นคือ ปู
                    "ขอโทษนะ"ปูพูด ผมมองและพยักหน้า ก่อนจะ เอามือปัดที้ไหล่ผมเอง และเดินไปทันที
                    "แกไปทำอะไรเขาหรือเปล่าวะปู"เพื่อนของปูถามปู ผมไม่แคร์ ผมก็เดินขึ้นมาบนห้อง พวกดิวมันขึ้นมาแล้ว ผมตรงไปนั่งที่นั่งของผม โดยไม่พูดไม่จากับใครทั้งนั้น
                     "เป็นอะไรของมันวะ"ไอ้แจ็คพูดเชิงถามแต่ไม่ได้เจาะจงว่าจะถามผม คงเห็นสีหน้าผมแล้วมันไม่ควรจะถาม เห็นมันแบบนี้ มันก็รู้จักนิสัยผมดีไอ้แจ็คน่ะ บอยหันมามองผมแจ็คก็โบกมือให้บอยว่าให้ปล่อยผมไว้แบบนี้สักพัก
                     "ติ๊ก แอ้ละว่ะ"ดิวถามผมแต่ว่าถามหาไอ้แอ้ ผมเงยหน้าขึ้นมา มันเคยห่วงกูไหมว่ะไอ้ดิว ตกลงลมหายใจเข้าออกของมึงคือไปแอ้ใช่ไหม เหมือนผมกำลังพาลเลยตอนนี้ ผมเงยหน้าขึ้นมามองหน้าไอ้ดิว
                      "ไม่รู้กูขึ้นมาก่อน "ผมตอบห้วนๆ
                       "ก็มึงไปห้องน้ำกับมันมาแต่ดันกลับมาคนเดียว "ไอ้ดิวพูดต่อ
                        "ใช่ กูเสร็จกูก็ขึ้นมาก่อนดังนั้นกูไม่รู้ "ผมตอบและเปิดหนังสือแบบว่าไม่ยากสนทนาอะไรทั้งนั้น สักพักแอ้ พาย ต้นข้าวและบลูเดินพวกมันก็เข้ามา ดิวทำท่าจะถามแอ้ และผมก็ทำเป็นไม่สนใจ เสียงเก้าอี้ ถูกลากก็คงเป็นพายที่นั่งข้างๆ กับผม แต่พอผมหันไป กลับกลายเป็นแอ้มานั่งกับผมแทน ส่วนพายมันไปนั่งกับดิวแทนและซุบซิบคุยกัน มีไอ้แจ็ครวมหัวด้วยอีก ไอ้พวกเชี้ยนี้ก็แม่ง บอยหันมามองผมสายตาที่เป็นห่วง ไอ้หลุยส์กับธรรณ์ก็หันมามองและหันกลับไปเช่นกัน
                       "ติ๊ก "แอ้มันเรียกผม ผมหยุดชะงักแค่นั้นและเขียนต่อ ทำเป็นไม่สนใจมัน
                        "อย่าทำแบบนี้ได้ไหม"แอ้จับแขนผม
                         “ฟู่” ผมพ่นลมออกมา ผมเงยหน้ามองแอ้ โดยมีสายตาไอ้ดิวที่มองผมสองคน สายตาที่มอง คงมองว่าผมวุ่นวายกับแอ้ และสายตาที่หันมองแอ้มันห่วงใยแอ้ มันช่างต่างกัน มันโคตรเจ็บเลยว่ะ
                         "ติ๊ก"แอ้เรียกผมอีกที
                         “มึงให้กูรู้สึกยังไง กูเพื่อนมึงป่ะว่ะ” ผมหันมาพูดกับแอ้มัน
                         “ติ๊ก มึงเพื่อนกู แต่ที่กูพูดก็เพราะว่ากูไม่อยากให้คนอื่นมองมึงไม่ดีถ้ามึงทำแบบนั้นติ๊ก” แอ้มันพูด ผมก็มองมันและหันไปทางอื่น ผมเคยแคร์เหรอ เมื่อก่อนเหวี่ยงนักข่าวจนโดนแบนมาแล้วกูก็ทำมาแล้ว ผมคิดในใจกะอีแค่นักเรียนในโรงเรียนพ่อกูเอง อยากมาเรียนที่นี้ตายเลยกู
                         “มึงเป็นใคร มึงลูกเจ้าของโรงเรียนป่ะว่ะและพี่ตุ๊ก็มาเป็นผู้อำนวยการอีก อย่าทำให้พี่ตุ๊เดือดร้อนไปด้วยดิว่ะ           
                        "ติ๊ก” แอ้พูดกับผม ผมหันไปมองหน้ามัน เออผมลืมไปเลยว่ะ พี่ตุ๊
                        “ตี๊ก” แอ้เรียกผมอีกครั้ง
                        "เออ!!!"ผมพูดแค่นั้น ตอนนี้อาจารย์เข้าสอนวิชาต่อไปแล้ว ขณะที่ผมกำลังเรียน อาจารย์กำลังขึ้นหัวข้อบนกระดานดำ
                         "ติ๊ก"เดี่ยวมันเรียกผม พอผมหันไปมันส่งกระดาษให้ผม ผมก็รับมาอ่าน ยุคไหนวะเนี๊ยะ ยังใช้กระดาษเป็นสื่อ เออ เมื่อก่อนเคยทำบ่อยตอนเรียนประถมแต่นี้ยุคมีโทรศัพท์แล้วนะเว้ยเห้ย แต่ผมก็คลี่ออกมาอ่าน
                          ///เป็นอะไร โกรธอะไรแอ้มัน //ไอ้เดี่ยวมันเขียนมาให้ผมอ่าน มีคนห่วงแอ้เพิ่มอีกคนว่างั้น แต่ผมดันคิดอะไรได้สักอย่าง แอบยิ้มที่มุมปากก่อนจะ
                          ///ไม่มีอะไร แฟนกันก็งอลกันบ้าง ธรรมดาว่ะ//ผมเขียนต่อและส่งไปให้ไอ้เดี่ยวมัน ไอ้เดี่ยวมันรับไปเปิดอ่านมันถึงกับสะบัดหน้ามามองผม และมันก็เขียนหยิกๆ ลงกระดาษต่อจากแผ่นเดิม
                          //หลอกเด็กอนุบาลดีกว่าไหม ว่าแอ้เป็นแฟนนะ //เดี่ยว มันเขียนส่งมาให้ผม แถมยักคิ้วมาให้ผมอีก ว่าไม่เชื่อที่ผมเขียนบอกมันไป
                          //มึงไม่เชื่อก็เรื่องของมึง กูสองคนรักกันมาก จะให้จูบให้ดูเลยไหมล่ะ// "ผมเขียนและส่งกลับไปให้มัน โดยไม่ได้หันไปมอง ผมรู้ว่ามันเดาผมออกหมดแล้วว่าผมต้องการใคร ไอ้เดี่ยวน่ะ
                         “อืมมม รักกันมากใช่ไหมคะ นักเรียน” ผมก็ต้องตกใจสะดุ้งโหยงเพราะว่าคนที่รับกระดาษไม่ใช่ไอ้เดี่ยว เป็นคุณครูเนตร ครูคนใหม่ที่พี่ตุ๊หามาสอนพวกผม คนข้างโหดเฮี้ยบ!
                          "รักสามเส้าเราสามคนเหรอคะนักเรียน งั้น ออกไปยื่นคาบไม้บรรทัดหน้าห้อง ใครเขียนคนแรก"ครูเนตรถามและมองผมสามคน
                            "ผมครับ"ไอ้เดี่ยวยกมือขึ้นตอบ ครูเนตรพยักหน้าให้ออกไปยืนหน้าห้อง
                            "และใครที่เธอเขียนให้"ครูถามเดี่ยวก่อนที่ไอ้เดี่ยวจะเดินออกไป
                            "ให้ติ๊กครับ"เดี่ยว มันตอบว่าให้ผม ผมหันไปแอบโชว์นิ้วกลางให้มันเลย
                             “อะฮืม” ครูเนตร
                             "ลุกขึ้น และใครคือแฟนเธอติ๊ก"ครูเนตรถามผม ผมมองไอ้ดิวและผมก็ก้มลงมองติ๊ก
                              "แอ้ครับ เป็นแฟนของผม"ผมตอบแอ้มันสะบัด และคนที่สะบัดหน้ามาพร้อมกัน คือไอ้ดิว
                              “WTF!” จากไอ้แจ็ค กับไอ้หลุยส์ มันสบดออกมาแม้จะไม่ดังมากแต่ผมก็ได้ยิน ส่วนอีพายน่ะมันเหลือกตาขึ้นบนเบ้ปากและมองบนใส่ผมอีกคน แถมยังพวกไอ้ภาคินก็เช่นกัน เล่นเอาเงียบไปหมดทั้งห้องเลยดิ
                             “ขอโทษครับครู” ครูถึงกับหันไปมองไอ้แจ็คที่สบถออกมาแบบนั้น ไอ้แจ็ครีบขอโทษขอโพยทันที บอยหันมาตีแขนแจ็คเบาๆ
                               "ถ้าอย่างนั้น…ลุกค่ะทั้งสามคนเลย รักสามเส้าเราสามคน แต่รบกวนไปตกลงกันนอกเวลาเรียนนะคะนักเรียน ออกไปยืนด้านนอกเลยค่ะ คาบไม้บรรทัดพร้อมกระต่ายขาเดียว รักกันมากก็ไปยืนด้วยกัน "ครูเนตรสั่งผมสามคน ไอ้แอ้มันลุกขึ้นและหันมามองหน้าผมพร้อมกับส่ายหัวไปด้วย ว่าทำไมมันถึงได้โดนร่างแหไปด้วยนั้นเอง
                              "ผมว่า ตกลงวันกันไม่มากว่ามั้งครับ ครับอาจารย์"ไอ้มาร์ค
                              "555"พวกมันขำผมสามคน ผมแอบหันไปส่งนิ้วกลางใส่มัน ตอนอาจารย์เผลอ
                              "อยากไปช่วยเขาไหมล่ะ ปราโมทย์ จะได้ไปยืนด้วยกัน เพื่อนายจะมีไอเดียดีดีแนะนำ"ครูเนตร บอกไอ้มาร์ค
                              "ไม่ละครับ ไม่ยุ่งเรื่องผัวๆ เมียๆ คร๊าบ"ไอ้มาร์คมันพูด และผมสามคนออกมายืนกันที่หน้าห้อง และคาบไม้บรรทัดพร้อมกับยืนกระต่ายขาเดียวด้วยกางแขนออก ครูเนตรออกมายืนมองและกลับเข้าไปสอนต่อ
                              "อึง อึง"ผมออกเสียงรอดไม้บรรทัด หันไปทางไอ้เดี่ยว
                              "ใครกันแน่ เห็นไหมแอ้มันโดนไปด้วยเลย"ไอ้เดี่ยวมันดึงไม้บรรทัดออกจากปากมันและพูด
                              "ใช่กูไม่รู้เรื่องกูก็ดันโดนไปด้วย มึงสองคนแม่งเล่นเชี้ยอะไรไม่รู้เรื่อง"ไอ้แอ้ อีกคน ดึงไม้บรรทัดออกมาพูด
                            "ไอ้แอ้ มึงแม่งทิ้งกูเลยนะสัส! "ผมหันไปเอาไม้บรรทัดออกมาพูดกับไอ้แอ้บ้าง
                            "นี้ ออกมายืนหน้าห้องยังซ่าอีก เดี๋ยวให้ไปยืนกลางสนามเลย"คุณครูออกมาผมจำต้องคาบไม้บรรทัดและยืนกระต่ายขาเดียว จังหวะที่ ห้องอื่นเปลี่ยนคาบพอดี ดันเป็นห้องของปู และปูก็เดินผ่าน เพื่อนๆ เขาหัวเราะพวกผมและไอ้เดี่ยวมันทำท่าตลกให้ปูดู ปูก็หันมาขำมัน ผมนี้เจ็บใจ ผมหันมองหน้ามันไอ้เดี่ยวทันที
                           "อู้ย! "มันร้องที่หันมาเจอหน้าผม
                           "ตลกบริโภคนะมึงนะ "ผมว่ามัน และหันมาคาบไม้บรรทัดต่อ ส่วนไอ้แอ้มันก็ยืนคาบไม้บรรทัดและส่ายหัวไปมาอีกคน ไม่รู้น่าเอือมระอาใครกันแน่ ส่วนผมก็หันมาแยกเขี้ยวใส่ไอ้ดำนี่แหละ ยังมายักคิ้วหลิ่วตาใส่ผมอีกน่ะ
                            TBC......

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.65(แอ้Xดิว)เจอน้องเซนอีกครั้ง

                Part's แอ้ วันนี้ช่วงบ่ายผมนั่งกับไอ้ติ๊ก ผมรู้ว่ามันโกรธที่ผมเหมือนเข้าข้างปู แต่ผมไม่อยากให้คนอื่นมองติ๊กไม่ดี มันเป็นถึงลูกเจ้าของโรงเรียนผมยิ่งไม่อยากให้คนอื่นมองว่าติ๊กเป็นคนหัวรุ่นแรงทั้งที่ความจริงไม่ใช่ แถมตอนระหว่างเรียนไอ้ติ๊กกับไอ้เดี่ยวมันเขียน จดหมายหากันโต้ตอบกันไปมาและดันพ่วงผมลงไปด้วยเลยโดนทำโทษให้ไปยืนหน้าห้อง เดี๋ยวพอหมดชั่วโมงผมก็ต้องเตรียมตัวลงไปที่ช๊อปที่พี่ตุ๊เตรียมเอาไว้ให้ผม ก็วันนี้เป็นวันแรกที่ผมจะไปเจอเด็กๆ ผมรับสอนคาราเต้ให้กับเด็กที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนอนุบาลเป็นเครือของโรงเรียนพี่ตุ๊เหมือนกันผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะมากันกี่คน คิดถึงเด็กๆ ของผมเองเหมือนกัน

             "ติ๊กมึงมีเรียนออนไลน์เลยหรือเปล่าว่ะ” ผมถามไอ้ติ๊กเพราะว่าพี่ตุ๊ให้มันเรียนออนไลน์ช่วงหลังเลิกเรียนก่อน วันละหนี่งชั่วโมงและวันนี้ผมได้ยินว่าพี่ตุ๊ไม่อยู่และให้มันไปอยู่กับพี่ครูพัฒน์แทน
              "แอ้ กูไปเลยนะ เดี๋ยวสาย พี่ตุ๊จะบ่นกูเอาว่ะ เสร็จแล้วโทรหาล่ะ จะได้ไปรับ วันนี้ซ้อมดนตรีน่ะ จ๊วบ! "ติ๊กและมันก็ไม่พูดเปล่าดันหันมาจูบปากผมด้วยทั้งที่มันก็ไม่เคยทำจริงๆ แต่ครั้งนี้ ผมก็หันมามองหน้ามันว่านี้มันมาไม้ไหนของมันและมันก็รีบเดินออกไปในทันที พอผมหันมามองสายตารอบข้างที่มองผมแบบอึ้งไปกันหมดจนมาหยุดที่สายตาไอ้ตัวดีของผม ไอ้ดิว นี้แหละที่ไอ้ติ๊กมันทิ้งระเบิดเอาไว้ให้ผมกู้
               (ไอ้เชี้ยเอ๋ย!) งานเข้าอีกแล้วซิผมน่ะ (พวกมึงสองคนเคยเข้าใจผมบ้างไหมเนี๊ยะ ผมแอบคิดในใจ)
               "บอยไปเถอะ อย่าไปอิจฉาเขา"แจ็คพูดกับบอย ผมหันไปโชว์นิ้วกลางให้แจ็คมันเพราะว่ามันดันแซวผมและดึงแขนบอยออกไป บอยยังคงหันมามองผมแอบยิ้มเล็กน้อย
               "ธรรณ์"หลุยส์เรียกธรรณ์อีกคนลุกขึ้นและมองมาที่ผม ผมรู้ว่าไม่มีใครเชื่อเรื่องผมกับติ๊กแน่นอน
                "วันนี้กูรีบกลับบ้านว่ะ แม่บอกมีธุระว่ะแอ้ พรุ่งนี้เจอกันน่ะและหวังว่าพรุ่งนี้กูคงไม่ได้ยินข่าวดีอะไรมากไปกว่ามึงเป็นแฟนไอ้ติ๊กล่ะ ฮาๆ "ไอ้ข้าวอีกคน ผมหันไปจะโบกมันสักทีแต่มันหนีและลากแขนไอ้บลูออกไป
                "กูไปรอที่สนามกันเลยนะ ถ้าจะเคลียร์กันยาวเลย งานนี้” ไอ้เดี่ยวพูดและมันก็ไม่พูดเปล่า
                 “เมียพี่มีชู้......ชาวบ้านรู้กันทั่ว) )) )) "ไอ้เดี่ยวมันร้องเพลงให้ผมมันจะรู้ไหมว่าไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใคร นั้นคือไอ้ดิวมันยืนทำหน้าเหมือนใครไปเผาบ้านมันเลย พวกไอ้ภาคินมันก็ยักไหล่กันและออกไปรอกันที่สนามแน่ๆ
                 "ดิว "ผมเรียกไอ้ดิว ผมรู้ว่ามันงอนผมอีกแล้วเพราะว่ามันยืนนิ่งเงียบ แต่ว่าท่าทางมันเหมือนมีอะไรจะพูดเยอะแยะไปหมด
                  "อย่างอนกันได้ไหม แค่ติ๊กงอนกูก็แย่แล้ว"ผมพูดกับดิว
                  "มันงอนเรื่องอะไร เลิกตามใจมันสักทีได้ไหมแอ้! "ดิวหันมาพูดกับผมพร้อมกับลุกขึ้นมาหาผมด้วย
                  "มันเป็นใครละ เพื่อนกูหรือเปล่า ที่จะให้กูทำตามที่มึงบอกนะดิว "ผมหันไปถามไอ้ดิวและพร้อมจะยกกระเป๋าพวกอุปกรณ์ที่จะไปสอนเด็ก วันนี้ผมเปิดสอนวันแรกด้วย
                  "หมับ"ดิวรีบแย่งกระเป๋าอุปกรณ์ของผมไปถือทันที ผมหันมามองหน้า ก็ไม่ได้หนักอะไรมากเลยน่ะ
                  "มันหนักอย่าถือเอง..แอ้! "ดิวพูดผมเลยต้องปล่อยก็ได้ ผมเดินลงมาชั้นล่างกับดิว
                  "มันไม่จริงใช่ไหมแอ้"ดิวหันถามผม ขณะที่เดินลงบันไดมาด้วย ผมก็หันมามองไอ้ดิว มึงทำไมโง่อะไรเบอร์นั้นว่ะ อย่างผมนี่นะแฟนมัน ผมก็ส่ายหัว
                   “บอกดิวดิแอ้…ว่ามันไม่ใช่อ่ะ ที่ติ๊กมันบอกว่าแอ้เป็นแฟนมัน” ดิวยังพูดอีก ทำหน้าตาเง้างอนได้อีกด้วย ผมต้องเหลือกตามองบน เลียนแบบพายมันตอนที่ติ๊กประกาศว่าผมเป็นแฟนนั่นแหละ
                    "อืม อันนี้กูก็ไม่รู้ว่าติ๊กมันจะ..."ผมหันมาพูดกับไอ้ดิว
                    "พูดแบบนั้น แอ้ ดิวหึงอ่ะ"ดิวพูดกับผมว่ามันหึง
                    "กูก็เห็นมึงหึงทุกคนอะ เผลอๆ กับหมาด้วยมั้งมึงน่ะ"ผมพูดกับดิว
                     “ก็อาจจะเตะหมาด้วย ถ้ามันมองแอ้” ไอ้ดิวพูด ผมสะบัดไปมองกูประชดนะไอ้เชี้ยนี้ แต่ว่ามีคนที่ตกใจมากกว่านั้น คือไอ้นาวิน ไอ้คนที่เคยจีบผมมันเดินลงมาพอดีและมันก็สะดุ้งสุดตัวเช่นกันเพราะว่ามันลงมาถึงก็ได้ยินประโยคเด็ดที่ดิวพูดออกไปพอดี และผมก็คิดว่าหมาที่ไอ้ดิวมันหมายถึงคงเป็นไอ้นาวินนั่นแหละ ไอ้นาวินมันถึงกลับหันหลังเดินกลับไปลงทางอื่นทันที ผมหันมามองไอ้ดิว
                   “มึงเยอะไปน่ะดิว” ไอ้ดิวมันหันไปมองแว๊ปหนึ่งก่อนจะหันมาฉีกยิ้มให้ผม
                   "ไม่รักจะหึงไหมล่ะแอ้ "ดิวพูดบอกผม ผมหันมาก็ใจอ่อนกับสายตาคู่นั้นอีกแล้ว
                   "แต่มันมากไปดิว "ผมพูด ตอนนี้ผมสองคนเดินมาถึงอาคารเรียนที่พี่ตุ๊เตรียมไว้ให้ผมแล้วมีเบาะเรียบร้อย นักเรียนยังมาไม่ถึง ดิววางกระเป๋าผมลงให้ผม
                   "ก็มันทนไม่ได้นิแอ้ "ดิวพูด ผมหันมามองหน้าดิว ไอนะได้มันมาเต็มๆ เลย ผมไม่แปลกใจทำไมไอมีเรื่องต่อยกับคนที่วุ่นวายกับไอซ์บ่อย
                  "ได้ดิวจะพยายามไม่หึง...มาก"ดิวพูดผมยิ้มออกมานิดหนึ่ง พยายาม
                  "พยายามไม่หึงเลยจะได้ไหมดิว "ผมพูดกับดิว และหันไปเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบเอาอุปกรณ์ออกเตรียมเอาไว้ให้เด็กๆ
                   "ดิวไปได้แล้วพี่เดฟ พี่เอ็กซ์จะรอเอานะ"ผมบอกดิว
                   "รอดิวด้วยล่ะ จะเดินมารับเอง "ดิวพูดกับผม ผมหันไปมอง สั่งยังกับว่าผมเป็นเด็กสองขวบเลยนะมึงน่ะ
                   “จะได้มาช่วยเก็บของไม่อยากให้แอ้ทำเอง” ดิวพูด
                   “เป็นห่วงแม่ของลูก” ดิวพูดแต่มันก็ทำให้ผมอมยิ้ม
                   “อืมม” ผมแค่ทำเสียงในลำคอและดิวก็หันหลังจะเดินออก
                   "ดิว "ผมเรียกดิว ดิวก็หันมา
                   "รีบมารับนะ จะรอ "ผมบอกดิว ดิวก็หันยิ้มให้ผม

                   ผมรู้ว่าเขาอยากให้ผมอ้อนเขาบ้างอะไรบ้างแต่ก็น่ะผมไม่อยากอ้อนเขามากเพราะว่าผมกลัวใจผมเองต่างหาก ถ้าวันหนึ่งผมต้องไปจากดิวไปจริงๆ ล่ะ ผมไม่อยากคิดแล้วตอนนี้ ผมเดินมาจัดของสำหรับเด็กๆ สักพักผมก็เห็นคุณครูพานักเรียนมา ประมาณ สิบห้าคน มีทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย
                 "สวัสดีค่ะ คุณแอ้ใช่ไหมคะ นี้ค่ะนักเรียน ที่จะมาเรียนเทควันโดกับคุณแอ้กันค่ะ”
                 “เด็กๆ ค่ะ นี้พี่แอ้นะคะ "คุณครูที่พามาถามผม และผมพยักหน้าคุณครูก็แนะนำนักเรียนตัวน้อยของผม น่ารักจริงๆ เลย
                  "เอาละ ห้ามดื้อ ห้ามซน พี่แอ้ก็คือคุณครูนะคะ ถ้าดื้อพี่แอ้มีสิทธิ์ทำโทษเข้าใจไหมคะ "คุณครูพูดผมก็ยิ้มให้
                  "พี่ชื่อครูอ้อยค่ะ คุณแอ้ เออ ประมาณสี่โมงครึ่งค่ะแต่ไม่เกินห้าโมงเย็น ผู้ปกครองจะเข้ามารับที่นี้เลยนะคะ นี้รายชื่อเด็กๆ และชื่อผู้ปกครองเด็กค่ะคุณแอ้”
                 “และนี้ค่าสอนนะคะ เออ มีน้องเซนที่แม่เขาจะมาให้ทีหลังค่ะและถ้าเย็นนี้เขาไม่ให้ วันจันทร์ พี่อ้อยคงไม่ส่งมาเรียนนะคะ "ครูพี่เลี้ยงบอกผมพยักหน้า

                   ผมมองตามที่ครูพี่เลี้ยงโบ้ยปากไป ผมเห็นนั่งอยู่ห่างจากเพื่อนหน่อยและเด็กคนนี้ที่ผมเจอตอนที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในปั๊มน้ำมันและผมก็ซื้อขนมให้เขาไปด้วยเพราะผมรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้ขึ้นมาซะเฉยๆ ทำไมโลกนี้มันกลมเหลือเกิน ผมรู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูก ในผมเต้นแรงมากที่เห็นใบหน้าของเขาอีกครั้ง และเด็กคนนี้ก็เหมือนมีอะไรพิเศษกับผมมาก ตั้งแต่วันนั้น และตอนนี้ที่ผมเจอเขา ผมรู้สึกถึงความผูกพันกับเขายังไงก็ไม่รู้ เหมือนผมกับเขาได้อยู่ด้วยกันมาก่อน แต่ที่จริงแล้วไม่เคยเลย
                    "ชื่อน้องเซนค่ะ แม่เขาทำงานโรงงานเป็นแม่บ้าน เลิกงานก็เย็นมาก รายได้แค่พอประทังไปวันวันค่ะ น้องเซนเข้ากับเพื่อนไม่ค่อยได้เพราะว่า ไม่ค่อยได้มาเรียน แต่แปลกนะคะ น้องเซนเขารักเรียนมาก อ่านเขียนได้คล่องมากค่ะ เรียกว่าเรียนเก่งก็ว่าได้ค่ะ"ครูอ้อยบอกผม ผมก็พยักหน้าและมองเซน น่าจะแก่กว่าลูกๆ ผมปีหรือสองปีนี่แหละ
                   "งั้นพี่อ้อยไปก่อนนะคะ"ครูพี่เลี้ยงพูดผมพยักหน้า
                   "ครับ" ผมเดินไปหาเด็กคนนั้นที่ชื่อเซน
                    "ไม่ขยับไปนั่งใกล้ๆ เพื่อนละครับน้องเซน"ผมถามเซน เซนเงยหน้ามองผมตาแป๋วเชียว ผมยิ่งมองเขาใกล้ๆ ยิ่งบอกไม่ถูกมันเหมือนคนดีใจที่ได้เจอคนที่ไม่ได้เจอกันนานและพลัดพรากจากกันไปนาน
                    "กลัวเพื่อนไม่อยากให้เซนนั่งด้วย"เซนพูดกับผม และมองเพื่อนที่เล่นกัน แต่ไม่มีใครชวนเซนเล่นเลย
                    "ไม่หรอกครับ มากับพี่แอ้นะครับ"ผมพูดและแบมือ เซนยืนมือมาให้ผมจับและผมก็จูงมือเซนลุกขึ้นเพื่อเดินไปหาเพื่อนๆ
                    "สวัสดีครับ “ผมทักทายเด็กๆ และแอบหันไปมองน้องเซนที่นั่งเกือบจะใกล้ชิดกับเพื่อนแต่ก็ยังกลัวๆ
                    “สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ พี่แอ้” เด็กๆ ทักทายผม แสดงว่าครูอ้อยสอนมาแน่นอน
                    “สวัสดีครับทุกคน พี่ชื่อพี่แอ้ พี่ยินดีจะสอน คาราเต้ให้กับน้อง แต่พี่อยากให้ เพื่อนคนนี้นั่งด้วยกันได้ไหมครับ เราเพื่อนกันใช่ไหมครับ "ผมถามเด็กๆ ทุกคนมองมาที่เซน
                  “น้องเซนอยากนั่งกับเพื่อนไหมครับ” ผมถามเซน เซนพยักหน้า
                  "นั่งกับเราก็ได้น่ะเซน"เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเรียกเซนนั่งลง
                   "เอาละ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักว่า เทควันโดคืออะไร บร้าๆๆๆๆๆๆๆ "ผมก็อธิยายแบบสไตล์การสอนสำหรับเด็กเพื่อให้เขาเข้าใจง่าย ผมสอนขึ้นพื้นฐานก่อน ดูเด็กๆ ชอบมากและสนุกกับที่ผมสอน โดยเฉพาะเซน เขามีพรสวรรด์น่ะครับ ผมว่าเซนเขาสนใจและใส่ใจมาก
                   "เซนเตะได้พี่แอ้ เย้ เย้"ดูเขายิ้มมีความสุขกว่าตอนแรกที่มานั่ง ห่างๆ เพื่อนตอนนี้มีเพื่อนแล้ว นิ เขาก็เริ่มจะสนุกกับเพื่อนๆ
                   "เก่งมาก เซน"ผมชม และได้เวลาเลิกเรียนแล้วผู้ปกครองเริ่มมารอกันแล้ว
                   "นี้คือคนที่สอนคาราเต้เหรอ ที่ว่าเป็นลูกชายของพลเอกภีมปภพหรือเปล่า แถมบ้านนี่ก็เป็นเกย์ทั้งบ้าน หน้าตาดีอะ จะว่าหล่อก็หล่อ จะว่าสวยก็สวยนะ ชะนีอิจฉา "ผมได้ยิน จะดีใจดีไหม ผมหันไปยิ้ม ๆ ให้ เขารู้ว่าผมได้ยินก็ยิ้มกลับมาให้ผม
                   "เอาละ กลับบ้านได้แล้วครับ กลับไปฝึกเองที่บ้านและคราวหน้า พี่จะสอนท่าต่อไปให้นะครับ พรุ่งนี้ไม่ได้มาเรียนกันเพราะว่า พรุ่งนี้ เราเลิกเร็วกันใช่ไหมครับ งั้น เจอกันวันจันทร์ เลิกแถวครับ "ผมบอกเด็กๆ
                  "เย้! "เด็กๆ พากันวิ่งไปหาผู้ปกครอง แต่เซนยังมองหาคงยังไม่มา แม่ของเซน
                  "เซน แม่ยังไม่มาเหรอครับ"ผมถามเซนและเก็บอุปกรณ์เขาที่เก็บของ ผมว่าจะไม่เอากลับ เซนเดินมาช่วยผมเก็บ น่ารักจริง
                  "ครับพี่แอ้ แม่คงยังไม่เลิกงาน "เซนบอกผม
                  "มานั่งกับพี่แอ้มา แล้วนี่น้องเซนหิวไหมครับ "ผมเรียกเซน ให้เซนมานั่งกับผม ผมถามว่าหิวไหม เห็นคลำท้อง ผมเอาขนมยูโรเค้กติดมาด้วยและน้ำผลไม้ ดิวซื้อมาให้ผม
                   "นี่ครับน้องเซน"ผมส่งให้และแกะให้ด้วย ผมแปลกใจว่าทำไมผมถึงได้รู้สึกพิเศษกับเซน แบบที่ไม่เคยรู้สึกกับเด็กคนอื่นๆ มาก่อน ความรู้สึกแบบนี้เหมือนตอนที่ผมดูแลและทำให้ลูกๆ ผมมองเขา ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนคุ้นเคยกับเขามาก่อน ไม่ใช่แค่วันนั้นทีผ่มเจอเขาแต่เหมือนเขาเคยอยู่กับผมมานานแล้ว
                   TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.65.1(แอ้Xดิว)ผมรู้สึกเหมือนเขาเคยเป็นของผม

                Part’s แอ้ นี้ก็เกือบห้าโมงแล้ว ผมยังนั่งรอแม่น้องเซนมารับ ผมไม่ได้รู้สึกโกรธเลยที่เขามารับช้า ดีซะอีกผมได้คุยกับน้องเซนเยอะแยะเลย  เซนเป็นเด็กน่ารักพูดจาไพเราะ รอยยิ้มที่สดใส่นี้ทำให้ผมเอ็นดูเด็กคนนี้เหลือเกินและที่ผมรู้สึกคือ ผมเหมือนได้นั่งคุยกับลูกของผมจริงๆ มันมีความใกล้ชิดผูกผันกัน เหมือนมันเคยเกิดขึ้นแต่ว่าหายไปจากผมพักใหญ่ๆ ผมรอจนกระทั้งดิวเดินมาหาผม ดิววางกระเป๋าลง ดิวมองเด็กที่นั่งกินขนมกับผม
             "ไปแป็บเดียว คลอดลูกแล้วเหรอ"ไอ้ดิวถาม ผมแทบจะยันด้วยเท้าเลยดีที่ น้องเซนนั่งอยู่กับผม เลยไม่ทำ
             "คิก คิก คิก"เซนขำผมกับดิว
             “เซนนี้พี่ดิวครับ” ผมบอกเซน เซนมองผมและดิว
              "ดู ท่าจะหิวน่ะ "ดิวพูดเพราะกินยูโรเค้ก ตุ้ยๆ เลยและกินน้ำผลไม้ที่ดิวแวะซื้อให้ผมเมื่อตอนเช้า เอาไว้ทานตอนเย็น
              "หิว เขาไม่ได้กินข้าวเพราะเซนหาช้อนไม่เจอ เพื่อนเอาไปซ้อน"เซนพูด ผมหันไปมอง โธ่เอ๊ย!
              "เออ นี้"ดิวถามผม คงหมายถึงเซน เห็นมีแค่เซนคนเดียวตอนนี้
              "คนอื่นกลับไปหมดแล้วดิว เหลือแค่เซน เขารอแม่เขามารับนะ ดิว"ผมบอกดิว และเซนที่เงยหน้ามองผม
               "ชื่ออะไรครับ "ดิวถามเซน
               "ชื่อเซน"เซนตอบแต่ห้วนไปหน่อยนะ
               “ชื่อเซนครับ” ผมพูดให้เซนฟังจะได้พูดตอบดิวใหม่อีกครับ ผมรู้ว่าเขาเข้าใจว่าที่ผมบอกคือต้องมีครับลงท้ายด้วย
               “ชื่อเซนครับ” เซนพูดตามผม น่ารักมากเลย
                "น่าจะเท่าๆ กับอัยย์ ไอซ์และโอ้น่ะแอ้"ดิวพูดกับผม
                "น่าจะแก่กว่าปีหนึ่ง"ผมบอกดิว ดิวเพ็งมองน้องเซนพร้อมกับขมวดคิ้วด้วย
                "ดิวจำเด็กที่แอ้ซื้อขนมให้เขาได้ไหม ที่ปัํมน้ำมันน่ะ นี้ไงคนนี่แหละและวันที่เขาก็มาเข้าเรียนกับแอ้" ผมพูดกับดิว ดิวสะบัดหน้ามามองผม ผมพยักหน้าว่าใช่ แค่นั้นดิวก็ไม่ได้ถามต่อ และหันไปมองหน้าน้องเซนที่มองผมกับดิวตาแป๋ว
                "พี่ดิวเป็นแฟนพี่แอ้เหรอครับ"เซนถามดิว และผมสะบัดหน้าไปมองเลย
                "เซน พี่เป็นผู้ชาย"ผมพูดกับเซน
                "อ้าวเหรอ นึกว่าเป็นพี่สาว คิก คิก คิก "เซนพูด
                "ฮาๆ บอกแล้วให้เปลี่ยนทรงผมด่วนเห็นไหมใครก็มองว่าทอมบอยไปหมดแล้ว" ไอ้ดิวมันพูดว่าเป็นเพราะทรงผมของผมไง และยังมาขำอีกน่ะ ผมก็มองไอ้ดิว ว่าตลกมากไหม ให้หยุดหัวเราะผมวะที
               "เซน" ผู้หญิงอายุประมาณ สามสิบต้นๆ มาเรียกเซน ผมหันไปมอง เขาเป็นแม่ของเซนผมจำเขาได้ที่ร้านสะดวกซื้อ
                "แม่มาแล้วพี่แอ้ พี่ดิว "เซนพูด ผมจูงเซนออกมาหาแม่เขา แม่เขายิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มตอบ
               "ขอโทษนะคะที่มาช้า ปลีกตัวมาไม่ได้จริงๆค่ะ ขอโทษจริงๆค่ะ"คุณแม่ของเซนพูดขอโทษขอโพยผมใหญ่เลย
                "ไม่เป็นไรครับ "ผมบอกตอนนี้เซนไปกอดแม่เขาแล้ว ผมยิ่งมองยิ่งมีความสุขแปลก ๆ
               “วันจันทร์ใช่ไหมครับพี่แอ้ "เซนหันมาถามผม
                "เออ เซนไม่ได้ลูก เงินแม่ยังไม่ออกเลย "แม่ของเซนพูด เซนเงยหน้ามองแม่ของเขาแบบไม่เข้าใจ
                “เซนไม่ได้มาเรียนแล้วลูก” แม่ของเซนพูด
                “น้องเซนอยากเรียนหรือเปล่าครับ” ผมถามน้องเซน เขามองหน้าผม เขาพยักหน้าว่าอยากเรียน
                "เอาอย่างนี่นะครับ คุณแม่น้องเซน ไม่ต้องจ่ายครับ ผมให้เซนมาเรียนกับผมฟรี ผมไม่เก็บเงิน เซนเขามีพรสวรรด์"ผมพูดกับแม่ของเซน แม่ของเซนมองผม
                “และเขาก็ดูจะสนใจด้วย ผมเลยไม่เก็บเงินนะครับและถ้าคุณแม่เลิกงานเย็นบอกผมก่อนได้นะครับ ผมยินดีจะอยู่เป็นเพื่อนเขาก่อนจนกว่าคุณแม่จะมารับ” ผมพูดดิวหันมามองหน้าผมพร้อมกับขมวดคิ้วเป็นคำถาม แต่ก็ไม่ถาม
              “เรื่องครูพี่เลี้ยง ผมคุยกับครูเขาเองนะครับ คุณแม่ไม่ต้องกังวลครับ” ผมบอกแม่ของเซน
              "ขอบคุณนะคะครู” แม่ของน้องเซนพูด
              “ผมไม่ใช่ครูหรอกครับ เรียกผมว่าแอ้ก็ได้ครับ” ผมพูด
               “ขอบคุณค่ะคุณแอ้ และที่แม่อยากให้น้องเซนเรียนเพราะว่าไม่มีใครอยู่กับเซนหลังเลิกเรียนนะคะ และรายได้ดิฉันกับค่าใช้จ่ายที่เยอะมากมายมันไม่พอกัน ฉันจ้างคนดูแลเขาไม่ได้ค่ะหลังจากเลิกเรียนแล้ว "แม่ของเซนพูด ผมนี้สงสารเขาสองคนจับใจผมเลย ผมหันมามองดิว ดิวก็มองผมดิวพยักหน้า ผมรู้ว่าสงสารทุกคนไม่ได้
              "ใช่และไอ้เว้าก็จะฆ่าเซนด้วยน่ะพี่แอ้"เซนพูดขึ้น ผมกับดิวมองเซนด้วยสีหน้าตกใจ
              "เซน อย่าพูดอย่างนั้นซิ"แม่ของเซนหันไปเอ็ดน้องเซน
              "คือเป็นลูกพี่ชายแฟนนะคะ ค่อนข้างเกเร พ่อของเซนเขาเสียตั้งแต่เซนเกิดได้ไม่กี่วัน "แม่เซนพูด ผมนี้ยิ่งสงสารเซนมากขึ้น ลูกผมนี้โชคดีที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่ลำบากเลยสักนิด
              "วันจันทร์มาเรียนนะเซน"ผมพูดกับเซน เซนพยักหน้า
               "คุณแม่เลิกงานเมื่อไหร่ก็มารับแล้วกัน ผมเข้าใจ ผมยินดีที่จะดูแลเขาให้ ผมรู้สึก….” ผมพูดพร้อมกับก้มลงมองน้องเซน แต่ดิวแตะแขนผมพร้อมกับส่ายหัว
               “ชอบเขา "ผมพูดบอกแม่ของเซน แม่ของเซนยิ้มด้วยความดีใจ ผมเอามือลูปหัวของเซน เขาแหงนหน้าขึ้นมามองหน้าผม สายตาที่บริสุทธิ์ ใสซื่อคู่นี้ ทำไมยิ่งผมมองลึกลงไป ผมถึงได้สัมผัสถึงสายใยบางๆ ระหว่างผมกับเขา ผมสะดุ้งทันทีที่มีคนสะกิดผมคนนั้นคือดิว สะกิดให้ผมมองแม่ของน้องเซน
               "ถ้าอย่างนั้น ไปก่อนนะคะ ต้องพาไปซื้อซี่โครงไก่ทอด เซนเขาใจดี เอาไปเลี้ยงหมาจรจัดนะคะ"แม่เซนพูดและก้มมองเซนด้วยความเอ็นดู
               "เหมือนพี่แอ้เลยนะ ชอบซื้อลูกชิ้นเลี้ยงน้องหมา"ดิวพูด เดินไปหาเซน เอามือลูปหัวเซน ผมแอบค้อนเพราะผมเคยซื้อเลี้ยงสุนัขหน้าโรงเรียนประจำ รถขายลูกชิ้นมาจะซื้อแต่ไม่เคยเกิน และเอามาเลี้ยงหมา
               "หมับ "ดิวส่งแบงก์ร้อยให้เซนใบหนึ่ง
                "พี่ฝากซื้อให้น้องหมาด้วย พี่แอ้นะเขาชอบเลี้ยงน้องหมาเหมือนเซนน้องเซนเลยครับ ดังนั้นพี่ฝากด้วยนะครับ "ดิวพูดกับเซน
                "น้องหมาต้องดีใจแน่เลย แต่ .."เซนพูดและมองแม่ของเขา คงกลัวแม่จะว่า
               “พี่ให้ครับ “ดิวพูดและมองแม่ของเขา ว่าพวกผมเต็มใจจะให้
               "ขอบคุณพี่เขาซิและเราต้องรีบไปแล้วก่อนที่อาโกจะปิดร้านซะก่อนน้องหมาอดกินแน่ๆ "แม่ของเซนพูด
                "ไปก่อนนะคะ ขอบคุณที่ให้เซนเรียนอีกครั้งค่ะ คุณแอ้"แม่ของเซนพูดและจูงเซนออกไป ผมมอง ดิวหันไปช่วยผมเก็บของเข้าทีและปิดช๊อบ ช๊อบนี้พี่ตุ๊จัดไว้ให้ผมสอนเด็กๆ โดยเฉพาะ
                "พี่เดฟกับพี่เอ็กซ์กลับแล้วเหรอดิว "ผมถามดิว แปลกจังพี่เอ็กซ์ไม่เดินมาตามหาผม
                "อืมมม แถมพี่เดฟ รีบไปส่งว่านนะแอ้ ดูท่าจะ ปิ้งว่าน"ดิวพูด ว่านที่นั่งกับภาคิน แต่ว่านเป็นแฟนไอ้ภาคีย์นิ และมันหึงจะตายไป
                "ดิว ว่านเป็นแฟนน้องไอ้ภาคินนะ น้องมันห่วงว่านจะตายไป"ผมพูดเพราะว่าต้นข้าวเล่าให้ผมฟัง
               "ระหว่างเด็กนั่นกับคุณหมอทหาร จบใหม่ๆ อย่างพี่เดฟ เด็กนั่นสู้ไม่ได้หรอก แอ้"ดิวพูด ผมหันไปมอง
               "พี่เอ็กซ์ ถามถึงแอ้ไหม"ผมถามดิว
              "ถาม ว่าแอ้เป็นยังไงบ้าง "ดิวบอกผม ผมหันไปมองว่าแล้วดิวมันจะตอบว่ายังไง
              "ดิวเลยบอกว่า แอ้ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ อาเจียน เวียนหัว ก็อย่างนี้แหละ เดือนสองเดือนแรก มักจะแพ้ "ไอ้ดิวพูดแต่ที่มันบรรยายมามันอาการคนท้องนิ ผมหันขวับมาเลยไอ้ดิว
              "โอ๊ยแอ้! "ผมตีด้วยกระเป๋า ก็พูดแบบนี้มันอาการคนท้องชัดๆ
              "ล้อเล่นๆ บอกแอ้สบายดี อ่านหนังสือเตรียมสอบทุกคืน หลังจากอ่านเสร็จเราก็ ทดสอบสอบภาคปฏิบัติกันต่อแค่นี้เอง "ไอ้ดิว มันก็ยังไม่พ้นอยู่ดี
              "ไอ้ดิวมึงก็ยังไม่พ้นเรื่องบนเตียงอยูดี ไอ้หื่น! "ผมเอาสมุดมาตีดิว มันไม่เจ็บหรอกครับผมเดินมาถึงตรงมุมตึก ติ๊กยืนอยู่ ไม่รู้นานแค่ไหน เขาอาจจะเห็นผมสองคนเดินหยอกล้อกันมา
              "ติ๊ก"ผมเรียกติ๊ก
              "กำลังจะเดินไปหาแต่ว่าดิวรับมึงมาแล้วนิ” ติ๊ก
              “ไอ้ดิวพวกกูซ้อมดนตรีกัน ไอ้เดี่ยว ไอ้โซ่ว์ ไอ้นาวิน ไอ้มาร์ค รอมึงอยู่ "ติ๊กพูดและเดินนำไปทันที ผมมองดิว
              “ติ๊ก"ผมเรียกติ๊ก แต่ดิวดึงแขนผมไว้
               "ปล่อยมันบ้าง งอนอะไรไร้สาระ "ดิวพูดและ ผมสองคนเดินตามเข้ามาในห้องซ้อมดนตรี อุปกรณ์ครบมากและใหม่ด้วย พี่ตุ๊เพิ่งจะซื้อมาแน่เลย ผมวางกระเป๋าลงและขึ้นไปจัดเบส ผมปรับเบสได้ และดิวก็ไปปรับกีตาร์
              "ดีครับ แอ้ "นาวินทักผม ผมพยักหน้าทักทาย ผมยิ้มให้
              “ไปไหนมาเหรอครับ ตอนแรก...วินก็นึกว่าแอ้จะมาที่สนามฟุตบอล นี่อุตส่าห์มารอเลยนะครับ “นาวินหันมาพูดกับผมทันที
               “อ้อวันนี้แอ้...สอนคาราเต้เด็กนะครับ วิน” ผมบอกวิน ในสายตาไอ้ดิวที่มันมองนาวิน เหมือนมันจะต่อยไอ้นาวินเลย ติ๊กมันก็มองดิวและไอ้นาวิน ไอ้มาร์ซเพื่อนอีกห้องมาเล่นคีย์บอร์ดให้
               “ถ้าอย่างนั้นกูนั่งรอพวกมึงซ้อมด้านล่างนะ “ผมพูดผมไม่ชอบเล่นดนตรีชอบดูดิวมันเล่นมากกว่า

                     ผมนั่งมองดิวเล่นกีตาร์ ไอ้เดี่ยวและติ๊กเป็นคนร้องนำ ไอ้โซ่มันตีกลองไอ้นาวินก็เล่นกีตาร์ไฟฟ้า นาวินมองมาที่ผมตลอด ผมเองก็พยายามไม่หันไปมองแต่มันก็อึดอัดพอดู เพราะว่าหันมากี่ทีมันก็มองผมแบบนั้น จนการซ้อมจบลง สรุปก็คือวันศุกร์นี้จะขึ้นเวทีร้องเพลงและเป็นวันที่จะแนะนำตัวผู้เข้าสมัครประธานโรงเรียน พี่ตุ๊ให้หลุยส์ แจ็ค บอยและธรรณ์ลงสมัคร พวกผมก็ต้องลงเป็นสมาชิกในกลุ่มไปด้วย
                “งั้นพวกกูกลับก่อนเลยว่ะ “ไอ้โซ่พูดกับดิว ผมหันมาเจอนาวินที่ยืนรอส่งยิ้มให้ผมอยู่ ผมหันไปมองและจู่ๆ ก็มีคนมายืนบัง นั้นคือไอ้ดิว (ผมแอบคิดอยู่ในใจนี่มันก็บอกผมว่าจะพยายามไง) แต่นาวินมันก็ไม่ลดล่ะ มันขยับมาอีกทางและส่งยิ้มพร้อมกับโบกมือส่วนไอ้ดิวมันก็มีความพยายามที่สูงขึ้นมาอีก มันขยับบังผมอีก และก็หันไปส่งนิ้วกลางให้คนที่มันบังอยู่ ดีน่ะที่ติ๊กมันไม่ได้อยู่ตรงนี้ สงสัยมันหลบไปโทรศัพท์อยู่
                “กลับได้แล้วไอ้วิน กระโดดไปมายังกับกระโดดหนังยางเล่นกับสาวๆ นะมึงน่ะ” ไอ้โซ่มั้นเรียกไอ้นาวินออกไป
                “กลับก่อนนะครับแอ้ “ไอ้นาวินมันโบกไม้โบกมือให้ผมอีกที ส่วนไอ้ดิวน่ะเหมือนพยายามนับหนึ่งถึงสิบอยู่ ที่ผมอยากให้มันพยายามอดทนเพราะว่ามันจะได้สอนให้ไอรู้จักอดทนเหมือนกันได้ไงแต่นี้ดูแล้ว ไม่น่าจะได้
                “บ้านหรือโรงพยาบาลที่มึงอยากจะกลับไป” ไอ้ดิวมันหันไปชี้นิ้วถามไอ้นาวิน
                 “บ้านว่ะ” นาวินรีบตอบทันที
                 “งันก็รีบก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจส่งมึงไปโรงพยาบาล อ้อพ่อกูเป็นหมอว่ะ เดี๋ยวกูจัดให้” ไอ้ดิวมันพูด
                 “ไม่ดีกว่า กูเกรงใจว่ะ งั้นกูกลับบ้านว่ะ “ไอ้นาวินพูดและไอ้โซ่มันก็ลากไอ้นาวินออกไป
                 “ไอ้เดี่ยวแล้วติ๊กล่ะ”
                 “เห็นบอกว่ามีสายเข้าน่ะ”
                 “งั้นมึงพากลับด้วยกูมีเรื่องต้องคุยกัน” ไอ้ดิวมันพูดและดึงแขนผมให้ลุกทันที
                  “คุยแบบไหนวะ” ไอ้เดี่ยวมันถาม ยังทำหน้าตาทะเล้นได้อีก
                  “คุยแบบที่ผัวเมียคุยกัน เสื้อไม่ต้องใส่อ่ะ” ไอ้ดิวพูด และมันก็ลากแขนผมออก ผมอยากจะเอากระเป๋าตตีแม่งเลย แต่อย่างว่าแหละชินซะแล้วเวลามันพูดกับไอ้เดี่ยว ผมไม่เขินแล้วมีแต่อยากจะกระทืบมันสองคนแพ๊คคู่เลย และไอ้ดิวมันก็ลากผมมาถึงรถและมันก็ดันผมเข้าไปนั่ง ไม่ให้นั่งธรรมดา มันก็เลื่อนเบาะให้ไถลไปด้านหลังพร้อมกับเข้ามานั่งคร่อมผมเอาไว้
                 “ปึก” ประตูปิดลงทันที
                 “ทำไมชอบทำให้ดิวหึงอ่ะ”
                “มึงหึงทำไมล่ะ”
                 “ก็ดูมันดิ พยายามจีบขนาดนี้ แอ้เป็นแม่ของลูกดิวน่ะ ถ้าลูกรู้เข้าลูกจะเสียใจน่ะ เพราะว่าลูกอยากให้แอ้กับดิวรักกันตลอดไป ไม่อยากให้ไปรักคนอื่น อืมมม” มันพูดและก้มลงมาไซ้ที่ซอกคอของผม มือไม้ก็ปลดกระดุมเสื้อผมไปด้วย
                 “อย่าดิว อืมมม อ่าห์ “ผมร้องห้ามแต่ก็เผลอครางออกมา
                “อย่าดิว ซี้ด” ก็ดิวมันเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อนักเรียนของผมและมันก็บี้สองจุดของผมไปด้วย
                “จ๊วบ!!”
                “ดิวว” ผมก็ต้องแอ่นอกขึ้นเพราะว่าดิวดูดที่คอผมเสียงดังมากเหมือนจะทำให้เป็นรอยเลย

                      ก๊อกๆๆ จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะกระจกรถ อย่าบอกน่ะว่าติ๊กน่ะ ผมรีบดันไอ้ดิวออก
                “ดิว” ผมเรียกดิวด้วยอาการตกใจและรีบติดกระดุมทันทีไอ้ดิวมันก็ ทำหน้าแบบหัวเสียก่อนจะติดหัวเข็มขัดกลับเข้าไป นี้ปลดเข็มขัดตัวเองรอแล้วเหรอ ทันทีที่ประตูรถเปิดออกมาสิ่งที่ทำให้ผมตกใจมากกว่าเจอไอ้ติ๊กซะอีก เพราะว่าคนที่ผมสองคนเจอก็คือพี่ตุ๊ พี่เขามายืนเอามือไขว้หลัง ผมเห็นรถตู้ของพี่ตุ๊จอดอยู่ห่างไปหน่อย
               “ทำอะไรกันในรถ ดิว แอ้” พี่ตุ๊ถามผมสองคนและจังหวะนั้นไอ้เดี่ยวมันเดินออกมาพร้อมกับไอ้ติ๊ก ทั้งคู่มองผมสลับไปมา อ้าปากหวอด้วยที่ผมสองคนโดนพี่ตุ๊เอ็ดอยู่ ผมแอบภาวนาพี่ตุ๊อย่าบอกเรื่องผมกับดิวในรถน่ะ ไม่อย่างนั้น
               “ทำไมยังไม่กลับบ้านกันล่ะ” พี่ตุ๊ถามทั้งผมและสองคนที่ตามมา
               “ซ้อมดนตรีอยู่อ่ะพี่ตุ๊เพราะว่าจะขึ้นร้องเพลงวันศุกร์ไง “ติ๊กมันพูด พี่ตุ๊หันมามองหน้าผมกับดิว ไอ้ดิวมันยืนนิ่ง แต่ผมซิ ค่อยๆ เงยหน้ามองพี่ตุ๊ช้าๆ
                “แล้วมีอะไรกันอ่ะพี่ตุ๊” ไอ้ติ๊กมันเอ่ยถามพร้อมกับมองมาที่ผมกับไอ้ดิวและหันไปมองพี่ตุ๊อีกที พี่แค่เอี่ยวตัวไปมองติ๊ก
               “ไม่มีอะไร กลับบ้านกันได้แล้ว มันเย็นมากแล้วน่ะและมันก็อันตรายด้วย พี่ไม่อยากให้ขับรถกันมืดๆ ค่ำๆ “พี่ตุ๊พูดก่อนจะปรายตามามองผมสองคนและหันไปมองติ๊กและเดี่ยวอีกที
                “เจอกันพรุ่งนี้น่ะ ห้ามมาซ้ายเกินกว่าเจ็ดโมงสี่สิบห้า “พี่ตุ๊พูดแต่สายตานี้มองผมกับดิวอย่างเดียวเลย ผมก็เข้าไปนั่งในรถ พี่ตุ๊เดินกลับไปขึ้นรถตู้และออกไปก่อนพวกผม ไอ้ดิวตามเข้ามา ติ๊กมันไปกับไอ้เดี่ยว ผมได้แต่นั่งนิ่ง
                “เป็นอะไรไปแอ้” ดิวถามผม
                “กูกลัวพี่ตุ๊จะพูดเรื่องมึงกับกูว่ะ กลัวพี่ตุ๊จะพูดกับติ๊กมันอ่ะ” ผมพูด ดิวมองหน้าผมก่อนจะหันไปเปลี่ยนเกียร์และออกรถทันทีเช่นกัน ตามรถไอ้เดี่ยวไปติดๆ
                “ดิวเชื่อว่าพี่ตุ๊เป็นผู้ใหญ่พอและถ้าพูดขึ้นมาพี่ตุ๊ก็คงจะพูดแบบผู้ใหญ่ที่ให้คำแนะนำไม่ใช่ยุให้แตกแยกกัน ดิวเชื่อย่างนั้น” ดิวหันมาพูดกับผมและมันก็กุมมือผมเอาไว้และดิวก็ออกรถขับตามเดี่ยวมาติดๆ ต่อให้ดิวจะพูดว่าพี่ตุ๊ไม่พูดแต่ผมก็อดกังวลใจไม่ได้อยู่ดี

                 TBC....

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.65.1(เดี่ยวXติ๊ก)สถานะแค่เพื่อน

               Part’ s เดี่ยว วันนี้พวกผมแสดงคอนเสิร์ตที่โรงอาหาร ปีนี้พี่ตุ๊ให้พวกผมลงแข่งขันชิงประธานนักเรียน บอยและแจ๊คจะลงแข่งขัน สมัครคัดเลือกประธานนักเรียน พวกผมเลยช่วยเรียกเรทติ้งด้วยการแสดงคอนเสิร์ตและเป็นการเปิดตัวชมรมของพวกผมด้วยเช่นกัน ผมได้สิทธิ์เป็นนักร้องนำพร้อมกับติ๊ก ผมนะเสียงดีใครๆ ก็บอก ติ๊กก็ไม่เชื่อจนเมื่อวานผมได้ขึ้นซ้อมร้องเพลง ไอ้โซ่ ไอ้ภาคินน่ะมันรู้ดีเพราะว่าผมเคยไปร้องเพลงวันปีใหม่ที่บ้านพี่แฮ็กซ์ มันสองคนเลยไม่แปลกใจ แต่มีบางคนที่ยังไม่รู้ พอได้ยินก็อึ้งไปเลยทีเดียว รวมไปถึงติ๊กเช่นกันแต่ว่าติ๊กเป็นคนเสียงดีและร้องถูกคีย์กว่าผมเยอะเพราะว่าเขาเรียนร้องเพลงมา ติ๊กเขาเป็นดาราออกงานบ่อยก็ต้องร้องเพลงได้ด้วย ผมเองยังชอบน้ำเสียงของเขาเลย ร้องเพลงหวานๆ ก็เพราะหรือจะออกแนวร๊อค ก็หนักแน่นได้ใจ
               และวันนี้วันขึ้นแสดงจริง ดังนั้นเดี่ยวจะมาเล่นๆ ไม่ได้ผมคิดในใจ ขณะนี้ผมกำลังยืนเพื่อรอขึ้นคอนเสิร์ต ใจเต้นแรงเพราะว่าผมต้องร้องกับติ๊ก ตอนนี้ใจผมเต้นแรงมากเหมือนมีคนตีกลองอยู่ในอกผมเลย ผมยืนมองไปรอบๆ จะว่าไป ผมยังไม่เห็นปูเลยน่ะ ผมอุตส่าห์ชวนเขามาดูผมเล่นดนตรีด้วยและว่าจะถามเขาว่าจะไปหาดูแม่เขายังไง ถ้าไม่มีใครพาไป ผมจะอาสาไปส่งให้และจะเลยไปไหว้พ่อของดิวด้วย ผมเคยเจอท่านแค่ครั้งสองครั้งแต่ก็จำท่านได้ติดตาผม
              "ไอ้เดี่ยว"ติ๊กเรียกผมจนผมตกใจ ผมหันมาติ๊ก เขาก็มองกวาดสายตาตามผมเช่นกัน ติ๊กหรี่ตามองผม ผมเลยต้องหันมามองเขาแทน
             "ว่าไงครับ"ผมหันไปถามติ๊ก ผมก็รีบยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ พร้อมกับรอยยิ้มดีใจให้คนตรงหน้าผม ติ๊กมองผม ผมก็ยิ่งขยับเข้าไปใกล้ๆ อีก คนตรงหน้าผมถึงกลับทำตัวไม่ถูกก่อนจะก้าวถอยหลังออกไปหน่อย
            “ว่าไงครับ” ผมถามติ๊กอีกครั้ง
             “มึงยืนมองหาใครอยู่เหรอ” ติ๊กถามผม
             “อืมมม ไม่นิ “ผมตอบ ผมไม่อยากทำให้บรรยากาศก่อนร้องเพลงมันแย่ ถ้าเขารู้ว่าผมกวาดตามองหาปู พอผมตอบไปติ๊กก็พยักหน้าเบาๆ
              "เออ…เดี่ยว.."ติ๊กมองหน้าผมทำท่าเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็เหมือนระแวงอะไรอยู่ด้วยเหมือนกัน ผมก็เลิกคิ้วรอว่ามีอะไร เรียกว่ารอลุ้นเลยดีกว่า
                “เออ.. คือ…กูได้ยินมาว่า” ติ๊กพูด ผมก็เลิกคิ้วมองอีก ได้ยินมาว่าอะไร ลุ้นกว่าตอนฉลากกินแบ่งรัฐบาลจะออกซะอีก
               "กูได้ยินมาว่า…” ติ๊กพูด ผมก็พยักหน้าต่อว่ายังไง
                “ได้ยินมาว่าไอ้กีตาร์จะมา…กูอยากให้มึงเตรียมเพลงหวานๆ เอาไว้ยอดไอ้ข้าวด้วย"ทันทีที่ติ๊กพูดออกมา ผมก็มองหน้าติ๊ก ผมรู้สึกผิดหวังจริงๆ ที่ได้ยินแค่เขาบอกผมให้เตรียมเพลงไว้จีบต้นข้าว ไม่ได้ถามอย่างอื่นเลยว่าผมตื่นเต้นไหมที่จะขึ้นไปร้องเพลงอะไรแบบนี้ กังวลไหม ที่ต้องร้องเพลงกับคนเสียงดีกว่าผมแต่นี่เขากลับ…
                " วิ่งมาเพื่อบอกแค่นี้ใช่ไหม"ผมถามด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวังพร้อมกับหันหลังทำท่าจะเดินขึ้นเวที
                 "เดี่ยว! ทำไมว่ะ"ติ๊กถามผมทันที
                "ทำไม ถามตัวเองดีกว่ามั้ย? "ผมถามติ๊กกลับโดยไม่ได้หันมามองติ๊ก

                 ผมเดินตรงขึ้นไปบนเวทีทันที จัดการปรับสายกีตาร์ตัวเอง ไอ้ดิวมันก็ขึ้นมาและมองหน้าผมด้วยสายตางงๆ มันคงเห็นผมกับติ๊กคุยกันอยู่ก่อนจะแยกตัวขึ้นมา ส่วนแอ้นั่งอยู่ด้านล่างกับพวกแจ็ค บอย ธรรณ์ หลุยส์ และพาย นั่งอยู่แถวหน้าสุด ตอนนี้หลุยส์ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งภาคินเรียบร้อยแล้ว ผมหันไปชำเลืองตามองติ๊กที่กำลังเลือกเพลงที่จะร้องอยู่ ติ๊กแค่หันมามองผมแว๊ปหนึ่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
                “มีอะไรหรือเปล่าเดี่ยว” ดิวมันถามผมก่อนจะหันไปมองติ๊กและหันมามองผม
                “ไม่มีอะไร” ผมตอบเบาๆ
                “จริงอ่ะ” ไอ้ดิวมันถามผมอีก สายตามันบอกว่าไม่เชื่อว่าผมไม่มีอะไจริงๆ
                “เออ… มี” ผมโกหกมันไม่ได้จริงๆ ดิว เลิกคิ้วมองผมทันที
                 “เหลามา!!” ดิวมันขยับเข้ามาใกล้ๆ ผม ผมหันไปมองติ๊กที่กำลังคุยกับพวกไอ้โซ่ แพลนว่าจะเล่นเพลงไหนกันบ้าง
                “ติ๊กมาบอกให้กูร้องเพลงหยอดต้นข้าวเพราะว่าไอ้พี่กีตาร์มันมา” ผมพูด ดิวมองหน้าผม
                “มึงเลยเฮิร์ท “ไอ้ดิวมันถามผม
               “มึงบอกมันบ้างหรือยังว่ามึงรู้สึกยังไงกับมัน” ดิวถามผมกลับ
                “บอกแล้วแต่เขาบอกกูว่า กูแค่เพื่อน เขามีคนอยู่ในใจ” ผมพูดก่อนจะเงยหน้ามองไอ้ดิว ไอ้ดิวถึงกับขมวดคิ้วทันที
              “ใครวะ มันคนซวยน่าดูที่ไอ้ติ๊ก มันเก็บเอาไว้ในใจ” ไอ้ดิวพูด ผมหันไปมอง ไอ้นี่มันไม่รู้สึกอะไรหรือว่ามันไม่เคยมองใครนอกจากแอ้เลยไม่รู้สึกจริงๆ
               “ว่าเพื่อนแบบไหน ที่ขอให้มึงทำนั้นทำนี้ให้แถมยังแสดงอาการหึงชัดเจนขนาดนี้ หลอกเด็กดีกว่าไหม” ดิวถามผม ผมหันมามองหน้ามันก็จริงอย่างที่ไอ้ดิวพูดเหมือนกัน แต่ผมแค่ยิ้มๆ ผมรู้แต่ว่าคนนั้นน่ะ เขาพยายามก่อกำแพงให้มันสูงขึ้นแต่ก็พยายามดึงผมขึ้นมาด้วยเช่นกัน ความรู้สึกของผมคือ เหมือนใกล้จะถึงแต่ก็ยืดออกไปอีก สรุปคือเอื้อมไม่ถึงอยู่ดี
               “เขาให้ลงไปยืนรอด้านล่างก่อนว่ะ เขาจะให้ตัวแทนของแต่ล่ะทีมที่ลงสมัครขึ้นมาพูดแนะนำตัวก่อน” ไอ้ดิวมันสะกิดผม ผมพยักหน้าเพราะว่าผมก็ปรับแต่งกีตาร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ผมกับไอ้ดิวลุกขึ้นเพื่อจะเดินลงไป ผมหันไปเจอไอ้พี่กีตาร์ยืนกอดอก หน้าตาบอกบุญไม่รับและสายตามันนี่มองมาที่ผมเต็มๆ ผมกับไอ้ดิวลงมายืนด้านล่าง ดิวมันส่งซิกคุยอะไรกับแอ้สักอย่างผ่านสัญญาลักษณ์มือ และตัวแทนแต่ล่ะทีมก็ขึ้นไปบนเวทีเพื่อแนะนำตัวเองและนโยบาย ผมเองก็มองหาปูไปด้วย
               “ไอ้เดี่ยว มึงชวนปูมาดูไหมวะ” จู่ๆ ไอ้ดิวมันหันมาถามผม
               “ชวนดิ แต่ไม่เห็นเลยเนี่ย” ผมพูด
               “กูว่าจะถามเขาว่าเขาจะไปเยี่ยมแม่เขายังไง ถ้าไปจะได้ชวนไปกับกูและแอ้เพราะว่ากูจะกลับที่ค่ายทหารว่ะ” ดิวพูด
                “กูว่าจะไปส่งเอง” ผมพูด
               “ไอ้นี่!ตกลง มึงจะลงลำไหน มึงเหยียบเรือสองแคมแบบนี้ไม่ได้ มันกักคนอื่นเขา” ไอ้ดิวพูด
                “กูสงสารปูและกูก็ช่วยเขาแล้ว ขอช่วยให้ถึงที่สุดก่อน ส่วนอีกคนกูไม่เห็นอนาคตเลยว่าเขาจะเลือกกูไหม” ผมพูด
                “ส่วนปูน่ะ กูอยากช่วยเขาจริงๆ ไม่หวังอะไรตอบแทน” ผมพูด
               "เดี่ยว!" จังหวะนั้นติ๊กเข้ามาเรียกผมพอดี ดิวพยักพเยิดกับผมก่อนจะหันไปมองติ๊ก คนที่เดินตรงปรี่เข้ามาหาผมสองคน แต่ว่าผมสองกวาดตามองหาปูอยู่ก่อนหน้าแล้ว ติ๊กเข้ามาถึงก็มองไปรอบๆ เหมือนกัน
                 "มองหาใครอีกล่ะ"ติ๊กถามผม ไอ้ดิวมันหยักไหล่ก่อนจะเดินออกไป ประมาณว่ามันให้ผมตอบเองเลย ผมหันมามองหน้าติ๊ก
               "เดี่ยวมองหาปูน่ะ ปูบอกเดี่ยวไว้ตั้งแต่เมื่อวานว่าจะมาดูแต่นี่ไม่เห็นมาเลย"ผมพูดไปสายตาผมก็มองหาไปด้วยเช่นกันจนผมหันมาเจอสายตาของติ๊ก เขามองผมอยู่และก็ทำท่าจะหันหลังให้ผมซะเฉยๆ และทำท่าจะเดินออกไปทันที
                "หมับ"ผมคว้ามต้นแขนติ๊กเอาไว้ได้ เขามองที่มือผมที่จับแขนเขาเอาไว้ ติ๊กมองผม สายตาที่ดูเปลี่ยนไป ติ๊กสะบัดมือผมให้ปล่อยแขนเขา
               “ถ้ามึงพร้อมมึงก็ขึ้นไปแล้วกัน “ติ๊กพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วห้วนมาก ผมควรจะดีใจดีไหมเพราะนี้มันคือาการของคนหึงชัดๆ เลย
              "นี่หึงเหรอ! "จู่ๆ ผมก็ถามติ๊ก เท่านั้นแหละติ๊กก็รีบแกะมือผมออกและยังจะเดินออก
                “ติ๊ก!!” ผมเรียกชื่อติ๊ก ติ๊กชะงักเท้าแต่ไม่ได้หันมามองผม
                "ตกลงติ๊กจะเอายังไง เดี๋ยวก็ทำให้เดี่ยวรัก เดี๋ยวก็ทำเหมือนไม่มีอะไร บอกซิติ๊ก ว่าต้องการกันหรือเปล่า ไม่ใช่มาแสดงแบบนี้ พูดซิ ว่ายังไง เดี่ยวจะได้ ทำตัวถูก "ผมถามติ๊กทันทีเพราะว่าตอนนี้ผมก็เริ่มสับสนแล้วนะ กับการกระทำของเขา ผมมองติ๊ก คนที่ยืนตรงหน้าผม เขาได้แค่กลืนน้ำลายลงคอ
               "กูไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น มึงคิดไปเอง กูไม่เคยรักมึงเกินไปกว่าเพื่อน ดังนั้นมึงจะไปกับใคร ก็เชิญได้เลย"ติ๊กพูด ผมได้แค่พยักหน้างั้นเหรอ ผมต้องเป็นฝ่ายก้าวถอยหลังออกมายืนเพื่อเว้นระยะห่างของผมและเขา แค่เพื่อนที่เขาบอก
                "งั้นเดี่ยวจะคบกับปู"จู่ๆ ผมก็ถามติ๊กทันที ผมสังเกตอาการของติ๊กที่นิ่งเงียบมาก ผมมองรอลุ้นว่าเขาจะว่ายังไงต่อ
                "ก็ดีแต่ช่วยเรื่องไอ้ข้าวก่อนแล้วจะไปคบกับใครมึงก็ไป! "ติ๊กพูดโดยไม่ได้หันมามองผมเลยและเขาก็เดินกลับขึ้นไปบนเวทีทันที ทิ้งให้ผมยืนอยู่คนเดียว ทำไมผมต้องรักเขา ทำไมว่ะไอ้เดี่ยว มันสับสนในใจของผม
                 ">เดี่ยว!” เสียงเรียกที่ทำให้ผมได้สติ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่เรียกผมจากบนเวที นั้นคือไอ้ดิว
               “ขึ้นมาดิว่ะ เขารอมึงเนี่ย ไอ้นักร้อง!!"ดิวมันเรียกผมให้ขึ้นเวทีได้แล้ว

                     ผมก็เดินขึ้นเวทีไปและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างผมกับติ๊ก ไม่มีใครรู้หรือดูผมสองคนออก มีแค่ไอ้ดิวเท่านั้นผมคิดว่าอย่างนั้น ผมหันมองไปรอบๆ ผมดูแล้ว ผมว่างานนี้ แจ็คและบอยได้คะแนนนำแน่ๆ และรุ่นพี่พวกไอ้โก๋ ยืนมองด้วยความหมั่นไส้ ผมได้ยินมาว่าพวกนี้มันเป็นลูกหลานของผู้มีอิทธิพลที่นี้ มันเกเรใช่เล่นแต่จะมาเป็นประธานนักเรียน เรื่องเรียนยังไม่รอดเลย ดังนั้นใครจะเลือกมันนอกจากว่ามันจะใช้กลโกงเท่านั้นแหละ หลังจากที่แต่ละทีมพูด จบผมเริ่มโซโล เพลงโดยการเทสเสียงดนตรีกันก่อนแสดงจริง
                 “สวัสดีครับน้องๆ พวกเรามาจากชมรมดนตรีนะครับ หัวหน้าชมรมของเราก็ไม่ใช่ใครอื่น พี่ติ๊กครับ” ไอ้มาร์คมันแนะนำติ๊กคนแรก
                 “และตอนนี้เรากำลังรับสมัครน้องๆ ที่สนใจอยากจะ...โดนตรีน” ไอ้มาร์ค พวกผมหันไปมองไอ้คนพูดออกไมโครโฟนประมาณว่ามันนี้แหละที่จะโดนคนแรก
                  “เฮ้ยย!!” พวกด้านล่างส่งเสียงกันดังสนั่น
                  “เกรงใจคุณครูบ้างไอ้เชี้ย” ไอ้โซ่มันหันไปบอกเพื่อนมัน ผมกับไอ้ดิวหันหลังกลับไปมองไอ้มือกลอง คือมึงก็ไม่ได้แตกต่างจากมันเลยไอ้โซ่ เพราะว่าที่มันพูดก็ออกไมโครโฟน มันรีบยกมือขอโทษขอโพยทันที
                    “ผมล้อเล่นครับ ตอนนี้ชมรมดนตรีของเรากำลังรับสมัครน้องๆ ที่สนใจอยากเล่นดนตรีกับพวกพี่ๆ เชิญลงชื่อได้เลยนะครับ พี่พาย พี่ต้นข้าวและพี่บลูและพี่แอ้ ที่ตรงโต๊ะที่จัดเอาไว้ได้เลยครับผม “ไอ้มาร์คมันเป็นพิธีก่อนให้พวกผมวันนี้ ตอนนี้แอ้ บลูและต้นข้าว เปลี่ยนไปทำหน้าที่คนที่รับลงทะเบียนเข้าชมรมพวกผมกันแล้ว
                   “ตอนนี้พวกพี่ๆ ก็พร้อมแล้วที่จะมา เล่นให้น้องๆ ได้ฟังและโยกตามกันได้เลยนะครับ “ไอ้มาร์คพูดก่อนจะผายมือมาทางพวกผม
                 "มาเริ่มเพลงแรกกันเลย ถ้าไม่อยากเจ็บตัว แนะนำให้เอาเก้าอี้ออกไปห่างๆ ตัว เพราะเราจะโดดกัน ดนตรี…มา!!! "ไอ้มาร์ค
                ทันทีที่มาร์คยกเวทีให้กับพวกผม ติ๊กก็เลือกเพลง ชีวิตเป็นของเราของบอดี้แสลม,ความเชื่อ ตามด้วย the end วงลิงคินพาร์ค จังหวะมันมาก สองเพลงนี้ พายขึ้นมาแจม และต่อด้วย one more night อันนี้ผมแจมด้วย สามเพลงรวดเล่นเอาพวกผมหอบกันเลยเพราะแต่ละเพลงใช้พลังงานเยอะมาก
                "เรามาพักเหนื่อยกันด้วยเพลง รักเบาๆ จากพี่เดี่ยวหมอบให้ พี่ต้นข้าว แฟนของพี่เดี่ยวเขาหน่อย) )) )) "ติ๊กพูดออกไมล์ ผมหันมามองคนพูดเขาก็หันมายิ้มให้ผมก่อนจะส่งไมล์มาให้ผมและพยักพเยิดให้ผมไปอยู่ตรงกลางเวทีแทน พวกเพื่อนในห้องเรียน พวกไอ้ภาคินก็มาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยถึงจะไม่ได้อยู่ในชมรมดนตรีกับผมทั้งหมดก็ตาม มีคนเดิน ไปหยิบเก้าอี้มาวางให้ผมและปรับไมล์ให้ผมด้วย สำหรับที่ผมใช้ร้องเพลงรักซึ้งๆ ผมหันไปมองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างเวที ว่าเขาจะรู้สึกยังไงถ้าผมจะร้องเพลงรักจีบคนอื่นอยู่ และดูแล้วเขาก็เฉยๆ
              "วี้ด วิ้ว"เสียงคนแซว ผมเห็นไอ้กีตาร์มันยืนมองอยู่ แน่นอนมันต้องมองมาที่ผม สีหน้ามันบ่งบอกได้ว่ามันกำลังไม่พอใจ ขนาดที่ว่ามันแทบจะกระโดดขึ้นมาบนเวทีเพื่อมาฆ่าผมเลยด้วยซ้ำ ผมไม่ค่อยสนิทกับมันหรอกครับเมื่อก่อนแต่รู้จักชื่อและกิตติศัพท์มันอยู่ ว่ามันก็ไม่ธรรมดา ดังนั้นมันจึงเป็นเพื่อนรักไอ้ธงรบได้ แต่ว่าตอนนี้ผมต้องทำตามที่ติ๊กขอร้องผมให้มันผ่านไปได้ซะก่อน นั้นคือการจัดเพลงรักแบบซึ้งๆ ให้ต้นข้าวมันก่อน
               When you say nothing at all เพลงที่ผมเลือกมาร้องไห้ ต้นข้าว แต่จริงๆ ผมเลือกให้เขาคนนั้นแหละ เพราะผมเชื่อว่าคำพูดกับสีหน้าและแววที่เขาแสดงออกมันขัดกัน และตามด้วย โลกกลมพรหมลิขิต ผมหันไปมองไอ้กีตาร์ปรากฏว่าไอ้พี่กีตาร์มันหายหัวไปแล้ว มันคงไปวางแผนแน่ๆ ผมรู้จักพวกมันดีและผมก็คงต้องรับมือหนักเลยทีนี้ ถ้าไม่ใช่คำขอร้องของเขาคนนั้นผมคงไม่อยากทำแบบนี้ ผมเองไม่อยากมีเรื่องอีกครั้งจนต้องพักการเรียนเพราะว่าถ้าพักรอบนี้ ผมคงไม่ได้เรียนแล้วแหละ ผมนั่งพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะเดินไปหาติ๊ก
                "กีตาร์มันไปแล้ว พอใจหรือยัง"ผมกระซิบพูดกับติ๊ก ก่อนจะเดินมายืนตำแหน่งกีตาร์เหมือนเดิม ทำไมวันนี้ผมถึงได้เซ้งแบบนี้ว่ะไม่รู้เป็นเพราะว่าปูไม่มาหรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือว่าไอ้คนที่สั่งให้ผมทำทีไปจีบคนอื่นแบบนี้ว่ะ
                 "เดี่ยว อย่างอนกูได้ไหม"ติ๊กหันมาพูดกับผมพร้อมกับจับต้นแขนผมแต่ว่าผมสะบัดให้หลุด ส่วนไอ้ดิวน่ะมันลงไปดื่มน้ำก่อนจะ เดินขึ้นมาเวทีและยืนตำแหน่งมือกีตาร์ด้านข้างผม
                "ติ๊ก กูขอร้องบ้างดิว่ะ "น้องพายเรียกติ๊กไปคุยและติ๊กก็พยักหน้าให้พายขั้นมาบนเวที และเข้ามาคุยกับพวกผมเพื่อเลือกเพลง พอผมรู้ว่าพายจะร้องเพลงอะไรก็หันมาเปิดโน้ตที่พวกผมโหลดใส่ไว้ในไอแพตที่วางเอาไว้ พายเลือกร้องเพลง น้ำซึมบ่อทราย พายร้องได้เพราะมากจริงๆ เงียบกันทั้งห้องโถงใหญ่ พอพายร้องจบติ๊กก็ดึงผมไปอยู่ตรงกลาง
                “คืนให้น่ะ” พายพูดก่อนจะพยักพเยิดไปที่ติ๊ก นั้นคือคืนพื้นที่ให้ผมกับติ๊ก และ ติ๊กหันไปดีดนิ้วขอดนตรี พอดนตรีขึ้น ผมเป็นชอบดนตรีอยู่แล้วก็รู้เลยว่าเพลงอะไร เพลงลืมไปก่อน จังหวะมันสนุกขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ผมลืมไปเลยว่าผมกับติ๊กเรางอนกันอยู่ แถมตามมามด้วยเพลง Nothing on you แต่ว่าท่อนแร๊พนี้ไอ้มาร์คมันมาแจมด้วย ผมรู้ว่ามันถนัดแนวนี้
                " มีใครอยากฟังพี่ดิวร้องเพลงบ้างยกมือ"ติ๊กพูด ยกมือกันเป็นพลึบ
                  "ไหน ๆ แฟนคลับขอมา พี่ดิวจัดให้สักเพลงซิครับพี่ดิว "ไอ้ติ๊กพูดและไอ้ดิวมันมายืนตรงกลาง มันหันไปบอกทุกคน มันเลือกเพลง แค่บอกว่ารักขอ ดิวมันร้องเพลงเพราะมาก เสียงมันดีน่ะ ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าดิวมันร้องเพลงได้ไพเราะ มันเพราะมากจริงๆ เสียงของดิวมันละมุลมาก ฟังเพลิน เรียกได้ว่าทำเอาสาวๆ นั่งเคริมกันเป็นแถวเลยทีเดียว
                 “ขอร้องอีกเพลงแล้วกัน “ไอ้ดิวมันพูด ผมหันไปมองหน้ามัน ร้องต่อด้วยเหรอ
                 “กรี้ด!!!” เสียงกรี้ดนี้สนั่นโรงอาหาร ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงทั้งนั้น ผมยอมรับว่าไอ้ดิวน่ะแฟนคลับสาวๆ เยอะน่ะ และมันหันไปบอกข้างหลังและผมว่าขอเพลง ของขวัญ ชัดเลยว่าให้ใคร เพลงนี้มันร้องไห้แอ้ฟังแน่นอน เสียงมันดีทีเดียว

              ติ๊กที่กำลังยืนมองอยู่ ผมรู้สายตามันเจ็บปวดมากที่เห็นคนที่ตัวเองรักและผูกพันมาพร้อมๆ กับอีกคนแต่เขาเลือกคนนั้นมากกว่า ติ๊กถึงกลับออกอาการ หันหลังและก้าวเท้าเดินลงเวทีไปทันที ผมก็เส้นกีตาร์ให้ดิวมันร้องจนจบเพลง ผมรู้ว่าดิวมันรักแอ้มาก ผมไม่รู้ว่าควรเรียกรักสามเส้าดีไหม เพราะว่ามีแต่คนเศร้า แอ้คนที่ถูกรักก็เศร้าที่ทำให้อีกคนเจ็บ ส่วนไอ้ดิวก็เศร้าเพราะว่ามันแสดงออกเต็มที่ไม่ได้แต่อีกคนเศร้ากว่า แสดงอะไรออกไปเลยไม่ได้ ยิ่งกว่าตบมือข้างเดียวซะอีก ผมลุกขึ้นและเดินลงเวทีไปเพื่อไปดูติ๊กทันที ผมเห็นแบบนี้ผมรู้สึกแปลกๆ แต่ผมก็คงทำได้แค่หน้าที่เพื่อนอย่างที่เขาบอกผม ติ๊กนั่งอยู่กับพาย ผมเดาว่าเขาก็เจ็บมากจนพูดไม่ออกและมันก็แสดงออกไม่ได้
              "กูขึ้นไปร้องต่อ มึงดูมันด้วยนะเดี่ยว"พายพูดและขึ้นไปเล่นจังหวะเพลงมัน มัน มัน ต่อ พายเป็นคนชอบร้องเพลงและเสียงดีทีเดียวน่าจะไปเป็นนักร้องแต่พวกนี้บอกว่ามันทำแบบนั้นไม่ได้ โดนสั่งห้าม พอพวกมันบอกมาแค่นั้นก็ไม่กล้าถามต่อว่าทำไมทำตามสิ่งที่ตัวเองรักไม่ได้ พวกมันบอกว่าแม้กระทั่งหัวใจตัวเองก็ยังทำไม่ได้แต่พวกมันไม่ยอมที่จะให้ใครมาบงการชีวิตมันได้หรอก
                 ผมเดินมาหยุดตรงหน้าติ๊กพร้อมกับ นั่งยองๆ ลง ผมเห็นมือที่ประสานกันอยู่ มันบีบไว้แน่น ผมคงไม่ต้องถามว่าตอนนี้คนตรงหน้าผมรู้สึกยังไงเพราะมันจะยิ่งทำให้คนที่ตอบผมเจ็บมากกว่าเดิม ผมจึงเลือกที่จะไม่ถาม ผมค่อยๆ จับมือนั้นให้คลายลง ติ๊กเงยหน้าขึ้นหน้าผมที่อยู่เกือบจะระดับเดียวกัน
               "ถ้ามันเจ็บก็พอเถอะ “ผมพูด ติ๊กเงยหน้ามองหน้าผม
"มึงไม่เข้าใจกูหรอกไอ้เดี่ยว"ติ๊กพูดพร้อมกับลุกขึ้นผมก็ลุกตาม ติ๊กหันมามองผมและทำท่าเดินหนีผม ผมก็รีบดึงรั้งติ๊กเอาไว้พร้อมกับผมดึงคนนั้นเข้ามากอด คราวนี้เขาไม่ดิ้นรนและยอมให้ผมกอดเข้าไปไว้ ผมไม่รู้ว่ากอดในฐานะอะไรแต่อยากจะทำให้คน คนนี้รู้สึกดี ว่าอย่างน้อยก็มีผมคนหนึ่งที่เข้าใจความรู้สึกลึกๆ ของเขา
               "เข้าใจดิ ว่ารักคนที่เขาไม่รักมันเจ็บยังไง "ผมพูดกระซิบกับคนที่ผมกอดเอาไว้
                 "เดี่ยว กูรักมึงไม่ได้เพราะกูก็เลิกรอเขาคนนั้นไม่ได้เหมือนกัน มึงเข้าใจกูไหมวะ "ติ๊กพูด ผมรับรู้ได้ว่าติ๊กก็กอดผมกลับ ตรงบ่าของผมมันเปียกชื้น ผมก็ทำได้แค่เอามือลูบหลังติ๊กเบาๆ
                "แต่ก็เป็นเพื่อนมึงได้ "ติ๊กพูดและดันผมออก ติ๊กหันหน้าหนีผมเพื่อปาดน้ำตา เพราะว่าผมก็กำลังจะยกนิ้วขึ้นมาปาดให้อยู่พอดีเหมือนกัน
                 "ร้องเพลงกันไหม"ผมถามติ๊ก ติ๊กหันมามองหน้าผม
                 “ได้ทำอะไรบ้าๆ บ้างมั้นก็อาจจะทำให้รู้สึกดีขึ้นน่ะ เดี่ยวทำบ่อย” ผมพูดปนหัวเราะ ติ๊กหันมายิ้มแกมหัวเราะใส่ผม พร้อมกับพยักหน้าเบาๆ ผมสองคนเดินกลับขึ้นไปเวทีกันพร้อมกับเดินไปเลือกดูว่า ร้องเพลงอะไรต่อ แน่นอนผมสองคนต้องเลือก เพลงของบอดีแสลม

                 TBC....

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.66 (เดี่ยวXติ๊ก) เดี่ยวไปช่วยปู 1

            Part’ s เดี่ยว หลังจากที่พวกผมได้ปลดปล่อยความบ้ากันออกมาโดยการร้องเพลงมันๆ ด้วยกัน พวกผมก็ลงมานั่งพัก ผมก็ร้องเพลงกันสนุกสนานกับพวกไอ้โซ่ ไอ้มาร์ค ไอ้นาวินมันเล่นกีตาร์เก่งจริงๆ ผมก็ยอมรับเลย พวกเราแสดงความบ้าออกมาจนเกือบบ่ายสองและคงต้องพอแค่นี้เพราะว่าเริ่มไม่มีเสียงร้องกันแล้ว พวกผมนั่งพักเบรกกันว่าจะขึ้นไปเรียนคาบสุดท้ายและก็จะนัดกันไปเตะฟุตบอลด้วยกัน
             "ผลงานดีวะ เรทติ้งพวกูพุ่งกระฉูดเลยว่ะ"ไอ้หลุยส์พูด ผมลงมานั่งดื่มน้ำ ไม่ใช่เหล้าแน่นอนเพราะว่าจะขึ้นเรียนตอนบ่ายต่อแม้จะแค่สองวิชาก็ตาม
             "เสียงมึงดีว่ะเดี่ยว"ต้นข้าวพูดเอ่ยปากชมผม
             "อะไอ้ดำ กินซะไม่อย่างนั้นคืนนี้มึงเจ็บคอแน่ "ติ๊กเอาน้ำอุ่นมีมะนาวมาให้ผมดื่ม ค่อยยังชั่วหน่อย ผมหันมามอง ทำแบบนี้จะให้ผมเลิกคิดได้ยังไงวะ
             "แม้ดูแลกันดี้ดี เลยนะ"ไอ้มาร์คมันแซวผมกับติ๊ก ติ๊กมันเอาแก้วเปล่าปาไอ้มาร์ค
             "ก็เพื่อนกัน"ติ๊กรีบพูดขึ้น
             "พี่เดี่ยว พี่ปูหายไป"ไอ้ป๊อดวิ่งมาหาผมด้วยหน้าตาตื่น แอ้กับดิวมันลงมานั่งโต๊ะพอดี มันหายไปไหนมากันไม่รู้ และพอได้ยินแบบนั้นก็ตกใจซิผม
              "หายไปไหน"ผมรีบถามไอ้ป๊อดทันที
              "นั้นดิว่ะ แต่จะว่าไปก็ไม่เห็นปูที่โรงเรียนเลยน่ะวันนี้ "ไอ้ดิวพูดขึ้น
              "ตั้งแต่เมื่อวานแล้วพี่เดี่ยว ก็พี่ปูบอกกลับไปบ้านแหละจะมาค้างบ้านผมเพราะว่าจะมาช่วยงานครัวให้แม่เพราะว่าแม่ผมมีงานพิเศษเข้ามาเย็นนี้แต่นี้พี่ปูก็ไม่มา” ป๊อดพูด
              “ตอนแรกผมก็คิดว่าพี่ปูเปลี่ยนใจมาวันนี้แทนแต่นี้เพื่อนพี่ปูก็บอกผมว่าพี่ปูไม่มาโรงเรียนด้วย” ป๊อดบอกว่าปูไม่ได้มาโรงเรียน
             “พี่ปูเขาแม่ผมว่าจะมาช่วยงานวันนี้แต่จะขอหยุดไปเยี่ยมน้าเทียมใจที่โรงพยาบาลพ่อพี่ดิวแทนแต่นี่ก็ไม่เห็นมาเลยอ่ะพี่เดียว ผมชักเป็นห่วงแล้วซิพี่เดี่ยว” ไอ้ป๊อดพูด ผมหันมามองหน้าไอ้ดิว
             “ที่ผมรู้ ลูกพี่ลูกน้องพี่ปูเพิ่งออกมาจากคุกด้วย ไอ้นี่มันเชี้ยมาก มันหาเด็กส่งไอ้พี่เจต พี่เดี่ยวรู้จักมันนิ"ไอ้ป๊อดพูด ผมก็ลุกพรวดเลย ผมรู้จักไอ้เจตมันหาเด็กติดยาและบางทีหลอกไปส่งพวกบางคนที่ยากมีเซ็กหมู่เรียกว่ารุมโทรมก็ว่าได้
              "ที่ บ้าน ปู ใช่ไหม"ผมถามผมเคยไปแต่
              "หลังที่พี่ไปส่งนะ บ้านของแม่พี่ปู่ ตอนนี้ มีคนซื้อไปแล้วพี่ปูเขาต้องไปอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งและอยู่ละแวกเดียวกับบ้านไอ้เจตด้วยพี่เดี่ยว "ป๊อดพูด
              "ถ้าอย่างนั้น อยู่ที่ไหนละ "ผมถามไอ้ป๊อดทันที
              "ชุมชนร่วมใจ 1 ด้านในสุดเลย พี่ต้นข้าวรู้จักพี่"ไอ้ป๊อดพูด ต้นข้าวมันเดินกลับมาที้โต๊ะพอดี มันเพิ่งจะเดินไปซื้อน้ำกลับมา มันก็ทำหน้าตาเหลอหลาทันที
              "ต้นข้าว มึงรู้จักบ้านไอ้ปูไหม อยู่ชุมชนร่วมใจ"ผมถามต้นข้าว ทันทีไอ้ต้นข้าวมันทำหน้างงๆ
             "ตรงข้ามบ้านพี่เก่งเพื่อนสนิทพี่ข้าวปั้นอ่ะ "ไอ้ป๊อดบอกต้นข้าว
             "อ้อ งั้นกูรู้จักว่ะ มีอะไรวะ "ไอ้ต้นข้าว มันทำท่านึกก่อนจะบอกว่ามันรู้จัก
             "มึงจะไปเหรอ กูว่าให้พี่ตุ๊เขา"ไอ้แจ็คมันพูดขึ้น
             "กูจะไปช่วยเขาก่อน รอพี่ตุ๊ไม่ได้หรอกว่ะเพราะถ้าช้า ชีวิตปูจะเป็นยังไงวะ ถ้าต้องเจอเรื่องแย่ๆ และมันคงแย่มากจริงๆ ว่ะ เพราะว่ากูรู้จักพวกไอ้เจตดี "ผมพูดแค่นั้น ผมหันมามองติ๊ก เขายืนมองผมสายตาที่ผิดหวังมันปรากฏขึ้น ยังไงผมก็ต้องไปช่วยปู
            "เดี่ยว! กูไปด้วย"ไอ้ดิวลุกขึ้น มันดึงแขนผมไว้ ผมหันมามองสายตามัน สายตาของเพื่อนแท้ ผมพยักหน้า
            "แอ้ ไปไหม"ดิวถามแอ้ แอ้หันไปมองติ๊ก ติ๊กหันไปทางอื่น
            "ไป"แอ้ตอบและลุกขึ้นเช่นกัน
            "ติ๊กละไปไหม"ดิวหันไปถามไอ้ติ๊ก ผมก็มองเขา
           "ไม่ละ ไม่ไป ไปทำไม เรื่องจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ คนบ้าอะไรจู่ๆ จะหายไป ถ้าไม่ เต็มใจอยากไปเอง "ติ๊กพูดพร้อมกับลุกขึ้นและเดินออกไปจากโต๊ะทันที ตามไปด้วยพายที่วิ่งตามติ๊กไปติดๆ ผมหันมามองหน้าทุกคนจนถึงไอ้ไอ้ดิว มันพยักหน้าว่าให้ผมเลือกเลย ผมก็พยักหน้าตอบว่าผมเลือกแล้วและไอ้ดิวมันน่านจะรู้ดีว่าผมเลือกใครแล้ว ผมไม่อาจเอื้อมเขาคนนั้นแน่นอน
            "บลูมึงอยู่นี้ ห้ามไปไหนน่ะมึง ไม่อย่างนั้นกูจะฟ้องพ่อกับแม่มึง"ไอ้ต้นข้าวไม่วายหันมาสั่งไอ้บลูราวกับว่ามันคือแม่ไอ้บลูอย่างนั้นแหละ
            "เออๆ มันอยู่กับพวกกูได้ กูดูให้ ไอ้แม่หวงลูก "ไอ้หลุยส์พูด
            “มึงกลัวลูกมึงหนีไปหาผู้ชายเหรอ” ไอ้แจ็คอีกคน มันจะทำให้ไอ้ต้นข้าวไม่ไปก็เพราะมันนี่แหละ
             “กูว่ามึงน่ะหวงมันมากกว่าพ่อแม่จริงๆ มันอีกว่ะ” ไอ้ดิวอีกคนหันมาพูดกับต้นข้าว
             “ไม่ต้องห่วงหรอก พวกเราดูแลให้น่ะ” ธรรณ์พูดกับต้นข้าว ต้นข้าวมันเลยพยักหน้ายอมแต่ก็กันไปชี้นิ้วกับไอ้บลู ประมาณว่าห้ามหายไปไหน มันหวงไอ้บลูหนักกว่าพ่อแม่มันอีกมั้งผมคิดว่าหลังจากนั้นผมสามคนก็รีบเดินออกไปจากห้องอาหารทันทีเพื่อจะไปที่รถแต่ประตูดันปิด ผมวิ่งไปหา รปภ.ที่ทำหน้าที่เปิดปิดประตู เป็นรปภ คนใหม่ด้วย
          “ลุง ครับเปิดประตูให้หน่อย ผมมีเรื่องที่บ้านผมต้องรีบไปครับ ลุง           "ผมบอกเขาด้วยน้ำเสียงร้อนรน
          "เรียกซะแก่เชียว ผอ.ให้เปิดได้ตอนเลิกเรียนแล้วเท่านั้น ผู้อำนวยการสั่งเอาไว้ครับคุณ "รปภรีบ ตอบพวกผมทันที สายที่พยายามทำให้ดูว่าดุ กวาดสายตามองพวกผมทุกคน
          "เปิดให้หน่อยเถอะครับ พวกผมมีธุรจริงๆ "ไอ้ดิวพูดอ้อนวอนอีกคน
          “พวกคุณอีกแล้ว ยังไม่เลิกเรียนเลยครับ จะไปไหนกันอีกครับ” ลุงเขาถามพวกผม พวกผมก็เกาหัวกันทันที
          "เปิดประตูให้เขาครับ"เสียงมาจากด้านหลังผม พวกผมหันไป เป็นพี่ตุ๊ พี่ตุ๊รู้ได้ยังไงว่าผมจะออกไปข้างนอก อย่าบอกนะว่าติ๊กเดินไปบอกพี่ตุ๊นะ มันทำให้มุมปากของผมกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม แสดงว่าเขาก็มีน้ำใจเหมือนกันนะแม้ว่าจะไม่แสดงออกให้เห็นชัดเจนก็ตาม ผมรู้มาจากพายว่าตอนที่ผมไปเยี่ยมปู ติ๊กก็ขึ้นไปคุยกับพี่ตุ๊ให้ลงมาอนญาติให้ผมไป
         "เออพี่ตุ๊พวกผมจะไป"ไอ้ดิวมันจะอธิบาย
          "ติ๊กบอกพี่แล้ว ว่าให้พี่ลงมาเพราะเขาคงไม่เปิดถ้าไม่มีคำสั่งพี่เหมือนกัน "พี่ตุ๊พูด
           “ที่ผมอยากไปเองเพราะว่า ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันขนาดไหนและที่สำคัญ ถ้าไม่ได้ร้ายแรงมากแต่ให้พี่บุกไป มันอาจจะเป็นผลเสียกับพี่ด้วยนะครับ” ผมพูดกับพี่ตุ๊ พี่ตุ๊เขาพยักหน้าว่าเขาเข้าใจ ผมนึกแปลกใจทำไมพี่น้องไม่เหมือนกันเลย
          “ถ้าอย่างนั้นก็ระวังตัวกันด้วยน่ะ มีอะไรที่เกินความสามารถของเรา ให้รีบโทรหาพี่นะดิว เข้าใจไหม อย่าเข้าไปโดยพลการถ้าไม่ปลอดภัย เป็นอันขาด “พี่ตุ๊พูดเชิงออกคำสั่ง พวกผมพยักหน้าพร้อมกัน และรีบพากันเดิไปที่ขึ้นรถของผม ทุกคนเข้าไปนั่งกันหมดแล้ว ส่วนผมก็เข้าไปนั่งทำหน้าที่คนขับรถ

            พวกผมก็รีบขับออกไปตามที่ต้นข้าวบอก ผมขับไปถึงชุมชนที่ต้นข้าวบอกว่าเป็นชุมชนที่บ้านเก่าของปู พอผมขับรถเข้าไป ผมรู้สึกได้เลยว่าชุมชนนี้ดูลึกลับน่ากลัวเพราะเหมือนจะเป็นแหล่งมั่วสุมเล่นยากันได้ง่าย ผมขับไปตรงข้ามบ้านเพื่อนของพี่ข้าวปั่น มีบ้านกลางเก่ากลางใหม่ อยู่หลังหนึ่ง
           "หลังนี้แน่เลยเดี่ยว"ต้นข้าวพูด
           "ต้นข้าวอยู่หลัง แอ้"ไอ้ดิวบอกต้นข้าว แอ้ก็ดึงต้นข้าวมาไว้ด้านหลัง ไอ้ต้นข้าวน่ะมันป๊อดอยู่แล้ว มันก็รีบไปหลบหลังแอ้ทันทีเหมือนกัน เรียกได้ว่าไม่ต้องดันมันก็รีบไปทันที ส่วนผมน่ะเดินนำหน้าเข้าไปทันทีและกดกริ่งแบบรัวๆ กดอยูสองสามที ก็มีคนเดินออกมานี่ลายสักเต็มตัว มันสวมแค่กางเกงบอลตัวเดียว
            "มึงมาหาใคร"มันถามแบบไม่มีคำว่ามิตรภาพเอาซะเลย
             "มาหาปู ปูอยู่ไหม"ผมถามคนตรงหน้ากลับแบบไม่เป็นมิตรเช่นกัน
             "ปู ปูไหน ไม่มี ที่นี้ไม่มีคนชื่อปู มึงมาผิดบ้านแล้ว ไอ้หนู"มันตอบได้ห้วนมากแถมยังเรียกพวกผมไอ้หนูอีก ผมหันมามองหน้าไอ้ดิว มันยังไม่รู้จักผมสองคนซิท่า
             "กูว่ามีว่ะเพราะว่านี้มันบ้านของปู"ผมพูดกับคนตรงหน้า ผมเดาว่าไอ้คนนี้แน่เลยที่ไอ้ป๊อดบอกว่าลูกพี่ลูกน้องที่ชอบหาเด็กส่งไอ้เจต แลกกับยา ผมดูสภาพน่าจะเพิ่งอัพยามาด้วย
             "ก็กูบอกไม่มีไง มึงอยากเจ็บตัวหรือไง"มันพูดขึ้นเสียงกับพวกผม ผมยืนประชันหน้ากับมันอยู่แบบไม่กลัว
              "ปูอยู่ไหน"ผมขึ้นเสียงดังใส่มันเลยคราวนี้
              " มึงไม่บอก ใช่ไหม"ผมถามมัน อีกครั้ง และพยักหน้า แบบว่าพร้อมจะอัดมันแล้ว
              "ผลั่ก! "ผมตะบันหน้าใส่มัน ไปหนึ่งที่และตามไปซ้ำ ต่ออีกหลายที “ผลั่กๆๆๆๆ”
              "ไอ้สัส! พอแล้วแล้ว"มันร้องห้ามผม และไอ้ดิวเข้ามาจับผมให้หยุดต่อยมัน พอมันลุกมาได้ผม จับคอมันไว้
              "กูถามว่า ปูอยู่ไหนบอกพวกกูมา!!! "ผมถามมัน ไอ้ดิวยืนมองหน้ามัน กำหมัด แบบว่าถ้าไม่บอกตะบันอีกแน่
              "กูไม่รู้ว่ามันอยู่ไหนตอนนี้ กูรู้แค่ว่า ไอ้เจตมันพาไปแต่ไปไหนไม่รู้ มึงอย่าทำกูเลย ทำกูไปก็แค่นั้น กูไม่รู้อยู่ดี "มันตอบ ผมทำท่าจะต่อยมันอีก แต่ว่าไอ้คนนั้นมันยกมือขึ้นป้องและหวาดกลัว แสดงว่ายาที่มันพี้มาเริ่มหลอนด้วยเหมือนกัน
              "มึงจะต่อยกู กูก็ไม่รู้อยู่ดี มันแค่มาพาไป"มันพูดกับผมและไอ้ดิวมันมือผมไว้
             “กูว่ามันไม่รู้จริง ๆ ว่ะไอ้เดี่ยวและมึงต่อยมันไปก็เท่านั้น…เชื่อกูดิ” ไอ้ดิวเป็นคนเข้ามาห้ามผมและมันก็จับมือข้างที่ผมกำมัดอยู่เอาไว้ ดิวมันพยักหน้าว่าให้ผมปล่อยมัน ผมก็จำต้องปล่อยคอมันให้เป็นอิสระ
              "ถ้าปูเป็นอะไร กูจะกลับมาคิดบัญชีกับมึงแน่ๆ ในฐานะที่มึงคือตัวต้นเหตุ"ผมพูดพร้อมกับชี้หน้าไอ้คนที่นั่งอยู่กับพื้นและพวกผมก็หันมาพยักหน้าและพากันเดินออกไปเพื่อไปขึ้นรถก่อนที่พวกมันในบ้านจะออกมาสมทบ เพราะมีคนเปิดประตูออกมาดูคงเป็นพวกที่มาพี้ยากันแต่พวกผมออกมากันแล้วและรีบพากันขึ้นรถ ผมถอยรถออกมาจากซอยนั้นทันที
             "จะไปหาปูกันที่ไหนวะ "ไอ้ดิวถามขึ้น ผมก็มืดแปดด้านเลย ไอ้เจตผมไม่รู้ที่อยู่มันด้วย ถ้ารู้น่ะ จะไปกระทืบแม่งตอนนี้เลยจริงๆ
            "ไอ้เจตกูรู้จัก มันส่งเด็กให้พวกมีตัง เอาไปฟันเล่น มันเชี้ยมาก ทำไมต้องเป็นปูวะ"ผมพูดขึ้น ผมรู้แค่ฉายาความเชี้ยมันเท่านั้น และคนที่มันพาไปดันเป็นปูอีก
             "ไอ้เจตมันรับจ้างทั่วไป ทุกอย่างที่ทำให้มันได้ตังค์ เดี่ยว” ต้นข้าวพูด ผมมองไอ้ต้นข้าวผ่านกระจกมองหลัง
             “กูเดาว่า ตอนที่พี่กูโดนหักหลังมันน่าจะร่วมด้วยวะและกูว่ามีคนจ้างมันมาด้วย"ต้นข้าวพูด ผมหันมามองหน้าไอ้ดิว
            "นี้พวกกูทำมันลำบากเหรอวะ"ไอ้ดิวพูด
            "ไม่น่าจะให้ปูสืบตั้งแต่แรก "ไอ้แอ้พูดขึ้น
            Rrrr จู่ๆ มือถือไอ้ดิวก็ดังขึ้น ไอ้ดิวมันพยักหน้ากับผม ผมเดาว่าน่าจะเป็นเพื่อนในกลุ่มโทรมา
             "แจ็ค พวกกูหาปูไม่เจอวะ รู้แค่ว่าไอ้เจตพาไปแต่ไปไหนไม่รู้ และที่มันเป็นแบบนี้เพราะมันทำงานให้พวกเรา เออ แม่งพวกกูมึดแปดด้านเลย พี่มันบอกไม่รู้ รู้แค้คนที่มารับไปคือไอ้เจต เอออ ดีเลยกูลืมนึกถึงไอ้จักร มันคงรู้ มึงโทรเลย กูรอ"ดิวมันโทรหาไอ้แจ็ค ผมหันมามองหน้าไอ้ดิว
           "ไอ้จักรน่าจะรู้ "ดิวมันพูด เออผมลืมมันไปเลย
            Rrrr ทิ้งช่วงไม่นานก็สายเข้ามือถือดิวทันที
           "ไอ้แจ็คโทรมาแล้ว"ไอ้ดิวพูดและกดรับสาย
            (ว่าไงแจ็ค ไอ้ธงรบมันรู้จักเหรอ เออ งั่นพวกกูกลับไปที่โรงเรียนวะ เจอกันแค่นี้) ไอ้ดิว พูดและวางสาย
             "เรากลับไปรอที่โรงเรียนวะ รอไอ้จักรมันจะไปหาไอ้ธงรบ มันบอกว่าไอ้ธงรบมันรู้จักไอ้เจตดีทีเดียวเพราะว่าไอ้เจตมันเอาเด็กมาให้ไอ้ธงรบบ่อย "ไอ้ดิวพูด ผมขับถออกมาใจก็อยากไปถามไอ้ธงรบ แต่มันคงบอกผมหรอกเคยเอามีดเสียบมันไว้ด้วยผมกำลังออกมาถนนใหญ่แล้ว เพื่อกลับไปที่โรงเรียน สงสัยงานนี้ต้องให้พี่ตุ๊ช่วยแล้วแหละ มันน่าจะเกินความสามารถพวกผมแล้ว

                TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-04-2024 12:57:56 โดย PFlove »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
             
EP.66(เดี่ยวXติ๊ก)เดี่ยวไปช่วยปู 2 

            Part’ s เดี่ยว ผมตะเวรตามหาปู ผมก็ร้อนใจกลัวมันทำอะไรปู ผมคงรู้สึกผิดไปตลอดและพวกไอ้ดิวมันก็คงรู้สึกผิดมากกว่าผมที่ดึงเอาปูเข้ามา ไอ้เจตมันอาจจะได้รับออเดอร์มาจากพวกที่ดิวให้ไปสืบ มันไม่ได้มีแค่พวกพี่แฮกซ์ มันไปถึงไอ้บอสด้วย ตอนนี้พวกผมกำลังจะกลับไปตั้งหลักที่โรงเรียนก่อนถ้าไม่ได้เรื่องคงต้องให้พี่ตุ๊แจ้งตำรวจแต่ใครจะรับแจ้งและถ้าแจ้งไป เรื่องปูคงกระฉ่อนไปทั้งโรงเรียนอีก นี่แหละที่ทำให้ผมต้องออกไปตามหาเองดีกว่า

             Rrrrr เสียงโทรศัพท์ ไอ้ดิวดังอีกแล้ว

            "ว่าไงจักร อะไรนะปูอยู่กับไอ้ธงรบ "ไอ้ดิวพูดว่าปูอยู่กับไอ้ธงรบ ผมกึงกับเบรกกะทันหันทันที "เอี้ยด!!!!" จนทุกคนหัวทิ่มไปตามๆกัน

             "เว้ยย!!! ไอ้เดี่ยว!!! "ทั้งคันเลยร้องออกมาพร้อมกัน ผมหันมามองไอ้ดิว นี่มันส่งปูไปให้ไอ้ธงรบอย่างนั้นหรือ แล้วมันไม่ทำอะไรไปแล้วเหรอวะเนี๊ยะ!

              "แล้วคอนโดมันอยูไหน ไอ้เดี่ยวมันรู้ เออ กูไปเดี๋ยวนี้ ใจวะ"ไอ้ดิวมันพูดว่าคอนโดไอ้ธงรบ เท่านั้นแหละผม กลับรถทันทีไอ้ดิวมันวางสายแล้ว ผมรู้จักคอนโดหรือมันเรียกรังรักสำหรับสำเร็จความใคร่ของมันนี่มันทำระยำกับปูแล้วหรือยังก็ไม่รู้ ถ้าใช่ มันกับผม ขาดกันสะบั้นกันวันนี้แน่ ผมรีบเหยียบไปเลย

              "ไอ้เดี่ยว กูรู้ว่ามีงห่วงปูมากนะ แต่ช่วยห่วงกูบ้างอะไรบ้างและมึงกลับรถแบบไม่เกรงใจบุคคลในเครื่องแบบแบบนี้ เดี๋ยวพ่อกูก็ได้ต่อสัญญาให้กูเรียนไปอีกห้าปี ไอ้เชี้ย!! "ไอ้ดิวเม้งผมทันที ผมหันไปมองไอ้ดิว มันนั่งเกร็งและเอามือจับที่จับเหนือศีรษะมันเอาไว้แน่นและข้างหลังแอ้กับไอ้ต้นข้าวด้วย มันก็หาที่ยืดกันเช่นกันแต่ว่าผมรีบผมก็เลยยิ่งเหยียบเพื่อไปต่อ

              "เออ ไอ้เดี่ยว เดี๋ยวมึงไม่ได้ไปช่วยไอ้ปู ขับเบาๆ ลงหน่อยดิ! "แอ้ ผมค่อยได้สติ ผมลดความเร็วลง

             "ฟู่!!! “เสียงพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

             “ค่อยยังชั่ว กูหัวใจจะวายว่ะไอ้แอ้” ไอ้ต้นข้าวพูดพร้อมกับเอามือกุมหน้าอกไปด้วย

             “นี่กูคิดถูกไหมเนี๊ยะ! ที่ตัดสินใจมากับมึงไอ้เดี่ยว! "ไอ้ต้นข้าว ผมขับมาจนถึงคอนโดไอ้ธงรบ คอนโดนี่ไม่ค่อยเคร่งเรื่องคนนอกเท่าไหร่ ไอ้ธงรบมันไม่ชอบอยู่แบบ มีกฎระเบียบเยอะ มันชอบแหกกฎเสมอ ผมพยักหน้ากับไอ้ดิว ว่าขึ้นไปได้เลย ผมกับดิว แอ้และต้นข้าว เดินปะปนไปกับคนที่พักที่คอนโดนี้เข้าไปด้านใน คอนโดนี่นักเรียนนักศึกษาพักเยอะ จึงไม่มีใครผิดสังเกตพวกผมได้ ผมตรงไปชั้นที่ไอ้ธงรบอยู่ทันที ตอนนี้ผมไม่ฟังใครทั้งนั้น ผมไปถึงหน้าห้องไอ้ธงรบ

                  ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเคาะประตูดังสนั่น จนใครๆ พากันเปิดประตูออกมาดู และไอ้ธงรบมันก็เปิดประตูออกมาผมเห็นสภาพมันสวมแค่ผ้าขนหนูแล้วอยากตะบันหน้ามันจริงๆ

                "เห้ย! ยังไม่ได้ทำอะไรเด็กมึงหรอกน่ะ "ไอ้ธงรบรีบพูด พร้อมกับยกมือขึ้นเพราะว่ามันรู้จักผมดี ว่าผมใจร้อนแค่ไหน

                 "มาแล้วเหรอวะ อยู่ในห้องวะ "ไอ้จักรตามไอ้ธงรบออกมาตามจากห้อง และตามมาด้วยไอ้กีตาร์ ไอ้กีตาร์อีกตัว มันคงกำลังทำระยำกับปูเหมือนกัน เพราะเสื้อมันไม่ติดกระดุม ต้นข้าว มองหน้าไอ้กีตาร์

                 "น้องต้นข้าว!"ไอ้กีตาร์ มันมีสีหน้าที่ตกใจอย่างเห็นได้ชัด ทันทีที่มันเป็นต้นข้าวมากับพวกผม

                  "อยู่ห่างๆ กู คนที่เอาแต่พูดให้แม่กูมองว่าดีที่แท้เชี้ยยิ่งกว่าหมา "ต้นข้าวพูด ผมเดินตามไอ้จักรเข้าไปในห้องนอน

                  “พี่ไม่รู้ว่า” ไอ้กีตาร์มันพยายามจะอธิบายแต่ดูท่าไอ้ข้าวไม่รับฟังแน่ๆ

                  “ไม่รู้เชี้ยอะไรแต่ว่ากูไม่สนหรอก ที่กูรู้ มึงแม่งน่าขยะแขยงว่ะไอ้กีตาร์” ต้นข้าวมันพูด ผมหันไปมองหน้ามันแว๊ปหนึ่ง

                 "ไอ้เจตมันเอาปูมาส่งให้ไอ้ธงรบและมันไม่รู้ว่าเป็นคนของพวกมึง "ไอ้สรจักรมันพูดแก้ตัวให้ไอ้ธงรบและไอ้กีตาร์

                 "แล้วมันอยู่ไหน กูมาแล้วจะได้จัดมันไปเลย"ไอ้ดิวถามสรไอ้จักร คงหมายถึงไอ้เจต

                  "มันแค่นกต่อ แต่กูจัดให้ทีหลัง โอเคน่ะ เพราะว่าไอ้เชี้ยนี้ไม่มีเชี้ออะไรหรอก กูจัดการมันได้ ตอนนี้คนในห้องนั้นที่มึงต้องพาไปดูแล ห่วงคนนั้นก่อนดีกว่า "ไอ้จักรมันพูดพร้อมกับพยักพเยิดให้ผมตามมันไป ไอ้กีตาร์ทำท่าจะเข้ามาหาต้นข้าวแต่ต้นข้าวชี้หน้าเอาไว้อย่าเข้ามาใกล้ ผมเดินตามหลังไอ้จักรเข้าไป และไอ้จักรเปิดประตูห้อง ภาพที่ผมเห็นปูที่ถูกมัดมือมัดปาก นอนดิ้นอยู่บนเตียง ผมรู้เลยว่าตอนนี้ปูโดนอะไรไป

                  "เออ! ไอ้เจตมันเป็นคนทำนะไม่ใช่พวกไอ้ธงที่ทำน้องปูมึงเป็นแบบนี้ "ไอ้จักรมันพูด ผมถอดเสื้อผมสวมให้ปู พวกผมแก้หมัดปู ปูก็โผลมากอดผมทันทีและไซ้ผมด้วย

                  "Shit!"ไอ้ดิวสบถออกมาทันที แอ้กับต้นข้าวมองปู ก็แน่ละปูดูเรียบร้อยราวกับผ้าผับไว้ มาเจอแบบนี้ปูเปลี่ยนไปเป็นแมวยั่วสวาทเลยและ ผมอุ้มร่างปูออกมา มือไม้ปูก็ลูบไล้ไปตามตัวของผม ไล่ผมไปทั่วเลยจริงๆ

                   "กูว่ามึงควรจะต้องขอบใจกูนะ ที่ช่วยให้มึงสนุกกันต่อ"ไอ้ธงรบยังมีหน้ามาพูดจาหมาๆ กับผมอีก ผมหันไปแต่

                     "ผลั่ก!"ไอ้ดิวมันจัดหมักตรงไปที่ไอ้ธงรบ และไอ้กีตาร์จะเข้ามาแต่แอ้หันขวับตั้งท่าส่งปลายเท้าแต่ว่าไอ้กีตาร์แต่ว่าไอ้กีตาร์มันชักเท้ากลับทันซะก่อนไม่งั้นมันโดนแน่ๆ

                    "ไม่เข้าไปล่ะมึง ไอ้นี่มันแค่เทควันโดสายดำเอง จิ๊บๆ "ไอ้สรจักรหันถามไอ้กีตาร์ที่ถอยออกไป

                    "เคยได้ยินทีเดียวสลบไม่เอาอ่ะ"ไอ้กีตาร์พูดมันหันไปดูไอ้ธงรบ ที่จับหน้าคงเจอหมัดไอ้ดิวเล่นซะมึนเลยซิท่า หมัดมันหนักผมรู้ดี ผมโดนไปนี้ยังมึนเลย

                     "ขอบใจวะจักร "ผมหันมาพูดกับไอ้จักรและพวกผมเดินออกจากห้องกัน พวกผมเดินมาที่ลิฟต์ ปูที่ผมอุ้มก็ยั่วยวนผมน่าดู

                     "งานหนักละมึงไอ้เดี่ยว ดีนะที่พรุ่งนี้วันหยุดนะ"ไอ้ดิวพูดขึ้น ช่วยได้มากเลยนะ

                     "ไอ้ดิวมึงนี้"แอ้ปรามไอ้ดิว

                      "ดูสภาพนี้ซิแอ้ น้ำมันหมดสต๊อกแน่ "ไอ้ดิวมันพูด ให้กำลังใจผมมาก

                      "ต้นข้าว รอพี่ก่อน พี่ทำไปเพราะพี่หึงต้นข้าว พี่หึงที่ต้นข้าวไปเป็นแฟนมัน"ไอ้กีตาร์มันตามออกมา และมันบอกว่าที่ทำกับปูเพราะหึงที่ผมกับต้นข้าวเป็นแฟนกัน แต่ไอ้ปูไปเกี่ยวอะไรด้วย ผมทำท่าจะออกไปเล่นมันอีกคนเหมือนกัน

                    “อย่าไอ้เดี่ยว “ไอ้ดิวห้ามผม

                    “ตอนนี้พาปูกลับบ้านก่อนดีกว่า” ไอ้ดิวพูดผมก็พยักหน้า โชคดีของมัน

                    "กูไม่ใช่แฟนมันและกูทำไปเพราะกูอยากให้มึงออกไปจากชีวิตกู กูยากอยู่กับเพื่อนๆ กู ไม่ใช่มึง "ต้นข้าวพูดมันบอกความจริงไอ้กีตาร์แต่มันบอกว่ามันอยากให้ไอ้กีตาร์ออกไปจากชีวิตต้นข้าวมัน ผมว่ามันหนักกว่า บอกว่าผมเป็นแฟนมันอีกนะ เพราะหน้าไอ้กีตาร์แย่ลงมากทีเดียว

                    ">และมึงไม่มีวันรู้หรอกว่าเพื่อนแท้เป็นยังไงกีตาร์ เพื่อนแท้น่ะมันต้องพากันไปทางที่ดี ไม่เหมือนเพื่อนเชี้ยๆ ที่มึงมีนี่ แม่งพาไปทางที่เลวๆ” ไอ้ต้นข้าวมันด่าแบบเหมารวมเลย ไอ้สรจักรและไอ้ธงรบมันเดินออกมาพอดี มันก็รับไปเต็มๆ

                  “เวรเลยกู ซวยไปด้วยเลยมึง ไอ้เชี้ย!!” ไอ้สรจักรพูดพร้อมกับหันมาด่าไอ้ธงรบ

                  “น้องเขาชมซะกูเขินเลยไอ้เชี้ย!” ไอ้ธงรบ

                  “ดังนั้นมึงควรจะเลิกไปอวยว่าตัวมึงดีอย่างนั้นอย่างนี้กับพ่อแม่กูได้แล้ว มึงแม่งเชี้ยกว่าที่มึงพูดกับพ่อแม่กูเอาไว้เยอะว่ะ ไอ้พี่กีตาร์ "ต้นข้าวพูด

                  "ตอนนี้กูเกลียดมึงมาก กูพูดเลย "ต้นข้าวพูดในขณะที่ลิฟต์กำลังจะปิด ผมเดินลงมาชั้นล่างดีที่ไอ้จักรมันให้เสื้อคลุมมาอีกตัว ผมก็พยายามมจับมือปูให้นิ่งๆ ตอนเดินผ่านคนดูแลตึก ผมเดินมาถึงที่ผมจอดรถเอาไว้

                  "เออ เจอแล้ว เกือบวะ…ดีที่ไอ้จักรมันห้ามไว้ ปูเหรอ ไม่น่าห่วง กูห่วงไอ้เดียวมันจะคางเหลืองก็คืนนี้ โดนของดีมาแบบนี้และใครจะจัดการปราบน้องปู ก็ต้องไอ้เดี่ยวดิ เออ งั้นมึงก็ไปบอกพี่ตุ๊ด้วยว่าปูเขาปลอดภัยแล้ว และนี่มึงจะไปเที่ยวกับบอยเลยเหรอวะ เออ เดินทางปลอดภัยวะ กลับมาคุยกัน โอเค บายว่ะ "ไอ้ดิวมันโทรคุยผมเดาได้ว่าเป็นแจ็ค ผมอุ้มร่างปูเข้าไปนั่งด้านหลัง

                 "เดี่ยว กูขับเอง แอ้นั่งหน้า "ดิวมันพูดผมพยักหน้า ว่าดีเลย

                   "กูด้วยได้ไหมอะ กูรู้สึกว่ากูคือส่วนเกิน"ไอ้ต้นข้าวพูด แอ้มันพยักหน้าคือนั่งหน้ากันสองคนและไอ้ดิวขับ พอผมขึ้นรถได้ ปูใส่ผมจัดเค็ม ทั้งไซ้คอจะทั้งตัวอยู่แล้ว

                   “ไอ้ดิว ออกรถดิวะ “ผมเร่งมัน มันหันมายิ้มเยอะเย้ยให้ผม

                   "อืมมมม"แม้เจ้า แน่นอน เดี่ยวไม่ใช่พระอิฐพระปูน มันโด่เด่ขึ้นมาตั้งแต่อุ้มปูขึ้นมาแล้ว

                   “ไหวไหมมึง ไอ้เดี่ยว” ไอ้ดิวมันถามผม

                     “ใกล้จะไม่ไหวแล้วกูอ่ะ เร็วๆ “ผมเร่งไอ้ดิว มันก็ออกรถขับรถกลับบ้านพักแน่เลย อ้อแต่คงต้องไปส่งไอ้ต้นข้าวก่อนที่บ้านเพราะว่าไม่ไกลจากที่นี้เท่าไหร่ด้วย ไอ้ต้นข้าวมันโทรเช็กไอ้บลูแล้ว บลูกลับบ้านไปแล้ว ผมเห็นไอ้แชมป์มันตามรับตามส่งอยู่ เด็กม.2 รุ่นเดียวกับไอ้ภาคิไนย์น้องชายไอ้ภาคินมันนั่นแหละแต่เอาจริงๆ ไอ้ต้นข้าวไอ้บลูนี้รุ่นน้องพวกผมสองปีแต่ว่าเราก็คบกันอย่างเพื่อนมากกว่า

                     “ไปก่อนนะมึง เจอกันวันจันทร์ว่ะ “ไอ้ต้นข้าวพูดก่อนจะหันมามองผม

                     “ของมึงนี้ วันจันทร์ยังจะมาเรียนไหวไหม” ไอ้ต้นข้าวถามผม ผมหันไปอยากจะคว้าอะไรปาใส่มันจริงๆ และไอ้ต้นข้าวก็เดินออกไป ไอ้ดิวก็ออกรถทันที เพื่อรีบพาผมกลับบ้านพัก ก่อนที่ทุกอย่างจะไม่ไหวเพราะปูก็เริ่มเรื่อยๆ ไปเรื่อยๆ จนผมเองก็เกือบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ ใจก็อยากจะจัดการปูซะที่ตรงนี้เหมือนกัน แต่ต้องห้ามตัวเองไว้ก่อน ผมเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนแน่นอนโดนเล้าโลมแบบนี้ อาจจะไม่รอดคืนนี้ผมน่ะ ผมยิ่งมองใบหน้าปู แต่ทำไมภาพใบหน้าอีกคนเข้ามาแทรกตลอด คนนั้นก็คือติ๊ก
                     TBC....

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.67 ติ๊กกำลังหาที่ลงพอดีเลย

            Part’ s ติ๊ก ผมนั่งช่วยพี่ตุ๊ทำงานเอกสารแทนพี่ตุ๊เห็นว่าผมลายมือสวยเลยมอบหมายให้ผมเขียนรายงานลงในสมุดบันทึก ผมยอมรับว่าผมลายมือสวยเหมือนพิมพ์เลยทีเดียว พี่ตุ๊ขอลงไปคุยกับครูมาใหม่ ผมรู้ว่ากว่าจะเป็นโรงเรียนมันยากมากแต่ว่ารักษานี่ซิยากกว่าเพราะการบริหารงานโรงเรียนมันยุ่งยากกว่าบริหารงานโรงแรมซะอีก ผมนี้นับถือพ่อผมเลย ที่พ่อสามารถที่จะเปิดและขยายสาขาได้มากมายทั่วประเทศแต่ว่าโรงเรียนนี้ที่ผมมาเรียน ไม่ใช่ทั้งหมดของพ่อผมแต่เป็นขององค์กร ดังนั้นโรงเรียนนี้จึงไม่เชิงว่าเป็นเอกชน จึงมีนักเรียนหลากหลาย มีตั้งแต่ฐานะดีจนถึงฐานะยากจนเพราะว่าได้ทุนมาก็มี
           “คุณน้ำตาลครับ ผมบอกว่าพี่ตุ๊ไม่อยู่ในห้องครับ” ผมได้ยินเสียงดังเอะอะมาจากด้านนอกห้อง ทำให้ผมต้องวางปากกาลงก่อนจะเปิดดูหน้าจอมอนิเตอร์ ผมถึงกับต้องมองจ้องว่าใครกัน นั้นมันผีบ้าที่ไหนเนี๊ย! สวมชุดแซกสั้นไม่เกรงใจว่านี้คือโรงเรียนบ้างเลย ที่สำคัญ กำลังยื่นใช้นิ้งชี้หน้าพี่พัฒน์ของผมด้วย มีเหรอที่ติ๊กจะปล่อยเอาไว้ ผมรีบลุกขึ้นไปก่อนจะเปิดประตูทันที
           “อย่ามาโกหก” ผู้หญิงคนนี้บอกพี่พัฒน์ เธอไม่เห็นว่าผมยืนอยู่ข้างหลัง
           “กลัวเหรอว่าฉันจะทำให้คุณตุ๊ เขี่ยหลอนทิ้ง ไม่ต้องกลัวหรอกเพราะว่าฉันน่ะ ทำจริง!” ผมพยักหน้า
           “ดังนั้น อย่ามากันท่าฉันซะให้ยาก ถ้าคุณตุ๊เขาเอาหลอนจริง ป่านนี้คงบอกใครต่อใครไปทั่วแล้วว่าเป็นอะไรกัน เขาอบกแค่ว่าเป็นน้อง ก็อยู่ส่วนน้อง เข้าใจไหม “เธอพูด
           “แต่อย่างว่าแหละ ดูซิ จื้ดฉืดขนาดนี้ ใครจะเอามาออกหน้าออกตา สำรวจตัวเองหน่อยน่ะ “ผมถึง สำรวจคนที่ว่าพี่พัฒน์ผมทันที ผมมองสำรวจรูปร่างของนาง ตัวเล็กน่ะ แต่ขานี้เป็นป่องเหมือนผักตบชะวา ผิวขาวใช้แต่ขาวซีดมากกว่า หน้าอกนี้ก็ดันจนขึ้นมาทั้งเต้าอยู่แล้ว ผมเดาว่าดันแบบนี้น่ะ ไม่ค่อยมีหรอก
           “ผมไม่ได้โกหกและไม่ได้กลัวอะไรคุณทั้งนั้น แต่ว่าที่คุณทำมันรบกวนการทำงานของพี่ตุ๊ครับ คุณควรจะโทรมานัดและมาตามเวลานัดครับ” พี่พัฒน์พูด
           “ฉันจะมาตอนไหนก็เรื่องของฉันไม่ใช่เรื่องของแก เป็นได้แค่น้องกำมะลอ น้องแท้ๆ ก็ไม่ใช่สักหน่อย อย่าเสล่อ!!! “เธอพูด
           “ฉันว่าเธอควรจะไปหา ใครน่ะ เมื่อเช้าน่ะเห็นลูกน้องฉันบอกว่ายืนคุยกัน กะหนุงกะหนิง ฉันว่าเธอต้องแบบนั้นน่ะ พวกสายช่างน่ะ ไม่ใช่สายบริหารงานอย่างคุณตุ๊ เหมาะสมดี “นางพูด ผมนี้แทบจะเหลืออด พี่พัฒน์หันมามองผมพอดี
            “ไปหาแบบนั้นไป เข้ากันดีกว่า ส่วนฉันจะไปหาซีอีโอของฉันนี้ “ผู้หญิงคนนี้พูดก่อนจะหันมาและเขาก็ต้องตกใจมากที่เห็นว่าผมยืนจังก้าที่หน้าประตู
           “ว้ายตายแล้ว! “ผู้หญิงคนนี้อุทานทันที
           “ยังไม่ตายแต่ดูท่าจะมีคนได้ตายอย่างสงบศพสีชมพูแน่ๆ โดยเฉพาะคนปากดี “ผมพูด
           “เธอคือใครเนี่ย? และนี่มาทำอะไรในห้องผู้อำนวยการย๊ะ นักเรียน” เธอเอ่ยถามผม แถมย้ำว่านักเรียนด้วย
           “มาเล่นซ้อนแอบเหรอ” คุณคนนี้ถามผม
           “พี่พัฒน์ครับ นี่คนบ้าที่ไหนหลุดมาเหรอครับ ให้ผมเรียกรปภ ให้ไหมครับ หรือร้องขอให้เจ้าที่โรงพยาบาลรักษาโรคประสาท มาพอไปดีครับ” ผมถามพี่พัฒน์
           “นี่แก แกกล้าเรียกฉันว่าเป็นคนบ้าเหรอ ฉันไม่ยอม เด็กบ้า เด็กเปรต เด็กไม่มีใครสั่งสอน แกต้องได้เจอดี แกรู้ไหมว่าฉันลูกใครและพ่อฉันน่ะเป็นใคร เด็กๆ ที่นี้ รู้จักพ่อฉันทุกคนและพ่อฉันก็สั่งเด็กๆ พวกนี้ได้ด้วย “ผมพยักหน้าว่ากลัวจังเลย
           “ติ๊ก ไม่เอาน่ะ กลับไปทำงานต่อเถอะพี่จัดการเอง” พี่พัฒน์พูด
           “อ้อ นี่เด็กเธอเหรอนางครูพัฒน์ นี้ส่งเด็กเธอเข้ามาสนองในห้องคุณตุ๊เลยเหรอ เป็นแม่เล้าซะด้วย” ผมนี้ว่าจะหันหลังเพราะไม่อยากทำให้พี่พัฒน์เดือดร้อนแต่ว่าขึ้นมาขนาดนี้ติ๊กจะทนเพื่อ ผมหันหลังเดินลงมาทันที ผมยืนเอามือเท้าเอวส่วนผู้หญิงตรงนี้นี้ตกใจก่อนจะถอยหลังทันที
           “นี่แกจะทำอะไรฉันน่ะ “เธอถามผม
           “สั่งสอนคนที่ปากดีนี่ไง เป็นผู้ใหญ่ภาษาอะไรวะ รู้ตัวไหมว่าเป็นผู้หญิงที่มีแค่อายุเท่านั้นบอกได้ว่าแก่แล้วแต่สมองนี้ดูท่าจะไม่โตหรือหยุดโตไปนานแล้วครับป้า” ผมพูด เธอมองหน้าผม
           “อ้ายย!!!!” ผมกับพี่พัฒน์ถึงกับต้องเอานิ้วอุดหูทันที
           “นี่คุณน้ำตาล!! คุณจะมากรี้ดแบบนี้ไม่ได้น่ะครับ คุณไม่อายนักเรียนที่นี้บ้างเหรอครับ” พี่พัฒน์ถาม
           “นั้นซิ มาเล่นจำอวดให้เด็กมันหัวเราะกันอยู่ได้ บ้าหรือเปล่า” ผมถามเธอ
           “เธอกล้ามากน่ะ ฉันจะให้คุณตุ๊จัดการและฉันเดาว่า เธอคงได้รับการสั่งมาจาก….” เธอพูดก่อนจะหันไปมองพี่พัฒน์
           “คนนี้ใช่ไหมที่สั่งให้ทำน่ะ” เธอหันไปชี้พี่พัฒน์ ผมมองบนทันที
           “นี่ผมไม่ใช่เด็กอนุบาลน่ะ ที่จะต้องให้ใครสั่งนั้นทำนี้ อันนี้คิดเองได้” ผมพูด
           “ฉันไม่สนล่ะ รอคุณตุ๊มาก่อน แกสองคนโดนแน่นอน” ผู้หญิงคนนี้พูด
           “งั้นก็ยืนรอไปน่ะ “ผมพูด
           “พี่พัฒน์ เข้ามาในห้องเถอะ ยืนข้างนอกทำไมร้อนจะตาย เราเข้าไปตากแอร์กันดีกว่า ปล่อยให้คนบ้ายืนร้องแรกแหกกระเจิงไปคนเดียว จะรอใครก็รอไปแล้วกัน” ผมพูดพร้อมกับพยักหน้าเรียกพัฒน์เข้าห้องทำงานพี่ตุ๊
           “หยุด!! ฉันต่างหากที่ควรจะได้เข้าไปรอคุณตุ๊ในห้องเพราะว่าฉันคือแขกส่วนแกกับครู ออกไปข้างนอก” จู่ๆ เธอก็กระโดดขวางพี่พัฒน์และทำท่าจะไล่ผมออกจากห้อง
           “เป็นแขกของใครเหรอ” ผมถามเธอกลับ
           “คุณตุ๊ “เธอตอบผม
           “งั้นก็รอคุณตุ๊แล้วกันน่ะเพราะว่าคุณไม่ใช่แขกของผมสองคน “ผมพูดและพยักหน้าให้พี่พัฒน์เข้าห้องแต่นางนี้ก็ไม่ยอม ผมก็เลยก้าวเท้าออกมามองหน้าเธอว่าจะขวางทำไม จู่ๆ พี่ตุ๊ก็เดินขึ้นมาถึงพอดี
           “ตุ๊บ!!” นางรีบกระโดดลงไปกองกับพื้นเฉยเลย
           “อ้าย!! ช่วยด้วยค่ะ เด็กนักเรียนทำร้ายค่ะ” ผมก็ยืนมอง แสดงเก่งกว่ากูอีก ตีเนียนมาก พี่ตุ๊เดินมาถึงมองผมกับยายคุณน้ำตาลอะไรนี้สลับกันไปมา
           “คุณตุ๊ค่ะ เด็กนักเรียนคนนี้ทำร้ายค่ะ เขาทำตามคำสั่ง ครูพัฒน์ค่ะ ครูพัฒน์เขาสั่งให้เด็กคนนี้ทำร้ายน้ำตาลค่ะ” ผมหันไปมองพี่พัฒน์ งานใส่ร้ายคนอื่นก็มาเหรอ
           “นี่ ช่วงนี้ยุ่งมากไหม” ผมถามเธอ
           “ไม่ยุ่ง ทำไม” เธอถามผม
           “กูจะให้ผู้กำกับหนังติดต่อไปเล่นบทนางร้ายให้หน่อยแม่ง แสดงเหมือนจริงมาก” ผมพูด
           “แต่ดูแล้วในชีวิตจริงเธอนี้คงไม่มีบทดีกับเขาบ้างเลยมั้ง” ผมพูดเธอสะบัดหน้ามามองหน้าผมทำท่าจะอ้าปากด่าผมแต่เธอก็เสแสร้งทำเป็นบทนางเอกซะงั้นเพื่อให้พี่ตุ๊เห็นใจ ผมเบ้ปากทันที
           “ติ๊ก!!!” พี่ตุ๊เรียกชื่อผมเพื่อให้ผมหยุดเล่นสงครามประสาทกับผู้หญิงคนนี้ พี่มองผมและมองคุณน้ำตาลที่นั้งพับเพียบเหมือนเจ็บน่าดู พี่ตุ๊ทำท่าจะก้มลงไปช่วยประคองผู้หญิงขี้สำออยคนนี้แต่ว่า
           “พี่ตุ๊อย่า ผมดีกว่า” ผมรีบเอาตัวเข้าไปขวางก่อนจะย่อตัวลงเพื่อจะช่วยดึงแม่น้ำตาลก้นหมออะไรนี้ขึ้นมาแทนพี่ตุ๊
           “หมับ” ผมรีบจับแขนเธอแต่เธอมองหน้าผมก่อนจะมองพี่ตุ๊ สายตานี้แตกต่างกันลิบลับเลยน่ะ
           “ผมช่วยนะครับคุณน้ำบาดาล” ผมพูด
           “น้ำตาลย๊ะ!!” เธอพูด
           “ลุกขึ้นครับ” ผมพูดกัดฟันให้เธอลุกขึ้น
           “ไม่!!” เธอพูดเพราะว่าเธอต้องการให้พี่ชายผมเป็นคนชุดเธอขื้นซิน่ะ
           “รีบลุกขึ้น “ผมพูดรอดไรฟันประมาณกูกำลังจะหมดความอดทนน่ะ
           “ก็บอกว่าไม่” เธอยังยืนยันว่าไม่ ผมหันไปยิ้มกับพี่ตุ๊ที่ยืนเลิกคิ้วมองผมว่าทำไมเธอไม่ลุกขึ้นสักที
           “แมงมุมมันอยู่ข้างๆ น่ะครับ ตัวใหญ่ซะด้วย” ผมพูด
           “อ้ายย!! ไหน ๆ มันอยู่ไหน) )) ) “เธอรีบดีดตัวขึ้นมาทันที ผมหันไปหยักคิ้วให้พี่ตุ๊ เป็นไงล่ะ ไม่ต้องเสียเวลา หลอนดีดตัวขึ้นมาได้ก็มองไปรอบๆ
           “ไหนล่ะ แมงมุมน่ะ “เธอถามผม
           “ไปแล้ว” ผมพูด
           “โกหก!!” เธอมองหน้าผม
           “คุณก็โกหกไม่ใช่เหรอ โกหกหาว่าผมผลัก ดังนั้นนี้เราก็เสมอกัน” ผมพูด
           “นิ!!...” เธอทำท่าจะด่าผมต่อ
           “พอเถอะครับ เด็กๆ มองกันหมดแล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันครับ อธิบายให้ผมฟังหน่อย” พี่ตุ๊ถามพร้อมกัมองหน้าผมสามคนสลับกันไปมา
           “ครูพัฒน์” พี่ตุ๊หันไปผายมือให้พี่พัฒน์อธิบาย
           “คือคุณน้ำตาล…” พี่พัฒน์ทำท่าจะอธิบาย
           “พอดีน้ำตาลนะคะ มีเรื่องจะมารายงานเกี่ยวกับเด็กนักเรียนค่ะ มีคนรายงานที่พ่อของน้ำตาลว่าเด็กของที่นี้ไปสร้างความเดือดร้อนค่ะ น้ำตาลเลยว่าจะมาคุยกับคุณตุ๊ ไม่อยากให้เกิดปัญหาใหญ่” เธอพูดแทรกทันที
           “แต่ว่ามีคนไม่ยอมบอกน้ำตาลกันท่าใหญ่เลยค่ะและยังสั่งให้เด็กที่นี้ ทำร้ายน้ำตาล น้ำตาลก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ นะคะ” เธอพูด
           “คุณไม่ได้บอกผมแบบนี้เลยนะคุณน้ำตาล คุณบอกว่าจะมาหาคุณตุ๊แต่ผมบอกว่าคุณตุ๊ไม่อยู่ แต่ถึงอยู่ คุณน้ำตาลก็ควรจะนัดล่วงหน้าเพราะว่าช่วงนี้คุณตุ๊งานเยอะ มีเอกสารต้องเซนต์มากมาย ส่วนเรื่องด่วนอะไรของคุณ คุณไม่ได้บอกผมเลยด้วยซ้ำ” พี่พัฒน์พูด พี่ตุ๊หันไปมองคุณน้ำตาลทันที
           “อ้าว ฉันต้องบอกเธอด้วยเหรอ นี่เรื่องสำคัญมากควรจะบอกคุณตุ๊มากกว่าน่ะ คุณครู เพราะว่าคุณตุ๊คือผู้บริหารโรงเรียนนี้” เธอพูด
           “คุณน้ำตาล คุณคงไม่ทราบว่า พัฒน์เขาเป็น ผู้ช่วยผู้อำนวยการครับ ดังนั้นตำแหน่งพัฒน์กับตำแหน่งของผมไม่ได้ต่างกันมากครับ คุณสามารถบอกได้ทุกเรื่องครับ เหมือนกันครับ” พี่ตุ๊หันไปพูดกับคุณน้ำตาล
           “คิก” ผมถึงกลับกลั้นหัวเราะทันที
           “เป็นไงล่ะ ไม่ศึกษาข้อมูลก่อนจะมาแบทเทิลเขาก็ยังงี่แหละ” ผมพูด
           “ก็น้ำตาลไม่ทราบนี่ค่ะ” เธอพูด
           “แต่!! ที่ร้ายแรงมากไปกว่านั้นคือเด็กคนนี้ เขาทำร้ายน้ำตาล แบบนี้ คุณตุ๊ควรจะเรียกผู้ปกครองมารับผิดชอบนะคะ “เธอพูดพร้อมกับหันมาชี้ที่ผม ผมก็ชี้ตัวเอง
           “เออ คุณน้ำตาลครับ ผมว่าอย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยนะครับ ผมให้เด็กขอโทษได้ไหมครับ” พี่ตุ๊พูด ผมก็มองพี่ตุ๊ ขอโทษทำไม
           “ขอโทษคนแบบนี้เพื่ออะไรอ่ะ ไปขอโทษหมายังดีกว่า “ผมหันไปพูดกับพี่ตุ๊ พี่ตุ๊ทำหน้าให้ผมขอโทษจะได้จบๆ ไป
           “เห็นไหมคะ ไม่ได้ค่ะ เรียกผู้ปกครองเด็กมาค่ะ” เธอพูดพร้อมกับหันมามองหน้าผม
           “คือผมว่าไม่ดีกว่านะครับ “พี่ตุ๊พูด
           “อยากเรียกพ่อผมมาอย่างนั้นเหรอ” ผมถามคุณน้ำตาล พี่พัฒน์แตะแขนผมพร้อมกันสั่นหัวเบาๆ
           “ใช่ ไปเรียกมา ฉันจะรอ” เธอหันมาพูด
           “ไม่ต้องไปเรียกที่ไหนไกลหรอกครับ ผู้ปกครองผมน่ะ อยู่ใกล้ๆ นี่ครับ” ผมพูด
           “เป็นใครเหรอ ครูหรือว่าภารโรงล่ะแต่ฉันเดาว่า ภารโรงมากกว่า” เธอพูด ผมพยักหน้า
           “คุณน้ำตาล” พี่ตุ๊เรียกเธอ
           “ลงไปเรียกมา ฉันกับคุณตุ๊จะนั่งรอในห้อง” เธอพูด
           “ไม่ต้องไปรอที่ไหนหรอกครับครับ อยู่ตรงนี้แหละเพราะว่าผู้ปกครองผมน่ะ เขายืนอยู่นี้และตรงนี้ ตรงหน้าคุณนี่!! “ผมพูดและชี้ไปที่พี่ตุ๊ ให้เป็นผู้ปกครองไปเลยหนี่ง พี่ตุ๊หันมามองหน้าผม
           “ฮาๆ ตลกตายเลย ใครจะเชื่อว่าคุณตุ๊นี่น่ะ ผู้ปกครองเธอ โกหก!!”
           “พี่ตุ๊ บอกเขาไปซิครับว่าพี่คือใครแล้วเป็นผู้ปกครองผมได้หรือไม่ได้” ผมถามพี่ตุ๊ พี่ตุ๊มองหน้าผมก่อนจะหันไปมองผู้หญิงเจ้าปัญหา
           “พี่พัฒน์เขาก็เป็นผู้ปกครองผมเช่นกันนะครับ ถ้าอย่างนั้นผมก็มีผู้ปกครองสองคนตอนนี้ เลือกเอาเลยจะคุยกับใครแต่ผมคิดว่า คนนี้ดีที่สุด คุยเลย คุณผู้บริหารโรงเรียน” ผมพูดและชี้ที่พี่ตุ๊
           “ไม่จริงใช่ไหมคะคุณตุ๊” เธอหันไปถามพี่ตุ๊
           “เออ จริงครับ” พี่ตุ๊พูด
           “นักเรียนคนนี้เขาเป็น น้องชายคนเล็กของผมครับ “พี่ตุ๊พูด
           “อะไรนะคะ?” เธอถึงกลับสะบัดหน้ามองหน้าผมทันที
           “ใช่ครับ น้องชายคนเล็กของผมเอง ชื่อติ๊กครับและที่ผมไม่ให้เรียกพ่อเขามาเพราะว่าพ่อเขาก็คือพ่อผม” พี่ตุ๊พูด
           “และพ่อผมก็ไม่อยู่ครับ ไปธุระต่างประเทศ” พี่ตุ๊พูดก่อนจะหันมามองหน้าผม
           “ดังนั้นผมก็รักษาการผู้ปกครองไปก่อน” พี่ตุ๊พูดกัดฟันเล็กน้อย ผมน่ะยิ้มกับคุณน้ำตาล
           “นะ…. นะ…น้องชายเหรอคะ” เธอถามพี่ตุ๊ ติดอ่างขึ้นมาทันทีเลย เธอมองผมกับพี่ตุ๊สลับกันไปมา
           “ครับ คุณน้ำตาล ผมนี่แหละลูกชายคนเล็กของพ่อภาคย์ “ผมพูด
            “คนที่เป็นดาราใช่ไหมคะคุณตุ๊” คุณน้ำตาลหันไปถามพี่ตุ๊ พี่ตุ๊พยักหน้าว่าใช่
            “ที่ว่าขาวีนสุดๆ” เธอพูดชมผม
            “นี่ชมเหรอ…” ผมถามเธอกลับทันที
            “แต่…ผมไม่ได้วีนทุกคนน่ะ วีนเฉพาะคนที่ กวนประสาทผมก่อน” ผมพูดพร้อมกับมองหน้าเธอ
            “ว่าแต่…เมื่อกี้ผมผลักคุณเหรอครับ คุณน้ำตาล” ผมถามคุณน้ำตาล
            “เมื่อกี้เหรอ…เออ... ไม่ใช่ค่ะ น้ำตาลน่าจะสะดุดขาตัวเองค่ะและน้ำตาลก็ตกใจมาก เลยคิดว่า คุณผลักนะคะ เฮอะๆ “คุณน้ำตาลพูด
            “หน้าตาดีนะคะ น้องชายคุณตุ๊ หล่อทั้งบ้านเลยเนอะ “คุณน้ำตาลอะไรนี่จะเข้ามาหาผมแต่ว่ากระเทิบออกทันที
            “แสดงเก่งทุกบทบาทเลยเนอะ คนเดียวได้หมดทุกบทแต่รู้สึกว่าบทคนบ้านี่เล่นได้เนียนเหมือนคนบ้าจริง” ผมพูด
             “ติ๊ก!!” พี่ตุ๊พูด
            “ตกลง เขาทำอะไรคุณหรือเปล่าครับ” พี่ตุ๊ถามเธอ ผมหันไปมองหน้าอีกครั้ง
            “ไม่ค่ะ น้ำตาลคิดว่าเราเข้าใจผิดกันนิดหน่อยค่ะ” คุณน้ำตาลพูด
            “ถ้าอย่างนั้น ก็แล้วไปครับ” พี่ตุ๊พูด
            “ว่าแต่คุณน้ำตาลมีเรื่องอะไรสำคัญมากเหรอครับ” พี่ตุ๊ถาม
            “เราเข้าไปคุยกันในห้องสองคนดีไหมคะ” ผมหันไปมองสองคนเลยเหรอ”
            “ผมรีบนะครับ ผมต้องไปดูงานที่สระว่ายน้ำก่อน” พี่ตุ๊พูด
            “งั้นคุณ รายงานกับครูพัฒน์ได้ไหมครับเพราะว่าครูพัฒน์เขาก็รับเรื่องนี่ได้ นะครับ ผมรีบจริงๆ ขอบคุณครับ” พี่ตุ๊พูดก่อนจะพยักหน้ากับพี่พัฒน์และหาเรื่องชิ่งหนีไปทันที ผมก็หยักไหล่ก่อนจะหันมามองคุณน้ำตาล
            “ดูท่าจะเรื่องใหญ่น่ะ อยู่ฟังด้วยดีกว่าจะได้ช่วยกันจับผิด” ผมพูดยิ้มๆ
            “ไม่ดีกว่า ฉันมีธุระด่วนเหมือนกัน “และคุณน้ำตาลอะไรก็รีบหันหลังเดินออกไปทันที ผมก็มองตามเธอก่อนจะหันมามองพี่พัฒน์
            “พี่พัฒน์ พี่อย่าไปยอมยายบ้านี้ให้มากน่ะ มีอะไรบอกพี่ตุ๊ไปตรงๆ เลย ว่าไม่ควรให้คนแบบนี้เข้ามาในโรงเรียนได้แล้ว อาการหนักเหมือนคนขาดยาเลยเนี๊ยะ” ผมพูด
            “ติ๊ก! เรานี่น่ะ ไปว่าเขา เขาเป็นลูกคนใหญ่คนโตและเขาก็สนิทกับพ่อด้วยน่ะ” พี่พัฒน์พูด
            “ใหญ่แค่ไหน ผมไม่แคร์เพราะว่าผมเชื่อว่าพ่อจะไม่ยอมเหมือนกันถ้าลูกสาวเขาทำกับพี่พัฒน์แบบนี้เพราะว่าพ่อน่ะรักพี่พัฒน์เหมือนลูกๆ ทุกคน” ผมพูดก่อนจะหันหลังเข้าไปในห้อง โดยมีพี่พัฒน์ตามเข้าไปเช่นกัน ผมนั่งลงทำเอกสารให้พี่ตุ๊ต่อ
            “ติ๊ก อ่ะน้ำผลไม้ ดื่มสักหน่อยน่ะ ดูสีหน้าเราซิ เครียดเหรอ” พี่พัฒน์ถามผม ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่พัฒน์
            “ทานสักหน่อยจะได้ดีขึ้น” พี่พัฒน์พูดพร้อมกับนั่งลง
            “ผมแค่เบื่อๆ น่ะพี่พัฒน์ ผมอยากรับงานบ้างแล้ว” ผมพูดด้วยน้ำเสียงแอบนอยด์ พ่อแบนงานผมเกือบหมดเลย
            “พ่ออยากให้ติ๊กพักน่ะพี่ว่า” พี่พัฒน์พูด
            “แต่มันเป็นงานที่ผมชอบน่ะ” ผมบอกพี่พัฒน์
            “พี่เข้าใจแต่ว่า...” พี่พัฒน์พูด
            “ลุงหนึ่งเขาติงมา นี่มันชีวิตผมไหมอ่ะพี่พัฒน์ “ผมพูด
            “เอาน่ะ พอเราผ่านเรื่องนี้ไปได้ ลุงหนึ่งก็คงไม่เคร่งกับเรามากแล้วแหละพี่ว่าน่ะ “พี่ตุ๊พูดเชิงให้กำลังใจผม จังหวะนั้นประตูถูกเปิดเข้ามา ผมเดาว่าเจ้าของห้องเพราะว่าห้องพักพี่ตุ๊ต้องใส่รหัสผ่านและมันก็ใช่จริงๆ ด้วย ผมมองพี่ตุ๊
            “พี่ตุ๊ ไปดูสระว่ายน้ำมาแล้วหรือครับ” พี่พัฒน์ถามพี่ตุ๊
            “ดูมาแล้วตอนที่พี่ลงไปคุยกับครูคนใหม่น่ะพัฒน์แต่ดันเจอคุณน้ำตาล” พี่ตุ๊พูด
            “ตอนแรกก็หลบอย่างดี นึกว่าจะขึ้นมาไม่เจอ ที่ไหนได้มายืนต่อปากต่อคำกับ…” พี่ตุ๊พูดพร้อมกับหันมามองผมด้วย
            “ผมก็ไม่ได้อยากต่อปากต่อคำกับเธอแต่ว่าเธอยืนด่าพี่พัฒน์ฉอดๆ ผมคงไม่ทน” ผมพูด
            “แต่ถ้าพี่ตุ๊ทนได้ก็เรื่องของพี่” ผมพูด
            “ติ๊ก พี่ไม่ได้ทนแต่ว่าบางเรื่องมันก็พูดยาก” พี่ตุ๊พูด
            “พี่โทรหาพ่อของคุณน้ำตาลแล้วน่ะ สั่งว่าห้ามเธอเข้ามาโดยไม่มีเหตุจำเป็น พ่อของเธอก็รับปากพี่แล้วน่ะ” พี่ตุ๊พูด ผมก็พยักหน้าว่าพอได้อยู่แต่ยัง จนกว่าจะแน่ใจว่ายายคุณน้ำตาลนี่จะไม่กลับมากวนใจพี่พัฒน์อีก
            “พี่เจอแจ็คแล้ว เขาบอกว่าปูปลอดภัยดีแล้ว “พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้าเบาๆ
            “แอ้ ดิว ก็กลับบ้านพักเลย” พี่ตุ๊พูด
            “งั้นผมกลับบ้านพักเลยเหมือนกันเพราะว่าผมจะไปทำรายงานต่อที่บ้าน ผมจะมาหาพี่ตุ๊ตอนเช้าเลยน่ะ จะได้กลับบ้านกัน” ผมพูดพร้อมกับเก็บข้าวของให้เข้าที่ น่าแปลกน่ะที่ไม่มีใครโทรบอกผมเลย อย่างว่าและทุกคนคงมองว่าผมคือตัวร้ายกันหมด ใครจะอยากจะบอกล่ะว่าไหม
            “ผมก็จะกลับบ้านเลยน่ะพี่ตุ๊ ผมจะมาหาพี่ตุ๊พรุ่งนี้เช้า ผมจะกลับกรุงเทพกับพี่ตุ๊และพี่พัฒน์เลย” ผมพูด พี่ตุ๊พยักหน้าเบาๆ พี่พัฒน์หันมามองหน้าผม
            “พี่จะไปส่งเราก่อนเพราะว่าพี่จะไปงานทำบุญวันเกิดพี่ขวัญเขา” พี่ตุ๊พูด ผมหันไปมองหน้าพี่ตุ๊ ผมเชื่อว่าพี่ๆ ทุกคนก็ไม่เห็นด้วยที่พี่ตุ๊ยังไม่ยอมตัดขาดกับครอบครัวนี้สักที
            “พรุ่งนี้มาแต่เช้าน่ะจะได้ออกแต่เช้า บอกพี่คนขับรถให้ไปรับแต่เช้าเลยล่ะ” พี่ตุ๊ชิ่งพูดกับผมซะก่อน ผมหันมามองพี่พัฒน์ พี่พัฒน์พยักหน้ากับผมเบาๆ ผมรู้ว่าพี่พัฒน์แค่พี่ตุ๊มากแต่ว่าพี่ตุ๊ซิ แคร์พี่พัฒน์แค่ไหน ในบางเรื่องก็ยอมเขาเกินไป ยอมตั้งแต่พี่ขวัญแล้ว ทั้งที่เราทุกคนก็รู้ว่าพี่พัฒน์น่ะ รักพี่ตุ๊ ผมเลยทำได้แค่เดินออกไปเพื่อจะกลับไปที่บ้าน ว่าแต่ผมจะทำหน้ายังไงถ้าเจอไอ้เดี่ยวมันหรือว่าความสัมพันธุ์ของผมกับไอ้เดี่ยวมันจะจบแค่นี้ คำว่าเพื่อนก็ไม่ควรจะมีกันแน่ ในหัวผมนี่ตีกันวุ่นวายไปหมดเลย ตกลงผมรู้สึกอยู่ตอนนี้ โมโหที่แอ้ไปกับไอ้ดิวหรือโมโหที่ไอ้เดี่ยว มันไปช่วยปูกันแน่  มันสับสนไปหมด
            TBC…
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-04-2024 22:22:25 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.67ดิวบอกติ๊กไปแล้วว่ารักแอ้

              Part's ดิว หลังจากทีพ่วกผมไปช่วยปูมาเรียบร้อยแล้ว ผมก็ขับรถพาต้นข้าวไปส่งที่บ้าน ต้นข้าวบอกพ่อมันว่าไปทำธุระเลยให้เพื่อนไปส่งส่วนบลูนั้น ไอ้แชมป์เด็กรุ่นน้องอาสาไปส่งแทน  ไอ้ต้นข้าวนี้ควันออกหูทันที ผมก็พากันกลับบ้าน พวกแจ็ค บอย ธรรณ์และหลุยส์เขาจะไปกรุงเทพกัน พายก็ไปหาอาเปรมดิ์ ส่วนไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ไม่มีใครรู้เลยว่าจะเอายังไง ไม่รู้จะกลับมาบ้านไหมเพราะว่าไม่มีใครเจอหลังจากที่ผมออกมาจากโรงเรียน  ผมว่ามันควรจะใช้เวลาคิดให้มากกว่านี้ ว่าเรื่องที่มันโกรธน่ะสมควรไหม ไอ้เดี่ยวมันไปช่วยปูเพราะว่าเขาโดนพาตัวไปทำมิดีมิร้ายและมันอาจจะสืบเนื่องมากจากทีพวกผมจ้างปูด้วยมั้ง
            "เดี่ยว พาขึ้นห้องมึงไปเลยว่ะ "ผมบอกไอ้เดี่ยว ไอ้เดี่ยวมันพยักหน้าและก็อุ้มร่างปูขึ้นไปห้องนอนมันไปทันที
            "พรุ่งนี้เราไปหาลูกๆ กันนะแอ้เพราะว่าปูอยากไปหาแม่เขาด้วยแน่ๆ "ผมพูด แอ้หันมามองผม
             "ดิว แอ้ยังไม่รู้เลยว่าพ่อจะไปที่ค่ายฯ ไหม"แอ้พูด
            "แอ้ลูกๆ คิดถึงเราแย่แล้วนะ"ผมพูดกับแอ้
            "โอเค ดิวโทรถามพี่เดฟ ว่าอาภีมไปไหม พี่เดฟว่าจะถามพี่เอ็กซ์อยู่ มีเอกสารที่อาภีมต้องเซนต์ให้พี่เดฟด้วย "ผมหันมาบอกแอ้และรีบกดโทรศัพท์หาพี่เดฟพี่ชายผมทันที
            //ว่าไงดิว//พี่เดฟรับสายผมและถามผมทันที
            //พี่เดฟ ตกลงอาภีมไปที่ค่ายฯมั้ยพี่อาทิตย์นี้อ่ะ//ผมถามพี่เดฟ
            //เอ็กซ์บอกพี่ว่าไม่ได้ไปนะ//พี่เดฟบอกผม ผมก็หันมาบอกให้แอ้อ่านปากว่า” อาภีมไม่ไปที่ค่ายฯ” แอ้พยักหน้า
            //ผมสองคนจะไปที่ค่ายฯกันและจะเข้าไปที่โรงพยาบาลด้วย ผมจะพาเพื่อนไปหาแม่เขา ผมให้พ่อรีเฟอร์เขาไปรักษาที่โรงพยาบาลในค่ายทหารนะครับพี่เดฟและแม่ของเพื่อนผมเขาเคยเป็นแม่นมที่ดูแลพี่ดิม ดรีม พี่โดม ด้วยนะพี่เดฟ //ผมบอกพี่เดฟ
            //อ้าวเหรอ! เออแต่พี่ได้ยินพี่โดมพูดอยู่นะว่ากำลังสั่งยาจากนอกที่ราคาค่อนข้างแพงให้ คนที่เคยเลี้ยงดูพี่โดมตอนแรกเกิดน่ะ ก็น่าจะคนเดียวกันนี่ล่ะมั้ง// พี่เดฟบอกผม
            //และผมว่าจะพาแอ้ไปสวีทกันบนเขาด้วยอ่ะพี่เดฟ// ผมพูดและมองแอ้ เป็นที่แรกที่ผมมีอะไรกับแอ้ด้วย
            //โอเค ไปสวีทกัน แต่ไม่ต้องเมคเบบี้มาน่ะ//พี่เดฟพูดร้องห้ามผมแบบนี้ มันยากนะเนี๊ยะ!
            //ถ้ามึงซ่ามารอบนี่ไอ้เอ็กซ์มันกระทืบมึงจริงๆ แน่เพราะเรื่องเก่ายังไม่เคลียร์เอาเรื่องใหม่มาอีก รอบนี้ไม่ขวางด้วย” พี่เดฟพูด ผมคิดในใจพี่จะยอมให้น้องรักถูกเพื่อนรักพี่กระทืบจริงๆ เหรอ ผมเดาว่าไม่หรอก บ้านผมรักกันดี
           //เออ แค่นี้ก่อนนะดิว ไอ้เอ็กซ์มันขึ้นมาแล้ว พี่จะเข้าไปที่ค่ายฯ เหมือนกัน พี่คงไปถึงวันเสาร์ค่ำๆ และขึ้นเวรให้พ่อเช้าวันอาทิตย์อีก//พี่เดฟพูด
           //โอเคเจอกันพรุ่งนี้น่ะพี่เดฟ//ผมพูดกำลังจะกดวางสาย
           //แล้วเจอกันดิว//พี่เดฟก็กดวางสายจากผม

                ผมหันไปหาแอ้ทันที ผมกอดแอ้ ไซ้ลงที่ตรงซอกคอขาวนวล ดีใจจะได้เจอลูกๆ แล้ว แอ้คงรู้สึกเหมือนกันกับผม ผมสองคนถึงมีลูกอายุน้อยแต่ผมรักลูกผมมากเพราะว่าสิ่งที่พ่อทำให้ผมสองคนมันเห็นภาพความรักของพ่อผมเลยอยากส่งต่อให้ลูกผมรับรู้เช่นกัน
              “ดิวพอก่อน” แอ้ปรามผม แอ้คงกลัวเดี่ยวจะลงมาเห็นเข้า
              “แอ้ คืนนี้ไม่มีมาร จัดหนักนะคืนนี้อ่ะ” ผมพูดอ้อนแอ้และยังใช้ปากผมซุกไซ้ไปด้วย แอ้ก็ปล่อยให้ผมไซ้ไปตามซอกคอขาวๆ นั้น มือแอ้ก็ลูบไล้แผ่นหลังผม ตอนนี้ไม่ห้ามแล้ว
              "พอก่อนดิว แอ้จะไปต้มข้าวต้ม วันนี้ทานข้าวต้มกันน่ะ แอ้ทำให้ปูด้วย "แอ้พูด ผมก็ยิ้มพร้อมกับพยักหน้าว่าได้ ผมก็ไม่อยากให้แอ้ทำหลายอย่างเหมือนกัน ทานเหมือนๆ กันง่ายดี แอ้น่ะเป็นคนทำอาหารเก่งตั้งแต่มีลูกก็ว่าได้ แอ้ก็ทำให้ลูกทานบ่อยๆ แอ้ทำอาหารอร่อยไม่แพ้ผู้หญิงเลยเพราะอย่างนี้ไงผมถึงอยากให้แอ้อยู่กับผมและลูกๆ ไปตลอด ผมยืนมองแอ้เดินเข้าครัวไป ผมนั่งลงเปิดดูฟุตบอลที่ผมชอบ เพื่อว่าจะมีทริคดีดี จะได้นำมาใช้ จู่ๆ ก็มีคนเปิดประตูเข้ามา คนนั้นก็คือติ๊ก
            "ติ๊ก"ผมเรียกติ๊กเพราะว่ามันเห็นผมแต่ยอมไม่ทักผมซะนี้และทำท่าจะเดินขึ้นไปบนบ้านซะอย่างนั้น
            “ติ๊ก!!” ผมเรียกมันอีกที ติ๊กหยุดและค่อยๆ หันมามองผมสายตาเหมือนว่าผมเรียกเขาทำไม
            "ติ๊ก พรุ่งนี้กลับบ้านหรือเปล่า"ผมถามติ๊ก
            "กลับ…” มันตอบผมได้ห้วนมากเหมือนไม่เต็มใจจะตอบ
             “แต่กูจะไปกับพี่ตุ๊พรุ่งนี้และกูจะไปนอนกับพี่ตุ๊คืนนี้ด้วย มึงจะได้ไม่มีมารไง"ติ๊กพูด นั้นแสดงว่ามันได้ยินที่ผมพูดกับแอ้ และนั้นก็แปลว่าติ๊กมันน่าจะมาได้สักพักหนึ่งแล้วซิ ติ๊กมันก็รีบเดินขึ้นไปที่ชั้นสองทันที ผมก็ลุกขึ้นผมเดินตามติ๊กขึ้นไปชั้นบนเช่นกัน ผมไม่อยากคุยให้แอ้ได้ยินว่าติ๊กกลับมาเพราะว่าแอ้จะออกมาปกป้องมันอีก ผมคิดว่าผมควรจะต้องพูดอะไรบ้างแล้ว
             "ติ๊ก "ผมดึงแขนมันเอาไว้ ติ๊กสะบัดมือผมให้ปล่อย ผมก็ปล่อยมือ
            "กูมันเป็นมารของมึงสองคนไปแล้วใช่ไหมวะ ดิว!"ติ๊กมันถามผม น้ำเสียงมันโกรธเอามาก
            "ติ๊ก มึงทำตัวเองทั้งนั้น ทั้งที่แต่ก่อนมึงก็ไม่เป็นแบบนี้น่ะติ๊กและเราสามคนสนิทกันมากแถมแอ้มันก็ตามใจมึงมากกว่ากูอีก กูไม่รู้อะไรทำให้มึง มึงถึงได้...เปลี่ยนไปแบบนี้ว่ะ "ผมถามติ๊ก
           "มึงมันไม่เคยรู้เลยใช่ไหมวะ ว่าอะไรมาทำให้กูเป็นแบบนี้ ดิว! "ติ๊กมันพูดและมองผม ผมก็มองหน้าติ๊กมันกลับ
           "มึงรักแอ้มันใช่ไหม"ติ๊กถามผม
           "ใช่! กูรักแอ้และแอ้ก็รักกู "ผมตอบติ๊ก
           "สรุปคือมึงสองคนรักกัน นานแค่ไหนแล้วละ ที่มึงปิดกู"ติ๊กถามผม ว่านานแค่ไหนแล้ว
           "กูรักแอ้มาตลอด แต่..ติ๊กกูสองคนยังเป็นเพื่อนมึงแต่มันก็ต้องมีช่องว่างกันบ้าง มึงเข้าใจไหม"ผมพูดกับติ๊ก
            "แอ้คือทุกอย่างของกู "ผมพูดอีก ติ๊กมองผมและหันหลังจะเข้าห้อง
            "อย่าตามกู!! "ติ๊กยกมือเบรกผม ผมได้แต่ยืนพ่นลมออกมานี้มันไม่เข้าใจผมสองคนเลยใช่ไหม ทั้งที่ผมคิดว่ามันจะเข้าใจผมสองคนที่สุดเพราะเราอยู่ด้วยกันไปไหนกันตลอดและมากกว่าไอ้แจ็ค บอยและพายอีก
            "เดี่ยว"ผมเรียกเดี่ยว ก็มันดันเปิดประตูออกมาพอดีและมันก็คงได้ยินคนคุยกันอยู่ที่หน้าห้องมัน
            "ปูเป็นไงบ้างว่ะเดี่ยว"ผมหันมาถามไอ้เดี่ยวมัน
            "ดีขึ้นแล้ว"เดี่ยวพูด ผมมองสำรวจดูเห็นว่าไอ้เดี่ยวมันเปลี่ยนชุดด้วยและนี้ก็แปลว่ามัน
            "เหนื่อยเลยดิมึง เอาไข่ลวกไหม"ผมถามมันแบบขำ ขำ
            "กูเพิ่งเคยเห็นปูสภาพนี้ น่ารักดีเหมือนกันนะมึง ลองกับแอ้มั้งไหมวะ"ไอ้เดี่ยวมันถามผม
            "น่าลองวะ"ผมพูด “แต่กูไม่กล้าหรอก ถ้าแอ้มันรู้เอากูตายเลยถ้าทำแบบนั้นน่ะ” ผมบอกไอ้เดี่ยว
            "แอ๊ด"เสียงประตูถูกเปิดออกมา ติ๊กมันออกมาจากห้องติ๊กมันมองผมกับเดี่ยวแว็ปหนึ่งและมันเดินทำท่าจะเดินออก ทั้งที่ไอ้เดียวมันก็ยืนมองอยู่ มันก็ไม่ทักทายไอ้เดี่ยวเหมือนกันแสดงว่ามันคงยืยฟังผมกับไอ้เดี่ยวคุยกันอยู่
             "ติ๊ก"เดี่ยวมันเรียกติ๊กแค่ชะงักแต่มันก็เดินต่อส่วนไอ้เดี่ยวมันก็ทำท่าจะตามออกไปแต่ว่าผมดึงมันเอาไว้
             "มันกำลังโกรธกูกับแอ้ กูบอกมันว่า กูรักแอ้และตอนนี้กูว่ามึงอย่าเพิ่งไปเข้าหน้ามันเลยว่ะเพราะมึงจะซวย สองเท่ามากกว่ากู"ผมพูดเตือนไอ้เดี่ยว ไอ้เดี่ยวมันหันมามองหน้าผม ผมพยักหน้าเบาๆ
              “เออ กูยอมรับว่า กูไม่ควรพูดไป แต่กูก็ต้องการให้เขารู้ว่า ควรปล่อยกูสองคนได้แล้ว ไอ้เดี่ยว” ผมพูด
              “เพื่อนก็คือเพื่อนแต่มันต้องมีที่ว่างให้กูสองคน แบบคนรักบ้าง” ผมพูดกับไอ้เดี่ยว มันก็พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ
             “ต่อให้โตมาด้วยกันก็เถอะหรือว่าเกิดวันเดียวกันเพราะว่าเขาเลือกมา แต่กูกับแอ้ก็ต้องมีชีวิตเป็นของตัวเองป่ะว่ะ” ผมพูด ไอ้เดี่ยวมันพยักหน้าเบาๆ
             "แอ้กำลังต้มข้าวต้มให้มึงกับปูว่ะและพรุ่งนี้พาปูไปเยี่ยมแม่เขาด้วยกันว่ะ และจะพาไปสวีทกันบนยอดเขา อุทยานใกล้ค่ายทหาร สุดยอดว่ะ "ผมพูด และหยักคิ้วให้เดี่ยว
              "ไปมาบ่อยละซิ"ไอ้เดี่ยวมันถามผม
               "ไปถามแอ้ดู เด็ดกว่าไปเสม็ดอีก เสร็จทุกรอบและลูกคนเล็กก็ได้มาจากที่นี้ว่ะ “ผมพูดกับไอ้เดี่ยว
               "เออ กูรอข้างล่างนะ ปูดีขึ้นแล้วค่อยพากันลงไปกินข้าวล่ะ "ผผพูดและเดินลงไป เห็นแอ้ยืนมอง อยู่ที่ประตู อย่าบอกนะว่าออกมาเจอติ๊ก
               "แอ้ มองหาใครน่ะ"ผมถาม ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าแอ้มองหาใครจากหน้าต่าง
                "ติ๊กมาใช่ไหมดิว "แอ้หันมาถามผม แสดงว่าไม่ได้เจอกัน
                 "อืมม มาเอาของและติกก็จะไปนอนบ้านพักครูพัฒน์กับพี่ตุ๊ พรุ่งนี้เขาจะกลับ กทมกับพี่ตุ๊เลยนะแอ้ "ผมบอกแอ้
                 "ดิว พูดอะไรกับติ๊กหรือเปล่า"แอ้กันมาถามผม
                "เออ ไม่ได้พูดแต่ดิวแค่ถามว่า จะกลับบ้านหรือเปล่าแค่นั้นเอง"ผมพูด ผมรู้ว่าแอ้ไม่เชื่อผมหรอก
               "ดูเหมือนติ๊กมันโกรษน่ะ"แอ้พูดพรอ้มกับกอดอกมองผม แบบขอความจริง แต่ผมนะว่าที่คุณหมอ ดริฟเก่ง
               “ใช่ มันโกรธที่แอ้ไปกับดิวไงและโกรธไอ้เดี่ยวอีกละ ที่มันไปช่วยปู “ผมพูดกับแอ้
               “แน่ใจนะ แล้วทำไมติ๊กไม่เข้ามาหาแอ้ล่ะ “แอ้ถามผม
               “มันพาลไปหมดแหละแอ้ ทำยังกับว่าไม่รู้จักนิสัยติ๊กมัน” ผมพูดก่อนจะเข้ามาสวมกอดแอ้จากด้านหลัง
                “หมับ “ผมเอาคางเกยไว้ที่หัวไหล่ของแอ้
               “แอ้เชื่อดิวบ้างซิ” ผมพูดจาอ้อนแอ้ แอ้พยักหน้าแบบจำใจเชื่อ ผมรู้ดี
                "แอ้ มันต้องมีช่องว่างกันบ้าง ระหว่างเราและติ๊กนะแอ้ "ผมพูดกับแอ้ ผมจับไหล่แอ้เอาไว้ แอ้มองหน้าผม ผมรู้ว่าแอ้เสียใจ แอ้รักและเป็นห่วงติ๊ก ผมก็รักมันนะ แต่มันเลือกทำตัวเอง
               "ข้าวต้ม จะเสร็จแล้วล่ะดิว แล้วนี่ปูเป็นยังไงบ้าง "แอ้ถามผม
                 "ดีขึ้นแล้ว เดี่ยวมันปราบปูซะหมอบไปแล้ว "ผมพูดกับแอ้
                "หื่นพอกันกับมึงเลยนะ” นี่เมียชมครับผมคิดในใจ
                 “ใครเขาเข้าใจส่งไอ้เดี่ยวมันมาเป็นเพื่อนมึงเนี๊ยะ!"แอ้พูดยิ้มๆ ก่อนจะหันทำท่าจะเดินกลับเข้าไปในครัว วันนี้ไม่มีใครมาส่งข้าวส่งน้ำเพราะว่าพวกผมแพลนจะกลับกันหมดตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่แผนของผมดันเปลี่ยน เปลี่ยนอย่างที่ตั้งใจเลย เรียกได้ว่าเข้าทางเลยดีกว่า ที่จะพาแอ้ไปหาลูกๆ ของผม ผมเดินตามแอ้ไปติด
                 "หมับ..” ผมก็คว้าตัวแอ้เอาไว้ก่อนและจับแอ้หมุนกลับมาหาผม แอ้ไม่ทันตั้งตัวผมก็จูบแอ้อย่างหนักหน่วง ผมบดขยี่เบาที่ริมฝีปากนั้น แอ้มาโอบรอบคอผม ผมดันแอ้ไปบนโต๊ะ ปากยังทำงานอยู่ แอ้ตอบสนองผมได้ดี เอ๊ะ ไม่ขัดขืนเลยสงสัยว่าคืนนี้ดิวได้จัดก่อนไป บ้านพักบนเขาแน่นอน
                 "อะฮึม"เสียงใครสักคนกระแอมเพื่อขัดจังหวะของผมสองคน ผมสองคนก็หันไปมองและคนที่ทำเสียงก็คือไอ้เดี่ยวและมันพาปูลงมาด้วย แอ้รีบผลักผมออก ตัวมารก็คือไอ้เดี่ยวนี่แหละ ไม่ใช่ไอ้ติ๊กแล้วแหละผมว่า
                  "ข้าวต้มเสร็จหรือยังล่ะ ถ้ายังกูจะขึ้นไปต่อกันบ้าง "ไอ้เดี่ยวพูด แอ้หันไปคว้ากล่องทิชชูจะปาไอ้เดี่ยวผมคว้าเอาไว้ซะก่อน
                  "แอ้อย่าเอาทิชชู้ปามัน"ผมห้ามแอ้
                  "มึงเป็นห่วงเพื่อนมึงเหรอเหรอ"แอ้ถามผมทันที
                  "กล่องทิชชูมันไม่เจ็บ ปาไปก็เท่านั้น จะไปหาอันอื่นปามัน เช่น สากตำพริกหรืออะไรประมาณนี้ ปาแล้วเจ็บจริง "ผมพูดกับแอ้ ไม่ได้ห้ามนะ แต่ให้เปลี่ยนอุปกรณ์ดีกว่าไหม แอ้มองกล่องกระดาษทิชชูและพยักหน้าเห็นด้วยว่าปาไปก็เจ็บ ปูนี้ปิดปากขำ ไอ้เดี่ยวมันโดนหลบหลังปูทันที
                  "ไอ้เชี้ยดิว มึงแม่งก็รักกูมาก แทนที่มึงจะห้ามไอ้สัส"ไอ้เดี่ยวมันพูด
                "มึงไม่ใช่เมียกูนิ มาเป็นเมียกูดิ กูจะรักมึงมากกว่านี้ "ผมพูดเล่นกับมัน ไอ้เดี่ยวมันยกนิ้วกลางให้ผมเป็นคำตอบว่าไม่
                "เป็นยังไงบ้างปู"แอ้เดินไปถามปู
                 "มึนๆ อยู่เลยน่ะ "ปูพูด
                 "ก็โดนยา...อุบ"ผมกำลังจะพูดไอ้เดี่ยวปิดปากผมทันที
                 "ยานอนหลับ"ไอ้เดียวพูด ไอ้เดี่ยวไม่ได้ปูว่าโดนยาปลุกเซ็กส์
                  "อืม แค่ยานอนหลับ เดี๋ยวก็ดีขึ้น ไปทานข้าวดีกว่าน่ะ "แอ้พูด ผมเดินตามแอ้ ผมมองไอ้เดี่ยว
                 "กูไม่อยากให้ปูรู้สึกแย่ ที่รู้ว่าตัวเองโดนยาปลุกเซ็ก"เดี่ยวพูด ผมพยักหน้ารับทราบ
                  "พรุ่งนี้ตกลงไปหาแม่ของปูกันป่ะว่ะ "เดี่ยวพูด ผมพยักหน้าโอเค ตอนนี้แอ้กับปูนั่งคุยกัน ดูคุยกันถูกคอจริงๆ ผมนั่งทานข้าวต้มกัน และก่อนจะพาขึ้นห้องไปแพ็คกระเป๋าเพื่อออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า แอ้ขึ้นไปก่อน ผมเดินออกไปจัดรถ เช็ครถ ไอ้เดี่ยวด้วย ปูขอตัวไปพักยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่
                  “แอ้” ผมเดินขึ้นห้องมาแล้ว ผมเห็นแอ้ จัดของลงกระเป๋าเสื้อผ้าลูกๆ ที่แอ้ไปสังออนไลน์มา แอ้นะรู้ใจลูกมากกว่าผมซะอีกและลูกๆ ก็ชอบชุดที่แอ้ซื้อให้ทุกคนเลย
                  “มีแต่ของลูกอ่ะ” ผมพูดแอบงอน
                   “ของดิว ในตู้” แอ้พูดและผมก็เดินไปเปิดดู ผมก็เจอเสื้อผมแอ้ซื้อให้ผมเช่นกัน ผมชอบใส่เสื้อโปโล ทำคอตั้งๆ เท่ๆ
                   “หายงอนยังอะ” แอ้ถามผม ผมก็คลี่ดูเสื้อสีฟ้าซะด้วย แถมลายใหม่ล่าสุดอีกด้วย
                   “หายแล้วครับ แอ้อาบน้ำกันน่ะ “ผมชวนแอ้อาบน้ำ ผมรู้ว่าแอ้ยังไม่ได้อาบน้ำ แสดงว่ารอผมแน่นอน ผมเดินมาขอมือแอ้ และหยักไหล่ไปเข้าห้องน้ำอาบน้ำกัน แอ้ก็ลุกขึ้นตามผมไป ผมกับแอ้แค่อาบน้ำกันไม่ได้ทำอะไรกันรอเอาไว้คืนพรุ่งนี้ดีกว่า
                   TBC....

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.68 เจ็บที่พูดไม่ได้

                Part’ s ติ๊ก ผมกลับมาบ้านพักพี่พัฒน์และพี่ตุ๊ ผมเสียใจมากที่ไอ้ดิวมันบอกผมแบบนั้น ว่ามันรักแอ้ และแอ้คือทุกอย่างของมัน แถมไอ้เดี่ยว มันก็คงเรียบร้อยปูไปแล้ว ใครก็พูดกันว่าปูโดนยาปลุกเซ็กส์มา ถ้าเป็นเช่นนั้นไอ้เดี่ยว ก็คงจะไม่นั่งมองปูอยู่เฉยๆ หรอก ผมไม่รู้ว่าผมเสียใจที่ไอ้ดิวบอกว่ารักแอ้มากกว่าไอ้เดี่ยวไปช่วยปูและมันก็เลือกปูแถมมันยังชมอีกว่าปูน่ารักอย่างนั้นอย่างนี้ แน่ละได้กันแล้วนื่
             “ติ๊ก” ผมสะดุ้งเฮือกเพราะว่าพี่พัฒน์เรียกผม
             “เป็นอะไร เขี่ยข้าวอยู่นั่นแหละหรือว่าพี่พัฒน์ทำไม่อร่อยล่ะ” พี่ตุ๊ถามผม ผมก้มลงมองจานข้าวที่ยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่ผ่องลงไปเลย
             “ไม่มีทางที่พี่พัฒน์ทำไม่อร่อยแต่วันนี้ติ๊กไม่ค่อยหิวอ่ะ” ผมพูดและทำหน้ายู่ ก่อนจะรวยช้อนไว้ด้วยกัน
             “แน่ใจนะ หรือว่าไม่สบายเนี๊ยะเราน่ะ หึ!” พี่พัฒน์พูดและเอามือมาอังหน้าผากผมว่ามีไข้ไหม พี่ตุ๊ชำเลืองตามองผม
             “ตัวก็ไม่ร้อนนะ” พี่พัฒน์พูดแน่ละ ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย
             “งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำดีกว่า ผมว่าจะเข้านอนแล้ว วันนี้ร้องเพลงเหนื่อยอ่ะพี่พัฒน์ พี่ตุ๊” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้น ผมเดินกลับเข้าห้องนอนอีกห้องพี่ตุ๊ให้คนมาทำความสะอาดให้ เพราะว่าห้องนี้ไม่มีใครนอน แน่ล่ะพี่ตุ๊เขาคงจะนอนห้องเดียวกับพี่พัฒน์ ทุกวัน เฮอ! เมื่อไหร่พี่ตุ๊จะเปิดตัวพี่พัฒน์ในฐานะแฟนซะทีนะ
                   ผมเข้าห้องน้ำอาบน้ำ ขณะที่ผมอาบน้ำอยู่ใต้ฝักบัว ผมก็ปล่อยให้สายน้ำไหลลงมารดลงที่ตัวของผมและขณะนั้นน้ำตาของผมมันรินไหลมากับสายน้ำเช่นกัน ผมร้องไห้ออกมาดังแข่งกับเสียงน้ำไหล เพื่อให้เสียงสายน้ำมันดังกลบเกลื่อน และหลังจากที่ผทร้องไห้จนพอใจผมก็ปิดน้ำและออกไปเช็ดตัวให้แห้ง ผมมองตัวเองหน้ากระจก มึงเป็นใครวะติ๊ก มึงจะมาร้องไห้ให้เขาทำไม มึงน่ะเป็นดารามีคนเข้ามาเยอะแยะ กลัวอะไรวะ แต่ทำไมผมถึงไม่ดีพอสำหรับไอ้ดิวอยู่ดี ผมรีบแต่งตัวก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำและสิ่งที่ทำให้ผมตกใจที่สุดก็คือ
              “พี่ตุ๊” ผมเห็นพี่ตุ๊นอนอยู่บนเตียงนอนในห้องที่ผมจะนอนคืนนี้ พี่ตุ๊สวมชุดนอนเรียบร้อยแล้ว คงอาบน้ำแล้วเหมือนกัน
               “แอบมานั่งเงียบๆ แบบนี้น้องตกใจหมดพี่ตุ๊” ผมบ่นพี่ชายผม
              “กลัวนอนคนเดียวไม่ได้เลยมานอนเป็นเพื่อน” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้าเบาๆ
              “มานั่งนี้มา “พี่ตุ๊เรียกผมเข้าไป
              “จะมาอบรมอะไรก่อนนอนอีกอะง่วง!” ผมพูดกับพี่ตุ๊ก่อนจะนั่งลงข้างๆ พี่ตุ๊
               “เป็นอะไร บอกพี่ซิ” พี่ตุ๊ถามผม เห็นพี่ตุ๊ดุ ดุแบบนี้ก็มีช่วงเวลาที่อ่อนโยนนะ ผมกอดพี่ตุ๊ พี่ชายคนโตผม ใครก็บอกว่าพีตุ๊ดูสุขุมและอบอุ่น บางครั้งผมก็อยากได้พี่ที่เฮฮาแบบพี่ดิมกับพี่อ้นนะ แต่จะว่าไปเวลานี้อ้อมกอดจากพี่ชายคนนี้ผมอยากได้มากที่สุด
              “พี่ตุ๊ ยังรักพี่โจอยู่ไหม” จู่ๆ ผมก็ถามพี่ตุ๊ขึ้น ทั้งที่เรื่องนี้มันผ่านมานานมากแล้วและมีแค่พวกผมที่รู้ ผมเองยังไม่เคยบอกไอ้แจ๊คเลย พี่ตุ๊เงียบไปพักหนึ่ง
               “ถามทำไมล่ะ “พี่ตุ๊ถามผมกลับ
               “ก็แค่อยากรู้ “ผมพูดกับพี่ตุ๊ หน้ายังซบที่อกอุ่นๆ ของพี่ชาย
               “พี่ก็ยังรัก คนเรารักแล้วเลิกรักไม่ได้หรอกแต่มันเปลี่ยนไปแล้วติ๊กหรือบางทีมันอาจจะไม่เคยเกิดขึ้นเลย มันแค่ความรักของเพื่อน ที่โตมาด้วยกัน บางทีมันแยกแยะไม่ออกหรอกนะติ๊ก” พี่ตุ๊พูด พี่ตุ๊ก้มลงมองผมเอามือลูบหัวเบาๆ
               “พี่ไม่อยากให้มันซ้ำรอยอีกครั้งกับน้องพี่” พี่ตุ๊พูด
               “เออ คืออะไรอ่ะพี่ตุ๊ผมไม่เข้าใจอ่ะ” ผมถามแต่ก็ไม่กล้าสบตาพี่ตุ๊ตรงๆ
               “ติ๊ก ชอบดิวใช่ไหม” พี่ตุ๊ถามผมคือถามได้แบบตรงมาก ผมเงยหน้ามองพี่ตุ๊
               “เออ พี่ตุ๊ ผม” ผมพูดไม่ออกเลยและก็ไม่กล้าสบตาพี่ตุ๊
                “ติ๊ก พี่ว่านะแอ้ก็รักติ๊กนะและห่วงใยติ๊กมากเช่นกันและดิวมันก็รักเรานะ แต่มันอาจจะไม่ได้มากไปกว่าเพื่อนที่โตมาด้วยกัน “พี่ตุ๊พูด ผมก็คงได้แค่นั้นจริงๆ
                “คำว่าเพื่อนนี้แหละยั่งยืนที่สุดแล้วติ๊ก “พี่ตุ๊พูด พี่ตุ๊เอามือมาลูปหัวผมเบาๆ
                “พี่เชื่อว่ายังมีคนที่รักน้องพี่ “พี่ตุ๊พูดนี้คงให้ผมตัดใจใช่ไหม
                “พี่ตุ๊ ติ๊กได้ยินพี่ตุ๊คุยกับพี่โจนะ ที่พี่ตุ๊ บอกพี่โจตอนนั้นก่อนที่พี่โจจะบินไปเรียนเมืองนอก ว่าถ้าพี่โจไม่รักพี่ตุ๊อย่างคนรัก ก็ห้ามไปคบกับพี่อ้น “ผมพูด พี่ตุ๊ก้มลงมองผมตกใจเล็กน้อย
                “ผมไม่เคยบอกเรื่องนี้กับไอ้แจ็คน่ะพี่ตุ๊หรือแม้กระทั้งแอ้ที่ผมสนิทที่สุด “ผมพูดพี่ตุ๊พยักหน้า
                 “ฟู่!” พี่ตุ๊พ่นลมออกมาจากริมฝีปากหนาๆ นั้น ใช่แล้วมันผ่านมาหลายปีแล้วและมันก็ยิ่งทำให้บ้านผมกับบ้านพี่อ้น บ้านพี่ดิม ห่างกันไปทั้งที่แต่ก่อนสนิทกันมาก
                “มันนานแล้วติ๊กและตอนนี้มันก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว ตอนนั้น พี่ก็เท่าๆ เรานี้แหละย่อมทำอะไรที่ไม่คิดบ้าง ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้พี่จะเลือกไม่ทำแบบนั้น น่ะติ๊ก” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้า
                “พี่ตุ๊ ติ๊กออยากให้พี่ตุ๊รักพี่พัฒน์ ติ๊กออยากให้พี่ตุ๊ แต่งงานกับพี่พัฒน์น่ะ เมื่อไหร่พี่จะบอกรักพี่พัฒน์ซะทีละ จะรอให้เสียพี่พัฒน์ไปก่อนหรือไง” ผมเงยหน้าขึ้นพูดกับพี่ตุ๊ พี่ตุ๊มองหน้าผม
                 “คงเร็วๆ นี้แหละ “พี่ตุ๊พูดยิ้มๆ ผมก็ทำตาโต ดีใจที่สุดเลย ดีใจแทนพี่พัฒน์
                 “จริงนะพี่ตุ๊ พวกผมนะอึดอัดอยากบอกแทนจะแย่แล้ว” ผมพูด
                  “แน่ละพ่อสื่อทั้งนั้นนิ เอาละนอนได้แล้วพรุ่งนี้ออกเดินทางแต่เช้านะ พี่ต้องไปช่วยพ่อทำงานเอกสารสำคัญน่ะติ๊กและพี่ก็ต้องไปงานทำบุญวันเกิดพี่ขวัญเขาด้วย ดังนั้นพี่จะไปส่งเราก่อนและพี่งานเลย” พี่ตุ๊พูด ผมหันมามองหน้าพี่ตุ๊ ว่าจะพาพี่พัฒน์ไปทำไม ที่นั้นน่ะ
                   “ช่วงนี้ติ๊กไม่มีงานอะ เงียบมาก สงสัยพ่อโทรเบรกงานผมแน่ๆ เลยพี่ตุ๊ ถ้าอย่างนั้นติ๊กไปช่วยพ่อทำเอกสารแทนก็ได้นะพี่ตุ๊ พี่ไปงานเถอะ “ผมพูดพี่ตุ๊สะบัดหน้ามามองผม
                   “ทำไมอะ พอจะไปช่วยก็ทำเป็นไม่เชื่ออะ พอไม่อยากไปก็เข็นจังเลย พี่ตุ๊นิ” ผมพูดพร้อมกับทำเสียงน้อยใจนิดๆ แต่ไม่ได้น้อยใจจริงๆ
                   “สงสัยพี่ต้องไปหาอะไรแคะหูสักหน่อย น้องชายพี่ขอไปช่วยพ่อทำงานเอกสาร “พี่ตุ๊พูดพร้อมกับวางไอแพดลง ผมแลปลิ้นใส่พี่ชายผมเลย และหยิบมือถือมากดฟังเพลง จะได้หลับตาลงซะที ไม่อย่างนั้นผมคงหลับไม่ลงและพรุ่งนี้ค่อยโทรหาพายด้วยว่ามันไปแรดที่ไหน เห็นบอกว่าอาเปรมดิ์มารับ ส่วนพี่ตุ๊ยังคงเช็กงานจากไอแพต
ตึ้ง! เสียงกล่องข้อความผมดังขึ้น พายมันส่งรูปมาให้ผม ผมก็เปิดเข้าไปดู
                 Pie// ไอ้เดี่ยวมันเล่นเพลงนี้โคตรเพราะเลยและอินเนอร์ดีเว้ออ่ะ//พายมันส่งรูปได้เดี่ยวเล่นกีตาร์และร้องเพลง When you say nothing at all ผมยอมรับว่ามันร้องได้ไพเราะเพราะมากจริงๆ . อย่างผมต้องไปเรียนร้องเพลงเพราะออกงานบ่อยแต่ว่าไอ้เดี่ยวมันไม่ได้เรียนเสียงมันยังไปได้ขนาดนี้ ถ้าเรียนน่ะผมว่านักร้องมืออาชีพได้เลย
                 Tik//แล้วไงว่ะ มันมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้ว
                 Pie// แล้วทำไมมึงไม่บอกมันไปเลยล่ะว่ะ ว่ามึงคิดยังไงกับมัน มันจะได้เลือกได้ถูก
                  Tik // บอกอะไร กูไม่ได้คิดเชี้ยอะไรกับมันทั้งนั้นแหละ และแค่นี้น่ะกูจะนอน กูนอนบ้านพักพี่ตุ๊กับพี่พัฒน์” ผมส่งข้อความไปบอกพายและกำลังจะวางมือถือลง
                  Pie//ปากไม่ตรงกับใจ ระวังจะเสียใจที่เสียเขาไปแบบเอากลับคืนมาไม่ได้//
                  Tik //กูว่ากูเสียไปแล้วว่ะ (ผมพิมพ์ข้อความตอบพายไป ผมว่ามันเรียบร้อยไปกับปูแล้วแหละ)

                  “ติ๊ก เดี๋ยวพี่มาน่ะ พี่จะไปหาอะไรอุ่นๆ ทานก่อน เราเอาไหม นมน่ะ” พี่ตุ๊หันมาถามผม ก่อนจะลุกจากเตียงไป ผมพยักหน้าเบาๆ แค่นั้น
                 ตึ้ง! พายมันส่งรูปมาให้ผมอีกแล้วแต่รูปนี้เป็นรูปเดียวเล่นกีตาร์และหันมามองผมที่ยืนอยู่ด้านข้าง มันแอบอมยิ้ม ที่หันมามองผมด้วยเช่นกัน แต่ว่ารูปพวกนี้มันคืออดีตไปแล้ว แค่เสี่ยววินาทีมันก็กลายเป็นแค่ความทรงจำขึ้นมาได้ เดี่ยวมันเลือกเขาแล้ว

                  Tik // พอแล้วพายกูขอร้องไม่ต้องส่งรูปพวกนี้มาให้กูแล้วว่ะ กูจะนอนแล้ว พรุ่งนี้กูโทรหาน่ะ ไนท์ ไนท์
Offline ทันที เพราะว่ามันเจ็บ

                   ผมลุกขึ้นจากที่นอน จะว่าไปก็ออกไปหาอะไรอุ่นๆ ดื่มบ้างดีกว่าเพื่อว่าจะได้หลับสบายดีเหมือนที่พี่ตุ๊พูด ผมเดินออกไปจากห้องนอนและตรงไปที่ตรงห้องครัวเล็กๆ และสิ่งที่ที่ผมต้องหยุดชะงักไม่กล้าก้าวเท้าเดินต่อ คือพี่ตุ๊กำลังจูบอยู่กับพี่พัฒน์ ผมยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง จนพี่พัฒน์หันมาเห็นผม ผมค่อนข้างตกใจไปในทางดีใจ ผมไม่เคยเห็นภาพนี้มาก่อนเลย คือที่บ้านพี่ตุ๊ไม่แสดงอาการอะไรออกมาเลยหรือว่าเกรงใจพ่อก็ไม่รู้ แหมแต่ที่นี้จัดเต็มเลย
                 “ติ๊ก” พี่พัฒน์เรียกชื่อผมเบาๆ ก่อนจะดันตัวพี่ตุ๊ออก พี่ตุ๊แค่หันมามองผม แต่พี่พัฒน์คงอายน่าดู พี่ตุ๊กับทำตัวเฉยๆ ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้ผม
“นมอุ่นๆ น่ะพี่พัฒน์เขาอุ่นเอาไว้ให้ ผสมน้ำผึ้งลงไปหน่อยจะได้หลับสบายติ๊ก มาดื่มซิ” พี่ตุ๊พูดก่อนจะส่งแก้วนมอุ่นๆ มาให้ผม ผมก็รับมาถือไว้และกระดกดื่ม
                 “งั้นผมไปนอนก่อนนะพี่ตุ๊ พรุ่งนี้เราทานอะไรกันก่อนออกเดินทางนะครับ” พี่พัฒน์พูดก่อนจะเดินมาหาผม
                 “ราตรีสวัสดิ์น่ะติ๊ก “พี่พัฒน์เดินมาพูดกับผมก่อนจะเอามือลูบหัวผมเบาๆ
                “อันที่จริง พี่ตุ๊ไปนอนห้องพี่พัฒน์ก็ได้น่ะ ผมนอนคนเดียวได้น่ะพี่ตุ๊” ผมเงยหน้าขึ้นบอกพี่ตุ๊
                “ไม่เป็นไรหรอก นอนกันทุกคืนแล้ว คืนนี้จะนอนกับน้องชายพี่บ้างไม่ได้หรือไง เรายิ่งไม่ค่อยมีเวลาตรงกันเลย ติ๊ก” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้าว่าจริงๆ ผมก็กระดกดื่มนมอุ่นๆ ทำไมผมถึงได้คิดไปถึงไอ้เดี่ยว ป่านนี้คงกอดกันกลมแล้วดิแถมยังเนื้อแนบเนื้อด้วย ไอ้เชี้ย แล้วมึงมาถามกูทำไมว่าอยากมีกันอยู่ไหม ไอ้สัส!! ผมคิดในใจ
*****

                  Part’ s เดี่ยว ผมอาบน้ำเป็นคนสุดท้าย ผม ผมให้ปูอาบน้ำก่อน หลังจากทำธุรส่วนตัวเสร็จ ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมก็เห็นว่าปูหลับแล้ว ผมยืนมองปูที่นอนหลับสนิท ผมว่าเขาน่ารักมากน่ะ ดูน่าทะนุถนอม แต่ผมกลับรู้สึกว่า ผมคิดถึงใครอีกคนมากกว่าและผมยอมรับว่าผมไม่ได้ทำอะไรปูเลยสักนิด ผมพาเขาเข้าไปอยู่ในห้องน้ำและกอดเขาไว้แค่นั้น ให้สายน้ำไหลผ่านจนปูเริ่มได้สติและนั้นผมถึงได้พาปูออกมานอนอยู่บนเตียงแค่นั้นแต่ว่าผมเปลี่ยนเสื้อ้ผ้าให้ปู ผมก็ไม่ได้มองเต็มตาหนัก ผมก็หลับตาบ้าง เอามือคลำๆหาและเปลี่ยนให้แบบทุลักทุเล นึกแล้วก็ขำตัวเอง ผมยืนมองปูก่อนจะค่อยๆ ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างเบาที่สุดเพราะว่ากลัวว่าปูจะตื่น
             
                 ตึ้ง! เสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าในมือถือของผม ผมก็กดเข้าไปดู ในกล่องข้อความและคนที่ส่งให้ก็คือพาย รูปตอนที่ผมขึ้นไปร้องเพลงกันบนเวที ตอนงานใกล้จะเลิก ตอนที่ผมชวนเขาขึ้นไปร้องเพลงด้วยกัน ชวนไปทำอะไรบ้าๆ เพื่อว่าเขาจะดีขึ้น สายตาติ๊กที่มองผม ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองใช่ไหม มันบ่งบอกว่าเขาเองก็รู้สึกยังไงกับผม
                 Pie// คนปากกับใจไม่ตรงกันอ่ะน่ะเดี่ยว ดูแล้วไม่ต้องแอบยิ้มเลยน่ะ // พายส่งข้อความมาแซวผม ผมยอมรับว่าดูแล้วก็แอบยิ้มอยู่คนเดียว แต่ทว่าเขาบอกกับผมเองว่าเขาไม่ได้รักผมเกินไปกว่าเพื่อนกัน
                  //เดี่ยวมึงคงจะรู้ใช่ไหมว่ามึงควรจะเลือกรักใคร // ไอ้ดิว พูดกับผมหลายวันก่อน ตอนนี้สองสิ่งนี้กำลังตีกันอยู่ในหัวผมทำให้ผมวุ่นวายไปหมดว่าผมควรจะเลือกทางเดินไหนดี จน ผมหันมามองปูที่นอนหลับปุ๋ย จะว่าไปเขาน่าสงสารมาก เฮ้อ! รักแบบเพื่อนมันอาจจะยั่งยืนกว่าว่าไหม ติ๊ก ผมค่อยๆ แทรกตัวเองเข้าไปในผ้าห่ม ผมค่อยดึงรั้งร่างของปูเข้ามากอดไว้ ผมเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ผมอาจจะรักปูได้หรือว่าผมกำลังสับสนอยู่
                  “อืมม” ปูแค่ส่งเสียงแค่นั้นเบาๆ และก็เงียบไป
                  “เดี่ยวคิดว่าเดี่ยวควรจะเลือกที่เดี่ยวไขว่คว้าได้ใช่ไหมปู “ผมพูดกับคนที่หลับอยู่ ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินไหมน่ะ แต่ผมคงต้องเลือกแล้ว เลือกคนที่ผมคู่ควรจริงๆ ผมทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ปู ดูท่าจะยังเพลียจากยาที่ปูได้รับและโชคดีที่ไม่มีอาการค้างเคียงอื่นๆ นี่ถ้าผมไปไม่ทันไม่รู้ว่าปูจะเป็นยังไง ต่อไปผมคงต้องดูแลปูให้ใกล้ชิดมากกว่านี้และมันอาจจะทำให้ผมเลิกคิดกับเขานั้นได้ มันอาจจะแต่ผมจะทำได้ไหมนี่ซิ

                  ผมนอนหลับโดยมีปูนอนอยู่ในอ้อมกอดของผม ผมมารู้สึกตัวตื่นก็ตอนที่เริ่มมีแสงสว่างจากพระอาทิตย์สอดแทรกเข้ามา ผมค่อยๆหันไปมองดูนาฬิกาตั้งโต๊ะดิจิตอล นี้เกือบจะเจ็ดโมงเช้าแล้ว ผมค่อยขยับตัวออกกลัวว่าปูจะตื่น ปูยังหลับอยู่เลย มันก็ไม่แปลกหรอก ฤทธิ์ยาน่าจะยังตกค้างอยู่ ผมเดินลงไปชั้นล่าง ผมเห็นมีกระเป๋าวางเอาไว้อยู่แล้วแสดงว่า ดิวและแอ้มันพร้อมเดินทางแล้วแต่กระเป๋านี้เหมือนจะไปแล้วไม่กลับมาอีก
              “ไอ้เดียวมึงตื่นแล้วเหรอ” ไอ้ดิวมันเดินออกมา
               “มึงย้ายบ้านเหรอ” ผมถามไอ้ดิว
               “กูอยากย้ายทุกวันแหละมึง”ไอ้ดิวมันพูด ผมก็มองแล้วนี่อะไร
               “ของลูกกู” ไอ้ดวิมันพูด ผมสะบัดหน้าไปมองหน้ามัน
               “จริงๆของลูกกู กูมีลูกกันแล้ว” ไอ้ดิวพูด
               “ลูก!! มึงพูดเล่นใช่ไหม “ผมเดินลงมามองหน้ามัน ไอ้ดิวมันรูดซิปกระเป๋าและหยิบมาให้ดู เสื้อผ้าเด็กจริงๆด้วย
               “เชื่อหรือยัง” ไอ้ดิวพูด
               “มึงมีกันได้ยังไงอ่ะ” ผมถาม
              “มีแล้วกันแต่อย่าให้กูพูดเลยว่ามีได้ยังไงอันนี้หลักการแพทย์บวกหลักวิทยาศาสตร์และหลายๆอย่าง พูดไปปีหนึ่งยังไม่หมดเลย” ไอ้ดิวพูด ผมพยักหน้าเบาๆ
                “ติ๊กมันรู้เรื่องนี้ไหม” ผมถามไอ้ดิว ดิวหันมามองหน้าผม
               “ไม่รู้ว่ะ” ดิวพูด
               “นั้นไง แค่มึงสองคนเป็นแฟนกันก็แย่แล้วน่ะทีปิดบังคนที่โตมาด้วยกันแต่นี้มีลูกอีก หนักเข้าไปอีก” ผมพูด ไอ้ดิวมันหันมามองหน้าผม
                “กูไม่ได้อยากปิดขนาดนี้แต่ว่า มันมีบางอย่างที่กูยับไม่สามารถที่จะบอกได้เพราะว่ามันอาจจะมีผลกระทบกับหลายๆคน” ดิวมันชักสีหน้าเข้าสู่โหมดซีเรียสขึ้นมาทันที
                “เฮ้ย!! กูขอโทษว่ะ “ผมพูด
                “กูเข้าใจ เป็นใครก็คิดแบบที่มึงคิดนี่แหละ”ดิวพูด
               “งั้นกูขึ้นไปปลุกปูก่อนนะจะได้ขับไปไม่ห่างกันมาก เพราะว่ากูก็ไม่เคยไปที่นั้น ครั้งแรกเลยวะ” ผมบอกไอ้ดิว ดิวมันพยักหน้า แอ้เดินลงมาพอดีเลย มีของลงมาอีกสองสามอย่าง ดิวก็รีบขึ้นไปขนลงมาแทน ผมหันไปยิ้มกับแอ้ จะว่าไปไอ้ดิวนี้มันทำเหมือนมันเป็นพ่อบ้านไปแล้วน่ะ แต่ทำไมผมรู้สึกสงสารอีกคนจับใจยังไงก็ไม่รู้ ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง เมื่อวานไอ้ดิวมันบอกไปแล้วว่ามันรักแอ้ขนาดนั้น
               TBC...


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด