สืบลับ สืบรัก: CLSI ๙๒. The Reason to Trust _ 9.08.2024
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๙๒. The Reason to Trust _ 9.08.2024  (อ่าน 13216 ครั้ง)

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: ๒๘. คำขู่ _ 8.21.2023
«ตอบ #30 เมื่อ21-08-2023 12:25:05 »



๒๘. คำขู่



“เราอยากให้ดุเก็บลูกเอาไว้” ดรุณีมองอาทิตย์ด้วยสายตาที่มีความหวัง เมื่อว่าที่คุณพ่อคนใหม่ ไม่ได้ขอให้เธอทำในสิ่งที่เลวร้ายที่สุด เหมือนในตอนแรกที่เธอกลัว “เราและครอบครัวจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าดุจะต้องการอะไรก็ตาม” แต่พอมาถึงตรงนี้ รอยยิ้มที่ดรุณีคิดว่าเธอมี นั้นค่อย ๆ สลายลงตามลำดับ

“แล้วเรื่องนั้นล่ะ” ดรุณีถามอาทิตย์ออกไป “เราดีใจนะ ที่อาทิตย์อยากเก็บลูกเอาไว้ ไม่ให้เราทำลายชีวิตที่เขาไม่ได้มีความผิดอะไร” ดรุณีรู้สึกว่ายิ่งเธอพูดอะไรออกไปมากมาย ลำคอของเธอก็ยิ่งตีบตันมากขึ้นเรื่อย ๆ ไปตามอารมณ์ที่มันกำลังกัดกินและกัดกร่อนใจ “แล้วเรื่องชีวิตของเราล่ะ ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง” ดรุณีคิดว่า ในเมื่อเรื่องมันดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว

“เราบอกดุไปแล้วไง ว่าชีวิตของดุจะไม่เดือดร้อน ดูจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ได้ทุกอย่างที่สมควรจะได้” ดรุณีพยายามสบตากับอาทิตย์ ที่คอยแต่จะหันหลบมองไปทางอื่น “อาทิตย์ก็รู้ว่าเราหมายถึงเรื่องอะไร” ความรับผิดชอบของอาทิตย์ต่อเด็กที่กำลังจะเกิด นั่นเป็นเรื่องที่ดรุณีไม่ติดใจอะไร แต่ความรับผิดชอบต่อตัวของเธอล่ะ นั่นคือสิ่งที่ดรุณีกำลังมองหาจากตัวของชายหนุ่ม

“เธออยากจะเป็นหมอถูกมั้ย แม่หนู” ดรุณีหันมองไปทางต้นนเสียง แม่ของอาทิตย์นั่งอยู่ตรงนั้น แน่นอน หญิงวัยกลางคนไม่ได้ชอบใจนักกับสถานการณ์ที่ลูกชายของเธอ ลากเอาทุกคนมากองอยู่ในปัญหาที่สามารถป้องกันได้ตั้งแต่เริ่ม “ดรุณี เธออยากจะเรียนจบ และได้เป็นหมอสมใจ ใช่มั้ย” เสียงถามท้ายประโยคนั้น ทำเอาดรุณีสะดุ้งตื่นเพื่อรับรู้ถึงความเป็นจริง

“ค่ะ” ดรุณีรับคำตอบกลับไป “ดี” ผู้เป็นพ่อของอาทิตย์พูดขึ้นเสียงเครียด “ถ้าอย่างนั้น ฉันขอรับรองว่า เธอจะได้เรียนจนจบตามที่เธอตั้งใจเอาไว้ จะไม่มีใครรู้เรื่องที่เธอกำลังท้อง เวลาที่เหลือ วิชาที่เธอต้องเรียนทั้งหมด จะถูกจัดเตรียมให้เธอใหม่ เธอจะได้จบหมออย่างที่เธอตั้งใจ สมเกียรติ และเป็นหมอที่ดีได้ในอนาคต” คำพูดของพ่ออาทิตย์หนักแน่นและหมายความอย่างนั้นจริง ๆ

“แค่เธออย่าฝันอะไรเกินตัว” แม่ของอาทิตย์เสริมขึ้น “ใช่ ฉันอาจจะไม่เห็นด้วยเลย กับการที่ลูกชายของฉันมีความคิดที่น่ารังเกียจ ที่ชอบผู้ชายด้วยกัน” ดรุณีสบตากับแม่ของอาทิตย์ “แม้ว่าฉันจะเป็นลูกผู้หญิงเหมือนกันกับเธอ ฉันเห็นใจเธอมากกับสิ่งที่เธอต้องเผชิญหน้ากับมันต่อจากนี้ แต่ฉันก็ต้องเลือกลูกชายของฉัน อนาคตของเขา เธอเข้าใจฉันนะ ดรุณี เธอแค่ทำในสิ่งที่เธอต้องทำ อีกเพียงแค่เจ็ดแปดเดือนต่อจากนี้ เพราะหลังจากเธอคลอดแล้ว อิสระจะกลับเป็นของเธออีกครั้ง” ดรุณีปล่อยให้น้ำตาไหลลงอาบแก้ม อาทิตย์ขอพ่อแม่ของเขา ให้เขาได้คุยกับดรุณีตามลำพัง

“อย่าถือสาแม่เราเลยดุ แม่เราไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร พ่อเราก็ด้วย” อาทิตย์คิดว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุด เป็นทางออกให้กับทุกคน ทุกฝ่าย “เคยมีสักครั้งบ้างมั้ย” ดรุณีถามอาทิตย์ด้วยเสียงสั่นเครือ “ที่อาทิตย์คิดว่าเรื่องของเราจะพอเป็นไปได้” ดรุณีกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ได้แต่ปล่อยให้มันรินไหล

“แค่ทำตามที่แม่เราบอก ดุ แกแค่ต้องทำในสิ่งที่มันเป็นไปได้จริง ส่วนเรื่องเงินแกไม่ต้องห่วง” ดรุณีทำหน้าไม่เชื่อหูของตัวเองกับสิ่งที่ได้ยิน “อาทิตย์ นี่แกคิดว่าเราห่วงเรื่องเงินอย่างนั้นหรือ” เสียงถามของดรุณีเกือบจะตวาดอีกฝ่ายออกไป อาทิตย์สูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก ก่อนจะควบคุมอารมณ์พูดกับดรุณีว่า

“แกคิดว่าแกอยากจะฟังความรู้สึกจริง ๆ จากปากของฉันใช่มั้ย ได้” อาทิตย์จ้องตากับดรุณี “ไอ้ความคิดที่ว่า แกจะเห็นฉันนั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่ง พร้อมกับยื่นแหวนแต่งงาน ขอแกให้มาเป็นเมียฉันน่ะหรือ ดุ แค่คิด ฉันก็จะอ้วกออกมาอยู่แล้ว” ดรุณีชาไปทั้งหน้า เมื่อถูกคำพูดเหล่านั้นจากอาทิตย์กระแทกเข้าใส่ จนใจร้าวระบมไปหมด

“ฉันคิดว่าแก เป็นคนที่เข้าใจฉันเสียอีก ที่ฉันบอกกับแกไป ว่าฉันชอบผู้ชาย อยากเอาแต่กับผู้ชาย อยากอยู่กับผู้ชายด้วยกัน อย่างมีความสุข” ดรุณีปากคอสั่น ใจสั่น สะท้านไปทั้งความรู้สึกที่ผู้หญิงคนหนึ่งพึงมี “แล้วแกคิดว่า ถ้าฉันอยู่กับแกไป ฉันจะมีความสุขมั้ยล่ะ แกเองก็เหมือนกัน จะมีความสุขยังไง เมื่อรู้ว่าทุกคืน ผัวอย่างฉันจะออกไปล่าผู้ชายเอามาทำเมีย แต่จะไม่แตะต้องตัวแกทำเรื่องอย่างว่าอีกเลย ตลอดไป” อาทิตย์ที่ไม่ได้อยากพูดอะไรแบบนี้เลยสักนิด แต่เขาก็ตัดสินใจพูดออกไป

“ฉันจะแต่งงานกับวิน ถ้าทำได้ เราจะสร้างครอบครัวและมีลูกด้วยกัน ปู่กับย่าก็จะได้หลานเอาไว้เชยชม ฉันได้ทำหน้าที่ลูกชายสมบูรณ์” อาทิตย์พูดทุกอย่างที่เขาคิดว่า เขาจะต้องพูด และพูดแค่ครั้งนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น “ลูกคือความดีใจของฉัน แต่เรื่องของแกกับฉัน มันคือความผิดพลาด แกกับฉันไม่มีวันเป็นจริงไปได้” ยิ่งได้ฟังคำตอบของอาทิตย์มากขึ้นเท่าไหร่ ดรุณียิ่งร้าวรานใจ

“ดุ แกเป็นคนเรียนดี แกเป็นเด็กทุน แกคงไม่อยากให้เงินที่พ่อกับแม่ของฉันเตรียมเอาไว้ ตั้งใจที่จะช่วยเหลือแกให้เรียนจนจบ ได้เป็นหมออย่างที่แกต้องการ หายไปพร้อมกับเงินทุนเรียนดีที่แกได้รับ พร้อมกันอยู่หรอกนะ” ดรุณีถามหัวใจของตัวเธอเองว่า มีมั้ย จะมีใครในโลกนี้ที่ให้คำนิยามเอาไว้มั้ย สำหรับผู้หญิงธรรมดาอย่างเธอ ที่หลงรักเกย์ รักคนที่ชอบผู้ชายด้วยกันแบบผู้หญิงอย่างเธอ ที่แม้จะดูก็รู้ว่า รักร่วมเพศอย่างอาทิตย์นั้น เลือดเย็นกับเธอมากแค่ไหนก็ตาม แต่ดรุณีก็ห้ามใจให้เลิกรัก เลิกชอบ เลิกห่วงอาทิตย์ไม่ได้เลย

“แกขู่กันหรือไง” ดรุณีถามออกไปด้วยเสียงที่โรยแรง “ใช่ และฉันก็พร้อมทำจริงตามที่ขู่” อาทิตย์ตอบกลับในทันที โดยไม่มีรีรอ “และแกอย่าได้คิดทำแท้ง หรือทำให้ลูกเป็นอันตรายใด ๆ แม้แต่น้อย ไม่งั้นฉันจะฟ้องแกจนแกจำไปจนวันตายอย่างแน่นอน อย่าให้เราสองคนต้องเผชิญหน้ากันไปจนถึงขั้นนั้นเลย รับข้อเสนอของพ่อแม่ฉันไปซะ ดุ ฉันไม่ได้เกลียดแกเลยแม้แต่น้อย แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ที่ฉันมี แต่เราต้องเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น” อาทิตย์คิดว่า เขาตรงไปตรงมากับความรู้สึกของตัวเขาเอง มากที่สุดเท่าที่จะมากได้แล้ว

หลังจากวันนั้น เงินก้อนแรกจากพ่อแม่ของอาทิตย์ ก็ถูกโอนเข้าบัญชีของดรุณีทันที และเป็นอย่างนั้นไม่มีขาด ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ค่าเทอม การกินการอยู่ อาหารบำรุงครรภ์ นัดหมายหมอ เรื่องอะไรต่อมิอะไรจิปาถะ รวมถึงเรื่องเรียน เรื่องสอบ ถูกจัดเตรียมให้กับดรุณีโดยพร้อมสรรพ โดยครรภ์แรกแบบนี้ ดรุณีโชคดี ที่มันไม่ได้โตมากนัก ยิ่งเธอได้ใส่เสื้อกาวน์อยู่ตลอดเวลา ใคร ๆ ก็คิดแค่ว่า ดรุณีนั้นกินเก่งขึ้นและอ้วนท้วนมากกว่าเดิมแค่นั้น จนกระทั่งวันที่เธอคลอด ก็ไม่มีใครระแคะระคาย

“คุณเป็นอะไรมั้ยครับ โอเคหรือเปล่า” เสียงถามของหนุ่มเจ้าของร้านกาแฟ ดึงให้แพทย์หญิงดรุณีกลับมาจากเรื่องราวในอดีต เธอรีบยิ้มกลบเกลื่อนให้กับอีกฝ่าย ที่เดินเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ “อ้อ พอดีคิดอะไรนิดหน่อยน่ะค่ะ” ดรุณีพูด ยิ้มให้ ก่อนจะรับเครื่องดื่มมายกขึ้นดื่ม “อร่อยจังค่ะ” ดรุณีเอ่ยชม มองเห็นชายหนุ่มยิ้มอย่างเป็นมิตรที่ลูกค้าชอบเครื่องดื่มของทางร้าน

“ถ้างานยุ่ง ๆ ยังไง แวะมานั่งเล่นที่ร้านได้นะครับ ยินดีต้อนรับเสมอ” ดรุณีพินิจพิเคราะห์ใบหน้าของอีกฝ่าย ที่น่ารัก และอาทิตย์ก็คงจะรักคนคนนี้มากด้วยเช่นกัน “ฮัลโหล ครับ อ๋อ ไม่ยุ่งหรอก ตอนนี้มีลูกค้าแค่คนเดียว ไม่เหงาสิ มีคุณเขาชวนคุย คุณเขาน่ารักมากเลย และก็เอ็นดูเจ้าตัวแสบของเรามาก ๆ ด้วยนะ” ชายหนุ่มเจ้าของร้านกาแฟพูดกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ เดาได้ไม่ยากว่า คนที่อีกปลายสายก็คือแฟนกัน

“มีแฟนเป็นหมอนี่ เขายุ่งตลอดเลยใช่มั้ยคะ” อดไม่ได้ ดรุณียอมรับ ว่าเธออยากรู้เรื่องราวของอาทิตย์ กับความเป็นไปในชีวิตของเขา ชีวิตที่ไม่มีเธอรวมอยู่ด้วย “ศัลยแพทย์น่ะครับ” ดรุณีพยักหน้าอย่างเข้าใจดี “ก็เลยต้องเป็นผม ที่เจ้าหนูตัวน้อยนี่ ที่ตัวติดกันเป็นตังเม” เด็กชายตัวน้อยวิ่งเข้ามากอด เข้ามาซบ เข้ามาขอแก้มชายหนุ่มหอมฟอดใหญ่ ก่อนจะวิ่งถือรถแข่งของเล่นคันเก่งของตัวเอง ไถไปบนขอบโซฟาจนทั่วร้าน

“น่าอิจฉาจังนะคะ” ก้อนอารมณ์แข็ง ๆ แล่นขึ้นมาจุกที่คอหอยของด็อคเตอร์ดรุณี กับสิ่งที่เด็กน้อยทำกับชายหนุ่มต่อหน้าเธอ สิ่งที่เธอไม่มีโอกาสจะได้รับ “เหนื่อยนะครับ เหนื่อยมาก ดูแลเด็กคนหนึ่ง” ชายหนุ่มมองตามเด็กชายตัวน้อย “แต่ก็มีความสุขที่ได้เห็นเขาเติบโตขึ้นทุกวัน แค่นี้ก็พร้อมเหนื่อยต่อได้ในวันรุ่งขึ้น” รอยยิ้มของชายหนุ่มที่ดรุณีเห็น ใช่ เธออิจฉาความสุขนี้ของเขา

“มีแฟนไม่เจ้าชู้ รักครอบครัว โชคดีมาก ๆ เลยนะคะ” อาการปวดหน่วงในหัวใจที่ด็อคเตอร์ดรุณีกำลังรู้สึกนี้ มันทำร้ายเธอได้มากกว่าที่คิดเอาไว้ “หวังว่านะครับ” ชายหนุ่มตอบกลั้วหัวเราะ รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกันที่ลูกค้าสาวคนนี้ ชวนคุยเกี่ยวกับแฟนหนุ่มของเขามากอยู่พอสมควร

ไม่งั้น นัทจะจับตัดให้เป็ดกินเสียเลย” แพทย์หญิงดรุณีเห็นตั้งแต่แรกตนเข้ามาในร้านแล้ว ว่านี่ไม่ใช่วิน เพื่อนเรียนมหาวิทยาลัย ที่อาทิตย์คร่ำครวญจะเป็นจะตาย หากว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน “แล้วนัทก็จะพาลูกหนีไปไกล ๆ” แพทย์สาวมองเห็นความรักในแววตาของนัท ที่มีต่อเด็กชายตัวน้อยที่วิ่งเล่นอยู่รอบร้าน

“เด็กคนนี้โชคดีมากนะคะ ที่มีพ่อที่รักเขาถึงสองคน” ด็อคเตอร์ดรุณียอมรับ ว่าอาทิตย์เลี้ยงดูลูกได้เป็นอย่างดี รวมทั้งคู่ชีวิตคนนี้ของเขา ที่รักเด็กชายตัวน้อยมาก แม้ว่าจะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขต่อกันแม้แต่น้อย จะว่าไป อาทิตย์ก็ดูแลทุกคนดีมาก ดีมาตั้งแต่ตัวดรุณีเองแล้ว “นอกจากงานผ่าตัดที่เขาค่อนข้างทุ่มเทแล้ว ลูกนี่แหละครับ ที่อาทิตย์เขาไม่เคยผิดสัญญากับลูกเลยสักครั้ง” แพทย์หญิงดรุณีฟังแบบนั้นแล้วก็เจ็บจี๊ดขึ้นมากลางใจ แม้แต่เธอ ที่อาทิตย์เคยบอกว่าควรจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่อาทิตย์ไม่คิดว่าสัญญานั้น มันสำคัญอะไร แต่ดูไปแล้ว ลูกและชายหนุ่มคนนี้ คือลมหายใจเขาออกของอาทิตย์ในทุก ๆ วัน

“นัท” เสียงเคร่งขรึมนั้นดังขึ้น เมื่อประตูร้านถูกเปิดเข้ามา “ผ่าตัดคนไข้เสร็จแล้วหรือครับ” คนถูกเรียกหันไปทัก ก่อนยิ้มให้ “ป่าป๊า” เด็กชายตัวน้อยวิ่งโผมาให้นายแพทย์อาทิตย์อุ้ม ซึ่งแพทย์หนุ่มหน้าตาเครียด เมื่อเห็นด็อคเตอร์ดรุณีนั่งอยู่ในร้าน “ชื่นใจหน่อย” นายแพทย์อาทิตย์หอมแก้มนัทแฟนหนุ่มของเขาฟอดใหญ่ นัทตีแขนอาทิตย์แก้เขิน ดรุณีเบือนหน้าไปทางอื่น มันเจ็บปวดเสมอ กับการเป็นคนที่อาทิตย์ไม่ต้องการ เสมอมา

“ด็อค คุยได้มั้ย สะดวกหรือเปล่า” ด็อคเตอร์ดรุณีดึงตัวเองกลับจากเรื่องราวในอดีตทั้งหมด มาสู่ปัจจุบันในตอนนี้ เธอกดรับสายเรียกเข้าจากสารวัตรรัฐนนท์ ที่หากไม่เร่งด่วนจริง ๆ ในช่วงที่เธอลาพักแบบนี้ สารวัตรหนุ่มจะไม่รบกวนเวลาส่วนตัวของเธอย่างแน่นอน “พบตัวครูหนิงแล้วนะด็อค แต่อาการไม่ค่อยดี เธอพูดถึงเรื่องขู่ ก่อนจะหมดสติไปอีกครั้ง” สารวัตรรัฐนท์แจ้งสถานการณ์มาตามสาย ให้ด็อคเตอร์ดรุณีทราบ

“เก็บหลักฐานจากตัวผู้เสียหายเรียบร้อยแล้วนะ” ด็อคเตอร์ดรุณีถามกลับไปทันทีเช่นกัน” ครับ ทีมเก็บและพิสูจน์หลักฐาน พบชิ้นผิวหนังใต้เล็บของครูหนิง ที่คาดว่าจะเป็นของคนร้าย” ด็อคเตอร์ดรุณีรับทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากสารวัตรหนุ่ม “หมอจะรีบไปเดี๋ยวนี้” สารวัตรได้ยินแบบนั้น ก็อดถามด้วยความเป็นห่วงแพทย์สาวไม่ได้

“หมอโอเค เดี๋ยวเจอกัน” ด็อคเตอร์ดรุณีกดวางสายจากสารวัตรรัฐนนท์ การลาพักของเธอต้องจบลงตรงนี้แล้วสินะ แต่คงจะไม่ใช่เพราะเคสเร่งด่วนที่สารววัตรรัฐนนท์เพิ่งโทรมาหาเธอหรอก แต่คงเป็นเพราะข้อความที่ถูกส่งกลับมาหาเธอจากอาทิตย์ต่างหาก ที่ห้ามเธออย่างเด็ดขาดว่า หากดรุณีต้องการจะเงินลูกของเขา ให้โอนเข้าบัญชีเท่านั้น ให้เลิกเอามาให้เองแบบนี้ ต่อให้วานเด็กส่งของมาก็ตาม เพราะดรุณีเซ็นยกลูกให้กับอาทิตย์ดูแลแต่เพียงผู้เดียว ตั้งแต่วันแรกที่เด็กชายตัวน้อยลืมตาขึ้นมาดูโลกแล้ว

ด็อคเตอร์ดรุณีที่นั่งอยู่ในรถที่ฝั่งตรงข้ามร้านกาแฟร้านนั้น ที่เธอเฝ้ามองครอบครัวครอบครัวหนึ่งที่อยู่กับพร้อมหน้าพร้อมตา มีพ่อ พ่อ และก็ลูกชาย ครอบครัวที่เธอหมดสิทธิ์จะเรียกร้องให้กลับมาเป็นของเธอ โดยเฉพาะเมื่ออาทิตย์ส่งข้อความมาด้วยว่า ขออย่าให้ดรุณีกลับมาทำลายครอบครัวอันแสนสุขของเขา

เพราะตั้งแต่คราวที่แล้ว ที่ดรุณีอยู่ ๆ ก็โผล่มาที่ร้านกาแฟเมื่อหลายปีก่อน อาทิตย์ก็ได้พูดกับดรุณีไปแล้วอย่างชัดเจน ด้วยอาการเกรี้ยวกราด เพราะกลัวว่าดรุณีจะมาทำลายครอบครัวของเขา จะมาพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดกับนัท ผู้ชายที่เป็นคู่ชีวิตของนายแพทย์อาทิตย์ ซึ่งขืนดรุณียังไม่ยอมฟัง ไม่อย่างนั้น คราวนี้อาทิตย์จะเอาจริง และจะได้เห็นดีกันแน่นอน ดรุณีติดเครื่องยนต์ สายตามองตรงไปข้างหน้า เธอหยิบแว่นตากันแดดขึ้นมาสวม น้ำตาอุ่น ๆ ไหลลงแก้ม ก่อนที่เธอจะเหยียบคันเร่ง ออกรถไปจากตรงนั้น

**************************************************

คำแปลเนื้อร้องงเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

นอกสายตา - แคทลียา อิงลิช

https://www.youtube.com/watch?v=bL9HWHqRBls


แอบยิ้มเมื่อเธอดีใจ

I smile when seeing you happy

แอบทุกข์เมื่อเธอเสียใจ

I hurt when you’re feeling down

หัวเราะและร้องไห้ ไปกับเธอทุกครั้ง

Laugh and cry every time you do


แม้เธอจะไม่หันมา

Though you don’t look my way

ฉันยังเฝ้ามองทุกวัน

I still keep looking after you

ได้เฝ้าดูห่างห่าง มันก็ยังพอใจ

From a distance, it’s satisfying me


ไม่หวังให้เธอมีใจ

Never hope you’re feeling for me

ไม่หวงถ้าเธอมีใคร

It’s okay you’re with someone else

ไม่หวังยืนใกล้ใกล้

Don’t need to be near you

ไม่ต้องการร้องขอ

Never ask, not even once


ได้ยืนอยู่บนผืนดิน ผืนเดียวกับเธอก็พอ

Just me being on the same world, the same one as you are

ฉันก็มีความสุข อยู่กับฝันของฉันเท่านี้

That gives me so much joy, living in my dream like this


อยู่นอกสายตา ของเธอตั้งไกล

Out of reach, we are far away

ฉันนั้นก็ทำได้ แค่มองจากตรงนี้

All I can do is look at you right from here

แต่ฉันยังรอซักวัน เธอหันมองผ่านทางนี้

Waiting that someday, you’ll get to look this way

แค่ซักวินาที เธอเห็นฉันคนนี้ในสายตา

Jus one second that I’ll be the apple of your eye


และแม้ว่านานเพียงใด

Though it takes forever

และแม้ว่าไกลดังเดิม

Though it’s damn far like before

ยังเฝ้ารอเธออยู่

I’m right here longing for

ต่อให้ไกลแค่ไหน

You’re still far far away


ไม่เคยอยู่ในสายตา ไม่เคยอยู่ในหัวใจ

Never once you see me, never will be on your mind

แต่ขอมีเธอใกล้ อยู่ในฝันของฉันก็พอ

All I want is you’re still around, being real in my dreams, that’s all

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: ๒๙. GUILT _ 8.22.2023
«ตอบ #31 เมื่อ22-08-2023 16:11:25 »



Guilt



“ทางทีมสืบพบครูหนิงนอนอยู่ในคูน้ำตื้น ๆ บริเวณนอกเมือง ห่างจากที่พบรถยนต์เช่าถูกจอดทิ้งไว้ไปไม่ไกล” ทางด้านด็อคเตอร์ดรุณี พอกลับมาถึงก็เข้ามาที่ห้องชันสูตร เพื่อปรึษาคดีกับสารวัตรรัฐนนท์พอดี “ตอนนั้น ที่พบร่างของหนิง ก็คิดว่าครูได้เสียชีวิตไปแล้ว” ขนธัญที่ออกไปกับทีมสืบสวนเพื่อตามหาครูหนิงด้วย บอกกับด็อคเตอร์ดุ

“ครูหนิงคงอยากจะสู้เพื่อให้เราจับตัวคนร้ายได้” แพทย์หญิงดรุณีพูดกับชนธัญแบบให้กำลังใจกัน “หนิงเป็นนักสู้เสมอ เขาเป็นเด็กกำพร้าที่สู้ชีวิต และมาตอนนี้ก็ยอมสู้เพื่อคนอื่นมาตลอด” ชนธัญเล่าเบื้องหลังชีวิตของคุณครูหนิงให้อีกสองคนฟัง “ตอนเรียนด้วยกันที่มหาวิทยาลัย หนิงไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก ผมที่เรียนต่างคณะกับหนิง พอปีท้าย ๆ เรียนหนักเข้า มันก็คือจุดเริ่มต้นของการที่เราห่างกันไป” ชนธัญจำได้ดีว่า เมื่อก่อนนั้น เขากับหนิงสนิทกันมากขนาดไหน

“หนิงอยากเป็นครู อยากสอนเด็ก ๆ เรื่องทำอะไรนอกลู่นอกทาง นั่นไม่ใช่หนิงที่ผมรู้จัก” ชนธัญพูดตามความทรงจำที่ดี ที่เขามีต่อเพื่อนสนิทคนนี้ “แต่คนเราก็เปลี่ยนกันได้” สารวัตรรัฐนนท์ให้ข้อสังเกต “หรือมีใครทำให้เปลี่ยนไป” ด็อคเตอร์ดรุณพูดขึ้น “การพบรอยผิวหนังมนุษย์ใต้เล็บของครูหนิง มันบ่งบอกแน่ชัดว่า ครูหนิงสู้กับคนร้ายยิบตา” ชนธัญรู้สึกใจหาย เมื่อนึกถึงช่วงเวลบาที่เหตุการณ์ร้าย ๆ นี้ เกิดขึ้นกับหนิง เสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าที่โทรศัพท์มือถือของด็อคเตอร์ดุดังขึ้น

“ดีเอ็นเอจากผิวหนัง ตรวจพบยืนยันว่าเป็นของเพศชาย” ด็อคเตอร์ดุพูด ก่อนเงยหน้าสบตากับทั้งสารวัตรหนุ่มและคนหน้าใส “ครูหนิงมีแฟนมั้ยคุณ ตั้งแต่ตอนเรียน” ด็อคเตอร์ดรุณีมองสารวัตรรัฐนนท์ที่หันไปถามชนธัญด้วยท่าทีที่ผ่อนคลาย เหมือนกับว่าทั้งสองคนนั้น สนิทสนมกันเพิ่มมากขึ้นแล้ว สารวัตรหนุ่มเห็นรอยยิ้มชอบใจของด็อคเตอร์สาวแบบนั้น ก็ทำเป็นมองไม่เห็น

“ผมไม่รู้เลย” ชนธัญตอบคำถามของสารวัตรหนุ่มหล่อ หนุ่มหน้าใสส่ายหน้า ครุ่นคิด “ผมจำไม่ได้นะ เพราะถ้าหากหนิงมีแฟนจริง ผมน่าจะรู้ ไม่อย่างนั้นก็คงจะเป็นไปได้หลังจากเราขาดการติดต่อกันไปแล้ว” ชนธัญไม่เคยได้ยินหนิงเล่าเรื่องส่วนตัวลึก ๆ มากนัก ประสาอะไรกับเรื่องที่หนิงมีแฟน

“แต่” ชนธัญเพิ่งนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ และทำให้ 'แต่' ของชนธัญทำให้ทั้งสารวัตรรัฐนนท์และด็อคเตอร์ดรุณีสนใจ “ไม่นานกอนหน้าที่ผมกับหนิงจะไม่ได้ติดต่อกัน ผมจำได้ว่า หนิงเล่าให้ฟังว่า ชอบไปที่ชมรมการพูดบ่อย ๆ เพราะคนที่นั่นเข้าใจเธอมากกว่าเพื่อนที่เธอมี” ชนธัญในตอนนั้น ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่า การที่หนิงอาจจะแค่ระบายความอัดอั้นตันใจออกมา

“ผมรู้สึกแย่กับสิ่งที่หนิงพูดก็จริง เมื่อตอนได้ยิน แต่ก็ปล่อยผ่านไป เพราะช่วงนั้นผมเองก็มีเรื่องอะไรในหัวตัวเองเต็มไปหมดเหมือนกัน” สารวัตรรัฐนนท์มองไปที่ชนธัญด้วยแววตาแห่งความห่วงใยและอาทร ด็อคเตอร์ดุที่สังเกตเห็น นึกสงสัยว่าทำไมสารวัตรหนุ่มหล่อดูจะเข้าอกเข้าใจชนธัญเป็นพิเศษ ยิ่งเรื่องที่เจ้าตัวหนุ่มหน้าใสรู้สึกเศร้าเสียใจด้วยแล้ว

“เด็กมหาวิทยาลัยในชมรมนั้น ป่านนี้แยกย้ายไปอยู่ที่ไหนกันหมดแล้ว” ด็อคเตอร์ดรุณีพูดขึ้นพลางถอนหายใจยาว ๆ ออกมา ทางชนธัญเองที่ไม่เคยสนใจจะเข้าชมรมไหน ก็ไม่มีข้อมูลเรื่องนี้เลยจริง ๆ “ถ้าอย่างนั้น” สารวัตรรัฐนนท์พูดพลางสบตากับชนธัญแบบจริงจัง “โอเค” เหมือนจะไม่ต้องอธิบายอะไรกันมาก ชนธัญตอบตกลงสารวัตรหนุ่มไปในทันที

หนิงยืนรี ๆ รอ ๆ อยู่ที่น้าประตูชมรมการพูด ไม่ใช่เพราะว่าเธอเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก แต่มันเป็นเพราะว่า เธอรู้ดีว่า เธอจะต้องเจอใครที่เป็นประธานชมรม ที่เป็นนักพูดนี่เก่งคนนั้นต่างหาก หนิงใจเต้นแรง มือไม้สั่น และเขินหน้าแดงไปหมด เมื่อจำได้ดีว่า เมื่อครั้งที่แล้วที่มา เขาคนนั้นทำให้เธอรู้สึกดีกับตัวเองมากแค่ไหน

“ไม่เข้าไปหรือครับ” เสียงพูดที่ทำให้รู้สึกดีได้แค่เพียงได้ยินครั้งแรก ทำให้หนิงหันไปยิ้มกันคนต้นเสียง “คือหนิง” ท่าทีเขินอายของหนิงนั้น อีกฝ่ายรับรู้ได้แบบไม่ยากเย็นนัก “หนิงทำผมเขินเหมือนกันนะ” หนิงทำตาโตแปลกใจที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดออกมาแบบนั้น “ไม่รู้สิครับ ผมเขินทุกครั้งที่เจอหนิง แต่ความสุขใจ มันมากเพิ่มขึ้นด้วยทุกครั้งไป ไม่รู้ทำไม” หนิงหลบสายตาจากอีกฝ่าย เธอยิ้มกว้างออกมา ก่อนที่จะยอมให้อีกฝ่ายดึงมือของเธอไปกุมเอาไว้ ด้วยความรู้สึกดี

สารวัตรรัฐนนท์จอดรถที่ด้านหน้าตึกผู้ป่วยในโรงพยาบาล ก่อนที่จะลงจากรถพร้อมชนธัญ ทั้งคู่เร่งเดินไปกดลิฟต์เพื่อขึ้นไปที่วอร์ดไอซียู ที่ครูหนิงกำลังรักษาตัวอยู่ ชนธัญเองตั้งแต่ตอนที่เจอเพื่อนนอนอยู่ในคูน้ำตื้น ๆ นั้น ก็ยังไม่ได้มีโอกาสได้เจอเพื่อนอีกครั้ง ด้วยอาการของครูหนิงนั้นค่อนข้างที่จะน่าเป็นห่วง

“ถ้าการใช้มีดเป็นอาวุธในการทำร้ายกัน” ชนธัญพูดขึ้นขณะที่กำลังเดินเข้าลิฟต์ สารวัตรรัฐนนท์เดินตามเข้าไปก่อนจะกดปุ่มชั้นที่ต้องการ แล้วปิดประตูลิฟต์ “เหมือนในกรณีกรกับอูในเคสนั้น ที่สาเหตุน่าจะมาจากไครม์ ออฟ แพชชั่น ฆาตกรรมจากความเสน่หา” สารวัตรรัฐนนท์สบตากับชนธัญ ขณะที่อีกฝ่ายถามคำถามขึ้น

“แล้วอย่างกรณีนี้ของหนิงล่ะครับสารวัตร” หากว่าเคสนี้จะสามารถเทียบเคียงกับเคสก่อนหน้านี้ได้ “การใช้ปืนที่เป็นอาวุธหนัก ไล่ยิงแบบนั้น ดูเหมือนการจงใจเอาชีวิตกันตามที่ด็อคดุบอก” สารวัตรรัฐนนท์เองก็อยากจะหาคำตอบง่าย ๆ “มันเป็นฆาตกรรมประเภทไหน” มาอธิบายให้ชนธัญเข้าใจในเคสนี้เช่นเดียวกัน

ทั้งสองคนเดินออกจากลิฟต์ ก็ได้รับรายงานทันทีว่า อาการของครูหนิงนั้น กำลังแย่ลงเรื่อย ๆ จากความสาหัสของกระสุนปืนที่ถูกยิงผ่านช่องท้องของเธอ ก่อนหน้าที่สารวัตรรัฐนนท์และชนธัญจะมาถึง ทางทีมแพทย์และพยาบาลเพิ่งจะช่วยกันปั๊มหัวใจของครูหนิงให้ฟื้นคืนกลับมาไปรอบหนึ่ง ทางคุณหมอพูดเอาไว้ว่า อวัยวะส่วนอื่น ๆ ของครูหนิงเริ่มจะหยุดทำงาน มีเพียงหัวใจเท่านั้นที่ดูจะยังสู้ไม่ถอย

ชนธัญถูกขอร้องให้สวมชุดกันการติดเชื้อ หากว่าจะเข้าไปดูอาการของครูหนิงภายในห้องปลอดเชื้อ ที่ทีมแพทย์ตัดสินใจพาครูหนิงไปพักในนั้น หลังจากที่หัวใจของครูหนิงกลับมาเต้นเป็นปกติอีกครั้ง และอวัยวะอื่น ๆ ก็ดูจะทำงานได้ดีกว่าก่อนหน้า ตอนที่ชนธัญมาถึงที่โรงพยาบาล

“หนิง ถ้าแกรอฉันอยู่ ช่วยฉันด้วยนะ” ชนธัญที่หยุดยืนอยู่ที่ด้านข้างเตียงคนไข้ พูดกับครูหนิงเพื่อนสนิทของเขา สารวัตรรัฐนนท์ยืนมองอยู่ที่หน้าต่างกระจกด้านนอกห้อง โดยมีคุณหมอร่วมสังเกตการณ์อยู่ด้วย ชนธัญก้มลงมองดูเพื่อนที่นอนอยู่บนเตียง มีสายอะไรต่อมิอะไรที่กำลังช่วยยื้อชีวิตให้กับครูหนิง ระโยงระยางห้อยรุมตัวครูหนิงอยู่เต็มไปหมด

“ช่วยฉันหาคนที่ทำร้ายแกด้วยนะ หนิง” ชนธัญมองใบหน้าที่ซีดเผือด แทบไม่เหลือสีเลือดอยู่ของหนิง ร่างกายที่บอบช้ำแสนสาหัส ที่กำลังต่อสู้อย่างนักกับสภาพร่างกายที่ย่ำแย่อยู่ในขณะนี้ ชนธัญวางมือที่สวมถุงมือยางลงเบา ๆ บนข้อมือของครูหนิง ก่อนจะหลับตาพร้อมกำรอบข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้

สารวัตรรัฐนนท์มองไปที่ชนธัญผ่านกระจกใสใบใหญ่ที่กั้นเขาเอาไว้ที่ด้านนอกห้องไอซียู ก่อนที่จะสบตากับชนธัญที่ลืมตาขึ้นมา แล้วส่ายหน้าให้กับสารวัตรหนุ่ม คุณหมอที่ยืนอยู่ด้วยตรงนั้นถึงกับโวยวายขึ้นมาในทันที ที่เห็นชนธัญถอดถุงมือออก แล้วจับลงบนข้อมือของครูหนิงอีกครั้ง สารวัตรรัฐนนท์บอกกับคุณหมอไปว่า นี่มันเป็นความจำเป็น แม้จะเข้าใจดีกับเรื่องที่คุณหมอเป็นห่วงอย่างมาก ว่าครูหนิงนั้นจะเกิดการติดเชื้อได้ง่าย

แทบจะทันทีที่ชนธัญจับข้อมือของเพื่อนรักเอาไว้ ภาพเหล่านั้นก็แล่นเข้ามาให้เห็นในหัวของเขา เสียงผู้ชายคนที่เพิ่งเปิดประตูห้องนอนถามหนิงว่า หนิงกำลังจะออกไปข้างนอกหรือ เขาพูดต่อขึ้นว่า เขาอยากจะไปด้วย อยากนั่งรถเล่นอยู่พอดี แล้วก็เดินนำหน้าหนิงออกไปขึ้นรถ แถมยังเรียกหนิงให้ตามออกไปเร็ว ๆ

หนิงหยิบโทรศัพท์มือถือมาปิดเสียงได้ทัน ก่อนจะหย่อนลงไปในเป้ ทันก่อนที่มันจะดังขึ้น เพราะชนธัญโทรเข้ามาหาหนิงอีกครั้ง ตอนที่เธอเข้ามานั่งอยู่ในรถแล้ว หนิงเองรู้แน่ชัดแล้วว่าเธอต้องเปลี่ยนแผน เธอไม่สามารถที่จะไปหาชนธัญ เพื่อปรึกษาอะไรบางอย่างกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานได้แล้ว อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ตอนแรก

“ไปขับรถเล่นแถวโรงเรียนหนิงกัน ผมอยากเห็นเด็ก ๆ พวกตัวเล็ก ๆ พวกนั้นน่ารัก” หนิงรู้สึกเย็นจับขั้วหัวใจ เมื่อได้ยินประโยคนั้น “วันนี้หนิงลา เราอย่าไปเลย” หนิงพยายามพูดออกมา ควบคุมให้น้ำเสียงไม่สั่น “เราไปเดินห้าง หาอะไรกินกันดีกว่า” หนิงพยายามทำให้น้ำเสียงของตัวเองฟังดูกระตือรือร้น ว่านั่นคือสิ่งที่เธออยากทำจริง ๆ “หนิงเป็นครู” เสียงผู้ชายคนนั้น ที่ชนธัญยังมองไม่เห็นว่าเป็นใครพูดขึ้นอีก

“หนิงไม่อยากช่วยเด็กนักเรียนของหนิงหรือครับ” ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะคิกคัก ที่มันราวกับบว่า สิ่งที่เขาพูดออกมานั้น มันช่างน่าตลกขบขันเสียเหลือเกิน “ผมไปเองคนเดียวก็ได้นะ ถ้าอย่างนั้น หนิงจอดรถให้ผมข้างหน้านี่ก็ได้” ชายหนุ่มทำท่าจะเปิดประตูลงจากรถ ทั้ง ๆ ที่รถกำลังแล่นอยู่

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวหนิงขับไปให้เอง พอดีหนิงนึกขึ้นได้ว่ามีการบ้านที่ตรวจค้างเอาไว้” หนิงพูดจบ ก็ลอบมองอีกฝ่ายที่ตอนนี้ นั่งนิ่งเงียบ ใบห้าเรียบเฉยไม่พูดอะไรอีกเลยจนหนิงขับรถมาจอดอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน หนิงลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้กับชายหนุ่ม ที่หันมามองเหมือนเป็นเชิงคำถามว่า หนิงไม่ลงจากรถหรือไง ไหนว่ามีการบ้านของเด็กที่ต้องตรวจ

“อ้าวครูหนิง ไหนบอกว่าจะมาเร็วกว่านี้ พี่ต้องขอเลื่อนรถที่ครูหนิงเช่ามา เอาไปจอดเลยถัดไปหน่อยนะคะ พอดีมีแขกวีไอพีมาที่โรงเรียน” หนิงขนคอตั้งเกรียว เมื่อครูอีกในหนึ่งของเรียน พูดทักเธอเสียงดังตั้งแต่เห็นเธอเดินเข้าประตูรั้วมา หนิงหันไปมองที่รถของตัวเอง ชายหนุ่มยืนมองเงียบ ๆ มาที่เธอ แต่ไม่พูดจาอะไร หนิงยิ้มให้ ก่อนจะบุ้ยบ้ายว่าขอเธอเข้าไปเอาการบ้านของเด็กก่อน

คุณครูหนิง คุณครูหนิง” เสียงเด็กนักเรียนตัวน้อย ๆ ของเธอ ร้องเรียกชื่อเธอด้วยความดีใจ เมื่อเห็นว่าครูประจำชั้นของพวกเขามาหาแล้ว หนิงเองกะพริบตาถี่ ๆ เธอกำลังจะระเบิดน้ำตาออกมา เมื่อเธอมองเห็นเงาของผู้ชายเดินผ่านหน้าต่างห้องไปไว ๆ หนิงก้มลงมองเด็กหน้าตาน่ารักที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ที่ตาแป๋วกำลังเงยหน้ามองเธออยู่

“ใครอยากเล่นเกมบ้าง” หนิงถามออกไป ทุกคนกระโดดโลดเต้น แต่ตอนนี้ใจของหนิงกำลังจะขาด เมื่อเธอรู้ดีว่า รถที่เธอเช่ามานั้น อย่างมากที่สุด ก็มีเพียงเด็กแค่ครึ่งห้องเท่านั้นที่นั่งพอ “ที่เหลืออีกครึ่ง รอครูหนิงอยู่ที่นี่ก่อนนะคะ” เด็ก ๆ ทำหน้าผิดหวังที่ไม่ได้รับเลือกเป็นกลุ่มแรก ตอนนี้หนิงนั้นรู้ดีว่า เธอจะต้องถูกความรู้สึกผิดในใจนี้เล่นงานไปชั่วชีวิต

หนิงจัดการพาเด็กนักเรียนครึ่งห้องของเธอ มาขึ้นรถเช่าที่เธอเตรียมเอาไว้ได้ โดยไม่มีใครสังเกตเห็น รถของเธอเองยังคงจอดอยู่ที่ด้านหน้าประตูรั้วโรงเรียน แต่ไม่เห็นวี่แววของผู้ชายคนนั้น หนิงไม่รอช้า ตัดสินใจสตาร์ทรถและขับออกมาจากที่นั่นในทันที หนิงมองดูที่กระจกหลัง ไม่มีใครขับรถตามเธอมา ก่อนจะระเบิดเสียงกรีดร้องและร้องไห้ออกมา จนเด็ก ๆ พากันถามว่า ครูหนิงเป็นอะไร

“ครูหนิงไปไหน” เด็ก ๆ ในห้องถูกถาม ก่อนจะตอบกลับไปว่า “เล่นเกม ครูหนิงให้เล่นเกม” ชายหนุ่มผู้ได้ยินคำตอบ หัวเราะออกมาเบา ๆ รับรู้ถึงครูหนิงผู้ช่วยคนอื่นมาตลอดคนนี้ “อยากไปหาครูหนิงมั้ย” เสียงเฮดังมาจากทุกคน ที่อยากจะไปหาครูหนิง “โน่น ครูหนิงอยู่ในห้องน้ำหลังโรงเรียนโน่นแน่ะ” เสียงของชายหนุ่มฟังดูตื่นเต้นผิดปกติ “ครูหนิงไปทำอะไรในนั้น” เสียงเด็กน้อยถาม ก่อนจะได้ยินชายหนุ่มตอบกลับมาว่า “ไปดูกัน” ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินตามกลุ่มเด็ก ๆ ที่เหลือของห้องไป โดยมีปืนไรเฟิล เอเค 81 ถืออยู่ในมือ

ชนธัญปล่อยมือตัวเองออกจากข้อมือของหนิง ก่อนที่ตัวจะเด้งถอยไปด้านหลัง กับภาพที่เขาเพิ่งจะเห็นสด ๆ ร้อน ๆ หน้าของชนธัญนั้นที่ตกใจกลัวสุดขีด ทำให้สารวัตรรัฐนนท์ถึงกับต้องเคาะกระจกเรียกคืนสติอีกฝ่าย ชนธัญกลืนน้ำลายลงคอได้อย่างยากลำบาก แต่ก็รีบออกมาจากห้องไอซียูในทันที เจ้าหน้าที่พยาบาลช่วยกันถอดชุดป้องกันเชื้อให้กับชนธัญ

“ผมเห็นหน้าเขา ก่อนที่ผมจะปล่อยมือที่จับหนิงอยู่ ผมเห็นหน้าเขา” ชนธัญพูดขึ้น ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ เพราะได้ยินใครสักคนกำลังพูดอยู่ในหน้าจอโทรทัศน์ “คนนี้ ผมเห็นเขาคนนี้” สารวัตรรัฐนนท์จ้องไปที่หน้าจอทีวี และภาพในนั้น ก็คือนักพูดสร้างแรงบันดาลใจที่กำลังมีชื่อเสียงมากที่สุดในตอนนี้

***************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

หลับตา - นันทนา บุญหลง (FOOTWORK)

https://www.youtube.com/watch?v=RwAekJ5-qJ4


มีบางช่วงแรกแรกที่ใจได้ชื่นชอบ

The first impression was super

คงเป็นเรื่องง่ายง่ายไม่ทันได้รอบคอบ

It was simple to fall for you so easily

เลยเป็นเรื่องไม่ยากที่มันได้สร้างขึ้น

It’s the hard truth I didn’ t expect

ด้วยมีความเชื่อที่ว่ามันเป็นเรื่องที่ราบรื่น

That only thought it was so slick


สุขใจที่ฉันพบเธอ

So happy to see you

ได้เจอคนที่แสนจริงใจ

The man with all the sincerity


หลับตาก็ฝันถึง

I closed my eyes, I dreamed of you

ตื่นมายังคงคิดถึง

I opened my eyes, I thought about you

ทั้งหวานทั้งซึ้งยังตรึงใจ

So sweet, so tender, stuck in my heart

เพราะฉันไม่เคยเจอผู้ชายคนใด

‘Cause I’ve never seen any guy

ที่พร้อมและดีเท่ากับเธอ

That was as great and perfect as you


หลับตาก็ฝันถึง

I closed my eyes, I dreamed of you

ตื่นมายังคงคิดถึง

I opened my eyes, I thought about you

ทั้งหวานทั้งซึ้งเหมือนแรกเจอ

So sweet, so tender like the very first time

จนวันสุดท้ายจึงน้ำตาเอ่อ

Until the day I got tears in my eyes

วันนี้วันที่เธอจากฉันไป

Today, you left me all alone


ไปกันได้ไม่มากไม่ทันได้ราบเรียบ

We took off not far and not so smooth

กลายเป็นช่วงที่เริ่มด้วยวันที่เงียบเชียบ

Turned out the days we talked no more

จนบางเรื่องที่ว่ามันไม่ได้มากเข้า

Things reached the point, we got nowhere

ก็ลืมกันได้ง่ายง่ายเป็นเรื่องที่น่าเศร้า

Everything was forgotten, that’s a sad story


ปวดใจที่ฉันพบเธอ

Painful to have met you

ต้องเจอคนที่ไร้หัวใจ

You’re the mean son of a bitch


หลับตาก็ฝันร้าย

I closed my eyes, there’re nightmares

ตื่นมายังคงไม่หาย

Waking up didn’t make them disappear

ไม่คิดว่าเธอจะทำร้ายกันลง

Never thought you would hurt me so


ทั้งทั้งที่ดูมานานว่าเธอมั่นคง

Though I put my trust that you’re the one

จึงหลงรักเธอหมดใจ

I was fully falling in love with you


หลับตาก็ฝันร้าย

I closed my eyes, there’re nightmares

ตื่นมายังคงไม่หาย

Waking up didn’t make them disappear

ไม่รู้วันไหนจะลืมซะที

Don't know when it’s gonna go away

ลืมคนที่เคยคิดว่าแสนดี

Forget someone I thought he was for me

คนนี้คนที่ทำเจ็บหัวใจ

This one, that he broke all my heart


มันคงเรียกได้ว่าแทบจะไม่น่าเชื่อ

I’d say I couldn’t believe it myself

บทจะเลิกก็เลิกแต่มันก็ต้องเชื่อ

When it’s time, you’ll walk away for sure

เรื่องบางเรื่องก็ยากที่จะเข้าใจได้

Some things in this world are difficult to understand

และคงต้องใช้เวลาอีกนานเพื่อลืมให้ได้

Taking a long time to heal and to forget

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: ๓๐. SILENT KILLER _ 8.23.2023
«ตอบ #32 เมื่อ23-08-2023 12:07:23 »



๓๐. SILENT KILLER


“เด็ก เด็กอะไรที่ไหน” เสียงถามกลับมาแทบจะในทันที ที่เขาได้ยินสารวัตรรัฐนนท์เอ่ยถามถึงเรื่องคดีการฆาตกรรมที่กำลังตามสืบอยู่ “ไอ้คดีที่เพิ่งเป็นข่าวใหญ่ไปเนี่ยนะ โอ๊ย” เสียงร้องนั้นดังขึ้นพร้อมกับการกลั้วหัวเราะ “นี่ผมสามารถฟ้องร้องพวกคุณได้เลยนะ มากล่าวหากันแบบนี้” ชายคนที่กำลังยืนเซ็นชื่อลงบนปกหนังสือของดีของเขาพูด แต่ได้จริงจังอะไรนัก

“ผมเป็นนักพูด” ชายคนที่สารวัตรรัฐนนท์และชนธัญมาสืบสวนเพิ่มมองหน้าทั้งสองคนสลับกันไปมา “ผมไม่ใช่นักฆ่า” ก่อนจะจบประโยคที่เขาคิดว่าน่าจะสรุปอะไรให้ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับตัวเขา “หลายครั้งคำพูดก็ทำร้ายคนได้เลวร้ายหรือมากกว่าอาวุธเสียอีก” ชนธัญอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นเพื่อเป็นข้อเตือนอะไรบางอย่างกับอีกฝ่าย

“ก็จริงนะครับ” ชายนักพูดตอบรับกลับมา ยิ้มไปเซ็นหนังสือไป “แต่นั่นเป็นเรื่องระหว่างคุณกับจิตแพทย์ของคุณ ผมไม่มีหน้าที่มากรองสิ่งที่คุณอาจหรืออาจจะไม่ได้ยิน” เสียงหัวเราะชอบใจหลังจากนั้นดังออกมาจากเขาและผู้ช่วยของเขา ชนธัญเองต้องฝืนความรู้สึก อดทนกับคนตรงหน้าอยู่มากพอสมควร

“เอาเป็นว่าในวันที่เกิดเหตุ คุณมีพยานรู้เห็นหรือไม่ครับ ว่าคุณอยู่ที่ไหนและทำอะไรอยู่” สารวัตรรัฐนนท์ถามชายนักพูดออกไป ชายคนนั้นมองไปทางสารวัตร ยิ้มอย่างคนอารมณ์ดี “Alibi ของผมคือ ผมอยู่ที่นี่ตลอดครับ ผมกำลังพูดเพื่อให้กำลังใจคนที่กำลังท้อถอยในชีวิตอยู่” เขาพูดพลางพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นทีละข้าง ด้วยท่าทางใจเย็น ชนธัญมองไปที่แขนทั้งสองข้างของชายนักพูดระดับประเทศ แต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อที่แขนของเขาไม่มีร่องรอยของเล็บครูหนิงข่วนเอาไว้ ที่ด็อคดุยืนยันว่ามันเป็นผิวหนังที่มาจากต้นแขนมนุษย์เพศชาย

“ผมยินดีจะให้คลิปจากกล้องวงจรปิดกับพวกคุณนะครับ ถ้าคุณทั้งสองคนจะมานั่งฟังผมบรรยายสักครั้งสองครั้ง คุณอาจจะกำลังมองหาทางออกให้ชีวิตอยู่ก็ได้ ทางออกสู่การเริ่มต้นใหม่ ที่มีเพียงเส้นผมที่บังภูเขาชีวิตของคุณอยู่” ชายนักพูดคิดว่า ไม่เสียหายอะไรหากเขาจะได้ผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอีก

“เขาไม่ใช่คนที่เราตามหาอยู่” สารวัตรรัฐนนท์พูดกับชนธัญเบา ๆ หนุ่มหน้าใสเห็นด้วย “แต่ทำไมผมถึงเห็นเขาในภาพนิมิต” นั่นคือสิ่งที่สารวัตรรัฐนนท์เองก็ข้องใจเช่นกัน เพราะปกติภาพที่ชนธัญเห็น จะแม่นยำเสมอ “คุณเป็นนักพูดที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ คุณต้องเจอะเจอคนวัน ๆ หนึ่งไม่ใช่น้อย พอจะมีสักคนไหมครับ ในกลุ่มผู้ติดตามมาฟังคุณบรรยาย ที่มีลักษณะอะไรผิดแผกไปจากคนอื่น ๆ” ชนธัญคิดว่า หากไม่ใช่ชายนักพูดคนนี้ที่เป็นคนร้าย ก็คงจะต้องเป็นใครสักคนที่เกี่ยวข้องกัน

“เท่าที่นึกได้ ก็ไม่มีนะ” ชายนักพูดทำหน้าครุ่นคิด เขาจำคนที่พบในหนึ่งวันไม่หมดแน่นอน “เดี๋ยวนะ บอส จำไอ้คนนั้นได้หรือเปล่า” ผู้ช่วยของคุณนักพูดถามขึ้น พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักชอบใจที่ยังจำคนคนนี้ขึ้นมาได้ “ไอ้เพี้ยนที่มันเพ้อเจ้อเรื่องท่านผู้เป็นใหญ่ ท่านผู้ชี้ชะตาจักรวาลอะไรนั่นนะ เออ ๆ จำได้ แม่งโคตรบ้าเลย” ชายนักพูดยิ่งนึกแล้วก็ยิ่งหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น แต่ก็พูดชมชายหนุ่มคนนั้น ว่าน้ำใจงาม เพราะวันนั้นเขาควักเงินบริจาคร่วมกับทางชายนักพูดมาหลายพันบาท

“คุณว่าเขาเพี้ยน แต่ก็ยังรับเงินเขามาหน้าชื่นตาบาน” ชนธัญมองไปที่คุณนักพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา “เงินก็คือเงิน คุณนักสืบ” ชายนักพูดกดปิดปลอกปากกาด้ามแพงของเขา โดยที่ผู้ช่วยยกกองหนังสือที่เพิ่งเซ็นเสร็จเดินจากไป “ผมไม่เคยบังคับใครให้บริจาค ทุกบาทที่สตางค์ที่เข้ามาในกองทุนของผม นั้นมาจากความศรัทธาล้วน ๆ” ชายนักพูดเผยรอยยิ้มที่มุมปาก มันดูเหมือนจะเป็นการยิ้มเยาะเสียมากกว่า

“ถ้าผมทำอะไรผิด คุณสองคนก็จับกุมตัวผมไปได้เลย แต่ถ้าไม่ ก็ขอเชิญคุณสองคน พากันออกไปจากที่นี่ได้แล้ว และอย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก นอกเสียแต่ว่า จะมานั่งฟังผมบรรยายเพื่อชีวิตของพวกคุณดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นี้ ถ้าอย่างนั้น เชิญที่นี่ได้ทุกเมื่อนะครับ ผมยินดีต้อนรับ” ด้วยหน้าที่การงาน สารวัตรรัฐนนท์ข่มใจแล้วข่มใจอีก กับคำพูดและท่าทางอันหยิ่งยโสของนักพูดระดับประเทศคนนี้

“มันต้องมีใครสักคนที่รู้ว่า หนิงเกี่ยวข้องอะไรกับคนร้าย” ชนธัญยังนึกไม่ออก จะตามเรื่องนี้ต่อยังไงดี “อืม ว่าไง” สารวัตรหนุ่มหล่อรับสายจากหนึ่งในทีมสืบลับ “ทายาทของครูหนิงหรือ” สารวัตรรัฐนนท์สบตากับชนธัญ “หนิงเป็นเด็กกำพร้า” ชนัญยืนยันคำเดิม “กรมธรรม์ประกันชีวิตของครูหนิง” สารวัตรรัฐนนท์มีน้ำเสียงที่สดใสขึ้นเมื่อได้ยินปลายสายพูดแบบนั้น “มีชื่อของผู้รับผลประโยชน์ อย่างนั้นหรือ แจ๋วเลยงานนี้” สารวัตรรัฐนนท์บอกกับชนธัญว่า คดีนี้มีทางไปต่อแล้ว

หนิงเองชักไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอและแฟนหนุ่ม มันไม่เหมือนแต่ก่อนตั้งแต่เริ่มคบกัน จากที่ชมรมการพูดที่มหาวิทยาลัย ตอนที่เขาขอเธอคบเป็นแฟน ตอนที่หนิงยอมตกเป็นของเขา จนได้ย้ายมมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้ ยิ่งตอนที่ต่างคนต่างทำงานแล้ว การสื่อสารระหว่างกันก็ยิ่งลดน้อยถอยลงมากขึ้นทุกที ๆ

“หนิงซื้อข้ามผัดมา จะกินเลยมั้ย จะได้ใส่จานให้” หนิงที่ได้ยินเสียงพูดเบา ๆ ดังออกมาจากห้องเล็ก ๆ ที่แฟนของเธอดัดแปลงใช้เป็นห้องทำงาน หนิงเลยร้องถามออกไป แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมา “หนิงเอาใส่จานเลยนะ” หนิงพูดพลางจัดจานข้าวให้กับแฟน เธอชะโงกเลยเข้าไปในทางเดินเล็ก ๆ นั้น ประตูห้องทำงานเปิดแง้มอยู่เล็กน้อย แสงไฟสีส้มจากโคมไฟส่องออกมาให้เห็น

หนิงตัดสินใจเดินไปที่ห้องทำงานแฟน เพื่อจะไปเรียกแฟนหนุ่มให้มากินข้าวเย็นด้วยกัน แต่คิดว่าเขาคงไม่ได้ยิน หนิงเลยคิดว่าจะเดินไปเรียกเขาด้วยตัวเอง หนิงเดินเข้าใกล้ห้องทำงานของแฟน เธอได้ยินเสียงพูดตอบโต้กันไปมา ทีแรกเธอก็คิดว่าแฟนของเธอกำลังคุยโทรศัพท์กับใครอยู่ แต่ทำไมมันฟังดูแล้วเหมือนกับว่ามีเสียงของแฟนหนิงอยู่แค่คนเดียวเท่านั้น

ช่องประตูที่เปิดแง้มอยู่ ไม่กว้างมากพอที่จะให้หนิงที่ตอนนี้ยืนอยู่ที่หน้าประตู ได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องนั้น เสียงพูดของแฟนที่หนิงจับใจความได้ไม่ถนัดนัก ยังคงดังอยู่ หนิงค่อย ๆ แนบหูของเธอลงบนประตูไม้ เสียงพูดนั้นลดลงการเป็นลักษณะของคนพึมพำ ๆ อะไรในลำคอ แต่ยังคงเป็นไปในลักษณะของการตอบโต้กันอยู่

หนิงมองผ่านลอดช่องประตูที่แง้มไว้อีกครั้ง ก็ไม่เห็นอะไร ไม่มีการเคลื่อนไหวให้เห็น หนิงก้มลงมองที่พื้น เผื่อว่าจะเห็นแฟนหนุ่มของเธอเดินไปเดินมา ทำไม้ที่พื้นห้องลั่นเกิดเสียงบ้าง เหมือนกับที่คนเราเดินไปทั่วห้องขณะที่กำลังคุยโทรศัพท์ติดพัน แต่ก็ไม่มี จนหนิงต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมอง แฟนหนุ่มของเธอก็มายืนจ้องหน้าของเธอที่ช่องประตูนั้นอยู่ก่อนแล้ว

“หนิงมาเรียกไปกินข้าว” แม้จะตกใจอยู่ไม่น้อย หนิงก็พยายามพูดให้เป็นเสียงปกติที่สุด เธอเห็นแฟนหนุ่มพยักหน้าตอบรับช้า ๆ สายตามองมาที่เธอเขม็ง จนหนิงเองก็รู้สึกประหลาดใจ ปนเปไปด้วยความหวาดกลัวอยู่ลึก ๆ หนิงกำลังจะพูดอะไรต่อ แต่แฟนหนุ่มของเธอก็ดันประตูให้ปิดสนิทเสียก่อน หนิงเดินกลับมาที่โต๊ะกินข้าว อีกอึดใจต่อมา แฟนหนุ่มของเธอก็ออกมานั่งร่วมโต๊ะด้วย โดยที่ทั้งคู่ต่างคนต่างกินข้าวไปเงียบ ๆ ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน

ทั้งคืนนั้น หนิงนอนคิดถึงเรื่องนี้ทั้งคืน เธอผล็อยหลับก็เกือบจะรุ่งสางแล้ว มาสะดุ้งรู้สึกตัวตื่นอีกที ก็เกือบ ๆ จะเจ็ดโมงเช้า หนิงรีบลุกขึ้นจากที่นอน มองไปที่ด้านข้าง แฟนหนุ่มของเธอคงตื่นนานแล้ว แต่เห็นว่าเธอนอนอยู่ เลยไม่ได้ปลุก เพราะช่วงนี้หนิงเห็นเขาออกจากบ้านแต่เช้าแทบทุกวัน หนิงอยากจะถาม ว่าเขางานยุ่งมากหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป บ้านทั้งหลังก็เงียบเชียบมากขึ้นอยู่ในที

หนิงทำธุระยามเช้า อาบน้ำและแต่งตัวเสร็จ เธอกำลังจะเตรียมตัวไปโรงเรียน บ้านทั้งหลังเงียบกริบ มีแต่เสียงของเธอที่กำลังทำอะไรจุกจิกดังพอให้ได้ยินเท่านั้น ทำให้พอรับรู้ว่าบ้านหลังนี้ยังมีชีวิตอยู่ หนิงเดินไปที่ห้องทำงานของแฟน มันคล้องแม่กุญแจเอาไว้ หนิงขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เห็นว่าแฟนหนุ่มของเธอทำไมต้องล็อกห้องนี้ด้วย ทั้ง ๆ ที่เขาเองเป็นฝ่ายบอกกับเธอว่า จะไม่มีประตูที่กั้นความลับระหว่างกันภายในบ้านหลังนี้

หนิงทำท่าคิด กำลังนึกว่า ถ้าหากว่าเธออยากจะซ่อนลูกกุญแจ เธอจะเอมันไปซ่อนไว้ที่ไหน หนิงยกมือขึ้นแตะไล่ไปตามกรบประตูด้านบน ก่อนจะยิ้มออกมา เมื่อแตะเจอลูกกุญแจ หนิงหยิบเอามันมาไข แม่กุญแจที่คล้องอยู่ถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย หนิงเปิดประตูห้องทำงานของแฟนเข้าไป เธอไม่ได้เข้ามาในนี้บ่อยนัก แค่มาทำความสะอาดให้ แต่หลัง ๆ มา แฟนของเธอเป็นคนทำเอง หนิงเลยไม่อยากจะก้าวก่ายรบกวนความเป็นส่วนตัวของเขามากไปนัก

เสียงซีพียูของคอมพิวเตอร์พีซีดังฮัมเบา ๆ หนิงคิดว่า แฟนของเธออาจจะรีบจนลืมปิดคอม หนิงเดินไปขยับเมาส์เพื่อที่จะกดปิดชัตดาวน์ แต่เธอต้องประหลาดใจ เมื่อภาพที่ปรากฏที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มันคือรูปของโรงเรียนอนุบาลที่เธอสอนอยู่ รายละเอียดคือประวัติความเป็นมา สถานที่ตั้ง จำนวนเด็กที่มาเรียน ซึ่งอ่าน ๆ ดู มันก็เป็นข้อมูลทั่วไป ที่หาได้จากอินเทอร์เน็ต เพียงแต่มันมีรายละเอียดค่อนข้างมาก ว่าห้องอะไรเอาไว้ทำอะไร รวมถึงแผนผังกล้องวงจรปิดที่ครบถ้วนทั้งโรงเรียน

แฟนหนุ่มของหนิงยืนเงียบ ๆ มองหนิงจากรอยแง้มของประตูห้องทำงานนั้น ภาพบนหน้าจอเผยให้เห็นรายละเอียดของโรงเรียนอนุบาลที่หนิงสอนอยู่ แฟนหนุ่มของหนิงยืนนิ่ง ๆ มองหนิงที่กำลังทำท่าสงสัยกับสิ่งที่เธอเพิ่มเห็นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของแฟนหนุ่ม ก่อนจะเห็นหนิงทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ หนิงไม่ได้กดปิดคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ อย่างที่ตั้งใจจะทำแต่แรก

หนิงบอกตัวเองว่า ไม่อย่างนั้น แฟนหนุ่มของเธอก็จะต้องรู้ ว่าเธอไขกุญแจเข้ามาในห้องทำงานของเขา มันคงไม่ดีแน่ที่จะเผชิญหน้ากับเขา กับการแอบทำอะไรลับหลังกันแบบนี้ แม้ว่าหนิงจะยังติดใจอยู่ เรื่องข้อมูลต่าง ๆ ที่เธอเห็น ว่าแฟนของเธออยากจะรู้ไปทำไม ในเมื่อที่ทำงานของเธอก็เป็นแค่โรงเรียนอนุบาลธรรมดา ๆ เท่านั้น

หนิงล็อกประตูก่อนออกจากบ้าน ไม่ทันได้สังเกตเห็นแฟนของเธอ ที่ยืนมองเธออยู่หน้าห้องทำงาน ทั้งวันนั้น หนิงพยายามทำลืม ๆ เรื่องที่เธอค้นพบ แต่มันก็วนกลับมากวนสมาธิของเธอ ทำให้เธอต้องคิดต่อ ว่าแฟนของเธอยากจะรู้มันไปทำไมกัน เลิกงานหนิงก็ตรงกลับบ้าน คิดเอาไว้ว่า ถ้ามีโอกาสจะลองเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามแฟนดู แบบไม่ให้เขารู้ตัว

หนิงเปิดประตูเข้าบ้านมา ไฟสีส้มจากโคมไฟลอดออกมาจากช่องประตูห้องทำงาน หนิงย่องเท้าให้เบาที่สุด ไปที่ด้านหน้าห้องนั้น ก่อนแนบหูลงฟังที่ประตู หนิงขมวดคิ้วสงสัยที่ได้ยินเสียงแฟนของเธอพูดจาโต้ตอบกันเองเป็นสองคน หนิงทั้งตกใจ ทั้งกังวลใจ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จนหนิงได้ยินแฟนของเธอพูดออกมาคำหนึ่ง น้ำตาของหนิงถึงกับรื้นขึ้นมาในทันที

แฟนหนุ่มของหนิงเดินมากระชากประตูห้องทำงานให้เปิดกว้างออก มันเป็นเสี้ยววินาทีก่อนหน้านิดเดียว ที่หนิงปิดประตูห้องนอน โดยไม่มีเสียงประตูแม้กระทบกัน แฟนหนุ่มของหนิงไม่เห็นใครที่ทางเดินนั้น ก่อนที่เขาจะปิดประตูให้งับลง หนิงยืนตัวสั่นเทา น้ำตาไหลอาบแก้ม เมื่อคำพูดของแฟนหนุ่มของเธอยังคงดังก้องอยู่ในหัวว่า 'ฆ่าให้หมด'

*********************************************

คำแปลเนื้อเพลงเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

We Don't Talk Anymore - Charlie Puth feat. Selena Gomez

https://www.youtube.com/watch?v=3AtDnEC4zak


We don't talk anymore

เราไม่พูดกันอย่างแต่ก่อนแล้ว

We don't talk anymore

เราไม่คุยกันอย่างที่ผ่านมา

We don't talk anymore

เราไม่สนเรื่องที่ค้างคาอีกต่อไป

Like we used to do

อย่างที่เราเคยทำมันก่อนหน้านี้


We don't love anymore

เราไม่รักกันเหมือนเดิมแล้ว

What was all of it for?

สุดท้ายแล้วมันเหลืออะไรทิ้งเอาไว้บ้าง

Oh, we don't talk anymore

เมื่อเราไม่คิดแม้แต่จะคุยให้มันจบ

Like we used to do

อย่างที่เราเคยเป็นเคยทำมา


I just heard you found the one you've been looking

ฉันได้ยินว่าคุณเจอะเจอคนที่เฝ้าหา

You've been looking for

ได้เจอคนที่ถูกใจเสียที

I wish I would have known that wasn't me

ฉันปรารถนาที่จะได้รู้ก่อนหน้านี้ว่าคนคนนั้นไม่ใช่ฉัน


'Cause even after all this time, I still wonder

เพราะแม้จะให้หลังวันเวลาที่ผ่านมานี้ ฉันก็ยังสงสัย

Why I can't move on

ว่าทำไมฉันยังลืมคุณไม่ได้สักที

Just the way you did so easily

เพียงแต่ผิดกับคุณที่กลับทำมันได้โดยง่ายดาย


Don't wanna know

ไม่อยากรับรู้เลยสักนิด

Kind of dress you're wearing tonight

คุณสวมชุดอะไรออกไปเจอเขาในคืนนี้

If he's holding onto you so tight

หรือเขาโอบกอดคุณจนแน่นในอ้อมแขน

The way I did before

อย่างที่ฉันเคยทำมันมาก่อนหรือเปล่า


I overdosed

ฉันยังคงหวั่นไหวแทบคลั่ง

Should've known your love was a game

น่าจะรู้มาก่อนว่ารักสำหรับคุณมันเป็นแค่เกม

Now I can't get you out of my brain

ดูเอาเถอะฉันสลัดคุณออกจากความคิดไม่ได้เลย

Oh, it's such a shame

มันช่างน่าหงุดหงิดใจอะไรเช่นนี้


I just hope you're lying next to somebody

ฉันหวังว่าคุณจะมีใครสักคนมานอนเคียงข้าง

Who knows how to love you like me

คนที่รู้จักว่าควรจะรักคุณยังไงอย่างที่ฉันรู้

There must be a good reason that you're gone

มันอาจจะเป็นเหตุผลดีดีที่ทำไมคุณถึงต้องไปจากกัน


Every now and then I think you might want me to

บางครั้งบางคราฉันก็คิดนะว่าคุณเองอาจจะอยากให้

Come show up at your door

เปิดประตูออกมาก็เจอฉันทุกครั้งไป

But I'm just too afraid that I'll be wrong

แต่ฉันกลัวเหมือนกันว่าฉันเองเท่านั้นที่คิดไปเองคนเดียว


Don't wanna know

ไม่อยากจะรับรู้อะไร

If you're looking into her eyes

ว่าคุณจ้องมองตาเธอด้วยมั้ย

If she's holding onto you so tight

ว่าเธอกอดคุณจนแนบใจ

The way I did before

อย่างที่ฉันทำมันกับคุณเช่นกัน


I overdosed

ฉันยังคงหวั่นไหวแทบคลั่ง

Should've known your love was a game

น่าจะรู้มาก่อนว่ารักสำหรับคุณมันเป็นแค่เกม

Now I can't get you out of my brain

ดูเอาเถอะฉันสลัดคุณออกจากความคิดไม่ได้เลย

Oh, it's such a shame

มันช่างน่าหงุดหงิดใจอะไรเช่นนี้

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: ๓๑. DISORDER _ 8.24.2023
«ตอบ #33 เมื่อ24-08-2023 14:00:03 »


๓๑. DISORDER



“DID” สารวัตรรัฐนนท์ทวนคำ ย้ำกลับไปที่ด็อคเตอร์ดรุณี ที่เธอพยักหน้ายืนยันตามนั้น “จากการประเมินทางจิตเวชเบื้องต้น ทีมหมอที่เข้าสังเกตอาการ บอกว่ามีแนวโน้มที่คนร้ายจะมีอาการป่วยด้วยอาการดังกล่าว” ด็อคดุเองได้เห็นคลิปบางส่วนที่ทางหน่วยสืบสวนถ่ายเอาไว้ ตอนเข้าจับกุมตัว

“Dissociative Identity Disorder หรือโรคหลายบุคลิกที่เราเคยได้ยินกัน ผู้ป่วยจะสร้างอัตลักษณ์อีกหนึ่งตัวตน หรือมากกว่านั้นขึ้นมาใหม่ โดยมีลักษณะรูปร่าง หน้าตา น้ำเสียง อายุ อะไรต่าง ๆ ที่คนคนหนึ่งพึงจะมี แม้แต่เพศเอง แตกต่างจากตัวตนดั้งเดิมของคนไข้ โดยสิ้นเชิง” ด็อคเตอร์ดุอธิบายให้กับสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญฟังเพิ่มเติม

“โดยที่อัตลักษณ์เหล่านี้ที่คนไข้สร้างขึ้น ก็จะเข้า ๆ ออก ๆ ผลัดกันมาควบคุมความคิดและพฤติกรรมของคนไข้ สุดแต่ว่าในตอนนั้น คนไข้มีภาวะทางอารมณ์หรือกำลังเผชิญเหตุการณ์หรือเรื่องราวอะไรอยู่” สารวัตรรัฐนนท์ถึงกับถอนหายใจออกมายาว ๆ เมื่อสิ่งที่นายตำรวจหนุ่มกำลังได้ยินอยู่นี้ มันเพิ่มความซับซ้อนให้กับเคดีนี้มากขึ้นไปอีก

“หมอเคยคุยกับเพื่อนหมอที่เชี่ยวชาญด้านนี้ เล่าให้ฟังว่า บางรายมีอัตลักษณ์เป็นพัน ๆ ที่สร้างขึ้นมา ซึ่งส่วนใหญ่อัตลักษณ์ที่ถูกสร้างขึ้นเหล่านี้ ก็เพื่อมารองรับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น ทั้งกรณีที่คนไข้เจ็บป่วยทางกาย และแน่นอนในกรณีที่ส่วนใหญ่จะเลวร้ายอย่างที่สุด คือกรณีเจ็บป่วยทางจิตใจ ที่คนไข้นั้นทนรับอีกต่อไปไม่ไหว บุคลิกหรืออัตลักษณ์เหล่านี้ ก็จะออกมาทำหน้าที่รับความทุกข์ทรมานนั้นแทนตัวตนจริง ๆ ของคนไข้” ด็อคเตอร์ดุอธิบายรายละเอียดของโรคนี้ ที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

“ผมไม่แน่ใจว่ามันจะเกี่ยวข้องกันมั้ย แต่ตอนที่ผมเห็นภาพนิมิต ผมก็ไม่เห็นใบหน้าของเขา ผมเห็นแต่ท่าทางการแสดงออกเท่านั้น” ชนธัญเล่าให้ด็อคเตอร์ดรุณีฟังถึงตอนที่เขาเข้าไปสัมผัสข้อมือของครูหนิงในห้องไอซียู “ซึ่งคุณก็กลับเห็นใบหน้าของนักพูดคนนั้นแทน” ชนธัญพยักหน้ากับสารวัตรรัฐนนท์

“อาจเป็นไปได้ว่า นั่นคืออัตลักษณ์ที่เขาอยากเป็น เพราะเขาเองก็อยู่ชมรมนักพูดตอนสมัยตอนเรียน และก็ดูจะศรัทธานักพูดคนนั้นอยู่ไม่น้อย” หนุ่มหน้าใสตั้งข้อคิดเห็น สารวัตรหนุ่มหล่อกับแพทย์สาวคนเก่งเองก็คิดว่าอะไรตอนนี้ มันก็อาจจะเป็นไปได้ทั้งนั้น จากที่ได้เห็นในสิ่งที่ชนธัญนั้นทำได้

“กรณีของโรคหลายบุคลิกนี้ ข้อสังเกตหนึ่งก็คือ มันจะมีอยู่หนึ่งอัตลักษณ์ที่เหมือนทำหน้าที่เฝ้าประตูปิดเปิด เป็น Gatekeeper ว่าเมื่อไหร่บุคลิกไหน อัตลักษณ์ใดจะออกมาควบคุมความคิดและการกระทำ” แพทย์หญิงดรุณีให้ข้อมูลเพิ่มเติม “ตอนนี้เรายังไม่รู้แน่ชัดว่า บุคลิกของคนร้ายที่เรากำลังเผชิญอยู่ คืออัตลักษณ์อันไหน หรือนี่ก็คือตัวตนจริง ๆ ของเขากันแน่” ด็อคเตอร์ดุบอกกับทั้งสองคน

“ด็อคพอจะบอกได้มั้ย ถึงสาเหตุของไอ้อาการบุคลิกแปลกประหลาดนี้” สารวัตรรัฐนนท์คิดว่า ถ้าเข้าใจคนร้ายมากขึ้น ก็จะเข้าใจวิธีการทำคดีได้ว่องไวขึ้น “ปกติอาการของโรคนี้มักจะพบในคนไข้ผู้หญิง แต่ในผู้ชายก็มีโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน โดยสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดก็คือ การถูกทำร้ายมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่อายุยังน้อย และโดยส่วนมากจะเป็นเรื่องของการทารุณทางเพศ” ด็อคดุอธิบายต่อ

“ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ว่าทำไมจิตใจคนเราถึงได้สร้างกลไกอะไรบางแอย่าง ขึ้นมาปกป้องตัวเอง เมื่อรู้ว่าตัวเองจะถูกล่วงละเมิด ก็จะส่งบุคลิกที่สร้างขึ้น ออกมารับมือความรู้สึกทารุณต่อจิตใจนั้น” ชนธัญฟังที่ด็อคดุพูดมา ก็รู้สึกเห็นใจคนไข้ที่มีอาการทางจิตใจแบบนี้

“ประเด็นที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ไม่ว่าอัตลักษณ์จำนวนมากขนาดไหนก็ตามที่คนไข้สร้างขึ้น ปกติแล้วแต่ละอัตลักษณ์จะไม่มีความจำร่วมกัน คือ คนไข้จะจำไม่ได้ว่า อัตลักษณ์ไหนไปทำอะไรไว้บ้าง โดยน้อยที่บุคลิกต่าง ๆ จะมีความทรงจำเหล่านั้นร่วมกัน” สารวัตรรัฐนนท์กับชนธัญออกมาจากห้องทำงานของด็อคเตอร์ดุณี มองหน้ากันว่าจะเอายังไงกันดี

“ให้ผมลองเข้าไปคุยกับผู้ต้องสงสัยก่อน ชนธัญก้มลงอ่านชื่อในเอกสารเพื่อจดจำเอาไว้ “มันอันตราย” สารวัตรรัฐนนท์ไม่เห็นด้วยที่จะให้ชนธัญเข้าไปสอบสวนผู้ต้องหาลำพัง “ถ้าเข้าไปกันหลายคน ทั้งสารวัตรทั้งผม เขาอาจจะไม่ยอมพูดอะไร” ชนธัญที่เร่งฝีเท้าขึ้น ขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินไปที่ห้องสอบสวน

“ผมมีข้อมูลที่เกี่ยวกับหนิง ถ้าผมถามได้ถูกคำถาม มันน่าจะเป็นประโยชน์กับเคสนี้ อีกอย่างคนร้ายก็ถูกใส่กุญแจมือเอาไว้กับโต๊ะ ผมจะระวังตัว ไม่เดินเข้าไปใกล้เขา ยังไม่พยายามจะสัมผัสข้อมือเขา ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วง” ชนธัญพูดจบ ทั้งสองคนก็เดินมาถึงห้องสืบสวนพอดี ด้านในที่บุติดด้วยกระจกมองทางเดียว ทำให้เห็นผู้ต้องสงสัยถูกล่ามด้วยกุญแจมือและข้อเท้า นั่งอยู่ในห้องนั้นคนเดียว

“ระวังตัวด้วย” แม้จะไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นักแต่สารวัตรรัฐนนท์ก็ยอมปล่อยให้ชนธัญเดินเข้าไปสอบสวนผู้ต้องหาเพียงลำพัง “คุณตุลย์” เสียงจากลำโพงดังออกมาอีกด้านของกระจก ทำให้สารวัตรรัฐนนท์ได้ยินบทสนทนาด้านใน ชนธัญพยายามสังเกตว่าชายหนุ่มคนที่เงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินเขาเรียกชื่อ จะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อไป

“อ้าว” ชายหนุ่มพูดขึ้น “ไม่คิดว่าจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้” ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างคนดีใจที่ได้เจอกัน “มีงานให้ต้องไปทำหลายที่น่ะครับ มาถึงเร็วเต็มที่ได้เทนี้จริง ๆ ขอโทษทีนะครับ” ชนธัญทำพูดติดตลกกลับไป ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามด้านไกลจากอีกฝ่าย “คุณตุลย์” ชนธัญถามย้ำออกไปอีกครั้ง

“ใช่มั้ยครับ” ชายหนุ่มได้ยินชนธัญถามแบบนั้น เขายังไม่หุบยิ้ม แต่เพิ่มเป็นหัวเราะคิกคักชอบใจ ค่อย ๆ เอียงหน้าไปทางกระจกมองเห็นทางเดียว ที่ด้านหลังบานกระจกนั้น มีสารวัตรรัฐนนท์ยืนดูอยู่ “แล้วคิดว่าใช่มั้ยล่ะ” เสียงถามนั้นฟังดูจงใจยียวน แต่ก็ด้วยอารมณ์อยากเล่นล่อเอาเถิดด้วย

“คุณบอกผมมาสิ เราจะได้คุยกันต่อได้แบบสบาย ๆ” ชนธัญสังเกตเห็นว่า รอยยิ้มนั้นยังคงไม่เปลี่ยนไป แต่แววตาที่ชายหนุ่มมีต่างหาก ที่กำลังทำให้ชนธัญเริ่มรู้สึกกลัว “บอกผมมาได้เลยนะครับ ถ้าคุณไม่ได้คุณตุลย์” อย่างที่ด็อคดุได้พูดเอาไว้ ตอนนี้ชายหนุ่มอาจจะใช้อัตลักษณ์ใดอัตลักษณ์หนึ่งที่เขาสร้างขึ้น กำลังสนทนากับชนธัญอยู่ก็ได้

“เจ้าช่างไม่รู้อะไรเสียเลย” ชนธัญมองตุลย์พูดประโยคนั้นช้า ๆ แต่ละคำเน้นพูดออกมาชัด ๆ “ถ้าคุณไม่ใช่ตุลย์ แล้วคุณเป็นใคร หนิงทำอะไรให้คุณ แล้วคุณทำร้ายเด็กพวกนั้นทำไม” ชนธัญถามออกไปเร็วปรื๋อ มองเห็นตุลย์เดาะลิ้นเล่นด้วยอาการไม่ทุกข์ร้อน มันยิ่งอยากทำให้ชนธัญค้นหาความจริงมากขึ้นเข้าไปอีก

“หรือคุณเป็นคนสั่งให้คุณตุลย์ทำเรื่องเหล่านี้ ทั้งหนิง ทั้งเด็ก ๆ” ชนธัญจี้ไปที่จุดที่รู้สึกว่า เขาทำให้อีกฝ่ายพูดความจริงออกมาได้ “ไอ้นี่น่ะหรือ” ตุลย์พูด ฉีกยิ้มกว้าง ชี้นิ้วเขาหาใบหน้าตัวเอง “อ่อนปวกเปียกอย่างมันเนี่ยนะ ข้าว่าข้าคิดผิดด้วยซ้ำที่เลือกมาอยู่ในร่างมัน” สารวัตรรัฐนนท์จำได้ว่า นักพูดระดับชาติคนนั้นพูดถึงความเชื่อของตุลย์ เรื่องท่านผู้เป็นใหญ่ ท่านผู้ชี้นำจักรวาล หรือว่านี่จะเป็นบุคลิกนั้นที่ตุลย์สร้างขึ้น

“มันไม่ดีทั้งนั้น ที่จะใช้ร่างคุณตุลย์ทำชั่ว” ชนธัญหลุดพูดออกไป หากว่าเขาจะใช้เหตุผลกับอัตลักษณ์นี้ได้ ตุลย์หุบยิ้มจ้องมาที่ชนธัญนิ่ง ๆ “งั้นให้ข้าใช้ร่างไหนดีล่ะ” พูดจบชนธัญก็เห็นตุลย์ยิ้มออกมาอีกครั้ง คราวนี้ยิ้มนั้น มันดูเย็นยะเยือกจนทำให้ชนธัญรู้สึกขนลุก โดยเฉพาะท่าทางขยับตัวที่ดูคุกคามมากขึ้น จากที่ชนธัญเห็นตุลย์ในตอนแรก

“ปัญหามันไม่ใช่ไอ้อ่อนนี่ มันไม่ได้อยู่ที่นังครูหนิงจอมแส่นั่น และไอ้เด็กเล็ก ๆ พวกนั้นที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร” ชนธัญยอมรับว่า เมื่อได้ยินตุลย์พูดแบบนั้น ต่อให้จะพยายามทำความเข้าใจมากแค่ไหน ว่าตุลย์นั้นป่วย แต่มันก็อดไม่ได้ที่ทำให้เขานั้นรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก ที่ตุลย์พูดถึงทั้งหนิงและเด็ก ๆ แบบนั้น

“ชนธัญเช็กเครื่องส่งสัญญาณเสียงด้วย ผมไม่ได้ยินคุณ” สารวัตรรัฐนนท์กดอินเตอร์คอมพูดกรอกเสียงลงไป ที่มันจะไปดังที่เครื่องฟังที่สวมอยู่ในหูของอีกฝ่าย แต่สารวัตรหนุ่มก็ไม่เห็นชนธัญตอบกลับ “เช็กดูทีซิ ว่าเป็นที่เครื่องส่งหรือที่ลำโพง” สารวัตรรัฐนนท์บอกให้เจ้าหน้าที่เทคนิคที่นั่งควบคุมแผงวงจรอยู่ช่วยตรวจสอบ “ทุกอย่างปกติดีนะครับสารวัตร ไฟทุกดวงติด อุปกรณ์ทุกอย่างทำงาน แต่เสียงมันไม่ดังออกมาเอง” เจ้าหน้าที่ตอบกลับสารวัตรรัฐนนท์

“แล้วมันอยู่ที่ใคร” ชนธัญถามกลับตุลย์ไป เสียงเคร้งกระทบกันของโซ่กุญแจกระทบกันดังขึ้นไปทั่วห้อง เมื่อตุลย์ขยับตัว ชนธัญเหมือนถูกบังคับให้ดวงตาของเขาตรึงเอาไว้กับริมฝีปากของตุลย์ ที่อีกฝ่ายขยับปากพูดแต่ไม่ได้ออกเสียง “ชนธัญ” แต่เสียงของตุลย์กลับดังขึ้นในหูของชนธัญอย่างชัดเจน ซึ่งเขาตกใจเป็นอย่างมาก ที่ตุลย์นั้นรู้จักชื่อของเขาได้ยังไงกัน

สารวัตรรัฐนนท์ตกใจตาเบิกโพลง เมื่อเขาต้องยืนยันกับตัวเองว่า เขานั้นเห็นและเห็นกับตาของตัวเอง ที่อยู่ ๆ ตุลย์ก็บิน ใช่ สารวัตรรัฐนนท์เห็นตุลย์บินจากอีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะข้ามมาหาชนธัญ ที่ตอนนี้กระเด็นตกจากเก้าอี้ ลงมากระแทกเข้ากับผนังห้อง สารวัตรรัฐนนท์รีบวิ่งไปกระชากคันโยกเปิดประตูให้เปิดออก แต่มันกลับไม่เป็นไปอย่างนั้น ประตูห้องสืบสวนผู้ต้องสงสัย ที่ปกติเปิดจากข้างนอกเข้าไปได้ทางเดียว แต่ตอนนี้มันไม่ยอมเปิด สารวัตรรัฐนนท์ใช้ไหล่กระแทกเข้ากับประตูเสียงดังลั่นไปหมด

ชนธัญตกใจสุดขีด เมื่ออยู่ ๆ ใบหน้าหนึ่งก็พุ่งออกจากตุลย์เข้ามาหาเขา แรงดันอันมหาศาลจากที่ใดไม่รู้ กระแทกเข้าใส่ตัวของเขา จนชนธัญรู้สึกว่า ตัวเองนั้นปลิวตามแรงลมนั้นจริง ๆ ก่อนจะลงมานอนแอ้งแม้งอยู่ข้างผนังห้อง เสียงเหล็กกระทบกันทำให้ชนธัญเงยหน้าขึ้นมอง ตุลย์เดินเข้ามาหาเขา โซ่และกุญแจมือที่ล่ามชายหนุ่มก่อนหน้านี้ กองอยู่บนพื้นห้อง

“เมื่อทุกอย่างมันมีเวลาของมัน ชนธัญ” ตุลย์ก้มหน้าเข้าหาชนธัญ เสียงสารวัตรร้องเรียกชื่อชนธัญ พร้อมกับเอาไหล่กระแทกประตูให้เปิดออก ดังลั่นไปหมด “คุณตุลย์หยุดเถอะ ผมขอร้อง” ชนธัญเสียงอู้อี้ ๆ อาการจุกท้องจากการกระแทกลงบนพื้นอย่างแรง ตุลย์ที่ยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่ดูน่ากลัวอย่างที่สุด

“เจ้ายังคิดว่าข้าคือตุลย์อยู่อีกงั้นหรือ” นี่คือสิ่งที่ด็อคเตอร์ดรุณีบอกเอาไว้ก่อนที่ชนธัญและสารวัตรรัฐนนท์จะออกมาจากห้องทำงานของเธอ ว่าบางครั้งอัตลักษณ์ที่คนไข้สร้างขึ้น ก็ไม่ได้มีเพียงแค่คนเท่านั้น “ท่านผู้เป็นใหญ่ เจ้าเคยได้ยินมั้ย” ชนธัญต้องเบือนหน้าหนีหลับตาปี๋ ใจเต้นแรงตกใจสุดขีด เมื่ออยู่ ๆ ก็เห็นตุลย์อ้าปากกว้างขยายออก กว้างจนชนธัญไม่คิดว่ามนุษย์จะทำได้

“อย่าแม้แต่จะคิด” สารวัตรรัฐนนท์ที่ใช้ทั้งตัวกระแทกประตูจนเปิดออก ชักปืนขึ้นจ่อเข้าที่ศีรษะของตุลย์ เมื่อเห็นชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าหาชนธัญจนใกล้ ตุลย์หันขวับมามองนายตำรวจหนุ่มด้วยแววตาอันแข็งกร้าว ก่อนจะแสยะยิ้มให้ แล้วค่อย ๆ ก้มหน้าลงมองพื้น ลักษณะร่างกายเริ่มอ่อนแรงลง ชนธัญลืมตามองเห็นทุกอย่าง ในใจสับสนไปหมดว่า ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“ผมอยู่ที่ไหน” ตุลย์ทำท่าเหมือนกับคนที่เพิ่งฟื้นคืนสติ เขาดูประหลาดใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นตัวเองอยู่กับทั้งนายตำรวจหนุ่ม ทั้งนักสืบ ใบห้องสอบสวนคดีความ ยิ่งได้รับรู้ถึงรายละเอียดเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตุลย์แสดงอาการตระหนกตกใจอย่างที่สุด เขาร้องไห้ฟูมฟาย เมื่อสารวัตรรัฐนนท์เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ชี้ไปที่เขา

“ดีเอ็นเอที่เก็บได้จากเล็บของครูหนิง ยืนยันว่าเป็นดีเอ็นเอของคุณ คุณตุลย์” ตุลย์น้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม มองเอกสารยืนยันผลการตรวจที่ถูกวางเอาไว้ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ท่าทีของชายหนุ่มอ่อนลง ผิดกันเป็นคนละคนกับคนที่ชนธัญคุยด้วย และนั่นทำให้หนุ่มหน้าใส ไม่สามารถระบุลงไปด้วยความแน่ใจว่า ตุลย์ในตอนนี้คือคนคนเดียวกันกับที่เขาคุยด้วยจริงหรือ

“คุณจะถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เด็กนักเรียนอนุบาลห้องที่ครูหนิงเป็นครูประจำชั้น รวมทั้งข้อหาเจตนาพยายามฆ่าครูหนิง แฟนสาวของคุณเอง และยังปกปิดซ่อนเร้นเหยื่อ เพื่ออำพรางคดี” ตุลย์เงยหน้าขึ้นมองสารวัตรรัฐนนท์ด้วยน้ำตานองหน้า ชนธัญเองก็ไม่อยากเชื่อว่า ตุลย์ในตอนนี้จะใช่คนที่ลงมือสังหารเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลได้อย่างเลือดเย็น

“คุณเป็นอะไรมั้ย เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” สารวัตรรัฐนนท์ถามชนธัญทันทีที่ทั้งสองได้อยู่กันตามลำพัง “ผมเห็น มันเหมือนว่าคนที่ผมคุยด้วย ไม่ใช่คุณตุลย์” ชนธัญพูดกับสารวัตรรัฐนนท์ “ก็ตามที่ด็อคบอกไง คงเป็นอัตลักษณ์ที่คุณตุลย์สร้างขึ้นมา” สารวัตรรัฐนนท์บอกกับหนุ่มหน้าใส กับข้อมูลที่ด็อคเตอร์ดรุณีว่าไว้

“คุณปลอดภัยก็ดีแล้ว” เสียงพูดของสารวัตรหนุ่มหล่อฟังดูอ่อนโยน ชนธัญกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกไป อยู่ ๆ ก็เหมือนมีลมเย็นยะเยือกพัดมา ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองคนยืนอยู่ในห้อง ก่อนที่ไฟจะดับพรึ่บลง แล้วเสียงโทรศัพท์ของสารวัตรรัฐนนท์ก็ดังขึ้น “ห้องไอซียูของครูหนิง อยู่ ๆ ไฟก็ดับ เครื่องช่วยชีวิตก็ใช้งานไม่ได้พร้อมกัน เครื่องปั่นไฟก็ไม่ยอมติด” เสียงจากปลายสาย หนึ่งในลูกทีมของสืบสวนลับ รายงานให้สารวัตรรัฐนนท์ได้รับทราบ “ครูหนิงเป็นยังไงบ้าง” ชนธัญมองสบตากับสารวัตรหนุ่ม “ครูหนิงเสียชีวิตแล้วครับ ทีมหมอพยาบาลช่วยกันยื้อชีวิตจนสุดความสามารถแล้วครับ” คำตอบนั้นดังกลับมา พร้อมกับไฟในห้องที่ทั้งคู่ยืนอยู่ก็ติดขึ้น รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือในห้องไอซียูก็กลับมาทำงานเป็นปกติเช่นกัน

****************************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Iris - Goo Goo Dolls

https://www.youtube.com/watch?v=NdYWuo9OFAw


And I'd give up forever to touch you

และฉันเพียงสละโอกาสที่จะได้สัมผัสเธอตลอดกาล

'Cause I know that you feel me somehow

เพราะฉันรู้ว่าเธอยังคงรู้สึกถึงกันได้เสมอ

You're the closest to heaven that I'll ever be

เธอคือความรู้สึกที่ทำให้ฉันใกล้ชิดสวรรค์มากที่สุดแล้ว

And I don't wanna go home right now

และฉันยังไม่อยากต้องกลับไปบ้านตอนนี้


And all I can taste is this moment

สิ่งที่ฉันลิ้มรสได้ก็คือช่วงเวลานี้

And all I can breathe is your life

ลมหายใจเข้าออกที่ฉันมีก็คือชีวิตของเธอ

And sooner or later, it's over

อีกไม่ช้าและอีกไม่นานทุกอย่างก็จะจบลง

I just don't wanna miss you tonight

ค่ำคืนนี้ฉันเลยไม่อยากจะต้องมานั่งคิดถึงเธอ


And I don't want the world to see me

ฉันไม่อยากให้โลกนี้ต้องมองเห็นฉัน

'Cause I don't think that they'd understand

เพราะไม่คิดว่าคนทั่วไปเหล่านั้นจะเข้าใจอะไร

When everything's made to be broken

เมื่อทุกอย่างถูกสร้างมาเพื่อถูกทำลายลง

I just want you to know who I am

ขอเพียงเธอรู้ก็พอว่าฉันเป็นใคร


And you can't fight the tears that ain't coming

ฉันจะห้ามปรามน้ำตาก่อนที่มันจะไหลได้อย่างไร

Or the moment of truth in your lies

หรือมองหาความสัตย์จริงท่ามกลางคำมุสาของเธอ

When everything feels like the movies

เมื่อทุกอย่างดูเหมือนเรากำลังอยู่ในหนังไปเสียหมด

Yeah, you bleed just to know you're alive

เหมือนว่าต้องเลือดออกเพื่อพิสูจน์ว่ายังมีชีวิตอยู่


And I don't want the world to see me

ฉันไม่อยากให้โลกนี้ต้องมองเห็นฉัน

'Cause I don't think that they'd understand

เพราะไม่คิดว่าคนทั่วไปเหล่านั้นจะเข้าใจอะไร

When everything's made to be broken

เมื่อทุกอย่างถูกสร้างมาเพื่อถูกทำลายลง

I just want you to know who I am

ขอเพียงเธอรู้ก็พอว่าฉันเป็นใคร


I just want you to know who I am

ขอเพียงเธอรู้ว่าฉันนั้นเป็นใคร

I just want you to know who I am

ฉันอยากให้เธอรู้ว่าฉันนั้นเป็นใคร

I just want you to know who I am

จงรู้เอาไว้ว่าฉันนั้นคือใคร

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: ๓๒. REST _ 8.25.2023
«ตอบ #34 เมื่อ25-08-2023 13:05:03 »


๓๒. REST


หนิงตัดสินใจขับรถกลับไปที่บ้าน เพราะเธอกำลังคิดว่า ถ้าหากมันจะเข้าตำราที่บอกว่าที่ที่อันตรายที่สุดอาจจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดก็ได้ เพราะตุลย์เองคงจะนึกไม่ถึงว่า หนิงจะพาเด็ก ๆ มาซ่อนที่บ้านหลังนี้ หนิงเองก็หวังใจเอาไว้ว่าเธอจะคิดถูก เธอเหยียบคันเร่งให้รถพุ่งไปข้างหน้าแรงขึ้น ยังพออุ่นใจที่มองไม่เห็นว่ามีรถคันไหนขับตามเธอมา

“ครูหนิงหนูกลัว” เด็ก ๆ ที่นั่งอยู่ด้านหลังรถที่หนิงเช่าเอาไว้ เพราะอยากจะขับรถคันนี้ไปหากับเพื่อนเก่าอย่างชนธัญ โดยไม่ให้ผิดสังเกต ไม่มีใครรู้ เพื่อคุยให้ฟังถึงเรื่องที่เธอได้ยินตุลย์พูด รวมถึงอาการประหลาด ๆ ที่แฟนหนุ่มของเธอแสดงออกมาในช่วงหลัง ๆ หนิงไม่อยากจะคิดไปไกลถึงเรื่องที่ว่า ตุลย์นั้นถูกอะไรเข้าสิง หรืออะไรทำนองนั้น แต่หากอาการทางจิตเวชที่น่าเป็นห่วงไม่น้อย เมื่อหนิงล่วงรู้ถึงแผนการฆาตกรรมเด็กอนุบาลของเขา

“รีบลงจากรถกันเร็วเด็ก ๆ” หนิงที่จอดรถที่หน้าบ้านได้ ก็แทบจะกระโดดลงมาเปิดประตูให้นักเรียนอนุบาลของเธอ “เร็ว ๆ เด็ก ๆ เรารีบเข้าไปในบ้านกันนะ” หนิงพูดกับเด็กน้อยครึ่งห้องที่เหลือของเธอ ที่หลาย ๆ คนเริ่มมีอาการงอแง “เราจะได้เล่นปิดตาซ่อนหากันไงคะ” พอได้ยินว่ากำลังเล่นเกมกันอยู่ เด็ก ๆ ก็พากันตื่นเต้น หนิงจึงรีบไขกุญแจพาเด็กเข้าบ้าน

“เดี๋ยวทุกคนลงไปหลบในช่องนี้นะ” หนิงดันโซฟาออกจากที่เดิม เธอดึงพรมที่ปูรองโซฟานั้นออกด้วย มันเผยให้เห็นถึงช่องลับที่ถูกเจาะเอาไว้ที่พื้น หนิงเจอมันโดยบังเอิญ เธอคาดว่าตุลย์เป็นคนทำมันเอาไว้ แต่หนิงก็เดาไม่ออกในตอนนั้น ว่าตุลย์ทำช่องนี้ขึ้นมาทำไม จนเธอคิดว่า แฟนหนุ่มของเธออาจจะทำมันเพื่อเอาไว้หลบซ่อนตัว หลังจากได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้ก็เป็นไปได้

“ทุกคนหลบอยู่ในนี้ รอครูหนิงมาเปิดนะคะ ห้ามส่งเสียงดัง ห้ามพูดคุยกัน เข้าใจมั้ยคะ” หนิงสั่งให้เด็ก ๆ ทุกคนทำตาม เธอวางขวดน้ำดื่มหลายขวดลงในช่องลับ “อย่าดื้อกับครูนะคะ” หนิงพูดหลังจากไปหอบนมกล่องและขนมมาจากในครัว “อยู่ในนี้รอครู” หนิงคลานเข้าไปกดเปิดโคมไฟดวงเล็ก ๆ ที่ด้านในสุดของช่อง ที่มองไม่เห็นจากด้านนอก

“ไม่ว่าใครจะมาเรียก อย่าตอบเด็ดขาด ให้รอแต่ครูคนเดียวเท่านั้น เข้าใจนะ” หนิงมองดวงตาที่กลมใสแป๋วที่ไร้เดียงสาเกินกว่าจะรับรู้ว่า อันตรายอันใหญ่หลวงกำลังขยับใกล้เข้ามา เมื่อมัจจุราชเริ่มชิงลงมือก่อนเวลา หนิงปิดประตูช่องนั้นกลับลงไป “เงียบ เด็ก ๆ อย่าส่งเสียง” เธอต้องดุเด็ก ๆ ตัวน้อยเหล่านั้น ก่อนจะปูพรมทับ และเข็นโซฟากลับไปที่เดิม หยุดสังเกตให้แน่ใจว่าทุกอย่างดูไม่ผิดแปลกไปจากตอนแรก เธอก็วิ่งไปที่ห้องเก็บของ

หนิงรวบตุ๊กตาผ้ายัดนุ่นสวมหมวก ขนาดกำลังประมาณหนึ่งอ้อมกอดเหล่านั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเอาพวกมันไปใส่ไว้ที่เบาะท้ายรถ อยู่ ๆ ก็มีเสียงรถคันหนึ่ง ที่หนิงจำได้เป็นอย่างดีว่ามันเป็นเสียงเครื่องยนต์รถของเธอ แล่นเข้ามา ไวเท่าความคิด หนิงต้องดึงความสนใจของตุลย์มาไว้ที่เธอ

“เด็ก ๆ นั่งดี ๆ นะ ก้มหัวลง” หนิงทำท่าตะโกนเข้าไปในรถ ตุลย์มองผ่านกระจกด้านหลังของรถเช่า เขาเห็นเงาหมวกตะคุ่ม ๆ ก่อนจะเห็นหนิงรีบเข้าไปนั่งที่ด้านหลังพวงมาลัยรถ สีของฟิล์มที่ติดกระจกด้านหลังรถเช่า ทำให้ตุลย์เห็นเป็นเด็ก ๆ นั่งกันอยู่เต็มหลังรถ เขาออกรถตามหนิงไปในทันที ที่หนิงนั้นกระชากรถออกไป

“ไปให้พ้นนะ” หนิงหันไปตะโกนใส่ตุลย์ ที่พอทั้งคู่ขับรถไล่ตามกันออกมาจนถึงถนนนอกเมือง หนิงเกือบเสียหลักประคองรถเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อตุลย์จงใจขับรถเข้าชนด้านข้างของรถเช่าที่หนิงขับอยู่ หนิงกรีดร้องไปด้วยความกลัว พยายามเรียกสติของตัวเองที่กำลังเตลิดเปิดเปิงให้กลับมา ตุลย์ขยับรถเข้าครูดกับรถของหนิงอีกหลายครั้ง ก่อนจะต้องรู้สึกโมโหสุดขีด เมื่อเห็นว่าที่เบาะด้านหลังรถเช่านั้น มีเพียงตุ๊กตาหลายที่วางอยู่

หนิงเหยียบเบรกอย่างแรง จนรถหยุดนิ่ง ตุลย์ขับรถเลยไปไกลสักระยะหนึ่งก็จอด มือหนึ่งของตุลย์คว้าปืนไรเฟิลเอาไว้ แต่อีกมือหนึ่งก็ปัดมันทิ้ง เหมือนเป็นการต่อสู้กันระหว่างตุลย์ที่ตะโกนห้ามกับใครอีกคน ว่าอย่าทำแบบนี้ ให้หยุดเสีย ก่อนที่หนิงจะมองเห็นตุลย์เปิดประตูรถเดินลงมาพร้อมปืนในมือ

หนิงกรีดร้องจนสุดเสียง เมื่อปืนนัดแรกถูกยิงใส่กระจกหน้ารถเช่า ก่อนที่อีกนัดจะโดนยิงออกมา แต่แปลกที่ว่านัดที่สองนี้ เหมือนปืนมันจะถูกปัดให้สะบัดเปลี่ยนทิศทาง เมื่อตุลย์ขยับเดินเข้าใกล้รถ หนิงก้มลงนอนไปกับเบาะ เมื่อลูกปืนอีกหลายนัดส่งเสียงคำรามใส่เธอ ทุกครั้งที่ตุลย์ก้าวเท้าเข้ามาเรื่อย ๆ หนิงคิดว่า ถ้าเป็นแบบนี้ เธอไม่รอดแน่ ๆ จึงตัดสินใจลุกขึ้นเพื่อเหยียบคันเร่ง ให้รถพุ่งไปข้างหน้า

ความเจ็บแปลบแล่นเข้าที่ท้องของหนิง เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังจะวูบไป สติที่เหลือกับความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านนั้น ทำให้เธอประคองรถไปได้ไม่ไกล ก่อนพวงมาลัยจะหมุนปัดให้รถเช่าเอาล้อหน้าขึ้นไปเกยอยู่บนเกาะกลางถนน หนิงมองเห็นตุลย์เดินถือมือเข้ามาใกล้ ใจของเธอตอนนี้เห็นภาพตัวเองเปิดประตูลงจากรถ แล้วกำลังวิ่งหนีไป แต่ที่เกิดขึ้นจริงอยู่ตอนนี้ มือของเธอชุ่มไปด้วยเลือดแดงฉาน ที่หนิงพยายามกดห้ามเลือดเอาไว้

“ลงมานี่” หนิงหมดแรงที่จะต่อต้าน เธอทานแรงของตุลย์เอาไว้ไม่ไหว เมื่อตุลย์ลากเธอเดินถูลู่ถูกังมาขึ้นรถของเธอเอง ตุลย์นั่งที่เบาะคนขับ ก่อนออกจากรถ “ตุลย์อย่า” หนิงพยายามจะห้ามปราม มือข้างซ้ายของตุลย์ก็จับหมับเข้าที่ต้นคอของหนิง ก่อนดันหน้าของเธอให้ไปติดกับหน้าต่างรถ หนิงรับรู้กับตัวเองว่า เวลาบนโลกนี้ของเธอ คงจะเหลืออีกไม่นาน

หนิงถูกลากมาตามทางเดินดินเล็ก ๆ นั้น ด้านข้างเธอเห็นคูน้ำตื้น ๆ หนิงรู้สึกว่าเรี่ยวแรงของเธอกำลังถดถอยหมดลงทุกขณะ ตุลย์ผลักหนิงคว่ำหน้าลง ก่อนที่หนิงจะรู้สึกได้ในทันที ว่าเธอกำลังสำลักน้ำครำนั้นเข้าจมูก หนิงดิ้นรน มือของเธอไขว่คว้าปัดให้มือของตุลย์ที่กดท้ายทอยของเธออยู่ ให้หลุดออก จังหวะหนึ่งหนิงรู้ว่าเล็บของเธอข่วนเข้าที่แขนของตุลย์ แต่ก็ดูเขาจะไม่สะทกสะท้านอะไร

หนิงคิดว่าสติของเธอยังครบถ้วนอยู่ แต่ว่าร่างกายของเธอนั่นหยุดนิ่งไม่ไหวติง แรงกดที่รู้สึกได้ตรงท้ายทอยก็หายไปด้วย จมูกของหนิงเผยอขึ้นเหนือน้ำ หนิงคิดว่า หากเธออยู่นิ่ง ๆ ความเจ็บปวดทั้งหลายเหล่านี้ ก็จะจบความทุกข์ทรมานให้เธอภายในระยะเวลาไม่ช้านี้ หนิงจำไม่ได้ว่า เธอนอนรอวินาทีสุดท้ายของตัวเองอยู่นานเท่าไหร่ จนเธอได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นว่า 'ยังมีสัญญาณชีพอยู่' มันฟังดูแล้ว หนิงว่ามันทำให้เธอโปร่งโล่งสบายอย่างประหลาด

เธอมารู้สึกตัวอีกที ก็ตอนสัมผัสได้ว่าทมันมีสายอะไรต่อมิอะไรโยงระยางอยู่ตรงหน้าเธอเต็มไปหมด และความอุ่นจากมือสัมผัสเข้าที่ข้อมือของเธอ 'เพื่อน' หนิงคิดว่าเธอยิ้มให้เพื่อน และเป็นยิ้มที่ผ่อนคลายและดีใจอย่างที่สุด ที่เธอได้กลับมาเจอเพื่อนเก่าอย่างชนธัญอีกครั้ง เธอมีอะไรจะเล่าให้เพื่อนฟังมากมาย แต่เธอจะเริ่มจากเรื่องไหนก่อนดี หนิงถามตัวเอง

ก่อนที่นานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ หนิงรู้สึกตัวอีกที เมื่อมีเสียงกระซิบที่ข้างหูของเธอว่า 'เมื่อทุกอย่างมันมีเวลาของมัน' ใคร หรืออะไรบางอย่าง ยืนอยู่ที่ข้างเตียงของเธอ ทุกอย่างเงียบเชียบจนน่าใจหาย รอบข้างเธอดำสนิท แปลกที่เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอได้ลุกขึ้นยืน จากที่นอนอยู่นิ่งมานาน ร่างดำทะมึนที่มารอเธอนั้นดูเกรี้ยวกราด เมื่อไม่สามารถหยุดหนิง ไม่ให้เดินไปอีกทางที่มีแสงสว่างส่องเข้ามาได้

ชนธัญถือตุ๊กตาหมีอยู่ในมือ มันเป็นตุ๊กตาหมีใส่หมวกแบบที่เขารู้ว่าหนิง เพื่อนสนิทของเขานั้นชอบ วันนี้ทางสำนักสืบสวนได้ดูแลเรื่องสุสานที่จะใช้ฝังร่างของหนิง หลังจากที่จัดทำทะเบียนส่งฝังให้จนเรียบร้อย สารวัตรรัฐนนท์เห็นชนธัญมีแต่ความหมองเศร้า ตอนที่สารวัตรหนุ่มแจ้งข่าวกับชนธัญเรื่องครูหนิง หนุ่มหน้าใสคนนี้ไม่ได้โวยวายหรือฟูมฟายอะไร แต่การที่สารวัตรรัฐนนท์ได้เห็นชนธัญปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมาไม่หยุดแบบนั้น มันทำให้นายตำรวจหนุ่มสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย

“นอกจากผมและคุณตุลย์แล้ว มีใครอีกคนอยู่กับเราด้วยในตอนนั้น” ชนธัญมองเจ้าหน้าที่จัดการคลุมดินบริเวณที่ฝังร่างของหนิง “คุณหมายถึง Gatekeeper อีกอัตลักษณ์หนึ่งที่ตุลย์สร้างขึ้นอย่างนั้นหรือ” สารวัตรรัฐนนท์ถามกลับชนธัญไป ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายส่ายหน้าช้า ๆ แล้วจึงพูดขึ้นว่า

“มันเหมือนจริงกว่านั้น เป็นอีกคนหนึ่ง ผมเห็นพุ่งเข้าใส่ แต่มันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมไม่รู้เหมือนกันว่าอัตลักษณ์ของคุณตุลย์สามารถทำให้ผมปลิวกระเด็นจากเก้าอี้แบบนั้นได้หรือเปล่า” สารวัตรรัฐนนท์เองแม้จะยอมรับว่า มันมีสิ่งเหนือคำอธิบายเกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวของชนธัญเสมอ แต่เรื่องนี้มันควรจะอธิบายได้ด้วยหลักความเป็นจริงเช่นกัน

“ไม่ใช่ว่าผมจะไม่เชื่อเรื่องที่คุณมองเห็นนะ แต่เขาอาจจะปลดโซ่กุญแจนั่นได้เอง” สารวัตรหนุ่มตั้งข้อสังเกต เพราะตอนที่เขากระแทกประตูจนเปิดออกได้ ตุลย์ดูน่าขนลุกก็จริง แต่เขาก็เปลี่ยนไปจากนั้น ตรงกับที่หมอดุบอกเอาไว้ว่า เขาจะจำความทรงจำร่วมกับอัตลักษณ์อื่นไม่ได้เลย

“ผมรู้ว่าผมเห็นอะไร แต่ตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อที่ตัวเองเห็นได้เสมอมั้ย” สารวัตรรัฐนนท์ได้ยินชนธัญพูด เขาเข้าใจดีว่า ตั้งแต่เริ่มงานสืบสวนลับกันมา ทุก ๆ เรื่องที่ชนธัญต้องมาเกี่ยวข้อง มันหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทุกที ๆ “คุณตุลย์บอกว่าเขาพยายามที่จะหยุดสิ่งเลวร้ายนั้นแล้ว แต่เขาไม่สามารถต้านทานมันได้” ชนธัญที่เห็นอาการเสียใจอย่างที่สุดจากตุลย์ ยิ่งเมื่อรับรู้ว่าต่อมาว่า ครูหนิงเสียชีวิตแล้ว

“เขาจำนนด้วยหลักฐาน เขาจะพูดอะไรก็ได้ จะแก้ตัวให้ตัวเองฟังดูดีแค่ไหน แต่ศาลท่านก็พิจารณาบทลงโทษในคดี ตามหลักฐานที่มี และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ทุกชิ้นก็ชี้ไปที่เขา เราไม่ได้จับผู้ต้องสงสัยผิดคน” สารวัตรรัฐนนท์รู้ดีว่า เขาและทีมสืบสวน รวมทั้งหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกันทำคดี ทำทุกอย่างด้วยความรอบคอบและแม่นยำที่สุด

“ความสามารถในการมองเห็นของคุณ ช่วยคนมาได้มากมาย” สารวัตรรัฐนนท์สบตากับชนธัญ เพื่อให้กำลังใจกับหนุ่มหน้าใส ว่าชนธัญทำทุกอย่างได้ดีเยี่ยมมากแล้ว ชนธัญยิ้มน้อย ๆ ให้กับสารวัตรรัฐนนท์ แทนคำขอบคุณกลับไปให้อีกฝ่าย ก่อนจะก้มลงมองไปที่ตุ๊กตาหมีที่ถืออยู่ในมือ สารวัตรรัฐนนท์สังเกตเห็นว่าชนธัญคล้ายดูตกใจที่ได้เห็นอะไรบางอย่าง

“มีอะไร” สารวัตรรัฐนนท์ถามขึ้น ชนธัญพยายามกลั้นน้ำตาที่รื้นขึ้น ริมฝีปากสั่นระริก เต็มไปด้วยอารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ภายในใจ ภาพที่ชนธัญเห็นก็คือ หนูน้อยนักเรียนชั้นอนุบาลห้องคุณครูหนิงคนหนึ่ง ยืนอยู่ตรงหน้าสารวัตรรัฐนนท์ หนูน้อยเงยหน้ามองสารวัตรหนุ่มด้วยรอยยิ้ม “มีเด็กน้อยอยากขอบคุณสารวัตร” ชนธัญพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ สารวัตรรัฐนนท์ก้มลงมองตามสายตาของหนุ่มหน้าใสที่กำลังมองอยู่

“ยินดีครับ” สารวัตรหนุ่มหล่อกล่าวขึ้น ก่อนจะมองเห็นชนธัญค่อย ๆ เงยหน้าเหมือนมองตามใครบางคนไป เด็กนักเรียนตัวน้อยวิ่งปร๋อจากไป ชนธัญมองเห็นหนิงยืนยื่นมือรอจับมือนักเรียนตัวน้อยในชั้นของเธอ ชนธัญเห็นหนิงมองสบตากลับมาที่เธอ นักเรียนตัวน้อยคนอื่น ๆ ยืนอยู่ตรงนั้นกับเธอด้วย ทุกคนดูดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง

“หนิง แกเป็นครูที่ดีมากนะ แกได้เป็นครู สมความภาคภูมิแล้ว ฉันดีใจกับแกนะ” ชนธัญเอ่ยขึ้น “เด็ก ๆ อีกครึ่งห้อง ปลอดภัยดีทุกคน แกช่วยพวกเขาเอาไว้” ครูหนิงยืนมองมาทางชนธัญเงียบ ๆ “เฮ้ย” ก่อนที่สารวัตรรัฐนนท์จะอุทานออกมาด้วยความตกใจ ซึ่งเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าทำไม หากว่าบางจังหวะที่พอเหมาะพอเจาะกัน เวลาที่อยู่ใกล้กับชนธัญ เขาก็จะสามารถมองเห็นในสิ่งที่ชนธัญมองเห็นด้วยได้ แม้ว่ามันจะเป็นระยะเวลาไม่นาน

“ลาก่อนนะเพื่อน” ชนธัญกล่าวอำลาเพื่อนสนิททั้งน้ำตา ครูหนิงยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพาเด็ก ๆ อนุบาลห้องที่เธอประจำชั้นเดินหายไปด้านหลังกลุ่มควันนั้น “จะเป็นเกียรติสำหรับผมกับหนิงมาก” ชนธัญพูดกับสารวัตรรัฐนนท์ ก่อนจะยื่นตุ๊กตาหมีตัวนั้นให้ “ด้วยเกียรติของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ครับ” สารวัตรรัฐนนท์เอาตุ๊กตาหมีตัวนั้นไปวางที่ด้านหน้าป้ายชื่อของครูหนิง ที่ที่เธอจะพักกายอย่างสงบนิ่งตลอดกาล

****************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Flashlight - Jessie J

https://www.youtube.com/watch?v=kBSLXyoCZO8


When tomorrow comes

เมื่อรุ่งอรุณมาถึง

I'll be on my own

ฉันต้องยืนได้ด้วยตัวเอง

Feeling frightened of

ต่อให้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

The things that I don't know

กับสิ่งที่ฉันไม่มีทางรู้

When tomorrow comes

เมื่อเช้าวันใหม่มาถึง

Tomorrow comes

เมื่อท้องฟ้าส่องแสง

Tomorrow comes

เมื่อวันใหม่เคลื่อนตัวเข้ามา


And though the road is long

และแม้ว่าหนทางมันช่างยาวไกล

I look up to the sky

เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

And in the dark I found,

มองเห็นแต่เมฆฝนดำ

I lost hope that I won't fly

แม้ฉันจะเสียความเชื่อมั่นที่จะบินต่อไปไม่ไหว

And I sing along, I sing along

แต่ฉันก็จะเอ่ยคำร้อง ร้องเพลงนี้ออกมา

And I sing along

และร้องมันไปจนสุดทาง


I got all I need when I got you and I

ฉันมีพร้อมทุกอย่างเมื่อรู้ว่าเรามีกันและกัน

I look around me, and see a sweet life

พอมองไปรอบรอบ ก็เจอแต่กำลังใจเต็มเปี่ยม

I'm stuck in the dark but you're my flashlight

ต่อให้ต้องทุกข์ทนในความมืดแต่เธอคือแสงสว่างคอยนำทางให้

You're getting me, getting me through the night

เธอคอยพอฉันเดินไปข้างหน้า ฝ่าพ้นค่ำคืนที่เลวร้ายนี้ไป


Kick start my heart when you shine it in my eyes

ส่งพลังใจเริ่มต้นได้ใหม่ เมื่อไฟจากเธอนำหน้าดวงตาของฉัน

Can't lie, it's a sweet life

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือชีวิตที่มีคุณค่า

I'm stuck in the dark but you're my flashlight

ต่อให้ต้องอับจนหนทางตรงหน้า แต่เธอคือแสงคอยชี้ทางสว่าง

You're getting me, getting me through the night

เธอช่วยให้ฉันก้าวเดินต่อไปได้อีกครั้ง ผ่านพ้นค่ำคืนอันหนักหนานี้ไป


'Cause you're my flashlight (flashlight)

เพราะเธอคือแสงสว่างนำทาง

You're my flashlight (flashlight)

เพราะเธอคือไฟส่องทาง

You're my flashlight

เพราะเธอคือแสงแห่งชีวิต


I see the shadows long beneath the mountain top

ฉันมองขึ้นไปเจอเงาทะมึนที่ก่อนขึ้นถึงบนยอดเขา

I'm not afraid when the rain won't stop

ฉันไม่รู้สึกหวาดกลัวหากฝนจะยังคงกระหน่ำใส่ไม่หยุด

'Cause you light the way

เพราะเธอคือแสงส่องนำทางหัวใจ

You light the way, you light the way

เธอนำทางฉันไป เธอนำหัวใจฉันไป


I got all I need when I got you and I

ฉันมีพร้อมทุกอย่างเมื่อรู้ว่าเรามีกันและกัน

I look around me, and see a sweet life

พอมองไปรอบรอบ ก็เจอแต่กำลังใจเต็มเปี่ยม

I'm stuck in the dark but you're my flashlight

ต่อให้ต้องทุกข์ทนในความมืดแต่เธอคือแสงสว่างคอยนำทางให้

You're getting me, getting me through the night

เธอคอยพอฉันเดินไปข้างหน้า ฝ่าพ้นค่ำคืนที่เลวร้ายนี้ไป


Kick start my heart when you shine it in my eyes

ส่งพลังใจเริ่มต้นได้ใหม่ เมื่อไฟจากเธอนำหน้าดวงตาของฉัน

Can't lie, it's a sweet life

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือชีวิตที่มีคุณค่า

I'm stuck in the dark but you're my flashlight

ต่อให้ต้องอับจนหนทางตรงหน้า แต่เธอคือแสงคอยชี้ทางสว่าง

You're getting me, getting me through the night

เธอช่วยให้ฉันก้าวเดินต่อไปได้อีกครั้ง ผ่านพ้นค่ำคืนอันหนักหนานี้ไป


You're my flashlight

เธอคือไฟส่องทาง

Light light ye-yeah

ไฟนำหัวใจ

You're my flashlight

เธอคือไฟแห่งชีวิต

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: ๓๓. ห่วง _ 8.28.2023
«ตอบ #35 เมื่อ28-08-2023 13:09:04 »

๓๓. ห่วง


“ชนแก้ว” ทุกคนในทีมสืบลับมารวมตัวกันที่ร้านเหล้าเล็ก ๆ ร้านประจำ ตั้งแต่ก่อนตอนเป็นทีมสืบสวนธรรมดาเท่านั้น ชนธัญต้องยกแก้วของตัวเองขึ้นด้วย และโดนบังคับให้เขาต้องกระดกแก้วลงไปกว่าครึ่ง ด้วยข้ออ้างของทุกคนในทีมว่า ทางท่านผู้บัญชาการมีคำสั่งโดยตรงลงมา ให้ทีมสืบลับหยุดพักได้เป็นเวลาสองวัน หลังจากที่เพิ่งสามารถไขคดีใหญ่ระดับประเทศลงได้

“วันนี้วันศุกร์ ฉลองกันให้เต็มคราบ ฟรีตลอดงาน” ใครคนหนึ่งในทีมพาให้ทุกคนเฮกันยกใหญ่ เมื่อท่านผู้บัญชาการควักกระเป๋าเลี้ยงทีมสืบลับด้วยตัวท่านเอง “เสาร์อาทิตย์นี้ค่อยนอนให้หนำใจ” เสียงทีมเอิ๊กอ๊ากแซวกัน ถึงเวลาทำงานที่แทบจะได้นอนกันไม่กี่ชั่วโมง ชนธัญนั้น พอได้มาคลุกคลีทำงานในทีมสืบลับ ก็ได้เห็นว่าทุกคนนั้นทำงานหนักกันมากจริง ๆ

“แถมด้วยเรื่องดี ๆ” ทุกคนในทีมนั้นรู้สึกดีมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ “ที่กฎหมายใหม่กำลังจะผ่านการพิจารณาของรัฐบาล เกี่ยวกับการปกป้องและคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก” ชนธัญมองเห็นความสุขในแววตาของทั้งทีม “ผมภูมิใจในตัวทุกคนนะครับ แบบ มาก ๆ เลย” ชนธัญพูดขึ้น ก่อนจะเสยกแก้วขึ้นมาถือ ด้วยความเขิน ๆ ที่ทุกคนหันมามองที่เขา

“ขั้นต่อไปก็ ผลักดันเรื่องการครอบครองอาวุธปืนเถื่อน” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้ “คุณชนธัญต้องอยู่ช่วยพวกเราด้วยนะครับ” ชนธัญสบตากับทั้งทีม “พวกเราทุกคนก็ภูมิใจในตัวคุณนะครับ” ทุกคนรู้สึกขอบคุณชนธัญเช่นกัน กับความสามารถพิเศษที่ทำให้ทางทีมสืบลับนั้น ปะติดปะต่อเรื่องราวและคลี่คลายคดีลงได้อย่างรวดเร็ว

“ใช่ อยู่ด้วยกันนาน ๆ นะ” เสียงของด็อคดุดังขึ้นที่ด้านหลังของชนธัญ ก่อนที่ด็อคเตอร์สาวจะก้มลงสวมกอดชนธัญเอาไว้ หนุ่มหน้าใสยิ้มแบบหลับตา เมื่อทีมสืบลับยกแก้วขึ้นชู ก่อนจะเห็นด้วยกับที่ด็อคดุว่าเอาไว้ “แต่คืนนี้ หมอขอตัวกลับก่อนนะ” ทุกคนตรงนั้นโวยวาย บอกให้ด็อคดุอยู่สนุกกันต่อ แพทย์สาวส่ายหน้าทำท่าไม่สบอารมณ์

“ขอโทษด้วยนะคะ เผอิญหมอนิติเวชอย่างดิฉัน ไม่ได้ถูกนับรวมอยู่ในทีมสืบลับอย่างพวกคุณ พรุ่งนี้เลยไม่ได้หยุดกับเขาค่ะ” ทุกคนหัวเราะเฮฮาไปกับคำพูดของหมอดุ ที่เอาเข้าจริง ก็ดุและจริงจังสมชื่อเฉพาะในเวลางานเท่านั้น “ด้วยความเป็นห่วงนะคะ” ด็อคเตอร์ดรุณีพูดขึ้นเฉกเช่นพี่สาวที่ห่วงใยน้อง ๆ ทุกคน

“เมาไม่ดื่ม กลับบ้านปลอดภัย ไม่มีใครได้มานอนรอหมอบนเตียงห้องชันสูตร โอเคนะ” ชนธัญเห็นทุกคนในทีมพากันเคาะลงบนโต๊ะไม้เพื่อแก้เคล็ด ชนธัญก็ต้องพลอยทำตามไปกับเขาด้วย รวมถึงสารวัตรรัฐนนท์ที่เพิ่งเดินถือแก้วเครื่องดื่มเขามาสมทบที่โต๊ะ “เอาอีกแล้วหรือด็อค อวยพรลูกทีมผมอีกแล้วล่ะสิ” สารวัตรหนุ่มหล่อส่ายหัวให้กับการเตือนสติแบบตรงไปตรงมาของด็อคเตอร์ดรุณี ที่งานของเธอทำให้ด็อคดุนั้น มองเห็นการมีชีวิตอยู่นั้น ยากกว่าเส้นความตายในเสี้ยววินาที อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

“ยินดีค่ะ ด้วยความรักนะคะ ไปแล้ว” หมอดุโบกมือให้ทุกคน พยักหน้าให้กับสารวัตรรัฐนนท์ที่ยิ้มให้กับแพทย์สาวอย่างคนคุ้นเคยกัน ทำงานด้วยกันมานาน “ยังไงคุณชนธัญก็ต้องสัญญากับพวกเรานะครับ อย่างที่หมอดุพูด” หนึ่งในทีมที่เริ่มเมาล่วงหน้าคนอื่น ๆ ไปแล้ว พูดเสียงอ้อแอ้ ๆ “เพราะไม่อย่างนั้น เดี๋ยวมีคนแถวนี้เสียใจ” ทุกคนในทีมคิกคัก ๆ กันใหญ่ เมื่อเห็นสารวัตรรัฐนนท์หน้าตึงขึ้นมาในทันที

“บอสรู้มั้ยครับ ว่าใคร” ลูกทีมที่เมาได้ที่ของสารวัตรหนุ่มถามขึ้น เสียงฮิ้วยาวดังมาจากทุกคนในทีม ชนธัญทำเหมือนไม่ได้ยินบทสนทนาดังกล่าว หยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทำท่าเช็กนั่นดูนี่ “เมาก็กลับบ้านมั้ย” สารวัตรรัฐนนท์ทำเสียงดุลูกน้อง ก่อนจะเหลือบไปมองที่ชนธัญ เห็นอีกฝ่ายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“ความเหงามันก็แย่อย่างนี้แหละ” ใครอีกคนในทีมในทีมพูดทิ้งท้าย ก่อนที่ทุกคนจะเฮฮากันอย่างเต็มที่ต่อไป หลังจากนั้น ชนธัญเห็นสารวัตรรัฐนนท์กระดกแก้วเหล้าขึ้นถี่ ร่วมสนุกสนานไปกับลูกน้องในทีมอย่างเป็นกันเอง จนหนึ่งในลูกทีมสืบลับคนเดียวที่ไม่ดื่มเหล้าพูดขึ้นหลังจากงานสังสรรค์นี้ดำเนินไปจนดึกดื่นว่า

“ถึงเวลาหน้าที่ของผมแล้วสิ” อย่างติดตลก เมื่อลูกทีมคนนี้ได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนคนอื่น “เก็บศพพวกมันกลับบ้าน” ชนธัญหัวเราะออกมาอย่างเข้าใจ เมื่อได้ยินว่า “ไม่งั้นงานหมอดุล้นมือแน่” ชนธัญมองดูหนึ่งเดียวที่ไม่เมาของทีมสืบลับ “ไป ๆ พวกมึง ลุก ๆ กลับบ้าน” ไล่พาเพื่อนในทีมไปขึ้นรถทีละคน

“แล้วคุณชนธัญกลับยังไงครับ” เจ้าตัวที่ถูกถามกำลังจะตอบว่า เขาคงจะเรียกรถจากแอปพลิเคชัน “ขับเป็นมั้ย เอารถผมไปก็ได้” สารวัตรรัฐนนท์ยื่นกุญแจรถให้กับชนธัญ “เดี๋ยวผมกลับกับไอ้พวกนี้เอง ไม่เป็นไร” เสียงอ้อแอ้ไม่แพ้กัน แถมท่าทางที่สารวัตรหนุ่มพยายามจะยืนตัวให้ตรง ไม่โงนไปเอนมาด้วยฤทธิ์ของน้ำเมานั้น ดูแล้วไม่น่าจะไหวอย่างแน่นอน

“โห บอส บ้านผมกับไอ้พวกนี้ มันอยู่คนละทางกับบ้านบอสเลย คุณชนธัญ” สารถีของเหล่าเพื่อนหันมาเรียกชื่อหนุ่มหน้าใส “เอายังไงดี กว่าผมจะส่งไอ้พวกนี้ครบ แล้วต้องวกรถพาบอสกลับบ้านอีก มีหวังได้ถึงเช้าทันใส่บาตรพระพอดี” ชนธัญพูดไม่ออก เมื่อรู้ดีว่าสารถีจำเป็นต้องการจะพูดอะไร

“ถ้าให้คุณชนธัญขับพาไอ้พวกนี้ไปส่ง คุณก็ไม่รู้จักบ้านพวกมัน ซอยลึก ๆ กันทั้งนั้น” ชนธัญพอจะรับรู้ชะตาขอตัวเองแล้วทีนี้ “นะครับ ขับรถไปส่งบอสให้ผมที นะ ช่วยผมหน่อย บอสคนเดียว ปกติก็ไม่ค่อยเห็นบอสดื่มเยอะขนาดนี้ มีคืนนี้แหละ ท่าทางเหมือนจะงอน ๆ นี่ผมเป็นห่วงเลย ยิ่งบ้านบอสอยู่คนละทางกับพวกผมด้วย” จะให้ชนธัญพูดยังไงได้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายยกมือไหว้ขอเขาแบบต่อหน้ากันขนาดนั้น หรือจะให้เขาทำเป็นคนแล้งน้ำใจเสียตรงนี้เลย

“เดี๋ยวผมส่งโลเคชั่นให้” สารถีของผองเพื่อนในทีมสืบลับ ช่วยพาสารวัตรรัฐนนท์ขึ้นรถที่เบาะคู่กับคนขับ กล่าวขอบคุณชนธัญอีกครั้ง ก่อนจะออกรถจากไป ชนธัญขึ้นนั่งประจำที่รถของสารวัตรรัฐนนท์ ที่ตอนนี้หนุ่มหน้าใสได้ยินเสียงหายใจเบา ๆ สม่ำเสมอดังมาจากชายหนุ่ม ที่แสดงว่านายตำรวจหนุ่มผล็อยหลับไปแล้ว

ชนธัญเปิดแม็พขับรถมาตามเส้นทางที่สารถีของทีมสืบลับส่งให้ มันไกลออกนอกเมืองให้ได้ขับรถเล่น แต่ก็ไม่ถึงกับน่ากลัวอะไรกับเวลาหลังเลยเที่ยงคืนมามากพอสมควรอย่างนี้ ชนธัญจอดรถเมื่อเสียงจากโทรศัพท์บอกว่า เขาขับรถมาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว มองจากยามดึกแล้ว ก็พอจะบอกได้ว่า บ้านของสารวัตรรัฐนนท์ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ ลมเย็น ๆ พัดมาเมื่อชนธัญเปิดประตูด้านสารวัตรหนุ่ม เพื่อให้สารวัตรรัฐนนท์ลงจากรถ

“ระวังสารวัตร เดี๋ยวล้ม” ชนธัญต้องใช้สองแขนโอบรอบตัวของสารวัตรรัฐนนท์เอาไว้ เพื่อพยุงตัวของทั้งคู่ เมื่อสารวัตรหนุ่มหล่อดูจะทิ้งน้ำหนักตัวใส่หนุ่มหน้าใสที่ตัวเล็กกว่าอย่างเขา “ถึงบ้านแล้วหรือ” เสียงสารวัตรหนุ่มหล่ออ้อแอ้ แลดูหมดสภาพ “อีกนิดเดียวคุณ” ชนธัญกระตุ้นให้สารวัตรหนุ่มก้าวขาเดินเข้าบ้าน ประตูรั้วไม้ระแนง มองเข้าไปด้านในผ่านส่วนที่เป็นสวนด้านหน้า ไฟถูกเปิดเอาไว้ให้แสงสว่าง

“ห้องนอนอยู่ด้านในนั้น” ชนธัญมองไปที่หญิงชราที่กำลังนั่งเจียนหมากอยู่ที่หน้าชานบ้าน ชนธัญเห็นรอยิ้มจาง ๆ ที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนจะเห็นหญิงชราปรายตาไปด้านใน ที่เป็นห้องนอนของสารวัตรหนุ่ม “นอนเสียกันที่นี่คืนนี้” น้ำเสียงแสดงถึงความใจดีมีเมตตาดังมาจากหญิงชรา ชนธัญค้อมศีรษะลงยกมือที่ยังสารวัตรหนุ่มหล่ออยู่ ขึ้นไหว้หญิงชรา

“เขาไม่ค่อยบอกกับใครว่าเป็นลูกครึ่ง” หญิงชราพูดขึ้น “เขากลัวว่าคนจะมองเขาไม่เหมือนเดิม” ก่อนจะพยักหน้าให้อีกครั้ง ชนธัญไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะพยุงพาสารวัตรรัฐนนท์เข้าไปในห้องนอน สารวัตรหนุ่มหล่อทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ชนธัญช่วยถอดรองเท้าให้ ทีแรกคิดว่าจะช่วยคลายเสื้อและกางเกงให้กับชายหนุ่ม แต่พอคิดอีกที ไม่ดีกว่า ชนธัญดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวให้สารวัตรหนุ่ม ก่อนจะเดินออกจากห้องนั้นมา

“ห้องนอนอยู่ด้านในนั้น” หญิงชราที่ยังนั่งเจียนหมากอยู่ที่เดิม ตรงชานบ้าน พูดขึ้นมองมาทางชนธัญที่ทำท่าจะเดินออกไปที่รั้วบ้าน “นอนเสียกันที่นี่คืนนี้” น้ำเสียงนั้นยังคงแสดงถึงความใจดีของหญิงชรา ชนธัญหันหลังกลับมามองที่ชานบ้าง ก่อนจะเดินกลับมาอีกครั้ง “เขาไม่เคยบอกใครว่าเป็นลูกครึ่ง” หญิงชราพูดมองหมากที่กำลังเจียน “เขากลัวว่าคนจะมองเขาไม่เหมือนเดิม” หญิงชราพูดซ้ำอีกครั้ง ชนธัญละสายตาจากชานบ้าน ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนของสารวัตรรัฐนนท์ แล้วปิดประตูตามหลังไป

สารวัตรรัฐนนท์ลืมตาตื่นขึ้นมาตอนหกโมงเช้า ขมับเขาเต้นตุบ ๆ อาการปวดหน่วง ๆ กำลังฟ้องว่าเมื่อคืนเขาดื่มมากไป และตอนนี้อาการปวดหัวนี้มันก็กำลังเล่นงานเขาอยู่ สารวัตรหนุ่มยันตัวลุกขึ้นนั่ง แก้วน้ำกับยาแก้ปวดสองเม็ดถูกวางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียง สารวัตรรัฐนนท์ยิ้มออกมา ก่อนนะโยนยาแก้ปวดสองเม็ดนั้นเข้าปาก แล้วกระดกน้ำตามจนหมดแก้ว

“ดีจังที่คุณยังไม่กลับ” สารวัตรรัฐนนท์พูดขึ้น เมื่อออกมาจากห้องนอนแล้วยังเห็นชนธัญนั่งอยู่ที่ชานบ้าน “บ้านสารวัตรต้นไม้เยอะร่มรื่นดี ผมเลยขอยืมนั่งเล่นหน่อย” ชนธัญมองตามอีกฝ่ายที่หย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ กัน สารวัตรรัฐนนท์จำได้ว่าเป็นหนุ่มหน้าใสที่ขับรถมาส่งเขาถึงที่บ้าน แต่เขาก็ฝืนอาการเมาไม่ให้ตัวเองหลับพับไปก่อนได้ จนต้องได้อีกฝ่ายมาดูแลห่มผ้าให้เขาเข้านอน

“ชอบมั้ยครับ” ชนธัญสบตาเข้ากับสารวัตรรัฐนนท์ที่มองมา สายตาของสารวัตรหนุ่มแสดงออกถึงความใจดี “ขับรถออกมานอกเมืองแบบนี้ แถมเมาอีกต่างหาก” ชนธัญไม่ตอบคำถามนั้นของสารวัตรรัฐนนท์ ที่มันทำใจของชนธัญเต้นแบบแปลก ๆ “ปกติสารวัตรชอบทำให้คนห่วงแบบนี้หรือครับ” สารวัตรหนุ่มหล่อรู้สึกได้ทันทีว่า กำลังโดนดุอยู่กลาย ๆ

“เมื่อก่อนตั้งแต่ผมยังเด็ก ย่าชอบนั่งเจียนหมากอยู่ชานบ้าน รอผมกลับบ้าน” สารวัตรรัฐนนท์มองไปที่ผนังบ้าน มีรูปของหญิงชราคนหนึ่งแขวนอยู่ แต่ชานบ้านว่างเปล่า ไม่มีเชี่ยนหมากของย่าตั้งอยู่แล้ว “ผมรู้ว่าผมทำให้ย่าต้องเป็นห่วงมากกว่าใคร” สารวัตรรัฐนนท์ “ยอมรับผิดครับ” ปลายเสียงของสารวัตรรัฐนนท์อ้อนเล็ก ๆ กลับไปที่อีกฝ่าย

“สารวัตรเป็นคนทำงานเก่ง คุณย่าคงไม่ได้ห่วงอะไรเรื่องนั้น” ชนธัญเองก็มองเห็นความจริงในข้อนี้ “แต่เรื่องการใช้ชีวิต ผมไม่เก่งเลย มันห่วย ผมมันตัวคนเดียวนี่นะ” น้ำเสียงฟังดูน้อยใจอยู่ลึก ๆ “พอจะเดาได้ หนุ่มโสด ข้าวของในห้องแทบจะไม่มีอะไร ผมยังโชคดีที่พอจะยืมผ้านวมสารวัตรมารองนอนที่พื้นได้เมื่อคืน” ชนธัญที่คิดว่า เขาเป็นคนไม่ค่อยซื้ออะไรเข้าบ้านแล้วนะ ยังมีสารวัตรรัฐนนท์ที่ดูสมถะกว่าเขาอีกเยอะ

“ผมก็นึกไม่ออกนะ ว่าถ้าเมื่อคืนคุณขึ้นมานอนเตียงเดียวกันกับผม” สารวัตรรัฐนนท์หยุดนิดหนึ่งจนเขาและชนธัญสบตากันอีกครั้ง “เพราะผมไม่เคยให้ใครทำแบบนั้นเลยสักครั้ง” สารวัตรรัฐนนท์รู้ตัวดีว่า เขากำลังบอกกับชนธัญ ว่าเขาไม่เคยพาใครขึ้นเตียงด้วย “ผมว่าจะกลับแล้ว” ชนธัญพูดขึ้น ทำไมใจถึงเต้นโครมคราม ก่อนจะลุกขึ้นยืน หยิบเอาโทรศัพท์มือถือมาเปิดแอพเรียกรถแท็กซี่

“อยู่ด้วยกันก่อนได้มั้ย” สารวัตรรัฐนนท์ที่ยังนั่งอยู่ที่ชานบ้าน เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย “อยู่กับผมก่อน” ชนธัญก้มลงสบตากับสารวัตรหนุ่มที่ใบหน้าดูน่าเห็นใจ “บางที ถ้าย่ายังอยู่” สารวัตรรัฐนนท์พูดถึงหญิงชราคนที่รูปแขวนอยู่ที่ผนังบ้าน “ผมอาจจะทำให้ย่าห่วงผมลดน้อยลงเรื่องหนึ่ง” ชนธัญมองเห็นดวงตาที่เต้นระริกนั้นจากสารวัตรรัฐนนท์

“ย่าก็จะได้รับรู้ว่า มีคนหลวมตัวมาที่บ้านสวนนี้กับผมแล้ว ผมไม่ได้ต้องอยู่ตัวคนเดียวอย่างที่เคยเป็นห่วง” สารวัตรหนุ่มหล่อกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก ใจของเขาตอนนี้เต้นแรงไม่เป็นส่ำ เมื่อเห็นชนธัญก้มมองดูมือของตัวเอง ถูกสารวัตรรัฐนนท์เอื้อมมือมาจับเอาไว้ พร้อมแววตาเว้าวอน

*************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

ทำไมต้องเธอ - ธงไชย แมคอินไตย์

https://www.youtube.com/watch?v=m-saDqely-E


ก็มันไม่อยากรู้ ก็มันไม่อยากรัก

Don’t wanna get involved, not tamed for love

ไม่มีเวลา ที่จะคิด ที่จะสนใจ

Don’ t have time to think, to pay attention

แต่พอได้เจอะเธอ ก็ดูชีวิตมันผิดเพี้ยนไป

But then I’ve met you, my life is completely different now

ฉันกลายเป็นคนอ่อนแอ ไม่ชอบเลย

I’ve become so weak, it’s agitating me


เมื่อไหร่ที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป

Any time I’m with you, I’m so on cloud nine

ไม่เป็นตัวเอง ไม่เหมือนเคย

I’m not myself, nothing’s the same

แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย

But when you’re gone, can’t get you outta my head

ทำไมต้องเป็น ไม่เข้าใจ

Why it has to be you, that blogs my mind


นี่ตัวฉันเองหรือ เปลี่ยนไปถึงเพียงนี้

Is this the same me? I pretty much have changed

หมดความเข้มแข็ง และเหตุผลไปอย่างง่ายดาย

No power left to maintain my reasoning

อาจเป็นเพราะเธอนั้น ที่เดินมาหา เข้ามาค้นใจ

It must have been you, getting me to know my heart

แล้วฉันก็เลยเปลี่ยนไป เพราะรักเธอ

Then I’m definitely new, because I love you


เมื่อไหร่ที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป

Any time I’m with you, I’m so on cloud nine

ไม่เป็นตัวเอง ไม่เหมือนเคย

I’m not myself, nothing’s the same

แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย

But when you’re gone, can’t get you outta my head

ทำไมต้องเป็น ไม่เข้าใจ

Why it has to be you, that blogs my mind


เมื่อไหร่ที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป

Every time I am close to you, I’m extremely happy

ไม่เป็นตัวเอง ไม่เหมือนเคย

Don’t care if I’m not myself, not anymore

แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย

But when you are not here with me, can’t stop thinking about you even one sec

ทำไมต้องเธอ ไม่เข้าใจ

Why it is so, I don’t get it

ชีวิตต้องมาเปลี่ยนไป เพราะรักเธอ

My life is a whole new world for I love you

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: ๓๔. BLAME _ 8.29.2023
«ตอบ #36 เมื่อ29-08-2023 12:19:04 »

๓๔. BLAME


“ฮะ ต้องซื้อหมดนี่เลยหรือ” สารวัตรรัฐนนท์มองดูลิสต์รายการยาวเหยียดของสดที่ชนธัญยื่นให้ “ถ้าไม่ครบ ผมก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ ผมก็ควรจะกลับบ้านได้แล้ว” สารวัตรหนุ่มหล่อทำหน้าบูดทันที ที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น “เอะอะ ๆ ก็จะกลับแต่บ้าน” บ่นกระปอดกระแปดอย่างนั้น แต่สารวัตรรัฐนนท์ก็เดินไปหยิบกุญแจรถแต่โดยดี ก็อุตส่าห์ทำให้หนุ่มหน้าใสยอมเปลี่ยนชุด เป็นเสื้อกางเกงอยู่บ้านตัวโคร่งนั่นได้แล้วนี่นา

“ก็ถ้าจะให้มันออกมาอร่อย ก็ต้องซื้อเครื่องปรุงมาให้ครบ ไม่บ่อยนะครับ ที่ผมจะมาทำของอร่อย ๆ ให้สารวัตรกิน” สารวัตรรัฐนนท์นึกอยากจะสวนอะไรที่ฟังดูแล้วเลี่ยน ๆ ออกไป แต่ก็ยั้งใจเอาได้ทัน “ตลาดอยู่ไม่ไกลมาก เดี๋ยวผมไปแป๊บเดียว คุณอยู่คนเดียวได้นะ” นายตำรวจหนุ่มถามขึ้นขณะก้มลงสวมรองเท้าผ้าใบ

“อืม ได้สิ” ชนธัญตอบสารวัตรรัฐนนท์กลับไป หลังจากปรายตามองไปทางชานบ้านตรงที่รูปของคุณย่าแขวนอยู่ สารวัตรรัฐนนท์มองตามหนุ่มหน้าใสไป แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร “แล้วอยู่คนเดียว ก็อย่าซน อย่าดื้อรื้อข้าวของผมนะ” สารวัตรรัฐนนท์พูดก่อนยืนขึ้น มองเห็นแววตาเฮี้ยว ๆ ของอีกฝ่ายส่งกลับมาหา ที่ทำให้สารวัตรหนุ่มหล่อต้องกลั้นยิ้มอย่างที่สุด

“มีอะไรให้ค้น” ถามออกไป มองไปก็โล่ง ๆ กับบ้านหนุ่มโสด ชนธัญก็หลุดยิ้มออกไปเอง หนุ่มหน้าใสเลยพาให้สารวัตรรัฐนนท์เอง ก็ต้องหัวเราะออกมาด้วยเช่นกัน “แป๊บเดียว” สารวัตรรัฐนนท์เดินผ่านประตูรั้วระแนงออกไป ก่อนที่ชนธัญจะได้ยินเสียงรถยนต์แล่นออกไป หนุ่มหน้าใสหันหลังกลับไปมองทางชานบ้าน ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่ใกล้ ๆ กันนั้น

ไม่นานนัก สารวัตรรัฐนนท์ก็กลับเข้าบ้านมา พร้อมข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือสองไม้ ก่อนจะเดินนำชนธัญเข้าไปที่ครัวไทยแบบเปิดโล่งที่ด้านหลังบ้าน ชนธัญช่วยรับของจากสารวัตรรัฐนนท์ ก่อนจะสำรวจว่าของสดเครื่องปรุงต่าง ๆ นั้นครบถ้วนตามที่ต้องการหรือไม่ ก่อนจะได้ยินสารวัตรหนุ่มหล่อพูดขึ้นว่า

“ผมไม่ค่อยได้ทำอะไรกินเอง นาน ๆ ถึงจะทอดไข่เจียวบ้างสักครั้ง เวลาจนตรอกหิวจัด ๆ” สารวัตรรัฐนนท์สารภาพกับชนธัญด้วยท่าทางเขิน ๆ “แก๊สถังนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนมานาน มันหมดแล้วล่ะ ยังไงเดี๋ยวผมจุดเตาถ่านให้ ตอนย่าทำกับข้าว นี่มันหน้าที่ประจำของผมเลย พวกอุปกรณ์ทำครัวก็เป็นของเก่าของย่า คุณเลือกใช้ได้เลย ตามสบาย” ชนธัญฟังที่นายตำรวจหนุ่มพูดไป สายตาก็มองหาส่วนประกอบสำคัญที่เหมือนว่า สารวัตรรัฐนนท์จะลืมซื้อ

“ถ้าคุณมองหานี่ละก็” สารวัตรรัฐนนท์ชี้นิ้วออกไปที่ต้นมะพร้าวต้นเตี้ย ๆ ด้านหลังบ้าน ก่อนจะเดินออกไปใช้ไม้กระทุ้งลูกมะพร้าวให้มันร่วงลงมา ชนธัญมองตามเสียงสารวัตรรัฐนนท์ออกไปที่ด้านนอก “ได้กะทิสด แยกหัวแยกหาง ตามที่คุณสั่งมาแน่นอนครับผม” สารวัตรรัฐนนท์ไม่พูดเปล่า ทำเสียงขึงขังประหนึ่งพึ่งได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชายังไงยังงั้น

“คุณไม่ทำมันบาดตัวเองแน่นะ” ชนธัญมองสารวัตรรัฐนนท์ปอกมะพร้าวอย่างคล่องแคล่ว “สดชื่นนะ” ชนธัญส่ายหน้าปฏิเสธน้ำมะพร้าวสด ๆ จากลูก ที่สารวัตรรัฐนนท์กระดกเข้าปากรวดเดียวจนหมด แต่สายตาของหนุ่มหน้าใสมองไปที่อีกอย่างที่น่าสนใจกว่า “จาวมะพร้าวหรือ” สารวัตรรัฐนนท์ยื่นมะพร้าวอีกซีกหนึ่งให้ชนธัญดึงเอาขาวมะพร้าวเล็ก ๆ นั่นไปกัดเข้าปาก สารวัตรรัฐนนท์ยิ้มกว้างออกมาอย่างนึกเอ็นดูอีกฝ่าย

“หวานมาก” ชนธัญเคี้ยวกร้วม ๆ อย่างรู้สึกชอบใจ มองสารวัตรรัฐนนท์หยิบเอากระต่ายขูดมะพร้าวออกมาล้างทำความสะอาด “นี่ก็เป็นหน้าที่หลักของผมเหมือนกันนะ ผมทำให้ย่าจนชิน” ชนธัญเสมองไปทางอื่น ก่อนจะหันกลับมามองที่สารวัตรรัฐนนท์อีกครั้ง เมื่อสารวัตรหนุ่มหล่อถอดเสื้อยืดออก ก่อนจะนั่งลงใช้กระต่ายขูดมะพร้าวนั่น กับกล้ามหน้าอกแกร่งและลอนกล้ามที่ท้องแน่น ๆ นั้น

“อันนี้หัวกะทิ ส่วนอันนี้หาง” ชนธัญที่เลี่ยงภาพของสารวัตรหนุ่มหล่อรูปร่างดีนั่งขูดมะพร้าวอยู่ต่อหน้า มาเตรียมข้าวของอย่างอื่น ก็ต้องมาเจอกับสารวัตรรัฐนนท์ยืนเปลือยอก สวมกางเกงยีนเพียงตัวเดียวอยู่ข้าง ๆ หยดเหงื่อที่พราวอยู่บนแผงอก ทำให้ชนธัญเองรู้สึกไข้เขวอย่างที่ต้องดุตัวเองในใจหลายต่อหลายครั้ง

“สารวัตรไปที่อื่นก่อน” ชนธัญบอกสารวัตรรัฐนนท์ ว่าอย่ามาเกะกะ ได้ยินแบบนั้นสารวัตรหนุ่มกลับเอียงตัวเท้าข้อศอกลงบนโต๊ะที่ชนธัญกำลังเตรียมทำกับข้าว “เดี๋ยวแกงมันกระเด็นโดน” ชนธัญทำเสียงดุเด็กน้อยสารวัตร ที่ไม่ยอมทำตามแต่โดยดี “ห่วงผมด้วยหรือ” หน้านิ่ง ๆ แต่แววตาของสารวัตรรัฐนนท์ที่ใช้มองมาที่ชนธัญทำให้หนุ่มหน้าใส รู้สึกหายใจขัด ๆ

“จะกินมั้ย” ชนธัญทำหน้าจริงจัง เสียงเข้ม “ก็จะอยู่ช่วยชิม” สารวัตรทำเสียงอิดออด เดินออกไปจากตรงนั้นสองสามเก้า แล้วหันมาขมวดคิ้วมองชนธัญ “เสร็จแล้วค่อยกินทีเดียว” ยังไงชนธัญก็ไม่ยอมให้สารวัตรรัฐนนท์อยู่วอแวแถวนั้น “ขี้งก" สารวัตรรัฐนนท์ว่าเข้าให้ “อยู่ใกล้ ๆ แค่นี้ ก็ไม่ได้” บ่นกระปอดกระแปด แต่ก็ยอมเดินไปหยิบเอาคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คมาเปิดเช็คงาน แต่ก็คอยหันมามองหนุ่มหน้าใสอยู่เป็นระยะ ๆ ที่พอไม่มีนายตำรวจหนุ่มคอยกวน ชนธัญก็ง่วนอยู่กับการปรุงอาหารอย่างคล่องแคล่วเช่นกัน

“มีอุ่นอยู่ด้วย ผมก็อุ่นใจ” เคนตะมองดูเด็กหนุ่มสวมแว่นตา หน้าตาน่ารัก รุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา ที่นั่งอยู่ตรงหน้า “ตอนสอบก็เป็นที่เคนตะทำเองต่างหาก เราไม่ได้ไปทำให้หรือให้ลอกสักหน่อย” รอยยิ้มของอุ่นแบบนี้ ทำให้เคนตะหัวใจเต้นแรง เพราะมันมีความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจมานานแล้ว แต่ไม่กล้าจะพูดออกไปให้อีกฝ่ายได้ยิน

“ถ้าเป็นแบบนั้นได้ ก็ดีสิ ผมได้คะแนนเต็มแบบอุ่นแน่นอน” อุ่นที่ชินแล้วกับความสุภาพอย่างสุภาพบุรุษที่เคนตะมีให้ เคนตะที่ไม่ได้เรียนอยู่ห้องเดียวกัน มาขอให้เขาช่วยสอนพิเศษให้หน่อย เพราะที่บ้านอยากเคนตะเองนั้น ได้คะแนนดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ จากวิชาเดียว ก็งอกเพิ่มขึ้นมาอีกหลายวิชา เพราะอุ่นเป็นคนเรียนเก่งถนัดแทบจะทุกอย่างจริง ๆ

“ผมโชคดีจะตายที่อุ่นยอมสอนพิเศษผม” เคนตะคิดแบบนี้จริง ๆ เพราะตอนแรกก็กลัวว่า อุ่นจะไม่ยอมสอนให้เขา “เราก็ต้องการรายได้พิเศษพอดี เดี๋ยวจะวันเกิดป๊าแล้ว” อุ่นอยากได้เงินไปซื้อของขวัญให้กับป๊าอยู่พอดี “ผมก็มีเงินจ่ายได้พอดี” หลุดพูดออกไปแบบนั้นได้ยังไง เคนตะนึกอยากจะตบปากตัวเอง เมื่อเห็นอุ่นหลุบตามองไปที่มือของตัวเอง

“คือไม่ใช่ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คือ ผมหมายความว่า ผมบังเอิญจ่ายให้อุ่นได้ ไม่ใช่ ผมคือ พอจะช่วยเหลืออุ่นได้” เคนตะสะเปะสะปะไปหมด ก่อนจะเห็นอุ่นเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ “เราไม่ได้คิดอะไร ไม่เป็นอะไรจริง ๆ” รอยยิ้มนั้น รอยยิ้มละมุนของอุ่นแบบนั้น ทำให้เคนตะใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก

“ติวเสร็จแล้ว ไปหาอะไรกินกันมั้ยครับ ผมหิวแล้ว หัวทึบ ๆ ตื้อ ๆ แบบผมใช้พลังงานไปเยอะ” เคนตะรีบเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากให้อุ่นรู้สึกไม่ดีกับเขา อุ่นดูลังเล ที่จะไปไหนต่อเย็นวันนี้ “เราไปเดินดูของขวัญให้ป๊าของอุ่นก็ได้นี่นา” อะไรก็ได้ ที่เคนตะรู้สึกว่า เขารวบรวมความกล้า หาเรื่องอะไรก็ได้ ที่จะทำให้เขามีโอกาสได้ใกล้ชิดกับอุ่น และใช้เวลาอยู่กับอุ่นได้นานขึ้น เพราะพอกลับบ้านไป อยู่ในห้องนอนคนเดียว กว่าจะได้เจอกันอีกก็ต้องรอพรุ่งนี้

“ก็ได้ แต่ไม่ค่ำมากนะ ป๊าอยู่บ้านคนเดียว” เคนตะรีบตอบตกลง พยักหน้าเร็ว ๆ รับรองว่าจะไม่ค่ำแน่นอน อุ่นตอบตกลง ก่อนจะเห็นเคนตะเก็บชีทติวได้เร็วกว่าจะหยิบมันออกมาจากกระเป๋าเสียอีก อุ่นมองเด็กหนุ่มเคนตะที่มีความสูงเลยหน้าเพื่อน ๆ ชั้นปีเดียวกัน ลุกขึ้นยืนเตรียมพร้อม อุ่นเองเสียอีกที่ความสูงดูจะหยุดไปเสียดื้อ ๆ กลายเป็นคนตัวเล็กกว่าใครในกลุ่มเพื่อน

'ไอ้อุ่นอ้ะนะ ถ้ามันจะมีแฟน เอางี้' เคนตะคิดถึงสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยินเพื่อร่วมห้องเดียวกันกับอุ่นคุยกัน มาสด ๆ ร้อน ๆ ตอนเดินมาติวหนังสือเย็นนี้ 'ถ้าแฟนมันเกิดเป็นผู้ชายขึ้นมา เพราะมันตัวเล็ก มันต้องมีคนปกป้องมันได้ มันชอบหนุ่มไทย ชายไทยเรานี่แหละ เชื่อกู พวกมึง มันไม่มีทางชอบคนต่างชาติ' เคนตะนั้นรู้ว่า เขาไม่ได้ยินจากปากของอุ่นสักหน่อย อุ่นไม่ได้เป็นคนพูด แต่ทำไมมันทำให้เขากังวลใจได้มากมายเพียงนี้

“ยังไม่เจอที่ถูกใจเลย” เคนตะจิตใจห่อเหี่ยวไปหมด ไม่แน่ใจว่า อุ่นที่กำลังเดินเลือกซื้อของให้ป๊าอยู่นั้น พูดถึงของที่เลือก หรือว่าไม่ถูกใจที่คนพามาเลือกกันแน่ “น่าเบื่อหน่อยนะ เดินซื้อกับเรา” อุ่นยิ้มอย่างเกรงใจเคนตะ เด็กหนุ่มตัวสูงกว่ามากส่ายหน้า “ไม่เลย” รอยยิ้มของอุ่นมันปลุกความรู้สึกทุกอย่าง รวมถึงฮอร์โมนที่ควบคุมอาการตื่นตัวความเป็นหนุ่มของเคนตะด้วย

“เคนตะ” อุ่นสะดุ้ง ก่อนจะขยับเดินถอยนิดหนึ่ง เคนตะหน้าเสียเมื่อเห็นอาการของแบบนั้นจากอุ่น ใบหน้าของอุ่นที่ประหวั่น ตกใจ เมื่อถูกรุกล้ำ “อุ่น คือผม” เคนตะที่ยืนหน้าเข้าจูบอุ่นที่ริมฝีปาก ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก เคนตะห้ามใจตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ “เรากลับบ้านก่อนนะ” พูดจบ อุ่นก็หันหลังเดินไปในทันที ทิ้งให้เคนตะยืนมองตามอุ่น ด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย ไม่รู้จะโทษอะไรก่อนดี

“เออ ว่าไง นี่มันวันหยุดนะ เขาให้พัก โทรมาทำไมวะ” สารวัตรรัฐนนท์เสียงฉุนใส่หนึ่งในลูกน้องในทีมสืบลับ ที่โทรมาขัดจังหวะ ตอนที่เขากับชนธัญกำลังคุยกันยาว ๆ สนุก ๆ อย่างต่อเนื่อง หลังจากเสร็จสิ้นร่วมมื้ออาหารพิเศษด้วยกันจนอิ่มหนำ “บอส” เสียงปลายสายด้านนั้นเรียกสารวัตรหนุ่มหล่อ “บอสต้องเข้ามาที่หน่วยแล้วล่ะ มันมีเคสที่บอสน่าจะสนใจ บอสต้องมาฟัง” สารวัตรรัฐนนท์นึกสงสัยในน้ำเสียงตื่นเต้นของลูกทีม

“บอสอีกอย่าง เราต้องการตัวคุณชนธัญ เรื่องนี้ต้องถึงหูคุณชนธัญ แต่พวกผมโทรหาคนน่ารักของบอสไม่ติด ทำไมอยู่ ๆ โทรศัพท์เขาเกิดไม่มีสัญญาณ คอนโดคุณชนธัญก็อยู่ใจกลางเมือง ไม่ได้อยู่บ้านนอกเหมือนกับบ้านบอสสักหน่อย” สารวัตรรัฐนนท์ที่มีความคิดจะปรับเลื่อนขั้นเงินเดือนให้ลูกน้องทีมนี้ อาจจะต้องคิดกันใหม่แล้ว

“เออ เรื่องนี้ เดี๋ยวจัดการเอง” พูดจบก็วางสายลงไป โดยมีชนธัญมองมาอยู่ก่อนแล้ว “มีเคสมาใหม่หรือครับ เราไปกันเลยมั้ย” สารวัตรรัฐนนท์ได้ยินชนธัญพูดแบบนั้นก็รู้สึกเศร้า กะว่าจะทำอ้อยอิ่งจนหนุ่มหน้าใส ยอมค้างคืนที่บ้านสวนนี้ได้อีกคืนแล้วแท้ ๆ เชียว ก็ต้องมาเจออะไรแบบนี้

“แบบนี้ตลอด หน่วยสืบสวน ไหนบอกว่าให้วันหยุดสองวัน” ชนธัญแอบขำกับอาการบ่นกระปอดกระแปดทั้งวันของสารวัตรหนุ่มหล่อ ที่ไม่มีทางทำให้ใครเห็นอย่างแน่นอนในตอนปฏิบัติหน้าที่ ทั้งคู่เดินมาขึ้นนั่งประจำที่ในรถ สารวัตรรัฐนนท์ยังถอนหายใจหนัก ๆ ไล่ความเซ็ง อยากจะโทษอะไรสักอย่าง ชนธัญแอบขำกับท่าทีนั้นของนายตำรวจหนุ่ม ก่อนที่ทั้งสองคนจะขับรถออกจากบ้านสวนไป

“กลับมาแล้วครับ” อุ่นเดินเข้าบ้าน ก่อนจะพูดออกไป “เหนื่อยมั้ย” เสียงถามกลับมา แสดงถึงความห่วงใยอาทร “กลับค่ำเลย เรียนหนักหรือเปล่า” อุ่นนั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ กันกับเจ้าของคำถาม “นิดหน่อยเอง” อุ่นพูด ยิ้มให้กับอีกฝ่าย “ปีหน้าก็เข้ามหาวิทยาลัยแล้วสินะ” อุ่นพยักหน้าให้ แทนคำตอบ

“ถ้าพ่อเขายังอยู่ เขาต้องดีใจและภูมิใจมากแน่ ๆ” อุ่นได้ยินคำพูดประโยคนั้น นิ่งเหมือนคิดอะไรบางอย่าง “ป๊าก็ภูมิใจในตัวอุ่นได้เหมือนกันนะ” อุ่นมองหน้าคนที่ตัวเองเรียกว่า 'ป๊า' ก่อนจะได้ยินป๊าของเขาพูดออกมาว่า “ไม่มีวันไหนเลยสักวัน ที่ป๊าไม่ภูมิใจในตัวลูกของป๊า” รอยยิ้มของป๊า เป็นสิ่งที่อุ่นเห็นมาตลอดตั้งแต่จำความได้

“พรุ่งนี้อุ่นมีสอนพิเศษตอนเย็น และก็ว่าจะไปแวะร้านหนังสือก่อนกลับบ้าน ป๊าหิวป๊ากินข้าวก่อนอุ่นเลยนะ ไม่ต้องรอ” อุ่นขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟานั้น “อุ่น นี่เราอายุถึงวัยที่ต้องเริ่มโกหกป๊าแล้วนะ” อุ่นหันไปมองหน้าป๊า “นี่เราไม่คิดที่จะทำอย่างที่วัยรุ่นวัยเดียวกันคนอื่น ๆ เขาทำกันบ้างหรือไง” ป๊าพูดเอง ยังอดไม่ไหวที่จะหัวเราะออกมา

“มีคนมาจีบลูกของป๊าบ้างหรือยัง” ป๊าทนไม่ไหว โพล่งถามลูกชายออกไป “เฮ้ย ลูกป๊าออกจะน่ารัก” ป๊าพูด มองตามอุ่นที่เดินส่ายหัวไปที่บันไดชั้นสอง “อุ่นขึ้นห้องก่อนละ ไม่คุยกับป๊าแล้ว” อุ่นส่ายหัวให้กับความใจกว้างของป๊าตัวเอง “พามาเปิดตัวให้ป๊ารู้จักก็ได้นะ เดี๋ยวป๊าทำกับข้าวมื้อใหญ่เลี้ยงเอง” เสียงป๊าดังไล่หลังมา เมื่ออุ่นปิดประตูห้องนอนลง

เด็กหนุ่มวางกระเป๋านักเรียนและโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะเขียนหนังสือที่มุมห้อง ติดกับหน้าต่างด้านข้าง อุ่นเอื้อมมือไปดันหน้าต่างนั้นให้เปิดออกรับลม ก่อนที่ลมเย็น ๆ จากด้านนอกจะพัดเข้ามา ม่านขอบลายฉลุดอกไม้ ปลิวไหวเบา ๆ เสียงมือถือที่สั่นดังขึ้น เมื่อมีข้อความส่งเข้ามา อุ่นหยิบมันขึ้นมาดู

'อุ่น ช่วยรับโทรศัพท์ผมด้วย' ข้อความนั้นที่ส่งมา 'อุ่นโกรธผมหรือเปล่า' อ่านข้อความถึงตรงนั้น ที่หน้าจอก็มีสายโทรเข้ามา อุ่นรอจนสายนั้นเงียบเสียงไป 'อุ่นอ่านข้อความผมแล้ว' ข้อความใหม่เด้งเข้ามา 'อย่าโกรธผมเลยนะ' อุ่นมองอีกข้อความที่ส่งมา 'อย่าโกรธผมเลย ผมอดใจเอาไว้ไม่ไหว ที่ผมจูบอุ่น' อ่านข้อความนั้นจบ 'พรุ่งนี้ติวกันที่เดิมนะ ผมเอง เคนตะ' อุ่นได้แต่เม้มริมฝีปากของตัวเองเข้าหากัน

***************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

ต้องโทษดาว - ธงไชย แมคอินไตย์

https://www.youtube.com/watch?v=AE2hId_nCHs


ความจริงที่ฉันต้องการเก็บไว้

The truth that I keep it a secret

มันทำให้ฉันต้องคอยห่างเธอ

It keeps me a distance away from you

ไม่กล้ามอง ไม่จ้องตา ไม่ค่อยมาเจอ

Can’t look you into the eye, can’t stare, don’t want to be around

เดี๋ยวจะเผลอ เกิดหลุดปากอะไรไป

A great chance I slip, say something I shouldn’ t


บังเอิญคืนนั้นพระจันทร์สุดสวย

That night happened to be moonlit

บังเอิญตอนนั้นเหลือเธอกับฉัน

There were just you and me

ทั้งสายลมและแสงดาวก็เหมือนแกล้งกัน

The cool breeze, the starlight that tricked me so

บังคับกัน จนฉันทนไม่ไหว

Forced me too, I couldn’t take it anymore


ไม่มีทางหนีได้เลย

There was no escape

ฉันเลยต้องเอ่ยปาก

Then I said it out loud

บอกรักเธอ รักเธอมานานแสนนาน

Saying I love you, I’ve been falling for you babe

(รักเพียงเธอเท่านั้น

It’ s only you in my heart)


ไม่อยากให้รู้ ให้จำ

Never meant for you to know, forget about it

ไม่อยากทำให้รำคาญ

Don’t want this to annoy you

เพียงแต่คืนนั้น

Though what happened that night

ทุกอย่างบอกฉันว่าต้องพูดความจริง

Everything told me I had to say my mind


พอเธอได้รู้แล้วเธอโกรธไหม

Are you mad now that you knew?

มันคงไม่ใช่เป็นความผิดฉัน

Can’t be all my fault, I believe

ต้องโทษดาว โกรธสายลม และโทษพระจันทร์

It had to be the stars, the wind or even the moon

ที่สั่งฉันให้ฉันต้องบอกเธอ

They said I needed to let you know


ไม่มีทางหนีได้เลย

There was no escape

ฉันเลยต้องเอ่ยปาก

Then I said it out loud

บอกรักเธอ รักเธอมานานแสนนาน

Saying I love you, I’ve been falling for you babe

(รักเพียงเธอเท่านั้น

It’s only you in my heart)


ไม่อยากให้รู้ ให้จำ

Never meant for you to know, forget about it

ไม่อยากทำให้รำคาญ

Don’t want this to annoy you

เพียงแต่คืนนั้น

Though what happened that night

ทุกอย่างบอกฉันว่าต้องพูดความจริง

Everything told me I had to say my mind


ไม่มีทางหนีได้เลย

There’s no way out of this

ฉันเลยต้องเอ่ยปาก

So, I had to say it

บอกรักเธอ รักเธอมานานแสนนาน

Telling you I love you dear, I love you all along

(รักเพียงเธอเท่านั้น

No one else but you)


ไม่อยากให้รู้ ให้จำ

Don’t want you to know, no need to remember

ไม่อยากทำให้รำคาญ

Apparently, don’t get irritated

เพียงแต่คืนนั้น

Just what happened that night

ทุกอย่างบอกฉันว่าต้องพูดความจริง

Everything told me I had to be true to myself


เพียงแต่คืนนั้น

On that very night

ทุกอย่างบอกฉันว่าต้องพูดความจริง

All led me to one thing, honesty

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: ๓๕. FALLING _ 8.30.2023
«ตอบ #37 เมื่อ30-08-2023 12:45:00 »


๓๕. FALLING


“พวกผมกะว่าจะเอาเอกสารที่ติดรถไปเมื่อคืนมาเก็บ ก่อนจะขับรถไปนอนริมทะเลกันสักคืน แต่พอมาถึงก็มาเจอเจ้านี่นั่งอยู่ด้านหน้าตึกเสียก่อน” สารถีจำเป็นของเพื่อน ๆ ตั้งแต่เมื่อคืน หนึ่งในทีมสืบสวนลับพูดกับสารวัตรรัฐนนท์ทันทีที่เห็นเขาเดินเข้ามากับชนธัญ “สภาพอย่างกับคนเพิ่งโดนผีหลอกมา” อีกคนหนึ่งพูด ทุกสายตาจับจ้องมาที่ชนธัญ ที่ส่ายหน้าว่าเขาไม่เห็นอะไร เลยพากันถอนหายใจโล่งอกออกมา

“เมื่อไหร่ทุกคนจะเข้าใจเสียที ว่าผมไม่ได้เห็นอะไรแบบนั้นตลอดเวลา แค่เฉพาะพอมันถึงเวลาที่ต้องเห็น มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้” ชนธัญบอกกับทุกคนไป ก่อนจะหันไปมองทางสารวัตรรัฐนนท์ ซึ่งชนธัญนั้นไม่ได้เอ่ยปากบอกอะไรสารวัตรหนุ่ม ถึงใครที่เขาเห็นที่บ้านสวนของสารวัตร ก่อนหนุ่มหน้าใสจะมองเลยไปทางผู้ชายคนหนึ่ง อายุยังแค่ยี่สิบต้น ๆ นั่งก้มหน้าอยู่ที่โต๊ะตรงมุมห้อง

“ไอ้เด็กนี่ ไม่ใช่หน้าใหม่อะไรสำหรับเราหรอกครับ ชื่อเจตน์” หนึ่งในทีมที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับเอกสาร บอกกับชนธัญให้รับรู้ สารวัตรรัฐนนท์ก็ว่าเขาจำหน้าเจ้าหนุ่มนี่ได้ “คุ้นหน้ามันดี ตั้งแต่พวกเรายังทำหน่วยสืบสวนทั่วไป” สรุปคร่าว ๆ เกี่ยวกับคนที่นั่งดูเป็นทุกข์อยู่ตรงหน้าของทุกคน ถึงประวัติที่ไม่ใช่เล่นของเจ้าตัว

“ผมว่าผมมีส่วนฆ่าคนตาย” เจตน์เงยหน้าขึ้นพูด ทันทีที่เห็นว่าเจ้าหน้าที่หลายคนเดินมาทางเขา และพากันนั่งล้อมตัวเขาอยู่ “เฮ้ย ใจเย็นไอ้น้อง พูดอะไรแบบนี้ เดี๋ยวเป็นหลักฐานมัดตัว จะซวยเอาเวลาขึ้นศาล” สารวัตรรัฐนนท์รีบเตือนในข้อกฎหมายที่เด็กหนุ่มควรรับทราบไว้เบื้องต้น ก่อนจะพูดอะไรต่อจากนั้น ชนธัญไปนั่งเก้าอี้ด้านไกลออกไป แต่ยังได้ยินการสนทนาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน

“ก็พี่จ่า” เจตน์หันไปทางสารถีจำเป็นของกลุ่ม “หมวด” เจ้าตัวแก้ไขยศของตัวเองให้ถูกต้อง “เขาบอกว่าให้รอ ผู้กอง” เจตน์ชี้นิ้วไปทางรัฐนนท์ “สารวัตรโว้ย” และต้องแก้ไขยศของสารวัตรรัฐนนท์ให้อีกครั้ง เจตน์ยิ้มแห้ง ๆ เขาจำไม่ได้หรอกว่าใครคนไหนตำแหน่งอะไรของเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มนี้ แค่เพียงแต่คุ้นหน้ากันบ่อยเกินไปก็เท่านั้น

“ไหนเล่าซิ ว่าไปทำอะไรมา” สารวัตรรัฐนนท์ปรามลูกทีมให้เงียบ ๆ เสียงหน่อย ก่อนจะถามเจตน์ถึงที่มาที่ไปของเรื่อง “ถ้าให้ผมเล่า พี่ ๆ ก็อย่าจับผมขังคุกอีกล่ะ จำเอาไว้ตอนนี้ก่อนว่า นี่ผมทำหน้าที่เป็นพลเมืองดีอยู่นะ” เจตน์ต่อรองกลับ ลูกทีมหน่วยสืบลับรู้ถึงกิตติศัพท์ของการทำการค้าแบบ 'ของพ่อให้มา' ของเจตน์กันดี

“อย่างมากก็โดนขังสองคืน สี่สิบแปดชั่วโมงล่ะวะ เอ้า เล่าต่อ” ลูกทีมสืบลับฝ่ายขังแทนค่าปรับพูดขึ้น เจตน์ยิ้มแหย ๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ผมเดินเตร่หาลูกค้าอยู่รอบสวน คืนนี้สุดสัปดาห์ด้วย มันดูเงียบ ๆ พิกล ผมก็เลยเปิดแอพเกย์หาคู่นอน เผื่อว่าจะมีอะไรดี ๆ เด็ด ๆ” แววตาของเจตน์วาววับขึ้นมา เมื่อเล่าถึงสิ่งที่เขาถนัด

“ตอนแรกก็ไม่ได้อะไรเลย แม่ง มีแต่เด็กขายด้วยกันเต็มแอพ” เจตน์ทำหน้าเซ็งอย่างชัดเจน “สองแอพสามแอพ เป็นเหมือนกันหมด จนผมเกือบจะถอดใจ กลับไปวนวังหาลูกค้า แต่ก็เผอิญ” อยู่ ๆ เจตน์ก็หยุดเล่าไปเสียเฉย ๆ ลูกทีมในหน่วยสืบลับพากันสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น หันไปมองหาชนธัญกันเลิกลัก

“คือ เล่านาน ๆ มันคอแห้ง พวกพี่ ๆ มีน้ำอะไรให้ผมดื่มมั่งมั้ย ซ่า ๆ ก็ได้ ไอ้ที่มัน ฟอง ๆ ยิ่งดีใหญ่” ผู้หมวดสารถีจำเป็นของกลุ่ม ทำท่าจะแพ่นเจตน์เข้าให้ ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกับกระป๋องน้ำอัดลม “สถานที่ราชการ ไอ้นี่ ถ้ามีจริงล่ะก็ ไม่ถึงเอ็งหรอก เอ้า กินซะ” เจตน์รับเอากระป๋องน้ำอัดลมมาเปิดดื่มอย่างชื่นใจ สารวัตรรัฐนนท์กระแอมเตือนให้เจตน์เล่าเรื่องของเขาต่อ

“พี่นี่หล่อนะ” เจตน์บอกกับสารวัตรรัฐนนท์ไปแบบนั้น นายตำรวจหนุ่มยักคิ้ว หันไปมองทางชนธัญ รู้สึกเซ็งหน้าเหี่ยวลง ที่ชนธัญไม่ได้กำลังมองมาที่เขา “ก็นั่นแหละ อยู่ ๆ ก็มีข้อความเด้งเข้ามาหาผม ตอนแรกผมก็ปัดทิ้ง ไม่สนใจ เพราะเห็นรูปแล้ว เขาอ้วนมาก ผมไม่ไหว” เจตน์บอกถึงลิมิตการรับได้รับไม่ได้ของเขา เกี่ยวกับลูกค้าที่เขาพอจะรับงานได้

“หมื่นนึง” เจตน์ทำเสียงตื่นเต้น “เขาเสนอมาตรง ๆ แบบนั้น หนึ่งหมื่นบาทเลยนะพี่ ทีเดียวเท่านั้น ผมคิด แบบถ้าผมหลับตา กลั้นใจ ฝืนจิ้ม ๆ ไปให้เสร็จ” เจตน์บอกถึงสิ่งที่เขาคิดในตอนนั้น “แต่ที่อยู่ของเขามันข้ามเมืองไปอีกฝั่ง ผมเลยขอค่ารถด้วย เขาก็บอกว่าเขาโอเค” เจตน์เล่าถึงตอนนที่เขานั้น เรียกรถแท็กซี่บึ่งไปหาลูกค้าจ่ายหนักคนนี้ทันที

“โห หรูนี่หว่า” เจตน์ลงจากแท็กซี่ มองขึ้นไปด้านบนตึกสูง คอนโดสองตึกเคียงข้างกันกลางเมือง “ตึกเอ ไปทางไหนวะ” เจตน์ดูมะงุมมะงาหรา ด้นสดมองหาทางขึ้นตึกจนเจอ ก่อนจะเดินไปเจอเคาน์เตอร์เหมือนจะเป็นของหน่วยรักษาความปลอดภัย แต่ที่ตรงนั้นไม่มีใครนั่งอยู่ “อย่างนี้ก็หวานเจี๊ยบ” เจตน์บอกตัวเองว่าดีเลย เพราะหากว่ามีพวกรปภ.นั่งอยู่ เขาขี้เกียจสู้รบตบมือด้วย

เจตน์กดลิฟต์ รอนิดหนึ่ง ประตูลิฟต์ก็เปิดออก เขาเดินเข้าลิฟต์ไป กดชั้นที่อยู่ในข้อความจากลูกค้า สูงเชียว เจตน์คิดในใจเพราะน่าจะเป็นชั้นสูงสุดของตึก แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เจตน์ว่า ห้องคอนโดสูง ๆ ก็หมายความว่าเจ้าของนั้นรวยมาก บางทีหากเขาทำอิดออดเรียกเงินเพิ่ม หลังจากให้ลูกค้าเห็นไอ้ตาเดียวขนาดเขื่องของเขาแล้ว ยังไงซะร้อยทั้งร้อย ลูกค้าก็ต้องยอมเพิ่มเงินให้ เพราะกลัวว่าจะอดกินของดี

“เข้ามาสิ” เจตน์ได้ยินเสียงคนพูดมาจากด้านในห้อง เขานึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน ว่าตอนที่เขาเคาะลงบนประตูห้อง มันไม่ได้แรงอะไรเลย แต่ประตูห้องก็เปิดออกเหมือนกันรู้ ว่าเขามาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องแล้ว เจตน์ไม่มีเวลาลังเล แต่ก็พูดกลับไปว่า “ถ้าจะให้ผมเข้าไปในห้อง เพิ่มเป็นซักหมื่นห้า พี่โอเคมั้ย” ภายในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบตกลงออกมา

เจตน์ทำท่าดีใจแบบไม่มีเสียงออกมา ก่อนจะค่อย ๆ ใช้ปลายนิ้วดันประตูห้องที่แง้มอยู่นิดหนึ่งให้เปิดกว้างออก เจตน์ยังไม่เดินเข้าไปด้านในห้องทันที แสงจากโคมไฟด้านในสุดของห้อง ทำให้ห้องคอนโดสลัว ไม่มืดแต่ก็ไม่ได้เห็นอะไรชัดมากนัก เจตน์ปรับสายตาจากไฟที่สว่างที่ทางเดินหน้าห้อง ให้มองเห็นในห้องได้ดีขึ้น

“ดีครับพี่” เจตน์พอมองเห็นเจ้าของห้อง ชายร่างอ้วนในเสื้อคลุมสีขาว เนื้อผ้าอย่างดี เหมือนที่ใช้กันตามโรงแรมระดับห้าดาวหกดาว ที่ยืนอยู่ตรงประตูบานเลื่อนออกไปยังระเบียงกว้าง ตามสไตล์ห้องคอนโดของผู้มีอันจะกิน ชายร่างอ้วนไม่ได้พูดอะไร แค่มองมานิ่ง ๆ เจตน์นั้นรู้งาน เดินเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูตามหลัง

“ไฟได้อารมณ์โรแมนติกดีนะครับ” เจตน์พูดขึ้น พอจะเข้าใจว่า ลูกค้าอวบ ๆ ที่เขาเคยไปบริการ ก็รู้สึกอายรูปร่างของตัวเองกันแทบทั้งนั้น ก็เลือกที่จะเปิดไฟสลัว ๆ ในห้อง ตอนที่เริ่มทำกิจกาม “อยู่ด้วยกันทั้งคืนได้มั้ย” เสียงถามจากชายร่างอ้วน เจตน์ชะงักตอนที่เขากำลังถอดกางเกงยีนตัวเก่งออก

“โห พี่ ปกติผมก็ได้ลูกค้าทั้งคืน มันมากกว่าหมื่นห้าเยอะ แต่ถ้าพี่จะเก็บผมเอาไว้คนเดียว ถ้างั้น” เจตน์ทำท่าจะดึงกางเกงกลับขึ้นใส่เหมือนเดิม “สามหมื่นพี่ ผมว่าอย่าพี่น่ะ สบายมาก” เจตน์สังเกตดูห้องคอนโดนี้แล้ว มีแต่ข้าวของ เฟอร์นิเจอร์ แพง ๆ ทั้งนั้น เขาว่างานนี้เขาต้องเป็นหนูตกถังข้าวสารแน่นอน

“จะเอาเงินเลยมั้ย” เจตน์คิดว่า นี่เขาแจ็กพอตแตกหรือยังไงกันในคืนนี้ ที่ได้ยินเสียงชายร่างอ้วนถามแบบนั้น “ถ้าพี่ไม่รังเกียจ” เจตน์เห็นชายร่างอ้วนส่ายหน้า เขากระหยิ่มยิ้มย่อง หมูมาให้เชือดแท้ ๆ “เงินวางอยู่บนชั้นนั่น หยิบไปได้เลย สามหมื่น” เจตน์หันไปทางชั้นที่ว่า เงินปึกใหญ่วางอยู่บนนั้น เจตน์รีบหยิบมันมายัดลงกระเป๋ากางเกงยีนเพื่อความอุ่นใจ ก่อนจะถอดยีนตวนั้นออก เอาไปวางไว้บนเก้าอี้อย่างมั่นใจว่า เงินจะไม่ตกหล่นไปไหน

“เราเริ่มกันเลยมั้ยพี่” ทันทีที่เจตน์ดึงกางเกงชั้นในลง เผยให้เห็นถึงความเป็นชายที่หว่างขาของเขา ขนาดอันมหึมาตั้งแต่ยังไม่ตื่นตัว เขาก็ถามชายร่างอ้วน ว่าจะให้เขาเริ่มบรรเลงเพลงรักแลกเงินนั้นเลยหรือไม่ “มาตรงนี้ได้มั้ย” เจตน์มองไปตรงที่ชายร่างอ้วนเจ้าของห้องคอนโดที่แพงที่สุดของตึกเอบอก ชายร่างอ้วนยืนอยู่ที่ประตูบานกระจกเลื่อนออกไปที่ระเบียงกว้าง

“ได้เสมอครับพี่” เจตน์คิดว่า ก็ในเมื่อชั้นนี้เป็นชั้นบนสุดของตึก ไม่มีทางที่ใครจะมาเห็นว่าเขาสองคนทำอะไรกัน จะให้ลากกันออกไปกระหน่ำกันลางระเบียงนั้นก็ยังได้ “เบื่อเตียง ไประเบียงกันดีกว่า” แขนของเจตน์ถูกรั้งเอาไว้ เมื่อเขาไม่ได้พูดเล่น และจะพาลูกค้าจ่ายหนัก ไปจัดหนัก ๆ ที่ระเบียงห้อง

“ตรงนี้แหละ” เจตน์รู้สึกแปลก ๆ แต่ก็ยักไหล่ “ที่ไหนก็เสียวได้เหมือนกัน” เจตน์พูดติดตลก ก่อนจะดึงเสื้อคลุมของชายร่างอ้วนให้หลุดออกจากตัว เผยให้เห็นความอวบอั๋นเป็นชั้น ๆ ที่ว่าถ้าให้เป็นตอนปกติ แบบไม่มีเงินจำนวนมากมาเกี่ยวข้อง ยังไงซะเจตน์ก็ไม่ยอมทำ เจตน์หลับตาเพราะคิดว่ามันคงจะช่วยเขาได้มาก เมื่อความเป็นชายของเขาถูกชายร่างอ้วนเลื่อนมือขึ้นลงไปตามจังหวะ

“ตกลงแล้ว คุณทำด้วยความฝืนใจอยู่อีกมั้ย” ชนธัญถามขึ้น เมื่อเจตน์เล่าเรื่องมาจนถึงตรงนี้ “โห ปกติทำไมไม่มีคนน่ารัก ๆ มาแบบนี้ มาถามผมแบบบ้างนะ ผมเนี่ยจะสู้ตายถวายชีวิตเลยเชียว ว่าแต่ คุณสนใจมั้ย ผมคิดแค่ครึ่งเดียว” เจตน์พูดก้อร่อก้อติกกับชนธัญ สารวัตรรัฐนนท์กระแอมเสียงดังใส่

“ทุกทีสิน่า เจอคนน่ารักทีไร ทำไมวะ ไอ้เจตน์ ต้องมีเจ้าของแล้วทุกที” สารวัตรรัฐนนท์หันไปมงทางชนธัญ ที่หน้างอเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าทุกคนในทีมสืบลับ ทำยิ้มเล็กยิ้มน้อย “ขี้หวงอ้ะเรา” เจตน์พูดใส่สารวัตรหนุ่มที่ทำมองตาเขียว เมื่อเจตน์มาพูดเกี้ยวชนธัญ “แล้วไงต่อ เล่ามาให้จบ” สารวัตรหนุ่มหล่อบอกตัดบทกับเจตน์

“ทุกคนคงเห็น ว่าผมไม่ได้อยู่ยาวทั้งคืนตามที่ตกลงกับเขาไว้ คิดดูใหม่นะครับ ถ้าจะหาการรักษาคำพูดจากพวกผม อย่างน้อยก็ไม่ใช่จากผม” เจตน์เล่าต่อ “ผมออกมาจากห้องนั้น มีเงินสามหมื่นบาทนอนแอ้งแม้งอยู่ในกระเป๋ากางเกง จนผมกดลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่าง” เจตน์เล่าว่า รปภ.คนที่นั่งเฝ้าเคาน์เตอร์ทางขึ้นนั้น พยายามจะหยุดเขาเอาไว้ เพราะไม่เชื่อว่าเขาจะมาหาเพื่อนที่คอนโดนี้

“พี่มีสิทธิ์อะไรจะมาจับตัวผมเอาไว้ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด” เจตน์ที่พูดเถียงกับรปภ. ฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายเผลอ เขาวิ่งออกมาที่ด้านหน้าคอนโด ทางเดิมกับที่เขาเข้ามา แต่แล้วเขาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ที่ด้านบนหัว เจตน์เงยหน้าขึ้นมองอะไรที่กำลังร่วงลงมา แต่แล้วก็ต้องผงะ เมื่อเขาสบตาเข้ากับชายร่างอ้วนที่มองเขาอยู่พอดี กับภาพที่เห็นชายร่างอ้วนนั้น ร่างหล่นกระแทกพื้นด้านหน้าคอนโด เสียงกะโหลกศีรษะแตกดังสนั่น

“เฮ้ย ไอ้เหี้ย” รปภ.รวบตัวของเจตน์ที่กำลังลนลานตกใจสุดขีดเอาไว้ “อะไร ๆ” รปภ.มองไปที่เจตน์นั้นพูดออกมาเป็นคำไม่ได้ แต่กำลังชี้นิ้วให้ดู “มันไม่มีอะไร” รปภ.มองไปที่ด้านหน้าอาคารโล่ง ๆ ไม่มีใครตกตึกมานอนอยู่ตรงนั้น “เมื่อกี้ มีคนตกลงมาจากตึก” เจตน์พูดออกมาได้ในที่สุด “ดึกแล้วอย่าล้อเล่น” รปภ.หน้าเสีย ด่าเจตน์เสียงดังลั่น จนเจตน์ต้องลากแขนรปภ.เข้ามาที่เคาน์เตอร์ด้านใน

“เปิดดูพี่ เปิดดูกล้อง ผมขึ้นไปที่ห้องชั้นบนสุดมา ผมเพิ่งไปเอากับเขามา” เจตน์สั่งให้รปภ.รีบทำตามที่เขาบอก “ไอ้น้อง มึงอย่าล้อเล่น ชั้นบนสุดไม่มีคนอยู่ ลิฟต์ถูกล็อกเอาไว้ มึงขึ้นไปได้ยังไง” รปภ.พูดก่อนจะกล้า ๆ กลัว ๆ ดึงภาพจากวงจรปิดขึ้นมาเปิดดู ภาพกล้องวงจรปิดที่เป็นเพียงอย่างเดียว ที่ทำงานบนชั้นบนสุด เผยให้เห็นว่าเจตน์เดินออกจากลิฟต์ ไปยืนพูดกับใครบางคนที่หน้าห้องที่ถูกปิดตาย ก่อนที่ภาพจะตัดไป

“ผมเพิ่งเอากับเขา ไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น ที่ผมรู้สึก มันเหมือนจริงทุกอย่าง” ทุกคนในทีมสืบลับนั่งนิ่ง สารวัตรรัฐนนท์เองยังไม่อยากจะเชื่อหูกับสิ่งที่ได้ยิน “ผมงี้ งง อึ้ง สับสนไปหมด เพราะตอนนั้นพอลองไปกดเลขชั้นในลิฟต์อีกครั้ง มันก็ไม่ติดแล้ว แต่ผมยืนยัน ว่าผมขึ้นไปบนนั้นมาจริง ๆ กล้องบนชั้นนั้นจับภาพผมเอาไว้ได้” เจตน์เปิดคลิปที่ขอถ่ายจากกล้องรปภ.ให้ทุกคนในหน่วยสืบลับได้ดู

“ถ้าจะจบหักมุมอย่างในหนังผี เงินที่ผมหยิบมาจากชั้นวาง มันควรจะกลายเป็นกระดาษสมุด หรือไม่ก็ใบไม้ใช่มั้ยพี่” เจตน์วางเงินปึกใหญ่ลงบนโต๊ะ ต่อหน้าทุกคน “สามหมื่นบาท” มาถึงตรงนี้ เจตน์ดูเหมือนว่าเขาจะสำนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ตอนแรกผมก็จำเขาไม่ได้เลย แต่อะไรบางอย่างในเสียงพูดของเขา มันสะกิดใจผม” เจตน์พูดอย่างคนรู้สึกผิด

“ก่อนผมจะตัดสินใจไม่เรียนให้จบมอปลาย ผมมีเพื่อนตุ๊ดอยู่คนหนึ่ง มันสวยอยู่นะ ผมรู้ว่ามันแอบหลงรักผม มันชอบผมมาก ผมขอให้มันทำอะไร มันก็ทำให้มันทำให้ผมทุกอย่าง” เจตน์เล่าด้วยน้ำตาคลอหน่วย “จนมีอยู่หนหนึ่ง ผมอยากได้เงินไปเลี้ยงสาว ๆ ผมเลยขอให้มันหาเงินเอามาให้ผมหน่อย” เจตน์ชี้นิ้วปึกเงินจำนวนสามหมื่นบาทบนโต๊ะนั่น เท่ากันกับจำนวนในวันนั้น

“มันถูกพ่อแม่จับได้ ว่าแอบขโมยเงินจากที่บ้าน มันเป็นร้านขายของวัสดุก่อสร้าง พอผมรู้เรื่อง ผมไม่มีแม้แต่จะปลอบใจมัน มันไม่ใช่เรื่องของผม ผมไม่เกี่ยว ผมปล่อยให้มันมีชีวิตอมทุกข์หลังจากนั้น จนผมตัดสินใจไม่เรียนต่อ” เจตน์ปล่อยให้น้ำตาของเขาร่วงลงมาบนแก้ม “แต่มันยังรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผมอยู่เลย ทั้ง ๆ ที่ผมหลอกให้มันรัก หลอกให้มันรอ หลอกให้มันทำเพื่อผม” เจตน์พูดเสียงสั่นเครือไปด้วยความเสียใจ

“รปภ.โทรหาลูกพี่ ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตกลงคือเจ้าของคอนโดห้องนั้น หลัง ๆ ปล่อยตัวเองให้โทรมจนอ้วนใหญ่ ไม่มีใครรู้ว่าด้วยสาเหตุอะไร ก่อนที่วันหนึ่งจะกระโดดตึกลงมาจบชีวิตตัวเอง บนห้องพบขวดยาล้างห้องน้ำและกองอ้วกอยู่ที่ประตูกระจกบานเลื่อนออกไประเบียง” นั่นคงเป็นจุดที่ชายร่างอ้วนเริ่มต้นการอัตวินิบาตกรรมของตัวเอง

“เชื่อมั้ยครับ ว่ามันเป็นเซ็กส์ครั้งที่ผมรู้สึกพอใจมากครั้งหนึ่ง ผมคงจะมีหลักฐานเพิ่มเติมมากกว่านี้ ถ้าข้อความในแอพนัดหาเซ็กส์ มันหายไปแล้วผมหาไม่เจอ” เจตน์พูด ก้มหน้าลง สูดน้ำมูก ก่อนปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง “ถ้าเป็นตามที่เราเล่ามา งั้นก็เก็บเอาไว้” สารวัตรรัฐนนท์บอกให้เจตน์เก็บเงินสามหมื่นบาทนั้นไป “เพราะเขาคงอยากทำให้แกเป็นครั้งสุดท้าย ตามที่เคยตั้งใจเอาไว้ ตอนที่เขายังอยู่” ชนธัญพยักหน้าตามที่สารวัตรรัฐนนท์พูด

“ต้อง เอ่อ จับข้อมือไอ้เจตน์มันมั้ยครับ” ทุกคนหันมามองที่ชนธัญเป็นตาเดียวกันอีกครั้ง ชนธัญยิ้มน้อย ๆ “ไม่ต้องหรอก เขาก็ไม่ได้ค้านว่าอะไรนะ ตามที่เจตน์เล่ามา” ชนธัญละสายตาจากประตูทางเข้าด้านนอก หันกลับมามองทุกคนในทีมสืบลับ ที่พอได้ยินชนธัญพูดแบบนั้น ต่างก็ขยับเข้านั่งชิดกันโดยอัตโนมัติ

“แล้วไอ้ที่ทำอยู่เนี่ย เลิกได้ก็เลิกนะ หาอย่างอื่นทำซะ” สารวัตรรัฐนนท์บอกกับเจตน์ก่อนที่เขาจะขึ้นแท็กซี่จากไป “แล้วเขาจะยังอยู่กับไอ้เจตน์มั้ยครับ” ใครคนหนึ่งในทีมถามขึ้น ชนธัญเองก็ตอบไม่ได้ “ก็คงแล้วแต่ทางของแต่ละคน” ชนธัญตอบได้เพียงเท่านั้น “แย่จังนะ เพื่อนกันแต่หลอกกันได้ มาให้ความหวังกันแบบนี้” ใครอีกคนในทีมบ่นออกมาแบบนั้น

“ให้ผมไปส่งมั้ย” สารวัตรรัฐนนท์ถามชนธัญออกไป “รถมาพอดี ไปก่อนนะทุกคน” สารวัตรหนุ่มหล่อมองตามชนธัญที่ขึ้นรถจากแอพมือถือ เคลื่อนตัวไป “ไปเหงา ๆ หงอย ๆ นั่งโง่ ๆ ริมทะเลกับพวกเรามั้ยครับบอส หลบเลียแผลใจกันหน่อย พวกเราหนุ่มโสด” หมวดสารถีประจำทีมเอ่ยชวนหัวหน้าทีม “ไปก็ได้ พวกเอ็งสิโสด แต่ข้าไม่โสดโว้ย เขาแค่ยังไม่รู้ตัวว่ามีข้าเป็นแฟน ชีวิตมันต้องมีหวังสิวะ” เสียงทีมสืบเฮกันดังลั่น ก่อนจะพากันขึ้นรถ แล้วขับรถมุ่งหน้าสู่ชายทะเล

***********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

อย่าทำอย่างนี้กับใคร - ธงไชย แมคอินไตย์

https://www.youtube.com/watch?v=Zh1j4gR-8jM


ถ้ามีใครสักคนมองมา

If someone sees us together,

เขาคงนึกว่าเรา เป็นคนรักกัน

They will think we’re lovers

ด้วยวิธีที่เธอทำ ที่ให้ความสำคัญ

The way that you do, how to treat me so well

จนฉันบางที ก็ยังเผลอ

That gives me some hope, I presume


เผลอทุกทีที่เธอมากอด

I fancy it every time you hug me

เผลอว่าเธอสุขใจ ที่เราได้เจอ

I daydream that you feel so happy, we’re together

เคลิ้มไปตามที่เธอทำ และเกือบหลงรักเธอ

I’m super happy with what you do, falling for you

ดีที่รู้ทัน ว่าเธอไม่ได้คิดอะไร

Luckily, I caught it up, none of his is true


อย่าทำอย่างนี้ไม่ว่ากับใคร เข้าใจไหม

Don’t ever do this to anybody, you get that?

ถ้าไม่รัก ไม่ต้องไปทำแบบนี้ให้ใคร

You don’t love them, never ever do this for anyone

อย่าทำอย่างนี้ เพราะเขาจะมองว่าเธอน่ะใจร้าย

Don’t do such things, you’re so mean, obviously

ที่ทำเหมือนเธอให้ใจ แต่มันก็ไม่จริง

You may look genuine, but it is all lie


ฉันน่ะมันเข้าใจ เธออยู่

I think I’ve got what you do

เพราะว่ารู้จักเธอ มาก็เนิ่นนาน

‘Cause we’ve been good friends for a long time

รู้ว่าเธอไม่เคยคิด ไม่มีวันรักกัน

Know that you never once thought, will never love me

เรามันเพื่อนกัน ก็เลยทำได้แค่เตือน

We’re friends at best, so I am now to warn you


อย่าทำอย่างนี้ไม่ว่ากับใคร เข้าใจไหม

Don’t ever do this to anybody, you get that?

ถ้าไม่รัก ไม่ต้องไปทำแบบนี้ให้ใคร

You don’t love them, never ever do this for anyone

อย่าทำอย่างนี้ เพราะเขาจะมองว่าเธอน่ะใจร้าย

Don’t do such things, you’re so mean, obviously

ที่ทำเหมือนเธอให้ใจ แต่มันก็ไม่จริง

You may look genuine, but it is all lie


อย่าทำอย่างนี้ไม่ว่ากับใคร เข้าใจไหม

Don’t you do this, never ever to anyone, get it?

ถ้าไม่รัก ไม่ต้องไปทำแบบนี้ให้ใคร

You don’t love them, don’t pretend that you do

อย่าทำอย่างนี้ เพราะเขาจะมองว่าเธอน่ะใจร้าย

Never do this because you’ll be such a monster

ที่ทำเหมือนเธอให้ใจ แต่มันก็ไม่จริง

Tricking someone to feel for, but that isn’t true

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: ๓๖. EXECUTION _ 8.31.2023
«ตอบ #38 เมื่อ31-08-2023 12:40:01 »


๓๖. EXECUTION


“Execution – Style” สารวัตรรัฐนนท์ถึงกับต้องพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด เมื่อด็อคเตอร์ดรุณีต้อนรับการกลับมาจากเที่ยวทะเลของสารวัตรหนุ่มหล่อ ด้วยคำพูดที่น่าตกใจนี้ “พิจารณาจาก Contact Wound รอยแผลกระสุนทะลุเข้าแล้ว” รูปถ่ายที่ด็อคดุเปิดให้ชนธัญดู หนุ่มหน้าใสถึงกับต้องใจหายกับภาพที่เห็น เบือนสายตาหนีไปทางอื่นทันที แม้แต่สารวัตรรัฐนนท์เอง ก็ยังทำใจให้ชินกับสิ่งที่เห็นได้ยาก

“รูกระสุนเข้าที่ท้ายทอยของผู้ตาย คือลักษณะของ Close Range หรือ Near Contact แสดงว่าระยะการยิงนั้นปลายกระบอกปืนอยู่ชิดหรือใกล้กับผิวหนังมาก” ด็อคดุชี้ทั้งสองคนดูรอยที่เกิดขึ้นรอบปากแผล “เห็นรอย Flame Burns พวกนี้ใช่มั้ยคะ รอยไหม้บนผิวหนัง และผมตรงท้ายทอย คาร์บอนมอนอกไซด์ถูกฝังเข้าไปในผิวหนัง” ภาพถ่ายที่ชนธัญกำลังดูอยู่นี้ มันช่างทำใจยากจริง ๆ

“การยิงจัดการระยะเผาขนแบบนี้ แสดงว่าผู้ตายอาจจะถูกบังคับ และรับรู้วินาทีสังหารนั้น” สารวัตรรัฐนนท์ตั้งข้อสังเกต “หรือไม่ ก็อาจจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ” ด็อคดุพูดแย้ง “จากที่พบศพผู้ตายในที่เกิดเหตุ ลักษณะศพนอนเสียชีวิตอยู่ที่พื้น ถ้าหากถูกบังคับเช่นให้นั่งคุกเข่าลง แล้วจึงยิงจากด้านหลัง ลักษณะท่าทางของศพ ไม่มีทางจะอยู่ในท่า ตอนที่หน่วยเก็บและพิสูจน์หลักฐานไปถึง” ด็อคเตอร์ดรุณีอธิบายสภาพแวดล้อมในที่เกิดเหตุให้ทั้งสองคนฟัง

“เป็นไปได้มั้ยด็อค ว่าศพถูกจัดท่าทางใหม่” สารวัตรรัฐนนท์ถามถึงความเป็นไปได้อื่น เพื่อจะมองดูแนวทางการสืบสวน “Blood Pool แหล่งรวมเลือด หรือเลือดที่กองรวมกันอยู่ที่พื้น รวมถึง Blood Splatter รอยลือดที่กระเซ็นรอบ ๆ ผู้ตาย สอดคล้องตรงกันกับท่าเสียชีวิต ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นไปได้ ที่ศพจะถูกจัดท่าทางใหม่” ด็อคดุไม่คิดว่าจะมีการเคลื่อนย้ายศพหรือจัดท่าทางให้ใหม่

“ถ้าอย่างนั้น” สารวัตรรัฐนนท์กำลังรวบรวมข้อมูลที่ได้จากด็อคเตอร์ดรุณี แล้วปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น “เป็นไปได้ที่คนร้ายถูกว่าจ้างมา ในลักษณะที่เป็นการรับงานหมายถึงชีวิต” ด็อคเตอร์ดรุณีพยักหน้าตาม “หรือไม่อย่างนั้น” สารวัตรรัฐนนท์คิดถึงอีกมุมมองหนึ่งที่ตรงกันข้ามกันเลย

“ผู้ตายก็รู้จักกับคนร้ายเป็นอย่างดี จนถึงขั้นสนิทสนมกัน เลยไม่ได้ระมัดระวังตัวอะไร ให้ความเชื่อใจกับคนร้ายมากด้วยซ้ำ เพราะไม่มีร่องรอยการบุกรุกในสถานที่เกิดเหตุ” ด็อคเตอร์ดุเห็นด้วยกันที่สารวัตรรัฐนนท์ว่ามา “ที่น่าสนใจก็คือ อาวุธปืนที่ใช้ น่าจะเป็นปืนสั้น .45 คาลิเบอร์ ชนิดที่ตำรวจและทหารส่วนใหญ่ใช้เป็นอาวุธประจำกาย ตอนนี้รอหน่วยเนิร์ดอย่าง Ballistic ยืนยันอีกครั้งหนึ่งอยู่” ด็อคเตอร์ดุให้ทั้งสองคนดูภาพหัวกระสุน ที่ผ่าเก็บมาได้จากตัวผู้ตาย

“หมอคิดว่าไง ตำรวจทำยังงั้นหรือ” สารวัตรรัฐนนท์ถามความเห็นจากด็อคเตอร์สาว “แต่สมัยนี้ปืนพกประเภทนี้ คนทั่วไปก็ใช้ป้องกันทรัพย์สิน ป้องกันตัวเองได้นะครับ” สารวัตรรัฐนนท์ยังไม่อยากเจาะจงแนวทางไปในทางใดทางหนึ่ง “ลูกหลาน” ชนธัญพูดขึ้น ด็อคเตอร์ดุบอกว่ามีความเป็นไปได้เช่นเดียวกัน

“หรือใครก็ตามที่สามารถเข้าถึงอาวุธได้ หลาย ๆ บ้านก็ไม่ได้รัดกุมเรื่องเด็ก ๆ ในบ้านสามารถหยิบเอาปืนจริงมาเล่น แล้วเกิดเหตุน่าเศร้าขึ้นอยู่หลายครั้ง และถ้าจะหาใครที่เป็นคนลั่นไก 009RC คุณคู่หูทั้งสอง คุณมีเวลา 4 – 6 ชั่วโมงเท่านั้น ที่ GSR Gunshot Residue คราบเขม่าปืนยังคงหลงเหลืออยู่บนมือคนยิง” ชนธัญฟังที่ด็อคดุว่ามา ก่อนจะก้มลงอ่านข้อมูลของผู้ตาย “ยังเด็กอยู่เลย” ผู้ตายเป็นเพศชาย อายุเพียงยี่สิบต้น ๆ เท่านั้น ด็อคเตอร์ดรุณีจึงให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า

“ผู้ตายเป็นเกย์ เปิดเผย ไม่ปิดบังอะไร จากพยานที่รู้จักกับผู้ตาย เคยมีหลายครั้งที่ผู้ตายมีปากเสียงใหญ่โต จนถึงขั้นเกือบจะลงไม้ลงมือกับคนที่พูดจาล้อเลียน ดูถูกผู้ตาย” สารวัตรรัฐนนท์มองไปทางชนธัญที่ดูจะมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้พอสมควร “สมัยนี้แล้ว ยังมีคนมีคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่อีกหรือ” ปลายน้ำเสียงของชนธัญนั้นฟังดูฉุนเฉียวอย่างไม่ปิดบัง

มีคนรัก ก็คงต้องมีคนชัง” สารวัตรรัฐนนท์พูดให้ชนธัญใจเย็น ๆ ลง “แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเกลียดกัน ต่างคนต่างอยู่กันไป” ด็อคดุเข้าใจความรู้สึกของชนธัญ แพทย์สาวแตะไหล่หนุ่มหน้าใสแบบปลอบโยน “เคยเจอประสบการณ์แย่ ๆ มาใช่มั้ย” ชนธัญสบตากับด็อคดุ เลยเพิ่งรู้สึกตัวว่า เขาเพิ่งเผยความรู้สึกลึก ๆ อะไรบางอย่างในใจออกไป

“ลงเรือได้แล้ว” เสียงคนเรือสำเนียงพูดทางใต้เรียกผู้โดยสารให้รู้ตัว เม่นลุกขึ้นสะพายเป้ขึ้นบ่า ก่อนเดินตามฝูงชนไปบนท่าเรือปูด้วยปูนซีเมนต์ทอดยาวไปจนถึงเรือที่จอดลอยลำอยู่ในทะเล เรือเฟอร์รี่ขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกรถยนต์ไปได้ด้วย ต่างทยอยลงเรือกับทั้งคนทั้งยวดยานพาหนะ

เม่นเดินขึ้นบันไดเหล็กเล็ก ๆ สำหรับผู้โดยสารไปที่บนชั้นสองของเรือ ที่เป็นทั้งห้องนั่งแบบปรับอากาศ รวมทั้งห้องขายอาหาร แบบเป็นมินิคอนวีเนียนท์ สโตร์ รวมถึงห้องน้ำแยกชายหญิง ก่อนที่เขาจะไต่บันไดเหล็กอีกขั้นหนึ่ง ขึ้นไปที่ดาดฟ้าเรือ ที่เป็นที่นั่งแบบเปิดโล่ง รับลมทะเลและไอแดด ทันทีที่เม่นเขามายืนอยู่ที่ด้านบนสุดของเรือนี้ เขารู้สึกเหมือนกับว่า พันธนาการต่าง ๆ มันใกล้ที่จะหลุดพ้นไปจากตัวจนหมดสิ้นเสียที

แดดจ้า ๆ ฟ้าใส ๆ เกลียวคลื่นทะเลที่เรือเฟอร์รี่ขนาดใหญ่ต้องฝ่าไป เม่นรับรู้ถึงแรงลมที่พัดเข้ามาปะทะใบหน้า กับอาการปลดปล่อยนี้ เขานั่งลงบนเก้าอี้เหล็ก ดื่มด่ำไปกับทัศนียภาพที่ท้องทะเลมีให้ นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศมากมาย ดูมีความสุขไปกับวันที่แจ่มใสและสดชื่นอย่างในวันนี้ เมื่อเรือเฟอร์รี่แล่นออกจากฝั่งแผ่นดินใหญ่มาได้สักพักแล้ว

เม่นอยู่บนเรือขนาดใหญ่ที่กำลังมุ่งหน้าแล่นไปที่เกาะแห่งนี้ ที่ครั้งนั้น เขาเคยมาแล้ว และครั้งนี้เขากำลังไปที่นั่นอีกครั้ง เรือเฟอร์รี่ใช้เวลาร่วม ๆ สามชั่วโมง ซึ่งมันคงจะช้าเกินไปอย่างที่เม่นรู้สึก เพราะตอนนี้หัวใจของเขาอยู่ที่บนเกาะเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่รอให้ตัวของเขาตามหัวใจของตัวเองไปจนถึงก็พอ

นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บนเรือไปเช่นนั้น มองเห็นฝรั่งต่างชาติซื้อเบียร์มาจิบกันอย่างสบายอารมณ์ เม่นรู้สึกว่า เขาเองก็คงต้องจิบย้อมใจ เลยไปซื้อมาสองกระป๋อง ด้วยความที่ปกติก็ไม่ใช่คนคอแข็งอะไร นาน ๆ จะดื่มกับเขาสักครั้ง แต่เรื่องที่จะทำ ก็ต้องอาศัยความกล้าอยู่ไม่น้อย ความกล้าในแบบที่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมี แต่ก็ตัดสินใจที่จะทำมัน ได้ยินประโยคของฝรั่งมานานแล้ว ว่านาว ออร์ เนเวอร์ ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ แล้วเขาจะรอจนถึงเมื่อไหร่ ในที่สุด เม่นก็ตัดสินใจเด็ดขาด

เรือเฟอร์รี่แล่นมาได้อีกพักใหญ่ ๆ ที่ปลายสายตาก็เริ่มมองเห็นเกาะใหญ่ที่ขยับใกล้เข้ามาทุกที ผู้โดยสารเริ่มเตรียมตัว เมื่อเรือเฟอร์รี่เริ่มผ่อนเครื่องยนต์และแล่นช้าลง เมื่อกำลังทำการเตรียมตัวเพื่อเข้าจอดที่ท่าเรือ เม่นชะโงกหน้าออกไปทางด้านข้างเรือ ที่นี่ เกาะแห่งนี้ ยังคงไม่เปลี่ยนไปมากนัก จากครั้งนั้นเมื่อหลายปีก่อน ที่เขาได้มาเยือนเกาะแห่งนี้

“ไปไหน ไอ้น้อง” เสียงพูดกลางสำเนียงแปร่ง ๆ แต่แสดงถึงมิตรไมตรีดังถามเม่น ทันทีที่เขาเดินออกจากตัวเรือเฟอร์รี่ ไปถึงที่ท่าเรือด้านบน “พี่รู้จัก ฮักใต้ โฮมสเตย์ มั้ยครับ” เม่นถามแบบหยั่ง ๆ เพราะไม่แน่ใจว่า ทุกคนจะเคยได้ยินสถานที่ดังกล่าวหรือไม่ “เป็นที่พักนี่ บ้านเจ้าหลงใช่มั้ย” พี่อีกคนที่ขับรถมอเตอร์ไซค์วินรับส่งตะโกนมา ถามเพื่อความแน่ใจ

“ครับพี่ ใช่ครับ” เม่นรู้สึกใจชื้นขึ้น เมื่อมีคนรู้จักสถานที่จุดหมายปลายทาง ที่เขาต้องการจะไป “เดี๋ยวไปส่งให้เอง กำลังอยากกินขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้ที่นั่นอยู่พอดี โอ๊ย พูดแล้วหิว ไป ๆ ขึ้นซ้อนท้ายมาเลย” เม่นยิ้มดีใจ รีบสะพายเป้ขึ้นบ่าแล้วขึ้นซ้อนรถมอเตอร์ไซค์พี่คนขับวินในทันที พี่วินหน้าโหดโหมดใจดี พาขับรถลัดเลาะธรรมชาติและต้นไม้ มองเห็นทะเลอยู่ด้านข้างไม่นาน ก็มาจอดที่ด้านหน้าที่พัก ป้ายปักชื่อถูกต้อง ไม่ผิดแน่นอน

“อ้าว พี่บ่าว กินขนมจีนมั้ยพี่ น้ำยาใต้ยังเหลืออยู่ เดี๋ยวหนูตักให้” เสียงทักของหญิงวัยกลางคน เจ้าของโฮมสเตย์ทักขึ้น เมื่อพี่วินเยี่ยมหน้าเข้าไป “เอาสิ หิวอยู่เนี่ย” พี่วินตอบ หญิงวัยกลางคนรีบเดินไปตักขนมจีนน้ำยารสเด็ดให้ “ไอ้หลง ออกมานี่เลย วันนี้มีหนุ่มเมืองกรุงมาฝากด้วยว่ะ” เจ้าของชื่อหลง เดินหน้าคว่ำออกมารับแขก

“พูดอะไรของพี่บ่าว” ถามด้วยความสงสัยไปกับหนุ่มใต้ที่ใคร ก็เรียกกันว่าพี่บ่าว “หวัดดีหลง” เม่นที่เดินตามพี่บ่าวเข้ามา พอดีกับที่หลง เดินออกมาตามเสียงเรียก ทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “มาทำไม” แต่แทนที่จะตอบกลับด้วยคำทักทายเช่นเดียวกัน หลงถามเม่นด้วยเสียงเรียบ ๆ ทำเหมือนไม่ยินดียินร้าย

“อะไรกัน เจ้าหลง รอเขามาทั้งวัน แล้วทำไมไปพูดจาแย่ ๆ กับเขาอย่างนั้นล่ะ” หญิงวัยกลางคนพูด เดินเอาขนมจีนน้ำยาใต้ไปให้พี่บ่าว “ใครรอกัน แม่ หลงไม่ได้รอสักหน่อย” หลงรีบละล่ำละลักปฏิเสธ “คนมันสัญญากันไว้น่ะ” แม่บอกกับพี่บ่าวที่เริ่มต้นลงมือกินขนมจีน แม่หยิบเอาผักสดตะกร้าใหญ่มาให้พี่บ่าวกินแกล้มด้วย

“เดี๋ยว ไอ้หนุ่มคนนี้ ก็คือไอ้คนที่ว่าน่ะนะ” พี่บ่าวเคี้ยวผักสดกร้วม ๆ นึกหัวเราะไปกับเจ้าหลง เด็กหนุ่มน้อยที่พี่บ่าวเห็นมาแต่อ้อนแต่ออก “ใช่พี่ มันก็กลัวว่าเขาจะไม่มา ไม่รักษาสัญญา ก็วันนี้วันสุดท้ายแล้ว กับเป็นปี ๆ ที่เขาบอกกันไว้” หลงทำหน้าปูเลี่ยน ๆ พูดไม่ออก บอกไม่ถูก เมื่อมีเม่นยืนฟังที่แม่เล่าให้พี่บ่าวฟังไป ก็ยิ้ม ๆ ไป

“หลงมันตื่นเต้น เห็นมันตื่น ลุกจากที่นอนตั้งแต่พระยังไม่ตีกลองเช้ามืด” แม่พูดต่อ เม่นอมยิ้มจนแก้มแทบปริ “แม่ เล่าทำไม” หลงประท้วง พี่บ่าวส่ายหัวให้กับไอ้หลงผู้ปากแข็งแห่งเกาะกลางอ่าวไทย “หลงไม่ดีใจหรือ ที่เจอเม่น” คนถาม พูดออกไปด้วยอาการเขิน ๆ แต่ถ้าอีกฝ่ายตอบให้ชื่นใจสักนิด มันก็ฟูไปหมดทั้งใจทั้งตัว แต่หลงไม่ได้ตอบอะไร แต่ก็ไม่ปฏิเสธ

“แล้วนี่ยังไงเรา” แม่หันไปพูดกับเม่น “มาเที่ยวหรือ อยู่กี่วัน” พี่บ่าวนึกเอ็นดูเจ้าหลง ที่มีแม่ที่ทั้งรักและเข้าใจแบบนี้ “คือ ผมก็แล้วแต่หลงเขาครับ” เม่นตอบออกไป มองไปที่หลงที่พยายามกลั้นเขิน “แพ้ แพ้ไอ้หลงตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม” พี่บ่าวรู้สึกเซ็ง ที่เจ้าหนุ่มเมืองกรุงนี่ มันยอมตั้งแต่เจ้าหลงยังไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ

“ถ้าอย่างนั้นก็ ไป หลง พาเม่นไปเก็บของในห้อง โน่น ห้องใหญ่แม่ทำความสะอาดเอาไว้ให้แล้ว” เม่นยกมือไหว้ขอบคุณผู้อาวุโสกว่า “นี่ ทางนี้” หลงชี้บอกทาง ก่อนจะเดินนำเม่นไปที่ห้องพัก โดยมีเม่นรีบเดินตามไปให้ทันอีกฝ่าย “เจ้าหนุ่มเม่นนี่ เรียนจบมีการมีงานทำแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องทำตามสัญญาที่ให้เจ้าหลงเอาไว้สินะ” พี่บ่าวถามแม่ที่เติมผักสดเพิ่มลงตะกร้า

“สี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัย เขาเจอกันตอนที่เข้าปีหนึ่งด้วยกันทั้งคู่ เจ้าเม่นเรียนกรุงเทพฯ ส่วนเจ้าหลงเรียนที่ใต้ เรียนจบแล้ว มีงานมีการเลี้ยงตัวแล้ว สัญญาว่าจะกลับมาเจอกัน สร้างชีวิตด้วยกัน ไม่ต้องปกปิดตัวตนที่แท้จริงของตัวเองอีกต่อไป” แม่บอกกับพี่บ่าว “นี่ถ้าพี่ชูแกยังอยู่ แกคงดีใจที่ไอ้หลงมีคนจริงใจกันมัน” พี่บ่าวหมายถึงพ่อของหลง ที่เสียชีวิตไปเมื่อปีกลาย

“รายนั้นน่ะหรือ” หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อไปว่า “ก็คงจะโวยวายแหละ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมีแฟนเป็นผู้ชาย” แม่พอจะนึกถึงอาการของพ่อชูได้ดี “แต่สุดท้ายก็แพ้ ใคร ๆ ก็แพ้ไอ้หลง” พี่บ่าวพอจะเดาได้ กับพี่ชูที่รักลูกยิ่งกว่าอะไร สุดท้ายก็ต้องยอมให้ลูกอย่างไอ้หลง “ด้วยความรัก ความรักลูกของพี่ชู” มีน้ำตารื้นขึ้นขอบตา เมื่อนึกถึงสามีของเธอที่เพิ่งจากไป

“แล้วเราไม่ได้นอนห้องเดียวกันหรือ” เม่นถามวางกระเป๋าเป้ลง เมื่อหลงแนะนำนั่นนี่ในห้องเรียบร้อย “ตั้งแต่คืนแรกที่เจอกันเลยหรือไง” หลงทำลดเสียงถาม เพราะกลัวแม่จะได้ยิน “ยี่สิบสามแล้วนะ เคยแต่มืออย่างเดียวเลย” เม่นบ่น พลางทำมือประกอบ “เม่น” หลงจับมือเม่นเอาไว้ "กรึ่มมาด้วยใช่มั้ยเนี่ย" หลงดมได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจของอีกฝ่าย เม่นหัวเราะชอบใจบอกว่า เขาทั้งหวาดหวั่นและดีใจผสมปนเปมั่วกันไปหมดมากแค่ไหน กับสิ่งที่กำลังลงมือทำอยู่นี้

“แน่ใจแล้วนะ” หลงถามอีกครั้ง “ไม่เคยมั่นใจอะไรเท่านี้มาก่อน” เม่นตอบ กุมมือของหลงเอาไว้ “เรามาจากครอบครัวที่ต่างกันมาก” เม่นพูด “แต่แม่แก้วกับพ่อชู สาวเหนือกับหนุ่มใต้ พ่อแม่ของหลง ยังอยู่ด้วยกันได้จนจากกันไป ทำไมเราสองคนจะเป็นแบบนั้นบ้างไม่ได้ล่ะ เม่นเดินมาไกลเกินกว่าจะย้อนกลับแล้ว” เม่นหอมแก้มหลงฟอดใหญ่ ทำเอาเจ้าของแก้มยิ้มไม่หุบทีเดียว

เสียงประกาศเตือนให้ผู้โดยสารรถไฟ ต้นทางสถานีกรุงเทพ ปลายทางสุราษฎร์ธานี ขึ้นขบวนรถได้แล้ว เม่นลุกขึ้นจากที่นั่งไม้ทรงรูปไข่ขัดมัน เดินไปก้าวขึ้นบันไดรถไฟ เม่นเดินหาเลขที่นั่งของตัวเอง มีผู้โดยสารมากมาย ทยอยกันขึ้นมานั่งประจำที่ เพียงไม่นานหลังจากนั้น รถไฟก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากสถานี

เม่นเงยหน้าขึ้นมองจากหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ดาวเหนือหรือดาวโพลาริส ลอยอยู่บนท้องฟ้า เม่นเคยได้ยินว่า หลายคนให้จับจ้องดาวเหนือเอาไว้ จะได้ไม่หลงทิศหลงทาง แต่มาครั้งนี้ของชีวิต เม่นกำลังมุ่งหน้าลงใต้ เพราะคนที่เขารักและอยากมีครอบครัวด้วย อยู่ที่นั่น บางที ครั้งนี้ เม่นอาจจะต้องสวนทางทำอะไรที่แตกต่างจากคนอื่นทั่วไป เพื่อตัวของเขาเอง

************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

North Star - Calories Blah Blah

https://www.youtube.com/watch?v=GPZslDSIrm4


คืนนี้ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดีดีอยากมองที่ดวงดาว

Tonight what’s got into me, all of he sudden wanting to look up the stars

จริงไหม เรื่องที่เคยได้ยินเกี่ยวกับดาว

Is it true what we’ve heard about the stars?

อยากรู้ว่าจริงไม่จริง

Are they real or just telling


เห็นใครใครต่อใคร ขอกันมากมาย

Seen many people asking this particularly

ให้ดวงดาวช่วยคอยนำทาง

For the stars as their guidance


อยากจะเดินทางตามดาวสักที ดาวนำทางให้ที

Now have stars for my direction, please lead my way

ให้ฉันนั้นเจอจุดหมายปลายทาง

For me to reach my final journey

อยากจะเจอใครจริงใจสักที ดาวนำทางให้ที

Need someone honest with me, stars find me already

หลงทางไปวันวัน ผิดถูกก็เดามั่วเรื่อยไป

Get lost in a way, right or wrong, guessing on a daily basis

ถ้าเป็นจริงช่วยหน่อย พาฉันไปเจอสักที

If what they say is true, take me there where they are


ก่อนนั้น ไม่เคยแคร์อะไรกับดวงดาว ไม่เคยไม่สนใจ

Before this, never cared about the stars, never paid attentions to

ตอนนี้ แหงนมองดูทีไร กลับเปลี่ยนไป

Now, right now, looking up there alright, everything has changed

ก็ยังแปลกใจเหมือนกัน

That has also been a big surprise as well


เห็นใครใครต่อใคร ขอกันมากมาย

Seen many people asking this particularly

ให้ดวงดาวช่วยคอยนำทาง

For the stars as their guidance


อยากจะเดินทางตามดาวสักที ดาวนำทางให้ที

Now have stars for my direction, please lead my way

ให้ฉันนั้นเจอจุดหมายปลายทาง

For me to reach my final journey

อยากจะเจอใครจริงใจสักที ดาวนำทางให้ที

Need someone honest with me, stars find me already

หลงทางไปวันวัน ผิดถูกก็เดามั่วเรื่อยไป

Get lost in a way, right or wrong, guessing on a daily basis

ถ้าเป็นจริงช่วยหน่อย พาฉันไปเจอสักที

If what they say is true, take me there where they are


คนที่เฝ้ารอ ขอแค่ดาวนำทางได้ไหม

The one whom I’ve been waiting for, stars please lead me the way

จะไกล สักเท่าไหร่ ก็ไม่ท้อ

How far the distance is, very far, I’ll get myself there


เห็นใครใครต่อใคร ขอกันมากมาย

Seen many people asking this particularly

ให้ดวงดาวช่วยคอยนำทาง

For the stars as their guidance


อยากจะเดินทางตามดาวสักที ดาวนำทางให้ที

Now have stars for my direction, please lead my way

ให้ฉันนั้นเจอจุดหมายปลายทาง

For me to reach my final journey

อยากจะเจอใครจริงใจสักที ดาวนำทางให้ที

Need someone honest with me, stars find me already

หลงทางไปวันวัน ผิดถูกก็เดามั่วเรื่อยไป

Get lost in a way, right or wrong, guessing on a daily basis

ถ้าเป็นจริงช่วยหน่อย พาฉันไปเจอสักที

If what they say is true, take me there where they are

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๓๗. IDENTITY _ 9.01.2023
«ตอบ #39 เมื่อ01-09-2023 13:19:12 »


๓๗. IDENTITY


“ฉันเคยได้ยินมันพูดบ่อย ๆ ว่ามันไม่ชอบคนหลอกตัวเอง ก็ไม่รู้หรอกนะ ว่ามันหมายถึงใครยังไง” หญิงกลางคนที่สารวัตรรัฐนนท์กับชนธัญมาคุยด้วย เล่าในสิ่งที่เธอรู้ “ฉันเป็นแค่ป้ามัน ฉันเลี้ยงมันได้แต่ตัว พ่อแม่มันรับไม่ได้ เรื่องที่มันเป็นตุ๊ด” ผู้เป็นป้าพูด ก่อนจะหันไปทอนเงินกับลูกค้า ที่มาซื้อของที่ร้านชำเล็ก ๆ ด้านล่างอพาร์ทเม้นท์

“นิวเขามีปัญหาอะไรกับใครบ้างมั้ยครับ” ชนธัญถามต่อ เมื่อเห็นว่าลูกค้าเดินออกจากร้านไปแล้ว “ปากหมาอย่างมัน ก็ไม่แปลกหรอก ที่จะมีคนไม่ชอบหน้ามัน แต่ก็ไม่มีนะ” หญิงวัยกลางคนทำท่านึก “ด่ากัน แต่แล้วก็แยกย้ายกันไป ไม่มายุ่งเกี่ยวกัน” สีหน้าและแววตาของผู้เป็นป้าเอง ก็ยังมีร่องรอยความเสียใจฉาบฉายอยู่

“ฉันน่ะ ไม่อะไรกับมันมากหรอก มันหาเลี้ยงตัวเองได้ ฉันก็ปล่อยมัน ลึก ๆ แล้วฉันสงสารมันด้วยซ้ำ พ่อแม่มันก็ใจดำอย่างกับอีกา ทิ้งให้มันต้องเผชิญโลกอยู่คนเดียว ฉันเห็นใจหลาน ฉันก็ให้มันมาอยู่ด้วยที่นี่ ห้องเช่ามันก็อยู่ข้างบนตึกนี่แหละ ดีกว่ามันไประเหเร่ร่อนที่อื่น ก็อยู่กันมาหลายปี มันก็ทำงานของมันไป มันมีของมัน มันก็มาช่วยฉัน ค่าน้ำ ค่าไฟ หยูกยา นี่ต้องมาเสียมันไป ฉันก็แย่” พูดมาถึงตรงนี้ ผู้เป็นป้าก็เริ่มปาดน้ำตาป้อย ๆ

“ผมเสียใจกับคุณป้าด้วยนะครับ” ชนธัญยื่นกระดาษเช็ดหน้าให้ “ขอบใจ แต่มันไปดีแล้ว ก็ปล่อยมันไปเถอะ ขอแค่คุณตำรวจหาคนที่ทำแบบนี้กับมันให้ฉันที นิวมันตายโหงแบบนี้ ฉันกลัวมันนอนตายตาไม่หลับ” เสียงสะอื้นเสียใจดังออกมาจากผู้เป็นป้า “ป้าพอจะทราบมั้ยครับ ว่านิวเขามีแฟนมาติดพัน หรือว่าชอบพออยู่กับใครบ้าง” สารวัตรรัฐนนท์เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เลยถามออกไป

“ปกติมันก็ไม่เคยเล่าให้ฉันฟังถึงเรื่องพวกนี้หรอก ฉันเองก็ทนฟังเรื่องผู้ชายได้กันเองไม่ไหว ขนลุก ถ้าจะมีก็คงจะพวกลูกค้าที่ร้านมันนั่นแหละ ถ้าคุณตำรวจอยากจะรู้อะไรเพิ่ม ก็ไปถามกันดูเอาเอง ฉันก็รู้แค่นี้แหละ” สารวัตรรัฐนนท์กับชนธัญกล่าวขอบคุณผู้เป็นป้าของนิว ก่อนจะขอตัวออกจากร้านไป

นิวนั่งดูคลิปออนไลน์แก้เบื่อ ด้วยความเซ็งที่วันนี้ลูกค้าที่ร้านช่างเงียบเชียบเหลือเกิน วันศุกร์สุดสัปดาห์แบบนี้ ปกติก็รับลูกค้ากันไม่หวาดไม่ไหว ไหนวันนี้ กลับมาเป็นแบบนี้ แถมหน้าร้านก็แทบไม่มีใครเดินผ่านสักคน นี่ขนาดบรรดาพวกร้านใกล้ ๆ กันตัดราคากันเองแล้วนะ มองผ่านกระจกหน้าร้านออกไป ก็เจอแต่เด็กทำงานร้านไม่ใกล้ไม่ไกลกัน ก่อนที่นิวจะเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินผ่านไป แล้วก็ย้อนกลับมาอีก ทำอย่างนั้นอยู่สองสามรอบ เหมือนกำลังกล้า ๆ กลัว ๆ ว่าจะเอายังไงดี

“ร้อน ๆ แบบนี้ เข้ามานั่งพักดื่มน้ำเย็น ๆ ในร้านก่อนได้นะครับ” นิวเปิดประตูร้าน ทำชะโงกหน้าดูต้นไม้ปลอมและอ่างน้ำพุเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่หน้าร้าน ทำทีหันไปสบตาเข้ากับชายหนุ่มพอดี จึงเริ่มเอ่ยทักอีกฝ่ายก่อน “เชิญเลยครับ” รอยยิ้มพิมพ์ใจ ตีหัวลากเข้าบ้านแบบนี้นิวรู้ดีว่า ใช้ได้ผลเสมอ ชายหนุ่มพยักหน้าเขิน ๆ ก่อนจะเดินตามเข้ามานั่งในร้าน

“น้ำเย็น ๆ ชื่นใจครับ” นิววางแก้วลงบนจานรองแก้วไม้เหมาโหลราคาถูก ที่เขาไปเหมาซื้อมาจากตลาดนัด “ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มบอกขอบคุณ ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม นอกจากจะหน้าตาดูดีแล้ว ยังเสียงหล่อเสียด้วย นิวพูดกับตัวเองในใจ “น้อง ๆ ออกไปพักทานข้าวกันหมด บ่ายนี้เพิ่งได้ว่างกัน” ก็ไม่ถือว่าเป็นการตอแหลนะ นิวคิด แค่ไม่ใช่บ่ายวันนี้แค่นั้นเอง

“ถ้าคุณอยากจะนวด” สุดท้ายแล้ว นิวก็ต้องยิงตรงหาลูกค้า นวดเท้า นวดคอบ่าไหล่ สักชั่วโมงก็ยังดี “ถ้าสักสองชั่วโมงนวดอะไรดีครับ” ชายหนุ่มถามเสียงสั่น ๆ ทั้งเขิน ทั้งประหม่า นิวพอได้ยินชายหนุ่มเปิดโอกาส ชงมาขนาดนี้แล้ว ก็รีบแนะนำโปรโมชั่นหลายอย่างให้กับชายหนุ่มทันที

“เลือกน้อง ๆ มั้ยครับ นิวมีรูปให้ดู” นิวกำลังจะยื่นรูปพนักงานที่ถ่ายไว้ในโทรศัพท์มือถือ ส่งให้ชายหนุ่มดู “ถ้าเป็นคุณนิวล่ะครับ รับนวดด้วยมั้ยครับ” แทนคำตอบ หากว่าเป็นความพอใจของลูกค้า “เลือกกลิ่นน้ำมันอโรม่ามั้ยครับ ชอบกลิ่นแบบไหนครับ” ชายหนุ่มเลือกกลิ่นที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ก่อนจะลุกเดินตามนิวขึ้นไปบนห้องส่วนตัวที่ชั้นบน

“เดี๋ยวคุณลูกค้าเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวนิวกลับขึ้นมา ขอเวลาเตรียมตัวไม่เกินสิบนาที” นิวบอกกับป้อง ที่ดูจะยังเกร็ง ๆ อยู่ แต่ก็ผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเมื่อตอนนั่งอยู่ด้านล่างร้าน เพราะหลบลี้พ้นจากสายตาของใครต่อใครมาแล้ว “แล้ว คือ” ป้องถามแบบไม่แน่ใจ เมื่อรับผ้าขนหนูเช็ดตัวไปจากนิว “อ้อ ใช่ครับ” นิวยิ้มนึกเอ็นดูอีกฝ่าย ก็คงจะครั้งแรกของชายหนุ่มนั่นเอง แต่นิวก็เป็นกันเอง จนชายหนุ่มยิ้มออกมาได้

“ขออนุญาตนะครับ” ป้องกลับมาจากห้องอาบน้ำด้านนอก มารอในห้องนวดส่วนตัวราว ๆ สิบนาที ก่อนจะได้ยินเสียงนิวเปิดประตูเข้ามา “เพิ่มแอร์อีกมั้ยครับ” นิวถาม “กำลังดีครับ” ป้องตอบ ก่อนจะก้มลงนอนคว่ำหน้าบนเตียงนวด ตามที่นิวส่งสัญญาณบอก ป้องหลับตาลงเมื่อสัมผัสจากปลายนิ้วของนิว แตะลงที่ปลายเท้าของเขา แล้วตามด้วยความลื่นไหลของฝ่ามือ ผ่านน้ำมันอโรม่ากลิ่นหอมละมุนที่ชโลมไล้บนตัวของเขานั้น

“พวกคุณอยู่ ๆ จะมาสั่งนั่นสั่งนี่ไม่ได้นะ พวกคุณมีหมายจับ หมายเรียกอะไรหรือเปล่า” เจ้าของร้านนวดที่นิวเคยทำงานอยู่ โวยวายใส่ทีมสืบสวนลับที่นำกำลังมาที่ร้าน “ถ้าเป็นหมายค้นล่ะก็ แน่นอนครับ” สารวัตรรัฐนนท์ยื่นให้เจ้าของร้านได้อ่าน “ระบุไว้ชัดนะครับ ว่าคอมพิวเตอร์ทุกตัวในร้าน กล้องวงจรปิด รวมถึงฮาร์ดดิสก์ทั้งหมด เข้าใจนะครับ ขอให้ทีมสืบของผมได้ทำตามหน้าที่ด้วย” เจ้าของร้านหน้าเจื่อน ก่อนจะตะโกนบอกเด็กพนักงานในร้านให้เปิดทาง อำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่

“หวังว่าจะพบอะไรคืบหน้าจากจุดนี้นะครับ” ชนธัญพูดกับสารวัตรรัฐนนท์ ซึ่งสารวัตรหนุ่มหล่อเองก็หวังใจเอาไว้เช่นนั้น หลังจากที่ได้ไปตรวจสอบสถานที่พบศพของนิวแล้ว แต่ยังไม่ได้เรื่องอะไร เพราะชนธัญไม่ได้มองเห็นอะไรเป็นพิเศษ แม้ที่นั่นจะเป็นไพรม์มารี่ ไครม์ ซีน ก็ตาม เพราะชนธัญเองก็ใช่ว่าจะมองเห็นอะไรได้ดั่งใจไปเสียทุกครั้ง

ป้องรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่สุด เมื่อการพรมมือของนิวนั้น ทำให้เขากำลังเคลิ้มไหว น้ำหนักมือในการกดจุดต่าง ๆ ตามขาและน่องของเขา ทำให้ป้องนั้น อยากจะยืดเวลาการนวดต่อออกไปอีกเรื่อย ๆ ป้องได้ยินนิวถามอยู่เนือง ๆ ว่าถ้าน้ำหนักการกดจุด การคลึงเคล้นไปตามกล้ามเนื้อนั้นหนักจนเกินไป ให้ป้องบอกกับเขาได้

“ช่วงนี้ที่ทำงานเครียดหรือเปล่าครับ อยากจะให้ผมนวดเน้นตรงส่วนไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า ออฟฟิศซินโดรม หรือพวกสปอร์ตกดจุด คนออกกำลังกายแบบนั้น” นิวถามป้องออกไป โดยที่พยายามจะไม่รบกวน หากมีลูกค้าท่านอื่นอยู่ที่ห้องข้าง ๆ “มีตรงไหน นวดแล้วผ่อนคลาย หายเครียดสุด ๆ บ้างครับ” นิวแอบหัวเราะ เมื่อได้ยินป้องถามแบบนั้น

“ก็หลายที่อยู่นะครับ ที่พอนวดแล้ว กดแล้ว รับรองได้ปลดปล่อยเต็มที่” ป้องลืมตาขึ้นมองในความสลัวของไฟในห้องนวด ใจของเขาเต้นแรงขึ้น เมื่อปลายนิ้วของนิวขยับไล่สูงขึ้นมาที่บั้นท้ายของเขา “แต่บางที่ ก็ควรจะเว้นว่างเอาไว้ ไม่แตะต้อง” ป้องยิ้มในความสลัวนั้น เมื่อรู้ดีว่า นิวเลี่ยงที่จะไล้มือผ่านร่องกลางบั้นท้ายของเขา

“นอนหงายครับ” นิวก้มลงกระซิบที่ข้างหูของป้อง ชายหนุ่มทำตาม ขยับมานอนหงาย ร่างเปลือยเปล่าบนเตียงนวด “จะให้นิวเอาผ้าขนหนูคลุมไว้มั้ยครับ” นิวชูผ้าขนหนูผืนเล็กไว้ในมือ เหลือบตาลงไปที่กลางหว่างขาของป้อง อะไรบางอย่างมันเริ่มพองขึ้นมา “ครับ” ป้องตอบออกไปเบา ๆ นิวยิ้มก่อนจะวางผ้าผืนเล็กนั้นทาบลงไป แต่ก็ไม่สามารถปกปิดความนูนนั้นเอาไว้ได้

“เรื่องธรรมดาของผู้ชายครับ” นิวพูด ก่อนจะเริ่มนวดอีกครั้ง “คุณนิวนวดมานานหแล้วหรือครับ” ป้องถามอีกฝ่ายบ้าง “หลายปีแล้วครับ ทำไมครับ นิวนวดไม่ดีหรือไง” นิวทำเสีงตัดพ้อ “อ้อไม่ใช่ครับ นวดดีครับ คุณนิวนวดดีมากเลย เมื่อกี้ผมแทบเผลอหลับไปแล้ว มันสบายตัวมาก ๆ” นิวแอบยิ้มที่ทริกของเขากับลูกค้า ใช้ได้ผลเสมอมา

“เดี๋ยวจะรู้สึกดีกว่านี้อีกครับ นิวรับรองได้” นิวไล่ปลายนิ้วผ่านขอบผ้าขนหนูผืนเล็กนั้น ปลายนิ้วของเขาเลื่อนผ่านปลายแห่งความเป็นชายของป้อง ที่พาดมาทางนั้นพอดี นิวเห็นป้องหายใจขัด เกร็งกล้ามเนื้อท้องลอนสวยนั้นขึ้น คงด้วยความเซอร์ไพรส์ นิวยิ้มให้ป้องในแสงสลัวของห้อง ป้องเองก็ยิ้มเขิน ๆ กลับมาเช่นกัน

“ออกแรงนวดนาน ๆ ร้อนเหมือนกันนะครับ” นิวพูดขึ้น ทำเอามือพัดไล่ความร้อนให้ป้องเห็น “จะว่าอะไรมั้ยครับ ถ้านิวจะถอดเสื้อนวด นิวกลัวว่าจะไม่ชอบ” ป้องบอกว่า เขาโอเค นิวจึงจัดการถอดเสื้อพนักงานออก ถึงแม้ว่านิวจะไม่ได้ไปยิมหนักเหมือนกับที่ป้องทำ จนกล้ามเนื้อชัดเจน แต่แผงอก ท้องที่เรียบเนียน มีไรขนไล่จากใต้สะดือลงไปของนิว ก็ทำให้ป้องถึงกับมองแบบไม่วางตา

“บอสครับ ได้เรื่องแล้วครับ” หนึ่งในทีมสืบสวนลับ ที่เชี่ยวชาญเรื่องระบบไอที เรียกสารวัตรรัฐนนท์ให้มาดูที่คอมพิวเตอร์เครื่องหลักของทางร้าน “มีอะไรผิดปกติ” สารวัตรรัฐนนท์ถามลูกทีมของเขา “มีการตัดเอาหลายส่วนของรอร์ฟุตเทจ ไฟล์ที่รันยาวต่อกันนี้ออก ผมยังกู้คืนไฟล์ดังกล่าวไม่ได้ แต่คิดว่าถ้าเอาฮาร์ดดิสก์กลับไปศูนย์สืบ ผมน่าจะได้ข้อมูลจากไฟล์ที่ถูกลบไป เพราะต่อให้ลบไปแล้ว แต่มันยังคงหลงเหลืออยู่ในคลัสเตอร์ ผมมีวิธีและเครื่องมือที่นั่น” สารวัตรรัฐนนท์ได้หันไปมองเจ้าของร้านนวด ที่ดูลุกลี้ลุกลนอย่างผิดสังเกต

“ถ้าคุณมีอะไรจะพูด ก็รีบพูดเสียตั้งแต่ตอนนี้นะครับ ในฐานะเจ้าของร้าน ผมยังสามารถกันให้คุณเป็นพยานในคดีนี้ได้ แต่ถ้าผมยกเครื่องคอมพิวเตอร์พวกนี้กลับไปตรวจสอบ แล้วพบหลักฐานมัดตัวคนร้ายได้ล่ะก็ ผมจะถือว่าคุณมีส่วนร่วมในการลั่นไกปืนนิว จะถือว่าคุณปกป้องคนร้ายตัวจริง ฆ่าลูกน้องของคุณเอง ผมเล่นงานคุณหนักไม่แพ้กันแน่” สารวัตรรัฐนนท์ยืนยันกับเจ้าของร้านนวด ที่กำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ป้องหายใจหอบและถี่หนักขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อนิวยังไม่ยอมถอนปากออกจากความเป็นชายของเขา แต่กลับเน้นหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้มันอัดแน่นอยู่ในโพรงปากของนิว ที่เจ้าตัวเองก็ใช้ความพยายามและความสามารถทั้งหมดที่มี ปรนเปรอความรู้สึกที่เตลิดเปิดเปิงไปแล้วของป้อง

“ให้นิวทำให้จนสุดเลยมั้ยครับ คุณป้อง” นิวถอนปากออกจากสิ่งนั้น เสียงดังจากน้ำลายที่ชุ่มปลาย ก่อนจะเลื่อนใบหน้าไปถามป้องที่ข้าง ๆ หู “มีอุปกรณ์ครบมั้ย” ป้องถามเสียงกระเส่า เพราะหากจะห้ามเขาตอนนี้ ที่อารมณ์กระเจิงขนาดนี้แล้ว มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องหยุดมันด้วย นิวพยักหน้า ยิ้มให้กับป้อง ก่อนจะดึงกางเกงชั้นในของตัวเองออกทางปลายเท้า ความชูชันของนิวเอง ก็ถูกกลืนหายเข้าปากป้องไป ขณะที่นิวกำลังหยิบถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นออกจากกระเป๋าเล็ก ๆ ที่โต๊ะข้าง ๆ

นิวก้มลงมองป้อง ที่นอนหงายบนเตียงนวด ปากคาความแข็งขืนของนิวเอาไว้ ตาเงยขึ้นมองใบหน้าของนิว ที่มือกำความเขื่องของป้องรูดขึ้นลง เพื่อเตรียมพร้อมขั้นต่อไป ป้องหลับตาหายใจเข้าจนลึก เมื่อนิวใช้ปากครอบถุงยางอนามัยลงไปตามความยาวที่ป้องมี ริมฝีปากเลื่อนลงไปจนสุด ชนเข้ากับหัวหน่าวนั้น

นิวปีนขึ้นไปบนเตียงนวด คร่อมกึ่งกลางลำตัวของป้องเอาไว้ ป้องชันเข่าขึ้นเป็นตัวเอ็ม นิวเอื้อมมือไปทางด้านหลัง ดันเอาคามแข็งขันของป้องให้ตั้งขึ้น เพื่อให้เขากดบั้นท้ายลง กลืนความยาวตลอดทั้งลำนั้นเข้าไปด้านในร่างกาย ร่องหลืบเล็กแคบของนิวแน่นขนัดไปหมด นิวกัดริมฝีปาก บีบต้นแขนของป้อง ส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มรอก่อน

“เอาเลย” นิวเมื่อคลายความเจ็บ ก็บอกให้ป้องขยับเอวขึ้นลงตามใจ ชายหนุ่มเหมือนล่องลอยอยู่ในสวรรค์ เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพราะความรู้สึกวาบหวามเซ็กซี่จากการนวด ที่ล่ำมาถึงเซ็กส์อันเร่าร้อนระหว่างผู้ชายด้วยกัน ที่กำลังดำเนินอยู่นี้ หรือเป็นเพราะว่า จริง ๆ แล้ว ป้องเพิ่งแน่ใจกับตัวเองแล้วว่า เขาค้นพบตัวตนที่เขาพยายามปฏิเสธอยู่หลายปีกันแน่

ป้อง ชายหนุ่มเจ้าของห้องนอน เดินวนไปวนมา เหมือนคนกำลังคิดไม่ตก กับการหาคำตอบให้กับตัวเอง กับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป กับไม่กี่วันที่ผ่านมา มันติดอยู่ในหัวของเขา ป้องสลัดมันไม่หลุด ทำยังไงเขาก็ยังวนเวียนคิดถึงแต่เรื่องนี้ เห็นแต่ใบหน้าของคนคนนี้ กับสิ่งที่เขาคิดว่า เขาแค่ลองดูเฉย ๆ มันก็แค่ความสุขราคาถูก ที่เสพแล้วก็ลืมมันไป

ป้องลงมาจากห้องนอนชั้นสอง บ้านเงียบเชียบ พ่อกับแม่ของเขาคงจะออกไปงานการกุศลเหมือนเคย ป้องเดินเข้าห้องครัว เปิดตู้เย็นดู มีแต่ของน่าเบื่อ จริง ๆ เขาก็แค่เอาอาหารที่แม่บ้านเตรียมเอาไว้จากตู้เย็น มาใส่ไมโครเวฟอุ่นกิน แต่มันก็แค่กินกันหิวไปได้อีกมื้อหนึ่งเท่านั้น คงจะเหมือนกับเรื่องที่เขาเพิ่งได้ลิ้มรส ได้กินมันมานั่นเอง ที่มันต้องถูกปาก มันทำให้ติดใจ ถึงจะบอกกับตัวเองได้ว่า เขาไม่ได้กินมันแค่กันตาย

ป้องเร่งฝีเท้าเดินไปตามฟุตปาธ เขาตัดสินใจออกจากบ้านตรงไปสถานที่แห่งนั้น แต่ไม่ขับรถมาเอง เพราะคิดว่า มันอาจจะดูเสี่ยงมากไปสักนิด หากเกิดว่าจะมีใครจำรถของเขาได้ขึ้นมา ป้องนั่งแท็กซี่มาลงตรงหัวมุมถนนใกล้ ๆ เพื่อความสบายใจของตัวเขาเอง ก่อนจะเดินต่อมาทางนี้ที่ตรงไปทางร้าน ป้องจำเวลาปิดร้านได้ แต่ไม่แน่ใจว่าคนที่เขาอยากจะเจอนั้น จะอยู่มั้ย เมื่อมันใกล้เวลาจะปิดแล้ว ป้องมองไปข้างหน้า เห็นคนที่เขาอยากเจอเดินออกมา ป้องเร่งฝีเท้า ยิ้มให้กับอีกฝ่าย นิวนึกแปลกใจ กึ่งดีใจอยู่ไม่น้อย ที่ได้เห็นป้องอีกครั้ง

*****************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

หยุดความคิดไม่ได้ - เบล สุพล

https://www.youtube.com/watch?v=cG3KaLDFmJc


กี่โมงแล้ว ไม่ยอมหลับใหล

What time is it now? I am still up awake

กี่โมงแล้ว ไม่นอนอีกเหรอ

What hour is it? Not going to bed yet


จะนอนก็ไม่นอน

Sleep, I am not

จดจ่อรอคอยจนนอนไม่หลับ

My mind’s occupied, cannot go to bed

ทำยังไงก็วกกลับ

Always comes back to this

กลับมานอนคิดเรื่องวันพรุ่งนี้ อีกแล้ว

Thinking about tomorrow again and again


ก็ไม่รู้ฉันมันเป็นอะไรมากมาย

Not sure what’s wrong about me then

หลับตาแล้วก็ยังอดใจไม่ไหวสักที

Close my eyes, but my mind runs wild

อดนอนเดี๋ยวก็โทรม ดูไม่ค่อยดี

Will look so terrible if I’m lacking of sleep

เรื่องราวที่ยังไม่เกิด อย่าเลย อย่าไปสนใจเลย

Nothing happens yet, please, just never never mind


หยุดความคิดไม่ได้เลย

Can’t stop my own thoughts

คิดคิดเรื่อยไปทั้งคืน

Keep thinking this all night

หยุดความคิดไม่ได้เลย

Can’t stop my own mind

คิดเสียจนนอนไม่หลับ

Thinking up all night long


กี่โมงแล้ว ไม่ยอมหลับใหล

What time is it now? I am still up awake

กี่โมงแล้ว ไม่นอนอีกเหรอ

What hour is it? Not going to bed yet


คนเรามันก็แปลก

We are quite weird

ชอบแบกอะไรใส่หัวให้มันวุ่นวาย

Love to pile up our thoughts, getting confused

มันก็พอจะเข้าใจ

It’s kinda understandable though

ก็พยายามจะทำให้ได้สักครั้ง

Like to try what’s inevitable once


ก็ไม่รู้ฉันมันเป็นอะไรมากมาย

Not sure what’ s wrong about me then

หลับตาแล้วก็ยังอดใจไม่ไหวสักที

Close my eyes, but my mind runs wild

อดนอนเดี๋ยวก็โทรม ดูไม่ค่อยดี

Will look so terrible if I’m lacking of sleep

เรื่องราวที่ยังไม่เกิด อย่าเลย อย่าไปสนใจเลย

Nothing happens yet, please, just never never mind


หยุดความคิดไม่ได้เลย

Can’t stop my own thoughts

คิดคิดเรื่อยไปทั้งคืน

Keep thinking this all night

หยุดความคิดไม่ได้เลย

Can’t stop my own mind

คิดเสียจนนอนไม่หลับ

Thinking up all night long


หยุดความคิดไม่ได้เลย

Can’t stop my own thoughts

คิดคิดเรื่อยไปทั้งคืน

Keep thinking this all night

หยุดความคิดไม่ได้เลย

Can’t stop my own mind

คิดเสียจนนอนไม่หลับ

Thinking up all night long


กี่โมงแล้ว ไม่ยอมหลับใหล

What time is it now? I am still up awake

กี่โมงแล้ว ไม่นอนอีกเหรอ

What hour is it? Not going to bed yet

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๓๗. IDENTITY _ 9.01.2023
« ตอบ #39 เมื่อ: 01-09-2023 13:19:12 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๓๘. FULL MOON _ 9.04.2023
«ตอบ #40 เมื่อ04-09-2023 13:33:34 »


Crime and Love Scene Investigation

๓๘. FULL MOON


“คืนนี้มีฟูลมูนปาร์ตี้กันพอดีเลยค่ะ อาจจะเสียงดังหน่อยนะคะ นักท่องเที่ยวต่างชาติมากันเยอะ” แม่แก้วยื่นกุญแจห้องให้ บอกกล่าวกับครอบครัวพ่อแม่และลูกชายวัยเดียวกับลูกชายของเธอ “จะนอนหลับมั้ยเนี่ยคืนนี้” เม่นได้ยินพ่อบ่นอย่างเคย สีหน้าเคร่งขรึม ไม่เป็นมิตร แม้ว่าเจ้าของโฮมสเตย์ฮักใต้แห่งนี้ จะพูดด้วยอัชฌาสัยไมตรี

“เริ่มค่ำแล้วแบบนี้ ก็อยากจะพักผ่อนสบาย ๆ จะให้ไปห้องพักใหม่ไกลจากพวกฝรั่งฮิปปี้ ก็ไม่ยอมคืนเงินให้อีก อ้างกฎบ้ากฎบอต้องยกเลิกก่อนยี่สิบสี่ชั่วโมง ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่สามารถทำตามที่ลูกค้า ที่เอาเงินมาให้ ขอร้องไม่ได้ คนไทยด้วยกันแท้ ๆ” เม่นยังได้ยินพ่อของเขาพูดต่อด้วยความไม่พอใจ แม่แก้วเห็นสามีของเธอเดินมาได้ยินพอดี ก็ส่งสายตาห้ามปราม เพราะรู้ดีว่าผู้เป็นสามีอย่างพ่อชูที่อยู่กินกันมานาน จะทำอะไร

“ถ้าคุณแน่ใจว่า คืนฟูลมูนแบบนี้ จะไปเดินท่อม ๆ หาที่พักเอาเองได้ตามใจ ที่พักยังเหลือบานตะไท เชิญครับ เชิญเอาเงินของคุณไปอื่น ผมคืนให้คุณสองเท่าเลยด้วย” พ่อชูพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ยื่นเงินค่าห้องพักจำนวนคูณสองให้พ่อของเม่น “ผมยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พร้อมจะเข้าพักแทนคุณ อยู่ในเวสติ้งลิสต์ยาวเหยียด” พ่อชูพูดในขณะที่เสียงโทรศัพท์ของทางโฮมสเตย์ยังคงดังต่อเนื่อง

“โน่น ผมให้พวกเขาผูกเปลญวนนอนกันตรงศาลาโน่น แบบไม่คิดสตางค์ ให้เขาช่วยค่าน้ำค่าไฟตามกำลังศรัทธา ซึ่งพวกเขาไม่มีอิดออด” พ่อชูชี้นิ้วไปทางนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติฝรั่งและเอเชียหลายคน ที่เอกเขนกนอนรวมกันอยู่ตรงศาลาไม้ขนาดไม้ใหญ่ ที่พ่อชูสร้างขึ้น เพราะว่าปัญหาเรื่องนักท่องเที่ยวล้นกว่าจำนวนห้องพัก เกิดขึ้นทุกปี เกิดขึ้นทุกฟูลมูนปาร์ตี้ ทางฮักใต้โฮมสเตย์ก็แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ากันมาโดยตลอด

“คุณ เรามาถึงนี่ก็เย็นมากแล้ว ถ้าคุณไม่มัวขับรถวนหลงอยู่กว่าจะถึงท่าเรือที่ฝั่งแผ่นดินใหญ่” เม่นได้ยินแม่ของเขาพูดขึ้นในที่สุด “ไม่มีตัวเลือกอื่นอีกแล้วล่ะ ขอบคุณมากนะคะ” แม่ของเม่นหันไปพูดกับแม่แก้ว รับกุญแจมาถือเอาไว้ในมือ พ่อของเม่นนั้นรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก ที่ภรรยาของเขาพูดแบบฉีกหน้ากัน ว่าสาเหตุมันเป็นเพราะเขาไม่ยอมฟังลูกและเมีย ว่ากำลังขับรถพาทุกคนไปผิดทาง

“ลูกหลง พาคุณน้าไปที่ห้องที” แม่แก้วตะโกนเรียกลูกชายของเธอ เมื่อเห็นพ่อของเม่นเดินทำหน้าบอกบุญไม่รับออกไปจากตรงนั้น “จ๋าแม่” เม่นมองเด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันที่เดินออกมาอย่างตาค้าง มันเป็นวินาทีที่เม่นเองก็ตกใจ เมื่อมันเกิดขึ้นกับเขาด้วยตอนนี้หัวใจของเขาเต้นแรงระรัว ไม่อยากจะเชื่อว่ารักแรกพบอย่างที่คนเขาว่ากัน มันมีอยู่จริง

หลงยิ้มให้กับคุณน้าลูกค้าผู้หญิงกับลูกชายของเธอ ที่มองเขาแบบไม่วางตา หลงเดินนำทั้งสองคนออกไป มองเห็นพ่อของเม่นยืนอัดบุหรี่ระบายความเครียดอยู่ไม่ไกล ทั้ง ๆ ที่มีป้ายห้ามสูบบุหรี่แปะเอาไว้ด้านหลัง ก่อนที่พ่อของเม่นจะใช้รองเท้าขยี้ดับบุหรี่ทิ้ง แล้วเดินตามทั้งสามคนไปห่าง ๆ

“ถ้ามีอะไร คุณน้าเรียกใช้หลงได้เลยนะครับ” หลงพูดกับแม่ของเม่น หลังจากที่ช่วยเปิดห้อง เปิดไฟ เปิดเครื่องปรับอากาศ และแนะนำว่าอะไรอยู่ตรงไหนในห้อง” เม่นนั้นมองตามหลงอยู่ตลอดเวลา ในใจคิดว่า ทำไมอีกฝ่ายถึงน่ารักได้ขนาดนี้ “เรากินกันได้ที่ไหนครับ” เม่นพูดออกไปแบบไม่ทันได้คิดอะไร

“อะไรนะ” หลงถามกลับไป “เอ่อ คือ มีอาหารตามสั่งอะไรแบบนั้นบ้างมั้ย” เม่นรีบพูดแก้เก้อ ทำหน้าเขิน ๆ “ปกติแม่ทำขนมจีนน้ำยาใต้ขายด้วย แต่วันนี้หมดแล้ว ถ้าคุณน้าอยากทานข้าวเย็น คงต้องออกไปที่หน้าหาดครับ” หลงพูดแนะนำเสร็จ ก็ขอตัวก่อน ทั้งสามคนจะได้พักผ่อนกันตามอัธยาศัย เม่นมองตามหลังหลงไปจนอีกฝ่ายเดินหลบมุมไปทางต้นไม้ข้างห้องพัก ก่อนที่เม่นจะเผลอยิ้มกับตัวเองออกมา

“หน้าหาดเดินไปไกลมั้ย” ไม่นานนักหลังจากที่หลงเดินไปส่งครอบครัวของนั้นเข้าห้องพัก หลงก็ได้ยินเสียงทักจากลูกชายของพวกเขา “อยากทานข้าวเย็นกันใช่มั้ยคะ” แม่แก้วได้ยินเม่นถามหลง เลยพูดขึ้นว่า “หลงพาคุณน้าเขาไปหน้าหาดทีลูก” เม่นยิ้มกว้างรับประโยคที่ได้ยินแม่แก้วพูด “เกรงใจจังค่ะ” แม่ของเม่นพูด แต่ก็รู้สึกขอบคุณที่ทางโฮมสเตย์ที่ช่วยเหลือเป็นอย่างดี

“แม่ไปกับลูกด้วย” พ่อชูกระแอมไอเสียงดัง ก่อนจะบอกกับผู้เป็นคู่ชีวิตกันมานานหลายสิบปี ให้แม่แก้วไปพร้อมกับลูกชายของพวกเขา เม่นหันมาเจอสายตาของพ่อชู เม่นหุบยิ้มแทบไม่ทัน เพราะที่พ่อชูมองมาที่เขา เหมือนกับว่า พ่อชูจะรับรู้ถึงเจตนาที่เม่นมองลูกหลงของพ่อชูอย่างตาไม่กะพริบแบบนั้น

เดินมาไม่ไกลจากโฮมสเตย์ ก็มาถึงแสงสีของหน้าหาด เสียงอึกทึกจากเพลงที่หลายร้านแข่งกับเปิด ทำให้บรรยากาศดูคึกคักอย่างที่สุด ยิ่งมีนักท่องเที่ยวคลาคล่ำไปหมดแบบนี้ นี่ยังแค่หัวค่ำเท่านั้น ยิ่งดึกกว่านี้ ก็จะยิ่งสนุกสนานมากขึ้นเรื่อย ๆ เม่นเองก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจไปหมด เป็นครั้งแรกที่ได้มาในสถานที่อะไรแบบนี้

“ไอ้หลง เมื่อไหร่จะมาดองกับลูกลุงเสียที รอนานแล้วนะเว้ย” เสียงชายวัยกลางคนดังลั่นถามมา ก่อนที่ลูกชายของลุงคนที่ว่าจะตะโกนมาหลังจากเห็นหลงส่ายหน้าปฏิเสธ “หลง แกจะให้ข้าอกหักซ้ำ ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ” หลงยู่หน้าใส่เพื่อนที่เรียนกันมาตั้งแต่เด็ก ไอ้คนที่ชอบขโมยรองเท้านักเรียนของหลงไปซ่อน คนที่ชอบแกล้งเขามาตลอด กลายมาเป็นคนที่สารภาพรักกับหลง จนคนแถวนี้พูดแซวหลงไม่หยุดปาก และหลงก็บอกปฏิเสธไปหลายรอบแล้วว่าไม่ได้ชอบเพื่อนคนนี้

“ไอ้หนุ่มกรุงเทพฯ นั่นใครวะ แฟนไอ้หลงหรือเปล่า” เม่นมองไปทางเด็กหนุ่มคมเข้ม ที่เอ่ยปากถามพ่อของตัวเองว่าเด็กหนุ่มหน้าละอ่อนอย่างเม่นเป็นใครกัน ดูจะไม่พอใจนักที่เห็นหลงมาเดินคู่อยู่กับเขา “เอ็งท่าจะอดได้ไอ้ลูกหลงมาเป็นแฟนแน่แล้วล่ะ ไอ้ลูกหมา” พ่อของเด็กหนุ่มคมเข้มหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะพูดปลอบใจลูกชายที่อกหักอยู่ซ้ำ ๆ

“แซวเล่นกับสนุกดีนะคะ คนแถวนี้ดูสนิทกัน” แม่ของเม่นพูดพลางหัวเราะกับแม่แก้ว เจ้าของฮักใต้โฮมสเตย์ หันไปตามเสียงพูดนั้น “พ่อลูกคู่นั้นเขาไม่ได้ล้อเล่นหรอกค่ะ” แม่แก้วพูดมองไปที่ลูกชายของเธอ ที่เดินนำหน้าไปกับเด็กหนุ่มที่เพิ่งมาจากกรุงเทพฯ แม่ของเม่นทำหน้าแบบไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบแบบนั้น

“ตามชื่อเขาเลยค่ะ ฉันเองก็ไม่คิดว่าจะมีลูกกับเขาแล้ว จนฉันตั้งท้องเจ้าหลง” แม่แก้วเล่าให้แม่ของเม่นฟัง “พี่ชู” แม่แก้วเล่าต่อ “พ่อของเจ้าหลงน่ะค่ะ เห่อลูก ทั้งรักทั้งหวงลูกชายคนเดียวของเขาเป็นที่สุด” แม่ของเม่นตั้งใจฟังที่แม่แก้วเล่า “ยิ่งพอมารู้ว่าลูกชายของเขาชอบอะไรด้วยแล้วล่ะก็” แม่แก้วหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อนึกถึงผู้เป็นสามีก่อนหน้านี้

“พี่ชูยิ่งดุขึ้นอีกหลายเท่า แต่หลงเขาก็ไม่ได้กลัวพ่อเขาหรอกค่ะ เขาเคารพกันมากกว่า เพราะหลงรู้ว่าพ่อรักเขามากขนาดไหน” แม่แก้วพูดด้วยแววตาฉายยิ้ม แม่ของเม่นเองก็รับรู้ได้ทันที ว่าแม่แก้วนั้นก็รักลูกชายของเธอไม่ยิ่งหย่อนไปเช่นกัน “ดูเม่นเป็นเด็กดีมากเลยนะคะ” แก้วพูดขึ้น เมื่อเห็นเม่นหยุดยืนดูเลือกเมนูกับหลงที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง

“ที่มากันนี่ ก็เป็นรางวัลเพราะว่าเขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ตามที่พ่อของเม่นเขาหวังเอาไว้” ปลายน้ำเสียงของผู้เป็นแม่ ฟังดูเศร้า ๆ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องน่ายินดี แม่แก้วที่รับรู้ได้ เลยไม่ถามอะไรต่อ “ส่วนทางนี้ก็สอบติด ให้เรียนที่ใต้นี่แหละค่ะ พ่อเขาหวง ไม่อยากให้ลูกชายไปเรียนไกลบ้านมากนัก” หลงนั้นสอบติดมหาวิทยาลัยในภูมิภาค จังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากเกาะแห่งนี้มากนัก

“ร้านนี้นะครับคุณแม่” เม่นหันมาบอกกับแม่ของเขา ผู้เป็นแม่เห็นใบหน้ายิ้มแย้มของลูกชาย ก็เผลอยิ้มออกมาด้วยเช่นกัน “ตามสบายนะคะ” แม่แก้วพูดขึ้น เพื่อให้เม่นและแม่ของเขามีเวลาส่วนตัว “นั่งทานอะไรด้วยกันก่อนได้มั้ยคะ เดี๋ยวฉันดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้เอง นะคะ” แม่ของเม่นรั้งแม่แก้วและหลงเอาไว้ก่อน อยากให้นั่งคุยด้วยกัน เพราะกันสนทนากันถูกคอ

“สี่คนครับ” เม่นรีบบอกพนักงานร้านที่พูดคุยทักทายแม่แก้วกับหลงอย่างสนิทสนม เม่นยิ้มกว้าง ก่อนผายมือให้หลงกับแม่แก้วเดินเข้าไปในร้านก่อน แล้วก็ตามด้วยเขากับแม่ “ร้านนี้อาหารอร่อย” แม่แก้วบอกกับแม่ของเม่น “เดี๋ยวซื้ออะไรติดมือกลับไปด้วยนะคะ อาหารหรอยจังฮู้ เดี๋ยวคนที่งอนแต่หิ้วท้องหิวรอ ก็หายงอนเอง” แม่แก้วหัวเราะกับแม่ของเม่น เมื่อผู้หญิงทั้งสองคนเข้าใจหัวอกกันดี เรื่องสามีของพวกเธอ

เม่นรู้สึกว่า นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้กินข้าวแบบมีความสุขอย่างในค่ำคืนนี้ เสียดายที่พ่อของเขาขอตัวเข้านอนก่อน ไม่ยอมมาด้วย ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะสมบูรณ์แบบ เม่นพูดกับหลงว่า นี่ถ้ามากันเองแค่เขากับหลง เม่นอยากจะชวนหลงอยู่ต่อหลังจากที่กินข้าวเสร็จ แต่หลงบอกว่า พ่อชูไม่ยอมแน่นอน

เพราะแม้ว่าพ่อชูจะไว้ใจลูกอย่างหลง แม้ว่าหลงจะโตท่ามกลางแสงสีและความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง แต่พ่อก็เลี้ยงหลงมากับคำสอนที่ว่า อะไรบางอย่างที่เราอยากทำ แต่ถ้ายังไม่ถึงเวลา พ่อก็ขอให้หลงนั้นอดเปรี้ยวไว้กินหวาน อย่าทำอะไรก็ตามที่หลงจะต้องมานั่งเสียใจทีหลัง เพราะมันจะเป็นเรื่องที่หลงไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้อีก

“ทำไมชอบยิ้มจัง มองแล้วก็ยิ้ม” หลงอดไม่ได้ในที่สุด ที่จะถามเม่นออกไป หลังจากสังเกตมาสักพักแล้ว ว่าเม่นชอบทำแบบนั้น “ก็ทำไมชอบทำน่ารักจังล่ะ ก็เลยต้องมองแล้วยิ้ม” เม่นตอบพร้อมกับสบตากับหลง โดยที่หลงนั้น เพิ่งเคยรู้สึกว่าใจเต้นแบบแปลก ๆ แบบที่ไอ้เพื่อนคมเข้มของตัวเอง พูดชมหลงมานับครั้งไม่ถ้วน หลงก็ไม่เคยจะรู้สึกอะไรแบบนี้เลยสักครั้ง

เม่นทำท่าเหมือนจะพูด แต่ก็ไม่ยอมพูด เอาแต่หันไปมองทางแม่ของตัวเองซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น ในใจคิดว่าเขาจะเริ่มต้นพูดออกไปอย่างไรดี กับสิ่งที่เขาเก็บเอาไว้เป็นความลับของตัวเองมานาน ซึ่งเรื่องนี้ เขาเคยบอกกับหลงมานานแล้ว ว่าไม่อยากจะปิดบัง กับที่บ้านอีกต่อไป แต่ก็เป็นที่หลงเตือนเม่นเอาไว้ว่า กับเรื่องนี้ เม่นต้องทำตนที่เม่นแน่ใจแล้วเท่านั้น เม่นต้องมั่นใจว่า เวลาที่เม่นเลือกนั้น จะปลอดภัยสำหรับเม่น และที่เม่นพูดออกไป เม่นทำเพื่อตัวของเม่นเอง ไม่ใช่เพื่อใครที่ไหน ไม่แม้แต่จะทำเพื่อหลง

“มีอะไรหรือเปล่าเม่น” สุดท้ายคนที่อดรนทนไม่ได้ กลายเป็นแม่ของเม่นเสียเอง ที่เอ่ยถามขึ้นมาก่อน เพราะทนอาการอึกอักยึกยัก จะพูดก็ไม่พูดของลูกชายไม่ไหว เม่นที่เพิ่งบอกข่าวดีเรื่องสำคัญกับแม่ เรื่องที่ว่าเม่นนั้นสอบวิชาสุดท้ายผ่านแล้ว เขากำลังจะจบการศึกษาจากรั้วมหาวิทยาลัยไปหมาด ๆ หันมามองแม่แบบที่ชายหนุ่มที่โตแล้วคนหนึ่ง กำลังจะบอกเรื่องที่ใหญ่มากอีกเรื่องหนึ่งสำหรับตัวเอง ให้กับแม่ได้ฟัง

“คุณแม่จำหลงได้มั้ยครับ ที่เราเคยไปโฮมสเตย์เขา ตอนเม่นสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้” แม่ของเม่นหันหน้ามาจากจอโทรทัศน์ที่กำลังดูอยู่ ก่อนจะพยักหน้าให้ลูกชาย “ตั้งแต่วันนั้น” เม่นพยายามเรียบเรียงคำพูดในหัวของเขาให้ออกมาเข้าใจง่ายและตรงไปตรงมาที่สุด “เม่นกับหลง เราก็คุยกันมาตลอด” เม่นใจเต้นแรงมากในตอนนี้

“มีเพื่อนดี ก็ดีแล้วนะเม่น” แม่พูดออกมาแบบนั้น ทำให้เม่นรู้สึกว่า เขาอาจจะต้องพูดให้ชัดกว่านี้ “คือ คุณแม่ครับ เราไม่ได้คบกันแค่เป็นเพื่อน” แม่ของเม่นในตอนนี้ในหูของเธอมีเสียงวิ้งดังระงมไปหมด แต่ใช่ว่าเป็นเพราะเธอได้ยินลูกชายพูดบอกว่า เม่นคบหาเป็นแฟนอยู่กับผู้ชายอีกคนหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่า เธอรับรู้แล้วว่า วันนี้ที่เธออยากจะยืดให้มันนานออกไปให้ได้มากที่สุด มันมาถึงแล้วต่างหาก

“หลงเป็นแฟนเม่นครับคุณแม่” แม่ของเม่นหันมามองหน้าลูกชาย ประโยคที่เธอได้ยินลูกชายพูดชมเด็กผู้ชายอีกคนว่าน่ารัก ย้อนกลับมาให้เธอจำได้อีกครั้ง “ตอนนี้เม่นเรียนจบแล้ว เม่นเลยอยากจะบอกให้คุณแม่รู้ ว่าเม่นกับหลง เราตัดสินใจที่จะอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตด้วยกัน เม่นอยากบอกคุณแม่มานานมากแล้ว แต่หลงบอกให้เม่นทำตอนที่พร้อมที่สุด เม่นเรียนจบแล้ว เม่นคิดว่าตอนนี้เม่นพร้อมแล้ว” แม่ของเม่นไม่รู้เลยว่า เธอควรจะทำสีหน้าแบบไหนให้ลูกชายได้เห็นดี

“หลงเป็นเด็กดี” นั่นคือสิ่งที่แม่ของเม่นพูดออกไปได้ “ใช่ครับ หลงช่วยผมเรียนมาตลอดสี่ปี แม้ว่าเราจะอยู่ไกลกัน” แม่ของเม่นพยักหน้า เธอเองก็สังเกตเห็นว่า ผลการเรียนของเม่นนั้นไม่เคยตกลงเลย มีแต่ที่จะดีขึ้นในทุก ๆ เทอม “เราสองคนไม่เคยทำเรื่องไม่ดี ไม่เคยทำตัวเกินเลย ผมไม่เคยล่วงเกินหลงตอนที่หลงมาเที่ยวกรุงเทพฯ ไม่อย่างนั้น พ่อชูคงไม่ยอมให้เราเป็นเพื่อนกัน” เม่นจำได้ ว่าพ่อชูอนุญาตแค่ให้เม่นกับหลง คงสถานะเป็นเพื่อนกันไปก่อน จนกว่าจะทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้

“เม่นรักหลงครับ” แม่ของเม่นรู้สึกร้อนผะผ่าวที่ขอบดวงตาทั้งสองข้าง แต่เธอก็เผยรอยยิ้มให้กับลูกชาย “รักกันนาน ๆ นะ แม่ขออวยพร” เม่นยิ้มกว้างยกมือขึ้นกราบแม่ โดยที่แม่ของเขาก็รวบมือที่พนมขึ้นของเม่นไปบีบเอาไว้ ก่อนที่เม่นจะขอตัวออกไปข้างนอกก่อน โดยที่แม่ของเม่นนั้นปล่อยให้น้ำตาของเธอไหลลงมาหลังจากนั้น

แม่ของเม่นกระดกไวน์แดงขึ้นจนเกือบหมดแก้ว ขณะนั่งดูรูปถ่ายตั้งแต่ยังเล็กของเม่น เธอใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาบนแก้มของเธอ ก่อนจะพลิกหน้าอัลบั้มรูปสมัยเก่าไปอีกหน้าหนึ่ง ริมฝีปากของเธอสั่นระริก เมื่อได้เห็นรูปที่เม่นยิ้มแก้มแทบปริ กับจักรยานคันแรกของเขา แม่ของเม่นปาดน้ำตาออกจากแก้มทั้งสองข้าง ก่อนจะกระดกไวน์แดงที่เหลือในแก้วลงคอไปจนหมด

“คุณคะ ฉันมีเรื่องจะบอกคุณ” แม่ของเม่นยกโทรศัพท์ขึ้นกดโทรหาผู้เป็นสามี เมื่อเธอใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วยเธอรวบรวมความกล้าให้โทรหาสามี แม่ของเม่นบอกสามีทั้งสองเรื่องใหญ่ของเม่นให้เขารับทราบ เสียงตะโกนกลับมาจากพ่อของเม่นว่า เขาไม่มีลูกชายที่เป็นเกย์ และไม่มีวันยอมรับลูกที่วิปริตผิดเพศแบบนั้น คำพูดของแม่แก้วเมื่อหลายปีก่อนย้อนมาให้แม่ของเม่นได้ยินกระจ่างชัดอีกครั้ง กับปฏิกิริยารีแอคชั่นของพ่อชู ในวันที่รับรู้ว่าลูกหลงของพ่อชูนั้น ชอบผู้ชายด้วยกัน

“แม่แน่ใจนะครับ ว่าไม่ต้องให้เม่นขับรถไปรับ” หนึ่งปีหลังจากที่เม่นเรียนจบและย้ายลงใต้ไปช่วยงานที่ฮักใต้โฮมสเตย์ ก็ถึงเวลาที่เม่นและหลง จะได้ทำงานในสิ่งที่ทั้งสองคนเรียนมา และได้ตั้งต้นชีวิตเป็นของตัวเองเสียที หลังจากที่แม่แก้วให้ทั้งสองคนไปบริหารโฮมสเตย์จนมีกำไร และแม่แก้วก็ให้กำไรนั้นมาเป็นทุนตั้งต้นครอบครัว

“แค่นี้เอง เดี๋ยวแม่เรียกรถจากแอพไปก็ได้” แม่ของเม่นกำลังจะนั่งรถไปดูบ้านใหม่ที่ทั้งเม่นและหลงช่วยกันก่อร่างสร้างด้วยกัน “แม่แก้วมาด้วยมั้ย” แม่ของเม่นถามลูกชาย “ต้องมาอยู่แล้วครับ แม่แก้วต้องมาดูให้แน่ใจว่า เม่นสามารถดูแลลูกชายคนเดียวของแม่แก้วได้เป็นอย่างดี” แม่ของเม่นหัวเราะไปกับลูกชายด้วย เธอดีใจที่ลูกชายของเธอมีความสุข แม่ของเม่นวางสายโทรศัพท์จากลูกชาย กำลังจะเดินออกจากบ้าน

“คุณ” สามีของเธอมายืนอยู่ตรงหน้าประตู แม่ของเม่นตกใจ ที่เห็นพ่อของเม่นกำลังมีน้ำตาไหลนองใบหน้า เพราะตั้งแต่วันที่เธอโทรบอกเขาเรื่องของเม่น แม่ของเม่นก็ยึดเอาความสุขของลูกเป็นหลัก เธอบอกกับสามีของเธอไปว่า เอาไว้วันไหนเขาพร้อมที่จะเห็นความสุขของเม่น เป็นความสุขที่แท้จริงของตัวเอง ตอนนั้นค่อยโผล่หน้ามาให้เธอเห็น หลังจากนั้น พ่อกับแม่ของเม่นก็แยกทางกัน

“ยังไม่สายใช่มั้ย มันยังไม่สายเกินไปสำหรับผมใช่มั้ย” กับหนึ่งปีที่ผ่านมา ที่พ่อของเม่นนั้นต่อสู้กับความคิดของตัวเองกับเรื่องนี้ แม่ของเม่นเองก็ใช่ว่าจะทำใจได้ในทันที ที่ลูกชายของเธอจะมีชีวิตผิดแผกไปจากที่เธอวาดความฝันเอาไว้ “ยังหรอกค่ะ” แม่ของเม่นบอกกับสามี ที่ดินเข้ามากอดเธอไว้ แสงจันทร์คืนฟูลมูน มองออกไปเห็นอย่างเด่นชัด ที่ด้านนอกหน้าต่าง เขาร้องไห้ตัวโยน เสียใจที่พลาดเป็นส่วนหนึ่งของโอกาสในชีวิตลูกชายตั้งแต่เขาประกาศตัดพ่อตัดลูกกับเม่น

“ผมกลัว” พ่อของเม่นถอนกอดออกจากผู้เป็นภรรยา “ผมกลัวว่าผมจะจากไปเสียก่อน อย่างพ่อชู” พ่อของเม่นปาดน้ำตาลวก ๆ ออกจากใบหน้า “ไม่ทันได้เห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝา มีความสุข” พ่อของเม่นรู้สึกผิดและเสียใจมากจริง ๆ ที่เคยพูดอะไรแย่ ๆ กับลูกชายออกไป ถึงขนาดดุด่าว่ากล่าวว่าเม่นนั้น ไม่สมควรจะเกิดมาเป็นลูกเขา “มีความสุขไม่พอนะคะคุณ” แม่ของเม่นพูดบอกกับพ่อของลูกชายเธอ

“แต่ต้องมีความสุขกับคนที่ลูกเรารัก และเขาก็รักลูกของเรา” แม่ของเม่นดีใจที่พ่อของเม่นเปลี่ยนความคิดที่มี กับเธอนั้น มันอาจจะย้อนเวลาให้กลับมาเป็นคู่ผัวตัวเมียกันไม่ได้อีกแล้ว แต่กับเม่น เธอดีใจอย่างที่สุด ที่เม่นจะได้ผู้เป็นพ่อกลับมาในชีวิตอีกครั้ง ด้วยความรักและความเข้าใจซึ่งกันและกัน

****************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษและไทย โดย Jay J

FULL MOON PARTY - คริสติน่า อากีล่าร์

https://www.youtube.com/watch?v=gXhhhP0LoBI


ได้ยินเสียงเพลง สะกิดใจลึกลึก ฟังคึกคัก

The song in the air, ready for quick feet, ultimately

และมีพระจันทร์หนึ่งดวงอยู่บนฟ้า เหนือทะเล

One big full moon in the sky, above the sea

ค่ำคืนนี้มีผู้คนและแสงสี


Tonight, all the people and those neon lights

และมีฉันเคียงกับเธอที่แสนดี

Me and you, my nice naughty boy

เพลงล้วนล้วนฟังยั่วยวนจับขั้วหัวใจ

Pure music and the rhythm hit our hearts

ก็ใครใครใครใครใครจะทนไหว

Who else can skip these funky beats


โอบกอดฉันเอาไว้ในอ้อมแขนคืนนี้

So, hold me close tonight

ฉันขอชวนเธอเต้นรำ

You and I, we’re dancing this very floor

แสงจันทร์นวลผ่องส่องอร่าม

Oh, what a bright moonlight

ท้องทะเลช่างสวยงาม

Over the beautiful ocean


บทเพลงมันรุกมันเร้า

The songs keep hitting the feelings over and over

และไม่มีความเหงามาทำเราให้หยุด

The loneliness can never stop us at all

เสียงนั้นดังสุดสุด จะมีผู้ใดหยุดยั้ง

While the music blasts, who’s gonna say piss off

หยุดยั้งในแรงพลังแห่งดนตรี

And quit all of this mega tune


อยู่กันที่ฟลอร์ โอบกอดกันชิดชิด คนนับร้อย

On the floor, holding tight, hundreds around us

แอบมองหน้าเธอ และเธอก็มองฉัน ซึ้งซึ้งดี

Looking into your eyes and mine, feel quite nice


ที่ตรงโน้นมีคลื่นลมและสีแสง

Right over there, it’s wind and all the lights

ที่ตรงนี้คนเต้นรำอย่างร้อนแรง

Right over here, hot songs people dance to

ความครึกครื้นในค่ำคืนที่ฝังใจ

All excitement in the unforgettable night

ก็ใครใครใครใครใครจะทนไหว

Who else can skip these funky beats

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๓๙. COMING OUT _ 9.05.2023
«ตอบ #41 เมื่อ05-09-2023 16:45:40 »

Crime and Love Scene Investigation

๓๙. Coming Out


“บอส นี่เป็นคลิปที่ผมกู้คืนได้จากฮาร์ดดิสก์ของร้านนวด” ลูกทีมของห่วยสืบสวนลับ บอกกับสารวัตรรัฐนนท์ ถึงคลิปที่อาจจะทำให้คดีคืบหน้าได้ “ดีมาก ไหน เปิดเลย” ชนธัญเดินตามมาสมทบ หลังจากส่งข้อความตอบกลับด็อคเตอร์ดรุณี ถึงเรื่องที่หมอดุกำลังร่วมมือกับเพื่อนหมอจิตเวช เรื่องแนวทางการสืบสวนผู้ต้องสงสัยที่มีความผิดปกติทางสมอง ที่เข้าข่ายการยกเว้นความรับผิดทางกฎหมาย

“ผมเตือนเอาไว้ก่อนนะครับบอส คุณชนธัญ” ทั้งสองคนที่ถูกระบุชื่อสบตากัน ก่อนจะมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า และเมื่อคลิปถูกเปิด ชนธัญก็หลุบตาลงต่ำ กลับไปชำเลืองมองด้วยอาการเขิน ๆ “โอ้” สวนสารวัตรรัฐนนท์นั้นถึงกับส่งเสียงร้องออกมาทันทีทันใด ที่ได้เห็นอะไรแบบนี้ตั้งแต่เริ่มต้นวัน

“ถึงว่า ไม่แปลกใจถ้านิวจะถูกฆ่าตาย ด้วยสาเหตุนี้” สารวัตรหนุ่มหล่อเมื่อได้เห็นคลิปตั้งกล้องถ่ายในห้องนวด กับคลิปที่นิวกำลังมีอะไรกับลูกค้า “ปิดคลิปก่อนก็ได้ครับ ผมพอจะเข้าในไอเดียคดีแล้ว” ลูกทีมที่กู้คลิปกลับมาได้ หลุดหัวเราะออกมา เมื่อเห็นทั้งแก้ม ทั้งใบหูทั้งสองข้างของชนธัญนั้นแดงไปหมด

“ทางเจ้าของร้านนวดเคยมีประวัติอัดคลิปลูกค้า แล้วไปปล่อยขายในอินเทอร์เน็ตมาก่อน” ลูกทีมหน่วยสืบลับอธิบายต่อ สารวัตรรัฐนนท์ใบหน้าอมยิ้ม เมื่อเห็นชนธัญพยายามทำกลบเกลื่อนจากการเคลื่อนไหวของผู้ชายสองคนในคลิป ที่เพิ่งเห็นไป “แต่ครั้งนี้อ้างว่า คลิปนี้ไม่ได้ถูกนำไปปล่อยขายที่ไหน” สารวัตรรัฐนนท์มองหน้าลูกทีมแบบรู้กันว่า นั่นแทบจะเชื่อไม่ได้เลย เพราะ Motive หรือแรงจูงใจการฆาตกรรมจากคลิปนี้ มีน้ำหนักมากเหลือเกิน

“เราระบุตัวลูกค้าได้ด้วยนะครับบอส” ลูกทีมหน่วยไอทีดันเอกสารผู้ต้องสงสัยส่งให้สารวัตรหนุ่มหล่อ “รูปพรรณสัณฐาน รอยสักที่แขนซ้าย ตรงกันกับกล้องวงจรปิดที่ได้จากตึกฝั่งตรงข้ามอพาร์ทเม้นท์ของผู้เสียชีวิต” เป็นอีกครั้งที่กล้องวงจรปิดจากอีกที่หนึ่ง ที่ไม่ใช่จากที่เกิดเหตุ ช่วยให้คดีไหลต่อได้

“ดีมาก ส่งคนไปนำตัวเจ้าของร้านนวดมาที่สืบสวนลับ และทำเรื่องไปที่ท่านผู้พิพากษา ขอหมายศาลเรียกตัวผู้ชายที่เป็นลูกค้ามาให้ปากคำ” สารวัตรรัฐนนท์สั่งการลูกทีมของเขา ก่อนจะหันไปถามชนธัญ “คุณคิดว่าไง” ชนธัญคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ถ้าลูกค้าคนนี้มาติดพันนิวจริง ถึงขั้นจะคบหากันจริงจัง ตามที่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาจากพนักงานประจำร้านนวด” ชนธัญกำลังเรียงลำดับความคิดของตัวเอง

“มันมีเหตุผลอะไรที่นิวจะเป็นคนแอบถ่ายคลิป หรือร่วมมือกับเจ้าของร้านทำเรื่องนี้เสียเอง เพราะไม่ช้าไม่นาน คนในคลิปกับนิวก็ต้องรู้ความจริง สมัยนี้คลิปมันเป็นไวรัล แพร่กระจายเร็วจะตาย โดยเฉพาะคลิปประเภทนี้” ชนธัญยังไม่อยากจะปักใจเอในทุกอย่างที่เห็น “ไม่อย่างนั้น” สารวัตรรัฐนนท์และชนธัญเอ่ยประโยคเดียวกันขึ้นมา แทบจะพร้อม ๆ กัน

“มีคนอื่นรู้อีก นอกจากสามคนนี้” สิ่งที่ทั้งสองคนเห็นตรงกันก็คือ นอกจากนิว ลูกค้าในคลิป แอบถ่าย และเจ้าของร้านนวดแล้ว ยังมีใครคนอื่นอีก ที่เป็นตัวแปรและอาจจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในสมการฆาตกรรมนี้ “เดี๋ยวก็รู้” สารวัตรรัฐนนท์พูดขึ้น เมื่อเห็นแนวทางในการสืบสวนคดีนี้ต่อ

ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น ทางทีมสืบลับก็สามารถนำตัวเจ้าของร้านนวด ที่กำลังจะหลบหนี นำตัวมาสอบสวนต่อได้ โดยถูกแยกไปอีกห้องหนึ่ง ส่วนลูกค้าหนุ่มที่ถูกระบุตัวในทั้งสองคลิป ทั้งจากที่ตัวเองโดนแอบถ่ายและคลิปจากกล้องวงจรปิดที่ตึกตรงข้ามอพาร์ทเม้นท์ของนิว ป้องรีบโทรหาพ่อของเขาทันทีที่เจ้าหน้าที่สืบสวนไปนำตัวเขามา

“พวกคุณไม่เข้าใจ ผมพูดอะไรออกไป บอกอะไรพวกคุณไป ผมไม่รอดแน่ ๆ” ชายเจ้าของร้านนวดโอดครวญด้วยใบหน้าของคนที่อดนอนมาหลายคืน “ถ้าอย่างนั้น ทำไมถึงไม่คิดให้ดีเสียก่อน ถึงผลที่มันจะตามมา ก่อนจะไปตั้งกล้องแอบถ่ายคนอื่น” เสียงเจ้าหน้าที่ควบคุมผู้ต้องสงสัยดังขึ้น ก่อนจะพาเจ้าของร้านเข้าไปในห้องสอบสวน โดยมีเสียงร้องขอความเห็นใจของเจ้าตัว จนเข้าห้องไป

“ส่วนคุณ คุณป้อง” สารวัตรรัฐนนท์มองหน้าชายหนุ่มเจ้าของลายสักที่แขน ที่เขาอ้างกับเจ้าหน้าที่ตอนโดนควบคุมตัวว่า “ผมบอกพวกคุณไปแล้ว ว่าใครก็มีรอยสักแบบนี้ได้ นี่มันสมัยไหนกันแล้วคุณ” เสียงพูดนั้น เป็นเสียงของคนที่รู้ดีว่า ตัวเองนั้นถือไพ่เหนือกว่าทุกคนตรงนั้น และเจ้าหน้าที่ตำรวจพวกนี้กำลังทำให้เขาเสียเวลา

“อีกอย่างนะ ไม่ว่าผมจะพูดอะไรออกไป สุดท้ายแล้ว พวกคุณก็ต้องปล่อยผมไปอยู่ดี ยิ่งพ่อผมรู้เรื่องที่พวกคุณบังคับผมมาแบบนี้ด้วยแล้ว” ป้องหัวเราะเยาะใส่สารวัตรรัฐนนท์ที่ชูหมายเรียกที่ออกโดยศาลสถิตยุติธรรมให้เขาดู “เดี๋ยวพวกคุณก็จะได้รู้เอง ดาวบนบ่าพวกคุณมันช่วยอะไรไม่ได้หรอกครับ คุณตำรวจ คุณนักสืบ” ป้องยังคงยิ้มเยาะนายตำรวจหนุ่มและชนธัญที่ยืนอยู่ตรงนั้น ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินเข้าห้องสืบสวนไป

“ผมเสียใจนะ ที่คุณถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว เรื่องคลิปแอบถ่าย และเสียใจด้วยจริง ๆ ที่เพื่อนชายของคุณต้องมาเสียชีวิตแบบนี้” สารวัตรรัฐนนท์ยื่นหลักฐานเอกสารในคดีต่อหน้าป้อง “แต่คุณจะปฏิเสธอย่างนั้นหรือ ว่าคนในคลิปแอบถ่าย รวมทั้งคลิปจกกล้องวงจรปิด ที่อยู่กับผู้ตาย ทั้งสองคลิปนั้น ไม่ใช่คุณ” ป้องเบือนสายตาหนีจากภาพถ่ายฆาตกรรมพวกนั้น

“ผมไม่ได้ทำ” ป้องพูดปฏิเสธออกไป มองหน้าสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญสลับไปมา “และถ้าจะมีใครสักคนที่ผิด ก็เป็นที่นิวนั่นแหละ ที่ทำให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้น ทุกอย่างมันเริ่มต้นมาจากเขา พวกคุณไม่เข้าใจ” ชนธัญจับปลายน้ำเสียงของป้องได้ ว่าชายหนุ่มนั้นกำลังรู้สึกเสียใจเช่นกัน “คุณช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ต้นให้ฟังได้มั้ยครับ เราจะได้เข้าใจทุกอย่างดีขึ้น” ชนธัญพูดอย่างใช้น้ำเย็นเข้าลูบ

เหมือนว่าป้องเองก็อยากจะพูดอะไรมากกว่านั้น แต่สารวัตรรัฐนนท์ก็รู้สึกหัวเสียขึ้นมาเสียก่อน ที่ลูกทีมของเขาไม่รอบคอบ ปล่อยให้ป้องนั้น แอบนำโทรศัพท์อีกเครื่องติดตัวเข้ามา และเขาก็เพิ่งรับสายใครบางคน ที่ถ้าเดาไม่ผิด ก็น่าจะเป็นบิดาของป้องเอง ที่ตอนนี้ชายหนุ่มมีทีท่าเปลี่ยนไป หลังจากที่วางสายลง พร้อมทั้งปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม จนกว่าทนายประจำครอบครัวของเขาจะมาถึง

“ตกลงจะคบกันจริงจังใช่มั้ย” นิวที่นอนเปลือยเปล่า โดยขาทั้งสองข้างของเขา ก่ายเกยกับขาของป้อง ที่ทั้งสองคนนอนบนโซฟา หันศีรษะไปคนละด้าน ถามอีกฝ่ายออกไป ป้องพยักหน้ายิ้ม ๆ แทนคำตอบ “ไม่อยากจะเปลี่ยนคนเอากันไปเรื่อย ๆ แล้ว เอานิวแล้วมันดี” นิวรู้สึกว่านั่นเป็นคำชมเสียด้วยซ้ำ ที่ชายหนุ่มจากครอบครัวดัง มีชื่อเสียงในสังคม มาตกหลุมเขาแบบนี้

“ได้นวดฟรีด้วย ได้เอาฟรีอีก ใครจะไม่สน” ป้องใช้ปลายนิ้วเท้าเขี่ยเข้าที่ยอดอกของนิวอย่างหยอกล้อ “ลามกชะมัด” นิวพูดว่าป้องไปอย่างนั้น ตอนนี้เขากำลังคิดถึงความสบายในชีวิตที่กำลังจะเข้ามาหา เมื่อรู้ดีว่าป้องนั้นเงินถุงเงินถังขนาดไหน และมันก็มหาศาล มากพอที่จะทำให้ความเป็นอยู่ของเขาเปลี่ยนแปลงไปในชั่วพริบตา

“ขอแค่ป้องไม่มั่วไปมีคนอื่นอีกก็พอ” นิวใช้ปลายนิ้วเท้า เขี่ยคลึงไปที่แก่นกลางลำตัวและพวงห้อยย้อยของป้องเล่น จนมันตื่นดันตัวขึ้นพาดที่ท้องของชายหนุ่ม “สัญญา” ป้องรับปาก เสียงกระเส่าขึ้นเมื่อนิวใช้นิ้วเท้าคีบรูดขึ้นลงตามความยาวหนักหน่วงขึ้น “ป้องต้องไม่ปิดบังกับใครนะ ว่านิวคือแฟนป้อง” นิวบอกความต้องการของเขาออกไป ป้องดูชะงักในทันที เขาเปลี่ยนจากท่านอนมาเป็นนั่งแทน

“นิวแค่อยากเป็นตัวจริงของป้อง ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ บอกใครก็ไม่ได้ ว่าเราเป็นอะไรกัน” นิวขยับตัวตามมานั่งให้อกเบียดเข้ากับต้นแขนของป้อง “ดูอย่างนิวสิ ไม่เห็นต้องแคร์อะไรใครเลย” นิวเอาคางวางไว้ที่ไหล่ป้อง พูดพลางเอามือรูดขึ้นรูดลงตามแก่นกลางลำตัวของชายหนุ่ม น้ำเสียงแสดงความไม่ยี่หระ ไม่สนว่าใครจะคิดกับเขายังไง

“ขอเวลาป้องหน่อยแล้วกัน” ป้องหันมาสบตากับนิว แววตาของนิวดูไม่พอใจที่ไม่ได้ดั่งใจ “ทำไมล่ะ นิวไม่ได้ขออะไรป้องมากมายเลยนะ” ป้องถอนหายใจออกมาเบา ๆ “นิว” เรียกชื่ออีกฝ่ายแบบดึงอารมณ์ให้เย็นลง “ดูอย่างนิวสิ นิวเป็นอิสระจากทุกคน ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าใครจะคิดยังไง เพราะนิวไม่มีเรื่องต้องปิดบังใคร” นิวรู้สึกว่าชีวิตของเขาปลอดโปร่งมาก เมื่อหลุดพ้นจากบ่วงพันธนาการตัวตนของเขา

“กับพ่อแม่นิวก็ไม่เห็นต้องสน” นิวยังคงจำฝังใจกับวันที่เขาถูกไล่ออกจากบ้านมา เพราะชอบผู้ชายด้วยกัน “บ้านป้องไม่เหมือนกับบ้านนิว” ป้องพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลใจ “พ่อของป้องไม่เหมือนใคร เขาไม่ยอมเข้าใจเรื่องอะไรแบบนี้แน่ ๆ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ วันนี้” ป้องรู้จักพ่อของตัวเองดี ทัศนคติเกี่ยวกับเกย์

“ทำไมเราต้องแคร์กับพวกหัวโบราณที่คอยแต่จะกดขี่เราด้วยนะ” นิวน้ำเสียงฟังดูเกรี้ยวกราดขึ้น เมื่อป้องดูจะไม่ทำตามที่นิวต้องการ “ป้องต้องบอกกับที่บ้าน ว่าเราคบกัน บอกไปเลยว่าป้องชอบเอาผู้ชาย อย่างที่ป้องชอบเอานิว ป้องจะปฏิเสธหรือไง ว่าป้องไม่มีความสุข ทุกครั้งที่ป้องดันเจ้าดุ้นนี่เข้ามาอยู่ในตัวนิว” นิวลูบไล้แก่นกายของป้อง ชายหนุ่มสับสน ไม่อยากมีปัญหากับคู่ขา แต่ก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรอย่างนั้นออกไป ยิ่งกับพ่อของเขาเอง

“มันไม่มีหรอก เวลาที่ปลอดภัยอะไรนั่น ที่พวกผู้ใหญ่กดเสรีภาพของเราเอาไว้ บูลชิท” นิวที่ไม่เคยเชื่อว่า ชีวิตของเขาควรถูกผูกเอาไว้ด้วยเงื่อนไขของเวลา “ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ ก็จะไม่มีทางได้โงหัว คอยถูกบงการอยู่เรื่อยไป ยังไงป้องก็คือลูก เขาจะทำอะไรป้องได้ อย่างมากก็แค่ด่า คนรวยอย่างป้องกลัวเสียหน้ามากกว่ากลัวเสียลูกอย่างนั้นหรือ ไม่ต่างจากพวกปากกัดตีนถีบแบบบ้านนิวเลย อย่างนั้นหรือ พ่อป้องไม่กล้าเสียป้องไปหรอก เชื่อนิว” เหมือนนิวจะจี้จุดได้ถูกอยู่ไม่น้อย

ป้องนั้น เขาคิดและรู้สึกมาเสมอ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ยอมให้รุ่นพี่กะเทยโรงเรียนชายล้วนที่เขาเรียนอยู่ ใช้ปากปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศให้เป็นครั้งแรก ว่าเขาชอบอะไรแบบนี้ ป้องยอมรับและไม่พยายามหลีกหนีตัวเอง เขาชอบความรู้สึกที่มีริมฝีปากของผู้ชายด้วยกัน คลอเคลียสร้างความสุขให้กับแก่นกายของเขา แต่ก็อีก กับเรื่องเปิดเผยให้ทุกคนได้รับรู้ว่าเขาเป็นใครนั้น

ป้องเคยคิดที่จะบอกพ่อตอนที่เขาใกล้จะเรียนจบชั้นมัธยมปลาย เขารู้สึกว่า เขาคงมีอิสระในการใช้ชีวิตมากกว่านี้ ถ้าหากว่า ข้อจำกัดในชีวิตข้อนี้ของเขาหมดไป จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้ยินพ่อของตัวเองพูดว่า มันเป็นเรื่องที่ทุเรศมาก และยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ที่จะมีลูกชายเป็นพวกวิปริตผิดเพศ และพ่อดีใจมากที่ป้องนั้น เกิดมาตรงตามเพศกำเนิด เป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว

“ป้องดูนิวเป็นตัวอย่างสิ นิวยังผ่านมันมาได้เลย สุดท้ายก็เป็นพ่อแม่ของนิวด้วยซ้ำ ที่โทรมาขอให้นิวช่วยเหลือ พอรู้ว่านิวมีเงิน” นิวเบะปากใส่ เมื่อนึกถึงภาพพ่อกับแม่ที่มาขอเงินเขา ทั้ง ๆ ที่ทำใจดำกับนิวไว้มาก “ใช่ว่านิวขอให้ป้องถ่ายคลิปตอนเราเอากัน แล้วเอาไปโพสต์ให้คนอื่นดูสักหน่อย ไม่ได้ให้ป้องเปิดตัวแกรนด์อะไรขนาดนั้น” นิวหัวเราะออกมาอย่างนึกขัน ป้องกำลังจะพูดต่อ แต่โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

ป้องทำจุ๊ปากให้นิวเงียบเสียงหยุดพูดก่อน นิวย่นจมูกใส่ ก่อนจะหยิบเอามือถือของตัวเองขึ้นมาไถหน้าจอดู ทันทีที่ป้องรับสาย เสียงตะโกนด่าทอจากอีกฝั่งซึ่งเป็นพ่อของเขาเอง ก็ทำให้ป้องนั้นหน้าซีดเผือด สิ่งที่เขาได้ยินพ่อพูดมา ทั้งถาม ทั้งด่าทอ ทั้งอะไรต่อมิอะไรสารพัด ทำให้ป้องคิดอะไรไม่ออก

ป้องกดวางสายจากพ่อ เมื่อเขาได้ยินคำสั่งเฉียบขาดจากพ่อว่า ให้เขากลับเข้าบ้านเดี๋ยวนี้ ป้องมองตามนิวที่เดินเปลือยกายไปเปิดตู้เย็น หยิบน้ำเย็นออกมาดื่ม ก่อนจะหันมาถามป้องว่า จะดื่มน้ำเย็น ๆ ด้วยมั้ย ก่อนจะต้องประหลาดใจ เมื่อเห็นว่าป้องรีบลุกขึ้น ไม่พูดไม่จา รีบแต่งตัวใส่เสื้อผ้า แล้วผลุนผลันออกจากห้องไปเลย

“ถ้าทางตำรวจจะไม่ตั้งข้อหาอะไร อย่างนั้นผมขอพาลูกความของผมกลับเลยนะครับ” ทนายความของทางฝั่งป้อง ที่เข้ามาในห้องสืบสวนบอกกับสารวัตรรัฐนนท์ไปแบบนั้น “ยิ่งไปกว่านั้น ทางท่านนายพลท่านมีความรู้สึกว่า” ทนายความแตะต้นแขนของป้องให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่สายตาของทนายจับจ้องไปที่ชนธัญ

“ท่านไม่ต้องการให้ลูกชายคนเดียวของท่าน อยู่ท่ามกลางตัวประหลาดนานจนเกินไปนัก” ชนธัญมองเห็นทนายความหันไปกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูของป้อง และชายหนุ่มก็มีปฏิกิริยาตอบสนองทันที โดยการหันขวับมามองทางชนธัญด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตร และขยับเอาแขนไปไพล่ไว้ที่ด้านหลังแทน สารวัตรรัฐนนท์ก็เห็นกิริยาท่าทางของป้องเช่นกัน และพอจะเดาได้ว่า ทนายพูดอะไรกับป้อง

ที่ด้านหน้าห้องสืบสวนลับ ทุกคนได้ยินพ่อของป้องพูดขึ้นว่า ให้พาลูกชายของเขาออกไปให้ไกลจากพวกประหลาด พวกวิปริตผิดธรรมชาติโดยเร็วที่สุด ตรงนั้นมีทั้งท่านผู้บัญชาการที่ยืนฟังอยู่ ด็อคเตอร์ดรุณีที่เพิ่งปรึกษาปัญหากับท่านผู้บัญชาการเสร็จ หน่วยเก็บและพิสูจน์หลักฐานที่เพิ่งร่วมงานและกลับเข้ามาที่ศูนย์กับหน่วย Ballistic และแน่นอน หน่วยสืบสวนลับที่มีหัวหน้าทีมอย่างสารวัตรรัฐนนท์ โดยที่ทุกคนหันมองมาทางชนธัญอย่างห่วงใย ที่อยู่ ๆ ก็ดูจะตกเป็นเป้าโจมตีในครั้งนี้

********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

กลัว - Nologo

https://www.youtube.com/watch?v=ZW4RreJ6pm0


เพราะว่าใจกลัว กลัวว่าเธอจะทิ้งกัน

Of my mind is scared, fear that you’ll leave me

จากไปลืมคนที่เคยบอกรักกัน

Of your mind that once said you love me


จมอยู่กับตัวเอง ติดอยู่กับเวลา

Within my own mess, and stuck in time

ทำไมเธอไม่มา เธอหายไปนานเหลือเกิน

Why you’re not here, you are away for too long

ยังมีคนที่คอยอยู่ วันและคืนเฝ้าหมองเหม่อ

There’s someone waiting, day and night gazing

ใครทำให้เธอห่างเหิน

Who made you steer away


ผ่านไปแต่ละวัน ก็ยังหวั่นในใจ

Each day passing, heart’s trembling

ว่ามันเกิดอะไร กับรักที่เธอให้มา

What’s happening with love you’re giving me?

เธอยังรักฉันรึเปล่า เธอมีใครสำคัญกว่า

Do you still love me? Or you have significant other?

เพียงแค่คิดยังปวดร้าว

Truly aches my heart thinking that


เพราะว่าใจกลัว กลัวว่าเธอจะทิ้งกัน

Of my mind is scared, fear that you’ll leave me

จากไปลืมคนที่เคยบอกรักกัน

Of your mind that once said you love me

ลืมทุกทุกอย่าง มันอ่อนล้าและสับสน

Totally forgot everything, weary and confused


จะต้องทำยังไง บอกกับเธอยังไง

What am I to do to say something to you?

ความอึดอัดในใจ ที่ฉันทนมาตั้งนาน

The awkward feeling, I have been getting

คนดีดีที่เคยห่วง นานวันไปยิ่งไกลห่าง

The sweet nice you, drifting away from me gradually

เพียงคิดน้ำตาก็ไหล

Crying my eyes out, imagining


ใจกลัว กลัวว่าเธอจะทิ้งกัน

My heart fears, afraid that you’re leaving me here

จากไปลืมคนที่เคยบอกรักกัน

Forget that you once said I was all yours

ลืมทุกทุกอย่าง

Totally put everything behind

มันอ่อนล้าและสับสน

Weak and disoriented

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๔๐. IDEALISTIC _ 9.06.2023
«ตอบ #42 เมื่อ06-09-2023 12:50:01 »


Crime and Love Scene Investigation

๔๐. IDEALISTIC


“มันติดต่อมา มันบอกว่า มันมีคลิปที่แกไปมั่วเซ็กส์กับมันในร้านนวด เห็นหน้าแกชัดเจน เห็นอะไรต่อมิอะไรของแกครบถ้วน” ป้องถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเขากลับมาถึงบ้าน แล้วท่านนายพลผู้เป็นบิดาของเขา เปิดฉากอัดใส่ป้องผู้เป็นลูกชายไม่ยั้ง “มันบอกว่ามันชื่อนิว แกจงใจทำเรื่องอย่างว่ากับมัน” ท่านนายพลกัดกรามแน่นจนขึ้นเป็นสันนูน พยายามข่มความรู้สึกอย่างที่สุด

“มันเรียกเงินสิบล้านบาทเป็นคริปโต โอนให้มันภายในหนึ่งชั่วโมง แลกกับการไม่ปล่อยคลิปแกลงในอินเทอร์เน็ต” พ่อของป้องหายใจเข้าออกลึก ๆ ช้า ๆ เมื่อคิดว่า ถ้าหากว่าคลิปของลูกชายของตนนั้นหลุดไป มันจะเป็นเช่นไร อะไรมันจะเกิดขึ้น “ตอนแรกฉันก้คิดว่า มันคงเป็นแค่พวกคอลเซ็นเตอร์เหมือนอย่างที่เคยเห็นในข่าว” ท่านนายพลมองหน้าลูกชาย น้ำตาคลอหน่วยกันทั้งคู่

“แต่มันส่งคลิปบางส่วนมาให้ฉันดู คลิปที่แกทำเรื่องระยำตำบอนในนั้น” ท่านนายพลผู้เป็นพ่อของป้องเสียงสั่นเครือ กลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างยากยิ่งยวด “และถ้าฉันยังคิดว่าจะไม่จ่ายเงินให้มันอีก ฉันจะได้ดูคลิปลูกชายของตัวเอง ใช้ปากอม” มาถึงตรงนี้ ป้องรู้สึกเสียใจและสงสารพ่อของเขาเป็นอย่างมาก

“เรื่องเลว ๆ เรื่องชั่ว ๆ นี่ ฉันไว้ใจแกได้เสมอจริง ๆ สินะ เจ้าป้อง” ป้องหลับตาลง ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมา นึกผิดต่อการกระทำของตัวเอง “ผมจัดการเรื่องนี้เองครับพ่อ” ป้องสะกิดใจที่อยู่ ๆ เขาก็เพิ่งได้ยินนิวพูดเรื่องคลิปอะไรนี่ออกมา ป้องเองก็ไม่นึกเหมือนกันว่า นิวจะสามารถทำอะไรแบบนี้กับเขาได้ แทงข้างหลังกันอย่างเลือดเย็น

“พ่อผมขอโทษ” ป้องมองสีหน้าและแววตาของท่านนายพลที่มีต่อความขมขื่น ยิ่งได้รู้ว่า พ่อของเขาโอนเงินไปให้อีกฝ่ายทันที โดยไม่ลังเล เพื่อช่วยไม่ให้ชีวิตของเขาต้องพังพินาศ ฉิบหายลงไปกับตาแล้ว ป้องยิ่งรู้สึกผิด เขารีบกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ของนิว หวังใจว่าจะคุยกับนิวให้รู้เรื่องถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

แต่เมื่อป้องเปิดประตูห้องของนิวเข้าไป เขาก็ถึงกับต้องตกใจสุดขีด ที่เห็นนิวถูกยิงที่ท้ายทอย นอนจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่ในนั้น ตอนแรกป้องก็ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เขาเห็น ป้องทรุดตัวลงข้าง ๆ กับศพของนิว โดยไม่ทันคิด ป้องหยิบปืนที่ตกอยู่ตรงนั้นขึ้นมาดุ หวังว่ามันจะเป็นปืนเด็กเล่น และทั้งหมดนี่ มันก็เป็นแค่นิวนั้นจัดฉากแกล้งเขา

แต่น้ำหนักของปืนที่อยู่ในมือของป้อง บวกกับตอนนี้ กลิ่นคาวเลือดและมันสมองที่อวลอยู่ในอากาศ ทำให้ป้องรู้สึกพะอืดพะอมอย่างที่สุด ป้องปล่อยปืนกระบอกนั้นทิ้ง ก่อนจะวิ่งพรวดเข้าไปในห้องน้ำ แล้วอาเจียนออกมาอย่างหมดไส้หมดพุง ป้องหูอื้อตาลายไปหมด ไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอะไรก่อนหลังดี

ป้องเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยอาการโรยแรง ขาอ่อนสั่นไปหมด แทบจะไม่มีแรงเดิน เขามองดูร่างของนิวที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงที่กองพับอยู่บนพื้น ก่อนจะมองไปยังจุดที่ปืนกระบอกนั้นตกอยู่ แต่คราวนี้ ป้องถึงกับใจหายวาบ เมื่อปืนกระบอกนั้นมันไม่อยู่ตรงนั้นอีกแล้ว ป้องลนลานกวาดตามองหา เดินวนรอบห้อง แต่ก็ไม่พบปืนกระบอกนั้นอยู่ที่ไหนเลยในห้อง ก็ในเมื่อป้องเพิ่งจับมัน โยนมันลงพื้น แล้ววิ่งเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำ แล้วปืนมันจะมีขาเดินไปไหนเองได้

“ผมยอมรับผิดเรื่องตั้งกล้องแอบถ่ายคลิปลูกค้า แต่เรื่องอื่นผมไม่รู้จริง ๆ ยิ่งเรื่องยิงกันตายด้วย ยิ่งแล้วใหญ่ ผมนี่สิ ที่ไปถ่ายคลิปลูกชายเขา ผมควรจะต้องกลัวถูกสั่งเก็บมากกว่าอีก หรือคุณนักสืบว่าไม่จริง พ่อเขามีอิทธิพลล้นฟ้า คับประเทศเสียขนาดนั้นน่ะ” เจ้าของร้านนวดพูดกับทีมสืบสวนลับไป ก็หน้าตาตื่นกลัวไป

“ถ้าเขาจะเรียกร้องเงินค่าเสียหาย ผมก็ต้องยอมแหละ ผมมีเงินเก็บอยู่ไม่มาก ถ้าเขาจะรับมันไปเพื่อจบคดี ไม่ต้องมาฟ้องร้องกัน เพราะคลิปนั่น คุณเจ้าหน้าที่คนนั้นก็เห็น วันที่ไปตรวจที่ร้านผม ว่ามันถูกลบทิ้งไปแล้ว” เจ้าของร้านนวดชี้นิ้วบุ้ยบ้ายไปที่หนึ่งในทีมด้านไอทีของสืบลับ “คลิปมันก็ยังไม่ได้ถูกเผยแพร่ไปไหน” เจ้าของร้านนวดถอนหายใจเฮือก ส่ายหน้าที่แสดงออกถึงเรื่องที่เขาได้ทำพลาดไปแล้ว

“นี่ท่านผู้บัญชาการคิดว่า อยากจะประกาศเป็นศัตรูกับผมหรือครับเนี่ย” ท่านนายพลพ่อของป้อง ถามอีกฝ่ายออกไปตรง ๆ ต่อหน้าทุกคนที่อยู่ตรงนั้น “ผมประกาศเป็นศัตรูกับคนที่ทำผิด และความอยุติธรรมครับท่าน นั่นคืองานของผม และข้าราชการทุกคน เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่อยู่ตรงหน้าท่านนายพลตรงนี้” ท่านผู้บัญชาการกล่าวตอบกลับไปด้วยความสุขุมและนิ่งสงบ

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เอาหลักฐานมาสิ ว่าลูกชายผมเป็นทำ” ท่านนายพลตอบกลับไปทันควัน “จะเอาผิดคนได้ มันต้องมีหลักฐาน ในหมายบอกว่า เจ้าป้องลูกชายผมเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าไอ้เด็กตุ๊ดเด็กแต๋วอะไรนั่น แล้วไหนล่ะคราวเขม่าดินปืนจากมือลูกชายผม” สารวัตรรัฐนนท์รู้สึกเจ็บใจที่ผลตรวจ GSR Gunshot Residue นั้น ผลออกมาเป็น Negative ไม่พบร่องรอยคราบเขม่าที่มือทั้งสองข้างของป้อง

“แล้วยังจะปืนกระบอกที่ถูกอ้างว่า เป็นปืนกระบอกที่ใช้ในคดีฆาตกรรมนี้อีก คุณหามันพบแล้วหรือยัง” ท่านผู้บัญชาการทราบข้อเท็จจริงข้อนี้ ว่าทางทีมสืบและทีมเก็บและพิสูจน์หลักฐาน ยังไม่สามารถหาปืนกระบอกดังกล่าวเจอ “แล้วคุณจะแน่ใจได้อย่างไร ถ้าคุณยังไม่ได้เปรียบเทียบกับปลอกกระสุน หรือกับหัวกระสุนว่า เป็นปืนกระบอกเดียวกันกับที่ใครก็ไม่รู้ เอามาใช้ยิงไอ้ลักเพศนั่น” ท่านนายพลพ่อของป้องตะโกนด่าเสียงดังลั่น

“ท่านไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดเหยียดกันนะครับ โดยเฉพาะกับผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว จากการกระทำอันป่าเถื่อนโหดร้าย ผิดมนุษย์มนาแบบนั้น” สารวัตรรัฐนนท์รู้สึกทนไม่ได้กับคำพูดดูหมิ่นดูแคลนกันเช่นนั้น “เดี๋ยวนะ คุณตำรวจ คุณคิดว่าใครกันแน่ที่ภาษีของพวกผมที่คุณใช้กินเงินเดือนอยู่ทุกเดือน ๆ น่ะ ควรจะให้คุณควรจะความสำคัญ ดูและ และคุ้มครอง” ท่านนายพลหันมาพูดกับนายตำรวจหนุ่มด้วยอาการไม่พอใจอย่างยิ่ง

“พวกผมสิครับ ไม่ใช่พวกเหี้ย ๆ ที่หากินบนความเดือดร้อน อับอายของคนอื่น” ถ้าเกี่ยวกับเรื่องคลิปที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวแบบนั้น สารวัตรรัฐนนท์ก็ไม่คิดที่จะเถียง “ถ้าคนมันเหี้ย ผมก็จะด่าพวกมันว่าเหี้ย คุณตำรวจคิดว่ามันจะเกิดอะไรกับครอบครัวและวงศ์ตระกูลผมบ้าง ชีวิตลูกชายผมจะเป็นยังไงต่อจากนี้” ป้องหลุบตาลงต่ำ มองที่พื้นตลอดเวลาที่พ่อของเขาบริภาษทุกคนที่อยู่ตรงนั้น

“ไอ้เรื่องคลิปอะไรนี่ คนที่ได้ดูมัน จะคิดยังไง ในเมื่อถ้ามันเกิดเป็นคลิป Deep Fake ขึ้นมาล่ะ มีคนจงใจทำมันใส่ร้ายลูกชายผม คนสมัยนี้ก็เชื่อกันไปหมด เชื่อกันง่าย ส่งต่อกันไปเป็นไวรัล แป๊บเดียว ได้ดูกันทุกคนอยู่ในมือถือทุกเครื่อง ไม่มีใครสนใจด้วยซ้ำ ว่ามันอาจจะไม่ใช่ความจริง” ท่านนายพลพูดข้อความที่ทนายได้ซักซ้อมกับท่านมาก่อนหน้านี้แล้ว

“ท่านครับ” ทนายประจำครอบครัวของท่านนายพล เรียกเบา ๆ เหมือนเตือนว่าให้พ่อของป้องพอแค่นี้ “ใช่ครับท่าน ผมต้องขอโทษท่านด้วยจริง ๆ ครับ เกี่ยวกับเรื่องคลิป” เจ้าของร้านนวดที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องสอบสวนยกมือไหว้ ท่านนายพลไม่รับไหว้แต่อย่างใด ใช้สายตามองดูเจ้าของร้านนวดด้วยความดูแคลน

“จริง ๆ คลิปนั้นผมได้ทำการลบทิ้งไปแล้ว ผมมีพยานเป็นเจ้าหน้าที่ไอทีของทีมสืบสวนของที่นี่” เจ้าของร้านนวดรีบพูดบอกกับท่านนายพล “ผมผิดเองที่อัดคลิปเอาไว้ เพราะความอยากได้เงินและคึกคะนองชั่ววูบ ผมจัดการลบมันทิ้ง แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีใคร อาจจะเป็นคนในร้านที่ลักลอบเอามันไป” เจ้าของร้านนวดพูดยาว พนมมือไหว้ท่านนายพลปลก ๆ ไม่หยุด

“ผมมีเงินเก็บอยู่นิดหน่อย เก็บเอาไว้ทำทุนร้าน แต่ถ้าผมพอจะไถ่บาปได้ ผมอยากจะชดใช้ในสิ่งที่ผมได้โง่เขลาเบาปัญญาทำลงไปครับท่าน ถ้าท่านจะกรุณา” ทนายความเห็นแบบนั้น ก็ดึงตัวของเจ้าของร้านนวดออกไปก่อน เพื่อจะไปทำความตกลงกันนอกรอบ เพราะท่านนายพลเอง ก็ไม่ได้ต้องการให้ชื่อของท่านและครอบครัวเป็นข่าวฉาว ในคดีฟ้องร้องคลิปอัปรีย์นี้

“เอาเป็นว่า ตราบใดที่พวกคุณไม่พยานวัตถุ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่แน่นหนาใด ๆ ที่จะโยงและมัดลูกชายผมเข้ากับคดีฆาตกรรมพวกผิดเพศวิปริตนี้ อย่าได้กล้าหือติดต่อผมมาอีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน ไป ป้อง กลับ” ป้องที่ได้ยินพ่อของเขาเรียก เงยหน้าขึ้น ก่อนจะสบตากับชนธัญที่ยืนอยู่ไม่ไกลกัน

“คุณป้อง คุณป้อง” ชนธัญรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามป้องไป เรียกให้อีกฝ่ายหันกลับมาคุยกันอีกครั้งก่อน “คุณไม่คิดจะเห็นใจนิวเขาเลยหรือไง” ชนธัญตามมาทันก่อนที่ป้องจะเดินออกจากอาคารสืบสวนไป “หรือคุณจะบอก ว่าคุณไม่ดีรัก ไม่ได้แคร์เขา ไม่เคยมีความรู้สึกดี ๆ อะไรให้เขาเลย คุณไม่แคร์เลยหรือครับ ที่เขาต้องตายไป” ชนธัญมองเห็นแววตาที่เศร้าสร้อยของป้อง

“ลูกชายผมไม่ใช่พวกลักเพศ” ท่านนายพลตวาดแหวใส่ชนธัญ “ท่านก็รู้ว่ามันไม่จริง” ชนธัญหลุดปากพูดออกไป แต่ไม่คิดว่าเขาเสียใจที่พูดออกไปแบบนั้น “อย่าปากดีกับท่านนายพล” ทนายประจำครอบครัวรีบพูดเสริม “ผมไม่ได้ปากดี แต่ผมกำลังพูดถึงคนทั้งคน ในความเป็นคน เราต่างต้องมีกันบ้างไม่ใช่หรือครับ” ชนธัญรู้สึกประหลาดใจถ้าหากว่าป้อง จะใจอำมหิตกับนิวได้ถึงเพียงนี้

“คุณป้อง เราต่างมีข้อผิดพลาดกันทั้งนั้น ไม่ว่าเราจะเป็นใคร เป็นอะไร ขอเถอะครับ อย่าให้ความใจดำทำลายคุณลงไปด้วยอีกคนเลย” ชนธัญมองเห็นความวูบไหวในสายตาของป้อง “ได้โปรดอย่าพูดจาก้าวร้าวพ่อผม” ป้องพูดออกไปในที่สุด ชนธัญผ่อนลมหายใจออกมาอย่างหมดหวังที่ได้ยินแบบนั้น

“ก็ถ้าคุณมั่นใจว่าคุณไม่ได้ทำอะไรผิด” ชนธัญพูด ก่อนจะยื่นมือออกไปข้างหน้า “จับมือกับผมสักครั้ง” ป้องชะงัก ถอยหลังสองสามเก้า “อย่าได้คิดที่จะแตะต้องร่างกายของลูกความผมแม้แต่น้อย ไม่อย่างนั้น ผมจะทำคดีฟ้องคุณจนหมดตัวแน่” ทนายความรีบออกตัวแทนป้อง และพูดห้ามไม่ให้ป้องจับมือกับชนธัญ

“เพื่อความถูกต้องบนโลกใบนี้ ให้มนุษย์ยังคงเคารพซึ่งกันและกันอยู่เถอะ ไม่ต้องเพื่อความรักระหว่างคุณกับนิวก็ได้” ชนธัญพูดออกไป ป้องกะพริบตาถี่ ๆ แบบคนกลั้นน้ำตาเอาไว้ “โธ่คุณ คนแบบคุณมันก็ต้องเข้าข้างพวกเดียวกันนั่นแหละ วิปริตอย่างพวกคุณ ช่วยปล่อยให้คนปกติ ที่เขามองโลกตามความเป็นจริง ไม่เพ้อฝันกับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ให้เขาดำรงชีวิตกันต่อไปเถอะ” ทนายพูดจบ ก็พาท่านนายพลเดินออกจากอาคารไป ป้องที่เดินตามพ่อของเขา ก่อนจะออกจากประตู ป้องหันมาทางชนธัญและพึมพำคำว่า 'ผมขอโทษ'

“ตราบใดที่เรายังหาปืนนั่นไม่พบ ก็อย่าได้เพิ่งนิ่งนอนใจ เข้าใจมั้ยเจ้าป้อง” ทนายความที่นั่งรถลิมูซีนมากับท่านนายพลและป้อง ใช้หูฟังปิดกั้นการรับรู้ถึงบทสนทนาระหว่างพ่อและลูกชาย “และแกเจ้าป้อง เตรียมตัวแต่งงานกับคนที่พ่อเลือกเอาไว้ให้ได้เลย ลูกสาวอธิบดีกระทรวงยุติธรรม แกเข้าใจที่พ่อพูดใช่มั้ย” ท่านนายพลถามลูกชายออกไป

“เข้าใจใช่มั้ย” ท่านนายพลถามย้ำอีกครั้งหนึ่ง “เข้าใจครับ” ป้องรับคำ มองหนาผู้เป็นพ่อ ที่ตั้งแต่พ่อรู้ว่าป้องเป็นอะไร พ่อไม่พูดถึงเรื่องเพศสภาพของป้องเลย พ่อรับรู้ตัวตนของป้อง ไม่เปิดช่องว่างใด ๆ ให้กับเขา “ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อแก” ป้องนั่งก้มหน้านิ่งฟังที่พ่อพูด “พ่อรักแกนะป้อง” ท่านนายพลพูดแค่นั้น ก่อนจะปล่อยให้ทั้งรถเงียบงัน ทั้งในความรู้สึกของผู้เป็นพ่อที่กำลังต่อสู้อย่างหนัก เพื่อให้ชีวิตของลูกชายได้ไปต่อ รวมทั้งความเงียบงันในใจของป้อง ที่รับรู้แล้วว่า เขาจะไม่ได้เป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็นตลอดชีวิต

“พี่ทำแบบนี้อีกแล้วนะ” นิวเดินเข้าไปหาเจ้าของร้านนวดที่เขาทำงานอยู่ “ที่โดนจับไปคราวก่อน พี่ไม่เข็ดใช่มั้ย” นิวไม่เปิดโอกาสให้เจ้าของร้านนวดได้แก้ตัวใด ๆ “ลบเลยพี่ ทุเรศมาก ไหนคราวที่แล้วพ้นโทษมา บอกว่าจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีกแล้วไง ไหนบอกว่า ถ้าเด็กนวดกับลูกค้าจะเอากัน ก็ให้เป็นเรื่องตกลงกันเองส่วนตัวไง แล้วนี่อะไร เงินก็หัก แล้วยังจะมาแบล็กเมล์กันอีก” นิวยืนยันให้เจ้าของร้านลบคลิปเขาเห็นต่อหน้าตรงนั้น

“ก็นี่ไง ลบแล้ว ในถังขยะก็ไม่มี เห็นมั้ยพอใจหรือยังล่ะ” เจ้าของร้านพูดแบบเก็บอาการไม่พอใจ ที่ตัวเองโดนจับได้ “คนนี้ตัวจริงของนิวด้วย นิวจริงจัง เราสองคนตกลงจะคบกันแบบเปิดเผย นี่เดี๋ยวนิวก็จะบอกให้เขาบอกกับที่บ้าน บอกกับพ่อเขาให้รับรู้ ให้เป็นเรื่องเป็นราว” นิวพอใจที่เห็นคลิปถูกลบถาวร และก็กำลังเป็นปลื้มกับชีวิตรักของตัวเอง

“ฉันก็ไม่รู้ ว่าคนนี้แกจริงจัง เออ ๆ ขอโทษด้วย ไม่รู้จริง ๆ” เจ้าของร้านนวดทำสีหน้าน่าสงสาร “แต่แหมงานดีมากเลยนะ นังนิว พวงไอ้นั่นมโหฬาร เห็นแล้วฉันอิจฉาแกจังเลย” นิวรีบพูดห้ามอีกฝ่ายทันที “อย่าจินตนาการมากพี่ คนนี้นิวหวง” นิวรู้สึกว่าเขาช่างโชคดีที่ได้มาเจอกับป้อง “แล้วก็เลิกเสียทีเถอะ ไอ้การทำนาบนหลังคนเนี่ย คนอื่นเขาเดือดร้อน แค่พี่หักเงินพวกฉันแบบขูดรีด ตายไป นี่ก็ตกนรกไม่รู้ขุมไหนต่อขุมไหนแล้ว” นิวพูดทิ้งท้าย ก่อนจะเดินไปทำงานของตัวเอง

เจ้าของร้านนวดนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถ ยกบุหรี่ขึ้นจุดสูบ มองดูจำนวนเหรียญคริปโตในบัญชีที่หน้าจอมือถือแล้วก็พ่นควันบุหรี่ออกมาอย่างยิ้มเยาะ อาศัยความหน้าบางและรักลูกของพ่อ ร่วมกับความโลเลปอดแหกของลูกชาย รวมถึงความหมั่นไส้และอิจฉาที่เด็กนวดธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ชีวิตกำลังจะได้ดี การยิงระยะเผาขนใส่หัวเด็กนวดก็ไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อดันไว้ใจให้เข้าห้องอย่างง่ายดาย

หลังจากนั้นก็แสดงละครเนียน ๆ เข้าไว้ ยิ่งจังหวะการวางแผนและรอเข้าไปฉกปืนออกมาจากห้องนั่นให้พอเหมาะพอเจาะ แค่นี้ก็ไม่ต้องหลังขดหลังแข็งแอบอัดคลิปลูกค้ากับเด็กนวดเอากันไปขายแล้ว เผลอ ๆ ก็ขายร้านนวด ขายเหรียญคริปโต มีกินมีใช้รวยสบายไปตลอดชีวิต ยังไม่รวมรอยนิ้วมือบนปืนกระบอกนั้น ที่ยังใช้ต่อรองเงินได้อีกมหาศาล

*******************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA

คนที่ฆ่าฉัน - Nologo

https://www.youtube.com/watch?v=uhfKcAw6vGY


กลายเป็นเธอที่แทงฉัน

Turned out it’s you who stabbed me

ไม่ใช่ผู้คนอีกหมื่นล้าน

Not the other billions people out there

กลับกลายเป็นเธอ

It really was you

ที่ทำให้ใจเจ็บช้ำ

That hurt me like hell

คนที่ฆ่าฉัน

The one that killed me


รอฉันหน่อย ฉันตามไม่ค่อยทัน

Hold up, I need to catch up

ที่เธอนั้นได้เปลี่ยนไป

The thing is you’ve changed

ถึงพูดไม่บ่อย แต่ขอพูดหน่อยแล้วกัน

I hardly say anything, but this time I must

เรื่องที่ฉันไม่เข้าใจ

With this I don’t quite get


ดั่งมีใบมีดทิ่มแทง

The whole blade went through

ช้าช้ามันแทงลงไป

Slowly down my flesh

ไม่มี ไม่มีเรี่ยวแรง

Not now, no strength left

ไม่อยากแกล้ง ว่าไม่เป็นไร

Can’t pretend I am okay


อยู่อยู่ก็มีแต่น้ำตา

Suddenly, there’s my tear

จิตใจก็เริ่มอ่อนล้ามลายหายไป

My mind got weak, started to disappear

ช่วยบอกฉันทีได้ไหม

Please tell me about it

ฉันทำสิ่งใดถึงต้องมาเจ็บช้ำ

What have I done to deserve this?


กลายเป็นเธอที่แทงฉัน

Turned out it’s you who stabbed me

ไม่ใช่ผู้คนอีกหมื่นล้าน

Not the other billions people out there

กลับกลายเป็นเธอ

It really was you

ที่ทำให้ใจเจ็บช้ำ

That hurt me like hell

คนที่ฆ่าฉัน

The one that killed me


คนที่ฆ่าฉัน

The one that got me killed

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๔๑. DRAWN _ 9.07.2023
«ตอบ #43 เมื่อ07-09-2023 16:25:14 »

๔๑. DRAWN



“มีคนรัก มันก็ย่อมมีคนเกลียด” ด็อคเตอร์ดรุณีพูดขึ้น ขณะที่นั่งรอเข้าให้การเป็นพยานในคดีที่ศาล ชนธัญที่นั่งอยู่ด้วยกัน สายตามองตรงไปด้านหน้า ที่มีผู้คนอยู่ที่นี่มากมายจนขวักไขว่ “แต่มันกลายเป็นว่า เขาไม่ได้เกลียดผมแค่สิ่งที่ผมทำ เขากลับเกลียดสิ่งที่ผมเป็น ที่ผมเปลี่ยนแปลงไม่ได้ มันช่วยไม่ได้ที่ผมเป็นผมแบบนี้” ชนธัญเองกำลังรู้สึกอยากถามตัวเอง ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่

“Off Record นะ ถ้าจะให้หมอพูดแบบไม่เป็นทางการ โดยไม่มองว่าหมอคือคนที่ต้องมีจรรยาบรรณตลอดเวลาแล้วล่ะก็ คนในสังคม มันก็มีพวกประเภท Jackass ทุเรศ ๆ ปนอยู่” หมอดรุณีพูดกลั้วหัวเราะ ชนธัญยิ้มตามเมื่อได้ยินแบบนั้น “โอ๊ย หมอดุน่ะหรือ เป็นคนไร้หัวใจ หมอดุรักใครไม่เป็น ไม่อย่างนั้นหมอดุไม่ครองตัวเป็นโสดอยู่แบบนั้นหรอก” ชนธัญมองด็อคดุหันมาสบตากับเขา ด้วยสายตาของคนที่ผ่านอะไรมามากมายพอสมควร

“มันคืออคติที่คนมองมาที่เรา โดยที่เขาไม่รู้จักเราด้วยซ้ำ แม้ว่าจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้อยากจะพูดเพื่อทำร้ายเราก็ตาม แต่ในความเป็นจริง เราเองยังไม่เข้าใจตัวเองเลยในบางครั้ง นับประสาอะไรจะให้ทุกคนเห็นอย่างที่ตาของเราเห็นได้ตลอดเวลา” ชนธัญฟังกับสิ่งที่หมอดุกำลังอธิบาย

“บ่อยครั้งกับการทำงานของหมอที่ผ่านมา กับศพที่หมอผ่าพิสูจน์ในหลาย ๆ คดี” หมอดุเล่าถึงประสบการณ์การทำงานของเธอเอง “หมอก็นึกสงสัยนะ ว่าถ้าพวกเขาทำสิ่งที่แตกต่างออกไปในชีวิต เขาอาจจะไม่ต้องมาลงเอย นอนอยู่บนเตียงชันสูตรของหมอก็ได้ เขาอาจจะพ้นไปจากปัญหาความขัดแย้งที่เขาเผชิญอยู่” ชนธัญฉุกคิดตามที่แพทย์สาวพูด

“หลาย ๆ เคสที่หมอลงความเห็นถึงสาเหตุการเสียชีวิต หมอเองก็ยังตกใจที่คนเราสามารถโหดร้ายต่อกันได้ถึงเพียงนั้น หมอลงมีดไปด้วยความสะเทือนใจก็มี อย่างเคสเด็ก ๆ เหล่านั้น” หมอดุพูดถึงคดีใหญ่ที่มีเด็กนักเรียนตัวน้อย ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง “หมอก็ถามตัวเองเช่นกัน ว่าหมอจะอยากมารับรู้ลักษณะการตายอันผิดธรรมชาติ ฆาตกรรมอันรุนแรงพวกนี้ไปทำไมกัน” ชนธัญสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างในน้ำเสียงของด็อคเตอร์ดรุณี

“วันนี้หมอมานั่งรอให้การเป็นพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ กับผู้ตายที่เขาแก้ต่าง เรียกร้องให้ตัวเองไม่ได้ ก่อนหน้านั้นพวกเขาไปทำอะไรมา ก็เรื่องหนึ่ง แต่ผลการตรวจต่าง ๆ มันยืนยันเรื่องที่เขาพูด ว่ามันเท็จจริงอย่างไร ให้ความยุติธรรมกับทุกคนที่เกี่ยวข้องในเคสนั้น ๆ มันคงเป็นเหตุผลหลัก ที่หมอยังคงทำหน้าที่อยู่ตรงนี้” หมอดุยิ้มบาง ๆ ให้กับชนธัญ

“เราล่ะ พอจะบอกตัวเองได้มั้ย ว่ามันมีอะไรที่บอกกับตัวเอง ว่าจะทำสิ่งที่ทำอยู่ต่อไป หรือว่าจะเลิกแล้วเดินออกจากมันไป” ชนธัญสบตากับหมอดุ เขาเองก็คิดตามไปด้วย กับสิ่งที่หมอดุได้ถามออกมา “แต่สิ่งที่ผมทำ สิ่งที่ผมมองเห็น มันเอาไปเป็นหลักฐานอ้างอิงในศาลไม่ได้ด้วยซ้ำ” ชนธัญพูด ซึ่งภาพนิมิตที่เขาเห็น ยังไม่สามารถใช้ประกอบคดีได้โดยตรง

“แต่สิ่งเราเห็น แต่คนอื่นไม่เห็น มันช่วยยืนยันผลตรวจพิสูจน์ของหมอหลายครั้งแล้วนะ แถมยังช่วยให้การสืบคดีคืบหน้าและถูกทาง โดยไม่ต้องเสียเวลา งมหาทางอยู่นาน แบบก่อน ๆ” ชนธัญยังไม่ทันได้ตอบอะไรหมอดุ ก็มีเจ้าหน้าที่มาเชิญแพทย์หญิงดรุณีเข้าไปในห้องสืบสวน หมอดุบอกกับชนธัญว่า เดี๋ยวเธอกลับมา ชนธัญยิ้มให้กับอีกฝ่าย ก่อนจะมองตามหมอดุที่เดินตามเจ้าหน้าที่ศาลไป

ชนธัญหลับตาเงยหน้า พิงหลังไปบนพนักม้านั่งไม้ ก่อนจะลืมตาพลางเป่าลมออกจากปาก ตอนนี้ผู้คนที่ขวักไขว่อยู่เมื่อครู่ใหญ่ ดูบางตาลงไปมาก เมื่อการพิจารณาคดีต่าง ๆ เริ่มกระบวนกันแล้ว ชนธัญลุกขึ้นเดินไปหาตู้กดเครื่องดื่มอัตโนมัติ เขาคดว่า เขาต้องการกาแฟรสชาติเข้ม ๆ สักแก้วในตอนนี้

ถ้วยกาแฟกระดาษในมือของชนธัญ ส่งควันพร้อมกลิ่นหอมฉุยขึ้นเตะจมูกเขา ชนธัญเป่าเบา ๆ ควันที่ลอยโก๋อยู่เหนือแก้วกาแฟนั้น ก่อนจะค่อย ๆ ยกกาแฟขึ้นจิบ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่ม้านั่งตัวเดิม เพื่อรอด็อคเตอร์ดรุณีกลับออกมาจากห้องพิจารณาคดี ซึ่งคงจะใช้เวลาสักพักใหญ่

“พวกเราขอบคุณท่านอัยการมาก ๆ เลยนะคะ ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ” ชนธัญมองไปตามต้นเสียง ที่เห็นคือบรรดาเหล่านางโชว์หลายคน แต่ตัวในชุดเรียบร้อยผิดจากปกติวิสัยประจำวัน ด้วยการพากันมาให้กำลังใจเจ้าของบาร์โชว์ ซึ่งเป็นเจ้านายของพวกเธอ มารับฟังคำสั่งที่ห้องของอัยการ เกี่ยวกับคดีเกี่ยวพันกับการเสียชีวิตของคนรักเก่า

“ขอบคุณมากนะครับ” ดนัยพูดขอบคุณท่านอัยการอีกครั้ง ที่มีคำสั่งไม่ฟ้องดนัยต่อศาลในคดีอำพรางหรือเคลื่อนย้ายศพ “แต่ยังไง ทางอัยการจะยังกันตัวคุณดนัยเอาไว้เป็นพยานในคดีฆาตกรรมคุณสตาร์นะครับ” ดนัยพยักหน้าเข้าใจที่อัยการพูด “ช่วงนี้ ก็ขอให้คุณดนัยเก็บเนื้อเก็บตัวให้ดี เพื่อเตรียมตัวขึ้นศาล ผมจะเร่งรัดวันสืบคดีให้เร็วที่สุด จะไม่ให้คดียืดเยื้อต่อไป” ทางอัยการแจ้งข้อมูลให้ดนัยได้ทราบ

“ยังไงพวกหนูก็ต้องขอขอบคุณท่านอัยการมาก ๆ นะคะ ที่ไม่จับบอสของพวกหนูเข้าคุก ไม่งั้นพวกหนูก็ต้องหาบาร์โชว์ทำงานกันใหม่ ไม่งั้นต้องพากันเป็นกะเทยนางโชว์ตกงาน ไม่มีคนจ้าง แถมตอนนี้ก็หายากค่ะ เจ้านายที่จะจ้างพวกหนูแพง ๆ แบบนี้” ทางอัยการรีบบอกพวกสาว ๆ ทุกนางว่าไม่เป็นไร เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทีมที่ทำการสืบสวนคดีดังกล่าว ก็ลงความเห็นอย่างเป็นทางการเอาไว้ ว่าไม่สมควรส่งดนัยขึ้นฟ้องศาล

ดนัยเองก็รู้สึกโล่งใจ ที่เขานั้นไม่ต้องถูกดำเนินคดีดังกล่าว แม้ว่าจะมีความหนักหนาในใจอยู่ไม่น้อย กับการที่จะต้องขึ้นศาลเป็นพยาน ที่พ่อของเขาเป็นผู้จ้างวาน ฆ่าสตาร์คนรักของเขา เพียงเพราะไม่อยากให้ตัวดนัยลูกชาย มีคู่ชีวิตเป็นนางโชว์เต้นกินรำกิน เป็นตัวประหลาดในสายตาของผู้เป็นพ่อ

ชนธัญมองเห็นความสุขบนใบหน้าของเหล่านางโชว์นั้น ที่พวกเธอจะได้ทำมาหากิน เป็นไปในแบบที่พวกเธอเลือก และเป็นไปในแบบที่ไม่ได้เดือดร้อนทำลายใครในสังคม รวมทั้งดนัยเองก็เช่นกัน ชนธัญมองเห็นความดีใจ ความโล่งใจ และแน่นอนความยินดีว่าในที่สุด เขาก็สามารถตามหาความยุติธรรมให้กับสตาร์ แม้ว่ามันจะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงก็ตาม

ดนัยที่หันมามองเจอชนธัญ และสบตากันเข้าพอดี ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างคนเลิกอมทุกข์ เขาเอ่ยคำว่าขอบคุณกับชนธัญ ที่ยกแก้วกาแฟขึ้นชู แล้วยิ้มกลับไปให้ บรรดานางโชว์ทั้งหมด ก็มองมาทางชนธัญ ก่อนจะกรูกันเข้ามากอดรัดฟัดเหวี่ยงหนุ่มหน้าใสตัวเล็ก จนดนัยต้องปรามว่าที่นี่ศาล เดี๋ยวจะพากันโดนข้อหาติดคุกกันหมด

“ยินดีที่ได้เจอกันอีกนะคะคุณชนธัญ แต่เอ๊ะ ทำไมวันนี้แต่งตัวแบบนี้คะ ไม่แซ่บเหมือนคืนวันนั้นเลย ไม่เลิศ” หนึ่งในนางโชว์ที่จำได้ถึงแววตาความเป็นนางพญาในค่ำคืนนั้นของชนธัญได้เป็นอย่างดี ชนธัญหัวเราะออกไป ก่อนบอกว่า คืนวันนั้นเขาไม่เป็นตัวของตัวเอง และแทบจะจำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

“แต่พวกเราจำอ้อมกอดของสารวัตรหนุ่มหล่อคนนั้นได้นะคะ คนอะไร้ เท่ชะมัด เข้ม ๆ ได้ด้วย แถมดูหล่อคาวาอี้ในบางมุม” ไม่พูดเปล่าเหล่านางโชว์กดคลิปในโทรศัพท์มือถือของพวกเธอให้ดู ยืนยันหลักฐานตอนที่ชนธัญล้มลงในอ้อมกอดของสารวัตรรัฐนนท์พอดี ก่อนจะหมดสติไป ชนธัญได้แต่ทำหน้าเขิน ๆ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี

“เสียดาย คุณสารวัตรเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว แถมออกนอกหน้าเสียขนาดนั้น” นางโชว์พากันหมั่นไส้ผู้โชคดีคนนั้น “นี่ถ้าคุณตำรวจเขาชอบฉันนะ รับรองฉันไม่มีทางปล่อยให้รอดมือไปได้หรอก จะจับกกจับกอดเอาไว้ให้แน่นเชียว แหม พูดแล้วก็คิดวุ่นวายไปหมด” นางโชว์พากันหัวเราะคิกคักกันเบา ๆ แบบไม่ให้ตัวพวกเธอต้องโทษโดนคดี

“พอได้แล้วทุกคน” ดนัยปรามบรรดาลูกน้องจับปูใส่กระด้งของเขา “ผมขอขอบคุณคุณชนธัญอีกครั้งนะครับ กับสิ่งที่คุณมองเห็น มันเหมือนผมได้มองผ่านสายตาของสตาร์ด้วยตัวผมเองอีกครั้งไปด้วย ว่าอะไรเกิดขึ้นกับเขากันแน่” ดนัยพูดออกมาด้วยใจจริง “ไม่เป็นไรครับคุณดนัย มันเป็นหน้าที่” เหมือนอะไรฉุกใจขึ้นมา เมื่อชนธัญได้ยินตัวเองพูดออกมาแบบนั้น

“เสียดายจัง วันเปิดร้าน หมอไม่ได้ไปด้วย” ด็อคเตอร์ดรุณีเดินเข้ามาสมทบ หลังจากเสร็จธุระในห้องพิจารณาคดีแล้ว “ถ้าว่าง เชิญคุณหมอที่ร้านนะครับ ผมและนาง ๆ เหล่านี้ ยินดีต้อนรับเสมอ” ดนัยที่เพิ่งเคยเจอหน้าด็อคเตอร์ดรุณีเป็นครั้งแรก แต่ได้ยินเรื่องราวของหมอดุคนนี้มาบ้าง กล่าวเชิญชวน

“รับรองไปแน่นอนค่ะ ตอนนั้นได้แต่ดูคลิปที่ในสืบสวนเขาแชร์กันดู” ทุกคนเลยหันมามองทางชนธัญ เมื่อหมอดุพูดถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น ที่ชนธัญแต่งองค์ทรงเครื่องขึ้นแสดงบนเวที ทำเอาเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่า ทำไมก่อนและหลังชนธัญขึ้นไปบนเวที ทำไมลักษณะท่าทางถึงได้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“เห็นพวกเขายิ้มได้ กลับไปใช้ชีวิตได้อีกครั้ง มันเป็นความรู้สึกที่ดีเหมือนกันนะครับหมอดุ” หมอดุมีรอยยิ้มที่ใบหน้า ชนธัญมองตามดนัยและกลุ่มนางโชว์ประจำร้าน พากันเดินจากไป “ก็ถ้าความสุขของคนอื่น มันจะส่งผ่านมาเป็นความสุขของตัวเราเองได้ด้วย” ด็อคเตอร์ดรุณีทิ้งท้ายประโยคนั้นเอาไว้ให้กับชนธัญ

บรรดาลูกทีมสืบลับแอบมองเข้าไปในห้องกระจกที่กั้นเอาไว้ เป็นห้องทำงานส่วนตัวของสารวัตรรัฐนนท์ ที่สามารถมองเข้าไปด้านในได้ มีมู่ลี่เอาไว้ปิดเฉพาะเวลาที่มีประชุมที่เป็นความลับ สารวัตรรัฐนนท์ตอนนี้ดูเหงา ๆ เมื่อวันนี้คู่หูของเขาอย่างชนธัญขออนุญาตลาหนึ่งวัน โดยไม่ได้บอกเอาไว้ว่าจะไปไหน ตลอดทั้งวันข้อความที่สารวัตรหนุ่มหล่อรอ ก็ไม่มีมาให้เห็น ไม่แม้แต่จะเป็นการโทรมาหาสักครั้ง ให้รู้ว่าอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่

“หงอยเลยบอสกู” หนึ่งในทีมสืบสะกิดเพื่อนในทีมคนอื่น ๆ ให้ดู “คนสำคัญต่อใจไม่อยู่แค่วันเดียว เป็นไปได้ถึงขนาดนี้เลยนะบอส” อีกคนพูดพลางทำหน้าเห็นใจสารวัตรหนุ่ม “ถามว่าจะกินกลางวันอะไร บอกเสนอเมนูที่แกไม่ชอบกิน แกยังพยักหน้าบอก อืม ก็ได้ คิดดูสิ” ทุกคนพากันหัวเราะออกมาเบา ๆ ที่สารวัตรรัฐนนท์ไม่ด่า ไม่ว่า อย่างเก่า แต่กลับเฉาไปเพียงเพราะชนธัญขอลาหยุด

“อู้งานกันอยู่หรือเปล่าเนี่ย” เสียงพูดของชนธัญพร้อมกับกลิ่นหอม ๆ ของอาหารถุงใหญ่ในมือของชนธัญ ทำให้ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียวกัน “โห มาทันเวลาพอดีเลย หายไปแค่ยังไม่ถึงวัน แต่กำลังจะมีคนอาการโคม่าแล้ว” ชนธัญส่งถุงอาหารในมือให้กับคนอื่น ๆ ที่ขอบคุณกันใหญ่ ว่าได้ลาภปากอีกแล้ว ก่อนจะมองไปทางห้องทำงานของสารวัตรรัฐนนท์

“ขออนุญาตรายงานตัวครับ” ชนธัญที่เห็นว่า ประตูห้องทำงานของสารวัตรรัฐนนท์ไม่ได้ปิด เลยเคาะประตูที่เปิดอยู่ พร้อมทั้งกล่าวกับเจ้าของห้องที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ แต่พอเงยหน้ามาเห็นว่าเป็นใครยืนอยู่ ใบหน้านั้นของสารวัตรรัฐนนท์ก็ดูสดใสขึ้นมาทันควัน บรรดาลูกทีมที่ลอบมองมา พากันส่ายหน้าให้กับบอสของตัวเอง

“เปลี่ยนใจแล้วหรือครับ” สารวัตรรัฐนนท์ถามคนที่เพิ่งมาถึง มือพลางเลื่อนกรอบรูปบนโต๊ะให้หันไปอีกทางหนึ่ง “เปลี่ยนใจเรื่องอะไรครับ” ชนธัญมองสารวัตรหนุ่มเลื่อนกรอบรูป ถามกลับอีกฝ่าย ทำหน้าไม่เข้าใจกับสิ่งที่สารวัตรรัฐนนท์พูด “ถ้าเป็นเรื่องช่วยงายสืบลับ ผมไม่ได้เปลี่ยนใจอะไรสักหน่อย” ชนธัญพูดสบตากับสารวัตรหนุ่มหล่อ “ผมก็นึกว่า ผมยังคงเป็นคู่หูของสารวัตรอยู่นี่ครับ” ชนธัญพูดพลางยิ้ม ๆ ตอบสารวัตรหนุ่มหล่อกลับไป

สารวัตรรัฐนนท์ ก่อนหน้านี้ คิดว่าเป็นไปได้ที่ชนธัญอาจจะคิดถอนตัวออกจากทีม เพราะตอนนี้กลายเป็นว่า มีคนเริ่มรู้ว่าชนธัญทำอะไรในหน่วยสืบลับ และมันเริ่มมีผลกับชีวิตส่วนตัวของหนุ่มหน้าใสตัวเล็กคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ และหากว่าชนธัญออกจากทีมไป นั่นก็หมายความว่า ชนธัญก็จะไม่มาให้สารวัตรรัฐนนท์เห็นหน้าทุกวันอีก

“งั้นก็ดีเลย” สารวัตรรัฐนนท์ทำเก๊กท่า ให้ชนธัญต้องกลอกตาใส่ ก่อนจะเลื่อนแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานให้ ชนธัญเดินเข้าไปหยิบแฟ้มนั้นมาถือเอาไว้ “คดีใหม่ รายละเอียดน่าปวดหัวเป็นบ้า” สารวัตรรัฐนนท์พูดพลางยิ้ม ๆ ชนธัญไม่พูดตอบอะไร หันหลังกลับเดินออกจากห้องทำงานของสารวัตรหนุ่ม

“คดีมันต้องระดมสมอง ต้องหาทางสืบหลายทาง วันหยุดก็คงจะต้องสละเวลามาทำด้วย” สารวัตรรัฐนนท์รีบสาวเท้าเดินมาพูดที่หน้าประตูห้องทำงานของตัวเอง ชนธัญหยุดเดิน “มันเกี่ยวกับงานสืบลับล้วน ๆ คุณอย่าคิดไปไกลเชียว แต่ร้านกาแฟร้านนี้รสชาติดี ขนมก็อร่อยด้วย ไว้ไปด้วยกัน ไม่ใช่ดงใช่เดทอะไรหรอก อย่าคิดมาก” สารวัตรรัฐนนท์เห็นชนธัญหันมามอง ก่อนจะเดินไปสมทบกับลูกทีมคนอื่น ๆ

'Thank me later' สารวัตรเปิดข้อความที่ได้รับจากด็อคดุ ก็อดจะยิ้มกว้างออกมาไม่ได้ พอจะนึกออกว่า แพทย์สาวมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรในเรื่องนี้บ้าง ความจริงที่เขาพูดกันว่า ด็อคดุไม่มีหัวใจ มันก็เป็นความคลาดเคลื่อนไม่น้อย แค่เพียงเราต่างมีวิธีแสดงออกตในเรื่องนี้ต่างกันก็เท่านั้น

*********************************************

คำแปลเนื้อเพลงเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Try Again - Aaliyah

https://www.youtube.com/watch?v=qTA0RuZoIxM



It's been a long time (time)

มันนานมาแล้ว นามมากจริงจริง

We shouldn't have left you (left you)

เราไม่ควรต้องแยกจากกันไป

Without a dope beat to step to

เพราะไม่มีอะไรให้ยึดเหนี่ยวกันไว้

Step to, step to, step to (step)

เข้าเราสองคนเข้าที่เข้าทาง

Step to, freaky-freaky-freaky

มันก็เลยดูหลุดหลุดเพี้ยนเพี้ยน



What would you do to get to me?

คุณจะทำยังไงที่จะเข้าหากันอีกครั้ง

What would you say to have your way?

จะพูดจะจาแบบไหนให้ได้อย่างที่คุณหวัง

Would you give up or try again?

จะเลิกล้มความตั้งใจนั้นหรือจะเพียรพยายามมันต่อไป

If I hesitate to let you in

ถ้าหากว่าฉันลังเลที่จะให้คุณเข้ามาใกล้กัน



Now would you be yourself or play a role?

คุณเลือกที่จะเป็นตัวของตัวเองหรือจะสวมบทบาทอะไรอื่น

Tell all the boys or keep it low?

จะเที่ยวบอกใครไปทั่วหรือจะทำเงียบเงียบเอาไว้

If I say no, would you turn away?

ถ้าหากว่าฉันตอบปฏิเสธ คุณจะล่าถอยทัพ

Or play me off, or would you stay?

บอกกันฉันว่าช่างมันแล้วกัน หรือจะยืนหยัดต่อไป



And if at first you don't succeed (first you don't succeed)

และเมื่อครั้งแรกมันไม่สำเร็จ ดูแล้วไม่สำเร็จ

Then dust yourself off and try again

ปัดฝุ่นแล้วเริ่มต้นลองกันใหม่

You can dust it off and try again, try again

ให้คุณล้มแล้วลุก ก่อนจะเริ่มต้นอีกครั้ง และอีกครั้ง



I'm into you, you into me

ฉันเองก็สนใจ และคุณเองก็มีใจ

But I can't let it go so easily

แต่ฉันไม่อาจจะมอบให้คุณได้มันไปง่ายง่าย

Not 'til I see what this could be

ไม่จนกว่าจะมองเห็นว่ามันจะไปทางไหน

Could be eternity or just a week

เพราะมันอาจจะเป็นชั่วฟ้าดินสลายหรือมลายหายไปภายในสัปดาห์



But, yo, our chemistry is off the chain

แต่เคมีของเราดูพอจะเข้ากันได้ดี

It's perfect now, but will it change?

มันดูดีเลยเชียวแหละ แต่มันจะแปรเปลี่ยนไหม

This ain't a yes, this ain't a no

มันไม่ใช่ว่าได้ แต่ก็ยังไวเกินจะบอกว่าไม่

Just do your thing

ลองทำในแบบของตัวคุณเองมา

We'll see how we go

แล้วเราค่อยมาดูว่ามันจะออกมาเป็นยังไง



And if at first you don't succeed (first you don't succeed)

และเมื่อครั้งแรกมันไม่สำเร็จ ดูแล้วไม่สำเร็จ

Then dust yourself off and try again

ปัดฝุ่นแล้วเริ่มต้นลองกันใหม่

You can dust it off and try again, try again

ให้คุณล้มแล้วลุก ก่อนจะเริ่มต้นอีกครั้ง และอีกครั้ง



So, you don't wanna throw it all away

เมื่อคุณไม่อยากจะละทิ้งมันไปเสียทั้งหมด

I might be shy on the first date

เดทแรกฉันอาจจะดูประหม่ามากไปหน่อย

What about the next date?

ถ้าอย่างงั้น หากเป็นเดทครั้งต่อไปล่ะ

I said, you don't wanna throw it all away

ฉันรู้ ว่าคุณก็ไม่อยากจะสูญเสียมันไปง่ายง่าย

I might be buggin' on the first date

ฉันอาจจะดูงี่เง่ากับเดทครั้งแรก

What about the next date? (Date)

แล้วถ้าเป็นเดทครั้งต่อไปล่ะ คุณคิดยังไง



And if at first you don't succeed (first you don't succeed)

และเมื่อครั้งแรกมันไม่สำเร็จ ดูแล้วไม่สำเร็จ

Then dust yourself off and try again

ปัดฝุ่นแล้วเริ่มต้นลองกันใหม่

You can dust it off and try again, try again

ให้คุณล้มแล้วลุก ก่อนจะเริ่มต้นอีกครั้ง และอีกครั้ง

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๔๒. STAINED _ 9.08.2023
«ตอบ #44 เมื่อ08-09-2023 14:00:23 »


๔๒. STAINED


“คุณสั่งเค้กมาลองกินด้วยสิ ร้านนี้เขาทำอร่อยนะ” หลังจากที่สั่งกาแฟเสร็จ สารวัตรรัฐนนท์ก็คะยั้นคะยอให้อีกฝ่าย สั่งขนมมาทานคู่กัน “แล้วบอสรู้ได้ยังไงครับเนี่ย ว่าเค้กเขาอร่อย” หนึ่งในทีมสืบลับอดสงสัยไม่ได้ ถามขึ้น ชนธัญที่สบตากับสารวัตรหนุ่มหล่อ ไม่ได้พูดอะไร แต่เดินเลี่ยงไปรอรับกาแฟของตัวเองที่ตรงเคาน์เตอร์รับเครื่องดื่ม

“บอสครับ มีเคสด่วนแจ้งมาจากศูนย์” อีกคนในทีมสืบลับที่นั่งรออยู่ที่รถ กระหืดกระหอบวิ่งมาผลักประตูร้านกาแฟ พร้อมรายงานให้หัวหน้าทีมอย่างสารวัตรรับทราบ “ขนมเค้กคงต้องเอาไว้ก่อนแล้วล่ะครับ” ชนธัญพูดขึ้น รับกาแฟของทุกคนในทีมมาถือเอาไว้ สารวัตรรัฐนนท์ที่รู้สึกว่าทุกอย่างเพิ่งจะผิดแผน ก็ต้องยอมให้หน้าที่มาก่อนการโชว์ความป๋า

“ทีม Forensics มาถึงแล้ว” ขับรถมาไม่นาน ทีมสืบสวนลับก็มาถึงที่เกิดเหตุ มองเห็นทีมเก็บและพิสูจน์หลักฐานได้ลงมือตรวจสถานที่แล้ว “Chief” สารวัตรรัฐนนท์เอ่ยทักหัวหน้าหน่วยพิสูจน์หลักฐาน “พร้อมนะ” หัวหน้าหน่วยหลักฐานหรือชีฟเอ่ยขึ้นทันที “Good to go.” ทางหัวหน้าทีมสืบลับตอบกลับทันควัน

“ประตูถูกเปิดค้างไว้ มีร่องรอยการใช้กำลังพังประตูจากด้านนอกเข้าไป” หัวหน้าทีมหลักฐานเริ่มต้นให้ข้อมูลกับทีมสืบลับ ถึงสิ่งที่เขาได้จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ชนธัญมองดูที่ลูกบิดประตูที่แยกออกจากเนื้อประตู “หน้าต่างนั่นแตก มีรอยรูอยู่ คาดว่าน่าจะเกิดจากรอบกระสุนปืน ตอนนี้ให้เจ้าหน้าที่หาหัวกระสุนที่อาจจะตกอยู่ด้านนอกตามแนวรั้วบ้าน เพราะสันนิษฐานว่า น่าจะถูกยิงออกมาจากห้องนอนนั่น” ชีฟเดินนำสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญเข้าไปในตัวบ้าน

“เคสนี้” ชีฟพูดขึ้นเมื่อเดินไปหยุดที่หน้าประตูห้องนอน ไม่ไกลจากประตูทางเข้าบ้าน “เราเจอเข้ากับ Double Homicide” ชีฟบอกกับคู่หู 009RC สารวัตรรัฐนนท์มองเข้าไปในห้องนอนนั้น ก่อนจะยกแขนขึ้นกันชนธัญให้รออยู่แค่ด้านนอกห้อง ชนธัญอยากจะเข้าไปด้วย แต่นายตำรวจหนุ่มยืนกราน หนุ่มหน้าใสก็ยอมรออยู่ข้างนอกแต่โดยดี

“ฝ่ายหญิงคาดว่าน่าจะเสียชีวิตก่อน และน่าจะถูกยิงจากระยะประตูนี่ ขณะที่นอนอยู่บนเตียง” ทางชีฟยืนยันจากลักษณะของศพตอนที่เห็นครั้งแรก “ส่วนฝ่ายชาย เป็นแฟนกันกับฝ่ายหญิง อยู่ด้วยกันมานาน คนในละแวกนี้ไม่เคยเห็นทั้งสองคนมีปากมีเสียงกันมาก่อนเลย” ชีฟให้ข้อมูลต่อ กับร่างของชายหนุ่มที่นอนอยู่บนพื้นห้อง ข้าง ๆ เตียงนอน ฝั่งตรงข้ามกับฝ่ายหญิง

“ตัดเรื่องฆ่ากันเองลงไปได้หนึ่งเรื่อง” สารวัตรรัฐนนท์บอกกับชีฟหน่วยเก็บและพิสูจน์หลักฐาน ทางชีฟพยักหน้าเห็นด้วยตามนั้น “สภาพบ้านมีร่องรอยบุกรุกเข้ามาด้วยกำลังอย่างชัดเจน” สารวัตรรัฐนนท์กำลังประมวลผลจากข้อมูลที่เขาได้รับ “อาวุธที่ใช้ก่อเหตุน่าจะเป็น Caliber .22” ทั้งสองหัวหน้า บอสจากทีมสืบลับและชีฟจากทีมพิสูจน์หลักฐาน เห็นพ้องตรงกันอีกหนึ่งอย่าง รอให้ทางหน่วยเนิร์ด Ballistic ยืนยันผลที่แน่นอนให้อีกครั้ง

“Blood Splatter รอยเลือดกระเซ็นสอดคล้องกับลักษณะของผู้ตายทั้งสอง ผู้หญิงถูกยิงขณะอยู่บนเตียง และผู้ชายน่าจะถูกบังคับให้นั่งคุกเข่า และถูกยิงเสียชีวิตตรงนี้เลย” สารวัตรรัฐนนท์รู้สึกว่า ความโหดร้ายที่มนุษย์กระทำต่อกันทุกวันนี้ มันช่างโหดร้ายและรุนแรงมากขึ้นทุกที ๆ

ชนธัญเดินออกมาด้านนอกบ้าน มองดูหน่วยเก็บและพิสูจน์หลักฐาน ทำการเดินปูพรมเพื่อตามหาหัวกระสุนที่อาจจะเป็นสาเหตุทำให้กระจกห้องนอนแตก ชนธัญพยายามไม่ทำตัวเกะกะทีมพิสูจน์หลักฐาน เขามายืนอยู่คล้อยมาทางด้านข้างของตัวบ้าน ที่มันมีทางเดินเล็ก ๆ อ้อมไปที่ด้านหลังได้ ก่อนที่ชนธัญจะได้ยินเสียงร้องอะไรบางอย่าง ดังอยู่ที่ด้านหลังของเขา

“เฮ้ ว่าไงเรา” ทันทีที่ชนธัญหันไปมอง เขาก็เห็นสุนัขตัวใหญ่ตัวหนึ่ง ยืนมองเขาอยู่ พอมันได้ยินชนธัญพูดด้วย มันก็เดินกะเผลก ๆ เข้ามาหาเขา “นั่นเลือดนี่” ชนธัญตกใจ นั่งลงทันทีที่เจ้าหมาตัวนั้นเดินมาทรุดตัวนอนข้าง ๆ เขา “นั่นสุนัขของเจ้าของบ้านหลังนี้นี่ครับ เพื่อนบ้านแจ้งเอาไว้ว่า มันหายไปตอนผมมาถึง” ชีฟที่เดินออกมาหน้าบ้านพร้อมกับสารวัตรรัฐนนท์พูดขึ้น

“มันถูกยิงครับ” ชนธัญมองเห็นรอยรูกลม ๆ ที่ไหล่ของเจ้าหมาตัวนี้ “รีบเรียกหน่วยอภิบาลสัตว์เร็วเข้า พามันไปส่งสัตวแพทย์ ด่วนที่สุด” สารวัตรรัฐนนท์ตะโกนสั่งลูกทีมสืบลับให้ติดต่อหน่วยดูแลสัตว์โดยเร็ว เจ้าหมาตัวใหญ่ร้องครางหงิง ๆ ด้วยความเจ็บปวด มันซุกหัวเข้ากับมือของชนธัญ ที่นั่งลูบหัวปลอบเจ้าหมาว่า มันจะไม่เป็นไร

“ผมขอไปกับมันได้มั้ยครับ” ชนธัญขออนุญาตสารวัตรรัฐนนท์ นั่งรถไปกับหน่วยอภิบาลสัตว์ เมื่อรถของหน่วยดูแลสัตว์พร้อมจะนำเจ้าหมาผู้โชคร้ายส่งโรงพยาบาลสัตว์ “ส่งข่าวมันให้ผมรู้ด้วย” สารวัตรรัฐนนท์ไม่ขัดข้อง ชนธัญกล่าวขอบคุณก่อนจะรีบวิ่งขึ้นรถไป เพราะเจ้าหมาเองก็ร้องเสียงดัง ผงกหัวมองหาเมื่อไม่เห็นชนธัญ

“เหมือนจะถูกชะตากันตั้งแต่แรกเจอ” ชีฟหน่วยเก็บและพิสูจน์หลักฐานพูดขึ้นยิ้ม ๆ เมื่อรถของทีมอภิบาลสัตว์เคลื่อนตัวออกไป บอสทีมสืบสวนลับยิ้มออกมา เหมือนนึกเอ็นดูคนหน้าใสอย่างชนธัญอยู่มากโข “รอยเลือดในที่เกิดเหตุ ผมให้ทีมของผมเก็บมันเป็นหลักฐานอย่างละเอียด จะได้เอาไว้เทียบเคียงกับวิถีกระสุน ที่ทาง Ballistic ยืนยันผล” ชีฟจากหน่วยพิสูจน์หลักฐานบอกกับสารวัตรรัฐนนท์

“ชีฟ” คนถูกเรียก หันมาทางสารวัตรหนุ่มหล่อ ที่ตอนนี้สายตามองข้ามไปยังบ้านตรงข้าม “เจ้าเด็กหนุ่มนั่น มายืนด้อม ๆ มอง ๆ พวกเราอยู่นานแล้ว ผมเห็นตั้งแต่มาถึง” สารวัตรรัฐนนท์บอกกับชีฟ ก่อนจะพากันเดินข้ามถนนไปยังบ้านฝั่งตรงข้าม ที่ตอนนี้นอกจากเด็กหนุ่มคนดังกล่าวที่สารวัตรรัฐนนท์สังเกตเห็น ตอนนี้ก็มีชายหญิงอีกคู่หนึ่งยืนอยู่ด้วยเช่นกัน

“สวัสดีครับ ผมเป็นหัวหน้าทีมเก็บและพิสูจน์หลักฐาน ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ยครับ เผอิญผมเห็น” ชีฟเดินเข้าไปกล่าวทักทายกับทั้งสามคนด้วยรอยยิ้มและท่าทีเป็นมิตร “นี่ลูกชายของเราสองคนค่ะ” ผู้เป็นแม่ของเด็กหนุ่มพูดขึ้น “ครับคุณแม่ ผมสารวัตรรัฐนนท์ คือผมเห็นลูกชายของคุณแม่มายืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่นานแล้ว เผื่อว่าน้องเขามีข้อมูลอะไรที่สำคัญ อยากจะบอกกับเจ้าหน้าที่” สารวัตรรัฐนนท์เสริมจากที่ชีฟพูดเกริ่นเอาไว้

“ผมเห็นมีผู้ชายสองคน ขับรถแบบมีที่นั่งแค่สองคน ขับมาจอดที่หน้าบ้านตรงกันข้าม จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงคนเอะอะ แล้วก็ได้ยินเสียงหมาร้อง” เด็กหนุ่มพูดเร็วปรื๋อเหมือนกับว่า เขาอัดอั้นกับสิ่งที่เขารู้เห็นพอสมควร “เราพอจะจำยี่ห้อรถ สี หรือป้ายทะเบียนได้ด้วยมั้ย” ชีฟถามเด็กหนุ่ม ที่ตอนนี้ส่ายหน้าแทนคำตอบ

“ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากเลยครับ” เด็กหนุ่มยอมรับกับชีฟ “แล้วตอนนั้นเราทำอะไรอยู่ ถึงได้เห็นว่ามีรถและผู้ชายสองคนขับมาจอดที่หน้าบ้านหลังนี้” เป็นไปตามสัญชาตญาณ สารวัตรรัฐนนท์ซักเด็กหนุ่มเพิ่มเติม เพื่อมองหาความน่าเชื่อถือและความเชื่อมโยงจากข้อมูลที่ได้

“วันนี้ลูกชายหยุดอยู่บ้าน เพื่ออ่านหนังสือเตรียมสอบน่ะค่ะ” ผู้เป็นแม่ตอบคำถามนั้นแทนลูกชาย ชีฟหน่วยเก็บและพิสูจน์หลักฐาน ก้มลงมองที่เท้าของเด็กหนุ่มที่มีรอยเปื้อนเศษดินที่ส้นเท้า แม้เด็กหนุ่มจะใส่รองเท้าอยู่ก็ตาม “ถ้าเราอ่านหนังสืออยู่ แล้วเรามองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจากตรงไหน” สารวัตรรัฐนนท์ถามต่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปเจอหน้าต่างของห้องด้านบนชั้นสองของตัวบ้าน

“นั่นห้องนอนพ่อกับแม่นี่” พ่อของเด็กหนุ่มพูดขึ้น “เราเข้าไปทำอะไรในห้องนอนพ่อกับแม่” ผู้เป็นพ่อถามด้วยความสงสัย เด็กหนุ่มรีบตอบปฏิเสธ “ผมไม่ได้เข้าไปในห้องพ่อกับแม่นะ” ยืนยันเสียงแข็ง ว่าตัวเองไม่ได้แอบเข้าไปทำอะไรไม่ดีในนั้น แต่ก็ยังตอบคำถามของสารวัตรรัฐนนท์ไม่ได้ ว่าถ้าเขาไม่ได้เห็นเหตุการณ์ผ่านหน้าต่างห้องนอนของพ่อและแม่แล้วล่ะก็

“ถ้าอย่างนั้น เราอยู่ที่ไหนในตอนนั้น” ไม่ใช่ว่าสารวัตรหนุ่มต้องการจะไล่ต้อนเด็กหนุ่มแต่อย่างใด แต่เรื่องที่เด็กหนุ่มเล่าจะไม่สมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่ง เพราะทางพ่อกับแม่ของเด็กหนุ่ม บอกว่า ห้องนอนของลูกชายอยู่อีกด้านหนึ่งของบ้าน ทางชีฟหน่วยเก็บและพิสูจน์หลักฐาน มองไปที่ด้านข้างของตัวบ้าน ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อมองเห็นรอยของเหลวเปื้อนอยู่ที่นั่น

“ถ้าคุณพ่อคุณไม่รังเกียจ ถ้าสะดวกใจนะครับ” ชีฟเรียนพ่อและแม่ของเด็กหนุ่มด้วยท่าทางอ่อนน้อม “ผมขอเวลาคุยกับน้องเขาส่วนตัว แป๊บเดียวครับ ไม่นาน ไม่ได้มีปัญหาน่ากังวลอะไร เดี๋ยวเดียวครับ” ทางฝ่ายพ่อและแม่ของเด็กหนุ่มพยักหน้าอนุญาตในที่สุด ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน พอชีฟเห็นว่าพ่อและแม่ของเด็กหนุ่มเข้าบ้านไปแล้ว ก็พูดขึ้นว่า

“ถ้าผมเดินกลับมาอีกครั้งพร้อม ALS Alternative Light Source ไฟแบบฟลูออเรสเซนต์ เอามาฉายไปที่รอยคราบเปื้อน ที่บนข้างบ้านนั่น” สารวัตรรัฐนนท์มองตามที่ชีฟชี้นิ้วไป แต่เด็กหนุ่มกลับหน้าเจื่อน ไม่ยอมมองตามไปด้วย “แล้วผมใช้ก้านสำลีอุปกรณ์เก็บหลักฐาน เก็บตัวอย่างของเหลวนั้น และใช้ BCIP 5 – Bromo 4 – Chloro – 3 – Indolyl Phosphate เทสต์ ผมก็จะตรวจเจอ” ฟังชีฟพูดมาถึงตอนนี้ สารวัตรรัฐนนท์ก็ยิ้ม ๆ พอจะเข้าเค้าอะไรบางอย่างแล้ว

“อย่านะครับ ผมขอ” เด็กหนุ่มพูดเสียงอ่อน ทำหน้าตายอมรับ ยอมจำนนแต่โดยดีว่าโดนจับได้ “ฟังนะ” ชีฟพูดขึ้นน้ำเสียงเข้ม “ตราบใดที่แรงขับความต้องการทางเพศของแต่ละคน ยังไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย หรือยังไม่มีใครมาร้องเรียน มันก็ยังพอจะเข้าใจได้อยู่” ชีฟถือโอกาสตักเตือนและห้ามปรามเด็กหนุ่มไปในตัว

“แต่ตรงข้างบ้านนี่ ติดกับถนนสัญจรไปมา มันคาบเกี่ยวและส่อที่ Exhibitionism การชอบโชว์คนอื่น มันจะนำมาซึ่งความเดือดร้อน โอเค ผมจะไม่บอกพ่อแม่ให้รู้เรื่องนี้” ชีฟรีบบอกกับเด็กหนุ่ม เพราะพอจะเดาได้ ว่าเรื่องอะไรที่เจ้าตัวน่าจะกังวลที่สุดในตอนนี้ สีหน้าเด็กหนุ่มดูมีสีเลือดขึ้น ไม่ซีดเผือดแบบก่อนหน้านี้

“แต่เราคงจะต้องกังวลเรื่องกล้องวงจรปิดที่บ้านข้าง ๆ นั่นมากกว่า ถึงกล้องจะส่องไปทางถนน แต่กล้องสมัยนี้องศามันจับคลุมได้ทั่วทิศทาง” ชีฟชี้นิ้วไปทางบ้านข้าง ๆ ที่มีกล้องวงจรปิดติดอยู่ที่ใต้หลังคาบ้าน สารวัตรรัฐนนท์มองตามไป ทึ่งในสายตาอันละเอียดรอบคอบของชีฟจริง ๆ ก่อนที่จะเห็นเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง เปิดประตูบ้านข้าง ๆ มองมาทางพวกเขา

“นั่นแฟน” ชีฟถามเด็กหนุ่มออกไป “เปล่าครับ” เด็กหนุ่มตอบเสียงเบา ๆ อายอย่างที่สุด “เพิ่งเจอกันในแอพแบบนั้น ได้คุยกัน บอกว่าชอบโชว์เหมือนกัน เขาเลยท้าผมให้ออกมา” เด็กหนุ่มทำมือประกอบอาการ สารวัตรรัฐนนท์กลั้นขำที่ได้เห็น “ผมเครียด ๆ จากการอ่านหนังสือ อยากจะปลดปล่อยอยู่เหมือนกัน” เด็กหนุ่มเล่าไป หน้าแดงก่ำด้วยความอาย

“ผมก็เลย รับคำท้า เท้าเปล่า ไม่ใส่อะไรเลย คล้องแค่เนกไทของวิทยาลัยแค่นั้น เพราะเขาบอกว่าถ้าผมกล้า เขามองเห็นผมได้จากกล้องวงจรปิดที่บ้านเขาติด แล้วเขาจะส่งคลิปเขาช่วยตัวเองตอนดูผมผ่านกล้องมาให้ ทำจนเสร็จแลกกัน เนี่ยครับ คลิปเขาอยู่ในมือถือผม ถ้าพี่ ๆ ไม่เชื่อ” เด็กหนุ่มอรรถาธิบาย ชีฟยกมือห้ามปรามว่า เด็กหนุ่มไม่จำเป็นต้องเปิดคลิปอะไรให้เขาดู

“ใจดีจังครับชีฟ เจ้าเด็กสองคนนี่ เลยไม่ต้องโดนเล่นงานหนัก” สารวัตรรัฐนนท์เอ่ยชมหัวหน้าทีมเก็บและพิสูจน์หลักฐาน หลังจากบอกกับพ่อและแม่ของเด็กหนุ่ม ว่าทางหน่วยไม่ได้ติดใจอะไรกับเด็กหนุ่มทั้งสิ้น “แค่เตือนว่าไปว่า อย่าหาทำอีกกับเรื่องอะไรแบบนี้ เพราะครั้งหน้าอาจจะไม่โชคดีแบบครั้งนี้อีก กับใครที่เราไม่รู้จักในโลกเสมือนจริง เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง มันก็แย่มากพอแล้วล่ะครับบอส” ชีฟหันมาพูดกับสารวัตรหนุ่มหล่อ ก่อนสุดท้ายก็ต้องหลุดขำออกมา ให้กับฮอร์โมนที่พลุ่งพล่านของเด็กหนุ่ม

“เจออะไรเหลือจะเชื่อแบบนี้ประจำเลยมั้ยครับ” สารวัตรรัฐนนท์ถามตอนที่เดินข้ามกลับมาที่ฝั่งบ้านเกิดเหตุ “Welcome to my life.” สารวัตรรัฐนนท์ส่ายหน้าพลางหัวเราะเบา ๆ ออกมา “ไม่ค่อยได้เจออะไรกุ๊กกิ๊ก ๆ บ่อย ๆ แบบสารวัตรหรอก” ชีฟไม่วายเอ่ยแซวสารวัตรที่ตอนนี้ เดินไปขึ้นรถเพื่อจะขับรถตามไปที่โรงพยาบาลสัตว์

“ต้องร้ายใส่กันด้วยหรือชีฟ” สารวัตรรัฐนนท์อดที่จะถามกลับไปไม่ได้ เมื่อเข้าไปนั่งในรถ มองเห็นชีฟยิ้มที่มุมปาก ยักคิ้วให้ อย่างกวน ๆ สารวัตรรัฐนนท์รอจนลูกทีมมาจนครบ จึงเคลื่อนรถออกจากตรงนั้น หลังจากเห็นชนธัญส่งข้อความมาบอกว่า อยู่ที่โรงพยาบาลสัตว์แล้ว หมอพาเจ้าสุนัขตัวใหญ่นั่นเข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว

ชนธัญนั่งรอที่ม้านั่งหน้าห้องผ่าตัด ที่โรงพยาบาลสัตว์ คุณหมอสัญญาว่าจะช่วยเหลือมันอย่างเต็มที่ ตัวของเจ้าหมาเองก็เหมือนจะรับรู้ ว่ามีคนจำนวนมากมายที่ไม่ได้ใจร้ายเหมือนกับพวกที่ทำกับมันแบบนั้น กำลังช่วยกันทำให้มันหายดี ชนธัญเอาใจช่วยเจ้าสุนัขนั่น บอกกับมันว่าจะรอมันอยู่ข้างนอกนี่ เหมือนมันจะฉลาดและรับรู้ได้ มันก็เลยสงบและไม่ส่งเสียงร้อง ตอนมันถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัดไป

“ต้องปลอดภัยและกลับมาหายดีให้ได้นะ เจ้ายักษ์” ชนธัญพึมพำออกมาเบา ๆ ก้มลงมองที่ตักของตัวเอง มือทั้งสองข้างของเขามีรอยเปื้อน ที่กางเกงก็เช่นกัน รอยเลือดเปื้อนจากเจ้าสุนัขตัวใหญ่นั่น อะไรบางอย่างแล่นกลับมาให้เขาเกิดใจสั่น เมื่อคิดถึงเรื่องการสูญเสีย ว่ามันน่ากลัวและทรมานใจมากแค่ไหน

*************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Blank Space - Taylor Swift

https://www.youtube.com/watch?v=e-ORhEE9VVg


Nice to meet you, where you been?

ยินดีที่ได้รู้จัก ไปอยู่ไหนมาเพิ่งจะมาเจอ

I could show you incredible things

ฉันมีอะไรเกิดคาดจะมอบให้

Magic, madness, heaven, sin

อัศจรรย์ บ้าคลั่ง สวรรค์ ต้องห้าม

Saw you there and I thought

เห็นกันแล้วก็ทำให้คิด

"Oh, my God, look at that face

โอ้วกรรมบันดาล เห็นหน้าของคุณ

You look like my next mistake

คุณคือคนที่ใช่ ที่ฉันจะหาเรื่องใส่ตัวด้วย

Love's a game, wanna play?"

รักมันก็คือเกม อยากเล่นด้วยกันมั้ยล่ะ


New money, suit and tie

เงินตรา เล่นแต่งสูท ผูกเนกไท

I can read you like a magazine

ฉันอ่านคุณออกตั้งแต่แรกเจอ

Ain't it funny? Rumors fly

มันไม่น่าขำไปหน่อยหรือ นั่นมันก็แค่ข่าวลือ

And I know you heard about me

ว่าฉันก็รู้ อะไรก็ตามที่คุณเคยได้ยินมา

So hey, let's be friends

ว่าไง เอาไหมมาเป็นเพื่อนกัน

I'm dying to see how this one ends

ฉันอยากรู้จะแย่อยู่แล้ว ว่านี่มันจะจบลงยังไงกัน

Grab your passport and my hand

ฉวยหนังสือเดินทางพร้อมจับมือกันไป

I can make the bad guys good for a weekend

ฉันสามารถเปลี่ยนหนุ่มร้ายร้ายให้กลายเป็นดีในชั่วข้ามสัปดาห์


So it's gonna be forever

มันจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์

Or it's gonna go down in flames

หรือว่าจะมอดไหม้สลายลงทันตา

You can tell me when it's over, mm

เอาไว้คุณเป็นคนบอกมาละกันว่ามันควรจบลงแล้ว

If the high was worth the pain

ถ้าการขึ้นที่สูงมันคู่ควรกับความเหนื่อยยาก

Got a long list of ex-lovers

ฉันมีแฟนผ่านมาเป็นหางว่าว

They'll tell you I'm insane

ทั้งหมดจะบอกเสียงเดียวกันว่าฉันมันบ้า

'Cause you know I love the players

เพราะฉันนั้นหลงรักทุกคนที่เจอะเจอ

And you love the game

แต่พวกคุณสนแค่เกมที่เล่นอยู่เท่านั้น


'Cause we're young, and we're reckless

เพราะความที่เรายังเด็ก เราก็เลยไม่คิดหน้าคิดหลัง

We'll take this way too far

เราทำอะไรตามใจจนเกินเลยกันไป

It'll leave you breathless, mm

มันจะทำให้คุณหายใจไม่ทั่วท้อง

Or with a nasty scar

ไม่ก็คุณได้บาดแผลแย่แย่ฝากรอย

Got a long list of ex-lovers

ที่ผ่านมาแฟนมากมายนับไม่ทัน

They'll tell you I'm insane

ทั้งหมดจะบอกว่าฉันสุดโต่ง

But I've got a blank space, baby

แต่ยังไงฉันก็เหลือหน้าว่างว่างเอาไว้

And I'll write your name

เพื่อใช้เขียนชื่อคุณลงไป


Cherry lips, crystal skies

ริมฝีปากชมพูระเรื่อ ท้องฟ้าสดใสสวยงาม

I could show you incredible things

ฉันสามารถทำให้คุณได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์

Stolen kisses, pretty lies

รอยจูบที่ถูกขโมย คำโกหกที่แสนเนียน

You're the King, baby, I'm your Queen

ให้คุณได้รุกและฉันรอรับ

Find out what you want

บอกมาว่าใจคุณต้องการอะไร

Be that girl for a month

ฉันจะเป็นตามคำสั่งให้ทั้งเดือน

Wait, the worst is yet to come, oh, no

รอได้เลย ไอ้ที่คุณคิดมันจะเป็นได้ยิ่งกว่า เตรียมใจไว้


Screaming, crying, perfect storms

การกรีดร้อง เสียงคร่ำครวญ พายุใหญ่พัดผ่าน

I can make all the tables turn

ฉันทำให้มันกลับตาลปัตรได้ทั้งสิ้น

Rose garden filled with thorns

แปลงกุหลาบที่ก้านเต็มไปด้วยหนามแหลม

Keep you second guessing like

ทำให้คุณคาดเดาอะไรแทบไม่ได้เลย

"Oh, my God, who is she?"

โอ้วพระเจ้าช่วย นี่มันใครยังไงกัน

I get drunk on jealousy

ฉันจะมัวเมาไปกับความอิจฉาตาร้อน

But you'll come back each time you leave

แต่คุณจะกลับมาหาและขอซ้ำทุกครั้งหลังจากลา

'Cause, darling, I'm a nightmare dressed like a daydream

เพราะว่าอย่างงี้ที่รัก ฉันคือฝันร้ายที่อยู่ในคราบของฝันหวานกลางวัน


Boys only want love if it's torture

เด็กหนุ่มต้องการความรัก ถ้าหากมันคือสิ่งทรมาน

Don't say I didn't, say I didn't warn ya

อย่าพูดนะ ว่าฉันไม่ได้เอ่ยเตือนล่วงหน้า

Boys only want love if it's torture

เด็กหนุ่มต้องการความรัก หากว่ามันคือการทรมาน

Don't say I didn't, say I didn't warn ya

อย่าพูดนะ ว่าฉันไม่เคยบอกกล่าวกันไว้ก่อน

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๔๓. DRAINED _ 9.11.2023
«ตอบ #45 เมื่อ11-09-2023 17:25:03 »


Crime and Love Scene Investigation

๔๓. DRAINED


“อ่านหนังสือเยอะแล้ว ก็พักบ้างนะลูก เกม” เด็กหนุ่มนั้นพยายามอดกลั้น ไม่แสดงอะไรที่จะเป็นที่กระโตกกระตากให้พ่อกับแม่ของเขา ที่ยังพิรี้พิไร ไม่ยอมออกจากบ้านเสียที ทั้ง ๆ ที่ก็เลยเวลาปกติในช่วงเช้า ที่ทั้งคู่จะออกไปมาพอสมควรแล้ว “เดี๋ยวรถติดนะครับแม่” เกมทำพูดทักท้วงออกไป พ่อกับแม่เขาจึงได้ยุติการสั่งโน่น เตือนนี่ ราวกับเขายังเป็นเด็กเล็กที่จะต้องอยู่บ้านคนเดียว

“โอ๊ย กว่าจะออกกันไปได้” เกมบ่นออกมาเสียงดัง แล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปบันไดแบบลงส้น เสียงดังสนั่นกลับขึ้นไปที่ห้องนอนของตัวเอง โดยไม่ปิดประตูห้องนอน ด้วยที่ว่าเขาตั้งใจเอาไว้แบบนั้น “ไหนดูก่อน มีใครออนใกล้ ๆ บ้าง” เกมกดแอพบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือขึ้นมา มันเป็นแอพที่เอาไว้ใช้ดูว่ามีผู้ชายใครบ้างที่อยู่ในรัศมีไม่ไกลมากจากบ้านของเขา

“แหวะ มีแต่แก่ ๆ อ้วน ๆ ลงพุง หัวล้านอีกต่างหาก” เกมแทบจะโยนโทรศัพท์ทิ้งออกจากมือ ก่อนจะได้ยินเสียงข้อความเข้า เมื่อมีใครคนหนึ่งส่งข้อความทักเขามา “เฮ้ย” มันกลายเป็นว่า ข้อความนั้นมาจากลูกชายของข้างบ้าน ที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ได้กี่เดือน ที่เกมเองก็นึกสงสัยอยู่ ตอนที่แลกสายตากันไปมาหลายครั้ง ว่าจะเป็นแนวเดียวกัน

“ชอบแนวนี้หรือ” เกมอ่านข้อความที่หน้าจอ “อืม” ตอบออกไปแบบนั้น รู้สึกเขิน ๆ เหนียม ๆ เหมือนกัน แต่กับความพลุ่งพล่านที่ทำให้ใจกำลังวุ่นวายอยู่ในตอนนี้ ก็ไม่อ้อมค้อมจะเป็นการดีกว่า “ชอบเหมือนกันใช่ป่ะ” เกมยิ้มออกมาในทันที เมื่ออีกฝ่ายตอบกลับทันควันด้วยอิโมจิรูปหัวใจ

“เราบอมนะ ถูกใจนายตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว” บอมสารภาพ เอามือล้วงเข้าไปในกางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่ “เราชื่อเกม” ตอบกลับไป ก่อนจะส่งข้อความไปอีกครั้ง “อยากได้นายเหมือนกัน” เด็กหนุ่มทั้งสองรู้สึกใบหน้าร้อนผะผ่าว กับบทสนทนาที่กำลังดำเนินอยู่ “สนมั้ย” เกมถามอีกฝ่ายกลับไป แต่บอมนิ่งเงียบไปสักพัก

“ชอบเอาท์ดอร์มั้ย” ข้อความนั้นถามกลับมา เกมก้มมองไปที่ตัวเอง กับชั้นในเพียงตัวเดียวที่ใส่อยู่ แล้วหันไปมองประตูห้องนอนที่เปิดอ้าทิ้งเอาไว้ “หมายถึงชอบโชว์แบบนี้ป่ะ ชอบโชว์เนียน ๆ นับด้วยมั้ย” เกมถามกลับไป ใจเต้นแรง มองจับจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ ถึงข้อความที่อีกฝ่ายจะส่งมา

“เล่นกันมั้ย” ข้อความอ่านได้แบบนั้น เกมคิกประมวลผล แต่อวัยวะที่กำลังมีอิทธิพลกับเขามากที่สุดในตอนนี้ ไม่ใช่สมองแต่อย่างใด แต่กลับเป็นแก่นกายความหนุ่มที่กำลังพองแข็งแน่น ตัวดันอยู่ใต้กางเกงชั้นในจนเจ็บไปหมดต่างหาก ที่กำลังช่วยเขาคิดและตัดสินใจที่จะตอบบอมกลับไปว่า

“เล่นแบบไหน” เกมพิมพ์ข้อความถามกลับไป มือสั่นจนต้องวางมือถือลงก่อน ไม่นานบอมก็ส่งข้อความกลับมา “บ้านเราติดวงจรปิดเอาไว้ กล้องมันหันหน้าออกไปทางถนน มองจากจอตอนนี้ มันเห็นตรงรั้วข้างบ้านนายด้วย” เกมคิดตามไปกับสิ่งที่บอมบอกมา อะไรบางอย่างมันกำลังเร้าความรู้สึกของเขามากขึ้นกว่าเดิม แท่งแข็งที่กำลังผงกขึ้นลงใต้กางเกงชั้นในนั้น กำลังทำให้อารมณ์ของเกมเหมือนคลื่นทะเลที่กำลังโดนลมพัดให้บ้าคลั่ง

“นายออกมาที่ข้างรั้ว ไม่ใส่อะไรเลยนอกจากเนกไทวิทยาลัย” สายตาของเกมที่มองไปที่เนกไท มันคล้องไว้กับตะขออยู่บนประตูตู้เสื้อผ้า “นายชักให้เสร็จ ให้น้ำพุ่งจนหมด พุ่งใส่ผนังข้างบ้านนาย” ตอนนั้นเกมรู้สึกว่า นี่มันเป็นสิ่งที่กระตุ้นและเร้าอารมณ์ของเขาได้อย่างมากมาย ไม่ใช่เรื่องบ้ามากแต่อย่างใด

“เราจะมองนายจากกล้องวงจรปิด แล้วชักตามไปด้วย พอนายเสร็จ เราก็จะเสร็จด้วย แล้วส่งคลิปที่เราอัดตัวเองไปให้นายดู ดีลมั้ย” เกมเอาทุกอย่างที่ได้ยินบอมบอกมาเอามาคิด วันนี้วันธรรมดา วันทำงาน ถนนแถวนี้เงียบเชียบแทบไม่มีใครผ่านไปผ่านมา ถ้าคิดว่าคนแถวบ้านเขาจะผ่านมาเจอเข้า

จะมีก็แต่พวกขนส่งเอาพัสดุมาส่งตามบ้าน ซึ่งพนักงานหลายคนที่เกมเคยเห็น ก็ต้องตาต้องใจเขาอยู่เหมือนกัน เกมไม่ติดถ้าพนักงานชายพวกนั้นจะเห็นว่าเขาทำอะไร เผลอ ๆ อาจจะโชคดีขึ้นมา ได้ทำอะไรสนุก ๆ ด้วยกัน เกมคิดแบบนั้นแล้ว ก็พิมพ์ข้อความตอบกลับไปว่า

“ตกลง” ในของเกมเต้นไม่เป็นส่ำไปด้วยความตื่นเต้นอย่างที่สุด ก่อนจะเดินไปคว้าเอาเนกไทมาสวมลงรอบคอ “แต่ขอใส่เสื้อคลุมตอนออกจากบ้านนะ ถึงตรงรั้วแล้วค่อยถอด” เกมบอกกลับไป บอมดูไม่ขัดข้อง เกมหยิบเอาเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวม ผูกเชือกที่เอวแบบหลวม ๆ ก่อนจะดึงกางเกงชั้นในออกทางปลายเท้า ปล่อยให้ความเป็นชายผงาดง้ำ

เกมกึ่งวิ่งกึ่งเดินลงมาจากชั้นบน กลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ ก่อนจะเดินไปที่ประตู้บ้าน เปิดมันออกแล้วเดินไปตามที่นัดหมายกับบอมเอาไว้ เกมมองไปที่บ้านบอม เห็นกล้องวงจรปิดราคาแพงติดอยู่ ใจของเขาเต้นแรงอย่างที่สุด ก่อนจะคลายเชือกเสื้อคลุมอาบน้ำ แล้วปล่อยให้มันเลื่อนหลุดลง ให้ตัวเขานั้นเปลือยเปล่า มีเพียงเนกไทที่คล้องอยู่ที่คอเท่านั้นที่กั้นเขาจากอากาศนั้น

“อืม” เกมครางในลำคอ เมื่อใช้มือรูดขึ้นรูดลงด้วยอารมณ์แห่งความหฤหรรษ์ เขาหันหน้าเข้าหากล้องวงจรปิดนั้นอย่างเปิดเผย เมื่อรู้ว่ามีเด็กหนุ่มอีกคนกำลังมองเขาบนจอ ผ่านกล้องตัวนั้น มันยิ่งทำให้อารมณ์ของเกมกระเจิดกระเจิงไปกันใหญ่ และเขาไม่คิดว่า เขาจะสามารถยืด รั้งเวลาในครั้งนี้ได้นานนัก

“ไม่ไหวแล้ว” เกมทำปากพูดกับกล้องวงจรปิด ก่อนที่เขาจะหันเข้าหาผนังบ้าน ตอนนั้นเขาไม่ได้ยินแม้แต่เสียงรถยนต์ที่แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านฝั่งตรงข้าม ด้วยความที่เขากำลังหูอื้อตาลายไปกับอารมณ์สุดปรารถนา ที่กำลังดื่มด่ำกับความเร้า ที่มันแล่นขึ้นลงจากหัวลงไปปลายเท้า แล้วเล่นกลับขึ้นมาใหม่ แล้วลงไปที่ปลายแก่นกายซ้ำ ๆ อย่างนั้น

“โอ๊ะ” มาถึงจุดนี้ ไม่มีอะไรจะสามารถหยุดยั้งเกมจากจุดสุดยอดได้อีก แม้ว่าจะมีเสียงใครบางคนกระแทกประตูบ้านฝั่งตรงกันข้ามเข้าไปด้านในอย่างแรง แต่เกมเร่งความเร็วของมือ จนน้ำสีขาวขุ่นข้นเหนียว พุ่งทะยานไปแหมะตัวอยู่ที่ผนังข้างบ้าน ระลอกแล้ว ระลอกเล่า เกมค้อมตัว แอ่นหลัง ไปตามความรู้สึกจนกระทั่งทุกอย่างสงบนิ่งลง

'ปัง' เสียงปืนดังขึ้น ตามมาด้วยเกมได้ยินเสียงสุนัขร้องดังลั่นด้วยความเจ็บปวด เกมตกใจยืนนิ่งตัวเปลือยเปล่ามองไปที่บ้านฝั่งตรงข้าม เสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด ก่อนจะเห็นหน้าต่างนั้นแตกออก หล่นกระจายไปทั่ว เกมรีบทรุดตัวลงนั่งหลังรั้วที่เป็นพุ่มไม้เตี้ย ๆ เมื่ออยู่ ๆ ก็เห็นผู้ชายสองคนออกมาจากบ้านหลังฝั่งตรงข้าม

“มึงเห็นใครมั้ยเมื่อกี้” หนึ่งในชายสองคนนั้นถามขึ้น “ตรงไหน” อีกคนถามกลับ เกมคิดไม่ออกว่าเขาควรจะทำยังไงดีในตอนนี้ เสื้อคลุมอาบน้ำตกอยู่ตรงที่เขายืนช่วยตัวเอง จะเอื้อมมือไปหยิบก็ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นผู้ชายสองคนนั้นต้องรู้แน่ ๆ ว่าเขาอยู่ตรงนี้ เกมไม่รู้ว่าเขาจะทำยังไงดี

“กูเห็นอะไรขาว ๆ เมื่อกี้ ไม่แน่ใจว่าคนยืนอยู่ริมรั้วหรือเปล่า” เกมหน้าเสีย ทำยังไงดี เขาถามตัวเองเพราะกลัวว่าสองคนนั้นจะรู้ ว่าเขายังหลบอยู่ตรงนี้ “เดินไปดู” เกมถึงกับต้องกลั้นเสียงไม่ให้ตัวเองตะโกนออกมาด้วยความกลัว ผสมผสานกับความตกใจอย่างที่สุด เขารีบมองไปที่ประตูบ้าน แต่จะเปิดประตูเข้าบ้านยังไงให้สองคนนี้ไม่เห็น

เกมมีเวลาอยู่เพียงแค่แวบเดียวที่จะคิดตัดสินใจทำอะไรลงไป เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นถนน หนึ่งในชายสองคนกำลังเดินมาดูในสิ่งที่สงสัย เมื่อมาถึงที่ดังกล่าว ก็ชะโงกหน้าข้ามรั้วพุ่มไม้นั้นมาดู ชายอีกคนเอง ก็เดินตามมาดูด้วยเช่นกัน เพื่อให้หายสงสัยพร้อมไปในคราวเดียวกัน

“ไม่เห็นมีใคร” หนึ่งในสองคนพูดขึ้น “ก็บอกว่า คิดว่าเห็นคนยืนอยู่ ไม่แน่ใจไง” อีกคนนึกหงุดหงิดที่อีกฝ่ายพูดจาตำหนิ “หลอนยาป่ะเนี่ย” อีกคนว่าเข้าให้ มองไปที่เสื้อคลุมอะไรสักอย่างที่ตกอยู่บนพื้นดิน “เห็นเสื้อคลุมบ้า ๆ นี่เป็นคนยืนอยู่” คนถูกกล่าวหาว่าเล่นยาหนัก เอามือลูบหน้าวนไปมา เผื่อจะสร่างขึ้นบ้าง

“แล้วนั่นอะไร เปียก ๆ เป็นคราบ เยอะเลย” หนึ่งในนั้นชี้บอกไปที่ผนังข้างรั้วบ้าน “น้ำแอร์มั้ง” พูดไปก็มองหาคอมเพรสเซอร์ไป แต่ก็มองไม่เห็น “กูว่าไม่ใช่ ขอเข้าไปดมดูก่อน กูสงสัย” พูดแล้วก็ทำท่าจะกระโดดข้ามรั้วพุ่มไม้เตี้ย ๆ นั่นเข้าไป แต่ก็โดนเพื่อนคว้าข้อศอกเอาไว้ก่อน

“ไปดูโน่นดีกว่า ว่ามีใครอยู่บ้านมั้ย” อีกคนบอกถึงสิ่งที่สมควรทำมากกว่า อีกคนแม้จะขัดใจ แต่ก็ยอมทำตาม เดินผ่านทางเข้ารั้วบ้านไปที่ประตู “มีใครอยู่มั้ย” เคาะประตูจนเสียงดังเรียกเข้าไป เกมถึงกับเกือบเป็นลมหน้ามืด เมื่อลูกบิดประตูบ้าน ถูกเขย่ากึง ๆๆ โยกไปมาอย่างแรง หลังจากที่เขากดล็อกมันอย่างเงียบเชียบ ไม่กี่วินาที

เกมนั้นรีบคลานด้วยตัวเปลือยเปล่าจากรั้วพุ่มไม้ ทิ้งเสื้อคลุมอาบน้ำและคราบอารมณ์ของตัวเองเอาไว้อย่างนั้น ก่อนจะสามารถหลุดพ้นจากสายตาของชายทั้งสองคน เกมรีบวิ่งเป็นชีเปลือยไปที่ด้านหลังบ้าน แล้วเปิดประตูหลังบ้านเข้าไปด้านใน ล็อกมันเสร็จ ก็รีบมาที่ประตูหน้าบ้าน พอดีกับที่ชายสองคนมาเคาะเรียกและเขย่าลูกบิดแบบนั้น

“กลิ่นอะไรคาว ๆ วะ คุ้น ๆ” อีกคนพูด ยังนึกสงสัยถึงคราบน้ำปริศนาที่ข้างบ้านนั่น “ไปเหอะ เดี๋ยวพ่อมึงมาซะก่อน” อีกคนขัดขึ้น เลยเออออยินยอมไปขึ้นรถพร้อมกับเพื่อน เกมได้ยินชายสองคนเดินไปเปิดประตู เขาแอบดูที่ช่องเล็ก ๆ ข้างผ้าม่าน ก่อนจะเห็นชายสองคนนั้นขับรถจากไป เกมทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด มันเหนือจริงมากในความรู้สึก

“นายเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นมั้ย บอม” เกมรีบส่งข้อความถามกลับไป นึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย ที่เห็นว่าบอมส่งคลิปผู้ชายช่วยตัวเอง ที่เกมเคยดูจากในเน็ตแล้วแบบนั้น นิ่ง เงียบ ไม่ตอบ เกมนั่งรออยู่นานพอสมควรแต่ก็ไม่มีข้อความใด ๆ ตอบกลับมาจากอีกฝ่าย เกมรีบขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเองเพื่อสวมเสื้อผ้า พลางคิดว่า ถ้าบอมเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ก็อาจจะตกใจกลัวเหมือนเขาเช่นกันก็ได้

จากนั้นไม่ถึงชั่วโมง เกมก็ได้ยินเสียงรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยเก็บและพิสูจน์หลักฐาน แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านฝั่งตรงข้าม และไม่นานหลังจากนั้นพ่อกับแม่ก็เลี้ยวรถเข้ามาจอดเช่นกัน เกมคิดว่า เขาควรจะบอก ควรจะพูดอะไรให้เจ้าหน้าที่รับรู้ แม้พ่อและแม่ของเขาจะบอกว่า อย่าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นก็ตาม

เกมเห็นบอมออกมาจากบ้าน ตอนที่เขากำลังให้ข้อมูลกับพี่เจ้าหน้าที่สองคนนั้นอยู่ บอมดูจะมองแบบหยั่งเชิงมากกว่า ว่าเกมนั้นพูดบอกอะไรกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปบ้าง เกมตัดสินใจบอกความจริงกับเจ้าหน้าที่เก็บและพิสูจน์หลักฐานไปทุกอย่าง เพราะคิดว่าถึงโกหกไปก็ไม่มีประโยชน์ พี่คนที่เป็นหัวหน้าหน่วยรู้ถึงสิ่งที่เขาทำตั้งแต่ยังไม่ได้ยินเกมพูดอะไรสักคำด้วยซ้ำ

เกมกลับขึ้นห้องนอนไป หลังจากที่เจ้าหน้าที่บอกกับพ่อและแม่ของเขาว่า เกมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรในคดีนี้ และถ้ามีอะไรอยากรู้เพิ่มเติม จะติดต่อกลับมา โดยไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เขาออกไปทำที่ข้างบ้านเลยแม้แต่น้อย เกมพอจะโล่งอกไปได้บ้าง ว่าพ่อและแม่ของเขาจะไม่รู้เรื่องพวกนี้

เกมหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูอีกครั้ง หลังจากนั่งลงบนเตียงนอน เขากดแอพนั้นขึ้นมาดูอีกครั้ง ข้อความแชทที่เขาคุยกับบอมหายไปหมดแล้ว รวมถึงแอคเคานท์ของบอมด้วยเช่นกัน บอมลองไล่หาดูกับคนที่เขาคุยด้วย แต่ก็ไม่พบ ไม่มีชื่อแอคคานท์ของบอมอยู่ในนั้นจริง ๆ เกมกำลังคิดว่า บอมน่าจะกลัวไม่ต่างจากเขา เลยลบทุกอย่างทิ้ง

เกมลุกขึ้นจากเตียงนอน ก่อนจะมานั่งที่เก้าอี้หน้าคอมพิวเตอร์พีซีของเขา ลองเอาชื่อยูสเซอร์ที่จำได้ของบอมมาเสิร์ชหาดู แต่มันก็ขึ้นชื่อคล้าย ๆ กันมาจนเกมลายตา เกมพอยังจำได้ว่า บนหน้ารายละเอียดแอคเคาน์ของบอม มีชื่อบัญชีโซเชียลมีเดียลงเอาไว้ เกมสะกดผิดสะกดถูกอยู่นาน เพราะจำไม่ได้ครบทุกตัวอักษร แต่สุดท้ายก็มีอยู่บัญชีหนึ่งขึ้นมาที่หน้าเสิร์ช

“อ้าว ล็อก” ชื่อบัญชีนั้น เกมจำได้ว่ามันถูกต้องแล้ว แต่กลับล็อกไม่ให้คนอื่นเข้าไปดูข้อมูล นอกจากเพื่อนกับเจ้าของแอคเคาน์ เกมเกือบจะถอดใจแล้ว เมื่อดูไปดูมา เหมือนว่าจะไม่ได้ผล แต่ก็มาสะดุดตากับบัญชีโซเชียลมีเดียบัญชีหนึ่ง ที่สะกดคำคล้าย ๆ กัน แค่สลับตัวอักษร

เกมกดเข้าไปดู ก็เห็นรูปของบอมอยู่บนภาพดิสเพลย์ มันคงเป็นบัญชีของบอมจริง ๆ แต่สิ่งที่บอมโพสต์เอาไว้ มันมีแต่ข้อความเชิงลบและต่อต้านเกย์เกือบจะทั้งนั้น รวมถึงรีพลายที่บอมตอบกลับสมาชิกคนในครอบครัวรวมถึงพ่อของเขาให้สบายใจได้แล้วว่า บอมนั้นไม่ได้เป็นเกย์ และไม่มีทางที่จะเป็น เกมหน้าซีดเผือด รู้สึกว่าทุกอย่างในความรู้สึกถูกดูดออกจากร่างไป ณ นาทีนั้น เมื่อคิดถึงภาพตัวเองยังอยู่ในกล้องวงจรปิดนั้นหรือไม่ หรือว่า บอมเองก็ตกใจไม่แพ้กันและลบทำลายหลักฐานทั้งหมดทิ้งไปแล้ว

**********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Look What You Made Me Do - Taylor Swift

https://www.youtube.com/watch?v=3tmd-ClpJxA


I don't like your little games

ฉันไม่ชอบเกมเหล่านี้สักเท่าไหร่

Don't like your tilted stage

และไม่ชอบเวทีที่มันดูจะเอียงกะเทเร่นี้

The role you made me play of the fool

บทบาทที่คุณสร้างให้ฉันเล่นแต่มันดูโง่เขลา

No, I don't like you

ไม่เลย ฉันชักไม่ชอบใจคุณ


I don't like your perfect crime

ฉันไม่ชอบอาชญากรรมที่สมบูรณ์แบบของคุณ

How you laugh when you lie

เมื่อคุณหัวเราะออกมาทั้งที่คุณกำลังโกหก

You said the gun was mine

คุณบอกว่าปืนกระบอกนั้นเป็นของฉัน

Isn't cool, no, I don't like you (oh!)

มันไม่เจ๋งเลยว่ามั้ย ฉันไม่ชอบคุณ


But I got smarter, I got harder in the nick of time

แต่ฉันฉลาดขึ้น ฉันแกร่งขึ้น เพียงชั่วเวลาวินาทีผ่าน

Honey, I rose up from the dead, I do it all the time

ที่รักจ๋า ฉันฟื้นคืนชีพจากความตาย ฉันทำแบบนี้เสมอ

I got a list of names, and yours is in red, underlined

ฉันจดชื่อคนเอาไว้มากมาย ชื่อคุณเป็นหมึกสีแดง และขีดเส้นใต้เอาไว้หนาหนา

I check it once, then I check it twice, oh!

ฉันตรวจดูอีกรอบ ไม่สิ ตรวจซ้ำอีกรอบให้แน่ใจ


Ooh, look what you made me do

ดูเอาเถอะ ว่าคุณบังคับให้ฉันทำอะไรลงไป

Look what you made me do

ตรองดูทีว่าฉันได้ทำอะไรลงไปที่คุณสั่ง

Look what you just made me do

ดูอีกที ว่าคุณบังคับให้ฉันทำสิ่งใดหรือ

Look what you just made me

ตรองดูเถิดว่าฉันต้องทำอะไรเพื่อคุณ


I (I) don't (don't) like your kingdom keys (keys)

ไม่ ไม่เลยฉันไม่ชอบใจที่ลูกกุญแจไขเข้าสู่โลกของคุณ

They (they) once belonged to me (me)

มันเคยเป็นของของฉันเมื่อครั้งนั้น

You (you) asked me for a place to sleep

คุณเคยถามไถ่ฉันเพื่อขอที่พักพิง

Locked me out and threw a feast (what?)

แต่กลับทิ้งฉันเอาไว้ข้างนอก แล้วคุณจัดงานบันเทิงรื่นเริงด้านใน


The world moves on, another day another drama, drama

โลกมันต้องเดินหน้าไป วันใหม่ผ่านเข้ามาพร้อมดราม่าเรื่องใหม่

But not for me, not for me, all I think about is karma

แต่สำหรับฉันนั้นไม่ ไม่ใช่ฉัน เพราะฉันคิดถึงแต่กงเกวียนกำเกวียน

And then the world moves on, but one thing's for sure

และโลกทั้งใบก็แปรผันไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนกว่านั้น

Maybe I got mine, but you'll all get yours

คือฉันได้รับผลของตัวเอง และคุณเองก็จะได้รับผลการกระทำของตน


But I got smarter, I got harder in the nick of time

แต่ฉันฉลาดขึ้น ฉันแกร่งขึ้น เพียงชั่วเวลาวินาทีผ่าน

Honey, I rose up from the dead, I do it all the time

ที่รักจ๋า ฉันฟื้นคืนชีพจากความตาย ฉันทำแบบนี้เสมอ

I got a list of names, and yours is in red, underlined

ฉันจดชื่อคนเอาไว้มากมาย ชื่อคุณเป็นหมึกสีแดง และขีดเส้นใต้เอาไว้หนาหนา

I check it once, then I check it twice, oh!

ฉันตรวจดูอีกรอบ ไม่สิ ตรวจซ้ำอีกรอบให้แน่ใจ


Ooh, look what you made me do

ดูเอาเถอะ ว่าคุณบังคับให้ฉันทำอะไรลงไป

Look what you made me do

ตรองดูทีว่าฉันได้ทำอะไรลงไปที่คุณสั่ง

Look what you just made me do

ดูอีกที ว่าคุณบังคับให้ฉันทำสิ่งใดหรือ

Look what you just made me

ตรองดูเถิดว่าฉันต้องทำอะไรเพื่อคุณ


I don't trust nobody and nobody trusts me

ฉันไม่เชื่อใจใคร และใครก็อย่ามาเชื่อใจฉัน

I'll be the actress starring in your bad dreams

ฉันจะเป็นตัวเอกในคืนแห่งฝันร้ายของคุณ

I don't trust nobody and nobody trusts me

ฉันไม่ควรจะเชื่อถือใคร และก็ไม่มีใครควรจะเชื่อถือฉัน

I'll be the actress starring in your bad dreams

ฉันจะเป็นตัวแสดงนำในคืนอันโหดร้ายของคุณ


I'm sorry

ฉันขอโทษด้วย

But the old Taylor can't come to the phone right now

ไอ้ตัวฉันคนเก่า มารับสายไม่ได้ในตอนนี้

Why? Oh, 'cause she's dead (oh)

ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะว่าฉันคนเก่า มันได้ตายไปแล้วไง

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๔๔. BONDED _ 9.13.2023
«ตอบ #46 เมื่อ13-09-2023 14:39:04 »


Crime and Love Scene Investigation

๔๔. BONDED


“การผ่าตัดเป็นไปด้วยดี แต่มันเสียเลือดค่อนข้างมาก กว่าที่จะพามาถึงที่นี่” สัตวแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดให้เจ้าหมาตัวยักษ์บอกกับชนธัญเอาไว้ หลังจากที่หนุ่มหน้าใสนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องผ่าตัด จนทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น “ตอนนี้ก็ทำได้แค่เฝ้ารอว่า มันจะฟื้นตัวได้ดีมากน้อยแค่ไหน หวังว่ามันจะทำได้ เพราะเท่าที่เห็นมันก็สู้อย่างเต็มที่แล้ว” สัตวแพทย์บอกกับชนธัญให้เตรียมใจเช่นกัน เพราะโอกาสรอดของมันก็น้อยกว่าครึ่ง

“ขอบคุณมานะครับคุณหมอ” ชนธัญกล่าวของคุณอีกฝ่ายออกไป “มันต้องไม่เป็นไร เชื่อผมสิ” สารวัตรรัฐนนท์พูดปลอบใจชนธัญ “มันเดินมาขอให้ผมช่วย” ชนธัญจำได้ถึงแววตาและท่าทางของสุนัขตัวนี้ ที่เดินเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางอ่อนโยนแต่อ่อนแรงแล้วเหลือเกิน

“มีใครรู้บ้างว่ามันชื่ออะไร จะได้เรียกมันถูก” สารวัตรรัฐนนท์หันไปถามลูกทีมของเขา “ผมลองถามชาวบ้านแถวนั้นดูแล้ว พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ผู้หญิงผู้ชายคู่นี้ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร คือ เขาสองคนอยู่กันแบบเงียบ ๆ แถมผู้ชายก็มีรอยสักเต็มตัว บ้านใกล้ ๆ ก็บอกลูกหลานตัวเองให้อยู่ห่าง ๆ เอาไว้ เลยไม่มีใครรู้ชื่อหมาตัวนี้เลย แถมมันก็ตัวใหญ่ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ชาวบ้านก็กลัวว่ามันจะกัดเด็ก ๆ อย่างที่เป็นในข่าว” หนึ่งในทีมสืบลับของสารวัตรรัฐนนท์ให้ข้อมูล

“ตอนผมนั่งรถมากับมัน ผมเรียกมันว่าเจ้ายักษ์ มันก็ร้องคราง กระดิกหางให้อยู่นะครับ” ชนธัญพูดมองไปที่สุนัขตัวใหญ่ที่นอนหลับอยู่บนเตียงพักฟื้น “งั้นก็เรียกมันแบบนั้นไปก่อนแล้วกัน” สารวัตรหนุ่มหล่อสรุปความให้ “มันก็ดูเข้มแข็งใจเด็ดจริง ๆ” ชนธัญลูบหัวมันเบา ๆ ในใจภาวนาให้มันรอดชีวิต

“ตอนนี้มันเป็นพยานเพียงปากเดียวที่เรามี ที่เห็นคนร้ายชัดเจน” ได้ยินสารวัตรรัฐนนท์พูดแบบนั้น ทุกคนก็หันมามองเจ้ายักษ์เป็นตาเดียวกัน “ใช่เลยล่ะ” ชนธัญเห็นด้วยกับสารวัตรรัฐนนท์ “ถ้ามันพูดบอกเราถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ก็คงจะดี” ทุกคนตรงนั้นพากันถอนหายใจออกมาแทบจะพร้อมกัน

“แต่เมื่อมันพูดไม่ได้ มันมีวิธีอื่นที่จะยืนยันตัวคนร้ายให้เรารู้ได้มั้ย” สารวัตรรัฐนนท์ตั้งคำถามนั้นขึ้น เป็นคำถามที่น่าสนใจ เพราะเจ้ายักษ์เอง มันโดนยิงถึงสองครั้ง ที่หัวไหล่และที่คอของมัน “คนร้ายจงใจยิงใส่มัน” สารวัตรหนุ่มหล่อคิดว่าอย่างนั้น “มันพยายามช่วยเจ้าของ ตอนที่คนร้ายบุกเข้าไปในบ้าน” ชนธัญพยักหน้าตามการวิเคราะห์ของอีกคนในทีม ทุกคนที่กำลังจะมืดแปดด้าน ใครอีกคนก็พูดขึ้นหลังจากกดวางสายโทรศัพท์ ว่าทีมสืบควบคุมผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ได้คนหนึ่ง

“เมื่อไหร่แม่จะเข้าใจฉันสักที” กบถามแม่ของตัวเองออกไป เพราะแม่ก่นด่าเขาเรื่องนี้ไม่ยอมหยุด “มึงจะให้กูหยุดด่ามึงได้ยังไง จะให้กูเข้าใจมึงแบบไหน ก็ในเมื่อมึงทำตัวของมึงแบบนี้” แม่ของกบตวาดใส่ลูกชายเสียงดังลั่น “กูเลี้ยงมึงมาให้เป็นคนดี ไม่ใช่ให้มึงโตมาโง่เป็นควาย แถมยังเป็นโจรอีก” กบอดกลั้นความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ภายในใจ ถ้าอกของเขาระเบิดออกมาได้ นอกจากเลือดแล้ว ก็คงเป็นความเสียใจที่จะเนืองนองออกมาให้ทุกคนเห็น

“มึงดูสภาพตัวมึงเองตอนนี้ซิ เป็นใคร ก็ไม่มีทางเลิกคิดว่ามึงคือโจร” แม่ของกบชี้นิ้วไปที่รอยสักที่อยู่เต็มตัวของกบ “ฉันยอมรับว่าฉันทำผิดไป แต่ฉันก็เข้าไปอยู่ในนั้น” กบได้เข้าไปอยู่ในเรือนจำชดใช้ในสิ่งที่เขาก่อเอาไว้แล้ว และถูกปล่อยตัวออกมา “ฉันทำทุกอย่างเพื่อไถ่โทษตัวเอง ความรู้ที่ฉันได้จากในคุก ฉันก็เอามาหาเลี้ยงตัวเองอย่างสุจริตในตอนนี้” สิ่งที่กบหวังใจเอาไว้ ตั้งแต่ก่อนออกมาจากเรือนจำก็คือ โอกาสในการเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง

“ส่วนเรื่องรอยสักที่แม่ด่าฉันทุกครั้งที่เจอหน้ากันเนี่ย” ถ้าใครในโลกนี้จะไม่เข้าใจเขาในเรื่องนี้ กบอยากให้แม่เข้าใจ “แม่ก็รู้ ว่าฉันสักหลังจากที่ออกมาจากคุกแล้ว” กบมองตาแม่ ด้วยแววตาอ้อนวอนขอให้แม่เห็นใจ “มันเป็นความชอบของฉัน” กบบอกแม่แบบนั้น “ฉันไม่ใช่คนชั่วโดยสันดาน ฉันทำผิดพลาดไป เขาจับฉันขัง ฉันยอมรับมันแต่โดยดี” กบรู้ตัวดีว่า เขาเคยส่งยาให้กับคนแถวบ้าน เขาพลาดไปแล้ว

“แล้วคนอื่นเขาจะแยกออกมั้ย ไอ้กบ ว่ามึงไม่ได้ค้ายา ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว ก็ในเมื่อมึงยังมีสภาพแบบนี้อยู่” แม่ขอกบน้ำตาคลอหน่วยตอนพูดกับลูกชาย “คนมันจะไม่ดู ไม่เห็นในสิ่งที่ฉันทำเลยหรือแม่ ฉันเรียนเล่นกีตาร์มาจากในนั้น และตอนนี้ฉันก็สอนดนตรีเด็ก ๆ เพื่อให้คนรุ่นหลังจากฉันห่างไกลยานรกพวกนี้ยังไงล่ะแม่” กบเองก็พูดด้วยเสียงสั่นเครือ มันสะท้อนอยู่ในอกกับความรู้สึกเสียใจ ที่คนจะมองเห็นเขาเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก

“มึงจะคำกูเอาไว้ ไอ้กบ ที่กูพูด ไม่ใช่เพราะว่ากูเกลียดมึง กูเป็นแม่มึง กูยกโทษให้อภัยมึงได้ทุกเรื่อง แม้ว่ามึงจะทำให้กูเสียใจเจียนตายแค่ไหน” กบรู้ดี วันที่เขาถูกพิพากษาให้ติดคุกนั้น คนที่ร้องไห้หนักกว่าใครทั้งหมด ก็คือแม่ของเขาเอง “คนมันโหดร้ายกว่าที่มึงคิดนัก และวันหนึ่งมันจะทำร้ายมึงอย่างสาหัส มึงจำคำพูดกูเอาไว้” กบมองแม่ของเขา ปล่อยน้ำตาให้ไหลรินลงจากสองหน่วยตา

สารวัตรรัฐนนท์และชนธัญรีบขับรถกลับมาที่หน่วยสืบสวนลับ เพื่อทำการสอบสวนผู้ต้องสงสัยหนึ่งคน ที่ถูกควบคุมตัวมาได้ ชนธัญมองผ่านกระจกมองทางเดียวที่กั้นระหว่างห้องสอบสวนกับส่วนควบคุมเข้าไป ผู้ต้องสงสัยยังอายุน้อยอยู่เลย ตามข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ให้ไว้ ชายหนุ่มอายุแค่ยี่สิบต้น ๆ

“คุณไม่รู้หรือไง ว่าเดี๋ยวนี้เขามีพระราชบัญญัติคุ้มครองสัตว์แล้ว” สารวัตรรัฐนนท์ยื่นรูปของเจ้ายักษ์ สุนัขของเหยื่อฆาตกรรมชายหญิงในคดีนี้ให้กับผู้ต้องสงสัยดู “นี่รูปที่เจ้าหน้าที่ไปเจอตอนมันถูกยิง” ชายหนุ่มผู้ต้องสงสัยทำหน้าแบบไม่ยินดียินร้าย เมื่อสารวัตรหนุ่มหล่อยื่นรูปหลังจากเจ้ายักษ์ได้รับการผ่าตัดเอาหัวกระสุนออกจากแผลเรียบร้อยแล้ว

“ซึ่งมันอาจจะไม่รอด” ชายหนุ่มทำหน้าเบื่อหน่ายที่จะต้องมาได้ยินอะไรแบบนี้จากตำรวจ “ความโหดร้ายป่าเถื่อนที่คุณและเพื่อนของคุณได้ทำมันลงไป” ชายหนุ่มรีบส่ายหัวอย่างเร็ว “ผมไม่ได้ทำ อย่ามาปรักปรำผลแบบนี้สิครับคุณตำรวจ” อาการที่แสดงออกราวกับว่า ยังไงตัวเองก็ไม่มีทางถูกตั้งข้อหาอย่างแน่นอน ทำให้เจ้าตัวพูดอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า

“สถานที่เกิดเหตุ ถูกค้นทั่วบ้านเหมือนกับว่าต้องการหาอะไรบางอย่าง พวกคุณเข้าไปเอาอะไรในบ้านหลังนั้น” สารวัตรรัฐนนท์เชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง “การฆ่าก็เป็นแบบ Blitz – Style จงใจจู่โจมทำร้ายแบบหมายเอาชีวิต มันต้องเป็นอะไรที่สำคัญมากสำหรับพวกคุณ ของที่พวกคุณต้องการอย่างยิ่ง” ไม่ว่าสารวัตรรัฐนนท์จะพูดอะไร ผู้ต้องสงสัยก็ส่ายหน้าให้อย่างยืนกระต่ายขาเดียว

“รูปพรรณสัณฐาน” สารวัตรรัฐนนท์ยื่นภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดบ้านข้าง ๆ ของเจ้าเด็กหนุ่มชอบโชว์นั่น ถูกยื่นให้ผู้ต้องสงสัยดู “รวมถึงเสื้อผ้าก็เป็นชุดเดียวกันกับที่คุณใส่อยู่ในตอนนี้” มาตอนนี้สีหน้าของผู้ต้องสงสัยเปลี่ยนไป ดูตกใจ แต่ก็ยังคงรักษาท่าที ยืนกรานคำเดิม

“จะเอาเสื้อผ้าผมไปตรวจก็ได้นะ ถ้าผมทำจริง เสื้อก็สีขาวขนาดนี้ มีรอยเลือดอะไรตรงไหนบ้างล่ะ คุณตำรวจ ตรงไหนบ้าง ไม่มีเลยสักนิด” ชนธัญเองก็มองไม่เห็นรอยเลือดจากเหยื่อทั้งสองคน ตามที่ด็อคเตอร์ดุเคยสอนเอาไว้ถึงรอยกระเซ็น Blood Splatter ที่เกิดจากเหยื่อถูกยิง ปรากฏอยู่บนเสื้อของผู้ต้องสงสัยเลยสักหยด

“อ้ะ ไม่ต้องเสียเวลา ผมถอดให้คุณตำรวจเอาไปตรวจเลยก็ได้” ไม่พูดเปล่า ผู้ต้องสงสัยถอดเสื้อยืดของตัวเองออก ผิวปากอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหยิบเอาเสื้อแจ็กเกตตัวนอกแขนยาวที่ถือเข้ามาไปใส่แทน พลางทำหน้าเย้ยหยันอย่างจงใจ ชนธัญแวบนั้น กลับยิ้มออกมาอย่างโล่งใจที่เขามองมันได้ทัน

“ถ้าจะให้ผมเอาเสื้อผ้าของคุณไปตรวจ ได้ครับ” ชนธัญพูดขึ้น สารวัตรรัฐนนท์หันมามองทางชนธัญทันที เพราะนึกสงสัยว่าชนธัญเห็นอะไรที่เสื้อยืดตัวนั้น “แต่ผมสนใจเสื้อตัวนอกของคุณมากกว่า ที่ปลายแขนเสื้อนั่น” สารวัตรรัฐนนท์ทำเสียงห้ามปราม เมื่อผู้ต้องสงสัยรีบทำท่าปกปิดแขนเสื้อนั้น

“ตาไวมาก ผมขอชม” สารวัตรรัฐนนท์กล่าวชมตอนที่ออกมาจากห้องสืบสวน ที่ชนธัญมองเห็นรอยเลือดเล็ก ๆ นั้นได้ทัน ก่อนที่ทางตำรวจจะต้องปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยไป เพราะไม่มีหลักฐานอะไรจะควบคุมตัวเขาต่อได้อีก “ขอบคุณครับ หวังว่ารอยเลือดนั่นจะเป็นของหนึ่งในเหยื่อสองราย” สารวัตรรัฐนนท์เองก็หวังเอาไว้แบบนั้น

“เพราะถ้าใช่เลือดของหนึ่งในเหยื่อ ผู้ต้องสงสัยคนนี้คงไม่อยากจะรับโทษคนเดียว คงจะต้องให้การซัดทอดถึงอีกคนอย่างแน่นอน ตนนี้เรารอแค่ผลเลือดจากด็อคดุเท่านั้น” ชนธัญถอนหายใจออกมา ยิ้มให้สารวัตรรัฐนนท์อย่างโล่งใจ ทางสารวัตรรัฐนนท์เองก็นึกขอบคุณชนธัญที่ยังช่วยเขาทำคดีนี้อยู่

“ไงเจ้ายักษ์” กบที่เปิดประตูเข้าบ้าน ก็เห็นเจ้าสุนัขตัวใหญ่ที่เขาเก็บมันมาเลี้ยงจากข้างถนน หลังจากที่ไปเจอมันผอมโซจนหนังติดกระดูก เจ้ายักษ์ส่งเสียงร้องดีใจละวิ่งเข้ามาหาเขาในทันที มันซักหัวใส่มือของกบ เมื่อเขายื่นมือเข้าไปลูบหัวมัน “ดีใจมั้ย” เจ้ายักษ์ร้องครางเสียงออดอ้อน เหมือนมันตอบคำถามของกบ

“เหนื่อยมั้ยพี่” กบยิ้มรับคำถามของแฟนสาว แม้ว่ามันจะเป็นรอยยิ้มเนือย ๆ “วันนี้มีผู้ปกครองใจดีพาลูกของเพื่อนมาเรียนกีตาร์ด้วยอีกสามคน” กบพูดตอนที่นั่งลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะกินข้าวเล็ก ๆ “เรารอดตายแล้วพี่” กบยิ้มกว้างเมื่อแฟนสาวของเขาโผกอดรอบคอของกบ ตอนที่เขายื่นเงินสดให้ปึกหนึ่ง

“ค่าบ้าน ค่าไฟ ที่ค้างอยู่” กบพยักหน้าให้กับแฟนของเขา ที่เงินรายได้ของแฟนสาวก็คือค่ากิน ค่าอะไรต่อมิอะไรจิปาถะภายในบ้าน ที่แฟนของเขาช่วยกบมาโดยตลอด โดยไม่มีคำบ่น คำเรียกร้องใด ๆ ให้กบเคยได้ยินแม้แต่คำเดียว ไม่เคยเลยตั้งแต่กบกับแฟนตัดสินใจคบกัน และอยู่ด้วยกันมา

“โดนแม่ด่ามาอีกใช่มั้ย” แฟนสาวของกบสังเกตได้กับสีหน้าอาการนั้น “ก็เรื่องเดิม ๆ ไม่เป็นอะไรหรอก” กบพูดก่อนจะกอดตอบแฟนสาว โดยมีเจ้ายักษ์เดินมานั่งตรงหน้าพวกเขาสองคน แล้วเอาขาข้างหนึ่งของมันยกขึ้นมาแตะบนเข่าของกบ แฟนสาวของกบมองดูเขาและเจ้ายักษ์ลูบหัวเล่นกันอย่างเอ็นดู ก่อนที่เธอจะเอามือแตะเบา ๆ ที่หน้าท้องของเธอ ก่อนจะคิดว่า เธอจะบอกข่าวดีให้เป็นของขวัญวันเกิดกับกบ ในวันพรุ่งนี้

“หลังนี้แหละ” รถยนต์แบบที่มีที่นั่งเพียงสองคนขับมาจอดที่หน้าบ้าน ก่อนจะดับเครื่อง ชายหนุ่มสองคนมองเข้าไปในบ้าน มีแสงไฟลอดออกมาจากหน้าต่าง ทำให้ทั้งสองมั่นใจว่ามคนอยู่ข้างในนั้นอย่างแน่นอน “เฉพาะวันนี้ มันจะกลับจากบ้านแม่มัน และจะถึงบ้านเวลานี้แหละ คนอย่างมัน ไม่เลิกหนทางหาเงินแบบเดิม ๆ หรอก เชื่อกู” ทั้งสองคนมั่นใจว่า เจ้าของบ้านที่เคยต้องโทษคดียาเสพติดมาก่อน จะต้องหวนกลับมาเดินเส้นทางเดิมอย่างเลี่ยงไม่ได้

ทั้งสองนัดแนะกันว่า จะเข้าไปในบ้านอย่างจู่โจมไม่ทันให้เจ้าของบ้านตั้งตัวได้ทัน เพื่อกันเจ้าของบ้านเผื่อมีอาวุธเอามาใช้ตอบโต้พวกเขา ทุกอย่างต้องรวดเร็วใช้เวลาน้อยที่สุด บังคับให้เจ้าของบ้านบอกที่ซ่อนของ และถ้าเกิดมีการเล่นตุกติกหรือต่อสู้ จัดการอะไรได้ก็ให้จัดการในทันที ไม่ต้องลังเล

“ด็อค ผมขอข่าวดี ว่ามาได้เลย” สารวัตรรัฐนนท์รีบรับสายจากด็อคเตอร์ดรุณีที่แสดงบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ “ว่าไงนะด็อค” สารวัตรรัฐนนท์ถามกลับไปในทันที ชนธัญมองดูสีหน้าประหลาดใจของสารวัตรหนุ่มหล่อ “รอยเลือดบนเสื้อแจ็กเกตของผู้ต้องสงสัย ไม่ใช่เลือดของเหยื่อทั้งสองคน” ชนธัญได้ยินสารวัตรรัฐนนท์พูดแบบนั้น ก็รู้สึกราวกับว่า ทุกอย่างมันต้องวนกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

“เลือดไม่ใช่แม้แต่ Human Base” ด็อคดุพูดกลับไปที่สารวัตรรัฐนนท์ ก่อนจะบอกกับที่ปลายสายว่า “หรืออาจจะเป็น K – 9 เพราะเห็นว่า คดีนี้มีสุนัขเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยใช่มั้ยคะ” สารวัตรรัฐนนท์รีบตอบรับด็อคดุกลับไปก่อนจะกดวางสาย “เราต้องกลับไปที่โรงพยาบาลสัตว์” ชนธัญขมวดคิ้ว ก่อนจะโพล่งขึ้นว่า “เจ้ายักษ์” สารวัตรรัฐนนท์บอกกับชนธัญก่อนจะบอกว่า ด็อคดุติดต่อเพื่อนที่รู้จักกันเพื่อเตรียมอีกแล็บในการตรวจเอาไว้แล้ว

****************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Love Me Like You Do - Ellie Goulding

https://www.youtube.com/watch?v=AJtDXIazrMo


You're the light, you're the night

เธอคือแสงสว่าง เธอคือการพักใจ

You're the colour of my blood

เธอคือสีของเลือดที่ไหลวน

You're the cure, you're the pain

เธอคือทางรักษา เธอคือสิ่งที่ต้องฝ่าฟัน

You're the only thing I wanna touch

เธอก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ฉันอยากแตะต้อง

Never knew that it could mean so much, so much

ไม่เคยคิดเหมือนกันว่านี่มันมีความหมายมากสำหรับฉัน มากเหลือเกิน


You're the fear, I don't care

เธอคือความหวาดหวั่นใจ แต่ไม่เป็นไร

'Cause I've never been so high

เพราะเท่านี้เธอก็พาฉันมาได้ไกลเกินคาด

Follow me through the dark

เธอไปกับฉันแม้ยามมืดมน

Let me take you past our satellites

ให้ฉันได้พาเธอผ่านพ้นความวนเวียน

You can see the world you brought to life, to life

ให้เธอเห็นโลกของฉันที่เธอทำให้มันกลับมามีชีวิต


So love me like you do, la-la-love me like you do

แค่เธอรักฉันอย่างนี้ ให้เธอรักฉันอย่างที่เธอทำ

Love me like you do, la-la-love me like you do

รักฉันแบบนี้ให้นานนาน แค่รักของเธอแบบนี้ที่ฉันต้องการ

Touch me like you do, ta-ta-touch me like you do

สัมผัสที่เธอทำ การแตะต้องแผ่วเบาที่เธอมี

What are you waiting for?

แล้วเธอจะมัวรีรออะไรอีก


Fading in, fading out

จะอะไรที่ผ่านเข้ามา แล้วก็ผ่านเลยไป

On the edge of paradise

ที่สุดขอบแห่งสวรรค์เบื้องบน

Every inch of your skin is a Holy Grail I've got to find

ทุกหน่วยเรือนร่างตารางนิ้วของเธอคือสิ่งสุดยอดที่ฉันถวิลหา

Only you can set my heart on fire, on fire

มีเพียงแค่เธอที่ทำให้ใจของฉันร้อนรุ่ม เร่าร้อน


Yeah, I'll let you set the pace

ใช่แล้ว ฉันจะให้เธอกำหนดจังหวะก้าว

'Cause I'm not thinking straight

เพราะฉันอาจจะไม่แตกฉานเรื่องนี้นัก

My head's spinning around, I can't see clear no more

ในหัวฉันสับสนปนเป ฉันมองไม่ออกหนทางข้างหน้า

What are you waiting for?

แล้วเธอล่ะ จะมัวกลัวลังเลอะไร

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๔๕. The Crying Game _ 9.14.2023
«ตอบ #47 เมื่อ14-09-2023 21:25:04 »



Crime and Love Scene Investigation

๔๕. The Crying Game


“หมอเสียใจด้วยนะคะคุณแม่” ด็อคเตอร์ดรุณีเองก็ไม่รู้ว่าเธอจะหาคำพูดแสดงความเสียใจให้ดีกว่านี้ได้อย่างไร ยิ่งเธอเห็นแววตาผู้เป็นมารดาของกบ เหยื่อฆาตกรรมที่ด็อคดุทำการชันสูตร “ฉันเคยบอกมันแล้ว เตือนมันก็แล้ว ให้มันพากันไปอยู่ที่อื่น” แม่ของกบพูดน้ำตาคลอหน่วย แบบที่พร้อมจะล้นร่วงจากขอบตาได้ทุกขณะ

“ไปที่ไหนก็ได้ ที่ไม่มีใครรู้ว่ามันเคยทำอะไรมาก่อน” แม่ของกบเงยหน้าขึ้นสบตากับด็อคดุ ก่อนที่แพทย์สาวจะเห็นน้ำตาของผู้เป็นแม่ ร่วงหล่นลงมาเป็นสาย “แต่มันก็ไม่ยอมไป มันห่วงฉัน มันอยากจะดูแลฉัน ไถ่โทษที่มันเคยทำตัวเลวให้ฉันเสียใจ” แม่ของกบยิ้มอย่างเย้ยหยัน ให้กับการอยากกลับตัวเป็นคนดีของลูกชายของเธอ ด็อคดุทำได้เพียงแต่รับฟังคำระบายจากคนเป็นแม่ โดยยื่นกระดาษเช็ดหน้าให้กับอีกฝ่าย

“ตอนมันขายยา ฉันบอกมันว่า กบ สักวันแกจะไม่เหลือใคร ที่ไหนได้” แม่ของกบยกกระดาษเช็ดหน้าในมือซับน้ำตาป้อย ๆ พูดด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูกอย่างสั่นเครือ “สุดท้ายก็เป็นฉันต่างหาก ที่ไม่เหลือใครเลย คนเป็นแม่จะมีชีวิตอยู่เพื่อเผาลูกตัวเองได้ยังไง มันต้องกลับกันไม่ใช่หรือ ลูกชายฉันมันควรจะต้องเป็นคนส่งฉันขึ้นเมรุสิหมอ” นี่เป็นส่วนหนึ่งในความยากของงานที่ด็อคเตอร์ดรุณีต้องเจอะเจอและผ่านมันไปให้ได้ในแต่ละวัน

“หมอเสียใจค่ะ” เหมือนว่าแพทย์อย่างหมอดุจะไร้หัวใจอย่างที่คนเขาพูดกัน เพราะนอกจากด็อคดุจะไม่มีน้ำตาให้ใครเห็นแล้ว เธอต้องรีบดึงเอาอารมณ์ของตัวเองออกมาจากเคสที่เธอทำอยู่ ซึ่งคนก็พูดกันว่าหมอดุก็พูดว่าเสียใจไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้รู้สึกจริง ๆ แต่ใครจะเข้าใจว่า ถ้าด็อคเตอร์ดรุณีไม่ทำแบบนี้ เธอจะไม่สามารถทำงานที่รับผิดชอบอยู่ ออกมาให้ดีได้เลย

“ด็อค โอเคนะ” สารวัตรรัฐนนท์ที่ยืนรออยู่ ห่างออกมาจากพอให้พื้นที่ส่วนตัวกับญาติผู้เสียชีวิต ถามด็อดดุขึ้น เมื่อเห็นว่า ด็อดดุได้ให้เจ้าหน้าที่ช่วยดำเนินการจัดการเรื่องศพลูกชายและลูกสะใภ้ให้เรียบร้อยสมบูรณ์ที่สุด กับแม่ผู้กำลังหัวใจแตกสลายคนนี้

“เดี๋ยวหมอสรุปให้ฟัง” ด็อคเตอร์ดรุณีพูด ก่อนจะพยักหน้าให้กับสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญที่ยืนรอเธออยู่ โดยที่แพทย์สาวเดินนำหน้ากลับไปที่ห้องชันสูตร “ผลตรวจสรุปได้ว่า เรามีผู้เสียชีวิตสามคน” ทันทีที่กลับเข้ามาในห้องทำงาน ด็อคเตอร์ดรุณีก็พูดขึ้นทันที แต่น้ำเสียงฟังดูเครียดและไม่แจ่มใสเลย

“หมอดุกำลังจะบอกว่า” ชนธัญถามขึ้น ก่อนจะรับเอาเอกสารสรุปการชันสูตร ที่สารวัตรรัฐนนท์ยื่นให้ดูหลังจากอ่านตรงช่องเพิ่มเติม “ภรรยาของกบตั้งท้องได้สามเดือน” ชนธัญเห็นด็อคเตอร์ดรุณีตอนนี้ เขาก็พอจะเข้าใจหมอดุคนนี้แล้ว ว่างานในแต่ละครั้ง แต่ละวันของด็อคเตอร์ดรุณีไม่ง่ายเลย

“ส่วนผลเรื่องกระสุนปืน คือเป็นหมัน เรายังหาปืนกระบอกที่ใช้ในคดีไม่เจอ แต่หัวกระสุนที่ยิงกระจกแตกที่พบอยู่หน้าบ้าน เป็นกระสุนอย่างเดียวกันกับที่ใช้ปลิดชีพทั้งสองคน พวกเนิร์ด Ballistic ฝากมาว่าทางสืบสวนควรจะขยายผลตามหาปืนให้ได้ อย่าโอ้เอ้อยู่ ไม่อย่างนั้น ให้คุณชนธัญย้ายไปทำอยู่กับพวกเขา จะดีกว่า” ประโยคนี้ที่ฝ่ายตรวจสอบอาวุธฝากมา ด็อคดุจงใจเน้นส่งผ่านไปที่สารวัตรหนุ่มหล่อ ที่ตอนนี้ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่

“งานง่ายกว่าพวกอาวุธปืนผมยังทำได้ไม่ดีเลย กลัวไปทำงานเขาเสียมากว่า” ชนธัญพาซื่อพูดออกตัว ด็อคดุเลยได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ ส่ายหน้าเอือม ๆ เมื่อเห็นสารวัตรรัฐนนท์แอบมีรอยยิ้ม ที่ได้ยินชนธัญพูดแล้วแปลความหมายได้ว่า หนุ่มหน้าใสไม่ได้มีความคิดจะข้ามแผนกไปช่วยงานที่อื่นแต่อย่างใด

“ดีเอ็นเอด็อค” สารวัตรรัฐนนท์ส่งเสียงเตือนด็อคดุ อย่างคนที่มีกำลังใจทำงานมากเป็นพิเศษวันนี้ “เรื่องดีเอ็นเอ K – 9 ผลตรวจออกมาว่าเป็นเลือดของเจ้ายักษ์ แต่หมอขอให้เพื่อนช่วยเปิดแล็บตรวจหาเซลล์ยืนยันอีกที ว่าดีเอ็นเอที่พบมาจากส่วนใดของสุนัข ในใบรายงานสืบ บอกว่าเจ้ายักษ์โดนยิงเข้าที่หัวไหล่ แต่มีรอยแผลที่ Snout” ด็อคเตอร์ดรุณีอธิบายต่อ

“ที่เป็นส่วนบริเวณปากของสุนัข เพื่อนหมอบอกว่า ถ้าตรวจพบว่าดีเอ็นเอตรงกัน แถมยังมาจากส่วนเดียวกัน ที่คาดว่าจะเป็นเซลล์ในส่วนที่เรียกว่า Muzzle ยังไงคนร้ายก็ดิ้นไม่หลุด” ด็อคดุพูดมาถึงตรงนี้ ก็หยุดมองหน้าสารวัตรรัฐนนท์กับชนธัญสลับกันไปมา

“ขึ้นอยู่กับหมวดแล้วล่ะ ว่าเวลาขึ้นศาลจะขอผลดีเอ็นเอชิ้นนี้ ใช้เป็นหลักฐานในคดีฆาตกรรมคนถึงสามคนพร้อมกันได้หรือไม่ ทำอย่างไรก็ได้ ให้ท่านผู้พิพากษายอม” ด็อคเตอร์ดรุณีส่งไม่ต่อในคดี ฝากความหวังให้ไว้กับสารวัตรหนุ่มหล่อและคนหน้าใสสองคนตรงหน้าของเธอ

สองเพื่อนซี้ที่วัน ๆ ไม่ทำอะไร ได้แต่เอ้อระเหยลอยชายอยู่อย่างนั้น ขลุกตัวสุมหัวกันอยู่ในห้องเช่าราคาถูก ที่ก่อนหน้านี้ พวกเขาเคยอยู่ห้องชุดคอนโดหรูหรา จนกระทั่งการเงินของทั้งคู่ร่อยหรอลง จึงต้องอัปเปหิตัวเองด้วยการหนีออกมาดื้อ ๆ ทิ้งให้ห้องโสโครกไว้แบบนั้น ไม่เก็บล้างทำความสะอาดใด ๆ แถมยังค้างจ่ายค่าเช่าเสียเฉย ๆ อีกด้วย

“มึงไม่มีเหลือเลยหรือวะ” หนึ่งในเพื่อนซี้ถามขึ้น หลังจากค้นไปทั่วทั้งห้อง แต่ก็ไม่เจอสิ่งที่ต้องการ “เออสิวะ กูก็เสี้ยนอยู่เนี่ย” ตอบกลับมาด้วยอาการของความยากที่กำลังรุมเร้า “มึงเอาของที่บ้านไปขายอีกสิวะ ได้เงินมา ก็จะได้เอาไปซื้อ” เพื่อนแนะนำทางสว่างให้กับเพื่อน

“โห่ ไอ้ห่า ถ้ากูทำแบบนั้นได้ กูทำไปนานแล้วมั้ย ไม่ต้องรอให้มึงมาบอกกูหรอก” เพื่อนที่ทางบ้านมีฐานะดีตอบกลับมาอย่างฉุน ๆ “ที่บ้านกูจับได้แล้ว มึงจำไม่ได้หรือไง ว่ากูขโมยข้าวของจากในบ้านไปขาย เพียงแค่เขาคิดว่ากูติดเกม ขายเอาเงินไปเติมเกมแค่นั้น นี่กูก็ต้องหลอกที่บ้านว่า กูมาอยู่ที่บ้านมึง เพราะที่บ้านมึงอยากให้ช่วยกันเรียน เขาเลยเลิกตามกู” แต่ป่านนี้พ่อกับแม่ก็คงจะรู้แล้ว ว่าเขาไม่ไปมหาวิทยาลัยมาเป็นปีแล้ว

“แล้วจะทำยังไงวะ” สุมหัวคิดกันก็แล้วยังไงก็ยังไม่มีหนทางง่าย ๆ ที่ผ่านเข้ามาในสมอง จนกระทั่ง “เฮ้ย กูเก็ตไอเดีย” อยู่ ๆ ความคิดก็โลดแล่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น “มึงเห็นบ้านเลยเข้าไปในในนั้นป่ะ ข้างถนน ตรงข้ามกับบ้านไอ้เด็กเกย์ชอบชักว่าวโชว์นั่น” ทำท่านึกตามเพื่อนบอก นึกไม่ออก แต่ก็เออออไปด้วย

“บ้านนั้น แล้วมันยังไงวะ” ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าเพื่อนจะทำอะไร “จะให้ไปขอเงินบ้านนั้นหรือไง” นี่ถ้าไม่ติดว่า เหลือใครคบเป็นเพื่อนนอกจากสองคนกันเองนี่แล้ว คงจะต้องขอตบกะโหลกโง่ ๆ ทึ่ม ๆ ของเพื่อนสักที “ไอ้ผู้ชายที่อยู่บ้านนั้น มึงก็เคยเห็น ที่มีรอยสักเยอะ ๆ มันอยู่กับเมีย และก็มีหมาตัวใหญ่ ๆ อีกตัว” เพื่อนพูดมาแบบนี้ ก็พอจะเข้าเค้าจำได้แล้วเหมือนกัน

“มึงคิดว่ารอยสักนั่น มันได้มาจากไหนล่ะ” เพื่อนทำท่าดีดลูกคิดรางแก้ว ว่างานนี้มีแต่ได้กับได้ใส ๆ “จริงดิ” ไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็เอนเอียงคล้อยตาม “มึงคิดว่า พวกขี้คุก หลังพ้นโทษออกมาจากเรือนจำแล้ว มันหยุดสิ่งที่ทำให้มันต้องติดคุกตั้งแต่แรกได้หรือวะ” พูดมาถึงตรงนี้ ทั้งสองคนก็ยิ้มกว้างให้กัน อย่างวาดฝัน

“มึงกับกูน่ะ พยายามเลิกไอ้ยานรกนี่กันมากี่ครั้งแล้ว” ถามเพื่อนออกไปอย่างต้องการคำตอบ “นับไม่ถ้วน กูเลิกนับไปแล้ว กูเลิกคิดจะเลิกแล้วด้วย” ตอบกลับเพื่อนไปตามความเป็นจริง “เห็นมั้ย มึงกับกูยังทำไม่ได้ แต่ไอ้นี่ แม่งค้าเลยนะเว้ย แม่งเดินยาให้กับตัวใหญ่ มันต้องแอบเอามาไซด์ขายเองด้วยแหละ เงินดีจะตายห่า มึงกับกูหาเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอซื้อ” เป็นไปตามนั้น ยิ่งเสพก็ยิ่งต้องหาเงินมาซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

“แล้วจะปล้นมันยังไงวะ” คำถามนี้เหมือนถูกคิดเอาไว้ในหัวแล้ว “ก็อย่าให้มันรู้ตัว ไอ้นี่แม่งรักแม่มันจะกลับมาจากบ้านแม่มันประจำ เช้าตรู่เฉพาะวันนั้น มึงกับกูใช้ความรุนแรง ดุดัน เด็ดขาด มันมีเมีย มันต้องห่วงเมียมัน นั่นคือจุดอ่อนที่ทำให้เราสองคนเป็นต่อมันอย่างแน่นอน” พยักหน้าให้กับความรอบคอบของเพื่อน

“เฮ้ย แล้วหมาล่ะ หมามันตัวใหญ่ฉิบหาย แม่งน่ากลัวนะมึง” ยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเอื้อมไปเปิดลิ้นชัก “ยังจะกลัวแม่งอยู่อีกหรือวะ” ปืน Caliber ขนาด .22 ถูกวางไว้บนโต๊ะตรงหน้า “ขัดขืนก็แค่เหนี่ยวแม่งให้หมด เอาแม่งให้หมดยกครัว แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” สองคนพอใจกับแผนที่ในหัวคิดว่า มันถูกจัดวางอย่างเนี้ยบที่สุด

“มึงคิดดู ยาที่แม่งต้องตุนเก็บเอาไว้ที่บ้าน คงมีจำนวนไม่น้อย มึงกับกูแบ่งเอามาใช้ส่วนหนึ่ง แล้วก็เอาอีกส่วนที่เหลือไปขาย ตั้งราคาเอาเลย เอาให้ใกล้เคียงกับพวกที่ติดตลาด ทีงี้ มึงเอ๊ย รวยตายห่า ได้เงินมามึงกับกูจะได้ไปให้พ้น ๆ จากไอ้ชีวิตโกโรโกโสนี่สักที จะได้มีเงินกินเที่ยว” พูดไปก็ทำหน้าทำตาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไป

หญิงที่แม่งขอเอาหน่อยแล้วแม่งไม่ให้ ทีนี้ล่ะ พวกมันมีแต่จะแบให้ไม่เว้นวัน มึงกับกูพอมีเงิน ก็เอาไปต่อเงิน มีทุนซื้อมาขายเพิ่ม มันจะไม่รวยไปได้ยังไงวะ เพียงแต่ต้องลงแรงเอายาจากไอ้ขี้คุกนี่ มาเป็นสารตั้งต้นชีวิตอันแสนสุขก่อน” ความเคลิบเคลิ้มที่เป็นวิมานอยู่ในอากาศ ทำให้ทั้งสองคนกระหยิ่มยิ้มย่อง มองเห็นชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เพียงแค่ต้องลงมือทันทีเท่านั้น

“กูดีใจนะ ที่มึงมีชีวิตใหม่ เดินหันหลังให้กับมัน และทำทุกวันให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป” หนึ่งในอดีตผู้คุมที่เคยปกครองกบ ตอนที่เขาอยู่ข้างใน ตบบ่าแสดงความยินดี “ขอบคุณครับนาย” กบยกมือไหว้ขอบคุณในน้ำใจที่ผู้คุมท่านนี้ หวังดีกับเขาตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักกันยังไง มาวันนี้ ก็ยังอยากมองเห็นกบใช้ชีวิตให้ดีต่อไปอย่างนั้น

“มันติดน่ะครับนาย” กบหัวเราะเบา ๆ เมื่ออดีตผู้คุมบอกว่า “อยู่ข้างนอกนี่ มึงกับกูก็เท่ากัน” กบน้ำตาซึมกับคำพูดของอดีตผู้คุม ใช่แล้ว ตอนอยู่ในนั้น เขาเป็นแค่คนคุก ส่วนผู้คุมก็คือคนออกคำสั่งให้กบทำตาม แต่มาตอนนี้ เมื่อกบได้คืนอิสรภาพของตัวเองกลับมา คำว่าผู้คุมกับนักโทษก็ไม่มีสถานะนั้นต่อกันอีกต่อไป

“แต่ให้ผมเรียกเถอะครับนาย เพราะนายมีบุญคุณกับผมท่วมหัว” กบยังจำได้ดี ว่าคือผู้คุมท่านนี้ ที่แนะนำให้กบไปฝึกเรียนกีตาร์ที่ทางกรมราชทัณฑ์เปิดสอนให้แก่ผู้ต้องขัง เพื่อให้เป็นความรู้ติดตัว เอาไว้ใช้เมื่อตอนพ้นโทษ กบไม่ได้คิดอะไรในตอนนั้น แค่อยากหาอะไรทำแก้เบื่อ จนมาตอนนี้ หนี้บุญคุณก็ตามใช้กันไม่หมดในความคิดของกบ

“วันก่อนเจอนาย นายฝากความคิดถึงมาด้วย” กบเล่าให้แฟนของเขาฟัง หลังจากยื่นเงินที่หามาได้ทันกับเดดไลน์ให้กับแฟนไป “ฉันอยากพบนายสักครั้ง อยากกราบขอบคุณสักหน” แฟนของกบพูดยิ้มให้ พลางใช้คลิปหนีบกระดาษแยกจำนวนเงินเอาไว้กับบิลเรียกเก็บเงินต่าง ๆ ที่ยังค้างจ่าย

“นายสัญญาว่า ถ้ามีใครที่รู้จัก อยากให้ลูกหลานเรียนกีตาร์ นายจะช่วยแนะนำพี่ให้ นายออกปากเองแบบนี้ พี่ทำถวายหัวเลย จะสอนให้ดีที่สุด ให้สมกับที่นายไว้ใจ” กบรู้สึกตื้นตันใจทุกครั้งที่คิดถึงสิ่งดี ๆ ในชีวิตที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นกับเขา และทำให้กบนั้นมีความหวัง ที่จะพาให้ตัวเองและแฟน สามารถก่อร่างสร้างตัวไปด้วยกันได้ตลอดรอดฝั่ง

“พี่อยู่ไหน ฉันก็อยู่กับพี่ด้วย ทุกที่” กบมีความสุขที่สุด ที่มีแฟนสาวคอยเคียงข้างอย่างนี้ ยังไงเสยเขาก็ไม่หวาดหวั่น หากแม้ว่าหนทางข้างหน้า มันจะต้องเจออุปสรรคขวากหนามใด ๆ เขาพร้อมที่จะตั้งต้นชีวิตไปด้วยกันกับแฟน “ฉันดีใจกับพี่ด้วยนะ พี่กบ” กบชอบเหลือเกิน เวลาเห็นแฟนของเขายิ้มออกมาด้วยความสุขใจแบบนี้

“บางที พี่อาจจะต้องดีใจกับฉันด้วยเหมือนกันนะ” กบยิ้ม ถามแฟนว่าเรื่องอะไร แฟนของกบคิดถึงเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องของเธอ สามเดือนแล้วนะ เธอเองก็เพิ่งรู้เหมือนกัน บอกกับว่าที่คนเป็นย่าไปแล้ว แต่ขอให้อย่าเพิ่งบอกกับกบ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดแฟนของเธอ วันเกิดของกบ เธอก็เลยอยากจะเซอร์ไพรซ์ มอบเป็นของขวัญวันเกิดให้แก่พ่อของลูกของเธอ คิดมาถึงตรงนั้น ประตูหน้าบ้านก็ถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรง พร้อมเสียงตะโกนทำให้อะไรต่าง ๆ เอะอะโกลาหลไปหมด

********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

The Crying Game - Boy George

https://www.youtube.com/watch?v=-EPGhjxm0G0


I know all there is to know about the crying game

ฉันรู้ดี ว่าเรื่องราวปกปิดซ่อนเร้นใครก็อยากจะรู้

I've had my share of the crying game

ฉันเองก็มีความลับ ซ่อนเอาไว้อยากจะเล่าเหมือนกัน

First there are kisses

เริ่มจากรอบจูบทั้งหลายนั้น

Then there are sighs

และตามมาด้วยอาการทอดถอนใจ

And then, before you know where you are

และเมื่อนั้น กว่าจะรู้ว่าตัวเราอยู่ตรงไหน

You're sayin' goodbye

คำร่ำลาก็เผยตัวออกมาตรงหน้า


One day soon, I'm gonna tell the moon

วันหนึ่ง วันใด ฉันจะเอ่ยคำนี้กับพระจันทร์

About the crying game

เกี่ยวกับความลับพิศวงนี้

And if he knows, maybe he'll explain

และหากว่าเขาจะรับรู้ เขาจะอยากอธิบายมัน

Why there are heartaches (heartaches)

ทำไมจึงมีแต่เรื่องราวความเจ็บปวดใจ

Why there are tears (so sad)

ทำไมถึงมีแต่น้ำตา ที่พกพาแค่ความเศร้า

Then what to do to stop feeling blue

แล้วทำอย่างไรเล่าที่จะหยุดยั้งความหมองหม่น

When love disappears

เมื่อความรักจางหายมลายไป


First there are kisses

เริ่มจากรอบจูบทั้งหลายนั้น

Then there are sighs

และตามมาด้วยอาการทอดถอนใจ

And then, before you know where you are

และเมื่อนั้น กว่าจะรู้ว่าตัวเราอยู่ตรงไหน

You're sayin' goodbye

คำร่ำลาก็เผยตัวออกมาตรงหน้า


Don't want no more of the crying game (don't want no more)

ไม่เอาอีกต่อไปแล้วความลับเช่นนี้

Don't want no more of the crying game (don't want no more)

ไม่เอาแล้วกับความพิศวงในใจ

Don't want no more of the crying game (don't want no more)

ไม่เอาแล้วความปิดบังซ่อนเร้น

Don't want no more of the crying game

ไม่เอาอีกต่อไปกับความมืดมนในจิตใจคน

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๔๖. One Way _ 9.15.2023
«ตอบ #48 เมื่อ15-09-2023 21:50:04 »



Crime and Love Scene Investigation

๔๖. One Way


“เป็นที่กูเอง ที่เลี้ยงให้มึงเป็นคนดีอย่างคนอื่นเขาไม่ได้” กบน้ำตาคลอที่ได้ยินแม่ตัดพ้อออกมาแบบนั้น จริงอยู่ที่แม่เลี้ยงเขามา ไม่เคยมีคำชมให้ใจชุ่มชื่น ไม่มีการกอดถ่ายทอดความอบอุ่น ไม่มีการหอมที่แสดงถึงความรักให้กัน มันคือภาพแบบนั้นมาตั้งแต่เด็ก คือสิ่งที่กบไม่เคยได้รับจากแม่เลย แม้ว่าเขาจะอยากได้มากแค่ไหนก็ตาม

แต่แม่เป็นคนทำงานหนักมาตั้งแต่กบจำความได้ แม่ไม่เคยเกี่ยงงาน ไม่เคยปริปากบ่นให้กบได้ยิน มีหลายครั้งในช่วงชีวิตที่กบเติบโตขึ้น ที่ต้องเห็นแม่ทำงานหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน แม่ออกจากบ้านแต่เช้ามืดแล้วกลับเข้าบ้านมาเมื่อค่ำแล้ว ซึ่งหลายครั้งแม่ถึงบ้านหลังจากที่กบเข้านอนแล้วด้วยซ้ำ

“ฉันอยากให้แม่ไม่ต้องลำบากอีกต่อไป” กบบอกกับแม่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อคำพิพากษาฎีกาตกลงมาถึงแล้ว “มึงติดกี่ปี มึงคิดว่ากูจะสบายขึ้นยังไง กับเวลาที่มึงอยู่ในนั้น กูอาจจะตายก่อนที่มึงจะพ้นโทษ มึงขอพัศดีเขาออกมาเผาผีกูด้วยแล้วกัน เวรกรรมมันมาตกอยู่กับกู ที่ลูกกูได้ทำลายชีวิตลูกคนอื่นเขาเอาไว้” กบก้มกราบจับเท้าทั้งสองข้างของแม่เอาไว้ กลั้นน้ำตาไม่ไหว สะอื้นไห้ด้วยหัวใจที่ทุกข์ทน ที่ทำให้แม่ของเขาต้องเสียใจ

กบตกใจสะดุ้งสุดตัว เมื่ออยู่ ๆ ประตูบ้านของเขาก็ถูกพังเข้ามา มีชายสองคนถือปืนส่ายไปมาอยู่หน้าเขากับแฟนอย่างน่าหวาดเสียว ตะโกนข่มขู่และบอกต้องการของให้รีบส่งให้พวกมันแต่โดยดี ก่อนที่กบจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด หนึ่งในนั้นมันยิงเข้าใส่เจ้ายักษ์ที่กำลังวิ่งใส่พวกมัน เสียงร้องของสุนัขตัวใหญ่ดังลั่น กบกลัวว่ามันจะเป็นอะไรไป

“ของอยู่ไหน เอามาให้พวกกูเร็ว เดี๋ยวนี้ ของล่ะ ของอยู่ไหน มันสองคนพูดวนแต่ประโยคซ้ำ ๆ แบบนี้ มันบอกว่าอย่างกบนั้น ต้องมีเก็บไว้กับตัวรอปล่อยไม่ต่ำกว่าสิบกิโลแน่นอน “พวกมึงพูดเรื่องอะไร กูไม่มีของอะไรทั้งนั้น” กบตอบไปตามความจริง เขาไม่ได้เดินเส้นทางเดินอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าคนเก่า ๆ ที่กบเคยรู้จัก จะติดต่อเขามาไม่เว้นวันก็ตาม

“มึงออกมาแล้ว แทนที่มึงจะคิดหาทางไปต่อให้กับชีวิต แต่นี่อะไร มึงเสือกไปสักไอ้รอยบ้า ๆ ห่าอะไรนี่จนเต็มตัวไปหมด” กบแม้ว่าจะเบื่อที่แม่ไม่เคยพยายามทำความเข้าใจกับความชอบที่เขามีเลย ว่ารอยสักพวกนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับตัวตนของเขา มันคือความสวยงามที่เขาเลือกเอามาประดับร่างกายเท่านั้นเอง

“แม่มันก็เหมือนกับเสื้อผ้า ฉันก็ว่ามันสวยดี ก็แค่นั้น” กบพูดบอกแม่ไปหลายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายก็ลงอีหรอบเดิม คือแม่มองเขาด้วยสายตาที่เหมือนกับไม่รู้จักกัน “เสื้อผ้า” แม่พูดแค่นลมหายใจออกมา เขารู้เลย ว่ายังไงแม่ก็ไม่ยอมรับอะไรแบบนี้ในเร็ววันอย่างที่เขาหวังใจไว้

“ถ้ามึงไม่ได้เป็นพวกค้ายา ไม่ได้ติดคุก เป็นไอ้คนคุก ขี้คุกติดตะรางหัวโต ใช่ กูอาจจะคล้อยตามมึงก็ได้” กบมองหน้าแม่เพราะคำพูดนี้ เหมือนกับเขากำลังถูกค้อนปอนด์ทุบเข้าให้ที่กลางศีรษะ “แต่มึงมันไม่ใช่ ไอ้กบ มึงมีชนักปักอยู่กลางหลัง แต่มึงเสือกตอกย้ำความเชื่อของคนให้มันชัดเจนเข้าไปอีก ว่าคนอย่างมึงเป็นอะไรไม่ได้อีก นอกจากไอ้พวกขายยา” กบกะพริบตาถี่ ๆ พยายามไล่ความร้อนผะผ่าวนั้นให้เลือนหายไป แต่ทำไมมันช่างยากเหลือเกิน

“แม่ คนเรามันจะไม่ให้โอกาสกันเลยอย่างนั้นหรือ ฉันออกจากคุกมา ด้วยความคิดที่ว่าฉันกลับตัว ฉันจะทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น แม้ว่ามันจะยากมากแค่ไหน รอยสักพวกนี้ฉันก็ใช่ว่าฉันได้มันมาตอนอยู่ในคุกเสียเมื่อไหร่” กบพูดออกไปพยายามห้ามเสียงไม่ให้สั่นเครือ “ฉันจะสอนกีตาร์เด็ก ๆ ให้เขาใช้เวลาห่างไกลไอ้ยาเหล่านี้ ฉันจะกลับตัวเป็นคนดี ฉันไม่เอาแล้วขายยาอะไรนี่” กบประกาศ ลั่นปณิธานที่ตั้งเอาไว้ในใจออกไป

“มึงอย่าตอแหลกู คนอย่างมึงเนี่ยนะ จะเลิกทำสิ่งที่ได้เงินง่ายที่สุดแล้ว” กบถึงกับอึ้ง ที่ได้ยินพวกขี้ยามันดูถูกเอา นับประสาอะไรกับคนอื่นที่เขาไม่ได้หลงผิดคิดชั่วแบบเขา จะคิดดูแคลนคนที่ผ่านคุกผ่านตารางมาอย่างเขา “ถ้ามึงไม่เอาของมาให้พวกกู อีนี่ตาย” หนึ่งในสองคนของคู่ซี้ขี้ยา หันกระบอกปืนไปทางแฟนสาวของกบ ที่ตกใจร้องไห้ออกมาอย่างทำอะไรไม่ถูก

“อย่าทำอะไรเมียกู” กบตะโกนดังลั่น แฟนของกบน้ำตาไหลพรากไปด้วยความกลัว “อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันไหว้ล่ะ ฉันกำลังท้องอยู่” เหมือนเสียงดังกึกก้องกัมปนาท เป็นดั่งสายฟ้าฟาดเข้าใส่ที่กลางใจของกบ เมื่อไอ้คนที่ส่องปากกระบอกปืนไปที่แฟนของกบ ลั่นไกปืนออกไปเองโดยไม่ได้ตั้งใจ กระสุนฝังเข้ากลางอกของหญิงสาว เธอล้มพับแน่นิ่งลงไปบนเตียงนอน กบร้องตะโกนออกมาอย่างโหยหวนด้วยความเจ็บปวดใจอย่างที่สุด

“มึงเอายามาให้กูเร็ว ๆ เข้า บอกมาว่ามึงซ่อนของเอาที่ไหน เร็ว ๆ เข้าสิวะ มึงอยากตายตามอีนั่นไปอีกคนหรือยังไง เร็วเข้า เอาของมา” อีกคนกดปากกระบอกปืนใส่หัวของกบ ที่ตอนนี้สายตาของเขา จับจ้องไปที่ร่างไร้วิญญาณของแม่ของลูกเขา ผ่านม่านน้ำตาที่ทำให้ทุกอย่างเลือนราง ทุกอย่างถูกพรากไปจากเขา ทั้งแฟนสาวผู้ที่เข้าใจกบมากที่สุด รวมถึงลูกน้อยที่ไม่มีโอกาสได้ลืมตาขึ้นมาดูโลก ลูกที่พ่อคนนี้ไม่มีโอกาสได้อุ้มเอาไว้แนบอก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พ่อ แต่กบก็คิดเอาไว้เสมอ ว่าถ้าวันหนึ่งเขาได้เป็น เขาจะทำหน้าที่พ่อให้กับลูกอย่างดีที่สุด

มือของแม่กบสั่นเทิ้ม เมื่อพยายามใช้ไฟแช็กจุดธูปหนึ่งดอกที่ถืออยู่ในมือ แม่พยายามแข็งใจทำมันตามที่เจ้าหน้าที่บอก เมื่อจุดธูปได้แล้ว ก็ปักลงไปที่กระถาง เพื่อเตรียมตัวรับร่างของลูกชายกลับไปบำเพ็ญพิธีทางศาสนาที่บ้าน บรรยากาศมันทั้งหดหู่และทั้งเงียบเหงา ไม่มีใครเลย ณ ที่ตรงนี้ นอกจากแม่และเจ้าหน้าที่ ที่รอขับรถพาร่างของกบไปส่งให้ที่วัด

แม่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ฟังที่เจ้าหน้าที่บอกอย่างเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจเสียส่วนใหญ่ หลายครั้งที่เจ้าหน้าที่ต้องบอกกับแม่อยู่หลายหน กว่าที่แม่จะทำถูก กว่าที่แม่จะเข้าใจขั้นตอน ใจของแม่คอยแต่กระหวัดไปคิดถึงหน้าของกบ ลูกชายของแม่ ที่ตั้งแต่กบยังเด็ก แม่ตั้งใจเลี้ยงกบให้พึ่งพาตัวเองได้ และไม่เป็นภาระแก่ใคร

“กล กับบ้านกลับแม่นะ” แม่ได้ยินเสียงของตัวเองพูดออกไป แต่มันกลับฟังดูเหมือนไม่ใช่เสียงแม่ หรืออาจจะเป็นเพราะถ้าเลือกได้ แม่ก็ไม่อยากจะเป็นแม่ที่ต้องเสียลูกชายไปด้วยเหตุผลนี้ “ขึ้นรถนะลูก” แม่พูดด้วยเสียงเครือจนแทบไม่เป็นคำ ปากคอสั่นเทิ้มไปหมด มองดูโลกศพสองใบที่หลังรถของเจ้าหน้าที่ ขาทั้งสองของแม่แทบอ่อนแรง เมื่อพยายามจะก้าวขึ้นไปบนนั้น

“เอ็งด้วย กลับไปด้วยกันกับผัวเอ็งนี่แหละ” แม่บอกกับแฟนของลูกชาย “พาลูกเอ็งไปด้วย หลานข้า ไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ” แม่ทนกล้ำกลืนเอาไว้ไม่ไหว น้ำตาที่ไหนก็ไม่รู้ไหลลงอาบสองแก้มของแม่ สงสารทั้งแฟนลูกชายและหลาน เมื่อไม่มีญาติของฝั่งผู้หญิงโผล่มาเลยสักคน แม่เลยบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า แม่รับทั้งสามกลับไปพร้อมกับแม่เอง

แวบนั้น ภาพใบหน้าของแม่ผ่านเข้ามาให้กบได้เห็น และอยู่ในความคิดของเขา เมื่อไอ้สองคนนี่ มันเอาปากปืนทั้งสองกระบอก กดลงที่หน้าผากของเขา ตะโกนใส่หน้าให้กบเอายามาให้พวกมัน เมื่อพวกมันนั้นรื้อข้าวของทั่วทั้งบ้านจนกระจุยกระจาย แต่ก็ยังไม่พบสิ่งที่พวกมันต้องการ

“กูไม่มี กูไม่มียาอะไรให้พวกมึงทั้งนั้น มึงฆ่าเมียกับลูกกู ไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์” เสียงตะโกนดังลั่นของกบ ทำให้เจ้ายักษ์ที่ล้มแน่นิ่งอยู่กับพื้นก่อนหน้านี้ เริ่มขยับตัว “เอาไงดีวะหรือว่ามันจะไม่มีจริง ๆ อย่างที่มันพูด” กบเห็นไอ้สองคนมันหันหน้าไปคุยกัน เสียงเจ้ายักษ์ขยับตัว กบคิดหาวิธีการอยู่ในหัว

“แล้วจะเอายังไง ถ้ามันไม่มีจริง ๆ อีนั่นแม่งก็ตายไปแล้ว” กบต้องรีบแล้ว เขาบอกตัวเอง มันจะต้องรวดเร็วและได้ผล ถ้าเขาคิดจะลงมือในตอนนี้ เชือกที่พวกมันเอามามัดข้อมือของเขา กบขยับจนมันคลายออก เขาคิดว่าเขาสามารถจัดการไอ้คนผอมกว่านั่นได้ ก่อนจะหันไปเล่นงานอีกคนหลังจากนั้น

“อย่าให้มันรอด” เหมือนคำตัดสินให้ต้องหมดเวลาของเขา กบต้องลงมือแล้วในตอนนี้ “เจ้ายักษ์” กบตะโกนเรียกสุนัขของเขา และเหมือนว่าเจ้ายักษ์จะรู้ความต้องการของเขา มันลุกขึ้นและตรงเข้าใส่ไอ้สองคนนั่น กะจะขย้ำเขี้ยวใส่พวกมัน เสียงปืนดังขึ้นอีกนัด เมื่อเจ้ายักษ์กระโจนเข้าใส่พวกมันจนเกือบถึงตัวแล้ว รอยเลือดกระเซ็นจากปากแผลขอเข้ายักษ์เข้าใส่แขนเสื้อนอกของหนึ่งในนั้น

ยังไม่ทันที่กบจะลุกขึ้นจากท่าคุกเข่า หนึ่งในไอ้สองคนนั้น ก็สาวเท้าเดินมึงตัวเขาเสียก่อน มันไม่รีรออะไรอีก มันลั่นไกใส่กบอย่างไม่ปรานีปราศรัย ร่างของกบล้มแน่นิ่งไปกับพื้นบ้าน เลือดไหลนองจนทั่วไปหมด มันสองคนออกจากบ้านไป ตอนนี้ทุกอย่างกลับมานิ่งสนิทและเงียบงันอีกครั้ง

แม่จมอยู่กับความเศร้า ได้แต่เอารูปภาพเก่า ๆ ที่เคยถ่ายเอาไว้เมื่อครั้งที่กบยังเป็นเด็กอยู่ออกมาเปิดดู แม่มีทั้งรอยยิ้ม สลับกับเสียงหัวเราะ ที่เคล้าไปด้วยน้ำตา ภาพไหนที่แม่ไม่ได้เห็นนานแล้วนานจนลืมไปแล้วว่าลูกชายของแม่ นั้นน่ารักแค่ไหน แม่ก็จะหยุดดูรูปนั้น ใช้มือลูบไปบนรูปนั้นของกบเนิ่นนาน ด้วยความคิดถึงลูกชายใจจะขาด

“แม่ผิดเอง แม่เลี้ยงแกได้ไม่ดีพอ” แม่ยังคงเฝ้าแต่โทษตัวเอง เมื่อสุดท้ายแล้ว สิ่งที่แม่คิดว่าทำดีที่สุดแล้ว มันกลับยังดีไม่พอ ที่จะช่วยให้ลูกชายของแม่พ้นไปตลอดรอดฝั่ง หรืออย่างน้อย ชีวิตหลังได้รับการอภัยของกบ จะทำช่วยให้แม่ลดทอนความเสียใจที่แม่มีมาตลอด ที่ไม่สามารถให้ลูกได้มากเท่าแม่คนอื่น

บ้านของแม่เงียบเหงากว่าเดิม มันมีเพียงรูปถ่ายของกบกับแฟนมาติดเพิ่มบนข้างฝาบ้านเท่านั้น ของเล่นเด็กสองสามชิ้น แม่ซื้อมันมาวางกอง ๆ เอาไว้ ให้เหมือนกับว่ามีหลานเพิ่งเล่นของเล่นพวกนั้น และทิ้งเอาไว้จนรกบ้าน ให้แม่ที่ตอนนี้กลายเป็นย่าคน ต้องมาตามเก็บ ตามบ่น แต่ว่ามันคือความสุขใจ อิ่มเอมใจ และแม่ก็เต็มใจทำให้ทุกครั้ง

แม่ค่อย ๆ ยันตัวขึ้นจากพื้นที่เรี่ยวแรงของแม่เองก็หดหายไปเยอะ ในมือของแม่มีอัลบั้มรูปของกบในวัยเด็ก แม่กำลังจะเดินเอาไปเก็บที่ชั้นวาง แม่กอดอัลบั้มรูปนั้นเอาไว้กับอก แม่ตัวโยนร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดอัลบั้มรูปนั้นแน่นขึ้น และแน่นขึ้น เพราะมันคือสิ่งเดียวที่เป็นความทรงจำเกี่ยวกับกบที่เหลือทิ้งเอาไว้ให้กับแม่

***********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย Jay J

Streets Of Philadelphia

https://www.youtube.com/watch?v=SMOV1xjyS3U


I was bruised and battered

ฉันชอกช้ำและถูกซ้ำเติม

I couldn't tell what I felt

จนบอกไม่ถูกว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี

I was unrecognizable to myself

จนฉันเองก็แทบจะจำตัวเองไม่ได้

Saw my reflection in a window

เงาสะท้อนที่เห็นในกระจกนั้น

And didn't know my own face

ใบหน้าของฉันแต่กลับไม่คุ้นเคย

Oh brother are you gonna leave me wastin' away

จะว่าไป นี่ทุกคนจะทิ้งฉันเอาไว้ให้จบสิ้นแบบนี้จริงจริงหรือ

On the streets of Philadelphia?

บนถนนที่เงียบเหงาและเดียวดาย


I walked the avenue, 'til my legs felt like stone

ฉันเดินผ่านถนนมาไกล จนขานั้นปวดแทบทนไม่ไหว

I heard the voices of friends vanished and gone

เพื่อนที่เคยเห็นกันมาก็พากันหายหน้าหายตาและจากไป

At night I could hear the blood in my veins

ค่ำคืนได้แต่ได้ยินเสียงจังหวะเลือดข้างในมันสูบฉีด

Just as black and whispering as the rain

แต่มันก็จมดิ่งสู่ความมืดดำกับฝนที่พรำ

On the streets of Philadelphia

บนถนนที่เงียบเหงาและเดียวดาย


Ain't no angel gonna greet me

มันไม่มีเทวดาที่ไหนจะเสกสรรให้กับฉัน

It's just you and I my friend

มันคงเหลือแค่เพียงเราเท่านั้น

And my clothes don't fit me no more

เมื่อสิ่งที่ฉันคิดว่าดี มันกลับไม่เป็นไปอย่างใจ

A thousand miles just to slip this skin

อีกไกลแค่ไหนกว่าจะหลุดพ้นความผิดพลาดนี้ได้สักที


The night has fallen, I'm lyin' awake

ค่ำคืนทอดตัวกลับมาอีกแล้ว ฉันยังคงไม่หลับใหล

I can feel myself fading away

ฉันรู้สึกเหมือนกับตัวเองจะสลายลงทุกขณะ

So receive me brother with your faithless kiss

แต่อย่างน้อยรับฉันไปด้วย แม้ว่าจะไม่ต้องแสร้งทำให้ก็ตาม

Or will we leave each other alone like this

หรือเราจะทอดทิ้งกันให้ต่างคนต่างไปเช่นนี้

On the streets of Philadelphia?

บนถนนที่เงียบเหงาและเดียวดาย

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๔๗. Odds _ 9.19.2023
«ตอบ #49 เมื่อ19-09-2023 16:00:48 »


Crime and Love Scene Investigation

๔๗. Odds


“หลักฐานทางดีเอ็นเอที่เราได้มา ยืนยันได้อย่างแน่นอนครับ ว่าสามารถเอาผิดคนร้ายได้” ชนธัญพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น แววตานั้นแสดงถึงความเชื่อมั่นที่มีของตัวเอง “แต่ไม่เคยมีคดีไหนเลย ที่ใช้ดีเอ็นเอของสัตว์เป็นหลักฐานในชั้นศาลมาก่อน” อัยการผู้ที่รับหน้าที่ในคดีนี้ ในการสั่งฟ้องตอบกลับมา

“หลักฐานที่จะนำเสนอขึ้นไปให้ท่านผู้พิพากษาพิจารณา จะต้องเป็นหลักฐานที่รอบคอบที่สุด คุณไปหาและเอาอันนั้นมาให้ผม” อัยการคนที่ได้ชื่อโจษจันว่า ทำงานร่วมด้วยยากที่สุด พูดตอบชนธัญกลับมา “เชื่อผมสิ ผมทำหน้าที่ตรงนี้มานาน อะไรเป็นอะไรผมย่อมรู้ดีที่สุด” มองกลับมาที่ชนธัญอย่างไม่ให้ความสำคัญนัก

“ผลตรวจดีเอ็นเอนี่แหละครับ ที่หนักแน่นที่สุดแล้ว มันทำให้ผู้ต้องหาดิ้นไม่หลุด พวกเขาทั้งสองคนอธิบายไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าทำไมเสื้อผ้าของพวกเขาถึงมีรอยเลือดที่ตรงกับดีเอ็นเอสุนัขของผู้ตาย ถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นั่นจริง ไม่มีอะไรบ่งชี้สถานที่ที่พวกนั้นอยู่ ได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว” ชนธัญยังคงยืนยันหนักแน่น

“คุณจะให้ศาลตัดสินคดีของคน จากเลือดของหมาเนี่ยนะ” อัยการพูดออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง “นั่นมันหมานะคุณ รอยเลือดนั่นเขาจะไปเปรอะมันมาจากไหนก็ได้” อัยการบอกกับชนธัญพลางหัวเราะอยู่ในลำคอ “แต่วิธีการที่ใช้ตรวจหาดีเอ็นเอของสุนัข ไม่ได้แตกต่างกันเลยกับในมนุษย์นะครับ” ชนธัญคิดว่าอัยการต้องรู้และศึกษากรณีนี้เพิ่มเติม

“เพียงแต่ใช้ Marker เพื่อยืนยันผลมันคนละตัวกันแค่นั้นเอง แต่วิธีการแทบจะไม่แตกต่างกันเลย” ชนธัญส่งต่อข้อมูลที่ได้รับมาจากด็อคเตอร์ดรุณีให้ถึงอัยการ “ถ้าจะให้พูดตรง ๆ เจ้ายักษ์คือพยานรู้เห็นที่เหลืออยู่ เพียงตัวเดียวของเรานะครับ” ชนธัญรู้ว่ามันฟังดูแปลกประหลาด แต่นี่มันไม่ได้ตลกเลยสักนิดเดียว

“มันเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนั้น มันอยู่ในเหตุการณ์ฆาตกรรม มันสู้ทนกับความเจ็บปวดที่มันถูกยิงถึงสองนัด เพื่อมอบหลักฐานว่า ใครกันที่เป็นคนฆ่าเจ้านายของมันทั้งสองคน และมันก็ได้มอบสิ่งที่จะช่วยเราปิดคดีนี้ลงได้อย่างสมบูรณ์ วางอยู่ตรงหน้าเรา ยื่นมาใส่ในมือเราแล้วนะครับ” ชนธัญนั้นต้องการที่จะทำทุกทาง เพื่อให้คนร้ายได้รับโทษตามกฎหมาย

“มันไม่ได้หมายความว่า ผมอยากให้สองคนนี้หลุดรอดเงื้อมมือของกฎหมายไปนะ” อัยการรีบพูดทันที หากว่าชนธัญจะเข้าใจเจตนาของเขาผิด “ในทางปฏิบัติแทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่เรื่องที่คุณว่ามานี้จะเกิดขึ้นได้ ผมถึงได้ร้องขอให้คุณเอาหลักฐานอย่างอื่นมาเพิ่มเติม” อัยการยังยืนยันว่า หลักฐานที่จะประกอบในสำนวนต้องแน่นหนามากจริง ๆ

“เราลองดูได้มั้ยครับ แทบเป็นไปไม่ได้มันฟังดูหมดทางก็จริง แต่หากมันจะพลิกกลับมาได้ สักแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ ผมก็อยากจะขอให้ท่านอัยการลองดู” ชนธัญจดจำแววตาของเจ้ายักษ์ที่มันมองมาที่เขาก่อนมันเข้าห้องผ่าตัดได้ดี “ลองยื่นเสนอให้ท่านผู้พิพากษารับไว้พิจารณา” ชนธัญไม่อยากให้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ชิ้นนี้สูญเปล่าไป เพราะโอกาสในการเอาผิดคนร้าย ชนธัญเชื่อเหลือเกินว่า สองคนนั้นไม่รอดแน่

“ใช่ว่าเราจะขอให้ท่านจับเจ้ายักษ์ขึ้นให้การในฐานะพยานเสียเมื่อไหร่กัน” สารวัตรรัฐนนท์พูดขึ้น หลังจากปล่อยให้ชนธัญได้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา อัยการหันมามองทางสารวัตรหนุ่มหล่อ “เรารู้ครับ ว่าเจ้ายักษ์มันพูดไม่ได้ แต่นี่คือวิธีพิเศษที่มันกำลังพูดบอกเรา ว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น มันกำลังสื่อสารกับเราโดยตรง ว่าคนร้ายเป็นใคร” สารวัตรรัฐนนท์ก็คิดว่า ไม่ลองก็ไม่รู้

“ถ้าท่านผู้พิพากษาเห็นชอบ คดีนี้ก็น่าจะปิดลงได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าท่านใช้ดุลยพินิจเป็นอย่างอื่น อย่างน้อยหลักฐานชิ้นนี้ก็ได้ทำหน้าที่ของมันอย่างดีที่สุดแล้ว ถึงตอนนั้น เราค่อยว่ากันอีกที ว่าจะเอายังไง” ในฐานะของนายตำรวจที่สืบเรื่องนี้ สารวัตรรัฐนนท์เห็นด้วยกับชนธัญ ที่อัยการไม่ควรทิ้งโอกาสนี้ไปเสีย

“เรามีคนที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับท่านอัยการ เพื่อที่ว่าจะได้เปิดประเด็นกับทางศาลเรื่องหลักฐานชิ้นนี้อย่างเข้าใจมากยิ่งขึ้น ผมเอง คุณหมอดรุณี และก็ด็อคเตอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจดีเอ็นเอสัตว์ ที่ท่านเชี่ยวชาญในด้านนี้ เพราะท่านช่วยตรวจดีเอ็นเอให้กับงานประกวดสุนัขพันธุ์มาหลายปี” ชนธัญอธิบายให้กับอัยการที่ตอนนี้ ดูตั้งใจฟังเขามากยิ่งขึ้น

“คือการประกวดสุนัขพันธุ์ พอมีเงินรางวัลเยอะ พวกขี้โกงก็จะปรากฏขึ้น มีพวกที่ขายลูกสุนัขพันธุ์ผสม แต่หลอกว่าเป็นสุนัขพันธุ์ ทำให้คนหลงเชื่อซื้อกลับไปเลี้ยง เพื่อจะมาประกวดชิงรางวัลอีกที แต่ปรากฏว่า พอจับสุนัขตรวจดีเอ็นเอแล้ว ก็ไม่ใช่อย่างที่คนขายกล่าวอ้างมา” อัยการก็เพิ่งทราบข้อมูลในเรื่องนี้ ว่าการประกวดสุนัขแบบนี้ มีเงินรางวัลที่สูงมาก ๆ

“การตรวจดีเอ็นเอ สามารถอ้างอิงจากงานระดับประเทศนี้ได้เลย ด็อคเตอร์เพื่อนของคุณหมอดรุณีที่ท่านอัยการก็รู้จักดี เป็นคนตรวจผลยืนยันว่า ไม่ใช่แค่เลือดของสุนัขเท่านั้น ที่อยู่บนเสื้อผ้าของคนร้าย ดีเอ็นเอก็ยืนยันว่า เป็นเลือดที่มาจากเจ้ายักษ์อย่างแน่นอน” ตอนที่ชนธัญฟังผลตรวจนี้จากหมอดุครั้งแรก เขาถึงกับกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ

“เอาหน่อยน่าท่านอัยการ” สารวัตรรัฐนนท์พูดคะยั้นคะยอ “ไม่เสียหายอะไรถ้าเราจะลองดู” สารวัตรหนุ่มยังคงยืนยันตามนั้น “ทำไมเราไม่ลองขยับบาร์ของเราที่มีให้สูงขึ้นไปอีก เพราะถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้จริง มันจะกลายเป็นเคสประวัติศาสตร์ได้เลยในทันที” สารวัตรรัฐนนท์พูดถึงสิ่งดีที่จะได้ต่อจากนี้

“ต่อไป คดีที่มีสัตว์เกี่ยวข้องด้วย ก็จะเป็นวิทยาศาสตร์อีกแขนงหนึ่ง ที่เข้ามาช่วยในการแก้ไขคดีที่ติดขัดอยู่ได้เพิ่มขึ้นอีก” ชนธัญรีบขยายความเพิ่มเติม “รวมถึงมันจะช่วยหยุดการทำร้ายสัตว์ลงได้ ผมหวังว่านะ การทารุณสัตว์ การทำร้ายสัตว์แบบไม่มีเหตุผล มันอาจจะทำให้คนเรา คิดมากขึ้น ก่อนที่จะทำร้ายพวกมัน” สภาพของเจ้ายักษ์ที่ชนธัญเห็นในวันนั้น มันทำให้เขาอยากจะเป็นปากเป็นเสียงให้มันในเคสนี้อย่างมาก

“คุณสองคนเนี่ยนะ” อัยการส่ายหน้า มองชนธัญและสารวัตรรัฐนนท์สลับกันไปมา “เอาล่ะ” ท่านอัยการพูดขึ้น “ในฐานะที่ผมเป็นทนายของแผ่นดิน และผมเข้าใจดีว่า ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ที่ถูกทำร้ายหรือฆ่าตาย มันก็ไม่ดีทั้งนั้น” ท่านอัยการเป่าลมออกจากปากช้า ๆ เบา ๆ

“โอเค ผมจะทำเรื่องยื่นขอให้ผลตรวจดีเอ็นเอของเจ้ายักษ์ สุนัขที่ถูกยิงในเคสนี้ เป็นหลักฐานประกอบคดี เพื่อเอาผิดคนร้ายทั้งสองคน” ชนธัญยกมือไหว้ขอบคุณทานอัยการทันที โดยที่ผู้มีคุณวุฒิมากกว่าโบกมือห้ามเอาไว้ “อย่าเพิ่งดีใจไป โดยเฉพาะเรื่องที่ว่า ถ้าผมโดนถูกท่านผู้พิพากษาตำหนิมา รับรองว่า ผมจะกลับมาเล่นงานคุณสองคนต่อแน่นอน” เดิมพันในครั้งนี้ เป็นอะไรที่ต้องลองดูกันสักตั้ง

สองสามวันหลังจากนั้น ชนธัญกับสารวัตรรัฐนนท์ ไปที่โรงพยาบาลสัตว์ที่เจ้ายักษ์รักษาตัวอยู่ มันเป็นเวลาไม่น้อยแล้ว หลังจากที่สัตวแพทย์ทำการผ่าหัวกระสุนออกจากหัวไหล่และสะเก็ดที่ยังอยู่ในลำคอ แม้ว่าบาดแผลจะเป็นแบบทะลุก็ตาม เจ้ายักษ์เองก็ยังอาการไม่สู้ดีนัก

“ไงเรา” ชนธัญเอ่ยทักทายสุนัขตัวใหญ่ที่นอนอยู่บนเตียง มีสายน้ำเกลือและสายให้เลือดห้อยอยู่ “เจ้ายักษ์” ชนธัญเรียกชื่อมัน เหมือนมันจะพยายามผงกหัวขึ้นทักทายตอบ “ไม่เป็นไร” ชนธัญบอกกับมันด้วยเสียงที่อ่อนโยน เมื่อเห็นว่ามันยังทำแบบนั้นไม่ไหว เพราะพอเจ้ายักษ์จะขยับตัว มันก็ร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด

“เดี๋ยวก็หายแล้ว” สารวัตรรัฐนนท์มองชนธัญลูบหัว พลางพูดปลอบประโลมเจ้าสุนัขตัวใหญ่ แล้วก็อดยิ้มออกมาน้อย ๆ ไม่ได้ มันเป็นภาพที่เขาชอบใจที่ได้เห็น “แต่แกต้องกินอะไรบ้างนะ แกต้องสู้เพื่อตัวเองด้วยเหมือนกัน” ทางโรงพยาบาลแจ้งว่า เจ้ายักษ์นั้นถึงแม้ว่าจะอ่อนแอมาก แต่ก็ยังกินอะไรได้ไม่มากนัก เลยยังต้องให้น้ำเกลือเพื่อช่วยพยุงอาการ

“ช่วงนี้ฉันว่าง ฉันจะมาดูแกบ่อย ๆ ดีมั้ย” เจ้ายักษ์ส่ายตามองตามชนธัญ ที่ตอนนี้เอาเก้าอี้มาวางไกล ๆ กับเจ้ายักษ์ นั่งลงแล้วลูบหัวมันด้วยความเอ็นดู “ถ้าแกอยากจะทำเพื่อเจ้านายของแก” ชนธัญพูดกับเจ้ายักษ์ และดูราวกับว่า เจ้าสุนัขตัวใหญ่จะตั้งใจฟังเขาเป็นอย่างดี

“แกต้องกินอาหารเยอะ ๆ กินน้ำมาก ๆ เพื่อว่าแกจะได้มีแรง แกสู้มาถึงขั้นนี้แล้วนะ” ชนธัญรู้สึกถึงก้อนมวลอารมณ์แห่งความสงสาร แล่นขึ้นมาอัดแน่นอยู่ที่กลางอกของเขา เมื่อมองเห็นสภาพของเจ้ายักษ์ที่โอกาสรอด คุณหมอสัตวแพทย์ผู้ที่ทำการผ่าตัดเจ้ายักษ์เอง ยังไม่กล้าบอกออกมาชัด ๆ เพราะเจ้ายักษ์ดูเหมือนจะอ่อนแอลงทุกขณะ มันดูซึม และแทบจะไม่มีเรี่ยวแรง

เสียงโทรศัพท์มือถือของสารวัตรรัฐนนท์ดังขึ้น เขารีบกดรับสาย เมื่อที่หน้าจอแสดงชื่อว่าใครโทรมา สารวัตรรัฐนนท์กรอกเสียงทักทายลงไป ก่อนจะหยุดฟังในสิ่งที่ปลายสายอีกด้านหนึ่งบอกกับเขา สารวัตรรัฐนนท์พูดรับคำอีกฝั่งอยู่อีกสักพัก กล่าวขอบคุณกลับไป ก่อนจะกดวางสาย ก่อนจะหันมาพยักหน้ากับชนธัญที่มองอย่างรอคอยอยู่ก่อนแล้ว ชนธัญหันไปทางเจ้ายักษ์พร้อมรอยยิ้มกว้าง ด้วยความดีใจ

“เจ้ายักษ์ ผู้พิพากษายอมรับดีเอ็นเอของแกเป็นหลักฐานแล้วนะ” ชนธัญพูดด้วยเสียงอันสั่นเครือ ก่อนที่เขาและสารวัตรรัฐนนท์ จะเห็นเจ้ายักษ์เองนั้น กระดิกหางขึ้นลงไปมา เหมือนมันเองก็พูดว่า มันรับรู้แล้ว “แกต้องรีบหายนะ ต้องสู้ต่อไป สู้ให้ถึงที่สุด โอเคมั้ยเจ้ายักษ์ แกห้ามยอมแพ้นะ” สารวัตรรัฐนนท์ยิ้มบาง ๆ ที่ริมฝีปาก มองดูชนธัญลูบหัวลูบหางเจ้าสุนัขตัวใหญ่ ที่ดูมันจะมีปฏิกิริยาตอบสนองในทางที่ดีขึ้นกว่าหลายวันที่ผ่านมา

***************************************************

คำแปลเนื้อ้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Hold It Against Me - Britney Spears

https://www.youtube.com/watch?v=IV6LAQdbHJU


Hey, over there

ไง ที่ตรงนั้น

Please, forgive me

ขอโทษทีนะ

If I'm comin' on too strong

หากว่าฉันจะเข้าหาคุณมากไป

Hate to stare

ไม่อยากจะจ้อง

But, you're winnin'

แต่คุณมันเร้าใจ

And they're playin' my favorite song

แถมยังเปิดเพลงรู้ใจไปอีก


So, come here

งั้น มาตรงนี้มา

A little closer

ใกล้เข้ามาอีกนิด

Wanna whisper in your ear

อยากจะกระซิบอะไรข้างหู

Make it clear

เอาให้มันชัด

A little question

คำถามง่ายง่าย

Wanna know just how you feel

อยากจะรู้ว่าคิดยังไงกัน


If I said my heart was beating loud

ถ้าฉันบอกว่าใจมันเต้นแรงตูมตาม

If we could escape the crowd somehow

หากว่าเราจะหลบจากผู้คนตรงนี้ไป

If I said I want your body now

ถ้าฉันจะพูดว่าอยากได้คุณตรงตรงตอนนี้

Would you hold it against me?

จะรังเกียจหรือว่าพูดว่าอะไรฉันมั้ย


'Cause, you feel like paradise

เพราะเมื่อคุณรู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์

And I need a vacation tonight

และคืนนี้ก็น่าจะเป็นคืนปลดปล่อยกันหน่อย

So, if I said I want your body now

ถ้าฉันบอกจริงจังว่าอยากได้กัน

Would you hold it against me?

ยังจะว่าว่าฉันไม่ดีหรือเปล่า


Hey, you might think

ไง คุณอาจจะคิดว่า

That I'm crazy

ฉันมันบ้าสิ้นดี

But, you know I'm just your type

แต่คุณก็รู้ว่าคุณชอบอย่างฉันนี่แหละ

I might be

หรือฉันนั้นอาจ

Little hazy

จะเบลอเบลอบวมบวมสักหน่อย

But, you just cannot deny

แต่คุณจะบอกปัดกันได้ที่ไหน

There's a spark

เมื่อเราสองต้องใจ

In between us

อะไรอะไรระหว่างเรา

When we're dancin' on the floor

เมื่อเราแนบชิดบนฟลอร์เต้นรำ

I want more

ฉันเพิ่มความอยากมากขึ้น

Wanna see it

อยากจะเห็นแล้วสิ

So, I'm askin' you tonight

งั้นคืนนี้ฉันขอถามเลยนะว่า


If I said my heart was beating loud

ถ้าฉันบอกว่าใจมันเต้นแรงตูมตาม

If we could escape the crowd somehow

หากว่าเราจะหลบจากผู้คนตรงนี้ไป

If I said I want your body now

ถ้าฉันจะพูดว่าอยากได้คุณตรงตรงตอนนี้

Would you hold it against me?

จะรังเกียจหรือว่าพูดว่าอะไรฉันมั้ย

'Cause, you feel like paradise

เพราะเมื่อคุณรู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์

And I need a vacation tonight

และคืนนี้ก็น่าจะเป็นคืนปลดปล่อยกันหน่อย

So, if I said I want your body now

ถ้าฉันบอกจริงจังว่าอยากได้กัน

Would you hold it against me?

ยังจะว่าว่าฉันไม่ดีหรือเปล่า


Give me somethin' good

ส่งมาเถอะอะไรดีดีที่คุณมี

Don't wanna wait

ไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว

I want it now

อยากได้มันตอนนี้

Pop it like a hood

เปิดออกมาเลยให้รู้กัน

And show me how you work it out

แล้วทำให้ฉันดูหน่อยว่ามันเป็นยังไง


Alright

เอานะ

If I said my heart was beating loud

ถ้าฉันบอกว่าใจมันเต้นแรงตูมตาม

If we could escape the crowd somehow

หากว่าเราจะหลบจากผู้คนตรงนี้ไป

If I said I want your body now

ถ้าฉันจะพูดว่าอยากได้คุณตรงตรงตอนนี้

Would you hold it against me?

จะรังเกียจหรือว่าพูดว่าอะไรฉันมั้ย

'Cause, you feel like paradise

เพราะเมื่อคุณรู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์

And I need a vacation tonight

และคืนนี้ก็น่าจะเป็นคืนปลดปล่อยกันหน่อย

So, if I said I want your body now

ถ้าฉันบอกจริงจังว่าอยากได้กัน

Would you hold it against me?

ยังจะว่าว่าฉันไม่ดีหรือเปล่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๔๗. Odds _ 9.19.2023
« ตอบ #49 เมื่อ: 19-09-2023 16:00:48 »





ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๔๘. Newlyweds _ 9.20.2023
«ตอบ #50 เมื่อ20-09-2023 22:05:11 »


Crime and Love Scene Investigation

๔๘. Newlyweds


“วันนี้เขามีอะไรกัน คนเยอะเชียว ดูวุ่นวายกันด้วย” สารวัตรรัฐนนท์ถามขึ้น ชนธัญที่เดินมาพร้อมกับสารวัตรหนุ่มหล่อ มองตรงไปที่หน่วยสืบสวนคดีทีมปกติ ที่ตอนนี้ดูกุลีกุจอต้อนรับชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่ง ที่ดูแล้วจะเป็นคนสำคัญไม่น้อย “ผมไปแอบฟังมา เหมือนกับว่า ลูกของเขาถูกลักพาตัวไปนะครับ เด็กเพิ่งเกิด ยังเล็กอยู่เลย” หนึ่งในทีมสืบสวนลับบอกกับสารวัตรรัฐนนท์และชนธัญ

“ถ้าเป็นแบบนั้นก็แย่เลยนะ” ชนธัญพูดขึ้น รู้สึกแย่ที่มีเด็กเล็กเกี่ยวข้องด้วย “ใครเป็นหัวหน้าทีมคดี” สารวัตรรัฐนนท์ถามลูกน้องของเขา “ผู้กองโต้ง” ใครอีกคนร้องบอก สารวัตรรัฐนนท์พยักหน้ารับรู้ “อย่างน้อยก็ได้สืบที่ค่อนข้างมีผลงาน” สารวัตรรัฐนนท์ไม่ได้พูดคัดค้านอะไรกับเรื่องนี้

“ตอนนี้พอจะมีเบาะแสอะไรบ้างมั้ยครับ” เคนถามผู้กองโต้งตรง ๆ “ภายในบ้าน เรายังไม่พบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ช่วยบ่งชี้ตัวคนร้ายชัด ๆ ได้เลย” ผู้กองโต้งตอบไปตามตรงเช่นกัน “รอยนิ้วมือแฝงที่พบ ก็มีแต่คนที่อาศัยอยู่ภายในบ้านเท่านั้น แถมยังไม่มีร่องรอยการบุกรุก ไม่มีทรัพย์สินอื่น ๆ ที่สูญหายไป” ผู้กองโต้งเองก็คิดว่ามันไม่น่าเชื่อ ที่คนร้ายจะเดินเข้าและออกไปพร้อมเด็กทารก โดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้

“แต่ยังไง ผมให้ทีมเก็บหลักฐาน กลับไปที่บ้านคุณเคนอีกครั้ง แล้วปูพรมทั้งบ้าน เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมให้ได้ แต่คงต้องใช้เวลาหน่อย” ผู้กองโต้งพูดจบ พลันมีเสียงสะอื้นดังออกมาจากภรรยาของเคน “โธ่ ลูกแม่ ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” เสียงพูดแสดงความโศกาอาดูรอย่างใหญ่หลวงนัก

“ตอนนี้คงจะหิวร้องโยเย หานมจากอกแม่แล้ว เคน เราจะทำยังไงดี” ทุกคนมองไปที่หน้าอกของอร ที่ตอนนี้มันเปียกชุ่มไปด้วยของเหลว “นมมันคัดน่ะค่ะ ไม่มีอะไร คนเพิ่งคลอดลูก ต้องให้นมลูกตามธรรมชาติ” ทุกคนพยายามทำเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ แต่ก็ยังไม่วายมองไปที่หน้าอกของอร ที่เป็นดวงชัดเจน ตั้งแต่มาถึงที่นี่

ชนธัญรู้สึกแปลกใจระคนสงสัย ที่เขามั่นใจว่า แวบหนึ่งนั้น เขาเห็นอรพยายามกลั้นขำ แต่หลุดยิ้มออกมา แต่ก็เป็นเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น หรือเธออาจจะยิ้มกลบเกลื่อนความอาย ก่อนที่ชนธัญจะเห็นอรกันมาสบตากับเขาเข้าพอดี อะไรบางอย่างในสายตาของอีกฝ่าย ที่ทำให้อรรู้สึกไม่ไว้ใจหนุ่มหน้าใสคนนี้

“กลุ่มนั้น ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ใครกันหรือคะผู้กอง” อรถาม มองไปที่กลุ่มผู้ชายที่หนุ่มหน้าใสยืนอยู่ด้วย โดยมีหนุ่มหล่อที่ดูก็รู้ว่าเป็นหัวหน้าตำรวจ ท่าทางให้ความสำคัญกับหนุ่มหน้าใสนั้นมากเหลือเกิน ช่างน่าหมั่นไส้ “อ๋อ นั่นชุดสืบสวนอีกทีมหนึ่งน่ะครับ” อรพยักหน้าช้า ๆ กับคำตอบของผู้กองโต้ง ความรู้สึกประหลาดแล่นเข้าให้ต้องเพิ่มความกังวล เหมือนกับว่าเธอควรจะอยู่ให้ห่างทีมสืบสวนทีมนี้เอาไว้ เพื่อตัวของเธอเอง โดยเฉพาะหนุ่มหน้าใสคนนี้ ที่อยู่ ๆ จะเรียกว่าไม่ถูกชะตากันตั้งแต่แรก ก็ไม่เชิง



“เป็นใครนะ ก็ต้องอิจฉา ดูสิ ได้แต่งงานกับคนที่ทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมยังเป็นสุภาพบุรุษสุด ๆ แบบนี้” แขกเหรื่อที่มาในงานแต่งงานนี้ กำลังซุบซิบกันถึงเจ้าสาวคนสวยของงาน ที่ดูเฉิดฉายและเพียบพร้อม “ดูเอาเถอะ คุณเคนยิ้มไม่หุบเลย ได้เมียสวยขนาดนี้ด้วยแล้ว” เสียงซุบซิบยังคงดำเนินต่อเนื่องไป

“เป็นนกน้อยในกรงทองได้เลยนะ มรดกบ้านผัวตกทับขนาดนี้” ทุกคนจับจ้องไปที่เจ้าสาวคนสวยที่มีเจ้าบ่าวสุดหล่อ ที่แสนจะเข้ากันเดินประคองเคียงข้างอยู่ไม่ห่าง “เขาเรียกว่าทำบุญมาดีน่ะสิ อยากรู้เหมือนกันนะ ว่าตักบาตรพระด้วยอะไร ฉันจะได้ไปทำบ้าง” เสียงหัวเราะดังออกมาจากทุกคนที่ยืนจับกลุ่มนินทากันอยู่ตรงนั้น

“นี่ยิ่งถ้ามีหลานให้ย่าให้แม่อุ้มแล้วด้วยนะ รับรอง หลงหลานกันหนักมากแน่ ๆ ถึงขั้นหัวปักหัวปำ ยกสมบัติให้จนหมด สบายไปทั้งชาติชัวร์ ๆ แต่ฉันหมายถึงสะใภ้นะ ไม่ใช่หลาน” วงซุบซิบนั้น ได้เฮกันอีกครั้ง เมื่อมีคนหนึ่งในกลุ่มพูดถูกใจ ว่าสะใภ้บ้านนี้นั้น สบายกว่าใคร โชคดีกว่าใคร ๆ ทั้งนั้น

“ที่เธอได้แต่งงานกับเคน ก็เพราะเธอบอกว่าท้องล่ะนะ อย่าคิดว่าตัวเองวิเศษวิโสอะไร” พอปลอดแขกเหรื่อใกล้ ๆ แม่ของเคนก็พูดกับอร เจ้าสาวของงานในทันที “แหม หนูก็รู้ตัวอยู่ ว่าคุณแม่อยากจะอุ้มหลานใจจะขาดขนาดไหน” อรพูดโดยยังฉีกยิ้มให้ผู้มีเกียรติที่มาอวยพรบ่าวสาวอยู่

“ถ้าฉันหาเมียให้เจ้าเคนเอง รับรองว่าไม่มีทางเป็นเธอแน่นอน” แม่ของเคน อดไม่ได้ที่จะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป “แต่ลูกชายคุณแม่เลือกหนู เคนเขาเลือกที่จะนอนกับหนูตั้งแต่ตอนยังเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว อ้อ คุณแม่จะให้หนูเล่าให้ฟังมั้ยคะ ว่าเคนเขาดอดเข้าไปหาหนูที่ห้องยังไง แล้วเขามีข้ออ้างอะไรบ้าง พูดยังไงบ้าง เพื่อจะเอาหนูให้ได้” อรหันมองแม่สามีแบบพูดไปยิ้มไป

“ทุเรศ สกปรก” แม่ของเคนแทบจะปั้นหน้าให้อยู่ในงานต่อไปไม่ไหว “แหม วันนี้วันดี วันมงคลเสียด้วยสิคะ คุณแม่ผัวขา” อรพูดลอยหน้าลอยตา มองผู้หญิงวัยกลางคนตรงหน้าแบบเชื่อสายตา ว่ายังจะมีคนประเภทนี้หลงเหลืออยู่อีก จนมีแขกในงานเดินมาทักแม่ของเคน เธอจึงทำทีขอตัวเลี่ยงพาแขกเดินไปจากตรงนั้น

“ยอม ๆ แม่เขาบ้างก็ได้ มาถึงขั้นนี้แล้ว” เคนที่เห็นเหตุการณ์มาโดยตลอด เดินเข้ามาพูดกับเจ้าสาวของเขา “ใจคอไม่คิดที่จะเข้ามาห้ามทัพบ้างเลยหรือไง” อรหันไปมองเจ้าบ่าวของงาน “เคนรู้ว่ายังไง อร” เคนเน้นเสียงเรียกชื่ออีกฝ่าย “ก็จัดการได้แน่ แล้วมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำให้เรื่องบานปลาย” เคนพูดมองดูเจ้าสาวของตัวเองอย่างรักใคร่

“ยังไง ตอนนี้เราก็ได้แต่งงานกันแล้ว ไม่ดีใจหรือ เคนตื่นเต้นแทบแย่แล้วเนี่ย ไม่คิดว่ามันจะเป็นจริงได้” แววตาอ่อนโยนและแสดงออกว่ารักหมดใจของเคน ทำให้เจ้าสาวของเขายิ้มออกมาจนได้ “เดี๋ยวตอนส่งตัวเข้าหอ เคนเสร็จแน่” เคนสะดุ้ง แต่ยังทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเป้ากางเกงของเขาถูกคว้าหมับเข้าให้ แถมมือของเจ้าสาวของงาน ก็จงใจลูบขึ้นลูบลง เพื่อให้เขานั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายให้ได้

“ถ้าแกยังมีหลานให้กับครอบครัวของเราไม่ได้ แม่จะทำตามวิธีที่แม่เห็นว่าควร” เคนลอบถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย เมื่อตอนนี้สิ่งเดียวที่แม่ของเขาพูดถึง และกดดันเขาอย่างหนักคือเรื่องนี้ ชายหนุ่มเห็นย่าของเขาเอง ก็นั่งมองมาด้วยหางตา แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ไม่พอใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

“เมียแกนี่มันยังไงนะ จนป่านนี้แล้ว ยังจะทำในสิ่งที่ผู้หญิงคนอื่น ๆ นั้นอยากจะเป็นจนตัวสั่น ไม่ได้อีก กับการมีลูกกับแกน่ะ เคน” ผู้เป็นแม่ไม่ชอบใจนักตั้งแต่แรก ที่ภรรยาของลูกชายเคยบอกกับเธอว่า ยังอยากจะทำงานและเดินทางท่องเที่ยว สมัยที่แต่งงานกับลูกชายของเธอใหม่ ๆ

“ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว จะบ้างาน บ้าเที่ยวไปโน่นไปนี่อยู่อีก ไม่ไหวนะแบบนี้” เคนเองก็ไม่รู้จะหาคำไหนที่ถูกใจแม่ของเขามาอธิบายให้ฟัง “ตระกูลเราต้องมีทายาทเอาไว้สืบสกุล” ย่าของเขาพูดออกมาในที่สุด “ไปตามเมียแกลงมาเจอหน้าเจอตาหน่อยซิ จะได้คุยกันให้รู้เรื่อง ว่าจะเอายังไง” แม่ของเคนเองก็ชักจะเหลืออดกับลูกสะใภ้คนนี้

“ถ้าขืนยังไม่ยอมท้องให้แกซักที แม่จะหาผู้หญิงคนอื่นมาให้แกเอง” ผู้เป็นแม่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คุณแม่ จะทำอย่างนั้นได้ยังไงล่ะครับ ผมรักเมียผม ให้ผมมีอะไรกับคนอื่นไม่ได้หรอก” เคนปฏิเสธแม่ออกไปในทันที “ถ้างั้นก็ทำกิฟต์ เมียแกทำเท่าไหร่ก็ไม่ติดสักที งั้นก็ทำกับคนที่เขาตั้งท้องให้พวกเราได้” ย่าของเขาเองก็เหลือจะอดกับทั้งหลานสะใภ้ และหลานสุดที่รักอย่างเคนเหมือนกัน

“ทำไมเธอถึงยังไม่ท้องสักที ได้กินยาบำรุงแพง ๆ ที่ฉันให้ไปหรือเปล่า” ทันทีที่เห็นหน้ากัน แม่ของเคนก็แสดงบทแม่ผัวไม่ถูกกับลูกสะใภ้ในทันที “ทานแล้วค่ะ” พยักหน้ารีบตอบคำถามออกไป อรหน้าเสียเมื่อถูกจี้ถามแบบนั้น มองไปที่เคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แต่ก็ไม่ได้ทีทีท่าว่าจะช่วยออกหน้าแทนแต่อย่างใด

“พวกแกสองคนมีอะไรกันบ่อยขนาดไหน อย่าบอกนะว่ายังใช้ถุงยางอยู่ หรือกินยาคุม ไม่ได้นะ” คำพูดของคุณย่าทำเอาอรยิ่งทำหน้าไม่ถูก เคนนั้นกับแม่ เขายังพอจะเถียงหรือพูดแสดงความคิดเห็นได้บ้าง แต่กับย่านั้น เคนไม่กล้าที่จะเปิดปากสักแอะ “คุณย่า คือผม” เคนไม่รู้จะพูดออกไปยังไง

“ไป ขึ้นไปบนห้องสิ อย่ามาเสียเวลายืนทำอะไรกันอยู่ตรงนี้ ไป เอากันหลาย ๆ รอบ” คุณย่าตะโกนใส่ทั้งเคนทั้งอรจนลั่นบ้าน “นี่คือสิ่งที่แกจะต้องทำ เจ้าเคน” ย่าของเขาออกคำสั่ง “ทำให้เมียแกท้องให้ได้ ให้เร็วที่สุด ส่วนเธอ อร ถ้าเธอยังมีหลานให้ฉันไม่ได้แบบนี้ เห็นทีฉันคงจะต้องหาเมียใหม่ให้หลานของฉันแล้วนะ” เคนรู้ดี ว่าถ้าย่าของเขาเอ่ยปากเรื่องใดออกมาแล้ว นั่นหมายถึงว่า ย่าของเขาหมายความตามนั้นจริง ๆ

เคนและอรเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง ก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องนอนไป อรเดินเหนียม ๆ ไปนั่งที่ขอบเตียงด้านไกลจากประตู เคนมองตามอีกฝ่ายไป รู้สึกปวดหัวตุบ ๆ ไปตามความเครียดที่สะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ อรสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเคนเดินมาใกล้ แต่ก็เพียงว่า ชายหนุ่มเดินมาหยิบโทรศัพท์มือถือจากโต๊ะที่หัวเตียง ก่อนจะหันหลัง แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำภายในห้องนอนนั้น

*********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Overprotected - Britney Spears

https://www.youtube.com/watch?v=PZYSiWHW8V0


I need time (time) , love, joy (joy)

ฉันอยากได้เวลา รัก และอารมณ์จอยจอย

I need space, love

และยังอยากได้พื้นที่ส่วนตัว ควบคู่ความรัก

I need me (action!)

และฉันอยากได้ตัวเองคืน เริ่มได้!


Say hello to the girl that I am

ทำความรู้จักผู้หญิงอย่างที่ฉันเป็น

You're gonna have to see through my perspective

งั้นคุณคงต้องมองมันผ่านสายตาและมุมมองของที่มีของฉัน

I need to make mistakes just to learn who I am

ฉันอยากจะทำอะไรผิดพลาด เพื่อจะเรียนรู้ว่าตัวเองเป็นเช่นไร

And I don't wanna be so damn protected

และไม่ได้อยากจะให้ใคร มาปกป้องกันมากจนเกินไป


There must be another way

มันต้องมีหนทางไหนสักทางหนึ่ง

'Cause I believe in taking chances

เพราะฉันเชื่อในเรื่องของการเสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน

But who am I to say, what a girl is to do?

แต่ฉันเป็นใครกันจะมั่นขนาดนั้น ผู้หญิงสักคนควรทำยังไงดี

God, I need some answers

จริงจริงเถอะ ฉันอยากได้คำตอบกลับมา


What am I to do with my life?

ฉันจะทำยังไงกับชีวิตฉันดีเนี่ย

(You will find it out, don't worry)

เดี๋ยวเธอก็หาทางจนได้ อย่ากังวลไปเลย

How am I supposed to know what's right?

แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกกันแน่

(You just gotta do it your way)

ก็ทำตามหนทางของตัวเองไป

I can't help the way I feel

ฉันห้ามไม่ได้หรอกนะกับสิ่งที่ใจรู้สึก

But my life has been so overprotected

แต่ชีวิตก็ถูกปกป้องเอาไว้จนเกินเหตุ


I'll tell 'em what I like, what I want, and what I don't

ฉันบอกพวกเขาไปตรงตรงว่าชอบอะไร อยากได้อะไร หรืออะไรที่ไม่

But every time I do, I stand corrected

แต่ทุกครั้งที่ทำอย่างนั้น กลับกลายเป็นสิ่งผิดไปเสียหมด

Things that I've been told, I can't believe what I hear about the world

สิ่งที่รับรู้ผู้คนบอกมา ไม่อยากจะเชื่อว่าโลกนี้ยังได้ยินแบบนั้นกันอยู่

I realize I'm overprotected

ฉันจึงเข้าใจถ่องแท้ว่า ฉันถูกปกป้องจนเกินไป


There must be another way

มันต้องมีหนทางไหนสักทางหนึ่ง

'Cause I believe in taking chances

เพราะฉันเชื่อในเรื่องของการเสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน

But who am I to say, what a girl is to do?

แต่ฉันเป็นใครกันจะมั่นขนาดนั้น ผู้หญิงสักคนควรทำยังไงดี

God, I need some answers

จริงจริงเถอะ ฉันอยากได้คำตอบกลับมา


What am I to do with my life?

ฉันจะทำยังไงกับชีวิตฉันดีเนี่ย

(You will find it out, don't worry)

เดี๋ยวเธอก็หาทางจนได้ อย่ากังวลไปเลย

How am I supposed to know what's right?

แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกกันแน่

(You just gotta do it your way)

ก็ทำตามหนทางของตัวเองไป

I can't help the way I feel

ฉันห้ามไม่ได้หรอกนะกับสิ่งที่ใจรู้สึก

But my life has been so overprotected

แต่ชีวิตก็ถูกปกป้องเอาไว้จนเกินเหตุ


I need time, love

ฉันต้องการเวลา และความรักที่มี

I need space

ฉันต้องการพื้นที่เป็นของฉันเอง

(This is it)

นั่นแหละใช่เลย


I don't need nobody telling me just what I wanna

ไม่ต้องการให้ใครมาบอกว่า ฉันนั้นอยากจะทำ

What I, what, what, what I'm gonna (I need) do about my destiny

อะไรนั่นนู่นนี่ คือสิ่งที่ฉันทำ เพื่อชะตาชีวิตของตัวเอง

I say no, no, nobody's telling me just what I wanna do, do

บอกเลยบอกออกไปว่าอย่า ว่าไม่ ไม่มีใครมาสั่งให้ฉันทำนั่นทำนี่ได้หรอก

I'm so fed up with people telling me to be someone else but me (action!)

เพราะนี่ก็เบื่อเหลือเกิน ที่ผู้คนเฝ้ากรอกหูให้ฉันเป็นคนอื่น ที่ไม่ใช่ตัวเอง เริ่มได้!


How am I supposed to know what's right?

แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกกันแน่

(You just gotta do it your way)

ก็ทำตามหนทางของตัวเองไป

I can't help the way I feel

ฉันห้ามไม่ได้หรอกนะกับสิ่งที่ใจรู้สึก

But my life has been so overprotected

แต่ชีวิตก็ถูกปกป้องเอาไว้จนเกินเหตุ

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๔๙. BARE BREAST _ 9.22.2023
«ตอบ #51 เมื่อ22-09-2023 19:10:04 »



Crime and Love Scene Investigation

๔๙. BARE BREAST



“สารวัตรคิดว่าไง” สารวัตรรัฐนนท์เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะถามอีกฝ่ายกลับไป “ผมพูดได้หรือหมวด” สารวัตรหนุ่มเองถึงจะมีตำแหน่งเป็นหัวหน้า แต่ก็ถือว่าอยู่คนละหน่วยกัน จึงไม่อยากจะทำตัวก้าวก่าย “ตอนนี้ใครให้อะไรเป็นประโยชน์ต่อคดี ผมรับฟังหมดล่ะครับ” ผู้กองโต้งพูดพลางทำสีหน้าว่า เขาเองก็กำลังมืดแปดด้าน ว่าจะตามคดีไปทางไหนต่อ

“มันควรจะเป็นเคสที่เราตามรอยได้ด้วยวิธีทั่วไปใช้มั้ยล่ะ” สารวัตรรัฐนนท์พูด ผู้กองโต้งยิ้มรับคำพูด แต่ดูเป็นยิ้มที่เนือย ๆ เหลือเกิน “ใช่เลยครับ แต่นี่” ผู้กองโต้งถึงกับต้องถอนหายใจออกมา “ภายในบ้านไม่พบรอยนิ้วมือแฝงของคนร้ายเลยสักนิด” ผู้กองโต้งที่มีประสบการณ์ในการสืบคดีมามากมาย ยังไม่เข้าใจกับเรื่องนี้

“จะลองให้คู่หูของผม” ชนธัญหันมาตามเสียงของสารวัตรหนุ่มหล่อ เห็นผู้กองโต้งมองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว “มันไม่ใช่เคสสืบลับ ไม่ใช่หรือครับ” ผู้กองโต้งยักไหล่ก่อนจะหันไปทางสารวัตรรัฐนนท์ “ก็ถ้าคุณชนธัญถ้าไม่คิดว่า ผมจะได้หน้า เอาเครดิตไปคนเดียว ตอนที่ปิดคดีได้ละก็” ผู้กองโต้งพูด ยิ้มกว้าง แบบรอให้ชนธัญตัดสินใจ

ชนธัญเดินเข้าไปในบ้านที่เกิดเหตุ ทีแรกเคนและอรปฏิเสธที่จะให้กลับไปตรวจสอบที่บ้านอีกครั้ง แต่หลังจากนั้น ทางผู้กองโต้งก็ได้รับการอนุญาตจากคุณย่าของเคน เนื่องจากหญิงสูงวัยนั้น ร้อนใจมาก อยากจะได้หลานกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด สิ่งแรกชนธัญรู้สึกคือ บ้านหลังนี้สะอาดมากจริง ๆ

“สะอาดจนน่าขนลุกเลยใช่มั้ยครับ” เหมือนผู้กองโต้งพอที่จะอ่านท่าทางของชนธัญออก ถามขึ้นเมื่อเดินนำหนุ่มหน้าใสและสารวัตรรัฐนนท์ขึ้นบันไดไปชั้นสองของบ้าน ชนธัญพยักหน้ารับคำ สารวัตรรัฐนนท์เองยังกลัวว่าตัวเองจะทำบ้านเขาสกปรกไปด้วย ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ฝุ่นที่เกาะตามขอบตู้สักนิดก็ไม่มีให้เห็น

“สะอาดขนาดนี้ ตอนที่เจ้าหน้าที่มาตรวจลายนิ้วมือแฝง ไม่มีแม้กระทั่งลายนิ้วมือของเจ้าของบ้านหรือครับ” คำถามของชนธัญทำให้ผู้กองโต้งถึงกับต้องยกมือถือขึ้นโทรหาลูกน้อง ทางชนธัญและสารวัตรรัฐนนท์ต่างพากันเอาถุงมือยางขึ้นมาสวม ฝ่ายผู้กองโต้งอวางสายจากลูกน้อง ก็ตอบคำถามของชนธัญว่า

“สะอาดแบบเรี่ยมเร้เรไร ไม่เจอแม้กระทั่งรอยนิ้วมือของคนที่อาศัยอยู่ในบ้านนี้ หรือคนที่อาศัยอยู่ในห้องนอนนี้” ชนธัญชูมือให้ผู้กองโต้งเห็นว่า ตัวเองสวมถุงมือยางแล้ว “ยังไงผมก็ไม่ทิ้งรอยนิ้วมือเอาไว้ แต่คนที่เข้าออกห้องนี้เป็นประจำนี่สิ ที่มันแปลก” ชนธัญหมุนลูกบิดเปิดประตูห้องนอนเข้าไป

“ที่จะไม่มีรอยนิ้วมือของตัวเองหลงเหลืออยู่เลยสักรอย” ทั้งสามคนเดินเข้ามาในห้องนอนของเคนและอร “ถ้าจะบอกว่าเจ้าของห้องมีอาการ OCD Obsessive Compulsive Disorder ต้องรักษาความสะอาดอยู่ตลอดเวลา แต่จะถึงขั้น ไม่ให้ทั่วทั้งห้อง เปื้อนรอยนิ้วมือเลยสักนิด มันจะเป็นไปได้หรือครับ” ชนธัญมองไปรอบ ๆ ห้องขณะพูด ผู้กองโต้งฟังพลางคิดตาม แล้วส่ายหน้าช้า ๆ

“จริงของคุณนะ” ผู้กองโต้งรู้สึกดีใจ ที่ชนธัญมาที่นี่ด้วยในวันนี้ สารวัตรรัฐนนท์ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจเช่นกัน และดูจะขัดตาผู้กองโต้งอยู่สักหน่อย ว่ามันน่าหมั่นไส้อยู่ในที “ในห้องน้ำล่ะครับ ผมอะไรบ้างไหม ที่ผิดสังเกตไป” ชนธัญถามผู้กองโต้ง โดยที่ผู้กองทำหน้านึกตามที่เขาอ่านเจอในรายงานการตรวจค้น

“เท่าที่จำได้ก็ไม่มีนะครับ ทุกอย่างดูปกติ นอกจากอย่างที่ว่า มันดูสะอาดสะอ้านเกินกว่าจะใช้อาศัย เหมือนห้องเอาไว้โชว์มากกว่า แต่ทางคุณแม่ของคุณเคนก็ยืนยัน ว่าเป็นห้องนอนของลูกชายและลูกสะใภ้ของตัวเองจริง ทั้งสองคนอยู่ห้องนี้” ชนธัญฟังจบก็ทำท่าขออนุญาตเดินเข้าไปในห้องน้ำ ผู้กองโต้งพยักหน้าให้ ชนธัญผลักประตูให้เปิดออกพร้อมเดินเข้าไป

“ขอบคุณมากนะครับสารวัตร ที่ยอมให้คุณเขามาช่วยผม” ผู้กองโต้งแอบกระซิบกับสารวัตรหนุ่มหล่อ ถึงแม้ว่าผู้กองโต้งจะยศน้อยกว่า แต่โดยอายุแล้ว “ถ้าปิดคดีได้ พี่เลี้ยงเหล้าผมเลย พี่โต้ง ชุดใหญ่” สารวัตรรัฐนนท์จับมือตกลง ซึ่งผู้กองโต้งเองก็ดีลกับสารวัตรหนุ่มหล่อในทันที

“ช่วงหลัง ๆ มานี่ วิธีนี้ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่นะครับ ผมไม่ค่อยเห็นภาพอะไรจากการสัมผัสสิ่งของ” ชนธัญที่ยืนอยู่ด้านข้างอ่างอาบน้ำบอกกับผู้กองโต้ง ส่วนสารวัตรรัฐนนท์ยังคงจำภาพจากเคสแรกที่เห็นชนธัญใช้วิธีนี้ได้ติดตา “แต่จะลองดู” ชนธัญพยายามมองหา ว่ามีอะไรหายไปจากที่ของมัน ในห้องน้ำนี้หรือไม่ โดยมีสายตาของสารวัตรรัฐนนท์และผู้กองโต้งจับจ้องอยู่

แต่พอชนธัญมองไปรอบ ๆ แล้ว มันไม่เหมือนกับตอนที่เขาสังเกตเห็นว่าแจกันหายไปจากห้องน้ำในเคสแรกที่เขาทำ ชนธัญลองมองหาใหม่ อะไรที่ทำให้เขารู้สึกสะดุดใจบ้าง ทีแรกชนธัญก็กะจะสรุปแล้วว่า ในห้องน้ำนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ จนกระทั่งเขามองไปที่ขอบอ่างอาบน้ำ ที่มันมีอะไรบางอย่าง ทำให้ชนธัญเอื้อมมือไปแตะที่ตรงนั้น

ทันใดนั้น ภาพที่ชนธัญได้เห็นก็คือ เคน และเคนนั่งอยู่ที่ขอบอ่างอาบน้ำนี้ ชนธัญเห็นชายหนุ่มก้มลงมองไปที่มือข้างซ้ายของตัวเอง ที่ถือโทรศัพท์มือถืออยู่ สายตาจับจ้องอยู่ที่หน้าจอ ส่วนมือข้างขวาที่หน้าตักของชายหนุ่มนั้น เลื่อนขึ้นเลื่อนลงอย่างเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เสียงจากคลิปที่เคนเปิดดู ทำให้หนุ่มหน้าใสรับรู้ได้ในทันที ว่าเคนกำลังปฏิบัติกิจอะไรอยู่ ขณะที่ชนธัญจะยกมือออกจากขอบอ่างอาบน้ำ ก็พลันเห็นเคนคว้าเอากระบอกพลาสติกมาถือเอาไว้ในมือ

“คุณเห็นอะไร บอกผม” สารวัตรรัฐนนท์ถามอีกฝ่ายขึ้นทันที ที่เห็นว่าชนธัญมีท่าทางแปลก ๆ “คือผม คือ” ชนธัญหันมามองสารวัตรหนุ่มหล่อ โดยที่สารวัตรรัฐนนท์สังเกตเห็นว่า ทั้งแก้มทั้งใบหูของชนธัญแดงไปหมด “ผมว่าไม่น่าจะใช่เรื่องสำคัญอะไร” ชนธัญเดินก้มหน้าผ่านผู้กองโต้งออกไปที่ห้องนอน โดยผู้กองรุ่นพี่สบตากับสารวัตรรุ่นน้องแบบงง ๆ

ชนธัญเดินไปหยุดอยู่ที่ข้างเตียงนอนขนาดใหญ่ อีกครั้งที่ชนธัญต้องถามตัวเอง เมื่อกี้ก็อ่างอาบน้ำ ตอนนี้ก็มาเตียงนอนอีกแล้วหรือ ที่ทำให้หนุ่มหน้าใสมีความรู้สึกอยากจะสัมผัสไปบนเตียงหลังใหญ่นี้ ใจหนึ่งก็ไม่อยากจะเห็นภาพอะไรแบบเมื่อกี้อีกแล้ว แต่พอนึกขึ้นได้ว่า พูดรับปากผู้กองโต้งเอาไว้แล้วว่าจะช่วยให้เต็มความสามารถ

ภาพที่ชนธัญเห็นในตอนนี้ก็คือ อรที่นอนหงายอยู่บนเตียง โดยมีหมอนใบใหญ่หนุนดันอยู่ที่ใต้สะโพกของเธอ ลักษณะชันขาขึ้นเป็นอักษรภาษาอังกฤษตัวเอ็ม โดยมีเคนที่ทำหน้าพะอืดพะอมอยู่ตรงหว่างขาของอร ในมือถือท่อเล็ก ๆ ลักษณะยาว ที่ต่อกับกระบอกฉีดยา ที่มีของเหลวสีขุ่นบรรจุอยู่

“เร็ว ๆ เข้าสิ” อีกเสียงหนึ่ง ชนธัญได้ยิน มีใครอีกคนอยู่ตรงนั้นกับอรและเคน ชนธัญได้ยอนแต่เสียง มองไม่เห็นว่าเป็นใคร “ถ้าอยากให้ย่ากับแม่เลิกวุ่นวายกับชีวิต ก็ทำเร็ว ๆ เข้า สอดเข้าไป” เคนนั้นอยากจะเบือนหน้าออกจากตรงนั้น แต่ก็ต้องดันท่อเล็ก ๆ นั้นเข้าไปด้านในตัวของอร

“อย่าร้อง” เสียงใครอีกคนดุอร ที่ตอนนี้นอนน้ำตาไหลอยู่บนเตียง อยากจะหุบปิดขา แต่ก็ต้องทนเปิดให้มันอ้าเอาไว้อย่างนั้น “กัดเอาไว้” คนคนนั้นยัดผ้าเป็นก้อนใส่ปากอร ถึงเสียงจะดุ แต่ก็พูดในลักษณะที่ไม่อยากให้ใครได้ยิน แลมารู้ว่าพวกเขานั้นกำลังทำอะไรกันอยู่ “ฉีดเข้าไป ฉีดให้หมดนั่นแหละ” เคนใช้นิ้วโป้งดันของเหลวในกระบอกเข้าไปข้างในตัวอรจนหมด

“นอนค้างเอาไว้อย่างนั้นก่อน” เสียงนั้นสั่งอร เคนดึงท่อพลาสติกออกจากตัวของอร ก่อนที่จะเห็นเลือดสด ๆ ไหลตามท่อพลาสติกนั้นออกมาด้วย “เฮ้ย เคน ทำบ้าอะไรเนี่ย” เสียงนั้นด่าเคนออกมา แล้วมือเผลอไปปาดเลือดที่ไหลอยู่บนผ้าที่ใช้รองผืนนั้น “โอ๊ย ขยะแขยง” ไม่พูดเปล่า “อุบาทว์ที่สุด” เช็ดมือที่เปื้อนเลือดนั้นกับผ้าผืนเดิม ก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไป

“ผู้กองโต้ง สองคนนั้นยังอยู่ที่ศูนย์ใช่มั้ย พาผมกลับไปที่นั่นด่วนเลย” ชนธัญที่ลืมตาขึ้น วิ่งเข้าไปดูในห้องน้ำ เพราะจำได้ว่าเพิ่งเห็นผ้าผืนนั้นที่ไหน ก่อนจะรีบออกมาบอกกับผู้กองโต้งให้รีบพาเขากลับไปพบเคนและอรอีกครั้ง ชนธัญสบตากับสารวัตรรัฐนนท์ พยักหน้าให้กับสารวัตรหนุ่มหล่อ ว่าเขาน่าจะได้เบาะแสอะไรบางอย่างแล้ว

“ผมมีเรื่องที่ยังไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง หลังจากที่กลับไปตรวจบ้านของคุณอีกครั้ง เผอิญผมขอความช่วยเหลือจากคุณชนธัญ จึงอยากจะสอบถามอะไรเพิ่มเติมหน่อยนะครับ” ผู้กองโต้งรีบรั้งสองสามีภรรยาเอาไว้ก่อน แล้วอนุญาตให้ชนธัญพูดกับเคนและโต้งได้ ตามอำนาจของเจ้าหน้าที่หัวหน้าทีมสืบคดีนี้

“คุณแม่ที่เพิ่งคลอดลูกใหม่ ๆ ต้องดูแลเด็กอ่อนแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบนั้น ไม่ง่ายเลยนะครับ” ชนธัญพูดกับอรด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ อย่างสุภาพ “ก็แทบไม่ได้นอนเลยน่ะค่ะ” อรตอบทันที ก่อนจะเอียงคอ จ้องตามองกลับไปที่ชนธัญ “ทำไมหรือคะ” น้ำเสียงนั้น ไม่ได้มีความรู้สึกว่าอยากจะสนทนาด้วยสักเท่าไหร่นัก

“ดูคุณอรไม่มีทีท่าว่าจะอิดโรยหรือเหนื่อยล้าเลยน่ะสิครับ สำหรับคุณแม่มือใหม่ ที่ต้องอดนอน น้ำก็ไม่ได้อาบ กินก็แทบจะไม่ได้กิน” อรฟังชนธัญพูดแบบนั้นก็ทำตาแข็งใส่ นั่งตัวตรง คอตั้งแข็ง “ฉันไม่จำเป็นต้องเหมือนคนอื่น” อรพูดเสียงแข็งเพิ่มด้วยอีกอย่างหนึ่ง ชนธัญพยักหน้ารับคำ

“ตามทฤษฎีแล้ว ผู้หญิงที่คลอดลูกตามธรรมชาติ ร่างกายก็จะผลิตน้ำนมเพื่อใช้ป้อนทารกแรกเกิด” อรกดหน้าลง เป็นเชิงว่าเธอไม่ได้เถียงในข้อนี้ “ซึ่งคุณอรเองก็มีปัญหาเรื่องเต้านมคัด ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้พยายามจะทะลึ่งลามกกับคุณอรแต่อย่างใด” ชนธัญกล่าวออกตัวเอาไว้ก่อน อรชักสีหน้าดึงหน้าตึงในทันใด เคนเองก็จ้องมาที่ชนธัญเช่นกัน

“ยิ่งทารกไม่ได้ดูดนมโดยตรงจากเต้านมคุณแม่แล้ว อาการเต้านมคัดนี้ก็จะยิ่งแย่ คุณหมอหลาย ๆ ท่านจึงแนะนำให้ลูกดูดนมบ่อย ๆ อย่างน้อยก็ทุกสองถึงสองชั่วโมงครึ่ง เพื่อระบายน้ำนมให้ออกจากเต้าให้ได้มากที่สุด” ฟังมาถึงตรงนี้ สารวัตรรัฐนนท์กับผู้กองโต้งต้องหันมามองสบตากัน

“เสื้อของคุณอรแห้งแล้วนะครับ ผมไม่แน่ใจว่า คุณอรต้องการปั๊มน้ำนมออกอีกมั้ย แย่จัง ที่คุณอรไม่ได้เตรียมเอาเครื่องปั๊มมาด้วย” อรตอนนี้ถึงกับทะลึ่งลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ “ถ้าจะมาถามคำถามอะไรบ้า ๆ ไร้สาระแบบนี้ล่ะก็ ฉันกลับล่ะ แทนที่พวกคุณจะรีบไปสืบคดี กลับมาเสียเวลากับเรื่องทุเรศนี่ ไปเคน กลับ” ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ มองหน้าชนธัญอีกแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่กล่าวลาอะไรใคร

“ตกลง หลังจากนี้ ฉันต้องกังวลเวลาได้คุยกับคุณมั้ยคะ ชนธัญ” ก่อนจะเดินตามสามีออกจากห้องไป อรหันมาถามชนธัญด้วยคำถามนั้น เพราะความที่เธอรู้สึกไม่ถูกชะตากับหนุ่มหน้าใสตั้งแต่เห็นหน้าเขาครั้งแรกแล้ว แต่อรก็ไม่รอคำตอบ สะพัดหน้าเดินออกไปจากห้อง ผู้กองโต้งเองก็ไม่ได้คัดค้านสองคนนั้นแต่อย่างใด เมื่อยังไม่มีหลักฐานอะไรมากไปกว่านี้

“คุณรู้เรื่อง ไอ้ น้ำนมคัดเต้า อะไรพวกนี้ได้ยังไง” สารวัตรรัฐนนท์ทั้งทึ่งและทั้งอึ้ง ชนธัญหันมายิ้มให้เขิน ๆ “ลำพังผมน่ะ ผมไม่รู้หรอก” ผู้กองโต้งเองยังต้องขอยกนิ้วโป้งชม “หมอดุ” ชนธัญเฉลย ว่าคนที่ขาโทรขอคำปรึกษาก็คือด็อคเตอร์ดรุณี “แล้วด็อคเขารู้ได้ยังไง เขาไม่เคยมีลูกสักหน่อย” สารวัตรรัฐนนท์นั้นเอ่ยขึ้น ก็ด็อคดุผู้ไม่มีหัวใจขนาดนั้น

“คนเป็นหมอน่ะ” ชนธัญคิดว่านั่นคือเหตุผล “แถมยังเป็นผู้หญิงด้วย” สารวัตรรัฐนนท์พยักหน้า เมื่อคิดว่านั่นน่าจะเป็นไปได้ ทางด็อคเตอร์ดรุณีนั้น หลังจากวางสายจากชนธัญแล้ว เธอก็เลื่อนรายชื่อเบอร์ติดต่อในมือถือของตัวเอง มองหมายเลขนั้นเนิ่นนาน พลางคิดถึงสัมผัสที่เธอได้รับ กับครั้งแรกที่เธอให้ลูกชายกินนมที่ป้อนจากตัวของเธอเองโดยตรง

bear breast (idiom) To expose oneself in a vulnerable or unguarded position, especially to that which may cause harm or distress ถูกเปิดเผยตัวเองในแง่มุมที่เปราะบาง หรือในสถานะที่ไม่ทันตั้งตัว โดยเฉพาะกับเรื่องที่อาจจะเป็นอันตรายหรือก่อให้เกิดความทุกข์ใจ

*******************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Prerogative - Britney Spears

https://www.youtube.com/watch?v=fV0uCYp6zAg


People can take everything away from you

คนอื่นสามารถเอาทุกอย่างไปจากคุณได้

But they can never take away your truth

แต่พวกเขาไม่อาจจะพรากความจริงไปจากคุณ

But the question is

แต่คำถามนั่นก็คือ

Can you handle mine?

คุณพร้อมจะรับความจริงจากฉันได้มั้ย


They say I'm crazy

เขาว่ากันว่าฉันมันบ้า

I really don't care, that's my prerogative

ก็ไม่เคยใส่ใจนะ เพราะนั่นมันคือเอกสิทธิ์ของฉัน

They say I'm nasty

เขาบอกกันว่าฉันน่าทุเรศ

But I don't give a damn, gettin' boys is how I live

ก็ไม่คิดจะแยแส ได้ผู้ชายในกำมือนั้นฉันใช้ชีวิตแบบนี้


Some ask me questions

บางคนเอ่ยปากถามกับฉันว่า

Why am I so real? But they don't understand me

ทำไมฉันถึงดูจริงแบบนี้ แต่เขากลับไม่เข้าใจฉันหรอก

I really don't know the deal about my sister

เพราะฉันไม่รู้ไม่เห้นข้อตกลงอะไรกับน้องสาว

Trying hard to make it right

แค่อยากทำให้มันถูกต้อง

Not long ago, before I won this fight

เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ ก่อนที่ฉันต่อสู้จนชนะ


Everybody's talkin' all this stuff about me

ทุกคนพูดถึงเรื่องของฉันกันใหญ่

Why don't they just let me live? (Tell me why)

ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันใช้ชีวิตไป ไหนบอกที

I don't need permission, make my own decisions (oh)

ฉันไม่ได้ต้องการคำอนุญาตจากใคร เพราะเรื่องใดใดฉันตัดสินใจเอง

That's my prerogative (that's my prerogative)

และนั่นคือเอกสิทธิ์ของฉัน มันคืออภิสิทธิ์ที่ฉันมี


It's the way that I wanna live (it's my prerogative)

มนคือวิถีชีวิตที่ฉันเลือก มันคือสิทธิ์พิเศษของฉัน

You can't tell me what to do

อย่ามาสั่งให้ฉันทำอะไรทั้งนั้น


Don't get me wrong, I'm really not souped

แต่อย่าเข้าใจฉันผิด ฉันไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นไปกับมัน

Ego trips is not my thing

อาการหลงตัวเองไม่ใช่ฉัน

All these strange relationships really gets me down

พวกความสัมพันธ์ประหลาดนี่ทำให้ฉันรู้สึกเซ็ง

I see nothing wrong spreadin' myself around

ฉันไม่รู้สึกผิดอะไรที่จะร่อนให้ใครไปทั่ว


Everybody's talkin' all this stuff about me

ทุกคนพูดถึงเรื่องของฉันกันใหญ่

Why don't they just let me live? (Tell me why)

ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันใช้ชีวิตไป ไหนบอกที

I don't need permission, make my own decisions (oh)

ฉันไม่ได้ต้องการคำอนุญาตจากใคร เพราะเรื่องใดใดฉันตัดสินใจเอง

That's my prerogative (that's my prerogative)

และนั่นคือเอกสิทธิ์ของฉัน มันคืออภิสิทธิ์ที่ฉันมี


It's the way that I wanna live (it's my prerogative)

มนคือวิถีชีวิตที่ฉันเลือก มันคือสิทธิ์พิเศษของฉัน

You can't tell me what to do

อย่ามาสั่งให้ฉันทำอะไรทั้งนั้น


Why can't I live my life

ทำไมฉันถึงใช้ชีวิตในแบบตัวเองไม่ได้

Without all of the things that people say?

โดยปราศจากเรื่องพวกนั้นที่ผู้คนพากันพูดถึง

Oh, oh

ยังไง ได้มั้ย


Everybody's talkin' all this stuff about me

ทุกคนพูดถึงเรื่องของฉันกันใหญ่

Why don't they just let me live? (Tell me why)

ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันใช้ชีวิตไป ไหนบอกที

I don't need permission, make my own decisions (oh)

ฉันไม่ได้ต้องการคำอนุญาตจากใคร เพราะเรื่องใดใดฉันตัดสินใจเอง

That's my prerogative (that's my prerogative)

และนั่นคือเอกสิทธิ์ของฉัน มันคืออภิสิทธิ์ที่ฉันมี

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๕๐. BOYS _ 9.27.2023
«ตอบ #52 เมื่อ27-09-2023 17:50:03 »


Crime and Love Scene Investigation

๕๐. BOYS


“ผมขอข่าวดีเสมอนะด็อค” ทันทีที่เจอหน้ากัน สารวัตรรัฐนนท์ก็ถามเจ้าของห้องทำงานห้องนี้ทันที “ก็ขึ้นอยู่กับว่า พยานวัตถุที่ส่งมาให้หมอตรวจนั้น มีสภาพสมบูรณ์มากน้อยแค่ไหนนะหมวด” ด็อคดุเงยหน้าขึ้นจากเอกสารในมือ แล้วตอบกลับสารวัตรหนุ่มหล่อทันทีเช่นกัน ชนธัญนั้นเม้มริมฝีปาก ในใจหวังว่าจะได้ข่าวดีจากด็อคเตอร์สาวเช่นกัน

“นั่นแหละที่ผมกังวล เพราะผ้าผืนนั้นที่เราเจอในห้องนอน ด็อคจะทำยังไงกับมัน” สารวัตรรัฐนนท์พูด ชนธัญเองก็ลุ้นคำตอบจากด็อคดุเช่นกัน “ผ้าเปื้อนเลือดผืนนั้น เป็นผืนเดียวกับที่เราเห็นในนิมิต” ชนธัญพยักหน้าเร็ว ๆ แทนคำตอบกับด็อคเตอร์ดรุณี

“Cyanoacrylate Fuming” ด็อคเตอร์ดรุณีเฉลยวิธีในห้องปฏิบัติการให้กับทั้งสองคนได้รู้ “ภาษาไทยได้มั้ยหมอ” สารวัตรหนุ่มหล่อประท้วงออกมา ทำให้ชนธัญเองก็หลุดหัวเราะเช่นกัน ด็อคเตอร์ดรุณียิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนจะเดินไปหยิบอะไรบางอย่าง ออกมาจากลิ้นชักโต๊ะทำงาน

“Super Glue หมอใช้กาวแบบแห้งเร็วนี่แหละ” ด็อคเตอร์ดรุณีวางหลอดกาวลงบนโต๊ะด้านหน้าทั้งสองคน ชนธัญได้ฟังแล้วก็รู้สึกทึ่ง ทางสารวัตรรัฐนนท์เองก็ถึงกับต้องเอ่ยปาก “ไอ้กาวติดหนึบ เวลาเปื้อนนิ้วแล้วดึงออกจากกันไม่ได้เนี่ยนะ” สารวัตรหนุ่มหล่อขอทวนความถูกต้องอีกครั้ง

“ปกติเวลาจะตรวจหารอยนิ้วมือ เราจะใช้ Fingerprint Dust ผงฝุ่นในการปัดรอยนิ้วมือ แต่ในกรณีนี้ รอยที่เราต้องการ มันปรากฏอยู่บนผ้า หมอจึงใช้อีกวิธีแทน” ด็อคเตอร์ดรุณีอรรถาธิบายกระบวนการให้ทั้งสองคนฟัง “หมอเอา Super Glue มาให้ความร้อน โดยใส่ไว้รวมกับผ้าใน Fuming Chamber โดมแบบปิด” ด็อคดุเปิดรูปถ่ายวิธีการให้สารวัตรรัฐนนท์และชนธัญดู

“กาวเมื่อถูกความร้อน ระเหยเป็นควันก็จะไปจับรอยที่อยู่บนเนื้อผ้า แล้วหมอก็ใช้กล้องจุลทรรศน์แบบอินฟราเรดส่อง เพื่อเก็บภาพรอยที่เราต้องการเก็บเอาไว้ ซึ่งถือว่าครั้งนี้โชคดีมาก เพราะปกติวิธีนี้จะใช้ได้ผลดีกับผ้าประเภทขึ้นเงา พวกโพลีเอสเตอร์ ไม่ใช่ผ้าค็อตตอนอย่างเคสนี้” ด็อคเตอร์ดรุณีพูดด้วยความรู้สึกยินดี ที่ผลการตรวจหลักฐานออกมาแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดี

“รอยบนผ้าที่ได้ คือรอยที่เกิดจากฝ่ามือ” ด็อคดุยื่นเอกสารผลตรวจให้สารวัตรรัฐนนท์ดู ก่อนที่สารวัตรหนุ่มหล่อ จะเอียงเอกสารให้ชนธัญดูด้วย “เราสามารถเทียบรอย Palmprint รอยฝ่ามือนี้ ได้เหมือนกันกับที่เราเทียบ Fingerprint รอยนิ้วมือ” เหมือนนั่นจะตอบคำถามให้กับชนธัญไปภายในตัว

“จากที่ผมเห็น มีใครอีกคนอยู่ที่นั่นด้วยกันกับคุณเคนและคุณอร” ชนธัญลองทวนสิ่งที่เขาเห็นอีกครั้ง “ทางบ้านคุณเคน ทั้งคุณแม่และคุณย่า ต้องการให้คุณเคนมีหลานให้อย่างมาก” ด็อคเตอร์ดุที่เป็นหมอเอง ยังนึกไม่ถึงว่าจะมีใครทำอะไรแบบที่ชนธัญเห็น “ด้วยวิธีการแผลง ๆ ผิด ๆ” ชนธัญนั้นยังสงสัยในอีกหลายเรื่อง

“ทั้ง ๆ ที่คุณเคนกับคุณอร ก็แต่งงานกัน เป็นสามีภรรยากันแล้ว แต่ทำไมถึงไม่พยายามมีลูกด้วยวิธีธรรมชาติ จะใช้วิธีการแบบที่ผิดประหลาดนี้ทำไม” สิ่งที่ชนธัญเห็นจากในห้องน้ำ คือเคนนั้นช่วยตัวเองสำเร็จความใคร่ ใส่อสุจิลงในกระบอกพลาสติก จนมาเห็นอร ที่นอนชันขาให้เคนและใครอีกคนสอดปลายท่อกระบอกฉีดยานั้นเข้าไปในร่างกายเธอ ทำไม ทำไปเพื่ออะไร นี่คือสิ่งที่ชนธัญยังขบคิดไม่ออก

“ทำไมไม่พึ่งสูตินรีแพทย์ ไม่ปรึกษาหรือพึ่งคุณหมอที่เชี่ยวชาญ ถ้าหากทั้งสองคนนี้มีปัญหาการมีบุตรยาก ทั้ง ๆ ที่ฐานะทางบ้านของฝ่ายชายก็ร่ำรวยมาก ไม่น่าจะมีปัญหาในการจ่ายเงิน ถ้าหากว่าต้องการจะมีลูกด้วยกันมากจริง ๆ” ชนธัญฟังที่หมอดุว่ามา ส่วนตัวเขาเอง หนุ่มหน้าใสมีสันนิษฐานส่วนตัวไว้แล้ว แต่ยังไม่กล้าพูดออกไป

“คุณอรที่ผมเห็น กับคุณอรที่ผมคุยด้วย เธอดูแตกต่างกัน” ชนธัญพูดขึ้น สารวัตรรัฐนนท์หันมามองอีกฝ่าย ก่อนจะถามขึ้น “ยังไง” ชนธัญสบตากับสารวัตรหนุ่มหล่อ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “แตกต่างกันอย่างมาก” ชนธัญตอบ “DID หรือเปล่า” ด็อคดุถามหนุ่มหน้าใส ว่าหรืออาจจะเหมือนกับเคสหลายบุคลิกนั่น

“ผมไม่แน่ใจ แต่คิดว่าไม่ใช่ มันไม่เหมือนกับเคสนั้นที่ผมได้คุยด้วย คุณอรในห้องสอบสวน เขาถามผมว่า เจอกันครั้งต่อไป เขาควรจะต้องกังวล ที่ได้เจอกันอีกมั้ย” ชนธัญเล่ากับด็อคดุฟัง “แต่กับคุณอรที่ผมเห็น ถ้าเจอกัน ผมว่าเธอไม่น่าจะถามผมด้วยคำถามอะไรแบบนั้น ด้วยน้ำเสียงหรือท่าทางแข็งกร้าวแบบนั้น” มันก็แปลกมาก ที่ชนธัญรู้สึกกับอรในสองความรู้สึกที่สุดขั้วกันไปคนละทาง

“เริ่มต้นคลี่คลายสิ่งที่เราสงสัยอยู่ได้ หมวด” ด็อคดุหันไปทางสารวัตรรัฐนนท์ “ด้วยการขอหมายศาล ขอตรวจ” ด็อคดุยกฝ่ามือทั้งสองข้างให้ดู “รอยฝ่ามือ เลือด และก็อสุจิ เพิ่มเติม” ด็อคเตอร์ดรุณีบอกกับทั้งสองคน “หวังว่ารอยเลือดและคราบของเหลวบนผ้า ที่หมอส่งไปตรวจเพิ่มเติม จะได้ผลอะไรที่เป็นประโยชน์กลับมา” ด็อคดุส่งผ้าเปื้อเลือดผืนนั้นไปทำการตรวจที่แล็บที่มีเครื่องไม้เครื่องมือทันสมัย สำหรับการตรวจดีเอ็นเอที่ถูกปนเปื้อนหรือเป็นรอยที่เกิดขึ้นนานแล้ว เพื่อให้ผลที่ถูกต้องและแม่นยำ

“ผมทึ่งตั้งแต่เรื่องที่ชนธัญโทรปรึกษาด็อคเรื่องนมคัดเต้าแล้ว ด็อคนี่ เก่งทุกเรื่อง รู้ทุกอย่าง” สารวัตรรัฐนนท์เอง ยังอดนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ได้ “หมอเป็นหมอนะ” ด็อคดุทำพูดติดตลก “ต่อให้ใครจะว่าหมอเป็นพวกไม่มีหัวใจก็ตามเถอะ” ชนธัญมองเห็นแววตาของด็อคเตอร์ดรุณีเปลี่ยนไป เมื่อพูดกันถึงเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ทักอะไรแพทย์สาวออกไป ได้แต่ยิ้มให้อย่างจริงใจ และรู้สึกขอบคุณต่างหาก ที่ด็อคเตอร์ดรุณีนั้น สามารถเป็นที่พึ่งพาเรื่องข้อมูล และก็อีกหลายต่อหลายเรื่องให้ ตั้งแต่ชนธัญได้เข้ามาช่วยงานทีมสืบสวนลับทีมนี้

“อุบาทว์มากจริง ๆ เลยแกเนี่ย อี๋ ฉันต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้เนี่ย” อรน้ำตาคลอเมื่อโดนด่าใส่แบบนั้น “ชันขาเอาไว้ก่อนสิ ให้มันเข้าไปในมดลูกของแกก่อน ทำไมต้องให้พูดซ้ำหลายรอบ” เสียงพูดแบบหงุดหงิดเต็มที่ ก่อนจะดึงเอาผ้าผืนที่เพิ่งตัวเองเพิ่งใช้มือปาดเช็ดนั้น เดินหายเข้าห้องน้ำไป

“ไม่เป็นไรนะ” เคนมองไปยังอรที่นอนชันขาอยู่บนเตียง “เธอทำดีแล้ว” อรพยักหน้าให้กับเคน ก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม “อย่าร้อง เดี๋ยวก็โดนอีกหรอก” เคนรีบพูดกับอร เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำกำลังถูกเปิดออก “เห็นใจมันหรือไง หรือว่าถูกใจมันขึ้นมา” เคนลดมือที่กำลังยื่นผ้าขนหนูให้กับอร เมื่อได้ยินเสียงนั้นถามขึ้น

“ก็ไม่เห็นจะต้องร้ายต่อกันนี่นา” เสียงเคนพยายามไกล่เกลี่ย “ยังไงอีกไม่นานพอได้อย่างที่ต้องการ ก็แยกย้ายกันไป” เคนพูดพลางมองหน้าอีกฝั่ง ที่ตอนนี้มองเคนและอรสลับกันไปมา “คิดว่าฉันโง่ใช่มั้ย” เคนมองอีกฝ่ายพูดด้วยความหัวเสีย “ถอดกางเกง” เคนถูกสั่งให้ถอดกางเกงของเขาออก

“ถอดสิ” เคนส่ายหน้าปฏิเสธไม่ยอม “ไม่เอาน่า” เคนพยายามประนีประนอมอีกครั้ง “เอาสิ ระหว่างที่รอฉันมาถึงนี่ เอากันไปกี่ครั้งแล้ว” เคนทำหน้านิ่งเมื่อถูกยิงด้วยคำถามนั้น อรที่นอนอยู่บนเตียงหลับตาลง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง “ก็แล้วจะให้ทำยังไง” เคนถามออกไปอย่างหมดปัญญาเช่นกัน

“คุณแม่ก็เร่งอยู่ทุกวัน คุณย่าก็ไม่ยอมแน่ ๆ ถ้าไม่มีหลานให้ท่าน” เคนพูดออกมาด้วยอาการของคนมืดแปดด้าน “ไอ้ที่พยายามทำกันเองอยู่ ก็ไม่ได้ผล ไปหาหมอทำกิฟท์ก็ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น มันก็เหลืออยู่วิธีเดียวแล้ว เคนมีทางเลือกอื่นอีกหรือไง” ชายหนุ่มถามด้วยความอัดอั้นในใจไม่น้อย

“ก็หลับหูหลับตา ทำ ๆ ให้มันเสร็จไป” เคนบอกอีกฝ่าย “กี่ท่าล่ะ กี่ยกล่ะ กี่น้ำล่ะ” เคนถูกอีกฝ่ายตวาดใส่ “ก็ทุกท่านั่นแหละ จะกี่ยก จะกี่น้ำ ถ้ามันติดเกิดท้องขึ้นมาได้ มันก็คุ้มค่าไม่ใช่หรือไง” เคนถามอีกฝ่ายที่ตอนนี้ ยืนนิ่งมองหน้าเคนด้วยความไม่พอใจ เคนยื่นมือไปจับข้อมืออีกฝ่าย ที่พยายามจะสะบัดออก

“ชอบหรือเปล่า” เคนดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามาหาเขา “ที่ทำกับมันชอบมันมั้ย เสียวมากเลยสิท่า” เคนไม่ตอบ แต่ค่อย ๆ สวมกอดอีกฝ่าย ที่มีท่าทีขัดขืนในตอนแรก แต่ก็ค่อย ๆ นิ่งลง จนสงบในที่สุด “ถ้ามันจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้ คิดถึงความคุ้มค่าที่มันจะให้เอาไว้สิ” เคนค่อย ๆ ดึงตัวอีกฝ่ายออกมาสบตา

“ทุกอย่างมันจะคลี่คลาย ทุกอย่างมันจะเรียบร้อย ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วงอีก” เคนยิ้มให้กับอีกฝ่าย “โอเคมั้ย” แม้ว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าบอกบุญไม่รับ แต่เคนก็ก้มลงจูบที่ริมฝีปากนั้นเบา ๆ “ถ้าครั้งนี้มันสำเร็จ มันก็จะไม่กลับมากวนใจอะไรต่อไปได้อีก เข้าใจใช่มั้ย” เคนพูดจบ อีกฝ่ายได้แต่ถอนใจออกมายาว ๆ ก่อนที่ทั้งสองคนจะเริ่มกอดจูบ แลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม โดยที่อรนั้นต้องเบือนหน้า แล้วหันไปมองทางอื่น

***************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Boys - Britney Spears

https://www.youtube.com/watch?v=_5AWvg5IVLM


For whatever reason

ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลอะไร

I feel like I've been wanting you all my life

ฉันรู้เลยว่าฉันต้องการคุณมาทั้งชีวิต

You don't understand?

อย่าเข้าใจอะไรยากสิ

I'm so glad we're at the same place

ดีใจนะที่เราอยู่ในที่เดียวกันแบบนี้

At the same time, it's over now

เวลาเดียวกันด้วย ไม่ต้องรอคอยอีกแล้ว


I spotted you dancing

ฉันเห็นคุณออกท่าเต้นรำ

You made all the girls stare

สาวสาวพากันมองคุณ

Those lips and your brown eyes

ริมฝีปากและคิ้วคมเข้ม

And the sexy hair

ผมที่จัดทรงอย่างดี

I should shake my thing

ฉันก็น่าจะออกอาการอ่อย

I make the world want you

ฉันจะทำให้ทั้งโลกต้องการแต่คุณ

Tell your boys you'll be back

บอกก๊วนเพื่อนสิว่าเดี๋ยวคุณกลับมา

I wanna see what you can do

ฉันอยากเห็นว่าคุณทำอะไรฉันได้บ้าง


What would it take for you to just leave with me?

จะต้องทำยังไงคุณถึงจะกลับด้วยกัน

Not trying to sound conceited

ไม่ได้หลงตัวเองอยู่หรอกนะ

But me and you we're meant to be

แค่คุณกับฉันเราเกิดมาคู่กัน

You're a sexy guy, I'm a nice girl (don't you know?)

เซ็กซี่จังเลยพ่อคุณ และฉันก็สวยเสียด้วย คุณก็คงเห็น

Let's turn this dance floor into our own little nasty world

เรามาเปลี่ยนฟลอร์เต้นรำนี้ให้มันฉ่ำเป็นของเราสองคนดีกว่า


Boys, sometimes a girl just needs one (you know I need you)

สุดหล่อ บางทีสาวก็แค่ต้องการใครสักคน คุณก็รู้ว่าฉันอยากได้คุณ

Boys, to love her and to hold (I just want you to touch me)

สุดเท่ ขอแค่มีฉันเท่านั้นอย่ามีใคร อยากถูกคุณสัมผัสเร่าร้อน

Boys, and when a girl is with one

พ่อคุณ และเมื่อสาวอยู่กับคนคนนั้นแล้ว

Boys, then she's in control

ทูนหัว สาวจะยอมทำตามทุกอย่างเลย


Took the boy off the dance floor

จะลากออกจากที่เต้นรำ

Screaming in his ear

ตะโกนใส่หูจนสุดเสียง

Must have said something 'bout me (what you say?)

ต้องพูดอะไรเกี่ยวกับฉันแน่เลย ไหนว่าไงนะ

Because he's looking over here

ก็เห็นมองมาทางนี้กัน

You looking at me with a sexy attitude

สายตาที่ให้กันหื่นหื่นหวงหวง

But the way your boys moving it

แล้วพากันเยื้องย้ายส่ายตัว

It puts me in the mood

นั่นทำฉันรู้สึกขึ้นทุกทีทุกที


Tonight, let's fly, boy have no fear (have no fear)

ค่ำคืนนี้ โบยบินไปด้วยกัน อย่าได้กลัว อย่าเกรงสิ่งใด

There's no time to lose (What are you waiting for?)

อย่าเสียเวลาอยู่เลย จะมัวรออะไรกัน

And next week, you may not see me here

เผื่อว่าสัปดาห์หน้า คุณไม่เจอฉันอีกที่นี่

So, boy, just make your move (let me see what you can do)

เอาเลยพ่อหนุ่ม เข้าหาฉันเสีย อยากจะรู้ว่ามีไม้เด็ดอะไร


Come with me, let's fly into the night

มากับฉันเถอะนะ โบยบินไปด้วยกันคืนนี้

Oh boy, tonight is ours (It's just you and me, baby)

หนุ่มหล่อ คืนนี้เป็นของเราสองคน ยังอีกยาวไกล

When hugging me, make sure you hold me tight

ตอนที่คุณกอดฉันนั้น ให้แน่ใจว่ากอดฉันแน่นแน่นเข้าไว้

Let's head for the stars

แล้วมุ่งขึ้นสวรรค์เต็มไปด้วยดวงดาว


Can't live with 'em, can't live without 'em

จะอยู่ด้วยก็ยาก จะห่างกันก็คัน

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๕๑. HALF TRUTH _ 10.2.2023
«ตอบ #53 เมื่อ02-10-2023 16:35:11 »


Crime and Love Scene Investigation

๕๑. HALF TRUTH


“หวังว่าคุณคงจะมีเหตุผลที่ดีรองรับมากพอนะ ที่ลากเราสองคนกลับมาที่นี่อีกครั้ง” ชนธัญฟังเสียงเกรี้ยวกราดนั้น ก่อนจะยิ้มให้ “ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน” หนุ่มหน้าใสพูดจบ ก็เชื้อเชิญอีกฝ่ายนั่งลงบนเก้าอี้ “เชิญครับคุณเคน เชิญครับคุณ” ชนธัญจงใจจบประโยคแบบนั้น ก่อนจะมองคนทั้งคู่นั้นนั่งลงบนเก้าอี้ ที่ฝั่งด้านตรงข้ามกัน

“ผมขอเริ่มเลยนะครับ” สารวัตรรัฐนนท์ยืนฟังคุมเชิงอยู่ที่ประตูห้อง โดยมีผู้กองโต้งนั้น สังเกตการณ์จากห้องด้านหลังกระจกมองทางเดียวนั้น “คุณสองคนพอจะคุ้นกับผ้าผืนนี้บ้างมั้ยครับ” ชนธัญยื่นรูปถ่ายหลักฐานที่ได้จากบ้านหลังเกิดเหตุให้ทั้งสองคนดู “ไม่คุ้นเลยครับ” เคนปฏิเสธ ทำตีหน้าตาย ชนธัญมองไปที่อีกคน ที่นิ่งไม่ได้พูดอะไร

“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผ้าผืนนี้เราได้มาเป็นหลักฐานอย่างถูกต้องทุกอย่าง ด้วยการยินยอมจากคุณย่าของคุณเคน โดยที่เราพบหลักฐานชิ้นนี้จากห้องน้ำ ภายในห้องนอนของคุณทั้งสองคน” ได้ยินแบบนั้น เจ้าของห้องนอนทั้งสองคน ยังคงส่ายหน้าปฏิเสธ ยืนยันว่า ไม่เคยเห็นผ้าผืนนั้นมาก่อน

“ไม่เป็นไรครับ จำไม่ได้ไม่เป็นไร” ชนธัญพูด ยิ้มให้กับทั้งสองคน “ทางฝ่ายพิสูจน์หลักฐานพบคราบเลือดกับร่องรอยของน้ำอสุจิ” ชนธัญหยุดนิดหนึ่ง สังเกตท่าทางของทั้งสองคน ก่อนจะพูดขึ้นต่อไปว่า “พอจะบอกกับผมได้มั้ยครับ ว่าคราบเหล่านี้ที่อยู่บนผ้า มันไปอยู่ในห้องของคุณสองคนได้ยังไง” ชนธัญถามคำถามนั้นอีกครั้ง

“มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ ๆ ไม่อย่างนั้น นี่ก็เป็นการสร้างหลักฐานขึ้นมา” ชนธัญยื่นเอกสารยืนยันการได้มาซึ่งหลักฐานอย่างถูกต้อง “คุณย่าของคุณเคนเป็นผู้เซ็นรับรองให้กับเรา ซึ่งถ้าต้องการ ผมสามารถเปิดคลิปวิดีโอตอนที่คุณย่าของคุณเซ็นเอกสารฉบับนี้ โดยมีคุณแม่ของคุณเป็นพยาน ดังนั้น อย่าพูดหรือทำประการหนึ่งประการใดเป็นการกล่าวหาเจ้าหน้าที่เลยครับ” ชนธัญแจ้งให้กับทั้งคู่ได้ทราบด้วยความสุภาพ

“เราจะโยกโย้ ยื้อเวลากันอยู่อย่างนี้ หรือเราจะเริ่มต้นพูดความจริงกันครับ ว่าอะไรมันเป็นอะไร” มาถึงตอนนี้ เมื่อทั้งสองคนยังคงไม่ยอมพูดอะไรมากไปกว่านี้ ชนธัญจึงเริ่มต้นที่ผลจากห้องแล็บ “ผลตรวจยืนยันกรุปเลือด” ชนธัญมองดูอีกฝ่ายชะโงกหน้ามาดูผลในกระดาษที่วางอยู่ตรงหน้า สบตากับชนธัญ กลับไปนั่งพิงพนักเก้าอี้ แต่ไม่พูดอะไร

“พบเซลล์จากช่องคลอดจากตัวอย่างเลือดที่ได้จากผ้าผืนนั้น” ชนธัญเพิ่มเติมผลจากห้องปฏิบัติการ “รวมถึงเซลล์จากผนังมดลูก รวมถึงคราบอสุจิที่ปนอยู่” ทีนี้ชนธัญหันไปทางเคน ที่ดูจะแสดงท่าทีอึกอัก ๆ ออกมา “ก็เราพยายามจะมีลูกกัน อะไรพวกนี้ไหลออกมาเปื้อนผ้า มันก็ไม่แปลกนี่” ชนธัญยิ้ม พยักหน้ารับ ก่อนจะพูดกลับไปว่า

“ข้อนั้นผมไม่เถียง ถ้าไม่ใช่เพราะว่า เลือดของคุณเองนั้นกรุ๊ปหนึ่ง” ชนธัญที่ขอให้ทางทีมพิสูจน์หลักฐานตรวจกรุปเลือดเพิ่มเติมอีกครั้ง จากความสงสัยส่วนตัวของเขา โดยให้ผู้กองโต้งยืนยันคำสั่งขอตรวจไปให้ “แต่เลือดบนผ้าผืนนี้” พูดพลางยื่นเอกสารอีกแผ่นหนึ่งตรงหน้าอีกฝ่าย

“เป็นเลือดอีกกรุ๊ปหนึ่ง” มาถึงตอนนี้ทั้งสองคนตรงหน้าของชนธัญนิ่งเงียบ ทางสารวัตรรัฐนนท์ที่ตั้งใจฟังข้อมูลมาตลอด ยิ้มตาม ส่วนผู้กองโต้งเองก็ต้องทึ่งกับข้อมูลที่ชนธัญรวบรวมมาใหม่ “ซึ่งถ้าคุณจะบอกว่า เลือดบนผ้าเกิดจากการร่วมหลับนอนกับสามีคุณ เพราะตั้งใจจะมีลูกกัน” อีกฝ่ายมองหน้าชนธัญพลางคิดเอาไว้ไม่มีผิด ว่าเมื่อเจอกันอีกครั้ง หนุ่มหน้าใสคนนี้จะต้องสร้างความกังวลใจและความยากลำบากให้

“เลือดจากตัวคุณเอง ควรจะเป็นกรุปเดียวกัน ไม่ใช่หรือครับ เพราะมันคงจะประหลาดมาก หากว่าคนเราจะมีเลือดต่างกรุปกันในร่างกายได้” ชนธัญพูดพลางยื่นผลตรวจอีกอย่างหนึ่งที่ได้รับมาจากแล็บ ที่ชนธัญเองอาจจะต้องหาของอร่อย ๆ ไปเลี้ยงขอบคุณหัวหน้าทีมเก็บและพิสูจน์หลักฐาน ที่ชีฟตั้งข้อสังเกตนี้ และยอมตรวจเพิ่มเติมให้

“ผลการตรวจเทียบระดับดีเอ็นเอ” ชนธัญพูดต่อเกี่ยวกับผลตรวจดีเอ็นเอ ที่อีกฝ่ายเบือนหน้าหนีไม่ยอมดู ส่วนเคนนั้นเอื้อมมือไปกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้ “ดีเอ็นเอของคุณมีความคล้ายคลึงกับดีเอ็นเอจากเลือดบนผ้า เจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์” ชนธัญมองเห็นความเสียใจอยู่ในสีหน้าของอีกฝ่าย ที่ปนเปอยู่กับความน้อยเนื้อต่ำใจ

“คุณเคยรักใครมากจนเกินบรรยายบ้างไหม” ชนธัญมองไปยังคนที่เปิดคำถามนั้นกับเขา “มากเสียจนยอมทำทุกอย่างได้ เพื่อให้มีโอกาสใช้ชีวิตด้วยกัน” เคนมองสบตากับคนที่เขานั่งจับมืออยู่ “ทั้ง ๆ ที่ประตูทุกบานไม่ได้เปิดต้อนรับเราอย่างที่หวัง สิ่งที่คนเราจะทำได้ ก็คือไม่เดินออกจากประตูนั้น ก็ต้องพังประตูเข้าไป” ชนธัญมองแววตาของคนทั้งคู่ ที่มองเห็นความรักในตัวของกันและกัน

“คุณจะทำยังไง ถ้ารู้ว่า คุณจะไม่ได้อยู่กับคนที่คุณรัก คุณจะให้ผมทำยังไง” เคนหันมาถามชนธัญ แล้วมองเลยข้ามไปที่สารวัตรรัฐนนท์ “เราต่างก็เจอะเจอสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกัน” เคนพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับกำลังร้องขอความเข้าใจจากทุกคน ไม่ใช่ร้องขอความเห็นใจ แต่เป็นความเข้าใจต่างหากที่เขาต้องการ

“บางคนก็พอจะกล้อมแกล้มผ่านมันไปได้ กับความที่ไม่คิดจะเข้าใจพวกเรา ตัดสินพวกเราไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ” น้ำเสียงของเคนสั่นเครือ เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ถูกเก็บอัดอั้นเอาไว้ “ไม่แม้แต่ครอบครัวของตัวเอง ที่คาดหวังสิ่งที่เราไม่สามารถทำให้พวกเขาได้ แต่เราก็ต้องหาทางทำให้ได้ ไม่ว่าวิธีนั้น ๆ มันจะดูชั่วในสายตาของคนอื่นมากแค่ไหน” เคนแสดงแววตาที่เจ็บปวดออกมา เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด

“เมื่อคุณรู้ดีว่า ตัวคุณนั้นบกพร่องจากการคาดหวังนั้น คุณไม่มีวันที่จะเดินผ่านประตูเข้าไปอย่างคนอื่น ๆ มีทางเดียว เราสองคนก็ต้องพังประตูเข้าไป” ชนธัญเห็นอีกฝ่ายชี้นิ้วไปที่กองเอกสารตรงหน้า “คุณก็เห็นมันจากผลตรวจดีเอ็นเอแล้วนี่” อีกฝ่ายพูดพลางพยายามยิ้มออกมา แต่มันก็เจอไปด้วยอารมณ์ที่หวั่นไหว

“เซอร์ไพรซ์” พูดออกมา ชนธัญก็เห็นอีกฝ่ายน้ำตาคลอหน่วย “เห็นกันชัด ๆ แล้วสินะคุณนักสืบ ว่าทำไมการมีลูกของเราสองคนถึงต้องพิสดารพรรค์นี้” พูดจบอีกฝ่าย ก็พ่นลมหายใจอกจากปากอย่างระบายอารมณ์ ชนธัญมองไปที่ผลตรวจดีเอ็นเอ ที่ทางแล็บส่งมาให้เขา ตอนที่ทางแล็บอธิบายผลตรวจให้เขาฟัง หนุ่มหน้าใสเองก็นิ่งอึ้งไปเหมือนกัน

“Dizygotic Twins” ชนธัญตามองไปที่เอกสารเหล่านั้น พลางพูดขึ้น “แฝดแบบไดไซกอติก แฝดเทียมใช่มั้ยครับ” คำถามนั้นถูกตอบโดยการที่เห็นอีกฝ่าย มีน้ำตาไหลลงจากขอบตา “คุณคงจะโชคดีกว่านี้ หากว่าคุณเกิดมาเป็น Identical Twins แฝดแท้ที่มีทุกอย่างเหมือนกัน จนคนอื่นแยกพวกคุณแทบไม่ออก” ผลการตรวจดีเอ็นเอจากแล็บ บอกมากยิ่งไปกว่านั้น

“ดีเอ็นเอของแฝดแท้นั้นแทบจะเหมือนกันทุกประการ เพราะเกิดจากไข่ใบเดียวกัน สเปิร์มตัวเดียวกัน” น้ำตาของอีกฝ่ายยังคงไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย “แต่ในกรณีของคุณ คู่แฝดของคุณเกิดจากไข่คนละใบ และสเปิร์มคนละตัว” ชนธัญไม่เห็นท่าทีต่อต้านหรือปฏิเสธข้อมูลนี้จากอีกฝ่าย จึงพูดต่อไปว่า

“ทั้งกรุปเลือด ทั้งรูปร่างหน้าตา ที่แตกต่างกัน” ในใจของชนธัญเอง เมื่อมาถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านั้น น่าเห็นใจอยู่ไม่ใช่น้อย “รวมทั้งเพศกำเนิดของคุณกับแฝด ที่แตกต่างกัน” อีกฝ่ายเมื่อได้ยินชนธัญพูดออกมาแบบนั้น ก็ปิดเปลือกตาให้น้ำตายังคงไหลนอง เคนทำได้แค่บีบมือของคนรักแน่นขึ้น

“คุณกับคนรักให้กำเนิดทายาทตามที่ครอบครัวบังคับให้ทำตามความต้องการไม่ได้” ชนธัญพูดต่อไป “แต่เมื่อความรักมันไม่มีเพศ” อีกฝ่ายเปิดเปลือกตาขึ้นมามองชนธัญ “และเป็นหนทางที่คุณจะได้เดินเข้าไปในบ้านของฝ่ายชาย ได้มีตัวตนอยู่ในชีวิตของเขาอย่างเต็มภาคภูมิ โดยไม่ต้องพังประตูเข้าไป หรือทำอะไรด้วยวิธีหักหาญน้ำใจใคร” ชนธัญมองเห็นอีกฝ่ายหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา

“คุณไม่รู้หรอกคุณนักสืบ ว่าเคนต้องหมดเงินไปเท่าไหร่ เมื่อเราสองคนตัดสินใจว่า ฉันต้องสวยเพราะมือหมอ ฉันต้องเป็นผู้หญิงเต็มตัวเพราะแพทย์ แต่ต้องเหมือนกับแฝดของตัวเองทุกอย่าง และต้องไม่ถูกจับได้” เทคโนโลยี ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และวิวัฒนาการทางการแพทย์ ทำให้คนคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกไปได้ จนจำเค้าโครงแรกไม่ได้ด้วยซ้ำ

“นี่คือจุดเริ่มต้นที่คุณดึงแฝดหญิงของคุณเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนี้” ชนธัญพูดออกไป “ก็ถ้าฉันสามารถตั้งท้องเองได้ แม้ว่าทุกอย่างที่ฉันมีและเป็นในตอนนี้ มันจะใกล้เคียงกับคำว่าผู้หญิงมากสักแค่ไหนก็ตาม แต่สวรรค์ก็ไม่เคยมอบความสมบูรณ์แบบให้กับใครทั้งนั้น” อีกฝ่ายน้ำเสียงประชดประชัน เหมือนกับโกรธเกลียดโลกนี้ ที่ทำให้เขาไม่ได้ดังหวัง

“ถ้าเราสองคนสามารถบอกกับครอบครัวผม ว่าจะทำ Surrogate อย่างคู่ชายหญิงที่มีบุตรยากได้ แต่ในเมื่อเราให้ย่าและแม่ของผมรู้เรื่องนี้ไม่ได้ เราผ่านการแต่งงานมาได้ โดยที่ความลับยังไม่แตก และแม่ผมยังไม่ฆ่าเมียผมเสียก่อน นั่นก็ถือว่าเราใกล้ความสำเร็จเต็มที เหลือเพียงแค่ได้เด็กมาสักคน ที่จะมาเป็นลูกเรา ทุกคนจะได้เลิกยุ่งวุ่นวายกับเราสองคนสักที” เคนพูดด้วยน้ำเสียงของความหงุดหงิดใจ

ก่อนที่ทุกคนจะพูดอะไรมากไปกว่านั้น เสียงเคาะประตูห้องสืบสวนก็ได้ดังขึ้น สารวัตรรัฐนนท์เป็นคนเปิดประตูออกดู เสียงของเจ้าหน้าที่ด้านนอก รายงานกับสารวัตรหนุ่มหล่อด้วยข้อมูลอะไรบางอย่าง ก่อนที่ทุกคนตรงนั้นจะต้องชะงักไปกับการปรากฏตัวของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีรูปร่างหน้าตาไม่แตกต่างจากคนที่นั่งอยู่ด้านในห้องสืบสวนนั้นเลยสักนิด

*****************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Have You Ever - BRANDY

https://www.youtube.com/watch?v=Xkj1An6Wnec


Have you ever loved somebody so much

เคยบ้างไหมที่รักใครสักคนมากเหลือเกิน

It makes you cry?

จนต้องร้องไห้ออกมา

Have you ever needed somethin' so bad

เคยบ้างไหมต้องการใครสักคนอย่างมากมาย

You can't sleep at night?

จนหลับตานอนกลางคืนไม่ได้

Have you ever tried to find the words

พยายามหาคำบางคำ เคยเป็นกันบ้างไหม

But they don't come out right?

แต่ทุกคำไม่ได้ตรงกับใจที่อยากพูดออกไป

Have you ever? Have you ever?

เคยบ้างไหม เคยบ้างหรืออย่างไร


Have you ever been in love

เคยบ้างไหมที่อยู่ในห้วงความรัก

Been in love so bad

รักเกิดขึ้นจนล้นใจ

You'd do anything to make them understand?

คุณยอมทำอะไรก็ได้ เพื่อให้คนต่างพากันเข้าใจ

Have you ever had someone steal your heart away?

เคยบ้างไหมที่มีใครสักคนขโมยหัวใจคุณไป

You'd give anything up to make them feel the same

คุณยอมแลกกับทุกสิ่ง เพื่อให้หัวใจของเขาตรงกับคุณ


Have you ever searched for words to get you in their heart?

เคยเลือกสรรคำพูดบ้างหรือไม่ เพื่อจับและจองใจเขา

But you don't know what to say

แต่กลับไม่รู้จะเอ่ยคำว่าว่าอะไร

And you don't know where to start

และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่ตรงไหน


Have you ever found the one

เคยกันบ้างไหมเมื่อพบใครสักคนคนนั้น

You've dreamed of all your life?

ที่คุณเฝ้าใฝ่ฝันมาทั้งชีวิต

You'd do just about anything to look into their eyes

คุณทำทุกวิถีทางเพื่อมองลึกไปในดวงตาเขา

Have you finally found the one you've given your heart to?

เคยบ้างไหมพบใครสักคนที่คุณพร้อมจะมอบหัวใจทั้งดวงให้ไป

Only to find that one won't give their heart to you

แต่กลับกลายเป็นว่า เขาไม่มอบหัวใจของเขากลับมา


Have you ever closed your eyes and

เคยสักครั้งไหมที่หลับตาลงแล้ว

Dreamed that they were there?

ฝันไปไกลว่าเขาคนนั้นอยู่ใกล้ใกล้

And all you can do is wait for that day when they will care

สิ่งที่คุณทำได้คือเฝ้าคอย เพื่อให้ถึงวันที่สมรักสมใจ


What do I gotta do to get you in my arms baby?

ฉันต้องทำอะไรบ้างที่จะมีเธออยู่ในอ้อมแขน

What do I gotta say to get to your heart?

ฉันต้องทำอีกมากเท่าไหร่ที่จะครอบครองหัวใจเธอ

To make you understand how I need you next to me

เพื่อให้เธอเข้าใจกันว่าฉันต้องการเธออยู่ตรงนี้

Gotta get you in my world

ให้โลกของฉันนั้นมีเธออยู่เคียง

'Cause, baby, I can't sleep

เพราะฉันนั้นหลับตาไม่ลงในยามค่ำคืน

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๕๒. A Will, A Way _ 10.4.2023
«ตอบ #54 เมื่อ04-10-2023 21:55:25 »


Crime and Love Scene Investigation

๕๒. A Will, A Way



“น้องปีหนึ่งทุกคณะนั่งรวมกันอยู่ตรงนี้ก่อน รอพี่ ๆ เขาเรียกรวม แล้วค่อยไปตามที่พี่เขาบอก เข้าใจนะ” ทุกคนพากันดีใจ ที่ตอนนี้เหมือนถูกปล่อยให้ได้หายใจหายคอบ้าง จากการรวมนักศึกษาที่เพิ่งเข้าใหม่ในปีนี้มาทำกิจกรรมร่วมกันทั้งมหาวิทยาลัย ทำให้จากที่ไม่เคยได้ทำความรู้จักกันข้ามคณะ ก็ได้เห็นหน้าค่าตากัน

“แกจะนั่งรออยู่นี่ก็ตามใจนะ ฉันไปดีว่า” นักศึกษาสาวปีหนึ่งคนนี้พูด ก่อนจะลุกขึ้นยืนพรวดเดียว แล้วใช้มือทั้งสองข้างปัดกระโปรงให้เศษหญ้าหลุดออก “ฉันไม่อยู่ทำอะไรแบบนี้หรอกนะ ล้าสมัย” พูดอีกครั้งกับนักศึกษาใหม่อีกคนที่นั่งอยู่ติดกัน “อยู่นี่แหละ อย่าไปเลย ไม่อยากโดนพี่ปีอื่นว่าเอา” น้ำเสียงพูดฟังดูไม่อยากจะให้เกิดปัญหาตามมาทีหลังจริง ๆ

“อยู่กันหลาย ๆ คน ทำกิจกรรมด้วยกัน น่าสนุกดีนะ ได้เพื่อนต่างคณะเพิ่มเยอะเลยด้วย” เคนพูดขึ้น ก่อนจะยิ้มให้กับคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ที่หัวเข่าชิดกันกับเขา “ดูท่าเพื่อนใหม่ของแกนี่ จะชอบแกมากเลยนะ เห็นจ้อไม่หยุด ถามนั่นถามนี่ ชวนนั่นชวนนี่สารพัด” เคนถึงกับต้องชะงัก และรอยยิ้มที่มีค่อย ๆ หายไปจากใบหน้า เมื่อได้ยินแบบนั้น

“คิดว่าพอเป็นเพื่อนกันแล้ว ต่อไปจะเป็นอะไรกันต่อไปได้งั้นหรือ” คำถามนั้นทำให้เคนหลบสายตาจากเพื่อนนักศึกษาหญิงปีหนึ่งด้วยกันคนนี้ “อย่าหาว่าฉันพูดอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ” คำพูดนั้นทำให้เคนกลับมาสบตา มองหน้าคนคนนี้อีกครั้ง “ถึงขนาดนี้แล้ว คงไม่ต้องอ้อมค้อมแล้วมั้งครับ” เคนพูดออกไปโดยทันที โดยไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าพูดอะไรแบบนี้ กับคนที่เพิ่งจะเคยเจอกันด้วยซ้ำ

“ต้องการอย่างนั้นใช่มั้ย ก็ได้นะ คือไอ้อะไรแบบนี้น่ะ” นักศึกษาหญิงคนนี้พูด พลางขยับเป้สะพายไหล่ “ไม่นานก็ต้องเลิกกัน ไม่มีทางอยู่กันได้ยืดยาวหรอก อะไรที่มันไม่ใช่เรื่องปกติ ไม่ได้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ จับปรุงสรรปั้นแต่งกันจนเกินพอดี รับรองไม่มีทางรอด” ไม่พูดเปล่า พลางชี้มือไปที่เคนกับตัวเธอเองแล้วพูดว่า

“ถ้าอย่างนี้กับนี่ ค่อยว่าไปอย่าง จำเอาไว้” พูดจบ เธอยิ้มแบบดูแคลน มองดูสองคนที่นั่งอยู่ที่พื้นสนามหญ้าตรงหน้าเธอแบบหัวจดเท้า ก่อนจะยักไหล่ หัวเราะอย่างนึกตลกขบขัน แล้วจึงหันหลังเดินไป เคนส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจท่าทีที่ไม่เป็นมิตรเอาเสียเลยนั้น ในใจนึกหงุดหงิดตามอยู่ไม่น้อย

“รู้จักกับคนนั้นด้วยหรือ ทำไมเขาถึงกล้าพูดอะไรแบบนั้นออกมา” เคนหันมาถามคนที่ก่อนหน้านี้นั้น นั่งหัวเข่าติดกันกับเขา แต่ตอนนี้ เคนเห็นอีกฝ่ายขยับออกห่างไป ตั้งแต่นักศึกษาหญิงคนนั้นพูดจาไม่ได้ใส่ “คนนั้นน่ะหรือ” เคนสบตากับอีกฝ่าย ที่ตอนนี้มีน้ำตารื้นขึ้นมาที่ขอบตา เห็นได้อย่างชัดเจน

“ฝาแฝดเราเอง” เคนชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูด “แฝดไม่แท้น่ะ แต่อรกับเราก็เป็นพี่น้อง คลานตามกันมาจริง ๆ นั่นแหละ คลอดห่างกันแค่ไม่กี่นาที” ท้ายประโยคนั้น ปลายน้ำเสียงที่ท้ายประโยค แสดงความรู้สึกว่าเจ้าตัวนั้น น้อยใจอยู่ไม่น้อย ที่ฝาแฝดกันกลับพูดแบบนี้กับตัวของเขาได้ แถมยังพูดต่อหน้าคนอื่นอีกต่างหาก

“ฟังที่อรพูด มันก็เป็นเรื่องจริงไม่ใช่หรือ กับคนประเภทอย่างเราน่ะ” เคนได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น ก็รีบพูดขัดขึ้นเสียก่อนว่า “คิดว่าตัวเองเป็นคนประเภทไหนล่ะ” อีกฝ่ายสบตากับเคน “เราก็เป็นคนประเภทเดียวกันนั่นแหละ” ในตอนนั้นที่ได้ยินเคนพูดออกมา หัวใจที่เต้นตึกตักอยู่ก่อนหน้าแล้ว ก็เต้นแรงมากยิ่งขึ้น

“พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า” เคนพยักหน้าเป็นคำตอบ “ก็ถ้าชอบไปแล้ว ก็ไม่ผิดไม่ใช่หรือไง ที่จะซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง ใครเป็นอย่างไรเคนไม่รู้หรอก เขาอาจจะกลัวที่จะทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ แต่เคนไม่ เคนชอบใครแล้ว ก็ชอบไปตลอด ไม่ได้พูดเพื่อให้ดูหล่อนะ แม้เคนจะรู้ตัวว่าตัวเองหน้าตาดีก็ตาม” นั่นทำให้อีกฝ่าย ที่กำลังมีน้ำตาคลอดหน่วยอยู่ มีรอยยิ้มกลับมาแต้มใบหน้าได้อีกครั้ง

“สี่ปีแล้วนะ” เคนได้ยินอีกฝ่ายพูดขึ้น ขณะที่เขากำลังถอนร่างกายออกจากอีกฝ่ายอย่างช้า ๆ เพราะกลัวว่าจะเจ็บ “เบื่อบ้างหรือเปล่า ซ้ำ ๆ เดิม ๆ” เคนหัวเราะออกมาเบา ๆ กับคำพูดของอีกฝ่าย ขณะดึงกระดาษชำระออกจากม้วน มาเช็ดคราบที่เปรอะเปื้อนอยู่บนความแข็งขืนของตัวเอง

“ถ้าเบื่อจะขอเบิ้ลตลอดหรือ” เคนพูดหยอกอีกฝ่าย “กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม อยากกินอยู่เรื่อย ๆ กินตั้งแต่ใส่ถุง จนตอนนี้ไม่ต้องใส่มานานแล้ว” เคนก้มลงจูบที่บนหน้าผากของอีกฝ่ายเบา ๆ อีกฝ่ายยิ้มออกมาได้ ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนตัวเองลงจากเตียงนอน เพื่อไม่ให้ของเหลวข้นขุ่นปริมาณมาก ที่ยังคงคั่งค้างอยู่ภายในตัวของเขา ไหลปนออกมาให้เปื้อนผ้าปูที่นอน

เคนรับสายโทรศัพท์มือถือ หลังจากอีกฝ่ายปิดประตูห้องน้ำตามหลังไปแล้ว เคนตอบรับสายไป เป็นแม่ของเขาที่โทรมาหา จากที่เคนอยากจะเปิดบทสนทนาด้วยความคิดถึง เพราะเป็นสัปดาห์แล้วที่ไม่ได้คุยกัน จากที่เขาติดสอบปลายภาค แต่สิ่งที่ได้ยินแม่พูด มันก็ทำให้เคนต้องมีสีหน้าบึ้งตึงขึ้น

“แม่อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ได้มั้ยครับ เคนเพิ่งจะสอบเสร็จ ไม่อยากได้เรื่องอะไรมาหนักหัวอีกในตอนนี้ อยากพักไปเที่ยวไหนยาว ๆ สักพัก ไปกับเพื่อนสนิทเนี่ยแหละครับ ก็ถ้ามีโอกาสเคนก็จะพาไปรู้จัก คุณแม่ก็วกกลับไปเรื่องเดิมอยู่นั่นแหละ เคนบอกคุณแม่แล้ว ว่าเคนจะทำแน่นอน แต่ก็ต่อเมื่อที่เคนพร้อม” เคนตอบโต้แม่ของเขากลับไป

“หรือว่าแกจะให้ฉันทำแบบนี้ ให้คุณย่ามาพูดกับแกแล้วกัน เอามั้ย” เมื่อรู้จุดอ่อนของลูกชาย เคนก็รู้สึกมาตลอด ว่าแม่ของเขาไม่ยอมปล่อยโอกาสจะใช้เรื่องนี้ ขู่ให้เขาทำตาม เพราะเคนไม่เคยกล้าเถียงคุณย่าของเขาเลยสักครั้ง เคยพยายามรวบรวมความกล้าอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า

“นี่แกก็กำลังจะเรียนจบ คุณย่าเขาไม่ห่วงอะไรมาก เพราะตอนที่พ่อแกจากไป ก็ทิ้งสมบัติเอาไว้ให้แกมหาศาล ขอเพียงแค่เรื่องเดียว คุณย่าเสียพ่อของแกไปคนหนึ่งแล้ว ก็อยากจะมั่นใจว่า แกน่ะแต่งงานมีหลานให้คุณย่าเขา ก็แค่นั้น มันไม่ใช่เรื่องยากเรื่องเย็นอะไรเลย ที่คนเป็นย่าจะขอจากหลานชาย” เคนรับปากแม่ของเขาไปเพื่ออยากจะวางสายเต็มที

“แม่โทรมาหรือ” ก่อนที่เคนจะหันมาเจออีกฝ่ายยืนมองเขาอยู่ คำถามนั้นทำให้เคนนึกสงสารและเห็นใจคนตรงหน้าอย่างจับใจ “แม่ขอเรื่องเดิมอีกหรือเปล่า” เคนพยักหน้าแทนคำตอบ เพราะถึงเขาจะโกหกพยายามบ่ายเบี่ยงไป ยังไงอีกฝ่ายก็ไม่เชื่ออยู่ดี

“เป็นเรื่องนี้เรื่องเดียวเลย ที่ทำให้ไม่ได้ เพราะไม่ว่าเรื่องไหนก็ตามไม่เคยหวั่น จะเพียรทำให้จนได้ แต่เรื่องให้ตั้งท้อง มีลูกนี่” เสียงพูดนั้นสั่นเครือเจือไปด้วยอารมณ์หวั่นไหว “เราก็ทำมันบ่อย ๆ ทำเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ได้เองแหละ” จากที่เคยเป็นมุกตลกขบขันของทั้งสองคนแรก ๆ ก็สนุกดี แต่มาถึงตอนนี้ มันไม่ได้ช่วยปลอบใจได้อีกต่อไปแล้ว

“กับสิ่งที่เป็นจริงไม่ได้” เคนรีบดึงอีกฝ่ายข้ามาสวมกอดเอาไว้แน่น ๆ “เฮ้ ๆ รักเคนมั้ย” ถามออกไป เห็นอีกฝ่ายหยักหน้า น้ำตาคลอหน่วย “ถ้าอย่างนั้น มันต้องมีทางออกให้เราสิ ก็ในเมื่อเราสองคนรักกัน ในเมื่อเราอยากอยู่ด้วยกัน” เคนพูดไปก็จูบและหอมอีกฝ่ายไปด้วย “เราจะหาทางทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม” เคนนั้น ให้คำมั่นสัญญาอย่างหนักแน่นและมั่นคงกับอีกฝ่ายที่เป็นคนรักของตัวเองออกไป

สองปีผ่านไปหลังจากที่เคนเรียนจบ เขาสามารถเฉไฉบ่ายเบี่ยงที่บ้านได้นานเพียงแค่นั้น เคนก็ถึงทางตัน เมื่อคุณย่าของเขายื่นคำขาด ว่าถึงเวลาแล้วที่เคนต้องแต่งงานแต่งการกับผู้หญิงที่คู่ควรกับเขา และมีหลานให้คุณย่าอุ้มในทันที ยิ่งตอนนี้คุณย่านั้น รบเร้าเขาไม่หยุด ด้วยเหตุผลที่ว่าคุณย่านั้นแก่ตัวลงทุกวัน ๆ ไม่รู้ว่าจะตายวันตายพรุ่งเมื่อไหร่ เคนควรจะทำสิ่งที่เป็นการตอบแทนที่คุณย่าดูแลเขามาอย่างดีตั้งแต่เล็กจนโตได้แล้ว

ตั้งแต่เช้า เคนนั้นจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะเขานั้นกระวนกระวายเป็นอย่างมาก กับผลที่จะออกมาในช่วงเย็นของวันนี้ เคนนั้นจงใจที่จะไม่รับสายจากแม่ของเขาที่โทรหาเขาอย่างถี่ยิบ เพราะเรื่องใหญ่มากที่สุดของเคนในวันนี้ก็คือ คนที่กำลังอยู่ในห้องผ่าตัดในตอนนี้

ตกเย็น เคนนั้นถึงได้โล่งอก เมื่อได้คุยกับคุณหมอผ่าตัด ว่าทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ถึงแม้ว่าคนไข้จะเสียเลือดค่อนข้างเยอะ เพราะเป็นการผ่าตัดใหญ่ และคงจะต้องใช้เวลาพักฟื้นนานพอสมควร แต่ก็วางใจได้ ว่าไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นระหว่างและหลังการผ่าตัดอย่างแน่นอน และสุดท้ายร่างกายของคนไข้จะกลับมาสมบูรณ์ดังเดิม

“ว่าไงคนเก่ง” เมื่ออีกฝ่ายที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ ลืมตาได้สติกลับมาจนเกือบครบถ้วนอีกครั้ง เคนก็เอ่ยทักทายออกไป ลึก ๆ เขาดีใจไม่น้อยที่พ่อของเขาทิ้งเงินจำนวนมากมายเอาไว้ให้ เคนถึงสามารถเลือกทางออกให้กับตัวเขาเองกับคนรัก และทำอะไรแบบนี้ได้ และนี่ถือว่ามันคือความสำเร็จของเขาทั้งสองไปครึ่งหนึ่งแล้ว

“หมอตัดมันทิ้งไปแล้วใช่มั้ย” เคนพยักหน้าตอบอีกฝ่ายออกไป แม้ว่าเขาจะเสียดาย ถ้าเลือกได้ เคนไม่อยากจะให้คนรักของเขาเปลี่ยนแปลงหรือตัดทอนอะไรทั้งนั้น “มีของเล่นใหม่ให้เคนแล้ว รอหน่อยนะ เดี๋ยวก็ได้ใช้” อีกฝ่ายพยายามพูดติดตลก ฝืนทนความเจ็บปวดอย่างมหาศาลที่มีไปทั่วทั้งร่างกาย

เคนบีบมือให้กำลังใจคนที่นอนอยู่ตรงหน้าเขานี้ ก่อนที่ทั้งสองคน จะหันไปมองอร ที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย ใบหน้านั้นดูอิ่มเอิบ เมื่อรับรู้จากเคนถึงจำนวนเงินค่าจ้างมหาศาล ที่เคนสัญญาว่าจะให้ หากว่าอรนั้น ช่วยให้คนทั้งคู่ ทำตามแผนที่วางไว้จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

*******************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

For You I Will - MONICA

https://www.youtube.com/watch?v=Kw1mg6WuatA


When you're feeling lost in the night

เมื่อเธอรู้สึกเคว้งคว้างยามค่ำคืน

When you feel your world just ain't right

เมื่อเธอรู้สึกว่าโลกนี้ไม่เป็นอย่างเดิม

Call on me, I will be waiting

เรียกหาฉันสิ ฉันอยู่ตรงนี้

Count on me, I will be there

ไว้ใจฉันได้ ฉันจะไปอยู่เคียงข้าง


Anytime the times get too tough

เมื่อไหร่ที่รู้สึกหนักหน่วงเกินไป

Anytime your best ain't enough

เมื่อไหร่ที่ทำดีที่สุดแล้วแต่ไร้ค่า

I'll be the one to make it better

ฉันจะไปอยู่ตรงนั้นช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้น

I'll be there to protect you, see you through

ฉันจะตรงไปหาเพื่อปกป้องเธอ ดูแลอย่างดี

I'll be there, and there is nothing, I won't do

ฉันจะไปตรงนั้น และไม่มีสักอย่างที่ฉันจะไม่ทำให้เธอ


I will cross the ocean for you

จะข้ามน้ำมหาสมุทรฉันก็ยอมเพื่อเธอ

I will go and bring you the moon

จะถามหาจันทราก็จะเนรมิตมาให้

I will be your hero, your strength, anything you need

ฉันจะเป็นผู้กล้าของเธอ เป็นแรงกำลัง เป็นทุกสิ่งให้เธอแล้ว

I will be the sun in your sky

ฉันจะเป็นดวงอาทิตย์แล้วเธอเป็นท้องฟ้าคราม

I will light your way for all time, promise you

จะเป็นแสงสว่างคอยนำทางให้ตลอดไป ฉันให้สัญญา

For you I will, yes

เพื่อเธอฉันยอมทำ


I will shield your heart from the rain

ฉันจะคุ้มกันเธอจากฝนที่กระหน่ำใจ

I won't let no harm come your way

จะไม่ยอมให้ภยันตรายกล้ำกรายหาเธอ

Oh, these arms will be your shelter

แขนทั้งสองข้างจะเป็นดั่งที่หลบภัย

No, these arms won't let you down

แขนทั้งสองข้างนี้จะไม่ทำให้เธอผิดหวัง


If there is a mountain to move

หากว่ามีภูเขามาขวางหน้าให้ฉันต้องสู้

I will move that mountain for you

ฉันจะเคลื่อนภูเขานั้นให้เธอหมดห่วง

I'm here for you, I'm here forever

ฉันจะอยู่ตรงนี้ จะอยู่เพื่อเธอตลอดกาล

I will be your fortress, tall and strong

ฉันจะเป็นป้อมปราการที่สูงตระหง่านและแข็งแกร่ง

I'll keep you safe, I'll stand beside you right or wrong

จะปกป้องเธอให้พ้นภัย จะยืนเคียงข้างเธอไม่ว่าจะผิดหรือถูก


For you I will lay my life on the line

สำหรับเธอแล้วฉันจะมอบทั้งชีวิตเพื่อเธอ

For you I will fight, oh

เพื่อเธอฉันจะสู้

For you I will die

เพื่อเธอฉันตายแทนได้

With every breath, with all my soul

ด้วยลมหายใจทั้งหมดที่มี ด้วยจิตวิญญาณของฉันดวงนี้

I'll give my word, I'll give it all

จำคำฉันเอาไว้ได้เลย ฉันมอบให้เธอทั้งหมดนี้

Put your faith in me, put your faith in me

ไว้ใจฉันได้เลยคนดี เชื่อใจฉันทั้งหมดที่เธอมี

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๕๓. ATONEMENT _ 10.7.2023
«ตอบ #55 เมื่อ07-10-2023 21:29:24 »

Crime and Love Scene Investigation

๕๓. ATONEMENT



สารวัตรรัฐนนท์กับชนธัญหันขวับมามองหน้ากันในทันที ด้วยความตกใจที่ว่า อร หญิงสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง กับคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันกับเคน ทุกอย่างดูเหมือนกับทุกกระเบียดนิ้ว ทางด้านเคนและภรรยาเอง ก็มองมาที่อรเช่นกัน แต่ด้วยสายตาที่ไม่ได้เป็นมิตรเลยอย่างเห็นได้ชัด

“ลูกฉันอยู่ที่ไหน” อรได้ยินคำถามนั้น ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา “ใคร ๆ ก็คงคิดว่าตอนนี้ เราสองคนเหมือนกันทุกอย่าง คุณตำรวจรวมถึงคุณนักสืบนี่ด้วย” อรพูดพลางหัวเราะ นึกขันอย่างต่อเนื่อง “ทำไมแกไม่ใช้เสียงจริงแต่กำเนิดของแกพูดล่ะ ดัดเสียงจนตัวเองหลอน คิดว่านี่คือเสียงพูดของแท้ของแกไปแล้ว” ใบหน้าที่ดูเย้ยหยันของอร ทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายที่ถูกพูดด้วยนั้น ปิดความโกรธเอาไว้ไม่มิด

“ลูกของผมอยู่ไหน ลูกของผมกับ” เคนพูดก่อนจะหันไปมองหน้าภรรยาของเขาที่มีใบหน้าเหมือนกับหญิงสาวที่ยืนทำหน้าเยาะเย้ย สะใจในอารมณ์อยู่ในตอนนี้ อรยังไม่ตอบคำถามของเคน ก่อนจะหันไปพูดกับชนธัญว่า “สวัสดีค่ะ คุณนักสืบฉันชื่ออรนะคะ ฉันเป็นแฝดหญิงกับคู่แฝดของฉัน” อรชี้นิ้วไปที่น้องของเธอ

“เอก” ก่อนจะเรียกชื่อของแฝดผู้น้องของเธออกมา แล้วหัวเราะคิกคิกเสียงเล็กเสียงน้อย อย่างกับว่าสถานการณ์ที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันตลกขบขันเสียเต็มประดา “แฝดน้องชายของอรเอง” เอกมองหน้าอรพี่สาวของเขาอย่างเคียดแค้น จากที่เคยคิดว่า จะช่วยอรในทุก ๆ เรื่อง เพราะอย่างน้อยก็คือพี่น้องกัน

“นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราตกลงกันเอาไว้” เคนพูดขึ้นในที่สุด เขาเองก็ไม่พอใจที่เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้เช่นกัน โดยเฉพาะในสิ่งที่อรนั้นทำ “สิ่งที่ฉันทำให้แก ตกลงแกมองไม่เห็นค่ามันเลยจริง ๆ ใช่มั้ย” เอกย้อนถามไปยังพี่สาวฝาแฝดของตน ด้วยน้ำเสียงของผู้หญิงที่เขาหัดพูดจนชิน จนเป็นเสียงของตัวเองไปแล้ว

“แกคิดว่า แกอยากจะพูดเรื่องนี้ต่อหน้าตำรวจจริง ๆ หรือ” อรหันไปทางสารวัตรรัฐนนท์ พลางทำหนาทำตายียวน ด้วยความคิดที่ว่า เธอนั้นกำลังถือเหนือกว่าน้องชายของเขาและเป็นต่อเอกอยู่มาก เอกอยากจะลุกขึ้นด่าอรอย่างหยาบ ๆ คาย ๆ จนแทบจะทนไม่ไหว แต่ก็ได้แต่กลืนคำพูดเหล่านั้นลงไป

“คุณนักสืบคะ คุณตำรวจขา ไม่ทราบว่า ตอนนี้คนคู่นี้เขาจะโดนคดีอะไรบ้างคะ ถ้าหากฉันจะบอกคุณทั้งสองคนคนว่า” อรหันไปมองทางสารวัตรรัฐนนท์ที ทางชนธัญที ก่อนจะพูดต่อไปว่า “คนที่หน้าเหมือนอรนี่ เขามีลูกไม่ได้อย่างแน่นอน แต่เขากลับมาแจ้งความกับคุณเจ้าหน้าที่ ทึกทักเอาเองว่าลูกของเขาหาย เอ คุณตำรวจพอจะบอกให้อรทราบได้มั้ยคะ ว่ามันน่าจะเข้าข้อกฎหมายข้อไหนนะคะ” อรยิ้มอย่างชอบใจที่ยิ่งพูด เอกก็ยิ่งหน้าตึง นั่งคอแข็งเกร็งอย่างโกรธแค้น

“ก็อาจจะต้องระวังโทษเกี่ยวกับการแจ้งความเท็จครับ” สารวัตรรัฐนนท์บอกข้อเท็จจริงออกไปให้ทั้งสองคนรับรู้ “ไม่ใช่ผู้เสียหายที่อำนาจฟ้อง ถ้าฉันค้นในอินเตอร์เน็ตมาไม่ผิดนะ” อรบอกกับคู่ผัวเมีย เคนและเอก ที่นั่งจับมือกันแน่น ต้องมานั่งฟังว่าตัวเอง กำลังจะตกที่นั่งลำบากเข้าให้แล้ว

“โอ้โห หมอสมัยนี้เขาโคตรเก่งเลยนะ ทำได้ถึงขนาดนี้” อรอุทานออกมาอย่างตกใจ ระคนความรู้สึกทึ่ง เมื่อเธอมองดูเอก แฝดน้องชายของเธอ ประหนึ่งว่าเธอเองกำลังส่องกระจกอยู่ก็ไม่ปาน ที่ตอนนี้หลังจากที่หมอถอดผ้าพันแผลออกจากใบหน้าของเอก อรกับน้องชาย ก็ดูไม่ต่างกันเลยสักนิด

“พลังเงินกับหมอศัลยกรรมมือทองที่เนรมิตได้ทุกอย่าง” เอกพูดออกมาหลังจากที่เสียงของเขาเองก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง “เสียงยังฟังดูแหบ ๆ พร่า ๆ อยู่นะ แต่ก็ไม่เหมือนเสียงผู้ชายแล้ว” เคนที่ก่อนหน้านี้ออกจะกังวลกับการผ่าตัดกล่องเสียงของเอกอยู่ไม่น้อย เริ่มคลายความวิตกนั้นลงไปได้เยอะมากแล้วในตอนนี้

“เดี๋ยวเอกฝึกพูดแบบบีบเสียงให้เล็กลง ฝึกบ่อย ๆ ทำให้ชิน รับรองว่าเสียงเล็กเหมือนผู้หญิงพูดทันงานวันแต่งแน่นอน” เอกยิ้มให้กับแฟนหนุ่ม เขาเองก็โล่งอกที่ปัญหาใหญ่ข้อนี้ ดูจะถูกแก้ไขไปในทิศทางที่เป็นบวกมากกว่าที่คาดเอาไว้ อรนั้นก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ที่ได้ยินเสียงน้องชายตัวเองพูด เกือบใกล้เคียงกับเสียงผู้หญิงโดยกำเนิดอย่างเธอ

“เรามีปัญหาใหญ่กว่านั้น และหวังว่าอร เธอคงยังไม่เปลี่ยนใจ” เคนพูดกับอรอย่างตรงไปตรงมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ อรแม้จะยอมตกลงทำให้ แต่ก็ยังดูลังเลและไม่แน่ใจอยู่เช่นกัน เคนจังอยากให้มั่นใจว่า อรจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้แก่กัน เพราะถ้าหากคิดจะทำแบบนี้ เคนก็อยากให้เป็นคนที่ใกล้ชิดในแง่ของเลือดเนื้อเชื้อไขกับเอก จะดีมากที่สุด

“งั้นฉันขอหนึ่งล้านบาท” อรโพล่งออกไปอย่างที่เธอคิดเอาไว้นานแล้ว “เงินหลักแสน ฉันไม่คิดว่ามันจะแฟร์สักเท่าไหร่” คำพูดของอร ทำให้ทั้งเคนและเอกเงียบเสียงลงในทนที “ไม่เอาน่า ราคานี้จะมีใครยอมทำให้แกสองคนมั้ยล่ะ ก็มีแต่ฉันนี่แหละ แถมเงินหลักล้าน กับการแลกการใช้งานของมดลูกที่ยังไม่ผ่านการมีลูกมาอย่างฉัน คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม ยิ่งฉันเกี่ยวดองเป็นพี่แท้ ๆ ของแกด้วย เอก คิดดูดี ๆ” เอกกับเคนมองสบตากัน

“เคน เงินแค่นี้ ขนหน้าแข็งแกไม่ร่วงหรอก แถมผลที่ได้ คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม” อรพูดโน้มน้าว “อ่ะ ๆ แต่แกต้องโอนเงินมาให้ฉันเต็มจำนวนทีเดียวเลยนะ ไม่งั้นฉันไม่ตกลง อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นหลักประกันให้ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างฉัน ให้มั่นใจว่า หลังจากที่ฉันคลอดแล้ว ฉันจะดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องกลับไปลำบากทำงานงก ๆ หาเช้ากินค่ำอย่างเก่าอีก” เอกฟังเหตุผลของอร ใจหนึ่งก็นึกเห็นใจที่อรนั้นต้องออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน เพราะหัวเรียนไม่ไหว

“ถ้าแกสัญญาอย่างจริงจัง ว่าแกจะทำเรื่องนี้ให้” เอกพูดออกไป “แน่นอนแก ฉันรับรอง เคน แกโอนเงินปั๊บ แกจะปู้ยี่ปู้ยำมดลูกฉันยังไงก็ได้เลย ให้แกสองคนได้มีลูกสมใจ” อรรีบตอบ เคนนิ่งคิดอยู่อึดใจ ก่อนจะตอบตกลงออกไป “ขอเวลาสองสามวัน แล้วเราจะไปโอนเงินให้” เอกพูดขอบคุณเคนที่ยอมทำเพื่อชีวิตคู่ของพวกเขามากมายขนาดนี้ ใจจริงเคนอยากจะร่างสัญญาขึ้นมาให้อรเซ็น แต่ก็ไม่อยากจะให้เอกรู้สึกแย่ ที่มองพี่สาวฝาแฝดของเขาว่า อาจจะเกิดการเบี้ยวกันขึ้นภายหลัง เพราะเท่าที่เป็นไปแล้วนี้ เอกก็ยอมเจ็บตัวมากพอแล้ว จนเคนไม่แน่ใจว่าที่ทำมามันเป็นเรื่องที่สมควร

“หน้าบางไม่เปลี่ยนเลยนะ แกสองคน” อรพูดขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เอกและเคน ได้ขอร้องให้สารวัตรรัฐนนท์และชนธัญออกจากห้องสืบสวนไป เพื่อที่เขาทั้งสามคน อร เคนและเอก จะได้พูดคุยกันเป็นการส่วนตัว ก่อนที่หากว่าจะมีใครในสามคนนี้ ร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่พิทักษ์กฎหมายบ้านเมือง หลังจากนี้

“แกสัญญาแล้ว ทำไมไม่รักษาคำพูด เคนไม่บังคับให้แกเซ็นสัญญา ก็เท่ากับให้เกียรติแกมากแล้วนะ” เอกตวาดใส่ในอรในทันทีที่พูดคุยกันตามลำพัง “เราว่าแล้ว ว่านี่อาจจะเป็นตัวตนจริง ๆ ของเอ ที่เราระแวง” เคนพูดด้วยน้ำเสียงที่ทั้งชิงชังอร และความรู้สึกที่เขาผิดหวังในตัวเอง ที่ไม่เชื่อในสัญชาตญาณร้องเตือนมาตั้งแต่แรก

“พวกแกสองคนมันโง่เอง จะโทษใครได้” อรพูดด้วยน้ำเสียงที่มีความรังเกียจเดียดฉันท์กัน “ฉันยอมไม่ได้หรอกนะ ที่พวกกะเทยตุ๊ดแต๋วอย่างแก เอก จะได้ดีกว่าฉัน ที่จะแต่งงงแต่งงาน มีผัวที่ทั้งหล่อ ทั้งรวย ทั้งแสนดี มาสร้างครอบครัวด้วยกันอย่างอบอุ่น ยอมทำทุกอย่างได้เพื่อแก ถึงขั้นรักแกจริง ในขณะที่ฉัน ทำไมถึงแค่หาผู้ชายสักคนมาคบด้วย ยังทำไม่ได้” อรนั้นยอมรับว่าเธออิจฉาชีวิตที่กำลังจะไปได้สวยของเอกกับเคน

“ต่อให้แกเป็นน้องแท้ ๆ ของฉันก็เถอะ แกจะได้ดีไปกว่าคนที่เกิดมาแล้วตรงเพศปกติอย่างฉันไม่ได้ ไม่มีทาง ฉันไม่ยอมให้แกได้ดิบได้ดีไปคนเดียว” อรพูดออกไปตรง ๆ ท่าทางไม่ได้แคร์อะไรทั้งสิ้น “เอกเป็นน้องของเธอนะอร ถ้าเธอทำแบบนี้ ก็ถือว่าเธอพยายามแบล็กเมล์เราสองคน เธอลำบากแน่ ถ้าตำรวจรู้เรื่องเข้า” เคนพูดกับอรด้วยความรู้สึกเหลืออด

“แกแน่ใจนะเคน ว่าแกจะใช้มุกนี้เล่นงานฉัน” อรพูดด้วยแววตาของคนที่เลือดเย็น “ได้ งั้นฉันก็จะบอกตำรวจว่า แกเป็นคนข่มขืนฉันจนท้อง และวางแผนกับน้องชายในไส้ผู้มีกามวิตถารของฉันเอง แย่งลูกของฉันให้ห่างออกจากอกแม่ที่แสนอบอุ่นนี้ ไปอยู่กับผู้ชายสองคน ที่แม้แต่กฎหมายก็มองว่าเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน” เคนถึงกับอึ้งไปกับสิ่งที่อรนั้นพูด ส่วนเอกนั้นรู้สึกหน้าชาในทันที กับข้อเท็จจริงข้อนี้ ที่เคนกับอรร่วมเพศกันจริง ๆ จนให้กำเนิดเด็กคนหนึ่งให้ลืมตามาดูโลก อรไม่ได้ตั้งท้องจากการฉีดอสุจิเข้ามดลูก อย่างที่เคนและเอกพยายามทำ

“แกสองคนคิดว่า ศาลจะเข้าข้างใคร ระหว่างแม่ผู้รักลูกแต่ถูกพ่อของลูกข่มขืนแบบฉัน กับพวกผิดเพศลักปิดลักเปิดแบบแกสองคน” อรเอียงคอมองทั้งสองคนอย่างยียวนกวนประสาท “เงินล้านเดียวมันไม่พอหรอก เพราะแกมีมากกว่านั้นเยอะ เคน ยิ่งหลังจากย่าของแกตายไป แกจะได้สมบัติมาอีกเพียบ” อรที่คิดมาแล้วอย่างถี่ถ้วนบอกกับเคนไปตรง ๆ

“แกควรจะคิดถึงตัวของแกเองมากกว่าจะห่วงอีลักเพศน้องฉันคนนี้นะ” อรคิดว่าเธอกำลังทำความดีช่วยเหลือเคนอยู่ด้วยซ้ำ “แกต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ในเมื่อฉันเป็นแม่ของลูกแกจริง ๆ ฉันก็ต้องได้เข้าไปอยู่ในบ้านของแก เสวยสุขกับเงินทองที่แกมี” อรพูดบอกออกไป เคนส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

“เราไม่มีวันจะรักเธอได้เลยอร” เคนบอกไปตามจริง อรหัวเราะเย้ยหยัน “ฉันพูดหรือไงว่าฉันต้องการความรักจากแก หึ เคน แต่ที่แกเอาเอกสารของฉันไปจดทะเบียนสมรสกันเนี่ย ฉันจะเอาไปแจ้งที่เขตตอนไหนดี แกช่วยฉันคิดหน่อย ว่าแกสองคนมันปลอมขนาดไหน เป็นตัวเองยังไม่ได้ ยังพยายามเป็นคนอื่นให้น่าสมเพชอีก” อรหัวเราะออกมาอย่างที่รู้สึกกับเคนและเอก

“ตรองดูดี ๆ คิดให้เยอะ ๆ เคน หน้าหล่อ ๆ ผิวสวย ๆ อย่างแก รับรองได้ตกเป็นเมียขาใหญ่ในคุกแน่นอน อีเอกก็จะได้เพื่อนสาวแทนผัวในไม่ช้า กี่คดี กี่กระทง กี่ปีในคุก แกพร้อมที่จะเสี่ยงสู้กับฉันแน่นะ แกรอดแน่นอนเคน ถ้าฉันไม่แจ้งความเอาผิดแกที่ข่มขืนฉัน” แค่คิดมันก็ทำให้อรหัวเราะออกมาอย่างเบิกบานใจแล้ว “แล้วแกจะให้ฉันไปอยู่ที่ไหนอร” เอกถามออกไปอย่างคนจนตรอก ใจนั้นมีแต่ความเป็นห่วงเคน หากว่าการตัดสินใจดึงดันอะไรลงไป จะทำให้แฟนหนุ่มที่เป็นคู่ชีวิตของเขาต้องเดือดร้อน

“จะไสหัวไปที่ไหนก็ไป ฉันไม่แคร์” นั่นคือคำตอบของอร “ฉันรู้เพียงแค่ว่า พอตกเย็นเคน พ่อของลูกฉันจะต้องกลับมาหาฉันที่บ้าน จะไปไหนก็ต้องรายงานฉันให้รู้ ไม่อย่างนั้น คุณย่าผู้น่าสงสารคงได้อายุสั้นแน่ ๆ ถ้าฉันเล่าเรื่องทุกอย่างออกไป งานนี้ เงินก็ของฉัน ผู้ชายก็ของฉัน และที่สำคัญ ลูกก็เป็นของฉัน ไม่มีอะไรสักอย่างที่เป็นของแก เอก” คำพูดของอร ดังกึกก้องอยู่ในห้วงของความคิดของทั้งเคนและเอก ที่ต่างมองตากันด้วยความรู้สึกที่ยากจนเกินบรรยาย

*******************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

The Boy Is Mine - BRANDY feat. MONICA

https://www.youtube.com/watch?v=HRxDR-83XBo


Excuse me, can I please talk to you for a minute?

ขอโทษนะ ขอคุยด้วยสักเดี๋ยวได้มั้ย

Uh-huh, sure. You know, you look kinda familiar

โอเคได้สิ แต่ว่า เธอดูคุ้นหน้าจัง

Yeah, you do too. But um, I just wanted to know, do you know somebody named...?

เธอก็ด้วยคุ้นมาก แต่ว่า อยากจะรู้ว่า เธอรู้จักคนที่ชื่อ

You, you know his name

เธอรู้จักชื่อเขาด้วยหรือ

Oh yeah, definitely. I know his name

อ๋อแน่นอน ฉันรู้ดีเลยล่ะ

Well, I just wanna let you know that he's mine

แต่ขอบอกเธอไว้เลยนะ เขาเป็นของฉัน

Ha, no, no, he's mine!

อ้อโนจ้ะ เขาเป็นของฉันต่างหาก


You need to give it up

ขอให้เธอยอมแพ้ไปดีกว่า

Had about enough

ฉันชักจะทนไม่ไหวแล้ว

It's not hard to see

ดูไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะ

The boy is mine

ผู้ชายคนนี้ของฉัน


I'm sorry that you

ฉันเห็นใจเธอนะที่เธอ

Seem to be confused

ดูจะสับสนไปเองยกใหญ่

He belongs to me

ฉันน่ะเป็นเจ้าของเขา

The boy is mine

ผู้ชายเขาเป็นของฉัน


I think it's time we got this straight

ฉันว่าถึงเวลาแล้วล่ะ ที่ต้องคุยกันให้เข้าใจสักที

Let's sit and talk face to face

ได้สิ งั้นมานั่งคุยกันเลยต่อหน้า

There is no way you could mistake

เป็นไปไม่ได้หรอกที่เธอจะจำผิด

Him for your man, are you insane?

ทึกทักเอาว่าเขาเป็นของเธอ นี่บ้าไปแล้วรึ


You see, I know that you may be

ฉันว่าเธอน่ะ คงประมาณว่าเป็น

Just a bit jealous of me

พวกขี้อิจฉาฉันมากไปหน่อย

But you're blind if you can't see

คงตาบอดเป็นแน่ ที่จะมองไม่ออกว่า

That his love is all in me

ความรักของเขามีให้ฉันแค่คนเดียวเท่านั้น


You see, I tried to hesitate

คืองี้เธอ ฉันพยายามจะอวดตัวล่ะนะ

I didn't wanna say what he told me

ไม่อยากจะพูดหรอกกับสิ่งที่เขาบอกกับฉัน

He said without me, he couldn't make it

ว่าหากไม่มีฉัน ผู้ชายเขาก็อยู่ไม่ไหว

Through the day, ain't that a shame?

ไม่แม้แต่แค่วันเดียว เธอยังจะด้านอีกหรือ


But maybe you misunderstood

แต่บางทีเธอน่าจะเข้าใจผิดไปเองนะ

Cause I can't see how he could

เพราะฉันไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนั้น

Wanna change something that's so good

ที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรที่ดีอยู่แล้วในชีวิต

All my love was all it took (The boy is mine)

เพราะความรักของฉันคือสิ่งที่เขาต้องการ ผู้ชายคนนี้เป็นของฉัน


Must you do the things you do?

เธอทำในสิ่งที่เธอต้องทำสินะ

You keep on acting like a fool

เพราะตอนนี้เธอดูเหมือนพวกโง่งม

You need to know it's me, not you

เธอต้องรู้ไว้ว่าตัวจริงคือฉัน ไม่ใช่เธอ

And if you didn't know it, girl, it's true

ถ้ายังไม่รู้ตัวอีกนะสาว นี่คือความจริง


I think that you should realize

ฉันว่าเธอควรจะสำเหนียกเอาไว้

And try to understand why

และพยายามเข้าใจถึงเหตุผลว่าทำไม

He is a part of my life

เขาคือส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน

I know it's killing you inside

และนั่นทำให้เธออดรนทนไม่ได้


You can say what you wanna say

เธอจะพูดเองเออเองก็ได้หมดแหละ

What we have, you can't take

แต่สิ่งที่ฉันกับเขามี เธอไม่สามารถมีได้เหมือนหรอก

From the truth, you can't escape

มันคือข้อเท็จจริงที่เธอจะบิดเบือนไม่ได้

I can tell the real from the fake

อะไรจริงอะไรปลอมมันดูกันออก


When will you get the picture?

เมื่อไหร่เธอจะมองเห็นภาพที่แท้จริงสักที

You're the past, I'm the future

ฉันคืออนาคตข้างหน้า ส่วนเธอมันก็แค่อดีต

Get away, it's my time to shine

ไปให้พ้นได้แล้ว นี่คือเวลาของฉันจะเปล่งแสง

If you didn't know, the boy is mine, oh (The boy is mine, oh-oh)

ถ้ายังไม่รู้ก็จะบอกให้ ผู้ชายคนนี้เป็นของฉัน


I can't destroy this love I've found

ฉันทำลายความรักที่ฉันมีไม่ได้หรอก

Your silly games, I won't allow

เกมบ้าบ้าบอบอของเธอ ฉันไม่ยอมให้ผ่าน

The boy is mine without a doubt

ผู้ชายเป็นของฉันไม่ต้องเถียงเลย

You might as well throw in the towel

เธอก็แค่ยกธงขาวยอมแพ้ไปซะ


What makes you think that he wants you

อะไรทำให้เธอคิดว่าเขาต้องการเธอ

When I'm the one that brought him to

ในเมื่อฉันคือคนที่ทำให้เขา

The special place that's in my heart?

ไปได้ถึงฝั่งฝันนั่นคือได้หัวใจฉัน

He was my love right from the start (The boy is mine)

เขาคือความรักของฉันตั้งแต่เริ่มต้นรู้จักกัน ผู้ชายคนนี้เป็นของฉัน

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0


Crime and Love Scene Investigation


๕๔. Operation “SWEETHEART”



ที่ทำได้ในตอนนี้ คือสูดลมหายใจเข้าจนลึก ก่อนที่จะตัดสินใจผลักประตูบานนั้นเข้าไป ทันทีที่ร่างเล็ก ๆ แต่ดูอวบอัดไปเสียทุกสัดส่วน ปรากฏตัวในร้านนั้น ทุกสายตาก็หันมาจับจ้องในทันที ความประหม่าทำให้เจ้าตัวหัวใจเต้นแรงมาก จนแทบจะระเบิดออกมา ก่อนจะตัดสินใจก้าวขา แล้วเกิดสะดุดเล็กน้อย แต่ก็รีบทรงตัวได้ทัน

“เย็นเอาไว้ชื่นจิต ใจเย็นไว้” เสียงของเจ้าหน้าที่ที่นั่งดูอยู่หน้ามอนิเตอร์ภายในรถตู้ พูดแซวขึ้นมา ก่อนที่ทุกคนในรถตู้จะพากันหัวเราะออกมา เอ็นดูก็เอ็นดู ขำก็ขำ แต่งานที่ได้รับมอบหมายมาก็ต้องทำ “มันคือหน้าที่” เสียงพูดของหัวหน้าปฏิบัติการนั้น ผ่านเข้ามาให้เจ้าตัวได้ยินทางหูฟังที่ซ่อนเอาไว้ในหูอย่างมิดชิด โดยมีวิกผมหยิกสลวยช่วยปกปิดเอาไว้จากสายตาคนอื่นอีกชั้นหนึ่ง

“ชื่นจิต ปรับกล้องให้ตรงอีกนิด” คนที่ฝึกเดินบนรองเท้าส้นสูงปี๊ดขนาดนี้ตลอดหนึ่งสัปดาห์เต็ม ใช้นิ้วขยับเข็มกลัดรูปดอกไม้สีแดงสดที่ติดอยู่ที่หน้าอกอวบตูมให้ตั้งขึ้น “ชัดเจน ทีนี้ทำตัวให้กลมกลืนกับสถานที่ ทำได้มั้ย ชื่นจิต” ทุกคนส่ายหัว พลางเรียกรอยยิ้มออกมาได้ กับชื่อเรียกขานของนางนกต่อ ในการปฏิบัติการครั้งนี้

“ใครสรรหาตั้งชื่อให้เนี่ย” ใครคนหนึ่งถามขึ้นกลั้วเสียงหัวเราะ “นี่คนนี้ บอสเรานี่แหละ” ทุกคนหันไปมองทางคนต้นคิด สารวัตรรัฐนนท์ซ่อนรอยยิ้มนั้นเอาไว้ได้อย่างยากลำบาก “อย่างแรก เราต้องรู้จักเป้าหมายของเราเป็นอย่างดี รสนิยมของเขาคือสิ่งที่เราใช้จัดการให้สำเร็จในครั้งนี้” สารวัตรหนุ่มหล่อให้เหตุผลออกมา

“แถมการใช้ชื่อเรียกขานแบบนี้ ก็ดูน่ารักดีออก ว่ามั้ยชื่นจิต” ชนธัญกลอกตาแทบจะในทันที ที่ได้ยินแบบนั้น “อย่าให้ถึงตาชื่นจิตคนนี้บ้างนะ สารวัตร” ได้ยินชนธัญด้วยน้ำเสียงรอคอยการแก้แค้นแบบนั้น ทุกคนหันไปมองดูใบหน้าของสารวัตรรัฐนนท์ ที่ดูจะชอบใจกับการยอมทำหน้าที่อย่างถึงที่สุดของชนธัญในครั้งนี้เป็นอย่างมาก

“เดี๋ยวนะ” ใครอีกคนพูดขึ้น “ปกติเราใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษกับทุกครั้งที่ออกปฏิบัติการแบบนี้” ทุกคนได้ยินกันทั่ว ชนธัญก็ด้วยเช่นกัน “ชื่นจิต” เรียกชื่อนั้นซ้ำ พลางขมวดคิ้วคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ชื่นจิต ชื่นใจ ถ้างั้นก็” พอนึกขึ้นได้ว่าคำภาษาอังกฤษควรจะเป็นคำว่าอะไร ก็รีบโพล่งขึ้นมาในทันที

“Sweetheart” ชนธัญที่ได้ยินเต็มสองรูหู อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าใบหน้าของเขาเต้นยิบ ๆ ไปด้วยอาการประหลาดที่ใจนั้นรู้สึก “ทำงานได้แล้ว” สารวัตรรัฐนนท์พูดตัดบท ทั้ง ๆ ที่ริมฝีปากยังแต้มไปด้วยรอยยิ้ม นึกถึงชนธัญที่ยอมลงทุนแต่งหน้าแต่งตัวขนาดนี้แล้ว สารวัตรรัฐนนท์ก็ทึ่งในความเสียสละของอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย ชนธัญรีบสลัดความประหม่าและเขินอาย พยายามตั้งสติว่าตอนนี้เขากำลังปฏิบัติภารกิจอยู่

ชื่นจิตก้าวขาออกเดิน ด้วยการย้ายสะโพกซ้ายขวาอย่างมีจริต เดินตรงไปที่ด้านหน้าบาร์เหล้า ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้กลมบุนวมยกสูง บาร์เทนเดอร์ตัวใหญ่ท้วม ลักษณะเป็นทอมป๋าหันมามอง ชื่นจิตโปรยยิ้มให้ไปหนึ่งที แต่ทอมป๋าใบหน้านิ่งสนิท ไม่ยินดียินร้ายกับรอยยิ้มหวานที่สุดที่ชื่นจิตหว่านเสน่ห์

“ดื่มอะไร” ทอมป๋าไบเกอร์ที่เป็นบาร์เทนเดอร์ประจำบาร์ถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เหมือนตรากตรำผ่านการดื่มวิสกี้และสูบบุหรี่มาอย่างหนักตลอดชีวิต ชื่นจิตอึ้งไปในทันที ที่ได้ยินคำถามนั้น เพราะตามปกติเจ้าตัวแทบจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลย “น้ำส้ม” ปากที่ไวกว่าความคิด ทำให้พูดออกไปแบบนั้น ทอมป๋าเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย เพราะบาร์นี้มีกฎว่า ถ้าไม่ดื่มเหล้า เราไม่เสิร์ฟ

“วอดก้า” ชื่นจิตรีบพูดตามออกไป “วอดก้าน้ำส้ม” ก่อนจะรีบฉีกยิ้มให้อีกรอบ “เลือกได้ดี” คราวนี้บาร์เทนเดอร์ทอมป๋าดูจะเป็นมิตรขึ้นมาบ้าง ก่อนจะลงมือชงเครื่องดื่มให้กับชื่นจิต “หูย สีสวยจัง” ชนธัญนั้นก่อนหน้านี้ ก็เพิ่งได้ยินทีมพูดถึงเหล้าชงตัวนี้ผ่านหู ไม่รู้เหมือนกันว่ารสชาติมันจะเป็นยังไง ก่อนจะรับแก้วเครื่องดื่มนามว่าสกรูไดรเวอร์มาจากทอมป๋า

“คงจะชื่นใจ” ว่าแล้ว ชื่นจิตก็หย่อนหลอดลงไปในแก้ว แล้วดูดเครื่องดื่มนั้นขึ้นมาเต็ม ๆ คำ ก่อนจะต้องไอออกมาในทันที กับความบาดคอที่เจ้าตัวไม่เคยลิ้มรสมาก่อน “คออ่อนป่ะเนี่ย” ทอมป๋าถามขึ้น หลังจากเห็นอาการสำลักของคนสวยตรงหน้า “อุ๊ย ดื่มประจำค่ะ สบายมาก มันแค่ลงผิดร่องไปหน่อยเดียว” พูดแล้วก็ทำหัวเราะกลบเกลื่อน ทำเอาทอมป๋าต้องหัวเราะแบบพยักพเยิดไปด้วย

“ค่อย ๆ จิบนะชื่นจิต” สารวัตรรัฐนนท์ส่งเสียงผ่านเข้ามาหาชนธัญ ที่ตอนนี้ชื่นจิตมีหลอดคาปากเอาไว้ตลอดเวลา “เป้าหมายลักษณะหน้าตายังไง” ชื่นจิตถามกลับไปขณะที่ปากยังดูดวอดก้าน้ำส้มอย่างเพลิดเพลิน “จากคำให้การที่มีอยู่ ตอนนั้นผู้เสียหายเมามาก แทบจะจำอะไรไม่ได้เลย รู้แต่ว่า รสนิยมของเป้าหมาย น่าจะชอบความอวบอัดและเซ็กซี่” คำบอกเล่านั้น ทำให้ชื่นจิตหมุนตัวบนสตูลทรงกลมหันหน้าจากบาร์เหล้า เข้าสู่ในตัวร้าน

“มีมั้ย เห็นเป้าหมายหรือเปล่า” วิดีโอไลฟ์ฟีดจากเข็มกลัดถูกส่งไปที่หน้าจอในรถตู้ปฏิบัติการ สารวัตรรัฐนนท์และทุกคนในทีม รีบกวาดตามองไปจนทั่วหน้าจอ “เนกาทีฟ” เสียงตอบกลับมาให้ชื่นจิตรับรู้ ตอนนี้ภายในร้านมีลูกค้านั่งกันอยู่พอสมควร แค่บรรยากาศมันดูเงียบ ๆ ไปหน่อยก็เท่านั้น

“หรือต้องใช้ความเซ็กซี่เป็นตัวล่อให้เป้าหมายติดกับ” ชื่นจิตพูดจบ ก็ดูดวอดก้าน้ำส้มจากแก้วที่ถือเอาไว้ในมือ รวดเดียวจากที่เหลือจนเกือบเต็มแก้ว จนเสียงดูดลมจากก้นแก้วดังขึ้น ชื่นจิตรู้สึกใบหน้าร้อนผะผ่าว มันตึงแน่นขึ้นมาในทันที ความร้อนมันแทรกซึมลงที่ลำคอ ไอ้สกรูไดรเวอร์นี่มันอร่อยใช้ได้ ชื่นจิตเริ่มว่าอย่างนั้นแล้ว

พอยืนขึ้นชื่นจิตเซเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเขิน ๆ เมื่อมีสายตาของผู้ชายหลายคนจับจ้องมองมาเป็นตาเดียวกัน บ้างก็ยกแก้วขึ้นชูแล้วพยักหน้าให้ บ้างก็ส่งยิ้มมาแบบที่หากว่าชื่นจิตคืนร่างเป็นชนธัญ รับรองว่าเจ้าตัวคงไม่ยิ้มตอบกลับไปพวกผู้ชายเหล่านี้ แบบที่ทำอยู่นี้อย่างแน่นอน

ชื่นจิตเดินยักย้ายส่ายสะโพกแบบนวยนาดไปที่ตู้เพลง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองไม่มีเหรียญที่จะหยอดตู้จู๊กบอกซ์ เพื่อเล่นเพลงที่ตัวเองต้องการ แล้วชื่นจิตก็ต้องหันไปมองที่ช่องหยอดเหรียญ ที่มีชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง สายตาจับจ้องมาที่ใบหน้าของชื่นจิต ส่วนมือนั้นก็ดันเหรียญให้ตกลงช่องลงไป ชื่นจิตยิ้มให้ในความใจดีของชายหนุ่ม ก่อนจะกดรหัสเพลงที่ต้องการ เสียงตู้เพลงดังครืดคราดตามความเก่าของมัน ก่อนที่จะเล่นเพลงที่ถูกชื่นจิตเลือกเอาไว้

ชื่นจิตเดินไปที่กลางร้าน ที่ถือว่าเป็นอันรู้กันของแขกที่มา ว่านี่คือฟลอร์เต้นรำ ถ้าหากว่าใครเกิดนึกครึ้มอกครึ้มใจ จะออกสเต็ปวาดลวดลายลีลา ขยับแข้งขยับขาให้ครื้นเครง อย่างเช่นชื่นจิต ที่ตอนนี้นั้น กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะของเสียงเพลง ที่เจ้าตู้เพลงกำลังบรรเลงให้อยู่

“หูย” เสียงทีมที่นั่งสังเกตการณ์อยู่ในรถตู้ พากันร้องระงม เมื่อเห็นการยักย้ายนั้นของชนธัญ “วอดก้า นี่มันวอดก้าเต้นแล้ว” ทุกคนที่เห็นการหันซ้ายป่ายขวา จากกล้องที่มาแอบติดเอาไว้ที่มุมร้าน ถึงกับทึ่ง ที่เครื่องดื่มชนิดนี้ที่ชนธัญสั่งมาดื่ม จะส่งผลกับเจ้าตัวได้ขนาดนี้ สารวัตรรัฐนนท์เองก็ถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน เพราะนี่ขนาดชนธัญดื่มหมดไปเพียงแค่แก้วเดียวเท่านั้น เจ้าตัวยังเต้นได้ขนาดนี้

“เพลงโปรดเลยนะ เพลงนี้” ชื่นจิตร้องตะโกนออกมา “ไม่อยากเต้นกันบ้างหรือคะ” ก่อนจะหันไปถามบรรดาชายหนุ่มที่ยังคงได้แต่นั่งมองมายังเจ้าตัว “เต้นเก่งจัง” เสียงชมจากชายหนุ่มหน้าตาดี ที่หยอดเหรียญใส่ตู้เพลงให้ “ชื่ออะไรครับ” แล้วก็ถามคำถามถัดมา “ชื่นจิต ชื่อชื่นจิต” ชนธัญเกือบลืมตัว เผลอตอบชื่อจริง ๆ ของตัวเองออกไปแล้ว ยังดีที่ยั้งทัน ก่อนจะบอกชื่อที่ใช้ในการปฏิบัติการออกไป

สารวัตรรัฐนนท์ มองเห็นสายตาของผู้ชายคนนี้ ที่เข้ามาคุยกับชนธัญ มันเป็นสายตาที่ดูก็รู้ ว่ารู้สึกพึงพอใจในตัวของอีกฝ่ายมากขนาดไหน สารวัตรรัฐนนท์สั่งทุกฝ่ายเตรียมพร้อมเอาไว้ก่อน โดยเฉพาะทีมบุก ให้รอคำสั่งจากเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ตอนนี้ต้องรอเพียงคำยืนยันจากชนธัญคนเดียวเท่านั้น ที่จะส่งสัญญาณมาให้ ว่านี่ใช่เป้าหมายที่ทางทีมปฏิบัติการต้องการตัวหรือไม่

“เต้นจนเหนื่อยเลย คอแห้งจัง ไปหาอะไรดื่มก่อนดีกว่า ขอบคุณนะ สำหรับเพลงโปรดที่เล่นให้ ชอบมาเลยล่ะ” ชื่นจิตพูดด้วยจริตจะก้าน ตอบขอบคุณรับน้ำใจจากชายหนุ่มคนนั้นไป ชนธัญนั้นตอนนี้กำลังประมวลผลจากลักษณะท่าทางของชายหนุ่มคนนี้ ที่ดูยังไงก็ไม่น่าพลาด ว่าเขากำลังสนใจในตัวของชื่นจิต

“ขอแบบเมื่อกี้อีกแก้วสิคะ” ชื่นจิตที่เดินกลับมาหน้าบาร์เหล้า ร้องขอเครื่องดื่มแบบเดิมจากบาร์เทนเดอร์ทอมป๋า ที่แต่งตัวแบบไบเกอร์ขาซิ่ง “ได้เลยครับคนสวย” ทอมป๋ารับคำ ก่อนจะปรุงเหล้าแก้วใหม่ให้ คราวนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเหล้าชงชนิดเดิม แต่ทอมก็ป๋าสมชื่อ เพิ่มเติมความเข้มให้อีกจนเต็มพิกัด

“ท่าเต้นเซ็กซี่มาก กลับบ้านกับป๋ามั้ยคืนนี้” ชื่นจิตตาเบิกโพลง ไม่แน่ใจจะเป็นเพราะว่าเหล้าที่รสเข้มเสียเหลือเกิน ที่ตัวเองเพิ่งกลืนลงคอไป หรือว่าจะเป็นเพราะคำเชิญชวนของทอมป๋า บาร์เทนเดอร์ไบเกอร์ที่ชวนกันลับไปหาความสำราญกันต่อที่ห้อง “ป๋า หนูยังมีไอ้นั่นอยู่” ทุกคนในรถตู้ รวมทั้งสารวัตรรัฐนนท์อึ้งกันไปเมื่อได้ยินชนธัญพูดแบบนั้น จะมีก็แต่ทอมป๋าทอมป๋าคนเดียว ที่มีแววตาผิดหวัง

“ถ้าอย่างนั้น ก็สเป็กผมเลยนะครับ” ชื่นจิตหันไปมองทางต้นเสียง ชายหนุ่มที่หยอดเหรียญตู้เพลงให้ เข้ามายืนข้าง ๆ กันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เขาพูดพลางกระดกเบียร์จากขวดที่ถืออยู่ลงคอไปสองสามอึกใหญ่ “ห้องพักผมอยู่ไม่ไกล เราไปกันเลยมั้ย” ชนธัญหัวเราะแหะ ๆ ออกไป ก่อนจะชวนอีกฝ่ายนั่งลงที่หน้าบาร์กันก่อน พลางคิดอีกครั้งว่า ผู้ชายคนนี้คือเป้าหมายที่ทางทีมต้องการ แน่หรือไม่

******************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Honky Tonk Badonkatonk - Trace Adkins

https://www.youtube.com/watch?v=EjpJCYfgyvc


Turn it up some

เปิดมันให้ดังดัง

Alright boys, this is her favorite song

เอาล่ะหนุ่มหนุ่ม นี่เป็นเพลงโปรดของเธอ

You know that, right?

รู้กันใช่มั้ยล่ะ

So, if we play it good and loud

ถ้าเราเปิดให้ดังดังและถูกใจ

She might get up and dance again

เธออาจจะลุกขึ้นแล้วเต้นอีกรอบ


Ohh, she put her beer down

เฮ้ย เธอวางเครื่องดื่มลงแล้ว

Here she comes, here she comes

นั่นไงเธอเริ่มแล้ว เริ่มแล้วจริงจริงด้วย

Left, left, left right left

ซ้าย ซ้าย ซ้าย ขวา ซ้าย

Woo

โอ้แม่เจ้า


Hustlers shootin' eight ball

พวกหนุ่มโฮสต์หากินกำลังยิงโต๊ะพูล

Throwin' darts at the wall

บ้างก็ปาลูกดอกไปที่กำแพง

Feelin' damn near ten feet tall

พากันรู้สึกว่าตัวเองทั้งหล่อทั้งล่ำกันใหญ่

Here she comes, Lord help us all

เมื่อเธอคนนี้มาถึง โอ้ว พระเจ้าช่วยลูกด้วยเถิด

Ol' T.W.'s girlfriend done slapped him out his chair

พวกมีเมียแล้วคงโดนเมียตบตกเก้าอี้เป็นแน่

Poor ole boy, it ain't his fault

น่าสงสารไอ้หนุ่มพวกนั้น แม้ไม่ใช่ความผิด

It's so hard not to stare

ก็ของดีมันก็ยากที่จะไม่มอง


At that honky tonk badonkadonk

ต้องเหล่ไปที่อะไรมันหนุบหนับหมุบหมับ

Keepin' perfect rhythm, make ya wanna swing along

แถมยังเต้นเด้งไปเด้งมา จนอยากจะเต้นตามไปด้วย

Got it goin' on like Donkey Kong

มันเพลิดเพลินประหนึ่งตัวเองคือตัวใหญ่เจ้าโลก

And whoo-wee, shut my mouth, slap your grandma

โอ้ว เกือบลืมหุบปากเช็ดน้ำลาย ตบคุณยายแก้เขินความสวย

There oughta be a law, get the Sheriff on the phone

มันควรจะต้องออกกฎหมายควบคุม โทรตามผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ให้ที

Lord have mercy, how'd she even get them britches on

ขอพระเจ้าทรงเมตตา นี่เธอยัดทุกสัดส่วนลงเสื้อผ้าไปได้ยังไงกัน

That honky tonk badonkadonk

ดูสิของหนุบหนับหมุบหมับนั่น


Now Honey, you can't blame her

เอาเป็นว่าอย่าโทษเธอเลย

For what her mama gave her

กับสิ่งที่แม่ให้เธอมาไว้ติดตัว

It ain't right to hate her

มันไม่แฟร์หากจะพากันเกลียดเธอ

For workin' that money-maker

ที่รู้จักใช้บึ้มบั้มเรียกความสนใจได้ผล

Band shuts down at two

วงดนตรีเลิกตอนตีสอง

But we're hangin' out 'til three

แต่พวกเราก็อ้อยอิ่งกันจนถึงตีสาม

We hate to see her go

ไม่ชอบเลยที่เห็นตอนเธอกลับ

But love to watch her leave

แต่คลั่งรักเมื่อมองเธอเดินจากไป


With that honky tonk badonkadonk

พร้อมกับของหนุบหนับหมุบหมับนั่น

Keepin' perfect rhythm, make ya wanna swing along

แถมยังเต้นเด้งไปเด้งมา จนอยากจะเต้นตามไปด้วย

Got it goin' on like Donkey Kong

มันเพลิดเพลินประหนึ่งตัวเองคือตัวใหญ่เจ้าโลก

And whoo-wee, shut my mouth, slap your grandma

โอ้ว เกือบลืมหุบปากเช็ดน้ำลาย ตบคุณยายแก้เขินความสวย

There oughta be a law, get the Sheriff on the phone

มันควรจะต้องออกกฎหมายควบคุม โทรตามผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ให้ที

Lord have mercy, how'd she even get them britches on

ขอพระเจ้าทรงเมตตา นี่เธอยัดทุกสัดส่วนลงเสื้อผ้าไปได้ยังไงกัน

That honky tonk badonkadonk

ดูสิของหนุบหนับหมุบหมับนั่น

(Ooh, that's what I'm talkin' 'bout right there, honey)

นั่นแหละคือสิ่งที่พูดถึงกัน อวบอวบอัดอัดแสนดี


We don't care about the drinkin'

เรื่องดื่มเมามายไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่

Barely listen to the band

เพลงอะไรที่วงเล่นก็ไม่ได้ฟังกัน

Our hands, they start a shakin'

แต่มือของเราสิ เริ่มสั่นเริ่มเขย่า

When she gets the urge to dance

พอเห็นว่าเธออินไปกับการยักย้ายส่ายสะโพก

Drivin' everybody crazy

ทำให้ทุกคนตรงนั้นคลั่งไคล้

You think you fell in love

พากับเหมือนตกหลุมรักก็ไม่ปาน

Boys, you better keep your distance

หนุ่มหนุ่มห่างห่างเอาไว้หน่อยเป็นดี

You can look but you can't touch

เพราะเดี๋ยวจะได้แต่มองมืออย่าต้องของจะเสีย


that honky tonk badonkadonk

ต้องเหล่ไปที่อะไรมันหนุบหนับหมุบหมับ

Keepin' perfect rhythm, make ya wanna swing along

แถมยังเต้นเด้งไปเด้งมา จนอยากจะเต้นตามไปด้วย

Got it goin' on like Donkey Kong

มันเพลิดเพลินประหนึ่งตัวเองคือตัวใหญ่เจ้าโลก

And whoo-wee, shut my mouth, slap your grandma

โอ้ว เกือบลืมหุบปากเช็ดน้ำลาย ตบคุณยายแก้เขินความสวย

There oughta be a law, get the Sheriff on the phone

มันควรจะต้องออกกฎหมายควบคุม โทรตามผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ให้ที

Lord have mercy, how'd she even get them britches on

ขอพระเจ้าทรงเมตตา นี่เธอยัดทุกสัดส่วนลงเสื้อผ้าไปได้ยังไงกัน


That honky tonk badonkadonk

ดูสิของหนุบหนับหมุบหมับนั่น

That honky tonk badonkadonk

ดูนั่นของอวบอัดอั๋นอุ่น

Yeah, that honky tonk badonkadonk

ถูกใจกับความแน่นขนัดจัดจ้าน

(That honky tonk badonkadonk)

หนุบหนับหมุบหมับ


That's it, right there boys, that's why we do what we do

ใช่เลย ถูกแล้วหนุ่มหนุ่ม นี่คือสิ่งที่เราทำและทำอยู่

It ain't for the money, it ain't for the glory, it ain't for the free whiskey

ไม่ใช่เพื่อเงิน ไม่ใช่เพื่อชื่อเสียง ไม่ใช่เพื่อเหล้าฟรี

It's for the badonkadonk

แต่เพื่อของหนุบหนับหมุบหมับ

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สืบลับ สืบรัก: CLSI ๕๕. TABLEAU _ 10.11.2023
«ตอบ #57 เมื่อ11-10-2023 21:35:31 »


Crime and Love Scene Investigation

๕๕. TABLEAU



“แล้วปฏิบัติการนี้ จะให้ใครทำดีครับ บอส” หนึ่งในทีมสืบลับเอ่ยปากถามสารวัตรรัฐนนท์ ถึงคดีใหม่ที่เพิ่งได้รับมอบหมายมา “ก็เดี๋ยวลองดู ว่าใครจะเหมาะสม เคสนี้มันต้องทำแบบแนบเนียนมาก ๆ ด้วยสิ” สารวัตรหนุ่มหล่อที่อ่านรายละเอียดในคดีนี้ กำลังกังวลอยู่ไม่น้อย หากจะต้องออกทำการปลอมตัวเพื่อแทรกซึมเข้าตรวจหาเป้าหมาย

“ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องใช้คนที่มีประสบการณ์พอตัว” ใครอีกคนในทีมให้เหตุผล แล้วคนในทีมต่างก็พากันหันซ้ายหันขวา มองกันไปมา ว่าใครดูน่าจะเหมาะสมที่สุด” สารวัตรรัฐนนท์เอง ก็ยังไม่ปักใจกับลูกน้องในทีมที่ร่วมงานกันมาเท่าใดนัก ว่าจะสามารถทำเคสนี้ได้ โดยที่ไม่ทำให้เป้าหมายเกิดการไหวตัวทันเสียก่อน

“คราวนี้ สิ่งที่มันยากก็อยู่ตรงที่ เราต้องสร้างความดึงดูดต่อเป้าหมายได้ในเวลาอันสั้น เพราะทีมที่รอเข้าทำการจับกุมจะรออยู่ด้านนอก พร้อมดำเนินการตลอดเวลา” สารวัตรรัฐนนท์พูดพลางนึกถึงปฏิบัติการก่อนหน้า ที่มันประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ตั้งแต่ตอนที่ทีมของสารวัตรหนุ่มยังไม่ได้เปลี่ยนมาเป็นทีมสืบลับ

“แต่ครั้งที่แล้ว มันเป็นการแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มพวกแก๊งคอลเซนเตอร์ มาครั้งนี้มันแตกต่างไปมาก ไม่เหมือนกันเลย” สารวัตรรัฐนนท์คำนึงถึงความปลอดภัยของลูกทีมของเขาเป็นหลัก “รายละเอียดการแทรกซึมตัวเอเจ้นท์เข้าไปก็ตามรายละเอียดในเอกสารที่ทุกคนได้เห็นกันแล้ว” ทุกคนที่อยู่ในทีม ก้มลงมองดูเอกสารตรงหน้า แล้วก็พากันหน้านิ่วคิ้วขมวด

“ยากจังเว้ย” ใครคนหนึ่งบ่นขึ้นมาดัง ๆ “ต้องแต่งหน้าทำผม” ทุกคนหันหน้าเกือบจะพร้อมกันไปทางโถงกลาง ตรงนั้นชนธัญกับหมอดุกำลังยืนคุยกันอยู่ “ต้องแต่งตัว ชุดรัดรูป เรเฟอเรนซ์สาวสองท่องราตรี ก๋ากั่นกล้าแสดงออก” ทั้งหมดในทีมกันไปทางเดิมพร้อมกันอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย

“แถมบั้นท้ายต้องอึ๋ม ๆ เสริมได้นิดหน่อย แต่ต้องดูเป็นธรรมชาติ ตามรสนิยมของเป้าหมาย” ทั้งหมดกำลังจะเหลียวหลังกลับไปมองทางชนธัญอีกครั้ง แต่เสียงกระแอมไอจากทางสารวัตรรัฐนนท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน ทำให้ทุกคนหันมายิ้มแห้ง ๆ เมื่อเห็นสายตาบอสของพวกเขาที่ดูเหี้ยมเกรียมขึ้นมาอย่างปุบปับ

ทุกคนในทีมตอนนี้พากันลอบสบสายตากันและกัน เมื่อมองเห็นสารวัตรรัฐนนท์เองนั่นแหละ ที่มองชนธัญโดยไม่ยอมละสายตา จนพอรู้ตัวว่า ถูกพวกลูกน้องในทีมจับได้ ก็ทำท่ากลบเกลื่อน ทีเรื่องแบบนี้สารวัตรหนุ่มมากฝีมือคนนี้ กลับทิ้งร่องรอยพิรุธเอาไว้เสียเองจนเกลื่อนกลาด

“ปัญหาตอนนี้ ก็คือ เราจะทำให้คุณชนธัญเขาตกลงรับหน้าที่นี้ยังไงดี เพราะพวกเราอย่าลืมว่า คนรับหน้าที่เอเจ้นท์จะดูแค่ว่าเหมาะสมอย่างเดียวไม่ได้ เราอย่าลืมว่า คุณชนธัญไม่ได้ถูกเทรนเรื่องนี้มาแต่อย่างใด การฝึกที่ผ่านมาก็แค่เรื่องเบื้องต้นเท่านั้น การปฏิบัติการแบบนี้ มันมีความเสี่ยงอยู่มาก” ทุกคนเห็นด้วยกับคำพูดนี้

“แต่เรามีใครอื่นอีกมั้ยล่ะ เพราะเอเจ้นท์จากหน่วยอื่นที่พร้อม ก็เป็นผู้หญิงกันหมด” พอมาข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ทุกคนก็ต้องหันกลับไปมองทางชนธัญอีกครั้ง ที่เจ้าตัวในตอนนี้นั้น คุยธุระกับด็อคเตอร์ดรุณีเสร็จแล้ว และก็รู้ตัวนานแล้ว ว่าทั้งทีมหันมามองให้ความสนใจกับเขาอย่างมาก จนอยากจะเดินมาถามหลายรอบแล้ว ว่ามีเรื่องอะไรกัน

“คืนนี้คุณชนธัญว่างมั้ยครับ ไม่มีนัดที่ไหนใช่หรือเปล่า” หนึ่งในทีมสืบลับถามชนธัญ เมื่อเห็นหนุ่มหน้าใสเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขาพอดี “ว่างครับ” ชนธัญถามกลับไป ทำท่างง ๆ ก่อนจะมองสบตากับสารวัตรรัฐนนท์ ที่ทำท่าเหมือนกับว่า ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย โดยชนธัญต้องตกกระไดพลอยโจน ตกปากรับคำกับทั้งทีม ว่าค่ำนี้เขาจะออกไปข้างนอกด้วยกับทุกคน

“เดี๋ยวก่อน สารวัตร ว่ายังไงนะ” กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทุกคนก็พากันมาถึงบาร์ของดนัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะถ้าจะเริ่มปฏิบัติการ ต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่เดี๋ยวนี้ “เคสนี้มันต้องการความละเอียดในเรื่องดีเทลต่าง ๆ ถ้าคุณจะยอมช่วยทีมของเราในปฏิบัติการนี้” สารวัตรรัฐนนท์บอกกับชนธัญ ในตอนที่ทุกคนนั้น พร้อมที่จะเดินเข้าในด้านในของบาร์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตอนนี้เหล่านางโชว์ทั้งหลาย ก็มายืนออกันอยู่ที่ทางเข้าร้าน หลังจากที่รู้จากดนัย เจ้านายของพวกเธอว่า เหล่าทีมสืบลับจะมาที่ร้านในคืนนี้

“แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องแล้วแต่คุณนะ ถ้าคุณจะปฏิเสธผมก็ไม่ว่าอะไร” ใจหนึ่งของสารวัตรรัฐนนท์ เขาเองก็เป็นห่วงชนธัญอยู่ไม่น้อย กับการที่จะต้องปล่อยให้ชนธัญทำงานโซโล่เป็นครั้งแรก “ถ้าคุณยอมตกลง ผมรับรองว่าทีมเทคนิคของเราในการออกปฏิบัติการมีความพร้อมมากที่สุด” บรรดาลูกทีมของสารวัตรรัฐนนท์หลับตากันปี๋ พร้อมไขว้นิ้วรอคำตอบจากหนุ่มหน้าใส

“และผมไม่ยอมปล่อยให้เกิดอันตรายกับคุณแน่นอน ผมสัญญา ด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย นายตำรวจไทย” จุดนี้ทำให้ชนธัญต้องหลบสายตาจากสารวัตรหนุ่มหล่อ ที่ส่งสายตามองมาอย่างมีความหมาย ทุกคนในทีมลืมตากันขึ้นมาดู ชนธัญไม่ได้ตอบตกลง แต่ลูกทีมได้ยินเสียงหนุ่มหน้าใสเปิดประตูลงจากรถ สารวัตรรัฐนนท์มองไปที่ชนธัญ ก่อนจะทำตามอย่างเดียวกัน พวกลูกทีมก็พากันกรูลงจากรถมาด้วย

“นายบอกพวกเราว่า สารวัตรสุดหล่อจะพาน้องตัวเล็กหน้าใสคนนี้มาหา” บรรดานางโชว์ที่มายืนออต้อนรับกันเป็นกลุ่มกล่าวทักทายทุกคนในทีม “พวกคุณทุกคนทำให้นายของไม่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล แถมทำให้พวกเราได้ทำงานต่อ ไม่ต้องปิดบาร์ ถือเป็นหนี้บุญคุณที่ใหญ่มาก อะไรที่พวกเราตอบแทนทำให้ได้ พวกเรายินดีทำสุดฝีมือ เต็มที่ค่ะงานนี้” เหล่านางโชว์นั้น ยังจำความรู้สึกที่โล่งใจ ความดีใจและความสุขที่ได้รับ ที่ศาลวันนั้นได้ดี

“เรเฟอเรนซ์ก็ตามนั้นครับ” สารวัตรรัฐนนท์ชี้ไปที่หนึ่งในลูกทีมสืบลับ ที่ยื่นกระดาษให้ไปแผ่นหนึ่ง “หืม” นางโชว์ที่ได้เห็นข้อความในกระดาษ ถึงความต้องการในการแปลงโฉมชนธัญให้เป็นไปตามนั้น มองหน้ากันก่อนจะซุบซิบภายในกลุ่ม แล้วหันมาพูดกับสารวัตรรัฐนนท์ว่า

“หนักกว่าเธอก็เจอมาแล้ว” ก่อนจะคว้าตัวของชนธัญให้เดินเข้ามาใกล้ ๆ “รับรองเลยค่ะ น้องหน้าใสคนนี้ กลับออกมาจากห้องแต่งตัวมาเจอคุณสารวัตรสุดหล่อแสนเท่อีกครั้ง จะต้อง ตะลึง ตะลึง ตะลึง ตึ๊งตึงตึงตึง ตะลึงตึงตึง” พูดจบก็พากันหัวเราะ ก่อนจะรีบพาชนธัญเข้าไปในยังห้องแต่งตัวที่ด้านหลังเวทีทันที

ผ่านไปเกือบ ๆ ชั่วโมงหนึ่งได้ สารวัตรรัฐนนท์ที่ยืนคุยอยู่กับดนัยว่าเขามีเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ในการซักซ้อมทุกอย่างให้พร้อมที่สุด ก่อนจะออกปฏิบัติการ ดนัยให้คำมั่นสัญญาว่า ทุกอย่างจะไม่ถูกแพร่งพรายไปไหน ทุกอย่างในคืนนี้ จะเหมือนกับคืนปกติของทางบาร์นางโชว์เท่านั้น ก่อนที่ได้ยินเสียงฮือฮาดังขึ้นมาจากทางหน้าบาร์

ชนธัญนั้นมือไม้สั่นไปหมด เมื่อมีสายตาของบรรดาลูกค้าในบาร์จับจ้องมาที่เขาแบบไม่วางตา ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องแต่งตัวที่ด้านหลังเวทีมานั้น ชนธัญเห็นตัวเองในกระจก แล้วก็ต้องทึ่งกับฝีมือการเปลี่ยนทุกอย่างให้ใกล้เคียงกับความต้องการของทางทีมได้น่าประหลาดใจขนาดนี้

“เวิร์ก อิท เวิร์ก อิท เกิร์ล” เหล่านางโชว์ตะโกนเตือน สิ่งที่พวกเธอสอนชนธัญเกี่ยวกับแอทติจูดที่มาพร้อมลุคที่เขาแต่งอยู่ในตอนนี้ ตั้งแต่ในห้องแต่งตัว ชนธัญหลับตาลง สูดหายใจเข้าจนลึก ได้ยินเสียงหนึ่งในทีมสั่งสกรูไดรเวอร์ ก่อนที่หนุ่มหน้าใสจะลืมตาขึ้น แล้วเดินยักย้ายส่ายสะโพกไปที่ไฟหน้าบาร์ จนมีเสียงฮือฮาดังขึ้นจากความชอบและพึงใจ

สารวัตรรัฐนนท์ตะลึงตาค้าง เมื่อบรรดาลูกค้าของบาร์แหวกทางออก จนทำให้สารวัตรหนุ่มหล่อมองเห็นคนที่ยืนอยู่ที่หน้าบาร์ ดนัยเองยังต้องออกปากร้องว้าวออกมา เมื่อเห็นว่าคนคนนั้นนั่นคือชนธัญ ก่อนที่สารวัตรรัฐนนท์จะมองเห็นชนธัญเดินอย่างนวยนาด ในมือถือขวดเบียร์ข้างละขวด เดินตรงเข้ามาหา

ชนธัญเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มทั้งสองคน นางโชว์ที่ช่วยกันแปลงโฉม แต่งให้ชนธัญคือสาวสองก๋ากั่นตามข้อมูลที่ได้รับมา มองตามหนุ่มหน้าใสด้วยความภาคภูมิใจ ด้วยว่าแอทติจูดที่เพิ่งสอนชนธัญไป ดูจะพรั่งพรูแสดงออกมาจากตัวชนธัญ มากจนน่าประทับใจ

“เชียส” ดนัยจับขวดเบียร์เย็นเฉียบจากมือของชนธัญ ที่ยื่นมันมาแนบเข้ากับแผงอกของเขาพอดี “สตาร์” มันเป็นสิ่งที่นางโชว์อย่างสตาร์ทำกับเขา ที่ดนัยจำได้ดี ก่อนจะเห็นชนธัญหันไปทางสารวัตรรัฐนนท์ ที่ยื่นมือออกมารับขวดเบียร์ไปถือเอาไว้ “เราเจอกันอีกแล้วนะพ่อหนุ่ม” สารวัตรหนุ่มหล่อมองดูชนธัญที่ไม่ได้มีท่าทางเหมือนชนธัญ เฉกเช่นเดียวกับคืนวันนั้น ณ สถานที่เดียวกันนี้

เสียงเพลงดังขึ้น ชนธัญเดินขึ้นไปบนเวที ไฟสปอตไลต์ส่องจับไปที่หนุ่มหน้าใส ที่ตอนนี้กลายเป็นนางโชว์ทรงเสน่ห์ บั้นท้ายอวบอั๋น ที่กำลังโยกย้ายสะโพกไปตามจังหวะเพลงที่เร่งเร้าและรุ่มร้อน เสียงเชียร์จากลูกค้าในบาร์ ยิ่งทำให้การเต้นของชนธัญที่ทุกคนเห็นบนเวที โหมกระพือพัดเร่งเร้าความต้องการลึก ๆ ภายในใจของใครต่อใครให้ลุกโชน

แม้แต่เหล่านางโชว์เองยังมองชนธัญแบบตาค้าง กับความเป็นมือโปรเมื่ออยู่บนเวที ไม่ต้องพูดถึงสารวัตรรัฐนนท์ที่แอบกลืนน้ำลายไปหลายอึก จนดนัยต้องพูดแซวว่า สมใจสารวัตรแล้วมั้ย ชนธัญรู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่เพลงกำลังใกล้ถึงท่อนท้าย ๆ เขารู้สึกว่า เขาเดินบนรองเท้าส้นสูงได้คล่องแคล่ว ราวกับว่ามันเป็นเรื่องประจำที่ทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เสื้อเปิดไหล่ร่นไปอยู่ที่ต้นแขน รู้สึกเหมือนกับว่าเขาเห็นนางโชว์สะคราญคนหนึ่ง เดินจากตรงที่ชนธัญยืนอยู่ กลับเข้าห้องแต่งตัวด้านหลังเวที เมื่อชนธัญเหลียวไปมองทางด้านหน้าเวทีอีกครั้ง เมื่อเสียงเพลงได้จบลง

**************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Man! I Feel Like A Woman - Shania Twain

https://www.youtube.com/watch?v=ZJL4UGSbeFg


Let's go girls

เอาเลยสาวสาว

C'mon

มากันเถอะ


I'm goin' out tonight, I'm feelin' alright

ฉันว่าจะออกย่ำราตรี คืนนี้มันได้พอดี

Gonna let it all hang out

จะออกไปสังสรรค์สักหน่อยเป็นไร

Wanna make some noise, really raise my voice

อยากปลดปล่อยสำเนียง อยากร้องโต้สุดเสียง

Yeah, I wanna scream and shout, uh

ใช่ อยากตะโกนอยากกรี๊ดตามใจ


No inhibitions, make no conditions

ไม่มีการยับยั้งควบคุม ไม่มีข้อแม้แผ้วพาน

Get a little outta line

ออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง

I ain't gonna act politically correct

ขอเว้นความถูกต้องที่คนอื่นมองสักคืน

I only wanna have a good time

ก็แค่อยากจะสนุกสนานเฮฮาเท่านั้น


The best thing about bein' a woman

สิ่งหนึ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเป็นผู้หญิง

Is the prerogative to have a little fun and

คือเอกสิทธิ์สำคัญที่จะหาความสุขใส่ตัว


Oh, oh, oh, go totally crazy, forget I'm a lady

โอะโอ๊ย เอาเลยบ้าบอกันไป ลืมไปก่อนต้องสงวนท่าทีสาวงาม

Men's shirts, short skirts

เสื้อเชิ้ตสวมใส่ กระโปรงสั้นสุดใจ

Oh, oh, oh, really go wild, yeah, doin' it in style

จัดไปให้สุด ใช่ มันต้องแนวนี้แหละคราวนี้


Oh, oh, oh, get in the action, feel the attraction

ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ เมื่อรู้สึกต้องตาต้องใจ

Color my hair, do what I dare

ย้อมผมสีสวย ทำในสิ่งที่เคยแต่ถูกท้า

Oh, oh, oh, I wanna be free, yeah, to feel the way I feel

ปล่อยตัวเองเป็นอิสระ ในแบบที่ตัวเองรู้สึกจริงจริง

Man, I feel like a woman (hey!)

เป็นชายก็รู้สึกว่าเป็นหญิงได้


The girls need a break, tonight we're gonna take

สาวสาวต้องได้พักผ่อน คืนนี้นี่แหละคือคืนนั้น

The chance to get out on the town

โอกาสที่ได้ย่ำราตรีไปทั่วเมือง

We don't need romance, we only wanna dance

ยังไม่คุยเรื่องรักเอาไว้ก่อน จูงกันมาเต้นอย่าขาดตอน

We're gonna let our hair hang down

ปล่อยผมสยายเต็มไหล่ปล่อยมันไป


The best thing about bein' a woman

สิ่งหนึ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเป็นผู้หญิง

Is the prerogative to have a little fun and

คือเอกสิทธิ์สำคัญที่จะหาความสุขใส่ตัว


Oh, oh, oh, go totally crazy, forget I'm a lady

โอะโอ๊ย เอาเลยบ้าบอกันไป ลืมไปก่อนต้องสงวนท่าทีสาวงาม

Men's shirts, short skirts

เสื้อเชิ้ตสวมใส่ กระโปรงสั้นสุดใจ

Oh, oh, oh, really go wild, yeah, doin' it in style

จัดไปให้สุด ใช่ มันต้องแนวนี้แหละคราวนี้


Oh, oh, oh, get in the action, feel the attraction

ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ เมื่อรู้สึกต้องตาต้องใจ

Color my hair, do what I dare

ย้อมผมสีสวย ทำในสิ่งที่เคยแต่ถูกท้า

Oh, oh, oh, I wanna be free, yeah, to feel the way I feel

ปล่อยตัวเองเป็นอิสระ ในแบบที่ตัวเองรู้สึกจริงจริง

Man, I feel like a woman (hey!)

เป็นชายก็รู้สึกว่าเป็นหญิงได้


Act totally crazy

ทำไปเหมือนคนเพี้ยนซ่า

Can you feel it?

รู้สึกกับมันบ้างหรือเปล่า

Come, come, come on baby

มาเถอะ มาเลยคนดี

I feel like a woman

คืนนี้เป็นผู้หญิงเต็มตัว

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแ