สืบลับ สืบรัก: CLSI ๙๒. The Reason to Trust _ 9.08.2024
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๙๒. The Reason to Trust _ 9.08.2024  (อ่าน 13239 ครั้ง)

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๘๗. Answer_21.05.2024
«ตอบ #90 เมื่อ21-05-2024 09:45:01 »



Crime and Love Scene Investigation

๘๗. Answer



“ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าเธอกับเจ้าฮ่องเต้หลานชายของฉัน เป็นอะไรกัน” คำพูดของผู้สูงวัยดังก้องอยู่ในหูของจีน ขณะที่เขากำลังเดินไปที่ห้องฉุกเฉิน “แต่ฉันคิดว่า เธอควรจะต้องเป็นคนรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้” จีนเองนั้นก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนก่อนดี อาการจับต้นชนปลายไม่ถูก มันทำให้เขาไม่สามารถคิดอะไรออกได้

จีนเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉินที่ตอนนี้เงียบสงบกว่าเมื่อก่อนหน้านี้มาก ที่มีแต่เสียงโหวกเหวกโวยวาย ร้องสั่งการเพื่อช่วยคนเจ็บให้รอดพ้นจากอาการวิกฤต จีนมองไปที่เตียงที่เขาเห็นว่า ทางทีมหมอและพยาบาลดันเตียงรถเข็นที่ฮ่องเต้นอนอยู่เข้าไป พี่พยาบาลร่างเล็กคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น พอดีกับที่เธอนั้นกำลังจะรูดผ้าม่านข้างเตียงนั้นไปทางด้านข้าง

“ร้องไห้มาหรือไงจีน ตาบวมหมดแล้ว” ผ้าม่านเมื่อถูกเลื่อนเปิดออก ทำให้จีนมองเห็นเจ้าของน้ำเสียงที่เอ่ยทักขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ยิ่งทำให้จีนที่รับรู้ว่า เขาได้เสียเพื่อนไปตลอดกาลนั้น ทั้งตกใจทั้งดีใจทั้งงุนงงผสมปนเปกันไปหมด แต่สีหน้าของจีนก็ปรับเปลี่ยนไป เห็นเลือดฝาดขึ้นที่แก้มทั้งสองข้าง และแววตานั้นก็ดูสดใสขึ้น แม้จะมีหยาดน้ำใสรื้นขึ้นมาคลอหน่วย

“ฮ่องเต้” จีนเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาด้วยความโล่งใจ โดยที่เห็นฮ่องเต้พยักหน้าเรียกให้เขาเดินเข้าไปหา “ตกใจมากเลยใช่มั้ย” จีนพยักหน้ายอมรับกับสิ่งที่อีกฝ่ายถามมา “ไม่เป็นไรแล้วนะ” ฮ่องเต้บอกกับจีนด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน จีนมองผ้าพันแผลผืนใหญ่ที่อยู่รอบแขนรอบไหล่ของอีกฝ่าย

“พี่ต้องขอโทษเราสองคนด้วยจริง ๆ นะ คือตอนนั้นทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก มันเลยสับสนไปหน่อย” พี่จากทีมกู้ภัยคนนั้น ที่เข้ามาสอบถามรายละเอียดจากจีน ตอนเกิดเรื่องที่ห้างหรู เดินเข้ามาหาจีนและฮ่องเต้ สีหน้าแสดงความรู้สึกผิด ที่ก่อนหน้านี้ บอกกับจีนให้จีนทำใจเอาไว้ล่วงหน้าได้เลย

“ชื่อดันมาคล้ายกันเนี่ยสิ คนนี้ชื่อฮ่องเต้ ส่วนอีกคนนั้น เรียกเต้เฉย ๆ” พี่เจ้าหน้าที่เองมาถึงตอนนี้ ก็พลอยโล่งอกไปด้วย “สบายใจได้แล้วนะ” พี่เจ้าหน้าที่พูดจบ ก็ขอตัวก่อน ปล่อยให้พยาบาลเข้ามาตรวจดูแผลของฮ่องเต้ สักพักก็เหลือเพียงแค่จีนกับฮ่องเต้ ได้อยู่ด้วยกัน

“โอเคก็ดีแล้ว งั้นเรากลับก่อน” จีนพูดขึ้น เมื่อความเงียบและการมองกันไปมองกันมา ระหว่างเขากับฮ่องเต้นั้น กำลังทำให้ใจเต้นแรงผิดปกติ “ไม่อยู่ดูแลกันหน่อยหรือ ใจร้ายจัง” นอกจากน้ำเสียงจะน้อยใจอย่างที่สุดแล้ว สายตาของฮ่องเต้ก็ออดอ้อนอีกฝ่ายอย่างเต็มที่เช่นกัน

“พยุงหน่อย เราทำอะไรคนเดียวไม่ไหวหรอก” ประโยคนั้นทำให้คุณย่าที่กำลังจะเดินเข้าไปหาหลานชายตัวดี บอกให้ทุกคนที่กำลังเดินตามมา ให้พากันออกไปก่อน “นี่มันหลานฉัน แน่สิ ฉันรู้เรื่องเกี่ยวกับมันทุกอย่างนั่นแหละ พวกแกคิดว่าใครกัน ที่จะเนรมิตความต้องการของมัน ได้ดีเท่าย่าคนนี้ ไหนจะเรื่องหมอ เรื่องพยาบาลพิเศษ ที่ให้ไปดูแลพี่ชายของเจ้าหนุ่มน้อยนั่น” ทุกคนก็พากันโล่งอก ที่คุณย่าไม่ได้มีปัญหาอะไร กับเรื่องหัวใจของหลานชายของตัวเอง

“นั่งตรงนี้ก่อน” จีนพูดขึ้นโดยมีฮ่องเต้เดินเกาะแขนของเขาจนแน่น ฮ่องเต้นั้นนั่งลงบนเก้าอี้ที่ด้านหน้าแผนกยาของโรงพยาบาล ทำเสียงโอดโอยแบบที่ใคร ๆ ก็รู้ว่า เกินจริงไปมาก “โอ้โห ไอ้หนุ่ม นี่ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาล่ะเนี่ย” เสียงคุณตาที่นั่งอยู่ไม่ไกลกันถามขึ้น พลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“นิดหน่อยน่ะครับ” ฮ่องเต้หัวเราะพลางทำหน้าภูมิใจ “ผมแค่ปกป้องเขาเอาไว้ แค่นั้นเอง” ก่อนจะชี้นิ้วไปที่จีน ว่าตัวเองนั้น ฮ่องเต้เป็นคนปกป้องจีนเอาไว้ “เออ ดี ๆ เอ็งสองคนรักกันก็ดีแล้ว” คุณตาคนดังกล่าวพูดจบ ก็พอดีกับที่พยาบาลเดินพาคุณตาอีกคนมาถึงพอดี

“ไปยุ่งอะไรกับเขา ตาเฒ่า” เสียงพูดนั้นดุแบบไม่จริงจังนัก “ไอ้หนุ่มนี้มันไปฟัดกับหมามา ช่วยเมียมันเอาไว้ได้” จีนพยายามจะอธิบาย แต่คุณตาทั้งสองคนหัวเราะกันเสียงใส ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดเลย ส่วนฮ่องเต้นั้น นั่งยิ้มกริ่มอารมณ์ดีแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“สุขภาพแข็งแรงดีทั้งคู่ แต่คราวหน้า คุณตาต้องมาให้ตรงตามนัดคุณหมอนะคะ ทั้งสองคนนั่นแหละค่ะ ไม่ต้องเถียงกัน” พยาบาลที่ดูคุ้นเคยสนิทสนมกันดีกับคุณตาทั้งสองพูดสำทับ ก่อนจะเดินกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง ฮ่องเต้กับจีนมองไปที่คุณตาทั้งสอง ที่ช่วยกันพยุงให้อีกฝ่ายลุกขึ้นจากเก้าอี้

“ไปก่อนนะไอ้หนุ่ม หายเร็ว ๆ ล่ะ ส่วนเอ็งอีหนู ดูแลมันให้ดี” เสียงคุณตาสั่งการทั้งฮ่องเต้และจีน “ไปได้แล้ว พี่แดน เดี๋ยวไปทำบุญให้จวงมันต่ออีก” อีกฝ่ายพูดเตือน “แล้วไหนถุงยาของใครบ้าง” ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “ก็นี่ของฉัน เขียนชื่อว่าจัน ส่วนอีกอันก็ของพี่ยังไงล่ะ” คุณตาทั้งสองคนเดินจากไป ทิ้งเอาไว้เพียงฮ่องเต้กับจีน ที่มองตาค้าง กับคำตอบจากเรื่องเล่าของพี่จ๋า ที่ไม่คิดว่า จะได้รับมันในคราวนี้

***********************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

https://www.youtube.com/watch?v=S5umLFbT2tg

ลังเล - พีพี กฤษฎ์


ใกล้ได้แค่ไหนที่ดูยังไม่น่าเกลียด

How close is not too terribly close?

อยู่ไกลแค่ไหน ที่ฉันจะไม่ต้องเสี่ยง

How far is not too awfully risky for me?

ต้องเก็บอาการแค่ไหนให้ดูเป็นแค่เพียง

How much I need to keep it to myself?

คนเพิ่งรู้จักกัน

To say that we’ve just recently met


ต้องห่างกันอีกนิด เดี๋ยวมันจะดูใกล้ไป

Keep us away a bit, cause it may be that close

แต่หากว่าฉันหายก็กลัวว่าเราต้องห่าง

But if I’m away, afraid we will be too distant

จะต้องเข้าไปชิดหรือต้องมีช่องว่าง

Then should we be right next or a gap in between

ที่เว้นไว้ระหว่างเรา

So there’s space to breathe


คิดเก็บไปคิดและบางทีเก็บไปฝัน

Thinking, and thinking and now dreaming

เรื่องเธอกับฉันอีกแล้วไง

About you and me all again


คิดได้แต่คิดแต่ไม่เคยตอบคำถามที่ค้างคาในใจ

Keep thinking but never asking the questions in mind

ไม่ใช่ไม่รู้สึกแต่ฉันก็ไม่รู้

Not that I’m not feeling it, but hey not so sure

ว่าฉันจะรู้สึกได้เท่าไร

How much I should invest in it

คิดวนไปอย่างนี้

Keep circling over and over


อยากหลบตาแต่ก็กลัวจะเสียเวลาได้มองเธอ

Want to avoid but it wastes my time checking you out

อยากเก็บความลับเอาไว้

Can’t let all the secrets out

ก็กลัวเธอจะเผลอตกไปเป็นของใคร

Then the fear of you becoming someone else’s

ถ้าช้าเกินไปกว่านี้

If I act one minute too slow

ไม่อยากให้เธอรู้แต่ถ้าเธอไม่รู้ก็คงจะไม่ดี

Don’t want to spill all the tea, but it isn’t good you have no clue

ต้องบอกกับเธอตอนไหน หรือว่าเป็นตอนนี้

Must I tell you now, or when should that be?

เธอทำให้คนหนึ่งเขาต้องลังเล

You’re causing all my reluctance

ก็ใจฉันกำลังเซเพราะเธอ

And my heart’s swaying because of you



เธอทำให้คนหนึ่งเขาต้องลังเล

You make me all reluctant

ก็ใจฉันกำลังเซเพราะเธอ

Now my heart sways just for you

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๘๘. Gas & Oil _ 14.06.2024
«ตอบ #91 เมื่อ14-06-2024 15:55:01 »



Crime and Love Scene Investigation


๘๘. Gas & Oil



“ใครเป็นคนโทรแจ้งเรื่องไฟไหม้” สารวัตรรัฐนนท์ถามออกไปทันทีที่มาถึงที่เกิดเหตุ “ภรรยาผู้ตายครับ” หนึ่งในทีมสืบสวนลับของสารวัตรหนุ่มหล่อตอบคำถามนั้น “เธอให้การกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงว่า เธอตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะว่าสุนัขของเพื่อนบ้านเห่าเสียงดังมาก พอมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นไฟกำลังลุกลามอย่างรวดเร็ว” สารวัตรรัฐนนท์หยุดยืนอยู่ไม่ห่างจากสิ่งที่คิดว่าเป็นต้นเพลิงในเหตุการณ์นี้

“ตอนที่ไฟสงบลง” ชนธัญเดินมาหยุดอยู่ไม่ไกลจากสารวัตรหนุ่มหล่อ เมื่อทีมสืบลับพูดมาถึงตอนนี้ “เราก็ได้คำตอบว่า สามีของผู้แจ้งเหตุไฟไหม้ หายไปไหน ในบันทึกบอกว่า เธอร้องเรียกหาสามี แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมาของเขา เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุมีหลักฐานอยู่ในเสียงบันทึกการโทรเข้า” หนุ่มหน้าใสที่คิดว่า ตัวเองชินและทำใจได้แล้ว กับการมาที่ไครม์ซีน ยังต้องเบือนสายตาออกไปจากตรงนั้นเพื่อทำใจ

“จากการสันนิษฐานเบื้องต้น คาดว่าสาเหตุมาจากแม่แรงที่ยกรถ ตอนที่ผู้ตายกำลังอยู่ใต้รถ เกิดหักลงมา ทำให้ตัวรถหล่นลงมาทับร่างผู้ตาย” สารวัตรรัฐนนท์มองไปที่ชนธัญ เป็นเชิงถามว่าอีกฝ่ายโอเคมั้ย ชนธัญพยักหน้าเป็นการคอนเฟิร์มว่า ตัวเขาไม่เป็นไร “แล้วอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้รถเกิดไฟไหม้ลุกลามไปทั้งโรงรถขนาดนี้” สารวัตรรัฐนนท์ถามอีกคำถามที่สำคัญออกไป

“ภรรยาผู้ตายบอกว่า สามีของเธอง่วนอยู่กับการซ่อมตัวถังรถยนต์คันนี้อยู่นาน” ชนธัญถามออกไปว่า รถคันนี้เป็นของผู้ตายเองหรือไม่ “ไม่ใช่ครับ ผู้ตายมีอาชีพเสริม ด้วยการซ่อมรถให้คนในละแวกชุมชน” ทีมสืบลับพูดต่อไปว่า “บนเสื้อผ้าและร่างกายของผู้ตาย ส่วนที่ยังไม่ได้ไหม้ไฟ มีร่องรอยของน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ คาดว่าอาจจะเกิดจากตอนที่แม่แรงหัก แล้วมีส่วนหนึ่งส่วนใดทำให้ถังน้ำมันเกิดรอยรั่ว พอมีสะเก็ดไฟก็อาจทำให้ไฟปะทุขึ้นมา แต่คงต้องรอผลตรวจละเอียดจากทางนิติเวชก่อน” สารวัตรรัฐนนท์พยักหน้ารับทราบในข้อมูลนั้น

“คุณว่ายังไง” นายตำรวจหนุ่มหล่อหันไปถามกับหนุ่มหน้าใส “ผมรู้สึกอึดอัดแบบแปลก ๆ” ชนธัญลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะพูดออกมาแบบนั้น “อย่าบอกนะครับ” ทีมลืบลับมองหน้ากันไปมา ก่อนจะขยับออกห่างจากร่างของผู้เสียชีวิต ที่เจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันนำออกมาจากข้างใต้ซากรถ “ผมไม่แน่ใจ อาจจะไม่ใช่เขา” ชนธัญรู้ดีว่า ความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นนี้คืออะไร แต่ก็ยังไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจน

สารวัตรรัฐนนท์หันไปมองตามสายตาของชนธัญในทันที เมื่อเห็นว่าหนุ่มหน้าใสหยุดชะงัก แล้วมองไปทางบันไดเล็ก ๆ สองสามขั้นด้านหลังที่รอดจากไฟไหม้ ที่เป็นทางเชื่อมต่อระหว่างตัวบ้านกับโรงรถ ชนธัญใจต้นแรงเมื่อเขาเห็นเงาสีดำของใครบางคน เพิ่งเคลื่อนผ่านจากตรงบันไดนั้น หายเข้าไปในตัวบ้าน สารวัตรรัฐนนท์เดินตามอีกฝ่ายไปติด ๆ เมื่อชนธัญตัดสินใจเดินไปดูกับสิ่งที่เขาเพิ่งเห็น

“เขาหายเข้ามาในบ้านนี้” ความเงียบภายในตัวบ้าน ทำให้บรรยากาศดูอึมครึม ยิ่งหน้าต่างที่ถูกปิดทับเอาไว้ด้วยผ้าม่านที่ค่อนข้างหนา ทำให้แสงจากภายนอกส่องผ่านเข้ามาได้ไม่มากนัก ยิ่งทำให้ด้านในบ้านมันดูอับทึบไปกันใหญ่ “ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนแล้ว” สารวัตรรัฐนนท์ถาม ก่อนเดินนำเข้าไปก่อน ชนธัญส่ายหน้าเป็นคำตอบ เพราะตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกถึงใครคนอื่นอยู่ที่ตรงนั้นด้วยกันกับเขาสองคน

“อาจจะเป็นใครก็ได้ ผมเห็นไม่ชัด มันเป็นแค่เงาดำ ๆ ที่มายืนมองอยู่สักพัก” ชนธัญบอกกับสารวัตรรัฐนนท์ออกไป ตามที่ตัวเองรู้สึกจริง “เช่นเดียวกับร่างของผู้ตาย ที่ไหม้ไฟจนจำเค้าเดิมแทบไม่ได้” สารวัตรรัฐนนท์บอกว่า อาจจะเป็นไปได้ ที่นั่นคือการแสดงตัวของวิญญาณผู้ตายที่ถูกไฟไหม้จนจำแทบไม่ได้ ชนธัญไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้นั้น

“เอกสารที่พบบนตัวผู้ตาย มีบัตรประชาชนที่ไหม้ไฟเล็กน้อย ระบุชื่อตรงกันกับสามีของเจ้าของบ้าน” ทีมสืบลับให้ข้อมูลกับสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญเพิ่มเติม เมื่อทั้งคู่เดินกลับมาที่โรงรถอีกครั้ง “เธอยืนยันว่า เป็นสามีของเธอ” เจ้าหน้าที่สืบลับยื่นบันทึกข้อความสำคัญส่งให้กับสารวัตรหนุ่มหล่อ

“คงต้องรอผลยืนยันอย่างเป็นทางการจากด็อคดุ ซึ่งอาจจะใช้เวลาสักหน่อย” เจ้าหน้าที่สืบลับ รายงานกับสารวัตรรัฐนนท์เกี่ยวกับการสนทนากับแพทย์หญิงดรุณีก่อนหน้านี้ ซึ่งเธอคงต้องหาหลักฐานหลายอย่างมาประกอบกัน เพื่อยืนยันทางการแพทย์ให้แน่ชัดอีกครั้ง ว่าผู้ตายเป็นใคร และตรงกันหรือไม่กับคำให้การ

“มึงพูดแบบนี้ได้ยังไง ทีมึงโดนบ้าง ท่ีคนอื่นพูดเกี่ยวกับมึง แล้วมึงไม่พอใจ ทีงั้นมึงจะเอาเรื่องเขา แต่พอกลับกัน มึงเที่ยวพูดเหี้ย ๆ เกี่ยวกับคนอื่น มึงเสือกบอกว่ามึงทำได้” อีปิ่น กะเทยแม่ค้าตลาดสดที่คนชอบเอาเรื่องของเธอไปนินทา พูดกันไปต่าง ๆ นานา ตะโกนด่าเหยง ๆ ชี้หน้าแม่ค้ารุ่นแม่รุ่นยายที่เอาเรื่องของเธอไปพูดเสีย ๆ หาย ๆ

“อ้าวอีปิ่น อีห่านี่ พูดดี ๆ นะ หัวหงอกหัวดำให้มันเกรงใจกันด้วย” เสียงปรามดังอย่างมีอารมณ์โมโหเช่นกันมาจากอีกฟากของการสาดคำหยาบคาย “กูไม่สนหรอก ใครจะหัวหงอกหัวดำ เอาเรื่องไม่จริงของกูไปพูด เอาไปนินทากันสนุกปาก พูดต่อ ๆ กันไปไกลเกินจากสิ่งที่เกิดขึ้นแค่ไหน ใครจะรู้ ทีอย่างนั้นพวกมึงได้เกรงใจกูกันบ้างมั้ย” ปิ่นเองก็แทบจะระงับอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ ใจอยากจะวิ่งเข้าไปใช้กำลังจัดการให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

“มึงไม่โดนอย่างกูบ้าง ก็พากันหัวเราะ ตลกกับเรื่องของคนอื่น อย่างนี้เขาเรียกคนเหี้ย” ปิ่นสาดความรู้สึกเจ็บแค้นที่ถูกย่ำยีความรู้สึกออกไปอย่างไม่เก็บอะไรเอาไว้อีกแล้ว “ขายของอยู่ตลาดเดียวกันแท้ ๆ แทนที่จะเกินมาถามกูต่อหน้า พวกนี้แม่งกลับแทงคนข้างหลัง ไม่แน่จริงนี่หว่า ไอ้พวกฉิบหาย เลวระยำ” ปิ่นสะบัดหน้าเดินจากมาจากตรงนั้น ก่อนที่เธอจะทนระงับโทสะตัวเองไม่ไหว พอเดินกลับมาถึงแผงขายอาหารตามสั่งเล็ก ๆ ของตัวเอง ก็เตะตะกร้าจ่ายตลาดของตัวเอง เพื่อระบายอารมณ์

“เอ่อ มีผัดกะเพราหมูสับไหมครับ” เสียงถามสำเนียงแปร่ง ๆ นั้น ทำเอาปิ่นหันขวับมามองด้วนสายตาเขียวปั้ด “ไม่มีโว้ย จะมากินอะไรตอนนี้ คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วย” ปิ่นตอบกลับไป เมื่อเห็นอีกฝ่ายที่เป็นฝรั่งผมสีทอง ตาสีฟ้า ตัวสูงโปร่ง ทำหน้าตาปูเลี่ยน ๆ เมื่อโดนแม่ค้าตอบกลับไปอย่างไม่เป็นมิตรขนาดนั้น

“ผมหิวข้าวมาก ไม่มีผัดกะเพรา เอาข้าวผัดก็ได้ ถ้าคุณใจเย็นลงแล้ว ทำข้าวให้ผมกินหน่อยนะครับ” หนุ่มฝรั่งยกมือไหวปลก ๆ ขอบคุณล่วงหน้า ก่อนจะเดินไปนั่ง ท่าทางเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ที่โต๊ะเล็ก ๆ ที่ปิ่นตั้งเอาไว้อยู่ข้างร้าน ทีแรกปิ่นก็ตั้งใจจะ ไล่ตะเพิดฝรั่งให้ไปไหนก็ไป แต่ไอ้ท่าทางเอามือกุมท้องว่าหิวมาก ก็ทำให้ปิ่นพ่นลมหายใจออกมายาวพรืด ก่อนจะเดินไปคว้าตะหลิวจับกระทะ ผัดข้าวให้ลูกค้าคนเดียวของเธอในวันนั้น ได้กินข้าว

********************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

จะคุ้มไม่คุ้ม - แอม เสาวลักษณ์ ลีละบุตร

https://www.youtube.com/watch?v=mWmxQeB1wr0


เสี่ยงไปไหม

Too risky, isn’t it?

ที่ฉันจะคิดมีใคร

That I’ll have someone new

ไว้ที่ใจ อีกครั้ง

In my heart, once more

เผื่อจะมีหวัง

Could be this hope

ได้เจอะกับรักจริงจริง

To be in a true love

แล้วไม่ต้องทิ้งกันอีก

That lasts forever


เสี่ยงไปไหม

Too risky, am I right?

ที่ฉันจะเลือกตัวเธอ

If I will choose you

มาให้เป็นคู่คิด

To be my partner in crime

อาจจะเป็นพิษ

Could all go wrong

จะมีชีวิตดีดี

Whether my life is better

หรือว่าจะเสียไปใหญ่

Or it goes downhill


แต่ความรัก

But the thing called love

ก็มักจะชักชวนไป

Always manipulates us

ทำให้ใจหวั่นไหว

To make the heart fluttered

เสี่ยงดีไหม

Should I take the leap?

หรือว่าจะเฉยดีกว่า

Or just stay still

เพราะมันก็ดีอยู่แล้ว

Because everything is all good

ต้องดิ้นต้องรนอย่างนี้

To be struggling

ดีไม่ดีก็ไม่รู้

The outcome, can’t really know


จะคุ้มไม่คุ้มที่ฉัน

Is it worth it for me?

นั้นจะยกหัวใจ

To give my heart to you

ยกทั้งชีวิตของฉัน

And everything in my life

ไปให้คนคนนี้

They’ll become yours

จะคุ้มไม่คุ้มชีวิตนี้

It’s worth the try for me

อยู่ที่ว่าเธอ

Is up to you, really

ว่าเธอร่วมมือบ้างไหม

Whether you’re in this with me or not


จะคุ้มไม่คุ้มถ้ารักนั้น

Is it worth it for me?

ทำร้ายฉันอีก

If love hurts me one more time

แล้วทั้งชีวิตของฉัน

Which way my whole life?

มันจะไปทางไหน

Will turn to

จะคุ้มไม่คุ้มครั้งนี้

Is it worth the try, seriously?

ฉันต้องคิดซะใหม่

I need to think twice

ถ้าดูเมื่อไรว่าคุ้ม

When I see it’s all worthy

ก็ตอบตกลงอยู่แล้ว

I’ll say YES to you right away!

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๘๙. Done On Purpose _ 17.06.2024
«ตอบ #92 เมื่อ17-06-2024 16:45:03 »



Crime and Love Scene Investigation


๘๙. Done On Purpose



“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วยทั้งนั้น ทางที่ดี คุณควรจะทำตามที่ฉันสั่งจะดีกว่า ถ้าไม่อยากจะต้องเดือดร้อน” เสียงโหวกเหวกโวยวายดังลั่นที่ด้านหน้าหน่วยนิติเวช ทำให้ด็อคเตอร์ดรุณีต้องเดินออกมาดู ว่ามันเกิดอะไรขึ้น “ทางเรากำลังอธิบายให้คุณธิดาเข้าใจถึงขั้นตอนการปฏิบัติที่ถูกต้องอยู่นะครับ” เจ้าหน้าที่ห้องนิรมัยพยายามพูดให้ธิดา ภรรยาของผู้เสียชีวิตเข้าใจ แต่ก็ดูจะไม่เป็นผล

“อย่ามาพูดกล่าวหาอะไรกันพล่อย ๆ นะ ฉันฟ้องพวกคุณได้นะ จะเรียกค่าเสียหายเป็นร้อยล้าน แล้วพวกคุณจะไม่มีปัญญาจ่าย ฉันก็ทำได้” แต่ดูไปแล้ว ธิดาจะไม่ยอมฟังอะไรใครทั้งนั้น ด็อคเตอร์ดรุณีกวักมือเรียกหนึ่งในเจ้าหน้าที่สองสามคน ที่ยืนอยู่ตรงนั้นให้เดินมาหาเธอ “เกิดอะไรขึ้น” แพทย์สาวถาม เมื่อเจ้าหน้าที่เดินมาถึง

“ภรรยาผู้ตายค่ะ จะมาขอเอาศพของสามี ออกไปบำเพ็ญกุศลในวันนี้” เจ้าหน้าที่บอกรายละเอียดของเคสให้ด็อคดุได้รับทราบ “แต่เคสนี้ ผลการชันสูตรอย่างละเอียดยังไม่ออกนะ หมอยังต้องตรวจให้แน่ชัดอีกหลายประเด็น” ด็อคเตอร์ดรุณีมองไปที่ธิดา ที่กำลังโวยวายใส่เจ้าหน้าที่ไม่หยุด และไม่มีทีท่าว่าจะใจเย็นลงเลย

“นั่นแหละค่ะ หมอดุอ่านรายงานนี่สิคะ” ด็อคเตอร์ดรุณีรับเอกสารด่วนที่เพิ่งส่งมาถึง “เอกสารความเห็นจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงค่ะ” ด็อคดุอ่านเน้นทวนในเอกสาร ตรงที่ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เน้นย้ำมา “มีความเป็นไปได้สูง ที่จะมีตัวเร่งปฏิกิริยาเชื้อเพลิง” ด็อคเตอร์สาวอ่านออกเสียงตรงข้อความนั้น ที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระบุว่า ผู้ตายนั้นกำลังซ่อมเครื่องยนต์ที่มีน้ำมันดีเซลอยู่ก็จริง แต่ไฟไม่น่าที่จะลุกลามเร็วแบบนั้น

“อีกอย่าง ทางบริษัทประกันโทรมาแจ้งว่า จะสั่งจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนให้กับคุณธิดา เพราะสามีของเธอทำประกันอุบัติเหตุเอาไว้ และเธอคือผู้รับผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว จึงอยากขอผลสรุปการตรวจจากทางเราค่ะ” ด็อคดุรู้สึกได้ทันทีถึงเร้ดแฟลก ข้อพิรุธที่สำคัญอีกอย่างในเคสนี้ “ถ้างั้น หมอขอคุยกับคุณธิดาเขาเอง” ด็อคดุเงยหน้าขึ้นจากเอกสาร แต่ธิดาได้เดินเลี่ยงออกไปจากตรงนั้น ก่อนหน้าแล้ว

ปิ่นที่ได้แต่นั่งมองคนเดินผ่านหน้าร้านของเธอไปมา แต่ยังไม่มีใครแวะสั่งอาหารจากร้านของเธอเลยสักคน ทั้ง ๆ ที่เธอมาเปิดร้านตั้งแต่เช้า ปิ่นที่หวังใจว่า เดี๋ยวสาย ๆ หรือใกล้เที่ยง ก็คงจะมีลูกค้าเข้าร้านเอง ต้องผิดหวัง เธอยังขายข้าวไม่ได้สักจาน ของสดยังอยู่เต็มแผง แต่พอมองไปยังร้านอื่นนั้น มีลูกค้าเดินเข้าออกกันคึกคัก

“ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้วะ” ปิ่นพูดออกมาเสียงเครือ ด้วยความคับข้องใจ ก่อนที่ตัวเธอ จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว ปล่อยให้มันไหลลงมาจากสองตา ยิ่งพอคิดคำนวณต้นทุนหักลบทุกอย่าง กับการที่ของขายไม่ได้เลยแบบนี้ ไม่ต้องบอก ว่าเธอจะต้องขาดทุนอย่างแน่นอน เพราะของสดหลายอย่าง มันก็เก็บเอาไว้ใช้ต่อไม่ได้อีก

“คุณเป็นอะไรมั้ยครับ” คำถามด้วยน้ำเสียงแปร่ง ๆ ทำให้ปิ่นรีบใช้มือปัดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าลวก ๆ “คุณโอเคหรือเปล่า” สำเนียงของชาวตะวันตก ที่พยายามพูดภาษาไทยให้ใกล้เคียงวรรณยุกต์ที่ถูกต้อง แต่ฟังดูแล้วก็เรียกรอยยิ้มได้อยู่ หรืออย่างน้อยก็ทำให้ปิ่นไม่ได้ตวาดอีกฝ่ายไปเหมือนเมื่อครั้งก่อน

“เอาอะไร” ปิ่นไม่ตอบคำถาม แต่ถามกลับไป ขณะที่ทำกลบเกลื่อน แม้ว่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายยังเห็นรอยคราบน้ำตาบนใบหน้าของเธอ “ผมเห็นคุณร้องไห้ รู้สึกเป็นห่วง เลยถามดูครับ” ปิ่นที่ได้ยินฝรั่งหนุ่มพูดแบบนั้น ก็ทำเฉไฉกลบเกลื่อน “ถ้าไม่สั่งข้าว ก็รีบไปไปซะ อย่ามายืนเกะกะขวางหน้าร้าน คนจะทำมาหากิน” ปิ่นทำโบกไม้โบกมือไล่อีกฝ่ายว่าอย่ามายืนบังลูกค้าคนอื่น

“ถ้าผมสั่งข้าวกิน ผมก็จะนั่งอยู่ที่ร้านนี้ได้ ใช่มั้ยครับ” เจ้าของคำถามนั้น มีรอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก เหมือนกับเพิ่งได้รหัสผ่านให้พอจะเข้าใจว่า ถ้าจะได้รับอนุญาต ต้องทำเช่นไร ยังไม่ทันที่ปิ่นจะตอบอะไรกลับฝรั่งหนุ่มตาน้ำข้าวกลับไป “ครั้งที่แล้ว คุณทำอาหารอร่อยมาก ผมเอาเหมือนเดิมครับ” ชายหนุ่มสั่งเสร็จก็รีบเดินไปนั่งลงที่โต๊ะ ราวกับกลัวว่า เจ้าของร้านจะเปลี่ยนใจ ไล่เขาอีกครั้ง

“คะน้าหมดพอดี” ปิ่นที่เพิ่งนึกขึ้นได้ พูดออกมาเสียงดัง ก่อนจะเห็นแววตาที่ดูผิดหวังของฝรั่งหนุ่ม “เฝ้าร้านให้ฉันเดี๋ยวสิ แป๊บเดียว เดี๋ยวมา” ชายหนุ่มมองตามปิ่นที่คว้าเอากระเป๋าสตางค์ ก่อนจะวิ่งออกจากร้านไป หนุ่มฝรั่งมองตามไปด้วยสายตายิ้ม ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงท้องของตัวเองร้อง ด้วยอาการหิวข้าวเป็นอย่างมาก

“อ้าว แม่ค้าไปไหนเนี่ย แม่ค้า ซื้อคะน้าหน่อย” ปิ่นร้องเรียก กวาดสายตามองหาแม่ค้าแผงผัก แต่ก็ไม่เห็น จนได้ยินเสียงคนที่เดินผ่านมาอีกฟากหนึ่งของแผงผักคุยกัน “นายช่างเบนก็เพียรไปร้านข้าวอีกะเทยปิ่นนั่น แกก็คงจะหวังชนะพนันนั่นแหละ เห็นเขาพูดกันไปทั่ว” ปิ่นได้ยินชื่อตัวเองจากปากสองคนนั่น เต็มสองรูหู

“ถ้าแกทำให้อีกะเทยนั่นใจอ่อน เคลิ้มไปกับความหล่อและความรวยของแกได้ แกก็จะชนะเดิมพัน เห็นเขาพูดกัน ว่าลงเงินต่อรองกันหลักแสนเลยนะ แกมั่นใจแหละ ในคลิปที่เขาถ่ายแกเอาไว้ ว่ากะเทยไทยพอเห็นของใหญ่ก็ลืมทุกอย่างได้หมด วิ่งเข้าหาเงินกันหมด รายไหนรายนั้น” สองคนนั่นหัวเราะกันลั่น ก่อนจะเดินจากไป ปิ่นวางกำคะน้ากลับที่เดิม ก่อนจะเดินกลับร้านข้าวของตัวเองในทันที

“อ้าว คะน้าหมดหรือครับ ไม่เป็นไร ผมกินข้าวผัดแบบไม่ใส่ผักก็ได้” นายช่างเบนพูดไปยิ้มไป เมื่อเห็นปิ่นกลับมาถึงร้านมือเปล่า ไม่ได้ถือคะน้าที่รีบวิ่งออกไปซื้อ ติดมือกลับมาด้วย “ไม่ขาย” นายช่างขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินปิ่นพูดออกมา “คุณว่ายังไงนะ” นายช่างที่ตามเหตุการณ์ไม่ทัน ถามขึ้น

“กูบอกว่าไม่ต้องแดก ไปเลยนะ ไอ้ฝรั่งหัวทอง มึงมาทางไหน มึงรีบกลับไปทางนั้นเลยเชียว ก่อนที่กูจะเอาเลือดหัวมองออกมาล้างตีนกู” ปิ่นตะโกนดังลั่น ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งนั้น “ผมทำอะไรผิด ทำไมปิ่นดูโกรธผมมาก” นายช่างเบนถามออกไป พยายามพูดให้ปิ่นใจเย็นลงก่อน แต่ปิ่นนั้นไม่สนใจอะไรแล้วทั้งนั้น

“ไปนะ มึงออกจากร้านกูไปเลยไอ้ฝรั่ง กูเป็นกะเทยก็จริง แต่ไอ้นั่นของมึงกับเงินของมึง กูแนะนำให้มึงเก็บเอาไว้อมเองตอนมึงตาย แต่ถ้ามึงไม่อยากจะตายตอนนี้ มึงไป ไปให้พ้น ๆ หน้ากู ไอ้ฝรั่งนรกชาติเปรต” นายช่างเบนต้องรีบวิ่งออกจากร้านของปิ่นไป เมื่อถูกเจ้าของร้าน เขวี้ยงข้าวของตามหลังไป ส่วนปิ่นนั้น ก็หอบแฮกไปด้วยความโมโหโกรธา กับการถูกดูถูกของฝรั่งต่างชาติ

**********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

ใจคน - เสาวลักษณ์ ลีละบุตร

https://www.youtube.com/watch?v=oYQeoj60-gU



ใจนั้นก็มีทั้งแกร่ง
Hearts, there are strong
มีเหมือนกันที่อ่อนล้า
and also weak ones
เจอของที่ดีก็ดี
Meet something good, you're lucky
เจอไม่ดี ก็เกิดน้ำตา
But something bad, tears fall down faces
อะไรจะเป็น
Whatever will be
มันก็ต้องเป็นไป
It's going that way
มีแรงกดดัน
With the pressure
มันก็ย่อมรินไหล
Then crying's inevitable

เสียน้ำตาไม่กี่หยด
With some tears
ล้างหัวใจที่เก็บกด
Help cleaning fogged hearts
ล้างรอยเดิมให้จางหาย
Wipe all the old traces away
เสียน้ำตาไม่กี่หยด
With the tears coming down
ล้างหัวใจให้หมดจด
Cleanse the whole heart you have
พร้อมเดินทางในวันใหม่
Get ready for a new sunshiny day

ใครก็ต้องมีน้ำตา
Anyone, face the tears before
ธรรมดาเมื่ออ่อนไหว
Normally when vulnerable
เพียงแค่ให้ใจรู้จริง
Just so the heart realizes
มันไม่ใช่เป็นสิ่งต้องอาย
That nothing's to be ashamed of
อะไรจะเป็น
Whatever will be
มันก็ต้องเป็นไป
It's going that way
มีแรงกดดัน
With the pressure
มันก็ย่อมรินไหล
Then crying's inevitable

เสียน้ำตาไม่กี่หยด
With some tears
ล้างหัวใจที่เก็บกด
Help cleaning fogged hearts
ล้างรอยเดิมให้จางหาย
Wipe all the old traces away
เสียน้ำตาไม่กี่หยด
With the tears coming down
ล้างหัวใจให้หมดจด
Cleanse the whole heart you have
พร้อมเดินทางในวันใหม่
Get ready for a new journey ahead

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0


Crime and Love Scene Investigation


๙๐. The Happiest Memory Hurts Me the Most



“ด็อค มีอะไรใหม่ ๆ ให้ผมบ้าง” สารวัตรรัฐนนท์ไม่รีรอ ถามหาข้อมูลในคดีจากแพทย์หญิงดรุณีในทันที ที่เขาและชนธัญมาถึงที่ห้องชันสูตร “เริ่มจากตรงนี้ก่อนเป็นอันดับแรก” ด็อคดุชี้ให้ทั้งสองคนที่เพิ่งมาใหม่ ดูที่มือทั้งสองข้างของร่างผู้เสียชีวิต “เนื่องจากศพถูกไปไหม้จนเกินกว่าจะจำได้จากรูปพรรณสัณฐาน พวกรอยตำหนิหรือรอยสักต่าง ๆ รวมทั้งมือของผู้ตายด้วย” สารวัตรหนุ่มหล่อชะโงกหน้าจากอีกฝั่งหนึ่งมาดู ส่วนชนธัญที่ยืนอยู่ฝั่งเดียวกันกับด็อคดุ สังเกตเห็นรอยไหม้จากไฟที่เผาอย่างรุนแรง

“หมอไม่สามารถเก็บรอยนิ้วมือใด ๆ ได้จากศพ เลยพยายามค้นข้อมูลเรื่องเดนทัลของผู้ตาย แต่น่าเสียดาย ที่ผู้ตายไม่มีประวัติการทำฟันกับที่คลินิกหรือโรงพยาบาลที่ไหนเลย” ได้ยินแพทย์สาวพูดมาแบบนี้ สารวัตรรัฐนนท์พลางพ่นลมหายใจยาวออกมา “ถูกต้องเลย” ด็อคเตอร์ดรุณีบอกกับสารวัตรหนุ่มหล่อ เดาได้ว่านายตำรวจหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่

“ต้องพึ่งผลตรวจดีเอ็นเอเทียบกับผู้ตายเท่านั้น” สารวัตรรัฐนนท์สบตากับด็อคเตอร์ดุ ก่อนจะรับเอาเอกสารที่แพทย์สาวยื่นส่งให้ ซึ่งพอสารวัตรรัฐนนท์เปิดผลการตรวจนั้นอ่านดู ด็อคดุก็พูดขึ้นว่า “ผลการตรวจมันอินคอนคลูซีฟ” ชนธัญฟันไปมองที่สารวัตรหนุ่มหล่อ ซึ่งอีกฝ่ายนั้นมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นมาในทันที

“ด็อคกำลังจะพูดว่า ศพไม่ใช่สามีของผู้ตายหรือครับ” สารวัตรเงยหน้าจากเอกสารนั้นขึ้นมองด็อคเตอร์สาว “เปล่าค่ะหมวด” ด็อคดุปฏิเสธ “ผลการตรวจยืนยันได้ว่า ผู้ตายเป็นเพศชาย พวกส่วนสูง น้ำหนัก มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นสามีของคุณธิดา เพียงแต่ว่า” ด็อคดุหยุดพูดนิดหนึ่ง มองไปที่สารวัตรรัฐนนท์และชนธัญสลับกัน

“ดีเอ็นเอที่ได้จากร่างของผู้ตาย ไม่สมบูรณ์มากเพียงพอที่หมอจะพูดได้อย่างชัดเจน ว่าใช่หรือไม่ใช่” ด็อคเตอร์ดรุณีอยากจะให้คำยืนยันอย่างที่ตัวเองคิด แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะผลการตรวจไม่อนุญาตให้เธอพูดอะไรได้ตามใจชอบ “แล้วที่ด็อคคิดล่ะ” เป็นไปตามนั้น ด็อคเตอร์กรุณีไม่ตอบคำถามของสารวัตรรัฐนนท์ ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ก็ตาม

“ทางภรรยาของผู้ตาย คุณธิดา ยืนยันว่าใช่ศพของสามีเธอ และต้องการให้ปล่อยร่างของสามีในทันที ซึ่งมันเกินอำนาจหน้าที่ของหมอ คงต้องขึ้นอยู่กับทีมสืบสวนสอบสวน” สารวัตรรัฐนนท์รู้ในทันทีว่า นี่คือสิ่งที่เขาต้องตัดสินใจเอง “แล้วคุณชนธัญล่ะคะ ได้อะไรเพิ่มเติมบ้างมั้ย” ด็อคดุหันไปถามหนุ่มหน้าใสที่ยืนนิ่งเงียบอยู่นานแล้ว

“ไม่ได้เลยครับ” ชนธัญส่ายหน้า “ผมกลับไปที่สถานที่เกิดเหตุอีกครั้ง แต่ไม่ได้อะไรเลย ร่างเงาที่ผมเห็นในวันแรกที่ไป ผมไม่รู้สึกว่าเขาอยู่ตรงนั้น” ชนธัญที่กลับไปที่บ้านหลังนั้น ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะถอนกำลังออกมา เมื่อเกินกำหนดเวลาการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ใช้เวลาอยู่นาน เพื่อมองหาร่างเงาที่เห็นในบ้าน แต่ก็ไม่ประสบผล

“ถ้าหมอจะช่วยอะไรได้ ก็คงจะเป็นเอกสารความเห็นของทางหน่วยดับเพลิง ที่ส่งมาถึงนิติเวช” ด็อคดุพูดกับสารวัตรหนุ่มหล่อและหนุ่มหน้าใส “ที่แผงควบคุมไฟของบ้าน ที่ทางหน่วยดับเพลิงตรวจและถ่ายรูปเก็บเอาไว้” ด็อคดุยื่นรูปถ่ายเหล่านั้นให้กับทั้งสองคนได้ดู “มันอยู่ในตำแหน่งออฟ ปิดเอาไว้ทั้งหมด” ด็อคดุพูดถึงสิ่งที่เธอได้ยกหูโทรศัพท์คุยกับหัวหน้าทีมดับเพลิงโดยตรง

“ตามทฤษฎีที่น่าจะเป็นไปได้ของต้นเพลิง ที่มาของประกายไฟแล้วลุกลามไปที่ถังน้ำมันของรถ ที่ผู้ตายกำลังซ่อมอยู่ หลังจากที่แม่แรงเกิดหักลง และทำให้รถคันนั้นหล่นลงมาทับ จนผู้ตายไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองออกจากกองเพลิงได้ ถ้าแผงไฟนั้นอยู่ในตำแหน่งปิดอยู่แบบนั้น มันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย” ด็อคเตอร์ดรุณีทวนคำพูดของทางหัวหน้าหน่วยดับเพลิงให้ฟังอีกครั้ง

“หมอยินดีที่จะทำการผ่าพิสูจน์อีกครั้ง ถ้าหากว่าหมวดมีแง่มุมใหม่ยื่นมาก่อนเที่ยงวันพรุ่งนี้ เกินกว่านั้น หมอไม่สามารถทัดทานคำร้องของคุณธิดาได้อีก หมวดกับชนธัญ เข้าใจหมอนะ” สารวัตรรัฐนนท์รู้ตัวดีกว่า เขาเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ ในการสืบสวนเพื่อให้ได้ความจริงของคดีนี้

“ตา ตาจ๋า อยู่มั้ย” ปิ่นตะโกนเรียกผู้สูงวัย พลางชะโงกหน้าซ้ายทีขวาที ว่าเจ้าของบ้านอยู่ด้านในหรือเปล่า “เอ้อ” เสียงตะโกนตอบกลับ ดังมาจากทางหลังบ้าน ก่อนจะได้ยินเสียงรองเท้าแตะกระทบพื้น เดินมาจากทางด้านหลังบ้าน “ฉันเอาข้าวมาให้ หิวมั้ยตา” พอผู้สูงวัยเดินออกมาถึงที่หน้าบ้าน ปิ่นก็เดินเข้าไปหา ก่อนจะยื่นถุงใส่ข้าวกล่องให้

“ข้าว่าจะก่อไฟต้มข้าวอยู่พอดี” ชายชราบอกกับปิ่น ที่เธอเองก้มลงมองเห็นมือทั้งสองข้างของตา เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบถ่านสีดำ “พาลไม่ได้กิน อดกันพอดี” สองมือที่สั่นเทิ้มกว่าเมื่อครั้งก่อนที่ปิ่นเห็น ทำให้ชายชราหัวเราะออกมาเบา ๆ กับสภาพร่างกายที่โรยราไปมากภายในระยะไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

“อีกไม่นาน ข้าก็คงต้องบอกลาเอ็งแล้วล่ะ นังปิ่น ขอบใจเอ็งมากนะ ข้าวนี่” ปิ่นได้ยินชายชราพูดแบบนั้น ก็พูดแบบหยอกเอินกลับไปว่า “จะรีบไปไหนล่ะตา อยู่กับฉันก่อน อย่าเพิ่งถึงกับทนรสมือทำกับข้าวฉันไม่ไหว ชิงลากันไปเสียก่อน” ไม่พูดเปล่า ปิ่นเดินเข้าไปหยิบจานกับช้อน มาแกะกล่องข้าวเทใส่จานให้ชายชรา

“ฉันมันไม่มีญาติที่ไหนกับคนอื่นเขา ตาเป็นเหมือนครอบครัวฉัน อยู่กับฉันไปนาน ๆ อย่าเพิ่งหนีฉันไปไหน” ปิ่นพูดพลางเลื่อนจานข้าวให้กับอีกฝ่าย “เอ็งก็จะทรมานข้าอยู่ร่ำไป” ชายชราพูด ตักข้าวด้วยมือที่สั่นเทิ้มนั้นเข้าปาก โดยที่ปิ่นมองเห็นข้าวหกจากช้อนเกือบหมด กว่าอาหารจะได้เข้าปากชายชรา

“ตายไปแล้ว จะให้ชาวบ้านมันนินทาฉันกับใครล่ะ ว่าตาเป็นผัวฉัน” ชายชรารู้ดี ว่านั่นมันไม่ใช่ความจริง แต่ปิ่นนั้น ยื่นมือมาดูแลตัวเขา ตั้งแต่ที่ลูกหลานของชายชรา หยิบฉวยสมบัติในบ้านหนีหายกันไปหมด ทิ้งชายชราเอาไว้ที่บ้านหลังนี้เพียงลำพัง 'เดี๋ยวพอข้าตาย มันก็มาเผาข้าเองแหละ บ้านนี้พวกมันก็คงจะทะเลาะแย่งชิงกันสนุก' นั่นคือคำพูดตอนที่ปิ่นถามชายชราครั้งแรก ว่าลูกหลานของตาไปไหนกันหมด

“เอ็งมันเป็นคนดีนังปิ่น” ชายชราพูดเหมือนกับที่บอกให้สาวประเภทสองอย่างเธอได้ฟังทุกครั้งที่เจอหน้ากัน “ดวงคนอย่างฉัน เลี้ยงดูตา ได้บุญได้อานิสงส์ ดีกว่าเอาเงินไปเลี้ยงดูผัว” ตอนนี้ปิ่นพูดล้อตัวเองด้วยเสียงหัวเราะให้ชายชราเห็นได้ ผิดกับเมื่อก่อนหน้า ที่ปิ่นมีสภาพแทบจะไม่เหลือให้เป็นผู้เป็นคนด้วยซ้ำ

“เอ็งบอกกับข้า ว่าเอ็งไม่เอาแล้ว เรื่องผู้ชาย แล้วไอ้หนุ่มฝรั่งนั่นใคร มันมาชอบเอ็งหรือไง” ปิ่นหันมองไปตามที่ชายชราพูด หนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าว ที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ห่างออกไป ไม่ได้เดินเข้ามาด้วยกันกับปิ่น “มันเป็นบ้ามั้งตา นี่ฉันไล่มันไปแล้วนะ มันยังมาตามวอแววุ่นวายกับฉันไม่เลิก” ปิ่นทำเสียงฉุนเฉียว ก่อนจะหันหน้าหนี เลิกสนใจหนุ่มตาน้ำข้าวนั่น

“ความจำฉันยังดีอยู่นะตา สิ่งที่คนทำดีให้ ความสุขที่สุดที่ได้รับ แม่ง ทำใจฉันเจ็บที่สุดแล้ว ฉันไม่ย้อนกลับไปทางเดินอีกแน่นอน” สิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่ปิ่นมีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในชีวิต มันเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดในชีวิต ที่ปิ่นสาบานกับตัวเองเอาไว้แล้ว ว่าจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกครั้ง อย่างแน่นอน

“คุณกำลังเข้าใจผมผิดนะ ปิ่น” เสียงแปร่ง ๆ ของคนต่างชาติพูดภาษาไทย ดังขึ้น เมื่อปิ่นรอจนชายชราปิดบ้านเรียบร้อย และเธอกำลังจะเดินกลับที่พัก “ฉันไม่สนใจว่าจะเข้าใจผิดหรือเข้าใจถูกอะไรใครทั้งนั้น บอกเลยว่า คุณแค่อย่ามายุ่งกับฉันอีกเป็นพอ” ปิ่นพูดจบก็สะบัดหน้าจะเดินหนีไป แต่ถูกนายฝรั่งคว้าข้อมือเอาไว้เสียก่อน “ผมขอแค่โอกาสได้พิสูจน์ตัวเองจากคุณ ปิ่น นะ แค่นั้น” ปิ่นมองเห็นสายตาที่เว้าวอน ได้ยินน้ำเสียงที่ออดอ้อน โดยที่ตัวเธอเองพยายามสั่งหัวใจไม่ให้อ่อนไหวเอนเอียง

*********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

ท้อไม่แท้ - แอม เสาวลักษณ์ ลีละบุตร

https://www.youtube.com/watch?v=KhegxJo2JMk


ให้รู้ไปว่ามันจะตาย

I’ll bet this cannot kill me

ให้รู้ไปชีวิตจะพัง

Let’s see if it’s gonna ruin my life

เมื่อทุกข์มันเข้ามาประดัง

When suffering suffocates me so

จะทน ทนเพื่อวันที่ดีกว่า

I’ll hang in there till a better day comes

เกิดเป็นคน จะพ้นทุกข์ได้อย่างไร

We born human, can’t avoid difficult times

ชั่วแหละดี คงเป็นฟ้าที่ให้มา

Good or bad, given by God almighty

ต้องขอบคุณที่ฟ้านั้นช่างเมตตา

Being thankful to the mercy from up above

ส่งอะไรลงมา ให้ทดลอง

Sending something to experiment


หากเป็นคราวที่เคราะห์ร้าย

If it’s the time everything goes wrong,

ก็จะยอมทนทุกอย่าง

I’ll surrender and cave in

ก็รับกรรมทุกอย่างไป

I’ll take it all, come what may

หากเวลาแห่งเคราะห์ร้าย

If it’s the time nothing goes my way,

วันที่เราต้องร้องไห้

The day I kneel and cry

เป็นเพียงการทดลองความอดทน

It’s the test to my full perseverance

ก็พร้อมที่จะทน สู้ต่อไป

I’ll pull myself through and keep on going


ที่ท้อมันก็เลยไม่แท้

What holding me down isn’t forever

ที่แท้มันก็ท้อไม่นาน

What’s not permanent are things hold me down

ที่ร้ายต้องกลับดีสักวัน

What’s bad will eventually turn out good

กัดฟันทนต่อไปเพื่อวันใหม่

Bite the bullet, will come shine a brighter day


เกิดเป็นคน จะพ้นทุกข์ได้อย่างไร

We born human, can’t avoid difficult times

ชั่วแหละดี คงเป็นฟ้าที่ให้มา

Good or bad, given by God almighty

ต้องขอบคุณที่ฟ้านั้นช่างเมตตา

Being thankful to the mercy from up above

ส่งอะไรลงมา ให้ทดลอง

Sending something to experiment


หากเป็นคราวที่เคราะห์ร้าย

If it’s the time everything goes wrong,

ก็จะยอมทนทุกอย่าง

I’ll surrender and cave in

ก็รับกรรมทุกอย่างไป

I’ll take it all, come what may

หากเวลาแห่งเคราะห์ร้าย

If it’s the time nothing goes my way,

วันที่เราต้องร้องไห้

The day I kneel and cry

เป็นเพียงการทดลองความอดทน

It’s the test to the limit till my final straw


จากฟากฟ้า

From someone up there

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

Crime and Love Scene Investigation





๙๑. Am I answering my own question?



“โอ๊ย อีปิ่น มึงนี่ทำบุญมาด้วยอะไรวะ ถึงได้โชคดี ได้ผัวที่ทั้งรักทั้งหลงอะไรแบบนี้” ปิ่นได้ยินเสียงป้าที่ขายผักสดแผงข้าง ๆ กัน ตะโกนถามมา เมื่อเห็นว่าวันนี้ เธอรีบปิดร้านอาหารตามสั่งแต่หัววัน ปิ่นเองที่ได้ยินป้าแกว่ามาแบบนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คิดอยู่เช่นกัน ว่าเธอนั้นตอนนี้กำลังทั้งโชคดีทั้งเรื่องคู่และเรื่องทำมาหากิน

“ก็ให้ฉันลัคกี้ อิน เลิฟ แล้วก็ลัคกี้ อิน เกม กับเขาบ้างสิป้า” ปิ่นหัวเราะเสียงใสออกมา รอยยิ้มที่เปื้อนอยู่บนใบหน้า กำลังมีผลทำให้เธอรู้สึกอิ่มเอิบไปทั้งใจ เพราะว่าที่อะไรมันจะลงตัว และชีวิตดูเข้าที่เข้าทางมาได้ถึงตอนนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับปิ่นเลย กับการที่เธอนั้นเป็นกะเทย ที่เธอรู้สึกว่าตัวเธอเองนั้น ด้อยกว่าคนที่เกิดมาเป็นผู้หญิงโดยกำเนิด

“ขนาดผู้หญิงมีรูหอยแท้ ๆ ยังสู้วาสนาของอีปิ่นไม่ได้เลย” ป้าแผงผักยังคงพูดไม่หยุดปาก นี่ถ้าเป็นวันอื่น ๆ ที่ปิ่นไม่ได้รู้สึกมีความสุขแบบนี้ เธอคงไม่ปล่อยให้ป้าแผงผักข้าง ๆ พูดจาแบบนี้กับเธออย่างแน่นอน เพราะชีวิตคู่ของเธอ มีอะไรที่มากกว่าการมีเพศสัมพันธ์กันแบบไหน ทางไหน ผู้คนแถวแผลผักนั้น มองตามปิ่นที่ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับมา แต่เดินจากไป หลังจากเก็บข้าวของที่ร้านจนเสร็จ

“มันจะไปกันได้สักกี่น้ำกันเชียววะ” ป้าเจ้าของแผงผักสด เปิดประเด็นใหม่กับเจ้าของแผงอื่น ๆ ทันที ที่คล้อยหลังปิ่นไปแล้ว “ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละป้า จะมีผู้ชายที่ไหนบ้างพอจะเอากะเทยมาทำเมียจริง ๆ จัง ๆ เป็นเรื่องเป็นราว ให้อับอายคนเขาเปล่า ๆ” อีกแผงหนึ่งพลางพยักพเยิดพูดเห็นด้วยกับป้าแผงผัก

“มันก็คงอีกไม่นานหรอกป้า” สุนีย์ สาวสวยรูปร่างอวบอัด เจ้าของแผงปลาสดไม่ไกลจากตรงนั้นพูดขึ้น ทุกคนหันไปมองที่หญิงสาวเป็นตาเดียวกัน “สาว ๆ สวย ๆ ผู้หญิงแท้ ๆ อย่างเอ็งยังไม่ได้เท่านังปิ่นมันเลยนะ สุนีย์” อีกคนตะโกนข้ามแผงมา ทำเอาคนแถวนั้นหัวเราะกันครืน ทำให้สุนีย์นั้น ชักสีหน้าไม่พอใจออกมาในทันที

“ผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิง จะไปเอากะเทยทำไมให้เสียชาติเกิด” สุนีย์เสียงแหวออกไปทันควัน “แกอิจฉานังปิ่นมันก็ว่า สุนีย์” เสียงหัวเราะยังคงดังอยู่อย่างนั้น “ฉันจะต้องไปอิจฉาอะไรอีกะเทยนั่น ฉันเกิดมาเป็นผู้หญิง มีทุกอย่างที่เป็นของแท้ ไม่ใช่ของเทียม ของปลอมแบบอีกะเทยนั่น พวกป้าคอยดูก็แล้วกัน ว่าเพชรอย่างฉัน ไม่มีวันที่จะแพ้กระเบื้องอย่างอีปิ่น” น้ำเสียงของสุนีย์พูดออกมาด้วยความเหยียดหยามรังเกียจอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด

“พี่กล้า ฉันกลับมาแล้วพี่ พี่กล้า อยู่ไหน หลับอยู่หรือเปล่า” ปื่นร้องเรียกหาแฟนหนุ่มเมื่อกลับมาถึง แต่ดูบ้านช่องกลับเงียบเชียบ เหมือนว่าไม่มีใครอยู่ “พี่กล้า ออกมาช่วยฉันเก็บของหน่อย” ปิ่นวางของพะรุงพะรังที่หอบกลับมาจากร้านลงบนพื้นบ้าน “ฉันแวะซื้อเป็นย่างร้านหน้าตลาดที่พี่ชอบมาด้วย วันนี้โชคดี เป็ดเขายังเหลือ พี่ออกมาช่วยฉันจัดใส่จานหน่อย พี่กล้า” ปิ่นตะโกนเรียกแฟนหนุ่มออกไปอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับมา

“พี่กล้า หลับอยู่ในหรือเปล่า” ปิ่นวางของทั้งหมดลง ก่อนจะเดินไปที่ห้องนอน เธอเปิดประตูเข้าไป แล้วก็ต้องรู้สึกชาไปทั้งตัว ความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในหัวของเธอก็คือ มีคนเข้ามายกเค้าบ้านของเธอ เพราะสภาพห้องนอนของเธอ ที่เห็นในตอนนี้ ข้าวของมันกระจัดกระจาย เละเทะกระจุยกระจายไปหมด ปิ่นรีบวิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าไม้ใบเก่านั้น

“ทอง ทองหายไปหมดเลย” ปิ่นกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ น้ำตาคลอหน่วยในทันที สองมือรีบปัดรีบเปิดกองเสื้อผ้าที่ถูกรื้อค้นมาก่อนหน้า หวังว่าเผื่อจะเจอทองที่เธอเก็บหอมรอมริบเอาไว้ทั้งชีวิต ที่เธอคิดว่าเธอซ่อนเอาไว้แล้วอย่างดี แม้แต่กล้าเธอก็ไม่ได้บอกให้รับรู้ “ไม่มี ไม่เหลือเลย” ปิ่นพูดน้ำเสียงเครือ ปากคอสั่น มือไม้สั่นเทิ้มไปหมด

ทุกคนที่แถวแผงของป้าผักสด สะกิดสะเกากันให้มองไปที่ไอ้กล้า ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นจะโผล่มาที่ร้านอาหารตามสั่งของปิ่นเลยสักครั้ง แต่เย็นวันนี้กลับกำลังช่วยสาวสวยอย่างสุนีย์เก็บร้าน สองคนชายหญิงพูดคุยหยอกล้อ หัวเราะยิ้มร่ากันอย่างกะหนุงกะหนิง ไม่ได้รู้สึกยี่หระกับท่าทางของชาวบ้านร้านตลาด ที่กำลังนินทากันอย่างไม่ต้องเดา

“พี่กล้า พี่มาทำอะไรที่แผงปลานี่” เสียงของปิ่นที่ดังขึ้น ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงบริเวณนั้น พากันเงียบกริบ “พี่อยู่กับฉันมาตั้งนาน พี่ไม่ช่วยฉันเปิดร้านเก็บร้านเลยสักวัน” ปิ่นน้ำเสียงสั่นเครือ มองหน้าชายหนุ่มที่คนรักของเธอด้วยสายตาที่ตัดพ้อ “แล้วทำไมพี่กล้าเขาต้องช่วยเธอทำอะไรแบบนั้นด้วย” สุนีย์ถามกลับไปเสียงดังจนได้ยินกันไปทั่ว

“แกไม่เกี่ยว อย่ายุ่ง” ปิ่นตลาดแหวใส่สุนีย์ “พูดกับสุนีย์เขาดี ๆ หน่อย” กล้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้ม “พี่กล้าเขาเป็นผัวฉัน ใคร ๆ ก็รู้กันทั้งตลาด” ปิ่นตอบกลับไปด้วยการตะโกนใส่หน้าหญิงสาว สุนีย์ที่ยิ้มที่มุมปาก แค่นหัวเราะออกมา ก่อนจะหันไปถามชายหนุ่มว่า “พี่กล้าเป็นผัวอีกะเทยนี่หรือ” ถามเสร็จ สุนีย์ก็หันมามองปิ่นด้วยสายตาที่สมเพช

“จะบ้าหรือไงสุนีย์ พูดอะไรแบบนั้น พี่เป็นผู้ชายแท้นะ พี่เอากะเทยไม่ลงหรอก ทุเรศตายห่า” กล้าพูดตอบกลับมา พลางทำท่าขนลุก สยองพองขนเมื่อคิดถึงว่าตัวเขาจะต้องมาสัมผัสเนื้อตัวของกะเทย ชาวบ้านร้านตลาดที่ได้ยินชายหนุ่มพูดออกมาแบบนั้น ยังนึกตกใจ เพราะทุกคนก็ต่างรู้กันโดยไม่ต้องพูด ว่าอะไรเป็นอะไร

“ทำไมพี่พูดแบบนั้นล่ะ” น้ำเสียงแสดงถึงอารมณ์ที่น้อยใจอย่างที่สุดของปิ่นดังขึ้น ภาพความหลังที่เธออยู่กับกล้ามา วนฉายกลับเข้ามาในสมองอีกครั้ง กี่คำหวาน คำพูดโอ้โลมปฏิโลมต่าง ๆ ที่กล้าบอกกับเธอ มันทำให้ปิ่นถึงกับจุกอกแน่นไปหมด เธอรู้สึกเจ็บไปหมดทั้งใจ เมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกชายคนรักหักหลัง

“พี่เอาทองฉันไป เอาทองฉันคืนมา” ปิ่นที่กำลังจะระงับอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ ตะโกนใส่กล้า “ทองอะไร ใครไปเอาทองของมึงมา” กล้าตะโกนปฏิเสธกลับไปทันทีเช่นกัน ใคร ๆ ก็พอจะมองออก ว่าชายหนุ่มนั้นตอบกลับด้วยความมีพิรุธ ยังไม่ทันที่ปิ่นจะพูดอะไรต่อ เธอมองไปที่คอของสุนีย์ สร้อยทองพร้อมจี้ที่เธอซื้อเอาไว้เป็นเส้นแรก เมื่อตอนเธอทำงานเก็บเงินได้ครบเมื่อตอนยังอายุน้อย ๆ อยู่ตรงนั้น

“นี่มันสร้อยทองของฉัน พี่ขโมยเอามาใส่ให้อีนี่ได้ยังไง” ปิ่นกระโดดเข้าหาสุนีย์ หมายจะกระชากทองกลับคืนมา “จะทำอะไรน่ะ อย่าทำอะไรสุนีย์นะ” แต่เป็นที่กล้า ที่ชายหนุ่มผลักปิ่นที่โถมเข้าหา จนกระเด็นเซกลับไป “มึงก็ถือเป็นผู้ชายคนหนึ่ง อีปิ่น มึงอย่ารังแกผู้หญิงที่เขาไม่มีทางสู้สิวะ” กล้ารีบหันไปถามสุนีย์ว่าเป็นอะไรมั้ย ด่ากราดใส่ปิ่น ทางด้านสุนีย์ก็ทำเป็นกลัวจนตัวสั่น ลนลานละล่ำละลักร้องขอให้กล้าช่วยปกป้องเธอด้วย

“แล้วที่มึงสองตัว ชายเหี้ยหญิงชั่ว รังแกกูล่ะ” ปิ่นตะโกนด่า ตัวสั่นเทิ้มไปหมดทั้งความโกรธ ความผิดหวัง ความเสียใจ “พวกมึงเอาทองของกูคืนมา” ปิ่นกระโจนเข้าหาสุนีย์ที่กรีดร้องอีกครั้ง มือของปิ่นกำลังจะคว้าไปที่คอของหญิงสาว ก่อนที่เธอจะรู้สึกถึงหมัดลุ่น ๆ ซัดเอาที่ใบหน้าสองครั้งติด ภาพตรงหน้ามันเหมือนติด ๆ ดับ ๆ เมื่อปิ่นลงไปนอนกองอยู่บนพื้น

“ไหน ใครหน้าไหนตรงนี้ เคยเห็นว่ากูเอาอีกะเทยระยำนี่ทำเมีย ไหน บอกมาซิ” กล้าจะโกนไปที่ผู้คนที่มายืนมุงดูเหตุการณ์ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา พวกป้าแผงผักที่รู้ทั้งรู้อยู่เต็มอก แต่ก็เงียบปากกันไปหมด ปิ่นที่นอนจุกอยู่บนพื้น น้ำตาไหลนองหน้า ทั้งเจ็บ ทั้งอาย ทั้งรับรู้แล้วว่า เธอนั้นอยู่ตัวคนเดียวในโลกใบนี้

“แล้วไหน มีใครเห็นว่ากูเอาทองของอีนี่มาบ้าง อีปิ่น มึงฟัง ถ้ามีคนบอกว่าเห็นกูเอาทองมึงมา กูจะเอาทองคืนให้มึง” ไม่พูดเปล่า กล้าง้างตีนเตะเข้าชายโครงของปิ่นที่ยังคงนอนอยู่บนพื้นตลาดสด ปิ่นตัวงอไปตามแรงกระแทกนั้น จุก เจ็บ จนพูดอะไรไม่ออก พยายามอ้าปากจะหายใจเข้า แต่ก็ทำแทบจะไม่ได้ ไม่มีมือของใครสักคน มาช่วยพยุงหรือช่วยเหลือเธอแต่อย่างใด

“มึงได้ยินแล้วนะอีกะเทย ทองนี่ก็ซื้อมาให้น้องสุนีย์เขาเป็นของขวัญ” สิ่งที่ปิ่นมองเห็นผ่านม่านน้ำตาออกไป คือสายตาเย็นชาและความโหดเหี้ยมที่ผ่านออกมาจากผู้ชายชื่อกล้า และสุนีย์ หญิงสาวสวยสะคราญที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่ม ที่ทั้งสองดูเหมาะสมกัน ราวกับกิ่งทองใบหยก

“ผมขอแค่โอกาสได้พิสูจน์ตัวเองจากคุณ ปิ่น นะ แค่นั้น” คำพูดของนายฝรั่งเบน ดึงเอาปิ่นกลับมาจากความทรงจำเมื่อวันนั้น เธอมองไปที่มือของนายช่าง ที่คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ “ฝรั่งอย่างคุณเข้าใจคำว่าเหี้ยมั้ย มันเป็นคำด่าของคนไทย” ปิ่นสบตาตรง ๆ กับนายช่างเบน มองเห็นความไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้นักในสีหน้าของแววตาของฝรั่งหนุ่มตาน้ำข้าว

“มันแปลว่า คนสารเลว เลวระยำอย่างที่สุด เท่าที่จะทำกับกะเทยอย่างฉันได้ลง” ปิ่นดึงข้อมือของตัวเองออก “นายช่างจะทำเหี้ยกับฉันวันไหน จะให้ฉันนั่งเดาอีกหรือไง ว่ามันจะเกิดขึ้นกับฉันซ้ำอีกเมื่อไหร่” นายช่างเบนที่พอจะเข้าใจว่าปิ่นกำลังจะสื่อว่า เธอกลัวความผิดหวังที่จะเกิดขึ้น “นายช่างจะเหี้ยกับฉันเพียงไม่กี่วันหลังจากนี้ หรือจะรอให้ฉันตกหลุมพรางตายใจก่อน เมื่อคิดเอาเองว่าฉันเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก แล้วนายช่างถึงค่อยทำเหี้ยกับฉัน” เบนมองเห็นรอยยิ้มที่เย้ยหยันโชคชะตาชีวิตของตัวเองของปิ่นเผยออกมา

“ผมไม่เหมือนกับผู้ชายพวกนั้น” นายช่างเบนพูดตอบปิ่นกลับไป “และผมก็ไม่ใช่ผู้ชายคนที่ทำให้คุณเสียใจ ผู้ชายเหี้ยคนนั้น” นายช่างฝรั่งตอบกลับไป ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ให้กับปิ่น ว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างคนที่ปิ่นเคยพบเจอมา “ไม่แฟร์เลย ไม่ยุติธรรมสำหรับผม ที่คุณตัดสินผมไปเสียแล้ว แถมคุณก็ปิดกั้นโอกาสของตัวเองไปด้วยพร้อม ๆ กัน” เสียงพูดภาษาไทยแปร่ง ๆ ของนายช่างเบนดังเข้ากระทบความคิดของปิ่น และคราวนี้มันดังกังวานอยู่ไม่น้อย



***********************************************


คำแปลเนื้อร้องภาษาอังกฤษ โดย Jay J

อยากรู้หัวใจตัวเอง - วิโอเล็ต วอเทียร์

https://www.youtube.com/watch?v=X4UNebToNOg


ตอบคำถามตัวเองไม่ได้เลย

Can’t answer my own question

ว่าต้องการสิ่งไหน

Whichever I do prefer

เป็นคำถามที่ไม่มีผู้ใด

It’s the question that no one

ตอบแทนฉันได้เลย

Can give an answer for me


คนแบบไหนที่ฉันฝันไว้ในใจ

What kind of a man I am dreaming of

คนแบบไหนที่ฉันหวังให้เป็นจุดหมาย

What type of a person I set as my destiny

ไม่อยากหลงทางอย่างนี้

Tired of getting lost like this


ฉันไม่เคยจะรู้หัวใจตัวเอง

I never know my very own heart

แล้วเมื่อไหร่จะตอบตัวเองได้สักที

So, when I’ll be able to give myself a clue

ว่าคนคนไหนที่ต้องการ

Whom that I really want

ใช่เธอคนนี้ หรือว่าอาจจะเป็นเขา

Is that you, or is it someone else?

อยากรู้ว่าเธอคือใคร

I want to know who that’ll be


อยากจะรักใครเป็นเพียงสักคน

I wish I could love someone truly

เป็นเธอจะได้ไหม

Will it be you?

อยากจะรักบางคนหมดหัวใจ

I hope I’ll love someone with all my heart

จะใช่เธอเปล่า

Is it gonna be you?


คนแบบไหนที่ฉันฝันไว้ในใจ

What kind of a man I am dreaming of

คนแบบไหนที่ฉันหวังให้เป็นจุดหมาย

What type of a person I set as my destiny

ไม่อยากหลงทางอย่างนี้

Tired of getting lost like this


ฉันไม่เคยจะรู้หัวใจตัวเอง

I never know my very own heart

แล้วเมื่อไหร่จะตอบตัวเองได้สักที

So, when I’ll be able to give myself a clue

ว่าคนคนไหนที่ต้องการ

Whom that I really want

ใช่เธอคนนี้ หรือว่าอาจจะเป็นเขา

Is that you, or is it someone else?

อยากรู้ว่าเธอคือใคร

I want to know who that’ll be


อยากรักรักใครสักคน

I wanna love, in love with somebody

กลัวหลงทางไปจนไกล

Fear that I’m lost too far away

ฉันควรทำอย่างไร

What am I supposed to do?


ฉันไม่เคยจะรู้หัวใจตัวเอง

I never know my very own heart

แล้วเมื่อไหร่จะตอบตัวเองได้สักที

So, when I’ll be able to give myself a clue

ว่าคนคนไหนที่ต้องการ

Whom that I do really want

ใช่เธอคนนี้ หรือว่าอาจจะเป็นเขา

Is that you, or is it someone else?

อยากรู้ว่าเธอคือใคร

I want to know who that’ll be


อยากรู้หัวใจตัวเอง

I want to get to know my own heart

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

Crime and Love Scene Investigation



๙๒. The Reason to Trust



“ผมไม่ได้พูดแบบที่เขาเอามาแชร์กัน” นายช่างเบนได้มีโอกาสพูดเรื่องนี้กับปิ่นแบบเปิดอก โดยที่ปิ่นเอง ก็เพิ่งได้นั่งฟังนายช่างฝรั่งเล่าทุกอย่างแบบที่เธอตั้งใจฟังครั้งแรกเช่นกัน “ที่ผมพูดมันมีอะไรมากกว่าในคลิปเยอะ” เสียงแปร่ง ๆ ของชาวตะวันตกที่พยายามพูดภาษาไทยให้ชัดถ้อยชัดคำ ติดเพียงออกเสียงวรรณยุกต์ไม่ตรงล็อกนั่นเอง

“แล้วนายช่างพูดทำไม” ปิ่นเอง ถามอย่างตรงไปตรงมา “ถ้าไม่ได้คิดจะพูดแบบนั้น” ปิ่นถามด้วยความอยากรู้จริง ๆ ไม่ได้ต้องการจะยียวนอะไรนายช่างหนุ่ม “ผมคิดว่า เขาคงรู้สึกว่า ฝรั่งอย่างผมไม่เข้าใจความหมายของภาษาไทยอย่างลึกซึ้ง” นายช่างเบนพูดด้วยความอยากจะระบายความรู้สึกเช่นกัน

“และผมเองก็คงจะโง่เขลาและมองโลกในแง่ดีมากเกินไป ว่าที่เขาถามและสอนให้ผมพูด มันเป็นสิ่งที่ผมอยากจะสื่อจริง ๆ” นายช่างเบนบอกว่า มีหลายคำ หลายช่วงในคลิป ที่เขาพยายามถามคนไทยกลุ่มนั้น ถึงความหมายของคำแปลในภาษาไทย แต่ก็ดูเหมือนพวกนั้นจะจงใจบอกแบบผิด ๆ ให้นายช่างเบนพูดตาม จนฟังดูแล้ว นายช่างเบนนั้นเป็นฝรั่งที่ดูถูกคนอย่างที่สุด

“ฉันก็ยังคิดอยู่ดี ว่านายช่างก็น่าจะพูดภาษาของนายช่างเอง นายช่างพูดภาษาของฉันผิด ๆ ถูก ๆ ใครมาได้ยินครึ่ง ๆ กลาง ๆ ก็คงจะโกรธไม่ต่างจากฉัน” ปิ่นพูดบอกกับนายช่างเบนออกไป “และฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ฟังแล้วอารมณ์มันก็ขึ้น ยิ่งเป็นคำพูดที่เกี่ยวกับฉันโดยตรงด้วยแล้ว” ปิ่นเองก็เป็นหนึ่งในคนที่หลงเชื่อสิ่งบิดเบือนที่คนแชร์กัน ยอมรับว่า ระงับอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่ไหว โกรธจนถึงกับขั้นควันออกหู

“ผมคงจะ Naive อ่อนต่อโลกกับเรื่องนี้จริง ๆ” นายช่างเบนยอมรับ ว่าเขาคงจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ที่ไม่ฉุกใจคิดว่า สิ่งที่จำเอามาพูด มันเป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่ “ปิ่น ยกโทษให้ผมได้มั้ย” นายช่างฝรั่งถามขึ้น ปิ่นหันมาสบตากับเจ้าของคำถามนั้น “ฉันรู้แบบนี้แล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะไปถือโทษโกรธเคืองอะไรนายช่าง” ปิ่นเองก็ลดทิฐิลงมาเยอะแล้ว บอกกับนายช่างเบน

“ฉันยกโทษให้” ปิ่นพูดกับนายช่างเบน ก่อนจะเห็นนายช่างหนุ่มยิ้มกว้างออกมา “แต่ตอนนี้ ฉันว่า ฉันกลับบ้านก่อนดีกว่า ดึกแล้ว” ปิ่นทำท่าจะเดินไป นายช่างเบนรีบเอื้อมมือคว้าแขนของปิ่นเอาไว้อีกครั้ง “เดี๋ยวก่อนครับ แล้วเรื่องของเราล่ะ” นายช่างฝรั่งรีบถามออกไป ด้วยสีหน้าและแววตาที่กำลังรอความหวัง

“เรื่องของเราอะไรอีก นายช่างต้องการอะไรจากฉัน” ปิ่นถามออกไปแบบคนไม่เข้าใจจริง ๆ “ก็” นายช่างเบนทำทีอึกอัก เหมือนกับว่าจะพูดก็ไม่กล้า แต่จะไม่พูดก็ไม่ได้ “Us เราสองคน” นายช่างเบนทำชี้นิ้วไปมาระหว่างตัวเขาเองกับปิ่น “คือเราสองคน” ปิ่นทองอาการท่าทียึกยัก ๆ ของนายช่างฝรั่งแล้ว ก็คิดถาม และก็พอจะเข้าใจได้ ปิ่นจึงดึงมือของนายช่างเบนที่จับข้อมือของเธออยู่ ให้มาแนบชิดไปกับที่หว่างขาของเธอ นายช่างเบนตาโตเท่าไข่ห่าน

“ฉันยังมีไอ้พวงนี่ห้อยอยู่ นายช่างยังคิดที่จะเอาฉันลงอีกหรือไง” พูดจบ ปิ่นก็สะบัดมือนายช่างออก แล้วหันหลังเดินออกไป “ปิ่น” นายช่างร้องเรียกชื่ออีกฝ่าย ปิ่นหันมามองตามเสียงเรียกของนายช่างหนุ่ม “ไม่มีสิแปลก” ก่อนจะได้ยินนายช่างตอบกลับไป “คุณรู้ตัวมั้ย ว่าคุณเพิ่งทำอะไรลงไป” นายช่างเบนถามต่อ

“คุณ Flirt ใช่มั้ย นี่คุณอ่อยผมหรือ ปิ่น” ประโยคของนายช่างเบน ที่ปิ่นพอนึกขึ้นได้ ทำเอาเธอยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมา “นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย” ปิ่นหัวเราะออกมาเต็มเสียง เช่นเดียวกันกับนายช่างเบน “คุณกับผม เรามีความสุขด้วยกันได้นะ” นายช่างเบนตะโกนบอกปิ่น ซึ่งทำให้ปิ่นเหมือนหยุดคิดอะไรบางอย่าง “จับของผมคืนมั้ย” นายช่างร้องถาม “อย่าท้าฉันนะ นายช่าง” เสียงปิ่นที่เดินกลับบ้านร้องตอบกลับมา โดยมีนายช่างเบนยืนยิ้มอย่างพอใจตามไป

“พวกคุณพากันกลับไปเลยนะ” ธิดาตะโกนใส่ทางสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญที่กลับมาที่สถานที่เกิดเหตุอีกครั้ง “พวกผมเพียงแต่จะขอเข้าไปดูอะไรบางอย่างอีกสักครั้ง เพื่อประโยชน์ของรูปคดีของสามีคุณนะครับ” สารวัตรหนุ่มหล่อพยายามอธิบายด้วยเหตุผลกับภรรยาของผู้ตายให้รับรู้

“ไม่ได้” ธิดาตะโกนตอบกลับไปอีกครั้ง และครั้งนี้เสียงดังกว่าเดิม “ฉันไม่ให้พวกคุณเข้ามาทำอะไรทั้งนั้น พวกที่มาเมื่อวันก่อน บอกว่าทางตำรวจปล่อยสถานที่เกิดเหตุคืนแล้ว ดังนั้น มันเป็นสิทธิ์ของฉันที่จะไม่ให้พวกคุณเข้ามาสร้างความวุ่นวายอะไรอีก” ธิดายังคงยืนยันตามเดิม

“แล้วไม่ต้องเอาผัวฉันมาอ้างเลยนะ” ธิดาพูดด้วยน้ำเสียงดูแคลนทางหน่วยสืบลับอย่างจงใจ “หน็อย นอกจากจะหาตัวคนร้ายมาลงโทษไม่ได้ เพราะความไม่เอาไหน ห่วยแตก ของตัวเองแล้ว ยังจะมีหน้ามาอ้างคนตาย เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองอีก” ธิดาทำสีหน้าสีตาดูถูกสารวัตรรัฐนนท์กับชนธัญอย่างเปิดเผย

“ในเมื่อทางตำรวจปล่อยสถานที่เกิดเหตุ ก็แปลว่าได้ทำทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว” ธิดาพูดแบบคนที่ถือไพ่เหนือกว่า “ถ้าเจ้าของบ้าน เจ้าของสถานที่ไม่อนุญาต พวกคุณก็ไม่มีสิทธิ์” ธิดาพูดจาแบบเด็ดขาด “แต่ถ้ามีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อะไรที่อาจจะยังสังเกตไม่เห็น” ชนธัญพยายามจะโต้แย้งธิดาออกไป

“โอ๊ย รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อะไร รายละเอียดใหญ่ ๆ คุณยังไม่มีกันเลย คนร้ายที่ทำกับผัวฉัน มันยังลอยนวลอยู่ข้างนอกนั่น หรือว่าไม่จริง” ขณะที่ธิดากำลังสวนกลับชนธัญอยู่นั้น มองเลยไปทางด้านหลังของธิดานั้น ชนธัญมองเห็นเงาสีดำเลื่อนผ่านไปจนหนุ่มหน้าใสเองถึงกับต้องตกใจ จนต้องหันไปมองสารวัตรรัฐนนท์

“พวกคุณสองคนเอาเวลาที่มาวอแวกับฉัน ไปบอกยัยหมอเสียงดุนั่นดีกว่า ให้เตรียมตัวให้พร้อม เพราะฉันจะไปรับร่างของผัวฉันไปประกอบพิธีทางศาสนา อย่าได้คิดตุกติกอะไรอีก” ธิดายื่นคำขาด “แต่มันอาจจะมีใครอื่นอีก ผมหมายถึง” ชนธัญตัดสินใจพูดออกไป “อาจจะมีอีกคนที่เสียชีวิตที่นี่ นอกเหนือจากสามีของคุณ” ธิดามองนิ่ง ๆ มาที่ชนธัญ เมื่อได้ยินหนุ่มหน้าใสพูดออกมาแบบนั้น

“พวกคุณยึดกันเรื่องหลักฐานเป็นสำคัญไม่ใช่หรือ” ธิดาพูดขึ้น แววตาเปลี่ยนไป ดูมีความลับอะไรบางอย่างปกปิดอยู่ “ถ้าคุณไม่มีหลักฐานอะไร ก็อย่าได้เที่ยวพูดจาเพ้อเจ้อ พูดเอาเองแบบนี้ ไม่อย่างนั้น ฉันจะฟ้องตำรวจมันให้หมด ตั้งแต่หัวยันหาง รวมถึงคุณด้วยสารวัตร เอาให้หมดตัวกันไปข้างหนึ่งเลย แล้วดูซิว่าสื่อกับโซเชียล จะเลือกถือหางหรือเล่นงานใครกันแน่” พูดจบ ธิดาก็เดินเข้าบ้านไป ทิ้งให้สารวัตรรัฐนนท์กับชนธัญต้องคิดหาทางกันต่อ

“ผมเห็นเงาสีดำนั่น เลื่อนผ่านไปทางด้านหลังคุณธิดา” ชนธัญรีบบอกสารวัตรรัฐนนท์ออกไป “ว่าแล้วเชียว คุณถึงได้พูดแบบนั้น” สารวัตรหนุ่มหล่อคิดไว้แล้ว ว่าชนธัญต้องรู้สึกอะไรได้ “แต่ผมไม่แน่ใจ อาจจะด้วยลักษณะ” ชนธัญบอกไม่ได้เหมือนกัน ว่าอะไรทำให้เขาไม่มั่นใจมากพอในครั้งนี้

“หรือขนาดของรูปร่างเงานั่นที่ผมเห็น แล้วนั่นอาจจะเป็นผู้หญิง” สิ่งที่ชนธัญพูด ทำเอาสารวัตรรัฐนนท์ถึงกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “แต่ไม่รู้สิ” ชนธัญพูดต่อ “มันดูก้ำกึ่งอยู่เหมือนกัน” ชนธัญสบตากับสารวัตรรัฐนนท์ “ด็อคดุยืนยันว่า ดีเอ็นเอของศพที่พบ เป็นของผู้ชายอย่างแน่นอน เพียงแต่มันไม่สมบูรณ์มากพอที่จะระบุได้ว่า เป็นศพของสามีคุณธิดาแน่นอนหรือไม่ แต่คุณธิดาก็ยืนยันและรีบร้อนที่จะรับศพกลับไป ดูไม่ทุกข์ร้อนเกี่ยวกับคดีของสามีที่เพิ่งตายไปสักเท่าไหร่” สารวัตรหนุ่มหล่อเรียบเรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

“แต่ที่ผมไม่แน่ใจ คือรูปร่างลักษณะของเงาดำที่ผมเห็น มองดูคล้ายผู้หญิง แต่ก็ดูตัวใหญ่กว่านั้น” ชนธัญพยายามประมวลทุกอย่างจากรูปเงาที่เขาเห็น “ลักษณะเหมือนผู้หญิง แต่รูปร่างใหญ่กว่าผู้หญิง” สารวัตรรัฐนนท์ทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะพูดออกมาว่า “หรือว่าเป็นกะเทย สาวประเภทสอง” ทั้งหนุ่มหน้าใสและสารวัตรหนุ่มหล่อ มองหน้ากันอย่างครุ่นคิด

***********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

พิง - นนท์ ธนนท์

https://www.youtube.com/watch?v=eCKkmpRryIw


มองมาที่ฉันสักหน่อยได้ไหม

Can you now just look my way?

ปล่อยให้ฉันได้เช็ดน้ำตาให้เธอ

And let me wipe away your tears

และปล่อยให้ใจของเธอได้ลืมได้ไหม

Then tell your heart to let go of it


เรื่องราววันนั้นที่มันทำร้าย

Those old days that hurt you so bad

ขอให้ฉันได้ลบมันได้ไหม

May I erase them all for you?

ใช้หัวใจของฉันเยียวยาให้เธอ

Here is my heart to heal all your pain


มันคงไม่แฟร์ ถ้าเรื่องของเขา

It’s not really fair if what he caused you

จะทำให้เราไม่ได้ไปต่อ

Will make us not able to write our story

โปรดจงเชื่อฉันได้ไหม

Would you trust me this time?


อยากให้เธอลองรัก

Want you to try to love

เหมือนครั้งแรกที่เธอได้พบรัก

Like the very first time you ever did

และลืมทุกทุกอย่าง

Forget all of the things

มองฉันที่หัวใจ ลองรักด้วยหัวใจ

Look into my heart and be loved by it

ไม่ต้องกลัวหรอกนะเธอ

Nothing to be afraid of


รักฉันเหมือนเธอไม่เคยเจ็บสักครั้ง

Love me like you’ve never felt a heartbreaking

และรู้เอาไว้ว่าคนที่ยืนข้างเธอ

And that you know that this man standing beside you

เกิดมาเพื่อจะรักเธอ

Born to be here to love you

ไม่มีวันทำเธอเสียใจ

And will never ever make you cry


อาจเป็นเพียงครั้งแรกที่เธอมองฉัน

This may be the first time you’ve laid eyes on me

แต่เธอรู้ไหมไม่มีสักวัน

But do you know that there’s not one day?

ที่ตัวฉันไม่ได้มองมาที่เธอ

That I’ve ever stopped looking at you

จะเป็นคนที่ยืนข้างข้างเสมอ

I’ll be the one who is here with you

จะเป็นคนที่เธอหันมาก็เจอ

I am the man whom you can count on

มีไหล่ให้เธอพิงเมื่อเธอต้องการ

Be in my arms whenever you need


มันคงไม่แฟร์ ถ้าเรื่องของเขา

It won’t be fair if what he did

จะทำให้เราไม่ได้ไปต่อ

Causes us a happy ending together

โปรดจงเชื่อฉันได้ไหม

Would you please put your trust in me?

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
เหมือนบางตอนจะไม่ต่อกันหรือป่าวครับ เหมือนยังไม่จบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด