EP.67 ติ๊กกำลังหาที่ลงพอดีเลย
Part’ s ติ๊ก ผมนั่งช่วยพี่ตุ๊ทำงานเอกสารแทนพี่ตุ๊เห็นว่าผมลายมือสวยเลยมอบหมายให้ผมเขียนรายงานลงในสมุดบันทึก ผมยอมรับว่าผมลายมือสวยเหมือนพิมพ์เลยทีเดียว พี่ตุ๊ขอลงไปคุยกับครูมาใหม่ ผมรู้ว่ากว่าจะเป็นโรงเรียนมันยากมากแต่ว่ารักษานี่ซิยากกว่าเพราะการบริหารงานโรงเรียนมันยุ่งยากกว่าบริหารงานโรงแรมซะอีก ผมนี้นับถือพ่อผมเลย ที่พ่อสามารถที่จะเปิดและขยายสาขาได้มากมายทั่วประเทศแต่ว่าโรงเรียนนี้ที่ผมมาเรียน ไม่ใช่ทั้งหมดของพ่อผมแต่เป็นขององค์กร ดังนั้นโรงเรียนนี้จึงไม่เชิงว่าเป็นเอกชน จึงมีนักเรียนหลากหลาย มีตั้งแต่ฐานะดีจนถึงฐานะยากจนเพราะว่าได้ทุนมาก็มี
“คุณน้ำตาลครับ ผมบอกว่าพี่ตุ๊ไม่อยู่ในห้องครับ” ผมได้ยินเสียงดังเอะอะมาจากด้านนอกห้อง ทำให้ผมต้องวางปากกาลงก่อนจะเปิดดูหน้าจอมอนิเตอร์ ผมถึงกับต้องมองจ้องว่าใครกัน นั้นมันผีบ้าที่ไหนเนี๊ย! สวมชุดแซกสั้นไม่เกรงใจว่านี้คือโรงเรียนบ้างเลย ที่สำคัญ กำลังยื่นใช้นิ้งชี้หน้าพี่พัฒน์ของผมด้วย มีเหรอที่ติ๊กจะปล่อยเอาไว้ ผมรีบลุกขึ้นไปก่อนจะเปิดประตูทันที
“อย่ามาโกหก” ผู้หญิงคนนี้บอกพี่พัฒน์ เธอไม่เห็นว่าผมยืนอยู่ข้างหลัง
“กลัวเหรอว่าฉันจะทำให้คุณตุ๊ เขี่ยหลอนทิ้ง ไม่ต้องกลัวหรอกเพราะว่าฉันน่ะ ทำจริง!” ผมพยักหน้า
“ดังนั้น อย่ามากันท่าฉันซะให้ยาก ถ้าคุณตุ๊เขาเอาหลอนจริง ป่านนี้คงบอกใครต่อใครไปทั่วแล้วว่าเป็นอะไรกัน เขาอบกแค่ว่าเป็นน้อง ก็อยู่ส่วนน้อง เข้าใจไหม “เธอพูด
“แต่อย่างว่าแหละ ดูซิ จื้ดฉืดขนาดนี้ ใครจะเอามาออกหน้าออกตา สำรวจตัวเองหน่อยน่ะ “ผมถึง สำรวจคนที่ว่าพี่พัฒน์ผมทันที ผมมองสำรวจรูปร่างของนาง ตัวเล็กน่ะ แต่ขานี้เป็นป่องเหมือนผักตบชะวา ผิวขาวใช้แต่ขาวซีดมากกว่า หน้าอกนี้ก็ดันจนขึ้นมาทั้งเต้าอยู่แล้ว ผมเดาว่าดันแบบนี้น่ะ ไม่ค่อยมีหรอก
“ผมไม่ได้โกหกและไม่ได้กลัวอะไรคุณทั้งนั้น แต่ว่าที่คุณทำมันรบกวนการทำงานของพี่ตุ๊ครับ คุณควรจะโทรมานัดและมาตามเวลานัดครับ” พี่พัฒน์พูด
“ฉันจะมาตอนไหนก็เรื่องของฉันไม่ใช่เรื่องของแก เป็นได้แค่น้องกำมะลอ น้องแท้ๆ ก็ไม่ใช่สักหน่อย อย่าเสล่อ!!! “เธอพูด
“ฉันว่าเธอควรจะไปหา ใครน่ะ เมื่อเช้าน่ะเห็นลูกน้องฉันบอกว่ายืนคุยกัน กะหนุงกะหนิง ฉันว่าเธอต้องแบบนั้นน่ะ พวกสายช่างน่ะ ไม่ใช่สายบริหารงานอย่างคุณตุ๊ เหมาะสมดี “นางพูด ผมนี้แทบจะเหลืออด พี่พัฒน์หันมามองผมพอดี
“ไปหาแบบนั้นไป เข้ากันดีกว่า ส่วนฉันจะไปหาซีอีโอของฉันนี้ “ผู้หญิงคนนี้พูดก่อนจะหันมาและเขาก็ต้องตกใจมากที่เห็นว่าผมยืนจังก้าที่หน้าประตู
“ว้ายตายแล้ว! “ผู้หญิงคนนี้อุทานทันที
“ยังไม่ตายแต่ดูท่าจะมีคนได้ตายอย่างสงบศพสีชมพูแน่ๆ โดยเฉพาะคนปากดี “ผมพูด
“เธอคือใครเนี่ย? และนี่มาทำอะไรในห้องผู้อำนวยการย๊ะ นักเรียน” เธอเอ่ยถามผม แถมย้ำว่านักเรียนด้วย
“มาเล่นซ้อนแอบเหรอ” คุณคนนี้ถามผม
“พี่พัฒน์ครับ นี่คนบ้าที่ไหนหลุดมาเหรอครับ ให้ผมเรียกรปภ ให้ไหมครับ หรือร้องขอให้เจ้าที่โรงพยาบาลรักษาโรคประสาท มาพอไปดีครับ” ผมถามพี่พัฒน์
“นี่แก แกกล้าเรียกฉันว่าเป็นคนบ้าเหรอ ฉันไม่ยอม เด็กบ้า เด็กเปรต เด็กไม่มีใครสั่งสอน แกต้องได้เจอดี แกรู้ไหมว่าฉันลูกใครและพ่อฉันน่ะเป็นใคร เด็กๆ ที่นี้ รู้จักพ่อฉันทุกคนและพ่อฉันก็สั่งเด็กๆ พวกนี้ได้ด้วย “ผมพยักหน้าว่ากลัวจังเลย
“ติ๊ก ไม่เอาน่ะ กลับไปทำงานต่อเถอะพี่จัดการเอง” พี่พัฒน์พูด
“อ้อ นี่เด็กเธอเหรอนางครูพัฒน์ นี้ส่งเด็กเธอเข้ามาสนองในห้องคุณตุ๊เลยเหรอ เป็นแม่เล้าซะด้วย” ผมนี้ว่าจะหันหลังเพราะไม่อยากทำให้พี่พัฒน์เดือดร้อนแต่ว่าขึ้นมาขนาดนี้ติ๊กจะทนเพื่อ ผมหันหลังเดินลงมาทันที ผมยืนเอามือเท้าเอวส่วนผู้หญิงตรงนี้นี้ตกใจก่อนจะถอยหลังทันที
“นี่แกจะทำอะไรฉันน่ะ “เธอถามผม
“สั่งสอนคนที่ปากดีนี่ไง เป็นผู้ใหญ่ภาษาอะไรวะ รู้ตัวไหมว่าเป็นผู้หญิงที่มีแค่อายุเท่านั้นบอกได้ว่าแก่แล้วแต่สมองนี้ดูท่าจะไม่โตหรือหยุดโตไปนานแล้วครับป้า” ผมพูด เธอมองหน้าผม
“อ้ายย!!!!” ผมกับพี่พัฒน์ถึงกับต้องเอานิ้วอุดหูทันที
“นี่คุณน้ำตาล!! คุณจะมากรี้ดแบบนี้ไม่ได้น่ะครับ คุณไม่อายนักเรียนที่นี้บ้างเหรอครับ” พี่พัฒน์ถาม
“นั้นซิ มาเล่นจำอวดให้เด็กมันหัวเราะกันอยู่ได้ บ้าหรือเปล่า” ผมถามเธอ
“เธอกล้ามากน่ะ ฉันจะให้คุณตุ๊จัดการและฉันเดาว่า เธอคงได้รับการสั่งมาจาก….” เธอพูดก่อนจะหันไปมองพี่พัฒน์
“คนนี้ใช่ไหมที่สั่งให้ทำน่ะ” เธอหันไปชี้พี่พัฒน์ ผมมองบนทันที
“นี่ผมไม่ใช่เด็กอนุบาลน่ะ ที่จะต้องให้ใครสั่งนั้นทำนี้ อันนี้คิดเองได้” ผมพูด
“ฉันไม่สนล่ะ รอคุณตุ๊มาก่อน แกสองคนโดนแน่นอน” ผู้หญิงคนนี้พูด
“งั้นก็ยืนรอไปน่ะ “ผมพูด
“พี่พัฒน์ เข้ามาในห้องเถอะ ยืนข้างนอกทำไมร้อนจะตาย เราเข้าไปตากแอร์กันดีกว่า ปล่อยให้คนบ้ายืนร้องแรกแหกกระเจิงไปคนเดียว จะรอใครก็รอไปแล้วกัน” ผมพูดพร้อมกับพยักหน้าเรียกพัฒน์เข้าห้องทำงานพี่ตุ๊
“หยุด!! ฉันต่างหากที่ควรจะได้เข้าไปรอคุณตุ๊ในห้องเพราะว่าฉันคือแขกส่วนแกกับครู ออกไปข้างนอก” จู่ๆ เธอก็กระโดดขวางพี่พัฒน์และทำท่าจะไล่ผมออกจากห้อง
“เป็นแขกของใครเหรอ” ผมถามเธอกลับ
“คุณตุ๊ “เธอตอบผม
“งั้นก็รอคุณตุ๊แล้วกันน่ะเพราะว่าคุณไม่ใช่แขกของผมสองคน “ผมพูดและพยักหน้าให้พี่พัฒน์เข้าห้องแต่นางนี้ก็ไม่ยอม ผมก็เลยก้าวเท้าออกมามองหน้าเธอว่าจะขวางทำไม จู่ๆ พี่ตุ๊ก็เดินขึ้นมาถึงพอดี
“ตุ๊บ!!” นางรีบกระโดดลงไปกองกับพื้นเฉยเลย
“อ้าย!! ช่วยด้วยค่ะ เด็กนักเรียนทำร้ายค่ะ” ผมก็ยืนมอง แสดงเก่งกว่ากูอีก ตีเนียนมาก พี่ตุ๊เดินมาถึงมองผมกับยายคุณน้ำตาลอะไรนี้สลับกันไปมา
“คุณตุ๊ค่ะ เด็กนักเรียนคนนี้ทำร้ายค่ะ เขาทำตามคำสั่ง ครูพัฒน์ค่ะ ครูพัฒน์เขาสั่งให้เด็กคนนี้ทำร้ายน้ำตาลค่ะ” ผมหันไปมองพี่พัฒน์ งานใส่ร้ายคนอื่นก็มาเหรอ
“นี่ ช่วงนี้ยุ่งมากไหม” ผมถามเธอ
“ไม่ยุ่ง ทำไม” เธอถามผม
“กูจะให้ผู้กำกับหนังติดต่อไปเล่นบทนางร้ายให้หน่อยแม่ง แสดงเหมือนจริงมาก” ผมพูด
“แต่ดูแล้วในชีวิตจริงเธอนี้คงไม่มีบทดีกับเขาบ้างเลยมั้ง” ผมพูดเธอสะบัดหน้ามามองหน้าผมทำท่าจะอ้าปากด่าผมแต่เธอก็เสแสร้งทำเป็นบทนางเอกซะงั้นเพื่อให้พี่ตุ๊เห็นใจ ผมเบ้ปากทันที
“ติ๊ก!!!” พี่ตุ๊เรียกชื่อผมเพื่อให้ผมหยุดเล่นสงครามประสาทกับผู้หญิงคนนี้ พี่มองผมและมองคุณน้ำตาลที่นั้งพับเพียบเหมือนเจ็บน่าดู พี่ตุ๊ทำท่าจะก้มลงไปช่วยประคองผู้หญิงขี้สำออยคนนี้แต่ว่า
“พี่ตุ๊อย่า ผมดีกว่า” ผมรีบเอาตัวเข้าไปขวางก่อนจะย่อตัวลงเพื่อจะช่วยดึงแม่น้ำตาลก้นหมออะไรนี้ขึ้นมาแทนพี่ตุ๊
“หมับ” ผมรีบจับแขนเธอแต่เธอมองหน้าผมก่อนจะมองพี่ตุ๊ สายตานี้แตกต่างกันลิบลับเลยน่ะ
“ผมช่วยนะครับคุณน้ำบาดาล” ผมพูด
“น้ำตาลย๊ะ!!” เธอพูด
“ลุกขึ้นครับ” ผมพูดกัดฟันให้เธอลุกขึ้น
“ไม่!!” เธอพูดเพราะว่าเธอต้องการให้พี่ชายผมเป็นคนชุดเธอขื้นซิน่ะ
“รีบลุกขึ้น “ผมพูดรอดไรฟันประมาณกูกำลังจะหมดความอดทนน่ะ
“ก็บอกว่าไม่” เธอยังยืนยันว่าไม่ ผมหันไปยิ้มกับพี่ตุ๊ที่ยืนเลิกคิ้วมองผมว่าทำไมเธอไม่ลุกขึ้นสักที
“แมงมุมมันอยู่ข้างๆ น่ะครับ ตัวใหญ่ซะด้วย” ผมพูด
“อ้ายย!! ไหน ๆ มันอยู่ไหน) )) ) “เธอรีบดีดตัวขึ้นมาทันที ผมหันไปหยักคิ้วให้พี่ตุ๊ เป็นไงล่ะ ไม่ต้องเสียเวลา หลอนดีดตัวขึ้นมาได้ก็มองไปรอบๆ
“ไหนล่ะ แมงมุมน่ะ “เธอถามผม
“ไปแล้ว” ผมพูด
“โกหก!!” เธอมองหน้าผม
“คุณก็โกหกไม่ใช่เหรอ โกหกหาว่าผมผลัก ดังนั้นนี้เราก็เสมอกัน” ผมพูด
“นิ!!...” เธอทำท่าจะด่าผมต่อ
“พอเถอะครับ เด็กๆ มองกันหมดแล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันครับ อธิบายให้ผมฟังหน่อย” พี่ตุ๊ถามพร้อมกัมองหน้าผมสามคนสลับกันไปมา
“ครูพัฒน์” พี่ตุ๊หันไปผายมือให้พี่พัฒน์อธิบาย
“คือคุณน้ำตาล…” พี่พัฒน์ทำท่าจะอธิบาย
“พอดีน้ำตาลนะคะ มีเรื่องจะมารายงานเกี่ยวกับเด็กนักเรียนค่ะ มีคนรายงานที่พ่อของน้ำตาลว่าเด็กของที่นี้ไปสร้างความเดือดร้อนค่ะ น้ำตาลเลยว่าจะมาคุยกับคุณตุ๊ ไม่อยากให้เกิดปัญหาใหญ่” เธอพูดแทรกทันที
“แต่ว่ามีคนไม่ยอมบอกน้ำตาลกันท่าใหญ่เลยค่ะและยังสั่งให้เด็กที่นี้ ทำร้ายน้ำตาล น้ำตาลก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ นะคะ” เธอพูด
“คุณไม่ได้บอกผมแบบนี้เลยนะคุณน้ำตาล คุณบอกว่าจะมาหาคุณตุ๊แต่ผมบอกว่าคุณตุ๊ไม่อยู่ แต่ถึงอยู่ คุณน้ำตาลก็ควรจะนัดล่วงหน้าเพราะว่าช่วงนี้คุณตุ๊งานเยอะ มีเอกสารต้องเซนต์มากมาย ส่วนเรื่องด่วนอะไรของคุณ คุณไม่ได้บอกผมเลยด้วยซ้ำ” พี่พัฒน์พูด พี่ตุ๊หันไปมองคุณน้ำตาลทันที
“อ้าว ฉันต้องบอกเธอด้วยเหรอ นี่เรื่องสำคัญมากควรจะบอกคุณตุ๊มากกว่าน่ะ คุณครู เพราะว่าคุณตุ๊คือผู้บริหารโรงเรียนนี้” เธอพูด
“คุณน้ำตาล คุณคงไม่ทราบว่า พัฒน์เขาเป็น ผู้ช่วยผู้อำนวยการครับ ดังนั้นตำแหน่งพัฒน์กับตำแหน่งของผมไม่ได้ต่างกันมากครับ คุณสามารถบอกได้ทุกเรื่องครับ เหมือนกันครับ” พี่ตุ๊หันไปพูดกับคุณน้ำตาล
“คิก” ผมถึงกลับกลั้นหัวเราะทันที
“เป็นไงล่ะ ไม่ศึกษาข้อมูลก่อนจะมาแบทเทิลเขาก็ยังงี่แหละ” ผมพูด
“ก็น้ำตาลไม่ทราบนี่ค่ะ” เธอพูด
“แต่!! ที่ร้ายแรงมากไปกว่านั้นคือเด็กคนนี้ เขาทำร้ายน้ำตาล แบบนี้ คุณตุ๊ควรจะเรียกผู้ปกครองมารับผิดชอบนะคะ “เธอพูดพร้อมกับหันมาชี้ที่ผม ผมก็ชี้ตัวเอง
“เออ คุณน้ำตาลครับ ผมว่าอย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยนะครับ ผมให้เด็กขอโทษได้ไหมครับ” พี่ตุ๊พูด ผมก็มองพี่ตุ๊ ขอโทษทำไม
“ขอโทษคนแบบนี้เพื่ออะไรอ่ะ ไปขอโทษหมายังดีกว่า “ผมหันไปพูดกับพี่ตุ๊ พี่ตุ๊ทำหน้าให้ผมขอโทษจะได้จบๆ ไป
“เห็นไหมคะ ไม่ได้ค่ะ เรียกผู้ปกครองเด็กมาค่ะ” เธอพูดพร้อมกับหันมามองหน้าผม
“คือผมว่าไม่ดีกว่านะครับ “พี่ตุ๊พูด
“อยากเรียกพ่อผมมาอย่างนั้นเหรอ” ผมถามคุณน้ำตาล พี่พัฒน์แตะแขนผมพร้อมกันสั่นหัวเบาๆ
“ใช่ ไปเรียกมา ฉันจะรอ” เธอหันมาพูด
“ไม่ต้องไปเรียกที่ไหนไกลหรอกครับ ผู้ปกครองผมน่ะ อยู่ใกล้ๆ นี่ครับ” ผมพูด
“เป็นใครเหรอ ครูหรือว่าภารโรงล่ะแต่ฉันเดาว่า ภารโรงมากกว่า” เธอพูด ผมพยักหน้า
“คุณน้ำตาล” พี่ตุ๊เรียกเธอ
“ลงไปเรียกมา ฉันกับคุณตุ๊จะนั่งรอในห้อง” เธอพูด
“ไม่ต้องไปรอที่ไหนหรอกครับครับ อยู่ตรงนี้แหละเพราะว่าผู้ปกครองผมน่ะ เขายืนอยู่นี้และตรงนี้ ตรงหน้าคุณนี่!! “ผมพูดและชี้ไปที่พี่ตุ๊ ให้เป็นผู้ปกครองไปเลยหนี่ง พี่ตุ๊หันมามองหน้าผม
“ฮาๆ ตลกตายเลย ใครจะเชื่อว่าคุณตุ๊นี่น่ะ ผู้ปกครองเธอ โกหก!!”
“พี่ตุ๊ บอกเขาไปซิครับว่าพี่คือใครแล้วเป็นผู้ปกครองผมได้หรือไม่ได้” ผมถามพี่ตุ๊ พี่ตุ๊มองหน้าผมก่อนจะหันไปมองผู้หญิงเจ้าปัญหา
“พี่พัฒน์เขาก็เป็นผู้ปกครองผมเช่นกันนะครับ ถ้าอย่างนั้นผมก็มีผู้ปกครองสองคนตอนนี้ เลือกเอาเลยจะคุยกับใครแต่ผมคิดว่า คนนี้ดีที่สุด คุยเลย คุณผู้บริหารโรงเรียน” ผมพูดและชี้ที่พี่ตุ๊
“ไม่จริงใช่ไหมคะคุณตุ๊” เธอหันไปถามพี่ตุ๊
“เออ จริงครับ” พี่ตุ๊พูด
“นักเรียนคนนี้เขาเป็น น้องชายคนเล็กของผมครับ “พี่ตุ๊พูด
“อะไรนะคะ?” เธอถึงกลับสะบัดหน้ามองหน้าผมทันที
“ใช่ครับ น้องชายคนเล็กของผมเอง ชื่อติ๊กครับและที่ผมไม่ให้เรียกพ่อเขามาเพราะว่าพ่อเขาก็คือพ่อผม” พี่ตุ๊พูด
“และพ่อผมก็ไม่อยู่ครับ ไปธุระต่างประเทศ” พี่ตุ๊พูดก่อนจะหันมามองหน้าผม
“ดังนั้นผมก็รักษาการผู้ปกครองไปก่อน” พี่ตุ๊พูดกัดฟันเล็กน้อย ผมน่ะยิ้มกับคุณน้ำตาล
“นะ…. นะ…น้องชายเหรอคะ” เธอถามพี่ตุ๊ ติดอ่างขึ้นมาทันทีเลย เธอมองผมกับพี่ตุ๊สลับกันไปมา
“ครับ คุณน้ำตาล ผมนี่แหละลูกชายคนเล็กของพ่อภาคย์ “ผมพูด
“คนที่เป็นดาราใช่ไหมคะคุณตุ๊” คุณน้ำตาลหันไปถามพี่ตุ๊ พี่ตุ๊พยักหน้าว่าใช่
“ที่ว่าขาวีนสุดๆ” เธอพูดชมผม
“นี่ชมเหรอ…” ผมถามเธอกลับทันที
“แต่…ผมไม่ได้วีนทุกคนน่ะ วีนเฉพาะคนที่ กวนประสาทผมก่อน” ผมพูดพร้อมกับมองหน้าเธอ
“ว่าแต่…เมื่อกี้ผมผลักคุณเหรอครับ คุณน้ำตาล” ผมถามคุณน้ำตาล
“เมื่อกี้เหรอ…เออ... ไม่ใช่ค่ะ น้ำตาลน่าจะสะดุดขาตัวเองค่ะและน้ำตาลก็ตกใจมาก เลยคิดว่า คุณผลักนะคะ เฮอะๆ “คุณน้ำตาลพูด
“หน้าตาดีนะคะ น้องชายคุณตุ๊ หล่อทั้งบ้านเลยเนอะ “คุณน้ำตาลอะไรนี่จะเข้ามาหาผมแต่ว่ากระเทิบออกทันที
“แสดงเก่งทุกบทบาทเลยเนอะ คนเดียวได้หมดทุกบทแต่รู้สึกว่าบทคนบ้านี่เล่นได้เนียนเหมือนคนบ้าจริง” ผมพูด
“ติ๊ก!!” พี่ตุ๊พูด
“ตกลง เขาทำอะไรคุณหรือเปล่าครับ” พี่ตุ๊ถามเธอ ผมหันไปมองหน้าอีกครั้ง
“ไม่ค่ะ น้ำตาลคิดว่าเราเข้าใจผิดกันนิดหน่อยค่ะ” คุณน้ำตาลพูด
“ถ้าอย่างนั้น ก็แล้วไปครับ” พี่ตุ๊พูด
“ว่าแต่คุณน้ำตาลมีเรื่องอะไรสำคัญมากเหรอครับ” พี่ตุ๊ถาม
“เราเข้าไปคุยกันในห้องสองคนดีไหมคะ” ผมหันไปมองสองคนเลยเหรอ”
“ผมรีบนะครับ ผมต้องไปดูงานที่สระว่ายน้ำก่อน” พี่ตุ๊พูด
“งั้นคุณ รายงานกับครูพัฒน์ได้ไหมครับเพราะว่าครูพัฒน์เขาก็รับเรื่องนี่ได้ นะครับ ผมรีบจริงๆ ขอบคุณครับ” พี่ตุ๊พูดก่อนจะพยักหน้ากับพี่พัฒน์และหาเรื่องชิ่งหนีไปทันที ผมก็หยักไหล่ก่อนจะหันมามองคุณน้ำตาล
“ดูท่าจะเรื่องใหญ่น่ะ อยู่ฟังด้วยดีกว่าจะได้ช่วยกันจับผิด” ผมพูดยิ้มๆ
“ไม่ดีกว่า ฉันมีธุระด่วนเหมือนกัน “และคุณน้ำตาลอะไรก็รีบหันหลังเดินออกไปทันที ผมก็มองตามเธอก่อนจะหันมามองพี่พัฒน์
“พี่พัฒน์ พี่อย่าไปยอมยายบ้านี้ให้มากน่ะ มีอะไรบอกพี่ตุ๊ไปตรงๆ เลย ว่าไม่ควรให้คนแบบนี้เข้ามาในโรงเรียนได้แล้ว อาการหนักเหมือนคนขาดยาเลยเนี๊ยะ” ผมพูด
“ติ๊ก! เรานี่น่ะ ไปว่าเขา เขาเป็นลูกคนใหญ่คนโตและเขาก็สนิทกับพ่อด้วยน่ะ” พี่พัฒน์พูด
“ใหญ่แค่ไหน ผมไม่แคร์เพราะว่าผมเชื่อว่าพ่อจะไม่ยอมเหมือนกันถ้าลูกสาวเขาทำกับพี่พัฒน์แบบนี้เพราะว่าพ่อน่ะรักพี่พัฒน์เหมือนลูกๆ ทุกคน” ผมพูดก่อนจะหันหลังเข้าไปในห้อง โดยมีพี่พัฒน์ตามเข้าไปเช่นกัน ผมนั่งลงทำเอกสารให้พี่ตุ๊ต่อ
“ติ๊ก อ่ะน้ำผลไม้ ดื่มสักหน่อยน่ะ ดูสีหน้าเราซิ เครียดเหรอ” พี่พัฒน์ถามผม ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่พัฒน์
“ทานสักหน่อยจะได้ดีขึ้น” พี่พัฒน์พูดพร้อมกับนั่งลง
“ผมแค่เบื่อๆ น่ะพี่พัฒน์ ผมอยากรับงานบ้างแล้ว” ผมพูดด้วยน้ำเสียงแอบนอยด์ พ่อแบนงานผมเกือบหมดเลย
“พ่ออยากให้ติ๊กพักน่ะพี่ว่า” พี่พัฒน์พูด
“แต่มันเป็นงานที่ผมชอบน่ะ” ผมบอกพี่พัฒน์
“พี่เข้าใจแต่ว่า...” พี่พัฒน์พูด
“ลุงหนึ่งเขาติงมา นี่มันชีวิตผมไหมอ่ะพี่พัฒน์ “ผมพูด
“เอาน่ะ พอเราผ่านเรื่องนี้ไปได้ ลุงหนึ่งก็คงไม่เคร่งกับเรามากแล้วแหละพี่ว่าน่ะ “พี่ตุ๊พูดเชิงให้กำลังใจผม จังหวะนั้นประตูถูกเปิดเข้ามา ผมเดาว่าเจ้าของห้องเพราะว่าห้องพักพี่ตุ๊ต้องใส่รหัสผ่านและมันก็ใช่จริงๆ ด้วย ผมมองพี่ตุ๊
“พี่ตุ๊ ไปดูสระว่ายน้ำมาแล้วหรือครับ” พี่พัฒน์ถามพี่ตุ๊
“ดูมาแล้วตอนที่พี่ลงไปคุยกับครูคนใหม่น่ะพัฒน์แต่ดันเจอคุณน้ำตาล” พี่ตุ๊พูด
“ตอนแรกก็หลบอย่างดี นึกว่าจะขึ้นมาไม่เจอ ที่ไหนได้มายืนต่อปากต่อคำกับ…” พี่ตุ๊พูดพร้อมกับหันมามองผมด้วย
“ผมก็ไม่ได้อยากต่อปากต่อคำกับเธอแต่ว่าเธอยืนด่าพี่พัฒน์ฉอดๆ ผมคงไม่ทน” ผมพูด
“แต่ถ้าพี่ตุ๊ทนได้ก็เรื่องของพี่” ผมพูด
“ติ๊ก พี่ไม่ได้ทนแต่ว่าบางเรื่องมันก็พูดยาก” พี่ตุ๊พูด
“พี่โทรหาพ่อของคุณน้ำตาลแล้วน่ะ สั่งว่าห้ามเธอเข้ามาโดยไม่มีเหตุจำเป็น พ่อของเธอก็รับปากพี่แล้วน่ะ” พี่ตุ๊พูด ผมก็พยักหน้าว่าพอได้อยู่แต่ยัง จนกว่าจะแน่ใจว่ายายคุณน้ำตาลนี่จะไม่กลับมากวนใจพี่พัฒน์อีก
“พี่เจอแจ็คแล้ว เขาบอกว่าปูปลอดภัยดีแล้ว “พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้าเบาๆ
“แอ้ ดิว ก็กลับบ้านพักเลย” พี่ตุ๊พูด
“งั้นผมกลับบ้านพักเลยเหมือนกันเพราะว่าผมจะไปทำรายงานต่อที่บ้าน ผมจะมาหาพี่ตุ๊ตอนเช้าเลยน่ะ จะได้กลับบ้านกัน” ผมพูดพร้อมกับเก็บข้าวของให้เข้าที่ น่าแปลกน่ะที่ไม่มีใครโทรบอกผมเลย อย่างว่าและทุกคนคงมองว่าผมคือตัวร้ายกันหมด ใครจะอยากจะบอกล่ะว่าไหม
“ผมก็จะกลับบ้านเลยน่ะพี่ตุ๊ ผมจะมาหาพี่ตุ๊พรุ่งนี้เช้า ผมจะกลับกรุงเทพกับพี่ตุ๊และพี่พัฒน์เลย” ผมพูด พี่ตุ๊พยักหน้าเบาๆ พี่พัฒน์หันมามองหน้าผม
“พี่จะไปส่งเราก่อนเพราะว่าพี่จะไปงานทำบุญวันเกิดพี่ขวัญเขา” พี่ตุ๊พูด ผมหันไปมองหน้าพี่ตุ๊ ผมเชื่อว่าพี่ๆ ทุกคนก็ไม่เห็นด้วยที่พี่ตุ๊ยังไม่ยอมตัดขาดกับครอบครัวนี้สักที
“พรุ่งนี้มาแต่เช้าน่ะจะได้ออกแต่เช้า บอกพี่คนขับรถให้ไปรับแต่เช้าเลยล่ะ” พี่ตุ๊ชิ่งพูดกับผมซะก่อน ผมหันมามองพี่พัฒน์ พี่พัฒน์พยักหน้ากับผมเบาๆ ผมรู้ว่าพี่พัฒน์แค่พี่ตุ๊มากแต่ว่าพี่ตุ๊ซิ แคร์พี่พัฒน์แค่ไหน ในบางเรื่องก็ยอมเขาเกินไป ยอมตั้งแต่พี่ขวัญแล้ว ทั้งที่เราทุกคนก็รู้ว่าพี่พัฒน์น่ะ รักพี่ตุ๊ ผมเลยทำได้แค่เดินออกไปเพื่อจะกลับไปที่บ้าน ว่าแต่ผมจะทำหน้ายังไงถ้าเจอไอ้เดี่ยวมันหรือว่าความสัมพันธุ์ของผมกับไอ้เดี่ยวมันจะจบแค่นี้ คำว่าเพื่อนก็ไม่ควรจะมีกันแน่ ในหัวผมนี่ตีกันวุ่นวายไปหมดเลย ตกลงผมรู้สึกอยู่ตอนนี้ โมโหที่แอ้ไปกับไอ้ดิวหรือโมโหที่ไอ้เดี่ยว มันไปช่วยปูกันแน่ มันสับสนไปหมด
TBC…