(รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้องๆ)EP.68 เจ็บที่พูดไม่ได้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (รีไรท์)Mpregรักวุ่นวายผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้องๆ)EP.68 เจ็บที่พูดไม่ได้  (อ่าน 3266 ครั้ง)

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.39(ดิว Xแอ้)เซอไพรส์วันเกิดน้องมีน ครึ่งแรก

       แอ้VSดิว หลังจากที่ผมสองคนเพ่นกันออกมาจากคอนโดก็ขับรถไปค่ายทหารทันที ผมชำนาญการขับรถตั้งแต่ยังไม่สิบแปดปี ผมขับรถให้พ่อผมบ่อยและเดินทางไปกลับกรุงเทพบ่อยเหมือนกันก็เรียนอีกที่ลูกอยู่อีกที ตอนแรกคิดว่าถ้าผมได้เข้ามหาวิทยาลัยผมจะพาลูกๆ ไปอยู่กรุงเทพด้วยซ้ำ

           “เป็นไงละไอ้ดิว ดีนะที่เดฟช่วยเอาไว้ไม่อย่างนั้นกูจะตอบคำถามพี่เอ็กซ์ยังไง” แอ้พูด ผมขับรถจนใกล้จะถึงบ้านแล้ว

            “แอ้ เราต้องบอกพี่ๆ แล้วนะ สงสารพี่ดิมและ พี่เดฟอ่ะ ที่ต้องโกหกเพื่อนซี้แบบนั้นตลอดและเราปิดไปไม่ได้นานอยู่แล้ว ลูกเราโตขึ้นทุกวันแอ้” ผมพูดบอกแอ้ แอ้หันมามองหน้าผม

             “แอ้ ดิวเชื่อว่าหลานๆ น่ารัก ลุงๆ นะหลงหลานแน่ๆ เชื่อดิ” ผมพูด แอ้หันมามองผมอีกที

               “จะว่าไป ยังไม่ได้เปิดเครื่องเลยน่ะและส่งข้อความหาไอ้ติ๊กอีก ป่านนี้มันไปตามหากูที่บ้านแล้ว” แอ้พูด ผมก็มองแอ้และยิ้มให้แอ้

               “ยิ้มอะไรดิว” แอ้เหลือบตาขึ้นมองผม

                “แอ้ ดิวส่งข้อความหาติ๊กให้แล้ว บอกว่าแอ้จะนอนคอนโดของแอ้” ผมบอกแอ้ แอ้หันมาทำหน้าตกใจ

                  “จะขอบใจเหรอ” ผมถามแอ้

                 “ดิว พี่อั๋นเขาเอากุญแจไป เขาจะไปนอนที่นั่น พี่อั๋นเขาจะอ่านหนังสือเลยอยากได้ความสงบอ่ะ แอ้ได้ยิน พี่อั๋นบอกกับพี่อ้นอยู่ ก่อนออกจากบ้านไป” แอ้พูด ผมก็มอง

                  “คงไม่ซวยขนาดที่ติ๊กมันไปถามพี่อั๋นหรอกมั้งแอ้” ผมพูดขึ้น

                  “ภาวนะขออย่าให้มันถามก็แล้วกัน “แอ้พูดและหยิบมือถือขึ้นมากดเปิดดู มีข้อความเข้ามามากมาย แอ้ก็ไล่อ่านดู ผมก็หันไปมองแอ้

                  “ว่าไงมีข้อความจากติ๊กไหมแอ้” ผมถามแอ้

“ไม่มีอ่ะ แปลกน่ะ “แอ้พูด

               “ช่างมันเถอะ ไม่มีก็ดีแล้ว ดิวไม่อยากให้ติ๊กมันว่าอะไรแอ้อีก “ผมพูดขณะที่ผมกำลังขับรถไปที่ค่ายทหาร ผมกุมมือแอ้ไว้ตลอด

                “แอ้ ตอนเช้ามืดแอ้ฝันร้ายเหรอ ดิวเห็นแอ้ร้องไห้และกอดดิวแน่นมาก ดิวตกใจเลยอ่ะ” ผมหันไปถามแอ้ แอ้ก็มองผม

               “ฝันร้ายเหรอแอ้” ผมถามแอ้ แอ้ชอบนอนฝันร้ายตลอด

               “อืม” แอ้พยักหน้าเบาๆ

              “ฝันว่าอะไรละ เห็นแอ้ฝันร้ายบ่อยมากเลย ดิวเป็นห่วง “ผมพูด ตอนนี้ผมขับมาใกล้จะถึงค่ายฯทหารแล้ว ตอนนี้ก็เกือบจะห้าโมงเย็นแล้วด้วย กะว่าไปถึงก็ได้เวลาอาหารเย็นเลย

              “ฝันเหมือนเดิมอ่ะดิว “แอ้พูดกับผม ผมหันไปมองพร้อมกับเลิกคิ้วสูง เหมือนเดิมนี้คือ

              “ที่บอกว่าฝันว่าแอ้สวมชุดตะเบงมานอะไรนั้นนะเหรอ และดิวก็ถือดาบแบบสงครามยุกต์บางระจันอีกแล้วเหรอแอ้” ผมถามแอ้ แอ้หันมามองหน้าผม ผมถึงกับเกาหัวแกร็ก แอ้ชอบฝันว่าตัวเองเป็นผู้หญิงยุกไหนก็ไม่รู้

               “อย่าถามกูนะว่ากูดูหนังบางระจันก่อนนอนหรือเปล่า กูไม่ได้ดู ดิวแต่กูฝันอีกแล้วและรอบนี้ กูฝันว่า ลูกๆ กูไปกันคนละทิศละทางเลย กูกลับคิดถึงแฝดวะดิว “แอ้พูดผมหันมามอง

              “ไม่เอานะ สงสัยเมื่อวานแอ้คงกังวลเรื่องลุงหนึ่งน่ะ เลยฝันเป็นตุเป็นตะไป “ผมพูดตอนนี้รถผมเลี้ยวเข้ามาในบ้านเรียบร้อยแล้ว ผมยังไม่เห็นรถพ่อของผมนะ ไม่รู้ว่าจะกลับมาไหม แต่เห็นรถพี่ๆ ผมจอดอยู่ พี่ดิมก็มาถึงแล้วเช่นกัน

               “แล้วของของขวัญลูกๆ ละดิว” แอ้ถามผม ผมหันมามองหน้าแอ้

                “ดิวเอาใส่ไว้ในรถพี่ดิมวันก่อนที่จะไปงานบ้านลุงณะ ลูกๆ จะได้รู้ว่าเรามาไม่ได้” ผมพูด แอ้หันมามองหน้าผม

                “มึงแกล้งลูก” แอ้หันมาทำหน้าดุ

                “นิดนึง” ผมตอบแอ้ ผมเดินเข้าไปด้านในบ้านกันอย่างเงียบๆ ผมเห็นมีลูกโป่ง สีฟ้าแสดงถึงว่าวันนี้วันเกิดใครคนใดคนหนึ่ง แน่นอนต้องน้องมีนของผม วันนี้น้องมีนครบสองขวบแล้ว มีลูกบอลลูนเลขสองลอยอยู่

                “วันนี้พ่อแอ้พ่อดิวจะมาหรือเปล่าป้าด้า” เด็กน้อยถามพี่ชายของผมพี่หมอด้า

                “บอกอย่าเรียกป้าไง เรียกลุงด้าซิครับ” พี่ด้าผมพูดตอนนี้กำลังจัดสถานที่เพื่อจะได้ฉลองวันเกิดลูกชายเกือบคนเล็กของผม

                 “พี่ด้าอาหารเด็กน้อยให้จัดไว้ที่โต๊ะเด็กเลยไหม…. “ไอ้เดียร์น้องชายคนเล็กของผมตอนนี้มันแจกขนมจีบน้องชายเกือบคนเล็กของแอ้อยู่คือน้องแอม เดียร์มันหันมามองเจอผมกับแอ้ที่เข้ามายืนเงียบๆ อยู่ โดยที่ลูกแฝดยังไม่รู้ ผมทำนิ้วจุ๊ปากให้เดียร์มันอย่าเพิ่งส่งเสียงหรือพูดอะไร

                “ป้าด้า วันเกิดพวกเราจะมีลูกโป่งอะเปล่า” มาริโอเจ้าหนูจังไหมถามพี่หมอด้าของผม

                “มีซิครับ” พี่หมอด้าพูด ผมก็เข้ามายืนใกล้เข้าไปอีก และหันมามองหน้าแอ้ แอ้ปิดปากขำลูกๆ ตอนนี้ช่วยพี่ด้าของผมวุ่นวายตกแต่งโต๊ะที่จะใช้วางพวกเค้กวันเกิดของน้องมีน

                  “เอาละเด็กๆ เราไปรอทานอาหารกันดีกว่า คุณปู่ใกล้จะถึงแล้วครับ ส่วนพ่อแอ้กับพ่อดิว ลุงด้าว่าคงไม่ได้…” พี่หมอด้าพูดหันมาเจอผมสองคนยืนพ่อดีเลย

                 “มา!” พี่หมอด้าพูดพร้อมกับทำท่าตกใจ ผมสองคนยกมือไหว้พี่ด้าแต่ยังไม่ส่งเสียงดัง เดี๋ยวลูกๆ จะรู้ซะก่อนว่าผมสองคนมาด้วย

                 “อยากให้พ่อแอ้มา “น้องไอซ์พูดแต่ไม่ได้หันมามองว่าผมยืนอยู่ข้างหลังเขา

                “แต่ลุงด้าว่าสงสัยพ่อจะมานะ” พี่หมอด้าด้าพูดและหันไปมองหลาน

                “งั้นลุงด้าไปเอาน้องมีนที่กำลังแต่งตัวอยู่บนบ้านมาก่อนแล้วกันนะครับ หลานๆ “พี่หมอด้าพูดผมก็พยักหน้าเบาๆ ผมเดินเข้าไปด้านหลังแฝดของผม และ

                 “อยากให้พ่อแอ้พ่อดิวมาเหรอครับ” ผมย่อตัวลงกระซิบถามเด็กๆ จากด้านหลัง เด็กๆ สะดุ้งและหันหลังมาพร้อมกัน

                 “พ่อแอ้พ่อดิว!!” ทั้งสามคนส่งเสียงเรียกผมกับแอ้เสียงหลงเลยและพากันโผ่เข้าหาผมสองคน ผมก็กอดผมก็กอดมาริโอ้กอด ไอและไอซ์เข้าไปกอดแอ้

               “ขอน้องโอ้กอดพ่อแอ้ได้อะเปล่า” มาริโอ้ถามผมว่าจะขอไปกอดแอ้บ้าง

                “ได้ซิครับแต่อย่ากอดนานนะ คนนั้นของพ่อ” ผมพูดและชี้ไปที่แอ้ ตอนนี้ไอซ์กับไอกอดอยู่ มาริโอ้อีกคน และผมก็กางแขนให้ไอซ์มากอดผมบ้าง ไอซ์ก็วิ่งจากแอ้มาหาผมและกอดผม

               “ฟ๊อด!” หอมแก้มผมด้วย

               “ไอซ์คิดถึงพ่อดิวกับพ่อแอ้ที่สุด” ไอซ์พูด ผมหันไปมองไอ ที่ยืนอยู่ ผมสอนไอให้เขาเข้มแข็งเพื่อจะได้ปกป้องน้องๆ แฝดของเขาได้และเขาก็ทำได้ดี ไอเป็นที่อึดอดทนที่สุด เหมือนผม ผมก็มอง

              “อยากกอดพ่อไหม” ผมถามไอ

             “ครับ” ไอพยักหน้าตอบผมเบาๆ และตรงเข้ามากอดผมแต่อ้อมกอดของไอ นั้นดูแข็งแกร่ง ผมนี้ภูมิใจในตัวเขาจริงๆ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองพี่ชายผม พี่ดิมอุ้มน้องมีนลงมาด้วยชุดที่น่ารักที่สุด มาในชุดวู้ดดี้ เรื่องทอย สตอรี่ และพี่ดรีมก็อุ้มมิ้น คนนี้สวมชุดบัสไรเบียร์แทน แต่แฝดผมทำไมเป็นเอเลี่ยนไปได้นะชุดนะ

              “กูว่าลูกแฝดมึงนะเอเลี่ยนเหมาะที่สุดว่ะ สามเอเลี่ยนของป้าหมอด้าเขา” พี่ดรีมพูด และยังขำลูกแฝดผมอีกนะ

             “แน่ละ ทำเอาพี่ไม่กล้าไปร้านเบเกอรี่หลายอาทิตย์เลยแหละ ก็เล่นเรียกพี่ว่าป้าดังลั่นเลยอ่ะ “พี่หมอด้าพูดและทำแก้มป่อง

            “สวัสดีครับพี่ดิม พี่ดรีม “แอ้ยกมือไหว้พี่ๆ ผมก็ยกมือไหว้เช่นกัน แอ้หันไปรับน้องมีนที่ดีดตัวมาก่อนเพื่อนเลยเขาอยากให้แอ้อุ้มเขาก่อนมิ้น

             “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ” แอ้พูดและผมก็เข้าไปกอดทับ

            “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ หนุ่มน้อยของพ่อ” ผมพูดและ “ฟ๊อด! “เสียงหอมแก้มซ้ายขวาของผมกับแอ้ น้องมีนหน้าหวานมากเหมือนแอ้ตอนเด็กๆ เลย พ่อบอกผม แต่แปลกนะไม่มีรูปแอ้ตอนเด็กให้ผมได้ดูเลยมีแต่ตอนที่โตแล้วและมาอยู่กับผมตอนนั้นก็น่าจะสี่ห้าขวบได้ (มีนคือสิ่งพิเศษที่ผมสั่งทำขึ้นมา ผมไม่กล้าบอกแอ้ กลัวแอ้ด่าผม)

             “ฮึกๆ” แต่อีกคนซิกอดอกทำท่าจะร้องไห้ คงคิดว่าผมสองคนลืมเขาแล้วแน่ๆ แอ้พยักหน้าให้ผมไปเอามิ้นมาอุ้ม ผมก็กางแขนเข้าไป รีบดันตัวเองออกแต่พี่ดิมแกล้งไม่ยอมปล่อยมาหาผม

             “เฮ้ย! พอเจอพ่อมันดันหน้าลุงทันทีเลยว่ะ” พี่ดิมพูดและผมก็ต้องรับมิ้นมาอุ้ม มิ้นหันไปเห็นมีนที่ออดอ้อนแอ้ มิ้นกางมือจะตีพี่มีน

             “อืมม” มีนส่ายหน้าหลบและเบี่ยงตัวให้แอ้หลบมิ้นทันที แสดงว่าตีพี่บ่อย แถมด้วยแฝดของผมพากันไปหลบหลังแอ้กันหมดเลย

               “เก๊ที่สุดเลยลูกเล็กมึงเนี๊ยะ” พี่ดรีมพูด ผมก็มองมิ้นส่ายหัวว่าไม่เอาไม่น่ารัก

             “ไม่ ไม่ ไม่ “พูดว่าไม่รัวๆ เลยเขาบอกว่าเขาไม่ได้เก๊ ใครนะ

            “เอาละให้พ่อลูกเขากอดกันไปก่อน พวกพี่ไปจัดโต๊ะวะ พ่อโทรมาบอกว่าใกล้ถึงแล้ว และคงจะไปส่งอาภีมก่อน “พี่ดรีมพูด ผมพยักหน้าพี่ดรีมเดินเข้าไปพร้อมกับพี่ด้า ไปจัดโต๊ะรอ

            “ทำไมเพิ่งจะมาถึงกันว่ะ” พี่ดิมถามผมกับแอ้

            “แหมก็ว่าจะมาถึงเย็นๆ เพื่อเซอไพรส์ลูกอะพี่ดิม” ผมพูด

           “เหรอ!!” พี่ดิมถามผมเสียงสูง ผมรู้ว่าพี่ดิมคิดทะลึ่งอยู่ แต่มันก็จริงๆ แอ้ไปอยู่ด้วยกันแบบนี้ไม่จัดสักยก ไหวเหรอ?

            “พี่อ้นละพี่ดิม” แอ้ถามหาพี่อ้น

            “ไปหาเมียมันไง เมียน้อยหมายเลขหนี่งมันมานะ วันก่อนไปตีกับเมียน้อยยังไม่ทันติดหมายเลขเลยฟาดเข้าเข้าไปดังหักต้องไปทำดั้งใหม่นะ “พี่ดิมพูดผมหันไปมองแอ้ที่ทำหน้าตกใจ

             “วันนี้วันเกิดใครเนี่ยะ!” เสียงที่ทำให้ผมสองคนต้องหันไปมอง พี่โดม ผมยังไม่เจอพี่โดมเลยตั้งแต่ต้องกลับไปเรียน

             “พี่โดมสวัสดีครับ” แอ้หันไปยกมือไหว้พี่โดม พี่โดมมาด้วยชุดปลายเวท

               “สวัสดีครับแอ้ “พี่โดมทักแอ้และเข้ามา “ฟ๊อด” หอมแก้มมีนเสียงดังเชียว

              “ป้าป! “พี่โดมเข้ามากอดผมที่ตบที่หลังดังสนั่นเชียว

              “ตบเบาๆ ก็ได้เดี๋ยวตายก่อน” ผมแซวพี่ชายผม

            “อะไรวะไอ้ว่าที่หมอทหารฟิตหน่อย” พี่โดมพูดและพี่โดมก็ก้มมองมิ้น มิ้นหันหน้าหนีพี่โดม พี่โดมก็ไล่มอง ไม่ยอมสบตาเลย หันหนีจนผมเองก็ต้องหมุนตาม ผมชี้ถามพี่โดม พี่โดมก็แบมือไม่รู้

            “ลูกมึงงอน มึงไม่กลับบ้านไอ้หมอโดม” พี่ดิมพูด ผมพยักหน้า

             “ไปเจอเด็กที่ไหนอีกละมึง”

              “มันก็มีบ้าง คนไข้นะ เขาอยากให้ไปดูแล ข้อเท้าเจ็บ” พี่หมอโดมพูด ผมหันไปพยักพเยิดกับแอ้

               “เหรอ!!” ผมกับพี่ดิมพร้อมกันทันที

              “กูเดาว่าคนไข้คงเปลี่ยนที่เจ็บจากข้อเท้าเป็นที่อื่นแทนหลังจากที่มึงตามไปดูอาการเขานี่แหละหมอโดม” พี่ดรีมพูด ผมหันไปมองพร้อมกัน เป็นหมอเด็กที่ทะลึ้งที่สุดเลยมั้ง

              “อาจจะเจ็บข้อมือเพิ่มก็ได้” พี่ดรีมพูด

             “ไม่ได้ช่วยพี่ดรีมหนักกว่าเดิม” พี่โดมหันมาบอกพี่ดรีม

             “หาลุงไหม” พี่โดมกางแขนแต่มิ้นส่ายหัว

            “เฮ้ย! งอนลุงจริงดิ ไม่ได้นอนด้วยกันคืนเดียวเอง “พี่โดมพูด

            “นี้มิ้นนอนกับพี่เหรอ” ผมถามพี่โดม

            “มันไม่ได้นอนกับกูหรอกไอ้ดิวมันนอนคนเดียวเพราะว่ากูยกเตียงให้ลูกมึงทุกคืน ทุกวันนี้กูนอนที่นอนเสริมวะ “พี่โดมพูด

            “ทำไมอะ” ผมถามพี่โดม

            “ทั้งดิ้นทั้งถีบขนาดนี้กูจะทนนอนได้ไงวะ ตัวแค่นี้ถีบกูนอนไม่ได้เลยอ่ะ” พี่โดมพูด ปนหัวเราะ

             “เร็วดิไอ้เดย์ กูกลัวไม่ทันกินเค้กหลานกู “เสียงพี่แดน ผมหันไปมองพี่แดน พี่เดย์และพี่ดิ๊บ เดินเข้ามาพร้อมกล่องของขวัญวันเกิดคนละกล่อง

             “พี่แดน พี่เดย์ พี่ดิ๊บ สวัสดีครับ” ผมกับแอ้ยกมือไหว้พี่ชายอีกสามคนของผม แต่ละคนตรงเข้ามากอดและหอมหลานผมกันหมด ผมสองคนมองยืนมองและหันมามองหน้ากัน

             “ถ้าพี่ๆ ของแอ้รู้ว่ามีหลานจะรักเขาเหมือนพี่ๆ ของดิวไหม” แอ้พูดขึ้นผมหันมามอง

              “ดิวเชื่อว่ารักนะ แม้ว่าดูเหมือนอยากจะเตะเด็กซะมากกว่าแต่ดิวก็เชื่อว่า ลูกๆ ของดิวมีดีพอตัวที่จะทำให้ลุงๆ บ้าน อ.อ่างรักและหลงเลยแหละ” ผมพูดกับแอ้และมองหลานๆ แฝดที่หัวเราะเพราะว่าโดนลุงๆ พากันหอม

              “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ ฟ๊อด” พี่แดนตรงเข้ามาหอมมีน แอ้อุ้มอยู่

              “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ ฟ๊อด” พี่เดย์อีกคนก็เข้ามาหอมมีน

              “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ ฟ๊อด! ฟ๊อด! “แต่คนหลังนี้พี่เดย์ ทำไมหอมสองที ผมเงยหน้ามอง ทั้งมีนและแอ้ที่เอามือลูบแก้มตัวเอง นั้นแปลว่าพี่ดิ๊บมันหอมเมียผมด้วยครับ

             “พี่ดิ๊บ บอกอย่าหอมเมียผมไง!!”

             “ฝากไปให้แอร์ด้วยไง” พี่ดิ๊บพูด ผมไม่รู้ว่าพี่ดิ๊บเขาพูดเล่นพูดจริง เพราะว่าพี่แอร์รุ่นเดียวกับพี่ดิ๊บแต่ไม่เคยเข้ามาสุงสิงหรือพูดคุยอะไรกับพี่ดิ๊บเลยไม่มีพี่รุ่นเดียวกันคนไหนที่เป็นเพื่อนพี่แอร์เหมือนพี่ๆ ทุกคนที่รุ่นเดียวกันมักจะเป็นเพื่อนกันแต่ไม่ใช่กับพี่แอร์ มันน่าแปลกสำหรับพวกผม

                “ทำไมมึงไม่ไปหอมเขาเองละวะ ไอ้เวร!!” พี่ดิมหันไปเม้ง แอ้มองหน้าผมทำหน้ายู่เลย

               “คุณปู่” ลูกแฝดผมเรียกพ่อผมพร้อมเพรียงกันและวิ่งไปหาทันที พ่อผมเดินเข้ามาพอดี ผมเห็นภาพลูกๆ ผมเข้าไปกอดพ่อผม มิ้นก็ยังกางแขนรอเลย เอนตัวไปด้วยจะไปหาปู่ ผมก็ต้องอุ้มไปแอ้ก็อุ้มมีนไปหาพ่อผมเช่นกัน พ่อน่าจะออกเดินทางมาตอนบ่ายๆ เหมือนผมเพราะว่าผมตื่นมาก็เกือบเที่ยงแล้ว

                 “ไงละ พ่อมาเซอไพรส์หรือไง ดูยิ้มดีใจกันใหญ่เลย” พ่อผมพูดแซวลูกๆ ผม

                “สุขสันต์วันเกิดนะน้องมีน “พ่อผมพูด

               “ดิมไปเอาถุงของขวัญมาให้พ่อหน่อยในรถนะ” พ่อผมบอกพี่ดิม แอ้มองพ่อผมและยกมือไหว้พ่อผม

               “อะไรที่แอ้ได้ยิน อย่าไปคิดมาก ทำทุกวันให้ดีแค่นี้พอแล้วแอ้ ภีมนะเขารักแอ้มากนะ เป็นห่วงเรามากจริงๆ และสิ่งที่แอ้ได้ยินมามันก็อาจจะตรงทั้งหมดก็ได้น่ะ พ่ออยากให้แอ้เชื่อคนที่เขาหวังดีกับแอ้ เท่านั้น “พ่อผมพูดทำเอาแอ้ยืนน้ำตาซึมเลยแอ้เข้าไปกอดพ่อผม แต่ผมรู้ว่าคนที่แอ้อยากกอดมากที่สุดคืออาภีมในตอนนี้ ก็ผมสองคนไม่ได้บอกอาภีมว่าผมมาบ้านกัน มางานวันเกิดหลานของอาภีมพ่อตาผมด้วย ถ้ารู้คงได้แห่มากันหมดแน่ๆ ผมจะโดนตีนพี่อ้นเอา อันนี้แหละที่กลัวที่สุด เพราะว่าพี่ดิมบอกเอาไว้ว่าเรามีกฎ ใครเอาน้องต้องโดนบททดสอบจากพี่ๆ ทำกัน แล้วผมจะกล้าบอกเหรอครับ

               “พ่อแกล้งเมียผมทำไมอ่ะ” ผมแซวพ่อผมทันที

             “ฉิบหายแล้ว! นี่กูแกล้งเมียมึงเหรอครับดิว” พ่อหันมาถามผมทันที ผมพยักหน้าว่าใช่ไง ยืนน้ำตาซึมขนาดนี้

             “พ่อจัดโต๊ะเสร็จแล้วเราทานอาหารกันเลยไหม” พี่ด้าเดินเข้ามาถาม

             “เอาซิ “พ่อผมพูด และดันหลานๆ เดินเข้าไปด้านใน

            “พ่อ” แอ้เรียกพ่อผมว่าพ่อ

             “พ่อคิดว่าเราทั้งคู่น่าจะพร้อมบอกภีมเร็วๆ นี้นะ แต่เขาเจอกันแล้วนะพ่อเรานะ วันก่อนแอบไปหาพ่อที่คาเฟ่คุณประภัสรา และโอ้เขาเจอ โอ้เขาเรียกย่า “พ่อบอกผมกับแอ้ ผมสองคนหันมามองหน้ากันตกใจเหมือนกัน

              “แต่เสียดายพ่อไม่ได้เห็นตอนที่ภีมเขาเจอนะ แต่พ่อเชื่อว่าภีมรักหลานแน่ๆ “พ่อภาพูด ผมหันมามองหน้าแอ้

             “ผมขอเวลาสักอาทิตย์สองอาทิตย์ได้ไหมพ่อ ขอให้ผมส่งยื่นใบสมัครสอบเข้าทหารก่อนครับพ่อภา” แอ้พูดบอกพ่อผม พ่อผมพยักหน้า

             “ดิวละ ใบสมัครอยู่บนห้องแล้ว กรอกและจะได้ยื่นเลย “พ่อผมพูด

             “พ่อ…ดิวมัน มันจะ...” แอ้ทำท่าจะถามพ่อผม

              “แพทย์ทหาร” พ่อผมพูดตอบแทนผมทันที

            “ผมพร้อมแล้วพ่อ ที่จะไปทุกทีที่แอ้ไป” ผมพูดและหันไปมองแอ้

             “ถ้าอย่างนั้นก็ดี เอาละไปทานอาหารกันดีกว่า ไอ้พี่เดฟเรามันมาไม่ได้นะวันนี้ มันบอกเพื่อนมันตัวติดจนแงะไม่ออก ไอ้เอ็กซ์นะ ถ้ามามันมาด้วยไอ้เอ็กซ์คงร้องมาด้วย งานจะเข้าเอา หึ หึ “พ่อผมพูดพร้อมกับหัวเราะไปด้วย ผมก็เพิ่งจะเจอกันเมื่อเช้านี้เอง
             TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.39.1(ดิวXแอ้)เซอไพรส์วันเกิดน้องมีน ครึ่งหลัง

      Part's ดิว ผมนั่งทานอาหารกันส่วนเด็กแฝดของผมพี่ตอนนี้เขามีโต๊ะอาหารเป็นของตัวเองเป็นโต๊ะสำหรับเด็ก เขานั่งทานกันเรียบร้อย น้องมีนยิ่งเรียบร้อยมา แต่มีอยู่แค่คนเดียวที่ทำให้โต๊ะอาหารมีสีสันพี่ๆ ผมบอกว่า ต้องคอยหลบอาหารที่เหวี่ยงไปรอบๆ แต่แอ้นะดีคอยปรามได้ วันนี้เลยเอาอยู่ อาหารไม่ค่อยกระจายไปไหนมาก

           “ชู้!!” แอ้ทำนิ้ว มิ้นถึงได้หยุดเหวี่ยงและพยายามตักอาหารใส่ปากเองอย่างระมัดระวัง ผมแปลกใจทำไมมิ้นฟังแอ้มากกว่าคนอื่น มิ้นค่อนข้างดื้อ เขาเหมือนคนที่มีความคิดเป็นของตัวเองสูง

            “พ่อแอ้” มาริโอ้เดินมากระซิบกระซาบกับแอ้

             “อะไรครับมาริโอ้” แอ้ก้มลงถามมาริโอ้

             “@#$%@#$%” มาริโอ้เอามือป้องปากและกระซิบกับแอ้ถึงกับยิ้มและหันไปมองพ่อผมและหัวเราะเบา แต่มันก็ทำให้พวกผมเลิกคิ้วมองกันท้ั้งหมด

            “ไปกินข้าวก่อนนะครับ “แอ้บอกมาริโอ้

            “เราจะได้กินอะเปล่า” มาริโอ้ถามแอ้ก่อนจะเหลือบตามองพ่อผม ราวกับว่าเขาทำอะไรผิดไว้

             “ได้ครับ” แอ้บอกมาริโอ้ ส่วนผมก็เลิกคิ้วมองแอ้ว่ามาริโอ้พูดอะไรกับแอ้ แอ้รอให้มาริโอ้กลับไปนั่งที่ซะก่อน

               “โอ้เขาถามแอ้ว่าเขาจะได้กินเค้กไหม เขาว่าปู่สั่งห้ามกินเค้กสามวันนะครับ” แอ้พูด ผมหันไปมองพ่อ พ่อผมอมยิ้มทันที

             “โทษไอ้ลุงดิมมัน ดันพาไปซื้อมาสามสิบชิ้นเลย กินแต่เค้กไม่กินข้าวเลย พ่อเลยสั่งทำโทษ ห้ามกินและห้ามลุงพาไปซื้อ สามวัน” พ่อผมพูด ผมหันไปมองพี่ดิม จะซื้ออะไรเยอะขนาดนั้น

              “ก็กูให้ลูกมึงช่วยจีบแพท หลานอาเปรมอะดิ เด็กแฝดเลยเรียกค่าจ้างเป็นเค้กและเรียกแพทว่าป้าแพทเขาเลยยื่นข้อเสนอถ้าไม่เรียกป้าซื้อเค้กเพิ่มให้”

             “และมันก็เกิดการแบทเทิลกันนิดหน่อย ผลสุดท้ายกูนี่ได้มาสามสิบก้อนเลย สมใจร้านแต่ขัดใจปู่” พี่ดิมพูด

              “แล้วเป็นไงโอ้มันแอบมาเปิดตู้เย็นกินแต่เค้กเลยไง “ไอ้เดียร์รีบเสริม แต่พี่ดิมหยิบอาหารบนโต๊ะปาใส่มันทันที

              “มันน่าไหมล่ะมึง บอกว่าเค้กมันหวานมากและแป้งทั้งนั้น ฟันก็จะพุและมีโอกาสเป็นเบาหวาน ลุงมันไม่ค่อยเชื่อกูเลย ขนาดให้พวกมันเรียนหมอกันนะ” พ่อผมบ่นทันที

               “พี่ดิมจะจีบพี่แพท พี่ชายไอ้พายเหรอ” ผมถามพี่ดิม

               “เออ อย่าแซว”

             “อายเหรอพี่ดิม” พี่ด้า

             “อย่าแซวมันเพราะว่ามันกินแห้ว” พ่อผมพูดเองเลย พวกผมก็ทานอาหารเย็นกันไป คุยกันไปหัวเราะกันไป นี้แหละความสุขของครอบครัวผม เสียดายพี่เดฟอีกคน ไม่อย่างนั้นคงครบองค์ประชุมวันนี้บ้านดอเด็ก ผมหันไปมองแอ้ แอ้ก็คงคิดถึงพี่ๆ ถ้าวันที่เราบอกความจริงบ้านนี้ก็คงมีความสุขมาก ผมว่าผมพร้อมแล้วแหละ จะเกิดอะไรก็เกิด ผมเชื่อว่าลูกๆ ผมทำให้พี่ๆ บ้าน อ.ออ่างรักได้ไม่ยากแน่ๆ

             “เอาละ เด็กๆ เดี๋ยวเราจะช่วยน้องมีนแกะของขวัญและเป่าเค้กกันแล้วนะและจะได้ไม่เข้านอนดึกเพราะว่าพรุ่งนี้ไปโรงเรียน” พี่ด้าพูดและหันไปมองเด็กๆ แอ้รีบช่วยพี่ด้าเก็บความสะอาดบนโต๊ะ บ้านผมใช่เครื่องล้างจานเลยง่าย



              ผมเองก็พาลูกๆ เดินไปที่ห้องนั่งเล่น ผมนั่งลงและน้องมีนก็นั้งมองของขวัญมากมาย เพราะพี่ๆ ผมซื้อให้คนละชิ้นแม้จะกระทั่งเดียร์เอง มันก็เจียดตังค์ค่าขนมมาซื้อให้หลาน และเริ่มช่วยกันแกะของขวัญกัน น้องมีนยังเด็กเลยต้องให้พี่แฝดช่วยและมีมิ้นอีกคนที่ถนัดฉีก และของขวัญส่วนใหญ่ของน้องมีนก็จะเป็นหนังสือนิทาน ซีดีการ์ตูนที่เขาชอบ ผมกับแอ้ซื้อทอย สตอรี่ภาคล่าสุดให้ หนังสือนิทานเจ้าหญิงเจ้าชาย น้องมีนชอบให้อ่านนิทานให้ฟังก่อนนอน และมีเสื้อผ้าน่ารักๆ จากหมอด้าและพี่หมอดรีม และตามด้วยเค้กที่สั่งทำเป็นพิเศษ ทอย สตอรีเช่นกัน มีวู้ดดี้และเจสซี่

               “แฮปปีเบิร์ดเดย์ทูยู แฮปีเบิร์ดเดย์ ทูยู แฮปปีเบิร์ดเดย์ทู น้องมีน แฮปปีเบิร์ดเดย์ทูยู”

               “ฮิบๆ ฮูเลย์! ฮิบๆ ฮูเลย์! “เสียงลูกแฝดของผมและน้องมีนก็เป่าเค้ก มีคนช่วยเป่าแม้ยังเป่าไม่เป็นก็ตาม น้องมิ้น

              “เอาละเป็นเด็กดีนะลูกนะ มีน สุขภาพแข็งแรงและเป็นเด็กดีของปู่ ย่า และลุงๆ และก็พ่อแอ้พ่อดิวนะลูก” พ่อผมเดินมาแตะหัวให้พรลูกผม ผมกับแอ้ก็ยกมือไหว้แทนน้องมีน

              “ถ้าอย่างนั้นพ่อขึ้นไปดูเอกสารก่อนนะ เราก็ใช่เวลาอยู่กับลูกๆ เห็นคิดถึงร้องหากันทุกวัน” พ่อผมบอกผมกับแอ้

               “พ่อเชื่อน่ะว่าไม่มีอะไรมาแทนที่ความรักเราสองคนได้หรอก อย่าไปฟังคนที่ยืนพูดอยุ่ภายนอกแต่เขาไม่รู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเท่ากับตัวเราเองที่รู้ นะดิวแอ้” พ่อผมพูดก่อนจะเดินขึ้นไปที่ห้องทำงานของพ่อ

              “ถ้าอย่างนั้นพวกพี่ขึ้นไปอาบน้ำกันก่อนนะดิว “พี่ดรีมหันมาบอกผม พี่ๆ ก็คงอยากให้ผมอยู่กันตามลำพังพ่อแม่ลูก (แม้ว่าแม่จะอยู่ในร่างผู้ชายก็ตาม นั้นคือแอ้)

             “ใครอยากฟังพ่อร้องเพลงบ้าง” ผมถามเด็กๆ ผมหันไปหยิบกีตาร์มาถือไว้

             “เย้ๆ” ทุกคนร้องดีใจและพากันยกมือขึ้นไม่เว้นแม้แต่มิ้น รายนั้นไม่รู้ว่ารู้เรื่องไหมแต่ยกเอาไว้ก่อน

              “นั่งข้างๆ พ่อแอ้กันนะ” ผมพูด น้องมีนก็ไปนั่งข้างๆ พี่แฝดส่วนแอ้นะอุ้มมิ้นไว้ จะได้นั่งฟังกันอย่างสงบสุข ฮาๆ

              “เพลงนี้พ่อขอมอบให้ พ่อแอ้น่ะ “ผมพูดและเริ่มบรรเลง ผมชอบเล่นกีตาร์ ผมเคยมีวงดนตรีกับเพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกันที่โรงเรียนมัธยมปลายและตอนนี้ก็สอบเข้าเตรียมทหารกันหมดแล้วด้วย เพื่อนผมก็จะมี บอสไอ้นี่พ่อเป็นผู้ว่าการประปาแล้ว

            I found a man, stronger than anyone I know

He shares my dreams, I hope that someday I’ ll share his home

I found a love, to carry more than just my secrets

To carry love, to carry children of our own

-

I don’ t deserve this

You look perfect tonight.

              ภาพที่ผมเห็นตลอดที่ผมเล่นกีตาร์และร้องเพลงนั้น คือแอ้กำลังกอดลูกและโยกไปกับจังหวะเพลงที่ผมบรรเลง มันคือภาพที่สวยงามที่สุด แอ้นี้แหละคือแม่ในร่างผู้ชายที่เเพอเฟ็คที่สุดของผม หลังจากที่ผมร้องเพลงเสร็จ เสียงปรบมือลูกๆ ผมก็ดังขึ้น ผมเหลือบไปมองเวลา ตอนนี้ก็สามทุ่มแล้ว เลยเวลาเข้านอนของลูกๆ ผมมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วและคงต้องพากันไปแปรงฟันก่อนพาเข้านอน ส่วนผมกับแอ้จะอาบน้ำกันทีหลัง หลังจากส่งลูกๆ เข้านอนเรียบร้อยแล้ว

               “ได้เวลาแปรงฟันและเข้านอนนะครับเด็กๆ”

             “พรุ่งนี้ไปโรงเรียนไปหาเพื่อนๆ นะครับ” ผมพูดและวางกีตาร์ลง

             “พ่อไปส่งได้อะเปล่าโอ้อยากให้พ่อไป โอ้อยากบอกเพื่อนๆ ว่าเรามีพ่อที่หล่อมว๊าก!” มาริโอ้พูด ทำเสียงได้รู้เลยว่าพ่อหล่อมาก ฮาๆ

             “ได้ครับ พ่อดิวกับพ่อแอ้จะไปส่งก่อน ดังนั้นเด็กๆ ต้องรีบเข้านอน เพราะว่าตื่นส่ายพ่อไปส่งไม่ได้นะครับเพราะว่าพ่อแอ้กับพ่อดิวต้องรีบกลับครับ” ผมพูดและมองเด็กๆ มีทำท่าคิดกันด้วย พรุ่งนี้กว่าผมจะไปถึงคงประมาณแปดโมงกว่าๆ แน่ๆ และผมก็ต้อนเด็กขึ้นบ้านกัน เพื่อจะได้พากันเข้าไปล้างหน้าแปรงฟัน มิ้นนะพี่โดมมายืนรอแล้ว

              “มาม๊ะ! มาให้พ่อโดมตบตูนนอนซะดีดี” พี่โดมพูดแต่มิ้นซิโบกไม้โบกมือไม่เอาใหญ่เลยแต่ผมก็ต้องส่งให้ เพราะว่าผมต้องพามีนไปล้างหน้าแปรงฟันกับพี่ๆ ก่อน น้องมีนนะโงนเงนเต็มทีแล้ว

              “ฝันดีครับมิ้น ฟ๊อด “ผมพูดหอมแก้ม

             “ฝันดีครับ เอาไว้คราวหน้านะ พ่อแอ้พ่อดิวมาค้างหลายวันจะพาไปนอน วันนี้นอนกับลุงโดมนะ ฟ๊อด” แอ้บอกน้องมิ้น และพี่โดมก็พาเข้าห้องนอนไปทันที

              “ดิวพาไอ ไอซ์และโอ้ไปแปรงฟันก่อนนะ น้องมีนง่วงมากแล้วแอ้จะพาไปเอง “แอ้พูดผมพยักหน้า

             “มีน ราตรีสวัสนะครับลูก พ่อดิวรักมีนนะครับ ฟ๊อด” ผมพูดบอกน้องมีนและพาแฝดของผมเขาห้องน้ำก่อน แต่ละคนรู้หน้าที่ตัวเองเข้าไปก็ไปยืนที่เก้าอี้สำหรับรองเพื่อยื่นให้ถึงขอบอ่างและผมก็บีบยาสีฟันใส่แปรงแต่ละคนก็แปรงฟัน มาริโอ้นี่แปรงไปด้วยร้องเพลงไปด้วย แอคติ้งเยอะเหลือเกินจนผมกลัว ผมไม่อยากให้ลูกไปทางการแสดงเหมือนติ๊กเลย คือพูดง่ายๆ ไม่อยากให้ลูกผมเป็นดารา มีบริษัทโฆษณาติดต่อลูกผมมาหลายครั้งแล้ว เพราะเป็นพรีเซนเตอร์ ให้โรงพยาบาลพ่อผม เขาเลยอยากได้แต่ผมปฏิเสธตลอด

               “เอาละ หนุ่มๆ ของพ่อขึ้นเตียงนอนได้แล้ว” ผมพูด เตียงเล็กๆ สำหรับเด็ก และนอนได้คนเดียวเป็นเตียงรูปรถแข่งของมาริโอ้ ส่วนเตียงของไอและไอซ์เป็นเตียงที่ใหญ่กว่ามาริโอ้ นอนได้สองคน ทำไมทั้งคู่นอนด้วยกัน เพราะว่าน้องไอซ์ชอบตื่นมาร้องไห้ละเมอผมเลยให้ไอซ์นอนกับไอจะดีกว่าเขาจะได้ปลอบน้องและเด็กสองคนนี้เขาเกิดมาพอมาวางด้วยกันเขาก็จับมือกันหมับเลย



             ผมก็ตรงเข้าไปหอมแก้มมาริโอ้ก่อน” ฟ้อด!” เสียงดัง แอ้เดินเข้ามาใหน้องนอนลูกพอดีและผมก็เดินไปหอมแก้มไอกับไอซ์ แอ้ก็หอมแก้มลูกๆ ทุกคนเช่นกัน

              “เอาละนอนหลับฝันดีนะครับ พรุ่งนี้พ่อไปส่ง “ผมพูดบอกลูกๆ แฝดของผม

              “ครับพ่อแอ้พ่อดิว รักพ่อครับ” พูดพร้อมกัน ผมกับแอ้ฟังจากน้ำเสียงคงจะพากับหลับในไม่กี่นาทีนี้แหละ ผมกับแอ้ก็พากันเดินออก แต่ก่อนจะออก แอ้หันไปมองไอกับไอซ์ ที่นอนกอดกัน ผมพยักหน้าให้แอ้ออกมาจากห้องก่อนค่อยคุยกัน ทันทีที่แอ้เดินออกมา ผมก็ปิดประตูลงอย่างเบามือที่สุดจนประตูปิดสนิทดี

               “ดิว เราจะปล่อยให้เขาเป็นแบบนี้ไม่ได้ ต่อไปจะแยกกันยากนะ พี่ด้าก็บอกแอ้ว่า ไอนะ หวงไอซ์จนเกินไป ไม่น่าจะใช่พี่น้องแล้วนะดิว” ผมพยักหน้าว่าผมคงต้องหาวิธีแก้ไขก่อนจะสายเกินไปให้ได้ ไม่อยากให้เหมือนกับพี่แดนที่รักพี่หมอด้าเกินพี่ชายแบบนั้น

               “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องซื้อเตียงใหม่และให้เหตุผลว่าเราซื้อเตียงที่ใหญ่ขึ้นเพื่อจะได้นอนกันได้คนละเตียงและลูกๆ โตกันแล้ว “ผมพูดบอกแอ้ แอ้พยักหน้าคงต้องตามนั้น ทำไมผมสองคนถึงกังวล เพราะว่า ไอ ไอซ์และมาริโอ้ เกิดจากไข่ของแอ้และสเปิร์มของผม ถึงจะฝากไว้ในครรภ์ของผู้หญิงที่อุ้มบุญ เด็กก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคนอุ้มบุญในทางสายเลือด เขาเป็นลูกของผมสอง และนั้นก็แปลว่าพี่น้องกันแท้ๆ จะปล่อยมารักกันเกินพี่น้องไม่ได้อีก ผมกับแอ้ต้องทำอะไรสักอย่าง



                 TBC...

TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
พิเศษพ่อๆ เขารักกันมาก่อน

           Part's พ่อภาณุเดช ผมขับพาคนที่ผมรัก พลเอกภีมปภพ กลับมาที่โรงแรมของภาคย์อีกครั้งเพื่อจะได้มาตั้งหลักคุยกัน ก็เพราะพี่หนึ่งคนที่ทำหน้าที่ดูแลพวกผมแทนพ่อแม่ที่ถูกสังหาร พี่หนึ่งตามภีมไปที่บ้าน ผมก็ไม่รู้ว่าพี่หนึ่งมาที่นี้ด้วยเพราะว่าเห็นรีบร้อนออกไปตอนที่อยู่ที่บ้านพี่ณะแต่ไงมาเจอกันที่นี้อีกและพี่หนึ่งก็ตามไปพูดเรื่องแอ้กับภีม ภีมบอกผมว่าแอ้เข้ามาได้ยินพอดี และแอ้ก็เสียใจมาก เลยขาดสติ ขับรถคันใหม่ป้ายแดงออกไป ด้วยความเร็วและดีที่ผมให้ดิวขับตามไป ส่วนผมเองก็เกือบได้มีเรื่องกับพี่หนึ่งเช่นกัน ดีที่ภีมกอดผมห้ามผม พอภีมทำแบบนี้แล้วผมก็ต้องหยุดเพื่อคนที่รักผม

          “พี่ภา” ผมเดินมาเจอภาคย์เข้าพอดี ภาคย์รีบเดินตรงมาหาผมสองคนทันที

          “อ้าวทำไมกลับมาอีกล่ะ “ภาคย์ถามผมสองคน ผมหันไปมองภีม

          “พี่หนึ่งตามมึงไปเหรอภีม” ภาคย์ถามภีม ภีมพยักหน้าว่าใช่ นี่แสดงว่าภาคย์รู้ว่าพี่หนึ่งจะมา

          “ผมรู้ก่อนแล้วว่าพี่หนึ่งจะมาเพราะว่าผมให้คนเตรียมห้องพักเอาไว้ให้ พี่หนึ่งบอกว่ามีเรื่องด่วนที่นี้” ภาคย์ ผมหันไปมองหน้าชาย พี่หนึ่งจะกลับมาพักที่นี้อีกเหรอ คงได้วางมวยกันตอนแก่แน่ๆ ผม

          “ไม่พักแล้วเพราะว่าพี่หนึ่งน่ะ รีบร้อนกลับไปอีกนี้ก็ไปขึ้นเครื่องบินเจทส่วนตัวไปแล้ว บอกว่ามีเรื่องด่วน ไม่รู้จะด่วนกี่รอบกันแน่ น่าเป็นห่วงพี่หนึ่งน่ะ” ภาคย์พูด ผมสองคนมองหน้ากัน ผมก็รู้ว่าบุญคุณน่ะมีแต่ว่าบางเรื่องพี่หนึ่งก็ควรจะหย่อนลงบ้าง

          “พี่ณะล่ะภาคย์ “ผมถามหาพี่ณะทันที

           “อยู่บนห้องรับรองนะ ผมยังไม่รู้ว่าพี่ณะจะอยู่ค้างหรือว่ารอขึ้นเครื่องบินกลับไปเลยอีก เห็นว่าที่โซลมีปัญหาด้วย” ภาคย์พูด ผมพยักหน้าแต่ล่ะคนมีเรื่องด่วนกันทั้งนั้นและหันไปมองภีมที่ทำท่าจะถอนหายใจเพราะว่าผมสองคนก็มีปัญหาเหมือนกัน

           “พี่ภาขึ้นไปกับภีมก่อนแล้วกัน ผมจะโทรเช็คลูกๆ ผมก่อน แล้วผมจะตามขึ้นไป” ภาคย์พูดผมสองคนพยักหน้า

              ผมกับภีมพากันขึ้นไปชั้นที่เป็นห้องรับรองของพวกผมทันที ชั้นนี้จะมีการ์ดดูแลอย่างใกล้ชิด โรงแรมนี้จะค่อนข้างหรูมาก แขกที่มาพักส่วนใหญ่ก็จะเป็นระดับผู้บริหารและนักธุรกิจที่ค่อนข้างมีฐานะ จึงจะเน้นความสงบเป็นอันดับหนึ่งเช่นพวกผมเหมือนกัน

             “เชิญครับ” ผมเดินมาถึงห้องที่พี่ณะพักอยู่ การ์ดที่ทำหน้าที่ดูแลก็รูดการ์ดเปิดประตูให้ผมสองคนเข้าไป ผมเห็นพี่ณะนั่งอยู่ พร้อมแก้ววิสกี้ นี้ดื่มเหล้าเลยเหรอ ภูมิมองหน้าผมและแบมือว่าเขาก็ห้ามพี่ณะไม่ได้

           “พี่ณะ” ผมเดินเข้าไปก็ดึงแก้ววิสกี้ออกจากมือ ผมรู้ว่าพี่ณะยังไม่ได้ดื่มจนเมาแต่ผมก็ว่ามันไม่ควรดื่มสำหรับพี่ณะ พี่ณะ สุขภาพไม่ค่อยดี ผมเลยสั่งห้ามพี่ณะดื่มพวกวิสกี้ พวกแอลกอฮอล์แรงๆ มาหลายปีแล้ว พี่ณะเองก็ไม่ดื่มเลยจนตอนนี้ ผมมองหน้าพี่ณะว่ากลับมาดื่มอีกทำไมเนี่ย

           “ภูมิไปโทรหาแจ็คให้พี่หน่อย เช็กว่าเขาจะกลับกันวันไหนแน่ พี่เป็นห่วงบอย” " พี่ณะบอกภูมิ ภูมิหันมาพยักหน้าและหันมามองหน้าผม

           “อย่าให้พี่ณะดื่มอีกนะพี่ภา” ก่อนที่ภูมิจะเดินผ่านผมไปภูมิได้หันมามองหน้าผมและผมก็พยักว่าได้จะดูให้

           “พี่ภา ผมขอไปรับสายอ้นก่อนน่ะ” ภีมหันมาบอกผม ผมก็พยักหน้าเช่นกัน ผมหันมามองพี่ณะที่นั่งอยู่ ตอนนี้ในห้องเหลือแค่ผมกับพี่ณะสองคนเท่านั้น

            “ตกลงใครพาหลานพี่ไป พี่ณะ” ผมหันมาถามพี่กฤษณะ

             "พี่ยังไม่รู้ว่าใครพาไปแต่พี่หนึ่งบอกว่าไปเจอว่ามีคนกำลังพาหลานพี่ออกไป พี่หนึ่งลงไปช่วยขึ้นมา"พี่ณะพูด

              "พี่หนึ่งเขาบอกว่าจะพากลับมาส่งคืนแต่หันไปเห็นรถแจ็คเขา พี่หนึ่งเลยลองใจแจ็คดู"พี่ณะพูด ผมหันมองพี่ณะ ลองด้วยวิธีนี้นี่น่ะ ผมส่ายหน้าว่าไม่ใช่

             “พี่ก็คิดแบบนั้นแหละว่าพี่หนึ่งทำแบบนี้ได้ยังไง นั้นหลานพี่ ต่อให้เป็นลูกไอ้แจ็คก็ตามแต่ก็เป็นลูกบอยด้วยและมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่านั้นหลานพี่ “พี่ณะหันมาบอกผม ผมรับรู้ได้ว่าพี่ณะโมโหพี่หนึ่งอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนครั้งนี้

             “พี่หนึ่งบอกว่าเขารู้ว่าแจ็คจะต้องขับรถตามเขาออกไปและเขาแค่อยากรู้ว่าแจ็คจะทำยังไง และสิ่งที่พี่หนึ่งเห็นคือแจ็คมันลงไปช่วย “พี่ณะพูด ผมถึงกับแสดงสีหน้าตกใจแต่นั่นมันก็เป็นสัญญาณที่ดี ก็เด็กนั้นลูกไอ้แจ็คมัน มันคือพ่อที่จะปกป้องลูกมัน แต่มันยังไม่รู้ก็แค่นั้น

              “พี่ว่าพี่หนึ่งเริ่มระแคะระคายเรื่องแบงค์หลานพี่แล้วแหละภา ไม่อย่างนั้นพี่หนึ่งไม่ทำแบบนี้หรอก” พี่ณะหันมาพูดกับผม

               “ทำเพื่ออะไรล่ะภา ลองใจเหรอหรือว่าอยากรู้ความจริงๆ” พี่ณะพูดเขามองหน้าผม ผมก็เดาไม่ได้เลยว่าพี่หนึ่งต้องการอะไรกันแน่

                “ผมเองก็พูดเรื่องนี้ไม่ได้ ยิ่งต่อหน้าภีมด้วยนะพี่ณะ” ผมพูดขึ้น พี่กฤษณะหันมามองหน้าผม

                “ผมกับพี่ก็ตกอยู่ในสถานะเดียวกัน คือกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พี่ณะ แต่ผมคงต้องบอกภีมเร็วนี้” ผมพูดขึ้น

                “นี่อย่าบอกนะว่า “พี่กฤษณะหันมามองหน้าผม ถามผมด้วยน้ำเสียงที่ตกใจไม่ใช่น้อย

                “ใช่ ผมมีเหมือนพี่นั่นแหละ มีหลานแล้ว ลูกไอ้ดิวมัน ไอ้ดิวมันถึงได้ขัดคำสั่งพี่หนึ่งไงพี่ณะ” ผมพูด พี่ณะหันมามองหน้าผมอย่างจริงจัง

                  “กับใคร” พี่ณะถามผม

                   “แอ้” ผมพูดบอกพี่ณะ

                   “อันนี้ภีมยังไม่รู้น่ะพี่” ผมพูด พี่หนึ่งยิ่งทำสีหน้าตกใจและแปลกใจมากไปอีก

                   “ทำไมล่ะภา คนรักกันไม่ควรจะปิดนะเรื่องนี้น่ะและพี่ก็เห็นเราน่ะ ไม่เคยมีอะไรปิดบังภีมมาก่อนเลยน่ะ มีอะไรก็คุยกับภีมเขาตลอด” พี่ณะพูด พี่เห็นความรักของผมกับภีมมาตั้งแต่ภีมพึ่งจะสิบสี่ปีเอง มันนานมากแค่ไหนที่ผมรักน้องชายคนนี้เยี่ยงคนรักและดูแลมาตลอด

                   “ผมก็ไม่อยากปิดแต่ว่าเรื่องแอ้ ผมกับภีมผิด ผมเลยยังไม่รู้ว่าผมควรจะเปิดเผยมันดีไหมไงพี่ณะและภีมเองก็ไม่ได้มีสิทธิ์ในตัวแอ้เต็มร้อย ถ้าเปิดเรื่องนี้ขึ้นมา มันอาจจะเดือดร้อนกันหมด” ผมพูด

                   “ยังไงเนี๊ยะภา” พี่ณะ ถามผม

                    “เอาไว้เรื่องนั้นรอให้ภีมพูดแล้วกันแต่ผมว่า ไม่น่าจะใช้ตอนนี้เพราะว่าพี่หนึ่งก็ตามภีมไปที่บ้าน เอาไว้ให้ภีมพร้อมก่อนแล้วกันน่ะภี่ณะ” ผมพูด พี่ณะพยักหน้ากับผมว่าเข้าใจ

                     “แต่พี่ยังไม่เข้าใจ ก็ไหนเราว่ามีแค่คนเดียวคือบอยยังไงล่ะภาแล้วแอ้เขามีได้ยังไง” พี่ณะถามผม ผมหันไปมองที่ประตูเพื่อแน่ใจได้ว่าไม่มีใครเปิดเข้ามา

                      “ผมทำผิดกฎเพื่อช่วยรักษาชีวิตแอ้ พี่จำได้ไหมว่าแอ้เขาไม่สบายมากจนเกือบจะไม่รอด “ผมพูดขึ้น

                       “นั้นแปลว่าแอ้ตั้งครรภ์ได้เหมือนบอยใช่ไหม บอกพี่ซิ” พี่ณะถามผมอีกที สีหน้าพี่ณะ เหมือนคนมีความหวังขึ้นมา ผมพยักหน้าว่าใช้ ผมคิดว่าเผลอๆ แอ้จะสมบูรณ์กว่าบอยแต่ว่าไม่ใช่ในแบบเดียวกับบอยแค่นั้น แอ้น่าจะมีติดตัวมาตั้งแต่เกิดแต่ไม่สมบูรณ์และมันก็ทำร้ายตัวแอ้เองผมเลยต้องเปลี่ยนอันใหม่ที่ดีกว่าเดิมให้

                       “คือพี่ณะ…มันไม่เหมือนกัน แอ้เกิดจากการปลูกถ่ายอวัยวะและแอ้อาจจะมีมาตั้งแต่แรกเกิดแต่ไม่ใช่จากการตกแต่งพันธุ์กรรมเหมือนบอย และสิ่งที่ผมทำให้แอ้มันกับเข้ากันได้ดีและผมก็ทำเพราะความจำเป็นพี่ณะ “ผมพูดบอกพี่กฤษณะ

                        “พี่อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับภีมนะพี่ณะเพราะคนที่ขอเรื่องนี้เอาไว้กับผมคือแอ้เอง ดังนั้นคนที่ควรจะบอกภีมคือแอ้ “ผมพูด พี่ณะพยักหน้ากับผม

                      “พี่เองก็กลัวพี่หนึ่งจะรู้เรื่องบอยเหมือนกัน ถ้าพี่หนึ่งรู้อีกว่าบอย ท้องไม่ได้อีกแล้ว โอ๊ยพี่ไม่อยากคิดเลยภา “พี่ณะพูดและทำท่าจะคว้าแก้ววิสกี้แต่ผมดันออก

                        “และถ้ารู้ว่าบอยมีลูกกับแจ็ค พี่ก็ไม่อยากคิดอีกว่าจะเป็นยังไง พี่เลยยังต้องปิดเอาไว้ก่อน” พี่ณะ พูด

                       “พอแล้วพี่ณะ” ผมพูดห้ามปราม

                        “ตอนนี้เขาก็ต้องการให้เราแต่งตั้งคนที่จะขึ้นตำแหน่งแล้วนะภาและเรื่องสืบเชื้อสายนั้นอีกละ “พี่ณะพูด

                        "เหตุผลหลักๆที่เขาเร่งเรา มีหลายครอบครัวที่ถูกสังหารแต่เราไม่มีหลักฐานมากพอที่จะหาคนทำผิดทั้งที่เราก็รู้กันอยู่ว่าใคร "พี่ณะพูด สีหน้าออกจะไปทางหนักใจมากกว่า
               "บอยเองก็ไม่อยากได้ พี่รู้ว่าบอยอึดอัดแต่ว่าเราเลือกเขามาแล้ว"พี่ณะพูด ผมพยักหน้าว่าผมเข้าใจ

               “ที่ภาบอกว่าแอ้เขาท้องได้  แล้วนี่ดิวกับแอ้เขามีกันกี่คนแล้วเนี๊ยะ” พี่ณะถามผม

                “ห้าคนแล้วพี่ณะ” ผมตอบ

                “ห้าคนเลยเหรอ นั้นก็แสดงว่าแอ้ท้องได้เหมือนผู้หญิงปกติทั่วไปเลยนะซิภา” พี่ณะถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ

                 “ถ้าอย่างนั้นก็ให้แอ้ขึ้นรับตำแหน่งไปเลย บอยเขาไม่อยากได้ตำแหน่งนี้และพี่ก็ว่าพี่พอแล้วภา ดูบอยไม่มีความสุข พี่ทนเห็นลูกตัวต้องมาแบกอะไรแบบนี้ พี่ทนไม่ได้” พี่ณะพูด

                 “พี่ณะ เด็กห้าคนนี้เราเลือกที่จะมีเขาเพื่อมาดูแลองค์กรก็จริง พายนี้เขาเลือกดิเอ็นเอ ที่่เรียกว่าเด็กอัจฉริยะมาใส่ไว้มันไม่ตรงกับตำแหน่งผู้นำแน่นอน ส่วนติ๊กนี้ตอนนี้ภาคย์บอกว่าดื้อที่สุดเขามีความคิดเป็นของตัวเองไม่ยอมใครง่ายๆ คิดว่าไม่ไหวที่จะให้ขึ้นแทน และแอ้นี้ พี่หนึ่งเขาประกาศเลยว่า ไม่ให้แอ้รับตำแหน่งเด็ดขาด” ผมพูด พี่ณะสะบัดหน้ามามองผม แบบไม่อยากจะเชื่อที่ผมพูด

                  “ทำไมละ ทำไมพี่หนี่งพูดแบบนั้นละภา “พี่กฤษณะถามผม

                   “อย่าถามผมเลยผมไม่รู้จริงๆ “ผมบอกพี่ณะ

                   “คุณสมบัติผู้นำองค์มีแค่บอยเท่านั้นที่เหมาะสมที่สุด แต่ว่าเราจะมีแค่โอเมก้าไม่ได้ เราต้องมีอัลฟ่า “ผมพูดกับพี่ณะ พี่ณะถึงกับหันหน้าไปมองทางอื่น แค่นี้พี่ณะก็ไม่อยากคิดไปถึงอนาคตให้บอยแล้วว่าจะเป็นแบบไหนเพราะว่าขนาดยังไม่ได้ขึ้นเลยน่ะยังจะยุ่งขนาดไหน

                  “ทุกคนเลือกแล้วว่าให้บอยคือคนที่ตั้งครรภ์ ดังนั้นเราต้องหาคนที่จะมาเป็นอัลฟ่ามาคู่กับบอย “ผมพูดกับพี่กฤษณะ


                   พี่ณะก็ทำท่าคิดหนักทันที ผมรู้ว่าตำแหน่งนี้ใครก็ไม่อยากได้อึดอัดที่สุด มีความเป็นตัวเองน้อยมากเพราะว่าถ้าขึ้นแล้วมีความเสี่ยงอันตรายสูง มีคนอยากโคตรอำนาจอยู่หลายคนและถ้าขึ้นแล้วก็เรียกว่าผู้นำองค์กร แน่นอนอยู่เหนือพวกผมอีกต่างหาก เหมือนได้แบกโลกไว้ทั้งใบเลยก็ว่าได้

                  “ถ้าอย่างนั้นก็มีทางเดียว ต้องทำให้แจ็คขึ้นรับตำแหน่งให้ได้แต่ดู ยังเกเรอยู่เลย จะไหวไหมล่ะภาและนี้ดูท่าจะหัวดื้อสุดๆ พี่ว่าดิวก็ดื้อน่ะแต่แจ็คดื้อแบบนี้มีความคิดเป็นของตัวเองมากที่สุด จน…. “พี่ณะพูด ผมก็ทำมือให้ทำยังไงได้ละ

                  “พี่หนึ่งประกาศไม่เอาแจ็ค” พี่ณะพูด ผมมองหน้าพี่ณะ

                  “ใช่เขาพูดเอง” พี่ณะหันบอกผม สีหน้าเคร่งเครียดกว่าเดิม ไม่ให้เครียดได้ยังไงพี่ณะโดนสองทาง ภูมิก่อคนรักและแจ็คก็คือลูกของภูมิและพี่ณะก็ไม่อยากให้ภูมิมีเรื่องกับพี่หนึ่งแถมไอ้แจ็คตัวดีนี่ก็มาเป็นว่าที่ลูกเขยอีกและพ่อของหลานพี่ณะอีก

                  “ลูกของบอยกับแจ็ค ก็ดื้อเหมือนพ่อมันไม่มีผิดเพี้ยนเช่นกัน นี้พี่ต้องคอยปรามเอาไว้นะ นี้ขนาดสองขวบเองน่ะภา” พี่กฤษณะพูดผมก็แอบยิ้มขำๆ ให้คุณปู่ ที่ถึงกับต้องแตะหน้าผากตัวเองทันทีที่พูดถึงหลาน

                  “ตอนนี้พี่นึกไม่ออกเลยว่าปัญหามันอยู่ที่ตัวแจ็คหรือภูมิตอนนั้นที่เลือกเดินออกไปกันแน่ “พี่ณะพูดผมพยักหน้าผมรู้เรื่อง ก็ตอนนั้นภูมิคงคิดว่าจะออกไปแล้วไม่กลับเข้ามาอีกแต่สุดท้ายภูมิก็เลือกกลับมาช่วยพี่ณุและยังขึ้นแทนผู้ประกอบการที่มีกำลังมากกว่าพวกผมซะอีก เป็นนายทุนหลักเลยก็ว่าได้

                  “มันไม่ใช่ความผิดของเด็กเพราะว่าที่เราแพลนกันเอาไว้ พวกเขาก็ยังไม่เกิด แต่พอเขาเกิดมาทุกคนมีความคิด มีความต้องการของตัวเอง เราเลี้ยงได้แค่ตัว เราเลี้ยงหัวใจเขาไม่ได้พี่ณะ “ผมพูดพี่กฤษณะมองหน้าผม

                   “ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้พี่ภาคย์ แต่ช่างมันเถอะยังไงมันก็แค่ข่าวซุบซิบ แอ้เขาไม่เป็นแบบนั้นหรอก” ผมต้องยุติการสนทนากับพี่ณะ เพราะว่าเสียงภีมกำลังคุยกับใครสักคนและกลับเข้าในห้องที่ผมนั่งอยู่กับพี่ณะ ภีมเข้ามาพอดี และตามมาด้วยภูมิอีกคน

                  “บอยกับแจ็คจะขึ้นเครื่องมากันแล้วครับพี่ณะ เขามาพร้อมกับหลุยส์และเพื่อนของบอยที่ชื่อธรรณ์นะครับพี่ณะ” ภูมิพูดและเข้ามานั่งข้างๆ พี่กฤษณะในฐานะคนรัก

                  “ธรรณ์เขาเป็นเพื่อนกับบอยมาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นเด็กดีพี่การันตีได้” พี่ณะพูด

                  “ภีมมีอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้นละ” พี่กฤษณะหันถามภีม ผมก็หันไปมองเช่นกันและเลิกคิ้วสูง ก็เมื่อกี้ก็ยังโอเคอยู่เลยนะ

                 “ก็วันนี้แอ้เขามาเดินแบบกับติ๊ก แต่ดันมีนายแบบมาชอบ และก็มีคนแอบถ่ายรูปไปโพสต์ลงข่าวซุบซิบกันแถมยังระบุชื่อลูกชายพลเอกภีมปภพ งานเข้าไปไอ้ภีม” ภาคย์พูด ผมก็มองภีม ถ้าอย่างนั้นตอนที่ไอ้ดิวมันสบถออกมาว่าเมียมันมีชู้

                 “เปรมดิ์ไปไหนละ” ผมหันไปถามเพราะไม่เห็นน้องชายเกือบจะคนเล็กของผมจะว่าเป็นคนเล็กก็ได้นะเพราะเป้ไม่ใช่น้องชายพวกผมจริงๆ แต่ผมรักและเลี้ยงดูเหมือนน้องแท้ๆ แถมมันก็เอาแต่ใจไม่แพ้น้องแท้ๆ เลยจริงๆ แต่พวกผมก็ยอมจนไม่ไหวต้องส่งไปอยู่กับพี่สามและนั้นก็ได้เรื่อง โดยลูกชายพี่สามจับไปทำเมียซะเลย แต่ก็ดีมีคนดูแลพวกผมก็อุ่นใจ

                  “เปรมดิ์มันงานเข้านะพี่ แต่ไม่ได้บอกว่างานอะไรเข้านะ และมันก็รีบกลับไปกับพี่สี่แล้วก่อนที่พี่จะมาได้สักพัก ผมเลยโทรบอกติ๊กว่าให้มารับพายกลับไปด้วยพรุ่งนี้ “ภาคย์พูดขึ้น

                   “พวกเราพักที่นี้แล้วกันนะ พี่ณะกลับพรุ่งนี้เถอะ “ภูมิมันบอกพี่ณะ พี่ณะก็หันมามองหน้าผม ผมก็พยักหน้าตามนั้นเพราะว่าพากันออกมาแล้วด้วย ผมหันไปพยักหน้าเรียกภีม ภีมก็ลุกตามผม เพื่อขึ้นไปยังห้องพักที่ภาคย์จัดไว้ให้พวกผมพักกัน

                  “แต่ผมต้องกลับบ้านนะ พรุ่งนี้เช้าจะมาแต่เช้า “ภาคย์พูดผมพยักหน้าก่อนจะดึงแขนภีมปภพขึ้นไปบนห้องพักกับผม ต้องรีบเลยเพราะว่าต้องไปปลอบคนนี้อีก

                   “พี่ภา ไหนบอกว่าจะคุยกับพี่ณะไง”

                    “พี่คุยแล้ว” ผมพูดขณะที่เข้าไปในลิฟต์

                    “อ้าวแล้วทำไมไม่รอผมละพี่ภา” ภีมปภพถามผม ผมหันไปมองหน้า

                    “รอไปคุยกับพี่ดีกว่าไหม เพราะว่าเราต้องคุยกันแบบส่วนตัว” ผมกระซิบกับภีมปภพ ภีมหันมามองหน้าผม และหันหน้าหนีคุณหมอจอมหื่นทันที เขาคงเดาได้ทันทีว่าบทรักหนุ่มใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น

                    “หื่นชะมัดเลย แล้วนี่ก็หลอกผมออกมาจากบ้านอีก “ภีมปภพหันมาบ่นผมทันที ผมเดินมาจนถึงห้องพัก พี่ภีมเดินเข้าไปก่อน ผมปิดประตูลงและเข้าไปสวมกอดภีมจากด้านหลัง

                    “พี่หนึ่งว่าอะไรภีมอีกไหมก่อนที่พี่จะเข้าไปนะ” ผมถามภีม น้องที่ผมรักมากจนข้ามคำว่าพี่น้องแม้จะไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดก็ตาม

                    “ก็มีแค่เรื่องแอ้นะพี่ภา เราตัดสินใจผิดหรือเปล่าแต่ภีมทนไม่ได้ที่จะเห็นแอ้ “ภีมหันมาบอกผม เขาคงคิดว่าเขาตัดสินใจผิดที่ให้ผมทำแบบนั้นกับแอ้

                    “พี่เองที่เป็นหมอพี่ก็ทนไม่ได้ภีม ถึงภีมไม่ขอร้องพี่ พี่ก็จะทำ เพื่อช่วยแอ้เขาในวันนั้น” ผมพูดและโอบเอวบางๆ ของนายทหารติดยศสูงสุด โอบเอวเข้ามาหาผม

                    “อืมม” ผมประกบปากจูบภีมอย่างละมุล

                    “ตกลง ที่พี่ทำให้แอ้นั้นนะ เออ มัน “ผมก็มองหน้ามันอะไรเหรอ ผมปั่นหน้าได้นิ่งและไม่มีอาการใด ใจก็อยากบอกนะแต่ผมว่าต้องคุยกับแอ้และดิวก่อนจะดีกว่า

                    “อะไรเหรอภีม” ผมถามภีมปภพ

                    “อืมมม “ผมก็ประกบจูบริมฝีปากนั้นอย่างหนักหน่วงขึ้น ภีมก็โอบรอบคอผมไว้ ผมก็ดันภีมเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ จนถึงห้องนอน พร้อมกับใช้เท้าดันประตูให้ปิดลง

                    “พี่ภา ดะ เดี๋ยว ผมจะถามพี่…. อืมมม” ภีมปภพร้องห้ามผม

                    ผมจะหยุดทำไม หยุดภีมก็สักผมเรื่องแอ้ซิ บอกว่ายังบอกไม่ได้ ผมจัดการผลักภีมปภพลงไปนอนและผมก็ขึ้นไปคร่อมร่างนั้นไว้ พร้อมกับซุกไซ้ไปตามลำคอ มือก็ปลดเครื่องแบบที่ภีมสวมใส่อยู่ ผมรู้ว่าภีมก็ต้องการเช่นกัน ภีมกระดกหัวขึ้นมามองผมและจัดการปลดกระดุมเสื้อผ้าผมเช่นกัน ผมก็สวมเครื่องแบบเช่นกัน วันนี้ไปในฐานะแพทย์ทหาร ผมลุกขึ้นมายืน ภีมก็ดันตัวเองขึ้นและปลดหัวเข็มขัดกางเกงเครื่องแบบของผมออก ผมก็ถอดมันออกไป พร้อมกับก้มลงถึงกางเกงเครื่องแบบของภีมออกไปเช่นกัน

                    “พี่ภา” ภีมกำลังจะเอ่ยปากถามผม แต่ผมทำนิ้วจุ๊ปาก

                    “อย่าเพิ่งพูดเรื่องเครียดๆ ตอนนี้ซิ เดี๋ยวน้องพี่หด” ผมกระซิบและโถมตัวเองลงไปผมจัดการจูบเรือนร่างของภีมปภพ ผมพรมจูบไปทั่วทุกอณูของร่างกาย ทั้งดูดและเม้ม ประสบการณ์ยอมรับว่าโชกโชน ผมยอมรับว่าภีมไม่ได้อยู่กับผมตลอด ผมก็จะหาเด็กมาปรนเปรอบ้าง ดังนั้นถ้าลูกจะทำก็ไม่ว่าอะไรแต่ขอให้ป้องกันตัวเองดีดีก็พอ

                    “อืมมม พี่ภา “พี่ครางออกมาเบาๆ เมื่อผมเลื่อนลงไปถึงขอบกางเกงยางยืดนั้น ผมรู้ว่าภีมอยากให้ผมช่วย

                    “ให้พี่ทำให้ไหม” ผมถามคนที่นอนบิดตัวเองไปมา

                    “รออยู่ อย่าลีลาได้ไหมคุณหมอ” ภีมปภพกระดกหัวขึ้นมาบอกผม ผมก็หัวเราะเขาในลำคอก่อนจะฝังหน้าลงไปจัดการ และถอดปราการสุดท้ายออกไป

                    “โอ้วว พี่ภา โอ้วว ซี้ด อืมมม “ภีมปภพกอดผมร่างกายก็บิดไปมาและเด้งขึ้นลงตามจังหวะการขบเม้มของผม และเขาก็เริ่มอยู่ไม่สุขเมื่อผมเริ่มใช้ปากกับสิ่งนั้น ภีมปภพมีแฟนเป็นผู้หญิง ช่วงที่เขากับผมเริ่มคบกัน เพื่อบังหน้าและผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ภีมปภพขอให้อุ้มลูกให้เขาโดยใช้วิธีทางการแพทย์ของผม แต่เรื่องบนเตียงกับผู้หญิงคนนั้นผมรู้มาบ้างว่าภีมก็มีอะไรเหมือนเช่นแฟนกันทั่วไป และผมเองก็ยอมให้เขาทำ เพราะว่ามันทำให้เรื่องบนเตียงของผมและเขายิ่งมีรสชาติมากขึ้นเช่นกัน มันทำให้เราสองคนตอบสนองกันได้ดีขึ้น

                    “คิวพี่แล้วนะภีม ขึ้นนะ “ผมกระซิบเมื่อภีมปภพสำเร็จไปแล้วหนึ่ง น้ำรักเต็มปากไปหมดเลย จนต้องแอบไปคายทิ้ง เยอะไปไหม และผมก็เดินกับมาหาภีม ผมก็นอนลงและภีมก็พลิกมาค่อมผมเอาไว้

                    “ไม่ใส่ถุงเหรอ ภีมปภพถามผม ขณะที่ผมกำลังละเลงเจลที่ลงบนน้องรักของผม ห้องนี้เป็นห้องพิเศษที่ภาคย์น้องรักของผมจัดไว้ให้ดังนั้นอุปกรณ์สำหรับบทรักจึงมีพร้อม

                     “ไม่ดีกว่าเพราะว่าพี่แขวนนวมไปหลายปีแล้วภีมก็รู้ พี่รอภีมคนเดียว” ผมบอกภีมปภพ ภีมเขาก็ยิ้มให้ผมอย่างผู้ชัย และภีมก็ค่อยกดช่องทางรักเพื่อครอบแกนกายผม ถึงอายุอานามจะเยอะแต่สิ่งนั้นก็ไม่ได้ล่วงโรยไปตามอายุ มันยิ่งผงาดสู้ศึกตลอดเวลา

                      “โอ้วว พี่ภา “ภีมร้องออกมาเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ดันมันลงไปช้าๆ และไม่นานก็หายเข้าไปจนหมดด้าม ภีมค่อยๆ โยกเบาๆ พร้อมกับหรี่ตามองลงมาที่ผม มือที่ประสานกันไว้ ผมก็ดันตัวขึ้นจูบภีม เพื่อคุมเกมรักไม่ให้รีบร้อนเสร็จซะก่อน ภีมและผมบรรเลงเพลงรักที่นุ่มนวล

                       ภีมเป็นคนไม่ชอบบทรักรุนแรง ผมเลยนอนให้ภีมจัดการเอง ควบคุมมันเองไม่นาน ร่างผมก็กระตุกและน้ำรักของผมก็พุ้งกระฉูดอยู่ภายในกายของภีม ภีมหยุดนิ่งและก้มลงมาจูบผม ก่อนจะถอนตัวเองลงมานอนข้างๆ ผม ผมก็โอบไหล่ภีมเข้ามาหาอกผม ผมหันไปมองภีมปภพ เขายังคงเป็นน้องที่น่ารักน่าถนอมของผมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน เลยไปครึ่งชีวิตได้แล้วแต่ภีมก็ยังคงเป็นเด็กน้อยของผมอยู่ดี ถึงแม้ภีมจะห่างกับผมแค่สามปีก็ตาม

                    “ภีม พร้อมจะอยู่กับพี่หรือยัง” ผมหันไปกระซิบถามภีมปภพ

                    “นี้ยังเรียกว่าไม่พร้อมอีกเหรอพี่ภา” ภีมปภพหันมาถามผมกลับ ผมก็จับมือภีมมาไว้บนหน้าอกของผม

                    “อยากอยู่ด้วยกันทุกวัน” ผมพูดและกุมมือภีมมาหอมเสียงดัง “ฟ๊อด”

                    “แบบสามีภรรยาไปเลยนะ ภีม” ผมบอกภีมปภพ

                     “พี่พร้อมหรือยังล่ะ มาถามผม ถ้าพี่พร้อมก็ควรจะ” ภีมพลิกตัวขึ้นมามองหน้าผม

                     “จริงนะ ถ้าพี่พร้อมเราจะอยู่กับพี่ใช่ไหมภีม” ผมถามภีมกลับ พร้อมรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ส่งไปให้

                     “พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกผมแล้วกัน แต่อย่าให้รอนานนนะ ไม่อย่างนั้นผมจะไปอยู่กับพี่หนึ่งอีก” ภีมปภพพูดบอกผม ผมเข้าใจความหมายดีนั้นแปลว่าเขาเริ่มระแคะระคายเรื่องหลานๆ ลูกของแอ้กับดิวมาแล้วแต่ภีมเขาไม่ถามผมตรงๆ เขาคงรอเมื่อพร้อมที่จะบอกเขานั้นเอง แถมขู่ผมมาแบบนี้ เฮ้อ! ไม่ได้ซิ ผมต้องคุยกับไอ้ลูกดิวแล้วซิ ให้มันบอกพ่อตามันไปเถอะ ไม่อย่างนั้น คนนี้ขู่จะไปอยู่กับพี่หนึ่ง ไปช่วยงานพี่หนึ่งอีก ผมตายแน่



                       TBC...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-02-2024 21:19:54 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.40 (ติ๊ก) แอ้มันโกหกผมอีกแล้ว
​​​​​​​

            Part ติ๊ก เมื่อคืนแอ้มันส่งข้อความหาผม มันบอกผมว่ามันจะนอนคอนโดแทนและพี่ชายของแอ้มันจะไปส่งเอง ดังนั้นมันจึงไม่กลับไปพร้อมกับผมและผมก็รู้ว่ามีเรื่องที่บ้านของบอยด้วย ผมรู้ว่าไอ้แจ็คมันฝืนคำสั่งไปหาบอยที่นั่นแต่ผมรู้แค่นั้น ส่วนเรื่องอะไรผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่เลยไม่ได้ถามพ่อผม ตอนนี้เรื่องที่ผมกำลังสนใจคือ ดิวมันกลับมาก่อน อันที่จริงมันต้องมาถึงพรุ่งนี้ ผมไม่รู้ว่าแอ้มันไม่รู้หรือว่ามันไม่ยอมบอกผมกันแน่ แต่ถ้าเป็นอันหลังนี่มันน่าเจ็บใจหนัก และผมก็เดินไปที่บ้านแอ้มันทันทีทั้งที่รู้ว่ามันไม่อยู่ก็เพราะว่าผมอยากรู้ว่ามันไปนอนที่ไหนกันแน่ ถ้าดิวมันกลับมาก่อนแบบนี้
           "สวัสดีครับพี่อั๋น"ผมเดินออกมาเจอพี่เอสเดินงัวเงียออกมาจากรถพอดี ในสภาพที่บอกได้ว่านอนน้อยแต่ก็นอน แต่ดูแล้วแทบจะไม่ได้เลยจะดีกว่า พี่เอสหันมาเจอผมเข้าพร้อมกับหาวทักทายผมทันที
           "สวัสดีครับน้องติ๊กมารอแอ้มันเหรอครับ"พี่เอสถามผมด้วยอาการสะลึมสะลือ พี่อั๋นเขาถามผม
            "เปล่าครับแค่มาเดินเล่นเฉยๆ เพราะว่าไอ้แอ้มันบอกผมว่ามันจะไปนอนคอนโดนะครับพี่” ผมพูด พี่อั๋นมองหน้าผมขมวดคิ้วทันที อย่าบอกน่ะว่าแอ้มันโกหกผมน่ะ
             “แต่ผมก็แค่เดินผ่านมาเพื่อว่ามันจะเปลี่ยนใจกลับมาบ้านเหมือนกันและจะได้กลับไปที่ที่เราต้องไปติดคุกด้วยกัน "ผมตอบพี่เอสไปผมแทนเลยว่ามันเหมือนคุก พี่อั๋นเลิกคิ้วมองหน้าผมอีก
             "จริงดิ! แต่พี่ไปนอนคอนโดมาน่ะ พี่dHไม่เห็นแม้แต่เงามันเลย สงสัยไปfu**ingกับหนุ่มที่ไหนแน่เลย น้องพี่ย่อมเหมือนพี่” "ผมเงียบเลยมันโกหกผมอีกแล้วไอ้แอ้และคงไม่ต้องถามหรอกว่านอนที่ไหน คอนโดไอ้ดิวแน่นอน
            "งั้นพี่ขึ้นบ้านก่อนนะ ง้วง ง่วง "พี่อั๋นพูดและอ้าปากห้าว ไปนอนยังไงยังง่วง!
            "พี่ไปนอนคอนโดไอ้แอ้ ทำไมพี่ยังง่วงอีกอะ"ผมหันถามพี่อั๋น
             "เออ นอนน่ะนอนอยู่น่ะแต่มันนอนคนละแบบและท่าเจอท่ายากนะ แน่นอนต้องไม่อยากจะนอน..."พี่อั๋นพูด ผมหันมามองพี่เขาพูดยังไงของเขาและนี่มันนอนแบบไหนเนี๊ยะ จะบอกว่าตัวเองไป อิบ อิบ กับใครมาก็บอกมาเถอะ ผมต้องเหลือกตาขึ้นบน คุยด้วยแล้วปวดหัวผมเลยคิดว่าผมเดินกลับไปบ้านดีกว่า เพื่อไปรอพี่พัฒน์ที่รถ ไอ้แอ้น่ะไอ้แอ้โกหกผมได้ คอยดูนะกลับไปนี้ผมคงได้เจอดีกับผมบ้าง
            "รู้จักท่ายากไหม ไม่รู้จักซิท่า ว่างๆ จะพาไปฝึก พี่มีเยอะ แบ่งปันกันได้"ไอ้พี่อั๋นพูด ผมมองพี่อั๋น แบบว่าทำไมอะ ท่ายากอะไรของเขาผมหันมากอดอกมอง ผมคิดว่าคุยโวแบบนี้มีไม่กี่ท่าหรอกเอาเข้าจริงๆ นะ
           "น้องกูไม่ต้องใช้ท่ายากหรอกมั้ง ไอ้อั๋น"พี่ตุ๊มายืนอยู่ข้างหลังผมตอนไหนก็ไม่รู้
           "อุ้ย พี่ตุ๊ สะ... สาสวัสดีครับพี่"พี่อั๋นทักทายพี่ตุ๊ยกมือไหว้พี่ตุ๊ผมไม่ทันเลย
           "มึงจะเอาท่ายากอะไรมาเทรนน้องกู ไอ้ พลทหาร"พี่ตุ๊ถามพี่เอส ตั้งแต่พี่ตุ๊กับพี่อ้นพี่ดิมต่อยกันไม่มีใครกล้าแหยกับบ้านตอเต่าเลย
          "ท่ายาก เกี่ยวกับ การฝึกทหารเพื่อน้องติ๊กอยากเรียนรู้เป็นวิทยาทานนะครับพี่ตุ๊ "พี่อั๋น ผมหันไปมองพี่ตุ๊ ไม่เลยนะไม่ร้องขอ และหันมามองพี่อั๋น
           "คงไม่ต้องมั้ง เอส เพราะน้องกูนี้จบมา ก็เข้าเป็นผู้บริหารโรงแรมของพ่อกูหรือไม่ก็เป็นบริหารโรงเรียนมีสองอย่างแค่นี้ ไม่คงไม่จำเป็น! ต้องใช้ที่มึงว่าว่ะ อั๋น!"พี่ตุ๊ พูดบอกพี่อั๋น
          "เฮอๆ ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไรครับ เอสขอลาละพี่ กู้ดไนท์ เอ้ย! กู้ดมอนิ่งนะครับทุกคน "พี่อั๋นพูดและรีบล่ำลาพี่ตุ๊กับผมทันที
          "ดูท่าจะง่วงนอนนะมึงนี้ จะขึ้นไปนอนข้างบน หรือจะนอนตรงนี้ละ "พี่ตุ๊พูดและมองหน้าพี่เอส ผมก็ยิ้มให้ว่าเอาไง
           "อุ้ย! นอนบนบ้านดีกว่าพ่อเพิ่งซื้อเตียงให้ใหม่ เด้งดีนะ น่า..จะ.... "พี่อั๋นมีจะมาชวนผมอีกนะ
         "รีบขึ้นไป! เดี๋ยวเตียงมึงจะไม่ได้ใช้เตียงใหม่ที่อากูซื้อให้มึงน่ะเอส "พี่ตุ๊ดพูดก่อนจะทำท่าหันหลังเดินออกพร้อมกับยักไหล่ให้ผมเดินตามกลับบ้านไปด้วยกัน
          "งั้นไปนะพี่ตุ๊ อยากนอนเตียงใหม่ เดินทางให้สนุกนะน้องติ๊ก “พี่อั๋นพูดและยังหันมาบอกให้ผมเดินทางให้สนุก ผมว่ากลับไปสนุกแน่น้องพี่นะเพราะว่ามันโกหกผม
           "พี่อั๋นครับ” ผมเรียกพี่อั๋นไว้ขณะที่พี่ตุ๊เดินหันหลังออกไปแล้ว พี่อั๋นหันมามองหน้าผม ผมควักมือเรียกพี่เอาเข้ามา ผมก็เอามือป้องหูพี่อั๋น พี่เขาเงี่ยหูตั้งใจฟังทันที
          “เออ ท่ายากนะ ผมมีหมดแล้วคงไม่ต้องฝึกแล้วพี่อั๋น "ผมกระซิบบอกพี่อั๋น มีเอสมองหน้าผม
         "แจ๋ว! "พี่อั๋นขึ้นบ้านไปโล้ด ผมเดินมารอขึ้นรถ ผมเดินทางไปกับพี่พัฒน์รอบนี้ พี่พัฒน์เอางานมาทำด้วยตลอดเลย (พี่พัฒน์คือใครจะมาในตอน เรื่องรักวุ่นวาย ของพี่ๆ)
         "พัฒน์!....งานบางงานแบ่งคนอื่นทำบ้าง "พี่ตุ๊บอกพี่พัฒน์
         "คนไหนละ พี่ตุ๊ ไปจะหมดแล้วที่อยู่ก็ล้นมือกันคนแล้วพี่ตุ๊"พี่พัฒน์หรือครูพัฒน์พูดกับพี่ตุ๊ ผมแอบขำเลยพี่ตุ๊ มองหน้าชี้นิ้วให้ผมหยุดหัวเราะ
          "โอเค นี้คอมเพลนพี่ใช่ไหมเนี๊ยะ "พี่ตุ๊พูดกับพี่พัฒน์ ผมก็เหลือบตามองแต่ไม่กล้ามองตรงๆ เดี๋ยวพี่ตุ๊ไม่กล้าสวีทกับพี่พัฒน์โชว์พวกผม
          "เปล่าซะหน่อย "พี่พัฒน์พูดมีแอบค้อนพี่ตุ๊
          "ไม่นาน ครูที่จบใหม่พร้อมทำงานจะเดินทางไปเร็วๆ นี้ อย่าทำหน้างอซิ มันเหมือนปลาทูแม่กลอง"พี่ตุ๊แซวพี่พัฒน์ พี่พัฒน์สะบัดหน้าหันไปมองพี่ตุ๊ทันที
          "หึ!!"ผมขำพี่ชายผม อย่างน้อยก็ยังพอมีเรื่องให้ผมคล้ายโมโหไอ้แอ้หน่อยเรื่องพี่ตุ๊นี่แหละ
           "มุขสมัยไหนนี้ "พี่พัฒน์พูด พี่พัฒน์ก็เปิดประตูเข้าไปนั่งทำหน้าที่คนขับส่วนผมก็เดินไปนั่งข้างพี่พัฒน์
           "ห้ามขับเร็ว เร็วได้ไม่เกิน 100 "พี่ตุ๊สั่งพี่พัฒน์ เร็วได้แค่ 100 แล้วจะถึงเมื่อไหร่ละเนี๊ยะ ผมหันไปมองพี่ตุ๊
          "ปกติพี่พัฒน์ก็ขับไม่เร็วอยู่แล้ว วิ่งจ๊อกกิ้งยังเร็วกว่าเลย"ผมพูดบอกพี่ตุ๊
          "อุ้ย! ติ๊กว่าพี่ขับช้าเป็นเต่าเหรอเรานิ"พี่พัฒน์หันมาทำท่าจะตีแขนผม
          "เพราะอย่างนี้ไง ถึงให้ออกแต่เช้ามีเวลาลัลล่าในรถกันหลายชั่วโมง "พี่ตุ๊พูด อ้อ มีหน้าล่ะรีบปลุกแต่เช้าตรู่เลย
          "ห้ามเปลี่ยนให้ติ๊กขับเด็ดขาดนะพัฒน์ เข้าใจไหม คุณครู ถ้าไม่เชื่อนะ"พี่ตุ๊สั่งพี่พัฒน์ ห้ามผมขับรถ เพราะว่าผมขับรถเร็ว ผมเคยชนคนเสียชีวิตด้วยแต่นั้นมันอุบัติเหตุ เขาข้ามถนนเร็วและครอบครัวผมก็ต้องรับผิดชอบดูแลครอบครัวเยื่อคนนั้นจนตอนนี้ เพราะว่าผมเป็นดาราแล้วไง เรื่องมันเลยใหญ่โต
          "ครูใหญ่จะทำโทษครูเล็กเหรอ"ผมถามพี่ตุ๊
          "ใช่ ครูใหญ่คนนี้จะทำโทษ"พี่ตุ๊พูดลืมตัวแน่เลย พี่ตุ๊สะบัดหน้ามามองผม ที่แอบขำ พี่ตุ๊นี้ปากแข็งนะรักพี่พัฒน์ก็ไม่ยอมแสดงออกต่อหน้าพวกผมหรอก
           "เอานี่ไปได้แล้ว ทั้งคุณครูละลูกศิษย์เลยนะน่าจับตีก้นทั้งคู่"พี่ตุ๊ พี่พัฒน์สตาร์ทรถ พี่ตุ๊มองพี่พัฒน์ พี่พัฒน์ก็มองพี่ตุ๊
          "จะหอมแก้มก็หอม เขาไม่แอบดูหรอก"ผมพูดพร้อมกับ หันหน้าไปทางอื่นแต่ว่าผมมีกระจกมองข้างที่ปรับมาให้เห็นได้ พวผมก็อยากให้ะตุ๊ลงเอยกับพี่พัฒน์ซะที ผมรู้ว่าพี่ตุ๊กับพี่พัฒน์รักกันแต่ติดที่พี่พัฒน์เป็นลูกบุญธรรมของพ่อผม แต่ผมรู้มากกว่านั้น ผมรู้ว่าพี่ตุ๊กับพี่พัฒน์โป่งโป้งชึ้งกันแล้ว แต่เราไม่เอามาพูดกันเพราะว่าพวกเราให้เกียรติพี่เราสองคน
          "ฟ๊อด! "เสียงดังเชียวพี่ตุ๊นี้และพี่พัฒน์เลื่อนปิดกระจก และค่อยๆ แล่นออกมาช้า ผมเห็นพี่พัฒน์เอาฝ่ามือลูบแก้มตัวเองและอมยิ้มไปด้วย นั้นแปลว่าพี่พัฒน์เองก็รักพี่ตุ๊
          "เราไปรับพายกันใช่ไหม ติ๊ก"พี่พัฒน์หันถามผม ผมพยักหน้า เพราะว่าพ่อโทรมาบอกว่าอาเปรมด์งานเข้าให้ผมแวะไปรับพายด้วย พาไปด้วยกัน ผมก็รู้ว่าพายมันก็แอบชอบไอ้ดิวเหมือนกันและเพราะเหตุนี้หรือเปล่ามันเลยเริ่มจะไม่อยากเป็นหมอขึ้นมาซะเฉยๆ
         “ติ๊ก เป็นอะไรหรือเปล่า” พี่พัฒน์เห็นผมเงียบไป ผมหันไปยิ้มให้พี่พัฒน์พร้อมกับผมส่ายหน้าไปมาว่าผมไม่เห็นอะไร
         “พี่เอ๋ ยังมีงานมาให้เราอยู่ไหมติ๊ก อย่าหักโหมหนักติ๊ก “พี่พัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงผมแล้วอย่างนี้พวกผมจะไม่รักพี่พัฒน์ได้อย่างไร
       “ก็ไม่เยอะหรอกครับพี่พัฒน์ แต่ถ้าเยอะก็คงจะดี พี่พัฒน์ ติ๊กเบื่อที่จะเรียนที่นั่น “ผมพูดกับพี่พัฒน์
           “พี่ก็เข้าใจ เราอยากจะเข้ามหา’ ลัยและมีเวลาทำนั้นทำนี้เยอะแยะ และที่นั่นแทบจะไม่มีอะไรสำหรับติ๊กเลย” พี่พัฒน์หันมาพูดกับผม ไม่ใช่หรอก ผมเบื่อที่ผมต้องทนเห็นแอ้กับดิวมันไม่เป็นเหมือนเดิมมันมีแค่กันและกันมากกว่ามีผมแล้วไง
              “แต่ถ้าเราจะมองให้มันเป็นความสุข มันก็ทำได้นะ” พี่พัฒน์หันมาพูดกับผมอีก
              “พี่ชอบเหรอพี่พัฒน์” ผมถามพี่พัฒน์ ผมรู้ว่าพี่พัฒน์เข้าใจที่ผมถาม ผมไม่ได้หมายถึงโรงเรียนนั้นอย่างเดียว
              “เออ พี่” พี่พัฒน์ ทำท่าอึกอักที่จะพูด
              “พี่พัฒน์ รักพี่ตุ๊ ใช่ไหมและติ๊กเชื่อว่าพี่ตุ๊ก็รักพี่พัฒน์เหมือนกัน “ผมพูดพี่พัฒน์หันมามองผมแว๊ปหนึ่งและหันกลับไปมองถนนเบื้องหน้าต่อ
             "เมื่อไหร่พี่ตุ๊กับพี่พัฒน์จะ แฮปปี้แอนดิ้งซะที พี่ตุ๊จะขี้เก๊กไปไหนก็ไม่รู้ พวกผมนี้จะหมดความอดทนว่าจะคุยกับพี่ตุ๊กันอยู่แล้ว"ผมพูดกับพี่พัฒน์ พี่พัฒน์มองผม
           "เออ"พี่พัฒน์เงียบไปเลยที่นี้ พี่ตุ๊ก็ขี้เก๊กอยู่นั่นแหละ พวกผมจะอกแตกตายกันอยู่แล้ว สงสารพี่พัฒน์
            "พี่พัฒน์น้อยใจไหม "ผมถามพี่พัฒน์ตรงๆ
            "ก็มีบ้างนะแต่ พี่เข้าใจพี่ตุ๊ นะติ๊ก"พี่พัฒน์หันมาบอกผม เห็นไหมพี่ตุ๊นิ
              “พี่พัฒน์คงเสียใจมากที่เห็น พี่ตุ๊ไปกับ พี่ขวัญตอนนั้น พวกผมสงสารพี่กันมากเลยน่ะ “ผมพูด แม้ว่าพี่ขวัญจะเสียไปแล้วก็ตาม ตอนนั้นพี่พัฒน์คงต้องทนเห็นคนที่ตัวเองรักไป เอาใจคนอื่นคือพี่ขวัญซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพี่พัฒน์แต่พอพี่ขวัญเขาได้พี่ตุ๊เขากลับไม่พูดกับพี่พัฒน์เลย และพี่ตุ๊ก็เอาใจเขามากจนพวกผมนี้หมั่นไส้มาก แต่มันจบไปแล้ว โดยพี่ขวัญกระโดดตึกเสียชีวิต
            “ติ๊กรักพี่พัฒน์นะ พี่เหมือนพี่่แท้ๆ ของติ๊ก “ผมพูด
               “พี่ก็รักติ๊กนะ เป็นห่วงเรานะ บางวันก็เห็นเราไม่มีความสุขเลย ติ๊ก” พี่พัฒน์พูด พี่พัฒน์มองหน้าผม
             “อะไรที่ทำให้เราไม่มีความสุข โย้นมันทิ้งไปบ้างก็ได้นะ หึ” พี่พัฒน์พูดตอนนี้พี่พัฒน์ขับรถเข้ามาจอดด้านหน้าโรงแรมแล้ว พายมันยืนรออยู่ มีหนุ่มล้ำยืนอยู่ไม่ไกลจากมัน ดูส่งสายตาให้พาย แต่ไอ้นี่มันไม่น่าไว้ใจ เห็นผมแบบนี้เป็นห่วงมันมากน่ะพายเนี๊ยะ
              “อีพาย! ไปได้แล้ว ฮอร์โมนมึงนี้ทำงานตลอดเลยนะ” ผมเปิดกระจกแซว พายมันก็หันมายิ้มให้ผมและหันไปโบกมือให้คนข้างๆ
              “ไปก่อนนะ “พายบอกคนนั้น ไอ้คนนั้นดูท่าจะอยากได้เบอร์โทรพายมาก
             “เอาเบอร์พ่อน้องเขาไหม มีนะ พ่อน้องเขาเป็นผู้บัญชาการทหารอยู่ตอนนี้น่ะ “ผมตะโกนถาม พี่คนนั้นทำท่าตกใจ รีบเดินเข้าไปด้านในทันทีโดนไม่รอเบอร์โทร
          “อีติ๊ก มึงสกัดกูอ่ะ เขาอุตส่าห์มายืนฉีกยิ้มให้กูตั้งนาน พี่พัฒน์ดูซิ” พายพูด
            “หึๆ พาย พี่ว่ามันยังไม่ถึงเวลานะ เรียนก่อนดีกว่าไหม “พี่พัฒน์หันมาพูดกับพาย และออกรถทันที พายมันนั่งเบาะหลัง ผมรู้ว่าพายมันจะเอาพวกบรรยายที่มันต้องอ่านมาฟัง
             “เป็นไงบ้างมึง” เมื่อวานลุงหนึ่งมาหาที่โรงแรมพ่อผมด้วยเห็นว่ามีปากเสียงกันกับลุงณะ ผมว่าพายมันน่าจะอยู่เหตุการณ์ ผมถามพาย แต่พายมันมองหน้าผม
             “เมื่อคืนนะเหรอ มีหนุ่มล้ำๆ มาเพียบเลย ที่โรงแรมลุงภาคย์อะ เมื่อคืนเขาประกวดโดมอนแมน แก “อีพาย พูด ผมอยากจะเค้กกะโหลกมันจริงๆ กูไม่ได้หมายถึงหนุ่มๆ พายมันขยิบตาว่าไม่พูดตอนนี้ให้ผมฟัง
                 “ทำไมมึงไม่โทรบอกกู “ผมแซวมันกลับ หันขวับมาเลย
                “นี้ใส่เสื้อกล้าม เห็นกล้ามแขนนี้แบบน่า…” พายมันพูดพี่พัฒน์ถึงกับมองผ่านกระจกมองหลัง
                “น่าจับตาดู” อีพาย เล่นเอาพัฒน์ต้องยกมือขึ้นทาบอก
                “และสวมกางเกงยีนก็ฟิต! น่าดู มว๊าก” พายพูด
               “พอได้แล้ว อุ้ย! พี่ทนฟังไม่ได้ เราสองคนนี้ คุยอะไรกันเนี๊ยะ พี่ตุ๊มาได้ยิน โดนแน่ๆ เลย” พี่พัฒน์ หันมาเอ็ดผมสองคนแบบไม่จริงจัง แต่ก็ทำให้ผมสองคนอดหัวเราะไม่ได้
"color:#000000;"> “ก็เลยต้องเม้ากันหลับหลังนี้ไงพี่พัฒน์” พายพูด
              “และเราสองคนนี้นะ จะทำให้พี่ใจแตกไปด้วยนะเนี๊ยะ” พี่พัฒน์พูดพร้อมกับเหล่ตามองผมสองคน ก่อนจะหันไปขับรถต่อ ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูว่าแอ้มันส่งข้อความมาหาผมอีกไหม แต่ไม่มี ผมก็ไม่โทรน่ะ จะดูซิว่ามันจะโทรมาหาผมบ้างหรือเปล่าวันนี้ หรือว่าเมื่อคืนมันกับดิวจัดกันจนลุกไม่ขึ้นกันแน่
               Pie = ทำไมหน้ามึงไม่รับแขกเลยว่ะ
                TKtik=แอ้มันโกหกกู
                Pie=โกหกมึงเรื่องไรว่ะ
               TKtik= เรื่องไอ้ดิวมันกลับก่อนและมันไปนอนที่ไหนก็ไม่รู้ กูว่ากับไอ้ดิว
              Pie =พอเถอะว่ะ มึง ให้มันรักกันเถอะ มึงรู้ไหมว่าทำไมมันไม่บอกมึง
             Pie = เพราะแอ้มันแคร์ความรู้สึกมึงว่ะ มึงเคยแคร์มันบ้างไหมว่ะ กูถามจริง
              TKtik = ตกลงมึงซ้ำกู!!
              ผมพิมพ์ข้อความและหันหลังไปมองพายมัน มันก็ส่ายหัวให้ผมและเก็บมือลงทันที ผมก็เหลือบมองใบหน้าของพาย ผ่านกระจกมองหลัง แต่ก็ไม่พูดอะไรต่อ ผมนั่งเงียบไปจนถึงโรงแรมพ่อผม ผมบอกพี่พัฒน์ว่าจะนอนที่ห้องพักที่โรงแรมกัน ไม่กลับบ้าน ว่าจะลงไปหาอะไรดื่มกันซะหน่อย ผมน่ะลูกหลานเจ้าของไม่ต้องดูบัตรก็เข้าได้ แต่ถ้าพ่อรู้ก็จะโดนด่า ผมแค่บอกพนักงานว่าห้ามบอก ถ้าบอกจะได้รู้ว่าใครจะโดนหนัก เท่านั้นแหละเงียบกริบ
              “พรุ่งนี้จะไปเรียนกันยังไงละ” พี่พัฒน์ถามผม
              “ให้รถโรงแรมไปส่งครับพี่พัฒน์ “ผมพูดและยักไหล่พาย พายมันก็เดินออกมา และพากันขึ้นห้องพัก โรงแรมผมมีแต่ชาวต่างชาติมาพัก แม้จะห่างไกลแหล่งท่องเที่ยวแต่เรามีรถบริการรับส่งและแรงแรมนี้มีเครือที่ต่างประเทศมากมาย ต่างชาติรู้จักดี บริการเลิศหรู แต่เท่าที่ผมทราบมี คนถือหุ่นอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ เป็นคนพื้นที่และเป็นผู้มีอิทธิพล แต่มันก็แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์
             “เช็กอินครับ” ผมเดินตรงปที่หน้าเคาน์เตอร์
              “ค่ะ ขอเอกสารการbooking ด้วยค่ะ”
               “นี่ครับ” ผมพูดและส่งกระดาษที่ผมปรินซ์มาไว้ให้พนักงานดู ผมจองในนามของชื่อผม พนักงานเงยหน้ามองผมด้วยสีหน้าตกใจ
              “อัพเกรดให้นะคะ คุณติ๊ก” พนักงานแจ้งผม ผมพยักหน้าเขารู้ว่าผมคือใคร
               “เรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวให้พนักงานเราพาขึ้นไปที่ห้องพักนะคะ”
                “ขอบคุณครับ เออ ผมกับคุณพายจะลงมานั่งดื่มกันหน่อยช่วงเย็น น่าจะทุ่มหนึ่ง รบกวนดูโต๊ะที่ห่างไกลความวุ่นวายให้ผมหน่อยนะครับ แบบส่วนตัวยิ่งดี “ผมบอกพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก่อนจะหันไปพยักหน้าเรียกพายที่เอาแต่กดโทรศัพท์เล่น
                “มึงโทรบอกพวกนั้นปะวะว่าเราพักกันที่นี้” พายถามผม
                “ถ้าหมายถึงแอ้ กูไม่ได้บอกว่ะ ถ้ามันแคร์กูจริง มันโทรมาแล้วพาย “ผมพูดและเดินเข้าไปในลิฟต์ ผมเข้าไปยืน ขณะที่ลิฟต์กำลังปิดลง จู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามา เป็นชายหนุ่มหุ่นมาตรฐานชายไทย ถือกระเป๋าเป้เข้ามา กางเกงยีนทันสมัยแต่ขาด ผมก็เหลือบตามองและเบ้ปากนิดๆ พายสะกิดผม
                “คุณหนูเชี้ยอะไรกูไม่แคร์ กูแค่อยากเรียนกับพวกไอ้ภาคิน กูก็ไม่แคร์ ถ้าไอ้ธงรบมันจะแท่งกูกลับเพราะว่ากูแท่งมันกูก็ไม่กลัว ก็กูตั้งใจกลับมาเพราะกูอยากเจอมันอีก บร้าๆ” ดูท่าไอ้นี่จะกินรังแตนมาแน่ๆ แต่ว่าไอ้นี่มันพูดถึงไอ้ภาคิน มันคงไม่บังเอิญซวยเป็นคนเดียวในห้องกับผมหรอกมั้ง มันบ่นสายคนในสายมันไปจนใกล้ถึงชั้นก่อนผมสองชั้น มันถึงได้กดชั้นที่มันจะออกจากลิฟต์ ผมก็ยืนกอดอกมองจากด้านหลังพร้อมกับพาย และมันก็ออกไปโดยไม่หันมามองผมสองคนนี่มันทำเหมือนผมสองคนคืออากาศธาตุไปได้ยังไงวะ
                 “มันคิดว่าเราคือเงาของจูออนหรือไงว่ะติ๊ก” พายพูด
                 “ชั่งแม่ง ดูมันแต่งตัวดิ ปอนด์ชะมัด ดังนั้นกูก็ไม่แคร์!!!"ผมพูดและเดินออกตรงไปห้องพักวีไอพีของผม ผมก็วางกระเป๋าหรูสีน้ำตาล และพายมันก็หยิบเอาแล็บท๊อปขึ้นมา มันเรียนออนไลน์ พายมันเก่งเรียกว่าอัจฉริยะ มาตั้งแต่เกิดก็ว่าได้ เรียนรู้เร็ว มันจบมัธยมปลายนานแล้ว แต่ตอนนี้เขาต้องการให้มันเรียนหมอและสาขาโรคหัวใจด้วย ผมนั่งรอเวลาจะลงไปทานอาหารเย็นและไปหาที่นั่งดริ้งกัน ส่วนอีพายเขาก็ไปหาอาหารตามองพวกผู้ชายหล่อ บาร์เทนเดอร์อะไรประมาณนี้ แต่พายมันไม่เอาหรอกแค่มองกับหยอดเขาเล่นไปวัน วัน และบาร์เทนเดอร์ผับในโรงแรมผม ส่วนใหญ่หน้าตาดีทั้งนั้นเลย คัดมาอย่างดี
           

          TBC...


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.41. (แอ้Xดิว) คุณพ่อวัยใส

        Part’ s ดิว ผมตื่นขึ้นมาแต่เช้าอีกเช่นเคย ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยอาการงัวเงีย เมื่อคืนหลังจากที่ผมส่งลูกเข้านอน ผมก็กลับมาอาบน้ำกับแอ้ เมื่อคืนแค่อาบน้ำจริงๆ ไม่ได้ทำการบ้านกันเพราะว่าคืนก่อนแอ้ก็จัดหนักให้ผมไปแล้ว แต่ที่เพลียเพราะว่าผมกรอกเอกสารที่จะสมัครเข้าเรียนแพทย์ทหารให้เสร็จ ส่วนแอ้นะเขากรอกใบสมัครเข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยให้เสร็จเรียบร้อยเหมือนกัน ผมรู้ว่าผมกับแอ้จะไปฝึกแต่คนละทีแต่ถึงยังไงผมก็ต้องดึงแอ้กลับมาอยู่กับเลยให้ได้

                แต่ตอนนี้ผมสลึมสลืม ยังไม่ทันได้ลืมตาดี ผมก็เอามือคลำไปทั่วก็ไม่เจอร่างแอ้คนที่นอนให้ผมกอดทั้งคืน แอ้ไปไหนนะ ไม่อยู่บนเตียงกับผมแล้ว ผมก็รีบลุกขึ้นทันที ผมเห็นชุดนักเรียนแขวนไว้แล้ว แอ้เป็นภรรยาที่น่ารักมากจริงๆ ถ้าอยู่บ้านนี้แอ้จะเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้ผมหมด ผมคิดว่าแอ้คงไปที่ห้องแฝดแน่ๆ ผมเดินไปห้องนอนลูกชาย ผมได้ยินเสียงแอ้คุยกับลูกๆ ดังมาจากในห้องนอน

               “พ่อแอ้ ไข่กับไก่อะไรจะเกิดก่อนกันนะ” มาริโอ้กำลังชวนแอ้คุยขณะที่แอ้แต่งตัวให้เขาอยู่ ผมเห็นไอกับไอซ์ที่นั่งรออยู่แล้วเพราะว่าเขาสองคนแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ไอนั่งตัวติดกับไอซ์ตลอด

               “อะแฮม!” ผมทำเสียงกระแอม แอ้หันหลัวมามองผม

               “ตื่นแล้วเหรอดิว” แอ้ถามผม

               “ทำไมไม่ปลุกดิวมาช่วยละแอ้” ผมถามแอ้

              “เห็นดิวนอนดึกนะและดิวต้องขับรถอีก เลยอยากให้พักผ่อนให้เต็มที” แอ้พูดบอกผม

              “ลูกๆ ของพ่อหล่อจังครับ” ผมชอบทั้งสามหนุ่มของผม

             “เสร็จหรือยังครับ ลุงด้าจะได้พาไปทานอาหารเช้า พ่อแอ้เขาทำไข่ม้วนเอาไว้ให้นะครับ ลงไปทานกันและจะได้ไปโรงเรียนกันครับ “พี่ด้าเดินมารับเด็กๆ และยังสปอยด์ลูกผมว่าแอ้ทำไข่ม้วนเอาไว้ให้อีก ผมก็เลิกคิ้วสูง นี้ยังมีเวลาลงไปทำไข่ม้วนให้ลูกๆ อีกเหรอ สุดยอดคุณแม่จริงๆ

               “เย้ๆ “ทั้งสามหนุ่มยกมือกันและพี่ด้าก็พากันลงไป ส่วนผมกับแอ้เดินกลับไปที่ห้องนอนของผม

               “รีบไปแต่งตัวดิว “แอ้หันมาเร่งผม และผมก็พากันเข้าห้องเพื่ออาบน้ำแต่งตัว ระหว่างช่วยกันแต่งตัวผมกับแอ้หันมาช่วยกันติดกระดุมเสื้อผ้ากันและกัน ผมกับแอ้ทำแบบนี้ทุกวันเพราะว่าเมื่อก่อนแอ้จะนอนบ้านเดียวกับผม ช่วงที่อาภีมไปช่วยงานลุงหนึ่ง

                “แอ้ทำแซนด์วิชเอาไว้เราไปทานกันในรถนะดิวเพราะว่าถ้าทานที่นี้จะไม่ทันเวลา” แอ้บอกผม ผมพยักหน้า ผมเดินเข้าไปไปประชิดตัวแอ้ และโอบเอวแอ้ผมก็ประกบริมฝีปากที่หนาได้รูปกับริมฝีปากบางสวยของแอ้

                 “ไปเถอะดิวเดี๋ยวสาย” แอ้พูดก็พยักหน้าและพากันหยิบกระเป๋าเป้และเดินลงไปชั้นล่าง

                 “พ่อนะออกไปตั้งแต่เช้าแล้วอ่ะดิว “แอ้พูดบอกผม ผมพยักหน้า

                 “พี่แดนขับรถไปกับพ่อและพ่อก็พามีนไปด้วย พ่อบอกว่าตรวจสุขภาพและรับวัคซีนกระตุ้นเพิ่ม “แอ้บอกผม

                 “เสียดายแอ้ไม่ได้อยู่กอดน้องมีนตอนที่โดนฉีดยาอ่ะดิว” แอ้พูดผมก็แตะที่แขนแอ้เบาๆ ระหว่างที่ผมกำลังเดินลงบันไดก็เห็นพี่ๆ ผมยืนรออยู่ พี่โดม พี่ดรีม พี่ด้า และแฝดของผมที่ยืนรอไปสถานรับเลี้ยงเด็กเล็กที่พ่อแม่ไม่มีคนดูแลแต่ส่วนใหญ่ก็เอามาฝากเลี้ยงเพราะว่าอยากให้น้องช่วยเหลือตัวเองได้และได้ความเรียนรู้จากพี่เลี้ยงที่ผ่านการอบรมมาแล้ว

                   “นั้นไง พ่อลงมา แว้ว!! “มาริโอ้หันมาตะโกนบอกลุงๆ เขาแต่ว่าลงมาแว้วนี้ซิ

                    “ลงมาแล้ว!!” พี่ๆ ผมพูดออกมาพร้อมกันเลย

                    “คิก คิก คิก” มาริโอ้ยืนหัวเราะ ผมกับแอ้ก็ขำเหมือนกัน ลูกผมเป็นคนตลก

                    “ลุงว่าคนนี้ไม่น่าจะต้องไปศูนย์เด็กเล็กแล้วมั้งครับ ไปเข้าตลกอคาเดมี่เถอะลูกเอ่ย จบมามีงานเลย” พี่ดรีมพูด

                    “เอาละ ดิวพี่ขับรถเราไปก่อนนะและเราก็ไปส่งลูกๆ เรา ค่อยเปลี่ยนรถกับพี่แล้วกัน” พี่โดมพูด ผมก็ส่งกุญแจให้พี่โดม ขับรถกระบะผมไปและผมก็รับกุญแจรถตู้ที่ลูกผมนั่งมาจากพี่ดรีม

                    “เดี๋ยวน่ะ!! นี่จะพากันไปส่งลูกๆ เข้าเรียนกันแบบนี้เหรอครับ คุณพ่อวัยใส “พี่ดรีมร้องทักผมขึ้นมา

                    “ใช่ไงพี่ดรีม ลูกๆ ขอให้ผมกับแอ้ไปส่งอ่ะ ไหนๆ ก็ได้กลับมาแล้ว” ผมบอกพี่ดรีม

                    “เออ ...จะไปกันทั้งชุดนักเรียนแบบนี้เหรอครับ ผู้ปกครองเพื่อนร่วมห้องลูกมึงไม่สัมภาษณ์ขนาดที่ว่าเก็บรายละเอียดเพื่อเอาไปเขียนชีวประวัติกันแย่เหรอครับ คุณพ่อที่อายุน้อยมากๆ ยังใส่ชุดมัธยมปลายแต่ลูกจะเข้าประถมอยู่แล้ว” พี่ดรีมพูด ทำเอาผมสองคนก้มดูชุด เออ จริงด้วย ผมสวมชุดนักเรียนม. ปลายแบบนี้ ผมลืมไปเลยครับ

                      “เออว่ะ ดิว ชุดแบบนี้ไม่น่าจะใช่พ่อของลูกๆ มึงน่ะ ดูจากชุดน่าจะเพื่อนลูกมากกว่าว่ะ ฮาๆ “พี่โดมพูดพร้อมกับหัวเราะผมสองคนด้วย

                     “เออ แอ้ก็ลืมคิดไปว่ะดิว” แอ้พูดผมก็หันซ้ายแลขวา

                    “งั้นก็ขอไปเปลี่ยนชุดเลยแล้วกันพี่พาเด็กขึ้นรถเลยพี่” ผมพูดบอกและผมกับแอ้ก็วิ่งขึ้นห้องรีบถอดชุดนักเรียนมัธยมปลายออกทันที พร้อมกับสวมชุดธรรมดาเสื้อยืดกางเกงยีนและวิ่งลงชั้นล่าง ผมก็ขึ้นไปบนรถมินิแวน ลูกๆ อยู่ในรถกันหมดแล้ว มิ้นด้วยมิ้นนั่งหลังกับมาริโอ้ ไอแฃะไอซ์นั่งตรงกลาง

                     “เอาละพร้อมหรือยังครับ” ผมกับแอ้เข้ามานั่งในรถและหันไปถามเด็กๆ

                    “เย้ๆ” เสียงพร้อมเพรียงกันมาก ผมก็ออกรถ ผมหันมามองแอ้ เห็นแบบนี้แล้วผมกับแอ้ไม่อยากกลับไปเรียนเลยอยากอยู่ดูแลลูกๆ ของผม ผมขับไปจนถึงศูนย์สำหรับดูแลเด็กเล็กค่ายฯทหาร ที่นี้จะรับดูแลเด็กเล็ก ตั้งแต่แรกเกิดเลยก็ว่าได้แต่ส่วนใหญ่แรกเกิดพ่อแม่เด็กจะดูแลเองก่อนจนหมดช่วงลาคลอด

                    “เอาละถึงแล้วครับเด็กๆ โรงเรียนของหนู” ผมพูดบอกลูก เพราะว่าลูกๆ จะเข้าใจว่านี้คือโรงเรียนของพวกเขาและผมก็เดินไปเปิดประตูเลื่อน เด็กๆ พากันเดินลงมา ส่วนแอ้เข้าไปอุ้มมิ้น

                     “อ่า!!!”

                     “ดิว!! มิ้นไม่ยอมลงอ่ะ” แอ้เรียกผมเสียงหลง ผมเดินไปดู มิ้นยึดคาร์ซีทแน่นเลย

                    “แอ้ไปดูแฝดแล้วกันดิวจัดการเอง” ผมพูดและจัดการแกะมือเหนียวๆ ลูกชายคนเล็ก

                   “มิ้นไปลูก ครูโมรออยู่! “ผมพูดและแกะมือนั้นออกทีละมือ

                    “ทำไมแสดงอาการรักโรงเรียนขนาดนี้ ไปเถอะ!!” กว่าจะงัดออกมาได้จากคาร์ซีท เล่นเอาเหงื่อแตกเลยผม

                   “ฟู่! “ผมพ่นลมหายใจออกมาทันที และมองลูกมิ้นตัวแสบ ทำหน้างอคอหัก มองผมกับแอ้ ทำท่าเบะปากใส่ผมสองคนทันที

                    “คิก คิก คิก” พี่ๆ แฝดสามยืนขำมิ้นกับผมกันใหญ่เลย ผมพากันเดินเข้ามา ก็มีส่วนกับผู้ปกครองที่มาส่ง แต่ละคนก็รู้จักผมกันดี เพราะว่าเป็นลูกหลานเจ้าของค่ายทหารแห่งนี้ พากันยิ้มทักทายผมก็เช่นกัน

                        “เอาละ ไหนละครูนุ่น” ผมถามเด็กๆ และมองหาครูนุ่น

                        “ออโต้” เสียงมาริโอ้เรียกใครสักคนน่าจะเพื่อนกัน ผมก็เห็นเด็กอ้วนๆ วิ่งมาหามาริโอ้ และอีกคนก็ผอมจน ผมอยากบอกว่าอย่าวิ่งมากลูกล้มไปกระดูกอาจจะหัก และทั้งสองก็วิ่งมาหยุดที่ลูกแฝดของผม

                        “ออโต้ วันนี้พ่อเรามาส่งนะ เรามีพ่อ!!” มาริโอ้บอกเพื่อน ผมกับแอ้ก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

                       “คนไหนอะพ่อนาย” ถามว่าคนไหน

                       “นี่ไง” ทั้งสามคนชี้มาที่ผมสองคน ผมก็พยักหน้าใช่ไง

                       “สองคนเลยเหรอ พวกนายมีพ่อสองคนเหรอ” คนผอมเงยหน้าถามมาริโอ้ ไอและไอซ์ ผมหันมามองแอ้ เหมือนจะงานเข้านะ แอ้ส่ายหัวเล็กและชี้มาที่ผม นั้นคือผมแสดงตัวคนเดียว ผมส่ายหน้าไม่ได้หรอก ผมต้องยืดอกว่าผมมีเมียเป็นผู้ชาย

                      “ใช่ไง แล้วนายมีพ่อกันกี่คนละ” แต่มาริโอ้ชิ้งถามกลับไปซะก่อน

                       “คนเดียว” เด็กคนอ้วนตอบและหันไปมองคนผอม

                      “หว่าน้อยจัง!” ผมสะบัดหน้าไปมอง เขาถูกแล้วลูกโอ้

                      “เหรอ! งั้นเราจะบอกให้แม่เราหาพ่อเพิ่มน่ะ เราจะได้มีหลายคนเหมือนพวกนาย” ผมก็ต้องพากันยืนอึ้งกิมกีกันสองคน พูดมาแบบนี้ผมกับแอ้ไปไม่ถูกเลย

                       “ท่าทางจะงานเข้าว่ะดิว เออ มองหาครูนุ่นเถอะดิว” แอ้กระซิบบอกผม ผมก็เห็นครูนุ่นกำลังเดินออกมา ผมรีบยกมือขอความช่วยเหลือ

                       “อ้าว! แอ้ ดิว มาส่งน้องเองเลยเหรอคะวันนี้” ครูนุ่น เป็นครูอนุบาลที่นี่ รู้จักครอบครัวผมกับครอบครัวแอ้ดี ครูนุ่นเป็นเพื่อนกับพี่ดิมและพี่อ้นมาก่อน ดังนั้นครูนุ่นจะค่อนข้างเข้าในลูกๆ ผมเป็นอย่างดี

                       “สวัสดีครับพี่นุ่น “ผมพูดและครูนุ่นก็กางแขนมารับมิ้น มิ้นหันไปมองครูนุ่นก่อน

                       “สวัสดีครับครูนุ่นก่อนซิลูก” แอ้บอกลูกแฝดของผม แต่ละคนก็ยกมือไหว้ ส่วนผมก็ชี้ให้ครูนุ่นดูเด็กอ้วนเด็กผอม ที่ยืนมองผมกับแอ้

                       “ออโต้กับเต้ย มายืนทำอะไรตรงนี้ครับ” ครูนุ่นถามเด็กสองคน

                        “มาริโอ้เรียกพวกเรามาดูคุณพ่อเขานะครับครูนุ่น แต่พ่อของมาริโอ้เขามีสองคนอ่ะ แต่พวกเรามีคนเดียวอ่ะครูนุ่น “คนอ้วนพูดขึ้น ครูนุ่นหันมามองหน้าผมสองคนและคงเข้าใจกันดี

                        “น้อยไปเหรอครับครูนุ่น” อีกคนถามครูนุ่น ผมสองคนก็มองหน้าครูนุ่นประมาณว่างานเข้าเพราะผมสองคนครับครูนุ่น

                       “อ้อ! เดี๋ยวครูนุ่นอธิบายทีหลังนะลูก ไปเล่นกันตรงโน้นก่อนน่ะ “ครูนุ่นพูด และหันมายิ้มให้ผม และรับน้องมิ้นไป

                       “เดี๋ยววันนี้น้องมิ้นอยู่กับครูนาก่อนนะคะ เพราะว่าครูโม”

                       “ครูโมท้องแตก” มาริโอ้

                       “ห๊ะ!!” ผมหันมามองลูกชายตกใจครับ

                       “พ่อๆ อย่าซื้อแตงโมให้โอ้กินนะ โอ้กลัวท้องใหญ่มากๆ เหมือนครูโม ครูโมกินแตงโมเยอะไป ครูโมกินเข้าไปทั้งลูกเลยพ่อดิว!!” มาริโอ้พูดและทำมือว่าท้องโต

                        “ครูโมไม่ได้ท้องแตกลูก แต่ครูโมเขาลา เดี๋ยวพรุ่งนี้ครูโมน่ะ ไปเล่นกับเพื่อนก่อนไหม” ครูนุ่นพูดและหันมายิ้มแหยๆ กับผมสองคน ครูนุ่นขวักมือเรียกครูอีกคน น่าจะใช่ครูนา ให้มารับมิ้นไปดูแลวันนี้ ไอก็จับมือไอซ์เดินไปหาเพื่อนแต่มาริโอ้นะวิ่งไปก่อนแล้ว

                       “ลูกๆของผมสองคนเป็นยังไงบ้างครับครูนุ่น” แอ้หันไปถามครูนุ่น

                       “เด็กก็ปกติดีนะคะ” ครูนุ่นพูดและถามแอ้

                       “คือผมแค่กลัวว่าเขาเคยรู้สึกแตกต่างจากเพื่อนไหม เข้ากับเพื่อนได้ดีไหม” แอ้พูด

                       “ไม่นะคะ พี่พยายามไม่ให้เขาดูแตกต่างจากเพื่อน และถามว่าเข้ากับเพื่อนๆ ได้ไหม ได้นะคะ “

                        “มาริโอ้เนี๊ยะเพื่อนๆ รักเพราะว่าเขาช่างพูดช่างเจรจา ช่างสักช่างถาม เขาน่ารัก เลยเข้ากับเพื่อนๆ ได้สบาย “ครูนุ่นพูด ผมก็พยักหน้าเพราะว่ามาริโอ้นี้พูดเก่งประจำบ้าน

                       “ส่วนไอซ์เขาก็จะมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งของเขา ดังนั้นเพื่อนของเขาก็จะสไตล์เดียวกัน จะมีไม่กี่คน ก็จะมีไทม์ ใบเฟิร์น และน้องจีน่า”

                       “แต่ละคนก็จะนุ่มนิ่ม ส่วนเด็กผู้ชายคนอื่นก็จะไม่ค่อยกล้าเข้ามาเล่นกับไอซ์ เท่าไหร่” อันนี้ผมกับแอ้หันมามองหน้าพร้อมกัน อย่าบอกนะว่าเพราะไอนะ

                      “ส่วนไอนี้ พูดน้อยค่ะ ต่อยหนักไปนิด” ผมก็สะดุ้งทันที

                      “เขาทำเพราะว่าเขาหวงไอซ์เหรอครับ พี่นุ่น” แอ้ถามขึ้น

                     “ยอมรับค่ะ ใครแตะต้องไอซ์นี้ โดนทุกราย วันก่อนก็ตาเขียวไปหนึ่งคน แต่ว่าเขาชอบเล่นแรงๆ และทำไอซ์เจ็บด้วย พี่ชายเลยจัดไป พ่อแม่เด็กตอนแรกก็โมโหนะแต่เพื่อนๆ ในห้องบอกว่าเขาแกล้งไอซ์ก่อน เรื่องก็เลยจบค่ะ” ครูนุ่นพูดและหันมามองหน้าผมสองคน

                       “ผมกลัวมากเลยพี่นุ่น ผมกลัวว่าเขาเห็นครอบครัวคนอื่นมีทั้งพ่อทั้งแม่เขาจะคิดว่าเขาขาดหรือเปล่า” แอ้พูด ผมหันมามองแอ้ ที่ยืนมองลูกๆ เล่นกับเพื่อนๆ

                      “แอ้ ดิว ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปทุกครอบครัวหรอกค่ะ เด็กในนี้ บางคนก็มีแค่พ่อ และบางคนก็มีแค่แม่” ครูนุ่นพูด ผมสองคนก็รู้ ในนี้มีแต่ครอบครัวทหาร บางคนก็เสียชีวิตจากการปะทะกับคนร้าย เพราะว่าหน่วยงานของผมขึ้นอยู่กับเอกชน ดังนั้นจะมีถูกส่งไปเป็นทหารจ้างในพื้นที่เสียงอันตราย แต่ก็ได้ค่าตอบแทนค่อนข้างสูง

                      “ถามว่าเขาเคยถามพี่ไหมเวลาเห็นครอบครัวอื่นๆ ถามนะ เคยถามว่าแม่คืออะไร ทำไมเขาไม่มี” พ่อครูนุ่นพูด แอ้หันมามองหน้าผม

                      “พี่ก็อธิบายกับเขาไปตรงๆ นะว่าแม่คือคนที่อุ้มท้องเรามาด้วยความรัก พอพี่พูดแบบนี้เขาสามคนก็เงียบ” ครูนุ่นพูดและหันมามองหน้าผมสองคน แอ้เริ่มจะหน้าซี้ด

                      “พี่ก็ถามเขาว่าเราอยากมีแม่เหรอ แล้วพ่อดิวกับพ่อแอ้ เขารักเราสามคนไม่ใช่เหรอ เรารักพ่อแอ้ดิวกันหรือเปล่า” พี่นุ่นพูด

                       “เขาสามคนก็บอกพี่นะ ว่าเขารัก เขารักพ่อแอ้พ่อดิว “

                        “แล้วทำไมถามหาแม่ละ ถ้ามีแม่แล้วเราจะรักแม่หรือเปล่า” พี่นุ่นพูด

                        “เขาก็บอกพี่นะเขาไม่รู้ แต่เขารู้ว่าเขารักแอ้กับดิวมากกว่า อยากอยู่กับพ่อแอ้กับพ่อดิว ไม่อยากไม่อยู่กับคนอื่น พี่ก็ถามเขาอีกนะว่าทำไมละ”

                         “มาริโอ้บอกว่า เขาไม่รู้ว่าคนนั้นจะรักเขาไหมแต่พ่อแอ้พ่อดิวรักเขาแน่ๆ นี้คือคำพูดของมาริโอ้ นะแอ้ ดิว” พี่นุ่นพูด ผมว่าแอ้รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยแน่ๆ แอ้ยิ้มออกมาในทันที

                         “ดังนั้นพี่เชื่อว่าไม่มีอะไรมาแทนที่ความรักได้หรอก และเขาเห็นความรักของแอ้กับดิว เขานึกภาพมันออกมากกว่า แต่ที่เขาถามพี่ก็คงเพราะว่าแค่เห็นว่าเขาไม่มีเหมือนกับคนอื่นก็แค่นั้น “ครูนุ่นพูดและหันมายิ้มให้ผมสองคน

                          “ขอบคุณมากๆ เลยนะครับพี่นุ่น แอ้นะเขาคิดมากเรื่องนี้ตลอดเลยครับ ผมว่าตอนนี้เขาดีขึ้นแล้วแหละ” ผมพูดและหันไปมองแอ้

                            “พี่นุ่น ผมสองคนต้องขอตัวนะครับ ผมต้องไปแล้ว” ผมพูดบอกครูนุ่น

                           “น้องไอ น้องไอซ์ น้องโอ้ มานี้เร็วพ่อแอ้พ่อดิวจะกลับแล้วลูก” ครูนุ่นเรียกลูกแฝดของผม พวกเขาก็วิ่งมาหาผมไอซ์มาถึงก็กอดแอ้ ผมก็กอดมาริโอ้และไอ

                            “พ่อไปแล้วนะเด็กๆ พ่อจะมาหาทุกอาทิตย์ “ผมพูดบอกลูกๆ ผม

                            “เดินทางปลอดภัยนะคะ ส่วนเด็กพี่จะทำหน้าที่ครูให้เต็มที่ เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างระหว่างกันและพี่ก็เชื่อว่าเด็กๆ เขาปรับตัวได้ดีอยู่แล้วค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง “ครูนุ่นบอกผมและพาแฝดผมกลับเข้าไป ตอนนี้คงใกล้เวลาเข้าห้องเรียนแล้ว



                          ผมกับแอ้หันมามองหน้ากันและจำใจเดินออก ผมเห็นแอ้เหลียวหลังไปมองลูกตลอด มองจนผมสองคนขึ้นไปบนรถและผมก็ต้องเอารถไปเปลี่ยนที่โรงพยาบาลพ่อผมด้วย

                          //พี่ดรีม ผมเอารถมาเปลี่ยนแล้วอ่ะ//ผมโทรบอกพี่ดรีม

                          //เดี๋ยวพี่เดินออกไปดิว// พี่ดรีมพูดสายและผมก็นั่งรอในกับแอ้ ในรถ เหมือนแอ้พยายามจะโทรหาใครสักคน

                          ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูรถ ผมรีบลงมาจากรถและส่งกุญแจให้พี่ดรีม ผมก็แบมือรับกุญแจรถกระบะโฟว์วีลของผมมาทันที

                         “พี่ดรีม พี่รู้ไหมว่าลูกผมไปต่อยเด็กนะ” ผมถามพี่ดรีม

                         “เออ กูลืมบอกมึงไป ลูกไอมึงนะ วัดสายตาประกอบแว่นให้เขาไปเมื่อพุธที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเด็กคนนั้นเขาอยากจะเล่นกับไอซ์ แต่ไอซ์เขาไม่ชอบและยังไงก็ไม่รู้ เห็นโอ้มันบอกพี่ว่าเด็กคนนั้นมันจะหอมแก้มไอซ์หรืออะไรนี้แหละ ไอเลยจัดไปสองข้าง พ่อแม่ก็โมโหน่าดูนะ แต่พอพ่อเราไปเรื่องเลยจบลงด้วยดี “พี่ดรีมพูด ผมพยักหน้าค่อยยังชั่วหน่อยที่จบลงด้วยดี

                        “จบลงที่ว่าเขาเอาลูกเขาออกไปอยู่ที่อื่นแทน” พี่ดรีมพูด ผมถึงกับไถล

                        “แต่ผู้ปกครองหลายคนแล้วนะพูดว่าเด็กคนนั้นดูเกเรมาก ครูเองก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน ก็เลย ตามใจเขาก็แล้วกัน” พี่ดรีมพูด ผมก็พยักหน้า

                        “เอานะ พวกเราก็ผ่านมากันแล้วเรื่องพวกนี้” พี่ดรีมพูดและหันมาแตะไหล่ผม ผมก็พยักหน้าก่อนจะเดินพาแอ้เดินออกไปขึ้นรถกระบะของผม และจะได้พากันกลับ ผมรุ้ว่าแอ้ไม่อยากให้ไอเป็นเด็กที่ถูกมองว่าเป็นเด็กชอบความรุนแรง

                        “อาทิตย์หน้าเรากลับบ้านเราก็ค่อยๆ คุยกับลูกนะ แต่เหตุผลที่พี่ดรีมบอก ไอเขาก็ทำหน้าที่พี่ชายนะแอ้ “ผมหันไปพูดกับแอ้

                        “แค่เขามีพ่อที่เป็นรักเพศเดียวกันมันก็แปลกอยู่แล้วแต่นี้มาใช่ความรุนแรงอีก ซึ่งส่วนใหญ่เขาจะมองว่าประเภทของเราเป็นประเภทชอบใช้ความรุนแรงซะด้วยอ่ะดิว” แอ้พูด

                        “แต่ความจริงมันไม่ใช่สักหน่อยนิแอ้ เราจะไปแคร์เขาทำไมและดิวก็เชื่อว่า ลูกๆ เราจะไม่ยอมให้คำพูดเหล่านั้นมาทำร้ายเขาได้แอ้"ผมพูด "เพราะเรามีเกาะป้องกันอย่างดี นั้นค่อ สิ่งที่ดิวแอ้



                         พ่อและพี่ๆ สอนพวกเขา นั้นแหละคือเกาะป้องกันตัวเขาจากคนภายในนอกที่หวังทำร้ายเขา ดังนั้นดิวไม่อยากให้แอ้คิดมาก นะครับ" ผมพูด แอ้มองหน้าผม ผมเชื่อว่าแอ้เชื่อใจผม "ดิวว่าเรากลับกันดีกว่า ถ้าแอ้ง่วงนอนก็ได้นะ ใกล้ถึงแล้วดิวจะปลุก” ผมบอกแอ้ แอ้หันมามองผม ผมก็ออกรถทันที แอ้ก็ไม่ยอมนอนนั่งแกะแซนด์วิชมาป้อนผม ระหว่างที่ทำหน้าที่ขับรถ ป้อนน้ำ ป้อนขนม ก็เมียน่ารักแบบนี้ไงผมถึงได้ไม่อยากได้ใครอีก นอกจากแอ้

                  TBC...




ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.42. (แอ้Xดิว) เขาเหมือนคนที่ผมคุ้นเคย

               Part แอ้ ผมกับดิวไปส่งลูกแฝดผมและน้องมิ้นที่ศูนย์ดูแลเด็กเล็กของทางค่ายทหารแต่ไม่ได้รองรับแค่คนที่ทำงานในค่ายหรือโรงเรียนพยาบาลแต่ก็ยังมีคนนอกบ้างและพ่อผมก็เปิดให้เป็นสวัสดิการฟรี ครูทุกคนมาดูแลจะผ่านการอบรมหลักสูตรดูแลเด็กก่อนวัยเรียน คือตั้งแต่แรกเกิดจนถึงหกขวบ
                           วันนี้ผมกับดิวได้พูดคุยกับครูนุ่น ทำให้ผมรู้ว่าลูกๆ รักผมกับดิวมากแต่เขาก็ยังคงมองว่าเขามีไม่เหมือนเพื่อนบางคน นั้นก็คือแม่ ใครคือแม่ ถ้าเอาตามจริงผมก็คือแม่เขานั่นแหละแต่ผมไม่ได้อุ้มท้องเข้ามาแค่นั้น แต่เขาก็เกิดจากเลือดเนื้อของผมกับดิว พ่อก็บอกกับผมกับดิวว่าเด็กกับคนที่อุ้มบุญให้ผมจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางสายเลือดแค่อุ้มให้เท่านั้น แต่ความผูกพันอาจจะมีดั้งนั้นพ่อผมต้องทำข้อตกลงที่เคร้งครัดเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างดีแล้วกับคนคนที่ทำหน้าที่อุ้มบุญให้ผมสองคน
               “แอ้ใกล้ถึงโรงเรียนแล้ว เดี๋ยวดิวจะแวะที่ปั๊มน้ำมันนะ จะได้เปลี่ยนชุดกัน นะครับ “ดิวหันมาบอกผม ผมพยักหน้า ดิวค่อยๆ ปล่อยมือผม และหันไปหมุนพวงมาลัยรถเพื่อเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมัน
               “เดี๋ยวซื้ออะไรไปกินเลยนะแอ้ “ดิวบอกผม ผมพยักหน้า ดิวนำรถเข้าไปจอดและผมกับดิวก็หยิบเป้ออกมาตรงดิ่งเข้าไปในห้องน้ำชายในปั๊มทันที ห้องน้ำไม่ถือว่าสะอาดมากแต่ก็พอใช้ได้ ผมกับดิวแค่เปลี่ยนเสื้อผ้ากันเท่านั้น ไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย และพากันออกมา
                “ไปหาซื้ออะไรทานกัน เอาง่ายๆ แล้วกันดิว ในเซเว่นเอาไหม แอ้ไม่ค่อยหิวอ่ะ” ผมบอกดิว ดิวก็พยักหน้าและผมก็เดินตรงเข้าไปในซูเปอร์มาเก็ต
               “ดิวไปดูเครื่องดื่มแล้วกันนะ แอ้จะดูพวกแซนด์วิช ขนมปังพอ เพราะว่ายังไงก็ต้องทานอาหารกลางวันอยู่ดี “ผมบอกดิว ดิวพยักหน้าและผมก็เดินไปที่ช่องที่มีพวก แซนด์วิชทูน่า ผมก็เลือกมาห่อสองห่อ ให้พอประทังความหิวไปก่อน เพราะว่าตอนนี้น่าจะเป็นคาบเรียนที่สามแล้ว ระหว่างที่ผมกำลังเลือกอยู่ ผมหันไปเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนมองขนม ขนมรูปหมีมีไส้ช๊อกโกแล็ตและพวกขนมจุกจิกๆ เห็นแล้วก็นึกถึงลูกๆ ของผม
                “น้องเซน “ผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาเรียกเด็กคนนั้น ผู้หญิงที่ดูราวๆ สามสิบต้นๆ
                “แม่น้องเซนซื้อได้หรือเปล่าครับ” เด็กน้อยถามแม่ของเขา
                “เซน แม่ขอโทษน่ะ แม่มีเงินมาแค่พอจ่ายค่าไฟกับค่าผ่อนของแค่นั้นเองลูก เอาไว้อีกสองสามวันเงินแม่ออกแม่จะซื้อให้นะครับ” พอผมได้ยินแบบนั้นแล้วทำไมผมเจ็บในหัวใจยังไงก็ไม่รู้ ยิ่งเห็นใบหน้าที่แสนเศร้านั้นด้วย

                      ผมออกมายืนมองทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บแปลกๆ และนี่ก็ทำให้ผมคิดที่ครูนุ่นพูดว่า ไม่มีครอบครัวใครสมบูรณ์แบบหรอกดังนั้น ผมจึงเดินเข้าไปและหยิบขนมที่น้องเขาหยิบมาดูแต่แม่ของเขาบอกว่าซื้อให้ไม่ได้มาถือเอาไว้และขนมน่ารักๆ อีกสองสามอย่าง รวมๆ แล้วก็ไม่น่าจะเกินสองร้อยบาท ไม่ใช่ผมไม่มีเงินนะแต่ถ้าซื้อให้เยอะเกินแม่ของเขาจะไม่กล้ารับ และผมก็เดินหาดิว ดิวมองหน้าผมและมองขนมที่ผมหอบมาด้วย
                “แอ้ ลูกไม่ได้มากับเรานะแอ้ ซื้อไปให้ใครอ่ะ ดิวก็ไม่ทานน่ะแอ้หรือว่าคิดถึงลูกเลยซื้อไปดูต่างหน้า “ดิวพูดปนหัวเราะอีกต่างหาก
                “เอาน่ะ” ผมพูดและหันไปเหล่มองเด็กน้อยที่ยืนเกาะขาแม่ของเขา ดูแล้วน่าจะแก่กว่าลูกผมปีสองปีเอง
                “พี่ค่ะ ระบบมันช้านะคะ รบกวนพี่รอก่อนได้ไหมคะและขอหนูคิดเงินให้น้องเขาก่อนค่ะ” พนักงานหน้าเคาน์เตอร์บอกผู้หญิงคนนั้น ผมก็ยังมองเด็กน้อยนั้น หน้าตาเขาเหมือนผมคุ้นเคย ยิ่งมองยิ่งรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ และผมก็เอาขนมวางไว้ที่หน้าเคาน์เตอร์
                “ขนมนี้ผมรบกวนแยกใส่ถุงให้หน่อยนะครับ” ผมบอกพนักงาน ดิวก็มองหน้าผมเลิกคิ้วมอง ผมก็แค่ยิ้มให้ ผมหันไปเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินไปอีกเคาน์เตอร์หนึ่งชำระค่าไฟและค่าผ่อนสินค้าตามที่เขาได้บอกลูกของเขา
                “แอ้ไปได้หรือยัง เสร็จแล้ว” ดิวบอกผมและผมก็รับถุงใส่ของมาถือไว้ ผมเดินออกมาพร้อมกับดิว
                “ดิวรอแป๊บหนึ่งน่ะ” ผมบอกดิว ดิวก็มองผม
                “มีอะไรเหรอแอ้” ดิวหันมาถาม และจังหวะนั้นเองแม่ลูกคู่นั้นก็เดินออกมาพอดี ดูหน้าตาเด็กน้อยแอบเศร้าที่ไม่ได้ขนมที่อยากกิน
                “ขอโทษนะครับ พอดีว่าผมจะซื้อขนมไปให้หลานแต่ลืมไปว่าหลานไม่อยู่บ้าน เออ ผมให้น้องได้ไหมครับ” ผมถามผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็มองหน้าผม และผมก็ส่งถุงขนมที่ผมเพิ่งจะซื้อจากเซเว่นให้เขาดู แม่เขาก็มองลูกชายของเขา
                 “คือ?”
                 “นะครับ ผมก็ไม่ชอบทานซะด้วยมันขนมเด็กนะครับ” ผมพูดและส่งยิ้มให้เด็กน้อย
                 “ขอบคุณนะคะ น้องเซนขอบคุณพี่เขาด้วยซิครับ” ผู้หญิงคนนั้นหันไปบอกน้องเซนลูกชายของเขา เด็กน้อยเงยหน้ามองผมพร้อมรอยยิ้มที่เปื้อนขึ้นบนใบหน้า ผมก็ยื่นถุงนั้นให้ เขาก็รับไปและ
                   “ขอบคุณนะครับ พี่สวยจัง” ผมก็สะดุ้ง
                    “พี่เขาหล่อต่างหากละเซน” แม่ของน้องเขาหันมาบอกน้องเซน
                   “ไม่เป็นไรครับ “ผมพูดและส่งยิ้มให้เด็กน้อย และแม่ของเขาก็พาเด็กน้อยคนนั้นออกไป ผมก็ยังคงยืนมองอยู่จนเขาดิวดึงแขนผมให้ไปขึ้นรถ
                   “แอ้ไปขึ้นรถเถอะ” ดิวบอกผม ผมก็พยักหน้าก่อนจะเดินตามไปแต่ผมก็ยังหันกลับมามอง
                   “แอ้ นั้นลูกเขา” ดิวพูดบอกผม ผมหันไปมองค้อนใส่ไอ้ดิว
                   “กูรู้ดิว” ผมบอกไอ้ดิวมันแอบโมโหนิดหน่อย
                    “มองเหมือนจะไปแย่งลูกเขาอย่างนั้นแหละ ไปขึ้นรถเถอะแอ้ “ดิวก็เร่งผมจังเลยให้ขึ้นรถเพื่อจะได้กลับโรงเรียน พอผมขึ้นไปได้ดิวมันก็หันมามองผมและอมยิ้ม
                   “รู้ไหมว่าเวลาแอ้แสดงความรักเด็กๆ รัศมีความเป็นแม่มาเต็มเลย” ดิวพูดแต่มันก็ทำให้ผมนี้อดอมยิ้มให้ๆ ไม่ได้ ดิวก็ขับรถออก ผมก็หันมาแกะนั้นแกะนี้ให้ดิวทาน ระหว่างนั้นผมเหลือบไปเห็นเด็กคนนั้นที่ชื่อเซนเดินเกาะแขนแม่ของเขาดูมีความสุขแต่ทำไมผมถึงมองด้วยอาการอิจฉายังไงก็ไม่รู้เหมือนเขาแย่งของรักผมไปดูแลเลย
                    “ทำไมเหรอแอ้ ทำไมมองเขาแบบนั้นละแอ้?” ดิวยังหันมาถามผม
                    “ไม่รู้อ่ะ เหมือนเด็กคนนี้เคยเป็นของแอ้มาก่อนแต่มันในความฝันที่แอ้เคยฝันอ่ะ ที่เล่าให้ดิวฟังประจำ” ผมหันไปบอกดิวแต่ยังชะเง้อมองเด็กน้อยที่หยิบขนมในถุงที่ผมซื้อให้ออกมาอวดแม่ของเขา ดูรอยยิ้มนั้นซิ เหมือนรอยยิ้มที่เขาเคยมอบให้ผมมาก่อน มันตราตรึงจนผมจำได้ดี แต่เหมือนกับว่ามันหายไปนานมากแล้ว
                     “งานระลึกชาติก็มาเมียกู นั้นมันลูกเขาแอ้!” ดิวมันพูดกับผม
                     “โอ๊ย!!” ดิวมันร้องเสียงหลง ผมหยิกเข้าที่ต้นแขน เล่นเอารถเสียหลักไปนิดหนึ่ง และดิวก็หันมาลูบแขนตัวเองเบาๆ ก่อนจะหันมาไปขับรถเหมือนเดิม
ดิวแอบขำผมด้วย แต่สิ่งที่ทำให้ผมคิดก็คือใบหน้านั้นผมคุ้นเคยมาก ผมนั่งคุยกับดิวเรื่อยเปื่อยส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องลูกนั่นแหละ เรื่องน้องไอกับน้องไอซ์ อันนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไงเขาเกิดมาก็สนิทกันมาก น้องไอซ์ก็ร้องหาพี่ไอตลอดและไอก็ชอบที่จะแสดงบทพี่ที่รักและหวง เน้นคำว่าหวงเลย ผมกับดิวคงต้องหาวิธีที่เด็ดขาดได้แล้ว
                    TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.42.(แอ้Xดิว) ศัตรูหัวใจดิวโผ่มาอีกคน

                    Part’s แอ้ ดิวนำรถเข้ามาจอดที่โรงเรียนและผมก็วิ่งไปที่ป้อมหน้าทางเข้าโรงเรียนกัน ดิวไม่ลืมที่จะยื่นเอกสารที่พ่อภาทำให้เพื่อให้เราเข้าเรียนสายได้วันนี้ ลุงรปภ. อ่านข้อความและโทรศัพท์ไปที่ห้องฝ่ายปกครอง
                    “เชิญครับและรบกวนนำเอกสารนี้ไปให้ห้องธุรการด้วยนะครับ “ลุงแกก็หันมามองบอกผมสองคน ผมก็รีบวิ่งขึ้นห้องเรียนทันที ตอนนี้คายเรียนที่สามแล้ว ผมวิ่งขึ้นไปที่ห้องเรียนกันก่อนทันที
                    “ขออนุญาตครับ” ไอ้ดิวมันรีบขออนุญาตครูที่กำลังสอนอยู่ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ไม่มีพวกภาคินเข้าเรียน
                    “เชิญค่ะ ทำไมเพิ่งมาโรงเรียนกันละคะ” ครูที่ทำหน้าที่สอนเอ่ยถามผมสองคน ผมหันไปเจอสายตาไอ้ติ๊กมันมองผมและมันก็หันไปคุยกับพาย
                    “นี่ครับเอกสาร” ดิวส่งเอกสารให้ครูที่สอนกำลังสอนอยู่ที่หน้าห้องเรียนดู
                    “เชิญไปนั่งที่ค่ะ” แค่นั้นหลังจากที่ครูอ่านเอกสารที่พ่อภาทำให้ ก็สั่งให้ผมสองคนไปนั่ง ผมก็นั่งกับดิวเหมือนเดิม
                     “ทำไมพึ่งจะมาวะ” ไอ้แจ็คมันหันมาถามผมทันที ผมเงยหน้ามองบอยก็ยิ้มให้ผมก่อน
                     “กูกับแอ้ พ่อให้เข้าไปในค่ายด่วนเพราะว่ากูสองคนต้องเตรียมยื่นใบสมัครสอบเข้าแล้วว่ะ” ดิวเป็นคนตอบแทน ผมหันไปมองติ๊ก ติ๊กมันไม่มองหน้าผมสักนิด ผมกันไปมองพาย พยักพเยิดให้มัน แต่พายนิ้วเฉือนคอให้ผม ผมก็ต้องรู้แล้วแหละว่ามันโกรธผมมากแน่ๆ ผมก็นั่งเรียนไปจนหมดชั่วโมงและติ๊กมันรีบลุกออกไป ผมเดาว่าน่าจะไปห้องน้ำ ผมรีบลุกตามไปทันที
                    “แอ้ไปไหน” ดิวถามผมทันทีขณะที่มันกำลังลอกการบ้านเมื่อเช้า
                    “ไปห้องน้ำ” ผมตอบไอ้ดิว
                    “ไปง้อเมียน้อยหรือเปล่า เห็นหน้าเป็นตูดตั้งแต่เช้าแล้ว” ไอ้หลุยส์มันพูดและไอ้แจ็คมันก็แตะมือแท็คทีมกันทันที ผมก็ส่งนิ้วกลางให้ทันทีเช่นกันก่อนจะออกไปจากห้องไป ผมรีบเดินไปให้ทันติ๊ก ไปจนถึงห้องน้ำและ
                      “หมับ!” ผมคว้าแขนติ๊กไว้
                     “ติ๊ก มึงโกรธกูเหรอวะ” ผมถามติ๊ก
                      “มึงไปเอากันมาใช่ไหม ใช่ไหมแอ้!!” ติ๊กมันถามผม ขณะนั้นก็มีคนเดินมาเข้าห้องน้ำและหยุดมองผมกับติ๊ก พายก็รีบเดินเข้ามาอีกคน
                      “เห้ย! รอไปคุยกันที่บ้านดีกว่าไหมวะ” พายพูดขึ้นและมองหน้าผมสองคน ก่อนชวนให้ผมสองคนหันไปมองรอบๆ
                     “อิท น๊อท เยอร์ บิสสิเนส! “ติ๊กมันพูดภาษาอังกฤษใส่คนที่มาใช้ห้องน้ำและหันมามองพวกผมกัน
                      “วอท เดอ ฟั๊ค อาร์ ยู ลุ๊ก เก็ต อัส! จัสเก็ต เดอะฟั๊กเอาท์!” ติ๊กหันไปพูดเสียงดังผมก็แตะแขนมันว่าพอแล้วอย่าทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่แต่ติ๊กมันสะบัดมือผมออก และคนคนอื่นก็พากันเดินออก
                     “แม่งลูกเจ้าของเรียนแล้วไงวะ เขาสร้างไว้ให้มึงใช้คนเดียวหรือไง” พวกที่เดินออกก็พากันบ่นต่อว่าติ๊กกัน ติ๊กมันมองหน้าผม
                     “ติ๊ก!” พายมันพยายามห้ามติ๊ก
                    “ไม่ใช่เรื่องของมึงพาย” ติ๊กมันพูด ผมสะบัดหน้าไปมองติ๊กและมองพาย ผมมองว่ามันพูดแบบนี้ได้ยังไง
                    “เออ งั้นกูไป “พายมันเดินออกไปเช่นกัน
                    “มึงพูดแบบนี้กับพายได้ไงว่ะติ๊ก” ผมถามติ๊กทันที
                    “มึงยังไม่ตอบคำถามกูเลย ว่ามึงไปเอากันมาใช่ไหม!!” ติ๊กมันถามผมและเดินก้าวเท้าเข้ามาหาผม
                    “บอกกูดิ!!” ติ๊กมันตะคอกเสียงดังใส่หน้าผม
                   “ขนาดมึงรู้ว่าดิวมันกลับมาก่อนที่มันบอกมึง มึงยังไม่บอกกูเลยไอ้แอ้ นั้นแปลว่ามึงจงใจปิดกูเหมือนกัน “ติ๊กมันพูด ผมยอมว่าผมไม่ได้บอกติ๊กมัน ผมอยากอยู่กับดิวให้มากที่สุดก่อนผมจะไปต่างหากและตอนนั้นผมคงเป็นคนหลีกทางให้ติ๊กมัน ผมคิดเอาไว้ ผมได้แต่ยืนมองติ๊ก ผมไม่โกรธมันเลยสักนิด
                    “ซี้ด!” ติ๊กก็ยิ่งบีบที่ต้นแขนของผมแรงขึ้น เล็บยางและเรียวแหลมนั้น มันจิ๊กเข้าไปที่ต้นแขนผมจนรู้สึกเจ็บ
                     “ติ๊ก กู “ผมกำลังจะพูด
                    “มึงจะโกหกอะไรกูอีก “ติ๊กมันพูดและง้างมือจะฟาดหน้าผม ผมก็หลับตาแต่ว่าไม่มีเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าผม ผมค่อยๆ ลืมตาเพราะว่าคนที่มาจับข้อมือติ๊กไว้คือดิว "ไอ้ดิว"ผมกับติ๊กอุทานชื่อนี้พร้อมกัน
                     “กูเคยบอกมึงแล้วใช่ไหมว่ามึงอย่าทำแอ้มัน!” ดิวตะคอกเสียงใส่ติ๊ก ติ๊กก็ตกใจมิใช่น้อย ดิวมันเหวี่ยงติ๊กออกไป
                     “ตุ๊บ” เสียงติ๊กไปชนกำแพงแต่ไม่แรงมากและดิวมันก็จะเข้าไปหาติ๊ก ผมก็รีบดันหน้าออกมันไว้
                     “หยุด!! ดิว!!” ผมห้ามปรามมัน
                      “ก็มันโกหกกู มันบอกจะกลับกับกูและนี้มันกลับไปกับมึง โทรหากูก็ไม่มี เพื่อนกันภาษาอะไรวะ มึงอีกคนไอ้ดิว ทำไมถ้ามึงอยากตัดกูออกไปจากชีวิตมึงสอง ก็บอกมาตรงๆ ดิว่ะ!! ว่ามึงคบกัน!!!” ติ๊กพูดพร้อมกับกำหมัดแน่น
                      “ติ๊กกูกับแอ้นะไปด้วยกันเมื่อวานเพราะมีเรื่องที่กูกับแอ้ต้องทำด้วยกัน” ดิวมันพูด ผมก็ดันหน้าอกมันเอาไว้
                      “อย่าบอกนะดิว” ผมกระซิบผมหมายถึงอย่าบอกว่าผมกับมันไปฉลองวันเกิดลูกมีนมานะ ดิวมันมองหน้าผม
                      “ไปด้วยมีเรื่องเชี้ยอะไรวะ มันสำคัญขนาดที่บอกให้กูรู้ไม่ได้ใช่ไหม หรือว่ากลัวกูตามมึงสองคนไป” ติ๊กมันถาม
                      “กูกับแอ้ จะถูกส่งไปเรียนทันทีที่ผลการตรวจร่างกายผ่าน กูแค่ไปกรอกเอกสารกัน มึงดูดิ ไอ้เชี้ย!!!” ดิวมันพูดและโยนเอกสารที่พ่อภาทำให้ ให้ติ๊กมันดู ติ๊กมันหยิบไปอ่านและมองหน้าผมสองคน
                      “เชี้ยอะไรกันอีกว่ะ แม่ง มันจะทะเลาะกันทำไมวะ” เสียงเอะอะโวยวายดังเข้ามา ไอ้แจ็คมันเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับบอยอีกคน
                       “อะไรกันเนี๊ยะ! พายมันวิ่งออกไป มันบอกว่ามึงบ้าไม่ต่างกับหมาบ้าเลยติ๊ก กูบอกกี่ครั้งแล้วว่ะ ว่าเรามีกันแค่นี้และนี่ยิ่งต้องสามัคคีกัน แค่ต้องมาทำอะไรบ้าๆ ที่โรงเรียนพ่อมึงก็แย่แล้วติ๊ก!” แจ็คมันพูด บอยเดินมาแตะที่ไหล่ติ๊กเบาๆ ว่าให้ติ๊กใจเย็น
                       “และมึงสองคนก็ไม่บอกกูกันบ้างเลย ทำให้พวกกูเป็นห่วง ว่าทำไมมึงไม่กลับมากันตั้งแต่เมื่อวานไอ้ดิว ไอ้แอ้” แจ็คมันหันมาพูดกับผมสองคน
                       “แอ้มันมีเรื่อง ลุงหนึ่งตามไปที่บ้านอาภีมแต่อย่าถามเลยนะว่าแอ้มันโดยอะไร มันเสียใจมากพอแล้ว “ดิวมันพูดและหันมาดึงแขนผมออกไปทันที
                       “กูสองคนไม่ได้อยากปิดอะไรมึงนะติ๊กแต่มึงเองที่ไม่เปิดใจให้พวกกูสองคนแบบนี้ไง! “ดิวมันลากผมออกไปจากตรงนั้นทันที และพาผมไปตรงไปที่ห้องพยายาล มันลากเก้าอี้มาให้ผมนั่งลง ผมกำลังอ้าปากพูดมันก็ทำนิ้วจุ๊ปากไม่ให้ผมพูดและหันไปค้นตู้ยา ตอนนี้ครูห้องพยาบาลไม่อยู่
                         “โอ๊ย!” ผมร้องเสียงหลงทันทีที่ดิวมันเอายามาทาที่ต้นแขนผม ที่ติ๊กมันกดนิ้วลงไปจนแดงอมเขียว
                         “จะให้ดิวทนได้นานแค่ไหนแอ้ ทนเห็นมันทำแบบนี้นะเหรอ แอ้! ดิวทนไม่ได้” ดิวมันพูด ผมก็ก้มหน้าลง
                        “ก็มันเพื่อนเราไหมว่ะดิว เพื่อนที่เกิดมาก็เจอกันไหมว่ะดิว “ผมพูดขณะที่ดิวกำลังหันหลังออกไปเพื่อเอาหลอดยากไปเก็บ คนที่เดินเข้ามาก็คือติ๊ก ติ๊กมันเดินมาหาผม และมันก็กอดผม
                         “แอ้กูขอโทษ” ผมก็ต้องกอดมันกลับ
                         “กูขอโทษว่ะติ๊ก เรื่องที่กูไม่โทรบอกมึงอ่ะ” ผมพูด
                         “อย่าทำกับมันแบบนี้อีก ติ๊ก กูขอละ” ดิวมันเดินเข้ามาและมองผมสองคน ผมลุกขึ้นยื่น
                        “ไปทานข้าวกัน “ดิวพูดผมพยักหน้า
                        “มึงขอโทษพายหรือยังติ๊ก” ผมถามติ๊ก
                        “อืม “ติ๊กมันพูด ผมพยักหน้าผมสองคนเดินลงไปที่ห้องอาหาร ผมเห็นมีกลุ่มนักเรียนที่ที่มองหน้าพวกผมกัน
                        “สามพีกันหรือเปล่าว่ะ” เสียงพูดคุยกันดังมาเข้าหูติกและติ๊กก็สะบัดหน้าไปมองทันทีและจะตรงไปหาเรื่องเขาอีก ผมก็ดึงแขนไอ้ติ๊กเอาไว้ ผมเด็กพวกนี้คงเป็นกลุ่มที่ติ๊กมันไล่ออกไปลากห้องน้ำตอนที่มีเรื่องทะเลาะกับผมและมันก็คงได้ยินว่าติ๊กมันถามผมว่าไปเอากันหรือเปล่า
                        “เป็นไงละ ใครก็มองกันว่าสามผัวเมียกันอยู่แล้ว” ดิวพูดและเอามือล้วงกระเป๋า
                        “ไปกินข้าวเถอะว่ะ ติ๊ก” ผมพูดและดึงแขนมันกลับ ติ๊กมันชี้หน้าเด็กพวกนั้น และผมก็ดึงลากติ๊กมันออกไปจนถึงห้องอาหาร ผมเห็นพายคุยกับต้นข้าวและบลูสนุกสนาน สงสัยจะหนังสือเอ็มเล่มใหม่ออกแล้วแน่ๆ พายเงยหน้าขึ้นมามองผมและยิ้ม
                        “พายกูขอโทษ” ติ๊กมันพูด พายหันมามองค้อนขวับทันที
                        “ที่หลังพูดเชี้ยอะไรคิดนิดนึงนะมึง “พายพูดและลากเก้าอี้ให้มันนั่งลงข้างๆ ติ๊กมันหันมามองหน้าผมว่าผมจะเลือกนั่งตรงไหน ผมก็นั่งลงข้างๆ ติ๊กเช่นเดิม ส่วนดิวมันก็ไปนั่งถัดจากผมไป
                        “เมื่อวานกูเห็นพวกไอ้ภาคินมันเข้าไปบ้านพี่แฮกซ์กันว่ะ เห็นบอกว่า คนที่เคยอยู่แก้งเดียวกับมันและแท่งพุงเพื่อนมัน ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครจะกลับมาเรียนที่นี้ว่ะ” ไอ้ต้นข้าวมันพูด
                        “ใครวะ ลอร์ดโวลเดอมอร์เหรอว่ะ ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครนะ” ไอ้ดิวมันรีบถามขึ้นทันที
                       “ใช่แล้วไอ้นี่แหละที่มันกำลังจะกลับมา ดังนั้นพวกมึงควรจะไปตามล่า สิ่งที่จะทำลายลอร์ดโวลเดอมอร์เอาไว้เลย มันคือของดำเจ็ดอย่าง “ไอ้ต้นข้าวพูด
                       “เว๊ย!! ไม่ใช่ นั้นมันแฮร์รี่พอร์ตเตอร์ ไอ้ดิว!” ไอ้ต้นข้าว
                       “เออว่ะ กูก็คิดว่าลอร์ดโวลเดอมอร์ แป๊ะ!” พายมันรีบลุกแทกทีมแตะมือกับดิวทันที และแจ็คกับหลุยส์ ที่เดินโอบเอวธรรณ์ เดินมานั่งที่โต๊ะ มันมองหน้าพวกผม
                      “ตกลงมึงดีกันยังไอ้สามผัวเมีย นี่กูเดินผ่านใครก็พูดกันว่ามึงตีกันเพราะว่าตกลงวันจะfu**ing กันไม่ได้” แจ็คมันพูดและหันไปมองไอ้หลุยส์ ผมสามคนก็ให้นิ้วกลางมันทันที
                     “แธงค์!” ไอ้แจ็คมันขอบคุณพวกผม
                      “บอยละว่ะ” ติ๊กมันถามแจ็ค
                      “โทรศัพท์อยู่” แจ็คพูดและบอยก็เดินตรงมาทันที
                      “แจ็ค สั่งอะไรไปส่งไว้ที่บ้านบอยนะ” บอยถามไอ้แจ็ค พวกผมก็มองหน้าไอ้แจ็คกัน มันก็เงยหน้าขึ้นมามาจากมือถือมันและส่งยิ้มให้บอย แต่สีหน้าบอยซีเรียสมากมันหาได้สำนึกไม่
                      “ก็ของเล่นไง ของขวัญปลอบใจลูกเลี้ยงของแจ็คไง แบงค์เขาชอบไหมครับ” แจ็คมันพูดว่าลูกเลี้ยง
                       “ลูกเลี้ยง อะไรอีกว่ะ “ติ๊กมันถามขึ้น
                      “แจ็คแต่แบงค์แค่หนึ่งขวบเองนะ ทำไมถึงได้สั่งพวก รถอาร์ทีวี เกมส์เพลสเตชั่นอีกรุ่นใหม่ล่าสุดและยังมีพวกมอเตอร์ไซด์วิบากอีก แจ็ค นี้ไม่ใช่ของเล่นเด็กเล็กเลยนะ” บอยพูด ผมก็หันมามองดิว บอยบอกแจ็คแล้วเหรอ
                      “เดี๋ยวนะ ใครมีลูก” พายยกมือขัดถามขึ้น
                      “พวกมึงคงยังไม่รู้ว่าบอยเขามีลูกแล้ว กูนี้ขึ้นตำแหน่งพ่อเลี้ยงที่อายุน้อยที่สุดว่ะ เนอะบอยเนอะ “ไอ้แจ็คมันบอกว่ามันเป็นพ่อเลี้ยงด้วย
                      “บอยมีลูก!!” ทุกคนร้องออกมาพร้อมกันยกเว้นผมกับไอ้ดิวที่แค่หันไปมองบอย บอยก็ขยิบตามาที่ผมสองคน
                     “ไอ้แจ็คนี้มันต้องกินหญ้าเบอร์ไหนถึงได้โง่ขนาดนี้นี่มันเจอแล้วนะมันยังดูไม่ออกเลยว่าลูกมัน” ไอ้ดิวมันหันมากระซิบกับผม ผมก็เอาข้อศอกกระทุ้งให้มันหันไป
                     “บอยมีลูกได้ไงอ่ะ “ติ๊กมันถามบอย
                     “คือ เออ “บอยทำท่าอึกอักก่อนหันมามองอีกคนที่ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลย
                     “เอานะ มีได้แล้วกัน ตอนนี้กูสองคนก็เป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่กันแล้วนะ ไม่ยินดีหน่อยเหรอวะ” แจ็คมันพูดแต่บอยซิยืนมองแจ็ค ด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ
                     “โอเค เคินแกรทเชอะเลเชิ่น!” ไอ้หลุยส์มันบอกว่าสนิทกับบอยมันยังทำหน้างง มากเลยแต่ก็ลุกขึ้นเช็คแฮนด์กับไอ้แจ็ค แบบงงๆ ไม่ต่างอะไรกับพายและติ๊ก ต้นข้าวกับบลูก็อ้าปากค้างไปตามๆ กัน
                      “เออ บอยขอโทษนะที่ไม่ได้บอกทุกคน ว่าบอยมี ลูกแล้ว “บอยพูดและหันไปมองหน้าไอ้แจ็ค ผมกับดิวพากันส่ายหัว มันช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย และนี่ก็ทำเอาทุกคนตกใจไม่แพ้กันแม้กระทั่งต้นข้าวและบลู
                      “คือ.. น้อง… “ผมรู้ว่ามันยากที่จะพูดเพราะคำว่าไม่พร้อมมันทำให้อะไรๆ ก็ยากไปหมด ทั้งหมดนี้เพราะว่าไอ้แจ็คที่ไม่ใช่คนที่เขาเลือกถ้าเป็นไอ้ดิว ข่าวนี้คงเป็นเรื่องน่ายินดีมากกว่าซิน่ะ
                      “เป็นลูกของผู้หญิงที่บอย พลาดไปน่ะ” บอยพูด น้ำเสียงที่บ่งบอกได้ว่าเจ็บมากแค่ไหนแต่ไอ้แจ็คมันไม่เข้าใจเลยสักนิด
                       “ไม่น่าเชื่อเลยบอย!!” ทุกคนพูดเป็นเสี่ยงเดียวกัน
                       “พายไม่อยากเชื่อเลยอ่ะ ถ้าเป็นไอ้แจ็คน่ะพายเชื่อสนิทเลยเพราะว่าไอ้นี่เมาแล้วไม่รู้เรื่องถ้าจะพล้าดเสียตัวให้ใครนี้มันแน่ๆ แต่บอยนี่ “พายพูดขึ้น
                       “ว่าแต่น้องกี่ขวบแล้วอ่ะบอย” พายถามต่อ
                       “สองขวบแล้ว” บอยตอบ
                        “แล้วไอ้คุณพ่อเลี้ยงมือใหม่มึงซื้ออะไรไปฝากลูกอ่ะ” ไอ้ติ๊กมันถามไอ้แจ็คทันที
                        “ก็รถอาร์ทีวี เกมเพลย์สเตชั่นใหม่ล่าสุดเลย PS5 พีโอบ๊อกซ์ด้วย รถมอเตอร์ไซดิ์วิบากเพื่ออยากได้ความตื่นเต้น” ไอ้แจ็คมันพูด และยิ้มให้พวกผม
                        “มันไม่มีความสำนึก” ไอ้ต้นข้าวพูด ปกติมันก็ไม่ค่อยพูดแบบนี้กับพวกผมอยู่แล้ว "กูอายุสิบห้าจะสิบหก ยังไม่เคยเล่นเลยของพวกนี้ นี้ให้น้องที่พึ่งจะ 2 ขวบแล้วเหรอ" ไอ้บลูอีกคนมันยังรู้เลย
                        “บอยเพิ่งจะบอกว่าลูกเขาสองขวบเอง ทำไมมึงไม่ซื้อหนังสือการ์ตูน หนังสือนิทาน หรือไม่ก็ของเล่นที่เขาระบุอายุเด็กไม่เกินสามขวบเล่นได้ว่ะ แจ็ค” อันนี้ไอ้ดิวเป็นคนพูด และแจ็คมันก็โดนพวกผมบ่นมันชุดใหญ่เลย เพราะว่าเล่นซื้อของเล่นให้ลูก (มันเอง) แต่มันยังไม่รู้เลย คิดว่าเป็นลูกบอยคนเดียวและมันก็คือพ่อเลี้ยงไปก่อน ผมคิดว่าบอยน่าจะมีเหตุผลที่ยังไม่บอกแจ็คแหละ ผมพวกนั่งทานกันจนเสร็จเรียบร้อย ผมเลยว่าจะเดินไปซื้อน้ำ พายกับติ๊กมันกำลังซุมหัวดูรูปที่ไปถ่ายงานกันผมเลยไม่ชวนออกมาด้วย ผมเดินมาก็เห็นบอยเดินไปกับธรรณ์
                         “แอ้” บอยเรียกผมเอาไว้ ผมสามคนยืนห่างกับพวกนั้นพอสมควร
                         “บอยบอกแจ็คแล้วเหรอ”
                        “ไม่ได้บอกหรอกแอ้ แต่ทำไงได้เขาเจอกันแล้วและพ่อให้บอยบอกว่าบอยไปทำผู้หญิงท้องมาแทน ไม่รู้ว่าจะไปกันใหญ่อีกหรือเปล่า พ่อกับลุงหนึ่งก็มีปากเสียงกัน” บอยพูด ผมกับธรรณ์พยักหน้ากับบอย
                      “แจ็คมันไม่เอะใจอะไรบ้างเหรอ” ผมถามบอย
                      “ไม่รู้ซิ” บอยพูดและหันไปมอง
                       “แอ้ยังไม่เคยเจอน้องน่ะ เลยไม่รู้” ผมพูด
                       “หน้าบล็อกเดียวกันนั่นแหละพ่อลูกนะ” ธรรณ์พูดปนขำ ผมหันมามองธรรณ์ที่เดินมาสมทบ อย่าบอกน่ะว่าธรรณ์ก็รู้เรื่องนี้ บอยพยักหน้ากับผมว่าใช่
                     “พ่อบอกว่ามีวิธีเดียวคือต้องให้แจ็คขึ้นตำแหน่ง แต่องค์กรต้องการผู้นำ ดังนั้นบอยจะต้องรักษาการไปก่อน บอยต้องมีงานเยอะขึ้นนะ “บอยพูดและมองหน้าผมสองคน
                       “เห็นใจว่ะ เป็นคนสำคัญนี้ลำบากตัวและลำบากใจว่ะ” ธรรณ์พูด
                       “เราไปห้องน้ำก่อนนะแอ้” บอยพูดและเดินแยกไปเข้าในร้านขายน้ำของโรงเรียน
                      “พี่ครับ ผมขอน้ำเปล่าสามขวดครับ” ผมบอกพี่คนที่ขายน้ำ เขาก็พยักหน้า

                        ขณะที่ผมกำลังยืนรออยู่ ช่วงนี้เป็นเวลาพักเที่ยงคนรอซื้อน้ำเยอะพอสมควร เห็นทีช่วงนี้ต้องพวกสามคนไปสักพัก และผมก็เข้าใจที่ดิวพูดนะ ว่าเราจะมีกันสามคนแบบนี้ไปตลอดไม่ได้ แล้วจะให้ผมทำยังไง ในเมื่ออีกคนก็แอบรักและอีกคนดันมารักผมและผมก็รักมันและผมกับมันก็มีพยานรักกันอีก แต่บอกไม่ได้ บอกใครไม่ได้เลย แม้กระทั่งครอบครัวผมเอง แต่พ่อภีมพูดแล้วว่าผมต้องบอก เฮ้อ!
                       “อุ้ย! “ผมสะดุ้งเพราะว่ามีขวดน้ำมาแตะที่แก้มผม ผมหันไปมองคนที่ทำแบบนี้กับผม
                       “นาย!” เขาเรียกผม ผมก็หันไปมองว่าเขาคือใคร
                       “เราเห็นพี่เขาส่งขวดน้ำให้นานแล้ว คิดอะไรอยู่เหรอ” คนที่รับขวดน้ำจากพี่คนขายน้ำเอาไว้ให้ผม เขายืนมองผมอยู่ ผมก็มองว่าเรารู้จักกันเหรอ
                       “เราชื่อนาวิน เราเรียนห้องถัดไปจากนายนะ นายชื่อแอ้ใช่ป่ะ น่ารักดีทั้งชื่อและคน “ผมพยักหน้าและรับขวดน้ำมา ผมกำลังจะควักเงินจ่าย และเรียกพี่เขามา
                       “เราจ่ายให้แล้ว” ผมสะบัดหน้าไปมอง จ่ายให้ด้วยเหรอ
                       “แลกกับเบอร์โทรได้ปะ” ผมกำลังจะรับขวดน้ำมาแต่คนที่บอกว่าชื่อนาวินยื้อกลับไปและมาขอแลกกับเบอร์โทรผมนี่น่ะ
                       “ได้ดิ เดี๋ยวกูให้เอง แต่เบอร์มันอยู่ใต้รองเท้ากูว่ะ อยากดูปะ!” เสียงไอ้คนที่รู้ว่าใครเดินมา ไอ้ดิว มันเดินเอามือล้วงกระเป๋าอย่างเท่และน่ากลัวมาก ดิวมันเดินมาคว้าขวดน้ำไปถือเอาไว้เอง คนที่ชื่อนาวินมองหน้าผมกับดิวสลับกันไปมาก่อนจะเลิกคิ้วสูง
                       “แฟนเหรอ” นาวินถามผมก่อนจะหันไปมองหน้าดิว แต่จังหวะนั้นติ๊กและพายเดินเข้ามาพอดี
                       “เพื่อนเรา” ผมรีบตอบแต่ดิวมองหน้าผมและหันไปมองหน้านาวิน
                       “กูเพื่อนแต่พิเศษมีไรป่ะ” ดิวมันหันไปกระซิบกับไอ้นาวิน ไอ้นี่แม่งก็หันมายิ้มแบบไม่กลัวไอ้ดิวซะด้วย
                       “ไอ้นาวิน กูรอแดกน้ำมึงอ่ะ ชาตินี้นะมึง ถ้าได้ชาติหน้าคงต้องรอมึงกรวดไปให้แล้ว เว้ยยย!!!” เสียงที่พวกผมคุ้นเคยกันในห้องเรียน ไอ้โซ่่ มันดินมาเรียกไอ้นาวิน แสดงว่าคนนี้คือเพื่อนมันและทันทีที่มันเห็นหน้าไอ้ดิว มันก็ร้องตกใจทันที
                      “นี่เพื่อนมึงใช่ไหม” ไอ้ดิวมันหันไปถามไอ้โซ่วทันที ไอ้โซ่รีบเดินมาดึงแขนเพื่อนมันและลากออกไปทันทีเช่นกัน ผมว่าไอ้โซ่มันรู้จักไอ้ดิวดี และมันก็กระซิบกระซาบกับนาวิน นาวินหันมามองผมและทำนิ้วขอเบอร์โทรผมอีก
                      “ไอ้แอ้นี่มึงกำลังโดนเขาจีบเหรอวะ” พายมันถามผม
                       “แถมเป็นเพื่อนไอ้พวกนั้นที่อยู่ในห้องเราอีกว่ะ” ไอ้ติ๊กอีกคน ผมหันมามองไอ้ดิว มันยังยืนมองไอ้คนนั้นอยู่
                      “ปึก!” ผมกระทืบเท้ามัน ไอ้ดิวมันหันมามองหน้าผม ผมก็ส่ายหัวให้พอ และพากันเดินออกเพื่อไปเข้าห้องเรียนช่วงบ่ายและจะได้พากันกับบ้าน ผมกับดิวก็ต้องแลคเชอร์ ที่พวกเพื่อนๆ จดตามที่ครูบอกกัน
                      “ดิว มึงงอนกูเหรอ เรื่องที่ไอ้นั่นมันจีบกูนะดิว” ผมกระซิบถามไอ้ดิว เพราะว่ามันนั่งลอกแลคเชอร์แบบเงียบมาก
                      “ดิวถ้ามันรู้กูเป็นยังไงกูว่ามันก็กระเจิงแหละ” ผมกระซิบ ไอ้ดิวมันเงยหน้าขั้นมามองผมและยิ้มให้ผม ก่อนจะหยิบมือถือมาและมันก็ให้ผมดู มันเป็นเหมือนกระทู้ที่ถูกตั้งขึ้น และมันก็มีรูปผมที่ถูกแอบถ่ายขณะที่กำลังนั่งเฉยๆ กดมือถือเล่นไปด้วย หัวข้อกระทู้มันบอกว่า
                     // คนนี้น่ารักผมแอบชอบ อยากได้เป็นแม่ของลูก //

                    “เว๊ย!” ผมร้องเสียงหลงทันที ดีที่ไอ้ติ๊กกับพายมันเดินไปหาพี่พัฒน์เลยไม่ได้อยู่ในห้อง
                    “ดิว กูไม่ได้ไปบอกให้เขาอยากได้กูนิ” ผมพูดบอกดิว
                    “หึงอ่ะ เข้าใจป่ะ แสดงออกก็ไม่ได้โคตรอึดอัดเลย!!” เสียงลอดไรฟันนั้น มัดที่กำเอาไว้ทุบโต๊ะเบาๆ
                   “พอแล้ว คืนนี้ไปนอนด้วยแล้วกัน พอใจป่ะ” ผมพูด ทีอย่างนี้ยิ้มออกมาทันที และผมกับดิวก็ลอกงานที่พวกแจ็คมันจดเอาไว้จนเสร็จ พอดีหมดชั่วโมงสุดท้ายแล้วด้วยก็จะเตรียมตัวกลับกันเลย
                      //แอ้ กูกับพายรอด้านล่างเลยว่ะ// ผมได้รับข้อความจากติ๊ก ผมหันมามองดิว
                     “ดิว ติ๊กกับพายบอกรอข้างล่างเลยว่ะ” ผมบอกดิว ผมก็ลุกขึ้นทันที จังหวะนั้นที่ผมกำลังจะหันตัวออกผมก็เจอกับสายที่ของภาคิน เขายืนอยู่และมองมาที่ผมก่อนจะเลื่อนเก้าอี้เก็บและเขาก็ยิ้มให้ผม ยิ้มอ่อนๆ ผมก็ยิ้มกลับแต่ก็ต้องหุบก่อนที่ดิวจะหันมาเจอเพราะว่าไอ้นี่มันไม่เคยเข้าใจคำว่ายิ้มตามมารยาท มันจะขึ้นเอายิ่งค้างๆ มาอยู่ด้วย พวกผมพากันเดินออก วันนี้ไม่มีอะไรมาก คงรีบกลับไปทำการบ้านที่ครูให้เอาไว้ตั้งแต่เช้า งานเยอะเลยวันนี้ ดูแล้วคงไม่มีเวลาจิจ๊ะกันแน่นอนระหว่างผมกับดิวแต่ก็ตั้งใจกลับไปนอนกับดิวมันหน่อย เอาใจมันหน่อย มันหัวร้อนอยู่ ผมไม่แปลกใจทำไมไอหัวร้อน เหมือนมันนี่แหละ
                     TBC...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-02-2024 11:29:11 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.43.ไอ้คนที่คุณก็รู้(ยกเว้นพวกผม)ว่าใคร
          Part’ s แจ็ค สามอาทิตย์ผ่านไปไว้เหมือนโกหกจะเดือนหนึ่งแล้วแต่ว่าพวกผมยังซื้อใจพวกภาคินมันไม่ได้เลย แต่สามอาทิตย์มานี้มันทำให้พวกผมได้อะไรเยอะแยะ ได้เรียนรู้ที่จะอยู่อย่างสงบ ผมยอมรับว่าพวกผมไม่เคยยอมใครแต่มาที่นี้ ยอมได้ยอม เลี่ยงได้เลี่ยงเลยไม่อยากปะทะเพราะว่าปะทะขึ้นมา ก็มีเยาวชนในนี้มองพวกผมและภาพคนที่เสียคือพ่อและลุงและอาของพวกผม จากคนที่มีพาวเวอร์ก็เหมือนกลับสู่คนที่ไม่มีอำนาจอะไร แต่มันก็ทำให้รู้ว่าถ้าผมอยู่ในสังคมคนที่ต้อต้านไม่ใช่สังคมที่เอาแต่เชิดชูและสังคมนั้น ก็เชิดชูเพื่อผลประโยชน์ทั้งนั้น แต่ในนี้คือพวกผมต้องทำยังไงก็ได้ให้เหมือนคนอื่นๆ ตอนนี้เริ่มมีคนยอมรับบ้างแล้ว ส่วนใหญ่ก็พวกน้องๆ น้องๆ ที่ชอบคนหล่อๆ อย่างพวกผมแต่ยังมีกลุ่มที่แอนตี้กันพอสมควรอยู่ มันคงต้องใช้เวลาแหละผมว่า แต่นะนานแค่ไหนนี่ซิ ที่แน่ๆ พวกผมมีเวลาแค่ปีเดียวที่จะต้องจัดการทุกอย่างให้จบ
                “ไอ้แจ็ค” ไอ้หลุยส์มันเรียกผม ผมหันไปมองหน้ามันขณะที่กำลังเดินเข้าไปในโรงเรียน ผมมารถที่ทางโรงเรียนไปรับเหมือนเช่นเคย แอ้ดิวพายและติ๊กมันมารถกระบะที่เป็นแบบโฟร์วีลไดรฟ์ของไอ้ดิว ผมว่ามันน่าจะยืนรอผมอยู่ด้านในกันแล้ว บอยรีบเดินไปหาธรรณ์ทันที เหมือนจะมีเรื่องเม้ามอยด์กันตามประสาหนุ่มเหลือน้อย (อันนี้คิดเองไม่กล้าบอกเมีย)
               “ดูดิ บอยกับธรรณ์นะ ดูสนิทกันมาก ดูคุยกัน เหมือนสาวๆ เลยวะ ฮาๆ” ไอ้หลุยส์มันพูด ผมนี้ตั้งใจฟังอย่างดีแต่พอมันบอกเหมือนสาวๆ ผมก็อดที่ขำไม่ได้
               “ได้ยินนะ! “อันนี้ธรรณ์เอง ไอ้หลุยส์มันหดกลับทันที มันเกียมัวมากกว่าผมซะอีก
              “วันนี้จะมีอะไรใหม่ๆ ไหมวะ ของเดิมเบื่อว่ะ เบื่อพวกไส้กรอกแฮมขนมปัง” ไอ้ดิวมันพูดขึ้นมันเดินตามหลังพวกผมเข้ามาติดๆ ไอ้ผมก็นึกว่ามันจะมาถึงก่อนซะอีก ผมหันไปมองสามหนุ่ม (เหลือน้อย แอ้ ติ๊ก พาย ดูยังไงก็สปีชีย์เดียวกัน) ผมพยักพเยิดไปที่สามหนุ่มนั้น ดิวมันยักไหล่ให้ผม พวกผมกำลังเดินผ่านห้องธุรการ ห้องที่พวกผมไปติดต่อวันแรกที่มา ผมเห็นว่ามีรถจอดอยู่ด้านหน้าเลย เป็นรถกระบะ โหลเตี้ย สีเขียวมรกตสวนมากและแต่งสีดำตัดที่ฝาปิดกระบะหลัง แต่งรถก็ว่าแรงแต่มาจอดในนี้ด้วยแรงกว่าอีก
                    “แรงว่ะ แม่งเข้ามาจอดด้านในโรงเรียนและยังจอดด้านหน้าตึกแบบนี้ด้วยอีก พ่อมันต้องใหญ่กว่าเจ้าของโรงเรียนแล้วเนี๊ยะ เพราะว่าขนาดพวกเรายังต้องเดินทางไกลโคตร” พายพูด ผมหันไปมองพร้อมกันเออจริงด้วยและมันก็เข้ามาขนาดนี้เลย รถของพนักงานกับครูที่นี้ยังจอดที่จอดที่เขาเตรียมเอาไว้ให้เลย
                 “แต่ถ้าเป็นรถสปอร์ตหรือซูเปอร์คาร์ก็จะไม่ว่าเลยอ่ะ รถกระบะโคตรธรรมดาแถมยังโหลดเตี้ยมาก มันเท่ตรงไหนวะ กูอยากรู้” ติ๊กพูด ผมก็หันไปมอง ทำไมมันไม่รู้จักไปจอดที่เขาให้จอดว่ะ แต่ที่น่าแปลกใจให้ขับเข้ามาได้ยังไง
                  “ไม่น่าจะใช้รถของนักเรียนหรอกว่ะ ใครจะให้เข้ามาในนี้ คงเป็นคนมาติดต่อธุระด้วนมั้ง มันรีบ “ไอ้ดิวพูด พวกผมก็หยักไหล่สนใจอะไร ระหว่างที่กำลังจะเดินผ่าน พวกผมก็ได้ยินการสนทนา ที่เรียกว่าน่าจะตะโกนคุยกันมากว่าเพราะว่ามันดังออกมาด้านนอกขนาดนั้น ผมเริ่มหันมามองหน้ากันอีกครั้ง
                  //ตอนที่ผมย้ายมาครูอีกคนก็บอกว่าว่าผมเรียนห้อง311ได้แต่ทำไมตอนนี้ผมเรียนห้องนั้นไม่ได้ครับ ผมอยากทราบเหตุผล// ทุกคนหยุดเดินพร้อมกันหมดและหันมามองหน้ากันทันที
                  “ห้อง 311 นี่มันห้องเรานี่หว่า” ไอ้แอ้พูดขึ้น
                 //ผมไม่สนใจหรอกครับว่าลูกท่านหลานคุณคนไหน พ่อเป็นใครใหญ่แค่ไหน ผมจะเรียนห้องนั้น ทำไมครูต้องสนใจด้วยครับว่าพวกมันจะชอบหรือไม่ชอบผมเพราะว่านั้นไม่ใช่ธุระของผม ที่จะต้องรอให้พวกนั้นบอกว่าชอบผมซะก่อน ที่จะให้ผมไปเรียนห้องนั้นได้ //ไอ้คนที่มันตะโกนโหวกเหวกอยู่บนห้องธุรการและมันก็คงหมายถึงพวกผมแน่ๆ
               “เหมือนจะงานเข้าพวกเราว่ะ” ไอ้พายพูดขึ้น
               “ไม่แปลกวะ ไปเถอะว่ะ ไปหาที่นั่งกินข้าวกันดีกว่า “ผมหันไปบอกพวกมัน และหันไปโอบเอวบอยให้เดินต่อจะดีกว่า ไอ้หลุยส์มันก็โอบเอวของธรรณ์ให้เดินตามเช่นกัน
                    “รถแม่งก็ไม่ได้เท่เลยนะแค่โหลดเตี้ยแค่นี่เอง ดูแล้วไม่เห็นจะมีอะไรให้ต้องขับเข้ามาอวดยันในนี้เลย “ไอ้ติ๊กพูดและเบ้ปาก "แต่จะว่าไปมันก็แต่งสวยดีวะ ถ้าพ่อกูให้กูก็อยากแต่งแบบนี้น่ะ" ไอ้ดิวมันพูด ผมหยักไหล่ ผมน่ะพ่อไม่ให้ขับรถนานแล้ว เกือบสองปีแล้วเพราะว่าผมเคยเอาไปขับรถและเกิดอุบัติเหตุ มีคนบาดเจ็บแต่เคราะห์ดีที่ไม่เสียชีวิตและมันเป็นเพราะความหัวร้อนของผมเอง
                     “ไปเถอะน่ะ เรื่องของมันและมึงก็อย่าไปหาเรื่องมันก็แล้วกัน"ไอ้ดิวพูดเพื่อห้ามปรามไอ้ติ๊ก "แค่มันยังไม่ทันเจอหน้าพวกเราเลย แม่งก็เริ่มจะไม่ชอบขี้หน้าขึ้นมาซะแล้ว ดังนั้นมึงอย่าไปหาเรื่องอะไรกับมันให้มันแย่ลงไปอีก ไปห้องอาหารซะติ๊ก “ไอ้ดิวพูดและมันก็ดันไอ้ติ๊กให้เดินไป พายกับแอ้กำลังเดินออกเช่นกัน
                     “งานนี้ต้องรีบแล้ววะไอ้แจ็คให้ไอ้ป๊อดมันหาคนมาสืบพวกไอ้ภาคินซะก่อนวะ ว่าพวกมันคือใคร อะไรคือสาเหตุว่ะ” ไอ้หลุยส์มันบอกผม ผมก็พยักหน้าคิดว่ารอช้าไม่ได้ ระหว่างที่พวกผมกำลังจะเลี้ยวเข้าที่โรงอาหาร
                      “กูก็รีบว่ะ” ไอ้ดิวมันพูดขึ้น ผมหันมามองหน้ามันคืออะไร
                      “ลุงหนึ่งไปที่บ้านอาภีมแถมยังพูดอะไรก็ไม่รู้ทำให้แอ้เสียใจ กูว่าเราต้องจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุดว่ะ เพื่อเราจะได้ไปทำตามหน้าที่ของเราให้เร็วที่สุดเช่นกัน” ไอ้ดิวมันพูด ผมพยักหน้า
                      “ดังนั้นเราต้องจัดการพวกไอ้ภาคินให้ได้โดยเร็วที่สุด แต่แม่งทำตัวน่าเรียกมาตบกระบาลเรียงตัวเลยว่ะ แค่ตั้งใจเรียนแค่นี้แม่งก็ทำกันไม่ได้” ผมพูดขณะที่กำลังเดินตามพวกบอย ธรรณ์ แอ้ ติ๊กและพายที่เดินคุยกัน
                       “เฮ้ยย! กูเห็นพี่เดี่่ยวมาเรียนว่ะ “พวกที่อยู่ในห้องอาหารซุบซิบกันเป็นเรื่องปกติแต่วันนี้มันพูดถึงใครก็ไม่รู้แต่ดูท่าจะทอล์คออฟเดอะทาวน์
                     “จริงดิ พี่เขามาแก้แค้นเปล่าวะ ก็พี่เขาโดยพักการเรียนไป งานนี้สงสัยแม่กูให้กูย้ายโรงเรียนไปเรียนที่อื่นแน่ๆ ว่ะ กลัวตายก่อนเรียนจบว่ะ” ผมหันไปมองน้องที่มันคุยกัน คงไม่ได้หมายถึงไอ้ที่อาละวาดกับครูห้องธุรการอยู่นั้นน่ะ
                      “ฟังแล้วรู้สึกดีขึ้นชะมัดเลยว่ะ” ผมพูด บอยก็มองหน้าผมและหันไปมองหน้าธรรณ์
                      “เฮ้ย! กูลืมวะ กูจะไปหาพี่พัฒน์ก่อนพ่อกูฝากบอกเรื่องสำคัญมาว่ะ” ไอ้ติ๊กมันพูดและหันไปจูงมือพายทันที
                      “แอ้ ตักอาหารให้กูด้วยนะ เดี๋ยวกูจะมากินว่ะ” ไอ้ติ๊กมันห้นมาบอกแอ้ ผมพากันเดินเข้าไปด้านในห้องอาหารทันที ผมเห็นไอ้ป๊อดมันเดินออกมารอพวกผม ป๊อดมองหน้าพวกผม
                      “สวัสดีครับพี่ๆ อาหารพร้อมแล้วครับ” ไอ้ป๊อดพูด พวกผมพยักหน้าและทำท่าจะเดินไปตักอาหาร
                      “พี่ครับ พี่ได้ยินข่าวอะไรมาบ้างหรือเปล่าครับ” ไอ้ป๊อดมันถามพวกผม พวกผมหันไปหน้าไอ้ป๊อดพร้อมกัน
                      “ข่าวอะไรวะป๊อด” ไอ้ดิวมันถามป๊อด ไอ้ปีอดมันหันซ้ายหันขวา พวกมก็หันไปตามมันเช่นกัน
                      “อะไรไอ้ป๊อดอย่าเยอะ!!” ไอ้หลุยส์มันถามไอ้ป๊อด ผมก็พยักหน้าเห็นด้วยว่ามันเยอะไปแล้ว
                      “ข่าวที่ว่า เออ คนที่คุณก็รู้ว่าใครกลับมาเรียนที่นี้นะครับ” ไอ้ป๊อดมันพูดยังมองไปรอบด้วยความหวาดระแวงอีกครั้ง
                       “มึงมาเหมือนไอ้ต้นข้าวอีกแล้ว ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ตกลงมันเป็นใครวะ” ผมพูดและหันไปถามไอ้ป๊อด
                       “ใครวะ ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครคัมแบค ใช่ลอร์ดวอเดอร์มอร์ในเรื่องแฮร์รี่พอตเตอร์หรือเปล่าไอ้ป๊อด ถ้าใช่กูรู้แล้วเพราะว่ากูดูจบแล้วป๊อด” ไอ้ดิวมันพูด ไอ้ป๊อดก็ยังหันซ้ายหันขวาอยู่นั่นแหละ
                       “ไม่ใช่ครับพี่” ไอ้ป๊อดพูด
                          “พี่คนนี้เขาเคยเรียนที่นี้ แถมยังเคยมีเรื่องกับพี่ธงรบขาโหดจนต้องโดนย้ายไปอยู่ที่อื่นด้วยและนี่พี่เขากลับมาอีกแล้ว พี่เขาโหดมากพูดเลย” ไอ้ป๊อดพูด พวกผมหันมามองหน้ากัน
                        “เอาอย่างนี่นะป๊อด พวกกูนี้น่ะไม่สนใจแล้วว่ามันคือใครเพราะว่าศัตรูพวกกูที่มีอยู่ ณ ตอนนี้ ก็ทำความรู้จักไม่หมดแล้ว ดังนั้นไอ้ที่มาใหม่เอาไว้ท้ายๆ ก่อนเลยป๊อด” ไอ้ดิวพูด ผมกับไอ้หลุยส์พยักเลยว่าเห็นด้วย
                        “เออว่ะ กูว่าหลีกทางพวกกูจะไปหาอะไรมากิน ตอนนี้อาหารเช้ามันสำคัญป๊อด ช่วงนี้ใช้ความคิดเยอะด้วย คิดว่าพวกกูจะทำยังไงให้อยู่รอดไปจนถึงซีซันหน้าป๊อด” ผมพูดและพยักหน้าให้มันหลบไปจะได้ไปตักอาหารเช้ามานั่งทานกัน
                          ไอ้ป๊อดมันเลยจำเป็นต้องหลบให้พวกผม พวกผมเดินไปที่ตรงมุมอาหารเช้าที่ถูกจัดเอาไว้ พวกผมเลือกตักอาหารที่ตัวเองชอบเพื่อจะได้พากันไปนั่งทาน บอยก็หันมาหาผมและหยิบจานผมไปตักผักสลัดให้ผม บอยนี้ชอบบังคับให้ผมทานผักตลอดแต่ก็ฝืนทนหน่อยเพื่อความสบายใจของคนบังคับ
                       “กินผักจะได้ไม่ท้องผูก อ่ะนี้ผักสลัดแจ็ค” บอยบอกผม ผมก็พยักหน้าและลองเคี้ยวดู
                      “เหม็นเขียวอ่ะบอย” ผมพูดเพราะว่าผักสลัดนี้ไม่เหมือนที่แม่บ้านผมทำให้เลย
                       “ก็ผักมันสีเขียว ทานไปเลย ห้ามเขี่ยทิ้งน่ะ ถ้าเขี่ยทิ้งโดนน่ะ” บอยพูดและชี้นิ้วเอ็ดผมด้วย ผมก็ต้องยอมและผมสองคนก็เดินกลับมาที่นั่ง
                        ผมเห็นไอ้ติ๊กกับพายมันเดินกลับมาแล้ว ดูสีหน้าพายที่ดูกังวลส่วนไอ้ติ๊กน่ะยิ้มกริ่มตอนเดินเข้ามา ผมพยักพเยิดกับไอ้ดิว หวังว่าไอ้ตัวดีมันจะไม่ไปรับงานมาให้พวกผมอีกน่ะ ไอ้ดิวมันยักไหล่ก่อนจะนั่งลง ส่วนแอ้น่ะตักอาหารรอไว้ให้มันสองคนแล้วตามมาด้วยไอ้หลุยส์และธรรณ์ที่เดินกะหนุงกะหนิงออกมาพร้อมกัน มันขยันแซงหน้าผมเหลือเกิน
                      “จะว่าไปก็ต้องขอบคุณแผนการของแจ็คนะที่ทำให้หลุยส์กับธรรณ์เขา” บอยพูด
                      “รักกัน” ผมพูดและยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
                     “จริงๆ ธรรณ์นะเคยเจอหลุยส์มาก่อน ตอนนั้นบอยกับหลุยส์ไปทานอาหารกันและบังเอิญไปร้านเดียวกัน” บอยบอกผม
                      “อะไรนะ นี้แอบไปทานอาหารด้วยกันมาก่อนด้วยเหรอ” ผมถามบอย บอยหันมาเหล่มองผม
                       “ต่อมหึงทำงานอีกแล้ว” บอยถามผมแถมแอบค้อนด้วย
                       “ก็นิดหนึ่ง อ่ะเล่าต่ออยากรู้” ผมพูดอ้อนบอย
                     “ธรรณ์เขาแอบชอบหลุยส์ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วแต่หลุยส์ก็ไม่ได้สนใจอะไรธรรณ์ “บอยพูด
                      “ก็มันมัวแต่สนใจบอยไง “ผมชิ่งพูดทันที
                     “นินทาอะไรผมครับคุณแจ็ค” ไอ้หลุยส์มันหันมาถามผมทันที ประโยคหลังนี้เอ่ยชื่อมันดังไปหน่อย
                     “ไม่ได้นินทาโว้ย! เล่าสู่กันฟังเนอะบอย” ผมหันไปบอกไอ้หลุยส์
                     “ไอ้ต้นข้าว ไอ้บลู” ไอ้แอ้มันเรียกเพื่อนซี้ของมัน สองคนนี้โดยเฉพาะไอ้ต้นข้าวนี้สนิทกับแอ้มากมีอะไรมันก็คุยกับแอ้ตลอด พวกผมหันไปมองสองหนุ่มน้อยเดินเข้ามา "แสดงว่าไอ้ภาคินมันไปคุยกับพ่อแม่ต้นข้าวให้แล้ว"ไอ้หลุยส์พูด ผมพยักหน้าว่าน่าจะใช้ไม่อย่างนั้นไอ้ต้นข้ววคงกลับมาเรียนไม่ได้แน่นอน
                      “ดีว่ะพวกมึง” ดูมันหน้าหวานแต่ทักพวกผมที่ทำเอาพวกผมหัวทิ่มไปตามๆ กัน ก็มันขัดกับหน้าหวานๆ ของมันมาก
                        “ดีว่ะ ต้นข้าว บลู” ผมหันไปยกมือทักทายมันและหันมาทานอาหารกันต่อ ดูเวลาแล้วเดี๋ยวกจะเข้าแถวแล้ว
                         “เออ.... กูเดินผ่านมาเห็นรถกระบะจอดอยู่ ใครแม่งไปพ่นสีรถไว้วะ สงสารเจ้าของรถว่ะ “ไอ้ต้นข้าวพูด ผมหันมามองหน้าไอ้ต้นข้าว รถกระบะ?
                        “รถสีอะไรวะ “ไอ้ดิวมันถามต้นข้าวทันที
                        “สีเขียวอ่ะคาดดำด้วยติดสติกเกอร์ สวยว่ะ "ไอ้ต้นข้าวพูด มันสีเหมือนรถไอ้คนที่โวยวายบนห้องธุรการหรือเปล่า
                        "แต่ว่าตอนนี้เละไม่เป็นท่า ใครแม่งมือบอนก็ไม่รู้ เป็นกูนี้นะ จะจับแม่ง” ไอ้ต้นข้าวพูด
                        “กระทืบเหรอ” ไอ้บลูถถามไอ้ต้นข้าว
                       “เอออะดิ เล่นซะเละขนาดนี้ เคืองยันลูกบวชอะมึง “ไอ้ต้นข้าวพูด
                       “ไปหาอะไรมาทานดิวะต้นข้าว บลู เดี๋ยวมึงสองคนก็ไม่ทันหรอก” แอ้มันหันไปบอกไอ้ต้นข้าวและไอ้บลู พวกมันสองคนถึงได้ลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหาอะไรมาทานกัน พวกผมหันมามองหน้ากัน มันใช่คันเดียวกันไหมและหวังว่าจะไม่ใช่ฝีมือคนในกลุ่มผมน่ะ
                       “รถไอ้คนที่มันบอกจะมาเรียนกห้องเรียนกับพวกเราไหมวะ” ผมถามขึ้น
                      “เออวะ กูพอจะจำสีได้วะแต่มันก็บอกไม่ได้ว่าใช่รถไอ้คนที่ยืนโวยวายหรือเปล่า บางทีอาจจะเป็นรถคนอื่นก็ได้ว่ะ” ไอ้ดิวพูด ผมก็พยักหน้าว่าจริงด้วย
                     “เฮ้ยย! พี่เดี่่ยวคัมแบค!!!” ผมได้ยินมาจากด้านหลัง ทำไมเสียงพวกนั้นมันดูตกใจกันจังว่ะ
                     “มันอยู่ไหนไอ้คุณหนูนะ!!!!” ผมถึงกับวางช้อนกันแต่ยังไม่ได้หันหลังไปมอง ยังขอทำใจก่อน น้ำเสียงมันน่ะใช่แต่ไม่รู้ว่าหน้าตามันจะโหดปานใดนี่ซิ
                     “กูหวังว่าจะไม่ใช่โต๊ะเรานะมึง” ไอ้ดิวมันพูด
                     “แล้วฉายาที่พวกนั้นมันเรียกพวกเราอะไรวะ” ผมหันไปถามทุกคน
                    “ไอ้คุณหนูไง” ไอ้ติ๊กมันพูด ใช่ถ้าอย่างนั้นก็คงโต๊ะพวกผมนี้แหละแต่ว่ายังไม่ทันที่พวกผมจะหันหลังกลับไปมอง
                   “ฟิ้ววววววว!!!!” เสียงเหมือนมีบางสิ่งฝากระแสลมลอยมา และลอยมาจนถึงโต๊ะพวกผม
                    “ตุ๊บ!!!” ตรงกลางโต๊ะที่พวกผมนั่งอยู่พอดี มันคือรองเท้าผ้าใบ สีดำ รองเท้านักเรียนชัดๆ
                    “กูว่าคงจะโต๊ะเราแล้ววะ เชี้ย! มันมาลงขนาดนี้แล้ว” ไอ้พายพูด พร้อมเอานิ้วคีบให้ออกไปไกลๆ หน้ามัน และเอามือปัดเหมือนว่ากลิ่นคงได้ทีมาก
                    “ป๊อด) )) )) )” ผมเรียกไอ้ป๊อดเพราะว่ามันเดินกลับเข้าไปช่วยแม่มันอยู่ด้านใน แฃะป๊อดมันก็เดินมาหาพวกผมทันที
                     “รับอะไรเพิ่มพี่) )) )” ไอ้ป๊อดมันร้องถามพวกผมก่อนที่ตัวมันจะเดินออกมาถึง
                    “ไม่รับ กูส่งคืนได้ไหมอันนี่น่ะ กูกินไม่ได้ป๊อด” ไอ้ดิวมันพูดและชี้ไปที่รองเท้า
                     “อ้อ แน่นอนพี่นี้มัน...รองเท้า...รองเท้าใครอ่ะพี่” ไอ้ป๊อดมันถามพวกผมกลับ พวกผมหันไปมองหน้ามันทันที
                    “ป๊อดผิดใช่ไหมครับพี่” ไอ้ป๊อดมันถามกลับ
                    “ผิดที่ถามเพราะว่าพวกกูไม่รู้ ดังนั้นฝากมึงไปให้ประชาสัมพันธ์เขาหาอีกข้างแล้วกันเพราะว่าที่ลอยมานี่มันมาข้างเดียววะป๊อด” ไอ้ดิวมันบอกไอ้ป๊อด
                   “รองเท้ากูเองว่ะ!!!” เสียงเจ้าของมันดังมาและพวกผมทั้งโต๊ะหันไปมอง มันยืนเท้าซะเอว หน้าตาบอกได้ว่าโหดมาก หน้าตามันออกแนวชายไทยแท้และท่าทางจะมวยไทยด้วย
                     “พี่เดี่่ยวววววว) )) )” ไอ้ป๊อดมันเรียกชื่อไอ้คนนั้น ผมก็ถึงบางอ้อ ชื่อเหมือนที่พวกเด็กๆ มันคุยกันนั้นเอง และไอ้ป๊อดมันก็ถอยหลังทันทีเหมือนมันเจอพลังงานบางอย่างที่น่ากลัว ไม่ใช่แค่ป๊อดน่ะ ทุกคนพากันลุกจากโต๊ะเหมือนทำท่าจะวิ่ง ส่วนพวกผมยังทำหน้างงกันอยู่เลย พวกผมค่อยๆหันไปมองไอ้คนที่ไอ้ป๊อดมันบอกผมว่า ไอ้คนที่คุณๆเขารู้กันว่ามีนคือใคร ผมหันไปมองหน้า หน้าตาไทยแท้ ไทยแท้ๆเลย ผิวสีแทน (ผมหันไปมองพาย มองตาเยิ้มเลย) ผมหันมามองไอ้คนที่ยืนนี้อีกที มันน่ากลัวตรงไหนว่ะ มันหน้าตาดีเพราะปกติคนหน้าโหดมันต้องไม่หล่อนะ มันต้องโหดแบบผ่านมาหลายสมรภูมิรบ

                    TBC...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2024 16:50:43 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
             
  EP.43.ไอ้คนที่คุณก็รู้(ยกเว้นพวกผม)ว่าใคร 2
                    Part's แจ็ค พวกผมค่อยๆหันไปมองไอ้คนที่ไอ้ป๊อดมันบอกผมว่า ไอ้คนที่คุณๆเขารู้กันว่ามันคือใคร (แต่พวกผมไม่รู้จริงๆว่ามันนะคือใคร)  พวกผมค่อยๆหันไปมองหน้าคนที่ส่งรองเท้ามาทักทายพวกผม หน้าตาไทยแท้ ไทยแท้ๆเลย ผิวสีแทน (ผมหันไปมองพาย มองตาเยิ้มเลย) ผมหันมามองไอ้คนที่ยืนนี้อีกที มันน่ากลัวตรงไหนว่ะ มันหน้าตาดีเพราะปกติคนหน้าโหดมันต้องไม่หล่อนะ มันต้องโหดแบบผ่านมาหลายสมรภูมิรบ ผมหันไปมองรอบๆ กลัวไอ้คนนี่นี้น่ะ
                    “อยากได้อีกข้างกูจัดให้ไม่ต้องเสียเวลาไปตามหา” มันบอกว่ามันอีกข้างด้วย
                    “นี่มันคือซินเดอเลล่าตามหารองเท้าที่หายไปอีกข้างใช่ไหมวะ” ไอ้หลุยส์มันหันมาถาม
                    “ใครจะใจกล้าแปลงร่างเป็นเจ้าชายหิ้วรองเท้าไปคืนมันวะ” ผมถามแต่ล่ะคนพากันสั่นหัวแม้กระทั่งไอ้ดิวเอง
                    “พี่ครับ แม่ผมเรียกครับ “ไอ้ป๊อดมันหันมาบอกพวกผมก่อนหันหลังวิ่งกลับเข้าไปทันที
                     “อ้าวไอ้ป๊อด!!! กูยังไม่ได้ยินแม่มึงเรียกเลย แม่มึงเรียกมึงในใจเหรอไอ้ป๊อด!! มึงนี้แม่งชิ่งเก่งตัวพ่อเลยว่ะ! “ผมตะโกนตามหลังไอ้ป๊อดไปทันที ไอ้นี่มันป๊อดสมชื่อจริงๆ ผมยังคงมองหน้ามันไอ้คนที่ยืนมองพวกผมเหมือนกับว่าใครไปเผาบ้านมันมา
                       “เออ...รองเท้าคุณมึงไหมครับ” พายมันเป็นคนใจกล้าถามแต่ว่ามึงจะขึ้นคุณทำไมถ้ามึงจะมีคำว่ามึงตามหลังขนาดนี้
                      “เอาคืนไปได้ไหมครับและเดี๋ยวกูส่งคืนให้ว่ะ กลิ่นนี้...ซักบ้างน่ะ มันเริ่มเหม็นแล้วอ่ะ สงสารเพื่อนๆ บ้างน่ะ ถ้าถอดมาเพื่อนจะเป็นลมได้” ไอ้พายพูดและทำท่าโยนรองเท้ามันกลับไป
                     “กูว่าจะซื้อใหม่เลยว่ะ แต่ต้องได้กระทืบพวกมึงก่อนเพราะว่ามันอาจจะเลอะจนใส่ต่อไม่ได้” ไอ้คนนั้นมันพูดขึ้น
                    “อู้ย!” พวกผมร้องออกมาพร้อมๆ กัน และหันมาเหล่มองหน้ากัน
                    “จะกระทืบพวกกูทำไมวะ ขอเหตุผลวะ” ผมถามมันทันที
                    “มีคนบอกว่าพวกมึงไปพ่นสีที่รถกูและเขาบอกว่าพวกมึงคือคุณหนู ห้อง311 ที่ทำให้กูไม่ได้ไปเรียนที่ห้องนั้น” นั้นไง แต่ใครวะที่พ่นและผมไปทำให้มันไม่ได้เรียนได้ไง หน้าตามันพวกผมก็เพิ่งจะเห็นกันวันนี้เอง

                     “ใครวะมึง ผิดคนหรือเปล่าและรถมึงคันไหนวะ จอดไว้ตรงไหน เด็กเกเรที่อื่นมันมาพ่นหรือเปล่า” ไอ้ดิวมันถาม
                     “ไม่ผิด!! รถกูน่ะจอดไว้ด้านหน้าทางขึ้นออฟฟิศเพราะว่ากูรีบ” มันตอบพวกผม ทำเอาพวกผมหันมาสุมหัวกันคิด
                    “ใช่รถคันที่สีเขียวไหมวะและไอ้ต้นข้าวมันบอกว่ามีคนมือบอนไปพ่นเละเทะเลย” ผมถามก่อนจะหันมามองไอ้ที่ยืนเอากำปั้นกระแทกกับอุ้มมือรอแจกให้ผมคนล่ะมัดสองมัด
                      “มีคนบอกกูมาและเด็กพวกนี้กูรู้จักดีและมันก็บอกว่าไอ้คนที่เป็นดาราน่ะ มันทำและมันก็อยู่แก้งพวกมึงด้วย” ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใคร มันพูดขึ้น ผมก็ถึงบางอ้ออีกแล้วและสะบัดหน้ามองไอ้ติ๊ก ไอ้ตัวต้นเหตุ
                     “ไอ้ติ๊กมึงไปทำรถมันทำไมวะ “ไอ้แอ้มันหันมาต่อว่าไอ้ติ๊ก
                    “ก็กูหมั่นไส้มันนิ ที่มันว่าพวกเรา กูได้ยินกูกับพายก็เคยเจอมันที่โรงแรมพ่อกูด้วย และหมั่นไส้ที่มันเอาแต่ด่าพวกเราเพราะว่าไม่ได้เรียนห้องไอ้พวกนั้น กูเลยอยากสั่งสอนมันซะหน่อย" ไอ้ติ๊กพูดผมหันไปมองหน้าไอ้ตัวรับงานพร้อมกันหมด "มึงพามันมาสั่งสอนพวกกูมากกว่าไอ้ติ๊ก"ไอ้ดิวหันมาเม้งใส่ไอ้ติ๊กทันที"ก็ใครจะไปรู้ว่ามันจะโหดสาดขนาดนี้ “ไอ้ติ๊กพูดผมนี้หันไปส่ายหัวเลยและทำนิ้วเฉืยดคอใส่มันด้วย พวกผมลุกขึ้นและหันไปดู มันยืนทำหน้าตาเหมือนใครไปเผาบ้านมันมาก มันบีบมือเสียงดัง กร๊อบๆ
                     “กูไม่สนใจว่าพวกมึงเป็นใคร พ่อใหญ่แค่ไหน “มันพูด ผมหันมองไอ้ดิว
                     “เออ กูขอโทษเรื่องเพื่อนว่ะเรื่องรถ ส่วนเรื่องห้องเรียนกูว่ามึงควรจะไปคุยกับอาจารย์หรือเจ้าหน้าที่ธุรการน่ะ อันนี้พวกกูทำให้ไม่ได้ว่ะเพราะว่าพวกกูแค่มาเรียนไม่ได้มาบริหารโรงเรียนว่ะ ดังนั้นทุกเรื่องมึงควรจะไปร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ให้เขาส่งเรื่องไปยังท่านผอ โรงเรียนอีกทีนะครับมึงครับ” ผมพูดบอกมันไปหวังว่าจะเป็นคำแนะนำที่ดี แต่ไอ้หลุยส์มันทำนิ้วเฉือดคอให้ผม ส่วนคนอื่นก็พากันส่ายหัวไปพร้อมๆ กัน ผมหันไปมองพวกมันก็นี้กูช่วยแล้ว
                     “You’ re suck!” ไอ้หลุยส์มันชมผม ผมเลยต้องส่งนิ้วกลางให้มันไป
                     “กูพูดผิดตรงไหน” ผมถามพวกผมเพื่อนผม
                     “และพวกนักเรียนในโรงเรียนบอกกูว่าตั้งแต่พวกมึงเข้ามาก็ทำตัวขาใหญ่ นี่มึงคงไปบอกครูใช่ไหมว่าไม่ต้องการกูเข้าไปเรียนในห้องมึงน่ะ” ผมก็สะบัดหน้าไปมองว่าพวกผมไปพูดตอนไหนวะ
                     “แล้ว?” ไอ้ดิวมันถามคงหมายถึงมันต้องการอะไรจากสังคม
                     “ถ้าวันนี้กูไม่ได้กระทืบพวกมึงกูจะไม่กลับบ้าน” ไอ้คนนี้มันพูดว่ามันจะไม่กลับบ้านถ้าไม่ได้กระทืบพวกผมซะก่อน พวกผมเกาท้ายทอยกันทันที มีแต่คนอยากให้ทานโปรตีนเกือบทุกวัน
                     “งานงอกเลยว่ะ” อันนี่พวกผมคงลุกออกจากโต๊ะกันได้แล้วครับ
                    “โดยเฉพาะไอ้คนที่ทำรถกูด้วย “มันพูด
                    “เดี๋ยวกูทำรถให้ใหม่จะให้แต่งให้ด้วยก็ได้น่ะ “ติ๊กมันพูด ผมหันไปเหล่ตามองไอ้ติ๊กมันเพราะมันคนเดียวเลยทำของมันขึ้น
                   “ไม่...กูไม่อยากได้เงินพวกมึงกูอยากจะกระทืบพวกมึง” มันยังยืนยันคำเดิมแถมเงินก็ซื้อมันไม่ได้ด้วย ผมหันมามองไอ้ติ๊กเป็นไงล่ะมึง!
                   “เออ...กูว่าพวกเราไปกันเถอะวะ ดูท่าไอ้นี่มันจะจบยากอย่าไปแลกกับแม่งเลยว่ะ” ไอ้ดิวมันพูดและลุกขึ้นมันพยักหน้าให้แอ้ลุกขึ้นและไอ้ติ๊กมันก็ลุกขึ้น และตามด้วยพาย ผมก็หันไปพยักหน้าให้บอยว่าไปดีกว่า
                  “มึงนั้นเองใช่มั้ยที่พ่นสีใส่รถกู “นั้นชี้ไปที่ไอ้ติ๊กทันที มันสะดุ้งโย้งเลย
                  “เชี้ย!” ไอ้ติ๊กมันสะบดออกมา
                  “ก็มึงเสือกหาเรื่อง กูบอกว่าอย่า มึงไม่ฟังกูเองนิ” พายพูด พวกผมส่ายหัวให้ไอ้ตัวดีของกล่มผม
                  “มึงไปขอโทษมันไป “ไอ้ดิวบอกไอ้ติ๊ก
                  “ไม่เอาอ่ะ ดูมันดิ เหมือนเมายาบ้ามาชัดๆ เลย” ไอ้ติ๊กพูด
                  “พวกกูขอโทษแทนเพื่อนกูวะ เอาเป็นว่าจะให้มันทำรถให้มึงใหม่” ไอ้ดิวหันไปพูด แต่
                  “กูไม่ต้องการ กูมีปัญญา” พวกผมก็
                  “แล้วมึงจะเอายังไงอ่ะ ไอ้นั่นก็ไม่เอาไอ้นี่ก็ไม่เอา เยอะว่ะ!” ไอ้ติ๊กพูด
                  “แจ็ค!” ไอ้หลุยส์มั้นเรียกชื่อผมเข้าไปหามัน ผมก็มองว่ามีอะไรมันควักมือเรียกผม ผมก็เดินออกไป มันกันก็โอบคอผม แสดงว่าความลับแน่ๆ
                  “มีอะไร” ผมถาม
                  “กูว่าไอ้นี่น่าจะคนจริงว่ะ” ไอ้หลุยส์พูดผมหันไปมองคนที่มันบอกผมก่อนจะหันกลับมายังไอ้หลุยส์
                  “กูก็เห็นว่าคนมันคนจริงๆและคนบ้าด้วย” ผมพูดกับไอ้หลุยส์
                  “เฮ้ยย! ดูดิ ผู้คนล้อมรอบถอยกันหมดและซุบซิบนินทากันเหมือนรู้จักไอ้นี่มาก่อนวะ” ไอ้หลุยส์พูดผมก็มองไปรอบๆ น่าจะใช่ น่าจะเคยเรียนที่นี้ หรือว่าไอ้คนนี้คือคนที่คุณก็รู้ว่าใครที่ไอ้ป๊อดมันพูด
                  “และยิ่งไอ้ป๊อดนี่้่มันตกใจสุดขีด กูว่าเอามันไว้วะ” ไอ้หลุยส์ ผมนี้เกาห้วเลยแต่ละคนที่บอกว่าให้เอาไว้ในตอนนั้นก็ไอ้ภาคิน มันก็ได้มองเห็นความดีอะไรผมเลยด้วยซ้ำและนี้มาไอ้นี่อีกที่ตั้งใจมากจะกระทืบพวกผมตั้งแต่วันแรกที่มันย้ายมา ผมสะบัดหน้าไปมองหน้าที่ยืนมองพวกผมเหมือนมันไม่ยอมจบ
                  “แล้วจะเอามันไว้ยังไง” ผมถามไอ้หลุยส์ และไอ้หลุยส์มันก็พยักพเยิดไปทางไอ้ดิว
                  “มึงจะให้ไอ้ดิวเข้าไปต่อยกับมันเหรอวะ” ไอ้หลุยส์กระซิบกับผม
                  “เออ กูว่าฝีมือแม่งต้องสูสีกันแน่ “ไอ้หลุยส์พูดผมก็พ่นลมออกมา ปัญหาคือจะบอกไอ้ดิวยังไงวะ
                 “เอานะ แก้งเราต้องการที่มีคุณภาพว่ะตอนนี้” ไอ้หลุยส์พูด ผมก็เดินเข้าไปสะกิดไอ้ดิว ไอ้ดิวมันหันมามองผม ผมก็ดึงตัวมันออกมาก่อน
                “มีอะไรไอ้แจ็ค” ไอ้ดิวมันถามผม แววตามันบ่งบอกได้ว่าผมคงหาเรื่องให้มันอีกแล้ว
                 “มึงช่วยรับคำท้าประลองกับไอ้คนที่มั้นยืนอยู่นี้หน่อยได้ไหมวะ ..ดิว “ผมบอกมัน
                 “ไอ้แจ็ค มึงให้กูไปต่อยกับมันเหรอวะ มึง-....” ไอ้ดิวมันถาม
                  “กูว่าสำหรับมึงนะ ไม่ยากว่ะ พวกกูอยากได้มันเข้าแก้งแต่ขอชมผลงานมันหน่อย” ไอ้หลุยส์พูด ไอ้ดิว มันเหล่มองผมสองคน
                  “กูยิ่งไม่อยาก” ไอ้ดิวทำท่าจะปฏิเสธ
                  “กูจ่ายให้เข็มละห้าพัน” ไอ้หลุยส์พูด
                  “กูไม่ได้อยากได้ตังค์ สัส!” ไอ้ดิวมันบ่นผมสองคนแต่มันก็พยักหน้า ผมหันไเจอหน้าบอยที่หันมามองผมว่ามีอะไรแน่ๆ ไอ้ดิวมันเดินออกไป ตรงไปยืนตรงหน้าไอ้คนที่ยืนโมโหพวกผมอยู่
                  “ดิว ออกมาไอ้นี้มันฉีดยาหรือยังก็ไม่รู้” ไอ้ติ๊ก ผมหันเจอไอ้หลุยส์มันลากเก้าอี้มานั่งดู ไขว่ห้างด้วยนะสาด
                  “มึงจะต่อยกับกูใช่มั้ยที่ออกมานี่ ห๊ะ! ไอ้ตุ๊ด” ไอ้นี่มันเปิดมากได้แรงมาก ไอ้ดิว มันก็หันมามองพวกผม
                  “เดี๋ยวมึงก็ได้รู้จักกู “ไอ้ดิวพูด

                  “เฮ้ยย! พี่เขาจะต่อยกับพี่เดี่ยวว่ะ พวกมึง กูขอลงข้างพี่เดี่ยว” มีคนตะโกนดังออกมา
                  “ไอ้นี่มันชื่อเดี่ยวว่ะ” ไอ้หลุยส์มันพูดและหันมาหยักคิ้วให้ผม ผมก็พยักไหล่แล้วไง
                  “กูลงข้างพี่ดิวว่ะเพราะว่ามันก่อนต่อยเด็กเทคนิคสลบเลยมึง” มีคนเชียร์ไอ้ดิวด้วย
                  “ตุ๊บ” ไอ้คนที่ยืนมันโยนกระเป๋าเป้ ยี่ห้ออาดิด๊าสของมันลอยไปและมันก็ปรี่เข้ามาหาไอ้ดิวทันที ด้วยหมัดตรง ไอ้ดิวหลบได้ทันแบบชำนาญการ ไอ้ดิวมันเรียนต่อยมวยมาด้วย ครูสอนมันก็แช้มป์มวยสากลสมัครเล่น และไอ้ดิวมันก็สวยหมัดตรงกับไปที่ใบหน้าไอ้คนนั้น
                 “โอ้ววว!” มันไม่ได้ร้องแต่กองเชียร์ร้องคงเจ็บแทน ไอ้คนนั้นกระเด็นไปไม่ไกลพอมันตั้งหลักได้มันก็เข้ามาใหม่ ที่นี้ซัดกันนัวเลย จนไอ้ดิวมันเสียหลักนิดหนึ่ง
                 “ผลั่ก!” และไอ้ดิวมันก็โดนไปหนึ่งหมัดถึงกับหน้าสะบัดและเซไปอีกทาง ผมเห็นว่ามันเลือดซิบเลย
                 “อู้ยย!” ทั้งกองเชียร์และผมเลยครับ แต่ไอ้คนนี้มันถือโอกาสนี้เข้ามาทันทีไอ้ดิวก็หันไปใส่กับมันต่อ มีทั้งแตะทั้งต่อย
                  “เชี่ยเอ๊ย! มวยคู่เอกเลยว่ะ แม่งสูสีกันแบบ ตาต่อตาฟันต่อฟันเลยว่ะ กูโคตรชอบเลย” ไอ้หลุยส์พูด ผมยืนเอามือจับคางของผม ไอ้หลุยส์นี่มันตาดีเหมือนกัน
                 “หมับ” มีคนเดินมา ผมหันไปเท่านั้นแหละผมสะดุ้งสุดตัวเลย คนนั้นคือบอยนั่นเอง
                 “นี้เล่นอะไรกัน!” บอย กอดอกมองผมและมองไอ้หลุยส์ ธรรณ์ก็อีกคน มองไอ้หลุยส์ มีเมียรสนิยมเหมือนกันมันเป็นแบบนี่แหละเหมือนได้แฝดมาเป็นเมีย
                 “คือว่าบททดสอบนิดหน่อยนะบอย ธรรณ์” หลุยส์พูด แถมมันยังพยักเพยิดให้ผมช่วยมันด้วย
                 “บอกให้หยุดเดี๋ยวนี้เลย มันไม่ใช่เรื่องเลยนะ แจ็ค! หลุยส์!” บอยเอ็ดผมสองคน
                 “ดูซิ ไอ้ดิวนะปากมันแตกแล้วนะ เฮ้ย!” ไอ้ติ๊กมันเข้ามาอีกคน ไอ้แอ้ที่เดินไปมองไอ้ดิว ถึงแม้มันจะไม่แสดงอาการอะไรเลยแต่ผมว่ามันก็เป็นห่วงที่สุดดูจากสายตา พายนี้ยืนเอามือหน้าแต่แอบมองลอดช่องพร้อมกับไอ้สองคนหน้าหวานๆ นั้นด้วย ผมหันไปมอง มันจะแอบมองตามซอกนิ้วทำไมเพราะว่ามันก็เห็นอยู่ดี
                   “แป๊ะ แป๊ะ แป๊ะ” ไอ้หลุยส์มันตบมือเหมือนกับว่าการแสดงมันจบแล้ว มันสองคนหันมามองพวกผม จังหวะนั้นไอ้ดิวมันต่อยให้คนที่ชื่อเดี่่ยวลงไปกองอยู่แล้ว
                     “สุดยอดว่ะ กูอยากได้คนแบบนี้ แบบมึงว่ะ” ไอ้หลุยส์มันเดินไปและชี้ไปที่ไอ้เดี่ยวและไอ้เดี่ยวมันก็ชี้ตัวเอง
                      “เรื่องรถไอ้ติ๊กเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเพราะมึงทำ” ไอ้หลุยส์มันหันมาพูด
                     “ส่วนเรื่องห้องเรียน พวกกูจัดให้ มึงเรียนห้องเดียวกับพวกกูว่ะ “ไอ้หลุยส์มันพูดก่อนจะหันมามองหน้าไอ้ติ๊ก
                     “มึงจัดการเรื่องห้องเรียนให้มันได้เรียนห้องเดียวกับพวกเรา เป็นการไถ่โทษที่มึงทำรถมันด้วยติ๊ก” ผมหันมาพูดกับไอ้ติ๊ก ติ๊กมันมองผม ผมก็มองหน้ามันอีก
                     “มึงจะให้พวกกูช่วยเรื่องโรงเรียนมึงไหมติ๊ก” ผมถามมันไอ้ติ๊กมันชักสีหน้าก่อนจะพยักหน้าและเดินหลบไปโทรศัพท์ทันที คุยกับพ่อของติ๊กเขา
                     “กูหลุยส์” ไอ้หลุยส์มันก็แนะนำตัวและยื่นมือไปเช็คแฮนด์ มันก็ทำหน้างง แต่ก็เช็คแฮนด์กลับ
                     “กูแจ็คว่ะ” ผมหยักคิ้วและยื่นมือไปทักทายเช่นกัน
                      “นี้บอยและธรรณ์แฟนของกูสองคน” ผมแนะนำสองหนุ่มหน้าหวานของผมสองคน
                     “กูดิวว่ะ” ไอ้ดิวมันยื่นมือไปเช็คแฮนด์ก่อนจะเดินออกมา
                    “เดี๋ยวนี้อะไรของพวกมึงเนี๊ยะ!” ไอ้คนที่ยืนงง ในดงลาเวนเดอร์มันถามพวกผม
                     “มึงเพื่อนพวกกูแล้ว ยินดีต้อนรับว่ะ สู่ห้อง 311 ที่มึงอยากเรียนไง “ไอ้หลุยส์พูด และไอ้ติ๊กเดินเข้ามาพร้อมกับพยักหน้าว่าจัดการให้เรียบร้อยแล้ว
                      “มึงได้เรียนห้องเดียวกับพวกกูแล้ว โอเคน่ะ” ไอ้หลุยส์มันพูด พวกผมได้ยินเสียงคุยกันเอะอะเดินเข้ามาโดยมีครูพัฒน์เดินนำหน้ามา ไอ้ติ๊กยืนอ้าปากหวอทันที
                      “แล้วทำไมพึ่งจะไปบอกครูกันละว่ามีคนต่อยกัน “ครูพัฒน์เดินมาอย่างรวดเร็ว พวกผมหันมามองหน้ากัน
                      “งานเข้าแล้ววะ พี่พัฒน์มา พ่อกูรู้แน่ๆ เลยวะ” ไอ้ติ๊กพูด ผมหันไปมองแสดงว่ามันบอกพ่อมันไม่หมดว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงได้ขอให้เพิ่มเด็กใหม่มาเรียนกับพวกผม
                    “กูไม่อยากโดนพ่อบ่นนี่หว่าเลยบอกไม่หมด” ไอ้ติ๊กพูด
                    “ก็ผลงานมึงไอ้ติ๊ก” ไอ้แอ้มันพูด
                     “นี่พวกเธอ ครูได้ยินว่ามีการต่อยกัน ใครต่อยกับใคร” ครูพัฒน์ถามและมองพวกผมและไอ้คนที่ยืนอยู่
                     “ดูสภาพแล้ว นายใช่ไหม กับ “ครูพัฒน์พูดและหันไปมองไอ้คนที่ยืนอยู่
                     “ผมครับครูพัฒน์” ไอ้ดิว มันยกมือขึ้น
                     “อะไรดิว แล้วต่อยกันทำไม” ครูพัฒน์หันไปถามไอ้ดิว
                     “เออ พี่พัฒน์ มันสองคนแค่ ประลองมวยกัน ไม่มีอะไรมากครับ ใช่ไหมวะ “ไอ้หลุยส์มันพูดและมองไอ้คนที่ยืน
                    “เออ ครับ ผมแค่ประลองฝีมือกัน นิดหน่อย” ไอ้ดิวมันตอบ
                    “และเราก็ประลองมวยกับเขางั้นเหรอทั้งที่เราเพิ่งจะมานี่น่ะ นายกิตติศักดิ์” ครูพัฒน์ถามและมองหน้าเด็กนักเรียนมาใหม่
                    “และครูหนิงก็บอกครูว่าเราโวยวายเรื่องที่ไม่สามารถจัดให้เราลงเรียนห้อง311 ได้ใช่ไหม” ครูพัฒน์ถาม ไอ้เดี่ยวมันก็พยักหน้าเบาๆ
                    “ที่ให้ลงไม่ได้เพราะว่า...เราจำกัดคนต่อห้อง เพื่อทำให้การเรียนการสอนไม่อึดอัดจนเกินไป ไม่มีใครถืออภิสิทธิ์เหนือใครแน่นอน” ครูพัฒน์พูดก่อนจะหันมามองพวกผม นั้นหมายถึงพวกผมเช่นกัน
                    “และครูจะได้ดูแลกันได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่เกี่ยวกับว่าใครไม่ให้ใครเรียน ในโรงเรียนนี้ไม่มีใครได้อภิสิทธิ์เหนือใครทั้งนั้น “ครูพัฒน์พูด
                    “เหมือนอย่างที่เราเข้าใจ “ครูพัฒน์พูด
                    “พี่พัฒน์ครับ...เอ๊ย..ครูพัฒน์ครับ ผมว่าจะบอกอยู่พอดี ให้เขาเรียนห้องพวกผมนะครับ ไอ้นี่มันเพื่อนพวกผมครับ “ผมบอกครูพัฒน์ ครูพัฒน์หันมามองหน้าพวกผม และพวกผมก็ยิ้มให้
                    “แต่ว่า” ครูพัฒน์ทำท่าจะค้านและจู่ๆ มือพี่พัฒน์ก็ดังขึ้น พี่พัฒน์หันไปกดรับสายทันทีและคุยกันอยู่สิบกว่านาทีได้ ก่อนจะหันมามองพวกผม
                    “ตกลงเรารู้จักกันใช่ไหม” พี่พัฒน์ถามและมองหน้าพวกผมทุกคน
                    “จริงครับ” พวกผมยกเว้นไอ้ติ๊ก ไอ้แอ้มันก็เอาแขนกระแทกพยักหน้า
                    “จริง...มั้ง” ไอ้ติ๊ก ผมกับไอ้หลุยส์หันมามองมัน หาเรื่องแล้วยังไม่สำนึกอีก
                    “ใช่ครับพี่พัฒน์” ไอ้ดิวมันพูด
                    “ถ้าอยากเรียนห้อง 311 “ครูพัฒน์ถามไอ้คนที่ชื่อเดี่ยว มันก็พยักหน้า
                    “ก็ได้ แต่อย่าเล่นอะไรกันแบบนี้อีกนะ นี้โรงอาหารไม่ใช่สนามมวย” ครูพัฒน์พูด
                    “ดูซิ พากันปากคอแตก ไปทำแผลและคนอื่นๆ ไปเตรียมตัวเข้าแถวกันได้แล้ว” ครูพัฒน์พูด ไอ้คนที่ยืนมันก็เดินตามพวกผมออกไป
                    “มึงชื่ออะไรวะ” ไอ้ดิวมันหันไปถาม
                    “กู เดี่ยวว่ะ”
                    “ไปทำแผลกันก่อนว่ะ “ไอ้ดิวมันพูด ผมหันไปมองไอ้หลุยส์
                    “กูว่ามันได้คนถูกคอแล้วมึง “ไอ้หลุยส์มันพูด
                    “เห็นไหมการคัดคนของกูเจ๋งไหมวะ” ไอ้หลุยส์
                    "ไม่!!!” อันนี้สาวๆ ของผมกับไอ้หลุยส์ นั้นก็คือบอยกับธรรณ์ และเดินทิ้งมันและผมอีกดคนด้วย
                    “อู้ยยย!” ไอ้หลุยส์
                    ลำบากกูต้องง้อเมียอีก ไอ้หลุยส์) )) )”
                    “บอย เขาโดนบังคับ) )) )” ผมรีบวิ่งตามเมียผมไป ทันที พยายามง้อแต่เมียก็สะบัดงอน ไอ้หลุยส์มันก็ตามง้อธรรณ์ เหมือนกันเลย
                    “สมน้ำหน้าเป็นไง เชียร์กันมันหน้าดูแต่ลำบากตอนจบ อันนี้เรียกหักมุม เมียทิ้งทั้งคู่ ฮาๆ “พายพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะ เมียผมสองคนก็พากันเดินนำไปเลยไม่รอกันเลย เวลางอนนี้ใช้ได้เลยทั้งบอยและธรรณ์ สมแล้วที่เขาเป็นเพื่อนซี้กันมาก่อน
                TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.44 ไอ้เดี่ยว เพื่อนใหม่ ครึ่งแรก     
     

        Part’ s เดี่ยว ผมชื่อเดี่ยว นายกิตติศักดิ์ ผมเคยเรียนโรงเรียนนี้มาก่อนและเคยอยู่แก้งเดียวกันกับไอ้พวกภาคินแต่ตอนที่ผมอยู่ตอนนั้นพี่ข้าวปั้นเป็นหัวหน้าแก้ง(แบบเงียบๆ)แต่ผมดันมีเรื่องกับไอ้ธงรบ เพื่อนของไอ้ภาคินมัน ตอนนี้มันไปเรียนอยู่โรงเรียนเตรียมทหารของภาคิน ผมดันไปแท่งมันเข้าและนั้นก็ทำให้ผมต้องถูกย้ายไปเรียนที่อื่นเพราะว่าแม่ผมกลัวว่าผมจะเสียคนไปมากกว่านี้ ตอนนั้นผมโกรธมากผมไม่อยากไปเพราะการไปของผมทำให้ผมเสียเพื่อนและคนรัก นั้นคือแฟนผม เหตุผลที่ผมแท่งพุงไอ้ธงรบเพราะว่ามันมานอนกับแฟนผมด้วยและที่ผมทำเพราะว่าป้องกันตัวด้วยเช่นกัน
     
        แม่ผมพบรักใหม่หลังจากที่พ่อผมเสียชีวิตไปพ่อผมคือจ่าสิบเอกชาติชาย เขาเป็นคนติดตามของพลเอก พ่อเลี้ยงของผมเป็นคนออสเตรเลียนและเคยแต่งงานกับคนไทยมาก่อนจนมีลูกสาวที่เป็นลูกครึ่งไทยออสเตรเลียหนึ่งคน พ่อเลี้ยงคนนี้ชอบเมืองไทยมาก เขาซื้อที่ดินและปลูกองุ่นเพื่อทำไวน์ส่งออก ภรรยาคนเก่าของเขามาเสียชีวิตด้วยโรคซึมเศร้าและฆ่าตัวตาย พ่อเลี้ยงผมเดินทางบ่อย เดินทางไปกับแม่ผม ผมเลยเหมือนอยู่คนเดียวที่ไทย ทั้งที่แม่ผมชวนผมไปอยู่ด้วย ผมได้วีซ่าติดตามแม่จนเป็นพีอาร์แล้วและกำลังจะสอบซิตี้เซนต์ ผมยังลังเลอยู่ ใจอยากอยู่ที่นี้แต่แม่ก็อยากให้ไปเรียนที่ออสเตรเลียมากกว่าและที่ผมไม่อยากไปคือ ผมไม่ค่อยชอบพี่สาวลูกติดพ่อเลี้ยงผมเท่าไหร่ นางพยายามจะเข้าหาผมแบบถึงเนื้อถึงตัวตลอด จนผมอึดอัด
         
              และตอนนี้ผมได้ขอแม่ผมกลับมาเรียนที่เดิม ผมอยากจะกลับมาเจอเพื่อนๆ กลุ่มเดิม ผมได้ยินมาว่าพวกภาคินกลับมาเรียนที่นี้แล้วหลังจากถูกพักการเรียนไป ทั้งที่ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะเหมือนเดิมไหม ผมเล่นแทงพุงเพื่อนรักมันไปแบบนั้นและวันนั้น ผมใจร้อน มันเล่นมีอะไรกับแฟนผมและวันนั้นก็เป็นวันที่ผมเลิกกับเธอทันที ตอนนั้นศักดิ์ศรีลูกผู้ชายด้วยแต่ว่า มันทำให้ผมคิดได้ว่าศักดิ์ศรีลูกผู้ชายที่ผมยอมไม่ได้ทำให้แม่ผมนั่งร้องไห้เสียใจ กลัวผมจะหมดอนาคตแต่โชคดีที่ไอ้สรจักร เพื่อนของไอ้ธงรบมันบอกว่าคนที่ผิดคือไอ้ธง มันเกือบจะแทงผมก่อนเช่นกันดังนั้นเหตุการณ์ในตอนนั้นมันคือการป้องกันตัว แต่ดีที่ไอ้ธงมันไม่ได้เป็นอะไรมาก ส่วนผมไม่โดนข้อหาอะไรแต่ว่าต้องย้ายไปเรียนที่อื่นแทนและวันนี้ผมกลับมาแล้ว มาเรียนที่เดิม
               
               แต่ว่าผมกลับมาเจอเพื่อนใหม่ ตอนแรกก็ไม่น่าจะใช่เพื่อนใหม่เพราะว่าที่ผมได้ยินมา เป็นลูกคุณหนู ผมเองเป็นคนไม่ชอบลูกคุณหนูเท่าไหร่ เลบแอนตี้ทันทีและยิ่งได้ยินว่าห้องนี้จำกัดคน ทั้งที่ผมตั้งใจมาตั้งแต่ขอย้ายมาแล้วและยังมีคนมือบอนมาฉีดสเปรย์สีใส่รถผมอีกแม้จะไม่เยอะก็เถอะแต่ว่ารถคันนี้ผมได้มาจากพ่อผม ดังนั้นผมเลยขึ้นและสุดท้ายผมได้ประลองหมัดมวยกับไอ้ดิว มันต่อยมวยเก่งและหมัดมวยนี้มันเหมือนที่พ่อผมสอนมาไม่ผิดแต่ผมยังไม่ได้ถามอะไรไอ้ดิว
            “เดี่ยว” ไอ้คนที่เรียกชื่อผม คือคนที่ที่ผมต่อยกับมันเมื่อสักพักนี้ มันบอกว่ามันชื่อไอ้ดิว ผมนี่ถูกชะตากับมันทันที มันเก่งเรื่องหมัดมวยไม่แพ้ผมเหมือนกัน หมัดมวยพวกนี้พ่อผมสอนผมมา พ่อผมเป็นนักมวยเก่าและเป็นแชมป์มวยสากลสมัครเล่นมาก่อน
              “มึงต่อยมวยเก่งวะ มึงเคยเรียนต่อยมวยมาใช่ไหมวะ” ไอ้ดิวมันถามผม
             “พ่อกูเป็นคนสอนกูเองและพ่อกูก็เป็นทหารช่างด้วย แถมพ่อกูก็ยังเป็นนักมวยมาก่อน” ผมบอกดิวมัน ผมเห็นมีคนหน้าหวานๆ วิ่งตามมันมาและไอ้คนที่ทำรถผมซะเละเทะไปด้วยสีสเปย์ ผมหันไปมองหน้ามันแต่มันดันแอบด้านหลังไอ้คนหน้าหวานทันทีซะนี่
              “อะไรของมึงวะไอ้ติ๊ก” หนุ่มหน้าหวานคนนั้นหันไปถามคนที่แอบอยู่ ผมก็ยิ้มที่มุมปากพร้อมกับยักคิ้วให้ ที่ก่อนหน้านี้ทำเป็นเก่งน่ะ แต่จะว่าไปผมก็สะดุดกับหน้าหวานๆ ของหนุ่มคนนี้ซะแล้ว ตั้งแต่ผมเดินเข้ามาแต่เหมือนมีบางสิ่งที่กั้นเอาไว้ เหมือนกับว่าเขามีเจ้าของแล้ว แต่อีกคนนี้ดูท่าจะหยิ่งใช่เล่นเหมือนกันคนที่ทำท่าเหมือนไม่อยากจะคุยกับผมเท่าไหร่ ผมรู้มาว่าเขาเป็นดารา
               “ก็ดูไอ้นี่ดิ หน้ามัน ยังกะพวกหื่นกาม” ดูมันชมผมซะหุบยิ้มแทบไม่ทัน หน้าตาหล่ออย่างผมนี่น่ะ ผมแอบคิดในใจ
             “ไอ้เดี่ยว มึงอย่าบอกนะว่า พ่อมึงคือจ่าสิบเอกชาติชาย” ไอ้ดิวมันพูด ผมสะบัดหน้าไปมองหน้ามันแปลกใจว่ามันรู้ได้ยังไง
              “มึงรู้จักด้วยเหรอวะ “ผมถามไอ้ดิวกลับ
              “ใช่ดิกูรู้จักดีทีเดียวเพราะว่ากูก็เรียนต่อยมวยกับเขามา” ไอ้ดิวมันบอกผม มิน่าล่ะ ดูกลยุทธ์การปล่อยหมัดและการหลบหลีกนี้มันคุ้นๆ เหมือนที่พ่อผมสอนผมเอาไว้ไม่มีผิด
                “พ่อกูเป็นแพทย์ทหารที่ดูแลค่ายทหารและโรงพยาบาลในค่ายทหารXXXX” ไอ้ดิวมันพูด
              “นายแพทย์ภาณุเดชหรือเปล่าวะดิว” ผมถามไอ้ดิวมันพยักหน้า
             “พ่อกูพูดให้กูกับแม่ฟังบ่อยๆ ว่าท่านมีบุญคุณกับพ่อกูมากว่ะ” ผมบอกไอ้ดิว
             “แต่ทำไมกูไม่เคยเจอมึงเลยว่ะไอ้เดี่ยวแต่กูรู้ว่าจ่าแกมีครอบครัวและจ่าเขาขอกลับไปอยู่กับครอบครัวเขา พ่อกูเลยทำเรื่องย้ายให้ไป กูโคตรเสียดายเลยอยากเรียนกับจ่าต่อ” ไอ้ดิวมันถามผม
             “กูไม่ได้เข้าไปในค่ายฯหรอกว่ะ พ่อกูน่ะพอเวลาลากลับมาบ้านก็จะฝึกกูต่อยมวยอย่างหนัก แม่กูนะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่หรอก เขาไม่อยากให้กูไปท้าตีท้าต่อยกับใครเขา “ผมบอกไอ้ดิว
             “แต่พ่อกูก็สอนเสมอว่า ให้ใช้ในยามจำเป็นเท่านั้นวิชาที่พ่อกูสอนเอาไว้ พ่อกูบอกห้ามเอาไปรังแกใครและกูก็ทำตามที่พ่อกูสอนมาตลอด........แต่วันนี้ กูขอโทษจริงๆ วะ กู…” ผมพูด
              “เฮ้ย! กูเข้าใจว่ะ รถของใคร ใครก็รักป่ะวะ “ไอ้ดิวมันพูดและหันไปมองไอ้คนต้นเหตุ ไอ้คนที่ไอ้ดิวพูดถึงก็ยืนกอดอกและเหลือกตาขึ้นบนทันที เขารู้ว่ากำลังโดนมองว่าเป็นคนผิด
              “แต่กูไม่เจอจ่าแกนานมากแล้วน่ะ จ่าแกเป็นไงบ้างว่ะ เพราะว่าจ่าแกขอย้ายไปที่อื่นระหว่างรอย้ายกลับไปอยู่บ้านเกิดจ่าแก และนั้นกูก็ไมเจอจ่าแกอีกเลย” ไอ้ดิวมันถามผม
              “พ่อกูเสียไปได้สามปีแล้วจากเหตุวางระเบิด ตอนนั้นพ่อกูติดรถขบวนทหารไปด้วยและนั้นก็คือวันสุดท้ายทั้งที่พ่อบอกว่าจะขอกลับมาอยู่กับกูและแม่ แค่รอคำสั่งออกแค่นั้น” ผมพูด ไอ้ดิวมันหน้าเสียไปเลย
             “แต่ก็ไม่ทันว่ะ” ผมพูด
             “เสียใจด้วยวะเดี่ยว กูไม่รู้ตรงนี้จริงๆ ว่ะ ถ้ารู้กูกับพ่อจะไปงานจ่าแกด้วย” ไอ้ดิวมันพูด ผมหันไปมองคนข้างๆ มัน อยากรู้จักคนนี้เหลือเกิน มันเหมือนมีอะไรให้ผมไม่อยากละสายตาจากเขาเลยแต่ก็ไม่กล้ามองตรงๆ
               “อ้อคนนี้ชื่อ แอ้ ลูกท่านนายพลภีมปภพน่ะ” ไอ้ดิวมันบอกผม ผมเองก็รู้จักนายทหารท่านนี้
               “ปกติพ่อกูจะขับรถให้ทานนั่ง “ผมพูดและพยักหน้าให้แอ้ ผมรู้ว่าหน้าเขาหวานจน
              “อะแฮม “อีกคนก็กระแอมใส่ผมซะนี้ ผมหันไปมอง
               “นี้ติ๊กว่ะ คนที่จะซ่อมรถให้มึงน่ะ” ไอ้ดิวมันลืมไม่ได้แนะนำตัวมันก็เหมือนเรียกร้องหน่อยๆ ผมหันไปมอง
               “นี่คือดาราเหรอ ...มีแต่คนบอก ว่าแต่เป็นดาราช่องไหนอ่ะ ไม่เคยเห็นแสดงอะไรเลย” ผมหันไปถามมีแอบค้อนผมขวับเลย จริงๆ ผมก็เคยเห็นหน้าเห็นตาที่หน้าจออยู่หรอกแต่ผมนี้แกล้งมันนะ
               “ดาราแสดงแต่หนัง ไม่ได้แสดงละคร และส่วนใหญ่จะหนังอินเตอร์ บ้านไม่มีเน็ตฟิกซ์ ไม่รู้จักหรอก” คนนั้นพูด
               “ไอ้ติ๊กปากมึงเหรอวะ” ไอ้คนหน้าหวานหันไปต่อว่า
               “มีเน็ตฟิกซ์แต่ดูเฉพาะหนังโหดๆ ระบิดลงตูมๆ “ผมพูดและก้าวเท้าเข้าไป มันก็ถอย
               “และยิ่งหนังที่พระเอกสาดิสนี้ชอบมาก พระเอกคิขุอาโนเนะไม่ใช่สเป็คเลยไม่ค่อยดู” ผมพูด
               “เออ ...กูรู้แล้วไม่ต้องมาใกล้ขนาดนี้หรอก หน้ามึงมันก็บอกแล้วว่าโรคจิต” ไอ้ที่ชื่อติ๊กพูด ผมก็ยิ้มและหยักคิ้ว
               “ไปเถอะว่ะ ไปทำแผลกันดีกว่าวะจะได้เข้าห้องเรียนกัน” ไอ้ดิวมันพูดและผมก็เดินพากันเข้าไปในห้องพยาบาล มีครูที่เป็นพยาบาลประจำห้องเดินออกมาพอดีเลย
                “อ้าวพวกเธอ เป็นอะไรกันมาเหรอ ดูหน้าตาแต่ล่ะคนซิ ไปมีเรื่องกับใครมาเนี่ย!” พยาบาลที่ดูแลห้องพยาบาลถามพวกผม
               “คือว่ามีเรื่องเข้าใจผิดกันเลยชกต่อยกันนิดหน่อยนะครับ ครูพัฒน์ให้พวกผมมาทำแผลครับ” ผมบอกเขา “คือว่าครูมีเรื่องด่วนนะพวกเธอ”
               “ไม่เป็นไรครับ พวกผมหายาทาเองได้ครับ “ไอ้ดิวมันพูด
              “แน่ใจเหรอ ถ้าอย่างนั้นดูแลตัวเองกันก่อนนะคะ พี่มีธุระด่วนน่ะและดูแผลไม่น่าจะใหญ่ทำกันเองได้นะคะพี่ขอโทษทีนะคะ” พี่พยาบาลที่ประจำห้องพยาบาลพูดและรีบวิ่งไป คงมีเรื่องรีบจริงๆ ผมพากันเดินเข้าไปในห้อง ไอ้ดิวมันเดินไปเปิดตู้ยาอย่างชำนาญและคนหน้าหวานที่ชื่อแอ้ก็เข้าไปหยิบอะไรสักอย่างออกมา หนุ่มหน้าหวานคนนั้นก็หยิบเอาถุงคล้ายกับโคลด์แพ็คออกมาและส่งให้ผม
              “ประคบซะ” แอ้บอกผม ผมพยักหน้าและรับมาทำตามอย่างว่าง่าย
               “อ่ะ นี้ว่ะยาทาแก้ฟกช้ำ “ไอ้ดิวมันส่งหลอดยาให้ผมเช่นกัน
               “Rrrr “เสียงมือถือไอ้ดาราข้างๆ ผมดังขึ้น
              “ฉิบหายแล้วพ่อกูโทรมา กูรับสายก่อนนะมึง” ไอ้ดารานั้นมันพูดและก็รีบเดินออกไปทันที
               “พ่อมันเป็นเจ้าของโรงเรียนนี้ไง” ไอ้ดิวมันอบกผม ผมก็พยักหน้า

                ผมเองเคยเจอเจ้าของโรงเรียนนี้ครั้งหนึ่งตอนนั้นท่านมาประชุมและพ่อผมก็มาให้การดูแลความปลอดภัย ท่านดูอายุไม่น่าจะใกล้หลักห้าเลยนะ ดูแล้วไม่เกินสี่สิบปีด้วยซ้ำ แต่ผมก็ยอมรับว่าไอ้ดารานี่มันหน้าตาดีจริงๆ หล่อคนล่ะแบบแต่ล่ะคนหล่อแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งนั้น ไอ้สองคนเมื่อเช้ามันหล่อและดูมีออร่าประมาณว่าน่าจะเป็นอัลฟ่า ส่วนอีกสองคนหน้าหวานดูหล่อและน่าจะเป็นแนวเบต้า
             “ดิวประคบหรือยัง” แอ้หันไปถามดิว ผมว่าเหมือนสองคนนี้มีอะไรบางอย่างแม้ว่าการแสดงมันไม่ได้บ่งบอกชัดเจนว่าเขาเป็นอะไรกันอยู่น่ะ แต่แปลกน่ะแอ้จะไม่แสดงตอนคนนั้นอยู่ คนที่ชื่อติ๊ก
            “มึงสองคนเป็นแฟนกันหรือเปล่าวะ” ผมถามไปแบบตรงๆ ทันทีเพราะเห็นแอ้กำลังจะเอาประคบที่มุมปากไอ้ดิว
             “ไม่...” แอ้พูดแต่ว่าไอ้ดิว “ใช่” มันสองคนตอบพร้อมกันแต่ตอบกันคนละคำตอบเลย
             “โอ๊ย!” ดิวมันร้องลั่นทันทีแอ้มันคงกดแรงแน่ๆ ผมก็เอามือเกาหัวแทน ไม่น่าถามมันตอนนี้เลยผม แอ้มันคงเขินมั้ง
                “โอ๊ยแอ้! ตอนไอ้เดี่ยวต่อยนะไม่เจ็บเท่าแอ้กดลงมาเลยน่ะ ซี้ด!” ดิวมันพูดและบ่นแอ้อีกต่างหาก
            “ไม่ใช่แต่เป็นเพื่อนกัน” ไอ้แอ้มันพูดและรีบยัดเอาที่ใช้ประคบมุมไอ้ดิวอยู่ใส่มือให้ดิว ให้ดิวมันประคบเองทันที ผมก็เห็นสีหน้าไอ้ดิว มันผิดหวังแต่มันก็รับคืนมา
            “อ้าวติ๊กมาแล้วเหรอมึง พ่อว่าไงวะ” แอ้ถามติ๊ก ที่เดินหน้ามุ้ยเข้ามา
             “พ่อบอกว่ากูต้องไปงานอาทิตย์หน้า อาทิตย์เดียวกับที่กูบอกว่าจะไปเที่ยวบ้านมึงอ่ะแอ้” ติ๊กมันพูด ไอ้ดิวสะบัดหน้าอย่างตกใจ
              “ไม่เห็นเคยบอกเลยว่าจะมันจะไปด้วยน่ะ” ไอ้ดิวหันไปถามแอ้ ผมว่าสามคนนี้มีอะไรซับซ้อนกันอยู่แน่ๆ
             “ก็กู…” จะว่าไปผมก็ขมวดคิ้วเหมือนกัน มันเป็นเพื่อนกันแบบไหนจะไปเที่ยวบ้านแต่ว่าไอ้ดิวมันชักสีหน้ากังวลทันที
          “ทำไมกูไปเที่ยวบ้านไอ้แอ้ไม่ได้วะและก็ไม่ได้ขอไปบ้านมึงสักหน่อยไอ้ดิว” ติ๊กพูด ผมหันมามองติ๊กและหันไปเหล่ตามองไอ้ดิว มันแอบทำนิ้วเชือดคอใส่ติ๊กและพยักพเยิดให้ผม ผมก็พอจะเดาออกว่าทำไม แสดงว่าคนนี้คงเป็นก้างปลาชิ้นใหญ่ของมันละซิ แต่คำถามคือใครกันที่ไอ้ดาราพยายามกันท่าอยู่แน่ๆ แอ้หรือดิวที่เขารู้สึก
           “กูว่าจะหาเรื่องเบี้ยวงานวะ “ไอ้ติ๊กพูด
           “เออ! ถ้ามึงสองคนดีขึ้นแล้วไปขึ้นห้องดีกว่ามั้ยวะ” ไอ้แอ้มันเปลี่ยนเรื่องเฉยเลย ผมเห็นไอ้ดิวมันลุกขึ้นแต่ติ๊กนะดึงแขนไอ้แอ้ออกไปก่อน ผมหันไปมองไอ้ดิว มันก็เก็บพวกยาเข้าที
           “มึงชอบแอ้เหรอวะ” ผมถามไอ้ดิว มันก็นิ่งไปทันที
           “กูขอโทษวะแต่กูว่ากูดูออก” ผมบอกไอ้ดิว
           “กูรักมันแต่มันกลัว อนาคตที่ยังมาไม่ถึงแอ้มันกังวลเยอะไปหมดว่ะ” ไอ้ดิวมันพูด
             “อนาคตอย่างพวกมึงยังต้องกลัวอะไรอีกวะ” ผมถามเพราะว่าผมก็รู้จักครอบครัวพวกมันมาบ้าง แต่ละคนโปรไฟว์ดีขนาดนี้
             “อันนี้จริงพวกกูควรจะไปเรียนตามที่วางแผนกันไว้แล้วว่ะ พวกกูเรียนจบมัธยมปีที่หกกันมาแล้ว บางคนก็เรียนมหาวิทยาลัยออนไลน์กันบ้างแล้ว” ไอ้ดิวมัน
            “กูกับแอ้รอเรียกตัวว่ะ แอ้ต้องไปเรียนเกี่ยวกับทหารส่วนกูเลือกจะไปเรียนแพทย์ทหารเพราะว่ากูมีบางสิ่งที่ต้องการจัดการแต่กูบอกมึงไม่ได้ในตอนนี้ว่ะเดี่ยวว่ากูกับแอ้เป็นยังไงกัน” ไอ้ดิวมันพูดกับผมสายตามันมองไปที่แอ้กับติ๊กทีเดินคุยกัน
            “มึงกับแอ้เป็นแฟนกันแบบลับๆ เหรอว่ะ” ผมถามไอ้ดิว
             “กูกับแอ้ ไม่ได้แค่เพื่อนหรือคนรัก แต่กูมากกว่านั้นวะ” ไอ้ดิวมันพูด ผมพยักหน้า
             “เออ...ขึ้นห้องเถอะวะ” ไอ้ดิวมันพูด ผมก็เดินขึ้นห้องเรียนไปพร้อมกับไอ้ดิวมัน ผมว่ามันคงมีปัญหามาจากไอ้ดารานั้นด้วย แต่จะให้ผมถามมันตอนนี้คงเร็วเกินไปสำหรับคนที่เพิ่งเป็นเพื่อนกัน ผมเดินมาหยุดที่หน้าห้อง 311 ผมก็สูดลมหายใจยาวๆ ถึงจะแค่สองปีแต่ว่า
             “อ้าวไอ้เดี่ยวไม่เข้าห้องวะ” ไอ้ดิวมันถามผม เพราะผมยื่นอยู่หน้าห้อง
             “ดิว!” ครูคนนี้ที่เดินไปที่ห้องอาหาร ผมจำได้ว่าเขาคือครูพัฒน์เพราะว่าวันที่ผมมายื่นใบสมัครผมเห็นเขากำลังคุยกับผู้ปกครองที่เข้ามาโวยวายและทำเรื่องย้ายลูกตัวเองไปเรียนที่อื่น ผมเห็นมีแค่ครูคนนี้ที่วุ่นวายกับงานโรงเรียนอยู่คนเดียว คนอื่นๆ ก็ดูเหมือนเช้าชามเย็นชาม
             “และเรานายกิตติศักดิ์ใช่ไหม” ครูพัฒน์เขาหันมาทางผมพอดี
             “ครับครู เออ เรียกผมว่าเดี่ยวก็ได้ครับ” ผมบอกครูพัฒน์ ครูพัฒน์พยักหน้าและผมสองคนก็ให้ครูพัฒน์เข้าไปก่อน ไอ้ดิวมันมองหน้าผม ผมก็ยิ้มให้มัน
               “สวัสดีครับคุณครู “มีหัวหน้าห้องหน้าตาเด็กเนิ้ดมาก
              “สวัสดีครับนักเรียนทุกคน นั่งลงได้” ครูพัฒน์พูด
              “ดิวเข้ามาก่อนซิ” ครูพัฒน์บอกไอ้ดิวเข้าไปก่อน ผมก็ยืนรอสักครู่
              “เออ วันนี้ครูมีนักเรียนใหม่มาอีกหนึ่งคนนะ ชื่อนายกิตติศักดิ์ “ครูพัฒน์บอกผมให้ผมเดินเข้าไป พอผมเดินเข้าไปหยุดที่หน้าห้องเรียน
             “ครื้ด!” เสียงเก้าอี้ถูกเลื่อนออกโดยพวกเพื่อนไอ้ภาคิน  แต่ไอ้ภาคินมันเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม มันค่อนข้างตกใจที่เห็นผมกลับมายืนที่นี้อีกครั้ง มันคงไม่คิดว่าผมจะกลับมาอีกซิน่ะ ผมยักคิ้วให้มัน ผมรู้จักไอ้ภาคินมาก่อน ไอ้โซ่ไอ้นี่เห็นกวนๆ แบบนี้มันดีน่ะ มันคือเพื่อนผมคนแรกเพราะว่าผมเคยช่วยมันเอาไว้ มันยักคิ้วให้ผมแต่ก็คงเกรงใจเพื่อนๆ คนอื่นๆ เพราะแต่ล่ะคนก็พรรคพวกของไอ้ธงรบที่เคยมีเรื่องกับผมทั้งนั้น
                “ไอ้เดี่ยวนี่หว่า” พวกมันกระซิบกระซาบกันทำให้พวกไอ้ดิว หันมามองผมและมองพวกนั้นและสองคนที่บอกให้ผมเข้าร่วมกลุ่มก็พยักหน้ากัน
                “สวัสดีครับ ผมชื่อกิตติศักดิ์ ชื่อเล่นชื่อเดี่ยวครับ ยินดีที่รู้จักเพื่อนๆ … ทุกคน”
                  “วี้ดวิว!! “ไอ้แจ็คมันแซวผม ครูพัฒน์หันมามองหน้าผม ครูพัฒน์คงแปลกใจทำไมพวกนี้มันเงียบกันหมดไม่ยอมปริปากอะไรเลย
                    “เออ..นาย” ครูพัฒน์กำลังจะหาที่นั่งให้ผมแต่ มีอยู่คนหนึ่ง หนึ่งในเพื่อนของไอ้ดิว เขายกมือขึ้นทันที
                   “ให้นั่งโต๊ะข้างไอ้ติ๊กก็ได้ครับ ครูพัฒน์” ไอ้แจ็คมันก็ยกมือเรียกให้ผมไปนั่งข้างไอ้ดารานั้น ได้ผลสะบัดหน้ามามองโต๊ะข้างและทำท่าจะค้านด้วย
                  “ทำไมต้องให้มันมา” ติ๊กทำท่าจะปฏิเสธผม
                   “เออ น่ะ แค่นั่งตรงข้ามมึงไม่ได้นั่งกลับมึงซะหน่อย” ผมได้ยินไอ้หลุยส์มันพูด
                  "หรือจะเปลี่ยนให้มานั่งกับพายก็ดีนะแจ็ค พายชอบของใหม่" พายพูด พวกผมหันไปมอง สยองแทนได้เดี่ยวเลย
                  ผมเดินเข้าไปนั่งและครูพัฒน์ก็เริ่มพูดคุยทำหน้าที่ครูที่ปรึกษาประจำห้องนี้ ห้องนี้เกรียนมากตั้งแต่มันขึ้นม.4 แล้วเปลี่ยนครูที่ปรึกษาเป็นว่าเล่นและที่รอดมาได้เพราะว่ามีแบล็กดี ไอ้คนนี้มันเจ๋งจริงๆ แต่ว่ามันเป็นเพื่อนรักไอ้ธงรบนะซิ ผมเองยังอยากกลับมาเป็นเพื่อนมันเลย ไอ้คนนี้มันชื่อสรจักร มันเจ๋งพอๆ กับไอ้ดิวเลยก็ว่าได้ ผมก็หันไปยิ้มให้ทุกคนแต่ยกเว้นพวกไอ้ภาคิน ผมไม่รู้ว่ามันจะแค้นแทนเพื่อนมันไหมก็เล่นฝากมีดแม้จะไม่ยาวมากมันเป็นแค่มีดพกอันเล็กๆ แต่เกือบได้ไปพบยมบาลเหมือนกัน
                 “ดีวะเดี่ยว” อีกคนที่ทักผม ผมหันไปมอง ไอ้คนนี้หน้าคุ้นๆ
                 “จำเราได้ป่ะ เราน้องพี่ข้าวปั้นอ่ะ”
                 “เออ เหมือนจะจำได้วะ แต่ตอนนี้กูคิดว่ากูจำไมได้ว่ะ” ผมพูดคนที่ผมถามผม หุบยิ้มทำทีแถมยังทำหน้าเซ็งผมอีก งงซิครับ รออะไรแต่
                  “ขอบใจมาก!” แถมด้วยน้ำเสียงโมโหผมอีกด้วยเอาเข้าไป ก็ผมจำไม่ได้หรอกครับแก้งนี้เยอะแยะไปหมด และอีกคนเพื่อนหน้าตาน่ารักคิกขุสะกิดและสั่นหัวไปมา เขาก็หันมายิ้มตาหยีมาให้ผมแทน ผมก็ยิ้มกลับ
                   “เราบลู” ชื่อน่ากินจริงๆ แต่ผมไม่ชอบสไตล์นี้เลยแค่ยิ้มๆ ให้ ก่อนจะหันมาเจออีกคนที่เอามือเท้าคางรอให้ผมหันไปเจอประหนึ่งว่าจะได้พบรัก
                 “ดีนาย เราชื่อพายนะ ขนมพาย หวานมันกรอบมากพูดเลย “อึ้งได้อีกครับน้องขนมพาย ผมก็ยิ้มๆ นี้ผมเข้ามาผิดแก้งหรือเปล่าครับ หน้าตาโหดๆ อย่างผมควรจะอยู่แก้งที่คล้ายๆ กับพวกไอ้ภาคินครับ แต่พอผมหันมาเจอคนที่นั่งข้างๆ น้องขนมพาย ดารารูปหล่อผมก็ยิ้มแฉ่งให้ทันที
               “ยิ้มเพื่อ?” เจอคำถามนี้ไปหุบทันทีครับ
                  “เดี่ยวอย่าไปยิ้มกับมันเลย มายิ้มกับพายดีกว่า อยากไปนั่งตรงนั้นอ่ะ ว่างป่ะ แต่พายอ่ะว่างมาก ทั้งตัวและหัวใจ” น้องพายผมหันมามองที่ข้างๆ ผมว่าน้องคนนี้เริ่มน่ากลัว ผมรีบเอากระเป๋าวางทันที
                 “วางกระเป๋าแล้วอ่ะ” ผมพูด
                 “มึงช่วยรักษาน้ำใจกูนิดหนึ่งน่ะ แหมวางกระเป๋าแล้ว ชิส์!!” จู่ๆ ก็สะบัดบ๊อบใส่ผมซะงั้น

                ผมก็ต้องเกาทายถอยตัวเอง ผมมองบรรดาสมาชิกแก้งนี้ นี้ผมคิดถูกแล้วใช่ไหมเนี่ย ไอ้แจ็คกับหลุยส์นี่ก็ดูโอเค รัศมีความเป็นผู้นำ ส่วนดิวนี้ดูแข็งที่สุดในแก้ง แอ้นี้ดูมีทั้งอ่อนและแข็งไปพร้อมๆ กัน ส่วนดารานั้นก็ดูจะอีโก้สูง สองหนุ่มหน้าหวานอีกคนที่ชื่อบอยดูมีรัศมีความเป็นผู้นำที่มีเมตตาและอีกคนก็ดูน่ารักคล้ายกับบอย พายนี้ดูแล้วน่ะจะเป็นเด็กที่ฉลาดเกินวัย ส่วนอีกสองคนนี้ที่ชื่อต้นข้าวกับบลู ดูแล้วมันก็ธรรมดาแต่มาแก้งนี้ได้ยังไง แปลกน่ะมีครบหมด
              TBC....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
             
EP.44.1 ไอ้เดี่ยว เพื่อนใหม่ ครึ่งหลัง

                  Part’s เดี่ยว บรรยากาศในห้องเรียนที่มันแปลกไป ปกติพวกภาคินมันไม่ใช่พวกที่ชอบต่อต้านใครมาก่อนน่ะแต่รั้ มันเล่นนั่งเหมือนแบ่งแยกดินแดนกันขนาดนี้ มันต่างกันลิบลับมาก อันนั้นแก้งเด็กเกรียน ถ้าไม่ติดว่าผมก็ถูกชะตาไอ้ดิวผมคงเพ่นไปแก้งไอ้ภาคินแล้วเนี่ยแต่ว่าผมถูกใจไอ้ดิวมันมาก ผมหันมามองไอ้ดิวที่นั่งกับแอ้ แต่ผมดันเผลอแอบมองแอ้ตลอด ทำไมเขาเหมือนบางสิ่งให้สะกดสายตาอยู่ที่เขายังไงก็ไม่รู้ จนกระทั่ง
                “เดี่ยว ไปหาอะไรกินกันวะ” สะดุ้งเพราะมีคนมาเรียกชื่อผม ก็คือไอ้แจ็คมัน ผมรีบกุมหน้าอกตกใจครับ มันเล่นถามผมแบบนี้
                 “เฮ้ยย!! มึงตกใจทำไมว่ะ” แจ็คมันถามผมแต่สายตามันเหล่มองไปทางที่ผมมองอยู่
              “ตกใจดิ เล่นถามตอนทีเผลอแบบนี้” ผมพูดแก้ตัว
                “โทษทีว่ะ ว่าแต่มึงมองใครอยู่ว่ะ ไอ้ดิวหรือว่าไอ้แอ้” ไอ้แจ็คมันถามผม
               “ไอ้ดิว” ผมพูด มันก็พยักหน้า
              “เออว่าจะไปไหนกันวะ” ผมถาม
               “ไปหาอะไรกินกันด้านล่างไง” ไอ้แจ็คมันบอกผม ผมก็พยักหน้าก็ดี
               “แม้เห็นนะแอบมองแอ้เหรอ” มีคนทักผม ผมหันไปมองไอ้คนที่ชื่อบลูนั้นเอง ไอ้ดิวมันหันมามองผมพร้อมกับแอ้
              “จริงดิ มึงชอบแอ้เหรอ” ติ๊กมันถามผมทันที ผมสะบัดหน้าไปมองหน้าติ๊ก
                 “ชอบ...ชอบอะไร..เปล่า” ผมพูดและยิ้มๆ ให้ไอ้ดิวมัน ผมก็ลุกขึ้นพร้อมทันที ผมเดินลงมาพร้อมๆ กับพวกนั้น ก็เดินคุยมากับไอ้แจ็ค ไอ้หลุยส์ พวกมันสองคนก็แนะนำบอยกับธรรณ์
                “ไอ้เดี่ยวมึงจะเอารถไปซ่อมที่ไหนวะ” ไอ้ดิวมันถามผม ผมนะมีอู่ซ่อมรถที่่พ่อผมรู้จักดี เป็นอู่ซ่อมรถที่พ่อผมแต่งรถคันที่ผมได้มาจากพ่อ พ่อเหมือนตั้งใจทำให้ผมโดยเฉพาะและผมก็รู้จักเขาดีนับถือเหมือนเป็นลุงแท้ๆ ของผมเลย
                “กูมีอู่ซ่อมของลุงกูว่ะ เขาเป็นคนที่พ่อกูเคารพ เขาเปิดอู่อยู่ที่นี้” ผมพูดบอกไอ้ดิวว
                “ไอ้ติ๊กมึงอย่าลืมจัดการรถให้มันนะมึง” ไอ้ดิวหันบอกไอ้ติ๊กที่เดินกับแอ้และพาย
                “เออ กูรู้แล้ว ย้ำจัง” ติ๊กพูด
                 “งั้นกูโทรหาเขาก่อนว่ะ” ผมพูดและเดินเลี่ยงไปเพื่อหาที่คุย ผมกดมือถือลุงของผม แม้ไม่ใช่ลุงแท้ๆ ก็เถอะ
                  //ดีวะเดี่ยวแล้วนี่ว่าไง โทรมาหาลุง//
                //ลุงเทพผมกลับมาเรียนที่เดิมแล้วครับ// ผมบอกลุง
              //เออแล้วแม่มึงเขาให้กลับมาเหรอวะ// ลุงเทพถามผม
             //ให้ครับและแม่ผมเขาไปอยู่ต่างประเทศแล้วครับ//
              //เออ ...// ลุงเทพ
              // ผมจะเอารถไปซ่อมนะครับ คือผมต้องลงสีใหม่ //
             //อ้าวทำไมละ เพิ่งลงไปเมื่อปลายปีที่แล้วนิ//
           //คือมี คนมือบอนนะครับยำรถผม// ประโยคนี้ผมพูดเสียงดังหน่อยเพราะว่ามีคนมาแอบฟังผม
          //เวรจริงๆ ใครวะมันทำกับมึงได้ //
         //ถ้าเจออีกทีผมว่าจะจับทำเมียเลยลุง// ผมพูด ไอ้คนที่แอบฟังผมรีบออกมาทันที
           “ปากดีนะมึงน่ะ” นั้นมันออกมาแสดงตัว
            “แอบฟังเหรอ” ผมเอามือปิดโทรศัพท์ของผมและเดินย่างสามขุมเข้าไปหา อีกคนก็เดินถอยหลังหนีผมแต่มันติดกำแพง ผมก็เดินย่างเข้าไปต่อ
              //ลุงผมเรียนนะซิ ถ้าอย่างนั้นลุงมาเอารถผมได้ไหมครับเพราะลุงมีกุญแจสำรองของผมนี่ครับ//
            //เออได้ ได้ เดี๋ยวลุงให้คนไปเอานะ// ลุงเทพพูด ผมก็กดวางสายก่อน เพราะกลัวคนที่มาแอบฟังผมจะหนี
           “หมับ” ผมใช่มือดันกั้นไว้ไม่ให้ออกไปไหนได้ คนที่ยืนแนบชิดติดกับแพง ถึงกับทำตัวลีบ
          “มึงจะทำอะไรกู “ไอ้ติ๊กมันพูด
           “ทำไมไม่ปากดีแล้วละ” ผมถามติ๊ก
             “ปากดีแบบนี้หน้าตบด้วยปากกระชากด้วยลิ้น” ผมพูดผมันก็หลับตาปรี่แต่ก็เหล่ตามองเป็นระยะพอ

             ผมยิ่งเข้าใกล้คนตรงหน้าก็หลับตาปรี๋เพื่อหนีสายตาของผม สายตาอันแหลมคม ผมเป็นคนที่ตาดุเอาเรื่องมากมีคนบอกผมหลายคนแต่จริงก็มีแววเจ้าชู้เหมือนกัน ตอนนี้ผมใช้มันชอนไชมองคนตรงหน้า มันทำให้คนตรงหน้าไม่กล้าสบตาผม มันก็ยิ่งทำให้ผมยิ้มที่มุมปาก
              “แล้วมายื่นแอบฟังคนอื่นเขาคุยกัน มันเสียมารยาทนะครับคุณหนู” ผมพูด คนที่ผมต่อว่าอยู่ก็ลืมตาโพลงทันที
             “ก็ กูแค่มาแอบฟังให้แน่ใจว่ามึงไม่ได้ต้องการเงินและหลอกว่า” ประโยคนี้ทำเอาผมนี้สั่นหัวเล็กน้อย เสียความรู้สึก
             “นิ กูไม่ใช่คนแบบนั้นว่ะ แค่ต้องการเงินของมึง ถ้ามึงไม่อยากก็ไม่ต้อง กูจัดการได้” ผมขึ้นและเดินถอยหลังจะออกทันที ทำไมพอเป็นไอ้คนนี้มันพูดเรื่องเงินกับผมแล้วผมต้องปรี้ดทันที
             “เฮ้ยย! กูไม่ได้ความว่าแบบนั้น เออ กูเชื่อมึงและกูก็” ผมหันมามองว่ายังไง
             “ไม่อยากเสียคำพูดกับเพื่อนๆ กู มึงงก็ให้เขาทำบิลมาเก็บที่กู” ติ๊กมันพูด ผมพยักหน้าและเดินออกมาทันทีแต่ผมเดินออกมาเจอไอ้ดิวพอดี
               “มึงจะไปไหนนะไอ้เดี่ยว” ไอ้ดิวมันเรียกผม มันเห็นว่าผมเดินไปอีกทางที่ไม่ใช่ห้องเรียน
                “กูจะไปเอาของที่รถวะเพราะว่าลุงเขาจะส่งคนมาเอารถกูไปซ้อม “ผมบอกไอ้ดิว
                 “ไปด้วยดิว่ะ” ไอ้ดิวมันบอกผม ผมก็ผงกศีรษะว่ามาดิ และไอ้คนหน้าหวานพร้อมกับดาราจอมกวนนั้นก็วิ่งตามมาติดๆ เหลือแต่พายที่กำลังกินน้ำปั่นอยู่กับบอยและธรรณ์แฟนไอ้หลุยส์มัน ผมเดินมาที่ผมจอดรถไว้ โธ่ เอ่ย เปรี้ยวลูกรักของพ่อ ผมคิดในใจ
                   “เวรเลย “ไอ้ดิวพอมันเห็นสภาพรถผม
                  “ไอ้ติ๊กมึงนี้เชี้ยมากว่ะ มึงทำรถมันเละขนาดนี้เลยเหรอวะ” ไอ้ดิวมันพูดแสดงว่ามันก็เป็นคนรักรถมากเช่นกัน และไอ้แอ้ก็ยืนมองแบบเสียดายเช่นกัน
                    “ก็มันดันปากดีด่าพวกเราก่อนนี่หว่า” ไอ้ติ๊กมันแถ ผมก็เปิดประตูหยิบกระเป๋าเสื้อผ้า อาดิดาสและกีตาร์ตัวโปรดของผมออกมา
                   “เออ นี้มึงมาเรียนต้องพกกระเป๋าเดินทางมาด้วยเหรอวะ “ไอ้ติ๊กมันถามผม
                  “กูเพิ่งจะย้ายมาจากหอโรงเรียนเดิมและกูว่าจะมาหาหอพักแถวนี้ “ผมหันไปบอกพวกมัน
                “อ้าวมึงไม่มีบ้านทีนี้เหรอวะเดี่ยว” แอ้มันถามผม หน้าหวานแต่ดูมันพูดหมดราคาเลย คือผมคาดว่าน่าจะพูดจากหวานๆ เพราะๆ เข้ากับหน้าตานิดนึงน่ะ และผมก็อุตส่าห์แอบชอบแต่ผมคิดว่าผมคงเข้าไม่ถึงเพราะไอ้ดิวนี้แหละและผมเองก็เป็นคนไม่ชอบแย่งของใคร ถ้ายกให้ก็ว่าไปอย่าง
                “ไม่มีหรอก แม่เราขายไปแล้วตั้งแต่พ่อเราเสีย” ผมพูดกับแอ้
               “เออ พวกกูมีห้องว่างวะแต่ยังไม่มีเฟอร์นิเจอ มึงเข้าไปอยู่ก่อน พวกกูจะขอพ่อพวกกูให้เอาเฟอร์เข้ามา” ไอ้ดิวมันพูด
              “อะไรนะ” ไอ้ติ๊กมันทำท่าจะค้าน
              “ทำไมวะ กูว่าไอ้หลุยส์ไอ้แจ็คมันก็เห็นด้วยกับที่กูพูด “ไอ้ดิวมันพูด
               “เฮ้ย! ไม่เป็นไร” ผมทำท่าจะปฏิเสธเช่นกัน
              “ไม่เอานะ อยู่กับพวกกู บ้านกว้างวะ” ไอ้ดิวมันพูด ไอ้แอ้มันพยักหน้าอีกคน ผมก็โอเค
              “อะไรวะ ไอ้นี่มาไม่ทันถึงวันเลยได้นั้นได้นี้” ติ๊กที่ทำท่างอดแงดใส่ และพาแอ้เดินออกไปทันที
              “อย่าไปถือสามันเลยวะ แต่จริงๆ มันเพื่อนที่ดีนะโว้ย” ไอ้ดิวมันพูด ผมหยักไหล่ น่าจะนะ แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นข้อดีเลย แต่มันก็ยิ่งทำให้ผมอยากแกล้งมากขึ้น
               “ถ้าอย่างนั้นก็เอาของมึงไปใส่ไว้ที่รถกูว่ะ กูเอารถมาใช้ ช่วงนี้มึงก็ใช้รถกูแทนได้นะโว้ย เพราะว่าพวกกูก็มีรถที่มารับส่งอยู่แล้ว “ไอ้ดิวมันพูด ผมก็พยักหน้าตามนั้น พวกไอ้ดิว แอ้ อีกคนก็จำใจช่วยจะดีกว่า ช่วยผมขนของไปใส่ไว้ในรถของไอ้ดิวที่จอดไปไม่ไกลกันมาก
                “มึงเล่นกีตาร์ด้วยเหรอว่ะ” ติ๊กมันถามผม ผมหันไปหยักคิ้วให้เพรวาะติ๊กมันถือกีตาร์โปร่งของผมอยู่ กีตาร์ตัวนี้ผมรักเลย พ่อผมซื้อเอาไว้ก่อนที่พ่อจะเสียไม่กี่เดือน ผมนำสำภาระทุกอย่างใส่ไว้ในรถดิวและพากันเดินกลับมาที่ห้องเรียน
                “เฮ้ยแจ็ค หลุยส์ พวกกูชวนไอ้เดี่ยวไปอยู่บ้านพวกเราว่ะ” ดิวบอกไอ้แจ็คกับไอ้หลุยส์ มันหันมามองผม
               “ดีเลยวะ ว่าแต่ห้องนั้นไม่มีเฟอร์นิเจอนี่หว่า” แจ็คพูด
                “กูจัดให้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเฟอร์มา” ไอ้หลุยส์พูดและมันก็โทรศัพท์ทันทีสั่งเฟอร์นิเจอร์ ไอ้นี่มันไวมาก ผมหันนั่งดูพวกสาวๆ ขอเรียกสาวๆ นะเพราะดูก็รู้ว่าน่าทะนุถนอม แอ้ ติ๊ก พาย เขาคุยกัน
              “เดี่ยว” ผมหันไปมองคนที่เรียกชื่อผม ไอ้ภาคิน
             “ไงวะภาคิน” ผมหันไปทักทายมัน พวกเพื่อนมันมองผม โดยเฉพาะไอ้โซ่ ไอ้นี่มันต่อยกับผมมาแล้ว เรียกว่าแลกหมัดกันหน้าตาปูนไปหมดแต่คนที่สภาพย่ำแย่ก็คือไอ้โซ่ ไอ้นี่ปากหมานขั้นเทพ ผมว่ามันจำไม่มีวันลืมแน่ๆ ในตอนนั้น ผมมองหน้าไอ้ภาคินอีกทีว่าไง
             “กูไม่คิดว่ามึงจะกลับมาวะ” ภาคินมันถามผม
               “กูก็คิดว่าจะไม่กลับแล้วแต่กูคิดอีกที กูควรจะกลับมาว่ะ แต่ไม่ใช่เพื่อแก้แค้นใคร มึงรู้ดีว่าทำไม” ผมหันไปบอกไอ้ภาคินและหันมาหยักคิ้วให้ไอ้ดิวและพวกเพื่อนๆ มันที่หันมองผมสลับไปมากับไอ้ภาคิน
              “ยินดีวะ” ไอ้ภาคินพูด
             “มึงงจะบอกเพื่อนมึงก็ได้นะว่ากูกลับมาแล้ว มันคงคิดถึงกูมากว่ะ” ผมบอกไอ้ภาคิน เพื่อนมันที่ผมหมายถึงนั้นคือไอ้ธงรบ ไอ้นี่ปลาไหลตัวพ่อ มันเอาหมดทัั้งชายและหญิง แม้กระทั่งแฟนของไอ้ภาคินมันยังเอาเลยแต่ก็อย่างว่าแฟนไอ้ภาคิน มันอ่อยเขาด้วยแหละ แฟนมันเป็นผู้หญิงแต่ตอนนี้ผมไม่รู้รสนิยมมันแล้ว ผมมองคนข้างๆ ที่ไม่คุ้นเคยดูน่าจะเพิ่งมาใหม่หลังจากที่ผมโดนพักการเรียนและย้ายไปเรียนที่อื่น เขายิ้มเจื่อนๆ มาให้ผม
              “มันคงจะรู้เองในไม่ช้าเพราะว่ามันก็เทียวไปเทียวมาอยู่ที่นี้ ไอ้นี่มันบ้าวะ กูคงห้ามไม่ได้น่ะถ้ามันเจอมึง แต่มึงคงไม่กลัวมันหรอกว่ะ “ไอ้ภาคินพูดและเดินหันหลังทำท่าจะเดินออก
              “กูก็พร้อมวะ มึงน่าจะรู้ดีว่าเรื่องวันนั้น มันสมควรโดนว่ะ” ผมพูดกับไอ้ภาคิน ภาคินแค่หยุดชะงักก่อนจะก้าวเท้าเดินต่อและพวกเพื่อนๆ มันก็เดินตามออกไปทันที
              “คุยกันได้คุสาดมาก มึงมีความหลังกับมันเหรอวะ” ไอ้ดิวมันกระซิบถามผมทันที
               “มี กับเพื่อนมัน พวกมันกูก็มีกับไอ้โซ่ว์ เพราะว่ามันปากเสียกับกู แต่ เห็นไอ้โซ่ว์ปากแบบนี้ มันโคตรรักเพื่อนเลยวะ” ผมหันมาบอกไอ้ดิว ไอ้ดิวชี้ที่ไอ้โซ่นี่น่ะ
               “กูกับมันเป็นเพื่อนกันก็หลังจากได้ปล่อยหมัดใส่กันเหมือนกูกับมึงอ่ะ และวันหนึ่ง ขณะที่กูกำลังขับรถมอเตอร์ไซด์กลับบ้าน” ผมพูด ไอ้ดิวมันขมวยคิ้วมองผม
                 “เมื่อก่อนกูชอบแว่นบอกตรงๆ แต่อายุยังไม่ถึงที่จะทำใบขับขี่ไง” มันพยักหน้าว่าให้เล่าต่อ
                 “ก็มีคนดักทำร้ายกู มันอัดกูด้วยไม้เบสบอลและคนที่เข้าไปช่วยกูคือไอ้โซ่ กูสองคนแม่งสู้กับพวกมันที่เข้ามารุมสี่ห้าคนได้แต่ว่ากูสองคนก็กอดคอกันกลับบ้านสภาพแย่แต่ก็ได้เพื่อนว่ะ” ผมบอกไอ้ดิว ไอ้ดิวมันพยักหน้า
               “และมาอีกครั้งไอ้โซ่มันโดนรุมเพราะว่ามันดันไปหลี่แฟนเด็กสถาบันอื่นกูก็ช่วยมันเอาไว้และนั้นก็ยิ่งทำให้มันกับกูเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน” ผมบอกไอ้ดิว
               “พวกมันก็มีดีใช่ไหมวะ” ไอ้แจ็คถามผม
              “ดีมากถ้าพวกมึงได้มันเป็นเพื่อนว่ะ” ผมพูด
              “แต่สำหรับกูพวกมันทำให้พี่กูติดคุก” ไอ้ต้นข้าวพูดโพล่งขึ้นมาแต่ไม่ดังมากกลัวมันได้ยินแน่ๆ
              “พี่กูเป็นหัวหน้าแก้งพวกมันไง มึงไม่ทันพี่กูเหรอวะไอ้เดี่ยว” ผมก็ถลึงตาที่ไอ้ต้นข้าวพูดก่อนจะทำท่าคิด
              “พี่มึงพี่ข้าวปั้นเหรอวะ ที่เป็นหัวหน้าแก้ง”
               “เอออะดิ มึงจำได้แล้วหรือไง”
               “กูจำมึงไม่ได้แต่กูจำพี่มึงได้และ” ผมกำลังจะพูด
               “พี่มึงไม่ได้ติดคุกเพราะไอ้พวกนี้ พี่มึงนะมีผู้หญิงจากคอนแวนด์มาติดและคนนี้สวยมากจนเข้าตาพี่บอส ที่เป็นเพื่อนสนิทพี่มึงน่ะ “ผมพูดเพราะผมรู้เหตุการณ์วันนั้นผมโดนย้ายไปก่อนแล้ว ไม่ซิ โดนไล่ออก แต่ท่านผอ ใจดีให้ผมมีโอกาสย้ายไปต่อที่อื่น ไม่อยากนั้นผมคงลอยแพไม่มีที่เรียนแน่ๆ
               “พี่กูโดนหักหลังเหรอวะ” ไอ้ต้นข้าวมันพูดด้วยสีหน้าที่ตกใจ ผมพยักหน้าแค่นั้น
               “กูคิดว่าไม่ใช่ว่ะ กูว่ามีคนทำให้พี่มึงติดคนเดียวและคนนั้นพี่มึงน่ะรู้จักดีแตไ่ม่ใช่พวกพี่แฮกซ์ กูได้ยินพี่แฮกซ์เขาเตือนพี่มึงอ่ะแต่ว่าวันนั้นกูมาเรียนวันสุดท้ายแล้ววะ"ผมพูด
                  "กูรู้แค่นี้ จะมีเรื่องอื่นอีกมั้ยกูไม่แน่ใจว่ะ แต่ที่แน่ๆ พวกไอ้ภาคินไม่รู้เรื่อง มันเคารพพี่มึงกันทุกคน กูก็ด้วย ” ผมบอกไอ้ต้นข้าว มันทำหน้าเสียใจขึ้นมาทันที
                “ไอ้บอสไปไหนวะ กูไม่เคยเห็นมันอีกเลย” ไอ้ต้นข้าวพูดมันคงอยากเอาคืนไอ้บอสแต่ไอ้นี้นี่นะ ผมส่ายหัวมันเด็กอนุบาลสำหรับไอ้บอสถ้ามันยังอยู่ แต่
                  “ไอ้บอสมันก็ถูกพ่อแม่มันส่งไปเรียนต่างประเทศก่อนที่ลูกเขาจะติดคุกเพราะยาเสพติดไง “ผมหันไปบอกไอ้ต้นข้าว
                  “ไอ้นี่คือคนแรกที่ดึงยาเข้ามาในโรงเรียนนี้และกูคิดว่ามันมีคนสืบต่อว่ะ กูรู้แค่ว่ามันรู้จักกับลูกชายนักการเมืองและเป็นคนที่มีคนนับหน้าถือตา มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อฟอกเงินด้วย “ผมพูดกับพวกแจ็ค
                “ไอ้เชี้ยเอ๊ย” ไอ้แจ็คมันสะบด ทำเอาผมนี้ตกใจ มันด่าผมทำไม
               “มึงไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมพึ่งโผ่มาว่ะไอ้เดี่ยว มึงช่วยพวกกูได้เยอะเลยว่ะ” ไอ้แจ็คพูด
               “แล้วพวกกูอะ” ไอ้ต้นข้าว
                “ไม่เลย ได้แต่ทำน่ารักไปวันวัน ห่าน!” ไอ้ติํ๊กมันพูด พวกผมก็หัวเราะเพราะมันทำหน้างอนนั้นเองไอ้ต้นข้าว พวกผมนั่งเรียนช่วงบ่ายกันจนได้เวลาเลิกเรียน
                “พวกกูถูกส่งมาแก้ปัญหาโรงเรียนนี้ไง กูว่ามึงนี้แหละที่จะช่วยพวกกูได้” ไอ้แจ็คพูด ผมชี้ตัวเองผมนี้
                 “ไหน ไหนก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ช่วยกันหน่อยแล้วกันเพื่อน” ไอ้แจ็คพูดแต่จะว่าไปก็ถลำเข้าแก้งพวกมันมาขนาดนี้แล้ว ผมก็พยักหน้าก็ได้ว่ะ
                   “ดีล!!” มีจับมือด้วยเหมือนทำสัญญากันเลยว่ะแต่ผมก็ยอมรับก็ได้เพราะว่ามันช่วยให้ผมได้เรียนห้องนี้และไม่ถูกส่งกลับไปเรียนที่เดิมเพราะมีเรื่องชกต่อยกัน
                  “กลับบ้านกันเถอะวะ” ไอ้ดิวพูด พวกผมเดินพากันลงไปชั้นล่างด้วยกัน
                    “กูหวังว่าจะไม่มีใครมาดักรอกระทืบอีกนะ ขอพักบ้างเหอะ” ไอ้ติ๊กมันพูด ผมหันมามองทุกคนแต่ล่ะคนก็พยักหน้าว่าจริง
                   “แสดงว่าพวกมึงงานเข้าเยอะละซิ” ผมพูดปนหัวเราะ
                  “เออ แม่งทุกวันเลยวะ” ไอ้แอ้พูด ผมก็ยิ้ม คนนี้มันพูดน้อย ผมหันเจอไอ้ดิวมันยิ้มให้ผม ผมก็รีบมุดหลบเดี๋ยวมันรู้ว่าผมแอบชอบแอ้ ไม่รู้ผมรู้สึกใจสั่นๆ เวลาแอ้ยิ้มแต่ผมก็รู้สึกอยากจะแกล้งไอ้ดารา เห็นมันทำหน้าโกรธหน้างอนแล้ว มันมีความสุขแปลกๆ แต่ว่ามันจะมาทำเหมือนโกรธผมทำไมนั้นซิ ผมไม่ได้ไปทำอะไรให้สักหน่อย
                 TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.45 (เดี่ยวXติ๊กXปู)สองคนที่แตกต่าง 1

            Part's เดี่ยว ผมเดินตามทุกคนลงมา ตอนแรกผมว่าจะพักที่โรงแรมก่อนดูลาดเลาว่าจะอยู่ที่นี้ได้ไหม แม่ผมอยากให้ผมไปเรียนที่ออสเตรเลียเพราะว่าแฟนใหม่แม่ผมเป็นคนออสเตรเลียและผมก็ได้วีซ่าติดตามแม่เรียบร้อยแล้วผมแค่เคยไปและไปเรียนภาษาตอนที่ผมถูกพักการเรียนแต่ว่าใจผมอยากกลับมาอยู่ทีนี้มากกว่า ที่ผมคุ้นเคยมากกว่า
            ผมหันไปมองรอบๆ ทุกอย่างก็ดูปกติดีน่ะ ก่อนที่ผมจะตัดสินใจกลับมาผมได้ยินมาว่าโรงเรียนนี้มีพวกเด็กถิ่นอื่นมาปั่นป่วน ทำให้นักเรียนหลายคนย้ายหนีไปเรียนที่อื่นกันแต่น่าแปลกที่พวกไอ้ภาคินมันยังเลือกที่จะกลับมาเรียนที่นี้หรือไม่คิดอีกทีมันอาจจะไม่มีที่ไปแล้วก็ได้ โดนพักการเรียนโดนขึ้นบัญชีดำขนาดนั้น
               มีนักเรียนเดินผ่านพวกผมไปมาเพื่อพากันกลับบ้านกันแต่จะมีนักเรียนที่เป็นเด็กม.3ขึ้นไปก็จะพาตกใจผมกันเพราะว่าเมื่อก่อนผมสายโหด ไม่มีใครกล้าตอแยกับผมกัน ผมยอมรับว่าผมเลือดร้อนมากจนกระทั่งหลังจากที่พ่อผมเสียชีวิต ผมต้องอยู่กับแม่ ผมเลยไม่อยากทำให้แม่เสียใจมากไปกว่านี้อีก เพราะหลังจากที่พ่อจากไปแม่ก็เงียบลง ไม่เหมือนเดิม และนั่นแหละผมเลยต้องไม่ทำให้แม่แย่ลงไปกว่านี้
             “เดี่ยวมึงไปรถคันเดียวกับไอ้ติ๊กให้กูทีดิว่ะ กูมีเรื่องจะคุยกับแอ้ว่ะ ไอ้นี่มันไม่เปิดโอกาสให้กูคุยกันเลยว่ะมึง “ไอ้ดิวมันพูด พอติ๊กได้ยินมันทำท่าจะหันมาแต่ผมจับแขนมันไว้ซะก่อนและล๊อกเอาไว้เลย ไอ้ดิวมันก็ดึงแขนแอ้วิ่งไปอย่างรวดเร็วและพาแอ้ไปขึ้นรถกระบะของดิวมันทันที
              “จับกูไว้ทำไม” ติ๊กหันมาถามผม
              “นั่งด้วยกันไม่ได้เหรอ รังเกียจเหรอ” ผมพูดและยิ้มให้พายที่กำลังจะก้าวขาขึ้นรถไป
              “เดี่่ยว…พายรอในรถนะ จ๊วบๆ” น้องพายผมก็ยิ้ม พยักหน้าว่าได้ ผมมองหน้าติ๊ก
              “จ๋าพาย” ผมพูดเพราะกับน้องพาย ผมเห็นไอ้ดิวและแอ้มันขับรถออกไปแล้ว เหลือแค่ติ๊กที่มองผมแต่ยังไม่ยอมขึ้นรถ ติ๊กมันขบฟันจนเสียงกรอดๆ
                “จะให้อุ้มขึ้นรถเหรอครับคุณหนู” ผมกระซิบที่ข้างหูติ๊ก
                ติ๊กมันสะบัดหน้ามามองผม ผมก็เลิกคิ้วว่าจะเอายังไง แต่ไม่มีการตอบรับ ผมก็ถลกแขนเสื้อขึ้นเหนือหัวไหล่จะได้อุ้มแต่อีกคนก็รีบพล้วดเข้าไปในรถทันที ผมก็ตามเข้าไปนั่งแต่นั่งตรงข้ามกันเพราะนี้มันรถลีมูซีนที่นั่งได้สี่คนหันหน้าเข้าหากัน
                “เดี่ยวจร๊า” น้องพายเรียกผมเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมหันไปมองว่าไง
               “อีพาย กูอยากให้พี่แพท พี่พีชเห็นมึงแบบนี้จริงๆ ให้กูถ่ายคลิปส่งให้ไหมล่ะ” ติ๊กพูด พายก็หันมาค้อนขวับๆ เลย
                “เดี่ยว.... มันอิจฉาน่ะ” พายพูดผมก็ยิ้มพยักหน้า และหัน หยักคิ้วให้คนหน้างอที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับผม จะว่าไปลีมูซีนนี้หรูใช่เล่นนะ มีอุปกรณ์สารพัด เหมือนโฮมเธียเตอร์เคลื่อนที่เลย นี้เป็นครั้งแรกของผมที่ได้นั่งรถหรูแบบนี้ แต่ผมจะไม่ยอมเสียเงินซื้อรถแบบนี้เด็ดขาด จะว่าไปก็ขึ้นเปรี้ยวลูกรักของผม รถอีซูซุ แต่งสีเขียวมีลาย
               “ถึงแล้วก็ลงไปซิ นั่งกว้างอยู่ได้” ไอ้ติ๊กมันบอกผม
                  ผมก็รู้แล้วแหละเพราะว่ารถจอดสนิทขนาดนี้ถ้าไม่ถึงเขาจะจอดทำไมล่ะ แต่ผมแกล้งใครบางคนอยู่ ผมก็ค่อยๆ ก้าวเท้าลงจากรถช้าๆ เพื่อถ่วงเวลา ทันทีที่ผมลงมาผมก็หันไปเห็นรถไอ้ดิวตามมาทีหลัง นี้ขนาดขับออกมาก่อนยังถึงที่หลังแสดงว่าไปแอบคุยกันตรงไหนแน่ๆ และไอ้ดิวก็ขนของผมลงมาจากกระบะหลังที่มีที่ปิดอย่างดี พี่คนขับรถก็ตรงเข้าไปช่วยขนเช่นกัน
              “ไม่เป็นครับคุณหนู ผมเอาเข้าไปให้ในบ้านครับ” พี่คนขับรถบอกผม แต่ผมเกรงใจเพราะว่าผมก็ไม่ใช่ลูกเจ้านายเขาซะด้วย
               “ไม่ต้องเรียกผมว่าคุณหนูหรอกครับและผมถือไปเองดีกว่าเกรงใจครับ” ผมพูด
               “ถ้าเขาอยากถือพี่วางเอาไว้นี้แหละครับ ขอบคุณนะครับ” ไอ้ติ๊กมันพูดบอกพี่คนขับรถ พี่เขาก็ว่างของลงแบบเกรงใจเพราะว่าติ๊กสั่งเขาแบบนั้น
                “ขอบคุณครับพี่” ผมกล่าวขอบคุณและกำลังจะยกกระเป๋าเดินทางของผมและกีตาร์
               “พายช่วยถือให้เอาไหมเดี่่ยว” พายยิ้มตาหยีมาหาผม แอ้และดิวนะช่วยถืออย่างอื่นไปแล้วไง ผมหันไปพยักหน้าให้พาย
               “อีพาย ปกติมึงแทบจะไม่เคยเอ่ยปากช่วยคนอื่นเขาถือ แล้ววันนี้อะไรเข้าสิงมึงเหรอห๊ะ! หรืออยากมีส่วนร่วม” ติ๊กถามพาย พายขอช่วยผมถือกีตาร์
                “ไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิงนะแต่รู้ว่าเดี่ยวน่ะสิงอยู่ในใจพาย ...เลิฟยู” พายผมก็เอามือเกาหัวแกรกๆ มามุขนี้เลยเหรอ
                “ทำไมอะ ไม่ฟินเหรอ ...เอาใหม่” พายพูดและทำนิ้วเลิฟยูอีกที ผมว่าผมงงมากกว่าฟินอีกน่ะครับ
                “ผลั่วะ! “จากติ๊กหนึ่งที่ นี้เขาหยอกเล่นกันแรงแบบนี้เลยเหรอ
                 “อะไรอีนี่นิ” พายหันขวันไปหาติ๊กทันที
                   “เอามานี้กีตาร์นะ ถือแบบนั้นเดียวก็เสียหมด ขาก็สั้นยังทะลึ่งอีก” ติ๊กพูดและดึงกีตาร์ผมไปจากพายและถือเข้าบ้านไปเลย
                   “มันแอบชอบเดี่ยวแน่ๆ เชื่อเรานะ เรารู้จักมันดีแต่มันเป็นประเภท ดาราอ่ะ อีโก้สูงไงเดี่ยว” พายกระซิบบอกผม ผมเดินเข้ามาในบ้าน
                  “เดี่ยวขึ้นห้องพักก่อนไหมวะ เพื่อมึงจะจัดห้องนอนมึงก่อน อาบน้ำและลงมาทานอาหารกันว่ะ “ไอ้ดิวมันพูด ผมพยักหน้าแต่ผมไม่เห็นติ๊กแล้ว
                  “มันลากเมียกูขึ้นไปอีกแล้ว” ผมได้ยินแบบนั้นผมก็หันมาเหล่ตามองมันนี่มันเรียกแอ้ว่าเมียเลยเหรอ แสดงว่ามันสองคนคงก้าวข้ามคำว่าแอบรักไปนานแล้ว
                  “ตกลงมึงกับแอ้” ผมถามไอ้ดิวระหว่างที่เดินขึ้นไปชั้นสอง ไอ้ดิวก็ช่วยผมถือของขึ้นไปด้วย
                  “ใช่กูกับแอ้เป็นแฟนกันในเชิงพฤตินัยแต่แสดงออกไม่ได้ อึดอัดชะมัดวะ” ผมหันไปมองหน้ามันมีแบบนี้ด้วยเหรอวะ
                    “กูสองคนมีบางสิ่งที่...." ดิวท่าอยากจะอธิบายแต่ดูแล้วน่าจะยากจริงๆ " โอ๊ย กูไม่รู้จะอธิบายยังไง พวกไอ้แจ็ค และทุกคนก็ไม่รู้มึง มันบอกไม่ได้อ่ะ แอ้อ่ะ กลัวไปทุกอย่างแม้กระทั่งตัวกูเองมันก็กลัว “ไอ้ดิวพูด ผมก็รับฟัง มันพูดเหมือนมันอึดอัดจริงๆ พอเดินมาถึงห้องในสุด
                 “นี้ห้องมึงวะ ขาดเหลืออะไรบอกได้เลยน่ะ “ไอ้ดิวมันพูดและผมก็เปิดประตูเข้าไป เห็นเฟอร์นิเจอร์แล้วก็ต้องตกใจนี้โรงแรมห้าดาวชัดๆ เลยวะ
                 “ดีไปไหมวะ” ผมหันมาถามไอ้ดิว
               “เอานะ เพื่อนพวกกูแล้ว” ไอ้ดิวมันพูดและทำท่าจะเดินกลับไปห้องพักมัน
               “กูอยู่ถัดจากห้องมึงไปนะ แต่บางคืนอาจจะได้ยินอะไรแปลกๆ จากห้องกูบ้างอย่าว่านะโว้ย!” ไอ้ดิวมันพูด ผมหันไปมองมันว่าอะไรแปลกๆ วะ ไอ้ดิวมันหันซ้ายแลขวา
               “แบบซี้ดอ้าห์อะไรแบบนี้” ไอ้ดิวมันพูด ผมก็ยกนิ้วโป้งให้เลย และดิวมันก็กำลังจะหันหลังออก
               “ดิว” ผมเรียกชื่อมัน
               “มีอะไรคุยกับกูได้วะ กูซื่อสัตย์กับเพื่อนกูทุกคน” ผมพูด ไอ้ดิวมันยิ้มให้ผม
                “ใจวะ “ไอ้ดิวมันพูดและมันก็เดินกลับไปที่ห้องพักมัน ผมเห็นแอ้กำลังเปิดประตูออกมาจากห้องที่ตรงข้ามกับห้องไอ้ดิว แอ้มันมองผมและเดินตามดิวเข้าห้องไป ผมก็ได้แต่ยืนมอง ยังไม่ได้รักเลยอกหักแล้วกู ผมคิดในใจ

               ผมจัดข้าวของเข้าที่และก็อาบน้ำแต่งตัว จะว่าไปก็เกรงใจพวกมันเหมือนกัน ผมรู้สึกว่าผมกับไอ้ดิวมีอะไรหลายๆ อย่างที่คล้ายๆ กัน ชอบอะไรที่คล้ายกัน แถมยังมีครูมวยคนเดียวกับผมอีกนั้นคือพ่อของผมเอง ผมเห็นข้อความของแม่ผมส่งมาหา แม่ผมแต่งงานกับชาวต่างชาติหลังจากที่พ่อผมเสียไปได้ห้าปี
               แม้ว่าผมจะยังเสียใจแต่ผมก็เข้าใจแม่ แม่บอกผมว่าชีวิตต้องดำเนินต่อ และฝรั่งคนนี้ก็รักแม่ผมจริง ผมเจอเขาสองสามครั้ง แต่แม้จะไม่ค่อยได้เจอ พอแม่กลับมาเขาก็ฝากของมาให้ผมตลอด ผมรู้แค่ว่าเขาเป็นนายทหารที่ปลดระหว่างแล้วแต่มีเงินไว้กินไว้ใช้เหลือเฟือ แต่ว่าผมแทบจะไม่เคยเบียดเบียนเงินเข้าเลย ผมเอาเท่าที่จำเป็นแต่แม่ผมก็คอยส่งใส่บัญชีให้ผมตลอด จนผมก็พอมีเงินเก็บกับเขาบ้าง
               “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูห้องพัก
              “ไม่ได้ล๊อก” ผมบอกคนที่เคาะประตูห้องนอนผม
              “เดี๋ยวกินข้าวว่ะ “ไอ้ดิวนี้เอง ผมก็พยักหน้า ผมเห็นแอ้ออกมาพร้อมมัน
              “วันนี้ไอ้ตัวดีเขาเป็นอะไรสงสัยมึงทำคุณไสยใส่แน่ๆ ปกติมันจะต้องมาลากเมียกูไปอยู่ประจำห้องมัน พาไปอาบน้ำประแป้งให้ด้วย จนใครๆ ก็มองว่ามันเมียน้อยกูแล้ว” ไอ้ดิวพูด ผมสะบัดหน้ามามองแอ้ นี้แอ้มันเป็นทั้งรับและรุกเลยเหรอวะ
              “โอ๊ย!  แอ้! “แอ้มันบิดหัวนมดิวซะมันร้องเสียงหลงเลย ผมว่าถ้าเล่นแบบนี้ใช่แล้วแหละผัวเมียกัน ผมเดินลงมาที่ชั้นล่างพร้อมกัน ผมเห็นพวกไอ้แจ็คและเพื่อนๆ นั่งกันที่ห้องนั่งเล่น ผมเดินเข้าไปกับไอ้ดิวและแอ้ ก็เห็นไอ้ป๊อด คู่กรณีผมอีกคนแต่ผมไม่ถือสามันหรอกมันยังเด็กและมันก็เป็นคนกตัญญูแต่ที่ทำลงไปก็คงเพราะจำใจ
               “พี่เดี่ยว” ไอ้ป๊อดมันเรียกผมและยกมือไหว้ผม
               “เออ ไอ้ป๊อด” ผมทักมันและนั่งลง ดูหน้าไอ้ป๊อดเปลี่ยนเป็นสีซีดขึ้นมาทันที
               “เป็นอะไรวะป๊อด หน้ามึงซีดยังกับจะเป็นลม” ไอ้แจ็คถามไอ้ป๊อดและขำมันด้วย
              “มันเจอคนที่คุณก็รู้ว่าใครเข้าไง” ไอ้หลุยส์มันพูด ผมหันไปมองไอ้ป๊อด มันเป็นเด็กที่เคยอยู่ในแก๊งของภาคิน มันซ่ามาตั้งแต่ประถมก็ว่าได้เพื่อจะได้เข้าแก๊งไอ้ภาคินตอนที่มันได้มาเรียนมัธยมและมันคงคิดว่าเท่ที่สนิทกับพวกพี่ๆ ที่เป็นหัวโจ๊กของโรงเรียน ดังนันไอ้ป๊อดจะรู้จักผมดีพอสมควร แต่ว่ามันเล่นเรียกผมว่าไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครเลยเหรอ ไม่มีใครรู้หรอกว่าความจริงแล้วที่มันน่าซี้ดเพราะว่ามันเคยหักหลังผมแต่ที่มันทำเพราะมันโดนขู่จะทำลายร้านแม่ของมัน มันไม่อยากให้แม่มันเดือดร้อน
             “ว่าไงป๊อด!” ผมถามมันอีกครั้ง มันก็สะดุ้งสุดตัวเช่นกัน
              “มึงจะตกใจกูทำไมป๊อด กูไม่ว่าอะไรกับมึงหรอกกูเข้าใจ” ผมพูด ไอ้ป๊อดมันยิ้ม
              “ผมขอโทษจริงๆ พี่เดี่ยว วันนั้นผมโดนขู่ถ้าไม่ช่วยมันจะพังร้านแม่ผม” ไอ้ป๊อดพูด
              “เออ...เรื่องมันแล้วไปแล้ว ช่างมันเถอะ” ผมพูด
              “เออ มาเข้าเรื่องป๊อด คนไหนวะที่มึงบอกกูว่าจะให้มาสืบอะ ได้ยัง กูรออยู่และกูรีบ” ไอ้แจ็คมันไอ้ป๊อด มันจะจ้างคนสืบเลยเหรอวะ
              “สืบใครวะ” ผมหันมาถามพวกมัน
              “พวกไอ้ภาคินวะ อยากได้ข้อมูลว่ามันคือใครอะไรยังไงและเพื่อนๆ มัน” ผมก็พยักหน้า จะว่าไปผมรู้แต่ไม่ลึกมาก จะเสนอตัวผมก็ว่ามันสืบดีกว่า และจะได้ข้อมูลที่อัปเดตกว่าผมแน่ๆ
              “ได้ครับพี่แจ็คและวันนี้พี่เขามาด้วยครับ พี่เขาชื่อพี่ปู เดี๋ยวผมไปเรียกให้ครับ” ไอ้ป๊อดพูดและรีบวิ่งออกไปไม่ถึงสิบนาทีมันก็กลับเข้ามาพร้อมกับหนุ่มน้อยหน้ามน หน้ามนจริงๆ ตัวเล็กๆ ขาวๆ มายืนตรงหน้าไอ้แจ็ค และพอไอ้แจ็คมันเงยหน้าขึ้น มันก็ตกใจ เกือบจะทุกคนเลยก็ได้
              TBC...


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.45 (เดี่ยวXติ๊กXปู)สองคนที่แตกต่าง 2

                    Part’s เดี่ยว หลังจากที่ผมเข้าไปอยู่บ้านเพื่อนใหม่ พวกนี้ก็กล้าซื้อใจผมโดยพาผมเข้าไปอยู่ในบ้านทั้งที่พึ่งจะเจอกันวันนี้เองแต่ว่ามันก็ซื้อใจผมไปทั้งหมดแล้วเหมือนกัน  ผมไปเจอไอ้เด็กที่ชื่อไอ้ป๊อดพูด ไอ้เด็กคนนี้เคยหักหลังผมเพราะว่าไอ้คนที่มีปัญหากับผมขู่จะทำลายร้านแม่มัน มันก็ไม่อยากโดนแม่ด่าและทำให้แม่มันเดือดร้อน เลยร่วมมือกับไอ้คนที่ไม่ชอบหน้าผม ผมเข้าใจมันน่ะเลยไม่โกรธมัน และป๊อดยังมาดูแลพวกเพื่อนๆใหม่ผมด้วย  ป๊อดไปจัดหาคนมาสืบประวัติพวกไอ้ภาคิน ป๊อดรีบวิ่งออกไปเพื่อไปเรียกคนนั้นเข้ามาหาพวกผม ป๊อดวิ่งไปไม่ถึงสิบนาทีมันก็กลับเข้ามาพร้อมกับหนุ่มน้อยหน้ามน หน้ามนจริงๆ ตัวเล็กๆ ขาวๆ มายืนตรงหน้าไอ้แจ็ค และพอไอ้แจ็คมันเงยหน้าขึ้น มันก็ตกใจ เกือบจะทุกคนเลยก็ได้
               “ไอ้ป๊อด มึงจะให้คนนี้เข้าไปสืบเหรือวะ มึงจะบ้าเหรอ ทำไมไม่หาคนที่หน้าโหดๆ” ไอ้แจ็คมันหันไปด่าไอ้ป๊อดทันที
               “พี่แจ็ค พี่ปูนะเก่งนะพี่และพี่เขาร้อนเงินนะตอนนี้ พี่เขาบอกว่าเขาทำได้นะ พี่เขารู้จักคนกลุ่มนั้นและพอจะเข้าไปหาข้อมูลได้” ไอ้ป๊อดพูด
                “เฮ้ย...มันเสี่ยงเกินไปสำหรับเขา” ไอ้ดิวอีกคน
               “นั้นซิบอยก็เห็นด้วยน่ะ มันอันตรายเกินไป” บอยอีกคน
               “ทำไมไม่ให้เราลองก่อนละ ค่อยตัดสินเรา” คนที่ชื่อปูพูด เขาเงยหน้าขึ้นมามอง หน้าตาน่ารักแบบธรรมดา แบบธรรมชาติมาก
                “มาทำนี้ร้อนเงินเหรอ ติดยาด้วยหรือเปล่า” ผมถามขึ้นทำเอาคนที่ถูกผมถามหันขวับมาทันทีสายตานี้คมกริบมากและหันกลับไปคุยกับหลุยส์และแจ็คต่อ หน้าตาที่ดูเรียวสวยราวสตรี ปากนิดจมูกหน่อย ผิวที่ขาวมากตัวก็เล็กบอบบาง
                “ไอ้เดี่ยว!” ไอ้ดิวมันอยู่ข้างๆ ผม มันกัดฟันเรียกชื่อผม
                 “อะไรของมึงวะเนี๊ยะ! เดี่ยว” ไอ้แอ้อีกคนและพวกไอ้แจ็ค หลุยส์มันก็มองผม ธรรณ์คนที่ไอ้หลุยส์มันบอกผมว่าเป็นแฟนมันก็หันไปกระซิบกระซาบกับอีกคนที่เป็นแฟนแจ็คที่ชื่อบอย เขาก็มองผมและขำกันอีก อายเลยผม
                “ก็แบบว่า ร้อนเงินจนทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งงานเสี่ยงนะ มันก็ต้องมีอย่างเดียว” ผมพูดขึ้นแบบแก้เขินหน่อยๆ
                 “และไม่อยากให้หาเรื่องมาให้พวกมึงเท่านั้นเอง” ผมพูดและมองหนุ่มหน้าหวานที่นั่งนิ่ง ที่นี้ไม่พูดตอบละ
                “พี่เดี่ยว คือไม่ใช่แบบนั้นครับ พี่ปูนะเขาต้องการเงินเพราะว่าแม่พี่ปูเขาป่วยมากครับ “ไอ้ป๊อดพูดทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที และแต่ละคนก็หันมามองผมกันหมด
               //เป็นไงละมึง//ไอ้ดิวมันหันมาพูดกับผมให้ผมอ่าน//ก็กูไม่รุ้นี้หว่า//ผมก็หันไปพูดให้มันอ่านปากเช่นกันและหันไปมองหน้าปูที่นั่งทำหน้านิ่งมาก ไม่รู้เสียใจหรือโกรธกันแน่
               //แล้วทำไมมึงไม่เปิดบทสนทนาที่มันดีกว่านี้วะ//ไอ้แอ้หันมาบ่นผมไม่ดัวมาก//ก็ปกติ ถ้าคน ร้อนเงินและทำงานอะไรที่เสียงแบบนี้ก็มักจะต้องการเงินไปซื้อยาไง// ผมพูดกระซิบกับดิวและแอ้
              “แต่นี่” ผมกำลังจะเอ่ยก็มีเสียงมาขัดจังหวะพอดี
              “อะฮืม” ไอ้หลุยส์มันกระแอมที่พวกผมซุบซิบกัน
              “เอาเป็นว่าฉันจ้างนายนะ เอานี่เงิน” ไอ้หลุยส์มันส่งเงินสดให้ปึกหนึ่งเลย ปูรับไปและเงยหน้าขึ้นมองทำหน้างงๆ
               “มันเกินมาหกพันบาทนะ ที่ตกลงกับป๊อดเราเอาแค่สี่พันบาท”
               “พอดีไอ้ป๊อดมันบอกเราไว้ว่าแม่นายต้องการเงินเพื่อไปให้ค่ายาคีโมไม่ใช่เหรอ ฉันให้และน่าจะมีหลายงานเลยรับไว้” ไอ้หลุยส์มันบอกกับปู
                “ถ้าอย่างนั้นก็ไปทานอาหารกันเลยดีกว่าวะ “ไอ้แจ็คมันพูดผมนี้รู้สึกผิดมากแต่ปูเขาก็ทำหน้าได้นิ่งมากจนเดาไอ้ยากจริงๆ ปูลุกขึ้นเดินผ่านผมไปแบบไม่เหลียวตามองผมเลย
                “แหม! มึงนิ ชอบเขาก็บอกเขาไปตรงๆ เลย ทำปากเสียแก้เขิน” ไอ้ดิวมันแซวผมซะดัง ติ๊กหันมามองและเบ้ปากใส่ผมอีก ผมเดินตามไปจนจะถึงห้องอาหาร
               “ปู “แอ้มันเรียกปู เขาก็หันมามองแอ้ แต่แปลกนะทำไมเขาถึงได้ยิ้มละมุนให้แอ้ได้ทั้งที่เพิ่งรู้จักกัน
               “เออ มีคนอยากขอโทษน่ะ” แอ้พูดและหันมามองผม ผมก็ชี้ตัวเอง
              “ไม่ต้องก็ได้มั้งเพราะดูแล้ว” ปูพูด
              “ไอ้เดี่ยว” ไอ้ดิวมันผลักไหล่ผม
              “น่ะ เขาอยากขอโทษ” แอ้พูดและเดินตามติ๊กและพายเข้าไปในห้องอาหารและตามด้วยดิว ผมก็ยืนมองปู ยิ่งมองใกล้ๆ ผมรู้สึกเขินจนพูดไม่อะไรไม่ออก เป็นคนใบ้ขึ้นมาซะอย่างนั้น
              “มีอะไรก็รีบพูดนะ เราจะได้รีบทำงานของเราและรีบกลับ แม่เรารออยู่ “ปูพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ตามสไตล์ของเขาแต่เขาไม่มองหน้าผมเลยด้วยนี้ซิ
              “คุยยังไง คนที่คุยด้วยไม่มองหน้า” ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ซอร์ฟลงกว่าเมื่อสักครู่
              “ก็” ปูหันมามองหน้าผม ผมยิ้มรอ
              “ตกลงว่ายังไงละ” ปูมองหน้าผมอย่างจริงจัง
              “คือเรื่องในห้องนะ เราปากไว้ ปากไม่ดี เราขอโทษนะ” ผมพูดไปด้วยเอามือรูปหัวตัวเองไปด้วย คือมันเขินด้วย คนตรงหน้าไม่ได้มีอาการรู้สึกเขินผมเลยสักนิด
              “เราเข้าใจว่า เป็นใครก็คงคิดแบบนี้นายคิดก่อนทั้งนั้นแหละ เอาเป็นว่าเราไม่โกรธแล้ว” ปูพูดและทำท่าจะหันหลังเดินออก
              “หมับ” ผมจับมือปู คือว่ามันไวกว่าความคิดของผมซะงั้น ปูหันมามองผมที่ที่จับข้อมือเขาไว้ ผมก็ปล่อยมือเขา
              “มีอะไรให้ช่วยบอกนะ “ผมบอกปู เขาก็ยิ้มให้ผม ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องอาหารและผมก็เข้าไปนั่งข้างไอ้ดิว ไอ้ดิวมันหันมาหยักคิ้วให้ผม ผมก็หยักคิ้วกับ ปูและป๊อดก็จัดการเอาอาหารมาวางไว้ที่โต๊ะ พวกผมก็ทานกันไป ผมก็หันไปมองปูเป็นระยะ
                “กินปูไหมเดี่ยว” มีคนถามผม
                “กิน ...น่ากินนะ “ผมก็พูดแต่ก็ต้องสะดุ้งมีปูมาจ่อที่ตรงหน้า เป็นปูผัดผงกะหรี่ น้องพายตักมาให้ผม ทำท่าจะป้อนด้วย
                “ขอบคุณครับพาย วางในจานก็ได้ครับ” ผมบอกพาย
                “อยากป้อนอ่ะ “พายพูด
                “ก็เขาบอกว่าเขาจะกินปูไม่ได้กินพาย มึงก็ยังเซ้าซี้เขาอีก อีนี่” อีกคนคือติ๊กพูด
                “พายรสปู” พายพูด
                “ไม่มีอ่ะ” ผมพูดและกลั้นหัวเราะ
                “พี่ๆ ทานกันเสร็จแล้วใช่ไหมครับ งั้นป๊อดเก็บอุปกรณ์เลยนะครับเพราะว่าพี่ปูจะไปดูแม่ของพี่ปูที่โรงพยาบาลนะครับ”
                “อ้าว! แล้วพรุ่งนี้ปูไม่มีเรียนเหรอ” บอยหันไปถามปู
                “มีแต่เราอยากอยู่เฝ้าแม่เรานะ เพราะว่ากลางคืนพยาบาลยุ่งมากและเขาก็อนุญาตให้เฝ้าได้หนึ่งคน” ปูพูด
                “ห้องพักแบบไหนเหรอ” ติ๊กหันไปถาม
                “แม่เราไม่มีสิทธิ์อะไรนอกจากบัตรทอง ก็ได้ห้องพักรวมนะ” ปูพูด
                “อืมม ถ้าเป็นห้องพิเศษแพงมากเนอะ” ติ๊ก
               “ติ๊ก” แจ็คมันเรียกชื่อ และส่ายหัวไปมาว่าอย่าทำ
               “ก็แค่ถามเพราะว่าไม่เคยใช้ห้องพักรวม ไม่ได้เหรอ” ติ๊กมันหันมาถามไอ้แจ็คและติ๊กก็ลุกขึ้นเดินไปเลย
               “เออ วันนี้มันไม่เรียกมึงไปด้วยละแอ้ หรือว่างอนใครหรือเปล่า แถวๆ นี้” ไอ้หลุยส์มันแซวแต่ธรรณ์นะตีที่ไหลหลุยส์
               “ถ้าอย่างนั้นพวกผมไปนะพี่เดี๋ยวจะดึกสำหรับพี่ปู “ป๊อดพูดและก็เก็บทุกอย่างลงหมอใบใหญ่กันสองคนกับปู ผมก็ลุกขึ้นช่วยทันที
                “อู้ยยย! ช่วยกันด้วย สงสัย จะมีเด็กช่วยวางอาหารเพิ่มแล้วมึง” ไอ้แจ็คมันแซวผม ผมก็ช่วยไอ้ป๊อดมันยกออกไปที่รถเพราะไม่อยากให้ปูยก และผมก็ยืนมองรถคันที่มากับพวกป๊อดและปูออกไป นี้แสดงว่าเขาก็ไม่มีรถซินะ เห็นแบบนี้แล้วผมสงสารจับใจเลย ผมรู้สึกถึงตอนที่ผมรู้ว่าผมเสียพ่อผมไปแล้วผมเสียใจมากแค่ไหน
               //สวัสดีครับ ลุงครับ// ผมโทรหาลุงที่ทำสีรถให้ผม
               //ว่าไงเดี่ยวลุงกำลังทำสีให้เอ็งอยู่//
               //ลุงผมขอเอาสีเดิมเพราะลุงจะได้แก้ไม่เยอะ ผมคิดว่าจะไม่ลงใหม่ทั้งคันจะดีกว่า//
               //อ้าวทำไมละ นี้กะว่าสักสองอาทิตย์ก็เสร็จเลย// ลุงบอกผม
               //ผมต้องการรถไว้ใช้ครับช่วงนี้ ผมไม่มีรถนะครับลุง //
              //เออ อันที่จริงก็ไม่มากมาย แก้เฉพาะที่ ก็ไม่น่าจะเกินจากสามวัน เพราะว่ามันเป็นเยอะหน่อยก็ปิดท้ายกระบะ แต่ไม่ยาก ช่วงนี้ลุงมีเครื่องมือค่อนข้างทันสมัยมาลงและห้องอบอีก //ลุงเขาบอกผม
              //งั้นเอาตามนั้นครับลุง// ผมพูดและก็กดวางสาย ผมเดินเข้าบ้านมาก็เจอพวกไอ้แจ็คและหลุยส์ บอยและธรรณ์กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นกัน แต่ผมไม่เห็นไอ้ดิวและแอ้
               “พวกนั้นขึ้นห้องไปกันหมดแล้ววะ พวกกูว่าจะคุยกันสักหน่อย” ไอ้แจ้คพูด ผมพยักหน้าและเดินขึ้นผมว่าจะวิดีโอคอลคุยกับแม่สักหน่อยแม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงผม ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินผ่านห้องนอนติ๊ก หรือว่าจะ
               “มึงหึงเขาก็บอกมาเถอะไอ้เดี่ยวน่ะ พอเห็นเขาจีบปู”
               “กูจะหึงทำไมคนอย่างไอ้เดี่ยว”
               “ก็มึงชอบเขาใช่ไหมล่ะ”
               “กูไม่ได้ชอบมันและถ้ากูจะอยากมีแฟน หาคนที่ระดับเดียวกับกูดีกว่าไหมเพราะว่ากูเป็นลูกเจ้าของโรงเรียนนะโว้ยย “ผมก็เลยไม่กล้าจับลูกบิดเลย ผมก็เดินไปห้องนอนผม ใช่ซิ เขามันลูกเจ้าของโรงเรียนจะมามองผมทำไมวะ
                “ก๊อกๆ” มีคนมาเคาะห้องนอนผม ผมเปิดประตูไปดู ผมเห็นไอ้ดิวมันมายืนและมันก็ส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้ผม ผมหยิบมาคลี่ดู เป็นเบอร์โทร มันเขียนว่าปู เบอร์มือถือของปู
                 “ใช่ กูขอไอ้แจ็คมาให้ กูว่าเขาก็โอเคดีนะ น่ารักดีด้วยและกูก็เห็นมึงมองเขาอยู่”
                 “นี้มึงกลัวกูจีบแอ้ขนาดนั้นเลยเหรอ”
                “กูไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ถ้ามึงจะจีบแอ้และแอ้เขาโอกับมึงกูก็ไม่มีสิทธิ์ขวาง” ไอ้ดิวมันพูด
                “แต่กูเป็นเพื่อนใครแล้วสิ่งที่กูจะไม่ทำกับเพื่อนคือแย่งคนรักเพื่อนวะ” ผมพูดและหยิบกระดาษแผ่นนั้นไป

                   ถ้าผมจะเลือกคบใครสักคน ผมควรจะคบคนที่เขารับผมได้จะดีกว่าไหมเพราะว่ามันน่าจะสบายใจกว่า ผมพลิกกระดาษไปมาก่อนจะเมมเบอร์ลงในมือถือไอโฟนรุ่นใหม่แต่ไม่ล่าสุด เครื่องนี้ผมได้มาตอนวันเกิด พ่อเลี้ยงผมซื้อให้และแม่ผมก็เอามาให้ผมที่ไทยเองด้วย ผมก็เลยลองส่งข้อความไป
                  //เบอร์เดี่ยวนะ พรุ่งนี้ลงมาทานอาหารเข้ากันได้ไหม เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ปากไม่ดี// ผมส่งข้อความหาปู
                  //เหรอ//
                 //น่ะปู มาทานอาหารเช้ากัน//
                //พรุ่งนี้บอกอีกทีนะ ตอนนี้เราต้องปิดมือถือแล้วเพราะว่า พยาบาลเขาบอกห้ามใช้เสียงและเครื่องมือสื่อสารอิเล็กโทรนิกต่างๆ ตอนนี้คนไข้คนอื่นต้องการพักผ่อน พรุ่งนี้เราจะโทรบอกเดี่ยวอีกทีแต่เช้านะ กู้ดไนท์//

               จะว่าไปก็แปลกที่นะ ผมก็เป็นคนที่นอนไม่ค่อยหลับแปลกที่แปลกทาง ก็เลยหยิบเอากีตาร์เครื่องโปรดมาเล่นเพลงที่ผมชอบ ผมชอบเพลงวงบอดี้แสลมมาก ชอบตั้งแต่ชุดแรก ติดตามทุกชุดทุกเพลงที่พี่เขาออกมาเลย และเพลงอกหักที่พีคที่สุด เมื่อแฟนสาวที่ผมรักดันไปนอนกับเพื่อนไอ้ภาคิน มันชื่อไอ้ธงรบและผมเองก็ต่อยหน้ามัน และมีเรื่องบานปลายจนกระทั่ง ผมเอามีดแท่งไปที่พุงของมัน มีดนะเล็กมาแต่มันก็ถูกห้ามส่งโรงพยาบาลทันทีแต่มันนะสายโหด แค่นั้นจิบๆ ของมัน ผมนั่งเล่นกีตาร์ไปสักพัก ผมนึกขึ้นมาได้ผมว่าจะเดินไปถามไอ้ดิวว่าพรุ่งนี้มันเอารถไปไหม ผมขอไปรถมันดีกว่าเพื่อว่าอีกคนเขาอาจจะไม่อยากให้ผมนั่งรถไปด้วย
                 “ก๊อกๆ” ผมเดินไปเคาะประตูแต่ไม่มีเสียงตอบรับ ผมเลยขยับลูกบิดมันไม่ได้ล๊อคประตู ผมเลยถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปก็ไม่เจอไอ้ดิว หรือว่ามันทำธุระอยู่ในห้องน้ำ
                    ผมเดินไปจับลูกบิดเปิดประตูเข้าไปทันทีแต่สิ่งที่ผมเห็น ผมถึงกับต้องรีบปิดประตูลง ไอ้ดิวกำลังจูบกับแอ้ โดยตัวแอ้ถูกวางพาดอยู่บนอ่างล้างหน้า
                    “แกร๊ก” เสียงลูกบิดถูกหมุนและเปิดออก ไอ้ดิวมันเปิดออกมา
                   “ขอโทษว่ะ “ผมรีบบอกขอโทษขอโพยทันทีแต่ไอ้ดิว มันกลับกลั้นหัวเราะ
                     “ช่างมันเถอะ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าวะ” ดิวถามผมยิ้มๆ
                     “เออ กูว่าจะมาถามว่าพรุ่งนี้มึงเอารถไปไหมว่ะ กูว่าจะติดรถมึงไปว่ะ “ผมบอกไอ้ดิว
                     “เอาไปดิ ไปด้วยกันดิว่ะ “ดิวมันบอกผม ผมพยักหน้า และกำลังจะเดินออก
                     “เดี่ยว” ดิวมันเรียกผม ผมหันมามองหน้ามัน
                     “คือ เออ เรื่องกูกับแอ้ กูไม่เคยบอกใครเลยวะ แม้กระทั่งไอ้ติ๊กและคนอื่นๆ ก็คงไม่ต้องบอกเพราะว่าพวกมันเดากันได้แต่ ติ๊กนี้มันแทบจะไม่เปิดใจรับเรื่องกูสองคน “ไอ้ดิวมันพูด ผมฟังจากน้ำเสียงของมันแล้ว ดูท่าทางปัญหาใหญ่ของมันคือติ๊กนี่แหละ
                     “กูไม่ใช่คนปากพล่อยว่ะและขนาดพวกมันสนิทกับมึงมากมึงยังบอกไม่ได้กูก็คงไม่ไปบอกหรอกว่ะ มึงควรจะเป็นคนบอกมันเองว่ะ” ผมหันมาบอกไอ้ดิว
                    “กูกับแอ้ มันก้าวข้ามคำว่าแฟนกันไปแล้วว่ะ มันเป็นมากกว่านั้นว่ะ แต่กูบอกไม่ได้ตอนนี้ “ดิวมันพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
                    “เออ เรื่องพวกนี้กูไม่เข้าไปยุ่งหรอกว่ะ”
                    “แต่ถ้ากูเป็นติ๊ก เป็นคนที่โตมากับพวกมึงจริงๆ ก็คงเสียใจว่ะ “ผมพูดก่อนจะเปิดประตูออกไปขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านห้องนอนอีกคนเพื่อตรงไปห้องนอนของผม ผมก็หยุด
                     “เบื่อแล้วอ่ะ พี่เต้ ไม่อยากไปแล้ว รู้ว่าโรงแรมพ่อแต่ติ๊กก็เบื่อนิ ก็ไปทีไรก็ทะเลาะกับพวกมันตลอด ก็มันชอบพูดว่าเหน็บแนมอ่ะ ใครจะทนได้ ดีแค่ฟาดไปที่ดังทำจมูกแค่ไม่กี่หมื่น ดีไม่ถลกหนังหน้าจะได้ไปทำใหม่หมดทั้งเบ้าหน้ามันเลย บร้าๆๆๆๆ “ผมนี่พยักหน้าเบาๆ หัวร้อนเหมือนกันน่ะแต่ทำไมผมกลับแอบอมยิ้ม ผมไม่ค่อยชอบแบบเรียบร้อยเท่าไหร่แต่ก็ได้แฟนแบบเรียบร้อยหวานๆ ทุกทีและติ๊กนี่นะ ค่อนข้างเป็นคนที่ดูอีโก้สูงแต่ก็มีมุมที่อ่อนไหวเหมือนกัน แต่อย่างว่าเขาอยู่สูงเกินไป ผมเอื้อมไม่ถึงหรอก เอาจริงๆ เอ๊ะ คิดแบบนี้นี้ผมแอบชอบไอ้ดาราคนนี้จริงๆ เหรอ
                  “เดี๋ยวกูขึ้นมา กูทำหล่นที่โต๊ะอาหารแน่ๆ เลยว่ะ ไม่ได้หรอกอันนี้พี่ต้าร์ซื้อให้” ผมหันไปมองคนที่เปิดประตูออกมาจังหวะที่ผมกำลังบิดลูกบิดประตูพอดี ติ๊กหันมามองหน้าผม ก่อนจะรีบหันหลังให้ผมและเดินลงไป ผมก็แอบเดินตามลงไปตามเข้าไปที่ห้องครัว ผมยืนผิงขอบประตูมองคนที่อีโก้สูงพยายามหาของใต้โต๊ะอาหารอยู่
                   “หล่นตรงไหนวะ ถ้าหายพี่ต้าร์เสียใจแย่เลยกู “ผมได้ยินเสียงคนที่บ่นงึมงำอยู่ใต้โต๊ะ ผมก็ก้มลงมองและคนนั้นก็หันมาเจอผมอย่างจัง
               “เว๊ย!!” ร้องเสียงหลงออกมาทันทีและทำท่าจะลุกแต่มันใต้โต๊ะนะเฮ้ย! ผมเลย เอามือไปรองเอาไว้ไม่ให้หัวคนนั้นกระแทก
                “หาอะไรเนี๊ยะ!” ผมถามติ๊ก เขาแหงนหน้าขึ้นมองและจับมือผมออก
               “หาต่างหู” ติ๊กพูดเบาๆ
               “ทำหล่นเมื่อไหร่ละ” ผมถาม
               “ใส่ไปเมื่อเช้า ตอนอาบน้ำมันก็ยังอยู่ น่าจะตอนที่ลงมาทานข้าวนี้แหละ” ติ๊กพูดและหันไปเอามือคล้ำไปทั่ว
               “ช่วยหา “ผมพูดและหันไปมองคนที่พยักหน้าแค่นั้นและสาละวนกับการคล้ำหาไปทั่ว
                “ทำไมอ่ะ แฟนให้มาเหรอ” ผมถาม
                “พี่ให้มา มันแพงอ่ะ ต่างหูเพชรอ่ะ ถึงมันจะเล็กแต่พี่ชายซื้อให้ตอนวันเกิดอ่ะ กูหวง!” ติ๊กพูด และผมก็คลำไปจนเจออะไรบางอย่าง ผมหยิบขึ้นมาดูมันคือต่างหูเพชรจริงๆ ด้วย อันเล็กๆ รูปแบบมันก็บ่งบอกว่าเป็นสไตล์ของผู้ชายเขาใส่กัน ยังดีที่หมุดตรงท้ายมันตกอยู่ด้วยกัน
                “อันนี้หรือเปล่าเนี๊ยะ!” ผมถามติ๊ก ติ๊กหันมาทำตาโตและพยักหน้า ติ๊กจะคว้าคืนแต่ผมชักกลับ
                “อะไร เอาคืนมา” ติ๊กพูด
                 “ไม่ขอบคุณเลยอ่ะ คุณหนู” ผมพูด ติ๊กมันเหลือกตามองบนก่อนจะ
                 “แธงส์กิ้ว”
                “คนไทย พูดภาษาไทยซิครับคุณ…”
                “อย่าเรียกคุณหนูได้ป่ะ กูโตแล้ว เออ ขอบใจ” ผมก็ฟังดูแปร่งๆ แต่ก็เอาว่ะ ผมส่งไปให้ ติ๊กทำท่าจะใส่มันเอง
                 “ใส่ให้ป่ะ” ผมถามติ๊ก ติ๊กหันมาเหล่มองผมก่อนจะส่งต่างหูกลับมาให้ผม ผมก็ขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ ผมได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ น่าจะสบูอาบน้ำแน่ๆ คงไม่มีใครฉีดน้ำหอมก่อนนอนแน่นอน แต่มันหอมแบบอยากฝังจมูกเข้าไปดอมดม
                  “รีบใส่ให้ก่อนได้ป่ะ กูจะขึ้นไปเตรียมตัวเข้านอน” ติ๊กพูดเร่งผม
                 “มองไม่เห็นอ่ะ “ผมพูดและขยับเข้าไปใกล้อีก จังหวะที่ติ๊กหันมามองผมพอดี ใบหน้าของติ๊กห่างจากผมแค่ไม่กี่เซนติเมตร ใบหน้านี้เนียนใสมาก จนผู้หญิงอายเลยก็ว่าได้ ผมเองก็ยังไม่เรียบเนียนเท่านี่เลย ขนาดแม่พาไปรักษาสิวมาแล้วนะ หลายครอส ที่จริงๆ ไม่อยากไปหรอกแม่บังคับ
                   “กูเจาะหูกูไม่ได้เจาะจมูก…. ไอ้เดี่ยว!” ผมสะดุ้งคนที่บอกผม ผมก็พยักหน้าและค่อยๆ จับติ่งหูนั้นและเอาต่างหูก้านใส่ไปอย่างเบามือที่สุด เพราะถ้าผมทำเจ็บขึ้นมานี้คงได้กัดหูผมแน่ๆ และผมก็ปิดท้ายด้วยจุกที่ครอบกั้นไว้
                   “ก็แค่สงสัยว่าไปทำจมูกที่ไหนมา สวยดีนะ” ผมพูดโดยไม่ได้มองหน้าคนที่ผมชม
                   “ทำไมดาราต้องทำศัลยกรรมทุกคนเหรอ ยกเว้นกูไม่ได้หรือไง อันนี้พ่อกูให้มา นั้นแปลว่ากูมีมาตั้งแต่เกิด” ติ๊กตอบผมด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ว่านอยด์
                    “โกรธเหรอที่ถามนะ” ผมถามติ๊กกลับแอบชำเลืองตามอง
                    “ไม่ได้โกรธมึงแค่เบื่อว่ะ มีแต่คนถาม คือแบบว่าไม่คิดว่ากูมีมาตั้งแต่เกิดบ้างหรือไงวะอะไรแบบนี้อ่ะ “ติ๊กหันมาพูดและเอามือจับที่ตี่งหูเพื่อเช็กดูว่าแน่นพอไหม
                    “ก็มันสวยกว่าคนปกติ เอ๊ย! กว่าผู้ชายปกติเขาควรจะมีกัน มันจมูกผู้หญิงนะเนี๊ยะ!” ผมพูดและใช้นิ้วแตะเบาๆ แต่ผมก็ต้องชักนิ้วกลับเพราะว่ามีเสียงคนสนทนาเดินเข้ามาในห้องครังและกำลังจะผ่านผมสองคนที่ยังอยู่ใต้โต๊ะอยู่เลย
                     “อุ่นนมกินไหมล่ะแจ็ค บอยอุ่นให้ “
                    “ไวน์ไม่ได้เหรอ ไอ้หลุยส์มันแอบเอามาขวดหนี่ง”
                   “ไม่เอาแจ็ค”
                   “หลุยส์ละ เอาไหมนมอุ่นๆ นะ”
                    “ถ้าจะชวนมากินนม ทำไมไม่ชวนตั้งแต่อยู่บนห้องล่ะจะได้กิน”
                  “ทะลึ่ง”
                  “เดี๋ยวนะ ไปทำอะไรกันใต้โต๊ะว่ะ” ไอ้แจ็คมันก้มลงมาถามผมกับติ๊ก และผมก็ถอยหลังออกกันมาจากใต้โต๊ะ คราวนี้ทุกคนมองผมกับติ๊กสลับกันไปมา
                 “บอกแล้วว่าอย่าลงมาเขากำลังจะได้กัน” ไอ้หลุยส์
                 “ได้พองมึงดิไอ้หลุยส์ กูมาหาต่างหูกู” ติ๊กพูดและรีบแทรกตัวเองขึ้นไปบนบ้านทันที ผมก็ยกมือขึ้นเกาหัวด้วยอาการเขิน
                 “ไม่เบานะมึงนะ มาถึงจะเล่นไอ้ดาราขาวีนประจำบ้านกูเลยเหรอ” ไอ้แจ็คมันถามผม
                 “เพี๊ยะ!” เสียงใครสักคนตีแขนก็คงแฟนแจ็คมันนั่นแหละ บอยหันมายิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มกลับและเดินหันหลังออกทันทีเช่นกันพร้อมยกมือโบกราตรีสวัสดิ์ ผมเดินตามขึ้นไปแต่เห็นหลังติ๊กไวๆ เขารีบเข้าห้องไปแล้ว จะว่าไปก็มีมุมมองที่น่ารักอยู่นะ ถ้าใส่ใจที่จะมองมัน
                 “เดี่ยว พรุ่งนี้มึงไปกับกูสองคนปะ “ติ๊กเปิดประตูออกมาถามผม ผมก็ยืนอึ้งงงไปซิครับ
                  “ไปโรงเรียนนะไอ้นี่ ไปก็บอกกูจะได้ให้พี่เขาเอารถมาเพราะว่าไอ้ดิวกับแอ้มันเอารถไปเอง” ติ๊กพูด
                 “เมื่อเช้ากูขอรถแค่สองคันกูไปกับไอ้ดิวแอ้มันและมันคงไม่พอ เลยจะให้มาเพิ่มอีกคัน “ติ๊กพูดผมพยักหน้าเบาๆ อย่างเข้าใจ
                 “ถ้าอยากให้ไปก็ไป” ผมพูด
                “เออ ก็แค่นี่แหละ เล่นตัวจริงๆ นะมึงนะ” และคนที่บ่นผมก็ปิดประตูลง ผมก็อดอมยิ้มไม่ได้ ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน ตอนนี้ก็เกือบจะสี่ทุ่มกว่าแล้ว เตรียมตัวเข้านอนได้และก่อนจะนอนผมต้องส่งข้อความหาแม่ผมก่อนทุกคืน บอกราตรีสวัสดิ์และฝันดี ผมคิดถึงแม่นะแต่แม่ผมมีอนาคตที่ดีแล้ว มีคนดูแลที่ดีผมก็ควรจะดีใจด้วย ไม่ควรให้แม่มาจมอยู่แบบนี้ แต่ผมก็เชื่อว่าแม่ผมรักพ่อผมตลอดไปเช่นเดียวกับผมเหมือนกัน
                   TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2024 13:30:17 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
รักวุ่นวายฯภาคน้องๆ จะรักกัน
                 Part’ s เดี่ยว ผมมาอยู่กับเพื่อนใหม่ได้สามวันแล้ว ผมยอมรับว่าพวกนี้มีดีกว่าที่ผมได้ยินมาซะอีก ที่บอกว่าเป็นแค่คุณหนูไปวัน วัน แต่แท้ที่จริงแล้วพวกนี้ถูกส่งมาเพื่อแก้ปัญหาที่ค่อนข้างใหญ่ เพื่อหาสาเหตุจริงๆ ว่าทำไมโรงเรียนนี้ถึงได้มีปัญหาและผู้ปกครองพากันพาลูกหลานย้ายไปเรียนที่อื่น และในเมื่อพวกนี้รับผมเป็นเพื่อนผมก็จะช่วยด้วยอีกแรง และวันนี้ผมได้รับสายจากลุงเจ้าของอู่ซ่อมรถที่ผมได้นำรถสุดที่รักของผมไปจัดการแก้ไขเพราะว่ามีคนเอาสีสเปรย์ไปพ่นและมันก็ทำให้ผมมีเรื่องชกต่อยกับดิว จนสุดท้ายผมได้ดิวเป็นเพื่อนของผม ใจหนึ่งก็นึกขอบใจติ๊กมันเหมือนกันน่ะ
               “พี่แจ็คครับ ผมเอาผลงานที่พี่ปูไปสืบมาให้มาส่งครับ พี่เขาไปปริ้นที่บ้านของผมมาครับพี่” ไอ้ป๊อดพูดผมหันไปมองไอ้ป๊อด ผมว่าจะถามถึงปูแต่รอให้ป๊อดคุยธุระให้เสร็จก่อนจะดีกว่า ป๊อดมันก็ส่งแฟ้มเอกสาร ทำยังกลับว่ามันคือพนักงานบริษัทน่ะ และแจ็คก็รับมาเปิดดูก่อนส่งอันอื่นมาให้ทุกคนดูรวมทั้งผมด้วยเช่นกัน
                 พอผมเปิดดู ก็เจอไอ้มาร์คคนแรก ไอ้นี่พ่ออยู่ในสังกัด อบต เจ๋งเหมือนกันน่ะปูถึงได้ประวัติพวกนี้มา และมีไอ้โซ่ ที่เปิดร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้า มันมีน้องหนึ่งคน เป็นน้องสาวชื่อสายป่าน ไอ้ภาคิน พ่อเป็นหมอและเป็นผู้อำนวยการแต่รักษาการดูแลโรงพยาบาลแทน (ใครสักคนหนึ่งผมไม่แน่ใจ) ภาคินมีน้องชายชื่อภาคิไนย์หรือไอ้ไนย์ ไอ้นี่ไม่จริงใจกับใครและมันก็คิดว่ามันแน่ เกือบขิตก็หลายครั้งแต่ดีที่ไอ้ภาคินมันยังช่วยไว้ได้และตัวไอ้ภาคินเองก็เกือบซวยเพราะน้องมันก็หลายหน
                  “กูไม่อยากจะเชื่อเลยว่ะว่า ไนย์ น้องไอ้ภาคิน ที่เรียนอยู่ชั้นม. 2 จะเป็นแฟนไอ้ว่าน มีเรียนชั้นม.5 เลยน่ะมึง “ติ๊กพูดผมหันมามองทุกคน เมื่อก่อนว่านมันไม่ได้เรียนห้องเดียวกับภาคินและผมเองก็ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน
                 “มึงเคยเรียนกับภาคินมึงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเหรอวะ” ไอ้ดิวมันถามผม ผมสั่นหัวไปมา
                 “ไอ้ว่านน่าย้ายมาทีหลังนะและเมื่อก่อนไอ้นี่ไม่ได้เรียนอยู่ห้องเดียวกับภาคินว่ะ" ผมพูด พวกไอ้ดิวก็พยักหน้าพร้อมกัน
                 “น่าจะมาเรียนทีหลัง ก่อนที่กูจะมีเรื่องและโดนพักการเรียนไม่นานและกูได้ยินมาว่ามันโดนยกแก๊งหลังจากนั้นไม่นานเช่นกัน ตอนนั้นกูกลับไปอยู่กับแม่และพ่อเลี้ยงแล้ว กูไปเรียนภาษาที่ประเทศออสเตรเลีย “ผมพูด ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน
                 “และว่านนี้มันเพิ่งย้ายมาอยู่กับครอบครัวภาคินไม่นานด้วยมั้ง กูได้ยินมาจากพวกไอ้โซ่นี่แหละว่า พ่อมันพาแม่บ้านมีลูกติดมาเรียนที่เดียวกับมัน” ผมพูด พวกนี้หันมามองหน้าผม ประมาณว่าแล้วให้พวกมันไปหาข้อมูลทำไม
                 “อย่างน้อยกูก็เพื่อนพวกมันมึงให้กูขายเพื่อนเก่าก็คงไม่ดี มึงจ้างเถอะ” ผมรีบพูดแก้ตัวทันที พวกมันก็ยังพยักหน้าเข้าใจและผมก็อยากให้ปูได้เงินตรงนี้ด้วย ผมดูแล้วปูน่าจะต้องการมัน
                 “แต่เรื่องที่ว่าน้องไอ้ภาคินเป็นแฟนว่าน กูไม่รู้ที่มาที่ไปว่ะ แต่ถ้าถามกู กูก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่ะ ไอ้เด็กนี้ นิสัยแย่มาก ต่างจากไอ้ภาคิน หน้ามือกับหลังเท้าเลย” ผมพูดก่อนจะช่วยพวกนี้เปิดดูอันอื่น
               ผมเจอข้อมูลของพี่แฮกซ์กับพี่กอล์ฟด้วย ปูนี้ก็ไม่ธรรมดานะที่หามาได้ขนาดนี้ เพราะว่าเรื่องครอบครัวพี่แฮกน้อยคนมาที่จะรู้ นี้รู้ขนาดที่ว่าพ่อแม่ของพี่แฮกเขาทำธุรกิจต่างประเทศและไม่คิดจะกลับมาอยู่เมืองไทย พี่แฮกเขาเลือกที่จะไม่ไปเพื่อจะอยู่กับพี่กอล์ฟ เพราะว่าเขาทั้งคู่เป็นแฟนกัน ส่วนพี่กอล์ฟ พ่อแม่ก็ไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศเหมือนกัน พี่กอล์ฟมีน้องสาวชื่อกิ๊ฟ น้องสาวพี่กอล์ฟแรงได้ใจเลย ใจแตกตั้งแต่อยู่ม.หนึ่งและยังท้องตั้งแต่เรียนม.2 ถ้าเรียนตอนนี้ก็อยู่ ม.5 แต่เห็นว่าคลอดลูกได้ขวบหนึ่งก็ท้องอีกคนทันที เลยถูกส่งตัวไปอยู่กับปู่กับย่าที่ต่างจังหวัดแต่ก็หนีกลับมาทุกรอบ
                 พี่กอล์ฟก็อยู่กับพี่แฮ๊ก พี่แฮ๊กเลยทำหน้าเหมือนเป็นพ่อของเด็กๆ ร่วมกับพี่กอล์ฟ อันนี้ผมรู้มาจากเพื่อนสนิทของผมที่บ้านอยู่ข้างบ้านพี่กอล์ฟแต่ว่าตอนนี้มันย้ายตามพ่อไปแล้ว พ่อทำงานเป็นผู้จัดการการประปา มันชื่อบอสแต่คนล่ะบอสที่เป็นรองหัวหน้าแก้งกับพี่ข้าวปั้นพี่ชายไอ้ต้นข้าว มีแต่คนพูดกันว่าหลังจากที่พี่ข้าวปั้นเข้าไปอยู่ในสถานพินิจ ทำไมพี่แฮกไม่เป็นหัวหน้าแก๊งซะเอง เป็นผมก็ไม่เอาล่ะ เพื่อนรักต้องมาโดนใส่ร้ายและหาข้อหลักฐานไม่ได้ พี่ข้าวปั้นเลยต้องเข้าไปอยู่ในสถานพินิจ ส่วนคนทำก็ลอยนวลไปอยู่เมืองนอก เขาเรียกว่าหักหลังกันเอง ส่วนคนอื่นก็ธรรมดาน่ะ ไม่มีอะไรโดดเด่น
                   “แต่กูเอะใจอย่างหนึ่งน่ะ ทำไม พี่ข้าวปั้นไม่ปฏิเสธวะ กูว่าปืนน่ะไม่ใช้ของพี่ข้าวปั้นว่ะ” ผมพูด ทุกคนหันมามองน้องผมกันหมด
                   “กูรู้จักพี่ข้าวปั้นดี กูว่าแกกำลังปิดบังปกป้องใครหรือเปล่า” ผมพูดขึ้น
                  “เรื่องนั้นจะได้คำตอบเมื่อเราได้พวกภาคินเป็นเพื่อนว่ะ” ไอ้ดิวพูด
                   “ผลงานใช้ได้เลยวะ เอาเงินไปให้เพิ่มอีก หนึ่งหมื่นบาทแล้วกันป๊อด ฝากเอาไปให้ปูด้วยแล้วกันเพราะการที่ไปถ่ายรูปมาแบบนี้ได้ก็โคตรเสี่ยงพอสมควร” ไอ้หลุยส์มันควักเงินให้ไปอีกปึกหนึ่งให้ป๊อดไป
                  “ป๊อด “ผมเรียกป๊อดเอาไว้ก่อนที่มันจะหันหลังเดินกลับเข้าไปด้านใน
                   “ครับพี่เดี่ยว” ป๊อดหันมาหาผม
                   “ปูไปไหนอ่ะ พี่ไม่เห็นปูเลย” ผมถามไอ้ป๊อดถึงปู
                   “ผมได้ยินว่าแม่พี่ปูกลับไปอยู่ที่บ้านแล้วครับพี่เดี่ยว แม่พี่ปูเขาดีขึ้นแล้วและพี่ปูคงดูแลแม่พี่ปูก่อนสักสองสามวันนะครับ” ป๊อดบอกผม
                   “แต่ผมเห็นพี่ปูบอกว่าจะกลับมาเรียนพรุ่งนี้นะพี่และจะมาช่วยแม่ผมที่ร้านที่โรงเรียนทุกเช้าด้วยครับ แม่ผมจ้างเพิ่มนะครับพี่เดี่ยว” ไอ้ป๊อดพูด ทำงานหนักแบบนี้จะแย่เอาน่ะ ไหนจะเฝ้าแม่อีก
                  “อ้าวแล้วใครดูแลแม่ของปูล่ะ ถ้าปูเขาทำงานเยอะขนาดนี้เดี่ยว” แอ้ถามเดี่ยว
                   “อ้อ มีป้าข้างบ้านนะครับ เขาสนิทกับแม่ของพี่ปูตั้งแต่ทำงาน...ที่ไหนซักที่นี้แหละครับพี่ปูบอกผมไว้ เหมือนจะอยู่ในค่ายทหารอะไรนี้แหละครับ “ไอ้ป๊อดพูด
                    “คิดถึงน้องปูเหรอวะ” ไอ้ดิวมันแซวผมเสียงดังและติ๊กก็ลุกพล้วดขึ้นทันที
                    “เออ ..กูจะไปห้องน้ำนะ แอ้ไปไหม” ไอ้ติ๊กมันบอกทุกคนและหันไปถามแอ้เพื่อจะชวนไปห้องน้ำด้วยกัน มันไม่มองหน้าผมเลยสักนิด เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วและทุกครั้งที่ผมถามหาปู
                   “ปวดอยู่พอดี ไปด้วยได้ไหม” ผมลุกขึ้นทันทีเช่นกัน ผมมองหน้าติ๊ก
                   “กูชวนแอ้มันไม่ได้ชวนมึง” ติ๊กหันมาพูด
                   “ดีเลยไปกับไอ้เดี่ยวดิ กูยังไม่ปวดอ่ะติ๊ก” แอ้มันพูด
                    “พายล่ะ ไปหรือเปล่า” ติ๊กหันไปถามพาย
                   “กูไม่ได้ท่อเดียวกับมึง กูไม่ปวดว่ะ” พายพูด
                     ติ๊กมันก็หันมามองหน้าผมและเดินออกไปเลยโดยไม่พูดอะไรเลย ผมหันมามองหน้าทุกคนที่มองผมกับติ๊กแบบงง ผมก็ยิ้มให้และวิ่งตามไปติดๆ ผมวิ่งไปจนถึงตัวและจับแขนติ๊กเอาไว้ เขาหันมามองมือผมที่จับต้นแขนเขาเอาไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม
                     “เออ... เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมทำเหมือนโกรธกันเลยอ่ะ” ผมถามติ๊ก
                      “อะไรนะ กูนี่น่ะเหมือนโกรธ โกรธใคร โกรธมึงเหรอ “ไอ้ติ๊กมันถามผมกลับ ผมพยักหน้า
                      “ก็เห็นแสดงอาการโกรธทุกครั้งที่ถามถึงปู” ผมพูดและพยายามมองเข้าไปที่นัยต์ตาคู่นั้น แต่ติ๊กหลบผมทันที
                      “กูจะโกรธทำไม ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย แต่กูแค่คิดว่าเขาจะหลอกมึงหรือเปล่า “ติ๊กพูด ติ๊กมองหน้าผม ผมก็ยืนเอามือเท้าเอวมองติ๊ก ขนาดนี้ยังไม่เชื่ออีกเหรอว่าปูเขาเป็นยังไง สภาพเขาแย่กว่าติ๊กแค่ไหน
“ทำไมถึงคิดว่าปูหลอกล่ะ ถ้าปูเขาไม่ลำบากเขาจะมาทำงานพิเศษทำไมล่ะติ๊ก เขาลำบากกว่าติ๊ก ลำบากกว่าทุกคนแม้กระทั่งเดี่ยวเอง ยังสบายกว่าเลย” ผมพูด ติ๊กหันมามองหน้าผม
                      “กูไม่เชื่อและกูก็ไม่เข้าใจว่าทำไม ใครๆ จะต้องเชื่อกันด้วยวะ กูว่ามันมีอะไรแปลกๆ บางทีก็เหมือนคนเสแสร้ง มึงเข้าใจปะ” ติ๊กพูดและหันมามองผม คงรูว่าผมไม่เชื่อที่เขาพูด ไม่ใช่แค่ผม ผมว่าทุกคน
                      “กูไม่น่าเสือกเลย” ติ๊กพูดก่อนจะหันหลังเดินออก ผมรู้ว่าพฤติกรรมของปูย่อมทำให้คนที่ไม่ได้มองโลกสวยอย่างติ๊กไว้ใจได้แน่นอน แต่ผมอยากให้เขาฟังปูก่อน ผมก็คว้ามือเขาไว้ ติ๊กหันมามองผมอีกครั้ง
                       “ปูเขาน่าสงสารจริงๆ น่ะติ๊ก เชื่อเดี่ยวซิ” ผมพูด ติ๊กมองหน้าผมนิ่งๆ
                       “ลองเปิดใจก่อนได้ไหม ถ้าเป็นอย่างที่ติ๊กกลัว เราค่อยว่ากันอีกที” ผมพูดเชิงขอร้องติ๊ก ติ๊กมองหน้าผมนิ่งอีกคราวนี้และทำท่าจะหันหลังเดินออกแต่ผมก็ดึงแขนเอาไว้อีก
                        “กูปวดฉี่ไอ้เดี่ยว! หรือว่ามึงจะให้กูราดตรงนี้ไหม ไอ้เดี่ยว!” ไอ้ติ๊กหันมาพูดกับผม
                     ผมมองคนที่ยืนบิดเล็กหน้อยแสดงว่าปวดจริงๆ ไม่ได้แค่วิ่งแบบนางเอกละคร ติ๊กสะบัดมือผมให้หลุดและรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำ ผมก็เดินตามไปติดๆ อีกเช่นกัน ติ๊กมันเข้าไปฉี่ที่โถฉี่ชายทันที ผมก็เข้าไปยืนข้างและก็ปลดกระดุมและรูดซิปเอาน้องหนูออกมาพ่นน้ำเล่นเช่นกัน ติ๊กก็ยืนทำธุรส่วนตัวไปด้วยผิวปากไปด้วย แถมยังหันมาชำเลืองมองผมที่ยืนแกล้งทำหน้าฟิน
                       “อุบาศว่ะ!” เขารู้ผมแกล้งเขานั่นแหละ
                       “เออ...นั้น พ่อให้มาเยอะที่สุดแล้วใช่ป่ะ” ผมก้มลงไปมองน้องหนูติ๊ก ถามว่าเห็นไหมไม่เห็นหรอกโถมันบังมิดแต่ว่าแกล้งทำเหมือนเห็น ติ๊กรีบเอาฝ่ามือมาดันหน้าผมให้หันไปมองทางอื่นแทน
                       “ทำไมมึงได้มาเยอะหรือไง ทำเป็นปากดี ไอ้ประเภทขี้อวดน่ะ สั้นทุกราย นั้นไงยังมาว่าผมอีกน่ะ ผมพยักพเยิดให้ดูเอาเองแล้วกัน
                       “ก็พอตัว” ผมพูดและยิ้มเท่ๆ ให้ คนที่กำลังก้มลงมอง
                        “Holy shit!! “ติ๊กสบถออกมา ผมก็หยักคิ้วอย่างภาคภูมิใจ ติ๊กมองหน้าผมพร้อมกับกลืนน้ำลายลงไป ผมยอมรับว่าผมไม่น้อยหน้าหนุ่มๆ ชาติไหนๆ แน่นอน
                      “ไหนใหญ่แค่ไหนดูมั้งดิ” จู่ๆ ก็มีคนมายืนโถถัดไปจากผม ผมหันไปมองไอ้ดิวและมันก็ปลดของมันออกมาบ้าง ผมก็ชะโงกมองทันที
                     “F**k!!” ผมสบดออกมาทันที ใครให้มันมาเยอะขนาดนี้วะ ผมเองนี้ว่าโอแล้วนะยังรองมันอีกนะมันมาครบหมดใหญ่และยาวผมชะเง้อมองคนที่ยืนโถถัดไปจากติ๊กทันทีนั้นคือแอ้แต่มองไม่เห็นครับเพราะว่ามันไกล แต่ที่ผมมองนะคือว่า รับได้ยังไงไซซ์ขนาดนี้ แอ้ขยิบตาให้ผมเพราะว่ามันกลัวผมจะหลุดปากแซวและติ๊กคงได้รู้ความลับของทั้งคู่ ผมสี่คนก็ทำภารกิจกันเสร็จเรียบร้อยและก็พากันเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกันทันที
                   “แก ว่าใครขะคู่ใครกันอ่ะ “ผมได้ยินสาวๆ ที่ยืนลับๆ ล่อๆ แอบมอง อย่าบอกน่ะว่ามาแอบมองพวกผมเข้าห้องน้ำผู้ชายกัน ผมสี่คนหันมามองหน้าก่อนจะทำทีเดินผ่านแบบว่าไม่รู้ว่ามีคนแอบมอง
                   “ไม่รู้ซิแต่รู้ว่าตอนนี้จิ้นมากอ่ะ เล่นหน้าตาดีทั้งหมดเลย เรียกว่าทั้งแก้งเลยก็ว่าได้ “ผมเห็นสาวๆ ที่ยืนกระซิบกัน ชมพวกผมขณะที่เดินออกมาจากห้องน้ำกัน มีแบบนี้ด้วย ผมก็ยิ้มๆ ให้สาวๆ พวกเขาแสดงอาการเขินกันใหญ่เลย
                      “กูว่าพี่แอ้นะน่าจะคู่พี่เดี่ยวแน่ๆ ส่วนพี่ติ๊กนี้ต้องพี่ดิว” ผมหันไปมองและยิ้มให้อีกทีพร้อมกับทำเครื่องหมายถูกต้องนะครับ แต่ดันมีคนสกัดผมซะหัวทิ่มเลยนั้นคือไอ้ดิวและมันก็แอบยกนิ้วกลางให้ผม ข้อหาที่ทำให้ใครๆ ก็อยากยกเมียมันให้ผม
                        TBC....

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.4ุ7 (เดี่ยวXติ๊ก)ดิวขอให้เดี่ยวช่วย

                    Part’s เดี่ยว พวกผมก็ขึ้นมาเรียนช่วงบ่ายกันต่อ วันนี้พวกไอ้ภาคินมันไม่เข้าเรียนช่วงบ่าย ผมก็ไม่รู้ว่ามันแอบออกไปจากโรงเรียนไปได้ยังไงและที่น่าสงสารคงเป็นครูพัฒน์ที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา บรรดาครูคงรายงานผู้อำนวยกันน่าดูแต่ว่าเท่าที่ผมทราบโรงเรียนนี้ไม่มีผู้อำนวยการมาพักหนึ่งแล้ว
                     “เดี่ยว มึงไปรับรถวันนี้ใช่มั้ยวะ ไอ้ดิวมันบอกกูว่ะ” ไอ้แจ็คมันถามผม
                    “ใช่ว่ะ กรูว่าจะให้พี่เขาแวะส่งกูหน่อย” ผมบอกแจ็ค
                    “ได้ดิ พวกกูไอ้หลุยส์ บอยและธรรณ์จะไปคันเดียวกัน เราสี่คนมีนัดกันที่โรงแรมอาพวกกูว่ะ “ไอ้แจ็คบอกผม ผมพยักหน้า
                        “โรงแรมพ่อไอ้ที่ใครเขาก็รู้ว่ามันเยอะ” แจ็คพูดและพยักพเยิดไปที่ติ๊กที่นั่งงดงานอยู่ ติ๊กไม่ได้หันมามองแต่ส่งนิ้วกลางมาให้แจ็คมันแทนว
                       “กูได้ยินสัส!!” ติ๊กพูด
                     “เออพายเห็นบอกว่าอาเปรมดิ์มาหาเหรอวะ” แจ็คหันไปถามพาย
                    “ใช่ พ่อบอกว่าจะให้รถที่โรงแรมมารับตอนหลังเลิกเรียนเลยอ่ะ “พายหันมาพูด
                    “แต่ถ้าเดี่ยวชวนเราจะรีบโทรบอกพ่อทันทีว่าไม่ไปอยากไปกับผู้บ่าวแทน” พายพูด ผมสะดุ้งตรงนี้แหละ
                     “ไปหาพอเถอะพาย เดี่ยวว่าเดี่ยวอยู่คนเดียวได้ จริงๆ น่ะ” ผมชะโงกหัวไปบอกน้องพายทันที พายมองผมและสะบัดบ๊อบไปทันที
                     “อ้าวอีพายทำไมมึงไม่บอกกูก่อนว่ะ แล้วนี่มึงก็ไม่กลับพร้อมกูอะดิ” ติ๊กพูด
                      “ก็พ่อเพิ่งจะบอกอ่ะหรือมึงจะไปด้วยกันไหมล่ะ ไปทานหาอาหารโรงแรมหรูพ่อมึงเองอ่ะ” พายหันไปถามติ๊ก
                    “เอาอย่างนี้ซิ มึงว่างอ่ะ มึงก็ไปกับไอ้เดี่ยวมันเลยแล้วกันเพราะถึงยังไงมึงก็ต้องเป็นคนจ่ายเงินค่าซ่อมรถไอ้เดี่ยวอยู่แล้ว ไปด้วยกันเลยดิ” ไอ้แจ็คพูด ผมหันมามองไอ้แจ็ค มันก็ยักคิ้วให้ผม ผมหันไปมองติ๊กที่มองหน้าไอ้แจ็คนิ่งๆ เหมือนกำลังใช้ความคิด สิ่งที่ผมคิดได้ตอนนี้คือระหว่างติ๊กกับสุนัขพันธิ์พิทบลู คุณจะเลือกอย่างไหนนั่งรถไปกับคุณ ผมว่าพอๆ กันเลยแหละ
                     “อะไรวะทำไมกูต้องไปวะ” ติ๊กถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
                      “มึงเป็นคนทำรถมัน” ไอ้แจ็คพูด ติ๊กหันมาค้อนผมทันที
                       “เฮ้ย! ไม่เป็นไรหรอกว่ะ” ผมพูด
                       “ให้มันไปวะ ให้มันจัดการที่มันทำให้เรียบร้อย มันควรจะมีส่วนร่วมบ้างว่ะ “ไอ้แจ็คมันพูดและติ๊กมันก็บ่นหงุ้งหงิ้งๆ อยู่คนเดียว ผมก็พยักหน้า ผมนั่งเรียนไปจนถึงเวลาเลิกเรียน จะว่าไปปูก็หายเงียบไปเลยข้อความก็ไม่ส่งหาผม โทรไปก็ปิดเครื่องติดต่อไม่ได้ ผมคิดว่าพรุ่งนี้จะชวนไปนั่งรถเล่นด้วยซะหน่อย
                     “ถ้าอย่างนั้นเจอกันที่บ้านวะ กูมีติวออนไลน์กับพี่ชายกู” ไอ้ดิวมันพูด ผมก็พยักหน้าและหันไปมองแอ้
                       “กูไปไม่ได้ว่ะ กูมีอ่านหนังสือและพี่อ้นจะโทรมาถามกูอีก ถ้ากูตอบไม่ได้โดนหนักยิ่งกว่าตอนพี่กูทำโทษทหารใหม่แน่ๆ “ไอ้แอ้พูด ผมหันไปมองและพยักหน้าก่อนจะหันมามองไอ้ดิว สองคนนี้เตรี้ยมกันมาหรือเปล่า
                      “ไปครับพี่จะพาไปออกเดต” ผมหันไปบอกติ๊กแทนทันที ติ๊กก็สะพายกระเป๋าและยกนิ้วกลางให้ผมแทน ไม่ต้องคิดมากเลย ผมเดินตามติ๊กลงมาถึงชั้นล่างและทุกคนก็แยกย้ายไปขึ้นรถ ผมก็ขึ้นไปนั่งคันเดียวกันติ๊ก ติ๊กมันก็เอาแต่กดมือถือคุยกับใครก็ไม่รู้ตลอดทาง ผมเองไม่ใช่คนชอบนั่งจ้องแต่โทรศัพท์ซะด้วย ไม่ใช่สาวกออนไลน์ ผมนั่งเงียบๆ มาจนถึงอู่ของผม
                        “คุณหนูจะกลับยังไงครับ” คนขับรถถาม
                        “เออ ..” ติ๊ก เงยหน้าขึ้นมองผมและคนขับ
                       “จะกลับไปก่อนก็ได้นะ เราอยู่คนเดียวได้” ผมพูดแอบทำเสียงน้อยใจ
                        “ก็บอกมาตรงๆ ว่าให้อยู่เป็นเพื่อนดิวะ ทำหน้าตา “ติ๊กพูดขึ้นและเบ้ปาก
                      “พี่ผมจะกลับพร้อมกันกับเดี่ยวเลยครับเพราะว่าผมสองคนมารับรถที่ส่งซ่อมนะครับพี่” ติ๊กบอกพี่คนขับ
                     “ได้ครับ แต่ถ้ามีปัญหาอะไรโทรหาพี่ตลอดได้เลยนะครับคุณติ๊ก”
                     “ถ้าอย่างนั้นพี่ขอตัวกลับโรงแรมก่อนนะครับ เพราะว่าวันนี้มีคนสำคัญเดินทางมาหลายคนนะครับ คนขับรถไปรับไปส่งจะไม่พอและวิ่งกันหลายเที่ยวครับ” พี่เขาพูด ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็พยักหน้ายิ้มขอบคุณพี่เขา
                     “ใครมาวะ “ติ๊กทำหน้างง
                      “ไปดิไปเอารถมึง” ติ๊กพูดผมก็เดินเข้าไป หาลุงเจ้าของอู่ ลุงเขาออกมารับผม ผมก็ยกมือไหว้
                       “รถเรียบร้อยแล้วนะ “ลุงบอกผม ติ๊กที่ยืนข้างๆ ลุงเขาก็มองและยิ้มๆ ให้
                      “เพื่อนหรือแฟนล่ะ” ลุงเขาถามผม ผมสะบัดหน้าไปมองลุง เขาเป็นผู้ชายนะ
                      “โอ๊ยย! สมัยนี้ ลุงตามทันนะไอ้หนุ่ม เห็นบอกว่าเพื่อนๆ แฟนทุกราย” ลุงพูดและยิ้มให้ติ๊ก ติ๊กที่ทำหน้าตกใจอยู่มาก
                      “หน้าตาคุ้นๆ นะเหมือนคนที่ลุงรู้จัก ท่านเป็นคนดี และท่านก็ไม่เคยถือเนื้อถือตัว เดินทางมาที่นี้ทีไรจะต้องเอารถมาให้ลุงเช็กสภาพ ท่านไว้ใจลุง”
                    “ใครอ่ะลุง” ผมถามลุง
                    “คุณภาคย์ เจ้าของโรงแรมชื่อดังและเจ้าของโรงเรียนที่เอ็งเรียนอยู่นะเดี่ยว” ลุงเขาพูด ติ๊ก็ยิ้มให้ผม
                     “นั้นพ่อผมครับ” ติ๊กบอกลุง
                    “ว่าแล้วเชียว ท่านสบายดีนะครับคุณหนู”
                    “ไม่ต้องเรียกผมคุณหรูหรอกครับ ผมนะ ไม่ได้เป็นคุณหนูอะไรที่ไหน เออ ว่าแต่ค่าซ่อมรถของเดี่ยวเท่าไหร่ครับ ผมจ่ายให้” ติ๊กพูดผมไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาก็ไม่ได้ทำตัวแตกต่างหรือเด่นอะไร แถมยังบอกลุงว่าไม่ต้องเรียกเขาว่าคุณหนูอีกและติ๊กก็ถามถึงค่าใช้จ่าย
                 “เฮ้ย! ไม่ต้องก็ได้” ผมหันไปพูด
                 “จ่ายให้เดี๋ยวกูโดนพวกไอ้แจ็คมันด่าเอา” ติ๊กพูด
                 “เห็นไหมแฟนกันก็จะจ่ายให้แบบนี้” ลุงรีบแซวผมทันที
                 “เปล่าครับ” ผมรีบปฏิเสธและหันไปมองหน้าติ๊ก คือเราพูดพร้อมกันเลย
                  “ใช่ก็บอกมาเถอะ...” ลุงกำลังจะพูด
                 “ไอ้คนนี้และที่ทำรถผม” “ผมนี้แหละครับที่พ่นสีสเปย์ใส่รถมัน” ผมสองคนพูดพร้อมกันอีก และหันมามองหน้ากัน
                  “เออ..งั้นรอแป๊บนะหนุ่มๆ ลุงเข้าไปเอารายละเอียดว่าทำอะไรไปเท่าไหร่เดี๋ยวออกมา” ลุงเขาเลยรีบขอตัวเข้าไปที่ออฟฟิศ ผมหันมามองหน้าติ๊ก ติ๊ก หันหน้าหนีผม และจู่ๆ ก็มีสายเข้าที่มือถือผม ไอ้ดิว
                    “แป๊บนะเพื่อน” ผมบอกติ๊ก ติ๊กมันก็หยักไหล่ให้ผมและเดินไปดูรถที่ลุงผมกำลังทำไปด้วย
                    //อะไรวะดิว// ผมรับสายไอ้ดิว
                   //มึงอยู่ไหนกลับยังวะ// ไอ้ดิวมันถามผม เหมือนกระซิบกระซาบ กลัวใครได้ยิน
                 //ก็กำลังรอรับรถและจะกลับเลย//ผมตอบไอ้ดิว
                //อย่าเพิ่งรีบกลับ มึงช่วยกูก่อน// ไอ้ดิวพูด
              //ช่วยอะไรวะ// ผมถามไอ้ดิวกลับทันที
             //ดึงรั้งติ๊กมันให้กูก่อน สักหนึ่งชั่วโมง// ไอ้ดิวมันบอกผม
            //ทำไมวะ..// ผมถามไอ้ดิวด้วยความสงสัย
              //กูจะปลั้มเมียกู เพราะว่าไม่มีใครกลับบ้านตอนนี้มีแค่กูกับแอ้ กูขอวะ //ไอ้ดิวมันพูดขอร้องผม งานหนักเลยครับผม ผมหันไปมองติ๊ก
             //เออ ๆ // ผมพูดรับปากได้ดิวแต่ทำได้ไหมนี่ซิ คิดหนักเลย
            //ใจวะเดี่ยว จ๊วบ!!// ไอ้ดิวมันพูดและดันจูบส่งผ่านมือถือให้ผม ผมรีบดึงออกสยองมากและผมก็หันไปมองติ๊กยิ้มๆ ก่อนจะคิดว่าจะหาเหตุผลอะไรดีนะ ทันทีที่ผมนึกขึ้นได้ก็รีบวิ่งเข้าไปออฟฟิศของลุงที่ทำรถให้ผมทันที
             “ลุง ช่วยดึงเวลาเอาไว้ให้ผมหน่อยซิลุง เอาแบบว่าเครื่องต้องแก้ไขนิดหน่อยอะไรแบบนี้นะ ลุง” ผมกระซิบกับลุงที่ซ่อมรถให้ผม
               “อ้าวทำไมวะ” ลุงยังถามผมกลับเลย
                “นะลุงนะ ผมยังกลับไม่ได้ เพื่อนผมขอไว้ แต่ดูท่าคนนี้จะไม่ยอม แต่ถ้าลุงบอกว่ารถผมมีปัญหานั้นนี้อะไรแบบนี้เขาก็น่าจะยอม” ผมพูดกับลุง ผมกับลุงหันไปมองคนที่ยืนกอดอกอยู่ด้านนอกพร้อมกัน
                “นะลุง ช่วยผมหน่อย” ผมบอกลุง
                “งั้นเราลองไปสตาร์ทและทำท่าว่าสตาร์ทไม่ค่อยติดดิ” ลุงบออกผม ผมก็เดินออกมาติ๊กหันมามองผมแบบว่าผมมีเล่ห์กลอะไร ผมก็เดินเข้าไปและนั่งที่เบาะคนขับ ผมก็สตาร์ท มันติดและดับเลย ผมก็ลองใหม่ มันติดและดับ
                 “อ้าวรถเป็นอะไรอ่ะ” ติ๊กเดินมาถามผม
                 “เดี๋ยวให้ลุงเขาดูอีกทีวะ” ผมพูด
                  “อะไรวะ ถ้ารถยังไม่เสร็จก็น่าจะให้พี่คนขับกูรอก่อน สาด” ไอ้ติ๊กมันพูดบ่นผมทันที
                    “อ้าวเดี่ยวรถเป็นไร” ลุงเขาทำเป็นเดินมาถามผม
                   “ไม่รู้อะลุงมันสตาร์ทและดับเลย” ผมพูด
                  “สงสัยเป็นที่หัวเทียนว่ะ งั้นลุงดูให้ใหม่ รอไม่นาน” ลุงเขาพูดและผมก็ออกมายืนและหันไปมองติ๊ก ติ๊กมันเหล่มองผม
                 “มึงเล่นอะไรกับกูหรือเปล่า” จู่ๆ ติ๊กก็ถามผม ติ๊กมองหน้าผมแบบไม่อยากจะเชื่อ
                 “ไม่มี!” ผมพูด
                “เสียงสูง” ติ๊กพูดพร้อมยืนเอามือเท้าเอวแล้วด้วย
                 “พี่เดี่ยว พี่เดี่ยวจริงๆ ด้วยค่ะ” ลูกสาวลุงวิ่งมาทักทายผม น้องมาทั้งชุดนักเรียนคอนแว่นน่ารักมาเชียว ลุงบอกอยากให้เรียนโรงเรียนเดียวกับผมแต่น้องไม่ยอมเพราะว่าติดเพื่อน เพื่อนไปเรียนคอนแว่นกันหมด
               “เออ พี่เดี่ยวนี้เพื่อนพี่เหรอ” น้องดึงแขนผมและตายังมองติ๊ก และยิ้มให้ด้วย ติ๊กก็ยิ้มตอบให้แต่ก็รู้ว่าไม่ได้เต็มใจยิ้มเท่าไหร่
                  “ใช่ทำไมเหรอ” ผมถาม
                  “คือเขาเป็นดาราใช่ไหมอ่ะ” น้องเขาถามผมและชี้ไปที่ติ๊ก
                 “ใช่” ผมตอบ
                “ขอลายเซ็นหน่อยดิ แบบว่าจะไปอวดเพื่อนอ่ะ นะ นะ” น้องเขาอ่อนผมทันทีให้ขอลายเซ็นดาราขาวีนคนนี้นี่น่ะ
                   “เออ..คือพี่ถามให้นะ เพราะว่าเล่นหนังเป็นดาราขาวีนหลายเรื่อง เล่นแล้วไม่จบในหนังมาวีนต่อข้างนอก “ผมพูด
                 “ติ๊ก” ผมเรียกติ๊ก ติ๊กก็หันมามองผม
                  “คือน้องเขาปลื้มอ่ะ ขอลายเซ็นหน่อยได้ไหม” ผมถามและคนข้างๆ ก็พยักหน้าและเตรียมพร้อมมาก สมุดปากกาที่พร้อมจะให้ติ๊กเซนต์ชื่อ ติ๊กก็มองหน้าผมและพยักหน้าก่อนจะรับสมุดไปและบรรจงลงปากกาเซนต์ชื่อตัวเองลงไปและส่งสมุดคืนให้
                   “ขอบคุณนะคะพี่ติ๊ก พี่หล่อมากเลยอ่ะตัวจริงๆ อ่ะ” น้องเขาชมแต่แปลกติ๊กยิ้มเท่ๆ ส่งไปให้คนขอลายเซ็น
                 “ขอบคุณครับ” ติ๊กพูดแหละหันมาหยักคิ้วให้ผม
                 “นี้ไปช่วยแม่ทำกับข้าวได้แล้ว “ลุงบอกลูกสาวเขา น้องก็รับวิ่งออกไป แต่ก็ไม่วายหันมามองติ๊ก อะไรจะฟินขนาดนั้น
                  “เดี๋ยวลุงขอเปลี่ยนอันใหม่ให้นะเดี่ยว” ลุงพูดและจัดการถอนเปลี่ยนหัวเทียนออก ไม่น่านก็มีเสียงเหมือนฟ้าร้องและก็มีลมแรงและฝนก็เทลงมาอย่างหนัก
                  “อะไรอีกวะเนี๊ยะ!” ติ๊กมันบ่นออกมาทันทีอย่างหัวเสีย
                 “ฝนตกไง และหนักขนาดนี้จะให้ขับรถไปคงไม่ได้หรอกนะ อันตราย” ผมพูดและลุงก็เปลี่ยนหัวเทียนให้ผมเรียบร้อย
                 “จริง! อันนี้ยังไงลุงก็ยังไม่ให้ขับออกไปนะ เพราะว่าโค้งก่อนถึงมีรถตกลงไปหลายคันตอนฝนตกหนักๆ มันมองเห็นทางลำบาก” ลุงพูดผมก็พยักหน้าและหันมามองคนข้างๆ ที่หน้าบึ้งบูดมาก
                     “ดูแล้วถ้าตกหนักแบบนี้ไม่น่าจะนาน” ลุงพูด
                        “เออ เดี๋ยวลุงมานะ ลุงว่าจะส่งแฟ็กซ์ภาษีก่อนนะ” ลุงพูด ผมก็พยักหน้า ติ๊กก็หันไปหันมาไม่รู้จะทำอะไรคงเบื่อ
                       “เขาไปนั่งฟังเพลงไหมล่ะ แผ่นที่ให้มายังไม่ได้เปิดฟังเลย” ผมบอกติ๊ก ติ๊ก็พยักหน้าและผมก็เข้าไปนั่งในรถกันด้านใน ผมก็จัดการเปิดเครื่องเสียงและกดเปิดเพลงฟัง เพลงที่ติ๊กให้ผมมา เป็นเพลงที่ผมเล่นกีตาร์ได้ทุกเพลง โดนเฉพาะเพลงของพี่ตูน
                    “ไม่คิดว่านายจะชอบพี่ตูนเหมือนกัน”
                     “ชอบดิ ชอบมาเลย ชอบหลักการของพี่เขาและไม่รู้ พี่เขามีพลักเสียงที่ กูปลื้มวะ” ติ๊กพูด ผมก็ฟังไปเรื่อยๆ จนมาสะดุดที่เพลงหนึ่ง อากาศ ผมหันมามองติ๊ก เขาก็ฟังเพลงนี้อย่างตั้งใจแสดงว่าชอบเหมือนกัน
                  “ชอบเพลงนี้เหรอ” ผมถามติ๊ก ติ๊กหันมามองหน้าผม
“อืมม ความรักมันก็แค่อากาศ มึงว่าไหม” ติ๊กพูดก่อนจะหันไปมองด้านนอกเพื่อแอบซ่อนความรู้สึกลึกๆ ของเขาจากสายตาของผม
                 “เดี่ยวก็ชอบเพราะว่าเขาร้องได้อินเนอร์มาก แต่เดี่ยวเชื่อว่าความรักมันมีตัวตนอยู่จริง” ผมพูดกับติ๊ก ติ๊กหันมามองหน้าผม ตอนนี้ใบหน้าเราใกล้ชิดกันมากจน ผมเผลอเพย๋อปากจะจูบติ๊กและอีกคนก็เผยอปากนิดหน่อย
                  “ปี้น~~~~~~~” แต่ดันมามีเสียงแตรรถของผมเองเป็น กขค ก็เพราะว่าผมแขนผมดันไปกดโดนซะนี้ และตามมาด้วยลุงกับลูกสาวแกวิ่งลงมาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้น ผมรีบเปิดกระจกลง
                 “ลองแตรน่ะลุง” ผมรีบบอกลุง
                 “เหรอ!! แม้เล่นซะกูตกใจหมด” ลุงเขาพูด
                 “ฝนหยุดยังวะ กูอยากกลับบ้านแล้ววะเดี่ยว” ติ๊ก พูด ผมก็เหลือบมองโทรศัพท์
               “รออีกแป๊บซิ ให้มันเบาลงอีกหน่อยนะ” ผมพูดกับติ๊ก จริงๆ ผมก็รอข้อความไอ้ดิวว่าเสร็จกันหรือยัง
                “มึงมีอะไรกันหรือเปล่า “ไอ้ติ๊กมันเซนแรงจริงๆ
               “ไม่”
              “กูเห็นมึงมองมือถือ “ติ๊กถามผม
               “กูโทรหาไอ้แอ้ดีกว่า “ติ๊กพูดและกดสายหาแอ้ทันที ผมก็แอบฟัง มันยังคงรอสายอยู่จนตัดไป
               “ไอ้แอ้” ติ๊กหัวเสียขึ้นมาทันที
              “โทรหาไอ้ดิว” ติ๊กมันบอกผม ผมก็สะบัดหน้าไปมอง
              “โทรทำไมอ่ะ ไอ้ดิวมันบอกว่าจะอ่านหนังสือไม่อยากกวน” ผมพูด
              “โทร!” ติ๊กมันขึ้นเสียง ผมก็กดสายหาไอ้ดิว รอแป๊บหนึ่งได้
              “ดิว เสร็จยัง” พอมันรับรีบถามเบา
               “เอามากูจะคุย” ติ๊กบอกผมและพยายามแย้งมือถือผมไป
               “ยัง...ซี้ด” มันร้องครางมาขนาดนี้ แปลว่ากำลังเข้าได้เข้าเข็มกัน
                “เออ มันยุ่งมากอ่ะติ๊ก”
                “เอามา” ติ๊กพูดและทำหน้าดุใส่ผม ผมก็ต้องส่งมือถือให้มันไป
                “ไอ้ดิว” ติ๊ก
                “ก็กูจะคุยกับแอ้ มันอยู่ไหน ชั้นล่าง”
                “ใช่กูจะคุย มึงวิ่งไปหามันหน่อย” และไอ้ติ๊กมันก็หันมามองผมระหว่างที่มันรอไอ้ดิว ผมก็ก้มหน้าหนี ผมยิ่งโกหกได้ไม่ค่อยเนียนอยู่ด้วย
                 “กูเห็นมึงเหมือนมีความลับอะไรกันกับไอ้ดิวหรือว่ามึงรู้อะไรมา” ติ๊กมันถามผม ผมก็ส่ายหัว
                  “ไม่นิ กูจะไปรู้อะไร” ผมรีบพูดปฏิเสธทันที
                 “แอ้ ไอ้ติ๊กมันจะคุยด้วยอ่ะ ไม่รู้มัน..แฮกๆ” เสียงไอ้ดิวพร้อมกับอาการหอบเหนื่อย แม้แสดงได้เนียนจริงๆ เพราะเมื่อกี้มันยังซีดส์อ๊าอยู่เลย
                   “มีอะไรติ๊ก” เสียงแอ้
                   “ก็กูโทรหามึงไม่ติดอะ มือถือมึงอะแอ้”
                   “ชาร์จอยู่และกูอ่านหนังสืออยู่ชั้น...ล่าง” เสียงแอ้พูด แต่น้ำเสียงมันลากแปลกๆ นะผมว่า ไอ้มันคงแกล้งนะ
                   “ไอ้ดิวมันอยู่ชั้นบนเหรอ”
                   “อืมมม” แอ้ตอบผมก็แอบขำ
                   “ใช่กูอยู่บน มึงอะไรอีกไหม พี่กูจะโทรหากูแล้ว “ไอ้ดิวมันพูด
                   “เออ กูจะรีบกลับเดี๋ยวนี้” ไอ้ติ๊กมันพูดและกดวางสาย มันหันมามองหน้าผม
                   “กลับเดี๋ยวนี้ หรือถ้ามึงไม่กลับ กูจะออกไปเรียกรถวินมอเตอร์ไซค์ห่าเหวอะไรก็ได้ตอนนี้เพื่อกลับบ้าน” ไอ้ติ๊กมันพูดขึ้นเสียงใส่ผม ผมก็พยักหน้าว่าได้ และผมก็เดินลงไปคุยกับลุง ขอบคุณลุงพร้อมกับจ่ายเงินให้ลุงและเดินกลับมาที่รถ ผมขับรถออกคนนั่งข้างผมหน้าตาบึ้งตึงขึ้นมาทันที

                    TBC…..

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.4ุ8 (ดิวXแอ้)นาทีทองต้องรีบ NC

      Part’ s ดิว วันนี้ผมกับแอ้กลับบ้านกันมาสองคนเพราะว่าไอ้แจ็ค ไอ้หลุยส์ บอยและธรรณ์ไปที่โรงแรมอาภาคย์และพายก็ไปหาอาเปรมดิ์ ที่โรงแรมนั้นเช่นกัน ไอ้แจ็คมันกระซิบบอกผมว่ากลับดึก จะทำอะไรก็ให้รีบๆ ทำนะและมันก็ผลักดันไอ้ติ๊กให้ไปกับไอ้เดี่ยวอีกด้วย ผมก็เลยโทรหามันทันทีให้มันดึงรั้งและยื้อเวลาเอาไว้ให้ผมหน่อย ผมจะจุดจุดจุดกับเมีย

       “ปึก” ผมโยนกระเป๋าลงพื้นทันทีนาทีนี้ต้องรีบแล้ว ผมปลดกระดุมเสื้อนักเรียนทันทีส่วนแอ้เดินมาในห้องก่อนผม แอ้กำลังจะดึงชายเสื้อออกจากกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินเข้ม ผมก็เดินไปหาแอ้จากด้านหลังและพลิกตัวแอ้หันมาหาผมทันทีโดยที่แอ้เองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว

        “ดิว!” แอ้ตกใจผมประกบจูบปากแอ้ทันที

        “ทำไมอะ นี้โอกาสทอง หาไม่ได้ง่ายๆ ซะด้วย” ผมพูดสายตาของผมมองที่แอ้

          “ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวไอ้ติ๊กมันก็กลับ” แอ้พูดปรามผม

          “ไม่หรอกน่ะและน่าจะอีกนานหรือกว่าจะมาก็ครึ่งชั่วโมงแน่ๆ มีเวลาเยอะแยะ ได้หลายยกซะด้วยซ้ำ “ผมพูดและรวบเอวแอ้ไว้ผมก็ประกบปากจูบแอ้อีกครั้ง

         “ดิว...” แอ้เหมือนพยายามห้ามแต่นี้ผมรู้ได้ว่าไม่ได้ห้ามจริงหรอก ผมก็ดันแอ้ลงที่เตียงนอนขนาดคิงค์อะไรวะ เตียงนี้ที่ไอ้หลุยส์มันสั่งมาใหม่และทุกห้องด้วย (ผมแอบขอบคุณมันตรงนี้แหละ)



            ผมขึ้นมาคร่อมร่างของแอ้เอาไว้โดยไม่ทิ้งน้ำหนักลงไปทั้งตัว ผมได้เห็นสายตาที่ยั่วยวนกวนอารมณ์ที่คุกรุ่นของผม ผมมืออะไรวะให้มาลูบไล้ที่แผ่นอกของผม แผ่นอกที่แน่นไปด้วยมวลกล้ามเนื้อ แอ้กลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ ผมมองตามมือแอ้ ผมจับมือแอ้ลูบไล้ลำตัวแผ่นอกของผม ผมซิทอัพวันละสองร้อยและโหนบาร์อีกวันละสองร้อยเช่นกัน  แอ้อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ผมก้มลงจูบแอ้ แอ้ก็จูบผมตอบอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน มือไม้ที่ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของผม



             และผมสองคนก็เปลี่ยนมาเป็นช่วยกันปลดทุกข์อย่างที่ปกปิดร่างกายผมสองคนออกไปและโยนออกให้พ้นทาง ไม่นานทุกอย่างก็ลงไปกองที่พื้นอย่างชำนาญ (สกิลนี้เทียบรุ่นพี่ของผมได้เลย) ผมค่อยๆ เลื่อนตัวลงไปที่หน้าท้องของแอ้ หน้าท้องที่แบนราบนั้น ผมก้มลงขบกัดเบาๆ ไล่ขบกัดเบาๆ ลงไปเรื่อยๆ จนถึงหัวหน่าว

            “อืมม” แอ้สะดุ้งและร้องครางออกมาพร้อมกับเด้งขึ้นลงตามการขบกัดของผม

           “อืมมม ดิว...ซี้ด” แอ้ร้องครางเรียกชื่อผม เหมือนจะห้ามแต่มือทำไมกดหัวผมไว้แบบนั้นนะ

            “แอ้จะไม่ให้ดิวทำหรือไม่ให้ดิวหยุดเนี่ย!” ผมถามแอ้

           “ดิว อย่าแกล้งกูดิ...ซี้ด จะทำก็รีบทำ ซี้ด!! “แอ้พูดพร้อมกับเสียงคราง

           “ก็เอามือออกดิคราบ เมียครับ” ผมพูด แอ้ก็สะดุ้งก่อนจะปล่อยศีรษะผมเป็นอิสระ ผมก็กระดกหัวขึ้น แม้กดซะไม่อยากให้หยุดก็ว่ามา และแอ้ก็พลิกตัวผมลงและแอ้ขึ้นมาคร่อมร่างของผมแทน

           “จะขับเองเหรอวันนี้” ผมถามแอ้ แอ้พยักหน้าและแอ้ก็จัดส่งหนอนยักษ์ของผมให้มุดเข้าไปในถ้ำของแอ้ สีหน้าที่บอกว่ามันอึดอัดแค่ไหนแต่แอ้ไม่ร้อง ทุกอย่างดำเนินการไปได้สวย แอ้ขย่มผมจนผมเองก็อยู่ไม่สุขและ

            “Rrrrrr “เสียงมือถือของแอ้ดังขึ้น ผมเหลือไปมอง โทรศัพท์แอ้ที่อยู่บนเตียงนอนของแอ้ แอ้หันไปมองและทำท่าจะทิ้งการขับเคลื่อนยานพาหนะอันนี้ไปซะงั้น

            “แอ้..อย่า..ทิ้งไปแบบนี้มันค้างหนักมากนะแอ้” ผมจับเอวแอ้เอาไว้

           “ก็ถ้าเป็นไอ้ติ๊ก กูตายแน่” แอ้พูด ผมก็ส่ายหัวว่าอย่าไป

             “ก็บอกมันซิว่าชาร์จอยู่ แอ้ อืม” ผมพูดและซุกไซ้แอ้จนแอ้บิดตัวไปมาด้วยความเสียวซ้าน และแอ้ก็ดำเนินการควบคุมเกมรักผมต่อไม่นานโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมเหลือบมองว่าใครโทรเข้า สายนั้นคือไอ้ติ๊ก

             “ดิวไอ้ติ๊กใช่ไหม” แอ้ถามผม

              “ไอ้เดี่ยว แป๊บน่ะ” ผมพูดและคว้ามือถือมาทันที

             “อ้าวทีอย่างนี้เสือกกดรับ” แอ้พูดต่อว่าผม

             “ก็จะดิวบอกให้มันรั้งติ๊กเอาไว้ เพื่อว่ามันจะเอาไม่อยู่และเราก็จะได้เร่งสปีดทัน” ผมพูดและกดรับสายทันที

             //ไอ้ดิวเสร็จหรือยัง// ผมเปิดสปีคเกอร์โฟน

            //ยัง กูเพิ่งดำเนินมาได้ครึ่งทางเอง ว่าไงมึง //ผมพูด แต่เหมือนมีคนยื้อแย่งโทรศัพท์ไป

            //ไอ้ดิว!// ไอ้ติ๊ก แอ้สะดุ้งทันทีหยุดภารกิจซะงั้น แต่ผมไม่หยุด เด้งแทนแต่แอ้พยายามห้ามผมเอาไว้

          //ว่าไงติ๊ก //ผมถามติ๊ก

          //แอ้ไปไหน//

          //แอ้อยู่ข้างล่าง// ผมพูดและพลิกแอ้ลงให้ผมอยู่บน ผมก็ใช้นิ้วคาดปากเอาไว้ไม่ให้แอ้พูดและนี้คือแอ้มันอยู่ล่างและผมอยู่บน (กูไม่ได้โกหกครับ)

         //ทำไมมันไม่รับสายกู//ไอ้ติ๊กมันถามผม แอ้ก็ชี้นิ้วนั้นหมายถึงความผิดของผมนั้นเอง

         //กูเห็นมันชาร์จโทรศัพท์ไว้บนนี้ไงและมันก็ลงไปอ่านหนังสือข้างล่าง//ผมพูด

       //แล้วทำไมมันไม่เอาไปด้วย มือถือมันน่ะ//ติ๊กถาม ผมนี้อยากจะตีเข่ากลางอากาศ ก็บอกอยู่ว่ามันจะอ่านหนังสือไอ้นี่ทำไมมันเข้าใจยากจริงๆ

          //ก็มันจะอ่านหนังสือ เอาไปมึงก็คอยโทรหามัน เสียสมาธิไง เรื่องง่ายๆ แค่นี้คิดเองอะไรวะว่ะ//ผมพูดแอ้แอบหยิกผมที่เอว ผมต้องฝืนไม่ร้องสักแอ๋ะ

         //กูจะคุยกับมัน// ติ๊กบอกผม

         //เออ…ก็ได้จะวิ่งไปตามให้น่ะ// ผมพูดและกดพักสายไว้ก่อนทันที ใช่ครับ ผมต้องทำเหมือนผมวิ่งไปตามแอ้ มันต้องทำให้เหนื่อยสมจริงด้วย



          แอ้ก็มองหน้าผมว่าผมจะเล่นอะไร ผมก็ทำนิ้วจุปากและสอยถี่ยิบเลย ไม่ต้องวิ่งจริงๆ แถมยังได้เหงื่อเหมือนไปวิ่งมาเหมือนเลย เผลอๆ จะเหนื่อยกว่าด้วย

            “โอ้วว.. ดิว..โอ้ววว..อืมมมม “แอ้ร้องครางแต่ก็เหมือนจะห้ามผมก็ทำนิ้วจุปากว่าให้ดิวจัดการเอง จนเวลาผ่านไปสักสิบนาทีถึงได้หยุดและผมถึงได้หันกลับไปกดเลิกพักสายไอ้ติ๊กมัน นานขนาดนี้มันคงด่าไอ้เดี่ยวหูแตกไปแล้วระหว่างที่รอผมอยู่

           “แฮกๆ “เสียงหอบเหนื่อยเหมือนกับว่าได้ไปวิ่งมาจริงๆ แต่เหนื่อยนี้ของจริงดิวไม่ได้แกล้งและผมก็หยักคิ้วให้แอ้ด้วย เทพไหม

           “แอ้ ไอ้ติ๊กมันจะคุยด้วย” ผมพูดและส่งมือถือให้แอ้

             //ว่าไงติ๊ก// แอ้พูด ผมก็เลื่อนตัวลงต่ำ ลงไปเล่นกับหน้าท้องแบนๆ ของแอ้ แอ้ก็พยายามทุบตีผมให้หยุดเล้าโลม แต่ผมไม่หยุด แอ้ก็คุยกับติ๊กไปด้วยบิดไปด้วยเสียวใช่ไหมล่ะ ผมคิดในใจ แอ้มันกัดปากตัวเองไม่กล้าร้องออกมา

           //ก็กูโทรหามึงไม่ติดอะ มือถือมึงอยู่ไหน// ไอ้ติ๊กพูด ผมเงยหน้าขึ้นมองเพราะว่าผมกดเปิดสปีกเกอร์ให้แอ้ก่อนจะส่งมือถือให้แอ้ไป  แอ้ทำหน้าให้ผมหยุดผมก็ส่ายหัวว่าไม่และก้มลงขบเม้มตรงจุดอ่อนที่ทำให้คนที่นอนแอ่นตัวขึ้นจนเกือบร้องครางแต่ก็มีเสียงเล็ดลอดมาหน่อยๆ

         //ชาร์จอยู่และกูอ่านหนังสืออยู่ชั้น...ล่าง// เสียงแอ้พูดและแอบคราง

        //อู้ยย // ผมร้องเพราะว่าแอ้มันบิดผมให้ผมหยุดนั่นแหละคนที่แอ่นร่างค่อยนอนราบลง

         //ไอ้ดิวมันอยู่ชั้นบนเหรอ// ติ๊กถามแอ้ ผมก็เลื่อนตัวขึ้น พยักหน้าว่าใช่ไงว่าอยู่บน (แต่บนตัวแอ้นะตอนนี้ )

        //อืมมม// แอ้ตอบ เพราะว่าค่อยเคลื่อนขยับแอ้ก็ใช้มือดันหัวเตียงไว้ไม่ให้หัวชนเตียงและนั่นแหละจะทำให้ความแตก ผมก็รีบหยิบมือถือมาจากแอ้

         //ใช่กูอยู่บน มึงมีอะไรอีกไหม พี่กูจะโทรหากูแล้ว// ผมถามติ๊กด้วยน้ำเสียงนอยด์ๆ

          //เออ กูจะรีบกลับเดี๋ยวนี้//ไอ้ติ๊กมันพูดและผมก็กดวางสายและโยนมือถือไปเลยตรงไหนไม่รู้ มือผมก็ดันหัวเตียงเอาไว้

          “ปัก ๆๆๆๆ” คือนาทีนี้ต้องเร่งสปีดระดับสิบเลย เสียงเตียงที่ดังเพราะแรงม้าผมเอง ก่อนที่จะถึงฝั่งผมก็ก้มลงจูบแอ้เพื่อผ่อนคลายและทุกอย่างก็จบลงอย่างเร่งด่วนแต่สุขทั้งคู่แอ้ก็เรียบร้อยเช่นกัน

          “ฟู่” ผมพ่นลมออกมาและนอนแผ่หลาลงข้างๆ แอ้ ผมเหลือบตาไปมองแอ้ที่กำลังลุกพร้วดขึ้นทันที แอ้รีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อการชำระร่างกายก่อนจะวิ่งออกมาสวมชุดนักเรียนกลับไป

          “แอ้จะไปโรงเรียนอีกเหรอ แอ้จะสวมชุดนักเรียนอีกทำไมอ่ะ” ผมกระดกหัวขึ้นถามแอ้

          “ก็ถ้ากูเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้าน เด็กอนุบาลก็ดูออก กูกับมึงทำอะไรกันไปแล้ว คิดซิวะดิว” แอ้มันบ่นผม ผมก็มองแอ้

           “ก็ทำแล้วไง วันนี้ดิวจัดเต็มมาก น้ำหมดตัวเลย” ผมพูด แอ้ก็ทำหน้าตกใจ

           “ไอ้ดิวนี่มึงไม่ได้สวมถุงเหรอว่ะ” แอ้พูดชึ้นเพราะว่าผมลุกขึ้นโดยที่ไม่ได้หาอะไรมากันกายปกปิด และผมก็พยักหน้าว่าไม่ได้สวม เห็นๆ อยู่

            “อยากมีลูกอีกคน” ผมบอกแอ้

           “ไอ้สัสดิว!!” คำชมจากเมียและของสมน้ำหน้าคุณ ที่ลอยมาปะทะใบหน้าหล่อๆ ของผม ก็แอ้ปาหมอนใส่ผม

            “ปึก!” ผมก็นึกว่าแอ้รู้ ว่าผมไม่มีถุงสวมอยู่

           “ก็เห็นแอ้รีบอ่ะ” ผมพูดแอ้ก็แต่งตัวและ

            “เก็บที่นอนให้เรียบร้อยด้วยนะ ก่อนที่ติ๊กมันจะมา ป่านนี้มันคงถึงหน้าบ้านแล้ว” แอ้พูดและจัดการหอบหนังสือและไอแพตรุ่นไหมแอ้ไม่ชอบพกโน๊ตบุ๊ค

            “ฉิบหายแล้ว!พี่อ้นส่งข้อความมาว่าเขารอกูนานแล้วด้วยไอ้ดิว มึงแม่งทิ้งระเบิดให้กูหลายลูกเลยนะสัด” แอ้พูดก่อนจะเปิดประตูและออกจากห้องไป ผมก็ลุกขึ้นเก็บที่นอนให้เรียบร้อย ให้ดูเหมือนไม่ได้ผ่านการใช้งานมาก่อนและเข้าห้องน้ำอาบน้ำอย่างเร็วและออกมาจัดการเปิดโน๊ตบุ๊คและกางหนังสือออก

             “ติ้ง” ข้อความจากพี่ชายผมพี่ดิม

             “กูรอจนหลับเลยไอ้ดิว มึงจะติวกับกูได้หรือยังครับ” พี่ดิม

              “ครับพี่ดิม ผมพร้อมมากแล้วตอนนี้ “

             “มึงหายไปไหนมา มึงน่าจะเลิกเรียนนานแล้ว” พี่ดิม

             “ไปทำหลานเพิ่มไง เห็นบอกว่าโตกันหมดแล้วอยากได้เล็กๆ น่ารักอีกไม่ใช่เหรอ”

            “พอครับ ขอพวกกูมีเวลาหายใจบางเถอะครับ และถ้ามึงทำมากูจะซื้อเป้ให้มึงเอาลูกเล็กของมึง กระเตงไปเรียนด้วยเลย สัส! “พี่ดิมบ่นผมทันที ผมรู้ว่าแอ้ไม่ท้องหรอกมันเลยวันไข่ตกไปแล้วและแอ้ก็ทานยาอยู่ด้วยยาตัวนี้มันทำให้ไข่ฝ่อและทานต่อเนื่องห้ามขาด

             “ฮาๆ “ผมหัวเราะพี่ดิมและการติวของผมก็เริ่มขึ้น พี่ดิมก็แนะแนวให้ผมอ่านนันอ่านนี้ผมคุยกับพี่ดิมไปได้สักพัก ก็มีเสียงรถเข้ามาจอดและมีคนเดินคุยเหมือนทะเลาะกันเข้ามา



             สักพักก็มีคนเดินมาหยุดที่หน้าห้องนอนของผม และเปิดประตูพล้วดเข้ามาทันที ไอ้ติ๊ก ติ๊กมันเดินมามองผมและใช้มันเหล่มองเตียงนอนผม ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือ ผมหันไปมองไอ้ติ๊ก แบบว่ามีอะไรเหรอ

              “มีปัญหาอะไรเหรอ” ผมถามติ๊ก แอ้ที่ยืนอยู่ข้างหลังติ๊กและไอ้เดี่ยวที่มองลอดเข้ามา ผมแอบส่งซิกว่าทุกอย่างโอเคติ๊กมันก็หันไปมองแอ้

              “มึงรออาบน้ำพร้อมกูใช่ไหมวะแอ้” ติ๊กมันถามแอ้

              “ก็เออไงและกูก็เพิ่งจะคุยกับพี่กูได้นิดเดียวเอง เพราะว่าพี่กูติดธุระอยู่ “แอ้พูด

              “เออ ถ้าอย่างนั้นกูรอมึงแอ้ “ติ๊กพูดและเดินออกทันที แอ้ก็ตามติ๊กออกไป ผมก็มองสองคนนั้น

              “เฮ้ยย! มึงค้างไหมวะเพราะกูยื้อสุดๆ แล้ว” ไอ้เดี่ยวมันเข้ามาในห้องผมและปิดประตูลง

               “รุ่นนี้แล้วไม่มีค้างแน่นอน “ผมพูดและเอนหลังพิงพนักเก้าอี้

               “เสร็จว่างั้น” ไอ้เดี่ยวมันแซวผม ผมยักคิ้วให้ว่าผมนะเทพ (ถ้ามันรู้ว่าผมทำแอ้ท้องได้ด้วยจะเทพขนาดไหน)

              “สบายตัวเลยวะ “ผมพูด

               “สุดยอดเลยมึงนี้ กูนี่ก็กลัวแทนมึงฉิบหายเลยวะ ดูท่าติ๊กมันจะโกรธอะไรขนาดนั้นวะนี่มันหึงใครกันแน่ มึงหรือแอ้” ไอ้เดี่ยวมันถามผม

              “ไม่น่าจะใช่กูวะ แต่จะว่าแอ้ก็ไม่รู้วะ “ผมพูด

               “น่าปวดหัวแทนวะจริงๆ เออ กูไปอาบน้ำดีกว่าวะ “ไอ้เดี่ยวมันพูด และผมก็ลุกขึ้น ผมเดินออกมามองซ้ายมองขวา ผมเห็นไอ้เดี่ยวมันกำลังเปิดประตูห้องนอนมัน

              “อย่าลืมช่วยกูอีกนะมึง “ผมบอกไอ้เดี่ยว มันก็หันมามองผม

               “เออๆ คราวหน้าจะพาไปไกลๆ หน่อยแล้วกันจะได้มีเวลา...” ผมพูด

                “ที่แท้นี้แผนมึงสองคนเหรอวะ ที่ลากกูไปอยู่ซะนานเลย ไอ้เดี่ยว ไอ้ดิว” ติ๊กมันเปิดประตูมาพอดี ผมหันไปมอง สายตาผมประสานกับสายตาของไอ้ติ๊กมัน ติ๊กมันมองหน้าผมและไอ้เดี่ยวที่ยืนหน้าซีดเชียว ไอ้นรี้หัวหด

               “ใช่! กูบอกให้มันทำเอง ดังนั้น มึงไม่ต้องไปโทษมัน"ผมพูด

              "และที่กูทำก็เพราะว่ากูอยากมีเวลาคุยกับแอ้"ผมพูด ติ๊กมองหน้าผม

              "แค่คุยเหรอ" ติ๊กมันถามผม

              " อาจจะมากกว่าคุยแต่มันก็สิทธิ์ของกูสองคนป่ะว่ะ"แต่กูไม่เข้าใจ อย่างหนึ่งว่ะ ว่ามึงเป็นอะไรวะ มึงบอกมาดิ กูจะได้เข้าใจให้ถูกว่ามึงพยายามกันกูกับแอ้ทำไม” ผมพูดบอกติ๊กมันพูด ไอ้ติ๊กหันมามองไอ้เดี่ยว คิ๊กไม่พูดอะไร หันหลังและปิดประตูใส่ผมสองคนทันที ไอ้เดี่ยวมันก็ยักไหล่ก่อนจะเข้าห้องนอนมันไปผมก็กลับเข้าห้องผมเช่นกัน

*****

                Part’ s เดี่ยว ผมรู้สึกผิดตอนที่เห็นสายตาคู่นั้นของติ๊ก มันแอบไว้ซึ่งความรู้สึกที่เจ็บปวด ผมเองก็เลยรู้สึกผิดขึ้นมาเหมือนกัน ผมเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำแต่งตัว และออกมาเอาสมุดมาทำการบ้าน ผมแอบดูมือถือจะว่าไปปูก็เงียบมาก เกิดอะไรขึ้นกับปูหรือเปล่านะ ผมแอบเป็นห่วง

              “ก๊อกๆ “เสียงเคาะประตูห้องนอนผม ผมเดินไปเปิดประตู คนที่มาเคาะก็คือไอ้ดิว

              “ไปทานข้าวกันวะ ไอ้ป๊อดเอาอาหารมาส่งวะ” ไอ้ดิวพูด ผมก็พยักหน้า

               “ขอโทษวะดิว “ผมพูดขอโทษที่ผมทำความลับระหว่างมันกับผมแตกต่อหน้าไอ้ติ๊ก ผมว่าคราวนี้มันคงยากขึ้น

               “เออ..วะ ไม่เป็นไร” ไอ้ดิวมันพูดเหมือนจะนอยด์ ผมลงมาถึงก็เห็นแอ้กับติ๊กกำลังนั่งทานกัน อาหารมีไม่กี่อย่าง

               “เดี๋ยว ป๊อดมันบอกว่าปูฝากจดหมายไว้ให้น่ะ มันกลับไปแล้ว ไปช่วยงานแม่มันต่อ” แอ้บอกผมและโบ้ยปากที่ซองจดหมาย ผมรีบหยิบขึ้นมาเปิดอ่านดูทันที จังหวะที่ไอ้ป๊อดเดินถือเอาอาหารมาเพิ่ม

               “จดหมายรักเหรอวะเดี่ยว” ไอ้ดิวมันถามผม

              “ปูบอกว่า มือถือปูเสียอ่ะ “ผมบอก

             “ไอ้ป๊อด แล้วพรุ่งนี้ปูจะไปโรงเรียนไหมวะ” ผมถามป๊อด

              “พี่ปูเขาบอกกับผมว่าจะไปนะพี่และพี่ปูก็จะไปช่วยแม่ผมทำอาหารก่อนด้วยเพราะว่าพี่แม่ครัวอีกคนเขาเจ็บท้องคลอดกะทันหันเมื่อตอนเย็น แม่ผมเลยขาดคนครับ” ไอ้ป๊อดพูด

            “บอกปูนะว่าให้ออกมาหาพี่หน่อยพี่มีของจะให้เขา” ผมบอกไอ้ป๊อด ป๊อดมันก็พยักหน้า ไอ้ดิวมันหันมามองหน้าผม

            “ก็พอดีกูมีมือถือไอโฟน รุ่นนี้ขายเมื่อสองปีที่แล้วแต่มันยังใช้ได้อยู่ เพราะมันยังอยู่ในกล่องอย่างดีไม่เคยถูกเปิด “ผมพูดทุกคนหันมามองผมยกเว้นติ๊ก เขาไม่มองผมเลยสักนิด

           “กูกะจะให้แฟนแต่ว่ามาเลิกกันซะก่อน เลยเก็บไว้อย่างนั้น” ผมพูด

           “ดีวะเพราะว่าปูเขาต้องใช้” แอ้พูด

           “ครื้นน!!!” เสียงเก้าอี้ถูกเลื่อนออก ผมหันไปมองคนนั้นคือติ๊กที่ลุกพร้วดขึ้นทันที

           “กูอิ่มแล้วแอ้ “ติ๊กพูดและเดินออกไปเลย ผมก็มองพวกมันสลับกันไปมาว่าผมทำอะไรผิดวะ ดิวก็ยักไหล่ประมาณว่าไม่รู้

            “อย่าถือสามันเลยวะ กูว่ามันเป็นห่วงมึง มันแค่กลัวมึงถูกหลอก “แอ้พูด ผมพยักหน้าเบาๆ แต่ก็แอบยิ้มเล็กน้อย



             พวกผมทานกันอิ่มก็ไปนั่งที่ห้องนั่งเล่น นั่งดูทีวีกัน นั่งดูหนังกันในห้องที่เปิดไฟเอาไว้แบบสลัวๆ แต่ก็แอบเห็นไอ้ดิวมันจับมือแอ้ มีแอบหอมมือด้วย แอ้มันก็ตีไอ้ดิวห้ามมันไม่ให้ทำคงกลัวว่าติ๊กมันจะลงมาเห็นแน่ ๆ แต่ทว่าติ๊กก็ไม่ลงมาเลยหรือว่าหลับไปแล้วก็ไม่รู้ ผมนั่งกันอยู่จนดึก พวกแจ็คก็กลับมาและพวกผมก็พากันแยกย้ายขึ้นห้องนอน ผมยังหันไปมองห้องนอนติ๊ก ดอกฟ้าก็คือดอกฟ้าแล้วหมาวัดอย่างผมจะเอื้อมถึงได้อย่างไร

             TBC...




ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.4ุ9 (พายXมาร์ค)พระเอกจำเป็น
            Part’ s พาย ผมมาหาพ่อเปรมดิ์ที่โรงแรมของอาภาคย์ พ่อบอกว่ามาธุระผมเลยบอกพ่อว่าจะออกมาหาพ่อ ผมคิดถึงพี่แพทก็มาด้วย ผมยิ่งอยากมาเข้าไปใหญ่ ผมคิดถึงพี่แพท พี่แพทไปเรียนทหารแต่ก็มีช่วงพักบ้างและก่อนที่ผมจะมีเรื่อง พี่แพทก็ไปฝึกหน่วยรบพิเศษ หน่วยจู่โจมใต้น้ำ ไปร่วมฝึกกับหน่วยนาวีซีลแต่ไปในฐานะตัวแทนนาวิกโยธิน พี่แพทเป็นหน่วยเดลต้าฟอร์ดและMI หน่วยข่าวกรองด้วย พี่ผมเก่งหลายอย่างเลยทีเดียว
         “คุณพายครับถึงแล้วครับ” พี่คนขับรถบอกผม ผมพยักหน้าก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถที่ตรงด้านหน้าโรงแรม
         “ขอบคุณนะครับพี่” ผมพูดขอบคุณก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน ผมเหลือบไปมองเห็นใครสักคนที่เดินเข้ามาเช่นกัน หน้าตาคุ้นๆ มันเหมือนคนที่อยู่ในห้องเรียนเดียวกับพวกผม ผมก็มองมันอีกที ไอ้คนนั้นมันเดินกดมือถือก่อนจะหันมามองผม มันตกใจ ผมว่าใช่แล้ว
         “มึง!!” ผมชี้หน้ามันซะก่อน
         “เจอหน้าก็มึงเลย” มันถามผม
         “กูไม่รู้ชื่อนี่หว่า” ผมพูด
         “มาร์คโว้ย!! “มันพูด
         “เออ จะมาร์คหรือจะหมาก็เรื่องของมึงเถอะ” ผมพูดและทำท่าจะเดินเข้าไปด้านในโรงแรม
         “ปากน่าจับจูบจริงๆ มาร์คโว้ย ไม่ใช่หมา” มันรีบพูดแก้ทันที ผมหันมามองไอ้มาร์คอะไรนี้พร้อมกับยิ้มตอบ กูแคร์เหรอ
         “ก็กูบอกว่าเรื่องของมึง ปัญหาของมึง” ผมบอกคนตรงหน้า
         “หน้าหวานซะเปล่า เสียแต่ปาก” ดูมันพูด
         “ปากเสียนะเหรอ อันนี้รู้ตัว มีแต่คนชม” ผมพูด ไอ้คนตรงหน้าผมสะบัดหน้ามามองผม ทำหน้าตกใจหรือประหลาดใจอันนี้พายก็แยกไม่ออก
          “แบบนี้ก็ได้เหรอ อันนี้ด่าครับไม่ได้ชม ควรไปปรับทัศนคติใหม่น่ะ” ไอ้มาร์คพูด ผมก็เบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะ เหลือบมองนาฬิกาประมาณว่าเสียเวลาคุยกับมันทำไมเนี่ย!
           “ว่าแต่ มาทำไมเนี่ย มาคนเดียวด้วย ไม่กลัวหรือไง ยิ่งเป็นที่หมายตาของบรรดาพวกอยากลองของแปลกอยู่” ไอ้มาร์คพูด
         “อันนี้กูเข้าใจได้เลยว่ามันด่าชัดๆ ไม่ได้ชม” ผมหันมาพูด
         “แหม! ที่อย่างนี้ระเร็วเชียวน่ะ” ไอ้มาร์คพูด
          “ว่าแต่มึงเถอะ…มาทำไมเนี่ย รับจ๊อปพิเศษเหรอ” ผมถามไอ้มาร์ค มันรีบก้มลงสำรวจเสื้อผ้าตัวเองทันที
         “แต่งหล่อขนาดนี้ ไม่คิดว่าจะมาเป็นคนใช้บริการบ้างหรือไง โรงแรมหรู เสื้อผ้ากูก็แบรนด์เนมขนาดนี้ คิดได้ไงเนี่ย” ไอ้มาร์คพูด ผมทำหน้าแบบไม่เชื่ออ่ะ ผมยืนกอดอกมองอีกที
          “ของแท้ นี้ดู ไม่เชื่อเดี๋ยวกลับไปเอาใบเสร็จให้ดูเลย” ไอ้มาร์คพูด ผมก็เหล่ตามองว่าตกลงมันมาทำไม
          “จริงๆ มารับพ่อกู พ่อกูมาเจอคนสำคัญ” ไอ้มาร์คพูด
         “เหรอ!” ผมทำเสียงสูงใส่
         “ว่าแต่เราเถอะ มาทำไมคนเดียว เดี๋ยวก็โดนสอยหรอก” ไอ้มาร์คพูด ผมเบ้ปากใส่ทันที
        “ใครจะกล้า!” ผมพูดและแอบคิดในใจ มันไม่รู้จักน้องพายซะแล้ว ผมเดินผ่านไอ้มาร์คไปทันที จังหวะนั้นโทรศัพท์มาร์คมันดังพอดี มันเลยกดรับสายซะก่อนและผมก็เดินแทรกมาร์คมันเข้าไป
         //ฮัลโหลพี่แพท ผมมาถึงแล้วอะ” ผมโทรหาพี่แพททันที
         //พาย.. นั่งรอพี่กับพ่อด้านล่างก่อนน่ะ พอดีพี่กับพ่อยังคุยธุระกับ ท่านนายกอบต พื้นที่อยู่ แต่ใกล้จะเสร็จแล้วครับพาย” พี่แพทบอกผม
         //ได้ครับพี่แพท// ผมบอกพี่แพท

           ก่อนจะหันมามองไอ้มาร์ค มันก็หาที่นั่ง นั่งรอใครสักคน ผมหันไปมองหน้ามัน สงสัยไอ้นี่จะพาสาวมานอนโรงแรมแน่เลย ผมก็เดินสะบัดก้น ไปเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า เลิกเรียนมาหน้ามันเชียว กลัวจะได้ทอดไข่ ผมเลยตรงไปที่ห้องน้ำซะก่อน จะว่าไปพวกบอย แจ็ค หลุยส์และธรรณ์ก็มาที่เดียวกันแต่ว่าผมกับไม่เจอ น่าแปลก” ผมแอบคิดในใจ ก่อนจะเดินแยกเข้าไปในห้อง ผมยืนมอง จะเข้าห้องน้ำผู้หญิงมันก็จะดูไม่ดีเพราะว่ามีแขกเข้ามาใช้เยอะแยะ ถ้าเห็นว่าผมเข้าไปใช้นี่อาภาคย์จะโดนดราม่า เอาว่ะเข้าห้องน้ำชายนี่แหละ ผมตรงเข้าไปแต่ไม่ได้ทำอย่างอื่น เข้าไปใช้กระจกครับ หยิบเอานั้นนี้มาโป๊ะหน้าหน่อยๆ แม้จะเป็นผู้ชายแต่ดูแลใบหน้าดีทีเดียว
           “เฮ้ยย!!!” นี่มันน้องน่ารักที่ไปเจอที่ร้านไอติมกับพวกนั้นนี่หว่า” ผมได้ยินเสียงใครสักคนคุยกัน ผมหันมามอง อ้าปากค้างเล็กน้อย ถามว่าผมจำได้ไหม ไม่ค่อยได้ แต่คิดว่าไม่น่าจะจำจะดีกว่า ผมรีบเก็บทุกอย่างก่อนจะหันมามองสองคนที่เพิ่งเข้ามาและรีบเปิดประตูออกไปทันที
          “หมับ!!” มันตรงมาจับแขนผมซะงั้น
          “ไอ้เชี้ย!!” ผมด่ามันแต่ว่ามันแรงเยอะกว่าผมมาก
          “ไอ้เชี้ยปล่อยกู!!” ผมพยายามสะบัดแขนมัน
           “ไหน ไหน ก็เจอกันทีนี้ เราไปหาอะไรทำในห้องน้ำไหม ดูท่าจะ…” ไอ้นี่พูดและมันก็มองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
          “กูเลือก!!” ผมหันไปพูดใส่หน้ามัน ไอ้สองคนนี้หน้ามันโหดเกิ้น
          “แต่กูไม่เลือก!!” มันบอกไม่เลือกและยังจะพยายามลากผมกลับเข้าไปในห้องน้ำด้วย
          “ปล่อยกูน่ะ พ่อกูอยู่ข้างบนไอ้เชี้ย พี่กูก็อยู่นี้ มึงอยากเจอดีใช่ไหม ไอ้เชี้ย ไอ้สัตว์ ไอ้ชาติหมา ไอ้หน้าตัวเมีย ไอ้ควาย
          "ไอ้... ไอ้...ไอ้.... “ผมพยายามดิ้นรนและด่ามันไปด้วย งัดมาหมดทั้งสวนสัตว์ มันก็ไม่ยอมปล่อยผมพยายามลากผมอยู่นั้นเอง ผมก็สู้แรงไม่ไหว้ เหมือนเอาไม่ซีไปงัดไม้ซุงก็ว่าได้
          “ไอ้เชี้ย!!!” เสียงดังมาจากไหนไม่รู้แต่ว่าไอ้คนที่ลากผมมันหยุดชะงัก ผมก็หันไปมอง ไอ้คนที่เข้ามายืนที่ตรงทางเดินนั้นคือไอ้มาร์ค
          “มึงทำอะไรน่ะ!!” ไอ้มาร์คมันตะโกนถาม ผมก็รีบสะบัดแขนให้หลุด วิ่งออกมาทันที ถึงจะไม่ชอบหน้าไอ้นี่เท่าไหร่แต่ตอนนี้ต้องการพวก ผมวิ่งมาแอบด้านหลังมันทันที
           “มึงจะทำอะไรน่ะ ปล่อยน้องมัน เป็นผู้ชายซะเปล่าแม่งรังแกคนอ่อนแอกว่า มึงไม่น่าใส่หรอกเสื้อช๊อปน่ะ ควรใส่กระโปรงว่ะ” ไอ้มาร์คมันถามไอ้สองคนนั้น
           “มึงเสือกอะไรด้วย” ไอ้คนนั้นมันถามไอ้มาร์ค ไอ้มาร์คมันหันมามองหน้าผม
          “ไอ้นี่มันเรียนที่เดียวกับกู “ไอ้มาร์คมันพูด
          “แล้วไง มึงอยากเจ็บตัวไปกับน้องมันเหรอเพราะเรียนที่เดียวกัน” ไอ้คนนั้นถาม
          “เอ๊ะหรือว่าผัวน้องมันว่ะ” ไอ้นี่มันพูด
          “มึงนี่ปากหมาว่ะ ไอ้หน้าตัวเมีย” ไอ้มาร์คมันชี้หน้าด่า จะว่าไปตอนนี้มันก็เหมือนจะเป็นฮีโร่ของพายน่ะ ถ้ามันไม่กวนตีนตั้งแต่นาทีแรกที่ก้าวเข้าไปในห้องเรียนนั้น ผมคง ตกหลุมรักมันไปแล้ว แต่ว่าตอนนี้พักยกเรื่องนั้นไว้ก่อน
           “ได้ งั้นมึงโดนกูแน่” ไอ้คนนั้นมันหยิบมีดพกขึ้นมาทันที ผมก็รีบกดมือถือหาพี่แพท
          //พี่แพท //ผมโทรหาพี่แพท พี่แพทรับสายผมแล้วและผมก็กดแชร์โลเคชั่นไปหาพี่แพททันที ไอ้สองคนนั้นมันเดินเข้ามาหาผมกับไอ้มารึแล้วด้วย มันมีมีดมาด้วย ผมกับไอ้พี่มาร์คยืนติดกำแพงเลย ไอ้มาร์คมันหันมามองผมเป็นระยะๆ และมองไอ้นั้นด้วย ผมพยักพเยิดว่า จัดการมันดิ เห็นอยู่ในห้องโหดหนักไม่ใช่เหรอ
          “ผลัก!” ไอ้มาร์คมันถีบผมออกไป ย้ำว่ามันถีบครับ มันถีบผมกระเด็นไป ผมหันมามองหน้ามันทันที มันรู้จักฝีปากพายน้อยไปซะแล้วไอ้มาร์ค
           “ทำไมมึงไม่ถีบไอ้นั่น มึงมาถีบกูทำไมเนี๊ยะ!! ไอ้หมา!! ไอ้หน้าดอกวัว ไอ้...ไอ้...” ผมหันมาด่ามันเป็นชุดเลย ไอ้สองคนที่ยืนอยู่มันมองผมกัไบอ้มาร์คสลับกันไปมา ไอ้มาร์คมันหันหน้ามามองหน้าผม ผมอ่านปากมัน ผมก็พยายามอ่านน่ะ
           (วิ่ง) มันบอกให้ผมวิ่ง อ้อ คราวนี่เข้าใจแต่ว่าผมเข้าใจช้าไป เพราะว่าอีกคนวิ่งมาดักผมเอาไว้ ผมก็เลยต้องค่อยไถลกลับมาหาไอ้มาร์คมันอีก
           “โธ่เอ๊ย!! อุตส่าห์ถีบออกไปแล้วให้ไปหาคนมาช่วย!! แทนที่จะวิ่งออกไปยังหันกลับมาด่ากูอีก แล้วนี่ใครจะมาช่วยวะ!!” ไอ้มาร์คหันมาบอกผม
           “ที่หลังมึงปรึกษากูนิดนึงน่ะ” ผมพูดและมองไอ้พวกนี้ ดูมันถลกแขนเสื้อขนาดนี้ พายเละแน่ๆ วันนี้ กูไม่น่าหลุดมาตัวเดียวเลย
           “ไหนบอกเป็นเด็กฉลาดไอคิวสูงปรี้ดไง” ไอ้มาร์คหันมาถามผม
           “กูเน้นวิชาการโว้ย!!” ผมพูด
          “อันนี้มันไม่มีในหลักวิชาการ กูจะไปเก็ตได้ยังไงวะ” ผมพูด
           “ไม่เน้นรอดชีวิตว่างั้น งั้นเลิกอ่านได้แล้วตำรานะเพราะว่าการเอาชีวิตรอดมันสำคัญกว่า เชื่อกู” ไอ้มาร์คหันมาพูดกับผมสอนผมอีกด้วย และที่มันพูดนี้เจ็บกว่าด่าว่าผมโง่ อีก ผมรีบชูนิ้วกลางให้ไอ้มาร์คแทน ปากหมาจริงๆ
“มึง ได้กลายเป็นศพในโรงแรมหรูแน่ๆ ทั้งคู่เลย ไปนอนกอดกันในโลงแทน รักกันมากใช่ไหม” ไอ้นั่นมันพูด มันคงเห็นว่าผมกอดขาไอ้มาร์คอยู่ ผมคิดในใจพึ่งจะรักมันเมื่อกี้นี้แหละ ที่ผ่านมาไม่ชอบขี้หน้ามันเลย ทั้งแก้งด้วย

          ไอ้หน้าโหดๆ นั้นมันก็ตรงปรี่จะเข้ามา ผมก็ยกมือกัน ผมรู้สึกปลอดภัยยังไงก็ไม่รู้ ไอ้มาร์คมันมากันผมอีกทีแต่ว่าทุกอย่างมันเงียบ ผมค่อยแอบมอง ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไอ้สองคนนั้นมันกองอยู่กับพื้นเฉยเลย ผมก็ผลักไอ้มาร์คออก มันบังผมครับ ไอ้สองคนนั้นมันกระเด็นไปเพราะว่าพี่แพท มาช่วยผมเอาไว้ได้ทันนั้นเอง
        “พี่แพท!!” ผมเรียกพี่แพท แต่พี่แพท ชูนิ้วให้ผมนั่งตรงนั้นก่อน ไอ้มาร์คมองหน้าผมกับพี่แพทสลับกันไปมา ก่อนจะชี้นิ้ว ว่าใคร?
         “พี่กูโว้ย!!” ผมพูด ผมลุกขึ้นมา
          “ไอ้เขี้ยพวกนี้มันจะรังแกน้องพี่แพท สั่งสอนมันเลยพี่แพท!!!” ผมพูด พี่แพทหันไปมองหน้าสองคนนั้น
         “โอ้วว! พี่มาก่างเลยว่างั้น” ไอ้มาร์คหันมาถามผม ผมหันมามองหน้ามัน ยืดเลยและตอนนี้ และไอ้สองคนนั้นมันก็มองพี่แพทผม สายตามันดูโกรธมากและอีกคนก็คว้ามีดตรงเข้าไปหาพี่แพทแต่พี่ผมฝึกมาอย่างดีจึงหลบคมมีดทันและก็จับข้อมือไอ้คนนั้นเอาไว้ได้พร้อมกับบิดและมีดก็ตกลงพื้น
          “ผลัก!!” พี่แพทตีเข่าเข้าไปทำให้ร่างกันกระทุ้งขึ้นตามแรงกระแทกของเข่าพี่แพท
          “อู้ยยย!!!” ผมกับไอ้มาร์ค เจ็บแทนแม่งเลย พอเพื่อนมันเห็นก็วิ่งไปหยิบมีดที่กระเด็นไปวิ่งมาหาพี่แพทอีกที มันคงคิดว่าพี่แพทหมดทางหันไปโต้ตอบซิท่าแต่ไม่ใช่พี่แพทผม พี่แพทฟาดเท้าเข้าไปที่คนที่วิ่งเข้าไปถึงกับกระเด็นไปชนฝาผนังทันที
          “ตุบ!!!” และมันก็แน่นิ่งไป
          “ว้าว!!” เสียงไอ้มาร์คมันอุทานทันที เป็นไงล่ะเท้าพี่แพท อีกคนหันไปมองเพื่อนก่อนจะพยุงตัวเองและวิ่งไปงัดเพื่อนให้มันลุกและพากันออกไปอย่างหมาเลยก็ว่าได้ ไอ้มาร์คยื่นมือเพื่อพยุงผมขึ้น จะว่าไปมันก็ไม่ใช่เด็กเกเรอะไรเลยน่ะไอ้มาร์คนี้ ผมยืนขึ้นมาได้ แอบเขินเล็กน้อย
           “อ้าว!! เขินทำไมวะ” ไอ้มาร์คมันถาม
           “มึงเคยดูหนังเกาหลีไหม ฉากฟินๆ น่ะมึงเคยไหม” ผมพูด
          “ขอบใจน่ะ” ผมพูด ผมยืนมองไอ้มาร์ค ไอ้มาร์คมันมองผม มันยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก ผมก็อายม้วนเลย พระเอกแม้จะในคราบแบดบอยก็เถอะ
         “ปึก!!” จู่ๆ พี่แพทยก็ผลักหน้าไอ้มาร์คออกไปและดึงผมเข้าไปกอดแทน คือพี่ชายผมค่อนข้างหวงครับ ผมหันไปมองไอ้มาร์ค มันเซไปแต่ไม่ถึงกับล้มน่ะ
        “เกิดอะไรขึ้นพาย” พี่แพทถามผม
        “ก็ไอ้สองคนนี้มันเคยหาเรื่องพวกผมอ่ะพี่แพทแต่ว่าวันนี้ดันมาเจอผมที่ห้องน้ำนี่อ่ะพี่แพท” ผมพูด พี่แพทกอดผม
       “โชคดีที่ได้ไอ้….” ผมจะหันไปมาบอกว่าไอ้มาร์คแต่ว่ามันหายไปซะก่อน
       “ไปด้านนอกเถอะ พ่ออยู่ที่ร็อบบี้แล้ว” พี่แพทพูด
       “ผมคิดถึงพี่แพทจังเลย” ผมพูด
        “อ้อนพี่อีกแล้ว” พี่แพทพูด
        “ก็พี่แพทฝึกเยอะอ่ะ ไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย” ผมพูดและทำแก้มป่อง
       “พี่ไม่ฝึกแล้วแต่เราดิ ไปหาเรื่องคนอื่นเขาทำไม ไม่งั้นก็ได้กลับไปอยู่กับพ่อและพี่แล้วเนี่ย” พี่แพทพูด ผมสองคนพากันเดินออกมาและตรงไปหาพ่อผมทันที ผมเห็นพ่อผมกำลังคุยกับใครสักคน ดูสูงวัย ผมเดาได้ว่าน่าจะเป็นนายกอบต เขายืนคุยกับพ่ออยู่และผมยังเห็นคนที่ยืนข้างๆ คนที่คุยกับพ่อผมด้วย นั้นคือไอ้มาร์ค เออ ผมพึ่งได้ข้อมูลมาว่าพ่อมันเป็นนายกอบต นี่หว่า ไอ้มาร์คหันมามองหน้าผม
         “งั้นผมลานะครับท่าน ผมจะพยายามจัดการให้เร็วที่สุดครับ “คนนั้นก็ยกมือไหว้พ่อผม ผมยกมือไหว้คนนั้นตามมารยาทและไอ้มาร์คนี่มันก็ยกมือไหว้ลาพ่อผมก่อนจะเดินไปกับคนนั้น ผมเดาได้ว่าพ่อมันนั่นแหละมาร์คมันหันมามองหน้าผมก่อนจะเดินออกไป
         “หมับ” ผมตรงไปกอดพ่อผมทันที สามอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้เจอพ่อเลย ผมคิดถึงพ่อมา
         “อะไรกันนี่ มาถึงก็อ้อนพ่อทันทีพาย” พ่อเปรมดิ์ถามผม
         “อ่อนพี่แพทเขาหรือยังล่ะ” พ่อถามผม
         “อ่อนไปแล้ว” ผมพูด
         “พ่อ เมื่อกี้ผมไปช่วยพายมา มีคนพกอาวุธเข้ามาในโรงแรมอาภาคย์” พี่แพทพูด พ่อหันมามองหน้าผม ผมพยักหน้าว่าจริง พ่อตกใจพอสมควร
          “พายบอกว่าเคยไปเจอและมีเรื่องเขมนกันมาก่อน” พี่แพทพูด
          “พ่อผมว่าที่นี้ มันเกินกำลังน้องๆ ไปแล้วน่ะพ่อ” พี่แพทพูด
           “เอาน่ะ ภาคย์กำลังลงคนสำคัญมาช่วยอีกคนและพวกพ่อก็ไม่ได้ปล่อยน้องตามลำพัง นี้ไงพ่อมาคุยกับคุณชัชชาติ เขาเป็นคนนายกอบตที่นี้และพ่อก็รู้จักเขามาก่อน พ่อเลยมาคุย” พ่อผมพูด ผมพยักหน้า
            “ว่าแต่พวกนั้นมันทำอะไรเราอีกไหมพาย” พี่แพทยถามผม ผมส่ายหัวว่าไม่ได้ทำอะไร
            “ว่าแต่พี่แพทกับพ่อมาที่นี้โดยตรงเลยเหรอ” ผมถาม
            “เปล่าหรอกพี่แพทเขามายื่นเรื่องจะไปร่วมปฏิบัติหน้าที่พิเศษกลับหน่วยรบพิเศษที่ค่ายลุงภา” พ่อบอกผมผ พยักหน้าอีกรอบ
             “และพ่อกับพี่แพทคงกลับเลยน่ะพาย อยู่นานไม่ได้ พี่แพทเขามีอบรม” พ่อบอกผม ผมจำใจพยักหน้าอีกครั้ง ผมก็กอดพ่อเปรมดิ์แต่น่าแปลกน่ะถ้าพี่แพทมากับพ่อ ป๊าสี่ไม่ได้มาด้วย ไม่รู้ว่าป๊าสี่เกรงใจพี่แพทหรือเกรงใจพ่อ แต่กับพวกผมป๊าสี่ดีมากเหมือนพ่ออีกคนเลย
             “แล้วไอ้คนมาช่วยเราไว้ ใครกันพาย” พี่แพทถามผม
            “เออ… เป็นเพื่อนในห้องเรียนพี่แพท” ผมพูด
            “แค่เพื่อนน่ะ” พี่แพทถามผม ผมขมวดคิ้ว
           “แค่เพื่อน…” ผมตอบพี่แพท
            “แล้วไป” พี่แพทพูด
           “พี่ยังไม่อยากให้น้องมีแฟน อยากให้ใช้เวลานี้ให้มากกว่านี้ พอมีแฟนจะไม่มาอ้อนพี่แล้วไง” พี่แพทพูด ผมยิ้มตาหยีให้พี่แพทของผม ผมกับพ่อและพี่แพทเข้าไปในห้องอาหาร พ่อผมจองเอาไว้แล้ว สั่งอาหารที่ผมชอบทั้งนั้นเลยมาทาน ผมชอบเอาใจพี่ชายก็จะคอยตักนั้นตักนี่ให้ ผมเป็นเด็กช่างอ่อนพี่ชายของผม มีไอ้พี่พีชนี้แหละที่ไม่ค่อยอ้อน พี่แพทเอาใจผมแต่พี่พีชมักจะกวนใจผมมากกว่าแต่ก็รักพี่ชายทั้งสองคนเหมือนกันนั่นแหละ
           “พาย… พ่อจะให้ส่งเอกสารให้น่ะ เขาจะให้พายไปเรียนแพทย์ เร็วที่สุด” พ่อบอกผม ผมเงยหน้ามองพ่อผม ผมรู้สึกตกใจแต่ใช่ว่าผมไม่เคยรู้ ผมรู้มาก่อนแล้ว
            “พาย .. พายเป็นคนเรียนเก่งที่สุด มีความสามารถที่สุด พ่ออยากให้พายใช้มันให้เกิดประโยชน์ที่สุด” พ่อผมพูด ผมมองพ่อเปรมดิ์ ผมแอบเสียดายเวลา ผมยังอยากใช้เวลากับเพื่อนๆ ให้มากกว่านี้ พี่แพทหันมามองหน้าผม พี่แพทแตะที่หัวผมเบาๆ พี่แพทก็คงเข้าใจความรู้สึกของผม ผมไม่ได้พูดอะไรต่อผมทานอาหารต่อและฟังพ่อกับพี่แพทคุยกัน ผมจำใจความได้ว่าพี่แพทจะต้องมาประจำการชั่วคราวเพื่อเรียนรู้งานที่ค่ายลุงภา แต่ก็ดีน่ะไม่ไกลจากที่ผมเรียน ผมภาวนาว่าขออย่าให้ผมไปเรียนก่อนเลยเพราะถ้าไปก่อน ผมก็พลาดเวลาที่จะได้อ้อนพี่แพทอีก
            TBC.....

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.50 (หลุยส์Xธรรณ์) สิ่งที่ยังคาใจหลุยส์

              Part’ s หลุยส์ ผมกับธรรณ์ แจ็คและบอย พากันมาตีสคอร์ช เพื่อออกกำลังกายกันแต่จริงๆ แล้วผมนัดใครสักคนเอาไว้ ผมให้เขาสืบให้ผมว่าใครกันที่เป็นคนส่งคนไปฆ่ายกครัวบ้านผม ถึงจะผ่านมาหลายปีแต่ผมจะไม่ยอมปล่อยผ่าน ผมต้องเอาคืนให้ได้ ผมรู้มาคร่าวๆ ว่าเป็นคนในองค์กรนี่แหละ
             “ปึก” ผมกับไอ้แจ็ค แข่งกันตี ส่วนบอยกับธรรณ์เขาจับคู่กัน ผมน่ะใช้แรงเยอะกลัว ตีทีหนึ่งแรงอัดเยอะมาก เลยต้องจับคู่กับคนที่แข็งแรงพอๆ กัน นั้นคือแจ็ค
             “มึงไม่ได้ชวนพวกกูแค่มาตีสควอชแน่ๆ ไอ้หลุยส์” ไอ้แจ็คมันถามผม ผมหันไปมองแว๊ปหนึ่งก่อนจะฟ้าดลูกเทนนิสที่เด้งกลับมา
             “ปึก!!” ดังสะนั้น ผมหันไปหยักคิ้วให้แจ็ค
             “ปึก!!” ไอ้แจ็คมันก็ฟาดลูกบอลด้วยไม้สควอชอย่างแรงจนเด้งกลับมาด้วยความแรงไม่แพ้กันกับผมเลย
             “กูจะเอาคืนคนที่ฆ่ายกครัวครอบครัวกู” ผมพูด ก่อนจะฟ้าดอีกลูกอย่างแรง
             “กูเดาว่าลุงหนึ่งก็น่าจะรู้ว่าใครแต่ทำไมไม่จัดการให้กู กูไม่เข้าใจว่ะ” ผมพูด ไอ้แจ็คมันมองหน้าผม ผมเห็นลูกมันเด้งกลับมาแล้ว
            “ปึก!!” ผมวิ่งไปดักและฟาดกลับไปก่อนจะมองหน้าไอ้แจ็ค
            “มึงรู้ว่าใคร” แจ็คมันถามผม ลูกเมื่อสักครู่ผมไม่ได้ฟ้าดแรงเท่าไหร่ มันเลยเด้งกลับมาแบบไม่แรงมากและ
            “ปึก!!” แจ็คมันรับลูกนั้นเอาไว้ได้โดยที่ไม่ได้หันไปมองซะด้วยซ้ำ
            “กูว่ากูรู้ว่ะ กูได้หลักฐานมาแต่มันน้อยไป” ผมพูด
            “ใครวะ?” แจ็คมันถามผ
            “พ่อไอ้ฌอน!!” ผมหันไปพูด
            “ไอ้ฌอนที่เขาอยากให้ได้ตำแหน่งแทนบอย ไอ้นี่มันเก่งแต่ว่ามันไม่มีคุณสมบัติเพียงพอเพราะว่าเก่งอย่างเดียวแต่ไอ้นี่มันโหดเหี้ยมไร้ความปรานี มันเหมือนเป็นเด็กมีปัญหามาตั้งแต่เด็ก พวกเขาเลยไม่ยอมรับ” ผมพูด
            “ปัญหาสำคัญคือพ่อมันจะให้คนที่เป็นกลุ่มมหาอำนาจมาเป็นแบล็กมันอีกที มันไม่ต่างกับขายพวกเราให้เขา เขาเลยไม่ยอมและทุกอย่างพี่พ่อกูและพ่อมึงช่วยกันรักษามาตั้งแต่รุ่นปู่ ก็จะถูกทำลายไปเหมือนกัน” ผมพูด ไอ้แจ็คหันมามองหน้าผม
             “มันมีน้องชายชื่อเชย์ ไม่ต่างกับไอ้ฌอนและแย่กว่าตรงที่ เรียนก็ไม่เอาไหน ไอ้นี่ไม่มีอะไรดีสักอย่างเลย “ผมพูดก่อนจะหันไปมองสองหนุ่มน้อยของผม เขาตีสควอชกันเสร็จแล้ว ผมพยักพเยิดว่าออกไปหาแฟนตัวเองกันเถอะ ผมกับไอ้แจ็คออกมาจากห้องตีควอช์ บอยก็ส่งผ้าเช็ดหน้าให้แจ็ค ธรรณ์ก็ส่งให้ผมหนึ่งผื่นเช่นกัน ซับเหงื่อให้ด้วย น่ารักไหมล่ะแฟนผมแต่ก็ไม่แพ้บอยเช่นกัน ซับให้แจ็คเช่นกัน
            “คุณหลุยส์ครับ ไปที่ห้องรับรองเลยไหมครับและผมจะได้ให้คนของทางโรงแรมจัดห้องอาหารไว้รอเลยนะครับ” พี่นาธาน เดินเข้ามาถามผม ผมพยักหน้าว่าได้
             “เราไปห้องรับรองจะได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและไปทานอาหารกันดีกว่า วันนี้หลุยส์ มีคนพิเศษมาทานอาหารด้วย” ผมพูดธรรณ์หันมามองหน้าผม ผมยิ้มอ่อนๆ ให้ธรรณ์ และผมสี่คนก็ขึ้นไปยังห้องรับรอง โซนที่เรียกว่าส่วนตัว จะไม่มีใครเข้ามาใช้ได้ ผมจัดการแยกกันเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกาย ก็ต้องคู่ใครคู่มันอยู่แล้ว
ผมรีบชำระร่างกายกันก่อนเพราะว่าคนสำคัญที่ผมนัดเอาไว้รอผมอยู่ ผมให้เขาเอาเสื้อผ้าจากห้องเสื้อชื่อดังมาไว้ให้พวกผมเลือก ธรรณ์นั้นเลือกเอาไว้ให้ผมแล้ว เขารู้ใจว่าผมชอบแบบไหน
               “รู้ใจจริงๆ เลยน่ะคนนี้และน่ารักแบบนี้ ไม่ไปไหนแล้วจริงๆ” ผมพูดขณะที่ธรรณ์กำลังช่วยจัดแต่งเสื้อผ้าให้ผม
               “ก็ชอบแบบนี้อ่ะ” ธรรณ์พูด
               “เรียนออกแบบซิ ธรรณ์น่ะมีพรสวรรด์ด้านนี้น่ะ” ผมพูด ธรรณ์ยิ้มให้ผม จังหวะนั้นคู่รักอีกคู่เดินเข้ามาในห้องโถงพอดี แจ็คกับบอย เดินเข้ามาพอดี ดูกะหนุงกะหนิงเข้ามาด้วยกัน หวานไม่เกรงใจผมสองคนเหมือนกัน
               “ไปกันเถอะ อาหารเย็นพร้อมแล้ว” ผมพูด ผมสี่คนเดินลงไปพร้อมกันที่ห้องอาหาร ที่ถูกจัดเอาไว้อยู่แล้ว ผมสี่คนเดินมาหยุดที่โต๊ะอาหาร มีคนนั่งรอผมสี่คนอยู่แล้ว เขายนั่งหันหลังอยู่ แจ็ค บอยและธรรณ์ หันมามองหน้าผม ผมหยักคิ้วให้ก่อนจะพยักหน้าให้ทุกคนเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร
                “อ้าวมากันแล้วเหรอ” และคนที่ก้มหน้าก้มตาดูเอกสารก็เงยหน้าขึ้นมามองพวกผมสี่คน อึ้งกันไปเลยซิ โดยเฉพาะแจ็คและบอยเพราะคนที่นั่งอยู่ คือลุงสอง
                “นั่งลงซิ” ลุงสองบอกผม ผมหันมามองหน้าทุกคน
                 “สวัสดีครับลุงสอง” ไอ้แจ็คยกมือไหว้แบบงงๆ
                 “สวัสดีครับลุงสอง” บอย
                 “สวัสดีครับ” ธรรณ์
                 “สวัสดีครับลุง” ผมพูดก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับลุงสอง ลุงสองมองพวกผมทุกคนก่อนจะหยุดสายตาที่ธรรณ์
                 “แฟนเราเหรอคนนี้ หลุยส์” ลุงสองถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่และคนที่นั่งข้างๆ ผมก็เขินรอทันที
                 “เป็นยังไงกันบ้าง หึ?” ลุงหนึ่งถามทุกคนแต่ว่าทุกคนยังอึงกันอยู่
                 “อ้าวเป็นอะไรไปล่ะ” ลุงสองถามอีกครั้ง
                 “ยังตกใจนะครับเพราะว่าปกติพวกผมแทบจะไม่เคยเจอลุงสองเลยแต่ว่าจำได้ครับ” แจ็คพูด
                  “หึๆ ตอนแรก ลุงหนึ่งว่าจะมานะแต่ว่ามีเรื่องด่วนซะก่อน เลยมาไม่ได้ ให้ลุงมาแทน” ลุงสองพูดยิ้มๆ
                  “ลุงหนึ่งน่ะเขาไม่ได้มีปัญหาอะไรกับพวกเราน่ะ เขารักและเอ็นดูเรา ดูแลเราเหมือนที่เขาดูแลพ่อๆ ของเรานั่นแหละ “ลุงสองพูด
                  “แต่อย่างว่า อาจจะเผด็จการไปหน่อย” ลุงสองพูดยิ้มๆ ให้กับพวกผม
                  “ไม่ล่ะครับมากเลยดีกว่า” ไอ้แจ็คพูดแต่โดนบอยตีแขนเอาไว้
                  “เรานี่น่ะ น่ะสมกับที่ลุงหนี่งพูดไว้ไม่มีผิดน่ะแจ็ค “ลุงสองพูด
                  “ผมก็คิดว่าลุงหนึ่งจะมาเองซะอีกนะครับ” ผมพูดขึ้น แจ็คมันหันมามองหน้าผม ผมขยิบตาให้มัน ผมรู้ว่ามันไม่ค่อยอยากเข้าหน้ากับลุงหนึ่งเท่าไหร่แต่ยังไงเขาก็ดูแลผมแทนพ่อผมเหมือนกัน
                   “หลุยส์ ลุงรู้น่ะว่าเราแคลงใจเรื่องพ่อแม่และทุกคนในบ้านของเรา ที่เสียชีวิตไป “ลุงสองพูด
                   “ถามว่าลุงๆ ทุกคนอยู่เฉยไหม ไม่น่ะ เราก็พยายามหาหลักฐานกันอย่างเต็มที่แต่เราก็ต้องรับมือกับด้านอื่นด้วย ดังนั้น ลุงอยากให้พวกเราโฟกัสที่เรื่องเรียนก่อนเพื่อจะได้ เข้ามาช่วยกันดูแลองค์กรนี้และองค์กรนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของพ่อๆ เราน่ะหลุยส์” ลุงสองพูด
                  “โดยเฉพาะเราหลุยส์” ลุงสองพูด ผมก็คิดว่าจะได้คำตอบเรื่องพ่อผมสักที
                  “ทำไม มันใช้เวลานานจังละครับ” ผมถามลุงสอง
                 “เพราะคนที่ทำเรื่องนี้ก็ไม่ธรรมดาไงหลุยส์ เราจะเอาผิดเขา เราก็ต้องรอบคอบที่สุด” ลุงสองพูด
                 “เข้าใจน่ะ ตอนนี้ลุงอยากให้เราช่วยกัน ดูแลองค์กรนี้ก่อนเพื่อป้องกันคนที่พยายามจะล้มล้างองค์กรของเรา” ลุงสองพูด ผมหันไปมอง พี่คนหนึ่งเดินมาหาลุงสอง ผมคุ้นๆ หน้าเขาอยู่
                “อ้าวปิก มาแล้วเหรอ”
                “ครับพ่อ ผมคุยงานเสร็จแล้วนะครับ” พี่เขาพูด
                “นี่พี่ปิก ลุงชายคนโตของลุงเอง” ลุงสองแนะนำ พวกผมก็ยกมือไหว้กันทันที
                “สวัสดีครับ” พี่ปิกทักทายพวกผม ก่อนจะนั่งลง
                 “ลุงว่าเราทานอาหารกันก่อนดีกว่านะ จะได้คุยกันไปด้วยและเราก็ต้องกลับบ้านพัก ไม่อยากให้กลับไปถึงดึกมาก มันอันตราย “ลุงสองพูดและพวกผมก็สั่งอาหาร ผมหันมามองไอ้แจ็ค
                 //กูอธิบายทีหลัง//ผมส่งข้อความหาไอ้แจ็ค มันอ่านข้อความก่อนจะพยักหน้าให้ผม

                  ผมหันมามองธรรณ์ ผมเดาว่าบอยน่าจะเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการ พวกผมก็สั่งอาหารมาทานและได้พูดคุยกับลุงสอง ผมรู้ว่าทำไมลุงหนึ่งส่งลุงสองมาแทนเพราะว่าลุงสองกับลุงหนึ่งน่ะเขา จิจ๊ะกันอยู่แต่ไม่ค่อยมีคนรู้ มีแค่ลูกๆ ลุงสองและผมนี่แหละ พวกนี้ก็ไม่รู้กันแต่อาจจะรู้หลังจากที่ผมอธิบายทุกอย่างแล้วก็ได้

                  ผมคุยกันไปเรื่อยๆ เปื่อย ถึงได้รู้ว่าพี่ปิกเป็นแฟนกับพี่อู๋ ลูกชายคนโตลุงสี่ ลุงสองมีลูกชายหกคน มีคนแรกนี้เรียนสี่เหล่าทัพเลยก็ว่าได้ เขาถึงได้เรียกบ้านนี้ว่าสี่เหล่าทัพ ทัพบกพี่ปิก ทัพเรือพี่ปั๊ป ทัพอากาศไปส์และอีกหน่วยพี่เขาอยู่ในหน่วยสวาท พี่ปาร์ค และยังมีพี่ปุณณ์และพี่ปอร์ ด้วย ลูกๆ ของลุงสองไม่ค่อยได้มีใครเจอเท่าไหร่นานๆ จะเจอที ผมเองยังเจอน้อยมากแต่พวกแจ็คนี้น่าจะไม่เคยเจอเลยด้วยซ้ำ

                  พวกผมคุยกันไม่นานเพราะว่าลุงสองต้องรีบกลับเหมือนกัน ลุงหนึ่งคงรู้ว่าผมส่งคนไปตามสืบบ้านไอ้ฌอน ถึงได้มาสกัดผมไว้ก่อน ผมรู้ว่าไอ้ฌอนมันลี้ภัยไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งครอบครัว ดังนั้นผมเลยจะไม่รอให้มันซมซานคลานกลับมา ผมต้องลากมันกลับมารับโทษให้ได้ ผมสัญญากับตัวเอง
ทันทีที่อาหารค่ำสิ้นสุดลง ผมก็แยกย้ายกันกลับ ผมกับทุกคนกลับไปที่บ้านพัก วันนี้กลับดึกก็จะมีการ์ดตามประกบเพื่อคุ้มกันพวกผมสี่คนให้กลับถึงที่พักอย่างปลอดภัย ผมนั่งกุมมือธรรณ์เอาไว้ ธรรณ์หันมามองหน้าผม พร้อมรอยยิ้ม
                “หลุยส์ เชื่อที่ลุงสองพูดเถอะนะ หลุยส์ยังไม่พร้อม รอให้พร้อมก่อนดีกว่า เพราะว่ามันอันตรายเกินไป นะธรรณ์ขอล่ะ” ธรรณ์พูดอ้อนวอนผม ผมหันมามองหน้าธรรร์ ผมดึงธรรณ์เข้ามาจูบ
                 “หลุยส์รู้ครับและหลุยส์อยากได้ความจริงให้เร็วเท่านั้นเอง” ผมพูด
                 “ตอนนี้หลุยส์คิดว่าอย่าพึ่งเลย ดังนั้น หลุยส์ควรจะรอน่ะธรรณ์จะอยู่เคียงข้างหลุยส์เอง สัญญา” หลุยส์พูด จังหวะนั้น รถเข้าไปจอดพอดี ภายในบ้านดูเงียบเหงายังไงก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าพวกนั้นมันทะเลาะกันหรือว่าแยกกันขั้นห้องไปแล้ว ผมหันมามองแจ็ค
                  “เรื่องลุงหนึ่ง เอาไว้ค่อยอธิบายก็ได้ว่ะแต่กูว่ากูเข้าใจมึงว่ะ” แจ็คบอกผม ผมพยักหน้าว่าขอบใจที่มันเข้าใจผม ถึงมันจะไม่ค่อยปลื้มหลักการของลุงหนึ่งจนเรียกได้ว่าเข้าหน้ากันไม่เคยติดเลยก็ได้แต่มันก็เข้าใจว่าผมก็ต้องการให้เขาช่วยผมเรื่องคดีของพ่อกับคนในครอบครัวของผมอยู่ดี และที่ไอ้แจ็คไม่อยากถามผมเยอะ มันคงเห็นว่าทุกคนเหนื่อยและเพลียแย่แล้วเลยคิดว่าควรจะไปพักผ่อนกันก่อน ผมพาธรรณ์ขึ้นห้องเพื่อจะได้พักผ่อน เพื่อจะได้ตื่นมาทำภารกิจกันต่อวันรุ่งขึ้น

                  TBC…

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2024 11:42:25 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.51 รู้สึกเหมือนงานจะเข้า

                แจ็ค ผ่านไปหลายอาทิตย์แล้ว พวกผมได้เพื่อนร่วมแก้งเพิ่มมาอีกหนึ่งคนนั้นคือไอ้เดี่ยว ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ไอ้โหดตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า แต่พอได้มา มันไม่ได้โหดแบบที่พวกนั้นคุยกันไว้เลย ผมว่ามันเหมือนไอ้ดิวแทบจะทุกอย่าง เหมือนกับผมกับไอ้หลุยส์ เราเหมือนคนเคมีเดียวกัน มันเข้ากันได้และคุยกันได้ทุกเรื่อง ผมว่าไอ้ดิวได้คู่ซี่และผมกลับมองไปถึงอนาคต ผมอยากให้ไอ้เดี่ยวมันเป็นทหารเหมือนไอ้ดิว เพื่อจะได้มีกองกำลังที่เข้มแข็งเพื่อปกป้ององค์กรและคนในองค์กร

              และช่วงนี้ผมสังเกตเห็นว่า ตั้งแต่ไอ้เดี่ยวมาเป็นเพื่อนกับพวกผม รู้สึกว่าติ๊กมันห่างกับดิวและแอ้ไปหน่อย แต่คงรำคาญไอ้เดี่ยวมันหน่อยเพราะว่ามันต้องควงทั้งติ๊กและพายไปพร้อมๆ กัน แถมยังโดยเฉพาะพายที่แทะเล็มไปด้วย ผมก็รู้ว่าพายมันหยอกเล่นแต่ไอ้ติ๊กนี้ผมว่ามันโดนไอ้เดี่ยวลากไปดีกว่า ผมไม่รู้ว่ามันทำเพราะดิวให้มันช่วยหรือว่ามันแอบคิดอะไรกับไอ้ติ๊กมันอยู่กันแน่ แต่ถ้ามันรักจริงผมก็ยินดีมาก ผมอยากให้ติ๊กมันเจอใครสักคนสักทีและบางทีมันอาจจะตัดใจจากคนที่เขาไม่รักมันได้ ผมคิดว่าไอ้เดี่ยวเหมาะสมที่สุดเพราะว่ามันมีความเหมือนคนที่ไอ้ติ๊กมันมีใจ อันนี้แหละที่จะช่วยเยียวยามันได้ดี
                “แจ็ค มานั่งซิ จะได้ทานอาหารเช้า” บอยเรียกผม ผมก็นั่งลงข้างๆ บอยและไอ้หลุยส์มันก็นั่งลงข้างธรรณ์เช่นทุกครั้ง ผมมองหน้าบอยที่กำลังแก้การบ้านให้ผมเป็นบางข้อ บอยหันมามองหน้า
                “เป็นอะไรไปนะแจ็ค “บอยถามผม
                “เปล่านะ” ผมตอบ แต่บอยเลิกคิ้วสูงไม่เชื่อที่ผมพูด
                “แจ็คก็แค่คิดว่าทำไมเขาต้องห้ามบอยไปไหนมาไหนกับแจ็คด้วยอ่ะและเขาไม่คิดจะให้บอยมีเวลาเป็นของตัวเองบ้างเหรอ “ผมพูดผมว่าจะช่วยบอยไปเที่ยวแต่บอยบอกว่าพ่อไม่ให้ไปไหนเด็ดขาด และบอยก็พูดอีกว่า ไปก็มีการ์ดไปเยอะแยะมันอึดอัดและดูไม่สนุก เลยจะพักที่โรงแรมที่กรุงเทพดีกว่า ผมนี้โมโหแทนบอยเลย
                “เสียใจเหรอที่บอยไปเที่ยวด้วยไม่ได้นะแจ็ค “บอยถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ ผมหันไปมองและกำลังจะพูด
                "อ้าว! มาแล้วเหรอวะ ไอ้สามผัวเมีย” เสียงไอ้หลุยส์มันแซวไอ้ดิวแอ้และติ๊กที่เดินมาพร้อมกัน ผมกับไอ้หลุยส์หันไปมองสามคู่มันกลับมาติดแง๊ะเหมือนเดิมอีกแล้วเหรอ ไอ้ดิวยกมือไม่รู้จะทำยังไงและน้องพายก็เดินควงแขนไอ้เดี่ยวออกมาอย่างแนบชิด ผมดูหน้าไอ้เดี่ยวมันออกจะกลัวพายซะด้วยซ้ำผมเห็นแล้วก็อดที่จะส่ายหัวไม่ได้ ผมว่ามวยผิดคู่อย่างไอ้เดี่ยวมันต้องติ๊กนี้
                 “แอ๊ะ! แอบส่งสายตาให้พี่เดี่ยวเหรอจ๊ะ มารยาทนิส!! หนึ่ง! พี่เดี่ยวนี่ของพี่ครับ” พายบอกน้องๆ ผู้หญิงที่แอบโบกไม้โบกมือให้ไอ้เดี่ยวมัน แต่ละคนก็หัวเราะที่พายทำท่าหึงหวงเดี่ยว
                 “นั่งซิจ๊ะที่รัก” พายบอกเดี่ยว
                 “เดี่ยวตกลงมึงเสร็จพายมันไปแล้วเหรอวะ” ผมถามไอ้เดี่ยวรีบส่ายหัวทันที
                 “แม้บอกเขาไปเถอะ ทุกคนรับได้และช่วงนี้อาจจะต้องแบทเทิลกันหน่อยนะระหว่างพายกับปู เดี่ยวจะเลือกกินอะไร” พายพูดและหันไปถามไอ้เดี่ยวให้เลือกด้วยระหว่างพายกับปู
                  “ถามพี่มึงยัง พี่แพทอ่ะ เขารับได้ไหมและไอ้เดี่ยวด้วยมึงรับคอมแบทพี่ทหารได้ไหม ก่อนจะตัดสินใจกินพาย “ไอ้ดิวมันถามขึ้น ไอ้เดี่ยวส่ายหัวและรีบแกะมือพายออกทันที
                 “กูเบื่อว่ะ พวกมึงนี้ขัดลาภกูตลอดเลย” พายพูดและทำแก้มป่อง
                 “แล้วมึงกลัวอะไรกะแค่คอมแบท ที่หมัดไอ้ดิวไม่เห็นจะกลัวเลย” พายมันถามแอบค้อนได้เดี่ยว
                 “กลัวคอมแบทครับเพราะว่าโดนไปเจ็บและจุก!” ไอ้เดี่ยวพูดและแกะแขนพายออก
                “พี่เดี่ยว นี้ครับพี่ปู” ไอ้ป๊อดมันลากแขนปูออกมาส่งให้ไอ้เดี่ยว
                 “ปู นั่งด้วยกันซิ” ไอ้ดิวมันบอกปู ดิวมันก็คนลุกจากที่นั่งฝั่งเดียวกับพวกมันและข้ามมานั่งฝั่งพวกผมทันที ผมหันไปมองนั้นคือไอ้ติ๊ก สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
                 “อะไรของมันวะ” ผมพูดขึ้นผมชี้ไปไอ้หลุยส์มันยักไหล่ไปทางไอ้เดี่ยวกับปู ผมกำลังจะอ้าปากแซวแต่ไอ้ติ๊กมันส่งสายตาจิกมาให้ผมและบอยก็หันมาค้อนผมอีกคนเลยไม่กล้าแซวเลย
                 “นั่งซิ ปู เดี่ยวมีอะไรจะให้” เดี่ยวพูดและจับมือปูให้นั่งลงและไอ้เดี่ยวมันก็หยิบเอากล่องมือถือไอโฟนรุ่นที่ไม่ใหม่และไม่เก่าจนะเกินไป น่าจะออกมาหลังพวกผมไม่กี่ปี แต่สภาพคือของใหม่ ปูทำหน้าตกใจอยู่เหมือนกัน
                 “เดี่ยวให้เพราะว่าปูไม่มีมือถือใช่ไม่ใช่เหรอ” เดี่ยวมันพูด
                 “รับไปซิปู ไอ้เดี่ยวมันอยากให้” ไอ้ดิวพูด พวกผมก็พยักหน้าว่าเห็นด้วยน่ะและพากันลุ้นให้ปูรับมือถือนี้ไป ปูมองหน้าพวกผมทุกคนแต่คงสะดุดที่ไอ้ติ๊กที่ทำท่าหน้าไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เบ้ปากใส่ด้วย
                 “คือว่า ปูรับไม่ได้หรอกเดี่ยว มันดีเกินไป” ปูพูด
                 “อันนี้เหรอที่ว่าดีเกินไป อันนี่น่ะมันตกรุ่นไปแล้ว ที่ไม่รับหรือว่าอยากได้อันที่ดีกว่านี้กันแน่” ติ๊กมันพูดขึ้นแบบไม่เจาะจง
                 “ติ๊ก “แอ้มันร้องห้ามติ๊ก ผมหันไปมองหน้ามันว่ามันเป็นอะไรผีอะไรเข้าสิงแต่เช้า
                 “รับไปซิปูและเวลาพี่เดี่ยวโทรรับด้วยนะ “ไอ้ดิวมันแซวปู ปูก็รับกล่องมือจากเดี่ยวไป
                 “มาใส่ซิมให้ ไหนละซิมอันเก่านะ เอามาไหม” เดี่ยวมันก็หันไปซุมหัวคุยกับปูและตั้งค่ามือถือให้ปู พวกผมก็นั่งทานอาหารกัน ผมเพิ่งสังเกตนะว่าวันนี้นักเรียนไม่เยอะ มากันน้อยมาก
                  “ทำไมวันนี้นักเรียนไม่เยอะเลยวะ แปลกวะ” ผมพูดขึ้นพวกผมก็หันไปมองรอบๆ
แปลกตรงไหนวะเพราะว่าตั้งแต่ได้มาเรียนที่นี้ นักเรียนก็ไม่ได้สมดุลกับขนาดโรงเรียนอยู่แล้ว” ไอ้ดิวมันพูด ผมก็ว่าจริง
                  “ปู ขอบใจน่ะ ข้อมูลที่พวกนายให้เรามาดีมากเลย มันทำให้เรารู้ว่าใครเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหน “ผมบอกกับปู ปูก็พยักหน้ารับทราบ
                  “ปู แม่ป่วยเป็นยังไงบ้าง แข็งแรงขึ้นหรือยัง” บอยถามปู
                  “แม่เราก็ดีขึ้นนิดหน่อยนะ แต่ยังเพลียๆ อยู่เพราะยาคีโมน่ะ” ปูพูด
                  “แล้วแม่ปูรับยาคีโมจบครอสหรือยัง” ดิวมันถามปู
                  “ไม่จบหรอกและคงไม่ได้แล้วเพราะว่าแม่เราไม่มีสิทธิ์อะไรเลยดังนั้นยาคีโมน่ะค่อนข้างแพงเกินไปสำหรับแม่เรา เราเองก็ยังทำงานไม่ได้ แต่เราคิดว่าจะหยุดเรียนไปก่อน “ปูพูด
                  “เออ..มีอะไรให้พวกเราช่วยบอกน่ะ เรื่องเงินอะไรพวกนี้ก็บอกเราได้น่ะ” พวกผมพูด ปูเงยหน้าขึ้นมองพวกผมและยิ้มให้
                  “เออ เราต้องเข้าไปแล้วนะเดี่ยวเพราะว่าเราต้องช่วยแม่ของป๊อดก่อนจะที่ไปเข้าห้องเรียนน่ะ “ปูพูดก่อนจะรีบลุกขึ้น
                  “เดี่ยว ขอบใจน่ะ “ปูหันมาขอบใจไอ้เดี่ยวและยิ้มหวานมาให้ไอ้เดี่ยวมัน ทำให้พวกผมต้องแซวมันกันใหญ่ยกเว้นไอ้ติ๊ก ที่นั่งนิ่งเฉยไม่สนใจ ไอ้หลุยส์มันพยักพเยิดให้ผมดูไอ้ติ๊ก ผมพยักหน้าว่าใช่ ผมว่ามันหึงไอ้เดี่ยว ดูไอ้เดี่ยวก็ชอบมันน่ะแต่ว่าเหมือนไอ้ติ๊กเองนี่แหละที่พยายามหลอกตัวเองทั้งที่มันทำไม่ได้

                    หลังทานอาหารเสร็จ พวกผมก็เดินไปเข้าแถวตามปกติ แต่วันนี้แถวสั้นๆ ทุกห้อง เหมือนจะไม่ปกติ ผมไม่เห็นไอ้ภาคินนะวันนี้ ปกติมันต้องมาเข้าแถวเพราะว่ามันต้องรายงานตัวกับอาจารย์ฝ่ายปกครองทุกวัน แต่วันนี้ไม่มา
                 “เวลาหยุด เขาก็นัดกันหยุดดีเนอะ ทำยังกะเทศกาลตรุษจีน สาทจีนอะไรแบบนี้ ที่มากันก็โหรงเหรงเข้าไปอีก หรือว่าพวกนักเรียนพากันออกไปอีกแล้ววะ” ไอ้ติ๊กมันพูดขึ้นนพอพวกผมทำกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จก็รีบพากันเดินขึ้นห้องเรียนทันที
                 “บอย “ผมเรียกบอยไว้
                 “หึ” บอยหันมามองหน้าผม
                  “บอยเคยคิดบ้างไหมว่า ที่ผู้ใหญ่เขาไม่อยากให้บอยกับแจ็คคบกันนะ บอยเคยคิดว่าพวกเขาคิดถูกไหม” ผมถามบอย
                  “แจ็ค เขาไม่ได้ห้ามแต่เขาแค่อยากเห็นว่าแจ็คมีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นก็เท่านั้นเอง แต่บอยเชื่อว่าแจ็คทำได้นะ” บอยพูดและให้กำลังใจผมอีก ผมเดินมาถึงห้องเรียน ในห้องที่ว่างเปล่า
                 “พวกมันไม่เข้าเรียนกันเหรอวะ” ไอ้ดิวถามขึ้น พอผมเดินเข้าไปในห้องเรียนก็เห็นว่าน คนเดียวที่นั่งอยู่และกำลังลอกการบ้านสมุดตั้งใหญ่ น่าจะเป็นของพวกมันทั้งหมด
                 “ว่านทำอะไรนะ “ไอ้ดิวมันถามว่าน
                  “เออ...หวัดดีพวกนาย” ว่านทักทายพวกผม สีหน้าบอกว่าเหมือนมีเรื่องในกังวล
                  “นายทำการบ้านอีกแล้วเหรอ” พายถามว่าน
                  “อืมม..คือว่าเมื่อวานพวกภาคินมีเรื่องนะ มีเพื่อนคนหนึ่ถูกแท่ง อาการสาหัส” ว่านพูด ทำเอาพวกผมตกใจ
                 “ใครวะ “ไอ้เดี่ยวถาม
                  “ชื่อเอก แต่เดี่ยวคงไม่รู้จักเพราะเอกเข้ามาที่หลังจากที่เดี่ยวย้ายไปแล้วอ่ะ” ว่านพูด
                  “ถ้าอย่างนั้น เอาสมุดการบ้านมาพวกเราช่วย” ผมพูดและเดินไปหยิบสมุดจากว่านทันที ผมดูสีหน้าว่านน่าจะแทบจะไม่ได้นอนเลยมั้งนั้นนะ ผมก็หยิบและส่งให้ทุกคนคนละเล่มสองเล่ม
                 “กูด้วยเหรอวะ แค่การบ้านกูเองยังขี้เกียจเลยไอ้แจ็ค” ไอ้ติ๊กรีบทำท่าจะปฏิเสธ ผมหันมามองหน้ามัน ช่วยพวกผมหน่อยไม่ได้หรือไง นี่โรงเรียนพ่อมึงนะ ผมส่งสายตาแต่ให้ความหมายยาวมากมันก็ทำท่าฮึดฮัดขึ้นมาทันที ไม่อยากทำแต่ก็ต้องทำ
                 “ก็ได้วะ และนี้สมุดใครวะ เน่าฉิบหายเลย” ไอ้ติ๊กพูดและเอานิ้วคีบ ย้ำว่าคีบ
                 “สมุดไอ้มาร์คไงมึงดูชื่อดิ” พายรีบตอบทันที
                  “ไอ้เชี้ยนี้หล่อแต่หน้าจริงๆ ซกมก!” ไอ้ติ๊กมันบ่นและพวกผมก็ช่วยกันลอกการบ้าน จะว่าไปก็ยังไม่เห็นไอ้หัวหน้าห้องเลยเช้านี้ ไอ้นี่หายอีกคนแต่ช่างมัน พวกผมลอกการบ้านที่อาจารย์ให้ทั้งหมดสี่วิชา จนเสร็จ แต่จะว่าไปนั่งเพลินก็ไม่มีครูเข้าสอนเลยวันนี้
                  “วันนี้ครูไม่เข้าสอนเหรอวะ” พายถามขึ้น
                  “เฮ้ย ไอ้ข้าวกับไอ้บลู” แอ้มันพูขึ้น พวกผมเงยหน้าขึ้นมองสองคนที่เดินเข้ามา เรียกว่ามาช้ามาก
                 “ทำไมวันนี้มึงสองคนมาช้าจังว่ะ” ไอ้ติ๊กมันถามขึ้น
                 "ก็เมื่อเช้าอะดิ รถตำรวจเยอะแยะไปหมด เมื่อคืนมีตีกันซอยถัดจากบ้านกูไปสามซอยมีคนเสียชีวิตและอาการสาหัสด้วย เมื่อคืนพวกไอ้ภาคินมันก็ไปนะแต่มันคงช่วยเพื่อนมันไม่ทันว่ะ” ไอ้ต้นข้าวพูดพวกผมหันมามองหน้ามันและส่งสัญญาณว่าที่มึงนินทานะ เพื่อนของไอ้ว่านมันและมันก็นั่งอยู่นั้น
                “อะไร” ยังโง่ได้อีกไอ้ต้นข้าว จนไอ้บลูมันสะกิดให้หันไปมองไอ้ว่านที่ก้มหน้าก้มตาทำการบ้านอยู่
                 “อ้าว! ว่านนี่หว่า “ไอ้ต้นข้าวมันเพิ่งหันไปเจอว่าน ผมนี่เกาหัวหยิกเลย
                 “เพื่อนมึงเป็นไงบ้างวะว่าน” ไอ้ต้นข้าวมันตะโกนถามว่าน มันยังมีหน้าไปตะโกนถามเขาอีกนะ
                 “เอกเหรอก็สาหัส ไม่รู้ว่าเป็นไงบ้างเรารีบกลับมาอาบน้ำแต่งตัวและมาเรียนเลยอ่ะเพราะว่าเราต้องทำการบ้านน่ะ” ว่านเงยหน้าขึ้นมาตอบไอ้ต้นข้าว แสดงว่าว่านกับไอ้ต้นข้าวมันรู้จักกันมาก่อนแน่ๆ
                 “คนที่เสียชีวิตเคยเป็นนักเรียนที่นี้แต่โดนไล่ออกเมื่อเทอมที่แล้วแต่เขาไม่ได้เรียนห้องนี้หรอก” ว่านพูด พวกผมก็พยักหน้า
                 “เห็นเรียกครูประชุมด่วนกันด้วยนะวันนี้และตอนเดินผ่านมาก็มีครูมารวมตัวกันเกือบทั้งหมดด้วย” บลูพูดขึ้น ผมก็รู้สึกว่าโรงเรียนจะไปไม่รอดแน่ๆ
                 “กูว่าโรงเรียนพ่อกูคงโดนปิดถาวรแน่ๆ ว่ะ “ไอ้ติ๊กมันหันมาพูด
                 “ก็ดีไม่ใช่เหรอวะ พวกมึงจะได้กลับไปใช้ชีวิตที่พวกมึงอยากได้แต่กูซิ ห่าเอ๊ย เพิ่งย้ายมาแท้ๆ “ไอ้เดี่ยวมันพูดขึ้น
                 “พวกกูน่ะ โดนคาดหัวไว้และถ้าภารกิจนี้ไม่เสร็จนะ กูว่าลุงหนึ่งคงลงโทษหนักวะ” ไอ้ติ๊กพูด ผมหันมามองหน้าบอย ตอนนี้แววว่าภารกิจจะไม่สำเร็จซะแล้วซิ
                “ว่านพวกเราทำการบ้านให้เสร็จแล้วว่ะ” ไอ้ดิวมันพูดและพวกผมก็ส่งสมุดเพื่อจะคืนให้ว่าน ว่านมันลุกขึ้นมาเพื่อจะมาเอาสมุดคืนจากพวกผม แต่
                 “ครื้นนนน!!!” ไอ้ว่านมันยืนเอนไปเอนมาและมันก็ล้มครับ พวกผมก็ตกใจซิครับ
                 “ว่าน!!” พวกผมร้องเรียกชื่อมันเสียงหลง แต่มีคนไวกว่าไอ้ดิวนั้นเองที่ลุกไปและเอามือลองหัวว่านไว้ไม่ให้กระแทกพื้น พวกผมพากันลุกขึ้นพล้วดทันที
                  “ว่าน ..ว่าน!” ไอ้ดิวมันพยายามเรียกว่าน ที่ดูแล้วน่าจะหมดสติไปแล้ว
                  “ว่านเป็นลมว่ะ” ไอ้ดิวมันพูด
                 “พาไปส่งห้องพยาบาลดิดิว” แอ้บอกไอ้ดิว
                  “เออ ไอ้ดิวอุ้มไปห้องพยาบาลเลยมึง” ไอ้หลุยส์พูด

                  "ไอ้ดิวมันก็ช้อนตัวว่าน ร่างบางๆ ไม่ผอมไม่สูงมากแน่นอนมันอุ้มได้สบายเลย มันก็พาว่านลงไปอย่างเร็ว แอ้มันก็ตามไปทันที ไอ้เดี่ยวมันก็เดินตามลงไปอีกคน พวกผมนั่งรอจนเสียงอ๊อดดังขึ้น นี้คือเวลาพักทานอาหารแล้ว
                 “ไปรอพวกไอ้ดิวข้างล่างกันเถอะ บอย” ผมหันไปบอกบอย บอยก็เก็บอุปกรณ์การเรียนทุกอย่างใส่ใต้โต๊ะ
                 “หลุยส์ ธรรณ์ ไปรอไอ้ดิวข้างล่างกันวะ ติ๊กไปวะ” ผมหันเรียกพวกมันและพากันเดินออกจากห้อง

                 TBC...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2024 19:33:17 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.52 ซื้อใจพวกภาคิน 1 ครึ่งแรก

              Part’s แจ็ค ผมพึ่งสังเกตุว่าทำไมโรงเรียนนี้ วันนี้มันเงียบมากจริงๆ นี้เวลาพักเที่ยงปกติ พวกเด็กๆ มันจะวิ่งลงมากันพากันไปแย่งเข้าแถวซื้ออาหารแต่พวกผมไม่ต้องแย้งกัน ผมพากันเดินแบบสบายไปทานข้าว เดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงด้วย ไอ้หลุยส์มันก็เดินไปหยอดธรรณ์ไปส่วนติ๊กมันก็เดินไปจัดทรงผมยุ่งๆ ของมันไปด้วย ไม่นานผมก็ลงมาถึงชั้นล่างและพวกผมก็เห็นไอ้ดิวมันเดินลงมากับแอ้และไอ้เดี่ยวเช่นกัน
              “ว่านมันเป็นไงบ้างวะ ดิว” ผมถามไอ้ดิว
              “ว่านรู้สึกตัวแล้วและเห็นว่าจะขอกลับบ้านเลยมั้งเพราะว่ามันแทบจะไม่ได้นอนเลย มันบอกน่ะ” ไอ้แอ้บอก พวกผมพยักหน้า และมองไปทางซ้ายทางขวาก็ไม่มีใครแย้งกันลงเหมือนเดิม
              “ทำไมวันนี้พวกนักเรียนมันไม่กินข้าวกันวะ จะว่าไปวันนี้แทบจะไม่มีนักเรียนมาเลยว่ะ ชักเริ่มจะยังไง ยังไงแล้วว่ะพวกมึง” ไอ้ดิวมันหันไปพูด ผมพยักหน้าแต่ก็ไม่มีอะไรแปลกไปกว่านี้อีกแล้ว
              “ยิ่งนับวันยิ่งแปลกไปไหมวะ” ไอ้ติ๊กพูด และมันก็เดินไปดึงแขนแอ้ ว่าให้เดินไปกับมัน และพวกผมก็พากันเดินไปที่ห้องอาหาร ห้องอาหารก็ยิ่งว่างมีแค่ไม่กี่โต๊ะ ผมเดินผ่านมีน้องไอ้ภาคินนั่งกับเพื่อนๆ มัน ระหว่างที่ผมกำลังจะผ่านพวกผมัน มันก็รีบหดหัวลง ทานอาหารมันทันที ผมหันมายิ้มที่มุมปากให้ไอ้หลุยส์
               “พี่ๆ ครับ จะนั่งด้านในหรือนั่งด้านนอกดีครับวันนี้” ไอ้ป๊อดมันออกมาต้อนรับพวกผม ผมหันไปมองทุกคน ที่นั่งทานกันแบบเงียบมากๆ ซึ่งปกติจะมีเสียงโห่บ้าง ผิวปากบ้างให้พวกผม แต่วันนี้ไม่
               “นั่งทานข้างนอกวะ “ผมบอกไอ้ป๊อด พวกนั้นมันก็หาโต๊ะนั่งทันที แต่ละคนก็ก้มหน้าอยู่กับมือถือ
               “ปูละวะป๊อด” ไอ้เดี่ยวมันถามหาปูทันที
               “พี่ปูไปกับแม่ผมครับ วันนี้ป้าผมทำหน้าที่แม่ครัวแทน ส่วนแม่ผมไปจัดบุปเฟ่ที่โรงแรมครับและพี่ปูเลยอาสาไปช่วยด้วยครับพี่เพราะไหน ไหน วันนี้นักเรียนก็นัดกันหยุดเกือบหมดนี่ครับ” ไอ้ป๊อดพูด
                “เดี๋ยวน่ะไอ้ป๊อด มึงบอกว่านักเรียนเขานัดกันหยุดเหรอวะ แล้วทำไมพวกกูพลาดวะ” ผมถามไอ้ป๊อดด้วยความแปลกใจ
                “พี่ไม่รู้เรื่องเหรอครับ อ้อเขาคุยกันในไลน์กลุ่มน่ะครับ พวกเขาไม่ดึงพวกพี่เข้าไปด้วย ผมลืมไปนะครับ" ไอ้ป๊อดพูดผมก็หันมามองหน้าพร้อมกับกระดิกเท้าด้วย มันทำให้พวกผมรู้สึกดีมีคนรักมาก มากขนาดไม่อยากดึงไปร่วมกลุ่มด้วยทั้งที่อยู่โรงเรียนเดียวกันแท้ๆ
                 "ส่วนผมก็ไม่กล้าถามพี่ๆนะครับเพราะว่าพี่อาจจะเป็นคนรักเรียนน่ะครับ” ไอ้ป๊อดมันพูด ผมนี่อยากจะกระทืบมันจริงๆ ที่เรื่องอย่างนี้ไม่มีบอกพวกผมเลย
                 “แล้วไอ้พวกที่ไม่มานี้คือไม่รักเรียนกันเลยเหรอ มันเยอะไปน่ะไอ้ป๊อด” พายพูด
                 “พวกนั้นเหรอครับ เขารักชีวิตมากกว่านะครับพี่เพราะว่าเกิดอะไรขึ้นเขายังไปหาโรงเรียนเรียนใหม่ได้แต่ชีวิตซิพี่ ตายไปนี้ไปเกิดใหม่ได้อย่างเดียวเลยนะพี่น่ะ” ไอ้ป๊อดพูด ผมหันมามองหน้ากันพยักหน้าพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายนั้นคือ เลิกคุยกับมันเถอะ ยิ่งคุยมันยิ่งกวนตีน
                 “แต่ถึงยังไงเรา ก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรไปบอกพ่อวะว่าจะหยุดหรอกว่ะ ถึงบอกไปก็ต้องมาอยู่ดี เชื่อกูดิ” พายพูด ผมหันไปชี้นิ้วว่ามันพูดถูก
                 “เพราะว่าภารกิจของเราสำคัญยิ่งกว่าชีวิต ภารกิจไม่สำเร็จเขาไม่ให้เราไปไหนจากที่นี้เป็นอันเด็ดขาด” พายพูด ผมหันไปมองหน้าพาย พูดให้กำลังใจกันได้ดีมาก
                 “ปูไม่มาเรียนเหรอวะป๊อด” ไอ้เดี่ยวมันถามไอ้ป๊อด
                  “ห้องพี่ปูเขาก็พากันกลับบ้านกันหมดนะครับ” ไอ้ป๊อดพูด ผมหันมามองหน้ากันไม่น่าเชื่อและ ทำไมทุกคนนัดกันหยุด แต่ไม่มีใครบอกพวกผมบางเลยว่ะ
                  “แต่ตอนเย็นพี่ปูจะแวะที่บ้านพวกพี่นะครับไปช่วยผมเหมือนเดิม” ป๊อดพูด ไอ้เดี่ยวยิ้มออกทันทีเลยผมแอบเห็นกัน และหันมาหยักคิ้วให้กันและกันยกเว้นไอ้ติ๊ก
                  “พวกผมจะเข้าไปเอาอาหารมาให้นะครับพี่ๆ อาหารพวกพี่วันนี้เสร็จแล้วครับ “ไอ้ป๊อดมันก็เข้าไปและพวกผมก็นั่งรอกัน แต่ยังไม่ทันไร ผมเห็นมีคนวิ่งเข้ามาและ
                  “มีคนจะมากระทืบนักเรียนโรงเรียนเราวะ มันมากันเยอะเลย รู้อย่างนี้กลับบ้านไปตั้งแต่ก่อนเที่ยงดีกว่า เชี้ยเอ๊ย!!!” มันตะโกนไปรอบๆ และพวกผมก็หันไปมองพร้อมกับ
                  “ไม่นะโว๊ย!! ให้พวกกูกินก่อนดิวะ …เฮ้ย!” ไอ้ดิวตะโกนสวนออกไป  นี้มันห่วงกินมากกว่าชีวิตใช่ไหมเนี๊ยะ ผมหันไปมองรอบๆแต่ล่ะพากันลุก ไม่จนอาหารที่ทานค้างกันเอาไว้แล้วพวกผมจะนั่งรออะไรละครับ เท้าจะมาขนาดนี้
                  “เที่ยงก็ไม่พักเหรอวะ กูโคตรหิวเลยสัส” ไอ้ดิวครับที่กำลังจะโมโหหิว
                  “พี่ๆ ครับเข้าไปหลบด้านในก่อนไหมพี่ พวกนั้นจะมากระทืบนักเรียนที่นี้ครับพี่ ไม่ใช่พวกพี่ครับ” ไอ้ป๊อดมันบอกพวกผมและรีบผายมือให้พวกผมเข้าไปในห้องกระจก ห้องที่พวกผมเคยนั่งทานอาหารกัน ผมเห็นพวกนักเรียนบางคนวิ่งออกไปคนละทางสองทางสองทาง
                 “วันนี้นักเรียนน้อยมากครับ ถ้ามันหาคนที่มันอยากกระทืบไม่เจอมันอาจจะเปลี่ยนแผนนะพี่ เป็นกระทืบพวกพี่แทน” ไอ้ป๊อดพูด พวกผมพากันลุกพรวดขึ้นทันที มีแบบนี้ด้วยเหรอ แผนสำรอง พวกผมรีบพากันเดินเข้าไปที่ไอ้ป๊อดมันบอกพวกผม ไม่อยากตกเป็นแผนสำรองของพวกมันเหมือนกัน
                  “ติ๊ก…โรงเรียนมึงท่าจะแย่วะ บอกพ่อมึงอากูนะ ไปหาทำเลดีกว่านี้ง่ายกว่าว่ะ พวกกูยอมแพ้!” ผมหันไปพูดกับพวกมัน และผมเห็นว่าไอ้ป๊อดมันล๊อกประตู พวกผมก็ยืนมองกัน และผมก็เห็นว่ามีคนมายืนพร้อมกับไม้ทีและมันก็ลากใครมาด้วยก็ไม่รู้
                   “ดูแม่งดิ หน้าตาโหดสัสเลยว่ะ” พายพูด
                   “ทีแบบนี้ทำไม ไม่ให้การ์ดมายืนคุ้มกันพวกเราว่ะ เวลาไปไหนไม่มีอะไรเลยที่มันน่ากลัวแต่การ์ดนี้ยืนทุกมุมจนกระดิกตัวไม่ได้” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเซ้งๆ ก็จริงๆ ชีวิตพวกผมเป็นแบบนี้มาตั้งนานยกเว้นพวกไอ้ดิว ไอ้แอ้ มันไม่ต้องมามีใครคอยประกบแบบผม และยิ่งบอยนี้ ไม่รู้กี่ชั้น เพราะว่าบอยสำคัญที่สุด
                   “อ้อ เขาอยากให้เราตายอย่างสมศักศรีว่ะ” ไอ้พายพูดขึ้น เล่นเอาพากันสะบัดหน้าไปมองมันทุกคน ปากมันเหรอนั้น
                    “เหี้ยอะไรของมึงพาย” ไอ้ติ๊ก
                    “ก็มาตายในหน้าที่แบบนี้ไง ลุงหนึ่งถึงได้ส่งพวกเรามาที่นี้ เพื่อสิ่งนี้ “พายพูด ผมก็หันไปยกนิ้วกลางให้ทันที
                   “พวกมึงเจอของดีแบบนี้เยอะเหรอว่ะ” ไอ้เดี่ยวมันถามขึ้น “ไอ้ดิวมันพยักหน้าแทนพวกผม
                   “ตกลงมันมากระทืบใครวะป๊อด” ไอ้เดี่ยวมันตะโกนถามทันทีที่เห็นไอ้ป๊อดมันเดินออกมา
                   “เด็กในโรงเรียนนี้พี่แต่ไม่ใช่พวกพี่สบายใจได้” ไอ้ป๊อดมันบอกพวกผม ค่อยโล่งอกไปหน่อยนั้นไง มันลากมาแล้วและกำลังช่วยกันยำเละเลย
                   “ไม่ใช่พวกเรา งั้นเอาเก้าอี้มานั่งชมกันเถอะว่ะ” ผมพูด บอยสะบัดหน้ามามองไอ้หลุยส์ก็เหมือนกัน
                   “พึ่งจะรู้ว่าทำไมพวกมันถึงได้มายืนมุงดูเวลาพวกเราถูกกระทืบ อ้อมันมันส์อย่างนี้เอง “ไอ้หลุยส์พูดและมันก็พยักหน้าให้ผมลากเก้าอี้มาสมทบเช่นกันและสองหนุ่มน้อยของผมพากับมุบมิบกันทันที นินทาสามีว่างั้น และผมก็เอามือลูบคางนั่งมอง ไอ้หลุยส์มันทำท่าจะท้าพนันอีกแล้ว ส่วนพวกไอ้ดิวมันก็ยืนกอดอกมองและเล็งว่าใครกำลังเป็นที่รองเท้าพวกมันอยู่
                   “ใครวะ ไอ้คนที่รองเท้าทาบทับอยู่นั้นนะ นักเรียนโรงเรียนเราไหมวะ” ไอ้ดิวมันหันไปถามไอ้ป๊อด
                   “นี้มันกระทืบกันขนาดนี้เลยเหรอ น่ากลัวอ่ะ “ธรรณ์ที่ถามขึ้นบ้าง ด้วยสีหน้าตกใจไม่เคยเห็นละซิ พวกผมก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน ปกติไปไหนมีแต่การ์ดมากัน
                   “มันกระทืบใครวะป๊อด” ผมหันไปถามไอ้ป๊อด
                   “ผมถามเพื่อนก่อนพี่” ไอ้ป๊อดมันยกมือถือมากดไลน์หาเพื่อนมัน
                   “พี่มันมากระทืบน้องชายของพี่ภาคินครับพี่ ไอ้นี่มันชอบไปวุ่นวายแก้งนั้นแก้งนี้ไงพี่” ไอ้ป๊อดมันพูด พวกผมก็หันมามองหน้ากัน
                   “อ้อ! แล้วไปวะ ยังไงก็ไม่ใช่พวกกู” ผมพูดและไอ้น้องของไอ้ภาคินมันคงไปแกว่งเท้าหาเสี้ยนเองช่วยไม่ได้ เพราะว่ามันก็หาเรื่องให้หลุยส์มาแล้ว ไอ้หลุยส์มันมองหน้าผมแบบเป็นคำถามว่าใคร
                   “ไอ้เด็กที่มันเกือบส่งมึงไปหาพวกค้ายาไงและนี้ มันน้องไอ้ภาคินวะ” ผมหันไปบอกไอ้หลุยส์ และมันสะบัดหน้ามามองผมทันที ผมสังเกตได้ว่าแววตามันบอกผมว่ามันกำลังมีความคิดที่ไม่ธรรมดาแน่ๆ
                   “ไม่นะมึง” ผมรีบร้องปฏิเสธทันทีส่ายหัวด้วย
                   “นี้แหละงานของพวกเราเลย” ไอ้เวรเอ๊ย! ผมนี้ยกมือผมขึ้นแตะหน้าผาก ตอนนี้พวกผมแอบดูกันอยู่ที่ม่านรูดไม่กล้าให้พวกมันเห็นเดี๋ยวมันจะเข้ามา หาเรื่องพวกผมต่อ เพราะว่าพวกผมใครก็บอกว่าฟีโรโมนมันพุ้ง จนบาทาอยากจะพุ้งเข้ามาปะทะและ เหล่าบรรดาน้องน่ารักของพวกผมก็เป็นที่ต้องตาต้องใจพวกมันอยากได้ซะด้วย
                   “เอานะ ช่วยน้องไอ้ภาคินมันและมันก็น่าจะเห็นความดีเราบ้างแหละ” ไอ้หลุยส์พูด ไอ้ดิวหันมามองและมันก็ทำท่าคิด ผมเองก็คิด ผมหันไปมองสีหน้าบอยที่กังวล กลัวแทนพวกผมไปอีก
                   “เอาวะ! ยังไงแม่งก็เด็กว่ะ ดูแม่งดิ รุมกันขนาดนั้นเดี๋ยวมันตาย” ไอ้ดิวพูดอีกคน ไม่น่าเชื่อเลย และพวกผมก็หันมามองหน้ากัน ก็คงต้องตามนั้นแหละเหตุผลมันได้ว่าพวกผมควรออกไปลุยกับพวกมัน
                   “บอย ธรรณ์ ติ๊ก และพาย และแอ้ด้วยมึงอยู่ในนี้แหละ และมึงด้วยต้นข้าวกับบลู “ผมหันไปบอก ไม่อยากให้พวกสาวๆ ของพวกผมออกไปเสียงกับพวกผม
                   “อะไรวะ กูไปด้วย “ไอ้ติ๊กมันพูด และแอ้ลุกแล้วแสดงว่ามันก็ไม่อยู่ มันจะลุยด้วยและ ไอ้เดี่ยวมันก็ยักไหล่ว่าพร้อมหรือยัง คือแบบว่ามันพร้อมมากประมาณนั้นและผมก็หันไปหาอาวุธกันคนละอัน มีอะไรใกล้ๆ ก็หยิบและถือติดมือไปด้วย
                  “บอย อยู่กับ ธรรณ์น่ะ “ผมหันไปบอกบอยเพราะจะให้ผมมาห่วงหน้าผวงหลังไม่ได้ ผมกลัวจะดูแลบอยไม่ได้เท่าที่ควร ดูพวกมันมากันเยอะพอสมควรแต่หน้าตัวเมีย มากันเยอะขนาดนี้เพื่อมากระทืบเด็กม.2นี่น่ะ
                  “กูขอโทษนะมึง กูจะโดนพ่อเล่นเอาถ้ากูมีเรื่องวะ ไม่อย่างนั้นกูลุยด้วยแล้วว่ะ” ไอ้ต้นข้าวพูดขอโทษพวกผม ผมยกมือให้ว่าไม่เป็นไร และพวกผมก็กำลังจะเปิดประตู
                  “พี่จะไปไหนกันนะ” ไอ้ป๊อดมันวิ่งเข้าวิ่งออกอยู่ มันเดินออกมาเห็นพวกผม ที่อาวุธครบมือมาก ไม้กวาด ไม้แถวๆ นั่นแหละ และพวกที่ตักขยะ กำลังจะเปิดประตูออกไป
                  “ออกไปหาอะไรทำไง พวกกูว่าง “ผมหันไปบอกไอ้ป๊อด และไอ้ป๊อดมันก็ชี้นิ้วไปด้านนอกนั้น พวกผมก็พยักหน้าว่าใช่
                  “เฮ้ย!! พี่จะออกไปจริงๆ เหรอ” ไอ้ป๊อดมันถามพวกผม
มึงเห็นน้องไอ้ภาคินไหม มันโดนรุมกระทืบอยู่นั้น พวกกูทนไม่ได้หรอกว่ะ “ไอ้ดิวมันพูด และไอ้ป๊อดมันก็ พยักหน้าและ
                  “พวกพี่ใจหล่อมากเลยอ่ะ พูดเลย แต่รอผมแป็บหนึ่งนะพี่” ไอ้ป๊อดมันวิ่งหายเข้าไปในครัว ผมก็ยืนมองหน้ากัน ว่าทำไมวะรออะไร และมันก็ออกมาพร้อมกับจี้และมาให้ผมคนละอันผมหยิบมาดู เป็นพระสำหรับห้อยคอ ผมหันไปมองไอ้ป๊อดเอามาเพื่ออะไร
                 “อ่ะ พี่ขอให้พี่ๆ แคล้วคลาดปลอดภัยนะพี่น่ะ รุ่นนี้ปลุกเสกมาแล้วครับพี่ ของขลังพี่” ไอ้ป๊อดมันพูด นี้มันให้กำลังใจหรือว่ามันกำลังบั่นทอนกำลังใจพวกผมกันแน่
                 “ถือไปนี้ถ้าโดนแท่งไม่เข้าเหรอป๊อด” ไอ้ติ๊กมันถาม
                 “ถ้ามีดไอ้นั้นมันทื้อไม่เข้าพี่แต่ถ้าคมและแหลมด้วยนะพี่ติ๊ก ป๊อดว่าเข้าพี่” ไอ้ป๊อดพูด ผมสะบัดหน้าไปมองหน้ามันประมาณว่าแล้วมึงให้พวกกูมาทำไมเนี๊ยะ
                 “แล้วถ้ามันมีปืนละ ยิงจะเข้าไหมวะ…ไอ้ป๊อด” ไอ้หลุยส์มันถาม
                 “มีดยังแท่งเข้านับประสาอะไรกับปืนละพี่หลุยส์ เข้าแน่ๆ แต่กี่นัดแล้วแต่ความสามารถของพวกพี่ที่จะกระโดดหลบ” ไอ้ป๊อดพูด ไอ้ดิวมันก็หันไปพยักหน้าให้คนใกล้ไอ้ป๊อดที่สุดคือไอ้แอ้
                 “ผลัก!” ไอ้แอ้มันถีบไปหนึ่งที กระเด็นไปแต่มันก็ลุกขึ้นมาใหม่ พวกผมพาส่ายหน้าและหันมามองหน้ากัน คิดว่ากระทืบไอ้นี่ก่อนดีกว่า
                  “เข้าไหมล่ะป๊อด” ไอ้แอ้มันหันไปถามไอ้ป๊อดที่ลงไปนอนกองกับพื้นเพราะโดนเท้าแอ้ไป
                  “เข้าครับพี่แอ้ เต็มๆเท้าของพี่เลยครับ อู้ยย!!” ไอ้ป๊อดพูด
                  “ผมล้อเล่นครับ คือผมคิดว่ามากับพระมันจะมีโชคพี่ พี่ออกไปช่วยไอ้ไนย์นะ พี่โคตรหล่อที่ใจเลยอ่ะพี่ “ไอ้ป๊อดพูด
                  “ดูดิพี่ทั้งโรงเรียนไม่มีใครกล้าเท่าพวกพี่เลย ป๊อดขอให้พี่ๆโชคดีนะพี่” ไอป๊อดมันพูด ผมหันมามองหน้ามันเพราะมันนี้แหละที่จะทำให้พวกผมอยากหันหลังกลับไม่อยากออกไปเหมือนกันเล่นบอกว่าทั้งโรงเรียนไม่มีใครช่วยไอ้ไนย์น้องไอ้ภาคินมีแต่พวกผมแบบนี้แต่ก็เอาว่ะ ผมก็พยักหน้าและรับไปกันคนละองค์ และผมก็เปิดประตูและพากันออกไปยืนอย่างเท่ มาก แต่พวกมันก็หาได้สนใจพวกผมไม่ ยังคงรุมกระทืบไอ้ไนย์น้องไอ้ภาคินอย่างเมามัน
                 “แกร่งๆ” ผมหันไปเคาะโต๊ะอะลูมิเนียมเสียงดังนั่นแหละพวกมันถึงได้หันมามองพวกผม ที่ยืนอย่างเท่
                  “ใครวะ!” มันไม่รู้จักพวกผม ผมหันมามองหน้ากัน
                 “มันไปอยู่ที่ไหนกันมาวะ ไม่รู้จักพวกเรา” ผมหันมาคุยกันเอง
                 “มันคงมาจากหลังเขาว่ะ “ไอ้ติ๊ก
                 “ปากดีนะมึงนะ เดี๋ยวเอาตีนพวกกูไปแดก” นั้นมันหันมาชี้พวกผม
                 “ปล่อยเด็กนั้นดีกว่าวะ พวกมึงแม่งเชี้ยมากที่เข้ามากระทืบเด็กนักเรียนในโรงเรียนอื่นที่ไม่ใช่โรงเรียนมึง”
                 “มึงคิดว่ามึงอยู่ในยุคบ้านป่าเมืองเถื่อนกันหรือไงวะ ถึงได้ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมืองกับเขาบ้างเลย เรียนหนังสือมาซะเปล่า ทำตัวเป็นพวกไร้การศึกษาไปได้ ทางบ้านคงภูมิใจน่าดูซิท่า ห๊ะ!” ผมพูดตะโกนเสียงดัง
                 “แบบที่มึงเป็นอยู่เขาเรียกหมาหมู่แถมมึงยังรังแกคนไม่มีทางสู้ อันนี้ไม่มีลูกผู้ชายที่ไหนเขาทำกันว่ะ” ไอ้เดี่ยวมันตะโกนพูดกับพวกนั้น ได้ผลไอ้คนที่จับคอเสื้อน้องไอ้ภาคินอยู่ มันหันมามองพวกผมและมันก็โยนไอ้เด็กนั้นลงไปกองที่พื้น ดูจากหน้าตาที่ปูดโปนนั้นคงโดนไปหลายหมัดและหลายตีนเหมือนกัน มันพยักหน้ากับเพื่อนมันให้เปลี่ยนจุดหมายมาที่พวกผมแทนคราวนี้
               
               TBC...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.52.1 ซื้อใจพวกภาคิน 1 ครึ่งหลัง

            Part's แจ็ค ผมถามพวกผมันไป คนที่จับคอเสื้อไอ้ไนย์อยู่มันก็โยนไอ้เด็กนั้นลงไปกองที่พื้น ดูจากหน้าตาที่ปูดโปนนั้นคงโดนไปหลายหมัดและหลายเท้าอยู่เหมือนกัน
            “พวกมึงกล้าเข้ามาเอามันไปไหมล่ะ” ไอ้คนที่น่าจะเป็นหัวโจกของกลุ่มหันมาถามพวกผมพร้อมชี้มาด้วยไม้ที ผมหันมามองหน้ากันและ มีคนกระซิบกระซาบกับไอ้คนที่ชี้หน้าพวกผมด้วยไม้ที
            “อ้อโธ่!กูก็นึกว่าว่าใคร! ไอ้ลูกคุณหนูใครก็อยากลองเอาตูดนะเหรอวะ ไอ้ลูกตุ๊ดเอ้ย! ไปไหนก็ไปเลย กูไม่อยากกระทืบตุ๊ด ฮาๆ “ไอ้นี่มันพูดและมันก็หัวเราะใส่พวกผม และมันยังไล่ให้พวกผมออกไป มันก็พยักหน้าให้เพื่อนมันทำท่าจะลากไอ้ไนย์น้องไอ้ภาคินออกไปกระทืบที่อื่นต่อ
            “กูบอกให้มึงปล่อยมันไง! และพวกมึงนั่นแหละที่ควรจะใส่หัวออกไปจากโรงเรียนพวกกู” ผมพูดชี้หน้าพวกมัน
            “ที่นี้สถานศึกษาไม่ใช่สนามมวยหรือเวทีประลองความบ้าของพวกมึง “ผมเอาไม้กวาดนั้นชี้หน้ามันกลับไป มันก็มองหน้ามันและหัวเราะกันใหญ่
            “ได้ถ้าอยากลองดีเข้ามาดิ เดี๋ยวพวกกูจะเอาของดีกูยัดตูดให้ร้องลั่นเลยมึง”
           “ร้องไปฟ้องพ่อตุ๊ดๆ ของพวกมึงไม่ทัน อย่าคิดพวกกูไม่รู้นะว่าพวกมึงลูกใคร” นั้นไงอันนี้แหละที่ทำให้พวกผมขึ้นมากกว่าที่พวกมันกระทืบไอ้ไนย์น้องไอ้ภาคินซะอีก
           “ตอนแรกกูก็กะจะแค่ให้พวกมึงปล่อยเด็กนั้นว่ะ แต่ตอนนี้กูขอกระทืบปากแม่งเลยดีกว่า “ผมพูดและพวกผมก็เข้าไปพวกมันปรี่กันเข้ามาหาพวกผม ระหว่างทางที่ผมวิ่งไป ผมคว้าเอาไม้กวาดแต่ว่ามันอ่อนไปหน่อยสำหรับไอ้พวกปากดีพวกนี้ ผมเห็นไม้ที่น่าจะเป็นไม้ระแนงวางอยู่และมันก็แข็งกว่าไม้กวาด ผมเลยเปลี่ยนอาวุธและหยิบมันขึ้น คนแรกที่เข้าหาผม กำลังฟาดผมด้วยไม้ที ผมก็ใช้ไม้ที่ผมก้มหยิบฟาดที่ขามันเข้าไปก่อน ได้ผลมันล้มคว่ำไปเลยและผมก็เข้าไปฟาดมันเข้าที่ท้องมันทันที
          “โอ้ยย! ไอ้เชี้ยตุ๊ด” มันร้องด่าผม ผมก็เข้าไปเตะมันซ้ำอีกสองสามทีและเตะไม้ทีมันให้กระเด็นออกไป พวกไอ้ดิวและไอ้เดี่ยวมันไม่เอาไม้ มันใช้หมัดมันล้วนๆ ได้ผล ลงไปกองกันแบบเรียงตัว ส่วนแอ้มันก็เทควันโดสายดำและมีคนคอยซ้ำอย่าไอ้ติ๊กพี่พอแอ้มันเตะมาไอ้ติ๊กแม่งซ้ำเลยด้วยไม้กวาดพื้นที่ด้ามค่อนข้างหนาหน่อย มันแทกทีมกันได้ดี
           “ไอ้หลุยส์” ผมเรียกไอ้หลุยส์ เพราะว่ามันเข้าไปลากน้องไอ้ภาคินออกมา ผมเรียกให้มันเข้ามาหาพวกผม
           “ผลัก!” มีคนวิ่งมาถีบผมและไม้ในมือผมก็กระเด็นหลุดมือไป ผมลงไปกอง ไอ้หลุยส์มันหันมองผมและไอ้นั่นมันก็ยกไม้ทีทำท่าจะเข้ามาเล่นผม ไอ้หลุยส์มันหันซ้ายแลขวาและมันก็คว้าเอากล่องกระดาษทิชชูขึ้นมา แต่ว่ามันเสือกแกะออกมาแค่ม้วนทิชชู้ ผมสะบัดหน้าไปมองเอามาทำไม เอากล่องไอ้สาดเอ๊ย!
          “มึงคิดว่ามันเจ็บเหรอ” ไอ้หน้าโหดนั้นมันหันไปถามไอ้หลุยส์พร้อมรอยยิ้มที่ดูก็รู้ว่ามันไม่กลัวสักนิด แถมมันยังทำหน้าตาท้าทายมาก แน่นอนไม่มันเจ็บหรอกแค่ม้วนกระดาษทิชชู! ผมนี้เอามือแตะหน้าผากตัวเอง ผมเลือกคบมันได้ยังไง
          “ลองไปไหมล่ะ” ไอ้หลุยส์มันถามไอ้คนนั้นพร้อมกลับทำท่าจะปาใส่แบบเหมือนกำลังหยอกเล่นอีก ผมก็มองไอ้หลุยส์ มึงเล่นอะไรของมัน เวรจริงๆ ไอ้คนต้นคิดให้ออกมาช่วยน้องไอ้ภาคินแต่ไงมันถึงได้ซื่อบื่อแบบนี้ว่ะ ไอ้หลุยส์มันทำท่าจะปาอีกรอบไอ้นี่มันก็โหยกหลบซ้ายโหยกขวาอีกครั้ง
          “เป้ง!” เสียงภาชนะที่น่าจะเหล็กกระแทกที่หน้าผากไอ้คนที่จะตีผม
          “โอ๊ย!!!” มันร้องลั่นออกมาทันทีและเอามือกุมหน้าผากมันเอาไว้ ผมว่ามันคงเจ็บกว่าม้วนกระดาษทิชชู้แน่นอน ไอ้คนที่ฟาดมันเข้านั้นก็คือไอ้ป๊อด มันยืนถือกระทะเหล็กรออยู่แล้วนี่เอง ไอ้คนที่โดนไปก็ถึงกับมึนเลยและครับ ไอ้ป๊อดมันก็เตะไม้ทีของไอ้คนนั้นกระเด็นมาให้ผม ผมก็คว้าและลุกขึ้นไปจะฝาดมัน
          “เฮ้ยย อย่านะโว้ยย!!!” มันร้องขอผมและพยายามดิ้นหนี
           “ที่อย่างนี้มึงมารองขอว่ะ ไม่ซ่าอีกละวะ “ผมถามมัน
           “ผลั่ก!” ผมรู้ว่ามีคนโดนต่อย ผมหันไปไอ้หลุยส์มันโดนไอ้ร่างใหญ่ที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งมาต่อยเข้าไปที่ใบหน้าไอ้หลุยส์กระเด็นไป บอยและธรรณ์รีบออกมาจากห้อง ธรรณ์รีบเข้าไปประคองหลุยส์
           “เมียมึงเหรอวะ มามะมาเป็นเมียพี่ดีกว่า” ไอ้คนนั้นมันก็เข้าไปคว้าแขนธรรณ์และพยายามลากออกไปด้วย
           “ปล่อยเพื่อนเราน่ะ” ผมก็มองบอย บอยทำท่าจะวิ่งเข้าไปหาธรรณ์ ผมก็จะวิ่งไปห้ามบอย
            “พี่แจ็คระวัง” ผมหันมาก็เจอหมัดไอ้คนที่ผมมันร้องขอไว้แต่ตอนนี้มันลุกมาได้มันก็ตะบันหน้าผมจนผมสะบัดกระเด็นไปอีกทาง บอยหันมามองผมและวิ่งมาหาผมแทน
           “ผลั๊กๆ ผลั๊วๆ ตุ๊บ” เสียงที่ผมได้ยินผมหันไปมองนั้นคือไอ้เดี่ยวที่เข้ามากระชากธรรณ์ออกมาและเหวี่ยงคืนไปให้ไอ้หลุยส์และไอ้หลุยส์มันก็กระโดดรับร่างธรรณ์ไว้ได้ทันทีอย่างกับพระเอกหนังเลยครับส่วนไอ้เดี่ยวมันก็ตรงปล่อยหมัดไม่ยั้งแถมด้วยเสยปลายคางทิ้งท้ายทำเอาไอ้คนนั้นน๊อกเอาค์กลางอากาศและตกลงมานอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น
          “ว้าว!” ผมกับไอ้หลุยส์ร้องออกมาด้วยความอเมซซิ่งครับผม และไอ้เดี่ยวมันก็เข้าไปช่วยไอ้ดิวต่อ
          “พี่แจ็ค กระทะแม่ผมบุบเลยอะพี่ แม่ด่าผมแน่ๆ เลย!” ไอ้ป๊อดมันพูดผมหันไปมองกระทะที่ว่าแข็งนี้หัวแม่งแข็งกว่าอีกเหรอ เล่นซะบุบเลยแต่คิดอีกทีสงสัยกระทะนี้จะไม่ผ่านISO
          “ไอ้ป๊อด! หน้ากูนี้ที่มึงต้องเป็นห่วง บุบไปนี้แพงกว่ากระทะมึงอีกและไอ้กระทะอันนี้เดี๋ยวกูซื้อให้ใหม่ ไปสั่งในอีเบย์ กูจ่ายให้เอายี่ห้อที่แข็งและทนแรงกระแทก เพื่อคราวหน้าต้องใช้อีก” ” ผมหันไปบ่นกับไอ้ป๊อดทันที พอบอกซื้อให้ใหม่มันแม่งยิ้มแฉ่งมาเชียวผมหันไปเห็นพวกไอ้แอ้ไอ้ติ๊กมันกำลังซัดพวกนั้นอยู่เช่นกัน ผมจะไปช่วยก็เป็นห่วงบอย ไอ้แอ้มันเข้าไปช่วยไอ้ดิวอีกเพราะว่ากำลังโดนรุม ส่วนไอ้เดี่ยวมันกำลังซัดไอ้คนตัวโตอีกคน ผมเองก็ไม่รู้จะไปช่วยใครดี ไอ้ติ๊กก่อนแล้วกัน
 
            ผมก็ไปและคว้าไม้แถวนั้นฟาดไอ้คนที่ติ๊กมันฟาดอยู่ ถึงกับล้มตัวงอไปเลย ผมยักไหล่ให้ติ๊กมันคงไม่ลุกมาแล้วแหละ ผมรีบเดินมาหาบอยก่อน แต่จังหวะที่ผมเดินกลับไป ผมเห็นคนที่ล้มอยู่มันลุกขึ้นมาและคว้าไม้ มันได้มันก็รีบตรงดิ้งไปหาไอ้ติ๊ก แน่นอนผมวิ่งกลับไปไม่ทันแน่ๆ
            “ผลั่ก!” มีคนวิ่งไปดึงร่างติ๊กให้หมุนหนีและร่างนั้นก็เข้าไปรับไม้แทนทันที ผู้โชคดีนั้นก็คือไอ้เดี่ยว มันรับไปเต็มๆ หลังมันเลย เจ็บจริงเลยและทีนี้ไม่ใช้ตัวแสดงแทน แถมมันกอดไอ้ติ๊กเอาไว้อยู่
           “โป๊ก!” อันนี้ไม่รู้ใครล่อนกระทะลอยไปใส่หัวไอ้คนนี้ แน่นิ่งไปเลย น๊อกเอาท์ ผมหันไปมองไอ้ป๊อดมันเหรอ มันก็ส่ายหัวว่าไม่ใช่มันแต่กระทะน่ะลอยไปแล้ว
           “เว๊ย!!” ผมและไอ้ป๊อดร้องอุทานพร้อมกันเพราะว่าไอ้คนที่ยืนเท่ๆ ข้างๆ ผมสองคนนั้นคือไอ้หลุยส์ ดูจากท่าที่มันค้างเอาไว้ มันแน่นอนที่เป็นคนปาไป หลักฐานมันชัดเจนมาก ผมมองหน้ามันว่า มันทำได้ไงแบบนั้นน่ะ แม่นมาก มันยักไหล่ใส่ผมและชี้ที่สมอง เออ ผมรู้ว่ามันเป็นพวกไม่ใช่กำลังใช้สมองเป็นหลัก
            “ไหนๆ มึงก็จะซื้อให้มันใหม่อยู่แล้วนิ ก็สั่งมาสองอันเลยเอาไว้สำรองว่ะ ฮาๆ” ไอ้หลุยส์พูดและชี้นิ้วมาที่ผม ผมหันไปยกนิ้วกลางให้ว่าขอบใจ ไอ้ดิวมันวิ่งไปดูไอ้เดี่ยวทันทีที่นอนกุมไหล่มันอยู่ ผมเพิ่งจะเห็นไอ้ติ๊กมันดูเป็นห่วงไอ้เดี่ยวน่าดูก็วันนี้ ติ๊กมันพยายามเรียกไอ้เดี่ยวเช่นกัน
            “ไม่ใช่แฟนรับแทนไม่ได้นะพี่แจ็คแบบนี้ เห็นแล้วเสียวหลังแทนพี่เดี่ยวเลยอ่ะเพ่!” ไอ้ป๊อดมันพูด ผมก็พยักพเยิดกับไอ้หลุยส์ให้หันไปดูคู่นั้น คู่รักปากแข็งแห่งปี ไอ้เดี่ยวกับไอ้ติ๊ก ไอ้หลุยส์มันเข้าใจความคิดผม มันพยักหน้าว่าคิดตรงกัน ก่อนจะหันมาแปะมือกันว่าใช่เลย แถมยังมีคนรอแปะมือกับผมอีกคนคือไอ้ป๊อด ผมสองคนหันมามองพร้อมกันทันที
             “โป๊ก! โป๊ก!” ที่หัวป๊อดไม่แรงพร้อมกันเลยคนล่ะที
             “แก่แดดนะมึงน่ะ” ผมพูด ไอ้ป๊อดมันก็เอามือลูบหัวมันเบาๆ ผมหันไปจับเอวบอยถอยออก เพราะว่าไอ้เดี่ยวก็เจ็บอีกคนแล้ว และจู่ๆ ไอ้คนที่ผมจะตะบันหน้ามันไว้มันลุกพล้วดขึ้นมาพร้อมกับไม้ที อีกที นึกในใจพวกนี้ทำไมมันอึดกันหนักว่ะ
            “ไอ้เชี้ยมึงอย่าอยู่เลย “มันวิ่งปรี่เข้ามาจะฟาด ไม่ผมก็บอยนี่แหละ แต่ผมพลิกเอาตัวบังแทนบอย อย่างน้อยก็ได้ปกป้องเมีย ผมคิดในใจบอยก็กอดผมแน่นเช่นกัน
            “ผลั่ก! “ผมก็ปิดหลับตาปรี๋ เป็นไงเป็นกันปกป้องคนที่รักไว้ก่อนแต่เปล่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมลืมตาขึ้นบอยที่เอามือปิดหน้าตัวเองและหลับตาอีกด้วย
            “เฮ๊ย!!” ผมก็เปิดตาที่หลับปรี๋กับบอย ก็เห็นไอ้คนนั้นอยู่ดีดีมันก็มอบและทันทีที่ผมหันมองดูรอบๆ มีคนสวมหมวกกันน๊อก มันไปเอาไม้เบสบอลที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งมาและฟาดไอ้คนนั้นลงไปกองกลับพื้นแทน ถ้าไม่มีบอยนี้ผมคงกระโดดจูบปากมันไปแล้ว มันคือพระเอกใส่หมวกกันน๊อกถึงแม้ว่าจะไม่มีม้าขาวมาก็ตาม
            “บอยไม่เป็นไรแล้ว” ผมบอกบอยและดึงแขนบอยให้ลุกขึ้น ผมวิ่งเข้าไปหยิบไม้ทีของไอ้คนนั้นมาถือเอาไว้ กะว่าฟื้นมากูฟาดซ้ำครับ เอาให้กลับยาวไปอีกเลยมึง
            “อย่า อย่าทำกู” มันขออีกแล้วผมพยักหน้าและผมก็
             “ผลั๊ก” เข้าให้แต่ไม่ได้ตีมันด้วยไม้ที ผมเตะผ่าหมากแม่งเลยมันก็เอามือกุมเป่า หน้านี้บอกได้ว่าเจ็บมากแค่ไหน ออกสีม่วงๆ หน่อยได้มั้ง
            “ไอ้สาด...เตะลูกกูทำไม ไอ้เชี้ยย มันยังเด็กอยู่!” มันร้องด่าผมด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
            “ก็มันดื้อเหมือนมึงไงหรือมึงจะให้พวกกูทะลวงประตูหลังมึงด้วยละนี่แหละงานถนัดพวกกู “ผมถาม ผมก็เอามืออีกข้างกุมก้นมันทันที
            “แต่กูไม่เอาวะ เสียดายน้องกูเพราะมันใหญ่และยาวของมึงมันเพิ่งจะได้ครึ่งกูเอง” ผมพูดดูหน้ามันซีดขึ้นมาทันที
            “ผลั๊ก!” อีกทีเน้นๆ
            “อู้ยย เชี้ย เดี๋ยวกูเป็นหมันไอ้เชี้ย โอ๊ยยย โอ๊ย!!” ผมร้องเพราะว่าผมย้ำไปอีกทีที่เป้าของมันและหันไปคว้าแขนบอย

            TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.53 ซื้อใจพวกภาคิน 2

                 Part แจ็ค ผมมองไปรอบๆ พวกที่พวกผมอัดลงไปกองและบ้างก็มอบสนิท บ้างก็คลานหนีกันออกก็มีเป็นไงละด่าพวกผมว่าตุ๊ดกัน ผมพยักหน้าให้ไอ้หลุยส์ และมันก็พยักหน้ากลับมามันโอเค ผมมองน้องชายของไอ้ภาคินที่ไอ้หลุยส์ไปลากออกมาพร้อมกับพวกเพื่อนมันอีกสองคน มากองไว้ ผมเห็นไอ้เดี่ยวมันลุกขึ้นแล้วแสดงว่ามันโอเคแล้ว ผมคิดว่าต้องเรียกรถพยาบาลซะอีก มันชูนิ้วแรพโยะมาขนาดนั้นแปลว่ามันยังเหนียวอยู่
             “มันโอเคว่ะ” ไอ้ดิวเดินมาบอกพวกผม ผมก็หันมามองไอ้คนที่ยืนสวมหมวกกันน๊อก
             “มึงเป็นใครเนี๊ยะ!” ผมหันไปถามไอ้นั่นที่สวมหมวกกันน๊อก
             “เฮ้ยย!! ไอ้หัวหน้าห้อง!!!” พวกผมร้องเรียกมันออกมาพร้อมๆ กัน หลังจากที่มันก็เปิดกระจกหน้าให้พวกผมดู
            “ใช่ครับผม พอดีเมื่อเช้าผมไปยื่นใบสมัครสอบโควต้ามาและกะว่าจะมาเรียนตอนบ่าย แต่เห็นมีแต่คนวิ่งหัวซุกหัวซุนกันและเขาก็บอกว่ามีคนเข้ามากระทืบเด็กในโรงเรียน และน่าจะเป็นพวกคุณนะครับ แต่ผมก็กลัวเสียภาพลักษณ์เลยหยิบเอาหมวกกันน๊อคสวมมาด้วยครับผม” ไอ้หัวหน้าห้องมันพูด มันกลัวเสียภาพลักษณ์ น้ำตาจะไหลเลยผม ซึ้งใจจริงๆ
             “เออ ขอบใจ ไม่ต้องห่วง รอบหน้ากูให้มึงเป็นอีกแน่นอนตำแหน่งหัวหน้าห้อง ทำดีขนาดนี้ อีกสมัยไปเลย” ผมหันไปชี้หน้ามัน
              “จะให้ผมอยู่อีกเหรอครับ ผมเกรงว่าชีวิตผมจะหาไม่ก่อนได้เข้ามหาวิทยาลัย ผมถึงได้รีบไปสอบโควต้าเอาไว้ก่อนจะดีกว่าครับท่าน” ไอ้หัวหน้าห้องมันพูด ผมหันไปมองรอบๆ พวกที่นอนหมอบกันและบางคนก็พยายามลากเพื่อนออกไปอย่างทุลักทุเล
              “โรงเรียนพวกกูไม่ใช่ที่พวกมึงจะเข้ามากระทืบใครก็ได้ พวกมึงไสหัวกันออกไปเลยน่ะ” ผมตะโกนบอกพวกมันแต่ดูท่าจะคลานยังไม่ได้เลยบางคน
              “แป๊ะๆ” เสียงปรบมือดังสนั่น พวกผมหันไปมองระหว่างที่พวกผมกระทืบเพื่อช่วยไอ้นี่มีเด็กนักเรียนแอบมองพวกผมอยู่ตลอดเลยว่างั้นแต่มันกลัวกัน แต่ว่าตอนนี้พวกมันออกมาปรบมือกันใหญ่เลย
              “จริงด้วย! ออกไป! ออกไป! ออกไป! จากโรงเรียนพวกเรา!” พวกนั้นก็ตะโกนบอกกัน ผมก็ยืนกอดอก อย่างเท่ นาทีพวกผมคือซูเปอร์ฮีโร่
              “พี่แจ็คครับ ผมว่าสงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหารดีกว่าไหมครับพี่” เสียงไอ้ป๊อดมันพูดอยู่ด้านหลังพวกผม
             “พี่ พี่แจ็ค ผมว่า มันยังไม่จบนะพี่นะ” ไอ้ป๊อดพูด
              “ยังมีอีกเหรอ ที่เห็นนี่ก็หมอบหมดแล้วเนี๊ยะ!” ผมหันไปถามป๊อดมัน มันก็ชี้ไปที่ตรงประตูทางเข้า พอพวกผมหันไปมองเท่านั้นแหละ
             “แกร็ง!!!” เสียงพวกผมทิ้งอาวุธกันหมด มีคนมายืนบังประตูและมันก็มากันอีกชุดเหรอวะ
             “ยังมีอีกเหรอวะ” ไอ้ดิวพูดขึ้น
             “กูว่าถ้าเพ่นตั้งแต่ทีแรกและไม่ออกมาช่วยไอ้เด็กเวรนี้ พวกเราคงรอดไปถึงไหนไหนแล้วเนี๊ยะ!” ไอ้พายพูด พวกไอ้ต้นข้าวกับไอ้บลูมันก็ยืนกอดกันกลมดิก
             “ใครกระทืบคนของกู มึงเจ็บหนักแน่!” มันตะโกนมาพร้อมกับชี้หน้าพวกผมด้วยไม้ที
             “ถ้าบอกว่าพวกเราไม่เกี่ยวมันจะเชื่อไหมวะ” ผมหันไปถามทุกคน
              “มึงดูพวกนี้ดิ หมอบขนาดนี้ ไปหลอกเด็กอนุบาลเถอะมึง” ไอ้หลุยส์มันกระซิบกลับมา ผมหันมามองหน้ากันอะไรกันวะ และพวกกองเชียร์ก็หายไปหมดยังกับมันมีเวทมนตร์หายตัวได้
              “นี้มันมีประตูโดเรม่อนเหรอวะ หายไปไหนกันวะ โคตรเร็วเลย” ไอ้หลุยส์มันพูด
              “ไว้กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว” ไอ้ป๊อดอีกคน ผมก็ดันบอยไปไว้ด้านหลังก่อน
              “Rrrrrrrr “เสียงโทรศัพท์ไอ้ป๊อดดังขึ้นและมันก็รีบรับสายทันที
              “อะไรนะพี่ แป๊บนะพี่” ไอ้ป๊อดมันคุยโทรศัพท์และมันก็หันมาหน้ามองพวกผม
              “พี่รับหน้าไปก่อนนะพี่ เดี๋ยวป๊อดมา พวกพี่ภาคินเขาโทรหาผมนะพี่” ผมสะบัดหน้าไปมองไอ้ป๊อด นี่มันยังให้พวกผมรับอีกเหรอครับ แต่ไม่ทันแล้วมันพูดและออกวิ่งไปทันที
               “ก็ให้มันมาช่วยน้องมันดิโว้ยย พวกกูจะได้เพ่นบ้าง! “ไอ้ดิวมันตะโกนตามหลังไอ้ป๊อดไป พวกผมหันมามองไอ้ที่ยืนทำหน้าโหดมาก ดูจากใบหน้าแต่ละคนที่รอยบากมา มันคงจะผ่านสมรภูมิรบมาเยอะกว่าพวกที่นอนหมอบนี้แน่ๆ พวกผมเดินมารวมกันหมดที่จุดเดียวกัน
                “ไอ้ที่หมอบนี้มันแค่สมุนตัวน้อยๆ ใช่ไหมว่ะ” ไอ้ติ๊กมันกระซิบถาม ผมก็คิดว่าน่าจะใช่เพราะที่ยืนอยู่นะหน้ามันโหดกว่าไอ้พวกนี้หลายเท่า พวกผมค่อยถอยหลังคนละก้าว สองก้าว หันซ้ายหันขวาหาทางเพ่น
               “ทหารมา) )) )” มีคนตะโกนมา จังหวะนั้นไอ้พวกนั้นมันหันหน้าหันหลังกันแล้วพวกผมจะยืนกันทำไมวิ่งซิครับ เข้าไปในห้องกระจกก่อนเลยและรีบล็อกประตูทันที แต่พวกผมดันลืมน้องไอ้ภาคิน
                “ไปเอามันมาด้วยดิวะ” ไอ้หลุยส์ มันจะรักไอ้เด็กนี้อะไรกันหนักหนา ผมกับไอ้ดิวก็วิ่งไปลากมันเข้ามาด้วย และล๊อกประตีอีกที รูดปิดม่านด้วยจะได้ดูเหมือนไม่มีใครอยู่ตรงนี้

                 [พวกพี่มาแล้วน้องๆ ไม่ต้องวิ่ง พี่มาดี มาม๊ะ มาให้พี่จับซะดีดี ทำไมไม่พกปาก สมุด พกกันมาทำไม มีด ไม้ พวกนี้มันอันตราย ไม่ควรเอามาเล่นอย่างยิ่ง) )) )) ] นั้นไงที่พวกผมได้ยิน ดังมาจากข้างนอกไม่ต้องรอดู รีบพากันหันไปมองทางออกน่าจะต้องเป็นด้านหลังของโรงอาหาร

                “ฉิบหายแล้ว นี้เสียงพี่โอมกู กูตายแน่มีง” ไอ้แอ้พูด ผมหันไปมองไม่ได้ยินบ่อยแต่รู้เลยว่าใครมา ไอ้ป๊อดวิ่งออกมา
                 “อ้าวพี่ไม่รับหน้าพวกมันกันเหรอ” ดูมันถามพวกผม
                “รับพองมึงเด้ ทหารมาโน้น!” ไอ้ติ๊กมันพูด
                 “ถ้าเรื่องนี้ถึงหูพ่อกู มึงตกงานไอ้ป๊อดและร้านค้าแม่มึงประกาศเซ้งได้เลย!! ปิดกิจการถาวร!!” ไอ้ติ๊กมันหันไปพูดกับไอ้ป๊อด
                “พี่ติ๊กครับ ไม่ได้นะครับพี่ ภาระเยอะบ้านผมน่ะ ทั้งบ้านทั้งรถผ่อนยังไม่หมด เอาอย่างนี้ พวกพี่ภาคินบอกว่าจะเอารถมารับที่ตรง ...” ไอ้ป๊อดพูดและทำท่าคิด ผมก็รอว่าตรงไหนล่ะจะได้ไป
                 “ที่เดิมดิประตูหนี พวกมันรู้ดีและกูมีกุญแจ” ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมก็พยักหน้ากัน พากันกอดไอ้ต้นข้าว มันช่วยผมได้ก็วันนี้แหละ
                 “ถ้าอย่างนั้น ออกด้านหลังเลยพี่ “นั้นไอ้ป๊อดมันพูดและมันก็วิ่งนำไป ผมก็วิ่งตาม มันจะผ่านครัว ใหญ่ มีแม่ค้า พ่อค้าและคนมาทำงาน นั่งกินส้มตำ อาหารหลักอย่างสบายใจไม่สนว่าเกิดอะไรขึ้นภายนอก ยังมีหน้ามาโบกมือให้ผมด้วย พวกผมก็โบกมือตอบก่อนจะพากันวิ่งตามไอ้ป๊อดออกไป
                “ไอ้ป๊อดเขาเลิกตีกันยังวะ” ผมถามไอ้ป๊อด
                “ใกล้แล้วพี่เพราะว่าพี่ทอทหารรอตอนอยู่ด้านนอกพี่ เล่นกันแรงมาก อาวุธครบมือเลยพี่ เหมือนมาปราบปรามผู้ก่อการร้ายเลยอ่ะพี่!” ไอ้ป๊อดมันตอบและพวกผมก็พยักหน้าให้พวกที่นั่งกันอยู่ด้านหลังที่ทำงานในโรงครัว นี่เขาไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเหรอว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้น พวกผมก็ผงกศีรษะขอโทษกัน ก่อนจะขอเดินผ่านออกไป ผมวิ่งมาด้านหลังและไอ้ป๊อดมันก็เปิดประตูให้พวกผม
               “ไปเลยพี่ โชคดีนะพี่ บาย” ไอ้ป๊อดมันพุดและปิดประตูทันที
               “นี่มันให้พรพวกเราเหรอวะ ไอ้ป๊อดน่ะ” ไอ้ต้นข้าวมันพูด ผมก็โบกไม้โบกมือช่างแม่งเถอะ พวกผมยืนคิดไปทางไหนต่อดี ทันใดนั้นที่พวกผมก็ได้ยินเสียงคือเสียงดัง ดูท่าจะอลหม่าดกันน่าดู แล้วพวกผมจะอยู่รอกันทำไม วิ่งครับ ผมวิ่งไปที่ตรงประตู ที่ต้นข้าวบอกว่ามีกุญแจ
              “ฉิบหายแล้ว “ไอ้ต้นข้าว มันมองประตู มันไม่ได้ล๊อกนี่หว่า
              “มึงไม่ได้ล๊อกประตูไว้เหรอวะ” ผมถามไอ้ต้นข้าว
              “กูล๊อก แต่กู….” ไอ้ต้นข้าวพูดพร้อมกับหันมามอง สีหน้ามันซีดๆ ไปนะ
             “อะไรไอ้ข้าว” แอ้มันถาม
              “ก็วันนั้นอ่ะที่เราใช้ประตูนี้หนีตีนพวกนั้นนะ ไปที่ร้านไอศกรีม กูล๊อกด้านนอกไว้ไง กลัวพวกนั้นมันตามไงแต่กูลืมคิด…..” ไอ้ต้นข้าวพูด ทำให้พวกผมหันมามองหน้ากันและ พากันขอพรจากฟ้าทันที ยกมือขึ้นบนอากาศ เยี่ยมมาก!!
               “มึง …..ไม่โง่ธรรมดาไอ้ต้นข้าว “ผมหันมาชี้หน้ามัน
              “ขอบใจ” ไอ้ต้นข้าว มันยังมีหน้ามาขอบใจผมอีก กูด่าครับ
              “จ้าดง้าวเลยละมึง!!” ไอ้ติ๊กมันด่าเป็นภาษาเหนือให้ทันทีและพวกผมก็คิด และก็คิด
              “ก็วันนั้นกูกลัวมันวิ่งตามพวกเราออกไปไง กูเลยล๊อกแม่งเลย แต่วันนี้กูว่าวันนั้นกูไม่น่าล๊อกเลยว่ะ แล้วเราจะออกไปกันยังไงวะ” ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมก็ทำท่าคิด
              “เอาโต๊ะนักเรียนที่กองนั้น มาดิวะ และปืนข้ามไป “ไอ้เดี่ยวพูด และพวกผมก็หันไปมองว่าใช่เลยและผม ไอ้ดิว ไอ้เดี่ยว ไอ้หลุยส์ที่ดูแข็งแรงที่สุดเข้าไปยกออกมาคนละตัวและ
              “แจ็ค หลุยส์ มึงสองคนข้ามไปก่อนวะ กูกับไอ้เดี่ยวจะคอยส่งทุกคน” ไอ้ดิวมันพูด และหันพยักหน้ากับไอ้เดี่ยว ผมกับไอ้หลุยส์ก็ปืนขึ้นไปและปืนกำแพงขึ้นไป ก่อนจะข้ามกำแพงแต่จะว่าไปมันก็สูง
              “สูงวะดิว” ผมบอกมัน
              “มึงสองคนรับโต๊ะและโยนลงไป” มันบอกผมและไอ้ดิวมันก็ ปืนขึ้นมาบนโต๊ะและรับโต๊ะนักเรียนมาจากไอ้เดี่ยวและส่งมาให้ผมกับไอ้หลุยส์ ผมกับไอ้หลุยส์รับตอนแรกก็ว่าจะเหวี่ยงลงไป
              “เดี๋ยวไอ้แจ็ค กูกะก่อน มันจะได้ลงไปตั้งได้พอดี” ไอ้หลุยส์พูด ผมก็มองหน้ามันจะกะอะไรอีกและไอ้หลุยส์มันใช้นิ้วตั้งฉากเหมือนกับว่ากำลังวัดมุดองศา ผมก็ชะเง้อมองเดี๋ยวพวกที่ตามจับนักเรียนก็มาพอดี
              “ไอ้หลุยส์” ผมเรียกมัน
              “เออๆ ได้แล้ว “ไอ้หลุยส์พูดก่อนจะทำมือให้ผมค่อยๆ หย่อนมันลงไม่ใช่เหวี่ยงมันลงและผมทำตามไอ้คนชอบคิดและวางแผนและมันก็ใช้ได้ดี
            “เป๊ะเลยวะ” ไอ้หลุยส์มันพูดเพราะว่ามันลงไปตั้งพอดีเลยและผมกับไอ้หลุยส์ก็หันหลังและลงไปยืนที่โต๊ะนักเรียน
            “กูว่ามึงรอด้านล่างวะเพราะถ้ามาอีกคนอาจจะหัก” ผมบอกไอ้หลุยส์มันก็ทำตามที่ผมบอก
            “มาเลยดิว” ผมบอกไอ้ดิว และคนแรกที่ไอ้ดิวมันกำลังส่งมาก็คือธรรณ์ ผมก็ยื่นมือไปรับมือธรรณ์ที่กำลังข้ามกำแพงแบบกลัวๆ กล้าๆ และธรรณ์ก็ตั้งท่าจะกระโดด ผมก็พยักหน้าว่าผมเอาอยู่
            “หมับ” ผมรับเขาอยู่พอดีเลย ธรรณ์กอดผมไว้ด้วยอาการตกใจแต่ก็รีบปล่อย ผมก็ยิ้มให้ แอบเสียดายผมมีแฟนแล้วครับ
            “ไอ้หน้าแขกมึงกอดเมียกูไอ้สัส กูเองยังไม่เคยกอดเมียมึงเลยนะไอ้เชี้ย!” ไอ้ที่ยืนชี้หน้าด่าผมคือไอ้หลุยส์
            “เอาไปเลย เมียกูกำลังจะมา” ผมหันไปบอกมันและส่งธรรณ์ลงไปให้ไอ้หลุยส์มัน แม่งยังหันมาค้อนผมอีกนะผมเงยหน้าขึ้นไปกางแขนรอรับบอยเล็งแบบไม่ให้พล้าด
         “หมับ” และผมก็รับบอยมาอย่างทะนุถนอม พอบอยและผมทรงตัวได้ บอยก็มองหน้าผม ด้วยความน่ารักเลยจับแก้มนิดนึง บอยก็ตีแขนน่ารักเนอะแต่ มันใช่เวลานี้ไหมฮาๆ
           “ช่วยเลิกฟินกันสักครู่แล้วรับพายก่อนได้ไหม กูกลัวความสูง!!” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองที่ค้างอยู่บนขอบกำแพงแถบยึดแน่นด้วยและสั่นอีกต่างหาก
           “มารจริงๆ เลยมึง” ผมหันไปเม้งและบอยก็หัวเราะผม ผมก็ต้องส่งไปให้ไอ้หลุยส์มันต่อ และหันกลับกางแขนรับพายลงมา
            “หมับ! “ผมก็ต้องกอดเพราะว่าโต๊ะนักเรียนมันโคลงเคลงและผมก็รีบดันพายมันออกด้วยเช่นกัน ดันหน้ามันไว้ด้วย
             “อะไรวะ จะดันทำไมเนี๊ยะ ที่เมื่อกี้ฟินน่าดู กูก็อยากฟินบ้างอะไรบ้าง” พายมันพูด
             “ไม่เอามึงนะน่ากลัวพาย มึงลงไปเลย” ผมหันไปบ่นและรีบดันพายลงไป แต่ไม่ทันได้มองว่าไอ้หลุยส์มันไม่ได้หันมารอรับพาย
           “ตุ๊บ” พายลงไปได้นั่งก้นจั้มเบ้าที่พื้นทันที
           “อายยยย” พายร้องออกมาทันที
            “พาย!” บอยและธรรณ์ร้องออกมาพร้อมกัน
           “โอ้วฉิบหายแล้วกู!!! “ไอ้หลุยส์มันพูดและวิ่งมาประคองพายขึ้น มันดันไม่ได้หันมารอรับพายเหมือนที่รับบอยและธรรณ์ ผมหันไปทำนิ้วเชือดคอคือมันโดนพายเม้งแตกแน่ๆ พายสะบัดหน้างอนใส่มันทันที และคนต่อมาก็คือไอ้ต้นข้าว และบลู ไอ้ต้นข้าวนะมันทำเหมือนจะแมนมันรีบปล่อยผมก่อนที่ผมจะปล่อยมันและมันก็ลงไปเอง ไอ้นี่มันเหมือนทอมบอยชัดๆ ส่วนอีกคน
            “บลูมึงจะกอดกูไม่ว่าอย่าลูบกูไอ้นี่โรคจิตกว่าอีพายอีก ลงไป” ผมบ่นไอ้บลูเพราะว่าพอรับมันมามันไม่กอดเปล่ามันลูบด้วย แม้มีหันมากัดปากอีกนะ ผมรีบถีบมันลงไปแทน (ย้ำว่าไม่ได้ผลักถีบจริงๆ)
             “แจ็ค กูลงได้” ไอ้ดิวมันบอกผม ผมก็พยักหน้าและผมก็กระโดดลงมาที่พื้นและดิวมันก็กระโดดลงมายืนรอคนที่จะมาต่อไป คือไอ้แอ้ แอ้มันก็กระโดดตามลงมาแต่ ไอ้ดิวมันรับได้อย่างแม่นมากแถมมันรับแบบอุ้มเลยครับ
             “เฮ้ยย!!” พวกผมร้องออกมาพร้อมกัน ผมว่าแอ้มันก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าไอ้ดิวมันจะรับได้แม่นแบบนี้
             “โอ๊ยย!!!” ไอ้แอ้มันดึงขนจมูกไอ้ดิวและมันก็ดีดตัวงมายืนที่พื้นทันที พวกผมยังคงมองหน้ามันกับไอ้ดิว สลับกันไปมา
             “มันทำได้ไงวะ ไม่เห็นบอกกูบ้างเลยสาด” ไอ้หลุยส์มันพูด ไอ้ดิวที่เอามือขึ้นมาเกาหัว
             “ไอ้เดี่ยว ไอ้ติ๊ก ทำไมมึงยังไม่มาวะ รอพ่อมึงมาจับตัวเหรอวะ” ผมตะโกนถามมันสองคน
             “ไอ้ติ๊กมันกลัวมันไม่กล้าไปว่ะ” ไอ้เดี่ยวมันชะโงกหัวมาคุยกับผม
             “มาเร็วติ๊ก มึงรอให้เขามาจับมึงหรือไง” ไอ้เดี่ยวมันตะโกนคุยกับติ๊ก ผมเห็นมีรถวิ่งมาแล้ว รถเก๋งและรถกระบะ ทันทีที่เลื่อนกระจกรถลง มันคือไอ้โซ่ อย่าบอกนะว่าพวกผมหนีเสือปะจระเข้นะ หนีเท้าข้างในมาเจอเท้าข้างนอกอีกเหรอวะ
              “เฮ้ย! ขึ้นรถว่ะ” ผมหันไปมองคนที่ลงจากรถมาเรียกผมพวกผม ไอ้โซ่ และไอ้มาร์ค อีกคนคนผมไม่รู้แต่มันหน้าดี และอีกคันก็ตามเข้ามาผมยังไม่เห็นหน้าตาคนขับ
             “ไอ้ภาคินให้พวกกูมารับพวกมึงว่ะ” ไอ้โซ่มันบอกผม
             “เพื่อนกูอีกคนและไอ้เดี่ยวแม่งยังไม่ยอมข้ามมา มันกลัว” ผมหันไปบอกไอ้โซ่ คนอื่นก็ลงมาจากรถ มีไอ้มาร์คที่ผมรู้จัก
            “รีบเลยนะมึงเขาบอกว่าผู้อำนวยการโรงเรียนมาใหม่วันนี้และกำลังกวาดพวกที่มาหาเรื่องตีกันไปส่งค่ายทหาร” ไอ้โซ่มันบอกพวกผม ฉิบหายแล้ว อยู่โรงเรียนกฎระเบียบก็เยอะอึดอัดแย่แล้วนี่ถ้าโดยไปอยู่ค่ายทหารด้วยตายครับ
            “ไอ้ติ๊ก เขาบอกผู้อำนวยการมาใหม่วะ สงสัยพี่มึงแน่วะ พี่ตุ๊อ่ะ” ผมตะโกนบอกไป ไม่นานได้ผล มันรีบพลวดพลาดขึ้นมานั่งค้างอยู่กำแพง
           “เชี้ยแล้ว พี่กูมาเหรอ ไอ้เดี่ยว มึงลงไปก่อน ไปรับกูเลย สูงแบบนี้ จากที่กูไม่ต้องทำจมูกกูได้ทำแน่ๆ และเบ้าหน้ากูคงได้จัดใหม่ไฉไลกว่าเดิมอีกก็งานนี้ ลงไปดิไอ้ดำ!!” ไอ้ติ๊กมันรีบพูดสั่งไอ้เดี่ยวทันทีและมันก็ผลักไอ้เดี่ยวลงมาก่อนเพื่อน
พอไอ้เดี่ยวลงมาและรอรับ ไอ้ติ๊กมันรีบกระโดดตามลงมาติดๆ เร็วจนไอ้เดี่ยวมันไม่ทันได้ตั้งตัวและมันทั้งคู่ก็ล่วงลงมาพร้อมกัน เป็นไปตามสเต็บเหมือนฉากในละครที่ไอ้ติ๊กมันเล่น พระเอกนางเอกร่วงหล่นลงมาและนางเอกอยู่บนตัวพระเอก แล้วก็....จุ๊บกันแต่ภาพนี้มันไอ้ติ๊กอยู่บนครับ บนตัวไอ้เดี่ยว ทำเอาพวกผมหันไปมองทางอื่นกันหมด เขินแทนมันหรืออายแทนมันสองคนก็ไม่รู้ และมีสายตาอีกหลายคู่ที่ลงมาจากรถทันที เพื่อมายืนอ้าปากค้างดูมันสองคน
            “งานซีรี่ย์เกาหลีก็มา” ไอ้มาร์คมันพูดขึ้น ผมหันไปยักไหล่ ปกติพวกกูว่ะ แต่ไม่เคยกลางแจ้งแบบไอ้คู่นี่แน่ๆ รู้สึกอายแทน
            “เฮ้ยย!” ไอ้ติ๊กมันร้องและรีบดีดตัวลุกขึ้น ผมหันมามองหน้าไอ้หลุยส์หยักคิ้วให้มัน ผมว่าคู่นี้มันมีSomething wrong กันแน่ๆ เลย แต่ดูแล้วมันก็ปากแข็งอีกคู่นั่นแหละ ไอ้หลุยส์บอกแล้วว่ามันอ่านความคิดผมได้และมันก็ยักคิ้วกลับมาให้เป็นคำตอบ
            “ไปที่บ้านพี่แฮกซ์ก่อนดีกว่าส่วนน้องไอ้ภาคินนะ ไอ้ป๊อดมันให้คนไปส่งไว้ที่โรงพยาบาลที่พ่อมันเป็นหมอแล้วว่ะ “ไอ้โซ่พูดและพงกหัวเชื้อเชิญให้พากันขึ้นรถ ในขณะที่ในโรงเรียนก็เสียงดัง ทหารกำลังไล่จับพวกที่มาตีกันนั้นเอง
            “มันจะพาพวกเราไปฆ่าหมกป่าไหมวะ “ไอ้ติ๊กพูดขึ้นไม่น่าจะกระซิบหรอกแม่งทำเอามือป้องอีก จนได้โซ่มันหันมาหัวเราะเบาๆ
            “ไม่หรอกมึง กูรู้จักพวกมันดี ไปเถอะว่ะ” ไอ้เดี่ยวมันพูดและมันก็ดึงแขนไอ้ติ๊กไปกับมันไปขึ้นรถคันเดียวกับมันทันที ผมหันมามองไอ้ดิว มันคู่ซี่มันนะไอ้เดี่ยว ไอ้นี่เข้าใจกำจัดก้างขวางคอมันได้ดี มันยักคิ้วให้ผม
           “ปื้น!!!” มีมอเตอร์ไซด์ เวสป้าขับเข้ามา ดูจากสีกางเกงก็รู้ว่าไอ้นี่แค่ม.ต้นแน่ๆ เพราะว่ามอต้นสีกากีส่วนมอปลายสีดำ
           “มีอะไรวะไอ้แช้มป์” ไอ้มาร์คมันหันไปถามไอ้คนที่ขับรถมา
           “มีดิพี่ นี้ผู้อำนวยการคนใหม่และกองกำลังทหาร รวบเด็กที่มารอตีพวกเรานะไว้หมดแล้ว โหดโคตร และนี้เขากำลังโทรตามผู้ปกครองแต่ละคนมาเพื่อจะทำการเจรจา ผมว่าเราไปบ้านพี่แฮกซ์กันเลยดี่กว่าพี่ ก่อนที่จะลามมาหาเรา” ไอ้เด็กที่ชื่อแชมป์ มันทำท่าจะหมุนรถมันกลับแต่มันดันมาชงักที่ไอ้บลูซะงั้น และพวกผมก็หันมามองไอ้บลูกัน ดูมันทำท่าเขินใส่เขาอีกมันอีก
            “เพี๊ยะ!” อันนี้ไอ้ต้นข้าว ไอ้นี่แม่ไอ้บลู พวกผมตั้งให้เพราะว่าเห็นมันห้ามนั้นห้ามนี้ ยิ่งกว่าแม่มันจริงๆ ซะอีก
            “มึงจะยืนบิดไปมาทำไมวะ ดูไอ้นี่มันเด็กม. ต้นนะมึง “ไอ้ต้นข้าวมันต่อว่าไอ้บลู
“ถ้าอย่างนั้นก็ไอ้ดิวมึงไปรถไอ้นาวินก็ได้วะ มันเพื่อนพวกกูแต่อยู่คนละห้องกัน รถเก๋งคันสีดำนั้นนะที่โหลดเตี้ยๆ “ไอ้โซ่มันชี้ไปที่ที่รถที่จอดอยู่คันที่สาม ไอ้ดิวมันหันไปมองและหันมามองหน้าไอ้โซ่ ผมก็มองไอ้ดิว คือหน้าตามันบ่งบอกได้ว่าเจอคู่อริเก่าและไอ้ดิวมันก็ยักไหล่ให้แอ้เดินตามมันไปแบบจำใจ
            “ส่วนพวกมึงมารถกู นั่งได้4 คน” ไอ้โซ่พูด ผมหันไปหยักไหล่ให้หลุยส์และมันก็จูงมือธรรณ์ไปผมก็จูงมือที่รักผมบอย
           “ไอ้เดี่ยวรถไอ้มาร์คว่างวะ แต่มันนั่งได้สองคนนะข้างหน้าเบียดหน่อยมันรถแต่ง” ไอ้โซ่พูดไอ้เดี่ยวมันหันมามองติ๊กที่ยืนกอดอยู่ และหันมามองพาย ต้นข้าวและไอ้บลู
            “แล้วกูละ กูกับไอ้บลู พายด้วย” ไอ้ต้นข้าว
            “นั้นไงที่ยืนใส่เรแบนด์นะ” ไอ้โซ่พูดและพวกผมก็หันไปมีคนออมมายืนทำท่ากอดอกและมองมาที่พวกผมโดยเฉพาะไอ้ต้นข้าว
            “น้องน่ารักมาเลยรถพี่พร้อม” ไอ้คนนั้นมันพูดเชื้อเชิญ
            “ไอ้เชี้ยนี้มัน” ไอ้ต้นข้าวพูดเพราะว่าไอ้คนที่เอ่ยปากเชื้อเชิญมันก็แสดงอาการว่ามองมาทางไอ้ต้นข้าวชัดเจน
           “ไอ้กีตาร์ เพื่อนไอ้ธงรบมัน ไม่มีอะไรหรอกนะมึงไปเถอะ “ไอโซ่พูด
           “พี่คนนั้นนะ มานั่งรถผมได้นะครับ “ไอ้แชมป์มันชี้ไปที่ไอ้บลู แม้ทำท่าเขินหนักมาก
           “ต้นข้าว เราไปรถน้องนั้นนะ แล้วเจอกัน” นั้นไงไอ้บลูมันพูดเร็วและกระโดดขึ้นรถเวสป่าไปหน้าตาเฉยและไอ้คนขับมันก็ออกตัวไปเลยทันที “เฟี้ยว!!!!” โดยที่ไอ้ต้นข้าวมันยังไม่ทันร้องห้าม มันแค่อ้าปากค้างไว้และกำลังจะด่า
           “ไอ้เชี้ยบลู!!!”ไอ้ต้นข้าว มันไปแล้วผมหันมามองหน้ามัน
           “แล้วไอ้นั่นมันพาบลูไปไหน” แม่ไอ้บลูหันมาถามทันที
           “มันไปทางลัด สำหรับรับรถมอเตอร์ ไอ้นี่มันยังไม่มีใบขับขี่มันขี่ออกถนนไม่ได้หรอกต้นข้าว “ไอ้โซ่พูด ผมหันมาหน้ากัน มีแบบนี้ด้วยเหรอวะ
           “พายไปกับไอ้ต้นข้าวแล้วกัน” ผมหันมาบอกพายที่หันมาสะบัดบ๊อกไปพร้อมๆ กับต้นข้าว
           “ไปเถอะต้นข้าว และมีอะไรโทรหาพวกกู” ผมบอกไอ้ต้นข้าวที่หน้างอคอหักมาและเดินไปแบบไม่เต็มใจหนัก และไอ้คนที่ยืนกอดอกอยู่ก็เปิดประตูให้ทันที แต่ต้นข้าวก็กวนได้ใจเหมือนกัน มันเดินไปขึ้นอีกฝั่งแทนและเปิดประตูเองส่วนพายก็ตามข้าวไปติดๆ เช่นกันอีกฝัง
           “ฟาล์วเลยกู” ไอ้คนที่ยืนเปิดประตูรอมันพูดและพวกผมก็พยักหน้าพากันขึ้นรถกันเถอะ ผมขึ้นไปนั่งข้างคนขับกับไอ้โซ่ ผมเหลือบไปเห็นมีคนกำลังปืนขึ้นมาที่ตรงกำแพงที่ผมปืนออกมาเช่นกัน
            //ทางนี้มีอีกกลุ่ม!!! // พวกพี่ทหารปืนกำลังขึ้นมาได้ ก็เห็นพวกผมที่ก้าวเท้าขึ้นรถไปกันหมดแล้ว พี่เขาก็ส่งเสียงเรียกคนอื่นๆ ทันที

            แต่รถพวกที่มารับพวกผมก็ถอยหลังไปตามๆ กันด้วยสกิลขั้นเทพจริงๆ และออกมาจนพ้นซอย และพวกมันก็รีบขับออกไปอย่างรวดเร็ว ขนาดที่พวกพี่ทหารยังตามไม่ทันเลย ผมหันไปยกนิ้วให้ไอ้โซ่ ผมว่าพวกผมเรียนถูกห้องแล้วแหละตอนนี้ จากตอนแรกที่คิดว่าแอดมิน จับพวกผมยัดลงผิดห้องจนอยากจะขอย้าย ไอ้โซ่หันมายักคิ้วให้พวกผมเช่นกัน จะว่าไปพวกมันก็อาจจะมีดีมากกว่าเป็นเด็กเกเรที่ใครต่อใครพูดกันก็ได้น่ะ ถ้ามีคนให้โอกาสพวกเขา

            TBC…

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-03-2024 15:39:42 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.54 ผมได้เพื่อนเพิ่มมาทั้งแก๊งเลย ครึ่งแรก

                Part แจ็ค หลังจากที่พวกผมพากันขึ้นรถที่พวกเพื่อนๆ ของภาคินที่ขับเข้ามาดักรับพวกผมเพื่อพาพวกหนีพี่ๆ ทหาร ผมยอมรับว่ามันผิดครับแต่ถ้าจะเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ผมเองก็อยากรู้ว่าพวกนี้กำลังทำอะไรกันอยู่และนี้คือการซื้อใจเพื่อให้ได้เป็นเพื่อนด้วยเช่นกัน ส่วนพี่ๆ นั้นพวกผมไปอธิบายทีหลังกันได้ รถที่พวกผมนั่งมาก็แล่นออกมาได้ประมาณสิบกว่านาทีก็มาถึงบ้านหลังใหญ่ รูปทรงดูทันสมัย มีพื้นที่กว้างมาก ทันทีที่รถเข้ามาจอด ผมก็ก้าวเท้าลงมาจากรถกันเพื่อดูลาดเลา ผมหันไปเจอพวกพี่แฮกซ์ เออ หรือมันจะพามาให้พวกนี้กระทืบวะ ผมคิดในใจเหมือนกัน
             "พวกกูนับถือพี่แฮกซ์กัน พี่แกดีนะโว้ย!” ไอ้โซ่พูด ผมหันมามองหน้าไอ้โซ่
             “และนั้นก็ลูกน้องพี่แฮกซ์อีก พวกมึงคงเคยเห็นอยู่นะที่หน้าห้องน้ำชายนะ "ไอ้โซ่มันหันมาบอกพวกผม ผมพยักหน้าว่าใช่ไง ก็เลยแอบกลัว ผมกวาดตามองไปรอบๆ และผมก็หันไปเห็นไอ้ดิวและแอ้มันลงมาจากรถไอ้คนที่ไอ้โซ่มันบอกว่าเพื่อนพวกมันอีกคนแต่อยู่คนละห้อง หน้าตามันหล่อใช่เล่น ผมเห็นมันมองแอ้อยู่หลายครั้งแล้วและตอนนี้มันก็มองแต่ไอ้ดิวมันดึงแอ้เรียกว่าจะโอบเอวเลยก็ว่าได้ ไอ้แอ้มันก็จะหันไปตบหัวไอ้ดิวอีก
            “ผลั๋วะ!!!”เสียงดังฟังชัดมาก
            “อู้ยย!!!” ผมกับไอ้หลุยส์อุทานพร้อมกัน เจ็บแทนประมาณนั้น ไอ้ดิวผู้ไม่เคยกลัวใคร กลัวแม่แอ้มันอยู่คนเดียวเลย ไอ้ดิวเอามือลูบหัวตัวเอง   ผมหันมามองหน้ากันหยักคิ้วให้กันเป็นอันว่าเข้าใจตรงกันน่ะและผมคิดว่าไอ้แอ้มันคงอายคนอื่นเขามากกกว่า แต่กับไอ้ดิวนั้นที่ทำแบบนี้ ผมว่าชัดเลยไอ้ดิว มันหึง ต่อมาก็ไอ้เดี่ยว ไอ้ติ๊ก ลงมาจากรถไอ้มาร์ค มันนั่งหน้ามาแบบเบียดๆ กันขนาดนั้นเพราะว่าเป็นรถตอนเดียว
             "ขอบใจวะที่ช่วย น้องเรา"ไอ้ภาคินมันเดินมาขอบใจพวกผมทันที ผมพยักหน้า
             "ไม่เป็นไรว่ะเพราะยังไงมันก็เป็นเด็กในโรงเรียนเดียวกับพวกกู "ผมบอกไอ้ภาคิน
              "ว่าแต่พวกนี้มันเข้ามาบ่อยเหรอวะ กูได้ยินพวกนักเรียนพูดกันว่าพอพวกมันจะมา ทุกคนจะพากันกลับบ้านหมดเลยว่ะ"ไอ้ดิวมันหันไปถามไอ้ภาคินอีกคน
             "พวกมันคงไม่กล้าแล้วแหละเพราะว่าวันนี้ ผู้อำนวยการคนใหม่มาแล้วและได้ให้พวกทหารมาจัดการลากพวกมันไปแล้วไปอบรม กูก็ไม่รู้ว่าผู้อำนวยการคนใหม่เขารู้ได้ยังไงวะ” ไอ้มาร์คพูด พวกผมมก็คิดนะเพราะขนาดพวกผมเองยังไม่รู้อะไรเลย เรียกว่ารู้แม่งที่หลังตลอดก็ว่าได้อยู่โรงเรียนเดียวกันแท้ๆ
             “พวกที่มาหาเรื่องนะคือพวกไอ้เวย์ มันมีแบคหลังเป็นนักการเมืองและนี้พวกกูก็ไปช่วยกัน วางตะปูเรือใบให้พวกมันหนีไม่ได้ และไปช่วยกันปิดประตูโรงเรียนด้านอื่นๆ ไว้เอาไว้ได้ทัน "ไอ้มาร์คพูด นับว่ามันยังรักโรงเรียนพวกผมกัน
              "ใครวะผู้อำนวยการคนใหม่มึงได้เห็นหน้ากันบ้างไหมวะ "ผมถามแต่ว่าทุกคนส่ายหน้าว่าไม่รู้
              "โอ๊ย!! "เสียงไอ้เดี่ยวมันร้อง ผมหันไปเห็นไอ้ติ๊กมันเปิดดูหลังไอ้เดี่ยว
              “มันเอาหลังมารับไม้แทนกูว่ะ” ไอ้ติ๊กมันพูดขึ้น จะว่าไปไอ้ติ๊กนี้มันก็มีโมเม้นเป็นห่วงคนอื่นเหมือนกันนะดูจากสายตาที่ห่วงใยกัน ไอ้หลุยส์มันเอาไหล่มากระแทกผมให้ดู ผมพยักหน้าว่าใช่แล้วแหละ ผมก็ยิ้มที่มุมปาก
              “เจ็บไหมว่ะเดี่ยว” ติ๊กมันถามไอ้เดี่ยว ไอ้เดี่ยวมันส่ายว่าไม่แต่สีหน้ามันบ่งบอกว่าเจ็บอยู่นะ แต่ผมก็คิดว่านี่ถ้าไม่รักกันคงไม่ทำแบบนี้แน่นอน ผมหันมามองบอยที่มองติ๊กและยิ้มให้บอยก็พยักหน้าเบาๆ
              "เอาน้ำแข็งไหม กูเอามาให้จะได้ประคบ "ไอ้ภาคินมันหันไปถามไอ้เดี่ยวก่อนจะเดินกลับเข้าไปด้านใน
              "หักไหมมึง"ไอ้ติ๊กถามไอ้เดี่ยว
               "ไม่หรอกแต่มันคงช้ำอะ มึงดูแลมันเลย"ไอ้ดิวพูดก่อนจะเดินกลับมาหาพวกผม ส่วนไอ้แอ้มันก็รีบเดินไปหาต้นข้าวทันที และพายอีกคนที่พากันก้าวเท้าลงจากรถ ก็หน้างอคอหักมาทันที และผมคิดว่าไอ้แอ้กับติ๊กคงดูแลได้ ผมเลยเลือกที่จะเดินกลับมาหาบอยแทน
               "บอย ร้อนไหมครับ"ผมเดินมาถามบอย
               "ไม่ละ แจ็คละเป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า "บอยถามผมด้วยความเป็นห่วงพร้อมกลับสำรวจความหล่อผมด้วย ว่ายังอยู่ครบไหม ผมนี่อมยิ้มทันที ผมหันไปมองไอ้หลุยส์ มันนั่งเช็คโทรศัพท์มันและมีธรรณ์คอยพัดวีอยู่ใกล้ๆ มันยังมาทำนิ้วแล๊พโย๊ะให้ผมดูแสดงว่ามันโอเค
               "เป็นอะไรวะมึง ไอ้ต้นข้าว"ผมหันไปถามไอ้ต้นช้าวทันทีที่มันเดินมาหาพวกผม
                "แม่งโคตรซวยเลย ดันนั่งมากับไอ้โรคจิตว่ะ "ผมมองไปที่เพื่อนของไอ้ภาคิน หน้าตาเอาเรื่องอยู่ มันเดินตามมาติดๆ แต่มันก็ยังเว้นระยะห่างจากพวกผม มันยืนยิ้มพร้อมกับลูบคางมันด้วย มันสองคนมองมาที่ไอ้ต้นข้าว โดยเฉพาะไอ้คนที่ผมยาวรากไทรนี่มันมองต้นข้าว เหมือนหนุ่มเจอสาวในสเป็คไม่มีผิดเพี้ยนเลย
                 "น้องน่ารักคร๊าบ!" ไม่คิดจะขอบคุณพี่ธงรบกับพี่กีตาร์สักคำเหรอครับ” ไอ้คนที่ดูกวนตีนมันถามไอ้ต้นข้าว ส่วนไอ้ต้นข้าวนอกจากจะไม่ขอบคุณมันยังเหลือตามองบนใส่ด้วย
                 “น่าจะขอบคุณที่พี่สองคนเป็นคนขับรถที่หล่อที่สุดในโลกให้นั่งหรือไม่ก็หอมแก้มสักฟ๊อดก็ยังดี ….อืม " ไอ้สองคนนี้ไม่พูดเปล่ามันเอียงแก้มมาทันที พอพวกผมได้ยินกันแบบนี้ ก็พากันพยักหน้าเข้าใจเลยว่าทำไมไอ้ข้าวมันหน้างอ เป็นปลาทูแม่กลอง
                  “เน่ายิ่งกว่าคลองแสนแสบอีกไอ้เชี้ยสองคนนี้แหละ” ติ๊กมันพูดเชิงว่ากระซิบแต่ดัง อยู่ไกลๆ ก็ได้ยินและไอ้สองตัวนี้หาได้สะทกสะท้านไม่ ยังยิ้มรับอีก
                  “คลองแสนแสบเลิกเน่าไปแล้วเหลือแต่ไอ้พวกนี้แหละว่ะ” ไอ้ดิวมันพูดขึ้นบ้าง
                  "น่ารักหลายคนเลยด้วยวะ ไอ้กีตาร์ "พอมันพูดแบบนี้ ผมก็จับบอยและดันบอยไว้ข้างหลังผม สายตามันมองกวาดทุกคนเลย ส่วนไอ้หลุยส์มันยืนกอดอกมอง สายตาของมันเริ่มลามปรามมาทางบอยและธรรณ์อีกและยังเลยไปถึงแอ้อีกคนแต่มันสะดุดที่แอ้ ส่วนแอ้มันก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร มีแค่ไอ้ดิว ที่ยืนถลกแขนเสื้อรอ
                 "หวงวะเห้ย!"ไอ้คนที่ หน้ามันกวนแบบโรคจิตสุดๆ
                 "น้องน่ารักบ้านป้ามึงดิ พวกกูหล่อโว้ย!"ไอ้ติ๊กหันไปตอบ ไอ้ติ๊กมันเป็นคนแรงๆ แลกได้แลก แต่ถ้าแลกไม่ได้มันโยนให้พวกผมทันที ฮาๆ แอ้มันรู้เลยรีบเดินเข้าไปดึงแขนติ๊กเอาไว้ก่อน
                 "ปากแบบนี้พี่ทำเมียมาหนักต่อหนัก "ไอ้คนที่กวนตีนและปากดีซะด้วย พอไอ้ติ๊กได้ยินมันจะหันหลังกลับไปหาเรื่องอีก แอ้มันก็ต้องเข้าไปดึงติ๊กให้ถอยออกมาอีกครั้ง ไม่ให้เข้าไปแหย่กับพวกผมมันอีก และไอ้โรคจิตนั้นมันก็มองแอ้ แถมมันยังกัดปากด้วยแสดงว่ามันคิดอะไรกับไอ้แอ้อีกแน่ๆ แต่ผมว่ามันคิดผิด
                  "จะว่าไปคนนี้ก็น่า...เอาว่ะ"มันรามปรามถึงไอ้แอ้อีกคน ก็งานงอกทันทีและพวกผมเดาได้ว่ามั้นหมายถึงน่าอะไรที่มันพูด
                  "พลั่ก!"ไอ้ดิวมันส่งหมัดตรงไปไอ้นั่นจนใบหน้าสะบัดไปตามแรงเหวี่ยงของหมัดไอ้ดิว ผมหันไปกอดอกมอง เป็นไงละ เลือดซิบเลยละซิ
                  "เว๊ย!! ไอ้เสาธง!"เพื่อนมันร้องออกมาด้วยความตกใจที่เพื่อนมันโดนหมัดไอ้ดิวล่วงไปขนาดนั้น
                  "มึง ...ขวับ! "มันลุกมาได้ มันดึงมัดพกออกมาทันที
“เชี้ย!!” ผมอุทานออกมา ไอ้นี่มันเล่นแรงไปแล้วน่ะ มีมีดด้วย
                  "ไอ้ธง!!"ไอ้เดี่ยวมันลุกขึ้นทันที มันน่าจะรู้จักไอ้นี่ดี มันถึงได้เรียกชื่อไอ้คนที่เอามีดพกออกมา และมันหันมามองไอ้เดี่ยวด้วยสีหน้าตกใจเหมือนพวกไอ้ภาคินที่เห็นหน้าไอ้เดี่ยวตอนก้าวขาเข้าห้องเรียนวันแรก
                 "ไอ้เดี่ยว!!" มันชะงักและหันมามองไอ้เดี่ยวแทนและเหมือนกลับว่ามันจะเล่นไอ้เดี่ยวด้วยอีกคน ไอ้เดี่ยวก็ถลกแขนเสื้อรอเหมือนกัน ไอ้หลุยส์มายืนกอดอกอยู่ข้างๆ ผม เหมือนจะรอชมมวยคู่เอก แต่ว่า
                 "หยุดไอ้เสาธง!! นี่เเพื่อนกูและนั้นพ่อมึงรออยู่ด้านในนั้น เข้าไป!!"ไอ้ภาคินมันเดินเข้ามาห้ามไว้ซะก่อน ไอ้หลุยส์ส่ายหน้าด้วยความเสียดายอดดู ผมเองก็เสียดายอยากดูไอ้ปากดีมันโดนสอยลวงไปอีกทีและเพื่อนมันก็ลากคอไอ้ธงรบออกไปตามที่ไอ้ภาคินมันบอก แต่มันยังหันมาทำนิ้วเชือดคอใส่พวกผมอีกนะ พวกผมหันไปมองหน้ามันว่ากลัวที่ไหน ไอ้ภาคินมันก็ส่งถุงน้ำแข็งไปให้ไอ้เดี่ยว และไอ้ติ๊กมันก็รับไปประคบประหงมหลังไอ้เดี่ยว
                  "ไอ้สองคนนี้มันเพื่อนพวกกูว่ะ” ไอ้ภาคินและหันไปเหล่มองที่เดินออกไปนั้น
                   “ไอ้คนที่มึงต่อยมันไปนะ ชื่อไอ้ธงรบมันเป็นนักเรียนเตรียมทหารส่วนอีกคนนะชื่อไอ้กีตาร์มันเรียน คอนแว่น ม.6 มันพึ่งย้ายกลับมาเรียน มันเป็นเพื่อนของเพื่อนพวกกูอีกที” ไอ้ภาคินพูด
                   “แต่จริง ๆ ไอ้กีตาร์มันควรจะจบแล้วแต่มันโดนพักการเรียนปีเดียวกับพี่แฮกซ์ ก็เลยอยู่ม.6 อีกปีเหมือนกัน” ไอ้ภาคินมันพูด
                   “แสดงว่าพี่แฮกซ์ก็ควรจะจบมอหกแล้ว “ผมหันไปถามไอ้ภาคิน มันก็พยักหน้าและผมก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ผมเองก็จบม. หกแล้วแต่จบก่อนคนอื่นๆ ในรุ่นเดียวกัน
                    “แต่ไอ้สองคนนี้มันเจ๋งนะแต่มีเจ๋งกว่านี้อีก อยากให้พวกมึงเจอมันว่ะ มันเป็นอัลฟ่าของไอ้สองคนนี้อีกที เสียดายที่มันเป็นหัวหน้าพวกกูแทนพี่ข้าวปั้นไม่ได้และตอนนี้พวกกูก็ต้องการใครสักคนมาขึ้นเป็นหัวหน้าแก้งพวกกูว่ะ "ไอ้ภาคินพูดมันหันมามองพวกผมเหมือนกับว่ามันจะ มอบตำแหน่งหัวหน้าแก้ง พวกผมพากันส่ายหัวกันหมด
                      "แล้วไอ้บลูละ มันมากับเพื่อนมึงอะ"ต้นข้าวหันไปถามไอ้ภาคิน เออพวกผมลืมไอ้บลูไปเลยครับ
                     “เฮ้ย!!!  มันโดนฆ่าหมกป่าไปยังว่ะเพราะว่ามันออกมาพร้อมๆ กับพวกเรานะ “พายพูด บอยหันไปตีต้นแขนเบาๆ แต่ที่พายพูดพอไอ้ภาคินมันได้ยิน มันถึงกับกลั้นหัวเราะทันที
                     "ไอ้แชมป์ละซิ ที่มันพาไอ้บลูมา ไอ้นี่นะมันเป็นรุ่นน้องพวกกู มันไม่มีอะไรหรอกไอ้ต้นข้าวเดี๋ยวมันก็มา "ไอ้ภาคินพูดปนหัวเราะเหมือนกับว่ามันรู้อะไรแน่ๆ แต่ไอ้ต้นข้าวนี้มันก็หน้างอเป็นแม่รอลูกไม่กลับบ้าน
                     "กูว่า งานนี้มันคงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ มันยังมีแบล๊กอีกและแบล็กแม่งก็เป็นผู้มีอิทธิพลของที่นี้ กูได้ยินพวกมันคุยกันมาบ้าง มันบอกว่า เขาอยากให้นักเรียนที่นี้ย้ายหรือลาออกไปให้หมด เขาอยากได้โรงเรียนนี้ไปทำศูนย์การค้า “ไอ้ภาคินพูด มันทำให้ผมพยักหน้ากันทุกคน ปัญหาหลักคือแบบนี้นี่เอง
                      "ก็ร่วมมือกันดิ กูสนใจพวกมึงนะและกูรู้มาว่าพวกมึงไม่ได้อยากทำลายโรงเรียนนี้ " พูดผมอ่านที่ผลงานจากปูคนที่ไปสืบมาให้พวกผม นับว่าใช้ได้ เหมือนตรงกัน และไอ้ภาคินมองผมแบบว่าผมรู้ได้ยังไง ผมก็ทำนิ้วเครื่องหมายถูกว่าพวกผมเจ๋งไง
                       "พวกมึงรู้จักพวกกูเพราะว่ามึงให้ไอ้ปูห้อง318 มาสืบกู"ไอ้ภาคิน ชิบหายแล้วพวกผมซิครับที่อึ้งกิมกี่ เพราะว่ามันดันรู้อีกว่าผมจ้างคนสืบแถมยังรู้อีกว่าคนที่ผมจ้างนะชื่อปู
                      “ไอ้นี่มันเป็นเด็กเรียนแต่แม่มันป่วยเลยลำบาก มึงส่งมันไปทำงานเสี่ยงแบบนี้ มันจะซวยเอา” ไอ้ภาคินพูดและมองหน้าพวกผม บอยหันมาแอบค้อนผมทันทีเพราะว่าบอยห้ามผมตั้งแต่แรกแล้ว
                      “พวกกูรับผิดชอบมันเอง นี้ไอ้เดี่ยวมันก็คงจะดูแลเอง” ผมพูดและหันไปชี้ไอ้เดี่ยวที่ยืนให้ติ๊กมันประคบที่หลังให้
                       “โอ้ยยย!!!” เสียงไอ้เดี่ยว
                       “โว๊ย!!” ทำเอาพวกผมตกใจหันไปมอง ไอ้เดี่ยวกับไอ้ติ๊ก ผมลืมไปไม่น่าพูดตอนนี้เลย ไอ้เดี่ยวซวยไปเลย ติ๊กมันส่งห่อน้ำแข็งคืนให้ทันทีก่อนจะเดินออกไป ไอ้เดี่ยวมันก็รับห่อน้ำแข็งคืนมาแบบงงและหันมามองหน้าพวกผม
                       “เชี้ยเอ๊ย! ซวยไอ้เดี่ยวเลยกู” ผมแอบบ่นงึมงำอยู่คนเดียวและผมก็รีบทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ และคนที่เข้ามาดูแลก็กลายเป็นพายไป เสร็จอีพายก็วันนี้แหละไอ้เดี่ยว ดูท่าการถูเข้า ยั่วน่าดู จนไอ้เดี่ยวมันต้องจับมือพอเถอะ
                      "นั้นไง ไอ้บลูมาแล้ว"พายมันลุกพล้วดและชี้นิ้วไป พวกผมก็มองตาม รถเวสป้าคันน่ารักน่าชังขับตรงเข้ามา
                       "เด็กคนนี้กูเห็นบ่อยวะ เหมือนมันแอบชอบบลูวะ"ไอ้หลุยส์พูด ผมหันไปมองจริงเหรอว่ะ มันรุ่นน้องเลยนะ ไอ้ข้าวตรงปรี่ไปเลย มันเพื่อนหรือแม่ไอ้บลูวะนั่นนะ
                       "ไอ้แชมป์นะ รุ่นเดียวกับน้องกูและลูกพี่ลูกน้องไอ้กีตาร์ เพื่อนไอ้ที่มึงตะบันหน้าไปนะ "ไอ้ภาคินพูด พวกผมพยักหน้าตาม
                       "พลัก!"จู่ๆ ไอ้ต้นข้าวเดินไปถึงก็กระโดดต่อยหน้าไอ้แชมป์ มันกลัวไอ้แชมป์ไม่รู้สึกเลยกระโดดต่อยเลยและไอ้แชมป์มันก็กระเด็นไปตามแรงเหวี่ยงของมัด
                        "Dam it!"พวกผมรีบวิ่งไปห้ามมันไอ้ต้นข้าวที่ยืนสะบัดมือเจ็บซิครับ.
                        "ข้าว! ไปต่อยแชมป์มันทำไม"บลูเข้าไปห้ามไอ้ต้นข้าว
                        “เออนั้นดิ มึงไปต่อยน้องมันทำไมวะไอ้ต้นข้าว” ไอ้ดิวมันถามไอ้ต้นข้าว พวกผมก็งงไม่แพ้ไอ้ดิวมัน
                        "มันพามึงไปไหนมา"ไอ้ต้นข้าวถามไอ้บลู ที่ยืนทำหน้าสำนึกผิดต่อหน้าแม่ข้าวของมัน
                       "อู้ย!!! พี่ต้นข้าว ผมแค่พาพี่บลูเขาไปแวะกินไอติมกันนะครับ"ไอ้เด็กคนนั้นตอบ พวกผมสะบัดหน้าไปมองกันหมดนี้มันสองคนยังมีโมเมนต์ไปนั่งทานไอซ์ครีมกันอีกเหรอครับ
                        "ไอ้ข้าว ไอ้แชมป์มันไม่มีอะไรหรอก "ไอ้ภาคินมันพูดและปิดปากขำไอ้ต้นข้าวทั้งยืนสะบัดมือเพราะว่ามันเจ็บเอง
                        "แม่หวงลูกนะมึงนิ ไอ้ข้าว"ไอ้ดิว ไอ้สองตัวนั่นก็มองต้นข้าวอยู่มันซุบซิบคุยกันถึงไอ้ต้นข้าวแน่ๆ
                        "เข้าไปด้านในกันว่ะ"ไอ้ภาคินพูดผมเดินตามเข้าไปด้านในกับมัน เพื่อจะได้ทักทายเพื่อนๆ ไอ้ภาคิน
                        “ดีวะ พี่ชื่อพี่แฮคและนี้พี่กอล์ฟ” พี่เขาแนะนำตัว ผมจำได้ว่า เคยเจอหน้าห้องน้ำชาย ปากดีว่าพวกผมอยู่นะ พี่แฮกซ์คือรุ่นพี่พวกผม ตอนแรกคิดว่าจะเป็นคู่อริกับพวกผมแน่นอน แต่จริง ๆ เป็นพวกไอ้คิน พี่แฮกซ์ที่บ้านทำธุรกิจส่งออกส่วนกอร์ฟ คือแฟนพี่แฮกซ์เขา น้องสาวเรียนอยู่คอนแวนต์ เห็นว่าท้องในวัยเรียนเลยเปลี่ยนโรงเรียนมาหลายทีแล้ว ที่ปูสืบมาให้ผม อันนี้ของแถมไอ้ป๊อดบอกมา
                          “ขอโทษวะที่พี่แซวแรงไปวันนั้น มัน...มีคนให้ทำว่ะ ..” พี่แฮคพูดและหันไปหยักไหลให้ภาคิน
                          "ขอบใจน่ะที่ช่วยน้องไอ้ภาคิน "พี่แฮกซ์พูดพวกผมก็ยกมือทักทายเพื่อนพี่แฮกซ์อีกเกือบสิบคน ทุกคนทักทายพวกผมดี มีสองคนมองได้กวนตรีนได้อีก อีกคนมันเขม่งมองที่ไอ้ดิวเพราะว่าไอ้ดิวต่อยมันไป "ไอ้ธงรบ ไอ้กีตาร์ นี้เพื่อนพวกกรู"ไอ้ภาคินหันไปปรามมันอีกที
                           "ไม่น่าเชื่อ เปลี่ยนสไตล์เพื่อนเป็นคุณหนูแล้ว"ไอ้ธงรบมันถามไอ้ภาคิน แสดงว่ามันก็คงรู้จักพวกผมแต่อาจจะยังไม่ดีพอ
                            "แล้วน้องน่ารักละ"ไอ้กีตาร์มันชี้มาที่ต้นข้าว
                            "น่ารักบ้านเตี่ยมึงดิ"นั่นขึ้นอีก ดีนะบอยดึงไว้ ของมันขึ้นง่ายกว่าพวกผมอีก
                            “ไอ้ต้นข้าวเย็นไว้ลูก “ดีที่พายมันนั่งใกล้ที่สุด มันเลยห้ามไอ้ต้นข้าวไว้ได้ทันและพวกผมก็นั่งดื่มกัน
ระหว่างที่นั่งคุยกันผมแอบสังเกตเห็นว่า ไอ้ภาคินมันก็คอยหันมามองแอ้เป็นระยะๆ เวลาทีเผลอหลายครั้งแล้ว อย่าบอกนะว่าไอ้ภาคินมันแอบชอบแอ้น่ะ ผมใช้ศอกสะกิดได้หลุยส์ มันก็หันมามเองผมและหันไปมองตามสายตาของผมเช่นกัน
                          “กูก็เห็นมันแอบมองตั้งแต่ในห้องเรียนหลายครั้งแล้วเหมือนกันว่ะ” ไอ้หลุยส์มันกระซิบกลับมา
                          “คนชอบแอ้เยอะว่ะ ดูไอ้ที่ไอ้ดิวมันอยากจะโดดขย้ำคอนั้นอีกว่ะ ที่เป็นเพื่อนกับไอ้โซ่ะน่ะ ไอ้นี้แม่ง แสดงออกแบบไม่เกรงกลัวไอ้ดิว มันจะตะบันหน้าแม่งเลยว่ะ” ไอ้หลุยส์พูดผมพยักหน้าแต่ผมสองคนลืมไปว่ามีสายตาสองคู่หันมากอดอกมองผมอยู่นั้นคือบอยและธรรณ์
                           "เออ งั้นพวกกูกลับนะไม่มีอะไรแล้วนิ พวกมึงก็รอดตีนพวกมันมาได้แล้วนี่และนี่กูได้ยินว่าโดยเก็บเข้าไปฝึกหมดแล้วด้วย ดีใจด้วยนะพวกมึง! "ผมได้ยินเสียงนี้คุ้นๆ หูพวกผมน่ะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
                         "ไปไอ้เสาธง ไอ้กีตาร์ "เสียงเรียกไอ้โรคจิตสองคนนี้และมันก็หันไปทันทีตามเสียง

                        TBC.....

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.54.1 ผมได้เพื่อนเพิ่มมาทั้งแก๊งเลย ครึ่งหลัง

              Part’s แจ็ค พวกผมหันไปตามเสียงที่เรียกชื่อไอ้โรคจิตสองคนนั้นทันทีเพราว่าน้ำเสียงมันฟังแล้วคุ้นหูพวกผมมาก เหมือนคนที่พวกผมรู้จักและดูท่าจะมีอิทธิพลกับไอ้สองคนนั้นน่าดู
              "ไอ้จักร!!"ผมกับไอ้ดิวเรียกชื่อมันออกมาพร้อมกัน ไอ้นี่มันลูกคนเล็กของลุงสามของพวกผม ลุงสามคือน้องชายลุงหนึ่งอีกทีและเป็นแฟนอาภาคย์พ่อของไอ้ติ๊กอีกด้วย ผมหันไปมองไอ้ติ๊กที่ยืนอ้าปากค้าง งงละซิ ว่ามันมาได้ไง ใช่พวกผมก็งงกันทั้งหมด
              "เฮ้ย!! ไอ้สาด พวกมึงเอง กูก็นึกว่าใคร ที่พวกมันบอกว่าช่วยน้องไอ้ภาคินเอาไว้ "ไอ้สรจักรมันเดินมาหาพวกผม และทุกสายตาก็มองมาที่พวกผมกันหมดจนเป็นตาเดียวกัน รวมถึงไอ้สองคนนั้นด้วย มันก็ตกใจมากกว่าพวกเพื่อนไอ้ภาคินซะอีก
              "มึงรู้จักมันเหรอวะ"ไอ้ธงรบ มันถามไอ้สรจักร (สรจักรคือน้องชาย พี่อธิคมแฟนอาเป้พวกผมอีก)
              "มันลูกพี่ลูกน้องกูไอ้ธง "ไอ้สรจักรมันหันไปตอบ
              "ดีวะ "ไอ้แอ้ มันทักไอ้สรจักร แน่นอนมันต้องรู้จักดีเพราะว่าไอ้สรจักร มันเคยจะจีบแอ้และมันก็ได้ตะบันหน้ากับไอ้ดิวไปแล้วเมื่อสามปีก่อนผมจำได้ดี
              "ดี…ว่ะ "ไอ้ติ๊กทักแบบเสียมิได้
               //อันนี้เขาเรียกแจ็คพ๊อตไหมว่ะ แม่งเพื่อนร่วมห้องเป็นเพื่อนซี่ลูกลุงสามอีก// ติ๊กมันหันมาทำปากมุบมิบกับพวกผมทันทีแน่ละลุงสามก็คือแฟนพ่อมันครับ ผมส่งสัญญาณไอ้จักรมันหันมามองมึงอยู่
               “นินทาพ่อกูเหรอครับ มึงครับ เดี๋ยวกูฟ้องพ่อกูและพ่อกูคงไปฟ้องพ่อมึงอีกที” ไอ้จักรมันพูด แน่นอนไอ้ติ๊ก มันก็เหลือกตาขึ้นมองบนทันที มันบ่งบอกได้ว่าเป็นมิตรกันน่าดู และส่วนพายก็แค่ยักไหล่ทักทาย ไอ้สรจักร
              "นี้ไอ้ธงรบและไอ้กีตาร์และนั่นไอ้ อธิป เพื่อนกู"ไอ้จักรแนะนำเพื่อนมัน และมันก็ชำเลืองตาหันไปมองไอ้หลุยส์
              "คนนี้ไอ้หลุยส์ว่ะ เพื่อนใหม่พวกกู"ผมแนะนำไอ้หลุยส์กับไอ้สรจักร
              "มึงนี้เองที่กูได้ยินแต่ชื่อมึงแต่กูไม่เคยเจอตัวจริงว่ะ เคยเจอแต่พี่โจนาธานคนที่คอยดูแลมึงนะ พี่เขาสบายดีนะ"ไอ้จักรมันทักไอ้หลุยส์ ผมหันไปมองนี้รู้แม้กระทั่งคนที่ดูแลมันเลยเหรอว่ะ
             "สบายดี พี่อธิคมละ"ไอ้หลุยส์รู้จักพี่ชายของไอ้จักร พี่อธิคมแฟนอาเป้พวกผม (จะมาในตอนพิเศษ ความรักรุ่นอา)
             "พี่กูสบายดีวะ ยังบ่นเสียพี่โจนาธานอยู่เลยที่ลาออกไปเพราะว่าไปดูแลมึงแทนอ่ะ "ไอ้จักรหันมาพูดกับไอ้หลุยส์ ผมหันไปมองหน้าไอ้หลุยส์ ไอ้หลุยส์มันพยักหน้าประมาณว่าเล่าให้ฟังทีหลัง ผมพยักหน้าตอบ
             "แล้ว"ไอ้จักรโบ้ยปากไปที่บอยกับธรรณ์ ถ้ามันรู้จักธรรณ์ไม่แปลก นี้ถามถึงบอยอีกคน
             "บอยไงว่ะ"ผมตอบมัน มันนิ่งและใช้ความคิดอยู่พักหนึ่ง
             "อ้อ! ลูกอากฤษณะ ได้ยินที่เขาพูดมาว่า หนุ่มตาสีฟ้า ใครเห็นต้องหลงรัก จริงอย่างที่เขาพูดจริงๆ"ไอ้จักรพูด ใช่ใครก็พูดกันแบบนั้น บอยมีนัยต์ตาสีฟ้าจริง มันชวนให้หลงใหล และยิ่งรอยยิ้มที่ดูสุขุมและอ่อนโยน
            "ถือเป็นคำชม ขอบคุณนะ"บอยตอบกลับทันที ผมหันไปมอง
            "คนนี้ ธรรณ์"ผมหันไปแนะนำ
            "แฟนกู"ไอ้หลุยส์มันรีบออกตัวทันที
            "ก็คงทั้งคู่มั้งมีเจ้าของแล้ว"ไอ้จักรพูดและมองไปที่บอย เพราะว่าผมก็กุมมือบอยอยู่
            “กูว่าหน้าคุ้นๆ ว่ะ เพื่อนมึงคนนั้นนะ วันก่อนเขาช่วยพวกกูเอาไว้นี้หว่า” ไอ้ดิวมันพูดและชี้ไปที่เพื่อนอีกคนที่
            “นี้ไอ้อธิป เพื่อนกูอีกคน ไอ้นี้มันเงียบๆแต่โหดสาด” ไอ้สรจักรพูด  ไอ้คนนี้มันก็ยกมือทักทาย
             “ขอบใจว่ะ เรื่องวันนั้น” ผมหันไปขอบใจคนที่ชื่ออธิป
            “เออ ใช่มันบอกว่าเจอพวกลูกพี่ลูกน้องกูแต่มันไม่รู้ว่าพวกมึงมาทำไมกันที่นี้ กูก็คิดว่ามาเที่ยวกันหรือเปล่า กูเลยให้มันช่วยพวกมึงเอาไว้ก่อนว่ะ “ไอ้สรจักรพูด ผมก็พยักหน้า
            “เฮ้ย! นั่งดื่มอะไรกันก่อนดิวะ จะได้ทำความรู้จักพวกเพื่อนๆ ของกูกันด้วย” ไอ้ภาคินพูด ผมหันไปมองหน้ากันและก็พยักหน้า ไอ้ต้นข้าวมันก็เกาะติดไอ้บลูแจเลย มันกลัวไอ้เด็กแชมป์จะมาคว้าไอ้บลูไปจากมัน
พวกไอ้มาร์คมันก็เอาเบียร์มาส่งพวกผมคนละขวดและมีพวกน้ำผลไม้มาให้พวกที่ไม่ดื่มเบียร์ ก็จะมีแค่ธรรณ์ บอย พวกไอ้ต้นข้าวและบลู ส่วนคนอื่นดื่มเบียร์กันได้ แต่ผมหันไปเห็นแอ้มันคว้าเบียร์มาแต่โดนสกัดจากไอ้ดิว มันหยัดน้ำผลไม้ให้แทนและมันก็คว้าเบียร์ไปดื่มหน้าตาเฉย
             “นั้นไอ้มาร์ค พวกมึงก็เจอมันในห้องแล้ว ไอ้นี่ไอ้มาร์ซ เป็นเพื่อนอีกห้องพวกกู และบร้าๆ ปกติไม่เคยคุยกันเลย วันนี้ก็คุยกัน สนุกสนานถูกคอกันดี พวกผมเพิ่งจะรู้ว่าไอ้ภาคิน พ่อมันเป็นคนดูแลโรงพยาบาลให้พ่อของดิวอีกที ที่เป็นอีกสาขาหนึ่งที่นี้ด้วย ไอ้ภาคิน บอกว่าพ่อให้มันเป็นหมอแต่ว่ามันดันถูกพักการเรียนซะก่อน มันเลยไม่รู้จะทำได้ไหม
             “และนี่ไอ้นาวิน มันอยู่ห้องถัดไปว่ะ “ไอ้ภาคินมันแนะนำอีกคน หน้าตามันหล่อดูดีที่สุดเลยก็ว่าได้ ดูจากการแต่งตัวก็น่าจะลูกคุณหนูแต่พวกมันไม่ชอบคุณหนูไม่ใช่เหรอว่ะ แอบคิดในใจ แต่ไอ้นี่มันจ้องมองแอ้ตลอดเลยหนักกว่าไอ้ทุกคนที่แอบชอบส่วนไอ้ดิวก็กระดิกเท้ารอพร้อมมากที่จะเตะไอ้นั่น
            “ไอ้วิน” ไอ้โซ่มันเรียกไอ้นาวินเพื่อนมัน ถึงได้ค่อยละสายตาจากแอ้ไปบ้าง
            “ฟู่” พวกผมพรูลมหายใจออกมาพร้อมๆ กัน จะเพิ่งมามีเรื่องต่อยกันอีกนะโว๊ยเฮ้ย ผมแอบคิดในใจ ผมมองไปรอบๆ หายไปหนึ่งคนนี่หว่า
           “ไอ้ว่านละว่ะ” ผมถามไอ้ภาคินเพราะว่าปกติจะเห็นว่านอยู่กับภาคินตลอด
           “ไปดูไอ้ภาคิไนย์น้องชายกู มันเป็นแฟนกัน” ไอ้ภาคินพูด พวกผมต้องผงะ ไอ้เด็กที่โดนพวกนั้นกระทืบนี้นะ แฟนมัน
          “มึงล้อพวกกูเล่นปะมึง” ไอ้ดิวมันถามกลับทันที ผมหันไปมองมันจะตกใจทำไมว่ะ
          “ไม่ได้ล้อเล่น เอาไว้มึงจะรู้จักพวกกูดีขึ้นเอง” ไอ้ภาคินพูด และพวกผมก็นั่งคุยกันมันคุยกัน พวกผมถึงได้รู้ว่าไอ้สรจักร มันสนิทกับพวกนี้เพราะว่ามันเคยเกือบโดนรุมทำร้ายแต่พวกนี้ช่วยมันไว้และไอ้สรจักรก็เป็นแบคอัพให้พวกมันไม่อย่างนั้นมันไม่รอดกันถึงทุกวันนี้ แต่ไอ้จักรมันขึ้นหัวหน้าแก้งไม่ได้ ไม่มีกล้าขึ้น
           “กูต้องกลับแล้วว่ะ กูต้องไปหาพ่อกูว่ะ เขาอยู่กับแฟนเขาว่ะ” ไอ้สรจักรมันพูดแต่ประโยคที่ว่าเขาอยู่กับแฟนเขานะ มันเหล่ตามามองไอ้ติ๊กแบบเต็มๆ ไอ้ติ๊กหันมาก็ยกนิ้วกลางให้ทันที พวกเพื่อนไอ้ภาคินถึงกับตกใจ แน่ละคงมีแค่ไอ้ติ๊กที่กล้าทำได้ ไอ้จักรมันก็แค่หัวเราะในลำคอ
            (แม่งใจกล้าว่ะ ให้นิ้วกลางไอ้จักรด้วย)พวกนั้นมันพูดกันทันที
            “กูยกให้มึงคนเดียวเลย นี่ถ้าเป็นคนอื่นโดนของดีกูแล้วน่ะมึง”ไอ้จักรพูดกับไอ้ติ๊ก
            “กูกลัวมึงเหรอ” ไอ้ติ๊กหันไปพูดใส่หน้าไอ้จักรทันที
            “ว่าแต่มึงจะให้กูบอกพ่อมึงหวานใจพ่อกูให้ไหมว่ะติ๊ก ว่ามึงงานเข้าว่ะ” ไอ้จักรมันถามไอ้ติ๊ก
            “ไม่ต้อง กูบอกเองได้ นั้นพ่อกู” ไอ้ติ๊กมันพูดโดยไม่ได้มองหน้าไอ้จักร
           “ไงวะไอ้เดี่ยว ทำยังไงมาเข้าแก้งพวกนี้ได้ว่ะ” ไอ้สรจักรมันทักทายไอ้เดี่ยว แบบคนเคยรู้จักมาก่อน
            “มันต่อยกับไอ้ดิวกูเลยชวนมันเข้าแก้งพวกกูเลยว่ะ” ผมพูดบอกไอ้สรจักร ผมรู้ว่าไอ้จักรมันรู้รสหมัดของไอ้ดิวดี มันหันไปมองไอ้ดิวและยักไหล่เบาๆ
            “แล้วพวกมึงละ ไอ้เสาธง ไอ้ตาร์ “มันหันไปถามไอ้สองคนที่เป็นเพื่อนมัน มันก็มองหน้าพวกผม ส่วนไอ้ธงรบมันก็มองแบบกวนตีนได้อีก ก่อนจะยักไหล่และเดินออกไปกับไอ้สรจักร
            “กูต้องกลับบ้านว่ะเพราะว่าพ่อแม่กูมันนัดทานข้าวบ้านเพื่อนเก่าที่สนิทมากแต่กูแม่งอยากไปทานข้าวกับน้องน่ารักนั้นมากกว่าวะ” ไอ้โรคจิตนั้นหันมาและชี้ไปที่ต้นข้าว ไอ้ต้นข้าวมันขึ้นเลยพวกผมก็
           “ไอ้ต้นข้าว!!!” รีบเข้าไปยิดมันเอาไว้ซะก่อน ส่วนไอ้โรคจิตนันก็ยืนเอียงแก้มกะว่าไอ้ข้าวมันคงเอาปากไปปะทะแต่ผมว่าเท้าของไอ้ต้นข้าวมันมากกว่าที่จะลอยไปปะทะให้
            “พวกกูไปก่อนนะมึง มีอะไรบอกพวกมันและกูจะมาช่วยว่ะ แต่ถึงยังไงพวกกูก็ต้องเจอมึงอยู่ดีเพราะองค์เดียวกัน “ไอ้สรจักรพูดก่อนจะหันไปควักมือเรียกใครสักคนที่ยืนคุยกับเพื่อนๆ มันอยู่ และไอ้คนนั้นก็เดินมา ผมจำได้หน้าได้ คนที่เคยช่วยพวกผมที่ร้านบ้านไอติมนี่หว่า
            “ที่นี้คนของพวกกูทั้งนัน ที่นี้รู้แล้วใช่ไหมวะ ว่าพวกมึงไม่ได้ลุยกันตามลำพัง พวกกูก็อยู่รอบๆ นี้แหละ “ไอ้สรจักรมันพูด ผมพยักหน้า
           “ไปก่อนน่ะ กูต้องเข้ากรุงเทพว่ะ “ไอ้สรจักรพูดมันหันไปมองแอ้และยิ้มให้ แต่ไอ้ดิวมันก็ยืนมองอยู่มันก็คงไม่กล้ามากไปกว่านี้ ไอ้ภาคินมันก็คงรู้ เช่นกันมันก็ไม่กล้ามองมาก
            “พวกมึงจะกลับกันยังไงวะ” ไอ้ภาคินหันมาถามพวกผม
             “เอาไงดีว่ะ ถ้าให้รถพวกพี่เขามารับ กูเดาว่าเขาคงพาเข้าไปรับโทษที่โรงเรียนก่อนเลย พ่อกูต้องสั่งไว้แน่ๆ “ไอ้ติ๊กมันพูด
             “เอาอย่างนี่ดิวะ มีรถสองคัน ขับกลับบ้านเองเลย “ไอ้ดิวมันพูดและหันไปมองหน้าไอ้เดี่ยว
             “มึงจอดไว้ตรงไหนวะ” ไอ้โซ่มันหันมาถามไอ้ดิว
             “กูสองคนจอดไว้ด้านนอกว่ะ ไม่ได้เข้าไปจอดด้านในว่ะ “ไอ้ดิวมันพูด ผมก็แปลกใจว่าทำไมมันสองคนถึงได้จอดรถไว้ด่านนอกกัน ผมว่ามันคงเอะใจอะไรกันบ้างแหละ
            “งั้นพวกกูแอบไปส่งมึงและมึงก็เข้าไปขับรถมึงออกมา “ไอ้โซ่มันพูดไอ้ดิวมันพยักหน้าว่าตามนั้น และไอ้ดิวกับไอ้เดียวก็เดินตามพวกไอ้โซ่ไป
            “แม่งกูได้ยินว่าผู้อำนวยการคนใหม่มา หล่อสาดเลยว่ะ ยังหนุ่มอยู่เลยแต่ถ้าจะโหดด้วยว่ะ” พวกมาร์ชมันพูดกัน ผมหันมามองหน้าไอ้ติ๊ก
             “พี่ตุ๊หรือเปล่าว่ะ แต่พี่พัฒน์บอกว่างานพี่ตุ๊ที่กรุงเทพและงานก็ยุ่งจะตายไป ไม่น่าจะมาน่ะ ส่วนพี่ต๊ะ ไม่อยมกลับมาดูงานที่นี้อยู่แล้ว” ไอ้ติ๊กมันพูดขึ้น พวกผมนั่งคุยกับพวกไอ้ภาคิน ทำความรู้จักกันทุกคน ไอ้โซ่มันหันมาขอบคุณไอ้หลุยส์ที่ช่วยซื้อหุ้นบริษัทพ่อแม่มันเอาไว้แต่ไอ้หลุยส์มันไม่เอามาเป็นของมันเอง
              “พรุ่งนี้ไปทานข้าว เช้าพร้อมกับพวกกูว่ะ “ผมหันไปบอกพวกไอ้ภาคิน พวกมันก็พยักหน้า ตอนนี้ไอ้ดิวและไอ้เดี่ยวมันขับรถมาถึงที่หน้าบ้านพี่แฮกซ์แล้ว
            “แฮกซ์… กอล์ฟจะไปรับลูกแล้วน่ะ” พี่กอล์ฟเดินมาบอกพี่แฮกซ์ พี่เขาก็พยักหน้า พี่กอล์ฟหันมายิ้มให้พวกผมก่อนจะเดินออกไป ผมหันมามองพี่เขา
            “ลูกน้องสาวกอล์ฟมันนะ น้องมันมีแล้วก็ทิ้งขว้าง มีแต่ไอ้กอล์ฟที่ดูแล กูก็เลยช่วยกอล์ฟดูแลจนมันเป็นลูกกูสองคนไปแล้ว” พี่แฮกซ์พูด ผมพยักหน้าแค่นั้นผมพอจะรู้มาบ้างแล้ว ไอ้ดิวมันเดินมาหาผม
            “อะมึงขับไปแล้วกันกูกลับไปกับไอ้เดี่ยวมัน ติ๊กไปกับพวกกู พายไปกับไอ้แจ็คมันก็ได้รถกูนั่งแคปหลังได้สามคน” ไอ้ดิวมันพูด ผมนะขับได้
            “ไอ้เชี้ยแจ็คมันขับรถเร็ว กูจะอ้วกไหมเนี๊ยะ” พายมันบ่นผมทันที ไอ้นี่เคยนั่งมาก่อนแล้วไง
            “พายมึงไปพร้อมพวกกูดิวะ “ติ๊กมันหันมาบอกพาย
           “ไอ้ต้นข้าว ไอ้บลู ให้ไอ้นาวินมันไปส่งดิ บ้านมันอยู่ทางเดียวกับมึงอ่ะ” ไอ้มาร์คมันบอกไอ้ต้นข้าว ต้นข้าวก็พยักหน้าก่อนจะเดินไปจะไปขึ้นรถไอ้นาวิน ไอ้นั่นมันยังหันมาส่งนิ้วขอเบอร์โทรไอ้อีกนะ ไอ้ดิวมันก็งัดนิ้วกลางให้ทันที
           “ไอ้แจ็ค มึงอย่าขับเร็วนะมึง ถ้ากล้องวงจรตรวจจับความเร็ว จับภาพได้และส่งไปบ้านนี้พ่อกูด่ากูยับเลยนะโว้ย” ไอ้ดิวมันพูด ผมยักไหล่ว่าได้
          “พวกผมกลับเลยนะพี่แฮกซ์ กลับก่อนว่ะพวกมึง” ผมหันไปบอกลาพวกมัน
           “ไอ้คิน ฝากบอกไอ้ธงรบด้วยว่ากูว่างเมื่อไหร่จะเข้าไป หาไอ้ปริ้นซ์มัน “ไอ้หลุยส์มันพูดผมมามองหน้าไอ้หลุยส์ว่ามันรู้จักกันด้วยเหรอ
            “กูเล่าให้ฟังทีหลังว่ะ” ไอ้หลุยส์มันพูด ผมจูงมือบอย พากันไปขึ้นรถไอ้ดิวบอยนั่งหลังกับธรรณ์ ไอ้หลุยส์มันนั่งข้างคนขับกับผม ผมขึ้นไปนั่งและกดปุ่มสตาร์ท ผมหันไปมองไอ้หลุยส์ที่กำลังคาดเข็มขัดและหันไปมองหนุ่มๆ เหลือน้อยคาดเข็มขัดกันเรียบร้อยแล้ว ผมก็
            “บรึ้นๆๆๆ” เร่งเครื่องทันที ไอ้หลุยส์มันหันมามองหน้าผม
            “บรื้น!!!” เสียงลากยาวเพราะว่าผมดริฟกลับรถ กลิ่นยางใหม่โชยมาทันที
           “แจ็ค!!” “ไอ้แจ็ค!!!” ลั่นรถทันที
           “เล่นเชี้ยอะไรของมึงเนี๊ยะ” ไอ้หลุยส์มันคว้าที่สำหรับมือจับเหนือหัวมันไป ตอนนี้มันคงเกือบจะฉี่ราดเลยอะดิ และผมก็คิดว่าฝุ่นคงตลบอบอวลไปหมด พอผมหมุนรถมาตรงทางออกได้ก็เปิดกระจก พวกไอ้โซ่ ไอ้มาร์ค และคนอื่น ๆ นี้ยืนอ้าปากค้างกันเป็นแถว ไอ้ดิวมันยืนเอามือเท้าเอวมองและส่งนิ้วกลางให้ผมทันที ผมก็ขับรถออกมาแต่ไม่เร็ว ผมแกล้งไอ้ดิวมัน และผมก็ขับในความเร็วปกติไปจนถึงบ้าน

           TBC...


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.55  เดี่ยวเลือกคนที่เลือกได้เถอะ

                Part’ s เดี่ยว พวกไอ้โซ่มันขับรถไปส่งผมกับไอ้ดิว แอบเข้าไปขับรถออกมา วันนี่เซ้นส์ผมก็ดีซะด้วย ผมดันบอกไอ้ดิวว่าจอดด้านนอกเถอะเพราะเมื่อเช้าผมสังเกตเห็นว่าโรงเรียนนี่มีนักเรียนมากันน้อยผิดปกติทั้งที่ไม่ใช่ช่วงเทศกาลที่จะพากันหยุดขนาดนี้ และตอนนี้พวกผมแอบกลับไป ผมก็เห็นโรงเรียนเงียบมาก เขาบอกกันว่ามีผู้อำนวยการมาใหม่ และสั่งประชุมครูด่วน ส่วนพวกเด็กเดนที่มาตีกันในโรงเรียนก็ถูกส่งไปเข้าค่ายทหารกันหมดแล้ว ไอ้ดิวบอกว่าจะกลับรถคันเดียวกับผมเลย ติ๊ก แอ้ และพายด้วย ส่วนรถของไอ้ดิวมันจะให้แจ็คขับกลับไปแทน
               “กูไปเข้าห้องน้ำก่อนว่ะ” ผมหันไปกระซิบกับไอ้ดิวและรีบตรงไปห้องน้ำที่บ้านของพี่กอล์ฟ ผมรู้จักดี ก็เมื่อก่อนมากันบ่อย นี้คือแหล่งกบดานของพวกผมกัน ผมเดินมาเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา เจ็บหลังเหมือนกัน วิ่งไปรับไม้แทนติ๊ก แต่ผมเห็นตอนที่ติ๊กตกใจวิ่งมาดูผมทันที ทำให้ผมอมยิ้มออกมาเลย เหมือนในหนังเลยไม่มีผิด
               “ติ๊ก ไอ้เดี่ยวมันช่วยมึงนะโว้ย! "เสียงพายเดินคุยกับติ๊กเข้ามาด้านใน ผมก็รีบหันหลังวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที แอบดักฟังว่าเขาจะว่ายังไง จะขอบคุณผมไหม แต่น้ำเสียงที่ถามผมก็แสดงได้ว่าเป็นห่วงมากพอดู
               "แล้วไงอ่ะ "ติ๊ก พูดว่าแล้วไง ทำไมผมเจ็บแป๊บเลยว่ะ ที่ได้ยินแบบนี้
               "แสดงว่ามันก็ชอบมึงว่ะติ๊ก"พายพูด
               "มึงจะให้กูไปชอบมันเหรอ กูเป็นใครแล้วมันอะ "ติ๊กพูด ผมนี้จุกเลย เออ จริงเขาเป็นใคร เป็นแม่งตั้งหลายอย่าง ดาราดัง เป็นลูกเจ้าของโรงเรียนอีก
               "และเดี๋ยวก็กลับแล้ว อยากจะกลับไปลัลลาแย่แล้ว อยากไปเรียนมหา’ "ลัยแล้ว มาเรียนที่นี้ทำไมก็ไม่รู้ดูดิ แต่ละวันแม่งมีแต่บาทามารอ กันดารก็กันดาร” ติ๊กพูด
                “อันนี้โคตรรันทดเลยจริงๆ เบื่อๆ ก็ไม่มีห้างสรรพสินค้าอะไรให้เดินเลย มีแต่ร้านสะดวกก็เดินไปซื้อ "ติ๊กพูดอีก แน่ล่ะเพราะว่าไม่มีห้างสรรพสินค้าไง ถึงได้มีนายทุนอยากจะสร้าง แต่ดันอยากสร้างบนที่ดินตรงนี้อีก การที่เขาไม่อยากอยู่ที่นี้ก็ไม่แปลกอะไรเพราะว่าเขาเป็นดารา ใครอยากมาอยู่ที่ไม่ค่อยเจริญมากแบบนี้ละ
ถ้าถามผมว่า ให้ผมไปอยู่ที่ฟาร์มของแด้ดดี้ผมนี้คงไม่เอาแน่ เขาเป็นพ่อเลี้ยง ที่มีที่ทำไร่องุ่นและทำไวน์ มีทั้งที่ไทยและเมืองนอกมากมาย มีบริษัทไวน์อีกด้วยแต่ว่ามันไม่ใช่ทางของผม ผมก็ไม่ชอบและผมไม่เคยคิดจะตามแม่ไปอยู่เมืองนอกสักครั้ง เพราะว่าผมไม่อยากไปอยู่ใกล้กับพี่เชอรี่ ลูกติดพ่อเลี้ยงผม ไม่ใช่กลัวใจตัวเองแต่กลัวจะได้มีเรื่องชนิดที่มองหน้ากันไม่ติดไปตลอดชีวิต ผมอาจจะบันดาลโทสะต่อยนางได้ นางคอยมาเกาะแกะผม แถมยังจัดการผู้หญิงที่มาเข้าใกล้ผมจนหมด
                "แล้ว มึงจะเสียใจติ๊ก"พายพูดกับติ๊ก ผมนี้แหละที่เสียใจ ณ ตอนนี้ ผมไม่ควรที่จะไปมีใจให้เขาเลยติ๊ก
                "ปึก "โทรศัพท์ผมหล่น ไถลออกไปข้างด้านนอก และมีก็มีคนก้มลงเก็บ ผมย่อตัวมองคนนั้นมันคือติ๊ก
               "เดี่ยว"ติ๊กมันเรียกชื่อผม ใช้หน้าจอโทรศัพท์ผมดันเป็นรูปติ๊กมัน ผมก็แอบถ่ายเอาไว้ ผมรีบเปิดประตูห้องน้ำออกมาทันที ติ๊กมองหน้าผม
                "ฉิบหายแล้ว"พายสบถออกมา ติ๊กมองหน้าผม ผมยื่นมือไปขอโทรศัพท์คืนและเดินออกทันที ผมทนมองเขาไม่ได้ ในเมื่อได้ยินขนาดนี้แล้วนิ
                 "เดี่ยว!!"ติ๊กเรียกผมและวิ่งตามผมมาติดๆ แต่ผมหันไปยกมือเบรกเขาเอาไว้ก่อนที่ผมจะหันหลังเดินต่อไป
                 "เดี่ยวฟังกูก่อน"ติ๊กเรียกผมและจับไหล่ผมให้ผมหยุดเดิน
                  "เรารู้นายเป็นใคร เราเป็นใคร…โอเคนะ "ผมหันมาพูดและแกะมือติ๊กออกและหันหลังออกต่อไปทันทีเพื่อจะไปที่รถไอ้ดิวกับแอ้คงรออยู่แล้ว ส่วนพายนะเดินตามมาแต่เว้นระยะห้างเอาไว้
                   "ไอ้เดี่ยว! กูบอกให้หยุด! "ติ๊กเรียกผมแบบขึ้นเสียงออกคำสั่งให้ผมหยุดเดิน ผมก็หยุดซะอย่างนั้นและติ๊กมันก็เดินมาประชิดผม
                 “เดี่ยวกูขอโทษ! กูไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้น” ติ๊กมันพูดผมหันมามองหน้าติ๊กมัน ส่วนพายกำลังจะเดินผ่านผมกับติ๊กไป
                 “กูไปรอที่รถกับพวกดิวและแอ้นะ มีอะไรก็เคลียร์กันแล้วกันนะ พวกกูรอได้ว่ะ” พายพูดและปล่อยให้ผมกับติ๊กยืนอยู่กันสองคน ผมยืนเงียบๆ อยู่สักสิบนาทีได้โดยยังไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมา
                  "เดี่ยว มึงชอบกูเหรอ"จู่ๆ ติ๊กก็ถามผมขึ้น ผมกลับไปเป็นฝ่ายหันหลังออก และพรูลมหายใจออกมาพร้อมกับยืนเอามือล้วงกระเป๋า
                  "ตกลงว่าไงไอ้เดี่ยว "ติ๊ก มันถามผม
                  "หรือมึงแค่จะช่วยไอ้ดิว แค่นั้นมึงบอกกูมาตามจริง "ติ๊กถามผมอีกครั้ง ผมหันหลังกลับมามองติ๊ก ผมมองหน้าติ๊กนิ่งโดยไม่ได้พูดอะไรอีก
                  "เดี่ยวกูรักมึงไม่ได้ แต่กูเป็นเพื่อนมึงได้เพราะกู…"ติ๊กรีบชิงพูดก่อนที่ผมจะเอ่ยปากพูดอะไรแล้วแบบนี้ผมจะพูดได้ไหมก็คงไม่ได้
                   "รอคนที่เขาไม่รัก จะรอทำไม"ผมถามติ๊ก ผมรู้ว่าติ๊กมีคนที่แอบรักอยู่และยังรอเขาอยู่ ส่วนผมเองก็เคยรักผู้หญิงคนหนึ่ง ผมรอแล้วรอเรา สุดท้ายเขาก็ไปรักคนอื่น
                  "มึงไม่เข้าใจหรอก แต่สักวันกูอาจจะได้เขามา "ติ๊กพูดแค่นั้น ผมว่าผมเงียบดีกว่าตอนนี้พูดอะไรไปเขาก็ไม่ฟังอยู่ดี
                  "อืมม เพื่อนก็เพื่อนเพราะจริงๆ แล้ว เราชอบผู้หญิงว่ะที่ผ่านมาเรามีแต่แฟนเป็นผู้หญิง เราอาจจะไม่ได้ชอบแบบนี้จริงๆ ก็ได้น่ะ” ผมพูดให้คนข้างๆ สบายใจ
                 “เออ ดีแล้วที่มึงชอบผู้หญิง ชอบเพศที่สังคมยอมรับ อย่าชอบแบบพวกกูเลย สังคมยังไม่ค่อยอยากยอมรับกัน กูยังต้องคอยปฏิเสธความจริงกับนักข่าวอยู่เลย และต้องคอยหาข่าวว่าชวนนางเอกคนนั้นคนนี้ไปทานข้าวเพื่อกลบเกลื่อน แต่ความจริงมันไม่ใช่ มึงเข้าใจกูไหมวะ “ติ๊กบอกผม ผมก็พยักหน้า ยิ่งผมเห็นหน้าเขาผมรู้สึกเจ็บ แต่ผมไม่รู้ว่าใครที่ติ๊กรอเพราะว่ามันมีสองคน ไม่แอ้ก็ดิว แต่ผมกลับคิดว่าไม่ใช่แอ้ ที่ติ๊กต้องการ แต่ว่าเป็นไอ้ดิวเหรอ?
              “ไปที่รถเถอะพวกไอ้ดิวมันรอแล้ว” ติ๊กพูดผมพยักหน้า ผมเดินมาถึงไอ้ดิวมันก็ยืนพิงรถผมอยู่กับแอ้และพาย พวกนั้นหันมามองผม
              “กลับกันเถอะว่ะ พวกไอ้แจ็คมันคงถึงบ้านนานแล้วว่ะ” ไอ้ดิวมันพูด ผมพยักหน้า ไอ้ดิวเป็นคนมานั่งหน้ากับผมติ๊ก แอ้และพายเขานั่งแค๊ปหลังหัน ผมเขาไปทำหน้าที่คนขับเงียบๆ
                  “มึงโอเคไหมวะ” ไอ้ดิวมันหันมาถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ มันก็ก้มลงเล่นเกมในมือถือของมันต่อ ผมเหลือบมองติ๊กผ่านกระจกมองหลัง เขาก็สนุกสนานร่าเริงปกติดี
“เดี่ยว! วันนี้น้องปูมึงมาช่วยไอ้ป๊อดนี่หว่า” ไอ้ดิวมันพูดโพล่งขึ้นมาดื้อๆ ผมก็เหลือบตาไปมองไอ้ดิวแต่ไอ้ดิวมับขยิบตาให้ผม ผมเหลือบมองติ๊กที่หยุดการสนทนาแป้ปหนึ่งก่อนจะหันไปชวนแอ้และพายคุยต่อ ไอ้ดิวก็ยังขยิบตาอยู่นั่นแหละ
“เออว่ะ เขาบอกจะมาวันนี้ว่ะ” ผมก็เลยพูดขึ้นบ้าง
“เสาร์อาทิตย์ชวนปูไปเที่ยวดิว่ะ “ไอ้ดิวมันพูดผมพยักหน้า เห็นด้วยกับความคิดของไอ้ดิว ผมควรจะเลือกควรที่คู่ควรซิน่ะ ไม่ใช่คนที่อยู่สูงเกินเอื้อมแบบติ๊กเขา ติ๊กเขาก็ยังคงคุยกับแอ้กับพาย เหมือนเขาไม่ได้สนใจสิ่งที่ผมกับดิวคุยกันอยู่
*****
                   Part's แจ็ค ผมขับรถไอ้ดิวมาถึงบ้านพวกผมโดยจีพีอาร์เอส ผมน่ะเคยขับ ก็ขับเป็นนะแต่ผมเป็นประเภทใจร้อนยิ่งโดนยั่วแบบเบิ้นรถใส่นี้จี้ดเลย ผมชอบความเร็วด้วยไม่ใช่แค่ว่ายน้ำอย่างเดียว แต่พอเกิดอุบัติเหตุคราวนั้น พ่อผมเสียเงินทำขวัญไปเยอะมากหลายล้านเลย พ่อบอกผมว่าห้ามจับรถเด็ดขาด แต่ครั้งนี้มีคนที่ผมรักนั่งมาด้วยผมเลยต้องขับแบบระมัดระวังที่สุด จนมาถึงบ้าน พอพากันเข้ามาได้ก็เจอเลยไอ้ป๊อด
                   "ดีครับพี่ๆ รับน้ำใบบัวบกกันไหมครับ"ไอ้ป๊อด มันถามพวกผมทันทีที่นั่งลงเอนไปกับโซฟา มันกวนพวกผมจริงๆ
                  "ไอ้หลุยส์จัด"ผมหันไปบอกไอ้หลุยส์
                 "ผลั่ก"เท้าไอ้หลุยส์ คือคำตอบว่าพวกผมจะเอาไหมน้ำใบบัวบกนะ
                 "พี่ครับผมล้อเล่น รับน้ำอะไรดี วันนี้ป๊อดยินดีบริการ มาดูแลให้ถึงที่บ้านเลย มาก่อนเวลาด้วย "ไอ้ป๊อดพูด
                "น้ำอะไรก็ได้ขอเย็นๆ "ผมพูดบอกไอ้ป๊อดและมันวิ่งออกไปทันที ผมได้ยินเสียงรถผมว่าพวก ไอ้ดิว แอ้ พาย ติ๊กมาพอดี เลยตามมาด้วยไอ้เดี่ยว แต่ละคนหมดสภาพ เหนื่อยพอพอกันกับพวกผม
                 "มาแล้วครับน้ำเย็นชื่นใจ ดีครับพี่ดิว พี่เดี่ยว พี่แอ้ พี่ติ๊ก เออ พี่พายที่รัก"ไอ้ป๊อดพูดแต่อีพายไม่เล่นด้วย มันยู่ปากใส่ไอ้ป๊อด
                 "เดี๋ยวมึงก็จะโดนบาทาคนน่ารักของมึงหรอก เล่นไม่รู้เวลาร่ำเวลา"พายพูดพร้อมกับดึงขายเสื้อออกจากชายกางเกงและกำลังจะสะพัดกระจายพวกฟีโนโมนมันออก ผมรีบดึงชายเสื้อเอาไว้ให้หยุด!! เพราะว่ามันไม่โบกธรรมดาผิวขาวๆ มันจะออกมาวับๆ แวมๆ
                 “พาย” ผมรีบร้องห้าม พายมองมือผม ก่อนจะปล่อยชายเสื้อลง
                "ไปเอาน้ำมาให้พวกกูเลยป๊อด มึงนี้แม่งชิ่งตัวพ่อเลย "ไอ้ดิวสั่งคงเหนื่อยจริงงานนี้ แต่ละคนนั่งลงแบบเหมือนไปแบกหามอะไรมาเลย
                “ป๊อด ปูละ” ไอ้เดี่ยวมันาถามหาปูทันที แต่มีคนเบ้ปากใส่นั้นคือไอ้ติ๊ก ผมก็หันมามองไอ้นี่มันแปลกเดี๋ยวก็ดีกับไอ้เดี่ยว เดี๋ยวก็งอนมันขึ้นมาหน้าตาเฉยซะงั้น ไอ้หลุยว์มันพยักพเยิดกับผม
               “เดี๋ยว...พี่ปูเขามาพร้อมกับอาหารเลยครับพี่ ผมมาดูแลพวกพี่ๆ ก่อนครับ แม่สั่งมาครับ” ไอ้ป๊อดพูดไอ้เดี่ยวมันพยักหน้าและจู่ๆ พวกผมได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามากันอีกคัน ใครวะ ผมมองหน้ากันทันที อย่ายบอกนะว่างานจะเข้าพวกผมที่บ้านนี้อีกนะ
“ใครมาว่ะ “ไอ้ติ๊กมันถามขึ้น ผมหันไปมองคนที่เดินฉับๆ เข้ามาในตัวบ้านพวกผม

                   พวกผมก็ลุกขึ้นมองซ้ายมองขวา เกิดเป็นพวกนั้นมันตามมาล้างแค้นจะได้หาอาวุธทัน ผมเห็นว่าคนที่มาเยือน หยุดอยู่ที่ทางเข้าประตูและไอ้คนนั้นก็คือ ไอ้สรจักร!!! ไหนมันบอกว่าจะกลับไง ไอ้สรจักรมันมายืนมองพวกผม ตอนนี้มีอะไรใกล้มือนี้คว้ากันเอาไว้ก่อนแต่ส่วนใหญ่ก็พอจะทำให้คู่ต่อสู้เจ็บได้แต่พอผมหันไปเห็นไอ้หลุยส์มันคว้ารีโมททีวี ไอ้นี่มันประจำเลย!! อาวุธแต่ล่ะอย่างมันทำให้ฝ่ายตรงข้ามกลัวตรงไหนวะ ผมแอบส่ายหัวไปมาและไอ้หลุยส์มันก็โยนรีโมทลง
                 “ไอ้จักร!! พวกกูตกใจหมด นึกว่าพวกนั้นมันตามมาเล่นพวกกูที่บ้านอีก” ผมหันไปด่ามันทันที มันก็ยืนกอดอกหัวเราะผม
                “เข้ามาดิ!” ผมเองพูดและมันก็เดินเข้ามานั่ง พวกผมก็พากันนั่งลงทันทีด้วยสภาพที่เหนื่อยล้า
                “พี่จักรเบียร์มั้ยครับพี่” ไอ้ป๊อดมันเรียกชื่อไอ้สรจักร มันรู้จักไอ้จักรด้วยเหรอ ผมหันไปเหล่มองไอ้สรจักร
                “ไอ้นี้เมื่อก่อนมันชอบติดตามพวกไอ้ภาคินตั้งแต่ก่อนเข้ามัธยมแล้ว” ไอ้สรจักรมันพูด พวกผมหันไปมองหน้าไอ้ป๊อด
                “นี่มึงเข้าแก๊งตั้งแต่ยังไม่ขึ้นมัธยมเลยเหรอวะป๊อด เรวววมาก” ไอ้ติ๊กมันหันไปถามไอ้ป๊อด
                “เร็ว หรือเลวครับพี่ติ๊ก”
                “เลว!!!” ไอ้ติ๊กมันย้ำให้ไอ้ป๊อดแบบเต็มๆ หน้า
                “จัดมาไอ้ป๊อดแต่ไม่ต้องหลายขวดกูขับรถกลับ” ไอ้จักรบอกไอ้ป๊อดและหันมามองสภาพพวกผม ที่นั่งกระดกเบียร์กัน มีบอยที่ดื่มแค่น้ำเปล่าแค่นั้น
                “ดูสภาพย่ำแย่น่ะ พวกมึงเนี๊ยะ ฮาๆ” ไอ้จักรมันพูดและแน่นอนของสมน้ำหน้ามันจากพวกผมก็ถูกส่งให้พวกมันกันคนละแท่ง
                “กูรู้แล้วว่าพวกมึงมาเพราะว่าพ่อกูได้รับคำสั่งจากลุงหนึ่งให้ดูพวกมึงด้วย กูก็เลยสั่งพวกมันดูให้อีกทีแต่คงเล่นพวกมึงแรงไปหน่อย นอยด์เลยดิ” ไอ้สรจักรพูด อ้อที่แท้พวกนั้นมันกวนตีนพวกผมเพราะไอ้จักรมันสั่งนี้เอง
               “วันแรกก็นี้อยากพากันขนข้าวของกลับเลยก็ว่าได้ที่เห็นพวกไอ้ภาคิน” ผมพูดและหันมามองหน้าทุกคน
               “ฮาๆ” ไอ้สรจักรมันหัวเราะพวกผม
               “กูก็ไม่คิดว่าพวกมึงจะเข้ากับพวกมันได้เหมือนกันเพราะว่าพวกนี้แม่งคนล่ะแนวกับพวกมึงเลย” ไอ้จักรพูด
               “นี่มึงเป็นหัวหน้าแก๊งพวกมันเหรอว่ะ” ผมถามไอ้สรจักร
               “กูเป็นไม่ได้พ่อกูเอาตายเลยว่ะ แต่พวกมันไม่มีหัวหน้ากันตอนนี้ ตั้งแต่พี่ข้าวปั้นพี่ไอ้ต้นข้าวนะโดนจับไป ส่วนไอ้บอสที่เคยแย่งชิงก็โดนส่งไปอยู่ต่างประเทศ ก็ไม่มีใครขึ้นตำแหน่ง พี่แฮกซ์ก็ไม่เอาแต่รักษาการให้น่ะพี่เขาทำอยู่ “ไอ้สรจักรพูดและมองมาที่ผมกับไอ้หลุยส์
                “กูไม่ได้ว่ะ แค่นี้ก็กูก็โดยเพ้งเล็งแย่แล้ว” ผมพูด บอยพยักหน้าเห็นด้วยที่ผมปฏิเสธ ผมเองก็ไม่ชอบซะด้วย
                “ไอ้ดิว” ผมหันไปที่ไอ้ดิวมันสะบัดหน้ามองผมทันที
                “กูไม่เอา กูไม่ถนัดงานแบบนี้ “ไอ้ดิวรีบปฏิเสธทันที
                “ไอ้หลุยส์มึงนั่นแหละ เหมาะสมที่สุด” ไอ้หลุยส์มันมองหน้าไอ้สรจักร
               “มึงแบคอัพพวกมันได้ดี กูจะบอกพวกมันให้ “ไอ้สรจักรพูด ก่อนจะหันมามองแอ้ แต่มันยิ้มแปลกๆ ส่วนไอ้ดิวมันก็กระดิกเท้ารอ แต่แอ้มันสะกิดเอาไว้
               “นี่พ่อกูเพิ่งโทรมาถามหามึงอยู่นะไอ้ติ๊กว่าลูกเลี้ยงยังมีชีวิตอยู่ไหมว่ะ ฮาๆ” ไอ้สรจักร มันทำให้ไอ้ติ๊กสะบัดหน้ามามองมันทันทีและนิ้วกลางคือคำตอบ
                 “ฝากบอกว่าวันนี้ยังมีแต่พรุ่งนี้มะรืนนี้ไม่รู้ว่ะ ถ้ามาแม่งแบบนี้ทุกวันกูตายเข้าสักวันแหละว่ะ” ไอ้ติ๊กมันพูด ด้วยน้ำเสียงเง้างอนอยากกลับเต็มที
                “พี่ปูมาแล้วครับพี่” ไอ้ป๊อดมันวิ่งเข้าบอกแต่ว่าบอกใคร ไอ้เดี่ยวหรือเปล่า พวกผมหันไปมองหน้ามันพร้อมกันหมด
                “บอกพี่เดี่ยวครับพี่” ไอ้ป๊อดพูด
                “ระบุด้วยดิว่าบอกใคร แต่ว่าเอ่ยชื่อน้องปูมาไอ้เดี่ยวมันก็หูผึ่งแล้วมั้ง” ไอ้ดิวมันแซวเพื่อนมันทันที แต่ผมสังเกตมีคนหันหน้าหนีด้วย
                “ให้พวกผมตั้งโต๊ะอาหารเลยนะครับพวกพี่และพวกพี่จะได้พักผ่อนกันตามอัธยาศัย” ไอ้ป๊อดมันพูดผมก็โบกมือว่าตั้งเลย
                 “จักรทานอาหารด้วยกันดิว่ะ “ผมบอกมัน
                “ไม่เอาว่ะ กูต้องรีบไป กูแค่แวะมาคุยกับพวกมึงเรื่องนี้ พอพวกมันครบแล้วประชุมเลยว่าให้ไอ้หลุยส์มันขึ้นตำแหน่งหัวหน้าว่ะ ดูแลตัวเองกันดีดีนะโว้ย หวังว่าจะรอดถึงหนึ่งปีที่ลุงหนึ่งเขาบอกไว้ว่ะ “ไอ้สรจักร มันพูด
                “ปากมึงเหรอว่ะ “ผมพูด
                “เอานะ พวกมึงซื้อใจพวกไอ้ภาคินได้ นี้มึงก็ได้ทหารในกองโจรมาเป็นสมุนแล้ว เชื่อกูมันเจ๋งวะ” ไอ้สรจักรพูด ผมหันไปมองไอ้คนที่เข้ามายืน ต่างพากันขมวดคิ้วมอง
                “ไอ้ฐา ลูกชายคนเล็กลุงสี่ไง” ไอ้สรจักรมันพูดไอ้คนตัวเล็กมันโบกมือให้พวกผม
                “พายมึงอ่ะ ลูกลุงสี่แฟนพ่อมึง ไม่ทักทายมันหน่อยล่ะ” ติ๊กมันสะกิดพาย ที่นั่งทำหน้างง
               “กูไม่เคยเจอลูกป๊าเลยว่ะ แต่ละคน “ไอ้พายพูดผมหันมามองด้วยความตกใจกันหมด ก็ลุงสี่แฟนอาเปรมดิ์พ่อมันอ่ะ แปลกมาก พายมันแค่ยักไหล่ว่าใช่
               “ก็เขาบอกว่าลูกๆ ป๊ากูน่ะ กวนตีนพวกกูเลยไม่อยากเจอ” พายพูดแต่มันพูดได้โคตรตรงเลย
              “ไอ้ฐา พายมันบอกพวกพี่ๆ มึงกวนตีนว่ะ “ไอ้สรจักรมันหันไปบอกไอ้คนที่เล่นมืออยู่
              “อ้าวเห้ย! ปากน่าวางเท้าวะ” มันจะขึ้นทันทีเลยครับ
             “รองเท้ามึงเบอร์อะไรอะ” ไอ้นี่ก็ไม่ยอมครับ ไอ้ติ๊กมันต้องดึงเอาไว้
             “อย่าพาย เดี๋ยวมึงนะหมอบ” ไอ้ติ๊กมันห้ามพาย กลัวพายโดนกระทืบ
             “งั้นพวกกูไปก่อนว่ะ พ่อกูรออยู่จะบินกลับเลยวันนี้ กูน่าจะมาอีกทีเดือนหน้าเลย “ไอ้สรจักรมันพูด ก่อนจะหันหลังออก
             “ไอ้หลุยส์ ไอ้ภาคินมันบอกกูว่ามึงฝากบอกไอ้ธงรบ เรื่องไอ้ปริ้นซ์เหรอว่ะ” ไอ้สรจักรมันหันมาถามไอ้หลุยส์
              “เออ กูจะเอามันกลับมาอยู่กับกู ยังไงมันก็เป็นคนในครอบครัวกูคนเดียวที่เหลืออยู่ กูจะดูแลมันเอง…ต่อจากนี้ “ไอ้หลุยส์พูด ไอ้สรจักรพยักหน้าและพากันเดินออกไปกับอีกคน ผมหันมามองหน้าไอ้หลุยส์ ผมจำได้มันเลยบอกผมไว้ว่ามันมีลูกพี่ลูกน้องที่เกิดจากน้องชายของพ่อมันแต่น้องชายพ่อมันเสียไปก่อนอีก
             “ขึ้นไปอาบน้ำกันก่อนแล้วกันว่ะ ค่อยๆ ลงมาทานอาหารกัน” ผมบอกแต่ล่ะคน

                 พวกผมต่างก็พากันแยกย้ายขึ้นห้องพักของตัวเอง นี้ก็หมดไปอีกวัน จะว่าไปชีวิตแบบนี้มันก็ดีเหมือนกันน่ะ ตื่นเต้นดี ไม่เหมือนที่ผ่านมา ชีวิตที่เรียบหรูอยู่สบายของพวกผม มีคนตามดูแล ไปทางไหนก็มีแต่คน ยอมไปซะหมด แต่ล่ะคนก็ยอมเพราะว่าพวกผมมีบารมีพ่อค้ำคออยู่และวันนี้พวกผมก็ทำให้พวกที่มองว่าพวกผมเป็นได้แค่ลูกคุณหนูเปลี่ยนความคิดใหม่ได้และพวกผมก็ได้เพื่อนจริงๆ ต่อไปเรื่องคงหมดแล้ว มันทำให้ผมคิด จริงอย่างที่พ่อผมพูดเลย ผมอาจจะได้อะไรดีดีจากที่นี้

                  ตอนนี้ผมก็ได้ คนรัก ไอ้เพื่อนแท้เพิ่มมาอีกคนจากที่มีอยู่แล้ว คนนั้นคือหลุยส์และดูเหมือนกับว่านี้คือจุดเริ่มต้นของการที่พวกผมจะปฏิรูปองค์กรของพวกผมใหม่ ผมคิดไปไกลขนาดที่ว่าในอนาคตผมอาจจะได้พวกนี้มาอยู่องค์กรผมก็ได้ แต่ตอนนี้ไอ้หลุยส์มันต้องขึ้นตำแหน่งหัวหน้าพวกนี้ไปก่อน ผมหันมามองหน้าไอ้หลุยส์ ผมว่ามันเดาความคิดผมได้ ผมหันไปชูกำปั้นหลุยส์มันก็ชูกำปั้นมาปะทะกำปั้นของผมตอบก่อนจะพากันลุกขึ้นเพื่อแยกย้ายไปอาบน้ำ

                 TBC....

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.5ุ6  ปากไม่ตรงกับใจ   
       

             Part เดี่ยว หลังจากที่พากันอาบน้ำก็รีบ ผมรีบลงมาช่วยปูจัดโต๊ะอาหาร วันนี้ปูน่ารัก ดูสีหน้าดีขึ้นมาหน่อย และยังห้อยโทรศัพท์ที่ผมให้เอาไว้ด้วย ติดตัวเอาไว้ตลอด ผมแอบมองปู ผมคิดว่า ผมควรจะเลือกคนที่คู่ควรกับผมเช่นปู ผมยอมรับว่าผมมีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอดและคนล่าสุดที่ทำให้ผมมีเรื่องกับไอ้ธงรบคือข้าวฟ่าง ดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งและเธอก็สวย ผมจีบเธอติดได้ไม่ยาก เธอคือเซ็กส์ครั้งแรกของผมเช่นกันแต่สุดท้ายเธอก็นอกกายไปกับไอ้ธงรบที่ผมทราบเธอโดนพ่อแม่พาเธอไปเรียนที่อื่นหลังจากที่ผมมีเรื่องกับไอ้ธงรบและผมพักการเรียนทันที แต่เอาจริงๆ ผมว่าผมได้หมดนะผู้หญิงผู้ชายขอแค่ผมรู้สึกดีกับคนคนนั้น แค่นั้นก็พอ

           “มองอะไรเดี่ยว” ปูหันเจอว่าผมกำลังมองหน้าเขาอยู่พอดีหันมาเร็วชนิดที่ผมก็หลบไม่ทัน ผมนี้ยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองด้วยอาการเขิน ตอนนี้ทุกคนพากันเดินลงจากชั้นบน แอ้กับติ๊กเดินคุยกันลงมาพอดี ติ๊กมองหน้าผมและปู

            “แอ้มึงนั่งไหน นั่งข้างกูป่ะวะ” ติ๊กถามแอ้ แอ้ยักไหล่ว่าได้ ส่วนไอ้ดิวมันเดินมากับพาย พูดเล่นหยอกล้อกันลงมาแต่ผมรู้ว่ามันไม่ใช่คนรักแน่นอนและอีกคนนี้คงจะคอยกันไอ้ดิวจากแอ้แน่ๆ ผมหันไปมองติ๊ก เขามันไม่มองหน้าผมเลยสักนิด

            “ปู แหมมีคนช่วยนะเดี๋ยวนี้ “ไอ้ดิวมันแซวผมกับปู

          “ก็แฟนกันอ่ะนะ ใช่ป่ะปู “พายพูดและหันไปเหล่มองติ๊ก ที่นั่งกดโทรศัพท์เล่นไม่สนใจเสียงรอบข้างใดๆ ปูก็จัดอาหารลงบนโต๊ะ จนเกือบครบ

             “อ้าวปู เป็นไงบ้าง ไม่ได้เจอเลยน่ะช่วงนี้ “ไอ้แจ็คมันทักทายปู

             “แม่เป็นไงบ้างปู “บอยถามปู

              “แม่เราก็รู้สึกเพลียๆ น่ะเพราะหลังจากได้รับยาคีโม” ปูพูด

              “นี้หายไปหลายวัน รู้เปล่าว่า มีคนชะเง้อคอรอทุกวัน” ไอ้หลุยส์มันแซวผมทันที

               “ที่มาไม่ได้เพราะว่าเราต้องอยู่กับแม่เรา ป้าข้างบ้านเขาไปทำธุระน่ะ” ปูพูด

              “เออ พอดีว่าเราต้องกลับก่อนบ้านก่อนนะ วันนี้เราต้องไปอยู่กับแม่เรา แม่เราอยู่บ้านคนเดียว” ปูพูด ผมหันไปมองปูว่าจะไปแล้วเหรอ

              “พี่ปู แม่ผมโทรมาบอกให้เอาของไปให้ตอนนี้อ่ะ ของที่แม่ผมต้องใช้ไม่พออ่ะพี่ปู “ป๊อดมันวิ่งออกมาบอกปู

                “ถ้าอย่างนั้นป๊อดไปส่งพี่ที่ตรงตลาดก็ได้นะ พี่จะนั่งวินไปเอง “ปูหันไปบอกป๊อด ผมหันมามองหน้าปู

                “เราไปส่ง” ผมหันไปบอกปู ปูก็มองหน้าผม

               “เออ ไปส่งปูดิ จะให้กูไปด้วยไหมว่ะ” ไอ้ดิวมันพูดและถามผมว่าให้ไปเป็นเพื่อนไหม ทุกคนหันไปมองไอ้ดิวพร้อมกันหมด

               “คนเขาจะไปจู๋จี๋กันมึงจะไปทำไมวะไอ้ดิว” แจ็คมันถามไอ้ดิวทันทีและทุกสายตาก็หันไปมองไอ้ดิว ขยิบหูขยิบตากันใหญ่แต่คนที่ทำเป็นไม่สนใจคือติ๊ก

              “เออว่ะ กูลืมงั้นมึงไปเถอะว่ะ กูไม่อยากเป็น กขค ว่ะ เฮอๆ” ไอ้ดิวมันพูด ผมหันไปมองติ๊กก่อนเขาก็นั่งเงียบ ทานอาหารไปด้วยดูหน้าจอมือถือไปด้วย ไม่พูดอะไรสักคำ

                 “ไปเลยไหมปู “ผมถามปู ปูพยักหน้าและมองอาหารที่โต๊ะ

                “ไปเถอะ เรายังไม่หิว” ผมพูดแค่นั้นและจับมือปูพากันเดินออกไปที่รถของผม ปูหันมามองหน้าผมและมองมือผมที่จับข้อมือเขาเอาไว้ แต่ปูไม่ได้สะบัดออกแค่ยิ้มให้ผม ผมเปิดประตูให้ปูเข้าไปนั่งข้างๆ คนขับ ผมก็เปิดเพลงฟังไปด้วยส่วนใหญ่ก็เป็นของพี่ตูน บอดี้แสลมทั้งนั้นที่ผมชอบ

             “คลื้ด!!"ท้องใครบางคนร้องดังมาก ผมหันไปมอง ปูแน่ๆ เลย เขาเอามือกุมไว้ที่ท้องตัวเองนิดหน่อย

               "หึๆๆ หิวเหรอปู” ผมถามปู ปูหันมามองหน้าผม

               “วันนี้ยุ่งๆ เลยไม่ได้ทานอะไรเลย อันที่จริงแม่ของป๊อดก็เรียกให้ทานแล้วแหละแต่เราอยากเสร็จงานไวไวจะได้กลับไปดูแม่” ปูพูด ผมพยักหน้าตอนนี้ก็ขับออกมาได้สักพักแล้วผมกวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นมีรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยวอยู่

                “ก๋วยเตี๋ยว ปากซอยเป็นไง เราหิวเหมือนกัน "ผมหันไปบอกปู ผมค่อนข้างชินกับการขับรถที่นี้ ปูบอกแค่ว่าตำแหน่งตรงไหนผมก็รู้หมดแล้ว และผมก็เลี้ยวรถเข้าไปหาที่จอดทันที

               "ไปซิครับปู เดี๋ยวก็หิวแล้วด้วย"ผมบอกปูแต่เขามองหน้าผม ผมรีบลงจากรถเปิดประตูให้ด้วยปูก็ก้าวขาลงมาพร้อมกับมองหน้าผมยิ้มๆ ผมสองคนเดินมาหาโต๊ะนั่ง และปูนั่งลงตรงข้ามกับผมเด็กที่อยู่ในร้านเดินตรงมาหาผมทันที หน้าตากวนได้อีก

                "รับอะไรดีเพ่! " ผมเงยหน้ามองคนถาม

                "เส้นใหญ่ ทุกอย่าง"ผมบอกคนที่มายืนรอจดหยิกๆ มันแนวมาผมก็แนวไป

               "ป๋า โต๊ะนี้ใหญ่ทุกอย่าง"ผมสะบัดหน้ามองไอ้คนตะโกน มันรู้ได้ไง โต๊ะอื่นๆ ก็หันมามองผมเช่นกัน ผมก็ยิ้มรับว่าครับผมใหญ่ครับทุกอย่างเลย

               "คิก คิก คิก "ปูปิดปากขำผม

                "แล้วน้องละครับ"มันถามปูมั้งแต่เรียกน้อง ทั้งที่ปูน่าจะรุ่นเดียวกับผมหรือไม่ก็อ่อนเดือนแค่ไม่กี่เดือนแหละ แต่ผมยอมรับว่าปูหน้าเด็กกว่า

                 "เส้นเล็กน้ำตกหมู"ปูสั่งน่ารักเชียว

                  "เล็กตกหมู ยังดีไม่เล็กทุกอย่าง "ไอ้คนจดหยิกๆ มันตะโกนสั่งและหัวเราะร่วนเลย ผมก็เงยหน้ามองมัน แล้วมึงจะจดทำไมถ้าจะตะโกนประจานพวกผมแบบนี้

                   "ทำไมรู้จักป๊อดล่ะ"ผมถามปูพร้อมกับรินน้ำใส่แก้วให้

                  "แม่เราเป็นผู้ช่วยแม่ป๊อดทำอาหารมานานแล้วน่ะ แต่พอแม่ป่วยเราก็เลยทำแทนแม่เรานะเดี่ยว "ปูพูด ผมนี่สงสารเขาเลย ปูตัวเล็กขาวๆ ทำไมต้องมาทำงานเหนื่อยแบบนี้ทั้งที่ยังเรียนอยู่เลยแถมยังต้องทำงานไปด้วย ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อแม่เขาด้วย

                 "แล้ว"ผมกำลังถามว่าพ่อละ

                "พ่อเราเสียไปนานแล้วตั้งแต่เราอายุได้แปดขวบเก้าขวบนี่แหละ "ปูพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาเสียใจที่ไม่ได้เห็นแม้แต่หน้าพ่อตัวเอง

                  "พ่อเราเพิ่งเสียไปได้ ไม่กี่ปีนี่เอง "ผมพูด

                "เสียใจด้วยน่ะ"ปูพูด และก๋วยเตี๋ยวก็มาเสิร์ฟ ที่โต๊ะพอดี

               "อะ"ปูคีบลูกชิ้นให้ผมก่อนทันที

               "ทำไมละ"ผมถามปู

               "มันเยอะอะกินไม่หมดหรอก นี้จะไม่เอาใช่ปะ"ปูพูดก่อนจะเงยหน้ามาถามผม

              "เอาครับ ขอบคุณครับ "ผมพูด ผมนั่งทานไปคุยนั่นคุยนี้ จนสักพักผมก็ทานกันเรียบร้อย ผมขับรถไปส่งปูที่บ้านในชุมชนร่วมใจ1 บ้านสองชั้นสภาพกลางเก่ากลางใหม่และผมอยากบอกว่าชุมชนนี้เหมือนสลัมแต่ละคนก็หาเช้ากินค่ำแต่บางคนมีเงินใช้ทั้งที่การงานไม่ได้มั่นคง นั้นคงไม่ต้องบอกหรอกว่าเอาเงินมาจากไหนถ้าไม่ใช่ค้ายา

              “รู้ใช่ไหมว่าชุมชนนี้เป็นยังไงเดียว” ปูถามผม ผมพยักหน้า

              “น่าจะหาที่อยู่ใหม่น่ะปู” ผมบอกปู

             “นี้เป็นบ้านพ่อเรา พ่อเราสร้างเองกับมือเขาเลยน่ะแต่ว่าตอนนี้น้องชายและแม่ของพ่อเขามาอยู่ด้วยเพราะว่าเขาโดนเวนคืนที่ดินนะ” ปูพูด ผมพยักหน้า

                “กลับบ้านเถอะเดี่ยว มันจะดึกเราไม่อยากให้เดี่ยวขับรถกลับดึกเป็นห่วงน่ะ” ปูพูด ผมพยักหน้า ทำไมผมแอบไปนึกถึงเขาคนนั้นน่ะว่าดึกป่านนี้เขาจะเป็นห่วงผมไหม ผมยิ้มให้ปูก่อนจะหันหลังเตรียมจะเปิดประตูรถ

                 "ขับรถดีดีนะ เจอกันที้โรงเรียน"ปูพูดผมโบกมือให้ผมก่อนจะเดินเข้าบ้านไป ผมยืนมองอยู่พักหนึ่งก่อนจะขึ้นรถและรีบขับกลับออกมาในทันที ผมเหลือบมองเวลาเกือบจะสี่ทุ่มครึ่งแล้วไปกึงก็คงห้าทุ่มพอดี การบ้านผมน่ะทำเสร็จแล้วเลยออกมาได้ ไม่รู้ว่าเขาคนนั้นจะนอนหลับไปหรือยังนี้ซิ

                  Part’ s ติ๊ก ผมนั่งทำการบ้านไม่รู้ว่าไอ้เดี่ยวมันทำเสร็จหรือยัง นี้ออกไปแรดกับเขาอีกแต่มันก็ทำถูกแล้วเพราะว่าผมเองเป็นคนบอกให้เดี่ยวมันไปเลือกคนที่คู่ควร ถามว่าผมวิเศษมาจากไหนหรือเปล่าก็ไม่ แต่ผมแค่รู้สึกว่า ผมเหมือนยังรอใครอยู่ ใครคนนั้นที่ผมรู้สึกเหมือนผมเคยรักแต่ความจริง ผมไม่เคยได้ความรักจากคนนั้นเลย ทำไมผมรู้สึก มันมาจากความรู้สึกลึกๆ ที่บอกที่มาที่ไปไม่ได้จริงๆ

               “พายมึงคุยกับใครว่ะ หัวเราะไปด้วยคุยไปด้วย มึงมีคนมาจีบมึงเหรอวะ” ผมหันไปถามพาย แอ้มันนั่งทำการบ้านข้างๆ ผมเช่นกัน หันไปมองพายเหมือนกัน

                “แน่ล่ะ กูไม่ได้ขี้เหล่นิและที่สำคัญ กูชอบมีแบบเป็นของตัวเอง คนรักอ่ะ ไม่ใช่เที่ยวไปรักคนอื่น” พายพูด

                “หลงรักคนมีเจ้าของแอบมองเขาทุกวัน หลงรักแฟนชาวบ้าน ไม่รู้ตัว…” พายมันร้องเพลง ผมรู้ว่ามันประชดผม ผมหันไปหยิบเอาก่อนยางลบปาใส่พายมันแต่ไม่โดน พายมันก็แลบลิ้นใส่ผม ไอ้แอ้มันนั่งสั่นหัวไปมากประมาณว่าผมสองคนนี้ยังเด็กกันอยู่ถึงได้แกลังกันแบบนี้ ผมหันมามองแอ้ ก่อนจะหันไปมองเวลาที่ตั้งเอาไว้อยู่ที่หัวเตียงของผม

                “แอ้มันง่วงนอนแล้วให้มันไปนอนเถอะมึง” พายบอกผม ผมหันมามองหน้าแอ้มัน

               “ง่วงก็นอนนี้ดิ” ผมพูด

              “มึงบ้าไปแล้ว มันมีเตียงที่นอนสบายๆ ให้มันไปนอนที่เตียงมันดิ” พายพูด ผมหันมามองพาย ถามว่าพายเคยชอบดิวไหม ใช่พายก็แอบรักไอ้ดิวมาก่อนแต่ทำไมมันเปลี่ยนใจก็ไม่รู้ เหมือนพายมันรู้อะไรมาแตไม่บอกผม ผมหันมามองแอ้อีกที

               “มึงไปนอนได้แล้วแอ้” ผมบอกแอ้ แอ้มันก็พยักหน้าและลุกขึ้นไปทันที แอ้หันมายิ้มให้พาย ผมก็เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจะได้เข้านอน นี่จะสี่ทุ่มแล้วทำไมไอ้เดี่ยวมันยังไม่กลับมาอีก จะว่าไป ผมคิดว่าจะโหลดเพลงใส่แฟ็ซส์ไดรว์ให้มันซะหน่อยเอาไว้เปิดฟังในรถ รถไอ้เดียวยังไม่ทันสมัยเหมือนรถพวกผม ไอ้เดี่ยวมันบอกว่ารถคันนี้ได้มาจากพ่อมัน มันเลยไม่อยากเปลี่ยนเป็นรถแต่งคันแรกที่พ่อมันกับลุงที่เป็นเจ้าของอู่ช่วยกัน ใช่เมื่อก่อนไอ้เดี่ยวก็มีฐานะปานกลางแต่พอแม่มันแต่งงานใหม่กับหนุ่มที่มีฐานะจากต่างประเทศก็เป็นคนมีฐานะขึ้นมาทันทีแต่เดี่ยวมันก็ยังทำตัวติดดินเหมือนเดิม

              (พี่พีช พี่พั้นซ์ไปไหนอ่ะ อะไรไม่รู้ อยู่บ้านยังไงเคยรู้อะไรบ้างไหม ไม่ได้เหวี่ยง แต่ถามเฉยๆ มันน่าโมโหไหมล่ะ ถามอะไรพี่ไม่รู้สักอย่างสู้พี่แพทก็ไม่ได้) พายมันโทรไปบ่นพี่พีชอีกแล้วและนั้นพี่เขาก็วางสายใส่มันทันที ก็มันเล่นเปรียบเทียบพี่มันแบบนี้

             “อะไรวะ ไอ้พี่พีช ไอ้บ้า!!!” พายมันด่าพี่พีชกับมือถือของมัน

             “ก็มึงเล่นเปรียบเทียบพี่แพทกับพี่พีชแบบนั้น ใครก็โมโหเปล่าวะ กูยังไม่เคยเปรียบเทียบพี่กูกับใครเลยนะมึง ขนาดพี่ตุ๊ตึงจนพวกกูอยากจะ ....อึยยยย กูยังไม่ทำเลยน่ะ” ผมพูดกับพายก่อนจะเดินมาทาครีมบำรุงผิวหน้า ผมเดินมาที่โน๊ตบุคของผมและหยิบเอาแฟรซไดรฟ์มาดาวน์โหลดเพลงที่ผมชอบฟัง ส่วนใหญ่เป็นแนวร๊อกทั้งนั้น

              “พี่ต้าร์เขามีแฟนหรือยังวะ” พายมันถามผม

             “มีมั้งแต่ไม่เคยบอกอ่ะและกูก็ไม่เคยถามเพราะว่า การเป็นพี่น้องกันใช้ว่าต้องถามทุกเรื่องนะมึง” ผมหันไปพูดกับพาย

             “กูเคยได้ยินพี่แพทคุยโทรศัพท์กับพี่ต้าร์ เหมือนพี่ต้าร์จะโทรมาบ่นๆ กับพี่แพท แฟนพี่เขาเจ้าชู้ว่ะ เจ้าชู้ตัวพ่อเลยมึง กูเลยถามมึง แต่ถ้ามึงไม่รู้ก็ไม่เป็นไร” พายพูด ผมหันไปมองพาย จริงเหรอ แฟนพี่ต้าร์เจ้าชู้ตัวพ่อเลยเหรอ ใครวะ ผมหันมามองพายอีกที เพราะว่าไม่มีใครรู้เลยแต่พี่แพทรู้ แสดงว่าคนคนนั้นต้องไม่ใช่คนที่พี่ตุ๊ชอบแน่ๆ หรือพี่ตุ๊ห้ามไม่ให้พี่ต้าร์คบแน่ๆ ไม่อย่างนั้นไม่บอกเพื่อนสนิทมากกว่าคนในครอบครัวหรอก

                “กูนอนแล้วน่ะ นอนดึกสิวขึ้น “พายพูด ผมหันไปมองพาย มันรักหน้ามันยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น ผมดาวน์โหลดเพลงจนครบแต่จะว่าไปเดี่ยวมันกลับมาหรือยัง

                “พายกูจะลงไปดื่มน้ำว่ะ “ผมบอกพาย พายมันกำลังนอนลง เอาที่ปิดตามาปิดตาด้วย พายใช้นิ้วคีบเอาที่ปิดตาออกข้างหนึ่ง

                “จะแอบลงไปดูว่าเขากลับมาหรือยังก็บอกมาเถอะ ปากกับใจไม่ตรงกันเลยนะมึงอ่ะ ไปบอกให้มันไปหาเขาแต่จริงๆ มึงก็อยากจะบอกว่าอย่าไป ถุ้ย!!” อีพายผมนึกด่ามันในใจก่อนจะหันไปหยิบเอาหมอนที่เตียงนอนของผม ขวางไปที่พายทันที ผมเดินออกไป ผมหันไปมองห้องนอนไอ้ดิว อยากจะเคาะประตูเรียกแต่ว่าห้องมันเงียบมาก มันคงนอนกันแล้ว อยากจะเคาะเพราะว่าอยากรู้ว่ามันนอนเตียงเดียวกันหรือเปล่า เคาะดีไม่เคาะดี ทำไมผมรู้สึก มันรู้สึกเหมือนผมเคยสัมผัสความรู้สึกแบบนี้มาก่อน อึดอัด มันเจ็บอยู่ข้างในลึก จนสุดท้าย ผมเลือกไม่เคาะและเลือกที่จะเดินไปข้างล่างแทน ขณะที่

                 ผมเดินลงไปถึงชั้นล่าง ผมได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาพอดี ผมรีบหลบทันทีที่ตรงหมุมบันได ผมแอบมอง คนนั้นคือไอ้เดี่ยวมันเข้ามาแล้ว ผมเหลือบมองเวลาที่นาฬิกากลางเก่ากลางใหม่ ที่วางอยู่ เป็นนาฬิกาโบราณ มันห้าทุ่มแล้ว นึกด่าในใจ บ้านเขาอยู่ข้ามจังหวัดเหรอถึงได้พึ่งมา ไอ้เดี่ยวมันกำลังจะเดินมาที่บันไดแล้วผมจะรออะไร

                  "กึก"ขณะที่ผมกำลังหมุนตัวกลับขึ้นไปผมดันไปเตะบางสิ่งเข้าที่ตรงบันไดบ้านและก็ไม่ทันได้เดินกลับขึ้นไป

                  "หมับ!"มีคนมาจับแขนผมเอาไว้ คนนั้นคือเดี่ยว เดี่ยวมันเร็วมากและผมเองก็กำลังจะเสียการทรงตัว ผมกำลังจะหงายหลังแต่ว่าเดี่ยวรับผมเอวไว้ได้ทันเสียก่อน ผมหันมาประสานสายตากับเดี่ยว ผู้ชายไทย หน้าตาหล่อเข้ม คิ้วหนาแตได้รูป ผิวไม่ขาวไม่ดำ ออกไปทางสีแทนแบบชายไทย มีกล้ามท้องเพราะว่ามือผมดันพุงเดี่ยวเอาไว้อยู่ ไม่มีพุงหรอกมีแต่ซิกแพค ผมมองใบหน้านั้น ผมเองที่ต้องกลืนน้ำลายลงคอตัวเองดัง

                “เอื้อก!!!” เสียงดังฟังชัดจนผมเองก็ต้องรีบดันเดี่ยวออกก่อน ผมค่อยๆ ทรงตัวเองให้ได้

               "ลงมาดูเหรอ"เดี่ยวถามผม

              "เปล่าแค่…ลงมาจะหาน้ำดื่ม” ผมมองจ้องเข้าที่แววตาคู่นั้น

              “จะขึ้นนอนแล่ว "ผมพูดและทำท่าจะขึ้นห้องแต่ว่า

               “หมับ” เดี่ยวจับมือผมเอาไว้ ผมหันมามองมือไอ้เดี่ยวและมองหน้ามันว่าจับทำไม เดี่ยวมองผมและยิ้มให้ผมที่มุมปาก

                "เห็นกลับดึกหรือเปล่า เอ๊ะหรือว่าหึงที่เดี่ยวออกไปกับปู"เดี่ยวถามผมพร้อมกับยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

                "ไม่หึง ดีใจด้วยปูนะเขาดูเหมาะสมดีน่ะ "ผมพูด

                 “ดังนั้นจะไปส่งทุกวันก็ไม่มีใครว่าหรอก เชิญ” ผมพูด เดี่ยวมันก็ปล่อยมือจากมือผมทันที เดี่ยวก้าวถอยหลังลงไปหนึ่งขั้นบันได

                  "คงจะจริง เขาอาจจะเหมาะกับคนอย่างเดี่ยว"เดี่ยวพูดและหันหลังเดินไปทันที ผมยืนมองหลังไหว เดี่ยวเดินเข้าไปไปห้องครัว ผมทำได้แค่มองเท่านั้น ทำไมมันยากนักที่จะบอกว่ากูเริ่มรู้สึกไงเดี่ยว ผมเป็นคนเดินกลับขึ้นไปชั้นบนแทน ความรู้สึกที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ผมรู้สึกเสียใจที่ดิวมันรักแอ้ แต่ที่แย่ที่สุดคือมันปิดผมอยู่แต่ทำไมกลับได้เดียว ผมรู้สึกเหมือนผมกำลังอิจฉามากกว่า ผมสับสนไปหมด วันตีกันยุ่งเหยิงอย่างบอกไม่ถูก ผมเดินเข้าไปในห้อง พายหลับไปแล้ว ผมหันไปเห็นแฟรซ์ไดรว์วางอยู่ ผมก็หยิบมันขึ้นมาและเอากระดาษโน้ตมาเขียนเอาไว้

"เพลงในรถมึงน่ะปลวกมาก: p"

                ผมรีบเดินออกมาจากห้อง ผมเดินไปเปิดประตู ห้องนอนไม่ได้ล๊อก ผมได้ยินเสียงดังในห้องน้ำ ไอ้เดี่ยวมันร้องเพลงในห้องน้ำประจำ เสียงมันดีใช่เล่นและผมก็วางแฟรซ์ไดรว์เอาไว้ที่โต๊ะเขียนหนังสือนั้น ผมพึ่งจะเห็นข้อความในมือถือของเดี่ยว

               (ขอบใจน่ะเดี่ยว สำหรับมือถือและพาเราไปทานก๋วยเตี๋ยว ขอบคุณที่เดี่ยวรู้สึกดีกับปูขนาดนี้ ขอบคุณจริงๆ น่ะ นอนหลับฝันดีนะเดี่ยว)

                 ผมรีบวางมือถือเดี่ยวลงทันที เพราะว่าคนในห้องน้ำกำลังจะเปิดประตูออกมาจังหวะที่ผมยืนอยู่ เดียวไม่ได้สวมเสื้อออกมาแค่ผ้าขนหนูพันกายแบบหมิ่นๆ มันทำให้ผมเห็นซีกแพคที่ชัดเจนกว่าตอนที่ผมสัมผัสซะอีก น้ำที่เกาะตามลำตัว เดี่ยวมันอาบน้ำ เดี่ยวมองหน้าผม ผมก็มองไอ้เดี่ยว นายแบบที่ผมถ่ายแบบด้วยยังชิดซ้ายเลย ไอ้ดิวกับไอ้เดี่ยวมันมันคล้ายกันมาก

                “ติ๊ก” เดี่ยวเรียกชื่อผมเบาๆ ยังคงมองผมอยู่ ต่างคนต่างตกใจ ไม่รู้ว่าตกใจในเหตุผลเดียวกันไหม

              “กูเอาแฟรซไดรว์มาให้เพลงมึงมีมันไม่เพราะ “ผมพูดแค่นั้นก็รีบหันหลังออกและผมก็รีบเปิดประตูออกไปทันทีเช่นกันและตรงไปที่ห้องนอนตัวเอง รีบปิดประตูเหมือนผมหนีอะไรมา ผมยืนเอามือกุมหน้าอกตัวเอง ใจผมมันสั่นบอกไม่ถูก ที่เห็นไอ้เดี่ยวแบบนั้น ไอ้เชี้ยเอ๊ย!!! ผมด่าตัวเองในใจ

TBC…..




ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.5ุ7 (ติ๊กXเดี่ยว)ช่วยเป็นแฟนต้นข้าว

                       Part's เดี่ยว ตื่นมาแต่เช้าแต่งตัวหล่อๆ เหมือนเช่นทุกวัน ก่อนออกจากห้อง ผมก็ไม่ลืมที่จะหยิบแฟรซไดร์ที่ติ๊กมาวางไว้ให้เมื่อคืนจะเอาไปเปิดฟังในรถต่อ ระหว่างที่ผมเดินลงมาชั้นล่าง ผมก็เห็นไอ้ดิว มันยืนรอผมอยู่คนเดียว ผมก็มองหาว่าไม่มีใครแล้วเหรอ รวมไปถึงติ๊กด้วย ดิวมันหันมามองผมก่อนจะหันไปมองรอบๆ ตัวมันเหมือนที่ผมทำเช่นกัน
                     “มึงมองหาใครวะ ถ้าไอ้แจ็ค บอย ไอ้หลุยส์และธรรณ์ล่ะก่อ เขาไปกันหมดแล้ว” ไอ้ดิวพูด ผมก็มอง จะมองหาเขาทำไมเพราะว่าเขาก็ไปคนละคันกับผมอยู่แล้ว ไอ้ดิวมองหน้าผมและมันก็ยิ้มกริ่ม ผมว่ามันก็คงรู้ดีว่าผมมองหาใคร
                     “อยู่ในห้องครัว เขาต้องดื่มเครื่องดื่มบำรุงผิวพรรณกันก่อนออกจากบ้าน” ไอ้ดิวพูดและสามหนุ่มเหลือน้อยก็เดินออกมาจากห้องครัวทันที
                      “อะไรไอ้ดิว กูได้ยินน่ะ กูดื่มโปรตีนโว้ย!!” ติ๊กเป็นคนแรกที่ถามไอ้ดิว
                      “เดี่ยว!! “พายเรียกผมแถมยังจะเข้ามาหาผมแต่ว่ามีคนดึงเอาไว้ซะก่อน คนนั้นคือติ๊ก
                      “มึงนี่ก็แสดงออกเกิ้น!! เก็บอาการบ้างเถอะมึง” ติ๊กพูดก่อนจะลากแขนพายและแอ้เดินออกไปทันที ไอ้ดิวมันมองหน้าผม ขยิบตากับผม ผมก็มองหน้ามัน มันก็ยิ่งขยิบตา ผมก็มองเพ้งเข้าไปในตาของมัน
                      “โอ๊ย!!” สุดท้ายผมต้องเป็นคนจับให้มันเลิกขยิบตา
                      “อะไรของมึง!” ผมถามไอ้ดิว ไอ้ดิวมันชะโงกมองสามคนนั้นเดินออกไป
                      “กูอยากไปกับแอ้ มึงช่วยกูหน่อยดิ” ไอ้ดิวมันกระซิบกับผม ผมก็มองหน้ามัน เอาอีกแล้ว แต่สายตามันอ้อนวอนผม ผมก็เลยใจอ่อน ผมสองคนรีบเดินตามสามหนุ่มออกมาทันพอดี ติ๊กหันมามองผมกับไอ้ดิว
                       "กูไปกับมึงนะแอ้ "ติ๊กบอกแอ้ทันที ผมหันไปมองไอ้ดิว ไอ้ดิวดึงผมถอยหลังออกมาก่อนจะทำท่ากระซิบกับผม //รถไม่มาหนึ่งคันวันนี้//ไอ้ดิวมันกระซิบกับผม ผมก็พยักหน้า
                       "ไม่ไปกับไอ้เดี่ยวละว่ะติ๊ก "ไอ้ดิวถามติ๊ก
                       "นั้นดิรถไอ้เดี่ยว...ก็มีอีกคัน "พายอีกคน แอ้ไม่ได้พูดอะไร ผมไม่เคยเห็นแอ้ขัดใจอะไรติ๊กเลยนะ
                       “มึงก็ไปกับมันดิ” ติ๊กหันมาบอกพายโดยไม่มองหน้าผม
                       "เออ ขอบใจนะ แฟรซไดซ์ที่ให้มานะกูไม่ดูหนังเอ็กซ์ในรถ"ผมพูด ติ๊กมันแค่ยักไหล่แต่ก็ต้องไถลเพราะว่าผมบอกมันคือหนังโป้
                       "กูให้ผิดอันไปเหรอว่ะ "ติ๊กมันรีบพูดและผมก็เดินหันหลังออกทันที

                       ผมรีบเดินไปขึ้นรถของผมที่จอดเอาไว้รีบเปิดประตูเข้าไปและก็มี่คนวิ่งตามผมมาติดๆ และรีบเปิดประตูเข้ามานั่งในรถผม ดูสีหน้าแล้วน่าจะโมโหที่ผมบอกว่าเขาโหลดหนังโป้มาให้ผมแน่ๆ ผมเหลือบมองผ่านกระจกมองหลัง ก็เห็นไอ้ดิวก็วิ่งขึ้นรถมันไปมันลากแขนไอ้แอ้ขึ้นไปด้วย ส่วนพายก็วิ่งขึ้นรถไอ้ดิวไปทันที
                      “มึงบอกว่ากูโหลดหนังโป้ให้มึงเหรอว่ะเดี่ยว “ติ๊กมันถามผม ผมก็ยักไหล่
                     "ไม่รู้ซิ แต่มันซี้ดซ้ดด สนั่นเลยอ่ะ ไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่าชอบแบบนี้ด้วย ะ"ผมพูดก่อนจะสตาร์ทรถ
                     "ไม่จริงอะ ไหนมึงลองเปิดดิ "ติ๊กพูดและหันมามหน้าผมและมองที่แฟลซ์ไดร์ในมือของผม
                     “เปิดเดี๋ยวนี้!!” ติ๊กบอกผมเป็นเชิงออกคำสั่ง ผมก็เสียบแฟล็ซไดร์และเลือกเมนูเปิด มันก็ขึ้นมาที่เพลงโปรดของผมทันที เพลงของพี่ตูน
           
อยากดีพอ ให้เธอได้มั่นใจ ปับ ปา ดับ ปับ ปับ ปา เย เย้
แต่ที่พอมี ก็แค่ทั่วๆ ไป มั่นใจ ปับ ปา ดับ ปับ ปับ ปา เย เย้
ความจริงคือเธอยังลังเล ยังไม่เทให้กันหมดหัวใจ
กังวลว่าเธอจะเจอใคร ที่รักเธอเหมือนกัน
ฉันก็เลยแค่ขอให้...เธอ…..
[/i]

                    "ไอ้เดี่ยว!!! "หันขวับมามองผมทันที ผมก็หันไปมองคนเรียกผม นึกว่าจะทำหน้าซึ้งเพราะว่าเพลงแต่ไม่ใช่
                    "โอ๊ย!! “เสียงผมร้องออกมาเพราะว่าติ๊กมันบิดหูผมสองข้างพร้อมกันเลย ผมรีบเอามือกุมหูตัวเองแทบไม่ทัน
                    "ปึก"เสียงปิดประตูของคนที่นั่งข้างๆ ผม แต่ทว่าเขาไปกันหมดแล้ว
                    “อ้าว! แล้วกูละ"ติ๊กพูดออกมาและมองไปรอบๆ
                    "ก็คันนี้ไง หรือจะเดินไปก็ดีนะ ฝุ่นก็แดง แดดก็ร้อน กว่าจะถึงคงจำสภาพเดิมไม่ได้แน่ "ผมพูด ติ๊กหันมามองหน้าผม
                    “ถ้าอย่างนั้นก็ยืนตัดสินใจไปก่อนแล้วกันนะ “ผมก็ค่อยๆ ออกตัว ติ๊กหันมาทำท่าจะก้าวเท้าขึ้น ผมก็แกล้ง ออกตัวอีก ขึ้นไม่ได้ และหยุด พอจะขึ้นออกตัวอีก
                    “เห้ย! มึงจะให้กูไปด้วยไหมไอ้เดี่ยว” ติ๊กทำท่าโมโห ผมเอียงหัวมองคนที่ยืนหน้ามุ้ย ทำไมเวลาโกรธถึงได้น่ารักแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้คนนี้ และนี้ก็คือสาเหตุที่ทำให้ผม ชอบแกล้งเขา
                    “อะจร๊าไม่แกล้งแล้ว ขึ้นเลย “ผมพูดผมหยุดรถแล้ว อีกคนขึ้นมาหน้างอมาเลย ผมก็เปิดฟังเพลงที่เขาโหลดมาให้ผมไปด้วยในแฟล็ชไดซ์ แต่ล่ะเพลงเพราะๆ ทั้งนั้นมีทั้งเพลงสนุกและเพลงเศร้า
                   "เพลงเพราะดีนะ ทุกเพลงเลย "ผมเอ่ยขึ้นและมองคนข้างๆ ดูน่าเศร้าๆ นะ
                   "อืมม"อีกคนตอบมา
                   "ไม่อยากมาด้วยขนาดนั้นเลยเหรอ"ผมถามติ๊ก
                   "เปล่านี่ "ติ๊กหันมามองผม และหันกลับไปกดเลือกฟัง ระหว่างที่ผมกำลังขับรถไปที่โรงเรียน ติ๊กก็ไม่ได้นั่งเปล่า หันไปเปิดนั้นดูนี้ในรถผมไปทั่ว ผมก็ขับไปและหันมาเหล่มองไปด้วย ค้นหาอะไรของเขานะ ทำยังกะว่าเป็นแฟนพยายามจับให้ได้ว่ามีกิ๊กหรือเปล่าอย่างนั้นแหละ
                    "รถรกมาก"ติ๊กบ่น เขาบ่นเหมือนแม่ผมไม่มีผิดเลย แม่ผมคือผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุด ผมพูดกับแม่ว่า ผมจะรักคนที่ผมรักให้เหมือนผมรักแม่ผม
                    "อะไรที่ไม่ใช้ทิ้งบ้าง จะเก็บไว้ชิงโชคเหรอ รถก็ดูดีนะ ภายนอกอะ" ติ๊กยังคงตั้งตาบ่นผมอยู่และจัดรถให้ผมไปด้วย แต่ผมกลับชอบ เพราะว่ามันทำให้ผมคิดถึงแม่ผม แม่บ่นผมทุกอย่างแต่บ่นเพราะท่านรักผม แล้วคนนี้ละบ่นเพราะอะไรนะ ผมอยากจะรู้
                   "คนขับก็ดูดีนะ ว่าไหม"ผมพูดคนที่จัดรถผมก็หันมาชำเลืองตามอง
                   "นิดหนึ่ง"ติ๊กพูด
                   "นี้รูปใครอะ"ติ๊กถามผมพร้อมกับหยิบรูปถ่ายออกมาจากลิ้นชักด้านหน้า ผมก็ชะเง้อมอง รูปถ่ายผมตอนเด็กๆ ผมถ่ายกับพ่อของผม
                   "รูปเราตอนเด็กๆ ถ่ายกับพ่อ ตอนไปหาพ่อที่ค่ายฯ แหละนั้นก็เป็นครั้งแรกที่เราได้เข้าไปในนั้น "ผมพูดบอกติ๊ก
                   “แล้วตอนนี้ละ พ่อนายน่ะไปประจำการที่ไหนเหรอ” ติ๊กถามผม ผมหันไปมองหน้าติ๊ก ผมนิ่งไปหลายวินาทีเหมือนกัน
                    “พ่อเราเสียไปแล้ว” ผมตอบติ๊ก ติ๊กหันมามองหน้าผมด้วยแววตาที่มันดูว่าเขาก็เห็นใจผม
                    "ตอนเด็กๆ อ้วนวะ แก้มป่องเลยอะ "ติ๊กพูดและมันก็ทำให้มต้องก้มลงดู รูปนั้นอีกครั้ง ตอนรถติดไฟแดงกลิ้นน้ำหอมอ่อนๆ โชยมาแตะจมูกผม ผมเผลอสูดเข้าไปเต็มปอด
                     "ปี้ปๆๆๆ "เวรแล้วไฟเขียว ผมรีบออกตัว ติ๊กมองผมค้าง
                     "น้ำหอมมันหอมน่ะ"ผมพูดเอามือเกาหัวแก้เขิน
                      "ชอบกลิ่นนี้เหรอ "ติ๊กถามผมและดมเสื้อต้วเอง
                      "อืม "ผมตอบในลำคอ
                      "ให้เอาไหม น้ำหอมอ่ะ มีเยอะ"ติ๊กหันมาพูดกับผม
                      "ไม่อะ…กลิ่นมันหอมแบบดูอ่อนหวานเกินไป "ผมพูดและทำให้คนฟัง แอบค้อนผมด้วย
                       "ไม่เห็นมีกลิ่นน้ำหอมเลย ไม่ฉีดบ้างเหรอ"ติ๊กยืนหน้ามาดมกลิ่นน้ำหอมที่ตัวผมขณะที่ผมกำลังขับรถ ผมนี้ตกใจเลย
                      “เว้ยย! ติ๊ก..ทำอะไรนะ?” กลับกลายเป็นผมเองที่เสียหลักคือมันเขินมาก ติ๊กเงยหน้ามองผมแว๊ปหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปจัดของต่อ
                      "ซื้อไม่เป็น"ผมตอบติ๊ก ตอนนี้มาถึงโรงเรียนแล้วแต่รถทุกคันจอดด้านนอกเหมือนปกติทุกครั้ง ผมก็เดินลงมาจากรถ ไอ้ดิวมันส่งสัญญาณว่าเข้าไปก่อน ผมหันมามองติ๊กที่กำลังเก็บขยะในรถผมใส่ถุงและออกมายื่นให้ผม
                       “เก็บไว้ชิงโชคฝาโองเหรอมึง” ติ๊กมันถามผม แต่ผมกลับไม่โกรธนะ ยิ้มให้ด้วย ผมรับถุงขยะมาจากติ๊กเพื่อจะได้เอาไปใส่ถังขยะ ขณะที่ผมกำลังเดินเข้าไปด้านใน สายตาผมก็เหลือบไปเห็นไอ้ต้นข้าวที่มากับใครก็ไม่รู้และมีไอ้บลูมาด้วย ผมมองดีดี นั้นมันไอ้กีตาร์นิ ที่มาส่งต้นข้าว ผมจำรถเก๋งมันได้ ไอ้นี่บ้านมันรวย ไอ้กีตาร์ มันมีพี่ชายชื่อซอ มีน้องสาวชื่อเปียโน บ้านนี้มีโรงเรียนสอนดนตรีและมีธุรกิจอื่นๆ อีก ผมกับติ๊กหยุดรอต้นข้าวเพื่อจะได้เข้าไปพร้อมกัน แต่เล่นเดินหน้างอคอหักมาแบบนี้ ผมพยักพเยิดให้ติ๊กมองต้นข้าว ไอ้ต้นข้าวมันเดินลากไอ้บลูออกมาและหันไปส่งนิ้วกลางให้ไอ้กีตาร์ ไอ้นี่มันหล่อและเท่แต่ผมว่ามันออกจะแนวโรคจิตไปหน่อยเหมือนเพื่อนมันไอ้ธงรบ
                        “แม่งทำไมซวยได้ขนาดนี้ว่ะ กู” ไอ้ต้นข้าวมันเดินบ่นงุ้งงิ้งๆ เข้ามาจนถึงพวกผม
                        “เป็นอะไรของมึง” ไอ้ติ๊กมันถาม ไอ้กีตาร์มันออกมายืนโบกไม้โบกมือให้ต้นข้าวอีก ติ๊กก็ชะเง้อคอมองและไอ้ต้นข้าวมันก็หันไปมองพร้อมกับนิ้วกลางให้แบบเต็มๆ ตา แต่ว่าไอ้คนที่ยืนนั้นมันกลับส่งนิ้วเลิฟยูกลับมาให้ไอ้ต้นข้าวแทน พร้อมกับส่งจูบด้วย ไอ้อ้นต้นข้าวหันมามองผมสองคน
                         “มึงดูดิ อะไรจะซวยขนาดนี้ ไอ้โรคจิตนี้แม่ง เป็นลูกของเพื่อนรักพ่อแม่กู” ไอ้ต้นข้าวพูด ผมสองคนถึงกับพยักหน้าพร้อมกับใช่แล้วซวยได้อีก
                         “พอดีครอบครัวไอ้บ้านี้เขาเพิ่งจะย้ายกลับมาและมันเพิ่งไปทานข้าวบ้านกูมาว่ะเมื่อวานนี้” ไอ้ต้นข้าวพูด
                         “และมันก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกับไอ้แชมป์อีก ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ที่มันจีบไอ้บลูอ่ะ ซวยซ้ำซวยซ้อน! “ไอ้ต้นข้าวพูดและหันมาเหล่มองไอ้ลูกบลูมันที่ยืนทำท่าสำนึกผิด
                         “แล้ว?” ติ๊กถามมั้นสองคน
                         “มันอยากให้กูไปเรียนโรงเรียนเดียวกับมันว่ะ ดูมันดิ มันพยายามใส่ไฟพวกมึงอีกและพ่อแม่กูก็กำลังจะหลงเชื่อมันอีก รอบที่แล้วดีที่พี่แฮกซ์ไปช่วยพูดให้กูเลยได้กลับมาเรียนแต่รอบนี้เจอไอ้นี่เข้าไปกูว่าพ่อแม่กูคงได้หาที่เรียนใหม่ให้กูแน่ๆ ว่ะ” ไอ้ต้นข้าวพูด ผมดูสีหน้ามันแล้ว มันคงเซ็งมาก
                         “โอ๊ยย เซ็งว่ะ!!” ไอ้ต้นข้าวพูด ติ๊กพยักหน้าก่อนจะหันมามองหน้าผม
                         “เอาอย่างนี้กูมีแผนว่ะ” ติ๊กพูดพร้อมกับหันมามองหน้าผมอีกครั้ง มองผมแบบชัดเจนมากกว่าผมถึงกลับชี้หน้าตัวผมเอง ผมนี่น่ะคือแผน ติ๊กพยักหน้า
                         “ให้ไอ้เดี่ยวมันเป็นแฟนมึง” ติ๊กพูด ผมกับต้นข้าวสะบัดหน้ามามองหน้าติ๊กพร้อมกันเลย
                         “ห๊ะ!!” อุทานพร้อมกันด้วย
                         “ไม่ต้องไปหาที่ไหน ไอ้เดี่ยวนี่แหละ” ติ๊กพูด ผมส่ายหัวไปมาทันที ผมว่ามันไม่เวิร์คหรอก ผมเคยเจอไอ้นี่ ไอ้นี่มันโรคจิตและมันก็ฉลาดมาก ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ได้ฉายามือแฮกขั้นเทพหรอก...ไอ้กีตาร์น่ะ
                         “ไอ้นี่มันไม่ใช่คนโง่ติ๊ก มันโคตรฉลาด มันไม่เชื่อหรอก” ผมพูด
                         “ทำไมอ่ะ มึงช่วยเพื่อนแค่นี้ไม่ได้เหรอ ห๊ะ!! “ติ๊กพูด พร้อมกลับยืนเอามือเท้าเอวมองผม สายตานี้ดุเดือดมากแล้วแบบนี้ใครจะกล้าปฏิเสธ ผมเลยต้องพยักหน้าหงึกๆ
                         “มึงทำเป็นว่ามึงเป็นแฟนไอ้ต้นข้าวมันหน่อย” ติ๊กกระซิบบอกผม ผมหันไปมองหน้าติ๊กจะดีเหรอ
                         “ช่วยมันหน่อยดิว่ะ เพื่อนกันหรือเปล่า” ติ๊กพูดผมหันมามองต้นข้าวที่ยืนหน้าบึ้งเอาว่ะ
                         “ให้ทำไงอ่ะ” ผมถามติ๊กกลับ
                         “ถือกระเป๋าให้กันและเดินจับมือ” ติ๊กกระซิบข้างหูผม ผมหันมามองเอาขนาดนี้เลยเหรอ
                          “เร็วดิ” ติ๊กมันพูดเชิงบังคับผม ผมสั่นหัวเล็กน้อยก้อนจะแบมือขอกระเป๋าไอ้ต้นข้าว ไอ้ต้นข้าวมันก็ทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถามใส่ผมทันที “?” ทำหน้างงและมองมือผมที่แบอยู่ตรงหน้ามัน
                          “อะไรของมึงอ่ะไอ้เดี่ยว” ไอ้ต้นข้าวมันถามผม ผมหันมามองไอ้ผู้กำกับ นักแสดงมันไม่รับบท
                         “ไอ้ต้นข้าว! ให้ไอ้เดี่ยวมันถือกระเป๋าให้มึงและทำเหมือนมึงกับมันเป็นแฟนกันไง "ติ๊กบอกต้นข้าว
                          "ทำไมว่ะ"ต้นข้าวมันถามติ๊กกลับ "แกล้งเป็นแฟนกันเพื่อไอ้โรคจิตนั้นมันรู้ว่ามึงมีแฟนเดี๋ยวมันก็เลิกตามมึงเอง” ติ๊กพูด ไอ้ต้นข้าวหันไปมองไอ้โรคจิตนั้นก่อนจะส่งกระเป๋ามาให้ผม
                         “ปึก” มันวางได้แมนมาก จนผมนี่แทบจะหน้าทิ่มตามแรงกดมันทันที
                          “วางเบาๆ ก็ได้ไอ้ข้าว” ผมบ่นอุบทันทีและก็เอามาถือให้ก่อนจะหันไปมองติ๊ก
                          “จับมือ” ติ๊กพูดผมก็มองหา
                          “ไหนละมือ” ผมถาม
                        “นี้ไงหรือมึงคิดว่านี่ขาหน้ากูล่ะ ไอ้เดี่ยว!” ต้นข้าวยื่นมาให้ผม ผมก็ต้องกุมมือแบบเกๆ กังๆ มันไม่ใช่คนที่ผมอยากกุมมือนี้ครับ
                          “แนบชิดหน่อยดิมึง” ติ๊กมันดันให้ต้นข้าวเข้ามาใกล้ชิดผมอีกและติ๊กมันก็เดินอยู่กับบลู มันยักคิ้วหลิ่วตากันสองคน ผมก็เดินผ่านนักเรียนที่หันมามองผมกันใหญ่เลย
                          “แฟนพี่ต้นข้าวคือพี่เดี่ยวเหรอวะ” แต่ละคนพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกใจจนกระทั่งผมมาเจอไอ้เด็กที่มันพาบลูไปกับมัน แน่นอนมันหันมามองผมกับต้นข้าวพร้อมทั้งยังแอบถ่ายรูปผมกับไอ้ต้นข้าว คงส่งไปให้ไอ้โรคจิตนั้นดูแน่ๆ พวกผมเดินมาถึงก็เห็นพวกไอ้ดิวมันยืนอยู่ มันเข้าห้องอาหารไม่ได้และผมก็ทำท่าจะปล่อยมือไอ้ต้นข้าว
                           “อย่าเพิ่งปล่อยมือไอ้ข้าวดิว่ะไอ้เดี่ยว!” ติ๊กบอกกับผม
                          “เพื่อว่าไอ้แชมป์มันอยู่แถวนี้ ผมหันมามองติ๊ก ตัวต้นคิด ผมกวาดสายตาไปรอบๆ ไม่เห็นมันแล้วเนี่ย
                          “ห้องอาหารปิดว่ะ น่าจะเป็นเพราะว่าตีกันเมื่อวานอ่ะ" ไอ้ดิวมันพูดก่อนจะหันมามองผมที่เหมือนเบ้ไอ้ต้นข้าวเลยแถมยังจับมือกันอีก ไอ้ดิวมันมองหน้าผมและมองมือผมที่กุมมือไอ้ต้นข้าวเอาไว้ ส่วนไอ้คนที่ผมกุมมือมันก็เดินมองไปรอบๆ ไม่ได้ทำหน้าฟินเหมือนคนเป็นแฟนกันสักนิด
                          “มึงจูงไอ้ต้นข้าวทำไมว่ะ กลัวมันหลงเหรอ” ไอ้ดิวมันถามผม ผมก็ก้มลงมองมือตัวเองที่กุมมือมันเอาไว้
                           “กูให้มันแสดงเป็นแฟนไอ้ต้นข้าว” ติ๊กเป็นคนพูด
                            “ฉิบหายแล้ว!” ไอ้ดิวมันสบถออกมาไอ้ต้นข้าวมันสะบัดหน้ามามองไอ้ดิวทันที
                           “นี้ชมเหรอ” ไอ้ต้นข้าวถามไอ้ดิว
                           “ไอ้ต้นข้าวมันบอกว่าไอ้โรคจิตที่พยายามแจกขนมจีบมันเมื่อวานน่ะ ไปกินข้าวที่บ้านมันและพยายามจะเกลี้ยกล่อมให้พ่อแม่ต้นข้าวมันย้ายต้นข้าวไปเรียนที่อื่นและไอ้โรคจิตนี้มันก็ชอบต้นข้าว กูเลยให้ไอ้เดี่ยวแสดงเป็นแฟนมัน” ติ๊กพูดและผมก็หันไปเจอพายที่เดินมากับแอ้
                             “เดี่ยวจร๊า” พายเดินตรงดิ่งมาหาผมก่อนเบรกสุดตัวจนหัวแทบทิ่ม
                             “เดี่ยว!! ทำแบบนี้ได้ยังไง นอกใจพายเหรอ” พายพูด
                             “หลักฐานเห็นๆ เลย ทำแบบนี้กับพายได้ยังไง ฮึก ฮึก ฮึก” พายแสดงได้เหมือนคนอกหักเลยจริงๆ ทำเอาคนที่เดินผ่านไปมาเริ่มหยุดมองผม พายเองก็เดินมานั่งกระหนาบข้างกับผมทันที ตอนนี้ผมคือคนกลางที่หนักใจมาก
                              “สงสัยต้องเพลงนี้แล้วแหละ” พายหันมามองไอ้ต้นข้าวก่อนจะหยิบเอาปากกาออกมาแทนไมโครโฟน
                              “เธอ หรือเธอบ่ฮู้จัก ว่าเขาคือคนฮัก ของเฮา มาแต่ดน เธอ คือจั่งหน้าด้าน หน้าทน แอบแชท แอบคอล ขอเบิ่งอีหยังกัน” เพลงขึ้นมาทันที ต้นข้าวสะบัดหน้าไปมองพาย ก่อนจะงัดเอาปากกาขึ้นมาบ้าง ไมโครโครโฟนเหมือนกัน อย่าบอกนะว่าจะแบทเทิลกันน่ะ ถามผมสักนิดเถอะ!!
                              “ตบมือข้างเดียวสิดังติ้ ถ้าแฟนเธอบ่มีใจ ถ้าฉันเล่น เขาปฏิเสธไป กะจบส่ำนั้น แต่นี่เขาบอกว่าเขา โสด อยู่ในโหมดแฟนตาย ไปหลายวัน แล้วเธอ สิให้ฉัน เฮ็ดจั่งได๋” ผมถึงกลับกุมขมับตัวเอง ต้นข้าวยืดอกยื่นล้ำมาขนาดนี้ และมีเหรอที่น้องพายจะยอมน้อยหน้า ยืดมายืดใส่ไม่โกง และสองคนหันมาประชันกัน ผมคนกลางที่ยืนตัวลีบ
                               “แต่ถ้าเธอฮู้แล้ว เธอสิเลิกอยู่เบาะ” น้องพายถามต้นข้าวกลับ
                               “บ่ เฮาเลิกบ่ได้ กะคนมีฮักหมดใจไปแล้ว) )) )” ต้นข้าวมันก็ร้องพร้อมกับทำมือด้วย การแบทเทิลกัน แถมยังทำฟุตฟิตใส่กันเอง กลิ่นปากตัวเองละซิ ผมเงยหน้าขึ้นมองทั้งคู่ ก่อนจะมองทุกคน ไม่มีใครจะช่วยห้ามศึกหน่อยเหรอ แต่ล่ะคนส่ายหัวพร้อมกับโบ้ยปากให้ผมนี่แหละเป็นกรรมการ
                                “พอ!!!” ผมต้องเป็นคนห้ามทับเองว่าให้พอเถอะ
                                “พอเถอะครับ!! ฉายาที่ใครก็ว่าโหด พังหมดแล้ว น่ะ ทั้งคู่เลย” ผมพูดก่อนจะมองทั้งสองคนพยักหน้าด้วยข้อร้องเลย ฉายาที่เขาล่ำลือกันของเดี่ยว และทั้งสองคนก็ยอมหยุดและสะบัดบ๊อบใส่กันก่อนจะถอยออกมาและพากันควงแขนผมซ้ายขวา ผมหันไปมองซ้ายทีขวาที ยังจะถอยกลับมาทีเดิมอีกเหรอ
                                 “อินเนอร์มาเต็มๆ ไอ้เดี่ยว เมียหลวงและเมียน้อยมึง” ไอ้ดิวมันพูด

                                    ผมหันไปมองรอบๆ เด็กๆ ห้องอื่นก็ยืนดูสองคนนี้แบทเทิลเพลงรักควรมีสองคนผมหันมามองไอ้ดิวขยิบตาว่าให้ทำอะไรสักอย่างดิและทั้งสองคนก็จับแขนผมไว้แน่นเลยไม่ยอมปล่อย ผมหันมามองไอ้ดิวอีกทีแต่ว่ามันก็ยักไหล่กลับมาว่าไม่สามารถ ผมหันมามองหาไอ้ผู้กำกับว่าให้มันสั่งคัตให้ผมที แต่ว่าหาไม่เจอ ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว ผมก็ไม่เห็นแอ้ ดังนันผมน่าจะเดาได้ว่าไปกับแอ้ ผมก็เลยค่อยๆ แกะมือต้นข้าวให้มันไปจับมือพายแทน ส่วนผมก็รีบถอนตัวเองออกไป ไอ้ดิวมันยืนรอผมอยู่แล้ว ดังนั้นผมก็รีบเดินออกไปไอ้ดิวทันที ผมขออนุญาตทิ้งเลยครับทั้งคู่ ไอ้ดิวมันหันมามองผม มันกลั้นหัวเราะผมด้วย
                              “เป็นไงล่ะ เขาให้ทำอะไรก็ทำ ยังไม่ทันได้เป็นแฟนเขาเลย มึยอมเขาขนาดนี้แล้ว “ไอ้ดิวพูด ผมถึงกลับเกาหัวแกร็กๆ คันที เพราะว่ามันตรงมาก ผมเองไม่เคยยอมใคร มีคนเดียวจริงๆ
                               “กูว่า…ไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่าว่ะ ที่สหกรณ์น่ะ พอจะมีขนมนิดๆ หน่อยแก้หิวว่ะ” ไอ้ดิวมันพูดและ
                         
                            ผมก็เดินแทรกตัวเข้าไปในสหกรณ์ของโรงเรียน ปกติจะมีแค่พวกสมุดปากกาแต่ว่าวันนี้มีพวกแซนด์วิชด้วย ครูคงรู้ว่าห้องอาหารอยู่ในสภาพที่เละมากแม่ค้าคงทำอะไรขายกันไม่ได้วันนี้ ผมกับไอ้ดิวก็หาซื้ออะไรทานกันจนออกมาก็เจอต้นข้าวกับพายที่ยังฟาดฟันกันไม่เลิกจนสัญญาณเข้าแถวดังนั่นแหละ ระหว่างที่ผมเดินผ่านคนอื่นๆ ไปเข้าแถวพายและต้นข้าวก็เข้ามาแย่งจะควงแขนผม
                          “ไอ้เดี่ยว ไอ้แชมป์มันยืนมองมึงใหญ่เลยว่ะ กูว่ามันต้องรายงานไอ้กีตาร์แน่ๆ เลยว่ามึงกับไอ้ต้นข้าวเป็นแฟนกันของจริง” ติ๊กเดินมากระซิบกับผม ผมก็มองสองคนที่ยื้อแย่งผมอยู่นี้
                          “ดูท่างานนี้มึงคงได้โชคสองชั้น ได้กินทั้งยอดข้าวและขนมพายไปพร้อมๆ กัน” ไอ้ดิวมันพูด ผมหันมามองพวกไอ้แจ็คที่เดินตามมาเข้าแถว มันก็มองผมด้วยสีหน้าประหลาดใจ
                           “มึงพ่นยาเสน่ห์ใส่ไอ้ต้นข้าวมันเหรอวะ” ไอ้แจ็คมันถามผม ผมอยากจะส่งนิ้วกลางก็ส่งไม่ได้ติดสองคนนี้ มีคนแอบขำผมอยู่ บอยและธรรณ์
                           “นักเรียนเข้าแถวค่ะ จะมายื้อแย่งอะไรกันนี่มันเวลาเข้าแถวหรือจะให้ครูพาเธอสามคนออกไปยืนเข้าแถวพิเศษด้านโน้น ไปแย่งกันตรงโน้นเลยดีไหมคะ!” คุณครูเดินมาแยกผมสามคนพอดี ผมแทบจะหันไปยกมือไหว้ขอบคุณจริงๆ และทั้งสองคนก็ถูกส่งไปเข้าแถวที่ด้านหน้าแทนให้ห่างจากผมสักพัก

                            ผมหันมามองติ๊กที่ชะเง้อมองหาว่าไอ้แชมป์มันจะมองผมอยู่ไหม ผมแอบสั่นหัวไปมา ทำไมผมรู้สึกน้อยใจแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ น้อยใจที่เขาพยายามให้ผมจีบคนอื่นอยู่นั่นแหละแต่เขาแสดงสีหน้าไม่พอใจถ้าเป็นปู จะว่าไปผมก็หันไปมองหาปูเหมือนกันแต่ว่าไม่เจอหรือว่าช่วยแม่ของป๊อดอยู่ ก็ไม่น่าจะใช้น่ะเพราะว่าวันนี้ห้องอาหารปิด ตอนบ่ายเดินไปหาที่ห้องดีกว่าผมแอบยิ้มกริ่มก่อนจะหันมาเจอคนที่ยืนมองผม เขาคงเดาสายตาของผมได้ว่าผมมองหาใครอยู่ ติ๊กหันหน้าไปมองทางอื่นทันที ผมยืนจนกิจกรรมหน้าเสาธงจบลง และพากันแยกย้ายขึ้นห้องเรียน ผมเดินแถวออกมาจนเจอเพื่อนของปูยืนอยู่
                             “เธอ ปูล่ะ” ผมถามผู้หญิงในกลุ่ม เธอหันมามองหน้าผมก่อนจะส่งยิ้มให้ผม
                             “ปูเหรอ เขาขอครูที่ปรึกษาเข้าสายน่ะเห็นบอกว่าต้องป้อนข้าวและป้อนยาแม่ก่อนน่ะเดี่ยว” เพื่อนของปูบอกผม ผมพยักหน้า ผมหันมาเห็นติ๊กเดินมาหยุดมองและเดินแทรกขึ้นไปทันที
                              “เราไปก่อนน่ะ ปูคงใกล้จะถึงแล้วแหละ” เพื่อนๆ ของปูคงรู้ว่าติ๊กไม่พอใจเลยพากันแยกตัวออกไป ผมหันไปมองคนที่เดินขึ้นไป ผมก็รีบเดินตามไปติดๆ
                              “หมับ” ก่อนจะรีบคว้าแขนเขาเอาไว้ ผมมองหน้าติ๊ก
                              “มีอะไรจะขึ้นห้อง” ติ๊กพูดโดยไม่มองหน้าผม
                              “ทำไมต้องแสดงอาการไม่พอใจทุกทีที่เดี่ยวถามหาปูด้วยล่ะ” ผมถามติ๊ก ติ๊กมองหน้าผม
                              “กูเหรอแสดงความไม่พอใจ คิดเองหรือเปล่า” ติ๊กพูดและทำท่าจะสะบัดมือผมให้ปล่อยแขนเขา
                               “หึงเหรอ” ผมถามติ๊ก ติ๊กมองหน้าผม
                               “หึงก็บอกดิ ถ้าไม่อยากให้ไปจีบคนอื่นก็บอกดิ แค่บอกมา จะเอายังไง” ผมบอกติ๊ก ติ๊กมองหน้าผมนิ่งๆ
                               “ใช่กูไม่อยากให้มึงจีบปู แต่กูอยากให้มึงจีบไอ้ต้นข้าว มันเหมาะกับมึงมากกว่า นี้ไงเหตุผล” ติ๊กพูด ประโยคนี้ทำให้ผมต้องปล่อยแขนติ๊กทันที จังหวะนั้นต้นข้าวเดินขึ้นมาพร้อมกับแอ้พอดี ส่วนพายน่ะเดินถ่ายทำวิดิโอเพื่อไปลงติ๊กต๊อกกับบลู ทุกคนหยุดมองผมกับติ๊กสลับกันไปมา
                               “นี้ไงที่มึงอยากให้กูบอก กูก็บอกแล้วไงเดียว ทำได้ป่ะล่ะ” ติ๊กพูดก่อนจะเดินขึ้นไปทันที แอ้มองหน้าผมก่อนจะเดินแทรกตัวขึ้นไปหาติ๊กก่อน ต้นข้าวก็เลิกคิ้วมองผมอีกคน
                              “เพราะกูหรือเปล่าว่ะ ถ้าใช่กูขอโทษว่ะเดี่ยว” ต้นข้าวพูด ผมสั่นหัวว่าไม่ใช่มันหรอก
                               “ไอ้คนที่มึงก็รู้ว่ามันปากแข็งอ่ะดิ” พายพูด
                                “ไปขึ้นห้องเถอะเดี่ยว” ดิวมันเดินตามมาผมไม่รู้ว่ามันได้ยินอะไรไหมแต่ว่ามันโอบไหล่ผมและพากันเดินขึ้นห้องไปเลย ผมนั่งเรียนตามปกติ พวกภาคินมันก็อยู่ในห้องเรียนรอพวกผมแล้วแต่ว่ามันดูเป็นมิตรมากกว่าทุกวัน จะว่าไปแค่ช่วยเด็กนั้นพวกมันถึงกับเปลี่ยนความคิดด้านลบกับพวกนี้ได้มากขนาดนี้เลยเหรอ ผมล่ะเชื่อเลยว่าพวกนี้มันมีดีกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ
                         TBC...


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.58 ภารกิจต่อไปของพวกผม(ครึ่งแรก)

                 Part’ s แจ็ค หลังจากที่พวกผมเสี่ยงตายเข้าไปช่วยน้องชายไอ้ภาคินออกมาจากดงฝ่าเท้าได้และพวกนั้นก็โดนจับส่งไปอบรมแก้ไขพฤติกรรมชอบยกพวกตีกัน ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปชั่วข้ามคืน พวกผมมีแต่คนยกมือไว้ทักทายจากรุ่นน้องของโรงเรียน ผมเหมือนเป็นฮีโร่พวกเขาเลย ผมทำให้พวกผมเริ่มใจชื้นขึ้นมาแสดงว่าภาระกิจของพวกผมคงใกล้แล้วซิน่ะ ใกล้ความจริงแล้ว
              “พวกเราขึ้นห้องกันเลยน่ะ แจ็ค” บอยหันมาบอกผม ผมพยักหน้า ผมเห็นดิวมันรอไอ้เดี่ยว ไอ้หลุยส์พยักพเยิดไปที่ติ๊ก
              “กูว่า มันกำลังยิงกระสุนนัดเดียวแต่ได้นกสองตัวอยู่ว่ะ” ไอ้หลุยส์พูด ผมหันไปมองไอ้หลุยส์ เลยปล่อยให้บอยกับธรรณ์เดินคุยกันไปก่อน ผมยังไม่เก็ตที่ไอ้หลุยส์มันพูดเท่าไหร่
          “อะไรของมึงว่ะ” ผมถามไอ้หลุยส์ทันที
              “กูว่าไอ้ติ๊กมันมีแผนซ้อนอยู่ด้วย เหมือนมันจะกำลังกันไอ้เดี่ยวจากปูอยู่ว่ะ” ไอ้หลุยส์พูด ผมหันมามองหน้าไอ้หลุยส์
             “เรื่องไอ้เดี่ยวกับปู เด็กๆ มันเริ่มรู้แล้ว มันก็คุยกันบ้างแล้ว ว่าเดียวจีบปู แต่คนปล่อยข่าวกูไม่แน่ใจว่าใช่ไอ้ป๊อดหรือเปล่าน่ะ” ไอ้หลุยส์มันบอกผม ผมพยักหน้า คิดไม่ถึงเลยเนี๊ยะ
             “และเรื่องไอ้ต้นข้าวเป็นแฟนไอ้เดี่ยว ถึงจะแฟนกำมะลอก็เถอะ คนพูดกันเยอะอีก ต้องเข้าหูปูบ้างแหละ” ไอ้หลุยส์พูด ผมสั่นหัวเลย ไอ้นี่ มันแผนชั่วชัดๆ
            “มันหึงแต่มันไม่ยอมลดอีโก้ “ผมพูด ผมรู้จักไอ้ติ๊กดี ระหว่างที่ผมเดินผ่านนักเรียน วันนี้มีแต่คนยิ้มให้พวกผม ตอนนี้พวกผมก็กลายเป็นฮีโรของนักเรียนหลายๆ คนไปด้วยเหมือนกัน
ผมเดินเข้าไปในห้องตามมาด้วยพวกภาคิน ที่เดินคุยกันสนุกสนาน ผมหยุดมองพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆ ใช่ครับผมกำลังมองหน้าไอ้หัวหน้าห้อง ผมยังไม่ได้ขอบคุณเลยที่เข้าไปช่วยผม
            “มองหาใครเหรอแจ็ค” บอยถามผม
            “มองหาไอ้หัวหน้าห้องไง บอย” ผมตอบ บอยเลิกคิ้วมองผมทันที
            “ก็ที่เข้าไปช่วยเราสองคนเอาไว้ไง” ผมพูด บอยพยักหน้าก่อนจะพากันเดินเข้าไปในห้อง เข้าไปหาที่นั่ง ไอ้ติ๊กมันเดินหน้างอคอหักเข้ามาก่อน เข้ามาถึงก็มานั่งทันที ตามมาด้วยไอ้เดี่ยวที่ ดูท่าจะงอนกันชัดๆ เลย ผมมองคนที่เดินตามมาอีก นั้นคือพาย ต้นข้าวและบลู

              ผมหันไปมองทั้งสามคน แต่ล่ะคนก็หยักไหล่และพยักหน้าไปที่ไอ้เดี่ยวพร้อมกัน นั้นแปลว่าคนที่เป็นต้นเหตุให้ติ๊กมันหน้างอคือไอ้เดี่ยว ผมเห็นไอ้เดี่ยวมันนั่งลงแบบกล้าๆ กลัวๆ ข้างๆ ไอ้ติ๊กอีก ใช่ครับเวลาไอ้ติ๊กมันโมโห น่ากลัวว่าหมาอีกน่ะผมว่า บอยหันมาพยักหน้ากับผม ให้หันมาเตรียมตัวได้แล้ว ไม่รู้ว่าวันนี้ครูพัฒน์จะเข้ามาหรือเปล่า
              “ถ้าพ่อรู้ว่าแจ็ค เริ่มทำให้ทุกอย่างดีขึ้นแบบนี้ พ่อณะ ต้องดีใจแน่ๆ” บอยพูด ผมหันมามองบอย
              “แล้วบอยล่ะ” ผมถามบอย
              “ดีใจซิเพราะว่ามันแสดงให้บอยเห็นว่า แจ็คโตและมีความรับผิดชอบในหน้าที่ สิ่งที่แจ็คได้รับ ได้แล้ว” บอยพูด ผมหันมายิ้มกับบอย
               “เฮ้ย!!วันนี้เลิกเรียนเร็วว่ะ ไปเตะบอลกันไหมวะ” จู่ๆ ไอ้โซ่มันก็ลุกขึ้นถามทุกคน
                “พวกมึงเตะบอลกันด้วยเหรอวะ” ไอ้ดิวมันลุกขึ้นถามไอ้โซ่ทันทีที่ได้ยินคำว่าเตะบอล ไอ้ดิวมันชอบเล่นฟุตบอล มันเก่งขนาดที่ว่าเกือบได้ติดทีมชาติแต่ว่ามันเป็นคนที่ไม่ชอบอดทนใครมาว่าพ่อกับพี่ๆ มันไม่ได้ เลยมีเรื่องจนมันไม่ได้ไปต่อแต่มาแบบนี้ มันก็คงคิดถึงทีมของมันบ้างแหละ
                “ชอบดิ แต่ไม่เคยเตะแบบจริงๆ จังๆ ว่ะ” ไอ้โซ่พูดหันมาบอกไอ้ดิว
                “ไอ้มาร์คนะมันเล่นเก่งว่ะ “เพื่อนอีกคนในห้องพูดขึ้น
                “ไอ้ว่านเห็นมันผอมบางมันเล่นบอลพิ้วนะโว้ย!” ไอ้มาร์คมันพูด ว่านหันมา
                “งั้นไปด้วยดิว่ะ กูอยากเล่นว่ะ กูชอบเล่นฟุตบอลว่ะ” ไอ้ดิวมันรีบทันที ผมเห็นว่าไอ้ดิวมันเข้ากับพวกนี้ได้เร็วมาก ดูมันคุยเล่นกันสนุกสนาน เหมือนรู้จักกันมานาน ผมหันไปมองไอ้เดี่ยว มันง้อไอ้ติ๊กสำเร็จแล้ว นั่งหัวติดกันทันที ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
                “กูถามหน่อยดิ วันก่อนใครทำการบ้านให้กูว่ะ ลายมือโคตรสวยเลยว่ะ ไอ้ว่าน” จู่ๆ ไอ้มาร์คมันก็ถามขึ้น พวกผมหันไปมองไอ้ติ๊กที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่กับหน้าจอของมัน
                “ทำไมวะ” ไอ้โซ่มันถาม
                “ลายมือสวยโคตรเลย มึงไปให้สาวที่ไหนทำการบ้านให้กูว่ะว่าน” ไอ้มาร์คมันคิดว่าสาวทำการบ้านให้ ไอ้คนที่ทำให้มันเงยหน้าขั้นมามอง ผมพยักพเยิดไปทางไอ้มาร์ค
                “มันถามว่าใครทำการบ้านให้มัน มึงไม่ใช่เหรอ” ผมถามไอ้ติ๊ก ไอ้ติ๊กมันพยักหน้าเข้าใจก่อนจะ
               “กูนี่แหละทำให้เอง! “ไอ้ติ๊กมันลุกขึ้นยืนเอามือเท้าเอวและพอไอ้มาร์คมันได้ยินมันก็สะบัดหน้ามามองไอ้ติ๊กและก้มลงมองสมุดเน่าๆ ของมันอีกที และหันมามองไอ้ติ๊กอีกครั้ง
               “ฉิบหาย! กูนี้เอาไปนั่งฝันนอนฝัน อยากเห็นหน้าเหลือเกิน อยากได้ทำเมียด้วยกู” ไอ้มาร์คพูด
               “ฮาๆ” พวกเพื่อนๆ ไอ้มาร์คพากันขำทันที
               “ไอ้เชี้ย สมุดมึงนะเน่ามาก มึงไปซื้อสมุดใหม่ได้แล้ว มีไหมเงินนะ ถ้าไม่มีกูนี่จะจ่ายให้เอง ไอ้ซกมกเอ๊ย!!” ไอ้ติ๊กมันพูดเชิงด่าไอ้มาร์ค
               “อยากได้มันเป็นเมียเหรอว่ะ “ผมตะโกนไปถามไอ้มาร์ค
               “ไม่เอาอ่ะ ดุฉิบหาย ได้มานี้กูว่าได้แม่มาเพิ่มอีกคนไม่ใช่ได้แค่เมียวะ” ไอ้มาร์คมันพูดและติ๊กก็หันไปหยิบกระดาษมาปั้นเป็นก้อนๆ ก่อนจะปาไปที่ไอ้มาร์ค โดนหัวมันเต็ม
               “ชั่วโมงนี้ วิชาอะไรวะ” ไอ้ต้นข้าวมันถามขึ้น
               “สังคมว่ะ” ไอ้บลูมันตอบ
               “เหมือนเดิม นั่งเล่นโทรศัพท์เหมือนเดิม ไง” พายพูด ผมหันมามองบอย เปิดก็หยิบเอาหนังสือที่ใช้ในการเรียนปริญญาออกมาอ่านแทน เนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ถามว่าผมเก่งภาษาอังกฤษไหม ผมเก่งครับเพราะว่าพ่อผมกับพี่จะพูดคุยกันเป็นภาษาอังกฤษซะส่วนใหญ่
                “มาแล้วครับ” ไอ้หัวหน้าห้องมันเดินเข้ามาในห้อง ทุกคนหันไปมองตามเสียงพร้อมกันหมดและไอ้หัวหน้าห้องก็พาตัวเองเดินเข้ามาในห้องอย่างสง่าผ่าเผย
                “เดี๋ยวๆ” ไอ้โซ่มันลุกขึ้นยืนและเรียกไอ้แว่นเอาไว้ ขณะที่มันกำลังเดินผ่าน ไอ้แว่นมันหันไปมองคนที่เรียก มันหาได้เกรงกลัวไอ้โซ่ไม่
                “กูถามจริงเหอะว่ะ มึงเป็นหัวหน้าห้องตอนไหนวะ พวกกูยังไม่รู้เรื่องเลยมึง” ไอ้โซ่มันถามนี่มันยังไม่รู้เหรอว่ามันเป็นตอนไหน
                “ตอนที่พวกคุณไม่มากันนะครับ” ไอ้แว่นมันตอบได้อย่างสุภาพมากและไอ้แว่นมันก็เดินมานั่งโต๊ะประจำของมัน

                   ตอนนี้บรรยากาศในห้องเรียนพวกผมดูคึกคักขึ้นเยอะเลย จากที่ต้องนั่งเก็งกัน มีหยอกเล่นกันผมชอบบรรยากาศแบบนี้มาก ผมยอมรับนะว่าผมไปเรียนมัธยมปลายที่เมืองนอก มันแตกต่างแต่ถามถึงความอบอุ่นแล้วผมชอบแบบนี้มากกว่า บอยก็คงเช่นกัน แต่บอยนะเรียนโฮมสกูลอยู่พักหนึ่งบอยบอกผมแต่บอยก็ไม่ได้บอกเหตุผลกับผมนะว่าทำไม ส่วนไอ้หลุยส์มันก็เรียนแต่โฮมสกุลเช่นกันตั้งแต่พ่อแม่โดนสังหาร
                 “สวัสดีครับ นักเรียน” จู่ๆ ก็มีเสียงคนเดินสับเท้าเข้ามายืนที่หน้าห้องเรียนของพวผมและทักทายพวกผม แต่พอพวกผมเงยหน้าขึ้นมอง ก็ต้องตกใจ
                “พี่ตุ๊!!!” พวกผมร้องเรียกพี่ตุ๊กันหมด พี่ตุ๊หันขวับมามองพวกผม เลิกคิ้วสูง ส่วนไอ้ติ๊กน่ะมัวแต่ กดโหลดเพลงกับไอ้เดี่ยว พอไอ้เดี่ยวมันง้อเข้าหน่อย ดีกันหันมาหัวชนกันเหมือนเดิม

                 ผมก็หันไปและสะกิดทั้งคู่โดยเฉพาะไอ้ติ๊ก แต่มันสะบัดแขนออก ยังอีกยังก้มหน้าก้มตาอีก พวกไอ้ภาคินมันก็ตกใจทำไมพวกผมถึงได้หันมานั่งเรียบร้อยกันหมด พี่ตุ๊หันไปมองพวกภาคิน พวกมันก็คงเริ่มรับรู้รัศมิอัลฟ่าลอยมาแต่ไกล มันพากันนั่งที่กันหมดพี่ตุ๊พยักหน้าให้ พี่ตุ๊หันมามองไอ้คู่ (รัก) ไม่รู้ตัวเลยคนรอบข้างเขารู้กันหมดแล้ว ทั้งคู่ยังคงก้มหน้าก้มตาช่วยกันกดมือถือ มันสวมแอร์พอร์ตอยู่เพื่อฟังเพลง พี่ตุ๊ก็เดินมาที่โต๊ะพวกผ และมาที่ตรงไอ้ติ๊กมัน ผมคงต้องปล่อยให้เป็นชะตากรรมของมันสองคนแล้วแหละทีนี้ พี่ตุ๊พยักหน้าให้ผมว่าพี่ตุ๊จะจัดการเอง
               “ทำอะไรกัน” พี่ตุ๊ถาม
               “โหลดเพลงไง กูว่าง” ไอ้ติ๊กมันตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองคนถามสักนิด พวกผมนี่ปาดเหงื่อแทนทันที แต่ว่าไอ้เดี่ยวมันเงยหน้าขึ้นมาก่อน มันก็ต้องอึ้งไปกับพวกผมที่นั่งกันเรียบร้อยจนเรียกว่าแทบจะพับเพียบเลยก็ว่าได้ ไอ้ดิวมันชี้พี่ตุ๊และชี้มาที่ไอ้ติ๊ก พร้อมกับแอบทำนิ้วเฉือนคอให้ไอ้เดี่ยวมันดู มันตายแน่งานนี้
              “หงึกๆ” ไอ้เดี่ยวมันสะกิดเรียกติ๊กทันที
              “ก็นี้ไงกูโหลดอยู่ไอ้เดี่ยว ก็ชั่วโมงนี้เขาให้ใช้มือถือประกอบในการเรียนโซเชียลมีเดีย “ไอ้ติ๊กมันเงยหน้าขึ้นมองไอ้เดี่ยวพวกผมหันหลังกลับกันหมด นั้นแปลว่าเรื่องของมึงแล้วติ๊กเอ๊ย
              “อะไร” ไอ้ติ๊กเสียงไอ้ติ๊กแต่พวกผมยังไม่กล้าหันไปมองมัน
               “เฮ้ย!!!!” เสียงร้องออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจของมันทั้งคู่
               “ครื้น!!” เสียงเก้าอี้ผมว่ามันกำลังจะออกวิ่ง
               “จะไปไหน!” พี่ตุ๊ถามไอ้ติ๊ก
               “มาได้ยังไงอ่ะ” ไอ้ติ๊กมันถามพี่ตุ๊
               “กลับมานั่งที่เดี๋ยวนี้!” พี่ตุ๊พูดพร้อมกับชี้นิ้วลงที่นั่งของมัน
               “และเก็บมือถือใส่กระเป๋าซะ ปิดเครื่องเลยจะดีมาก นี้เวลาเรียนไม่ใช่เวลาเล่นมือถือ” พี่ตุ๊พูด ไอ้ติ๊กมันถึงได้กลับมานั่งที่แบบกล้าๆ กลัวๆ
               “มือถือไม่ใช่หนึ่งในอุปกรณ์การเรียนของพวกเราทุกคน หนังสือ ปากกา ดินสอ ยางลบ ไม้บรรทัดอะไรพวกนี้ต่างหาก ที่ควรจะวางไว้เตรียมความพร้อม ทันทีที่ครูของพวกคุณเข้ามาสอน” ครูตุ๊พูดและพวกผมก็หยิบมือถือยัดลงกระเป๋ากันหมด
              “ยุกนี้ยุคไอที   ผมเข้าใจแต่แบ่งเวลาด้วย ไม่ใช่ถือตลอดเวลา ทำเป็นสังคมก้มหน้า ไม่ยิ้มไม่สบตาคนรอบข้าง” พี่ตุ๊พูดก่อนกวาดสายตามองไปรอบๆ ไม่มีใครมีมือถืออยู่บนโต๊ะแล้ว
              “พี่กูมาไงว่ะ” ไอ้ติ๊กมันหันมาถามพวกผม แล้วพวกผมควรจะถามใครละครับ
              “อะแฮม” เสียงกระแอมของพี่ตุ๊
              “หัวหน้าห้อง..เชิญครับ” พี่ตุ๊เรียกไอ้แว่น
             “นักเรียนทำความเคารพ” หัวหน้าห้องพูด
             “สวัสดีครับคุณครู “พวกผมทักทายพี่ตุ๊กัน แปลกใจใช่ไหมครับว่าทำไมไม่มีนักเรียนหญิงเลย เพราะว่าห้องนี้เป็นห้องที่ตกซ้ำชั้นกันยกห้องไง พวกภาคินโดนพักการเรียนยกห้อง และด้วยไม่มีใครอยากมาเสี่ยงด้วยเลยไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากมาเรียนห้องนี้กัน ห้องนี้เลยกลายเป็นห้องเรียนชายล้วน
               “ นั่งลงได้ครับ” พี่ตุ๊บอกพวกผม พี่ตุ๊หันไปนั่งที่ขอบโต๊ะก่อนจะหันไปมองรอบๆ ห้องตอนนี้เงียบมากจนเหมือนไม่มีใครอยู่ในห้อง แม้แต่เสียงลมหายใจยังเงียบเลย
                “สวัสดีครับ นักเรียนทุกคน ผมเป็นครูสอนวิชาสังคมคนใหม่และ เป็นครูที่ปรึกษาคนใหม่ห้องนี้ด้วยเช่นกัน ไม่ต้องทำหน้าดีใจกันขนาดนั้น” พวกผมหันมามองหน้ากันทันทีแต่ไอ้ติ๊กมันทำท่าจะร้องไห้ แน่นอนไอ้เดี่ยวมันทำหน้างงและชี้ไปที่ไอ้ติ๊ก
                “ดีใจจนพูดไม่ออกเลยเหรอ” พี่ตุ๊พูดพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบห้องและมาหยุดที่พวกผม
                 “ดีใจมากกกก” พวกผมพร้อมใจกันมากเช่นกัน เรียกว่าดีใจน้ำตาไหลเลยจะดีกว่า ตอนนี่พวกผมคงได้นั่งเกร็งกันหมด และยิ่งกว่าก่อนจะได้พวกภาคินมาเป็นเพื่อนซะอีกครับ พี่ตุ๊สายโหดแบบนิ่งๆ พวกพี่ๆ ผมไม่กล้ายุ่งแล้วพวกผมจะเหลือเหรอครับ หันมามองหน้ากันแอบปาดเหงื่อไปด้วย
                  “พี่ชายคนโตไอ้ติ๊กมัน” ผมกระซิบบอกไอ้เดี่ยว มันก็ทำตาโตยิ่งกว่าไอ้ติ๊กเข้าไปอีก
                  “คุยอะไรกัน “พี่ตุ๊หันมาถามพวกผม
                  “ไอ้เดี่ยวมันอยากรู้ว่าพี่เป็นใครนะครับ เอ๊ย ครูเป็นใครนะครับ” ผมพูด ไอ้เดียวมันหันมาทำท่าปฏิเสธ ว่าไม่ใช่
                  “ใครชื่อเดี่ยว ลุกขึ้นซิ” พี่ตุ๊เรียกไอ้เดียว ไอ้ติ๊กมันเงยหน้ามองไอ้เดี่ยว
                  “เราชื่ออะไร”
                  “กิตติศักดิ์ครับ…ผม” ไอ้เดี่ยวมันตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก กลัวพี่ชายไอ้ติ๊กเลยดิ
                  “คุณอยากรู้เหรอครับว่าผมชื่ออะไร” พี่ตุ๊ถามไอ้เดี่ยว
                  “เออ คือ ผม เออ ครับ ครู”
                  “ได้ ผมจะบอกให้ ผมชื่อ ภูริภัทร์หรือครูตุ๊ ผมเป็นผู้อำนวยการคนใหม่ของโรงเรียนนี้” พี่ตุ๊พูด
                  “ปึก ๆๆๆๆ” เสียงปากกาหลุดจากมือกันหมดทุกคน มันคงตกใจกันหนักมาก
                   “ผู้อำนวยการมาสอนเองเลยเหรอว่ะ” พวกภาคินมันพากันหันมากระซิบกระซาบกันเป็นแถว
                 “ใช่ครับ ผมจะสอนเองโดยเฉพาะห้องนี้” พี่ตุ๊พูดย้ำว่าเฉพาะห้องนี้
                  “จะดูแลอย่างดีเป็นพิเศษ” พี่ตุ๊พูด เน้นด้วยว่าเป็นพิเศษ
                  “เอาละ ผมจะเข้าเรื่องก่อนนะ เมื่อวานห้องนี้หายไปไหนกัน ทั้งห้อง” พี่ตุ๊ถาม พวกผมก้มหน้าลงไม่กล้าตอบครับ
                  “ไม่ตอบ ผมถามว่าพวกคุณหายไปไหนกันมาเมื่อวาน!!” พี่ตุ๊ขึ้นเสียงถามพวกผมอีกครั้ง
                  “อย่าให้ต้องถามอีกรอบ ไม่อย่างนั้นผมจะทำโทษ ทั้งห้อง” พี่ตุ๊พูดและมองหน้าพวกผม
                  “ไม่มีใครตอบครูใช่ไหมครับ “พี่ตุ๊นั่งเอาปากกาเคาะฝ่ามือ เหมือนกับว่ากำลังนับ
                  “ไปบ้านพี่ที่เรียนที่นี้ครับ” ไอ้ภาคินมันลุกขึ้นตอบแทน
                  “หนีเรียนด้วยใช่ไหม นายภาคิน” พี่ตุ๊ถามพร้อมกับมองหน้าทุกคนเรียงตัวเลย
                  “ครับ” ภาคินตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วๆ
                  “เห็นห้องอาหารของโรงเรียนกันไหมครับ” พี่ตุ๊ถาม ผมหันมามองหน้ากัน เห็นตั้งแต่เมื่อวานเลยแหละ เละมากกก
                 “มันเละมาก เละจนนักเรียนนั่งกันไม่ได้ เพราะว่าฝีมือพวกเรา และพี่พอจะทราบเหตุผลว่าทำไม แต่ถึงยังไงก็ต้อง
                 “ทำโทษ” พี่ตุ๊ลุกขึ้นและเดินมาทางพวกผม ใช่ครับ ผมเห็นห้องอาหารปิดไม่ให้เข้าไป แน่ละสภาพเมื่อวานมันลงเละเทะน่าดู
                 “ดังนั้น ลุก!”พี่ตุ๊พูด พวกผมลุกพร้อมกันทั้งห้อง
                   “ ฝั่งนั้นน่ะ ลุกขึ้น ไม่ใช่ฝั่งนี้” พี่ตุ๊พูดว่าให้ฝั่งทางพวกผมลุกแต่บอกไม่ใช่ฝั่งพวกภาคินลุก พวกผมก็ลุกขึ้นทำหน้างงๆ กัน พวกไอ้ภาคินมันก็หันมามองผมกันหมด
                  “ไปทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนเที่ยง “พี่ตุ๊บอกให้พวกผมไปทำความสะอาดให้เสร็จก่อนเที่ยงด้วย
                 “อุปกรณ์ผมเตรียมเอาไว้ให้หมดแล้วเชิญครับ” พี่ตุ๊พูดพร้อมกับผายมือให้พวกผม
                 “อะไรอะพี่ตุ๊” ไอ้ติ๊กมันทำท่าจะค้านพี่ตุ๊หันมามองหน้า
                 “ครูตุ๊” พี่ตุ๊พูดและมองหน้าติ๊ก
                “ครูตุ๊ ดุชะมัดเลย เดี๋ยวฟ้องเจ้าของโรงเรียนเลย “ไอ้ติ๊กพูดด้วยท่าที่เง้างอน แต่ก็เดินออกตามพวกผมออกมา
                 “ตอนนี้ผู้อำนวยการใหญ่สุด ไปได้แล้ว เร็วๆ เลยนะ ทำให้สะอาด” " พี่ตุ๊พูด พวกผมหันไปมองพวกภาคินกัน
                  “ส่วนที่เหลือ ครูจะให้ทำรายงานแทนก็แล้วกัน ให้หัวหน้าจับคู่ให้ ทำรายงานเป็นคู่ รันตามเลขที่นั่ง” พี่ตุ๊พูด
                   “พวกเราก็มาตามงานกับหัวหน้าห้องเอาน่ะ ทำหลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จ” พี่ตุ๊บอกพวกผมขณะที่พวกผมกำลังเดินออกมาพร้อมกัน หันมามองหน้ากัน เกิดมาไม่เคยเลยไม่เคยทำความสะอาด ทำไงว่ะ เนี๊ยะ!
                “โทรขอคนใช้พ่อมาทำแทนทันไหมว่ะ” ไอ้ติ๊กมันพูด
                 “ยืนทำอะไรกันรีบไปซิ เดี๋ยวก็ไม่ทันตอนเที่ยง ถ้าไม่เสร็จก่อนเที่ยง จะให้ไปทำด้านหน้าต่ออีกนะ” พี่ตุ๊ออกมายืนมองพวกผมที่ยืนหันซ้ายแลขวาอยู่หน้าห้อง ผมหันไปมองพี่ตุ๊ก่อนจะพากันวิ่งลงไปอย่างเร็ว เพราะว่านี้มันก็สิบโมงเข้าไปแล้ว

               พวกผมลงมาก็เห็นอุปกรณ์ทำความสะอาดถูกวางอยู่ที่ด้านหน้าห้องอาหาร ผมยืนมองอุปกรณ์ทำความสะอาดเหล่านั้นก่อนจะหันมามองไอ้ต้นคิดเมื่อวานเป็นไงละ ไอ้หลุยส์ และพวกผมก็เข้าไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดกันแบบเก้ๆ กังๆ ก็คนมันไม่เคยทำ แต่พวกแอ้มันคงเคยมันเลยรู้ว่าทำอะไรกันบ้าง ไอ้บลูไอ้ต้นข้าวด้วยเพราะดูจากท่าทางที่ทะมัดทะแมงกว่าพวกผม
พวกผมเริ่มเข้าไปทำความสะอาด ไปปัดกวาดเช็ดถูกัน และจู่ๆ ก็มีคนมาสมทบช่วยพวกผมกัน เริ่มจากไอ้หัวหน้าห้องก่อน และพวกภาคิน สักพักผมเริ่มได้ยินเสียงดังเอะอะมาจากด้านนอก อย่าบอกนะว่ามันตีกันอีกนะ ผมหยุดฟังกันทั้งหมด ส่วนพวกภาคินมันก็หัวเราะพวกผมกัน
               “เด็กบนตึกและรุ่นพี่ เขาลงมาช่วยกันทำด้านนอกว่ะ” ไอ้ภาคินมันพูด พวกผมก็ต้องหูผึ่งซิครับ ไม่คิดว่าพวกมันจะรักโรงเรียนกันเป็นด้วย ผมหันไปเห็นพวกไอ้ดิว ไอ้เดี่ยว ติ๊ก พาย และก็แอ้ มันหยอกล้อเล่นกับพวกไอ้โซ่ ไอ้มาร์คและคนอื่นๆ ในห้องและช่วยกันทำความสะอาดไปด้วย
“อย่างน้อยก่อนจะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย เราก็ยังได้มีความทรงจำดีดีเกิดขึ้นที่นีน่ะแจ็ค “บอยหันมาพูดกับผม ผมพยักหน้าว่าใช่
               “บอยคือหนึ่งความทรงจำดีดีของแจ็ค ขอบคุณนะที่กลับมาในช่วงเวลาแบบนี้” ผมหันมาบอกบอย ผมเห็นบอยมีเหงื่อออกผมก็เลยล้วงกระเป๋าไปหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้
                “วี้ดวิ้ว” พวกไอ้โซ่มันแซวผม
                “แปะๆ” ครูพัฒน์เดินเข้ามาหาพวกผม
               “ใกล้เสร็จกันหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วไปรวมตัวกันที่โรงยิมเลยนะทุกคน พี่ตุ๊มีเรื่องจะพูดด้วย” พวกผมหันไปทางครูพัฒน์และพากันพยักหน้าเพราะว่าใกล้จะเสร็จแล้ว

                 พวกผมเดินมาที่โรงยิม โรงยิมที่ทันสมัยแต่แทบจะไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ ผมเห็นมีนักเรียนทุกห้องมารวมกันที่นี่ ครูอาจารย์ด้วย ระหว่างที่เดินมา ผมเห็นสิ่งเปลี่ยนแปลงนั้นคือ โรงเรียนกลับสู่สภาพเดิม จากที่เมื่อเช้าเรียกว่ากระจัดกระจายเต็มไปหมดทั้งขยะล้มระเนระนาดไปหมด ขยะนี่เกลื่อนเลย ผมเห็นภารโรงช่วยกันเก็บ แต่สภาพตอนนี้เรียบร้อยแล้ว ผมเดินไปนั่งแถวตามลำดับชั้นเรียน เจอพี่ๆ ก็ยกมือไหว้ ผมก็ไม่รู้อายุเขาเท่าไหร่แต่พวกผมนะ18 ปีกันแล้ว และจบม.6กันหมดแล้วด้วย ผมได้เริ่มเรียนปริญญาตรีออนไลน์กันแล้ว มหาลัยที่พวกผมเรียนอยู่ต่างประเทศ ส่วนใหญ่เขาให้เริ่มออนไลน์ก่อนและค่อยเข้าไปเรียนในมหา'ลัยช่วงหลังๆ
                “สวัสดีครับ ครูอาจารย์ทุกท่านและนักเรียนทุกคน ผมครูตุ๊ ผมมาทำหน้าที่ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป “พี่ตุ๊คุณไปบนเวที
                “จากเหตุการณ์เมื่อวาน ครูรู้สึกเสียใจและผิดหวังที่สถานศึกษาแห่งนี้ ที่ควรจะเป็นทีที่มีแต่นักเรียนมาเรียน มาหาความรู้ แต่เมื่อวาน ที่ตรงนี้ไม่ต่างอะไรกับสนามมวย มีแต่อันตพาลเข้ามา” พี่ตุ๊พูด
                “ครูหวังว่าเหตุการณ์เมื่อวานจะเป็นเหตุการณ์สุดท้ายและครูหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นกับโรงเรียนของเราอีก” ครูตุ๊พูด พวกผมก็หันมามองหน้ากัน
               “แต่วันนี้มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมอยากจะรักษาโรงเรียนนี้เอาไว้ให้นักเรียนที่ต้องการมาหาความรู้ ได้ใช้เป็นสถานที่ศึกษา นั้นก็คือ ความร่วมมือร่วมใจกัน ของทุกคน ครูขอขอบคุณที่พวกเราช่วยกันทำความสะอาด จนโรงเรียนเรากลับมาสู่สภาพที่เรียกว่า นี่คือโรงเรียนอีกครั้ง” ครูตุ๊พูด
                 “ดังนั้น วันนี้ครูก็มีรางวัลให้ วันนี้ห้องอาหารใช้การไม่ได้จึงไม่มีแม่ค้าพ่อค้ามาขายอาหารกัน ดังนั้นครูจึงสั่งพิซซามาให้ทานกัน หัวหน้าห้องแต่ละห้องทำการนับจำนวนเพื่อนในห้องเรียนและเดินไปแจ้งครูทางด้านโน้นเลยนะครับ “ครูตุ๊พูด ผมเห็นไอ้แว่นมันเดินนับทุกคนแล้ว
                “ปู” ไอ้เดี่ยวมันลุกไปเรียกปู ส่วนไอ้ติ๊กมันก็ลุกแต่ไปนั่งที่อื่นแทน
                “ตกลงเพื่อนมึงมันจะเอาใครกันแน่ว่ะ” ผมหันไปถามไอ้ดิวเพราะว่ามันนั่งใกล้ๆ ผม แอ้มันนั่งคุยกันกับไอ้ต้นข้าว ไอ้บลูอยู่ระหว่างที่กำลังนั่งรออาหารกลางวันนั้นคือพิซซ่า
               “มึงว่ามันชอบใครละ” ไอ้ดิวมันหันมาถามผม
               “กูว่าไอ้คนที่มึงก็รู้ว่าใครวะและคนนั้นก็ชอบเขาน่ะแต่มันปากแข็ง” ผมหันไปพูดพร้อมกับพยักพเยิดไปที่ไอ้ติ๊ก ตอนนี้มันเปลี่ยนไปนั่งกับแอ้อีกแล้วตั้งแต่ได้ยินไอ้เดี่ยวเรียกหาปูนั่นแหละ ไอ้ดิวก็หันมาพยักหน้ากับผม
                 “เออ กูก็ดูออก แต่ว่าคนของมึงแม่งอีโก้สูงว่ะ” ไอ้ดิวมันพูด ก่อนจะหันมายักคิ้วเท่ๆ ให้ผม
                 “กูก็เห็นด้วยว่ะ “ไอ้หลุยส์มันก็โพล่งขึ้นมาบ้าง ไอ้เดี่ยวมันเดินกลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม ส่วนอีกคนนี้หน้าบึ่งมากคือไอ้ติ๊ก
                “ไอ้ดิว คู่อริมึงมาว่ะ “ผมสะกิดให้ไอ้ดิวมองพี่ภาณุ พี่เขาเดินตรงมาแล้ว อย่าบอกน่ะว่าตรงมาทางนี้ ไอ้ดิวมันตั้งท่าจะลุกแล้วด้วย ไอ้แอ้มันหันมามองไอ้ดิว อย่าพึ่งมีเรื่องกันน่ะวันนี้พี่ตุ๊อยู่ด้วย ตายแน่ๆ ผมคิดในใจ แต่ผมว่าพี่ภาณุที่ดูสุขุมแบบนั้นไม่น่าจะอยากมีเรื่องด้วยหรอก
             TBC….
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2024 07:00:53 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.58.1ภารกิจต่อไปของพวกผม(ครึ่งหลัง)

              Part’s แจ็ค ผมสะกิดให้ไอ้ดิวมองพี่ภาณุ พี่เขาเดินตรงมาแล้ว อย่าบอกน่ะว่าตรงมาทางนี้ ไอ้ดิวมันตั้งท่าจะลุกแล้วด้วย ไอ้แอ้มันหันมามองไอ้ดิว อย่าพึ่งมีเรื่องกันน่ะวันนี้พี่ตุ๊อยู่ด้วย ตายแน่ๆ ผมคิดในใจ แต่ผมว่าพี่ภาณุที่ดูสุขุมแบบนั้นไม่น่าจะอยากมีเรื่องด้วยหรอก
          “เชี้ยเอ๊ย!! ทำไมแม่งต้องมาเจอไอ้พี่ภาณุที่นี้ด้วยว่ะ เพื่อนรักพี่แอร์อีก “ไอ้ดิวมันสบถออกมาผมหันมามองหน้าไอ้ดิว
          “กูเคยมีเรื่องกับไอ้พี่ภาณุ พี่เขาเรียนโรงเรียนเตรียมทหารกับพี่แอร์” ผมมองไอ้ดิว เรียนเตรียมทหารแล้วมาโผ่อะไรที่นี้ งงเลยผม
           “กูก็ไม่รู้จริงๆ ว่ะ ช่วงหลังๆ กูไม่ค่อยได้เจอพี่แอร์ พอเกิดเรื่องไม่ได้เจอเลย ดังนั้นไอ้พี่ภาณุมาที่นี้ได้ยังไง กูก็ไม่รู้ว่ะ” ผมพูด
           “เขาจะให้กูตั้งชมรม ว่ายน้ำ กูถามให้ไหมวะ” ผมบอกไอ้ดิว มันแค่หยักไหล่ไม่เชิงว่าอยากรู้ ผมหันไปมองคนที่เดินตรงปรี่มา ผมเดาได้ว่าไม่ได้มาหาผมหรอกและหลังมานี้ผมแทบจะไม่ได้เจอพี่แกเลยด้วย
            “พี่ภาณุสวัสดีครับพี่ มาหาผมหรือว่ามาหา…ใครครับ” ผมถามพี่ภาณุทันที ไอ้ดิวมันแอบส่งนิ้วกลางให้ผมก่อนจะหันไปส่งยิ้มแบบกวนได้อีกให้พี่ภาณุ
            “มาหาแจ็คก่อนน่ะ ส่วนอีกคน… “พี่ภาณุพูดและหันไปมองหาแอ้ ไอ้ดิวมันหันไปชำเลืองตามอง นี่คือแสดงอาการว่าหึงแน่นอน
            “แจ็ค นี่ต่อ ต๋อง เขาเคยเป็นนักว่ายน้ำประจำโรงเรียน สองคนนี้เก่ง ต่อถนัดท่ากรรเชียง ต๋องฟรีสไตล์ พี่ว่าเราน่าจะลองมาตั้งชมรมดูนะ” พี่ภาณุพูดแนะนำคนที่มากับพี่เขาด้วย ผมพยักหน้าทักทาย
            “ผม…” ผมทำท่าคิด
            “ผมขอคิดดูก่อนนะพี่ภาณุ ถ้าจะให้ผมสนับสนุน ผมยินดีนะแต่จะให้ผมร่วมลงแข่ง ผมขอคิดดูก่อนนะพี่ ตอนนี้ผมกำลังเรียนออนไลน์อยู่ ผมคงไม่ค่อยมีเวลาซ้อม” ผมพูด พี่เขาก็พยักหน้า
            “ถ้ายังไงเราคุยกันอีกทีนะแจ็ค พี่อยากจะให้ชมรมว่ายน้ำจองโรงเรียนนี้กลับมาทำชื่อเสียงอีกครั้งและเพื่อให้รุ่นน้องต่อไป” พี่ภาณุพูด
             “แอ้…” พี่ภาณุหันเรียกแอ้ แต่ไอ้ดิวมันลุกไปถึงแอ้ก่อน มันไวมากจนพวกผมสะบัดหน้าไปมองว่ามันลุกไปตอนไหน ทั้งที่มันยังนั่งใกล้กับพวกผมอยู่เลยเมื่อสักครู่
                “แอ้ไปซื้อน้ำกัน “ดิวมันลากแขนแอ้ลุกไปหน้าตาเฉย พี่ภาณุก็ได้แต่ยืนมองทำหน้างง ผมก็หันมาแปะมือกับไอ้หลุยส์ งานนี้ไม่เรียกหึงก็หมาหวงก้างแล้วแหละผมว่าน่ะ พี่ภาณุหันมายิ้มเจื่อนๆ ให้ผมก่อนจะหันไปคุยกับสองคนที่มาคุยกับผมก่อน แสดงว่าเอาไอ้สองคนนี้มาบังหน้าว่ามาคุยกับผมแต่จริงๆ จะมาหาแอ้
                “นี้ครับ พิซซ่าห้องเรา” หัวหน้าห้องมันหอบพิซซ่ามาวาง หลายถาดเลย
                “เฮ้ย!! พิซซ่ามาแล้วว่ะ “พวกผมเรียกพวกไอ้ภาคิน ให้มันลุกมา ไอ้เดี่ยวมันก็ยืนรอไอ้ติ๊ก แต่ติ๊กมันเล่นตัวทำเป็นไม่ยอมเดินมาจนไอ้เดียวมันเดินไปลากแขนมาแทน
                “ไอ้ว่าน” น้องชายไอ้ภาคินเดินมาเรียกไอ้ว่าน ตั้งแต่ที่พวกผมช่วยมัน มันก็ยังไม่โผ่หัวมาขอบคุณพวกผมสักคำ ผมหันไปมองหน้าไอ้เด็กคนนั้น ผมนี้ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไอ้เด็กม. 2 คนนี้น่ะแฟนไอ้ว่านมัน ดูมันทำตัวก่าง แถมมันไม่เคารพไอ้ว่านทีแก่กว่ามันสักนิดเลย ผมว่ามันแปลกๆ
                “ไอ้คีย์” ไอ้ภาคินมันเรียกน้องมัน พวกผมไม่รู้ว่ามันชื่อเล่นว่าคีย์ ปกติใครก็เรียกไอ้ไนย์กันและภาคินมันก็ควักมือเรียกน้องชายมันเข้ามาด้วย
                “มึงขอบคุณพี่เขาหรือยัง ที่ช่วยไม่ให้มึงถูกกระทืบตายน่ะ “ไอ้ภาคินมันถามน้องชาย น้องมันมองหน้าพวกผมได้กวนตีนมากๆ แต่ก็
                  “พรึบ” มันยกมือไหว้พวกผม แบบเสียมิได้
                  “ขอบคุณครับพี่” ดูมันพูดขอบคุณ ไอ้หลุยส์มันยักไหล่แค่นั้น
                 “มึงจะเรียกว่านไปไหน พวกกูจะกินกันแล้ว ให้มันกินอะไรกันก่อนดิว่ะ “ไอ้ภาคินมันพูดต่อว่าน้องชายมัน
                 “เออ “มันพูดแค่นั้นและเดินออกไป ว่านมันเดินกลับมาหาภาคินทันที
                   “ตกลงไอ้ว่าน มันเป็นแฟนคนพี่หรือคนน้องกันแน่ว่ะ” ไอ้หลุยส์มันพูด ผมนั่งไขว่ห้าง พร้อมกับพยักหน้าว่าเห็นด้วยกับไอ้หลุยส์มันเพราะดูว่านมันติดกับไอ้ภาคินมากกว่าไอ้ภาคิไนย์ซะอีก
             บอยและธรรณ์เดินไปตักพิซซ่ามาให้ผม ดูจากหน้าตาแล้วแสดงว่าสั่งจากโรงแรมพ่อพี่ตุ๊เขามาแน่ๆ และจังหวะนั้นไอ้ดิวมันเดินกลับมานั่งพร้อมแอ้ ไอ้เดี่ยวมันก็ได้จังหวะที่แอ้ลุกไป มันรีบเข้าก็นั่งตัวติดกับไอ้ติ๊กทันที เผลอแป๊บเดียวมันดีกันเร็วจริงๆ และยังนั่งดูเพลงโปรดในมือถือหัวชนกันทันที พวกผมทานกันไปคุยกันไป ทำให้รู้จักพวกไอ้ภาคินกันมากขึ้น
                     “ไง “ผมเงยหน้าขึ้นมาก็เจอผู้อำนวยการโรงเรียน นั้นก็คือพี่ตุ๊ เดินมาบนนั่งโต๊ะมองพวกผม เหมือนกับว่ามีเรื่องจะคุยกับพวกผม
             “พี่มีเรื่องจะคุยด้วย ทุกคนเลย แต่ไม่เป็นไร คุยกันไปทานไปได้” พี่ตุ๊พูด พี่พัฒน์เดินมายืนข้างๆ พี่ตุ๊
                                 “ก่อนอื่นขอบใจพวกเราน่ะ ที่ช่วยเด็กโรงเรียนที่ถูกโดนรุมทำร้ายเอาไว้ได้ ว่าแต่เด็กคนนั้นเป็นน้องชายใครนะ?” พี่ตุ๊พูดขอบคุณพวกผมและถามหาน้องไอ้ภาคิน
                                “น้องชายผมเองครับ” ภาคินยกมือขึ้นก่อนจะตอบ พี่ตุ๊ พี่เขาก็พยักหน้าแค่นั้น
   “โอเค “พี่ตุ๊พูดก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ
   “พี่อยากให้พวกเรานะทำผลงานอีกอย่างได้ไหม “พี่ตุ๊พูดผมหันมามองหน้ากันหมด
                               “พี่จะให้พวกผมไปท้าดวลกับใครอีกเหรอครับ” มีคนยกมือขึ้นมาถาม พวกผมหันไปมองไอ้คนที่ถามคือไอ้โซ่ ผมพากันทำนิ้วเฉือดคอใส่มัน ไอ้นี้มึงกล้ามาก พวกผมยังไม่กล้าเลย พี่ตุ๊ยกมือเอาไว้ก่อน
                 “ไม่ต้องแล้ว รอชุดที่ไปอบรมกลับมาก่อน คราวนี้ก็ไม่มีใครอยากมาท้าดวลแล้วและถ้ามีอีก พี่คงส่งพวกเราไปแทนน่ะ น่าจะตัวต้นเหตุ” พี่ตุ๊พูด นั้นไงไอ้โซ่รีบนั่งลงทันที
                              “อยากไปไหมล่ะ มีแต่ความสนุกรอมึงอยู่” ไอ้ดิวหันไปพูดกับไอ้โซ่
                             “ไม่เอาดีกว่าผม ผมรักเรียน” ไอ้โซ่พูด
                             “เหรอ!!!” ทุกคนพูดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
                            “ดีมาก!!ที่รักเรียน” พี่ตุ๊พูดย้ำ
                             “เพราะว่าพ่อแม่ส่งมาเรียน ไม่ได้ส่งมา สู่รบปรบมือกับใครเขา ถ้าอยากเป็นแบบนั้น แนะนำให้ไปเป็นทหารปกป้องประเทศ อันนั้นจะน่าภูมิใจกว่า” พี่ตุ๊พูด
                              “เอาล่ะพี่ขอเข้าเรื่องน่ะ พี่อยากให้ตั้งชมรมที่ตัวเองถนัดขึ้นมา โรงเรียนนี้ไม่มีชมมาปีหนึ่งแล้ว พี่ก็ไม่    รู้ว่าทำไมนะ” พี่ตุ๊พูด ผมหันไปมองหน้าพวกภาคิน พวกนั้นก็พยักหน้าพร้อมกัน
                             “ดิว เราเก่งฟุตบอล ตั้งชมรมฟุตบอลขึ้นมา” พี่ตุ๊พูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ดิว
                            “เออพี่รู้มาว่า เดฟ มันกลับมาแล้ว ให้มันมาเป็นโค้ชให้หน่อย ให้เดฟมาเทรนให้ ได้ข่าวว่าช่วงนี้ว่างมากไม่ใช่เหรอและก็หาคนเข้าชมรม จริงๆ พี่ก็อยากให้เพื่อนเราในห้องนี้ เข้าชมนี้กันนะทำได้ไหม “พี่ตุ๊พูดเป็นเชิงเสนอแนะ ทุกคนหันมามองหน้ากันโดยเฉพาะพวกของไอ้ภาคิน
                             “และถ้าทำผลงานดี พี่จะแก้ประวัติการพักการเรียนให้และจะได้ไม่มีผลต่อการไปเรียนต่อหรือทำอะไรในอนาคต” พี่ตุ๊พูด ผมหันไปมองผมได้ยินพวกไอ้โซ่มันบอกชอบเตะฟุตบอล
                             “สนใจไหม” พี่ตุ๊ถามแบบเจาะจงไปที่กลุ่มพวกไอ้ภาคิน มันมองหน้ากันก่อนจะหันมาพยักหน้า
                             “ไปรวบรวมมาน่ะดิว พี่จะเป็นสปอนเซอร์ให้ เสื้อทีม อุปกรณ์ทุกอย่างและจะมีเบี้ยเลี้ยงสำหรับคนที่ได้ไปแข่งกับทีมอื่นน่ะ” พี่ตุ๊พูดและหันมาทางผมเลยที่นี้
                            “แจ็ค ชมรมว่ายน้ำ พี่อยากให้ชมรมว่ายน้ำของเรากลับมาเป็นที่หนึ่งอีกครั้งและอยากให้มีรุ่นต่อๆ ไป ปูทางให้รุ่นน้องเอาไว้ให้พี่หน่อย “พี่ตุ๊พูดบอกผม บอยพยักหน้าผมก็จำต้องพยักหน้าทั้งที่เมื่อสักครู่พี่ภาณุเดินมาถามผมอยู่ ผมยังบอกว่าคิดดูก่อนเลยแต่นี่คงต้องทำแล้วแหละ ผมคงจะต้องโทรหาโค้ชส่วนตัวของผมให้มาช่วยเทรน
                         “แอ้ พี่ได้ยินมาเราสอนคาราเต้เด็กเล็กได้ใช่ไหม” พี่ตุ๊หันไปถามไอ้แอ้ ไอ้นี่มันคาราเต้สายดำ
                          “ครับ” แอ้ตอบเบาๆ
                          “โรงเรียนเด็กเล็กก่อนวัยเรียนที่อยู่ข้างๆ โรงเรียนเรานี้ มีเด็กเล็กและมีผู้ปกครองหลายคนที่เลิกงานช้า พี่ว่าแอ้ลองรับสอนเด็กดูไหม พี่มีช๊อป ไปทางด้านหลังและค่อนข้างปลอดภัย เริ่มสอนสักบ่ายสามโมงเป็นต้นไป สักวันละครึ่งชั่วโมงก็แล้วกันน่ะ ได้ไหมแอ้” พี่ตุ๊ถามไอ้แอ้ และแอ้มันหันมามองหน้าไอ้ดิวก่อนจะหันไปพยักหน้าว่าได้อีก
                          “เขียนรายละเอียดมาให้พี่ ว่าต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง พี่จะได้หามาให้นะแอ้” พี่ตุ๊พูด ตอนนี้ไอ้ดิวมันกำลังล่าสมาชิกชมรมฟุตบอล
                         “ติ๊ก “พี่ตุ๊เรียกไอ้ติ๊ก แต่ติ๊กมันก้มหน้าก้มตา ดูมือถือไอ้เดี่ยว
                         “ติ๊ก!!” ติ๊กมันสะดุ้งโย้ง ก่อนจะรีบลุกขึ้นด้วยอาการตกใจ
                         “พี่อยากให้เราตั้งชมรมดนตรีดนตรี พรุ่งนี้พี่จะเอาพวกเครื่องดนตรีมาลง พี่จะลงเอาไว้สองที่คือที่ห้องซ้อมดนตรี และที่โรงอาหาร “พี่ตุ๊พูด ไอ้ติ๊กมันก็ยพักหน้าผมรู้ว่ามันชอบร้องเพลง มันเป็นคนเสียงดีแต่ลุงหนึ่งไม่ยอมให้เป็นนักดนตรีเด็ดขาด ขนาดมันเป็นดาราเขายังไม่อยากสนับสนุนเลยแต่ติ๊กมันดื้อ
                        “ไอ้เดี่ยวเลย มันเล่นกีตาร์เก่งครับ” ไอ้โซ่มันพูด ผมรู้ว่าไอ้โซ่มันเคยสนิทกับไอ้เดี่ยวมาก่อน
                       “ไอ้นาวินว่ะ มันเล่นกีตาร์เก่งพอพอกับไอ้เดียว” ไอ้โซ่พูดเชียร์เพื่อนมันอีกคน แต่ว่ามันอยู่คนละห้องกับพวกผม
                        “ไอ้ดิว มึงอ่ะ มึงชอบเล่นกีตาร์ไฟฟ้านี่หว่า” ติ๊กมันพูดขึ้น ผมก็พยักหน้าว่าเออจริงด้วย แต่มันเล่นได้หมดแหละกีตาร์นะ
                        “ไอ้โซ่เลยตีกลอง มันเก่งพี่” ไอ้มาร์คมันชี้ไปที่ไอ้โซ่
                       “หน้าอย่างมึงนี่นะ” ไอ้ติ๊ก
                       “หน้าอย่างผมนี่แหละครับ ตีมาหมดทุกกลองแม้กระทั่งกลองเพล ตีตอนดึกๆ ด้วย”
                       “ฮาๆ” พวกไอ้ภาคินมันหัวเราะทันที แต่พวกผมไม่รู้เรื่องเลยหันไปมองไอ้โซ่
                         “ตอนนั้นมันเมารั่วไง เล่นซะพระตื่นมาทั้งกุฏิ ฮาๆ “พวกไอ้ภาคินแต่พี่ตุ๊กอดอกพร้อมกับส่ายหัวแบบนี้แปลว่าผลงานที่ผ่านมาไม่ผ่าน ฮาๆ
                          “ส่วนพาย พี่ว่าจะให้ช่วยติวน้องๆ นะ” พี่ตุ๊พูดกับพาย พายก็พยักหน้าเบาๆ
                         “พี่ครับ มีคนสมัครแล้วหนึ่งครับ ไอ้มาร์คครับ มันบอกว่าเรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง” ไอ้โซ่มันยกมือขึ้นบอกพี่ตุ๊ ผมเห็นไอ้มาร์คมันเขินขึ้นมาทันที อย่าบอกน่ะว่า มันชอบพาย!!
                       “วิชาไหนบ้างล่ะ ที่เรียนไม่รู้เรื่อง” พี่ตุ๊ถาม
                       “ถามว่าวิชาไหนที่มันเรียนรู้เรื่องดีกว่าครับ” ไอ้โซ่พูด
                       “วิชาไหน” พี่ตุ๊ถาม
                       “พละครับ วิชาเดียวที่มันเรียนรู้เรื่อง “พวกเพื่อนมันแกงมันเองเลยไอ้มาร์ค
                      “ฮาๆ” ทุกคนไม่เว้นแม้แต่พวกผมก็หัวเราะ ไอ้มาร์ค ไอ้มาร์คมันหันมาไล่เตะไอ้โซ่
                      “แหม น่าภูมิใจแทนพ่อแม่น่ะ” พี่ตุ๊พูด พร้อมกับส่ายหัวเบาๆ หัวเราะน้องๆ จะว่าไปภาพนี้ผมแทบจะไม่เคยเห็นพี่ตุ๊ยิ้ม ปกติจะหน้าเข้มเต็มคาราเบลจน ตนที่เจออย่างพวกผม นั่งเกร็งกันหมด แต่ว่าวันนี้กันเองมาก
                      “บอย พี่อยากให้ตั้งชมรมฟันดาบนะ ไม่เคยมีแต่อยากให้ลองดู เอาใจสายที่ชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นสักหน่อย” พี่ตุ๊พูดผมหันไปมองบอย ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย ไม่ซิทุกคนเลย
                       “บอยเขาเป็นแชมป์ฟันดาบของโรงเรียนที่กรุงโซล มาก่อนนะ “พี่ตุ๊พูด ผมแอบกลืนน้ำลายลงคอ บอยก็ยิ้มๆ ให้ผม ไอ้หลุยส์มันยังทำหน้าเหวอเลย
                       “ธรรณ์ก็เหมือนกัน ธรรณ์ก็ได้แชมป์ฟันดาบมาเหมือนกัน” บอยพูด
                       “จริงดิ!!” ไอ้หลุยส์ทำท่าตกใจสุดขีด ที่รู้ว่าเมียสุดที่รักเป็นแชมป์ฟันดาบมาก่อน ขนลุกขนพองเลยซิท่า ผมหันมามองไอ้หลุยส์มันเพิ่งจะรู้เหรอ ผมน่ะรู้ว่าบอยชอบกีฬาฟันดาบตั้งนานแล้ว
                       “หลุยส์ พี่ว่าเราต้องเรียนออนไลน์เลยนะ อันนี้ลุงหนึ่งเขาสั่งมาน่ะ” ไอ้หลุยส์ได้ยินเช่นนั้นมันพยักหน้าตอบแค่นั้น มันไม่ได้ตกใจอะไรสักนิด
                       “เอาละ พี่มอบหมายงานแค่นี้ แต่ละคนไปจัดสรรกันเอาเองนะ คุยกันว่าใครสนใจอันไหน มีเพื่อนก็ดึงเพื่อนมา มีน้องก็ดึงน้องมา เพราะว่าพอรุ่นเราจบไป รุ่นน้องยังสืบสานต่อได้ “พี่ตุ๊พูดก่อนจะลุกขึ้น
                      “ถ้าทำผลงานดีพี่ก็มีรางวัลใหญ่เหมือนกัน “พี่ตุ๊พูดทิ้งท้ายเอาไว้
                      “และอย่าลืมนะ รายงานส่งพรุ่งนี้ ที่ให้ไปทำเป็นคู่นะ ไปดูเอาน่ะว่าใครคู่ใคร ดูรายชื่อที่หัวหน้าห้อง” พี่ตุ๊พูดและพวกผมก็หันมามองหน้ากัน มีรายงานด้วยเหรอ
                      “พี่ก็หมดเรื่องคุยแค่นี้ ทานอาหารกันให้เรียบร้อยแล้วขึ้นเรียนกันตามปกติช่วงบ่ายน่ะ “พี่ตุ๊พูดก่อนจะหันไปเรียกครูพัฒน์เดินออกไป ผมเห็นไอ้ติ๊กมันมองพี่ตุ๊เดินคลอเคลียไปกับครูพัฒน์ มันแอบถ่ายวิดีโอด้วย
                            พวกผมนั่งทานอาหารกันและพอเสร็จเรียบร้อยก็แยกย้ายขึ้นห้องเรียนทันที ระหว่างที่กำลังจะเดินขึ้น ผมเห็นไอ้ป๊อดมันส่งใครขึ้นรถกระบะไปก็ไม่รู้และขับออกไปทันที
                         “ใครเป็นอะไรหรือเปล่าวะ” ผมพูดเป็นเชิงคำถาม พวกไอ้เดี่ยว ไอ้ดิว แอ้ ติ๊กและพายมันเดินออกมาพร้อมกัน มันพากันไปห้องน้ำมาก่อนจะเดินขึ้นชั้นเรียน
                        “ป๊อดใครเป็นอะไรวะ กูเห็นมึงส่งขึ้นรถกระบะไปว่ะ” ผมถามไอ้ป๊อด
                        “แม่พี่ปูพี่ ไม่รู้เป็นอะไร ข้างบ้านพี่ปูเขาโทรมาบอกและพาส่งโรงพยาบาลให้ พี่ปูเลยรีบไปดู” ไอ้ป๊อดพูด ผมหันมามองไอ้เดี่ยว
                        “โรงพยาบาลอะไรวะป๊อด” ไอ้ดิวมันถามไอ้ป๊อด
                       “โรงพยาบาลจังหวัดนะพี่ ชั้นศัลยกรรมหญิง ห้องรวมนะพี่ ไม่รู้ว่าจะได้นอนไหมแม่พี่ปูเขาไม่มีสิทธิ์การรักษาอะไรเลยน่ะพี่ “ไอ้ป๊อดมันพูด ไอ้เดี่ยวมันหันมามองหน้าไอ้ดิว
                        “กูจะไปดูปูว่ะ” ไอ้เดี่ยวมันพูดว่าจะไปดูปู
                         “กูไปด้วยดิว่ะ “ไอ้ดิวอีกคนดิวหันไปมองแอ้ ไม่มองธรรมดามันจับมือด้วยแต่แอ้มันรู้ว่าพวกผมอยู่ตรงนี้เลยสะบัดออกก่อน และหันไปมองติ๊กที่ยืนหันไปมองทางอื่น
                          “กูไม่ไปนะ กูไม่ชอบโรงพยาบาลว่ะ เหม็น” ติ๊กมันพูดและรีบเดินขึ้นตึกทันที ผมหันมามองไอ้ดิวและยักไหล่ ปล่อยมันไปก่อน
                          “ป๊อด ขอชื่อแม่ของปูให้พี่ด้วยดิ” ผมบอกไอ้ป๊อด มันก็เอากระดาษมาจดและส่งให้ผม //นางเทียมใจ สุดวิไล ผู้ป่วยศัลยกรรมหญิง//
                            “พวกมึงไปดูแล้วกันว่ะ มีอะไรให้พวกกูช่วย บอกเลยนะโว้ย! ยังไงปูมันก็ช่วยไอ้ป๊อดดูแลพวกเราว่ะ และนี้มันก็สืบพวกไอ้ภาคินให้อีก งานเสี่ยงแต่มันก็ทำว่ะ” ไอ้หลุยส์มันพูดผมพยักหน้าเห็นด้วยนะ และพวกไอ้ดิว ไอ้เดี่ยวและแอ้มันก็ไป พายนะคงไปดูแลไอ้ติ๊ก และพวกผมก็เดินตามกันขึ้นห้องเรียนทันที แต่ว่าไม่เห็นติ๊กมัน ผมคิดว่ามันน่าจะขึ้นมาก่อน แต่ที่ไหนได้มันเข้ามาทีหลังพวกผมอีก ตามมาด้วยพาย ติ๊กมันนั่งลงไม่พูดไม่จากับใครเลย ผมก็รู้ว่าถ้ามันเงียบแบบนี้ ก็ต้องปล่อยมันสักพัก ผมหันมามองพายแทน พายยิ้มผมแค่นั้น ผมก็หันจัดการเตรียมเรียนวิชาช่วงบ่ายกัน
                              TBC...



ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.59 (พายXมาร์ค)เขาจีบกันแล้ว

                  Part’ s พาย หลังจากที่พวกผมทำความสะอาดห้องอาหาร ที่ถูกพวกที่มาหาเรื่องและพวกผมด้วยเช่นกันที่ทำหน้าที่ปกป้อง เลยพากันเละด้วยกัน พี่ตุ๊เลยให้พวกผมทำความสะอาดกันเองแต่ว่ามันทำให้พวกผมรู้ว่า พวกนักเรียนในโรงเรียนไม่ได้เกลียดหรือไม่ชอบพวกผมเพราะว่าทุกคนลงมาช่วยผมกันทั้งหมด รวมไปถึงพวกภาคินด้วยเช่นกัน
                  หลังจากที่พวกผมความสะอาดเสร็จพวกผมก็มานั่งทานอาหารในโรงยิม ที่ถูกจัดเป็นห้องอาหารชั่วคราว พี่ตุ๊ที่มาทำเซอไพรส์เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน เป็นผู้ใหญ่ใจดี สั่งพิซซ่ามาเลี้ยงทุกคน และพี่ตุ๊ก็มอบหมายให้ทุกคนทำหน้าที่ที่ตัวเองถนัดกัน ดังนั้นผมจึงได้หน้าที่สอนพิเศษน้องๆ เพราะว่าผมเป็นคนเรียนเก่ง ค่อยข้างฉลาด มีไอ้คิวสูง ผมเองก็อยากเอาความรู้ความสามารถของผมมาทำให้เกิดประโยชน์ ก็เลยรับปากพี่ตุ๊ พอพี่ตุ๊มอบหมายเสร็จก็กลับขึ้นไปที่ห้องทำงานทันที
                  “พาย “ผมหันไปมองไอ้ต้นข้าว ว่ามีอะไรเพราะว่าต้นข้าวมันเรียกผม
                  “ไอ้มาร์คมันส่งมาให้” ต้นข้าวบอกผมก่อนจะส่งกระดาษมาให้ ผมเคยเจอไอ้มาร์คที่โรงแรมอาภาคย์ ตอนที่ผมไปหาพ่อกับพี่แพท ตอนนั้นยังไม่ชอบขี้หน้ามันเท่าไหร่แต่ว่ามันกลับทำให้ผมประทับใจ มาร์คมันเข้าไปช่วยผมตอนนั้น ผมคลี่กระดาษออกมาเปิดดู
                  “อยากให้ติวให้หน่อย” ไอ้มาร์คมันเขียนมา ผมหันไปมอง ไอ้มาร์คหันมามองผมเข้าพอดี มาร์คมันฉีกยิ้มให้ผมทันที ผมแอบแลบลิ้นใส่ก่อนจะก้มลงอ่านข้อความในจดหมายต่อ
                  “ขอสมัครเป็นนักเรียนได้ไหมครับ” ไอ้มาร์คมันเขียนมาให้ผม ผมก็เขียนข้อความต่อไปอีกว่า
                  “จะเรียนอะไร” ผมเขียนตอบไปและส่งให้ไอ้ต้นข้าว ผมรู้ว่าไอ้มาร์คกับไอ้ต้นข้าวรู้จักกันแต่ไม่ได้บอกไอ้แจ็ค ผมเห็นไอ้มาร์คแอบมาคุยกับไอ้ต้นข้าวประจำและต้นข้าวก็บอกว่าบ้านไอ้มาร์คอยู่ด้านหลังบ้านมันด้วยเลยสนิทกันมาตั้งแต่พึ่งจะย้ายมาใหม่ๆ แล้ว
                  “ปึก” และคราวนี้ไอ้มาร์คมันโยนมาให้ผมเอง ผมก็เปิดดู
                 “อยากให้ติววิชา ความรัก จะได้รู้จักความรักสักที” ไอ้มาร์คพูด
                 “เน่า!” ผมส่งข้อความหาไอ้มาร์คโดยตรงเหมือนกันและมาร์คมันก็ก้มหน้าก้มตาเขียนอีกและมันก็ทำท่าจะส่งต่อให้ต้นข้าว
                “ยุกต์ไหนแล้วเนี่ย มึงอยากคุยกับพายมึงก็มานั่งนี่ดิ กูไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์นะมึง” ไอ้ต้นข้าวมันพูดเสียงดัง ทำให้พวกภาคินมันหันมามองไอ้มาร์คกันหมด
                “ไอ้เชี้ยข้าว!!!” ไอ้ข้าวโดนไอ้มาร์คด่าทันที ที่ทำให้ทุกคนรู้หมดเลย ผมเองก็เขินเลย
                “ที่อย่างนี้ทำเป็นป๊อดไอ้มาร์ค” ไอ้โซ่มันแซวไอ้มาร์คทันที ผมหันไปมองว่าไอ้มาร์คมันจะกล้าเดินมาหาผมไหม พวกเพื่อนๆ ก็เชียร์ไอ้มาร์คเหลือเกินและไอ้มาร์คก็เดินกะลิ้มกะเหลี่ยเข้ามาหาผม ผมหันไปมอง ที่แบบนี้ทำมาเป็นเขินแต่ผมที่นั่งอยู่โดยมีต้นข้าวกับบลูนั่งอยู่ มาร์ค มันก็มองสองคนที่นั่ง
                “เออ มึงไล่กูด้วยสายตาใช่ป่ะไอ้พี่มาร์ค” ไอ้ต้นข้าวถาม
                “ไม่ได้ไล่แต่ถ้ามึงไม่ลุกขึ้นแล้วกูจะนั่งยังไง “ไอ้มาร์คพูด
                “นั่นแหละมันแปลว่าไล่ “ไอ้บลูพูดและทั้งคู่ก็ลุกขึ้นไป ผมหันมามองไอ้มาร์ค มันยิ้มๆ ให้ผม
               “ว่าไง” ผมถามมาร์ค
               “มึงก็บอกเขาไปดิ ว่ามึงแอบมองน้องเขาอยู่ ที่อย่างนี้ทำเป็นไม่เคย” ไอ้โซ่มันแซวไอ้มาร์ค ไอ้พี่มาร์คมันทำท่าเขิน ผมหันไปมองหน้ามันว่ายังไง
              “วันนั้นไม่ได้ขอบคุณอ่ะ ขอบคุณน่ะที่ช่วย” ผมพูดขึ้นก่อน
              “ไม่เป็นไร” มาร์คพูด
              “เออ…. จริงๆ แล้ว ตั้งใจจะเดินไปคุยด้วย “มาร์คพูดว่าวันนั้นเขาตั้งใจจะเดินตามไปคุยกับผม
              “ในห้องน้ำนี่น่ะ โรคจิตกว่าไอ้สองคนนั้นอีกอ่ะ ฮาๆ” ผมพูดแต่ก็อดกลั้นหัวเราะไม่ได้
              “ก็ตอนแรกจะทักตั้งแต่หน้าประตูแต่เห็นเรียกซะน่ารักเชียว ไอ้หมา ใครจะกล้าทัก” มาร์คพูด เออ มันก็จริงนะ ตอนนั้นผมยังหมั่นไส้ที่มันชอบทำหน้าเก๊กในห้องเรียนไง
             “ก็ชอบทำหน้าตากวนตีนในห้องเรียน วันนั้นก็นึกว่าตามไปจะทำอะไรหรือเปล่า” ผมพูด
             “วันนั้นไปรับพ่อ พ่อบอกว่าไปคุยกับท่านแต่ไม่รู้ว่าเป็นพ่อของพายนี่” มาร์คพูด
             “ว่าแต่ คนนั้นพี่ชายเหรอ?” มาร์คถามผม
             “ใช่ดินั่นแหละพี่ชาย ทำไมอะ” ผมถามไอ้มาร์ค
             “โหดไปน่ะ” มาร์คพูด
             “ป๊อดเหรอ” ผมถาม
             “ไม่” มาร์คตอบ ผมก็ยิ้ม
             “งั้นกูโทรหาพี่ก่อน นัดมาเจอกัน” ผมพูดก่อนจะหยิบมือถือแกล้งไอ้มาร์คมัน
             “หมับ!!” มาร์คมันรีบจับมือผมไว้ทันที ผมหันไปมองที่อย่างนี้ทำเป็นป๊อด
             “แหมๆ รีบอีกแล้ว เอาไว้ก่อนดีกว่า เราเกรงใจพี่เขา “ไอ้มาร์คพูด
             “ที่จริงอยากคุยด้วยตั้งแต่วันแรกแล้วแต่กลัว” ไอ้มาร์ค
             “กลัวเสียฟอร์ม” ผมถามไอ้มาร์ค
              “อ้าว! ก็เพื่อนๆ เปิดตัวกันใหญ่ขนาดนั้น จะให้มาร์คมาคิขุอาโนเนะได้ยังไงอ่ะ มันขัด! “ไอ้มาร์คพูด ผมเห็นพวกไอ้ต้นข้าว ไอ้บลู มันไปคุยกับพวกไอ้โซ่ ดูต้นข้าวสนิทกับพวกน่าดู มาร์คมองผมและหันไปมองไอ้ต้นข้าวและบลูเหมือนกัน
             “แปลกใจเหรอ” มาร์คถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ
             “จริงๆ แล้ว มาร์ครู้จักต้นข้าวมานานแล้ว บ้านต้นข้าวมันอยู่ติดกับบ้านมาร์ค รั่วบ้านเดียวกันเลยแต่ด้านหลังน่ะ” มาร์คพูด ผมหันมามอง ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย มาร์คพยักหน้าว่าจริง
             “ไอ้ต้นข้าวน่ะ เคยติดตามพี่ข้าวปั้นแต่มันไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับที่พี่มันหัวหน้าแก้ง มันคงคิดว่าเป็นการไปหาเพื่อน คุยสนุกๆ กันเฉยๆ อ่ะ” ไอ้มาร์คพูด ผมพยักหน้าเบาๆ ผมนั่งคุยกันหลายเรื่องก่อนเกี่ยวกับครอบครัวมาร์ค จนกระทั่งผมได้ยินเสียงเอะอะคุยกันระหว่าง พวกแจ็ค ดิวและไอ้เดี่ยว ที่กำลังคุยกันกับไอ้ป๊อด ผมหันไปมองว่าเกิดเรื่องอะไรและติ๊กมันก็ลุกพรวดขึ้นไปเฉยเลย ผมหันไปมองไอ้ต้นข้าว
             “เกิดอะไรขึ้นว่ะ ต้นข้าว” ผมถามไอ้ต้นข้าว
             “แม่ของปู เข้าโรงพยาบาล ไอ้เดี่ยวเลยจะไปดู” ไอ้ต้นข้าวพูด ผมพยักหน้าว่ารู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขั้น ไอ้ติ๊กมันไม่เห็นด้วยแน่ๆ น่าแปลกที่เป็นมันคนเดียวที่คิดลึก คิดถึงขั้นที่ว่าปูเหมือนเป็นสแกมเมอร์อะไรประมาณนี้ คิดไปไกลเกิ้น แต่จริงๆ แล้ว มันหึงนั่นแหละ รักเขาแต่ดันปากแข็ง

              ผมหันมามองมาร์ค มาร์คพยักหน้ากับผมว่าไปดูเพื่อนก่อน ผมก็ลุกขึ้นและเดินตามติ๊กที่เดินออกไปแล้ว ผมเห็นเดี่ยว ดิวและแอ้ ผมก็รู้เลยว่าไอ้ติ๊กมันหัวเสียคุณสามเลยทีเดียว อีกคนที่หึงเขาและอีกคนที่ตามไปและดันไม่ชวนมันไปอีก หลายเศร้าเกิน มากกว่าสามเส้าอีกมั้ง ผมก็รีบจ้ำอ้าวตาม ติ๊ก ไอ้นี่มันก็รีบเดิน เหมือนจะไปตามวัวตามควายที่ไหนก็ไม่รู้
             “ติ๊ก!!” ผมเรียกมัน ติ๊กหันมามองผมแว๊ปหนึ่งแต่ว่ารีบเดินและจู่ๆ ติ๊กมันก็ไปหยุดที่ห้องผู้อำนวยการ ผมก็เบรกตัวโก่งเลย อย่าบอกน่ะว่ามันจะไปฟ้องพี่ชายมันน่ะ แต่ปกติติ๊กไม่ใช่ตนแบบนี้น่ะ ผมเห็นติ๊กเปิดประตูเข้าไป ผมก็รีบตามไป ผมคิดว่าห้ามไม่ทันแล้วแหละ มันเดินเข้าไปในห้องทำงานผู้อำนวยการแล้ว ผมเปิดประตูเข้าไป พี่ตุ๊ก็ลุกขึ้นแล้ว ผมหันไปมองหน้าติ๊ก พี่ตุ๊ก็มองหน้าผมสองคนสลับกันไปมา พร้อมกับขมวดคิ้วเป็นปม
            “มีอะไรหรือเปล่าพาย” พี่ตุ๊ถามผม
            “ไม่มีครับ ผมแค่ตามติ๊กมา” ผมพูดเบาๆ ผมหันไปมองติ๊ก ติ๊กแค่หันมาชำเลืองตามองผม
            “งั้นพี่ลงไปข้างล่างน่ะ” พี่ตุ๊พูด ผมหันมามองติ๊กอีกที่ ผมว่าติ๊กเข้าใจสายตาของผม ผมถามติ๊กมันด้วยสายตา ประมาณว่า ทำแบบนี้ทำไม
            “เขาสามคนไปทีประตูด้านหน้ากันใช่ไหม” พี่ตุ๊ถามติ๊ก
           “ใช่พี่ตุ๊ ไอ้เดียวมันจอดรถไว้ด้านหน้า ไม่ได้เอาเข้ามาจอดด้านในพี่ตุ๊” ติ๊กพูด
            “อืมม งั้นพี่จะได้ไปที่ประตูหน้า ตอนนี้มีพี่คนเดียวเท่านั้นที่มีอำนาจให้ ใครออกนอกโรงเรียนในเวลาเรียนได้คนเดียวเท่านั้น “พี่ตุ๊พูด ผมหันมามองติ๊กใหม่อีกที เฮ้ย มันรีบมาบอกพี่ตุ๊ให้ลงไปเพื่อให้สามคนนั้นออกไปได้อย่างนั้นเหรอ ผมนี้รู้สึกผิดขึ้นมาทันที
            “ทำไม มึงคิดว่ากูร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ” ติ๊กพูดก่อนจะหันหลังออก
            “กู ขอโทษว่ะ” ผมพูดเบาๆ
            “ไม่มีใครออกไปได้นอกจากพี่ตุ๊สั่ง เพราะพี่ตุ๊ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบเมื่อวานอีก” ติ๊กพูด ก่อนจะเดินออกไป ผมก็เดินตามมันไป ติ๊กมันก็น่าสงสารอยู่น่ะ
             “ติ๊ก ทำไมมึงไม่บอกไอ้เดียวไปตรงๆ ว่ะ ว่ามึงก็มีใจให้มัน “ผมถามติ๊ก ติ๊กมันหยุดชะงักโดยไม่ได้หันมามองหน้าผม
             “มันก็มีใจให้มึง ใครก็ดูออก” ผมพูด
             “กูกลัวว่ะ กูกลัวว่ามันจะทำแค่เพื่อช่วยไอ้ดิวกับไอ้แอ้” ติ๊กพูดแค่นั้น ผมนี่อยากจะ ตบกระบาลมันจริงๆ
             “ชั่วโมงนี้เป็นวิชาพละ ลงไปด้านล่างกันดีกว่า” ผมพูด ติ๊กหันมามองหน้าผม
             “ไม่ล่ะ กูจะอยู่บนห้อง ฝากบอกครูด้วยว่า กูไม่สบาย โอเคน่ะ” ติ๊กพูดและจังหวะนั้น ไอ้แว่นหัวหน้าห้องเดินลงมาพอดี เพื่อเตรียมตัวไปเรียนวิชาพละ ไอ้แว่นมองหน้าผมสองคน
            “มีอะไรไอ้แว่น” ผมถามไอ้แว่น
             “คุณสองคนรู้หรือยังว่าทำรายงานคู่กับใคร” ไอ้แว่นมันขยับแว่นตาหนาๆ ของมันก่อนจะถามผมสองคน
           “ไม่รู้ว่ะ” ผมตอบแทน
           “ผมดูให้” ไอ้แว่นพูดก่อนจะเปิดมือถือของมันที่ บันทึกอะไรต่อมิอะไร ราวกับว่ามันคือนักธุรกิจร้อยล้านอย่างนั้นแหละ
           “คุณพาย ทำรายงานคู่กับผมครับ” ไอ้แว่นพูด ผมชี้หน้าตัวเอง ผมนี่น่ะ
           “แต่ ไม่ต้องห่วง ผมทำเสร็จแล้วครับ พรุ่งนี้รอส่งได้เลย” ไอ้แว่นพูด ผมพยักหน้า
           “ส่วนคุณติ๊ก ทำรายงานคู่กับ คุณเดี่ยวครับ” ไอ้แว่นพูด ไอ้ติ๊กมันสะบัดหน้ามามองหน้าไอ้แว่นและจู่ๆ ไอ้ติ๊กมันก็จะเข้าไปกัดหูไอ้แว่นซะนี่
           “เว้ยย!!” ไอ้แว่นร้องเสียงหลงเลย
           “มึงบอกว่ากูทำรายงานคู่กับไอ้เดี่ยว มึงดูดิ มันไปแรดแล้วน่ะ!!!” ติ๊กมันชี้หน้าไอ้แว่น
           “ผมไม่รู้นี่ครับ “ไอ้แว่นพูด
          “แล้วไอ้ดิวกับแอ้ล่ะ” ผมถามต่อ
          “คุณดิวกับคุณแอ้ เขาทำรายงานคู่กันครับ” ไอ้แว่นตอบ
          “ไอ้แว่น!!” ติ๊กมันโมโหไอ้แว่นอีกแล้ว
          “ไอ้แว่น!! กูว่ามึงรีบลงไปเรียนพละก่อนไป ก่อนที่มึงจะได้ไปโรงพยาบาล และวิชาพละมึงคงไม่ได้เรียนไปอีกหลายอาทิตย์เลยเพราะว่ามึงอาจจะได้แอทมิท ไปดิ!” ผมพูดบอกไอ้แว่น
          “ผมไม่ใช่คนจับฉลากรายชื่อนี่ครับ อันนี้ คุณผู้อำนวยการที่มาสอนต่างหากละครับ ไปโกรธเขาซิครับ!” ไอ้แว่นพูดไอ้แว่นพูดก่อนจะรีบเดินหนีลงไปเพราะว่ามันไม่อยากเจ็บตัว ผมหันมามองหน้าติ๊ก
          “งั้นมึงลงไปเลย กูต้องทำรายงานเพราะว่าคู่กูมันไปหาเมียมัน มึงเห็นไหมน่ะ ซวยฉิบหาย!” ไอ้ติ๊กพูดก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องทันที ผมก็ต้องยืนพ่นลมหายใจออกมายาวๆ หนักกว่านี่มีอีกไหม ผมแอบคิดในใจ ผมก็เดินหันหลังลงไปที่โรงยิม ผมเดาว่าทุกคนอยู่ที่นั้นกันหมดแล้วแน่นอน ระหว่างที่ผมกำลังเดินลงไปข้างล่าง ผมกำลังเดินส่วนพี่ตุ๊พอดี
           “พาย แล้วติ๊กล่ะ” พี่ตุ๊ถามผม
           “มันขึ้นไปทำรายงานอ่ะครับพี่ตุ๊และติ๊กมันก็ไม่ชอบ อยู่ที่ร้อนๆ พี่ตุ๊ก็น่าจะรู้ มันเลยขออยู่บนห้อง” ผมพูด พี่ตุ๊พยักหน้าเบาๆ ผมเดาว่าพี่ตุ๊น่าจะเดาสถานการณ์ออกอยู่แล้ว
           “บางทีให้เขาได้คิดอะไรเองบ้าง มันจะดีบ้างพาย” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้าเบาๆ
           “ลงไปเรียนได้แล้ว จะหมดคาบแล้ว ยังไม่เข้าเรียนเลย” พี่ตุ๊บอกผม พี่ตุ๊ยิ้มอ้อนๆ ให้ผม ผมก็พยักหน้าก่อนจะเดินส่วนลงไป จะว่าไปพี่ตุ๊น่ะรักและเป็นห่วงมันมาก ไอ้ติ๊กนี่ชอบบ่นว่าพี่ตุ๊ดุอย่างนั้นอย่างนี้ ผมว่าพี่ตุ๊ดูอบออุ่นจะตายไป มันทำให้ผมคิดถึงพี่แพท พี่พีช จังเลย ระหวางที่ผมเดินลงไปจนถึงด้านล่างและเดินตรงไปยังลานที่สำหรับเรียนวิชาพละ ผมไม่เห็นทุกคนกำลังเล่นแบทมินตันอยู่
           “พาย!!” ต้นข้าวเรียกผม ผมก็กำลังจะวิ่งไปไปหาโดยไม่ได้มองว่าผมกำลังวิ่งผ่านสนามฟุตบอล จู่ๆ ลูกฟุตบอลก็พุ้งตรงมาหาผม ผมยืนรอกรี้ดเลยแต่กรี้ดไม่ออกได้แต่เอามือปิดหน้าเอาไว้ ป้องกันหน้าเอาไว้ก่อน
            “ปัก!!” เสียงดังเหมือนมีบางสิ่งกระทบกับฟุตบอลแต่ไม่ใช่ผมแน่นอน พอผมลืมตาขึ้นมาถึงได้เห็นไอ้พระเอก คนที่ขี่ม้าขาวมาช่วยเอาไว้ นั้นคือมาร์ค มาร์ควิ่งมาเตะลูกฟุตบอลทิ้งไปอีกทาง
           “เฮ้ย!! ดูด้วยดิ ตรงนี้มันทางคนเดินมึงเห็นไหม โดนน้องพายเขาขึ้นมาทำไงวะ!! “มาร์คหันไปเอ็ดน้องๆ
            “ขอโทษครับพี่!!” น้องเขารีบขอโทษใหญ่เลย กลัวไอ้มาร์ค
           “ว้าววว!! พระเอก!!!” เสียงแซว ดังมาทันที ผมมองมาร์ค เขินเลย
           “เกือบไปแล้ว” มาร์คพูด
           “ขอบใจน่ะ” ผมพูดขอบใจมาร์ค
           “ครูให้เล่นตีแบทอ่ะ ทุกคนมีคู่หมดแล้ว เหลือแต่มาร์คอ่ะ ยังไม่มีคู่” มาร์คพูด
           “โสดว่างั้น” ผมถามกลับ
           “โดนเลย!!” มาร์คพูด
            “พายล่ะ” มาร์คถามผม
          “ไม่น่าจะโสดแล้วแหละ” ผมพูด เขินหนักเข้าไปอีก
           “มีแฟนแล้วเหรอ!!” มาร์คถาม
           “กำลังจะมีมั้ง” ผมพูด
           “จีบขนาดนี้ เด็กอนุบาลก็ดูออก ดังนั้น กูจะทนเพื่อ?” ผมพูดและถามไอ้มาร์ค ก่อนจะเดินไปและเล่นตีแบทคู่กัน ระหว่างนั้นก็โดนแซวจากเพื่อนๆ ของมาร์ค โดยเฉพาะไอ้โซ่นี่แหละ จะว่าไปพวกนี้ก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรเลย เหมือนเด็กๆ ทั่วไป
            “พาย ติ๊กล่ะ มันไปไหนอ่ะ ไม่เข้าเรียนวิชาพละ” แจ็คเดินเข้ามาถามผม ผมหันไปมองไอ้แจ็ค
            “อยู่บนห้อง” ผมบอกแจ็ค
           “มันเฮิร์ท?” แจ็คถามผม
           “ใช่แหละ มันคงเสียใจแต่ดันซวยเสียใจซ้ำซ้อนในตอนเดียวกัน” ผมพูด แจ็คมัน มองหน้าผม
          “มึงไม่แปลกใจเหรอ ตั้งแต่ตอนที่มึงคบกับมันแล้ว คบได้สั้นมาก มึงไม่รู้สึกเหรอว่ามันกักเอาไว้ให้ใคร” ผมถาม ใช่ครับ ผมรู้เรื่องแจ็คและไอ้ติ๊ก ตอนที่บอยทิ้งไปใหม่ๆ ไม่มีใครรู้เลย มันสั้นมากจริงๆ ที่มันลองคบกันสุดท้ายไม่รอด
          “เพราะมันดราม่าควีนไง มันเลยไปไม่รอดมากกว่ามึง มันไม่ได้กักอะไรใครหรอกมันแค่โลกส่วนตัวสุงกว่ากู” แจ็คพูด
          “มึงไม่เคยบอกบอยใช่ไหมว่ามึงเคยคบกับไอ้ติ๊ก” ผมถามแจ็คเบาๆ แจ็คสั่นหัว
          “ตอนนั้น มันงงๆ คบหรือไม่คบ มันแยกไม่ออกวะ” แจ็คพูด
         “กูว่ามันก็แยกไม่ออกระหว่างความรู้สึกของมันกับไอ้ดิวเหมือนกันและแอ้อีกคน” แจ็คพูด
         “แต่อีกคนนี้กูมันเฮิร์ทหนักกว่าและมันก็เสือกปากดี ไปพูดเอาไว้ว่า ไอ้เดี่ยวไม่คู่ควรที่จะเป็นแฟนแต่เป็นเพื่อนดีกว่าไง” ผมพูด แจ็คหันมามองหน้าผมแบบไม่เชื่อ ผมพยักหน้าว่าใช่ มันพูดจริง
         “งานนี้ก็ต้องให้มันแก้ทีตัวมันเอง ไม่มีใครแก้ได้แล้วแหละพาย จริงๆ” แจ็คพูดก่อนจะเดินไปหาบอย บอยก็มองหน้าผมเชิงถามหาติ๊ก ผมชี้ไปบนห้องโน้น
         “พาย ไปห้องน้ำกันไหม” ต้นข้าวเดินมาหาผม ผมพยักหน้าว่าได้ ผมต้นข้าวและไอ้บลู ก็เดินไปห้องน้ำก่อนจะกลับขึ้นห้องเรียนเพื่อเตรียมเรียนวิชาต่อไป ระหว่างที่พวกผมสามคนเดินกันไปที่ห้องน้ำ จู่ๆ ก็เจอกลุ่มเด็กนักเรียนกำลังยืนคุยกันอยู่
         “นี่แก ตกลงพี่เดี่ยวเป็นแฟนใครกันแน่ พี่คนที่ชื่อปูห้อง 318 หรือว่าพี่ต้นข้าวว่ะ” ผมหันมามองต้นข้าว มันดังแล้วไง ข้ามคืนเลย
         “กูว่าพี่ต้นข้าวว่ะ พี่เดี่ยวน่าจะเลือกน่ะ พี่ปูนี้ ใครก็รู้ว่า เขาเคย เอาตัวไปแลกเงิน พูดง่ายๆ ขายตัวนั่นแหละ” ผมหยุดชะงัก จริงเหรอ ผมหันมามองต้นข้าวและบลู
        “กูก็พอจะได้ยินจากเด็กๆ เขาคุยเรื่องปูกันแบบนี้เหมือนกัน” ต้นข้าวพูด บลูพยักหน้าเบาๆ ว่าใช่
        “ชีวิตใครจะสมบูรณ์ว่ะ จริงไหม ถ้าเขาเลือกได้เขาคงไม่ทำหรอก” ต้นข้าวพูด
ผมนี่สงสารปูขึ้นมาทันทีแต่อีกคนซิ ที่มองว่าปูคือพวกต้มตุ๋น มันควรจะได้ยินที่พวกน้องๆ เขาพูดถึงปูกันมากกว่า ระหว่างที่ผมกำลังเดินผ่านน้องๆ กลุ่มนั้น เขาก็หันมามองหน้าผมก่อนจะรีบเดินแยกตัวไปทันที เขารู้ว่าเป็นเพื่อนกับเดี่ยวอยู่แล้วและคงกลัวโดนไอ้เดี่ยวมันว่าเอามากกว่าด้วย ผมสามคนพากันเข้าห้องน้ำและรีบพากันกลับขึ้นห้องเรียนทันที ผมเห็นติ๊กมันนั่งก้มหน้าก้มตาทำรายงานอยู่ ติ๊กเป็นคนที่เขียนหนังสือสวยมาก สวยเหมือนตัวพิมพ์เลยก็ว่าได้
           “ติ๊ก มึงทำรายงานเสร็จยังให้กูช่วยไหม” ก่อนที่ผมจะค่อยๆ นั่งลง ผมถามติ๊ก ติ๊กเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม
           “ยังอ่ะ” ติ๊กตอบผมแบบห้วนๆ ระหว่างนั้นทุกคนเดินเข้ามานั่งกันหมด หลุยส์มองผมกับไอ้ติ๊กแต่ก็ไม่กล้าถามอะไรน่าจะเป็นที่ธรรณ์ สะกิดหลุยส์เอาไว้ แจ็คมันก็ไม่กล้าถามเหมือนกัน บอยก็มองผมยิ้มๆ ติ๊กมันไม่เงยหน้ามองใครทั้งนั้นและการเรียนวิชาคาบสุดท้ายก็เงียบกริบ เหมือนไม่มีติ๊กอยู่ในห้อง ผมเองก็ไม่กล้าชวนคุย จนกระทั้งเลิกเรียน
          “พวกกูจะไปดูห้องที่จะใช้เป็นชมรมว่ะ” แจ็คพูดขึ้น
          “บอยกับธรรณ์ก็จะไปดูเหมอืนกัน” บอยพูดขึ้น
         “กูไปกับธรรณ์และบอยว่ะ” หลุยส์พูด
         “มึงล่ะติ๊ก ไปกับกูไหม” ผมถามติ๊ก ติ๊กมองหน้าผมก่อนจะเก็บทุกอย่าง
         “กูกลับบ้าน” ติ๊กพูดพร้อมกับลุกขึ้นทันที ติ๊กเก็บทุกอย่างและเดินออกไปโดยไม่ยอมพูดยอมจากลับใครเลย ไม่มีใครกล้าแซวติ๊กเลยสักคน มันคงสังเกตจากสีหน้าของติ๊กได้ดี
          “ตกลงมันโกรธใครว่ะพาย” หลุยส์มันหันมาถามผม
          “นั้นดิ มันโกรธใครเนี่ยว่ะ” แจ็คพูดอีกคน
          “งั้นกูสองคนไปหาที่เงียบๆ ทำรายงานน่ะและกูจะรอดูพวกนั้นมันซ้อมฟุตบอลกันด้วย” ต้นข้าวพูด ทุกคนโบกมือให้ไอ้ต้นข้าว ต้นข้าวมันได้คู่กับไอ้โซ่ ส่วนบลูได้คู่กับไอ้คนชื่อเอ็ม ผมหันไปมองมาร์ค มาร์คมันคงเห็นสีหน้าผมแตกต่างจากตอนบ่ายมาก ก็ผมกังวลเรื่องไอ้ติ๊กนี่แหละ มาร์คเลยทำนิ้วให้ผมยิ้ม ผมก็ยิ้มอ่อนๆ ตอบกลับไปและผมก็เก็บของเช่นกัน ผมคงลงไปกับต้นข้าวและบลูเลย ว่าจะไปดูพวกนี้แตะบอลเหมือนกัน
           TBC...



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด