ตอนที่4 แปลกๆ
2 สัปดาร์ต่อมา
12:05 น.
“คุณ...จะยึดทุกอย่างไปวางไว้ข้างหน้าคุณทั้งหมดไม่ได้นะ” บุคคลที่ถูกว่า สำนึกไหม! ก็ไม่ แถมยัง...
“ทำไม ใครมีปัญหา!?”
“...” เสียงเซ็งแซเงียบลงทันที เมื่อ คาล์ลเอ่ยปากถามทุกคน
“ผมเนี่ยมี ผมห่อมาให้ทุกคนได้ทานด้วยกัน แต่พอคุณย้ายไปไว้ตรงหน้าคุณก็ไม่มีใครกล้าหยิบ หรือตักขึ้นมากินกันเลย แล้วก็เลิกปล่อยออกมาสักทีไอ้ไอหวงก้างเนี่ย คุณทำพวกเราอึกอัดอีกแล้วนะ”
“ฮะ..เฮ้ อิงพวกเราสบายมาก”
“ชะ...ใช่พวกเราเริ่มอิ่มแล้วหละ”
“หนุ่มน้อยใจเย็นก่อนนะ”
สถานการณ์ที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาทั้งหมดเคยเห็น แต่ถามว่าชินไหม? ไม่เลยเหอะกลัวใจบอสก็กลัว กลัวเพื่อนใหม่ซวยก็กลัว แต่แปลกที่บอส ดันไม่พูดและไม่เคยว่าอิงของพวกเขาเลย ออกจะเถียงด้วยซ้ำทำตัวเหมือนเด็กอยากเอาชนะตลอด
“พวกคุณก็เข้าข้างเขาตลอดแหละ”
“เอานา!! เราทานอย่างอื่นก็ได้ แล้ววันนี้ของหวานเป็นอะไร”
“...”
“อิง” อีธานลูบไปที่แผนหลังเด็กน้อยในปกคลองเพื่อให้ใจเย็นลงก่อนที่มันจะกู่ไม่กลับ
“เฮ้อ!! วันนี้แม่ทำบัวลอยยัดไส้งาดำให้ครับ”
“ทำไมไม่ใช่ช่อม่วง” คาล์ลที่ตักข้าวเข้าปากเป็นต้องชะงักงันเมื่อ ของหวานในวันนี้ไม่ใช่ของโปรดตน
“...” อิงไม่ได้ตอบคำถามเขา แต่หันไปยกทัพเพอร์แวร์ขึ้นมาเปิดแทน ทุกคนได้แต่ยิ้มเจื่อน ทั้งดีใจที่จะได้กินอะไรใหม่ๆ อีกแล้ว แต่อีกใจก็ไม่กล้าหันไปมองหน้าบอสตอนนี้เลย
“ลองทานดูนะครับ แม่ทำมาให้ลอง ถ้าอร่อยจะได้ทำขายหน้าร้านด้วย”
“อ่าว แบบนี้พวกเราก็เป็นหนูทดลองสิ”
“ฮ่าฮ่าครับ แต่ปลอดภัยแน่นอน อิงชิมมาแล้ว”
“โห!! มีหลายสีเลย ด้านในคืออะไรบ้างหรอ อิง”
“ไส้มีไส้เดียวครับ แต่สีทำมาจากผักและดอกได้ ครับ อย่างสีเหลืองก็ฟักทอง ลีม่วงก็มันม่วง สีเขียวใบเตยครับ และก็สีฟ้าอัญชัน”
“น่าสนใจ ประเทศฉันก็เคยนำดอกไม้มาทำแต่น้ำหอม เพิ่งรู้ว่ามันทานได้ด้วย”
“ครับ ถ้าวันไหนมะลิข้างรั่วออกดอก ผมจะทำน้ำลอยดอกมะลิมาให้ลอง หอมอร่อยมาครับ”
“หึ สะอาดหรือเปล่าก็ไม่รู้”
นั่งเงียบฟังมานาน ถามอะไรไปก็ไม่ตอบ เลยรู้สึกเมื่อโดนลืม ก่อนจะโผงอะไรออกไป แต่มันก็ไม่ใช่คำที่ดีนัก เพราะมันยังแทรกการจิกกัดมาด้วยแบบนั้นเสมอ
สตีเวนได้แต่สบถในใจ ว่ามันจะมีวันไหนที่บอสจะเลิกกัด หนุ่มน้อยของเขาไหม กัดบ่อยๆ บางทีก็กลัวใจบอสเหลือเกิน กัดกันไปมา ถ้าเป็นแฟนกันคงลูกดกน่าดู
“ถ้ากลัววันหลังก็ไม่ต้องมาร่วมวงก็ได้นะ ผมไม่ได้บังคับใคร”
ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง สถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก อึกอักติดที่คอ จนอยากใช้นิ้วล่วงสักทีมันเป็นแบบนี้สินะ
ครืด!!
เสียงลากเก้าอี้ออก ก่อนคนที่นั่งมันจนพื้นอุ่นจะลุกแล้วเดินจากไปด้วยใบหน้าถมึงทึง
ลูกน้องทั้งหลายก็ได้แต่ปาดเหงื่อข้างขมับออก
บอสนะบอสจะบอกเขาไปเลยว่าตัวเองเป็นใครก็จบ จะได้ไม่ต้องโดนเขาเมินแบบนี้บ่อยๆ พอโดนเขาว่าหน่อย ทำอะไรเขายังไม่ได้ ก็ได้แต่เดินหนีเหมือนเด็กรอให้ผู้ใหญ่ไปง้อ แต่อิงไม่ใช่ จะบอกว่าไม่ใช่ทั้งหมดก็ไม่ ต้องบอกว่าไม่ง้อแต่กับบอสเขาคนเดียวนี่แหละ
ไม่รู้ว่าเมื่อวันนั้นมาถึง อิงจะโดนเอาคืนอะไรบ้าง เฮ้อ ขอพระเจ้าคุ้มครองนะอิง
14:00 น.
พอทานอาหารและของว่างกันหมด ทุกคนก็ต้องแยกไปทำงานของตัวเอง อาทิตย์นี้สำหรับแสงตะวัน แล้วก็ยังน่าตื่นเต้นเหมือนเดิม มีอะไรหลายอย่างให้เขา ได้เรียนรู้เยอะเลยทั้งแบบที่เคยทำมาแล้วตอนฝึกงานเช่น ถ่ายเอกสาร สรุปรายงานประชุมที่อีธานเป็นคนเข้าประชุม ซึ่ง แสงตะวันยังไม่ได้เข้า อีธานให้เหตุผลว่ายังไม่ถึงเวลานั้น
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนใกล้จะถึงเวลาเลิกงาน อีธานก็บอกสิ่งที่บอสฝากมากับอีกคน
“วันนี้นายเอารถอีกคันกลับนะอิง พอดีบอส ต้องใช้คันที่นายใช้”
“อ่อครับ ที่จริงให้อิง กลับเองก็ได้นะครับ”
“ไม่ได้หรอก มันเป็นคำสั่ง ฉันขัดไม่ได้ เธอก็ด้วย”
“ก็ได้ครับ”
“อ้อ อีกเรื่อง บอสเขาอยากสั่งอาหารร้านนายน่ะ แบบทุกวันผูกขาดรายเดือนเลย นายจะคิดเท่าไหร่ ก็เรียกมานะ”
“บอสเหรอครับ ท่านจะโอเคกับอาหารร้านผมหรอครับ” อีธานโคตรอยากบอกใจจะขาดว่าถูกปาก จนเชพประจำตัวจะตกงานเลยหละ แต่ก็นะ
“อื้อ เขาชอบอาหารไทยน่ะ เห็นพวกเราพูดถึงอาหารร้านเธอบ่อย บอสเลยอยากสั่งมาทานบ้าง”
“งั้นผมไม่รับเงินหรอกครั..”
“รับเถอะบอสจะได้สบายใจ ราคามันก็ไม่ได้แพงถึงกับบอส จนหรอกนะ ก่อนหน้านี้เขาทานอาหารจานละครึ่งแสนเขายังไม่ซีทู้เลย นายไม่ต้องเกรงใจ”
“จานละแสน กินแล้วเหาะได้หรอครับ”
“ฮ่าๆ นายลองไปถามบอสเองไหม”
“อีธาน คุณอยากให้ผมคอขาดหรอครับ ...ก็ได้ครับเดี๋ยวผมถามแม่ให้ว่าท่านจะคิดเท่าไร แล้วมีอะไรที่บอสอยากทานเป็นพิเศษไหมครับ หรือของที่ท่านทานไม่ได้”
“ช่อม่วง ทุกวันต้องมีช่อม่วงเป็นของว่างเสมอ แล้วก็บอสแพ้กุ้งทุกชนิด”
“เหอะมีคนชอบช่อม่วงเหมือนคุณเมฆด้วยหรอครับ เอ๊ะเดี๋ยวนะ แพ้กุ้งด้วยเหรอครับจะเหมือนกันเกินไปแล้ว แต่คงไม่น่าใช้คนเดียวกันหรอก ตาคุณเมฆปากจัดจะตาย”
พูดอะไรไม่ได้นอกจาก หัวเราะแห้งๆ ออกมา เธอจะรู้ไหมอิงว่าเขาคือคนเดียวกัน ชอบเหมือนกันก็ไม่แปลก แพ้สิ่งเดียวกันยิ่งควรแปลกใจไหม แต่เธอก็ยังคิดบวกได้อีกนะอิง
17:00 น.
บ้านของแสงตะวัน
[อิง]
ตอนนี้ผมได้มาถึงบ้านแล้ว วันสุดท้ายของสัปดาห์ในการทำงาน กับสถานการณ์รถติดโคตรๆ ในวันนี้ทำให้ผมถึงบ้านช้ากว่าเวลาปกติ เพราะตอนนี้เกือบจะสองทุ่มแล้ว ทำงานทั้งวันยังไม่เหนื่อยเท่ากับนั่งรอไฟเขียวกลางสี่แยกเมืองใหญ่เลยนิด ยกเว้นเวลาอยู่กับคนคุณเมฆนะพลังงานผมลดลงฮวบๆ เลยแหละตอนนั้น
“กลับมาแล้วเหรออิง ทานข้าวเลยไหมแม่อุ่นให้?”
“สวัสดีครับแม่ อิงขออาบน้ำก่อนดีกว่าร้อนมาก”
“จ้ะ เดี๋ยวแม่อุ่นกบข้าวรอนะ”
รับคำแม่เสร็จผมก็เดินขึ้นชั้นสองของบ้าน เปิดประตูห้องนอนตัวเอง ก่อนวางกระเป๋าเป้ไว้บนโต๊ะทำงาน ก่อนใช้มือคายเนคไทออกพร้อมล้มตัวลงที่นอนบนเตียงขนาด3ฟุตของตัวเอง ใช้เท้ากดปุ่มพัดลมเพื่อเพิ่มความเย็นให้ตัวเอง พักสายตาสักพักก่อนจะเดินไปดึงผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป
ใช้เวลาในห้องน้ำไม่นานผมก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก่อนจะออกมาปิดพัดลมแล้วลงไปด้านล่าง
“แม่อุ่นเสร็จพอดีเลยมาทานข้าวเร็วลูก เป็นไงวันนี้ เหนื่อยไหมลูก”
“เหนื่อยแต่สนุกจ้ะแม่ มันไม่ได้เครียดอะไรมาก พี่ที่ทำงานก็ดี”
“แล้วเจอเจ้าของบริษัทบ้างหรือยัง ท่านดีไหมลูก”
“ยังเลยจ้ะแม่ อ้อ!! ท่านอยากจะสั่งอาหารกับแม่ วันละสามมื้อทุกวัน แม่จะคิดเงินเท่าจ๊ะ อย่าเพิ่งปฏิเสธฟังอิงก่อนนะ อิงบอกอีธานแล้วว่าไม่รับเงินยอมทำให้ท่านฟรีๆ แต่ท่านฝากมาบอกว่าให้คิดเงินมาเลย เขาเต็มใจจ่ายแม่อย่าคิดมากเลยนะจ๊ะ”
“อิงพูดมาขนาดนี้ แม่จะเถียงอะไรเราได้อีกล่ะ แล้วท่านอยากทานอะไรบ้างในแต่ละมื้อ แม่จะได้ทำให้ถูก”
“ทำตามที่แม่เห็นสมควรเลยจ้ะ แต่ของทานเล่นขอเป็นช่อม่วง”
“ได้ๆ ส่วนค่าอาหารแม่ก็คิดราคาน่าร้านแหละ ไม่คิดค่าข้าวถือว่าแม่แถมละกัน ไปบอกคุณเขาด้วย”
“อ้อ แล้วก็ท่านแพ้กุ้งนะจ๊ะแม่ ห้ามเด็ดขาด”
“แพ้กุ้งเหรอ! เหมือนเพื่อนร่วมงานคนนั้นเลย ที่อิงเล่าให้แม่ฟัง”
“อิงก็คิดแบบนั้น แต่คงไม่ใช่หรอก ท่านออกจะใจดี ไม่เหมือนตาคุณเมฆที่หาเรื่องอิงได้ตลอดเวลา”
“ถ้าเป็นสมัยแม่นะ แกล้งบ่อยแบบนี้แปลว่าเขา ชอบเราหรือเปล่าลูก”
ช้อนข้าวที่กำลังจะเข้าปากหยุดชะงักทันทีกับคำพูดแม่ เขาน่ะหรือชอบผม บอกไม่ชอบหน้ายังเชื่อมากกว่าอีก คนอะไรก็ไม่รู้เอาแต่ใจจนเหมือน เด็กมากกว่าคนที่เขาทำงานแล้วแบบนี้
“บอกว่าเกลียดอิงยังเชื่อกว่าเลยจ้ะแม่ กินข้าวต่อแล้ว”
แม่ก็ได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะเดินไปดูของในครัว ว่าเหลืออะไรบ้าง พรุ่งนี้จะได้ให้ลุงเพิ่มไปซื้อของให้ ลุงเพิ่มเป็นแท็กซี่ขาประจำของแม่ ที่มาทานข้าวที่ร้านบ่อยจนสนิทกัน จนเชื่อใจลุงจ่ายตลาดก่อนเข้าบ้านตลอด เพราะลุงแกจะขับรถช่วงสายๆ แล้วก็กลับมาพัก ก่อนจะออกไปอีกทีตอนเย็นช่วงตนเลิกงาน
พอทานเสร็จผมก็เก็บจานชามล้างให้เรียบร้อยก่อนจะขอตัวแม่ขึ้นไปนอนถึงพรุ่งนี้จะหยุดแต่ผมก็ยังต้องช่วยแม่ที่ร้านอยู่ดี เพราะที่ร้านไม่มีวันหยุด แต่แค่เสาร์อาทิตย์เปิดสายหน่อย เพราะตอนเช้าๆ ไม่ค่อยมีลูกค้าเหมือนวันทำงาน
ขึ้นมาถึงห้องก็เปิดดูไลน์กลุ่มที่เพื่อนๆ ผมคุยกันทิ้งไว้ ไหนจะกลุ่มบอดี้การ์ดนั้นอีก ผมชอบเข้าไปอ่านเวลาเห็นแฝดวนสตีฟให้ของขึ้นได้ มันฮาดี แล้วยังรู้ความเคลื่อนไหวของบอสอีกด้วยเวลาบอสไปไหน แต่แปลกผมไม่เคยเห็นชื่อของบอสในทีวี หรือข่าวนักธุรกิจเลย
ดูเป็นคนลึกลับดีแหะ ขนาดอยู่ตึกเดียวกันแท้ๆ ยังไม่เคยเจอตัว รู้แค่ว่า เวลามีงานข้างนอก พี่คิณจะเป็นคนขับรถให้ หรือไม่ก็จะเป็นแฝดที่หายไปทั้งวันกลับมาก็เหมือนไม่ได้นอนอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่กล้าถาม เพราะถ้าเข้าอยากบอกเดี๋ยวผมก็รู้เอง
อย่างสองวันหยุดนี้ทุกคนก็ไม่อยู่ ต้องตามบอสลงใต้ไปดูที่ที่บอสประมูลได้เพื่อสร้าง โรงแรมที่นั้นกว่าจะเสร็จงานก็คงวันจันทร์
“เฮ้อ ผมจะทำงานให้ดีที่สุดเลยนะทุกคน”
06:00 น.
“อิงดูหม้อเขียวหวานให้แม่ทีลูก”
ผมที่กำลังปั้นสาคูไส้หมูอยู่ก็ต้องพักไว้ ก่อนจะเดินมาดูหม้อเขียวหวานให้แม่
“มะเขือได้แล้วจ้ะแม่ อิงใส่โหระพาเลยนะจ๊ะ”
“จ้าลูก” รับคำแม่เสร็จผมก็ปิดไฟใส่ใบโหระพาลงไปคนสักหน่อยก่อนปิดฝาแล้วยกหม้อลง
“พี่อิง อรทอดปลาดุกเสร็จแล้ว”
“พักไว้ก่อนน้องอร รอให้เย็นก่อนค่อยผัด เอาแตงกวาที่หั่นแล้วให้พี่หน่อยจะผัดเปรี้ยวหวานรอ แล้วเราก็ไปปั้นสาคูต่อพี่ทีเดี๋ยวเม็ดมันจะแห้งก่อน ตอนนึ่งมันจะไม่สุกดี”
แจกแจงงานให้น้องเสร็จก็ยกกระทะใบใหญ่ขึ้นมา เปิดไฟเทน้ำมันลงไปให้พอดีก่อนจะทุบกระเทียมจีนกลีบเล็กลงไปผัดให้พอหอมแล้วนำไก่ที่หั่นไว้ลงไปผัด พอไก่สุกนิดๆ แล้วก็นำแตงกวาและสับปะรดลงไปผัดพอเปลี่ยนสีแล้วปรุงรสเติมน้ำซุปนิดหน่อยไม่ให้แห้งมากก่อนจะนำมะเขือเทศลงไปผัดรวมกัน ปิดฝาเปิดไฟอ่อนๆ ไว้ แล้วหันไปทำอย่างอื่น
“น้ำเดือดแล้ว เอาถาดซึ้งมาวางได้เลยน้องอร แล้วไปดูเพื่อนๆ ทีว่าจัดถาดน่าร้านเสร็จหรือยัง ถ้าเสร็จแล้ว เอาของที่สุกไปเตรียมเลยนะ”
น้องพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะไปล้างมือแล้ววิ่งไปที่หน้าบ้าน เพื่อดูความพร้อม
“แม่ว่าจะถาม ทำไมได้รถคันใหม่มาล่ะอิง ไม่ใช่ว่าไปทำรถท่านพังนะลูก” ผมยิ้มขำกับคำของแม่ คงกลัวผมจะโดนต่อว่าสินะ
“เปล่าจ้ะแม่ พอดีท่านต้องใช้รถคันนั้น เลยเอาคันนี้ให้อิงขับ ทั้งๆ ที่อิงบอกเดินทางเองได้แท้ๆ”
“แปลว่าทานเอ็นดูอิงไงลูก แต่กระนั่นแม่ก็ยังอยากขอบคุณเขาจริงๆ ที่รับลูกชายแม่เข้าทำงาน”
แม่คิดเหมือนผมเลย แต่ก็คงอีกไม่นานหรอก เพราะอาทิตย์หน้าก็สิ้นเดือนแล้ว อีกสองเดือนผมก็จะได้เจอหน้าบอสแล้ว แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วสิ
08:00น.
ตอนนี้อาหารที่เตรียมขายเสร็จไปจนจะหมดแล้วเหลือไม่กี่อย่างที่ต้องใช้เวลาหน่อยในการเคี้ยว
ปริ้น!! ปริ้น!!
“อิง!! หิวข้าว!!!” อ่า เหมือนจะมีแขกมาเยี่ยมแต่เช้าเลยแหะ
“วรรณ แกจะเสียงดังทำไมเนี่ย บ้านอิงมันก็มีออดหน้าบ้านนะเผื่อลืม”
“อ้าว! จะได้รูไงว่าฉันมา”
“รู้กันทั้งซอยเลยยายตะกระ”
“พวกแกสองผัวเมียหยุดรุมฉันนะ!!”
ครืด!!
“หยุดทะเลาะกันแล้วเข้ามาข้างในก่อน”
“ไง คุณเลขา อ่านไลน์ทุกวัน แต่ไม่ตอบอะไรสักอย่าง!” ผมที่ยืนเกาะประตูรั่วก็ได้แต่ขำ กับคำเพื่อนบ่นให้ที่ว่าผมชอบเข้าไปอ่าน แต่ไม่เคยออกความคิดเห็นอะไร
“ก็ดี แล้วมาได้ไงอะ? รู้ได้ไงว่ากูหยุด”
“ยัยตะกระ อยากมาแต่ไม่กล้ามาคนเดียว”
“อย่าใส่ร้ายฉันนะ...ก็แค่ทางผ่าน เห็นรถหรูจอดอยู่ก็คิดว่าคงอยู่ก็แค่นั้นแหละ”
“หรา!! ทางผ่านอ่ะเนาะโทรปลุกพวกฉันตั้งแต่เช้า แล้วบอกว่าอะไรนะดิน”
“คิดถึงอิง อยากมาหา” ผมยิ้มกับคำของดิน คนที่นิ่งๆ ไม่ค่อยพูดยกเว้นเวลาอยู่กับนาวา จะเป็นอีกคนคำพูดเยอะมาก
“ดิน บางทีก็อยากให้แกเงียบๆ ไปเหมือนเดิมนะ ไม่ต้องมาเข้าคู่กันแบบนี้”
“เข้ากันก็พอดีนะ”
“ดิน!!!!!” นาวาเสียงใส่ดินทันทีที่พูดจบ ส่วนวรรณได้แต่อ้าปากค้าง หน้าเห่อแดงไปหมดแล้วนั้น
“ไปๆ เข้าบ้านเหอะ อีกเดี๋ยวก็เปิดร้านแล้ว”
“งั้นวันนี้กูกับดินอยู่ช่วยมึงนะ ไม่รู้จะไปไหน”
“แม่คงดีใจ ไม่ได้เจอ พวกมึงนานแล้ว”
ผมและเพื่อนเดินเข้าไปในบ้าน ก่อนจะพากันไปบุกครัวบ้านผมที่อยู่ด้านหลังบ้านเลย พอแม่เห็นก็ดีใจ ที่เห็นเพื่อนผมครบทุกคน เพราะตั้งแต่พวกมันจบไปก็ต้องช่วยงานที่บ้าน ไม่ได้ทำงานในสายที่ตัวเองเรียนมาสักคน จะมีก็คงเป็นวรรณที่ ได้ใช้วิชาบ้าง อย่างการออกแบบเครื่องเพชรให้ที่บ้าน
ส่วนดินและนาวาก็ช่วยที่บ้านดินทำธุรกิจส่งออกต่างประเทศ โดยมีพี่ชายดินเป็นประทานบริษัท คู่นี้จะบอกว่าไปได้สวยเลยแหละ ครอบครัวของดินไม่รังเกียจนาวาเลยที่เป็นเด็กกำพร้า แถมรักยิ่งกว่าดินที่เป็นลูกเสียอีก
ด้วยความเข้ากับผู้ใหญ่ได้ง่าย เลยมีแต่คนหลงรัก แม่ของดินเคยแกล้งจะขอนาวา ให้กับทัพฟ้าพี่ชายของดิน จนเกือบบ้านพัง
เพราะลูกชายคนเล็กของบ้านได้ทำการปล่อยแมว สัตว์ที่ทัพฟ้าไม่คิดชอบเลยไว้ทั่วบ้านไม่พอยังเอาเข้าไปปล่อยเต็มห้องพี่ชายอีก จนต้องหามทัพฟ้าส่งโรงพยาบาลเพราะเกิดอาการแพ้ขั้นรุนแรง
คุณหญิงหัวใจเกือบวายนึกว่าจะเสียลูกชายไปเสียแล้วส่วนคนทำก็หนีไปนอนคอนโด ไม่สนใจคำต่อว่าจากแม่สักคำได้แต่ปลายตามองคุณหญิงเท่านั้น จนท่านต้องยอมหยุดการแกล้งลงเพราะกลัวจะเกิดอะไรที่ไม่คลาดคิดขึ้นมาอีก
ส่วนทัพฟ้าก็ได้แต่ด่าน้องชาย ว่าจะฆ่าตนให้ตายจริงๆ ใช่ไหมถึงทำแบบนั้น ก็ได้คำตอบที่เกือบน้ำตาล่วงกันเลย
“อือ แม่จะได้ไม่ยกวาให้ทัพ”
“วาของเรา ทัพห้ามแตะ”
“มึงพูดแบบนี้มันก็จบแล้วไอ้น้องเวร”
“ก็ไม่ตายนิ”
“เออ แต่มันคันมึงเข้าใจไหมมันคัน”
“...ช่วยเกา” ไม่พูดเปล่า ยังยื่นมือมาช่วยเกาให้อีก
12:00 น.
“แล้วคุณป้าเป็นไงบ้าง” ผมถามดินที่นั่งร่วมโต๊ะทานข้าวด้วยวันนี้ถึง สุขภาพของคุณหญิงแม่
“ก็ดี”
“ช่วงหลังๆ ก็บ่นปวดเมื่อยบ่อยๆ แหละมึง อายุท่านก็มากแล้ว” นาวาที่เห็นว่าดินตอบสั้นห้วนจนน่ารำคาญเลยตอบแทน
“บางทีฉันก็คิดนะว่า ไอ้วามันเป็นลูกคุณป้าที่ถูกสลับตัวกับแกหรือเปล่าดิน ดูมันใส่ใจแม่แกมากกว่าแกอีก”
“อือ” ก็แค่นั้นแหละครับคำตอบไม่รู้อืออะไร ปวดหัวจริง
พอทานข้าวเสร็จยัยวรรณก็ขอตัวผมจากแม่เพื่อพาไปเที่ยวกัน แม่ก็อนุญาตบอกเอาไปเลยทำงานทั้งอาทิตย์ยังไม่ยอมหยุดอีก
นั้นแหละครับตอนนี้ผมและสามเกลอก็มายืนจ้องตรงหน้าทางเข้าโรงหนังอยู่นี่ไง
“จะดูอะไรอิง” วาถาม
“วา แกควรถามเลดี้ไหม เนี่ยยืนอยู่ตรงนี้” วรรณรีบชี้เข้าตัวเอง
“ก็แกมาดูบ่อยแล้ว ร้านแกก็อยู่ที่ห้างนี้แกคงไม่ใช่ว่ารอพวกฉันหรอกนะ”
“ก็...ก็ได้ แล้วแกอะ อิง จะดูเรื่องอะไร”
“เรื่องนี้ได้ไหมเราอยากดู เลล่า เล่น”
“เอาๆ ฉันอยากเห็นผัววามันขำ”
“คิดว่าจะได้เห็น!!”
“ไม่อะ ทุกวันนี้ฉันยังสงสัยอยู่เลยว่า แกชอบมันได้ไง ทำตัวอย่างกับหุ่นยนตร์ลืมป้อนข้อมูล”
ผมก็อดขำคำต่อว่าเพื่อนของ วรรณไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้จะเอ่ยว่าอะไร เพราะมันก็ชอบแหย่กันแบบนี้ตลอด
“บนเตียงเราดุนะ”
“อะจ้ะ” ถามเขาแล้วตัวเองก็มาหน้าแดงเองอะเนาะคนเรา
“พอๆ จะจองยังไง หน้าเครื่อง แอพหรือเคาเตอร์”
“แอพสิฉันมีส่วนลดอยู่”
“รวยขนาดนี้ยังจะเอาส่วนลดอีกเหรอวรรณ”
“รวยได้ใช่ว่าจะจนไม่ได้ ประหยัดไว้ดีกว่า”
จบจากดูหนังเราก็พากันหาร้านอาหารทานกัน ก่อนจะได้ร้านหมูกระทะ ที่มีคุณเข้ตัวเขียวยืนหรือหน้าร้าน ที่เคยเถียงกับเพื่อนเมื่อตอนปีหนึ่งว่ามันคือ พี่เข้ หรือพี่ก็อต
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เฮ้ย!! มาได้ไง”
“ใครว่ะอิงหล่อๆ ทั้งนั้นเลย”
“เพื่อนที่ทำงานน่ะ เดี๋ยวมานะ”
พอเดินออกมาข้างนอกถึงรู้ว่ามากันหมดเลยไม่เว้นกระทั่งตาคุณเมฆ
“ไหนบอกว่าลงไต้กันไงครับทำไมมาอยู่ที่นี่กัน”
“เคลียร์งานเสร็จไวน่ะ แล้วนี่มากับใครเหรอ?”
คิณที่เป็นคนตอบคำถามให้ก็ถามกลับทันทีเมื่อมองเข้าไปในร้านตรงที่ อิง เดินออกมา
“เพื่อนน่ะครับ พอดีพวกเขาไปเยี่ยมอิง ที่บ้านเลยชวนอิงออกมาเที่ยว”
“นี่ หนุ่มน้อย แล้วหนุ่มน้อยคนนั้นเพื่อนเธอด้วยป่ะ”
“ครับทั้งหมดเลย”
“น่ารักจัง เขามีแฟนยั-”
“ลูกพี่ทำอะไรอยู่นะตอนนี้” อยู่ๆ หยางก็พูดถึงบุคคลต้องห้ามสำหรับสตีเวนขึ้นมา จนผมแอบยิ้มขำกับคนที่หันไปขรึงตาใส่รุ่นน้องทันที
“คนที่นั่งข้างๆ คือสามีมันแหละครับ”
“อ่า ท่าจะหวงมากสินะ”
“ไงอิง มาเที่ยวหรอ” อีธานที่ยืนคุยกับคุณเมฆอยู่ก็เดินมาหาผม ก่อนจะเอ่ยถาม
“ครับ แล้วทุกคนมาทำอะไรหรอครับ”
“ทานข้าวน่ะ”
“อ่อ งั้นสนใจทานด้วยกันไหมครับ”
“ไม่ละพอดีเราจองโต๊ะไปละ...”
“ยกเลิกแล้ว” แล้วคุณเมฆก็พูดขึ้นมาแล้วเดินได้คุยอะไรก็ไม่รู้กับพนักงานก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน
“ยกเลิกตอนไหนวะ”
“ลุงลองเดินเข้าไปถามสิ” ทุกคนพากันทำหน้างง กับคนที่เดินเข้าไปทิ้งตัวนั่งลงกับเก้าอี้ที่พนักงานได้นำมาต่อเติมให้ใหม่ทันที
“เขาบอกยกเลิกก็ยกเลิกสิ ไป งั้นพวกเรานั่งด้วยนะอิง”
“ห้ามตอนนี้ทันเหรอครับ” คิณและอีธาน ได้แต่ขำให้กับคู่ไม้เบื่อไม้เมา ที่เจอกันที่ไรเป็นต้องจิกตา เลิกคิ้วมองกันทุกที ไม่ได้เห็นใจคนเก็บความลับอย่างพวกเขากันเลย
พอเข้ามานั่งด้านในก็มีการแนะนำตัวกันนิดหน่อย ทุกคนตกลงกันว่าจะคุยกันเป็นภาษาอังกฤษจะได้คุยกันรู้เรื่องไปเลย
การนั่งก็จะเป็น วรรณ นาวา ดิน หยิน สตีฟ ด้านขวาก็จะเป็น ผม คุณเมฆ อีธาน คิณ หยาง
ทุกคนเหมือนจะชอบ ยกเว้นคนข้างๆ ผมที่ เอาแต่มองอาหารเหมือนครั้งแรกที่เจอกันเลย จนผมอดไม่ได้เลยเป็นคนย่างให้เค้าทาน มีหันมามองผมนิดหน่อย แต่ผมทำเป็นไม่สนใจเขายังทานของตัวเองต่อไป ดูแค่ว่าเขาใกล้หมดยังค่อยคีบไปไว้ในจานให้
ทานเยอะจนรู้สึกปวดเบาเลยขอตัวเข้าห้องน้ำโดยมีอีธานและคิณขอไปด้วย
หลังอิงเดินออกไป
คาล์ล ที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองทานตัวไหนได้บ้างก็ทานแต่ที่ อิง คีบมาวางไว้ให้เท่านั้นโดยไม่กล้าแม้จะตักน้ำซุปทาน
วรรณที่เห็นว่าในจานของ คุณเมฆเนื้อใกล้หมดแล้วเลยใจดีตักให้ สองสามชิ้นแรกก็ยังเป็นเนื้ออยู่ จนมาถึงชิ้นที่สี่ มันเป็นลูกกลมๆ ขาวๆ เหมือนซาลาเปาลูกจิ๋ว มองแล้วก็ไม่น่ามีอะไรจนตัดสินใจกัดเข้าคำแรก แล้วมีน้ำช่ำหวานอร่อยไหลออกมา แล้วรู้สึกว่ามันอร่อยดีจนอยากลองอีก
วรรณที่มองดูอยู่เห็นแบบนั้นก็ตักให้อีกสองลูก คาล์ลก็รับไว้ด้วยใจที่ชอบไปแล้วจนกระทั้งคำสุดท้ายที่กำลังเอาเข้าปาก เป็นตอนที่ อิง และทุกคนเดินกลับมาที่โต๊ะ
อิงที่มองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงกลางระหว่างตะเกียบสองอันเป็นต้องเบิกตากว้าง พุ่งตัวมาปัดตะเกียบในมือ คาล์ล ออกทันที
เพล้ง!!!
“ทำบ้าอะไรของคุณอยากตายหรือไง!!” เสียงตะคอกต่อว่า
“เป็นบ้าอะไรของเธอ!”
อิงไม่ได้ตอบแต่ใช้มือประกบใบหน้าของคาล์ล ก่อนจะหันซ้ายขวาเพื่อดู แล้วก็ต้องเบิกตาอีกครั้งเมื่อพบว่าข้างๆ มุมปากของไอ้คุณเมฆเริ่มมีผื่นเม็ดเล็กผุดขึ้นมาแล้ว
“คุณพกยามาด้วยไหม?”
“อิง เกิดอะไรขึ้น?”
“คุณเมฆแพ้กุ้ง ใครเอาเปาจิ๋วให้เขาทาน” เท่านั้นแหละเหล่าบอดี้การ์ดก็พากันลุกพรึบกันทุกคน ก่อนที่อีธานจะบอกให้คิณไปเตรียมรถ
“ฉะ..ฉันเอง ฉันไม่รู้ว่าคุณเขาแพ้ ฉันขอโทษ” วรรณที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบสารภาพทันทีว่าตนเป็นคนเอาให้ทาน แต่ด้วยความที่อิง รีบร้อนจะพา คาล์ลไปโรงพยาบาลเลยไม่ได้ตอบหรืต่อว่าอะไรกับเพื่อน เป็นอีธานที่ยื่นบัตรไปให้วา เพื่อบอกว่าอาหารมื้อนี้เขาจะเป็นคนจ่ายแล้วค่อยเอาฝาก อิง มาคืนวันหลัง
พอเดินออกจากร้านมาได้ ทุกคนก็รีบมุ่งตรงไปที่ทางออก หยินและหยางเอารสมากันเองเลยขอตัวไปเอารถก่อนแล้วจะตามไปทีหลังสตีฟวิ่งนำหน้าเปิดทางให้การเดินไปที่รถสะดวกมากขึ้น
“เป็นไงบ้างคุณ ยังหายใจออกไหม?” คาล์ลได้แต่พยักหน้าแล้วหันมองเสี้ยวหน้าคนที่ดูร้อนรนเหมือนตนเป็นเองด้านข้าง ก็ได้แต่ยิ้มเล็กๆ ก่อนมันจะหายไปเพราะคำพูดของอิง
“จะตายอยู่แล้วยังจะยิ้มอีก รู้ว่าตัวเองแพ้กุ้งก็น่าจะถามก่อน ว่ามีกุ้งไหม แล้วกินเข้าไปกี่ลูก
“สาม อันที่สี่เธอปัดมันทิ้ง”
“ยังจะเสียดายอีกนะคุณ!!” เขาไม่ได้เถียงแค่เดินไวๆ ตามแรงจูงคนด้านข้างที่ใบหน้าเคร่งเครียดเหลือเกิน
การบ่นของอีกคน ไม่ได้ทำให้คาล์ลโกรธหรือต่อว่ากลับเลยแม้แต่น้อย แต่มันกลับรู้สึกดีซะนี่ สงสัยเขาคงเป็นโรคจิต (ชอบให้ด่า)
“กินยาก่อนครับ” พอมาถึงรถก็เป็นคิณที่รีบยื่นยาที่เตรียมไว้ให้ทาน ถึงจะแทบไม่เคยได้ใช้เลยก็ตามที
“นายติดต่อโรงพยาบาลไว้ยัง”
“เรียบร้อย เอาที่ใกล้ที่สุด” อีธานพอได้ยินแบบนั้นก็เปิดประตูรถให้ คาล์ลและอิงขึ้นไปนั่งด้านหลัง ก่อนตัวเองจะมานั่งข้างคิณด้านหน้า สตีเวนขอไปคันหลัง กับหยินแทน พอทุกคนขึ้นรถเสร็จรถก็ออกตัวไปทันที โดยที่อิงลืมสังเกตว่ารถที่ต้นนั่งอยู่นี้คือรถที่ตัวเองใช้ประจำ
ณ โรงพยาบาล
“ปลอดภัยแล้วครับ ดีนะครับที่ทานยาแก้ไว้ทัน ยังไม่ถึงกับหายใจไม่ออก แต่ก็ต้องล้างท้องอยู่ดีเพราะทานเข้าไปค้อนข้างเยอะ”
“ครับ แล้วแบบนี้ต้องแอดมิดไหมครับคุณหมอ?”
“ครับ ยังไงก็ต้องนอนพัก ดูอาการสักสองวันถ้าดีขึ้นค่อยว่ากันอีกที ยังไงหมอขอตัวก่อนนะครับ อีกห้านาทีพยาบาลจะพาคนไข้ไปที่ห้องที่จองไว้”
“ขอบคุณครับหมอ” ทุกคนที่ยืนออกันที่ห้องฉุกเฉินเป็นต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนคนนั่งเป็นพี่ใหญ่สุดจะโดนด่าเสียงเข้ม ด้วยภาษาที่อิงฟัง ไมค่อยจะออกเท่าไหร่
“แกก็นั่งอยู่ทำไมไม่ดู?”
“ก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นนี่ นายจะหัวเสียทำไมเขาผู้นั้นก็ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว ปลอดภัยแล้วไง!”
“เหอะ ปัดความรับผิดชอบได้ดีมากสตีฟ อ้อ เตรียมตัวไว้ด้วยนะ”
“เตรียมตัวอะไร!”
“ที่รักนายกำลังนั่งเครื่องมาเมื่อ15นาทีที่แล้ว”
“ที่รัก!!...ห๊ะไม่จริงใช่ไหม? อย่าบอกนะว่านายบอกนิกซ์ ให้ตายเถอะอีฟ นายมัน..มันอำมหิตเลือดเย็น แล้วพวกแกรู้หรือยัง” สตีเวนหันไปมองสองแฝดก่อนจะได้รับคำตอบโดย ไม่ต้องตอบคำถาม นั่งกุมขมับขนาดนั้น สรุปง่ายๆ ว่ารู้แล้ว
“สวรรค์ของฉัน ให้ตาย!! หมดสนุกแล้วสิ๊” ได้แต่วัยอาลัยให้ตัวเอง ใครก็รู้ว่า ฟีนิกซ์เด็ดขาดแค่ไหน ขนาดบางเรื่อง บอสยังต้องขอคำปรึกษาเลย
“จิมนายว่าเราจะโดนอะไรบ้าง” หยินถามหยาง
“เดาใจลูกพี่ไม่ได้เลย ยิ่งปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นฉันยิ่งไม่อยากคิด”
“ตาย ตายสถานเดียว” สตีเวน
“ลุงแก่สุด รับคนเดียวไปเลยไม่ได้หรอ?” หยาง
“ไอ้เด็กเวร แก่แล้วไม่ใช่คนเร๊อะ!! หัวหน้าพวกแกเบามือที่ไหน”
อิงที่มองดูสถานการณ์ก็ได้แต่งง! ว่าทุกคนพูดคุยอะไรกัน จนเห็นคุณพยาบาลเข็นเตียงของเมฆออกมา ถึงดีดตัวรุกขึ้นแล้วเดินไปหาคนที่หน้าซีดเซียวนอนอยู่บนเตียง ด้วยตาปรือๆ
“คุณโอเคไหม?”
“อืม”
“ยังคันอยู่หรือเปล่า”
“อืม”
ระหว่างเดินตามรถเข็นมา อิง ก็พยายามคุยกับคนที่ทำท่าจะหลับตลอดเวลาจนเข้ามาถึงห้อง ย้ายขึ้นเตียงใหม่ที่อยู่ในห้องที่ใหญ่กว่าที่เข็นเขาเข้ามา
ตาปรือปรอยมองใบหน้าที่เริ่มเลือนรางก่อนจะเอ่ยคำคำนั้นออกมา แล้วหมดสติไป
“อยู่กับฉันนะ”
ทิ้งคำไว้แล้วหลับไปแบบนี้มันได้ที่ไหนกัน ไม่เห็นใจคนฟังบ้างหรือไง ว่าจะเข้าใจผิดหรือเปล่า
“ให้มันได้แบบนี้สิ ตาบ้า”
TBC.
อะ อาเฮียก็พูดไม่เคลีย อะเนอะ
ลูกอีชั้นคิดไปเองจะทำไง
สตีฟเกรียมตัวไว้เลยนะ ทำบอสเข้า รพ.แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน
สุดท้ายฝากเม้น ฝากไลค์ ฝากใจ ให้เราด้วยนะ
กำลังใจมากก็มีแรงพิมพ์ที่มหาศาล
@Nuamok415
https://www.facebook.com/Nuamok415/ทวิต: nuamok1[/pre][/center]