Fulfill เติมเต็ม (Fantasy, Mpreg) ตอนที่ ๑๓ มัดมือชก (NC +20)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Fulfill เติมเต็ม (Fantasy, Mpreg) ตอนที่ ๑๓ มัดมือชก (NC +20)  (อ่าน 5880 ครั้ง)

ออฟไลน์ Moonkla

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
                                                       

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17




เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


Fulfill เติมเต็ม


ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฟ้าฝนเทพฟ้าพยาดาหรือบาปบุญอะไรไอ้พิชญณ์วัย 25 เบญจเพศผู้นี้ถึงได้มาผลุบๆโผล่ๆที่ไหนก็ไม่รู้ แถมถูกหมายหัวเป็นคู่บารมีเจ้าชายหัวทองคำฝอยนี้อีก พ่อจ้าแม่จ้าเจ้จ้า ไอ้พิชญณ์อยากกลับบ้าน

"เชื่อละ เชื่อแล้ว เชื่อเลยจ๊า เบญจเพศเล่นผมซะแล้ว เวรของกรรม กรรมของเวรแท้อ้ายพิชญณ์เอ้ยยยยย โดนรุ่นน้องกับพรรคพวกขี่แมงกะไซไล่ปาดหน้าปาดหลังจนขับรถตกลงคลองอีก ตายแน่แท้แล้วมึงเอ้ยยยย ซวยแท้ๆ เหล้าไม่ได้กิน สาวไม่ได้แตะ ลูกยังไม่มี เมียยังหาไม่ได้ ใบปริญญายังไม่ได้รับ เงินยังไม่ได้ใช้ พ่อครับ แม่ครับ เจ้จ้า พิชญณ์ยังไม่อยากตาย ฮือๆๆๆ"




อารัมภบท

“เจ้าตื่นแล้วเหรอ” ลืมตามาก็เห็นไอ้ฝรั่งหัวทองหยิก พูดจาพิลึก ยืนข้างเตียงผมพร้อมกับคนแก่อีกตาม ๓ คน...แต่แปป ทำไมพวกนี้แต่งตัวแปลก มองไปรอบๆนี่ก็ไม่ใช่ห้องผม โรงพยาบาลก็ไม่ใช่...เอ๊ะ...เอ๊ะ...เอ๊ะ  “ข้าถามไม่ได้ยินรึไง!!!”  “วก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”


รัชทายาท อเล็กซานเดอร์ (คุณหัวฝอยทองของไอ้พิชญณ์)



พิชญณ์ (นายเอกวัย 25 ผู้อยากมีเมีย แต่เป็นได้แค่เมีย 555)



เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องในรอบสามพันปีแสงของหมูปิ้งที่จะพยายามไม่ดองนะอู๊ด ผิดพลาดประการใดก็ค่อยๆบอกค่อยสอนหมูปิ้งนะอู๊ด หมูปิ้งอ่อนไหวเหมือนเนื้อติดมันตรงที่มันลื่นๆน่ะอู๊ด อ๊อ!!! เรื่องนี้ค่อนข้างมีเนื้อหาสำหรับคนวัยกระเต๊าะไม่น้อย 18+ นะจ๊ะอู๊ด มีคำหยาบโลน กูมึง ไอ้ อ้าย ยาย ยัย พอเป็นอรรถรส พร้อมฉากฟินผู้ใหญ่คึกคักไม่มากก็มากนะอู๊ด ถ้าไม่ไหวโปรดถอยห่าง ถึงจะรักแต่เพราะรักเลยต้องลาจาก เลิฟยู อิคิอิคิ...อย่างหลังหมูปิ้งเพ้อเจ้อ..หมูปิ้งขอโทษ แต่เอาเป็นว่าหมูปิ้งเตือนแล้วเนอะอู๊ด

ปอลอ ปลาตอด: พื้นเรื่องนี้ตั้งอยู่ใน แดนถิ่นไทยแลนด์ แดนดินไทยเรา เก็บกันจนเก่า เรามีแต่ของดีดี~...อ่ะเฉิบๆ แต่นอกนั้นเกิดขึ้นจากจินตนาการ โดยตัวละครก็ไม่มีตัวตน สถานที่ หรือแม้แต่ข้อมูลเชิงลึกทางความรู้ก็เกิดจากความเพ้อฝันของหมูปิ้งทั้งสิ้นนะอู๊ด



สารบัญ





Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2022 00:06:57 โดย Moonkla »

ออฟไลน์ Moonkla

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
บทที่ ๑ เอาละเว้ยยยยย


กราบสวัสดีท่านผู้มีแขก...ทั้งแขกทางใต้ แขกทางอินเดีย และแขกขายถั่ว กระผ๊มมมมมมมมม..............เอ่อ..คือ ไม่คิดจะห้ามหรือทักหรือท้วงกันเลยเหรอครับ -__- เชอะ...ตบเองก็ดั๊ยะ อะแฮ่มๆๆ...แฮ่มๆ กราบสวัสดีท่านผู้ชม กระผมชื่อ นาย นิพพิชฌน์ บุญทอง นะครับ อายุย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตก พรำ พรำ กบมันก็ร้องงึมงำไปทั่วท้องนา~  ^___^  อ่ะจริงจังล่ะ อย่าเพิ่งกดออกน๊า...ผม นายนิพพิชฌน์ บุญทอง หรือที่บ้านของผม... ครับของบ้านผมเรียกว่า “อ้ายพิชฌน์” สั่นๆก็ “ไอ้พิชฌน์” กระผมอายุอานามก็ย่างเข้า 25 ขวบ วันพรุ่งนี้แล้วครับ และวันนี้ผมอ้ายยยยพิชฌน์สุดหล่อเลยจะมาเป็นมัคคุเทศก์พาทุกท่านไปรับชมชีวิตสุดบรรเจิดเสิศนภาของกระผมกันครั๊บบบบ ถ้าพร้อมแล้ว.....อินโทรล์....
ตึบ .  ตึบ  .  โป๊ะ  .
 

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
 


ณ ดินแดนสุขาวดีอันสวยงาม มีสถานที่แห่งหนึ่งอันมีชื่อว่า ค่ายมวยพิชนาบุญทอง มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ขมักเขม้นฝึกฝนร่างกายให้กล้าแกร่งพร้อมต่อสู้เพื่อความเป็นใหญ่อย่างไม่มีใครยอมใคร เหตุเพราะอีกเพียง ๒ เดือนพวกเขาก็จะต้องออกไปแสดงเกียรติภูมิของตัวเองกันแล้ว กับค่ายเพื่อนรักเพื่อนแค้นใกล้บ้านเรือนเคียงอย่าง ค่ายกระทิงภูทอง

“เอ๊า...เอส เอส เอส” เสียงร้องฮึดฮัดและกำปั่นกับแข้งที่เตะต่อยกับกระสอบทรายบ้าง เป้ามือบ้าง จับคู่ฝึกซ้อมกันบ้าง ดังสลับกันไปมา ระหว่างที่ผมเดินสำรวจความเรียบร้อย ทักคนนั้นคนนี้ไปทั่วตามประสาคนหน้าตาดีและอัธยาศัยดีเป็นเลิศ (อ๊อ ผมลืมบอกไป ค่ายมวยพิชนาฯ เป็นค่ายมวยบ้างผมเองครับ) พอเห็นคนในค่ายตั้งอกตั้งใจกันดีผมเลยถือโอกาสออกกำลังกายกับเขาบ้าง... หุ่นไม้มวยหย่งชุน เป็นอะไรที่ผมถนัดที่สุดละ

“อ้าวพิชฌน์เข้าซ้อมกับเขาด้วยเหรอ...อย่าหักโหมมากนักนะโว้ย เดี๋ยวหอบ eat มึงอีก เดี๋ยวป๋าทองจะแหกอกกู”
“โอ้ยรู้แล้วน๊าพี่ชัย ผมเล่นเหยาะๆเอง สบายใจได้ อกพี่มีไว้ให้พี่นาแหกก็พอละ 555 ว่าแต่พี่วางป่ะ มาเป็นคู่ซ้อมดาบกับผมหน่อยดิ” นี่พี่ชัยครับ ลูกชายเสี่ยเจียงร้านทอง บ้านแกรวย (มาก) แต่ไม่รู้หรอกว่าแกรวยมากแค่ไหน เพราะบ้านแกไม่มีใครถือตัวเลย พี่ชัยแกเทียวตามไล่ตามจีบพี่สาวสุดมั่นของผมนานแรมปีล่ะ แต่พี่นา นางสาว พีรโรจนา  บุญทอง แกไม่หวั่นไม่ไหวกับพี่ชัยแกซากกกที ต่อให้ผมกับแม่จะเป็นกองเชียร์ให้แค่ไหนก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไร ส่วนพ่อผม ก็นะ ลูกสาวอ่ะ ลูกไม่เอาก็เข้าทางพ่อผมล่ะ...ไม่ใช่ว่าพ่อผมรังเกียจอะไรพี่ชัยนะ พ่อผมขี้หวงมากกกกก จนแม่บ่นหูชาทู๊กวัน
“ลูกโตเป็นสาว วัยจะขึ้นคานล่ะจะหงจะหวงอะไรนักหนาไอ้แก่!!! สะเงาะสะแงะ” แม่ผมว่ามางี้อ่ะครับ...ส่วนพี่สาวผมนะ ยิ่งแล้วใหญ่ นางบอกว่า
“ไอ้ตี่ตัวถึกอ่ะนะ ฮึ แวะ ไม่สนว่ะ บ่แม่นสเป็กเจ้ อีกอย่างนะมีผัวเหมือนสร้างหนี้...ภาระเปล่าๆ สู้ทำงานนับเงินสวยๆ กินอยู่หรูๆ ดีงามกว่าเย๊อะ ” Oh Miss Independent...อย่างไรเสียพี่ชัยแกก็คอยแอบรักแอบส่องพี่นาได้ทุกวี่ทุกวันไม่เหนื่อย เฮ้อ~ น่าเห็นใจพี่แกแท้...

.

“ปากหมานะไอ้ลูกบลูด๊อก”
“อ๊าว...พี่ชัยด่าพ่อผมเป็นหมาเหรอ”
“เห้ย!!! เห้ล่ะมึง กูด่ามึงไม่ใช่พ่อตากู” ป๊าบ
“โอ้ยเฮีย! ตบหัวผมไมเนี๊ยะ ก็พี่ด่าผมว่าลูกบลูด๊อก งั้นพ่อผมก็บลูด๊อกเต็มตัวอ่ะดิ” ป๊าบ
“ลามปามละไอ้พิชฌน์ เล่นถึงพ่อ เดี๋ยวฉันจะไปฟ้องป๋าทอง...ส่วนนาย...ใครพ่อตานายไม่ทราบ อย่า . มโน” พี่นาครับ
แกกลับจากทำงานก็ส่งมอบพระหัตถ์มาให้เป็นคำทักทายยามเย็น อ้ายพิชฌน์หนออ้ายพิชฌน์ โดนตบสองรอบเล่นเอามึนเลยก๊าป T^T ส่วนพี่ชัยก็เอ็นดูผมอยู่เหมือนกัน เอามือลูบหัวปลอบพร้อมลอบสมน้ำหน้าด้วยความรัก...ชิ


“หึหึ เห็นละสงสาร มะๆเดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงกูมาช่วยซ้อมดาบ มึงก็ฝึกกระบอกไม้ไผ่ของมึงไปก่อนละกัน” พี่ชัยพูดแซะก่อนจะแยกไปฝึกซ้อมของตัวเอง
ที่ค่ายของครอบครัวผมไม่ได้มีสอนมวยไทยอย่างเดียว แต่ก็มีศาสตร์การต่อสู้อื่นๆด้วย เช่น มวยจีน ศาสตร์การป้องกันตัว และฟันดาบ ถ้าถามว่าทำไมมีฟันดาบที่เป็นศาสตร์การต่อสู้โดดจากรูปแขนงอื่นๆของค่าย คงเพราะพี่ชัยกับพี่นานี่ละครับ
พี่นาเป็นคนหัวการค้าการตลาด แกเสนอกับพ่อว่าถ้ามีธุรกิจรูปแบบเดียวมันหมุนเวียนช้าและเข้าถึงได้แค่เฉพาะกลุ่มเล็กๆ เลยอยากให้เพิ่มอีกแขนง มวยจีนก็เลยตามมาเพราะมีความเรียบเคียงกับมวยไทยบ้าง ต่อด้วยการฝึกป้องกันตัวสำหรับสาวๆและเด็กๆ แต่ผู้ชายก็มีเรียนเรื่อยๆแล้วเหมือนกันนะเออ และที่เป็นจุดเด่นที่แตกต่างของค่ายนี้ก็คือ เรียนฟันดาบ เพราะพี่ชัยแกเป็นอดีตตัวเตงนักดาบเยาวชนเข้าทีมชาติของไทย แต่ด้วยเสี่ยเจียงอยากให้แกช่วยมาบริหารงานของที่บ้าน แกเลยเลิกแล้วหันมาเรียนบริหารแทน แล้วก็เป็นสาเหตุที่ทำให้แกมาเจอและตกหลุมรักพี่สาวผมตอนเรียนมหาลัยและเสนอตัวมาเป็นครูฝึกสอนฟันดาบนี่ล่ะครับ

.

..

...

เสียงแซงแซ่มาจากหน้าค่าย ดึงความสนใจของคนในค่ายและพวกผมเป็นอย่างดี พี่ชัยกับผมรีบเข้าไปดูความวุ่นวายที่เกิดขึ้น สิ่งที่เห็นคือสภาพสะบักสะบัมของไอ้หมุด (จริงๆน้องมันชื่อ สมุทรครับ เรียกกันย่อๆตามความคล่องตัวของภาษาไทยอ่ะเนอะ) เด็กใต้ใจกระทิง เดินทางมาหาประสบการณ์หาเงินส่งให้ยายมันที่พังงา ณ เมืองกรุง สวรรค์ของคนรวย โรงเชือดของคนหาเช้ากินค่ำ ไอ้หมุดมันระหกระเหินมาเกยตื้นหน้าค่ายของพวกผม พ่อกับแม่ผมสงสารเลยการข้าวหาปลา ให้ที่ยงที่อยู่ให้มันซกหัวนอน ไอ้หมุดเลยถือโอกาสสิงสถิตขอเป็นเด็กในค่ายช่วยงานน้อยงานใหญ่มันซะเลย ซึ่งหน่วงก้างก็จัดว่าดีมากทีเดียว มันเป็นเด็กอดทนขยัน ติดแต่ซื่อจนโครตบือเลยมากกว่า ทำให้หลายครั้งปํญหาไม่ได้ก่อก็ทยอยมาหามันทุกทีไป...สงสัยครั้งนี้ก็เหมือนกัน สภาพของไอ้หมุดทำเอารุ่นพี่รุ่นน้องถามหาเอาความกันยกใหญ่ และพวกผมก็เป็นหนึ่งในนั้น

“ฉันแค่แวะไปซื้อเฉาก๋วยร้านยายฉ๋อยเองจ๊ะพี่ แต่ไอ้วินค่ายอริเราก็เข้ามาหายเรื่องฉันซะงั้น” ...ไงละ ซื้อหวยไม่เคยถูกอย่างนี้เนอะกู
“มึงแน่ใจนะไอ้หมุดว่าแค่ซื้อเฉาก๋วยอ่ะ ไม่ใช่ไปอ่อยนังแก้วลูกยายฉ๋อยเอา” อาไท ลูกค่ายวัยอาวุโส เพื่อนรุ่นน้องของพ่อที่คอยมาช่วยเป็นหูเป็นตาให้พ่ออีกแรงภายในค่าย
“จริงสิจ๊ะ อีกอย่างฉันเป็นผู้ชายนะจ๊ะ จะไปอ่อยเอ่ยน้องแก้วเขาได้อย่างไง อ่ะโอ้ย...” ไอ้หมุดร้องอดโอยน่าสงสาร ก็นะถึงจะเด็กใต้ แต่หน้าตาตัวมันผอมแห้งแรงน้อย ไหนจะตาคมดวงกลมๆนั้นอีก ไม่แปลกที่อาไทจะแซวมัน


เห็นเพื่อนในค่ายร้องเจ็บโอดโอยแล้วมันโมโห ไอ้หมุดมันหัวอ่อนจนตามคนอื่นไม่ทันอย่างมัน ดูถ้าจะโดนไอ้วินงเด็กเปรตค่ายลุงทิงแกล้งเอาแน่ๆ นึกได้ผมก็ก้าวฉับๆไปหาต้นเหตุทันที ไม่วายได้ยินพี่ชัยร้องให้รอ แต่ผมเห็นน้องเจ็บจะให้อยู่เฉยๆก็ใช่เรื่องป่ะ อีกอย่างไม่ได้จะไปหาเรื่องไอ้วินมันหรอก แค่จะไปถามให้รู้ความจะได้จัดการอะไรๆได้ถูก ถ้าน้องเราไปเสร่อกวน teen อีกฝ่ายเองจะได้อบรมมันได้ถูก แต่ถ้าไอ้วินมันอันทพาลก่อนก็จะได้ไปบอกให้ลุงทิงจัดการสั่งสอนดูแล เพราะอย่างไงผมก็พอมีความเคารพลุงทิงเห็นหัวแกอยู่บ้าง ส่วนพี่ชัยเห็นว่าผมไม่รอก็รีบตามมาสมทบ แต่ก็กำชับเด็กในค่ายไม่ให้ยกโขยงตามมาให้เป็นเรื่องเป็นราวไปใหญ่โตก่อนจะขอแรงอาไทช่วยต้อนเด็กๆอีกแรง

.

.

“เฮ้ย ไอ้วินหงุดหงิดอะไรน้องมันว่ะ ถึงต้องซ้อมมันซะขนาดนั้น” สถานที่แรกที่มาตามหาก็ที่ร้านยายฉ๋อย ซึ่งไอ้วินกับแก็งมันก็อยู่กันจริงๆ หัวเราะเอิกเลิกมั่นหน้าไม่เกรงใจใครตามประสาเด็กวัยรุ่นเอาแต่ใจอันทพาลไปทั่ว พอไอ้วินมันเห็นผมเดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะที่พวกมันนั่งก็ตีตรวนกวน teen ผมแล้ว
“อะไรวะพี่ลูกพีช ผมไม่ผิดนะเว้ย...พวกผมเข้าสั่งเฉาก๋วยกับน้องแก้วก่อน แต่ไอ้กุ้งไหม้ (มันหมายถึง ไอ้หมุด) มันก็มีตัดหน้าออเสาะน้องแก้ว จนน้องแก้วต้องทำให้มันก่อน” ไอ้วินแก้ตัวด้วยเหตุผลไร้ความคิดของมัน บรรเจิดล่ะ กะแค่ผู้หญิงเขาตักเฉาก๋วยให้ก่อนเนี๊ยะนะ -_-*
“เฮ้อ~ แกก็รู้ว่าน้องมันซื่อ มึงจะเอาความอะไรกับน้องมันนักวะ อีก ๒ เดือนค่ายพวกเราก็ต้องออกไปขึ้นชกกันแล้วนะเว้ย ยิ่งแกเป็นตัวเตงน่าจะวอร์มร่างกายให้พร้อมไม่ดีกว่าเหรอ จะทำตัวเองแต่ใจไปถึงไหนวะ”
“ตึง! เห้ย!!! พี่จะมาเสือกเห้อะไรด้วย แล้วใครว่าผมวอร์ม ผมวอร์มแรงกับไอ้ลูกแหง่ของพี่ไง หึหึหึ ไอ้กุ้งไหม้ลูกแหง่กับแม่ตุ๊ดขี้โรค 555555555” ไอ้วินมันตบโต๊ะ ลุกขึ้นมาด่าผมก่อนจะล้อเลียนลามปามเป็นอัททพาลไม่รู้จักโต พอไอ้วินหัวเราะชอบใจพวกน้องก็เออออชอบตาม
ตึก!
ปึก!
ตึง!
“ไงมึง...เจอขี้โรคอย่างกูคว่ำ ยังพอหายใจออกไหม...จำความรู้สึกนี้ใส่โหลกบางๆของมึงไว้นะ ความรู้สึกที่เหมือนจะขาดใจตายนี้เป็นอย่างไง อย่าเสร่อมาลามปามกับกูอีก!” เพราะมันยืมจังกาซะชิด ผมเลยทำการจี้ไปที่จุดข้างๆลิ้นปี่ของไอ้วิน จนมันสำลักอากาศหายใจติดขัด ก่อนดัดแขนพลิกให้มันหน้าคว่ำลงเป็นโต๊ะกับข้าวต่อหน้าลูกน้องมัน ซึ่งก็มีดีแค่พร็อพจริงๆ พอไอ้วินโดนจับคว่ำก็พากันหงอทำอะไรไม่เป็น หึ!

.

 
“มีเรื่องอะไรกันอีกละพ่อพิชญณ์” เสียงคุ้นหูดังมาจากข้างหลัง ลุงทิง (หรือ นาย กระทิง ภูทอง และอีกชื่อที่ชาวบ้าวระแวกนี้เรียกแกว่า เถ้าแก่ทิง ค้าไม้) แกเดินยันไม้เท้ามาหยุดยืนอยู่ข้างหลังพร้อมกับพี่ชัยข้างๆ พอกับมองด้วยสายตาที่ไม่สบอารมณ์นัก ติดแต่น้ำเสียงยังมีความเอ็นดูผมอยู่ไม่น้อย
“พะ..พ่อ พ่อต้องจัดการให้ฉันนะ ครั้งนี้ฉันไม่ผิด พวกไอ้ตุ๊ดนั้นเริ่มก่อน!” ป๊าบ!
“เงียบปากชั่งสำออยของมึงเดี๋ยวนี้ไอ้วิน...กูรู้เรื่องจากไอ้ชัยแล้ว สร้างเรื่องเพราะเฉาก๋วยเจริญล่ะมึง หึย! สร้างแต่เรื่องได้ทุกวัน โตเป็นจะควายแล้วยังมาฟ้องให้กูเช็ดล้างให้มึงอีก!!! ขอโทษพ่อพิชญณ์เขาเดี๋ยวนี้”
“โว้ยแม่งเอ้ย!!” ไอ้วินโวยวายขัดใจก่อนรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งหนีไปพร้อมๆกับพรรคพวกที่ทำหน้าเหลอหลาตามลูกพี่มันไป ทิ้งไว้ให้ลุงทิงมองตามด้วยความหน่ายเหนื่อยใจ ก่อนจะหันมาขอโทษผมแทนลูกชายของแก ผมก็ได้แต่บอกว่าไม่ถือโทษโกธรแล้วและต้องขอโทษลุงทิงแกคืนที่เผลอลงมือกับน้องมันไป ทั้งๆทีผมเป็นคนเตือนเรื่องการเตรียมตัวขึ้นชกเองแท้ๆ ผมผิดที่อารมณ์ร้อนตามน้องมัน

.

.

เอาจริงที่ว่าค่ายครอบครัวผมกับค่ายลุงทิงเป็นค่ายเพื่อนรักเพื่อนแค้น มันก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกครับ...แรกเริ่มเดิมทีมันเป็นรักสามเศร้าของพ่อผมกับลุงทิงที่เผลอไปชอบคุณผกาแม่ของกระผมพร้อมกัน >>โชคตามตกที่พ่อผม = ลุงทิงกินแห้วคลุมใบบัวบก >> กัดแทะพ่อผมอยู่นานจนผมลืมตาดูโลกได้นี่แหละ ลุงทิงเลยยอมลงซักที ^_^ ลุงทิงแกรักเอ็นดูพี่นาและกระผมมากๆ เพราะอย่างงี้ละมั้งไอ้วินมันเลยเอาแต่ใจ คอยแข่งคอยแกล้งคนในค่ายครอบครัวผมตลอด เด็กใหม่ๆจาก ๒ ค่ายไม่รู้พื้นหลังก็พาคิดกันไปเอง เฮ้อ~

.

.

.

.

หลังจากเสร็จเรื่องวุ่นวาย ผมก็บ้านมาอาบน้ำแต่งตัวไปกินข้าวกับเพื่อนๆจากมหาลัยเพื่อฉลองปีท้ายกัน ก่อนแยกย้ายกันไปฝึกงานตามที่ต่างๆ และถือโอกาส Pre – ฉลองวันเกิดผมกับเพื่อนล่วงหน้ากันเลย อิอิ เพราะเพื่อนๆทุกคนรู้ว่าวันเกิดผม ผมใช้เวลาฉลองกับครอบครัวทั้งวันไม่มีข้อแม้...ไงผมหล่อม๊ะ ^___^Y

“จะไปแล้วใช่เหรอพิชญณ์ ประทินผิวซะนาน ปอดไม่บ้วมตายห่าเหรอวะนั้นนะ อ๊อ! ถ้าไปดื่มไปกินก็อย่าดื่มให้เยอะนักนะ – ไม่ไว้อย่าขับ...มักง่ายขึ้นมาพ่อจะเป็นคนจับเอ็งนอนคุกเองคอยดูไอ้ลูกหมา~” เสด็จพ่อกระผมเองครับผ๊มมม พ่อผมน่าจะกลับบ้านมาตอนผมอยู่ในห้องตัวเองพอมั้ง ไม่เห็นลูกตอนกลับบ้านก็จะมีอาการงอลลลลลล และขี้บ่นอย่างที่เห็นนี่ละครับ 555

“ก๊าปปปพ่อก๊าปปปป ทราบล่ะก๊าปป ผมไปก่อนนะครับแม่ ถ้าไม่ไหวแล้วค้างกับเพื่อนจะโทรบอกก่อนนะครับ แต่คิดว่าไม่น่าจะอยู่ดึกมาก พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาทันใส่บาตรพร้อมกับแม่เนอะ จุ๊บๆๆ 555” ผมตะเบ๊ะรับคำพ่อ ก่อนจะเข้าไปกอดแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆพ่อ พร้อมกับเจ้นาที่นั่งอีกฟากของโซฟาและบอกแพลนตัวเองให้ทุกคนรู้และจะได้ไม่ต้องรอให้กังวลใจ (ถึงผมจะ 25 ขวบ แต่ผมก็เป็นเด็กดีนะครับ หุหุ – ใจเขาใจเราอ่ะเนอะ จะได้ไม่ต้องค่อยพะวงเป็นห่วงกันแค่นั้นละครับ)

“ระวังตัวด้วยนะลูก จะเข้า 25 แล้ววัยเบญจเพศนะ เข้าใจไหม” คุณผกาหอมแก้มผมคืน ก่อนเตือนตามประสาแม่ๆ ซึ่งผมก็พยักหน้าหงึกๆไปที เพราะผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องเบญจเพศนี่เท่าไร แต่เชื่อเรื่องคนดีผีคุ้มมากกว่า เพราะผมเป็นคนดี๊คนดี >___,<




. . ผมคิดว่างั้นนะ... 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2021 12:12:53 โดย Moonkla »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Moonkla

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ตอนที่ ๒ อะไรกันว๊ะ


ตึง . ตึงโต๊ะ . โต๊ะตึง . โต๊ะตะโล๊ะ . โต๊ะตึง~
เสียงทำนองเพลงสากลโลกเปิดคลอขึ้นในร้านอาหารกึ่งผับแห่ง กระตุกต่อมความครื้นเครงระหว่างมื้อฉลองกับเพื่อนๆได้พอดู พอผมมาคนสุดท้ายในกลุ่มตามประสาคนตรงต่อเวลา...เวลาตัวเองสะดวก 555 จนเพื่อนๆในกลุ่มพากันประสานเสียงโห่ร้องเรียกคานด้วยความรักและคิดถึง 
“อ้ายพิชญณ์คนงามเสด็จมาถึงละจ๊าท่านเจ้าประคูณพวกมึงทั้งหลาย” ไอ้ภูมิ ว่าที่บัณฑิตคณะบริหารระหร่างประเทศโห่คนแรกเลย
“กว่าจะมาได้นะมึงไอ้พิชญณ์ ชักช้าชิบหาย พวกกูจะเมากันก่อนแหละ” นี่ยัยเฟิร์น สาวสวย มาดทอมสุดโหดว่าที่บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับหนึ่งคณะวิสวกรรมยานยนต์ร้องตาม 
“พวกมึงก็ว่ามันไป ไอ้ลูกแหง่อัจฉริยะนี่ต้องออเซาะที่บ้านมันก่อนสิวะ ถึงจะลอยมาได้ 555” ป๊าป สุดท้ายไอ้พลปากหมา ว่าที่บัณฑิตรองเกียรตินิยมคณะวิสวกรรมยานยนต์เหมือนกันเอ่ยกัด ก่อนโดนผมประทานพระหัตถ์ให้หนึ่งที

ผมมีเพื่อนที่สนิทกันจริงๆแค่นี้ล่ะครับ ไม่เอาอะไรเยอะ มากคนก็มากเรื่อง แถมทั้งสามคนก็ศีลเสมอกับผมทุกคน 555 คือเฟี้ยวแค่ไหนก็ไม่เหลวไหล โดยเฉพาะไอ้ภูมิ มันฉลาดเงียบ เพราะมันชอบขี้เกียจไม่ค่อยจริงจรังกับอะไร แต่มันไม่เคยด้อยไปกว่าใครเลยด้วยซ้ำ ส่วนไอ้พล ความจริงมันก็คงจะได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหมือนกันแหละ เพียงแต่มันแกล้งโง่ให้เฟิร์นนำ...ง่ายๆมันแอบตามจีบแหละ แต่ยัยเฟิร์นเห็นมันเป็นแค่เพื่อนสนิทมาตลอด เหอะๆ แห้วคร้าบผ๊มมมม FRIEND ZONE, ONLY FRIEND คำว่า "เพื่อน" ตัวใหญ่ เน้นหนัก ชัดเจน 555 สงสารไอ้พลมันนะ แต่ก็ขำแหละ 555 แต่ไอ้พลก็หน้าด้านหน้าทนนะ คอยตามตัวติดกันเป็นตังเมไม่หย่อนคล้อย
.
.
ระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งกินนั่งดื่มกันได้เข้าที่ก็มีบริกรเข้ามาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ผม ซึ่งผมก็งงๆ มองตากันกับเพื่อนๆว่าใครเป็นคนสั่ง แต่บริกรก็ได้เฉลยว่ามาจากโต๊ะฝั่งตรงข้ามของร้าน กลุ่มผู้ชายดูหน้าจะรุ่นราวคราวเดียวกันพากันมองมาที่พวกผม พร้อมกับหนึ่งในนั้นชูแก้วคล้ายจะยกชน 
“...ขอบใจนะน้อง แต่พี่ไม่ดื่มวิสกี้ ช่วยเอาไปคืนโต๊ะนั้นที”
“...เอ่อ คือ”  “สวัสดีครับ พี่ขอชนดื่มกับคุณหน่อยได้ไหมครับ พี่เทพนะ น้องสาวชื่ออะไรครับ” ก่อนบริกรจะได้พูดอะไร ผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้ามาคุยด้วยแล้ว...ท่าทางกำลังเมาเลยล่ะ 
“....โทษทีนะพี่ ผมไม่ชอบสวิงเหล้า ขอบคุณครับ ผมขอรับไว้แค่น้ำใจก็แล้วกันครับ” ผมเอ่ยตอบยิ้มๆด้วยเน้นสรรพนามความเป็นชายของผม ใยระหว่างที่พวกเพื่อนก็พากันป้องปากแอบขำกัน -_-* ไอ้พวกเพื่อนเวร!
“อ้าวผู้ชายหรอกเหรอวะ 555 หน้าหวานตัวบางชิบหาย...แต่สวยๆแบบนี้...ถ้าไม่สวิงเหล้า งั้นไปสวิงกับพี่แทนไหมละคร๊าบ 555 เป็นใช่ไหมห๊ะน้องนะ” ไอ้เทพ ...ไม่พงไม่พี่มันแหละ พูดตอบพร้อมกับจับคางผมหันซ้ายทีขวาที... 
“ผมว่าพี่กลับไปนั่งที่พี่ดีกว่านะ ก่อนที่พี่จะมีหลับ...” ไอ้ภูมิลุกขึ้นมายืนข้างหลังไอ้เทพด้วยเสียงนิ่งๆ ส่วนเพื่อนอีกสองคนของผมมันก็ไม่ขำล่ะ พร้อมกับมองไอ้เทพอย่างสมเพช 
“เฮ้ย!!! ไอ้เด็กเปรตอย่างมึงเป็นใครวะ ไอ้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง หรือมึงอยากจม TEEN พวกกะ...กู....” ไอ้เห้เทพทำท่าจะหันไปบวกกับเพื่อนผม แต่ก่อนที่พวกไอ้เทพมันจะได้ทำอะไร มันก็ลงไปสลบกันพื้นล่ะ จนพวกเพื่อนๆมันชะงักไปครู่นึง ก่อนรีบเดินตรงมาที่โต๊ะพวกผม 
“เห้ย!! อะไรกันวะน้อง! เพื่อนพี่แค่อยากเป็นดื่มด้วยเฉยๆเอง ทำอะไรให้มันเป็นแบบนี้วะ” 
“...ถ้าการละลานนี้พี่เรียกว่าชวนดื่ม ผมว่าพวกพี่ไปชวนคนที่สังคมแบบเดียวกับพี่ดื่มกันเถอะครับ...นี่ผมทำให้แค่หลับนะ ยังไม่ตาย รีบพากันไปได้แล้ว รู้ไหมทำตัวไม่รู้จักโตแบบนี้มันเป็นภาระคนอื่น!” 
“หน่อย!...ไอ้ตุ๊ดเวร! มึง!!!” 
ตึบ!
กร๊อบ!!! 
“อะโอ้ยยยยยยยยยยย แขนกู โอ้ยย แขนกูๆ” 
“พวกมึงรีบพากันไสหัวไปไกลๆเลยนะ ก่อนที่พวกกูจะพาภาระสังคมอย่างพวกมึงเข้าคุกพร้อมแขนขาหักๆเหมือนไอ้เห้นี้” ผมเอ่ยเสียงนิ่งๆกับสายตาเย็นๆมองพวกเพื่อนมันที่เหลืออีก 3-4 คนที่ชะงักทำอะไรไม่ถูกอีกรอบ ก่อนจะพากันลุกหลีลุกลนพากันออกไป 


เปาะแปะๆๆ หวี๊ดหวิวๆ 

เสียงปรบมือของคนรอบๆร้าน รวมทั้งบริกรที่เข้ามาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ผมเมื่อครู่ ก่อนเอ่ยขอบคุณผมและเพื่อน พร้อมกับบอกว่าไอ้เทพกับพรรคพวกชอบมาสังสรรค์และก่อความวุ่นวายให้กับคนในร้านและลูกค้าโต๊ะอื่นๆตลอด จนหลายครั้งที่ลูกค้าหลายโต๊ะลุกหนีไปนั่งที่อื่น
.
“กูว่ากูกลับเลยดีกว่าวะ...กร่อยๆละวะ” ผมเอ่ยขึ้นหลังจากทุกอย่างเริ่มสงบลง
“เห้ย! อยู่ชนอีกแก้วก่อนกลับก่อนดิ พวกเรามาฉลองวันเกิดมึงด้วยนะอย่าลืม! เนี้ยะอีกครึ่งชั่วโมงก็จะเที่ยงคืนละ” ยันเฟิร์นร้องทัก
“ให้กูกลับเถอะ เอาจริงตั้งแต่มาวอดก้าสไปรท์กูยังไม่พร่องเลย ไว้หลังรับปริญญาอีกทีก็ได้นะๆ” 
“เออเฟิร์นให้ไอ้พิชญณ์กลับก่อนน่ะดีแล้ว เดี๋ยวมันก็ตื่นเช้าตามแม่มันไปวัดใส่บาตรอีก หลังรับปริญญาค่อยไปกินฉลองที่บ้านกู...แล้วนี่มึงไหวป่ะหรือให้ไอ้ภูมิไปส่งดี” ไอ้พลได้ทีก็รีบไล่ผมกลับในที มันเปล่าเกลียดอะไรผมหรอก แต่ที่ชอบจิกกัดผมเพราะยัยเฟิร์นชอบมาเงอะแงะแต่กับผม มันเลยชอบเอาเรื่องที่เข้าเรียนแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและกล้ามเนื้อตั้งแต่อายุ 18 มาล้อผมกับเพื่อนตลอด และมันชอบบอกว่าไม่ได้อิจฉาผมแค่หมั่นไส้จนอยากเอาท่อไอเสียยัดตูดผม....ไอ้เห้โหดสัด 555 แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้เพราะยัยเฟิร์นบังเอิญเข้ามาได้ยินเข้า ก็เป็นเรื่องกันอยู่นานจนพวกผมสามคนต้องคอนเฟิร์มว่าเป็นเรื่องล้อเล่น ^_^””
อ่ะ!...ใช่ครับบบบผม กระผมกำลังจะจบแพทย์จ้า ถึงจะเงอะงะแต่ผมรักจริงไม่ติงนังนะคร๊าบบบบบ 55555555 สนใจสมัครเป็นแฟนผมไหมละครับ หิ้วๆ ^3^ 
.
“ไม่ต้องอ่ะ กูแทบจะไม่ได้กินเหล้า หนักกินกลับแกล้มซะมากกว่า ไม่เมาเลย งั้นแยกย้ายนะ บ๊ายพวกมึง...” 


ถ้าผมรู้อนาคตล่วงหน้า...ผมคงไม่รีบแยกและบอกลาพวกเพื่อนผมแบบนั้น

.

23:52:47 น. 
บรืนๆๆๆ
แว้นๆๆๆ 
ปี๊นนน 
หลังจากผมขับรถเก๋งออกจากร้านอาหารกึ่งผับนั้นได้มาประมาณหนึ่ง ก็มีกลุ่มเด็กแว้น 5-6 คันขับแมงกะไซบรืนปาดกันไปมาขับซ้อนสองบ้าง ขับเดี่ยวบ้าง แต่ทุกคนไม่ใส่หมวกกันน๊อคซ๊ากกกกคน จนหนึ่งในนั้นปาดจนผมเกือบจะชนมันก่อนจะบีบแตรเตือนมัน เด็กเวรเอ๊ย อยู่ให้แก่ตายก่อนนี่มันยากนักรึไงวะ ผมได้แต่สบถในใจ เพราะจะเอาจริงจะด่าเด็กมันซะทีเดียวไม่ได้หรอก ถ้าผู้ใหญ่ในชุมชนไม่ยอมให้เด็กมันขี่หรือซื้อให้มันขี่ก่อนวัยที่เหมาะสม...ไหนจะการสอบใบขับขี่อีก...เฮ้อออออออออออออออออ

.

23:56:24 น. 
บรืนๆๆ
แว้นๆๆๆ 
บรืนๆๆ 
แว้นๆๆๆ 
...ผมว่ามันเริ่มไม่ปกติแหละ ไอ้เด็กพวกนี้มันพากันขับแมงกะไซของพวกมึนวนนำหน้าผ่อนตามหลังรถผมได้แปะนึงล่ะ ผมเห็นท่าไม่ดีเลยพยายามตั้งสติควบคุมอารมณ์ไม่ให้เตลิดและไม่เร่งเครื่องมากเกินไป ค่อยๆผ่อนแรงเครื่องให้พวกมันผ่อนคล่อยตามผม และพอได้จังหวะผมก็รีบเร่งเครื่องขับนี้มันทันทีที่เห็นช่องว่าง 
.

23:58:37 น. 

.......แต่แล้วหนึ่งในแมงกะไซก็ขับเร่งเครื่องแซงรถขึ้นไปได้ประมาณ 5 เมตร และเด็กที่ผมเห็นว่าซ้อนท้ายมาทำให้ผมรู้เลยว่าคือใคร และก่อนที่จะได้ทันทำอะไรมากกว่าการผ่อนแรงเครื่องเล็กหน่อยจากความตะลึง เด็กคนนั้นก็ปาดอะไรสักอย่างมาที่กระจกผม...จะด้วยบาปบุญอะไรก็แล้วแต่กระจกรถผมไม่แตกแต่ราวมากๆ ทำให้ผมที่เกิดสติหลุดตกใจก่อนจะพยายามประคองตัวรถไว้นั้น ก็ไม่ทันพุ่งปีนตีนสะพานก่อนรถจะพลิกคว่ำลื่นไถลลงคลองนั้นในที่สุด   
.

23:59:57 น. 

พ่อ แม่ เจ้นา 

.

23:59:58 น. 

วิน 

.

23:59:59 น. 

ใส่บาตร 


.

24:00:00 น. 

กลับมา..............................................................................................

.
.
.
.
“อืมมม~” 
“อ่ะ..ฝ่าบาท ท่านผู้นี้ได้สติแล้วพะยะคะ”....ใคร 
“น้ำ...หิวน้ำ” 
“นี่ท่าน น้ำ...ค่อยๆดื่มนะ”...ใคร 
“.....”
 “เจ้าฟื้นแล้วรึ”...ใครอีกละ 
“.....” เสียงดุจังวะ  ผมที่ได้รับน้ำมาดื่มจากใครก็ไม่รู้คนแรกที่ประคองแก้วน้ำมายัดใส่มือให้ ผมก็ค่อยๆปรับรูม่านตาตัวเอง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรบริเวณที่ผมอยู่ถึงได้สว่างนัก...ฝันเหรอ...
เอ๊ะ!.


“ข้าถามเจ้าไม่ได้ยินรีไง!!!” 
“อ่ะโอ้ย!!! คนพึ่งตื่นจะรีบซักอะไรหนักหนาวะห๊า!!!!!” ผมที่กำลังอยู่ในโหมดปรับจูนสมองตัวเองอยู่ดีๆ ก็โดนไอ้คนเสียงดุกระชากแขนให้ผมตวัดตาไปมองอย่างรำคาญ...แรงควายชิบหาย 
“บังอาจนัก! ทหาร!!! นำตัวเจ้าไพร่ไร้สกุลนี่ไปขังคุกเสีย!!!!” 
“อ้าววววว ไอ้หัวฝอยทอง มึงด่าใครไพร่ใครไร้สกุลวะห๊า...พรึบ!!!” ตั้งแต่เกิดมา ผมยังไม่เคยทำอะไรใครหรือดูถูกใครก่อนเลย แล้วนี้มันเป็นใกล้มาว่าผมเสียๆหายๆแบบ ผมจูนสมองได้ประมาณนึ่งก็รีบลุกจากเตียง ก่อนผลักอกมันไปทีนึงอย่างคนมีน้ำโห...แบบคนเพิ่งตื่นแล้วพาลประมาณหนึ่ง 
“....!!!!...เจ้าช่างกล้านัก!! อยากถูกโยนลงโคลอสเซียมนักรึไง” 
“โอ๊ย!!! ไอ้สัด กูเจ็บ ปล่อยกู กูบอกให้ปล่อยไง โอ๊ย!!!” ไอ้ฝอยทองคว้าแขนทั้งสองข้างของผมให้เซประชิดเข้ามาตัวมัน...ไอ้เห้เอ้ย! แรงควายชะมัด กระดูกแขนจะแตกป่ะวะกู...ไอ้ที่บ้างคนปากหมามันชอบล้อเรียกผมว่าตุ๊ดนี่ก็แค่เพราะหน้าผมหรอก แต่ส่วนสูงกับรูปร่างผมก็ดูดีแบบชายไทยเลยนะ...แต่พอถูกไอ้ฝรั่งฝอยทองนี่จับให้เข้าใกล้ ผมนี่กลายเป็นก้างไปเลยทีเดียว
แม่ง!


“ชะ..ช้าก่อนพะยะคะองค์ชาย พระองค์จะทำลายบุรุษผู้นี้ไม่ได้นะพะยะคะ” ลุงแก่ๆแปลกหน้าคนใหม่ กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามา ทำให้พวกคนที่ดูเหมือนทหารและคนอื่นๆในห้องเบนสายตาไปมองและสำรวมกิริยามากขึ้น ก่อนมาหยุดอยู่ต่อหน้าพวกเราสองคน...องค์ชายเหรอ...
เอ๊ะ..

“เหตุใดกันเหล่าท่านอาจารย์...เจ้าไพร่นี่แอบลักลอบเข้าไปที่สระน้ำอมฤต ท่านน่าจะรู้ดีว่าโทษนี้หนักหนานัก” 
“องค์ชาย...โปรดเย็นพระทัยลงก่อน...ข้าเห็น นิมิต กับเหตุนี้แล้วพะยะคะ” 
“ท่านอาจารย์ปุโรหิตเอ่ยว่านิมิตล่ะ” 
“นิมิตอย่างนั้นรึ” 
“ห๊ะ นิมิตรึ เจ้าก็ได้ยินเหมือนกันใช่ไหม”
“เฮ้อ....องค์ชายโปรดตามข้ามาด้านนี้ก่อนพะยะคะ”...เสียงซุบซิบเซ็งแซ่แว่วมาให้ได้ยินกันภายในห้อง ไอ้ฝรั่งเวรนี่ก็เล่มองผมแปะนึงก่อนะคลาย กีบมือ ที่บีบแขนผมลงและเดินตามลุงคนนั้นไปคุยกันที่ระเบียง 
.



ระหว่างที่กำลังรอสองคนนั้นคุยกัน ผมก็กลับมาจูนสมองลำดับเหตุการณ์ของตัวเองอีกครั้ง
...ผมไปฉลองก่อนวันเกิดควบฉลองก่อนรับปริญญากับพวกเพื่อนๆ ก่อนโดนหาเรื่องในร้าน 
...ผมโดนกลุ่มไอ้วินขัรถมอไซตามกวน ก่อนเกิดอุบัติเหตุจนผมเสียหลักปีนตีนสะพานรถพลิกคว่ำไถลลงคลอง 
แปะ!
ผมลองตบหน้าผมเองทีนึง...คันๆแฮะ..ไม่ได้ฝันไปสินะ...ไม่สิ..เรายังไม่ตายด้วยซ้ำ!!! 
พอถึงตอนนี้ผมเริ่มลนลานละครับ เริ่มมองไปรอบๆตัว พวกคนในห้องแต่งตัวแปลกๆ พวกคนที่ดูเป็นทหารพากันใส่หมวกเหล็ก ชุดขาวพาดแดง กระโปรงระบายสั้นเหนือเข่าเกือบสองคืบ! ใส่เข็มขัดสำหรับหนีบดาบหนึ่งเล่ม ส่วนพวกผู้หญิง 3-4 คน ก็ใส่ชุดสีขาวอมฟ้าอ่อนมีผ้าสีฟ้าเข้มพันคาดเอวให้พอเห็นส่งโค้งเว้า รวบผมกับผ้าโพกผมบ้าง เชือกทักผมบ้างสลับกันไป ..ส่วนบริเวณห้องที่ผมยืนอยู่ก็โบกปูนขาวไปทั่ว จากทางเข้าที่...ไม่มีประตู..ก็มีเสาประคองเพดานยกสูง 4 ต้น ตรงมายังฐานเตียงยกสูงเป็นขั้นบันไดสามขั้น สามทิศรอบเตียงที่ติดผนัง มีโถ่แจกันใบใหญ่ ทั้งสองฝั่งเตียงเยื้องๆกับทางเข้าออกระเบียงอีกทั้งสองฝั่งซ้ายขาว ง่ายๆคือลมโกรกสบายๆไม่ต้องพึงแอร์สักตัว 



ผมค่อยๆเดินทางไปที่ระเบียงอีกฝั่งหนึ่งที่พวกสาวๆยืนอยู่ก่อนจะเบียงหลบทางให้อย่างกลัวๆ...ผมเล่มองพวกเธอแว๊บนึงแล้วเดินออกมาที่ระเบียง ภาพตรงหน้าของผมคือมหาสมุทรสีน้ำเงินเข้ม เสียงคลื่นซัดโขดหินดังซ่าๆ จากแหลมของแผ่นดินที่ยื่นออกไปเป็นแนวยาวประมาณ 3 กิโลฯ


สายลมเย็นๆที่พัดกระทบเข้าหน้าทำให้ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่ฝันจริงๆ ทำให้ผมตะลึงจนแถบจะหยุดหายใจ
...หายใจไม่ออก...
ฮึก..
แฮะๆ
ฮึก..เฮืออกก เฮืออกก
เสียงลมหายใจที่ผมพยายามจะสูบเข้าปอดตัวเองนั้นยากขึ้นเรื่อยๆ ...แย่ละ..หอบกำเริบซะแล้ว... 

ผมค่อยๆคุกเข่าลงทีละข้างของคนอ่อนแรง มือข้างซ้ายกอบกุมอกตัวเองไว้ในขนาดที่อีกมือก็พยายามคว้าขอบระเบียงเอาไว้  .  พรึบ!  ผมถูกกระชักฉุดให้ลุกขึ้นด้วยแรงของไอ้ฝอยทอง ผมที่กำลังหอบอยู่ก็ได้แค่เบียงหน้าหนีมัน แม่งเอ้ย!!! แรงสู้มันก็ยังไม่มี ผมได้แต่สบถในใจในสภาพของตัวเองตอนนี้ 
“...เป็นอะไรไป” 
เฮืออออกก  ฮึก...เฮืออกก 
“!!! ทหาร!!! รีบเร่งไปตามหมอหลวงมาที่นี้เดี๋ยวนี้!!!!” 
ฮึก...  ฮึก..ฮึก..เฮืออกก 
“........แข็งใจไว้นะ” หน้าดุเสียงดุ
.
.
.   
...แต่ทำไมรู้สึกอบอุ่นใจจัง   

ออฟไลน์ Moonkla

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ตอนที่ ๓ ทำไม



พาร์ทองค์ชาย  ในคราที่เจ้าบุรุษน้อยตรงหน้ามีอาการแปลกประหลาดก่อนที่จะสลบไป ข้าไม่รู้ด้วยเหตุใดร่างกายถึงได้เร่งมารองรับกายบางนี้ก่อนใจนึกเสียอีก...ควบคุมไม่ได้  ข้าทาสบริวารต่างรีบเร่งตระเตรียมอ่างน้ำผ้าชุบ อีกส่วนก็เร่งตามหมอหลวงมาในทันทีเช่นกัน หากแต่ท่านอาจารย์กลับขออนุญาตไปเอาบางสิ่งบางอย่างมาให้
.

“นั้นเจ้าคิดจะทำการสิ่งใด!!!” 
“องค์ชาย...โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย แต่ข้าจำเป็นจะต้องเปลื้องผ้าบุรุษผู้นี้..ขอทุกคนขยับออกไปห่างๆด้วย บุรุษผู้นี้จำเป็นต้องการพื้นที่ในหายใจให้สะดวกที่สุด” 
“...เจ้าไม่ต้อง ข้าจักทำเอง...บอกมาก็พอว่าจะต้องทำสิ่งใด” ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ข้าไม่ชอบใจจริงๆยามที่ผู้อื่นแตะตัวเจ้าเด็กนี่...แม้แต่หมอหลวงเองก็ตาม 
“...เรียนองค์ชาย พระองค์ต้องเปลื้องผ้าหนาๆนั้นออก เพื่อผ่อนคลายความอึดอัดของบุรุษผู้นี้พะยะคะ...” 
...แคว๊ก!!!...(ผ้าท่อนบนหลุดออก) 
..คึก
..แคว๊ก
...แคว๊ก...(ผ้าหนาท่อนล่างสีน้ำเงินเข้มหลุดออก) ตามด้วยผ้าบางมาคลุมปกปิดให้ 
“...ละ..หลังจากนั้นให้พระองค์ปรับให้บุรุษนี้ลุกนั่ง..แล้วโค้งมาด้านหน้าเล็กน้อย...ไม่ใช่อย่างนั้นพะยะคะ เดี๋ยวขะ...” 
ฉิ้งงงง....ต่อให้ผู้เป็นหมออยากจะขอเป็นฝ่ายรักษาบุรุษตรงหน้าให้ดีเพียงใด หากสายตาที่พร้อมจะบีบคอของตนขององค์ชายแล้ว เขากลับได้แต่กลืนคำพูดตนเองลงคอ 
“องค์ชาย..ขออย่าได้อารมณ์ร้อนเอาแต่ใจแล้วพาลท่านหมออย่างนั้น หากอยากให้บุรุษผู้นี้รอดนะพะยะคะ...!” ท่านอาจารย์เดินเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับเหยือกขนาดเล็กหนึ่งชิ้น ก่อนจะหันไปบอกให้หญิงข้ารับใช้รินใส่แก้วและนำมาถวายให้กับข้า
.
“นี่มันอะไรกันท่านอาจารย์” ในเหยือกนั้นคือน้ำอมฤต น้ำศักสิทธิ์ที่มีเพียงท่านพ่อท่านแม่ ข้า และท่านอาจารย์เพียงเท่านั้น ที่เข้าไปทำอะไรกับสระน้ำและน้ำศักสิทธิ์นี้ได้...ญาติสหายอื่นใดก็มิอาจล่วงล้ำเข้าไปได้
“อเล็กซานเดอร์ ทรงเชื่อข้าสักครั้ง หากพระองค์นั้นเคารพข้าอย่างสรรพนามนี้เทิด” 
“...” 
“...ขอพระองค์เป็นผู้มอบน้ำอมฤตให้กับบุรุษผู้นี้เสียเทิด ก่อนที่จะไม่ทันการ” ในเมื่อพระอาจารย์เอ่ยออกมาเสียอย่างนี้แล้ว ข้าก็คงทำการใดมากไม่ได้จริงๆ ข้าค่อยจับเจ้าเด็กนี่เอนซบไหล่ ก่อนจะค่อยๆเปิดปากกระจับและจรดน้ำอมฤตให้ไหลลงคอระหง และสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดก็ได้เกิดขึ้น...น้ำอมฤตที่ใสสะอาดเกิดเรืองแสงสีเขียวมรกตออกมาเมื่อแตะเข้าก็ริมฝีปากเด็กบุรุษผู้นี้ และเรืองแสงไหลเข้าสู่กายบาง ก่อนกายนี้จะเปล่งแสงของน้ำอมฤตออกมาจากทั่วร่างกายในที่สุด บุรุษอิสตรีทุกผ้ต่างพากันตกตะลึงกับภาพที่เห็น ครู่หนึ่งทีเดียวก่อนที่ข้าจะได้สติและเงยหน้าสบตาท่านอาจารย์ด้วยความฉงน ใจ ท่านอาจาย์ท่านเองก็ได้แต่ทำหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป... 
... 
.. 
....เจ้าเป็นผู้นั้นจริงๆหรือ   



พาร์ทพิชญณ์

“อืมมมม...” 
“ตื่นแล้วหรือ” 
“....” 
“รู้สึกดีขึ้นแล้วหรือไม่” 
“....เฮ้อ” ยังไม่ตื่นจากฝันอีกเหรอวะเนี๊ยะ...จะหลอกตัวเองอย่างไงก็หลอกไม่ได้จริงๆสินะ 
“ทหาร! ไปตามหมอหลวงมาอีกครั้ง!” 
“ไม่ต้อง! ผมตื่นละ” 
“แล้วเหตุใดจึงไม่ตอบข้า!” 
“โอ้ย!!! ไอ้เห้! มึงจะบีบจะดึงแขนอะไรกูนักหนาวะห๊ะ!!” ผมลุกขึ้นร้องโวยวายที่ไอ้ฝอยทองมันโมโหอาละวาดกระชากแขนผมอีกแล้ว ผมกับมันมองหน้ากันปานจะฆ่ากันตายทางสายตา...เกลียดขี้หน้าชะมัด...แต่เอ๊ะ!!...ทำไมรู้สึกเย็นๆ... 
“กว๊ากกกกกกกกกกก ไอ้ฝอยทอง ปล่อยกู...ผ้ากู..เสื้อผ้ากู....โอ้ยปล่อยกูสิโว้ยยยย” ผมที่รู้สึกถึงความเย็นผิดปกติรอบๆตัวก่อนจะก้มดูตัวเอง ก็เลยได้รู้ว่ากำลังจังก้า ป๋าโป้ ให้มันเห็นอยู่...และไม่ใช่แค่มัน ทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ด้วย...มีผู้หญิงอีก...แงงง
ไอ้พิชญณ์อยากร้องไห้ มะเขือยาวของผมถูกถ่ายทอดสดแล้วอ่ะ ไหนจะอากาศเย็นๆนี่อีก...หดเป็นกล้วยน้ำหว้าเลย...ฮือออ TT^TT  “หึหึ กะอีแค่ลูกโอลีฟ...ทำเป็นอาย จะพรากพรหมจรรย์หญิงนางใดก็คงหาทำได้ไม่...จงเตรียมตัวเสีย เจ้าจักต้องไปเข้าเฝ้าองค์ราชาและพระราชินีกับข้า” พูดเสร็จมันก็เดินปัดตูดออกไปเลยครับ ไม่สนว่าผมจะรู้สึกอย่างไงทำหน้าอย่างไง 
“...อะ...ไอ้...ไอ้เห้หหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหห” ด่าไม่ทัน มันไปละครับ เดินออกไปอย่างเห้ๆ ทิ้งไว้เพียงลมหวิวกับคำพูดของมันที่ก้องอยู่ในหัวผม...ลูกโอลีฟพ้อง!!! ด่ากูซะเสียหมาเลย...มะเขือยาวลูกพ่ออย่าไปฟังมันนะลูก...ฮืออออ เจ็บใจ อายก็อาย
.
.
ระหว่างที่ผมดึงผ้าบนที่นอนมาคลุมลวกๆเพื่อบังสายตาพวกคนที่ยังอยู่ในห้อง...แม่งผมแอบเห็นนะว่ามีพวกทหารกับผู้หญิงรับใช้ 3-4 คนแอบหัวเราะเยาะผม...ฮือออออ ทั้งโกธรทั้งอายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้...ใช่ซี๊ผมมันตัวคนเดียวนี่นา อยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้เลย 

อยู่ๆหนึ่งในสาวใช้ที่ดูภูมิฐานอายุคราวป้าเดินมาหาผมก่อนจะทำการย่อเคารพผมพอประมาณให้ผมอึดอัด บอกขออนุญาตเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผม ก่อนพวกสาวๆอีก 3 คนจะค่อยๆเดินตามเข้ามาย่อเคารพแบบเดียวกันและยืนคอยด้านหลังป้า คลายว่าถ้าป้าคนนี้ให้สัญญาณคือจะจู่โจมเปลี่ยนผ้าผมทันที ผมจึงรีบเบรคพวกเขาก่อนในทันที แต่ก็ไม่ทัน...TT^TT
ระหว่างที่ป้าแกยืนคุมเชิง แกก็บอกว่ามันเป็นหน้าที่ของพวกเธอ ถ้าไม่ทำพวกเธอจะถูกโยนไปให้พวกคนคุกไปบำเรอกามก่อนจะถูกโยนให้สิงโตกิน...พอผมได้ยินก็ยิ่งอึ่ง นี่มันบ้านป่าเมืองเถื่อนชัด...คุ้นๆเหมือนยุคกรีกโบราณเลยแหะ  จังหวะที่ผมเผลอพวกสาวๆก็เข้ามารุมใส่เสื้อให้ผมเสียยกใหญ่...พวกเธอดูไม่อายเลย...แต่ตัวผมแดงไปหมดแล้ว... 

พอมะรุมมะตุ้มกับผมกันพักใหญ่ ผมอายมาก อายมากๆจริงๆ โดนเฉพาะตอนที่พวกเธอพันผ้าเอวเปลือยของผมให้เป็นผ้าคลายกางเกงในของผู้ชาย บางจังหวะที่หน้าของพวกเธอใกล้กับมะเขือยาวของผมแค่คืบ (ของผมมะเขือยาวจริงๆนะครับ -^-) พอจะเอามือมาปิดกุม พวกเธอก็ขออนุญาตดึงมือผมออก...พวกเธอบอกไม่ให้ผมต้องอาย พวกเธอมีลูกกันแล้วและพลัดผ้าให้ลูกพวกเธอทุกวัน....เอ๊ะ..แปลกๆ เหมือนจะปลอบนะ พวกเธอปลอบผมใช่ไหมครับ -.- 
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยหนึ่งในสาวรับใช้ก็ยื่นกระจกบานเล็กให้ผมดู กระจกก็มั่วๆแหละครับ สะท้อนออกมาให้ได้ไม่ชัดเจนแต่ก็พอให้ผมตกตะลึงได้อีกครั้ง เพราะนอกจากตื่นมารู้ตัวเองว่าถูกแก้ผ้าและโดนรุมเปลี่ยนผ้าแล้ว ผมของผมที่เคยเป็นทรงวินเทจรองทรงกลับกลายเป็นผมดำยาวดกดำถึงกลางหลัง!! ถูกจับช่อสองข้างขมับเกี้ยวพันกับที่คาดผมปีกนกที่ทำด้วยเครื่องเงินไว้กลางหัว...เห้อะไรอีกละวะเนี๊ยะ *0*  ส่วนพวกเสื้อผ้า พวกเธอจัดให้ผมใส่ผ้าระบายสีน้ำเงินไล่สี ช่วงบนรัดเน้นให้เข้ารูปก่อนจะทิ้งชายลงถึงพื้น...ไอ้สวยอ่ะก็สวยหรอก ถ้าผมไม่ใช่ผู้ชาย!!! นี่มันเดรสชัดๆ


“เอ่อ...ทำไมให้ผมใส่ชุดแบบนี้ละครับคุณป้า” ผมหันไปถามป้าแก เพราะดูท่าทางจะเป็นผู้อาวุโสที่คุมควบการทำงานของสาวใช้กลุ่มนี้ 
“ดิฉันเพียงได้รับสั่งมาและทำตามหน้าที่เท่านั้นเพคะ” ตอบเป็นดารามากครับป้า...ตอบแบบไม่ตอบ เฮ้ออ 
“ถ้าอย่างนั้นขอผมใส่แบบไอ้..แบบองค์ชายของคุณป้าได้ไหม ผมว่าผมน่าจะแต่งตัวแบบนั้นเองได้”
“....โปรดเมตตาหัวบนบ่าทั้ง 5 ของพวกข้าด้วยเถิดเพคะ” โอ้โห!!! ดราม่ารัชดาลัยมากแม่ ป้าเอ่ยร้องกับพวกสาวๆล้มกุมลงไปคุกเข่าขอร้องผมกันแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย...อะไรมันจะขนาดน๊านนนนน 
“เฮ้อ...โอ้ยลุกขึ้นมาเถอะครับ ผมเข้าใจแหละ งั้นพอไปเจอพระราชาพระราชินีเสร็จ ผมจะคุยกับนายพวกป้าให้ละกัน...ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นหรอก ลุกขึ้นมาครับลุกขึ้นมา” ...เหนื่อยหน่ายใจแท้ไอ้พิชญณ์เอ๊ย 
.

.
หลังจากเคลียร์ใจอะไรได้กับพวกสาวๆบวกป้าหนึ่งคน ทหารนายหนึ่งก็เดินนำหน้าพาผมออกไป...คงจะเป็นโถงพระราชวังละมั้งนะผมว่า ก็เห็นจะต้องเข้าเฝ้าพระราชาพระราชินีนี่นา...ละครจักรๆวงษ์ๆก่อนไปโรงเรียน  ระหว่างทางผมสังเกตุว่าสถานที่นี้ใหญ่ สะอาดสะอ้าน จัดตกแต่งได้อย่างสวยงาม มีคบเพลิงจุดไว้เป็นระยะให้ไม่มืดสลัวจนเกินไป คลายเดินชมพิพิทธภัณฑ์จำลองยุคกรีกโบราณก่อนล้มสลายเลยอ่ะ มีสวนย่อมนั่งเล่นด้วย ถ้าไม่ติดว่าเริ่มมืดแล้ว สวนนี้คงสวยน่านั่งรับลมเย็นๆน่าดู

“เชิญพะยะคะ” 
“ขอบใจนะ” ผมหันไปยิ้มให้นายพลทหารคนนั้นที่ช่วยเปิดประตูให้...แล้วมันจะทำหน้าตกใจทำไมวะ แค่พูดขอบคุณเอง... 

“อ่ะ!” 
“สำรวมตัวด้วย!” เสียงทุ้มต่ำดังกระซิบข้างหู...ไอ้ฝอยทองอีกแล้วครับ แม่งเป็นอะไรกับแขนผมนั๊กหนาก็ไม่รู้ เจอกี่ทีกี่ทีก็กระชากกันอยู่ได้ พ่องเป็นนักแข็งชักเย่อตอนแม่มึงท้องเหรอ!?...อุ้ยพ่อแม่มันนั่งบนบัลลังก์ 
“ก็ปล่อยสิ” ผมตอบเสียงห้วนต่ำกลับ ชิ มันมองจ้องหน้าผมครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนจากกุมที่ต้นแขนผมมาเป็นจับข้อมือแล้วให้ผมเดินตามมันไป ซึ่งผมก็พยายามบิดข้อมือผมออก ไม่ใช่ควาย!! ไม่ต้องจูงกูก็ได้โว้ย แต่ไอ้คนลากผมกลับทำตัวเหมือนควาย ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับที่ผมพยายามทำเลย... 
“ท่านพ่อท่านแม่ นี่คือบุรุษที่ข้าไปพบบริเวณสระน้ำอมฤตพะยะคะ...ทำความเคารพองค์ราชาและราชินีสิ” ในที่สุดมันก็ปล่อยมือผมเมื่อมาอยู่ต่อหน้าบัลลังค์ พระราชาเป็นชายมีอายุที่ดูดีมาก ต่อให้มีผมขาวขึ้นแล้วแต่ด้วยร่างกายที่กำยำแบบนักรบเก่า ดวงตาที่ก้าวคม ไหนจะหนวดเคราที่เข้ากับรูปหน้านั้นกับชุดกษัตริย์พร้อมมงกุฎปีกนกทองคำนั้นอีก ส่วนพระราชินีก็จัดได้ว่างดงามปานเทพธิดานางฟ้าเลย ผมสีส้มแดงหยิกลอนยาว ผิวขาวเรียบเนียน ริ้วรอยที่แทบจะนับจุดได้ ดวงหน้าหวานคมเข้ม ร่างกายงามที่ปกคลุมด้วยเนื้อผ้างามตาและเครื่องทองสร้อยคอกำไลมือต่างหูน้อยใหญ่ ทำให้บุคคลทั้งสองดูมีสง่าราศีในแบบที่ผมไม่เคยเจอใครอย่างนี้มาก่อน...พวกท่านดูเหมะสมและทรงพลังมาก 
“สวัสดีครับ” ผมก้มไหว้แบบเด็กที่เคารพผู้ใหญ่ 
“...นี่เป็นการเคารพแบบใดกัน” พระราชาเอ่ยถาม เสียงทุ้มต่ำด้วยอำนาจและไม่ใช่เพราะดุว่าอะไร  “..อะ...เอ่อ...คือ” ผมไปไม่เป็นละครับ ประหม่ามาก 
“ช่างน่าเอ็นดู อ่อนช้อยยิ่งนัก ท่านพี่ว่าเช่นนั้นหรือไม่ ข้ารู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยผู้นี้เหลือเกินเพคะ” พระราชินีเอ่ย...ทำไมเสียงหวานจังเลยครับ...โอ้วววผมเคลิมหน้าแดงเลยครับผ๊มมมม อ่อยสาวๆไม่ติด ลองจีบสาวคราวแม่ดีไหมวะ เหอะๆ...เอ้ย!! ไม่ได้ๆ สามีเขานั่งอยู่ข้างๆ 
“ท่านแม่โปรดอย่าได้หลงกลลิงหลอกเจ้าตัวนี้เลยพะยะคะ” 
“...” ฉิ้งงงง ผมได้แต่หันไปมองมันอย่างแค้นๆ ไม่พูดก็ไม่คิดว่าใครจะมองว่าเป็นใบ้หรอกนะ เดี๋ยวๆ เดี๋ยวเจอกูไอ้ฝอยทอง
“หึหึหึ อเล็กซานเดอร์อย่ากล่าววาจาเยี่ยงนั้นสิลูกแม่” ...ใช่ๆ หัดฟังแม่มึงบ้าง ไม่ใช่โตแต่ตัวเป็นควายทึกแบบนี้ เหอะๆ 
“มองข้าอย่างนี้ แอบนินทาข้าในใจรึ” ...อุ้ย ไอ้เห้มันฉลาดดดด เหอะๆ กูไม่กลัวมึงหรอก
ผมทำเล่ห์คิ้วหลิ่วตาให้มันรำคาญใจเล่น เพราะผมคิดว่าอย่างไงซะมันคงไม่ทำตัวห่ามๆต่อหน้าพ่อกับแม่มันหรอก...และผมคิดผิด มันกระชากต้นแขนให้เข้ามามันอีกแล้ว แถมมองตาผมถลนเลย 
“อเล็กซ์ เจ้าควรรู้ดีว่าควรจักทำตัวเช่นไร...เด็กน้อยว่าแต่เจ้าชื่ออะไร เหตุใดจึงเข้าไปในเขตหวงห้ามได้กันเล่า” สมน้ำหน้า...โดนพ่อมึงด่าเลย 555 
“ผมชื่อนิพพิชญณ์ หรือจะเรียกผมว่า พิชญณ์ เฉยๆก็ได้ครับ..และเออ...ผมอายุ 25 แล้วครับ...” 
“..อ้าวเป็นบุรุษเต็มวัยแล้วเหรอ ดูยังเด็กมากอยู่เลย...แต่ชื่อเจ้านั้นช่างแตกต่างและแปลกประหลาดนัก หากแต่ชื่อกลางนั้นมีความหมายดีไม่ใช่น้อย Pitch ฐานที่มั่น จุดสูงสุด...น้องพี่ พี่ชักจะถูกใจบุรุษแปลกหน้าผู้นี้ดังน้องว่า..” พระราชาหันไปยิ้มหยอกหวานให้พระราชินี....เอ่อ หวานแบบที่ทำให้พวกผมเหมือนไม่มีตัวตนในพริบตาเลยครับ...เฮ้อ~ดีจัง 

“ข้าขอถวายความเคารพพะยะคะ” คุณลุงก่อนหน้านี้เดินเข้าในห้องโถงและก้มคำนับผู้มีอำนาจสูงสุดในที่แห่งนี้ ก่อนจะหันมามองผมและยิ้มให้น้อยๆละคนเอ็นดู ผมก็ยกมือไหว้ให้และยิ้มตอบแกงงๆไป 
“อ้าวท่านปุโรหิตมาพอดีเลย ลูกข้าได้พาบุรุษนี่มาแล้วนะ” พระราชาเอ่ยยิ้มๆ 
“...พะยะคะพระราชา ถ้าเยี่ยงนั้นข้าขอเชิญท่านทั้ง 4 ไปที่สระน้ำอมฤตทีนะพะยะคะ พิธีได้ถูกตระเตรียมไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วพะยะคะ”
“...พิธี...พิธีอะไรกันครับ” ผมเอ่ยถามขึ้นอย่างฉงนใจ หรือจะทำพิธีให้ผมได้กลับบ้าน แค่คิดผมก็หันไปยิ้มให้ไอ้ฝอยทอง อึ้ง...อึ้งเลยสิมึง กูจะได้ไปจากที่นี้จากไอ้โรคจิตอย่างมึงละน๊า 555 มันอึ้งจ้องผมใหญ่เลยครับ 
“ทำหน้าอัปลักษณ์... มิต้องถามให้มากความ เดิน!” อ้าววววไอ้เวรนี่ เอะอะด่าเอะอะจิก ไหนจะผลักผมหันหลังให้เดินออกไปทางด้านข้างของห้องโถงตามพวกผู้ใหญ่ออกไปอีกละ เออ..ช่างแม่ง เดี๋ยวกูก็ไม่อยู่ให้เห็นหน้ามึงล่ะ ไอ้ฝรั่งหัวฝอยทองงงงง .
.
.
สระน้ำอมฤตที่พวกเขาพูดถึง มันอยู่ด้านในเขตหวงห้ามของพระราชวัง การเดินเข้าไปถือว่ายากมากทีเดียว เพราะมันต้องเข้าประตูนี้ออกประตูนั้นผ่านสวนด้านนี้ออกม่านด้านนั้น ให้อารมณ์เหมือนเดินเล่นในบ้านพิศวง ถ้าคนนอกอย่างผมเดินมาคนเดียวมีหวังหลงตายแน่ๆ พอเดินเข้ามาถึงทางเข้าทางหนึ่ง...เหมือนผมหลุดไปอีกโลกหนึ่งเลยอ่ะ! ห้องนี้มันแตกต่างออกไปจากบริเวณอื่นๆของพระราชวังมาก  บริเวณโดยรอบเป็นลาดระเบียงทางเดินแบบเปิด มี 4 เสาต่อ 4 ด้าน เพดานยกสูงให้มีอากาศถ่ายเทมากขึ้น จากด้านนอกเหมือนเป็นอาคารชั้นเดียว แต่พอเข้ามากลับมี 2 ชั้น และตรงกลางลานเป็นสระน้ำใสสะอาดเปิดโล่งมองเห็นท้องฟ้ายามค่ำคืน สระน้ำนี้มีขั้นบันไดลงไป 3 ขั้นก่อนจะเป็นสระลึกลงไป บริเวณรอบๆสระมีไม้เลื้อยผลิดอกออกใบสวยงามไต่ห้อยมาตามเสาและจากระเบียงชั้น 2 ประดับประดาตกแต่งสวยงาม 




“เชิญองค์ชายและเอ่อ...” คุณลุงที่พวกเขาเรียกว่าท่านอาจารย์ ท่านปุโรหิตบ้างล่ะ ก็ผายมือมาทางไอ้ฝอยทองกับผม 
“ผมชื่อนิพพิชญณ์ครับ คุณลุงเรียกผมว่า พิชญณ์ ก็ได้ครับ” 
“เป็นความเมตตาอย่างยิ่ง ข้าขอเชิญท่านทั้งสองไปตรงบริเวณขั้นบันไดแรกของสระน้ำอมฤตนะพะยะคะ” ผมกับไอ้ฝอยทองมองหน้ากันคราหนึ่งก่อนจะเดินจุ่มเท้าเปล่าลงสระน้ำตามที่คุณลุงบอก และหลังจากนั้นคุณลุงก็กำกับให้พวกเราหันหน้าเข้าหากันและยื่นมือข้างหนึ่งมากุมมือกัน พวกผมอิดออดพอดู แต่เอาวะ! เผื่อจะเป็นทางออกให้ได้กลับบ้าน คิดได้แบบนั้นผมก็เอือมมือไปคว้ามือไอ้ฝอยทองมากุมไว้ก่อนจะยักคิ้วให้มันทีหนึ่ง  หลังจากนั้นคุณลุงก็ยื่นแก้วที่ดูเหมือนจะใส่น้ำอมฤตมาให้พวกผมกันคนละแก้วไปถือ และสิ่งที่น่าแปลกก็เกิดขึ้นกับผมอีกแล้ว สระน้ำอมฤตเรืองแสงขึ้นเป็นสีฟ้าเขียวอ่อนๆ แต่ที่น่าแปลกกว่าก็คือน้ำในแก้วของผมกลับเป็นสีเขียวมรกตเข้มส่วนของไอ้ฝอยทองเป็นที่ฟ้าเข้ม  ผมเงยหน้าสบตามองมันครู่หนึ่งคลายจะมองหาคำตอบจากมัน แต่มันก็ดูโง่ๆเหมือนกัน พวกผมเป็นหันไปหาพวกผู้ใหญ่ทั้งสามคนเพื่อขอคำตอบ หากแต่คุณลุงกลับหันไปกระซิบพึมพำกับพระราชาราชินีแทนก่อนที่พวกท่านจะพยักหน้ายิ้มๆคลายตกลงอะไรกัน
“เป็นจริงดังที่ข้าได้กล่าวท่านไปพะยะคะ” 
“ท่านพี่ ข้ามิได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่” 
“เป็นดั่งที่น้องเข้าใจ...Blue Emerald ความสมบูรณ์ทั้งสองได้มาบรรจบและเติมเต็ม”  พวกเขาพึมพำอะไรกันผมก็พยายามขยายรูหูให้กว้างแล้วแต่ก็จับใจความอะไรไม่ได้เลย จนคุณลุงจะหันมาบอกให้พวกผมดื่มน้ำอมฤตในแก้วโดยแบ่งดื่มกันคนละครึ่งจนหมด พอพวกผมได้ฟังก็งงๆอ่ะครับ...รู้สึกแปลกๆวะ เอาไงดีวะ 
“ท่านอาจารย์...ข้ามิใคร่อยากดื่มหากท่านไม่อธิบายให้พวกข้าทราบมากกว่านี้” บ๊ะ...ไอ้อเล็กซ์ มึงพูดได้ดี งั้นกูงดด่ามึงแปปหนึ่งละกัน 
“...อเล็กซานเดอร์ มียามใดหรือไม่ที่ข้าผู้เป็นอาจารย์เจ้าบอกกล่าวสิ่งใดอันจะเป็นผลร้ายกับเจ้าสักครั้งหรือ” อ้าววววว ลุงดึงดราม่าเฉยเลยอ่ะ...อ่ะ ไอ้นี้อีก เข้มมาทั้งวันจะมาอ่อนเอาอะไรตอนนี้วะ โว้ยยยย! ขัดจ๊ายยยยยยย  สุดท้ายพวกผมก็จำใจพากันดื่มตามที่คุงลุงบอก 
“ดีเยี่ยมยิ่งนัก!!! ข้าคงต้องวานท่านปุโรหิตหาฤกษ์ให้ทั้งสองอีกครั้ง” พระราชาเอ่ยอย่างดีฤทัย พระราชินีก็เช่นกันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันทีเดียว...แต่เอ๊ะนี้ยังจะต้องมีพิธีอะไรกันอีกละ 
“...อะ..เอ่อ ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ พิธีอะไรเหรอครับ” 
“โธ่ช่างน่าเอ็นดู ฤกษ์พิธีอภิเษกสมรสอย่างไรละจ๊ะ เมื่อครู่การดื่มน้ำสัตย์ประติญาณด้วยน้ำอมฤตนี้ ก็พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าเจ้านั้นคือคู่บารมีของลูกเราตามนิมิตของท่านปุโรหิตที่ได้ทำนายไว้... หึหึ ต่อไปนี้เจ้าจงเรียกข้าว่าท่านแม่นะ พิชญณ์ของแม่ โอ้วยิ่งมองใกล้ๆ เจ้าช่างน่าเอ็นดูแลน่าทะนุทะนอมเป็นยิ่งนัก” พระราชินีเข้ามากุมมือผมก่อนจะสวมกอดอย่างมั่นเขี้ยวผมน่าดู แต่ผมหูดับไปละครับ..ตั้งแต่ได้ยินคำว่าอภิเษกสมรสกับคู่บารมี..
ทำไมอ่ะ ผมเหม่อหันไปมองไอ้อเล็กซ์อย่างหาคำตอบ แต่มันกลับเบือนหน้าหนีตีมึนฟังพ่อมันคุยด้วยแทน.... 


ไอ้อเล็กซ์ ไอ้ควายหัวดอ ไอ้ไบซัน ไอ้..


โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย   

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Moonkla

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ตอนที่ ๔ ไม่สมเห็นสมผล



ผมไม่รู้หรอกว่าถูกพามาที่ห้องตัวเองเมื่อไร สติสะตังของผมหมดไปตั้งแต่ตอนนั้นละ แม่งอะไรกันวะ คิดเองออเองกันทั้งนั้น ไม่คิดจะถามอะไรกูบ้างเลย ผมเดินเหม่อมาที่ระเบียงหวังจะสงบอารมณ์ความอึดอัดร้อนใจนี่ออกไป ค่อยๆคิดไอ้พิชญณ์ ปัญหาเกิดต้องแก้ด้วยสตินะมึง...มันต้องมีทางสิน๊า

.
.
.


วิวทิวทัศน์ที่สวยงามของบ้านเมือง อากาศที่เย็นหนาว มันตอกย้ำความเป็นจริงว่าที่แห่งนี้ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง จะว่าให้อารมณ์แบบมาเที่ยวเมืองนอกต่างแดนก็ไม่ใช่ เพราะไม่ได้ตั้งใจจะมาสักนิด ไหนจะผู้คนที่ต่อแม้จะเข้าใจภาษาของกันและกันอย่างน่าประหลาดใจ แต่วิธีการพูดการคุยและการใช้ชีวิตของคนที่นี่ถือว่าย้อนยุคมากเกินไป...ทุกอย่างๆไม่สมเหตุสมผลอะไรเลย  ดังนั้นการที่ผมจะทำอะไรคงจะหลับหูหลับตาทำไม่ได้ เพราะผมเชื่อจริงๆว่าผมยังไม่ตายจากอุบัติเหตุนั้น และนี่ก็ไม่ใช่ความฝัน ผมต้องหาทางกลับไปในที่ที่ผมจากมาให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม มาได้ก็ต้องมีทางกลับได้สิวะ
.
ก่อนอื่นคงต้องไปคุยกับไอ้ตัวประกอบสำคัญให้รู้เรื่องก่อน...ไอ้เวรอเล็กซานเดอร์ ไอ้ตัวดีแต่ชื่อ แค่นึกถึงหน้ามันก็หงุดหงิดละครับ -^-
"นี่นายทหาร ช่วยพาผมไปพบอเล็กซานเดอร์หน่อยสิ"
"..."
"นี่! ผมพูดกับคุณอยู่นะ..พาผมไปพบองค์ชายของพวกคุณหน่อย"
"..."
"...ตั้งใจเมินกันสินะ... อ่ะงั้นไม่เป็นไร ผมไปเองก็ได้...ถ้าเกิดผมหลงหรือหายไป คุณคงพร้อมให้หัวตัวเองหล่นลงพื้นสินะ ได้ๆ" ผมมองเขาหน้านิ่งๆ ครู่หนึ่งสั้นไป ก่อนจะขยับไปที่ทางออกเพื่อไปหาเจ้าตัวปัญหา...นายก็ว่าน่ารำคาญพอแล้ว ลูกน้องก็น่ารำคาญพอกัน
"...ขออภัยพะยะคะ แต่เวลานี้คงไม่เหมาะให้องค์หญิงออกนอกหอนอนพะยะคะ" นายทหารเอ่ยก้มหน้าไม่สบตา พร้อมกับเอาหอกไม้ที่ถืออยู่ยื่นมาขวางทางผม
"อ้าวพูดได้แล้วเหรอ...แล้วทำไมผมจะออกไปไม่ได้ ผมไม่ใช่องค์หญิงและไม่เป็นผู้หญิงด้วย"
"กะ กระผม ขออภัยในความโง่เขลา ...อะเอ่อ กระผมไม่ทราบว่าท่านเป็นบุรุษ...ด้วยความงามของท่าน...และด้วยเป็นว่าที่คู่หมั่นขององค์ชาย...อะ...เอ่อ" เอา...เอาเข้าไป จากดูหยิ่งๆกลายเป็นประหม่าเฉยเลยพ่อคู๊ณ เฮ้อ~
"ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ เอาเป็นว่าผมไม่ถือ...แต่พาผมไปหาองค์ชายหน่อย"
"ขออภัยพะยะคะ...แต่เวลานี้ไม่สะดวกจริงๆ...เอ่อ"
"แต่ผมต้องการคุยกับเขาตอนนี้ ถ้าผมถูกวางตัวเป็นคู่หมั่นจริงๆ...งั้นการที่ผมจะไปหาคู่หมั่นคงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ถูกต้องไหม" ถึงจะกระด่างปากมากก็เถอะ แต่พูดตามน้ำไปก่อนละกัน ผมปัดหอกที่ขว้างหน้าตัวเองออก แล้วเดินทางจากห้องนอน...หรือหอนอนที่เขาเรียกกัน ออกมา
.
เอาจริงผมก็ไม่อยากเสียมารยาทแบบนี้กับใครหรอกนะครับ แต่จากที่ดูๆ ถ้าผมไม่แข็งขันเข้มงวดบ้าง คนพวกนี้คงไม่มีใครฟังผม เพราะจะฟังพวกยศศักดิ์เหนือกว่าเท่านั้น...นายทหาร 2 นายตัดสินใจเดินตามผมและคอยบอกตำแหน่งทิศทางที่ต้องเดินไป...ปีกขวาของปราสาทเป็นเรือนพักขององค์ชายทั้งหมดพะยะคะ  ทางเดินตลอดแนวเป็นแบบระเบียงทางเดินมุงหลังคาโบกปูนขาวยกสูงด้วยเสาขนานทั้งสองข้างตลอดทางเดิน ทั้งสองฝั่งมือเป็นสวนหย่อมขนาดกลาง ฝั่งซ้ายมีน้ำพุน่ารักๆ ถ้าสาวๆยุคผมหลุดมาสักคนสองคน คงไม่วายพากันมาแอ็คท่าโพสถ่ายรูปแน่ๆในช่วงตอนกลางวันนะ น่าจะสวยไม่น้อย 


“อะ..อ๊า” ...ผี 
“...อ๊ะ..อืม” ...ผีชัวร์ 
“ทะ...ท่านอเล็กซ์...อย่ารุ..รุนแรงนักสิเพคะ...อะ” ...ผีแน่ๆ 
ภาพที่ผมเห็นคือ คนสองคนนัวเนียเสื้อผ้าหลุดหลุยจะร่วงหล่นกองเท้าอยู่มะรอมมะร่อข้างเสาต้นหนึ่ง ผมมองพวกเขาด้วยความตกตะลึงพูดไม่ออก อะไรจะโจ้งแจ้งปานน๊านนนนน พวกผมยืนค้างห่างจากพวกเขาประมาณ 20 เมตรเห็นจะได้ ผมน่ะเห็นพวกเขาชัดเจนจากตรงนี้ แต่พวกเขาคงไม่เห็นผม...หรือไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าใครจะเห็น แต่ที่แน่ๆ หนึ่งในสองคนนั้นคือไอ้เวรที่ทำให้ผมต้องถ้อสังขารมาถึงนี่ ไอ้ไบซันอเล็กซานเดอร์ *^* มีเมียแล้วทำไมบอกพ่อแม่มึงไปวะ สร้างเวรให้กูผิดศีลข้อ 3 ทำส้นเกือกอะไรว๊ะ ฮ้วย!!!
.
ผมกำลังงงอยู่ว่าจะเอาอย่างไงดี จะหันหลังไปตั้งหลักก่อนหรือจะเข้าไปพุงชนดี  “อะ...แฮ่ม”
“วะ...ว๊ายยยย” 
นายทหารข้างหลังผมคนหนึ่งครับ ออกตัวก่อนให้ผมเลยกะแอ่นกะไอส่งเสียงให้สองคนนั้นได้ยิน ไม่ถามกูสักคำ ดูสิผู้หญิงเขาอายหมดแล้ว...เอ๊ะหรือว่าไม่ เหอะๆ 
“โทษทีที่มาขัดจังหวะ ไม่คิดว่ากำลังยุ่งในเวลามืดค่ำแบบนี้...เอ๊ะหรือว่าเป็นเวลาที่ควรยุ่งนะ” ผมเอ่ยยียวนกลบเกลือนความอึดอัดไป พร้อมกับเดินเข้าไปหาทั้งสองคน เพราะไหนๆก็ไหนๆแหละ คุยกันให้เคลียร์เลยแล้วกัน มีเมียแล้วก็ดี อะไรๆจะได้ง่ายขึ้น 
“ช่างต่ำช้านัก!!! กล้าดีเยี่ยงไรถึงบุกมาหาบุรุษในยามวิกาลเช่นนี้ ช่างไร้ยางอาย” 
“...หมายถึงใครเหรอออออ” ผมมองมันกับเลยสายตาไปมองผู้หญิงที่แอบอยู่ข้างหลังมันที่พยายามหอบผ้าขึ้นมาปกปิดร่างกายอยู่ ก่อนจะเงยหน้ามองผมตาปัดตอนผมถามสวน ...สวย เซ็กซี่ แต่ก็แค่นั้น... 
ผมโมโหนะเอาจริง คำด่าของไอ้ไบซันถือว่าเจ็บแสบ แต่ก็แค่แวบเดียวเท่านั้นแหละครับ เหอะๆ เพราะที่ด่ามาเข้าตัวมันกับผู้หญิงของมันมากกว่า...อ่ะๆผมไม่ได้หึงหรือรู้สึกอะไรกับการที่มันมีเมียนะครับ ขอออกตัวก่อนเลย แต่ถ้าจะให้เดา
"ผม"ที่ถูกวางตัวเป็นคู่หมั่น งั้นก็แสดงว่าผู้หญิงที่มันกำลังคั่วด้วยยังไม่ได้เป็นอะไรที่พ่อแม่มันยอมรับถูกไหมละ 

อึก! 
“เจ้า . จง . รู้จัก . สงบ . ปาก . สงบ . คำ เสียบ้างนะ เพียงเพราะผู้ใหญ่ข้าถือหางให้ ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะมาจาบจ้วงข้าหรือคนของข้าได้หรอกนะ” ไอ้สัด อเล็กซ์มันคว้าคอผมกระชากเข้ามาหาตัวมันพร้อมกับบีบเค้นคอผมจนจะหายใจไม่ออก

ตึก! 
อึก! 
“อ่ะ”
ตุ๊บ! ผมตั้งสติทำทีพาดมือคล้องคอมันก่อนจะเสยเข่ากระทุ้งไข่มันอย่างแรง หมันแน่มึง!!! ผมเสยเข่าเข้าที่คางมันอีกครั้งจนล้มไปกองกับพื้น มองดูมันด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์อย่างมาก ตัวเองทำได้ คิดเหรอว่าคนอื่นจะทำไม่ได้ ไอ้เห็นแก่ตัว 
“กรี๊ดดดดด ท่านอเล็กซ์ แกกก!!! เจ้าไพร่ไร้สกุล!!! แกกล้าดีอย่างไงมาทำร้ายองค์ชายเช่นนี้ ทหารจับเจ้าสถุนนี่ไปเฆี่ยนหวายแล้วนำไปขังคุกมืดบัดเดี๋ยวนี้” 
“....อะเอ่อ...” 
“ยืนบื่ออะไร ข้าสั่งไม่ได้ยินรึ!!! หรืออยากจะให้ข้าฟ้องท่านพ่อให้ปะ...” 
“หุบปากได้ป๊ะ น่ารำคาญ” ผมเอ่ยขัดเธอเสียงนิ่งๆ 
“กร๊ดดดด แกกล้าดีอย่างไงถึงมาพูดกับข้าเช่นนี้ ไม่รู้รึวะ..”
“ว่าคุณเป็นลูกใคร...ไม่รู้และไม่อยากรู้ด้วย อายแทน พ่อ . แทน แม่ ของคุณ” ผมพูดสอดเสริมต่อให้อย่างรู้สึกคำราญจริงๆ 
“กรี๊ดดดดดด” 
“โว้ยยยยย หนวกหู!!! หยุดร้อง!!! แล้วฟังนะ...มึงด้วยไอ้สัดอเล็กซ์  1. กูไม่ได้อยากมาที่นี้  2. กูไม่ได้อยากเป็นเหี้ยอะไรกับมึง 3. กูไม่ได้อยากมาที่นี้เพื่อให้ใครมีด่าว่าเป็นไอ้ไพร่ไอ้สถุน ถ้ากูได้ยินมึงด่ากูอีก กูต่อยปากแตกแน่...ผู้หญิงกูก็ไม่สน” ผมเปรยตามองผู้หญิงคนสวยตรงหน้านิ่ง...สวยแต่รูป ทำตัวเกลื่อนกลาด 
“กรี๊ดดดดดดด ท่านอเล็กซานเดอร์ช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ”
“ฮึก...เจ้ากล้ารึ แม้แต่กลับสตรี!? เจ้ามันเลวทรามนัก!!!” มันกะเสือกกะสนพูด วางมาดซะน่ากลัว เสียงจะพูดยังไม่ชัดเลยไอ้เวร ผมกรอกตามองบนด้วยความสมเพช 
“เออ!!! กูมันเลว เฮอะ!!! สตรี...งั้นบอกกูที ที่นี่สตรีเขาวางตัวกันอย่างไงให้ได้รับเกียรติอย่างสตรีควรมีควรได้เหรอ!?” 
“...” 
“หึ...จะเพศไหนๆ ถ้าทำตัวเป็นพวกขี้แพ้ชวนตี ก็ น่า.สม.เพช นะ” 
“...” 
“แกกก!!!” 
“เอาละ กูขอต่อเข้าเรื่องให้จบๆนะ...ถึงไหนละ อ๊อ!  4. กูจะไม่แต่งงานกับมึงเด็ดขาด เพราะต่อให้พ่อมึงแม่มึงอาจารย์มึงถือหางให้กูอย่างที่มึงว่า กูก็ไม่พิศวาทกะเสือกกะสนเอามึงหรอกนะ และกูจะไปบอกพวกผู้ใหญ่เอง จบนะ...เพราะฉะนั้น เธอ! สบายใจได้นะคร๊าบบบบบ” ผมเอ่ยร่ายยาวก่อนจะเบนสายตาไปมองผู้หญิงตรงหน้ายิ้ม ก่อนจะหันหลังกับหอนอนพร้อมกับทหารที่ตามผมมา  ผมไม่คิดจะหันไปมองด้วยว่าไอ้เห้อเล็กซ์และผู้หญิงของมันจะทำหน้าอย่างไง มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมอยู่แล้ว...มันไม่ได้เกี่ยวกันมาตั้งแต่ต้น ยิ่งมาเจออะไรแบบนี้ยิ่งต้อง . และ . ไม่ควรเกี่ยวข้องกันเลย! 



เช้านี้ ผมตื่นมาด้วยความสดใส ถึงแม้เมื่อวานจะเจออะไรมามากมาย แต่พอเคลียร์ความคิดและวางแผนอะไรได้แล้วผมก็โล่งใจ เพราะตอนนี้อย่างน้อยๆก็รู้แล้วว่าควรจะทำอะไรก่อนดี ผมตื่นมาก็มีอาหารวางจัดใส่ถาดไม้แผ่นใหญ่ถือด้วยคนรับใช้สาว 2 คน ผมถามพวกเธอไปว่าทำไมไม่วางไว้ที่โต๊ะจะถือทำไมให้เมื่อยมือ คำตอบที่ได้เอาซะผมมึนตึบกับความคิดของคนพวกนี้...เพื่อความสะดวกสบายของพระคู่หมั่น พวกเรามีหน้าที่พร้อมปรนิบัติรับใช้ท่านทุกเมื่อเพคะ และเพื่อการณ์นี้ท่านจะได้ไม่ต้องเดินไปที่โต๊ะให้เมื่อย พวกหม่อนฉันจะยืนถวายและให้อีกนางป้อนถวายเพคะ...พวกเธอว่ามางี้น่ะครับ เว่อร์เนอะ 
“ผมถามนิดนึงนะครับ...ปรนิบัตินี้รวมถึงทำตามคำสั่งของผมด้วยใช่ไหมครับ” ผมที่ลุกขึ้นนั่งบนที่นอนเอ่ยถามพวกเธอยิ้มๆ ทำเอาสาวประหม่าน่าดูทีเดียว..ผมยิ้มหล่อใช่ม๊า อิอิ 
“...อะ...เอ่อ ท่านเข้าใจถูกต้องเพคะ” 
“โอเค...งั้นผมขอสั่งให้เอาหารไปวางไว้ให้ผมที่โต๊ะน่าระเบียงตรงนั้น และผมจะทานเองไม่ต้องป้อนครับ” ผมเอ่ยยิ้มๆ แต่มองแบบกดดันนิดๆให้พวกเธอทำตามที่บอก 
“ตามพระประสงค์ของท่านเพคะ” สาวก้มหัวย่อเข่าสวยๆ อย่างลุกลน หึหึหึ 
“อ้อ...ช่วยเลิกเรียกผมว่าท่านด้วยนะครับ...รู้สึกแก่ 555” ผมเอ่ยขำๆให้พวกเธอหายเกร็ง หลังจากที่พวกเธอจัดโต๊ะให้ผมเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว 
“ขอประทานอภัยเพคะ แต่พวกหม่อมฉันคงกระทำการเยี่ยงนั้นไม่ได้” 
“เฮ้อ~...งั้นเอาอย่างนี้ พวกพี่ๆเรียกผมว่าพิชญณ์หรือน้องพิชญณ์แค่เฉพาะตอนที่อยู่กันแค่นี้ พอใครมาหรือออกไปไหนก็เรียกผมตามที่พวกพี่สะดวกนะครับ” 
“พะ..พี่ๆ...น้องพิทช์ (Pitch) เหรอเพคะ” 
“ครับ ก็พวกพี่อายุมากกว่าผม ผมก็ต้องให้ความเคารพสิครับ” ผมตอบยิ้มๆ พิทช์ก็พิทช์วะ อืมมม..อันนี้อร่อยจัง เหมือนสโคนแต่ใส่ครีมราดน้ำผึ้งไว้ตรงกลาง (ก็กินไปคุยไปอ่ะครับ ชิวๆ หุหุ) 
“เป็นพระกรุณามากๆเพคะ ทะ..เอ๊ย! น้องพิชญณ์” พวกเธอเอ่ยดีใจ เพราะในชีวิตนี้ไม่เคยแลได้ยินบ่าวไพร่ผู้ใดถูกวางให้เอ่ยขานชิดเชื้อผู้เป็นนายได้มากเท่านี้ พวกนางช่างโชคดีจริงๆ 
“ว่าคุณป้าคนนั้นไปไหนแล้วละครับ” ผมถามพร้อมมองหาคุณป้าที่เป็นคนคุมสาวพวกนี้ในคราวนั้น 
“อ้อ...ท่านเวลล่า ท่านกำลังมาเพคะ ด้วยก่อนหน้ากำลังตระเตรียมผ้ามาพลัดเปลี่ยนให้...เอ่อ นะน้องพิทช์” หนึ่งในสาวรับใช้อีกคนเอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆ ตลกดีครับ  ผมพยักหน้ารับทราบก่อนจะดื่มน้ำส้มตามล้างคอ
พวกสาวๆก็พากันยกสำรับอาหารเก็บใส่ถาดออกไป ปล่อยให้ผมย่อยอาหารชมวิวครู่นึง คุณป้าเวลล่าก็มาพร้อมกับสั่งให้สาวเชิญผมไปแช่อาบน้ำและจับผมแต่งตัวให้เรียบร้อย ครั้นผมจะค้านอาบเองหรือแต่งตัวเองคุณป้าเวลล่าก็เล่นรัชดาลัยอีกรอบ จนผมต้องยกมือยอมแพ้...ช่างเถอะ...ถ่ายทอดสดอีกสักรอบคงไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านละ ผมปลอบตัวเองในใจทั้งน้ำตาที่ตกข้างในเช่นกัน ฮื้อ T^T 



พอถูกจับอาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็ขอให้นายทหารคนเดิมพาไปเข้าเฝ้าองค์ราชาและราชินีของพวกเขา ตอนแรกพอคุณป้าเวลล่าได้ยินก็ลนลานใหญ่บอกว่าถ้าอย่างนั้นต้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าผมอีกรอบ ผมรีบเบรคเสียงแข็งเลยครับว่าไม่ แค่ที่ใส่อยู่กว่าจะเสร็จก็เกือบครึ่งชั่วโมงละ ชุดวันนี้ก็คลายๆเหมือนวานครับ เปลี่ยนที่สีที่คลุมโทนไล่สีจากช่วงเอวที่เป็นสีออกม่วงๆไล่เป็นชมพบางๆไปขาวๆตรงชายผ้า แต่ประเด็นคือมันยังเป็นเดรส!!และโชว์เว้าหลังด้วย!!! พอผมจะโวยวาย คุณป้าเวลล่าก็เอ่ยยิ้มๆอย่างภูมิใจว่า ชุดนี้นางเลือกเองกับมือ เพื่อให้เหมาะสมกับผมที่เป็นคู่บารมีของไอ้อเล็กซานเดอร์ที่สวยเหมือนเทพธิดาจุติมาเกิด...ไอ้เวร หลอกหลอนแม้แต่เสื้อผ้าที่กูจะใส่ ผมเอ่ยชังอีกคนในใจ พอนึกถึงหน้ามันแล้วผมก็คร้านจะเถียงกับคุณป้าแก เพราะอย่างไงตัวปัญหาจริงๆ คือมันไม่ใช่ป้าแก 


ทหารพาผมมาส่งที่หน้าประตูห้องโถงเหมือนวาน ก่อนจะเอ่ยแจ้งกับนายทหารเฝ้าประตูว่าผมต้องการเข้าเฝ้าองค์ราชาและราชินี พอต่างฝ่ายต่างรับรู้กันเสร็จ นายทหารประจำตัวผม (ก็นะเป็นคู่กรณีกันมาตั้งแต่เมื่อวานและเป็นคนคอยเฝ้าหอผมตลอด) ก็หันมาโค้งคำนับให้ก่อนบอกว่าจะรอผมที่ปลายทางเดินตอนที่จะกลับ ผมก็พยักงานหงึกๆเป็นอันรู้เรื่อง ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้นายทหารหน้าเป็นประตูทีนึงเป็นนัยๆว่าพร้อมละ
.

แอ๊ดดดดดดดดดด 




>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

หมูปิ้งว่า...พีชใจร้ายกับพี่ผู้หญิงคนนั้นมากเกินไปรึเปล่าอ่ะ -_-"
ผมชื่อพิชญณ์ครับเจ้หมู แล้วทำไมเจ้มองผมผิดคนเดียวอ่ะ แม่สาวนมโคก็ทั้งด่าทั้งดูถูกคนอื่น มันก็ไม่ใช่ป่ะคับ
...เฮ้อ หมูปิ้งแค่มองว่าพีชอารมณ์ร้อนไปไง เราไม่ต้องเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือกับทุกสถานการณ์ก็ได้ไหมคะ ถ้าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่า
เจ้นี่ก็แม่พระ อารมณ์เย็นเกิ๊นนนนน ถึงว่าชีวิตจริงมีแต่คนแกล้ง โธ่เอ้ย
เดี๋ยวโดนตบปากด้วยมันหมู *^* ไอ้พิชญณ์ เดี๋ยวแม่จะเขียนให้เฮียอเล็กซ์ปล้ำแก 3 วัน 7 คืน เดี๋ยวๆ
ว๊าาากกกกกกเจ้ผมขอโทษษษษษษษษษ

ออฟไลน์ Moonkla

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ตอนที่ ๕ ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ



เช้านี้โถงรับรองดูแปลกตาด้วยข้าราชบริพารขุนนงขุนนางยืนเรียงรายด้านหน้าพระพักตร์ ทำเอาผมชะงักอยู่ครู่ก่อนจะค่อยๆเดินตรงกลางทางเดิน ซึ่งระหว่างนั้นนายทหารก็ได้มีการเอ่ยตำแหน่งผู้มาเยือนอย่างผมให้ทุกคนในห้องได้รับทราบ ไม่ชินกับความ
พิธีรีตองนี่เลยอ่ะ...เฮ้อ~
.
“อรุณสวัสดิ์ครับองค์ราชาองค์ราชินี” ผมเดินมายืนตรงหน้าบัลลังก์ก่อนจะยกมือไหว้สวัสดี
“...น้องพี่...เจ้าได้ยินเสียงอะไรหรือไม่” องค์ราชาหันถามราชินีของตน พลางหันมองซ้ายทีมองขวาที ทุกครั้งที่หันมองมาที่ผมก็ทำเป็นมองผ่านไปมา ... =_=
“หึหึ...อืมมม เสียงคุ้นๆนะเพคะ” องค์ราชินีพูดคล่อยตามแต่สายตามองมาทางผมตรงๆ +_+
“เอ่อ...” อึดอัดครับ...เล่นอะไรกันอ่ะ
“เอ๊ะ คุ้นๆจริงๆด้วยนะน้องพี่ เสียงหวานๆ คลายๆว่าที่พระชายาของลูกเราเลย” องค์ราชายังคงเล่นต่อไป
“อุ๊บ! ใช่เพคะ แต่เราคงจักเอ็นดูเด็กผู้นี้มากจนคิดไปเองนะเพคะ เพราะว่าที่พระชายาคงไม่กล่าว ห่างเหิน กับเราเช่นนี้ หึหึ” พระราชินีมองยิ้มๆเปรยมาทางผมอีกครั้ง
“อะ...อรุณสวัสดิ์ครับ...ท่านพ่อ...ท่านแม่” ผมไหว้อีกรอบอย่างประหม่า ไอ้จะดีใจที่ผู้ใหญ่คนใหญ่คนโตของที่นี้เอ็นดู มันก็ดีใจได้ปลื้มอยู่หรอก แต่ที่เจอกันแค่วันเดียวแล้วจะให้เรียกอย่างสนิทสนมก็ใช่เรื่อง...แถมเรื่องที่จะมาคุยวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างที่พวกเขาหมายมั่นเสียด้วย...อย่างที่อาจารย์หมอบอกในยูทูบละวะ “เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด” เกรงใจตอนนี้ก็ไม่วายได้อยู่นี่น่ะสิ ไม่เอาด้วยหรอก!!!
“โอ้ลูกพิทช์ เจ้ามายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน หึหึหึ” พระราชาเอ่ยทักเหมือนตกใจที่เห็นผมจริงๆ แต่ตาท่านเป็นประกายมากเลยก๊าปปปปป
“ท่านพี่ก็ช่างหยอกล้อ หึหึหึ ว่าแต่พิทช์มีการณ์อันใดรึถึงได้มาพบพ่อกับแม่แต่เช้าเชียว” พระราชินีถามอย่างเอ็นดู
“เอ่อ...คือ” จะให้ผมพูดอย่างไงดีละ...คนอยู่กันเยอะซะด้วย
.
.
ปึง! ปัง!
“ท่านพ่อท่านแม่!!! อย่าได้ไปฟังความบุรุษผู้นี้นะพะยะคะ” เดากันสิครับว่าใคร -_-*
“หม่อมฉันขอถวายความนอบน้อมเพคะ” และเดาสิครับว่าใครตามตูดกันมา -_-**
“มีเรื่องอะไรกันรึอเล็กซานเดอร์...และโทเนียมาตั้งแต่เมื่อไรกันรึป้าไม่เห็นรู้เลย” พระราชินีเอ่ยเสียงนิ่งเย็นกับลูกชายของเธอพร้อมกับเปรยตามาถามบุตรสาวขุนนางใหญ่ของเมืองเทอร์เรีย – เมืองน้องที่จงรักภักดีมาตลอดหลายทศวรรต...
“...เรียนท่านป้า หม่อมฉันมาถึงเมื่อเช้านี้เพคะ” โทเนียเอ่ยเสียงหวานนอบน้อม ก่อนจะแอบปรายตาหวานๆมาทางผม ...เมื่อเช้า...โอ้โห โกหกได้หน้าตายมากก๊าปปปปปป เมื่อคืนไอ้อเล็กซานเดอร์นัวกับผีจริงๆสินะ +^+
“อุ๊ย! ทำไมถึงได้รีบมาเร็วนักละจ๊ะ...ถึงนี่เช้า...แสดงว่าออกเดินทางมาตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้วสินะจ๊ะ” พระราชินีกล่าวด้วยความเป็นกังวล แต่ทำไมผมรู้สึกทะแม่งๆก็ไม่รู้
“...อะ...เอ่อ...คะ...คือ อ๊อ ความจริงแล้วหม่อมฉันจะต้องตามท่านพ่อมาเฝ้าท่านลุงและท่านป้าในวันนี้เพคะ แต่ด้วยมีเหตุจำเป็นท่านพ่อจึงให้หม่อมฉันเดินทางมาก่อนน่ะเพคะ”
“หึ เคลติส นี่ช่างทำการบุ่มบ่ามนัก...ปล่อยให้บุตรสาวเดินทางมาถึงเมืองฝ่ายชายได้แม้แต่ในยามวิกาล...โถ...โทเนีย ลำบากเจ้าแย่เลย อย่าหาว่าป้าสอนเลยนะจ๊ะ” พระราชินีเอ่ยด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ พร้อมกับลุกจากบัลลังก์แล้วเดินมาจับมือทั้งสองโทเนียก่อนจะเอ่ยเสริมขึ้นมาว่า
“หากครั้งหน้าพ่อของเจ้าบังคับให้เจ้าทำการสิ้นคิดแลจะทำให้เจ้าดูเสื่อมเสียเช่นนี้อีก...ให้บอกป้านะจ๊ะ” พระราชินีเอ่ยยิ้มอย่างเอ็นดู...คิดไปเองปะวะกู เหมือนได้ยินเสียงหม้อต้มมาม่าเดือดผุดๆ เหอะๆ
“เอาละๆ ว่าแต่นี่มันเรื่องอะไรกันรึ มาหาพ่อกับแม่แต่เช้า...อเล็กซานเดอร์” พระราชาเงียบดูสถานการณ์อยู่นาน
“...” อ้าวมาซะใหญ่...พอถึงก็พูดไม่ออกเหรอวะ เฮ้อ~
“...องค์...เอ๊ย!..ท่านพ่อ ท่านแม่ ผมขอรบกวนพูดคุยแค่พวกเราก่อนได้ไหมพะยะคะ” มึงไม่พูด กูพูดเอง ผมหันไปยักคิ้วให้ไอ้ไบซันทีหนึ่ง
“ท่านพ่อ ท่านแม่ เหรอเพคะ” โทเนียเอ่ยถามขึ้นมาทันควันและตวัดมองผมอย่างตกใจทีนึง
องค์ราชาราชินีมองตากันเพียงครู่ ก่อนที่พระองค์ทั้งสองจะโบกมือปัดครั้งเดียวพวกขุนนางน้อยใหญ่ก็พากันออกไปหมด เหลือเพียงแต่องครักษ์คนสนิท 4 นาย และองค์ราชินีที่กลับไปนั่งบนบัลลังก์อีกครั้ง
“เอาละ พิทช์มีอะไรก็ว่ามาเถอะลูก” พระราชาเอ่ยเข้าเรื่อง
“ท่านพ่อท่านแม่จะเสียเวลาฟังความอะไรกับบุรุษนี่” อเล็กซานเดอร์เอ่ยอย่างโมโห เรื่องเมื่อวานก็ทีนึงแล้ว ไหนจะตอนนี้ที่ทำตัวแกว่งหัวเข้าคมดาบของเขาอีก เป็นคู่บารมีหรือไม่ หากหยามกันเยี่ยงนี้ก็จักต้องลงโทษให้สาสม!!!
“อเล็กซานเดอร์!!! เจ้าจงหยุดกิริยาเยี่ยมคนขาดการอบรมบัดเดี๋ยวนี้นะ!!!”
“ท่านแม่...ข้าขออภัย” อเล็กซานเดอร์กล่าวหงอยๆ เห็นหวานๆสวยๆองค์ราชินีนี่น่ากลัวอยู่เหมือนกันแหะ อย่างนี้ต้องระวังคำพูดให้มากแหละ
“ท่านแม่ ใจเย็นๆก่อนนะพะยะคะ ที่องค์ชายเป็นเช่นนี้เป็นเพราะผมเอง” ผมเอ่ยด้วยเสียงที่นิ่งและระมัดระวังมากที่สุด
“อย่างไรกันละลูกพิทช์” องค์ราชินีถามอย่างฉงน พระนางมีกิริยาที่เย็นลงเมื่อพูดคุยกับบุรุษน้อยตรงหน้า หากจะว่าเพราะความเอ็นดูหรือคำทายก็หาใช่เสียทีเดียวไม่... แต่เป็นเพราะบุตรชายของนางกระทำการเสียมารยาทเสียหลายครั้งหลายหนด้วยความวู่วามไม่สนใจใคร กลับกันกับเด็กตรงหน้า ที่มีความสุขุมเรียบร้อยแลมีสติเสียมากกว่าแม้จักอายุน้อยก็ตาม ช่างน่าละอายใจกับบุตรของตนยิ่งนัก เป็นถึงว่าที่องค์รัชทายาท เป็นนักรบที่ไม่เคยแพ้พ่าย เก่งกาจสามารถในการสู้รบเฉกเช่นเดียวกับพระสวามีของนาง แต่กลับอารมณ์ร้าย เอาแต่ใจ ไม่ฟังใคร สักแต่ใช้กำลังแก้ปัญหา แม้ตัวบุตรยังพอจะรู้สึกชั่วดีฟังคำผู้เป็นบิดามารดาอยู่บ้าง แต่หากทำตัวเช่นนี้ต่อไปจนเป็นถึงองค์ราชาแล้ว ก็คงมิสามารถปกป้องบ้านเมืองแลแคว้นเมืองน้อยใหญ่ในอยู่ในอาณัติได้ยั่งยืนเป็นแน่แท้
“ก่อนอื่นผมต้องขอโทษท่านพ่อท่านแม่ด้วยนะครับ สำหรับเรื่องที่ผมจะพูดบอกต่อไปนี้”
“ว่ามาเถอะพิทช์ พ่อสัญญาว่าจักไม่โกธรเคืองเจ้าหรอก”
“ขอบคุณมากนะครับ...ผมดีใจมากนะครับที่พวกท่านเอ็นดูผมขนาดนี้ แต่ผมไม่สามารถยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ได้”
“ตะ...แต่งงานเหรอเพคะ! อุ๊ย! ขออภัยเพคะ...อ่ะเอ่อ ท่านลุงท่านป้าหมายความว่าอย่างไรกันเพคะ...ท่านอเล็กซ์เพคะ” โทเนียเอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ นี่มันอะไรกัน เจ้าบุรุษไร้สกุลเนี๊ยะนะ ไร้สาระสิ้นดี!
“ทำไมกันละลูก มีอะไรมิพอใจในตัวพี่เขารึ” องค์ราชินีเปรยตามองโทเนีย ก่อนจะเมินคำถามของเธอและหันมองถามผมอย่างกังวล...แบบกังวลจริงๆนะครับ
"คือผมไม่สามารถแต่งงานกับคนที่ผมไม่รักไม่ได้รู้สึกดีด้วยได้หรอกครับ และผมเองก็ไม่รู้ว่ามาที่นี้ได้อย่าง...นอกจากนี้ผมอยากกลับไปหาคนที่ผมรักครับ" พ่อ แม่ เจ้...อยากกลับไปหาทุกคนเร็วๆ แค่คิดผมก็น้ำตาจะไหลแล้วครับ เลยได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาทุกคน
"หึ! ข้าก็หาได้พิศวาทเจ้าเช่นกัน" อเล็กซานเดอร์กล่าวอย่างโทสะ ช่างหยิ่งยโสยิ่งหนัก อาจหารไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง กล้าปฏิเสทการอภิเษกกับข้าเพราะคนอื่นอย่างนั้นรึ เหอะ! โง่เขลาสิ้นดี
.
"...อิริค จงไปเชิญท่านปุโรหิตมาที่นี่บัดเดี๋ยวนี้" พระราชาเอ่ยเสียงเย็นขึ้น พร้อมกับจ้องมองบุตรชายอย่างตำหนิในที
.
.
.
“ข้าขอนอบน้อมต่อพระราชาราชินี” คุณลุงปุโรหิตเข้ามาถึงก็ถูกองค์ราขินีดึงมือไปกุมทันทีด้วยท่าทางร้อนใจ ทั้สองพึมพำกันสักครู่ คุณลุงก็หันไปหาแม่โทเนียอกตูม
“หม่อมฉันขอประทานอภัยต่อท่านโทเนีย หากแต่หม่อมฉันต้องขอเชิญท่านไปรอที่ห้องรับรองของท่านก่อนได้นะพะยะคะ”
“ท่านปุริหิต! นี่ท่านกำลังไล่ข้าอยู่นะ!!!” แม่โทเนียดูเหมือนจะเหวี่ยง...แต่ไม่สุดครับ keep looks สินะ เหอะๆ
“...”
“คุณลุงให้เขาอยู่ฟังก็ได้ครับ ใช่ไหมคุณโท...เนีย” ผมหันไปมองเธอยิ้มๆ ไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้ จะซวยนะแม่คู๊ณณณ
“นิเจ้า!” กล้าดีอย่างไรมาเรียกชื่อข้าด้วยน้ำเสียงอย่างนั้น ปากดีนักเจ้าไพร่!!! โทเนียได้แค่คิดเครียดแค้นบุรุษตรงหน้า หาได้เข้าใจความนัยที่ชายตรงหน้าเอ่ยให้ฉุดคิดไม่
“...โทเนีย เจ้าจงกลับไปก่อน” อเล็กซานเดอร์เข้าใจความนัยนี้และค่อนข้างที่จะฉงนใจว่า เหตุใดเด็กหนุ่มตรงหน้ามิกล่าวถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวานให้ผู้ใหญ่ท่านได้ทราบในทันที แม้เมื่อคืนจักกล่าวคำที่ไม่สมควรต่อสตรีแต่ก็ถือว่ายังมีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่บ้าง...ถึงอย่างนั้นก็หาได้ปล่อยผ่าน หากหญิงสาวตรงหน้ายังดื้อดึง...
“แต่ทะท่านอเล็กซ์เพคะ” โทเนียยังไม่ยอมจากโดยง่าย สำหรับนาง...หากยอมถอยตอนนี้คงน่าอับอายสำหนับสตรีขุนนางชั้นสูงเยี่ยงนาง ผู้เป็นทั้งเพื่อนเล่นขององค์ซานเดอร์มาตั้งแต่เล็ก แลจะต้องได้เป็นว่าที่ราชินีแห่งเมืองนี้แน่นอน!!!
“ฟังข้า! แล้วไปเสีย”
“...ขะ เข้าใจแล้วเพคะ...ท่านลุงท่านป้า ข้าขอตัว...” โทเนียคำนับผู้ใหญ่ทั้งสอง แต่ละเลยท่านปุโรหิตและบุรุษที่น่าชังในสายตานางอย่างถือดี ฝากไว้ก่อนเถอะเจ้าพวกชนชั้นต่ำ!!
.
.

พอโทเนียเดินจากไป ผมเห็นนะว่าคุณลุงปุโรหิตแกแอบลอบถอนหายใจในทีก่อนจะหันมาถามผม
“เหตุใดท่านพิทช์จึงตัดรอนการอภิเษกกับองค์ชายกระทันหัดเช่นนี้เล่าพะยะค่ะ"
"คืออย่างนี้นะครับ...ผมกับเขา เราไม่รู้จักกันจะให้มาแต่งงานกันคงไม่ได้ เพราะพวกเราไม่ได้รักกัน...ก็อย่างที่เอ่อ...ท่านพ่อท่านแม่ได้ยินว่าองค์ชายก็ไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นกับผมเหมือนกัน เพราะฉะนั้นสู้ให้ผมกลับไปในที่ๆผมจากมาดีกว่า...แต่ผมคงต้องขอร้องให้คุณลุงช่วย" ผมผ่อนคลายลงเล็กน้อยที่พวกผู้ใหญ่ให้โอกาสผมอธิบาย แต่ผมก็ยังสำรวมคำพูดอยู่บ้างละนะครับ 
"ช่วยอย่างไงหรือพะยะค่ะ"
"คุณลุงมองเห็นนิมิตใช่ไหมครับ...ผมไม่รู้ว่ามาที่นี้ได้อย่างไง ถ้าคุณลุงรู้ว่าผมจะมา คุณลุงก็น่าจะสามารถรู้วิธีทำให้ผมกลับไปได้นะครับ...ขอร้องเถอะนะครับ...ฮึก! ผะ...ผม ฮึก!...อยากกลับไปในที่ๆผมจากมาจริงๆ" ดึงดราม่านิดหนึ่งครับ เรียกคะแนนสงสาร *____,* When in Rome, do as Romans do อย่างไงผมก็ไม่ยอมติดอยู่ที่นี้กับไอ้ไบซันนี่แน่ๆ ไม่มีทาง!!!
“...ท่านพิชท์หม่อนฉันเข้าใจแลเห็นใจความรู้สึกของท่านนะพะยะค่ะ แต่หม่อมฉันเกรงว่าจักไม่ง่ายเช่นกัน...อย่ามองหม่อมฉันเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าหม่อมฉันมิอยากช่วยเหลือ” ท่านปุริหิตกล่าวดักทางด้วยเห็นสายตาที่ตัดพ้อของเด็กหนุ่มตรงหน้า
“ละ...แล้วมันอย่างไงกันละครับคุณลุง” ไอ้ที่แสร้งบีบน้ำตาตอนแรก ตอนนี้ผมละอยากร้องไห้จริงๆละครับ
“ใจเย็นๆก่อนนะพะยะค่ะ...การที่หม่อนฉันจะเกิดนิมิตได้นั้นมิใช่การง่ายเหมือนหาตำราในหอสมุดไม่นะพะยะค่ะ”
“...”
“หม่อมฉันขออาจเอือมชี้แนะองค์ราชาราชินีแลท่านทั้งสอง” คุณลุงปุโรหิตหันไปโค้งคำนับขออนุญาตผู้ปกครองสูงสุดของเมืองและพวกผม ซึ่งองค์ราชาก็พยักหน้าเชิงอนุญาตทีนึง ถึงจะไม่ค่อยพอฤทัยกับข้อที่กำลังพูดคุยแต่ก็มิได้โผงผ่าง รอฟังความของท่านปุโรหิตต่อไป
.
.
“ขอบพระทัยพะยะค่ะ...อันหม่อมฉันขอแนะนำว่าให้เวลาองค์ชายแลท่านพิทช์รู้จักสนิทชิดเชื้อกันเสียก่อน...ยังมิต้องด่วนอภิเษกสมรสในทันที แลในระหว่างนี้หม่อมฉันจะพยายามหาหนทางเพื่อช่วยเหลือท่านพิทช์...แม้จักน่าเสียดายที่จะขาดท่านพิทช์ในฐานะคู่บารมีขององค์ชาย แต่หากสามารถสร้างสัมพันธ์ฉันมิตรอันแน่นแฟ้นได้แล้วไซร้ คงเป็นพรอันประเสริฐแก่เมือง โกลด์ดอล ของเราได้มิใช่น้อยเช่นกัน...” คุณลุงแนะนำเหมือนจะดีนะครับ แต่ผมไม่ชอบเลย ไม่ชอบมากๆเลยด้วย ฉันมิตร...เป็นเพื่อนกับไอ้ไบซันอเล็กซานเดอร์เนี้ยะนะ แค่หน้ามันผมยังไม่อยากมองเลยเฮอะ!
“แล้วผมจะต้องรอนานแค่ไหนเหรอครับคุณลุง” อย่างน้อยๆก็ขอรอแบบมีเป้าหมายน้อยแล้วกัน...
“การที่หม่อมฉันจะสามารถแลเห็นนิมิตได้นั้น จักต้องมีเหตุเตือนก่อนน่ะพะยะค่ะ”
“หมายถึงปรากฎการณ์ทางธรรมชาติอะไรแบบนี้ใช่ไหมครับ”
“...ท่านพิทช์เข้าใจถูกแล้ว หม่อมฉันขอยกตัวอย่างเช่นเหตุการณ์ในคืนก่อนที่ท่านจะมาถึงนั้น ปรากฎณ์มีพระจันทร์ทรงกลดสีทองสว่างไสวกลางนภาพะยะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปได้ว่าถ้ามีพระจันทร์ทรงกลดแบบที่คุณลุงบอกอีกก็มีทางที่ผมจะกลับไปได้ใช่ไหมครับ” ผมหน้าชื่นขึ้นเยอะเลยครับ
“มีความเป็นไปได้เช่นนั้นพะยะค่ะ” คุณลุงก้มหน้าตอบ
“ถ้าอย่างนั้น...พระจันทร์ทรงกลดจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไรครับ” ผมยิ้มระรื่นเลยครับเก็บอาการไม่อยู่ ถึงจะรู้สึกผิดตอนหันไปเห็นสีหน้าขององค์ราชาราชินีก็เถอะ...แต่ผมก็มีครอบครัวที่ผมต้องกลับไปหาเหมือนกันนิครับ...
“...เรียนท่านพิทช์...พระจันทร์ทรงกลดสีทองจะปรากฎณ์อีกครั้งในอีก...หนึ่งปีหลังจากนี้พะยะค่ะ...”
......เปรี้ยง!!!!!....
คุณลุงปุโรหิตตอบผมเสียงนิ่ง แต่มันเหมือนสายฟ้าฟาดมาที่ตัวผมเลยครับ
...หนึ่งปี!
หนึ่งปีที่ต้องติดอยู่ที่นี้!
เป็นที่ไหนก็ไม่รู้!
ติดอยู่กับไอ้อเล็กซานเดอร์!
ต้องเจอหน้ามันตั้งหนึ่งปีเนี๊ยะนะ!!!



*************************************************************************************

หมูปิ้ง: พอได้ไหมคะทุกคน?
พิชญณ์: เจ้!!!! ก่อนถามคนอ่าน ถามผมก่อนไหม ทำไมผมต้องอยู่ติดกับไอ้ไบซันตั้งปีอ่ะ!!!?
หมูปิ้ง: งั้นตอนต่อไปให้ติดกับทั้งชีวิตดีไหมคะ
พิชญณ์: ...อย่านะเจ้ pleaseeeeee, let me go hoooooommmeee TT^TT
หมูปิ้ง: คุณผู้อ่านคิดว่าไงดีคะ 0_,0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-03-2021 14:33:25 โดย Moonkla »

ออฟไลน์ Moonkla

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ตอนที่ ๖ เกลียดขี้หน้า



“เดี๋ยว! ข้าต้องการคุยกับเจ้า” อเล็กซานเดอร์เดินตามมาคว้าแขนผมไว้ แต่ผมไม่มีอารมณ์จะมาวอแวถกเถียงอะไรกับมันตอนนี้หรอกนะครับ เพราะผมกำลังสับสน...โกธร...คิดไม่ออก...บอกไม่ถูก...หงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้เลยซักอย่าง!! แล้วมันจะมาคุยเนี๊ยะนะ ไอ้ควายไบซันเอ๋ย!!! ไม่รู้จักเวล่ำเวลาเลย พับผ่า!
“กูไม่คุย! กูไม่มีอะไรจะคุยกับมึง ปล่อย!”
เพี๊ยะ!
ตึง!
ฝ่ามือหนาตบลงเข้าที่ใบหน้าเล็กจนหน้าหัน ก่อนที่ร่างบางจะถูกผลักกดเข้ากับเสาระเบียงทางเดินอย่างไม่ออมแรง อเล็กซานเดอร์ใช้ความใหญ่โตกว่าเบียงบังไม่ให้ร่างเล็กหลบหนีหรือหลีกเลี่ยงได้อีก
“เพียงเพราะท่านพ่อท่านแม่แลท่านอาจารย์เอ็นดูเจ้า มิได้หมายความว่าเจ้าจะกระทำการสิ่งใดตามอำเภอใจก็ได้ กิริยาเยี่ยงนี้อย่าริปฏิบัติต่อข้าอีก เข้าใจหรือไม่” อเล็กซานเดอร์บีบแก้มกลมให้หันมาสบตากัน กรอบดวงตาที่ประดับด้วยแพขนตาดกงอนสีดำสนิท รูปคิ้วโค้งมนเป็นระเบียบ จมูกงามเข้ารูป ไม่โด้งแข็งเฉกเช่นบุรุษชายในแดนนี้ ช่างเป็นดวงหน้าที่งดงามน่าหลงใหลไม่เหมือนหรือจักหาหญิงงามนางใดมาเปรียบได้...ช่างน่าเสียดายที่สายตานั้นช่างดุดันแลดื้อดึงยิ่งนัก น่าหงุดหงิดใจ
“ไม่! ทำไมกะ...อุ อือ อื้อออ!”
“ไม่เข้าใจก็ต้องเข้าใจ เพราะนี้เป็นคำสั่ง”
“อะ...ไอ้เห้!!! ปล่อยกู!!!” ด้วยความตกใจผมรีบผลักมันจนหลุด แต่ก็แค่ทำให้มันขยับถอยไปได้แค่ก้าวเดียว จูบแรกของผม อื้อ ไปแล้ว...ไปกับไอ้ควายถึกไบซันตัวนี้....โถ่โว้ยยยยยย ผมรีบเอามือถูปากใหญ่เลยครับถึงจะเจ็บที่โดนตบแต่... อี๊...แหวะ จูบมาได้ขนลุกชิบหาย แต่ก็ทำตามใจไม่ได้นานหรอกครับโดนไอ้ไบซันนี่กระชากแขนทั้งสองข้างเข้าหาตัวมันอีกแล้ว
“ทำไม! จูบของข้ามันน่ารังเกียจนักรึ!”
จุ๊บ
จ๊วบ
อเล็กซานเดอร์ยัดเยียดฉุกจูบริมฝีปากมนอย่างโกธรเคืองที่ร่างบางยังคงไม่ให้เกียรติตนจนริมฝีปากบวมเจ่อปริแตกให้เลือดไหลซิบออกมา พร้อมกับสอดส่ายลิ้นเข้าไปตักตวงความหวานขมที่ผสมรสเลือดเล็กน้อย
 “อย่าดื้อรั้นกับข้า ไม่อย่างนั้นข้าจักทำโทษเจ้าเช่นนี้ไปทั้งวัน...หรือจะมากกว่านั้นข้าก็ไม่เกี่ยงหรอกนะ” อเล็กซานเดอร์ผละออกเล็กน้อยก่อนจะกล่าวคลอเคลียริมฝีปากหวานและเลื่อนไปกระซิบข้างหูพร้อมกับขบเลียเบาๆ จนร่างบางตรงหน้าขาอ่อนระทวยซบอก
“...ปะ...ปล่อยได้รึยัง” พอพิชญณ์ได้สติก็เริ่มพยายามเบี่ยงตัวผละออกจากการกอดกุมของร่างใหญ่ตรงหน้า ไม่อยากยอมรับอะไรทั้งนั้น แต่ในตอนนี้เขากำลังเสียเปรียบทั้งกำลัง...และประสบการณ์...
“หึ...ที่ทำดื้อดึง เพราะชอบให้ข้าทำเจ้าสินะ” ร่างใหญ่ไม่พูดเปล่า เริ่มหมายจะคลอเคลียปากแข็งแสนหวานนี้อีกครั้ง
“มะ...ไม่...ขะ...เข้าใจแล้ว” ร่างเล็กรีบหดคอหนีพร้อมกับเอามือปิดปากอีกฝ่ายอย่างตกใจกลัว
“ดี...งั้นตามข้ามา เราจักได้คุยกัน” ถึงจะเสียดายแต่อเล็กซานเดอร์ก็เลือกที่ปล่อยร่างบางจากบทลงโทษนี้ เพราะตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญจะต้องจัดการกับร่างเล็กตรงหน้าเสียก่อน
.
.
.
ผมต้องจำยอมให้ไอ้อเล็กซานเดอร์คว้าแขนผมให้ตามมันไปทางปีกขวาของปราสาทที่เป็นฝั่งที่พักของมัน ซึ่งมันก็พาผมมาหยุดที่หอนอนของมัน...พามาทำเห้ทำไมตรงนี้ก็ไม่รู้ ที่อยู่ก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ ไอ้นี่ถ้าจะประสาท
“อ่ะ มีอะไรจะคุยก็ว่ามา” ผมเริ่มเปิดประเด็นก่อนเลย ไม่อยากอยู่ลำพังกับมันนานๆ
“...เหตุใดเจ้าถึงไม่แจ้งเรื่องข้ากับโทเนียให้ท่านพ่อท่านแม่ของข้าได้ทราบ”
“เฮ้อ~ ก็ไม่ได้โง่นิตอนนั้น...แล้วจะมาถามอีกทำมะ...โอ้ย! หยุดกระชากแขนกันสักทีได้ไหม!! โว้ย!”
“ก็หัดพูดจาให้มันดีๆหน่อยสิ!!! และหัดฟังให้รู้ความด้วย! ต่อให้ใครจะว่าเยี่ยงไร แต่เจ้าก็แค่คนไร้สกุลที่เข้ามาให้บริเวณราชวังโดยไม่ได้รับอนุญาต! และข้าคือราชทายาที่จะปกครองอาณาจักรแห่งนี้สืบไป เพราะฉะนั้นเมื่อข้าถาม เจ้า . จัก . ต้อง . ตอบ”
ตุบ!
ร่างใหญ่รายความโอ้อวดของตัวเองเสร็จก็ผลักคนตัวเล็กจนล้มกระแทกพื้นปูนแข็งๆอย่างแรงตามนิสัยดิบเถื่อนของตน ซึ่งก็สร้างความเจ็บให้ร่างบางอยู่พอสมควร และการกระทำนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้เหตุการณ์ต่างๆดีขึ้นมาเลยสักนิดเดียว เพราะสาเหตุที่เรียกบุรุษตรงหน้ามาคุยก็เพราะต้องการทราบเหตุผลที่ร่างบางกระทำลงไปก่อนหน้านี้ให้แน่ชัด แต่ด้วยทิฐิของร่างบางและความอารมณ์ของตนทำให้เกิดการปะทะคารมกันอีกครา
“...ก็แล้วอย่างรู้อะไรล่ะ” พิชญณ์ข่มความโกธรเคืองของตนเองเอาไว้ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“เฮ้อ~! ข้าต้องการรู้ว่าเจ้ากล่าวเช่นนั้นไปทำไมและทำไมถึงไม่แจ้งเรื่องข้ากับโทเนียให้ผู้ใหญ่ท่านทราบ” อเล็กซานเดอร์พยายามระงับอารมณ์ร้อนๆของตนด้วยการถอดลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะเข้าประเด็นที่ลากร่างบางมา
“...เฮ้อ~ ก็ตามที่นายได้ยินนั้นแหละ ก็พวกเราไม่ได้รักกัน จะแต่งงานกันทำไมละ ส่วนเรื่องผู้หญิงของนาย เมื่อคืนฉันก็แค่ขู่เธอไปก็เท่านั้น จะได้ไม่ต้องมาหึงหวงฉันกับนายให้มันน่ารำคาญใจ”
“ไร้สาระ...โทเนียกับข้าเป็นเพียงเพื่อนกันการตั้งแต่วัยเยาว์ นางไม่หึงหวงข้าดังเจ้าว่า”
“แหม่มมมมมม...เพื่อนวัยเยาว์เคล้าคลึงเตียงอ่ะนะ ใครเชื่อก็บ้าล่ะ นัวกันซะขนาดนั้น” ผมลุกขึ้นมาได้ก็เบะปากมองบนให้มันไปทีนึง
“หึ! กริยาเยี่ยงนี้ หรือแท้ที่จริงแล้วเจ้าต่างหากที่หึงหวงข้ากับโทเนีย” อเล็กซานเดอร์ยิ้มยั่วขบขันในท่าทางของร่างบาง ก่อนจะเดินวนมาด้านหลังคนงามและรวบกอดกายบางไม่ให้ขัดขืน พร้อมกับกระซิบแลจูบชิมติงหู “ต่อให้ข้าไม่ได้รักเจ้า แต่ข้าก็ไม่ถือสาหากเจ้าอยากให้ข้านั้นโอบกอดเรือนร่างนี้ของเจ้าหรอกหนา...จุ๊บ” ร่างสูงไม่พูดเปล่า กลับโอบกอดรักร่างเล็กไว้แนบแน่ดังที่กระซิบลั่นวาจาพร้อมถูไถช่วงกลางลำตัวให้อีกฝ่ายได้รับรู้
“...ปล่อย” ผมเอ่ยเสียงนิ่ง
“หืม...เจ้าแน่ใจนะ” อเล็กซานเดอร์ยังคงยั่งยุร่างบางไม่หยุดอย่างไม่แยแสสิ่งที่ได้ยิน
“กู . บอก . ให้ . ปล่อย”
“...ไ . ม่ . ...” ร่างสูงเอ่ยเน้นทุ้มต่ำเช่นกัน
ตึก!
โป้ก!
ตึบ!
คนบางแต่กำลังไม่บางเลยจัดการกระทืบเท้าร่างที่กักขังตนให้อยู่ในอ้อมแขนด้วยแรงโมโหเกลียดชังพร้อมโหม่งหัวกระแทกคางก่อนจับอีกฝ่ายทุ่มลงอย่างแรง และผลุดคำผรุสวาทให้ร่างหนาก่อนกึ่งย่ำกึ่งวิ่งออกไป ทิ้งร่างหนาให้นิ่งอึ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่เหลียวแลอีก
.
.
.
ร่างบางย่ำเท้าด้วยความโมโหและหงุดหงิดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผลุดคิดคำแช่งฉังถึงร่างกายตลอดทางจนไม่ทันสังเกตุถึงบุคคลที่กำลังเดินเข้ามาตามเส้นทางที่จะสวนกัน
ปึก!
ร่างบางเดินชนอกแกร่งของใครบางคนอย่างแรง จนเซถลาเกือบได้ก้นขมำอีกคราแต่โชคดีดั่งนิยายที่ได้แขนแกร่งคว้าเอวบางช่วยไว้ไม่ให้เจ็บตัวอีก
“ข้าขออภัยแม่หญิง...เจ้าเจ็บอันใดหรือไม่” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยถาม
“...เออะ...เออ...ไม่เป็นไรครับ....ขอบคุณ เป็นผมเองที่ไม่เดินดูทางให้ดี ขอโทษด้วยนะครับ” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่ายที่ได้ช่วยเหลือไว้
“...งามนัก” ร่างสูงพึมพัม
“หะ!? อะไรนะครับ...เอ่อ คือ อย่างไงก็ช่วยปล่อยผมก่อนด้วยได้ไหมครับ ผมไม่เป็นไรแล้ว”
“...ข้าขออภัยอีกครั้ง...เหตุใดแม่หญิงถึงแทนตนเยี่ยงบุรุษเช่นนั้นละ” แม้จักเสียดายที่ต้องปล่อยร่างบางนวลงามจากอ้อมกอด แต่ก็ไม่วายเลือกที่จะจับมือนุ่มให้ได้นานที่สุด
“ก็เพราะผมเป็นผู้ชายไงละครับ!...เฮ้อ~ โทษที ผมมีธุระ ขอตัวนะครับ” ถึงจะเสียมารยาท แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะมาคุยมาอธิบายหรือสร้างสัมพันธ์ฉันเพื่อนกับใครทั้งนั้นแหละตอนนี้ ยิ่งถูกเข้าใจผิดเรื่องปมที่รูปร่างน่าตาของตัวเองอีก ยิ่งไม่มีอารมณ์จะคุย!
.
.
.
“หนีไปเสียแล้ว...หึหึหึ” ร่างสูงได้แต่พึมพำมองตามแลขบขันในที ก่อนจะหมุนกายเดินมุ่งหน้าไปทางปีกขวาตามประสงค์ที่ตั้งไว้ในทีแรกอีกครา
.
“มาหาข้ามีธุระอะไรโทมัส” อเล็กซานเดอร์เอื้อนเอ่ยถึงแขกที่เข้ามาใหม่
“เหตุใดถึงหงุดหงิดเยี่ยงนั้นเล่าท่านพี่” โทมัสไม่ตอบ กลับย้อนถามอย่างไม่ยีหระของผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายคนละแม่ของตน...
“...เฮ้อ~...อย่ามากวนข้าตอนนี้โทมัส ข้าไม่มีอารมณ์จะสนทนาไร้สาระกับเจ้า” อเล็กซานเดอร์เอ่ยอย่างรำคาญใจพลางลูบคางของตนไปพลาง
“หึหึหึ วันนี้ชั่งประหลาดนั้น” โทมัสยังคงเอ่ยยิ้มๆ อย่างไม่สนใจในท่าทีที่เย็นชาของผู้เป็นพี่
“ประหลาดอย่างไร” อเล็กซานเดอร์หันมาถามอย่างคนเริ่มหมดความอดทน
“ก็สองคราแล้วที่มีคนถอนหายใจให้ข้า...ท่านพี่ คางท่านไปโดนอะไรมารึ แดงเชียว หึหึหึ”
“....”
“หนึ่งก็คือท่าน สองก็คือบุรุษแปลกหน้าผู้มีรูปลักษณ์น่าหลงใหลยิ่งนัก ยิ่งกายบางที่ข้าได้กอดไว้ก็ช่างนุ่มนิ่มลื่นมะ...”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ!”
“หือ!? ข้าบอกว่ามีท่านที่ถอดหายใจละ...”
“ข้าไม่ได้สนใจเรื่องไร้สาระเช่นนั้น หยุดวาจาเฉไฉได้แล้ว!!!! ข้าหมายถึงผู้ใดที่เจ้ากอด!!??” ไฟในอกของอเล็กซานเดอร์เริ่มทวีคูณความรุนแรงอีกครั้ง
“...ท่านพี่มีอะไรหรือ ข้าแค่ได้กอดบุรุษงามที่ข้ายังไม่เคยพบเจอ” โทมัสรู้สึกถึงความผิดแปลกจึงเลิกจี้กวนคนเป็นพี่
ปึก!!!
แพล้ง!!!!!!
แจกันขนาดคนโอบถูกร่างหนาขว้างปาเหมือนผลส้มข้ามหน้าผู้เป็นน้องอย่างมีโทสะเหลือคณา
“ออกไป!!!!!!!!” อเล็กซานเดอร์ตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนจะเดินเลี่ยงหายไปอีกฝั่งระเบียงของหอนอนตน
“เฮ้อ~!!!!!” ร่างสูงถอดหายใจอย่างเอือมระอา ก่อนหันหลังถอยกลับไป
.
.
กับข้าทำเป็นรังเกียจรังงอน พ้นห่างตัวไม่ถึงชั่วยามก็ร่อนเร่ยั่วยวนชายอื่นเสียแล้ว หึ!



*************************************************************************************

หมูปิ้ง: ไม่รักไม่ต้องมาแคร์ไม่ต้องมาห่วงใยฉัน ใช่ไหมเพคะท่านเฮียอเล็กซ์ อุคิอุคิ
อเล็กซ์: ...อาณาจักรข้ามักอย่างหมูทั้งเป็น... *^*
หมูปิ้ง: อู๊ดดดดดด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Oploy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Moonkla

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ตอนที่ ๗
เพื่อนกัน ปรับตัว


ผมเดินหัวฟัดหัวเวี่ยงกลับมาที่หอนอนตัวเอง ทั้งโกธรทั้งโมโหทั้งอับอายปนกันไปหมด ผมได้แต่ตัดพ้อกับตัวเองว่าอะไรทำให้ตัวเองต้องมาประสบพบเจอกับอะไรแบบนี้ด้วย!!! เจออุบัติเหตุมา...จะตายหรือก็ไม่ แต่ที่เป็นอยู่ก็ยุ่งเหยิงเกินกว่าจะอธิบายอะไรให้ใครเข้าใจได้ หัวเดียวกระเทียมลีบมันเป็นอย่างนี้สินะ...เฮ้อ~

“ขออภัยเพคะท่านพิชท์” คุณป้าเวลล่าเดินเข้าหยุดตรงหน้าหอนอนพร้อมกับเด็กหนุ่มร่างเล็กคนหนึ่ง ดูยังเด็กอยู่เลยแฮะ...
“ครับคุณป้า มีอะไรรึเปล่าครับ” ผมถามพร้อมมองไปที่เด็กหนุ่มที่มาด้วยอย่างสงสัย
“อะแฮ่ม...หม่อมฉันได้จัดหาเด็กรับใช้คนนี้มาดูแล้วพระองค์เพคะ ด้วยเห็นว่าพระองค์ดูไม่สบายพระทัยยามสาวใช้พลัดผ้าให้พระองค์ หม่อมฉันขออภัยหากทำการณ์เกินควร...”
“ไม่เลยครับอย่างคิดมาก ขอบคุณคุณป้าที่จัดการให้นะครับ ว่าแต่เราชื่ออะไรเหรอ ดูเด็กมากเลย” ผมเอ่ยขอบคุณคุณป้าในความหวังดีและสอดส่องความเป็นไปของผม (ถึงจะเข้มงวดไปหน่อยก็เถอะ...แต่พอจะเข้าใจได้แหละนะ) ก่อนจะเบนสายตาไปหาเด็กหนุ่มตรงหน้า
“..กะ กะ กระผมชะ ชื่อ เกลล์ขอรับ” เด็กหนุ่มคุมเข่าข้างหนึ่งพร้อมก้มหน้าทำความเคารพอย่างรู้งาน
“เด็กรับใช้คนนี้เป็นเด็กที่หลงมากับพวกคนค้าของแล้วลืมทิ้งไว้ที่ป้อมกำแพงเมืองน่ะเพคะ ศัพย์ภาษาเป็นจะผิดแผกไปจากชาวเรา เข้ามาเป็นข้ารับใช้ได้รวมปีแล้วน่ะเพคะ หม่อมฉันเห็นหน่วยก้านดีแลทำงานได้ดีไม่น้อย เสียแต่ซื่อไปหน่อน หม่อนหวังว่าพระองค์จะไม่ถือสา”
“หึหึหึ น่ารักดีครับ ผมไม่ถือเลย...ว่าแต่เกลล์อายุเท่าไรครับ”
“ระ ระ เรียก ชะ ขื่อ กระทำผมเลยเหรอขะ ขอรับ...” เกลล์ทำหน้าตื่นๆ เพราะตั้งแต่โดนทิ้งและได้โชคดีมาทำงานในวังหลวง แต่เขาก็ไม่เคยได้เข้ารับใช้เจ้าขุนมูลนายเลยสักคน...ติดจะดีใจเสียอีก เพราะได้ฟังได้ยินที่สาวรับใช้คนอื่นแอบบ่นปนท้อถึงขุนนางที่แสนเอาแต่ใจและชอบทำโทษข้ารับใช้หากทำอะไรผิดพลาด แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม พอถูกท่านเวลล่าเรียกตัว ก็ทำเอาเขากลัวแทบจะร้องไห้ (ถ้าทำอะไรผิดขึ้นมา โดนทำโทษแน่ๆเลย แงๆ) แต่ก็ทำได้แค่พยักหน้ารับเท่านั้น

“ฮ่าๆๆ ก็เราชื่อ เกลล์ นิครับ พี่เรียกชื่อเราก็ถูกแล้วนิ หรืออยากจะให้พี่ว่าซาลาเปาดีละครับ ฮึ?” ผมเข้าไปหาพร้อมกับจับเขายื่นขึ้นมองหน้า ก่อนจะเอามือสองข้างจับบีบแก้มนุ่มให้ยู้ยเข้าหากัน ก๊าก ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ โครตน่ารักเลย เกลล์สตั้นอึ้งไปเลยครับ ฮ่าๆๆๆ
“อะแฮ่ม...หากมิมีอะไรแล้ว หม่อมฉันขอตัวเพคะ ส่วนเจ้า...เกลล์....จงดูแลปรนิบัติท่านพิชท์ให้ดี อย่าได้ทำการอันมิสมควรอันใด เข้าใจหรือไหม”
“ขอรับท่านแม่ใหญ่...เอ้ย! ท่านเวลล่า”
คุณป้ามองเกลล์อย่างตำหนิก่อนจะย่อคำนับผมแล้วเดินออกไป ทำให้ตอนนี้ในหอนอนมีผม เกลล์ และทหารที่ประจำรักขารอบหอนอนจำนวนหนึ่ง ซึ่งก็ทำให้เกลล์ดูเกรงหนักกว่าเดิม...น่าเอ็นดูชะมัด หึหึ
.

.

“ตกลงเกลล์อายุเท่าไรละ ตอบพี่ได้รึยัง” ผมเริ่มเปิดบทสนทนาก่อนที่น้องจะขาดใจตายเสียก่อน เหอะๆ
“ขอประทานอภัยพะยะคะ กระ กระผมอะ อายุได้ 18 ปีแล้วพะยะคะ”
“โห้! บรรลุฯแล้วเหรอเนี๊ยะ! เราหน้าเด็กมากๆเลยนะ พี่นึกว่าสัก 14 – 15 เสียอีก น่ารักจัง” ผมชมเกลล์พร้อมกับถือวิสาสะเอามือไปลูบผมหยิกลอนสีน้ำตาลอ่อนนั้น
“บะ บะ บรร ลุ ? น่ารักหรือพะยะคะ?”
“ฮ่าๆๆๆ เรานี่น่ารักจริงๆเลยน้า มานั่งคุยกันตรงนี้ดีกว่ามะ” ผมจับมือน้องมาที่นั่งบริเวณระเบียงด้วยกัน แต่น้องขื่นตัวไม่นั่งซะงั้น
“ท่านพิชท์พะยะคะ กระผม..ไม่คิดอาจเอือมไปนั่งเทียบกับท่านได้พะยะคะ และถ้าหากใครมาเห็นเข้าจะไม่ดีนะพะยะคะ”
“เฮ้อ~ นั่งไปเถอะน่า อย่าคิดมากเลย เพราะพี่อนุญาตเราเอง ไม่ได้กลัวใครหรอก นะๆ นั่งคุยกันกับพี่ตรงนี้เถอะ”
“...หากพระองค์ประทรงเช่นนั้น กระผมก็ไม่ขัดขื่นพะยะคะ”

.

“นี่...พอเถอะ” ผมเอ่ยเสียงนิ่ง
“พะ! พะยะคะ! กระผมมิควรกล่าวเยี่ยงนั้น” แย่แล้ว แย่จริงๆแล้วเกลล์เอ้ย เผลอไปพูดไม่ถูกพระทัยแน่ๆเลย แงๆๆ โดนทำโทษแน่เลย!!
“อ้อ ก็รู้ตัวนิ” ผมเอ่ยเสียงนิ่งอีกและมองท่าทางที่เกลล์รีบลุกจากที่นั่งอย่างลุกลี้ลุกลนอย่างอดกลั้น...
“...กะ กะ กะ กะ กะ กะ กระผมขออภัยพะยะคะ...โป๊ก!!! โอ้ยยยยย!!!!!!!”
“อ้าว! เฮ้ย!!! เกลล์เป็นอะไรไหม เจ็บตรงไหนรึเปล่า” ผมรีบลุกไปดูเกลล์ที่กุมหน้าผากที่โขกกับขอบโต๊ะไม้หนาอย่างแรงตอนลนลานขอโทษผม...รู้สึกผิดเลยแฮะ

“ไหนพี่ดูหน้าผากสิ เลือดออกรึเปล่า...อืมแดงๆอยู่นะ มะลุกมานั่งที่เก้าอี้ดีๆเหมือนเดิมเร็ว” ผมจับยัดเกลล์กลับไปนั่งที่เก้าอี้เหมือนเดิม แต่น้องขืนตัวจะไม่นั่งอีก แต่ผมก็มองดุๆ แล้วจับให้นั่งนิ่งๆ ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าสะอาดที่พี่สาวรับใช้วางไปให้ในห้องมาซับน้ำหมาดๆ แล้วเดินกลับมาประคบหน้าผากให้เกลล์ และก็ตามคาด เกลล์ขืนตกใจแต่ผมฉุดแขนให้นั่งนิ่งๆเหมือนเดิม
“ที่นี้ไม่รู้มีน้ำแข็งไหม แต่เพราะน้ำในอ่างล้างหน้ามันน่าจะเย็นมาจากอากาศอยู่พอสมควร ก็ใช้แบบนี้ประคบไปก่อนแล้วกันเนอะ...ยังเจ็บอยู่รึเปล่าครับ” ผมพูดๆไป มือก็วนประกบหน้าผากให้น้องไปอย่างเบามือที่สุด
“...เอ่อ...มะ ไม่ ไม่เคยเจ็บแล้วพะยะคะ” เกลล์อึ้ง ตกใจ และประทับมากๆกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่คิดเลยว่าเด็กรับใช้อย่างเขาจะได้รับการดูแลจากเจ้าขุนมูลนายขนาดนี้ แถมยังเป็นถึงผู้ที่เป็นคู่บารมีขององค์ราชทายาทอีกด้วย รู้สึกเกรงและกลัวในครั้งแรกๆเริ่มลดน้อยลงทันที
“พี่ขอโทษนะ”
“ทะ ทะ ท่านพิชท์ขะ ขอโทษกระผมด้วยเหตุอันใดหรือพะยะคะ!!! กระผมต่างหากที่ซุ้มซามและทำให้พระองค์ต้องมาดูแลกระผมแทน กระผมทั้งทราบซึ่งและละอายใจยิ่งนักพะยะคะ”
“เอ่อ...เราไม่ได้ผิดหรอก เชื่อพี่....พี่แค่...แกล้งเราน่ะ แหะๆ... เพระเรามั่วแต่เกรงและนอบน้อมพี่ซะขนาดนั้นน่ะ เลยแกล้งอยากให้เราหยุดเกรงกับพี่น่ะ แต่ไม่คิดเลยว่าเราจะกลัวพี่ขนาดนั้น ขอโทษทีนะ”
“อ้ออออ อย่างนี้นี่เอง ท่านพิชท์สามารถสั่งกระผมได้นิขอรับหากไม่ถูกใจสิ่งใด”
“เฮ้อ~ ก็เพราะไม่ได้อยากจะสั่งเราไง” ผมละหมั่นเขี้ยวเจ้าเด็กตรงหน้านี่จริงๆ เข้าใจป้าเวลล่าล่ะว่าเกลล์ซื่อแค่ไหน
“เอ๋~ แต่หากไม่รับสั่ง แล้วกระผมควรทำเช่นไรหรือพะยะคะ”...เอากับเด็กมันสิครับ ^_^”
“เอาเป็นว่าพี่ ขอ ให้เราไม่ต้องเกรงกับพี่ เคารพทพี่อย่างพี่ชายคนหนึ่งน่ะครับ แล้วก็ไม่ต้องเรียกพี่ว่าท่านนะ พี่ไม่ชอบเลย มันดูแก่มากๆ เข้าใจไหม”
“เข้าใจพะยะคะ พระองค์ไม่ได้ดูแก่เลยด้วยซ้ำ พระองค์ดูอ่อนเยาว์ สง่า และงดงามกว่าหญิงนางใดเลยขอรับ ^__________^”
“^-^” เหอะๆ...ขอรับคำชมสองอย่างแรกแล้วกันเนอะ.... ตกลงเกลล์เป็นน้องพี่แล้วนะครับ”
“พะยะคะ...ทะ ท่านพี่พิชณฯ ^_^”
“โว้ว! เราเรียกชื่อพี่ถูกด้วย!!! คนแรกของที่นี้เลยนะเนี๊ยะที่เรียกออกเสียงถูกแบบนี้เนี๊ยะ!”
“แหะๆ ขอบพระทัยพะยะคะท่านพี่พิชณน์”
“^_^ เกลล์ อย่าหาว่าพี่จู้จี้เลยนะ แต่ช่วยเรียกพี่พิชณน์เฉยๆได้ไหมครับ คำว่าท่าน มันดูไม่เข้ากับพี่เองอ่ะ”
“พะยะคะพี่พิชณน์ ^____^”
เด็กว่านอนสอนง่ายอย่างนี้ พี่อย่างผมก็เบาใจไปโขเลยครับ ฮ่าๆๆๆ เย้ๆๆๆ มีเพื่อนแหละ


40%
หมูปิ้งขอโทษน้าาาา หายไปเป็นเดือนเลย TT^TT
หมูปิ้งอยากกลับมาอัพหลายครั้งแล้วค่ะ แต่เวลาและงานไม่อำนวยจริงๆ
คุณโค-ก็-วิด แว๊บไปแว๊บมาจนขนมที่ขายฝืดไปเลยค่ะ เลยต้องเอาเวลาไปทำขนมขายก่อน
ไม่งั้นหมูปิ้งได้ปิ้งตัวเองกินแน่เลยค่ะ

วันนี้ฮึบๆขึ้นมาได้ ก็รีบกลับมาเขียนนิยายและแชร์ให้ทุกคนส่วนหนึ่งไปก่อนนะคะ
เดี๋ยววันอาทิตย์จะถวายกายและเวลามาแต่เหลือพร้อมอัพอีกบทด้วยเลยค่ะ "จะพยายาม" นะคะ
(วันเสาร์ หมูปิ้งต้องออเซาะคนรัก ไม่ว่างนะคะ  :o8:)
สู้ๆนะคะ ทุกคน ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ


ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ JanTi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Moonkla

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
60%


หลังจากที่พูดคุยกันอยู่พักใหญ่ เกลล์เลยชวนผมออกมาหน้าวังเพื่อเที่ยวเล่แล้วนในตลาด เพราะน้องเห็นว่าผมน่าจะเบื่อแหละมั่งนะ ฮ่าๆๆ
ซึ่งมันก็ดีแหละ ไหนๆระหว่างหาทางกลับบ้านแล้วผมว่าปรับตัวให้เข้ากับที่นี้ก็น่าสนุกดีเหมือนกัน เผื่อมีอะไรจะได้หาทางหนีทีไล่ได้ แต่ก่อนจะไปผมขอให้เกลล์ช่วยหาเสื้อผ้าที่ทะมัดทะแมงกว่านี้หน่อย คือตอนป้าเวลล่าดูแบผมก็พูดอะไรไม่ได้มากไง (เพราะป้าแกไม่ฟัง เฮ้อ~) แต่สิ่งที่เกลล์ให้คือผ้าคุมหัวเท่านั้น…ง่ายๆคือเกลล์ก็กลัวป้าเวลล่าดุเหมือนกัน TT^TT

.

เศร้าเซ็งใจได้ไม่นานผมก็กลับมาดี๊ด๊าอีกครั้ง บรรยายในตลาดก็ครึกครื้นดีน่ะครับอารมณ์แบบฉากตลาดในการ์ตูนเรื่องที่มียักษ์ออกมาจากในถ้วยเลยที่ผมกับเจ้ชอบดูกันตอนเด็กๆเลยฮ่าๆๆๆ …เฮ้อคิดถึงแหะ ผมได้แต่สายหัวไล่ความรู้สึกนี้ออกไป

“พี่พิชณน์อยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือไม่ขอรับ” เกลล์เดินมาถามผม
“อืมมมม…พี่อยากดูพวกกับข้าวอ่ะ อยากลองทานกับจ้าวฝีมือพี่ป่ะ”
“จริงรึขอรับ กระผมอยากทานขอรับ” เกลล์เอ่ยอย่างตื่นเต้น พร้อมกับผายมือให้ผมเดินไปทิศทางของฝั่งพวกกับข้าว
ผมว่าจะทำอะไรง่ายๆทาน อยู่เป็นเจ้าคนนายจอมปลอมมาสักพักเริ่มเบื่อ ไอ้ผมน่ะไม่ค่อยจะชอบอยู่นิ่งๆอยู่แล้วด้วย อย่างไงก็จะหาอะไรทำให้ได้แหละ
“โอ๊ะ…มีควินัวด้วย เกลล์ช่วยพี่ซื้อหน่อยครับ เขาขายกันอย่างไง”
“พี่พิชณน์จะเอาอาหารไก่ไปทำอะไรหรือขอรับ”
“ฮ่าๆๆๆ อาหารไก่ที่ไหน นี่ของดีราคาแพงเชียวนะ อร่อยแถมดีต่อร่างกายด้วย”
“กระผมไม่ยักกะรู้…งั้นพี่พิชณน์รอผมสักประเดี๋ยวนะขอรับ”
“ได้ๆ อ๊อ พี่เอาไข่ไก่ด้วยนะครับ”
“ไข่ไก่ในวังน่าจะมีอยู่นะขอรับ”

“อืม…ซื้อๆมาดีกว่าครับ พี่ไม่อยากรบกวนใคร”
“…ขอรับ ^_^” เกลล์หันไปจับจ่ายให้ผม ระหว่างนั้นผมก็จะเลือกพวกผักผลไม้เอาไปทานเป็นอาหารว่างด้วยเลย วันนี้ลองทำข้าวไข่เจียวทรงเครื่องดีกว่า อิอิ
“เรียบร้อยแล้วขอรับพี่พิชณน์” เกลล์เดินมาหาพร้อมกับชูของให้ดูอย่างภูมิใจ เฮ้อ~เอ็นดู


“พี่พิชณน์อยากไปดูตรงไหนอีกไหมขอรับ”
“อืม…นึกแปปนะ อ๊อใช่! เรารู้จักหวดไหม พี่อยากได้สานหวดน่ะ…และผ้าขาวบางด้วย”
“เอ่อ~ หะ…หวด..หรือขอรับ” เกลล์ทำหน้าสับสนงงงวย ตั้งแต่ตนถูกทิ้งให้และได้มาอยู่ที่เมืองนี้ ก็มีแต่คนล้อเรื่องคำพูดคำจาของตนตลอด จะมีก็แต่แม่ใหญ่ที่ท่านเมตตาชุบเลี้ยงให้ที่อยู่อาศัยให้การให้งานทำในวังที่น้อยคนหนักจะได้มีวาสนาได้เข้ามา แต่พร้อมได้มาเจอนายคนใหม่ตรงหน้า ความรู้สึกที่ว่าศัพย์ภาษาของตนนั้นแปลกประหลาดแต่ก็คนไม่เท่าพี่พิชณน์นายของตนแม้แต่น้อย….กระผมรู้สึกดีในความเบาปัญญาของตนนัก ˆ_ˆ”
“หึหึ เอางี้ พาพี่ไปร้านที่ขายพวกของใช้จักสานได้ไหม” เกลล์ยังทำหน้างงๆ แต่ก็พยักหน้าก่อนผายมือให้ไปทิศทางอีกจุดหนึ่งของตลาด
.
.
ตึก!

ตุบ!

“โอ้ย!” ด้วยคนพลุกพล่าน ผมเผลอเรอ หรือคนตรงหน้าจงใจมายืนขวาง แต่ตัวของผมก็ล้มก้นกระแทกพื้นดินลงไปแล้ว
“พี่พิชณน์! พี่พิชณน์เป็นอะไรไหมขอรับ!” เกลล์ตกใจรีบเข้ามาช่วยพยุงผมขึ้น

“โอ๊ะ! คนงามเหตุใดถึงได้มาทำร้ายพี่อย่างนี้เล่า” กลุ่มผู้ชายร่างยักษ์ลงพุง หน้าตาเหมือนเสี่ยพอมีจะเงิน วางมาดกร่างๆ เอามือลูบอกบริเวณที่ผมหันไปชนคล้ายว่าเจ็บมาก แต่ตาที่มองผมนี่โครตจะหื่นกามเลยครับ…ยี๋
“…ขอโทษที เกลล์พวกเราไปกันเถอะ” ผมมองและตอบกลับไปนิ่งๆ …ผมไม่อยากจะมีอ่ะเอาจริงๆ รำคาญ
“เดี๋ยวก่อนสิคนสวย~ เจ้าชนข้า…แค่ขอโทษสำหรับข้าคงจะไม่พอหรอกหนา หึหึหึ” ไอ้ลุงเสี่ยคว้าข้อมือผมไว้ พร้อมกับเดินยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ  บอกตามตรงกลิ่นปากไอ้ลุงเสี่ยแรงมากครรับผม @_@
“นี่! ท่าน! ก็ท่านเป็นคนจงใจมายืนขวางพวกข้าเองนิขอรับ! จะมะ…”
.
เพี๊ยะ!!
.
“เป็นแค่ไพร่! อย่ามาเสือกเรื่องของนาย!!!” ไอ้เสี่ยมันหันไปหลังมือตบเกลล์ ไอ้สัตว์คางคก มรึงวอนนนนน

ฉึบ!!

“โอ๊ยยยยยยยยยยย! มือข้า! มือของข้า!!” ก่อนที่ผมจะได้ทำอะไร น้ำคาวสีแดงก็สาดเลอะกระเด็นมาโดนตัวผมและใบหน้าผมส่วนหนึ่ง

พอได้สติก็เห็นว่าข้อมือที่ไอ้เสี่ยคว้าจับผมไว้ถูกของมีคมตัดออก เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ไอ้เสี่ยยืนล้มพับครวนครางไปกองกับพื้นทันที และพอผมหันไปทิศทางของเหตุก็ไปเจอกับผู้ชายใส่ชุดทหารกรีกกำลังเก็บดาบเข้าฝักอยู่…โหดสัสปลัดขิก

“แม่หญิง เจ้าเป็นอันใดหรือไหม”
“เอ่อ…ไม่เป็นไร ขอบคุณนะ…แต่เอ่อ…” ผมไม่รู้จะพูดอย่างไง คุณช่วยให้ความสนใจในผลงานที่นอนดิ้นอยู่หน่อยได้ไหมครับเนี๊ยะ

“ข้ามีนามว่าคลอส มีจากเมืองข้างๆนี้…แม่นางเป็นลูกสาวบ้านใดหรือ ข้าจักพาไปส่ง” นายคลอสเอ่ยถามผมอย่างไม่ยี่หระกับคนที่ตนเพิ่งจะฟันตัดข้อมือไปเลย
“…ผมว่าคุณควรทำอะไรสักอย่างกับลุงเขาหน่อยนะ…แบบเดี๋ยวจะตายเอาน่ะ…” คลอสเล่ตามองเพียงนิด ก่อนจะยกสองนิ้วกระดิกเรียกนายทหารอีกนับสิบ มาจากไหนเยอะแยะว่ะ และคุมตัวกลุ่มคนของไอ้ลุงเสี่ยและพยุงลากตัวแกออกไปจากฉาก…..หนีเสือปะจระเข้ไหมว่ะกรู ให้อารมณ์อย่างกับมาเฟีย
แต่น่าแปลกที่ชาวบ้านในตลาดกลับไม่กลัวกลุ่มทหารพวกนี้เลยแหะ ออกจะชื่นชมก่อนจะพากันไปเดินจับจ่ายซื้อของกันต่อราวกัลไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“…ด้วยความเคารพขอรับท่านคลอส ท่านผู้นี้มีนามว่าท่านพิชณน์ เป็นว่าที่คู่หมั้นขององค์ราชทายาทขอรับ” เกลล์กล่าวคำนับและแนะนำตัวให้ผม
“เป็นเช่นนั้นหรอกรึ…ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันขออภัยที่ทำการอุกอาจจนทำให้ร่างกายแลผ้าแพรงามนี้แปดเปื้อน” นายคลอสยื่นมือมาจับมือผมพร้อมกับก้มลงไปจูบอย่างนอบน้อม…แต่ผมขนลุก กรูเป็นผู้ชายโว้ยยยย ลุ่มล่ามกับกรูจังไอ้พวกนี้

“อ่ะ…เอ่อ ไม่เป็นไร ที่คุณช่วยไว้ ก็ถือซะว่าหายกันเนอะ…เกลล์ พวกเราไปกันเถอะ” ผมดึงมือออกอย่างถือตัว จะหญิงหรือชายทำตัวลุ่มล่ามเสียกันมันก็ไม่ใช่เรื่องป่ะ
“ดะ…เดี๋ยวก่อนสิพะยะค่ะ อย่างไรเสียขอหม่อนฉันเดินไปส่ง…หรือท่านหญิงอยากจะหาผ้าแพรไหมเปลี่ยนก่อนแลเดินเล่นอีกสักครู่ หม่อมฉันก็จักอาสาดูแลจนกว่าจะกลับวังพะยะค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนที่วังเองดีกว่า เลอะนิดหน่อยเอง ไปล่ะ” ผมรีบคว้ามือเกลล์เดินออกไป แต่ไม่วายคลอสกับทหารอีก 3-4 นายก็เดินตามอยู่ไม่ห่างมาก…เฮ้อ~

“ท่านหญิงกำลังมองหาสิ่งใดอยู่หรือ ให้ข้าช่วยหาอีกแรงได้หรือไม่”
“สานหวด” ผมตอบสั้นๆ ติดเสียงรำคาญ
“…”
“0_0”ผมมองเขากลับหน้านิ่งๆ งง งงล่ะสิ เหอะๆ วอแวไม่เลิก  เอ๋อแดกเลยสิ ว๊ะฮ่าๆๆ
“ท่านพิชณน์ขอรับ กระผมว่าวันนี้เรากลับกันก่อนดีกว่านะขอรับ ไว้เรามาเดินใหม่ครั้งหน้า”
“ก็ดีเหมือนกันเกลล์” แล้วพวกผมก็เดินกลับวังแบบไม่สนใจพวกคลอสเลย ใจจริงอยากซื้อของให้เสร็จก่อน แต่กลิ่นคาวเลือดที่กระเด็นใส่หน้านิดหน่อยกับบนชุดมันก็ทำเอาตะขิดตะขวงใจอยู่เหมือนกัน วันนี้ลองทำควินัวแบบผัดน้ำแทนดูก่อนแล้วกัน เผื่อได้ เหอะๆ
.
.
.

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Moonkla

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
.
.
.
หมูปิ้งกลับมาแว้ววววววววววววววว

เดี๋ยวพรุ่งนี้มาอัพตอนที่ ๘ นะคะ

แหะๆ
 :hao7:

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1006
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ Moonkla

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ตอนที่ ๘ อย่าหาเรื่องได้ป่ะ



พอกลับมาถึงหอนอนเกลล์ก็จัดการตระเตรียมน้ำให้ผมอาบและชุดสำหรับเปลี่ยน…ซึ่งก็ยังคงเป็นแนวเดรสระบายๆอยู่ดี เอาจริงวันนี้วุ่นวายเกินกว่าจะต่อรองหรือร้องขอให้ชุดอื่นที่ดูเป็นผู้ชายมากกว่านี้ให้หน่อย…เหนื่อย

.

พอแต่งตัวอะไรเสร็จก็ขอให้เกลล์พาไปห้องครัว แต่พอไปถึงมันใหญ่เกินกว่าจะเป็นครัวได้ ต้องเรียกว่าโค-ตะ-ระ มโหฬารห้องครัวเลยดีกว่า มีคนครัวมากกว่า 30 – 40 คนเห็นจะได้ ซึ่งเกลล์ก็รู้สึกไวรีบอธิบายว่าที่นี้จัดโถงครัวไว้รับรองราชวงศ์และแขกขุนนางที่แวะเวียนมาทำกิจเจรจาการค้าหรือถวายของบรรณาการแก่เมืองโกล์ดดอลของเรา จึงจำเป็นต้องมีพื้นที่ในการทำอาหารที่หลากหลายให้สมเกียรติของเมืองที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา

“อ้อออออ แล้วเวลาทำอาหารที ทำเยอะเลยเหรอ” ผมถามอย่างอึนๆ

“ขอรับพี่พิชญณ์ ทำแต่ละครั้งก็ประมาณ 10 ถึง 15 อย่างต่อมื้อ สำหรับเหล่าราชวงศ์ทุกพระองค์ และประมาณ 50 ถึง 60 อย่างเวลามีการจัดงานเลี้ยงขอรับ” เกลล์อธิบายยิ้มๆ

“ห๊ะ! เดี๋ยวนะ…ราชวงศ์ของเมืองนี้มีกี่พระองค์กันเหรอ”

“รวมพี่พิชญณ์ด้วยตอนนี้ก็ 5 พระองค์ขอรับ ^__^”

“ห๊าาาาาาาาาา!!!!! มีกันอยู่ 5 คน แต่ทำกับข้าวแต่ละมื้ออย่างกับตั้งโต๊ะจีนอ่ะน๊าาาาา! สิ้นเปลืองชิบหาย!!” ผมอุทานอย่างตกใจ เอาจริงผมก็ยังไม่ได้ไปร่วมโต๊ะทานข้าวกับพวกราชวงศ์ด้วยหรอกนะ แต่อยู่นี่มาสักพักกับข้าวก็เยอะจริงๆนั้นแหละ ขนาดเอามาให้ผมคนเดียวผมยังนึกว่าจะแบ่งทานกับสาวๆกับทหารที่หอนอนได้ทานด้วยกันด้วยซ้ำ
“…ตะ ตะ ตั้ง…โต๊ะจีน!?” เกลล์เอ่ยและมองผมอย่างงงสุดๆ

“เฮ้อ~ ช่างเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้พาพี่ไปตรงที่ทำกับข้าวหน่อยสิ” ผมบอกแบบปัดๆ

.

“พระชายาต้องการให้พวกกระหม่อมรับใช้สิ่งใดหรือไม่พะยะค่ะ” หนึ่งในพ่อครัวเดินมาหาพวกเราก่อนนะโค้งคำนับให้ผม
“อ่า…สวัสดีผมอยากทำอาหารทานน่ะ ขอยืมเครื่องครัวหน่อยนะ” ผมปรี้เข้าไปสำรวจอุปกรณ์ก่อนที่พ่อครัวคนนั้นจะได้ถ้วงอะไร…เรื่องอะไรจะรอให้ห้ามล่ะ…อยู่เป็นคุณชายไม่เป็นหรอกนะผมน่ะ เหอะๆ
เกลล์ดึงพ่อครัวไปอธิบายอะไรก็ไม่รู้ แต่เดาๆเอาว่าคงจะช่วยกล่อมพ่อครัวไม่ให้ห้ามผมนั้นแหละ เยี่ยมมากเจ้าซาลาเปาน้อยของพี่ อิอิ

.

“เอาล่ะคิดวิธีทำกับข้าวได้บ้างล่ะ…เกลล์เอาคิวนัลกับไข่มาให้พี่ทีครับ อ๊อ! พี่วานหาเนื้อหมูชิ้นไม่ต้องใหญ่มากนะและเมล็ดงาด้วยนะ” ดีนะที่ของใช้หลายๆอย่างก็ยังเป็นดินเผาอยู่บ้าง มันก็คือๆกับของบ้านเราในสมัยพ่อขุนล่ะว่ะ ลูกเสือ รด ก็เรียนมา อย่างไงวันนี้ผมต้องได้กินไข่เจียวหมูสับบบบบบบ
เริ่มจากตั้งเตาถ่าน…แค่เริ่มก็รู้สึกว่าคิวนัลจะต้องหอมมากแน่ๆ พอตั้งเตาได้ทีก็ทำการคั่วงาขาวให้ความมันของงาเคลือบหม้อดินสักพักก็ตักงาออก ตามด้วยคิวนัลที่ล้างน้ำแล้วเทใส่ลงไปพร้อมน้ำครึ่งแก้วปิดฝารอสุก ชอบกินคิวนัลนิ่มๆก็จัดไปคร๊าบบบ ระหว่างนี้ก็มาหั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นเล็กก่อนจะสับให้เละ…ใช่ครับ ผมนึกถึงหน้าไอ้ไบซันนั้นระหว่างโครกสับอย่างเอาตาย…ไม่เอาเป็นหรอกสำหรับไอ้หมอนั้นน่ะ หึแม่ง!
สับ สับ ปึก ปึก ปึก สับ สับ สับ
“เอาล่ะ เกลล์หยิบน้ำมันมะกอกให้พี่ทีครับ…ไหนๆขอดมหน่อย โห้หหหหหน้ำมะกอกนี้กลิ่นเข้มข้นมากเลยนะเน๊ยะ” ผมได้น้ำมันมาก็พึมพำพูดเองเออเองอย่างสนุกในโลกของผม…

“นี่มันเรื่องอัปยศอะไรกัน” …เสียงโหดตะโครกมาแต่ไกล
“…เฮ้อ~ อะไรกันอีกวะแม่ง” ผมหันมองต้นเหตุของเสียงที่กำลังเดินดุ่มๆ เข้ามา พร้อมกับบ่นพึมพำออกมาเบาๆ
“นี่เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกัน ถึงได้มาอยู่โถงครัวแห่งนี้”

“กูมาส่องดาว”

“ห๊ะ! ส่องดาว! 555555 เจ้าบ้าไปแล้วรึ นี่มันโถงครัวนะ โถงครัว มิใช่ทุ่งหญ้าจะได้ดูดวงดาวได้!” อเล็กซานเดอร์เอ่ยขำอย่างหย่ามเยียด
“5555555 ใช่กูมันบ้า! บ้าที่คิดจะประชดคนโง่อย่างมึงอ่ะ! มึ๊งงงงก็รู้ว่ากูอยู่ในครัว มื๊ออออกูก็ถือกระทะอยู่ ก็อย๊างงงงงงจะถามอีกว่าจะทำอะไร!” ผมหัวเราะเยาะเย้ยกลับ มองมันตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างโจ้งแจ้งเลยครับ เอาให้รู้กันให้ทั่วเลยว่า เกลียดดดดดดดดดดดดดดดดด
“นิ! เจ้า!” ทั้งๆทีคิดจะเข้ามาทำให้ทุกข้ารับใช้รับรู้ถึงอำนาจที่ตนมีต่อว่าที่พระชายาของตนแท้ๆ แต่เจ้าตัวดีกลับหักหน้ากันเสียขนาดนี้ อเล็กซานเดอร์รู้สึกอับอายมากเสียจนอยากจะกระชากร่างเล็กตรงหน้ามากัดปากงามเสียให้ช้ำ……….

.

“อ๊ะ! อย่าเข้ามานะเว้ยยย พ่อจะฟาดด้วยกระทะให้…อ่ะ! นะ นี้!!!”
“หึหึหึ ข้ามิปล่อยให้เจ้าได้โอกาสทำร้ายข้าอีกครั้งหรอกหนา” ในจังหวะที่ผมคิดว่าจะให้กระทะกันท่าอเล็กซานเดอร์ได้ กลับถูกอีกฝ่ายจับบิดข้อมือด้วยความเร็วจนอุปกรณ์ในมือหลุดตกลงพื้นไป ก่อนจะถูกเจ้าตัวโอบกอดรัดจากด้านหลังจนไม่สามารถดิ้นหลุดได้ในรอบนี้ พร้อมกับประโยคกระซิบกระซาบที่ชวนขนลุกนั้นอีก…..อี๊
“อึกหึ” ผมพยายามสลับ แต่ก็ไม่หลุด รอบนี้รัดกูเป็นงูเลยนะ ไอ้ไบซันเหลือม!
“หึหึหึ ไหนๆ ว่าที่พระชายาที่ไหนถึงได้กล่าววาจาร้ายเยี่ยงนี้กับว่าที่พระสวามีได้…ข้ารึก็เป็นห่วงเห็นเจ้าเดินไวๆมาทางนี้” อเล็กซานเดอร์เอ่ยออกมาเนิบนาบเสียงดังฟังชัดให้ทุกคนได้ยิน
“…”
“หึ…หรือพระชายาข้าจักแกล้งวาจาก้าวร้าวเพื่อปิดปังที่คิดจะแสดงฝีมือ แม่บ้านแม่เรือน ให้ข้าได้อุ่นใจก่อนจักอภิเสกหรือไร..หือออ” ร่างสูงใหญ่เอ่ยเน้นอย่างยียวน
“จะ..จะ…จะบ้าเหรอ ใครเขาอยากจะทำอะไรแบบนั้นหะ…อะ…อื้อ…อือ…”

…จ๊วบ

จุ๊บ…

…จ๊วบ

จุ๊บ…

“พี่ขออภัยที่ขัดจังหวะในความตั้งใจของเจ้า พี่จะรอทานอาหารรสฝีมือเจ้าหนา พี่จะไปรอที่หอนอนของเจ้า” อเล็กซานเดอร์เอ่ยอย่างนุ่มนวลและชัดถ่อยชัดคำ โอบประคองดวงหน้าหวานก่อนจะจูบลงหน้าผากมนอย่างอ่อนโยน…..
….อ่อนโยนเหรอ เปล่าเลย มันคือความเสแสร้งและการแสดงชั้นยอดต่างหาก ฮึ๊ยยยยยย ไอ้ไบซันนั้น มันจับผมจูบ จูบบบต่อหน้าทุกคนด้วย ฮ๊าาาาาาากกกกกกกกกกกกกกกกกกก อะ ไอ้ ไอ้หน้าไม่อาย…ผมหันไปมองมันเดินใกล้จะออกจากธรณีประตูโถงครัวอย่างเครียดแค้น แต่แล้วมันก็หยุดเดิน ก่อนจะหันหลังกลับมา
“อ๊อ…..ตั้งแต่นี้ต่อไปว่าที่พระชายาของข้า…ซึ่งพวกเจ้าคงรู้แล้วว่าเขามีความสำคัญกับข้าแลอาณาจักรของเราเพียงใด…..เพราะฉะนั้น กิจอันใดว่าที่พระชายาประสงค์จะทำ แต่หาได้เกี่ยวข้องกับข้า, สำหรับข้า, หรือเพื่อข้า ห้ามทุกผู้ให้ความร่วมมือ, ยินยอย, และปฏิบัติตามเด็ดขาด!”
ทุกคนในบริเวณนั้นต่างพากันอึ้งเงียบทำอะไรไม่ถูกกันไปหมด…ซึ่งก็รวมถึงตัวผมด้วย เห้อะไรกันวะครับเนี๊ยะะะะะ!

.

ผมที่หายจากความอึนมึนงงก็กลับมารวบรวมสติอีกครั้ง ก่อนจะลงมือทำเมนูที่ตั้งใจไว้…..เปล่าครับ ผมไม่ได้คิดที่จะเชื่อฟังที่ไอ้ไบซันมันพูดหรอก แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง! ผมกลับมาเตรียมตั้งกระทะใหม่ ก็แบบทอดไข่เจียวหมูสับพื้นๆแหละครับ คงไม่ต้องอธิบายหรอกเนอะครับ เอือกๆๆ แต่เปลี่ยนจากใช้น้ำปลาก็มาใช้ดอกเกลือแทน โจ๊บบบบบ
พอทำเสร็จก็ตักใส่จาน พักไว้รอให้อุ่นๆ ผมก็กะว่าจะหันไปล้างจาน คนรอบๆข้างรวมถึงเกลล์ก็กลับพากันกุลีกุจอแย่งออกจากมือ พร้อมกับละล่ำละลักบอกว่าเรื่องล้างจานเป็นเรื่องของข้ารับใช้ไม่เกี่ยงกับเจ้านายและโดยเฉพาะไม่เกี่ยวข้องถึงองค์ราชทายาทด้วย…นะจุดๆนี้ผมละมองบนเลยแว๊บหนึ่ง
ผมขี้เกียจจะสาวความรอบนี้เลยได้แต่พยักหน้าเอือมๆไป แต่ก็ไม่วายบอกว่ากับข้าวผมทำไว้เยอะ เลยแบ่งไว้ให้ลองชิม ปรากฎณ์ว่าทุกคนส่ายหัวกันเลิ่กลั่ก ผมเลยบอกว่าให้คิดเสียว่าให้ลองชิมก่อนจะเอาไปให้องค์ราชทายาทของพวกเขาทาน ถึงได้พากันยอมเก็บไปทานกัน

.

ผมเดินกลับมาถึงหอนอนพร้อมเกลล์และสาวใช้อีกคนที่คอยช่วยเกลล์ถือสำรับอาหารเดินตามมาข้างหลัง ก็สังเกตุเห็นไอ้ควายไบซันนั่งสลอนตรงโต๊ะนั่งประจำข้างระเบียบของผมซะแล้ว
“เวลล่าบอกว่าเจ้าชอบนั่งทานนั่งเล่นตรงนี้” อเล็กซานเดอร์เอ่ยอย่างรู้ถึงความคิดของผม เสือกมาฉลาดเอาตอนนี้นะมึง…ชิ
“…” ผมเมินมัน ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามมัน ทำไมนะเหรอครับ ก็เพราะนี่มันห้องผมไง คนที่ควรเกรงใจน่ะคือมัน ไม่ใช่ผม จริงไหมละคร๊าาาาบบบบ ผมหันไปบอกให้สาวๆจัดอาหารตั้งโต๊ะได้ แต่สาวๆก็มีความเลิ่กลั่กไม่น้อย นั้นก็เพราะ…
“ทำไมจัดไว้แค่ที่เดียว…เจ้าไม่ทานรึ” แล้วมันก็คว้าจานข้าวของผมไปตักทาน ทานต่อหน้า ต่อตา ผม เลย ครับ…
“…”
“รสชาติประหลาด ง้ำๆ”
“…”

“ดีที่ไม่มีผักมาก ง้ำๆ”
“…”
“จืดไปหน่อย ง้ำๆ”
“…”
“ทำน้อยไป ง้ำๆ”
“…”
“ง้ำๆ อ่ะ หมดล่ะ มีของหวานไหม ว่าไง”

.

..ผึ่งงงงงงง..เส้นความอดทนของผมขาดลงทันทีเลยครับ

.

“โว้ยยยยยยยยยย ไอ้เวรนี้ มึงจะเอาอย่างไงกับกูห๊ะ!!!” ผมตบโต๊ะโวยวายอย่างหัวเสียสุดขีด….หิวววโว้ยยยย
“หึ แล้วที่เจ้าหักหามหน้าข้ามีหลายครั้งหลายคราเล่า”

“หักหน้า มึงมาหาเรื่องกูก่อนป่ะละ”
“ก็เจ้ามันมิรู้กาลเทศะ วาจาก้าวร้าว ไม่ให้เกียรติข้าต่อหน้าทุกคน!!!!”
“มึงเริ่มก่อนเลยไหม อะไรทำให้มึงคิดว่าคนอื่นเขาต้องให้เกียรติมึง ถ้ามึงไม่มีความเคารพที่จะให้เกียรติน่ะห๊ะ!!!!”
.
ฉะวิ้งงงง
.
“หากเจ้ามิรู้อะไรก็อย่าริขยับริมฝีปากนั้นเสียจะดีกว่า ถ้ายังไม่อยากจะตาย” อเล็กซานเดอร์ชักดาบออกมาจ่อไปที่คอระหงอย่างเยือกเย็น
“…กู ไม่ กลัว ตาย!” ผมตอบมันไปอย่างนิ่งๆเช่นเดียวกัน

.

ฉึบ

.
“ทำไม…”อเล็กซานเดอร์ดึงดาบเก็บเข้าฝัก
“ก็เพราะ…การที่ต้องมีชีวิตอยู่แบบนี้ และมึง…กูยอมตายดีกว่าว่ะ หึหึ” ผมตอบอย่างเย้ยหยัน…ไม่ใช่แค่กับมัน แต่กลับชีวิตของตัวผมเองด้วย
หมับ!
“งั้นข้าจะมอบมันให้กับเจ้า…พวกเจ้าทุกคนจงออกไปเดี๋ยวนี้!!”
.

.
!!!!!!

ออฟไลน์ Moonkla

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ตอนที่ ๙ เก่งให้ถึงที่สุด (NC +20)



“นี่มึงคิดที่จะทำอะไร” ผมเอ่ยถามอย่างระแวง ระหว่างที่ทุกคนต่างพากันออกไปหมดแล้ว เกลล์ที่ตอนแรกดูลังเลแต่พออเล็กซานเดอร์เหล่สายตาไปมอง ก็รีบสาวเท้าตามคนอื่นออกไปเหมือนกัน ข้อมือราวกับคีมหนีบเหล็กนั้นบีบรัดจนผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ตามแรงที่หนักขึ้นทุกจังหวะที่ผมพยายามจะสดับตัวออกจากการจับกุมนั้น

“กลัวอะไรเล่า เจ้าอยากจะตายนักไม่ใช่รึ...หืออ” บุรุษร่างใหญ่คว้าจังหวะนี่ดึงร่างบางเข้ามาโอบรัดอย่างแนบแน่น พร้อมกับประโยคที่สั่นคลอนความกลัวให้เกิดขึ้นกับใจ...
“...ก็ตายมันในอ้อมอกข้านี่แหละ ตายทั้งเป็นน่ะ หึหึหึ”
“!!!”

.

.

.
ไปช่วยสนับสนุนผู้แต่งต่อได้ที่ช่องทางนี้ได้เลยนะขอรับ  :impress2: :ling3:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-06-2022 20:48:59 โดย Moonkla »

ออฟไลน์ Moonkla

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ตอนที่ ๑๐ อัปยศ (NC +18)




ถ้าชอบใจก็มาให้กำลังใจผู้แต่งและอ่านต่อตอนที่ ๑๐ได้ที่ช่องทางนี้ได้เลยนะคะ

:pig4:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-06-2022 20:48:29 โดย Moonkla »

ออฟไลน์ Moonkla

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ตอนที่ ๑๑ ขิงก็รา ข่าก็แรง



“...พี่...พิชญณ์....ไม่เป็นไร...แล้ว...จริงๆหรือขอรับ” เกลล์เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงและแววตาที่คอยสังเกตุอากัปกิริยาของผมไม่หยุด ส่วนผมที่รับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงแต่ก็เลือกที่จะเงียบแล้วเดินไปหยิบกล้วยหอมในชามผลไม้มาปลอกเปลือกทานแทน....

.

.

“ง่ำๆ กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้องสิเกลล์” ผมเอ่ยตอบออกมาในคำสุดท้าย

“หะ...ห๊ะ! พี่พิชญณ์นะไปสู้รบกับผู้ใดหรือขอรับ!” เกลล์ตกใจถาม

“หึ!!”

“....หรือว่ากับองค์ราชทายาท...เหรอขอรับ...โห้หห ไม่ไว้หรอกขอรับ”

“อ้าว!!! ไง๋เราไปเข้าข้างเขาล่ะ” ผมรีบท้วงเสียงดัง

“มะ...ไม่ได้..จะ เข้าข้างหรอกขอรับ เห็นองค์ราชทายาทอารณ์ร้อนและโมโหร้ายอย่างนั้น แต่ข้าได้ยินมาจากเหล่าทหารเคยเอ่ย
ถึงท่านอเล็กซานเดอร์ว่า ในยามสู้รบ เวลาใดก็ตามที่ข้าศึกใช้วิธีสกปรกอย่างเช่นการวางยาลอบฆ่าในศึกสนามรบ ท่านอเล็กซานเดอร์จะไม่แสดงความโกธรเกรี้ยวใดๆเลย....หากกลับเงียบขรึมเสียจนเหล่าทหารที่คิดระแวงกลัวตายจากยาพิษกลับกลัวพระองค์ยิ่งกว่า....เขาเล่าลือในหมู่ทหารว่า ยามที่ท่านอเล็กซานเดอร์เงียบขรึม ศึกใดที่คาดว่าจะยืดเยื้อเพราะวิธีสกปรกจะถูกพระองค์บี้ฆ่าล้างบางให้สิ้นภายใน 3-7 วันเท่านั้น...ขอรับ”

“....เว่อร์น่าาา....”

“จะ จริงๆนะขอรับ...ต่อให้กระผมไม่เคยอยู่ในกองทหาร แต่จริงที่แคว้นเมืองน้อยใหญ่ไม่กล้าต่อต้านเมืองโกล์ดดอนแห่งนี้ ก็ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์นี่ล่ะขอรับ”

“เห๊อะ...นี่เราจะบอกพี่ว่า..ที่ผ่านๆมาไอ้ควายไบซันนั้นไม่เคยคิดจะเอาจริงกับพี่จนกระทั่ง...เมื่อเร็วๆนี้.....งั้นเหรอ”

“....พะ...พี่...พี่พิชญณ์ ได้โปรดระวังคำพูดด้วยขอรับ” เกลล์กุลีกุจอคุกเข้าหมอบกล่าวข้อร้องแกมเตือนผม พอๆกับที่ป้าเวลล่าและสาวรับใช้นำของที่จะให้ผมอาบน้ำเข้ามา ผมเลยพยักหน้าเอออ้อเข้าใจพร้อมกับเดินเข้าไปรับตัวเกลล์ให้ลุกขึ้นยืน ป้าเวลล่าก็ไม่วายเอ่ยถามว่าทำไมเกลล์ถึงต้องไปหมอบกล่าวแบบนี้ ผมที่ขี้เกียจสาวความเลยบอกไปว่าเกลล์แค่แสดงความรักกับผมเท่านั้น...ซึ่งก็จริงแหละ...น้องมันเตือนเพราะเป็นห่วง แต่เอ๊ะ! หรือน้องจะห่วงกลัวตัวเองโดนทำโทษด้วยกันน่ะ....เหอะๆคิดไปนั้น ^___^” อิอิ

.

.

ได้อาบน้ำอาบท่าแล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย ตอนก่อนจะแต่งตัวเกลล์ก็เดินเข้ามาหาผมด้านหลังฉากม่านอาบน้ำพร้อมกับตลับอันหนึ่ง เกลล์บอกว่าเป็นตลับยาสมุนไพรที่น้องมันทำเอง เป็นสูตรของตาน้อง ซึ่งก็เป็นข้อมูลที่น่าสนใจสำหรับผมไม่น้อย เพราะเรื่องสมุนไพรไทยและจีนเป็นอะไรที่ผมค่อนข้างใช้เวลาศึกษาอยู่เรื่อยๆตั้งแต่ตอนที่เข้าเรียนเป็นนิสิตแพทย์ใหม่ๆแล้ว การทำความรู้จักและเข้าใจของบรรพบุรุษของเราเป็นอะไรที่อะเมซิ่งจิงเกิลเบลล์มากๆเลยครับ
แต่แล้วความประทับใจของผมก็ต้องชะงักพอรู้ว่าตลับยานั้นเอาไว้ใช้สำหรับเอาไร

“ไม่เอา” ผมมองตลับยานั้นอย่างหวาดๆ

“ไม่ได้นะขอรับพี่พิชญณ์ พี่จะต้องทายานี้ให้ครบหนึ่งสัปดาห์แผลตรงนั้นจะได้หายไวๆไม่เจ็บไม่คัดอย่างไรเล่าขอรับ” เกลล์รีบแย้งขึ้นมาทันที

“...หึ...ไม่เอาอ่ะ นี่พี่ก็ไม่จะ...เจ็บแล้วไง ไม่ต้องหรอก...นะๆ” ผมปฏิเสทเสียงแข็ง

“ไม่ได้ขอรับ...พี่พิชญณ์จะต้องหายสนิทดีเท่านั้น และที่หายเจ็บก็เพราะแผลนั้นสมานแล้ว แต่ถ้าให้ดีต้องคอยทาอีก 4-5 วัน ผนังด้านในจะได้ไม่บางอีกครับ” เกลล์เอ่ยอย่างหนักแน่นดั่งหุบผา

“ทำไมทุกทีไม่มั่นใจอย่างนี้บ้างน่าาาา” ผมพึมพำอย่างปลงๆระคนเอ็นดู

“...งั้นมาครับพี่พิชญณ์ หันหลังให้กระผมทีนะขอรับ” เกลล์เริ่มขยับเข้ามาหลังเห็นว่าผมเริ่มหยุดต่อต้านแล้ว

“ห๊ะ!! จะบ้าเหรอ!...จะ..มาให้หันลงหันหลังอะไรล่ะ ไม่เอ๊า!!!!” ผมรีบดันเกลล์ออกห่างๆ

“หรือพี่พิชญณ์จะไปนอนลงบนเตียงแล้วเอาผ้าห่มคลุมก่อนก็ได้นะขอรับ...กระผมไม่ถือ” เกลล์เอ่ยยิ้มๆ ซื่อๆ......

“ไม่ถงไม่ถืออะไร๊!! พี่ถือเว้ยยยยย!!! แอ๊ะ!...อย่ามาแตะ! เดี๋ยวปั๊ด!” ผมเริ่มจะง่างมือละครับตอนนี้ มันซื่อจริงหรือคิดจะปีนเกียวผมกันครับ ชักจะอย่างๆละ

“พะ..พี่พิชญณ์ใจเย็นๆก่อนนะขอรับ ใช่ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่กระผมทำให้นะขอรับ...พี่พิชญณ์โปรดวางใจ” ^___^

“...0.0.....”

“^_^”

“....O.O.....”

“^_______^”

“....ห๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา”

.

.

.

หลังจากนั้นก็ชุลมุนชุลเกกันพักใหญ่เลยครับ จนป้าเวลล่าเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ผมถึงใช้โอกาสนี้รีบคว้าตลับยาจากมือเกลล์มาและบอกให้ทุกๆคนออกไปจากตรงนี้ก่อน เพราะผมจะทำเอง เกลล์ทำได้แค่พยักหน้าอย่างยอมๆเพราะกลัวป้าเวลล่าดุ แต่ก็ไม่วายหันมาเน้นย้ำว่าต้องทาให้ถึงข้างในไม่อย่างนั้นจะฉีกขาดอีกได้ง่าย.........แม่ง ไอ้เด็กแก่แดดเอ๊ย........
พอแต่งตัวอะไรเสร็จ ซึ่งชุดที่เอามาให้ผมใส่ก็ยังคงเป็นทรงเดรสยาวระบายๆอยู่ดี...เหอะๆ อนาถแท้ชีวิตกู ป้าเวลล่าก็ให้สาวๆนำเอาอาหารมาจัดว่างให้ผมทาน และผมทานดุมากกกกเพราะความหิว คือแบบทุกอย่างดูอร่อย รสชาติก็อร่อย โดยเฉพาะซุปมะเขือเทศ...คือมันดีร์ หลังจากที่ทานเสร็จอะไรเสร็จก็เลยชวนเกลล์ออกมาเดินย้อยกันเสียหน่อย

“อืมมมมมม....พอกินอิ่ม มีแรง แล้วรู้สึกดีชะมัด” ผมยืดเส้น สูดอากาศเข้าเต็มปอด

“....^___^”

“เอ๊ออ...เกลล์ยังไม่ได้ทานอะไรเลยนิใช่ไหม....ไปทานอะไรก่อนก็ได้นะ”

“ไม่ได้ขอรับ กระผมต้องคอยอยู่รับใช้พี่พิชญณ์นะขอรับ”

“โห่..ดื้อจริงๆเลยนะเราน่ะ” ผมแกล้งทำเสียงขึ้นจมูก

“อิอิขอรับ!!!” เกลล์เอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ ก็ตนตั้งใจจะรับใช้นายคนนี้แล้วนิ แถมท่านยังใจดีไม่ถือตัว กระผมจะอยู่รับใช้และ
จงรักภักดีกับท่านพี่พิชญณ์ไปตลอดชีวิตเลยขอรับ ^___^

“เฮ้อออ...งั้นก็ตามจายยยยย..เอ๊อ งั้นพวกเราไปหาขนมกินในตลาดกันไหม หาอะไรสนุกๆแก้เบื่อทำกัน”

“ได้เหรอขอรับ...ถ้าเยี่ยงนั้นพี่พิชญณ์รอกระผมที่ลานสวนตรงนั้นสักครู่นะขอรับ เดี๋ยวกระผมจะไปเอาผ้าคลุมมาให้ขอรับ” เกลล์ก้มหัวคำนับ ก่อนจะรีบหันหลังไปเอาของมาที่บอก

“หึหึหึ” ผมส่ายหัวยิ้ม น่ารักแหละ...แต่ก็กวน...ตีนนิดๆแหละ เหอะๆ ผมคิดในใจไปเพลินและก็มานั่งชมนกชมไม้รอเกลล์ตรงสวนตามที่น้องบอก

.

.

“..เจ้าตัววิปริต” เสียงพึมพำจากด้านหลังทำให้ผมถอนหายใจก่อนจะหันไปหาต้นเสียงนั้น

“เมื่อกี้ด่าตัวเองเหรอ”

“หน่อยยยยแนะแก ข้าหมายถึงเจ้าต่างหากละ อย่ามาผยองกับข้านะ”  โทเนียเข้ามากระชากต้นแขนผมให้ยืนประชันหน้ากัน อ้าวววกลัวอะไรละคร๊าาาาบบบ ก็มาดิคร๊าบบบบบ ผมก็ยืนแถมเดินไปซะชิดชนิดที่ว่าแทบจะจูบกัน ทำให้โทเนียต้องผลักผมออกห่าง

“ยี๋ อย่าเข้ามาใกล้ข้านะ ขยะแขยงเยี่ยงนัก” โทเนียทำท่ารังเกียจที่ต้องสัมผัสจากการผลักผม...

“แม้...คุณนี่ก็ประสาทจริงๆเลยเนอะ มาแขวะคนอื่นก่อน, มากระชากคนอื่นให้เข้าหาก่อน, แล้วก็ผลักเขากลับ, แล้ววววววก็ย๊างงงงงมาบอกว่าขยะแขยงคนอื่นเขาอีก...คำถามเป็นโรคประสาทย่างเข้าวัยทองเหรอ” ผมทำทีเป็นนับนิ้วยียวนเธอ

“กรี๊ดดดดดดดดดดด เจ้าบ๊าาาาา” โทเนียกระชากผมหมายจะเข้ามาตบ

“นั้นพวกเจ้าทำอะไรกันน่ะ!!!” ชายร่างใหญ่กำยำ 2 คนพากันเดินเข้ามาหาพวกเรา คนหนึ่งคือไอ้ไบซัน -_- อีกคนก็....เอ๋..ใครน่าาาหน้าคุ้นๆ....เอ้ออออไอ้หนุ่มหน้าหม้อที่ชนกับเขาเมื่อครั้งก่อนนี่เอง

“ทะ...ท่าน..อ..อเล็กเพคะ ฮือๆๆๆ เจ้าคนผู้นี้จะทำร้ายหม่อนฉันเพคะ” โทเนียบี้ตัวเข้าไปหาอเล็กซานเดอร์พร้อมกับชี้นิ้วฟ้องมาทางผม

“... -_- เวรของกรรม...แม่งเอ้ยยย...” ผมกรอกตาหันหน้าหนี บ่นพึมพึอย่างรำคาญ

“จะพูดอะไรก็พูดมาตรงๆ อย่าทำทีเบียนหน้าหนี กิริยาทรามนัก”อเล็กซานเดอร์เอ่ยอย่างดุดัน

“เออ!!” ผมเอ่ยรับอย่างรำคาญ พร้อมกับจะหันเดินหนีไป...

หมับ!

“อ่า โอ้ยยยยยเจ็บนะโว้ยยย” ผมสะบัดหน้าหันไปด่าเจ้าตัวปัญหาที่เข้ามาฉุดรั้งผมไว้

“คิดจะหนีหรือไร! หากทำผิดก็จงขอโทษเสีย!”

“ขอโทษบ้าขอโทษบออะไรละ...ความไม่ได้ฟัง อย่าเอามาเดียดได้ไหมล่ะ!”
 
“..นิเจ้า!!...เฮ้อออ....งั้นเจ้าก็จงอธิบายมาสิว่าจริงดังคำกล่าวของโทเนียหรือไม่”

“...ก็ไม่ทำไม...แฟนนายเข้ามาหากูก่อนและกูก็ไม่ได้ทำอะไรเธอเลยด้วยซ้ำ”

“ไม่จริงนะเพคะ เจ้านี่มันพูดปด”

“ปดตามาแหกด้วยไหม...นี๊ อ่ะ...รอยนี่แฟนนายมากระชากเรา...ส่วนอีกข้างก็นายกำลังจับอยู่นี่...จะจับได้รึยัง” ผมแง่นหน้ามองตาไอ้หัวฝอยทอง ก็เพิ่งจะภูมิใจในความขาวจัดของตัวเองก็วันนี้นี่แหละ จับแรงทีเป็นรอยง่ายไปหมด...เหอะๆ
“......”

“......”

“..ถ้ายังไม่เชื่ออีก รอบนี้ก็ไปดูตามร่างกายแฟนนายก็แล้วกัน...ว่ามีร่องรอยที่ถูกกูทำร้ายจริงรึเปล่า” ผมคะยั้นคะยอเอี้ยวหน้าไปที่ผู้หญิงที่ชื่อโทเนีย

“....ทะท่านอเล็กเพคะ”

“....เฮ้ออออ โทเนีย ขอโทษเขาซะ” อเล็กซานเดอร์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

“...ท่านอเล็ก!!!!!!...”โทเนียเผลอกระชากเสียงอย่างขัดใจ”

.

.

“แฮ่กๆ พี่พิชญณ์ขอออรับบบบ แฮ่กๆ รอ นะ...นาน...ไหม..ขอรับ” เกลล์ที่รีบวิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบชะงักหลังจากที่เห็นว่ามีใครอยู่ด้วยนอกจากผม เกลล์เลยโค้งคำนับอย่างกระวีกระวาด

“เหตุใดจึงละเลยให้นายของเจ้าอยู่เพียงลำพัง” ร่างใหญ่เอ่ยถามเสียงแข็ง

“อะ...เอ่อ...คะ..คือ...กะะ” เกลล์กลัวตัวสั่นจนพูดอะไรไม่ออก ผมเลยเดินมาขว้างตรงหน้าน้องแทน

“น้องเขาไม่ผิด...กูบอกให้เกลล์ไปเอาของมาให้ก็เท่านั้น”

“น้อง...เกลล์ นี่ถึงขนาดเรียกชื่อกันเลยรึ!” อเล็กซานเดอร์หันมามองผมกับเกลล์สลับกันไปมาด้วยสายตาขึงขัง

“อ้าว!!! ก็น้องมันมีชื่อ กูก็เรียกชื่อสิว่ะ...โว๊ะ! ป่ะๆเกลล์ไปจากตรงนี้กันเถอะ...วุ่นวายว่ะ”
.
หมับ!!
.

“โอ๊ยยยย!ไอ้เหี้ยยยยยยย! กูไม่ใช่เชือกชักเย่อ!!! มึงจะอะ...อื๊ออออ...อือๆ” ผมพยายามผลักไส้ไอ้ควายไบซันหัวผอยทองให้ออกห้าง แต่แม่งตัวอย่างกับตึก ไม่ขยับสักนิด

“ถ้ายังปากดีไม่เลิก ข้าจะจูบเจ้าไปเรื่อยๆอย่างนี้แหละ....เจ้าคงไม่ลืม...ว่าข้ามีแรงไว้ออก..นานนนแค่ไหน..ใช่ไหม” อเล็กซานเดอร์เลื่อนหน้าคมเข้ามากระซิบข้างหูร่างบาง พอผมรู้ความหมายที่มันจะสื่อก็รีบผลักมันออกห่างและพยายามเว้นระยะให้ไกลมากที่สุด แต่ก็ทำได้ไกลถึงก็แค่ราวแขนของฝ่ายตรงข้ามเพราะอเล็กซานเดอร์มันไม่ยอมปล่อยมือจากต้นแขนของผมเลย

“...กะ..ก็แล้วมีอะไรอีกล่ะ ก็พูดๆมาสิ” ผมอึกอักออกไปง

“....พวกเจ้าทั้งสองจะไปไหนกัน...” ร่างใหญ่เอ่ยขึ้นในที่สุด

“......ปะ..ไปเดินเล่นที่ตลาดกันขอรับ” เกลล์ตอบเกรงๆ หลังจากสังเกตุได้ว่าตนควรเป็นคนตอบข้อสงสัยนี้ของนายใหญ่

“กลับไป” อเล็กซานเดอร์เอ่ยอย่างขึมๆ

“อะไรว..วะ...อะแฮ่ม...กะ..กูไม่กลับ แค่ไปเดินตลาดคงไม่ใช่เรื่องใหญ่แรงปานฆ่าคนตายหรอกม๊างงง” ผมละอยากจะตบปากตัวเองที่พูดมั่นเกรงใจมัน...แต่ไม่ตบหรอก กลัวเจ็บ ฮ่าๆ

“ข้าพูดหรือไรว่าหมายถึงเจ้า...และ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เฉกเช่นการฆ่าผู้บริสุทธิ์ก็จริง...แต่ผิดที่เมียคิดจะไปไหนมาไหนกับบุรุษนอกจากสวามีตน” ร่างใหญ่กล่าวชัดถ้อยชัดคำโดยเฉพาะประโยคสุดท้ายให้บุคคลโดยรอบได้ยินชัดเจน

“ใครเมียมึ๊งงงง!!...อ่ะ! เฮ้ยๆ..ทะ!ทำเหี้ยไรเนี๊ย!..เฮ้ยๆๆปะปล่อยนะโว้ยยย!” ก่อนที่ผมจะได้ประท้วงแก้ข้อกล่าวหาของมัน ผมก็ถูกมันจับยกพาดบ่ากว้างนั้นเรียบร้อยแล้ว กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังโวยวายอยู่บนหลังมันโดยที่หัวผมห้อยไปกลางหลังเปลือยครึ่งหนึ่งของมัน ส่วนก้นผมก็ชี้โด่ชี้เด่ไปทางคนที่เหลือ....ไอ้บร้าาาาาาาาาาาาาาาา

“โทมัสฝากไปส่งโทเนียที่หอรับรองด้วย ส่วนเจ้าก็กลับไปทำหน้าที่อื่นๆเสีย” อเล็กซานเดอร์บอกกล่าวลูกพี่ลูกน้องตนอย่างปกติ ก่อนหันไปสั่งการกับเกลล์ต่อ

“นี้นนนนน!!!...อย่างทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ ปล่อยกู! กูบอกให้ปล่อยกูกกกกกกกก!!” ผมทั้งสะบัดทั้งทุบทั้งตีไอ้ควายถึกนี้ก็ไม่สะทกสะท้านอะไรเลย...แม่งงงงงงงงง
.
ป้าป!!!
.
“หยุดดิ้น ถ้าไม่อยากโดนอีก!”
.
.
>>>>>>>>>>>>>
 :hao7:

ออฟไลน์ Moonkla

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ตอนที่ ๑๒ เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวลง



ป้าป!!!
“หยุดดิ้น ถ้าไม่อยากโดนอีก!”

.
.

เช้ดดดดดดดดดดดด อะ ไอ้ควายไบซันมันตีก้นซะเต็มแรงเลย แสบอ่ะ...TT^TT ด้วยความด้านได้ไม่มีอดของมัน มันก็กระเตงผมอย่างนั้นจนถึงหน้าประตูวังแล้วถึงจะวางผมลงได้ ไม่สิ...ต้องบอกว่า มันปล่อยผมลงเสียมากกว่า เพราะทำเอาผมเซล้มคลุกฝุ่นเลยล่ะ ทั้งจุกท้องทั้งแสบก้น...แม่ง!

“พากูมาทำเหี้ยอะไรแถวนี้ว่ะ” ผมถามไปพลางปัดฝุ่นไปพลาดก่อนจะเงยหน้ามองมัน

“...เจ้า..เป็นเยี่ยงไรบ้าง” อเล็กซานเดอร์เอ่ยกระอักกระอ่วนใจ ในชีวิตนี้ไม่เคยต้องให้ความสนใจใคร โดยเฉพาะคู่นอนมากมายถึงขนาดนี้...อาจจะเพราะทุกๆผู้ที่เข้ามาหาตน ก็ผลประโยชน์จากราชวงศ์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอยู่แล้ว การสนองตัณหากามก็เป็นหนึ่งอย่างที่พวกเขายินยอมพร้อมใจกันอยู่แล้วด้วยละมั้ง

“.........เฮ้อ~ ก็ไม่อย่างไง...........” ผมมองหน้ามันแปปหนึ่ง และถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

“...เจ้าไม่โกธรเลยรึ...หรือที่ทำสะดีดสะดิ้งคืนนั้นเป็นการปลุกเร่าอย่างหนึ่งของเจ้า” อเล็กซานเดอร์เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ ซึ่งเป็นการตั้งคำถามที่ปัญญาควายปากหมามากไอ้สัตว์!

“สมองกับปากมึงเนี๊ยะน่าาาาาา” ผมกัดฟันล่ะ

“...สะ มอง...สมองคือสิ่งใด...”

“โว้ยยยยยยย!! กูละจะบ้าตาย โดนเอาจากคนสมองหมาปัญญาควายอย่างมึงนี่โคตรซวยชิบหาย” ผมล่ะอยากจะทึ้งหัวมันให้หลุดออกจากบ่าชะมัด ให้ตายสิ ผมมองมันทั้งหน่ายและสุดแสนจะรำคาญ ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าวังไป แต่ก็นั้นแหละไอ้เวรนี่มันก็ฉุบกระชากผมกลับมาที่เดิมอยู่ดี...เฮ้ออออ~

“อย่า . ให้ . ข้า . ต้อง . โมโห . จะได้ไหม” อเล็กซานเดอร์คว้าบีบต้นแขนทั้งสองข้างของร่างบางด้วยอารมณ์ที่เริ่มคลุกกรุ่น ร่างบางเองก็พยายามปัดบิดแขนที่ถูกตนจับอยู่

“ก็ . มึง . จะ . คาดหวังอะไรล่ะ ทั้งๆที่ . มึง . ก็ . พูดอะไร . ไม่ . คิดสักนิด...ไอ้หะ....อืมมมมม อือๆ”

จ๊วบ
.

จุ๊บ จ๊วบๆ
.

“เจ้าเป็นผู้เดียวที่ข้าปล่อยให้ก้าวร้าวเยี่ยงนี้กับข้า....จุ๊บ” อเล็กซานเดอร์เอ่ยพลางคลอไคล้ปลายจมูกของทั้งสองอย่างอ้อยอิ่ง

“..........”

“....ไว้ค่อยคุยกันอีกที....ข้าจักพาเจ้าเดินตลาด...อย่าดื้อนะ.....” อเล็กซานเดอร์เลื่อนมือมาจับกุมมือผมไว้ให้เดินตาม ผมที่กำลังมึนตั้งรับไม่ทันก็พยักหน้างึกๆตามมันไป

.

.

.

งงไหมครับ...ถ้าไม่งงแต่ผมงง...และใครที่ก็งง ก็ให้มาจับกลุ่มกับผมได้เลยครับ ไอ้พิชชชชชชชชญณ์ มึงเป็นเห้อะไรเนี๊ยะ โดนมันจับจูบทีก็มึนสติไม่อยู่กับตัวเลยเหรอว่ะ แม่ง ตายๆ...เอ๊ะ หรือเครื่องยังรวนหลังจากวันนั้นว่ะ เหอะๆ TT^TT

“พากูมาเดินทำไม” ผมที่พอได้สติขึ้นมาบ้างก็เอ่ยถามมันทันที

“...ก็เห็นเจ้าบอกว่าอยากมาเดินเล่นที่ตลาดมิใช่รึ”

“แล้วพากูตามแบบนี้ จะไม่เอิกเกริกรึไง ผ้าหลุมก็ไม่ได้หยิบมา”

“เมียเดินกลับสวามีถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ช้าก็เร็วอย่างไรเราก็ต้องอภิเษกกันอยู่แล้ว” อเล็กซานเดอร์เอ่ยอย่างไม่ยี่หระ

“เห้ย! ใครบอกจะแต่งกลับมึง ก็บอกไปแล้วว่าไม่แต่งไง!!..อ่ะ!!!” ผมบอกกระซิบกระซาบไม่อยากให้ใครได้ยิน เดี๋ยวจะยิ่งวุ่นวาย
และพยายามจะสบัดมือออกจากการถูกกุมมือไว้

"ทำไมเจ้าต้องคอยแต่จะต่อต้านข้าด้วย!" อเล็กซานเดอร์หันมาดึงมือผมให้เซถลาเข้าไปใกล้พร้อมกับทำตาขึงขังใส่

“ฮวย!!!...” ผมอุทานอย่างรำคาญใจ กำลังจะเถียงล่ะแต่ถูกบุคคลที่สามมีขัดซะก่อน

.

.

“อ้าว! อเล็ก ท่านมาทำอะไรแถวนี้รึ...อ่าา...ท่านพิชท์ สายัณห์สวัสดิ์พะยะค่ะ” องค์ชายคลอสโค้งคำนับให้ผมและจ้องมองผมยิ้ม ผมก็เลยยิ้มตอบๆไป

“...เฮ้อ~...มีอะไรรึคลอส ตอนนี้...ข้ากำลังพาเมียเดินตลาดอยู่น่ะ” อเล็กซานเดอร์คว้าผมเข้าไปโอบบ่าไว้แทน...เป็นเหี้ยอะไรอีกล่ะ

“...อ่ะ...ฮ่าๆๆ คุณคลอสใช่ไหมครับ เรื่องวันนั้นผมต้องขอบคุณมากๆเลยนะครับ แหะๆ” ผมถือโอกาสที่อเล็กซานเดอร์เผลอ ผละตัวออกจากมัน

“อ่า หม่อมฉันเพียงไม่ชอบเห็นผู้ใดถูกข่มเหงเพียงเท่านั้นพะยะค่ะ มิต้องเป็นเกรงพระทัย” คลอสกล่าวพร้อมกับเอามือลูบท้ายทอยตัวเองไปมา

“..นิ..พวกเจ้าเคยพบกันมาแล้วรึ” ร่างใหญ่เอ่ยเสียงเข้มขึ้น

“อืมมม ใช่ ข้าช่วยนางไว้คราก่อนที่ถูกพวกคนพาลในย่านถักมือน่ะ” คลอสเอ่ยนิ่งๆ ก็มิได้ทำการอันใดผิด

“........”

“....อ่าาา แหะๆ ถะ ถ้าอย่างนั้น คุณคลอสไปเดินตลาดด้วยกันไหมครับ...ผะ”

หมับ!

“ไม่ . ได้ . คลอส...หากมีเรื่องอันใด ก็ค่อยเจรจากันยามพรุ่ง ตอนนี้ข้าจักเดินกับเมียเพียงสองคน” ร่างสูงเอ่ยอย่างนิ่งขึม

“.........อืม ก็ตามนั้น...ข้าขออภัยหนาท่านพิชท์เกรงว่ายามนี้คงมิเหมาะ หากครั้งหน้าท่านเบื่อๆ ข้าจักอาสาพาท่านมาหนา” คลอสมองหน้าอเล็กซานเดอร์อยู่ครู่ก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ แล้วหันมาพูดกับผมอย่างยิ้มๆ...เฮ้ยยยย อยู่ช่วยเป็นไม้กันหมาให้กันก่อนดิดดดดด

“ไม่ต้อง” ร่างใหญ่เอ่ยขัด

“...........ใจเย็นๆหนาสหายข้า....” คลอสเดินเข้ามากระซิบเบาๆ พร้อมกับตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ หมายจะเตือนสติเพื่อน

“.............เฮ้อออ~...........”

“..................................” TT^TT

“มาสิ...อยากจักเดินเล่นมิใช่รึ” ร่างใหญ่คว้ามือของผมไปจับพร้อมกับฉุกให้ออกเดินไปด้วยกัน

“..............” แต่กูไม่อยากเดินกับมึงไง.....น่ากลัวชิบหายเลยแม่งตอนนี้ ขนหัวผมลุกแปลกๆ

.

.

ตอนนี้ตะวันรับขอบฟ้าไปแล้ว แสงจากตะเกียงตามร้านค้าเริ่มจุดแสงสว่างไสว ผู้คนยังเดินขวักไขว่อย่างครึกครื่น บ้างก็มีกลุ่มทหารเดินลาดตระเวรสอดส่องความเรียบร้อย ใครที่เดินผ่านสังเกตุพวกเราต่างพากันโค้งคำนับให้...ผมว่าให้ไอ้คนข้างๆผมซะมากกว่าน่ะนะ ระหว่างที่ผมกำลังสอดสายตามองโน้นนี่นั้นไปเรื่อย อเล็กซานเดอร์พูดคุยกับพวกทหารที่เดินเข้ามาทำความเคารพแถวนั้นสักพักก็มากระตุบมือข้างที่ยังคงกุมกันอยู่ให้ออกเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง ทำไมผมรู้สึกเหมือนถูกควายจูงซะงั้น....

“ที่นี้ครึกครื้นทั้งวันเลยเนอะ” ผมเอ่ยออกมาในที่สุด ก็ถ้ามันไม่คิดจะปล่อยอยู่แล้ว สู้ทำให้ใจเราไม่อึดอัดจะดีกว่าตอนนี้

“เปล่าหรอก ตลาดนี้จักเริ่มตั้งราวก็สักประมาณยามทิวาแก่ถึงราตรีสิเกินแสงเทียน 6 เล่มเท่านั้น” อเล็กซานเดอร์เอ่ยลอยๆ

“อ่า...มีตังค์ป่ะ”

“หื้ม...ตังค์ แปลว่าอย่างไร” อเล็กซานเดอร์หยุดเดิน...ผมก็ต้องหยุด เฮ้อออ

“ก็...แบบกูจะซื้อของกินอ่ะ มึงมีอะไรจะจ่ายเขาไหม”

“อ้อออ....ไม่ต้องจ่าย ข้าเป็นนายของเมืองนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองนี้ย่อมเป็นของข้าอยู่แล้ว” ร่างใหญ่เอ่ยตอบพร้อมกับยืดอก

“ไม่ด๊ายยย!! ของซื้อของขายนะมึงงงง!...ต่อให้มึงจะขึ้นเป็นใหญ่และของทุกอย่างเป็นของมึง แต่มึงช่วยชาวบ้านสร้างบ้านเลี้ยงลูกไหมละ” ผมเอ่ยขัดขึ้นทันที

“.........ข้า...ไม่...เข้าใจ....” อเล็กซานเดอร์มองผมอย่างงงๆ

“เฮ้อ~.... มึงคิดภาษีพวกเขา เอาของเขามา...แล้วช่วยพวกเขาซื้อข้าวกินไหม มึงคิดว่าทุกอย่างเป็นของมึง...แต่ถ้าไม่มีพวกเขา..น้ำหน้าอย่างมึงทำไร่ปลูกผักเป็นเหรอ เวะ.. ล่ะ...”

“เดี๋ยวๆ เรื่องอื่นๆข้าพอจะเดาคำประหลาดของเจ้าออก แต่อะไรคือ ภาษี และก่อนหน้านี้ที่เจ้าก้าวร้าวแลพูดคำประหลาดอย่าง...สมอง มันคือสิ่งใด”

“โอ้โห้แม่ง!...ประเด็นหลักๆไม่จับ แต่กลับให้สำคัญกับคำพวกนี้เนี๊ยะนะ!!!...บรรลัยล่ะอนาคตเมืองนี้” ผมกรอกตามองบน

“ทำไม...เจ้าช่างปากร้ายนักน่ะ..” ร่างใหญ่ดึงผมเข้าไปหาพร้อมกับเอามือมาบีบแก้มผมจนปากผมยู่เข้าหากัน 0*0

“อ๊อยย!!!...อ่อย อ่ะ เอ้ย! ม๊าา เอ็บ!!! ไอ อ้า อิ!” (โอ๊ยย ปล่อยนะเว้ย มันเจ็บ ไอ้บ้านิ)

“หึๆ อัปลักษณ์นัก” อเล็กซานเดอร์เอ่ยอย่างขบขัน ก่อนจะปล่อยตัวผมพร้อมกับเดินไปร้านค้าร้านหนึ่งใกล้ๆแถวนั้น

“...แม่ง บีบแรงสัตว์ อ่ะ! อะไรอ่ะ” ผมบ่นมองมันอย่างคับแค้นใจ แต่มันก็เดินกลับยื่นอะไรก็ไม่รู้มาจ่อปากผม ฟุดฟิดๆ กลิ่นหอมละ
มุนๆ น่าจะเป็นขนม คิดได้อย่างนั้น ผมก็หยิบดึงออกมาจากมือมันมากัดทาน ง่ำๆ อืม อาหย่อยยยยยย

“นี่เรียกว่า บัคลาวา ขนมหวานขึ้นชื่อของที่นี่” ร่างใหญ่เอ่ยยิ้มบางๆ

“....เดี๋ยวนะ...นี้มึงยิ้มเหรอ....” ผมขยับไปมองอย่างประหลาดใจ ไอ้ควายไบซันเลยหุบยิ้นทันที....หรือว่ามันแอบใส่ยาพิษลงไปว่ะ ผมก้มมองมาขนมหวานในมืออย่างหวาดๆ

.

.

“องค์ราชทายาทพะยะค่ะ...นำม้ามาให้แล้วพะยะค่ะ” ทหารนายหนึ่งเดินจูงม้าตัวใหญ่เข้ามาหาพวกเรา

“อืม...ขอบใจ มาเถอะ ข้าจักพาเจ้าไปที่แห่งหนึ่ง” ร่างใหญ่หันมาทางผมพร้อมกับผายมือให้ผมไปจับ แต่ผมก็ชั่งจะกลัวว่ามันจะพาไปฆ่า ก็นะ ยิ้มประหลาดๆนะเมื่อตะกี้นี้อ่ะ...บรื้ออออ~ แค่นึกก็ขนลุกอีกแหละ

หมับ . ฮึบ . ตุบ

“อ่ะ!...กูยังไม่ทันจะบอกว่าจะไปกับมึงเลยนะ” ผมเอ่ยขัดเสียงดัง หลังจากที่ถูกไอ้ควายไบซันคว้าจับมาวางไว้บนหลังม้าท่าหันข้าง

“และข้าก็ไม่ได้ถาม...ข้าแค่บอกเจ้า ฮึบ” ร่างใหญ่ตอบยียวนพร้อมกับกระโดดขึ้นมาซ้อนด้านหลัง

“ดะ ดะ เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน เฮ้อ~ แปป!!” พอเห็นว่ามันกำลังจับบังเหียน ผมก็รีบเบรคมันไว้ก่อน เพราะคิดว่าถ้าไปท่านี้หลังผมได้
เดาะและตกหลังมาได้เลยหลังม้ายึดไว้ก่อนฟาดขาข้างหนึ่งข้ามหัวม้าไปอีกข้างอย่างทุลักทุเล

“...ช่างไม่มีความสง่าสักนิด!” อเล็กซานเดอร์เอ่ยพึมพำออกมา

“กูได้ยินนะมึง!...ก็มึงไม่ให้จังหวะกูได้เตรียมตัวเลยนี่หว่า” ผมก็หันเคียงไปเถียงแต่ก็ต้องรีบหันกลับ เพราะหน้าของพวกเราใกล้
กันเกินไป...

“หึๆ แล้วนี่เคยขี่ม้าหรือไม่” อเล็กซานเดอร์เอี่ยวหน้ามาถามใกล้ ผมก็ยิ่งเอี่ยวหน้าหดคอออกห่าง

“มะ..ไม่เคย ตะแต่เคยเห็น....มึงว่าเอาหน้าเข้ามาใกล้จะได้ไหม..คนเยอะแยะ ไอ้หน้าด้าน” ผมรู้สึกร้อนๆที่หน้าอย่างไงก็ไม่รู้

“หึๆ” อเล็กซานแกล้งผมเสร็จก็หันไปพยักหน้าให้ทหารคนนั้น แล้วเขาก็โบกมือให้ทหารแต่ละจุดที่ค่อยสังเกตุการณ์อยู่แถวนั้นให้จัดแจงบอกให้ผู้คนแวกและหลีกทางให้พวกเรา อเล็กซานเดอร์ขยับจับบังเหียนไว้มั่น ทำให้หลังของผมสัมผัสได้ถึงแผงอกและมัดท้องนั้น ก่อนที่ร่างใหญ่จะกระซิบออกมา...

“ถึงไม่เคยขี่ แต่ให้ระลึกถึงตอนที่..ควบข้า ตอนนั้นก็ได้หนา...!!”

“ห๊ะ!!!!..หน๊อยยยไ...”

“ย๊ะ!!!!!”

“อ่ะ...ก้าากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

.

.

.

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

หมูปิ้ง: กิ้ววๆ ไหนอย่างไง...ไหนว่ามาสิสสสสส
พิชญณ์: กิ้วๆบ้าอะไรล่ะเจ้
หมูปิ้ง: ก็แม่งงงงงงงงงงงงง พิชญณ์จะไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ...แต่ก็ดูไม่โกธรไม่เคืองสามีเท่าไรเลยนิ
พิชญณ์: สามงสามีบ้าอะไรกันล่ะเจ้จจจจจจจจจจจจจจ
อเล็ก: อะแฮ่ม...
พิชญณ์: .....อ่ะ เออ.....ดะ ดะ เดี๋ยวนะมึง...ปะปล่อยกูก่อน...ปะปล่อยกูกกกกกกกกกกกกก
หมูปิ้ง: บะบ๊ายยยยยย  :bye2:




ออฟไลน์ Moonkla

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
.
.
.
NC พุงกระฉูดดดดดดด อ่านต่อได้ตามด้านล่างนี้เลยนะอู๊ดๆ

:jul1:
.
.
.

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด