สวัสดีค่ะ
ฝากติดตามนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ ถ้าชอบฝากคอมเม้นเยอะๆด้วยน้า
“นทตื่นได้แล้วลูก วันนิ้เปิดเทอมวันแรกเดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะลูก” เสียงหวานของผู้เป็นแม่ ปลุกผมขึ้นมา พร้อมกับ แสงแดดที่สาดส่องมากระทบบนเปลือกตา ทำให้ผมได้รู้ได้เลยว่า นี่ก็น่าจะสายแล้ว แม่ถึงขึ้นมาปลุก พร้อมกับเปิดม่านออกมา
“ขอ...5 .....นาทีนะแม่” พึมพึมขึ้นมาด้วยความงัวเงียแล้วหลับต่อ จริงๆก็อยากจะตื่น แต่มันดันนอนดึก แล้วก็ปิดเทอมมานาน ไม่ชินกับการตื่นเช้าเลย
“ไม่ได้นะ ตื่นเดี๋ยวนี้หรือจะให้ป๊าเป็นคนมาปลุก”
พรึ่บ!! ผมรีบเด้งตัวลุกนั่งขึ้นมาทันที พร้อมกับตาที่ยังคงปิดอยู่ ผมรู้สึกไม่พอใจเลย ที่แม่เอาป๊ามาอ้างแบบนี้
“แม่อ้า! นทง่วงงงง (เริ่มงอแง)” แล้วป๊าก็เดินเข้ามา ผมจะร้องไห้แล้วจริงๆนะ การตื่นไปโรงเรียนนี่มันทรมานขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
“จะตื่นได้หรือยัง! โตแล้วนะยังมางอแงอีก” มาบทโหดแต่เช้า เสียงทุ้มต่ำของป๊าพูดขึ้นมา ทำให้ผม ผู้ซึ่งเป็นลูกที่ดี รีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัว ไม่อย่างนั้น ป๊าอาละวาดแน่ช่วงนี้ผมมีความผิดติดตัวเยอะ ต้องเอาใจป๊าหน่อย วันนี้ผมเปิดเทอม ม.4 เทอม1 เมื่อคืนมัวแต่ท่องโลกโซเชี่ยวเยอะไปหน่อย เลยตื่นสาย ผมอาบน้ำแต่งตัวเตรียมกระเป๋าเสร็จก็ลงไปทานข้าวแล้วก็ให้ป๊าไปส่งที่โรงเรียน
“.……” ระหว่างทางไปโรงเรียน ผมจ้องไปที่ป๊า ที่ดูจะตั้งใจขับรถเป็นพิเศษ โดยไม่เอ่ยปากคุยอะไรกับผมสักคำ ป๊าโกรธผมเรื่องที่ผมทำแจกันหยกของสะสมของเขาแตก เห็นบอกเป็นของหายาก ตอนเกิดเรื่องตะคอกผม จนง้างมือเกือบจะตีผมเลยนะรักของยิ่งกว่ารักลูกอีก ผมนี้ร้องไห้หนักมาก ตอนนี้ผมผิด ต้องง้อ และนี่ก็ปามา 3 วันแล้ว ยังไม่คุยดีๆกับผมเลย คุยกันทีอย่างกับจะกินหัว
“ป๊ายังไม่หายโกรธนทอีกเหรอ นทจะต้องทำยังไงดีเนี่ย นทขอโทษไปหลายร้อยครั้งแล้วน้า ยกโทษให้นทนะป๊า นทจะเป็นเด็กดีน้า” ยื่นหน้าไปหอมแก้มป๊า “น้าๆๆๆ ยอมทุกอย่างแล้ว” ป๊าผมมีอมยิ้มนะแต่ยังคงเข้ม
“.……..” (เงียบ) “เอิ่ม...” สรุปว่าก็ยังไม่หายโกรธ นี่ก็ถึงโรงเรียนแล้วด้วย
“หวัดดีป๊า นทไปนะ จุ๊บ!!” ผมจุ๊บแก้มป๊าอีกที พร้อมกับเปิดประตูลงรถแล้วเดินตรงไปเข้าแถว แต่รีบก็ไปหน่อยวิ่งไม่ได้ดูอะไรเลย
‘ตุ๊บ!!’ ผมล้ม และอีกคนก็เซถอยห่างออกไปหน่อย เกือบไปจะล้มกองกับพื้นเหมือนผม
“...เห้ย! มึงจะรีบไปไหนวะ ของกูตกหมดแล้ว” กระเป๋าผ้าเขาหล่นของกระจายออกมาหมดเลย ก็เป็นแค่กระเป๋าผ้าที่คล้องไหล่ ไม่มีซิป ปกติ นักเรียนจะใช้กระเป๋าเป้นี่นะ
“ขอโทษ พอดีเรารีบไปหน่อย ขอโทษน้า!” ผมพูดทั้งๆที่ยังก้มเก็บของให้กับเขา เก็บเสร็จผมก็ลุกขึ้นเพื่อที่จะส่งของคืนให้... รุ่นพี่ ม.5 (ดูจากดาวบนปกเสื้อ) มัวแต่มองพี่เขาของในมือเลย...
‘ตุ๊บ!’ ของทั้งหมดที่เก็บขึ้นมาก็ตกไปกับพื้นอีกครั้ง
“มึงจะกวนตีนใช่ไหม ของกูตกแล้วตกอีกเนี่ย” พูดอย่างหัวเสียพร้อมกับ ก้มเก็บของของตัวเองแล้วก็รีบวิ่งไป
แล้วผมก็รีบวิ่งไปเข้าแถวเช่นเดียวกัน เพราะเสียงออดดัง มันถึงเวลาทำกิจกรรมหน้าเสาธงแล้วด้วย ไปช้ากว่านี้เดี๋ยวได้โดนทำโทษในแถว ผมยืนหลังสุด ส่วนเพื่อนๆกลุ่มผมไปอยู่กลางแถว ข้างหลังนี่ไม่มีใครอยากยืนหรอก แดดร้อนมาก (โรงเรียนนี้จะเข้าแถวตามคิว มาก่อนก็อยู่หน้า)พอไปถึงก็ทำกิจกรรมหน้าเสาธงจนถึงเวลาขึ้นห้องเรียน
“เห้ย!นท วันนี้มึงมาช้าจังวะ ได้ยืนหลังแถวเลย” วิวเอ่ยถามผมขณะที่กำลังเดินขึ้นห้องเรียนกัน เพื่อนของผม มีทั้งหมด 5 คนในกลุ่ม หน้าตาดีหมดทุกคนเลย ขออวดกลุ่มตัวเองที่เรารวมมาเป็นเพื่อนกันได้ เพื่อนผมก็จะมี วิว มิน นัท ปอ แล้วก็ผม เรารู้จักกันมาก็ตอนตั้งแต่เข้ามาเรียนม.1 แล้ว เป็นเพื่อนที่สนิท ทั้ง 4 คนของผมเลย
“เออดิ ปกติมาเช้านะมึง เอ๊ะ! ขามึงไปโดนอะไรมาวะ ทำไมถลอก” นัทเอ่ยถามพร้อมชี้ไปบริเวณบาดแผล (แล้วพวกมันก็ก้มดูที่ขาผมกัน) เออผมพึ่งสังเกตุ พอเห็นแล้วแสบเลยทีนี้ ToT
“เออน่าวันนี้ผิดพลาดทางเท็คนิคว่ะ กูรีบวิ่งแล้วก็ไปชนคนอื่นเลยหกล้ม” พูดพร้อมกับก้มลงเอากระดาษทิชชู่เช็ดแผล
“ซุ่มซ่ามนักนะมึง เจ็บมากหรือเปล่าวะ ไปห้องพยาบาลไหม” คือมันมีเลือดซึมนิดๆ แต่เราก็ไม่ได้จำเป็นถึงขั้นนั้น แม้มันจะแสบ แต่ถ้าไปห้องพยาบาล น่าจะแสบหนักกว่าเดิม
“ไม่เป็นอะไรเว้ย!แค่นี้เอง เดี๋ยวก็หาย อีกอย่างเมื่อคิดนอนดึกมากเลยเบลอ” พูดอย่างไม่ใส่ใจ ก็มันไม่ได้เป็นอะไรหนักขนาดนั้นนี่ ทำไมจะต้องไป ไม่ได้สำออยขนาดนั้น
“ผิดพลาดอะไรวะ ไม่ใช่ไปหาเหยื่ออีกเหรอมึง 555” ปอ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทผมที่สุดในกลุ่ม เอ่ยขึ้นมา (จิกกัดแต่เช้า) ผมหันไปมองค้อนมันทีนึง มันก็เอาแต่หัวเราะ
“ออ ที่มาช้านี้มัวแต่ท่องโลกโซเชี่ยวหาหนุ่มๆอะดิ” นัทพูดขึ้นมา รู้ทันได้นะไอพวกนี้ ผมก็เบะปาก มองบนใส่มัน
“ได้กี่คนวะ เอามาแบ่งปอบ้างนะเว้ย! มันเหี่ยวหมดแล้วไม่ฮอทเหมือนมึง” ไอมิน ไอนี่กวนตีนสุดๆ มักชอบทำให้ทุกเรื่องเป็นเรื่องตลก
“หยุดพูดจากวนตีนได้แล้ว! เออแล้วใครจะนั่งกับใครเนี่ยเปิดเทอมต้องหาที่นั่งใหม่ นั่งแบบเดิมป่ะ?” หลังจากที่จ้อกันไม่หยุดเรื่องผมก็เลยเปลี่ยนเรื่องสะเลย
“เออนั่งแบบเดิมแหละ จะได้ไม่ยุ่งยากรีบไปเหอะเดี๋ยวที่เต็ม” ปอพูดขึ้น ทุกคนก็ตกลงกันและพากันไปจองที่นั่งและเริ่มเรียนกันจนได้เวลาพัก พวกผมก็เดินไปโรงอาหารกัน คนเยอะมากโรงอาหารของโรงเรียนมันเยอะตลอด
“เออพวกมึง กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ พวกมึงไปจองที่แล้วก็ซื้อข้าวให้กูด้วย เดี๋ยวกูตามไป” แล้วผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำพร้อมกับทำธุรส่วนตัว เมื่อเสร็จเรียบร้อย ผมก็ไปล้างมือตรงอ่างหน้าห้องน้ำ......
พรึ่บ! อยู่ๆก็มีคนกระชากแขนผมจากทางด้านหลัง ผมหันไปตามแรงดึง
“เห้ย! อะไรว่ะ” ด้วยความตกใจ ผมก็เลยพูดเสียงดังไปหน่อย พอหันไปมองหน้าคนที่ดึงผม คือ รุ่นพี่คนที่ผมวิ่งชนเมื่อเช้านิ “เอ่อคือ ………” คือปกติผมเป็นคนไม่ยอมใครหรอกนะ แต่ถ้าผมผิดผมก็ยอมรับ แต่ถ้าไม่ผิดผมไม่ยอมหรอก แล้วมากระชากแขนผมแบบนี้ด้วย
“มึงมองกูแบบนี้หมายความว่ายังไงวะ เรื่องเมื่อเช้ายังไม่ได้เคลียเลยนะเว้ย!” รุ่นพี่คนนั้นเอ่ยขึ้นมาเสียงดัง พร้อมกับทำหน้าไม่พอใจ ผมก็มองพี่มันกลับแบบเคืองๆ เหมือนกัน
“ก็เราขอโทษแล้วไงจะเอาอะไรอีก เราก็ล้มนะเว้ย! ดูขาด้วย” ผมพูดแล้วชี้ให้มันดูทีขา มันเหลือบตาไปมองนิดหน่อย แต่ก็ทำไม่สนใจ อะไรของมันเนี่ย คิดแล้วหงุดหงิด
“เรื่องของมึงเหอะ แต่เมื่อเช้าที่มึงทำของกูตก สีไม้ที่กูเตรียมมามันหัก แถมต้องใช้แข่งประกวดอาทิตย์หน้าด้วย แล้วที่สำคัญราคามันก็ไม่ได้ถูกๆเลยนะเว้ย! ปึก!” พอมันพูดจบก็ปากล่องสีไม้ของมันใส่ผม
“เกินไปหรือเปล่าวะ!” ผมกระชากคอเสื้อมันทันที แล้วไอรุ่นพี่มันก็จับแถวข้อมือผมประมาณว่าจะดึงมือผมออก ตอนนั้นปอกับนัทคงจะมาตามผมพอดี
“เห้ย! ใจเย็นมึง มีอะไรกันวะ” ปอเอ่ยขึ้น พร้อมกับวิ่งเข้ามาทางผม แล้วมันก็ดึงมือผมออกจากคอเสื้อไอพี่นั่น
“เออมึงมีอะไรวะ มาเข้าห้องน้ำแค่นี้ อย่านะเว้ย! มึงก็รู้มีเรื่องในโรงเรียนมันไม่คุ้ม” นัทพูดขึ้น พร้อมกับเดินมาจับไหล่ผมแล้วก็พูดพยายามให้ผมใจเย็น ผมก็เอาแต่จ้องหน้าไอรุ่นพี่นี่ มันกวนประสาทหรือยังไง
“ก็ไอคนที่กูเดินชนเมื่อเช้าไง” ผมเอ่ยขึ้น ไอรุ่นพี่มันมองหน้าผมแบบ จะเอาเรื่องแต่มันคงเป็นเด็กเรียนแหละ เพราะดูจากท่าทางแล้ว ไม่ตอบโต้ผมสักเท่าไหร่ จะแสดงออกมาทางสีหน้ามากกว่า ต่างจากผมที่ค่อนข้างจะมือไว “กูก็ขอโทษแม่งไปแล้วไง แล้วแม่งจะเอาห่าอะไรอีกเนี่ย!”
“ก็ของกูมึงทำพังมึงก็ต้องรับผิดชอบดิวะ! ไม่รู้จะรีบไปไหนชนกูไม่พอยังทำของกูตกแล้วตกอีก แล้วสีที่มันหัก กูก็ต้องใช้ประกวดวาดรูปอาทิตย์หน้าแล้วนะ” มันพูดขึ้น พร้อมกับทำท่าอารมณ์เสีย ทำไมมันต้องทำหน้ากวนตีนเวลามันพูดด้วยวะ ผมก็มองมันนิ่งๆ
“เออมึงก็แค่นี้เอง มึงก็ซื้อใช้พี่มันไปดิ” ปอเอ่ยขึ้น ผมก็พยักหน้า
“ถ้าแค่นั้นกูจะไม่โกรธเลยไอสัส” ผมก้มหยิบกล่องสีไม้ขึ้นมา ท่าทางจะแพง กล่องแบบเป็นเหล็กอย่างดีเลย “มันโยนกล่องเหี้ยนี่ใส่กูเลยนะ พวกมึงคิดดูแล้วกัน บอกดีๆก็ได้หรือเปล่าวะ” ผมพูดจบแล้วทำหน้าอาฆาตแค้นมัน
“เออพี่ทำเกินไปหรือเปล่าครับบอกมันดีๆก็ได้นี่ เพื่อนผมมันคงไม่โง่ขนาดนั้น” ไอนัทพูดขึ้น ผมก็มองหน้ามัน (เอ๊ะ! ยังไงๆ หลอกด่าเราหรือไม่)
“จริงๆบอกดีๆก็ได้นะพี่ เพราะไอนท มันไม่ใช่คนพูดยากอะไร” ปอพูดพร้อมทำหน้าจริงจัง
“เออๆ กูขอโทษก็ได้ แต่มึงตัองชดใช้ให้กูนะเว้ย!” มันบอกพร้อมกับทำหน้ากวนตีน ผมก็มองมันอย่างไม่ละสายตา
“เออเท่าไหร่ละตอนนี้ตังเราไม่พอหรอกนะ ตอนเย็นค่อยว่ากันแล้วกัน จะเจอกันตรงไหนละ หรือยังไง” ผมพูดพร้อมกับอารมณ์เสียนิดหน่อย ข้าวก็ยังไม่ได้กิน ลงมาพักครูก็ปล่อยช้า เวลายิ่งน้อยๆ หิวก็หิว มาเจอคนแบบนี้อีกมันยิ่งโมโหนะ
“เอ่อ...มึงเอาเบอร์มึงมา เพราะกูไม่แน่นอน เดี๋ยวกูโทรบอก” มันยื่นโทรศัพท์ให้ผม ผมก็กดเบอร์ผมแล้วยิงเข้าเครื่องผม ผมไม่ชอบรับเบอร์แปลก เลยต้องเมมไว้สักหน่อย แล้วก็แยกย้ายกันไป
พอเคลียร์กันจบผมกำลังเดินไปโรงอาหารกับนัทและปอแล้ว....
กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆ! เสียงกริ่งหมดเวลาพักเที่ยงแล้ว ซวยเลย ข้าวยังไม่ได้กิน ต้องมาเสียตังอีกอะไรกันเนี่ยหงุดหงิดจริง หรือเป็นเพราะผมทำของของป๊าพังเวรกรรมมันเลยตามทัน เปิดเทอมวันแรกก็แจ็คพอดแตก เฮ้อ!
หลังจากที่หมดคาบพักเที่ยงแล้วพวกผมก็ขึ้นไปเรียนกัน โดยที่วิว มิน ก็รู้เรื่องที่ผมไปมีปัญหามาแล้ว เพราะผมไม่ได้ไปกินข้าว การเรียนคาบบ่ายของผมเลยไม่รู้เรื่องสักอย่าง ความหิวมันทำลายเซลล์สมองอันน้อยนิดของผมนั่นเอง และก็ยังคิดถึงแต่เรื่องไอรุ่นพี่ประสาทนั่นอีก
หลังจากเลิกเรียน ผมก็แยกย้ายกับเพื่อนๆเพื่อที่จะกลับบ้าน ผมมาเดินเล่นแถวหน้าโรงเรียนคนเดียว เพราะพวกเพื่อนๆผมกลับบ้านไปกันก่อนแล้วอีกอย่างผมก็เดินเล่นรอไอรุ่นพี่นั่นโทรมาแหละ ไม่อยากติดค้างใคร ยิ่งเป็นคนไม่รู้จักด้วย
“ครืดๆๆ !!!!” ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ก็ปรากฏชื่อ ‘ไอรุ่นพี่ประสาทแดก’ โทรมาสักทีผมกดรับสาย
“ว่า” พอกดรับ ผมก็เอ่ยถามทันที
“มึงไปเจอกับกูที่เซ็นทรัลXนะ กูจะไปแล้ว ตึ๊ด!” พอมันพูดจบก็ตัดสายไปเลย ‘แล้วกูจะรู้มะว่าตรงไหนของเซนทรัลX ไอเวร!!’
แล้วผมก็นั่งรถสองแถวไปหามันที่เซ็นทรัล ตอนนี้ก็ 4 โมงเย็นกว่าๆแล้วคนค่อนข้างเยอะ พอถึงผมก็กดโทรไปหามันเลย
“อยู่ไหนวะ บอกให้มาเซ็นทรัล แล้วจะรู้ไหมว่าอยู่ตรงไหนของเซ็นทรัล ไอบ้า!!!” พอมันรับสาย ผมก็ร่ายใส่มันทันที ให้ผมเดินวนไปมาตั้งนาน เพราะโทรไปกว่าจะรับ
“มึงหันหลังมาสิ ตึ๊ด!!” ผมหันไปข้างหลัง เห็นมันยืนทำหน้านิ่งอยู่ ผมละหมั่นไส้จริงๆ ทำไมต้องมาคลุกคลีกับคนแบบนี้ก็ไม่รู้
“รู้ได้ยังไงว่าเราอยู่นี่ อีกย่างเวลานัดใครกรุณาระบุด้วยว่าตรงไหน เซ็นทรัลXออกจะกว้าง” พูดเสร็จก็ทำหน้ารำคาญใส่มัน
“กูก็มาถึงพร้อมมึงนั่นแหละ กูเดินตามมึงมาตั้งนานแล้ว แล้วจะโวยวายทำไม ไม่ดูบ้างวะ ประสาท!” เอาสิ มันนี่วอนจริงๆ ผมข่มอารมณ์อย่างอดกลั้น
“อะ..ไอ...เออ เอาเถอะ แล้วตามมาทำไมไม่มาด้วยกันเลยละ หงุดหงินนะนิ เพราะพี่คนเดียวเลย ทั้งนัดมั่วซั่ว แล้วยังทำให้เราไม่ได้กินข้าเที่ยงอีก” โมโหหิว ตอนแรกว่าจะกลับไปกินที่บ้านทีเดียวเลย ดันพามาซะไกล “มีอะไรก็ว่ามา แล้วเรื่องค่าสีอะไรนั่น เท่าไหร่รีบว่ามา จะได้รีบกลับ” ผมพูดพร้อมกับสงบสติอารมณ์ ความหิว ทำผมหมดแรง ไม่อยากจะทะเลาะอะไรกับมันหรอก
“เออตามมา” แล้วมันก็เดินนำไป ผมก็เดินตาม มันพาผมเข้าร้านเครื่องเขียน โอ้โห!! ช๊อคครับ สีอะไรวะ..สีเคลือบทองคำหรือเปล่า คือราคามันนี่แบบกล่องนึง 48 สี6,400 บาท!!!
“เอิ่ม...สีอะไรอ่าทำไมมันแพงจัง” ผมมองที่กล่องสี มันแพงขนาดนี้ได้ยังไงกัน เป็นแค่สี กล้าดียังไงมาแพง ผมก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่เลย
“มันเป็นสีไม้เก่าแก่แบรนด์หนึ่งจากยุโรป ที่โดดเด่นก็คือรุ่นที่เป็นการนำเอาสี Pastel มาทำให้อยู่ในรูปของสีไม้ บลาๆๆๆ” พี่มันก็อธิบาย นู่นนี่นั่นของมันไป ผมก็ได้แต่มองสีห่าอะไรของมันแพงชิบ - เอาละกูหายหิวเลย -
“เออพอได้แล้ว อันนี้ใช่ไหมจะเอาไปจ่ายให้” มันก็ยื่นสีนั้นมาให้ผม แล้วผมก็เอาไปจ่ายให้มัน ผมพอมีเงินเก็บในบัญชีแล้วบัตรATM ที่ผมใช้ก็เป็นแบบรูดซื้อของได้เลย หรือจะเป็นการผ่อนของเลยก็ได้ เพราะมันเป็นของผู้ใหญ่นั่นเอง ป๊าเอามาไว้ให้ติดกระเป๋าไว้ เลยไม่มีปัญหาอันใด
“อะได้แล้ว!” ผมที่จ่ายเงินเสร็จพร้อมกับยื่นของให้มัน มันก็รับไปทันที
“เออขอบใจ วันหลังอย่าไปวิ่งชนใครซี้ซั้วนะมึง” ผมก็คิดนะดีนะที่กูพอมีตัง ยังคิดเลยถ้าผมไม่มีตังจะทำยังไงวะ ดีนะบ้านผมรวย 5555
“เออยังไงเราเป็นฝ่ายผิด ยังไงก็ต้องก็ต้องรับผิดชอบ อีกอย่างเราขอสีที่หักด้วยนะ เดี๋ยวพ่อแม่เราถามจะได้บอกได้’’ ผมไม่ได้โง่นะ ใช้เงินเป็นอยู่ ทุกอย่างต้องมีหลักฐานแหละ ถึงจะไม่เนียนก็เถอะ แล้วมันก็ยื่นสีกล่องเก่ามันมา กล่องก็เหมือนแบบเดียวกับอันใหม่ที่ผมซื้อให้เลย รอยแทบไม่ค่อยมี มันคงจะรักษาอย่างดีเลยสิ ก็แพงขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่โวยวายหรอกสินะ
“อ๊อฟ? ชื่อพี่เหรอ” ผมเอ่ยถาม เพราะเห็นมันตกแต่งกล่องสีมัน แล้วมีชื่อ Aof ตัวใหญ่ อยู่หน้ากล่อง
“อืม แล้วมึงชื่อ นท เหรอ เห็นเพื่อนมึงเรียก” ผมก็พยักหน้าตอบ
“อืม งั้นไปละนะ บาย” ผมหิวแล้ว และก็อยากรีบกลับด้วย เลยตัดบท แล้วกำลังจะแยกกับพี่อ๊อฟแต่ดันไปเห็น ไอเบสไอผู้ชายเฮงซวย เอายังไงดีละทีนี้